• 10X Consulting แบรนด์แรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองเป็น Approved, an IMC Accredited Training Center จาก International Mentoring Center (IMC)

    หลักสูตร OKR Practitioner :
    Level 01 : OKR FUNDAMENTAL
    Level 02 : OKR PRACTICUM & OKR COACH
    Level 03 : OKR PRACTITIONER FOR ORGANIZATION

    หลักสูตร OKR Leadership :
    Level 04 : OKR LEADERSHIP & OKR CHAMPION
    Level 05 : OKR PROFESSIONAL

    ผู้เรียนที่ผ่านหลักสูตร OKR Series ของ 10X Consulting ได้รับการรับรอง (Certified) Mentor จาก 10X Consulting และ International Mentoring Center (IMC)

    นอกจากนี้ยังได้รับตราสัญลักษณ์การรับรองคุณวุฒิดิจิทัล (Digital Credential) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใช้เพื่อถ่ายทอดความสำเร็จที่สามารถใช้เป็นลายมือชื่ออีเมล์หรือประวัติส่วนตัวโดยย่อดิจิทัลจาก Credly และ AIS Academy พร้อมวุฒิบัตรดิจิทัล (Digital Certificate) ที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับ Profile ของคุณ!!!

    รวมทั้งได้สิทธิ์พิเศษในการใช้แพลตฟอร์ม “Drive Business Performance with AI Enabled Platform” ที่ได้รับความนิยมในระดับนานาชาติ

    บุคคล/ทีม/องค์กรที่สนใจพัฒนาทักษะแห่งอนาคตในเชิงลึกแบบ
    Hand – on จากแบรนด์ที่สั่งสมประสบการณ์และเคล็ดลับทั้งจากการทำงานกับผู้นำและผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานชั้นนำทั้งในประเทศ ซึ่งจะทำให้คุณ ทีม และองค์กรคุณ Upskill พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงโดยการเรียนรู้ที่สะดวกกว่า เหมาะสมกับยุคของการคิดได้ ทำเป็น เห็นผล

    สนใจติดต่อสอบถาม/ทำนัดที่ LINE OA : 10xconsulting
    email : wasit.p@10-xconsulting.com
    www.10-xconsulting.com
    10X Consulting #พัฒนาคนให้เก่ง #สร้างทีมให้แกร่ง #กระบวนการเยี่ยม #ผลลัพธ์ยอด
    10X Consulting แบรนด์แรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองเป็น Approved, an IMC Accredited Training Center จาก International Mentoring Center (IMC) หลักสูตร OKR Practitioner : Level 01 : OKR FUNDAMENTAL Level 02 : OKR PRACTICUM & OKR COACH Level 03 : OKR PRACTITIONER FOR ORGANIZATION หลักสูตร OKR Leadership : Level 04 : OKR LEADERSHIP & OKR CHAMPION Level 05 : OKR PROFESSIONAL ผู้เรียนที่ผ่านหลักสูตร OKR Series ของ 10X Consulting ได้รับการรับรอง (Certified) Mentor จาก 10X Consulting และ International Mentoring Center (IMC) นอกจากนี้ยังได้รับตราสัญลักษณ์การรับรองคุณวุฒิดิจิทัล (Digital Credential) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใช้เพื่อถ่ายทอดความสำเร็จที่สามารถใช้เป็นลายมือชื่ออีเมล์หรือประวัติส่วนตัวโดยย่อดิจิทัลจาก Credly และ AIS Academy พร้อมวุฒิบัตรดิจิทัล (Digital Certificate) ที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับ Profile ของคุณ!!! รวมทั้งได้สิทธิ์พิเศษในการใช้แพลตฟอร์ม “Drive Business Performance with AI Enabled Platform” ที่ได้รับความนิยมในระดับนานาชาติ บุคคล/ทีม/องค์กรที่สนใจพัฒนาทักษะแห่งอนาคตในเชิงลึกแบบ Hand – on จากแบรนด์ที่สั่งสมประสบการณ์และเคล็ดลับทั้งจากการทำงานกับผู้นำและผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานชั้นนำทั้งในประเทศ ซึ่งจะทำให้คุณ ทีม และองค์กรคุณ Upskill พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงโดยการเรียนรู้ที่สะดวกกว่า เหมาะสมกับยุคของการคิดได้ ทำเป็น เห็นผล สนใจติดต่อสอบถาม/ทำนัดที่ LINE OA : 10xconsulting email : wasit.p@10-xconsulting.com www.10-xconsulting.com 10X Consulting #พัฒนาคนให้เก่ง #สร้างทีมให้แกร่ง #กระบวนการเยี่ยม #ผลลัพธ์ยอด
    0 Comments 0 Shares 312 Views 0 Reviews
  • 💡เมนทอร์โซลูชัน (MENTORING SOLUTION) ที่ช่วยยกระดับศักยภาพผู้นำและทีมของคุณ
    .
    เมนทอร์โซลูชันออกแบบมาเพื่อการพัฒนาผู้นำแบบองค์รวม โดยไม่ใช่แค่การอบรมทั่วไป แต่คือโซลูชันพัฒนาเมนทอร์เป้าหมายเฉพาะขององค์กร พร้อมโซลูชันการประเมินการพัฒนาทักษะแห่งอนาคตของผู้นำในทุกระดับ

    ทำไมต้อง "เมนทอร์!!!"
    ในวงการพัฒนาศักยภาพในประเทศไทยการเมนทอร์ มีการกล่าวถึงแบบรวมๆ และยังไม่พบว่ามีผู้ให้บริการด้านการพัฒนาศักยภาพ เผยแพร่ให้ข้อมูล – ให้บริการด้วยกระบวนการที่เป็นมาตรฐานสากล แบรนด์ 10X Consulting แบรนด์ในเครือเดชฤทธิ์ กรุ๊ป เป็นผู้ให้บริการด้านการพัฒนาศักยภาพแบรนด์แรกในไทยที่เป็นองค์กรที่ได้รับการรับรอง (Accredited Training Organisation (ATO)) จาก International Mentoring Center (IMC) และ ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร และ ดร.ศรินนา แก้วสีเคน ผู้บริหารแบรนด์ 10X Consulting แบรนด์ในเครือเดชฤทธิ์ กรุ๊ป ได้รับการรับรองเป็น Certified Professional Mentor (CPM) )) จาก International Mentoring Center (IMC)
    .
    ความสำเร็จขององค์กร เริ่มต้นจากการมีผู้นำและทีมงานที่แข็งแกร่ง
    .
    องค์กร/ผู้นำที่สนใจข้อมูลการบริการเมนทอร์ และการพัฒนาศักยภาพ ความรู้ และทักษะ สร้างเมนทอร์ในองค์กรติดต่อได้ที่ LINE Official @10xconsulting หรือ email : wasit@10-xconsulting.com

    💡MENTORING SOLUTIONS THAT EMPOWER YOUR LEADERS AND TEAMS.
    Mentor Solutions are designed for holistic leadership development, not just general training, but organization-specific mentoring solutions, with solutions to assess the future skills development of leaders at all levels.
    .
    Why "mentor!!"
    In the field of capacity development in Thailand, mentoring There has been a general mention and no capacity development service providers have been found. 10X Consulting, a brand of DECHRIT GROUP, is the first brand capacity development service provider in Thailand to be accredited by the International Mentoring Center (IMC) and Distinguished Prof. Dr.Wasit Prombutr and Dr. Sarina Kaewsiken, Brand Executives 10X Consulting, a brand of DECHRIT GROUP, has been certified as a Certified Professional Mentor (CPM) by the International Mentoring Center (IMC).
    .
    Enterprise Success It starts with a strong leader and team.
    .
    Organizations/leaders interested in mentoring service information and developing their potential, knowledge, and skills. To create a mentor in your organization, please contact LINE Official @10xconsulting or email: wasit@10-xconsulting.com
    💡เมนทอร์โซลูชัน (MENTORING SOLUTION) ที่ช่วยยกระดับศักยภาพผู้นำและทีมของคุณ . เมนทอร์โซลูชันออกแบบมาเพื่อการพัฒนาผู้นำแบบองค์รวม โดยไม่ใช่แค่การอบรมทั่วไป แต่คือโซลูชันพัฒนาเมนทอร์เป้าหมายเฉพาะขององค์กร พร้อมโซลูชันการประเมินการพัฒนาทักษะแห่งอนาคตของผู้นำในทุกระดับ ทำไมต้อง "เมนทอร์!!!" ในวงการพัฒนาศักยภาพในประเทศไทยการเมนทอร์ มีการกล่าวถึงแบบรวมๆ และยังไม่พบว่ามีผู้ให้บริการด้านการพัฒนาศักยภาพ เผยแพร่ให้ข้อมูล – ให้บริการด้วยกระบวนการที่เป็นมาตรฐานสากล แบรนด์ 10X Consulting แบรนด์ในเครือเดชฤทธิ์ กรุ๊ป เป็นผู้ให้บริการด้านการพัฒนาศักยภาพแบรนด์แรกในไทยที่เป็นองค์กรที่ได้รับการรับรอง (Accredited Training Organisation (ATO)) จาก International Mentoring Center (IMC) และ ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร และ ดร.ศรินนา แก้วสีเคน ผู้บริหารแบรนด์ 10X Consulting แบรนด์ในเครือเดชฤทธิ์ กรุ๊ป ได้รับการรับรองเป็น Certified Professional Mentor (CPM) )) จาก International Mentoring Center (IMC) . ความสำเร็จขององค์กร เริ่มต้นจากการมีผู้นำและทีมงานที่แข็งแกร่ง . องค์กร/ผู้นำที่สนใจข้อมูลการบริการเมนทอร์ และการพัฒนาศักยภาพ ความรู้ และทักษะ สร้างเมนทอร์ในองค์กรติดต่อได้ที่ LINE Official @10xconsulting หรือ email : wasit@10-xconsulting.com 💡MENTORING SOLUTIONS THAT EMPOWER YOUR LEADERS AND TEAMS. Mentor Solutions are designed for holistic leadership development, not just general training, but organization-specific mentoring solutions, with solutions to assess the future skills development of leaders at all levels. . Why "mentor!!" In the field of capacity development in Thailand, mentoring There has been a general mention and no capacity development service providers have been found. 10X Consulting, a brand of DECHRIT GROUP, is the first brand capacity development service provider in Thailand to be accredited by the International Mentoring Center (IMC) and Distinguished Prof. Dr.Wasit Prombutr and Dr. Sarina Kaewsiken, Brand Executives 10X Consulting, a brand of DECHRIT GROUP, has been certified as a Certified Professional Mentor (CPM) by the International Mentoring Center (IMC). . Enterprise Success It starts with a strong leader and team. . Organizations/leaders interested in mentoring service information and developing their potential, knowledge, and skills. To create a mentor in your organization, please contact LINE Official @10xconsulting or email: wasit@10-xconsulting.com
    0 Comments 0 Shares 250 Views 0 Reviews
  • https://www.youtube.com/watch?v=LiZ0OlLdrjU
    บทสนทนาสัมภาษณ์งาน
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาสัมภาษณ์งาน
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #conversations #listeningtest #jobinterview

    The conversations from the clip :

    Interviewer: Good morning! Thank you for coming in today.
    Candidate: Good morning! Thank you for having me.
    Interviewer: Can you start by telling me a little about your background and experience?
    Candidate: Sure! I graduated with a degree in Marketing and have three years of experience in digital marketing.
    Interviewer: That’s great! What specific skills do you bring to the table?
    Candidate: I’m proficient in SEO, content creation, and social media management.
    Interviewer: Can you give an example of a successful campaign you’ve managed?
    Candidate: Absolutely! I led a social media campaign that increased our followers by 30% in just two months.
    Interviewer: Impressive! What tools do you use for your marketing efforts?
    Candidate: I primarily use Google Analytics, Hootsuite, and Mailchimp.
    Interviewer: Have you worked with a team in your previous roles?
    Candidate: Yes, I collaborated closely with the sales and design teams to align our strategies.
    Interviewer: How do you handle tight deadlines and pressure?
    Candidate: I prioritize tasks and stay organized to ensure everything is completed on time.
    Interviewer: Good to hear! How do you measure the success of your campaigns?
    Candidate: I look at engagement metrics, conversion rates, and ROI to evaluate effectiveness.
    Interviewer: What motivates you in your work?
    Candidate: I’m motivated by seeing tangible results and helping my team succeed.
    Interviewer: Do you have any questions for us about the company or role?
    Candidate: Yes, I’d like to know more about the team culture here.
    Interviewer: We have a collaborative and supportive environment that encourages growth.
    Candidate: That sounds wonderful! I appreciate the opportunity to interview.
    Interviewer: Thank you for your time today. We will be in touch soon!

    ผู้สัมภาษณ์: สวัสดีตอนเช้า! ขอบคุณที่มาในวันนี้
    ผู้สมัครงาน: สวัสดีค่ะ! ขอบคุณที่ให้โอกาสฉัน
    ผู้สัมภาษณ์: คุณช่วยบอกเกี่ยวกับพื้นฐานและประสบการณ์ของคุณหน่อยได้ไหม?
    ผู้สมัครงาน: แน่นอนค่ะ! ฉันจบการศึกษาด้วยปริญญาด้านการตลาดและมีประสบการณ์ 3 ปีในด้านการตลาดดิจิทัล
    ผู้สัมภาษณ์: ดีมาก! คุณมีทักษะเฉพาะอะไรบ้างที่สามารถนำมาช่วยงานได้?
    ผู้สมัครงาน: ฉันมีความชำนาญใน SEO, การสร้างเนื้อหา และการจัดการโซเชียลมีเดีย
    ผู้สัมภาษณ์: คุณสามารถยกตัวอย่างแคมเปญที่ประสบความสำเร็จที่คุณเคยจัดการได้ไหม?
    ผู้สมัครงาน: แน่นอนค่ะ! ฉันเป็นผู้นำแคมเปญโซเชียลมีเดียที่เพิ่มผู้ติดตามของเราได้ 30% ภายในเวลาเพียงสองเดือน
    ผู้สัมภาษณ์: น่าประทับใจมาก! คุณใช้เครื่องมืออะไรบ้างในการทำการตลาด?
    ผู้สมัครงาน: ฉันใช้ Google Analytics, Hootsuite และ Mailchimp เป็นหลัก
    ผู้สัมภาษณ์: คุณเคยทำงานเป็นทีมในตำแหน่งก่อนหน้านี้ไหม?
    ผู้สมัครงาน: ใช่ค่ะ ฉันได้ทำงานร่วมกับทีมขายและทีมออกแบบอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกัน
    ผู้สัมภาษณ์: คุณจัดการกับกำหนดเวลาที่เข้มงวดและความกดดันอย่างไร?
    ผู้สมัครงาน: ฉันจะจัดลำดับความสำคัญของงานและรักษาความเป็นระเบียบเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งต่าง ๆ จะเสร็จสิ้นตามเวลา
    ผู้สัมภาษณ์: ดีที่ได้ยินแบบนั้น! คุณวัดความสำเร็จของแคมเปญของคุณอย่างไร?
    ผู้สมัครงาน: ฉันดูที่เมตริกการมีส่วนร่วม อัตราการแปลง และ ROI เพื่อประเมินประสิทธิภาพ
    ผู้สัมภาษณ์: อะไรคือแรงจูงใจในงานของคุณ?
    ผู้สมัครงาน: ฉันมีแรงจูงใจจากการเห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้และการช่วยให้ทีมของผม/ฉันประสบความสำเร็จ
    ผู้สัมภาษณ์: คุณมีคำถามอะไรเกี่ยวกับบริษัทหรือบทบาทนี้ไหม?
    ผู้สมัครงาน: ใช่ค่ะ ฉันอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรมของทีมที่นี่
    ผู้สัมภาษณ์: เรามีสภาพแวดล้อมที่ร่วมมือและสนับสนุนซึ่งส่งเสริมการเติบโต
    ผู้สมัครงาน: ฟังดูยอดเยี่ยมมาก! ฉันขอบคุณสำหรับโอกาสในการสัมภาษณ์
    ผู้สัมภาษณ์: ขอบคุณสำหรับเวลาของคุณในวันนี้ เราจะติดต่อกลับเร็ว ๆ นี้!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Background (แบค-กราวน์ด) n. แปลว่า ประวัติ (ภูมิหลัง)
    Experience (เอ็กซ์-พีเรีนซ) n. แปลว่า ประสบการณ์
    Proficient (พรอฟ-ฟิช-เอ็นท) adj. แปลว่า ชำนาญ
    Campaign (แคม-แพน) n. แปลว่า แคมเปญ
    Social media (โซเชียล มีเดีย) n. แปลว่า สื่อสังคมออนไลน์
    Metrics (เมท-ริค) n. แปลว่า ตัวชี้วัด
    Engagement (เอน-เกจ-เมนต์) n. แปลว่า การมีส่วนร่วม
    Collaboration (คอลลาบอเรชัน) n. แปลว่า การร่วมมือ
    Pressure (เพรช-เชอร์) n. แปลว่า ความกดดัน
    Motivation (โม-ทิ-เวชัน) n. แปลว่า แรงจูงใจ
    Results (รี-ซัลทส์) n. แปลว่า ผลลัพธ์
    Culture (คัลเจอร์) n. แปลว่า วัฒนธรรม
    Strategy (สแตรท-จี้) n. แปลว่า ยุทธศาสตร์
    Tools (ทูลส์) n. แปลว่า เครื่องมือ
    Supportive (ซัพ-พอร์-ทิฟ) adj. แปลว่า สนับสนุน
    https://www.youtube.com/watch?v=LiZ0OlLdrjU บทสนทนาสัมภาษณ์งาน (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาสัมภาษณ์งาน มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #conversations #listeningtest #jobinterview The conversations from the clip : Interviewer: Good morning! Thank you for coming in today. Candidate: Good morning! Thank you for having me. Interviewer: Can you start by telling me a little about your background and experience? Candidate: Sure! I graduated with a degree in Marketing and have three years of experience in digital marketing. Interviewer: That’s great! What specific skills do you bring to the table? Candidate: I’m proficient in SEO, content creation, and social media management. Interviewer: Can you give an example of a successful campaign you’ve managed? Candidate: Absolutely! I led a social media campaign that increased our followers by 30% in just two months. Interviewer: Impressive! What tools do you use for your marketing efforts? Candidate: I primarily use Google Analytics, Hootsuite, and Mailchimp. Interviewer: Have you worked with a team in your previous roles? Candidate: Yes, I collaborated closely with the sales and design teams to align our strategies. Interviewer: How do you handle tight deadlines and pressure? Candidate: I prioritize tasks and stay organized to ensure everything is completed on time. Interviewer: Good to hear! How do you measure the success of your campaigns? Candidate: I look at engagement metrics, conversion rates, and ROI to evaluate effectiveness. Interviewer: What motivates you in your work? Candidate: I’m motivated by seeing tangible results and helping my team succeed. Interviewer: Do you have any questions for us about the company or role? Candidate: Yes, I’d like to know more about the team culture here. Interviewer: We have a collaborative and supportive environment that encourages growth. Candidate: That sounds wonderful! I appreciate the opportunity to interview. Interviewer: Thank you for your time today. We will be in touch soon! ผู้สัมภาษณ์: สวัสดีตอนเช้า! ขอบคุณที่มาในวันนี้ ผู้สมัครงาน: สวัสดีค่ะ! ขอบคุณที่ให้โอกาสฉัน ผู้สัมภาษณ์: คุณช่วยบอกเกี่ยวกับพื้นฐานและประสบการณ์ของคุณหน่อยได้ไหม? ผู้สมัครงาน: แน่นอนค่ะ! ฉันจบการศึกษาด้วยปริญญาด้านการตลาดและมีประสบการณ์ 3 ปีในด้านการตลาดดิจิทัล ผู้สัมภาษณ์: ดีมาก! คุณมีทักษะเฉพาะอะไรบ้างที่สามารถนำมาช่วยงานได้? ผู้สมัครงาน: ฉันมีความชำนาญใน SEO, การสร้างเนื้อหา และการจัดการโซเชียลมีเดีย ผู้สัมภาษณ์: คุณสามารถยกตัวอย่างแคมเปญที่ประสบความสำเร็จที่คุณเคยจัดการได้ไหม? ผู้สมัครงาน: แน่นอนค่ะ! ฉันเป็นผู้นำแคมเปญโซเชียลมีเดียที่เพิ่มผู้ติดตามของเราได้ 30% ภายในเวลาเพียงสองเดือน ผู้สัมภาษณ์: น่าประทับใจมาก! คุณใช้เครื่องมืออะไรบ้างในการทำการตลาด? ผู้สมัครงาน: ฉันใช้ Google Analytics, Hootsuite และ Mailchimp เป็นหลัก ผู้สัมภาษณ์: คุณเคยทำงานเป็นทีมในตำแหน่งก่อนหน้านี้ไหม? ผู้สมัครงาน: ใช่ค่ะ ฉันได้ทำงานร่วมกับทีมขายและทีมออกแบบอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกัน ผู้สัมภาษณ์: คุณจัดการกับกำหนดเวลาที่เข้มงวดและความกดดันอย่างไร? ผู้สมัครงาน: ฉันจะจัดลำดับความสำคัญของงานและรักษาความเป็นระเบียบเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งต่าง ๆ จะเสร็จสิ้นตามเวลา ผู้สัมภาษณ์: ดีที่ได้ยินแบบนั้น! คุณวัดความสำเร็จของแคมเปญของคุณอย่างไร? ผู้สมัครงาน: ฉันดูที่เมตริกการมีส่วนร่วม อัตราการแปลง และ ROI เพื่อประเมินประสิทธิภาพ ผู้สัมภาษณ์: อะไรคือแรงจูงใจในงานของคุณ? ผู้สมัครงาน: ฉันมีแรงจูงใจจากการเห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้และการช่วยให้ทีมของผม/ฉันประสบความสำเร็จ ผู้สัมภาษณ์: คุณมีคำถามอะไรเกี่ยวกับบริษัทหรือบทบาทนี้ไหม? ผู้สมัครงาน: ใช่ค่ะ ฉันอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรมของทีมที่นี่ ผู้สัมภาษณ์: เรามีสภาพแวดล้อมที่ร่วมมือและสนับสนุนซึ่งส่งเสริมการเติบโต ผู้สมัครงาน: ฟังดูยอดเยี่ยมมาก! ฉันขอบคุณสำหรับโอกาสในการสัมภาษณ์ ผู้สัมภาษณ์: ขอบคุณสำหรับเวลาของคุณในวันนี้ เราจะติดต่อกลับเร็ว ๆ นี้! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Background (แบค-กราวน์ด) n. แปลว่า ประวัติ (ภูมิหลัง) Experience (เอ็กซ์-พีเรีนซ) n. แปลว่า ประสบการณ์ Proficient (พรอฟ-ฟิช-เอ็นท) adj. แปลว่า ชำนาญ Campaign (แคม-แพน) n. แปลว่า แคมเปญ Social media (โซเชียล มีเดีย) n. แปลว่า สื่อสังคมออนไลน์ Metrics (เมท-ริค) n. แปลว่า ตัวชี้วัด Engagement (เอน-เกจ-เมนต์) n. แปลว่า การมีส่วนร่วม Collaboration (คอลลาบอเรชัน) n. แปลว่า การร่วมมือ Pressure (เพรช-เชอร์) n. แปลว่า ความกดดัน Motivation (โม-ทิ-เวชัน) n. แปลว่า แรงจูงใจ Results (รี-ซัลทส์) n. แปลว่า ผลลัพธ์ Culture (คัลเจอร์) n. แปลว่า วัฒนธรรม Strategy (สแตรท-จี้) n. แปลว่า ยุทธศาสตร์ Tools (ทูลส์) n. แปลว่า เครื่องมือ Supportive (ซัพ-พอร์-ทิฟ) adj. แปลว่า สนับสนุน
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 341 Views 0 Reviews
  • รองปลัด “เดชา” ขานรับนโยบาย รมว.พิพัฒน์ พัฒนาฝีมือแรงงาน Upskill และ Reskill ปี 68 ให้ได้กว่า 5 ล้านคน

    https://www.facebook.com/share/unSi2DishtjiumbY/
    รองปลัด “เดชา” ขานรับนโยบาย รมว.พิพัฒน์ พัฒนาฝีมือแรงงาน Upskill และ Reskill ปี 68 ให้ได้กว่า 5 ล้านคน https://www.facebook.com/share/unSi2DishtjiumbY/
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • 🎻 แนวทางการฝึกซ้อมไวโอลินของ Hilary Hahn: การพัฒนาทักษะผ่านความมุ่งมั่นและวินัย

    Hilary Hahn เป็นหนึ่งในนักไวโอลินที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับมากที่สุดในยุคปัจจุบัน เธอมีชื่อเสียงในด้านเทคนิคที่ไร้ที่ติ ความสามารถในการตีความผลงานดนตรีอย่างลึกซึ้ง และความทุ่มเทให้กับดนตรีตั้งแต่อายุยังน้อย การฝึกซ้อมไวโอลินของเธอเป็นที่สนใจของนักดนตรีและผู้ที่ชื่นชอบดนตรีคลาสสิกทั่วโลก

    ✅ 1. การฝึกฝนที่มีวินัยและต่อเนื่อง : ตั้งแต่อายุเพียง 4 ขวบ Hilary Hahn เริ่มต้นเรียนไวโอลิน และได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หนึ่งในคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้เธอโดดเด่นคือความสม่ำเสมอในการฝึกซ้อม เธอฝึกซ้อมไวโอลินอย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมงต่อวัน โดยเน้นที่การพัฒนาเทคนิค การควบคุมจังหวะ และการตีความดนตรีอย่างลึกซึ้ง

    การฝึกซ้อมของ Hilary ไม่ได้เน้นที่ปริมาณเวลาเพียงอย่างเดียว แต่เน้นที่คุณภาพและการตั้งเป้าหมายในการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นในทุก ๆ วัน ซึ่งการมีวินัยนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักไวโอลินที่ต้องการประสบความสำเร็จ

    ✅ 2. ความใส่ใจในรายละเอียด : สิ่งที่ทำให้ Hilary Hahn แตกต่างจากนักไวโอลินทั่วไปคือความใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกครั้งที่เธอฝึกซ้อม เธอให้ความสำคัญกับการพัฒนาทุกส่วนของการเล่นไวโอลิน ตั้งแต่การจับโบว์ การควบคุมการเล่นโน้ต ไปจนถึงการสื่อสารอารมณ์และความรู้สึกของเพลง เธอเชื่อว่าการใส่ใจในทุกรายละเอียดจะช่วยสร้างผลงานที่มีความสมบูรณ์แบบและสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ฟังได้

    ✅ 3. การฝึกเทคนิคพื้นฐานอย่างสม่ำเสมอ : ถึงแม้ Hilary Hahn จะเป็นนักไวโอลินระดับโลก แต่เธอยังคงฝึกซ้อมเทคนิคพื้นฐานอยู่เสมอ เช่น การบรรเลงสายเปล่า (open strings) การฝึกซ้อมสเกล (scales) และการฝึกซ้อมเสียงสั้นและเสียงยาว (staccato/legato) เธอเชื่อว่าการมีพื้นฐานที่แข็งแรงจะช่วยสนับสนุนให้เธอสามารถเล่นเพลงที่ซับซ้อนและท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ✅ 4. การตั้งเป้าหมายในการฝึก : ในการฝึกซ้อมแต่ละครั้ง Hilary Hahn มักจะตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาส่วนที่ต้องปรับปรุง เช่น การเล่นโน้ตที่ซับซ้อน การปรับปรุงการตีความในเพลงหนึ่ง ๆ หรือการทำความเข้าใจอารมณ์ของเพลง เธอเชื่อว่าการตั้งเป้าหมายช่วยให้การฝึกซ้อมมีประสิทธิภาพและมุ่งเน้นในการแก้ปัญหาที่แท้จริง

    ✅ 5. การใช้ความคิดสร้างสรรค์และการตีความส่วนตัว : Hilary Hahn ไม่ได้เป็นเพียงนักไวโอลินที่เล่นได้อย่างไร้ที่ติ แต่เธอยังมีความคิดสร้างสรรค์ในการตีความเพลงแต่ละบทอย่างเป็นเอกลักษณ์ เธอเชื่อว่าเพลงไม่ใช่เพียงแค่การเล่นโน้ตตามที่เขียนไว้ แต่เป็นการสื่อสารความรู้สึกและเรื่องราวของผู้ประพันธ์เพลงไปยังผู้ฟัง การฝึกฝนด้านการตีความนี้ช่วยให้การแสดงของเธอมีความน่าประทับใจและเป็นที่จดจำ

    ✅ 6. การทำงานร่วมกับนักดนตรีคนอื่น : Hilary Hahn ยังให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับนักดนตรีคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงร่วมกับวงออเคสตร้า หรือการเล่นดนตรีแบบกลุ่มเล็ก ๆ เธอเชื่อว่าการทำงานร่วมกันช่วยพัฒนาทักษะในการฟังและการปรับตัวให้เข้ากับสไตล์การเล่นของคนอื่น ๆ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับนักไวโอลินที่ต้องการเป็นนักดนตรีที่มีความสมบูรณ์แบบ

    ✅ 7. การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง : ถึงแม้ว่า Hilary Hahn จะประสบความสำเร็จอย่างสูงแล้ว แต่เธอยังคงมองหาวิธีการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้เทคนิคใหม่ ๆ หรือการสำรวจเพลงใหม่ที่ท้าทายมากขึ้น เธอเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด และความมุ่งมั่นในการพัฒนาตัวเองนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เธออยู่ในจุดสูงสุดของวงการดนตรีคลาสสิกมาอย่างยาวนาน

    📍บทสรุป

    แนวทางการฝึกไวโอลินของ Hilary Hahn สะท้อนถึงความมุ่งมั่น วินัย และความใส่ใจในรายละเอียด การฝึกซ้อมที่มีเป้าหมายและคุณภาพช่วยให้เธอกลายเป็นนักไวโอลินที่ประสบความสำเร็จระดับโลก สำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะไวโอลิน การนำแนวทางเหล่านี้มาใช้ในการฝึกฝนจะช่วยให้คุณก้าวไปสู่ความสำเร็จในการเป็นนักดนตรีที่ยอดเยี่ยมได้เช่นกัน

    ---------

    🎻 Hilary Hahn’s Violin Practice Approach: Skill Development Through Dedication and Discipline

    Hilary Hahn is one of the most successful and respected violinists of the modern era. She is renowned for her flawless technique, deep musical interpretation, and commitment to music from an early age. Her violin practice regimen has drawn interest from musicians and classical music enthusiasts worldwide.

    ✅ 1. Discipline and Consistency in Practice:
    Hilary Hahn began learning the violin at the age of four and has undergone rigorous training ever since. One of the key traits that set her apart is the consistency of her practice. She dedicates several hours each day to practicing the violin, focusing on developing technique, controlling rhythm, and interpreting music deeply.

    Her practice is not just about the number of hours spent but also about quality and setting goals to improve daily. This discipline is crucial for any violinist striving for success.

    ✅ 2. Attention to Detail:
    What differentiates Hilary Hahn from other violinists is her meticulous attention to detail. In every practice session, she focuses on refining every aspect of her playing, from bow grip to note execution, to conveying the emotion and feeling of the music. She believes that paying attention to these details results in a flawless performance and leaves a lasting impression on the audience.

    ✅ 3. Regular Practice of Basic Techniques:
    Although Hilary Hahn is a world-class violinist, she still consistently practices basic techniques such as open strings, scales, and staccato/legato exercises. She believes that a strong foundation allows her to play complex and challenging pieces more effectively.

    ✅ 4. Goal Setting in Practice:
    During each practice session, Hilary Hahn sets clear goals, whether it’s improving difficult passages, refining her interpretation of a piece, or understanding the emotional tone of the music. She believes that setting goals helps make practice sessions more efficient and focused on solving real issues.

    ✅ 5. Creativity and Personal Interpretation:
    Hilary Hahn is not only a technically flawless violinist but also highly creative in her interpretation of each piece. She believes that music is not just about playing the notes as written but about communicating the composer’s emotions and story to the audience. Her focus on interpretation adds depth and memorability to her performances.

    ✅ 6. Collaboration with Other Musicians:
    Hilary Hahn values working with other musicians, whether performing with orchestras or in small chamber groups. She believes that collaboration helps develop listening skills and adaptability to different playing styles, which is essential for any violinist aiming to become a well-rounded musician.

    ✅ 7. Continuous Improvement:
    Despite her great success, Hilary Hahn continually seeks ways to improve herself. She is always learning new techniques and exploring new, more challenging pieces. She believes that learning is a never-ending journey, and this commitment to self-improvement has kept her at the pinnacle of the classical music world for many years.

    📍Conclusion:
    Hilary Hahn’s approach to violin practice reflects her dedication, discipline, and attention to detail. Her goal-oriented and high-quality practice has made her one of the world’s leading violinists. For those aspiring to improve their violin skills, adopting these approaches can help guide you toward becoming an exceptional musician.
    🎻 แนวทางการฝึกซ้อมไวโอลินของ Hilary Hahn: การพัฒนาทักษะผ่านความมุ่งมั่นและวินัย Hilary Hahn เป็นหนึ่งในนักไวโอลินที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับมากที่สุดในยุคปัจจุบัน เธอมีชื่อเสียงในด้านเทคนิคที่ไร้ที่ติ ความสามารถในการตีความผลงานดนตรีอย่างลึกซึ้ง และความทุ่มเทให้กับดนตรีตั้งแต่อายุยังน้อย การฝึกซ้อมไวโอลินของเธอเป็นที่สนใจของนักดนตรีและผู้ที่ชื่นชอบดนตรีคลาสสิกทั่วโลก ✅ 1. การฝึกฝนที่มีวินัยและต่อเนื่อง : ตั้งแต่อายุเพียง 4 ขวบ Hilary Hahn เริ่มต้นเรียนไวโอลิน และได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หนึ่งในคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้เธอโดดเด่นคือความสม่ำเสมอในการฝึกซ้อม เธอฝึกซ้อมไวโอลินอย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมงต่อวัน โดยเน้นที่การพัฒนาเทคนิค การควบคุมจังหวะ และการตีความดนตรีอย่างลึกซึ้ง การฝึกซ้อมของ Hilary ไม่ได้เน้นที่ปริมาณเวลาเพียงอย่างเดียว แต่เน้นที่คุณภาพและการตั้งเป้าหมายในการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นในทุก ๆ วัน ซึ่งการมีวินัยนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักไวโอลินที่ต้องการประสบความสำเร็จ ✅ 2. ความใส่ใจในรายละเอียด : สิ่งที่ทำให้ Hilary Hahn แตกต่างจากนักไวโอลินทั่วไปคือความใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกครั้งที่เธอฝึกซ้อม เธอให้ความสำคัญกับการพัฒนาทุกส่วนของการเล่นไวโอลิน ตั้งแต่การจับโบว์ การควบคุมการเล่นโน้ต ไปจนถึงการสื่อสารอารมณ์และความรู้สึกของเพลง เธอเชื่อว่าการใส่ใจในทุกรายละเอียดจะช่วยสร้างผลงานที่มีความสมบูรณ์แบบและสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ฟังได้ ✅ 3. การฝึกเทคนิคพื้นฐานอย่างสม่ำเสมอ : ถึงแม้ Hilary Hahn จะเป็นนักไวโอลินระดับโลก แต่เธอยังคงฝึกซ้อมเทคนิคพื้นฐานอยู่เสมอ เช่น การบรรเลงสายเปล่า (open strings) การฝึกซ้อมสเกล (scales) และการฝึกซ้อมเสียงสั้นและเสียงยาว (staccato/legato) เธอเชื่อว่าการมีพื้นฐานที่แข็งแรงจะช่วยสนับสนุนให้เธอสามารถเล่นเพลงที่ซับซ้อนและท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ 4. การตั้งเป้าหมายในการฝึก : ในการฝึกซ้อมแต่ละครั้ง Hilary Hahn มักจะตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาส่วนที่ต้องปรับปรุง เช่น การเล่นโน้ตที่ซับซ้อน การปรับปรุงการตีความในเพลงหนึ่ง ๆ หรือการทำความเข้าใจอารมณ์ของเพลง เธอเชื่อว่าการตั้งเป้าหมายช่วยให้การฝึกซ้อมมีประสิทธิภาพและมุ่งเน้นในการแก้ปัญหาที่แท้จริง ✅ 5. การใช้ความคิดสร้างสรรค์และการตีความส่วนตัว : Hilary Hahn ไม่ได้เป็นเพียงนักไวโอลินที่เล่นได้อย่างไร้ที่ติ แต่เธอยังมีความคิดสร้างสรรค์ในการตีความเพลงแต่ละบทอย่างเป็นเอกลักษณ์ เธอเชื่อว่าเพลงไม่ใช่เพียงแค่การเล่นโน้ตตามที่เขียนไว้ แต่เป็นการสื่อสารความรู้สึกและเรื่องราวของผู้ประพันธ์เพลงไปยังผู้ฟัง การฝึกฝนด้านการตีความนี้ช่วยให้การแสดงของเธอมีความน่าประทับใจและเป็นที่จดจำ ✅ 6. การทำงานร่วมกับนักดนตรีคนอื่น : Hilary Hahn ยังให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับนักดนตรีคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงร่วมกับวงออเคสตร้า หรือการเล่นดนตรีแบบกลุ่มเล็ก ๆ เธอเชื่อว่าการทำงานร่วมกันช่วยพัฒนาทักษะในการฟังและการปรับตัวให้เข้ากับสไตล์การเล่นของคนอื่น ๆ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับนักไวโอลินที่ต้องการเป็นนักดนตรีที่มีความสมบูรณ์แบบ ✅ 7. การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง : ถึงแม้ว่า Hilary Hahn จะประสบความสำเร็จอย่างสูงแล้ว แต่เธอยังคงมองหาวิธีการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้เทคนิคใหม่ ๆ หรือการสำรวจเพลงใหม่ที่ท้าทายมากขึ้น เธอเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด และความมุ่งมั่นในการพัฒนาตัวเองนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เธออยู่ในจุดสูงสุดของวงการดนตรีคลาสสิกมาอย่างยาวนาน 📍บทสรุป แนวทางการฝึกไวโอลินของ Hilary Hahn สะท้อนถึงความมุ่งมั่น วินัย และความใส่ใจในรายละเอียด การฝึกซ้อมที่มีเป้าหมายและคุณภาพช่วยให้เธอกลายเป็นนักไวโอลินที่ประสบความสำเร็จระดับโลก สำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะไวโอลิน การนำแนวทางเหล่านี้มาใช้ในการฝึกฝนจะช่วยให้คุณก้าวไปสู่ความสำเร็จในการเป็นนักดนตรีที่ยอดเยี่ยมได้เช่นกัน --------- 🎻 Hilary Hahn’s Violin Practice Approach: Skill Development Through Dedication and Discipline Hilary Hahn is one of the most successful and respected violinists of the modern era. She is renowned for her flawless technique, deep musical interpretation, and commitment to music from an early age. Her violin practice regimen has drawn interest from musicians and classical music enthusiasts worldwide. ✅ 1. Discipline and Consistency in Practice: Hilary Hahn began learning the violin at the age of four and has undergone rigorous training ever since. One of the key traits that set her apart is the consistency of her practice. She dedicates several hours each day to practicing the violin, focusing on developing technique, controlling rhythm, and interpreting music deeply. Her practice is not just about the number of hours spent but also about quality and setting goals to improve daily. This discipline is crucial for any violinist striving for success. ✅ 2. Attention to Detail: What differentiates Hilary Hahn from other violinists is her meticulous attention to detail. In every practice session, she focuses on refining every aspect of her playing, from bow grip to note execution, to conveying the emotion and feeling of the music. She believes that paying attention to these details results in a flawless performance and leaves a lasting impression on the audience. ✅ 3. Regular Practice of Basic Techniques: Although Hilary Hahn is a world-class violinist, she still consistently practices basic techniques such as open strings, scales, and staccato/legato exercises. She believes that a strong foundation allows her to play complex and challenging pieces more effectively. ✅ 4. Goal Setting in Practice: During each practice session, Hilary Hahn sets clear goals, whether it’s improving difficult passages, refining her interpretation of a piece, or understanding the emotional tone of the music. She believes that setting goals helps make practice sessions more efficient and focused on solving real issues. ✅ 5. Creativity and Personal Interpretation: Hilary Hahn is not only a technically flawless violinist but also highly creative in her interpretation of each piece. She believes that music is not just about playing the notes as written but about communicating the composer’s emotions and story to the audience. Her focus on interpretation adds depth and memorability to her performances. ✅ 6. Collaboration with Other Musicians: Hilary Hahn values working with other musicians, whether performing with orchestras or in small chamber groups. She believes that collaboration helps develop listening skills and adaptability to different playing styles, which is essential for any violinist aiming to become a well-rounded musician. ✅ 7. Continuous Improvement: Despite her great success, Hilary Hahn continually seeks ways to improve herself. She is always learning new techniques and exploring new, more challenging pieces. She believes that learning is a never-ending journey, and this commitment to self-improvement has kept her at the pinnacle of the classical music world for many years. 📍Conclusion: Hilary Hahn’s approach to violin practice reflects her dedication, discipline, and attention to detail. Her goal-oriented and high-quality practice has made her one of the world’s leading violinists. For those aspiring to improve their violin skills, adopting these approaches can help guide you toward becoming an exceptional musician.
    0 Comments 0 Shares 201 Views 0 Reviews
  • Special Words To Describe Someone You Love

    There are so many reasons why we love and value the people in our lives, but sometimes it can be hard to find the right words to describe just what it is that makes those people so special. If you’re working on the ultimate love letter, preparing a special birthday toast, or even just talking someone up to a friend, you don’t want to fall back on broad terms like funny, kind, or cute. That’s the time to say what you really mean.

    Talking about the people you love might mean talking about a significant other, but it can also mean describing a friend, parent, sibling, or other special person, too. No matter who you’re trying to describe or shower with praise, here are some handy alternatives to the most overused words to use when talking about someone you love.


    Other ways to say: talented

    Celebrating someone’s talent is usually a welcome compliment, but talent describes a pretty broad pool of qualities, abilities, and skills. What does that special person really excel at that makes them so, well, special? Here are a few other options to try.

    accomplished
    Accomplished is the word to use when someone is “highly skilled” or even “expert” at something. It demonstrates appreciation not only for their skills, but also for the time, energy, and hard work they put into acquiring those skills.

    artistic
    You can call someone artistic as a way of complimenting their skill and execution in art or their excellent taste and style. Someone who’s artistic likely has a unique, creative approach to many things, and this word calls that out.

    capable
    Have you ever been around someone who just seems to be good at everything? Those people are highly capable, which means “having power and ability; efficient; competent.”

    inspirational
    Sometimes a person’s gift is inspiring others around them to shine as well. Calling someone inspirational says they don’t just do great things, but they also motivate the people around them just by being who they are.

    brilliant
    Brilliant is the right word for someone you see as “shining brightly; sparkling; glittery; lustrous.” It might describe their distinguished abilities in one particular area or their bold and awe-inspiring approach to everything.


    Other ways to say: kind

    Kindness is an important quality, and a great way to acknowledge someone’s kindness is by pointing out all of the specific and meaningful ways they express it. Here are some words to do that.

    affectionate
    Affectionate means “showing, indicating, or characterized by affection or love; fondly tender.” Some people are more affectionate than others, so if someone’s outward displays of affection mean a lot to you, use this word to let them know it.

    considerate
    Considerate is the word to use for someone who is always looking out for other people’s feelings, performing small acts of kindness, or putting thoughtfulness on display on a regular basis.

    big-hearted
    Someone who is big-hearted is generous and kind. You might love a big-hearted person if you see that your special someone is always thinking about what they can do to show care and concern for others.

    friendly
    Sometimes being kind means treating everyone like a friend. Friendly people are “favorably disposed; inclined to approve, help, support.” It’s a way of explaining that your loved one isn’t just kind, but they also never hesitate to lend a hand or a shoulder to lean on.

    gentle
    Gentle is another way of saying “kindly” or “amiable.” Someone who could be described as gentle isn’t just nice, but is also likely a calm, compassionate, and steady figure in your life.


    Other ways to say: attractive

    Looks aren’t everything, but there’s nothing wrong with finding a few fresh ways to let people know they’re looking great. Rather than pulling out a bland word like attractive, here are some other options that get to the heart of what really draws you to someone.

    alluring
    Alluring doesn’t just mean someone is nice looking. It also means they have a charisma or charm that draws you towards them. Someone who is alluring is “very attractive or tempting; enticing; seductive.”

    elegant
    Whether it’s a special occasion or you admire someone’s style and grace every day, elegant is a word to use when describing someone who is “tastefully fine or luxurious in dress, style, design, etc.”

    bewitching
    Does someone in your life just have that special “it” factor that makes people want to be around them? They could be described as bewitching. This magical sounding word means “enchanting, charming, fascinating.”

    charming
    When someone is delightful or pleasing to be around, it’s usually because they’re charming. Someone might have charming good looks, but charming also extends to their sparkling personality and the way they make people feel in their presence.

    lovely
    Isn’t he or she lovely? This adjective means “charmingly or exquisitely beautiful.” It’s the perfect word to describe someone who is lovely in looks but also wonderful to spend time with.


    Other ways to say: funny

    A sense of humor is a great quality, but there are so many ways to be funny. Is the person more of a George Carlin, an Ali Wong, or a Jim Gaffigan? Here are some words to talk about the funny people in your life.

    playful
    If someone’s specialty is keeping things light and always finding humor in people and situations, you might describe them as playful. It literally means “full of play or fun.”

    whimsical
    A childlike or even off-the-wall sense of humor might be called whimsical. This word means “given to whimsy or fanciful notions; capricious.” Think: Robin Williams.

    clever
    Some people always know the right thing to say. You might describe them as being clever. These quick thinkers always find a way to get laughs by being both charming and bright.

    hilarious
    Hilarious means “arousing great merriment; extremely funny,” and it’s reserved for the people who are truly laugh-out-loud funny. These folks might be the life of the party or they might reserve their best jokes just for you. Either way, the fun never stops.

    witty
    Someone who is witty sees the world a little differently, and their sharp observations and clever comebacks can be very entertaining. They also might be funny in several mediums. Witty means “possessing wit in speech or writing; amusingly clever in perception and expression.”


    Other ways to say: smart

    If you value intelligence, then you’ll probably also value having more than one way to talk about it. Pull out one of these bonus words when describing the brainiacs in your life.

    astute
    If someone wows you with their keen perceptions and spot-on observations, you could say they’re astute. This word describes people who are shrewd, intelligent, and always the first to connect the dots.

    crafty
    While crafty can mean that someone is great with a sewing machine, it also means “cunning; deceitful; sly.” This doesn’t mean a crafty loved one is up to no good. It just means you want them on your team on game night.

    wise
    Wise describes the person you go to for advice, support, and to talk about the deep stuff. Wise means “having the power of discerning and judging properly as to what is true or right.” These people are like the lighthouses in the storms of life.

    shrewd
    If that special person in your life always knows how to get the best deals or how to convince people to be on their side, they might be shrewd. Shrewd means “cunning or tricky; artful,” and it’s a word for people who know how to use their deep intelligence to their advantage.

    bright
    No, we don’t mean the person you love is shining like a light bulb. Bright means “quick-witted or intelligent.” It’s a word that describes people who have many skills, catch on quickly, and are always capable of learning something new.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    Special Words To Describe Someone You Love There are so many reasons why we love and value the people in our lives, but sometimes it can be hard to find the right words to describe just what it is that makes those people so special. If you’re working on the ultimate love letter, preparing a special birthday toast, or even just talking someone up to a friend, you don’t want to fall back on broad terms like funny, kind, or cute. That’s the time to say what you really mean. Talking about the people you love might mean talking about a significant other, but it can also mean describing a friend, parent, sibling, or other special person, too. No matter who you’re trying to describe or shower with praise, here are some handy alternatives to the most overused words to use when talking about someone you love. Other ways to say: talented Celebrating someone’s talent is usually a welcome compliment, but talent describes a pretty broad pool of qualities, abilities, and skills. What does that special person really excel at that makes them so, well, special? Here are a few other options to try. accomplished Accomplished is the word to use when someone is “highly skilled” or even “expert” at something. It demonstrates appreciation not only for their skills, but also for the time, energy, and hard work they put into acquiring those skills. artistic You can call someone artistic as a way of complimenting their skill and execution in art or their excellent taste and style. Someone who’s artistic likely has a unique, creative approach to many things, and this word calls that out. capable Have you ever been around someone who just seems to be good at everything? Those people are highly capable, which means “having power and ability; efficient; competent.” inspirational Sometimes a person’s gift is inspiring others around them to shine as well. Calling someone inspirational says they don’t just do great things, but they also motivate the people around them just by being who they are. brilliant Brilliant is the right word for someone you see as “shining brightly; sparkling; glittery; lustrous.” It might describe their distinguished abilities in one particular area or their bold and awe-inspiring approach to everything. Other ways to say: kind Kindness is an important quality, and a great way to acknowledge someone’s kindness is by pointing out all of the specific and meaningful ways they express it. Here are some words to do that. affectionate Affectionate means “showing, indicating, or characterized by affection or love; fondly tender.” Some people are more affectionate than others, so if someone’s outward displays of affection mean a lot to you, use this word to let them know it. considerate Considerate is the word to use for someone who is always looking out for other people’s feelings, performing small acts of kindness, or putting thoughtfulness on display on a regular basis. big-hearted Someone who is big-hearted is generous and kind. You might love a big-hearted person if you see that your special someone is always thinking about what they can do to show care and concern for others. friendly Sometimes being kind means treating everyone like a friend. Friendly people are “favorably disposed; inclined to approve, help, support.” It’s a way of explaining that your loved one isn’t just kind, but they also never hesitate to lend a hand or a shoulder to lean on. gentle Gentle is another way of saying “kindly” or “amiable.” Someone who could be described as gentle isn’t just nice, but is also likely a calm, compassionate, and steady figure in your life. Other ways to say: attractive Looks aren’t everything, but there’s nothing wrong with finding a few fresh ways to let people know they’re looking great. Rather than pulling out a bland word like attractive, here are some other options that get to the heart of what really draws you to someone. alluring Alluring doesn’t just mean someone is nice looking. It also means they have a charisma or charm that draws you towards them. Someone who is alluring is “very attractive or tempting; enticing; seductive.” elegant Whether it’s a special occasion or you admire someone’s style and grace every day, elegant is a word to use when describing someone who is “tastefully fine or luxurious in dress, style, design, etc.” bewitching Does someone in your life just have that special “it” factor that makes people want to be around them? They could be described as bewitching. This magical sounding word means “enchanting, charming, fascinating.” charming When someone is delightful or pleasing to be around, it’s usually because they’re charming. Someone might have charming good looks, but charming also extends to their sparkling personality and the way they make people feel in their presence. lovely Isn’t he or she lovely? This adjective means “charmingly or exquisitely beautiful.” It’s the perfect word to describe someone who is lovely in looks but also wonderful to spend time with. Other ways to say: funny A sense of humor is a great quality, but there are so many ways to be funny. Is the person more of a George Carlin, an Ali Wong, or a Jim Gaffigan? Here are some words to talk about the funny people in your life. playful If someone’s specialty is keeping things light and always finding humor in people and situations, you might describe them as playful. It literally means “full of play or fun.” whimsical A childlike or even off-the-wall sense of humor might be called whimsical. This word means “given to whimsy or fanciful notions; capricious.” Think: Robin Williams. clever Some people always know the right thing to say. You might describe them as being clever. These quick thinkers always find a way to get laughs by being both charming and bright. hilarious Hilarious means “arousing great merriment; extremely funny,” and it’s reserved for the people who are truly laugh-out-loud funny. These folks might be the life of the party or they might reserve their best jokes just for you. Either way, the fun never stops. witty Someone who is witty sees the world a little differently, and their sharp observations and clever comebacks can be very entertaining. They also might be funny in several mediums. Witty means “possessing wit in speech or writing; amusingly clever in perception and expression.” Other ways to say: smart If you value intelligence, then you’ll probably also value having more than one way to talk about it. Pull out one of these bonus words when describing the brainiacs in your life. astute If someone wows you with their keen perceptions and spot-on observations, you could say they’re astute. This word describes people who are shrewd, intelligent, and always the first to connect the dots. crafty While crafty can mean that someone is great with a sewing machine, it also means “cunning; deceitful; sly.” This doesn’t mean a crafty loved one is up to no good. It just means you want them on your team on game night. wise Wise describes the person you go to for advice, support, and to talk about the deep stuff. Wise means “having the power of discerning and judging properly as to what is true or right.” These people are like the lighthouses in the storms of life. shrewd If that special person in your life always knows how to get the best deals or how to convince people to be on their side, they might be shrewd. Shrewd means “cunning or tricky; artful,” and it’s a word for people who know how to use their deep intelligence to their advantage. bright No, we don’t mean the person you love is shining like a light bulb. Bright means “quick-witted or intelligent.” It’s a word that describes people who have many skills, catch on quickly, and are always capable of learning something new. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 Comments 0 Shares 388 Views 0 Reviews
  • The Vault ProEx By 10X Consulting
    นำเสนอสาระเทคนิคการวินิจฉัย และการยกระดับผลิตภาพ (Productivity) และการยกระดับผลงานที่เป็นเลิศ (Performance Excellence) สำหรับผู้สนใจได้ RUN กลยุทธ์ที่เน้นการ #Reskill เสริมทักษะใหม่ #Upskill ยกระดับทักษะที่มีอยู่ และ #Newskill ปลูกฝังทักษะใหม่ๆ เพื่อพัฒนาบุคลากรให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล
    The Vault ProEx By 10X Consulting นำเสนอสาระเทคนิคการวินิจฉัย และการยกระดับผลิตภาพ (Productivity) และการยกระดับผลงานที่เป็นเลิศ (Performance Excellence) สำหรับผู้สนใจได้ RUN กลยุทธ์ที่เน้นการ #Reskill เสริมทักษะใหม่ #Upskill ยกระดับทักษะที่มีอยู่ และ #Newskill ปลูกฝังทักษะใหม่ๆ เพื่อพัฒนาบุคลากรให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
  • ทักษะการรู้คิด
    (Cognitive Skill)
    ทักษะการรู้คิด (Cognitive Skill)
    0 Comments 0 Shares 88 Views 21 0 Reviews
  • การกระทำของสัตว์นรก ซาตานยาฮู #satanyahu #genocide #babieskiller #freepalestine
    การกระทำของสัตว์นรก ซาตานยาฮู #satanyahu #genocide #babieskiller #freepalestine
    0 Comments 0 Shares 140 Views 30 0 Reviews
  • 😢😢😢 #Satanyahu #babieskiller #genocide #warcrime #savepalestine
    😢😢😢 #Satanyahu #babieskiller #genocide #warcrime #savepalestine
    0 Comments 0 Shares 168 Views 29 0 Reviews
  • "คลาสถักมาคราเม่ Macrame"​ โดย​ ครูศักดิ์ชัย​​ ณ สมาคมบ้านปันรัก​ อารีย์ ซ.1
    การถักมาคราเม่ (Macrame) เป็นงานฝีมือที่ใช้เชือกป่านมาถักเป็นลวดลายต่างๆ นิยมนำมาทำเป็นของตกแต่งบ้าน กระเป๋า เครื่องประดับ หรือของใช้ต่างๆ
    อุปกรณ์ที่ใช้:
    เชือกป่าน: เลือกขนาดให้เหมาะกับงาน
    กรรไกร
    ไม้แขวน หรือ ตะปู สำหรับขึงงาน
    ไม้บรรทัด (กรณีต้องการงานที่มีขนาดเท่ากัน)
    เข็มกลัด (สำหรับงานบางประเภท)

    #สมาคมบ้านปันรัก#เรียนฟรี#เรียนออนไลน์#คอร์สเรียน#คลาสเรียน#เสริมทักษะ#อัพสกิล#skill
    #Macrame
    #สมาคมบ้านปันรัก
    #ถักมาคราเม่โดยครูศักดิ์ชัย
    #สยามโสภา#อาสาพาสุข#thaitimes #thaitimesสยามโสภา

    https://youtu.be/LuOxYfQbAuo?si=Umt2ZxQbnAYyqhto
    "คลาสถักมาคราเม่ Macrame"​ โดย​ ครูศักดิ์ชัย​​ ณ สมาคมบ้านปันรัก​ อารีย์ ซ.1 การถักมาคราเม่ (Macrame) เป็นงานฝีมือที่ใช้เชือกป่านมาถักเป็นลวดลายต่างๆ นิยมนำมาทำเป็นของตกแต่งบ้าน กระเป๋า เครื่องประดับ หรือของใช้ต่างๆ อุปกรณ์ที่ใช้: เชือกป่าน: เลือกขนาดให้เหมาะกับงาน กรรไกร ไม้แขวน หรือ ตะปู สำหรับขึงงาน ไม้บรรทัด (กรณีต้องการงานที่มีขนาดเท่ากัน) เข็มกลัด (สำหรับงานบางประเภท) #สมาคมบ้านปันรัก​ #เรียนฟรี​ #เรียนออนไลน์​ #คอร์สเรียน​ #คลาสเรียน​ #เสริมทักษะ​ #อัพสกิล​ #skill​ #Macrame​ #สมาคมบ้านปันรัก​ #ถักมาคราเม่โดยครูศักดิ์ชัย​ #สยามโสภา​ #อาสาพาสุข​ #thaitimes #thaitimesสยามโสภา https://youtu.be/LuOxYfQbAuo?si=Umt2ZxQbnAYyqhto
    0 Comments 0 Shares 631 Views 0 Reviews
  • กิจกรรม SBAC OPEN HOUSE 2024 ปล่อยจอย ตะลุยแดนชาติพันธุ์ จอยๆกับน้องๆโรงเรียนเทศบาลท่าโขลง 1
    โดย SBAC Saphanmai
    #DEKSBAC68 #SBACDigitalGreenSkills #SBAC #ปวช #ปวส #ทวิภาคี #openhouse #สยามเด็กเล่น #siamplayground #thaitimes #thaitimesสยามโสภา #thaitimesเยาวชน
    กิจกรรม SBAC OPEN HOUSE 2024 ปล่อยจอย ตะลุยแดนชาติพันธุ์ จอยๆกับน้องๆโรงเรียนเทศบาลท่าโขลง 1 โดย SBAC Saphanmai #DEKSBAC68 #SBACDigitalGreenSkills #SBAC #ปวช #ปวส #ทวิภาคี #openhouse #สยามเด็กเล่น #siamplayground #thaitimes #thaitimesสยามโสภา #thaitimesเยาวชน
    Love
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 1008 Views 157 0 Reviews
  • จับตาประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง 20 ก.ย.นี้ การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศยากที่จะเป็นจริง คนในวงการอุตสาหกรรมแฉขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ‘นายจ้างเจ๊ง-เจ้าสัวรวย-แรงงานต่างชาติ’ ได้ประโยชน์ เสนอรัฐทำ ‘Pay by Skills-ลดค่าครองชีพ’ นายจ้างอยู่ได้ แรงงานได้ประโยชน์ แนะสังคมย้อนฟังคลิป ‘ทักษิณ-นายกฯ อิ๊ง’ ไม่พูดถึงค่าแรง ทั้งที่เพื่อไทยหาเสียงไว้ที่ 600 บาท

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000087586

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    จับตาประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง 20 ก.ย.นี้ การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศยากที่จะเป็นจริง คนในวงการอุตสาหกรรมแฉขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ‘นายจ้างเจ๊ง-เจ้าสัวรวย-แรงงานต่างชาติ’ ได้ประโยชน์ เสนอรัฐทำ ‘Pay by Skills-ลดค่าครองชีพ’ นายจ้างอยู่ได้ แรงงานได้ประโยชน์ แนะสังคมย้อนฟังคลิป ‘ทักษิณ-นายกฯ อิ๊ง’ ไม่พูดถึงค่าแรง ทั้งที่เพื่อไทยหาเสียงไว้ที่ 600 บาท อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000087586 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Sad
    Love
    Yay
    74
    2 Comments 0 Shares 7012 Views 1 Reviews
  • การออกแบบชุด "ชาติพันธุ์ 4 ภาค" จำนวน 8 ชุด ผลงานออกแบบโดยนักศึกษา ระดับ ปวส.1 SBAC - Digital Graphic และผลงานตัดเย็บชุดโดย ร้านเช่าชุด SmileWay

    และการแสดงแบบโดยนางแบบมืออาชีพระดับเวทีนางงาม
    💜 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคเหนือ "ผีกะ"
    ผู้สวมใส่ชุด
    คุณศุภิสรา แสงทอง (ส้มส้ม) มิสแกรนด์ปราจีนบุรี 2023

    🩵 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคเหนือ "ฟ้อนกิงกะลา"
    ผู้สวมใส่ชุด
    คุณปลายฟ้า ทองดอนพุ่ม (ปลายฟ้า) มิสแกรนด์ประจวบคีรีขันธ์ 2024

    💙 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคกลาง "เจ้าชายสายน้ำผึ้งกับพระนางสร้อยดอกหมาก"
    ผู้สวมใส่ชุด
    คุณธนัชพร พานแก้ว (มุกกุ) มิสแกรนด์สุพรรณบุรี 2022

    💚 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคกลาง "ประเพณีหงษ์ธงตะขาบ"
    ผู้สวมใส่ชุด
    คุณกุลธิดา ทองเลิศ (พิกุล) มิสแกรนด์กาญจนบุรี 2024

    💛 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคอีสาน" ที่นำวัฒนธรรมชาว "กูย"
    ผู้สวมใส่ชุด
    คุณพีรดา ยอดใจ (ดาว) มิสแกรนด์สมุทรปราการ 2021-2022

    🧡 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคอีสาน" พิธีความเชื่อรักษาอาการป่วย
    ผู้สวมใส่ชุด
    คุณเอลิชา แสงโชติ (ลูกพีช) รองชนะเลิศอันดับ 1 มิสแกรนด์ลำพูน 2024

    ❤️ ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคใต้" กลุ่มคนชาวเผ่าทางภาคใต้
    ผู้สวมใส่ชุด
    คุณ กนกวรรณ นันสูงเนิน (จ๊ะจ๋า) มิสแกรนด์สุพรรณบุรี 2024

    🩷 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคใต้" ประเพณีตและความเป็นเอกลักษณ์ของชาวใต้
    ผู้สวมใส่ชุด
    คุณสุทธิพร อ่วมกอง (แบมแบม) มิสแกรนด์พะเยา 2024

    #DEKSBAC67 #เรียนกราฟิกชีวิตออกแบบได้
    #SBAC #BuildingFutureSkills
    #ปวช #ปวส #อาชีวศึกษา #thaitimes
    #thaitimesเยาวชน
    การออกแบบชุด "ชาติพันธุ์ 4 ภาค" จำนวน 8 ชุด ผลงานออกแบบโดยนักศึกษา ระดับ ปวส.1 SBAC - Digital Graphic และผลงานตัดเย็บชุดโดย ร้านเช่าชุด SmileWay และการแสดงแบบโดยนางแบบมืออาชีพระดับเวทีนางงาม 💜 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคเหนือ "ผีกะ" ผู้สวมใส่ชุด คุณศุภิสรา แสงทอง (ส้มส้ม) มิสแกรนด์ปราจีนบุรี 2023 🩵 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคเหนือ "ฟ้อนกิงกะลา" ผู้สวมใส่ชุด คุณปลายฟ้า ทองดอนพุ่ม (ปลายฟ้า) มิสแกรนด์ประจวบคีรีขันธ์ 2024 💙 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคกลาง "เจ้าชายสายน้ำผึ้งกับพระนางสร้อยดอกหมาก" ผู้สวมใส่ชุด คุณธนัชพร พานแก้ว (มุกกุ) มิสแกรนด์สุพรรณบุรี 2022 💚 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคกลาง "ประเพณีหงษ์ธงตะขาบ" ผู้สวมใส่ชุด คุณกุลธิดา ทองเลิศ (พิกุล) มิสแกรนด์กาญจนบุรี 2024 💛 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคอีสาน" ที่นำวัฒนธรรมชาว "กูย" ผู้สวมใส่ชุด คุณพีรดา ยอดใจ (ดาว) มิสแกรนด์สมุทรปราการ 2021-2022 🧡 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคอีสาน" พิธีความเชื่อรักษาอาการป่วย ผู้สวมใส่ชุด คุณเอลิชา แสงโชติ (ลูกพีช) รองชนะเลิศอันดับ 1 มิสแกรนด์ลำพูน 2024 ❤️ ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคใต้" กลุ่มคนชาวเผ่าทางภาคใต้ ผู้สวมใส่ชุด คุณ กนกวรรณ นันสูงเนิน (จ๊ะจ๋า) มิสแกรนด์สุพรรณบุรี 2024 🩷 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคใต้" ประเพณีตและความเป็นเอกลักษณ์ของชาวใต้ ผู้สวมใส่ชุด คุณสุทธิพร อ่วมกอง (แบมแบม) มิสแกรนด์พะเยา 2024 #DEKSBAC67 #เรียนกราฟิกชีวิตออกแบบได้ #SBAC #BuildingFutureSkills #ปวช #ปวส #อาชีวศึกษา #thaitimes #thaitimesเยาวชน
    0 Comments 1 Shares 1233 Views 252 0 Reviews
  • Understand The Difference Between Ethos, Pathos, And Logos To Make Your Point

    During an argument, people will often say whatever is necessary to win. If that is the case, they would certainly need to understand the three modes of persuasion, also commonly known as the three rhetorical appeals: ethos, pathos, and logos. In short, these three words refer to three main methods that a person can use to speak or write persuasively. As you’re about to find out, the modes of persuasion are important because a speaker who knows how to effectively use them will have a significant advantage over someone who doesn’t.

    The terms ethos, pathos, and logos and the theory of their use can be traced back to ancient Greece to the philosophy of Aristotle. Aristotle used these three concepts in his explanations of rhetoric, or the art of influencing the thought and conduct of an audience. For Aristotle, the three modes of persuasion specifically referred to the three major parts of an argument: the speaker (ethos), the argument itself (logos), and the audience (pathos). In particular, Aristotle focused on the speaker’s character, the logic and reason presented by an argument, and the emotional impact the argument had on an audience.

    While they have ancient roots, these modes of persuasion are alive and well today. Put simply, ethos refers to persuasion based on the credibility or authority of the speaker, pathos refers to persuasion based on emotion, and logos refers to persuasion based on logic or reason.

    By effectively using the three modes of persuasion with a large supply of rhetorical devices, a speaker or writer can become a master of rhetoric and win nearly any argument or win over any audience. Before they can do that, though, they must know exactly what ethos, pathos, and logos mean. Fortunately, we are going to look closely at each of these three ideas and see if they are really as effective as they are said to be.

    Quick summary

    Ethos, pathos, and logos are the three classical modes of persuasion that a person can use to speak or write persuasively. Specifically:

    ethos (character): known as “the appeal to authority” or “the appeal to credibility.” This is the method in which a person relies on their credibility or character when making an appeal or an argument.

    pathos (emotions): known as “the appeal to emotion.” Pathos refers to the method of trying to persuade an audience by eliciting some kind of emotional reaction.

    logos (logic): known as “the appeal to reason.” This method involves using facts and logical reasoning to support an argument and persuade an audience.


    What is ethos?

    The word ethos comes straight from Greek. In Greek, ethos literally translates to “habit,” “custom,” or “character.” Ethos is related to the words ethic and ethical, which are typically used to refer to behavior that is or isn’t acceptable for a particular person.

    In rhetoric, the word ethos is used to refer to the character or reputation of the speaker. As a rhetorical appeal, ethos is known as “the appeal to authority” or “the appeal to credibility.” When it comes to ethos, one important consideration is how the speaker carries themself and how they present themselves to the audience: Does it seem like they know what they are talking about? Do they even believe the words they are saying? Are they an expert? Do they have some experience or skills that tell us we should listen to them?

    Ethos is important in rhetoric because it often influences the opinion or mood of the audience. If a speaker seems unenthusiastic, unprepared, or inexperienced, the audience is more likely to discount the speaker’s argument regardless of what it even is. On the other hand, a knowledgeable, authoritative, confident speaker is much more likely to win an audience over.

    Ethos often depends on more than just the argument itself. For example, a speaker’s word choice, grammar, and diction also contribute to ethos; an audience may react more favorably toward a professional speaker who has a good grasp of industry jargon and enunciates clearly versus a speaker who lacks the necessary vocabulary and fails to enunciate. Ethos can also be influenced by nonverbal factors as well, such as posture, body language, eye contact, and even the speaker’s choice of clothing. For example, a military officer proudly wearing their uniform bedecked with medals will go a long way to establishing ethos without them saying a single word.

    Here as a simple example of ethos:

    “As a former mayor of this city, I believe we can solve this crisis if we band together.”
    The speaker uses ethos by alerting the audience of their credentials and experience. By doing so, they rely on their reputation to be more persuasive. This “as a…” method of establishing ethos is common, and you have probably seen it used in many persuasive advertisements and speeches.


    What is pathos?

    In Greek, pathos literally translates to “suffering, experience, or sensation.” The word pathos is related to the words pathetic, sympathy, and empathy, which all have to do with emotions or emotional connections. Aristotle used the word pathos to refer to the emotional impact that an argument had on an audience; this usage is still mainly how pathos is used in rhetoric today.

    As a rhetorical appeal, pathos is referred to as “the appeal to emotion.” Generally speaking, an author or speaker is using pathos when they are trying to persuade an audience by causing some kind of emotional reaction. When it comes to pathos, any and all emotions are on the table: sadness, fear, hope, joy, anger, lust, pity, etc.

    As you probably know from your own life, emotions are a powerful motivating factor. For this reason, relying on pathos is often a smart and effective strategy for persuading an audience. Both positive and negative emotions can heavily influence an audience: for example, an audience will want to support a speaker whose position will make them happy, a speaker who wants to end their sadness, or a speaker who is opposed to something that makes them angry.

    Here is a simple example of pathos:

    “Every day, the rainforests shrink and innocent animals are killed. We must do something about this calamitous trend before the planet we call our home is damaged beyond repair.”
    Here, the author is trying to win over an audience by making them feel sad, concerned, or afraid. The author’s choice of words like “innocent” and “calamitous” enforce the fact that they are trying to rely on pathos.


    What is logos?

    In Greek, the word logos literally translates to “word, reason, or discourse.” The word logos is related to many different words that have to do with reason, discourse, or knowledge, such as logic, logical, and any words that end in the suffixes -logy or -logue.

    As a mode of persuasion and rhetorical appeal, logos is often referred to as “the appeal to reason.” If a speaker or author is relying on logos, they are typically reciting facts or providing data and statistics that support their argument. In a manner of speaking, logos does away with all of the bells and whistles of ethos and pathos and cuts to the chase by trying to present a rational argument.

    Logos can be effective in arguments because, in theory, it is impossible to argue against truth and facts. An audience is more likely to agree with a speaker who can provide strong, factual evidence that shows their position is correct. On the flip side, an audience is less likely to support an argument that is flawed or entirely wrong. Going further, a speaker that presents a lot of supporting evidence and data to the audience is likely to come across as knowledgeable and someone to be listened to, which earns bonus points in ethos as well.

    While Aristotle clearly valued an argument based on reason very highly, we know that logos alone doesn’t always effectively persuade an audience. In your own life, you have likely seen a rational, correct speaker lose an argument to a charismatic, authoritative speaker who may not have the facts right.

    Here is a simple example of logos:

    “According to market research, sales of computer chips have increased by 300% in the last five years. Analysis of the industry tells us that the market share of computer chips is dominated by Asian manufacturers. It is clear that the Asian technology sector will continue to experience rapid growth for the foreseeable future.”
    In this paragraph, the author is using data, statistics, and logical reasoning to make their argument. They clearly hope to use logos to try to convince an audience to agree with them.

    Examples of ethos, pathos, and logos
    Ethos, pathos, and logos can all be employed to deliver compelling and persuasive arguments or to win over an audience. Let’s look at a variety of examples to see how different speakers and authors have turned to these modes of persuasion over the years.


    ethos

    “Come I to speak in Caesar’s funeral.
    He was my friend, faithful and just to me […] You all did see that on the Lupercal
    I thrice presented him a kingly crown,
    Which he did thrice refuse: was this ambition?”
    —Marc Antony, Julius Caesar by William Shakespeare

    In this scene, Marc Antony is trying to win over the Roman people, so Shakespeare has Antony rely on ethos. Antony is establishing himself as both a person of authority in Rome (having the power to offer Caesar a crown) and an expert on Caesar’s true character (Antony was Caesar’s close friend and advisor).

    “During the next five years, I started a company named NeXT, another company named Pixar, and fell in love with an amazing woman who would become my wife. Pixar went on to create the world’s first computer animated feature film, Toy Story, and is now the most successful animation studio in the world. In a remarkable turn of events, Apple bought NeXT, I returned to Apple, and the technology we developed at NeXT is at the heart of Apple’s current renaissance.”
    —Steve Jobs, 2005

    Here, Steve Jobs is providing his background–via humblebrag– of being a major figure in several different highly successful tech companies. Jobs is using ethos to provide substance to his words and make it clear to the audience that he knows what he is talking about and they should listen to him.


    pathos

    “Moreover, though you hate both him and his gifts with all your heart, yet pity the rest of the Achaeans who are being harassed in all their host; they will honour you as a god, and you will earn great glory at their hands. You might even kill Hector; he will come within your reach, for he is infatuated, and declares that not a Danaan whom the ships have brought can hold his own against him.”
    —Ulysses to Achilles, The Iliad by Homer

    In this plea, Ulysses is doing his best to pile on the pathos. In one paragraph, Ulysses is attempting to appeal to several of Achilles’s emotions: his hatred of Hector, his infamous stubborn pride, his sympathy for civilians, and his desire for vengeance.

    “I am not unmindful that some of you have come here out of great trials and tribulations. Some of you have come fresh from narrow jail cells. Some of you have come from areas where your quest—quest for freedom left you battered by the storms of persecution and staggered by the winds of police brutality.”
    —Dr. Martin Luther King Jr., 1963

    In this excerpt from his “I Have A Dream” speech, King is using pathos to accomplish two goals at once. First, he is connecting with his audience by making it clear is aware of their plight and suffering. Second, he is citing these examples to cause sadness or outrage in the audience. Both of these effects will make an audience interested in what he has to say and more likely to support his position.


    logos

    “Let it be remembered how powerful the influence of a single introduced tree or mammal has been shown to be. But in the case of an island, or of a country partly surrounded by barriers, into which new and better adapted forms could not freely enter, we should then have places in the economy of nature which would assuredly be better filled up if some of the original inhabitants were in some manner modified; for, had the area been open to immigration, these same places would have been seized on by intruders. In such case, every slight modification, which in the course of ages chanced to arise, and which in any way favoured the individuals of any of the species, by better adapting them to their altered conditions, would tend to be preserved; and natural selection would have free scope for the work of improvement.”
    —Charles Darwin, On the Origin of the Species, 1859

    In this passage, Darwin is using logos by presenting a rational argument in support of natural selection. Darwin connects natural selection to established scientific knowledge to argue that it makes logical sense that animals would adapt to better survive in their environment.

    “I often echo the point made by the climate scientist James Hansen: The accumulation of carbon dioxide, methane and other greenhouse gases—some of which will envelop the planet for hundreds and possibly thousands of years—is now trapping as much extra energy daily as 500,000 Hiroshima-class atomic bombs would release every 24 hours. This is the crisis we face.”
    —Al Gore, “The Climate Crisis Is the Battle of Our Time, and We Can Win,” 2019

    In this call to action, Al Gore uses logos to attempt to convince his audience of the significance of climate change. In order to do this, Gore both cites an expert in the field and provides a scientifically accurate simile to explain the scale of the effect that greenhouse gases have on Earth’s atmosphere.


    What are mythos and kairos?

    Some modern scholars may also use terms mythos and kairos when discussing modes of persuasion or rhetoric in general.

    Aristotle used the term mythos to refer to the plot or story structure of Greek tragedies, i.e., how a playwright ordered the events of the story to affect the audience. Today, mythos is most often discussed as a literary or poetic term rather than a rhetorical one. However, mythos may rarely be referred to as the “appeal to culture” or the “appeal to myth” if it is treated as an additional mode of persuasion. According to this viewpoint, a speaker/writer is using mythos if they try to persuade an audience using shared cultural customs or societal values.

    A commonly cited example of mythos is King’s “I Have a Dream” speech quoted earlier. King says:

    “When the architects of our republic wrote the magnificent words of the Constitution and the Declaration of Independence, they were signing a promissory note to which every American was to fall heir. This note was a promise that all men—yes, black men as well as white men—would be guaranteed the ‘unalienable rights’ of ‘life, liberty and the pursuit of happiness.’ ”

    Throughout the speech, King repeatedly uses American symbols and American history (mythos) to argue that all Americans should be outraged that Black Americans have been denied freedom and civil rights.

    Some modern scholars may also consider kairos as an additional mode of persuasion. Kairos is usually defined as referring to the specific time and place that a speaker chooses to deliver their speech. For written rhetoric, the “place” instead refers to the specific medium or publication in which a piece of writing appears.

    Unlike the other modes of persuasion, kairos relates to the context of a speech and how the appropriateness (or not) of a setting affects how effective a speaker is. Once again, King’s “I Have a Dream” speech is a great example of the use of kairos. This speech was delivered at the steps of the Lincoln Memorial during the 100th anniversary of the Emancipation Proclamation at the end of the March on Washington for Jobs and Freedom. Clearly, King intended to use kairos to enhance the importance and timeliness of this landmark speech.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    Understand The Difference Between Ethos, Pathos, And Logos To Make Your Point During an argument, people will often say whatever is necessary to win. If that is the case, they would certainly need to understand the three modes of persuasion, also commonly known as the three rhetorical appeals: ethos, pathos, and logos. In short, these three words refer to three main methods that a person can use to speak or write persuasively. As you’re about to find out, the modes of persuasion are important because a speaker who knows how to effectively use them will have a significant advantage over someone who doesn’t. The terms ethos, pathos, and logos and the theory of their use can be traced back to ancient Greece to the philosophy of Aristotle. Aristotle used these three concepts in his explanations of rhetoric, or the art of influencing the thought and conduct of an audience. For Aristotle, the three modes of persuasion specifically referred to the three major parts of an argument: the speaker (ethos), the argument itself (logos), and the audience (pathos). In particular, Aristotle focused on the speaker’s character, the logic and reason presented by an argument, and the emotional impact the argument had on an audience. While they have ancient roots, these modes of persuasion are alive and well today. Put simply, ethos refers to persuasion based on the credibility or authority of the speaker, pathos refers to persuasion based on emotion, and logos refers to persuasion based on logic or reason. By effectively using the three modes of persuasion with a large supply of rhetorical devices, a speaker or writer can become a master of rhetoric and win nearly any argument or win over any audience. Before they can do that, though, they must know exactly what ethos, pathos, and logos mean. Fortunately, we are going to look closely at each of these three ideas and see if they are really as effective as they are said to be. Quick summary Ethos, pathos, and logos are the three classical modes of persuasion that a person can use to speak or write persuasively. Specifically: ethos (character): known as “the appeal to authority” or “the appeal to credibility.” This is the method in which a person relies on their credibility or character when making an appeal or an argument. pathos (emotions): known as “the appeal to emotion.” Pathos refers to the method of trying to persuade an audience by eliciting some kind of emotional reaction. logos (logic): known as “the appeal to reason.” This method involves using facts and logical reasoning to support an argument and persuade an audience. What is ethos? The word ethos comes straight from Greek. In Greek, ethos literally translates to “habit,” “custom,” or “character.” Ethos is related to the words ethic and ethical, which are typically used to refer to behavior that is or isn’t acceptable for a particular person. In rhetoric, the word ethos is used to refer to the character or reputation of the speaker. As a rhetorical appeal, ethos is known as “the appeal to authority” or “the appeal to credibility.” When it comes to ethos, one important consideration is how the speaker carries themself and how they present themselves to the audience: Does it seem like they know what they are talking about? Do they even believe the words they are saying? Are they an expert? Do they have some experience or skills that tell us we should listen to them? Ethos is important in rhetoric because it often influences the opinion or mood of the audience. If a speaker seems unenthusiastic, unprepared, or inexperienced, the audience is more likely to discount the speaker’s argument regardless of what it even is. On the other hand, a knowledgeable, authoritative, confident speaker is much more likely to win an audience over. Ethos often depends on more than just the argument itself. For example, a speaker’s word choice, grammar, and diction also contribute to ethos; an audience may react more favorably toward a professional speaker who has a good grasp of industry jargon and enunciates clearly versus a speaker who lacks the necessary vocabulary and fails to enunciate. Ethos can also be influenced by nonverbal factors as well, such as posture, body language, eye contact, and even the speaker’s choice of clothing. For example, a military officer proudly wearing their uniform bedecked with medals will go a long way to establishing ethos without them saying a single word. Here as a simple example of ethos: “As a former mayor of this city, I believe we can solve this crisis if we band together.” The speaker uses ethos by alerting the audience of their credentials and experience. By doing so, they rely on their reputation to be more persuasive. This “as a…” method of establishing ethos is common, and you have probably seen it used in many persuasive advertisements and speeches. What is pathos? In Greek, pathos literally translates to “suffering, experience, or sensation.” The word pathos is related to the words pathetic, sympathy, and empathy, which all have to do with emotions or emotional connections. Aristotle used the word pathos to refer to the emotional impact that an argument had on an audience; this usage is still mainly how pathos is used in rhetoric today. As a rhetorical appeal, pathos is referred to as “the appeal to emotion.” Generally speaking, an author or speaker is using pathos when they are trying to persuade an audience by causing some kind of emotional reaction. When it comes to pathos, any and all emotions are on the table: sadness, fear, hope, joy, anger, lust, pity, etc. As you probably know from your own life, emotions are a powerful motivating factor. For this reason, relying on pathos is often a smart and effective strategy for persuading an audience. Both positive and negative emotions can heavily influence an audience: for example, an audience will want to support a speaker whose position will make them happy, a speaker who wants to end their sadness, or a speaker who is opposed to something that makes them angry. Here is a simple example of pathos: “Every day, the rainforests shrink and innocent animals are killed. We must do something about this calamitous trend before the planet we call our home is damaged beyond repair.” Here, the author is trying to win over an audience by making them feel sad, concerned, or afraid. The author’s choice of words like “innocent” and “calamitous” enforce the fact that they are trying to rely on pathos. What is logos? In Greek, the word logos literally translates to “word, reason, or discourse.” The word logos is related to many different words that have to do with reason, discourse, or knowledge, such as logic, logical, and any words that end in the suffixes -logy or -logue. As a mode of persuasion and rhetorical appeal, logos is often referred to as “the appeal to reason.” If a speaker or author is relying on logos, they are typically reciting facts or providing data and statistics that support their argument. In a manner of speaking, logos does away with all of the bells and whistles of ethos and pathos and cuts to the chase by trying to present a rational argument. Logos can be effective in arguments because, in theory, it is impossible to argue against truth and facts. An audience is more likely to agree with a speaker who can provide strong, factual evidence that shows their position is correct. On the flip side, an audience is less likely to support an argument that is flawed or entirely wrong. Going further, a speaker that presents a lot of supporting evidence and data to the audience is likely to come across as knowledgeable and someone to be listened to, which earns bonus points in ethos as well. While Aristotle clearly valued an argument based on reason very highly, we know that logos alone doesn’t always effectively persuade an audience. In your own life, you have likely seen a rational, correct speaker lose an argument to a charismatic, authoritative speaker who may not have the facts right. Here is a simple example of logos: “According to market research, sales of computer chips have increased by 300% in the last five years. Analysis of the industry tells us that the market share of computer chips is dominated by Asian manufacturers. It is clear that the Asian technology sector will continue to experience rapid growth for the foreseeable future.” In this paragraph, the author is using data, statistics, and logical reasoning to make their argument. They clearly hope to use logos to try to convince an audience to agree with them. Examples of ethos, pathos, and logos Ethos, pathos, and logos can all be employed to deliver compelling and persuasive arguments or to win over an audience. Let’s look at a variety of examples to see how different speakers and authors have turned to these modes of persuasion over the years. ethos “Come I to speak in Caesar’s funeral. He was my friend, faithful and just to me […] You all did see that on the Lupercal I thrice presented him a kingly crown, Which he did thrice refuse: was this ambition?” —Marc Antony, Julius Caesar by William Shakespeare In this scene, Marc Antony is trying to win over the Roman people, so Shakespeare has Antony rely on ethos. Antony is establishing himself as both a person of authority in Rome (having the power to offer Caesar a crown) and an expert on Caesar’s true character (Antony was Caesar’s close friend and advisor). “During the next five years, I started a company named NeXT, another company named Pixar, and fell in love with an amazing woman who would become my wife. Pixar went on to create the world’s first computer animated feature film, Toy Story, and is now the most successful animation studio in the world. In a remarkable turn of events, Apple bought NeXT, I returned to Apple, and the technology we developed at NeXT is at the heart of Apple’s current renaissance.” —Steve Jobs, 2005 Here, Steve Jobs is providing his background–via humblebrag– of being a major figure in several different highly successful tech companies. Jobs is using ethos to provide substance to his words and make it clear to the audience that he knows what he is talking about and they should listen to him. pathos “Moreover, though you hate both him and his gifts with all your heart, yet pity the rest of the Achaeans who are being harassed in all their host; they will honour you as a god, and you will earn great glory at their hands. You might even kill Hector; he will come within your reach, for he is infatuated, and declares that not a Danaan whom the ships have brought can hold his own against him.” —Ulysses to Achilles, The Iliad by Homer In this plea, Ulysses is doing his best to pile on the pathos. In one paragraph, Ulysses is attempting to appeal to several of Achilles’s emotions: his hatred of Hector, his infamous stubborn pride, his sympathy for civilians, and his desire for vengeance. “I am not unmindful that some of you have come here out of great trials and tribulations. Some of you have come fresh from narrow jail cells. Some of you have come from areas where your quest—quest for freedom left you battered by the storms of persecution and staggered by the winds of police brutality.” —Dr. Martin Luther King Jr., 1963 In this excerpt from his “I Have A Dream” speech, King is using pathos to accomplish two goals at once. First, he is connecting with his audience by making it clear is aware of their plight and suffering. Second, he is citing these examples to cause sadness or outrage in the audience. Both of these effects will make an audience interested in what he has to say and more likely to support his position. logos “Let it be remembered how powerful the influence of a single introduced tree or mammal has been shown to be. But in the case of an island, or of a country partly surrounded by barriers, into which new and better adapted forms could not freely enter, we should then have places in the economy of nature which would assuredly be better filled up if some of the original inhabitants were in some manner modified; for, had the area been open to immigration, these same places would have been seized on by intruders. In such case, every slight modification, which in the course of ages chanced to arise, and which in any way favoured the individuals of any of the species, by better adapting them to their altered conditions, would tend to be preserved; and natural selection would have free scope for the work of improvement.” —Charles Darwin, On the Origin of the Species, 1859 In this passage, Darwin is using logos by presenting a rational argument in support of natural selection. Darwin connects natural selection to established scientific knowledge to argue that it makes logical sense that animals would adapt to better survive in their environment. “I often echo the point made by the climate scientist James Hansen: The accumulation of carbon dioxide, methane and other greenhouse gases—some of which will envelop the planet for hundreds and possibly thousands of years—is now trapping as much extra energy daily as 500,000 Hiroshima-class atomic bombs would release every 24 hours. This is the crisis we face.” —Al Gore, “The Climate Crisis Is the Battle of Our Time, and We Can Win,” 2019 In this call to action, Al Gore uses logos to attempt to convince his audience of the significance of climate change. In order to do this, Gore both cites an expert in the field and provides a scientifically accurate simile to explain the scale of the effect that greenhouse gases have on Earth’s atmosphere. What are mythos and kairos? Some modern scholars may also use terms mythos and kairos when discussing modes of persuasion or rhetoric in general. Aristotle used the term mythos to refer to the plot or story structure of Greek tragedies, i.e., how a playwright ordered the events of the story to affect the audience. Today, mythos is most often discussed as a literary or poetic term rather than a rhetorical one. However, mythos may rarely be referred to as the “appeal to culture” or the “appeal to myth” if it is treated as an additional mode of persuasion. According to this viewpoint, a speaker/writer is using mythos if they try to persuade an audience using shared cultural customs or societal values. A commonly cited example of mythos is King’s “I Have a Dream” speech quoted earlier. King says: “When the architects of our republic wrote the magnificent words of the Constitution and the Declaration of Independence, they were signing a promissory note to which every American was to fall heir. This note was a promise that all men—yes, black men as well as white men—would be guaranteed the ‘unalienable rights’ of ‘life, liberty and the pursuit of happiness.’ ” Throughout the speech, King repeatedly uses American symbols and American history (mythos) to argue that all Americans should be outraged that Black Americans have been denied freedom and civil rights. Some modern scholars may also consider kairos as an additional mode of persuasion. Kairos is usually defined as referring to the specific time and place that a speaker chooses to deliver their speech. For written rhetoric, the “place” instead refers to the specific medium or publication in which a piece of writing appears. Unlike the other modes of persuasion, kairos relates to the context of a speech and how the appropriateness (or not) of a setting affects how effective a speaker is. Once again, King’s “I Have a Dream” speech is a great example of the use of kairos. This speech was delivered at the steps of the Lincoln Memorial during the 100th anniversary of the Emancipation Proclamation at the end of the March on Washington for Jobs and Freedom. Clearly, King intended to use kairos to enhance the importance and timeliness of this landmark speech. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 Comments 0 Shares 821 Views 0 Reviews
  • ว่าด้วยเรื่องการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา...
    ถ้าได้มีลูกน้องในหลายๆระดับก็จะมีทั้งความสนุก มันส์ ฮา ความเออ ออ ความทุกข์ที่ลูกน้องเราก่อ หรือความเอากลับมาคิดหลังเราตำหนิเขา ว่าแรงไปไหม เขาจะคิดได้ไหม เขาจะมองว่ายังงัย บลาๆๆ
    มีหลายหลายตำราที่ได้ฟังได้อ่านมาในเรื่องการวิเคราะห์ดูลูกน้อง และให้งานแต่ละคนตามความเหมาะสม จากที่เจอมากับการปกครองลูกน้องร้อยกว่าชีวิตตั้งแต่ระดับต้นๆยันระดับจัดการก็จะมี....
    1. ขยัน แต่ไม่ฉลาด เติบโตมาจากความขยัน มาแต่เช้าตรู่ แม้จะทำงานบ้างไม่ทำงานบ้าง แต่ก็ไม่เคยขาด ลา มาสาย ข้อเสียคือมักจะตัดสินใจผิดเสมอ ไปจนถึงสถานการณ์จริงแก้ปัญหาไม่ได้ เน้นใช้งานลูกน้องเป็นหลัก (แม้แต่งานตัวเอง) กลุ่มนี้ต้องมอบหมายงานที่เป็นประจำๆเป็นหลัก หลีกเลี่ยงงานที่ต้องให้วิเคราะห์ ตัดสินใจ หรือโปรเจ็กใหม่ๆ
    2. ฉลาด แต่ขี้เกียจ กลุ่มนี้นี่แค่เกริ่นคร่าวๆให้ฟัง ก็คิดต่อ คิดตามได้เลย พวกเขาจะประยุกต์ และคิดวิธีใหม่ๆได้เสมอ และมักที่จะ get the job done แต่ข้อเสียคือ ไม่ค่อยเล่นเป็นทีม (ต่อให้เป็นระดับหัวหน้าทีมเล้วตาม ก็จะมองที่งานของตัวเองให้รอดก่อน) ขี้เกียจ ขี้เบื่อ ลาบ่อย ถ้าเบื่อมากๆก็จะหรอยไปโน่นนี่นั่น รวมไปถึงมีทัศนคติที่สูง ถ้าจะให้เขาเคารพคุณแบบหัวหน้า คุณก็ต้องพิสูจน์ฝีมือให้เขาดูก่อน ปกป้องสิทธิของตัวเองเป็นหลักก่อนเสมอ กลุ่มนี้จะต้องมอบงานที่ท้าทาย หรือไม่เคยทำมาก่อนในแผนก ไม่ต้องจูงมือให้เขาทำ หรือให้เขาเดินตามทางเรา เขาจะหาทางทำ และไปถึงจุดหมายด้วยตัวเอง แต่พองานเสร็จแล้วคุณจำเป็นต้องมานั่งคุยกับเขาด้วย ว่างานนี้อะไรดีไม่ดี อะไรต้องปรับปรุง เพราะไม่งั้นเขาจะมองว่างานเขาดีเลิศที่หนึ่ง และอย่าไปมอบงานประจำน่าเบื่อๆให้ล่ะ รับรองหรอยไปเดินเล่น หรือนั่งดูซีรีย์ตั้งแต่สามวันแรกแน่นอน
    3. กลุ่มน้ำเต็มแก้วที่จมปลักอยู่กับสิ่งตัวเองคิดว่าเป็น achievement กลุ่มนี้จะมีทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ เป็นกลุ่มที่มักจะพูดให้คนอื่นฟังว่าเคยทำอะไรมาก่อน งานเก่าประสบความสำเร็จยังไง เคยผ่านงานลำบากขนาดไหน เคยเข้าประชุมประสานงานกับผู้บริหารหรือเจ้าของมาแล้ว บลาๆๆๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีซะทั้งหมด ผมมองว่ากลุ่มนี้เหมือนเตียวหุย มีฝีมือ แต่ประมาท และไม่ค่อยชอบเรียนรู้เพิ่ม สกิลหลักของกลุ่มนี้คือการพูด การเข้าหา และการพรีเซนต์ ถ้าคุณใช้เขาให้ถูกที่ ถูกเวลา ถูกสถานการณ์ เขาจะช่วยประหยัดเวลาคุณในการที่ต้องเข้าไปประชุม หรือจัดการด้วยตัวเองเยอะ แต่ข้อเสียกลุ่มนี้คือ ไม่ชอบ หรือไม่ถนัดการทำ full report หรือ analysis report เลย และอย่าไปยัดเยียดอะไรใหม่ๆให้เขาเรียนรู้ เพราะเขาจะมองว่าสกิลเขามีเพียงพอแล้ว
    4. กลุ่มเพชรในตม คนที่เรามองข้าม อาจจะด้วยความที่เขาเป็นระดับเล็ก ไม่มีโอกาสได้คุยกับเรามากนัก หรือเรามองเลยไป กลุ่มนี้มี potential สูง หรือมี skill ที่ดี แต่อาจไม่ไดโอกาสในการแสดง ซึ่งถ้าขัดเกลา หรือเพิ่มการเรียนรู้ให้เขา เขาจะเป็นหัวหน้าที่ดีในอนาคตเลย การที่เราหยุดคุยกับลูกน้องเราสัก 2-3 นาที และให้ระดับหัวหน้า หรือผู้จัดการ พูดคุยถึงลูกน้องตัวเองก็ทำให้เราได้เพชรในตมเหมือนกันนะครับ

    ขยันและฉลาด หายากมาก
    โง่และขี้เกียจ มีนะแต่ไม่ค่อยปล่อยให้อยู่นาน
    น้ำไม่เต็มแก้ว พูดเก่ง มี achievement ไม่ค่อยเจอ ถ้าเจอมักจะเป็นเพชรในตม เพราะมีความถ่อมตนมากกว่า
    วันนี้นึกออกแค่นี้แหละ ขอบคุณครับ
    ว่าด้วยเรื่องการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา... ถ้าได้มีลูกน้องในหลายๆระดับก็จะมีทั้งความสนุก มันส์ ฮา ความเออ ออ ความทุกข์ที่ลูกน้องเราก่อ หรือความเอากลับมาคิดหลังเราตำหนิเขา ว่าแรงไปไหม เขาจะคิดได้ไหม เขาจะมองว่ายังงัย บลาๆๆ มีหลายหลายตำราที่ได้ฟังได้อ่านมาในเรื่องการวิเคราะห์ดูลูกน้อง และให้งานแต่ละคนตามความเหมาะสม จากที่เจอมากับการปกครองลูกน้องร้อยกว่าชีวิตตั้งแต่ระดับต้นๆยันระดับจัดการก็จะมี.... 1. ขยัน แต่ไม่ฉลาด เติบโตมาจากความขยัน มาแต่เช้าตรู่ แม้จะทำงานบ้างไม่ทำงานบ้าง แต่ก็ไม่เคยขาด ลา มาสาย ข้อเสียคือมักจะตัดสินใจผิดเสมอ ไปจนถึงสถานการณ์จริงแก้ปัญหาไม่ได้ เน้นใช้งานลูกน้องเป็นหลัก (แม้แต่งานตัวเอง) กลุ่มนี้ต้องมอบหมายงานที่เป็นประจำๆเป็นหลัก หลีกเลี่ยงงานที่ต้องให้วิเคราะห์ ตัดสินใจ หรือโปรเจ็กใหม่ๆ 2. ฉลาด แต่ขี้เกียจ กลุ่มนี้นี่แค่เกริ่นคร่าวๆให้ฟัง ก็คิดต่อ คิดตามได้เลย พวกเขาจะประยุกต์ และคิดวิธีใหม่ๆได้เสมอ และมักที่จะ get the job done แต่ข้อเสียคือ ไม่ค่อยเล่นเป็นทีม (ต่อให้เป็นระดับหัวหน้าทีมเล้วตาม ก็จะมองที่งานของตัวเองให้รอดก่อน) ขี้เกียจ ขี้เบื่อ ลาบ่อย ถ้าเบื่อมากๆก็จะหรอยไปโน่นนี่นั่น รวมไปถึงมีทัศนคติที่สูง ถ้าจะให้เขาเคารพคุณแบบหัวหน้า คุณก็ต้องพิสูจน์ฝีมือให้เขาดูก่อน ปกป้องสิทธิของตัวเองเป็นหลักก่อนเสมอ กลุ่มนี้จะต้องมอบงานที่ท้าทาย หรือไม่เคยทำมาก่อนในแผนก ไม่ต้องจูงมือให้เขาทำ หรือให้เขาเดินตามทางเรา เขาจะหาทางทำ และไปถึงจุดหมายด้วยตัวเอง แต่พองานเสร็จแล้วคุณจำเป็นต้องมานั่งคุยกับเขาด้วย ว่างานนี้อะไรดีไม่ดี อะไรต้องปรับปรุง เพราะไม่งั้นเขาจะมองว่างานเขาดีเลิศที่หนึ่ง และอย่าไปมอบงานประจำน่าเบื่อๆให้ล่ะ รับรองหรอยไปเดินเล่น หรือนั่งดูซีรีย์ตั้งแต่สามวันแรกแน่นอน 3. กลุ่มน้ำเต็มแก้วที่จมปลักอยู่กับสิ่งตัวเองคิดว่าเป็น achievement กลุ่มนี้จะมีทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ เป็นกลุ่มที่มักจะพูดให้คนอื่นฟังว่าเคยทำอะไรมาก่อน งานเก่าประสบความสำเร็จยังไง เคยผ่านงานลำบากขนาดไหน เคยเข้าประชุมประสานงานกับผู้บริหารหรือเจ้าของมาแล้ว บลาๆๆๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีซะทั้งหมด ผมมองว่ากลุ่มนี้เหมือนเตียวหุย มีฝีมือ แต่ประมาท และไม่ค่อยชอบเรียนรู้เพิ่ม สกิลหลักของกลุ่มนี้คือการพูด การเข้าหา และการพรีเซนต์ ถ้าคุณใช้เขาให้ถูกที่ ถูกเวลา ถูกสถานการณ์ เขาจะช่วยประหยัดเวลาคุณในการที่ต้องเข้าไปประชุม หรือจัดการด้วยตัวเองเยอะ แต่ข้อเสียกลุ่มนี้คือ ไม่ชอบ หรือไม่ถนัดการทำ full report หรือ analysis report เลย และอย่าไปยัดเยียดอะไรใหม่ๆให้เขาเรียนรู้ เพราะเขาจะมองว่าสกิลเขามีเพียงพอแล้ว 4. กลุ่มเพชรในตม คนที่เรามองข้าม อาจจะด้วยความที่เขาเป็นระดับเล็ก ไม่มีโอกาสได้คุยกับเรามากนัก หรือเรามองเลยไป กลุ่มนี้มี potential สูง หรือมี skill ที่ดี แต่อาจไม่ไดโอกาสในการแสดง ซึ่งถ้าขัดเกลา หรือเพิ่มการเรียนรู้ให้เขา เขาจะเป็นหัวหน้าที่ดีในอนาคตเลย การที่เราหยุดคุยกับลูกน้องเราสัก 2-3 นาที และให้ระดับหัวหน้า หรือผู้จัดการ พูดคุยถึงลูกน้องตัวเองก็ทำให้เราได้เพชรในตมเหมือนกันนะครับ ขยันและฉลาด หายากมาก โง่และขี้เกียจ มีนะแต่ไม่ค่อยปล่อยให้อยู่นาน น้ำไม่เต็มแก้ว พูดเก่ง มี achievement ไม่ค่อยเจอ ถ้าเจอมักจะเป็นเพชรในตม เพราะมีความถ่อมตนมากกว่า วันนี้นึกออกแค่นี้แหละ ขอบคุณครับ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 463 Views 0 Reviews
  • “Jealousy” vs. “Envy”: Can You Feel The Difference?

    Your coworker has gotten a raise, and it bothers you because you really wish you’d gotten one, too. Is what you’re feeling jealousy or envy? The two feelings are similar, but the words are often used to convey slightly different things, mainly involving whether the feeling is hostile or malicious.

    In this article, we’ll discuss the similarities and differences between jealousy and envy, including the subtle implications of both words, their adjective forms jealous and envious, and some examples of how you can tell when envy has turned to jealousy.

    Quick summary

    Jealousy and envy both involve a feeling of desire for what another person has, but jealousy is usually thought to be more negative—it often involves resentment toward the other person. Envy is also a negative feeling—like a mix of admiration and discontent—but the word doesn’t usually imply hostility. Another difference is that envy can be used as both a noun and a verb.

    What is jealousy?

    Jealousy is a feeling of resentment, bitterness, or hostility toward someone who has something that you don’t. This could be general success, an achievement, a trait, a social advantage, a material possession, or a relationship, among other things. What matters is that the other person has the thing, you want it, and this makes you resentful of them.

    The adjective form of jealousy is jealous.

    When used in the context of romantic relationships, jealousy more specifically refers to a feeling of suspicion or uneasiness that often comes from one’s partner giving or being given positive attention by others.

    What is envy?

    Envy is a negative feeling of desire centered on someone who has something that you do not. Envy can also be a verb meaning to feel this way toward someone. Both the noun and the verb imply that you want to be in the other person’s position—to have what they have. Like jealousy, envy can be centered on any number of things, tangible or intangible.

    Envy can be described as a mix of admiration and discontent. But it’s not necessarily malicious. It can even be used as part of a compliment, as in You’ve worked so hard to achieve your success—I really envy you.

    The adjective form is envious, and you could also call someone’s advantage or trait enviable.

    Green with envy and the green-eyed monster

    Thanks to Shakespeare, there is a strong association between jealousy, envy, and the color green.

    The phrase green with envy means feeling a strong sense of covetousness for what someone else has. Shakespeare described envy as the green sickness in the play Anthony and Cleopatra.

    The term green-eyed monster is a way of referring to jealousy. The first written record of the phrase comes from Shakespeare’s Othello, which is known for its themes of jealousy. In the play, jealousy is said to be “the green-eyed monster which doth mock the meat it feeds on.” The phrase may allude to cats, which can have green eyes and are known for playing with their prey. The phrase green-eyed can also be used by itself to mean “jealous.”

    What is the difference between jealousy and envy?
    Both jealousy and envy can involve tangible things (like a possession) and intangible ones (like a certain status, position, skill, trait, or relationship). Although jealousy and envy are sometimes used interchangeably, a distinction is often made relating to the amount of negativity.

    Simply feeling upset that you don’t have what someone else does—and wishing you were in their position—is usually considered envy. By the way, in that hypothetical situation about the coworker at the very start of this article, it sounds more like you’re feeling envy.

    In contrast, feelings of inner resentment and the outward hostility that sometimes results from such feelings are both thought to stem from jealousy.

    However, it is often said that envy can turn into jealousy—and the point at which it does may not be so obvious.

    One distinction that is sometimes made is that jealousy centers its negative focus on the person who has the thing that you don’t, while envy is more centered on the desire for the thing. Of course, however, jealousy can be about both the person and the thing, and so the main difference is usually considered to involve how negative the feeling is.

    A practical difference between jealousy and envy is that jealousy is always a noun, while envy can be a noun or a verb.

    One final difference is that jealousy and the adjective form jealous are also used more specifically in the context of romantic relationships in a way that envy and envious are not.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    “Jealousy” vs. “Envy”: Can You Feel The Difference? Your coworker has gotten a raise, and it bothers you because you really wish you’d gotten one, too. Is what you’re feeling jealousy or envy? The two feelings are similar, but the words are often used to convey slightly different things, mainly involving whether the feeling is hostile or malicious. In this article, we’ll discuss the similarities and differences between jealousy and envy, including the subtle implications of both words, their adjective forms jealous and envious, and some examples of how you can tell when envy has turned to jealousy. Quick summary Jealousy and envy both involve a feeling of desire for what another person has, but jealousy is usually thought to be more negative—it often involves resentment toward the other person. Envy is also a negative feeling—like a mix of admiration and discontent—but the word doesn’t usually imply hostility. Another difference is that envy can be used as both a noun and a verb. What is jealousy? Jealousy is a feeling of resentment, bitterness, or hostility toward someone who has something that you don’t. This could be general success, an achievement, a trait, a social advantage, a material possession, or a relationship, among other things. What matters is that the other person has the thing, you want it, and this makes you resentful of them. The adjective form of jealousy is jealous. When used in the context of romantic relationships, jealousy more specifically refers to a feeling of suspicion or uneasiness that often comes from one’s partner giving or being given positive attention by others. What is envy? Envy is a negative feeling of desire centered on someone who has something that you do not. Envy can also be a verb meaning to feel this way toward someone. Both the noun and the verb imply that you want to be in the other person’s position—to have what they have. Like jealousy, envy can be centered on any number of things, tangible or intangible. Envy can be described as a mix of admiration and discontent. But it’s not necessarily malicious. It can even be used as part of a compliment, as in You’ve worked so hard to achieve your success—I really envy you. The adjective form is envious, and you could also call someone’s advantage or trait enviable. Green with envy and the green-eyed monster Thanks to Shakespeare, there is a strong association between jealousy, envy, and the color green. The phrase green with envy means feeling a strong sense of covetousness for what someone else has. Shakespeare described envy as the green sickness in the play Anthony and Cleopatra. The term green-eyed monster is a way of referring to jealousy. The first written record of the phrase comes from Shakespeare’s Othello, which is known for its themes of jealousy. In the play, jealousy is said to be “the green-eyed monster which doth mock the meat it feeds on.” The phrase may allude to cats, which can have green eyes and are known for playing with their prey. The phrase green-eyed can also be used by itself to mean “jealous.” What is the difference between jealousy and envy? Both jealousy and envy can involve tangible things (like a possession) and intangible ones (like a certain status, position, skill, trait, or relationship). Although jealousy and envy are sometimes used interchangeably, a distinction is often made relating to the amount of negativity. Simply feeling upset that you don’t have what someone else does—and wishing you were in their position—is usually considered envy. By the way, in that hypothetical situation about the coworker at the very start of this article, it sounds more like you’re feeling envy. In contrast, feelings of inner resentment and the outward hostility that sometimes results from such feelings are both thought to stem from jealousy. However, it is often said that envy can turn into jealousy—and the point at which it does may not be so obvious. One distinction that is sometimes made is that jealousy centers its negative focus on the person who has the thing that you don’t, while envy is more centered on the desire for the thing. Of course, however, jealousy can be about both the person and the thing, and so the main difference is usually considered to involve how negative the feeling is. A practical difference between jealousy and envy is that jealousy is always a noun, while envy can be a noun or a verb. One final difference is that jealousy and the adjective form jealous are also used more specifically in the context of romantic relationships in a way that envy and envious are not. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 Comments 0 Shares 480 Views 0 Reviews