• ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 7
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 7
    หลังจากเจอสงครามฝิ่น ราชวงศ์ชิงก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ พร้อมกับการเจริญเติบโตของต่างชาติในจีน โดยเฉพาะที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งพวกฝรั่งมาอยู่กันเต็ม พร้อมกับมีสิทธิพิเศษๆ รวมทั้งแบ่งเขตปกครองกันเอง ตามสัญญาที่บีบได้มาจากจีน ขณะเดียวกัน ก็เริ่มมีการปลูกฝิ่นในจีน ไม่ต้องเสียเวลาขนมาจากที่อื่น การปลูก ผลิต และขายฝิ่น ขยายตัวเร็วยิ่งกว่าปลูกข้าว ในที่สุด จีนก็กลายเป็นแหล่งผลิตฝิ่นใหญ่ที่สุดในโลก และกองทัพจีนก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ
    มันเป็นยุทธศาสตร์ชั้นยอด สุดชั่วของอังกฤษทีเดียว ใช้แผ่นดินจีนปลูกฝิ่น ขายชาวจีน มอมเมาชาวจีน เพื่อยึดแผ่นดินจีน ผมเข้าใจหัวอกอาเฮีย แห่งแดนมังกรแล้ว
    เมื่อเกาหลีตีกันเอง ในปี ค.ศ.1894 ทั้งจีนและญี่ปุ่นต่างก็ส่งกองทัพไปช่วย เลยประลองกันเอง และกองทัพจีนภายใต้ฤทธิ์ฝิ่น แพ้หมดรูปกลับบ้าน รุ่งขึ้นในปี ค.ศ.1895 เริ่มมีชาวจีนที่ไม่พอใจ รู้สึกเสียหน้า และเห็นว่า ความพ่ายแพ้ของกองทัพมาจากการที่ต่างชาติแทรกแซงจีน จีงมีการรวมตัวกันเพื่อพยายามขับไล่พวกฝรั่งที่อยู่ในจีน และไล่ราชวงศ์ชิงที่อ่อนแอ ยอมให้ต่างชาติเข้ามาใหญ่อยู่ในจีน
    ปี ค.ศ.1898 ชาวจีนที่ต้องการไล่ฝรั่งออกไปจากประเทศ รวมตัวกันที่เมืองชานตุง ทางเหนือของจีน ซึ่งเป็นถิ่นที่มีชาวเยอรมันอยู่แยะ เนื่องจากเป็นเส้นทางรถไฟ และมีเหมืองถ่านหินอยู่ที่นั่น เยอรมันทำเหมือง สร้างทางรถไฟ กำไรมหาศาล แต่ใช้งานคนจีนอย่างกับทาส ค่าแรงต่ำ ความเป็นอยู่ของคนงานชาวจีนน่าอนาถ ชาวจีนจึงเริ่มออกเดินตามถนน พร้อมตะโกนไล่ …ผีปีศาจต่างชาติออกไป ออกไป…ชาวเยอรมัน ร่วมทั้งพวกสอนศาสนา มิชชั่นนารี และพวกเข้ารีต เริ่มถูกทำร้าย ถูกฆ่า
    ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวนี้คือ กลุ่มสมาคมลับ Yihequan หรือ I-ho-chuan หรือ ที่เรียกกันว่า พวกนักมวย เพราะเป็นพวกเล่นหมัดมวยทั้งนั้น ถึงปี ค.ศ.1900 กลุ่มนักมวยกระจายไปทั่วมณฑลทางเหนือ รวมทั้งที่เมืองหลวงปักกิ่ง พวกนักมวยต้องการขับไล่รัฐบาลของพวกแมนจู เพราะทำตัวเหมือนเป็นหุ่นชักให้กับพวกต่างชาติ พระนางซูซีไทเฮา อำนาจตัวจริงที่อยู่ข้างหลังรัฐบาลแมนจู ขอเจรจากับพวกนักมวย ว่าให้ไปไล่พวกฝรั่งอย่างเดียวเถิด อย่าไล่รัฐบาลแมนจูเลย และพระนางจะสนับสนุนพวกนักมวยทุกอย่าง พวกนักมวยว่าง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ เชื่อคำเจรจาของพระนางซูซี
    ในช่วงปี ค.ศ.1900 นั้น ฝรั่งปักหลักสร้างบ้านอยู่เต็มปักกิ่ง แต่เหยียดหยามดูถูกคนจีน พวกนักมวย จึงได้พรรคพวกเพิ่มขึ้นอีกมากที่ปักกิ่ง พวกฝรั่งเริ่มรู้สึกว่าตัวเองชักไม่ปลอดภัย ทูตเยอรมันที่จีน จึงจะไปยื่นคำประท้วงต่อรัฐบาลแมนจู ระหว่างเดินทางไปปักกิ่ง เพื่อยื่นหนังสือประท้วง ตัวทูตก็ถูกพวกนักมวยลากลงมาจากรถ และถูกทำร้ายจนตาย พวกฝรั่งรู้ข่าวก็ตาเหลือก รีบพากันอพยพ หลบไปอยู่ในสถานทูตอังกฤษ ที่มีทหารป้องกันประมาณ 400 คน
    ฝ่ายฝรั่งบอกว่า พวกนักมวยจำนวนเป็นหมื่น มาล้อมสถานทูตอังกฤษ การล้อมและต่อสู้ดำเนินอยู่ 55 วัน กว่ากองกำลังของพวกต่างชาติ จากเมืองเทียนสินจะมาถึง พร้อมด้วยปืนเล็กปืนใหญ่ และต่อสู้จนพวกนักมวย ที่มีแต่มีดและมือตีนพ่ายแพ้ไป
    ฝรั่งรายงานว่า มีพวกฝรั่งตายไป 66 คน บาดเจ็บ 150 คน แต่ไม่รู้ว่าพวกนักมวยเจ็บตายไปเท่าไหร่ พวกฝรั่งโกรธแค้นมาก จำต้องลงโทษชาวจีนให้จงหนัก ที่กำเริบเสิบสานนัก กองทัพต่างชาติไม่ให้เสียเวลา ฉวยโอกาสบุกเข้าไปในพระราชวังปักกิ่ง พวกหนึ่งก็ขนสมบัติของฮ่องเต้ อีกพวกหนึ่งก็ทำลายพระราชวัง เสียหายแทบไม่เหลือชิ้นดี ส่วนพระนางซูซี เมื่อพวกนักมวยเข้ามาในเมืองปักกิ่ง พระนางก็ประกาศสงครามกับพวกฝรั่ง แต่เมื่อเห็นพวกนักมวยทำท่าจะไปไม่รอด พระนางก็ปลอมตัวเป็นชาวบ้าน หลบหนีจากวังไปอยู่เมืองซีอาน
    เมื่อพวกฝรั่งปราบพวกกบฏนักมวยราบจนไม่เหลือ พวกฝรั่งก็เรียกค่าเสียหายจากจีนเป็นจำนวนเงินถึง 500 ล้านเหรียญ และยกโทษให้พระนางซูซี ให้กลับมาอยู่วัง และทำหน้าที่เป็นหุ่นชักให้ฝรั่งต่อไป แล้วพวกฝรั่งก็กลับมามีอำนาจในจีน ตักตวงจีนเหมือนเดิม และมากกว่าเดิม ส่วนพวกกบฏนักมวย ถูกจับและถูกตัดหัวเสียบประจานกลางเมือง
    เรื่องของพวกกบฏนักมวย เป็นเรื่องที่นักประวัติศาสตร์ ทั้งค่ายฝรั่ง และค่ายจีน นำมาศึกษา ต่างได้ข้อสรุป ไม่เหมือนกัน น่าสนใจ
    หลังจากนั้นราชวงศ์ชิงก็ยิ่งเสื่อม ลง กลุ่มก๊กเหล่าต่างๆ โผล่ขึ้นมาอีก ในที่สุด ราชวงศ์ชิง ก็ถูกโค่น ในปี ค.ศ.1910 โดยกลุ่มก๊กมินตั๋ง ของซุนยัดเซ็น ปฏิวัติสำเร็จ แต่ยังปกครองจีนไม่ได้ ภายในจีนยังแตกแยก แล้วอำนาจก็กลับไปอยู่ในมือของ ยวนสี่ไข นายทหารใหญ่ ที่ฮ่องเต้เป็นผู้ชุบเลี้ยงจน มีอำนาจในปลายราชวงศ์ชิง การแย่งชิงอำนาจระหว่างก๊ก ดูซับซ้อน ไม่รู้ใครต้มใคร แต่ในที่สุด ยวนซีไข่ ก็ครองอำนาจไม่อยู่ ตายจากไป และซุนยัดเซ็น ก็ขึ้นมาปกครองจีน โดยตั้ง เจียงไคเช็ค น้องเขย เป็นมือขวา
    ย้อนกลับมาเรื่อง ฝิ่น อาวุธสำคัญที่ทำลายจีนเสียน่วมตามแผนของอังกฤษ ยังเป็นอาวุธที่ถูกพัฒนาเป็นสาระพัดยาเสพติด ที่มีอานุภาพใช้ มีฤทธิ์สูงกว้างขวางไปทุกเนื้อที่ และยั่งยืนต่อมา จนถึงทุกวันนี้
    ในบรรดาเจ้าพ่อของจีน ที่ถือกำเนิดมาจากการค้าฝิ่น แก๊งเขียว หรือ Green Gang ซึ่งยึดหัวหาดอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ดูแลเขตปกครองของฝรั่งเศส และดูเหมือนจะมีส่วนสำคัญในการ รับไม้ทุบจีนให้น่วมต่อ หัวหน้าแก๊งเขียว ชื่อ ตู้ หยูเช็ง (Tu Yueh-sen) ซึ่งตอนหลัง รวบรวมนักค้าฝิ่นขาใหญ่ๆ เข้ามาอยู่ในสังกัดหมด ไอ้ตู้ จึงกลายเป็นเจ้าพ่อตู้
    ธุรกิจของเจ้าพ่อตู้ ดีวันดีคืน ในปี ค.ศ.1927 เจ้าพ่อตู้ ถึงกับมีกองทัพ(นักเลง) ส่วนตัว เมื่อพวกก๊กมินตั๋งของซุนยัดเซ็น มีนโยบายจะขจัดบรรดาก๊กเหล่าต่างๆ ซึ่งขณะนั้นมีมากมายให้หมดไป เจียงไคเช็ค ได้ยินชื่อเสียงของเจ้าพ่อตู้ นายพลเจียงจึงแอบจับมือกับเจ้าพ่อตู้ ให้ช่วยกำจัดพวกคอมมิวนิสต์ ที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นมาในจีน และทำท่าจะเป็นดาวรุ่งมาแรง เจ้าพ่อ บอกไม่มีปัญหา เดี๋ยวจัดให้
    เมื่อพวกสหภาพกรรมกร ที่สังกัดพวกคอมมิวนิสต์ เดืนทางมาถึงเขตปกครองของฝรั่งเศส ก็ถูกพวกนักเลงรุมฆ่าฟันตายเป็นพันๆ คน รวมทั้งชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่อง แต่บังเอิญไปยืนอยู่แถวนั้น ก็โดนฆ่าไปด้วย ไอ้ตู้ สร้างผลงานได้เข้าตาคนจ้างจริงๆ
    หลังจากก๊กมินตั๋งครอบครองส่วนหนี่งของจีนได้ และตั้งรัฐบาลขึ้นมา นายพลเจียง ก็ยังคงใช้บริการของไอ้ตู้ต่อไป แถมตั้งไอ้ตู้และพวก เป็นที่ปรึกษาของรัฐบาล ตัวไอ้ตู้เอง ยังได้รับตำแหน่งเป็นพันเอกในกองทัพด้วย การค้าฝิ่นในจีน จึงยิ่งงอกงาม ไม่ใช่แค่ในจีน แต่งอกเงยไปถึงอเมริกา ซึ่งมีมาเฟียเซี่ยงไฮ้ ตู้ เป็นผู้จัดส่ง
    ในปี ค.ศ.1937 ที่ญี่ปุ่นบุกจีน เมื่อกองทัพญี่ปุ่นมานานกิง กองทัพก๊กมินตั๋ง ก็ถอยไปอยู่ที่เมืองชงชิงในมณฑลเสฉวน หน้าฉาก เจียงไคเช็ค รบกับกองทัพญี่ปุ่น แต่หลังฉาก ทั้ง 2 ฝ่ายจับมือกันค้าฝิ่น บัดซบไหมครับ
    ญี่ปุ่นทำมาหาได้จากการค้าฝิ่น ฝิ่นเป็นรายได้หลักจากการบุกยึดและปักหลักอยู่ที่จีนของญี่ปุ่น และภายใต้การจัดการของไอ้ตู้ หรือท่านพันเอกตู้ นายพลเจียง ก็เป็นสายส่งฝิ่นให้แก่ญี่ปุ่น มณฑลเสฉวน และยูนนานของจีน กลายเป็นดงฝิ่น ทุกเนินเขาเต็มไปด้วยดอกฝิ่น สีแดง สีขาว สีชมพู ฝิ่นถูกขนส่งผ่านลงมาที่แม่น้ำแยงซี ทางหนี่งส่งไปที่เซี่ยงไฮ้ อีกทางส่งออกไปทางพม่า เพื่อมาเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
    เมื่อญี่ปุ่นแพ้ในการสู้รบกับจีน ถอยทัพกลับ แต่สงครามกลางเมืองระหว่างก๊กมินตั๋งกับพรรคคอมมิวนิสต์ ยังดำเนินต่อไป เมื่อฝ่ายคอมมิวนิสต์ชนะ ไล่ตีลงมาถึงเซี่ยงไฮ้ ไอ้ตู้และแก๊งเขียว รีบเก็บของลงกระเป๋า เตลิดไปอยู่ฮ่องกง ส่วนนายพล เจียง ก็นำพวกตัว ข้ามไปปักหลักที่ไต้หวัน และพรรคคอมมิวนิสต์ในจีนก็เกิดขึ้น
    เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์เริ่มปกครองจีน มีชาวจีนติดฝิ่นเป็นหลายล้านคน จีนบอกคนพวกนี้คือ “เหยื่อ” ของรัฐบาลต่างชาติ คนติดฝิ่นเหล่านั้น ได้รับการดูแลรักษา และมีงานทำ โดยรัฐจัดหาให้ทั้งหมด จีนใช้เวลานาน กว่า จะล้างฝิ่น ที่อังกฤษพอกเอาไว้ให้ออกจากคน และออกจากประเทศ หมดเอาในปี ค.ศ.1956 อย่าได้ดูแคลนฝีมืออันชั่วร้ายของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้ายเชียว
    สำหรับฝิ่น ที่ส่งออกจากยูนาน เข้าทางพม่าผ่านรัฐฉาน ซึ่งอยู่คนละฝ่ายกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน รัฐฉานปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องฝิ่น แม้จะมีข่าวว่า รัฐฉานเป็นแหล่งปลูกและผลิตฝิ่นแหล่งใหญ่ ภายใต้การอำนายการของหน่วยสืบราชการลับ ซีไอเอ ของอเมริกา และพวกฉานหลายคน ก็ทำหน้าที่เป็นสายลับให้กับอเมริกา เกี่ยวกับกิจกรรมของจีนด้วย เรื่องนี้ มีโอกาสจะเล่าให้ฟังต่อ
    เล่ามาถึงตรงนี้ คงพอเห็นกันแล้วว่า อังกฤษ อยู่เบื้องหลังพฤติกรรม และหลายเหตุการณ์ทั้งในญี่ปุ่น และที่จีน แต่อังกฤษ คงไม่ใช่นักล่ารายเดียว ที่วางแผนเคี้ยวจีน และอาจจะเคี้ยวญี่ปุ่นพร้อมๆ กันไปด้วย….
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
18 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 7 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 7 หลังจากเจอสงครามฝิ่น ราชวงศ์ชิงก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ พร้อมกับการเจริญเติบโตของต่างชาติในจีน โดยเฉพาะที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งพวกฝรั่งมาอยู่กันเต็ม พร้อมกับมีสิทธิพิเศษๆ รวมทั้งแบ่งเขตปกครองกันเอง ตามสัญญาที่บีบได้มาจากจีน ขณะเดียวกัน ก็เริ่มมีการปลูกฝิ่นในจีน ไม่ต้องเสียเวลาขนมาจากที่อื่น การปลูก ผลิต และขายฝิ่น ขยายตัวเร็วยิ่งกว่าปลูกข้าว ในที่สุด จีนก็กลายเป็นแหล่งผลิตฝิ่นใหญ่ที่สุดในโลก และกองทัพจีนก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ มันเป็นยุทธศาสตร์ชั้นยอด สุดชั่วของอังกฤษทีเดียว ใช้แผ่นดินจีนปลูกฝิ่น ขายชาวจีน มอมเมาชาวจีน เพื่อยึดแผ่นดินจีน ผมเข้าใจหัวอกอาเฮีย แห่งแดนมังกรแล้ว เมื่อเกาหลีตีกันเอง ในปี ค.ศ.1894 ทั้งจีนและญี่ปุ่นต่างก็ส่งกองทัพไปช่วย เลยประลองกันเอง และกองทัพจีนภายใต้ฤทธิ์ฝิ่น แพ้หมดรูปกลับบ้าน รุ่งขึ้นในปี ค.ศ.1895 เริ่มมีชาวจีนที่ไม่พอใจ รู้สึกเสียหน้า และเห็นว่า ความพ่ายแพ้ของกองทัพมาจากการที่ต่างชาติแทรกแซงจีน จีงมีการรวมตัวกันเพื่อพยายามขับไล่พวกฝรั่งที่อยู่ในจีน และไล่ราชวงศ์ชิงที่อ่อนแอ ยอมให้ต่างชาติเข้ามาใหญ่อยู่ในจีน ปี ค.ศ.1898 ชาวจีนที่ต้องการไล่ฝรั่งออกไปจากประเทศ รวมตัวกันที่เมืองชานตุง ทางเหนือของจีน ซึ่งเป็นถิ่นที่มีชาวเยอรมันอยู่แยะ เนื่องจากเป็นเส้นทางรถไฟ และมีเหมืองถ่านหินอยู่ที่นั่น เยอรมันทำเหมือง สร้างทางรถไฟ กำไรมหาศาล แต่ใช้งานคนจีนอย่างกับทาส ค่าแรงต่ำ ความเป็นอยู่ของคนงานชาวจีนน่าอนาถ ชาวจีนจึงเริ่มออกเดินตามถนน พร้อมตะโกนไล่ …ผีปีศาจต่างชาติออกไป ออกไป…ชาวเยอรมัน ร่วมทั้งพวกสอนศาสนา มิชชั่นนารี และพวกเข้ารีต เริ่มถูกทำร้าย ถูกฆ่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวนี้คือ กลุ่มสมาคมลับ Yihequan หรือ I-ho-chuan หรือ ที่เรียกกันว่า พวกนักมวย เพราะเป็นพวกเล่นหมัดมวยทั้งนั้น ถึงปี ค.ศ.1900 กลุ่มนักมวยกระจายไปทั่วมณฑลทางเหนือ รวมทั้งที่เมืองหลวงปักกิ่ง พวกนักมวยต้องการขับไล่รัฐบาลของพวกแมนจู เพราะทำตัวเหมือนเป็นหุ่นชักให้กับพวกต่างชาติ พระนางซูซีไทเฮา อำนาจตัวจริงที่อยู่ข้างหลังรัฐบาลแมนจู ขอเจรจากับพวกนักมวย ว่าให้ไปไล่พวกฝรั่งอย่างเดียวเถิด อย่าไล่รัฐบาลแมนจูเลย และพระนางจะสนับสนุนพวกนักมวยทุกอย่าง พวกนักมวยว่าง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ เชื่อคำเจรจาของพระนางซูซี ในช่วงปี ค.ศ.1900 นั้น ฝรั่งปักหลักสร้างบ้านอยู่เต็มปักกิ่ง แต่เหยียดหยามดูถูกคนจีน พวกนักมวย จึงได้พรรคพวกเพิ่มขึ้นอีกมากที่ปักกิ่ง พวกฝรั่งเริ่มรู้สึกว่าตัวเองชักไม่ปลอดภัย ทูตเยอรมันที่จีน จึงจะไปยื่นคำประท้วงต่อรัฐบาลแมนจู ระหว่างเดินทางไปปักกิ่ง เพื่อยื่นหนังสือประท้วง ตัวทูตก็ถูกพวกนักมวยลากลงมาจากรถ และถูกทำร้ายจนตาย พวกฝรั่งรู้ข่าวก็ตาเหลือก รีบพากันอพยพ หลบไปอยู่ในสถานทูตอังกฤษ ที่มีทหารป้องกันประมาณ 400 คน ฝ่ายฝรั่งบอกว่า พวกนักมวยจำนวนเป็นหมื่น มาล้อมสถานทูตอังกฤษ การล้อมและต่อสู้ดำเนินอยู่ 55 วัน กว่ากองกำลังของพวกต่างชาติ จากเมืองเทียนสินจะมาถึง พร้อมด้วยปืนเล็กปืนใหญ่ และต่อสู้จนพวกนักมวย ที่มีแต่มีดและมือตีนพ่ายแพ้ไป ฝรั่งรายงานว่า มีพวกฝรั่งตายไป 66 คน บาดเจ็บ 150 คน แต่ไม่รู้ว่าพวกนักมวยเจ็บตายไปเท่าไหร่ พวกฝรั่งโกรธแค้นมาก จำต้องลงโทษชาวจีนให้จงหนัก ที่กำเริบเสิบสานนัก กองทัพต่างชาติไม่ให้เสียเวลา ฉวยโอกาสบุกเข้าไปในพระราชวังปักกิ่ง พวกหนึ่งก็ขนสมบัติของฮ่องเต้ อีกพวกหนึ่งก็ทำลายพระราชวัง เสียหายแทบไม่เหลือชิ้นดี ส่วนพระนางซูซี เมื่อพวกนักมวยเข้ามาในเมืองปักกิ่ง พระนางก็ประกาศสงครามกับพวกฝรั่ง แต่เมื่อเห็นพวกนักมวยทำท่าจะไปไม่รอด พระนางก็ปลอมตัวเป็นชาวบ้าน หลบหนีจากวังไปอยู่เมืองซีอาน เมื่อพวกฝรั่งปราบพวกกบฏนักมวยราบจนไม่เหลือ พวกฝรั่งก็เรียกค่าเสียหายจากจีนเป็นจำนวนเงินถึง 500 ล้านเหรียญ และยกโทษให้พระนางซูซี ให้กลับมาอยู่วัง และทำหน้าที่เป็นหุ่นชักให้ฝรั่งต่อไป แล้วพวกฝรั่งก็กลับมามีอำนาจในจีน ตักตวงจีนเหมือนเดิม และมากกว่าเดิม ส่วนพวกกบฏนักมวย ถูกจับและถูกตัดหัวเสียบประจานกลางเมือง เรื่องของพวกกบฏนักมวย เป็นเรื่องที่นักประวัติศาสตร์ ทั้งค่ายฝรั่ง และค่ายจีน นำมาศึกษา ต่างได้ข้อสรุป ไม่เหมือนกัน น่าสนใจ หลังจากนั้นราชวงศ์ชิงก็ยิ่งเสื่อม ลง กลุ่มก๊กเหล่าต่างๆ โผล่ขึ้นมาอีก ในที่สุด ราชวงศ์ชิง ก็ถูกโค่น ในปี ค.ศ.1910 โดยกลุ่มก๊กมินตั๋ง ของซุนยัดเซ็น ปฏิวัติสำเร็จ แต่ยังปกครองจีนไม่ได้ ภายในจีนยังแตกแยก แล้วอำนาจก็กลับไปอยู่ในมือของ ยวนสี่ไข นายทหารใหญ่ ที่ฮ่องเต้เป็นผู้ชุบเลี้ยงจน มีอำนาจในปลายราชวงศ์ชิง การแย่งชิงอำนาจระหว่างก๊ก ดูซับซ้อน ไม่รู้ใครต้มใคร แต่ในที่สุด ยวนซีไข่ ก็ครองอำนาจไม่อยู่ ตายจากไป และซุนยัดเซ็น ก็ขึ้นมาปกครองจีน โดยตั้ง เจียงไคเช็ค น้องเขย เป็นมือขวา ย้อนกลับมาเรื่อง ฝิ่น อาวุธสำคัญที่ทำลายจีนเสียน่วมตามแผนของอังกฤษ ยังเป็นอาวุธที่ถูกพัฒนาเป็นสาระพัดยาเสพติด ที่มีอานุภาพใช้ มีฤทธิ์สูงกว้างขวางไปทุกเนื้อที่ และยั่งยืนต่อมา จนถึงทุกวันนี้ ในบรรดาเจ้าพ่อของจีน ที่ถือกำเนิดมาจากการค้าฝิ่น แก๊งเขียว หรือ Green Gang ซึ่งยึดหัวหาดอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ดูแลเขตปกครองของฝรั่งเศส และดูเหมือนจะมีส่วนสำคัญในการ รับไม้ทุบจีนให้น่วมต่อ หัวหน้าแก๊งเขียว ชื่อ ตู้ หยูเช็ง (Tu Yueh-sen) ซึ่งตอนหลัง รวบรวมนักค้าฝิ่นขาใหญ่ๆ เข้ามาอยู่ในสังกัดหมด ไอ้ตู้ จึงกลายเป็นเจ้าพ่อตู้ ธุรกิจของเจ้าพ่อตู้ ดีวันดีคืน ในปี ค.ศ.1927 เจ้าพ่อตู้ ถึงกับมีกองทัพ(นักเลง) ส่วนตัว เมื่อพวกก๊กมินตั๋งของซุนยัดเซ็น มีนโยบายจะขจัดบรรดาก๊กเหล่าต่างๆ ซึ่งขณะนั้นมีมากมายให้หมดไป เจียงไคเช็ค ได้ยินชื่อเสียงของเจ้าพ่อตู้ นายพลเจียงจึงแอบจับมือกับเจ้าพ่อตู้ ให้ช่วยกำจัดพวกคอมมิวนิสต์ ที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นมาในจีน และทำท่าจะเป็นดาวรุ่งมาแรง เจ้าพ่อ บอกไม่มีปัญหา เดี๋ยวจัดให้ เมื่อพวกสหภาพกรรมกร ที่สังกัดพวกคอมมิวนิสต์ เดืนทางมาถึงเขตปกครองของฝรั่งเศส ก็ถูกพวกนักเลงรุมฆ่าฟันตายเป็นพันๆ คน รวมทั้งชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่อง แต่บังเอิญไปยืนอยู่แถวนั้น ก็โดนฆ่าไปด้วย ไอ้ตู้ สร้างผลงานได้เข้าตาคนจ้างจริงๆ หลังจากก๊กมินตั๋งครอบครองส่วนหนี่งของจีนได้ และตั้งรัฐบาลขึ้นมา นายพลเจียง ก็ยังคงใช้บริการของไอ้ตู้ต่อไป แถมตั้งไอ้ตู้และพวก เป็นที่ปรึกษาของรัฐบาล ตัวไอ้ตู้เอง ยังได้รับตำแหน่งเป็นพันเอกในกองทัพด้วย การค้าฝิ่นในจีน จึงยิ่งงอกงาม ไม่ใช่แค่ในจีน แต่งอกเงยไปถึงอเมริกา ซึ่งมีมาเฟียเซี่ยงไฮ้ ตู้ เป็นผู้จัดส่ง ในปี ค.ศ.1937 ที่ญี่ปุ่นบุกจีน เมื่อกองทัพญี่ปุ่นมานานกิง กองทัพก๊กมินตั๋ง ก็ถอยไปอยู่ที่เมืองชงชิงในมณฑลเสฉวน หน้าฉาก เจียงไคเช็ค รบกับกองทัพญี่ปุ่น แต่หลังฉาก ทั้ง 2 ฝ่ายจับมือกันค้าฝิ่น บัดซบไหมครับ ญี่ปุ่นทำมาหาได้จากการค้าฝิ่น ฝิ่นเป็นรายได้หลักจากการบุกยึดและปักหลักอยู่ที่จีนของญี่ปุ่น และภายใต้การจัดการของไอ้ตู้ หรือท่านพันเอกตู้ นายพลเจียง ก็เป็นสายส่งฝิ่นให้แก่ญี่ปุ่น มณฑลเสฉวน และยูนนานของจีน กลายเป็นดงฝิ่น ทุกเนินเขาเต็มไปด้วยดอกฝิ่น สีแดง สีขาว สีชมพู ฝิ่นถูกขนส่งผ่านลงมาที่แม่น้ำแยงซี ทางหนี่งส่งไปที่เซี่ยงไฮ้ อีกทางส่งออกไปทางพม่า เพื่อมาเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อญี่ปุ่นแพ้ในการสู้รบกับจีน ถอยทัพกลับ แต่สงครามกลางเมืองระหว่างก๊กมินตั๋งกับพรรคคอมมิวนิสต์ ยังดำเนินต่อไป เมื่อฝ่ายคอมมิวนิสต์ชนะ ไล่ตีลงมาถึงเซี่ยงไฮ้ ไอ้ตู้และแก๊งเขียว รีบเก็บของลงกระเป๋า เตลิดไปอยู่ฮ่องกง ส่วนนายพล เจียง ก็นำพวกตัว ข้ามไปปักหลักที่ไต้หวัน และพรรคคอมมิวนิสต์ในจีนก็เกิดขึ้น เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์เริ่มปกครองจีน มีชาวจีนติดฝิ่นเป็นหลายล้านคน จีนบอกคนพวกนี้คือ “เหยื่อ” ของรัฐบาลต่างชาติ คนติดฝิ่นเหล่านั้น ได้รับการดูแลรักษา และมีงานทำ โดยรัฐจัดหาให้ทั้งหมด จีนใช้เวลานาน กว่า จะล้างฝิ่น ที่อังกฤษพอกเอาไว้ให้ออกจากคน และออกจากประเทศ หมดเอาในปี ค.ศ.1956 อย่าได้ดูแคลนฝีมืออันชั่วร้ายของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้ายเชียว สำหรับฝิ่น ที่ส่งออกจากยูนาน เข้าทางพม่าผ่านรัฐฉาน ซึ่งอยู่คนละฝ่ายกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน รัฐฉานปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องฝิ่น แม้จะมีข่าวว่า รัฐฉานเป็นแหล่งปลูกและผลิตฝิ่นแหล่งใหญ่ ภายใต้การอำนายการของหน่วยสืบราชการลับ ซีไอเอ ของอเมริกา และพวกฉานหลายคน ก็ทำหน้าที่เป็นสายลับให้กับอเมริกา เกี่ยวกับกิจกรรมของจีนด้วย เรื่องนี้ มีโอกาสจะเล่าให้ฟังต่อ เล่ามาถึงตรงนี้ คงพอเห็นกันแล้วว่า อังกฤษ อยู่เบื้องหลังพฤติกรรม และหลายเหตุการณ์ทั้งในญี่ปุ่น และที่จีน แต่อังกฤษ คงไม่ใช่นักล่ารายเดียว ที่วางแผนเคี้ยวจีน และอาจจะเคี้ยวญี่ปุ่นพร้อมๆ กันไปด้วย…. สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
18 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอปฟรีที่ควรติดตั้งทันทีบน Chromebook
    Chromebook แม้จะมีระบบที่เบาและเร็ว แต่ก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้มากขึ้นด้วยแอปฟรีที่ช่วยให้ใช้งานสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น บทความจาก SlashGear ได้แนะนำแอปที่ควรมีติดเครื่องทันทีหลังซื้อ Chromebook

    เริ่มกันเลย:

    LocalSend – ส่งไฟล์ไร้สายแบบปลอดภัย
    LocalSend เป็นแอปที่ช่วยให้คุณส่งไฟล์ระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต ใช้เพียง Wi-Fi หรือ LAN ก็สามารถโอนย้ายไฟล์ได้ทันที ข้อดีคือ ไม่มีโฆษณา, ไม่ติดตามข้อมูล, และเข้ารหัสการส่งไฟล์ ทำให้เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว

    Tor Browser – เพิ่มความเป็นส่วนตัวในการท่องเว็บ
    แม้ Tor Browser จะไม่ได้มีเวอร์ชัน Chromebook โดยตรง แต่สามารถติดตั้งผ่าน Android ได้ จุดเด่นคือการใช้ onion routing เพื่อปกปิดตัวตนและเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกบล็อกได้ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความปลอดภัยและการไม่ถูกติดตามออนไลน์

    Proton VPN – ปลอดภัยทุกครั้งที่เชื่อมต่อ
    Proton VPN เป็นบริการ VPN ฟรีที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงคอนเทนต์ที่ถูกจำกัดพื้นที่ พร้อมปกปิด IP และกิจกรรมออนไลน์ จุดเด่นคือ ไม่มีโฆษณาแม้ในเวอร์ชันฟรี และรองรับหลายอุปกรณ์ ตั้งแต่ Windows, macOS, Android, iOS ไปจนถึง Chromebook

    VLC Player – เล่นไฟล์สื่อได้ทุกชนิด
    VLC Player เป็นแอปเล่นสื่อที่รองรับไฟล์เกือบทุกประเภท ทั้งวิดีโอและเสียง รวมถึงสามารถเล่นจาก external drive หรือ network storage ได้ จุดเด่นคือความเสถียรและการอัปเดตต่อเนื่อง เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเครื่องมือเล่นสื่อที่ครบครัน

    ChatGPT – ผู้ช่วย AI บน Chromebook
    แม้จะไม่มีเวอร์ชัน ChromeOS โดยตรง แต่สามารถติดตั้งผ่าน Android ได้ ChatGPT ช่วยในงานต่าง ๆ เช่น สรุปเอกสาร, brainstorm ไอเดีย, เขียนสคริปต์, และสร้างงานศิลป์ ถือเป็นเครื่องมือที่เพิ่มความสะดวกทั้งสำหรับนักเรียนและคนทำงาน

    https://www.slashgear.com/2029515/free-apps-to-install-asap-chromebook/
    💻 แอปฟรีที่ควรติดตั้งทันทีบน Chromebook Chromebook แม้จะมีระบบที่เบาและเร็ว แต่ก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้มากขึ้นด้วยแอปฟรีที่ช่วยให้ใช้งานสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น บทความจาก SlashGear ได้แนะนำแอปที่ควรมีติดเครื่องทันทีหลังซื้อ Chromebook ⭐ เริ่มกันเลย: 📤 LocalSend – ส่งไฟล์ไร้สายแบบปลอดภัย LocalSend เป็นแอปที่ช่วยให้คุณส่งไฟล์ระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต ใช้เพียง Wi-Fi หรือ LAN ก็สามารถโอนย้ายไฟล์ได้ทันที ข้อดีคือ ไม่มีโฆษณา, ไม่ติดตามข้อมูล, และเข้ารหัสการส่งไฟล์ ทำให้เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว 🕶️ Tor Browser – เพิ่มความเป็นส่วนตัวในการท่องเว็บ แม้ Tor Browser จะไม่ได้มีเวอร์ชัน Chromebook โดยตรง แต่สามารถติดตั้งผ่าน Android ได้ จุดเด่นคือการใช้ onion routing เพื่อปกปิดตัวตนและเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกบล็อกได้ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความปลอดภัยและการไม่ถูกติดตามออนไลน์ 🔒 Proton VPN – ปลอดภัยทุกครั้งที่เชื่อมต่อ Proton VPN เป็นบริการ VPN ฟรีที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงคอนเทนต์ที่ถูกจำกัดพื้นที่ พร้อมปกปิด IP และกิจกรรมออนไลน์ จุดเด่นคือ ไม่มีโฆษณาแม้ในเวอร์ชันฟรี และรองรับหลายอุปกรณ์ ตั้งแต่ Windows, macOS, Android, iOS ไปจนถึง Chromebook 🎵 VLC Player – เล่นไฟล์สื่อได้ทุกชนิด VLC Player เป็นแอปเล่นสื่อที่รองรับไฟล์เกือบทุกประเภท ทั้งวิดีโอและเสียง รวมถึงสามารถเล่นจาก external drive หรือ network storage ได้ จุดเด่นคือความเสถียรและการอัปเดตต่อเนื่อง เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเครื่องมือเล่นสื่อที่ครบครัน 🤖 ChatGPT – ผู้ช่วย AI บน Chromebook แม้จะไม่มีเวอร์ชัน ChromeOS โดยตรง แต่สามารถติดตั้งผ่าน Android ได้ ChatGPT ช่วยในงานต่าง ๆ เช่น สรุปเอกสาร, brainstorm ไอเดีย, เขียนสคริปต์, และสร้างงานศิลป์ ถือเป็นเครื่องมือที่เพิ่มความสะดวกทั้งสำหรับนักเรียนและคนทำงาน https://www.slashgear.com/2029515/free-apps-to-install-asap-chromebook/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Free Apps You Should Install ASAP On Any Chromebook - SlashGear
    A clean, simple overview of the apps that bring real utility to a Chromebook, with tools for privacy, productivity, sharing, and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • Meta เปิดให้ใช้ชื่อเล่นใน Groups

    Meta ปรับนโยบายชื่อจริงบน Facebook โดยอนุญาตให้สมาชิกใน Facebook Groups ใช้ ชื่อเล่น (nickname) และ อวาตาร์ แทนชื่อจริงได้ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและลดความกังวลด้านความเป็นส่วนตัว แต่ยังคงต้องอยู่ภายใต้กฎชุมชนและการอนุมัติจากผู้ดูแลกลุ่ม

    Meta เคยยึดมั่นนโยบาย “Real Name” มายาวนาน แต่ล่าสุดได้ปรับเปลี่ยน โดยอนุญาตให้สมาชิกใน Facebook Groups สามารถตั้งชื่อเล่นและใช้อวาตาร์แทนชื่อจริงได้เมื่อเข้าร่วมสนทนาในกลุ่ม การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกปลอดภัยและเป็นกันเองมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่เน้นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

    เงื่อนไขการใช้งาน
    การใช้ชื่อเล่นต้องเปิดใช้งานโดย ผู้ดูแลกลุ่ม (admins)
    บางกรณีอาจต้องได้รับการอนุมัติแบบ manual
    ชื่อเล่นและอวาตาร์ยังคงต้องปฏิบัติตาม Community Standards ของ Meta
    ผู้ใช้สามารถสลับไปมาระหว่างชื่อจริงและชื่อเล่นได้ตามต้องการ

    อวาตาร์และการมีส่วนร่วม
    Meta เปิดตัวชุดอวาตาร์ธีมสัตว์น่ารัก เช่น “สัตว์ใส่แว่นกันแดด” เพื่อให้ผู้ใช้เลือกใช้ร่วมกับชื่อเล่น การเพิ่มฟีเจอร์นี้ถูกมองว่าเป็นการลดแรงกดดันทางสังคม และช่วยให้ผู้ใช้เข้าร่วมสนทนาได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเปิดเผยตัวตนมากเกินไป

    ความหมายเชิงกลยุทธ์
    การปรับนโยบายครั้งนี้สะท้อนว่า Meta กำลังพยายามทำให้ Facebook Groups เป็นพื้นที่ที่ดึงดูดผู้ใช้รุ่นใหม่มากขึ้น หลังจากที่เปิดฟีเจอร์ฟีดกิจกรรมท้องถิ่น และการเปลี่ยนกลุ่มส่วนตัวเป็นสาธารณะในปีที่ผ่านมา การอนุญาตให้ใช้ชื่อเล่นจึงเป็นอีกก้าวสำคัญในการสร้างชุมชนที่มีความยืดหยุ่นและเป็นมิตร

    สรุปสาระสำคัญ
    Meta ปรับนโยบาย Real Name
    อนุญาตให้ใช้ชื่อเล่นและอวาตาร์ใน Facebook Groups
    ผู้ใช้สามารถสลับระหว่างชื่อจริงและชื่อเล่นได้

    เงื่อนไขการใช้งาน
    ต้องเปิดใช้งานโดยผู้ดูแลกลุ่ม
    ต้องปฏิบัติตาม Community Standards

    อวาตาร์และการมีส่วนร่วม
    มีชุดอวาตาร์ธีมสัตว์น่ารักให้เลือก
    ลดแรงกดดันทางสังคมและเพิ่มการมีส่วนร่วม

    ความหมายเชิงกลยุทธ์
    ช่วยดึงดูดผู้ใช้รุ่นใหม่เข้าสู่ Facebook Groups
    เป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงฟีเจอร์เพื่อเพิ่มการใช้งาน

    คำเตือนด้านข้อมูล
    การใช้ชื่อเล่นอาจทำให้เกิดการแอบอ้างหรือการละเมิดกฎชุมชน
    ผู้ดูแลกลุ่มต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการใช้ในทางที่ผิด

    https://securityonline.info/meta-shifts-real-name-policy-facebook-groups-now-allow-custom-nicknames-avatars/
    👥 Meta เปิดให้ใช้ชื่อเล่นใน Groups Meta ปรับนโยบายชื่อจริงบน Facebook โดยอนุญาตให้สมาชิกใน Facebook Groups ใช้ ชื่อเล่น (nickname) และ อวาตาร์ แทนชื่อจริงได้ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและลดความกังวลด้านความเป็นส่วนตัว แต่ยังคงต้องอยู่ภายใต้กฎชุมชนและการอนุมัติจากผู้ดูแลกลุ่ม Meta เคยยึดมั่นนโยบาย “Real Name” มายาวนาน แต่ล่าสุดได้ปรับเปลี่ยน โดยอนุญาตให้สมาชิกใน Facebook Groups สามารถตั้งชื่อเล่นและใช้อวาตาร์แทนชื่อจริงได้เมื่อเข้าร่วมสนทนาในกลุ่ม การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกปลอดภัยและเป็นกันเองมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่เน้นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น 🛡️ เงื่อนไขการใช้งาน 💠 การใช้ชื่อเล่นต้องเปิดใช้งานโดย ผู้ดูแลกลุ่ม (admins) 💠 บางกรณีอาจต้องได้รับการอนุมัติแบบ manual 💠 ชื่อเล่นและอวาตาร์ยังคงต้องปฏิบัติตาม Community Standards ของ Meta 💠 ผู้ใช้สามารถสลับไปมาระหว่างชื่อจริงและชื่อเล่นได้ตามต้องการ 🎨 อวาตาร์และการมีส่วนร่วม Meta เปิดตัวชุดอวาตาร์ธีมสัตว์น่ารัก เช่น “สัตว์ใส่แว่นกันแดด” เพื่อให้ผู้ใช้เลือกใช้ร่วมกับชื่อเล่น การเพิ่มฟีเจอร์นี้ถูกมองว่าเป็นการลดแรงกดดันทางสังคม และช่วยให้ผู้ใช้เข้าร่วมสนทนาได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเปิดเผยตัวตนมากเกินไป 🌍 ความหมายเชิงกลยุทธ์ การปรับนโยบายครั้งนี้สะท้อนว่า Meta กำลังพยายามทำให้ Facebook Groups เป็นพื้นที่ที่ดึงดูดผู้ใช้รุ่นใหม่มากขึ้น หลังจากที่เปิดฟีเจอร์ฟีดกิจกรรมท้องถิ่น และการเปลี่ยนกลุ่มส่วนตัวเป็นสาธารณะในปีที่ผ่านมา การอนุญาตให้ใช้ชื่อเล่นจึงเป็นอีกก้าวสำคัญในการสร้างชุมชนที่มีความยืดหยุ่นและเป็นมิตร 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Meta ปรับนโยบาย Real Name ➡️ อนุญาตให้ใช้ชื่อเล่นและอวาตาร์ใน Facebook Groups ➡️ ผู้ใช้สามารถสลับระหว่างชื่อจริงและชื่อเล่นได้ ✅ เงื่อนไขการใช้งาน ➡️ ต้องเปิดใช้งานโดยผู้ดูแลกลุ่ม ➡️ ต้องปฏิบัติตาม Community Standards ✅ อวาตาร์และการมีส่วนร่วม ➡️ มีชุดอวาตาร์ธีมสัตว์น่ารักให้เลือก ➡️ ลดแรงกดดันทางสังคมและเพิ่มการมีส่วนร่วม ✅ ความหมายเชิงกลยุทธ์ ➡️ ช่วยดึงดูดผู้ใช้รุ่นใหม่เข้าสู่ Facebook Groups ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงฟีเจอร์เพื่อเพิ่มการใช้งาน ‼️ คำเตือนด้านข้อมูล ⛔ การใช้ชื่อเล่นอาจทำให้เกิดการแอบอ้างหรือการละเมิดกฎชุมชน ⛔ ผู้ดูแลกลุ่มต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการใช้ในทางที่ผิด https://securityonline.info/meta-shifts-real-name-policy-facebook-groups-now-allow-custom-nicknames-avatars/
    SECURITYONLINE.INFO
    Meta Shifts Real Name Policy: Facebook Groups Now Allow Custom Nicknames & Avatars
    Meta is relaxing its real-name policy! Facebook Group admins can now allow members to use custom nicknames and dedicated avatars for semi-anonymous discussions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • รางวัลที่กลายเป็นปัญหา !!

    ข่าวนี้เล่าเรื่องพนักงานฝึกงานในเซี่ยงไฮ้ที่ได้ไปร่วมงาน Nvidia Roadshow และชนะรางวัลเป็นการ์ดจอ RTX 5060 มูลค่าประมาณ 3,000 RMB (~422 ดอลลาร์) แต่บริษัทกลับเรียกร้องให้เขาส่งคืน เนื่องจากเป็นรางวัลที่ได้จากการเดินทางที่บริษัทออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด สุดท้ายเขาปฏิเสธและลาออกจากงานทันที

    พนักงานฝึกงานรายนี้เข้าร่วมกิจกรรมจับฉลากในงาน Nvidia Roadshow และโชคดีได้รับการ์ดจอ RTX 5060 ซึ่งถือเป็นรางวัลใหญ่ แต่เมื่อข่าวแพร่ไปถึงฝ่ายการเงิน บริษัทกลับมองว่ารางวัลนี้ควรเป็นทรัพย์สินของบริษัท เพราะการเข้าร่วมงานเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานที่บริษัทส่งไป

    ข้อพิพาทระหว่างพนักงานกับบริษัท
    ฝ่ายบริหารเรียกร้องให้เขาส่งคืนการ์ดจอ โดยอ้างว่าบริษัทเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเดินทาง แต่พนักงานยืนยันว่าเป็นรางวัลที่ได้จากการเสี่ยงโชคส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับหน้าที่การงาน ทำให้เกิดการโต้เถียงอย่างรุนแรงจนถึงระดับผู้บริหาร

    มุมมองทางกฎหมายและสังคม
    นักกฎหมายในจีนให้ความเห็นว่า รางวัลที่ได้จากการจับฉลากถือเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ชนะ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะการทำงานหรือไม่ หากไม่มีข้อกำหนดในสัญญาหรือระเบียบภายในที่ระบุชัดเจน บริษัทไม่สามารถเรียกร้องได้ ขณะที่ชาวเน็ตจำนวนมากก็เห็นใจพนักงานและวิจารณ์บริษัทว่าทำเกินกว่าเหตุ

    ผลลัพธ์สุดท้าย
    เมื่อบรรยากาศในที่ทำงานเริ่มตึงเครียด พนักงานฝึกงานตัดสินใจลาออกทันที โดยเลือกเก็บการ์ดจอไว้กับตัวเอง เหตุการณ์นี้กลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์ และถูกมองว่าเป็นตัวอย่างของการยืนหยัดสิทธิ์ส่วนบุคคลในสภาพแวดล้อมองค์กรที่ไม่เป็นธรรม

    สรุปเป็นหัวข้อ
    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    พนักงานฝึกงานชนะรางวัล RTX 5060 ในงาน Nvidia Roadshow
    บริษัทเรียกร้องให้ส่งคืนรางวัล

    ข้อพิพาท
    บริษัทอ้างว่าเป็นทรัพย์สินเพราะออกค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
    พนักงานยืนยันว่าเป็นรางวัลส่วนบุคคล

    มุมมองทางกฎหมายและสังคม
    นักกฎหมายชี้ว่ารางวัลเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ชนะ
    ชาวเน็ตวิจารณ์บริษัทและสนับสนุนพนักงาน

    ผลลัพธ์
    พนักงานฝึกงานตัดสินใจลาออก
    เก็บการ์ดจอไว้กับตัวเอง

    คำเตือนจากกรณีนี้
    หากบริษัทไม่มีข้อกำหนดชัดเจน อาจเกิดข้อพิพาทด้านทรัพย์สิน
    บรรยากาศการทำงานที่ไม่เป็นธรรมอาจทำให้สูญเสียบุคลากร

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/employee-quits-job-over-an-nvidia-rtx-5060-intern-asked-to-hand-in-gpu-won-on-an-all-expense-paid-business-trip-refused
    🎁 รางวัลที่กลายเป็นปัญหา !! ข่าวนี้เล่าเรื่องพนักงานฝึกงานในเซี่ยงไฮ้ที่ได้ไปร่วมงาน Nvidia Roadshow และชนะรางวัลเป็นการ์ดจอ RTX 5060 มูลค่าประมาณ 3,000 RMB (~422 ดอลลาร์) แต่บริษัทกลับเรียกร้องให้เขาส่งคืน เนื่องจากเป็นรางวัลที่ได้จากการเดินทางที่บริษัทออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด สุดท้ายเขาปฏิเสธและลาออกจากงานทันที พนักงานฝึกงานรายนี้เข้าร่วมกิจกรรมจับฉลากในงาน Nvidia Roadshow และโชคดีได้รับการ์ดจอ RTX 5060 ซึ่งถือเป็นรางวัลใหญ่ แต่เมื่อข่าวแพร่ไปถึงฝ่ายการเงิน บริษัทกลับมองว่ารางวัลนี้ควรเป็นทรัพย์สินของบริษัท เพราะการเข้าร่วมงานเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานที่บริษัทส่งไป ⚖️ ข้อพิพาทระหว่างพนักงานกับบริษัท ฝ่ายบริหารเรียกร้องให้เขาส่งคืนการ์ดจอ โดยอ้างว่าบริษัทเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเดินทาง แต่พนักงานยืนยันว่าเป็นรางวัลที่ได้จากการเสี่ยงโชคส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับหน้าที่การงาน ทำให้เกิดการโต้เถียงอย่างรุนแรงจนถึงระดับผู้บริหาร 📜 มุมมองทางกฎหมายและสังคม นักกฎหมายในจีนให้ความเห็นว่า รางวัลที่ได้จากการจับฉลากถือเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ชนะ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะการทำงานหรือไม่ หากไม่มีข้อกำหนดในสัญญาหรือระเบียบภายในที่ระบุชัดเจน บริษัทไม่สามารถเรียกร้องได้ ขณะที่ชาวเน็ตจำนวนมากก็เห็นใจพนักงานและวิจารณ์บริษัทว่าทำเกินกว่าเหตุ 🚪 ผลลัพธ์สุดท้าย เมื่อบรรยากาศในที่ทำงานเริ่มตึงเครียด พนักงานฝึกงานตัดสินใจลาออกทันที โดยเลือกเก็บการ์ดจอไว้กับตัวเอง เหตุการณ์นี้กลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์ และถูกมองว่าเป็นตัวอย่างของการยืนหยัดสิทธิ์ส่วนบุคคลในสภาพแวดล้อมองค์กรที่ไม่เป็นธรรม 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ➡️ พนักงานฝึกงานชนะรางวัล RTX 5060 ในงาน Nvidia Roadshow ➡️ บริษัทเรียกร้องให้ส่งคืนรางวัล ✅ ข้อพิพาท ➡️ บริษัทอ้างว่าเป็นทรัพย์สินเพราะออกค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ➡️ พนักงานยืนยันว่าเป็นรางวัลส่วนบุคคล ✅ มุมมองทางกฎหมายและสังคม ➡️ นักกฎหมายชี้ว่ารางวัลเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ชนะ ➡️ ชาวเน็ตวิจารณ์บริษัทและสนับสนุนพนักงาน ✅ ผลลัพธ์ ➡️ พนักงานฝึกงานตัดสินใจลาออก ➡️ เก็บการ์ดจอไว้กับตัวเอง ‼️ คำเตือนจากกรณีนี้ ⛔ หากบริษัทไม่มีข้อกำหนดชัดเจน อาจเกิดข้อพิพาทด้านทรัพย์สิน ⛔ บรรยากาศการทำงานที่ไม่เป็นธรรมอาจทำให้สูญเสียบุคลากร https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/employee-quits-job-over-an-nvidia-rtx-5060-intern-asked-to-hand-in-gpu-won-on-an-all-expense-paid-business-trip-refused
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • "CrowdStrike ไล่ออกพนักงาน หลังพบขายข้อมูลให้กลุ่มแฮกเกอร์ Scattered Lapsus$ Hunters"

    CrowdStrike บริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ระดับโลก ได้ยืนยันว่าได้ไล่ออกพนักงานคนหนึ่งที่ถูกจับได้ว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม โดยนำข้อมูลภายในไปขายให้กับกลุ่มแฮกเกอร์ชื่อดัง Scattered Lapsus$ Hunters ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่มแฮกเกอร์หลายกลุ่ม เช่น Scattered Spider, LAPSUS$, และ ShinyHunters.

    ข้อมูลที่ถูกขายออกไปเป็นภาพหน้าจอของระบบภายใน ซึ่งรวมถึงลิงก์ไปยัง Okta Single Sign-On (SSO) ที่ใช้เป็นหน้าหลักในการเข้าสู่ระบบของพนักงาน CrowdStrike ภาพเหล่านี้ถูกเผยแพร่บน Telegram ของกลุ่มแฮกเกอร์ ทำให้เกิดความกังวลว่าข้อมูลสำคัญอาจถูกนำไปใช้โจมตีต่อ.

    แม้แฮกเกอร์จะอ้างว่าพวกเขาเจาะระบบ CrowdStrike ผ่านผู้ให้บริการ Gainsight และได้คุกกี้ยืนยันตัวตน แต่ CrowdStrike ยืนยันว่าไม่มีการเจาะระบบสำเร็จจริง ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการที่พนักงานถ่ายภาพหน้าจอแล้วนำไปขาย ไม่ใช่การบุกรุกเครือข่ายโดยตรง ซึ่งบริษัทสามารถตรวจจับและหยุดยั้งได้ทันก่อนเกิดความเสียหาย.

    กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่า ภัยคุกคามจากคนในองค์กร (Insider Threat) อันตรายไม่แพ้การโจมตีทางเทคนิค และยังเชื่อมโยงกับความพยายามที่กว้างขึ้นของกลุ่ม Scattered Lapsus$ Hunters ที่มุ่งโจมตีบริษัทใหญ่ ๆ ผ่านช่องทางผู้ให้บริการภายนอก CrowdStrike ได้ส่งเรื่องนี้ต่อให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อดำเนินการต่อไป.

    สรุปสาระสำคัญ
    เหตุการณ์หลัก
    พนักงาน CrowdStrike ถูกจับได้ว่าขายข้อมูลภายในให้กลุ่มแฮกเกอร์ Scattered Lapsus$ Hunters

    ข้อมูลที่รั่วไหล
    ภาพหน้าจอระบบภายใน รวมถึง Okta SSO Panel ถูกเผยแพร่บน Telegram

    การป้องกันของ CrowdStrike
    บริษัทตรวจจับกิจกรรมผิดปกติได้ทันเวลา ยืนยันว่าไม่มีการเจาะระบบสำเร็จ

    กลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง
    Scattered Lapsus$ Hunters เป็นการรวมตัวของ Scattered Spider, LAPSUS$, และ ShinyHunters

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    Insider Threat สามารถสร้างความเสียหายได้มาก แม้ไม่มีการเจาะระบบทางเทคนิค

    คำเตือนด้านการจัดการข้อมูล
    การพึ่งพาผู้ให้บริการภายนอก เช่น Gainsight อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตี

    https://hackread.com/crowdstrike-fires-worker-insider-leak-scattered-lapsus-hunters/
    🔐 "CrowdStrike ไล่ออกพนักงาน หลังพบขายข้อมูลให้กลุ่มแฮกเกอร์ Scattered Lapsus$ Hunters" CrowdStrike บริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ระดับโลก ได้ยืนยันว่าได้ไล่ออกพนักงานคนหนึ่งที่ถูกจับได้ว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม โดยนำข้อมูลภายในไปขายให้กับกลุ่มแฮกเกอร์ชื่อดัง Scattered Lapsus$ Hunters ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่มแฮกเกอร์หลายกลุ่ม เช่น Scattered Spider, LAPSUS$, และ ShinyHunters. ข้อมูลที่ถูกขายออกไปเป็นภาพหน้าจอของระบบภายใน ซึ่งรวมถึงลิงก์ไปยัง Okta Single Sign-On (SSO) ที่ใช้เป็นหน้าหลักในการเข้าสู่ระบบของพนักงาน CrowdStrike ภาพเหล่านี้ถูกเผยแพร่บน Telegram ของกลุ่มแฮกเกอร์ ทำให้เกิดความกังวลว่าข้อมูลสำคัญอาจถูกนำไปใช้โจมตีต่อ. แม้แฮกเกอร์จะอ้างว่าพวกเขาเจาะระบบ CrowdStrike ผ่านผู้ให้บริการ Gainsight และได้คุกกี้ยืนยันตัวตน แต่ CrowdStrike ยืนยันว่าไม่มีการเจาะระบบสำเร็จจริง ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการที่พนักงานถ่ายภาพหน้าจอแล้วนำไปขาย ไม่ใช่การบุกรุกเครือข่ายโดยตรง ซึ่งบริษัทสามารถตรวจจับและหยุดยั้งได้ทันก่อนเกิดความเสียหาย. กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่า ภัยคุกคามจากคนในองค์กร (Insider Threat) อันตรายไม่แพ้การโจมตีทางเทคนิค และยังเชื่อมโยงกับความพยายามที่กว้างขึ้นของกลุ่ม Scattered Lapsus$ Hunters ที่มุ่งโจมตีบริษัทใหญ่ ๆ ผ่านช่องทางผู้ให้บริการภายนอก CrowdStrike ได้ส่งเรื่องนี้ต่อให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อดำเนินการต่อไป. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ เหตุการณ์หลัก ➡️ พนักงาน CrowdStrike ถูกจับได้ว่าขายข้อมูลภายในให้กลุ่มแฮกเกอร์ Scattered Lapsus$ Hunters ✅ ข้อมูลที่รั่วไหล ➡️ ภาพหน้าจอระบบภายใน รวมถึง Okta SSO Panel ถูกเผยแพร่บน Telegram ✅ การป้องกันของ CrowdStrike ➡️ บริษัทตรวจจับกิจกรรมผิดปกติได้ทันเวลา ยืนยันว่าไม่มีการเจาะระบบสำเร็จ ✅ กลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง ➡️ Scattered Lapsus$ Hunters เป็นการรวมตัวของ Scattered Spider, LAPSUS$, และ ShinyHunters ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ Insider Threat สามารถสร้างความเสียหายได้มาก แม้ไม่มีการเจาะระบบทางเทคนิค ‼️ คำเตือนด้านการจัดการข้อมูล ⛔ การพึ่งพาผู้ให้บริการภายนอก เช่น Gainsight อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตี https://hackread.com/crowdstrike-fires-worker-insider-leak-scattered-lapsus-hunters/
    HACKREAD.COM
    CrowdStrike Fires Worker Over Insider Leak to Scattered Lapsus Hunters
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline
    #รวมข่าวIT #20251121 #securityonline

    Chrome ทดลองฟีเจอร์ "Vertical Tabs"
    Google กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ใน Chrome Canary ที่ให้ผู้ใช้จัดเรียงแท็บในแนวตั้งทางด้านซ้ายของหน้าต่าง เหมือนกับที่ Microsoft Edge และ Firefox เคยมีมาแล้ว ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ดูไม่ค่อยสมบูรณ์ แต่สามารถใช้งานได้ เช่น การค้นหาแท็บ การจัดกลุ่ม และการเปลี่ยนชื่อกลุ่ม คาดว่ากว่าจะถึงเวอร์ชันเสถียรอาจต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน
    https://securityonline.info/chrome-testing-vertical-tabs-new-ui-feature-spotted-in-canary-build

    OpenAI เปิดตัว Group Chat ใน ChatGPT ทั่วโลก
    OpenAI เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ ChatGPT คือการสร้างห้องแชทกลุ่มที่เชิญเพื่อนได้สูงสุด 20 คน ใช้ได้ทั้งผู้ใช้ฟรีและเสียเงิน จุดเด่นคือสามารถใช้ ChatGPT ร่วมกันในกลุ่มเพื่อวางแผน ทำโปรเจกต์ หรือถกเถียงเรื่องต่าง ๆ โดยระบบถูกออกแบบให้เข้าใจบริบทการสนทนาในกลุ่ม และยังสามารถใช้ @mention เพื่อเรียกให้ ChatGPT ตอบได้ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การใช้งาน AI มีความเป็นสังคมมากขึ้น
    https://securityonline.info/openai-rolls-out-group-chat-globally-collaborate-with-up-to-20-people-in-chatgpt

    Google เปิดตัว Nano Banana Pro รุ่นใหม่
    Google เปิดตัวโมเดลสร้างภาพเวอร์ชันใหม่ชื่อ Nano Banana Pro ที่ทำงานบน Gemini 3 Pro จุดเด่นคือสามารถใส่ข้อความในภาพได้อย่างคมชัดและรองรับหลายภาษา รวมถึงมีเครื่องมือแก้ไขภาพ เช่น ปรับมุมกล้อง สี แสง และสามารถส่งออกภาพความละเอียดสูงถึง 4K อีกทั้งยังมีระบบตรวจสอบภาพที่สร้างด้วย AI โดยใส่วอเตอร์มาร์กเพื่อแยกจากภาพจริง
    https://securityonline.info/googles-nano-banana-pro-model-solves-ai-image-text-rendering-with-gemini-3-pro

    Salesforce รีบถอน Access Tokens หลังพบปัญหา Gainsight
    Salesforce ออกประกาศเตือนด้านความปลอดภัย หลังพบกิจกรรมผิดปกติในแอป Gainsight ที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มของตน อาจทำให้ข้อมูลลูกค้าบางส่วนถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ทาง Salesforce จึงรีบเพิกถอน access tokens ทั้งหมดและถอดแอปออกจาก AppExchange ขณะนี้ Gainsight กำลังร่วมมือกับ Salesforce เพื่อหาสาเหตุและแก้ไขปัญหา
    https://securityonline.info/salesforce-revokes-access-tokens-gainsight-app-breach-may-have-exposed-customer-data

    Trojan ใหม่ "Sturnus" โจมตี Android
    นักวิจัยพบมัลแวร์ใหม่ชื่อ Sturnus ที่อันตรายมาก เพราะสามารถเข้าควบคุมเครื่อง Android ได้เต็มรูปแบบ และยังสามารถดักข้อความจากแอปเข้ารหัสอย่าง WhatsApp, Telegram และ Signal โดยใช้ Accessibility Service เพื่อดูข้อความหลังจากถูกถอดรหัสแล้ว นอกจากนี้ยังสามารถทำการโจมตีแบบ Overlay หลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลธนาคาร และทำธุรกรรมลับ ๆ โดยปิดหน้าจอให้ผู้ใช้ไม่เห็น
    https://securityonline.info/sturnus-trojan-bypasses-whatsapp-signal-encryption-takes-over-android-devices

    มัลแวร์ Sturnus Trojan โจมตี Android
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบมัลแวร์ใหม่ชื่อ Sturnus Trojan ที่สามารถเจาะระบบ Android ได้อย่างรุนแรง โดยมันสามารถข้ามการเข้ารหัสของ WhatsApp และ Signal เพื่อดักจับข้อความ รวมถึงเข้าควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้เต็มรูปแบบ จุดที่น่ากังวลคือมันใช้ Accessibility Service เพื่อหลอกผู้ใช้กรอกข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสธนาคาร และยังสามารถทำธุรกรรมโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว
    https://securityonline.info/sturnus-trojan-bypasses-whatsapp-signal-encryption-takes-over-android-devices

    ช่องโหว่ WSUS RCE ถูกโจมตีจริง
    มีการรายงานว่า ช่องโหว่ WSUS RCE (CVE-2025-59287) ถูกใช้โจมตีจริงแล้ว โดยแฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่นี้ในการติดตั้ง ShadowPad Backdoor ลงในระบบ ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงและควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างลับ ๆ ช่องโหว่นี้ถือว่าอันตรายมากเพราะ WSUS เป็นระบบที่ใช้กระจายอัปเดต Windows ในองค์กร หากถูกเจาะจะกระทบวงกว้าง
    https://securityonline.info/critical-wsus-rce-cve-2025-59287-actively-exploited-to-deploy-shadowpad-backdoor

    SonicWall เตือนช่องโหว่ SSLVPN ร้ายแรง
    SonicWall ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ใหม่ใน SonicOS SSLVPN (CVE-2025-40601) ที่สามารถถูกโจมตีได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน (Pre-Auth Buffer Overflow) ช่องโหว่นี้อาจเปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมระบบ VPN ได้ทันที ทำให้ข้อมูลและการเชื่อมต่อขององค์กรเสี่ยงต่อการถูกเจาะ
    https://securityonline.info/sonicwall-warns-of-new-sonicos-sslvpn-pre-auth-buffer-overflow-vulnerability-cve-2025-40601

    Grafana อุดช่องโหว่ SCIM ระดับวิกฤติ
    Grafana ได้ปล่อยแพตช์แก้ไขช่องโหว่ SCIM (CVE-2025-41115) ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด CVSS 10 ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์และสวมรอยเป็นผู้ใช้คนอื่นได้ ซึ่งถือว่าอันตรายมากสำหรับระบบที่ใช้ Grafana ในการจัดการข้อมูลและการแสดงผล
    https://securityonline.info/grafana-patches-critical-scim-flaw-cve-2025-41115-cvss-10-allowing-privilege-escalation-and-user-impersonation

    NVIDIA ทำลายความกังวล "AI Bubble" ด้วยรายได้สถิติ
    NVIDIA ประกาศผลประกอบการล่าสุด ทำรายได้สูงถึง 57 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติใหม่ ทำให้ความกังวลเรื่องฟองสบู่ AI ลดลงทันที รายได้มหาศาลนี้สะท้อนถึงความต้องการชิป GPU ที่ยังคงพุ่งสูงจากการใช้งานด้าน AI และ Data Center
    https://securityonline.info/nvidia-crushes-ai-bubble-fears-with-record-57b-revenue

    OpenAI เปิดตัว ChatGPT ฟรีสำหรับครู K–12
    OpenAI ประกาศให้บริการ ChatGPT เวอร์ชันฟรีสำหรับครูระดับ K–12 โดยออกแบบให้สอดคล้องกับกฎหมาย FERPA เพื่อปกป้องข้อมูลนักเรียน ใช้ได้จนถึงปี 2027 จุดประสงค์คือช่วยครูในการเตรียมการสอน วางแผนบทเรียน และสร้างสื่อการเรียนรู้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
    https://securityonline.info/openai-launches-free-ferpa-compliant-chatgpt-for-k-12-teachers-until-2027

    Google Accelerator รายงานผลกระทบระดับโลก
    Google Accelerator เผยรายงานล่าสุดว่ามีการระดมทุนได้มากถึง 31.2 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนโครงการนวัตกรรมทั่วโลก รายงานนี้ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบเชิงบวกต่อสตาร์ทอัพและธุรกิจที่เข้าร่วม โดยช่วยสร้างงานและขยายโอกาสในหลายประเทศ
    https://securityonline.info/31-2-billion-raised-google-accelerator-reveals-massive-global-impact-report

    Thunderbird 145 รองรับ Microsoft Exchange แบบเนทีฟ
    Thunderbird อัปเดตเวอร์ชันใหม่ Thunderbird 145 ที่เพิ่มการรองรับ Microsoft Exchange แบบเนทีฟ ทำให้ผู้ใช้สามารถย้ายจาก Outlook มาใช้งาน Thunderbird ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องใช้ปลั๊กอินเสริม ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การจัดการอีเมลและปฏิทินสะดวกขึ้นสำหรับองค์กรที่ต้องการทางเลือกนอกเหนือจาก Outlook
    https://securityonline.info/thunderbird-145-native-microsoft-exchange-support-makes-outlook-migration-easy

    EU เปิดการสอบสวน DMA ต่อ AWS และ Azure
    สหภาพยุโรป (EU) เริ่มสอบสวนภายใต้กฎหมาย Digital Markets Act (DMA) ว่า AWS และ Azure อาจเข้าข่ายเป็น “Gatekeeper” หรือไม่ หากพบว่ามีการผูกขาดหรือกีดกันการแข่งขัน อาจต้องมีมาตรการควบคุมเพิ่มเติม ซึ่งจะส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจคลาวด์ในยุโรปอย่างมาก
    https://securityonline.info/eu-launches-dma-probes-is-gatekeeper-status-next-for-aws-azure-cloud

    Google ขยายสิทธิ์ AI Pro ฟรีสำหรับนักเรียน
    Google ประกาศขยายสิทธิ์การใช้งาน AI Pro Subscription ฟรีสำหรับนักเรียน ไปจนถึงปี 2027 เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้และการเข้าถึงเครื่องมือ AI ขั้นสูง นักเรียนสามารถใช้ฟีเจอร์เต็มรูปแบบโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ถือเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตด้านการศึกษาและเทคโนโลยี
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/google-extends-free-ai-pro-subscription-for-students-until-2027
    📌📰🔵 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔵📰📌 #รวมข่าวIT #20251121 #securityonline 🖥️ Chrome ทดลองฟีเจอร์ "Vertical Tabs" Google กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ใน Chrome Canary ที่ให้ผู้ใช้จัดเรียงแท็บในแนวตั้งทางด้านซ้ายของหน้าต่าง เหมือนกับที่ Microsoft Edge และ Firefox เคยมีมาแล้ว ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ดูไม่ค่อยสมบูรณ์ แต่สามารถใช้งานได้ เช่น การค้นหาแท็บ การจัดกลุ่ม และการเปลี่ยนชื่อกลุ่ม คาดว่ากว่าจะถึงเวอร์ชันเสถียรอาจต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน 🔗 https://securityonline.info/chrome-testing-vertical-tabs-new-ui-feature-spotted-in-canary-build 👥 OpenAI เปิดตัว Group Chat ใน ChatGPT ทั่วโลก OpenAI เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ ChatGPT คือการสร้างห้องแชทกลุ่มที่เชิญเพื่อนได้สูงสุด 20 คน ใช้ได้ทั้งผู้ใช้ฟรีและเสียเงิน จุดเด่นคือสามารถใช้ ChatGPT ร่วมกันในกลุ่มเพื่อวางแผน ทำโปรเจกต์ หรือถกเถียงเรื่องต่าง ๆ โดยระบบถูกออกแบบให้เข้าใจบริบทการสนทนาในกลุ่ม และยังสามารถใช้ @mention เพื่อเรียกให้ ChatGPT ตอบได้ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การใช้งาน AI มีความเป็นสังคมมากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/openai-rolls-out-group-chat-globally-collaborate-with-up-to-20-people-in-chatgpt 🎨 Google เปิดตัว Nano Banana Pro รุ่นใหม่ Google เปิดตัวโมเดลสร้างภาพเวอร์ชันใหม่ชื่อ Nano Banana Pro ที่ทำงานบน Gemini 3 Pro จุดเด่นคือสามารถใส่ข้อความในภาพได้อย่างคมชัดและรองรับหลายภาษา รวมถึงมีเครื่องมือแก้ไขภาพ เช่น ปรับมุมกล้อง สี แสง และสามารถส่งออกภาพความละเอียดสูงถึง 4K อีกทั้งยังมีระบบตรวจสอบภาพที่สร้างด้วย AI โดยใส่วอเตอร์มาร์กเพื่อแยกจากภาพจริง 🔗 https://securityonline.info/googles-nano-banana-pro-model-solves-ai-image-text-rendering-with-gemini-3-pro 🔐 Salesforce รีบถอน Access Tokens หลังพบปัญหา Gainsight Salesforce ออกประกาศเตือนด้านความปลอดภัย หลังพบกิจกรรมผิดปกติในแอป Gainsight ที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มของตน อาจทำให้ข้อมูลลูกค้าบางส่วนถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ทาง Salesforce จึงรีบเพิกถอน access tokens ทั้งหมดและถอดแอปออกจาก AppExchange ขณะนี้ Gainsight กำลังร่วมมือกับ Salesforce เพื่อหาสาเหตุและแก้ไขปัญหา 🔗 https://securityonline.info/salesforce-revokes-access-tokens-gainsight-app-breach-may-have-exposed-customer-data 📱 Trojan ใหม่ "Sturnus" โจมตี Android นักวิจัยพบมัลแวร์ใหม่ชื่อ Sturnus ที่อันตรายมาก เพราะสามารถเข้าควบคุมเครื่อง Android ได้เต็มรูปแบบ และยังสามารถดักข้อความจากแอปเข้ารหัสอย่าง WhatsApp, Telegram และ Signal โดยใช้ Accessibility Service เพื่อดูข้อความหลังจากถูกถอดรหัสแล้ว นอกจากนี้ยังสามารถทำการโจมตีแบบ Overlay หลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลธนาคาร และทำธุรกรรมลับ ๆ โดยปิดหน้าจอให้ผู้ใช้ไม่เห็น 🔗 https://securityonline.info/sturnus-trojan-bypasses-whatsapp-signal-encryption-takes-over-android-devices ⚠️ มัลแวร์ Sturnus Trojan โจมตี Android นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบมัลแวร์ใหม่ชื่อ Sturnus Trojan ที่สามารถเจาะระบบ Android ได้อย่างรุนแรง โดยมันสามารถข้ามการเข้ารหัสของ WhatsApp และ Signal เพื่อดักจับข้อความ รวมถึงเข้าควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้เต็มรูปแบบ จุดที่น่ากังวลคือมันใช้ Accessibility Service เพื่อหลอกผู้ใช้กรอกข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสธนาคาร และยังสามารถทำธุรกรรมโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว 🔗 https://securityonline.info/sturnus-trojan-bypasses-whatsapp-signal-encryption-takes-over-android-devices 🛡️ ช่องโหว่ WSUS RCE ถูกโจมตีจริง มีการรายงานว่า ช่องโหว่ WSUS RCE (CVE-2025-59287) ถูกใช้โจมตีจริงแล้ว โดยแฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่นี้ในการติดตั้ง ShadowPad Backdoor ลงในระบบ ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงและควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างลับ ๆ ช่องโหว่นี้ถือว่าอันตรายมากเพราะ WSUS เป็นระบบที่ใช้กระจายอัปเดต Windows ในองค์กร หากถูกเจาะจะกระทบวงกว้าง 🔗 https://securityonline.info/critical-wsus-rce-cve-2025-59287-actively-exploited-to-deploy-shadowpad-backdoor 🔒 SonicWall เตือนช่องโหว่ SSLVPN ร้ายแรง SonicWall ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ใหม่ใน SonicOS SSLVPN (CVE-2025-40601) ที่สามารถถูกโจมตีได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน (Pre-Auth Buffer Overflow) ช่องโหว่นี้อาจเปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมระบบ VPN ได้ทันที ทำให้ข้อมูลและการเชื่อมต่อขององค์กรเสี่ยงต่อการถูกเจาะ 🔗 https://securityonline.info/sonicwall-warns-of-new-sonicos-sslvpn-pre-auth-buffer-overflow-vulnerability-cve-2025-40601 📊 Grafana อุดช่องโหว่ SCIM ระดับวิกฤติ Grafana ได้ปล่อยแพตช์แก้ไขช่องโหว่ SCIM (CVE-2025-41115) ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด CVSS 10 ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์และสวมรอยเป็นผู้ใช้คนอื่นได้ ซึ่งถือว่าอันตรายมากสำหรับระบบที่ใช้ Grafana ในการจัดการข้อมูลและการแสดงผล 🔗 https://securityonline.info/grafana-patches-critical-scim-flaw-cve-2025-41115-cvss-10-allowing-privilege-escalation-and-user-impersonation 💰 NVIDIA ทำลายความกังวล "AI Bubble" ด้วยรายได้สถิติ NVIDIA ประกาศผลประกอบการล่าสุด ทำรายได้สูงถึง 57 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติใหม่ ทำให้ความกังวลเรื่องฟองสบู่ AI ลดลงทันที รายได้มหาศาลนี้สะท้อนถึงความต้องการชิป GPU ที่ยังคงพุ่งสูงจากการใช้งานด้าน AI และ Data Center 🔗 https://securityonline.info/nvidia-crushes-ai-bubble-fears-with-record-57b-revenue 🎓 OpenAI เปิดตัว ChatGPT ฟรีสำหรับครู K–12 OpenAI ประกาศให้บริการ ChatGPT เวอร์ชันฟรีสำหรับครูระดับ K–12 โดยออกแบบให้สอดคล้องกับกฎหมาย FERPA เพื่อปกป้องข้อมูลนักเรียน ใช้ได้จนถึงปี 2027 จุดประสงค์คือช่วยครูในการเตรียมการสอน วางแผนบทเรียน และสร้างสื่อการเรียนรู้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย 🔗 https://securityonline.info/openai-launches-free-ferpa-compliant-chatgpt-for-k-12-teachers-until-2027 🌍 Google Accelerator รายงานผลกระทบระดับโลก Google Accelerator เผยรายงานล่าสุดว่ามีการระดมทุนได้มากถึง 31.2 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนโครงการนวัตกรรมทั่วโลก รายงานนี้ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบเชิงบวกต่อสตาร์ทอัพและธุรกิจที่เข้าร่วม โดยช่วยสร้างงานและขยายโอกาสในหลายประเทศ 🔗 https://securityonline.info/31-2-billion-raised-google-accelerator-reveals-massive-global-impact-report 📧 Thunderbird 145 รองรับ Microsoft Exchange แบบเนทีฟ Thunderbird อัปเดตเวอร์ชันใหม่ Thunderbird 145 ที่เพิ่มการรองรับ Microsoft Exchange แบบเนทีฟ ทำให้ผู้ใช้สามารถย้ายจาก Outlook มาใช้งาน Thunderbird ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องใช้ปลั๊กอินเสริม ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การจัดการอีเมลและปฏิทินสะดวกขึ้นสำหรับองค์กรที่ต้องการทางเลือกนอกเหนือจาก Outlook 🔗 https://securityonline.info/thunderbird-145-native-microsoft-exchange-support-makes-outlook-migration-easy 🇪🇺 EU เปิดการสอบสวน DMA ต่อ AWS และ Azure สหภาพยุโรป (EU) เริ่มสอบสวนภายใต้กฎหมาย Digital Markets Act (DMA) ว่า AWS และ Azure อาจเข้าข่ายเป็น “Gatekeeper” หรือไม่ หากพบว่ามีการผูกขาดหรือกีดกันการแข่งขัน อาจต้องมีมาตรการควบคุมเพิ่มเติม ซึ่งจะส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจคลาวด์ในยุโรปอย่างมาก 🔗 https://securityonline.info/eu-launches-dma-probes-is-gatekeeper-status-next-for-aws-azure-cloud 🎓 Google ขยายสิทธิ์ AI Pro ฟรีสำหรับนักเรียน Google ประกาศขยายสิทธิ์การใช้งาน AI Pro Subscription ฟรีสำหรับนักเรียน ไปจนถึงปี 2027 เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้และการเข้าถึงเครื่องมือ AI ขั้นสูง นักเรียนสามารถใช้ฟีเจอร์เต็มรูปแบบโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ถือเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตด้านการศึกษาและเทคโนโลยี ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/google-extends-free-ai-pro-subscription-for-students-until-2027
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 0 รีวิว
  • คริปโตเชื่อมโยงกับระบบการเงินโลกมากขึ้น

    รายงานจาก Reuters ที่เผยแพร่โดย The Star ระบุว่า ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 3.2 ล้านล้านดอลลาร์ และปริมาณการซื้อขายรายวันราว 197 พันล้านดอลลาร์ กำลังมีความเชื่อมโยงกับระบบการเงินโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายที่สนับสนุนคริปโตของรัฐบาลสหรัฐฯ

    การเติบโตและการยอมรับจากสถาบันการเงิน
    การสนับสนุนคริปโตจากรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้สถาบันการเงินรายใหญ่เริ่มยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ทั้งในรูปแบบการลงทุน การจัดการกองทุน และการใช้เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน ขณะเดียวกันบริษัทเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพก็เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น กระเป๋าเงินดิจิทัลและระบบชำระเงิน เพื่อรองรับการใช้งานในวงกว้าง

    ความเสี่ยงที่มากับการเชื่อมโยง
    แม้คริปโตจะถูกยอมรับมากขึ้น แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ความผันผวนสูงและการขาดการกำกับดูแลที่ชัดเจน อาจสร้างความเสี่ยงต่อระบบการเงินโลก หากเกิดการปรับฐานครั้งใหญ่ นักลงทุนและสถาบันที่ถือครองคริปโตจำนวนมากอาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากการฟอกเงิน การโจมตีทางไซเบอร์ และการใช้คริปโตในกิจกรรมผิดกฎหมาย

    บริบทโลกและทิศทางในอนาคต
    หลายประเทศกำลังพิจารณากฎระเบียบใหม่เพื่อควบคุมคริปโต เช่น การออก CBDC (Central Bank Digital Currency) เพื่อสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและความมั่นคงทางการเงิน หากคริปโตยังคงเติบโตและเชื่อมโยงกับระบบการเงินโลกมากขึ้น การกำกับดูแลที่เข้มงวดจะเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันความเสี่ยงเชิงระบบ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเติบโตของคริปโต
    มูลค่าตลาดรวมกว่า 3.2 ล้านล้านดอลลาร์
    ปริมาณการซื้อขายรายวันราว 197 พันล้านดอลลาร์

    การยอมรับจากสถาบันการเงิน
    ใช้คริปโตเป็นสินทรัพย์ลงทุนและค้ำประกัน
    บริษัทเทคโนโลยีพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการใช้งาน

    คำเตือนด้านความเสี่ยง
    ความผันผวนสูงและการขาดการกำกับดูแลอาจกระทบระบบการเงินโลก
    เสี่ยงต่อการฟอกเงิน การโจมตีไซเบอร์ และการใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมาย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/21/crypto039s-connections-to-the-rest-of-the-financial-system
    💱 คริปโตเชื่อมโยงกับระบบการเงินโลกมากขึ้น รายงานจาก Reuters ที่เผยแพร่โดย The Star ระบุว่า ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 3.2 ล้านล้านดอลลาร์ และปริมาณการซื้อขายรายวันราว 197 พันล้านดอลลาร์ กำลังมีความเชื่อมโยงกับระบบการเงินโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายที่สนับสนุนคริปโตของรัฐบาลสหรัฐฯ 📊 การเติบโตและการยอมรับจากสถาบันการเงิน การสนับสนุนคริปโตจากรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้สถาบันการเงินรายใหญ่เริ่มยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ทั้งในรูปแบบการลงทุน การจัดการกองทุน และการใช้เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน ขณะเดียวกันบริษัทเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพก็เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น กระเป๋าเงินดิจิทัลและระบบชำระเงิน เพื่อรองรับการใช้งานในวงกว้าง ⚠️ ความเสี่ยงที่มากับการเชื่อมโยง แม้คริปโตจะถูกยอมรับมากขึ้น แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ความผันผวนสูงและการขาดการกำกับดูแลที่ชัดเจน อาจสร้างความเสี่ยงต่อระบบการเงินโลก หากเกิดการปรับฐานครั้งใหญ่ นักลงทุนและสถาบันที่ถือครองคริปโตจำนวนมากอาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากการฟอกเงิน การโจมตีทางไซเบอร์ และการใช้คริปโตในกิจกรรมผิดกฎหมาย 🌍 บริบทโลกและทิศทางในอนาคต หลายประเทศกำลังพิจารณากฎระเบียบใหม่เพื่อควบคุมคริปโต เช่น การออก CBDC (Central Bank Digital Currency) เพื่อสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและความมั่นคงทางการเงิน หากคริปโตยังคงเติบโตและเชื่อมโยงกับระบบการเงินโลกมากขึ้น การกำกับดูแลที่เข้มงวดจะเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันความเสี่ยงเชิงระบบ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเติบโตของคริปโต ➡️ มูลค่าตลาดรวมกว่า 3.2 ล้านล้านดอลลาร์ ➡️ ปริมาณการซื้อขายรายวันราว 197 พันล้านดอลลาร์ ✅ การยอมรับจากสถาบันการเงิน ➡️ ใช้คริปโตเป็นสินทรัพย์ลงทุนและค้ำประกัน ➡️ บริษัทเทคโนโลยีพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการใช้งาน ‼️ คำเตือนด้านความเสี่ยง ⛔ ความผันผวนสูงและการขาดการกำกับดูแลอาจกระทบระบบการเงินโลก ⛔ เสี่ยงต่อการฟอกเงิน การโจมตีไซเบอร์ และการใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมาย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/21/crypto039s-connections-to-the-rest-of-the-financial-system
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Crypto's connections to the rest of the financial system
    PARIS (Reuters) -Cryptocurrency markets have surged in recent years, in part fuelled by the Trump administration's pro-crypto stance which has encouraged wider acceptance among financial institutions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่วนขยาย VPN ฟรีบน Chrome กลายเป็นมัลแวร์ดักข้อมูล

    นักวิจัยจาก LayerX Security เปิดเผยการรณรงค์ที่ดำเนินมากว่า 6 ปี โดยมีการปล่อยส่วนขยาย VPN และ Ad-blocker ปลอมใน Chrome Web Store ภายใต้ชื่อที่ดูน่าเชื่อถือ เช่น “VPN Professional – Free Secure and Unlimited VPN Proxy” และ “Free Unlimited VPN” ซึ่งถูกติดตั้งไปแล้วกว่า 9 ล้านครั้งทั่วโลก

    สิ่งที่ดูเหมือนเครื่องมือเพื่อความเป็นส่วนตัว กลับถูกออกแบบให้เป็น Browser Implant ที่สามารถควบคุมการท่องเว็บของผู้ใช้ได้ทั้งหมด ส่วนขยายเหล่านี้ใช้เทคนิค PAC Proxy Injection เพื่อบังคับให้ทราฟฟิกทั้งหมดวิ่งผ่านเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี ทำให้สามารถดักจับข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์, รายการส่วนขยายที่ติดตั้ง, และแม้กระทั่งแก้ไขประวัติการเข้าชมเพื่อปกปิดร่องรอย

    แม้ Google จะลบออกจาก Chrome Web Store หลายครั้ง แต่ผู้โจมตีก็กลับมาอีกด้วยเวอร์ชันใหม่ที่มีการปรับปรุงโค้ดให้สะอาดขึ้นและหลบเลี่ยงการตรวจสอบได้ดีกว่าเดิม ล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2025 ยังมีเวอร์ชันใหม่ที่ถูกอัปโหลดและมีผู้ใช้งานกว่า 31,000 ราย

    สิ่งที่น่ากังวลคือ ส่วนขยายเหล่านี้ไม่ได้จำกัดแค่ VPN เท่านั้น แต่ยังรวมถึง Ad-blocker และ Music Downloader ที่ใช้โค้ดอันตรายแบบเดียวกัน ทำให้ผู้ใช้ที่คิดว่ากำลังป้องกันตัวเอง กลับถูกเปิดช่องให้ถูกสอดแนมและควบคุมการใช้งานโดยไม่รู้ตัว

    สรุปสาระสำคัญ
    การค้นพบมัลแวร์ใน Chrome Extensions
    ส่วนขยาย VPN และ Ad-blocker ปลอมถูกติดตั้งกว่า 9 ล้านครั้ง
    ใช้เทคนิค PAC Proxy Injection เพื่อควบคุมทราฟฟิกทั้งหมด

    พฤติกรรมที่อันตราย
    ดักจับข้อมูลการเข้าชมและส่วนขยายที่ติดตั้ง
    แก้ไขประวัติการเข้าชมเพื่อปกปิดร่องรอย

    ความเสี่ยงต่อผู้ใช้
    ข้อมูลส่วนตัวและกิจกรรมออนไลน์ถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี
    ส่วนขยายยังสามารถปิดการทำงานของ Proxy หรือ Security Tools อื่น ๆ

    ข้อควรระวังในการใช้งาน
    อย่าติดตั้ง VPN หรือ Ad-blocker ที่ไม่น่าเชื่อถือ
    ตรวจสอบสิทธิ์และรีวิวของส่วนขยายก่อนติดตั้งทุกครั้ง

    https://securityonline.info/9-million-installs-malicious-chrome-vpn-extensions-hijack-user-traffic-via-remote-pac-proxy-injection/
    🛡️ ส่วนขยาย VPN ฟรีบน Chrome กลายเป็นมัลแวร์ดักข้อมูล นักวิจัยจาก LayerX Security เปิดเผยการรณรงค์ที่ดำเนินมากว่า 6 ปี โดยมีการปล่อยส่วนขยาย VPN และ Ad-blocker ปลอมใน Chrome Web Store ภายใต้ชื่อที่ดูน่าเชื่อถือ เช่น “VPN Professional – Free Secure and Unlimited VPN Proxy” และ “Free Unlimited VPN” ซึ่งถูกติดตั้งไปแล้วกว่า 9 ล้านครั้งทั่วโลก สิ่งที่ดูเหมือนเครื่องมือเพื่อความเป็นส่วนตัว กลับถูกออกแบบให้เป็น Browser Implant ที่สามารถควบคุมการท่องเว็บของผู้ใช้ได้ทั้งหมด ส่วนขยายเหล่านี้ใช้เทคนิค PAC Proxy Injection เพื่อบังคับให้ทราฟฟิกทั้งหมดวิ่งผ่านเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี ทำให้สามารถดักจับข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์, รายการส่วนขยายที่ติดตั้ง, และแม้กระทั่งแก้ไขประวัติการเข้าชมเพื่อปกปิดร่องรอย แม้ Google จะลบออกจาก Chrome Web Store หลายครั้ง แต่ผู้โจมตีก็กลับมาอีกด้วยเวอร์ชันใหม่ที่มีการปรับปรุงโค้ดให้สะอาดขึ้นและหลบเลี่ยงการตรวจสอบได้ดีกว่าเดิม ล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2025 ยังมีเวอร์ชันใหม่ที่ถูกอัปโหลดและมีผู้ใช้งานกว่า 31,000 ราย สิ่งที่น่ากังวลคือ ส่วนขยายเหล่านี้ไม่ได้จำกัดแค่ VPN เท่านั้น แต่ยังรวมถึง Ad-blocker และ Music Downloader ที่ใช้โค้ดอันตรายแบบเดียวกัน ทำให้ผู้ใช้ที่คิดว่ากำลังป้องกันตัวเอง กลับถูกเปิดช่องให้ถูกสอดแนมและควบคุมการใช้งานโดยไม่รู้ตัว 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การค้นพบมัลแวร์ใน Chrome Extensions ➡️ ส่วนขยาย VPN และ Ad-blocker ปลอมถูกติดตั้งกว่า 9 ล้านครั้ง ➡️ ใช้เทคนิค PAC Proxy Injection เพื่อควบคุมทราฟฟิกทั้งหมด ✅ พฤติกรรมที่อันตราย ➡️ ดักจับข้อมูลการเข้าชมและส่วนขยายที่ติดตั้ง ➡️ แก้ไขประวัติการเข้าชมเพื่อปกปิดร่องรอย ‼️ ความเสี่ยงต่อผู้ใช้ ⛔ ข้อมูลส่วนตัวและกิจกรรมออนไลน์ถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี ⛔ ส่วนขยายยังสามารถปิดการทำงานของ Proxy หรือ Security Tools อื่น ๆ ‼️ ข้อควรระวังในการใช้งาน ⛔ อย่าติดตั้ง VPN หรือ Ad-blocker ที่ไม่น่าเชื่อถือ ⛔ ตรวจสอบสิทธิ์และรีวิวของส่วนขยายก่อนติดตั้งทุกครั้ง https://securityonline.info/9-million-installs-malicious-chrome-vpn-extensions-hijack-user-traffic-via-remote-pac-proxy-injection/
    SECURITYONLINE.INFO
    9 Million Installs: Malicious Chrome VPN Extensions Hijack User Traffic Via Remote PAC Proxy Injection
    LayerX exposed a 6-year, 9M-install campaign: Fake VPN/ad-blocking Chrome extensions hijack all user traffic via remote PAC proxy scripts, enabling surveillance and data exfiltration.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนลั่นพร้อมใช้มาตรการ “เด็ดขาด-รุนแรง” หากนายกฯ ทาคาอิจิไม่ถอนคำพูดเรื่องไต้หวัน หลังญี่ปุ่นยืนยันจุดยืนเดิม รายงานเผยปักกิ่งเตรียมฟื้นแบนอาหารทะเลนำเข้าทั้งหมด พร้อมยกเลิกกิจกรรมวัฒนธรรมสองชาติ ความตึงเครียดทะยานขึ้นอีกระลอก

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110775

    #จีน #ญี่ปุ่น #ทาคาอิจิ #แบนอาหารทะเล #ความสัมพันธ์จีนญี่ปุ่น #ไต้หวัน #การทูต #News1live #News1
    จีนลั่นพร้อมใช้มาตรการ “เด็ดขาด-รุนแรง” หากนายกฯ ทาคาอิจิไม่ถอนคำพูดเรื่องไต้หวัน หลังญี่ปุ่นยืนยันจุดยืนเดิม รายงานเผยปักกิ่งเตรียมฟื้นแบนอาหารทะเลนำเข้าทั้งหมด พร้อมยกเลิกกิจกรรมวัฒนธรรมสองชาติ ความตึงเครียดทะยานขึ้นอีกระลอก • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110775 • #จีน #ญี่ปุ่น #ทาคาอิจิ #แบนอาหารทะเล #ความสัมพันธ์จีนญี่ปุ่น #ไต้หวัน #การทูต #News1live #News1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟีเจอร์ AI ใหม่ของ Windows เสี่ยงถูกโจมตีและติดตั้งมัลแวร์

    Microsoft กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 Insider Build ที่เรียกว่า Copilot Actions ซึ่งถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้วยข้อความ เช่น จัดระเบียบไฟล์ ดาวน์โหลดรูปภาพ หรือดึงข้อมูลจาก PDF โดย AI จะทำงานในสภาพแวดล้อมที่เรียกว่า Agent Workspace ซึ่งมีบัญชีผู้ใช้แยกต่างหากและสามารถโต้ตอบกับแอปพลิเคชันได้เหมือนมีเดสก์ท็อปของตัวเอง

    อย่างไรก็ตาม Microsoft เองก็ยอมรับว่าฟีเจอร์นี้มี “ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยใหม่” โดยเฉพาะการโจมตีแบบ cross-prompt injection (XPIA) ซึ่งเกิดจากเนื้อหาที่เป็นอันตรายในเอกสารหรือ UI สามารถเปลี่ยนคำสั่งของ AI ได้ ผลลัพธ์คือการกระทำที่ไม่ตั้งใจ เช่น การขโมยข้อมูลหรือการติดตั้งมัลแวร์

    สิ่งที่น่ากังวลคือ Copilot Actions ต้องการสิทธิ์เข้าถึงไฟล์ส่วนตัวของผู้ใช้ เช่น Documents, Downloads, Desktop, Pictures, Videos และ Music รวมถึงแอปที่ติดตั้งในระบบทั้งหมด แตกต่างจาก Windows Sandbox ที่ทำงานแบบแยกขาดและถูกลบทุกครั้งที่ปิด แต่ Copilot Actions จะคงสิทธิ์การเข้าถึงไว้ตลอดการใช้งาน

    แม้ Microsoft จะบอกว่ามีการป้องกัน เช่น การบันทึกกิจกรรม, การขออนุญาตก่อนเข้าถึงข้อมูล, และการใช้ audit logs แต่ก็ยังมีความเสี่ยงเนื่องจาก AI อาจ “หลอน” (hallucinate) และทำงานผิดพลาดได้เอง ซึ่งทำให้ผู้ใช้หลายคนตั้งคำถามว่าฟีเจอร์นี้พร้อมใช้งานจริงหรือยัง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ฟีเจอร์ใหม่ Copilot Actions
    ทำงานใน Agent Workspace แยกต่างหาก
    สามารถจัดการไฟล์และโต้ตอบกับแอปพลิเคชันได้

    สิทธิ์การเข้าถึงที่กว้างขวาง
    เข้าถึง Documents, Downloads, Desktop, Pictures, Videos, Music
    เข้าถึงแอปที่ติดตั้งในระบบทั้งหมด

    มาตรการป้องกันที่ Microsoft ระบุ
    บันทึกกิจกรรมทั้งหมด
    ผู้ใช้ต้องอนุมัติการเข้าถึงข้อมูล
    ใช้ audit logs เพื่อติดตามการทำงาน

    คำเตือนและความเสี่ยง
    เสี่ยงต่อการโจมตีแบบ cross-prompt injection (XPIA)
    อาจทำให้เกิดการขโมยข้อมูลหรือการติดตั้งมัลแวร์
    AI อาจ “หลอน” และทำงานผิดพลาดเอง
    การเข้าถึงไฟล์ส่วนตัวอาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

    https://itsfoss.com/news/new-windows-ai-feature-can-be-tricked/
    🛡️ ฟีเจอร์ AI ใหม่ของ Windows เสี่ยงถูกโจมตีและติดตั้งมัลแวร์ Microsoft กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 Insider Build ที่เรียกว่า Copilot Actions ซึ่งถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้วยข้อความ เช่น จัดระเบียบไฟล์ ดาวน์โหลดรูปภาพ หรือดึงข้อมูลจาก PDF โดย AI จะทำงานในสภาพแวดล้อมที่เรียกว่า Agent Workspace ซึ่งมีบัญชีผู้ใช้แยกต่างหากและสามารถโต้ตอบกับแอปพลิเคชันได้เหมือนมีเดสก์ท็อปของตัวเอง อย่างไรก็ตาม Microsoft เองก็ยอมรับว่าฟีเจอร์นี้มี “ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยใหม่” โดยเฉพาะการโจมตีแบบ cross-prompt injection (XPIA) ซึ่งเกิดจากเนื้อหาที่เป็นอันตรายในเอกสารหรือ UI สามารถเปลี่ยนคำสั่งของ AI ได้ ผลลัพธ์คือการกระทำที่ไม่ตั้งใจ เช่น การขโมยข้อมูลหรือการติดตั้งมัลแวร์ สิ่งที่น่ากังวลคือ Copilot Actions ต้องการสิทธิ์เข้าถึงไฟล์ส่วนตัวของผู้ใช้ เช่น Documents, Downloads, Desktop, Pictures, Videos และ Music รวมถึงแอปที่ติดตั้งในระบบทั้งหมด แตกต่างจาก Windows Sandbox ที่ทำงานแบบแยกขาดและถูกลบทุกครั้งที่ปิด แต่ Copilot Actions จะคงสิทธิ์การเข้าถึงไว้ตลอดการใช้งาน แม้ Microsoft จะบอกว่ามีการป้องกัน เช่น การบันทึกกิจกรรม, การขออนุญาตก่อนเข้าถึงข้อมูล, และการใช้ audit logs แต่ก็ยังมีความเสี่ยงเนื่องจาก AI อาจ “หลอน” (hallucinate) และทำงานผิดพลาดได้เอง ซึ่งทำให้ผู้ใช้หลายคนตั้งคำถามว่าฟีเจอร์นี้พร้อมใช้งานจริงหรือยัง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ฟีเจอร์ใหม่ Copilot Actions ➡️ ทำงานใน Agent Workspace แยกต่างหาก ➡️ สามารถจัดการไฟล์และโต้ตอบกับแอปพลิเคชันได้ ✅ สิทธิ์การเข้าถึงที่กว้างขวาง ➡️ เข้าถึง Documents, Downloads, Desktop, Pictures, Videos, Music ➡️ เข้าถึงแอปที่ติดตั้งในระบบทั้งหมด ✅ มาตรการป้องกันที่ Microsoft ระบุ ➡️ บันทึกกิจกรรมทั้งหมด ➡️ ผู้ใช้ต้องอนุมัติการเข้าถึงข้อมูล ➡️ ใช้ audit logs เพื่อติดตามการทำงาน ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ เสี่ยงต่อการโจมตีแบบ cross-prompt injection (XPIA) ⛔ อาจทำให้เกิดการขโมยข้อมูลหรือการติดตั้งมัลแวร์ ⛔ AI อาจ “หลอน” และทำงานผิดพลาดเอง ⛔ การเข้าถึงไฟล์ส่วนตัวอาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ https://itsfoss.com/news/new-windows-ai-feature-can-be-tricked/
    ITSFOSS.COM
    Microsoft's New Windows AI Feature Comes With Warnings About Malware and Data Theft
    New opt-in experimental feature comes with some warnings and requires file access.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักพัฒนาโอเพ่นซอร์สกำลังหมดแรงและพร้อมจะเดินออกจากวงการ

    โอเพ่นซอร์สคือรากฐานของโลกดิจิทัลที่เราใช้ทุกวัน ตั้งแต่ฐานข้อมูลไปจนถึงเฟรมเวิร์ก JavaScript แต่เบื้องหลังความสำเร็จเหล่านี้คือกลุ่มนักพัฒนาที่ทำงานหนักโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม หลายคนต้องทำงานสองกะ—งานประจำกลางวันและงานดูแลโครงการโอเพ่นซอร์สตอนกลางคืน ส่งผลให้สุขภาพกายและใจทรุดโทรมอย่างต่อเนื่อง

    รายงานล่าสุดชี้ว่า 73% ของนักพัฒนาเคยประสบภาวะ Burnout และกว่า 60% ของผู้ดูแลโครงการโอเพ่นซอร์สคิดจะเลิกทำงานนี้ ปัญหานี้ไม่ได้กระทบแค่ตัวนักพัฒนา แต่ยังเสี่ยงต่อความมั่นคงของซัพพลายเชนซอฟต์แวร์ เพราะเมื่อผู้ดูแลโครงการถอนตัว โค้ดที่สำคัญอาจถูกทิ้งไว้โดยไม่มีการแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัย

    นอกจากภาระงานที่หนักแล้ว พฤติกรรมของผู้ใช้และชุมชนก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ ความคาดหวังที่สูงเกินไปและการวิจารณ์ที่รุนแรงทำให้ผู้ดูแลรู้สึกเหมือนถูกกดดันอย่างต่อเนื่อง หลายคนถึงขั้นใช้คำว่า “Burnout Death Spiral” เพื่ออธิบายวงจรที่เหนื่อยล้าและความเป็นพิษในชุมชนที่ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง

    แนวทางแก้ไขที่ถูกเสนอมีทั้งการจัดหา รายได้ที่มั่นคงให้ผู้ดูแล, การสร้างระบบสนับสนุนทางสังคม เช่นกิจกรรมชุมชน, และการใช้ เครื่องมืออัตโนมัติ เพื่อลดงานซ้ำซาก เช่นการจัดการ Issue หรือการตอบคำถามซ้ำ ๆ สิ่งเหล่านี้อาจช่วยให้ผู้ดูแลกลับมามีแรงใจและลดความเสี่ยงที่โครงการสำคัญจะถูกทอดทิ้ง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สถานการณ์ Burnout ของนักพัฒนาโอเพ่นซอร์ส
    73% เคยประสบภาวะ Burnout
    60% ของผู้ดูแลโครงการคิดจะเลิกทำงาน

    สาเหตุหลักของปัญหา
    ไม่มีค่าตอบแทนที่มั่นคง
    ภาระงานหนักและซ้ำซาก
    พฤติกรรมเป็นพิษจากผู้ใช้และชุมชน

    ผลกระทบต่อระบบซอฟต์แวร์โลก
    ความเสี่ยงต่อซัพพลายเชนซอฟต์แวร์
    ช่องโหว่ด้านความปลอดภัยไม่ได้รับการแก้ไข
    โครงการสำคัญอาจถูกทอดทิ้ง

    แนวทางแก้ไขที่เสนอ
    จัดหาค่าตอบแทนที่มั่นคง เช่น GitHub Sponsors หรือ Open Collective
    สนับสนุนกิจกรรมชุมชนเพื่อสร้างกำลังใจ
    ใช้ระบบอัตโนมัติช่วยลดงานซ้ำซาก

    คำเตือนที่ต้องระวัง
    หากไม่แก้ไขปัญหา Burnout อาจนำไปสู่การล่มสลายของโครงการสำคัญ
    ความมั่นคงทางไซเบอร์ขององค์กรทั่วโลกอาจถูกคุกคาม
    การใช้ AI สร้างโค้ดคุณภาพต่ำอาจเพิ่มภาระให้ผู้ดูแลมากขึ้น

    https://itsfoss.com/news/open-source-developers-are-exhausted/
    🖥️ นักพัฒนาโอเพ่นซอร์สกำลังหมดแรงและพร้อมจะเดินออกจากวงการ โอเพ่นซอร์สคือรากฐานของโลกดิจิทัลที่เราใช้ทุกวัน ตั้งแต่ฐานข้อมูลไปจนถึงเฟรมเวิร์ก JavaScript แต่เบื้องหลังความสำเร็จเหล่านี้คือกลุ่มนักพัฒนาที่ทำงานหนักโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม หลายคนต้องทำงานสองกะ—งานประจำกลางวันและงานดูแลโครงการโอเพ่นซอร์สตอนกลางคืน ส่งผลให้สุขภาพกายและใจทรุดโทรมอย่างต่อเนื่อง รายงานล่าสุดชี้ว่า 73% ของนักพัฒนาเคยประสบภาวะ Burnout และกว่า 60% ของผู้ดูแลโครงการโอเพ่นซอร์สคิดจะเลิกทำงานนี้ ปัญหานี้ไม่ได้กระทบแค่ตัวนักพัฒนา แต่ยังเสี่ยงต่อความมั่นคงของซัพพลายเชนซอฟต์แวร์ เพราะเมื่อผู้ดูแลโครงการถอนตัว โค้ดที่สำคัญอาจถูกทิ้งไว้โดยไม่มีการแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัย นอกจากภาระงานที่หนักแล้ว พฤติกรรมของผู้ใช้และชุมชนก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ ความคาดหวังที่สูงเกินไปและการวิจารณ์ที่รุนแรงทำให้ผู้ดูแลรู้สึกเหมือนถูกกดดันอย่างต่อเนื่อง หลายคนถึงขั้นใช้คำว่า “Burnout Death Spiral” เพื่ออธิบายวงจรที่เหนื่อยล้าและความเป็นพิษในชุมชนที่ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง แนวทางแก้ไขที่ถูกเสนอมีทั้งการจัดหา รายได้ที่มั่นคงให้ผู้ดูแล, การสร้างระบบสนับสนุนทางสังคม เช่นกิจกรรมชุมชน, และการใช้ เครื่องมืออัตโนมัติ เพื่อลดงานซ้ำซาก เช่นการจัดการ Issue หรือการตอบคำถามซ้ำ ๆ สิ่งเหล่านี้อาจช่วยให้ผู้ดูแลกลับมามีแรงใจและลดความเสี่ยงที่โครงการสำคัญจะถูกทอดทิ้ง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สถานการณ์ Burnout ของนักพัฒนาโอเพ่นซอร์ส ➡️ 73% เคยประสบภาวะ Burnout ➡️ 60% ของผู้ดูแลโครงการคิดจะเลิกทำงาน ✅ สาเหตุหลักของปัญหา ➡️ ไม่มีค่าตอบแทนที่มั่นคง ➡️ ภาระงานหนักและซ้ำซาก ➡️ พฤติกรรมเป็นพิษจากผู้ใช้และชุมชน ✅ ผลกระทบต่อระบบซอฟต์แวร์โลก ➡️ ความเสี่ยงต่อซัพพลายเชนซอฟต์แวร์ ➡️ ช่องโหว่ด้านความปลอดภัยไม่ได้รับการแก้ไข ➡️ โครงการสำคัญอาจถูกทอดทิ้ง ✅ แนวทางแก้ไขที่เสนอ ➡️ จัดหาค่าตอบแทนที่มั่นคง เช่น GitHub Sponsors หรือ Open Collective ➡️ สนับสนุนกิจกรรมชุมชนเพื่อสร้างกำลังใจ ➡️ ใช้ระบบอัตโนมัติช่วยลดงานซ้ำซาก ‼️ คำเตือนที่ต้องระวัง ⛔ หากไม่แก้ไขปัญหา Burnout อาจนำไปสู่การล่มสลายของโครงการสำคัญ ⛔ ความมั่นคงทางไซเบอร์ขององค์กรทั่วโลกอาจถูกคุกคาม ⛔ การใช้ AI สร้างโค้ดคุณภาพต่ำอาจเพิ่มภาระให้ผู้ดูแลมากขึ้น https://itsfoss.com/news/open-source-developers-are-exhausted/
    ITSFOSS.COM
    Open Source Developers Are Exhausted, Unpaid, and Ready to Walk Away
    The foundation of modern software is cracking under the weight of burnout.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google เปิดตัว Canvas ใน AI Mode

    Google ประกาศเปิดตัว Canvas ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับการจัดการแผนงานและโครงการ โดยผู้ใช้สามารถบรรยายสิ่งที่ต้องการ เช่น การเดินทางหรือกิจกรรมที่วางแผนไว้ แล้ว AI จะช่วยเสนอปลายทาง โรงแรม และรายละเอียดการจองที่เหมาะสม ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อรวมข้อมูลที่กระจัดกระจายให้อยู่ในที่เดียว ทำให้การวางแผนสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    การขยายความสามารถ Agentic AI
    นอกจาก Canvas แล้ว Google ยังเพิ่มความสามารถให้ AI Mode สามารถทำงานแทนผู้ใช้ได้จริง เช่น การจองร้านอาหาร ซื้อตั๋วงานแสดง หรือแม้แต่การนัดหมายด้านสุขภาพและความงาม ฟีเจอร์นี้สะท้อนแนวโน้มใหม่ของ AI ที่ไม่ได้แค่ให้ข้อมูล แต่สามารถ ลงมือทำแทนผู้ใช้ ได้โดยตรง ซึ่งถือเป็นการก้าวสู่ยุคของ “Agentic AI” อย่างเต็มรูปแบบ

    การเชื่อมโยงกับบริการอื่น ๆ
    ก่อนหน้านี้ Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Agentic Checkout สำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์ โดย AI สามารถค้นหาสินค้าตามราคาที่ผู้ใช้ต้องการ และทำการสั่งซื้ออัตโนมัติเมื่อราคาลดลง ฟีเจอร์เหล่านี้กำลังถูกขยายไปยังบริการอื่น ๆ เช่น Google Photos, Google Messages และ Android เพื่อสร้างระบบนิเวศที่ AI สามารถช่วยเหลือผู้ใช้ได้ในหลายมิติ

    แนวโน้มในอนาคต
    การเปิดตัว Canvas และการขยายความสามารถ Agentic AI แสดงให้เห็นว่า Google กำลังผลักดัน AI ให้เป็น ผู้ช่วยที่ลงมือทำแทนได้จริง ไม่ใช่แค่เครื่องมือค้นหาข้อมูล แนวโน้มนี้อาจเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนจัดการชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การเดินทาง การช้อปปิ้ง ไปจนถึงการจัดการงานในองค์กร

    สรุปสาระสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Google เปิดตัวฟีเจอร์ Canvas สำหรับการวางแผนและจัดการโครงการ
    AI Mode สามารถทำงานแทนผู้ใช้ เช่น จองร้านอาหาร ซื้อตั๋ว และนัดหมาย
    ฟีเจอร์ Agentic Checkout ช่วยค้นหาสินค้าและสั่งซื้ออัตโนมัติเมื่อราคาลดลง
    ฟีเจอร์ใหม่จะถูกขยายไปยัง Google Photos, Google Messages และ Android

    คำเตือนจากข่าว
    การให้ AI ทำงานแทนผู้ใช้อาจสร้างความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
    ผู้ใช้ควรระวังการอนุญาตให้ AI เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวหรือสิทธิ์ในการทำธุรกรรม
    หากระบบถูกโจมตีหรือทำงานผิดพลาด อาจส่งผลต่อการเงินและข้อมูลส่วนบุคคล

    https://securityonline.info/ai-mode-upgraded-google-launches-canvas-for-planning-and-agentic-booking-for-reservations/
    🖥️ Google เปิดตัว Canvas ใน AI Mode Google ประกาศเปิดตัว Canvas ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับการจัดการแผนงานและโครงการ โดยผู้ใช้สามารถบรรยายสิ่งที่ต้องการ เช่น การเดินทางหรือกิจกรรมที่วางแผนไว้ แล้ว AI จะช่วยเสนอปลายทาง โรงแรม และรายละเอียดการจองที่เหมาะสม ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อรวมข้อมูลที่กระจัดกระจายให้อยู่ในที่เดียว ทำให้การวางแผนสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✈️ การขยายความสามารถ Agentic AI นอกจาก Canvas แล้ว Google ยังเพิ่มความสามารถให้ AI Mode สามารถทำงานแทนผู้ใช้ได้จริง เช่น การจองร้านอาหาร ซื้อตั๋วงานแสดง หรือแม้แต่การนัดหมายด้านสุขภาพและความงาม ฟีเจอร์นี้สะท้อนแนวโน้มใหม่ของ AI ที่ไม่ได้แค่ให้ข้อมูล แต่สามารถ ลงมือทำแทนผู้ใช้ ได้โดยตรง ซึ่งถือเป็นการก้าวสู่ยุคของ “Agentic AI” อย่างเต็มรูปแบบ 🛍️ การเชื่อมโยงกับบริการอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Agentic Checkout สำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์ โดย AI สามารถค้นหาสินค้าตามราคาที่ผู้ใช้ต้องการ และทำการสั่งซื้ออัตโนมัติเมื่อราคาลดลง ฟีเจอร์เหล่านี้กำลังถูกขยายไปยังบริการอื่น ๆ เช่น Google Photos, Google Messages และ Android เพื่อสร้างระบบนิเวศที่ AI สามารถช่วยเหลือผู้ใช้ได้ในหลายมิติ 🔮 แนวโน้มในอนาคต การเปิดตัว Canvas และการขยายความสามารถ Agentic AI แสดงให้เห็นว่า Google กำลังผลักดัน AI ให้เป็น ผู้ช่วยที่ลงมือทำแทนได้จริง ไม่ใช่แค่เครื่องมือค้นหาข้อมูล แนวโน้มนี้อาจเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนจัดการชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การเดินทาง การช้อปปิ้ง ไปจนถึงการจัดการงานในองค์กร 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Google เปิดตัวฟีเจอร์ Canvas สำหรับการวางแผนและจัดการโครงการ ➡️ AI Mode สามารถทำงานแทนผู้ใช้ เช่น จองร้านอาหาร ซื้อตั๋ว และนัดหมาย ➡️ ฟีเจอร์ Agentic Checkout ช่วยค้นหาสินค้าและสั่งซื้ออัตโนมัติเมื่อราคาลดลง ➡️ ฟีเจอร์ใหม่จะถูกขยายไปยัง Google Photos, Google Messages และ Android ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ การให้ AI ทำงานแทนผู้ใช้อาจสร้างความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ⛔ ผู้ใช้ควรระวังการอนุญาตให้ AI เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวหรือสิทธิ์ในการทำธุรกรรม ⛔ หากระบบถูกโจมตีหรือทำงานผิดพลาด อาจส่งผลต่อการเงินและข้อมูลส่วนบุคคล https://securityonline.info/ai-mode-upgraded-google-launches-canvas-for-planning-and-agentic-booking-for-reservations/
    SECURITYONLINE.INFO
    AI Mode Upgraded: Google Launches Canvas for Planning and Agentic Booking for Reservations
    Google upgraded AI Mode with Canvas, a dedicated space for project and travel planning. The Flight Deals tool rolls out globally, and agentic booking expands in the US.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • ล่องเรือหรูริมแม่น้ำไรน์… ท่ามกลางแสงไฟเทศกาลคริสต์มาสยุโรป!
    สัมผัสความโรแมนติก อบอุ่น และเสน่ห์ตลาดคริสต์มาสชื่อดังของเยอรมนี & สวิตเซอร์แลนด์

    🛳 Uniworld – Luxury River Cruise ระดับ 6 ดาว
    เส้นทางพิเศษชมตลาดคริสต์มาสบนลำน้ำไรน์ บรรยากาศสวยที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป

    เส้นทาง
    บาเซิล (สวิตเซอร์แลนด์) → คีล (สตราสบูร์ก) → มานน์ไฮม์ (บาเดิน-บาเดิน) → ไมนซ์ → รูเดสไฮม์ → ล่องไรน์ผ่านโคเบลนซ์สุดโรแมนติก → โคโลญ (เยอรมนี)

    เดินทาง 26 พ.ย. – 2 ธ.ค. 2568

    ราคาเริ่มต้นเพียง 4,199 USD

    แพ็กเกจ All incusive
    ✔ ห้องพักบนเรือสำราญระดับ 6 ดาว
    ✔ อาหารทุกมื้อ พร้อมเมนูคุณภาพระดับโรงแรม
    ✔ กิจกรรมบนเรือสุดพรีเมียม & ความบันเทิงครบ
    ✔ แพ็กเกจเครื่องดื่มไม่อั้นตลอดทริป
    ✔ Wi-Fi ตลอดการเดินทาง

    รหัสแพคเกจทัวร์ : UNIP-8D7N-BSL-CGN-2612161
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/eafac4

    ดูเรือ Uniworld River Cruise ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/bb9b58

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #เรือUniworldRiverCruise #UniworldRiverCruise #RhineHolidayMarkets #Christmasmarket #RhineRiver #Germany #Switzerland #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain
    ✨ ล่องเรือหรูริมแม่น้ำไรน์… ท่ามกลางแสงไฟเทศกาลคริสต์มาสยุโรป! สัมผัสความโรแมนติก อบอุ่น และเสน่ห์ตลาดคริสต์มาสชื่อดังของเยอรมนี & สวิตเซอร์แลนด์ 🎁🎄 🛳 Uniworld – Luxury River Cruise ระดับ 6 ดาว เส้นทางพิเศษชมตลาดคริสต์มาสบนลำน้ำไรน์ บรรยากาศสวยที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป ✨🎡 📍 เส้นทาง บาเซิล (สวิตเซอร์แลนด์) → คีล (สตราสบูร์ก) → มานน์ไฮม์ (บาเดิน-บาเดิน) → ไมนซ์ → รูเดสไฮม์ → ล่องไรน์ผ่านโคเบลนซ์สุดโรแมนติก → โคโลญ (เยอรมนี) 📅 เดินทาง 26 พ.ย. – 2 ธ.ค. 2568 💥 ราคาเริ่มต้นเพียง 4,199 USD ✨ แพ็กเกจ All incusive ✔ ห้องพักบนเรือสำราญระดับ 6 ดาว ✔ อาหารทุกมื้อ พร้อมเมนูคุณภาพระดับโรงแรม ✔ กิจกรรมบนเรือสุดพรีเมียม & ความบันเทิงครบ ✔ แพ็กเกจเครื่องดื่มไม่อั้นตลอดทริป 🍷 ✔ Wi-Fi ตลอดการเดินทาง ➡️ รหัสแพคเกจทัวร์ : UNIP-8D7N-BSL-CGN-2612161 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/eafac4 ดูเรือ Uniworld River Cruise ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/bb9b58 ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #เรือUniworldRiverCruise #UniworldRiverCruise #RhineHolidayMarkets #Christmasmarket #RhineRiver #Germany #Switzerland #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • “The Fall of Icarus – ภาพถ่ายดาราศาสตร์ที่ไม่เคยมีมาก่อน”

    ภาพนี้เป็นผลงานร่วมกันของ Andrew McCarthy นักถ่ายภาพดาราศาสตร์ และ Gabriel C. Brown นักกระโดดร่ม โดยพวกเขาวางแผนให้ Brown กระโดดร่มในจังหวะที่ตรงกับการถ่ายภาพดวงอาทิตย์ในแสง Hydrogen-alpha ซึ่งเผยให้เห็นพื้นผิวที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วนและจุดดับบนดวงอาทิตย์ ผลลัพธ์คือภาพเงาของนักกระโดดร่มที่พุ่งลงมาพอดีกับตำแหน่งระหว่างจุดดับดวงอาทิตย์ สร้างความสมบูรณ์แบบทั้งด้านศิลปะและวิทยาศาสตร์

    การถ่ายภาพครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ทีมงานต้องใช้ หลายกล้องและการสื่อสารแบบเรียลไทม์ ระหว่างนักบินพารามอเตอร์, McCarthy และ Brown เพื่อให้การจัดตำแหน่งเป็นไปอย่างแม่นยำ หลังจากความพยายามถึง 6 ครั้ง พวกเขาจึงได้ภาพที่สมบูรณ์แบบตามที่ตั้งใจไว้

    สิ่งที่ทำให้ภาพนี้โดดเด่นคือการนำ กิจกรรมสุดขั้วอย่างการกระโดดร่ม มาผสมผสานกับ การถ่ายภาพดาราศาสตร์เชิงลึก ซึ่งปกติแล้วมักจะเป็นงานที่ต้องใช้ความนิ่งและความแม่นยำสูง การสร้างสรรค์ครั้งนี้จึงถูกยกย่องว่าเป็น “การยกระดับมาตรฐานของวงการ Astrophotography” และได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลกในฐานะผลงานศิลป์ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

    นอกจากความงดงามทางศิลปะแล้ว ภาพนี้ยังสะท้อนถึง ความร่วมมือระหว่างศาสตร์ต่าง ๆ ทั้งวิทยาศาสตร์การบิน, ดาราศาสตร์ และศิลปะการถ่ายภาพ ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของการสร้างสรรค์ที่เกิดจากการคิดนอกกรอบและการทำงานร่วมกันของผู้เชี่ยวชาญต่างสาขา

    สรุปสาระสำคัญ
    ผลงานของ Andrew McCarthy และ Gabriel C. Brown
    ผสมผสานการถ่ายภาพดาราศาสตร์กับการกระโดดร่ม

    ใช้แสง Hydrogen-alpha ในการถ่ายดวงอาทิตย์
    เผยให้เห็นพื้นผิวที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วนและจุดดับ

    การวางแผนซับซ้อนและพยายามถึง 6 ครั้ง
    เพื่อให้ตำแหน่งกระโดดร่มตรงกับดวงอาทิตย์อย่างสมบูรณ์

    ได้รับการยกย่องว่าเป็นการยกระดับ Astrophotography
    สร้างความตื่นตะลึงและเผยแพร่ไปทั่วโลก

    ความเสี่ยงจากการกระโดดร่มและการจัดตำแหน่งที่ซับซ้อน
    ต้องอาศัยการสื่อสารและการควบคุมที่แม่นยำเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย

    การผสมผสานกิจกรรมสุดขั้วกับงานวิทยาศาสตร์
    หากผิดพลาดอาจทำให้ทั้งการถ่ายภาพและการกระโดดร่มล้มเหลว

    https://www.iflscience.com/the-fall-of-icarus-you-have-never-seen-an-astrophotography-picture-like-this-81570
    📰 “The Fall of Icarus – ภาพถ่ายดาราศาสตร์ที่ไม่เคยมีมาก่อน” ภาพนี้เป็นผลงานร่วมกันของ Andrew McCarthy นักถ่ายภาพดาราศาสตร์ และ Gabriel C. Brown นักกระโดดร่ม โดยพวกเขาวางแผนให้ Brown กระโดดร่มในจังหวะที่ตรงกับการถ่ายภาพดวงอาทิตย์ในแสง Hydrogen-alpha ซึ่งเผยให้เห็นพื้นผิวที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วนและจุดดับบนดวงอาทิตย์ ผลลัพธ์คือภาพเงาของนักกระโดดร่มที่พุ่งลงมาพอดีกับตำแหน่งระหว่างจุดดับดวงอาทิตย์ สร้างความสมบูรณ์แบบทั้งด้านศิลปะและวิทยาศาสตร์ การถ่ายภาพครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ทีมงานต้องใช้ หลายกล้องและการสื่อสารแบบเรียลไทม์ ระหว่างนักบินพารามอเตอร์, McCarthy และ Brown เพื่อให้การจัดตำแหน่งเป็นไปอย่างแม่นยำ หลังจากความพยายามถึง 6 ครั้ง พวกเขาจึงได้ภาพที่สมบูรณ์แบบตามที่ตั้งใจไว้ สิ่งที่ทำให้ภาพนี้โดดเด่นคือการนำ กิจกรรมสุดขั้วอย่างการกระโดดร่ม มาผสมผสานกับ การถ่ายภาพดาราศาสตร์เชิงลึก ซึ่งปกติแล้วมักจะเป็นงานที่ต้องใช้ความนิ่งและความแม่นยำสูง การสร้างสรรค์ครั้งนี้จึงถูกยกย่องว่าเป็น “การยกระดับมาตรฐานของวงการ Astrophotography” และได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลกในฐานะผลงานศิลป์ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน นอกจากความงดงามทางศิลปะแล้ว ภาพนี้ยังสะท้อนถึง ความร่วมมือระหว่างศาสตร์ต่าง ๆ ทั้งวิทยาศาสตร์การบิน, ดาราศาสตร์ และศิลปะการถ่ายภาพ ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของการสร้างสรรค์ที่เกิดจากการคิดนอกกรอบและการทำงานร่วมกันของผู้เชี่ยวชาญต่างสาขา 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ผลงานของ Andrew McCarthy และ Gabriel C. Brown ➡️ ผสมผสานการถ่ายภาพดาราศาสตร์กับการกระโดดร่ม ✅ ใช้แสง Hydrogen-alpha ในการถ่ายดวงอาทิตย์ ➡️ เผยให้เห็นพื้นผิวที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วนและจุดดับ ✅ การวางแผนซับซ้อนและพยายามถึง 6 ครั้ง ➡️ เพื่อให้ตำแหน่งกระโดดร่มตรงกับดวงอาทิตย์อย่างสมบูรณ์ ✅ ได้รับการยกย่องว่าเป็นการยกระดับ Astrophotography ➡️ สร้างความตื่นตะลึงและเผยแพร่ไปทั่วโลก ‼️ ความเสี่ยงจากการกระโดดร่มและการจัดตำแหน่งที่ซับซ้อน ⛔ ต้องอาศัยการสื่อสารและการควบคุมที่แม่นยำเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย ‼️ การผสมผสานกิจกรรมสุดขั้วกับงานวิทยาศาสตร์ ⛔ หากผิดพลาดอาจทำให้ทั้งการถ่ายภาพและการกระโดดร่มล้มเหลว https://www.iflscience.com/the-fall-of-icarus-you-have-never-seen-an-astrophotography-picture-like-this-81570
    WWW.IFLSCIENCE.COM
    “The Fall Of Icarus”: You Have Never Seen An Astrophotography Picture Like This!
    This is not photoshopped. That’s really a person falling in front of the Sun.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft Azure ป้องกันการโจมตี DDoS 15.72 Tbps จากบอทเน็ต Aisuru

    เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2025 Microsoft Azure ต้องเผชิญกับการโจมตี Distributed Denial-of-Service (DDoS) ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คลาวด์ โดยมีปริมาณทราฟฟิกสูงถึง 15.72 Tbps และ 3.64 พันล้านแพ็กเก็ตต่อวินาที การโจมตีครั้งนี้พุ่งเป้าไปที่เซิร์ฟเวอร์ในออสเตรเลีย แต่ระบบป้องกันของ Azure สามารถตรวจจับและกรองทราฟฟิกได้ทันที ทำให้บริการลูกค้าไม่หยุดชะงัก

    บอทเน็ตที่อยู่เบื้องหลังคือ Aisuru ซึ่งถูกจัดว่าเป็นภัยระดับ “Turbo Mirai-class” โดยบริษัท Netscout เนื่องจากสามารถสร้างการโจมตีขนาดหลายเทราไบต์ต่อวินาทีได้ Aisuru ถูกพบครั้งแรกในปี 2024 และแพร่กระจายไปยัง อุปกรณ์ IoT กว่า 700,000 เครื่อง เช่น เราเตอร์และกล้องวงจรปิด

    นอกจากโจมตี Azure แล้ว Aisuru ยังถูกเชื่อมโยงกับการโจมตี 22.2 Tbps ต่อ Cloudflare ในเดือนกันยายน 2025 และการโจมตี 6.3 Tbps ต่อบล็อก KrebsOnSecurity ของนักข่าว Brian Krebs ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เหตุการณ์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงและความถี่ที่เพิ่มขึ้นของการโจมตี DDoS ขนาดใหญ่

    สิ่งที่น่ากังวลคือ Aisuru ไม่ได้ทำเงินจากการโจมตีเพียงอย่างเดียว แต่ยังใช้ อุปกรณ์ที่ติดเชื้อเป็น residential proxies ให้เช่าแก่ผู้ใช้รายอื่นเพื่อซ่อนกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น การเก็บข้อมูลจำนวนมากเพื่อใช้ในโครงการ AI และการทำ content scraping ซึ่งกำลังเป็นปัญหาใหญ่จน Reddit ต้องฟ้องผู้ให้บริการ proxy บางรายในเดือนตุลาคม 2025

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Microsoft Azure หยุดการโจมตี DDoS 15.72 Tbps ได้สำเร็จ
    ระบบป้องกันสามารถกรองทราฟฟิกและรักษาบริการลูกค้าให้ทำงานต่อเนื่อง

    บอทเน็ต Aisuru อยู่เบื้องหลังการโจมตี
    ติดเชื้ออุปกรณ์ IoT กว่า 700,000 เครื่อง เช่น เราเตอร์และกล้องวงจรปิด

    Aisuru เคยโจมตี Cloudflare และ KrebsOnSecurity
    ขนาดใหญ่ถึง 22.2 Tbps และ 6.3 Tbps ตามลำดับ

    บอทเน็ตสร้างรายได้จากการให้เช่า residential proxies
    ใช้ซ่อนกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การเก็บข้อมูลเพื่อโครงการ AI

    อุปกรณ์ IoT ที่ไม่ปลอดภัยคือช่องทางหลักของการโจมตี
    ผู้ใช้ควรอัปเดตเฟิร์มแวร์และตั้งค่าความปลอดภัยให้รัดกุม

    การโจมตี DDoS ขนาดใหญ่กำลังเพิ่มขึ้นทั้งความถี่และความรุนแรง
    อาจทำให้โครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตทั่วโลกเสี่ยงต่อการหยุดชะงัก

    https://hackread.com/microsoft-azure-blocks-tbps-ddos-attack-botnet/
    🌐 Microsoft Azure ป้องกันการโจมตี DDoS 15.72 Tbps จากบอทเน็ต Aisuru เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2025 Microsoft Azure ต้องเผชิญกับการโจมตี Distributed Denial-of-Service (DDoS) ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คลาวด์ โดยมีปริมาณทราฟฟิกสูงถึง 15.72 Tbps และ 3.64 พันล้านแพ็กเก็ตต่อวินาที การโจมตีครั้งนี้พุ่งเป้าไปที่เซิร์ฟเวอร์ในออสเตรเลีย แต่ระบบป้องกันของ Azure สามารถตรวจจับและกรองทราฟฟิกได้ทันที ทำให้บริการลูกค้าไม่หยุดชะงัก บอทเน็ตที่อยู่เบื้องหลังคือ Aisuru ซึ่งถูกจัดว่าเป็นภัยระดับ “Turbo Mirai-class” โดยบริษัท Netscout เนื่องจากสามารถสร้างการโจมตีขนาดหลายเทราไบต์ต่อวินาทีได้ Aisuru ถูกพบครั้งแรกในปี 2024 และแพร่กระจายไปยัง อุปกรณ์ IoT กว่า 700,000 เครื่อง เช่น เราเตอร์และกล้องวงจรปิด นอกจากโจมตี Azure แล้ว Aisuru ยังถูกเชื่อมโยงกับการโจมตี 22.2 Tbps ต่อ Cloudflare ในเดือนกันยายน 2025 และการโจมตี 6.3 Tbps ต่อบล็อก KrebsOnSecurity ของนักข่าว Brian Krebs ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เหตุการณ์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงและความถี่ที่เพิ่มขึ้นของการโจมตี DDoS ขนาดใหญ่ สิ่งที่น่ากังวลคือ Aisuru ไม่ได้ทำเงินจากการโจมตีเพียงอย่างเดียว แต่ยังใช้ อุปกรณ์ที่ติดเชื้อเป็น residential proxies ให้เช่าแก่ผู้ใช้รายอื่นเพื่อซ่อนกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น การเก็บข้อมูลจำนวนมากเพื่อใช้ในโครงการ AI และการทำ content scraping ซึ่งกำลังเป็นปัญหาใหญ่จน Reddit ต้องฟ้องผู้ให้บริการ proxy บางรายในเดือนตุลาคม 2025 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Microsoft Azure หยุดการโจมตี DDoS 15.72 Tbps ได้สำเร็จ ➡️ ระบบป้องกันสามารถกรองทราฟฟิกและรักษาบริการลูกค้าให้ทำงานต่อเนื่อง ✅ บอทเน็ต Aisuru อยู่เบื้องหลังการโจมตี ➡️ ติดเชื้ออุปกรณ์ IoT กว่า 700,000 เครื่อง เช่น เราเตอร์และกล้องวงจรปิด ✅ Aisuru เคยโจมตี Cloudflare และ KrebsOnSecurity ➡️ ขนาดใหญ่ถึง 22.2 Tbps และ 6.3 Tbps ตามลำดับ ✅ บอทเน็ตสร้างรายได้จากการให้เช่า residential proxies ➡️ ใช้ซ่อนกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การเก็บข้อมูลเพื่อโครงการ AI ‼️ อุปกรณ์ IoT ที่ไม่ปลอดภัยคือช่องทางหลักของการโจมตี ⛔ ผู้ใช้ควรอัปเดตเฟิร์มแวร์และตั้งค่าความปลอดภัยให้รัดกุม ‼️ การโจมตี DDoS ขนาดใหญ่กำลังเพิ่มขึ้นทั้งความถี่และความรุนแรง ⛔ อาจทำให้โครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตทั่วโลกเสี่ยงต่อการหยุดชะงัก https://hackread.com/microsoft-azure-blocks-tbps-ddos-attack-botnet/
    HACKREAD.COM
    Microsoft Azure Blocks 15.72 Tbps Aisuru Botnet DDoS Attack
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🩷 รวมข่าวจาก TechRadar ประจำวัน 🩷
    #20251118 #techradar

    Google เปิดตัว AI พยากรณ์อากาศใหม่ WeatherNext 2
    Google พัฒนาโมเดล AI ชื่อ WeatherNext 2 ที่สามารถคาดการณ์สภาพอากาศได้เร็วและแม่นยำกว่าระบบเดิมถึง 8 เท่า ภายในเวลาไม่ถึงนาที AI นี้ไม่ได้ให้แค่ผลลัพธ์เดียว แต่สร้าง “หลายความเป็นไปได้” ของสภาพอากาศ ทำให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมว่ามีโอกาสเกิดอะไรบ้าง เช่น ฝนตกหรือแดดออกในช่วงเวลาใด นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ใน Google Search, Pixel Weather และ Google Maps เพื่อช่วยให้การวางแผนชีวิตประจำวันและการจัดการพลังงานหมุนเวียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    OWC Helios 5S: เพิ่มพลังให้ Mac เล็ก ๆ ด้วย Thunderbolt 5
    OWC เปิดตัว Helios 5S กล่องขยาย PCIe สำหรับเครื่อง Mac ขนาดเล็กที่ใช้ Thunderbolt 5 ความเร็วสูงถึง 80Gb/s ทำให้สามารถต่อการ์ด PCIe 4.0 และอุปกรณ์เสริมความเร็วสูงได้เต็มประสิทธิภาพ รองรับจอ 8K ได้ถึง 3 จอ เหมาะสำหรับงานสร้างสรรค์ที่ต้องการพลังการประมวลผลมากขึ้น แม้จะไม่รองรับ GPU ที่ใช้พลังงานสูง แต่ก็ถือเป็นการยกระดับเครื่องเล็กให้ใกล้เคียงเวิร์กสเตชัน

    Samsung ขยาย “The Wall” จอ LED ยักษ์สำหรับองค์กร
    Samsung เปิดตัวรุ่นใหม่ของ The Wall จอ LED ขนาดมหึมาที่ออกแบบมาเพื่อสำนักงานและพื้นที่ธุรกิจ ใช้ชิปประมวลผล AI Gen2 ที่ช่วยปรับภาพให้คมชัด ลดสัญญาณรบกวน และอัปสเกลภาพให้ใกล้เคียง 8K จุดเด่นคือความสว่างสูงถึง 1,000 nits และเทคโนโลยี Black Seal ที่ทำให้สีดำลึกขึ้น เหมาะกับการใช้งานในห้องประชุมใหญ่หรือพื้นที่ที่ต้องการภาพคมชัดต่อเนื่อง

    สัมภาษณ์พิเศษ Sundar Pichai: Running The Google Empire
    BBC จัดสัมภาษณ์พิเศษกับ Sundar Pichai CEO ของ Google ที่พูดถึงการนำบริษัทผ่านยุค AI ที่กำลังเปลี่ยนโลก เขาเล่าถึงความท้าทายของการลงทุนมหาศาลใน AI ผลกระทบต่อการจ้างงาน และบทบาทของ Google ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รายการนี้สามารถรับชมฟรีผ่าน BBC iPlayer

    Amazon พบการโจมตี npm ครั้งใหญ่กว่า 150,000 แพ็กเกจ
    นักวิจัยจาก Amazon ตรวจพบการแพร่กระจายแพ็กเกจ npm กว่า 150,000 ตัว ที่ถูกใช้ในแผนการหลอกลวงเพื่อสร้างรายได้จากโทเคน TEA แม้แพ็กเกจเหล่านี้จะไม่ขโมยข้อมูลโดยตรง แต่มีพฤติกรรม “self-replicating” และอาจถูกเปลี่ยนให้เป็นอันตรายได้ เหตุการณ์นี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในการโจมตีซัพพลายเชนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โอเพ่นซอร์ส

    OpenAI ทดลองให้ ChatGPT เข้าร่วมแชทกลุ่ม
    OpenAI เปิดฟีเจอร์ใหม่ให้ ChatGPT เข้าร่วมการสนทนาแบบกลุ่ม โดย AI จะเลือกเองว่าจะตอบเมื่อใด หรือผู้ใช้สามารถเรียกด้วยการแท็ก ฟีเจอร์นี้กำลังทดสอบในญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน รองรับผู้เข้าร่วมสูงสุด 20 คน จุดประสงค์คือช่วยให้การระดมสมองและวางแผนร่วมกันสะดวกขึ้น

    Google AI ช่วยวางแผนทริปได้ครบวงจร
    Google เปิดตัวเครื่องมือ AI สำหรับการท่องเที่ยว 3 อย่าง ได้แก่
    Canvas for Travel: สร้างแผนการเดินทางแบบกำหนดเอง
    Flight Deals: ค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกทั่วโลก
    Agentic Booking: จองร้านอาหารและกิจกรรมได้โดยตรงจาก Search ทั้งหมดนี้ช่วยลดความยุ่งยากในการเปิดหลายแท็บและเปรียบเทียบข้อมูล ทำให้การวางแผนทริปง่ายขึ้นมาก

    แฮกเกอร์เกาหลีเหนือใช้ JSON ซ่อนมัลแวร์
    กลุ่ม Lazarus จากเกาหลีเหนือถูกพบว่าใช้บริการเก็บข้อมูล JSON เช่น JSON Keeper และ JSON Silo เพื่อซ่อนมัลแวร์ในแคมเปญ “Contagious Interview” โดยหลอกนักพัฒนาซอฟต์แวร์ผ่าน LinkedIn ให้ดาวน์โหลดโปรเจกต์ที่แฝงโค้ดอันตราย มัลแวร์เหล่านี้สามารถขโมยข้อมูล กระเป๋าเงินคริปโต และใช้เครื่องเหยื่อขุดเหรียญ Monero ได้

    Logitech ยืนยันถูกเจาะระบบ แต่ยังไม่รู้ข้อมูลที่หายไป
    Logitech รายงานการถูกโจมตีไซเบอร์ผ่านช่องโหว่ zero-day ของซอฟต์แวร์ภายนอก โดยกลุ่ม Cl0p ransomware อ้างว่าขโมยข้อมูลไปกว่า 1.8TB แม้บริษัทจะยืนยันว่าข้อมูลที่สูญหาย “น่าจะมีเพียงบางส่วน” ของพนักงานและลูกค้า แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามีข้อมูลสำคัญรั่วไหลหรือไม่

    LinkedIn เพิ่มฟีเจอร์ค้นหาคนด้วย AI
    LinkedIn เปิดตัวระบบค้นหาคนด้วย AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้พิมพ์คำอธิบายเชิงธรรมชาติ เช่น “นักลงทุนด้านสุขภาพที่มีประสบการณ์ FDA” โดยไม่ต้องกรองด้วยตำแหน่งงานแบบเดิม ฟีเจอร์นี้เริ่มให้บริการกับผู้ใช้ Premium ในสหรัฐฯ ก่อน และจะขยายไปทั่วโลกในอนาคต

    ศาลสหราชอาณาจักรตัดสิน Microsoft แพ้คดีห้ามขายต่อไลเซนส์
    ศาล Competition Appeal Tribunal ของสหราชอาณาจักรตัดสินว่า Microsoft ไม่สามารถห้ามลูกค้าขายต่อไลเซนส์ซอฟต์แวร์แบบถาวรได้ บริษัท ValueLicensing ซึ่งเป็นคู่กรณีสามารถดำเนินธุรกิจขายต่อไลเซนส์ต่อไป และยังมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายกว่า 270 ล้านปอนด์จาก Microsoft ขณะที่ Microsoft เตรียมอุทธรณ์ต่อ

    ไปตามเจาะข่าวกันได้ที่ : https://www.techradar.com/
    📌🪛🩷 รวมข่าวจาก TechRadar ประจำวัน 🩷🪛📌 #20251118 #techradar 🌦️ Google เปิดตัว AI พยากรณ์อากาศใหม่ WeatherNext 2 Google พัฒนาโมเดล AI ชื่อ WeatherNext 2 ที่สามารถคาดการณ์สภาพอากาศได้เร็วและแม่นยำกว่าระบบเดิมถึง 8 เท่า ภายในเวลาไม่ถึงนาที AI นี้ไม่ได้ให้แค่ผลลัพธ์เดียว แต่สร้าง “หลายความเป็นไปได้” ของสภาพอากาศ ทำให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมว่ามีโอกาสเกิดอะไรบ้าง เช่น ฝนตกหรือแดดออกในช่วงเวลาใด นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ใน Google Search, Pixel Weather และ Google Maps เพื่อช่วยให้การวางแผนชีวิตประจำวันและการจัดการพลังงานหมุนเวียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ⚡ OWC Helios 5S: เพิ่มพลังให้ Mac เล็ก ๆ ด้วย Thunderbolt 5 OWC เปิดตัว Helios 5S กล่องขยาย PCIe สำหรับเครื่อง Mac ขนาดเล็กที่ใช้ Thunderbolt 5 ความเร็วสูงถึง 80Gb/s ทำให้สามารถต่อการ์ด PCIe 4.0 และอุปกรณ์เสริมความเร็วสูงได้เต็มประสิทธิภาพ รองรับจอ 8K ได้ถึง 3 จอ เหมาะสำหรับงานสร้างสรรค์ที่ต้องการพลังการประมวลผลมากขึ้น แม้จะไม่รองรับ GPU ที่ใช้พลังงานสูง แต่ก็ถือเป็นการยกระดับเครื่องเล็กให้ใกล้เคียงเวิร์กสเตชัน 🖥️ Samsung ขยาย “The Wall” จอ LED ยักษ์สำหรับองค์กร Samsung เปิดตัวรุ่นใหม่ของ The Wall จอ LED ขนาดมหึมาที่ออกแบบมาเพื่อสำนักงานและพื้นที่ธุรกิจ ใช้ชิปประมวลผล AI Gen2 ที่ช่วยปรับภาพให้คมชัด ลดสัญญาณรบกวน และอัปสเกลภาพให้ใกล้เคียง 8K จุดเด่นคือความสว่างสูงถึง 1,000 nits และเทคโนโลยี Black Seal ที่ทำให้สีดำลึกขึ้น เหมาะกับการใช้งานในห้องประชุมใหญ่หรือพื้นที่ที่ต้องการภาพคมชัดต่อเนื่อง 🎤 สัมภาษณ์พิเศษ Sundar Pichai: Running The Google Empire BBC จัดสัมภาษณ์พิเศษกับ Sundar Pichai CEO ของ Google ที่พูดถึงการนำบริษัทผ่านยุค AI ที่กำลังเปลี่ยนโลก เขาเล่าถึงความท้าทายของการลงทุนมหาศาลใน AI ผลกระทบต่อการจ้างงาน และบทบาทของ Google ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รายการนี้สามารถรับชมฟรีผ่าน BBC iPlayer 🛡️ Amazon พบการโจมตี npm ครั้งใหญ่กว่า 150,000 แพ็กเกจ นักวิจัยจาก Amazon ตรวจพบการแพร่กระจายแพ็กเกจ npm กว่า 150,000 ตัว ที่ถูกใช้ในแผนการหลอกลวงเพื่อสร้างรายได้จากโทเคน TEA แม้แพ็กเกจเหล่านี้จะไม่ขโมยข้อมูลโดยตรง แต่มีพฤติกรรม “self-replicating” และอาจถูกเปลี่ยนให้เป็นอันตรายได้ เหตุการณ์นี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในการโจมตีซัพพลายเชนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โอเพ่นซอร์ส 💬 OpenAI ทดลองให้ ChatGPT เข้าร่วมแชทกลุ่ม OpenAI เปิดฟีเจอร์ใหม่ให้ ChatGPT เข้าร่วมการสนทนาแบบกลุ่ม โดย AI จะเลือกเองว่าจะตอบเมื่อใด หรือผู้ใช้สามารถเรียกด้วยการแท็ก ฟีเจอร์นี้กำลังทดสอบในญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน รองรับผู้เข้าร่วมสูงสุด 20 คน จุดประสงค์คือช่วยให้การระดมสมองและวางแผนร่วมกันสะดวกขึ้น ✈️ Google AI ช่วยวางแผนทริปได้ครบวงจร Google เปิดตัวเครื่องมือ AI สำหรับการท่องเที่ยว 3 อย่าง ได้แก่ 🧩 Canvas for Travel: สร้างแผนการเดินทางแบบกำหนดเอง 🧩 Flight Deals: ค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกทั่วโลก 🧩 Agentic Booking: จองร้านอาหารและกิจกรรมได้โดยตรงจาก Search ทั้งหมดนี้ช่วยลดความยุ่งยากในการเปิดหลายแท็บและเปรียบเทียบข้อมูล ทำให้การวางแผนทริปง่ายขึ้นมาก 🕵️‍♂️ แฮกเกอร์เกาหลีเหนือใช้ JSON ซ่อนมัลแวร์ กลุ่ม Lazarus จากเกาหลีเหนือถูกพบว่าใช้บริการเก็บข้อมูล JSON เช่น JSON Keeper และ JSON Silo เพื่อซ่อนมัลแวร์ในแคมเปญ “Contagious Interview” โดยหลอกนักพัฒนาซอฟต์แวร์ผ่าน LinkedIn ให้ดาวน์โหลดโปรเจกต์ที่แฝงโค้ดอันตราย มัลแวร์เหล่านี้สามารถขโมยข้อมูล กระเป๋าเงินคริปโต และใช้เครื่องเหยื่อขุดเหรียญ Monero ได้ 🔒 Logitech ยืนยันถูกเจาะระบบ แต่ยังไม่รู้ข้อมูลที่หายไป Logitech รายงานการถูกโจมตีไซเบอร์ผ่านช่องโหว่ zero-day ของซอฟต์แวร์ภายนอก โดยกลุ่ม Cl0p ransomware อ้างว่าขโมยข้อมูลไปกว่า 1.8TB แม้บริษัทจะยืนยันว่าข้อมูลที่สูญหาย “น่าจะมีเพียงบางส่วน” ของพนักงานและลูกค้า แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามีข้อมูลสำคัญรั่วไหลหรือไม่ 👥 LinkedIn เพิ่มฟีเจอร์ค้นหาคนด้วย AI LinkedIn เปิดตัวระบบค้นหาคนด้วย AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้พิมพ์คำอธิบายเชิงธรรมชาติ เช่น “นักลงทุนด้านสุขภาพที่มีประสบการณ์ FDA” โดยไม่ต้องกรองด้วยตำแหน่งงานแบบเดิม ฟีเจอร์นี้เริ่มให้บริการกับผู้ใช้ Premium ในสหรัฐฯ ก่อน และจะขยายไปทั่วโลกในอนาคต ⚖️ ศาลสหราชอาณาจักรตัดสิน Microsoft แพ้คดีห้ามขายต่อไลเซนส์ ศาล Competition Appeal Tribunal ของสหราชอาณาจักรตัดสินว่า Microsoft ไม่สามารถห้ามลูกค้าขายต่อไลเซนส์ซอฟต์แวร์แบบถาวรได้ บริษัท ValueLicensing ซึ่งเป็นคู่กรณีสามารถดำเนินธุรกิจขายต่อไลเซนส์ต่อไป และยังมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายกว่า 270 ล้านปอนด์จาก Microsoft ขณะที่ Microsoft เตรียมอุทธรณ์ต่อ ไปตามเจาะข่าวกันได้ที่ : https://www.techradar.com/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 372 มุมมอง 0 รีวิว
  • พ่อสร้าง Synth ให้ลูกสาว

    บทความ I Built a Synth for My Daughter โดย Alastair Roberts เล่าประสบการณ์การสร้าง เครื่องสังเคราะห์เสียงแบบพกพา (portable step-sequencer synthesizer) สำหรับลูกสาววัย 3 ขวบ โดยเริ่มจากแรงบันดาลใจจากบอร์ดกิจกรรม Montessori ที่เต็มไปด้วยสวิตช์และไฟ LED จนเกิดไอเดียทำเป็นของเล่นดนตรีที่เด็กสามารถเลื่อนสไลด์เพื่อเปลี่ยนเสียงได้

    จาก Arduino สู่ PCB จริง
    Alastair เริ่มต้นด้วย Arduino Inventors Kit และเขียนโค้ดให้ potentiometer ส่งค่า MIDI ไปยัง Logic Pro เพื่อทดสอบเสียง ต่อมาเขาเพิ่มโมดูล synth ราคาถูก SAM2695 พร้อมลำโพงในตัว และจอ OLED ที่แสดงภาพแพนด้าน้อยเต้นตามจังหวะ แม้จะเจอปัญหาเรื่องหน่วยความจำและการอัปเดตหน้าจอที่ทำให้เสียงหน่วง แต่ก็แก้ไขด้วยการอัปเดตเป็นแพตช์เล็ก ๆ

    การออกแบบและพิมพ์ 3D
    เมื่อวงจรเริ่มเสถียร เขาใช้ Fusion 360 ออกแบบกล่องและพิมพ์ด้วยเครื่อง 3D printer ของเพื่อน หลังจากนั้นจึงพัฒนาเป็น PCB แบบสองชั้น ผ่านบริการ JLCPCB เพื่อให้ประกอบง่ายและทนทานขึ้น พร้อมปรับระบบพลังงานจากแบตเตอรี่ AA 4 ก้อนเป็น 3 ก้อนร่วมกับ Adafruit Miniboost เพื่อให้แรงดันไฟฟ้าเสถียร

    ผลลัพธ์และอนาคต
    Synth ที่สร้างขึ้นกลายเป็นของเล่นที่ลูกสาวชอบเล่นเป็นประจำ และยังเป็นโครงการเรียนรู้ที่ทำให้ Alastair เข้าใจทั้ง microcontroller, CAD, PCB design และการผลิตต้นแบบ เขามองว่าอาจต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์จริง แต่ก็ยอมรับว่ามีอุปสรรคด้านต้นทุนการผลิตและการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    แรงบันดาลใจจากบอร์ด Montessori
    นำไปสู่การสร้างของเล่นดนตรีที่เด็กเล่นได้ง่าย

    เริ่มจาก Arduino และ MIDI
    พัฒนาไปสู่ synth module และจอ OLED

    ออกแบบกล่องด้วย Fusion 360 และพิมพ์ 3D
    ต่อมาเปลี่ยนเป็น PCB ที่ทนทานและประกอบง่าย

    ปรับระบบพลังงานให้เสถียรด้วย Miniboost
    ลดน้ำหนักและเพิ่มความทนทานของเครื่อง

    ข้อจำกัดด้านการผลิตเชิงพาณิชย์
    ต้องใช้ทุนสูงและการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย

    ปัญหาทางเทคนิคที่ยังต้องแก้ไข
    เช่น การหน่วงเสียงจากการอัปเดตหน้าจอ OLED

    https://bitsnpieces.dev/posts/a-synth-for-my-daughter/
    🎹 พ่อสร้าง Synth ให้ลูกสาว บทความ I Built a Synth for My Daughter โดย Alastair Roberts เล่าประสบการณ์การสร้าง เครื่องสังเคราะห์เสียงแบบพกพา (portable step-sequencer synthesizer) สำหรับลูกสาววัย 3 ขวบ โดยเริ่มจากแรงบันดาลใจจากบอร์ดกิจกรรม Montessori ที่เต็มไปด้วยสวิตช์และไฟ LED จนเกิดไอเดียทำเป็นของเล่นดนตรีที่เด็กสามารถเลื่อนสไลด์เพื่อเปลี่ยนเสียงได้ 🛠️ จาก Arduino สู่ PCB จริง Alastair เริ่มต้นด้วย Arduino Inventors Kit และเขียนโค้ดให้ potentiometer ส่งค่า MIDI ไปยัง Logic Pro เพื่อทดสอบเสียง ต่อมาเขาเพิ่มโมดูล synth ราคาถูก SAM2695 พร้อมลำโพงในตัว และจอ OLED ที่แสดงภาพแพนด้าน้อยเต้นตามจังหวะ แม้จะเจอปัญหาเรื่องหน่วยความจำและการอัปเดตหน้าจอที่ทำให้เสียงหน่วง แต่ก็แก้ไขด้วยการอัปเดตเป็นแพตช์เล็ก ๆ 🖨️ การออกแบบและพิมพ์ 3D เมื่อวงจรเริ่มเสถียร เขาใช้ Fusion 360 ออกแบบกล่องและพิมพ์ด้วยเครื่อง 3D printer ของเพื่อน หลังจากนั้นจึงพัฒนาเป็น PCB แบบสองชั้น ผ่านบริการ JLCPCB เพื่อให้ประกอบง่ายและทนทานขึ้น พร้อมปรับระบบพลังงานจากแบตเตอรี่ AA 4 ก้อนเป็น 3 ก้อนร่วมกับ Adafruit Miniboost เพื่อให้แรงดันไฟฟ้าเสถียร 🌟 ผลลัพธ์และอนาคต Synth ที่สร้างขึ้นกลายเป็นของเล่นที่ลูกสาวชอบเล่นเป็นประจำ และยังเป็นโครงการเรียนรู้ที่ทำให้ Alastair เข้าใจทั้ง microcontroller, CAD, PCB design และการผลิตต้นแบบ เขามองว่าอาจต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์จริง แต่ก็ยอมรับว่ามีอุปสรรคด้านต้นทุนการผลิตและการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ แรงบันดาลใจจากบอร์ด Montessori ➡️ นำไปสู่การสร้างของเล่นดนตรีที่เด็กเล่นได้ง่าย ✅ เริ่มจาก Arduino และ MIDI ➡️ พัฒนาไปสู่ synth module และจอ OLED ✅ ออกแบบกล่องด้วย Fusion 360 และพิมพ์ 3D ➡️ ต่อมาเปลี่ยนเป็น PCB ที่ทนทานและประกอบง่าย ✅ ปรับระบบพลังงานให้เสถียรด้วย Miniboost ➡️ ลดน้ำหนักและเพิ่มความทนทานของเครื่อง ‼️ ข้อจำกัดด้านการผลิตเชิงพาณิชย์ ⛔ ต้องใช้ทุนสูงและการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย ‼️ ปัญหาทางเทคนิคที่ยังต้องแก้ไข ⛔ เช่น การหน่วงเสียงจากการอัปเดตหน้าจอ OLED https://bitsnpieces.dev/posts/a-synth-for-my-daughter/
    BITSNPIECES.DEV
    I Built a Synth for My Daughter
    How I built a portable synthesizer for my three year old daughter.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวใหม่: Gemini AI เข้ามาแทนที่ Google Assistant ใน Google Home

    Google ได้เปิดตัวการอัปเดตครั้งใหญ่สำหรับ Google Home โดยนำ Gemini AI เข้ามาแทนที่ Google Assistant เพื่อยกระดับการควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮม จุดเด่นคือการสั่งงานด้วยเสียงที่มีความยืดหยุ่นและเข้าใจบริบทมากขึ้น เช่น สามารถสั่งให้ปิดเฉพาะบางดวงไฟในห้อง หรือปรับสีและความสว่างพร้อมกันได้ในคำสั่งเดียว

    อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้จำนวนมากพบว่า Gemini ยังไม่เสถียรพอ บางครั้งไม่ทำงานตามที่สั่ง หรือยืนยันว่าทำงานแล้วทั้งที่จริงไม่ได้ทำอะไรเลย ตัวอย่างเช่น การสั่งให้เปิดไฟแต่ไฟไม่ติด หรือการตอบกลับด้วยข้อมูลผิดพลาดที่ไม่เกี่ยวข้องกับคำสั่ง ทำให้ความสะดวกที่ควรจะได้ถูกลดทอนลงไป

    อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ถูกพูดถึงคือการสร้าง Automations ด้วยคำสั่งภาษาแบบธรรมชาติ ซึ่งในทางทฤษฎีควรทำให้การตั้งค่าระบบง่ายขึ้น แต่ในทางปฏิบัติกลับมีข้อจำกัด เช่น ไม่สามารถปรับสีไฟใน Automation ใหม่ได้เหมือนเวอร์ชันก่อนหน้า ทำให้ผู้ใช้บางรายต้องกลับไปตั้งค่าเองแบบ manual

    นอกจากนี้ Gemini ยังถูกนำไปใช้กับ Nest Doorbell และกล้องวงจรปิด แต่ผู้ใช้กังวลเรื่องความแม่นยำและความปลอดภัย เช่น การแจ้งเตือนผิดพลาดว่ามีคนถือเชือกกระโดด ทั้งที่จริงเป็นเพื่อนบ้านถือขวดน้ำ อีกทั้ง Google ยังเพิ่มค่าใช้จ่ายใหม่ เช่น Google Home Premium Advanced ที่ต้องจ่ายเพิ่มแม้ผู้ใช้จะมีแพ็กเกจ Google AI Pro อยู่แล้ว

    สรุปสาระสำคัญ
    ข้อดีของ Gemini ใน Google Home
    คำสั่งเสียงยืดหยุ่นและเข้าใจบริบทมากขึ้น
    สามารถควบคุมไฟและอุปกรณ์ได้ละเอียดกว่าเดิม

    ฟีเจอร์ Automations
    สร้าง routine ด้วยคำสั่งภาษาแบบธรรมชาติ
    ลดความซับซ้อนในการตั้งค่าอัตโนมัติ

    การใช้งานกับ Nest Doorbell และกล้อง
    สามารถแจ้งเตือนกิจกรรมหน้าบ้าน
    รองรับการถามตอบเกี่ยวกับแพ็กเกจหรือกิจกรรมที่บันทึกไว้

    ข้อควรระวังและข้อเสีย
    Gemini ทำงานผิดพลาดบ่อย เช่น ไฟไม่ติดหรือข้อมูลผิด
    Automations ใหม่ไม่รองรับการปรับสีไฟเหมือนเวอร์ชันก่อน
    การแจ้งเตือนจากกล้องอาจไม่แม่นยำและเสี่ยงต่อความปลอดภัย
    มีค่าใช้จ่ายเพิ่มสำหรับ Google Home Premium Advanced

    https://www.slashgear.com/2025559/can-gemini-ai-make-google-home-less-awful-answer/
    🏠 ข่าวใหม่: Gemini AI เข้ามาแทนที่ Google Assistant ใน Google Home Google ได้เปิดตัวการอัปเดตครั้งใหญ่สำหรับ Google Home โดยนำ Gemini AI เข้ามาแทนที่ Google Assistant เพื่อยกระดับการควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮม จุดเด่นคือการสั่งงานด้วยเสียงที่มีความยืดหยุ่นและเข้าใจบริบทมากขึ้น เช่น สามารถสั่งให้ปิดเฉพาะบางดวงไฟในห้อง หรือปรับสีและความสว่างพร้อมกันได้ในคำสั่งเดียว อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้จำนวนมากพบว่า Gemini ยังไม่เสถียรพอ บางครั้งไม่ทำงานตามที่สั่ง หรือยืนยันว่าทำงานแล้วทั้งที่จริงไม่ได้ทำอะไรเลย ตัวอย่างเช่น การสั่งให้เปิดไฟแต่ไฟไม่ติด หรือการตอบกลับด้วยข้อมูลผิดพลาดที่ไม่เกี่ยวข้องกับคำสั่ง ทำให้ความสะดวกที่ควรจะได้ถูกลดทอนลงไป อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ถูกพูดถึงคือการสร้าง Automations ด้วยคำสั่งภาษาแบบธรรมชาติ ซึ่งในทางทฤษฎีควรทำให้การตั้งค่าระบบง่ายขึ้น แต่ในทางปฏิบัติกลับมีข้อจำกัด เช่น ไม่สามารถปรับสีไฟใน Automation ใหม่ได้เหมือนเวอร์ชันก่อนหน้า ทำให้ผู้ใช้บางรายต้องกลับไปตั้งค่าเองแบบ manual นอกจากนี้ Gemini ยังถูกนำไปใช้กับ Nest Doorbell และกล้องวงจรปิด แต่ผู้ใช้กังวลเรื่องความแม่นยำและความปลอดภัย เช่น การแจ้งเตือนผิดพลาดว่ามีคนถือเชือกกระโดด ทั้งที่จริงเป็นเพื่อนบ้านถือขวดน้ำ อีกทั้ง Google ยังเพิ่มค่าใช้จ่ายใหม่ เช่น Google Home Premium Advanced ที่ต้องจ่ายเพิ่มแม้ผู้ใช้จะมีแพ็กเกจ Google AI Pro อยู่แล้ว 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ข้อดีของ Gemini ใน Google Home ➡️ คำสั่งเสียงยืดหยุ่นและเข้าใจบริบทมากขึ้น ➡️ สามารถควบคุมไฟและอุปกรณ์ได้ละเอียดกว่าเดิม ✅ ฟีเจอร์ Automations ➡️ สร้าง routine ด้วยคำสั่งภาษาแบบธรรมชาติ ➡️ ลดความซับซ้อนในการตั้งค่าอัตโนมัติ ✅ การใช้งานกับ Nest Doorbell และกล้อง ➡️ สามารถแจ้งเตือนกิจกรรมหน้าบ้าน ➡️ รองรับการถามตอบเกี่ยวกับแพ็กเกจหรือกิจกรรมที่บันทึกไว้ ‼️ ข้อควรระวังและข้อเสีย ⛔ Gemini ทำงานผิดพลาดบ่อย เช่น ไฟไม่ติดหรือข้อมูลผิด ⛔ Automations ใหม่ไม่รองรับการปรับสีไฟเหมือนเวอร์ชันก่อน ⛔ การแจ้งเตือนจากกล้องอาจไม่แม่นยำและเสี่ยงต่อความปลอดภัย ⛔ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มสำหรับ Google Home Premium Advanced https://www.slashgear.com/2025559/can-gemini-ai-make-google-home-less-awful-answer/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Can Gemini Make Google Home Less Awful? We Put Google's AI Update To The Test - SlashGear
    Gemini with Google Home is supposed to be like your own personal AI assistant. Our team put it to the test, but it seems like it just adds more headaches.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 1 – 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”
    ตอน 1
    เรื่องหนี้ของกรีซยก 2 นี่ ถ้าเป็นหนังก็ออกรสตื่นเต้น ประเภท เกทับบลั้ฟแหลก คมเฉือนคม อะไรทำนองนั้น เพราะมันจะมีการพลิกเกมกันอยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายก็เอามือล้วงกระเป๋า เหมือนมีของดีแอบอยู่ จะงัดเอาออกมาใช้เมื่อไหร่เท่า นั้น แต่จริงๆแล้ว ของดีมีจริง หรือมีปลอม ยังไม่มีใครรู้แน่ ระหว่างนั้น ก็ทำหน้าขรึม หน้าเครียดเจรจากัน สื่อก็รายงานของจริงแถมใบสั่ง เป็นโอกาสล่อให้แมงเม่าเข้าไปเล่นกองไฟ มีคนฉิบหายตายเพราะหนี้ท่วมประเทศยังไม่พอ ต้องหาแมงเม่าเข้ามาสังเวยด้วย มันถึงจะได้อารมณ์ สร้างกำไร จากความหายนะ ความคิดแบบนี้ มีทุกสัญชาติแหละครับ มากน้อย ตามสันดาน และตัณหา
    พระเอกที่จะเล่นเกมเกทับ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ของกรีซ ที่มาจากพรรค Syriza ซึ่งเป็นพวกที่เอนไปทางสังคมนิยม ก่อต้ังเมื่อปี ค.ศ. 2004 จากการรวมตัวของกลุ่มฝ่ายซ้ายต่างๆ ประมาณ 10 กว่ากลุ่ม Syriza เคยมีชื่อเสียงว่า เป็นพวก anti establishment เป็นพวกไม่เอาทุนนิยมว่างั้นเถอะ แม้ตอนหลังพวกเขาจะไม่เน้นเรื่อ งนี้ แต่เมื่อ Syriza ชนะเลือกตั้ง เมื่อต้นปี 2015 แน่นอน ทำให้อียูเริ่มขมวดคิ้ว เพราะดูเหมือน Syriza จะมาทำให้ชาวกรีซร้องคนเพลงกับอียู ยิ่งหัวหน้าพรรคที่ชื่อ Alexis Tsipras ประกาศชัดเจนว่า “euro is not my fetish” เงินยูโรมันก็ไม่ได้วิเศษอะไรนักหนา คำประกาศเขาให้รสชาดแบบนั้นนะครับ
    ในการเลือกต้ังดังกล่าว Syriza ขาดไปแค่ 2 คะแนน ที่จะเป็นเสียงข้างมาก พวกเขาเลยต้องผสมกับพรรคอื่นตั้ง รัฐบาล แต่ยังไงก็ได้นาย Alexis Tsipras เป็นนายกรัฐมนตรีหนุ่มแน่น อายุแค่ 40 และมีนาย Yanis Varoufakis เป็นรัฐมนตรีคลัง ที่จะมาช่วยหาวิธีถอดโซ่ ที่พวกเจ้าหนี้กรีซ เอามาคล้องคอชาวกรีซออกไป หรือทำให้โซ่คล้องคอมันหลวมหน่อย ไม่ใช่รัดติ้ว ท้องกิ่ว หายใจจะไม่ออก ไม่มีจะกินกันทั้งประเทศอย่างนี้
    นาย Alexis Tsipras เป็นลูกชาวกรีซ ที่อพยพมาจากตุรกี ตามโครงการแลกเปลี่ยนประชาชน ระหว่าง 2 ประเทศ เขาเป็นคนชอบเล่นกีฬา และทำกิจกรรมมาต้ังแต่เป็นเด็กนักเรียน หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนักเคลื่อนไหวไฟแรง แหม เหมือนกับจะเขียนเรื่องเจ้ายะใส หนุ่มหน้ามนของสาวๆแดนสยามเลยนะ แต่ยะใส คงต้องติวใหม่อีกแยะนะ เอาเรื่องนายอเล็กซิส ต่อแล้วกัน เขาเรียนจบด้านวิศวกรรมจากวิทยาลัยเทคนิคของกรีซ ระหว่างเรียน ก็เริ่มเข้ากลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายของกรีซ และได้เป็นหัวหน้านักศึกษาทางกิจกรรมการเมือง ก็คงเหมือน สนนท. ของบ้านเรานะครับ หลังจากนั้น ก็เข้าการเมืองท้องถิ่นเต็มตัว ก่อนลงสนามใหญ่
    เมื่อบรรดาพรรคฝ่ายซ้าย จับมือรวมกันเป็นพรรค Syriza นายอเล็กซิส ก็ไปเข้าร่วม แล้วในที่สุด ในปี คศ 2009 หนุ่มอเล็กซิส อายุ 30 กว่า ก็ได้เป็นหัวหน้าพรรค Syriza เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง จะมีใครอุ้ม ใครดันหรือเปล่า ข่าวไม่บอก แล้วเขาก็พา Syriza เข้าลงเลือกต้ังในสนามใหญ่ ต้ังแต่ปี 2012 แม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ได้เข้าอยู่ในสภา ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายค้าน ไม่เบาเหมือนกันสำหรับ หนุ่มวัย 30 กว่า
    เมื่อ สภากรีซล่มในปี ค.ศ. 2014 และประกาศจะมีการเลือกต้ังใหม่ ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ.2015 อเล็กซิส ระดมพลพรรค ประกาศลงเลือกต้ัง และประกาศ Thessaloniki Programme ในเดือนสิงหาคม ปี 2014 ซึ่งเป็นนโยบายที่เสนอให้มีการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และการเมืองของกรีซเสียใหม่ นอกจากนี้ ยังประกาศใช้นโยบายการหาเสียงว่า พรรค Syriza ต้ังใจจะเข้าไปแก้ไขเงื่อนไขมหาโหด ในสัญญาเงินกู้ ที่บรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศกำหนดไว้ เหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีซและทำให้ชีวิตชาวกรีซสุดแสนจะลำเค็ญ
    ในส่วนนโยบายต่างประเทศ ระหว่างการหาเสียง อเล็กซิส แสดงความไม่พอใจอย่างเผ็ดร้อน กับการตัดสินใจหลายเรื่องของยุโรป ที่คัดท้ายโดยรัฐบาลเยอรมัน ภายใต้การนำของป้าเข็มขัดเหล็ก แน่นอน มันเป็นการฝาก “รอย” ให้ไว้กับป้าเข็มขัดเหล็ก ที่ทำให้การเจรจาต่อมาระหว่างอเล็กซิส ในฐานะนายกรัฐมนตรีกรีซ กับป้าเข็มขัดเหล็ก เกี่ยวกับเรื่องหนี้ของกรีซ ฝืดสิ้นดี
    เหมือนจะให้ผู้คนแน่ใจว่าเขาคิดอย่างไร เมื่อได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี งานแรกที่ Alexis Tsipras ทำ คือ เขานำดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ ไปวางแสดงความเคารพที่อนุสรณ์สถานของชาวกรีซ 200 คน ที่เสียชีวิตจากการฆ่าของเยอรมัน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.1944 ….ช่างเล่นนะไอ้หนุ่ม
    งานเดินสายต่างประเทศ รายการแรกของนายกรัฐมนตรีหนุ่ม คือ ไปพบนายกรัฐมนตรี Matteo Renzi ที่โรม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2015 จับเข่าคุยในฐานะ คนเป็นลูกหนี้ ที่มีโซ่คล้องคอเหมือนกัน คุยกันเสร็จ นาย Renzi ก็มอบเนคไทไหมอิตาเลียน ให้เป็นที่ระลึกแก่ นายอเล็กซิส ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ไม่นิยมการผูกเนคไท เขารับไว้ แล้วบอกว่า เขาจะผูกเนคไทนี้ ในวันที่ชาวกรีซ ตัดโซ่คล้องคอสำเร็จ… อยากได้ยินคำพูดแบบนี้ ในแดนสยามบ้างครับ
    ส่วน นาย Yanis Varoufakis มาคนละทางกับอเล็กซิส
    ยานิส ไม่ได้เป็นนักการเมือง เขาออกไปทางนักวิชาการ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ และเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์มีชื่อเสียง แต่ใช่ว่าเขาไม่สนใจการเมือง พ่อเขาร่วมรบในสงครามกลางเมืองกรีซ โดยอยู่ฝั่งคอมมิวนิสต์ แพ้สงครามก็ถูกจับไปนอนคุกอยู่หลายปี ออกจากคุกมาทำธุรกิจ กลายเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของกรีซ ส่วนแม่ก็เป็นพวกคอการเมือง ครอบครัวนี้ สนับสนุนกลุ่มไอร์แลนด์เหนือให้สู้กับอังกฤษ พวกเขานับ Belfast เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือเป็นบ้านที่ 2
    สำหรับคนรุ่นหลังๆ คงไม่ค่อยรู้จักวีรกรรมของชาวไอริช ที่ต้องการแยกตัวจากอังกฤษ นอกจากรู้จากดูหนัง จริงๆ คนไอริช หรือขบวนการ IRA เป็นขบวนการ ที่ถูกอังกฤษและพวก รวมทั้งสื่อ เรียกว่า เป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่พวกเขาคิดการดี ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1970 เป็นต้นมา ขบวนการ IRA จะเป็นข่าวเกือบรายวัน ในการวางระเบิดใส่อังกฤษ ผู้คนบาดเจ็บล้มตายมาก ตึกรามบ้านช่องพังวินาศ
    ไม่มีการต่อสู้เพื่อเอกราชใด หรือปลดพันธนาการใดจะได้มาง่ายๆ มันต้องลงแรงลงใจลงชีวิตทั้งนั้น ชาวแดนสยาม สบายจนเคยตัว บางพวกทำตัว ยิ่งกว่าตามสบาย เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว หาความสุข สนุกไปวันๆ ไม่สนใจประเทศ และเพื่อนร่วมชาติ จนน่ารังเกียจ น่าเสียดายครับ มีของดี ไม่รู้จักคุณค่า ไม่รู้จักรักษา ชอบอยู่แต่ใน “ครอบ” ไม่อยากใช้คำว่า “คอก” ปล่อยให้มัน ฟอกย้อม ต้มตุ๋นเอาจนชิน วันไหนไม่ถูกย้อม ไม่ถูกต้ม คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เฮ้อ! คุยเรื่อง นายยานิสต่อดีกว่า
    เมื่อพ่อรวย ก็ส่งลูกไปเรียนที่อังกฤษ ยานิส จึงเรียน พูด และด่าเป็นภาษาอังกฤษ ได้ชัด และคมคายเอาเรื่อง สรุปว่า เขาเรียนต้ังแต่ ปริญญาตรี จนจบปริญญาเอกจากอังกฤษแล้วกัน
    เรียนจบแล้ว ก็ไปสอนหนังสือ ที่หลายมหาวิทยาลัย หลายประเทศ แล้วยังเดินทางไปดูโลกกว้างในแง่มุมของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากสร้างให้เกิด ที่ต้องมองกันอย่างลึกซึ้ง กลับมาก็เปิดบล๊อกของตัวเอง ให้ความรู้ ความเห็น สอนคนนอกมหาวิทยาลัยไปเรื่อยๆ ที่สำคัญ เขาบอกว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการที่กรีซ ไปกู้เงินพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดเหล่านั้น ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขที่เจ้า หนี้ต้ัง ไม่เห็นด้วยๆๆๆ สาระพัด ไม่เห็นด้วย และบอกว่า ถ้ากรีซ ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ชาวกรีก ก็คงแห้งตายซาก และเกาะกรีซอันสวยงาม ก็คงล่มจมหายไปในเมดิเตอร์เรเนียน อย่างน่าเสียดาย …
    เพราะเขียนในบล๊อกแบบนี้ จนดังระเบิด เมื่อ พรรค Syriza ได้เป็นรัฐบาล จึงส่งเทียบมาเชิญ ท่านพี่ยานิส ท่านอย่ามัวแต่นั่งเขียนให้คนอ่านเลย แบบนั้นมันง่าย ( เหมือนที่ลุงนิทานทำ แค่นั่งเขียนอยู่ในบ้าน) ท่านจงออกมาใช้ภูมิปัญญา ลงมือแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่าง จริงจังกับเราเถิด นายยานิส ก็ไม่เล่นตัว ไม่เรื่องมาก แค่บอกว่า พูดกันให้รู้เรื่องก่อนนะ ถ้าเอาผมไปนั่งคลัง ผมจะใช้นโยบาย อย่างที่ผมเขียน คือ เราต้องตัดโซ่ของเจ้าหนี้ ที่เอามาคล้องคอชาวกรีซ ออกเสียนะ
    นายกรัฐมนตรีหนุ่มบอก นั่นแหล่ะพี่ เราพูดเรื่องเดียวกัน พี่เอาคีมเบอร์ใหญ่สุดมาเลยนะ มาช่วยพวกผมตัดโซ่ด่วนเลย แล้วยานิสก็ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีคลังในรัฐบาล แต่ไม่สังกัดพรรค อืม…
    เป็นต้ัง พณฯ ท่านรัฐมนตรี เขาก็ส่งทั้งรถยนต์ คนขับ ผู้ติดตาม เครื่องยศ มาให้พร้อม ยานิส ก็ส่งคืนกลับไปหมด รถยนต์ ผมมีแล้วครับ เก่าหน่อย แต่ยังวิ่งได้ดีอยู่ วันไหนอากาศดี ผมก็ไม่ใช้รถ ขี่มอร์ไซด์ไปเร็ว และประหยัดกว่า มิน่า เลยติดใส่เสื้อหนัง ส่วนผู้ติดตาม ก็ไม่จำเป็นครับ ไม่รู้จะเอามาทำอะไร ถ้าประชาชนเขาไม่พอใจผม เอาไข่ปาผมไม่กี่ที ผมก็รู้หน้าที่ว่า ควรลาออกแล้วครับ ประเทศเราจนมากนะครับ ยังมีหนี้อีกแยะ จะใช้อะไร จะทำอะไร ก็ต้องเอาแต่จำเป็น รู้จักประหยัดบ้าง รับรอง ลุงนิทานไม่ได้เขียนเอง แดกใคร คุณน้องยานิส ให้สัมภาษณ์อย่างนี้จริงๆ
    ###############
    “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”

    ตอน 2
    ก่อนจะเดินหน้าไปตัดโซ่ มาทบทวนกันหน่อยว่า หนี้กรีซ นี่มันอะไรนักหนา แล้วเงื่อนไขเจ้าหนี้มันทารุณเหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีกจริงหรือเปล่า หรือพวกหนุ่มๆ เขาเลือดร้อน ฮอร์โมนพุ่งตามวัย เห็นอะไรขัดใจนิด ขัดใจหน่อย ก็คิดชนมันซะเลย
    บรรดาขาใหญ่นักวิเคราะห์การเมือง ไม่ใช่ พวกนักวิเคราะห์การเงิน ที่เอาไว้หลอกพวกแมงเม่า บอกว่า มันไม่ใช่เป็นเรื่องว่า กรีซ ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในสหภาพยุโรป จะผิดนัดชำระหนี้ไหม และจะพากันจูงมือ เดินออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู หรือเปล่า แต่เรื่องหนี้กรีซ อาจกลายเป็นซึนามิ ทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองของยุโรปได้อย่างนึกไม่ถึง และถ้าเข้าทาง …มันอาจจะไปไกลกว่านั้น....
    ปัญหาหนี้ของกรีซ เริ่มมาต้ังแต่ปี ค.ศ.2001 ก็ต้ังแต่ กรีซ เริ่มเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลยูโร แทนเงินสกุลดรักมาร์ของตัวเองนั่นแหละ กรีซเป็นสมาชิกอียูโซนมาต้ังแต่ปี ค.ศ.1981 แต่กรีซมีงบประมาณขาดดุลยสูงเกินเกณท์ของอียู ที่เรียกว่า Maastricht Criteria อยู่ตลอดมา ถึงจะเกินเกณท์ แต่ ปีแรกๆ ก็ไม่มีปัญหา เพราะดูเหมือนหลายประเทศในอียู ก็เกินกันทั้งนั้น และกรีซ ก็ได้ประโยชน์จากการกู้ดอกถูก ในฐานะเป็นสมาชิกอียู และมีเงินลงทุนเข้ามาเพิ่ม
    นี่คือ ความผิดพลาดของกรีซ รายการแรก ที่มองการเข้าไปอยู่ในคอกอียู แต่ด้านบวก ด้านได้ โดยไม่มองด้านลบ หรือไม่คิดว่ามีด้านลบ
    ถึง ปี ค.ศ.2004 กรีซ หลุดปากบอกว่า ตัวเองแต่งตัวเลข เพื่อไม่ให้ผิดหลักเกณฑ์อียู แต่น่าประหลาด อียูทำเหมือนไม่ได้ยิน เกิดหูบอดกระทันหันเสียอย่างนั้น ไม่เตือน ไม่ด่า ไม่ทำโทษกรีซ เพราะอะไรหรือ เพราะ ใครๆก็ทำกัน โดยเฉพาะ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ลูกพี่ใหญ่ของอียู ด่ากรีซ ก็เหมือนด่าตัวเองด้วย แล้วถ้าจะทำโทษ จะทำอะไรล่ะ ยังไม่มีกฏกติกา เรื่องนี้เลย ไล่กรีซออกจากอียูเลยดีไหม อียูน่าจะทำได้ แต่มันจะทำให้ภาพพจน์อียู หมดท่า เหมือนแก้ผ้าประจานตัวเอง แถมตอนนั้น สมาชิกอียูยังน้อยอยู่ อยากได้ไอ้พวกพี่เบิ้ม อย่างอังกฤษ ก็ยังยักท่า หรือ รวยๆ อย่างสวีเดน เดนมาร์ก ตอนนั้น ก็ยังทำหยิ่งไม่เข้ามา นี่ถ้ารู้ว่า กรีซ แต่งตัวเลข ใครจะมา มีแต่จะไป แล้วทุกฝ่ายก็ปิดปากเงียบ หลอกตัวเอง หลอกกันเอง และหลอกคนอื่นต่อไป นี่คือความผิดส่วนของอียู ที่ไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว
    แต่พอถึงปี ค.ศ.2009 ฝีแตก กรีซปิดต่อไปอีกไม่ไหว เพราะเงินทำท่าจะหมดประเทศ จริงๆ ก็หมดแล้ว มีแต่เงินกู้เขามา อ้อมแอ้ม ออกมาว่า มีตัวเลขงบประมาณขาดดุลย ประมาณ 12.9 % ของ จีดีพี ( ผลิตภัณท์มวลรวมภายใน ) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกินกว่าเกณท์ที่ อียู กำหนดไว้ ที่ 3% พูดภาษาเข้าใจง่ายๆ แปลว่า มีจ่ายจ่ายมากกว่ารายรับอยู่แยะมาก จะทำไงดีครับลูกพี่ เป็นคนธรรมดา ก็ต้องบอกว่าอยู่ในสภาพ เป็นหนี้หัวโต นอนเอามือก่ายหน้าผากจนบุบ ก็ยังไม่เห็นทางแก้ปัญหา
    ลูกพี่ยังคิดไม่ออกว่าจะใช้แผน พิฆาตชุดไหน แต่ สามหมาไน บริษัท จัดอันดับ ratings agency Standard & Poor , Fitch และ Moody’s ได้กลิ่น รีบประกาศลดอันดับความน่าเชื่อ ถือของ กรีซลงอย่างรวดเร็ว เหลือเป็นระดับ junk bond หรือระดับขยะ คือ อยู่ในสภาพล้มละลาย พันธบัตรกรีซ มีค่าไม่ต่างกับกระดาษชำระ การประกาศของ 3 หมาไน ได้ผลอย่างดียิ่ง กลางปี 2010 กรีซก็ถูกตัดขาดจากเส้นทางกู้เงินในตลาดทุนของโลก เหลือแต่เส้นทางไปสู่การเป็นประเทศล้มละลายอย่างสมบูรณ์
    กรีซแทบไม่เหลือทางเลือก จะตายช้า หรือตายเร็วเท่านั้น แล้วอัศวิน ชื่อ Troika ก็โผล่มา Troika เป็นชื่อเรียก ของสามเสือหิว IMF, ECB (European Central Bank) และ European Commission เล่นบทลูกพี่ใจดี จับมือกันจัดการให้เงินกู้ ที่อ้างว่า เป็นการช่วยฉุดกรีซขึ้นมาจากเหว รอบแรก จำนวน 340 พันล้านยูโร
    เงินจำนวนนี้ ถือว่ามากมาย และน่าจะผิดหลักเกณท์ของ IMF เสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมอัศวิน หรือ Trioka รีบจัดการให้ สงสารกรีซมากหรือไง อ้อ ไม่ใช่ มันเป็นพวกไอ้เสือหิว มองหาเหยื่อแบบนี้ มานานแล้วต่างหาก พอเข้าใจนะครับ
    เงินกู้ ฉุดจากเหว มาพร้อมกับโซ่เหล็กคล้องคอกรีซ เป็นเงื่อนไขที่อ้างว่า เพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่ายของกรีซ ที่กรีซ ไม่มีโอกาสต่อรอง ต้องก้มหน้ารับอย่างเดียว แต่ที่น่าสนใจ เงินกู้แลกโซ่ ควรจะมาช่วยให้สถานะของกรีซในสายตาของตลาดทุนดีขึ้น ตรงกันข้าม เงินกู้ลอยผ่านหน้ารัฐบาลกรีซ ไปเข้ากระเป๋าธนาคารต่างประเทศ ที่ให้กรีซกู้ไปก่อนหน้านี้
    เงินกู้ฉุดจากเหว กลายเป็นการใช้หนี้ ฉุดธนาคารต่างประเทศ ขึ้นมาจากเหวก่อน ชาวกรีซยังคงอยู่ในเหวต่อไป แต่มีโซ่มาคล้องคอหนักรัดติ้ว นั่งท้องกิ่วอยู่ก้นเหว ตกลงอัศวิน Troika มาช่วยใคร นี่คือ การเสียค่าโง่ครั้งที่เท่าไหร่ของกรีซ
    แล้วธนาคารต่างประเทศไหนล่ะ ที่ได้รับการชำระหนี้ไปก่อน เปิดดูอากู ก็รู้ว่า ธนาคารในอียูเองเป็นเจ้าหนี้กรี ซ ทั้งนั้น และเจ้าหนี้รายใหญ่สุด คือ เยอรมัน รองมา คือ ฝรั่งเศส พอเข้าใจแล้วนะครับว่า ทำไมนายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ถึงเอาดอกกุหลาบแดงไปวางที่อนุสรณ์สถาน
    ก่อนการให้เงินกู้ จำนวนมโหฬาร IMF หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มเสือหิว ที่เป็นผู้นำการกำหนดเงื่อนไข ลายโซ่คล้องคอชาวกรีซ บอกว่าการใช้จ่ายของกรีซ หนักไปที่ค่าจ้าง เป็นจำนวน ถึง 75% ของงบประมาณรายจ่าย แยกเป็นค่าจ้าง พนักงานของรัฐ ทั้งประจำ และชั่วคราว ค่าจ้างแรงงานคนทำงาน ค่าสวัสดิการ ค่าเบี้ยบำนาญ ของคนที่ทำงานมาจนแก่เหลือแต่เหงือก
    ถ้ายังจำกันได้ กรีซจัดงานแข่งกีฬาโอลิมปิค ในปี ค.ศ. 2004 ยิ่งใหญ่ และสวยงาม แน่นอนก่อนจัดงาน ต้องมีการปรับปรุงสาธารณูปโภค ถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา ทั้งประเทศรวมทั้ง การก่อสร้าง สนามกีฬา บ้านพักนักกีฬา และอีกหลายๆอย่าง เพื่อรองรับการแข่งขัน และผู้มาชม ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ปี รายจ่ายของกรีซทั้งด้านแรงงาน และด้านก่อสร้าง ไม่บานทะโล่ ก็คงแปลกอยู่
    นอกจากนี้ยังมีหนี้ส่วนบุคคลของ ชาวกรีก ที่เห็นเป็นโอกาสที่ทำเงิน ด้วยการสร้างที่พัก สำหรับนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร บริการรถเช่า ฯลฯ ซึ่งสร้างขึ้นมาจากเงินกู้เกือบทั้งสิ้น
    และ นี่ ก็เป็นอีกความผิดพลาด อีกรายการของกรีซ กีฬาโอลิมปิคสวยงาม สร้างชื่อเสียงให้กับกรีซ และก็สร้างหนี้ให้กับกรีซด้วย กรีซขาดทุนย่อยยับ ขายของ ไม่ได้ราคาคุ้มทุนที่ลง แถมมีหนี้ติดค้างทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เลยเป็นโอกาสให้ IMF ผู้ชำนาญการ สั่งให้กรีซ ตัดรายการจ้างงาน และสวัสดิการ ขณะที่กรีซ พยายามขายการท่องเที่ยวประเทศของตัวเองต่อ เพื่อเอาทุนคืนจากการขาดทุนโอลิมปิค IMF ปิดประตูการจ้างงาน เปิดให้ครึ่งบานและครึ่งวัน ที่พัก ร้านอาหารเริ่มโทรม เมื่อมีลูกจ้างมาทำงานไม่พอให้บริการ นักท่องเที่ยวที่ไหน อยากจะไปเที่ยว แล้วยกกระเป๋า และ ล้างจานเอง
    ถ้าไม่แน่ใจว่า การจัดงานกีฬาโอลิมปิค ไม่ได้สร้างกำไรเสมอไป ก็ลองไปถามคุณปากจีบ นายกรัฐมนตรี ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ได้ว่า หลังจาก กระเสือกกระสน จัดการแข่งกีฬาโอลิมปิค เมื่อปี 2012 แล้วเป็นไง ตอนนี้ เลยต้องตัดงบสาระพัด รวมทั้งงบด้านกองทัพ เล่นเอาคุณพีปูตินของผม หัวร่อ ฮิ ฮิ
    จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ ในปี 2010 อัตราว่างงานของกรีซ เพิ่มขึ้นเป็น 15% ทุก 7 คนกรีก จะมีคนว่างงาน 1 คน ! เริ่มมีการประท้วงรัฐบาล การเมืองง่อนแง่น และกรีซ ก็ต้อง กู้เงินจาก อัศวิน Troika เพิ่มขึ้นอีก และโซ่คล้องคอชาวกรีซ ก็หนักขึ้นทุกที ชาวกรีซ ก็จมลงในเหวลึกลงไปทุกที
    ปี ค.ศ.2011 สถานการณ์ของกรีซ แย่ลงกว่าเดิม รัฐบาลไหนมาก็แก้ปัญหาไม่ได้ ได้แต่กู้เพิ่มเพื่อเอามาใช้หนี้เก่า หมุนไปเรื่อยๆ รัฐบาลกรีซคิดหาทางทางออกไม่เจอ เขิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคิด
    OECD ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่อ้างว่ามีหน้าที่คอยแนะนำประ เทศ ที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ภายใต้เสื้อคลุม ที่ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คิดขึ้นมาหลังจากคิดสร้าง World Bank, IMF บอกกรีซต้องหารายได้เพิ่มด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม ใช้มาตรการเด็ดขาดกับผู้หนีภาษี และขายรัฐวิสาหกิจที่สร้างกำไรอ อกไปให้กับนักธุรกิจ และขายทรัพย์สินของประเทศ เพื่อเอามาใช้หนี้ ชาวกรีก เริ่มรู้ตัวว่า กำลังถูกแร้งลง ออกมาประท้วง ไม่ยอมให้รัฐบาลขายรัฐวิสาหกิจ กับทรัพย์สินของประเทศ บอกไปเก็บภาษีจากพวกคนรวยๆ และพวกหนี้ภาษีด่วนเลย
    กรีซ น่าจะเห็นแล้วว่า ตัวเองถูกต้ม และเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่า หมาไน และก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ถ้าตัดสินใจผิดอีก คราวนี้ คงถึงแร้งลง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 มิ.ย. 2558
    ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 1 เรื่องหนี้ของกรีซยก 2 นี่ ถ้าเป็นหนังก็ออกรสตื่นเต้น ประเภท เกทับบลั้ฟแหลก คมเฉือนคม อะไรทำนองนั้น เพราะมันจะมีการพลิกเกมกันอยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายก็เอามือล้วงกระเป๋า เหมือนมีของดีแอบอยู่ จะงัดเอาออกมาใช้เมื่อไหร่เท่า นั้น แต่จริงๆแล้ว ของดีมีจริง หรือมีปลอม ยังไม่มีใครรู้แน่ ระหว่างนั้น ก็ทำหน้าขรึม หน้าเครียดเจรจากัน สื่อก็รายงานของจริงแถมใบสั่ง เป็นโอกาสล่อให้แมงเม่าเข้าไปเล่นกองไฟ มีคนฉิบหายตายเพราะหนี้ท่วมประเทศยังไม่พอ ต้องหาแมงเม่าเข้ามาสังเวยด้วย มันถึงจะได้อารมณ์ สร้างกำไร จากความหายนะ ความคิดแบบนี้ มีทุกสัญชาติแหละครับ มากน้อย ตามสันดาน และตัณหา พระเอกที่จะเล่นเกมเกทับ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ของกรีซ ที่มาจากพรรค Syriza ซึ่งเป็นพวกที่เอนไปทางสังคมนิยม ก่อต้ังเมื่อปี ค.ศ. 2004 จากการรวมตัวของกลุ่มฝ่ายซ้ายต่างๆ ประมาณ 10 กว่ากลุ่ม Syriza เคยมีชื่อเสียงว่า เป็นพวก anti establishment เป็นพวกไม่เอาทุนนิยมว่างั้นเถอะ แม้ตอนหลังพวกเขาจะไม่เน้นเรื่อ งนี้ แต่เมื่อ Syriza ชนะเลือกตั้ง เมื่อต้นปี 2015 แน่นอน ทำให้อียูเริ่มขมวดคิ้ว เพราะดูเหมือน Syriza จะมาทำให้ชาวกรีซร้องคนเพลงกับอียู ยิ่งหัวหน้าพรรคที่ชื่อ Alexis Tsipras ประกาศชัดเจนว่า “euro is not my fetish” เงินยูโรมันก็ไม่ได้วิเศษอะไรนักหนา คำประกาศเขาให้รสชาดแบบนั้นนะครับ ในการเลือกต้ังดังกล่าว Syriza ขาดไปแค่ 2 คะแนน ที่จะเป็นเสียงข้างมาก พวกเขาเลยต้องผสมกับพรรคอื่นตั้ง รัฐบาล แต่ยังไงก็ได้นาย Alexis Tsipras เป็นนายกรัฐมนตรีหนุ่มแน่น อายุแค่ 40 และมีนาย Yanis Varoufakis เป็นรัฐมนตรีคลัง ที่จะมาช่วยหาวิธีถอดโซ่ ที่พวกเจ้าหนี้กรีซ เอามาคล้องคอชาวกรีซออกไป หรือทำให้โซ่คล้องคอมันหลวมหน่อย ไม่ใช่รัดติ้ว ท้องกิ่ว หายใจจะไม่ออก ไม่มีจะกินกันทั้งประเทศอย่างนี้ นาย Alexis Tsipras เป็นลูกชาวกรีซ ที่อพยพมาจากตุรกี ตามโครงการแลกเปลี่ยนประชาชน ระหว่าง 2 ประเทศ เขาเป็นคนชอบเล่นกีฬา และทำกิจกรรมมาต้ังแต่เป็นเด็กนักเรียน หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนักเคลื่อนไหวไฟแรง แหม เหมือนกับจะเขียนเรื่องเจ้ายะใส หนุ่มหน้ามนของสาวๆแดนสยามเลยนะ แต่ยะใส คงต้องติวใหม่อีกแยะนะ เอาเรื่องนายอเล็กซิส ต่อแล้วกัน เขาเรียนจบด้านวิศวกรรมจากวิทยาลัยเทคนิคของกรีซ ระหว่างเรียน ก็เริ่มเข้ากลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายของกรีซ และได้เป็นหัวหน้านักศึกษาทางกิจกรรมการเมือง ก็คงเหมือน สนนท. ของบ้านเรานะครับ หลังจากนั้น ก็เข้าการเมืองท้องถิ่นเต็มตัว ก่อนลงสนามใหญ่ เมื่อบรรดาพรรคฝ่ายซ้าย จับมือรวมกันเป็นพรรค Syriza นายอเล็กซิส ก็ไปเข้าร่วม แล้วในที่สุด ในปี คศ 2009 หนุ่มอเล็กซิส อายุ 30 กว่า ก็ได้เป็นหัวหน้าพรรค Syriza เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง จะมีใครอุ้ม ใครดันหรือเปล่า ข่าวไม่บอก แล้วเขาก็พา Syriza เข้าลงเลือกต้ังในสนามใหญ่ ต้ังแต่ปี 2012 แม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ได้เข้าอยู่ในสภา ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายค้าน ไม่เบาเหมือนกันสำหรับ หนุ่มวัย 30 กว่า เมื่อ สภากรีซล่มในปี ค.ศ. 2014 และประกาศจะมีการเลือกต้ังใหม่ ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ.2015 อเล็กซิส ระดมพลพรรค ประกาศลงเลือกต้ัง และประกาศ Thessaloniki Programme ในเดือนสิงหาคม ปี 2014 ซึ่งเป็นนโยบายที่เสนอให้มีการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และการเมืองของกรีซเสียใหม่ นอกจากนี้ ยังประกาศใช้นโยบายการหาเสียงว่า พรรค Syriza ต้ังใจจะเข้าไปแก้ไขเงื่อนไขมหาโหด ในสัญญาเงินกู้ ที่บรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศกำหนดไว้ เหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีซและทำให้ชีวิตชาวกรีซสุดแสนจะลำเค็ญ ในส่วนนโยบายต่างประเทศ ระหว่างการหาเสียง อเล็กซิส แสดงความไม่พอใจอย่างเผ็ดร้อน กับการตัดสินใจหลายเรื่องของยุโรป ที่คัดท้ายโดยรัฐบาลเยอรมัน ภายใต้การนำของป้าเข็มขัดเหล็ก แน่นอน มันเป็นการฝาก “รอย” ให้ไว้กับป้าเข็มขัดเหล็ก ที่ทำให้การเจรจาต่อมาระหว่างอเล็กซิส ในฐานะนายกรัฐมนตรีกรีซ กับป้าเข็มขัดเหล็ก เกี่ยวกับเรื่องหนี้ของกรีซ ฝืดสิ้นดี เหมือนจะให้ผู้คนแน่ใจว่าเขาคิดอย่างไร เมื่อได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี งานแรกที่ Alexis Tsipras ทำ คือ เขานำดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ ไปวางแสดงความเคารพที่อนุสรณ์สถานของชาวกรีซ 200 คน ที่เสียชีวิตจากการฆ่าของเยอรมัน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.1944 ….ช่างเล่นนะไอ้หนุ่ม งานเดินสายต่างประเทศ รายการแรกของนายกรัฐมนตรีหนุ่ม คือ ไปพบนายกรัฐมนตรี Matteo Renzi ที่โรม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2015 จับเข่าคุยในฐานะ คนเป็นลูกหนี้ ที่มีโซ่คล้องคอเหมือนกัน คุยกันเสร็จ นาย Renzi ก็มอบเนคไทไหมอิตาเลียน ให้เป็นที่ระลึกแก่ นายอเล็กซิส ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ไม่นิยมการผูกเนคไท เขารับไว้ แล้วบอกว่า เขาจะผูกเนคไทนี้ ในวันที่ชาวกรีซ ตัดโซ่คล้องคอสำเร็จ… อยากได้ยินคำพูดแบบนี้ ในแดนสยามบ้างครับ ส่วน นาย Yanis Varoufakis มาคนละทางกับอเล็กซิส ยานิส ไม่ได้เป็นนักการเมือง เขาออกไปทางนักวิชาการ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ และเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์มีชื่อเสียง แต่ใช่ว่าเขาไม่สนใจการเมือง พ่อเขาร่วมรบในสงครามกลางเมืองกรีซ โดยอยู่ฝั่งคอมมิวนิสต์ แพ้สงครามก็ถูกจับไปนอนคุกอยู่หลายปี ออกจากคุกมาทำธุรกิจ กลายเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของกรีซ ส่วนแม่ก็เป็นพวกคอการเมือง ครอบครัวนี้ สนับสนุนกลุ่มไอร์แลนด์เหนือให้สู้กับอังกฤษ พวกเขานับ Belfast เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือเป็นบ้านที่ 2 สำหรับคนรุ่นหลังๆ คงไม่ค่อยรู้จักวีรกรรมของชาวไอริช ที่ต้องการแยกตัวจากอังกฤษ นอกจากรู้จากดูหนัง จริงๆ คนไอริช หรือขบวนการ IRA เป็นขบวนการ ที่ถูกอังกฤษและพวก รวมทั้งสื่อ เรียกว่า เป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่พวกเขาคิดการดี ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1970 เป็นต้นมา ขบวนการ IRA จะเป็นข่าวเกือบรายวัน ในการวางระเบิดใส่อังกฤษ ผู้คนบาดเจ็บล้มตายมาก ตึกรามบ้านช่องพังวินาศ ไม่มีการต่อสู้เพื่อเอกราชใด หรือปลดพันธนาการใดจะได้มาง่ายๆ มันต้องลงแรงลงใจลงชีวิตทั้งนั้น ชาวแดนสยาม สบายจนเคยตัว บางพวกทำตัว ยิ่งกว่าตามสบาย เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว หาความสุข สนุกไปวันๆ ไม่สนใจประเทศ และเพื่อนร่วมชาติ จนน่ารังเกียจ น่าเสียดายครับ มีของดี ไม่รู้จักคุณค่า ไม่รู้จักรักษา ชอบอยู่แต่ใน “ครอบ” ไม่อยากใช้คำว่า “คอก” ปล่อยให้มัน ฟอกย้อม ต้มตุ๋นเอาจนชิน วันไหนไม่ถูกย้อม ไม่ถูกต้ม คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เฮ้อ! คุยเรื่อง นายยานิสต่อดีกว่า เมื่อพ่อรวย ก็ส่งลูกไปเรียนที่อังกฤษ ยานิส จึงเรียน พูด และด่าเป็นภาษาอังกฤษ ได้ชัด และคมคายเอาเรื่อง สรุปว่า เขาเรียนต้ังแต่ ปริญญาตรี จนจบปริญญาเอกจากอังกฤษแล้วกัน เรียนจบแล้ว ก็ไปสอนหนังสือ ที่หลายมหาวิทยาลัย หลายประเทศ แล้วยังเดินทางไปดูโลกกว้างในแง่มุมของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากสร้างให้เกิด ที่ต้องมองกันอย่างลึกซึ้ง กลับมาก็เปิดบล๊อกของตัวเอง ให้ความรู้ ความเห็น สอนคนนอกมหาวิทยาลัยไปเรื่อยๆ ที่สำคัญ เขาบอกว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการที่กรีซ ไปกู้เงินพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดเหล่านั้น ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขที่เจ้า หนี้ต้ัง ไม่เห็นด้วยๆๆๆ สาระพัด ไม่เห็นด้วย และบอกว่า ถ้ากรีซ ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ชาวกรีก ก็คงแห้งตายซาก และเกาะกรีซอันสวยงาม ก็คงล่มจมหายไปในเมดิเตอร์เรเนียน อย่างน่าเสียดาย … เพราะเขียนในบล๊อกแบบนี้ จนดังระเบิด เมื่อ พรรค Syriza ได้เป็นรัฐบาล จึงส่งเทียบมาเชิญ ท่านพี่ยานิส ท่านอย่ามัวแต่นั่งเขียนให้คนอ่านเลย แบบนั้นมันง่าย ( เหมือนที่ลุงนิทานทำ แค่นั่งเขียนอยู่ในบ้าน) ท่านจงออกมาใช้ภูมิปัญญา ลงมือแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่าง จริงจังกับเราเถิด นายยานิส ก็ไม่เล่นตัว ไม่เรื่องมาก แค่บอกว่า พูดกันให้รู้เรื่องก่อนนะ ถ้าเอาผมไปนั่งคลัง ผมจะใช้นโยบาย อย่างที่ผมเขียน คือ เราต้องตัดโซ่ของเจ้าหนี้ ที่เอามาคล้องคอชาวกรีซ ออกเสียนะ นายกรัฐมนตรีหนุ่มบอก นั่นแหล่ะพี่ เราพูดเรื่องเดียวกัน พี่เอาคีมเบอร์ใหญ่สุดมาเลยนะ มาช่วยพวกผมตัดโซ่ด่วนเลย แล้วยานิสก็ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีคลังในรัฐบาล แต่ไม่สังกัดพรรค อืม… เป็นต้ัง พณฯ ท่านรัฐมนตรี เขาก็ส่งทั้งรถยนต์ คนขับ ผู้ติดตาม เครื่องยศ มาให้พร้อม ยานิส ก็ส่งคืนกลับไปหมด รถยนต์ ผมมีแล้วครับ เก่าหน่อย แต่ยังวิ่งได้ดีอยู่ วันไหนอากาศดี ผมก็ไม่ใช้รถ ขี่มอร์ไซด์ไปเร็ว และประหยัดกว่า มิน่า เลยติดใส่เสื้อหนัง ส่วนผู้ติดตาม ก็ไม่จำเป็นครับ ไม่รู้จะเอามาทำอะไร ถ้าประชาชนเขาไม่พอใจผม เอาไข่ปาผมไม่กี่ที ผมก็รู้หน้าที่ว่า ควรลาออกแล้วครับ ประเทศเราจนมากนะครับ ยังมีหนี้อีกแยะ จะใช้อะไร จะทำอะไร ก็ต้องเอาแต่จำเป็น รู้จักประหยัดบ้าง รับรอง ลุงนิทานไม่ได้เขียนเอง แดกใคร คุณน้องยานิส ให้สัมภาษณ์อย่างนี้จริงๆ ############### “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 2 ก่อนจะเดินหน้าไปตัดโซ่ มาทบทวนกันหน่อยว่า หนี้กรีซ นี่มันอะไรนักหนา แล้วเงื่อนไขเจ้าหนี้มันทารุณเหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีกจริงหรือเปล่า หรือพวกหนุ่มๆ เขาเลือดร้อน ฮอร์โมนพุ่งตามวัย เห็นอะไรขัดใจนิด ขัดใจหน่อย ก็คิดชนมันซะเลย บรรดาขาใหญ่นักวิเคราะห์การเมือง ไม่ใช่ พวกนักวิเคราะห์การเงิน ที่เอาไว้หลอกพวกแมงเม่า บอกว่า มันไม่ใช่เป็นเรื่องว่า กรีซ ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในสหภาพยุโรป จะผิดนัดชำระหนี้ไหม และจะพากันจูงมือ เดินออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู หรือเปล่า แต่เรื่องหนี้กรีซ อาจกลายเป็นซึนามิ ทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองของยุโรปได้อย่างนึกไม่ถึง และถ้าเข้าทาง …มันอาจจะไปไกลกว่านั้น.... ปัญหาหนี้ของกรีซ เริ่มมาต้ังแต่ปี ค.ศ.2001 ก็ต้ังแต่ กรีซ เริ่มเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลยูโร แทนเงินสกุลดรักมาร์ของตัวเองนั่นแหละ กรีซเป็นสมาชิกอียูโซนมาต้ังแต่ปี ค.ศ.1981 แต่กรีซมีงบประมาณขาดดุลยสูงเกินเกณท์ของอียู ที่เรียกว่า Maastricht Criteria อยู่ตลอดมา ถึงจะเกินเกณท์ แต่ ปีแรกๆ ก็ไม่มีปัญหา เพราะดูเหมือนหลายประเทศในอียู ก็เกินกันทั้งนั้น และกรีซ ก็ได้ประโยชน์จากการกู้ดอกถูก ในฐานะเป็นสมาชิกอียู และมีเงินลงทุนเข้ามาเพิ่ม นี่คือ ความผิดพลาดของกรีซ รายการแรก ที่มองการเข้าไปอยู่ในคอกอียู แต่ด้านบวก ด้านได้ โดยไม่มองด้านลบ หรือไม่คิดว่ามีด้านลบ ถึง ปี ค.ศ.2004 กรีซ หลุดปากบอกว่า ตัวเองแต่งตัวเลข เพื่อไม่ให้ผิดหลักเกณฑ์อียู แต่น่าประหลาด อียูทำเหมือนไม่ได้ยิน เกิดหูบอดกระทันหันเสียอย่างนั้น ไม่เตือน ไม่ด่า ไม่ทำโทษกรีซ เพราะอะไรหรือ เพราะ ใครๆก็ทำกัน โดยเฉพาะ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ลูกพี่ใหญ่ของอียู ด่ากรีซ ก็เหมือนด่าตัวเองด้วย แล้วถ้าจะทำโทษ จะทำอะไรล่ะ ยังไม่มีกฏกติกา เรื่องนี้เลย ไล่กรีซออกจากอียูเลยดีไหม อียูน่าจะทำได้ แต่มันจะทำให้ภาพพจน์อียู หมดท่า เหมือนแก้ผ้าประจานตัวเอง แถมตอนนั้น สมาชิกอียูยังน้อยอยู่ อยากได้ไอ้พวกพี่เบิ้ม อย่างอังกฤษ ก็ยังยักท่า หรือ รวยๆ อย่างสวีเดน เดนมาร์ก ตอนนั้น ก็ยังทำหยิ่งไม่เข้ามา นี่ถ้ารู้ว่า กรีซ แต่งตัวเลข ใครจะมา มีแต่จะไป แล้วทุกฝ่ายก็ปิดปากเงียบ หลอกตัวเอง หลอกกันเอง และหลอกคนอื่นต่อไป นี่คือความผิดส่วนของอียู ที่ไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว แต่พอถึงปี ค.ศ.2009 ฝีแตก กรีซปิดต่อไปอีกไม่ไหว เพราะเงินทำท่าจะหมดประเทศ จริงๆ ก็หมดแล้ว มีแต่เงินกู้เขามา อ้อมแอ้ม ออกมาว่า มีตัวเลขงบประมาณขาดดุลย ประมาณ 12.9 % ของ จีดีพี ( ผลิตภัณท์มวลรวมภายใน ) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกินกว่าเกณท์ที่ อียู กำหนดไว้ ที่ 3% พูดภาษาเข้าใจง่ายๆ แปลว่า มีจ่ายจ่ายมากกว่ารายรับอยู่แยะมาก จะทำไงดีครับลูกพี่ เป็นคนธรรมดา ก็ต้องบอกว่าอยู่ในสภาพ เป็นหนี้หัวโต นอนเอามือก่ายหน้าผากจนบุบ ก็ยังไม่เห็นทางแก้ปัญหา ลูกพี่ยังคิดไม่ออกว่าจะใช้แผน พิฆาตชุดไหน แต่ สามหมาไน บริษัท จัดอันดับ ratings agency Standard & Poor , Fitch และ Moody’s ได้กลิ่น รีบประกาศลดอันดับความน่าเชื่อ ถือของ กรีซลงอย่างรวดเร็ว เหลือเป็นระดับ junk bond หรือระดับขยะ คือ อยู่ในสภาพล้มละลาย พันธบัตรกรีซ มีค่าไม่ต่างกับกระดาษชำระ การประกาศของ 3 หมาไน ได้ผลอย่างดียิ่ง กลางปี 2010 กรีซก็ถูกตัดขาดจากเส้นทางกู้เงินในตลาดทุนของโลก เหลือแต่เส้นทางไปสู่การเป็นประเทศล้มละลายอย่างสมบูรณ์ กรีซแทบไม่เหลือทางเลือก จะตายช้า หรือตายเร็วเท่านั้น แล้วอัศวิน ชื่อ Troika ก็โผล่มา Troika เป็นชื่อเรียก ของสามเสือหิว IMF, ECB (European Central Bank) และ European Commission เล่นบทลูกพี่ใจดี จับมือกันจัดการให้เงินกู้ ที่อ้างว่า เป็นการช่วยฉุดกรีซขึ้นมาจากเหว รอบแรก จำนวน 340 พันล้านยูโร เงินจำนวนนี้ ถือว่ามากมาย และน่าจะผิดหลักเกณท์ของ IMF เสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมอัศวิน หรือ Trioka รีบจัดการให้ สงสารกรีซมากหรือไง อ้อ ไม่ใช่ มันเป็นพวกไอ้เสือหิว มองหาเหยื่อแบบนี้ มานานแล้วต่างหาก พอเข้าใจนะครับ เงินกู้ ฉุดจากเหว มาพร้อมกับโซ่เหล็กคล้องคอกรีซ เป็นเงื่อนไขที่อ้างว่า เพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่ายของกรีซ ที่กรีซ ไม่มีโอกาสต่อรอง ต้องก้มหน้ารับอย่างเดียว แต่ที่น่าสนใจ เงินกู้แลกโซ่ ควรจะมาช่วยให้สถานะของกรีซในสายตาของตลาดทุนดีขึ้น ตรงกันข้าม เงินกู้ลอยผ่านหน้ารัฐบาลกรีซ ไปเข้ากระเป๋าธนาคารต่างประเทศ ที่ให้กรีซกู้ไปก่อนหน้านี้ เงินกู้ฉุดจากเหว กลายเป็นการใช้หนี้ ฉุดธนาคารต่างประเทศ ขึ้นมาจากเหวก่อน ชาวกรีซยังคงอยู่ในเหวต่อไป แต่มีโซ่มาคล้องคอหนักรัดติ้ว นั่งท้องกิ่วอยู่ก้นเหว ตกลงอัศวิน Troika มาช่วยใคร นี่คือ การเสียค่าโง่ครั้งที่เท่าไหร่ของกรีซ แล้วธนาคารต่างประเทศไหนล่ะ ที่ได้รับการชำระหนี้ไปก่อน เปิดดูอากู ก็รู้ว่า ธนาคารในอียูเองเป็นเจ้าหนี้กรี ซ ทั้งนั้น และเจ้าหนี้รายใหญ่สุด คือ เยอรมัน รองมา คือ ฝรั่งเศส พอเข้าใจแล้วนะครับว่า ทำไมนายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ถึงเอาดอกกุหลาบแดงไปวางที่อนุสรณ์สถาน ก่อนการให้เงินกู้ จำนวนมโหฬาร IMF หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มเสือหิว ที่เป็นผู้นำการกำหนดเงื่อนไข ลายโซ่คล้องคอชาวกรีซ บอกว่าการใช้จ่ายของกรีซ หนักไปที่ค่าจ้าง เป็นจำนวน ถึง 75% ของงบประมาณรายจ่าย แยกเป็นค่าจ้าง พนักงานของรัฐ ทั้งประจำ และชั่วคราว ค่าจ้างแรงงานคนทำงาน ค่าสวัสดิการ ค่าเบี้ยบำนาญ ของคนที่ทำงานมาจนแก่เหลือแต่เหงือก ถ้ายังจำกันได้ กรีซจัดงานแข่งกีฬาโอลิมปิค ในปี ค.ศ. 2004 ยิ่งใหญ่ และสวยงาม แน่นอนก่อนจัดงาน ต้องมีการปรับปรุงสาธารณูปโภค ถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา ทั้งประเทศรวมทั้ง การก่อสร้าง สนามกีฬา บ้านพักนักกีฬา และอีกหลายๆอย่าง เพื่อรองรับการแข่งขัน และผู้มาชม ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ปี รายจ่ายของกรีซทั้งด้านแรงงาน และด้านก่อสร้าง ไม่บานทะโล่ ก็คงแปลกอยู่ นอกจากนี้ยังมีหนี้ส่วนบุคคลของ ชาวกรีก ที่เห็นเป็นโอกาสที่ทำเงิน ด้วยการสร้างที่พัก สำหรับนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร บริการรถเช่า ฯลฯ ซึ่งสร้างขึ้นมาจากเงินกู้เกือบทั้งสิ้น และ นี่ ก็เป็นอีกความผิดพลาด อีกรายการของกรีซ กีฬาโอลิมปิคสวยงาม สร้างชื่อเสียงให้กับกรีซ และก็สร้างหนี้ให้กับกรีซด้วย กรีซขาดทุนย่อยยับ ขายของ ไม่ได้ราคาคุ้มทุนที่ลง แถมมีหนี้ติดค้างทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เลยเป็นโอกาสให้ IMF ผู้ชำนาญการ สั่งให้กรีซ ตัดรายการจ้างงาน และสวัสดิการ ขณะที่กรีซ พยายามขายการท่องเที่ยวประเทศของตัวเองต่อ เพื่อเอาทุนคืนจากการขาดทุนโอลิมปิค IMF ปิดประตูการจ้างงาน เปิดให้ครึ่งบานและครึ่งวัน ที่พัก ร้านอาหารเริ่มโทรม เมื่อมีลูกจ้างมาทำงานไม่พอให้บริการ นักท่องเที่ยวที่ไหน อยากจะไปเที่ยว แล้วยกกระเป๋า และ ล้างจานเอง ถ้าไม่แน่ใจว่า การจัดงานกีฬาโอลิมปิค ไม่ได้สร้างกำไรเสมอไป ก็ลองไปถามคุณปากจีบ นายกรัฐมนตรี ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ได้ว่า หลังจาก กระเสือกกระสน จัดการแข่งกีฬาโอลิมปิค เมื่อปี 2012 แล้วเป็นไง ตอนนี้ เลยต้องตัดงบสาระพัด รวมทั้งงบด้านกองทัพ เล่นเอาคุณพีปูตินของผม หัวร่อ ฮิ ฮิ จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ ในปี 2010 อัตราว่างงานของกรีซ เพิ่มขึ้นเป็น 15% ทุก 7 คนกรีก จะมีคนว่างงาน 1 คน ! เริ่มมีการประท้วงรัฐบาล การเมืองง่อนแง่น และกรีซ ก็ต้อง กู้เงินจาก อัศวิน Troika เพิ่มขึ้นอีก และโซ่คล้องคอชาวกรีซ ก็หนักขึ้นทุกที ชาวกรีซ ก็จมลงในเหวลึกลงไปทุกที ปี ค.ศ.2011 สถานการณ์ของกรีซ แย่ลงกว่าเดิม รัฐบาลไหนมาก็แก้ปัญหาไม่ได้ ได้แต่กู้เพิ่มเพื่อเอามาใช้หนี้เก่า หมุนไปเรื่อยๆ รัฐบาลกรีซคิดหาทางทางออกไม่เจอ เขิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคิด OECD ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่อ้างว่ามีหน้าที่คอยแนะนำประ เทศ ที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ภายใต้เสื้อคลุม ที่ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คิดขึ้นมาหลังจากคิดสร้าง World Bank, IMF บอกกรีซต้องหารายได้เพิ่มด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม ใช้มาตรการเด็ดขาดกับผู้หนีภาษี และขายรัฐวิสาหกิจที่สร้างกำไรอ อกไปให้กับนักธุรกิจ และขายทรัพย์สินของประเทศ เพื่อเอามาใช้หนี้ ชาวกรีก เริ่มรู้ตัวว่า กำลังถูกแร้งลง ออกมาประท้วง ไม่ยอมให้รัฐบาลขายรัฐวิสาหกิจ กับทรัพย์สินของประเทศ บอกไปเก็บภาษีจากพวกคนรวยๆ และพวกหนี้ภาษีด่วนเลย กรีซ น่าจะเห็นแล้วว่า ตัวเองถูกต้ม และเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่า หมาไน และก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ถ้าตัดสินใจผิดอีก คราวนี้ คงถึงแร้งลง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 มิ.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 599 มุมมอง 0 รีวิว
  • “รมว.นฤมล“จัดวันเด็ก2569 ชูคอนเซ็ปต์ “เรียนดี มีคุณธรรม” , ศธ.เตรียมจัดงานวันเด็กปี 2569 เปิด 4 โซนกิจกรรมสร้างการเรียนรู้ พร้อมนิทรรศการและพื้นที่โชว์ศักยภาพเยาวชนไทยแบบจัดเต็ม
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109768
    .
    #วันเด็ก2569 #เรียนดีมีคุณธรรม #กระทรวงศึกษาธิการ #นฤมลภิญโญสินวัฒน์ #กิจกรรมวันเด็ก #เยาวชนไทย #News1 #News1live #newsupdate #truthfromthailand
    “รมว.นฤมล“จัดวันเด็ก2569 ชูคอนเซ็ปต์ “เรียนดี มีคุณธรรม” , ศธ.เตรียมจัดงานวันเด็กปี 2569 เปิด 4 โซนกิจกรรมสร้างการเรียนรู้ พร้อมนิทรรศการและพื้นที่โชว์ศักยภาพเยาวชนไทยแบบจัดเต็ม . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109768 . #วันเด็ก2569 #เรียนดีมีคุณธรรม #กระทรวงศึกษาธิการ #นฤมลภิญโญสินวัฒน์ #กิจกรรมวันเด็ก #เยาวชนไทย #News1 #News1live #newsupdate #truthfromthailand
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 รีวิว
  • “นฤมล” นำทัพเตรียมจัดวันเด็กแห่งชาติ 2569 , เดินหน้าคอนเซ็ปต์ “เรียนดี มีคุณธรรม” พร้อมจัด 4 โซนกิจกรรม–นิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระพันปีหลวง

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109734

    #วันเด็ก2569 #กระทรวงศึกษาธิการ #นฤมลภิญโญสินวัฒน์ #เด็กและเยาวชน #News1live #News1
    “นฤมล” นำทัพเตรียมจัดวันเด็กแห่งชาติ 2569 , เดินหน้าคอนเซ็ปต์ “เรียนดี มีคุณธรรม” พร้อมจัด 4 โซนกิจกรรม–นิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระพันปีหลวง • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109734 • #วันเด็ก2569 #กระทรวงศึกษาธิการ #นฤมลภิญโญสินวัฒน์ #เด็กและเยาวชน #News1live #News1
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ศาลสหรัฐฯ ตัดสินโทษ 5 คน ช่วยแรงงานไอทีเกาหลีเหนือปลอมตัวเป็นชาวอเมริกัน”

    กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้ง 5 คนมีบทบาทสำคัญในการจัดหาตัวตนปลอมให้แรงงานไอทีชาวเกาหลีเหนือ โดยใช้ ข้อมูลบัตรประชาชนจริงหรือขโมยมา เพื่อให้แรงงานเหล่านี้สามารถสมัครงานในบริษัทสหรัฐฯ ได้ พวกเขายังช่วย โฮสต์แล็ปท็อปที่บริษัทออกให้ ในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วสหรัฐฯ และใช้ Remote Desktop Software เพื่อสร้างภาพลวงตาว่าพนักงานทำงานอยู่ในประเทศ

    การกระทำเหล่านี้ทำให้เกาหลีเหนือได้รับรายได้กว่า 3 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถูกนำไปใช้สนับสนุนโครงการอาวุธและกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอื่น ๆ โดย FBI ย้ำว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลเปียงยางในการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรและหาเงินทุนจากแรงงานไอที

    วิธีการที่ใช้ในการหลอกลวง
    ใช้ ตัวตนปลอม ของพลเมืองสหรัฐฯ เพื่อสมัครงาน
    โฮสต์ อุปกรณ์ที่บริษัทออกให้ ในสถานที่ต่าง ๆ เพื่อหลอกว่าแรงงานอยู่ในประเทศ
    ใช้ Remote Desktop เพื่อทำงานจากต่างประเทศโดยไม่ถูกตรวจจับ
    ผู้ต้องหาบางรายได้รับค่าตอบแทนตั้งแต่ 3,000 ถึง 90,000 ดอลลาร์ สำหรับการช่วยเหลือ

    สรุปสาระสำคัญ
    การตัดสินโทษ
    มีผู้ต้องหา 5 คน (4 สหรัฐฯ, 1 ยูเครน) ถูกตัดสินโทษ
    ช่วยแรงงานไอทีเกาหลีเหนือปลอมตัวเป็นชาวอเมริกัน
    บริษัทสหรัฐฯ กว่า 240 แห่งตกเป็นเหยื่อ

    ผลกระทบ
    เกาหลีเหนือได้รับรายได้กว่า 3 ล้านดอลลาร์
    รายได้ถูกนำไปสนับสนุนโครงการอาวุธและกิจกรรมผิดกฎหมาย

    คำเตือน
    บริษัทสหรัฐฯ ต้องระวังการจ้างงานระยะไกลที่ใช้ตัวตนปลอม
    การตรวจสอบเอกสารและ IP Address เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ
    ผู้ที่ช่วยเหลือแรงงานเกาหลีเหนืออาจถูกดำเนินคดีร้ายแรง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/five-convicted-for-helping-north-korean-it-workers-pose-as-americans-and-secure-jobs-at-u-s-firms-over-240-companies-were-victimized-by-the-scam
    🕵️ “ศาลสหรัฐฯ ตัดสินโทษ 5 คน ช่วยแรงงานไอทีเกาหลีเหนือปลอมตัวเป็นชาวอเมริกัน” กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้ง 5 คนมีบทบาทสำคัญในการจัดหาตัวตนปลอมให้แรงงานไอทีชาวเกาหลีเหนือ โดยใช้ ข้อมูลบัตรประชาชนจริงหรือขโมยมา เพื่อให้แรงงานเหล่านี้สามารถสมัครงานในบริษัทสหรัฐฯ ได้ พวกเขายังช่วย โฮสต์แล็ปท็อปที่บริษัทออกให้ ในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วสหรัฐฯ และใช้ Remote Desktop Software เพื่อสร้างภาพลวงตาว่าพนักงานทำงานอยู่ในประเทศ การกระทำเหล่านี้ทำให้เกาหลีเหนือได้รับรายได้กว่า 3 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถูกนำไปใช้สนับสนุนโครงการอาวุธและกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอื่น ๆ โดย FBI ย้ำว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลเปียงยางในการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรและหาเงินทุนจากแรงงานไอที 💻 วิธีการที่ใช้ในการหลอกลวง 🔰 ใช้ ตัวตนปลอม ของพลเมืองสหรัฐฯ เพื่อสมัครงาน 🔰 โฮสต์ อุปกรณ์ที่บริษัทออกให้ ในสถานที่ต่าง ๆ เพื่อหลอกว่าแรงงานอยู่ในประเทศ 🔰 ใช้ Remote Desktop เพื่อทำงานจากต่างประเทศโดยไม่ถูกตรวจจับ 🔰 ผู้ต้องหาบางรายได้รับค่าตอบแทนตั้งแต่ 3,000 ถึง 90,000 ดอลลาร์ สำหรับการช่วยเหลือ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การตัดสินโทษ ➡️ มีผู้ต้องหา 5 คน (4 สหรัฐฯ, 1 ยูเครน) ถูกตัดสินโทษ ➡️ ช่วยแรงงานไอทีเกาหลีเหนือปลอมตัวเป็นชาวอเมริกัน ➡️ บริษัทสหรัฐฯ กว่า 240 แห่งตกเป็นเหยื่อ ✅ ผลกระทบ ➡️ เกาหลีเหนือได้รับรายได้กว่า 3 ล้านดอลลาร์ ➡️ รายได้ถูกนำไปสนับสนุนโครงการอาวุธและกิจกรรมผิดกฎหมาย ‼️ คำเตือน ⛔ บริษัทสหรัฐฯ ต้องระวังการจ้างงานระยะไกลที่ใช้ตัวตนปลอม ⛔ การตรวจสอบเอกสารและ IP Address เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ⛔ ผู้ที่ช่วยเหลือแรงงานเกาหลีเหนืออาจถูกดำเนินคดีร้ายแรง https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/five-convicted-for-helping-north-korean-it-workers-pose-as-americans-and-secure-jobs-at-u-s-firms-over-240-companies-were-victimized-by-the-scam
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 284 มุมมอง 0 รีวิว
  • EFF เตือนว่ากฎหมายใหม่ในรัฐวิสคอนซินและมิชิแกนที่พยายาม “แบน VPN” เพื่อป้องกันเด็กจากเนื้อหาลามก เป็นแนวคิดที่ผิดพลาด

    กฎหมาย A.B. 105/S.B. 130 ในรัฐวิสคอนซินกำหนดให้เว็บไซต์ที่มีเนื้อหา “อาจเป็นอันตรายต่อผู้เยาว์” ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้และบล็อกการเข้าถึงจากผู้ใช้ที่เชื่อมต่อผ่าน VPN. ปัญหาคือการบล็อก VPN แบบเจาะจงพื้นที่เป็นไปไม่ได้ในทางเทคนิค เพราะเว็บไซต์ไม่สามารถรู้ได้ว่า VPN มาจาก Milwaukee หรือ Mumbai. ผลลัพธ์คือเว็บไซต์อาจต้องบล็อกผู้ใช้ VPN ทั้งหมดทั่วโลกเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางกฎหมาย.

    ใครคือผู้ได้รับผลกระทบ
    VPN ไม่ได้ใช้เฉพาะคนที่ต้องการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอายุ แต่เป็นเครื่องมือสำคัญของหลายกลุ่ม:
    ธุรกิจ ใช้ VPN เพื่อปกป้องข้อมูลลูกค้าและพนักงาน.
    นักศึกษา ต้องใช้ VPN เพื่อเข้าถึงฐานข้อมูลและทรัพยากรการเรียน เช่น WiscVPN ของมหาวิทยาลัย Wisconsin-Madison.
    ผู้เปราะบาง เช่น ผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว, นักข่าว, นักกิจกรรม และชุมชน LGBTQ+ ใช้ VPN เพื่อความปลอดภัยและการเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็น.
    ผู้ใช้ทั่วไป ใช้ VPN เพื่อหลีกเลี่ยงการติดตามและการขายข้อมูลส่วนบุคคลโดยบริษัทโฆษณา.

    ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว
    หาก VPN ถูกบล็อก ผู้ใช้จะถูกบังคับให้ยืนยันอายุด้วยการส่งข้อมูลบัตรประชาชน, ข้อมูลชีวมิติ หรือบัตรเครดิตโดยตรงไปยังเว็บไซต์ ซึ่งเสี่ยงต่อการรั่วไหลและการโจมตีทางไซเบอร์. ประวัติที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าการเก็บข้อมูลเช่นนี้มักถูกแฮ็กและรั่วไหล ทำให้ผู้ใช้สูญเสียความเป็นส่วนตัวอย่างร้ายแรง.

    กฎหมายที่ไม่สามารถทำงานได้จริง
    แม้กฎหมายผ่านไป ผู้ใช้ก็สามารถหาทางเลี่ยงได้ง่าย เช่น ใช้ open proxies, VPS ราคาถูก หรือสร้าง VPN เอง. อินเทอร์เน็ตมักหาทาง “หลบเลี่ยงการเซ็นเซอร์” อยู่เสมอ. ผลลัพธ์คือกฎหมายนี้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย แต่กลับทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสูญเสียความปลอดภัยและเสรีภาพดิจิทัล.

    สรุปสาระสำคัญ
    กฎหมายในวิสคอนซินและมิชิแกนพยายามแบน VPN
    อ้างว่าเพื่อปกป้องเด็กจากเนื้อหาลามก
    บังคับให้เว็บไซต์ตรวจสอบอายุและบล็อก VPN

    VPN มีความสำคัญต่อหลายกลุ่ม
    ธุรกิจและนักศึกษาใช้เพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญ
    ผู้เปราะบางและผู้ใช้ทั่วไปใช้เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

    ความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล
    การบล็อก VPN บังคับให้ส่งข้อมูลบัตรประชาชนหรือบัตรเครดิต
    เสี่ยงต่อการรั่วไหลและการโจมตีทางไซเบอร์

    กฎหมายไม่สามารถทำงานได้จริง
    ผู้ใช้สามารถสร้าง VPN เองหรือใช้ open proxies
    อินเทอร์เน็ตหาทางเลี่ยงการเซ็นเซอร์เสมอ

    ผลกระทบต่อเสรีภาพดิจิทัล
    กฎหมายทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสูญเสียความปลอดภัย
    เป็นการเปิดทางให้รัฐบาลควบคุมอินเทอร์เน็ตมากขึ้น

    https://www.eff.org/deeplinks/2025/11/lawmakers-want-ban-vpns-and-they-have-no-idea-what-theyre-doing
    ⚖️ EFF เตือนว่ากฎหมายใหม่ในรัฐวิสคอนซินและมิชิแกนที่พยายาม “แบน VPN” เพื่อป้องกันเด็กจากเนื้อหาลามก เป็นแนวคิดที่ผิดพลาด กฎหมาย A.B. 105/S.B. 130 ในรัฐวิสคอนซินกำหนดให้เว็บไซต์ที่มีเนื้อหา “อาจเป็นอันตรายต่อผู้เยาว์” ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้และบล็อกการเข้าถึงจากผู้ใช้ที่เชื่อมต่อผ่าน VPN. ปัญหาคือการบล็อก VPN แบบเจาะจงพื้นที่เป็นไปไม่ได้ในทางเทคนิค เพราะเว็บไซต์ไม่สามารถรู้ได้ว่า VPN มาจาก Milwaukee หรือ Mumbai. ผลลัพธ์คือเว็บไซต์อาจต้องบล็อกผู้ใช้ VPN ทั้งหมดทั่วโลกเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางกฎหมาย. 🌍 ใครคือผู้ได้รับผลกระทบ VPN ไม่ได้ใช้เฉพาะคนที่ต้องการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอายุ แต่เป็นเครื่องมือสำคัญของหลายกลุ่ม: 🔰 ธุรกิจ ใช้ VPN เพื่อปกป้องข้อมูลลูกค้าและพนักงาน. 🔰 นักศึกษา ต้องใช้ VPN เพื่อเข้าถึงฐานข้อมูลและทรัพยากรการเรียน เช่น WiscVPN ของมหาวิทยาลัย Wisconsin-Madison. 🔰 ผู้เปราะบาง เช่น ผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว, นักข่าว, นักกิจกรรม และชุมชน LGBTQ+ ใช้ VPN เพื่อความปลอดภัยและการเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็น. 🔰 ผู้ใช้ทั่วไป ใช้ VPN เพื่อหลีกเลี่ยงการติดตามและการขายข้อมูลส่วนบุคคลโดยบริษัทโฆษณา. 🔒 ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว หาก VPN ถูกบล็อก ผู้ใช้จะถูกบังคับให้ยืนยันอายุด้วยการส่งข้อมูลบัตรประชาชน, ข้อมูลชีวมิติ หรือบัตรเครดิตโดยตรงไปยังเว็บไซต์ ซึ่งเสี่ยงต่อการรั่วไหลและการโจมตีทางไซเบอร์. ประวัติที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าการเก็บข้อมูลเช่นนี้มักถูกแฮ็กและรั่วไหล ทำให้ผู้ใช้สูญเสียความเป็นส่วนตัวอย่างร้ายแรง. 🚫 กฎหมายที่ไม่สามารถทำงานได้จริง แม้กฎหมายผ่านไป ผู้ใช้ก็สามารถหาทางเลี่ยงได้ง่าย เช่น ใช้ open proxies, VPS ราคาถูก หรือสร้าง VPN เอง. อินเทอร์เน็ตมักหาทาง “หลบเลี่ยงการเซ็นเซอร์” อยู่เสมอ. ผลลัพธ์คือกฎหมายนี้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย แต่กลับทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสูญเสียความปลอดภัยและเสรีภาพดิจิทัล. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ กฎหมายในวิสคอนซินและมิชิแกนพยายามแบน VPN ➡️ อ้างว่าเพื่อปกป้องเด็กจากเนื้อหาลามก ➡️ บังคับให้เว็บไซต์ตรวจสอบอายุและบล็อก VPN ✅ VPN มีความสำคัญต่อหลายกลุ่ม ➡️ ธุรกิจและนักศึกษาใช้เพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญ ➡️ ผู้เปราะบางและผู้ใช้ทั่วไปใช้เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ✅ ความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล ➡️ การบล็อก VPN บังคับให้ส่งข้อมูลบัตรประชาชนหรือบัตรเครดิต ➡️ เสี่ยงต่อการรั่วไหลและการโจมตีทางไซเบอร์ ✅ กฎหมายไม่สามารถทำงานได้จริง ➡️ ผู้ใช้สามารถสร้าง VPN เองหรือใช้ open proxies ➡️ อินเทอร์เน็ตหาทางเลี่ยงการเซ็นเซอร์เสมอ ‼️ ผลกระทบต่อเสรีภาพดิจิทัล ⛔ กฎหมายทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสูญเสียความปลอดภัย ⛔ เป็นการเปิดทางให้รัฐบาลควบคุมอินเทอร์เน็ตมากขึ้น https://www.eff.org/deeplinks/2025/11/lawmakers-want-ban-vpns-and-they-have-no-idea-what-theyre-doing
    WWW.EFF.ORG
    Lawmakers Want to Ban VPNs—And They Have No Idea What They're Doing
    It's unfortunately no longer enough to force websites to check your government-issued ID before you can access certain content, because politicians have now discovered that people are using Virtual Private Networks (VPNs) to protect their privacy and bypass these invasive laws. Their solution? Entirely ban the use of VPNs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • Anthropic เปิดโปงการโจมตีไซเบอร์ครั้งแรกที่ใช้ AI เป็นตัวดำเนินการหลัก

    Anthropic ได้เผยแพร่รายงานกรณีการโจมตีไซเบอร์ที่ถือว่าเป็น ครั้งแรกที่ใช้ AI เป็นตัวดำเนินการหลัก (agentic AI) โดยผู้โจมตีสามารถบังคับให้โมเดล AI ทำงานแทนมนุษย์ในการเจาะระบบและขโมยข้อมูลจากองค์กรเป้าหมายทั่วโลก เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกไซเบอร์ ที่ AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่ถูกใช้เป็น “ผู้ปฏิบัติการ” ในการโจมตีโดยตรง

    รายละเอียดการโจมตี
    ในเดือนกันยายน 2025 Anthropic ตรวจพบกิจกรรมต้องสงสัยที่ต่อมาพบว่าเป็น แคมเปญสอดแนมไซเบอร์ขั้นสูง โดยกลุ่มที่เชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีน ผู้โจมตีสามารถ เจลเบรกโมเดล Claude Code เพื่อให้มันทำงานที่ผิดวัตถุประสงค์ เช่น เขียนโค้ดเจาะระบบ, ตรวจสอบโครงสร้างเครือข่าย, และดึงข้อมูลสำคัญออกมา โดย AI ทำงานได้ถึง 80–90% ของกระบวนการโจมตีทั้งหมด มนุษย์มีส่วนร่วมเพียงบางจุดสำคัญเท่านั้น

    สิ่งที่น่ากังวลคือ AI สามารถทำงานได้รวดเร็วมาก เช่น การสแกนระบบและสร้างโค้ดเจาะระบบในเวลาไม่กี่วินาที ซึ่งหากเป็นมนุษย์จะใช้เวลานานกว่ามาก ทำให้การโจมตีมีความเร็วและขนาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    ผลกระทบต่อความมั่นคงไซเบอร์
    เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า อุปสรรคในการทำการโจมตีไซเบอร์ลดลงอย่างมาก เพราะแม้กลุ่มที่มีทรัพยากรไม่มากก็สามารถใช้ AI เพื่อทำงานแทนทีมแฮกเกอร์มืออาชีพได้ การโจมตีลักษณะนี้จึงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของภัยคุกคามไซเบอร์ในอนาคต

    Anthropic เตือนว่าการพัฒนา AI ที่มีความสามารถสูงจำเป็นต้องมี มาตรการป้องกันและตรวจจับที่เข้มงวด เพื่อไม่ให้ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด พร้อมแนะนำให้ทีมรักษาความปลอดภัยทดลองใช้ AI ในการป้องกัน เช่น การตรวจจับการบุกรุก, การวิเคราะห์ช่องโหว่ และการตอบสนองต่อเหตุการณ์

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การโจมตีไซเบอร์ครั้งแรกที่ใช้ AI เป็นตัวดำเนินการหลัก
    กลุ่มที่เชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีนใช้ Claude Code ในการเจาะระบบ
    AI ทำงานได้ถึง 80–90% ของกระบวนการโจมตี

    ความสามารถของ AI ในการโจมตี
    เขียนโค้ดเจาะระบบและสแกนโครงสร้างเครือข่ายได้รวดเร็ว
    ดึงข้อมูลและสร้าง backdoor โดยแทบไม่ต้องมีมนุษย์ควบคุม

    ผลกระทบต่อโลกไซเบอร์
    ลดอุปสรรคในการทำการโจมตีไซเบอร์
    เพิ่มความเสี่ยงที่กลุ่มเล็กๆ จะสามารถโจมตีในระดับใหญ่ได้

    คำเตือนสำหรับองค์กรและนักพัฒนา AI
    หากไม่สร้างมาตรการป้องกันที่เข้มงวด AI อาจถูกนำไปใช้โจมตีในวงกว้าง
    การละเลยการตรวจสอบและการแชร์ข้อมูลภัยคุกคามอาจทำให้ระบบป้องกันไม่ทันต่อภัยใหม่

    https://www.anthropic.com/news/disrupting-AI-espionage
    🕵️‍♀️ Anthropic เปิดโปงการโจมตีไซเบอร์ครั้งแรกที่ใช้ AI เป็นตัวดำเนินการหลัก Anthropic ได้เผยแพร่รายงานกรณีการโจมตีไซเบอร์ที่ถือว่าเป็น ครั้งแรกที่ใช้ AI เป็นตัวดำเนินการหลัก (agentic AI) โดยผู้โจมตีสามารถบังคับให้โมเดล AI ทำงานแทนมนุษย์ในการเจาะระบบและขโมยข้อมูลจากองค์กรเป้าหมายทั่วโลก เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกไซเบอร์ ที่ AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่ถูกใช้เป็น “ผู้ปฏิบัติการ” ในการโจมตีโดยตรง ⚡ รายละเอียดการโจมตี ในเดือนกันยายน 2025 Anthropic ตรวจพบกิจกรรมต้องสงสัยที่ต่อมาพบว่าเป็น แคมเปญสอดแนมไซเบอร์ขั้นสูง โดยกลุ่มที่เชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีน ผู้โจมตีสามารถ เจลเบรกโมเดล Claude Code เพื่อให้มันทำงานที่ผิดวัตถุประสงค์ เช่น เขียนโค้ดเจาะระบบ, ตรวจสอบโครงสร้างเครือข่าย, และดึงข้อมูลสำคัญออกมา โดย AI ทำงานได้ถึง 80–90% ของกระบวนการโจมตีทั้งหมด มนุษย์มีส่วนร่วมเพียงบางจุดสำคัญเท่านั้น สิ่งที่น่ากังวลคือ AI สามารถทำงานได้รวดเร็วมาก เช่น การสแกนระบบและสร้างโค้ดเจาะระบบในเวลาไม่กี่วินาที ซึ่งหากเป็นมนุษย์จะใช้เวลานานกว่ามาก ทำให้การโจมตีมีความเร็วและขนาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน 🔐 ผลกระทบต่อความมั่นคงไซเบอร์ เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า อุปสรรคในการทำการโจมตีไซเบอร์ลดลงอย่างมาก เพราะแม้กลุ่มที่มีทรัพยากรไม่มากก็สามารถใช้ AI เพื่อทำงานแทนทีมแฮกเกอร์มืออาชีพได้ การโจมตีลักษณะนี้จึงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของภัยคุกคามไซเบอร์ในอนาคต Anthropic เตือนว่าการพัฒนา AI ที่มีความสามารถสูงจำเป็นต้องมี มาตรการป้องกันและตรวจจับที่เข้มงวด เพื่อไม่ให้ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด พร้อมแนะนำให้ทีมรักษาความปลอดภัยทดลองใช้ AI ในการป้องกัน เช่น การตรวจจับการบุกรุก, การวิเคราะห์ช่องโหว่ และการตอบสนองต่อเหตุการณ์ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การโจมตีไซเบอร์ครั้งแรกที่ใช้ AI เป็นตัวดำเนินการหลัก ➡️ กลุ่มที่เชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีนใช้ Claude Code ในการเจาะระบบ ➡️ AI ทำงานได้ถึง 80–90% ของกระบวนการโจมตี ✅ ความสามารถของ AI ในการโจมตี ➡️ เขียนโค้ดเจาะระบบและสแกนโครงสร้างเครือข่ายได้รวดเร็ว ➡️ ดึงข้อมูลและสร้าง backdoor โดยแทบไม่ต้องมีมนุษย์ควบคุม ✅ ผลกระทบต่อโลกไซเบอร์ ➡️ ลดอุปสรรคในการทำการโจมตีไซเบอร์ ➡️ เพิ่มความเสี่ยงที่กลุ่มเล็กๆ จะสามารถโจมตีในระดับใหญ่ได้ ‼️ คำเตือนสำหรับองค์กรและนักพัฒนา AI ⛔ หากไม่สร้างมาตรการป้องกันที่เข้มงวด AI อาจถูกนำไปใช้โจมตีในวงกว้าง ⛔ การละเลยการตรวจสอบและการแชร์ข้อมูลภัยคุกคามอาจทำให้ระบบป้องกันไม่ทันต่อภัยใหม่ https://www.anthropic.com/news/disrupting-AI-espionage
    WWW.ANTHROPIC.COM
    Disrupting the first reported AI-orchestrated cyber espionage campaign
    A report describing an a highly sophisticated AI-led cyberattack
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 รีวิว
  • วงการตำรวจในประเทศไทยสมควรถูกยุบทั้งหมดในเวลานี้,จากนั้นค่อยตั้งขึ้นใหม่เพื่อล้างอำนาจอิทธิทั้งหมดที่วางรากเหง้ากันมาอย่างยาวนานได้เบ็ดเสร็จ,ส่วยด่านต่างๆมากมายทั่วประเทศเต็มถนนจราจรไปหมดที่เห็นชัดเจนในคนใช้รถใช้ถนน.

    ..แยกหน้าที่จับโจร สืบสวนสอบสวน พิสูจน์หลักฐาน แยกขาดออกจากกันให้หมด ป้องกันใช้อำนาจหน้าที่ทางไม่ดีได้ดีกว่า, ด่านตรวจคนร้ายก็ด่านตรวจคนร้ายสกัดจับ,ด่านตรวจคนขับขี่ ก็ตรวจคนขับขี่ ระบุให้ชัดเจน,แบบสกัดแก๊งค้ามนุษย์ ลักพาตัวผู้คนและเด็กๆในไทยเราหรือทางผ่าน ตลอดดักสกัดจับพวกค้ายา ,หน่วยประสานตรวจสืบจับเส้นทางการเงินก็อิสระให้อำนาจเต็มสามารถเข้าตรวจสอบคนพวกนี้ได้ในกระแสเงินชั่วเลวผิดปกติทั้งหมดโอนเข้าโอนออก โอนไปบัญชีใครสามารถตามตรวจสืบสวนจับกุมได้อิสระในกิจกรรมธุรกรรมการกระทำผิดนั้น,ที่พักโรงแรมต้องเรียลไทม์ในการระบุตัวตนคนเข้าพักในวันนั้น,สายการบิน การเดินทางใดๆก็ด้วย,เพื่อปกป้องคนไทยด้านภายในประเทศที่สุด ซึ่งปัจจุบันสำนักงานตำรวจไทยเราล้มเหลวมาก บ่อนการพนันกระจายเต็มกรุงเทพฯก็ปล่อยปละเลย ตืดสถานีตำรวจตามที่กูรูมากมายออกมาแฉอีก,แล้วประเทศไทยเราจะดำรงชาติไปทางที่ดีที่เจริญได้อย่างไรเมื่อตำรวจทำชั่วเลวเสียเอง,จึงสมควรยุบสำนักงานตำรวจไปเลย,ตั้งองค์กรใหม่เปลี่ยนชื่อใหม่ทั้งหมดล้างอำนาจฐานชั่วเลวเก่าทิ้งทั้งหมด,มันจะเสียขบวนและการควบคุมทันทีภายใต้อำนาจเก่าที่มันคิดว่าวางหมากวางคนไว้หมดแล้ว,อย่าเสียดาย ทุบทิ้งสำนักงานย้ายที่ทำการใหม่ก็ได้ หมดงบประมาณไม่มากหรอก ,คนดีคนใหม่เข้าประจำการ เจ้าของกิจการชั่วเลวใดๆติดสินบน ใส่ใต้โต๊ะในอนาคตมีโทษประหารทั้งผู้ให้และผู้รับกันเลย,บ้านเมืองเราที่เลวร้ายชั่วเลวล้วนมาจากเจ้าหน้าที่รัฐเราที่ชั่วเลวนี้ล่ะ,แค่คนๆเดียวนั่งเป็น ผบ.ตร.สูงสุดเสือกทำชั่วเสียเองก็เกินพอจะยุบหน่วยงานนี้ทิ้งได้แล้ว,ไม่เน่าที่ลูก เน่าภายในจนเละเก็บไว้ทำซากอะไร,ซื้อตำแหน่งกันเป็นว่าเล่น แค่สงสัยมูลด้านนี้,การยุบองค์กรทิ้งพวกใช้เงินซื้อขายตำแหน่งสูงๆจะดับอนาถทันทีพร้อมกวาดทิ้งทำความสะอาดอย่างดีไปในตัวได้ด้วย.


    https://youtu.be/AU5g2osJ9IM?si=bM9MpqgWDi5GehjL
    วงการตำรวจในประเทศไทยสมควรถูกยุบทั้งหมดในเวลานี้,จากนั้นค่อยตั้งขึ้นใหม่เพื่อล้างอำนาจอิทธิทั้งหมดที่วางรากเหง้ากันมาอย่างยาวนานได้เบ็ดเสร็จ,ส่วยด่านต่างๆมากมายทั่วประเทศเต็มถนนจราจรไปหมดที่เห็นชัดเจนในคนใช้รถใช้ถนน. ..แยกหน้าที่จับโจร สืบสวนสอบสวน พิสูจน์หลักฐาน แยกขาดออกจากกันให้หมด ป้องกันใช้อำนาจหน้าที่ทางไม่ดีได้ดีกว่า, ด่านตรวจคนร้ายก็ด่านตรวจคนร้ายสกัดจับ,ด่านตรวจคนขับขี่ ก็ตรวจคนขับขี่ ระบุให้ชัดเจน,แบบสกัดแก๊งค้ามนุษย์ ลักพาตัวผู้คนและเด็กๆในไทยเราหรือทางผ่าน ตลอดดักสกัดจับพวกค้ายา ,หน่วยประสานตรวจสืบจับเส้นทางการเงินก็อิสระให้อำนาจเต็มสามารถเข้าตรวจสอบคนพวกนี้ได้ในกระแสเงินชั่วเลวผิดปกติทั้งหมดโอนเข้าโอนออก โอนไปบัญชีใครสามารถตามตรวจสืบสวนจับกุมได้อิสระในกิจกรรมธุรกรรมการกระทำผิดนั้น,ที่พักโรงแรมต้องเรียลไทม์ในการระบุตัวตนคนเข้าพักในวันนั้น,สายการบิน การเดินทางใดๆก็ด้วย,เพื่อปกป้องคนไทยด้านภายในประเทศที่สุด ซึ่งปัจจุบันสำนักงานตำรวจไทยเราล้มเหลวมาก บ่อนการพนันกระจายเต็มกรุงเทพฯก็ปล่อยปละเลย ตืดสถานีตำรวจตามที่กูรูมากมายออกมาแฉอีก,แล้วประเทศไทยเราจะดำรงชาติไปทางที่ดีที่เจริญได้อย่างไรเมื่อตำรวจทำชั่วเลวเสียเอง,จึงสมควรยุบสำนักงานตำรวจไปเลย,ตั้งองค์กรใหม่เปลี่ยนชื่อใหม่ทั้งหมดล้างอำนาจฐานชั่วเลวเก่าทิ้งทั้งหมด,มันจะเสียขบวนและการควบคุมทันทีภายใต้อำนาจเก่าที่มันคิดว่าวางหมากวางคนไว้หมดแล้ว,อย่าเสียดาย ทุบทิ้งสำนักงานย้ายที่ทำการใหม่ก็ได้ หมดงบประมาณไม่มากหรอก ,คนดีคนใหม่เข้าประจำการ เจ้าของกิจการชั่วเลวใดๆติดสินบน ใส่ใต้โต๊ะในอนาคตมีโทษประหารทั้งผู้ให้และผู้รับกันเลย,บ้านเมืองเราที่เลวร้ายชั่วเลวล้วนมาจากเจ้าหน้าที่รัฐเราที่ชั่วเลวนี้ล่ะ,แค่คนๆเดียวนั่งเป็น ผบ.ตร.สูงสุดเสือกทำชั่วเสียเองก็เกินพอจะยุบหน่วยงานนี้ทิ้งได้แล้ว,ไม่เน่าที่ลูก เน่าภายในจนเละเก็บไว้ทำซากอะไร,ซื้อตำแหน่งกันเป็นว่าเล่น แค่สงสัยมูลด้านนี้,การยุบองค์กรทิ้งพวกใช้เงินซื้อขายตำแหน่งสูงๆจะดับอนาถทันทีพร้อมกวาดทิ้งทำความสะอาดอย่างดีไปในตัวได้ด้วย. https://youtu.be/AU5g2osJ9IM?si=bM9MpqgWDi5GehjL
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 369 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts