• Linux 2026: 9 เทรนด์ใหญ่ที่จะเปลี่ยนโลกเดสก์ท็อปโอเพ่นซอร์ส

    ปี 2025 เป็นปีที่เดสก์ท็อป Linux เติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้ง Rust ที่เริ่มเข้ามาในเคอร์เนล, AI ที่เริ่มฝังในแอป, และการเปลี่ยนผ่านจาก X11 ไปสู่ Wayland อย่างจริงจัง บทความจาก It’s FOSS มองไปข้างหน้าและคาดการณ์ว่า ปี 2026 จะเป็นปีที่ Linux เดสก์ท็อป “เปลี่ยนหน้า” ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี

    หนึ่งในเทรนด์สำคัญคือ Local AI ที่จะถูกฝังในแอปมากขึ้น ตั้งแต่ Calibre, ONLYOFFICE ไปจนถึง Kdenlive โดยใช้ LLM แบบรันบนเครื่อง เช่น Ollama หรือ LM Studio ทำให้ผู้ใช้สามารถสรุปเอกสาร ค้นไฟล์ หรือจัดการข้อมูลส่วนตัวได้โดยไม่ต้องส่งข้อมูลขึ้นคลาวด์ นี่คือการเปลี่ยน Linux ให้เป็น “AI workstation ส่วนตัว” อย่างแท้จริง

    ด้านระบบกราฟิก Wayland จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ หลัง Ubuntu, Fedora และ KDE Plasma ต่างประกาศเดินหน้าเต็มตัวในปี 2025 ทำให้ปี 2026 จะเป็นปีที่ Xorg ถูกลดบทบาทอย่างชัดเจน แม้จะยังต้องพึ่ง XWayland สำหรับแอปเก่า แต่ทิศทางโดยรวมชัดเจนว่า Linux เดสก์ท็อปกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ที่ลื่นไหลและปลอดภัยกว่าเดิม

    นอกจากนี้ยังมีเทรนด์สำคัญอื่นๆ เช่น การเติบโตของ RISC‑V ในฮาร์ดแวร์ผู้ใช้ทั่วไป, GNOME ที่เดินหน้าปรับแอปดีฟอลต์ให้ทันสมัย, ดิสโทรแบบ Immutable ที่เริ่มกลายเป็นตัวเลือกหลัก, Hyprland ที่ยังคงครองใจสายแต่งเดสก์ท็อป และแนวโน้มรัฐบาลยุโรปที่หันมาใช้โอเพ่นซอร์สมากขึ้นเพื่อความมั่นคงและลดการพึ่งพาบริษัทต่างชาติ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เทรนด์ Linux 2026 ที่โดดเด่นที่สุด
    Local AI ในแอป Linux เพิ่มขึ้น เช่น Calibre, ONLYOFFICE, Kdenlive
    Wayland กลายเป็นมาตรฐาน หลังดิสโทรใหญ่ทยอยเลิก Xorg
    Linux Gaming โตต่อเนื่อง จาก Proton, Wine, Rust‑based NVIDIA driver และ Steam Machine
    RISC‑V เข้าสู่ตลาดผู้ใช้ทั่วไป เช่น Framework Mainboard และอุปกรณ์พกพาใหม่ๆ
    GNOME เปลี่ยนแอปดีฟอลต์หลายตัว ไปสู่ GTK4 + libadwaita
    Immutable Distros มาแรง เช่น Fedora Atomic, openSUSE MicroOS, Nitrux
    Hyprland ยังคงเติบโต และถูกดิสโทรหลายตัวเพิ่มเป็นตัวเลือกหลัก
    Rustification เพิ่มขึ้น ทั้งในเคอร์เนลและเครื่องมือระบบ เช่น sudo, coreutils
    รัฐบาลยุโรปหันมาใช้โอเพ่นซอร์ส เช่น เดนมาร์ก, เยอรมนี, แคนาดา

    ความเสี่ยงและข้อควรระวังในเทรนด์เหล่านี้
    แอปเก่าที่ไม่รองรับ Wayland อาจมีปัญหาในช่วงเปลี่ยนผ่าน
    Hyprland ยังต้องจัดการไฟล์คอนฟิกจำนวนมาก แม้จะดีขึ้นแล้วก็ตาม
    Rustification อาจทำให้เกิด fragmentation หากโครงการต่างๆ รีไรต์โดยไม่ประสานกัน
    Immutable Distros ต้องการการเรียนรู้ใหม่สำหรับผู้ใช้ทั่วไป

    https://itsfoss.com/news/linux-future-prediction-2026/
    🐧🔮 Linux 2026: 9 เทรนด์ใหญ่ที่จะเปลี่ยนโลกเดสก์ท็อปโอเพ่นซอร์ส ปี 2025 เป็นปีที่เดสก์ท็อป Linux เติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้ง Rust ที่เริ่มเข้ามาในเคอร์เนล, AI ที่เริ่มฝังในแอป, และการเปลี่ยนผ่านจาก X11 ไปสู่ Wayland อย่างจริงจัง บทความจาก It’s FOSS มองไปข้างหน้าและคาดการณ์ว่า ปี 2026 จะเป็นปีที่ Linux เดสก์ท็อป “เปลี่ยนหน้า” ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี หนึ่งในเทรนด์สำคัญคือ Local AI ที่จะถูกฝังในแอปมากขึ้น ตั้งแต่ Calibre, ONLYOFFICE ไปจนถึง Kdenlive โดยใช้ LLM แบบรันบนเครื่อง เช่น Ollama หรือ LM Studio ทำให้ผู้ใช้สามารถสรุปเอกสาร ค้นไฟล์ หรือจัดการข้อมูลส่วนตัวได้โดยไม่ต้องส่งข้อมูลขึ้นคลาวด์ นี่คือการเปลี่ยน Linux ให้เป็น “AI workstation ส่วนตัว” อย่างแท้จริง ด้านระบบกราฟิก Wayland จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ หลัง Ubuntu, Fedora และ KDE Plasma ต่างประกาศเดินหน้าเต็มตัวในปี 2025 ทำให้ปี 2026 จะเป็นปีที่ Xorg ถูกลดบทบาทอย่างชัดเจน แม้จะยังต้องพึ่ง XWayland สำหรับแอปเก่า แต่ทิศทางโดยรวมชัดเจนว่า Linux เดสก์ท็อปกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ที่ลื่นไหลและปลอดภัยกว่าเดิม นอกจากนี้ยังมีเทรนด์สำคัญอื่นๆ เช่น การเติบโตของ RISC‑V ในฮาร์ดแวร์ผู้ใช้ทั่วไป, GNOME ที่เดินหน้าปรับแอปดีฟอลต์ให้ทันสมัย, ดิสโทรแบบ Immutable ที่เริ่มกลายเป็นตัวเลือกหลัก, Hyprland ที่ยังคงครองใจสายแต่งเดสก์ท็อป และแนวโน้มรัฐบาลยุโรปที่หันมาใช้โอเพ่นซอร์สมากขึ้นเพื่อความมั่นคงและลดการพึ่งพาบริษัทต่างชาติ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เทรนด์ Linux 2026 ที่โดดเด่นที่สุด ➡️ Local AI ในแอป Linux เพิ่มขึ้น เช่น Calibre, ONLYOFFICE, Kdenlive ➡️ Wayland กลายเป็นมาตรฐาน หลังดิสโทรใหญ่ทยอยเลิก Xorg ➡️ Linux Gaming โตต่อเนื่อง จาก Proton, Wine, Rust‑based NVIDIA driver และ Steam Machine ➡️ RISC‑V เข้าสู่ตลาดผู้ใช้ทั่วไป เช่น Framework Mainboard และอุปกรณ์พกพาใหม่ๆ ➡️ GNOME เปลี่ยนแอปดีฟอลต์หลายตัว ไปสู่ GTK4 + libadwaita ➡️ Immutable Distros มาแรง เช่น Fedora Atomic, openSUSE MicroOS, Nitrux ➡️ Hyprland ยังคงเติบโต และถูกดิสโทรหลายตัวเพิ่มเป็นตัวเลือกหลัก ➡️ Rustification เพิ่มขึ้น ทั้งในเคอร์เนลและเครื่องมือระบบ เช่น sudo, coreutils ➡️ รัฐบาลยุโรปหันมาใช้โอเพ่นซอร์ส เช่น เดนมาร์ก, เยอรมนี, แคนาดา ‼️ ความเสี่ยงและข้อควรระวังในเทรนด์เหล่านี้ ⛔ แอปเก่าที่ไม่รองรับ Wayland อาจมีปัญหาในช่วงเปลี่ยนผ่าน ⛔ Hyprland ยังต้องจัดการไฟล์คอนฟิกจำนวนมาก แม้จะดีขึ้นแล้วก็ตาม ⛔ Rustification อาจทำให้เกิด fragmentation หากโครงการต่างๆ รีไรต์โดยไม่ประสานกัน ⛔ Immutable Distros ต้องการการเรียนรู้ใหม่สำหรับผู้ใช้ทั่วไป https://itsfoss.com/news/linux-future-prediction-2026/
    ITSFOSS.COM
    Here's Our Prediction for the Future of Desktop Linux in 2026
    Our take on the trends that will shape desktop Linux and open source in the year ahead.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple สะดุด 2nm: ปัญหาการผลิต A20 Pro ที่สะท้อนความเปราะบางของห่วงโซ่เซมิคอนดักเตอร์

    รายงานล่าสุดระบุว่า Apple กำลังเผชิญปัญหาการผลิตชิป 2nm รุ่นแรกของโลก ซึ่งจะถูกใช้ใน A20 Pro สำหรับ iPhone รุ่นปลายปี 2025 ความท้าทายนี้เกิดขึ้นจากกำลังการผลิตของ TSMC ที่ยังไม่เสถียรในช่วงเริ่มต้น แม้จะเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดที่สุดในอุตสาหกรรม แต่การผลิตระดับ 2nm ต้องใช้เครื่อง EUV รุ่นใหม่ที่มีความซับซ้อนสูงและมีจำนวนจำกัด ทำให้ Apple ไม่สามารถรับชิปได้ตามแผน

    ชิป 2nm ถูกคาดหวังว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานและความเร็วอย่างมาก โดยเฉพาะในงาน AI บนดีไวซ์ (On‑device AI) ซึ่งเป็นแกนหลักของยุทธศาสตร์ Apple ในยุคหลัง Apple Intelligence อย่างไรก็ตาม การผลิตที่ยังไม่เสถียรทำให้ Apple อาจต้องจัดลำดับความสำคัญใหม่ เช่น ส่งชิป 2nm ให้เฉพาะรุ่น Pro ก่อน และใช้ชิป 3nm รุ่นปรับปรุงในรุ่นมาตรฐานเพื่อรักษากำหนดการเปิดตัว

    สถานการณ์นี้ยังสะท้อนความเสี่ยงเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ที่ทั้งโลกพึ่งพา TSMC เพียงรายเดียวสำหรับเทคโนโลยีระดับสูงสุด การขยายโรงงานในไต้หวัน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปี ทำให้ Apple ต้องบริหารความเสี่ยงด้านซัพพลายเชนอย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันด้าน AI และประสิทธิภาพกำลังรุนแรงขึ้นทุกปี

    ในภาพรวม ปัญหานี้ไม่ได้ทำให้ Apple ชะลอแผน 2nm แต่ทำให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์การจัดสรรชิปและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่างรอบคอบมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นสัญญาณว่าการแข่งขันด้านเทคโนโลยีระดับนาโนเมตรกำลังเข้าสู่ช่วงที่ “ความสามารถในการผลิต” สำคัญพอๆ กับ “ความก้าวหน้าทางเทคนิค”

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สิ่งที่เกิดขึ้นกับ Apple และชิป 2nm
    Apple ประสบปัญหากำลังการผลิต 2nm จาก TSMC
    ชิป A20 Pro อาจมีจำนวนจำกัดในช่วงแรก
    รุ่น Pro อาจได้ใช้ 2nm ก่อน ส่วนรุ่นธรรมดาอาจใช้ 3nm รุ่นปรับปรุง
    2nm ถูกออกแบบมาเพื่อเร่งงาน AI บนดีไวซ์โดยเฉพาะ

    ความเสี่ยงและผลกระทบเชิงกลยุทธ์
    ความเสี่ยงจากการพึ่งพา TSMC เพียงรายเดียว
    เครื่อง EUV รุ่นใหม่มีจำนวนจำกัด ทำให้การผลิตเริ่มต้นช้ากว่าคาด
    อาจเกิดความล่าช้าในการเปิดตัวหรือจำกัดจำนวนรุ่น Pro
    การแข่งขันด้าน AI ทำให้ความล่าช้าของ 2nm ส่งผลต่อภาพลักษณ์เชิงนวัตกรรม

    https://wccftech.com/apple-reportedly-experiencing-2nm-production-shortages-for-a20-pro/
    🧵⚙️ Apple สะดุด 2nm: ปัญหาการผลิต A20 Pro ที่สะท้อนความเปราะบางของห่วงโซ่เซมิคอนดักเตอร์ รายงานล่าสุดระบุว่า Apple กำลังเผชิญปัญหาการผลิตชิป 2nm รุ่นแรกของโลก ซึ่งจะถูกใช้ใน A20 Pro สำหรับ iPhone รุ่นปลายปี 2025 ความท้าทายนี้เกิดขึ้นจากกำลังการผลิตของ TSMC ที่ยังไม่เสถียรในช่วงเริ่มต้น แม้จะเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดที่สุดในอุตสาหกรรม แต่การผลิตระดับ 2nm ต้องใช้เครื่อง EUV รุ่นใหม่ที่มีความซับซ้อนสูงและมีจำนวนจำกัด ทำให้ Apple ไม่สามารถรับชิปได้ตามแผน ชิป 2nm ถูกคาดหวังว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานและความเร็วอย่างมาก โดยเฉพาะในงาน AI บนดีไวซ์ (On‑device AI) ซึ่งเป็นแกนหลักของยุทธศาสตร์ Apple ในยุคหลัง Apple Intelligence อย่างไรก็ตาม การผลิตที่ยังไม่เสถียรทำให้ Apple อาจต้องจัดลำดับความสำคัญใหม่ เช่น ส่งชิป 2nm ให้เฉพาะรุ่น Pro ก่อน และใช้ชิป 3nm รุ่นปรับปรุงในรุ่นมาตรฐานเพื่อรักษากำหนดการเปิดตัว สถานการณ์นี้ยังสะท้อนความเสี่ยงเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ที่ทั้งโลกพึ่งพา TSMC เพียงรายเดียวสำหรับเทคโนโลยีระดับสูงสุด การขยายโรงงานในไต้หวัน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปี ทำให้ Apple ต้องบริหารความเสี่ยงด้านซัพพลายเชนอย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันด้าน AI และประสิทธิภาพกำลังรุนแรงขึ้นทุกปี ในภาพรวม ปัญหานี้ไม่ได้ทำให้ Apple ชะลอแผน 2nm แต่ทำให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์การจัดสรรชิปและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่างรอบคอบมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นสัญญาณว่าการแข่งขันด้านเทคโนโลยีระดับนาโนเมตรกำลังเข้าสู่ช่วงที่ “ความสามารถในการผลิต” สำคัญพอๆ กับ “ความก้าวหน้าทางเทคนิค” 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สิ่งที่เกิดขึ้นกับ Apple และชิป 2nm ➡️ Apple ประสบปัญหากำลังการผลิต 2nm จาก TSMC ➡️ ชิป A20 Pro อาจมีจำนวนจำกัดในช่วงแรก ➡️ รุ่น Pro อาจได้ใช้ 2nm ก่อน ส่วนรุ่นธรรมดาอาจใช้ 3nm รุ่นปรับปรุง ➡️ 2nm ถูกออกแบบมาเพื่อเร่งงาน AI บนดีไวซ์โดยเฉพาะ ‼️ ความเสี่ยงและผลกระทบเชิงกลยุทธ์ ⛔ ความเสี่ยงจากการพึ่งพา TSMC เพียงรายเดียว ⛔ เครื่อง EUV รุ่นใหม่มีจำนวนจำกัด ทำให้การผลิตเริ่มต้นช้ากว่าคาด ⛔ อาจเกิดความล่าช้าในการเปิดตัวหรือจำกัดจำนวนรุ่น Pro ⛔ การแข่งขันด้าน AI ทำให้ความล่าช้าของ 2nm ส่งผลต่อภาพลักษณ์เชิงนวัตกรรม https://wccftech.com/apple-reportedly-experiencing-2nm-production-shortages-for-a20-pro/
    WCCFTECH.COM
    Apple Reportedly Facing Production Shortages For Its A20 And A20 Pro, Despite Securing Nearly Half Of TSMC’s Initial 2nm Supply, But Samsung Isn’t Being Viewed As An Alternative
    As TSMC runs into production shortage problems with its 2nm process, problems are being created for Apple, but that doesn’t mean it will turn to Samsung
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อมะเร็งทำลายเสียง แต่ AI ช่วยคืนตัวตนให้เธออีกครั้ง

    เรื่องราวของ Sonya Sotinsky เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ทรงพลังที่สุดของการที่เทคโนโลยี AI สามารถคืน “ตัวตน” ให้มนุษย์ได้ หลังจากเธอต้องสูญเสียทั้งลิ้นและกล่องเสียงเพราะมะเร็งช่องปาก เธอไม่ยอมให้ชีวิตเงียบงัน จึงเริ่มบันทึกเสียงทุกอย่างที่เธออยากเก็บไว้—ตั้งแต่คำอวยพรวันเกิด คำพูดกับครอบครัว ไปจนถึงคำสบถที่เป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกเธอเอง

    เมื่อเทคโนโลยี AI ด้านเสียงพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในปี 2024 เธอพบวิธีสร้าง “เสียงจำลอง” ที่มีสำเนียง New Jersey แบบเดิมครบถ้วน ทั้งอารมณ์ ความประชด และความเป็นตัวเธอ เสียงนี้ถูกเก็บไว้ในแอปบนโทรศัพท์ ทำให้เธอสามารถ “พูด” ได้อีกครั้งผ่านการพิมพ์ข้อความ แม้แพทย์และบริษัทประกันจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับการรักษาเสียงของเธอ แต่เธอกลับพิสูจน์ว่าเสียงคือส่วนหนึ่งของศักดิ์ศรีและความเป็นมนุษย์

    นอกจากช่วยให้เธอสื่อสารได้ดีขึ้น เสียง AI นี้ยังช่วยให้ทีมแพทย์รับรู้ความคิดและความต้องการของเธอได้ชัดเจนขึ้น จนมีส่วนช่วยในการรักษามะเร็งรอบล่าสุดที่ลุกลามไปยังปอดและตับ เธอรู้สึกว่าคนรอบตัว “มองเห็นความเป็นมนุษย์ของเธอมากขึ้น” เมื่อได้ยินเสียงที่มีชีวิตชีวาแทนเสียงสังเคราะห์แบบหุ่นยนต์ในอดีต

    วันนี้ Sotinsky ใช้ประสบการณ์ของตัวเองเพื่อผลักดันให้เกิดการวิจัยและการสนับสนุนด้านประกันสุขภาพสำหรับเทคโนโลยีเสียง AI เธอสร้างเว็บไซต์ แชร์ประสบการณ์ และพูดในงานวิชาการ เพื่อให้ผู้ป่วยคนอื่นไม่ต้องเผชิญความเงียบงันแบบที่เธอเคยเจอ เธอย้ำเสมอว่า “เสียงคืออัตลักษณ์” และแม้โรคร้ายจะพรากเสียงจริงไป แต่ AI ก็ช่วยคืนความเป็นตัวเธอได้อย่างงดงาม

    สรุปประเด็นสำคัญจากข่าว
    AI ช่วยคืนเสียงและตัวตนให้ผู้ป่วยมะเร็ง
    Sotinsky ใช้เสียงที่บันทึกไว้ก่อนผ่าตัดเพื่อสร้างเสียง AI ที่เหมือนจริง
    เสียงใหม่ช่วยให้เธอสื่อสารได้อย่างเป็นธรรมชาติและมีอารมณ์

    เสียงคือส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์มนุษย์
    เธอเชื่อว่าความถี่ น้ำเสียง และสำเนียงคือ “ลายนิ้วมือของตัวตน”
    การไม่มีเสียงทำให้เกิดความโดดเดี่ยวและความเครียดทางอารมณ์

    เทคโนโลยี AI ด้านเสียงก้าวหน้าอย่างมาก
    โมเดลใหม่สามารถสร้างเสียงที่มีอารมณ์และความเป็นธรรมชาติสูง
    ใช้เพียง 30 นาทีของเสียงต้นฉบับก็สร้างเสียงจำลองได้แล้ว

    ความท้าทายด้านระบบสุขภาพและประกัน
    บริษัทประกันปฏิเสธการครอบคลุมค่าใช้จ่ายเทคโนโลยีเสียง AI
    แพทย์จำนวนมากยังไม่รู้ว่ามีเทคโนโลยีนี้ให้ผู้ป่วยใช้

    ความเสี่ยงด้านคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยไร้เสียง
    ผู้ป่วยที่สูญเสียกล่องเสียงมีความเสี่ยงซึมเศร้าและโดดเดี่ยวสูง
    เสียงสังเคราะห์แบบเก่าอาจทำให้คนรอบข้างไม่เข้าใจหรือไม่เห็นคุณค่าความคิดของผู้ป่วย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/22/cancer-stole-her-voice-she-used-ai-curse-words-and-kids-books-to-get-it-back
    🗞️ เมื่อมะเร็งทำลายเสียง แต่ AI ช่วยคืนตัวตนให้เธออีกครั้ง เรื่องราวของ Sonya Sotinsky เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ทรงพลังที่สุดของการที่เทคโนโลยี AI สามารถคืน “ตัวตน” ให้มนุษย์ได้ หลังจากเธอต้องสูญเสียทั้งลิ้นและกล่องเสียงเพราะมะเร็งช่องปาก เธอไม่ยอมให้ชีวิตเงียบงัน จึงเริ่มบันทึกเสียงทุกอย่างที่เธออยากเก็บไว้—ตั้งแต่คำอวยพรวันเกิด คำพูดกับครอบครัว ไปจนถึงคำสบถที่เป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกเธอเอง เมื่อเทคโนโลยี AI ด้านเสียงพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในปี 2024 เธอพบวิธีสร้าง “เสียงจำลอง” ที่มีสำเนียง New Jersey แบบเดิมครบถ้วน ทั้งอารมณ์ ความประชด และความเป็นตัวเธอ เสียงนี้ถูกเก็บไว้ในแอปบนโทรศัพท์ ทำให้เธอสามารถ “พูด” ได้อีกครั้งผ่านการพิมพ์ข้อความ แม้แพทย์และบริษัทประกันจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับการรักษาเสียงของเธอ แต่เธอกลับพิสูจน์ว่าเสียงคือส่วนหนึ่งของศักดิ์ศรีและความเป็นมนุษย์ นอกจากช่วยให้เธอสื่อสารได้ดีขึ้น เสียง AI นี้ยังช่วยให้ทีมแพทย์รับรู้ความคิดและความต้องการของเธอได้ชัดเจนขึ้น จนมีส่วนช่วยในการรักษามะเร็งรอบล่าสุดที่ลุกลามไปยังปอดและตับ เธอรู้สึกว่าคนรอบตัว “มองเห็นความเป็นมนุษย์ของเธอมากขึ้น” เมื่อได้ยินเสียงที่มีชีวิตชีวาแทนเสียงสังเคราะห์แบบหุ่นยนต์ในอดีต วันนี้ Sotinsky ใช้ประสบการณ์ของตัวเองเพื่อผลักดันให้เกิดการวิจัยและการสนับสนุนด้านประกันสุขภาพสำหรับเทคโนโลยีเสียง AI เธอสร้างเว็บไซต์ แชร์ประสบการณ์ และพูดในงานวิชาการ เพื่อให้ผู้ป่วยคนอื่นไม่ต้องเผชิญความเงียบงันแบบที่เธอเคยเจอ เธอย้ำเสมอว่า “เสียงคืออัตลักษณ์” และแม้โรคร้ายจะพรากเสียงจริงไป แต่ AI ก็ช่วยคืนความเป็นตัวเธอได้อย่างงดงาม 📌 สรุปประเด็นสำคัญจากข่าว ✅ AI ช่วยคืนเสียงและตัวตนให้ผู้ป่วยมะเร็ง ➡️ Sotinsky ใช้เสียงที่บันทึกไว้ก่อนผ่าตัดเพื่อสร้างเสียง AI ที่เหมือนจริง ➡️ เสียงใหม่ช่วยให้เธอสื่อสารได้อย่างเป็นธรรมชาติและมีอารมณ์ ✅ เสียงคือส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์มนุษย์ ➡️ เธอเชื่อว่าความถี่ น้ำเสียง และสำเนียงคือ “ลายนิ้วมือของตัวตน” ➡️ การไม่มีเสียงทำให้เกิดความโดดเดี่ยวและความเครียดทางอารมณ์ ✅ เทคโนโลยี AI ด้านเสียงก้าวหน้าอย่างมาก ➡️ โมเดลใหม่สามารถสร้างเสียงที่มีอารมณ์และความเป็นธรรมชาติสูง ➡️ ใช้เพียง 30 นาทีของเสียงต้นฉบับก็สร้างเสียงจำลองได้แล้ว ‼️ ความท้าทายด้านระบบสุขภาพและประกัน ⛔ บริษัทประกันปฏิเสธการครอบคลุมค่าใช้จ่ายเทคโนโลยีเสียง AI ⛔ แพทย์จำนวนมากยังไม่รู้ว่ามีเทคโนโลยีนี้ให้ผู้ป่วยใช้ ‼️ ความเสี่ยงด้านคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยไร้เสียง ⛔ ผู้ป่วยที่สูญเสียกล่องเสียงมีความเสี่ยงซึมเศร้าและโดดเดี่ยวสูง ⛔ เสียงสังเคราะห์แบบเก่าอาจทำให้คนรอบข้างไม่เข้าใจหรือไม่เห็นคุณค่าความคิดของผู้ป่วย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/22/cancer-stole-her-voice-she-used-ai-curse-words-and-kids-books-to-get-it-back
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Cancer stole her voice. She used AI, curse words and kids' books to get it back
    When doctors told her they had to remove her tongue and voice box to save her life from the cancer that had invaded her mouth, Sonya Sotinsky sat down with a microphone to record herself saying the things she would never again be able to say.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • Gemini 3 Pro แซง 2.5 Pro ใน Pokémon Crystal: จุดเปลี่ยนของ “Spatial AI”

    การทดสอบของ Joel แสดงให้เห็นความแตกต่างเชิงคุณภาพระหว่าง Gemini 3 Pro และ Gemini 2.5 Pro เมื่อให้ทั้งสองรุ่นเล่น Pokémon Crystal ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน จุดที่น่าสนใจคือ แม้ทั้งคู่จะเริ่มเกมได้ใกล้เคียงกัน แต่ 3 Pro ค่อยๆ เปิดระยะห่างด้วยความสามารถด้านการรับรู้พื้นที่ การวางแผนล่วงหน้า และการจัดการงานหลายอย่างพร้อมกัน ซึ่งเป็นทักษะที่ 2.5 Pro ยังทำได้ไม่ดีพอ

    ในช่วงต้นเกม ทั้งสองโมเดลผ่านเส้นทางและด่านต่างๆ ได้ใกล้เคียงกัน แต่ 3 Pro ใช้เส้นทางที่มีประสิทธิภาพกว่า ลดการเดินหลงและลดการวนซ้ำโดยไม่จำเป็น เมื่อถึงช่วงสู้กับ Whitney ซึ่งเป็นจุดที่มักทำให้ผู้เล่นต้องฟาร์มเลเวลเพิ่ม 3 Pro กลับจัดการทรัพยากรและการต่อสู้ได้เฉียบคมกว่า ทำให้ผ่านด่านนี้ได้เร็วกว่าอย่างเห็นได้ชัด

    จุดที่ทำให้ 3 Pro ทิ้งห่างจริงๆ คือ Olivine Lighthouse และ Goldenrod Underground ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ต้องใช้การนำทางแบบซับซ้อนและการแก้ปริศนาแบบไม่มี “safety net” 3 Pro สามารถแบ่งแผนที่เป็นส่วนๆ ทำ marker-aware navigation และวางแผนล่วงหน้าได้หลายก้าว ขณะที่ 2.5 Pro มักติดลูปหรือเดินผิดซ้ำๆ

    ท้ายที่สุด ในการทดสอบ “Final Exam: Red” ซึ่งเป็นบอสที่ยากที่สุดของเกม 3 Pro แสดงให้เห็นถึงความสามารถด้าน vision และการวิเคราะห์สถานการณ์แบบเรียลไทม์ที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน แม้จะยังมีจุดอ่อนบางอย่าง แต่ภาพรวมคือ 3 Pro เป็นก้าวกระโดดด้าน “agentic gameplay” ที่เริ่มเข้าใกล้ความสามารถของผู้เล่นมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Gemini 3 Pro มีความเข้าใจพื้นที่เหนือกว่า
    แบ่งแผนที่เป็นโซนและนำทางได้แม่นยำ
    ลดการเดินหลงและลดลูปซ้ำๆ

    การวางแผนล่วงหน้าและการจัดการงานหลายอย่างดีขึ้น
    ควบคุมการฟาร์มเลเวลและการต่อสู้ได้มีประสิทธิภาพ
    ทำ marker-aware navigation ได้จริงในเกม

    ผ่านด่านซับซ้อนได้ดีกว่า 2.5 Pro
    Olivine Lighthouse และ Goldenrod Underground เป็นจุดที่เห็นความต่างชัด
    ใช้กลยุทธ์แบบผู้เล่นมนุษย์มากขึ้น

    จุดอ่อนที่ยังพบใน Gemini 3 Pro
    ยังมีบางสถานการณ์ที่ติดลูปหรืออ่านบริบทผิด
    การวางแผนบางครั้งยังไม่เสถียรในพื้นที่ที่มีตัวแปรสูง

    ความเสี่ยงของการพึ่งพา Vision Model ในเกมจริง
    หากสภาพภาพไม่ชัดหรือมี noise อาจทำให้ตัดสินใจผิด
    เกมที่มี UI ซับซ้อนกว่านี้อาจทำให้โมเดลสับสนได้

    https://blog.jcz.dev/gemini-3-pro-vs-25-pro-in-pokemon-crystal
    🎮 Gemini 3 Pro แซง 2.5 Pro ใน Pokémon Crystal: จุดเปลี่ยนของ “Spatial AI” การทดสอบของ Joel แสดงให้เห็นความแตกต่างเชิงคุณภาพระหว่าง Gemini 3 Pro และ Gemini 2.5 Pro เมื่อให้ทั้งสองรุ่นเล่น Pokémon Crystal ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน จุดที่น่าสนใจคือ แม้ทั้งคู่จะเริ่มเกมได้ใกล้เคียงกัน แต่ 3 Pro ค่อยๆ เปิดระยะห่างด้วยความสามารถด้านการรับรู้พื้นที่ การวางแผนล่วงหน้า และการจัดการงานหลายอย่างพร้อมกัน ซึ่งเป็นทักษะที่ 2.5 Pro ยังทำได้ไม่ดีพอ ในช่วงต้นเกม ทั้งสองโมเดลผ่านเส้นทางและด่านต่างๆ ได้ใกล้เคียงกัน แต่ 3 Pro ใช้เส้นทางที่มีประสิทธิภาพกว่า ลดการเดินหลงและลดการวนซ้ำโดยไม่จำเป็น เมื่อถึงช่วงสู้กับ Whitney ซึ่งเป็นจุดที่มักทำให้ผู้เล่นต้องฟาร์มเลเวลเพิ่ม 3 Pro กลับจัดการทรัพยากรและการต่อสู้ได้เฉียบคมกว่า ทำให้ผ่านด่านนี้ได้เร็วกว่าอย่างเห็นได้ชัด จุดที่ทำให้ 3 Pro ทิ้งห่างจริงๆ คือ Olivine Lighthouse และ Goldenrod Underground ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ต้องใช้การนำทางแบบซับซ้อนและการแก้ปริศนาแบบไม่มี “safety net” 3 Pro สามารถแบ่งแผนที่เป็นส่วนๆ ทำ marker-aware navigation และวางแผนล่วงหน้าได้หลายก้าว ขณะที่ 2.5 Pro มักติดลูปหรือเดินผิดซ้ำๆ ท้ายที่สุด ในการทดสอบ “Final Exam: Red” ซึ่งเป็นบอสที่ยากที่สุดของเกม 3 Pro แสดงให้เห็นถึงความสามารถด้าน vision และการวิเคราะห์สถานการณ์แบบเรียลไทม์ที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน แม้จะยังมีจุดอ่อนบางอย่าง แต่ภาพรวมคือ 3 Pro เป็นก้าวกระโดดด้าน “agentic gameplay” ที่เริ่มเข้าใกล้ความสามารถของผู้เล่นมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Gemini 3 Pro มีความเข้าใจพื้นที่เหนือกว่า ➡️ แบ่งแผนที่เป็นโซนและนำทางได้แม่นยำ ➡️ ลดการเดินหลงและลดลูปซ้ำๆ ✅ การวางแผนล่วงหน้าและการจัดการงานหลายอย่างดีขึ้น ➡️ ควบคุมการฟาร์มเลเวลและการต่อสู้ได้มีประสิทธิภาพ ➡️ ทำ marker-aware navigation ได้จริงในเกม ✅ ผ่านด่านซับซ้อนได้ดีกว่า 2.5 Pro ➡️ Olivine Lighthouse และ Goldenrod Underground เป็นจุดที่เห็นความต่างชัด ➡️ ใช้กลยุทธ์แบบผู้เล่นมนุษย์มากขึ้น ‼️ จุดอ่อนที่ยังพบใน Gemini 3 Pro ⛔ ยังมีบางสถานการณ์ที่ติดลูปหรืออ่านบริบทผิด ⛔ การวางแผนบางครั้งยังไม่เสถียรในพื้นที่ที่มีตัวแปรสูง ‼️ ความเสี่ยงของการพึ่งพา Vision Model ในเกมจริง ⛔ หากสภาพภาพไม่ชัดหรือมี noise อาจทำให้ตัดสินใจผิด ⛔ เกมที่มี UI ซับซ้อนกว่านี้อาจทำให้โมเดลสับสนได้ https://blog.jcz.dev/gemini-3-pro-vs-25-pro-in-pokemon-crystal
    BLOG.JCZ.DEV
    How Gemini 3 Pro Beat Pokemon Crystal (and 2.5 Pro didn't)
    From 2.5 Pro's lighthouse loop to 3 Pro's "Zombie Phoenix" strategy against Red: a full breakdown of why Gemini 3 Pro is a superior long-horizon agent.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • MPV 0.41 มาแล้ว: ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของวิดีโอเพลเยอร์สายโอเพ่นซอร์สบน Wayland

    MPV 0.41 เปิดตัวพร้อมการปรับปรุงสำคัญด้าน Wayland ซึ่งเป็นหัวใจของเดสก์ท็อป Linux ยุคใหม่ การอัปเดตครั้งนี้ช่วยให้การเรนเดอร์ภาพลื่นไหลขึ้น ลด input latency และแก้ปัญหาการจัดการหน้าต่างที่เคยเป็นข้อจำกัดในเวอร์ชันก่อนหน้า การพัฒนา Wayland ecosystem ที่เร็วขึ้นในปี 2025 ทำให้โปรเจกต์อย่าง MPV ต้องเร่งตามให้ทัน และเวอร์ชันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้เดสก์ท็อปสมัยใหม่ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน

    อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่โดดเด่นคือการรองรับ Ambient Light Sensor (ALS) ผ่าน sysfs ซึ่งช่วยให้ MPV ปรับความสว่างของวิดีโอตามสภาพแสงรอบตัวได้อัตโนมัติ ฟีเจอร์นี้เคยพบในอุปกรณ์พกพาและระบบปฏิบัติการเชิงพาณิชย์ แต่กำลังเริ่มถูกนำมาใช้ใน Linux Desktop มากขึ้น โดยเฉพาะในแล็ปท็อปรุ่นใหม่ที่รองรับเซนเซอร์แบบมาตรฐาน ACPI และ ALS

    การอัปเดตครั้งนี้ยังสอดคล้องกับทิศทางของ MPV ที่เน้นการรองรับเทคโนโลยีภาพสมัยใหม่ เช่น HDR, tone‑mapping และ GPU scaling ซึ่งเริ่มถูกผลักดันอย่างจริงจังตั้งแต่เวอร์ชัน 0.39–0.40 การพัฒนาอย่างต่อเนื่องนี้ทำให้ MPV กลายเป็นหนึ่งในวิดีโอเพลเยอร์ที่นักรีวิวสาย Linux ยกให้เป็น “มาตรฐานทองคำ” สำหรับงานดูหนังคุณภาพสูงบนระบบโอเพ่นซอร์ส

    ในภาพรวม MPV 0.41 ไม่ได้เป็นเพียงอัปเดตเล็ก ๆ แต่เป็นการยืนยันว่าโปรเจกต์ยังคงเดินหน้าอย่างมั่นคง และพร้อมรองรับอนาคตของ Linux Desktop ที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ Wayland เต็มรูปแบบ ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความเข้ากันได้ และฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ยุคใหม่มากขึ้น

    ไฮไลต์ของ MPV 0.41
    ปรับปรุง Wayland ให้เสถียรและตอบสนองเร็วขึ้น
    รองรับ Ambient Light Sensor ผ่าน sysfs ALS

    ทิศทางการพัฒนา
    สอดคล้องกับการผลักดัน Wayland ใน Linux Desktop
    เดินหน้ารองรับ HDR และ GPU scaling อย่างต่อเนื่อง

    ประเด็นที่ผู้ใช้ควรระวัง
    ฟีเจอร์ ALS อาจใช้ไม่ได้ในฮาร์ดแวร์รุ่นเก่า
    การเปลี่ยนผ่านสู่ Wayland อาจทำให้ปลั๊กอินหรือสคริปต์บางตัวต้องปรับตาม

    คำแนะนำสำหรับผู้ใช้
    อัปเดตไดรเวอร์ GPU ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อรองรับฟีเจอร์ใหม่
    ตรวจสอบการตั้งค่า Wayland หากพบปัญหา input หรือการเรนเดอร์

    https://9to5linux.com/mpv-0-41-open-source-video-player-released-with-improved-wayland-support
    🎬 MPV 0.41 มาแล้ว: ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของวิดีโอเพลเยอร์สายโอเพ่นซอร์สบน Wayland MPV 0.41 เปิดตัวพร้อมการปรับปรุงสำคัญด้าน Wayland ซึ่งเป็นหัวใจของเดสก์ท็อป Linux ยุคใหม่ การอัปเดตครั้งนี้ช่วยให้การเรนเดอร์ภาพลื่นไหลขึ้น ลด input latency และแก้ปัญหาการจัดการหน้าต่างที่เคยเป็นข้อจำกัดในเวอร์ชันก่อนหน้า การพัฒนา Wayland ecosystem ที่เร็วขึ้นในปี 2025 ทำให้โปรเจกต์อย่าง MPV ต้องเร่งตามให้ทัน และเวอร์ชันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้เดสก์ท็อปสมัยใหม่ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่โดดเด่นคือการรองรับ Ambient Light Sensor (ALS) ผ่าน sysfs ซึ่งช่วยให้ MPV ปรับความสว่างของวิดีโอตามสภาพแสงรอบตัวได้อัตโนมัติ ฟีเจอร์นี้เคยพบในอุปกรณ์พกพาและระบบปฏิบัติการเชิงพาณิชย์ แต่กำลังเริ่มถูกนำมาใช้ใน Linux Desktop มากขึ้น โดยเฉพาะในแล็ปท็อปรุ่นใหม่ที่รองรับเซนเซอร์แบบมาตรฐาน ACPI และ ALS การอัปเดตครั้งนี้ยังสอดคล้องกับทิศทางของ MPV ที่เน้นการรองรับเทคโนโลยีภาพสมัยใหม่ เช่น HDR, tone‑mapping และ GPU scaling ซึ่งเริ่มถูกผลักดันอย่างจริงจังตั้งแต่เวอร์ชัน 0.39–0.40 การพัฒนาอย่างต่อเนื่องนี้ทำให้ MPV กลายเป็นหนึ่งในวิดีโอเพลเยอร์ที่นักรีวิวสาย Linux ยกให้เป็น “มาตรฐานทองคำ” สำหรับงานดูหนังคุณภาพสูงบนระบบโอเพ่นซอร์ส ในภาพรวม MPV 0.41 ไม่ได้เป็นเพียงอัปเดตเล็ก ๆ แต่เป็นการยืนยันว่าโปรเจกต์ยังคงเดินหน้าอย่างมั่นคง และพร้อมรองรับอนาคตของ Linux Desktop ที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ Wayland เต็มรูปแบบ ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความเข้ากันได้ และฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ยุคใหม่มากขึ้น ✅ ไฮไลต์ของ MPV 0.41 ➡️ ปรับปรุง Wayland ให้เสถียรและตอบสนองเร็วขึ้น ➡️ รองรับ Ambient Light Sensor ผ่าน sysfs ALS ✅ ทิศทางการพัฒนา ➡️ สอดคล้องกับการผลักดัน Wayland ใน Linux Desktop ➡️ เดินหน้ารองรับ HDR และ GPU scaling อย่างต่อเนื่อง ‼️ ประเด็นที่ผู้ใช้ควรระวัง ⛔ ฟีเจอร์ ALS อาจใช้ไม่ได้ในฮาร์ดแวร์รุ่นเก่า ⛔ การเปลี่ยนผ่านสู่ Wayland อาจทำให้ปลั๊กอินหรือสคริปต์บางตัวต้องปรับตาม ‼️ คำแนะนำสำหรับผู้ใช้ ⛔ อัปเดตไดรเวอร์ GPU ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อรองรับฟีเจอร์ใหม่ ⛔ ตรวจสอบการตั้งค่า Wayland หากพบปัญหา input หรือการเรนเดอร์ https://9to5linux.com/mpv-0-41-open-source-video-player-released-with-improved-wayland-support
    9TO5LINUX.COM
    MPV 0.41 Open-Source Video Player Released with Improved Wayland Support - 9to5Linux
    MPV 0.41 open-source media player is now available for download with improved Wayland support and ambient light support on Linux.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียเพิ่มพิสัยโดรนใยแก้วนำแสงแตะ 65 กม. — เผยความร่วมมือจีน–รัสเซียเร่งพัฒนาเทคโนโลยีต้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์

    รายงานล่าสุดเผยว่ารัสเซียได้ทดสอบโดรน FPV แบบใช้สายใยแก้วนำแสง (optical fiber tethered drone) ที่มีพิสัยไกลถึง 65 กิโลเมตร ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยภาพและวิดีโอที่หลุดออกมาจากช่อง Telegram ของรัสเซียแสดงให้เห็นม้วนสายใยแก้วขนาดใหญ่ที่ถูกผลิตโดย PGI Technology บริษัทลูกผสมจีน–รัสเซียที่เชี่ยวชาญด้านเส้นใยเสริมแรงสำหรับงานทหาร การเพิ่มพิสัยนี้ทำให้โดรนสามารถเจาะลึกเข้าไปในพื้นที่ศัตรูได้มากขึ้นโดยไม่ถูกรบกวนจากสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (EW)

    โดรนแบบใช้สายกำลังกลายเป็นอาวุธสำคัญในสงครามยุคใหม่ เพราะสัญญาณควบคุมผ่านใยแก้วนำแสงไม่สามารถถูก Jam หรือดักฟังได้ง่าย ต่างจากโดรนไร้สายทั่วไปที่มักถูกปิดสัญญาณหรือแฮ็กได้ในสนามรบที่มี EW หนาแน่น การเพิ่มพิสัยจาก 30–50 กม. ไปสู่ระดับ 65 กม. จึงถือเป็น “ก้าวกระโดดเชิงยุทธศาสตร์” ที่อาจเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีระยะลึกของรัสเซียในปี 2026 เป็นต้นไป

    ข้อมูลเพิ่มเติมจากวงการความมั่นคงระบุว่า จีนเองก็มีความสนใจในเทคโนโลยีนี้เช่นกัน เนื่องจากโดรนแบบ tethered สามารถใช้เป็นแพลตฟอร์มสอดแนมระยะไกลที่ทนทานต่อการรบกวนสัญญาณ ซึ่งเหมาะกับการปฏิบัติการในพื้นที่ที่มีการป้องกันทางอิเล็กทรอนิกส์สูง เช่น ไต้หวันหรือทะเลจีนใต้ การที่ PGI Technology ผลิตสายใยแก้วหลายระดับความยาวตั้งแต่ 1–60 กม. แสดงให้เห็นถึงการเตรียมกำลังผลิตเพื่อรองรับความต้องการในอนาคตทั้งสองประเทศ

    แม้เทคโนโลยีนี้จะมีข้อได้เปรียบด้านความเสถียร แต่ก็ยังมีข้อจำกัด เช่น น้ำหนักของสายที่อาจลด payload ของโดรน และความเสี่ยงของการพันกันเมื่อใช้งานในพื้นที่ซับซ้อน อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเส้นใยเสริม Kevlar และการพันสายแบบใหม่ที่ PGI โชว์ในภาพหลุด ทำให้เห็นว่าจีน–รัสเซียกำลังพยายามแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจังเพื่อให้โดรน tethered กลายเป็นอาวุธหลักในสนามรบยุคใหม่

    สรุปประเด็นสำคัญ
    รัสเซียทดสอบโดรนใยแก้วนำแสงพิสัย 65 กม.
    เพิ่มจากรุ่นก่อนหน้าที่ทำได้ประมาณ 30–50 กม.
    ใช้ควบคุมผ่านใยแก้วนำแสง ทำให้ต้านการรบกวน EW ได้ดี

    PGI Technology มีบทบาทสำคัญในสายการผลิต
    บริษัทจีน–รัสเซียที่ผลิตสายใยแก้วเสริมแรงสำหรับงานทหาร
    มีสายหลายระดับความยาว 1–60 กม. รองรับการใช้งานหลากหลาย

    โดรนแบบ tethered กลายเป็นอาวุธยุทธศาสตร์
    ใช้ควบคุมแบบ FPV ได้แม่นยำและปลอดภัยจากการ Jam
    เหมาะกับการโจมตีระยะลึกและสอดแนมในพื้นที่ที่มี EW หนาแน่น

    https://www.tomshardware.com/peripherals/cables-connectors/russia-has-reportedly-improved-the-range-of-its-jam-proof-optical-drones-to-over-40-miles-purported-chinese-russian-collaborative-production-imagery-reveals-dramatically-increased-tethered-drone-range
    🚁 รัสเซียเพิ่มพิสัยโดรนใยแก้วนำแสงแตะ 65 กม. — เผยความร่วมมือจีน–รัสเซียเร่งพัฒนาเทคโนโลยีต้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ รายงานล่าสุดเผยว่ารัสเซียได้ทดสอบโดรน FPV แบบใช้สายใยแก้วนำแสง (optical fiber tethered drone) ที่มีพิสัยไกลถึง 65 กิโลเมตร ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยภาพและวิดีโอที่หลุดออกมาจากช่อง Telegram ของรัสเซียแสดงให้เห็นม้วนสายใยแก้วขนาดใหญ่ที่ถูกผลิตโดย PGI Technology บริษัทลูกผสมจีน–รัสเซียที่เชี่ยวชาญด้านเส้นใยเสริมแรงสำหรับงานทหาร การเพิ่มพิสัยนี้ทำให้โดรนสามารถเจาะลึกเข้าไปในพื้นที่ศัตรูได้มากขึ้นโดยไม่ถูกรบกวนจากสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (EW) โดรนแบบใช้สายกำลังกลายเป็นอาวุธสำคัญในสงครามยุคใหม่ เพราะสัญญาณควบคุมผ่านใยแก้วนำแสงไม่สามารถถูก Jam หรือดักฟังได้ง่าย ต่างจากโดรนไร้สายทั่วไปที่มักถูกปิดสัญญาณหรือแฮ็กได้ในสนามรบที่มี EW หนาแน่น การเพิ่มพิสัยจาก 30–50 กม. ไปสู่ระดับ 65 กม. จึงถือเป็น “ก้าวกระโดดเชิงยุทธศาสตร์” ที่อาจเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีระยะลึกของรัสเซียในปี 2026 เป็นต้นไป ข้อมูลเพิ่มเติมจากวงการความมั่นคงระบุว่า จีนเองก็มีความสนใจในเทคโนโลยีนี้เช่นกัน เนื่องจากโดรนแบบ tethered สามารถใช้เป็นแพลตฟอร์มสอดแนมระยะไกลที่ทนทานต่อการรบกวนสัญญาณ ซึ่งเหมาะกับการปฏิบัติการในพื้นที่ที่มีการป้องกันทางอิเล็กทรอนิกส์สูง เช่น ไต้หวันหรือทะเลจีนใต้ การที่ PGI Technology ผลิตสายใยแก้วหลายระดับความยาวตั้งแต่ 1–60 กม. แสดงให้เห็นถึงการเตรียมกำลังผลิตเพื่อรองรับความต้องการในอนาคตทั้งสองประเทศ แม้เทคโนโลยีนี้จะมีข้อได้เปรียบด้านความเสถียร แต่ก็ยังมีข้อจำกัด เช่น น้ำหนักของสายที่อาจลด payload ของโดรน และความเสี่ยงของการพันกันเมื่อใช้งานในพื้นที่ซับซ้อน อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเส้นใยเสริม Kevlar และการพันสายแบบใหม่ที่ PGI โชว์ในภาพหลุด ทำให้เห็นว่าจีน–รัสเซียกำลังพยายามแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจังเพื่อให้โดรน tethered กลายเป็นอาวุธหลักในสนามรบยุคใหม่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ รัสเซียทดสอบโดรนใยแก้วนำแสงพิสัย 65 กม. ➡️ เพิ่มจากรุ่นก่อนหน้าที่ทำได้ประมาณ 30–50 กม. ➡️ ใช้ควบคุมผ่านใยแก้วนำแสง ทำให้ต้านการรบกวน EW ได้ดี ✅ PGI Technology มีบทบาทสำคัญในสายการผลิต ➡️ บริษัทจีน–รัสเซียที่ผลิตสายใยแก้วเสริมแรงสำหรับงานทหาร ➡️ มีสายหลายระดับความยาว 1–60 กม. รองรับการใช้งานหลากหลาย ✅ โดรนแบบ tethered กลายเป็นอาวุธยุทธศาสตร์ ➡️ ใช้ควบคุมแบบ FPV ได้แม่นยำและปลอดภัยจากการ Jam ➡️ เหมาะกับการโจมตีระยะลึกและสอดแนมในพื้นที่ที่มี EW หนาแน่น https://www.tomshardware.com/peripherals/cables-connectors/russia-has-reportedly-improved-the-range-of-its-jam-proof-optical-drones-to-over-40-miles-purported-chinese-russian-collaborative-production-imagery-reveals-dramatically-increased-tethered-drone-range
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • Moore Threads เปิดตัวสถาปัตยกรรม GPU รุ่นใหม่ “Huagang” พร้อมอ้างพลังแรงก้าวกระโดดครั้งใหญ่

    วงการจีพียูในจีนกำลังร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อ Moore Threads เปิดตัวสถาปัตยกรรม “Huagang” ที่ตั้งเป้าท้าชนค่ายใหญ่ระดับโลก ทั้งในตลาดเกมและ AI โดยเฉพาะรุ่นเกมมิ่ง “Lushan” ที่บริษัทอ้างว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพเกม AAA ได้สูงถึง 15 เท่า และเพิ่มพลัง Ray Tracing มากถึง 50 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นการก้าวกระโดดที่สร้างความสนใจอย่างมากในอุตสาหกรรม

    นอกจากด้านเกมแล้ว Moore Threads ยังเผยโฉม “Huashan” ชิป AI แบบชิปเล็ตคู่ พร้อมโมดูล HBM ถึง 8 ก้อน ที่บริษัทระบุว่ามีประสิทธิภาพระดับใกล้เคียงกับ Nvidia Hopper และ Blackwell โดยเฉพาะแบนด์วิดท์หน่วยความจำที่สูงกว่า B200 อีกด้วย ทำให้จีนมีความหวังใหม่ในการพัฒนา GPU ภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาต่างชาติในยุคที่การแข่งขันด้าน AI ทวีความเข้มข้น

    ในเชิงเทคนิค Lushan ยังมาพร้อมการเพิ่มพลัง AI compute ถึง 64 เท่า การประมวลผล geometry 16 เท่า และเพิ่มความจุ VRAM สูงสุดถึง 64GB ซึ่งถือว่าเกินมาตรฐานการ์ดเกมทั่วไปในตลาดปัจจุบันอย่างมาก ขณะเดียวกัน Huashan ยังรองรับรูปแบบตัวเลขความแม่นยำต่ำแบบใหม่ เช่น MTFP4/6/8 ที่ออกแบบมาเพื่อเร่งงาน AI โดยเฉพาะ ทำให้ Moore Threads พยายามยกระดับสถาปัตยกรรมให้เทียบชั้นผู้เล่นระดับโลกทั้ง Nvidia, AMD และ Intel

    แม้ยังไม่มีผลทดสอบจริง แต่บริษัทได้โชว์ประสิทธิภาพ DeepSeek V3 บน MTT S5000 ที่ทำได้ถึง 1000 tokens/s ในโหมด Decode และ 4000 tokens/s ใน Prefill ซึ่งสูงกว่าชิป Hopper ที่เคยเป็นเพดานสูงสุดในตลาดจีน นับเป็นสัญญาณว่าจีนกำลังเร่งสปีดเพื่อสร้างระบบนิเวศ GPU ของตัวเองอย่างจริงจัง และอาจกลายเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดโลกในอนาคตอันใกล้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Moore Threads เปิดตัวสถาปัตยกรรม “Huagang”
    เน้นทั้งงานเกมและ AI ในเจเนอเรชันเดียว
    เปิดตัว GPU สองสายหลัก: Lushan (เกม) และ Huashan (AI)

    ประสิทธิภาพ Lushan เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
    อ้างเพิ่มพลังเกม AAA ได้ 15 เท่า
    เพิ่ม Ray Tracing ได้ 50 เท่า
    VRAM สูงสุด 64GB

    Huashan AI GPU ท้าชน Hopper–Blackwell
    ใช้ชิปเล็ตคู่ + HBM 8 ก้อน
    แบนด์วิดท์สูงกว่า Nvidia B200
    รองรับรูปแบบตัวเลข MTFP4/6/8

    เดโม DeepSeek V3 บน MTT S5000
    ทำได้ 1000 tokens/s (Decode) และ 4000 tokens/s (Prefill)
    สูงกว่าชิป Hopper ที่เคยเป็นเพดานในจีน

    ประเด็นที่ควรระวัง / ข้อจำกัด
    ยังไม่มีผลทดสอบจริง (Benchmark)
    ตัวเลขทั้งหมดเป็น “คำอ้างจากบริษัท” ยังไม่ผ่านการพิสูจน์ภายนอก

    ความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์ยังเป็นคำถาม
    แม้รองรับ DirectX 12 Ultimate แต่ ecosystem ของ Moore Threads ยังไม่แข็งแรงเท่าค่ายใหญ่

    การแข่งขันกับ Nvidia/AMD ยังต้องใช้เวลา
    แม้ตัวเลขดูดี แต่ตลาดระดับโลกต้องการเสถียรภาพและไดรเวอร์ที่พิสูจน์แล้ว

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/moore-threads-unveils-next-gen-gaming-gpu-with-15x-performance-and-50x-ray-tracing-improvement-ai-gpu-with-claimed-performance-between-hopper-and-blackwell-also-in-the-works
    ⚡ Moore Threads เปิดตัวสถาปัตยกรรม GPU รุ่นใหม่ “Huagang” พร้อมอ้างพลังแรงก้าวกระโดดครั้งใหญ่ วงการจีพียูในจีนกำลังร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อ Moore Threads เปิดตัวสถาปัตยกรรม “Huagang” ที่ตั้งเป้าท้าชนค่ายใหญ่ระดับโลก ทั้งในตลาดเกมและ AI โดยเฉพาะรุ่นเกมมิ่ง “Lushan” ที่บริษัทอ้างว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพเกม AAA ได้สูงถึง 15 เท่า และเพิ่มพลัง Ray Tracing มากถึง 50 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นการก้าวกระโดดที่สร้างความสนใจอย่างมากในอุตสาหกรรม นอกจากด้านเกมแล้ว Moore Threads ยังเผยโฉม “Huashan” ชิป AI แบบชิปเล็ตคู่ พร้อมโมดูล HBM ถึง 8 ก้อน ที่บริษัทระบุว่ามีประสิทธิภาพระดับใกล้เคียงกับ Nvidia Hopper และ Blackwell โดยเฉพาะแบนด์วิดท์หน่วยความจำที่สูงกว่า B200 อีกด้วย ทำให้จีนมีความหวังใหม่ในการพัฒนา GPU ภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาต่างชาติในยุคที่การแข่งขันด้าน AI ทวีความเข้มข้น ในเชิงเทคนิค Lushan ยังมาพร้อมการเพิ่มพลัง AI compute ถึง 64 เท่า การประมวลผล geometry 16 เท่า และเพิ่มความจุ VRAM สูงสุดถึง 64GB ซึ่งถือว่าเกินมาตรฐานการ์ดเกมทั่วไปในตลาดปัจจุบันอย่างมาก ขณะเดียวกัน Huashan ยังรองรับรูปแบบตัวเลขความแม่นยำต่ำแบบใหม่ เช่น MTFP4/6/8 ที่ออกแบบมาเพื่อเร่งงาน AI โดยเฉพาะ ทำให้ Moore Threads พยายามยกระดับสถาปัตยกรรมให้เทียบชั้นผู้เล่นระดับโลกทั้ง Nvidia, AMD และ Intel แม้ยังไม่มีผลทดสอบจริง แต่บริษัทได้โชว์ประสิทธิภาพ DeepSeek V3 บน MTT S5000 ที่ทำได้ถึง 1000 tokens/s ในโหมด Decode และ 4000 tokens/s ใน Prefill ซึ่งสูงกว่าชิป Hopper ที่เคยเป็นเพดานสูงสุดในตลาดจีน นับเป็นสัญญาณว่าจีนกำลังเร่งสปีดเพื่อสร้างระบบนิเวศ GPU ของตัวเองอย่างจริงจัง และอาจกลายเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดโลกในอนาคตอันใกล้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Moore Threads เปิดตัวสถาปัตยกรรม “Huagang” ➡️ เน้นทั้งงานเกมและ AI ในเจเนอเรชันเดียว ➡️ เปิดตัว GPU สองสายหลัก: Lushan (เกม) และ Huashan (AI) ✅ ประสิทธิภาพ Lushan เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ➡️ อ้างเพิ่มพลังเกม AAA ได้ 15 เท่า ➡️ เพิ่ม Ray Tracing ได้ 50 เท่า ➡️ VRAM สูงสุด 64GB ✅ Huashan AI GPU ท้าชน Hopper–Blackwell ➡️ ใช้ชิปเล็ตคู่ + HBM 8 ก้อน ➡️ แบนด์วิดท์สูงกว่า Nvidia B200 ➡️ รองรับรูปแบบตัวเลข MTFP4/6/8 ✅ เดโม DeepSeek V3 บน MTT S5000 ➡️ ทำได้ 1000 tokens/s (Decode) และ 4000 tokens/s (Prefill) ➡️ สูงกว่าชิป Hopper ที่เคยเป็นเพดานในจีน ⚠️ ประเด็นที่ควรระวัง / ข้อจำกัด ‼️ ยังไม่มีผลทดสอบจริง (Benchmark) ⛔ ตัวเลขทั้งหมดเป็น “คำอ้างจากบริษัท” ยังไม่ผ่านการพิสูจน์ภายนอก ‼️ ความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์ยังเป็นคำถาม ⛔ แม้รองรับ DirectX 12 Ultimate แต่ ecosystem ของ Moore Threads ยังไม่แข็งแรงเท่าค่ายใหญ่ ‼️ การแข่งขันกับ Nvidia/AMD ยังต้องใช้เวลา ⛔ แม้ตัวเลขดูดี แต่ตลาดระดับโลกต้องการเสถียรภาพและไดรเวอร์ที่พิสูจน์แล้ว https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/moore-threads-unveils-next-gen-gaming-gpu-with-15x-performance-and-50x-ray-tracing-improvement-ai-gpu-with-claimed-performance-between-hopper-and-blackwell-also-in-the-works
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mistral OCR 3: ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของการอ่านเอกสารด้วย AI

    Mistral OCR 3 คือเวอร์ชันใหม่ล่าสุดของระบบ OCR จาก Mistral AI ที่ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับความแม่นยำและความทนทานในการประมวลผลเอกสารทุกประเภท ตั้งแต่ฟอร์มราชการ สแกนคุณภาพต่ำ ไปจนถึงลายมือที่อ่านยาก จุดเด่นสำคัญคือประสิทธิภาพที่เหนือกว่า Mistral OCR 2 อย่างชัดเจน โดยมีอัตราชนะรวมกว่า 74% ในการทดสอบภายในกับเอกสารจริงจากลูกค้าองค์กร

    สิ่งที่ทำให้รุ่นนี้โดดเด่นคือความสามารถในการ “เข้าใจโครงสร้างเอกสาร” ไม่ใช่แค่ดึงข้อความออกมาเท่านั้น Mistral OCR 3 สามารถสร้าง Markdown ที่มี HTML table reconstruction เพื่อรักษาโครงสร้างตารางที่ซับซ้อน เช่น merged cells, multi-row headers และ column hierarchy ซึ่งเป็นสิ่งที่ OCR ทั่วไปทำได้ยากมาก นอกจากนี้ยังรองรับการดึงภาพที่ฝังอยู่ในเอกสารออกมาพร้อมกัน ทำให้เหมาะสำหรับ workflow ที่ต้องการข้อมูลครบถ้วนเพื่อป้อนให้ agent หรือระบบ downstream อื่นๆ

    อีกหนึ่งจุดแข็งคือความสามารถในการจัดการเอกสารที่มีคุณภาพต่ำ เช่น สแกนเอียง ภาพเบลอ DPI ต่ำ หรือมี noise ซึ่งเป็นปัญหาที่องค์กรจำนวนมากต้องเจอในงานจริง ไม่ว่าจะเป็นเอกสารเก่า เอกสารราชการ หรือไฟล์ที่ถูกถ่ายจากมือถือ Mistral OCR 3 ถูกฝึกมาให้ robust ต่อสถานการณ์เหล่านี้โดยเฉพาะ ทำให้ผลลัพธ์มีความเสถียรและพร้อมใช้งานมากขึ้นในระดับ production

    สุดท้าย Mistral OCR 3 ยังมาพร้อมราคาที่แข่งขันได้มาก—เพียง $2 ต่อ 1,000 หน้า และลดเหลือ $1 ต่อ 1,000 หน้า เมื่อใช้ Batch API ซึ่งถูกกว่าระบบ OCR เชิงพาณิชย์หลายเจ้าอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับองค์กรที่ต้องการประมวลผลเอกสารจำนวนมากโดยไม่ต้องลงทุนสูง

    ไฮไลต์ของ Mistral OCR 3
    ประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างมาก: ชนะ Mistral OCR 2 ถึง 74% ในการทดสอบภายใน
    รองรับเอกสารหลากหลายประเภท รวมถึงลายมือ ฟอร์ม และสแกนคุณภาพต่ำ
    สร้าง Markdown พร้อม HTML table reconstruction เพื่อรักษาโครงสร้างเอกสาร

    ความสามารถเชิงเทคนิค
    Robust ต่อ noise, skew, compression artifacts และ low DPI
    ดึงข้อความ + ภาพฝังในเอกสารได้พร้อมกัน
    รองรับ complex tables พร้อม colspan/rowspan

    การใช้งานจริงในองค์กร
    เหมาะสำหรับ pipeline ปริมาณสูง เช่น ใบแจ้งหนี้ เอกสารปฏิบัติการ รายงานวิชาการ
    ใช้ใน Document AI Playground เพื่อแปลง PDF/ภาพเป็น text หรือ JSON ได้ทันที
    ลูกค้าใช้เพื่อ digitize archives, extract structured fields และปรับปรุง enterprise search

    ด้านราคาและการเข้าถึง
    ราคาเพียง $2 ต่อ 1,000 หน้า (ลดเหลือ $1 เมื่อใช้ Batch API)
    backward compatible กับ Mistral OCR 2
    ใช้งานผ่าน API หรือ Document AI Playground ได้ทันที

    ประเด็นที่ต้องระวัง
    แม้จะ robust แต่เอกสารที่เสียหายหนักอาจยังต้อง preprocessing
    การ reconstruct ตารางซับซ้อนอาจต้องตรวจสอบผลลัพธ์ก่อนใช้งาน downstream
    การใช้งานใน pipeline ปริมาณมากต้องวางแผนด้าน latency และ throughput

    https://mistral.ai/news/mistral-ocr-3
    🔍 Mistral OCR 3: ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของการอ่านเอกสารด้วย AI Mistral OCR 3 คือเวอร์ชันใหม่ล่าสุดของระบบ OCR จาก Mistral AI ที่ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับความแม่นยำและความทนทานในการประมวลผลเอกสารทุกประเภท ตั้งแต่ฟอร์มราชการ สแกนคุณภาพต่ำ ไปจนถึงลายมือที่อ่านยาก จุดเด่นสำคัญคือประสิทธิภาพที่เหนือกว่า Mistral OCR 2 อย่างชัดเจน โดยมีอัตราชนะรวมกว่า 74% ในการทดสอบภายในกับเอกสารจริงจากลูกค้าองค์กร สิ่งที่ทำให้รุ่นนี้โดดเด่นคือความสามารถในการ “เข้าใจโครงสร้างเอกสาร” ไม่ใช่แค่ดึงข้อความออกมาเท่านั้น Mistral OCR 3 สามารถสร้าง Markdown ที่มี HTML table reconstruction เพื่อรักษาโครงสร้างตารางที่ซับซ้อน เช่น merged cells, multi-row headers และ column hierarchy ซึ่งเป็นสิ่งที่ OCR ทั่วไปทำได้ยากมาก นอกจากนี้ยังรองรับการดึงภาพที่ฝังอยู่ในเอกสารออกมาพร้อมกัน ทำให้เหมาะสำหรับ workflow ที่ต้องการข้อมูลครบถ้วนเพื่อป้อนให้ agent หรือระบบ downstream อื่นๆ อีกหนึ่งจุดแข็งคือความสามารถในการจัดการเอกสารที่มีคุณภาพต่ำ เช่น สแกนเอียง ภาพเบลอ DPI ต่ำ หรือมี noise ซึ่งเป็นปัญหาที่องค์กรจำนวนมากต้องเจอในงานจริง ไม่ว่าจะเป็นเอกสารเก่า เอกสารราชการ หรือไฟล์ที่ถูกถ่ายจากมือถือ Mistral OCR 3 ถูกฝึกมาให้ robust ต่อสถานการณ์เหล่านี้โดยเฉพาะ ทำให้ผลลัพธ์มีความเสถียรและพร้อมใช้งานมากขึ้นในระดับ production สุดท้าย Mistral OCR 3 ยังมาพร้อมราคาที่แข่งขันได้มาก—เพียง $2 ต่อ 1,000 หน้า และลดเหลือ $1 ต่อ 1,000 หน้า เมื่อใช้ Batch API ซึ่งถูกกว่าระบบ OCR เชิงพาณิชย์หลายเจ้าอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับองค์กรที่ต้องการประมวลผลเอกสารจำนวนมากโดยไม่ต้องลงทุนสูง ✅ ไฮไลต์ของ Mistral OCR 3 ➡️ ประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างมาก: ชนะ Mistral OCR 2 ถึง 74% ในการทดสอบภายใน ➡️ รองรับเอกสารหลากหลายประเภท รวมถึงลายมือ ฟอร์ม และสแกนคุณภาพต่ำ ➡️ สร้าง Markdown พร้อม HTML table reconstruction เพื่อรักษาโครงสร้างเอกสาร ✅ ความสามารถเชิงเทคนิค ➡️ Robust ต่อ noise, skew, compression artifacts และ low DPI ➡️ ดึงข้อความ + ภาพฝังในเอกสารได้พร้อมกัน ➡️ รองรับ complex tables พร้อม colspan/rowspan ✅ การใช้งานจริงในองค์กร ➡️ เหมาะสำหรับ pipeline ปริมาณสูง เช่น ใบแจ้งหนี้ เอกสารปฏิบัติการ รายงานวิชาการ ➡️ ใช้ใน Document AI Playground เพื่อแปลง PDF/ภาพเป็น text หรือ JSON ได้ทันที ➡️ ลูกค้าใช้เพื่อ digitize archives, extract structured fields และปรับปรุง enterprise search ✅ ด้านราคาและการเข้าถึง ➡️ ราคาเพียง $2 ต่อ 1,000 หน้า (ลดเหลือ $1 เมื่อใช้ Batch API) ➡️ backward compatible กับ Mistral OCR 2 ➡️ ใช้งานผ่าน API หรือ Document AI Playground ได้ทันที ‼️ ประเด็นที่ต้องระวัง ⛔ แม้จะ robust แต่เอกสารที่เสียหายหนักอาจยังต้อง preprocessing ⛔ การ reconstruct ตารางซับซ้อนอาจต้องตรวจสอบผลลัพธ์ก่อนใช้งาน downstream ⛔ การใช้งานใน pipeline ปริมาณมากต้องวางแผนด้าน latency และ throughput https://mistral.ai/news/mistral-ocr-3
    MISTRAL.AI
    Introducing Mistral OCR 3 | Mistral AI
    Achieving a new frontier for both accuracy and efficiency in document processing.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • CSS Grid Lanes: อนาคตของ Masonry Layout ที่ทำงานได้จริงในเบราว์เซอร์

    CSS Grid Lanes คือความพยายามครั้งสำคัญของทีม WebKit และกลุ่มทำงาน CSS ที่ต้องการสร้าง “Masonry layout แบบเนทีฟ” โดยไม่ต้องพึ่ง JavaScript หรือไลบรารีเสริมอีกต่อไป ฟีเจอร์นี้เกิดจากการทำงานร่วมกันหลายปีระหว่าง Mozilla, Apple และสมาชิกใน CSS Working Group เพื่อหาวิธีสร้างเลย์เอาต์แบบ Pinterest‑style ที่ทั้งยืดหยุ่นและเข้าถึงได้ง่ายในทุกเบราว์เซอร์

    หัวใจของ Grid Lanes คือการใช้พลังของ CSS Grid เดิม แต่เพิ่มความสามารถให้เบราว์เซอร์จัดวางไอเท็มตาม “ช่องว่างที่ใกล้ด้านบนที่สุด” คล้ายการขับรถเปลี่ยนเลนเพื่อไปให้ไกลที่สุดในสภาพจราจรติดขัด แนวคิดนี้ทำให้เกิดเลย์เอาต์แบบ waterfall โดยไม่ต้องเขียนสคริปต์ใดๆ และยังรองรับ infinite scroll ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะเบราว์เซอร์จัดการตำแหน่งให้เองทั้งหมด

    นอกจากนี้ Grid Lanes ยังเปิดประตูสู่ดีไซน์ใหม่ๆ เช่น การกำหนดเลนกว้าง‑แคบสลับกัน การให้บางไอเท็ม span หลายคอลัมน์ หรือแม้แต่การสลับทิศทางของเลย์เอาต์จากแนวตั้งเป็นแนวนอนได้เพียงแค่เปลี่ยนจาก grid-template-columns เป็น grid-template-rows โดยไม่ต้องแก้โค้ดส่วนอื่นเลย ฟีเจอร์ “item‑tolerance” ยังช่วยควบคุมความไวของอัลกอริทึมในการจัดวาง ทำให้ดีไซเนอร์เลือกได้ว่าจะให้เลย์เอาต์ “นิ่ง” หรือ “ไหลลื่น” มากแค่ไหน

    แม้สเปกยังมีบางส่วนที่กำลังถกเถียง เช่น ชื่อ property ที่จะใช้ควบคุมทิศทาง แต่โดยรวมฟีเจอร์นี้ถือว่า “พร้อมใช้งาน” แล้วใน Safari Technology Preview และกำลังถูกผลักดันให้เป็นมาตรฐานเว็บในอนาคต หากถูกนำไปใช้จริงในทุกเบราว์เซอร์ Grid Lanes จะกลายเป็นหนึ่งในก้าวกระโดดสำคัญของ CSS ที่ช่วยลดภาระ JavaScript และทำให้เว็บเร็วขึ้น เข้าถึงง่ายขึ้น และออกแบบได้อิสระมากขึ้นกว่าเดิม

    สรุปประเด็นสำคัญ
    แนวคิดหลักของ CSS Grid Lanes
    สร้าง Masonry layout แบบเนทีฟโดยไม่ต้องใช้ JavaScript
    ใช้พลังของ CSS Grid เดิม แต่เพิ่มอัลกอริทึมจัดวางแบบ “closest to the top”
    รองรับ infinite scroll และการเข้าถึง (accessibility) ได้ดีกว่าไลบรารีเดิม

    ความสามารถใหม่ที่โดดเด่น
    สร้างเลนกว้าง‑แคบสลับกันด้วย grid-template-*
    ให้ไอเท็ม span หลายคอลัมน์ได้อย่างยืดหยุ่น
    สลับทิศทางเลย์เอาต์ได้ง่ายเพียงเปลี่ยน columns ↔ rows

    ฟีเจอร์ item‑tolerance
    ควบคุมความไวของอัลกอริทึมในการจัดวางไอเท็ม
    ลดการ “กระโดดเลย์เอาต์” หรือทำให้เลย์เอาต์ไหลลื่นขึ้นตามต้องการ

    สถานะปัจจุบันของสเปก
    พร้อมทดลองใช้ใน Safari Technology Preview 234
    CSS Working Group ยังถกเรื่องชื่อ property บางส่วน
    ฟีเจอร์โดยรวมถือว่า “พร้อมใช้งานจริง” ในอนาคตอันใกล้

    ประเด็นที่ต้องระวัง
    สเปกยังไม่เสถียร 100% อาจมีการเปลี่ยนชื่อ property
    รองรับเฉพาะบางเบราว์เซอร์ในตอนนี้
    ต้องตรวจสอบ grid-auto-flow หากเลย์เอาต์ไม่ทำงานตามคาด

    https://webkit.org/blog/17660/introducing-css-grid-lanes/
    🧩 CSS Grid Lanes: อนาคตของ Masonry Layout ที่ทำงานได้จริงในเบราว์เซอร์ CSS Grid Lanes คือความพยายามครั้งสำคัญของทีม WebKit และกลุ่มทำงาน CSS ที่ต้องการสร้าง “Masonry layout แบบเนทีฟ” โดยไม่ต้องพึ่ง JavaScript หรือไลบรารีเสริมอีกต่อไป ฟีเจอร์นี้เกิดจากการทำงานร่วมกันหลายปีระหว่าง Mozilla, Apple และสมาชิกใน CSS Working Group เพื่อหาวิธีสร้างเลย์เอาต์แบบ Pinterest‑style ที่ทั้งยืดหยุ่นและเข้าถึงได้ง่ายในทุกเบราว์เซอร์ หัวใจของ Grid Lanes คือการใช้พลังของ CSS Grid เดิม แต่เพิ่มความสามารถให้เบราว์เซอร์จัดวางไอเท็มตาม “ช่องว่างที่ใกล้ด้านบนที่สุด” คล้ายการขับรถเปลี่ยนเลนเพื่อไปให้ไกลที่สุดในสภาพจราจรติดขัด แนวคิดนี้ทำให้เกิดเลย์เอาต์แบบ waterfall โดยไม่ต้องเขียนสคริปต์ใดๆ และยังรองรับ infinite scroll ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะเบราว์เซอร์จัดการตำแหน่งให้เองทั้งหมด นอกจากนี้ Grid Lanes ยังเปิดประตูสู่ดีไซน์ใหม่ๆ เช่น การกำหนดเลนกว้าง‑แคบสลับกัน การให้บางไอเท็ม span หลายคอลัมน์ หรือแม้แต่การสลับทิศทางของเลย์เอาต์จากแนวตั้งเป็นแนวนอนได้เพียงแค่เปลี่ยนจาก grid-template-columns เป็น grid-template-rows โดยไม่ต้องแก้โค้ดส่วนอื่นเลย ฟีเจอร์ “item‑tolerance” ยังช่วยควบคุมความไวของอัลกอริทึมในการจัดวาง ทำให้ดีไซเนอร์เลือกได้ว่าจะให้เลย์เอาต์ “นิ่ง” หรือ “ไหลลื่น” มากแค่ไหน แม้สเปกยังมีบางส่วนที่กำลังถกเถียง เช่น ชื่อ property ที่จะใช้ควบคุมทิศทาง แต่โดยรวมฟีเจอร์นี้ถือว่า “พร้อมใช้งาน” แล้วใน Safari Technology Preview และกำลังถูกผลักดันให้เป็นมาตรฐานเว็บในอนาคต หากถูกนำไปใช้จริงในทุกเบราว์เซอร์ Grid Lanes จะกลายเป็นหนึ่งในก้าวกระโดดสำคัญของ CSS ที่ช่วยลดภาระ JavaScript และทำให้เว็บเร็วขึ้น เข้าถึงง่ายขึ้น และออกแบบได้อิสระมากขึ้นกว่าเดิม 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ แนวคิดหลักของ CSS Grid Lanes ➡️ สร้าง Masonry layout แบบเนทีฟโดยไม่ต้องใช้ JavaScript ➡️ ใช้พลังของ CSS Grid เดิม แต่เพิ่มอัลกอริทึมจัดวางแบบ “closest to the top” ➡️ รองรับ infinite scroll และการเข้าถึง (accessibility) ได้ดีกว่าไลบรารีเดิม ✅ ความสามารถใหม่ที่โดดเด่น ➡️ สร้างเลนกว้าง‑แคบสลับกันด้วย grid-template-* ➡️ ให้ไอเท็ม span หลายคอลัมน์ได้อย่างยืดหยุ่น ➡️ สลับทิศทางเลย์เอาต์ได้ง่ายเพียงเปลี่ยน columns ↔ rows ✅ ฟีเจอร์ item‑tolerance ➡️ ควบคุมความไวของอัลกอริทึมในการจัดวางไอเท็ม ➡️ ลดการ “กระโดดเลย์เอาต์” หรือทำให้เลย์เอาต์ไหลลื่นขึ้นตามต้องการ ✅ สถานะปัจจุบันของสเปก ➡️ พร้อมทดลองใช้ใน Safari Technology Preview 234 ➡️ CSS Working Group ยังถกเรื่องชื่อ property บางส่วน ➡️ ฟีเจอร์โดยรวมถือว่า “พร้อมใช้งานจริง” ในอนาคตอันใกล้ ‼️ ประเด็นที่ต้องระวัง ⛔ สเปกยังไม่เสถียร 100% อาจมีการเปลี่ยนชื่อ property ⛔ รองรับเฉพาะบางเบราว์เซอร์ในตอนนี้ ⛔ ต้องตรวจสอบ grid-auto-flow หากเลย์เอาต์ไม่ทำงานตามคาด https://webkit.org/blog/17660/introducing-css-grid-lanes/
    WEBKIT.ORG
    Introducing CSS Grid Lanes
    It’s here, the future of masonry layouts on the web!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • QuantWare เปิดตัว VIO‑40K: โปรเซสเซอร์ควอนตัม 10,000 คิวบิตที่พลิกเกมอุตสาหกรรม

    QuantWare สตาร์ทอัพจากเนเธอร์แลนด์สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในวงการควอนตัมคอมพิวติ้งด้วยการเปิดตัวสถาปัตยกรรมใหม่ชื่อ VIO‑40K ซึ่งสามารถบรรจุคิวบิตได้ถึง 10,000 คิวบิตบนชิปเดียว มากกว่าชิปของ Google และ IBM ในปัจจุบันกว่า 100 เท่า ความก้าวหน้านี้เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแนวคิดการออกแบบจากระบบสายสัญญาณแบบ 2D ไปสู่ โครงสร้าง 3D พร้อมการเดินสายแบบแนวตั้ง ซึ่งช่วยแก้ปัญหาคอขวดด้านการเชื่อมต่อที่เป็นอุปสรรคใหญ่ของวงการมานานหลายปี

    หัวใจของสถาปัตยกรรมนี้คือการใช้ chiplets—โมดูลชิปขนาดเล็กที่นำมาต่อกันเป็นระบบใหญ่—ทำให้ QuantWare สามารถสร้าง QPU ที่รองรับ 40,000 I/O lines ได้โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดชิปอย่างไร้ขีดจำกัด แนวทางนี้คล้ายกับการแก้ปัญหาความแออัดของเมือง: แทนที่จะขยายออกด้านข้าง ก็สร้างตึกสูงขึ้นแทน เป็นการพลิกวิธีคิดที่ช่วยให้ควอนตัมคอมพิวเตอร์สามารถสเกลได้จริงในระดับอุตสาหกรรม

    สิ่งที่ทำให้ QuantWare น่าสนใจยิ่งขึ้นคือกลยุทธ์ทางธุรกิจที่แตกต่างจากยักษ์ใหญ่ในวงการ Google และ IBM ที่สร้างทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เองทั้งหมด QuantWare เลือกเดินเส้นทางแบบ “Intel ของวงการควอนตัม” โดยเน้นขายชิปให้ผู้ผลิตรายอื่น และผลักดันแนวคิด Quantum Open Architecture เพื่อให้ฮาร์ดแวร์ของตนเชื่อมต่อกับ ecosystem ที่มีอยู่แล้ว เช่น Nvidia NVQLink และ CUDA‑Q ซึ่งอาจเปิดประตูสู่ระบบไฮบริดที่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์คลาสสิกสามารถส่งงานบางส่วนให้ QPU ทำได้อย่างไร้รอยต่อ

    แม้จะเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ แต่คำถามสำคัญยังคงอยู่: “ชิปที่ใหญ่ขึ้นคือชิปที่ดีกว่าหรือไม่?” ในขณะที่ Google และ IBM มุ่งเน้นการแก้ปัญหา error correction และ fault tolerance QuantWare เลือกใช้แนวทาง brute‑force scaling ซึ่งอาจได้ผลในระยะสั้น แต่ต้องพิสูจน์ความเสถียรในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การประกาศว่าจะเริ่มขายชิปให้ลูกค้าในปี 2028 ทำให้วงการจับตามองว่า QuantWare จะสามารถรักษาความได้เปรียบนี้ไว้ได้หรือไม่ เมื่อเทียบกับ Big Tech ที่มีทรัพยากรมหาศาล

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ไฮไลต์จากสถาปัตยกรรม VIO‑40K
    รองรับ 10,000 คิวบิต มากกว่า Google/IBM ประมาณ 100 เท่า
    ใช้ 3D vertical wiring แทน 2D เพื่อลดคอขวดด้านการเชื่อมต่อ
    ใช้ chiplets เพื่อสร้างระบบขนาดใหญ่แบบโมดูลาร์
    รองรับ 40,000 I/O lines ซึ่งเป็นระดับอุตสาหกรรม

    กลยุทธ์ทางธุรกิจที่แตกต่าง
    ตั้งเป้าเป็น “Intel ของควอนตัม” โดยขายชิปแทนสร้างระบบเอง
    ผลักดัน Quantum Open Architecture เพื่อให้ ecosystem เปิดกว้าง
    ทำงานร่วมกับ Nvidia NVQLink และ CUDA‑Q ได้โดยตรง

    บริบทจากวงการควอนตัมคอมพิวติ้ง
    Google และ IBM เน้น error correction มากกว่า brute‑force scaling
    การสเกลคิวบิตเป็นปัญหาใหญ่ของวงการมานาน
    การใช้ chiplets อาจเป็นแนวทางใหม่ของการสร้าง QPU ขนาดใหญ่

    ประเด็นที่ต้องจับตา
    จำนวนคิวบิตมากขึ้นไม่ได้แปลว่าประสิทธิภาพดีขึ้นเสมอไป
    ความเสถียรและ error rate ยังต้องพิสูจน์ในงานจริง
    Big Tech อาจไล่ทันหรือแซงได้ด้วยทรัพยากรที่เหนือกว่า

    https://www.slashgear.com/2053448/quantware-quantum-computer-processor-10000-qubit/
    ⚛️ QuantWare เปิดตัว VIO‑40K: โปรเซสเซอร์ควอนตัม 10,000 คิวบิตที่พลิกเกมอุตสาหกรรม QuantWare สตาร์ทอัพจากเนเธอร์แลนด์สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในวงการควอนตัมคอมพิวติ้งด้วยการเปิดตัวสถาปัตยกรรมใหม่ชื่อ VIO‑40K ซึ่งสามารถบรรจุคิวบิตได้ถึง 10,000 คิวบิตบนชิปเดียว มากกว่าชิปของ Google และ IBM ในปัจจุบันกว่า 100 เท่า ความก้าวหน้านี้เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแนวคิดการออกแบบจากระบบสายสัญญาณแบบ 2D ไปสู่ โครงสร้าง 3D พร้อมการเดินสายแบบแนวตั้ง ซึ่งช่วยแก้ปัญหาคอขวดด้านการเชื่อมต่อที่เป็นอุปสรรคใหญ่ของวงการมานานหลายปี หัวใจของสถาปัตยกรรมนี้คือการใช้ chiplets—โมดูลชิปขนาดเล็กที่นำมาต่อกันเป็นระบบใหญ่—ทำให้ QuantWare สามารถสร้าง QPU ที่รองรับ 40,000 I/O lines ได้โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดชิปอย่างไร้ขีดจำกัด แนวทางนี้คล้ายกับการแก้ปัญหาความแออัดของเมือง: แทนที่จะขยายออกด้านข้าง ก็สร้างตึกสูงขึ้นแทน เป็นการพลิกวิธีคิดที่ช่วยให้ควอนตัมคอมพิวเตอร์สามารถสเกลได้จริงในระดับอุตสาหกรรม สิ่งที่ทำให้ QuantWare น่าสนใจยิ่งขึ้นคือกลยุทธ์ทางธุรกิจที่แตกต่างจากยักษ์ใหญ่ในวงการ Google และ IBM ที่สร้างทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เองทั้งหมด QuantWare เลือกเดินเส้นทางแบบ “Intel ของวงการควอนตัม” โดยเน้นขายชิปให้ผู้ผลิตรายอื่น และผลักดันแนวคิด Quantum Open Architecture เพื่อให้ฮาร์ดแวร์ของตนเชื่อมต่อกับ ecosystem ที่มีอยู่แล้ว เช่น Nvidia NVQLink และ CUDA‑Q ซึ่งอาจเปิดประตูสู่ระบบไฮบริดที่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์คลาสสิกสามารถส่งงานบางส่วนให้ QPU ทำได้อย่างไร้รอยต่อ แม้จะเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ แต่คำถามสำคัญยังคงอยู่: “ชิปที่ใหญ่ขึ้นคือชิปที่ดีกว่าหรือไม่?” ในขณะที่ Google และ IBM มุ่งเน้นการแก้ปัญหา error correction และ fault tolerance QuantWare เลือกใช้แนวทาง brute‑force scaling ซึ่งอาจได้ผลในระยะสั้น แต่ต้องพิสูจน์ความเสถียรในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การประกาศว่าจะเริ่มขายชิปให้ลูกค้าในปี 2028 ทำให้วงการจับตามองว่า QuantWare จะสามารถรักษาความได้เปรียบนี้ไว้ได้หรือไม่ เมื่อเทียบกับ Big Tech ที่มีทรัพยากรมหาศาล 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ไฮไลต์จากสถาปัตยกรรม VIO‑40K ➡️ รองรับ 10,000 คิวบิต มากกว่า Google/IBM ประมาณ 100 เท่า ➡️ ใช้ 3D vertical wiring แทน 2D เพื่อลดคอขวดด้านการเชื่อมต่อ ➡️ ใช้ chiplets เพื่อสร้างระบบขนาดใหญ่แบบโมดูลาร์ ➡️ รองรับ 40,000 I/O lines ซึ่งเป็นระดับอุตสาหกรรม ✅ กลยุทธ์ทางธุรกิจที่แตกต่าง ➡️ ตั้งเป้าเป็น “Intel ของควอนตัม” โดยขายชิปแทนสร้างระบบเอง ➡️ ผลักดัน Quantum Open Architecture เพื่อให้ ecosystem เปิดกว้าง ➡️ ทำงานร่วมกับ Nvidia NVQLink และ CUDA‑Q ได้โดยตรง ✅ บริบทจากวงการควอนตัมคอมพิวติ้ง ➡️ Google และ IBM เน้น error correction มากกว่า brute‑force scaling ➡️ การสเกลคิวบิตเป็นปัญหาใหญ่ของวงการมานาน ➡️ การใช้ chiplets อาจเป็นแนวทางใหม่ของการสร้าง QPU ขนาดใหญ่ ‼️ ประเด็นที่ต้องจับตา ⛔ จำนวนคิวบิตมากขึ้นไม่ได้แปลว่าประสิทธิภาพดีขึ้นเสมอไป ⛔ ความเสถียรและ error rate ยังต้องพิสูจน์ในงานจริง ⛔ Big Tech อาจไล่ทันหรือแซงได้ด้วยทรัพยากรที่เหนือกว่า https://www.slashgear.com/2053448/quantware-quantum-computer-processor-10000-qubit/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Company Unveils New Quantum Processor 100x Denser Than Any Other - SlashGear
    There has been a break through in the quantum industry with a company unveiling a new processor that is 100x denser than any other.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • Moore Threads เปิดตัว Lushan (Gaming) และ Huashan (AI) GPUs — อ้างแรงขึ้น 15× ในเกม และ 50× ใน Ray Tracing

    Moore Threads ผู้ผลิต GPU จากจีนเปิดตัวสถาปัตยกรรมใหม่สองตระกูลคือ Lushan สำหรับเกมมิ่ง และ Huashan สำหรับงาน AI โดยบริษัทเคลมว่าประสิทธิภาพกระโดดขึ้นอย่างมหาศาลเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ทั้งในด้านเกมและงานเรนเดอร์แบบ Ray Tracing ต

    แม้รายละเอียดเชิงเทคนิคจะมีเพียงหัวข่าว แต่ตัวเลขที่ประกาศนั้นโดดเด่นมาก:
    ประสิทธิภาพเกมเพิ่มขึ้นสูงสุด 15×
    Ray Tracing เร็วขึ้นสูงสุด 50×
    รองรับ DirectX 12 Ultimate
    เตรียมเปิดตัวปีหน้า

    ข่าวนี้ยังถูกวางคู่กับผลิตภัณฑ์อื่นของบริษัท เช่น Yangtze AI SoC ที่เน้นงาน AI PC ซึ่งสะท้อนว่าบริษัทกำลังพยายามสร้าง ecosystem ครบชุด ตั้งแต่ GPU เกม ไปจนถึงชิป AI สำหรับโน้ตบุ๊กและมินิพีซี

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Moore Threads เปิดตัว GPU สองตระกูลใหม่
    Lushan → เน้นเกมมิ่ง
    Huashan → เน้น AI

    ตัวเลขประสิทธิภาพที่ประกาศ
    เกมมิ่งแรงขึ้น 15×
    Ray Tracing แรงขึ้น 50×
    รองรับ DX12 Ultimate

    กำหนดการเปิดตัว
    วางจำหน่าย ปีหน้า (ตามข้อมูลในแท็บ)

    ข้อควรระวังในการตีความตัวเลข
    แม้ตัวเลขจะดู “ก้าวกระโดด” มาก แต่เป็นตัวเลขจากผู้ผลิตเอง และยังไม่มี benchmark อิสระมายืนยัน (ซึ่งเป็นเรื่องปกติของ GPU จีนรุ่นก่อนๆ เช่นกัน)

    https://wccftech.com/moore-threads-lushan-gaming-huashan-ai-gpus-15x-gaming-uplift-50x-rt-boost-dx12-ultimate-support/
    🟦⚡ Moore Threads เปิดตัว Lushan (Gaming) และ Huashan (AI) GPUs — อ้างแรงขึ้น 15× ในเกม และ 50× ใน Ray Tracing Moore Threads ผู้ผลิต GPU จากจีนเปิดตัวสถาปัตยกรรมใหม่สองตระกูลคือ Lushan สำหรับเกมมิ่ง และ Huashan สำหรับงาน AI โดยบริษัทเคลมว่าประสิทธิภาพกระโดดขึ้นอย่างมหาศาลเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ทั้งในด้านเกมและงานเรนเดอร์แบบ Ray Tracing ต แม้รายละเอียดเชิงเทคนิคจะมีเพียงหัวข่าว แต่ตัวเลขที่ประกาศนั้นโดดเด่นมาก: ✅ ประสิทธิภาพเกมเพิ่มขึ้นสูงสุด 15× ✅ Ray Tracing เร็วขึ้นสูงสุด 50× ✅ รองรับ DirectX 12 Ultimate ✅ เตรียมเปิดตัวปีหน้า ข่าวนี้ยังถูกวางคู่กับผลิตภัณฑ์อื่นของบริษัท เช่น Yangtze AI SoC ที่เน้นงาน AI PC ซึ่งสะท้อนว่าบริษัทกำลังพยายามสร้าง ecosystem ครบชุด ตั้งแต่ GPU เกม ไปจนถึงชิป AI สำหรับโน้ตบุ๊กและมินิพีซี 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Moore Threads เปิดตัว GPU สองตระกูลใหม่ Lushan → เน้นเกมมิ่ง Huashan → เน้น AI ✅ ตัวเลขประสิทธิภาพที่ประกาศ เกมมิ่งแรงขึ้น 15× Ray Tracing แรงขึ้น 50× รองรับ DX12 Ultimate ✅ กำหนดการเปิดตัว วางจำหน่าย ปีหน้า (ตามข้อมูลในแท็บ) ⚠️ ข้อควรระวังในการตีความตัวเลข แม้ตัวเลขจะดู “ก้าวกระโดด” มาก แต่เป็นตัวเลขจากผู้ผลิตเอง และยังไม่มี benchmark อิสระมายืนยัน (ซึ่งเป็นเรื่องปกติของ GPU จีนรุ่นก่อนๆ เช่นกัน) https://wccftech.com/moore-threads-lushan-gaming-huashan-ai-gpus-15x-gaming-uplift-50x-rt-boost-dx12-ultimate-support/
    WCCFTECH.COM
    Moore Threads Unveils The Lushan Gaming & Huashan AI GPUs: 15x Gaming Performance Uplift, 50x RT Boost, DX12 Ultimate Support, Launching Next Year
    Chinese chipmaker, Moore Threads, has unveiled its two brand new GPUs, Lushan for gaming & Huashan for AI, promising big performance boosts.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • Zen 6: สถาปัตยกรรมใหม่แบบ “8‑wide” ของ AMD — ก้าวกระโดดครั้งใหญ่สู่ยุค 2nm และงานเวกเตอร์หนัก

    AMD เปิดเผยเอกสารทางเทคนิคชุดแรกของ Zen 6 อย่างเป็นทางการ ซึ่งเผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสถาปัตยกรรม CPU รุ่นถัดไปของบริษัท โดย Zen 6 ไม่ใช่การพัฒนาต่อยอดจาก Zen 4/Zen 5 แบบ incremental แต่เป็นการออกแบบใหม่แทบทั้งหมด โดยเน้นความกว้างของสถาปัตยกรรม (wide issue) และ throughput เป็นหลัก เอกสาร “Performance Monitor Counters” ที่ถูกค้นพบโดย InstLatX64 ชี้ว่า Zen 6 ใช้ 8‑slot dispatch engine พร้อม SMT ที่แชร์ช่องสั่งงานร่วมกัน ทำให้เป็นดีไซน์ที่เน้นงานขนานและงานหนักด้านเวกเตอร์มากขึ้น.

    Zen 6 ยังเพิ่มความสามารถด้านเวกเตอร์อย่างชัดเจน โดยรองรับ AVX‑512 แบบเต็ม 512‑bit ครอบคลุม FP64, FP32, FP16, BF16 รวมถึงชุดคำสั่ง AI เช่น VNNI, AES, SHA และ mixed FP‑INT ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่า AMD ต้องการยกระดับ Zen 6 ให้เป็น “dense‑math engine” สำหรับงาน AI inference, HPC และเวิร์กโหลด data center โดยเฉพาะ. ความสามารถนี้สอดคล้องกับข้อมูลจาก HotHardware ที่ระบุว่า Zen 6 มี FP16 แบบ native และเพิ่ม hardware profiling สำหรับ memory behavior เพื่อแก้ปัญหาคอขวดด้าน latency และ bandwidth ในงานสมัยใหม่.

    อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือ Zen 6 มี integer scheduler แยกเป็น 6 โดเมน แทนที่จะเป็น unified scheduler แบบ Zen 5 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงสถาปัตยกรรมครั้งใหญ่ อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพหรือความถี่สัญญาณนาฬิกาในงาน integer ได้มากขึ้น แม้ AMD ยังไม่เปิดเผยเหตุผลอย่างเป็นทางการก็ตาม. นอกจากนี้ Zen 6 ยังถูกออกแบบบนกระบวนการผลิต TSMC 2nm-class และในฝั่งเซิร์ฟเวอร์ (EPYC “Venice”) จะรองรับจำนวนคอร์สูงสุดถึง 256 คอร์ ตามข้อมูลจาก Tom’s Hardware.

    โดยรวมแล้ว Zen 6 ดูเหมือนจะเป็นสถาปัตยกรรมที่ AMD ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อ data center, AI และงานเวกเตอร์หนักเป็นหลัก ก่อนจะนำบางส่วนมาปรับใช้ใน Ryzen รุ่นคอนซูเมอร์ในปี 2026–2027 ซึ่งอาจทำให้ยุค Zen 6 กลายเป็นหนึ่งในก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่สุดของ AMD นับตั้งแต่ Zen รุ่นแรก.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Zen 6 เป็นสถาปัตยกรรมใหม่แบบ “8‑wide” เน้น throughput
    ใช้ 8‑slot dispatch engine พร้อม SMT ที่แชร์ช่องสั่งงานร่วมกัน
    ออกแบบใหม่ ไม่ใช่ incremental จาก Zen 5

    รองรับ AVX‑512 เต็มรูปแบบและงาน AI หนัก
    รองรับ FP64/FP32/FP16/BF16 และ VNNI, AES, SHA
    FP16 แบบ native เพิ่มประสิทธิภาพ AI inference อย่างมากHotHardware

    เพิ่มความสามารถด้าน memory profiling
    มี “Memory Profiler IBS” สำหรับวิเคราะห์ bottleneck ระดับ instruction

    เปลี่ยน integer backend เป็น 6 scheduler domains
    แตกต่างจาก Zen 5 ที่ใช้ unified scheduler

    ใช้กระบวนการผลิต 2nm-class และรองรับคอร์จำนวนมาก
    EPYC “Venice” อาจสูงสุดถึง 256 คอร์

    ประเด็นที่ควรระวัง / คำเตือน
    ดีไซน์แบบ wide‑issue อาจไม่เด่นในงาน single‑thread
    Apple มีดีไซน์ 9‑wide ที่อาจยังแรงกว่าในบางงานตามข้อมูล Tom’s Hardware

    ฟีเจอร์บางอย่างอาจไม่ถูกนำมาใช้ใน Ryzen รุ่นคอนซูเมอร์
    Zen 6 ถูกออกแบบเพื่อ data center เป็นหลัก อาจมีการตัดทอนในรุ่นทั่วไป

    การเพิ่มความซับซ้อนของ scheduler อาจเพิ่มความเสี่ยงด้าน latency
    หากจัดการไม่ดี อาจเกิด overhead ในบางเวิร์กโหลด

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-pubs-first-zen-6-document-for-developers-a-brand-new-8-wide-cpu-core-with-strong-vector-capabilities
    🧠⚡ Zen 6: สถาปัตยกรรมใหม่แบบ “8‑wide” ของ AMD — ก้าวกระโดดครั้งใหญ่สู่ยุค 2nm และงานเวกเตอร์หนัก AMD เปิดเผยเอกสารทางเทคนิคชุดแรกของ Zen 6 อย่างเป็นทางการ ซึ่งเผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสถาปัตยกรรม CPU รุ่นถัดไปของบริษัท โดย Zen 6 ไม่ใช่การพัฒนาต่อยอดจาก Zen 4/Zen 5 แบบ incremental แต่เป็นการออกแบบใหม่แทบทั้งหมด โดยเน้นความกว้างของสถาปัตยกรรม (wide issue) และ throughput เป็นหลัก เอกสาร “Performance Monitor Counters” ที่ถูกค้นพบโดย InstLatX64 ชี้ว่า Zen 6 ใช้ 8‑slot dispatch engine พร้อม SMT ที่แชร์ช่องสั่งงานร่วมกัน ทำให้เป็นดีไซน์ที่เน้นงานขนานและงานหนักด้านเวกเตอร์มากขึ้น. Zen 6 ยังเพิ่มความสามารถด้านเวกเตอร์อย่างชัดเจน โดยรองรับ AVX‑512 แบบเต็ม 512‑bit ครอบคลุม FP64, FP32, FP16, BF16 รวมถึงชุดคำสั่ง AI เช่น VNNI, AES, SHA และ mixed FP‑INT ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่า AMD ต้องการยกระดับ Zen 6 ให้เป็น “dense‑math engine” สำหรับงาน AI inference, HPC และเวิร์กโหลด data center โดยเฉพาะ. ความสามารถนี้สอดคล้องกับข้อมูลจาก HotHardware ที่ระบุว่า Zen 6 มี FP16 แบบ native และเพิ่ม hardware profiling สำหรับ memory behavior เพื่อแก้ปัญหาคอขวดด้าน latency และ bandwidth ในงานสมัยใหม่. อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือ Zen 6 มี integer scheduler แยกเป็น 6 โดเมน แทนที่จะเป็น unified scheduler แบบ Zen 5 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงสถาปัตยกรรมครั้งใหญ่ อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพหรือความถี่สัญญาณนาฬิกาในงาน integer ได้มากขึ้น แม้ AMD ยังไม่เปิดเผยเหตุผลอย่างเป็นทางการก็ตาม. นอกจากนี้ Zen 6 ยังถูกออกแบบบนกระบวนการผลิต TSMC 2nm-class และในฝั่งเซิร์ฟเวอร์ (EPYC “Venice”) จะรองรับจำนวนคอร์สูงสุดถึง 256 คอร์ ตามข้อมูลจาก Tom’s Hardware. โดยรวมแล้ว Zen 6 ดูเหมือนจะเป็นสถาปัตยกรรมที่ AMD ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อ data center, AI และงานเวกเตอร์หนักเป็นหลัก ก่อนจะนำบางส่วนมาปรับใช้ใน Ryzen รุ่นคอนซูเมอร์ในปี 2026–2027 ซึ่งอาจทำให้ยุค Zen 6 กลายเป็นหนึ่งในก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่สุดของ AMD นับตั้งแต่ Zen รุ่นแรก. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Zen 6 เป็นสถาปัตยกรรมใหม่แบบ “8‑wide” เน้น throughput ➡️ ใช้ 8‑slot dispatch engine พร้อม SMT ที่แชร์ช่องสั่งงานร่วมกัน ➡️ ออกแบบใหม่ ไม่ใช่ incremental จาก Zen 5 ✅ รองรับ AVX‑512 เต็มรูปแบบและงาน AI หนัก ➡️ รองรับ FP64/FP32/FP16/BF16 และ VNNI, AES, SHA ➡️ FP16 แบบ native เพิ่มประสิทธิภาพ AI inference อย่างมากHotHardware ✅ เพิ่มความสามารถด้าน memory profiling ➡️ มี “Memory Profiler IBS” สำหรับวิเคราะห์ bottleneck ระดับ instruction ✅ เปลี่ยน integer backend เป็น 6 scheduler domains ➡️ แตกต่างจาก Zen 5 ที่ใช้ unified scheduler ✅ ใช้กระบวนการผลิต 2nm-class และรองรับคอร์จำนวนมาก ➡️ EPYC “Venice” อาจสูงสุดถึง 256 คอร์ ⚠️ ประเด็นที่ควรระวัง / คำเตือน ‼️ ดีไซน์แบบ wide‑issue อาจไม่เด่นในงาน single‑thread ⛔ Apple มีดีไซน์ 9‑wide ที่อาจยังแรงกว่าในบางงานตามข้อมูล Tom’s Hardware ‼️ ฟีเจอร์บางอย่างอาจไม่ถูกนำมาใช้ใน Ryzen รุ่นคอนซูเมอร์ ⛔ Zen 6 ถูกออกแบบเพื่อ data center เป็นหลัก อาจมีการตัดทอนในรุ่นทั่วไป ‼️ การเพิ่มความซับซ้อนของ scheduler อาจเพิ่มความเสี่ยงด้าน latency ⛔ หากจัดการไม่ดี อาจเกิด overhead ในบางเวิร์กโหลด https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-pubs-first-zen-6-document-for-developers-a-brand-new-8-wide-cpu-core-with-strong-vector-capabilities
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel Nova Lake: CPU รุ่นใหม่พร้อมแคชขนาดใหญ่ bLLC

    รายงานจาก Wccftech เผยข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ Intel Nova Lake Desktop CPUs ที่จะเปิดตัวในอนาคต โดยมีการยืนยันว่าชิปจะมาพร้อมกับ Big Last Level Cache (bLLC) ซึ่งเป็นการออกแบบใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล โดยจะมีหลายรุ่นให้เลือกตั้งแต่ 52, 42, 28 และ 24 คอร์ พร้อมแคชขนาดใหญ่ถึง 288MB สำหรับ Core Ultra 9 และ 144MB สำหรับ Core Ultra 7

    การเพิ่มแคชในระดับนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงสถาปัตยกรรมที่สำคัญ เพราะช่วยลดการเข้าถึงหน่วยความจำหลักที่ช้ากว่า และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของแอปพลิเคชันที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมาก เช่น เกม, งาน AI, และการประมวลผลข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมความสามารถในการทำงานแบบมัลติทาสก์และเวิร์กโหลดที่ซับซ้อน

    Intel ตั้งเป้าว่า Nova Lake จะเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่หลังจากสถาปัตยกรรม Meteor Lake และ Arrow Lake โดยมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพต่อวัตต์ และการจัดการพลังงานที่ดีกว่าเดิม ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของตลาดที่ต้องการ CPU ที่ทรงพลังแต่ยังคงประหยัดพลังงานสำหรับเดสก์ท็อปและเวิร์กสเตชัน

    อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดยังคงดุเดือด เนื่องจาก AMD กำลังพัฒนา Zen 6 และ Zen 7 ที่จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีแคชและการผลิตที่เล็กกว่า 3nm ซึ่งอาจทำให้ Intel ต้องเร่งสร้างความแตกต่างด้วยการใช้ bLLC และจำนวนคอร์ที่สูงขึ้นเพื่อดึงดูดผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    Nova Lake มาพร้อม bLLC
    มีรุ่น 52, 42, 28 และ 24 คอร์ พร้อมแคช 288MB และ 144MB

    การปรับปรุงเชิงสถาปัตยกรรม
    ลดการเข้าถึงหน่วยความจำหลัก เพิ่มประสิทธิภาพงาน AI และเกม

    เป้าหมายของ Intel
    เน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์และการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น

    การแข่งขันกับ AMD
    ต้องเผชิญกับ Zen 6 และ Zen 7 ที่ใช้กระบวนการผลิตเล็กกว่า 3nm

    คำเตือนด้านการแข่งขันและการผลิต
    หาก Intel ไม่สามารถจัดการต้นทุนและการผลิตได้ อาจเสียเปรียบ AMD
    การพึ่งพา bLLC และจำนวนคอร์สูงอาจไม่เพียงพอ หากซอฟต์แวร์ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์เต็มที่

    https://wccftech.com/intel-nova-lake-desktop-cpus-big-cache-bllc-52-42-28-24-core-288-mb-144-mb/
    ⚙️ Intel Nova Lake: CPU รุ่นใหม่พร้อมแคชขนาดใหญ่ bLLC รายงานจาก Wccftech เผยข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ Intel Nova Lake Desktop CPUs ที่จะเปิดตัวในอนาคต โดยมีการยืนยันว่าชิปจะมาพร้อมกับ Big Last Level Cache (bLLC) ซึ่งเป็นการออกแบบใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล โดยจะมีหลายรุ่นให้เลือกตั้งแต่ 52, 42, 28 และ 24 คอร์ พร้อมแคชขนาดใหญ่ถึง 288MB สำหรับ Core Ultra 9 และ 144MB สำหรับ Core Ultra 7 การเพิ่มแคชในระดับนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงสถาปัตยกรรมที่สำคัญ เพราะช่วยลดการเข้าถึงหน่วยความจำหลักที่ช้ากว่า และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของแอปพลิเคชันที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมาก เช่น เกม, งาน AI, และการประมวลผลข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมความสามารถในการทำงานแบบมัลติทาสก์และเวิร์กโหลดที่ซับซ้อน Intel ตั้งเป้าว่า Nova Lake จะเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่หลังจากสถาปัตยกรรม Meteor Lake และ Arrow Lake โดยมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพต่อวัตต์ และการจัดการพลังงานที่ดีกว่าเดิม ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของตลาดที่ต้องการ CPU ที่ทรงพลังแต่ยังคงประหยัดพลังงานสำหรับเดสก์ท็อปและเวิร์กสเตชัน อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดยังคงดุเดือด เนื่องจาก AMD กำลังพัฒนา Zen 6 และ Zen 7 ที่จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีแคชและการผลิตที่เล็กกว่า 3nm ซึ่งอาจทำให้ Intel ต้องเร่งสร้างความแตกต่างด้วยการใช้ bLLC และจำนวนคอร์ที่สูงขึ้นเพื่อดึงดูดผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ Nova Lake มาพร้อม bLLC ➡️ มีรุ่น 52, 42, 28 และ 24 คอร์ พร้อมแคช 288MB และ 144MB ✅ การปรับปรุงเชิงสถาปัตยกรรม ➡️ ลดการเข้าถึงหน่วยความจำหลัก เพิ่มประสิทธิภาพงาน AI และเกม ✅ เป้าหมายของ Intel ➡️ เน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์และการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น ✅ การแข่งขันกับ AMD ➡️ ต้องเผชิญกับ Zen 6 และ Zen 7 ที่ใช้กระบวนการผลิตเล็กกว่า 3nm ‼️ คำเตือนด้านการแข่งขันและการผลิต ⛔ หาก Intel ไม่สามารถจัดการต้นทุนและการผลิตได้ อาจเสียเปรียบ AMD ⛔ การพึ่งพา bLLC และจำนวนคอร์สูงอาจไม่เพียงพอ หากซอฟต์แวร์ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์เต็มที่ https://wccftech.com/intel-nova-lake-desktop-cpus-big-cache-bllc-52-42-28-24-core-288-mb-144-mb/
    WCCFTECH.COM
    Intel Nova Lake Desktop CPUs With Big Cache 'bLLC" To Feature Four Flavors In 52, 42, 28, 24 Cores, 288 MB "Core Ultra 9" & 144 MB "Core Ultra 7"
    Intel's next-gen Nova Lake Desktop CPUs will include four SKU flavors with the highly anticipated "bLLC" big cache, and up to 52 cores.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🩷

    #รวมข่าวIT #20251216 #securityonline

    วิกฤติช่องโหว่ FortiGate SSO ถูกโจมตีจริง
    ช่วงนี้ผู้ดูแลระบบ Fortinet ต้องเผชิญกับสถานการณ์ร้อนแรง เมื่อมีการเปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการในระบบ FortiGate และเพียงไม่กี่วันหลังจากนั้นก็ถูกโจมตีจริงทันที แฮกเกอร์ใช้วิธีเจาะผ่านระบบ Single Sign-On (SSO) โดยส่งข้อความ SAML ที่ถูกปรับแต่ง ทำให้สามารถล็อกอินเป็นผู้ดูแลได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน เมื่อเข้ามาแล้วพวกเขาจะรีบขโมยการตั้งค่าระบบไฟร์วอลล์ออกไป ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มักมีรหัสผ่านที่ถูกเข้ารหัสของผู้ใช้ VPN และบัญชีอื่น ๆ จุดอันตรายคือการตั้งค่า FortiCloud SSO ที่แม้จะถูกปิดไว้ในค่าเริ่มต้น แต่เมื่อผู้ดูแลลงทะเบียนอุปกรณ์ผ่าน GUI มันจะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติหากไม่ได้ปิดเอง ทำให้หลายระบบเสี่ยงทันที นักวิจัยแนะนำให้รีบอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดหรือปิดฟีเจอร์นี้ผ่าน CLI เพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/critical-fortigate-sso-flaw-under-active-exploitation-attackers-bypass-auth-and-exfiltrate-configs

    Apple ยอม EU: iOS 26.3 ส่งต่อการแจ้งเตือนให้สมาร์ทวอชแบรนด์อื่น
    ใน iOS 26.3 เบต้า Apple เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Notification Forwarding ที่ให้ iPhone ส่งต่อการแจ้งเตือนไปยังอุปกรณ์สวมใส่จากแบรนด์อื่นได้โดยตรง ไม่จำกัดแค่ Apple Watch อีกต่อไป ฟีเจอร์นี้เปิดใช้เฉพาะในสหภาพยุโรป เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย Digital Markets Act ที่บังคับให้ Apple เปิดโอกาสให้สมาร์ทวอชจากค่ายอื่นเข้าถึงฟังก์ชันที่เคยสงวนไว้ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะให้แอปใดส่งการแจ้งเตือนออกไป และลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวที่เกิดจากการที่อุปกรณ์อื่นต้องเข้าถึงการแจ้งเตือนทั้งหมดแบบครอบคลุม ถือเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญของ Apple เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษจาก EU
    https://securityonline.info/eu-compliance-ios-26-3-adds-notification-forwarding-to-third-party-wearables-bypassing-apple-watch

    Windows 10 อัปเดต KB5071546 ทำ MSMQ ใช้งานไม่ได้
    Microsoft ยืนยันแล้วว่าการติดตั้งอัปเดต KB5071546 บน Windows 10 ทำให้บริการ Microsoft Message Queuing (MSMQ) ล้มเหลว MSMQ เป็นระบบที่ใช้ในองค์กรเพื่อจัดการข้อความระหว่างแอปพลิเคชัน หากมันหยุดทำงาน งานเบื้องหลังที่ต้องพึ่งพาคิวข้อความก็จะหยุดตามทันที ส่งผลให้เว็บไซต์หรือแอปที่รันบน IIS ไม่สามารถทำงานได้ สาเหตุคือการเปลี่ยนแปลงสิทธิ์การเขียนไฟล์ในโฟลเดอร์จัดเก็บข้อความ ทำให้บัญชีที่ใช้ MSMQ ไม่มีสิทธิ์เพียงพอ แม้จะรีสตาร์ทหรือรีบูตเซิร์ฟเวอร์ก็ไม่ช่วยแก้ปัญหา ทางออกเดียวตอนนี้คือถอนการติดตั้งอัปเดตแล้วรอ Microsoft ปล่อยแพตช์แก้ไขในเดือนถัดไป
    https://securityonline.info/enterprise-alert-windows-10-update-kb5071546-breaks-msmq-service-with-insufficient-permissions

    ช่องโหว่ ScreenConnect เสี่ยงติดตั้งส่วนขยายไม่ปลอดภัย
    ConnectWise ออกแพตช์ใหม่สำหรับ ScreenConnect หลังพบช่องโหว่ CVE-2025-14265 ที่มีความรุนแรงสูงถึง 9.1 ช่องโหว่นี้อาจทำให้ผู้ที่มีสิทธิ์ระดับผู้ดูแลเข้าถึงข้อมูลการตั้งค่าหรือบังคับติดตั้งส่วนขยายที่ไม่น่าเชื่อถือได้ แม้จะไม่ใช่การเปิดช่องให้โจมตีจากภายนอกโดยตรง แต่หากบัญชีผู้ดูแลถูกเจาะก็อันตรายทันที แพตช์เวอร์ชัน 25.8 ได้เพิ่มการตรวจสอบความถูกต้องของส่วนขยายและเสริมความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์ สำหรับผู้ใช้ระบบคลาวด์ไม่ต้องทำอะไรเพราะถูกแก้ไขแล้ว แต่ผู้ที่ติดตั้งเองในองค์กรต้องรีบอัปเดตด้วยตนเอง
    https://securityonline.info/critical-screenconnect-flaw-cvss-9-1-risks-config-exposure-untrusted-extension-installation

    OpenShift GitOps ช่องโหว่ยกระดับสิทธิ์จนยึดคลัสเตอร์ได้
    Red Hat OpenShift GitOps ถูกพบช่องโหว่ CVE-2025-13888 ที่ร้ายแรงมาก ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์เพียงระดับ namespace admin สามารถใช้ ArgoCD Custom Resources เพื่อยกระดับสิทธิ์จนเข้าถึงทั้งคลัสเตอร์ได้ วิธีการคือการแก้ไขค่า sourceNamespaces ใน CR ให้ชี้ไปยัง namespace ที่มีสิทธิ์สูง เช่น default จากนั้นระบบจะสร้าง RoleBinding และ Role ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีรันงานที่มีสิทธิ์สูงสุดบน master node ได้ทันที เท่ากับว่าสามารถยึดครองคลัสเตอร์ Kubernetes ได้โดยสมบูรณ์ ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตแพตช์ล่าสุดและจำกัดสิทธิ์การสร้าง ArgoCD CR ให้เฉพาะผู้ดูแลที่เชื่อถือได้
    https://securityonline.info/critical-openshift-gitops-flaw-risks-cluster-takeover-cve-2025-13888-via-privilege-escalation-to-root

    Phantom Stealer โจมตีการเงินรัสเซียผ่านไฟล์ ISO
    เรื่องนี้เป็นการโจมตีที่ซับซ้อนมาก แฮกเกอร์ใช้วิธีส่งอีเมลปลอมที่ดูเหมือนเป็นการยืนยันการโอนเงินจากบริษัทการเงินจริงๆ เพื่อหลอกให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินเปิดไฟล์แนบที่เป็นไฟล์ ISO เมื่อเปิดแล้วจะมีโปรแกรมแฝงที่ชื่อ Phantom Stealer ทำงานทันที มันสามารถขโมยข้อมูลได้หลายอย่าง ทั้งรหัสผ่านในเบราว์เซอร์ ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลกระเป๋าเงินดิจิทัล รวมถึงดักจับการพิมพ์คีย์บอร์ดทุกครั้งที่เหยื่อกด Phantom Stealer ยังมีระบบป้องกันตัวเองจากการตรวจสอบ ถ้ารู้ว่ากำลังถูกนักวิจัยจับตามันจะลบตัวเองทันที การโจมตีนี้ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ที่ใช้ไฟล์ ISO เพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกัน ทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลทางการเงินอย่างมาก
    https://securityonline.info/phantom-stealer-targets-russian-finance-with-iso-phishing-deploying-keyloggers-and-crypto-wallet-theft

    Frogblight มัลแวร์ Android ปลอมเป็นแอปภาครัฐในตุรกี
    มัลแวร์ตัวใหม่ชื่อ Frogblight ถูกค้นพบว่ากำลังแพร่ระบาดในตุรกี โดยมันปลอมตัวเป็นแอปพลิเคชันของรัฐบาลที่ใช้ดูข้อมูลคดีความ ผู้ใช้จะได้รับ SMS หลอกว่ามีคดีความและต้องดาวน์โหลดแอปเพื่อดูรายละเอียด เมื่อดาวน์โหลดมาแล้ว แอปจะขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลหลายอย่าง เช่น SMS รายชื่อผู้ติดต่อ และไฟล์ในเครื่อง จากนั้นมันจะเปิดหน้าเว็บจริงของรัฐบาลเพื่อให้ผู้ใช้ตายใจ แต่เบื้องหลังมันจะดักข้อมูลการเข้าสู่ระบบธนาคารและส่งไปยังผู้โจมตี Frogblight ยังมีฟังก์ชันสอดแนมอื่นๆ เช่นเก็บข้อมูลแอปที่ติดตั้งและไฟล์ในเครื่อง นักวิจัยพบว่ามันถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องและอาจถูกนำไปใช้ในรูปแบบบริการให้เช่าแก่แฮกเกอร์รายอื่น ทำให้ภัยนี้มีโอกาสแพร่กระจายไปนอกตุรกีได้ในอนาคต
    https://securityonline.info/frogblight-android-banking-trojan-targets-turkey-via-fake-e-gov-smishing-and-webview

    ช่องโหว่ macOS LPE กลับมาอีกครั้ง
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าช่องโหว่เก่าใน macOS ที่เคยรายงานตั้งแต่ปี 2018 ยังไม่ถูกแก้ไขอย่างสมบูรณ์ แม้ Apple จะพยายามอุดหลายครั้ง ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการติดตั้งแอปที่ต้องใช้สิทธิ์ root โดยหากมีแอปปลอมถูกวางไว้ในโฟลเดอร์ Applications ก่อน แอปจริงจะถูกติดตั้งเข้าไปในโฟลเดอร์พิเศษชื่อ .localized ทำให้ระบบเข้าใจผิดและไปเรียกใช้แอปปลอมแทน ผลคือผู้โจมตีสามารถรันโค้ดในสิทธิ์ root ได้ทันที ถือเป็นการเจาะระบบที่อันตรายมาก นักวิจัยย้ำว่าปัญหานี้ยังคงอยู่และต้องการการแก้ไขที่จริงจังจาก Apple เพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต
    https://securityonline.info/macos-lpe-flaw-resurfaces-localized-directory-exploited-to-hijack-installers-and-gain-root-access

    มัลแวร์ NuGet แฝงตัว 5 ปี ขโมยกระเป๋าเงินคริปโต
    มีการค้นพบแพ็กเกจ NuGet ปลอมชื่อ Tracer.Fody.NLog ที่ถูกปล่อยให้ดาวน์โหลดตั้งแต่ปี 2020 และอยู่รอดมาได้กว่า 5 ปีโดยไม่ถูกตรวจจับ มันปลอมตัวเป็นเครื่องมือ .NET ที่ใช้บันทึก log แต่จริงๆ แล้วมีโค้ดแฝงที่ใช้เทคนิคพิเศษ เช่นการใช้ตัวอักษร Cyrillic ที่หน้าตาเหมือนตัวอักษร Latin เพื่อหลบการตรวจสอบ เมื่อถูกติดตั้ง มันจะค้นหาไฟล์กระเป๋าเงินดิจิทัล Stratis และขโมยรหัสผ่านไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตีโดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว การโจมตีนี้ถือเป็นการโจมตี supply chain ที่อันตรายมาก เพราะนักพัฒนาที่เชื่อใจแพ็กเกจโอเพนซอร์สอาจถูกดักข้อมูลโดยไม่รู้ตัว
    https://securityonline.info/5-year-threat-malicious-nuget-package-used-homoglyphs-and-typosquatting-to-steal-crypto-wallets

    Intel เตรียมเข้าซื้อกิจการ SambaNova ในราคาลดฮวบ
    เรื่องนี้น่าสนใจมาก เพราะเดิมทีมีข่าวว่า Intel จะทุ่มเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อสตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง SambaNova แต่ล่าสุดกลับมีรายงานว่ามูลค่าดีลจริงอาจเหลือเพียง 1.6 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับการประเมินมูลค่าเดิมของบริษัทในปี 2021 ที่สูงกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักมาจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดชิป AI ที่ NVIDIA ครองความเป็นใหญ่ SambaNova มีจุดแข็งด้านสถาปัตยกรรมที่เน้นการประมวลผลสำหรับโมเดลภาษาและการทำงานแบบครบวงจร ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ ซึ่งอาจช่วย Intel เติมเต็มช่องว่างที่ยังขาดอยู่ แต่ความท้าทายใหญ่คือการผสานเทคโนโลยีนี้เข้ากับระบบของ Intel โดยไม่กระทบต่อผลิตภัณฑ์ Gaudi ที่มีอยู่แล้ว
    https://securityonline.info/intel-nears-sambanova-acquisition-at-1-6b-fire-sale-price-down-from-5b-valuation

    Claude AI ทำพลาด ลบข้อมูลทั้งเครื่อง Mac ของนักพัฒนา
    นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้หลายคนต้องระวังการใช้เครื่องมือ AI มากขึ้น นักพัฒนารายหนึ่งใช้ Claude CLI เพื่อจัดการแพ็กเกจ แต่กลับเกิดความผิดพลาดจากคำสั่งที่มีเครื่องหมาย ~ ต่อท้าย ทำให้ระบบไปลบทั้งโฟลเดอร์ Home Directory ของเครื่อง Mac ผลคือข้อมูลสำคัญอย่าง Desktop, Documents, Downloads และ Keychains หายไปทั้งหมด เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการให้ AI เข้าถึงระบบโดยตรง นักพัฒนาบางคนจึงเสนอให้ใช้ Docker เป็นตัวกลางเพื่อป้องกันไม่ให้ AI สามารถทำลายข้อมูลในเครื่องจริงได้
    https://securityonline.info/data-disaster-claude-ai-executes-rm-rf-and-wipes-developers-mac-home-directory

    SpaceX เตรียม IPO ปี 2026 หลังมูลค่าพุ่งถึง 800 พันล้านดอลลาร์
    SpaceX กำลังเดินหน้าสู่การเข้าตลาดหุ้น โดยมีการเริ่มคัดเลือกธนาคารเพื่อเป็นที่ปรึกษา IPO และมีการส่งบันทึกภายในยืนยันว่าบริษัทกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในปี 2026 แม้ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอน แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือมูลค่าของบริษัทที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยการขายหุ้นภายในล่าสุดตีมูลค่าถึง 800 พันล้านดอลลาร์ แรงหนุนสำคัญมาจากบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด และยังส่งผลให้ Alphabet ซึ่งเคยลงทุนใน SpaceX ได้กำไรอย่างมหาศาลอีกด้วย
    https://securityonline.info/spacex-ipo-company-prepares-for-2026-listing-after-valuation-soars-to-800-billion

    Salt Typhoon กลุ่มแฮ็กเกอร์จากการแข่งขัน Cisco สู่การเจาะระบบโทรคมนาคมโลก
    เรื่องนี้เหมือนนิยาย แต่เกิดขึ้นจริง นักวิจัยพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ชื่อ Salt Typhoon มีจุดเริ่มต้นจากนักศึกษาที่เคยแข่งขัน Cisco Network Academy Cup ก่อนจะนำความรู้ไปใช้ในการเจาะระบบโทรคมนาคมกว่า 80 บริษัททั่วโลก พวกเขาสามารถดักฟังทั้งสายโทรศัพท์และข้อความ รวมถึงเข้าถึงระบบที่ใช้สำหรับการดักฟังโดยกฎหมายเองด้วย เบื้องหลังคือสองบุคคลที่เคยเป็นคู่แข่งกันในสมัยเรียน แต่กลับร่วมมือกันสร้างเครือข่ายไซเบอร์ที่ทรงพลัง เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่อาจถูกนำไปใช้ในทางร้ายได้
    https://securityonline.info/from-cisco-student-rivalry-to-global-hackers-salt-typhoon-breaches-80-telecos-for-intelligence

    BlackForce เครื่องมือ Phishing-as-a-Service รุ่นใหม่ที่อันตราย
    BlackForce คือชุดเครื่องมือฟิชชิ่งที่ถูกขายใน Telegram ในราคาหลักร้อยยูโร แต่มีความสามารถสูงมาก มันสามารถหลอกขโมยรหัสผ่านและยังเจาะผ่านระบบยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน (MFA) ได้ โดยใช้เทคนิค Man-in-the-Browser เพื่อดักจับรหัส OTP แบบเรียลไทม์ จุดที่ทำให้มันน่ากลัวคือการใช้โค้ด React และ React Router ที่ดูเหมือนของจริง ทำให้ยากต่อการตรวจจับ อีกทั้งยังพัฒนาอย่างรวดเร็วจากเวอร์ชัน stateless ไปสู่ stateful ที่สามารถเก็บข้อมูลผู้ใช้แม้รีเฟรชหน้าเว็บได้ ทำให้การโจมตีมีความต่อเนื่องและยากต่อการป้องกัน
    https://securityonline.info/blackforce-phaas-weaponizes-react-and-stateful-sessions-to-bypass-mfa-steal-credentials

    📌🔐🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔐🩷📌 #รวมข่าวIT #20251216 #securityonline 🛡️ วิกฤติช่องโหว่ FortiGate SSO ถูกโจมตีจริง ช่วงนี้ผู้ดูแลระบบ Fortinet ต้องเผชิญกับสถานการณ์ร้อนแรง เมื่อมีการเปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการในระบบ FortiGate และเพียงไม่กี่วันหลังจากนั้นก็ถูกโจมตีจริงทันที แฮกเกอร์ใช้วิธีเจาะผ่านระบบ Single Sign-On (SSO) โดยส่งข้อความ SAML ที่ถูกปรับแต่ง ทำให้สามารถล็อกอินเป็นผู้ดูแลได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน เมื่อเข้ามาแล้วพวกเขาจะรีบขโมยการตั้งค่าระบบไฟร์วอลล์ออกไป ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มักมีรหัสผ่านที่ถูกเข้ารหัสของผู้ใช้ VPN และบัญชีอื่น ๆ จุดอันตรายคือการตั้งค่า FortiCloud SSO ที่แม้จะถูกปิดไว้ในค่าเริ่มต้น แต่เมื่อผู้ดูแลลงทะเบียนอุปกรณ์ผ่าน GUI มันจะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติหากไม่ได้ปิดเอง ทำให้หลายระบบเสี่ยงทันที นักวิจัยแนะนำให้รีบอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดหรือปิดฟีเจอร์นี้ผ่าน CLI เพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/critical-fortigate-sso-flaw-under-active-exploitation-attackers-bypass-auth-and-exfiltrate-configs ⌚ Apple ยอม EU: iOS 26.3 ส่งต่อการแจ้งเตือนให้สมาร์ทวอชแบรนด์อื่น ใน iOS 26.3 เบต้า Apple เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Notification Forwarding ที่ให้ iPhone ส่งต่อการแจ้งเตือนไปยังอุปกรณ์สวมใส่จากแบรนด์อื่นได้โดยตรง ไม่จำกัดแค่ Apple Watch อีกต่อไป ฟีเจอร์นี้เปิดใช้เฉพาะในสหภาพยุโรป เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย Digital Markets Act ที่บังคับให้ Apple เปิดโอกาสให้สมาร์ทวอชจากค่ายอื่นเข้าถึงฟังก์ชันที่เคยสงวนไว้ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะให้แอปใดส่งการแจ้งเตือนออกไป และลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวที่เกิดจากการที่อุปกรณ์อื่นต้องเข้าถึงการแจ้งเตือนทั้งหมดแบบครอบคลุม ถือเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญของ Apple เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษจาก EU 🔗 https://securityonline.info/eu-compliance-ios-26-3-adds-notification-forwarding-to-third-party-wearables-bypassing-apple-watch 💻 Windows 10 อัปเดต KB5071546 ทำ MSMQ ใช้งานไม่ได้ Microsoft ยืนยันแล้วว่าการติดตั้งอัปเดต KB5071546 บน Windows 10 ทำให้บริการ Microsoft Message Queuing (MSMQ) ล้มเหลว MSMQ เป็นระบบที่ใช้ในองค์กรเพื่อจัดการข้อความระหว่างแอปพลิเคชัน หากมันหยุดทำงาน งานเบื้องหลังที่ต้องพึ่งพาคิวข้อความก็จะหยุดตามทันที ส่งผลให้เว็บไซต์หรือแอปที่รันบน IIS ไม่สามารถทำงานได้ สาเหตุคือการเปลี่ยนแปลงสิทธิ์การเขียนไฟล์ในโฟลเดอร์จัดเก็บข้อความ ทำให้บัญชีที่ใช้ MSMQ ไม่มีสิทธิ์เพียงพอ แม้จะรีสตาร์ทหรือรีบูตเซิร์ฟเวอร์ก็ไม่ช่วยแก้ปัญหา ทางออกเดียวตอนนี้คือถอนการติดตั้งอัปเดตแล้วรอ Microsoft ปล่อยแพตช์แก้ไขในเดือนถัดไป 🔗 https://securityonline.info/enterprise-alert-windows-10-update-kb5071546-breaks-msmq-service-with-insufficient-permissions 🖥️ ช่องโหว่ ScreenConnect เสี่ยงติดตั้งส่วนขยายไม่ปลอดภัย ConnectWise ออกแพตช์ใหม่สำหรับ ScreenConnect หลังพบช่องโหว่ CVE-2025-14265 ที่มีความรุนแรงสูงถึง 9.1 ช่องโหว่นี้อาจทำให้ผู้ที่มีสิทธิ์ระดับผู้ดูแลเข้าถึงข้อมูลการตั้งค่าหรือบังคับติดตั้งส่วนขยายที่ไม่น่าเชื่อถือได้ แม้จะไม่ใช่การเปิดช่องให้โจมตีจากภายนอกโดยตรง แต่หากบัญชีผู้ดูแลถูกเจาะก็อันตรายทันที แพตช์เวอร์ชัน 25.8 ได้เพิ่มการตรวจสอบความถูกต้องของส่วนขยายและเสริมความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์ สำหรับผู้ใช้ระบบคลาวด์ไม่ต้องทำอะไรเพราะถูกแก้ไขแล้ว แต่ผู้ที่ติดตั้งเองในองค์กรต้องรีบอัปเดตด้วยตนเอง 🔗 https://securityonline.info/critical-screenconnect-flaw-cvss-9-1-risks-config-exposure-untrusted-extension-installation ☸️ OpenShift GitOps ช่องโหว่ยกระดับสิทธิ์จนยึดคลัสเตอร์ได้ Red Hat OpenShift GitOps ถูกพบช่องโหว่ CVE-2025-13888 ที่ร้ายแรงมาก ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์เพียงระดับ namespace admin สามารถใช้ ArgoCD Custom Resources เพื่อยกระดับสิทธิ์จนเข้าถึงทั้งคลัสเตอร์ได้ วิธีการคือการแก้ไขค่า sourceNamespaces ใน CR ให้ชี้ไปยัง namespace ที่มีสิทธิ์สูง เช่น default จากนั้นระบบจะสร้าง RoleBinding และ Role ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีรันงานที่มีสิทธิ์สูงสุดบน master node ได้ทันที เท่ากับว่าสามารถยึดครองคลัสเตอร์ Kubernetes ได้โดยสมบูรณ์ ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตแพตช์ล่าสุดและจำกัดสิทธิ์การสร้าง ArgoCD CR ให้เฉพาะผู้ดูแลที่เชื่อถือได้ 🔗 https://securityonline.info/critical-openshift-gitops-flaw-risks-cluster-takeover-cve-2025-13888-via-privilege-escalation-to-root 🕵️‍♂️ Phantom Stealer โจมตีการเงินรัสเซียผ่านไฟล์ ISO เรื่องนี้เป็นการโจมตีที่ซับซ้อนมาก แฮกเกอร์ใช้วิธีส่งอีเมลปลอมที่ดูเหมือนเป็นการยืนยันการโอนเงินจากบริษัทการเงินจริงๆ เพื่อหลอกให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินเปิดไฟล์แนบที่เป็นไฟล์ ISO เมื่อเปิดแล้วจะมีโปรแกรมแฝงที่ชื่อ Phantom Stealer ทำงานทันที มันสามารถขโมยข้อมูลได้หลายอย่าง ทั้งรหัสผ่านในเบราว์เซอร์ ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลกระเป๋าเงินดิจิทัล รวมถึงดักจับการพิมพ์คีย์บอร์ดทุกครั้งที่เหยื่อกด Phantom Stealer ยังมีระบบป้องกันตัวเองจากการตรวจสอบ ถ้ารู้ว่ากำลังถูกนักวิจัยจับตามันจะลบตัวเองทันที การโจมตีนี้ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ที่ใช้ไฟล์ ISO เพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกัน ทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลทางการเงินอย่างมาก 🔗 https://securityonline.info/phantom-stealer-targets-russian-finance-with-iso-phishing-deploying-keyloggers-and-crypto-wallet-theft 📱 Frogblight มัลแวร์ Android ปลอมเป็นแอปภาครัฐในตุรกี มัลแวร์ตัวใหม่ชื่อ Frogblight ถูกค้นพบว่ากำลังแพร่ระบาดในตุรกี โดยมันปลอมตัวเป็นแอปพลิเคชันของรัฐบาลที่ใช้ดูข้อมูลคดีความ ผู้ใช้จะได้รับ SMS หลอกว่ามีคดีความและต้องดาวน์โหลดแอปเพื่อดูรายละเอียด เมื่อดาวน์โหลดมาแล้ว แอปจะขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลหลายอย่าง เช่น SMS รายชื่อผู้ติดต่อ และไฟล์ในเครื่อง จากนั้นมันจะเปิดหน้าเว็บจริงของรัฐบาลเพื่อให้ผู้ใช้ตายใจ แต่เบื้องหลังมันจะดักข้อมูลการเข้าสู่ระบบธนาคารและส่งไปยังผู้โจมตี Frogblight ยังมีฟังก์ชันสอดแนมอื่นๆ เช่นเก็บข้อมูลแอปที่ติดตั้งและไฟล์ในเครื่อง นักวิจัยพบว่ามันถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องและอาจถูกนำไปใช้ในรูปแบบบริการให้เช่าแก่แฮกเกอร์รายอื่น ทำให้ภัยนี้มีโอกาสแพร่กระจายไปนอกตุรกีได้ในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/frogblight-android-banking-trojan-targets-turkey-via-fake-e-gov-smishing-and-webview 💻 ช่องโหว่ macOS LPE กลับมาอีกครั้ง นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าช่องโหว่เก่าใน macOS ที่เคยรายงานตั้งแต่ปี 2018 ยังไม่ถูกแก้ไขอย่างสมบูรณ์ แม้ Apple จะพยายามอุดหลายครั้ง ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการติดตั้งแอปที่ต้องใช้สิทธิ์ root โดยหากมีแอปปลอมถูกวางไว้ในโฟลเดอร์ Applications ก่อน แอปจริงจะถูกติดตั้งเข้าไปในโฟลเดอร์พิเศษชื่อ .localized ทำให้ระบบเข้าใจผิดและไปเรียกใช้แอปปลอมแทน ผลคือผู้โจมตีสามารถรันโค้ดในสิทธิ์ root ได้ทันที ถือเป็นการเจาะระบบที่อันตรายมาก นักวิจัยย้ำว่าปัญหานี้ยังคงอยู่และต้องการการแก้ไขที่จริงจังจาก Apple เพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/macos-lpe-flaw-resurfaces-localized-directory-exploited-to-hijack-installers-and-gain-root-access 🪙 มัลแวร์ NuGet แฝงตัว 5 ปี ขโมยกระเป๋าเงินคริปโต มีการค้นพบแพ็กเกจ NuGet ปลอมชื่อ Tracer.Fody.NLog ที่ถูกปล่อยให้ดาวน์โหลดตั้งแต่ปี 2020 และอยู่รอดมาได้กว่า 5 ปีโดยไม่ถูกตรวจจับ มันปลอมตัวเป็นเครื่องมือ .NET ที่ใช้บันทึก log แต่จริงๆ แล้วมีโค้ดแฝงที่ใช้เทคนิคพิเศษ เช่นการใช้ตัวอักษร Cyrillic ที่หน้าตาเหมือนตัวอักษร Latin เพื่อหลบการตรวจสอบ เมื่อถูกติดตั้ง มันจะค้นหาไฟล์กระเป๋าเงินดิจิทัล Stratis และขโมยรหัสผ่านไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตีโดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว การโจมตีนี้ถือเป็นการโจมตี supply chain ที่อันตรายมาก เพราะนักพัฒนาที่เชื่อใจแพ็กเกจโอเพนซอร์สอาจถูกดักข้อมูลโดยไม่รู้ตัว 🔗 https://securityonline.info/5-year-threat-malicious-nuget-package-used-homoglyphs-and-typosquatting-to-steal-crypto-wallets 🖥️ Intel เตรียมเข้าซื้อกิจการ SambaNova ในราคาลดฮวบ เรื่องนี้น่าสนใจมาก เพราะเดิมทีมีข่าวว่า Intel จะทุ่มเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อสตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง SambaNova แต่ล่าสุดกลับมีรายงานว่ามูลค่าดีลจริงอาจเหลือเพียง 1.6 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับการประเมินมูลค่าเดิมของบริษัทในปี 2021 ที่สูงกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักมาจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดชิป AI ที่ NVIDIA ครองความเป็นใหญ่ SambaNova มีจุดแข็งด้านสถาปัตยกรรมที่เน้นการประมวลผลสำหรับโมเดลภาษาและการทำงานแบบครบวงจร ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ ซึ่งอาจช่วย Intel เติมเต็มช่องว่างที่ยังขาดอยู่ แต่ความท้าทายใหญ่คือการผสานเทคโนโลยีนี้เข้ากับระบบของ Intel โดยไม่กระทบต่อผลิตภัณฑ์ Gaudi ที่มีอยู่แล้ว 🔗 https://securityonline.info/intel-nears-sambanova-acquisition-at-1-6b-fire-sale-price-down-from-5b-valuation 💾 Claude AI ทำพลาด ลบข้อมูลทั้งเครื่อง Mac ของนักพัฒนา นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้หลายคนต้องระวังการใช้เครื่องมือ AI มากขึ้น นักพัฒนารายหนึ่งใช้ Claude CLI เพื่อจัดการแพ็กเกจ แต่กลับเกิดความผิดพลาดจากคำสั่งที่มีเครื่องหมาย ~ ต่อท้าย ทำให้ระบบไปลบทั้งโฟลเดอร์ Home Directory ของเครื่อง Mac ผลคือข้อมูลสำคัญอย่าง Desktop, Documents, Downloads และ Keychains หายไปทั้งหมด เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการให้ AI เข้าถึงระบบโดยตรง นักพัฒนาบางคนจึงเสนอให้ใช้ Docker เป็นตัวกลางเพื่อป้องกันไม่ให้ AI สามารถทำลายข้อมูลในเครื่องจริงได้ 🔗 https://securityonline.info/data-disaster-claude-ai-executes-rm-rf-and-wipes-developers-mac-home-directory 🚀 SpaceX เตรียม IPO ปี 2026 หลังมูลค่าพุ่งถึง 800 พันล้านดอลลาร์ SpaceX กำลังเดินหน้าสู่การเข้าตลาดหุ้น โดยมีการเริ่มคัดเลือกธนาคารเพื่อเป็นที่ปรึกษา IPO และมีการส่งบันทึกภายในยืนยันว่าบริษัทกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในปี 2026 แม้ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอน แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือมูลค่าของบริษัทที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยการขายหุ้นภายในล่าสุดตีมูลค่าถึง 800 พันล้านดอลลาร์ แรงหนุนสำคัญมาจากบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด และยังส่งผลให้ Alphabet ซึ่งเคยลงทุนใน SpaceX ได้กำไรอย่างมหาศาลอีกด้วย 🔗 https://securityonline.info/spacex-ipo-company-prepares-for-2026-listing-after-valuation-soars-to-800-billion 🔐 Salt Typhoon กลุ่มแฮ็กเกอร์จากการแข่งขัน Cisco สู่การเจาะระบบโทรคมนาคมโลก เรื่องนี้เหมือนนิยาย แต่เกิดขึ้นจริง นักวิจัยพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ชื่อ Salt Typhoon มีจุดเริ่มต้นจากนักศึกษาที่เคยแข่งขัน Cisco Network Academy Cup ก่อนจะนำความรู้ไปใช้ในการเจาะระบบโทรคมนาคมกว่า 80 บริษัททั่วโลก พวกเขาสามารถดักฟังทั้งสายโทรศัพท์และข้อความ รวมถึงเข้าถึงระบบที่ใช้สำหรับการดักฟังโดยกฎหมายเองด้วย เบื้องหลังคือสองบุคคลที่เคยเป็นคู่แข่งกันในสมัยเรียน แต่กลับร่วมมือกันสร้างเครือข่ายไซเบอร์ที่ทรงพลัง เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่อาจถูกนำไปใช้ในทางร้ายได้ 🔗 https://securityonline.info/from-cisco-student-rivalry-to-global-hackers-salt-typhoon-breaches-80-telecos-for-intelligence 🎭 BlackForce เครื่องมือ Phishing-as-a-Service รุ่นใหม่ที่อันตราย BlackForce คือชุดเครื่องมือฟิชชิ่งที่ถูกขายใน Telegram ในราคาหลักร้อยยูโร แต่มีความสามารถสูงมาก มันสามารถหลอกขโมยรหัสผ่านและยังเจาะผ่านระบบยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน (MFA) ได้ โดยใช้เทคนิค Man-in-the-Browser เพื่อดักจับรหัส OTP แบบเรียลไทม์ จุดที่ทำให้มันน่ากลัวคือการใช้โค้ด React และ React Router ที่ดูเหมือนของจริง ทำให้ยากต่อการตรวจจับ อีกทั้งยังพัฒนาอย่างรวดเร็วจากเวอร์ชัน stateless ไปสู่ stateful ที่สามารถเก็บข้อมูลผู้ใช้แม้รีเฟรชหน้าเว็บได้ ทำให้การโจมตีมีความต่อเนื่องและยากต่อการป้องกัน 🔗 https://securityonline.info/blackforce-phaas-weaponizes-react-and-stateful-sessions-to-bypass-mfa-steal-credentials
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical FortiGate SSO Flaw Under Active Exploitation: Attackers Bypass Auth and Exfiltrate Configs
    A critical FortiGate SSO flaw (CVSS 9.1) is under active exploitation, letting unauthenticated attackers bypass login via crafted SAML. The flaw is armed by default registration, risking config exfiltration. Patch immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 698 มุมมอง 0 รีวิว
  • Huawei Kirin 9030: ก้าวใหม่ของจีน

    Huawei เปิดตัวชิป Kirin 9030 และ Kirin 9030 Pro สำหรับสมาร์ทโฟน Mate 80 โดยใช้กระบวนการผลิต SMIC N+3 ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อจาก N+1 และ N+2 (7nm-class) จุดเด่นคือสามารถเพิ่มจำนวนคอร์ได้มากขึ้น (12–14 คอร์) โดยไม่เพิ่มการใช้พลังงานมากนัก ถือเป็นการยืนยันว่าจีนยังสามารถพัฒนากระบวนการผลิตชิปได้แม้ถูกคว่ำบาตร

    เทคโนโลยี N+3: ระหว่าง 7nm และ 5nm
    แม้ SMIC ระบุว่า N+3 เป็นก้าวสู่ 5nm แต่การวิเคราะห์จาก TechInsights และ SemiAnalysis ชี้ว่า N+3 เป็นเพียงการขยายจาก 7nm-class โดยใช้เทคนิค DUV multi-patterning และ Design Technology Co-Optimization (DTCO) ไม่ใช่การกระโดดไปสู่ 5nm จริง ๆ ทำให้ประสิทธิภาพและ yield ยังตามหลังคู่แข่งระดับโลก

    ความท้าทายด้าน yield และการผลิต
    การใช้ DUV multi-patterning หลายชั้นทำให้เกิดความเสี่ยงสูงต่อ line roughness และ defect ซึ่งอาจทำให้ yield ลดลงอย่างมากเมื่อผลิตในปริมาณมาก นี่คือข้อจำกัดสำคัญที่ทำให้ SMIC ยังไม่สามารถแข่งขันกับกระบวนการ EUV ของ TSMC และ Samsung ได้

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมจีน
    แม้ N+3 ยังไม่ใช่ 5nm-class ที่แท้จริง แต่การพัฒนาแสดงให้เห็นว่า จีนยังคงสามารถก้าวหน้าในเทคโนโลยีการผลิตชิปโดยไม่พึ่งพา EUV จากต่างประเทศ ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อความพยายามสร้างความเป็นอิสระด้านเซมิคอนดักเตอร์ อย่างไรก็ตาม การแข่งขันกับผู้ผลิตระดับโลกยังคงเป็นความท้าทายใหญ่

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปิดตัวชิปใหม่
    Kirin 9030/9030 Pro ใช้กระบวนการ SMIC N+3
    เพิ่มจำนวนคอร์เป็น 12–14 คอร์

    เทคโนโลยี N+3
    เป็นการขยายจาก 7nm-class
    ใช้ DUV multi-patterning และ DTCO

    ความท้าทาย
    Yield ต่ำจากความซับซ้อนของ DUV
    ยังไม่เทียบเท่า 5nm-class ของ TSMC/Samsung

    ผลกระทบเชิงบวก
    แสดงให้เห็นความก้าวหน้าของจีนแม้ถูกคว่ำบาตร
    ลดการพึ่งพาเทคโนโลยี EUV ต่างประเทศ

    คำเตือนและข้อจำกัด
    N+3 ยังไม่ใช่ 5nm-class ที่แท้จริง
    Yield และประสิทธิภาพยังตามหลังคู่แข่งระดับโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/huaweis-latest-mobile-is-chinas-most-advanced-process-node-to-date-despite-using-blacklisted-chipmaker-huawei-kirin-9030-mobile-soc-made-on-smic-n-3-process-but-cant-compete-with-5nm-nodes
    📱 Huawei Kirin 9030: ก้าวใหม่ของจีน Huawei เปิดตัวชิป Kirin 9030 และ Kirin 9030 Pro สำหรับสมาร์ทโฟน Mate 80 โดยใช้กระบวนการผลิต SMIC N+3 ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อจาก N+1 และ N+2 (7nm-class) จุดเด่นคือสามารถเพิ่มจำนวนคอร์ได้มากขึ้น (12–14 คอร์) โดยไม่เพิ่มการใช้พลังงานมากนัก ถือเป็นการยืนยันว่าจีนยังสามารถพัฒนากระบวนการผลิตชิปได้แม้ถูกคว่ำบาตร ⚙️ เทคโนโลยี N+3: ระหว่าง 7nm และ 5nm แม้ SMIC ระบุว่า N+3 เป็นก้าวสู่ 5nm แต่การวิเคราะห์จาก TechInsights และ SemiAnalysis ชี้ว่า N+3 เป็นเพียงการขยายจาก 7nm-class โดยใช้เทคนิค DUV multi-patterning และ Design Technology Co-Optimization (DTCO) ไม่ใช่การกระโดดไปสู่ 5nm จริง ๆ ทำให้ประสิทธิภาพและ yield ยังตามหลังคู่แข่งระดับโลก 🔬 ความท้าทายด้าน yield และการผลิต การใช้ DUV multi-patterning หลายชั้นทำให้เกิดความเสี่ยงสูงต่อ line roughness และ defect ซึ่งอาจทำให้ yield ลดลงอย่างมากเมื่อผลิตในปริมาณมาก นี่คือข้อจำกัดสำคัญที่ทำให้ SMIC ยังไม่สามารถแข่งขันกับกระบวนการ EUV ของ TSMC และ Samsung ได้ 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมจีน แม้ N+3 ยังไม่ใช่ 5nm-class ที่แท้จริง แต่การพัฒนาแสดงให้เห็นว่า จีนยังคงสามารถก้าวหน้าในเทคโนโลยีการผลิตชิปโดยไม่พึ่งพา EUV จากต่างประเทศ ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อความพยายามสร้างความเป็นอิสระด้านเซมิคอนดักเตอร์ อย่างไรก็ตาม การแข่งขันกับผู้ผลิตระดับโลกยังคงเป็นความท้าทายใหญ่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปิดตัวชิปใหม่ ➡️ Kirin 9030/9030 Pro ใช้กระบวนการ SMIC N+3 ➡️ เพิ่มจำนวนคอร์เป็น 12–14 คอร์ ✅ เทคโนโลยี N+3 ➡️ เป็นการขยายจาก 7nm-class ➡️ ใช้ DUV multi-patterning และ DTCO ✅ ความท้าทาย ➡️ Yield ต่ำจากความซับซ้อนของ DUV ➡️ ยังไม่เทียบเท่า 5nm-class ของ TSMC/Samsung ✅ ผลกระทบเชิงบวก ➡️ แสดงให้เห็นความก้าวหน้าของจีนแม้ถูกคว่ำบาตร ➡️ ลดการพึ่งพาเทคโนโลยี EUV ต่างประเทศ ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ N+3 ยังไม่ใช่ 5nm-class ที่แท้จริง ⛔ Yield และประสิทธิภาพยังตามหลังคู่แข่งระดับโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/huaweis-latest-mobile-is-chinas-most-advanced-process-node-to-date-despite-using-blacklisted-chipmaker-huawei-kirin-9030-mobile-soc-made-on-smic-n-3-process-but-cant-compete-with-5nm-nodes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 310 มุมมอง 0 รีวิว
  • KDE Project ได้ปล่อย KDE Gear 25.12

    KDE Gear 25.12 เป็นชุดซอฟต์แวร์ล่าสุดสำหรับ Plasma Desktop และ Linux โดยมีการปรับปรุงแอปยอดนิยมหลายตัว เช่น Dolphin, Itinerary, Kate, Konqueror, Falkon, NeoChat และ Photos

    ไฮไลต์ของ KDE Gear 25.12
    Dolphin File Manager
    ปรับปรุงการจัดการไฟล์ขยะ: โฟลเดอร์ชั่วคราวที่ถูกลบจะไม่ไปอยู่ใน Trash ของ Home อีกต่อไป
    เพิ่มตัวเลือก Hide files/folders จาก context menu เพื่อซ่อนสิ่งที่ไม่ต้องการเห็น

    KDE Itinerary (Travel Assistant)
    รองรับ extractor ใหม่สำหรับข้อมูลจากบริษัทรถไฟและอีเวนต์ต่าง ๆ
    ระบบวางแผนการเดินทางง่ายขึ้น โดยใช้ตำแหน่งปัจจุบันเป็นจุดเริ่มต้นอัตโนมัติ
    แสดง Altitude บนแผนที่ และมี Currency Converter ในตัวเพื่อช่วยซื้อของที่ระลึก

    Kate Text Editor
    ปรับปรุงการรองรับ Git: แสดงกิจกรรมล่าสุดของ branch ได้
    เพิ่มฟีเจอร์ Quick Open เพื่อกระโดดไปยังบรรทัด/คอลัมน์ที่ต้องการ
    รองรับ Bracketed Paste เมื่อส่งข้อความไปยัง terminal

    Konqueror & Falkon Browsers
    Konqueror: ปรับปรุงการ export PDF ให้มีคุณภาพสูงขึ้น
    Falkon: เพิ่มปุ่ม toggle สำหรับเปิด/ปิด ad-blocker ได้สะดวก

    NeoChat (Matrix Client)
    เพิ่มหน้า Keyboard Shortcuts เพื่อให้ผู้ใช้เรียนรู้การใช้งานเร็วขึ้น
    รองรับ Matrix extensions และปุ่ม Jitsi Meeting ที่แสดงสถานะการประชุม

    Photos Image Viewer
    เพิ่ม Crop Tool สำหรับแก้ไขภาพ
    รองรับ gesture ใหม่: pinch-to-zoom, drag เพื่อเลื่อนภาพ, swipe เพื่อเปลี่ยนภาพในแกลเลอรี

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การอัปเดตหลักใน KDE Gear 25.12
    Dolphin: ปรับปรุงการจัดการไฟล์ขยะและการซ่อนไฟล์
    Itinerary: extractor ใหม่, altitude map, currency converter
    Kate: รองรับ Git ดียิ่งขึ้น, Quick Open, bracketed paste
    Konqueror: export PDF คุณภาพสูง
    Falkon: toggle ad-blocker
    NeoChat: keyboard shortcuts, Matrix extensions, Jitsi integration
    Photos: crop tool และ gesture ใหม่

    ผลกระทบเชิงบวก
    เพิ่มความสะดวกในการจัดการไฟล์และการเดินทาง
    ปรับปรุงการทำงานร่วมกับ Git และการแก้ไขข้อความ
    เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บและการสื่อสาร
    ทำให้การดูและแก้ไขภาพเป็นธรรมชาติมากขึ้น

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน
    หากยังใช้ KDE Gear รุ่นเก่า อาจพลาดฟีเจอร์ใหม่และการแก้ไขบั๊กสำคัญ
    ควรอัปเดตผ่าน repository ของดิสทริบิวชันเพื่อให้ได้แพตช์ล่าสุดและความเสถียร

    https://9to5linux.com/kde-gear-25-12-software-suite-released-with-many-improvements-for-kde-apps
    🌟 KDE Project ได้ปล่อย KDE Gear 25.12 KDE Gear 25.12 เป็นชุดซอฟต์แวร์ล่าสุดสำหรับ Plasma Desktop และ Linux โดยมีการปรับปรุงแอปยอดนิยมหลายตัว เช่น Dolphin, Itinerary, Kate, Konqueror, Falkon, NeoChat และ Photos ✨ ไฮไลต์ของ KDE Gear 25.12 🗂️ Dolphin File Manager 💠 ปรับปรุงการจัดการไฟล์ขยะ: โฟลเดอร์ชั่วคราวที่ถูกลบจะไม่ไปอยู่ใน Trash ของ Home อีกต่อไป 💠 เพิ่มตัวเลือก Hide files/folders จาก context menu เพื่อซ่อนสิ่งที่ไม่ต้องการเห็น ✈️ KDE Itinerary (Travel Assistant) 💠 รองรับ extractor ใหม่สำหรับข้อมูลจากบริษัทรถไฟและอีเวนต์ต่าง ๆ 💠 ระบบวางแผนการเดินทางง่ายขึ้น โดยใช้ตำแหน่งปัจจุบันเป็นจุดเริ่มต้นอัตโนมัติ 💠 แสดง Altitude บนแผนที่ และมี Currency Converter ในตัวเพื่อช่วยซื้อของที่ระลึก 📝 Kate Text Editor 💠 ปรับปรุงการรองรับ Git: แสดงกิจกรรมล่าสุดของ branch ได้ 💠 เพิ่มฟีเจอร์ Quick Open เพื่อกระโดดไปยังบรรทัด/คอลัมน์ที่ต้องการ 💠 รองรับ Bracketed Paste เมื่อส่งข้อความไปยัง terminal 🌐 Konqueror & Falkon Browsers 💠 Konqueror: ปรับปรุงการ export PDF ให้มีคุณภาพสูงขึ้น 💠 Falkon: เพิ่มปุ่ม toggle สำหรับเปิด/ปิด ad-blocker ได้สะดวก 💬 NeoChat (Matrix Client) 💠 เพิ่มหน้า Keyboard Shortcuts เพื่อให้ผู้ใช้เรียนรู้การใช้งานเร็วขึ้น 💠 รองรับ Matrix extensions และปุ่ม Jitsi Meeting ที่แสดงสถานะการประชุม 🖼️ Photos Image Viewer 💠 เพิ่ม Crop Tool สำหรับแก้ไขภาพ 💠 รองรับ gesture ใหม่: pinch-to-zoom, drag เพื่อเลื่อนภาพ, swipe เพื่อเปลี่ยนภาพในแกลเลอรี 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การอัปเดตหลักใน KDE Gear 25.12 ➡️ Dolphin: ปรับปรุงการจัดการไฟล์ขยะและการซ่อนไฟล์ ➡️ Itinerary: extractor ใหม่, altitude map, currency converter ➡️ Kate: รองรับ Git ดียิ่งขึ้น, Quick Open, bracketed paste ➡️ Konqueror: export PDF คุณภาพสูง ➡️ Falkon: toggle ad-blocker ➡️ NeoChat: keyboard shortcuts, Matrix extensions, Jitsi integration ➡️ Photos: crop tool และ gesture ใหม่ ✅ ผลกระทบเชิงบวก ➡️ เพิ่มความสะดวกในการจัดการไฟล์และการเดินทาง ➡️ ปรับปรุงการทำงานร่วมกับ Git และการแก้ไขข้อความ ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บและการสื่อสาร ➡️ ทำให้การดูและแก้ไขภาพเป็นธรรมชาติมากขึ้น ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน ⛔ หากยังใช้ KDE Gear รุ่นเก่า อาจพลาดฟีเจอร์ใหม่และการแก้ไขบั๊กสำคัญ ⛔ ควรอัปเดตผ่าน repository ของดิสทริบิวชันเพื่อให้ได้แพตช์ล่าสุดและความเสถียร https://9to5linux.com/kde-gear-25-12-software-suite-released-with-many-improvements-for-kde-apps
    9TO5LINUX.COM
    KDE Gear 25.12 Software Suite Released with Many Improvements for KDE Apps - 9to5Linux
    KDE Gear 25.12 open-source software suite is now available with improvements for many of your favorite KDE applications.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251211 #TechRadar

    UK เสริมความปลอดภัยสายเคเบิลใต้น้ำจากภัยรัสเซีย
    สหราชอาณาจักรประกาศโครงการ Atlantic Bastion เพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานใต้น้ำอย่างสายเคเบิลและท่อส่งพลังงานจากการคุกคามของรัสเซีย หลังจากมีเหตุการณ์สายเคเบิลในทะเลบอลติกถูกตัดหรือเสียหายหลายครั้งในช่วงสงครามรัสเซีย–ยูเครน โครงการนี้จะใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ทั้งเรืออัตโนมัติ เซ็นเซอร์ตรวจจับ และกองทัพเรือ โดยมีแผนเริ่มนำไปใช้จริงตั้งแต่ปี 2026 เพื่อให้การป้องกันครอบคลุมพื้นที่มหาสมุทรกว้างใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    https://www.techradar.com/pro/security/uk-strengthens-subsea-cables-against-russian-interference

    Europol ปราบเครือข่าย “Violence-as-a-Service”
    Europol เปิดเผยแนวโน้มใหม่ของอาชญากรรมที่เรียกว่า “Violence-as-a-Service” ซึ่งเป็นการจ้างคนรุ่นใหม่ที่ไร้ประสบการณ์ให้ก่อเหตุรุนแรง ตั้งแต่ข่มขู่ ทรมาน ไปจนถึงฆาตกรรม เครือข่ายนี้เริ่มจากสวีเดนและแพร่ไปทั่วยุโรป จนต้องตั้งหน่วยเฉพาะกิจ GRIMM เพื่อสกัดกั้นการรับสมัครผ่านโซเชียลมีเดีย ภายใน 6 เดือนแรกสามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้ถึง 193 คน พร้อมยึดอาวุธและกระสุนจำนวนมาก ถือเป็นการป้องกันโศกนาฏกรรมที่อาจเกิดขึ้นได้
    https://www.techradar.com/pro/security/europol-cracks-down-on-violence-as-a-service-network

    หุ่นยนต์ไล่เตะ CEO – โลกอนาคตที่เราเซ็นรับหรือยัง
    เรื่องราวที่กำลังเป็นไวรัลคือหุ่นยนต์ T800 ของบริษัท EngineAI ที่โชว์พลังเตะใส่ CEO ของตัวเองจนกระเด็นไปไกล ทั้งหมดนี้เป็นการพิสูจน์ว่าหุ่นยนต์ไม่ได้ถูกสร้างด้วย CGI แต่ทำได้จริง หุ่นยนต์รุ่นใหม่ไม่เพียงแค่เดินหรือโต้ตอบ แต่ยังสามารถวิ่งได้ถึง 6 mph และทำท่าต่อสู้เหมือนมนุษย์ จุดประสงค์เบื้องหลังคือการโปรโมตงาน “Robot Boxing Match” ที่จะจัดขึ้นในจีน แต่ภาพที่ออกมากลับทำให้หลายคนเริ่มกังวลว่าอนาคตหุ่นยนต์อาจไม่ใช่ผู้ช่วยในบ้าน แต่กลายเป็นคู่ต่อสู้ในสังเวียนแทน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/now-weve-got-robots-that-can-chase-and-kick-us-is-this-the-robot-revolution-we-signed-up-for

    DJI FlyCart 100 – โดรนยักษ์แบกของหนัก 100 กิโลกรัม
    DJI เปิดตัวโดรนรุ่นใหม่ FlyCart 100 ที่ออกแบบมาเพื่อการขนส่งหนักโดยเฉพาะ สามารถแบกน้ำหนักได้ถึง 100 กิโลกรัม และบินสูงถึง 6,000 เมตร พร้อมระบบวินซ์ยกของด้วยสายเคเบิล 30 เมตร มีแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนได้แบบ hot-swap และทนสภาพอากาศตั้งแต่ -20°C ถึง 40°C รวมถึงทนลมแรงและมีระบบหลบสิ่งกีดขวางด้วย LiDAR จุดเด่นคือความสามารถในการทำงานในพื้นที่ก่อสร้างหรือภูเขาสูง แต่รูปลักษณ์ที่ดุดันทำให้หลายคนเปรียบเทียบกับเครื่องจักรในหนังไซไฟมากกว่าจะเป็นโดรนส่งพัสดุทั่วไป
    https://www.techradar.com/cameras/drones/djis-terrifying-new-delivery-drone-is-its-most-powerful-so-far-the-flycart-100-can-carry-100kg-loads-and-climb-6-000m-mountains

    Sam Altman บน Tonight Show – AI คือพลังแห่งความเท่าเทียม
    Sam Altman CEO ของ OpenAI ไปออกรายการ Tonight Show กับ Jimmy Fallon เพื่อเล่าถึงการเติบโตของ ChatGPT ที่มีผู้ใช้กว่า 800 ล้านคนต่อสัปดาห์ เขาเปรียบ AI ว่าเป็น “พลังแห่งความเท่าเทียม” คล้ายกับการมาของสมาร์ทโฟนที่ทุกคนเข้าถึงได้เหมือนกัน แม้จะยอมรับว่ามีความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว แต่เขาย้ำว่า AI กำลังช่วยให้คนทั่วไปมีเครื่องมือทรงพลังในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เขียนเรซูเม่ไปจนถึงวางแผนการเดินทาง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/sam-altman-tells-jimmy-fallon-that-ai-is-the-equalizing-force-the-world-needs

    Salesforce Agentforce – เดิมพันอนาคตด้วย AI ผู้ช่วยอัจฉริยะ
    Salesforce ประกาศเปิดตัว Agentforce 360 แพลตฟอร์มใหม่ที่ช่วยให้ธุรกิจสร้าง AI Agent สำหรับงานบริการลูกค้าและการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้รายได้ไตรมาสล่าสุดจะโตถึง 9% เป็น 10.3 พันล้านดอลลาร์ แต่หุ้นยังร่วงลงกว่า 29% ในปีนี้ การเปิดตัว Agentforce จึงถูกมองว่าเป็นการวางเดิมพันครั้งใหญ่เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โดยมีตัวอย่างการใช้งานจริง เช่น ตำรวจ Thames Valley ที่ทดลองใช้ AI Assistant “Bobbi” ตอบคำถามทั่วไปแทนเจ้าหน้าที่ แม้ยังมีข้อกังวลเรื่องความผิดพลาด แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังเข้ามาอยู่ในงานที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นเรื่อย ๆ
    https://www.techradar.com/pro/salesforce-bets-on-agentic-ai-platform-following-cautiously-optimistic-earnings-report

    จอมอนิเตอร์ 1000Hz – เร็วเกินไปหรือเปล่า?
    ข่าวที่ทำให้สายเกมเมอร์ต้องขมวดคิ้วคือการเปิดตัวจอมอนิเตอร์ “dual-mode” ที่สามารถรีเฟรชเรตได้สูงถึง 1000Hz ฟังดูเหมือนจะเป็นการปฏิวัติ แต่หลายคนกลับมองว่ามันเกินความจำเป็น เพราะแม้แต่เกมแข่งขันระดับ eSports ส่วนใหญ่ก็ยังใช้ไม่ถึง 360Hz การกระโดดไปถึง 1000Hz จึงถูกตั้งคำถามว่าเป็นการตลาดมากกว่าความต้องการจริงของผู้เล่น อย่างไรก็ตาม มันก็สะท้อนให้เห็นว่าตลาดฮาร์ดแวร์ยังคงพยายามหาจุดขายใหม่ ๆ อยู่เสมอ
    https://www.techradar.com/computing/monitors/the-worlds-first-1-000hz-dual-mode-gaming-monitors-are-coming-but-they-sound-completely-unnecessary

    Lamborghini ชนะคดีโดเมน Lambo.com
    เรื่องราวดราม่าในโลกออนไลน์คือการที่ Lamborghini ฟ้องร้องเจ้าของโดเมน Lambo.com หลังจากเจ้าของพยายามขายชื่อโดเมนนี้ในราคา 75 ล้านดอลลาร์ ศาลตัดสินว่าเจ้าของกระทำโดยไม่สุจริต และสั่งให้โดเมนตกเป็นของ Lamborghini ทันที เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของชื่อแบรนด์ในโลกดิจิทัล และการที่บริษัทใหญ่พร้อมจะปกป้องทรัพย์สินทางออนไลน์ของตนอย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/pro/man-attempts-to-break-world-record-with-usd75-million-domain-name-pitch-ends-up-empty-handed-instead

    นาฬิกาฟิตเนสรุ่นใหม่ – คู่แข่ง Apple Watch SE 3
    ข่าวหลุดล่าสุดเผยว่ากำลังจะมีการเปิดตัวสมาร์ทวอทช์ราคาประหยัดรุ่นใหม่ ที่ถูกมองว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Apple Watch SE 3 จุดเด่นคือการออกแบบที่คล้ายคลึงกับรุ่นยอดนิยม แต่เพิ่มฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกายมากขึ้น ทำให้หลายคนคาดว่าจะเป็น “ภาคต่อ” ของนาฬิกาฟิตเนสที่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุด
    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/forget-the-apple-watch-se-3-it-looks-like-a-big-sequel-to-our-best-ever-cheap-fitness-watch-has-just-leaked

    Windows 11 ปรับเมนูคลิกขวา ลบ AI Actions ที่ไม่ใช้
    Microsoft กำลังทดสอบการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่ช่วยลดความรกใน Windows 11 โดยหากผู้ใช้ปิดการทำงานของ AI Actions ทั้งหมด เมนูคลิกขวาใน File Explorer จะไม่แสดงโฟลเดอร์ว่าง ๆ ของ AI อีกต่อไป ก่อนหน้านี้แม้ปิดแล้วก็ยังเห็นเมนูแต่ไม่มีฟังก์ชัน ซึ่งทำให้หลายคนงง การแก้ไขนี้จึงเป็นเหมือนการจัดระเบียบให้ใช้งานง่ายขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการทำให้ Windows 11 ดูสะอาดตาและตรงไปตรงมา
    https://www.techradar.com/computing/windows/think-ai-actions-in-windows-11-are-pointless-microsoft-is-letting-you-banish-them-from-the-right-click-menu

    Norton VPN ปรับปรุงครั้งใหญ่ เพิ่มความเร็วและความปลอดภัย
    ปีนี้ Norton VPN เดินหน้าอัปเกรดครั้งใหญ่ ทั้งเพิ่มเซิร์ฟเวอร์ความเร็วสูง 25Gbps ในหลายเมืองทั่วโลก รวมถึงเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ใหม่สำหรับ P2P และเพิ่มตัวเลือก OpenVPN ทั้ง UDP และ TCP เพื่อให้ผู้ใช้เลือกได้ตามความต้องการ ไม่เพียงเท่านั้น Norton ยังผ่านการตรวจสอบจากบริษัทภายนอกเกี่ยวกับโปรโตคอล Mimic ที่พัฒนาขึ้นเอง ผลคือไม่มีความเสี่ยงด้านเทคนิคและยังรองรับการเข้ารหัสที่ต้านทานคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต ทำให้บริการนี้ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามองในตลาด VPN
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/faster-speeds-more-locations-norton-vpn-caps-off-a-year-of-transformation

    Samsung Galaxy S26 อาจได้ MagSafe เวอร์ชันของตัวเอง
    ข่าวลือใหม่เผยว่า Galaxy S26 จะมาพร้อมระบบแม่เหล็กคล้าย MagSafe ของ Apple ซึ่งจะเปิดทางให้มีอุปกรณ์เสริมหลากหลาย เช่น เคสแม่เหล็ก แท่นชาร์จ และที่ยึดติดรถยนต์ นี่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน ecosystem ของ Samsung เพราะจะทำให้ผู้ใช้มีตัวเลือกเสริมที่สะดวกและเป็นมาตรฐานเดียวกันมากขึ้น หากเป็นจริง Galaxy S26 จะกลายเป็นสมาร์ทโฟนที่รองรับอุปกรณ์เสริมได้กว้างขวางที่สุดรุ่นหนึ่ง
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/the-samsung-galaxy-s26-might-finally-be-getting-its-version-of-magsafe-here-are-8-accessories-to-expect

    Adobe จับมือ YouTube: เพิ่มเครื่องมือใหม่ให้ครีเอเตอร์
    Adobe และ YouTube ร่วมกันเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Premiere สำหรับการสร้าง YouTube Shorts โดยตรง จุดเด่นคือมีเอฟเฟกต์พิเศษ ทรานซิชัน และเทมเพลตที่ออกแบบมาเฉพาะ ทำให้การตัดต่อและอัปโหลดคลิปสั้นง่ายขึ้นมาก นอกจากนี้ยังมีระบบติดตามเทรนด์เพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์เข้าใจว่าคอนเทนต์แบบไหนกำลังมาแรง ถือเป็นการต่อยอดความร่วมมือระหว่าง Adobe และ Google ที่เคยนำโมเดล AI เข้ามาใช้ในเครื่องมือสร้างสรรค์ต่าง ๆ การอัปเดตนี้ช่วยให้การทำงานของครีเอเตอร์เร็วขึ้นและมีคุณภาพมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/adobe-and-youtube-love-in-delivers-new-tools-for-content-creators-and-resolves-the-biggest-issue-we-had-with-adobes-free-video-editing-app

    Amazon ทุ่มงบ 35 พันล้านดอลลาร์ลงทุน AI ในอินเดีย
    Amazon ประกาศแผนลงทุนครั้งใหญ่ในอินเดีย มูลค่าถึง 35 พันล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี AI และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การลงทุนนี้สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะทำให้อินเดียเป็นศูนย์กลางด้าน AI และคลาวด์ในภูมิภาคเอเชีย พร้อมทั้งสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการจ้างงานจำนวนมาก ถือเป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ของ Amazon ในตลาดเกิดใหม่
    https://www.techradar.com/pro/amazon-and-to-commit-usd35bn-into-ai-in-india

    AMD Redstone: อัปเดตใหม่ที่อาจทำให้ Nvidia ต้องกังวล
    AMD เตรียมปล่อยอัปเดต Redstone สำหรับเทคโนโลยี FSR (FidelityFX Super Resolution) ที่ใช้ในการเรนเดอร์ภาพเกมบนพีซี การอัปเดตนี้ถูกคาดว่าจะช่วยยกระดับคุณภาพภาพและประสิทธิภาพให้ดีขึ้นมาก จนกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ DLSS จาก Nvidia หาก Redstone ทำได้ตามที่คาดไว้ มันอาจเปลี่ยนสมดุลการแข่งขันในตลาดกราฟิกการ์ด และทำให้ผู้เล่นเกมมีทางเลือกที่คุ้มค่ามากขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/gpu/amds-redstone-update-could-revitalize-fsr-for-pc-games-heres-why-nvidia-should-be-worried

    SAP อุดช่องโหว่ร้ายแรง 3 จุด เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้ S
    AP ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยที่ถูกจัดว่าเป็นระดับวิกฤติถึง 3 จุด ซึ่งหากปล่อยไว้ อาจเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลสำคัญหรือควบคุมระบบได้ ช่องโหว่เหล่านี้ถูกค้นพบและรายงานโดยนักวิจัยด้านความปลอดภัย และการแก้ไขครั้งนี้ถือเป็นการยืนยันว่า SAP ให้ความสำคัญกับการปกป้องลูกค้าในระดับองค์กรอย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/pro/security/three-critical-vulnerabilities-patched-by-sap-heres-what-we-know

    ไต้หวันบล็อกแอป RedNote จุดกระแส VPN พุ่งแรง
    รัฐบาลไต้หวันได้สั่งบล็อกการใช้งานแอป RedNote ซึ่งเป็นแอปที่ได้รับความนิยมในบางกลุ่ม ส่งผลให้ผู้ใช้จำนวนมากหันไปใช้ VPN เพื่อหลีกเลี่ยงการบล็อก การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงความเข้มงวดด้านการควบคุมข้อมูลและการสื่อสารในประเทศ และทำให้ตลาด VPN เติบโตขึ้นทันทีหลังจากมาตรการถูกประกาศ
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/taiwan-blocks-rednote-app-sparking-vpn-surge

    Motorola โชว์มือถือพับใหม่ท้าชน Samsung Galaxy Z Fold 7
    Motorola กำลังกลับมาสู่ตลาดมือถือพับได้อีกครั้ง โดยล่าสุดได้ปล่อยทีเซอร์มือถือรุ่นใหม่ที่ตั้งใจจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Samsung Galaxy Z Fold 7 แม้ยังไม่มีรายละเอียดเต็ม ๆ แต่การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่าตลาดมือถือพับได้ยังคงร้อนแรง และ Motorola ต้องการกลับมาชิงส่วนแบ่งตลาดจาก Samsung ที่ครองตลาดอยู่ในตอนนี้
    https://www.techradar.com/phones/motorola-phones/motorola-just-teased-a-new-foldable-to-rival-the-samsung-galaxy-z-fold-7

    Instagram เปิดให้ผู้ใช้ควบคุมอัลกอริทึมเอง
    Instagram ประกาศฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าต้องการเห็นโพสต์แบบไหน โดยสามารถปรับการแสดงผลให้เป็นไปตามความต้องการ เช่น การจัดลำดับตามเวลา หรือการเลือกเนื้อหาที่สนใจมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อวิธีที่ผู้คนใช้แพลตฟอร์ม และอาจเปลี่ยนโฉมหน้าของโซเชียลมีเดียในอนาคต เพราะเป็นการคืนอำนาจการควบคุมให้กับผู้ใช้มากขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/social-media/instagram-just-gave-users-algorithm-control-and-this-could-change-the-face-of-social-media

    ทำไมระบบเทคโนโลยีที่ไม่เชื่อมต่อกันกำลังบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงาน
    หลายองค์กรลงทุนในเทคโนโลยีมากมาย แต่กลับสูญเสียเงินมหาศาลเพราะระบบที่ไม่เชื่อมโยงกัน ทำให้พนักงานต้องเสียเวลามากกว่า 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เพียงเพื่อค้นหาข้อมูลหรือแก้ปัญหาซ้ำ ๆ สิ่งนี้ไม่เพียงลดประสิทธิภาพ แต่ยังทำให้คนเก่ง ๆ หมดไฟและลาออกไปในที่สุด ทางออกคือการสร้างระบบที่เชื่อมโยงกันอย่างชาญฉลาด มีความสามารถในการแก้ไขตัวเองอัตโนมัติ และปรับตัวตามพฤติกรรมผู้ใช้ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจแข่งขันได้ดีขึ้นและรักษาคนเก่งไว้ได้
    https://www.techradar.com/pro/why-disconnected-tech-stacks-are-undermining-your-workforce-and-how-to-fix-it

    อังกฤษยังไม่คิดทำตามออสเตรเลียเรื่องแบนโซเชียลมีเดียเด็กอายุต่ำกว่า 16
    หลังจากออสเตรเลียประกาศห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ใช้โซเชียลมีเดีย อังกฤษถูกถามว่าจะทำตามหรือไม่ รัฐมนตรีวัฒนธรรม Lisa Nandy ยืนยันว่า “ยังไม่มีแผน” เพราะกังวลเรื่องการบังคับใช้และผลกระทบที่อาจผลักเด็กไปใช้ช่องทางอื่น แต่ก็เปิดช่องว่า หากมาตรการนี้ได้ผล อังกฤษอาจพิจารณาในอนาคต ประเด็นนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงระหว่างการปกป้องเยาวชนกับสิทธิความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/uk-has-no-plans-to-replicate-australias-social-media-ban-yet

    Google Photos เพิ่มเครื่องมือใหม่สู้ CapCut
    Google Photos เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับการตัดต่อวิดีโอ โดยเพิ่ม “template” สำเร็จรูปที่มีเพลงและข้อความพร้อม ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างคลิปสั้น ๆ สไตล์ TikTok หรือ Reels ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงหน้าตา editor ให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมเพิ่มฟังก์ชันใส่เพลงและข้อความลงในคลิป ฟีเจอร์เหล่านี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้ทั้งบน Android และ iOS และจะกลายเป็นเครื่องมือหลักในการตัดต่อวิดีโอบนมือถือของ Google
    https://www.techradar.com/computing/software/google-photos-takes-on-capcut-with-5-handy-new-video-editing-tools-including-a-time-saving-template-feature

    การหลอกลวงผ่าน SMS หรือ Smishing กำลังกลายเป็นภัยต่อธุรกิจ
    จากเดิมที่เป็นเพียงการหลอกผู้บริโภค ตอนนี้ Smishing หรือการส่งข้อความ SMS หลอกลวงได้พัฒนาไปถึงระดับที่คุกคามองค์กร โดยอาชญากรใช้เครื่อง “SMS Blaster” ที่สามารถส่งข้อความปลอมจำนวนมหาศาลได้ในไม่กี่วินาที ทำให้พนักงานตกเป็นเป้าหมายและอาจเผลอให้ข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านหรือข้อมูลการเงิน อุตสาหกรรมโทรคมนาคมและหน่วยงานกำกับดูแลกำลังหาทางป้องกัน ทั้งการบล็อกข้อความลิงก์ต้องสงสัย และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อย่าง RCS ที่มีระบบเข้ารหัสและการยืนยันตัวตนที่แข็งแรงกว่า
    https://www.techradar.com/pro/smishings-evolution-from-consumer-scam-to-enterprise-threat-how-industry-is-fighting-back

    CEO มองว่าเรื่องการเรียนรู้ AI ต้องฝึกเอง
    ในโลกธุรกิจปัจจุบัน AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือผู้บริหารหลายคนกลับมองว่า การเรียนรู้และการพัฒนาทักษะด้าน AI ไม่ควรพึ่งพาองค์กรจัดฝึกอบรมให้ แต่ควรเป็นความรับผิดชอบของพนักงานเองที่จะต้องหาความรู้ ฝึกฝน และพัฒนาทักษะเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง เท่ากับว่าภาพลักษณ์ของการทำงานยุคใหม่คือ “ใครปรับตัวได้เร็ว คนนั้นได้เปรียบ”
    https://www.techradar.com/pro/need-ai-training-ceos-think-you-should-train-yourself

    ชิป PCIe ตัวเดียวเปลี่ยน DDR4 ให้มีพลังเพิ่มขึ้น
    มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่น่าสนใจมากสำหรับวงการเซิร์ฟเวอร์และดาต้าเซ็นเตอร์ คืออุปกรณ์ PCIe ที่สามารถทำให้หน่วยความจำ DDR4 รุ่นเก่ากลับมามีประสิทธิภาพสูงขึ้นเกือบสามเท่า โดยใช้เทคโนโลยี CXL เพื่อเชื่อมต่อและขยายความสามารถ เท่ากับว่าบริษัทใหญ่ที่มีฮาร์ดแวร์เก่าอยู่แล้วสามารถรีไซเคิลมาใช้ใหม่ได้โดยไม่ต้องลงทุนซื้อ DDR5 ในราคาสูง ถือเป็นการแก้ปัญหาขาดแคลนหน่วยความจำได้อย่างชาญฉลาด
    https://www.techradar.com/pro/this-tiny-chip-could-singlehandedly-solve-the-ram-shortage-by-allowing-hyperscalers-to-reuse-old-ddr4-memory-via-cxl-and-it-even-comes-with-an-extraordinary-feature

    HBO Max ผู้ใช้ฟ้อง Netflix ด้วยคดีใหญ่
    เกิดคดีความที่น่าสนใจในวงการสตรีมมิ่ง เมื่อผู้ใช้ HBO Max รายหนึ่งยื่นฟ้อง Netflix ในรูปแบบคดีแบบกลุ่ม โดยอ้างว่าข้อตกลงระหว่าง Netflix และ Warner Bros จะสร้างความเสียหายต่อการแข่งขัน และอาจทำให้เกิดการผูกขาดในตลาดสตรีมมิ่ง ผู้ฟ้องร้องมองว่าตนเองและผู้ใช้รายอื่นจะได้รับผลกระทบในเชิง “การเลือกที่น้อยลงและราคาที่สูงขึ้น” เรื่องนี้จึงถูกมองว่าเป็นคดีที่อาจเปลี่ยนโฉมหน้าของตลาดสตรีมมิ่งในอนาคต
    https://www.techradar.com/streaming/netflix/hbo-max-subscriber-sues-netflix-in-dramatic-class-action-lawsuit-claiming-the-warner-bros-deal-will-cause-irreparable-antitrust-injury

    TunnelBear ปรับโมเดล VPN ฟรีใหม่
    TunnelBear กำลังปรับเปลี่ยนบริการ VPN ฟรีของตัวเอง เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้น ทำให้ผู้ใช้แบบฟรีจะไม่สามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์เองได้อีกต่อไป และฟีเจอร์ SplitBear หรือ split tunneling ก็ถูกถอดออกไปเช่นกัน ผู้ใช้ฟรียังคงได้ใช้งาน 2GB ต่อเดือน แต่จะถูกสุ่มเชื่อมต่อไปยังตำแหน่งที่ระบบเลือกให้ จุดประสงค์คือเพื่อรักษาความยั่งยืนของบริการโดยไม่ต้องพึ่งโฆษณาหรือขายข้อมูล ผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้นอาจต้องพิจารณาอัปเกรดเป็นแบบพรีเมียม
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/tunnelbear-reshapes-its-free-vpn-model-amid-rising-infrastructure-costs

    Bluesky บังคับตรวจสอบอายุ ตามกฎหมายออสเตรเลีย
    Bluesky ต้องปรับตัวตามกฎหมายใหม่ของออสเตรเลียที่ห้ามผู้ใช้อายุต่ำกว่า 16 ปีเล่นโซเชียลมีเดีย จึงเริ่มบังคับตรวจสอบอายุผู้ใช้เพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับ นอกจากนี้ยังมีการกลับคำสั่งบล็อกผู้ใช้ในรัฐ Mississippi ที่เคยถูกจำกัดการเข้าถึง ถือเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อให้แพลตฟอร์มยังคงดำเนินงานได้ในหลายประเทศ
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/bluesky-enforces-age-checks-to-comply-with-australias-under-16s-social-media-ban-and-reverses-mississippis-block

    Proton Pass เพิ่ม CLI สำหรับนักพัฒนา
    Proton Pass ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวจัดการรหัสผ่านที่ได้รับความนิยม ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่คือ Command-Line Interface (CLI) ให้นักพัฒนาสามารถดึงข้อมูลลับจาก terminal ได้โดยตรง ทำให้สามารถสร้าง workflow อัตโนมัติที่รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น ฟีเจอร์นี้ยังคงรักษาการเข้ารหัสแบบ end-to-end และรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อม CI/CD หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่มี UI ผู้ใช้ฟรีจะไม่ได้ฟีเจอร์นี้ ต้องอัปเกรดเป็นแพ็กเกจแบบเสียเงิน
    https://www.techradar.com/pro/security/proton-pass-just-made-it-even-easier-for-developers-to-retrieve-secrets-and-thats-a-win-for-everyone-involved

    ญี่ปุ่นเปิดตัวโน้ตบุ๊กใหม่ที่ยังมีพอร์ต VGA และไดรฟ์ DVD
    ในยุคที่โน้ตบุ๊กทั่วโลกตัดพอร์ตเก่า ๆ ออกไปหมด ญี่ปุ่นกลับยังคงมีตลาดที่ต้องการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ ล่าสุด NEC เปิดตัว VersaPro VX-R ที่ใช้ชิป Intel Core Ultra รุ่นใหม่ แต่ยังคงใส่พอร์ต VGA และไดรฟ์ DVD มาให้ เหตุผลคือหลายองค์กร โรงเรียน และสถาบันในญี่ปุ่นยังใช้โปรเจกเตอร์และระบบเก็บข้อมูลแบบเก่าอยู่ ทำให้การมีพอร์ตเหล่านี้ยังจำเป็น ตัวเครื่องรองรับ Wi-Fi 7, มีระบบความปลอดภัยครบ และยังคงเป็นโน้ตบุ๊กที่ผสมผสานเทคโนโลยีใหม่กับความต้องการดั้งเดิมของตลาดญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว
    https://www.techradar.com/pro/the-only-core-ultra-265u-laptop-with-a-vga-port-and-a-dvd-writer-just-launched-and-yes-it-has-to-be-in-japan

    ช่องโหว่ React2Shell ถูกแฮกเกอร์เกาหลีเหนือใช้โจมตี
    หลังจากที่จีนถูกพบว่าใช้ช่องโหว่ React2Shell ในการโจมตี ตอนนี้มีรายงานว่าเกาหลีเหนือก็เข้ามาใช้ช่องโหว่นี้เช่นกัน โดยพวกเขาพัฒนา malware ใหม่ชื่อ EtherRAT ที่ซับซ้อนกว่าเดิม ใช้ smart contract ของ Ethereum เป็นระบบควบคุม, มีวิธีฝังตัวใน Linux ถึง 5 แบบ และยังดาวน์โหลด runtime ของ Node.js เองเพื่อทำงานต่อ ช่องโหว่นี้ถูกจัดว่า “critical” ระดับ 10/10 และนักวิจัยเตือนให้รีบอัปเดต React เป็นเวอร์ชันที่ปลอดภัยทันที เพราะเป็นการโจมตีที่อาจกระทบผู้พัฒนาเว็บจำนวนมหาศาล
    https://www.techradar.com/pro/security/maximum-severity-react2shell-flaw-exploited-by-north-korean-hackers-in-malware-attacks

    Google เสริมเกราะป้องกัน Chrome จากการโจมตีแบบ Prompt Injection
    Google ประกาศเพิ่มระบบป้องกันใหม่ใน Chrome เพื่อรับมือกับการโจมตีที่เรียกว่า Prompt Injection ซึ่งเป็นการฝังคำสั่งแอบแฝงในเว็บเพจหรือ extension เพื่อหลอกให้ AI ทำงานผิดพลาด ฟีเจอร์ใหม่นี้จะช่วยตรวจจับและบล็อกคำสั่งที่ไม่พึงประสงค์ก่อนที่ผู้ใช้จะโดนหลอกหรือข้อมูลจะรั่วไหล ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการทำให้เบราว์เซอร์ปลอดภัยขึ้นในยุคที่ AI ถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลาย
    https://www.techradar.com/pro/security/google-adds-prompt-injection-defenses-to-chrome

    Teamgroup เปิดตัว PD40 SSD พกพาเล็กแต่แรงด้วย USB4
    Teamgroup เปิดตัวไดรฟ์ PD40 ที่ใช้มาตรฐาน USB4 ทำให้มีความเร็วสูงมากเมื่อเทียบกับ SSD พกพาทั่วไป จุดเด่นคือขนาดเล็ก น้ำหนักเบา แต่ยังคงให้ความเร็วระดับสูงที่สามารถแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ ๆ ได้ โดยตั้งใจจะเจาะตลาดที่ SSD พกพามีราคาสูงเกินไป รุ่นนี้จึงถูกวางตัวให้เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วและความสะดวกในการพกพา
    https://www.techradar.com/pro/finally-another-external-usb4-ssd-hit-the-market-and-this-one-is-likely-to-be-far-more-affordable-than-rivals

    ศึกชิงแชมป์โลก Excel 2025
    การแข่งขัน Excel World Championship ปีนี้จัดขึ้นที่ลาสเวกัส และผู้ชนะคือ Diarmuid Early ที่ถูกขนานนามว่า “LeBron James แห่ง Excel” เขาสามารถเอาชนะ Andrew Ngai แชมป์เก่าถึงสามสมัยได้ ด้วยการทำโจทย์สุดโหด ทั้งการจัดการข้อมูลมหาศาล การสร้าง Pivot Table ซับซ้อน และแม้กระทั่งโจทย์พับโมดูล Excel แบบ Origami ผู้ชนะได้รับเงินรางวัล 5,000 ดอลลาร์ พร้อมเข็มขัดแชมป์แบบนักมวยปล้ำ ถือเป็นการยกระดับการใช้ Excel จากเครื่องมือทำงานสู่กีฬาแข่งขันที่จริงจังและสนุกสนาน
    https://www.techradar.com/pro/battle-of-the-pivot-tables-diarmuid-the-lebron-james-of-excel-defeats-three-time-champion-andrew-ngai-to-claim-the-2025-title-and-usd5-000-cash-prize

    Beelink เปิดตัว NAS จิ๋วแต่จุใจ
    Beelink เตรียมปล่อย NAS รุ่น ME Pro ที่มีให้เลือกทั้งแบบ 2 ช่องและ 4 ช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ จุดเด่นคือรุ่น 4 ช่องสามารถรองรับความจุรวมสูงสุดถึง 120TB แต่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กเพียง 4 ลิตรเท่านั้น ใช้โครงสร้างแบบ Unibody ที่ช่วยประหยัดพื้นที่ภายในและทำให้เครื่องเล็กกว่าคู่แข่งมาก แม้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเรื่อง CPU หรือระบบปฏิบัติการ แต่การออกแบบนี้สะท้อนแนวทางใหม่ของ Beelink ที่ต้องการทำให้ NAS มีขนาดเล็กลงแต่ยังคงความจุสูง
    https://www.techradar.com/pro/beelink-promises-a-4-liter-4-drive-nas-that-could-hold-120tb-in-the-palm-of-your-hand

    ลังเลใจระหว่าง iPhone และ Android
    นักเขียนจาก TechRadar เล่าประสบการณ์ส่วนตัวว่าใช้ iPhone มานานกว่า 4 ปีหลังจากย้ายจาก Android แต่ตอนนี้เริ่มคิดว่าจะกลับไปใช้ Android อีกครั้ง เหตุผลมาจากการเจอปัญหากับ iOS 26 และความสนใจใน Samsung Galaxy S25 Ultra ที่อยู่ตรงหน้า เขายังเปิดโพลให้ผู้อ่านช่วยตัดสินใจว่าจะควรกลับไป Android หรือไม่ พร้อมบอกว่าถ้าเปลี่ยนจริงก็อยากลอง Pixel 10 Pro หรือรุ่นเรือธงจาก Oppo และ OnePlus ถือเป็นการเปิดใจถามความเห็นจากชุมชนผู้ใช้มือถือโดยตรง
    https://www.techradar.com/phones/iphone/should-i-abandon-my-iphone-for-a-return-to-android-tell-me-what-to-do

    Imec เผยความท้าทายของ 3D Memory-on-GPU
    งานประชุม IEDM 2025 มีการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่จาก Imec ที่วางซ้อนหน่วยความจำ HBM แบบ 3D บน GPU เพื่อเพิ่มความหนาแน่นในการประมวลผลสำหรับงาน AI แม้จะให้ประสิทธิภาพสูงกว่าแบบ 2.5D แต่การจำลองความร้อนพบว่าชิปสามารถร้อนทะลุ 140°C ซึ่งเกินขีดจำกัดการทำงาน ต้องใช้วิธีลดความเร็ว GPU ลงครึ่งหนึ่งเพื่อควบคุมอุณหภูมิ แต่ก็ทำให้การฝึก AI ช้าลงถึง 28% เทคโนโลยีนี้จึงยังเป็นดาบสองคมที่ต้องหาทางแก้เรื่องความร้อนก่อนจะนำไปใช้จริงในศูนย์ข้อมูล
    https://www.techradar.com/pro/hbm-on-gpu-set-to-power-the-next-revolution-in-ai-accelerators-and-just-to-confirm-theres-no-way-this-will-come-to-your-video-card-anytime-soon
    📌📡🟠 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟠📡📌 #รวมข่าวIT #20251211 #TechRadar 🌊 UK เสริมความปลอดภัยสายเคเบิลใต้น้ำจากภัยรัสเซีย สหราชอาณาจักรประกาศโครงการ Atlantic Bastion เพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานใต้น้ำอย่างสายเคเบิลและท่อส่งพลังงานจากการคุกคามของรัสเซีย หลังจากมีเหตุการณ์สายเคเบิลในทะเลบอลติกถูกตัดหรือเสียหายหลายครั้งในช่วงสงครามรัสเซีย–ยูเครน โครงการนี้จะใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ทั้งเรืออัตโนมัติ เซ็นเซอร์ตรวจจับ และกองทัพเรือ โดยมีแผนเริ่มนำไปใช้จริงตั้งแต่ปี 2026 เพื่อให้การป้องกันครอบคลุมพื้นที่มหาสมุทรกว้างใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/uk-strengthens-subsea-cables-against-russian-interference 🚨 Europol ปราบเครือข่าย “Violence-as-a-Service” Europol เปิดเผยแนวโน้มใหม่ของอาชญากรรมที่เรียกว่า “Violence-as-a-Service” ซึ่งเป็นการจ้างคนรุ่นใหม่ที่ไร้ประสบการณ์ให้ก่อเหตุรุนแรง ตั้งแต่ข่มขู่ ทรมาน ไปจนถึงฆาตกรรม เครือข่ายนี้เริ่มจากสวีเดนและแพร่ไปทั่วยุโรป จนต้องตั้งหน่วยเฉพาะกิจ GRIMM เพื่อสกัดกั้นการรับสมัครผ่านโซเชียลมีเดีย ภายใน 6 เดือนแรกสามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้ถึง 193 คน พร้อมยึดอาวุธและกระสุนจำนวนมาก ถือเป็นการป้องกันโศกนาฏกรรมที่อาจเกิดขึ้นได้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/europol-cracks-down-on-violence-as-a-service-network 🤖 หุ่นยนต์ไล่เตะ CEO – โลกอนาคตที่เราเซ็นรับหรือยัง เรื่องราวที่กำลังเป็นไวรัลคือหุ่นยนต์ T800 ของบริษัท EngineAI ที่โชว์พลังเตะใส่ CEO ของตัวเองจนกระเด็นไปไกล ทั้งหมดนี้เป็นการพิสูจน์ว่าหุ่นยนต์ไม่ได้ถูกสร้างด้วย CGI แต่ทำได้จริง หุ่นยนต์รุ่นใหม่ไม่เพียงแค่เดินหรือโต้ตอบ แต่ยังสามารถวิ่งได้ถึง 6 mph และทำท่าต่อสู้เหมือนมนุษย์ จุดประสงค์เบื้องหลังคือการโปรโมตงาน “Robot Boxing Match” ที่จะจัดขึ้นในจีน แต่ภาพที่ออกมากลับทำให้หลายคนเริ่มกังวลว่าอนาคตหุ่นยนต์อาจไม่ใช่ผู้ช่วยในบ้าน แต่กลายเป็นคู่ต่อสู้ในสังเวียนแทน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/now-weve-got-robots-that-can-chase-and-kick-us-is-this-the-robot-revolution-we-signed-up-for 🚁 DJI FlyCart 100 – โดรนยักษ์แบกของหนัก 100 กิโลกรัม DJI เปิดตัวโดรนรุ่นใหม่ FlyCart 100 ที่ออกแบบมาเพื่อการขนส่งหนักโดยเฉพาะ สามารถแบกน้ำหนักได้ถึง 100 กิโลกรัม และบินสูงถึง 6,000 เมตร พร้อมระบบวินซ์ยกของด้วยสายเคเบิล 30 เมตร มีแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนได้แบบ hot-swap และทนสภาพอากาศตั้งแต่ -20°C ถึง 40°C รวมถึงทนลมแรงและมีระบบหลบสิ่งกีดขวางด้วย LiDAR จุดเด่นคือความสามารถในการทำงานในพื้นที่ก่อสร้างหรือภูเขาสูง แต่รูปลักษณ์ที่ดุดันทำให้หลายคนเปรียบเทียบกับเครื่องจักรในหนังไซไฟมากกว่าจะเป็นโดรนส่งพัสดุทั่วไป 🔗 https://www.techradar.com/cameras/drones/djis-terrifying-new-delivery-drone-is-its-most-powerful-so-far-the-flycart-100-can-carry-100kg-loads-and-climb-6-000m-mountains 📺 Sam Altman บน Tonight Show – AI คือพลังแห่งความเท่าเทียม Sam Altman CEO ของ OpenAI ไปออกรายการ Tonight Show กับ Jimmy Fallon เพื่อเล่าถึงการเติบโตของ ChatGPT ที่มีผู้ใช้กว่า 800 ล้านคนต่อสัปดาห์ เขาเปรียบ AI ว่าเป็น “พลังแห่งความเท่าเทียม” คล้ายกับการมาของสมาร์ทโฟนที่ทุกคนเข้าถึงได้เหมือนกัน แม้จะยอมรับว่ามีความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว แต่เขาย้ำว่า AI กำลังช่วยให้คนทั่วไปมีเครื่องมือทรงพลังในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เขียนเรซูเม่ไปจนถึงวางแผนการเดินทาง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/sam-altman-tells-jimmy-fallon-that-ai-is-the-equalizing-force-the-world-needs 💼 Salesforce Agentforce – เดิมพันอนาคตด้วย AI ผู้ช่วยอัจฉริยะ Salesforce ประกาศเปิดตัว Agentforce 360 แพลตฟอร์มใหม่ที่ช่วยให้ธุรกิจสร้าง AI Agent สำหรับงานบริการลูกค้าและการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้รายได้ไตรมาสล่าสุดจะโตถึง 9% เป็น 10.3 พันล้านดอลลาร์ แต่หุ้นยังร่วงลงกว่า 29% ในปีนี้ การเปิดตัว Agentforce จึงถูกมองว่าเป็นการวางเดิมพันครั้งใหญ่เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โดยมีตัวอย่างการใช้งานจริง เช่น ตำรวจ Thames Valley ที่ทดลองใช้ AI Assistant “Bobbi” ตอบคำถามทั่วไปแทนเจ้าหน้าที่ แม้ยังมีข้อกังวลเรื่องความผิดพลาด แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังเข้ามาอยู่ในงานที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นเรื่อย ๆ 🔗 https://www.techradar.com/pro/salesforce-bets-on-agentic-ai-platform-following-cautiously-optimistic-earnings-report 🖥️ จอมอนิเตอร์ 1000Hz – เร็วเกินไปหรือเปล่า? ข่าวที่ทำให้สายเกมเมอร์ต้องขมวดคิ้วคือการเปิดตัวจอมอนิเตอร์ “dual-mode” ที่สามารถรีเฟรชเรตได้สูงถึง 1000Hz ฟังดูเหมือนจะเป็นการปฏิวัติ แต่หลายคนกลับมองว่ามันเกินความจำเป็น เพราะแม้แต่เกมแข่งขันระดับ eSports ส่วนใหญ่ก็ยังใช้ไม่ถึง 360Hz การกระโดดไปถึง 1000Hz จึงถูกตั้งคำถามว่าเป็นการตลาดมากกว่าความต้องการจริงของผู้เล่น อย่างไรก็ตาม มันก็สะท้อนให้เห็นว่าตลาดฮาร์ดแวร์ยังคงพยายามหาจุดขายใหม่ ๆ อยู่เสมอ 🔗 https://www.techradar.com/computing/monitors/the-worlds-first-1-000hz-dual-mode-gaming-monitors-are-coming-but-they-sound-completely-unnecessary 🚗 Lamborghini ชนะคดีโดเมน Lambo.com เรื่องราวดราม่าในโลกออนไลน์คือการที่ Lamborghini ฟ้องร้องเจ้าของโดเมน Lambo.com หลังจากเจ้าของพยายามขายชื่อโดเมนนี้ในราคา 75 ล้านดอลลาร์ ศาลตัดสินว่าเจ้าของกระทำโดยไม่สุจริต และสั่งให้โดเมนตกเป็นของ Lamborghini ทันที เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของชื่อแบรนด์ในโลกดิจิทัล และการที่บริษัทใหญ่พร้อมจะปกป้องทรัพย์สินทางออนไลน์ของตนอย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/man-attempts-to-break-world-record-with-usd75-million-domain-name-pitch-ends-up-empty-handed-instead ⌚ นาฬิกาฟิตเนสรุ่นใหม่ – คู่แข่ง Apple Watch SE 3 ข่าวหลุดล่าสุดเผยว่ากำลังจะมีการเปิดตัวสมาร์ทวอทช์ราคาประหยัดรุ่นใหม่ ที่ถูกมองว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Apple Watch SE 3 จุดเด่นคือการออกแบบที่คล้ายคลึงกับรุ่นยอดนิยม แต่เพิ่มฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกายมากขึ้น ทำให้หลายคนคาดว่าจะเป็น “ภาคต่อ” ของนาฬิกาฟิตเนสที่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุด 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/forget-the-apple-watch-se-3-it-looks-like-a-big-sequel-to-our-best-ever-cheap-fitness-watch-has-just-leaked 🖥️ Windows 11 ปรับเมนูคลิกขวา ลบ AI Actions ที่ไม่ใช้ Microsoft กำลังทดสอบการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่ช่วยลดความรกใน Windows 11 โดยหากผู้ใช้ปิดการทำงานของ AI Actions ทั้งหมด เมนูคลิกขวาใน File Explorer จะไม่แสดงโฟลเดอร์ว่าง ๆ ของ AI อีกต่อไป ก่อนหน้านี้แม้ปิดแล้วก็ยังเห็นเมนูแต่ไม่มีฟังก์ชัน ซึ่งทำให้หลายคนงง การแก้ไขนี้จึงเป็นเหมือนการจัดระเบียบให้ใช้งานง่ายขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการทำให้ Windows 11 ดูสะอาดตาและตรงไปตรงมา 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/think-ai-actions-in-windows-11-are-pointless-microsoft-is-letting-you-banish-them-from-the-right-click-menu 🌐 Norton VPN ปรับปรุงครั้งใหญ่ เพิ่มความเร็วและความปลอดภัย ปีนี้ Norton VPN เดินหน้าอัปเกรดครั้งใหญ่ ทั้งเพิ่มเซิร์ฟเวอร์ความเร็วสูง 25Gbps ในหลายเมืองทั่วโลก รวมถึงเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ใหม่สำหรับ P2P และเพิ่มตัวเลือก OpenVPN ทั้ง UDP และ TCP เพื่อให้ผู้ใช้เลือกได้ตามความต้องการ ไม่เพียงเท่านั้น Norton ยังผ่านการตรวจสอบจากบริษัทภายนอกเกี่ยวกับโปรโตคอล Mimic ที่พัฒนาขึ้นเอง ผลคือไม่มีความเสี่ยงด้านเทคนิคและยังรองรับการเข้ารหัสที่ต้านทานคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต ทำให้บริการนี้ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามองในตลาด VPN 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/faster-speeds-more-locations-norton-vpn-caps-off-a-year-of-transformation 📱 Samsung Galaxy S26 อาจได้ MagSafe เวอร์ชันของตัวเอง ข่าวลือใหม่เผยว่า Galaxy S26 จะมาพร้อมระบบแม่เหล็กคล้าย MagSafe ของ Apple ซึ่งจะเปิดทางให้มีอุปกรณ์เสริมหลากหลาย เช่น เคสแม่เหล็ก แท่นชาร์จ และที่ยึดติดรถยนต์ นี่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน ecosystem ของ Samsung เพราะจะทำให้ผู้ใช้มีตัวเลือกเสริมที่สะดวกและเป็นมาตรฐานเดียวกันมากขึ้น หากเป็นจริง Galaxy S26 จะกลายเป็นสมาร์ทโฟนที่รองรับอุปกรณ์เสริมได้กว้างขวางที่สุดรุ่นหนึ่ง 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/the-samsung-galaxy-s26-might-finally-be-getting-its-version-of-magsafe-here-are-8-accessories-to-expect 🎬 Adobe จับมือ YouTube: เพิ่มเครื่องมือใหม่ให้ครีเอเตอร์ Adobe และ YouTube ร่วมกันเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Premiere สำหรับการสร้าง YouTube Shorts โดยตรง จุดเด่นคือมีเอฟเฟกต์พิเศษ ทรานซิชัน และเทมเพลตที่ออกแบบมาเฉพาะ ทำให้การตัดต่อและอัปโหลดคลิปสั้นง่ายขึ้นมาก นอกจากนี้ยังมีระบบติดตามเทรนด์เพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์เข้าใจว่าคอนเทนต์แบบไหนกำลังมาแรง ถือเป็นการต่อยอดความร่วมมือระหว่าง Adobe และ Google ที่เคยนำโมเดล AI เข้ามาใช้ในเครื่องมือสร้างสรรค์ต่าง ๆ การอัปเดตนี้ช่วยให้การทำงานของครีเอเตอร์เร็วขึ้นและมีคุณภาพมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/adobe-and-youtube-love-in-delivers-new-tools-for-content-creators-and-resolves-the-biggest-issue-we-had-with-adobes-free-video-editing-app 💰 Amazon ทุ่มงบ 35 พันล้านดอลลาร์ลงทุน AI ในอินเดีย Amazon ประกาศแผนลงทุนครั้งใหญ่ในอินเดีย มูลค่าถึง 35 พันล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี AI และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การลงทุนนี้สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะทำให้อินเดียเป็นศูนย์กลางด้าน AI และคลาวด์ในภูมิภาคเอเชีย พร้อมทั้งสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการจ้างงานจำนวนมาก ถือเป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ของ Amazon ในตลาดเกิดใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/amazon-and-to-commit-usd35bn-into-ai-in-india 🎮 AMD Redstone: อัปเดตใหม่ที่อาจทำให้ Nvidia ต้องกังวล AMD เตรียมปล่อยอัปเดต Redstone สำหรับเทคโนโลยี FSR (FidelityFX Super Resolution) ที่ใช้ในการเรนเดอร์ภาพเกมบนพีซี การอัปเดตนี้ถูกคาดว่าจะช่วยยกระดับคุณภาพภาพและประสิทธิภาพให้ดีขึ้นมาก จนกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ DLSS จาก Nvidia หาก Redstone ทำได้ตามที่คาดไว้ มันอาจเปลี่ยนสมดุลการแข่งขันในตลาดกราฟิกการ์ด และทำให้ผู้เล่นเกมมีทางเลือกที่คุ้มค่ามากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/gpu/amds-redstone-update-could-revitalize-fsr-for-pc-games-heres-why-nvidia-should-be-worried 🛡️ SAP อุดช่องโหว่ร้ายแรง 3 จุด เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้ S AP ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยที่ถูกจัดว่าเป็นระดับวิกฤติถึง 3 จุด ซึ่งหากปล่อยไว้ อาจเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลสำคัญหรือควบคุมระบบได้ ช่องโหว่เหล่านี้ถูกค้นพบและรายงานโดยนักวิจัยด้านความปลอดภัย และการแก้ไขครั้งนี้ถือเป็นการยืนยันว่า SAP ให้ความสำคัญกับการปกป้องลูกค้าในระดับองค์กรอย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/three-critical-vulnerabilities-patched-by-sap-heres-what-we-know 🌐 ไต้หวันบล็อกแอป RedNote จุดกระแส VPN พุ่งแรง รัฐบาลไต้หวันได้สั่งบล็อกการใช้งานแอป RedNote ซึ่งเป็นแอปที่ได้รับความนิยมในบางกลุ่ม ส่งผลให้ผู้ใช้จำนวนมากหันไปใช้ VPN เพื่อหลีกเลี่ยงการบล็อก การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงความเข้มงวดด้านการควบคุมข้อมูลและการสื่อสารในประเทศ และทำให้ตลาด VPN เติบโตขึ้นทันทีหลังจากมาตรการถูกประกาศ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/taiwan-blocks-rednote-app-sparking-vpn-surge 📱 Motorola โชว์มือถือพับใหม่ท้าชน Samsung Galaxy Z Fold 7 Motorola กำลังกลับมาสู่ตลาดมือถือพับได้อีกครั้ง โดยล่าสุดได้ปล่อยทีเซอร์มือถือรุ่นใหม่ที่ตั้งใจจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Samsung Galaxy Z Fold 7 แม้ยังไม่มีรายละเอียดเต็ม ๆ แต่การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่าตลาดมือถือพับได้ยังคงร้อนแรง และ Motorola ต้องการกลับมาชิงส่วนแบ่งตลาดจาก Samsung ที่ครองตลาดอยู่ในตอนนี้ 🔗 https://www.techradar.com/phones/motorola-phones/motorola-just-teased-a-new-foldable-to-rival-the-samsung-galaxy-z-fold-7 📸 Instagram เปิดให้ผู้ใช้ควบคุมอัลกอริทึมเอง Instagram ประกาศฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าต้องการเห็นโพสต์แบบไหน โดยสามารถปรับการแสดงผลให้เป็นไปตามความต้องการ เช่น การจัดลำดับตามเวลา หรือการเลือกเนื้อหาที่สนใจมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อวิธีที่ผู้คนใช้แพลตฟอร์ม และอาจเปลี่ยนโฉมหน้าของโซเชียลมีเดียในอนาคต เพราะเป็นการคืนอำนาจการควบคุมให้กับผู้ใช้มากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/social-media/instagram-just-gave-users-algorithm-control-and-this-could-change-the-face-of-social-media 🖥️ ทำไมระบบเทคโนโลยีที่ไม่เชื่อมต่อกันกำลังบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงาน หลายองค์กรลงทุนในเทคโนโลยีมากมาย แต่กลับสูญเสียเงินมหาศาลเพราะระบบที่ไม่เชื่อมโยงกัน ทำให้พนักงานต้องเสียเวลามากกว่า 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เพียงเพื่อค้นหาข้อมูลหรือแก้ปัญหาซ้ำ ๆ สิ่งนี้ไม่เพียงลดประสิทธิภาพ แต่ยังทำให้คนเก่ง ๆ หมดไฟและลาออกไปในที่สุด ทางออกคือการสร้างระบบที่เชื่อมโยงกันอย่างชาญฉลาด มีความสามารถในการแก้ไขตัวเองอัตโนมัติ และปรับตัวตามพฤติกรรมผู้ใช้ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจแข่งขันได้ดีขึ้นและรักษาคนเก่งไว้ได้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/why-disconnected-tech-stacks-are-undermining-your-workforce-and-how-to-fix-it 🇬🇧 อังกฤษยังไม่คิดทำตามออสเตรเลียเรื่องแบนโซเชียลมีเดียเด็กอายุต่ำกว่า 16 หลังจากออสเตรเลียประกาศห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ใช้โซเชียลมีเดีย อังกฤษถูกถามว่าจะทำตามหรือไม่ รัฐมนตรีวัฒนธรรม Lisa Nandy ยืนยันว่า “ยังไม่มีแผน” เพราะกังวลเรื่องการบังคับใช้และผลกระทบที่อาจผลักเด็กไปใช้ช่องทางอื่น แต่ก็เปิดช่องว่า หากมาตรการนี้ได้ผล อังกฤษอาจพิจารณาในอนาคต ประเด็นนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงระหว่างการปกป้องเยาวชนกับสิทธิความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/uk-has-no-plans-to-replicate-australias-social-media-ban-yet 🎬 Google Photos เพิ่มเครื่องมือใหม่สู้ CapCut Google Photos เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับการตัดต่อวิดีโอ โดยเพิ่ม “template” สำเร็จรูปที่มีเพลงและข้อความพร้อม ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างคลิปสั้น ๆ สไตล์ TikTok หรือ Reels ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงหน้าตา editor ให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมเพิ่มฟังก์ชันใส่เพลงและข้อความลงในคลิป ฟีเจอร์เหล่านี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้ทั้งบน Android และ iOS และจะกลายเป็นเครื่องมือหลักในการตัดต่อวิดีโอบนมือถือของ Google 🔗 https://www.techradar.com/computing/software/google-photos-takes-on-capcut-with-5-handy-new-video-editing-tools-including-a-time-saving-template-feature 📱 การหลอกลวงผ่าน SMS หรือ Smishing กำลังกลายเป็นภัยต่อธุรกิจ จากเดิมที่เป็นเพียงการหลอกผู้บริโภค ตอนนี้ Smishing หรือการส่งข้อความ SMS หลอกลวงได้พัฒนาไปถึงระดับที่คุกคามองค์กร โดยอาชญากรใช้เครื่อง “SMS Blaster” ที่สามารถส่งข้อความปลอมจำนวนมหาศาลได้ในไม่กี่วินาที ทำให้พนักงานตกเป็นเป้าหมายและอาจเผลอให้ข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านหรือข้อมูลการเงิน อุตสาหกรรมโทรคมนาคมและหน่วยงานกำกับดูแลกำลังหาทางป้องกัน ทั้งการบล็อกข้อความลิงก์ต้องสงสัย และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อย่าง RCS ที่มีระบบเข้ารหัสและการยืนยันตัวตนที่แข็งแรงกว่า 🔗 https://www.techradar.com/pro/smishings-evolution-from-consumer-scam-to-enterprise-threat-how-industry-is-fighting-back 📚 CEO มองว่าเรื่องการเรียนรู้ AI ต้องฝึกเอง ในโลกธุรกิจปัจจุบัน AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือผู้บริหารหลายคนกลับมองว่า การเรียนรู้และการพัฒนาทักษะด้าน AI ไม่ควรพึ่งพาองค์กรจัดฝึกอบรมให้ แต่ควรเป็นความรับผิดชอบของพนักงานเองที่จะต้องหาความรู้ ฝึกฝน และพัฒนาทักษะเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง เท่ากับว่าภาพลักษณ์ของการทำงานยุคใหม่คือ “ใครปรับตัวได้เร็ว คนนั้นได้เปรียบ” 🔗 https://www.techradar.com/pro/need-ai-training-ceos-think-you-should-train-yourself 💾 ชิป PCIe ตัวเดียวเปลี่ยน DDR4 ให้มีพลังเพิ่มขึ้น มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่น่าสนใจมากสำหรับวงการเซิร์ฟเวอร์และดาต้าเซ็นเตอร์ คืออุปกรณ์ PCIe ที่สามารถทำให้หน่วยความจำ DDR4 รุ่นเก่ากลับมามีประสิทธิภาพสูงขึ้นเกือบสามเท่า โดยใช้เทคโนโลยี CXL เพื่อเชื่อมต่อและขยายความสามารถ เท่ากับว่าบริษัทใหญ่ที่มีฮาร์ดแวร์เก่าอยู่แล้วสามารถรีไซเคิลมาใช้ใหม่ได้โดยไม่ต้องลงทุนซื้อ DDR5 ในราคาสูง ถือเป็นการแก้ปัญหาขาดแคลนหน่วยความจำได้อย่างชาญฉลาด 🔗 https://www.techradar.com/pro/this-tiny-chip-could-singlehandedly-solve-the-ram-shortage-by-allowing-hyperscalers-to-reuse-old-ddr4-memory-via-cxl-and-it-even-comes-with-an-extraordinary-feature ⚖️ HBO Max ผู้ใช้ฟ้อง Netflix ด้วยคดีใหญ่ เกิดคดีความที่น่าสนใจในวงการสตรีมมิ่ง เมื่อผู้ใช้ HBO Max รายหนึ่งยื่นฟ้อง Netflix ในรูปแบบคดีแบบกลุ่ม โดยอ้างว่าข้อตกลงระหว่าง Netflix และ Warner Bros จะสร้างความเสียหายต่อการแข่งขัน และอาจทำให้เกิดการผูกขาดในตลาดสตรีมมิ่ง ผู้ฟ้องร้องมองว่าตนเองและผู้ใช้รายอื่นจะได้รับผลกระทบในเชิง “การเลือกที่น้อยลงและราคาที่สูงขึ้น” เรื่องนี้จึงถูกมองว่าเป็นคดีที่อาจเปลี่ยนโฉมหน้าของตลาดสตรีมมิ่งในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/streaming/netflix/hbo-max-subscriber-sues-netflix-in-dramatic-class-action-lawsuit-claiming-the-warner-bros-deal-will-cause-irreparable-antitrust-injury 🛡️ TunnelBear ปรับโมเดล VPN ฟรีใหม่ TunnelBear กำลังปรับเปลี่ยนบริการ VPN ฟรีของตัวเอง เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้น ทำให้ผู้ใช้แบบฟรีจะไม่สามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์เองได้อีกต่อไป และฟีเจอร์ SplitBear หรือ split tunneling ก็ถูกถอดออกไปเช่นกัน ผู้ใช้ฟรียังคงได้ใช้งาน 2GB ต่อเดือน แต่จะถูกสุ่มเชื่อมต่อไปยังตำแหน่งที่ระบบเลือกให้ จุดประสงค์คือเพื่อรักษาความยั่งยืนของบริการโดยไม่ต้องพึ่งโฆษณาหรือขายข้อมูล ผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้นอาจต้องพิจารณาอัปเกรดเป็นแบบพรีเมียม 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/tunnelbear-reshapes-its-free-vpn-model-amid-rising-infrastructure-costs 🚫 Bluesky บังคับตรวจสอบอายุ ตามกฎหมายออสเตรเลีย Bluesky ต้องปรับตัวตามกฎหมายใหม่ของออสเตรเลียที่ห้ามผู้ใช้อายุต่ำกว่า 16 ปีเล่นโซเชียลมีเดีย จึงเริ่มบังคับตรวจสอบอายุผู้ใช้เพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับ นอกจากนี้ยังมีการกลับคำสั่งบล็อกผู้ใช้ในรัฐ Mississippi ที่เคยถูกจำกัดการเข้าถึง ถือเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อให้แพลตฟอร์มยังคงดำเนินงานได้ในหลายประเทศ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/bluesky-enforces-age-checks-to-comply-with-australias-under-16s-social-media-ban-and-reverses-mississippis-block 🔐 Proton Pass เพิ่ม CLI สำหรับนักพัฒนา Proton Pass ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวจัดการรหัสผ่านที่ได้รับความนิยม ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่คือ Command-Line Interface (CLI) ให้นักพัฒนาสามารถดึงข้อมูลลับจาก terminal ได้โดยตรง ทำให้สามารถสร้าง workflow อัตโนมัติที่รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น ฟีเจอร์นี้ยังคงรักษาการเข้ารหัสแบบ end-to-end และรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อม CI/CD หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่มี UI ผู้ใช้ฟรีจะไม่ได้ฟีเจอร์นี้ ต้องอัปเกรดเป็นแพ็กเกจแบบเสียเงิน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/proton-pass-just-made-it-even-easier-for-developers-to-retrieve-secrets-and-thats-a-win-for-everyone-involved 💻 ญี่ปุ่นเปิดตัวโน้ตบุ๊กใหม่ที่ยังมีพอร์ต VGA และไดรฟ์ DVD ในยุคที่โน้ตบุ๊กทั่วโลกตัดพอร์ตเก่า ๆ ออกไปหมด ญี่ปุ่นกลับยังคงมีตลาดที่ต้องการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ ล่าสุด NEC เปิดตัว VersaPro VX-R ที่ใช้ชิป Intel Core Ultra รุ่นใหม่ แต่ยังคงใส่พอร์ต VGA และไดรฟ์ DVD มาให้ เหตุผลคือหลายองค์กร โรงเรียน และสถาบันในญี่ปุ่นยังใช้โปรเจกเตอร์และระบบเก็บข้อมูลแบบเก่าอยู่ ทำให้การมีพอร์ตเหล่านี้ยังจำเป็น ตัวเครื่องรองรับ Wi-Fi 7, มีระบบความปลอดภัยครบ และยังคงเป็นโน้ตบุ๊กที่ผสมผสานเทคโนโลยีใหม่กับความต้องการดั้งเดิมของตลาดญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-only-core-ultra-265u-laptop-with-a-vga-port-and-a-dvd-writer-just-launched-and-yes-it-has-to-be-in-japan 🚨 ช่องโหว่ React2Shell ถูกแฮกเกอร์เกาหลีเหนือใช้โจมตี หลังจากที่จีนถูกพบว่าใช้ช่องโหว่ React2Shell ในการโจมตี ตอนนี้มีรายงานว่าเกาหลีเหนือก็เข้ามาใช้ช่องโหว่นี้เช่นกัน โดยพวกเขาพัฒนา malware ใหม่ชื่อ EtherRAT ที่ซับซ้อนกว่าเดิม ใช้ smart contract ของ Ethereum เป็นระบบควบคุม, มีวิธีฝังตัวใน Linux ถึง 5 แบบ และยังดาวน์โหลด runtime ของ Node.js เองเพื่อทำงานต่อ ช่องโหว่นี้ถูกจัดว่า “critical” ระดับ 10/10 และนักวิจัยเตือนให้รีบอัปเดต React เป็นเวอร์ชันที่ปลอดภัยทันที เพราะเป็นการโจมตีที่อาจกระทบผู้พัฒนาเว็บจำนวนมหาศาล 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/maximum-severity-react2shell-flaw-exploited-by-north-korean-hackers-in-malware-attacks 🛡️ Google เสริมเกราะป้องกัน Chrome จากการโจมตีแบบ Prompt Injection Google ประกาศเพิ่มระบบป้องกันใหม่ใน Chrome เพื่อรับมือกับการโจมตีที่เรียกว่า Prompt Injection ซึ่งเป็นการฝังคำสั่งแอบแฝงในเว็บเพจหรือ extension เพื่อหลอกให้ AI ทำงานผิดพลาด ฟีเจอร์ใหม่นี้จะช่วยตรวจจับและบล็อกคำสั่งที่ไม่พึงประสงค์ก่อนที่ผู้ใช้จะโดนหลอกหรือข้อมูลจะรั่วไหล ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการทำให้เบราว์เซอร์ปลอดภัยขึ้นในยุคที่ AI ถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลาย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/google-adds-prompt-injection-defenses-to-chrome 💾 Teamgroup เปิดตัว PD40 SSD พกพาเล็กแต่แรงด้วย USB4 Teamgroup เปิดตัวไดรฟ์ PD40 ที่ใช้มาตรฐาน USB4 ทำให้มีความเร็วสูงมากเมื่อเทียบกับ SSD พกพาทั่วไป จุดเด่นคือขนาดเล็ก น้ำหนักเบา แต่ยังคงให้ความเร็วระดับสูงที่สามารถแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ ๆ ได้ โดยตั้งใจจะเจาะตลาดที่ SSD พกพามีราคาสูงเกินไป รุ่นนี้จึงถูกวางตัวให้เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วและความสะดวกในการพกพา 🔗 https://www.techradar.com/pro/finally-another-external-usb4-ssd-hit-the-market-and-this-one-is-likely-to-be-far-more-affordable-than-rivals 📊 ศึกชิงแชมป์โลก Excel 2025 การแข่งขัน Excel World Championship ปีนี้จัดขึ้นที่ลาสเวกัส และผู้ชนะคือ Diarmuid Early ที่ถูกขนานนามว่า “LeBron James แห่ง Excel” เขาสามารถเอาชนะ Andrew Ngai แชมป์เก่าถึงสามสมัยได้ ด้วยการทำโจทย์สุดโหด ทั้งการจัดการข้อมูลมหาศาล การสร้าง Pivot Table ซับซ้อน และแม้กระทั่งโจทย์พับโมดูล Excel แบบ Origami ผู้ชนะได้รับเงินรางวัล 5,000 ดอลลาร์ พร้อมเข็มขัดแชมป์แบบนักมวยปล้ำ ถือเป็นการยกระดับการใช้ Excel จากเครื่องมือทำงานสู่กีฬาแข่งขันที่จริงจังและสนุกสนาน 🔗 https://www.techradar.com/pro/battle-of-the-pivot-tables-diarmuid-the-lebron-james-of-excel-defeats-three-time-champion-andrew-ngai-to-claim-the-2025-title-and-usd5-000-cash-prize 💾 Beelink เปิดตัว NAS จิ๋วแต่จุใจ Beelink เตรียมปล่อย NAS รุ่น ME Pro ที่มีให้เลือกทั้งแบบ 2 ช่องและ 4 ช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ จุดเด่นคือรุ่น 4 ช่องสามารถรองรับความจุรวมสูงสุดถึง 120TB แต่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กเพียง 4 ลิตรเท่านั้น ใช้โครงสร้างแบบ Unibody ที่ช่วยประหยัดพื้นที่ภายในและทำให้เครื่องเล็กกว่าคู่แข่งมาก แม้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเรื่อง CPU หรือระบบปฏิบัติการ แต่การออกแบบนี้สะท้อนแนวทางใหม่ของ Beelink ที่ต้องการทำให้ NAS มีขนาดเล็กลงแต่ยังคงความจุสูง 🔗 https://www.techradar.com/pro/beelink-promises-a-4-liter-4-drive-nas-that-could-hold-120tb-in-the-palm-of-your-hand 📱 ลังเลใจระหว่าง iPhone และ Android นักเขียนจาก TechRadar เล่าประสบการณ์ส่วนตัวว่าใช้ iPhone มานานกว่า 4 ปีหลังจากย้ายจาก Android แต่ตอนนี้เริ่มคิดว่าจะกลับไปใช้ Android อีกครั้ง เหตุผลมาจากการเจอปัญหากับ iOS 26 และความสนใจใน Samsung Galaxy S25 Ultra ที่อยู่ตรงหน้า เขายังเปิดโพลให้ผู้อ่านช่วยตัดสินใจว่าจะควรกลับไป Android หรือไม่ พร้อมบอกว่าถ้าเปลี่ยนจริงก็อยากลอง Pixel 10 Pro หรือรุ่นเรือธงจาก Oppo และ OnePlus ถือเป็นการเปิดใจถามความเห็นจากชุมชนผู้ใช้มือถือโดยตรง 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/should-i-abandon-my-iphone-for-a-return-to-android-tell-me-what-to-do 🔥 Imec เผยความท้าทายของ 3D Memory-on-GPU งานประชุม IEDM 2025 มีการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่จาก Imec ที่วางซ้อนหน่วยความจำ HBM แบบ 3D บน GPU เพื่อเพิ่มความหนาแน่นในการประมวลผลสำหรับงาน AI แม้จะให้ประสิทธิภาพสูงกว่าแบบ 2.5D แต่การจำลองความร้อนพบว่าชิปสามารถร้อนทะลุ 140°C ซึ่งเกินขีดจำกัดการทำงาน ต้องใช้วิธีลดความเร็ว GPU ลงครึ่งหนึ่งเพื่อควบคุมอุณหภูมิ แต่ก็ทำให้การฝึก AI ช้าลงถึง 28% เทคโนโลยีนี้จึงยังเป็นดาบสองคมที่ต้องหาทางแก้เรื่องความร้อนก่อนจะนำไปใช้จริงในศูนย์ข้อมูล 🔗 https://www.techradar.com/pro/hbm-on-gpu-set-to-power-the-next-revolution-in-ai-accelerators-and-just-to-confirm-theres-no-way-this-will-come-to-your-video-card-anytime-soon
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1356 มุมมอง 0 รีวิว
  • HWiNFO ยืนยันการเปิดตัว Intel Nova Lake H และ HX รวมถึง Arrow Lake Refresh

    HWiNFO เวอร์ชันใหม่ (8.35) ได้เพิ่มข้อมูลรองรับซีพียู Nova Lake H และ Nova Lake HX ลงในฐานข้อมูล ซึ่งถือเป็นการยืนยันว่าชิปเหล่านี้กำลังถูกเตรียมสำหรับการเปิดตัวจริง แม้จะยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการจาก Intel แต่ HWiNFO มักเป็นหนึ่งในซอฟต์แวร์ที่เผยข้อมูลล่วงหน้าของซีพียูรุ่นใหม่เสมอ

    รายละเอียดของ Nova Lake H และ HX
    Nova Lake H จะมาแทนที่ตระกูล Panther Lake H โดยมีการออกแบบแบบ hybrid สูงสุด 16 คอร์ (4 P-Core + 8 E-Core + 4 LP-E Core)

    Nova Lake HX จะเป็นรุ่นที่ใหญ่กว่า รองรับสูงสุดถึง 28 คอร์ โดยเพิ่มจำนวน P-Core และ E-Core เป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับรุ่น H

    Nova Lake HX ใช้ซ็อกเก็ต BGA 2540 ซึ่งใหญ่กว่าซ็อกเก็ต BGA 2114 ของ Arrow Lake HX ประมาณ 20%

    Arrow Lake Refresh
    นอกจาก Nova Lake แล้ว HWiNFO ยังเพิ่มการรองรับ Arrow Lake Refresh ซึ่งคาดว่าจะมีรุ่นใหม่ เช่น Core Ultra 9 290K Plus, Core Ultra 7 270K Plus และ Core Ultra 5 250K Plus โดยทั้งหมดจะมาพร้อมความเร็วสัญญาณนาฬิกาที่สูงขึ้นและจำนวนคอร์ที่มากกว่าเดิม

    ความหมายต่อวงการซีพียู
    การที่ HWiNFO เพิ่มการรองรับซีพียูเหล่านี้สะท้อนว่า Intel กำลังเร่งพัฒนาตระกูลใหม่เพื่อแข่งขันกับ AMD โดยเฉพาะในตลาดโน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อประดับสูง Nova Lake HX ที่มี 28 คอร์จะเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ และ Arrow Lake Refresh จะช่วยต่ออายุแพลตฟอร์มปัจจุบันให้แข็งแกร่งขึ้น

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การยืนยันจาก HWiNFO
    เวอร์ชัน 8.35 เพิ่มการรองรับ Nova Lake H/HX และ Arrow Lake Refresh

    รายละเอียด Nova Lake H
    แทนที่ Panther Lake H
    สูงสุด 16 คอร์ (4P + 8E + 4LP-E)

    รายละเอียด Nova Lake HX
    สูงสุด 28 คอร์
    ใช้ซ็อกเก็ต BGA 2540 ใหญ่กว่า Arrow Lake HX

    Arrow Lake Refresh
    รุ่นใหม่ Core Ultra 9 290K Plus, 7 270K Plus, 5 250K Plus
    เพิ่มความเร็วและจำนวนคอร์

    ข้อจำกัดและคำเตือน
    ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการจาก Intel
    ข้อมูลจาก HWiNFO ไม่ได้การันตีวันเปิดตัวจริง
    ต้องรอรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องสเปกและราคา

    https://wccftech.com/hwinfo-confirms-nova-lake-h-and-hx-also-adds-support-for-arrow-lake-refresh/
    🖥️ HWiNFO ยืนยันการเปิดตัว Intel Nova Lake H และ HX รวมถึง Arrow Lake Refresh HWiNFO เวอร์ชันใหม่ (8.35) ได้เพิ่มข้อมูลรองรับซีพียู Nova Lake H และ Nova Lake HX ลงในฐานข้อมูล ซึ่งถือเป็นการยืนยันว่าชิปเหล่านี้กำลังถูกเตรียมสำหรับการเปิดตัวจริง แม้จะยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการจาก Intel แต่ HWiNFO มักเป็นหนึ่งในซอฟต์แวร์ที่เผยข้อมูลล่วงหน้าของซีพียูรุ่นใหม่เสมอ ⚡ รายละเอียดของ Nova Lake H และ HX 💠 Nova Lake H จะมาแทนที่ตระกูล Panther Lake H โดยมีการออกแบบแบบ hybrid สูงสุด 16 คอร์ (4 P-Core + 8 E-Core + 4 LP-E Core) 💠 Nova Lake HX จะเป็นรุ่นที่ใหญ่กว่า รองรับสูงสุดถึง 28 คอร์ โดยเพิ่มจำนวน P-Core และ E-Core เป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับรุ่น H 💠 Nova Lake HX ใช้ซ็อกเก็ต BGA 2540 ซึ่งใหญ่กว่าซ็อกเก็ต BGA 2114 ของ Arrow Lake HX ประมาณ 20% 🔧 Arrow Lake Refresh นอกจาก Nova Lake แล้ว HWiNFO ยังเพิ่มการรองรับ Arrow Lake Refresh ซึ่งคาดว่าจะมีรุ่นใหม่ เช่น Core Ultra 9 290K Plus, Core Ultra 7 270K Plus และ Core Ultra 5 250K Plus โดยทั้งหมดจะมาพร้อมความเร็วสัญญาณนาฬิกาที่สูงขึ้นและจำนวนคอร์ที่มากกว่าเดิม 🔍 ความหมายต่อวงการซีพียู การที่ HWiNFO เพิ่มการรองรับซีพียูเหล่านี้สะท้อนว่า Intel กำลังเร่งพัฒนาตระกูลใหม่เพื่อแข่งขันกับ AMD โดยเฉพาะในตลาดโน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อประดับสูง Nova Lake HX ที่มี 28 คอร์จะเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ และ Arrow Lake Refresh จะช่วยต่ออายุแพลตฟอร์มปัจจุบันให้แข็งแกร่งขึ้น 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การยืนยันจาก HWiNFO ➡️ เวอร์ชัน 8.35 เพิ่มการรองรับ Nova Lake H/HX และ Arrow Lake Refresh ✅ รายละเอียด Nova Lake H ➡️ แทนที่ Panther Lake H ➡️ สูงสุด 16 คอร์ (4P + 8E + 4LP-E) ✅ รายละเอียด Nova Lake HX ➡️ สูงสุด 28 คอร์ ➡️ ใช้ซ็อกเก็ต BGA 2540 ใหญ่กว่า Arrow Lake HX ✅ Arrow Lake Refresh ➡️ รุ่นใหม่ Core Ultra 9 290K Plus, 7 270K Plus, 5 250K Plus ➡️ เพิ่มความเร็วและจำนวนคอร์ ‼️ ข้อจำกัดและคำเตือน ⛔ ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการจาก Intel ⛔ ข้อมูลจาก HWiNFO ไม่ได้การันตีวันเปิดตัวจริง ⛔ ต้องรอรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องสเปกและราคา https://wccftech.com/hwinfo-confirms-nova-lake-h-and-hx-also-adds-support-for-arrow-lake-refresh/
    WCCFTECH.COM
    HWiNFO Confirms Nova Lake H And HX; Also Adds Support For Arrow Lake Refresh
    The upcoming HWiNFO software version will support the Arrow lake Refresh as well as confirms the Intel Nova Lake H and HX series.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องเดโม Nvidia Dawn and Dusk PC ที่ใช้การ์ดจอ GeForce FX5950 Ultra ในตำนานกลับมาอีกครั้ง

    ในปี 2004 Nvidia เคยสร้างเครื่องเดโมพิเศษเพื่อโชว์ศักยภาพกราฟิกของการ์ด GeForce FX5950 Ultra โดยใช้ตัวละครแฟนตาซี “Dawn” และ “Dusk” ที่มีรายละเอียดผิวและเส้นผมสมจริงมากในยุคนั้น ล่าสุดเครื่องเดโมนี้ถูกนำกลับมาโชว์อีกครั้งโดยผู้ใช้ Reddit ทำให้แฟน ๆ สาย PC เกิดความรู้สึกคิดถึงยุคทองของกราฟิกเกม

    ศิลปะดิจิทัลที่ล้ำยุคในสมัยนั้น
    เดโม Dawn และ Dusk ถูกออกแบบมาเพื่อแสดงความสามารถของ DirectX 9 API โดยเน้นการเรนเดอร์ผิวหนังและเส้นผมที่สมจริง ซึ่งถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในเทคโนโลยีกราฟิกปี 2004 การ์ด FX5950 Ultra ที่ใช้ GPU NV38 พร้อมหน่วยความจำ DDR 256MB บัส 256-bit ถูกจัดว่าเป็นสุดยอดฮาร์ดแวร์สำหรับเกมเมอร์ในเวลานั้น

    การเก็บรักษาและการอัปเกรด
    เจ้าของเครื่องเดโมเล่าว่าเขาได้เครื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2005 และแม้จะเปลี่ยนการ์ดเป็น GeForce 7800GS ในภายหลัง แต่ก็ยังเก็บการ์ด FX5950 Ultra ไว้อย่างดี ตัวการ์ดมีเอกลักษณ์คือแผ่น I/O และโครงด้านบนทำจากทองเหลือง ซึ่งไม่เหมือนรุ่นที่วางขายทั่วไป ถือเป็นของสะสมที่หายากในปัจจุบัน

    ความหมายต่อวงการเกม
    การกลับมาของเครื่องเดโมนี้ไม่เพียงแต่ทำให้แฟน ๆ รู้สึกคิดถึง แต่ยังสะท้อนถึงยุคที่ Nvidia มุ่งเน้นการสร้างสรรค์เพื่อเกมเมอร์โดยตรง เดโม Dawn และ Dusk ถูกใช้เป็นเครื่องมือการตลาดที่ทรงพลัง และยังคงถูกพูดถึงในฐานะหนึ่งในเดโมกราฟิกที่มีอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์เกม PC

    สรุปเป็นหัวข้อ
    เครื่องเดโม Dawn and Dusk PC
    เปิดตัวปี 2004 เพื่อโชว์ศักยภาพ GeForce FX5950 Ultra
    ใช้ตัวละครแฟนตาซี Dawn และ Dusk

    คุณสมบัติการ์ด GeForce FX5950 Ultra
    GPU NV38 พร้อมหน่วยความจำ DDR 256MB
    รองรับ DirectX 9 API

    การเก็บรักษาโดยผู้ใช้ Reddit
    ได้เครื่องมาตั้งแต่ปี 2005
    การ์ดมีแผ่น I/O และโครงทองเหลืองหายาก

    ข้อจำกัดและคำเตือน
    เทคโนโลยีล้าสมัย ไม่รองรับเกมใหม่
    ใช้พลังงานและความร้อนสูงเมื่อเทียบกับการ์ดรุ่นใหม่
    เดโมเป็นเพียงงานโชว์ ไม่สะท้อนประสิทธิภาพจริงในเกมยุคปัจจุบัน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-dawn-and-dusk-demo-pc-resurfaces-alongside-its-original-brass-bracketed-fx5950-ultra-graphics-card-state-of-the-art-dream-machine-hails-from-the-days-when-nvidia-was-a-gaming-first-company
    ✨ เครื่องเดโม Nvidia Dawn and Dusk PC ที่ใช้การ์ดจอ GeForce FX5950 Ultra ในตำนานกลับมาอีกครั้ง ในปี 2004 Nvidia เคยสร้างเครื่องเดโมพิเศษเพื่อโชว์ศักยภาพกราฟิกของการ์ด GeForce FX5950 Ultra โดยใช้ตัวละครแฟนตาซี “Dawn” และ “Dusk” ที่มีรายละเอียดผิวและเส้นผมสมจริงมากในยุคนั้น ล่าสุดเครื่องเดโมนี้ถูกนำกลับมาโชว์อีกครั้งโดยผู้ใช้ Reddit ทำให้แฟน ๆ สาย PC เกิดความรู้สึกคิดถึงยุคทองของกราฟิกเกม 🧚 ศิลปะดิจิทัลที่ล้ำยุคในสมัยนั้น เดโม Dawn และ Dusk ถูกออกแบบมาเพื่อแสดงความสามารถของ DirectX 9 API โดยเน้นการเรนเดอร์ผิวหนังและเส้นผมที่สมจริง ซึ่งถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในเทคโนโลยีกราฟิกปี 2004 การ์ด FX5950 Ultra ที่ใช้ GPU NV38 พร้อมหน่วยความจำ DDR 256MB บัส 256-bit ถูกจัดว่าเป็นสุดยอดฮาร์ดแวร์สำหรับเกมเมอร์ในเวลานั้น 🔧 การเก็บรักษาและการอัปเกรด เจ้าของเครื่องเดโมเล่าว่าเขาได้เครื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2005 และแม้จะเปลี่ยนการ์ดเป็น GeForce 7800GS ในภายหลัง แต่ก็ยังเก็บการ์ด FX5950 Ultra ไว้อย่างดี ตัวการ์ดมีเอกลักษณ์คือแผ่น I/O และโครงด้านบนทำจากทองเหลือง ซึ่งไม่เหมือนรุ่นที่วางขายทั่วไป ถือเป็นของสะสมที่หายากในปัจจุบัน 📜 ความหมายต่อวงการเกม การกลับมาของเครื่องเดโมนี้ไม่เพียงแต่ทำให้แฟน ๆ รู้สึกคิดถึง แต่ยังสะท้อนถึงยุคที่ Nvidia มุ่งเน้นการสร้างสรรค์เพื่อเกมเมอร์โดยตรง เดโม Dawn และ Dusk ถูกใช้เป็นเครื่องมือการตลาดที่ทรงพลัง และยังคงถูกพูดถึงในฐานะหนึ่งในเดโมกราฟิกที่มีอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์เกม PC 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ เครื่องเดโม Dawn and Dusk PC ➡️ เปิดตัวปี 2004 เพื่อโชว์ศักยภาพ GeForce FX5950 Ultra ➡️ ใช้ตัวละครแฟนตาซี Dawn และ Dusk ✅ คุณสมบัติการ์ด GeForce FX5950 Ultra ➡️ GPU NV38 พร้อมหน่วยความจำ DDR 256MB ➡️ รองรับ DirectX 9 API ✅ การเก็บรักษาโดยผู้ใช้ Reddit ➡️ ได้เครื่องมาตั้งแต่ปี 2005 ➡️ การ์ดมีแผ่น I/O และโครงทองเหลืองหายาก ‼️ ข้อจำกัดและคำเตือน ⛔ เทคโนโลยีล้าสมัย ไม่รองรับเกมใหม่ ⛔ ใช้พลังงานและความร้อนสูงเมื่อเทียบกับการ์ดรุ่นใหม่ ⛔ เดโมเป็นเพียงงานโชว์ ไม่สะท้อนประสิทธิภาพจริงในเกมยุคปัจจุบัน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-dawn-and-dusk-demo-pc-resurfaces-alongside-its-original-brass-bracketed-fx5950-ultra-graphics-card-state-of-the-art-dream-machine-hails-from-the-days-when-nvidia-was-a-gaming-first-company
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองเชิง ตอนที่ 4

    “ลองเชิง”
    ตอน 4
    ตุรกี นกหลายหัว จอมพริ้ว ดูเหมือนจะเป็นประเทศที่ได้ประโยชน์มากที่สุด จากเทศกาลอาหรับสปริง ก่อนปี ค.ศ.2011 ตุรกี ก็ไม่ค่อยมีปัญหากับเพื่อนบ้านเท่าไหร่ และตุรกีค่อยๆขยายฐานการเมือง การค้าขาย และวัฒนธรรมของตัวเองไปอย่างเงียบๆมาตลอดเวลา รับปากไปทั่ว และมักจะเลือกยืนถูกข้างในความขัดแย้ง คือข้างที่กำลังได้เปรียบ
    นายรอญับ ตอยยิบ เอร์โดกาน (Recep Tayyip Erdogan) ที่เป็นนายกรัฐมนตรีของตุรกีขณะนั้น เป็นผู้นำต่างประเทศรายแรก ที่กระซิบดังๆ บอกให้ มูบารัค ของอิยิปต์ เก็บของลาออก กลับไปเลี้ยงหลานที่บ้านได้แล้ว และเขายังเป็นผู้นำต่างชาติคนแรกๆ อีกเหมือนกัน ที่หันหลังให้กับกัดดาฟี ของลิเบีย เมื่อกัดดาฟีถูกกลุ่มกบฏไล่ล่า ไม่ต่างกับที่เขาหันหลังให้อัสสาด ของซีเรียในตอนแรก เมื่อซีเรียเริ่มมีปัญหา
    แต่ เอร์โดกาน เป็นนักการเมืองที่เก๋า เขี้ยวยาว ไม่เสียชื่อเป็นนกหลายหัว เขาเริ่มค่อยๆถอยห่างจากอเมริกาสัก ประมาณ 2 ปีมานี้ และตั้งแต่ถอยห่าง การประท้วงสาระพัดในตุรกี ก็เกิดขึ้นตามสูตร แต่ตุรกีคงมองเห็นว่า ฝ่ายไหนกันแน่ที่กำลังจะได้เปรียบ ทั้งในซีเรีย และตะวันออกกลาง วันนี้ดูเหมือนเขาเลือกข้างแล้ว เป็นข้างที่ไม่ใช่อเมริกาเป็นผู้นำ แต่ก็ยังอึกอักว่าไม่รักอัสซาดของซีเรีย แต่ตอนนี้พวกลูกพี่ที่ตัวมาเกาะใหม่ เขากำลังจะมาช่วยอัสซาด ตุรกี จึงกำลังมึนหัว แต่สงสัยจะสายไปแล้วนะ จะกลับเป็นนกหลายหัวอีก อาจจะไม่เหลือสักหัว
    อีกรายที่ได้ประโยชน์ กระโดดข้ามมาอยู่แถวหน้า ทั้งๆที่เป็นประเทศเล็ก คือ การ์ต้า ซึ่งเริ่มเบ่งรัศมีของตนมาก่อน ค.ศ.2011 ไม่นาน ด้วยการยอมให้อเมริกามาตั้งฐานทัพในประเทศตัว และเมื่อน้ำมันบูม การ์ต้าที่พลเมืองน้อย แต่รวยน้ำมัน ก็เลยกระเป๋าบวมไปด้วย การ์ต้าใช้ความเป็นเสี่ยปั้มรุ่นเล็ก แต่มาแรง บวกกับการตั้งสื่อ อัลจาซีรา Al-Jazeera ของตน กระจายเสียง โฆษณาตัวเอง จนดังไปทั่วโลก คนวางแผนเก่งครับ
    รัฐบาลการ์ต้าเป็นรายแรกๆ ที่ขยับขาอ้าแขนรับเทศกาลอาหรับสปริง อัลจาซีรา รายงานแบบเอียงไปเอียงมา ไม่ต่างกับซีเอนเอน ในเรื่องของกัดดาฟีของลิเบียและอัสสาดของซีเรีย เขาเล่นตีกันเป็นระนาดวง กับซีเอนเอน บีบีซี เอาซะทั้ง กัดดาฟีและอัสซาด เป็นเผด็จการจอมโหดสมควรตาย
    แต่เมื่อบาห์เรนเพื่อนบ้านค่ายเดียวกัน มีปัญหาภายใน เรื่องราวก็คล้ายกัน อัลจาซีรา เกิดเป็นใบ้ หลอดขาด จานดาวเทียมส่งสัญญาณไม่ได้เสียอย่างนั้น ตอนอัลจาซีรา ตั้งขึ้นมาใหม่ๆ ใครไม่อ้างแหล่งข่าวอัลจาซีรานี่เชยสะบั้น แต่ตอนนี้ ใครอ้างอัลจาซีรา ผมว่าไม่เชยนะ แต่ง่าวจัด
    ถึงจะเป็นประเทศเล็ก แต่เงินแยะ และมีสื่อใหญ่ระดับโลกอยู่ในมือ การ์ต้า จึงคิดพองตัว สนับสนุนทั้งเงินทุนและกองกำลัง ไปร่วมโค่นกัดดาฟี และโค่นรัฐบาลในตูนีเซีย หวังให้รัฐบาลใหม่ของ 2 ประเทศ นับตนเองเป็นลูกพี่ เรียนเร็วนะไอ้หนู
    ส่วนประเทศที่ย่อยยับ ไปกับเทศกาลอาหรับสปริง ไม่มีใครเกินอียิปต์ รองมาก็คือซีเรีย และอีกประเทศที่กำลังเหงื่อแตก รีบปรับกระบวนท่าของตัวเองคือ อิสราเอล
    อาหรับสปริง เป็นตัวอย่างของการเดินแผนของอเมริกาในตะวันออกกลาง ที่แย่ที่สุด หรือเยี่ยมที่สุด ที่เราจะต้องค่อยๆดูกันต่อไป
    อิยิปต์ นับเป็นมิตรระดับสำคัญของอเมริกามานานนับ 70 ปี นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สถานทูตอเมริกาในอิยิปต์ ช่วงหนึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในโลก ย้อนไปก่อนนั้น อิยิปต์ก็มีความหมายมากกับมหา อำนาจตะวันตกอย่างอังกฤษ เช่นเดียวกัน ถึงเวลาหมดประโยชน์ หรือไม่ต้องการใช้ หรือมีแผนใหม่ อเมริกาก็ไล่ มูบารัค ประธานาธิบดีอิยิปต์ ที่อเมริกาใช้เหมือนพรมเช็ดเท้าให้เก็บของออกไปจากทำเนียบ ไม่ได้ออกไปกลับบ้าน แต่ออกไปนอนในคุกอีกด้วย รอดมาจากการโดนตัดสินประหารชีวิต นี่ก็บุญแล้ว แล้วอิยิปต์ ประเทศที่มีวัฒนธรรมอันยาวนาน เป็นประเทศในความฝันของคนที่อยากเห็นแหล่งอารยะธรรม ที่เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ก็เหลือแต่ซาก กับกองขยะ ผลงานใครครับ
    ซีเรีย กำลังตามมาติดๆ แต่อิยิปต์กับซีเรียต่างกัน อิยิปต์ตกเป็นพรมเช็ดเท้า ถึงเวลาพวกพรมเช็ดเท้าด้วยกัน แทนที่จะช่วยประคอง ดันช่วยกันเหยียบซ้ำ ส่วนซีเรีย เลือกอยู่กับค่ายสู้ตาย จับมือกับลูกพี่อิหร่าน ต่อต้านอเมริกามาด้วยกัน วันนี้อิหร่านไม่มีทางทิ้งซีเรีย
    แต่มีไอ้บ้าน้ำลายฟูมปาก ออกมาทำท่าหน้าเครียดตาขึง พูดให้ชาวโลกฟังในที่ประชุมสหประชาติ เมื่อสามสี่วันก่อน ว่า ซีเรียเป็นอย่างนี้ เพราะมีผู้นำฆ่าประชาชนของตัวเอง แบบนี้เลวมาก เออ … แล้วผู้นำประเทศอื่น ที่ทั้งฆ่าประชาชนของประเทศอื่น และทำลายประเทศของเขา จนแทบไม่เหลือที่ให้ประชาชนซุกหัว กี่ประเทศแล้วมึง ไม่ผิด ไม่เลว งั้นหรือครับ พวกมึงมันเกินสัตว์นรก เกินกว่าผมจะหาคำมาด่าแล้ว...
    อิสราเอล แม้จะไม่มีปัญหาในบ้าน แต่เทศกาลอาหรับสปริง ก็ทำให้อิสราเอลเหนื่อยขึ้นแยะ แม้ว่าจะมีกองทัพที่ดูเหมือนจะเข้มแข็งที่สุดในภูมิภาค เพราะได้รับการดูแลอย่างดีจากอเมริกา ก็เริ่มจะถูกโดดเดี่ยว นี่ก็เป็นเรื่องน่าสนใจ
    อิสราเอล เคยอาศัยอิยิปต์ เป็นทั้งกำแพงและตัวเชื่อมกับกลุ่มมุสลิม เมื่อ อิยิปต์ถูกจัดอันดับใหม่ ได้มุสลิมหัวรุนแรงมาปกครอง อิสราเอลก็ขาดตัวเชื่อม เป็นยิวอยู่ในดงมุสลิม ก็คงหาเพื่อนยาก ตุรกี ซึ่งเคยพอพูดกันได้ ก็ดันไปสนับสนุนกลุ่มมุสลิมบราเธอร์ฮูด Muslim Brotherhood รัฐบาลใหม่ ของอิยิปต์ อิสราเอลเลยหมดผู้ที่จะไปพูดด้วยได้ในตะวันออกกลาง
    อย่างนี้ ต้องชื่นชมคนออกแบบอาหรับสปริง เลว ลึกซึ้งมาก
    นอกจากนี้ อาหรับสปริงยังทำให้กลุ่ม ฮามาส Hamas และฟัตตาห์ Fatah กองกำลังติดอาวุธในปาเลสไตน์ ได้อาวุธ ที่ใครไม่รู้ ยึดมาจากลิเบีย และเอามาแบ่งให้กลุ่มฮามาสด้วย 2 กลุ่มนี้ จึงเหมือนติดปีก พร้อมลุยอิสราเอล แถมกลุ่มมุสลิมบราเธอร์ฮูด ที่ขึ้นมาปกครองอียิปต์ต่อจากมูบารัค ยังทำท่าเห็นใจ สนับสนุน พวกฮามาส อีกด้วย แบบนี้ อิสราเอลก็ต้องลดความกร่าง กลับไปใช้ภาษาดอกไม้กับอเมริกามากขึ้น เกมนี้แน่จริงพี่
    มาถึงคู่แข่งสำคัญ อิหร่านกับซาอุดิอารเบีย ที่ไม่มีวันจะรักกัน ใหญ่กันอยู่คนละมุม ต่างก็ถูกกระทบจากเทศกาลอาหรับสปริง ทั้งทางลบและทางบวก
    ฝ่ายซาอุ กล่าวหาว่าอิหร่าน ฉวยโอกาส จากการระส่ำระสายจากเทศกาลอาหรับสปริง เข้าไปดูแลอิรัค ส่วนที่นับถือนิกายชีอะห์ด้วยกัน อิรัคที่ยังไม่ฟื้น จากการถูกอเมริกากระทืบ ก็ย่อมไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือของอิหร่าน ทำให้เครือข่ายชีอะห์ของอิหร่านขยายใหญ่ เป็นการกดดัน ซาอุ ทางอ้อม และ โดยสภาพทางภูมิศาสตร์ ซีเรียบวกอิรัค ยังเป็นแนวที่อิหร่านใช้ยันกับ อิสราเอล และซาอุดิอารเบียกับพวกเสี่ยปั้มสิงห์สำอางทั้งหลาย ได้อีกด้วย
    ข้อกล่าวหาของซาอุ ฟังขึ้น เพราะอิหร่านก็ดูเหมือนจะทำจริง นอกจากจะสนับสนุนอิรัคแล้ว
    อิหร่านยังสนับสนุน ทั้งกลุ่มฮามาส กลุ่มเฮสบอลเลาะห์ พันธุ์ดุทั้งนั้น เอาไว้ต้านกลุ่มเสี่ยปั้ม และอิสราเอล หรือจริงๆ ก็เอาไว้ต้านอิทธิพลของอเมริกานั่นเอง
    นอกจากนี้ ทั้งอิหร่าน อิรัค ซีเรีย ตุรกี เลบานอน ยังเป็นแนวรอบนอก ที่ทำให้การเข้าไปถึงรัสเซียทาง ด้านนี้ยากขึ้นด้วย ส่วนอีก 2 ด้านสำคัญ ที่จะเข้าถึงรัสเซีย คือ ทางยูเครนและอาฟกานิสถาน และคงไม่ยากที่จะเข้าใจ ว่า ทำไมเรื่องยูเครนถึงยืดเยื้อ และเมื่อรัสเซียเข้ามาถึงซีเรีย ทางด้านอาฟกานิสถานก็อาจจะร้อนขึ้นมาอีก
    ด้วยความเกี่ยวพัน พึ่งพากันเช่นนี้ รัสเซียและอิหร่าน จึงคงเป็นเพื่อนที่จะไม่ทิ้งกันอีกคู่หนึ่ง
    ซาอุดิอารเบีย เสี่ยปั้มใหญ่ ไม่ถนัดออกหน้า ถนัดแต่ชี้นิ้ว และขี้บ่น เขาว่าเป็นนิสัยประจำตัวของคนที่นึกว่ารวยแล้ว มีแต่คนง้อ คนเอาใจ แต่เงินไม่ได้ซื้อได้ทุกอย่าง และการมีบ่อน้ำมัน บางครั้งก็เหมือนมีลาภลอย แบบสามล้อถูกหวย ถ้าไม่รู้จักเก็บรักษาให้ดี ไม่ถูกปล้นจนหมดตัว ก็มือเติบใช้จนหมดตูด กลับไปถีบสามล้อเหมือนเดิม
    หลังอาหรับสปริง เมื่อมูบารัคของอียิปต์ถูกย้ายจากทำเนียบไปอยู่ในคุก บาห์เรน เสี่ยปั้มในค่ายเอาอเมริกาอีกรายก็เกิดเรื่อง เล่นเอาซาอุดิประสาทแดก รีบส่งกองกำลังเข้าไปในบาห์เรน พร้อมควักกระเป๋าอีก 2 หมื่นล้านเหรียญให้บาห์เรนกับโอมาน ไป “คุย” กับเยเมนให้รู้เรื่อง ในฐานะบ้านอยู่ติดกัน แถมมีสภาพคุมปากอ่าวเหมือนกัน และตอนนั้น เยเมนก็กำลังระส่ำไม่รู้ใครสร้าง
    เอะ เยเมนอยู่ปากอ่าว คุมเส้นทางส่งน้ำมันของซาอุ ที่จะออกมาทางมหาสมุทรอินเดีย เหมือนอิยิปต์ที่คุมเส้นทางส่งออกน้ำมันของซาอุไปทางเมดิเตอร์เรเนียน มองเห็นอะไรไหมครับ
    แต่ซาอุ คงอ่านไม่แตกฉาน ใช้เวลากับประสาทแดกเรื่องอิหร่านมากไปหน่อย แทนที่จะคิดสร้างความเข้มแข็งให้เกิดในประเทศตัว ไม่ใช่คอยแต่หวังพึ่งคนนอก ซาอุ ไม่ใช่รวยธรรมดา รวยน้ำมันที่สุดในโลกด้วย แต่กลับทำตัวเหมือนเป็นสามล้อถูกหวย น่าเสียดาย
    น่าคิด และน่าสนใจไหมครับว่า ตลอดเวลาที่อเมริกาแซงชั้นอิหร่าน อิหร่านไม่ได้อยู่อย่างหรุหราสุขสบายอย่างพวกเสี่ยปั้มใหญ่ ปั้มเล็ก แต่อิหร่านอยู่ได้ และแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน มาถึงวันนี้ แกร่งถึงขนาด ตัดสินใจเข้าฉาก เล่นเรื่องซีเรีย เล่นฉากนี้เหมือนตั้งใจฉีกหน้าอเมริกาโดยตรง แสดงว่าอิหร่านต้องมีดี
    อิหร่านมีรัสเซีย และจีน เป็นเพื่อนที่ช่วยเหลือยามยาก ในยามที่อิหร่านถูกแซงชั่น อย่างใจดำและเป็นเวลานาน เราคงพอมองเห็น ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ มันต้องอดทน ทนอด ไม่ท้อถ้อยทั้งนั้น ไม่งั้นก็เป็นพรมเช็ดเท้าเขาไปตลอด
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    3 ต.ค. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 4 “ลองเชิง” ตอน 4 ตุรกี นกหลายหัว จอมพริ้ว ดูเหมือนจะเป็นประเทศที่ได้ประโยชน์มากที่สุด จากเทศกาลอาหรับสปริง ก่อนปี ค.ศ.2011 ตุรกี ก็ไม่ค่อยมีปัญหากับเพื่อนบ้านเท่าไหร่ และตุรกีค่อยๆขยายฐานการเมือง การค้าขาย และวัฒนธรรมของตัวเองไปอย่างเงียบๆมาตลอดเวลา รับปากไปทั่ว และมักจะเลือกยืนถูกข้างในความขัดแย้ง คือข้างที่กำลังได้เปรียบ นายรอญับ ตอยยิบ เอร์โดกาน (Recep Tayyip Erdogan) ที่เป็นนายกรัฐมนตรีของตุรกีขณะนั้น เป็นผู้นำต่างประเทศรายแรก ที่กระซิบดังๆ บอกให้ มูบารัค ของอิยิปต์ เก็บของลาออก กลับไปเลี้ยงหลานที่บ้านได้แล้ว และเขายังเป็นผู้นำต่างชาติคนแรกๆ อีกเหมือนกัน ที่หันหลังให้กับกัดดาฟี ของลิเบีย เมื่อกัดดาฟีถูกกลุ่มกบฏไล่ล่า ไม่ต่างกับที่เขาหันหลังให้อัสสาด ของซีเรียในตอนแรก เมื่อซีเรียเริ่มมีปัญหา แต่ เอร์โดกาน เป็นนักการเมืองที่เก๋า เขี้ยวยาว ไม่เสียชื่อเป็นนกหลายหัว เขาเริ่มค่อยๆถอยห่างจากอเมริกาสัก ประมาณ 2 ปีมานี้ และตั้งแต่ถอยห่าง การประท้วงสาระพัดในตุรกี ก็เกิดขึ้นตามสูตร แต่ตุรกีคงมองเห็นว่า ฝ่ายไหนกันแน่ที่กำลังจะได้เปรียบ ทั้งในซีเรีย และตะวันออกกลาง วันนี้ดูเหมือนเขาเลือกข้างแล้ว เป็นข้างที่ไม่ใช่อเมริกาเป็นผู้นำ แต่ก็ยังอึกอักว่าไม่รักอัสซาดของซีเรีย แต่ตอนนี้พวกลูกพี่ที่ตัวมาเกาะใหม่ เขากำลังจะมาช่วยอัสซาด ตุรกี จึงกำลังมึนหัว แต่สงสัยจะสายไปแล้วนะ จะกลับเป็นนกหลายหัวอีก อาจจะไม่เหลือสักหัว อีกรายที่ได้ประโยชน์ กระโดดข้ามมาอยู่แถวหน้า ทั้งๆที่เป็นประเทศเล็ก คือ การ์ต้า ซึ่งเริ่มเบ่งรัศมีของตนมาก่อน ค.ศ.2011 ไม่นาน ด้วยการยอมให้อเมริกามาตั้งฐานทัพในประเทศตัว และเมื่อน้ำมันบูม การ์ต้าที่พลเมืองน้อย แต่รวยน้ำมัน ก็เลยกระเป๋าบวมไปด้วย การ์ต้าใช้ความเป็นเสี่ยปั้มรุ่นเล็ก แต่มาแรง บวกกับการตั้งสื่อ อัลจาซีรา Al-Jazeera ของตน กระจายเสียง โฆษณาตัวเอง จนดังไปทั่วโลก คนวางแผนเก่งครับ รัฐบาลการ์ต้าเป็นรายแรกๆ ที่ขยับขาอ้าแขนรับเทศกาลอาหรับสปริง อัลจาซีรา รายงานแบบเอียงไปเอียงมา ไม่ต่างกับซีเอนเอน ในเรื่องของกัดดาฟีของลิเบียและอัสสาดของซีเรีย เขาเล่นตีกันเป็นระนาดวง กับซีเอนเอน บีบีซี เอาซะทั้ง กัดดาฟีและอัสซาด เป็นเผด็จการจอมโหดสมควรตาย แต่เมื่อบาห์เรนเพื่อนบ้านค่ายเดียวกัน มีปัญหาภายใน เรื่องราวก็คล้ายกัน อัลจาซีรา เกิดเป็นใบ้ หลอดขาด จานดาวเทียมส่งสัญญาณไม่ได้เสียอย่างนั้น ตอนอัลจาซีรา ตั้งขึ้นมาใหม่ๆ ใครไม่อ้างแหล่งข่าวอัลจาซีรานี่เชยสะบั้น แต่ตอนนี้ ใครอ้างอัลจาซีรา ผมว่าไม่เชยนะ แต่ง่าวจัด ถึงจะเป็นประเทศเล็ก แต่เงินแยะ และมีสื่อใหญ่ระดับโลกอยู่ในมือ การ์ต้า จึงคิดพองตัว สนับสนุนทั้งเงินทุนและกองกำลัง ไปร่วมโค่นกัดดาฟี และโค่นรัฐบาลในตูนีเซีย หวังให้รัฐบาลใหม่ของ 2 ประเทศ นับตนเองเป็นลูกพี่ เรียนเร็วนะไอ้หนู ส่วนประเทศที่ย่อยยับ ไปกับเทศกาลอาหรับสปริง ไม่มีใครเกินอียิปต์ รองมาก็คือซีเรีย และอีกประเทศที่กำลังเหงื่อแตก รีบปรับกระบวนท่าของตัวเองคือ อิสราเอล อาหรับสปริง เป็นตัวอย่างของการเดินแผนของอเมริกาในตะวันออกกลาง ที่แย่ที่สุด หรือเยี่ยมที่สุด ที่เราจะต้องค่อยๆดูกันต่อไป อิยิปต์ นับเป็นมิตรระดับสำคัญของอเมริกามานานนับ 70 ปี นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สถานทูตอเมริกาในอิยิปต์ ช่วงหนึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในโลก ย้อนไปก่อนนั้น อิยิปต์ก็มีความหมายมากกับมหา อำนาจตะวันตกอย่างอังกฤษ เช่นเดียวกัน ถึงเวลาหมดประโยชน์ หรือไม่ต้องการใช้ หรือมีแผนใหม่ อเมริกาก็ไล่ มูบารัค ประธานาธิบดีอิยิปต์ ที่อเมริกาใช้เหมือนพรมเช็ดเท้าให้เก็บของออกไปจากทำเนียบ ไม่ได้ออกไปกลับบ้าน แต่ออกไปนอนในคุกอีกด้วย รอดมาจากการโดนตัดสินประหารชีวิต นี่ก็บุญแล้ว แล้วอิยิปต์ ประเทศที่มีวัฒนธรรมอันยาวนาน เป็นประเทศในความฝันของคนที่อยากเห็นแหล่งอารยะธรรม ที่เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ก็เหลือแต่ซาก กับกองขยะ ผลงานใครครับ ซีเรีย กำลังตามมาติดๆ แต่อิยิปต์กับซีเรียต่างกัน อิยิปต์ตกเป็นพรมเช็ดเท้า ถึงเวลาพวกพรมเช็ดเท้าด้วยกัน แทนที่จะช่วยประคอง ดันช่วยกันเหยียบซ้ำ ส่วนซีเรีย เลือกอยู่กับค่ายสู้ตาย จับมือกับลูกพี่อิหร่าน ต่อต้านอเมริกามาด้วยกัน วันนี้อิหร่านไม่มีทางทิ้งซีเรีย แต่มีไอ้บ้าน้ำลายฟูมปาก ออกมาทำท่าหน้าเครียดตาขึง พูดให้ชาวโลกฟังในที่ประชุมสหประชาติ เมื่อสามสี่วันก่อน ว่า ซีเรียเป็นอย่างนี้ เพราะมีผู้นำฆ่าประชาชนของตัวเอง แบบนี้เลวมาก เออ … แล้วผู้นำประเทศอื่น ที่ทั้งฆ่าประชาชนของประเทศอื่น และทำลายประเทศของเขา จนแทบไม่เหลือที่ให้ประชาชนซุกหัว กี่ประเทศแล้วมึง ไม่ผิด ไม่เลว งั้นหรือครับ พวกมึงมันเกินสัตว์นรก เกินกว่าผมจะหาคำมาด่าแล้ว... อิสราเอล แม้จะไม่มีปัญหาในบ้าน แต่เทศกาลอาหรับสปริง ก็ทำให้อิสราเอลเหนื่อยขึ้นแยะ แม้ว่าจะมีกองทัพที่ดูเหมือนจะเข้มแข็งที่สุดในภูมิภาค เพราะได้รับการดูแลอย่างดีจากอเมริกา ก็เริ่มจะถูกโดดเดี่ยว นี่ก็เป็นเรื่องน่าสนใจ อิสราเอล เคยอาศัยอิยิปต์ เป็นทั้งกำแพงและตัวเชื่อมกับกลุ่มมุสลิม เมื่อ อิยิปต์ถูกจัดอันดับใหม่ ได้มุสลิมหัวรุนแรงมาปกครอง อิสราเอลก็ขาดตัวเชื่อม เป็นยิวอยู่ในดงมุสลิม ก็คงหาเพื่อนยาก ตุรกี ซึ่งเคยพอพูดกันได้ ก็ดันไปสนับสนุนกลุ่มมุสลิมบราเธอร์ฮูด Muslim Brotherhood รัฐบาลใหม่ ของอิยิปต์ อิสราเอลเลยหมดผู้ที่จะไปพูดด้วยได้ในตะวันออกกลาง อย่างนี้ ต้องชื่นชมคนออกแบบอาหรับสปริง เลว ลึกซึ้งมาก นอกจากนี้ อาหรับสปริงยังทำให้กลุ่ม ฮามาส Hamas และฟัตตาห์ Fatah กองกำลังติดอาวุธในปาเลสไตน์ ได้อาวุธ ที่ใครไม่รู้ ยึดมาจากลิเบีย และเอามาแบ่งให้กลุ่มฮามาสด้วย 2 กลุ่มนี้ จึงเหมือนติดปีก พร้อมลุยอิสราเอล แถมกลุ่มมุสลิมบราเธอร์ฮูด ที่ขึ้นมาปกครองอียิปต์ต่อจากมูบารัค ยังทำท่าเห็นใจ สนับสนุน พวกฮามาส อีกด้วย แบบนี้ อิสราเอลก็ต้องลดความกร่าง กลับไปใช้ภาษาดอกไม้กับอเมริกามากขึ้น เกมนี้แน่จริงพี่ มาถึงคู่แข่งสำคัญ อิหร่านกับซาอุดิอารเบีย ที่ไม่มีวันจะรักกัน ใหญ่กันอยู่คนละมุม ต่างก็ถูกกระทบจากเทศกาลอาหรับสปริง ทั้งทางลบและทางบวก ฝ่ายซาอุ กล่าวหาว่าอิหร่าน ฉวยโอกาส จากการระส่ำระสายจากเทศกาลอาหรับสปริง เข้าไปดูแลอิรัค ส่วนที่นับถือนิกายชีอะห์ด้วยกัน อิรัคที่ยังไม่ฟื้น จากการถูกอเมริกากระทืบ ก็ย่อมไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือของอิหร่าน ทำให้เครือข่ายชีอะห์ของอิหร่านขยายใหญ่ เป็นการกดดัน ซาอุ ทางอ้อม และ โดยสภาพทางภูมิศาสตร์ ซีเรียบวกอิรัค ยังเป็นแนวที่อิหร่านใช้ยันกับ อิสราเอล และซาอุดิอารเบียกับพวกเสี่ยปั้มสิงห์สำอางทั้งหลาย ได้อีกด้วย ข้อกล่าวหาของซาอุ ฟังขึ้น เพราะอิหร่านก็ดูเหมือนจะทำจริง นอกจากจะสนับสนุนอิรัคแล้ว อิหร่านยังสนับสนุน ทั้งกลุ่มฮามาส กลุ่มเฮสบอลเลาะห์ พันธุ์ดุทั้งนั้น เอาไว้ต้านกลุ่มเสี่ยปั้ม และอิสราเอล หรือจริงๆ ก็เอาไว้ต้านอิทธิพลของอเมริกานั่นเอง นอกจากนี้ ทั้งอิหร่าน อิรัค ซีเรีย ตุรกี เลบานอน ยังเป็นแนวรอบนอก ที่ทำให้การเข้าไปถึงรัสเซียทาง ด้านนี้ยากขึ้นด้วย ส่วนอีก 2 ด้านสำคัญ ที่จะเข้าถึงรัสเซีย คือ ทางยูเครนและอาฟกานิสถาน และคงไม่ยากที่จะเข้าใจ ว่า ทำไมเรื่องยูเครนถึงยืดเยื้อ และเมื่อรัสเซียเข้ามาถึงซีเรีย ทางด้านอาฟกานิสถานก็อาจจะร้อนขึ้นมาอีก ด้วยความเกี่ยวพัน พึ่งพากันเช่นนี้ รัสเซียและอิหร่าน จึงคงเป็นเพื่อนที่จะไม่ทิ้งกันอีกคู่หนึ่ง ซาอุดิอารเบีย เสี่ยปั้มใหญ่ ไม่ถนัดออกหน้า ถนัดแต่ชี้นิ้ว และขี้บ่น เขาว่าเป็นนิสัยประจำตัวของคนที่นึกว่ารวยแล้ว มีแต่คนง้อ คนเอาใจ แต่เงินไม่ได้ซื้อได้ทุกอย่าง และการมีบ่อน้ำมัน บางครั้งก็เหมือนมีลาภลอย แบบสามล้อถูกหวย ถ้าไม่รู้จักเก็บรักษาให้ดี ไม่ถูกปล้นจนหมดตัว ก็มือเติบใช้จนหมดตูด กลับไปถีบสามล้อเหมือนเดิม หลังอาหรับสปริง เมื่อมูบารัคของอียิปต์ถูกย้ายจากทำเนียบไปอยู่ในคุก บาห์เรน เสี่ยปั้มในค่ายเอาอเมริกาอีกรายก็เกิดเรื่อง เล่นเอาซาอุดิประสาทแดก รีบส่งกองกำลังเข้าไปในบาห์เรน พร้อมควักกระเป๋าอีก 2 หมื่นล้านเหรียญให้บาห์เรนกับโอมาน ไป “คุย” กับเยเมนให้รู้เรื่อง ในฐานะบ้านอยู่ติดกัน แถมมีสภาพคุมปากอ่าวเหมือนกัน และตอนนั้น เยเมนก็กำลังระส่ำไม่รู้ใครสร้าง เอะ เยเมนอยู่ปากอ่าว คุมเส้นทางส่งน้ำมันของซาอุ ที่จะออกมาทางมหาสมุทรอินเดีย เหมือนอิยิปต์ที่คุมเส้นทางส่งออกน้ำมันของซาอุไปทางเมดิเตอร์เรเนียน มองเห็นอะไรไหมครับ แต่ซาอุ คงอ่านไม่แตกฉาน ใช้เวลากับประสาทแดกเรื่องอิหร่านมากไปหน่อย แทนที่จะคิดสร้างความเข้มแข็งให้เกิดในประเทศตัว ไม่ใช่คอยแต่หวังพึ่งคนนอก ซาอุ ไม่ใช่รวยธรรมดา รวยน้ำมันที่สุดในโลกด้วย แต่กลับทำตัวเหมือนเป็นสามล้อถูกหวย น่าเสียดาย น่าคิด และน่าสนใจไหมครับว่า ตลอดเวลาที่อเมริกาแซงชั้นอิหร่าน อิหร่านไม่ได้อยู่อย่างหรุหราสุขสบายอย่างพวกเสี่ยปั้มใหญ่ ปั้มเล็ก แต่อิหร่านอยู่ได้ และแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน มาถึงวันนี้ แกร่งถึงขนาด ตัดสินใจเข้าฉาก เล่นเรื่องซีเรีย เล่นฉากนี้เหมือนตั้งใจฉีกหน้าอเมริกาโดยตรง แสดงว่าอิหร่านต้องมีดี อิหร่านมีรัสเซีย และจีน เป็นเพื่อนที่ช่วยเหลือยามยาก ในยามที่อิหร่านถูกแซงชั่น อย่างใจดำและเป็นเวลานาน เราคงพอมองเห็น ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ มันต้องอดทน ทนอด ไม่ท้อถ้อยทั้งนั้น ไม่งั้นก็เป็นพรมเช็ดเท้าเขาไปตลอด สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 3 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 545 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10 ปีแห่งความสำเร็จของ Let’s Encrypt

    Let’s Encrypt ฉลองครบรอบ 10 ปีของการออกใบรับรองสาธารณะ โดยจากจุดเริ่มต้นในปี 2015 ปัจจุบันได้กลายเป็น Certificate Authority ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ออกใบรับรองมากกว่าสิบล้านใบต่อวัน และช่วยผลักดันให้การเข้ารหัส HTTPS กลายเป็นมาตรฐานทั่วโลก

    Let’s Encrypt เริ่มต้นในปี 2015 ด้วยเป้าหมายทำให้การเข้ารหัส HTTPS เป็นเรื่องง่ายและฟรีสำหรับทุกคน โดยใช้ระบบอัตโนมัติในการออกใบรับรองดิจิทัล จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ นี้ได้ขยายตัวอย่างมหาศาล จนปัจจุบัน Let’s Encrypt เป็น Certificate Authority ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และกำลังปกป้องเว็บไซต์เกือบหนึ่งพันล้านแห่ง.

    การเติบโตอย่างก้าวกระโดด
    ในปี 2016 Let’s Encrypt ออกใบรับรองครบหนึ่งล้านใบ และเพียงสองปีต่อมาก็สามารถออกใบรับรองได้ หนึ่งล้านใบต่อวัน จนถึงปี 2020 ได้ออกใบรับรองครบหนึ่งพันล้านใบ และในปี 2025 มีการออกใบรับรองมากกว่า สิบล้านใบต่อวัน ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จของแนวคิด “การขยายตัวด้วยระบบอัตโนมัติ” ที่ทำให้การใช้งาน HTTPS กลายเป็นเรื่องปกติ.

    ผลกระทบต่อความปลอดภัยของเว็บ
    สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่จำนวนใบรับรอง แต่คือการเพิ่มขึ้นของการเข้ารหัส HTTPS ทั่วโลก จากเดิมที่มีเพียง 30% ของการเชื่อมต่อเว็บที่เข้ารหัส ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 80% ทั่วโลก และ 95% ในสหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตปลอดภัยขึ้นอย่างชัดเจน และสะท้อนถึงบทบาทสำคัญของ Let’s Encrypt ในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของเว็บ.

    การยอมรับและรางวัล
    ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา Let’s Encrypt ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรใหญ่ เช่น Mozilla, EFF, Cisco, Akamai และ IdenTrust รวมถึงได้รับรางวัลสำคัญอย่าง Levchin Prize for Real-World Cryptography (2022) และ IEEE Cybersecurity Award for Practice (2025) สิ่งเหล่านี้ตอกย้ำว่าโครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นนวัตกรรม แต่ยังเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่โลกอินเทอร์เน็ตพึ่งพา.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเติบโตของ Let’s Encrypt
    เริ่มออกใบรับรองในปี 2015
    ปี 2016 ครบ 1 ล้านใบ
    ปี 2018 ออกใบรับรอง 1 ล้านใบต่อวัน
    ปี 2020 ครบ 1 พันล้านใบ
    ปี 2025 ออกใบรับรอง 10 ล้านใบต่อวัน

    ผลกระทบต่อความปลอดภัยเว็บ
    การเข้ารหัส HTTPS เพิ่มจาก 30% เป็นกว่า 80% ทั่วโลก
    ในสหรัฐฯ สูงถึง 95%

    การยอมรับและรางวัล
    ได้รับการสนับสนุนจาก Mozilla, EFF, Cisco, Akamai, IdenTrust
    ได้รับรางวัล Levchin Prize (2022) และ IEEE Cybersecurity Award (2025)

    คำเตือนและความท้าทาย
    การพึ่งพา Let’s Encrypt อาจทำให้ผู้ใช้ “มองข้าม” ความสำคัญของใบรับรอง
    หากไม่มีการสนับสนุนต่อเนื่อง อาจกระทบต่อความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต

    https://letsencrypt.org/2025/12/09/10-years
    🔒 10 ปีแห่งความสำเร็จของ Let’s Encrypt Let’s Encrypt ฉลองครบรอบ 10 ปีของการออกใบรับรองสาธารณะ โดยจากจุดเริ่มต้นในปี 2015 ปัจจุบันได้กลายเป็น Certificate Authority ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ออกใบรับรองมากกว่าสิบล้านใบต่อวัน และช่วยผลักดันให้การเข้ารหัส HTTPS กลายเป็นมาตรฐานทั่วโลก Let’s Encrypt เริ่มต้นในปี 2015 ด้วยเป้าหมายทำให้การเข้ารหัส HTTPS เป็นเรื่องง่ายและฟรีสำหรับทุกคน โดยใช้ระบบอัตโนมัติในการออกใบรับรองดิจิทัล จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ นี้ได้ขยายตัวอย่างมหาศาล จนปัจจุบัน Let’s Encrypt เป็น Certificate Authority ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และกำลังปกป้องเว็บไซต์เกือบหนึ่งพันล้านแห่ง. 📈 การเติบโตอย่างก้าวกระโดด ในปี 2016 Let’s Encrypt ออกใบรับรองครบหนึ่งล้านใบ และเพียงสองปีต่อมาก็สามารถออกใบรับรองได้ หนึ่งล้านใบต่อวัน จนถึงปี 2020 ได้ออกใบรับรองครบหนึ่งพันล้านใบ และในปี 2025 มีการออกใบรับรองมากกว่า สิบล้านใบต่อวัน ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จของแนวคิด “การขยายตัวด้วยระบบอัตโนมัติ” ที่ทำให้การใช้งาน HTTPS กลายเป็นเรื่องปกติ. 🌐 ผลกระทบต่อความปลอดภัยของเว็บ สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่จำนวนใบรับรอง แต่คือการเพิ่มขึ้นของการเข้ารหัส HTTPS ทั่วโลก จากเดิมที่มีเพียง 30% ของการเชื่อมต่อเว็บที่เข้ารหัส ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 80% ทั่วโลก และ 95% ในสหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตปลอดภัยขึ้นอย่างชัดเจน และสะท้อนถึงบทบาทสำคัญของ Let’s Encrypt ในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของเว็บ. 🏆 การยอมรับและรางวัล ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา Let’s Encrypt ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรใหญ่ เช่น Mozilla, EFF, Cisco, Akamai และ IdenTrust รวมถึงได้รับรางวัลสำคัญอย่าง Levchin Prize for Real-World Cryptography (2022) และ IEEE Cybersecurity Award for Practice (2025) สิ่งเหล่านี้ตอกย้ำว่าโครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นนวัตกรรม แต่ยังเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่โลกอินเทอร์เน็ตพึ่งพา. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเติบโตของ Let’s Encrypt ➡️ เริ่มออกใบรับรองในปี 2015 ➡️ ปี 2016 ครบ 1 ล้านใบ ➡️ ปี 2018 ออกใบรับรอง 1 ล้านใบต่อวัน ➡️ ปี 2020 ครบ 1 พันล้านใบ ➡️ ปี 2025 ออกใบรับรอง 10 ล้านใบต่อวัน ✅ ผลกระทบต่อความปลอดภัยเว็บ ➡️ การเข้ารหัส HTTPS เพิ่มจาก 30% เป็นกว่า 80% ทั่วโลก ➡️ ในสหรัฐฯ สูงถึง 95% ✅ การยอมรับและรางวัล ➡️ ได้รับการสนับสนุนจาก Mozilla, EFF, Cisco, Akamai, IdenTrust ➡️ ได้รับรางวัล Levchin Prize (2022) และ IEEE Cybersecurity Award (2025) ‼️ คำเตือนและความท้าทาย ⛔ การพึ่งพา Let’s Encrypt อาจทำให้ผู้ใช้ “มองข้าม” ความสำคัญของใบรับรอง ⛔ หากไม่มีการสนับสนุนต่อเนื่อง อาจกระทบต่อความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต https://letsencrypt.org/2025/12/09/10-years
    LETSENCRYPT.ORG
    10 Years of Let's Encrypt Certificates
    On September 14, 2015, our first publicly-trusted certificate went live. We were proud that we had issued a certificate that a significant majority of clients could accept, and had done it using automated software. Of course, in retrospect this was just the first of billions of certificates. Today, Let’s Encrypt is the largest certificate authority in the world in terms of certificates issued, the ACME protocol we helped create and standardize is integrated throughout the server ecosystem, and we’ve become a household name among system administrators. We’re closing in on protecting one billion web sites.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Gemini 3 Pro – ก้าวกระโดดด้าน Vision AI จาก Google DeepMind"

    Google DeepMind เปิดตัว Gemini 3 Pro ซึ่งถูกยกให้เป็นโมเดลมัลติโหมดที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบัน โดยเน้นความสามารถด้าน การเข้าใจเอกสาร, การวิเคราะห์เชิงพื้นที่, การทำงานกับหน้าจอ และการเข้าใจวิดีโอ ถือเป็นการก้าวข้ามจากการจดจำภาพธรรมดาไปสู่การ ให้เหตุผลเชิงภาพและเชิงพื้นที่อย่างแท้จริง

    ในด้าน Document Understanding Gemini 3 Pro สามารถทำ OCR ที่แม่นยำ พร้อม "derendering" คือการแปลงเอกสารภาพกลับเป็นโค้ดที่สร้างใหม่ได้ เช่น HTML, LaTeX หรือ Markdown ตัวอย่างเช่น การแปลงบันทึกพ่อค้าในศตวรรษที่ 18 ให้เป็นตาราง หรือการสร้างสมการจากภาพที่มีโน้ตคณิตศาสตร์ซับซ้อน รวมถึงการสร้างกราฟแบบ interactive จาก Polar Diagram ของ Florence Nightingale

    ด้าน Spatial และ Screen Understanding โมเดลสามารถระบุพิกัด pixel ได้อย่างแม่นยำ ใช้สำหรับการวิเคราะห์ท่าทางมนุษย์, การจัดการวัตถุในหุ่นยนต์, หรือการเข้าใจ UI บนหน้าจอเพื่อทำงานอัตโนมัติ เช่น QA testing และ UX analytics นอกจากนี้ยังสามารถสร้างแผนการจัดการสิ่งของบนโต๊ะที่รกได้ตามคำสั่ง

    สำหรับ Video Understanding Gemini 3 Pro ถูกปรับให้เข้าใจวิดีโอที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยสามารถวิเคราะห์เหตุและผลของเหตุการณ์ในวิดีโอ ไม่ใช่แค่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยังอธิบายได้ว่า "ทำไม" มันถึงเกิดขึ้น รวมถึงการประมวลผลวิดีโอความเร็วสูง (10 FPS) เพื่อวิเคราะห์รายละเอียด เช่น กลไกการสวิงของนักกอล์ฟ และยังสามารถแปลงวิดีโอขนาดยาวให้เป็นโค้ดหรือแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้ทันที

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ความสามารถหลักของ Gemini 3 Pro
    Document Understanding: OCR + Derendering เป็นโค้ด (HTML, LaTeX, Markdown)
    Spatial Understanding: ระบุพิกัด pixel, วิเคราะห์ท่าทาง, ใช้ในหุ่นยนต์และ AR/XR
    Screen Understanding: เข้าใจ UI เพื่อทำงานอัตโนมัติ เช่น QA และ UX analytics
    Video Understanding: วิเคราะห์เหตุและผล, ประมวลผลวิดีโอความเร็วสูง

    การประยุกต์ใช้งานจริง
    การศึกษา: ช่วยแก้โจทย์คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อน
    การแพทย์: วิเคราะห์ภาพรังสีและงานวิจัยทางชีวภาพ
    กฎหมายและการเงิน: วิเคราะห์สัญญาและรายงานที่ซับซ้อน
    สื่อและการเรียนรู้: สร้างภาพแก้ไขการบ้านแบบ visual feedback

    ข้อควรระวัง
    การใช้พลังประมวลผลสูง อาจมีค่าใช้จ่ายและ latency มากขึ้น
    ความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล หากนำไปใช้กับเอกสารหรือภาพที่มีข้อมูลสำคัญ
    การพึ่งพา AI ในการให้เหตุผล อาจทำให้เกิดการตีความผิดหากไม่มีการตรวจสอบมนุษย์

    https://blog.google/technology/developers/gemini-3-pro-vision/
    👁️ "Gemini 3 Pro – ก้าวกระโดดด้าน Vision AI จาก Google DeepMind" Google DeepMind เปิดตัว Gemini 3 Pro ซึ่งถูกยกให้เป็นโมเดลมัลติโหมดที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบัน โดยเน้นความสามารถด้าน การเข้าใจเอกสาร, การวิเคราะห์เชิงพื้นที่, การทำงานกับหน้าจอ และการเข้าใจวิดีโอ ถือเป็นการก้าวข้ามจากการจดจำภาพธรรมดาไปสู่การ ให้เหตุผลเชิงภาพและเชิงพื้นที่อย่างแท้จริง ในด้าน Document Understanding Gemini 3 Pro สามารถทำ OCR ที่แม่นยำ พร้อม "derendering" คือการแปลงเอกสารภาพกลับเป็นโค้ดที่สร้างใหม่ได้ เช่น HTML, LaTeX หรือ Markdown ตัวอย่างเช่น การแปลงบันทึกพ่อค้าในศตวรรษที่ 18 ให้เป็นตาราง หรือการสร้างสมการจากภาพที่มีโน้ตคณิตศาสตร์ซับซ้อน รวมถึงการสร้างกราฟแบบ interactive จาก Polar Diagram ของ Florence Nightingale ด้าน Spatial และ Screen Understanding โมเดลสามารถระบุพิกัด pixel ได้อย่างแม่นยำ ใช้สำหรับการวิเคราะห์ท่าทางมนุษย์, การจัดการวัตถุในหุ่นยนต์, หรือการเข้าใจ UI บนหน้าจอเพื่อทำงานอัตโนมัติ เช่น QA testing และ UX analytics นอกจากนี้ยังสามารถสร้างแผนการจัดการสิ่งของบนโต๊ะที่รกได้ตามคำสั่ง สำหรับ Video Understanding Gemini 3 Pro ถูกปรับให้เข้าใจวิดีโอที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยสามารถวิเคราะห์เหตุและผลของเหตุการณ์ในวิดีโอ ไม่ใช่แค่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยังอธิบายได้ว่า "ทำไม" มันถึงเกิดขึ้น รวมถึงการประมวลผลวิดีโอความเร็วสูง (10 FPS) เพื่อวิเคราะห์รายละเอียด เช่น กลไกการสวิงของนักกอล์ฟ และยังสามารถแปลงวิดีโอขนาดยาวให้เป็นโค้ดหรือแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้ทันที 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ความสามารถหลักของ Gemini 3 Pro ➡️ Document Understanding: OCR + Derendering เป็นโค้ด (HTML, LaTeX, Markdown) ➡️ Spatial Understanding: ระบุพิกัด pixel, วิเคราะห์ท่าทาง, ใช้ในหุ่นยนต์และ AR/XR ➡️ Screen Understanding: เข้าใจ UI เพื่อทำงานอัตโนมัติ เช่น QA และ UX analytics ➡️ Video Understanding: วิเคราะห์เหตุและผล, ประมวลผลวิดีโอความเร็วสูง ✅ การประยุกต์ใช้งานจริง ➡️ การศึกษา: ช่วยแก้โจทย์คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อน ➡️ การแพทย์: วิเคราะห์ภาพรังสีและงานวิจัยทางชีวภาพ ➡️ กฎหมายและการเงิน: วิเคราะห์สัญญาและรายงานที่ซับซ้อน ➡️ สื่อและการเรียนรู้: สร้างภาพแก้ไขการบ้านแบบ visual feedback ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การใช้พลังประมวลผลสูง อาจมีค่าใช้จ่ายและ latency มากขึ้น ⛔ ความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล หากนำไปใช้กับเอกสารหรือภาพที่มีข้อมูลสำคัญ ⛔ การพึ่งพา AI ในการให้เหตุผล อาจทำให้เกิดการตีความผิดหากไม่มีการตรวจสอบมนุษย์ https://blog.google/technology/developers/gemini-3-pro-vision/
    BLOG.GOOGLE
    Gemini 3 Pro: the frontier of vision AI
    Build with Gemini 3 Pro, the best model in the world for multimodal capabilities.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 312 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซูเปอร์คอมพิวเตอร์สร้างสมองเสมือนจริงที่สมบูรณ์ที่สุด

    ทีมนักวิจัยจาก Allen Institute (สหรัฐฯ) และ University of Electro-Communications (ญี่ปุ่น) ได้ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku สร้างแบบจำลองสมองหนูที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยจำลองทั้ง cortex ของสมองหนู ซึ่งมีความซับซ้อนใกล้เคียงกับสมองมนุษย์

    รายละเอียดของสมองเสมือน
    แบบจำลองนี้มี 9 ล้านเซลล์ประสาท และ 26 พันล้านไซแนปส์ ที่เชื่อมต่อกันใน 86 พื้นที่สมอง สามารถประมวลผลได้ระดับ quadrillions ของการคำนวณต่อวินาที ทำให้นักวิจัยสามารถติดตามการทำงานของเซลล์ประสาทแต่ละตัวได้แบบเรียลไทม์ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในงานวิจัยด้านประสาทวิทยาศาสตร์

    ประโยชน์ต่อการศึกษาโรคสมอง
    สมองเสมือนนี้ช่วยให้นักวิจัยสามารถจำลองการแพร่กระจายของโรค เช่น อัลไซเมอร์ หรือการเกิด อาการชัก โดยไม่ต้องพึ่งการทดลองที่รุกรานในสมองจริง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ศึกษาการทำงานของคลื่นสมองที่เกี่ยวข้องกับการโฟกัสและการรับรู้

    เป้าหมายในอนาคต
    ทีมวิจัยตั้งเป้าว่าจะต่อยอดไปสู่การสร้าง สมองมนุษย์เสมือนจริงเต็มรูปแบบ ในอนาคต โดยใช้ข้อมูลชีววิทยาที่ละเอียดมากขึ้น หากสำเร็จจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำความเข้าใจสมองมนุษย์และการรักษาโรคทางระบบประสาทที่ซับซ้อน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การสร้างสมองเสมือนจริง
    ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku
    จำลอง cortex ของสมองหนูทั้งระบบ

    รายละเอียดเชิงเทคนิค
    9 ล้านเซลล์ประสาท
    26 พันล้านไซแนปส์ และ 86 พื้นที่สมอง

    ประโยชน์ต่อการแพทย์
    ศึกษาโรคอัลไซเมอร์และอาการชัก
    วิเคราะห์การทำงานของคลื่นสมอง

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    ยังเป็นเพียงสมองหนู ไม่ใช่มนุษย์
    ต้องใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์มหาศาลในการจำลอง

    https://www.sciencealert.com/supercomputer-creates-one-of-the-most-realistic-virtual-brains-ever-seen
    🖥️ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์สร้างสมองเสมือนจริงที่สมบูรณ์ที่สุด ทีมนักวิจัยจาก Allen Institute (สหรัฐฯ) และ University of Electro-Communications (ญี่ปุ่น) ได้ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku สร้างแบบจำลองสมองหนูที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยจำลองทั้ง cortex ของสมองหนู ซึ่งมีความซับซ้อนใกล้เคียงกับสมองมนุษย์ 🔬 รายละเอียดของสมองเสมือน แบบจำลองนี้มี 9 ล้านเซลล์ประสาท และ 26 พันล้านไซแนปส์ ที่เชื่อมต่อกันใน 86 พื้นที่สมอง สามารถประมวลผลได้ระดับ quadrillions ของการคำนวณต่อวินาที ทำให้นักวิจัยสามารถติดตามการทำงานของเซลล์ประสาทแต่ละตัวได้แบบเรียลไทม์ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในงานวิจัยด้านประสาทวิทยาศาสตร์ 🧠 ประโยชน์ต่อการศึกษาโรคสมอง สมองเสมือนนี้ช่วยให้นักวิจัยสามารถจำลองการแพร่กระจายของโรค เช่น อัลไซเมอร์ หรือการเกิด อาการชัก โดยไม่ต้องพึ่งการทดลองที่รุกรานในสมองจริง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ศึกษาการทำงานของคลื่นสมองที่เกี่ยวข้องกับการโฟกัสและการรับรู้ 🌍 เป้าหมายในอนาคต ทีมวิจัยตั้งเป้าว่าจะต่อยอดไปสู่การสร้าง สมองมนุษย์เสมือนจริงเต็มรูปแบบ ในอนาคต โดยใช้ข้อมูลชีววิทยาที่ละเอียดมากขึ้น หากสำเร็จจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำความเข้าใจสมองมนุษย์และการรักษาโรคทางระบบประสาทที่ซับซ้อน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การสร้างสมองเสมือนจริง ➡️ ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku ➡️ จำลอง cortex ของสมองหนูทั้งระบบ ✅ รายละเอียดเชิงเทคนิค ➡️ 9 ล้านเซลล์ประสาท ➡️ 26 พันล้านไซแนปส์ และ 86 พื้นที่สมอง ✅ ประโยชน์ต่อการแพทย์ ➡️ ศึกษาโรคอัลไซเมอร์และอาการชัก ➡️ วิเคราะห์การทำงานของคลื่นสมอง ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ ยังเป็นเพียงสมองหนู ไม่ใช่มนุษย์ ⛔ ต้องใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์มหาศาลในการจำลอง https://www.sciencealert.com/supercomputer-creates-one-of-the-most-realistic-virtual-brains-ever-seen
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Supercomputer Creates One of The Most Realistic Virtual Brains Ever Seen
    Getting a better understanding of how the brain works is tricky, as living brains aren't easily prodded and analyzed.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตซับซ้อนอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิดถึงพันล้านปี

    งานวิจัยใหม่ที่ตีพิมพ์ใน Nature ชี้ว่า ชีวิตเซลล์ซับซ้อน (Eukaryotes) อาจเริ่มต้นขึ้นบนโลกเมื่อราว 2.9–3 พันล้านปีก่อน ซึ่งเร็วกว่าที่เคยเชื่อกันถึงพันล้านปี การค้นพบนี้เปลี่ยนมุมมองต่อวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต และบอกเล่าเรื่องราวที่ซับซ้อนกว่าการก้าวกระโดดครั้งเดียว

    หลักฐานจากนาฬิกาโมเลกุล
    ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Bristol และ Bath ใช้เทคนิค molecular clock analysis โดยเปรียบเทียบข้อมูลพันธุกรรมจากสิ่งมีชีวิตหลายร้อยชนิดกับหลักฐานฟอสซิล ผลลัพธ์เผยให้เห็นสัญญาณทางพันธุกรรมของโครงสร้างเซลล์ซับซ้อน เช่น โปรตีน actin และ tubulin ที่เริ่มปรากฏตั้งแต่ 2.9–3 พันล้านปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่โลกยังมีออกซิเจนต่ำมาก

    บทบาทของไมโตคอนเดรียและออกซิเจน
    สิ่งที่น่าสนใจคือ ไมโตคอนเดรีย ซึ่งเป็น “โรงงานพลังงาน” ของเซลล์ ปรากฏขึ้นภายหลังราว 2.2 พันล้านปีก่อน ตรงกับช่วงที่ระดับออกซิเจนในโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (Great Oxidation Event) แสดงให้เห็นว่าแม้ชีวิตซับซ้อนจะเริ่มต้นก่อน แต่สิ่งแวดล้อมก็มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้มันเติบโตและแพร่หลาย

    ความหมายต่อการศึกษาวิวัฒนาการ
    การค้นพบนี้บ่งชี้ว่า วิวัฒนาการของชีวิตซับซ้อนเป็นกระบวนการยาวนานและค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงฉับพลัน การเข้าใจลำดับเวลาที่แท้จริงช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถเชื่อมโยงการเปลี่ยนแปลงทางชีววิทยากับสภาพแวดล้อมของโลกได้ดียิ่งขึ้น และอาจช่วยอธิบายว่าทำไมชีวิตซับซ้อนถึงเกิดขึ้นบนโลก แต่ยังไม่พบในดาวเคราะห์อื่น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบใหม่เกี่ยวกับชีวิตซับซ้อน
    เริ่มต้นราว 2.9–3 พันล้านปีก่อน
    เร็วกว่าที่เคยเชื่อถึงพันล้านปี

    หลักฐานจากนาฬิกาโมเลกุล
    พบสัญญาณโปรตีน actin และ tubulin
    ใช้ข้อมูลพันธุกรรมและฟอสซิลร่วมกัน

    บทบาทของไมโตคอนเดรียและออกซิเจน
    ปรากฏราว 2.2 พันล้านปีก่อน
    สอดคล้องกับ Great Oxidation Event

    ข้อควรระวังในการตีความ
    ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันลำดับเวลา
    ความเข้าใจปัจจุบันอาจเปลี่ยนไปเมื่อมีหลักฐานใหม่

    https://www.sciencealert.com/complex-life-may-be-a-billion-years-older-than-we-thought
    🌌 ชีวิตซับซ้อนอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิดถึงพันล้านปี งานวิจัยใหม่ที่ตีพิมพ์ใน Nature ชี้ว่า ชีวิตเซลล์ซับซ้อน (Eukaryotes) อาจเริ่มต้นขึ้นบนโลกเมื่อราว 2.9–3 พันล้านปีก่อน ซึ่งเร็วกว่าที่เคยเชื่อกันถึงพันล้านปี การค้นพบนี้เปลี่ยนมุมมองต่อวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต และบอกเล่าเรื่องราวที่ซับซ้อนกว่าการก้าวกระโดดครั้งเดียว 🧬 หลักฐานจากนาฬิกาโมเลกุล ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Bristol และ Bath ใช้เทคนิค molecular clock analysis โดยเปรียบเทียบข้อมูลพันธุกรรมจากสิ่งมีชีวิตหลายร้อยชนิดกับหลักฐานฟอสซิล ผลลัพธ์เผยให้เห็นสัญญาณทางพันธุกรรมของโครงสร้างเซลล์ซับซ้อน เช่น โปรตีน actin และ tubulin ที่เริ่มปรากฏตั้งแต่ 2.9–3 พันล้านปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่โลกยังมีออกซิเจนต่ำมาก 🔋 บทบาทของไมโตคอนเดรียและออกซิเจน สิ่งที่น่าสนใจคือ ไมโตคอนเดรีย ซึ่งเป็น “โรงงานพลังงาน” ของเซลล์ ปรากฏขึ้นภายหลังราว 2.2 พันล้านปีก่อน ตรงกับช่วงที่ระดับออกซิเจนในโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (Great Oxidation Event) แสดงให้เห็นว่าแม้ชีวิตซับซ้อนจะเริ่มต้นก่อน แต่สิ่งแวดล้อมก็มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้มันเติบโตและแพร่หลาย 🌍 ความหมายต่อการศึกษาวิวัฒนาการ การค้นพบนี้บ่งชี้ว่า วิวัฒนาการของชีวิตซับซ้อนเป็นกระบวนการยาวนานและค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงฉับพลัน การเข้าใจลำดับเวลาที่แท้จริงช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถเชื่อมโยงการเปลี่ยนแปลงทางชีววิทยากับสภาพแวดล้อมของโลกได้ดียิ่งขึ้น และอาจช่วยอธิบายว่าทำไมชีวิตซับซ้อนถึงเกิดขึ้นบนโลก แต่ยังไม่พบในดาวเคราะห์อื่น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบใหม่เกี่ยวกับชีวิตซับซ้อน ➡️ เริ่มต้นราว 2.9–3 พันล้านปีก่อน ➡️ เร็วกว่าที่เคยเชื่อถึงพันล้านปี ✅ หลักฐานจากนาฬิกาโมเลกุล ➡️ พบสัญญาณโปรตีน actin และ tubulin ➡️ ใช้ข้อมูลพันธุกรรมและฟอสซิลร่วมกัน ✅ บทบาทของไมโตคอนเดรียและออกซิเจน ➡️ ปรากฏราว 2.2 พันล้านปีก่อน ➡️ สอดคล้องกับ Great Oxidation Event ‼️ ข้อควรระวังในการตีความ ⛔ ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันลำดับเวลา ⛔ ความเข้าใจปัจจุบันอาจเปลี่ยนไปเมื่อมีหลักฐานใหม่ https://www.sciencealert.com/complex-life-may-be-a-billion-years-older-than-we-thought
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Complex Life May Be a Billion Years Older Than We Thought
    The origins of complex, nucleated cellular life – everything from amoebas to humans – may date back a lot further in Earth's history than we thought.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • MSI ปล่อย AGESA BIOS 1.2.8.0

    MSI ได้เปิดตัว BIOS รุ่นใหม่ที่ใช้ AGESA 1.2.8.0 บนเมนบอร์ดซีรีส์ X870E และ B850 โดยมีการระบุว่า ปรับปรุงความเข้ากันได้ของหน่วยความจำ (Memory Compatibility) แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่คาด ผู้ใช้บางรายรายงานว่าเครื่องไม่สามารถเข้าสู่ BIOS ได้เลยหลังจากอัปเดต ซึ่งถือเป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานต่อเนื่อง

    ปัญหาที่เกิดขึ้นหลังอัปเดต
    รายงานจากชุมชนผู้ใช้ เช่น Chiphell ระบุว่า หลังติดตั้ง BIOS รุ่นใหม่บน X870E Carbon WiFi เครื่องไม่สามารถบูตเข้าสู่ระบบได้ และเกิดการแครชซ้ำ ๆ ซึ่งบ่งชี้ถึงปัญหาด้านเสถียรภาพของเวอร์ชันนี้ ขณะเดียวกัน ASUS ก็มีการถอด BIOS รุ่น 1804 ที่ใช้ AGESA 1.2.7.0 ออก และแทนที่ด้วยรุ่นใหม่ 1805 เนื่องจากพบปัญหาคล้ายกัน

    สถานการณ์ในผู้ผลิตรายอื่น
    ASRock เลือกที่จะข้ามเวอร์ชัน 1.2.7.0 และกระโดดไปใช้ 1.2.8.0 โดยตรง แต่ยังอยู่ในสถานะ Beta ซึ่งสะท้อนว่า เวอร์ชัน 1.2.7.0 และ 1.2.8.0 อาจมีปัญหาพื้นฐาน ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์ ทำให้ผู้ใช้เมนบอร์ดซีรีส์ 800 ของ AMD ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

    คำแนะนำสำหรับผู้ใช้
    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ไม่ควรรีบอัปเดต BIOS เวอร์ชันใหม่ทันที ควรรอให้ผู้ผลิตแก้ไขและปล่อยเวอร์ชันที่เสถียรกว่านี้ เนื่องจากการอัปเดต BIOS ที่มีปัญหาอาจทำให้เครื่องไม่สามารถใช้งานได้เลย และต้องเสียเวลาในการย้อนกลับไปใช้เวอร์ชันก่อนหน้า

    สรุปสาระสำคัญ
    MSI ปล่อย AGESA BIOS 1.2.8.0
    รองรับเมนบอร์ด X870E และ B850
    ระบุว่าเพิ่มความเข้ากันได้ของหน่วยความจำ

    รายงานปัญหาจากผู้ใช้
    ไม่สามารถเข้าสู่ BIOS หรือระบบปฏิบัติการได้
    เครื่องเกิดการแครชซ้ำ ๆ หลังอัปเดต

    สถานการณ์ผู้ผลิตรายอื่น
    ASUS ถอด BIOS รุ่น 1804 และแทนด้วย 1805
    ASRock ข้ามเวอร์ชัน 1.2.7.0 ไปใช้ 1.2.8.0 แบบ Beta

    คำเตือนต่อผู้ใช้เมนบอร์ด AMD ซีรีส์ 800
    ไม่ควรรีบอัปเดต BIOS เวอร์ชันใหม่ทันที
    เสี่ยงต่อการใช้งานไม่ได้และต้องย้อนกลับเวอร์ชัน

    https://wccftech.com/msi-rolls-out-agesa-bios-1-2-8-0-but-may-block-system-to-enter-even-bios-screen/
    🖥️ MSI ปล่อย AGESA BIOS 1.2.8.0 MSI ได้เปิดตัว BIOS รุ่นใหม่ที่ใช้ AGESA 1.2.8.0 บนเมนบอร์ดซีรีส์ X870E และ B850 โดยมีการระบุว่า ปรับปรุงความเข้ากันได้ของหน่วยความจำ (Memory Compatibility) แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่คาด ผู้ใช้บางรายรายงานว่าเครื่องไม่สามารถเข้าสู่ BIOS ได้เลยหลังจากอัปเดต ซึ่งถือเป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานต่อเนื่อง ⚠️ ปัญหาที่เกิดขึ้นหลังอัปเดต รายงานจากชุมชนผู้ใช้ เช่น Chiphell ระบุว่า หลังติดตั้ง BIOS รุ่นใหม่บน X870E Carbon WiFi เครื่องไม่สามารถบูตเข้าสู่ระบบได้ และเกิดการแครชซ้ำ ๆ ซึ่งบ่งชี้ถึงปัญหาด้านเสถียรภาพของเวอร์ชันนี้ ขณะเดียวกัน ASUS ก็มีการถอด BIOS รุ่น 1804 ที่ใช้ AGESA 1.2.7.0 ออก และแทนที่ด้วยรุ่นใหม่ 1805 เนื่องจากพบปัญหาคล้ายกัน 🔄 สถานการณ์ในผู้ผลิตรายอื่น ASRock เลือกที่จะข้ามเวอร์ชัน 1.2.7.0 และกระโดดไปใช้ 1.2.8.0 โดยตรง แต่ยังอยู่ในสถานะ Beta ซึ่งสะท้อนว่า เวอร์ชัน 1.2.7.0 และ 1.2.8.0 อาจมีปัญหาพื้นฐาน ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์ ทำให้ผู้ใช้เมนบอร์ดซีรีส์ 800 ของ AMD ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ 🔮 คำแนะนำสำหรับผู้ใช้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ไม่ควรรีบอัปเดต BIOS เวอร์ชันใหม่ทันที ควรรอให้ผู้ผลิตแก้ไขและปล่อยเวอร์ชันที่เสถียรกว่านี้ เนื่องจากการอัปเดต BIOS ที่มีปัญหาอาจทำให้เครื่องไม่สามารถใช้งานได้เลย และต้องเสียเวลาในการย้อนกลับไปใช้เวอร์ชันก่อนหน้า 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ MSI ปล่อย AGESA BIOS 1.2.8.0 ➡️ รองรับเมนบอร์ด X870E และ B850 ➡️ ระบุว่าเพิ่มความเข้ากันได้ของหน่วยความจำ ✅ รายงานปัญหาจากผู้ใช้ ➡️ ไม่สามารถเข้าสู่ BIOS หรือระบบปฏิบัติการได้ ➡️ เครื่องเกิดการแครชซ้ำ ๆ หลังอัปเดต ✅ สถานการณ์ผู้ผลิตรายอื่น ➡️ ASUS ถอด BIOS รุ่น 1804 และแทนด้วย 1805 ➡️ ASRock ข้ามเวอร์ชัน 1.2.7.0 ไปใช้ 1.2.8.0 แบบ Beta ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้เมนบอร์ด AMD ซีรีส์ 800 ⛔ ไม่ควรรีบอัปเดต BIOS เวอร์ชันใหม่ทันที ⛔ เสี่ยงต่อการใช้งานไม่ได้และต้องย้อนกลับเวอร์ชัน https://wccftech.com/msi-rolls-out-agesa-bios-1-2-8-0-but-may-block-system-to-enter-even-bios-screen/
    WCCFTECH.COM
    MSI Rolls Out AGESA BIOS 1.2.8.0 Update That Reportedly Prevents System From Entering BIOS Screen
    MSI has rolled out a new AGESA BIOS version 1.2.8.0 for X870E, which offers improved memory compatibility, but users are facing critical issues.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts