• BIG Story | "โจ ด่านช้าง" วิสามัญอำพราง

    ย้อนรอยคดีอื้อฉาวปลายปี 2539 เมื่อ “โจ ด่านช้าง” กับพวกรวม 6 คน ถูกตำรวจนับร้อยนายล้อมจับ หลังถูกระบุว่าเป็นมือปืนรับจ้างและเอเย่นต์ยาม้า ผู้ก่อคดีโชกโชน ทั้งหมดจับตัวประกันก่อนยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อยอมมอบตัวแล้วกลับถูกวิสามัญเสียชีวิตทั้งหมด จุดจบที่ควรคลี่คลายกลับกลายเป็นปริศนา และจุดคำถามใหญ่ต่อพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐ

    #BigStory #โจด่านช้าง #วิสามัญอำพราง #คดีอื้อฉาว #สิทธิมนุษยชน #ความจริงที่ยังไม่ถูกพูดถึง #ThaiTimes
    BIG Story | "โจ ด่านช้าง" วิสามัญอำพราง ย้อนรอยคดีอื้อฉาวปลายปี 2539 เมื่อ “โจ ด่านช้าง” กับพวกรวม 6 คน ถูกตำรวจนับร้อยนายล้อมจับ หลังถูกระบุว่าเป็นมือปืนรับจ้างและเอเย่นต์ยาม้า ผู้ก่อคดีโชกโชน ทั้งหมดจับตัวประกันก่อนยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อยอมมอบตัวแล้วกลับถูกวิสามัญเสียชีวิตทั้งหมด จุดจบที่ควรคลี่คลายกลับกลายเป็นปริศนา และจุดคำถามใหญ่ต่อพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐ #BigStory #โจด่านช้าง #วิสามัญอำพราง #คดีอื้อฉาว #สิทธิมนุษยชน #ความจริงที่ยังไม่ถูกพูดถึง #ThaiTimes
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 307 Views 31 0 Reviews
  • ปิดตำนาน เริงสวาทสีกา คาดาดฟ้า เรือเดินสมุทร “ยันตระ” เสียชีวิตที่อเมริกา หลังปลอมพาสปอร์ต หนีคดีจนหมดอายุความ 🚢⚖️

    🔵 อวสานตำนานพระชื่อดัง กับชีวิตที่กลับกลายเป็นประวัติศาสตร์สังคมไทย เมื่อเอ่ยถึงชื่อ "ยันตระ อมโร" หรือนายวินัย ละอองสุวรรณ เชื่อว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยต้องรู้จัก ไม่ใช่เพียงเพราะเคยเป็น พระภิกษุชื่อดัง ผู้มีผู้ศรัทธามากมาย ทั้งในไทยและต่างประเทศ หากแต่เพราะชีวิตของยันตระ เต็มไปด้วยเรื่องราวดราม่า ฉาวโฉ่ และคดีความที่สั่นสะเทือนวงการสงฆ์ไทย ในยุคหนึ่ง โดยเฉพาะกรณี อาบัติปาราชิก จากข้อกล่าวหาล่วงละเมิดสีกา รวมถึงภาพลักษณ์ ที่แวดล้อมไปด้วยความศรัทธา และความขัดแย้งทางความคิด ซึ่งยังคงตามหลอกหลอน จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตในต่างแดน ✨

    🔵 จากลูกชาวบ้าน สู่พระนักปฏิบัติชื่อดัง นายวินัย ละอองสุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2494 ที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในครอบครัวชาวบ้านธรรมดา ก่อนอุปสมบท ได้ใช้ชีวิตเป็นนักพรตฤๅษีอยู่หลายปี ได้รับการยกย่องว่าเป็น นักปฏิบัติธรรมผู้ทรงภูมิ ทำให้มีผู้คนเลื่อมใสมากมาย

    ต่อมาในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2517 จึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในธรรมยุติกนิกาย ที่วัดรัตนาราม จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมตั้งนามให้ตัวเองว่า "ยันตระ อมโรภิกขุ" แปลว่า ผู้ไกลจากกิเลส ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้มานาน ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นนักพรตฤาษี 🧘‍♂️

    "วัดสุญญตาราม" อาณาจักรแห่งความว่าง หลังจากนั้น พระยันตระได้รับการนิมนต์ ไปเผยแผ่ธรรมในหลายประเทศ มีการจัดตั้ง "สำนักวัดสุญญตาราม" ทั้งในไทยและต่างแดนหลายแห่ง เช่น
    ✅ วัดป่าสุญญตาราม กาญจนบุรี
    ✅ วัดป่าสุญญตาราม เมืองบันดานูน ออสเตรเลีย
    ✅ วัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

    บทสวดและคำสอน แนวกรรมฐานของพระยันตระ ถูกตีพิมพ์และเผยแพร่ไปในวงกว้าง หลายคนมองว่ายันตระเป็นพระที่มีความรู้ในพระไตรปิฎก และการปฏิบัติที่เข้มขลัง ✨

    🔵 คดีอื้อฉาว ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนของพระยันตระ ด้วยข้อกล่าวหาเรื่องเพศสัมพันธ์ และพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในปี พ.ศ. 2537 วงการสงฆ์สะเทือน เมื่อสีกากลุ่มหนึ่ง ยื่นคำร้องต่อสมเด็จพระสังฆราช และอธิบดีกรมการศาสนา กล่าวหาพระยันตระว่า มีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ กับสีกาหลายคน โดยมีพยานหลักฐานสนับสนุนมากมาย 📂

    ข้อกล่าวหาที่โด่งดัง
    🚢 เหตุการณ์บนเรือเดินสมุทร กล่าวหาว่า ยันตระมีเพศสัมพันธ์กับสีกา บนดาดฟ้าเรือ ระหว่างเดินทางจากสวีเดนไปฟินแลนด์

    🏡 กุฏิริมน้ำในออสเตรเลีย กล่าวหาว่า ยันตระมีพฤติกรรมจับต้องกายสตรี ด้วยความกำหนัด

    🚐 เหตุการณ์ในรถตู้ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย มีหลักฐานว่า ยันตระเข้าไปหาสีกาในรถตู้ และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม

    📞 บทสนทนาทางโทรศัพท์ พร่ำพูดถึงความรัก และมีหลักฐานเทปเสียง

    👧 ข้อกล่าวหาการมีบุตรสาว นางจันทิมา มายะรังษี นำเด็กหญิงที่อ้างว่า เป็นบุตรสาวของยันตระ มาแสดงตัว พร้อมภาพถ่ายที่แสดงถึงความสัมพันธ์ ฉันท์สามีภรรยา

    💳 หลักฐานบัตรเครดิต รายการใช้จ่ายในสถานบริการทางเพศ ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

    🔵 มติของมหาเถรสมาคม หลังการสืบสวนสอบสวน และตรวจสอบพยานหลักฐาน มหาเถรสมาคมมีมติให้ "พระยันตระ อมโรภิกขุ" ต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระภิกษุ โดยปริยาย ❌

    แต่แทนที่จะยอมรับคำตัดสิน ยันตระกลับประกาศไม่ยอมรับมติ และอ้างว่ายังเป็นพระภิกษุอยู่ โดยเปลี่ยนจีวรเป็นสีเขียว จนได้รับฉายาใหม่จากสื่อว่า

    🦎 "จิ้งเขียว"
    🦹‍♂️ "สมียันดะ"
    🧘‍♂️ "ยันดะ"

    🔵 ปลอมพาสปอร์ต หนีคดีข้ามโลก เมื่อพ้นจากสมณเพศ ยันตระได้ทำพาสปอร์ตปลอม หลบหนีออกจากประเทศไทยไปสหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง

    📜 ตลอด 20 ปี ยันตระใช้ชีวิตที่วัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย

    ⏳ ระยะเวลาผ่านไป คดีต่าง ๆ หมดอายุความ ทำให้ยันตระาสามารถกลับประเทศไทยได้อีกครั้ง

    🔵 กลับมาเยือนเมืองไทย
    🗓️ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ยันตระเดินทางกลับประเทศไทยอีกครั้ง ที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีลูกศิษย์รอต้อนรับจำนวนมาก

    🏠 ยันตระได้พบปะกับลูกศิษย์ตามสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงเดินทางไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุ หรือพระเขี้ยวแก้ว ที่ท้องสนามหลวง

    📍 จากนั้นได้กลับไปยังบ้านเกิดที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อกราบอดีตพระอุปัชฌาย์

    บั้นปลายที่แคลิฟอร์เนีย สุดท้ายแล้ว ยันตระกลับไปยังวัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย และเสียชีวิตในวันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2568 สิริรวมอายุ 73 ปี 51 พรรษา 🕊️

    🔵 เสียงสะท้อนจากสังคม และศรัทธาที่ไม่เสื่อมคลาย แม้จะมีข้อกล่าวหาฉาวโฉ่ แต่ก็ยังมีศิษยานุศิษย์ที่ศรัทธาในคำสอน และการปฏิบัติธรรม องพระยันตระ

    🧎‍♂️ หลายคนยังคงกราบไหว้และนับถือ 👉 แต่ในโลกโซเชียลมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เหมาะสมหรือไม่ที่พระรูปอื่นๆ ยังคงกราบไหว้บุคคลที่ถูกถอดจากสมณเพศ 💬

    🔵 สรุปเรื่องราวชีวิต "ยันตระ อมโร"
    1️⃣ จากนักพรตสู่พระภิกษุผู้ยิ่งใหญ่
    2️⃣ คำสอนและแนวปฏิบัติที่มีผู้ศรัทธาทั่วโลก
    3️⃣ คดีอื้อฉาวที่ทำลายชื่อเสียงและนำไปสู่การถอดถอน
    4️⃣ การหลบหนีและใช้ชีวิตในฐานะผู้ลี้ภัย
    5️⃣ การกลับบ้านเกิดหลังคดีหมดอายุความ
    6️⃣ จบบั้นปลายชีวิตในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

    🔵 ชีวิตของ "ยันตระ อมโร" เปรียบเหมือนนิยาย ที่มีทั้งช่วงรุ่งเรืองและตกต่ำ ด้วยพฤติกรรมและการกระทำ ที่นำไปสู่ข้อกล่าวหาหนัก แต่ก็ยังคงมีคนศรัทธาไม่เสื่อมคลาย 💔✨

    👉 เรื่องราวของยันตระ จึงเป็นบทเรียนสำหรับสังคมไทย ในเรื่องศรัทธา ปัญญา และความรับผิดชอบต่อการกระทำ

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 101152 มี.ค. 2568

    🔵 #ยันตระอมโร #ข่าวดราม่า #ประวัติพระดัง #วัดสุญญตาราม #สีกาคาดาดฟ้า #ข่าวไทยวันนี้ #เรื่องเล่าพระดัง #ข่าวพระดัง #ยันตระเสียชีวิต #ข่าวด่วนไทย
    ปิดตำนาน เริงสวาทสีกา คาดาดฟ้า เรือเดินสมุทร “ยันตระ” เสียชีวิตที่อเมริกา หลังปลอมพาสปอร์ต หนีคดีจนหมดอายุความ 🚢⚖️ 🔵 อวสานตำนานพระชื่อดัง กับชีวิตที่กลับกลายเป็นประวัติศาสตร์สังคมไทย เมื่อเอ่ยถึงชื่อ "ยันตระ อมโร" หรือนายวินัย ละอองสุวรรณ เชื่อว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยต้องรู้จัก ไม่ใช่เพียงเพราะเคยเป็น พระภิกษุชื่อดัง ผู้มีผู้ศรัทธามากมาย ทั้งในไทยและต่างประเทศ หากแต่เพราะชีวิตของยันตระ เต็มไปด้วยเรื่องราวดราม่า ฉาวโฉ่ และคดีความที่สั่นสะเทือนวงการสงฆ์ไทย ในยุคหนึ่ง โดยเฉพาะกรณี อาบัติปาราชิก จากข้อกล่าวหาล่วงละเมิดสีกา รวมถึงภาพลักษณ์ ที่แวดล้อมไปด้วยความศรัทธา และความขัดแย้งทางความคิด ซึ่งยังคงตามหลอกหลอน จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตในต่างแดน ✨ 🔵 จากลูกชาวบ้าน สู่พระนักปฏิบัติชื่อดัง นายวินัย ละอองสุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2494 ที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในครอบครัวชาวบ้านธรรมดา ก่อนอุปสมบท ได้ใช้ชีวิตเป็นนักพรตฤๅษีอยู่หลายปี ได้รับการยกย่องว่าเป็น นักปฏิบัติธรรมผู้ทรงภูมิ ทำให้มีผู้คนเลื่อมใสมากมาย ต่อมาในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2517 จึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในธรรมยุติกนิกาย ที่วัดรัตนาราม จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมตั้งนามให้ตัวเองว่า "ยันตระ อมโรภิกขุ" แปลว่า ผู้ไกลจากกิเลส ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้มานาน ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นนักพรตฤาษี 🧘‍♂️ "วัดสุญญตาราม" อาณาจักรแห่งความว่าง หลังจากนั้น พระยันตระได้รับการนิมนต์ ไปเผยแผ่ธรรมในหลายประเทศ มีการจัดตั้ง "สำนักวัดสุญญตาราม" ทั้งในไทยและต่างแดนหลายแห่ง เช่น ✅ วัดป่าสุญญตาราม กาญจนบุรี ✅ วัดป่าสุญญตาราม เมืองบันดานูน ออสเตรเลีย ✅ วัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา บทสวดและคำสอน แนวกรรมฐานของพระยันตระ ถูกตีพิมพ์และเผยแพร่ไปในวงกว้าง หลายคนมองว่ายันตระเป็นพระที่มีความรู้ในพระไตรปิฎก และการปฏิบัติที่เข้มขลัง ✨ 🔵 คดีอื้อฉาว ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนของพระยันตระ ด้วยข้อกล่าวหาเรื่องเพศสัมพันธ์ และพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในปี พ.ศ. 2537 วงการสงฆ์สะเทือน เมื่อสีกากลุ่มหนึ่ง ยื่นคำร้องต่อสมเด็จพระสังฆราช และอธิบดีกรมการศาสนา กล่าวหาพระยันตระว่า มีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ กับสีกาหลายคน โดยมีพยานหลักฐานสนับสนุนมากมาย 📂 ข้อกล่าวหาที่โด่งดัง 🚢 เหตุการณ์บนเรือเดินสมุทร กล่าวหาว่า ยันตระมีเพศสัมพันธ์กับสีกา บนดาดฟ้าเรือ ระหว่างเดินทางจากสวีเดนไปฟินแลนด์ 🏡 กุฏิริมน้ำในออสเตรเลีย กล่าวหาว่า ยันตระมีพฤติกรรมจับต้องกายสตรี ด้วยความกำหนัด 🚐 เหตุการณ์ในรถตู้ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย มีหลักฐานว่า ยันตระเข้าไปหาสีกาในรถตู้ และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม 📞 บทสนทนาทางโทรศัพท์ พร่ำพูดถึงความรัก และมีหลักฐานเทปเสียง 👧 ข้อกล่าวหาการมีบุตรสาว นางจันทิมา มายะรังษี นำเด็กหญิงที่อ้างว่า เป็นบุตรสาวของยันตระ มาแสดงตัว พร้อมภาพถ่ายที่แสดงถึงความสัมพันธ์ ฉันท์สามีภรรยา 💳 หลักฐานบัตรเครดิต รายการใช้จ่ายในสถานบริการทางเพศ ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ 🔵 มติของมหาเถรสมาคม หลังการสืบสวนสอบสวน และตรวจสอบพยานหลักฐาน มหาเถรสมาคมมีมติให้ "พระยันตระ อมโรภิกขุ" ต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระภิกษุ โดยปริยาย ❌ แต่แทนที่จะยอมรับคำตัดสิน ยันตระกลับประกาศไม่ยอมรับมติ และอ้างว่ายังเป็นพระภิกษุอยู่ โดยเปลี่ยนจีวรเป็นสีเขียว จนได้รับฉายาใหม่จากสื่อว่า 🦎 "จิ้งเขียว" 🦹‍♂️ "สมียันดะ" 🧘‍♂️ "ยันดะ" 🔵 ปลอมพาสปอร์ต หนีคดีข้ามโลก เมื่อพ้นจากสมณเพศ ยันตระได้ทำพาสปอร์ตปลอม หลบหนีออกจากประเทศไทยไปสหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง 📜 ตลอด 20 ปี ยันตระใช้ชีวิตที่วัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย ⏳ ระยะเวลาผ่านไป คดีต่าง ๆ หมดอายุความ ทำให้ยันตระาสามารถกลับประเทศไทยได้อีกครั้ง 🔵 กลับมาเยือนเมืองไทย 🗓️ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ยันตระเดินทางกลับประเทศไทยอีกครั้ง ที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีลูกศิษย์รอต้อนรับจำนวนมาก 🏠 ยันตระได้พบปะกับลูกศิษย์ตามสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงเดินทางไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุ หรือพระเขี้ยวแก้ว ที่ท้องสนามหลวง 📍 จากนั้นได้กลับไปยังบ้านเกิดที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อกราบอดีตพระอุปัชฌาย์ บั้นปลายที่แคลิฟอร์เนีย สุดท้ายแล้ว ยันตระกลับไปยังวัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย และเสียชีวิตในวันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2568 สิริรวมอายุ 73 ปี 51 พรรษา 🕊️ 🔵 เสียงสะท้อนจากสังคม และศรัทธาที่ไม่เสื่อมคลาย แม้จะมีข้อกล่าวหาฉาวโฉ่ แต่ก็ยังมีศิษยานุศิษย์ที่ศรัทธาในคำสอน และการปฏิบัติธรรม องพระยันตระ 🧎‍♂️ หลายคนยังคงกราบไหว้และนับถือ 👉 แต่ในโลกโซเชียลมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เหมาะสมหรือไม่ที่พระรูปอื่นๆ ยังคงกราบไหว้บุคคลที่ถูกถอดจากสมณเพศ 💬 🔵 สรุปเรื่องราวชีวิต "ยันตระ อมโร" 1️⃣ จากนักพรตสู่พระภิกษุผู้ยิ่งใหญ่ 2️⃣ คำสอนและแนวปฏิบัติที่มีผู้ศรัทธาทั่วโลก 3️⃣ คดีอื้อฉาวที่ทำลายชื่อเสียงและนำไปสู่การถอดถอน 4️⃣ การหลบหนีและใช้ชีวิตในฐานะผู้ลี้ภัย 5️⃣ การกลับบ้านเกิดหลังคดีหมดอายุความ 6️⃣ จบบั้นปลายชีวิตในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา 🔵 ชีวิตของ "ยันตระ อมโร" เปรียบเหมือนนิยาย ที่มีทั้งช่วงรุ่งเรืองและตกต่ำ ด้วยพฤติกรรมและการกระทำ ที่นำไปสู่ข้อกล่าวหาหนัก แต่ก็ยังคงมีคนศรัทธาไม่เสื่อมคลาย 💔✨ 👉 เรื่องราวของยันตระ จึงเป็นบทเรียนสำหรับสังคมไทย ในเรื่องศรัทธา ปัญญา และความรับผิดชอบต่อการกระทำ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 101152 มี.ค. 2568 🔵 #ยันตระอมโร #ข่าวดราม่า #ประวัติพระดัง #วัดสุญญตาราม #สีกาคาดาดฟ้า #ข่าวไทยวันนี้ #เรื่องเล่าพระดัง #ข่าวพระดัง #ยันตระเสียชีวิต #ข่าวด่วนไทย
    0 Comments 0 Shares 1496 Views 0 Reviews
  • ถอดหน้ากาก "ดิ ไอคอน" อภิมหาแชร์ลูกโซ่
    .
    ตลอดระยะเวลาห้าสิบกว่าปีที่ผมเป็นสื่อมวลชนมา แม้ว่าผมทำข่าวแชร์พวกนี้มาก็มาก ไม่ว่าจะเป็นแชร์แม่ชม้อย 2520-2528 หรือแชร์ชาร์เตอร์ 2526-2528 คนไทยไม่เข็ด คดี "เมจิกสกิน" แชร์ลูกโซ่รูปแบบใหม่ หลังสุดเป็นเรื่องคดีอื้อฉาวโด่งดังมาก คือคดี Forex-3D
    .
    แต่ผมไม่เคยเห็นจำนวนเหยื่อ ตัวเลขเหยื่อ ผู้เสียหายมากมายเท่ากรณี "ดิ ไอคอน"ซึ่งนายพอล วรัตน์พล เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เครือข่าย "ดิ ไอคอน" สามารถดึงดูดผู้คนให้หลงเข้ามาเป็นสมาชิกได้มากถึง 368,257 ราย นั่นหมายความว่า "ดิ ไอคอน" ได้กลายเป็นแชร์ลูกโซ่ขนาดมหึมา ถ้าเราคิดแค่จำนวนเงินชั้นต้น เฉพาะการเปิดบิล เป็นเงินความเสียหายกว่า 10,130 ล้านบาท
    .
    นั่นเป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะว่าเขาไม่ได้ซื้อของมาให้คุณขาย เขาซื้อเป็นสต๊อกลม ให้คุณจ่ายเงินค่าสต๊อกลมไป ที่ ดิ ไอคอน อ้างว่าปกติจะบอกว่าจ่ายเงินก่อน เบิกเมื่อไรค่อยเอาของไปและนี่คือ "แชร์ลูกโซ่" โดยรับเงินจากค่าสมาชิก เอาเงินใหม่ที่หลงเชื่อเข้ามาเอามาโปะแทนเงินเก่า ได้เงินหมุนมาเป็นพันๆ ล้าน ไปปั่นสร้างภาพตัวเองซื้อทรัพย์สิน ซื้อโฆษณาจ่ายพรีเซนเตอร์ รถหรู ที่ดิน สร้างภาพว่ารวยสุดๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนที่เข้ามาซื้อสต๊อกลมกันให้มากๆ ถ้าดูออกก็เข้าใจเกมนี้
    .
    ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า หลักการตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้ ของทุกๆ แชร์เลยนะ อ้างเรื่อง MLM (Multi Level Marketing) ทุกคนเลย ตั้งแต่แชร์แม่ชม้อย ,แชร์ชาร์เตอร์, แชร์ทองคำแม่ตั้ก, แชร์ FOREX อภิรักษ์ โกฎฐิ มาจนถึง "ดิ ไอคอน" ทั้งหมดอ้างเป็นรูปแบบการขายตรงแบบ MLM ซึ่งแอมเวย์ก็ทำ กิฟฟารีนก็ทำ แต่จุดที่ต่างคือ เขามีของ มีคุณภาพ มีชื่อเสียงมายาวนาน คนไม่ได้เป็นสมาชิกก็ใช้สินค้าเขา แต่ "ดิ ไอคอน" ไม่ใช่เช่นนั้น
    ถอดหน้ากาก "ดิ ไอคอน" อภิมหาแชร์ลูกโซ่ . ตลอดระยะเวลาห้าสิบกว่าปีที่ผมเป็นสื่อมวลชนมา แม้ว่าผมทำข่าวแชร์พวกนี้มาก็มาก ไม่ว่าจะเป็นแชร์แม่ชม้อย 2520-2528 หรือแชร์ชาร์เตอร์ 2526-2528 คนไทยไม่เข็ด คดี "เมจิกสกิน" แชร์ลูกโซ่รูปแบบใหม่ หลังสุดเป็นเรื่องคดีอื้อฉาวโด่งดังมาก คือคดี Forex-3D . แต่ผมไม่เคยเห็นจำนวนเหยื่อ ตัวเลขเหยื่อ ผู้เสียหายมากมายเท่ากรณี "ดิ ไอคอน"ซึ่งนายพอล วรัตน์พล เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เครือข่าย "ดิ ไอคอน" สามารถดึงดูดผู้คนให้หลงเข้ามาเป็นสมาชิกได้มากถึง 368,257 ราย นั่นหมายความว่า "ดิ ไอคอน" ได้กลายเป็นแชร์ลูกโซ่ขนาดมหึมา ถ้าเราคิดแค่จำนวนเงินชั้นต้น เฉพาะการเปิดบิล เป็นเงินความเสียหายกว่า 10,130 ล้านบาท . นั่นเป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะว่าเขาไม่ได้ซื้อของมาให้คุณขาย เขาซื้อเป็นสต๊อกลม ให้คุณจ่ายเงินค่าสต๊อกลมไป ที่ ดิ ไอคอน อ้างว่าปกติจะบอกว่าจ่ายเงินก่อน เบิกเมื่อไรค่อยเอาของไปและนี่คือ "แชร์ลูกโซ่" โดยรับเงินจากค่าสมาชิก เอาเงินใหม่ที่หลงเชื่อเข้ามาเอามาโปะแทนเงินเก่า ได้เงินหมุนมาเป็นพันๆ ล้าน ไปปั่นสร้างภาพตัวเองซื้อทรัพย์สิน ซื้อโฆษณาจ่ายพรีเซนเตอร์ รถหรู ที่ดิน สร้างภาพว่ารวยสุดๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนที่เข้ามาซื้อสต๊อกลมกันให้มากๆ ถ้าดูออกก็เข้าใจเกมนี้ . ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า หลักการตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้ ของทุกๆ แชร์เลยนะ อ้างเรื่อง MLM (Multi Level Marketing) ทุกคนเลย ตั้งแต่แชร์แม่ชม้อย ,แชร์ชาร์เตอร์, แชร์ทองคำแม่ตั้ก, แชร์ FOREX อภิรักษ์ โกฎฐิ มาจนถึง "ดิ ไอคอน" ทั้งหมดอ้างเป็นรูปแบบการขายตรงแบบ MLM ซึ่งแอมเวย์ก็ทำ กิฟฟารีนก็ทำ แต่จุดที่ต่างคือ เขามีของ มีคุณภาพ มีชื่อเสียงมายาวนาน คนไม่ได้เป็นสมาชิกก็ใช้สินค้าเขา แต่ "ดิ ไอคอน" ไม่ใช่เช่นนั้น
    Like
    Angry
    5
    1 Comments 0 Shares 1391 Views 0 Reviews
  • Trinh Van Quyet อดีตเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ของเวียดนาม ประธานบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ FLC Group JSC ถูกศาลตัดสินจำคุก 21 ปี มีความผิดฐานฉ้อโกงและปั่นหุ้น

    5 สิงหาคม 2567-เว็บไซต์ข่าว VN Express รายงานว่า Trinh Van Quyet อดีตเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ของเวียดนาม ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ FLC Group JSC ถูกศาลตัดสินจำคุก 21 ปี มีความผิดฐานฉ้อโกงและปั่นหุ้น

    คดีอื้อฉาวนี้มีผู้ต้องหา 50 คน รวมทั้งอดีตเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ Quyet และน้องสาวอีก 2 คน ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงและปั่นหุ้น5ตัวแสวงหากำไรที่ผิดกฎหมายประมาณ 723 พันล้านดอง (28.8 ล้านดอลลาร์)

    ศาลระบุว่ามีนักลงทุนมากกว่า 25,800 รายที่ตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกงและปั่นซื้อขายหุ้นใน FLC Faros Construction อัยการระบุในคำฟ้องว่า Quyet วางแผนการปั่นหุ้นและปั่นส่วนเงินทุนของ Faros ให้สูงขึ้นเป็น 4.3 ล้านล้านดองจากมูลค่าจริง 1.5 พันล้านดองเพื่อให้บริษัทสามารถจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (HoSE) ได้

    แม้ไม่สามารถระบุที่มาของเงินทุน4.3ล้านล้านดองที่บริษัทอ้างไว้ได้ แต่กรรมการตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์( HoSE )กลับอนุมัติการจดทะเบียนซื้อขายหุ้นบริษัทนี้ ส่งผลให้มีผู้ลงทุนซื้อหุ้นไป 391 ล้านหุ้น
    บริษัทอ้างไว้ได้ แต่ผู้บริหารของ HoSE กลับอนุมัติการจดทะเบียน ส่งผลให้ผู้ลงทุนซื้อหุ้นไป 391 ล้านหุ้น

    นอกจากนี้ Quyet วัย 49 ปี ยังถูกกล่าวหาว่าสั่งให้ Trinh Thi Minh Hue น้องสาวของเขา ซึ่งเป็นนักบัญชีของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ FLCเปิดบัญชีหุ้น 500 บัญชีในนามของผู้ร่วมสมคบคิด 45 คน ซึ่งใช้ในการซื้อขายปั่นหุ้นของ FLC และบริษัทในเครือ 4 แห่งไปมา ทำให้Hueน้องสาวของเขามีความผิด ถูกตัดสินจำคุก 14 ปี
    ขณะที่น้องสาวอีกคนของเขา คือ Trinh Thi Thuy Nga รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BOS Securities ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ด้วยและถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 8 ปี และรองประธานFLC อีกคนถูกจำคุก 8 ปี 6 เดือน

    ระหว่างการให้การครั้งสุดท้ายในศาล นายQuyet และน้องสาวของเขาแสดงความสำนึกผิดและขอโทษจำเลยคนอื่นๆ ซึ่งเป็นสมาชิกในครอบครัว ที่ทำให้พวกเขาต้องเข้าไปพัวพันกับประเด็นคดีทางกฎหมาย และเขาได้แสวงหาผลประโยชน์จากความไว้วางใจ

    นายQuyet อดีตมหาเศรษฐีเวียดนา กล่าวถึงอาชญากรรมทางเศรษฐกิจนี้ว่า เป็นบทเรียนอันน่าสะเทือนขวัญ และยอมรับว่าการที่เขามุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายที่ทะเยอทะยานเกินไปนั้น ทำให้เขาทำผิดทางกฏหมาย ละเลยขอบเขตทางกฎหมายไป

    #Thaitimes
    Trinh Van Quyet อดีตเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ของเวียดนาม ประธานบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ FLC Group JSC ถูกศาลตัดสินจำคุก 21 ปี มีความผิดฐานฉ้อโกงและปั่นหุ้น 5 สิงหาคม 2567-เว็บไซต์ข่าว VN Express รายงานว่า Trinh Van Quyet อดีตเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ของเวียดนาม ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ FLC Group JSC ถูกศาลตัดสินจำคุก 21 ปี มีความผิดฐานฉ้อโกงและปั่นหุ้น คดีอื้อฉาวนี้มีผู้ต้องหา 50 คน รวมทั้งอดีตเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ Quyet และน้องสาวอีก 2 คน ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงและปั่นหุ้น5ตัวแสวงหากำไรที่ผิดกฎหมายประมาณ 723 พันล้านดอง (28.8 ล้านดอลลาร์) ศาลระบุว่ามีนักลงทุนมากกว่า 25,800 รายที่ตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกงและปั่นซื้อขายหุ้นใน FLC Faros Construction อัยการระบุในคำฟ้องว่า Quyet วางแผนการปั่นหุ้นและปั่นส่วนเงินทุนของ Faros ให้สูงขึ้นเป็น 4.3 ล้านล้านดองจากมูลค่าจริง 1.5 พันล้านดองเพื่อให้บริษัทสามารถจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (HoSE) ได้ แม้ไม่สามารถระบุที่มาของเงินทุน4.3ล้านล้านดองที่บริษัทอ้างไว้ได้ แต่กรรมการตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์( HoSE )กลับอนุมัติการจดทะเบียนซื้อขายหุ้นบริษัทนี้ ส่งผลให้มีผู้ลงทุนซื้อหุ้นไป 391 ล้านหุ้น บริษัทอ้างไว้ได้ แต่ผู้บริหารของ HoSE กลับอนุมัติการจดทะเบียน ส่งผลให้ผู้ลงทุนซื้อหุ้นไป 391 ล้านหุ้น นอกจากนี้ Quyet วัย 49 ปี ยังถูกกล่าวหาว่าสั่งให้ Trinh Thi Minh Hue น้องสาวของเขา ซึ่งเป็นนักบัญชีของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ FLCเปิดบัญชีหุ้น 500 บัญชีในนามของผู้ร่วมสมคบคิด 45 คน ซึ่งใช้ในการซื้อขายปั่นหุ้นของ FLC และบริษัทในเครือ 4 แห่งไปมา ทำให้Hueน้องสาวของเขามีความผิด ถูกตัดสินจำคุก 14 ปี ขณะที่น้องสาวอีกคนของเขา คือ Trinh Thi Thuy Nga รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BOS Securities ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ด้วยและถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 8 ปี และรองประธานFLC อีกคนถูกจำคุก 8 ปี 6 เดือน ระหว่างการให้การครั้งสุดท้ายในศาล นายQuyet และน้องสาวของเขาแสดงความสำนึกผิดและขอโทษจำเลยคนอื่นๆ ซึ่งเป็นสมาชิกในครอบครัว ที่ทำให้พวกเขาต้องเข้าไปพัวพันกับประเด็นคดีทางกฎหมาย และเขาได้แสวงหาผลประโยชน์จากความไว้วางใจ นายQuyet อดีตมหาเศรษฐีเวียดนา กล่าวถึงอาชญากรรมทางเศรษฐกิจนี้ว่า เป็นบทเรียนอันน่าสะเทือนขวัญ และยอมรับว่าการที่เขามุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายที่ทะเยอทะยานเกินไปนั้น ทำให้เขาทำผิดทางกฏหมาย ละเลยขอบเขตทางกฎหมายไป #Thaitimes
    0 Comments 0 Shares 526 Views 0 Reviews