• สถานทูตจีนโต้ข้อกล่าวหาไทยส่งกลับชาวอุยกูร์สัญชาติจีนจำนวน 40 คนกลับประเทศเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ชี้ทั้งหมดไม่ใช่ผู้ลี้ภัย แต่เป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย อัดกลับบางประเทศใหญ่ปี 67 ส่งกลับผู้อพยพกว่า 270,000 คนไม่เห็นโวยวาย ยืนยันผู้ถูกส่งกลับจะได้ปกป้องสิทธิมนุษยชนอย่างดีที่สุด

    วันนี้ (2 มี.ค.) เฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่บทถาม-ตอบจำนวน 4 ข้อเกี่ยวกับจากกรณีเมื่อวันที่ 27 ก.พ. รัฐบาลไทยได้ดำเนินการส่งกลับชาวอุยกูร์จำนวน 40 คน ไปยังต้นทางคือจีน ท่ามกลางแม้มีเสียงโวยวายจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายว่าคนเหล่านี้อาจได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม นอกจากนี้ หลายประเทศตะวันตกยังส่งเสียงประณามประเทศไทยด้วย เช่น สหประชาชาติ สหรัฐฯ เยอรมนี และสหราชอาณาจักร

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000020273

    #MGROnline #จีน #ชาวอุยกูร์ #สัญชาติจีน #กลุ่มสิทธิมนุษยชน
    สถานทูตจีนโต้ข้อกล่าวหาไทยส่งกลับชาวอุยกูร์สัญชาติจีนจำนวน 40 คนกลับประเทศเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ชี้ทั้งหมดไม่ใช่ผู้ลี้ภัย แต่เป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย อัดกลับบางประเทศใหญ่ปี 67 ส่งกลับผู้อพยพกว่า 270,000 คนไม่เห็นโวยวาย ยืนยันผู้ถูกส่งกลับจะได้ปกป้องสิทธิมนุษยชนอย่างดีที่สุด • วันนี้ (2 มี.ค.) เฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่บทถาม-ตอบจำนวน 4 ข้อเกี่ยวกับจากกรณีเมื่อวันที่ 27 ก.พ. รัฐบาลไทยได้ดำเนินการส่งกลับชาวอุยกูร์จำนวน 40 คน ไปยังต้นทางคือจีน ท่ามกลางแม้มีเสียงโวยวายจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายว่าคนเหล่านี้อาจได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม นอกจากนี้ หลายประเทศตะวันตกยังส่งเสียงประณามประเทศไทยด้วย เช่น สหประชาชาติ สหรัฐฯ เยอรมนี และสหราชอาณาจักร • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000020273 • #MGROnline #จีน #ชาวอุยกูร์ #สัญชาติจีน #กลุ่มสิทธิมนุษยชน
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพเหตุการณ์รถถังของกองกำลังอิสราเอลเคลื่อนกำลังเข้าไปในพื้นที่เขตเวสต์แบงก์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2002 เพื่อบังคับชาวปาเลสไตน์ราวสี่หมื่นคนออกจากพื้นที่

    เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุระเบิดกลางกรุงเทลอาวีฟ ซึ่งเนทันยาฮู และอิสราเอล แคทซ์ รัฐมนตรีกลาโหม ประกาศว่า เป็นการกระทำของกลุ่มก่อการร้ายในเขตเวสต์แบงก์ และมีคำสั่งยกระดับปฏิบัติการทหารอย่างเข้มข้น

    แคทซ์ ประกาศว่ากองกำลังอิสราเอลจะปักหลักในเวสต์แบงก์ต่อไปอีกหลายปีนับจากนี้ และส่งสัญญาณว่าชาวปาเลสไตน์ราวสี่หมื่นคนจะต้องอพยพออกไปและจะไม่สามารถกลับคืนถิ่นฐานได้อีก

    ทางด้านนักเคลื่อนไหวจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนชาวปาเลสไตน์ Al-Haq เรียกร้องให้มีการ "แทรกแซงระหว่างประเทศอย่างเร่งด่วน" เนื่องจากชาวปาเลสไตน์ 40,000 คน กำลังถูกบังคับให้ออกถิ่นฐานตนเอง นับตั้งแต่เริ่มมีการหยุดยิงในฉนวนกาซา
    ภาพเหตุการณ์รถถังของกองกำลังอิสราเอลเคลื่อนกำลังเข้าไปในพื้นที่เขตเวสต์แบงก์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2002 เพื่อบังคับชาวปาเลสไตน์ราวสี่หมื่นคนออกจากพื้นที่ เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุระเบิดกลางกรุงเทลอาวีฟ ซึ่งเนทันยาฮู และอิสราเอล แคทซ์ รัฐมนตรีกลาโหม ประกาศว่า เป็นการกระทำของกลุ่มก่อการร้ายในเขตเวสต์แบงก์ และมีคำสั่งยกระดับปฏิบัติการทหารอย่างเข้มข้น แคทซ์ ประกาศว่ากองกำลังอิสราเอลจะปักหลักในเวสต์แบงก์ต่อไปอีกหลายปีนับจากนี้ และส่งสัญญาณว่าชาวปาเลสไตน์ราวสี่หมื่นคนจะต้องอพยพออกไปและจะไม่สามารถกลับคืนถิ่นฐานได้อีก ทางด้านนักเคลื่อนไหวจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนชาวปาเลสไตน์ Al-Haq เรียกร้องให้มีการ "แทรกแซงระหว่างประเทศอย่างเร่งด่วน" เนื่องจากชาวปาเลสไตน์ 40,000 คน กำลังถูกบังคับให้ออกถิ่นฐานตนเอง นับตั้งแต่เริ่มมีการหยุดยิงในฉนวนกาซา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่อกลับลำข้อเสนอของเขาเกี่ยวกับการเข้ายึดฉนวนกาซา หลังมันโหมกระพือเสียงโวยวายจากทั่วโลก ในนั้นรวมถึงเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติที่เตือนเกี่ยวกับการ "ล้างเผ่าพันธุ์" ในฉนวนปาเลสไตน์
    .
    หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นชุดๆ จากทั้งชาวปาเลสไตน์ บรรดารัฐบาลอาหรับและพวกผู้นำโลก ทาง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่าการย้ายชาวกาซาใดๆ จะเป็นเพียงชั่วคราว ในขณะที่ทำเนียบขาวยืนยันว่ายังไม่มีการรับปากว่าจะส่งทหารอเมริกาเข้าไปยังฉนวนแห่งนี้
    .
    อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ยืนยันว่า "ทุกคนชอบแผนนี้" ซึ่งเขาเปิดเผยในเรื่องดังกล่าวระหว่างแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว ร่วมกับผู้มาเยือนอย่าง เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมตรีอิสราเอล
    .
    ในถ้อยแถลงดังกล่าว ทรัมป์ ให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับแนวทางที่สหรัฐฯ จะโยกย้ายชาวปาเลสไตน์กว่า 2 ล้านคนออกจากฉนวนกาซาหรือแนวทางเข้าควบคุมดินแดนที่ถูกสงครามฉีกเป็นชิ้นๆ แห่งนี้ โดยเขาเพียงประกาศในวันอังคาร (4 ก.พ.) ว่า "สหรัฐฯ จะยึดฉนวนกาซาและเราจะทำอะไรบางอย่างกับมันด้วย เราจะเป็นเจ้าของมัน"
    .
    รูบิโอ ชี้แจงว่าความคิดดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาเป็นปรปักษ์ ให้คำจำกัดความว่ามันเป็นความเคลื่อนไหวใจกว้าง เสนอมอบการฟื้นฟูและรับหน้าที่ของการฟื้นฟู
    .
    ในเวลาต่อมา คาโรไลน์ เลวิตต์ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว แถลงว่าวอชิงตันจะไม่ออกทุนฟื้นฟูกาซา ตามหลังดินแดนแห่งนี้ต้องเผชิญกับสงครามระหว่างอิสราเอล พันธมิตรของสหรัฐฯ และกลุ่มนักรบปาเลสไตน์ฮามาส ที่ลากยาวมานานกว่า 15 เดือน "ความเกี่ยวข้องของอเมริกาไม่ได้หมายถึงการส่งกองกำลังไปยังภาคพื้นหรือใช้เงินผู้เสียภาษีสหรัฐฯ เป็นทุนสำหรับความพยายามดังกล่าว"
    .
    คำชี้แจงของทำเนียบขาวมีขึ้นหลังจาก อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ชี้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง "รูปแบบของการล้างเผ่าพันธุ์ใดๆ" ส่วนสเตฟาน ดูจาร์ริช โฆษก อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเห็นของเลขาธิการใหญ่รายนี้ ในเวลาต่อมาในวันพุธ (5 ก.พ.) บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "การบีบบังคับผู้คนโยกย้ายถิ่นฐาน เทียบเท่ากับเป็นการกวาดล้างเผ่าพันธุ์"
    .
    ในเวลาต่อมา เลวิตต์ บอกว่า ทรัมป์ เพียงต้องการให้ชาวปาเลสไตน์แค่ย้ายออกจากกาซาเป็นการชั่วคราว "เวลานี้มันกลายเป็นสถานที่ที่ถูกทำลายล้าง มันไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย"
    .
    เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ พวกผู้นำโลกอาหรับและกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายออกมาประณามความคิดเห็นของทรัมป์อย่างรวดเร็ว ส่วน ฮามาส ที่ยึดครองควบคุมกาซาในปี 2007 ปฏิเสธข้อเสนอนี้ ตราหน้ามันว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติ รุกรานและซ้ำเติมสถานการณ์
    .
    สงครามที่โหมกระพือขึ้นจากการที่พวกฮามาสบุกโจมตีเล่นงานอิสราเอลแบบสายฟ้าแลบเมื่อเดือนตุลาคม 2023 ทำลายล้างพื้นที่ส่วนใหญ่ของฉนวนกาซา ในขณะที่ ทรัมป์ อ้างกล่าวความดีความชอบซ้ำๆ สำหรับการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนที่แล้ว
    .
    เนทันยาฮู ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนวอชิงตัน สำหรับพูดคุยเกี่ยวกับขั้นที่ 2 ของข้อตกลงหยุดยิง ขานรับด้วยความยินดีต่อความคิดของทรัมป์ บอกว่ามันจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์และควรค่าได้รับความสนใจ
    .
    ทรัมป์ ซึ่งบ่งชี้ด้วยว่าเขาอาจเดินทางเยือนกาซา ดูเหมือนจะพูดเป็นนัยว่าการฟื้นฟูฉนวนแห่งนี้ จะไม่ใช่สำหรับชาวปาเลสไตน์ แต่ทาง เลวิตต์ ชี้แจงว่า "ประธานาธิบดีมีความชัดเจนมากๆ ต่อกรณีคาดหมายว่าบรรดาพันธมิตรของเราในภูมิภาค โดยเฉพาะอียิปต์และจอร์แดน จะอ้าแขนรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์เป็นการชั่วคราว เพื่อเราจะสามารถบูรณะฟื้นฟูบ้านของพวกเขา"
    .
    อย่างไรก็ตาม มาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ปฏิเสธข้อเสนอนี้ เรียกมันว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และยืนกรานว่าสิทธิที่ชอบธรรมตามกฎหมายของชาวปาเลสไตน์ไม่อาจต่อรองได้
    .
    ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ทรัมป์ ชี้แนะให้ชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซา โดยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้กล่าวอ้างถึงอียิปต์และจอร์แดน ในฐานะดินแดนจุดหมายปลายทางที่เป็นไปได้ แต่ประชาชนชาวปาเลสไตน์ ประกาศกร้าวว่าพวกเขาจะไม่ออกจากฉนวนกาซา
    .
    ขณะเดียวกัน อียิปต์ และ จอร์แดน ก็ปฏิเสธอนุญาตให้มีการตั้งรกรากใดๆ ของชาวกาซา โดย บาดร์ อับเดลลัตตี รัฐมนตรีต่างประเทศอียิปต์ เรียกร้องฟื้นฟูฉนวนแห่งนี้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องให้ชาวปาเลสไตน์อพยพออกมา ส่วนกษัตริย์อับดุลลาห์ที่สองแห่งจอร์แดน ตรัสหลังจากพบปะกับอับบาส ปฏิเสธความพยายามใดๆ ในการควบคุมดินแดนของปาเลสไตน์และโยกย้านถิ่นฐานผู้คน
    .
    ในวอชิงตัน เนทันยาฮู ยกย่อง ทรัมป์ ว่าเป็นพันธมิตรยอดเยี่ยมที่สุดของอิสราเอล และยกย่องผู้นำสหรัฐฯ เกี่ยวกับการคิดนอกกรอบ นอกจากนี้ เขายังแสดงความมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับซาอุดีอาระเบีย ในการคืนความสัมพันธ์กันเป็นปกติระหว่างกัน
    .
    อย่างไรก็ตาม ริยาด บอกว่าพวกเขาจะไม่มีความสัมพันธ์อันเป็นปกติกับอิสราเอล หากปราศจากความเป็นรัฐของปาเลสไตน์ และปฏิเสธความพยายามใดๆ ที่จะโยกย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากแผ่นดินของพวกเขา
    .
    สหภาพยุโรปเน้นย้ำว่ากาซาเป็นส่วนสำคัญสำหรับรัฐปาเลสไตน์หนึ่งๆ ในอนาคต ในขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปฏิเสธความพยายามโยกย้ายถิ่นฐานใดๆ โดยบอกว่าเสถียรภาพในภูมิภาคจะบรรลุได้ผ่านทางออก 2 รัฐคู่ขนานเท่านั้น ส่วนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน บอกว่า "เราคัดค้านการบีบบังคับโยกย้ายพลเมืองของกาซา" ขณะที่สันนิบาตอาหรับ เรียกข้อเสนอของทรัมป์ว่าเป็น "สูตรแห่งความไร้เสถียรภาพ"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011933
    ..............
    Sondhi X
    รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่อกลับลำข้อเสนอของเขาเกี่ยวกับการเข้ายึดฉนวนกาซา หลังมันโหมกระพือเสียงโวยวายจากทั่วโลก ในนั้นรวมถึงเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติที่เตือนเกี่ยวกับการ "ล้างเผ่าพันธุ์" ในฉนวนปาเลสไตน์ . หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นชุดๆ จากทั้งชาวปาเลสไตน์ บรรดารัฐบาลอาหรับและพวกผู้นำโลก ทาง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่าการย้ายชาวกาซาใดๆ จะเป็นเพียงชั่วคราว ในขณะที่ทำเนียบขาวยืนยันว่ายังไม่มีการรับปากว่าจะส่งทหารอเมริกาเข้าไปยังฉนวนแห่งนี้ . อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ยืนยันว่า "ทุกคนชอบแผนนี้" ซึ่งเขาเปิดเผยในเรื่องดังกล่าวระหว่างแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว ร่วมกับผู้มาเยือนอย่าง เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมตรีอิสราเอล . ในถ้อยแถลงดังกล่าว ทรัมป์ ให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับแนวทางที่สหรัฐฯ จะโยกย้ายชาวปาเลสไตน์กว่า 2 ล้านคนออกจากฉนวนกาซาหรือแนวทางเข้าควบคุมดินแดนที่ถูกสงครามฉีกเป็นชิ้นๆ แห่งนี้ โดยเขาเพียงประกาศในวันอังคาร (4 ก.พ.) ว่า "สหรัฐฯ จะยึดฉนวนกาซาและเราจะทำอะไรบางอย่างกับมันด้วย เราจะเป็นเจ้าของมัน" . รูบิโอ ชี้แจงว่าความคิดดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาเป็นปรปักษ์ ให้คำจำกัดความว่ามันเป็นความเคลื่อนไหวใจกว้าง เสนอมอบการฟื้นฟูและรับหน้าที่ของการฟื้นฟู . ในเวลาต่อมา คาโรไลน์ เลวิตต์ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว แถลงว่าวอชิงตันจะไม่ออกทุนฟื้นฟูกาซา ตามหลังดินแดนแห่งนี้ต้องเผชิญกับสงครามระหว่างอิสราเอล พันธมิตรของสหรัฐฯ และกลุ่มนักรบปาเลสไตน์ฮามาส ที่ลากยาวมานานกว่า 15 เดือน "ความเกี่ยวข้องของอเมริกาไม่ได้หมายถึงการส่งกองกำลังไปยังภาคพื้นหรือใช้เงินผู้เสียภาษีสหรัฐฯ เป็นทุนสำหรับความพยายามดังกล่าว" . คำชี้แจงของทำเนียบขาวมีขึ้นหลังจาก อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ชี้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง "รูปแบบของการล้างเผ่าพันธุ์ใดๆ" ส่วนสเตฟาน ดูจาร์ริช โฆษก อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเห็นของเลขาธิการใหญ่รายนี้ ในเวลาต่อมาในวันพุธ (5 ก.พ.) บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "การบีบบังคับผู้คนโยกย้ายถิ่นฐาน เทียบเท่ากับเป็นการกวาดล้างเผ่าพันธุ์" . ในเวลาต่อมา เลวิตต์ บอกว่า ทรัมป์ เพียงต้องการให้ชาวปาเลสไตน์แค่ย้ายออกจากกาซาเป็นการชั่วคราว "เวลานี้มันกลายเป็นสถานที่ที่ถูกทำลายล้าง มันไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย" . เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ พวกผู้นำโลกอาหรับและกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายออกมาประณามความคิดเห็นของทรัมป์อย่างรวดเร็ว ส่วน ฮามาส ที่ยึดครองควบคุมกาซาในปี 2007 ปฏิเสธข้อเสนอนี้ ตราหน้ามันว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติ รุกรานและซ้ำเติมสถานการณ์ . สงครามที่โหมกระพือขึ้นจากการที่พวกฮามาสบุกโจมตีเล่นงานอิสราเอลแบบสายฟ้าแลบเมื่อเดือนตุลาคม 2023 ทำลายล้างพื้นที่ส่วนใหญ่ของฉนวนกาซา ในขณะที่ ทรัมป์ อ้างกล่าวความดีความชอบซ้ำๆ สำหรับการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนที่แล้ว . เนทันยาฮู ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนวอชิงตัน สำหรับพูดคุยเกี่ยวกับขั้นที่ 2 ของข้อตกลงหยุดยิง ขานรับด้วยความยินดีต่อความคิดของทรัมป์ บอกว่ามันจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์และควรค่าได้รับความสนใจ . ทรัมป์ ซึ่งบ่งชี้ด้วยว่าเขาอาจเดินทางเยือนกาซา ดูเหมือนจะพูดเป็นนัยว่าการฟื้นฟูฉนวนแห่งนี้ จะไม่ใช่สำหรับชาวปาเลสไตน์ แต่ทาง เลวิตต์ ชี้แจงว่า "ประธานาธิบดีมีความชัดเจนมากๆ ต่อกรณีคาดหมายว่าบรรดาพันธมิตรของเราในภูมิภาค โดยเฉพาะอียิปต์และจอร์แดน จะอ้าแขนรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์เป็นการชั่วคราว เพื่อเราจะสามารถบูรณะฟื้นฟูบ้านของพวกเขา" . อย่างไรก็ตาม มาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ปฏิเสธข้อเสนอนี้ เรียกมันว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และยืนกรานว่าสิทธิที่ชอบธรรมตามกฎหมายของชาวปาเลสไตน์ไม่อาจต่อรองได้ . ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ทรัมป์ ชี้แนะให้ชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซา โดยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้กล่าวอ้างถึงอียิปต์และจอร์แดน ในฐานะดินแดนจุดหมายปลายทางที่เป็นไปได้ แต่ประชาชนชาวปาเลสไตน์ ประกาศกร้าวว่าพวกเขาจะไม่ออกจากฉนวนกาซา . ขณะเดียวกัน อียิปต์ และ จอร์แดน ก็ปฏิเสธอนุญาตให้มีการตั้งรกรากใดๆ ของชาวกาซา โดย บาดร์ อับเดลลัตตี รัฐมนตรีต่างประเทศอียิปต์ เรียกร้องฟื้นฟูฉนวนแห่งนี้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องให้ชาวปาเลสไตน์อพยพออกมา ส่วนกษัตริย์อับดุลลาห์ที่สองแห่งจอร์แดน ตรัสหลังจากพบปะกับอับบาส ปฏิเสธความพยายามใดๆ ในการควบคุมดินแดนของปาเลสไตน์และโยกย้านถิ่นฐานผู้คน . ในวอชิงตัน เนทันยาฮู ยกย่อง ทรัมป์ ว่าเป็นพันธมิตรยอดเยี่ยมที่สุดของอิสราเอล และยกย่องผู้นำสหรัฐฯ เกี่ยวกับการคิดนอกกรอบ นอกจากนี้ เขายังแสดงความมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับซาอุดีอาระเบีย ในการคืนความสัมพันธ์กันเป็นปกติระหว่างกัน . อย่างไรก็ตาม ริยาด บอกว่าพวกเขาจะไม่มีความสัมพันธ์อันเป็นปกติกับอิสราเอล หากปราศจากความเป็นรัฐของปาเลสไตน์ และปฏิเสธความพยายามใดๆ ที่จะโยกย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากแผ่นดินของพวกเขา . สหภาพยุโรปเน้นย้ำว่ากาซาเป็นส่วนสำคัญสำหรับรัฐปาเลสไตน์หนึ่งๆ ในอนาคต ในขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปฏิเสธความพยายามโยกย้ายถิ่นฐานใดๆ โดยบอกว่าเสถียรภาพในภูมิภาคจะบรรลุได้ผ่านทางออก 2 รัฐคู่ขนานเท่านั้น ส่วนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน บอกว่า "เราคัดค้านการบีบบังคับโยกย้ายพลเมืองของกาซา" ขณะที่สันนิบาตอาหรับ เรียกข้อเสนอของทรัมป์ว่าเป็น "สูตรแห่งความไร้เสถียรภาพ" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011933 .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    Sad
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2168 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยจะออกคำสั่งให้กระทรวงกลาโหม(เพนตากอน) และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เตรียมพร้อมอาคารกักกันคนเข้าเมือง ณ เรือนจำอ่าวกวนตานาโม สำหรับรองรับพวกผู้อพยพสูงสุด 30,000 คน ที่ไม่สามารถเนรเทศกลับประเทศต้นทางได้
    .
    ที่ผ่านมา ฐานทัพเรือสหรัฐฯในอ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา เป็นที่ตั้งของสถานที่ผู้อพยพแห่งหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว แยกจากเรือนจำที่มีรักษาความปลอดภัยในระดับสูงของสหรัฐฯ ที่มีไว้คุมขังพวกผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายต่างชาติ ขณะที่ศูนย์อพยพแห่งนี้ถูกใช้งานเป็นครั้งคราวในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ในนั้นรวมถึงใช้คุมตัวผู้อพยพชาวเฮติและชาวคิวบา ที่จับตัวได้กลางทะเล
    .
    ทอม โอแมน ซาร์ด้านเขตแดนของทรัมป์ ระบุในเวลาต่อมาในวันพุธ(29ม.ค.) รัฐบาลจะขยายศูนย์ดังกล่าวที่มีอยู่แล้ว และจะมอบหน้าที่ให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (ICE) เป็นผู้ดูแล
    .
    "วันนี้ ผมลงนามในคำสั่งบริหาร สั่งการให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เริ่มเตรียมการศูนย์คนเข้าเมืองรองรับ 30,000 คน ที่อ่าวกวนตานาโม" ทรัมป์ บอกที่ทำเนียบขาว
    .
    ทรัมป์ กล่าวด้วยว่าศูนย์แห่งนี้ "จะถูกใช้ควบคุมตัวอาชญากรต่างด้าวเลวร้ายผิดกฎหมายที่คุกคามประชาชนชาวอเมริกา บางส่วนในนั้นเลวเสียจนกระทั่ง เราไม่อาจไว้วางใจให้ประเทศต่างๆควบคุมตัวพวกเขา เพราะว่าเราไม่ต้องการให้พวกเขากลับมาอีก ดังนั้น เรากำลังส่งตัวพวกเขาไปยังกวนตานาโม นี่จะเพิ่มความจุของเราเป็นเท่าตัวในทันที"
    .
    ไม่นานหลังจากนั้น ทรัมป์ลงนามในบันทึกความเข้าใจ ซึ่งไม่ได้ระบุถึงจำนวนพวกผู้อพยพ แต่เรียกร้องให้เพิ่มพื้นที่กักขัง ณ ศูนย์ที่ได้รับการขยายแห่งนี้
    .
    เมื่อถูกถามว่าศูนย์แห่งนี้จำเป็นต้องใช้เงินมากน้อยแค่ไหน ทาง คริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ตอบว่ารัฐบาลกำลังทำงานในเรื่องนี้ ภายใต้การประนีประนอมและการจัดสรรในสภาคองเกรส
    .
    เรือนจำในอ่าวกวตานาโม ถูกจัดตั้งขึ้นมาในปี 2002 โดยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช ณ ขณะนั้น เพื่อกักขังพวกผู้ต้องสงสัยนักรบต่างๆชาติ ตามหลังเหตุวินาศกรรมโจมตีสหรัฐฯ วันที่ 11 กันยายน 2001 และเวลานี้ยังเหนือผู้ต้องขังในเรือนจำ 15 คน
    .
    บารัค โอบามา และ โจ ไบเดน 2 ประธานาธิบดีคนก่อนหน้าทรัมป์ ซึ่งมาจากเดโมแครตทั้งคู่ หาทางปิดเรือนจำกวนตานาโม แต่ทำได้เพียงลดประชากรผู้ต้องขัง อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ประกาศว่าจะให้เรือนจำแห่งนี้เปิดทำการต่อไป
    .
    สถานคุมขังแห่งนี้ถูกประณามมาช้านานจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย สำหรับการกักขังอย่างไม่มีกำหนดและกลายมาเป็นสัญลักษณ์ความเลยเถิดของ "สงครามต่อต้านก่อการร้าย" ของสหรัฐฯ สืบเนื่องจากมีการใช้วิธีสอบปากคำที่เหี้ยมโหด ที่พวกนักวิจารณ์บอกว่าไม่ต่างจากการทรมาน
    .
    อย่างไรก็ตามศูนย์อพยพสำหรับคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย จะแยกออกจากสถานคุมขังในเรือนจำแห่งนี้
    .
    มิเกล ดิอาซ คาเนล ประธานาธิบดีคิวบาในวันพุธ(29ม.ค.) ให้คำจำกัดความว่า "เป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณ" ประณามแผนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในจะควบคุมตัวคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ณ เรือนจำทหารกวนตานาโม
    .
    "ในการกระทำที่โหดร้ายทารุณ รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯแถลงเกี่ยวกับการกักขังที่ฐานทัพเรือกวนตานาโม ตั้งอยู่ในดินแดนคิวบา ที่ถูกยึดครองอย่างผิดกฎหมาย" ประธานาธิบดีคิวบาเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ พร้อมระบุพวกผู้อพยพจะถูกคุมขังใกล้สถานที่ต่างๆที่เขาบอกว่าสหรัฐฯเคยใช้มัน "ทรมานและกักขังผิดกฎหมาย"
    .
    การตัดสินใจล่าสุดเป็นความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมจากกรณีที่กองทัพสหรัฐฯใช้เครื่องบินทหารลำเลียงพวกผู้อพยพที่ถูกเทรเนศออกนอกประเทศ และส่งทหารประจำการกว่า 1,600 นาย เข้าไปบริเวณแนวชายแดนสหรัฐฯติดกับเม็กซิโก หลังจาก ทรัมป์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านผู้อพยพเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009491
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยจะออกคำสั่งให้กระทรวงกลาโหม(เพนตากอน) และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เตรียมพร้อมอาคารกักกันคนเข้าเมือง ณ เรือนจำอ่าวกวนตานาโม สำหรับรองรับพวกผู้อพยพสูงสุด 30,000 คน ที่ไม่สามารถเนรเทศกลับประเทศต้นทางได้ . ที่ผ่านมา ฐานทัพเรือสหรัฐฯในอ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา เป็นที่ตั้งของสถานที่ผู้อพยพแห่งหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว แยกจากเรือนจำที่มีรักษาความปลอดภัยในระดับสูงของสหรัฐฯ ที่มีไว้คุมขังพวกผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายต่างชาติ ขณะที่ศูนย์อพยพแห่งนี้ถูกใช้งานเป็นครั้งคราวในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ในนั้นรวมถึงใช้คุมตัวผู้อพยพชาวเฮติและชาวคิวบา ที่จับตัวได้กลางทะเล . ทอม โอแมน ซาร์ด้านเขตแดนของทรัมป์ ระบุในเวลาต่อมาในวันพุธ(29ม.ค.) รัฐบาลจะขยายศูนย์ดังกล่าวที่มีอยู่แล้ว และจะมอบหน้าที่ให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (ICE) เป็นผู้ดูแล . "วันนี้ ผมลงนามในคำสั่งบริหาร สั่งการให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เริ่มเตรียมการศูนย์คนเข้าเมืองรองรับ 30,000 คน ที่อ่าวกวนตานาโม" ทรัมป์ บอกที่ทำเนียบขาว . ทรัมป์ กล่าวด้วยว่าศูนย์แห่งนี้ "จะถูกใช้ควบคุมตัวอาชญากรต่างด้าวเลวร้ายผิดกฎหมายที่คุกคามประชาชนชาวอเมริกา บางส่วนในนั้นเลวเสียจนกระทั่ง เราไม่อาจไว้วางใจให้ประเทศต่างๆควบคุมตัวพวกเขา เพราะว่าเราไม่ต้องการให้พวกเขากลับมาอีก ดังนั้น เรากำลังส่งตัวพวกเขาไปยังกวนตานาโม นี่จะเพิ่มความจุของเราเป็นเท่าตัวในทันที" . ไม่นานหลังจากนั้น ทรัมป์ลงนามในบันทึกความเข้าใจ ซึ่งไม่ได้ระบุถึงจำนวนพวกผู้อพยพ แต่เรียกร้องให้เพิ่มพื้นที่กักขัง ณ ศูนย์ที่ได้รับการขยายแห่งนี้ . เมื่อถูกถามว่าศูนย์แห่งนี้จำเป็นต้องใช้เงินมากน้อยแค่ไหน ทาง คริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ตอบว่ารัฐบาลกำลังทำงานในเรื่องนี้ ภายใต้การประนีประนอมและการจัดสรรในสภาคองเกรส . เรือนจำในอ่าวกวตานาโม ถูกจัดตั้งขึ้นมาในปี 2002 โดยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช ณ ขณะนั้น เพื่อกักขังพวกผู้ต้องสงสัยนักรบต่างๆชาติ ตามหลังเหตุวินาศกรรมโจมตีสหรัฐฯ วันที่ 11 กันยายน 2001 และเวลานี้ยังเหนือผู้ต้องขังในเรือนจำ 15 คน . บารัค โอบามา และ โจ ไบเดน 2 ประธานาธิบดีคนก่อนหน้าทรัมป์ ซึ่งมาจากเดโมแครตทั้งคู่ หาทางปิดเรือนจำกวนตานาโม แต่ทำได้เพียงลดประชากรผู้ต้องขัง อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ประกาศว่าจะให้เรือนจำแห่งนี้เปิดทำการต่อไป . สถานคุมขังแห่งนี้ถูกประณามมาช้านานจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย สำหรับการกักขังอย่างไม่มีกำหนดและกลายมาเป็นสัญลักษณ์ความเลยเถิดของ "สงครามต่อต้านก่อการร้าย" ของสหรัฐฯ สืบเนื่องจากมีการใช้วิธีสอบปากคำที่เหี้ยมโหด ที่พวกนักวิจารณ์บอกว่าไม่ต่างจากการทรมาน . อย่างไรก็ตามศูนย์อพยพสำหรับคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย จะแยกออกจากสถานคุมขังในเรือนจำแห่งนี้ . มิเกล ดิอาซ คาเนล ประธานาธิบดีคิวบาในวันพุธ(29ม.ค.) ให้คำจำกัดความว่า "เป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณ" ประณามแผนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในจะควบคุมตัวคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ณ เรือนจำทหารกวนตานาโม . "ในการกระทำที่โหดร้ายทารุณ รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯแถลงเกี่ยวกับการกักขังที่ฐานทัพเรือกวนตานาโม ตั้งอยู่ในดินแดนคิวบา ที่ถูกยึดครองอย่างผิดกฎหมาย" ประธานาธิบดีคิวบาเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ พร้อมระบุพวกผู้อพยพจะถูกคุมขังใกล้สถานที่ต่างๆที่เขาบอกว่าสหรัฐฯเคยใช้มัน "ทรมานและกักขังผิดกฎหมาย" . การตัดสินใจล่าสุดเป็นความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมจากกรณีที่กองทัพสหรัฐฯใช้เครื่องบินทหารลำเลียงพวกผู้อพยพที่ถูกเทรเนศออกนอกประเทศ และส่งทหารประจำการกว่า 1,600 นาย เข้าไปบริเวณแนวชายแดนสหรัฐฯติดกับเม็กซิโก หลังจาก ทรัมป์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านผู้อพยพเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009491 .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    Sad
    9
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2250 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีกลาโหมเทลอาวีฟ อิสราเอล คัตซ์ (Israel Katz) ออกแถลงการณ์ดุดันประกาศข่มขู่จะเด็ดหัวผู้นำกบฏฮูตี เหมือนที่ลงมือสังหารหัวหน้าฮามาส อิสมาอิล ฮานิเยห์ กลางกรุงเตหะรานเมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา
    .
    บีบีซีของอังกฤษรายงานวานนี้ (23 ธ.ค.) ว่า รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล อิสราเอล คัตซ์ (Israel Katz) ในวันจันทร์ (23) เป็นครั้งแรกที่เทลอาวีฟได้ยอมรับว่า เป็นคนลงมือลอบสังหารหัวหน้ากลุ่มฮามาส อิสมาอิล ฮานิเยห์ (Ismail Haniyeh) ช่วงระหว่างพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของผู้นำอิหร่านคนใหม่กลางกรุงเตหะรานเมื่อกรกฎาคมก่อนหน้า
    .
    “พวกเราจะโจมตีอย่างหนักต่อกบฏฮูตี..และจะเด็ดหัวผู้นำของพวกเขา..เหมือนกับที่พวกเราทำกับอิสมาอิล ฮานิเยห์ ยาห์ยา ซินวอร์ และฮัสซัน นาสรัลลาห์ ในกรุงเตหะราน เขตฉนวนกาซา และเลบานอน พวกเราจะทำเช่นนี้ในโฮเดดา (Hodeida ) และกรุงซานา” รายงานจากแถลงการณ์ของรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล
    .
    ในคำแถลงเป็นการประกาศตั้งเป้าล่าหัวผู้นำกบฏเยเมนที่นำกำลังระดมยิงมิสไซล์และโดรนโจมตีใส่อิสราเอล
    .
    "ไม่กี่วันมานี้เมื่อองค์กรก่อการร้ายกบฏฮูตียิงมิสไซล์ใส่อิสราเอล ผมต้องการส่งสารที่ชัดเจนไปหาคนเหล่านั้นในช่วงแรกของคำกล่าวของผมคือ พวกเราโค่นฮามาส พวกเราเอาชนะฮิซบอลเลาะห์ พวกเราทำให้ระบบป้องกันประเทศอิหร่านมองไม่เห็นและทำลายระบบการผลิต พวกเราโค่นล้มรัฐบาลอัสซาดในซีเรีย พวกเราทำให้เกิดความหายนะแก่ขั้วแห่งปิศาจ และพวกเราจะจัดการองค์ก่อการร้ายฮูตีในเยเมน ที่ยังคงเป็นด่านสุดท้ายที่ยังหลงเหลือ" รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลกล่าวในรายงานของรอยเตอร์
    .
    และเขายังประกาศต่อว่า อิสราเอลจะทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางยุทธศาสตร์ของพวกเขา และพวกเราจะเด็ดหัวพวกแกนนำเหล่านั้น
    .
    บีบีซีรายงานว่า ในขณะที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู เปิดเผยถึงความก้าวหน้าที่จะนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงกาซาร่วมกับฮามาส แต่ทว่าเขาไม่สามารถให้เงื่อนเวลาว่าเมื่อใดที่ข้อตกลงจะบรรลุได้
    .
    ความก้าวหน้านี้เกิดขึ้นหลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงปาเลสไตน์ได้เปิดเผยกับบีบีซีว่า การเจรจาระหว่างฮามาสและอิสราเอลนั้นอยู่ในระดับที่เสร็จสิ้นไปแล้ว 90% แต่ยังเหลือประเด็นสำคัญต่างๆ อยู่
    .
    เนทันยาฮูกล่าวในงานเดียวกันกับที่รัฐมนตรีกลาโหมของเขายืนยันต่อสาธารณะว่า หัวหน้าฮามาสฮานิเยห์โดนขีปนาวุธยิงใส่หรือเป็นการลอบสังหารด้วยระเบิดที่เรือนพักของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) กลางกรุงเตหะรานนั้นเป็นผลงานของอิสราเอล
    .
    บีบีซีของอังกฤษรายงานว่า กลุ่มสิทธิมนุษยชนและกลุ่มบรรเทาทุกข์ได้ออกมาเตือนสถานการณ์เลวร้ายทางมนุษยธรรมในเขตฉนวนกาซา
    .
    ทั้งนี้ วันอาทิตย์ (23) กลุ่มออกซ์แฟม (Oxfam) แถลงว่ามีรถบรรเทาทุกข์จำนวนแค่ 12 คันที่ขนอาหารและน้ำเข้าในทางตอนเหนือของกาซาในช่วงเวลา 2 เดือนครึ่ง พร้อมกันยังกล่าวโทษกองทัพอิสราเอลตั้งใจขัดขวางอย่างมีระบบเพื่อให้การขนส่งเข้าสู่เขตฉนวนกาซาล่าช้า
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123558
    ..............
    Sondhi X
    รัฐมนตรีกลาโหมเทลอาวีฟ อิสราเอล คัตซ์ (Israel Katz) ออกแถลงการณ์ดุดันประกาศข่มขู่จะเด็ดหัวผู้นำกบฏฮูตี เหมือนที่ลงมือสังหารหัวหน้าฮามาส อิสมาอิล ฮานิเยห์ กลางกรุงเตหะรานเมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา . บีบีซีของอังกฤษรายงานวานนี้ (23 ธ.ค.) ว่า รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล อิสราเอล คัตซ์ (Israel Katz) ในวันจันทร์ (23) เป็นครั้งแรกที่เทลอาวีฟได้ยอมรับว่า เป็นคนลงมือลอบสังหารหัวหน้ากลุ่มฮามาส อิสมาอิล ฮานิเยห์ (Ismail Haniyeh) ช่วงระหว่างพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของผู้นำอิหร่านคนใหม่กลางกรุงเตหะรานเมื่อกรกฎาคมก่อนหน้า . “พวกเราจะโจมตีอย่างหนักต่อกบฏฮูตี..และจะเด็ดหัวผู้นำของพวกเขา..เหมือนกับที่พวกเราทำกับอิสมาอิล ฮานิเยห์ ยาห์ยา ซินวอร์ และฮัสซัน นาสรัลลาห์ ในกรุงเตหะราน เขตฉนวนกาซา และเลบานอน พวกเราจะทำเช่นนี้ในโฮเดดา (Hodeida ) และกรุงซานา” รายงานจากแถลงการณ์ของรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล . ในคำแถลงเป็นการประกาศตั้งเป้าล่าหัวผู้นำกบฏเยเมนที่นำกำลังระดมยิงมิสไซล์และโดรนโจมตีใส่อิสราเอล . "ไม่กี่วันมานี้เมื่อองค์กรก่อการร้ายกบฏฮูตียิงมิสไซล์ใส่อิสราเอล ผมต้องการส่งสารที่ชัดเจนไปหาคนเหล่านั้นในช่วงแรกของคำกล่าวของผมคือ พวกเราโค่นฮามาส พวกเราเอาชนะฮิซบอลเลาะห์ พวกเราทำให้ระบบป้องกันประเทศอิหร่านมองไม่เห็นและทำลายระบบการผลิต พวกเราโค่นล้มรัฐบาลอัสซาดในซีเรีย พวกเราทำให้เกิดความหายนะแก่ขั้วแห่งปิศาจ และพวกเราจะจัดการองค์ก่อการร้ายฮูตีในเยเมน ที่ยังคงเป็นด่านสุดท้ายที่ยังหลงเหลือ" รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลกล่าวในรายงานของรอยเตอร์ . และเขายังประกาศต่อว่า อิสราเอลจะทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางยุทธศาสตร์ของพวกเขา และพวกเราจะเด็ดหัวพวกแกนนำเหล่านั้น . บีบีซีรายงานว่า ในขณะที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู เปิดเผยถึงความก้าวหน้าที่จะนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงกาซาร่วมกับฮามาส แต่ทว่าเขาไม่สามารถให้เงื่อนเวลาว่าเมื่อใดที่ข้อตกลงจะบรรลุได้ . ความก้าวหน้านี้เกิดขึ้นหลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงปาเลสไตน์ได้เปิดเผยกับบีบีซีว่า การเจรจาระหว่างฮามาสและอิสราเอลนั้นอยู่ในระดับที่เสร็จสิ้นไปแล้ว 90% แต่ยังเหลือประเด็นสำคัญต่างๆ อยู่ . เนทันยาฮูกล่าวในงานเดียวกันกับที่รัฐมนตรีกลาโหมของเขายืนยันต่อสาธารณะว่า หัวหน้าฮามาสฮานิเยห์โดนขีปนาวุธยิงใส่หรือเป็นการลอบสังหารด้วยระเบิดที่เรือนพักของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) กลางกรุงเตหะรานนั้นเป็นผลงานของอิสราเอล . บีบีซีของอังกฤษรายงานว่า กลุ่มสิทธิมนุษยชนและกลุ่มบรรเทาทุกข์ได้ออกมาเตือนสถานการณ์เลวร้ายทางมนุษยธรรมในเขตฉนวนกาซา . ทั้งนี้ วันอาทิตย์ (23) กลุ่มออกซ์แฟม (Oxfam) แถลงว่ามีรถบรรเทาทุกข์จำนวนแค่ 12 คันที่ขนอาหารและน้ำเข้าในทางตอนเหนือของกาซาในช่วงเวลา 2 เดือนครึ่ง พร้อมกันยังกล่าวโทษกองทัพอิสราเอลตั้งใจขัดขวางอย่างมีระบบเพื่อให้การขนส่งเข้าสู่เขตฉนวนกาซาล่าช้า . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123558 .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1038 มุมมอง 0 รีวิว
  • เยอรมนีสั่งปิดสถานกงสุลอิหร่านในประเทศ เพื่อตอบโต้อิหร่านจากการสั่งประหารชีวิต "จามชิด ชาร์มาฮ์ด" วิศวกรซอฟท์แวร์ สองสัญชาติ "อิหร่าน-เยอรมัน"

    อันนาเลนา แบร์บ็อค (Annalena Baerbock) รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมัน มีคำสั่งปิดสถานกงสุลอิหร่านทั้งหมดในเยอรมันทั้ง 3 แห่ง ประกอบไปด้วย แฟรงเฟิร์ต ฮัมบูร์ก และมิวนิค ทำให้อิหร่านเหลือที่ตั้งทางการทูตของตัวเองเพียงแห่งเดียวคือ สถานทูตอิหร่านประจำกรุงเบอร์ลิน

    คำสั่งปิดสถานกงศุลครั้งนี้ เพื่อตอบโต้อิหร่านจากการสั่งประหารชีวิต "จามชิด ชาร์มาฮ์ด" (Jamshid Sharmahd) วัย 69 ปี ในคดีก่อการร้าย หลังการไต่สวนโดยกระบวนการยุติธรรมของอิหร่านเสร็จสิ้นลง

    เยอรมัน สหรัฐฯ และกลุ่มสิทธิมนุษยชนออกมาประณามการตัดสินครั้งนี้ว่าเป็นสิ่งที่ “น่าละอาย” ของอิหร่าน

    ชาร์มาฮ์ด มี 2 สัญชาติคือ "อิหร่าน-เยอรมัน" เป็นพวกต่อต้านรัฐบาลอิหร่าน และอาศัยอยู่ในเมืองเกลนโดรา (Glendora) รัฐแคลิฟอร์เนีย เขาถูกจับกุมตัวในดูไบเมื่อปี 2020 และถูกพากลับมาดำเนินคดีในอิหร่าน

    ชาร์มาฮ์ดถูกรัฐบาลอิหร่านกล่าวหาว่า เป็นคนวางแผนโจมตีมัสยิดเมื่อปี 2008 ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 14 คน รวมผู้หญิง 5 คนและเด็ก 1 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 200 คน

    นอกจากนี้เขายังโดนกล่าวหาเพิ่มเติมอีกว่า แอบเปิดเผยข้อมูลความลับที่ตั้งมิสไซล์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ในปี 2017

    อิหร่านออกมาโต้เยอรมัน หลังถูกประณามว่า “หนังสือเดินทางเยอรมันไม่ได้รับประกันว่าบุคคลใดๆ จะไม่ต้องได้รับการลงโทษ โดยเฉพาะพวกก่อการร้าย”
    เยอรมนีสั่งปิดสถานกงสุลอิหร่านในประเทศ เพื่อตอบโต้อิหร่านจากการสั่งประหารชีวิต "จามชิด ชาร์มาฮ์ด" วิศวกรซอฟท์แวร์ สองสัญชาติ "อิหร่าน-เยอรมัน" อันนาเลนา แบร์บ็อค (Annalena Baerbock) รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมัน มีคำสั่งปิดสถานกงสุลอิหร่านทั้งหมดในเยอรมันทั้ง 3 แห่ง ประกอบไปด้วย แฟรงเฟิร์ต ฮัมบูร์ก และมิวนิค ทำให้อิหร่านเหลือที่ตั้งทางการทูตของตัวเองเพียงแห่งเดียวคือ สถานทูตอิหร่านประจำกรุงเบอร์ลิน คำสั่งปิดสถานกงศุลครั้งนี้ เพื่อตอบโต้อิหร่านจากการสั่งประหารชีวิต "จามชิด ชาร์มาฮ์ด" (Jamshid Sharmahd) วัย 69 ปี ในคดีก่อการร้าย หลังการไต่สวนโดยกระบวนการยุติธรรมของอิหร่านเสร็จสิ้นลง เยอรมัน สหรัฐฯ และกลุ่มสิทธิมนุษยชนออกมาประณามการตัดสินครั้งนี้ว่าเป็นสิ่งที่ “น่าละอาย” ของอิหร่าน ชาร์มาฮ์ด มี 2 สัญชาติคือ "อิหร่าน-เยอรมัน" เป็นพวกต่อต้านรัฐบาลอิหร่าน และอาศัยอยู่ในเมืองเกลนโดรา (Glendora) รัฐแคลิฟอร์เนีย เขาถูกจับกุมตัวในดูไบเมื่อปี 2020 และถูกพากลับมาดำเนินคดีในอิหร่าน ชาร์มาฮ์ดถูกรัฐบาลอิหร่านกล่าวหาว่า เป็นคนวางแผนโจมตีมัสยิดเมื่อปี 2008 ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 14 คน รวมผู้หญิง 5 คนและเด็ก 1 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 200 คน นอกจากนี้เขายังโดนกล่าวหาเพิ่มเติมอีกว่า แอบเปิดเผยข้อมูลความลับที่ตั้งมิสไซล์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ในปี 2017 อิหร่านออกมาโต้เยอรมัน หลังถูกประณามว่า “หนังสือเดินทางเยอรมันไม่ได้รับประกันว่าบุคคลใดๆ จะไม่ต้องได้รับการลงโทษ โดยเฉพาะพวกก่อการร้าย”
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 446 มุมมอง 0 รีวิว
  • 28-10-67/02 : หมี CNN / ความแตกต่างของ PROPAGANDA อียิว กับของโลกอาหรับ หรืออิหร่าน ฟังให้ชัด! โฆษณาชวนเชื่อ ข่าวปลอมอียิวคือ FAKE ทั้งหมด ปั่น ตอแหล เพื่อทำลายฝ่ายตรงกันข้าม หลอกควายไร้สติ หลอกคนไม่ได้ ขณะที่ PROPAGANDA อิหร่าน และโลกอาหรับ คือเอาของจริง FACT มาตีแผ่ขยายความเหี้ยจัญไรของอียิว อียิวทำจริง ใส่สีตีไข่ ให้รุนแรงเกินความน่าจะเป็น ตาย 10 บอก 100 ตาย 100 บอก 1000 เพื่ออะไร? เพื่อแนวร่วมทั้งโลกจะได้เข้าทอดกฐินลงแขกอียิวไงล่ะ ซึ่งก็ทำสำเร็จได้ดีเยี่ยม จนที่มาทั้งโลก แม้แต่อี WC UNSC ยังส่ายหัวรับไม่ไหว? แอฟริกามีกี่ประเทศ รับรองสมาชิกใหม่ปาเลสไตน์ อี UN กล้าขัดส้นตรีนมั้ยล่ะ? กาซ่าที่รายงานในสื่อจอแหล คืออียิวไล่ฆ่า แต่ในชีวิตจริง กองทัพอียิวถูกล้อมกลางดงตรีนฮามาส แต่สื่อไม่พูดไงล่ะ? หากมันฆ่าชาวกาซ่าได้จริง หมดจริง ป่านนี้ฮามาสแพ้ไปนานแล้ว แต่ทำไม ฮามาสยังดาหน้าไล่ฆ่าอียิวไม่หยุดหย่อน กองกำลังฮามาส เพิ่มขึ้น แนวร่วมมากขึ้น ดูเกมส์ให้ดูผลลัพธ์ ผลการรบ เพราะมันโกหกตอแหลไม่ได้ ใครรุกคืบ ใครถอย ใครตายเกลื่อน อาหรับเค้ารู้กันทั่ว ยกเว้นควายเท่านั้น? มรึงรบยังไงก็แพ้ เพราะฆ่าได้แต่เด็ก สตรี คนชรา คนพิการ คนท้อง ชาวบ้าน เพราะเข้าไม่ถึงฐานทัพบัญชาการ และคลังแสง ขณะที่ฮามาส เฮซบอเลาะห์ ฮูตี ซีเรีย เยเมน อิรัก เลบานอน ดาหน้าถล่มฐานทัพ ฐานบัญชาการ ศูนย์ควบคุม คลังแสง คลังอาวุธ สนามบิน ท่าเรือ ศูนย์สื่อสาร กองกำลังพลสำรอง แม้แต่ฐานลับใต้ดินก็ไม่เหลือ มรึงจะเหลือเหี้ยอะไรไปสู้เค้าได้อีก ทหารมรึงตายวันละ 1000 หากเทียบต่อประชากร เท่ากับ 1 ต่อ 3 เพราะทักษะทหารกว่าจะฝึกใช้เวลาเป็นปี มรึงเสียทหาร เท่ากับพลเรือน 3 คน ยิ่งมรึงกลายร่างเป็นหมาบ้ามากเท่าไหร่ ทั้งโลกยิ่งลงแขกมรึงหนักขึ้นกว่านี้ อิหร่านชนะมรึงไปเรียบร้อยแล้ว

    ‘Major massacre’: Scores killed as Israel attacks hospital, homes in Gaza “การสังหารหมู่ครั้งใหญ่“: ประชาชนจำนวนมากเสียชีวิตจากการโจมตีโรงพยาบาลและที่พักอาศัยในกาซา

    ------------------------------------------------------------------------—
    RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : “การสังหารหมู่ครั้งใหญ่“: ประชาชนจำนวนมากเสียชีวิตจากการโจมตีโรงพยาบาลและที่พักอาศัยในกาซา

    กองกำลังอิสราเอลโจมตีโรงพยาบาลที่เปิดทำการที่เดียวทางตอนเหนือของกาซา หลังวางระเบิดและทำให้มีเด็กในโรงพยาบาลเสียชีวิตตามรายงานจากแพทย์และสื่อ

    แหล่งข่าวทางการแพทย์ประกาศว่า มีชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 63 รายเสียชีวิตจากการโจมตีในช่วงเช้ามืดของอิสราเอลในกาซา

    การโจมตีโรงพยาบาล Kamal Adwan ที่ตั้งอยู่ในเมือง Beit Lahia ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัด Jabalia เกิดขึ้นในช่วงตี 2 ตามเวลาท้องถิ่นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหลังตัวแทนจาก WHO ออกจากโรงพยาบาล

    Dr. Munir al-Bursh ผู้อำนวยการกระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ในกาซา ระบุว่า อิสราเอลเริ่มการโจมตีทางอากาศที่มีเป้าหมายเป็นโรงพยาบาลและสนามหญ้ารวมถึงเครื่องช่วยหายใจ

    กองทัพอิสราเอลโจมตีโรงพยาบาลใน 2 ชั่วโมงต่อมาซึ่งทำให้ผู้ป่วยทั้งหมดและประชาชนที่อยู่ในการดูแลเป็นพิเศษต้องรวมตัวกันที่สนามหญ้า พวกเขาจับวัยรุ่นชายในโรงพยาบาลและสอบถามข้อมูลจากพวกเขา

    ตามรายงานจากสำนักข่าว Al Jazeera กองกำลังอิสราเอลลักพาตัวอดีตนักเคลื่อนไหว Aboud Battah ที่เป็นเยาวชนและนักข่าวชาวปาเลสไตน์จากโรงพยาบาล

    Kamal Adwan เป็น 1 ใน 3 โรงพยาบาลทางตอนเหนือของกาซา ที่ถูกอิสราเอลปิดล้อมมาเป็นเวลา 3 สัปดาห์ พวกเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือ ยา อาหาร และเชื้อเพลิงตั้งแต่ที่อิสราเอลปิดล้อมบริเวณดังกล่าว

    กองทัพอิสราเอลเริ่มปฏิบัติการทางตอนเหนือของกาซา ในวันที่ 5 ตุลาคมที่ได้รับการอธิบายจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนและผู้เชี่ยวชาญที่เป็นส่วนหนึ่งของการกวาดล้างชาวปาเลสไตน์

    อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการหลังข้อเสนอในชื่อ “Generals’ Plan” ได้รับการเปิดเผยในประเทศซึ่งต้องการให้ไม่มีผู้อยู่อาศัยในบริเวณดังกล่าวเพื่ออิสราเอลจะสร้าง ”เขตทหารแบบปิด“

    ตามแผนการ ใครก็ตามที่เลือกจะอยู่ต่อถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม Hamas และอาจถูกฆ่า UNRWA ประเมินว่า ประชาชนประมาณ 400,000 คนยังอยู่ในบริเวณทางตอนเหนือของกาซา รวมถึงกาซาซิตี้

    ที่อยู่อาศัยของประชาชนถูกวางระเบิดในเมือง Khan Yunis

    ในบริเวณตอนใต้ของกาซา การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลพุ่งเป้าไปที่ที่อยู่อาศัยในหมู่บ้าน al-Manara ของเมือง Khan Yunis ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 38 รายในวันศุกร์ที่ผ่านมา การโจมตีทางอากาศเกิดขึ้นพร้อมการโจมตีภาคพื้นดินจากกองกำลังอิสราเอลที่ได้รับการสนับสนุนจากทางอากาศและปืนใหญ่

    เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตในเมือง Khan Yunis ที่ประชาชนต่อแถวเพื่อรับขนมปังจากร้านเพียงแห่งเดียวที่ยังเปิดทำการ

    การโจมตีเกิดขึ้น 1 วันหลังรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ แอนโทนี บลิงเกนระบุว่า อิสราเอลบรรลุจุดประสงค์ของ “การทำลายกลุ่มฮามาสอย่างมีประสิทธิภาพ”

    บ้านเรือนได้รับความเสียหายในเมือง Jabalia

    มีชาวปาเลสไตน์มากกว่า 150 รายเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บใน “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งใหญ่” ในค่ายลี้ภัย Jabalia ทางตอนเหนือของกาซาหลังกองกำลังอิสราเอลระเบิดบ้าน 11 หลังในบริเวณ al-Hawaja เมื่อเย็นวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา มีประชาชนอย่างน้อย 18 รายเสียชีวิตจากการโจมตีโรงเรียน Nuseirat Martyrs ในค่ายลี้ภัย Nuseirat ทางตอนกลางของกาซา

    สำนักงานสื่อของรัฐบาลกาซาระบุว่า โรงเรียนประชากรพลัดถิ่นหลายหมื่นคน การโจมตีทำให้มีผู้พลัดถิ่นที่ตกเป็นเป้าหมายของกองกำลังอิสราเอลถึง 196 ราย

    Ismail Al-Thawabta ผู้อำนวยการสำนักงานสื่อของรัฐบาลกาซา ระบุว่า มีเด็ก 11 คนเสียชีวิตในเหตุระเบิดของชมรม al-Maghazi ในค่ายลี้ภัย Maghazi

    https://www.presstv.ir/Detail/2024/10/25/735942/Israeli-major-massacre-Gaza-Jabalia-

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    28-10-67/02 : หมี CNN / ความแตกต่างของ PROPAGANDA อียิว กับของโลกอาหรับ หรืออิหร่าน ฟังให้ชัด! โฆษณาชวนเชื่อ ข่าวปลอมอียิวคือ FAKE ทั้งหมด ปั่น ตอแหล เพื่อทำลายฝ่ายตรงกันข้าม หลอกควายไร้สติ หลอกคนไม่ได้ ขณะที่ PROPAGANDA อิหร่าน และโลกอาหรับ คือเอาของจริง FACT มาตีแผ่ขยายความเหี้ยจัญไรของอียิว อียิวทำจริง ใส่สีตีไข่ ให้รุนแรงเกินความน่าจะเป็น ตาย 10 บอก 100 ตาย 100 บอก 1000 เพื่ออะไร? เพื่อแนวร่วมทั้งโลกจะได้เข้าทอดกฐินลงแขกอียิวไงล่ะ ซึ่งก็ทำสำเร็จได้ดีเยี่ยม จนที่มาทั้งโลก แม้แต่อี WC UNSC ยังส่ายหัวรับไม่ไหว? แอฟริกามีกี่ประเทศ รับรองสมาชิกใหม่ปาเลสไตน์ อี UN กล้าขัดส้นตรีนมั้ยล่ะ? กาซ่าที่รายงานในสื่อจอแหล คืออียิวไล่ฆ่า แต่ในชีวิตจริง กองทัพอียิวถูกล้อมกลางดงตรีนฮามาส แต่สื่อไม่พูดไงล่ะ? หากมันฆ่าชาวกาซ่าได้จริง หมดจริง ป่านนี้ฮามาสแพ้ไปนานแล้ว แต่ทำไม ฮามาสยังดาหน้าไล่ฆ่าอียิวไม่หยุดหย่อน กองกำลังฮามาส เพิ่มขึ้น แนวร่วมมากขึ้น ดูเกมส์ให้ดูผลลัพธ์ ผลการรบ เพราะมันโกหกตอแหลไม่ได้ ใครรุกคืบ ใครถอย ใครตายเกลื่อน อาหรับเค้ารู้กันทั่ว ยกเว้นควายเท่านั้น? มรึงรบยังไงก็แพ้ เพราะฆ่าได้แต่เด็ก สตรี คนชรา คนพิการ คนท้อง ชาวบ้าน เพราะเข้าไม่ถึงฐานทัพบัญชาการ และคลังแสง ขณะที่ฮามาส เฮซบอเลาะห์ ฮูตี ซีเรีย เยเมน อิรัก เลบานอน ดาหน้าถล่มฐานทัพ ฐานบัญชาการ ศูนย์ควบคุม คลังแสง คลังอาวุธ สนามบิน ท่าเรือ ศูนย์สื่อสาร กองกำลังพลสำรอง แม้แต่ฐานลับใต้ดินก็ไม่เหลือ มรึงจะเหลือเหี้ยอะไรไปสู้เค้าได้อีก ทหารมรึงตายวันละ 1000 หากเทียบต่อประชากร เท่ากับ 1 ต่อ 3 เพราะทักษะทหารกว่าจะฝึกใช้เวลาเป็นปี มรึงเสียทหาร เท่ากับพลเรือน 3 คน ยิ่งมรึงกลายร่างเป็นหมาบ้ามากเท่าไหร่ ทั้งโลกยิ่งลงแขกมรึงหนักขึ้นกว่านี้ อิหร่านชนะมรึงไปเรียบร้อยแล้ว ‘Major massacre’: Scores killed as Israel attacks hospital, homes in Gaza “การสังหารหมู่ครั้งใหญ่“: ประชาชนจำนวนมากเสียชีวิตจากการโจมตีโรงพยาบาลและที่พักอาศัยในกาซา ------------------------------------------------------------------------— RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : “การสังหารหมู่ครั้งใหญ่“: ประชาชนจำนวนมากเสียชีวิตจากการโจมตีโรงพยาบาลและที่พักอาศัยในกาซา กองกำลังอิสราเอลโจมตีโรงพยาบาลที่เปิดทำการที่เดียวทางตอนเหนือของกาซา หลังวางระเบิดและทำให้มีเด็กในโรงพยาบาลเสียชีวิตตามรายงานจากแพทย์และสื่อ แหล่งข่าวทางการแพทย์ประกาศว่า มีชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 63 รายเสียชีวิตจากการโจมตีในช่วงเช้ามืดของอิสราเอลในกาซา การโจมตีโรงพยาบาล Kamal Adwan ที่ตั้งอยู่ในเมือง Beit Lahia ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัด Jabalia เกิดขึ้นในช่วงตี 2 ตามเวลาท้องถิ่นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหลังตัวแทนจาก WHO ออกจากโรงพยาบาล Dr. Munir al-Bursh ผู้อำนวยการกระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ในกาซา ระบุว่า อิสราเอลเริ่มการโจมตีทางอากาศที่มีเป้าหมายเป็นโรงพยาบาลและสนามหญ้ารวมถึงเครื่องช่วยหายใจ กองทัพอิสราเอลโจมตีโรงพยาบาลใน 2 ชั่วโมงต่อมาซึ่งทำให้ผู้ป่วยทั้งหมดและประชาชนที่อยู่ในการดูแลเป็นพิเศษต้องรวมตัวกันที่สนามหญ้า พวกเขาจับวัยรุ่นชายในโรงพยาบาลและสอบถามข้อมูลจากพวกเขา ตามรายงานจากสำนักข่าว Al Jazeera กองกำลังอิสราเอลลักพาตัวอดีตนักเคลื่อนไหว Aboud Battah ที่เป็นเยาวชนและนักข่าวชาวปาเลสไตน์จากโรงพยาบาล Kamal Adwan เป็น 1 ใน 3 โรงพยาบาลทางตอนเหนือของกาซา ที่ถูกอิสราเอลปิดล้อมมาเป็นเวลา 3 สัปดาห์ พวกเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือ ยา อาหาร และเชื้อเพลิงตั้งแต่ที่อิสราเอลปิดล้อมบริเวณดังกล่าว กองทัพอิสราเอลเริ่มปฏิบัติการทางตอนเหนือของกาซา ในวันที่ 5 ตุลาคมที่ได้รับการอธิบายจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนและผู้เชี่ยวชาญที่เป็นส่วนหนึ่งของการกวาดล้างชาวปาเลสไตน์ อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการหลังข้อเสนอในชื่อ “Generals’ Plan” ได้รับการเปิดเผยในประเทศซึ่งต้องการให้ไม่มีผู้อยู่อาศัยในบริเวณดังกล่าวเพื่ออิสราเอลจะสร้าง ”เขตทหารแบบปิด“ ตามแผนการ ใครก็ตามที่เลือกจะอยู่ต่อถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม Hamas และอาจถูกฆ่า UNRWA ประเมินว่า ประชาชนประมาณ 400,000 คนยังอยู่ในบริเวณทางตอนเหนือของกาซา รวมถึงกาซาซิตี้ ที่อยู่อาศัยของประชาชนถูกวางระเบิดในเมือง Khan Yunis ในบริเวณตอนใต้ของกาซา การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลพุ่งเป้าไปที่ที่อยู่อาศัยในหมู่บ้าน al-Manara ของเมือง Khan Yunis ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 38 รายในวันศุกร์ที่ผ่านมา การโจมตีทางอากาศเกิดขึ้นพร้อมการโจมตีภาคพื้นดินจากกองกำลังอิสราเอลที่ได้รับการสนับสนุนจากทางอากาศและปืนใหญ่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตในเมือง Khan Yunis ที่ประชาชนต่อแถวเพื่อรับขนมปังจากร้านเพียงแห่งเดียวที่ยังเปิดทำการ การโจมตีเกิดขึ้น 1 วันหลังรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ แอนโทนี บลิงเกนระบุว่า อิสราเอลบรรลุจุดประสงค์ของ “การทำลายกลุ่มฮามาสอย่างมีประสิทธิภาพ” บ้านเรือนได้รับความเสียหายในเมือง Jabalia มีชาวปาเลสไตน์มากกว่า 150 รายเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บใน “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งใหญ่” ในค่ายลี้ภัย Jabalia ทางตอนเหนือของกาซาหลังกองกำลังอิสราเอลระเบิดบ้าน 11 หลังในบริเวณ al-Hawaja เมื่อเย็นวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา มีประชาชนอย่างน้อย 18 รายเสียชีวิตจากการโจมตีโรงเรียน Nuseirat Martyrs ในค่ายลี้ภัย Nuseirat ทางตอนกลางของกาซา สำนักงานสื่อของรัฐบาลกาซาระบุว่า โรงเรียนประชากรพลัดถิ่นหลายหมื่นคน การโจมตีทำให้มีผู้พลัดถิ่นที่ตกเป็นเป้าหมายของกองกำลังอิสราเอลถึง 196 ราย Ismail Al-Thawabta ผู้อำนวยการสำนักงานสื่อของรัฐบาลกาซา ระบุว่า มีเด็ก 11 คนเสียชีวิตในเหตุระเบิดของชมรม al-Maghazi ในค่ายลี้ภัย Maghazi https://www.presstv.ir/Detail/2024/10/25/735942/Israeli-major-massacre-Gaza-Jabalia- ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 509 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาตินิยม...ที่ฝังอยู่ในสายเลือด...!!

    ดิฉันกำลังพูดถึงตัวเอง...ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับใคร หรือ เป็นเพราะการเลือกตั้งครั้งสำคัญของประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ทางโค้ง

    แต่ถ้ามีคนถาม...ก็จะตอบว่าไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่รู้สึก”กลัว” เท่ากับในครั้งนี้ ที่กลัวเพราะว่ามันเป็นการเลือกตั้งที่เรากำลังต่อสู้กับเงาอสูร หรือมือที่เรามองไม่เห็น
    ไม่ใช่การเลือกตั้งแบบครั้งก่อนๆที่เรารู้จักหน้าค่าตา รู้จักน้ำจิตน้ำใจ รู้จักนโยบาย
    ครั้งนี้...มองเห็นได้ชัดเจนว่าเราได้ถูกแทรกแซงจากแหล่งต่างๆ
    ที่มีทุนมหาศาล และ เขาได้สร้างนอมินีมาเป็นมือไม้ทำงานให้อย่างไม่ต้องลงแรง
    ส่วนนอมินีที่ว่านั้น....จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม...แต่พวกเขาได้รับการบ่มเพาะ ปลูกฝังมาในทางทฤษฎีให้เชื่อและคล้อยตาม
    คำว่า ชาตินิยม...กลายเป็นของแสลง เพราะเขาใช้คำว่า “คลั่งชาติ” มาตีกันเอาไว้ก่อน
    คำว่า “สลิ่ม” คือพวกที่อยู่ข้างสถาบัน ตามด้วยกิริยาว่า “โหนเจ้า”
    อีกทั้งหาพวกพ้องให้เกิดความแตกแยก โดยเรียกตัวเองว่า “ไพร่”
    ที่ต้องมาผนึกกำลังกันเรียกร้องหาความเสมอภาค

    คำเหล่านี้...คือการยุงยงปลุกปั่น สร้างความร้าวฉาน ทั้งๆที่ เราควรจะภูมิใจถ้าหากเราคลั่งชาติจริงๆ เพราะนี่คือทางออกทางเดียว
    ที่เห็นว่า เราจะแล้วรอดปลอดภัยจากนโยบายครองโลกของคนกลุ่มทุน

    เราปล่อยให้เด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมาออกอากาศว่า ฟังเพลงชาติแล้วจะอ้วก...หรือ...ไม่จำเป็นต้องทำตามระเบียบแบบแผนที่มีมาดั้งเดิม เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย
    เรามองเห็นมะเร็งร้ายที่เริ่มจากการก่อตัว จนมันได้ขยายออกไป
    ถึงขั้นสี่ ขั้นห้า...แล้วไม่ทำอะไรกันเลย ต่างเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
    เพราะความเป็นคนขี้รำคาญตามนิสัยคนไทย

    ดิฉันกลายมาเป็นคนชาตินิยมไปตั้งแต่เริ่มเข้าวัยกลางคน ทั้งที่อดีต
    เคยนิยมชาติอื่นอย่างมากมาย เพราะเขาให้สิทธิในการออกความเห็น แต่ไม่ใช่ว่าจะออกความเห็นได้อย่างเสรีที่เขาว่า เพราะกฏหมายเขาเอาจริง จะเที่ยวพูดสุ่มสี่สุ่มห้า หรืออารมณ์เมาไวน์พาไปก็ไม่ได้ จะต้องมี”ความรู้” จริง
    ต้องมีการเตรียมตัวพร้อมหลักฐานอ้างอิงที่เชื่อถือได้ ต้องคิดไตร่ตรองถ้วนถี่ เพราะไม่เช่นนั้น อาจกลายเป็น “ปากพาจน”

    ถึงจะมีสามีเป็นฝรั่งเศส...แต่ไม่เคยที่จะเอามาเป็น”ตัวอ้างอิง”
    ทางความคิดเห็น ความเชื่อของเขากับดิฉันนั้น ต่างกันคนละสาย
    แต่เราไม่ก้าวก่ายกัน
    เขาแปลกใจที่เห็นดิฉัน รักเคารพบูชา เจ้าเหนือแผ่นดิน
    ในขณะที่ชาวฝรั่งเศสเห็นว่า เหนือกว่าอำมาตย์และชนชั้นฐานันดรนั้นคือ tyranny (มีบรรจุไว้ในเพลงชาติ La Marseillaise)
    เขาพร่ำสอนกันมาหลายร้อยปี ก็คงจะเปลี่ยนกันยาก
    นักวิชาการบางพวก...อาจจะเห่อหรือเอาใจเมีย หรืออยากจะอวดว่าเป็นคนที่มีความคิดเห็นแบบตะวันตก...เลยกลายเป็นคนที่ผีเจาะปากมาพูด

    แต่ในครอบครัวดิฉัน...เรื่องนี้...เราไม่ก้าวล่วงในความเชื่อของกันและกัน

    วันก่อน... เห็นมีคนเอาข่าวของการเผาไร่ข้าวโพดกว่าพันเอเคอร์ในฮังการีมาลง...แต่นั้นมันเป็นเรื่องหลายปีมาแล้ว ตั้งแต่ปี 2011
    ที่ชาวเกษตรอนุรักษ์นิยม ได้พบว่ามีเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด GMO หลงเข้ามา ซึ่งจะสร้างการแตกหน่อ ขยายแขนงไปจนเกิดโทษ
    จึงจัดการเผาผลผลิตทิ้งให้หมด ไม่ให้เหลือแม้แต่เกสรที่อาจปลิวไป
    ผสมพันธ์ที่อื่น...
    ฮังการีเปิดศึกกับบริษัทมอนซานโตในทุกทาง
    เท่านั้นไม่พอ...นายกรัฐมนตรี Viktor Orban ได้สั่งให้ มหาวิทยาลัย
    CEU (Central European University) ย้ายออกไปจากประเทศ
    ทั้งๆที่มหาวิทยาลัยนี้ เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในภาพพื้นยุโรปตะวันออก ที่สอนในหลักสูตรเดียวกับสหรัฐอเมริกา และ ปริญญาทุกใบ จะรับรองมาตรฐานโดยกระทรวงศึกษาธิการแห่งสหรัฐ

    CEU เป็นมหาวิทยาลัยอินเตอร์ สอนด้วยภาษาอังกฤษ ก่อตั้งในปี 1990 จากทุนทรัพย์ส่วนตัวของนายจอร์จ โซรอส ที่ทุ่มลงมากว่า 800 ล้านยูเอส เพื่อให้เป็นตักศิลาทางการเมืองที่ทันสมัยที่สุด ใหญ่ที่สุด จนได้รับตำแหน่งว่าเป็นยูหนึ่งในร้อยที่ดีที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในสิบสาม ที่เด่นทางรัฐศาสตร์ และ ทางกฏหมาย
    จากนั้นก็เพิ่มสาขาขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงการเงินและธุรกิจ ตามด้วยวิชาปรัชญาเพื่อรองรับกับนโยบายของ Open Society ที่เป็นที่เพาะพันธุ์ของเหล่า NGO ต่างๆ

    ฮังการีภายใต้การนำของนายออร์บัน ได้ระงับการต่อสัญญากับมหาวิทยาลัย พูดง่ายๆคือ ให้ย้ายออกไปจากประเทศโดยไม่แคร์ว่านักศึกษาจะเคว้ง หรือไม่มีที่จะเรียน โดยเห็นว่า ถ้าปล่อยให้ทุนโซรอสเข้ามาครอบงำประชาชนรุ่นใหม่ที่เป็นกำลังของประเทศ
    นั่นหมายถึงการล่มสลาย...
    ดังนั้นจึงเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม...
    วันที่ 3 ธันวาคม 2018 ที่ผ่านมา หลังจากที่การยื้อเวลาโดยใช้กลุ่ม อียูเข้ามาช่วยเจรจา หรือ ทางสหรัฐอเมริกาที่พยายามกดดันรัฐบาลทางการทูต....ไม่เป็นผลสำเร็จ
    ซ้ำร้าย....ฮังการีได้เปิดสงครามกับโซรอสโดยการปิดป้ายประจานไปทั่วเมืองนั้น...
    CEU ต้องถอยทัพ...ประกาศว่า จะย้ายมหาวิทยาลัยไปที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย...

    ผู้คนต่างก็ไม่พอใจ พากันเดินขบวนต่อต้านแบบมืดฟ้ามัวดิน เพราะการศึกษาคือเรื่องสำคัญต่ออนาคต
    แต่รัฐบาล....ต้องยอมให้ประชาชนก่นด่า ยอมให้ชาติต้องหยุดชะงัก
    ดีกว่าที่จะให้ เด็กฮังเกเรี่ยนมีหัวใจเป็นอเมริกัน มีสมองที่คิดแต่การเอาเปรียบ มีวิญญาณที่ซื้อได้ด้วยเงิน....

    จากนั้น...รัฐบาลได้ออกกฏหมายให้เหล่า NGO ทุกคนให้มาขึ้นบัญชี
    ที่ต้องแสดงรายได้ตามความเป็นจริง และต้องระบุด้วยว่า รับมาจากที่ใด...เล่นเอาเหล่า NGO ผู้ที่แอบแฝงมาในคราบต่างๆเกิดอาการร้อนๆหนาวๆขึ้นมา เพราะก่อนหน้านี้ไม่นาน รัสเซียได้เขี่ยองค์กร
    ลํบหน้าปะจมูกพวกนี้ออกมาจนหมดสิ้น
    นี่ฮังการีก็เริ่มจะเขี่ยทิ้งอีก....
    อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างฮังการีกับรัสเซียที่แน่นแฟ้นขึ้นทุกวัน
    จากเมื่อยี่สิบปีก่อน ที่นายออร์บันคือผู้ที่ต่อต้านรัสเซียอย่างชัดเจน
    แต่ทกอย่างเปลี่ยนไป เมื่อปูตินได้ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี
    ดำเนินนโยบายแบบยอมหักแต่ไม่ยอมงอนั้น ทำให้เกิดความเลื่อมใส จนแทบจะเดินรอยตามในทุกเรื่อง
    แม้กระทั่งเรื่องผู้อพยพ...ที่เป็นชนวนให้ต้องมีการขับไล่กลุ่ม
    โซรอสออกไปให้พ้นๆ
    มิไยที่สหภาพยุโรปจะกดดัน หรือ ใช้มาตรการเข้ม...ก็ไม่เป็นผล
    ประโยชน์ของชาติต้องมาก่อน...

    แต่กลุ่มสหภาพยุโรปที่แสดงท่าทีแข็งกร้าวในเรื่องการปฏิเสธการรับผู้อพยพของกลุ่มประเทศ ฮังการี, สโลเวเนีย และโปแลนด์ นั้น
    เริ่มที่จะเสียงแตก เพราะกลุ่มขวาจัดในรัฐบาลอื่นๆ เช่น ฝรั่งเศส และ เยอรมัน ต่างแสดงความเห็นใจประเทศที่ต้องโดนยัดเยียดเหล่านี้...
    ส่วนทางรัสเซีย...ที่ขยันออกคลิปของการ”ต้อนรับ” ผู้หลบหนีเข้าเมืองแบบถึงลูกถึงคนนั้น
    ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับกลุ่มสิทธิมนุษยชนในสภายุโรป
    จนเรียกร้องให้การ”คว่ำบาตร” รัสเซียดำเนินต่อไป...

    ฝรั่งเศส...เมื่อตอนที่นายมาครงขึ้นมาดำรงตำแหน่งในปี 2017
    เขาประกาศอย่างภาคภูมิใจว่า การรับและโอบอุ้มผู้อพยพคือการแสดงถึงความมีมนุษยธรรม...
    เวลาผ่านไปปีเศษเอง เขาเปลี่ยนไปแล้ว คราวนี้คือ การไม่ต้อนรับและไม่ได้พูดถึงเรื่องมนุษยธรรมอีกเลย
    ซ้ำกระโจมผู้อพยพที่ตั้งเรียงรายนับหมื่นคนที่ท่า Calais นั่น
    ที่หวังจะให้อังกฤษช่วยรับไปก็แห้วอีก...เพราะอังกฤษกำลังจะออกจากอียูอยู่รอมร่อ....เพราะเขาไม่ต้องการการยัดเยียดให้รับชาวต่างชาติอพยพ……

    ทีนี้ก็ถึงคราวที่นายมาครงจะต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง
    จะกลืนน้ำลายตัวเองต่อไป หรือจะให้เสื้อกั๊กเหลืองเพิ่มจำนวนขึ้นทุกวัน

    นี่คือตัวอย่างของการแทรกแซงที่ดิฉันรู้สึกว่าน่ากลัว....เพราะเห็นหน้าตากัน เชื้อชาติเดียวกัน พูดจาภาษาเดียวกัน
    แต่...ไม่ใช่ว่าเขามีจิตวิญญาณรักชาติ รักแผ่นดินเหมือนเรา...

    อย่างฮังการีกับโซรอสนั่นไง....ที่มาทำท่าเป็นพ่อพระเพื่อช่วยส่งเสริมการศึกษา แจกทุน ตั้งองค์กรด้วยเงินจำนวนมหาศาล....
    แต่ซ่อนมีดไว้ข้างหลัง....

    ทั้งๆที่เขาและบรรพบุรุษของเขา.....เป็นฮังเกเรี่ยนแท้ๆ เขายังทำได้ลงคอ....!!!

    Wiwanda W. Vichit
    ชาตินิยม...ที่ฝังอยู่ในสายเลือด...!! ดิฉันกำลังพูดถึงตัวเอง...ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับใคร หรือ เป็นเพราะการเลือกตั้งครั้งสำคัญของประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ทางโค้ง แต่ถ้ามีคนถาม...ก็จะตอบว่าไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่รู้สึก”กลัว” เท่ากับในครั้งนี้ ที่กลัวเพราะว่ามันเป็นการเลือกตั้งที่เรากำลังต่อสู้กับเงาอสูร หรือมือที่เรามองไม่เห็น ไม่ใช่การเลือกตั้งแบบครั้งก่อนๆที่เรารู้จักหน้าค่าตา รู้จักน้ำจิตน้ำใจ รู้จักนโยบาย ครั้งนี้...มองเห็นได้ชัดเจนว่าเราได้ถูกแทรกแซงจากแหล่งต่างๆ ที่มีทุนมหาศาล และ เขาได้สร้างนอมินีมาเป็นมือไม้ทำงานให้อย่างไม่ต้องลงแรง ส่วนนอมินีที่ว่านั้น....จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม...แต่พวกเขาได้รับการบ่มเพาะ ปลูกฝังมาในทางทฤษฎีให้เชื่อและคล้อยตาม คำว่า ชาตินิยม...กลายเป็นของแสลง เพราะเขาใช้คำว่า “คลั่งชาติ” มาตีกันเอาไว้ก่อน คำว่า “สลิ่ม” คือพวกที่อยู่ข้างสถาบัน ตามด้วยกิริยาว่า “โหนเจ้า” อีกทั้งหาพวกพ้องให้เกิดความแตกแยก โดยเรียกตัวเองว่า “ไพร่” ที่ต้องมาผนึกกำลังกันเรียกร้องหาความเสมอภาค คำเหล่านี้...คือการยุงยงปลุกปั่น สร้างความร้าวฉาน ทั้งๆที่ เราควรจะภูมิใจถ้าหากเราคลั่งชาติจริงๆ เพราะนี่คือทางออกทางเดียว ที่เห็นว่า เราจะแล้วรอดปลอดภัยจากนโยบายครองโลกของคนกลุ่มทุน เราปล่อยให้เด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมาออกอากาศว่า ฟังเพลงชาติแล้วจะอ้วก...หรือ...ไม่จำเป็นต้องทำตามระเบียบแบบแผนที่มีมาดั้งเดิม เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย เรามองเห็นมะเร็งร้ายที่เริ่มจากการก่อตัว จนมันได้ขยายออกไป ถึงขั้นสี่ ขั้นห้า...แล้วไม่ทำอะไรกันเลย ต่างเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เพราะความเป็นคนขี้รำคาญตามนิสัยคนไทย ดิฉันกลายมาเป็นคนชาตินิยมไปตั้งแต่เริ่มเข้าวัยกลางคน ทั้งที่อดีต เคยนิยมชาติอื่นอย่างมากมาย เพราะเขาให้สิทธิในการออกความเห็น แต่ไม่ใช่ว่าจะออกความเห็นได้อย่างเสรีที่เขาว่า เพราะกฏหมายเขาเอาจริง จะเที่ยวพูดสุ่มสี่สุ่มห้า หรืออารมณ์เมาไวน์พาไปก็ไม่ได้ จะต้องมี”ความรู้” จริง ต้องมีการเตรียมตัวพร้อมหลักฐานอ้างอิงที่เชื่อถือได้ ต้องคิดไตร่ตรองถ้วนถี่ เพราะไม่เช่นนั้น อาจกลายเป็น “ปากพาจน” ถึงจะมีสามีเป็นฝรั่งเศส...แต่ไม่เคยที่จะเอามาเป็น”ตัวอ้างอิง” ทางความคิดเห็น ความเชื่อของเขากับดิฉันนั้น ต่างกันคนละสาย แต่เราไม่ก้าวก่ายกัน เขาแปลกใจที่เห็นดิฉัน รักเคารพบูชา เจ้าเหนือแผ่นดิน ในขณะที่ชาวฝรั่งเศสเห็นว่า เหนือกว่าอำมาตย์และชนชั้นฐานันดรนั้นคือ tyranny (มีบรรจุไว้ในเพลงชาติ La Marseillaise) เขาพร่ำสอนกันมาหลายร้อยปี ก็คงจะเปลี่ยนกันยาก นักวิชาการบางพวก...อาจจะเห่อหรือเอาใจเมีย หรืออยากจะอวดว่าเป็นคนที่มีความคิดเห็นแบบตะวันตก...เลยกลายเป็นคนที่ผีเจาะปากมาพูด แต่ในครอบครัวดิฉัน...เรื่องนี้...เราไม่ก้าวล่วงในความเชื่อของกันและกัน วันก่อน... เห็นมีคนเอาข่าวของการเผาไร่ข้าวโพดกว่าพันเอเคอร์ในฮังการีมาลง...แต่นั้นมันเป็นเรื่องหลายปีมาแล้ว ตั้งแต่ปี 2011 ที่ชาวเกษตรอนุรักษ์นิยม ได้พบว่ามีเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด GMO หลงเข้ามา ซึ่งจะสร้างการแตกหน่อ ขยายแขนงไปจนเกิดโทษ จึงจัดการเผาผลผลิตทิ้งให้หมด ไม่ให้เหลือแม้แต่เกสรที่อาจปลิวไป ผสมพันธ์ที่อื่น... ฮังการีเปิดศึกกับบริษัทมอนซานโตในทุกทาง เท่านั้นไม่พอ...นายกรัฐมนตรี Viktor Orban ได้สั่งให้ มหาวิทยาลัย CEU (Central European University) ย้ายออกไปจากประเทศ ทั้งๆที่มหาวิทยาลัยนี้ เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในภาพพื้นยุโรปตะวันออก ที่สอนในหลักสูตรเดียวกับสหรัฐอเมริกา และ ปริญญาทุกใบ จะรับรองมาตรฐานโดยกระทรวงศึกษาธิการแห่งสหรัฐ CEU เป็นมหาวิทยาลัยอินเตอร์ สอนด้วยภาษาอังกฤษ ก่อตั้งในปี 1990 จากทุนทรัพย์ส่วนตัวของนายจอร์จ โซรอส ที่ทุ่มลงมากว่า 800 ล้านยูเอส เพื่อให้เป็นตักศิลาทางการเมืองที่ทันสมัยที่สุด ใหญ่ที่สุด จนได้รับตำแหน่งว่าเป็นยูหนึ่งในร้อยที่ดีที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในสิบสาม ที่เด่นทางรัฐศาสตร์ และ ทางกฏหมาย จากนั้นก็เพิ่มสาขาขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงการเงินและธุรกิจ ตามด้วยวิชาปรัชญาเพื่อรองรับกับนโยบายของ Open Society ที่เป็นที่เพาะพันธุ์ของเหล่า NGO ต่างๆ ฮังการีภายใต้การนำของนายออร์บัน ได้ระงับการต่อสัญญากับมหาวิทยาลัย พูดง่ายๆคือ ให้ย้ายออกไปจากประเทศโดยไม่แคร์ว่านักศึกษาจะเคว้ง หรือไม่มีที่จะเรียน โดยเห็นว่า ถ้าปล่อยให้ทุนโซรอสเข้ามาครอบงำประชาชนรุ่นใหม่ที่เป็นกำลังของประเทศ นั่นหมายถึงการล่มสลาย... ดังนั้นจึงเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม... วันที่ 3 ธันวาคม 2018 ที่ผ่านมา หลังจากที่การยื้อเวลาโดยใช้กลุ่ม อียูเข้ามาช่วยเจรจา หรือ ทางสหรัฐอเมริกาที่พยายามกดดันรัฐบาลทางการทูต....ไม่เป็นผลสำเร็จ ซ้ำร้าย....ฮังการีได้เปิดสงครามกับโซรอสโดยการปิดป้ายประจานไปทั่วเมืองนั้น... CEU ต้องถอยทัพ...ประกาศว่า จะย้ายมหาวิทยาลัยไปที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย... ผู้คนต่างก็ไม่พอใจ พากันเดินขบวนต่อต้านแบบมืดฟ้ามัวดิน เพราะการศึกษาคือเรื่องสำคัญต่ออนาคต แต่รัฐบาล....ต้องยอมให้ประชาชนก่นด่า ยอมให้ชาติต้องหยุดชะงัก ดีกว่าที่จะให้ เด็กฮังเกเรี่ยนมีหัวใจเป็นอเมริกัน มีสมองที่คิดแต่การเอาเปรียบ มีวิญญาณที่ซื้อได้ด้วยเงิน.... จากนั้น...รัฐบาลได้ออกกฏหมายให้เหล่า NGO ทุกคนให้มาขึ้นบัญชี ที่ต้องแสดงรายได้ตามความเป็นจริง และต้องระบุด้วยว่า รับมาจากที่ใด...เล่นเอาเหล่า NGO ผู้ที่แอบแฝงมาในคราบต่างๆเกิดอาการร้อนๆหนาวๆขึ้นมา เพราะก่อนหน้านี้ไม่นาน รัสเซียได้เขี่ยองค์กร ลํบหน้าปะจมูกพวกนี้ออกมาจนหมดสิ้น นี่ฮังการีก็เริ่มจะเขี่ยทิ้งอีก.... อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างฮังการีกับรัสเซียที่แน่นแฟ้นขึ้นทุกวัน จากเมื่อยี่สิบปีก่อน ที่นายออร์บันคือผู้ที่ต่อต้านรัสเซียอย่างชัดเจน แต่ทกอย่างเปลี่ยนไป เมื่อปูตินได้ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ดำเนินนโยบายแบบยอมหักแต่ไม่ยอมงอนั้น ทำให้เกิดความเลื่อมใส จนแทบจะเดินรอยตามในทุกเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องผู้อพยพ...ที่เป็นชนวนให้ต้องมีการขับไล่กลุ่ม โซรอสออกไปให้พ้นๆ มิไยที่สหภาพยุโรปจะกดดัน หรือ ใช้มาตรการเข้ม...ก็ไม่เป็นผล ประโยชน์ของชาติต้องมาก่อน... แต่กลุ่มสหภาพยุโรปที่แสดงท่าทีแข็งกร้าวในเรื่องการปฏิเสธการรับผู้อพยพของกลุ่มประเทศ ฮังการี, สโลเวเนีย และโปแลนด์ นั้น เริ่มที่จะเสียงแตก เพราะกลุ่มขวาจัดในรัฐบาลอื่นๆ เช่น ฝรั่งเศส และ เยอรมัน ต่างแสดงความเห็นใจประเทศที่ต้องโดนยัดเยียดเหล่านี้... ส่วนทางรัสเซีย...ที่ขยันออกคลิปของการ”ต้อนรับ” ผู้หลบหนีเข้าเมืองแบบถึงลูกถึงคนนั้น ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับกลุ่มสิทธิมนุษยชนในสภายุโรป จนเรียกร้องให้การ”คว่ำบาตร” รัสเซียดำเนินต่อไป... ฝรั่งเศส...เมื่อตอนที่นายมาครงขึ้นมาดำรงตำแหน่งในปี 2017 เขาประกาศอย่างภาคภูมิใจว่า การรับและโอบอุ้มผู้อพยพคือการแสดงถึงความมีมนุษยธรรม... เวลาผ่านไปปีเศษเอง เขาเปลี่ยนไปแล้ว คราวนี้คือ การไม่ต้อนรับและไม่ได้พูดถึงเรื่องมนุษยธรรมอีกเลย ซ้ำกระโจมผู้อพยพที่ตั้งเรียงรายนับหมื่นคนที่ท่า Calais นั่น ที่หวังจะให้อังกฤษช่วยรับไปก็แห้วอีก...เพราะอังกฤษกำลังจะออกจากอียูอยู่รอมร่อ....เพราะเขาไม่ต้องการการยัดเยียดให้รับชาวต่างชาติอพยพ…… ทีนี้ก็ถึงคราวที่นายมาครงจะต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง จะกลืนน้ำลายตัวเองต่อไป หรือจะให้เสื้อกั๊กเหลืองเพิ่มจำนวนขึ้นทุกวัน นี่คือตัวอย่างของการแทรกแซงที่ดิฉันรู้สึกว่าน่ากลัว....เพราะเห็นหน้าตากัน เชื้อชาติเดียวกัน พูดจาภาษาเดียวกัน แต่...ไม่ใช่ว่าเขามีจิตวิญญาณรักชาติ รักแผ่นดินเหมือนเรา... อย่างฮังการีกับโซรอสนั่นไง....ที่มาทำท่าเป็นพ่อพระเพื่อช่วยส่งเสริมการศึกษา แจกทุน ตั้งองค์กรด้วยเงินจำนวนมหาศาล.... แต่ซ่อนมีดไว้ข้างหลัง.... ทั้งๆที่เขาและบรรพบุรุษของเขา.....เป็นฮังเกเรี่ยนแท้ๆ เขายังทำได้ลงคอ....!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 912 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวเมืองกาซาถูกดับชีพ "จากการทรมานอย่างเป็นระบบ" ในเรือนจำของเอล ส่งผลให้จำนวนผู้ต้องขังชาวปาเลสที่ถูกดับชีพระหว่างควบคุมตัวตั้งแต่เดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นเป็น 24 ราย กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าว
    คณะกรรมการกิจการผู้ถูกคุมขังแห่งปาเลสและสโมสรนักโทษปาเลสออกแถลงการณ์เรื่อง “การพลีชีพของนักโทษนายนาสร เซยารา วัย 65 ปี จากกาซา ในเรือนจำรามลา เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม”
    “เซย์ราเป็นหนึ่งในนักโทษชาวกาซาหลายคนที่ถูกดับชีพเนื่องจากการทรมานอย่างเป็นระบบ และกลุ่มยึดครองยังคงปกปิดตัวตนของพวกเขาส่วนใหญ่และไม่ยอมเปิดเผยร่างอันไร้วิญญาณของพวกเขา” แถลงการณ์ดังกล่าวระบุ
    เขาถูกจับกุมเมื่อวันที่ 29 ธันวาคมปีที่แล้ว พร้อมด้วยลูกชายของเขา จิฮาด เซยารา ซึ่งขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเนเกฟ โดยอ้างคำพูดของครอบครัวของเขา
    กลุ่มดังกล่าวระบุว่า “นักโทษที่ได้รับการเยี่ยมที่เรือนจำ Ramla ยืนยันว่า วีรชน Zeyara ได้ถูกย้ายไปที่เรือนจำ Ramla หนึ่งสัปดาห์ก่อนที่เขาจะสิ้นชีพ และเขามีอาการป่วยที่ซับซ้อน รวมทั้งมีรอยไหม้ที่ส่วนล่างของร่างกาย”
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #สิ่งที่เกิดขึ้นจริงบนโลกใบนี้
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    ชาวเมืองกาซาถูกดับชีพ "จากการทรมานอย่างเป็นระบบ" ในเรือนจำของเอล ส่งผลให้จำนวนผู้ต้องขังชาวปาเลสที่ถูกดับชีพระหว่างควบคุมตัวตั้งแต่เดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นเป็น 24 ราย กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าว คณะกรรมการกิจการผู้ถูกคุมขังแห่งปาเลสและสโมสรนักโทษปาเลสออกแถลงการณ์เรื่อง “การพลีชีพของนักโทษนายนาสร เซยารา วัย 65 ปี จากกาซา ในเรือนจำรามลา เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม” “เซย์ราเป็นหนึ่งในนักโทษชาวกาซาหลายคนที่ถูกดับชีพเนื่องจากการทรมานอย่างเป็นระบบ และกลุ่มยึดครองยังคงปกปิดตัวตนของพวกเขาส่วนใหญ่และไม่ยอมเปิดเผยร่างอันไร้วิญญาณของพวกเขา” แถลงการณ์ดังกล่าวระบุ เขาถูกจับกุมเมื่อวันที่ 29 ธันวาคมปีที่แล้ว พร้อมด้วยลูกชายของเขา จิฮาด เซยารา ซึ่งขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเนเกฟ โดยอ้างคำพูดของครอบครัวของเขา กลุ่มดังกล่าวระบุว่า “นักโทษที่ได้รับการเยี่ยมที่เรือนจำ Ramla ยืนยันว่า วีรชน Zeyara ได้ถูกย้ายไปที่เรือนจำ Ramla หนึ่งสัปดาห์ก่อนที่เขาจะสิ้นชีพ และเขามีอาการป่วยที่ซับซ้อน รวมทั้งมีรอยไหม้ที่ส่วนล่างของร่างกาย” . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #สิ่งที่เกิดขึ้นจริงบนโลกใบนี้ #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 926 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดวงตาของชาวปาเลสที่ได้รับการปล่อยตัวจากคุกของเอลแสดงให้เห็นถึงความทุกข์ทรมานที่จิตใจไม่อาจเข้าใจได้
    โมฮัมหมัด อาบู ชาอาร์ ชาวปาเลสที่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำของเอล กล่าวว่า "พวกเขาแทงเราด้วยแท่งเหล็กในปากและทึ่ลับของเรา และช็อตไฟฟ้าเรา"
    เรื่องราวอันไร้มนุษยธรรมดังกล่าวถูกเล่าขานในโรงพยาบาลในกาซาทุกครั้งที่เอลปล่อยตัวชาวปาเลสที่ถูกนำตัวมาจากกาซาและถูกคุมขังในเรือนจำของเอล
    เอกสารระบุว่ากรณีการทรมานและละเมิดทางเพศผู้ถูกคุมขังชาวปาเลสได้เพิ่มขึ้นในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และกลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวว่าเอลยังคงดำเนินการทำให้บุรุษ สตรี และเยาวชนนับพันคนสูญหายในกาซาต่อไป
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    ดวงตาของชาวปาเลสที่ได้รับการปล่อยตัวจากคุกของเอลแสดงให้เห็นถึงความทุกข์ทรมานที่จิตใจไม่อาจเข้าใจได้ โมฮัมหมัด อาบู ชาอาร์ ชาวปาเลสที่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำของเอล กล่าวว่า "พวกเขาแทงเราด้วยแท่งเหล็กในปากและทึ่ลับของเรา และช็อตไฟฟ้าเรา" เรื่องราวอันไร้มนุษยธรรมดังกล่าวถูกเล่าขานในโรงพยาบาลในกาซาทุกครั้งที่เอลปล่อยตัวชาวปาเลสที่ถูกนำตัวมาจากกาซาและถูกคุมขังในเรือนจำของเอล เอกสารระบุว่ากรณีการทรมานและละเมิดทางเพศผู้ถูกคุมขังชาวปาเลสได้เพิ่มขึ้นในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และกลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวว่าเอลยังคงดำเนินการทำให้บุรุษ สตรี และเยาวชนนับพันคนสูญหายในกาซาต่อไป . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 491 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลูกชายของฉันร้องไห้ทั้งคืนเพราะความหิวโหย และถูกดับชีพในอีก 4 วันต่อมา
    เจ้าหน้าที่เอลปฏิเสธไม่ให้เยาวชนชาวปาเลสในกาซาเข้าถึงอาหารที่เพียงพอ ส่งผลให้ อดอาหารและขาดสารอาหารมากขึ้น Defense for Children Palestine กล่าว
    “การกีดกันโดยเจตนาเช่นนี้ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง การเจริญเติบโตที่ชะงักงัน และอัตราการเสียชีวิตของเหล่าเยาวชนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ” กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าว
    เนื้อหาพูดถึงครอบครัว 7 ครอบครัวที่มีตัวน้อย อดอาหารจนถูกดับชีพ รวมถึงแม่ของอันวาร์ อัล-คูดารี วัย 3 เดือนด้วย
    “ไม่มีนมผงเพราะถูกปิดล้อมโดยเอล และไม่มีน้ำนมในเต้านมของฉันเพราะขาดสารอาหารและขัดขวางไม่ให้ความช่วยเหลือเข้ามา” แถลงการณ์ดังกล่าวอ้างคำพูดของเธอ
    “ฉันถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลอัลชิฟาพร้อมกับสามี ลูกชายของฉันร้องไห้ตลอดทั้งคืนเพราะความหิว อุณหภูมิร่างกายของเขาสูงขึ้น และเขาเริ่มมีอาการชัก เขาถูกดับชีพในอีกสี่วันต่อมา”
    ขณะนี้โรงพยาบาล Kamal Adwan ทางตอนเหนือของกาซา กำลังรักษาเหล่าเยาวชน มากกว่า 70 รายที่ประสบปัญหาทุพโภชนาการและขาดน้ำ
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    ลูกชายของฉันร้องไห้ทั้งคืนเพราะความหิวโหย และถูกดับชีพในอีก 4 วันต่อมา เจ้าหน้าที่เอลปฏิเสธไม่ให้เยาวชนชาวปาเลสในกาซาเข้าถึงอาหารที่เพียงพอ ส่งผลให้ อดอาหารและขาดสารอาหารมากขึ้น Defense for Children Palestine กล่าว “การกีดกันโดยเจตนาเช่นนี้ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง การเจริญเติบโตที่ชะงักงัน และอัตราการเสียชีวิตของเหล่าเยาวชนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ” กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าว เนื้อหาพูดถึงครอบครัว 7 ครอบครัวที่มีตัวน้อย อดอาหารจนถูกดับชีพ รวมถึงแม่ของอันวาร์ อัล-คูดารี วัย 3 เดือนด้วย “ไม่มีนมผงเพราะถูกปิดล้อมโดยเอล และไม่มีน้ำนมในเต้านมของฉันเพราะขาดสารอาหารและขัดขวางไม่ให้ความช่วยเหลือเข้ามา” แถลงการณ์ดังกล่าวอ้างคำพูดของเธอ “ฉันถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลอัลชิฟาพร้อมกับสามี ลูกชายของฉันร้องไห้ตลอดทั้งคืนเพราะความหิว อุณหภูมิร่างกายของเขาสูงขึ้น และเขาเริ่มมีอาการชัก เขาถูกดับชีพในอีกสี่วันต่อมา” ขณะนี้โรงพยาบาล Kamal Adwan ทางตอนเหนือของกาซา กำลังรักษาเหล่าเยาวชน มากกว่า 70 รายที่ประสบปัญหาทุพโภชนาการและขาดน้ำ . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 444 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่านักโทษสี่คนถูกดับชีพระหว่างการปล่อยตัวโดยทหารเอล
    สมาคมนักโทษชาวปาเลสกล่าวหาว่ากองกำลังเอลทำการดับชีพชายทั้งสี่คนขณะได้รับการปล่อยตัวที่จุดผ่านแดน Karem Abu Salem (Kerem Shalom) จากเอลสู่กาซา
    กลุ่มสิทธิมนุษยชนอธิบายเหตุการณ์นี้ว่าเป็น "การดับชีพภาคสนาม" และเสริมว่าชาวปาเลสทั้ง 4 คน มีหน้าที่คอยเฝ้าความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมขณะกำลังเข้าไปในพื้นที่ปิดล้อมชายฝั่ง
    “เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ได้พบร่างไร้วิญญาณของชายคนหนึ่ง และร่างที่เหลือถูกค้นพบเมื่อเช้านี้ โดยภาพถ่ายที่นำมาแสดงแสดงให้เห็นว่ามือของพวกเขาถูกมัดไว้ และมีหลักฐานว่าถูกทรมานตามร่างกาย” องค์กรดังกล่าวระบุ
    กลุ่มนักโทษเผยว่า กองกำลังเอลควบคุมตัวชาวปาเลสไปแล้วมากกว่า 9,700 คน ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม โดย 3,800 คนถูกควบคุมตัวโดยไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาหรือการพิจารณาคดี โดยใช้ " การควบคุมตัวทางปกครอง "
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่านักโทษสี่คนถูกดับชีพระหว่างการปล่อยตัวโดยทหารเอล สมาคมนักโทษชาวปาเลสกล่าวหาว่ากองกำลังเอลทำการดับชีพชายทั้งสี่คนขณะได้รับการปล่อยตัวที่จุดผ่านแดน Karem Abu Salem (Kerem Shalom) จากเอลสู่กาซา กลุ่มสิทธิมนุษยชนอธิบายเหตุการณ์นี้ว่าเป็น "การดับชีพภาคสนาม" และเสริมว่าชาวปาเลสทั้ง 4 คน มีหน้าที่คอยเฝ้าความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมขณะกำลังเข้าไปในพื้นที่ปิดล้อมชายฝั่ง “เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ได้พบร่างไร้วิญญาณของชายคนหนึ่ง และร่างที่เหลือถูกค้นพบเมื่อเช้านี้ โดยภาพถ่ายที่นำมาแสดงแสดงให้เห็นว่ามือของพวกเขาถูกมัดไว้ และมีหลักฐานว่าถูกทรมานตามร่างกาย” องค์กรดังกล่าวระบุ กลุ่มนักโทษเผยว่า กองกำลังเอลควบคุมตัวชาวปาเลสไปแล้วมากกว่า 9,700 คน ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม โดย 3,800 คนถูกควบคุมตัวโดยไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาหรือการพิจารณาคดี โดยใช้ " การควบคุมตัวทางปกครอง " . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 292 มุมมอง 0 รีวิว