• เรื่องเล่าจากโครงการพันล้าน: เมื่อ Stargate กลายเป็นสนามขัดแย้งของยักษ์ใหญ่ AI

    Stargate ถูกประกาศโดยประธานาธิบดี Trump ในเดือนมกราคม 2025 โดยมีเป้าหมายลงทุน $500B เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับชาติ โดยมี OpenAI, SoftBank, Oracle และ MGX เป็นแกนหลัก

    แต่ 6 เดือนผ่านไป:
    - OpenAI และ SoftBank ซึ่งถือเป็นผู้สนับสนุนหลัก กลับมีความขัดแย้งหลายด้าน
    - SoftBank ถือครองเครื่องหมายการค้า Stargate แต่ OpenAI ใช้ชื่อนี้ในโครงการที่ไม่เกี่ยวกับ SoftBank เช่นศูนย์ข้อมูลใน Abilene และ Denton
    - OpenAI ไม่ต้องการสร้างศูนย์ข้อมูลบนพื้นที่ของ SB Energy ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ SoftBank

    แม้จะประกาศว่าจะลงทุน $100B “ทันที” แต่สุดท้ายกลับสร้างได้แค่ศูนย์ข้อมูลเล็ก ๆ ในรัฐโอไฮโอ

    ในทางกลับกัน OpenAI เดินหน้าลุยเอง:
    - เซ็นสัญญา 4.5GW กับ Oracle มูลค่า $30B ต่อปี
    - ลงทุนเพิ่ม $4B กับ CoreWeave จากดีลเดิม $11.9B
    - รวมแล้ว OpenAI ลงทุนด้านศูนย์ข้อมูลไปแล้วกว่า $100B ในปีนี้ — เท่ากับเป้าหมายของ Stargate แต่ไม่รวม SoftBank

    แม้ทั้งสองฝ่ายยังประกาศว่า “ยังร่วมมือกัน” แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีดีลใดที่เป็นของ Stargate โดยตรง

    Stargate เป็นโครงการ AI Infrastructure มูลค่า $500B ที่ประกาศโดย Trump
    มีเป้าหมายสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาด 10GW ทั่วสหรัฐฯ ภายใน 4 ปี

    OpenAI และ SoftBank เป็นผู้สนับสนุนหลักของโครงการ
    เคยประกาศว่าจะลงทุน $100B “ทันที” ตั้งแต่ต้นปี 2025

    ขณะนี้ยังไม่มีดีลศูนย์ข้อมูลใดที่สำเร็จภายใต้ชื่อ Stargate
    มีเพียงศูนย์ข้อมูลเล็กในโอไฮโอที่กำลังสร้าง

    OpenAI ใช้ชื่อ Stargate ในโครงการที่ไม่เกี่ยวกับ SoftBank เช่นในเท็กซัส
    แม้ SoftBank ถือเครื่องหมายการค้า Stargate

    OpenAI เซ็นดีล 4.5GW กับ Oracle มูลค่า $30B ต่อปี
    เทียบเท่าการลงทุน $100B สำหรับศูนย์ข้อมูลขนาด 5GW

    ลงทุนเพิ่ม $4B กับ CoreWeave รวมเป็น $15.9B สำหรับ GPU infrastructure
    ใช้สำหรับโมเดล AI ขนาดใหญ่ เช่น GPT และ Sora

    ทั้งสองฝ่ายยังประกาศว่าจะร่วมกันสร้างศูนย์ข้อมูล 10GW ในสหรัฐฯ
    แต่ยังไม่มีแผนหรือดีลที่ชัดเจนออกมา

    https://wccftech.com/the-half-a-trillion-dollar-stargate-ai-venture-is-now-falling-victim-to-the-disagreements-between-openai-and-softbank/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโครงการพันล้าน: เมื่อ Stargate กลายเป็นสนามขัดแย้งของยักษ์ใหญ่ AI Stargate ถูกประกาศโดยประธานาธิบดี Trump ในเดือนมกราคม 2025 โดยมีเป้าหมายลงทุน $500B เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับชาติ โดยมี OpenAI, SoftBank, Oracle และ MGX เป็นแกนหลัก แต่ 6 เดือนผ่านไป: - OpenAI และ SoftBank ซึ่งถือเป็นผู้สนับสนุนหลัก กลับมีความขัดแย้งหลายด้าน - SoftBank ถือครองเครื่องหมายการค้า Stargate แต่ OpenAI ใช้ชื่อนี้ในโครงการที่ไม่เกี่ยวกับ SoftBank เช่นศูนย์ข้อมูลใน Abilene และ Denton - OpenAI ไม่ต้องการสร้างศูนย์ข้อมูลบนพื้นที่ของ SB Energy ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ SoftBank แม้จะประกาศว่าจะลงทุน $100B “ทันที” แต่สุดท้ายกลับสร้างได้แค่ศูนย์ข้อมูลเล็ก ๆ ในรัฐโอไฮโอ ในทางกลับกัน OpenAI เดินหน้าลุยเอง: - เซ็นสัญญา 4.5GW กับ Oracle มูลค่า $30B ต่อปี - ลงทุนเพิ่ม $4B กับ CoreWeave จากดีลเดิม $11.9B - รวมแล้ว OpenAI ลงทุนด้านศูนย์ข้อมูลไปแล้วกว่า $100B ในปีนี้ — เท่ากับเป้าหมายของ Stargate แต่ไม่รวม SoftBank แม้ทั้งสองฝ่ายยังประกาศว่า “ยังร่วมมือกัน” แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีดีลใดที่เป็นของ Stargate โดยตรง ✅ Stargate เป็นโครงการ AI Infrastructure มูลค่า $500B ที่ประกาศโดย Trump ➡️ มีเป้าหมายสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาด 10GW ทั่วสหรัฐฯ ภายใน 4 ปี ✅ OpenAI และ SoftBank เป็นผู้สนับสนุนหลักของโครงการ ➡️ เคยประกาศว่าจะลงทุน $100B “ทันที” ตั้งแต่ต้นปี 2025 ✅ ขณะนี้ยังไม่มีดีลศูนย์ข้อมูลใดที่สำเร็จภายใต้ชื่อ Stargate ➡️ มีเพียงศูนย์ข้อมูลเล็กในโอไฮโอที่กำลังสร้าง ✅ OpenAI ใช้ชื่อ Stargate ในโครงการที่ไม่เกี่ยวกับ SoftBank เช่นในเท็กซัส ➡️ แม้ SoftBank ถือเครื่องหมายการค้า Stargate ✅ OpenAI เซ็นดีล 4.5GW กับ Oracle มูลค่า $30B ต่อปี ➡️ เทียบเท่าการลงทุน $100B สำหรับศูนย์ข้อมูลขนาด 5GW ✅ ลงทุนเพิ่ม $4B กับ CoreWeave รวมเป็น $15.9B สำหรับ GPU infrastructure ➡️ ใช้สำหรับโมเดล AI ขนาดใหญ่ เช่น GPT และ Sora ✅ ทั้งสองฝ่ายยังประกาศว่าจะร่วมกันสร้างศูนย์ข้อมูล 10GW ในสหรัฐฯ ➡️ แต่ยังไม่มีแผนหรือดีลที่ชัดเจนออกมา https://wccftech.com/the-half-a-trillion-dollar-stargate-ai-venture-is-now-falling-victim-to-the-disagreements-between-openai-and-softbank/
    WCCFTECH.COM
    The Half A Trillion Dollar Stargate AI Venture Is Now Falling Victim To The Disagreements Between OpenAI And SoftBank
    Stargate's $500B AI venture struggles as OpenAI and SoftBank clash, stalling progress on US infrastructure. OpenAI pushes ahead solo.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากสนามความมั่นคง: เมื่อการขอ “ช่องโหว่” กลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศ

    ต้นเรื่องเริ่มจากคำสั่งของ Home Office ในเดือนมกราคม 2025 ที่ให้ Apple สร้าง “backdoor” สำหรับเข้าถึงข้อมูลในระบบคลาวด์ที่แม้แต่ Apple เองก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ — โดยอ้างว่าเป็นความจำเป็นเพื่อการสืบสวนคดีร้ายแรง เช่นการก่อการร้ายและการล่วงละเมิดเด็ก

    คำสั่งนี้ออกภายใต้กฎหมาย Investigatory Powers Act ที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็น “snooper’s charter” เพราะอนุญาตให้รัฐบาลเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวได้โดยไม่ต้องแจ้งผู้ใช้

    Apple ตอบโต้โดยถอนบริการคลาวด์ที่ปลอดภัยที่สุดออกจาก UK และยื่นเรื่องฟ้องต่อศาล Investigatory Powers Tribunal พร้อมได้รับการสนับสนุนจาก WhatsApp ของ Meta ซึ่งร่วมฟ้องในเดือนมิถุนายน

    ฝ่ายสหรัฐฯ โดยรองประธานาธิบดี Vance และประธานาธิบดี Trump แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน โดยเปรียบเทียบคำสั่งของ UK ว่า “เหมือนกับสิ่งที่จีนทำ” และอาจเป็นการละเมิดข้อตกลงด้านข้อมูลระหว่างประเทศ

    ผลคือรัฐบาล UK โดยนายกรัฐมนตรี Keir Starmer กำลังหาทาง “ถอย” จากคำสั่งนี้ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ด้านเทคโนโลยีกับสหรัฐฯ โดยเฉพาะในเรื่อง AI และการแลกเปลี่ยนข้อมูล

    Home Office ของ UK สั่งให้ Apple สร้าง backdoor เข้าถึงข้อมูลคลาวด์ที่เข้ารหัส
    อ้างว่าเพื่อการสืบสวนคดีร้ายแรง เช่นการก่อการร้ายและการล่วงละเมิดเด็ก

    Apple ปฏิเสธคำสั่งและถอนบริการคลาวด์ที่ปลอดภัยที่สุดออกจาก UK
    พร้อมยื่นเรื่องฟ้องต่อศาล Investigatory Powers Tribunal

    WhatsApp ของ Meta เข้าร่วมฟ้องร้องกับ Apple ในเดือนมิถุนายน
    เป็นความร่วมมือที่หาได้ยากระหว่างบริษัทเทคโนโลยีคู่แข่ง

    รองประธานาธิบดี JD Vance และประธานาธิบดี Trump แสดงความไม่พอใจต่อคำสั่งนี้
    มองว่าเป็นการละเมิดสิทธิและอาจกระทบข้อตกลงด้านข้อมูลระหว่างประเทศ

    รัฐบาล UK กำลังหาทางถอยจากคำสั่งเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ
    โดยเฉพาะในเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความร่วมมือด้าน AI

    กฎหมาย Investigatory Powers Act ไม่อนุญาตให้บริษัทพูดถึงคำสั่งกับลูกค้า
    เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีมหาดไทย

    https://arstechnica.com/tech-policy/2025/07/uk-backing-down-on-apple-encryption-backdoor-after-pressure-from-us/
    🎙️ เรื่องเล่าจากสนามความมั่นคง: เมื่อการขอ “ช่องโหว่” กลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศ ต้นเรื่องเริ่มจากคำสั่งของ Home Office ในเดือนมกราคม 2025 ที่ให้ Apple สร้าง “backdoor” สำหรับเข้าถึงข้อมูลในระบบคลาวด์ที่แม้แต่ Apple เองก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ — โดยอ้างว่าเป็นความจำเป็นเพื่อการสืบสวนคดีร้ายแรง เช่นการก่อการร้ายและการล่วงละเมิดเด็ก คำสั่งนี้ออกภายใต้กฎหมาย Investigatory Powers Act ที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็น “snooper’s charter” เพราะอนุญาตให้รัฐบาลเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวได้โดยไม่ต้องแจ้งผู้ใช้ Apple ตอบโต้โดยถอนบริการคลาวด์ที่ปลอดภัยที่สุดออกจาก UK และยื่นเรื่องฟ้องต่อศาล Investigatory Powers Tribunal พร้อมได้รับการสนับสนุนจาก WhatsApp ของ Meta ซึ่งร่วมฟ้องในเดือนมิถุนายน ฝ่ายสหรัฐฯ โดยรองประธานาธิบดี Vance และประธานาธิบดี Trump แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน โดยเปรียบเทียบคำสั่งของ UK ว่า “เหมือนกับสิ่งที่จีนทำ” และอาจเป็นการละเมิดข้อตกลงด้านข้อมูลระหว่างประเทศ ผลคือรัฐบาล UK โดยนายกรัฐมนตรี Keir Starmer กำลังหาทาง “ถอย” จากคำสั่งนี้ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ด้านเทคโนโลยีกับสหรัฐฯ โดยเฉพาะในเรื่อง AI และการแลกเปลี่ยนข้อมูล ✅ Home Office ของ UK สั่งให้ Apple สร้าง backdoor เข้าถึงข้อมูลคลาวด์ที่เข้ารหัส ➡️ อ้างว่าเพื่อการสืบสวนคดีร้ายแรง เช่นการก่อการร้ายและการล่วงละเมิดเด็ก ✅ Apple ปฏิเสธคำสั่งและถอนบริการคลาวด์ที่ปลอดภัยที่สุดออกจาก UK ➡️ พร้อมยื่นเรื่องฟ้องต่อศาล Investigatory Powers Tribunal ✅ WhatsApp ของ Meta เข้าร่วมฟ้องร้องกับ Apple ในเดือนมิถุนายน ➡️ เป็นความร่วมมือที่หาได้ยากระหว่างบริษัทเทคโนโลยีคู่แข่ง ✅ รองประธานาธิบดี JD Vance และประธานาธิบดี Trump แสดงความไม่พอใจต่อคำสั่งนี้ ➡️ มองว่าเป็นการละเมิดสิทธิและอาจกระทบข้อตกลงด้านข้อมูลระหว่างประเทศ ✅ รัฐบาล UK กำลังหาทางถอยจากคำสั่งเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ➡️ โดยเฉพาะในเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความร่วมมือด้าน AI ✅ กฎหมาย Investigatory Powers Act ไม่อนุญาตให้บริษัทพูดถึงคำสั่งกับลูกค้า ➡️ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีมหาดไทย https://arstechnica.com/tech-policy/2025/07/uk-backing-down-on-apple-encryption-backdoor-after-pressure-from-us/
    ARSTECHNICA.COM
    UK backing down on Apple encryption backdoor after pressure from US
    UK officials fear their insistence on backdoor endangers tech deals with US.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากสนามการเมือง: Altman จากนักวิจารณ์ Trump กลายเป็นพันธมิตรด้าน AI

    ก่อนหน้านี้ Altman เคยเป็นผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตอย่างชัดเจน และวิจารณ์ Trump อย่างเผ็ดร้อนว่าเป็น “ภัยต่อประเทศ” แต่ในปี 2024–2025 เขาเริ่ม “ห่างจากฝั่งซ้าย” ด้วยเหตุผลหลายด้าน เช่น:
    - ไม่เห็นด้วยกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยุคโควิด
    - ไม่พอใจกฎหมาย CHIPS และการควบคุมการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์
    - กังวลว่าสหรัฐอาจตามหลังจีนในด้าน AI

    เขาจึงประกาศเลิกเป็นเดโมแครตและเรียกตัวเองว่า “politically homeless” พร้อมเริ่มสร้างพันธมิตรกับฝ่ายขวาอย่างเงียบ ๆ โดยเฉพาะในเรื่องนโยบาย AI และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน — ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการแตกหักระหว่าง Musk และ Trump

    ในเดือนกรกฎาคม Altman ปรากฏตัวที่สนามกอล์ฟของ Trump พร้อมรับการแนะนำต่อกลุ่มผู้บริจาคของพรรครีพับลิกันว่าเป็น “ชายผู้ฉลาดมาก” และ “หวังว่าเขาจะพูดเรื่อง AI ถูกต้อง”

    เบื้องหลังคือ OpenAI กำลังผลักดันข้อเสนอใหญ่ ๆ เช่น:
    - การลงทุนรัฐบาลในโครงสร้างพื้นฐาน AI
    - การเปิดทางให้ใช้ไฟฟ้าจำนวนมหาศาลเพื่อรันโมเดล
    - การเร่งรัดการขออนุญาตสร้างศูนย์ข้อมูลระดับ gigawatt
    - การผลักดันโมเดลระดับ Sora, DALL-E, และ text-to-video ให้เป็น “ทรัพย์สินชาติ”

    ภายใน Oval Office Altman ประกาศ “Stargate Initiative” — ความร่วมมือมูลค่า $500B กับ Oracle และ SoftBank เพื่อสร้างโครงสร้างข้อมูล AI ทั่วโลก ซึ่งเป็นดีลที่ Musk เคยพยายามขัดขวางแต่ไม่สำเร็จ

    Sam Altman กลายเป็นที่ปรึกษา Trump ด้านนโยบาย AI หลังจาก Musk แยกตัว
    ปรากฏตัวที่สนามกอล์ฟของ Trump และประกาศความร่วมมือในระดับชาติ

    Altman ประกาศเลิกสนับสนุนพรรคเดโมแครต พร้อมบอกว่า “ไม่ฝักฝ่ายการเมือง”
    กล่าวว่าพรรคเดโมแครต “ขยับซ้ายจนเขาไม่มีที่ยืนทางการเมือง”

    OpenAI ผลักดันการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ผ่าน Stargate Initiative
    ความร่วมมือ $500B กับ SoftBank และ Oracle โดยมี Trump หนุนเต็มตัว

    Altman ขัดแย้งกับเดโมแครตเรื่อง CHIPS Act และข้อจำกัดการส่งออก
    มองว่านโยบายเหล่านั้นทำให้สหรัฐเสียเปรียบจีนในด้าน AI

    นโยบายของ Trump เริ่มสะท้อนคำพูดของ Altman เช่นเน้นการลดข้อจำกัดด้านไฟฟ้าและการสร้างศูนย์ข้อมูล
    เตรียมแปลงที่ดินของรัฐให้เหมาะกับการตั้งโครงสร้างพื้นฐาน AI

    Altman ยืนยันว่าเขายังเชื่อใน techno-capitalism แต่ควรมีระบบแบ่งปันผลประโยชน์
    แสดงว่าเป้าหมายไม่ใช่การสนับสนุนพรรคใด แต่เน้นผลลัพธ์และโอกาส

    https://www.techspot.com/news/108731-sam-altman-steps-political-power-vacuum-after-musk.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากสนามการเมือง: Altman จากนักวิจารณ์ Trump กลายเป็นพันธมิตรด้าน AI ก่อนหน้านี้ Altman เคยเป็นผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตอย่างชัดเจน และวิจารณ์ Trump อย่างเผ็ดร้อนว่าเป็น “ภัยต่อประเทศ” แต่ในปี 2024–2025 เขาเริ่ม “ห่างจากฝั่งซ้าย” ด้วยเหตุผลหลายด้าน เช่น: - ไม่เห็นด้วยกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยุคโควิด - ไม่พอใจกฎหมาย CHIPS และการควบคุมการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ - กังวลว่าสหรัฐอาจตามหลังจีนในด้าน AI เขาจึงประกาศเลิกเป็นเดโมแครตและเรียกตัวเองว่า “politically homeless” พร้อมเริ่มสร้างพันธมิตรกับฝ่ายขวาอย่างเงียบ ๆ โดยเฉพาะในเรื่องนโยบาย AI และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน — ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการแตกหักระหว่าง Musk และ Trump ในเดือนกรกฎาคม Altman ปรากฏตัวที่สนามกอล์ฟของ Trump พร้อมรับการแนะนำต่อกลุ่มผู้บริจาคของพรรครีพับลิกันว่าเป็น “ชายผู้ฉลาดมาก” และ “หวังว่าเขาจะพูดเรื่อง AI ถูกต้อง” เบื้องหลังคือ OpenAI กำลังผลักดันข้อเสนอใหญ่ ๆ เช่น: - การลงทุนรัฐบาลในโครงสร้างพื้นฐาน AI - การเปิดทางให้ใช้ไฟฟ้าจำนวนมหาศาลเพื่อรันโมเดล - การเร่งรัดการขออนุญาตสร้างศูนย์ข้อมูลระดับ gigawatt - การผลักดันโมเดลระดับ Sora, DALL-E, และ text-to-video ให้เป็น “ทรัพย์สินชาติ” ภายใน Oval Office Altman ประกาศ “Stargate Initiative” — ความร่วมมือมูลค่า $500B กับ Oracle และ SoftBank เพื่อสร้างโครงสร้างข้อมูล AI ทั่วโลก ซึ่งเป็นดีลที่ Musk เคยพยายามขัดขวางแต่ไม่สำเร็จ ✅ Sam Altman กลายเป็นที่ปรึกษา Trump ด้านนโยบาย AI หลังจาก Musk แยกตัว ➡️ ปรากฏตัวที่สนามกอล์ฟของ Trump และประกาศความร่วมมือในระดับชาติ ✅ Altman ประกาศเลิกสนับสนุนพรรคเดโมแครต พร้อมบอกว่า “ไม่ฝักฝ่ายการเมือง” ➡️ กล่าวว่าพรรคเดโมแครต “ขยับซ้ายจนเขาไม่มีที่ยืนทางการเมือง” ✅ OpenAI ผลักดันการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ผ่าน Stargate Initiative ➡️ ความร่วมมือ $500B กับ SoftBank และ Oracle โดยมี Trump หนุนเต็มตัว ✅ Altman ขัดแย้งกับเดโมแครตเรื่อง CHIPS Act และข้อจำกัดการส่งออก ➡️ มองว่านโยบายเหล่านั้นทำให้สหรัฐเสียเปรียบจีนในด้าน AI ✅ นโยบายของ Trump เริ่มสะท้อนคำพูดของ Altman เช่นเน้นการลดข้อจำกัดด้านไฟฟ้าและการสร้างศูนย์ข้อมูล ➡️ เตรียมแปลงที่ดินของรัฐให้เหมาะกับการตั้งโครงสร้างพื้นฐาน AI ✅ Altman ยืนยันว่าเขายังเชื่อใน techno-capitalism แต่ควรมีระบบแบ่งปันผลประโยชน์ ➡️ แสดงว่าเป้าหมายไม่ใช่การสนับสนุนพรรคใด แต่เน้นผลลัพธ์และโอกาส https://www.techspot.com/news/108731-sam-altman-steps-political-power-vacuum-after-musk.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Sam Altman steps into political power vacuum after Musk breaks with Trump
    Less than a month after Musk – formerly a fixture in Trump's inner circle – dramatically split with the president, Altman appeared at Trump's New Jersey golf...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกคนดัง: เมื่อ Keanu ต้องจ่ายเงินเพื่อปกป้อง “ตัวตนดิจิทัล” ของตัวเอง

    ในบทความจาก The Hollywood Reporter มีนักข่าวทดลองพูดคุยกับบัญชีปลอมชื่อ “Keanu_Reeves68667” ที่พยายามชวนให้ซื้อ “บัตรสมาชิกแฟนคลับ 600 ดอลลาร์” เพื่อแลกกับโอกาสเจอนักแสดงตัวจริง — ทั้งที่ Keanu อยู่บนพรมแดงกับ Alexandra Grant ในงานเปิดตัวหนัง Ballerina อยู่เลย

    ระบบปลอมเหล่านี้ใช้ภาพ Getty เดิมของเขา พร้อมแต่งให้ถือป้ายข้อความสนับสนุน Donald Trump หรือเรียกร้องสิทธิให้ชาวพื้นเมืองแคนาดา แสดงให้เห็นว่า “ไม่ใช่แค่ romance scam แต่รวมถึงการปลุกปั่นทางการเมืองด้วย”

    Keanu จึงว่าจ้างบริษัท Loti AI ซึ่งเชี่ยวชาญด้าน “likeness protection” มาคอยค้นหาและส่งคำสั่งลบบัญชีปลอมให้แพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยตลอดปีที่ผ่านมา Loti ออกคำสั่งลบกว่า 40,000 บัญชี บน TikTok, Meta และอื่น ๆ — แต่ถึงแม้จะลบภายใน 48 ชั่วโมง แฮกเกอร์ก็สามารถ “ทำลาย” ได้มากในเวลาสั้น ๆ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่โดนหลอกให้โอนเงิน

    เช่นในคดีของหญิงวัย 73 ที่ถูกปลอมเป็น Kevin Costner ล่อลวงให้โอน bitcoin ทุกสัปดาห์รวมกว่า $100,000 ด้วยข้อความหวานว่า “ผมรักคุณ...แล้วเจอกันเร็ว ๆ นี้”

    Loti AI ใช้ระบบ “likeness protection” ค้นหาภาพและข้อความปลอมที่ใช้คนดัง
    โดย Keanu ลงทุนหลายพันดอลลาร์ต่อเดือนเพื่อบริการนี้

    FBI รายงานว่าในปี 2024 คนอเมริกันสูญเงินรวมจาก romance scam กว่า $672 ล้าน
    โดยเป้าหมายหลักคือผู้สูงวัยที่เหงาและไม่มีคนดูแลใกล้ตัว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/19/keanu-reeves-pays-ai-firm-thousands-a-month-to-stop-online-imitators-report
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกคนดัง: เมื่อ Keanu ต้องจ่ายเงินเพื่อปกป้อง “ตัวตนดิจิทัล” ของตัวเอง ในบทความจาก The Hollywood Reporter มีนักข่าวทดลองพูดคุยกับบัญชีปลอมชื่อ “Keanu_Reeves68667” ที่พยายามชวนให้ซื้อ “บัตรสมาชิกแฟนคลับ 600 ดอลลาร์” เพื่อแลกกับโอกาสเจอนักแสดงตัวจริง — ทั้งที่ Keanu อยู่บนพรมแดงกับ Alexandra Grant ในงานเปิดตัวหนัง Ballerina อยู่เลย ระบบปลอมเหล่านี้ใช้ภาพ Getty เดิมของเขา พร้อมแต่งให้ถือป้ายข้อความสนับสนุน Donald Trump หรือเรียกร้องสิทธิให้ชาวพื้นเมืองแคนาดา แสดงให้เห็นว่า “ไม่ใช่แค่ romance scam แต่รวมถึงการปลุกปั่นทางการเมืองด้วย” Keanu จึงว่าจ้างบริษัท Loti AI ซึ่งเชี่ยวชาญด้าน “likeness protection” มาคอยค้นหาและส่งคำสั่งลบบัญชีปลอมให้แพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยตลอดปีที่ผ่านมา Loti ออกคำสั่งลบกว่า 40,000 บัญชี บน TikTok, Meta และอื่น ๆ — แต่ถึงแม้จะลบภายใน 48 ชั่วโมง แฮกเกอร์ก็สามารถ “ทำลาย” ได้มากในเวลาสั้น ๆ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่โดนหลอกให้โอนเงิน เช่นในคดีของหญิงวัย 73 ที่ถูกปลอมเป็น Kevin Costner ล่อลวงให้โอน bitcoin ทุกสัปดาห์รวมกว่า $100,000 ด้วยข้อความหวานว่า “ผมรักคุณ...แล้วเจอกันเร็ว ๆ นี้” ✅ Loti AI ใช้ระบบ “likeness protection” ค้นหาภาพและข้อความปลอมที่ใช้คนดัง ➡️ โดย Keanu ลงทุนหลายพันดอลลาร์ต่อเดือนเพื่อบริการนี้ ✅ FBI รายงานว่าในปี 2024 คนอเมริกันสูญเงินรวมจาก romance scam กว่า $672 ล้าน ➡️ โดยเป้าหมายหลักคือผู้สูงวัยที่เหงาและไม่มีคนดูแลใกล้ตัว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/19/keanu-reeves-pays-ai-firm-thousands-a-month-to-stop-online-imitators-report
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Keanu Reeves pays AI firm thousands a month to stop online imitators: report
    According to the latest data from the FBI, Americans reported US$672mil (RM2.bil) in losses to confidence and romance scams in 2024.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวดี⭐️⭐️
    HHS และกระทรวงการต่างประเทศ: สหรัฐอเมริกาปฏิเสธการแก้ไขกฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ

    วอชิงตัน—18 กรกฎาคม 2568—
    วันนี้ นายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์แห่งสหรัฐอเมริกา และ นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมว่าสหรัฐอเมริกาไม่ยอมรับการแก้ไขข้อบังคับด้านสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ปี 2567 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) อย่างเป็นทางการกฎหมายสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขนี้จะทำให้ WHO สามารถสั่งปิดประเทศทั่วโลก จำกัดการเดินทาง หรือมาตรการอื่นใดที่ WHO เห็นสมควร เพื่อรับมือกับ “ความเสี่ยงด้านสาธารณสุขที่อาจเกิดขึ้น” ที่คลุมเครือ กฎระเบียบเหล่านี้จะมีผลผูกพันหากไม่ได้รับการปฏิเสธภายในวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 โดยไม่คำนึงถึงการถอนตัวของสหรัฐอเมริกาจาก WHO-
    “การแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศที่เสนอขึ้นนี้เปิดโอกาสให้เกิดการจัดการเรื่องเล่า การโฆษณาชวนเชื่อ และการเซ็นเซอร์แบบที่เราพบเห็นในช่วงการระบาดของโควิด-19” รัฐมนตรีเคนเนดีกล่าว

    “สหรัฐอเมริกาสามารถร่วมมือกับประเทศอื่นๆ โดยไม่กระทบต่อเสรีภาพพลเมืองของเรา โดยไม่บ่อนทำลายรัฐธรรมนูญของเรา และโดยไม่สูญเสียอำนาจอธิปไตยอันล้ำค่าของอเมริกาไป”
    รัฐมนตรีเคนเนดียังเผยแพร่วิดีโอ ด้วยอธิบายการกระทำดังกล่าวให้ชาวอเมริกันทราบ“
    คำศัพท์ที่ใช้ตลอดทั้งฉบับแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2567 นั้นคลุมเครือและกว้างเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการตอบสนองระหว่างประเทศที่ประสานงานโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ประเด็นทางการเมือง เช่น ความสามัคคี มากกว่าการดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ” รัฐมนตรีรูบิโอกล่าว

    “หน่วยงานของเราได้ดำเนินการอย่างชัดเจนมาโดยตลอดและจะยังคงดำเนินการต่อไป นั่นคือ เราจะให้ความสำคัญกับชาวอเมริกันเป็นอันดับแรกในทุกการกระทำของเรา และเราจะไม่ยอมให้มีนโยบายระหว่างประเทศที่ละเมิดสิทธิในการพูด ความเป็นส่วนตัว หรือเสรีภาพส่วนบุคคลของชาวอเมริกัน”เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2567 สมัชชาอนามัยโลก (WHA) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของ WHO ได้นำข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขมาใช้โดยผ่านกระบวนการเร่งรีบ ขาดการอภิปรายและการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะอย่างเพียงพอคำชื่นชมต่อการกระทำในวันนี้จากสมาชิกรัฐสภา:การระบาดใหญ่ของโควิด-19 เผยให้เห็นว่าความไร้ประสิทธิภาพและการคอร์รัปชันขององค์การอนามัยโลก
    เรียกร้องให้มีการปฏิรูปอย่างครอบคลุม แทนที่จะจัดการกับนโยบายสาธารณสุขที่ย่ำแย่ในช่วงโควิด องค์การอนามัยโลกกลับต้องการให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎระเบียบสุขภาพระหว่างประเทศและสนธิสัญญาโรคระบาดเพื่อประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในประเทศสมาชิก ซึ่งอาจรวมถึงการตอบสนองที่เข้มงวดแต่ล้มเหลว เช่น การปิดธุรกิจและโรงเรียน และคำสั่งให้ฉีดวัคซีน ตั้งแต่ปี 2565 ผมได้นำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการไม่เตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาดขององค์การอนามัยโลกโดยปราศจากการอนุมัติจากวุฒิสภาซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่างไปเมื่อปีที่แล้ว สหรัฐอเมริกาจะไม่อนุญาตให้องค์การอนามัยโลกใช้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเพื่อทำลายล้างประเทศชาติ ผมสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจของรัฐบาลทรัมป์ที่จะปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมของกฎหมายอนามัยระหว่างประเทศ (IHR)”
    วุฒิสมาชิกรอน จอห์นสันกล่าว

    “นโยบายสาธารณสุขของอเมริกาเป็นของชาวอเมริกัน และไม่ควรถูกกำหนดโดยนักโลกาภิวัตน์ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งในองค์การอนามัยโลกหรือสหประชาชาติ WHO ได้แสดงให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่า WHO ไม่สามารถไว้วางใจได้ และผมรู้สึกขอบคุณที่รัฐบาลทรัมป์ยังคงยืนหยัดอย่างเข้มแข็งเพื่อปกป้องอธิปไตยของอเมริกา” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทอม ทิฟฟานี กล่าว

    “สหรัฐอเมริกาต้องไม่สละอำนาจอธิปไตยของเราให้แก่องค์กรหรือหน่วยงานระหว่างประเทศใดๆ ทั้งสิ้น ผมขอชื่นชมรัฐมนตรีเคนเนดีและรัฐมนตรีรูบิโอที่ปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ไม่รอบคอบ ผมสนับสนุนให้สหรัฐฯ ถอนตัวจาก WHO และตัดงบประมาณองค์กรที่กระหายอำนาจของตนมานานแล้ว กฎหมายของผม HR 401 ซึ่งนำเสนอครั้งแรกในรัฐสภาชุดที่ 117 ถือเป็นการกระทำเช่นนั้น ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมพันธกิจของอเมริกาต้องมาก่อนและเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพ WHO ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ได้สูญเสียความน่าเชื่อถือที่อาจเกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 และเราต้องมั่นใจว่าจะไม่มีรัฐบาลชุดใดในอนาคตที่จะมอบความชอบธรรมหรืออำนาจใดๆ ให้แก่พวกเขาเหนือสุขภาพของชาวอเมริกัน” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชิป รอยกล่าว

    “รัฐมนตรีเคนเนดีและประธานาธิบดีทรัมป์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการให้ความสำคัญกับอเมริกาเป็นอันดับแรก WHO เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ปราศจากความรับผิดชอบ ซึ่งมอบสิทธิเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพของประชาชนให้กับข้าราชการที่ทุจริต ผมรู้สึกขอบคุณรัฐมนตรีเคนเนดีที่ยืนหยัดอย่างมั่นคงต่อข้อตกลงโรคระบาดของ WHO ซึ่งจะปกป้องเสรีภาพด้านสุขภาพและความเป็นส่วนตัวของชาวอเมริกัน เรามาทำให้อเมริกายิ่งใหญ่และมีสุขภาพดีอีกครั้งกันเถอะ” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแอนดี บิ๊กส์ กล่าว

    การประกาศในวันนี้ถือเป็นการดำเนินการล่าสุดของรัฐมนตรีเคนเนดีและ HHS ในการให้ WHOรับผิดชอบ

    HHS & State Department: The United States Rejects Amendments to International Health Regulations

    WASHINGTON—JULY 18, 2025—U.S. Health and Human Services Secretary Robert F. Kennedy, Jr. and Secretary of State Marco Rubio today issued a Joint Statement of formal rejection by the United States of the 2024 International Heath Regulations (IHR) Amendments by the World Health Organization (WHO).The amended IHR would give the WHO the ability to order global lockdowns, travel restrictions, or any other measures it sees fit to respond to nebulous “potential public health risks.” These regulations are set to become binding if not rejected by July 19, 2025, regardless of the United States’ withdrawal from the WHO.“The proposed amendments to the International Health Regulations open the door to the kind of narrative management, propaganda, and censorship that we saw during the COVID pandemic,” Secretary Kennedy said. “The United States can cooperate with other nations without jeopardizing our civil liberties, without undermining our Constitution, and without ceding away America’s treasured sovereignty.”Secretary Kennedy also released a video explaining the action to the American people.“Terminology throughout the amendments to the 2024 International Health Regulations is vague and broad, risking WHO-coordinated international responses that focus on political issues like solidarity, rather than rapid and effective actions,” Secretary Rubio said. “Our Agencies have been and will continue to be clear: we will put Americans first in all our actions and we will not tolerate international policies that infringe on Americans’ speech, privacy, or personal liberties.”On June 1, 2024, the World Health Assembly (WHA), the highest decision-making body of the WHO, adopted a revised version of the International Health Regulations through a rushed process lacking sufficient debate and public input.Praise for today’s action from members of Congress:“The COVID-19 pandemic exposed how the incompetency and corruption at the WHO demands comprehensive reforms. Instead of addressing its disastrous public health policies during COVID, the WHO wants International Health Regulation amendments and a pandemic treaty to declare public health emergencies in member states, which could include failed draconian responses like business and school closures and vaccine mandates. Since 2022, I have led the No WHO Pandemic Preparedness Treaty Without Senate Approval Act, which the House passed last year. The United States will not allow the WHO to use public health emergencies to devastate our nation. I fully support the Trump administration’s decision to reject the IHR amendments,” said Senator Ron Johnson.“America’s public health policy belongs to the American people and should never be dictated by unelected globalists at the WHO or the UN. Time and time again, the WHO has demonstrated it cannot be trusted, and I am grateful that the Trump administration is standing strong to protect American sovereignty,” said Congressman Tom Tiffany.“The United States must never cede our sovereignty to any international entity or organization. I applaud Secretary Kennedy and Secretary Rubio for rejecting the World Health Organization’s (WHO) ill-advised International Health Regulations (IHR) amendments. I have long supported the U.S. withdrawing from the WHO and defunding their power-hungry organization. My legislation, H.R. 401, first introduced in the 117th Congress, does just that while advancing the mission statements of America First and Healthcare Freedom. The WHO, a widely discredited international organization, lost any potential credibility during the COVID-19 pandemic, and we must ensure no future administration grants them any legitimacy or further power over the health of Americans," said Congressman Chip Roy.“Secretary Kennedy and President Trump have proven their commitment to putting America First. WHO is an unaccountable international organization that hands individuals’ healthcare freedoms to corrupt bureaucrats. I’m thankful for Secretary Kennedy’s firm stance against WHO’s Pandemic Agreement that will protect Americans’ health freedom and privacy. Let’s Make America Great and Healthy Again,” said Congressman Andy Biggs.Today’s announcement is the latest action by Secretary Kennedy and HHS to hold the WHO accountable.
    https://www.hhs.gov/press-room/state-department-hhs-rejects-amendments-to-international-health-regulations.html
    July 18, 2025
    ☘️🌿 ข่าวดี⭐️⭐️ HHS และกระทรวงการต่างประเทศ: สหรัฐอเมริกาปฏิเสธการแก้ไขกฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ วอชิงตัน—18 กรกฎาคม 2568— วันนี้ นายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์แห่งสหรัฐอเมริกา และ นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมว่าสหรัฐอเมริกาไม่ยอมรับการแก้ไขข้อบังคับด้านสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ปี 2567 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) อย่างเป็นทางการกฎหมายสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขนี้จะทำให้ WHO สามารถสั่งปิดประเทศทั่วโลก จำกัดการเดินทาง หรือมาตรการอื่นใดที่ WHO เห็นสมควร เพื่อรับมือกับ “ความเสี่ยงด้านสาธารณสุขที่อาจเกิดขึ้น” ที่คลุมเครือ กฎระเบียบเหล่านี้จะมีผลผูกพันหากไม่ได้รับการปฏิเสธภายในวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 โดยไม่คำนึงถึงการถอนตัวของสหรัฐอเมริกาจาก WHO- “การแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศที่เสนอขึ้นนี้เปิดโอกาสให้เกิดการจัดการเรื่องเล่า การโฆษณาชวนเชื่อ และการเซ็นเซอร์แบบที่เราพบเห็นในช่วงการระบาดของโควิด-19” รัฐมนตรีเคนเนดีกล่าว “สหรัฐอเมริกาสามารถร่วมมือกับประเทศอื่นๆ โดยไม่กระทบต่อเสรีภาพพลเมืองของเรา โดยไม่บ่อนทำลายรัฐธรรมนูญของเรา และโดยไม่สูญเสียอำนาจอธิปไตยอันล้ำค่าของอเมริกาไป” รัฐมนตรีเคนเนดียังเผยแพร่วิดีโอ ด้วยอธิบายการกระทำดังกล่าวให้ชาวอเมริกันทราบ“ คำศัพท์ที่ใช้ตลอดทั้งฉบับแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2567 นั้นคลุมเครือและกว้างเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการตอบสนองระหว่างประเทศที่ประสานงานโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ประเด็นทางการเมือง เช่น ความสามัคคี มากกว่าการดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ” รัฐมนตรีรูบิโอกล่าว “หน่วยงานของเราได้ดำเนินการอย่างชัดเจนมาโดยตลอดและจะยังคงดำเนินการต่อไป นั่นคือ เราจะให้ความสำคัญกับชาวอเมริกันเป็นอันดับแรกในทุกการกระทำของเรา และเราจะไม่ยอมให้มีนโยบายระหว่างประเทศที่ละเมิดสิทธิในการพูด ความเป็นส่วนตัว หรือเสรีภาพส่วนบุคคลของชาวอเมริกัน”เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2567 สมัชชาอนามัยโลก (WHA) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของ WHO ได้นำข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขมาใช้โดยผ่านกระบวนการเร่งรีบ ขาดการอภิปรายและการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะอย่างเพียงพอคำชื่นชมต่อการกระทำในวันนี้จากสมาชิกรัฐสภา:การระบาดใหญ่ของโควิด-19 เผยให้เห็นว่าความไร้ประสิทธิภาพและการคอร์รัปชันขององค์การอนามัยโลก เรียกร้องให้มีการปฏิรูปอย่างครอบคลุม แทนที่จะจัดการกับนโยบายสาธารณสุขที่ย่ำแย่ในช่วงโควิด องค์การอนามัยโลกกลับต้องการให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎระเบียบสุขภาพระหว่างประเทศและสนธิสัญญาโรคระบาดเพื่อประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในประเทศสมาชิก ซึ่งอาจรวมถึงการตอบสนองที่เข้มงวดแต่ล้มเหลว เช่น การปิดธุรกิจและโรงเรียน และคำสั่งให้ฉีดวัคซีน ตั้งแต่ปี 2565 ผมได้นำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการไม่เตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาดขององค์การอนามัยโลกโดยปราศจากการอนุมัติจากวุฒิสภาซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่างไปเมื่อปีที่แล้ว สหรัฐอเมริกาจะไม่อนุญาตให้องค์การอนามัยโลกใช้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเพื่อทำลายล้างประเทศชาติ ผมสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจของรัฐบาลทรัมป์ที่จะปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมของกฎหมายอนามัยระหว่างประเทศ (IHR)” วุฒิสมาชิกรอน จอห์นสันกล่าว “นโยบายสาธารณสุขของอเมริกาเป็นของชาวอเมริกัน และไม่ควรถูกกำหนดโดยนักโลกาภิวัตน์ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งในองค์การอนามัยโลกหรือสหประชาชาติ WHO ได้แสดงให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่า WHO ไม่สามารถไว้วางใจได้ และผมรู้สึกขอบคุณที่รัฐบาลทรัมป์ยังคงยืนหยัดอย่างเข้มแข็งเพื่อปกป้องอธิปไตยของอเมริกา” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทอม ทิฟฟานี กล่าว “สหรัฐอเมริกาต้องไม่สละอำนาจอธิปไตยของเราให้แก่องค์กรหรือหน่วยงานระหว่างประเทศใดๆ ทั้งสิ้น ผมขอชื่นชมรัฐมนตรีเคนเนดีและรัฐมนตรีรูบิโอที่ปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ไม่รอบคอบ ผมสนับสนุนให้สหรัฐฯ ถอนตัวจาก WHO และตัดงบประมาณองค์กรที่กระหายอำนาจของตนมานานแล้ว กฎหมายของผม HR 401 ซึ่งนำเสนอครั้งแรกในรัฐสภาชุดที่ 117 ถือเป็นการกระทำเช่นนั้น ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมพันธกิจของอเมริกาต้องมาก่อนและเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพ WHO ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ได้สูญเสียความน่าเชื่อถือที่อาจเกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 และเราต้องมั่นใจว่าจะไม่มีรัฐบาลชุดใดในอนาคตที่จะมอบความชอบธรรมหรืออำนาจใดๆ ให้แก่พวกเขาเหนือสุขภาพของชาวอเมริกัน” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชิป รอยกล่าว “รัฐมนตรีเคนเนดีและประธานาธิบดีทรัมป์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการให้ความสำคัญกับอเมริกาเป็นอันดับแรก WHO เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ปราศจากความรับผิดชอบ ซึ่งมอบสิทธิเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพของประชาชนให้กับข้าราชการที่ทุจริต ผมรู้สึกขอบคุณรัฐมนตรีเคนเนดีที่ยืนหยัดอย่างมั่นคงต่อข้อตกลงโรคระบาดของ WHO ซึ่งจะปกป้องเสรีภาพด้านสุขภาพและความเป็นส่วนตัวของชาวอเมริกัน เรามาทำให้อเมริกายิ่งใหญ่และมีสุขภาพดีอีกครั้งกันเถอะ” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแอนดี บิ๊กส์ กล่าว การประกาศในวันนี้ถือเป็นการดำเนินการล่าสุดของรัฐมนตรีเคนเนดีและ HHS ในการให้ WHOรับผิดชอบ HHS & State Department: The United States Rejects Amendments to International Health Regulations WASHINGTON—JULY 18, 2025—U.S. Health and Human Services Secretary Robert F. Kennedy, Jr. and Secretary of State Marco Rubio today issued a Joint Statement of formal rejection by the United States of the 2024 International Heath Regulations (IHR) Amendments by the World Health Organization (WHO).The amended IHR would give the WHO the ability to order global lockdowns, travel restrictions, or any other measures it sees fit to respond to nebulous “potential public health risks.” These regulations are set to become binding if not rejected by July 19, 2025, regardless of the United States’ withdrawal from the WHO.“The proposed amendments to the International Health Regulations open the door to the kind of narrative management, propaganda, and censorship that we saw during the COVID pandemic,” Secretary Kennedy said. “The United States can cooperate with other nations without jeopardizing our civil liberties, without undermining our Constitution, and without ceding away America’s treasured sovereignty.”Secretary Kennedy also released a video explaining the action to the American people.“Terminology throughout the amendments to the 2024 International Health Regulations is vague and broad, risking WHO-coordinated international responses that focus on political issues like solidarity, rather than rapid and effective actions,” Secretary Rubio said. “Our Agencies have been and will continue to be clear: we will put Americans first in all our actions and we will not tolerate international policies that infringe on Americans’ speech, privacy, or personal liberties.”On June 1, 2024, the World Health Assembly (WHA), the highest decision-making body of the WHO, adopted a revised version of the International Health Regulations through a rushed process lacking sufficient debate and public input.Praise for today’s action from members of Congress:“The COVID-19 pandemic exposed how the incompetency and corruption at the WHO demands comprehensive reforms. Instead of addressing its disastrous public health policies during COVID, the WHO wants International Health Regulation amendments and a pandemic treaty to declare public health emergencies in member states, which could include failed draconian responses like business and school closures and vaccine mandates. Since 2022, I have led the No WHO Pandemic Preparedness Treaty Without Senate Approval Act, which the House passed last year. The United States will not allow the WHO to use public health emergencies to devastate our nation. I fully support the Trump administration’s decision to reject the IHR amendments,” said Senator Ron Johnson.“America’s public health policy belongs to the American people and should never be dictated by unelected globalists at the WHO or the UN. Time and time again, the WHO has demonstrated it cannot be trusted, and I am grateful that the Trump administration is standing strong to protect American sovereignty,” said Congressman Tom Tiffany.“The United States must never cede our sovereignty to any international entity or organization. I applaud Secretary Kennedy and Secretary Rubio for rejecting the World Health Organization’s (WHO) ill-advised International Health Regulations (IHR) amendments. I have long supported the U.S. withdrawing from the WHO and defunding their power-hungry organization. My legislation, H.R. 401, first introduced in the 117th Congress, does just that while advancing the mission statements of America First and Healthcare Freedom. The WHO, a widely discredited international organization, lost any potential credibility during the COVID-19 pandemic, and we must ensure no future administration grants them any legitimacy or further power over the health of Americans," said Congressman Chip Roy.“Secretary Kennedy and President Trump have proven their commitment to putting America First. WHO is an unaccountable international organization that hands individuals’ healthcare freedoms to corrupt bureaucrats. I’m thankful for Secretary Kennedy’s firm stance against WHO’s Pandemic Agreement that will protect Americans’ health freedom and privacy. Let’s Make America Great and Healthy Again,” said Congressman Andy Biggs.Today’s announcement is the latest action by Secretary Kennedy and HHS to hold the WHO accountable. https://www.hhs.gov/press-room/state-department-hhs-rejects-amendments-to-international-health-regulations.html July 18, 2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 364 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่ออดีตทหารแฮก AT&T ขู่รัฐบาลด้วยข้อมูลโทรศัพท์

    Cameron John Wagenius ใช้นามแฝง “kiberphant0m” และ “cyb3rph4nt0m” ในการเจาะระบบคลาวด์ของ AT&T และ Verizon ระหว่างเดือนเมษายน 2023 ถึงธันวาคม 2024 โดยบางส่วนของการโจมตียังเกิดขึ้นขณะเขายังรับราชการในกองทัพสหรัฐฯ

    เขาเข้าถึงข้อมูลการโทรและข้อความของผู้ใช้นับล้านคน รวมถึงข้อมูลของเจ้าหน้าที่ระดับสูง เช่น ประธานาธิบดี Donald Trump ซึ่งเขาเคยโอ้อวดบนโลกออนไลน์จนถูกจับใกล้ฐานทัพในรัฐเท็กซัสเมื่อปลายปี 2024

    Wagenius ยอมรับสารภาพในข้อหาหลายกระทง ได้แก่:
    - การฉ้อโกงผ่านระบบสื่อสาร (wire fraud)
    - การขู่กรรโชก (extortion)
    - การขโมยข้อมูลส่วนบุคคล (identity theft)
    - การโอนข้อมูลโทรศัพท์อย่างผิดกฎหมาย

    เขาอาจต้องรับโทษจำคุกสูงสุดถึง 27 ปี โดยจะเริ่มพิจารณาโทษในวันที่ 6 ตุลาคม 2025

    ข้อมูลที่ถูกขโมยมาจากระบบคลาวด์ของ Snowflake ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ AT&T ใช้จัดเก็บข้อมูล โดยบริษัทออกมายืนยันว่าข้อมูลของลูกค้าเกือบทั้งหมดได้รับผลกระทบ

    Cameron John Wagenius แฮกระบบคลาวด์ของ AT&T และ Verizon
    ใช้นามแฝง “kiberphant0m” และ “cyb3rph4nt0m” ระหว่างปี 2023–2024

    ขโมยข้อมูลการโทรและข้อความของผู้ใช้นับล้าน
    รวมถึงข้อมูลของเจ้าหน้าที่ระดับสูง เช่น ประธานาธิบดี Trump

    ถูกจับใกล้ฐานทัพในรัฐเท็กซัสหลังโอ้อวดบนโลกออนไลน์
    นำไปสู่การสอบสวนและจับกุมโดยหน่วยงานกลาง

    ยอมรับสารภาพในข้อหาฉ้อโกง ขู่กรรโชก และขโมยข้อมูล
    อาจต้องรับโทษจำคุกสูงสุด 27 ปี เริ่มพิจารณาโทษ 6 ตุลาคม 2025

    ข้อมูลถูกขโมยจากระบบคลาวด์ Snowflake ที่ AT&T ใช้งาน
    บริษัทยืนยันว่าข้อมูลลูกค้าเกือบทั้งหมดได้รับผลกระทบ

    เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยยกให้เป็น “ชัยชนะครั้งใหญ่” ในการต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์
    เป็นหนึ่งในการจับกุมที่เร็วที่สุดในระดับรัฐบาลกลาง

    การใช้ระบบคลาวด์โดยไม่มีการป้องกันที่เพียงพอเสี่ยงต่อการถูกเจาะ
    โดยเฉพาะเมื่อจัดเก็บข้อมูลสำคัญของผู้ใช้งานจำนวนมาก

    การโอ้อวดหรือเปิดเผยข้อมูลที่แฮกได้บนโลกออนไลน์อาจนำไปสู่การจับกุม
    แต่ก็แสดงถึงความประมาทของผู้ก่อเหตุที่อาจทำให้การสืบสวนง่ายขึ้น

    การขู่กรรโชกเจ้าหน้าที่ระดับสูงเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ
    อาจนำไปสู่การเพิ่มมาตรการควบคุมข้อมูลในระดับรัฐบาล

    ผู้ใช้บริการโทรคมนาคมอาจสูญเสียความเชื่อมั่นในผู้ให้บริการ
    โดยเฉพาะเมื่อข้อมูลส่วนตัวถูกละเมิดในระดับใหญ่

    https://wccftech.com/ex-army-soldier-pleads-guilty-to-att-cloud-hack-massive-call-data-breach-and-500k-extortion-threat-targeting-high-level-government-officials/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่ออดีตทหารแฮก AT&T ขู่รัฐบาลด้วยข้อมูลโทรศัพท์ Cameron John Wagenius ใช้นามแฝง “kiberphant0m” และ “cyb3rph4nt0m” ในการเจาะระบบคลาวด์ของ AT&T และ Verizon ระหว่างเดือนเมษายน 2023 ถึงธันวาคม 2024 โดยบางส่วนของการโจมตียังเกิดขึ้นขณะเขายังรับราชการในกองทัพสหรัฐฯ เขาเข้าถึงข้อมูลการโทรและข้อความของผู้ใช้นับล้านคน รวมถึงข้อมูลของเจ้าหน้าที่ระดับสูง เช่น ประธานาธิบดี Donald Trump ซึ่งเขาเคยโอ้อวดบนโลกออนไลน์จนถูกจับใกล้ฐานทัพในรัฐเท็กซัสเมื่อปลายปี 2024 Wagenius ยอมรับสารภาพในข้อหาหลายกระทง ได้แก่: - การฉ้อโกงผ่านระบบสื่อสาร (wire fraud) - การขู่กรรโชก (extortion) - การขโมยข้อมูลส่วนบุคคล (identity theft) - การโอนข้อมูลโทรศัพท์อย่างผิดกฎหมาย เขาอาจต้องรับโทษจำคุกสูงสุดถึง 27 ปี โดยจะเริ่มพิจารณาโทษในวันที่ 6 ตุลาคม 2025 ข้อมูลที่ถูกขโมยมาจากระบบคลาวด์ของ Snowflake ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ AT&T ใช้จัดเก็บข้อมูล โดยบริษัทออกมายืนยันว่าข้อมูลของลูกค้าเกือบทั้งหมดได้รับผลกระทบ ✅ Cameron John Wagenius แฮกระบบคลาวด์ของ AT&T และ Verizon ➡️ ใช้นามแฝง “kiberphant0m” และ “cyb3rph4nt0m” ระหว่างปี 2023–2024 ✅ ขโมยข้อมูลการโทรและข้อความของผู้ใช้นับล้าน ➡️ รวมถึงข้อมูลของเจ้าหน้าที่ระดับสูง เช่น ประธานาธิบดี Trump ✅ ถูกจับใกล้ฐานทัพในรัฐเท็กซัสหลังโอ้อวดบนโลกออนไลน์ ➡️ นำไปสู่การสอบสวนและจับกุมโดยหน่วยงานกลาง ✅ ยอมรับสารภาพในข้อหาฉ้อโกง ขู่กรรโชก และขโมยข้อมูล ➡️ อาจต้องรับโทษจำคุกสูงสุด 27 ปี เริ่มพิจารณาโทษ 6 ตุลาคม 2025 ✅ ข้อมูลถูกขโมยจากระบบคลาวด์ Snowflake ที่ AT&T ใช้งาน ➡️ บริษัทยืนยันว่าข้อมูลลูกค้าเกือบทั้งหมดได้รับผลกระทบ ✅ เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยยกให้เป็น “ชัยชนะครั้งใหญ่” ในการต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์ ➡️ เป็นหนึ่งในการจับกุมที่เร็วที่สุดในระดับรัฐบาลกลาง ‼️ การใช้ระบบคลาวด์โดยไม่มีการป้องกันที่เพียงพอเสี่ยงต่อการถูกเจาะ ⛔ โดยเฉพาะเมื่อจัดเก็บข้อมูลสำคัญของผู้ใช้งานจำนวนมาก ‼️ การโอ้อวดหรือเปิดเผยข้อมูลที่แฮกได้บนโลกออนไลน์อาจนำไปสู่การจับกุม ⛔ แต่ก็แสดงถึงความประมาทของผู้ก่อเหตุที่อาจทำให้การสืบสวนง่ายขึ้น ‼️ การขู่กรรโชกเจ้าหน้าที่ระดับสูงเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ⛔ อาจนำไปสู่การเพิ่มมาตรการควบคุมข้อมูลในระดับรัฐบาล ‼️ ผู้ใช้บริการโทรคมนาคมอาจสูญเสียความเชื่อมั่นในผู้ให้บริการ ⛔ โดยเฉพาะเมื่อข้อมูลส่วนตัวถูกละเมิดในระดับใหญ่ https://wccftech.com/ex-army-soldier-pleads-guilty-to-att-cloud-hack-massive-call-data-breach-and-500k-extortion-threat-targeting-high-level-government-officials/
    WCCFTECH.COM
    Ex-Army Soldier Pleads Guilty To AT&T Cloud Hack, Massive Call Data Breach, And $500K Extortion Threat Targeting High-Level Government Officials
    AT&T and Verizon had their internal systems exploited by an ex-army soldier who has now pleaded guilty to the charges against him
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia กลับมาขาย H20 ให้จีน – สหรัฐฯ ไฟเขียวส่งออกชิป AI อีกครั้ง

    หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯสั่งห้ามการส่งออกชิป AI รุ่น H100 และ H200 ไปยังจีนในปี 2023 Nvidia ได้เปิดตัวรุ่น H20 ซึ่งเป็นเวอร์ชันลดสเปกเพื่อให้ผ่านข้อจำกัด แต่ก็ยังถูกแบนในเดือนเมษายน 2024 ภายใต้กฎ AI diffusion rule และมาตรการเสริมจากฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดี Trump

    ล่าสุด Nvidia ยืนยันว่าได้รับคำมั่นจากรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าจะอนุมัติใบอนุญาตส่งออกสำหรับ H20 และหวังว่าจะเริ่มส่งมอบได้เร็ว ๆ นี้

    Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ได้เดินทางระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งเพื่อเจรจากับเจ้าหน้าที่ของทั้งสองประเทศ โดยเน้นว่า AI จะสร้างประโยชน์ต่อธุรกิจและสังคมทั่วโลก และการจำกัดเทคโนโลยีจะทำให้สหรัฐฯ เสียเปรียบต่อคู่แข่งอย่าง Huawei

    แม้จะยังไม่ใช่การยกเลิกการแบนทั้งหมด แต่การอนุมัติใบอนุญาตส่งออก H20 ถือเป็นสัญญาณบวก และอาจเป็นผลจากข้อตกลงการค้าล่าสุดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เช่น การกลับมาส่งออกแร่หายากจากจีน และการยกเลิกข้อจำกัดด้าน EDA (Electronic Design Automation)

    เพื่อเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอน Nvidia ยังเปิดตัว RTX Pro GPU ที่ออกแบบให้เหมาะกับงาน AI ในโรงงานอัจฉริยะ และเตรียมรุ่น HGX H20 แบบลดสเปกเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-to-resume-h20-sales-in-china-says-u-s-government-has-promised-to-grant-licenses-deliveries-to-start-soon
    Nvidia กลับมาขาย H20 ให้จีน – สหรัฐฯ ไฟเขียวส่งออกชิป AI อีกครั้ง หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯสั่งห้ามการส่งออกชิป AI รุ่น H100 และ H200 ไปยังจีนในปี 2023 Nvidia ได้เปิดตัวรุ่น H20 ซึ่งเป็นเวอร์ชันลดสเปกเพื่อให้ผ่านข้อจำกัด แต่ก็ยังถูกแบนในเดือนเมษายน 2024 ภายใต้กฎ AI diffusion rule และมาตรการเสริมจากฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดี Trump ล่าสุด Nvidia ยืนยันว่าได้รับคำมั่นจากรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าจะอนุมัติใบอนุญาตส่งออกสำหรับ H20 และหวังว่าจะเริ่มส่งมอบได้เร็ว ๆ นี้ Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ได้เดินทางระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งเพื่อเจรจากับเจ้าหน้าที่ของทั้งสองประเทศ โดยเน้นว่า AI จะสร้างประโยชน์ต่อธุรกิจและสังคมทั่วโลก และการจำกัดเทคโนโลยีจะทำให้สหรัฐฯ เสียเปรียบต่อคู่แข่งอย่าง Huawei แม้จะยังไม่ใช่การยกเลิกการแบนทั้งหมด แต่การอนุมัติใบอนุญาตส่งออก H20 ถือเป็นสัญญาณบวก และอาจเป็นผลจากข้อตกลงการค้าล่าสุดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เช่น การกลับมาส่งออกแร่หายากจากจีน และการยกเลิกข้อจำกัดด้าน EDA (Electronic Design Automation) เพื่อเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอน Nvidia ยังเปิดตัว RTX Pro GPU ที่ออกแบบให้เหมาะกับงาน AI ในโรงงานอัจฉริยะ และเตรียมรุ่น HGX H20 แบบลดสเปกเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดในอนาคต https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-to-resume-h20-sales-in-china-says-u-s-government-has-promised-to-grant-licenses-deliveries-to-start-soon
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
  • พ่อใหญ่ทรัมป์ (Daddy Trump) ประกาศต่อหน้าลูกชายของเขา "มาร์ค รุตเต" เลขาธิการนาโต ที่ทำเนียบขาวว่า:

    จะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียและประเทศคู่ค้าของพวกเขา 100% หากข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายใน 50 วัน นั่นคือภายในสิ้นเดือนสิงหาคม

    "ผมผิดหวังในตัวประธานาธิบดีปูติน เพราะผมคิดว่าเราน่าจะมีข้อตกลงกันได้ตั้งแต่สองเดือนก่อนแล้ว" ทรัมป์กล่าวด้วยความผิดหวัง

    นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า สหรัฐจะเป็นฝ่ายส่งอาวุธให้ยูเครน แต่สมาชิกนาโต้ทั้งหมดจะต้องร่วมกันชำระเงิน และสหรัฐจะไม่ร่วมจ่ายในส่วนนี้

    ขณะที่ มาร์ค รุตเต ไม่ลืมที่จะ "สอพลอ" ทรัมป์อย่างสุดขั้ว โดยกล่าวว่า:
    "หากวันนี้ผมเป็นวลาดิเมียร์ ปูติน และได้ยินสิ่งที่ทรัมป์พูดถึงแผนการที่จะเกิดขึ้นในอีก 50 วันข้างหน้า รวมถึงประกาศเรื่องอาวุธ ผมคงต้องกลับมาคิดทบทวนใหม่ว่าผมควรจะให้ความสำคัญกับการเจรจาเกี่ยวกับยูเครนมากกว่านี้หรือไม่"

    รุตเตยังกล่าวขอบคุณทรัมป์อย่างสุดซึ้งที่ส่งอาวุธมาช่วยเหลือครั้งนี้ โดยไม่สนใจว่าเงินที่ต้องจ่ายคืนสหรัฐจะต้องหามาจากไหน
    พ่อใหญ่ทรัมป์ (Daddy Trump) ประกาศต่อหน้าลูกชายของเขา "มาร์ค รุตเต" เลขาธิการนาโต ที่ทำเนียบขาวว่า: 👉จะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียและประเทศคู่ค้าของพวกเขา 100% หากข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายใน 50 วัน นั่นคือภายในสิ้นเดือนสิงหาคม "ผมผิดหวังในตัวประธานาธิบดีปูติน เพราะผมคิดว่าเราน่าจะมีข้อตกลงกันได้ตั้งแต่สองเดือนก่อนแล้ว" ทรัมป์กล่าวด้วยความผิดหวัง 👉นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า สหรัฐจะเป็นฝ่ายส่งอาวุธให้ยูเครน แต่สมาชิกนาโต้ทั้งหมดจะต้องร่วมกันชำระเงิน และสหรัฐจะไม่ร่วมจ่ายในส่วนนี้ 👉ขณะที่ มาร์ค รุตเต ไม่ลืมที่จะ "สอพลอ" ทรัมป์อย่างสุดขั้ว โดยกล่าวว่า: "หากวันนี้ผมเป็นวลาดิเมียร์ ปูติน และได้ยินสิ่งที่ทรัมป์พูดถึงแผนการที่จะเกิดขึ้นในอีก 50 วันข้างหน้า รวมถึงประกาศเรื่องอาวุธ ผมคงต้องกลับมาคิดทบทวนใหม่ว่าผมควรจะให้ความสำคัญกับการเจรจาเกี่ยวกับยูเครนมากกว่านี้หรือไม่" 👉รุตเตยังกล่าวขอบคุณทรัมป์อย่างสุดซึ้งที่ส่งอาวุธมาช่วยเหลือครั้งนี้ โดยไม่สนใจว่าเงินที่ต้องจ่ายคืนสหรัฐจะต้องหามาจากไหน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ดร.ปณิธาน แนะไทยเร่งปรับกลยุทธ์รับมือ "ทรัมป์" หลังจดหมายทวงดุลการค้าส่อแวว "ขู่-ปลอบ" พร้อมแนะเร่งเสริมทีมมั่นคง-เศรษฐกิจ-เยียวยา!
    https://www.thai-tai.tv/news/20224/
    .
    #จดหมายทรัมป์ #ภาษีนำเข้า #เศรษฐกิจไทย #ความมั่นคงสหรัฐฯ #ความสัมพันธ์ไทยสหรัฐ #นโยบายต่างประเทศ #ปณิธานวัฒนายากร #การค้าโลก #ทีมไทยแลนด์ #DonaldTrump
    ดร.ปณิธาน แนะไทยเร่งปรับกลยุทธ์รับมือ "ทรัมป์" หลังจดหมายทวงดุลการค้าส่อแวว "ขู่-ปลอบ" พร้อมแนะเร่งเสริมทีมมั่นคง-เศรษฐกิจ-เยียวยา! https://www.thai-tai.tv/news/20224/ . #จดหมายทรัมป์ #ภาษีนำเข้า #เศรษฐกิจไทย #ความมั่นคงสหรัฐฯ #ความสัมพันธ์ไทยสหรัฐ #นโยบายต่างประเทศ #ปณิธานวัฒนายากร #การค้าโลก #ทีมไทยแลนด์ #DonaldTrump
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เอ้ สุชัชวีร์" ลุยสหรัฐฯ 4 หมุดหมาย ฟื้นสัมพันธ์ "ไทย-สหรัฐฯ" ชี้ถึงเวลาเปลี่ยน "เหินห่าง" เป็น "ใกล้ชิด" ดันไทยสู่ "เศรษฐกิจใหม่"
    https://www.thai-tai.tv/news/20211/
    .
    #เอ้สุชัชวีร์ #ไทยสหรัฐ #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #เศรษฐกิจใหม่ #การศึกษา #AI #งานวิจัย #นวัตกรรม #SMEไทย #DonaldTrump
    "เอ้ สุชัชวีร์" ลุยสหรัฐฯ 4 หมุดหมาย ฟื้นสัมพันธ์ "ไทย-สหรัฐฯ" ชี้ถึงเวลาเปลี่ยน "เหินห่าง" เป็น "ใกล้ชิด" ดันไทยสู่ "เศรษฐกิจใหม่" https://www.thai-tai.tv/news/20211/ . #เอ้สุชัชวีร์ #ไทยสหรัฐ #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #เศรษฐกิจใหม่ #การศึกษา #AI #งานวิจัย #นวัตกรรม #SMEไทย #DonaldTrump
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • TSMC เคยประกาศลงทุนกว่า $100,000 ล้านในสหรัฐฯ และล่าสุดตามรายงานของ Wall Street Journal ดูเหมือนว่าพวกเขา “ไม่เพียงแค่ลงทุน” แต่ถึงขั้น “ปรับลำดับความสำคัญทั่วโลก” → โรงงานใหม่ในญี่ปุ่นถูกชะลอแบบไม่มีกำหนด → โครงการในเยอรมนีและที่อื่นก็ถูกเบรก → ทั้งหมดเพื่อเทงบ–ทรัพยากร–ทีมงานลงที่โรงงานในแอริโซนา ที่ตอนนี้ผลิตชิปรุ่นล่าสุด และจ่อขยายไปถึงระดับ 1.4nm ภายในปี 2030

    เหตุผลสำคัญไม่ใช่แค่การตามลูกค้าอย่าง Apple, Nvidia หรือ Microsoft เท่านั้น แต่คือ แรงกดดันจากฝ่ายการเมืองอเมริกัน โดยเฉพาะแผนของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจตั้งภาษีชิปนำเข้าสูงถึง 100% หากผลิตนอกสหรัฐฯ

    TSMC ปรับลำดับความสำคัญระดับโลก → เทน้ำหนักไปที่โรงงานในรัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา  
    • ชะลอโครงการโรงงานแห่งที่ 2 ในญี่ปุ่นแบบไม่มีกำหนด  
    • ชะลอแผนในเยอรมนีด้วย  
    • โรงงานในแอริโซนาเป็นแห่งเดียวในต่างประเทศที่ผลิตชิปขั้นสูงนอกไต้หวัน

    แหล่งข่าวเผยว่าแรงผลักดันหลักคือความกลัว “ภาษีทรัมป์” ที่อาจตั้งขึ้นมาใหม่หาก Trump กลับมาเป็นประธานาธิบดี  
    • มีรายงานว่าเตรียมใช้มาตรการขึ้นภาษีชิปนำเข้าสูงสุดถึง 100%  
    • ผลักดันยุทธศาสตร์ “Made in USA” ของฝ่ายอนุรักษนิยม

    TSMC Arizona Fab ได้รับความสนใจจากลูกค้าใหญ่ ๆ เช่น Nvidia, Apple, Microsoft  
    • โรงงานจ่อขยายไปถึงระดับ 1.4nm ภายในทศวรรษนี้  
    • สั่งผลิตเต็มทุกไลน์แล้วในปัจจุบัน

    บริษัทร่วมในห่วงโซ่ เช่น Foxconn และ Quanta ก็กำลังย้ายฐานการผลิตมายังอเมริกาเพื่อลดความเสี่ยง

    https://wccftech.com/tsmc-has-reportedly-prioritized-setting-up-plants-in-the-us-over-other-region/
    TSMC เคยประกาศลงทุนกว่า $100,000 ล้านในสหรัฐฯ และล่าสุดตามรายงานของ Wall Street Journal ดูเหมือนว่าพวกเขา “ไม่เพียงแค่ลงทุน” แต่ถึงขั้น “ปรับลำดับความสำคัญทั่วโลก” → โรงงานใหม่ในญี่ปุ่นถูกชะลอแบบไม่มีกำหนด → โครงการในเยอรมนีและที่อื่นก็ถูกเบรก → ทั้งหมดเพื่อเทงบ–ทรัพยากร–ทีมงานลงที่โรงงานในแอริโซนา ที่ตอนนี้ผลิตชิปรุ่นล่าสุด และจ่อขยายไปถึงระดับ 1.4nm ภายในปี 2030 เหตุผลสำคัญไม่ใช่แค่การตามลูกค้าอย่าง Apple, Nvidia หรือ Microsoft เท่านั้น แต่คือ แรงกดดันจากฝ่ายการเมืองอเมริกัน โดยเฉพาะแผนของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจตั้งภาษีชิปนำเข้าสูงถึง 100% หากผลิตนอกสหรัฐฯ ✅ TSMC ปรับลำดับความสำคัญระดับโลก → เทน้ำหนักไปที่โรงงานในรัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา   • ชะลอโครงการโรงงานแห่งที่ 2 ในญี่ปุ่นแบบไม่มีกำหนด   • ชะลอแผนในเยอรมนีด้วย   • โรงงานในแอริโซนาเป็นแห่งเดียวในต่างประเทศที่ผลิตชิปขั้นสูงนอกไต้หวัน ✅ แหล่งข่าวเผยว่าแรงผลักดันหลักคือความกลัว “ภาษีทรัมป์” ที่อาจตั้งขึ้นมาใหม่หาก Trump กลับมาเป็นประธานาธิบดี   • มีรายงานว่าเตรียมใช้มาตรการขึ้นภาษีชิปนำเข้าสูงสุดถึง 100%   • ผลักดันยุทธศาสตร์ “Made in USA” ของฝ่ายอนุรักษนิยม ✅ TSMC Arizona Fab ได้รับความสนใจจากลูกค้าใหญ่ ๆ เช่น Nvidia, Apple, Microsoft   • โรงงานจ่อขยายไปถึงระดับ 1.4nm ภายในทศวรรษนี้   • สั่งผลิตเต็มทุกไลน์แล้วในปัจจุบัน ✅ บริษัทร่วมในห่วงโซ่ เช่น Foxconn และ Quanta ก็กำลังย้ายฐานการผลิตมายังอเมริกาเพื่อลดความเสี่ยง https://wccftech.com/tsmc-has-reportedly-prioritized-setting-up-plants-in-the-us-over-other-region/
    WCCFTECH.COM
    TSMC Has Reportedly Prioritized Setting Up Plants in the U.S. Over Other Regions Due to Fears of "Trump Tariffs"
    TSMC has decided to prioritize America over all other nations where it is building facilities, as it is pouring massive funds into it.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุโรปเป็นภูมิภาคแรกของโลกที่ออกกฎหมาย AI แบบครอบคลุมทั้งระบบ โดยเรียกว่า AI Act ซึ่งเน้นความปลอดภัย–ความโปร่งใส–และสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก

    ฟังดูดีใช่ไหมครับ?

    แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ในยุโรปหลายแห่งกลับบอกว่า... “มันดีเกินไปจนทำให้นวัตกรรมไปไม่ถึงไหน” → เพราะกฎที่ซับซ้อน อาจทำให้สตาร์ทอัพ–องค์กรขนาดกลาง ไปจนถึง “European Champion” อย่าง Airbus หรือ ASML ไม่สามารถพัฒนา–ใช้งาน–ทดสอบ AI ได้ทันคู่แข่งในจีนและสหรัฐฯ → พวกเขาเลยเสนอให้ “หยุดพัก 2 ปี” สำหรับข้อบังคับที่เกี่ยวกับ AI แบบ “General-purpose” (เช่น ChatGPT, Gemini, Le Chat) และ AI แบบ “High-risk” (เช่น AI ในระบบสุขภาพ, กฎหมาย, ความมั่นคง)

    โดยเฉพาะกฎของ EU ที่ให้ AI ที่เสี่ยงต่อสุขภาพหรือสิทธิผู้ใช้ ต้องผ่านมาตรฐานหลายขั้นมาก (risk-based approach) → ยังไม่มีกำหนดแน่ชัดของ “code of practice” สำหรับ General-purpose AI ด้วยซ้ำ → แถมประธานาธิบดี Donald Trump และรองประธาน JD Vance ของสหรัฐฯ ยังเคยวิจารณ์ AI Act ว่า “เข้มจนเป็นภัยต่อการแข่งขัน”

    46 บริษัทใหญ่ของยุโรปยื่นจดหมายขอให้ EU ชะลอกฎหมาย AI Act ออกไป 2 ปี  
    • รวมถึง Airbus (ฝรั่งเศส), ASML (เนเธอร์แลนด์), Lufthansa และ Mercedes-Benz (เยอรมนี), Mistral (AI จากฝรั่งเศส)

    เสนอให้เลื่อนข้อกำหนด 2 กลุ่มหลักออกไปก่อน:  
    • General-purpose AI models (เช่น GPT, Gemini, Le Chat): เดิมจะเริ่มเดือนสิงหาคม 2025  
    • High-risk AI systems: เดิมจะเริ่มเดือนสิงหาคม 2026

    ให้เหตุผลว่ากฎเหล่านี้ “ทำลายความสามารถในการแข่งขันเชิงอุตสาหกรรม”  
    • ทั้งในด้านความเร็ว, งบวิจัย, การทดสอบ, และการสเกลโมเดลไปใช้จริง

    AI Act ใช้หลัก “ความเสี่ยงสูง–ความรับผิดสูง” (risk-based approach)  
    • ถ้าใช้ AI ในระบบสุขภาพ, กฎหมาย, ระบบคะแนนสังคม → ต้องผ่านเกณฑ์เข้มมาก  
    • General-purpose AI ยังไม่มี code of practice อย่างเป็นทางการ

    คณะกรรมาธิการยุโรปจะเผยแพร่แนวปฏิบัติ (code of practice) สำหรับ GPAI ภายในกรกฎาคม 2025 นี้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/european-companies-urge-eu-to-delay-ai-rules
    ยุโรปเป็นภูมิภาคแรกของโลกที่ออกกฎหมาย AI แบบครอบคลุมทั้งระบบ โดยเรียกว่า AI Act ซึ่งเน้นความปลอดภัย–ความโปร่งใส–และสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก ฟังดูดีใช่ไหมครับ? แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ในยุโรปหลายแห่งกลับบอกว่า... “มันดีเกินไปจนทำให้นวัตกรรมไปไม่ถึงไหน” → เพราะกฎที่ซับซ้อน อาจทำให้สตาร์ทอัพ–องค์กรขนาดกลาง ไปจนถึง “European Champion” อย่าง Airbus หรือ ASML ไม่สามารถพัฒนา–ใช้งาน–ทดสอบ AI ได้ทันคู่แข่งในจีนและสหรัฐฯ → พวกเขาเลยเสนอให้ “หยุดพัก 2 ปี” สำหรับข้อบังคับที่เกี่ยวกับ AI แบบ “General-purpose” (เช่น ChatGPT, Gemini, Le Chat) และ AI แบบ “High-risk” (เช่น AI ในระบบสุขภาพ, กฎหมาย, ความมั่นคง) โดยเฉพาะกฎของ EU ที่ให้ AI ที่เสี่ยงต่อสุขภาพหรือสิทธิผู้ใช้ ต้องผ่านมาตรฐานหลายขั้นมาก (risk-based approach) → ยังไม่มีกำหนดแน่ชัดของ “code of practice” สำหรับ General-purpose AI ด้วยซ้ำ → แถมประธานาธิบดี Donald Trump และรองประธาน JD Vance ของสหรัฐฯ ยังเคยวิจารณ์ AI Act ว่า “เข้มจนเป็นภัยต่อการแข่งขัน” ✅ 46 บริษัทใหญ่ของยุโรปยื่นจดหมายขอให้ EU ชะลอกฎหมาย AI Act ออกไป 2 ปี   • รวมถึง Airbus (ฝรั่งเศส), ASML (เนเธอร์แลนด์), Lufthansa และ Mercedes-Benz (เยอรมนี), Mistral (AI จากฝรั่งเศส) ✅ เสนอให้เลื่อนข้อกำหนด 2 กลุ่มหลักออกไปก่อน:   • General-purpose AI models (เช่น GPT, Gemini, Le Chat): เดิมจะเริ่มเดือนสิงหาคม 2025   • High-risk AI systems: เดิมจะเริ่มเดือนสิงหาคม 2026 ✅ ให้เหตุผลว่ากฎเหล่านี้ “ทำลายความสามารถในการแข่งขันเชิงอุตสาหกรรม”   • ทั้งในด้านความเร็ว, งบวิจัย, การทดสอบ, และการสเกลโมเดลไปใช้จริง ✅ AI Act ใช้หลัก “ความเสี่ยงสูง–ความรับผิดสูง” (risk-based approach)   • ถ้าใช้ AI ในระบบสุขภาพ, กฎหมาย, ระบบคะแนนสังคม → ต้องผ่านเกณฑ์เข้มมาก   • General-purpose AI ยังไม่มี code of practice อย่างเป็นทางการ ✅ คณะกรรมาธิการยุโรปจะเผยแพร่แนวปฏิบัติ (code of practice) สำหรับ GPAI ภายในกรกฎาคม 2025 นี้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/european-companies-urge-eu-to-delay-ai-rules
    WWW.THESTAR.COM.MY
    European companies urge EU to delay AI rules
    Dozens of Europe's biggest companies urged the EU to hit the pause button on its landmark AI rules on July 3, warning that going too fast could harm the bloc's ability to lead in the global AI race.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองนึกภาพว่าคุณเปิด YouTube แล้วเจอคลิป “Jay-Z น้ำตาซึมขอโทษ Diddy” พร้อมภาพปกที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นคลิปสัมภาษณ์จริง ทั้งที่เนื้อหาข้างในเป็นเสียงปลอม ข้อความปลอม และการอ้างอิงปลอมทั้งหมด — แต่กลับมียอดวิวเป็นล้าน!

    งานวิจัยโดยสำนักข่าว Indicator พบว่า:

    “มีอย่างน้อย 26 ช่อง YouTube ที่ผลิตคลิป AI ปลอมกว่า 900 คลิป ว่าด้วยคดีของ Diddy โดยเฉพาะ”   — มีคนดูรวมกว่า 70 ล้านครั้ง ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา

    ช่องหนึ่งชื่อ Pak Gov Update ใช้ภาพปลอม Jay-Z, Kevin Hart และ Usher มาตัดต่อเป็นภาพปก พร้อมคำพูดปลอม เช่น “I will be dead soon.” ทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้พูดเลย — แถมช่องนี้เคยเป็นช่องข่าวภาษาอูรดูเกี่ยวกับปากีสถานมาก่อนด้วยซ้ำ

    YouTube เองเริ่มลบช่องที่ละเมิดกฎเรื่อง spam และ misinfo ไปบางส่วนแล้ว แต่ปรากฏการณ์นี้แสดงให้เห็นถึง “คลื่นใหม่ของสื่อแบบ AI” ที่ใช้เครื่องมือราคาถูกสร้างคลิปได้เหมือนจริงจนน่าตกใจ

    นอกจากวิดีโอปลอมแล้ว ยังมีเสียงเพลงปลอมที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นของ Justin Bieber ชื่อ I Lost Myself at a Diddy Party ซึ่งมีเนื้อหาว่าเขาสูญเสียความบริสุทธิ์ในงานของ Diddy — ทั้งหมดดูเหมือนจริง แต่ NewsGuard ยืนยันว่าใช้ AI สร้างขึ้น

    มีช่อง YouTube อย่างน้อย 26 ช่องที่สร้างคลิปปลอมด้วย AI โดยเฉพาะเกี่ยวกับคดีของ Diddy  
    • พบคลิปมากกว่า 900 ชิ้น มียอดวิวรวม ~70 ล้านครั้ง  
    • ใช้ภาพปก (thumbnail) ปลอมของคนดัง พร้อมข้อความหรือคำพูดปลอม

    ช่อง Pak Gov Update โดดเด่นด้วยการสร้างคลิปความยาวเกือบ 30 นาทีหลายชิ้น  
    • เปลี่ยนจากช่องข่าวปากีสถานมาเป็นช่องปล่อยคลิปข่าว Diddy ปลอมเต็มรูปแบบ

    YouTube ลบช่องบางส่วนออกแล้วหลัง Indicator แจ้งการละเมิด  
    • โดยอ้างว่าผิดกฎด้าน spam และการหลอกลวง

    คำว่า AI Slop ถูกใช้เรียกเนื้อหาปลอมราคาถูกที่สร้างด้วย AI และกำลังท่วมแพลตฟอร์ม  
    • มีคอร์สสอน “หารายได้จากคลิปปลอมไวรัล” บน TikTok และ YouTube เองด้วย

    ยังมีเพลง AI ปลอมที่โยง Justin Bieber กับ Diddy และคลิปภาพตัดต่อที่รวมภาพ Diddy, Epstein, Trump บนโซฟาร่วมกัน  
    • ทำให้เกิด conspiracy theories และข่าวปลอมตามมาในโซเชียลอีกจำนวนมาก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/02/ai-videos-push-combs-trial-misinformation-researchers-say
    ลองนึกภาพว่าคุณเปิด YouTube แล้วเจอคลิป “Jay-Z น้ำตาซึมขอโทษ Diddy” พร้อมภาพปกที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นคลิปสัมภาษณ์จริง ทั้งที่เนื้อหาข้างในเป็นเสียงปลอม ข้อความปลอม และการอ้างอิงปลอมทั้งหมด — แต่กลับมียอดวิวเป็นล้าน! งานวิจัยโดยสำนักข่าว Indicator พบว่า: 📣 “มีอย่างน้อย 26 ช่อง YouTube ที่ผลิตคลิป AI ปลอมกว่า 900 คลิป ว่าด้วยคดีของ Diddy โดยเฉพาะ”   — มีคนดูรวมกว่า 70 ล้านครั้ง ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ช่องหนึ่งชื่อ Pak Gov Update ใช้ภาพปลอม Jay-Z, Kevin Hart และ Usher มาตัดต่อเป็นภาพปก พร้อมคำพูดปลอม เช่น “I will be dead soon.” ทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้พูดเลย — แถมช่องนี้เคยเป็นช่องข่าวภาษาอูรดูเกี่ยวกับปากีสถานมาก่อนด้วยซ้ำ YouTube เองเริ่มลบช่องที่ละเมิดกฎเรื่อง spam และ misinfo ไปบางส่วนแล้ว แต่ปรากฏการณ์นี้แสดงให้เห็นถึง “คลื่นใหม่ของสื่อแบบ AI” ที่ใช้เครื่องมือราคาถูกสร้างคลิปได้เหมือนจริงจนน่าตกใจ นอกจากวิดีโอปลอมแล้ว ยังมีเสียงเพลงปลอมที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นของ Justin Bieber ชื่อ I Lost Myself at a Diddy Party ซึ่งมีเนื้อหาว่าเขาสูญเสียความบริสุทธิ์ในงานของ Diddy — ทั้งหมดดูเหมือนจริง แต่ NewsGuard ยืนยันว่าใช้ AI สร้างขึ้น ✅ มีช่อง YouTube อย่างน้อย 26 ช่องที่สร้างคลิปปลอมด้วย AI โดยเฉพาะเกี่ยวกับคดีของ Diddy   • พบคลิปมากกว่า 900 ชิ้น มียอดวิวรวม ~70 ล้านครั้ง   • ใช้ภาพปก (thumbnail) ปลอมของคนดัง พร้อมข้อความหรือคำพูดปลอม ✅ ช่อง Pak Gov Update โดดเด่นด้วยการสร้างคลิปความยาวเกือบ 30 นาทีหลายชิ้น   • เปลี่ยนจากช่องข่าวปากีสถานมาเป็นช่องปล่อยคลิปข่าว Diddy ปลอมเต็มรูปแบบ ✅ YouTube ลบช่องบางส่วนออกแล้วหลัง Indicator แจ้งการละเมิด   • โดยอ้างว่าผิดกฎด้าน spam และการหลอกลวง ✅ คำว่า AI Slop ถูกใช้เรียกเนื้อหาปลอมราคาถูกที่สร้างด้วย AI และกำลังท่วมแพลตฟอร์ม   • มีคอร์สสอน “หารายได้จากคลิปปลอมไวรัล” บน TikTok และ YouTube เองด้วย ✅ ยังมีเพลง AI ปลอมที่โยง Justin Bieber กับ Diddy และคลิปภาพตัดต่อที่รวมภาพ Diddy, Epstein, Trump บนโซฟาร่วมกัน   • ทำให้เกิด conspiracy theories และข่าวปลอมตามมาในโซเชียลอีกจำนวนมาก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/02/ai-videos-push-combs-trial-misinformation-researchers-say
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI videos push Combs trial misinformation, researchers say
    AI slop refers to often low-quality visual content – generated using cheap and widely available artificial intelligence tools – that increasingly appears to be flooding social media sites, blurring the lines between reality and fiction.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • Trump ประกาศอิสราเอล-อิหร่านพร้อมสงบศึก

    “ขอแสดงความยินดีกับทุกคน! อิสราเอลและอิหร่านได้ตกลงกันอย่างสมบูรณ์ว่าจะมีการหยุดยิงอย่างสมบูรณ์และเต็มรูปแบบ (ในอีกประมาณ 6 ชั่วโมงนับจากนี้ เมื่ออิสราเอลและอิหร่านได้ปิดฉากและจบภารกิจสุดท้ายที่กำลังดำเนินอยู่) เป็นเวลา 12 ชั่วโมง ซึ่งจุดนั้นสงครามจะถือว่าสิ้นสุด!

    อย่างเป็นทางการ อิหร่านจะเริ่มหยุดยิงก่อน และเมื่อครบ 12 ชั่วโมง อิสราเอลจะเริ่มหยุดยิง และเมื่อครบ 24 ชั่วโมง การสิ้นสุดอย่างเป็นทางการของ ‘สงคราม 12 วัน’ จะได้รับการยกย่องจากโลก ระหว่างการหยุดยิงแต่ละครั้ง อีกฝ่ายหนึ่งจะอยู่อย่างสงบและเคารพซึ่งกันและกัน

    หากทุกอย่างเป็นไปตามที่ควรจะเป็น ซึ่งมันจะเป็นแน่นอน ผมขอแสดงความยินดีกับทั้งสองประเทศ อิสราเอลและอิหร่าน ที่มีความอดทน ความกล้าหาญ และสติปัญญาในการยุติสิ่งที่ควรเรียกว่า ‘สงคราม 12 วัน’ นี่เป็นสงครามที่อาจดำเนินต่อไปเป็นปีๆ และทำลายล้างตะวันออกกลางทั้งหมด แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น และจะไม่เป็นอีกต่อไป!
    ขอพระเจ้าอวยพรอิสราเอล ขอพระเจ้าอวยพรอิหร่าน ขอพระเจ้าอวยพรตะวันออกกลาง ขอพระเจ้าอวยพรสหรัฐอเมริกา และขอพระเจ้าอวยพรโลก!

    Donald J. Trump
    ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา”​​​​​​​​​​​​​​​​
    มาทรงนี้รางวัลโนเบลสันติภาพปีนี้ ลูกพี่ Trump นี่นอนมาเลยครับ
    Trump ประกาศอิสราเอล-อิหร่านพร้อมสงบศึก “ขอแสดงความยินดีกับทุกคน! อิสราเอลและอิหร่านได้ตกลงกันอย่างสมบูรณ์ว่าจะมีการหยุดยิงอย่างสมบูรณ์และเต็มรูปแบบ (ในอีกประมาณ 6 ชั่วโมงนับจากนี้ เมื่ออิสราเอลและอิหร่านได้ปิดฉากและจบภารกิจสุดท้ายที่กำลังดำเนินอยู่) เป็นเวลา 12 ชั่วโมง ซึ่งจุดนั้นสงครามจะถือว่าสิ้นสุด! อย่างเป็นทางการ อิหร่านจะเริ่มหยุดยิงก่อน และเมื่อครบ 12 ชั่วโมง อิสราเอลจะเริ่มหยุดยิง และเมื่อครบ 24 ชั่วโมง การสิ้นสุดอย่างเป็นทางการของ ‘สงคราม 12 วัน’ จะได้รับการยกย่องจากโลก ระหว่างการหยุดยิงแต่ละครั้ง อีกฝ่ายหนึ่งจะอยู่อย่างสงบและเคารพซึ่งกันและกัน หากทุกอย่างเป็นไปตามที่ควรจะเป็น ซึ่งมันจะเป็นแน่นอน ผมขอแสดงความยินดีกับทั้งสองประเทศ อิสราเอลและอิหร่าน ที่มีความอดทน ความกล้าหาญ และสติปัญญาในการยุติสิ่งที่ควรเรียกว่า ‘สงคราม 12 วัน’ นี่เป็นสงครามที่อาจดำเนินต่อไปเป็นปีๆ และทำลายล้างตะวันออกกลางทั้งหมด แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น และจะไม่เป็นอีกต่อไป! ขอพระเจ้าอวยพรอิสราเอล ขอพระเจ้าอวยพรอิหร่าน ขอพระเจ้าอวยพรตะวันออกกลาง ขอพระเจ้าอวยพรสหรัฐอเมริกา และขอพระเจ้าอวยพรโลก! Donald J. Trump ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา”​​​​​​​​​​​​​​​​ มาทรงนี้รางวัลโนเบลสันติภาพปีนี้ ลูกพี่ Trump นี่นอนมาเลยครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • TRUMP: “I WAS THE HUNTED. NOW I’M THE HUNTER.”
    TRUMP: “I WAS THE HUNTED. NOW I’M THE HUNTER.”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • David Sacks ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีของทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า ช่องว่างระหว่างจีนกับสหรัฐในด้านการออกแบบชิปตอนนี้เหลือแค่ 1.5–2 ปีเท่านั้น โดยเฉพาะ Huawei ซึ่งแม้จะยังขาดกำลังผลิต GPU ขั้นสูง แต่สามารถหาทางออกด้วยการนำ ชิปเก่า 910B มาต่อรวมกันเป็น “910C” เพื่อเพิ่มพลังประมวลผลและหน่วยความจำให้ใกล้เคียง NVIDIA H100

    แม้จะไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่สด แต่ถือเป็น “ทางเลือกภายในประเทศ” ที่ใช้งานจริงได้ และ Huawei เริ่มจะ ส่งออก AI Chip ไปยังลูกค้าต่างประเทศด้วย แล้ว

    Sacks เตือนว่า หากจีนสามารถผลิตและสร้าง ecosystem ที่แข็งแรงได้จริง สหรัฐอาจเสียตำแหน่งผู้นำในตลาดเทคโนโลยี AI — โดยเฉพาะถ้า การควบคุมการส่งออกของสหรัฐเข้มเกินไปจนกลายเป็น “ผลย้อนกลับ” ทำให้จีนหาทางพึ่งพาตนเองได้เร็วขึ้น

    ตัวอย่างหนึ่งคือรัฐบาล Trump ได้ “ยกเลิก” กฎในยุค Biden ที่จำกัดการส่งออก GPU ให้กับพันธมิตรบางประเทศ เพื่อไม่ให้เสียพื้นที่ทางการค้าในระยะยาว

    Huawei พัฒนาชิป AI รุ่น 910C โดยรวมชิป 910B สองตัวเข้าด้วยกัน  
    • ให้ประสิทธิภาพใกล้เคียง NVIDIA H100  
    • ใช้ได้จริงกับตลาดในจีน และเตรียมขยายการส่งออก

    จีนกำลังลดช่องว่างด้านการออกแบบชิป เหลือห่างสหรัฐเพียง 1.5–2 ปี  
    • โดยเฉพาะบริษัทอย่าง Huawei ที่แก้เกมจากข้อจำกัดทางเทคนิคและการเมือง

    David Sacks เตือนว่า การควบคุมการส่งออกที่เข้มเกินไป อาจย้อนศร  
    • ทำให้คู่แข่งพึ่งพาตัวเองได้เร็ว และไม่ยอมรับมาตรฐานเทคโนโลยีของสหรัฐ

    Trump administration เลือกยกเลิกบางข้อจำกัดจากยุค Biden เพื่อรักษาฐานการค้าในระยะยาว

    แม้ผู้ก่อตั้ง Huawei ยอมรับว่า GPU ของตนยังล้าหลังกว่าคู่แข่ง แต่การสร้าง ecosystem และผลิตภัณฑ์ “ราคาเข้าถึงได้” อาจทำให้เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/108400-us-tech-czar-warns-china-only-two-years.html
    David Sacks ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีของทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า ช่องว่างระหว่างจีนกับสหรัฐในด้านการออกแบบชิปตอนนี้เหลือแค่ 1.5–2 ปีเท่านั้น โดยเฉพาะ Huawei ซึ่งแม้จะยังขาดกำลังผลิต GPU ขั้นสูง แต่สามารถหาทางออกด้วยการนำ ชิปเก่า 910B มาต่อรวมกันเป็น “910C” เพื่อเพิ่มพลังประมวลผลและหน่วยความจำให้ใกล้เคียง NVIDIA H100 แม้จะไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่สด แต่ถือเป็น “ทางเลือกภายในประเทศ” ที่ใช้งานจริงได้ และ Huawei เริ่มจะ ส่งออก AI Chip ไปยังลูกค้าต่างประเทศด้วย แล้ว Sacks เตือนว่า หากจีนสามารถผลิตและสร้าง ecosystem ที่แข็งแรงได้จริง สหรัฐอาจเสียตำแหน่งผู้นำในตลาดเทคโนโลยี AI — โดยเฉพาะถ้า การควบคุมการส่งออกของสหรัฐเข้มเกินไปจนกลายเป็น “ผลย้อนกลับ” ทำให้จีนหาทางพึ่งพาตนเองได้เร็วขึ้น ตัวอย่างหนึ่งคือรัฐบาล Trump ได้ “ยกเลิก” กฎในยุค Biden ที่จำกัดการส่งออก GPU ให้กับพันธมิตรบางประเทศ เพื่อไม่ให้เสียพื้นที่ทางการค้าในระยะยาว ✅ Huawei พัฒนาชิป AI รุ่น 910C โดยรวมชิป 910B สองตัวเข้าด้วยกัน   • ให้ประสิทธิภาพใกล้เคียง NVIDIA H100   • ใช้ได้จริงกับตลาดในจีน และเตรียมขยายการส่งออก ✅ จีนกำลังลดช่องว่างด้านการออกแบบชิป เหลือห่างสหรัฐเพียง 1.5–2 ปี   • โดยเฉพาะบริษัทอย่าง Huawei ที่แก้เกมจากข้อจำกัดทางเทคนิคและการเมือง ✅ David Sacks เตือนว่า การควบคุมการส่งออกที่เข้มเกินไป อาจย้อนศร   • ทำให้คู่แข่งพึ่งพาตัวเองได้เร็ว และไม่ยอมรับมาตรฐานเทคโนโลยีของสหรัฐ ✅ Trump administration เลือกยกเลิกบางข้อจำกัดจากยุค Biden เพื่อรักษาฐานการค้าในระยะยาว ✅ แม้ผู้ก่อตั้ง Huawei ยอมรับว่า GPU ของตนยังล้าหลังกว่าคู่แข่ง แต่การสร้าง ecosystem และผลิตภัณฑ์ “ราคาเข้าถึงได้” อาจทำให้เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในอนาคต https://www.techspot.com/news/108400-us-tech-czar-warns-china-only-two-years.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    US tech czar warns China is only two years behind in semiconductor and chip design
    According to Sacks, Huawei is making swift progress in chip design and could soon begin exporting its hardware, although the company still faces challenges in producing high-end...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้เป็นครั้งแรกที่จะเขียนบทความนี้ทุกตัวอักษรจากหัวใจล้วนๆ ไม่มีอ้างอิงข้อมูลใดๆ ไม่มีการหาข้อมูลใดๆ เพิ่มเติม เพราะส่วนตัวคิดว่า คงถึงเวลาที่เราต้องเรียก "สติ" กัน แม้ว่าการส่งเสียงผ่านกลุ่มนี้ อาจจะเงียบกริบ แต่อย่างน้อยๆ คนที่แวะผ่านมาเห็น ขอจงโปรดใช้วิจารณญานในการ ค.ว.ย. กรณีตระกูลฮุน

    ผมหมายถึง "คิด . วิเคระห์ . แยกแยะ" โปรดอย่างคิดเป็นอื่น

    คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่คุณอุ๊งอิ๊งได้ทำลงเป็น เป็นความผิดพลาดที่ไม่สมควรอภัยอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะด้วยเจตนาดีหรือร้ายอย่างใด สิ่งที่ทำลงไป ไม่อาจเรียกว่าเป็น "การกระทำที่ผ่านการคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว" ได้เลย

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในฐานะผู้นำประเทศที่ทุกๆ การกระทำ คือสิ่งแสดงสถานะตัวแทนและผู้นำประเทศ และไม่ว่าจะด้วยการกล่าวอ้างใดๆ ของคนที่เห็นว่านายกฯ ทำอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ยิ่งช่วย ก็ยิ่งตอกย้ำว่า ลูกสาวคนสุดท้อง ของคุณทักษิณ ยังไม่มีวุฒิภาวะ และความสามารถเพียงพอใจการเป็นผู้นำประเทศ

    โดยเฉพาะการนำเรื่อง "ประเด็นปัญหาระหว่างประเทศ" ไปคุยผ่าน "ความสัมพันธ์ส่วนตัว" ไม่ว่าคนที่คุยด้วยนั้น จะเป็นผู้นำประเทศคู่กรณีตัวจริง หรือ ตัวจริง ก็ตาม (ผมหมายถึง เป็นโดยตำแหน่ง หรือเป็นโดยการยอมรับ) หรือแม้กระทั่ง เป็นการคุยเพื่อหวังดีต่อประเทศจริงๆ หรือเพียงหวังดีต่อเก้าอี้ตนเองก็ตาม

    นี่คือเรื่องของ "ประเทศ" ที่ไม่ใช่ "ธุรกิจส่วนตัว" ที่ไปคุยกันบนกรีนสนามกอล์ฟ หรือจบที่คลับหรือเลานจ์สักที่่ คุยนอกรอบให้ลงตัว แล้วค่อยไปจบในห้องประชุม การพูดคุยในฐานะประเทศ ต่อให้ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว ก็พึงมีคนระวังหลังให้เสมอ ไม่ว่าจะมีอำนาจตัดสินใจหรือไม่ ก็ต้องมีคนช่วยเวลาคุย ไม่ใช่ กำลังจะนอนแล้ว โทรหาอังเคิลซะหน่อย เผื่อเคลียร์ได้

    ผมไม่เคยเชื่อว่าระหว่าง Donald Trump และ Vladimir Putin จะโทรคุยกันโดยอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือแม้แต่ระหว่าง Vladimir Putin กับ 习近平 (สีจิ้นผิง) จะคุยกันบนความสัมพันธ์ส่วนตัว

    และเมื่อตัดสินใจผิดพลาด เปลี่ยนการพูดคุยที่ควรจะมีแบบแผนและจริงจัง เป็นวาทกรรมก่อนนอน ก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมา เมื่อคู่สนทนา จริงจังในทุกๆ บริบท

    สรุป ไม่ว่าสายซัพพอร์ตของ น้องอิ๊ง จะพยายามแก้ต่างด้วยเหตุความหวังดีต่อประเทศอย่างไร มันก็ยิ่งตอกย้ำว่า น้องอิ๊ง ไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำอยู่ดี - รู้สึกอย่างไรบ้างครับ เมื่อบทสนทนาหนักๆ กลายเป็นเรื่องคุยก่อนนอน

    แต่!!

    สิ่งที่น่ากลัวกว่าท่านนายกฯ ก็คือ ท่านพ่อนายกฯ ที่ไม่ใช่พ่อนายกฯ เมืองไทย แต่เป็นพ่อนายกฯ เขมร ผู้นำตระกูลฮุน ที่กำลัง "เซาะกร่อนบ่อนทำลาย" ความน่าเชื่อถือของประเทศไทยบนเวทีโลกไปทุกวัน ดูจากสิ่งที่กำลังตามต่อมาจากหลังจาก คลิปเสียงเวอร์ชั่นเต็ม 17 นาทีถูกปล่อยออกมา

    สิ่งที่ท่านผู้นำฮุนกระทำ และบัญชาการให้องคาพยบของเหล่าชนชั้นนำของกัมพูชาทำก็คือ การเขย่าประเทศไทยให้แรงที่สุดเท่าที่จะแรงได้ เพื่อสร้างแต้มต่อไม่ว่าจะมากหรือน้อยเพียงใดให้กับการต่ออายุการกดขี่ข่มเหงคนกัมพูชาให้นานที่สุด

    โดยมีเป้าหมายในการเป็น "คิมอิลซุง" หรือ "คิมจองอิล" ของราชวงศ์กัมพูชาให้จงได้ โดยอาศัยเพียงความชาตินิยมของคนกัมพูชา ที่ยังไม่หลุดพ้นจากภาพจำของการตกเป็นเมืองขึ้นของสยามตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา ตั้งแต่นครวัดนครธมถูกอโยธยาเผา เรื่อยมาจนกระทั่งเขมรได้รับการปลดปล่อยจากไทย ด้วยปลายกระบอกปืนของฝรั่งเศส แต่ก็ถูกกดโดยเหล่าเสนาอำมาตย์ที่คอยยกไทยให้เป็นศัตรูผ่านตำราเรียนอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับที่ตำราเรียนประวัติศาสตร์ไทย ยังคงตอกย้ำการเสียกรุงให้พม่า 2 ครั้งมาโดยตลอด

    ยังดีที่คนไทย ได้รับโอกาสมากกว่า เราจึงหลุดพ้นการกดขี่และเรียกร้องสิทธิเสรีภาพจากผู้ปกครองได้มากกว่าคนกัมพูชา แม้ว่าไทยจะลุ่มๆ ดอนๆ ทางด้านประชาธิปไตยมาตลอด 92 ปี จนถึงวันที่เขียนเรื่องนี้

    แต่คนกัมพูชา ยังไม่หลุดพ้นจากเรื่องนั้น ทั้งปัญหาสงครามกลางเมืองและการช่วงชิงอำนาจที่พึ่งยุติไปเมื่อก่อนโลโซปกแดงไม่กี่ปี แถมซ้ำด้วยการที่กลุ่มชนชั้นนำของประเทศกัมพูขากดหัวประชาชนตัวเองต่อเนื่องยาวนาน ยิ่งทำให้คนกัมพูชายังมองภาพรวมไม่ออก

    ซึ่งก็ไม่ค่อยต่างกันคนไทยเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยๆ เราก็มีเสรีมากกว่าในการพูด พรรคฝ่ายค้านของประเทศเรา ก็ยังด่ารัฐบาลได้ทุกวัน ไม่ต้องติดคุก หรือไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่ไหน

    ดูได้จาก ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ "ไทย" ได้ดิบได้ดี ชาวกัมพูชาบางส่วน ก็จะแปลงสัญชาติเป็น "เคลมโบเดีย" ทันที และเป็นกับไทย และไทยเท่านั้น ไม่มีลาว ไม่มีเวียดนามที่มีพรมแดนติดกับกัมพูชาเหมือนกัน และเจริญกว่ากัมพูชาเหมือนกันแม้แต่น้อย

    ตราบใดก็ตามที่ คนกัมพูชา ยังไม่หลุดกับดักของชนชั้้นนำ ที่พยายามเอาเรื่องความรู้สึกต่ำต้อยทางเชื่อชาติเมื่อเทียบกับไทย มาเป็นอาวุธเหนี่ยวไกฝังกระสุนลงหัวประชาชนกัมพูชา ตราบนั้น การที่ตระกูลฮุน และชนชั้นนำของกัมพูชา จะใช้ไทยเป็นเครื่องมือก็จะไม่มีวันจบไม่มีวันสิ้น

    และวันนี้ คนไทย กำลังเล่นเกมตระกูลฮุนอยู่

    เรากำลังเสริมภาพลักษณ์ให้ "ฮุนเซน" กลายเป็นรัฐบุรุษแห่งชาติกัมพูชา ดังที่คนกัมพูชากำลังได้ชม "ลูกชายใต้แสงจันทร์วันเพ็ญ" (หรือบางคนเรียกว่า "ลูกชายใต้เดือนเพ็ญ") ผ่านทางสถานีโทรทัศน์กัมพูชาในทุกวัน

    คนไทยเรา แค่ต้องฟังเพลง "เราจะทำตามสัญญา" ก็ปิดทีวี เปิด YouTube หรือ Netflix ดูกันหมดแล้ว แต่นี่ละครทั้งเรื่อง คนกัมพูชามีทางเลือกอะไรบ้าง?

    สิ่งที่เราควรทำในนาทีนี้คือ Status Quo หรือ ตรึงทุกอย่างไว้กับที่ให้นานที่สุด เพราะตระกูลฮุน กำลังเล่นเกมที่เรียกว่า Rally Round the Flag หรือการสร้างภาพการคลั่งชาติ ประคองคะแนนนิยม

    ยิ่งฝ่ายตรงข้ามในเกม ร้อนระอุเท่าไหร่ ตระกูลฮุน ก็จะยิ่งได้ ได้ และ ได้ ได้โดยไม่หยุดหย่อน และหากผันเกมให้เป็นความบาดหมางระหว่างเชื้อชาติได้ ตระกูลฮุนจะยิ่งครอง และกดหัวคนกัมพูชาไปได้อีกหลาย Generation

    และเราก็จะเดือดร้อนไปอีกหลาย Generation เช่นกัน และไม่เพียงแต่ชีวิตประชาชนและทหารหาญที่จะต้องเสียไปในวันนี้ หากการปั่นกระแสเพื่อรักษาอำนาจของตระกูลฮุน จุดติดขึ้นมาจริงๆ ประชาชนและทหารหาญที่ คนรักอิ๊ง นำมากล่าวอ้างว่า ต้องการปกป้องนัก ปกป้องหนา ก็จะยิ่งต้องสังเวยชีวิตให้กับสงครามทีจะไม่มีวันสิ้นสุด

    ไม่ต่างจาก ฉนวนกาซ่า ที่ ปาเลสไตน์ ปะทะกับ อิสราเอล ตามที่ ฮุนเซน กล่าวและหวังไว้ว่ามันจะเกิด

    สิ่งที่ต้องทำในเวลานี้จึงควรเป็นการตั้งสติอย่างมาก และมากที่สุด หยุดเต้นตามเพลงกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาร้องเพลง เต้นรำ ปิดปราสาทในเขตพื้นที่พิพาท หรือการกระทำใดๆ ก็ตาม แม้กระทั่งทหารไทยที่กำลังได้รับแรงเชียร์อย่างมหาศาลให้รบ ก็ควรทิ้งกระบอกปืนไว้ที่ต้้ง แล้วจัดการกับปัญหาต่างๆ ด้วยความอดทนอย่างถึงที่สุด แม้ว่าจะทนไม่ได้ ทนไม่ไหว ก็ต้องทน

    ยิ่งฮุนเซน ไม่สามารถบีบให้กระสุนไทย ฝังในร่างกายคนกัมพูชาได้เท่าไร่

    ยิ่งฮุนเซน ไม่สามารถบีบให้หมัดทหารไทย อัดหน้านักแสดงตุ๊กตาทองรักชาติกัมพูชาที่พยายามยั่วยุในพื้นที่พิพาทรายวันได้เท่าไหร่

    ฮุนเซนก็จะยิ่งอึดอัดกับกระแสที่จะค่อยๆ ตีกลับมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

    เมื่อใดก็ตามที่คนไทยสามารถสร้างภาพให้คนกัมพูชาเห็นได้ว่า ฮุนเซน ไม่เท่าไหร่ ไม่ได้ดี ไม่ได้เจ๋ง ซ้ำยังอ่อนด้อย เพราะไม่เคยสร้างความเจริญใดๆ ให้ประเทศเค้าเอง นอกจากความมั่งคั่งของตัวเอง และเป็นเพียงนายใหม่ที่มากดหัวคนกัมพูชามากกว่า สยามในประวัติศาสตร์ และฝรั่งเศสในอดีต

    เพราะฮุนเซนเป็นคนชาติเดียวกันกับคนกัมพูชา ที่ต้องระเหเร่ร่อนมาหางานทำในเมืองไทยเพื่อชีวิตที่่ดีกว่า ไม่สามารถมีชีวิตที่ดีในประเทศตัวเองได้

    ยิ่งภาพความ "ไร้สมรรถภาพ" และ "ไร้ฝีมือ" เกิดขึ้นกับ ฮุนเซน และตระกูลฮุนมากเท่าไหร่ ...เราก็จะใกล้กับความสงบมากขึ้นเท่านั้น

    ณ เวลานี้ จึงไม่ใช่เวลา ส่งทหารเป็นผู้มีอำนาจ หรือต่อให้ส่งอำนาจให้ทหาร ก็ไม่ใช่เวลาที่ทหารจะใช้อำนาจ แต่ต้องเป็นการใช้โอบกอดคนกัมพูชา

    ถ้าเค้าส่งคมมาร้องรำ เราก็เนียนร้องเพลงไทยไปข้างๆ เขาเลย ถือธงชาติ 2 ประเทศเคียงกัน ทำให้รู้สึกว่า คนที่อยู่บริเวณนั้น คือ "คน" เหมือนๆ กัน ที่ต่างก็พูดเขมรได้ พูดไทยเป็นด้วยกันทั้งสิ้น ส่วนคนที่ทำผิดพลาดไป ในตอนนี้ จะลงดาบประหารเลย หรือว่าจะเก็บเอาไว้ด่าเล่นเพลินๆ ก่อน ก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณา

    แต่ได้โปรด อย่าหยิบยื่นกระสุนให้ทหารเลย

    หวังว่าเสียงนี้จะเพียงพอที่จะทำให้คนที่แวะเข้ามาอ่าน ได้หยุดความสะใจ และเลือกทางเดินให้กับประเทศอย่างมีวิจารณญาน
    วันนี้เป็นครั้งแรกที่จะเขียนบทความนี้ทุกตัวอักษรจากหัวใจล้วนๆ ไม่มีอ้างอิงข้อมูลใดๆ ไม่มีการหาข้อมูลใดๆ เพิ่มเติม เพราะส่วนตัวคิดว่า คงถึงเวลาที่เราต้องเรียก "สติ" กัน แม้ว่าการส่งเสียงผ่านกลุ่มนี้ อาจจะเงียบกริบ แต่อย่างน้อยๆ คนที่แวะผ่านมาเห็น ขอจงโปรดใช้วิจารณญานในการ ค.ว.ย. กรณีตระกูลฮุน ผมหมายถึง "คิด . วิเคระห์ . แยกแยะ" โปรดอย่างคิดเป็นอื่น คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่คุณอุ๊งอิ๊งได้ทำลงเป็น เป็นความผิดพลาดที่ไม่สมควรอภัยอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะด้วยเจตนาดีหรือร้ายอย่างใด สิ่งที่ทำลงไป ไม่อาจเรียกว่าเป็น "การกระทำที่ผ่านการคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว" ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในฐานะผู้นำประเทศที่ทุกๆ การกระทำ คือสิ่งแสดงสถานะตัวแทนและผู้นำประเทศ และไม่ว่าจะด้วยการกล่าวอ้างใดๆ ของคนที่เห็นว่านายกฯ ทำอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ยิ่งช่วย ก็ยิ่งตอกย้ำว่า ลูกสาวคนสุดท้อง ของคุณทักษิณ ยังไม่มีวุฒิภาวะ และความสามารถเพียงพอใจการเป็นผู้นำประเทศ โดยเฉพาะการนำเรื่อง "ประเด็นปัญหาระหว่างประเทศ" ไปคุยผ่าน "ความสัมพันธ์ส่วนตัว" ไม่ว่าคนที่คุยด้วยนั้น จะเป็นผู้นำประเทศคู่กรณีตัวจริง หรือ ตัวจริง ก็ตาม (ผมหมายถึง เป็นโดยตำแหน่ง หรือเป็นโดยการยอมรับ) หรือแม้กระทั่ง เป็นการคุยเพื่อหวังดีต่อประเทศจริงๆ หรือเพียงหวังดีต่อเก้าอี้ตนเองก็ตาม นี่คือเรื่องของ "ประเทศ" ที่ไม่ใช่ "ธุรกิจส่วนตัว" ที่ไปคุยกันบนกรีนสนามกอล์ฟ หรือจบที่คลับหรือเลานจ์สักที่่ คุยนอกรอบให้ลงตัว แล้วค่อยไปจบในห้องประชุม การพูดคุยในฐานะประเทศ ต่อให้ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว ก็พึงมีคนระวังหลังให้เสมอ ไม่ว่าจะมีอำนาจตัดสินใจหรือไม่ ก็ต้องมีคนช่วยเวลาคุย ไม่ใช่ กำลังจะนอนแล้ว โทรหาอังเคิลซะหน่อย เผื่อเคลียร์ได้ ผมไม่เคยเชื่อว่าระหว่าง Donald Trump และ Vladimir Putin จะโทรคุยกันโดยอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือแม้แต่ระหว่าง Vladimir Putin กับ 习近平 (สีจิ้นผิง) จะคุยกันบนความสัมพันธ์ส่วนตัว และเมื่อตัดสินใจผิดพลาด เปลี่ยนการพูดคุยที่ควรจะมีแบบแผนและจริงจัง เป็นวาทกรรมก่อนนอน ก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมา เมื่อคู่สนทนา จริงจังในทุกๆ บริบท สรุป ไม่ว่าสายซัพพอร์ตของ น้องอิ๊ง จะพยายามแก้ต่างด้วยเหตุความหวังดีต่อประเทศอย่างไร มันก็ยิ่งตอกย้ำว่า น้องอิ๊ง ไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำอยู่ดี - รู้สึกอย่างไรบ้างครับ เมื่อบทสนทนาหนักๆ กลายเป็นเรื่องคุยก่อนนอน แต่!! สิ่งที่น่ากลัวกว่าท่านนายกฯ ก็คือ ท่านพ่อนายกฯ ที่ไม่ใช่พ่อนายกฯ เมืองไทย แต่เป็นพ่อนายกฯ เขมร ผู้นำตระกูลฮุน ที่กำลัง "เซาะกร่อนบ่อนทำลาย" ความน่าเชื่อถือของประเทศไทยบนเวทีโลกไปทุกวัน ดูจากสิ่งที่กำลังตามต่อมาจากหลังจาก คลิปเสียงเวอร์ชั่นเต็ม 17 นาทีถูกปล่อยออกมา สิ่งที่ท่านผู้นำฮุนกระทำ และบัญชาการให้องคาพยบของเหล่าชนชั้นนำของกัมพูชาทำก็คือ การเขย่าประเทศไทยให้แรงที่สุดเท่าที่จะแรงได้ เพื่อสร้างแต้มต่อไม่ว่าจะมากหรือน้อยเพียงใดให้กับการต่ออายุการกดขี่ข่มเหงคนกัมพูชาให้นานที่สุด โดยมีเป้าหมายในการเป็น "คิมอิลซุง" หรือ "คิมจองอิล" ของราชวงศ์กัมพูชาให้จงได้ โดยอาศัยเพียงความชาตินิยมของคนกัมพูชา ที่ยังไม่หลุดพ้นจากภาพจำของการตกเป็นเมืองขึ้นของสยามตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา ตั้งแต่นครวัดนครธมถูกอโยธยาเผา เรื่อยมาจนกระทั่งเขมรได้รับการปลดปล่อยจากไทย ด้วยปลายกระบอกปืนของฝรั่งเศส แต่ก็ถูกกดโดยเหล่าเสนาอำมาตย์ที่คอยยกไทยให้เป็นศัตรูผ่านตำราเรียนอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับที่ตำราเรียนประวัติศาสตร์ไทย ยังคงตอกย้ำการเสียกรุงให้พม่า 2 ครั้งมาโดยตลอด ยังดีที่คนไทย ได้รับโอกาสมากกว่า เราจึงหลุดพ้นการกดขี่และเรียกร้องสิทธิเสรีภาพจากผู้ปกครองได้มากกว่าคนกัมพูชา แม้ว่าไทยจะลุ่มๆ ดอนๆ ทางด้านประชาธิปไตยมาตลอด 92 ปี จนถึงวันที่เขียนเรื่องนี้ แต่คนกัมพูชา ยังไม่หลุดพ้นจากเรื่องนั้น ทั้งปัญหาสงครามกลางเมืองและการช่วงชิงอำนาจที่พึ่งยุติไปเมื่อก่อนโลโซปกแดงไม่กี่ปี แถมซ้ำด้วยการที่กลุ่มชนชั้นนำของประเทศกัมพูขากดหัวประชาชนตัวเองต่อเนื่องยาวนาน ยิ่งทำให้คนกัมพูชายังมองภาพรวมไม่ออก ซึ่งก็ไม่ค่อยต่างกันคนไทยเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยๆ เราก็มีเสรีมากกว่าในการพูด พรรคฝ่ายค้านของประเทศเรา ก็ยังด่ารัฐบาลได้ทุกวัน ไม่ต้องติดคุก หรือไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่ไหน ดูได้จาก ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ "ไทย" ได้ดิบได้ดี ชาวกัมพูชาบางส่วน ก็จะแปลงสัญชาติเป็น "เคลมโบเดีย" ทันที และเป็นกับไทย และไทยเท่านั้น ไม่มีลาว ไม่มีเวียดนามที่มีพรมแดนติดกับกัมพูชาเหมือนกัน และเจริญกว่ากัมพูชาเหมือนกันแม้แต่น้อย ตราบใดก็ตามที่ คนกัมพูชา ยังไม่หลุดกับดักของชนชั้้นนำ ที่พยายามเอาเรื่องความรู้สึกต่ำต้อยทางเชื่อชาติเมื่อเทียบกับไทย มาเป็นอาวุธเหนี่ยวไกฝังกระสุนลงหัวประชาชนกัมพูชา ตราบนั้น การที่ตระกูลฮุน และชนชั้นนำของกัมพูชา จะใช้ไทยเป็นเครื่องมือก็จะไม่มีวันจบไม่มีวันสิ้น และวันนี้ คนไทย กำลังเล่นเกมตระกูลฮุนอยู่ เรากำลังเสริมภาพลักษณ์ให้ "ฮุนเซน" กลายเป็นรัฐบุรุษแห่งชาติกัมพูชา ดังที่คนกัมพูชากำลังได้ชม "ลูกชายใต้แสงจันทร์วันเพ็ญ" (หรือบางคนเรียกว่า "ลูกชายใต้เดือนเพ็ญ") ผ่านทางสถานีโทรทัศน์กัมพูชาในทุกวัน คนไทยเรา แค่ต้องฟังเพลง "เราจะทำตามสัญญา" ก็ปิดทีวี เปิด YouTube หรือ Netflix ดูกันหมดแล้ว แต่นี่ละครทั้งเรื่อง คนกัมพูชามีทางเลือกอะไรบ้าง? สิ่งที่เราควรทำในนาทีนี้คือ Status Quo หรือ ตรึงทุกอย่างไว้กับที่ให้นานที่สุด เพราะตระกูลฮุน กำลังเล่นเกมที่เรียกว่า Rally Round the Flag หรือการสร้างภาพการคลั่งชาติ ประคองคะแนนนิยม ยิ่งฝ่ายตรงข้ามในเกม ร้อนระอุเท่าไหร่ ตระกูลฮุน ก็จะยิ่งได้ ได้ และ ได้ ได้โดยไม่หยุดหย่อน และหากผันเกมให้เป็นความบาดหมางระหว่างเชื้อชาติได้ ตระกูลฮุนจะยิ่งครอง และกดหัวคนกัมพูชาไปได้อีกหลาย Generation และเราก็จะเดือดร้อนไปอีกหลาย Generation เช่นกัน และไม่เพียงแต่ชีวิตประชาชนและทหารหาญที่จะต้องเสียไปในวันนี้ หากการปั่นกระแสเพื่อรักษาอำนาจของตระกูลฮุน จุดติดขึ้นมาจริงๆ ประชาชนและทหารหาญที่ คนรักอิ๊ง นำมากล่าวอ้างว่า ต้องการปกป้องนัก ปกป้องหนา ก็จะยิ่งต้องสังเวยชีวิตให้กับสงครามทีจะไม่มีวันสิ้นสุด ไม่ต่างจาก ฉนวนกาซ่า ที่ ปาเลสไตน์ ปะทะกับ อิสราเอล ตามที่ ฮุนเซน กล่าวและหวังไว้ว่ามันจะเกิด สิ่งที่ต้องทำในเวลานี้จึงควรเป็นการตั้งสติอย่างมาก และมากที่สุด หยุดเต้นตามเพลงกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาร้องเพลง เต้นรำ ปิดปราสาทในเขตพื้นที่พิพาท หรือการกระทำใดๆ ก็ตาม แม้กระทั่งทหารไทยที่กำลังได้รับแรงเชียร์อย่างมหาศาลให้รบ ก็ควรทิ้งกระบอกปืนไว้ที่ต้้ง แล้วจัดการกับปัญหาต่างๆ ด้วยความอดทนอย่างถึงที่สุด แม้ว่าจะทนไม่ได้ ทนไม่ไหว ก็ต้องทน ยิ่งฮุนเซน ไม่สามารถบีบให้กระสุนไทย ฝังในร่างกายคนกัมพูชาได้เท่าไร่ ยิ่งฮุนเซน ไม่สามารถบีบให้หมัดทหารไทย อัดหน้านักแสดงตุ๊กตาทองรักชาติกัมพูชาที่พยายามยั่วยุในพื้นที่พิพาทรายวันได้เท่าไหร่ ฮุนเซนก็จะยิ่งอึดอัดกับกระแสที่จะค่อยๆ ตีกลับมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่คนไทยสามารถสร้างภาพให้คนกัมพูชาเห็นได้ว่า ฮุนเซน ไม่เท่าไหร่ ไม่ได้ดี ไม่ได้เจ๋ง ซ้ำยังอ่อนด้อย เพราะไม่เคยสร้างความเจริญใดๆ ให้ประเทศเค้าเอง นอกจากความมั่งคั่งของตัวเอง และเป็นเพียงนายใหม่ที่มากดหัวคนกัมพูชามากกว่า สยามในประวัติศาสตร์ และฝรั่งเศสในอดีต เพราะฮุนเซนเป็นคนชาติเดียวกันกับคนกัมพูชา ที่ต้องระเหเร่ร่อนมาหางานทำในเมืองไทยเพื่อชีวิตที่่ดีกว่า ไม่สามารถมีชีวิตที่ดีในประเทศตัวเองได้ ยิ่งภาพความ "ไร้สมรรถภาพ" และ "ไร้ฝีมือ" เกิดขึ้นกับ ฮุนเซน และตระกูลฮุนมากเท่าไหร่ ...เราก็จะใกล้กับความสงบมากขึ้นเท่านั้น ณ เวลานี้ จึงไม่ใช่เวลา ส่งทหารเป็นผู้มีอำนาจ หรือต่อให้ส่งอำนาจให้ทหาร ก็ไม่ใช่เวลาที่ทหารจะใช้อำนาจ แต่ต้องเป็นการใช้โอบกอดคนกัมพูชา ถ้าเค้าส่งคมมาร้องรำ เราก็เนียนร้องเพลงไทยไปข้างๆ เขาเลย ถือธงชาติ 2 ประเทศเคียงกัน ทำให้รู้สึกว่า คนที่อยู่บริเวณนั้น คือ "คน" เหมือนๆ กัน ที่ต่างก็พูดเขมรได้ พูดไทยเป็นด้วยกันทั้งสิ้น ส่วนคนที่ทำผิดพลาดไป ในตอนนี้ จะลงดาบประหารเลย หรือว่าจะเก็บเอาไว้ด่าเล่นเพลินๆ ก่อน ก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณา แต่ได้โปรด อย่าหยิบยื่นกระสุนให้ทหารเลย หวังว่าเสียงนี้จะเพียงพอที่จะทำให้คนที่แวะเข้ามาอ่าน ได้หยุดความสะใจ และเลือกทางเดินให้กับประเทศอย่างมีวิจารณญาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 513 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนหน้านี้เครื่องขุด Bitcoin ส่วนใหญ่ในโลก — ไม่ต่ำกว่า 90% — ผลิตโดยบริษัทจีนสามเจ้าหลักคือ Bitmain, Canaan และ MicroBT แต่ตอนนี้ ทั้งหมดเริ่ม “ย้ายฐานการผลิต” มาในสหรัฐฯ โดย Bitmain เริ่มก่อนใครตั้งแต่ปลายปี 2024 หลัง Trump ชนะเลือกตั้ง ส่วน Canaan และ MicroBT กำลังเร่งตั้งโรงงานท้องถิ่นตามมา

    สาเหตุไม่ใช่แค่ภาษีนำเข้า 30% ที่กำหนดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความกังวลด้านความมั่นคงด้วย เพราะมีเครื่องขุดของจีนหลายแสนเครื่องที่ต่อเข้ากับโครงข่ายไฟฟ้าในสหรัฐ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็น “ความเสี่ยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน”

    ขณะเดียวกัน มีบางรุ่นของ ASIC (ชิปเฉพาะทางสำหรับขุดคริปโต) โดนลูกหลงจากมาตรการคว่ำบาตร เพราะมีการใช้งานชิปจากบริษัทจีนที่อยู่ในรายชื่อดำ ทำให้บริษัทต้องพยายาม “un-China” ตัวเอง โดยการย้ายโลจิสติกส์ – ผลิต – ซัพพลายเชน เข้ามาอยู่ในสหรัฐให้มากที่สุด

    ประเด็นนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องต้นทุน แต่เป็นการวางตำแหน่งให้แบรนด์ “กลายเป็นฮาร์ดแวร์ที่อเมริการับได้” — ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ในโครงสร้างอุตสาหกรรมคริปโต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptomining/chinese-manufacturers-of-bitcoin-mining-rigs-are-moving-production-to-the-u-s-to-sidestep-tariffs-and-sanctions-this-goes-beyond-tariffs-its-a-strategic-pivot-toward-politically-acceptable-hardware-sources
    ก่อนหน้านี้เครื่องขุด Bitcoin ส่วนใหญ่ในโลก — ไม่ต่ำกว่า 90% — ผลิตโดยบริษัทจีนสามเจ้าหลักคือ Bitmain, Canaan และ MicroBT แต่ตอนนี้ ทั้งหมดเริ่ม “ย้ายฐานการผลิต” มาในสหรัฐฯ โดย Bitmain เริ่มก่อนใครตั้งแต่ปลายปี 2024 หลัง Trump ชนะเลือกตั้ง ส่วน Canaan และ MicroBT กำลังเร่งตั้งโรงงานท้องถิ่นตามมา สาเหตุไม่ใช่แค่ภาษีนำเข้า 30% ที่กำหนดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความกังวลด้านความมั่นคงด้วย เพราะมีเครื่องขุดของจีนหลายแสนเครื่องที่ต่อเข้ากับโครงข่ายไฟฟ้าในสหรัฐ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็น “ความเสี่ยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน” ขณะเดียวกัน มีบางรุ่นของ ASIC (ชิปเฉพาะทางสำหรับขุดคริปโต) โดนลูกหลงจากมาตรการคว่ำบาตร เพราะมีการใช้งานชิปจากบริษัทจีนที่อยู่ในรายชื่อดำ ทำให้บริษัทต้องพยายาม “un-China” ตัวเอง โดยการย้ายโลจิสติกส์ – ผลิต – ซัพพลายเชน เข้ามาอยู่ในสหรัฐให้มากที่สุด ประเด็นนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องต้นทุน แต่เป็นการวางตำแหน่งให้แบรนด์ “กลายเป็นฮาร์ดแวร์ที่อเมริการับได้” — ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ในโครงสร้างอุตสาหกรรมคริปโต https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptomining/chinese-manufacturers-of-bitcoin-mining-rigs-are-moving-production-to-the-u-s-to-sidestep-tariffs-and-sanctions-this-goes-beyond-tariffs-its-a-strategic-pivot-toward-politically-acceptable-hardware-sources
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูม! เงินเปื้อนเลือด: ผู้ทรยศผู้นำสูงสุด — เปิดโปงการจ่ายเงิน 1.7 พันล้านเหรียญของโอบามาให้กับอิหร่าน — ทรัมป์เรียกร้องความยุติธรรมในขณะที่กลุ่มใต้ดินซ่อนตัว [วิดีโอ]

    โดนัลด์ เจ. ทรัมป์ เปิดโปงการจ่ายเงินสด 1.7 พันล้านเหรียญของบารัค โอบามาให้กับอิหร่าน — การกระทำที่เป็นการทรยศโดยตรงที่รัฐสภา เอฟบีไอ และกระทรวงยุติธรรมเพิกเฉย คนทรยศถูกเปิดเผยชื่อ การทรยศนั้นเป็นเรื่องจริง และความยุติธรรมไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป

    วิดีโอนี้ถูกลบออกจากทุกแพลตฟอร์ม (รวมถึง Google) เมื่อหลายปีก่อน ฉันใช้เวลานานมากในการค้นหา

    นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ นั่นคือการลบที่ควบคุมได้ มรดกที่แท้จริงของโอบามาไม่เคยเป็น "ความหวังและการเปลี่ยนแปลง" แต่เป็นการหลอกลวงและทรยศ ห่อหุ้มด้วยการบูชาสื่อและการเซ็นเซอร์ของซิลิคอนวัลเลย์

    พวกเขาล้างอินเทอร์เน็ตให้สะอาดเพราะภาพเผยให้เห็นว่าเขาเป็นใครจริงๆ:

    คอมมิวนิสต์ เจ้าหน้าที่ต่อต้านอเมริกา
    ทรัพย์สินของ Deep State ที่ปลอมตัวเป็นประธานาธิบดี

    แต่การลบข้อมูลจำนวนมหาศาลไม่สามารถชำระล้างเงินที่หลั่งไหลมาจากเลือด เงินก้อนโตที่ส่งไปยังอิหร่าน หรือความเงียบที่เขาซื้อมาจากรัฐสภาที่ขายชาติได้

    ดูเหมือนว่าทุกคนจะลืมไปว่าโอบามานั้นต่อต้านอเมริกามากเพียงใด

    เราไม่ลืม ทรัมป์ไม่ลืม และจากนี้ไป โลกก็จะลืมเช่นกัน

    อ่านเรื่องราวทั้งหมดได้ที่นี่: https://amg-news.com/boom-blood-money-traitor-in-chief-obamas-1-7-billion-payoff-to-iran-exposed-trump-demands-justice-while-the-deep-state-hides/
    บูม! เงินเปื้อนเลือด: ผู้ทรยศผู้นำสูงสุด — เปิดโปงการจ่ายเงิน 1.7 พันล้านเหรียญของโอบามาให้กับอิหร่าน — ทรัมป์เรียกร้องความยุติธรรมในขณะที่กลุ่มใต้ดินซ่อนตัว [วิดีโอ] 🚨 โดนัลด์ เจ. ทรัมป์ เปิดโปงการจ่ายเงินสด 1.7 พันล้านเหรียญของบารัค โอบามาให้กับอิหร่าน — การกระทำที่เป็นการทรยศโดยตรงที่รัฐสภา เอฟบีไอ และกระทรวงยุติธรรมเพิกเฉย คนทรยศถูกเปิดเผยชื่อ การทรยศนั้นเป็นเรื่องจริง และความยุติธรรมไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป วิดีโอนี้ถูกลบออกจากทุกแพลตฟอร์ม (รวมถึง Google) เมื่อหลายปีก่อน ฉันใช้เวลานานมากในการค้นหา นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ นั่นคือการลบที่ควบคุมได้ มรดกที่แท้จริงของโอบามาไม่เคยเป็น "ความหวังและการเปลี่ยนแปลง" แต่เป็นการหลอกลวงและทรยศ ห่อหุ้มด้วยการบูชาสื่อและการเซ็นเซอร์ของซิลิคอนวัลเลย์ พวกเขาล้างอินเทอร์เน็ตให้สะอาดเพราะภาพเผยให้เห็นว่าเขาเป็นใครจริงๆ: คอมมิวนิสต์ เจ้าหน้าที่ต่อต้านอเมริกา ทรัพย์สินของ Deep State ที่ปลอมตัวเป็นประธานาธิบดี แต่การลบข้อมูลจำนวนมหาศาลไม่สามารถชำระล้างเงินที่หลั่งไหลมาจากเลือด เงินก้อนโตที่ส่งไปยังอิหร่าน หรือความเงียบที่เขาซื้อมาจากรัฐสภาที่ขายชาติได้ ดูเหมือนว่าทุกคนจะลืมไปว่าโอบามานั้นต่อต้านอเมริกามากเพียงใด เราไม่ลืม ทรัมป์ไม่ลืม และจากนี้ไป โลกก็จะลืมเช่นกัน 👉 อ่านเรื่องราวทั้งหมดได้ที่นี่: https://amg-news.com/boom-blood-money-traitor-in-chief-obamas-1-7-billion-payoff-to-iran-exposed-trump-demands-justice-while-the-deep-state-hides/
    AMG-NEWS.COM
    BOOM! BLOOD MONEY: TRAITOR-IN-CHIEF — OBAMA’S $1.7 BILLION PAYOFF TO IRAN EXPOSED — TRUMP DEMANDS JUSTICE WHILE THE DEEP STATE HIDES [VIDEO] - amg-news.com - American Media Group
    Donald J. Trump exposes Barack Obama’s $1.7 billion cash payout to Iran — a direct act of treason ignored by Congress, the FBI, and the DOJ. The traitors are named. The betrayal is real. And justice is no longer optional.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ผลักดันให้ EchoStar และ FCC บรรลุข้อตกลงเรื่องใบอนุญาตคลื่นความถี่
    อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้กระตุ้นให้ EchoStar Corp และ คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสาร (FCC) บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับ ใบอนุญาตคลื่นความถี่ไร้สาย ซึ่ง EchoStar กำลังพยายามปกป้องจากการถูกเพิกถอน

    ทรัมป์พบกับ Charlie Ergen และโทรศัพท์ถึง Brendan Carr
    - Charlie Ergen ประธาน EchoStar ได้เข้าพบทรัมป์ที่ทำเนียบขาว
    - Brendan Carr ประธาน FCC ได้รับโทรศัพท์จากทรัมป์และเข้าร่วมการประชุม

    EchoStar กำลังเผชิญกับการตรวจสอบจาก FCC
    - FCC กำลังตรวจสอบว่า EchoStar ปฏิบัติตามข้อกำหนดในการให้บริการ 5G หรือไม่
    - EchoStar อ้างว่าการตรวจสอบนี้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและความสามารถในการให้บริการ

    หุ้นของ EchoStar พุ่งขึ้น 52% หลังมีรายงานข่าว
    - นักลงทุนตอบรับเชิงบวกต่อข่าวการเจรจา
    - EchoStar กำลังพยายามรักษาใบอนุญาตคลื่นความถี่ที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคม
    FCC อาจเพิกถอนใบอนุญาตคลื่นความถี่ของ EchoStar
    - หาก EchoStar ไม่สามารถพิสูจน์ว่าปฏิบัติตามข้อกำหนด FCC อาจเพิกถอนใบอนุญาต

    การเมืองอาจมีบทบาทในการตัดสินใจของ FCC
    - การที่ทรัมป์เข้าแทรกแซงอาจส่งผลต่อแนวทางการกำกับดูแลของ FCC

    ต้องติดตามว่าข้อตกลงนี้จะส่งผลต่อการพัฒนา 5G ในสหรัฐฯ อย่างไร
    - หาก EchoStar สามารถรักษาใบอนุญาตได้ อาจช่วยให้การแข่งขันในตลาด 5G มีความหลากหลายมากขึ้น

    อนาคตของ EchoStar และการพัฒนา 5G
    EchoStar อาจต้องเร่งขยายโครงสร้างพื้นฐาน 5G เพื่อรักษาใบอนุญาต FCC อาจต้องทบทวนแนวทางการกำกับดูแลเพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมในตลาด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/14/trump-urged-echostar-fcc-chair-to-cut-a-deal-on-spectrum--bloomberg
    📡 ทรัมป์ผลักดันให้ EchoStar และ FCC บรรลุข้อตกลงเรื่องใบอนุญาตคลื่นความถี่ อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้กระตุ้นให้ EchoStar Corp และ คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสาร (FCC) บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับ ใบอนุญาตคลื่นความถี่ไร้สาย ซึ่ง EchoStar กำลังพยายามปกป้องจากการถูกเพิกถอน ✅ ทรัมป์พบกับ Charlie Ergen และโทรศัพท์ถึง Brendan Carr - Charlie Ergen ประธาน EchoStar ได้เข้าพบทรัมป์ที่ทำเนียบขาว - Brendan Carr ประธาน FCC ได้รับโทรศัพท์จากทรัมป์และเข้าร่วมการประชุม ✅ EchoStar กำลังเผชิญกับการตรวจสอบจาก FCC - FCC กำลังตรวจสอบว่า EchoStar ปฏิบัติตามข้อกำหนดในการให้บริการ 5G หรือไม่ - EchoStar อ้างว่าการตรวจสอบนี้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและความสามารถในการให้บริการ ✅ หุ้นของ EchoStar พุ่งขึ้น 52% หลังมีรายงานข่าว - นักลงทุนตอบรับเชิงบวกต่อข่าวการเจรจา - EchoStar กำลังพยายามรักษาใบอนุญาตคลื่นความถี่ที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคม ‼️ FCC อาจเพิกถอนใบอนุญาตคลื่นความถี่ของ EchoStar - หาก EchoStar ไม่สามารถพิสูจน์ว่าปฏิบัติตามข้อกำหนด FCC อาจเพิกถอนใบอนุญาต ‼️ การเมืองอาจมีบทบาทในการตัดสินใจของ FCC - การที่ทรัมป์เข้าแทรกแซงอาจส่งผลต่อแนวทางการกำกับดูแลของ FCC ‼️ ต้องติดตามว่าข้อตกลงนี้จะส่งผลต่อการพัฒนา 5G ในสหรัฐฯ อย่างไร - หาก EchoStar สามารถรักษาใบอนุญาตได้ อาจช่วยให้การแข่งขันในตลาด 5G มีความหลากหลายมากขึ้น 🚀 อนาคตของ EchoStar และการพัฒนา 5G ✅ EchoStar อาจต้องเร่งขยายโครงสร้างพื้นฐาน 5G เพื่อรักษาใบอนุญาต ✅ FCC อาจต้องทบทวนแนวทางการกำกับดูแลเพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมในตลาด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/14/trump-urged-echostar-fcc-chair-to-cut-a-deal-on-spectrum--bloomberg
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Trump urged EchoStar, FCC chair to cut a deal on spectrum -Bloomberg
    WASHINGTON (Reuters) -President Donald Trump urged EchoStar Corp Chairman Charlie Ergen and Federal Communications Commission Chair Brendan Carr to reach a deal over the fate of the company's wireless spectrum licenses, Bloomberg reported on Friday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดนมาร์กเตรียมย้ายจาก Windows และ Office ไปใช้ Linux
    รัฐบาลเดนมาร์ก กำลังพิจารณาย้ายออกจากผลิตภัณฑ์ของ Microsoft เช่น Windows และ Office 365 ไปใช้ LibreOffice และระบบปฏิบัติการ Linux โดยมีเป้าหมาย ลดการพึ่งพาผู้ให้บริการรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย

    Caroline Stage Olsen รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลของเดนมาร์ก ระบุว่า กระทรวงของเธอจะเริ่มเปลี่ยนไปใช้ LibreOffice ในเดือนหน้า และ หากพบปัญหา จะมีแผนสำรองในการกลับไปใช้ระบบเดิมชั่วคราว

    ข้อมูลจากข่าว
    - รัฐบาลเดนมาร์กกำลังพิจารณาย้ายออกจาก Windows และ Office ไปใช้ Linux และ LibreOffice
    - Caroline Stage Olsen ยืนยันว่ากระทรวงของเธอจะเริ่มเปลี่ยนไปใช้ LibreOffice ในเดือนหน้า
    - หากพบปัญหาในการใช้งาน จะมีแผนสำรองในการกลับไปใช้ระบบเดิมชั่วคราว
    - การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางลดการพึ่งพาผู้ให้บริการรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย
    - การเปลี่ยนแปลงอาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ ICC (ศาลอาญาระหว่างประเทศ) ถูกตัดบัญชี Microsoft หลังจากถูกคว่ำบาตรโดยรัฐบาลทรัมป์

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมซอฟต์แวร์
    การเปลี่ยนแปลงนี้ อาจส่งผลให้ประเทศอื่น ๆ พิจารณาทางเลือกโอเพ่นซอร์สมากขึ้น และ ลดการพึ่งพา Microsoft ในภาครัฐ

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การเปลี่ยนไปใช้ LibreOffice อาจมีปัญหาด้านความเข้ากันได้กับไฟล์ของ Microsoft Office
    - Linux อาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวสำหรับผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ Windows
    - ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อความสามารถในการทำงานของหน่วยงานรัฐหรือไม่
    - การลดการพึ่งพา Microsoft อาจทำให้เกิดความท้าทายด้านการสนับสนุนและการบำรุงรักษา

    อนาคตของ Linux และ LibreOffice ในภาครัฐ
    รัฐบาลเดนมาร์ก กำลังทดสอบแนวทางใหม่ในการใช้ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส ซึ่งอาจช่วยให้ ประเทศอื่น ๆ พิจารณาทางเลือกที่คล้ายกันในอนาคต

    https://www.neowin.net/news/denmark-ditching-windows-and-office-for-linux-as-it-may-not-want-to-rely-on-microsoft-trump/
    🇩🇰 เดนมาร์กเตรียมย้ายจาก Windows และ Office ไปใช้ Linux รัฐบาลเดนมาร์ก กำลังพิจารณาย้ายออกจากผลิตภัณฑ์ของ Microsoft เช่น Windows และ Office 365 ไปใช้ LibreOffice และระบบปฏิบัติการ Linux โดยมีเป้าหมาย ลดการพึ่งพาผู้ให้บริการรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย Caroline Stage Olsen รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลของเดนมาร์ก ระบุว่า กระทรวงของเธอจะเริ่มเปลี่ยนไปใช้ LibreOffice ในเดือนหน้า และ หากพบปัญหา จะมีแผนสำรองในการกลับไปใช้ระบบเดิมชั่วคราว ✅ ข้อมูลจากข่าว - รัฐบาลเดนมาร์กกำลังพิจารณาย้ายออกจาก Windows และ Office ไปใช้ Linux และ LibreOffice - Caroline Stage Olsen ยืนยันว่ากระทรวงของเธอจะเริ่มเปลี่ยนไปใช้ LibreOffice ในเดือนหน้า - หากพบปัญหาในการใช้งาน จะมีแผนสำรองในการกลับไปใช้ระบบเดิมชั่วคราว - การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางลดการพึ่งพาผู้ให้บริการรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย - การเปลี่ยนแปลงอาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ ICC (ศาลอาญาระหว่างประเทศ) ถูกตัดบัญชี Microsoft หลังจากถูกคว่ำบาตรโดยรัฐบาลทรัมป์ 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ การเปลี่ยนแปลงนี้ อาจส่งผลให้ประเทศอื่น ๆ พิจารณาทางเลือกโอเพ่นซอร์สมากขึ้น และ ลดการพึ่งพา Microsoft ในภาครัฐ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การเปลี่ยนไปใช้ LibreOffice อาจมีปัญหาด้านความเข้ากันได้กับไฟล์ของ Microsoft Office - Linux อาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวสำหรับผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ Windows - ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อความสามารถในการทำงานของหน่วยงานรัฐหรือไม่ - การลดการพึ่งพา Microsoft อาจทำให้เกิดความท้าทายด้านการสนับสนุนและการบำรุงรักษา 🚀 อนาคตของ Linux และ LibreOffice ในภาครัฐ รัฐบาลเดนมาร์ก กำลังทดสอบแนวทางใหม่ในการใช้ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส ซึ่งอาจช่วยให้ ประเทศอื่น ๆ พิจารณาทางเลือกที่คล้ายกันในอนาคต https://www.neowin.net/news/denmark-ditching-windows-and-office-for-linux-as-it-may-not-want-to-rely-on-microsoft-trump/
    WWW.NEOWIN.NET
    Denmark ditching Windows and Office for Linux as it may not want to rely on Microsoft, Trump
    Following Germany's move last year, Denmark is also trying to transition away from Windows and Office towards Linux.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 284 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..อนาคตจะเกิดที่ไทย,เพราะจะปราบปรามครั้งใหญ่เช่นกันคงเร็วๆนี้ ,แต่ไม่ใช่แบบทรัมป์แต่คือการยึดอำนาจและมีนายกฯพิเศษสั่งดารกวาดล้าง,เรามีรายชื่อและข้อมูลทั้งหมดในมือแล้ว,กฎอัยการศึกได้ประกาศใช้เพื่อการหลบหนีออกนอกประเทศในจุดที่นิยมแล้ว.

    .. คำเตือนผู้รักชาติ: ระวังและอย่าอยู่ในบริเวณเหล่านี้ — วางแผนก่อวินาศกรรม 1,500 เมืองในวันที่ 14 มิถุนายน — แอนติฟาปล่อยการโจมตีแบบประสานงานต่อขบวนพาเหรดของทรัมป์

    14 มิถุนายน 2025 — เมืองต่างๆ ของสหรัฐฯ กว่า 1,500 แห่งตกเป็นเป้าหมายของความโกลาหลจากปฏิบัติการประสานงาน "No Kings Day" ของแอนติฟา ภายใต้หน้ากากของการประท้วง เป็นการก่อความไม่สงบที่แท้จริงกำลังเกิดขึ้น ทรัมป์พร้อมเสมอ ผู้รักชาติ อย่ายอมแพ้
    อ่านเรื่องราวทั้งหมดได้ที่นี่: https://amg-news.com/warning-patriots-be-careful-do-not-be-in-these-areas-1500-city-sabotage-planned-for-june-14-antifa-unleashes-coordinated-attack-on-trumps-parade/
    ..อนาคตจะเกิดที่ไทย,เพราะจะปราบปรามครั้งใหญ่เช่นกันคงเร็วๆนี้ ,แต่ไม่ใช่แบบทรัมป์แต่คือการยึดอำนาจและมีนายกฯพิเศษสั่งดารกวาดล้าง,เรามีรายชื่อและข้อมูลทั้งหมดในมือแล้ว,กฎอัยการศึกได้ประกาศใช้เพื่อการหลบหนีออกนอกประเทศในจุดที่นิยมแล้ว. ..🛑 คำเตือนผู้รักชาติ: ระวังและอย่าอยู่ในบริเวณเหล่านี้ — วางแผนก่อวินาศกรรม 1,500 เมืองในวันที่ 14 มิถุนายน — แอนติฟาปล่อยการโจมตีแบบประสานงานต่อขบวนพาเหรดของทรัมป์ 🛑 14 มิถุนายน 2025 — เมืองต่างๆ ของสหรัฐฯ กว่า 1,500 แห่งตกเป็นเป้าหมายของความโกลาหลจากปฏิบัติการประสานงาน "No Kings Day" ของแอนติฟา ภายใต้หน้ากากของการประท้วง เป็นการก่อความไม่สงบที่แท้จริงกำลังเกิดขึ้น ทรัมป์พร้อมเสมอ ผู้รักชาติ อย่ายอมแพ้ 👉 อ่านเรื่องราวทั้งหมดได้ที่นี่: https://amg-news.com/warning-patriots-be-careful-do-not-be-in-these-areas-1500-city-sabotage-planned-for-june-14-antifa-unleashes-coordinated-attack-on-trumps-parade/
    AMG-NEWS.COM
    WARNING PATRIOTS: BE CAREFUL & DO NOT BE IN THESE AREAS — 1,500-CITY SABOTAGE PLANNED FOR JUNE 14 — ANTIFA UNLEASHES COORDINATED ATTACK ON TRUMP’S PARADE - amg-news.com - American Media Group
    June 14, 2025 — Over 1,500 U.S. cities targeted for chaos by Antifa’s coordinated “No Kings Day” operation. Under the guise of protest, a real insurgency is unfolding. Trump stands ready. Patriots, don’t back down.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 285 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ข้อเท็จจริงจริงๆเราไม่ทราบได้.,แต่ถ้าจริงเพื่อปราบปรามเดอะแก๊งอาชญากรรมต่างๆและเดอะแก๊งค้ามนุษย์ในสหรัฐหรือทั่วอเมริกาหรือล้างบางครั้งใหญ่ในอเมริกาก็น่าฟังได้.

    .. ข่าวล่าสุด: สงครามของทรัมป์ต่อการล่วงละเมิดเด็ก – ประธานาธิบดีที่ทำลายล้างอาณาจักรของพวกชอบเด็กที่พวกเขาสาบานว่าจะไม่มีวันถูกแตะต้อง

    คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ได้เปิดฉากการปราบปรามการล่วงละเมิดเด็ก การค้ามนุษย์ และผู้ล่าเหยื่อออนไลน์ที่โหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ในขณะที่คนอื่นพูด เขาก็ลงมือทำ และรัฐบาลเงาก็ไม่เคยให้อภัยเขาเลย

    อ่านเรื่องราวทั้งหมดได้ที่นี่: https://amg-news.com/just-in-trumps-executive-war-on-child-abuse-the-president-who-shattered-the-pedophile-empire-they-swore-would-never-be-touched/
    ..ข้อเท็จจริงจริงๆเราไม่ทราบได้.,แต่ถ้าจริงเพื่อปราบปรามเดอะแก๊งอาชญากรรมต่างๆและเดอะแก๊งค้ามนุษย์ในสหรัฐหรือทั่วอเมริกาหรือล้างบางครั้งใหญ่ในอเมริกาก็น่าฟังได้. ..💥 ข่าวล่าสุด: สงครามของทรัมป์ต่อการล่วงละเมิดเด็ก – ประธานาธิบดีที่ทำลายล้างอาณาจักรของพวกชอบเด็กที่พวกเขาสาบานว่าจะไม่มีวันถูกแตะต้อง 💥 คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ได้เปิดฉากการปราบปรามการล่วงละเมิดเด็ก การค้ามนุษย์ และผู้ล่าเหยื่อออนไลน์ที่โหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ในขณะที่คนอื่นพูด เขาก็ลงมือทำ และรัฐบาลเงาก็ไม่เคยให้อภัยเขาเลย 👉 อ่านเรื่องราวทั้งหมดได้ที่นี่: https://amg-news.com/just-in-trumps-executive-war-on-child-abuse-the-president-who-shattered-the-pedophile-empire-they-swore-would-never-be-touched/
    AMG-NEWS.COM
    JUST IN: TRUMP’S EXECUTIVE WAR ON CHILD ABUSE - THE PRESIDENT WHO SHATTERED THE PEDOPHILE EMPIRE THEY SWORE WOULD NEVER BE TOUCHED - amg-news.com - American Media Group
    Trump’s executive orders launched the most ruthless crackdown on child abuse, human trafficking, and online predators in U.S. history. While others talked, he took action — and the Deep State has never forgiven him.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • CV รัฐบาลอเมริกาล่าสุด:

    ไม่มีสงครามใหญ่ใดๆ ที่จักรวรรดิ์นิยมอเมริกาไม่มีเอี่ยว

    ๑.อเมริกาเป็นต้นเหตุของสงครามรัสเซีย-ยูเครนทั้งหมด
    https://www.youtube.com/watch?v=uE7FikutsUk
    ๒.อเมริกาเป็นผู้สนับสนุนรายสำคัญให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์
    ๓.อเมริกากำลังหาเรื่องก่อสงครามที่ทะเลจีนใต้กับจีน
    ๔.อเมริกากำลังหาเรื่องก่อสงครามกับอิหร่าน

    ล่าสุด หลังจากปั่นกระแสสงครามที่ยูเครนและไต้หวันแล้ว

    ๑.ต้นเดือนที่แล้ว ทรัมป์อนุมัติให้ขายอาวุธแก่ยูเครน มีมูลค่า ๕๐ พันล้านดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา ยุให้ยูเครนทำสงครามกับรัสเซียต่อ แต่ต่อหน้าสาธารณชน ทำทีเป็นอยากให้สงครามยุติ

    https://www.pravda.com.ua/eng/news/2025/05/1/7510031/

    ๒.ปลายเดือนที่แล้ว โดนัลด์ ทรัมป์อนุมัติขายอาวุธให้ไต้หวัน มูลค่า ๑๘.๓ พันล้านดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา

    https://www.reuters.com/world/china/trump-aims-exceed-first-terms-weapons-sales-taiwan-officials-say-2025-05-30/

    จักรวรรดิ์นิยมอเมริกายุให้นานาชาติก่อสงคราม แล้วตนเองก็เป็นนายหน้าค้าขายอาวุธให้บรรษัทผลิตอาวุธที่ยิวหรือเครือข่ายยิวเป็นเจ้าของ โดยที่บรรษัทผลิตอาวุธเหล่านี้ นักการเมืองถือหุ้นได้ด้วย

    ถ้ามีการชิงรางวัล *ผู้นำสาระเลวแห่งปี* (The Bastard Leadership Award of the Year) ทรัมป์น่าจะได้ร่วมครองกับเนตันยาฮูของอิสราเอลโดยไม่ต้องสงสัย
    CV รัฐบาลอเมริกาล่าสุด: ไม่มีสงครามใหญ่ใดๆ ที่จักรวรรดิ์นิยมอเมริกาไม่มีเอี่ยว ๑.อเมริกาเป็นต้นเหตุของสงครามรัสเซีย-ยูเครนทั้งหมด https://www.youtube.com/watch?v=uE7FikutsUk ๒.อเมริกาเป็นผู้สนับสนุนรายสำคัญให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ ๓.อเมริกากำลังหาเรื่องก่อสงครามที่ทะเลจีนใต้กับจีน ๔.อเมริกากำลังหาเรื่องก่อสงครามกับอิหร่าน ล่าสุด หลังจากปั่นกระแสสงครามที่ยูเครนและไต้หวันแล้ว ๑.ต้นเดือนที่แล้ว ทรัมป์อนุมัติให้ขายอาวุธแก่ยูเครน มีมูลค่า ๕๐ พันล้านดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา ยุให้ยูเครนทำสงครามกับรัสเซียต่อ แต่ต่อหน้าสาธารณชน ทำทีเป็นอยากให้สงครามยุติ https://www.pravda.com.ua/eng/news/2025/05/1/7510031/ ๒.ปลายเดือนที่แล้ว โดนัลด์ ทรัมป์อนุมัติขายอาวุธให้ไต้หวัน มูลค่า ๑๘.๓ พันล้านดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา https://www.reuters.com/world/china/trump-aims-exceed-first-terms-weapons-sales-taiwan-officials-say-2025-05-30/ จักรวรรดิ์นิยมอเมริกายุให้นานาชาติก่อสงคราม แล้วตนเองก็เป็นนายหน้าค้าขายอาวุธให้บรรษัทผลิตอาวุธที่ยิวหรือเครือข่ายยิวเป็นเจ้าของ โดยที่บรรษัทผลิตอาวุธเหล่านี้ นักการเมืองถือหุ้นได้ด้วย ถ้ามีการชิงรางวัล *ผู้นำสาระเลวแห่งปี* (The Bastard Leadership Award of the Year) ทรัมป์น่าจะได้ร่วมครองกับเนตันยาฮูของอิสราเอลโดยไม่ต้องสงสัย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 363 มุมมอง 0 รีวิว