• พระสมเด็จชนะมารหลังหลวงพ่อจง หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา ปี2558
    พระสมเด็จชนะมารหลังหลวงพ่อจง ( ฝังพลอยเสก ) หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา ปี2558 // พระดีพิธีใหญ่ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณทางด้าน ป้องกันศัตรูหมู่มาร แคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม แก้ไขดวงชะตาราศี เป็นสิริมงคล ค้าขายร่ำรวย มหาลาภ อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงานคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง >>

    ** พระเกจิอาจารย์ ผู้สืบสานวิชาพุทธาคมของ หลวงพ่อจง หลวงพ่อแม้น แห่ง วัดหน้าต่างนอก บางไทร พระนครศรีอยุธยา ยอดพระเกจิ “เทพเจ้าแห่งความเมตตา” ของเมืองกรุงเก่า หลวงพ่อแม้นได้ศึกษาวิทยาคมตามตำราที่หลวงพ่อจงได้ทิ้งไว้ให้จนแตกฉาน นับเป็นพระเถระอีกรูปหนึ่งที่เดินตามรอยปฏิปทาบารมีของหลวงพ่อจงอย่างสม่ำเสมอ วัตถุมงคลที่ท่านสร้างล้วนทำตามตำราหลวงพ่อจงอย่างเคร่งครัด ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ด้วยเชื่อมั่นในพุทธาคมความเข้มขลัง >>



    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระสมเด็จชนะมารหลังหลวงพ่อจง หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา ปี2558 พระสมเด็จชนะมารหลังหลวงพ่อจง ( ฝังพลอยเสก ) หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา ปี2558 // พระดีพิธีใหญ่ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณทางด้าน ป้องกันศัตรูหมู่มาร แคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม แก้ไขดวงชะตาราศี เป็นสิริมงคล ค้าขายร่ำรวย มหาลาภ อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงานคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง >> ** พระเกจิอาจารย์ ผู้สืบสานวิชาพุทธาคมของ หลวงพ่อจง หลวงพ่อแม้น แห่ง วัดหน้าต่างนอก บางไทร พระนครศรีอยุธยา ยอดพระเกจิ “เทพเจ้าแห่งความเมตตา” ของเมืองกรุงเก่า หลวงพ่อแม้นได้ศึกษาวิทยาคมตามตำราที่หลวงพ่อจงได้ทิ้งไว้ให้จนแตกฉาน นับเป็นพระเถระอีกรูปหนึ่งที่เดินตามรอยปฏิปทาบารมีของหลวงพ่อจงอย่างสม่ำเสมอ วัตถุมงคลที่ท่านสร้างล้วนทำตามตำราหลวงพ่อจงอย่างเคร่งครัด ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ด้วยเชื่อมั่นในพุทธาคมความเข้มขลัง >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'อ.ไชยันต์' ยกธรรมะนิยามความเมตตา สรุปใช้ไม่ได้กับ 'ทักษิณ'
    https://www.thai-tai.tv/news/18627/
    'อ.ไชยันต์' ยกธรรมะนิยามความเมตตา สรุปใช้ไม่ได้กับ 'ทักษิณ' https://www.thai-tai.tv/news/18627/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญหลวงพ่อปัญญาหลังท้าวเวสสุวรรณ แจกกรรมการไม่ตัดปีก วัดกกกว้าว จ.นครสวรรค์
    เหรียญหลวงพ่อปัญญาหลังท้าวเวสสุวรรณ แจกกรรมการไม่ตัดปีก ( จัดสร้างจำนวนน้อย ) เนื้อทองแดงรมมันปู วัดกกกว้าว จ.นครสวรรค์ ปี2558 // พระดีพิธีใหญ่ ด้านหน้าตอกโค็ด ๙ รอบเหรียญ ด้านหลังตอก 3 โค็ด ตอกหมายเลข ๑๓๑ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ จะบังเกิดโชคลาภมากมาย ร่ำรวยเงินทอง มีกินมีใช้ไม่ขาดแก้ปีชง เสริมปีชง ป้องกันภัยจากสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็น ป้องกันภูติ ผีวิญญาณต่างๆ จะมี ความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา สูงสุดทางมหาเศรษฐีมีทรัพย์ ลาภยศ สรรเสริญสุข ไหลมาไม่ขาดสาย และขจัด ภูตผีปีศาจ สิ่งอัปมงคลไม่กล้าเข้ามารบกวน และช่วยบันดาลโชคลาภโภคทรัพย์ให้แก่ผู้บูชา >>

    ** หลวงพ่อปัญญา เจ้าอาวาสวัดกกกว้าว สายพุทธาคมที่สืบทอดจากบูรพาจารย์ อันโด่งดัง หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ หลวงพ่อรุ่งวัดหนองสีนวล หลวงพ่อพรหมวัดช่องแค และหลวงพ่อโอดวัดจันเสน ส่งต่อมายังหลวงพ่อปัญญา วัดกกกว้าว หลวงพ่อปัญญา ท่านเริ่มมีความรู้และได้รับการถ่ายทอดวิชาต่างๆจากหลวงพ่อโอด หลวงพ่อโอดท่านเห็นว่า หลวงพ่อปัญญาเป็นบุตรบุญธรรมและศิษย์เอกของท่าน สมควรที่จะไปปกครองวัดกกกว้าว ซึ่งขณะนั้นไม่มีเจ้าอาวาสปกครอง ทางคณะสงฆ์และหลวงพ่อโอดจึงส่งไปรักษาการเจ้าอาวาสในปี 2521 นอกจากนี้ หลวงพ่อปัญญา ยังได้เรียนวิชาอาคมต่างๆกับ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐมซึ่งท่านให้ความเมตตาหลวงพ่อปัญญามากมีอยุ่ระยะนึงหลวงพ่อเปิ่นได้มาอยุ่ที่วัดกกกว้าวด้วย และยังมี หลวงพ่อเจ๊ก วัดระนาม จ.สิงห์บุรี ที่หลวงพ่อปัญญาได้รับถ่ายทอดสรรพวิทยามา >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อปัญญาหลังท้าวเวสสุวรรณ แจกกรรมการไม่ตัดปีก วัดกกกว้าว จ.นครสวรรค์ เหรียญหลวงพ่อปัญญาหลังท้าวเวสสุวรรณ แจกกรรมการไม่ตัดปีก ( จัดสร้างจำนวนน้อย ) เนื้อทองแดงรมมันปู วัดกกกว้าว จ.นครสวรรค์ ปี2558 // พระดีพิธีใหญ่ ด้านหน้าตอกโค็ด ๙ รอบเหรียญ ด้านหลังตอก 3 โค็ด ตอกหมายเลข ๑๓๑ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ จะบังเกิดโชคลาภมากมาย ร่ำรวยเงินทอง มีกินมีใช้ไม่ขาดแก้ปีชง เสริมปีชง ป้องกันภัยจากสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็น ป้องกันภูติ ผีวิญญาณต่างๆ จะมี ความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา สูงสุดทางมหาเศรษฐีมีทรัพย์ ลาภยศ สรรเสริญสุข ไหลมาไม่ขาดสาย และขจัด ภูตผีปีศาจ สิ่งอัปมงคลไม่กล้าเข้ามารบกวน และช่วยบันดาลโชคลาภโภคทรัพย์ให้แก่ผู้บูชา >> ** หลวงพ่อปัญญา เจ้าอาวาสวัดกกกว้าว สายพุทธาคมที่สืบทอดจากบูรพาจารย์ อันโด่งดัง หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ หลวงพ่อรุ่งวัดหนองสีนวล หลวงพ่อพรหมวัดช่องแค และหลวงพ่อโอดวัดจันเสน ส่งต่อมายังหลวงพ่อปัญญา วัดกกกว้าว หลวงพ่อปัญญา ท่านเริ่มมีความรู้และได้รับการถ่ายทอดวิชาต่างๆจากหลวงพ่อโอด หลวงพ่อโอดท่านเห็นว่า หลวงพ่อปัญญาเป็นบุตรบุญธรรมและศิษย์เอกของท่าน สมควรที่จะไปปกครองวัดกกกว้าว ซึ่งขณะนั้นไม่มีเจ้าอาวาสปกครอง ทางคณะสงฆ์และหลวงพ่อโอดจึงส่งไปรักษาการเจ้าอาวาสในปี 2521 นอกจากนี้ หลวงพ่อปัญญา ยังได้เรียนวิชาอาคมต่างๆกับ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐมซึ่งท่านให้ความเมตตาหลวงพ่อปัญญามากมีอยุ่ระยะนึงหลวงพ่อเปิ่นได้มาอยุ่ที่วัดกกกว้าวด้วย และยังมี หลวงพ่อเจ๊ก วัดระนาม จ.สิงห์บุรี ที่หลวงพ่อปัญญาได้รับถ่ายทอดสรรพวิทยามา >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เมื่อคำพูดไม่มีประโยชน์…จงใช้ความเงียบที่มีเมตตา”

    แม้เราจะรักและผูกพันกันแค่ไหน
    แต่ถ้าใจอยู่คนละฝั่งจริงๆ
    แค่คุยกันก็เหนื่อยแล้ว
    เพราะคำพูดทั้งหมดจะกลายเป็นเสียงเบาๆ ที่ลอยผ่านไป
    ไม่มีวันแตะใจอีกฝ่ายได้เลย

    ---

    ญาติที่รัก แต่ “ไม่ฟัง” คือบททดสอบระดับสูง

    โดยเฉพาะเมื่อเป็นญาติผู้ใหญ่
    ที่พร้อมจะโกรธโดยไม่รอฟัง
    ที่หงุดหงิดง่าย ดุดันเร็ว
    คุณจะรู้สึกเหมือน “ถูกจับสอบกลางสนามไฟ”
    ไม่ว่าคุณจะอธิบายดีแค่ไหน…ก็เหมือนเทน้ำใส่หินร้อน

    แต่จงจำไว้ให้แม่น —
    “ไฟจะดับด้วยไฟไม่ได้ ต้องดับด้วยน้ำ”
    และน้ำในธรรมะก็คือ
    ความสงบ ความเงียบ และความเมตตา

    ---

    ถ้อยคำแห่งเหตุผล…อาจไร้ค่าทันทีเมื่อใจต่างกัน

    ใจที่ติดสี ติดข้าง ติดอัตตา
    จะไม่เปิดรับเหตุผลจากฝั่งตรงข้าม
    ต่อให้คุณพูดเพราะ ใช้หลักวิชาเป๊ะ
    ก็เหมือนยิงลูกธนูใส่กำแพง
    ไม่ได้ทะลุใจใครเลย

    ---

    ทางออกไม่ใช่การชนะด้วยคำพูด แต่เป็น “การหยุดด้วยจิตที่สว่าง”

    หากคุณสงบนิ่งได้
    วางใจไว้ในความเงียบ
    แต่เป็นความเงียบที่มีสติ มีเมตตา มีความเย็น
    จิตของคุณจะกลายเป็นแรงสะเทือนที่ดี
    สะกิดอีกฝ่ายโดยที่คุณไม่ต้องเอ่ยอะไรเลย

    นั่นแหละคือ บุญที่แผ่ออกเป็น “พลังงานทางใจ”
    ละลายมุมแข็งๆ
    ของคนที่คุณเคารพและรักได้อย่างนุ่มนวล

    ---

    ศิลปะแห่ง “การหยุด – ถอย – รุก” ด้วยเมตตา

    คนที่มีธรรมะในใจ
    จะรู้ว่าเมื่อใดควรเงียบ
    เมื่อใดควรถอย
    เมื่อใดควรรุกอย่างอ่อนโยน
    และที่สุดของปฏิภาณ ไม่ใช่การเอาชนะ
    แต่คือการ ทำให้ทุกคน “ชนะร่วมกัน” โดยไม่มีใครแพ้เลย

    ---

    บทสรุปธรรมะที่สำคัญที่สุดในสถานการณ์ยาก

    > ถ้าจิตของคุณมีเมตตา และไม่เจือโทสะแม้แต่นิดเดียว
    – เมื่อคิด จะเป็นบุญ
    – เมื่อพูด จะเป็นบุญ
    – เมื่อทำ จะเป็นบุญ

    และ บุญนั้นเองจะเปิดทางให้คุณอย่างเหลือเชื่อ
    ช่วยให้สถานการณ์ร้ายคลี่คลาย
    ด้วยความอ่อนโยน ที่แข็งแกร่งกว่าอารมณ์ใดในโลก
    “เมื่อคำพูดไม่มีประโยชน์…จงใช้ความเงียบที่มีเมตตา” แม้เราจะรักและผูกพันกันแค่ไหน แต่ถ้าใจอยู่คนละฝั่งจริงๆ แค่คุยกันก็เหนื่อยแล้ว เพราะคำพูดทั้งหมดจะกลายเป็นเสียงเบาๆ ที่ลอยผ่านไป ไม่มีวันแตะใจอีกฝ่ายได้เลย --- ญาติที่รัก แต่ “ไม่ฟัง” คือบททดสอบระดับสูง โดยเฉพาะเมื่อเป็นญาติผู้ใหญ่ ที่พร้อมจะโกรธโดยไม่รอฟัง ที่หงุดหงิดง่าย ดุดันเร็ว คุณจะรู้สึกเหมือน “ถูกจับสอบกลางสนามไฟ” ไม่ว่าคุณจะอธิบายดีแค่ไหน…ก็เหมือนเทน้ำใส่หินร้อน แต่จงจำไว้ให้แม่น — “ไฟจะดับด้วยไฟไม่ได้ ต้องดับด้วยน้ำ” และน้ำในธรรมะก็คือ ความสงบ ความเงียบ และความเมตตา --- ถ้อยคำแห่งเหตุผล…อาจไร้ค่าทันทีเมื่อใจต่างกัน ใจที่ติดสี ติดข้าง ติดอัตตา จะไม่เปิดรับเหตุผลจากฝั่งตรงข้าม ต่อให้คุณพูดเพราะ ใช้หลักวิชาเป๊ะ ก็เหมือนยิงลูกธนูใส่กำแพง ไม่ได้ทะลุใจใครเลย --- ทางออกไม่ใช่การชนะด้วยคำพูด แต่เป็น “การหยุดด้วยจิตที่สว่าง” หากคุณสงบนิ่งได้ วางใจไว้ในความเงียบ แต่เป็นความเงียบที่มีสติ มีเมตตา มีความเย็น จิตของคุณจะกลายเป็นแรงสะเทือนที่ดี สะกิดอีกฝ่ายโดยที่คุณไม่ต้องเอ่ยอะไรเลย นั่นแหละคือ บุญที่แผ่ออกเป็น “พลังงานทางใจ” ละลายมุมแข็งๆ ของคนที่คุณเคารพและรักได้อย่างนุ่มนวล --- ศิลปะแห่ง “การหยุด – ถอย – รุก” ด้วยเมตตา คนที่มีธรรมะในใจ จะรู้ว่าเมื่อใดควรเงียบ เมื่อใดควรถอย เมื่อใดควรรุกอย่างอ่อนโยน และที่สุดของปฏิภาณ ไม่ใช่การเอาชนะ แต่คือการ ทำให้ทุกคน “ชนะร่วมกัน” โดยไม่มีใครแพ้เลย --- บทสรุปธรรมะที่สำคัญที่สุดในสถานการณ์ยาก > ถ้าจิตของคุณมีเมตตา และไม่เจือโทสะแม้แต่นิดเดียว – เมื่อคิด จะเป็นบุญ – เมื่อพูด จะเป็นบุญ – เมื่อทำ จะเป็นบุญ และ บุญนั้นเองจะเปิดทางให้คุณอย่างเหลือเชื่อ ช่วยให้สถานการณ์ร้ายคลี่คลาย ด้วยความอ่อนโยน ที่แข็งแกร่งกว่าอารมณ์ใดในโลก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระผงโภคทรัพย์หลวงพ่อเกษม วัดม่วง จ.อ่างทอง
    พระผงโภคทรัพย์ หลวงพ่อเกษม วัดม่วง จ.อ่างทอง // ยอดพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากองค์หนึ่งแห่งเมืองอ่างทอง และเป็นเคารพนับถือและเป็นที่รู้จักของประชาชนมากที่สุดองค์หนึ่ง // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณเข้มขลัง เรียกเงิน บันดาลโชคลาภ ค้าขายดี โภคทรัพย์ รับโชค รับทรัพย์ เมตตามหานิยม ส่งเสริมความรักความเมตตา เป็นมหาโภคทรัพย์เจริญในโชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย ป้องกันภูติผีวิญญาณร้าย >>

    ** หลวงพ่อเกษม วัดม่วง จ.อ่างทอง ยอดพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากองค์หนึ่งแห่งเมืองอ่างทอง และเป็นเคารพนับถือและเป็นที่รู้จักของประชาชนมากที่สุดองค์หนึ่ง ท่านได้อุปสมบท ณ วัดนางใน โดยมีหลวงพ่อชม เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดพระธรรมวินัยและมีความชำนาญด้านวิปัสสนากรรมฐาน และยังเป็นผู้ชำนาญด้านเทศนาปาฐกถาอีกด้วย และท่านยังชอบจาริกธุดงธ์ทั้งใกล้และไกล เมื่อวันที่8ธ.ค.2525 ท่านได้ธุดงค์มา ณ สถานที่นี้และได้ปักกลดเห็นว่าบริเวณนี้เคยเป็นวัดร้าง เป็นสถานที่เงียบสงบน่าปฏิบัติธรรมยิ่งนัก และมีอยู่คืนหนึ่งขณะปฏิบัติธรรมได้ปรากฏนิมิตเห็นองค์หลวงปู่ขาวและหลวงปู่แดง มาบอกว่าให้ท่านช่วยบูรณะก่อสร้างวัดม่วงขึ้นมาใหม่ จึงเป็นจุดเริ่มต้น ตั้งแต่นั้นมาจนมีความเจริญรุ่งเรืองมาถึงปัจจุบัน ท่านได้สร้างวัตถุมงคลล้วนได้รัยความนิยมและมีพุทธคุณ >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระผงโภคทรัพย์หลวงพ่อเกษม วัดม่วง จ.อ่างทอง พระผงโภคทรัพย์ หลวงพ่อเกษม วัดม่วง จ.อ่างทอง // ยอดพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากองค์หนึ่งแห่งเมืองอ่างทอง และเป็นเคารพนับถือและเป็นที่รู้จักของประชาชนมากที่สุดองค์หนึ่ง // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณเข้มขลัง เรียกเงิน บันดาลโชคลาภ ค้าขายดี โภคทรัพย์ รับโชค รับทรัพย์ เมตตามหานิยม ส่งเสริมความรักความเมตตา เป็นมหาโภคทรัพย์เจริญในโชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย ป้องกันภูติผีวิญญาณร้าย >> ** หลวงพ่อเกษม วัดม่วง จ.อ่างทอง ยอดพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากองค์หนึ่งแห่งเมืองอ่างทอง และเป็นเคารพนับถือและเป็นที่รู้จักของประชาชนมากที่สุดองค์หนึ่ง ท่านได้อุปสมบท ณ วัดนางใน โดยมีหลวงพ่อชม เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดพระธรรมวินัยและมีความชำนาญด้านวิปัสสนากรรมฐาน และยังเป็นผู้ชำนาญด้านเทศนาปาฐกถาอีกด้วย และท่านยังชอบจาริกธุดงธ์ทั้งใกล้และไกล เมื่อวันที่8ธ.ค.2525 ท่านได้ธุดงค์มา ณ สถานที่นี้และได้ปักกลดเห็นว่าบริเวณนี้เคยเป็นวัดร้าง เป็นสถานที่เงียบสงบน่าปฏิบัติธรรมยิ่งนัก และมีอยู่คืนหนึ่งขณะปฏิบัติธรรมได้ปรากฏนิมิตเห็นองค์หลวงปู่ขาวและหลวงปู่แดง มาบอกว่าให้ท่านช่วยบูรณะก่อสร้างวัดม่วงขึ้นมาใหม่ จึงเป็นจุดเริ่มต้น ตั้งแต่นั้นมาจนมีความเจริญรุ่งเรืองมาถึงปัจจุบัน ท่านได้สร้างวัตถุมงคลล้วนได้รัยความนิยมและมีพุทธคุณ >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนเรียน มธ.หลงเชื่อข้อมูลผิดๆ ไม่ชอบ ร.๑๐ จนไม่เข้ารับปริญญา ทั้งๆที่ได้ #เกียรตินิยม รู้สึกเสียใจและเสียดายจนถึงทุกวันนี้...
    และ เพราะอะไรถึงกลับมารัก ร.๑๐ อย่างสุดหัวใจ 🙏💛
    ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ 'ดร.นิว' นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา

    ได้โพสเฟซบุ๊ค ดังนี้
    .
    ผมเป็นคนหนึ่งที่เรียน มธ. รหัส 53 และเคยได้รับข้อมูลผิด ๆ จนไม่ชอบในหลวง ร.10 มาก ๆ ถึงขั้นไม่เข้ารับพระราชทานปริญญาทั้ง ๆ ที่ผมจบเกียรตินิยม ผมไม่ได้เข้ารับของจริง ถ้าไม่เชื่อก็ไปเช็กได้เลยครับ ผมจึงยังคงเสียใจและเสียดายมาจนถึงทุกวันนี้ แต่พอได้ศึกษาข้อมูลที่ถูกต้องด้วยตนเองในช่วงเรียนปริญญาเอกที่สิงคโปร์ จากที่ไม่ชอบก็กลายเป็นรักและเห็นใจพระองค์ท่านมาก ๆ
    .
    พบว่าสิ่งที่เคยได้ยินจากสามนิ้วล้มเจ้าในยุคนั้นล้วนเป็นความเท็จและไม่มีประโยชน์ เห็นได้ชัดเจนมาก ๆ ว่าการบิดเบือนให้ร้ายในหลวง ร.10 เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน เพื่อเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจ โดยมักบิดเบือนให้ร้ายสร้างมโนภาพต่าง ๆ ให้ในหลวง ร.10 กลายเป็นคนไม่ดี เป็นยักษ์ เป็นมาร เป็นจอมวายร้าย
    .
    แต่ทว่าในความเป็นจริง แม้ในหลวง ร.10 จะเป็นคนเคร่งครัดมากในระเบียบวินัยแบบทหาร แต่พระองค์ท่านก็เป็นคนที่มีเมตตาสูงมาก ขนาดชีวิตสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย ท่านยังให้ความเมตตาแบบสุด ๆ ผมเคยได้ยินเรื่องหนึ่งที่เชื่อถือได้อย่างแน่ชัด เวลามีสัตว์หลงเข้ามาในลานฝึก ทหารที่ฝึกกับพระองค์ท่านจะต้องหยิบมันไปปล่อยอย่างเหมาะสม ใครจะไปนึกว่าในหลวง ร.10 จะทรงน่ารักขนาดนี้
    .
    ผมยังจำได้ดี ตอนผมจบปริญญาเอกปี 2561 ในวัย 26 ปี ในปีนั้นเพื่อนชาวสิงคโปร์ของผมชื่อ ‘ยองเจีย’ วัย 25 ปี เคยแสดงความคิดเห็นให้ผมฟังว่า "สถาบันพระมหากษัตริย์คือจุดแข็งที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษอันหาได้ยากยิ่ง ลองคิดดูนะ กว่าประเทศอื่นจะรวมผู้คนให้สามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่ประเทศไทยสามารถทำได้แค่ในชั่วพริบตา เพราะมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คน ดังนั้นถ้าหากมีใครต้องการทำลายประเทศไทย หรือแทรกแซงประเทศไทยเพื่อผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง จึงไม่แปลกที่เขาต้องทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์"
    .
    ผมโชคดีที่ตาสว่างกว่า ไม่เช่นนั้นตอนนี้ผมอาจติดคุกหรือไม่ก็ได้ดิบได้ดีในพรรคการเมืองหนึ่ง พรรคที่มีรากเหง้ามาจากสามนิ้วล้มเจ้าใน มธ. ชอบอ้างอย่างปลอมเปลือกว่าอยากให้สถาบันพระมหากษัตริย์มั่นคงสถาพร แต่ในความเป็นจริงแม้แต่ถวายพระพรก็ยังไม่มีเลย สุดท้ายเมื่อผมออกจาก Echo Chamber ของการลือตาม ๆ กันอย่างเสียสติ ไม่ต่างจากนกแก้วนกขุนทอง ไม่หลงเชื่อการโฆษณาชวนเชื่อบิดเบือนให้ร้ายพระองค์ท่านอีกต่อไป ผมจึงตาสว่างยิ่งกว่าตาสว่างและรักพระองค์ท่านสุดหัวใจ

    ดร.นิว ศุภณัฐ

    การที่บุคคล เห็นโทษ โดยความเป็นโทษ แล้วทำ คืนตามธรรม ถึงความสำรวมระวังต่อไป นี้เป็นความเจริญในอริยวินัย ของผู้นั้น
    #ตถาคตภาษิต
    ตอนเรียน มธ.หลงเชื่อข้อมูลผิดๆ ไม่ชอบ ร.๑๐ จนไม่เข้ารับปริญญา ทั้งๆที่ได้ #เกียรตินิยม รู้สึกเสียใจและเสียดายจนถึงทุกวันนี้... และ เพราะอะไรถึงกลับมารัก ร.๑๐ อย่างสุดหัวใจ 🙏💛 ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ 'ดร.นิว' นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โพสเฟซบุ๊ค ดังนี้ . ผมเป็นคนหนึ่งที่เรียน มธ. รหัส 53 และเคยได้รับข้อมูลผิด ๆ จนไม่ชอบในหลวง ร.10 มาก ๆ ถึงขั้นไม่เข้ารับพระราชทานปริญญาทั้ง ๆ ที่ผมจบเกียรตินิยม ผมไม่ได้เข้ารับของจริง ถ้าไม่เชื่อก็ไปเช็กได้เลยครับ ผมจึงยังคงเสียใจและเสียดายมาจนถึงทุกวันนี้ แต่พอได้ศึกษาข้อมูลที่ถูกต้องด้วยตนเองในช่วงเรียนปริญญาเอกที่สิงคโปร์ จากที่ไม่ชอบก็กลายเป็นรักและเห็นใจพระองค์ท่านมาก ๆ . พบว่าสิ่งที่เคยได้ยินจากสามนิ้วล้มเจ้าในยุคนั้นล้วนเป็นความเท็จและไม่มีประโยชน์ เห็นได้ชัดเจนมาก ๆ ว่าการบิดเบือนให้ร้ายในหลวง ร.10 เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน เพื่อเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจ โดยมักบิดเบือนให้ร้ายสร้างมโนภาพต่าง ๆ ให้ในหลวง ร.10 กลายเป็นคนไม่ดี เป็นยักษ์ เป็นมาร เป็นจอมวายร้าย . แต่ทว่าในความเป็นจริง แม้ในหลวง ร.10 จะเป็นคนเคร่งครัดมากในระเบียบวินัยแบบทหาร แต่พระองค์ท่านก็เป็นคนที่มีเมตตาสูงมาก ขนาดชีวิตสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย ท่านยังให้ความเมตตาแบบสุด ๆ ผมเคยได้ยินเรื่องหนึ่งที่เชื่อถือได้อย่างแน่ชัด เวลามีสัตว์หลงเข้ามาในลานฝึก ทหารที่ฝึกกับพระองค์ท่านจะต้องหยิบมันไปปล่อยอย่างเหมาะสม ใครจะไปนึกว่าในหลวง ร.10 จะทรงน่ารักขนาดนี้ . ผมยังจำได้ดี ตอนผมจบปริญญาเอกปี 2561 ในวัย 26 ปี ในปีนั้นเพื่อนชาวสิงคโปร์ของผมชื่อ ‘ยองเจีย’ วัย 25 ปี เคยแสดงความคิดเห็นให้ผมฟังว่า "สถาบันพระมหากษัตริย์คือจุดแข็งที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษอันหาได้ยากยิ่ง ลองคิดดูนะ กว่าประเทศอื่นจะรวมผู้คนให้สามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่ประเทศไทยสามารถทำได้แค่ในชั่วพริบตา เพราะมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คน ดังนั้นถ้าหากมีใครต้องการทำลายประเทศไทย หรือแทรกแซงประเทศไทยเพื่อผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง จึงไม่แปลกที่เขาต้องทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์" . ผมโชคดีที่ตาสว่างกว่า ไม่เช่นนั้นตอนนี้ผมอาจติดคุกหรือไม่ก็ได้ดิบได้ดีในพรรคการเมืองหนึ่ง พรรคที่มีรากเหง้ามาจากสามนิ้วล้มเจ้าใน มธ. ชอบอ้างอย่างปลอมเปลือกว่าอยากให้สถาบันพระมหากษัตริย์มั่นคงสถาพร แต่ในความเป็นจริงแม้แต่ถวายพระพรก็ยังไม่มีเลย สุดท้ายเมื่อผมออกจาก Echo Chamber ของการลือตาม ๆ กันอย่างเสียสติ ไม่ต่างจากนกแก้วนกขุนทอง ไม่หลงเชื่อการโฆษณาชวนเชื่อบิดเบือนให้ร้ายพระองค์ท่านอีกต่อไป ผมจึงตาสว่างยิ่งกว่าตาสว่างและรักพระองค์ท่านสุดหัวใจ ดร.นิว ศุภณัฐ การที่บุคคล เห็นโทษ โดยความเป็นโทษ แล้วทำ คืนตามธรรม ถึงความสำรวมระวังต่อไป นี้เป็นความเจริญในอริยวินัย ของผู้นั้น #ตถาคตภาษิต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 514 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พระสมเด็จ” ห้อยคอ ประสบการณ์ปาฏิหาริย์ คุ้มภัย
    คลาดแคล้ว เมตตามหานิยม. โชคลาภ พลิกชีวิต ให้รุ่งโรจน์
    สมปรารถนาดังใจหวัง
    //////////////////////

    ธรรมชาติ “มนุษย์” ย่อมมีความกลัวติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทั้งกลัวภัยธรรมชาติ ภัยจากสิ่งอื่น...สัตว์ร้าย โรคร้าย ภูตผีปีศาจ ฯลฯ จึงได้มีการสร้างเครื่องยึดเหนี่ยวขึ้นมาเพื่อเป็นที่พึ่ง ปกป้องภัยอันตรายต่างๆ เป็นที่มาของการเคารพบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้าต่างๆ
    พระสมเด็จวัดระฆัง. นับเป็นเพชรน้ำเอก. 1 ใน 5. คลองพระเบญจภาคี. อันได้แก่. พระสมเด็จวัดระฆัง. พระรอด. พระนางพญา. พระผงสุพรรณ. และพระซุ้มกอ. ซึ่งนับ ว่าเป็นพระเครื่องเก่าแก่. และเชื่อกันว่ามีพุทธคุณสูง กลับปกป้องคุ้มภัยแก่ผู้ครอบครอง. ให้รอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งหลาย. รวมไปถึง ด้านเมตตามหานิยมอีกด้วย
    สมเด็จฯ วัดระฆังโฆษิตาราม
    พระสมเด็จวัดระฆังโฆษิตาราม สร้างโดย สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี เป็นพระเครื่องที่มีผู้นิยมสูงสุดในประเทศไทย และนักนิยมสะสมพระเครื่องทั่วประเทศต่างยกย่องให้เป็นจักรพรรดิ์แห่งพระเครื่อง จึงทำให้นักนิยมพระเครื่องทั้งเก่าและใหม่ต่างอยากได้ พระสมเด็จวัดระฆังฯ มาไว้ครอบครองบูชากันทุกท่าน
    มวลสารของพระสมเด็จฯ ส่วนใหญ่เป็นปูนขาว ผสมผงพระพุทธคุณ คือ ผงมหาราช อิทธิเจ ปถมัง ตรีนิสิงเห ฯลฯ โดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นผู้ทำผงกรรมวิธีแบบโบราณ คือ เขียนบนกระดานชนวน เขียนแล้วลบ รวบรวมผงนำมาสร้างพระ นอกจากนี้ยังมีอิทธิวัตถุอื่น เช่น ใบลานเผา ว่าน อิฐหัก ดอกไม้บูชาพระ ฯลฯ ทั้งหมดนำมาโขลกผสมประสานด้วยน้ำมันตังอิ้ว ทำให้เนื้อพระไม่เปราะหรือแตกหักง่าย
    ประสบการณ์ปาฏิหาริย์ เรื่องหนึ่ง.
    อีกเรื่องหนึ่งหนึ่งว่าพระสมเด็จงูไม่ข้าม
    คราวหนึ่งมีงูเลื้อย พระสมเด็จ พระลำพูน พระกำแพง พระพิจิตรหลังผ้า ฯลฯ มาวางเรียงไว้ แล้วต้อนงูให้เลื้อยเข้ามาในเขตบริเวณพระเครื่องเหล่านั้นทำดังนี้หลายครั้งปรากฏว่างูมิได้เลื้อยข้ามพระสมเด็จ แม้แต่เลื้อยเข้ามาใกล้ก็ไม่มี ส่วนพระเครื่องชนิดอื่น ๆ งูได้เลื้อยข้ามบ้าง เลื้อยเฉียดไปบ้าง
    ขอเล่าประสบการณ์ให้ฟังนะครับ ได้พระสมเด็จ วัดระฆัง ได้มาในวันที่ 11 มิถุนายน 2538 เป็นเวลา 30 ปีที่อยู่ในคอผมมาตลอด
    ตัวผมเอง ได้เคยฝ่าอันตรายมาหลายครั้ง แต่ปลอดภัยทุกคราวและว่าน่าประหลาดอย่างหนึ่งที่คนกำลัง ผมไปกลับญาติพี่น้อง เกิดประสบอุบัติเหตุตัวผมและญาติพี่น้องรอดจากปาฏิหาริย์
    และประสบการณ์ความเมตตาก็มีนะครับ ผมห้อยออกไปทำงานได้งานกลับมาทุกที. แรงอธิษฐานของผมกับพระสมเด็จวัดระฆัง. ขออะไรได้สมปรารถนาทุกประการ. ของานได้งานขอเงินได้เงิน. ขอโชคลาภ ก็ได้โชคลาภอย่างดังใจหวังใครผู้ใดครอบครองผู้นั้นมีบุญบารมีอันสูงส่ง. ผมนันท์นภัส
    วงศ์ใหญ่.
    ได้มีประสบการณ์กับพระสมเด็จมาหลายครั้งหลายหน. เลยมาถ่ายทอดประสบการณ์ เล่าสู่กันฟัง
    “พระสมเด็จ” ห้อยคอ ประสบการณ์ปาฏิหาริย์ คุ้มภัย คลาดแคล้ว เมตตามหานิยม. โชคลาภ พลิกชีวิต ให้รุ่งโรจน์ สมปรารถนาดังใจหวัง ////////////////////// ธรรมชาติ “มนุษย์” ย่อมมีความกลัวติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทั้งกลัวภัยธรรมชาติ ภัยจากสิ่งอื่น...สัตว์ร้าย โรคร้าย ภูตผีปีศาจ ฯลฯ จึงได้มีการสร้างเครื่องยึดเหนี่ยวขึ้นมาเพื่อเป็นที่พึ่ง ปกป้องภัยอันตรายต่างๆ เป็นที่มาของการเคารพบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้าต่างๆ พระสมเด็จวัดระฆัง. นับเป็นเพชรน้ำเอก. 1 ใน 5. คลองพระเบญจภาคี. อันได้แก่. พระสมเด็จวัดระฆัง. พระรอด. พระนางพญา. พระผงสุพรรณ. และพระซุ้มกอ. ซึ่งนับ ว่าเป็นพระเครื่องเก่าแก่. และเชื่อกันว่ามีพุทธคุณสูง กลับปกป้องคุ้มภัยแก่ผู้ครอบครอง. ให้รอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งหลาย. รวมไปถึง ด้านเมตตามหานิยมอีกด้วย สมเด็จฯ วัดระฆังโฆษิตาราม พระสมเด็จวัดระฆังโฆษิตาราม สร้างโดย สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี เป็นพระเครื่องที่มีผู้นิยมสูงสุดในประเทศไทย และนักนิยมสะสมพระเครื่องทั่วประเทศต่างยกย่องให้เป็นจักรพรรดิ์แห่งพระเครื่อง จึงทำให้นักนิยมพระเครื่องทั้งเก่าและใหม่ต่างอยากได้ พระสมเด็จวัดระฆังฯ มาไว้ครอบครองบูชากันทุกท่าน มวลสารของพระสมเด็จฯ ส่วนใหญ่เป็นปูนขาว ผสมผงพระพุทธคุณ คือ ผงมหาราช อิทธิเจ ปถมัง ตรีนิสิงเห ฯลฯ โดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นผู้ทำผงกรรมวิธีแบบโบราณ คือ เขียนบนกระดานชนวน เขียนแล้วลบ รวบรวมผงนำมาสร้างพระ นอกจากนี้ยังมีอิทธิวัตถุอื่น เช่น ใบลานเผา ว่าน อิฐหัก ดอกไม้บูชาพระ ฯลฯ ทั้งหมดนำมาโขลกผสมประสานด้วยน้ำมันตังอิ้ว ทำให้เนื้อพระไม่เปราะหรือแตกหักง่าย ประสบการณ์ปาฏิหาริย์ เรื่องหนึ่ง. อีกเรื่องหนึ่งหนึ่งว่าพระสมเด็จงูไม่ข้าม คราวหนึ่งมีงูเลื้อย พระสมเด็จ พระลำพูน พระกำแพง พระพิจิตรหลังผ้า ฯลฯ มาวางเรียงไว้ แล้วต้อนงูให้เลื้อยเข้ามาในเขตบริเวณพระเครื่องเหล่านั้นทำดังนี้หลายครั้งปรากฏว่างูมิได้เลื้อยข้ามพระสมเด็จ แม้แต่เลื้อยเข้ามาใกล้ก็ไม่มี ส่วนพระเครื่องชนิดอื่น ๆ งูได้เลื้อยข้ามบ้าง เลื้อยเฉียดไปบ้าง ขอเล่าประสบการณ์ให้ฟังนะครับ ได้พระสมเด็จ วัดระฆัง ได้มาในวันที่ 11 มิถุนายน 2538 เป็นเวลา 30 ปีที่อยู่ในคอผมมาตลอด ตัวผมเอง ได้เคยฝ่าอันตรายมาหลายครั้ง แต่ปลอดภัยทุกคราวและว่าน่าประหลาดอย่างหนึ่งที่คนกำลัง ผมไปกลับญาติพี่น้อง เกิดประสบอุบัติเหตุตัวผมและญาติพี่น้องรอดจากปาฏิหาริย์ และประสบการณ์ความเมตตาก็มีนะครับ ผมห้อยออกไปทำงานได้งานกลับมาทุกที. แรงอธิษฐานของผมกับพระสมเด็จวัดระฆัง. ขออะไรได้สมปรารถนาทุกประการ. ของานได้งานขอเงินได้เงิน. ขอโชคลาภ ก็ได้โชคลาภอย่างดังใจหวังใครผู้ใดครอบครองผู้นั้นมีบุญบารมีอันสูงส่ง. ผมนันท์นภัส วงศ์ใหญ่. ได้มีประสบการณ์กับพระสมเด็จมาหลายครั้งหลายหน. เลยมาถ่ายทอดประสบการณ์ เล่าสู่กันฟัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🙏✨พระสังกัจจายน์ #หลวงพ่อช่วง วัดโป่งตามุข อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี ยุคต้นสร้างราวปีพุทธศักราช 2500 ลงรักน้ำเกลี้ยงหลังเบี้ย พระของหลวงพ่อช่วงนั้นได้รับความนิยมมานานจากคนในพื้นที่ ด้วยพุทธคุณเด่นทางด้านเมตตามหานิยม ค้าขายเป็นยอด ซึ่งพระสังกัจจายน์เป็นอัครสาวกองค์สำคัญของพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า เป็นสัญลักษณ์แห่งความเมตตา โชคดี และ ความอุดมสมบูรณ์
    🙏✨พระสังกัจจายน์ #หลวงพ่อช่วง วัดโป่งตามุข อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี ยุคต้นสร้างราวปีพุทธศักราช 2500 ลงรักน้ำเกลี้ยงหลังเบี้ย พระของหลวงพ่อช่วงนั้นได้รับความนิยมมานานจากคนในพื้นที่ ด้วยพุทธคุณเด่นทางด้านเมตตามหานิยม ค้าขายเป็นยอด ซึ่งพระสังกัจจายน์เป็นอัครสาวกองค์สำคัญของพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า เป็นสัญลักษณ์แห่งความเมตตา โชคดี และ ความอุดมสมบูรณ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 341 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ความเมตตาพาพยุง 27-01-2546
    ความเมตตาพาพยุง 27-01-2546
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 9 0 รีวิว
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 1 การทำงานหาเงิน
    .
    การทำงานคือหน้าที่ของทุกคนตามธรรมชาติ การดิ้นรนเก็บของป่า ล่าสัตว์ หาอาหารใส่ปากใส่ท้องเพื่อความอยู่รอดของตนเอง ของครอบครัว และของสังคมมนุษย์แต่ดึกดำบรรพ์ ก็คือการทำงานรูปแบบหนึ่ง ซึ่งโดยแท้จริงแล้วไม่ต่างไปจากการประกอบธุรกิจส่วนตัว หรือการเป็นลูกจ้างของรัฐหรือเอกชนในปัจจุบัน เพื่อหาเงินมาซื้ออาหารยังชีวิต และซื้อหาความสุขสบายต่างๆ
    .
    ถ้าบุคคลหนึ่งไม่ทำหน้าที่นี้ เพื่อเลี้ยงตนเอง บุคคลอื่นในครอบครัวและในสังคมก็ต้องแบกรับภาระแทน ดังนั้น การทำงานจึงเป็นสิ่งที่มีเกียรติเพราะเป็นการดูแลตนเอง และช่วยมิให้คนอื่นต้งเดือดร้อนแบกรับภาระอุ้มชูตนโดยไม่จำเป็น หรือพูดอีกอย่างว่า การทำงานช่วยให้ไม่เบียดเบียนผู้อื่นอีกด้วย
    .
    เมื่อทำงาน ก็มีรายได้มาจับจ่ายใช้สอย สำหรับผู้ที่มีความรู้และพยายามเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง มีความบากบั่นมานะ ขยันหมั่นเพียร ซื่อสัตย์สุจริต และดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ก็จะมีรายได้สูง และมีช่วงเวลาในการทำงานหารายได้ยาวนาน สร้างความสุขกายและใจ และความมั่นคงในชีวิตให้แก่ตนเอง และครอบครัวได้ยาวนานไปด้วย
    .
    อย่างไรก็ดี การทำงานหาเงินแต่ละบาทนั้น มิใช่เรื่องง่าย หากเป็นลูกจ้าง การที่นายจ้างจะจ่ายค่าจ้างให้นั้น ลูกจ้างต้องทำงานให้ได้อย่างคุ้มค่ากับการจ้าง และหากเป็นผู้ประกอบธุรกิจ การมีรายได้จากกำไรก็ต้องมาจากการขายสินค้าหรือบริการที่มีผู้ต้องการซื้อ ยิ่งไปกว่านั้น รายรับจากการขายจะต้องสูงกว่าต้นทุนอีกด้วย
    .
    การทำให้ตนเองสามารถทำงานได้อย่างคุ้มค่า หรือขายสินค้าที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในราคาอันเป็นที่ยอมรับได้ และมีกำไรอีกด้วยนั้น เป็นเรื่องที่ยากพอควร ดังนั้น การหาเงินจึงมิใช่เรื่องง่ายๆ ที่เกิดขึ้นโดยปราศจากความรู้ ความสามารถ ด้วยเหตุนี้ เราทุกคนจึงจำเป็นต้องไขว่คว้าหาความรู้ และพัฒนาความรู้ความสามารถของตนเอง เพื่อเตรียมพร้อม
    .
    เงินนั้นมิได้ "งอกบนต้นไม้" ทุกคนต้องดิ้นรนต่อสู้หามาด้วยความเหนื่อยยากลำบากกายและใจ การหวังพึ่งความเมตตาของคนอื่นเพื่อให้ได้เงินมานั้น คือการอาศัยจมูกคนอื่นหายใจโดยแท้ เป็นสิ่งที่ไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี และอยู่บนความประมาทอย่างยิ่ง เพราะหากผู้ให้เปลี่ยนใจ เงินจะขาดมีอย่างฉับพลัน
    .
    เมื่อเงินหามาได้ยากเย็นและด้วยต้นทุนที่สูงเช่นนี้ เงินจึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่า การใช้จ่ายทุกบาทจึงควรเป็นไปอย่างรอบคอบ และให้ได้รับประโยชน์คุ้มค่ากับแรงงานที่เสียไป
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 1 การทำงานหาเงิน . การทำงานคือหน้าที่ของทุกคนตามธรรมชาติ การดิ้นรนเก็บของป่า ล่าสัตว์ หาอาหารใส่ปากใส่ท้องเพื่อความอยู่รอดของตนเอง ของครอบครัว และของสังคมมนุษย์แต่ดึกดำบรรพ์ ก็คือการทำงานรูปแบบหนึ่ง ซึ่งโดยแท้จริงแล้วไม่ต่างไปจากการประกอบธุรกิจส่วนตัว หรือการเป็นลูกจ้างของรัฐหรือเอกชนในปัจจุบัน เพื่อหาเงินมาซื้ออาหารยังชีวิต และซื้อหาความสุขสบายต่างๆ . ถ้าบุคคลหนึ่งไม่ทำหน้าที่นี้ เพื่อเลี้ยงตนเอง บุคคลอื่นในครอบครัวและในสังคมก็ต้องแบกรับภาระแทน ดังนั้น การทำงานจึงเป็นสิ่งที่มีเกียรติเพราะเป็นการดูแลตนเอง และช่วยมิให้คนอื่นต้งเดือดร้อนแบกรับภาระอุ้มชูตนโดยไม่จำเป็น หรือพูดอีกอย่างว่า การทำงานช่วยให้ไม่เบียดเบียนผู้อื่นอีกด้วย . เมื่อทำงาน ก็มีรายได้มาจับจ่ายใช้สอย สำหรับผู้ที่มีความรู้และพยายามเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง มีความบากบั่นมานะ ขยันหมั่นเพียร ซื่อสัตย์สุจริต และดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ก็จะมีรายได้สูง และมีช่วงเวลาในการทำงานหารายได้ยาวนาน สร้างความสุขกายและใจ และความมั่นคงในชีวิตให้แก่ตนเอง และครอบครัวได้ยาวนานไปด้วย . อย่างไรก็ดี การทำงานหาเงินแต่ละบาทนั้น มิใช่เรื่องง่าย หากเป็นลูกจ้าง การที่นายจ้างจะจ่ายค่าจ้างให้นั้น ลูกจ้างต้องทำงานให้ได้อย่างคุ้มค่ากับการจ้าง และหากเป็นผู้ประกอบธุรกิจ การมีรายได้จากกำไรก็ต้องมาจากการขายสินค้าหรือบริการที่มีผู้ต้องการซื้อ ยิ่งไปกว่านั้น รายรับจากการขายจะต้องสูงกว่าต้นทุนอีกด้วย . การทำให้ตนเองสามารถทำงานได้อย่างคุ้มค่า หรือขายสินค้าที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในราคาอันเป็นที่ยอมรับได้ และมีกำไรอีกด้วยนั้น เป็นเรื่องที่ยากพอควร ดังนั้น การหาเงินจึงมิใช่เรื่องง่ายๆ ที่เกิดขึ้นโดยปราศจากความรู้ ความสามารถ ด้วยเหตุนี้ เราทุกคนจึงจำเป็นต้องไขว่คว้าหาความรู้ และพัฒนาความรู้ความสามารถของตนเอง เพื่อเตรียมพร้อม . เงินนั้นมิได้ "งอกบนต้นไม้" ทุกคนต้องดิ้นรนต่อสู้หามาด้วยความเหนื่อยยากลำบากกายและใจ การหวังพึ่งความเมตตาของคนอื่นเพื่อให้ได้เงินมานั้น คือการอาศัยจมูกคนอื่นหายใจโดยแท้ เป็นสิ่งที่ไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี และอยู่บนความประมาทอย่างยิ่ง เพราะหากผู้ให้เปลี่ยนใจ เงินจะขาดมีอย่างฉับพลัน . เมื่อเงินหามาได้ยากเย็นและด้วยต้นทุนที่สูงเช่นนี้ เงินจึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่า การใช้จ่ายทุกบาทจึงควรเป็นไปอย่างรอบคอบ และให้ได้รับประโยชน์คุ้มค่ากับแรงงานที่เสียไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ

    ........กรมสมเด็จพระเทพรัตน์...วรขัตติยนารี
    พระกนิษฐภคนี..................... วรเลิศพระวิริยา
    ........บำเพ็ญพระกรณียกิจ......สัมฤทธิ์ด้วยพระปรีชา
    ทั้งทรงพระเมตตา................. ปวงประชาสราญรมย์
    ........องค์วิศิษฏศิลปิน............. อำรุงศิลป์ให้งามสม
    ทั่วหล้านิยมชม....................พระเกียรติก้องทั่วฟ้าไกล
    ........ทรงเป็นพระมิ่งขวัญ .......สถิตมั่นกลางหทัย
    ดุจทิพรัตน์อันอำไพ...................ส่องชีพชื่นให้ปวงชน
    ........พระราชทานกำลังใจ..........แนวทางให้พ้นทุกข์ทน
    “รู้หน้าที่”จักนำตน..................และชาติให้พ้นภัยผอง
    ........เฉลิมพระชนม์พระมิ่งฉัตร...เชิญไตรรัตน์โปรดคุ้มครอง
    ประสาทพรอันเรืองรอง............ประสิทธิ์พร้อมดังพระประสงค์

    .....................................ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
    ...........................ข้าพระพุทธเจ้า นายจตุรงค์ ไพบูลย์สุรการ

    เจ้าหญิง คือ ลูกของพระราชา
    แต่แปลกดีที่เด็กผู้หญิงทั้งโลกอยากเป็นเจ้าหญิงเพราะแค่อยากใส่กระโปรงบานและมีมงกุฎ จะให้ดีต้องถือไม้คทาเล็กๆที่มีดาวอยู่ที่ปลายไม้ด้วย
    ....
    ในโลกนี้ มีเจ้าหญิงพระองค์หนึ่ง พระองค์มิได้ทรงภูษาผ้าจีบกระโปรงบาน หรือสวมถุงมือสีขาวยาวถึงแขนและมีมงกุฎเล็กๆอย่างในจินตนาการของเด็กผู้หญิง
    ตลอดเวลา เราจะเห็นเจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงฉลองพระองค์ง่ายๆ บางทีพระองค์ก็ทรงกางเกงขายาว ถือสมุดเล่มหนึ่งกับดินสอ บางทีพระองค์ก็ทรงสะพายกล้องเช่นเดียวกับเสด็จพ่อของพระองค์ พระองค์ทรงศึกษาภาษาต่างประเทศหลายภาษาอย่างแคล่วคล่อง พระองค์ทรงนิพนธ์หนังสือมากมาย ทรงดนตรีหลากหลาย และทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนของพระองค์อยู่เนืองๆ พระองค์ทรงงานทุกวันโดยมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย

    พอจะนึกออกไหมครับ ว่าเจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงมีพระนามว่าอะไร
    และพสกนิกรในอาณาจักรของพระองค์ก็รักเจ้าหญิงพระองค์นี้มาก
    .................................
    วันนี้เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์
    เสียงถวายพระพร ทรงพระเจริญ จะดังกึกก้องทั้งในใจประชาชนและในอาณาจักรแห่งนี้
    ..................................

    มีผู้เคยถามข้าพเจ้า สิ่งที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุดเกี่ยวกับทูลกระหม่อมตลอด ๔ ปี ที่ทรงศึกษาอยู่ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคืออะไร

    และผู้ถามก็คาดว่า ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของพระองค์ท่านคงจะต้องตอบว่า สิ่งที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุด คือ พระปรีชาสามารถ

    แต่นั่นมิใช่คำตอบของข้าพเจ้า

    จริงอยู่ข้าพเจ้าตระหนักในคุณค่าของปรีชาสามารถในด้านการศึกษาเป็นที่แน่นอน แต่ข้าพเจ้าก็ยังเห็นว่า สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดเกี่ยวกับทูลกระหม่อมก็คือ

    "น้ำพระทัยของพระองค์" ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยาก

    ทูลกระหม่อมมีน้ำพระทัยงาม มีความจริงใจและความเมตตา

    แม้จะทรงมีพระราชกิจล้นหลามก็ยังทรงห่วงใยเอาพระทัยใส่ในทุก ๆ ด้านไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นอาจารย์ พระสหายร่วมชั้นเรียน นิสิตร่วมคณะ คนงานในคณะ หรือแม้แต่เด็กขายขนมในคณะ

    เมื่อผู้ใดเจ็บป่วยหรือประสบความลำบาก ก็จะทรงเป็นธุระประทานความช่วยเหลือ และทรงมีความห่วงใยอย่างแท้จริง

    น้ำพระทัยของทูลกระหม่อมเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้ที่มีโอกาสได้ใกล้ชิด และเป็นธรรมดาอยู่เองที่จะทรงเป็นมิ่งขวัญของทุกคน

    (จากหนังสือ "มหาวิทยาลัย ๒๓ ตุลา ๒๐". จากความทรงจำ. บุษกร กาญจนจารี.)
    .
    .
    จากบทวิทยุของท่านผู้หญิง ดร.ทัศนีย์ บุณยคุปต์ อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนจิตรลดา ได้กล่าวถึงพระอัจฉริยภาพทางการศึกษาของสมเด็จพระเทพรัตนฯ ว่า “...ในด้านการศึกษานั้น ทรงนำหน้าพระสหายรุ่นราวคราวเดียวกัน บางครั้งทรงเข้าพระทัยในสิ่งที่นักเรียนอื่นยังไม่เข้าใจ สมัยทรงพระเยาว์เคยทรงอึดอัดพระทัย แต่เมื่อทรงเจริญวัยก็ทรงได้รับคำสั่งสอนจากสมเด็จพระบิดาว่า ให้ทรงเห็นใจคนอื่นและช่วยเหลือเพื่อนในทางที่เหมาะที่ควร ไม่ควรรำคาญเพื่อนที่เรียนอ่อนกว่า จากนั้นมาทรงเข้าพระทัยให้ความช่วยเหลือโดยไม่เคยทรงหวงวิชากับพระสหายที่เรียนด้อยเลย”

    ภาพและข้อมูล. นิตยสารแพรวฉบับที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๘
    ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ ........กรมสมเด็จพระเทพรัตน์...วรขัตติยนารี พระกนิษฐภคนี..................... วรเลิศพระวิริยา ........บำเพ็ญพระกรณียกิจ......สัมฤทธิ์ด้วยพระปรีชา ทั้งทรงพระเมตตา................. ปวงประชาสราญรมย์ ........องค์วิศิษฏศิลปิน............. อำรุงศิลป์ให้งามสม ทั่วหล้านิยมชม....................พระเกียรติก้องทั่วฟ้าไกล ........ทรงเป็นพระมิ่งขวัญ .......สถิตมั่นกลางหทัย ดุจทิพรัตน์อันอำไพ...................ส่องชีพชื่นให้ปวงชน ........พระราชทานกำลังใจ..........แนวทางให้พ้นทุกข์ทน “รู้หน้าที่”จักนำตน..................และชาติให้พ้นภัยผอง ........เฉลิมพระชนม์พระมิ่งฉัตร...เชิญไตรรัตน์โปรดคุ้มครอง ประสาทพรอันเรืองรอง............ประสิทธิ์พร้อมดังพระประสงค์ .....................................ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ...........................ข้าพระพุทธเจ้า นายจตุรงค์ ไพบูลย์สุรการ เจ้าหญิง คือ ลูกของพระราชา แต่แปลกดีที่เด็กผู้หญิงทั้งโลกอยากเป็นเจ้าหญิงเพราะแค่อยากใส่กระโปรงบานและมีมงกุฎ จะให้ดีต้องถือไม้คทาเล็กๆที่มีดาวอยู่ที่ปลายไม้ด้วย .... ในโลกนี้ มีเจ้าหญิงพระองค์หนึ่ง พระองค์มิได้ทรงภูษาผ้าจีบกระโปรงบาน หรือสวมถุงมือสีขาวยาวถึงแขนและมีมงกุฎเล็กๆอย่างในจินตนาการของเด็กผู้หญิง ตลอดเวลา เราจะเห็นเจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงฉลองพระองค์ง่ายๆ บางทีพระองค์ก็ทรงกางเกงขายาว ถือสมุดเล่มหนึ่งกับดินสอ บางทีพระองค์ก็ทรงสะพายกล้องเช่นเดียวกับเสด็จพ่อของพระองค์ พระองค์ทรงศึกษาภาษาต่างประเทศหลายภาษาอย่างแคล่วคล่อง พระองค์ทรงนิพนธ์หนังสือมากมาย ทรงดนตรีหลากหลาย และทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนของพระองค์อยู่เนืองๆ พระองค์ทรงงานทุกวันโดยมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย พอจะนึกออกไหมครับ ว่าเจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงมีพระนามว่าอะไร และพสกนิกรในอาณาจักรของพระองค์ก็รักเจ้าหญิงพระองค์นี้มาก ................................. วันนี้เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์ เสียงถวายพระพร ทรงพระเจริญ จะดังกึกก้องทั้งในใจประชาชนและในอาณาจักรแห่งนี้ .................................. มีผู้เคยถามข้าพเจ้า สิ่งที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุดเกี่ยวกับทูลกระหม่อมตลอด ๔ ปี ที่ทรงศึกษาอยู่ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคืออะไร และผู้ถามก็คาดว่า ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของพระองค์ท่านคงจะต้องตอบว่า สิ่งที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุด คือ พระปรีชาสามารถ แต่นั่นมิใช่คำตอบของข้าพเจ้า จริงอยู่ข้าพเจ้าตระหนักในคุณค่าของปรีชาสามารถในด้านการศึกษาเป็นที่แน่นอน แต่ข้าพเจ้าก็ยังเห็นว่า สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดเกี่ยวกับทูลกระหม่อมก็คือ "น้ำพระทัยของพระองค์" ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยาก ทูลกระหม่อมมีน้ำพระทัยงาม มีความจริงใจและความเมตตา แม้จะทรงมีพระราชกิจล้นหลามก็ยังทรงห่วงใยเอาพระทัยใส่ในทุก ๆ ด้านไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นอาจารย์ พระสหายร่วมชั้นเรียน นิสิตร่วมคณะ คนงานในคณะ หรือแม้แต่เด็กขายขนมในคณะ เมื่อผู้ใดเจ็บป่วยหรือประสบความลำบาก ก็จะทรงเป็นธุระประทานความช่วยเหลือ และทรงมีความห่วงใยอย่างแท้จริง น้ำพระทัยของทูลกระหม่อมเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้ที่มีโอกาสได้ใกล้ชิด และเป็นธรรมดาอยู่เองที่จะทรงเป็นมิ่งขวัญของทุกคน (จากหนังสือ "มหาวิทยาลัย ๒๓ ตุลา ๒๐". จากความทรงจำ. บุษกร กาญจนจารี.) . . จากบทวิทยุของท่านผู้หญิง ดร.ทัศนีย์ บุณยคุปต์ อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนจิตรลดา ได้กล่าวถึงพระอัจฉริยภาพทางการศึกษาของสมเด็จพระเทพรัตนฯ ว่า “...ในด้านการศึกษานั้น ทรงนำหน้าพระสหายรุ่นราวคราวเดียวกัน บางครั้งทรงเข้าพระทัยในสิ่งที่นักเรียนอื่นยังไม่เข้าใจ สมัยทรงพระเยาว์เคยทรงอึดอัดพระทัย แต่เมื่อทรงเจริญวัยก็ทรงได้รับคำสั่งสอนจากสมเด็จพระบิดาว่า ให้ทรงเห็นใจคนอื่นและช่วยเหลือเพื่อนในทางที่เหมาะที่ควร ไม่ควรรำคาญเพื่อนที่เรียนอ่อนกว่า จากนั้นมาทรงเข้าพระทัยให้ความช่วยเหลือโดยไม่เคยทรงหวงวิชากับพระสหายที่เรียนด้อยเลย” ภาพและข้อมูล. นิตยสารแพรวฉบับที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๘
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 689 มุมมอง 0 รีวิว
  • แถลงข่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ “คิมซูฮยอน” นักแสดงสุดฉาว ที่ออกมาบีบน้ำตา ร้องไห้ยอมรับผิดว่าตนเองเป็นคนขี้ขลาด หนีปัญหา และโกหกทุกคน จนสร้างความเสียหาย รวมถึงทำให้ “คิมแซรน” หลับไม่สงบ

    คิมซูฮยอน ได้ออกมาเปิดเผยต่อสื่อถึงข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับนักแสดงสาวผู้ล่วงลับ คิมแซรน โดยยังยืนยันว่าพวกเขาคบหากันมาเป็นเวลา 1 ปี หลังจากที่เธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว

    ในวันที่ 31 มี.ค. คิมซูฮยอน ได้จัดงานแถลงข่าวที่โรงแรมแห่งหนึ่งในย่านซังกัมดง เขตมาโป กรุงโซล โดยมีตัวแทนทางกฎหมายของเขา ทนายความ คิมจองบก จาก LKB&Partners ร่วมด้วย ซึ่งถือเป็นการปรากฏตัวต่อสาธารณะครั้งแรกของเขาในรอบ 21 วัน หลังครอบครัวของ คิมแซรน กล่าวหาว่าเขาพูดเท็จ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. ยืนยันว่า คิมซูฮยอน กับ คิมแซรนมีความสัมพันธ์กันมานาน 6 ปี ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในช่วงที่เธอยังเป็นวัยเยาว์

    ก่อนหน้านี้ ต้นสังกัดของ คิมซูฮยอน อย่าง Gold Medalist ได้ประกาศไว้ว่านักแสดงจะไม่ตอบคำถามใดๆ นอกเหนือไปจากคำแถลงที่เตรียมไว้

    ในงานแถลงข่าวที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเขา คิมซูฮยอน เขาได้เผยว่า

    “ก่อนอื่น ผมต้องขอโทษ เพราะผมคนเดียว จึงมีผู้คนมากมายที่ต้องทนทุกข์ทรมาน ผมเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ผู้เสียชีวิตไม่สามารถพักผ่อนอย่างสงบได้ ผมถือว่าตัวเองเป็นคนขี้ขลาด ผมมัวแต่จดจ่อกับการปกป้องสิ่งที่ผมมี ผมไม่สามารถให้ความไว้วางใจแม้แต่ความเมตตาที่ได้รับ ผมกลัวตลอดเวลาว่าจะสูญเสียบางสิ่งหรือได้รับอันตราย ซ้ำยังวิ่งหนี และปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่าง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงใช้เวลานานมากในการมายืนอยู่ที่นี่ในวันนี้

    หากผมเผชิญเรื่องนี้ตั้งแต่แรก แฟนๆ ที่รักผม ทีมงานบริษัทที่ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่องานแถลงข่าวครั้งนี้ และทุกๆ คนก็คงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมากขนาดนี้

    ทุกครั้งที่ชีวิตส่วนตัวของเราถูกเปิดเผย ผมคิดว่า 'พรุ่งนี้ผมจะออกมาพูด ผมจะจบสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ด้วยตัวผมเอง' แต่ทุกครั้ง ผมลังเล ผมกังวลว่าการตัดสินใจของผมจะส่งผลต่อคนรอบข้าง และจะทำให้ทุกอย่างแย่ลงสำหรับทุกคนหรือเปล่า

    ตอนที่ คิมแซรน ผู้ล่วงลับโพสต์รูปผมระหว่างซีรีส์ Queen of Tears ออกอากาศ ผมได้ปฏิเสธ จริงๆเราคบกันมาประมาณ 1 ปี เป็นเวลา 4 ปีก่อนที่ซีรีส์ Queen of Tears จะออกอากาศคือคบกัน 5 ปีก่อน ผมเข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงวิจารณ์การที่ผมเลือกโกหกในตอนนั้น แม้ว่าคุณจะไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดตอนนี้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา ผมก็เข้าใจ แต่ผมเชื่อว่านี่เป็นโอกาสเดียวของผมที่จะพูดอย่างเปิดเผยแบบนี้”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000030637

    #MGROnline #คิมแซรน #คิมซูฮยอน #KimSaeron #kimsoohyun
    แถลงข่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ “คิมซูฮยอน” นักแสดงสุดฉาว ที่ออกมาบีบน้ำตา ร้องไห้ยอมรับผิดว่าตนเองเป็นคนขี้ขลาด หนีปัญหา และโกหกทุกคน จนสร้างความเสียหาย รวมถึงทำให้ “คิมแซรน” หลับไม่สงบ • คิมซูฮยอน ได้ออกมาเปิดเผยต่อสื่อถึงข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับนักแสดงสาวผู้ล่วงลับ คิมแซรน โดยยังยืนยันว่าพวกเขาคบหากันมาเป็นเวลา 1 ปี หลังจากที่เธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว • ในวันที่ 31 มี.ค. คิมซูฮยอน ได้จัดงานแถลงข่าวที่โรงแรมแห่งหนึ่งในย่านซังกัมดง เขตมาโป กรุงโซล โดยมีตัวแทนทางกฎหมายของเขา ทนายความ คิมจองบก จาก LKB&Partners ร่วมด้วย ซึ่งถือเป็นการปรากฏตัวต่อสาธารณะครั้งแรกของเขาในรอบ 21 วัน หลังครอบครัวของ คิมแซรน กล่าวหาว่าเขาพูดเท็จ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. ยืนยันว่า คิมซูฮยอน กับ คิมแซรนมีความสัมพันธ์กันมานาน 6 ปี ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในช่วงที่เธอยังเป็นวัยเยาว์ • ก่อนหน้านี้ ต้นสังกัดของ คิมซูฮยอน อย่าง Gold Medalist ได้ประกาศไว้ว่านักแสดงจะไม่ตอบคำถามใดๆ นอกเหนือไปจากคำแถลงที่เตรียมไว้ • ในงานแถลงข่าวที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเขา คิมซูฮยอน เขาได้เผยว่า • “ก่อนอื่น ผมต้องขอโทษ เพราะผมคนเดียว จึงมีผู้คนมากมายที่ต้องทนทุกข์ทรมาน ผมเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ผู้เสียชีวิตไม่สามารถพักผ่อนอย่างสงบได้ ผมถือว่าตัวเองเป็นคนขี้ขลาด ผมมัวแต่จดจ่อกับการปกป้องสิ่งที่ผมมี ผมไม่สามารถให้ความไว้วางใจแม้แต่ความเมตตาที่ได้รับ ผมกลัวตลอดเวลาว่าจะสูญเสียบางสิ่งหรือได้รับอันตราย ซ้ำยังวิ่งหนี และปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่าง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงใช้เวลานานมากในการมายืนอยู่ที่นี่ในวันนี้ • หากผมเผชิญเรื่องนี้ตั้งแต่แรก แฟนๆ ที่รักผม ทีมงานบริษัทที่ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่องานแถลงข่าวครั้งนี้ และทุกๆ คนก็คงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมากขนาดนี้ • ทุกครั้งที่ชีวิตส่วนตัวของเราถูกเปิดเผย ผมคิดว่า 'พรุ่งนี้ผมจะออกมาพูด ผมจะจบสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ด้วยตัวผมเอง' แต่ทุกครั้ง ผมลังเล ผมกังวลว่าการตัดสินใจของผมจะส่งผลต่อคนรอบข้าง และจะทำให้ทุกอย่างแย่ลงสำหรับทุกคนหรือเปล่า • ตอนที่ คิมแซรน ผู้ล่วงลับโพสต์รูปผมระหว่างซีรีส์ Queen of Tears ออกอากาศ ผมได้ปฏิเสธ จริงๆเราคบกันมาประมาณ 1 ปี เป็นเวลา 4 ปีก่อนที่ซีรีส์ Queen of Tears จะออกอากาศคือคบกัน 5 ปีก่อน ผมเข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงวิจารณ์การที่ผมเลือกโกหกในตอนนั้น แม้ว่าคุณจะไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดตอนนี้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา ผมก็เข้าใจ แต่ผมเชื่อว่านี่เป็นโอกาสเดียวของผมที่จะพูดอย่างเปิดเผยแบบนี้” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000030637 • #MGROnline #คิมแซรน #คิมซูฮยอน #KimSaeron #kimsoohyun
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 670 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ถ้าเข้าใจความไม่รู้ของตัวเองอย่างแท้จริง
    ก็จะเข้าใจความไม่รู้ของคนอื่นได้อย่างแท้จริงเช่นกัน"

    นี่คือก้าวแรกสู่ความเมตตา และก้าวสำคัญของผู้เดินทางบนหนทางพุทธะ
    "ถ้าเข้าใจความไม่รู้ของตัวเองอย่างแท้จริง ก็จะเข้าใจความไม่รู้ของคนอื่นได้อย่างแท้จริงเช่นกัน" นี่คือก้าวแรกสู่ความเมตตา และก้าวสำคัญของผู้เดินทางบนหนทางพุทธะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • ครั้งแรกที่คิงส์ไม่แฮปปี้กับความเมตตา เพราะอีตี้ อีเบญจา ละเมิด112 ปราศรัยหมิ่น ร.5 ร.7 ร.8 ร.9 และ ร.10 โทษจำคุก 4 ปี แต่ศาลฯ เห็นเป็นเยาวชน ไม่เคยทำผิด จึงให้โอกาสกลับตัว รอการลงโทษ 5 ปี 😠😠😠😠😠
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ครั้งแรกที่คิงส์ไม่แฮปปี้กับความเมตตา เพราะอีตี้ อีเบญจา ละเมิด112 ปราศรัยหมิ่น ร.5 ร.7 ร.8 ร.9 และ ร.10 โทษจำคุก 4 ปี แต่ศาลฯ เห็นเป็นเยาวชน ไม่เคยทำผิด จึงให้โอกาสกลับตัว รอการลงโทษ 5 ปี 😠😠😠😠😠 #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • 23 มีนา เป็นวัน "ลูกหมาแห่งชาติ" ไม่รู้ว่าแห่งชาติไหน แต่เอาเหอะก็กูเกิลมันบอกอย่างนั้นว่าวันนี้เป็นวันลูกหมาแห่งชาติ ซึ่งเหมือนจะเริ่มต้นที่สหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2006 จนถึงตอนนี้ 2025 แล้ว
    ....
    วันนี้มีเจตจำนงค์เพื่อหวังให้ผู้คนมีความเมตตาต่อลูกหมาผู้ใสสื่อและบริสุทธิ์ ไอ้สองตัวบาทของ lit nit ตัวหนึ่งหมาทรายในตำนาน lit nit ให้นมมาตั้งแต่แม่มันตายเมื่ออายุหนึ่งเดือน ตอนนั้นยังจำได้ lit nit พยายามไปปรึกษาหมอสูติแพทย์ว่าจะทำอย่างไรให้ lit nit มีน้ำนม หมอบอกว่า
    "มึงก็หาเงินแล้วไปซื้อค่ะ !"
    ....
    ส่วนนังซอน้องอีทรายเป็นหมาหลงมาอยู่กับ lit nit เมื่อโตได้หลายเดือนหน่อยก็เลยไม่ต้องให้นม แต่ lit nit ก็ต้องไปหาจิตแพทย์เพื่อที่จะให้มาให้คำปรึกษากับไอ้สองตัว ว่าอยู่ร่วมกันอย่างไรจึงจะไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน หมอจิตฯบอกว่า
    "ช่างหมามันก่อนค่ะ มึงอะควรต้องฟังหมอก่อนนะคะ การฝึกหมาต้องไปโรงเรียนสอนหมา ไม่ใช่จิตแพทย์ค่ะ !"
    ....
    จากลูกหมาในวันนั้น มันสองตัวก็ใช้ lit nit ทำนู่นนี่นั่นทุกวันนี้ พูดแล้วน้ำตามันก็ปริ่ม ๆ...ใช้กูเป็นลูกเลย โปรดเมตตากูบ้างเถอะ !
    #สวัสดีวันลูกหมาแห่งชาติ !
    23 มีนา เป็นวัน "ลูกหมาแห่งชาติ" ไม่รู้ว่าแห่งชาติไหน แต่เอาเหอะก็กูเกิลมันบอกอย่างนั้นว่าวันนี้เป็นวันลูกหมาแห่งชาติ ซึ่งเหมือนจะเริ่มต้นที่สหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2006 จนถึงตอนนี้ 2025 แล้ว .... วันนี้มีเจตจำนงค์เพื่อหวังให้ผู้คนมีความเมตตาต่อลูกหมาผู้ใสสื่อและบริสุทธิ์ ไอ้สองตัวบาทของ lit nit ตัวหนึ่งหมาทรายในตำนาน lit nit ให้นมมาตั้งแต่แม่มันตายเมื่ออายุหนึ่งเดือน ตอนนั้นยังจำได้ lit nit พยายามไปปรึกษาหมอสูติแพทย์ว่าจะทำอย่างไรให้ lit nit มีน้ำนม หมอบอกว่า "มึงก็หาเงินแล้วไปซื้อค่ะ !" .... ส่วนนังซอน้องอีทรายเป็นหมาหลงมาอยู่กับ lit nit เมื่อโตได้หลายเดือนหน่อยก็เลยไม่ต้องให้นม แต่ lit nit ก็ต้องไปหาจิตแพทย์เพื่อที่จะให้มาให้คำปรึกษากับไอ้สองตัว ว่าอยู่ร่วมกันอย่างไรจึงจะไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน หมอจิตฯบอกว่า "ช่างหมามันก่อนค่ะ มึงอะควรต้องฟังหมอก่อนนะคะ การฝึกหมาต้องไปโรงเรียนสอนหมา ไม่ใช่จิตแพทย์ค่ะ !" .... จากลูกหมาในวันนั้น มันสองตัวก็ใช้ lit nit ทำนู่นนี่นั่นทุกวันนี้ พูดแล้วน้ำตามันก็ปริ่ม ๆ...ใช้กูเป็นลูกเลย โปรดเมตตากูบ้างเถอะ ! #สวัสดีวันลูกหมาแห่งชาติ !
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 577 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระปรกใบมะขามหลวงปู่ทิม วัดพระขาว จ.อยุธยา ปี2540
    พระปรกใบมะขามหลวงปู่ทิม วัดพระขาว จ.อยุธยา ปี2540 //พระมีขนาดเล็ก หลวงปู่ทิมได้รับการยกย่องว่าเป็น "เทพเจ้าแห่งความเมตตา" //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พระมีขนาดเล็ก >เหมาะสำหรับ ท่านที่นิยม พระขนาดเล็ก นำไปใส่กรอบทอง สำหรับสุภาพสตรีและเด็กๆ ไว้เป็นพระเครื่องมงคลประจำตัว ลูกๆ หลานๆ .. รุ่นนี้มีประสบกาณ์มากครับ เหมาะสำหรับคนพิเศษ เล็กๆน่ารัก >>

    ** พุทธคุณ ด้านเมตตามหานิยม และโชคลาภสูง ค้าขาย เรียกทรัพย์ แคล้วคลาดปลอดภัยเป็นที่ประจักษ์ชัดเจน ป้องกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธทั้งหลาย สรรพคุณมากมาย โดยเฉพาะการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ >>>

    ** หลวงปู่ทิมได้รับการยกย่องว่าเป็น "เทพเจ้าแห่งความเมตตา" หลวงปู่ทิมศึกษาวิชาอาคมจากหลวงพ่อสังข์ พระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก, หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ธนบุรี จนมีความเชี่ยวชาญชำนาญด้านวิปัสสนากรรมฐาน และคาถาอาคมต่างๆ รวมทั้งการสร้างและเสกวัตถุมงคลจนเลื่องชื่อ เป็นที่ต้องการของนักสะสมและลูกศิษย์ลูกหา พระเครื่อง พระหลวงปู่ทิมรุ่น ต่างๆ จำนวนมาก กำไลหลวงปู่ทิม ผ้ายันต์ พระขุนแผน ปลาเงินปลาทอง ลูกอมชานหมาก ภาพถ่าย ทั้งหมดมีพุทธคุณด้านเมตตามหานิยม และโชคลาภสูง ขลังด้วยอำนาจแห่งพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ จนได้รับขนานนามว่า เทพเจ้าแห่งความเมตตา >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระปรกใบมะขามหลวงปู่ทิม วัดพระขาว จ.อยุธยา ปี2540 พระปรกใบมะขามหลวงปู่ทิม วัดพระขาว จ.อยุธยา ปี2540 //พระมีขนาดเล็ก หลวงปู่ทิมได้รับการยกย่องว่าเป็น "เทพเจ้าแห่งความเมตตา" //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พระมีขนาดเล็ก >เหมาะสำหรับ ท่านที่นิยม พระขนาดเล็ก นำไปใส่กรอบทอง สำหรับสุภาพสตรีและเด็กๆ ไว้เป็นพระเครื่องมงคลประจำตัว ลูกๆ หลานๆ .. รุ่นนี้มีประสบกาณ์มากครับ เหมาะสำหรับคนพิเศษ เล็กๆน่ารัก >> ** พุทธคุณ ด้านเมตตามหานิยม และโชคลาภสูง ค้าขาย เรียกทรัพย์ แคล้วคลาดปลอดภัยเป็นที่ประจักษ์ชัดเจน ป้องกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธทั้งหลาย สรรพคุณมากมาย โดยเฉพาะการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ >>> ** หลวงปู่ทิมได้รับการยกย่องว่าเป็น "เทพเจ้าแห่งความเมตตา" หลวงปู่ทิมศึกษาวิชาอาคมจากหลวงพ่อสังข์ พระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก, หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ธนบุรี จนมีความเชี่ยวชาญชำนาญด้านวิปัสสนากรรมฐาน และคาถาอาคมต่างๆ รวมทั้งการสร้างและเสกวัตถุมงคลจนเลื่องชื่อ เป็นที่ต้องการของนักสะสมและลูกศิษย์ลูกหา พระเครื่อง พระหลวงปู่ทิมรุ่น ต่างๆ จำนวนมาก กำไลหลวงปู่ทิม ผ้ายันต์ พระขุนแผน ปลาเงินปลาทอง ลูกอมชานหมาก ภาพถ่าย ทั้งหมดมีพุทธคุณด้านเมตตามหานิยม และโชคลาภสูง ขลังด้วยอำนาจแห่งพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ จนได้รับขนานนามว่า เทพเจ้าแห่งความเมตตา >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 427 มุมมอง 0 รีวิว
  • 46 ปี สิ้น “แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่” ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์ วีรสตรีอุบลราชธานี แม่คนที่สองของเชลยศึก 🌺

    ย้อนรำลึกถึงเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของ “ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์” วีรสตรีแห่งอุบลราชธานี ผู้เป็นเสมือนแม่คนที่สอง ของเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ในสงครามโลก ครั้งที่สอง บทเรียนแห่งความเมตตาและความกล้าหาญ ที่ควรค่าแก่การจารึกในประวัติศาสตร์

    🌏 เรื่องราวที่โลกต้องไม่ลืม ✨ ถ้าจะพูดถึงสงครามโลก ครั้งที่สอง คนส่วนใหญ่มักนึกถึงความโหดร้าย การสูญเสีย และความพินาศของชีวิตมนุษย์นับล้านคน แต่ในความโหดร้ายนั้น...กลับมีความงดงามของมนุษยธรรม และน้ำใจที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น เรื่องเล่าของ "ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์" วีรสตรีแห่งเมืองอุบลราชธานี คือหนึ่งในเรื่องราวที่โลกต้องจารึก ✍️

    ย่าไหลไม่ได้เป็นนักรบ ไม่ได้มีอาวุธใด ๆ แต่เธอมี “หัวใจ” ที่ยิ่งใหญ่ เธอเป็น “แม่คนที่สอง” ของเชลยศึกสัมพันธมิตร ที่ถูกกักขังในสงครามมหาเอเชียบูรพา ยืนหยัดช่วยเหลือมนุษย์ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าความตายอยู่ไม่ไกลจากตัวเอง และครอบครัวเลยแม้แต่น้อย...

    🕊️ ย้อนรำลึกเหตุการณ์เมื่อ 46 ปี ที่ผ่านมา เมื่อวันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2522 โลกได้สูญเสีย “แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่” แห่งอุบลราชธานี "ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์" ในวัย 86 ปี เหล่าทหารสัมพันธมิตรจากหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ, อเมริกา, แคนาดา, ฮอลแลนด์, ออสเตรเลีย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ต่างร่วมไว้อาลัยด้วยความอาลัยรัก ❤️ เพราะยาไหลคือคนที่เคยให้ชีวิตใหม่ แก่พวกเขา

    "ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์" เป็นหญิงชาวอุบลราชธานีธรรมดา แต่ไม่ธรรมดาในหัวใจ ✨ ถูกกล่าวขานว่าเป็น “แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่” เพราะในยามที่ เชลยศึกสัมพันธมิตรหลายพันชีวิต ถูกกักขังอย่างโหดร้ายในจังหวัดอุบลราชธานี ย่าไหลและชาวบ้านกลุ่มเล็ก ๆ กลับไม่ละทิ้งมนุษยธรรม นำอาหาร, ยารักษาโรค, เครื่องนุ่งห่ม และแม้แต่การช่วยเหลือหลบหนี มาให้กับเชลยเหล่านั้น โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ 🌾

    🕊️ ความกล้าหาญท่ามกลางความโหดร้าย 🗡️ ย้อนกลับไปในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา พ.ศ. 2484 - 2488 ญี่ปุ่นได้เข้ายึดประเทศไทย และกักขังเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ไว้จำนวนมาก โดยเฉพาะที่จังหวัดอุบลราชธานี พวกเขาถูกทรมาน, อดอยาก และเผชิญโรคภัยต่าง ๆ ทหารญี่ปุ่นมีบทลงโทษที่โหดเหี้ยม เช่น หากจับได้ว่าใครขโมยน้ำมัน จะถูกกรอกน้ำมันจนตาย หรือขโมยตะปู ก็จะถูกตอกตะปูเข้าขา 😨

    แม้จะรู้ว่าความช่วยเหลือ อาจนำมาซึ่งความตาย แต่ย่าไหลก็ยังคงพายเรือฝ่าฝนฟ้าคะนอง นำเชลยศึกบางคน ที่อ่อนแอป่วยไข้ไปหายารักษา บางคืนถึงกับพาเชลยหนีไปตามแม่น้ำ โดยให้พวกเขาเกาะข้างเรือ ลอยไปในความมืด... ย่าไหลกล่าวไว้ว่า “เราคือข้าของแผ่นดิน จำไว้นะลูก เราต้องมีเมตตา ช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก โดยไม่ต้องหวังสิ่งใด ๆ ตอบแทน” 💖

    🌏 อนุสาวรีย์แห่งความดีที่คนทั้งโลกต้องรู้ เพื่อรำลึกถึงความเสียสละ และความเมตตาอันยิ่งใหญ่ ชาวเชลยศึกสัมพันธมิตร จึงร่วมกันสร้าง “อนุสาวรีย์แห่งความดี” (Monument of Merit) ตั้งอยู่ที่ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 🏛️ โดยมีการจัดงานรำลึกทุกปีในวันที่ 11 เดือน 11 เวลา 11:11 น. เพื่อยกย่องน้ำใจของชาวอุบลฯ และย่าไหลที่ไม่เลือกฝ่าย แต่เลือกช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์

    🏅พิธีเชิดชูเกียรติ และรางวัลแห่งคุณงามความดี หลังสงครามสิ้นสุดในปี 2488 เหล่าทหารสัมพันธมิตร ได้เชิญย่าไหลไปยังค่ายทหาร ที่สนามบินอุบลราชธานี เพื่อแสดงความขอบคุณแ ละมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ รวมถึงสิ่งของและเงินช่วยเหลือ เพื่อเป็นการขอบคุณในน้ำใจอันประเสริฐ 🙏

    ❤️วีรสตรีที่ไม่ได้ถืออาวุธ แต่ถือหัวใจแห่งเมตตา ต่างจากวีรสตรีที่เราคุ้นเคยในประวัติศาสตร์ ย่าไหลไม่ได้เป็นนักรบ แต่เธอคือแม่พระที่ “ให้ชีวิตใหม่” ในยามที่คนหนึ่งไม่มีแม้แต่ความหวัง ในการมีชีวิตรอด... ย่าไหลใช้เพียง “หัวใจ” และ “มือเปล่า” เพื่อหยิบยื่นอาหาร ยารักษาโรค และเสื้อผ้าให้พวกเขา แม้จะเสี่ยงตายก็ไม่หวั่นเกรง 🌿

    คุณธรรมที่ส่งต่อผ่านสายเลือด และจิตวิญญาณ สิ่งที่ย่าไหลทำ ไม่ได้เกิดจากการอยากเป็นวีรสตรี แต่เป็นความเชื่อ และการปลูกฝังจากบรรพบุรุษ “เราคือข้าของแผ่นดิน” คือคำสอนที่แม่ถ่ายทอดสู่ย่าไหล และย่าไหลก็ถ่ายทอดต่อให้ลูกหลานเช่นกัน ✨

    🌾 มรดกทางจิตวิญญาณที่ยังคงอยู่จนถึงวันนี้ เรื่องราวของย่าไหลก ลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลัง เชลยศึกและทายาท ยังคงเดินทางกลับมาอุบลราชธานีทุกปี เพื่อแสดงความเคารพต่อย่าไหล และสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ระหว่างชาวอุบลราชธานีและนานาชาติ 🕊️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 191130 มี.ค. 2568

    #แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่ #ย่าไหลอุไรวรรณ #อนุสาวรีย์แห่งความดี #วีรสตรีอุบล #ช่วยเหลือเชลยศึก #ประวัติศาสตร์ไทย #อุบลราชธานี #สงครามโลกครั้งที่2 #มนุษยธรรม #แรงบันดาลใจ
    46 ปี สิ้น “แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่” ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์ วีรสตรีอุบลราชธานี แม่คนที่สองของเชลยศึก 🌺 ย้อนรำลึกถึงเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของ “ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์” วีรสตรีแห่งอุบลราชธานี ผู้เป็นเสมือนแม่คนที่สอง ของเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ในสงครามโลก ครั้งที่สอง บทเรียนแห่งความเมตตาและความกล้าหาญ ที่ควรค่าแก่การจารึกในประวัติศาสตร์ 🌏 เรื่องราวที่โลกต้องไม่ลืม ✨ ถ้าจะพูดถึงสงครามโลก ครั้งที่สอง คนส่วนใหญ่มักนึกถึงความโหดร้าย การสูญเสีย และความพินาศของชีวิตมนุษย์นับล้านคน แต่ในความโหดร้ายนั้น...กลับมีความงดงามของมนุษยธรรม และน้ำใจที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น เรื่องเล่าของ "ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์" วีรสตรีแห่งเมืองอุบลราชธานี คือหนึ่งในเรื่องราวที่โลกต้องจารึก ✍️ ย่าไหลไม่ได้เป็นนักรบ ไม่ได้มีอาวุธใด ๆ แต่เธอมี “หัวใจ” ที่ยิ่งใหญ่ เธอเป็น “แม่คนที่สอง” ของเชลยศึกสัมพันธมิตร ที่ถูกกักขังในสงครามมหาเอเชียบูรพา ยืนหยัดช่วยเหลือมนุษย์ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าความตายอยู่ไม่ไกลจากตัวเอง และครอบครัวเลยแม้แต่น้อย... 🕊️ ย้อนรำลึกเหตุการณ์เมื่อ 46 ปี ที่ผ่านมา เมื่อวันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2522 โลกได้สูญเสีย “แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่” แห่งอุบลราชธานี "ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์" ในวัย 86 ปี เหล่าทหารสัมพันธมิตรจากหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ, อเมริกา, แคนาดา, ฮอลแลนด์, ออสเตรเลีย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ต่างร่วมไว้อาลัยด้วยความอาลัยรัก ❤️ เพราะยาไหลคือคนที่เคยให้ชีวิตใหม่ แก่พวกเขา "ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์" เป็นหญิงชาวอุบลราชธานีธรรมดา แต่ไม่ธรรมดาในหัวใจ ✨ ถูกกล่าวขานว่าเป็น “แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่” เพราะในยามที่ เชลยศึกสัมพันธมิตรหลายพันชีวิต ถูกกักขังอย่างโหดร้ายในจังหวัดอุบลราชธานี ย่าไหลและชาวบ้านกลุ่มเล็ก ๆ กลับไม่ละทิ้งมนุษยธรรม นำอาหาร, ยารักษาโรค, เครื่องนุ่งห่ม และแม้แต่การช่วยเหลือหลบหนี มาให้กับเชลยเหล่านั้น โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ 🌾 🕊️ ความกล้าหาญท่ามกลางความโหดร้าย 🗡️ ย้อนกลับไปในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา พ.ศ. 2484 - 2488 ญี่ปุ่นได้เข้ายึดประเทศไทย และกักขังเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ไว้จำนวนมาก โดยเฉพาะที่จังหวัดอุบลราชธานี พวกเขาถูกทรมาน, อดอยาก และเผชิญโรคภัยต่าง ๆ ทหารญี่ปุ่นมีบทลงโทษที่โหดเหี้ยม เช่น หากจับได้ว่าใครขโมยน้ำมัน จะถูกกรอกน้ำมันจนตาย หรือขโมยตะปู ก็จะถูกตอกตะปูเข้าขา 😨 แม้จะรู้ว่าความช่วยเหลือ อาจนำมาซึ่งความตาย แต่ย่าไหลก็ยังคงพายเรือฝ่าฝนฟ้าคะนอง นำเชลยศึกบางคน ที่อ่อนแอป่วยไข้ไปหายารักษา บางคืนถึงกับพาเชลยหนีไปตามแม่น้ำ โดยให้พวกเขาเกาะข้างเรือ ลอยไปในความมืด... ย่าไหลกล่าวไว้ว่า “เราคือข้าของแผ่นดิน จำไว้นะลูก เราต้องมีเมตตา ช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก โดยไม่ต้องหวังสิ่งใด ๆ ตอบแทน” 💖 🌏 อนุสาวรีย์แห่งความดีที่คนทั้งโลกต้องรู้ เพื่อรำลึกถึงความเสียสละ และความเมตตาอันยิ่งใหญ่ ชาวเชลยศึกสัมพันธมิตร จึงร่วมกันสร้าง “อนุสาวรีย์แห่งความดี” (Monument of Merit) ตั้งอยู่ที่ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 🏛️ โดยมีการจัดงานรำลึกทุกปีในวันที่ 11 เดือน 11 เวลา 11:11 น. เพื่อยกย่องน้ำใจของชาวอุบลฯ และย่าไหลที่ไม่เลือกฝ่าย แต่เลือกช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ 🏅พิธีเชิดชูเกียรติ และรางวัลแห่งคุณงามความดี หลังสงครามสิ้นสุดในปี 2488 เหล่าทหารสัมพันธมิตร ได้เชิญย่าไหลไปยังค่ายทหาร ที่สนามบินอุบลราชธานี เพื่อแสดงความขอบคุณแ ละมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ รวมถึงสิ่งของและเงินช่วยเหลือ เพื่อเป็นการขอบคุณในน้ำใจอันประเสริฐ 🙏 ❤️วีรสตรีที่ไม่ได้ถืออาวุธ แต่ถือหัวใจแห่งเมตตา ต่างจากวีรสตรีที่เราคุ้นเคยในประวัติศาสตร์ ย่าไหลไม่ได้เป็นนักรบ แต่เธอคือแม่พระที่ “ให้ชีวิตใหม่” ในยามที่คนหนึ่งไม่มีแม้แต่ความหวัง ในการมีชีวิตรอด... ย่าไหลใช้เพียง “หัวใจ” และ “มือเปล่า” เพื่อหยิบยื่นอาหาร ยารักษาโรค และเสื้อผ้าให้พวกเขา แม้จะเสี่ยงตายก็ไม่หวั่นเกรง 🌿 คุณธรรมที่ส่งต่อผ่านสายเลือด และจิตวิญญาณ สิ่งที่ย่าไหลทำ ไม่ได้เกิดจากการอยากเป็นวีรสตรี แต่เป็นความเชื่อ และการปลูกฝังจากบรรพบุรุษ “เราคือข้าของแผ่นดิน” คือคำสอนที่แม่ถ่ายทอดสู่ย่าไหล และย่าไหลก็ถ่ายทอดต่อให้ลูกหลานเช่นกัน ✨ 🌾 มรดกทางจิตวิญญาณที่ยังคงอยู่จนถึงวันนี้ เรื่องราวของย่าไหลก ลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลัง เชลยศึกและทายาท ยังคงเดินทางกลับมาอุบลราชธานีทุกปี เพื่อแสดงความเคารพต่อย่าไหล และสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ระหว่างชาวอุบลราชธานีและนานาชาติ 🕊️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 191130 มี.ค. 2568 #แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่ #ย่าไหลอุไรวรรณ #อนุสาวรีย์แห่งความดี #วีรสตรีอุบล #ช่วยเหลือเชลยศึก #ประวัติศาสตร์ไทย #อุบลราชธานี #สงครามโลกครั้งที่2 #มนุษยธรรม #แรงบันดาลใจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1203 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลวงพ่อครน วัดบางแซะ มาเลเซีย ปี2505
    เนื้อว่านหลวงพ่อครน พิมพ์ใหญ่ ด้านหลังกดยันต์ไม้เท้า วัดบางแซะ (วัดอุตตมาราม) มาเลเซีย ปี 2505 //เนื้อว่านผสมมวลสาร 108 พระสถาพสวยมาก พระหายาก เนื้อแห้งเก่าถึงยุค // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณโดดเด่นในด้านอยู่ยงกระพัน มหาอุด ป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง เมตตามหานิยมและลาภผลพูนทวี โชคลาภ ค้าขายดีและเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก. >>

    ** หลวงพ่อครน วัดบางแซะท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ดวงตาแฝงไว้ด้วยแววแห่งอำนาจ ลิ้นของท่านเป็นปานสีดำ ชาวบ้านจึงเรียกท่านกันอีกชื่อหนึ่งว่า หลวงพ่อลิ้นดำ มีวาจาสิทธิ์ เป็นที่เคารพและเกรงขามทั้งชาวพุทธศาสนิกชน และมุสลิม หลวงพ่อครนท่านเป็นคนพูดน้อย มีศีลจารวัตรงดงาม เป็นที่เลื่อมใสของผู้คนที่ได้พบเห็นหลวงพ่อให้ความเมตตาต่อทุกผู้ทุกนามโดยไม่เลือกชั้นวรรณะหรือแม้แต่ศาสนา ในยามเมื่อเขาเดือดร้อนตกอยู่ในกองทุกข์ หลวงพ่อก็จะช่วยเหลือปัดเป่าให้พ้นทุกข์ได้เสมอ อีกทั้งท่านยังมีความรู้เรื่องเครื่องยาสมุนไพรอย่างแตกฉาน ช่วยเหลือผู้เจ็บไข้ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งวิทยาคมของท่านก็เข้มขลังเป็นที่ประจักษ์ต่อชาวบ้านในแถบนั้นเป็นอย่างดี จึงเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านเป็นอย่างมาก ในด้านวัตถุมงคล ท่านสร้างพระเครื่องที่มีชื่อเสียงมาก หาของแท้ชมยากมาก ๆ เพราะเป็นที่นิยมมาก ในหมู่ชาวมาเลเซียและสิงคโปร์ แม้จนปัจจุบันนี้ คนไทยในประเทศไทยนิยมสมเด็จวัดระฆังอย่างไร ชาวสิงคโปร์และมาเลเซียที่เป็นพุทธก็นิยมพระปิดตาของหลวงพ่อครนไม่แพ้กัน กล่าวกันว่าวัดบางแซะนั้น แวดล้อมไปด้วยชาวบ้านที่เป็นมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ แต่หลวงพ่อครน ท่านก็ได้รับความเคารพนับถือและเกรงใจอย่างยิ่งจากชาวบ้าน และวัดบางแซะก็สามารถดำรงอยู่ได้ แม้จนปัจจุบันนี้ ด้วยบารมีของท่านนั่นเอง >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    หลวงพ่อครน วัดบางแซะ มาเลเซีย ปี2505 เนื้อว่านหลวงพ่อครน พิมพ์ใหญ่ ด้านหลังกดยันต์ไม้เท้า วัดบางแซะ (วัดอุตตมาราม) มาเลเซีย ปี 2505 //เนื้อว่านผสมมวลสาร 108 พระสถาพสวยมาก พระหายาก เนื้อแห้งเก่าถึงยุค // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณโดดเด่นในด้านอยู่ยงกระพัน มหาอุด ป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง เมตตามหานิยมและลาภผลพูนทวี โชคลาภ ค้าขายดีและเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก. >> ** หลวงพ่อครน วัดบางแซะท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ดวงตาแฝงไว้ด้วยแววแห่งอำนาจ ลิ้นของท่านเป็นปานสีดำ ชาวบ้านจึงเรียกท่านกันอีกชื่อหนึ่งว่า หลวงพ่อลิ้นดำ มีวาจาสิทธิ์ เป็นที่เคารพและเกรงขามทั้งชาวพุทธศาสนิกชน และมุสลิม หลวงพ่อครนท่านเป็นคนพูดน้อย มีศีลจารวัตรงดงาม เป็นที่เลื่อมใสของผู้คนที่ได้พบเห็นหลวงพ่อให้ความเมตตาต่อทุกผู้ทุกนามโดยไม่เลือกชั้นวรรณะหรือแม้แต่ศาสนา ในยามเมื่อเขาเดือดร้อนตกอยู่ในกองทุกข์ หลวงพ่อก็จะช่วยเหลือปัดเป่าให้พ้นทุกข์ได้เสมอ อีกทั้งท่านยังมีความรู้เรื่องเครื่องยาสมุนไพรอย่างแตกฉาน ช่วยเหลือผู้เจ็บไข้ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งวิทยาคมของท่านก็เข้มขลังเป็นที่ประจักษ์ต่อชาวบ้านในแถบนั้นเป็นอย่างดี จึงเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านเป็นอย่างมาก ในด้านวัตถุมงคล ท่านสร้างพระเครื่องที่มีชื่อเสียงมาก หาของแท้ชมยากมาก ๆ เพราะเป็นที่นิยมมาก ในหมู่ชาวมาเลเซียและสิงคโปร์ แม้จนปัจจุบันนี้ คนไทยในประเทศไทยนิยมสมเด็จวัดระฆังอย่างไร ชาวสิงคโปร์และมาเลเซียที่เป็นพุทธก็นิยมพระปิดตาของหลวงพ่อครนไม่แพ้กัน กล่าวกันว่าวัดบางแซะนั้น แวดล้อมไปด้วยชาวบ้านที่เป็นมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ แต่หลวงพ่อครน ท่านก็ได้รับความเคารพนับถือและเกรงใจอย่างยิ่งจากชาวบ้าน และวัดบางแซะก็สามารถดำรงอยู่ได้ แม้จนปัจจุบันนี้ ด้วยบารมีของท่านนั่นเอง >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 694 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌 ความเข้มแข็ง : ทางออกจากวงจรเวรกรรมและทุกข์


    ---

    🔍 1️⃣ "ใจอ่อน" คืออะไร? ทำไมต้องเลิกให้ได้?

    🌿 "ใจอ่อน" ไม่ได้หมายถึงความเมตตาเสมอไป
    แต่หมายถึง "การปล่อยให้กิเลสครอบงำ"

    ใจอ่อนให้กับ ความกลัว → ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง

    ใจอ่อนให้กับ ความหลง → เชื่อแต่สิ่งที่ถูกใจ

    ใจอ่อนให้กับ อารมณ์ชั่ววูบ → ทำผิดซ้ำๆ แม้รู้ว่าไม่ดี


    💡 ทุกครั้งที่ใจอ่อน → เท่ากับให้กิเลสชนะ

    เราจะติดอยู่ในวงจรเดิม เจอทุกข์เดิมๆ

    เหมือนอยู่ใน "เวรกรรม" ที่สร้างซ้ำไปมา


    📌 "เมื่อใดเลิกใจอ่อนเสียได้ → ก็เหมือนหมดเวรหมดกรรมกับทุกข์นั้นๆ"


    ---

    🔍 2️⃣ วิธีพ้นจากการถูก "ครอบงำ" โดยชีวิต

    📌 คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตตาม อารมณ์ ไม่ใช่ สติ

    อารมณ์ดี → คิดว่าทุกอย่างดี

    อารมณ์ร้าย → คิดว่าทุกอย่างแย่

    อารมณ์หลง → คิดว่าไม่มีทางเลือกอื่น


    🌱 แต่แท้จริงแล้ว ชีวิตเป็นของเรา
    เราไม่จำเป็นต้องถูกอารมณ์ หรือสภาพแวดล้อม "ครอบงำ"

    💡 ทางออกคือ... "ฝึกจิตให้เป็นอิสระจากอารมณ์"
    ✅ ฝึกหยุดคิดก่อนทำ → อย่าให้ความอยากหรือโกรธพาไป
    ✅ ฝึกมีสติรู้ทันอารมณ์ → สังเกตว่ากำลังรู้สึกแบบไหน
    ✅ ฝึกปล่อยวาง → ไม่ตามใจตัวเองตลอดเวลา

    📌 "ที่สุดของความคุ้มในชีวิต ไม่ใช่ได้ใช้ชีวิตตามอำเภอใจ
    แต่คือการไม่ต้องถูกชีวิตครอบงำตามอำเภอใจ"


    ---

    🔍 3️⃣ ความเข้มแข็ง = พลังของ "สติ"

    🌟 "ความเข้มแข็งที่แท้จริง" ไม่ใช่แค่ใจแข็ง แต่คือ...
    ✅ "ไม่ใจอ่อนให้กิเลส" → เลือกทางที่ถูก แม้จะยาก
    ✅ "ไม่หวั่นไหวกับอารมณ์ชั่วคราว" → รู้ว่าทุกข์ก็แค่ชั่วคราว
    ✅ "ไม่ปล่อยให้สิ่งไม่ดีครอบงำ" → มีสติรู้ทันใจตัวเอง

    📌 ความเข้มแข็งแท้จริง → คือฝึกสติจนชนะกิเลสได้
    🌱 สติที่แข็งแรง = ใจที่เข้มแข็ง = ชีวิตที่อิสระจากทุกข์


    ---

    🔍 4️⃣ สรุป : อยากหมดทุกข์ ต้องเลิก "ใจอ่อน"

    ✅ ใจอ่อน = ยอมแพ้ให้กิเลส → ต้องทุกข์ซ้ำๆ
    ✅ ใจแข็ง = ไม่ยอมให้กิเลสครอบงำ → หมดเวรหมดกรรม
    ✅ ความเข้มแข็ง = ฝึกสติให้รู้เท่าทันใจตัวเอง

    🌿 "ที่สุดของความสุข ไม่ใช่ได้ทุกอย่างที่อยากได้
    แต่คือไม่ต้องเป็นทาสของกิเลสอีกต่อไป"

    💡 เริ่มตั้งแต่วันนี้ ฝึกใจให้แข็งแรงขึ้นทุกวัน
    💙 แล้ววันหนึ่ง... ชีวิตจะเป็นของเราจริงๆ!

    📌 ความเข้มแข็ง : ทางออกจากวงจรเวรกรรมและทุกข์ --- 🔍 1️⃣ "ใจอ่อน" คืออะไร? ทำไมต้องเลิกให้ได้? 🌿 "ใจอ่อน" ไม่ได้หมายถึงความเมตตาเสมอไป แต่หมายถึง "การปล่อยให้กิเลสครอบงำ" ใจอ่อนให้กับ ความกลัว → ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง ใจอ่อนให้กับ ความหลง → เชื่อแต่สิ่งที่ถูกใจ ใจอ่อนให้กับ อารมณ์ชั่ววูบ → ทำผิดซ้ำๆ แม้รู้ว่าไม่ดี 💡 ทุกครั้งที่ใจอ่อน → เท่ากับให้กิเลสชนะ เราจะติดอยู่ในวงจรเดิม เจอทุกข์เดิมๆ เหมือนอยู่ใน "เวรกรรม" ที่สร้างซ้ำไปมา 📌 "เมื่อใดเลิกใจอ่อนเสียได้ → ก็เหมือนหมดเวรหมดกรรมกับทุกข์นั้นๆ" --- 🔍 2️⃣ วิธีพ้นจากการถูก "ครอบงำ" โดยชีวิต 📌 คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตตาม อารมณ์ ไม่ใช่ สติ อารมณ์ดี → คิดว่าทุกอย่างดี อารมณ์ร้าย → คิดว่าทุกอย่างแย่ อารมณ์หลง → คิดว่าไม่มีทางเลือกอื่น 🌱 แต่แท้จริงแล้ว ชีวิตเป็นของเรา เราไม่จำเป็นต้องถูกอารมณ์ หรือสภาพแวดล้อม "ครอบงำ" 💡 ทางออกคือ... "ฝึกจิตให้เป็นอิสระจากอารมณ์" ✅ ฝึกหยุดคิดก่อนทำ → อย่าให้ความอยากหรือโกรธพาไป ✅ ฝึกมีสติรู้ทันอารมณ์ → สังเกตว่ากำลังรู้สึกแบบไหน ✅ ฝึกปล่อยวาง → ไม่ตามใจตัวเองตลอดเวลา 📌 "ที่สุดของความคุ้มในชีวิต ไม่ใช่ได้ใช้ชีวิตตามอำเภอใจ แต่คือการไม่ต้องถูกชีวิตครอบงำตามอำเภอใจ" --- 🔍 3️⃣ ความเข้มแข็ง = พลังของ "สติ" 🌟 "ความเข้มแข็งที่แท้จริง" ไม่ใช่แค่ใจแข็ง แต่คือ... ✅ "ไม่ใจอ่อนให้กิเลส" → เลือกทางที่ถูก แม้จะยาก ✅ "ไม่หวั่นไหวกับอารมณ์ชั่วคราว" → รู้ว่าทุกข์ก็แค่ชั่วคราว ✅ "ไม่ปล่อยให้สิ่งไม่ดีครอบงำ" → มีสติรู้ทันใจตัวเอง 📌 ความเข้มแข็งแท้จริง → คือฝึกสติจนชนะกิเลสได้ 🌱 สติที่แข็งแรง = ใจที่เข้มแข็ง = ชีวิตที่อิสระจากทุกข์ --- 🔍 4️⃣ สรุป : อยากหมดทุกข์ ต้องเลิก "ใจอ่อน" ✅ ใจอ่อน = ยอมแพ้ให้กิเลส → ต้องทุกข์ซ้ำๆ ✅ ใจแข็ง = ไม่ยอมให้กิเลสครอบงำ → หมดเวรหมดกรรม ✅ ความเข้มแข็ง = ฝึกสติให้รู้เท่าทันใจตัวเอง 🌿 "ที่สุดของความสุข ไม่ใช่ได้ทุกอย่างที่อยากได้ แต่คือไม่ต้องเป็นทาสของกิเลสอีกต่อไป" 💡 เริ่มตั้งแต่วันนี้ ฝึกใจให้แข็งแรงขึ้นทุกวัน 💙 แล้ววันหนึ่ง... ชีวิตจะเป็นของเราจริงๆ!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 526 มุมมอง 0 รีวิว
  • สลามเมืองไทย EP14 | รอมฎอน เดือนอันประเสริฐ (กุมภาพันธ์ - มีนาคม 2025)

    รอมฎอน (Ramadan) เป็นเดือนที่ 9 ตามปฏิทินอิสลาม (ฮิจเราะห์) ซึ่งเป็นปฏิทินจันทรคติ แต่เนื่องจากปฏิทินอิสลามสั้นกว่าปฏิทินสากลประมาณ 10-12 วันต่อปี วันเริ่มต้นของรอมฎอนในปฏิทินสากลจึงเปลี่ยนไปทุกปี

    สำหรับปี 2025 (ฮ.ศ. 1446) คาดว่า รอมฎอนจะเริ่มในช่วงค่ำของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2025 และสิ้นสุดในช่วงค่ำของวันที่ 30 มีนาคม 2025 (ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการดูดวงจันทร์ในแต่ละประเทศ)

    "รอมฎอน: เดือนแห่งการฝึกฝนจิตใจและการเชื่อมสัมพันธ์"
    ✅ ถือศีลอด ตั้งแต่รุ่งอรุณถึงพลบค่ำ เพื่อฝึกความอดทนและละเว้นจากสิ่งที่ไม่ดี
    ✅ ละหมาด ตื่นตัวทางจิตใจ และอ่านอัลกุรอาน เพื่อเสริมสร้างศรัทธา
    ✅ บริจาค ซะกาต และช่วยเหลือผู้อื่น เพื่อส่งต่อความเมตตา
    ✅ สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับครอบครัวและชุมชน

    "มากกว่าการถือศีลอด แต่คือการพัฒนาตนเอง"
    เดือนรอมฎอนไม่ใช่แค่ช่วงเวลาของการงดอาหารและน้ำ แต่เป็น เดือนแห่งการให้อภัย การเสียสละ และการเชื่อมความสัมพันธ์กับพระเจ้าและพี่น้องมุสลิมทั่วโลก

    📌 รับชมเทปย้อนหลังรอมฎอน และเรียนรู้ความสำคัญของเดือนอันประเสริฐนี้ ที่เป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธาและการปฏิบัติตนเพื่อความดีงาม

    #สลามเมืองไทย #EP14 #เทปย้อนหลัง #รอมฎอนเดือนอันประเสริฐ #Ramadan2025 #ถือศีลอด #IslamicFaith #เดือนแห่งศรัทธา #MuslimCommunity #เรียนรู้ศรัทธา #ThaiTimes
    สลามเมืองไทย EP14 | รอมฎอน เดือนอันประเสริฐ (กุมภาพันธ์ - มีนาคม 2025) รอมฎอน (Ramadan) เป็นเดือนที่ 9 ตามปฏิทินอิสลาม (ฮิจเราะห์) ซึ่งเป็นปฏิทินจันทรคติ แต่เนื่องจากปฏิทินอิสลามสั้นกว่าปฏิทินสากลประมาณ 10-12 วันต่อปี วันเริ่มต้นของรอมฎอนในปฏิทินสากลจึงเปลี่ยนไปทุกปี สำหรับปี 2025 (ฮ.ศ. 1446) คาดว่า รอมฎอนจะเริ่มในช่วงค่ำของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2025 และสิ้นสุดในช่วงค่ำของวันที่ 30 มีนาคม 2025 (ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการดูดวงจันทร์ในแต่ละประเทศ) "รอมฎอน: เดือนแห่งการฝึกฝนจิตใจและการเชื่อมสัมพันธ์" ✅ ถือศีลอด ตั้งแต่รุ่งอรุณถึงพลบค่ำ เพื่อฝึกความอดทนและละเว้นจากสิ่งที่ไม่ดี ✅ ละหมาด ตื่นตัวทางจิตใจ และอ่านอัลกุรอาน เพื่อเสริมสร้างศรัทธา ✅ บริจาค ซะกาต และช่วยเหลือผู้อื่น เพื่อส่งต่อความเมตตา ✅ สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับครอบครัวและชุมชน "มากกว่าการถือศีลอด แต่คือการพัฒนาตนเอง" เดือนรอมฎอนไม่ใช่แค่ช่วงเวลาของการงดอาหารและน้ำ แต่เป็น เดือนแห่งการให้อภัย การเสียสละ และการเชื่อมความสัมพันธ์กับพระเจ้าและพี่น้องมุสลิมทั่วโลก 📌 รับชมเทปย้อนหลังรอมฎอน และเรียนรู้ความสำคัญของเดือนอันประเสริฐนี้ ที่เป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธาและการปฏิบัติตนเพื่อความดีงาม #สลามเมืองไทย #EP14 #เทปย้อนหลัง #รอมฎอนเดือนอันประเสริฐ #Ramadan2025 #ถือศีลอด #IslamicFaith #เดือนแห่งศรัทธา #MuslimCommunity #เรียนรู้ศรัทธา #ThaiTimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1036 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • 📌 ยิ่งสวดมนต์นาน ยิ่งได้อานิสงส์มากจริงไหม?


    ---

    🔍 คำตอบสั้นๆ:

    ⏳ "ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาสวดมนต์ แต่ขึ้นอยู่กับคุณภาพของจิตที่สวด"

    ✅ สวดน้อยแต่จิตเป็นสมาธิ สงบ ผ่องใส → ได้บุญมาก
    ❌ สวดนานแต่จิตฟุ้งซ่าน เต็มไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ → ได้บุญน้อย


    ---

    💡 คุณภาพ vs. ระยะเวลา ในการสวดมนต์

    ✅ สวดมนต์อย่างมีคุณภาพ คืออะไร?

    ✔ สวดด้วย จิตตั้งมั่น (สมาธิ)
    ✔ สวดด้วย จิตเลื่อมใส (ศรัทธา)
    ✔ สวดด้วย จิตผ่องใส (ไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ)
    ✔ สวดด้วย เจตนาบริสุทธิ์ (ไม่ได้หวังรางวัลทางโลก)

    🎯 ถ้าสวด 5-10 นาที แต่จิตสงบและผ่องใส → ได้อานิสงส์มาก
    🎯 ถ้าสวด 3-4 ชั่วโมง แต่จิตฟุ้งซ่าน คิดแต่โลภะ → แทบไม่ได้อะไรเลย


    ---

    ❌ สวดนานแต่จิตมีโลภะ = ไม่เกิดอานิสงส์แท้จริง

    🚫 สวดมนต์เพื่อหวังลาภยศ เงินทอง → จิตมีแต่ความโลภ
    🚫 สวดมนต์เพื่อหวังให้เป็นเทวดา นางฟ้า → จิตติดอยู่กับความอยาก
    🚫 สวดมนต์เพราะกลัวนรก ไม่ใช่เพราะศรัทธา → จิตมีแต่ความกลัว

    🎯 จิตมืด = อานิสงส์ก็น้อย
    🎯 จิตเปิดกว้าง สว่าง สงบ = อานิสงส์มาก


    ---

    📌 วิธีสวดมนต์ให้ได้บุญสูงสุด

    ✅ 1️⃣ ตั้งจิตให้ถูกต้อง

    ✔ ไม่หวังผลตอบแทน
    ✔ มีศรัทธาต่อพระรัตนตรัย
    ✔ สวดเพื่อฝึกสติ สมาธิ ปัญญา


    ---

    ✅ 2️⃣ ใส่ใจคุณภาพของจิต มากกว่าจำนวนบท

    ✔ สวดช้าๆ ด้วยความรู้ตัว
    ✔ ทำความเข้าใจความหมายของบทสวด
    ✔ ถ้าสวดแล้วจิตสงบ มีสมาธิ ถือว่าได้บุญแล้ว


    ---

    ✅ 3️⃣ ไม่กดดันตัวเอง ต้องสวดกี่ชั่วโมง

    ✔ ถ้าสวด 5-10 นาทีแล้วจิตดีขึ้น → พอแล้ว
    ✔ ถ้าสวดนานแล้วจิตฟุ้งซ่าน → หยุดแล้วกลับมาสำรวมใหม่


    ---

    ✅ 4️⃣ สวดมนต์ + เจริญเมตตา

    ✔ ถ้าสวดมนต์แล้วจิตเต็มไปด้วยความเมตตา → ได้บุญมาก
    ✔ สวดแล้วอารมณ์สงบ เย็น ใจเบาสบาย → อานิสงส์สูง


    ---

    🎯 สรุป: "สวดมนต์นาน ≠ ได้บุญมาก" แต่

    ✅ "สวดมนต์ด้วยจิตสงบ ผ่องใส = ได้บุญแท้จริง"
    ✅ "สวดมนต์ด้วยศรัทธาและสมาธิ แม้แค่ 5 นาที = ได้อานิสงส์มาก"
    ❌ "สวดมนต์ 3 ชั่วโมง แต่จิตฟุ้งซ่าน เต็มไปด้วยโลภะ = ได้บุญน้อย"

    🔥 "เน้นคุณภาพของจิต มากกว่าปริมาณของเวลาสวด" 🔥

    📌 ยิ่งสวดมนต์นาน ยิ่งได้อานิสงส์มากจริงไหม? --- 🔍 คำตอบสั้นๆ: ⏳ "ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาสวดมนต์ แต่ขึ้นอยู่กับคุณภาพของจิตที่สวด" ✅ สวดน้อยแต่จิตเป็นสมาธิ สงบ ผ่องใส → ได้บุญมาก ❌ สวดนานแต่จิตฟุ้งซ่าน เต็มไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ → ได้บุญน้อย --- 💡 คุณภาพ vs. ระยะเวลา ในการสวดมนต์ ✅ สวดมนต์อย่างมีคุณภาพ คืออะไร? ✔ สวดด้วย จิตตั้งมั่น (สมาธิ) ✔ สวดด้วย จิตเลื่อมใส (ศรัทธา) ✔ สวดด้วย จิตผ่องใส (ไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ) ✔ สวดด้วย เจตนาบริสุทธิ์ (ไม่ได้หวังรางวัลทางโลก) 🎯 ถ้าสวด 5-10 นาที แต่จิตสงบและผ่องใส → ได้อานิสงส์มาก 🎯 ถ้าสวด 3-4 ชั่วโมง แต่จิตฟุ้งซ่าน คิดแต่โลภะ → แทบไม่ได้อะไรเลย --- ❌ สวดนานแต่จิตมีโลภะ = ไม่เกิดอานิสงส์แท้จริง 🚫 สวดมนต์เพื่อหวังลาภยศ เงินทอง → จิตมีแต่ความโลภ 🚫 สวดมนต์เพื่อหวังให้เป็นเทวดา นางฟ้า → จิตติดอยู่กับความอยาก 🚫 สวดมนต์เพราะกลัวนรก ไม่ใช่เพราะศรัทธา → จิตมีแต่ความกลัว 🎯 จิตมืด = อานิสงส์ก็น้อย 🎯 จิตเปิดกว้าง สว่าง สงบ = อานิสงส์มาก --- 📌 วิธีสวดมนต์ให้ได้บุญสูงสุด ✅ 1️⃣ ตั้งจิตให้ถูกต้อง ✔ ไม่หวังผลตอบแทน ✔ มีศรัทธาต่อพระรัตนตรัย ✔ สวดเพื่อฝึกสติ สมาธิ ปัญญา --- ✅ 2️⃣ ใส่ใจคุณภาพของจิต มากกว่าจำนวนบท ✔ สวดช้าๆ ด้วยความรู้ตัว ✔ ทำความเข้าใจความหมายของบทสวด ✔ ถ้าสวดแล้วจิตสงบ มีสมาธิ ถือว่าได้บุญแล้ว --- ✅ 3️⃣ ไม่กดดันตัวเอง ต้องสวดกี่ชั่วโมง ✔ ถ้าสวด 5-10 นาทีแล้วจิตดีขึ้น → พอแล้ว ✔ ถ้าสวดนานแล้วจิตฟุ้งซ่าน → หยุดแล้วกลับมาสำรวมใหม่ --- ✅ 4️⃣ สวดมนต์ + เจริญเมตตา ✔ ถ้าสวดมนต์แล้วจิตเต็มไปด้วยความเมตตา → ได้บุญมาก ✔ สวดแล้วอารมณ์สงบ เย็น ใจเบาสบาย → อานิสงส์สูง --- 🎯 สรุป: "สวดมนต์นาน ≠ ได้บุญมาก" แต่ ✅ "สวดมนต์ด้วยจิตสงบ ผ่องใส = ได้บุญแท้จริง" ✅ "สวดมนต์ด้วยศรัทธาและสมาธิ แม้แค่ 5 นาที = ได้อานิสงส์มาก" ❌ "สวดมนต์ 3 ชั่วโมง แต่จิตฟุ้งซ่าน เต็มไปด้วยโลภะ = ได้บุญน้อย" 🔥 "เน้นคุณภาพของจิต มากกว่าปริมาณของเวลาสวด" 🔥
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 359 มุมมอง 0 รีวิว
  • นี่ละยิวจอมทรยศและเนรคุณ..#เมื่อยิวถามจีนว่า
    ทำไมไม่ช่วยอิสรา.เอล​รบกับ ฮามา.ส
    ลองฟังคับตอบ ประชาชนจีนที่รู้ประวัติศาสตร์​อ่านแล้วถึงกับอึง ยาวหน่อย แต่เป็นความรู้ระดับ #พันปี

    “เมื่อ Ross อเมริกันเชื้อสายยิวกล่าวโจมตี ทำไม จีน ไม่สนับสนุนอิสราเอลโจมตี ฮามาส“

    นี่คือคำตอบ
    ประวัติศาสตร์อีกมุมหนึ่งของชนชาติยิว...

    สองวันที่ผ่านมา
    Ross อดีตประธานภาคพื้นเอเซียแปซิฟิคของ พรรครีพับริกัน
    ได้สร้างข่าวพาดหัวด้วยการ กล่าวหา ชาวจีน ที่เล่นอินเตอร์เนต ว่า ไม่มีความเห็นอกเห็นใจชาวยิว อันเนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งที่กาซ่า..

    ต่อมา มีชาวเนตจีนรายหนึ่ง เข้ามาเห็น จึงเขียนบทความอย่างยืดยาว เพื่อสอนบทเรียนทาง ประวัติศาสตร์ แก่ชาวอเมริกันยิวคนนี้..
    สรุปว่า ต่อมา Ross ได้แอบลบบทวิจารณ์นี้ทิ้งไป...

    ไม่มีใครรู้ว่าผู้เขียนบทความโต้แย้งชายจีนผู้นี้เป็นใคร
    แต่ อย่างไรก็ตาม ข้อเขียนของเขาได้หลุดรอดออกมา และ ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง!

    เป็นข้อเขียนที่ทุกคนต้องอ่าน!

    เพราะเป็นการตอบโต้ที่แข็งกร้าวของชาวเนตจีน..( 11 กค. 2024 )

    สวัสดีครับคุณ Enge...
    ผมรู้สึกช๊อคไปกับคำพูดของคุณที่ว่า
    "หากโลกจะสนใจช่วยชาวยิวในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 (WW II)ืชาวยิวหกล้านคนก็คงไม่ถูกสังหาร"...

    แต่นี่ คงมิใช่ เหตุผล หรือ ทำให้กองทัพยิว มีสิทธิที่จะก่อสงครามล้างเผ่าพันธุ์ต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่าแต่อย่างใด...

    ยิ่งไปกว่า มันไม่เป็นความจริงด้วย..

    ในระหว่าง WW II นั้น ชาวจีนในเซี่ยงไฮ้ และ นานจิง กำลังถูกรุกราน และ ถูกสังหารหมู่ โดยกองทัพญี่ปุ่น
    ในขณะที่ชาวยิวถูกฆ่าโดยนาซี..

    แต่กระนั้นก็ดี แม้ชาวจีนจะประสบเคราะห์กรรมขนาดนั้น ก็ยังยินดีรับเอาชาวยิวกว่า 50,000 คน ที่อพยพไปยังประเทศจีนเพื่อหนีภัยจากนาซี...

    แต่วิธีตอบแทนแบบยิวก็คือ การร่วมมือกับญี่ปุ่น เพื่อสร้างทรัฐชาวยิว ขึ้นในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน!
    แผนงานนี้เป็นที่เลื่องลือในนามของ Pufferfish Plan..
    แต่ก็โชคร้าย ซึ่งในที่สุดแผนการณ์นี้ล้มเหลว..
    ทำให้นิทานเรื่องชาวนาและงูเห่า ไม่อาจเกิดเป็นจริงได้ในแผ่นดินจีน...

    แต่ที่เหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อราวสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
    เจ้าหน้าที่คนของสถานทูตอิสราเอล ได้กล่าวอ้างอย่างเปิดเผยผ่านทางรูปถ่ายว่า ที่ตั้งของสถานทูตที่อยู่บนถนนในเซี่ยงไฮ้ เกิดจากการยินยอมให้ใช้ของฝรั่งเศส!(ทั้งที่เรื่องกฏหมายสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ถูกยกเลิกไปนานแล้ว)

    แต่แน่นอน
    หากพูดถึงสัมพันธภาพระหว่างจีน กับ ชาวยิว ย่อมมีอะไรที่มากไปกว่านั้นมากมาย

    ชาวยิวได้ร่อนเร่มายังประเทศจีนตั้งแต่สมัย ราชวงศ์ซ่ง
    หรือ ราวพันปีที่ผ่านมา และ ได้ตั้งถิ่นฐานในจีนตั้งแต่นั้นมา

    ราชวงศ์ซ่ง ปกครองอาณาจักรจีนโบราณ ที่ถือกันว่าสมบูรณ์พูนสุขิและ ร่ำรวยที่สุดราชวงศ์หนึ่ง

    อย่างไรก็ดี
    ในกาลต่อมา เมื่อราชวงศ์ซ่งล่มสลาย ผู้คนอพยพหนีภัยไปทางทิศใต้
    นักธุรกิจชาวยิว ที่มีชื่อสกุล Pu ได้ใช้กำลังทหารส่วนตัว เข่นฆ่าชาวเมืองจำนวนมากที่เคยเป็นราษฎรภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซ่ง แล้วนำศพไปให้กองทัพของราชวงศ์ หยวน
    เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ของการยอมรับในอำนาจของผู้ปกครองชาว มงโกล รายใหม่

    ในหลายสิบปีหลังจากนั้น ราชวงศ์ จูหยวนจาง ได้โค่นราชวงศ์หยวนลง และ จัดตั้งราชวงศ์หมิงขึ้น
    คนจีนที่สืบเชื้อสายจากชาวฮั่น จึงกลับขึ้นมามีอำนาจอีกครั้ง
    แต่ก็มิได้ขับไล่ชุมชนชาวยิวกลุ่มทรยศเหล่านี้ออกไป (ทั้งที่ได้เข่นฆ่าชาวจีนไปมากก่อนหน้านั้น)

    ต่อมา ในสมัยประวัติศาสตร์ช่วงการเกิดสงครามฝิ่น
    มีนักธุรกิจชาวยิว ตระกูล Sassoon ได้นำฝิ่นจำนวนมากมาจำหน่ายเพื่อหวังผลกำไร
    ทำให้ชาวจีนติดฝิ่นกันงอมแงม ประชากรชาวจีน อ่อนแอ และ ล้มตายกันเป็นจำนวนมาก.. คุณ (Mr Ross)เคยใช้ชีวิตอยู่ในเอเซียมาหลายปี น่าจะคุ้นเคยกับเรื่องนี้ดี

    เหตุการณ์ สงครามฉนวนกาซ่าในครั้งนี้
    ชาวจีน มิได้รู้สึกเห็นใจ ชาวยิว เพราะชาวจีน มีการศึกษาเรื่องคุณธรรม ร่วมสามพันปีมาแล้ว

    "Shangshu" วรรณกรรมคลาสิกที่ยังเหลืออยู่ของจีน ที่เขียนขึ้นมาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสตกาลหรือราว 3,000 ปีพอดี ซึ่งคงเป็นระยะเวลาเดียวกับที่ชาวยิวถูกขับไล่ออกจากดินแดนแห่งพันธสัญญา (Promised Land) และเป็นชนชาติเร่ร่อนตั้งแต่นั้นมา

    ถ้าคุณ( Mr. Ross )คุ้นเคย กับอดีต และ ประวัติศาสตร์ ชาวยิว ของคุณ คุณก็ควรรับรู้และตระหนักถึงมันด้วย

    ชาวอียิปต์ ยอมรับ ชาวยิว เข้าไปในดินแดนของตน
    แต่ ชาวยิว กลับทรยศ ต่อชาวอียิปต์ หลายต่อหลายครั้ง
    จนในที่สุด ชาวยิว ก็ถูกเข่นฆ่าและ ขับไล่ออกไปจากดินแดนอียิปต์โดย กษัตริย์ฟาโรห์

    อาณาจักรโรมัน ยอมรับ ชาวยิว เป็นส่วนหนึ่งของโรมัน ถึงขนาดจัดตั้งชุมชนให้เป็น กลุ่มก้อน โดยเฉพาะ
    แต่ ชาวยิว กลับถือโอกาสก่อการกบฎ ในช่วงเวลาที่กษัตริย์ Trajan มุ่งขยายดินแดนไปทางตะวันออก และ กองกำลังความมั่นคงในโรมันอ่อนแอลง

    หลังจาก ชาวยิว สังหารกองกำลังโรมัน ที่มีอยู่น้อยนิด
    ชาวยิว ก็บุกสังหาร พลเรือนชาวโรมัน อย่างบ้าคลั่ง
    ถึงขนาด เฉือนเอาผิวหนังมาทำเสื้อผ้า กินเนื้อเป็นอาหาร และ โยนซากศพไปเป็นอาหารของสัตว์ดุร้าย..

    ในเมือง Cyprus Salamis และ Libya พลเรือนชาวโรมันราว 220,000 คน ถูกสังหารโดย ชาวยิว

    แม้ต่อหน้าพลเรือนชาวโรมัน
    ชาวยิวดูจะทารุณโหดร้ายมาก
    แต่ในที่สุดกษัตริย์ Trajan ใช้กำลังทหารเพียงสองชุด ก็สามารถทวงคืนอำนาจจากชาวยิวได้อย่างสมบูรณ์

    กองทัพโรมันที่โกรธแค้นได้เคลื่อนทัพจากดินแดนเมโสโปเตเมีย ไปตามฝั่ง ตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน..จนทำให้ชาวยิวที่อาศัยในพื้นที่เหล่านี้ถูกเข่นฆ่าจนเกือบหมด
    ต่อมา ชาวยิว ก็ก่อกบฎอีกครั้ง ครววนี้ มุ่งสังหารผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะ

    แต่ครั้งนี้ โชคไม่เข้าข้างชาวยิว เมื่อต้องพบกับกษัตริย์ Hadrian ผู้ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ที่เฉลียวฉลาดที่สุดคนหนึ่งของกรุงโรม ผู้ที่ได้ระดมกำลังทหาร 120,000 นาย เข้าจัดการสังหาร ชาวยิว ที่ก่อการกบฎได้อย่างเบ็ดเสร็จ

    กษัตริย์ Hadrian ได้ศึกษาบทเรียนจากยุคสมัยของกษัตริย์ Trajan
    จึงได้ยกเลิก ชุมชนชาวยิว เสียทั้งหมด
    ทำให้ชาวยิวต้องอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย และ แตกกระสานซ่านเซ็นไปทั่วโลก

    นอกจากนั้น ยังมีจักรพรรดิ Titus ผู้บุกทำลาย และ สังหาร ชาวยิวในกรุงเยลูซาเล็ม
    ที่เคยเป็น Second Temple จนปัจจุบันเหลือเพียง Western Wall (หรือที่เรียกว่า กำแพงร้องไห้)ที่ชาวยิวใช้เป็นที่สวดมนต์ไปติดต่อพระเจ้าฯ

    เป็นเวลานับพันปี ที่ชาวยิว ต้องถูก เข่นฆ่า และ ขับออกนอกประเทศต่างๆนับครั้งไม่ถ้วน
    แต่ พวกคุณ ชาวยิว ก็ได้ทรยศต่อ ชาติต่างๆ จำนวนไม่น้อย ที่เห็นอกเห็นใจต่อความยากลำบากของพวกคุณ

    กระนั้นก็ดี
    พวกคุณ ก็ยังคงโอหัง เชื่อว่า ชนชาติตน เป็นชนชาติอภิสิทธิ์ ที่เหนือกว่าคนชาติอื่นๆ และ เชื่อว่า เป็น ชนชาติ ที่พระเจ้าเลือกสรรไว้ ให้เป็นใหญ่กว่าชนชาติอื่นใด

    ทำให้ ชาวไซออนนิสยิว ไม่เคยตระหนักถึงอดีตของตน..
    จนเป็นที่สรุปกันแล้วว่า วัฒนธรรมของชนชาติยิว มีลักษณะที่เข้ากับใครยาก และ ไม่ยอมปรับตัวเข้าหาวัฒนธรรมอื่น

    ความเชื่อของชาวยิวเหล่านี้ จะใช้กับคนจีนไม่ได้
    เพราะ คนจีนมีหลักการด้านคุณธรรมของตนเอง และ ไม่เคยคิดว่าชนชาติตนเหนือกว่าคนชนะชาติอื่น
    แต่จะปฏิบัติต่อคนชาติอื่น อย่างเท่าเทียมกัน และ ไม่เกรงกลัวต่อชนชาติอื่น ที่คิดว่าเหนือกว่าชาวจีน

    คนจีน จะมีความ อดทน อดกลั้น มีความละอายใจ มีความกตัญญูรู้คุณ และ รู้จักตอบแทนบุญคุณคน

    John Rabe อดีตนาซี ผู้ที่ครั้งหนึ่ง เคยช่วยชีวิตชาวจีนที่นานจิง คนจีนที่รู้เรื่องนี้ จะนึกถึงบุญคุณของเขาเสมอ

    จากเหตุการณ์ เมื่อสองปีที่แล้ว ที่โรงพยาบาล สถานที่ที่หลานของ John Rabe ทำงานอยู่ เกิดการขาดแคลนยารักษาโรค
    จึงร้องขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตจีนในเยอรมัน
    ปรากฏว่า ชาวจีนต่างช่วยกันบริจาคเงินและสิ่งของให้กันอย่างแข็งขัน ด้วยความสำนึกในพระคุณในอดีต ของ John Rabe

    ในช่วง WW II ประธานของสภากาชาดแห่งสวีเดน เคยช่วยเหลือเชลยถึง 35,000 คน จากค่ายกักกันของนาซี
    โดยในจำนวนนี้เป็นชาวยิวถึง 6,000 คน..

    ต่อมา เมื่อเขาถูกยูเอ็น ส่งไปเป็นผู้แทน เพื่อยืนยันประเด็นที่เกี่ยวกับขอบเขตดินแดนในกรุงเยรูซาเล็ม ที่กำหนดขึ้นใหม่ระหว่างอิสราเอล กับ ปาเลสไตน์

    ปรากฏว่าเขาถูกยิงถึงหกนัดและเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ จากมือสังหารชาวยิว..
    เพียงเพราะ เขาพูดถึง "ความยุติธรรม" เพียงไม่กี่คำ

    ในระหว่าง WW II เช่นเดียวกัน
    ประเทศยูโกสลาเวีย เคยช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงชาวยิวไว้คนหนึ่ง..
    แต่ 50 ปีต่อมา เธอกลับเป็นคนสั่งให้ทิ้งระเบิดยูโกสลาเวียอย่างไม่เลือกหน้า...

    หลายปีต่อมา
    เมื่อเธอ ถูกผู้สื่อข่าวถามในระหว่างการให้สัมภาษณ์ว่า เธอรู้สึกเสียใจบ้างหรือไม่ กับการสั่งทิ้งระเบิดยูโกสลาเวีย..
    เธอตอบว่า.."ไม่เลย"..

    เธอผู้นั้น คือ อดีตสตรีที่เป็น รัฐมนตรีต่างประเทศ คนแรกของสหรัฐ..Madeleine Albright!

    ในการให้สัมภาษณ์ในรายการ 60 Minutes ในปี1996..
    M. Albright กล่าวว่า
    การที่สหรัฐแซงชั่นอิรัค(สมัยซัดดัม) ซึ่งได้สังหารเด็กชาวอิรัคไปกว่าครึ่งล้าน (เพราะขาดแคลนอาหารและยารักษาโรค)นั้น
    เป็นสิ่งที่คุ้มค่า!
    ทั้งๆที่ การบุกเข้ายึดครองอิรัคเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ
    เพราะสหรัฐอ้างว่า อิรัคกำลังผลิตอาวุธทำลายล้าง
    ด้วยการนำเสนอเพียงภาพ “ผงซักฟอก” ในสื่อ ว่าคือ “สารเคมี” ที่ใช้สร้างอาวุธชีวภาพ

    นาง M. Albright กล่าวอย่างโจ่งแจ้งท้าทายว่า..
    การเข่นฆ่าเด็กนับล้าน เป็นสิ่งที่คุ้มค่าแล้ว!

    ในปี 1947 เมื่อชาวยิว อพยพทางเรือมายังดินแดนปาเลสไตน์
    มีการเขียนข้างลำเรือไว้ว่า..
    "คนเยอรมันได้ทำลายบ้านเรือนของเรา โปรดอย่าทำลายความหวังของเราอีก"...

    ด้วยความเมตตา ชาวปาเลสไตน์ยอมรับชาวยิวอพยพเข้าสู่ดินแดนของตน..
    ในที่สุด ชาวยิว อ้างในภายหลังว่า ดินแดน ปาเลสไตน์ นี้ เป็นดินแดนแห่งพันธสัญญา- Promised Land ของพวกเราชนชาติยิว!

    ตลอดเวลากว่า 70 ปี ที่ชาวไซออนนิสต์ยิว ได้สังหารชาวปาเลสไตน์ ผู้ที่เมตตา และ ยินยอมให้ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐานต่อเนื่องยาวนาน

    แต่ ชาวยิว กลับมาเนรคุณ สร้างอาณาจักรแห่งการเหยียดผิว ที่เปรียบเสมือนเรือนจำกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก..
    และ ยังปฏิบัติ ต่อชาวปาเลสไตน์เยี่ยงสัตว์ (subhumans)

    พวกคุณชาวยิว
    ยังจะต้องการความเห็นอกเห็นใจอีกมากแค่ไหน คุณจึงจะพอใจ

    สำหรับการไม่รู้จักบุญคุณคน และ จากข้อมูลใน ประวัติศาสตร์ที่พวกคุณตอบแทนความเมตตา และ ตอบแทนการยอมรับของคนชาติอื่นด้วยการทรยศ ด้วยการพร้อมที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาติอื่นที่เคยช่วยเหลือพวกคุณ ชาวยิว อีกหรือ!

    ประโยคหนึ่ง ที่เขียนในวรรณกรรมคลาสสิก ของจีน ที่ชื่อว่า..“การเดินหน้าเข้าสู่ตวามตาย” (The Death March)...กล่าวว่า

    "ประเทศเล็ก ที่ไม่ตระหนักในตนเอง ไม่เคารพต่อประเทศอื่นๆ แสดงความหยาบช้า ดูถูกดูแคลน ประเทศเพื่อนบ้านอันมั่นคงที่ตั้งอยู่ก่อน
    พลันแต่มี ความโลภ ไม่อินังขังขอบต่อ มิตรภาพ และ ความเป็นเพื่อน..
    ก็ย่อมจะนำพาตนเอง เดินทางไปสู่ความพินาศย่อยยับอย่างไม่ต้องสงสัย“

    บทความนี้น่าสนใจมาก
    เป็นประวัติศาสตร์ ที่ชาวโลกอีกหลายล้านอาจจะยังไม่เคยได้รับรู้

    ซึ่ง อาจจะมีคนตั้งกระทู้ ตั้งข้อโต้แย้ง ขึ้นมาได้

    อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครทราบความเป็นจริง
    อยู่ที่ คนตั้งกระทู้ จะหาหลักฐานมาโต้แย้งทางประวัติศาสตร์ ได้ หรือ ไม่ได้

    ซึ่งหากมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์มาโต้แย้งได้
    ก็จะยิ่งน่าศึกษา น่าติดตาม
    เพื่อให้ความจริงกระจ่างยิ่งขึ้น
    และ นับเป็นเรื่องดี ที่จะได้ทราบกันจริงๆว่า
    “ ยิว เป็นชนชาติประเภทใด?“
    ดีจริงแท้ หรือ ซาตานลวงโลก กันแน่ ?
    ......
    (แปลโดย : SB-22/07/24)
    ส่งต่อจาก วิชา มหาคุณ
    นี่ละยิวจอมทรยศและเนรคุณ..#เมื่อยิวถามจีนว่า ทำไมไม่ช่วยอิสรา.เอล​รบกับ ฮามา.ส ลองฟังคับตอบ ประชาชนจีนที่รู้ประวัติศาสตร์​อ่านแล้วถึงกับอึง ยาวหน่อย แต่เป็นความรู้ระดับ #พันปี “เมื่อ Ross อเมริกันเชื้อสายยิวกล่าวโจมตี ทำไม จีน ไม่สนับสนุนอิสราเอลโจมตี ฮามาส“ นี่คือคำตอบ ประวัติศาสตร์อีกมุมหนึ่งของชนชาติยิว... สองวันที่ผ่านมา Ross อดีตประธานภาคพื้นเอเซียแปซิฟิคของ พรรครีพับริกัน ได้สร้างข่าวพาดหัวด้วยการ กล่าวหา ชาวจีน ที่เล่นอินเตอร์เนต ว่า ไม่มีความเห็นอกเห็นใจชาวยิว อันเนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งที่กาซ่า.. ต่อมา มีชาวเนตจีนรายหนึ่ง เข้ามาเห็น จึงเขียนบทความอย่างยืดยาว เพื่อสอนบทเรียนทาง ประวัติศาสตร์ แก่ชาวอเมริกันยิวคนนี้.. สรุปว่า ต่อมา Ross ได้แอบลบบทวิจารณ์นี้ทิ้งไป... ไม่มีใครรู้ว่าผู้เขียนบทความโต้แย้งชายจีนผู้นี้เป็นใคร แต่ อย่างไรก็ตาม ข้อเขียนของเขาได้หลุดรอดออกมา และ ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง! เป็นข้อเขียนที่ทุกคนต้องอ่าน! เพราะเป็นการตอบโต้ที่แข็งกร้าวของชาวเนตจีน..( 11 กค. 2024 ) สวัสดีครับคุณ Enge... ผมรู้สึกช๊อคไปกับคำพูดของคุณที่ว่า "หากโลกจะสนใจช่วยชาวยิวในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 (WW II)ืชาวยิวหกล้านคนก็คงไม่ถูกสังหาร"... แต่นี่ คงมิใช่ เหตุผล หรือ ทำให้กองทัพยิว มีสิทธิที่จะก่อสงครามล้างเผ่าพันธุ์ต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่าแต่อย่างใด... ยิ่งไปกว่า มันไม่เป็นความจริงด้วย.. ในระหว่าง WW II นั้น ชาวจีนในเซี่ยงไฮ้ และ นานจิง กำลังถูกรุกราน และ ถูกสังหารหมู่ โดยกองทัพญี่ปุ่น ในขณะที่ชาวยิวถูกฆ่าโดยนาซี.. แต่กระนั้นก็ดี แม้ชาวจีนจะประสบเคราะห์กรรมขนาดนั้น ก็ยังยินดีรับเอาชาวยิวกว่า 50,000 คน ที่อพยพไปยังประเทศจีนเพื่อหนีภัยจากนาซี... แต่วิธีตอบแทนแบบยิวก็คือ การร่วมมือกับญี่ปุ่น เพื่อสร้างทรัฐชาวยิว ขึ้นในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน! แผนงานนี้เป็นที่เลื่องลือในนามของ Pufferfish Plan.. แต่ก็โชคร้าย ซึ่งในที่สุดแผนการณ์นี้ล้มเหลว.. ทำให้นิทานเรื่องชาวนาและงูเห่า ไม่อาจเกิดเป็นจริงได้ในแผ่นดินจีน... แต่ที่เหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อราวสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่คนของสถานทูตอิสราเอล ได้กล่าวอ้างอย่างเปิดเผยผ่านทางรูปถ่ายว่า ที่ตั้งของสถานทูตที่อยู่บนถนนในเซี่ยงไฮ้ เกิดจากการยินยอมให้ใช้ของฝรั่งเศส!(ทั้งที่เรื่องกฏหมายสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ถูกยกเลิกไปนานแล้ว) แต่แน่นอน หากพูดถึงสัมพันธภาพระหว่างจีน กับ ชาวยิว ย่อมมีอะไรที่มากไปกว่านั้นมากมาย ชาวยิวได้ร่อนเร่มายังประเทศจีนตั้งแต่สมัย ราชวงศ์ซ่ง หรือ ราวพันปีที่ผ่านมา และ ได้ตั้งถิ่นฐานในจีนตั้งแต่นั้นมา ราชวงศ์ซ่ง ปกครองอาณาจักรจีนโบราณ ที่ถือกันว่าสมบูรณ์พูนสุขิและ ร่ำรวยที่สุดราชวงศ์หนึ่ง อย่างไรก็ดี ในกาลต่อมา เมื่อราชวงศ์ซ่งล่มสลาย ผู้คนอพยพหนีภัยไปทางทิศใต้ นักธุรกิจชาวยิว ที่มีชื่อสกุล Pu ได้ใช้กำลังทหารส่วนตัว เข่นฆ่าชาวเมืองจำนวนมากที่เคยเป็นราษฎรภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซ่ง แล้วนำศพไปให้กองทัพของราชวงศ์ หยวน เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ของการยอมรับในอำนาจของผู้ปกครองชาว มงโกล รายใหม่ ในหลายสิบปีหลังจากนั้น ราชวงศ์ จูหยวนจาง ได้โค่นราชวงศ์หยวนลง และ จัดตั้งราชวงศ์หมิงขึ้น คนจีนที่สืบเชื้อสายจากชาวฮั่น จึงกลับขึ้นมามีอำนาจอีกครั้ง แต่ก็มิได้ขับไล่ชุมชนชาวยิวกลุ่มทรยศเหล่านี้ออกไป (ทั้งที่ได้เข่นฆ่าชาวจีนไปมากก่อนหน้านั้น) ต่อมา ในสมัยประวัติศาสตร์ช่วงการเกิดสงครามฝิ่น มีนักธุรกิจชาวยิว ตระกูล Sassoon ได้นำฝิ่นจำนวนมากมาจำหน่ายเพื่อหวังผลกำไร ทำให้ชาวจีนติดฝิ่นกันงอมแงม ประชากรชาวจีน อ่อนแอ และ ล้มตายกันเป็นจำนวนมาก.. คุณ (Mr Ross)เคยใช้ชีวิตอยู่ในเอเซียมาหลายปี น่าจะคุ้นเคยกับเรื่องนี้ดี เหตุการณ์ สงครามฉนวนกาซ่าในครั้งนี้ ชาวจีน มิได้รู้สึกเห็นใจ ชาวยิว เพราะชาวจีน มีการศึกษาเรื่องคุณธรรม ร่วมสามพันปีมาแล้ว "Shangshu" วรรณกรรมคลาสิกที่ยังเหลืออยู่ของจีน ที่เขียนขึ้นมาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสตกาลหรือราว 3,000 ปีพอดี ซึ่งคงเป็นระยะเวลาเดียวกับที่ชาวยิวถูกขับไล่ออกจากดินแดนแห่งพันธสัญญา (Promised Land) และเป็นชนชาติเร่ร่อนตั้งแต่นั้นมา ถ้าคุณ( Mr. Ross )คุ้นเคย กับอดีต และ ประวัติศาสตร์ ชาวยิว ของคุณ คุณก็ควรรับรู้และตระหนักถึงมันด้วย ชาวอียิปต์ ยอมรับ ชาวยิว เข้าไปในดินแดนของตน แต่ ชาวยิว กลับทรยศ ต่อชาวอียิปต์ หลายต่อหลายครั้ง จนในที่สุด ชาวยิว ก็ถูกเข่นฆ่าและ ขับไล่ออกไปจากดินแดนอียิปต์โดย กษัตริย์ฟาโรห์ อาณาจักรโรมัน ยอมรับ ชาวยิว เป็นส่วนหนึ่งของโรมัน ถึงขนาดจัดตั้งชุมชนให้เป็น กลุ่มก้อน โดยเฉพาะ แต่ ชาวยิว กลับถือโอกาสก่อการกบฎ ในช่วงเวลาที่กษัตริย์ Trajan มุ่งขยายดินแดนไปทางตะวันออก และ กองกำลังความมั่นคงในโรมันอ่อนแอลง หลังจาก ชาวยิว สังหารกองกำลังโรมัน ที่มีอยู่น้อยนิด ชาวยิว ก็บุกสังหาร พลเรือนชาวโรมัน อย่างบ้าคลั่ง ถึงขนาด เฉือนเอาผิวหนังมาทำเสื้อผ้า กินเนื้อเป็นอาหาร และ โยนซากศพไปเป็นอาหารของสัตว์ดุร้าย.. ในเมือง Cyprus Salamis และ Libya พลเรือนชาวโรมันราว 220,000 คน ถูกสังหารโดย ชาวยิว แม้ต่อหน้าพลเรือนชาวโรมัน ชาวยิวดูจะทารุณโหดร้ายมาก แต่ในที่สุดกษัตริย์ Trajan ใช้กำลังทหารเพียงสองชุด ก็สามารถทวงคืนอำนาจจากชาวยิวได้อย่างสมบูรณ์ กองทัพโรมันที่โกรธแค้นได้เคลื่อนทัพจากดินแดนเมโสโปเตเมีย ไปตามฝั่ง ตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน..จนทำให้ชาวยิวที่อาศัยในพื้นที่เหล่านี้ถูกเข่นฆ่าจนเกือบหมด ต่อมา ชาวยิว ก็ก่อกบฎอีกครั้ง ครววนี้ มุ่งสังหารผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะ แต่ครั้งนี้ โชคไม่เข้าข้างชาวยิว เมื่อต้องพบกับกษัตริย์ Hadrian ผู้ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ที่เฉลียวฉลาดที่สุดคนหนึ่งของกรุงโรม ผู้ที่ได้ระดมกำลังทหาร 120,000 นาย เข้าจัดการสังหาร ชาวยิว ที่ก่อการกบฎได้อย่างเบ็ดเสร็จ กษัตริย์ Hadrian ได้ศึกษาบทเรียนจากยุคสมัยของกษัตริย์ Trajan จึงได้ยกเลิก ชุมชนชาวยิว เสียทั้งหมด ทำให้ชาวยิวต้องอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย และ แตกกระสานซ่านเซ็นไปทั่วโลก นอกจากนั้น ยังมีจักรพรรดิ Titus ผู้บุกทำลาย และ สังหาร ชาวยิวในกรุงเยลูซาเล็ม ที่เคยเป็น Second Temple จนปัจจุบันเหลือเพียง Western Wall (หรือที่เรียกว่า กำแพงร้องไห้)ที่ชาวยิวใช้เป็นที่สวดมนต์ไปติดต่อพระเจ้าฯ เป็นเวลานับพันปี ที่ชาวยิว ต้องถูก เข่นฆ่า และ ขับออกนอกประเทศต่างๆนับครั้งไม่ถ้วน แต่ พวกคุณ ชาวยิว ก็ได้ทรยศต่อ ชาติต่างๆ จำนวนไม่น้อย ที่เห็นอกเห็นใจต่อความยากลำบากของพวกคุณ กระนั้นก็ดี พวกคุณ ก็ยังคงโอหัง เชื่อว่า ชนชาติตน เป็นชนชาติอภิสิทธิ์ ที่เหนือกว่าคนชาติอื่นๆ และ เชื่อว่า เป็น ชนชาติ ที่พระเจ้าเลือกสรรไว้ ให้เป็นใหญ่กว่าชนชาติอื่นใด ทำให้ ชาวไซออนนิสยิว ไม่เคยตระหนักถึงอดีตของตน.. จนเป็นที่สรุปกันแล้วว่า วัฒนธรรมของชนชาติยิว มีลักษณะที่เข้ากับใครยาก และ ไม่ยอมปรับตัวเข้าหาวัฒนธรรมอื่น ความเชื่อของชาวยิวเหล่านี้ จะใช้กับคนจีนไม่ได้ เพราะ คนจีนมีหลักการด้านคุณธรรมของตนเอง และ ไม่เคยคิดว่าชนชาติตนเหนือกว่าคนชนะชาติอื่น แต่จะปฏิบัติต่อคนชาติอื่น อย่างเท่าเทียมกัน และ ไม่เกรงกลัวต่อชนชาติอื่น ที่คิดว่าเหนือกว่าชาวจีน คนจีน จะมีความ อดทน อดกลั้น มีความละอายใจ มีความกตัญญูรู้คุณ และ รู้จักตอบแทนบุญคุณคน John Rabe อดีตนาซี ผู้ที่ครั้งหนึ่ง เคยช่วยชีวิตชาวจีนที่นานจิง คนจีนที่รู้เรื่องนี้ จะนึกถึงบุญคุณของเขาเสมอ จากเหตุการณ์ เมื่อสองปีที่แล้ว ที่โรงพยาบาล สถานที่ที่หลานของ John Rabe ทำงานอยู่ เกิดการขาดแคลนยารักษาโรค จึงร้องขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตจีนในเยอรมัน ปรากฏว่า ชาวจีนต่างช่วยกันบริจาคเงินและสิ่งของให้กันอย่างแข็งขัน ด้วยความสำนึกในพระคุณในอดีต ของ John Rabe ในช่วง WW II ประธานของสภากาชาดแห่งสวีเดน เคยช่วยเหลือเชลยถึง 35,000 คน จากค่ายกักกันของนาซี โดยในจำนวนนี้เป็นชาวยิวถึง 6,000 คน.. ต่อมา เมื่อเขาถูกยูเอ็น ส่งไปเป็นผู้แทน เพื่อยืนยันประเด็นที่เกี่ยวกับขอบเขตดินแดนในกรุงเยรูซาเล็ม ที่กำหนดขึ้นใหม่ระหว่างอิสราเอล กับ ปาเลสไตน์ ปรากฏว่าเขาถูกยิงถึงหกนัดและเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ จากมือสังหารชาวยิว.. เพียงเพราะ เขาพูดถึง "ความยุติธรรม" เพียงไม่กี่คำ ในระหว่าง WW II เช่นเดียวกัน ประเทศยูโกสลาเวีย เคยช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงชาวยิวไว้คนหนึ่ง.. แต่ 50 ปีต่อมา เธอกลับเป็นคนสั่งให้ทิ้งระเบิดยูโกสลาเวียอย่างไม่เลือกหน้า... หลายปีต่อมา เมื่อเธอ ถูกผู้สื่อข่าวถามในระหว่างการให้สัมภาษณ์ว่า เธอรู้สึกเสียใจบ้างหรือไม่ กับการสั่งทิ้งระเบิดยูโกสลาเวีย.. เธอตอบว่า.."ไม่เลย".. เธอผู้นั้น คือ อดีตสตรีที่เป็น รัฐมนตรีต่างประเทศ คนแรกของสหรัฐ..Madeleine Albright! ในการให้สัมภาษณ์ในรายการ 60 Minutes ในปี1996.. M. Albright กล่าวว่า การที่สหรัฐแซงชั่นอิรัค(สมัยซัดดัม) ซึ่งได้สังหารเด็กชาวอิรัคไปกว่าครึ่งล้าน (เพราะขาดแคลนอาหารและยารักษาโรค)นั้น เป็นสิ่งที่คุ้มค่า! ทั้งๆที่ การบุกเข้ายึดครองอิรัคเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะสหรัฐอ้างว่า อิรัคกำลังผลิตอาวุธทำลายล้าง ด้วยการนำเสนอเพียงภาพ “ผงซักฟอก” ในสื่อ ว่าคือ “สารเคมี” ที่ใช้สร้างอาวุธชีวภาพ นาง M. Albright กล่าวอย่างโจ่งแจ้งท้าทายว่า.. การเข่นฆ่าเด็กนับล้าน เป็นสิ่งที่คุ้มค่าแล้ว! ในปี 1947 เมื่อชาวยิว อพยพทางเรือมายังดินแดนปาเลสไตน์ มีการเขียนข้างลำเรือไว้ว่า.. "คนเยอรมันได้ทำลายบ้านเรือนของเรา โปรดอย่าทำลายความหวังของเราอีก"... ด้วยความเมตตา ชาวปาเลสไตน์ยอมรับชาวยิวอพยพเข้าสู่ดินแดนของตน.. ในที่สุด ชาวยิว อ้างในภายหลังว่า ดินแดน ปาเลสไตน์ นี้ เป็นดินแดนแห่งพันธสัญญา- Promised Land ของพวกเราชนชาติยิว! ตลอดเวลากว่า 70 ปี ที่ชาวไซออนนิสต์ยิว ได้สังหารชาวปาเลสไตน์ ผู้ที่เมตตา และ ยินยอมให้ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐานต่อเนื่องยาวนาน แต่ ชาวยิว กลับมาเนรคุณ สร้างอาณาจักรแห่งการเหยียดผิว ที่เปรียบเสมือนเรือนจำกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก.. และ ยังปฏิบัติ ต่อชาวปาเลสไตน์เยี่ยงสัตว์ (subhumans) พวกคุณชาวยิว ยังจะต้องการความเห็นอกเห็นใจอีกมากแค่ไหน คุณจึงจะพอใจ สำหรับการไม่รู้จักบุญคุณคน และ จากข้อมูลใน ประวัติศาสตร์ที่พวกคุณตอบแทนความเมตตา และ ตอบแทนการยอมรับของคนชาติอื่นด้วยการทรยศ ด้วยการพร้อมที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาติอื่นที่เคยช่วยเหลือพวกคุณ ชาวยิว อีกหรือ! ประโยคหนึ่ง ที่เขียนในวรรณกรรมคลาสสิก ของจีน ที่ชื่อว่า..“การเดินหน้าเข้าสู่ตวามตาย” (The Death March)...กล่าวว่า "ประเทศเล็ก ที่ไม่ตระหนักในตนเอง ไม่เคารพต่อประเทศอื่นๆ แสดงความหยาบช้า ดูถูกดูแคลน ประเทศเพื่อนบ้านอันมั่นคงที่ตั้งอยู่ก่อน พลันแต่มี ความโลภ ไม่อินังขังขอบต่อ มิตรภาพ และ ความเป็นเพื่อน.. ก็ย่อมจะนำพาตนเอง เดินทางไปสู่ความพินาศย่อยยับอย่างไม่ต้องสงสัย“ บทความนี้น่าสนใจมาก เป็นประวัติศาสตร์ ที่ชาวโลกอีกหลายล้านอาจจะยังไม่เคยได้รับรู้ ซึ่ง อาจจะมีคนตั้งกระทู้ ตั้งข้อโต้แย้ง ขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครทราบความเป็นจริง อยู่ที่ คนตั้งกระทู้ จะหาหลักฐานมาโต้แย้งทางประวัติศาสตร์ ได้ หรือ ไม่ได้ ซึ่งหากมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์มาโต้แย้งได้ ก็จะยิ่งน่าศึกษา น่าติดตาม เพื่อให้ความจริงกระจ่างยิ่งขึ้น และ นับเป็นเรื่องดี ที่จะได้ทราบกันจริงๆว่า “ ยิว เป็นชนชาติประเภทใด?“ ดีจริงแท้ หรือ ซาตานลวงโลก กันแน่ ? ...... (แปลโดย : SB-22/07/24) ส่งต่อจาก วิชา มหาคุณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1430 มุมมอง 0 รีวิว
  • แจ้งข่าวต่างประเทศสั้นๆ 01/03/2025

    1. ล่าสุดไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ในการไปเยือนสหรัฐของเซเลนสกีเพื่อลงนามในดีลแร่ธาตุธรรมชาติฯ เกิดการโต้เถียงระหว่างเซเลนสกี กับแวนซ์รองประธานาธิบดีฯและลุงทรัมป์ในห้องรูปไข่ แล้วลงเอยด้วยเซเลนสกีถูกลุงทรัมป์เอ็ดต่อหน้ากองทัพสื่อฯจนนั่งหน้าจ๋อย ..... โดนเอ็ด โดนชักสีหน้าใส่แบบไม่เหลือเกียรติศักดิ์ศรีของผู้นำประเทศ ประเทศนึงเลย (คลิปอยู่ในเม้นความยาวสิบนาที ดูเถอะ ดูบรรยากาศความเดือดก็น่าจะพอเห็นอะไรบ้างแล้ว)
    .
    เรื่องใหญ่แบบนี้เดี๋ยวสื่อบ้านเราคงรายงานแบบถอดเทปกัน ถ้าไม่รายงานเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ก็น่าเกลียดเกิน แต่จะสรุปใจความสั้นๆให้ว่า เซเลนสกีถูกลุงทรัมป์และแวนซ์ตำหนิต่อหน้าต่อตาแบบไม่ให้ราคาเลยว่า ...... "ไม่ได้รู้สึกขอบคุณสหรัฐ" "disrespectful" "attitude ของเซเลนสกีมีปัญหา" "เอาคนไปตุยทำบ้านเมืองเสียหายเพราะความเกลียดปูติน(เป็นการส่วนตัว)" "เซเลนสกีเอาโลกไปเสี่ยงต่อการเกิดสงครามโลกครั้งที่สาม" "เซเลนสกีไม่มีอำนาจที่จะต่อรองอะไรได้เลย ไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อรองอะไร(แต่ชอบทำเรื่องเยอะ)" "ถ้าสหรัฐหยุดความช่วยเหลือวันนี้ยูเครนจะเสร็จรัสเซียในเวลารวดเร็ว" "การหยุดยิง สันติภาพไม่เกิดขึ้นก็เพราะเซเลนสกีเรื่องเยอะ" "ยังไม่ทันไร ยังไม่เริ่มคุย ไอนั่นก็ไม่เอาไอนี่ก็ไม่เอา" ฯลฯ
    .
    2. จากข้อ1 ...... ลุงทรัมป์เลยเปลี่ยนใจไม่ลงนามในดีลแร่ธาตุธรรมชาติฯกับเซเลนสกีแล้ว โดยบอกว่า
    เซเลนสกีไม่พร้อมสำหรับสันติภาพตราบใดที่มีสหรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง แล้วประชดด้วยว่าเซเลนสกีรู้สึกว่าการมีส่วนร่วมของสหรัฐจะทำให้เค้าได้เปรียบอย่างมากในการเจรจาฯ ลุงทรัมป์ไม่ได้ต้องการความได้เปรียบแต่ต้องการสันติภาพ
    เซเลนสกีแสดงความไม่เคารพสหรัฐในห้องรูปไข่ (ห้องทำงานของประธานาธิบดีฯ สัญลักษณ์แห่งอำนาจของสหรัฐ) เอาไว้เซเลนสกีพร้อมสำหรับสันติภาพแล้วค่อยกลับมา
    และได้ทำการยกเลิกการแถลงข่าวร่วมฯของผู้นำสั้งสอง
    ..... แล้วก็มีรายงานข่าวว่า เซเลนสกีถูกเชิญออกจากทำเนียบขาวแบบไม่ให้เกียรติ ..... ถ้าเป็นเรื่องจริง นั่นผู้นำประเทศหนึ่งนะ ไม่เหลือทรงเลย เฮ้อออออ เห็นใจชาวยูเครนจริงๆ 🥹🥹
    .
    นั่นแหละครับ เซเลนสกีไม่มีอานาจ ไม่มีอะไรที่จะเอาไปต่อรองได้เลย
    นอกจากชีวิตของชาวยูเครนแล้วก็ไม่ได้มีต้นทุนสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในการทำสงครามเลย ทุกอย่างต้องขอชาวบ้านมาตลอดสามปี ตลอดสามปีที่ผ่านมาเคยเห็นเค้าหยุดเดินสายขอชาวบ้านมั้ย?
    จะทำสงครามต่อไปได้แค่ไหนก็ต้องอาศัยความเมตตาจากประเทศอื่น
    แต่ก็ยังจะลากประเทศเข้าสู่สงครามที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ตั้งแต่แรก สงครามเกิดแล้วก็ยังสามารถยุติได้ตั้งแต่ต้นๆ แต่ก็ไม่เอาอีก
    .
    ผ่านมาสามปี วันนี้ประเทศผู้สนับสนุนหลักที่เคยเมตตา เค้าไม่เมตตาเหมือนเดิมบอกให้หยุดสู้รบได้แล้ว ถ้าไม่หยุดก็ไปหาทางทำสงครามต่อเอาเอง แล้วจะไปยังไงต่อ?
    ผู้คนก็ตุยไปแล้ว ดินแดนก็เสียไปแล้ว จะทำสงครามต่อก็ไม่มีปัญญารบได้ด้วยตัวเอง แถมล่าสุดก็ไปโดนสหรัฐฉีกหน้าต่อหน้าโลกซะขนาดนั้น ...... แต่ส่วนตัวเชื่อว่ายังไงเซเลนสกีก็ต้องเดินตัวลีบๆไปขอร้องให้เค้าช่วยอยู่ดี
    เฮ้ออออ ถึงได้บอกว่า คนนี้เค้าเหมือนเด็กอมมือบทเวทีโลก
    ก่อนสงครามไปจนถึงช่วงต้นของสงคราม อำนาจต่อรองอยู่ที่เซเลนสกี แต่เค้าไม่ยอมเจรจาฯเอง ..... พอตอนนี้ไม่มีอำนาจต่อรองอะไรแล้ว กลับมางอแงจะมีส่วนร่วมในการเจรจาฯ
    .
    ส่วนทางทรัมป์กับแวนซ์ เค้าเคยบอกว่าไม่ได้จะไปเอาเงื่อนไขของรัสเซียมาบังคับให้ยูเครนยอมรับ แต่ต้องการไปคุยกับรัสเซียก่อน แล้วค่อยมาคุยกับเซเลนสกี จะรับไม่รับ ทั้งสองฝ่ายค่อยมาต่อรองอีกที
    ก็เพราะเซเลนสกีเป็นแบบนี้แหละ ยังไม่ทันไรก็ตั้งเงื่อนไขเว่อร์ๆผ่านสื่อฯไว้ก่อน ไปเอาเซเลนสกีเข้ามาตั้งแต่แรก การเจรจายุติสงครามฯก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้
    (หนึ่งในตัวอย่างของความเว่อร์เซเลนสกีที่เคยพูดไว้ สงครามจะยุติลงได้ก็ต่อเมื่อรัสเซียคืนดินแดนทั้งหมด ปลดอาวุธนิวเคลียร์ ลดขนาดกองทัพ และ ลดความสามารถทางทหารของตัวเอง ..... เอาแค่ข้อไหนข้อเดียวก็เป็นไปไม่ได้แล้ว)
    .
    ที่สำคัญ ลุงทรัมป์เค้าชัดมาตั้งแต่แรกแล้วว่า เค้าอยู่ในฐานะตัวกลางที่จะยึดเอาตามสถานการณ์จริงในพื้นที่สู้รบ
    มันไม่ใช่หน้าที่ ไม่ใช่ความรับผิดชอบของลุงทรัมป์ที่ต้องไปทวงดินแดนที่เสียไปคืนให้ยูเครน (ที่เซเลนสกีงอแงมีปัญหาก็เพราะตรงนี้แหละ)
    ทางยูเครนเองก็ไม่ได้มีต้นทุนสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในการทำสงครามเลย ยิ่งไม่มีทางที่จะเอาชนะรัสเซียยึดดินแดนที่เสียไปคืนมาได้อยู่แล้ว
    ..... หยุดซะตอนนี้เลยดีกว่า ยูเครนจะเสียน้อยกว่าปล่อยให้สงครามยืดเยื้อออกไป เป็นการดีต่อชาวยูเครนเอง
    .
    3. ต้นเดือนที่ผ่านมา สหรัฐประสบความสำเร็จในการใช้อาวุธแสงเลเซอร์ "HELIOS" ที่ติดตั้งบนเรือรบสอยโดรนลงได้ ..... มีข่าวออกมาสองทาง ทางหนึ่งบอกว่าเป็นการทดสอบ ส่วนอีกทางบอกว่าสอยโดรนของฮูตีลงมาได้
    แต่ไม่ว่าอย่างไร เชื่อว่าในตอนนี้อาวุธแสงเลเซอร์ "HELIOS" ของสหรัฐสามารถนำมาใช้จริงในสนามรบได้แล้ว
    .
    4. มีข่าวว่าสหรัฐจะปิดคลังอาวุธลับในกรีซ ซึ่งเป็นคลังที่เก็บอาวุธเพื่อส่งเข้าไปในยูเครน
    .
    5. เมื่อวานนี้ เกาหลีใต้ได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในส่วนที่เกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์แล้ว
    .
    6. นครนิวยอร์คเก็บค่า Congestion Charge จากรถยนต์ชนิดต่างๆในการเข้าเขตเศรษฐกิจที่มีการจราจรหนาแน่นในแมนแฮทตันในเดือนแรกได้เกือบ 50 ล้านเหรียญ หรือราวๆ 1.7 พันล้านบาท
    (Congestion Charge คือค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นมากๆ ส่วนใหญ่ก็จะเรียกเก็บกันในเวลากลางวันหรือในชั่วโมงเร่งด่วน เพื่อจูงใจให้ผู้คนหันไปใช้บริการขนส่งสาธารณะ เพื่อลดความหนาแน่นของรถยนต์ในพื้นที่นั้นๆ ..... เห็นผ่านๆตาว่าบ้านเราก็กำลังมีแนวคิดที่จะทำอยู่)
    .
    ภาพประกอบ ..... เรื่องวุ่นๆของวัยรุ่นทำเนียบขาว 🥹🥹

    ***เช่นเคย ขอความร่วมมืออย่าโยงมาการเมืองและนักการเมืองบ้านเรากันนะครับ ...... ถ้าทนไม่ไหวแนะนำให้แชร์ไปด่าที่กลุ่มหรือที่เฟสตัวเองครับ*** CR. https://www.facebook.com/share/1X94bYrs7p/?mibextid=wwXIfr ซิริอุส เป็นเรื่องของดวงดาว
    แจ้งข่าวต่างประเทศสั้นๆ 01/03/2025 1. ล่าสุดไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ในการไปเยือนสหรัฐของเซเลนสกีเพื่อลงนามในดีลแร่ธาตุธรรมชาติฯ เกิดการโต้เถียงระหว่างเซเลนสกี กับแวนซ์รองประธานาธิบดีฯและลุงทรัมป์ในห้องรูปไข่ แล้วลงเอยด้วยเซเลนสกีถูกลุงทรัมป์เอ็ดต่อหน้ากองทัพสื่อฯจนนั่งหน้าจ๋อย ..... โดนเอ็ด โดนชักสีหน้าใส่แบบไม่เหลือเกียรติศักดิ์ศรีของผู้นำประเทศ ประเทศนึงเลย (คลิปอยู่ในเม้นความยาวสิบนาที ดูเถอะ ดูบรรยากาศความเดือดก็น่าจะพอเห็นอะไรบ้างแล้ว) . เรื่องใหญ่แบบนี้เดี๋ยวสื่อบ้านเราคงรายงานแบบถอดเทปกัน ถ้าไม่รายงานเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ก็น่าเกลียดเกิน แต่จะสรุปใจความสั้นๆให้ว่า เซเลนสกีถูกลุงทรัมป์และแวนซ์ตำหนิต่อหน้าต่อตาแบบไม่ให้ราคาเลยว่า ...... "ไม่ได้รู้สึกขอบคุณสหรัฐ" "disrespectful" "attitude ของเซเลนสกีมีปัญหา" "เอาคนไปตุยทำบ้านเมืองเสียหายเพราะความเกลียดปูติน(เป็นการส่วนตัว)" "เซเลนสกีเอาโลกไปเสี่ยงต่อการเกิดสงครามโลกครั้งที่สาม" "เซเลนสกีไม่มีอำนาจที่จะต่อรองอะไรได้เลย ไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อรองอะไร(แต่ชอบทำเรื่องเยอะ)" "ถ้าสหรัฐหยุดความช่วยเหลือวันนี้ยูเครนจะเสร็จรัสเซียในเวลารวดเร็ว" "การหยุดยิง สันติภาพไม่เกิดขึ้นก็เพราะเซเลนสกีเรื่องเยอะ" "ยังไม่ทันไร ยังไม่เริ่มคุย ไอนั่นก็ไม่เอาไอนี่ก็ไม่เอา" ฯลฯ . 2. จากข้อ1 ...... ลุงทรัมป์เลยเปลี่ยนใจไม่ลงนามในดีลแร่ธาตุธรรมชาติฯกับเซเลนสกีแล้ว โดยบอกว่า เซเลนสกีไม่พร้อมสำหรับสันติภาพตราบใดที่มีสหรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง แล้วประชดด้วยว่าเซเลนสกีรู้สึกว่าการมีส่วนร่วมของสหรัฐจะทำให้เค้าได้เปรียบอย่างมากในการเจรจาฯ ลุงทรัมป์ไม่ได้ต้องการความได้เปรียบแต่ต้องการสันติภาพ เซเลนสกีแสดงความไม่เคารพสหรัฐในห้องรูปไข่ (ห้องทำงานของประธานาธิบดีฯ สัญลักษณ์แห่งอำนาจของสหรัฐ) เอาไว้เซเลนสกีพร้อมสำหรับสันติภาพแล้วค่อยกลับมา และได้ทำการยกเลิกการแถลงข่าวร่วมฯของผู้นำสั้งสอง ..... แล้วก็มีรายงานข่าวว่า เซเลนสกีถูกเชิญออกจากทำเนียบขาวแบบไม่ให้เกียรติ ..... ถ้าเป็นเรื่องจริง นั่นผู้นำประเทศหนึ่งนะ ไม่เหลือทรงเลย เฮ้อออออ เห็นใจชาวยูเครนจริงๆ 🥹🥹 . นั่นแหละครับ เซเลนสกีไม่มีอานาจ ไม่มีอะไรที่จะเอาไปต่อรองได้เลย นอกจากชีวิตของชาวยูเครนแล้วก็ไม่ได้มีต้นทุนสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในการทำสงครามเลย ทุกอย่างต้องขอชาวบ้านมาตลอดสามปี ตลอดสามปีที่ผ่านมาเคยเห็นเค้าหยุดเดินสายขอชาวบ้านมั้ย? จะทำสงครามต่อไปได้แค่ไหนก็ต้องอาศัยความเมตตาจากประเทศอื่น แต่ก็ยังจะลากประเทศเข้าสู่สงครามที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ตั้งแต่แรก สงครามเกิดแล้วก็ยังสามารถยุติได้ตั้งแต่ต้นๆ แต่ก็ไม่เอาอีก . ผ่านมาสามปี วันนี้ประเทศผู้สนับสนุนหลักที่เคยเมตตา เค้าไม่เมตตาเหมือนเดิมบอกให้หยุดสู้รบได้แล้ว ถ้าไม่หยุดก็ไปหาทางทำสงครามต่อเอาเอง แล้วจะไปยังไงต่อ? ผู้คนก็ตุยไปแล้ว ดินแดนก็เสียไปแล้ว จะทำสงครามต่อก็ไม่มีปัญญารบได้ด้วยตัวเอง แถมล่าสุดก็ไปโดนสหรัฐฉีกหน้าต่อหน้าโลกซะขนาดนั้น ...... แต่ส่วนตัวเชื่อว่ายังไงเซเลนสกีก็ต้องเดินตัวลีบๆไปขอร้องให้เค้าช่วยอยู่ดี เฮ้ออออ ถึงได้บอกว่า คนนี้เค้าเหมือนเด็กอมมือบทเวทีโลก ก่อนสงครามไปจนถึงช่วงต้นของสงคราม อำนาจต่อรองอยู่ที่เซเลนสกี แต่เค้าไม่ยอมเจรจาฯเอง ..... พอตอนนี้ไม่มีอำนาจต่อรองอะไรแล้ว กลับมางอแงจะมีส่วนร่วมในการเจรจาฯ . ส่วนทางทรัมป์กับแวนซ์ เค้าเคยบอกว่าไม่ได้จะไปเอาเงื่อนไขของรัสเซียมาบังคับให้ยูเครนยอมรับ แต่ต้องการไปคุยกับรัสเซียก่อน แล้วค่อยมาคุยกับเซเลนสกี จะรับไม่รับ ทั้งสองฝ่ายค่อยมาต่อรองอีกที ก็เพราะเซเลนสกีเป็นแบบนี้แหละ ยังไม่ทันไรก็ตั้งเงื่อนไขเว่อร์ๆผ่านสื่อฯไว้ก่อน ไปเอาเซเลนสกีเข้ามาตั้งแต่แรก การเจรจายุติสงครามฯก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ (หนึ่งในตัวอย่างของความเว่อร์เซเลนสกีที่เคยพูดไว้ สงครามจะยุติลงได้ก็ต่อเมื่อรัสเซียคืนดินแดนทั้งหมด ปลดอาวุธนิวเคลียร์ ลดขนาดกองทัพ และ ลดความสามารถทางทหารของตัวเอง ..... เอาแค่ข้อไหนข้อเดียวก็เป็นไปไม่ได้แล้ว) . ที่สำคัญ ลุงทรัมป์เค้าชัดมาตั้งแต่แรกแล้วว่า เค้าอยู่ในฐานะตัวกลางที่จะยึดเอาตามสถานการณ์จริงในพื้นที่สู้รบ มันไม่ใช่หน้าที่ ไม่ใช่ความรับผิดชอบของลุงทรัมป์ที่ต้องไปทวงดินแดนที่เสียไปคืนให้ยูเครน (ที่เซเลนสกีงอแงมีปัญหาก็เพราะตรงนี้แหละ) ทางยูเครนเองก็ไม่ได้มีต้นทุนสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในการทำสงครามเลย ยิ่งไม่มีทางที่จะเอาชนะรัสเซียยึดดินแดนที่เสียไปคืนมาได้อยู่แล้ว ..... หยุดซะตอนนี้เลยดีกว่า ยูเครนจะเสียน้อยกว่าปล่อยให้สงครามยืดเยื้อออกไป เป็นการดีต่อชาวยูเครนเอง . 3. ต้นเดือนที่ผ่านมา สหรัฐประสบความสำเร็จในการใช้อาวุธแสงเลเซอร์ "HELIOS" ที่ติดตั้งบนเรือรบสอยโดรนลงได้ ..... มีข่าวออกมาสองทาง ทางหนึ่งบอกว่าเป็นการทดสอบ ส่วนอีกทางบอกว่าสอยโดรนของฮูตีลงมาได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร เชื่อว่าในตอนนี้อาวุธแสงเลเซอร์ "HELIOS" ของสหรัฐสามารถนำมาใช้จริงในสนามรบได้แล้ว . 4. มีข่าวว่าสหรัฐจะปิดคลังอาวุธลับในกรีซ ซึ่งเป็นคลังที่เก็บอาวุธเพื่อส่งเข้าไปในยูเครน . 5. เมื่อวานนี้ เกาหลีใต้ได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในส่วนที่เกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์แล้ว . 6. นครนิวยอร์คเก็บค่า Congestion Charge จากรถยนต์ชนิดต่างๆในการเข้าเขตเศรษฐกิจที่มีการจราจรหนาแน่นในแมนแฮทตันในเดือนแรกได้เกือบ 50 ล้านเหรียญ หรือราวๆ 1.7 พันล้านบาท (Congestion Charge คือค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นมากๆ ส่วนใหญ่ก็จะเรียกเก็บกันในเวลากลางวันหรือในชั่วโมงเร่งด่วน เพื่อจูงใจให้ผู้คนหันไปใช้บริการขนส่งสาธารณะ เพื่อลดความหนาแน่นของรถยนต์ในพื้นที่นั้นๆ ..... เห็นผ่านๆตาว่าบ้านเราก็กำลังมีแนวคิดที่จะทำอยู่) . ภาพประกอบ ..... เรื่องวุ่นๆของวัยรุ่นทำเนียบขาว 🥹🥹 ***เช่นเคย ขอความร่วมมืออย่าโยงมาการเมืองและนักการเมืองบ้านเรากันนะครับ ...... ถ้าทนไม่ไหวแนะนำให้แชร์ไปด่าที่กลุ่มหรือที่เฟสตัวเองครับ*** CR. https://www.facebook.com/share/1X94bYrs7p/?mibextid=wwXIfr ซิริอุส เป็นเรื่องของดวงดาว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 785 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เมื่อยิวถามจีนว่า
    ทำไมไม่ช่วยอิสรา.เอล​รบกับ ฮามา.ส
    ลองฟังคับตอบ ประชาชนจีนที่รู้ประวัติศาสตร์​อ่านแล้วถึงกับอึง ยาวหน่อย แต่เป็นความรู้ระดับ #พันปี

    “เมื่อ Ross อเมริกันเชื้อสายยิวกล่าวโจมตี ทำไม จีน ไม่สนับสนุนอิสราเอลโจมตี ฮามาส“

    นี่คือคำตอบ

    (แปลโดย SB-22/07/24)
    ส่งต่อจาก วิชา มหาคุณ

    ประวัติศาสตร์อีกมุมหนึ่งของชนชาติยิว...

    สองวันที่ผ่านมา
    Ross อดีตประธานภาคพื้นเอเซียแปซิฟิคของ พรรครีพับริกัน
    ได้สร้างข่าวพาดหัวด้วยการ กล่าวหา ชาวจีน ที่เล่นอินเตอร์เนต ว่า ไม่มีความเห็นอกเห็นใจชาวยิว อันเนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งที่กาซ่า..

    ต่อมา มีชาวเนตจีนรายหนึ่ง เข้ามาเห็น จึงเขียนบทความอย่างยืดยาว เพื่อสอนบทเรียนทาง ประวัติศาสตร์ แก่ชาวอเมริกันยิวคนนี้..
    สรุปว่า ต่อมา Ross ได้แอบลบบทวิจารณ์นี้ทิ้งไป...

    ไม่มีใครรู้ว่าผู้เขียนบทความโต้แย้งชายจีนผู้นี้เป็นใคร
    แต่ อย่างไรก็ตาม ข้อเขียนของเขาได้หลุดรอดออกมา และ ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง!

    เป็นข้อเขียนที่ทุกคนต้องอ่าน!

    เพราะเป็นการตอบโต้ที่แข็งกร้าวของชาวเนตจีน..( 11 กค. 2024 )

    สวัสดีครับคุณ Enge...
    ผมรู้สึกช๊อคไปกับคำพูดของคุณที่ว่า
    "หากโลกจะสนใจช่วยชาวยิวในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 (WW II)ืชาวยิวหกล้านคนก็คงไม่ถูกสังหาร"...

    แต่นี่ คงมิใช่ เหตุผล หรือ ทำให้กองทัพยิว มีสิทธิที่จะก่อสงครามล้างเผ่าพันธุ์ต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่าแต่อย่างใด...

    ยิ่งไปกว่า มันไม่เป็นความจริงด้วย..

    ในระหว่าง WW II นั้น ชาวจีนในเซี่ยงไฮ้ และ นานจิง กำลังถูกรุกราน และ ถูกสังหารหมู่ โดยกองทัพญี่ปุ่น
    ในขณะที่ชาวยิวถูกฆ่าโดยนาซี..

    แต่กระนั้นก็ดี แม้ชาวจีนจะประสบเคราะห์กรรมขนาดนั้น ก็ยังยินดีรับเอาชาวยิวกว่า 50,000 คน ที่อพยพไปยังประเทศจีนเพื่อหนีภัยจากนาซี...

    แต่วิธีตอบแทนแบบยิวก็คือ การร่วมมือกับญี่ปุ่น เพื่อสร้างทรัฐชาวยิว ขึ้นในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน!
    แผนงานนี้เป็นที่เลื่องลือในนามของ Pufferfish Plan..
    แต่ก็โชคร้าย ซึ่งในที่สุดแผนการณ์นี้ล้มเหลว..
    ทำให้นิทานเรื่องชาวนาและงูเห่า ไม่อาจเกิดเป็นจริงได้ในแผ่นดินจีน...

    แต่ที่เหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อราวสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
    เจ้าหน้าที่คนของสถานทูตอิสราเอล ได้กล่าวอ้างอย่างเปิดเผยผ่านทางรูปถ่ายว่า ที่ตั้งของสถานทูตที่อยู่บนถนนในเซี่ยงไฮ้ เกิดจากการยินยอมให้ใช้ของฝรั่งเศส!(ทั้งที่เรื่องกฏหมายสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ถูกยกเลิกไปนานแล้ว)

    แต่แน่นอน
    หากพูดถึงสัมพันธภาพระหว่างจีน กับ ชาวยิว ย่อมมีอะไรที่มากไปกว่านั้นมากมาย

    ชาวยิวได้ร่อนเร่มายังประเทศจีนตั้งแต่สมัย ราชวงศ์ซ่ง
    หรือ ราวพันปีที่ผ่านมา และ ได้ตั้งถิ่นฐานในจีนตั้งแต่นั้นมา

    ราชวงศ์ซ่ง ปกครองอาณาจักรจีนโบราณ ที่ถือกันว่าสมบูรณ์พูนสุขิและ ร่ำรวยที่สุดราชวงศ์หนึ่ง

    อย่างไรก็ดี
    ในกาลต่อมา เมื่อราชวงศ์ซ่งล่มสลาย ผู้คนอพยพหนีภัยไปทางทิศใต้
    นักธุรกิจชาวยิว ที่มีชื่อสกุล Pu ได้ใช้กำลังทหารส่วนตัว เข่นฆ่าชาวเมืองจำนวนมากที่เคยเป็นราษฎรภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซ่ง แล้วนำศพไปให้กองทัพของราชวงศ์ หยวน
    เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ของการยอมรับในอำนาจของผู้ปกครองชาว มงโกล รายใหม่

    ในหลายสิบปีหลังจากนั้น ราชวงศ์ จูหยวนจาง ได้โค่นราชวงศ์หยวนลง และ จัดตั้งราชวงศ์หมิงขึ้น
    คนจีนที่สืบเชื้อสายจากชาวฮั่น จึงกลับขึ้นมามีอำนาจอีกครั้ง
    แต่ก็มิได้ขับไล่ชุมชนชาวยิวกลุ่มทรยศเหล่านี้ออกไป (ทั้งที่ได้เข่นฆ่าชาวจีนไปมากก่อนหน้านั้น)

    ต่อมา ในสมัยประวัติศาสตร์ช่วงการเกิดสงครามฝิ่น
    มีนักธุรกิจชาวยิว ตระกูล Sassoon ได้นำฝิ่นจำนวนมากมาจำหน่ายเพื่อหวังผลกำไร
    ทำให้ชาวจีนติดฝิ่นกันงอมแงม ประชากรชาวจีน อ่อนแอ และ ล้มตายกันเป็นจำนวนมาก.. คุณ (Mr Ross)เคยใช้ชีวิตอยู่ในเอเซียมาหลายปี น่าจะคุ้นเคยกับเรื่องนี้ดี

    เหตุการณ์ สงครามฉนวนกาซ่าในครั้งนี้
    ชาวจีน มิได้รู้สึกเห็นใจ ชาวยิว เพราะชาวจีน มีการศึกษาเรื่องคุณธรรม ร่วมสามพันปีมาแล้ว

    "Shangshu" วรรณกรรมคลาสิกที่ยังเหลืออยู่ของจีน ที่เขียนขึ้นมาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสตกาลหรือราว 3,000 ปีพอดี ซึ่งคงเป็นระยะเวลาเดียวกับที่ชาวยิวถูกขับไล่ออกจากดินแดนแห่งพันธสัญญา (Promised Land) และเป็นชนชาติเร่ร่อนตั้งแต่นั้นมา

    ถ้าคุณ( Mr. Ross )คุ้นเคย กับอดีต และ ประวัติศาสตร์ ชาวยิว ของคุณ คุณก็ควรรับรู้และตระหนักถึงมันด้วย

    ชาวอียิปต์ ยอมรับ ชาวยิว เข้าไปในดินแดนของตน
    แต่ ชาวยิว กลับทรยศ ต่อชาวอียิปต์ หลายต่อหลายครั้ง
    จนในที่สุด ชาวยิว ก็ถูกเข่นฆ่าและ ขับไล่ออกไปจากดินแดนอียิปต์โดย กษัตริย์ฟาโรห์

    อาณาจักรโรมัน ยอมรับ ชาวยิว เป็นส่วนหนึ่งของโรมัน ถึงขนาดจัดตั้งชุมชนให้เป็น กลุ่มก้อน โดยเฉพาะ
    แต่ ชาวยิว กลับถือโอกาสก่อการกบฎ ในช่วงเวลาที่กษัตริย์ Trajan มุ่งขยายดินแดนไปทางตะวันออก และ กองกำลังความมั่นคงในโรมันอ่อนแอลง

    หลังจาก ชาวยิว สังหารกองกำลังโรมัน ที่มีอยู่น้อยนิด
    ชาวยิว ก็บุกสังหาร พลเรือนชาวโรมัน อย่างบ้าคลั่ง
    ถึงขนาด เฉือนเอาผิวหนังมาทำเสื้อผ้า กินเนื้อเป็นอาหาร และ โยนซากศพไปเป็นอาหารของสัตว์ดุร้าย..

    ในเมือง Cyprus Salamis และ Libya พลเรือนชาวโรมันราว 220,000 คน ถูกสังหารโดย ชาวยิว

    แม้ต่อหน้าพลเรือนชาวโรมัน
    ชาวยิวดูจะทารุณโหดร้ายมาก
    แต่ในที่สุดกษัตริย์ Trajan ใช้กำลังทหารเพียงสองชุด ก็สามารถทวงคืนอำนาจจากชาวยิวได้อย่างสมบูรณ์

    กองทัพโรมันที่โกรธแค้นได้เคลื่อนทัพจากดินแดนเมโสโปเตเมีย ไปตามฝั่ง ตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน..จนทำให้ชาวยิวที่อาศัยในพื้นที่เหล่านี้ถูกเข่นฆ่าจนเกือบหมด
    ต่อมา ชาวยิว ก็ก่อกบฎอีกครั้ง ครววนี้ มุ่งสังหารผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะ

    แต่ครั้งนี้ โชคไม่เข้าข้างชาวยิว เมื่อต้องพบกับกษัตริย์ Hadrian ผู้ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ที่เฉลียวฉลาดที่สุดคนหนึ่งของกรุงโรม ผู้ที่ได้ระดมกำลังทหาร 120,000 นาย เข้าจัดการสังหาร ชาวยิว ที่ก่อการกบฎได้อย่างเบ็ดเสร็จ

    กษัตริย์ Hadrian ได้ศึกษาบทเรียนจากยุคสมัยของกษัตริย์ Trajan
    จึงได้ยกเลิก ชุมชนชาวยิว เสียทั้งหมด
    ทำให้ชาวยิวต้องอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย และ แตกกระสานซ่านเซ็นไปทั่วโลก

    นอกจากนั้น ยังมีจักรพรรดิ Titus ผู้บุกทำลาย และ สังหาร ชาวยิวในกรุงเยลูซาเล็ม
    ที่เคยเป็น Second Temple จนปัจจุบันเหลือเพียง Western Wall (หรือที่เรียกว่า กำแพงร้องไห้)ที่ชาวยิวใช้เป็นที่สวดมนต์ไปติดต่อพระเจ้าฯ

    เป็นเวลานับพันปี ที่ชาวยิว ต้องถูก เข่นฆ่า และ ขับออกนอกประเทศต่างๆนับครั้งไม่ถ้วน
    แต่ พวกคุณ ชาวยิว ก็ได้ทรยศต่อ ชาติต่างๆ จำนวนไม่น้อย ที่เห็นอกเห็นใจต่อความยากลำบากของพวกคุณ

    กระนั้นก็ดี
    พวกคุณ ก็ยังคงโอหัง เชื่อว่า ชนชาติตน เป็นชนชาติอภิสิทธิ์ ที่เหนือกว่าคนชาติอื่นๆ และ เชื่อว่า เป็น ชนชาติ ที่พระเจ้าเลือกสรรไว้ ให้เป็นใหญ่กว่าชนชาติอื่นใด

    ทำให้ ชาวไซออนนิสยิว ไม่เคยตระหนักถึงอดีตของตน..
    จนเป็นที่สรุปกันแล้วว่า วัฒนธรรมของชนชาติยิว มีลักษณะที่เข้ากับใครยาก และ ไม่ยอมปรับตัวเข้าหาวัฒนธรรมอื่น

    ความเชื่อของชาวยิวเหล่านี้ จะใช้กับคนจีนไม่ได้
    เพราะ คนจีนมีหลักการด้านคุณธรรมของตนเอง และ ไม่เคยคิดว่าชนชาติตนเหนือกว่าคนชนะชาติอื่น
    แต่จะปฏิบัติต่อคนชาติอื่น อย่างเท่าเทียมกัน และ ไม่เกรงกลัวต่อชนชาติอื่น ที่คิดว่าเหนือกว่าชาวจีน

    คนจีน จะมีความ อดทน อดกลั้น มีความละอายใจ มีความกตัญญูรู้คุณ และ รู้จักตอบแทนบุญคุณคน

    John Rabe อดีตนาซี ผู้ที่ครั้งหนึ่ง เคยช่วยชีวิตชาวจีนที่นานจิง คนจีนที่รู้เรื่องนี้ จะนึกถึงบุญคุณของเขาเสมอ

    จากเหตุการณ์ เมื่อสองปีที่แล้ว ที่โรงพยาบาล สถานที่ที่หลานของ John Rabe ทำงานอยู่ เกิดการขาดแคลนยารักษาโรค
    จึงร้องขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตจีนในเยอรมัน
    ปรากฏว่า ชาวจีนต่างช่วยกันบริจาคเงินและสิ่งของให้กันอย่างแข็งขัน ด้วยความสำนึกในพระคุณในอดีต ของ John Rabe

    ในช่วง WW II ประธานของสภากาชาดแห่งสวีเดน เคยช่วยเหลือเชลยถึง 35,000 คน จากค่ายกักกันของนาซี
    โดยในจำนวนนี้เป็นชาวยิวถึง 6,000 คน..

    ต่อมา เมื่อเขาถูกยูเอ็น ส่งไปเป็นผู้แทน เพื่อยืนยันประเด็นที่เกี่ยวกับขอบเขตดินแดนในกรุงเยรูซาเล็ม ที่กำหนดขึ้นใหม่ระหว่างอิสราเอล กับ ปาเลสไตน์

    ปรากฏว่าเขาถูกยิงถึงหกนัดและเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ จากมือสังหารชาวยิว..
    เพียงเพราะ เขาพูดถึง "ความยุติธรรม" เพียงไม่กี่คำ

    ในระหว่าง WW II เช่นเดียวกัน
    ประเทศยูโกสลาเวีย เคยช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงชาวยิวไว้คนหนึ่ง..
    แต่ 50 ปีต่อมา เธอกลับเป็นคนสั่งให้ทิ้งระเบิดยูโกสลาเวียอย่างไม่เลือกหน้า...

    หลายปีต่อมา
    เมื่อเธอ ถูกผู้สื่อข่าวถามในระหว่างการให้สัมภาษณ์ว่า เธอรู้สึกเสียใจบ้างหรือไม่ กับการสั่งทิ้งระเบิดยูโกสลาเวีย..
    เธอตอบว่า.."ไม่เลย"..

    เธอผู้นั้น คือ อดีตสตรีที่เป็น รัฐมนตรีต่างประเทศ คนแรกของสหรัฐ..Madeleine Albright!

    ในการให้สัมภาษณ์ในรายการ 60 Minutes ในปี1996..
    M. Albright กล่าวว่า
    การที่สหรัฐแซงชั่นอิรัค(สมัยซัดดัม) ซึ่งได้สังหารเด็กชาวอิรัคไปกว่าครึ่งล้าน (เพราะขาดแคลนอาหารและยารักษาโรค)นั้น
    เป็นสิ่งที่คุ้มค่า!
    ทั้งๆที่ การบุกเข้ายึดครองอิรัคเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ
    เพราะสหรัฐอ้างว่า อิรัคกำลังผลิตอาวุธทำลายล้าง
    ด้วยการนำเสนอเพียงภาพ “ผงซักฟอก” ในสื่อ ว่าคือ “สารเคมี” ที่ใช้สร้างอาวุธชีวภาพ

    นาง M. Albright กล่าวอย่างโจ่งแจ้งท้าทายว่า..
    การเข่นฆ่าเด็กนับล้าน เป็นสิ่งที่คุ้มค่าแล้ว!

    ในปี 1947 เมื่อชาวยิว อพยพทางเรือมายังดินแดนปาเลสไตน์
    มีการเขียนข้างลำเรือไว้ว่า..
    "คนเยอรมันได้ทำลายบ้านเรือนของเรา โปรดอย่าทำลายความหวังของเราอีก"...

    ด้วยความเมตตา ชาวปาเลสไตน์ยอมรับชาวยิวอพยพเข้าสู่ดินแดนของตน..
    ในที่สุด ชาวยิว อ้างในภายหลังว่า ดินแดน ปาเลสไตน์ นี้ เป็นดินแดนแห่งพันธสัญญา- Promised Land ของพวกเราชนชาติยิว!

    ตลอดเวลากว่า 70 ปี ที่ชาวไซออนนิสต์ยิว ได้สังหารชาวปาเลสไตน์ ผู้ที่เมตตา และ ยินยอมให้ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐานต่อเนื่องยาวนาน

    แต่ ชาวยิว กลับมาเนรคุณ สร้างอาณาจักรแห่งการเหยียดผิว ที่เปรียบเสมือนเรือนจำกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก..
    และ ยังปฏิบัติ ต่อชาวปาเลสไตน์เยี่ยงสัตว์ (subhumans)

    พวกคุณชาวยิว
    ยังจะต้องการความเห็นอกเห็นใจอีกมากแค่ไหน คุณจึงจะพอใจ

    สำหรับการไม่รู้จักบุญคุณคน และ จากข้อมูลใน ประวัติศาสตร์ที่พวกคุณตอบแทนความเมตตา และ ตอบแทนการยอมรับของคนชาติอื่นด้วยการทรยศ ด้วยการพร้อมที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาติอื่นที่เคยช่วยเหลือพวกคุณ ชาวยิว อีกหรือ!

    ประโยคหนึ่ง ที่เขียนในวรรณกรรมคลาสสิก ของจีน ที่ชื่อว่า..“การเดินหน้าเข้าสู่ตวามตาย” (The Death March)...กล่าวว่า

    "ประเทศเล็ก ที่ไม่ตระหนักในตนเอง ไม่เคารพต่อประเทศอื่นๆ แสดงความหยาบช้า ดูถูกดูแคลน ประเทศเพื่อนบ้านอันมั่นคงที่ตั้งอยู่ก่อน
    พลันแต่มี ความโลภ ไม่อินังขังขอบต่อ มิตรภาพ และ ความเป็นเพื่อน..
    ก็ย่อมจะนำพาตนเอง เดินทางไปสู่ความพินาศย่อยยับอย่างไม่ต้องสงสัย“

    บทความนี้น่าสนใจมาก
    เป็นประวัติศาสตร์ ที่ชาวโลกอีกหลายล้านอาจจะยังไม่เคยได้รับรู้

    ซึ่ง อาจจะมีคนตั้งกระทู้ ตั้งข้อโต้แย้ง ขึ้นมาได้

    อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครทราบความเป็นจริง
    อยู่ที่ คนตั้งกระทู้ จะหาหลักฐานมาโต้แย้งทางประวัติศาสตร์ ได้ หรือ ไม่ได้

    ซึ่งหากมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์มาโต้แย้งได้
    ก็จะยิ่งน่าศึกษา น่าติดตาม
    เพื่อให้ความจริงกระจ่างยิ่งขึ้น
    และ นับเป็นเรื่องดี ที่จะได้ทราบกันจริงๆว่า
    “ ยิว เป็นชนชาติประเภทใด?“
    ดีจริงแท้ หรือ ซาตานลวงโลก กันแน่ ?
    ......
    (แปลโดย : SB-22/07/24)
    ส่งต่อจาก วิชา มหาคุณ
    #เมื่อยิวถามจีนว่า ทำไมไม่ช่วยอิสรา.เอล​รบกับ ฮามา.ส ลองฟังคับตอบ ประชาชนจีนที่รู้ประวัติศาสตร์​อ่านแล้วถึงกับอึง ยาวหน่อย แต่เป็นความรู้ระดับ #พันปี “เมื่อ Ross อเมริกันเชื้อสายยิวกล่าวโจมตี ทำไม จีน ไม่สนับสนุนอิสราเอลโจมตี ฮามาส“ นี่คือคำตอบ (แปลโดย SB-22/07/24) ส่งต่อจาก วิชา มหาคุณ ประวัติศาสตร์อีกมุมหนึ่งของชนชาติยิว... สองวันที่ผ่านมา Ross อดีตประธานภาคพื้นเอเซียแปซิฟิคของ พรรครีพับริกัน ได้สร้างข่าวพาดหัวด้วยการ กล่าวหา ชาวจีน ที่เล่นอินเตอร์เนต ว่า ไม่มีความเห็นอกเห็นใจชาวยิว อันเนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งที่กาซ่า.. ต่อมา มีชาวเนตจีนรายหนึ่ง เข้ามาเห็น จึงเขียนบทความอย่างยืดยาว เพื่อสอนบทเรียนทาง ประวัติศาสตร์ แก่ชาวอเมริกันยิวคนนี้.. สรุปว่า ต่อมา Ross ได้แอบลบบทวิจารณ์นี้ทิ้งไป... ไม่มีใครรู้ว่าผู้เขียนบทความโต้แย้งชายจีนผู้นี้เป็นใคร แต่ อย่างไรก็ตาม ข้อเขียนของเขาได้หลุดรอดออกมา และ ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง! เป็นข้อเขียนที่ทุกคนต้องอ่าน! เพราะเป็นการตอบโต้ที่แข็งกร้าวของชาวเนตจีน..( 11 กค. 2024 ) สวัสดีครับคุณ Enge... ผมรู้สึกช๊อคไปกับคำพูดของคุณที่ว่า "หากโลกจะสนใจช่วยชาวยิวในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 (WW II)ืชาวยิวหกล้านคนก็คงไม่ถูกสังหาร"... แต่นี่ คงมิใช่ เหตุผล หรือ ทำให้กองทัพยิว มีสิทธิที่จะก่อสงครามล้างเผ่าพันธุ์ต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่าแต่อย่างใด... ยิ่งไปกว่า มันไม่เป็นความจริงด้วย.. ในระหว่าง WW II นั้น ชาวจีนในเซี่ยงไฮ้ และ นานจิง กำลังถูกรุกราน และ ถูกสังหารหมู่ โดยกองทัพญี่ปุ่น ในขณะที่ชาวยิวถูกฆ่าโดยนาซี.. แต่กระนั้นก็ดี แม้ชาวจีนจะประสบเคราะห์กรรมขนาดนั้น ก็ยังยินดีรับเอาชาวยิวกว่า 50,000 คน ที่อพยพไปยังประเทศจีนเพื่อหนีภัยจากนาซี... แต่วิธีตอบแทนแบบยิวก็คือ การร่วมมือกับญี่ปุ่น เพื่อสร้างทรัฐชาวยิว ขึ้นในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน! แผนงานนี้เป็นที่เลื่องลือในนามของ Pufferfish Plan.. แต่ก็โชคร้าย ซึ่งในที่สุดแผนการณ์นี้ล้มเหลว.. ทำให้นิทานเรื่องชาวนาและงูเห่า ไม่อาจเกิดเป็นจริงได้ในแผ่นดินจีน... แต่ที่เหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อราวสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่คนของสถานทูตอิสราเอล ได้กล่าวอ้างอย่างเปิดเผยผ่านทางรูปถ่ายว่า ที่ตั้งของสถานทูตที่อยู่บนถนนในเซี่ยงไฮ้ เกิดจากการยินยอมให้ใช้ของฝรั่งเศส!(ทั้งที่เรื่องกฏหมายสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ถูกยกเลิกไปนานแล้ว) แต่แน่นอน หากพูดถึงสัมพันธภาพระหว่างจีน กับ ชาวยิว ย่อมมีอะไรที่มากไปกว่านั้นมากมาย ชาวยิวได้ร่อนเร่มายังประเทศจีนตั้งแต่สมัย ราชวงศ์ซ่ง หรือ ราวพันปีที่ผ่านมา และ ได้ตั้งถิ่นฐานในจีนตั้งแต่นั้นมา ราชวงศ์ซ่ง ปกครองอาณาจักรจีนโบราณ ที่ถือกันว่าสมบูรณ์พูนสุขิและ ร่ำรวยที่สุดราชวงศ์หนึ่ง อย่างไรก็ดี ในกาลต่อมา เมื่อราชวงศ์ซ่งล่มสลาย ผู้คนอพยพหนีภัยไปทางทิศใต้ นักธุรกิจชาวยิว ที่มีชื่อสกุล Pu ได้ใช้กำลังทหารส่วนตัว เข่นฆ่าชาวเมืองจำนวนมากที่เคยเป็นราษฎรภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซ่ง แล้วนำศพไปให้กองทัพของราชวงศ์ หยวน เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ของการยอมรับในอำนาจของผู้ปกครองชาว มงโกล รายใหม่ ในหลายสิบปีหลังจากนั้น ราชวงศ์ จูหยวนจาง ได้โค่นราชวงศ์หยวนลง และ จัดตั้งราชวงศ์หมิงขึ้น คนจีนที่สืบเชื้อสายจากชาวฮั่น จึงกลับขึ้นมามีอำนาจอีกครั้ง แต่ก็มิได้ขับไล่ชุมชนชาวยิวกลุ่มทรยศเหล่านี้ออกไป (ทั้งที่ได้เข่นฆ่าชาวจีนไปมากก่อนหน้านั้น) ต่อมา ในสมัยประวัติศาสตร์ช่วงการเกิดสงครามฝิ่น มีนักธุรกิจชาวยิว ตระกูล Sassoon ได้นำฝิ่นจำนวนมากมาจำหน่ายเพื่อหวังผลกำไร ทำให้ชาวจีนติดฝิ่นกันงอมแงม ประชากรชาวจีน อ่อนแอ และ ล้มตายกันเป็นจำนวนมาก.. คุณ (Mr Ross)เคยใช้ชีวิตอยู่ในเอเซียมาหลายปี น่าจะคุ้นเคยกับเรื่องนี้ดี เหตุการณ์ สงครามฉนวนกาซ่าในครั้งนี้ ชาวจีน มิได้รู้สึกเห็นใจ ชาวยิว เพราะชาวจีน มีการศึกษาเรื่องคุณธรรม ร่วมสามพันปีมาแล้ว "Shangshu" วรรณกรรมคลาสิกที่ยังเหลืออยู่ของจีน ที่เขียนขึ้นมาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสตกาลหรือราว 3,000 ปีพอดี ซึ่งคงเป็นระยะเวลาเดียวกับที่ชาวยิวถูกขับไล่ออกจากดินแดนแห่งพันธสัญญา (Promised Land) และเป็นชนชาติเร่ร่อนตั้งแต่นั้นมา ถ้าคุณ( Mr. Ross )คุ้นเคย กับอดีต และ ประวัติศาสตร์ ชาวยิว ของคุณ คุณก็ควรรับรู้และตระหนักถึงมันด้วย ชาวอียิปต์ ยอมรับ ชาวยิว เข้าไปในดินแดนของตน แต่ ชาวยิว กลับทรยศ ต่อชาวอียิปต์ หลายต่อหลายครั้ง จนในที่สุด ชาวยิว ก็ถูกเข่นฆ่าและ ขับไล่ออกไปจากดินแดนอียิปต์โดย กษัตริย์ฟาโรห์ อาณาจักรโรมัน ยอมรับ ชาวยิว เป็นส่วนหนึ่งของโรมัน ถึงขนาดจัดตั้งชุมชนให้เป็น กลุ่มก้อน โดยเฉพาะ แต่ ชาวยิว กลับถือโอกาสก่อการกบฎ ในช่วงเวลาที่กษัตริย์ Trajan มุ่งขยายดินแดนไปทางตะวันออก และ กองกำลังความมั่นคงในโรมันอ่อนแอลง หลังจาก ชาวยิว สังหารกองกำลังโรมัน ที่มีอยู่น้อยนิด ชาวยิว ก็บุกสังหาร พลเรือนชาวโรมัน อย่างบ้าคลั่ง ถึงขนาด เฉือนเอาผิวหนังมาทำเสื้อผ้า กินเนื้อเป็นอาหาร และ โยนซากศพไปเป็นอาหารของสัตว์ดุร้าย.. ในเมือง Cyprus Salamis และ Libya พลเรือนชาวโรมันราว 220,000 คน ถูกสังหารโดย ชาวยิว แม้ต่อหน้าพลเรือนชาวโรมัน ชาวยิวดูจะทารุณโหดร้ายมาก แต่ในที่สุดกษัตริย์ Trajan ใช้กำลังทหารเพียงสองชุด ก็สามารถทวงคืนอำนาจจากชาวยิวได้อย่างสมบูรณ์ กองทัพโรมันที่โกรธแค้นได้เคลื่อนทัพจากดินแดนเมโสโปเตเมีย ไปตามฝั่ง ตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน..จนทำให้ชาวยิวที่อาศัยในพื้นที่เหล่านี้ถูกเข่นฆ่าจนเกือบหมด ต่อมา ชาวยิว ก็ก่อกบฎอีกครั้ง ครววนี้ มุ่งสังหารผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะ แต่ครั้งนี้ โชคไม่เข้าข้างชาวยิว เมื่อต้องพบกับกษัตริย์ Hadrian ผู้ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ที่เฉลียวฉลาดที่สุดคนหนึ่งของกรุงโรม ผู้ที่ได้ระดมกำลังทหาร 120,000 นาย เข้าจัดการสังหาร ชาวยิว ที่ก่อการกบฎได้อย่างเบ็ดเสร็จ กษัตริย์ Hadrian ได้ศึกษาบทเรียนจากยุคสมัยของกษัตริย์ Trajan จึงได้ยกเลิก ชุมชนชาวยิว เสียทั้งหมด ทำให้ชาวยิวต้องอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย และ แตกกระสานซ่านเซ็นไปทั่วโลก นอกจากนั้น ยังมีจักรพรรดิ Titus ผู้บุกทำลาย และ สังหาร ชาวยิวในกรุงเยลูซาเล็ม ที่เคยเป็น Second Temple จนปัจจุบันเหลือเพียง Western Wall (หรือที่เรียกว่า กำแพงร้องไห้)ที่ชาวยิวใช้เป็นที่สวดมนต์ไปติดต่อพระเจ้าฯ เป็นเวลานับพันปี ที่ชาวยิว ต้องถูก เข่นฆ่า และ ขับออกนอกประเทศต่างๆนับครั้งไม่ถ้วน แต่ พวกคุณ ชาวยิว ก็ได้ทรยศต่อ ชาติต่างๆ จำนวนไม่น้อย ที่เห็นอกเห็นใจต่อความยากลำบากของพวกคุณ กระนั้นก็ดี พวกคุณ ก็ยังคงโอหัง เชื่อว่า ชนชาติตน เป็นชนชาติอภิสิทธิ์ ที่เหนือกว่าคนชาติอื่นๆ และ เชื่อว่า เป็น ชนชาติ ที่พระเจ้าเลือกสรรไว้ ให้เป็นใหญ่กว่าชนชาติอื่นใด ทำให้ ชาวไซออนนิสยิว ไม่เคยตระหนักถึงอดีตของตน.. จนเป็นที่สรุปกันแล้วว่า วัฒนธรรมของชนชาติยิว มีลักษณะที่เข้ากับใครยาก และ ไม่ยอมปรับตัวเข้าหาวัฒนธรรมอื่น ความเชื่อของชาวยิวเหล่านี้ จะใช้กับคนจีนไม่ได้ เพราะ คนจีนมีหลักการด้านคุณธรรมของตนเอง และ ไม่เคยคิดว่าชนชาติตนเหนือกว่าคนชนะชาติอื่น แต่จะปฏิบัติต่อคนชาติอื่น อย่างเท่าเทียมกัน และ ไม่เกรงกลัวต่อชนชาติอื่น ที่คิดว่าเหนือกว่าชาวจีน คนจีน จะมีความ อดทน อดกลั้น มีความละอายใจ มีความกตัญญูรู้คุณ และ รู้จักตอบแทนบุญคุณคน John Rabe อดีตนาซี ผู้ที่ครั้งหนึ่ง เคยช่วยชีวิตชาวจีนที่นานจิง คนจีนที่รู้เรื่องนี้ จะนึกถึงบุญคุณของเขาเสมอ จากเหตุการณ์ เมื่อสองปีที่แล้ว ที่โรงพยาบาล สถานที่ที่หลานของ John Rabe ทำงานอยู่ เกิดการขาดแคลนยารักษาโรค จึงร้องขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตจีนในเยอรมัน ปรากฏว่า ชาวจีนต่างช่วยกันบริจาคเงินและสิ่งของให้กันอย่างแข็งขัน ด้วยความสำนึกในพระคุณในอดีต ของ John Rabe ในช่วง WW II ประธานของสภากาชาดแห่งสวีเดน เคยช่วยเหลือเชลยถึง 35,000 คน จากค่ายกักกันของนาซี โดยในจำนวนนี้เป็นชาวยิวถึง 6,000 คน.. ต่อมา เมื่อเขาถูกยูเอ็น ส่งไปเป็นผู้แทน เพื่อยืนยันประเด็นที่เกี่ยวกับขอบเขตดินแดนในกรุงเยรูซาเล็ม ที่กำหนดขึ้นใหม่ระหว่างอิสราเอล กับ ปาเลสไตน์ ปรากฏว่าเขาถูกยิงถึงหกนัดและเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ จากมือสังหารชาวยิว.. เพียงเพราะ เขาพูดถึง "ความยุติธรรม" เพียงไม่กี่คำ ในระหว่าง WW II เช่นเดียวกัน ประเทศยูโกสลาเวีย เคยช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงชาวยิวไว้คนหนึ่ง.. แต่ 50 ปีต่อมา เธอกลับเป็นคนสั่งให้ทิ้งระเบิดยูโกสลาเวียอย่างไม่เลือกหน้า... หลายปีต่อมา เมื่อเธอ ถูกผู้สื่อข่าวถามในระหว่างการให้สัมภาษณ์ว่า เธอรู้สึกเสียใจบ้างหรือไม่ กับการสั่งทิ้งระเบิดยูโกสลาเวีย.. เธอตอบว่า.."ไม่เลย".. เธอผู้นั้น คือ อดีตสตรีที่เป็น รัฐมนตรีต่างประเทศ คนแรกของสหรัฐ..Madeleine Albright! ในการให้สัมภาษณ์ในรายการ 60 Minutes ในปี1996.. M. Albright กล่าวว่า การที่สหรัฐแซงชั่นอิรัค(สมัยซัดดัม) ซึ่งได้สังหารเด็กชาวอิรัคไปกว่าครึ่งล้าน (เพราะขาดแคลนอาหารและยารักษาโรค)นั้น เป็นสิ่งที่คุ้มค่า! ทั้งๆที่ การบุกเข้ายึดครองอิรัคเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะสหรัฐอ้างว่า อิรัคกำลังผลิตอาวุธทำลายล้าง ด้วยการนำเสนอเพียงภาพ “ผงซักฟอก” ในสื่อ ว่าคือ “สารเคมี” ที่ใช้สร้างอาวุธชีวภาพ นาง M. Albright กล่าวอย่างโจ่งแจ้งท้าทายว่า.. การเข่นฆ่าเด็กนับล้าน เป็นสิ่งที่คุ้มค่าแล้ว! ในปี 1947 เมื่อชาวยิว อพยพทางเรือมายังดินแดนปาเลสไตน์ มีการเขียนข้างลำเรือไว้ว่า.. "คนเยอรมันได้ทำลายบ้านเรือนของเรา โปรดอย่าทำลายความหวังของเราอีก"... ด้วยความเมตตา ชาวปาเลสไตน์ยอมรับชาวยิวอพยพเข้าสู่ดินแดนของตน.. ในที่สุด ชาวยิว อ้างในภายหลังว่า ดินแดน ปาเลสไตน์ นี้ เป็นดินแดนแห่งพันธสัญญา- Promised Land ของพวกเราชนชาติยิว! ตลอดเวลากว่า 70 ปี ที่ชาวไซออนนิสต์ยิว ได้สังหารชาวปาเลสไตน์ ผู้ที่เมตตา และ ยินยอมให้ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐานต่อเนื่องยาวนาน แต่ ชาวยิว กลับมาเนรคุณ สร้างอาณาจักรแห่งการเหยียดผิว ที่เปรียบเสมือนเรือนจำกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก.. และ ยังปฏิบัติ ต่อชาวปาเลสไตน์เยี่ยงสัตว์ (subhumans) พวกคุณชาวยิว ยังจะต้องการความเห็นอกเห็นใจอีกมากแค่ไหน คุณจึงจะพอใจ สำหรับการไม่รู้จักบุญคุณคน และ จากข้อมูลใน ประวัติศาสตร์ที่พวกคุณตอบแทนความเมตตา และ ตอบแทนการยอมรับของคนชาติอื่นด้วยการทรยศ ด้วยการพร้อมที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาติอื่นที่เคยช่วยเหลือพวกคุณ ชาวยิว อีกหรือ! ประโยคหนึ่ง ที่เขียนในวรรณกรรมคลาสสิก ของจีน ที่ชื่อว่า..“การเดินหน้าเข้าสู่ตวามตาย” (The Death March)...กล่าวว่า "ประเทศเล็ก ที่ไม่ตระหนักในตนเอง ไม่เคารพต่อประเทศอื่นๆ แสดงความหยาบช้า ดูถูกดูแคลน ประเทศเพื่อนบ้านอันมั่นคงที่ตั้งอยู่ก่อน พลันแต่มี ความโลภ ไม่อินังขังขอบต่อ มิตรภาพ และ ความเป็นเพื่อน.. ก็ย่อมจะนำพาตนเอง เดินทางไปสู่ความพินาศย่อยยับอย่างไม่ต้องสงสัย“ บทความนี้น่าสนใจมาก เป็นประวัติศาสตร์ ที่ชาวโลกอีกหลายล้านอาจจะยังไม่เคยได้รับรู้ ซึ่ง อาจจะมีคนตั้งกระทู้ ตั้งข้อโต้แย้ง ขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครทราบความเป็นจริง อยู่ที่ คนตั้งกระทู้ จะหาหลักฐานมาโต้แย้งทางประวัติศาสตร์ ได้ หรือ ไม่ได้ ซึ่งหากมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์มาโต้แย้งได้ ก็จะยิ่งน่าศึกษา น่าติดตาม เพื่อให้ความจริงกระจ่างยิ่งขึ้น และ นับเป็นเรื่องดี ที่จะได้ทราบกันจริงๆว่า “ ยิว เป็นชนชาติประเภทใด?“ ดีจริงแท้ หรือ ซาตานลวงโลก กันแน่ ? ...... (แปลโดย : SB-22/07/24) ส่งต่อจาก วิชา มหาคุณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1410 มุมมอง 0 รีวิว