• การฝึกซ้อมร่วมของรัสเซีย-จีน Pacific Patrol -๒๐๒๔ ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย และจะกลายเป็นกิจกรรมประจำปี

    การฝึกซ้อมร่วม Pacific Patrol-๒๐๒๔ โดยเรือรัสเซียและจีนในอ่าวปีเตอร์มหาราชในภูมิภาคปรีมอร์สกีของรัสเซีย เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน

    ในระหว่างการฝึกซ้อม, เจ้าหน้าที่รักษาชายฝั่งของรัสเซียและจีนได้ฝึกซ้อมร่วมกันในการค้นหาและกักขังเรือที่ละเมิดกฎจากทะเลและอากาศ

    ผู้เข้าร่วมยังได้ยิงปืนใหญ่ร่วมกันและทดสอบความพร้อมของลูกเรือในการปฏิบัติการกู้ภัยสำหรับเรือที่ประสบภัย

    ความสำเร็จของการฝึกซ้อมทำให้ทั้งสองฝ่ายตัดสินใจจัดการฝึกซ้อมดังกล่าวเป็นประจำทุกปี, ซึ่งเพิ่มความซับซ้อนและความเข้มข้น

    "ปีหนึ่ง [หน่วยรักษาชายฝั่งของจีน] มาหาเรา [รัสเซีย], ปีหน้า เราจะไปที่ท่าเรือแห่งหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีนตามคำเชิญของพวกเขา และพบปะเพื่อนและเพื่อนร่วมงานของเราที่นั่น, พลเรือเอกโรมัน โทล็อก หัวหน้าแผนกหน่วยรักษาชายฝั่งของหน่วยงานป้องกันชายแดนของรัสเซียกล่าว การฝึกซ้อมเป็นอย่างไรบ้าง?

    หน่วยยามชายฝั่งของจีนได้รับข้อมูลว่าเรือที่ชักธงประเทศโอเชียเนียได้เข้าสู่ทะเลญี่ปุ่นผ่านช่องแคบเกาหลีและกำลังเข้าใกล้เมืองวลาดิวอสต็อก;

    ตามข้อมูลปฏิบัติการจำลอง, ลูกเรือเคยลักลอบขนอาวุธ, กระสุน และอุปกรณ์ทางการทหารมาก่อน นอกจากนี้ยังมี “หลักฐาน” ว่าเรือลำดังกล่าวเป็นเรือที่ไม่มีคนโดยสาร;

    รัสเซียและจีนตัดสินใจร่วมกันค้นหาเรือลำดังกล่าวโดยเครื่องบินและเรือ

    จากนั้นเรือหน่วยยามชายฝั่งของรัสเซีย ๓ ลำ และของจีน ๒ ลำ ได้จัดตั้งทีมปฏิบัติการเพื่อหยุดยั้ง “อาชญากร” จากโอเชียเนีย
    .
    Russian-Chinese Pacific Patrol-2024 drills beat expectations and will become annual event

    The active phase of the Pacific Patrol-2024 joint drills by Russian and Chinese ships in the Peter the Great Gulf in Russia’s Primorsky region started on September 18.

    During the exercises, Russian and Chinese coast guards practiced joint the search and detention of a rogue vessel from sea and air.

    The participants also performed joint artillery firing and tested their crew’ readiness to carry out rescue operations for vessels in distress.

    The drills’ success prompted both sides to decide to hold such exercises on an annual basis, increasing their complexity and intensity.

    “One year they [Chinese coast guard] come to us [Russia], next year we go to one of the ports of the People's Republic of China at their invitation and meet our friends and colleagues there,” said Admiral Roman Tolok, head of the Coast Guard Department of Russia’s Border Guard Service. How did the drills go?

    China’s coast guard received information that a vessel under a made-up country of Oceania flag had entered the Sea of Japan through the Korean Strait and was approaching Vladivostok;

    According to mock operational data, its crew members had been previously involved in smuggling weapons, ammunition and military equipment. There was also “evidence” that the vessel had uncrewed boats;

    Russia and China decided to conduct a joint air and ship search for the vessel suspected of illicit activity;

    Three Russian and two Chinese coast guard ships then formed an operational team to stop the “criminals” from Oceania.
    .
    3:29 AM · Sep 19, 2024 · 1,995 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1836502794850775462
    การฝึกซ้อมร่วมของรัสเซีย-จีน Pacific Patrol -๒๐๒๔ ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย และจะกลายเป็นกิจกรรมประจำปี การฝึกซ้อมร่วม Pacific Patrol-๒๐๒๔ โดยเรือรัสเซียและจีนในอ่าวปีเตอร์มหาราชในภูมิภาคปรีมอร์สกีของรัสเซีย เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ในระหว่างการฝึกซ้อม, เจ้าหน้าที่รักษาชายฝั่งของรัสเซียและจีนได้ฝึกซ้อมร่วมกันในการค้นหาและกักขังเรือที่ละเมิดกฎจากทะเลและอากาศ ผู้เข้าร่วมยังได้ยิงปืนใหญ่ร่วมกันและทดสอบความพร้อมของลูกเรือในการปฏิบัติการกู้ภัยสำหรับเรือที่ประสบภัย ความสำเร็จของการฝึกซ้อมทำให้ทั้งสองฝ่ายตัดสินใจจัดการฝึกซ้อมดังกล่าวเป็นประจำทุกปี, ซึ่งเพิ่มความซับซ้อนและความเข้มข้น "ปีหนึ่ง [หน่วยรักษาชายฝั่งของจีน] มาหาเรา [รัสเซีย], ปีหน้า เราจะไปที่ท่าเรือแห่งหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีนตามคำเชิญของพวกเขา และพบปะเพื่อนและเพื่อนร่วมงานของเราที่นั่น, พลเรือเอกโรมัน โทล็อก หัวหน้าแผนกหน่วยรักษาชายฝั่งของหน่วยงานป้องกันชายแดนของรัสเซียกล่าว การฝึกซ้อมเป็นอย่างไรบ้าง? 🔸หน่วยยามชายฝั่งของจีนได้รับข้อมูลว่าเรือที่ชักธงประเทศโอเชียเนียได้เข้าสู่ทะเลญี่ปุ่นผ่านช่องแคบเกาหลีและกำลังเข้าใกล้เมืองวลาดิวอสต็อก; 🔸ตามข้อมูลปฏิบัติการจำลอง, ลูกเรือเคยลักลอบขนอาวุธ, กระสุน และอุปกรณ์ทางการทหารมาก่อน นอกจากนี้ยังมี “หลักฐาน” ว่าเรือลำดังกล่าวเป็นเรือที่ไม่มีคนโดยสาร; 🔸รัสเซียและจีนตัดสินใจร่วมกันค้นหาเรือลำดังกล่าวโดยเครื่องบินและเรือ 🔸จากนั้นเรือหน่วยยามชายฝั่งของรัสเซีย ๓ ลำ และของจีน ๒ ลำ ได้จัดตั้งทีมปฏิบัติการเพื่อหยุดยั้ง “อาชญากร” จากโอเชียเนีย . Russian-Chinese Pacific Patrol-2024 drills beat expectations and will become annual event The active phase of the Pacific Patrol-2024 joint drills by Russian and Chinese ships in the Peter the Great Gulf in Russia’s Primorsky region started on September 18. During the exercises, Russian and Chinese coast guards practiced joint the search and detention of a rogue vessel from sea and air. The participants also performed joint artillery firing and tested their crew’ readiness to carry out rescue operations for vessels in distress. The drills’ success prompted both sides to decide to hold such exercises on an annual basis, increasing their complexity and intensity. “One year they [Chinese coast guard] come to us [Russia], next year we go to one of the ports of the People's Republic of China at their invitation and meet our friends and colleagues there,” said Admiral Roman Tolok, head of the Coast Guard Department of Russia’s Border Guard Service. How did the drills go? 🔸China’s coast guard received information that a vessel under a made-up country of Oceania flag had entered the Sea of Japan through the Korean Strait and was approaching Vladivostok; 🔸According to mock operational data, its crew members had been previously involved in smuggling weapons, ammunition and military equipment. There was also “evidence” that the vessel had uncrewed boats; 🔸Russia and China decided to conduct a joint air and ship search for the vessel suspected of illicit activity; 🔸Three Russian and two Chinese coast guard ships then formed an operational team to stop the “criminals” from Oceania. . 3:29 AM · Sep 19, 2024 · 1,995 Views https://x.com/SputnikInt/status/1836502794850775462
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 146 Views 46 0 Reviews
  • อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15
    18-22 กันยายนนี้ เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
    งานแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยระดับบรมครู ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี

    สศท. ขอเชิญทุกท่านชื่นชมและเลือกซื้องานศิลปหัตถกรรมไทย จากผู้สร้างสรรค์งานหัตถศิลป์ไทยระดับครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ที่นำผลิตภัณฑ์หัตถกรรมมาให้เลือกสรรนับหมื่นรายการจากทั่วไทย พร้อมสนุกกับกิจกรรม Workshop งานหัตถศิลป์สุดสร้างสรรค์อีกมากมาย

    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย
    #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ
    #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
    #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15 18-22 กันยายนนี้ เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งานแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยระดับบรมครู ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี สศท. ขอเชิญทุกท่านชื่นชมและเลือกซื้องานศิลปหัตถกรรมไทย จากผู้สร้างสรรค์งานหัตถศิลป์ไทยระดับครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ที่นำผลิตภัณฑ์หัตถกรรมมาให้เลือกสรรนับหมื่นรายการจากทั่วไทย พร้อมสนุกกับกิจกรรม Workshop งานหัตถศิลป์สุดสร้างสรรค์อีกมากมาย จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    0 Comments 0 Shares 100 Views 39 0 Reviews
  • มุมมองของเด็กศิลปะรุ่นใหม่ #เด็กเพาะช่าง

    งาน “อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15” งานแสดงและจำหน่ายงานหัตถศิลป์ไทยชั้นบรมครูแห่งปี ภายใต้แนวคิด “สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย (The Legend of Thai Craft)” เพื่อสืบสาน รักษา ต่อยอดงานศิลปหัตถกรรมไทย และเพิ่มช่องทางการส่งออก การจัดจำหน่ายให้กับผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทย นำจุดแข็งด้านภูมิปัญญาและทักษะเชิงช่างให้เป็นที่รู้จักในเวทีระดับสากล

    อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15
    ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567
    เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย
    #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ
    #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
    #moc #กระทรวงพาณิชย์
    #สยามโสภา #thaitimesคนรุ่นใหม่
    มุมมองของเด็กศิลปะรุ่นใหม่ #เด็กเพาะช่าง งาน “อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15” งานแสดงและจำหน่ายงานหัตถศิลป์ไทยชั้นบรมครูแห่งปี ภายใต้แนวคิด “สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย (The Legend of Thai Craft)” เพื่อสืบสาน รักษา ต่อยอดงานศิลปหัตถกรรมไทย และเพิ่มช่องทางการส่งออก การจัดจำหน่ายให้กับผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทย นำจุดแข็งด้านภูมิปัญญาและทักษะเชิงช่างให้เป็นที่รู้จักในเวทีระดับสากล อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15 ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์ #สยามโสภา #thaitimesคนรุ่นใหม่
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 514 Views 328 0 Reviews
  • "อัตลักษณ์แห่งสยาม"
    งานแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยระดับบรมครู ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี

    สศท. ขอเชิญทุกท่านชื่นชมและเลือกซื้องานศิลปหัตถกรรมไทย จากผู้สร้างสรรค์งานหัตถศิลป์ไทยระดับครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ที่นำผลิตภัณฑ์หัตถกรรมมาให้เลือกสรรนับหมื่นรายการจากทั่วไทย พร้อมสนุกกับกิจกรรม Workshop งานหัตถศิลป์สุดสร้างสรรค์อีกมากมาย

    พบกัน "อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15"
    18-22 กันยายนนี้ เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย
    #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ
    #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
    #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    "อัตลักษณ์แห่งสยาม" งานแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยระดับบรมครู ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี สศท. ขอเชิญทุกท่านชื่นชมและเลือกซื้องานศิลปหัตถกรรมไทย จากผู้สร้างสรรค์งานหัตถศิลป์ไทยระดับครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ที่นำผลิตภัณฑ์หัตถกรรมมาให้เลือกสรรนับหมื่นรายการจากทั่วไทย พร้อมสนุกกับกิจกรรม Workshop งานหัตถศิลป์สุดสร้างสรรค์อีกมากมาย พบกัน "อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15" 18-22 กันยายนนี้ เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    0 Comments 0 Shares 105 Views 27 0 Reviews
  • "อัตลักษณ์แห่งสยาม"
    งานแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยระดับบรมครู ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี

    สศท. ขอเชิญทุกท่านชื่นชมและเลือกซื้องานศิลปหัตถกรรมไทย จากผู้สร้างสรรค์งานหัตถศิลป์ไทยระดับครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ที่นำผลิตภัณฑ์หัตถกรรมมาให้เลือกสรรนับหมื่นรายการจากทั่วไทย พร้อมสนุกกับกิจกรรม Workshop งานหัตถศิลป์สุดสร้างสรรค์อีกมากมาย

    พบกัน "อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15"
    18-22 กันยายนนี้ เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย
    #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ
    #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
    #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    "อัตลักษณ์แห่งสยาม" งานแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยระดับบรมครู ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี สศท. ขอเชิญทุกท่านชื่นชมและเลือกซื้องานศิลปหัตถกรรมไทย จากผู้สร้างสรรค์งานหัตถศิลป์ไทยระดับครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ที่นำผลิตภัณฑ์หัตถกรรมมาให้เลือกสรรนับหมื่นรายการจากทั่วไทย พร้อมสนุกกับกิจกรรม Workshop งานหัตถศิลป์สุดสร้างสรรค์อีกมากมาย พบกัน "อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15" 18-22 กันยายนนี้ เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    0 Comments 0 Shares 114 Views 34 0 Reviews
  • ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15
    ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย
    ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567
    ■เวลา 10.00-20.00 น.
    》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย
    #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ
    #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
    #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15 ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567 ■เวลา 10.00-20.00 น. 》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 152 Views 101 0 Reviews
  • สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย เปิดงาน “อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15” อย่างเป็นทางการ รวมสุดยอดช่างฝีมืองานหัตถศิลป์ไทยชั้นบรมครูไว้มากที่สุด
    งานแสดงและจำหน่ายงานหัตถศิลป์ไทยชั้นบรมครูแห่งปี ภายใต้แนวคิด “สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย (The Legend of Thai Craft)” เพื่อสืบสาน รักษา ต่อยอดงานศิลปหัตถกรรมไทย และเพิ่มช่องทางการส่งออก การจัดจำหน่ายให้กับผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทย นำจุดแข็งด้านภูมิปัญญาและทักษะเชิงช่างให้เป็นที่รู้จักในเวทีระดับสากล

    อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15
    ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567
    เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์
    สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย เปิดงาน “อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15” อย่างเป็นทางการ รวมสุดยอดช่างฝีมืองานหัตถศิลป์ไทยชั้นบรมครูไว้มากที่สุด งานแสดงและจำหน่ายงานหัตถศิลป์ไทยชั้นบรมครูแห่งปี ภายใต้แนวคิด “สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย (The Legend of Thai Craft)” เพื่อสืบสาน รักษา ต่อยอดงานศิลปหัตถกรรมไทย และเพิ่มช่องทางการส่งออก การจัดจำหน่ายให้กับผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทย นำจุดแข็งด้านภูมิปัญญาและทักษะเชิงช่างให้เป็นที่รู้จักในเวทีระดับสากล อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15 ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์
    Like
    Love
    2
    0 Comments 1 Shares 69 Views 0 Reviews
  • ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15
    ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย
    ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567
    ■เวลา 10.00-20.00 น.
    》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย
    #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ
    #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
    #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15 ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567 ■เวลา 10.00-20.00 น. 》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 166 Views 74 0 Reviews
  • ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15
    ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย
    ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567
    ■เวลา 10.00-20.00 น.
    》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย
    #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ
    #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
    #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15 ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567 ■เวลา 10.00-20.00 น. 》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    0 Comments 0 Shares 166 Views 53 0 Reviews
  • ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15
    ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย
    ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567
    ■เวลา 10.00-20.00 น.
    》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

    จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.

    #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย
    #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft
    #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ
    #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
    #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    ☆อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 15 ☆จัดเต็มงานหัตถศิลป์ไทย นับหมื่นรายการ มาให้คุณได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลุ้นรับของที่ระลึกในงานมากมาย ■ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567 ■เวลา 10.00-20.00 น. 》》ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. #อัตลักษณ์แห่งสยาม #สืบสานตำนานหัตถศิลป์ไทย #Identityofsiam #Thelegendofthaicraft #หัตถกรรม #ศิลปหัตถกรรม #ทำมือ #SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย #moc #กระทรวงพาณิชย์ #มะนาวก้าวเดิน
    0 Comments 0 Shares 165 Views 40 0 Reviews
  • ถูกล้างสมองด้วยประชาธิปไตย-เสรีภาพ-ภราดรภาพ-ที่ไม่เคยมีอยู่จริง จากการหว่านเมล็ดพันธุ์ของ NED ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้องค์กร CIA ของสหรัฐอเมริกา เหมือนกับหลายๆคนในอีกหลายๆประเทศ โดยออกมาประท้วงเพื่อให้เกิดการปฏิวัติสี-ล้มเจ้า-ล้มล้างการปกครองในประเทศไทย...

    ในที่สุดก็หลบลี้หนีคดีไป ในฐานะพลเมืองโลก ของระเบียบโลกใหม่ New World Order...

    ( ...ผมจะเป็นกระบอกเสียงเพื่อนักต่อสู้ทุกคนให้อารยะประเทศได้รับรู้ถึงการกดขี่ การจำกัดสิทธิเสรีภาพผู้เห็นต่างทางการเมืองในประเทศไทย และเรียกร้องอิสรภาพให้กับคนที่ถูกดำเนินคดีจากความเห็นต่าง และเพื่อนผู้ต้องขังคดีทางการเมืองทุกคน ในฐานะพลเมืองโลก... )

    https://www.facebook.com/mike.jadnok/posts/pfbid0FrL6SVYtqWjfFiPphKhBpwAH3YVLiwhRzYQ4r1qcGdEQzsXuRsDwu9pwxhhScZYel
    .
    .
    .
    THE NATIONAL ENDOWMENT FOR DEMOCRACY
    https://www.ned.org/
    .
    About the National Endowment for Democracy
    https://www.ned.org/about/
    ถูกล้างสมองด้วยประชาธิปไตย-เสรีภาพ-ภราดรภาพ-ที่ไม่เคยมีอยู่จริง จากการหว่านเมล็ดพันธุ์ของ NED ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้องค์กร CIA ของสหรัฐอเมริกา เหมือนกับหลายๆคนในอีกหลายๆประเทศ โดยออกมาประท้วงเพื่อให้เกิดการปฏิวัติสี-ล้มเจ้า-ล้มล้างการปกครองในประเทศไทย... ในที่สุดก็หลบลี้หนีคดีไป ในฐานะพลเมืองโลก ของระเบียบโลกใหม่ New World Order... ( ...ผมจะเป็นกระบอกเสียงเพื่อนักต่อสู้ทุกคนให้อารยะประเทศได้รับรู้ถึงการกดขี่ การจำกัดสิทธิเสรีภาพผู้เห็นต่างทางการเมืองในประเทศไทย และเรียกร้องอิสรภาพให้กับคนที่ถูกดำเนินคดีจากความเห็นต่าง และเพื่อนผู้ต้องขังคดีทางการเมืองทุกคน ในฐานะพลเมืองโลก... ) https://www.facebook.com/mike.jadnok/posts/pfbid0FrL6SVYtqWjfFiPphKhBpwAH3YVLiwhRzYQ4r1qcGdEQzsXuRsDwu9pwxhhScZYel . . . THE NATIONAL ENDOWMENT FOR DEMOCRACY https://www.ned.org/ . About the National Endowment for Democracy https://www.ned.org/about/
    Wow
    1
    0 Comments 0 Shares 133 Views 0 Reviews
  • เครื่องบินรบ MiG-31BM ของรัสเซีย ๒ ลำ สกัดกั้นศัตรูจำลองเหนือน่านน้ำที่เป็นกลางของทะเลญี่ปุ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อม Ocean ๒๐๒๔, กระทรวงกลาโหมรัสเซีย กล่าว

    การฝึกซ้อมดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน และถือเป็นการฝึกซ้อมทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดของรัสเซียในรอบ ๓๐ ปี, โดยมีเรือรบ, เรือดำน้ำ, และเรือสนับสนุนของกองทัพเรือรัสเซียมากกว่า ๔๐๐ ลำ, พร้อมด้วยเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือรัสเซียมากกว่า ๑๒๐ ลำ มีบุคลากรเข้าร่วมมากกว่า ๙๐,๐๐๐ นาย
    .
    A pair of Russian MiG-31BM fighters intercepted a mock enemy over the neutral waters of the Sea of Japan as part of the Ocean 2024 exercise, the Russian Defense Ministry said.

    The exercises were launched on September 10 and are Russia’s biggest naval drills in 30 years, with more than 400 Russian Navy warships, submarines, and support vessels, along with more than 120 Russian Naval Aviation planes and helicopters. Over 90,000 personnel are involved.
    .
    1:09 PM · Sep 15, 2024 · 4,783 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1835199243138498912
    เครื่องบินรบ MiG-31BM ของรัสเซีย ๒ ลำ สกัดกั้นศัตรูจำลองเหนือน่านน้ำที่เป็นกลางของทะเลญี่ปุ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อม Ocean ๒๐๒๔, กระทรวงกลาโหมรัสเซีย กล่าว การฝึกซ้อมดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน และถือเป็นการฝึกซ้อมทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดของรัสเซียในรอบ ๓๐ ปี, โดยมีเรือรบ, เรือดำน้ำ, และเรือสนับสนุนของกองทัพเรือรัสเซียมากกว่า ๔๐๐ ลำ, พร้อมด้วยเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือรัสเซียมากกว่า ๑๒๐ ลำ มีบุคลากรเข้าร่วมมากกว่า ๙๐,๐๐๐ นาย . A pair of Russian MiG-31BM fighters intercepted a mock enemy over the neutral waters of the Sea of Japan as part of the Ocean 2024 exercise, the Russian Defense Ministry said. The exercises were launched on September 10 and are Russia’s biggest naval drills in 30 years, with more than 400 Russian Navy warships, submarines, and support vessels, along with more than 120 Russian Naval Aviation planes and helicopters. Over 90,000 personnel are involved. . 1:09 PM · Sep 15, 2024 · 4,783 Views https://x.com/SputnikInt/status/1835199243138498912
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 167 Views 41 0 Reviews
  • BIRKENSTOCK
    FOOTPRINTS Unisex Torrance Suede Mocha Shoes
    Size. EUR 39 /25(25.5)cm

    Price : 970฿

    Birkenstock Licensed Footprints Shoes เป็นแบรนด์รองเท้าทรง Moc สไตล์ลำลองที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยเป็นไลน์รองเท้าที่ผลิตขึ้นภายใต้แบรนด์ Birkenstock ซึ่งเป็นแบรนด์รองเท้าที่มีประวัติยาวนานและเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของรองเท้าที่มีคุณภาพสูงและดีไซน์ที่โดดเด่น เหมาะกับทั้งชายและหญิง สวมใส่สบายๆ ผสมผสานความคลาสสิกและความทันสมัยเข้าด้วยกัน โดยมีจุดเด่นอยู่ที่วัสดุหนังกลับสีมอคค่าที่ให้สัมผัสที่นุ่มนวลและดูมีระดับ ดีไซน์ของรองเท้ารุ่นนี้เน้นความเรียบง่ายแต่สวยงาม พร้อมทั้งยังมีพื้นรองเท้าที่ออกแบบมาให้กระชับและรองรับสรีระเท้าได้เป็นอย่างดี

    ส่วนบน : ทำจากหนังกลับ
    แผ่นรองพื้นรองเท้า : ทำจากไม้ก๊อกธรรมชาติที่เข้ารูปกับรูปร่างเท้า
    ปิดด้านบนด้วยหนังแท้
    พื้นรองเท้าชั้นนอก : ทำจากโพลียูรีเทน
    แบบผูกเชือก

    เรื่องราว :-
    Birkenstock เป็นแบรนด์ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1774 โดย Johann Adam Birkenstock ซึ่งเป็นช่างทำรองเท้า ทำให้ Birkenstock เป็นหนึ่งในแบรนด์รองเท้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และยังคงรักษาชื่อเสียงในเรื่องของการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและความใส่ใจในรายละเอียดมาจนถึงปัจจุบัน
    BIRKENSTOCK FOOTPRINTS Unisex Torrance Suede Mocha Shoes Size. EUR 39 /25(25.5)cm 🔥 Price : 970฿ Birkenstock Licensed Footprints Shoes เป็นแบรนด์รองเท้าทรง Moc สไตล์ลำลองที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยเป็นไลน์รองเท้าที่ผลิตขึ้นภายใต้แบรนด์ Birkenstock ซึ่งเป็นแบรนด์รองเท้าที่มีประวัติยาวนานและเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของรองเท้าที่มีคุณภาพสูงและดีไซน์ที่โดดเด่น เหมาะกับทั้งชายและหญิง สวมใส่สบายๆ ผสมผสานความคลาสสิกและความทันสมัยเข้าด้วยกัน โดยมีจุดเด่นอยู่ที่วัสดุหนังกลับสีมอคค่าที่ให้สัมผัสที่นุ่มนวลและดูมีระดับ ดีไซน์ของรองเท้ารุ่นนี้เน้นความเรียบง่ายแต่สวยงาม พร้อมทั้งยังมีพื้นรองเท้าที่ออกแบบมาให้กระชับและรองรับสรีระเท้าได้เป็นอย่างดี 🔹ส่วนบน : ทำจากหนังกลับ 🔹แผ่นรองพื้นรองเท้า : ทำจากไม้ก๊อกธรรมชาติที่เข้ารูปกับรูปร่างเท้า ปิดด้านบนด้วยหนังแท้ 🔹พื้นรองเท้าชั้นนอก : ทำจากโพลียูรีเทน 🔹แบบผูกเชือก 👉 เรื่องราว :- Birkenstock เป็นแบรนด์ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1774 โดย Johann Adam Birkenstock ซึ่งเป็นช่างทำรองเท้า ทำให้ Birkenstock เป็นหนึ่งในแบรนด์รองเท้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และยังคงรักษาชื่อเสียงในเรื่องของการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและความใส่ใจในรายละเอียดมาจนถึงปัจจุบัน
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • SEBAGO
    CAMPSIDES
    Mens Suede Boat Moc Toe Lace Up Slip On Shoes
    Size. EUR 41 /26(26.5) cm

    Price : 750฿

    รองเท้าทรงเรือรุ่น Campsides เป็นรองเท้ารุ่นยอดนิยมรุ่นหนึ่งของ Sebago แบรนด์คุณภาพจากสหรัฐอเมริกา ที่ผสมผสานความคลาสสิกของรองเท้าทรงเรือเข้ากับความทันสมัยของวัสดุหนังกลับ ทำให้ได้รองเท้าที่มีทั้งความเรียบหรูและสบายเท้า เหมาะสำหรับการสวมใส่ในหลากหลายโอกาส

    รองเท้าคู่นี้มาด้วยหนังกลับคุณภาพสูงในสไตล์ Boat Moc โดดเด่นด้วยการปิดแบบผูกเชือกที่สวมใส่สบายและดีไซน์หัวม็อคที่ทันสมัย ​​ พื้นรองเท้าด้านนอกทำจากยางให้การยึดเกาะและความทนทานที่ยอดเยี่ยม ในขณะที่ซับในและพื้นรองเท้าด้านในทำจากหนังช่วยให้สวมใส่สบายสูงสุด รองเท้าคู่นี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Campsides และมีรูปแบบรองเท้าทรงเรือแบบคลาสสิก

    จุดเด่นของ Sebago Campsides Suede Boat Moc :-
    วัสดุหนังกลับคุณภาพสูง : ทำให้รองเท้ามีความนุ่มสบาย ระบายอากาศได้ดี และมีลุคที่ดูพรีเมียม
    ดีไซน์คลาสสิก : รูปทรงของรองเท้าเรือแบบดั้งเดิมที่ไม่เคยตกยุค
    พื้นรองเท้าที่ยึดเกาะได้ดี : เหมาะสำหรับการเดินบนพื้นผิวที่ลื่น
    ความทนทาน : ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ทำให้รองเท้าใช้งานได้ยาวนาน

    เรื่องราว :-
    Sebago เป็นแบรนด์รองเท้าที่มีชื่อเสียงโด่งดัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านรองเท้าเรือ (Boat Shoes) ที่มีความคลาสสิกและเป็นที่นิยมอย่างมากทั่วโลก แบรนด์นี้ก่อตั้งขึ้นใน สหรัฐอเมริกา โดยมีจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจดังนี้

    กำเนิดจากชาวประมงในรัฐเมน
    ต้นกำเนิด : เรื่องราวของ Sebago เริ่มต้นขึ้นในรัฐเมน สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นรัฐที่มีชื่อเสียงในด้านอุตสาหกรรมการทำเรือและการประมง ชาวประมงในแถบนี้ต้องการรองเท้าที่สามารถสวมใส่ได้อย่างสบายและยึดเกาะได้ดีบนดาดฟ้าเรือ
    การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ : จากความต้องการดังกล่าว ทำให้เกิดการออกแบบรองเท้าเรือที่มีลักษณะเด่นคือ พื้นรองเท้าแบบยางที่มีร่องลึกเพื่อช่วยในการยึดเกาะ และมีเชือกหนังที่พันรอบข้อเท้าเพื่อให้รองเท้ากระชับเท้ามากขึ้น
    ความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก : รองเท้า Sebago ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในหมู่เหล่าคนดังและนักกีฬาในช่วงทศวรรษที่ 1960 และ 1970 ทำให้แบรนด์นี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
    SEBAGO CAMPSIDES Mens Suede Boat Moc Toe Lace Up Slip On Shoes Size. EUR 41 /26(26.5) cm 🔥 Price : 750฿ รองเท้าทรงเรือรุ่น Campsides เป็นรองเท้ารุ่นยอดนิยมรุ่นหนึ่งของ Sebago แบรนด์คุณภาพจากสหรัฐอเมริกา ที่ผสมผสานความคลาสสิกของรองเท้าทรงเรือเข้ากับความทันสมัยของวัสดุหนังกลับ ทำให้ได้รองเท้าที่มีทั้งความเรียบหรูและสบายเท้า เหมาะสำหรับการสวมใส่ในหลากหลายโอกาส รองเท้าคู่นี้มาด้วยหนังกลับคุณภาพสูงในสไตล์ Boat Moc โดดเด่นด้วยการปิดแบบผูกเชือกที่สวมใส่สบายและดีไซน์หัวม็อคที่ทันสมัย ​​ พื้นรองเท้าด้านนอกทำจากยางให้การยึดเกาะและความทนทานที่ยอดเยี่ยม ในขณะที่ซับในและพื้นรองเท้าด้านในทำจากหนังช่วยให้สวมใส่สบายสูงสุด รองเท้าคู่นี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Campsides และมีรูปแบบรองเท้าทรงเรือแบบคลาสสิก ✅ จุดเด่นของ Sebago Campsides Suede Boat Moc :- 🔹วัสดุหนังกลับคุณภาพสูง : ทำให้รองเท้ามีความนุ่มสบาย ระบายอากาศได้ดี และมีลุคที่ดูพรีเมียม 🔹ดีไซน์คลาสสิก : รูปทรงของรองเท้าเรือแบบดั้งเดิมที่ไม่เคยตกยุค 🔹พื้นรองเท้าที่ยึดเกาะได้ดี : เหมาะสำหรับการเดินบนพื้นผิวที่ลื่น 🔹ความทนทาน : ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ทำให้รองเท้าใช้งานได้ยาวนาน 👉 เรื่องราว :- Sebago เป็นแบรนด์รองเท้าที่มีชื่อเสียงโด่งดัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านรองเท้าเรือ (Boat Shoes) ที่มีความคลาสสิกและเป็นที่นิยมอย่างมากทั่วโลก แบรนด์นี้ก่อตั้งขึ้นใน สหรัฐอเมริกา โดยมีจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจดังนี้ กำเนิดจากชาวประมงในรัฐเมน 🔹ต้นกำเนิด : เรื่องราวของ Sebago เริ่มต้นขึ้นในรัฐเมน สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นรัฐที่มีชื่อเสียงในด้านอุตสาหกรรมการทำเรือและการประมง ชาวประมงในแถบนี้ต้องการรองเท้าที่สามารถสวมใส่ได้อย่างสบายและยึดเกาะได้ดีบนดาดฟ้าเรือ 🔹การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ : จากความต้องการดังกล่าว ทำให้เกิดการออกแบบรองเท้าเรือที่มีลักษณะเด่นคือ พื้นรองเท้าแบบยางที่มีร่องลึกเพื่อช่วยในการยึดเกาะ และมีเชือกหนังที่พันรอบข้อเท้าเพื่อให้รองเท้ากระชับเท้ามากขึ้น 🔹ความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก : รองเท้า Sebago ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในหมู่เหล่าคนดังและนักกีฬาในช่วงทศวรรษที่ 1960 และ 1970 ทำให้แบรนด์นี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
    0 Comments 0 Shares 108 Views 0 Reviews
  • ขายแล้ว

    Louis Vuitton Paris
    Men’s Moccasins Driver Shoes
    Size. EUR 40/25(26) cm
    Price 2,850฿
    ❌❌ขายแล้ว❌❌ Louis Vuitton Paris Men’s Moccasins Driver Shoes Size. EUR 40/25(26) cm 🔥 Price 2,850฿
    1 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • ประชาธิปไตยใต้ร่มเงาของคณาธิปไตย………!!!

    ดิฉันไม่ค่อยได้เขียนเรื่องการเมืองของประเทศไทยมากนัก เพราะไม่อยากอยู่ในสภาพของ”ลิง” ที่คิดหาญอยากจะแก้แห
    แต่ต้องเอาซะหน่อย เพราะมีหลายฝ่ายออกมาเรียกร้อง”ประชาธิปไตย” ให้กับบ้านเมือง
    เพราะเรามีรัฐบาลทหารที่กำลังอยู่ในภาวะจัดระเบียบให้แบบเอากฏหมายมาเป็นตัวตั้ง ที่เหมือนจะกำลังตบให้เข้ารูปเข้ารอย โดยการเพิ่มโทษเอาผิดและกางกั้น อุดรอยรั่วตรงนั้นตรงนี้
    ทำไปทำมา……คนในรัฐบาลก็ดันมีพฤติการณ์ที่ไม่โปร่งใส แถมคนที่เป็นหัวหน้ากลับอ้ำอึ้งทำอะไรไม่ได้ นอกจากเรียกร้องให้สื่อเพลาการให้ข่าวทางด้านลบของพวกตัวเองลงไป
    สรุปว่า……แหนั้นมันยุ่งเหยิงเกิน……ขนาดชั้นหนุมานทหารเอกยังแก้ไม่ไหว……!!

    แล้วดิฉัน……ลิง……เอ๊ย……มนุษย์อาวุโสตัวน้อยๆ จะไปบังอาจได้อย่างไร……ใช่ม๊ะ???

    แต่อยากจะเล่าถึงเรื่องอื่นๆที่เนื้อเรื่องมันช่างโดนใจไทยแท้เป็นอย่างมาก……
    นั่นคือเรื่องกรณีพิพาทระหว่างอังกฤษกับรัสเซีย ที่บาดหมางถึงขนาดอัปเปหิคณะทูตออกจากประเทศกันแบบชิ้วๆ ให้เก็บของภายในสามวันเจ็ดวันนั่นเชียว

    ถ้าจะให้เล่าต้องอ่านอย่างตั้งใจนิดนึง เพราะเรื่องนี้มีตัวละครหลายตัว ที่เกี่ยวพันโยงใยกันไปหมด เอาเรื่องหลักๆแบบกระชับที่สุดแล้วกันนะคะ

    ขอย้อนเรื่องไปเมื่อครั้ง ปี 2000 ที่ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ร่ำรวยคนหนึ่ง นามว่า Boris Berezovsky ที่มีฐานะร่ำรวยติดอันดับต้นๆของรัสเซีย และเป็นผู้สนับสนุนหลักของพรรค Unity ที่ผลักด้นจนปูตินได้มาเป็นประธานาธิบดีในปีนั้น
    แต่ปูติน……ไม่ได้เห็นนายทุนพรรคสำคัญไปกว่าอุดมการณ์ เขาตลบย้อนหลังด้วยนโยบายกวาดล้างมาเฟียและผู้สนับสนุนท่อน้ำเลี้ยงทั้งหมด ซึ่งมันกระทบกับหลายเครือข่ายของกลุ่มต่างๆ แม้แต่กลุ่มอภิมหาเศรษฐีอย่าง BB (ใช้ชื่อย่อแล้วกันนะคะ) ที่มีธุรกิจมากมายรวมไปถึง
    หลักๆคือ สื่อโทรทัศน์และพลังงานน้ำมัน
    การขัดแย้งเกิดขึ้น มีการแจ้งหาหลายข้อ จน BB ต้องหาเรื่องไป”ทำธุระที่อังกฤษ” แล้วก็ไม่หวนกลับมาขึ้นศาล
    ทางอังกฤษก็อ้าแขนรับ เพราะเงินจำนวนพันๆล้านยูโรที่เขามีอยู่นั้น ได้เปลี่ยนสถานะให้เขาเป็น Oligarch อันหมายถึง ผู้ลี้ภัยทางการเมือง ซึ่งต่างกับคำว่า Fugitive อันหมายถึงพวกที่หนีคดีแบบหัวซุกหัวซุน
    ที่ต้องมาขยายในความแตกต่างระหว่างสองคำนั้น เพราะเห็นสื่อต่างๆใช้กันเกร่อ และอ่านแล้วขัดใจทุกทีไป เพราะความหมายผิดไปอย่างสุดโต่ง
    โอลิการ์ช นั้น ไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปไหนเลย แถมยังมีหน้ามีตาอยู่ในสังคมชั้นสูงในประเทศอื่นๆได้ เพราะมีเงินนับพันล้านหมื่นล้าน ไปที่ไหนใครก็ต้อนรับ
    (จะอธิบายถึงระบบการปกครองในแบบต่างๆต่อไป)

    เช่นเดียวกับ BB เมื่อไม่อยากกลับรัสเซียก็ซื้อคฤหาสน์อยู่ที่อังกฤษ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายบนกองเงินกองทอง แต่……ก็พกความแค้นเอาไว้ คอยเล่นงานรัฐบาลปูตินในทุกโอกาสที่มีเขาได้ผู้ช่วยที่ดี คือ Alexander Litvinenko อดีต KGB ที่สนิทสนมกัน จนสามารถซื้อใจและนำตัวออกมาจากรัสเซียมาอยู่ด้วยกันที่อังกฤษ และได้สนับสนุนให้ อเล็กซานเดอร์ ไปทำงานขายความลับของชาติให้กับ MI 6 หน่วยสายลับของอังกฤษ
    เท่านั้นไม่พอ……ทั้ง Alexander Litvinenko และ เพื่อนที่เป็นนักเขียน อเมริกัน-รัสเชี่ยน
    Yuri Felshtinsky ได้ออกหนังสือในชื่อว่า
    Blowing up Russia: The secret to bring back KGB power (2004)** (มีภาพประกอบ)

    ที่ติดอันดับหนังสือขายดีเพียงแค่ข้ามคืน โดยได้รับทุนรอนสนับสนุนจาก BB
    เนื้อความในหนังสือเป็นเรื่องภายในของหน่วยสืบราชการลับของรัสเซีย และการขยายสาขายิบย่อยออกไปหลายแขนงในชื่อย่อต่างๆกัน รวมทั้งงานต่างๆที่แยกออกไปตามถนัด
    นอกจากนั้น BB ยังให้การสนับสนุนการก่อความไม่สงบทั้งในประเทศและนอกประเทศ อย่างกรณีของสงคราม Chechen ให้ก่อหวอดขึ้นมา เลยเถิดไปถึงการสนับสนุนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในยูเครนเมื่อปี 2004 และ 2010 ที่มีอยู่เพียงสองพรรคการเมือง พรรคที่ต่อต้านรัสเซีย กับพรรคที่สนับสนุนรัสเซีย
    งานนี้เขาทุ่มทุนกับพรรคที่ต่อต้านเต็มที่หมดไปหลายสิบล้านยูโร (แต่ก็แพ้การเลือกตั้ง)
    คือว่าทำทุกอย่างที่โค่นรัฐบาลของปูตินให้ได้……โดยใช้ผืนดินอังกฤษเป็นราก……

    ถามว่ารัฐบาลของปูตินและปูตินรู้สึกอย่างไร……?
    คำตอบคือ……เงียบ แต่เงียบแบบคลื่นใต้น้ำ โดยการ”กำจัด” ออกไปทีละคน เหมือนอย่างกับที่ทำกับสายลับนอกคอกคนอื่นๆ ที่มีเหตุต้องจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันสมควร ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก……เฉพาะในอังกฤษที่ชอบฟูมฟักสายลับและโอลิการ์ช จากรัสเซียนั้น
    โดนเก็บไปสิบสี่คนแล้ว โดยที่หน่วยสายลับและตำรวจต่างก็หาสาเหตุไม่ค่อยจะได้ หรืออาจจะได้แต่ไม่ออกสื่อ………

    ราย Alexander Litvinenko (จะเรียกเขาว่า Alex) นั้นมาแบบแปลกและทิ้งความตื่นตระหนกไว้ทั่วบริเตน นั่นคือ โดยยาพิษที่มาในรูปของกัมมันตภาพรังสี ในนามว่า Polonium 210 ที่เคลือบไว้กับกาน้ำชาที่เขาไปทานอาหารในร้านซูชิ เพราะได้นัดเจอกับเพื่อนที่เป็นอดีต KGB ที่มาเยี่ยมเยือนจากรัสเซีย ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2006
    หลังจากที่ได้แยกจากกัน เขาก็ล้มป่วย เกิดอาการขั้นวิกฤติจนต้องส่งโรงพยาบาลด่วนฉุกเฉิน อาการที่แพทย์ต้องวิ่งหาสาเหตุกันจ้าละหวั่น คือ อวัยวะในร่างกายของเขา
    ต่างพากันอ่อนแรง หมดสมรรถภาพไปทีละอย่าง นับจากตับ ไต หัวใจ
    เขาทนได้ถึง 28 วัน จึงเสียชีวิต และทางแพทย์เพิ่งจะรู้คำตอบว่า มันคือ ยาพิษกัมมันตภาพรังสี
    จึงได้เข้าไปตรวจร่องรอยของเส้นทางหลังจากที่เขาและเพื่อนสองคน พบว่า มีร่องรอยของ
    Polonium 210ในทุกที่ ตั้งแต่โรงแรม ห้องพัก ห้องน้ำ และในร้านอาหาร
    เพื่อนสองคนนั้น คือ Andrei Lugovoi และ Dmitry Kovtun ที่บินกลับไปรัสเซียแล้ว

    ทีนี้ถึงคิวของ BB อภิมหาเศรษฐีที่เหมือนว่าใครจะทำอะไรเขาไม่ได้……แต่……มีอีกคนหนึ่งที่”เหนือเมฆ”กว่า นั่นคือ Roman Abramovich
    คนคนนี้ที่ต้องเรียกว่าเหนือเมฆหรือยอดมนุษย์ก็ไม่ผิดความจริงเท่าไหร่ เพราะ
    เขาจบการศึกษาแค่ชั้นมัธยมปลาย และออกมาทำมาหากินโดยการขายของเล่นเด็ก และ
    ขายยางรถยนตร์เก่า จนอายุย่างเข้าสามสิบปี (1996) เขาเริ่มเป็นปึกแผ่น ร่ำรวย
    จนสามารถเข้าไปอยู่ในแวดวงการเมือง เป็นที่ไว้ใจของปธน. Yeltsin จนเขาได้ก้าวขึ้นไปเป็นนายกเทศมนตรีเมือง Chukotka (1999) ที่แสนยากจน……ที่นั่น Roman ได้ควักกระเป๋า เอาเงินส่วนตัวกว่า ร้อยล้านยูโร บริจาคสร้างสาธารณูปโภคให้ใหม่ทั้งเมือง สร้างงานให้ประชาชน
    เมื่อปี 1992 คือปีที่เขาหันมาจับธุรกิจบ่อน้ำมันและได้รู้จักกับ BB และกลุ่มอภิมหาเศรษฐีคนอื่นๆในฐานะผู้ร่วมทุน ในนามของกลุ่มที่มีชื่อว่า Sibneft ที่แยกย่อยออกไปอีกหลายเครือข่ายเช่นการทำกระดาษอลูมินั่ม และเครื่องจักรกล
    ที่สร้างเม็ดเงินให้อย่างมหาศาล จนคนทั้งคู่ (และหุ้นส่วนคนอื่น) รวยจนติดอันดับ Forbes
    แต่เส้นทางต่อมา……คนทั้งสองเดินคนละเส้นทาง แต่ไปอยู่ในที่เดียวกัน คือ อังกฤษ

    Roman ไปในฐานะนักลงทุนข้ามชาติ เพราะไปทำธุรกิจที่จะขยายเม็ดเงิน ร่ำรวยมหาศาลและไปซื้อทีมฟุตบอล Chelsea………!!!
    นอกเหนือจากการเป็นมิตรสหายคนสนิทคนหนึ่งของปูติน
    ส่วน BB นั้น อยู่ในฐานะนักลี้ภัยที่สนับสนุนการเมืองฝ่ายตรงข้าม ที่ยังไม่เลิกละลดต่อความพยาบาท

    Roman ได้ขึ้นฟ้องร้องต่อศาลอังกฤษในปี 2011 ที่ถูก BB โกงเงินจำนวนหลายร้อยล้านปอนด์จากธุรกิจที่เคยทำร่วมกัน รวมทั้งยื่นบัญชีที่ได้ออกเงินช่วย BB ในเรื่องของการหลบหนีมาตั้งหลักปักฐานที่อังกฤษ
    ศาลรับฟ้อง……และว่ากันไปตามหลักฐาน ที่ทางฝ่าย Roman มีมาพร้อมมูล
    ซึ่งต่อมา ศาลได้ตัดสินให้เขาเป็นฝ่ายชนะ (ปี 2012)ที่จะได้รับเงินค่าเสียหายชดใช้จาก BB
    เป็นจำนวน สามพันล้านปอนด์ บวกค่าทนายของทั้งสองฝ่ายอีกร้อยล้านปอนด์

    BB เดินออกจากศาลทั้งน้ำตา เขาบอกกับคนสนิทว่า
    “ฉันควรจะกระโดดตึกหรือเชือดข้อมือ อย่างไหนจะดีกว่ากัน ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนที่ยากจนที่สุดในโลกแล้ว……”

    แต่ BB ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานต่อความยากจนนานนัก เพราะ เขาถูกพบว่าเป็นศพภายในคฤหาสน์ของเขาเองในปีต่อมา 2013 ในสภาพว่า ผูกคอตายในห้องน้ำ……?!!
    ทางฝ่ายนิติเวชได้ออกมาให้ข่าวว่า สภาพศพนั้นผิดไปจากการฆ่าตัวตายธรรมดา เพราะศรีษะมีรอยถูกตี และมีรอยหักที่ซี่โครง

    เหมือนจะเป็นการบอกให้รู้ว่า……เมริงต้องหมดตัวเสียก่อน แล้วค่อยตาย……!!!

    นี่คือเรื่องราวย่อๆที่เกิดขึ้นให้ทราบเค้าโครงเรื่องรอยบาดหมางระหว่างอังกฤษกับรัสเซีย
    คือ ไม่ว่าใครจะไปลี้ภัยอะไรยังไง อังกฤษอ้าแขนรับหมด ขอให้หอบเงินเข้ามาเถอะ การอำนวยความสะดวกจัดให้เต็มที่
    โดยเฉพาะเหล่าอภิมหาเศรษฐีและเหล่าสายลับนอกคอกจากรัสเซีย
    ซึ่งแต่ละคนล้วนแต่ตายไม่สวย……ยังมีอีกสองราย เอาไว้วันหลังจะเล่าให้ฟัง
    คือ Sergei Skripal (อดีตสายลับ) และ Badri Patarkatsishvili (อภิมหาเศรษฐี) ที่มัจจุราชจากรัสเซียมาเยือนถึงเกาะอังกฤษ นอกเหนือไปจากรายยิบย่อย
    ที่อังกฤษจับมือใครดมไม่ได้ ………ได้แต่โกรธแค้นรัสเซียที่อาจหาญทำการอุกอาจข้ามประเทศ
    จนมาถึงเรื่องซีเรีย………ที่นับว่าคือจุดของการแตกหัก

    อังกฤษทุกวันนี้ก็นั่งไม่ติด เพราะไม่รู้ว่าจะสู้กับอะไร ศึกจะมาเป็นแบบไหนในบ้านเมือง
    จะมาในรูปของก่อการร้าย หรือ ยาพิษกัมมันตภาพรังสีที่ยังหาทางรักษาไม่ได้
    นี่คือเหตุผลที่ต้องใช้งบประมาณอย่างมากมายสำหรับการรักษาความปลอดภัยในการจัดงานอภิเษกของเจ้าชายแฮร์รี่ ที่ประชาชนต่างไม่พอใจกับการใช้งบประมาณมากมายมหาศาลในส่วนของภาษีที่เขาจ่าย
    รัฐบาลก็ได้แต่อ้อมแอ้ม……ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเพื่อไม่ให้กลายเป็นการชี้โพรง………

    ทีนี้มาเล่าถึงเรื่องการปกครองระบอบต่างๆในโลกที่แบ่งออกเป็นได้อยู่ 5 ชนิด
    คือ
    1. ระบอบประชาธิปไตย (Democracy) ที่ประชาชนเลือกผู้นำและรัฐบาลผ่านการลงคะแนนเสียง
    2. ระบอบคณาธิปไตย (Oligarchy) คือรัฐบาลที่มาโดยกลุ่มนายทุนอยู่เบื้องหลัง
    3. ระบอบเผด็จการ (Autocracy) คือ รัฐบาลที่มีผู้นำคนเดียวที่เป็นผู้ชี้ชะตาประเทศและประชาชน อย่าง ซาอุ
    4. ระบอบกษัตริย์ (Monarchy) คือมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อย่างประเทศไทย คือ constitutional monarchy หมายถึง ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
    5. ระบอบคอมมิวนิสต์ (Communism) คือ ทุกอย่างเป็นของรัฐบาล ประชาชนทุกคนจะมีส่วนแบ่งเท่าๆกันภายใต้การจัดสรรที่เสมอภาค

    ประเทศไทยของเราลักหลั่นมากในเรื่องนี้ เพราะ คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราอยู่ในระบอบไหนกันแน่ เพราะนอกจากคอมมิวนิสต์กับเผด็จการแล้ว เราเป็นหมด………
    ประชาธิปไตย……มีมั่ง ไม่มีมั่ง คอยลุ้นเอา สนุกดี
    คณาธิปไตย………แน่นอน มีตลอด ตราบใดที่กลุ่มเจ้าสัวยังขยายกิจการอย่างไม่หยุดยั้ง
    แม้แต่รถกับข้าวก็ไม่เหลือให้ชนชั้นล่างได้เข้ามามีโอกาส
    ระบอบกษัตริย์ หรือ ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญนั้น คือหัวใจที่หล่อเลี้ยงประเทศให้
    เต้นไปตามจังหวะอยู่ในทุกวันนี้

    ประชาชนจะต้องรู้ให้เท่าทันว่า ประเทศของเราอยู่ก้ำกึ่งในสามระบอบนี้ จะได้ทำตัวให้ถูก
    รู้จักการถ่วงดุลย์ รู้จักว่าอย่าให้มันโน้มเอียงไปทางลบ
    อย่ามัวแต่เรียกร้องประชาธิปไตย รอเลือกตั้งจนตัวสั่น เพราะ อย่างไรเสียเราก็สลัดไม่หลุดไปจากกลุ่มคณาธิปไตยที่ไล่แจกนาฬิกาแพงๆให้กับคนในรัฐบาลอย่างที่เห็นๆอยู่

    เคยคุยกับคนอังกฤษ(แก่ๆ) เรื่องพระราชวงค์ของเขา ว่า……ไม่ค่อยเห็นคนออกมาแสดงความไม่พอใจ หรือเรียกร้องจนทำให้พระราชินีต้องเสื่อมเสียพระเกียรติยศ……
    เขาตอบว่า เพราะพระราชวงค์ทรงเป็นเลือดนักสู้……เป็นผู้นำที่เคียงคู่มากับพวกเขาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายของสงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามไหนๆ กษัตริย์อังกฤษไม่เคยถอยแม้แต่ก้าวเดียว………

    นี่คือผลพวงจากการศึกษาจริงๆค่ะ คนอังกฤษทุกคนรู้เรื่องประวัติศาสตร์บ้านเมืองของตัวเองเป็นอย่างดี จึงมีความรักชาติที่ฝังลึกสลักแน่นในสายเลือด
    แต่เราก็เขยิบขึ้นมาแล้ว เราก้าวมาเกือบถูกทางแล้ว เพราะออเจ้าได้ทำให้เด็กไทยทั้งประเทศตื่นตัวในการรักชาติ เทิดทูนพระมหากษัตริย์ในอดีต……บูชาความเป็นไทย
    ถึงขนาดทิ้งบัตรประชาชนเก่าๆ จัดแจงแต่งชุดไทยไปถ่ายใบใหม่
    ประกาศให้โลกรู้ว่า……
    เรารุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนะ…ออเจ้าฝรั่งฟรังคีทั้งหลาย !!!

    แหม………จะว่าไปนะ……อีผิน เอ๊ย……ดิฉันก็นึกทึ่งตัวเองอยู่ไม่น้อย ที่เขียนเรื่องรัสเซีย เรื่องอังกฤษอยู่ดีดี๊………มาจบลงด้วยเรื่องของออเจ้าอย่างหน้าตาเฉย
    อย่างนี้ชิมิคะ……ที่เขาเรียกว่า”โหนกระแส” น่ะ………555555?!!!

    Wiwanda W. Vichit
    ประชาธิปไตยใต้ร่มเงาของคณาธิปไตย………!!! ดิฉันไม่ค่อยได้เขียนเรื่องการเมืองของประเทศไทยมากนัก เพราะไม่อยากอยู่ในสภาพของ”ลิง” ที่คิดหาญอยากจะแก้แห แต่ต้องเอาซะหน่อย เพราะมีหลายฝ่ายออกมาเรียกร้อง”ประชาธิปไตย” ให้กับบ้านเมือง เพราะเรามีรัฐบาลทหารที่กำลังอยู่ในภาวะจัดระเบียบให้แบบเอากฏหมายมาเป็นตัวตั้ง ที่เหมือนจะกำลังตบให้เข้ารูปเข้ารอย โดยการเพิ่มโทษเอาผิดและกางกั้น อุดรอยรั่วตรงนั้นตรงนี้ ทำไปทำมา……คนในรัฐบาลก็ดันมีพฤติการณ์ที่ไม่โปร่งใส แถมคนที่เป็นหัวหน้ากลับอ้ำอึ้งทำอะไรไม่ได้ นอกจากเรียกร้องให้สื่อเพลาการให้ข่าวทางด้านลบของพวกตัวเองลงไป สรุปว่า……แหนั้นมันยุ่งเหยิงเกิน……ขนาดชั้นหนุมานทหารเอกยังแก้ไม่ไหว……!! แล้วดิฉัน……ลิง……เอ๊ย……มนุษย์อาวุโสตัวน้อยๆ จะไปบังอาจได้อย่างไร……ใช่ม๊ะ??? แต่อยากจะเล่าถึงเรื่องอื่นๆที่เนื้อเรื่องมันช่างโดนใจไทยแท้เป็นอย่างมาก…… นั่นคือเรื่องกรณีพิพาทระหว่างอังกฤษกับรัสเซีย ที่บาดหมางถึงขนาดอัปเปหิคณะทูตออกจากประเทศกันแบบชิ้วๆ ให้เก็บของภายในสามวันเจ็ดวันนั่นเชียว ถ้าจะให้เล่าต้องอ่านอย่างตั้งใจนิดนึง เพราะเรื่องนี้มีตัวละครหลายตัว ที่เกี่ยวพันโยงใยกันไปหมด เอาเรื่องหลักๆแบบกระชับที่สุดแล้วกันนะคะ ขอย้อนเรื่องไปเมื่อครั้ง ปี 2000 ที่ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ร่ำรวยคนหนึ่ง นามว่า Boris Berezovsky ที่มีฐานะร่ำรวยติดอันดับต้นๆของรัสเซีย และเป็นผู้สนับสนุนหลักของพรรค Unity ที่ผลักด้นจนปูตินได้มาเป็นประธานาธิบดีในปีนั้น แต่ปูติน……ไม่ได้เห็นนายทุนพรรคสำคัญไปกว่าอุดมการณ์ เขาตลบย้อนหลังด้วยนโยบายกวาดล้างมาเฟียและผู้สนับสนุนท่อน้ำเลี้ยงทั้งหมด ซึ่งมันกระทบกับหลายเครือข่ายของกลุ่มต่างๆ แม้แต่กลุ่มอภิมหาเศรษฐีอย่าง BB (ใช้ชื่อย่อแล้วกันนะคะ) ที่มีธุรกิจมากมายรวมไปถึง หลักๆคือ สื่อโทรทัศน์และพลังงานน้ำมัน การขัดแย้งเกิดขึ้น มีการแจ้งหาหลายข้อ จน BB ต้องหาเรื่องไป”ทำธุระที่อังกฤษ” แล้วก็ไม่หวนกลับมาขึ้นศาล ทางอังกฤษก็อ้าแขนรับ เพราะเงินจำนวนพันๆล้านยูโรที่เขามีอยู่นั้น ได้เปลี่ยนสถานะให้เขาเป็น Oligarch อันหมายถึง ผู้ลี้ภัยทางการเมือง ซึ่งต่างกับคำว่า Fugitive อันหมายถึงพวกที่หนีคดีแบบหัวซุกหัวซุน ที่ต้องมาขยายในความแตกต่างระหว่างสองคำนั้น เพราะเห็นสื่อต่างๆใช้กันเกร่อ และอ่านแล้วขัดใจทุกทีไป เพราะความหมายผิดไปอย่างสุดโต่ง โอลิการ์ช นั้น ไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปไหนเลย แถมยังมีหน้ามีตาอยู่ในสังคมชั้นสูงในประเทศอื่นๆได้ เพราะมีเงินนับพันล้านหมื่นล้าน ไปที่ไหนใครก็ต้อนรับ (จะอธิบายถึงระบบการปกครองในแบบต่างๆต่อไป) เช่นเดียวกับ BB เมื่อไม่อยากกลับรัสเซียก็ซื้อคฤหาสน์อยู่ที่อังกฤษ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายบนกองเงินกองทอง แต่……ก็พกความแค้นเอาไว้ คอยเล่นงานรัฐบาลปูตินในทุกโอกาสที่มีเขาได้ผู้ช่วยที่ดี คือ Alexander Litvinenko อดีต KGB ที่สนิทสนมกัน จนสามารถซื้อใจและนำตัวออกมาจากรัสเซียมาอยู่ด้วยกันที่อังกฤษ และได้สนับสนุนให้ อเล็กซานเดอร์ ไปทำงานขายความลับของชาติให้กับ MI 6 หน่วยสายลับของอังกฤษ เท่านั้นไม่พอ……ทั้ง Alexander Litvinenko และ เพื่อนที่เป็นนักเขียน อเมริกัน-รัสเชี่ยน Yuri Felshtinsky ได้ออกหนังสือในชื่อว่า Blowing up Russia: The secret to bring back KGB power (2004)** (มีภาพประกอบ) ที่ติดอันดับหนังสือขายดีเพียงแค่ข้ามคืน โดยได้รับทุนรอนสนับสนุนจาก BB เนื้อความในหนังสือเป็นเรื่องภายในของหน่วยสืบราชการลับของรัสเซีย และการขยายสาขายิบย่อยออกไปหลายแขนงในชื่อย่อต่างๆกัน รวมทั้งงานต่างๆที่แยกออกไปตามถนัด นอกจากนั้น BB ยังให้การสนับสนุนการก่อความไม่สงบทั้งในประเทศและนอกประเทศ อย่างกรณีของสงคราม Chechen ให้ก่อหวอดขึ้นมา เลยเถิดไปถึงการสนับสนุนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในยูเครนเมื่อปี 2004 และ 2010 ที่มีอยู่เพียงสองพรรคการเมือง พรรคที่ต่อต้านรัสเซีย กับพรรคที่สนับสนุนรัสเซีย งานนี้เขาทุ่มทุนกับพรรคที่ต่อต้านเต็มที่หมดไปหลายสิบล้านยูโร (แต่ก็แพ้การเลือกตั้ง) คือว่าทำทุกอย่างที่โค่นรัฐบาลของปูตินให้ได้……โดยใช้ผืนดินอังกฤษเป็นราก…… ถามว่ารัฐบาลของปูตินและปูตินรู้สึกอย่างไร……? คำตอบคือ……เงียบ แต่เงียบแบบคลื่นใต้น้ำ โดยการ”กำจัด” ออกไปทีละคน เหมือนอย่างกับที่ทำกับสายลับนอกคอกคนอื่นๆ ที่มีเหตุต้องจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันสมควร ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก……เฉพาะในอังกฤษที่ชอบฟูมฟักสายลับและโอลิการ์ช จากรัสเซียนั้น โดนเก็บไปสิบสี่คนแล้ว โดยที่หน่วยสายลับและตำรวจต่างก็หาสาเหตุไม่ค่อยจะได้ หรืออาจจะได้แต่ไม่ออกสื่อ……… ราย Alexander Litvinenko (จะเรียกเขาว่า Alex) นั้นมาแบบแปลกและทิ้งความตื่นตระหนกไว้ทั่วบริเตน นั่นคือ โดยยาพิษที่มาในรูปของกัมมันตภาพรังสี ในนามว่า Polonium 210 ที่เคลือบไว้กับกาน้ำชาที่เขาไปทานอาหารในร้านซูชิ เพราะได้นัดเจอกับเพื่อนที่เป็นอดีต KGB ที่มาเยี่ยมเยือนจากรัสเซีย ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2006 หลังจากที่ได้แยกจากกัน เขาก็ล้มป่วย เกิดอาการขั้นวิกฤติจนต้องส่งโรงพยาบาลด่วนฉุกเฉิน อาการที่แพทย์ต้องวิ่งหาสาเหตุกันจ้าละหวั่น คือ อวัยวะในร่างกายของเขา ต่างพากันอ่อนแรง หมดสมรรถภาพไปทีละอย่าง นับจากตับ ไต หัวใจ เขาทนได้ถึง 28 วัน จึงเสียชีวิต และทางแพทย์เพิ่งจะรู้คำตอบว่า มันคือ ยาพิษกัมมันตภาพรังสี จึงได้เข้าไปตรวจร่องรอยของเส้นทางหลังจากที่เขาและเพื่อนสองคน พบว่า มีร่องรอยของ Polonium 210ในทุกที่ ตั้งแต่โรงแรม ห้องพัก ห้องน้ำ และในร้านอาหาร เพื่อนสองคนนั้น คือ Andrei Lugovoi และ Dmitry Kovtun ที่บินกลับไปรัสเซียแล้ว ทีนี้ถึงคิวของ BB อภิมหาเศรษฐีที่เหมือนว่าใครจะทำอะไรเขาไม่ได้……แต่……มีอีกคนหนึ่งที่”เหนือเมฆ”กว่า นั่นคือ Roman Abramovich คนคนนี้ที่ต้องเรียกว่าเหนือเมฆหรือยอดมนุษย์ก็ไม่ผิดความจริงเท่าไหร่ เพราะ เขาจบการศึกษาแค่ชั้นมัธยมปลาย และออกมาทำมาหากินโดยการขายของเล่นเด็ก และ ขายยางรถยนตร์เก่า จนอายุย่างเข้าสามสิบปี (1996) เขาเริ่มเป็นปึกแผ่น ร่ำรวย จนสามารถเข้าไปอยู่ในแวดวงการเมือง เป็นที่ไว้ใจของปธน. Yeltsin จนเขาได้ก้าวขึ้นไปเป็นนายกเทศมนตรีเมือง Chukotka (1999) ที่แสนยากจน……ที่นั่น Roman ได้ควักกระเป๋า เอาเงินส่วนตัวกว่า ร้อยล้านยูโร บริจาคสร้างสาธารณูปโภคให้ใหม่ทั้งเมือง สร้างงานให้ประชาชน เมื่อปี 1992 คือปีที่เขาหันมาจับธุรกิจบ่อน้ำมันและได้รู้จักกับ BB และกลุ่มอภิมหาเศรษฐีคนอื่นๆในฐานะผู้ร่วมทุน ในนามของกลุ่มที่มีชื่อว่า Sibneft ที่แยกย่อยออกไปอีกหลายเครือข่ายเช่นการทำกระดาษอลูมินั่ม และเครื่องจักรกล ที่สร้างเม็ดเงินให้อย่างมหาศาล จนคนทั้งคู่ (และหุ้นส่วนคนอื่น) รวยจนติดอันดับ Forbes แต่เส้นทางต่อมา……คนทั้งสองเดินคนละเส้นทาง แต่ไปอยู่ในที่เดียวกัน คือ อังกฤษ Roman ไปในฐานะนักลงทุนข้ามชาติ เพราะไปทำธุรกิจที่จะขยายเม็ดเงิน ร่ำรวยมหาศาลและไปซื้อทีมฟุตบอล Chelsea………!!! นอกเหนือจากการเป็นมิตรสหายคนสนิทคนหนึ่งของปูติน ส่วน BB นั้น อยู่ในฐานะนักลี้ภัยที่สนับสนุนการเมืองฝ่ายตรงข้าม ที่ยังไม่เลิกละลดต่อความพยาบาท Roman ได้ขึ้นฟ้องร้องต่อศาลอังกฤษในปี 2011 ที่ถูก BB โกงเงินจำนวนหลายร้อยล้านปอนด์จากธุรกิจที่เคยทำร่วมกัน รวมทั้งยื่นบัญชีที่ได้ออกเงินช่วย BB ในเรื่องของการหลบหนีมาตั้งหลักปักฐานที่อังกฤษ ศาลรับฟ้อง……และว่ากันไปตามหลักฐาน ที่ทางฝ่าย Roman มีมาพร้อมมูล ซึ่งต่อมา ศาลได้ตัดสินให้เขาเป็นฝ่ายชนะ (ปี 2012)ที่จะได้รับเงินค่าเสียหายชดใช้จาก BB เป็นจำนวน สามพันล้านปอนด์ บวกค่าทนายของทั้งสองฝ่ายอีกร้อยล้านปอนด์ BB เดินออกจากศาลทั้งน้ำตา เขาบอกกับคนสนิทว่า “ฉันควรจะกระโดดตึกหรือเชือดข้อมือ อย่างไหนจะดีกว่ากัน ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนที่ยากจนที่สุดในโลกแล้ว……” แต่ BB ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานต่อความยากจนนานนัก เพราะ เขาถูกพบว่าเป็นศพภายในคฤหาสน์ของเขาเองในปีต่อมา 2013 ในสภาพว่า ผูกคอตายในห้องน้ำ……?!! ทางฝ่ายนิติเวชได้ออกมาให้ข่าวว่า สภาพศพนั้นผิดไปจากการฆ่าตัวตายธรรมดา เพราะศรีษะมีรอยถูกตี และมีรอยหักที่ซี่โครง เหมือนจะเป็นการบอกให้รู้ว่า……เมริงต้องหมดตัวเสียก่อน แล้วค่อยตาย……!!! นี่คือเรื่องราวย่อๆที่เกิดขึ้นให้ทราบเค้าโครงเรื่องรอยบาดหมางระหว่างอังกฤษกับรัสเซีย คือ ไม่ว่าใครจะไปลี้ภัยอะไรยังไง อังกฤษอ้าแขนรับหมด ขอให้หอบเงินเข้ามาเถอะ การอำนวยความสะดวกจัดให้เต็มที่ โดยเฉพาะเหล่าอภิมหาเศรษฐีและเหล่าสายลับนอกคอกจากรัสเซีย ซึ่งแต่ละคนล้วนแต่ตายไม่สวย……ยังมีอีกสองราย เอาไว้วันหลังจะเล่าให้ฟัง คือ Sergei Skripal (อดีตสายลับ) และ Badri Patarkatsishvili (อภิมหาเศรษฐี) ที่มัจจุราชจากรัสเซียมาเยือนถึงเกาะอังกฤษ นอกเหนือไปจากรายยิบย่อย ที่อังกฤษจับมือใครดมไม่ได้ ………ได้แต่โกรธแค้นรัสเซียที่อาจหาญทำการอุกอาจข้ามประเทศ จนมาถึงเรื่องซีเรีย………ที่นับว่าคือจุดของการแตกหัก อังกฤษทุกวันนี้ก็นั่งไม่ติด เพราะไม่รู้ว่าจะสู้กับอะไร ศึกจะมาเป็นแบบไหนในบ้านเมือง จะมาในรูปของก่อการร้าย หรือ ยาพิษกัมมันตภาพรังสีที่ยังหาทางรักษาไม่ได้ นี่คือเหตุผลที่ต้องใช้งบประมาณอย่างมากมายสำหรับการรักษาความปลอดภัยในการจัดงานอภิเษกของเจ้าชายแฮร์รี่ ที่ประชาชนต่างไม่พอใจกับการใช้งบประมาณมากมายมหาศาลในส่วนของภาษีที่เขาจ่าย รัฐบาลก็ได้แต่อ้อมแอ้ม……ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเพื่อไม่ให้กลายเป็นการชี้โพรง……… ทีนี้มาเล่าถึงเรื่องการปกครองระบอบต่างๆในโลกที่แบ่งออกเป็นได้อยู่ 5 ชนิด คือ 1. ระบอบประชาธิปไตย (Democracy) ที่ประชาชนเลือกผู้นำและรัฐบาลผ่านการลงคะแนนเสียง 2. ระบอบคณาธิปไตย (Oligarchy) คือรัฐบาลที่มาโดยกลุ่มนายทุนอยู่เบื้องหลัง 3. ระบอบเผด็จการ (Autocracy) คือ รัฐบาลที่มีผู้นำคนเดียวที่เป็นผู้ชี้ชะตาประเทศและประชาชน อย่าง ซาอุ 4. ระบอบกษัตริย์ (Monarchy) คือมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อย่างประเทศไทย คือ constitutional monarchy หมายถึง ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ 5. ระบอบคอมมิวนิสต์ (Communism) คือ ทุกอย่างเป็นของรัฐบาล ประชาชนทุกคนจะมีส่วนแบ่งเท่าๆกันภายใต้การจัดสรรที่เสมอภาค ประเทศไทยของเราลักหลั่นมากในเรื่องนี้ เพราะ คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราอยู่ในระบอบไหนกันแน่ เพราะนอกจากคอมมิวนิสต์กับเผด็จการแล้ว เราเป็นหมด……… ประชาธิปไตย……มีมั่ง ไม่มีมั่ง คอยลุ้นเอา สนุกดี คณาธิปไตย………แน่นอน มีตลอด ตราบใดที่กลุ่มเจ้าสัวยังขยายกิจการอย่างไม่หยุดยั้ง แม้แต่รถกับข้าวก็ไม่เหลือให้ชนชั้นล่างได้เข้ามามีโอกาส ระบอบกษัตริย์ หรือ ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญนั้น คือหัวใจที่หล่อเลี้ยงประเทศให้ เต้นไปตามจังหวะอยู่ในทุกวันนี้ ประชาชนจะต้องรู้ให้เท่าทันว่า ประเทศของเราอยู่ก้ำกึ่งในสามระบอบนี้ จะได้ทำตัวให้ถูก รู้จักการถ่วงดุลย์ รู้จักว่าอย่าให้มันโน้มเอียงไปทางลบ อย่ามัวแต่เรียกร้องประชาธิปไตย รอเลือกตั้งจนตัวสั่น เพราะ อย่างไรเสียเราก็สลัดไม่หลุดไปจากกลุ่มคณาธิปไตยที่ไล่แจกนาฬิกาแพงๆให้กับคนในรัฐบาลอย่างที่เห็นๆอยู่ เคยคุยกับคนอังกฤษ(แก่ๆ) เรื่องพระราชวงค์ของเขา ว่า……ไม่ค่อยเห็นคนออกมาแสดงความไม่พอใจ หรือเรียกร้องจนทำให้พระราชินีต้องเสื่อมเสียพระเกียรติยศ…… เขาตอบว่า เพราะพระราชวงค์ทรงเป็นเลือดนักสู้……เป็นผู้นำที่เคียงคู่มากับพวกเขาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายของสงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามไหนๆ กษัตริย์อังกฤษไม่เคยถอยแม้แต่ก้าวเดียว……… นี่คือผลพวงจากการศึกษาจริงๆค่ะ คนอังกฤษทุกคนรู้เรื่องประวัติศาสตร์บ้านเมืองของตัวเองเป็นอย่างดี จึงมีความรักชาติที่ฝังลึกสลักแน่นในสายเลือด แต่เราก็เขยิบขึ้นมาแล้ว เราก้าวมาเกือบถูกทางแล้ว เพราะออเจ้าได้ทำให้เด็กไทยทั้งประเทศตื่นตัวในการรักชาติ เทิดทูนพระมหากษัตริย์ในอดีต……บูชาความเป็นไทย ถึงขนาดทิ้งบัตรประชาชนเก่าๆ จัดแจงแต่งชุดไทยไปถ่ายใบใหม่ ประกาศให้โลกรู้ว่า…… เรารุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนะ…ออเจ้าฝรั่งฟรังคีทั้งหลาย !!! แหม………จะว่าไปนะ……อีผิน เอ๊ย……ดิฉันก็นึกทึ่งตัวเองอยู่ไม่น้อย ที่เขียนเรื่องรัสเซีย เรื่องอังกฤษอยู่ดีดี๊………มาจบลงด้วยเรื่องของออเจ้าอย่างหน้าตาเฉย อย่างนี้ชิมิคะ……ที่เขาเรียกว่า”โหนกระแส” น่ะ………555555?!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    0 Comments 1 Shares 405 Views 0 Reviews
  • เลือกตั้งปี 2024อาจเป็นครี้งสุดท้ายของสหรัฐ
    มาร์ติน อาร์มสตรองแห่ง armstrongeconomics.com คาดการณ์ว่าการเลือกตั้งในปี 2024ของสหรัฐอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะว่าฝ่ายสนับสนุนทั้งโดนัลด์ ทรัมป์ และกมลา แฮร์ริสจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ซึ่งจะนำไปสู้การฟ้องร้องในศาลทำให้ไม่สามารถรับรองผลการเลือกตั้งได้ และในที่สุดอาจจะนำไปสู่สงครามกลางเมือง
    อาร์มสตรอง บอกว่า ทรัมป์กับแฮร์ริสกำลังกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ทางกฎหมายที่ดุเดือดและน่ารังเกียจ ซึ่งจะทำให้ประเทศสหรัฐแตกแยกอย่างแน่นอน โดยเสริมว่าสื่อกระแสหลักจะทรยศต่อประเทศและทุกสิ่งที่รัฐธรรมนูญอเมริกันเคยยืนหยัด และพวกเขาจะสนับสนุนคนหลบเข้าเมืองที่ผิดกฎหมายและแฮร์รีสทั้งหมดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
    เขาบอกว่าการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นมุ่งหน้าสู่ปี 2032 ซึ่งจะทำลายสังคมตะวันตกในแง่ของการเป็นเมืองหลวงทางการเงินที่มีอิทธิพลต่อระบบการเงินโลก
    “พวกนีโอคอน (Neocon) กำลังทำลายสังคมตะวันตกเพราะความเกลียดชังรัสเซียและจีน ซึ่งส่งผลให้เกิดเมืองหลวงทางการเงินของโลกที่สหรัฐอเมริกายึดครองจากลอนดอนในปี 1918 เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เราจะสูญเสียสถานภาพนี้ 112 ปีต่อมา เพราะสงครามโลกครั้งที่ 3 และสื่อมวลชนก็ให้กำลังเชียร์ให้เกิด (ครึ่งรอบ 224 ปีของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง)
    พรรคเดโมแครตได้ส่งข้อความนี้ออกไปบรรดาผู้สนับสนุน:

    “… เรากำลังเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับโครงการคุ้มครองผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพื่อปกป้องทรัมป์และพันธมิตรของเขาที่โจมตีสิทธิในการลงคะแนนเสียงของเรา นั่นเป็นสาเหตุที่เราลงทุนหกหลักในโครงการ Democrats Abroad เพื่อลงทะเบียนและรับคะแนนโหวตจากชาวอเมริกันเกือบ 9 ล้านคนที่อาศัยและรับใช้ในต่างประเทศ และนั่นคือเหตุผลที่เราขยายความพยายามในการจัดงานเสมือนจริงที่ประสบความสำเร็จเพื่อมีส่วนร่วมและระดมอาสาสมัครให้ได้มากที่สุด เพื่อให้คุณสามารถมีส่วนร่วมได้ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม”
    อาร์มสตรอง กล่าวต่อไปว่า จอร์เจียได้นำกฎใหม่สำหรับคณะกรรมการการเลือกตั้งของรัฐมาใช้ โดยอนุญาตให้สมาชิกชะลอการรับรองการเลือกตั้ง ถ้าหากมีการสอบถามเกี่ยวกับความคลาดเคลื่อนของบัตรลงคะแนน ในรัฐแอริโซนา มิชิแกน และเนวาดา ฝ่ายรีพับรีกันได้ผลักดันให้มีการกำจัดรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ใช่พลเมือง พรรครีพับลิกันในเนวาดายื่นฟ้องเพื่อป้องกันไม่ให้มีการนับบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์หากได้รับหลังวันเลือกตั้ง ถึงกระนั้นพรรคเดโมแครตก็กำลังต่อสู้กับสิ่งนั้นเช่นกัน
    ในรัฐที่ฐานเสียงแกว่งไปมาอย่างจอร์เจีย แอริโซนา มิชิแกน เนวาดา และเพนซิลเวเนีย ผลของการลงคะแนนเสียงที่มีการโต้แย้งอาจจบลงที่ศาลฎีกา มีการปล่อยให้ผู้อพยพเข้าไปในยุโรปและสหรัฐอเมริกาอย่างผิดกฎหมายโดยที่ส่วนใหญ่ไม่ได้ให้อะไรเลยแก่สังคม เพื่อเป้าหมายของลัทธิเผด็จการที่จะควบคุมประชาชน โดยวางแผนที่จะให้พวกอพยพหลบเข้าเมืองลงคะแนนเสียงให้พรรคเดโมแครต
    ผลของการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการโต้แย้งอย่างเผ็ดร้อนจนอาจจะจบลงที่ศาล จากนั้น หากพรรคเดโมแครตหรือพรรครีพับลิกันแต่งตั้งผู้พิพากษาเป็นผู้ตัดสิน ผู้แพ้ก็จะโต้แย้งว่าการตัดสินดังกล่าวเป็นเรื่องทางการเมือง ไม่มีทางหนีพ้นวิกฤตนี้ไปได้ เพราะฝ่ายซ้ายรู้ว่าตนกำลังพ่ายแพ้ และแทนที่จะตั้งคำถามกับปรัชญาแนวทางของตน กลับตั้งใจที่จะชนะทุกวิถีทางที่เป็นไปได้
    ที่การประชุมประชาธิปไตย ไบเดนราดน้ำมันลงบนกองไฟ ซึ่งหากทรัมป์ชนะ นั่นก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย เขากล่าวว่า “นี่จะเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม” ไบเดนบอกกับฝูงชนในสุนทรพจน์ของเขาว่าเมื่อวันที่ 6 มกราคม “เราเกือบจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวตนของเราในฐานะประเทศไป และภัยคุกคามนั้น—นี่ไม่ใช่คำพูดเกินจริง—ภัยคุกคามนั้นยังดำรงอยู่”

    IMCT News

    ที่มา https://www.armstrongeconomics.com/international-news/politics/us-2024-may-be-our-last/
    เลือกตั้งปี 2024อาจเป็นครี้งสุดท้ายของสหรัฐ มาร์ติน อาร์มสตรองแห่ง armstrongeconomics.com คาดการณ์ว่าการเลือกตั้งในปี 2024ของสหรัฐอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะว่าฝ่ายสนับสนุนทั้งโดนัลด์ ทรัมป์ และกมลา แฮร์ริสจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ซึ่งจะนำไปสู้การฟ้องร้องในศาลทำให้ไม่สามารถรับรองผลการเลือกตั้งได้ และในที่สุดอาจจะนำไปสู่สงครามกลางเมือง อาร์มสตรอง บอกว่า ทรัมป์กับแฮร์ริสกำลังกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ทางกฎหมายที่ดุเดือดและน่ารังเกียจ ซึ่งจะทำให้ประเทศสหรัฐแตกแยกอย่างแน่นอน โดยเสริมว่าสื่อกระแสหลักจะทรยศต่อประเทศและทุกสิ่งที่รัฐธรรมนูญอเมริกันเคยยืนหยัด และพวกเขาจะสนับสนุนคนหลบเข้าเมืองที่ผิดกฎหมายและแฮร์รีสทั้งหมดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาบอกว่าการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นมุ่งหน้าสู่ปี 2032 ซึ่งจะทำลายสังคมตะวันตกในแง่ของการเป็นเมืองหลวงทางการเงินที่มีอิทธิพลต่อระบบการเงินโลก “พวกนีโอคอน (Neocon) กำลังทำลายสังคมตะวันตกเพราะความเกลียดชังรัสเซียและจีน ซึ่งส่งผลให้เกิดเมืองหลวงทางการเงินของโลกที่สหรัฐอเมริกายึดครองจากลอนดอนในปี 1918 เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เราจะสูญเสียสถานภาพนี้ 112 ปีต่อมา เพราะสงครามโลกครั้งที่ 3 และสื่อมวลชนก็ให้กำลังเชียร์ให้เกิด (ครึ่งรอบ 224 ปีของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง) พรรคเดโมแครตได้ส่งข้อความนี้ออกไปบรรดาผู้สนับสนุน: “… เรากำลังเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับโครงการคุ้มครองผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพื่อปกป้องทรัมป์และพันธมิตรของเขาที่โจมตีสิทธิในการลงคะแนนเสียงของเรา นั่นเป็นสาเหตุที่เราลงทุนหกหลักในโครงการ Democrats Abroad เพื่อลงทะเบียนและรับคะแนนโหวตจากชาวอเมริกันเกือบ 9 ล้านคนที่อาศัยและรับใช้ในต่างประเทศ และนั่นคือเหตุผลที่เราขยายความพยายามในการจัดงานเสมือนจริงที่ประสบความสำเร็จเพื่อมีส่วนร่วมและระดมอาสาสมัครให้ได้มากที่สุด เพื่อให้คุณสามารถมีส่วนร่วมได้ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม” อาร์มสตรอง กล่าวต่อไปว่า จอร์เจียได้นำกฎใหม่สำหรับคณะกรรมการการเลือกตั้งของรัฐมาใช้ โดยอนุญาตให้สมาชิกชะลอการรับรองการเลือกตั้ง ถ้าหากมีการสอบถามเกี่ยวกับความคลาดเคลื่อนของบัตรลงคะแนน ในรัฐแอริโซนา มิชิแกน และเนวาดา ฝ่ายรีพับรีกันได้ผลักดันให้มีการกำจัดรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ใช่พลเมือง พรรครีพับลิกันในเนวาดายื่นฟ้องเพื่อป้องกันไม่ให้มีการนับบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์หากได้รับหลังวันเลือกตั้ง ถึงกระนั้นพรรคเดโมแครตก็กำลังต่อสู้กับสิ่งนั้นเช่นกัน ในรัฐที่ฐานเสียงแกว่งไปมาอย่างจอร์เจีย แอริโซนา มิชิแกน เนวาดา และเพนซิลเวเนีย ผลของการลงคะแนนเสียงที่มีการโต้แย้งอาจจบลงที่ศาลฎีกา มีการปล่อยให้ผู้อพยพเข้าไปในยุโรปและสหรัฐอเมริกาอย่างผิดกฎหมายโดยที่ส่วนใหญ่ไม่ได้ให้อะไรเลยแก่สังคม เพื่อเป้าหมายของลัทธิเผด็จการที่จะควบคุมประชาชน โดยวางแผนที่จะให้พวกอพยพหลบเข้าเมืองลงคะแนนเสียงให้พรรคเดโมแครต ผลของการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการโต้แย้งอย่างเผ็ดร้อนจนอาจจะจบลงที่ศาล จากนั้น หากพรรคเดโมแครตหรือพรรครีพับลิกันแต่งตั้งผู้พิพากษาเป็นผู้ตัดสิน ผู้แพ้ก็จะโต้แย้งว่าการตัดสินดังกล่าวเป็นเรื่องทางการเมือง ไม่มีทางหนีพ้นวิกฤตนี้ไปได้ เพราะฝ่ายซ้ายรู้ว่าตนกำลังพ่ายแพ้ และแทนที่จะตั้งคำถามกับปรัชญาแนวทางของตน กลับตั้งใจที่จะชนะทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ ที่การประชุมประชาธิปไตย ไบเดนราดน้ำมันลงบนกองไฟ ซึ่งหากทรัมป์ชนะ นั่นก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย เขากล่าวว่า “นี่จะเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม” ไบเดนบอกกับฝูงชนในสุนทรพจน์ของเขาว่าเมื่อวันที่ 6 มกราคม “เราเกือบจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวตนของเราในฐานะประเทศไป และภัยคุกคามนั้น—นี่ไม่ใช่คำพูดเกินจริง—ภัยคุกคามนั้นยังดำรงอยู่” IMCT News ที่มา https://www.armstrongeconomics.com/international-news/politics/us-2024-may-be-our-last/
    WWW.ARMSTRONGECONOMICS.COM
    US 2024 May be Our Last
    This year's election is shaping up to be decided in court rather than the ballot box. Both Donald Trump and Kamala Harris are preparing for what will become a
    Like
    Love
    Wow
    Sad
    36
    1 Comments 1 Shares 1052 Views 0 Reviews
  • ลัทธิ...สาวก..องค์กรลับ...เงินหนุน...ไม่ใช่มีแต่ในนิยาย..!!!

    เคยบอกกับท่านผู้ที่สนใจอ่านไว้แล้วว่า จะเล่าเรื่องของ จอร์จ โซรอส พ่อมดทางการเงินที่ทรงอิทธิพลของโลก..
    แต่เรื่องของเขานั้น ไม่ใช่แค่บอกว่าเขาเป็นใคร หรือประวัติมาจากไหน..
    หากินอะไร...แล้วท่านๆจะเข้าใจ....
    ไม่ใช่ค่ะ...

    ดิฉันอยากจะเล่าย้อนไปถึงระบบความคิด ความเชื่อ อุดมคติอันเป็นที่มาของการขยายปีกทุนออกไปได้อย่างไม่เสียดมเสียดาย เพื่อที่จะให้อุดมการณ์นั้นประสบความสำเร็จ
    อุดมการณ์...คือ การเข้าครอบงำโลก ทุกประเทศ ทุกรัฐบาล ให้เดินไปตามนโยบายของกลุ่มทุนที่อยู่บนยอดปิรามิด...ที่เขาใช้สโลแกนว่า
    “เพื่อมนุษยชาติ ความเท่าเทียม เสรีทางความคิดเห็นต่อการปกครอง”
    ที่มาในคำจำกัดความสั้นๆคือ... The New World Order หรรือย่อๆว่า...NWO

    แต่ก่อนที่จะพูดถึงโซรอส ดิฉันก็อยากจะเล่าถึงบรรบุรุษทางความคิดของ NWO ก่อนว่าเขามาจากไหน และ เป็นมาอย่างไร...
    โปรดอย่าคิดว่าเยิ่นเย้อ ยืดยาว...เพราะถ้าไม่เข้าใจในส่วนนี้แล้ว
    ก็ไม่มีวันเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน

    บรรพบุรุษทางความคิดของ NWO คือ ขบวนการองค์กรลับ ที่มีเรียกว่า
    Bavarian Illuminati (บาวาเรียน อิลลูมินาติ)
    Bavaria คือสถานที่ที่ก่อตั้ง รัฐบาวาเรีย ในเยอรมันนี
    Illuminati มาจากภาษาละติน แปลว่า ผู้ตื่นรู้, ปราชญ์

    ผู้ที่เริ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ทางความคิดนี้คนแรก คือ ศาสตราจารย์ทางด้านกฎหมาย Adam Weishaupt (1748-1830) สอนใน University of Ingolstadt

    อดัม ไวซอปท์ เป็นชาวยิวที่เปลี่ยนมาเป็นคริสต์ (ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในสมัยศตวรรษที่ 18 เพราะกระแสต่อต้านยิวที่กระจายในทั่วยุโรป)
    เขาเป็นลูกกำพร้า ที่อยู่ในการอุปถัมภ์ของปู่ผู้ซึ่งเป็นคนมีความรู้ และได้บ่มเพาะเขาให้เป็นหนอนหนังสือ เคร่งเรียน จนได้มาเป็นศาตราจารย์
    ที่ไม่มีใครเคยรู้เลยว่า ภายใต้คราบของศาสตราจารย์นั้น เขาคือผู้ที่มีความคิดสวนทางกับผู้คนส่วนใหญ่ในยุคนั้น ที่เต็มไปด้วยเจ้าขุนมูลนาย
    และความไม่เท่าเทียม มีช่องว่าทางสถานะภาพ และอาชีพ
    คนมีความรู้...ถ้าไม่ใช่สมาชิกในสกุลใหญ่โต ก็ไม่มีทางเกิด
    รวมทั้งความคิดที่ ระบบศาสนา พระ และ กิจกรรมของศาสนาที่มามีส่วน”ล้ำเส้น” จนเกินไปในสังคม ที่ทุกคนต้องเชื่อฟังและปฏิบัติในกฏเกณฑ์

    เขาจึงคิดวางระบบขึ้นมาใหม่ จัดตั้งเป็นองค์กร (ลับ) สำหรับกลุ่มที่มีความคิดไปในทางเดียวกัน และพยายาม(แอบ) สอน ชี้ทางให้กับพวกนักศึกษาเป็นการชักจูง เพื่อให้เกิดการ “ตื่นรู้” หรือ Illumination

    ซึ่งขบวนการแบบนี้ได้เกิดขึ้นมาก่อนหน้าที่เขาจะคิดแล้ว มีนโยบายคล้ายๆกันในนามว่า
    The Freemasonry หรือองค์กร Freemason ที่กระจายไปทั่วยุโรป ที่รวบรวมแต่พวกที่มีความคิดเหมือนกัน ใครก็ได้ ต่างสาขาอาชีพ
    อดัม ยังคิดว่ามันไม่ใช่เหมือนแนวความคิดของเขาเลยทีเดียว เขาต้องการ”กลุ่มชั้นมันสมองที่คัดกรองแล้ว” ที่มีความสามารถเผยแพร่ ชักจูงปัญญาชนอื่นๆให้คล้อยตามได้ เพื่อที่จะได้เข้าถึงจุดประสงค์คือ
    “เสรีภาพทางด้านความคิดและการแสดงออกที่เท่าเทียม ไม่ว่ารวยหรือจน ไม่ว่าเจ้าหรือเศรษฐี”

    วันที่ 1 เมษายน 1776 คือการชุมนุมพบปะกันในป่า ภายใต้แสงจากคบไฟใกล้เมือง เอิงกอลสตัดท์ ที่มีสมาชิกเข้าร่วมเพียงชายห้าคน...
    ที่เข้ามาร่วมมือกันวางหลักการ และวางแผนเส้นทางปฏิบัติ
    รวมทั้งเผยแพร่นโยบายไปสู่กลุ่มเป้าหมาย...
    ที่ใช้เวลาไม่นานเลย เพราะในปี 1782 องค์กรได้มีสมาชิกถึง 600 คน
    ที่ได้แบ่งออกเป็นสามระดับ คือ

    Novices คือ กลุ่มน้องใหม่

    Minervals คือ กลุ่มเจ้าปัญญา

    Illuminated minervals คือ กลุ่มปราชญ์ผู้ตื่นรู้

    ในปี 1784 ได้มีสมาชิกเพิ่มถึงสามพันคน และในนั้นรวมไปด้วยกลุ่มสติปัญญาเป็นเลิศ ทั้งนักการเมือง เช่น แพทย์ และนักเขียนดังอย่างเช่น
    เกอเธ่ ( Johann Wolfgang von Goethe) หรือชาวไฮโซ อย่าง
    Baron Adolph von Knigge ที่เป็นหัวหอกในการหาสมาชิกที่จะเข้ามาตามเป้า
    และที่สำคัญ...คือ องค์กรลับนี้ ได้นายทุนใหญ่เข้ามาเป็นสมาชิกและให้ความสนับสนุนทุกด้าน เขาคือ....
    นายธนาคารใหญ่ Mayer Amschel Rothschild

    ตัว Baron von Knigge ได้มีหน้าที่เหมือนกับพ่อหัวเรือใหญ่ในด้านกิจกรรม เขาเคยเป็นสมาชิกขององค์กร ฟรีเมสันมาก่อน ดังนั้นจึงมีการลอกเบียนแบบกันมาบ้าง เช่น มีการตั้งชื่อลับเป็นโค้ดเรียกกันในกลุ่ม อย่าง ศาสตราจารย์ ไวซอปท์ จะมีชื่อว่า “Spartacus”
    และตัวบารอน ฟอน นิกก์ เอง ชื่อว่า “Philo”
    การแบ่งชั้น วรรณะ เริ่มแตกย่อยออกไปหลายอันดับ ราวกับพวกดาว์นไลน์ ขายตรง....

    ต่อมา..เริ่มมีการขัดแย้งระหว่าง ศ. ไวซอปท์ กับ บารอน ฟอน นิกก์
    ทำให้ฝ่ายหลังตบเท้าออกไปจากองค์กร...
    จากนั้น องค์กรอิลลุมินาติ ที่ว่า “ลับ” ก็เริ่มจะไม่ลับแล้วเพราะมีคนได้เขียนจดหมายไปหา Duke of Bavaria พร้อมเล่าพฤติการณ์ขององค์กรให้เป็นที่รับรู้
    ซึ่งได้ผลทันที เพราะท่านดยุคที่ได้ข่าวระแคะระคายอยู่บ้าง จึง
    ออกกฏ ในเดือน มิถุนายน 1784 ที่ห้ามไม่ให้มีการตั้งสมาคม
    หรือองค์กรใดๆที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือ ไม่ได้รับอนุญาต
    จากทางการ..

    ซึ่งทาง องค์กร อิลลุมินาติ ไม่ได้ใส่ใจเพราะถือว่า ไม่ได้อยู่ในการเพ่งเล็งเพราะ กลุ่มของเขา คือ องค์กรลับ
    แต่..ที่ไหนได้..ในเดือน มีนาคม 1785 ตำรวจเริ่มทำการเข้าจับกุมสมาชิกและยึดเอกสารขององค์กรไปเป็นจำนวนที่พอเอาผิดได้
    เช่น สนับสนุนให้มีการทำแท้ง, ต่อต้านศาสนา
    ในเดือน สิงหาคม 1787 ดยุค แห่ง บาวาเรีย เริ่มเล่นแรง
    กล่าวคือ ให้ข้อหาว่าเป็นกบฏที่มีโทษถึงประหารชีวิต กับกลุ่มสมาชิกองค์กรลับ

    เป็นอันว่า..องค์กรอิลลุมินาติ ต้องแตกสานซ่านเซ็น ตัว ศ. ไวซอปท์
    ต้องหลุดออกจากเก้าอี้ในมหาวิทยาลัย Ingolstadt
    ต้องย้ายเมือง ไปสอนวิชาปรัชญาที่ University of Göttingen
    ทางการในรัฐบาวาเรีย ก็เข้าใจและสบายใจว่า
    กลุ่มองค์กรลับ อัลลุมินาตินั้นได้ย่อยสลาย กลายสภาพไปเป็นธุบีดินไปแล้ว

    แต่...

    แกนปรัชญาและรากย่อยของอิลลุมินาตินั้น ได้หยั่งลึกและเป็นที่ยอมรับลงไปในกลุ่มคนต่างสาขาอาชีพกันมากมาย และได้เข้าผนวกไปกับกลุ่ม Freemasonry จนเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน

    จาก Illuminati ....ในยุคของศตวรรษที่สิบแปด ได้กลายมาเป็น
    New World Order ของกลุ่มทุน Rothschild ซึ่งไม่ต้องมาเป็นองค์กรลับกันอีกต่อไป...ว่ากันเปิดเผยถึงนโยบายในการโอบอุ้มคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ในบทบัญญัติของคำว่า Democracy
    ซึ่งกลุ่ม NWO นี้ ทำตัวเป็นรัฐบาลโลก คือ คุมทุกประเทศ..
    เป็น เงาแฝงมาในกลุ่มทุนธนาคาร, พลังงาน, อาหาร, เวชภัณฑ์, เกษตร และ อาวุธ

    และจาก New World Order ก็จะมีสาขาลูกรองรับ..คือ
    The Open Society Foundations ของ George Soros คือ นโยบายเหมือนกัน คือ เทิดทูนประชาธิปไตย, สนับสนุนกลุ่ม NGO, สนับสนุนทุนต่างในมหาวิทยาลัยทั่วโลก, อัดฉีดพรรคการเมือง (เช่น โอบามา และ ฮิลลารี่ คลินตัน), สนับสนุนเกย์ เลสเบี้ยน,และ กว้านซื้อสื่อต่างๆ
    นั่นคือแบบเปิดเผย...
    ส่วนที่แทรกมากับรายการกิจกรรมที่กล่าวมา...ที่ไม่เปิดเผย คือการเข้ามาแทรกแซงในทุกระบบของประเทศที่รับทุน

    มูลนิธิ OSFโดย โซรอสนั้น แตกย่อยกระจายทุนในนามของบริษัท และ มูลนิธิต่างๆอีกร่วมสี่พันประเภท ในชื่อต่างๆกัน แต่สานเป็นรากไม้เหมือนกับตาข่ายใยแก้วที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
    ในปี 2017 โซรอสได้ทำการโอนเงินส่วนตัว เข้าไปใน มูลนิธิ OSF
    เป็นจำนวนเงินถึง พันแปดร้อยล้านยูเอส...สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์

    วันนี้ หอมปากหอมคอแค่นี้ก่อนค่ะ คราวหน้าเราค่อยมาคุยกันถึงประวัติคุณพี่เขา...!!

    ป.ล. เรื่องน้องน้ำใสที่โดนกระหน่ำจนเธอออกมาร้องไห้ขอโทษนั่น...
    ก็น่าสงสาร เพราะเด็กก็คือเด็ก ส่วนที่ดิฉันแปลกใจอย่างที่สุด ว่า
    เด็กเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว จะไร้ “เดียงสา” กับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงโลกครั้งสำคัญขนาดนั้นหรือ?
    และคนที่อยู่รายล้อมเธอที่มีจำนวนมาก ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีการศึกษา
    แต่...ไม่มีใครทักท้วง หรือ ให้คำอธิบายเลยหรือ?
    เราได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่นการเดินขบวนพาเหรดใช้ธีมนาซี...สื่อก็ประโคม สถานทูตอิสราเอลก็ส่งจดหมายติงเช่นกัน

    กรุณาอย่าว่า อิสราเอลไม่ใช่พ่อ...!!

    แต่เรากำลังพูดถึงการกดขี่ เหยียดชาติพันธุ์ และ ผู้ที่ต้องถูกทารุณกรรมจนถึงแก่ชีวิตจำนวนหกล้านคน...ครอบครัวพลัดพรากไปอยู่คนละมุมโลก...
    เจ้าชายแฮร์รี่ เคยพลาดอย่างนี้เช่นกัน ใส่เสื้อที่มีปลอกแขนสวัสดิกะไปเที่ยวงานปาร์ตี้...ทั้งที่ในอดีต ลอนดอนแทบจะกลายเป็นหน้ากลองจาก The Battle of Britain ที่ฮิตเล่อร์ส่งเครื่องบินมาถล่มแทบไม่เว้นให้หายใจ
    แม้จะขอโทษแล้ว...แต่อิสราเอลได้ส่งเทียบเชิญให้ไปที่อิสราเอล ไปเยี่ยมชม Holocaust Museum (Yad Vashem) ให้ไปเห็นกับพระเนตรด้วยองค์เอง ว่า มันโหดร้ายแค่ไหน...??
    งานนี้ เจ้าชายแฮร์รี่ปัดไปว่าติดภารกิจฝึกทหาร (คงไม่กล้าสู้หน้า) เจ้าชายวิลเลียมต้องทรงเสด็จเอง เพื่อเป็นการแสดงความเสียใจ
    ที่พระอนุชารู้เท่าไม่ถึงการณ์...

    จากนี้ไป...น้องน้ำใสจะต้องเปิดหู เปิดตา กับเรื่องสำคัญในประวัติศาสตร์โลกให้มากเลยนะลูก...


    Wiwanda W. Vichit









    ลัทธิ...สาวก..องค์กรลับ...เงินหนุน...ไม่ใช่มีแต่ในนิยาย..!!! เคยบอกกับท่านผู้ที่สนใจอ่านไว้แล้วว่า จะเล่าเรื่องของ จอร์จ โซรอส พ่อมดทางการเงินที่ทรงอิทธิพลของโลก.. แต่เรื่องของเขานั้น ไม่ใช่แค่บอกว่าเขาเป็นใคร หรือประวัติมาจากไหน.. หากินอะไร...แล้วท่านๆจะเข้าใจ.... ไม่ใช่ค่ะ... ดิฉันอยากจะเล่าย้อนไปถึงระบบความคิด ความเชื่อ อุดมคติอันเป็นที่มาของการขยายปีกทุนออกไปได้อย่างไม่เสียดมเสียดาย เพื่อที่จะให้อุดมการณ์นั้นประสบความสำเร็จ อุดมการณ์...คือ การเข้าครอบงำโลก ทุกประเทศ ทุกรัฐบาล ให้เดินไปตามนโยบายของกลุ่มทุนที่อยู่บนยอดปิรามิด...ที่เขาใช้สโลแกนว่า “เพื่อมนุษยชาติ ความเท่าเทียม เสรีทางความคิดเห็นต่อการปกครอง” ที่มาในคำจำกัดความสั้นๆคือ... The New World Order หรรือย่อๆว่า...NWO แต่ก่อนที่จะพูดถึงโซรอส ดิฉันก็อยากจะเล่าถึงบรรบุรุษทางความคิดของ NWO ก่อนว่าเขามาจากไหน และ เป็นมาอย่างไร... โปรดอย่าคิดว่าเยิ่นเย้อ ยืดยาว...เพราะถ้าไม่เข้าใจในส่วนนี้แล้ว ก็ไม่มีวันเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน บรรพบุรุษทางความคิดของ NWO คือ ขบวนการองค์กรลับ ที่มีเรียกว่า Bavarian Illuminati (บาวาเรียน อิลลูมินาติ) Bavaria คือสถานที่ที่ก่อตั้ง รัฐบาวาเรีย ในเยอรมันนี Illuminati มาจากภาษาละติน แปลว่า ผู้ตื่นรู้, ปราชญ์ ผู้ที่เริ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ทางความคิดนี้คนแรก คือ ศาสตราจารย์ทางด้านกฎหมาย Adam Weishaupt (1748-1830) สอนใน University of Ingolstadt อดัม ไวซอปท์ เป็นชาวยิวที่เปลี่ยนมาเป็นคริสต์ (ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในสมัยศตวรรษที่ 18 เพราะกระแสต่อต้านยิวที่กระจายในทั่วยุโรป) เขาเป็นลูกกำพร้า ที่อยู่ในการอุปถัมภ์ของปู่ผู้ซึ่งเป็นคนมีความรู้ และได้บ่มเพาะเขาให้เป็นหนอนหนังสือ เคร่งเรียน จนได้มาเป็นศาตราจารย์ ที่ไม่มีใครเคยรู้เลยว่า ภายใต้คราบของศาสตราจารย์นั้น เขาคือผู้ที่มีความคิดสวนทางกับผู้คนส่วนใหญ่ในยุคนั้น ที่เต็มไปด้วยเจ้าขุนมูลนาย และความไม่เท่าเทียม มีช่องว่าทางสถานะภาพ และอาชีพ คนมีความรู้...ถ้าไม่ใช่สมาชิกในสกุลใหญ่โต ก็ไม่มีทางเกิด รวมทั้งความคิดที่ ระบบศาสนา พระ และ กิจกรรมของศาสนาที่มามีส่วน”ล้ำเส้น” จนเกินไปในสังคม ที่ทุกคนต้องเชื่อฟังและปฏิบัติในกฏเกณฑ์ เขาจึงคิดวางระบบขึ้นมาใหม่ จัดตั้งเป็นองค์กร (ลับ) สำหรับกลุ่มที่มีความคิดไปในทางเดียวกัน และพยายาม(แอบ) สอน ชี้ทางให้กับพวกนักศึกษาเป็นการชักจูง เพื่อให้เกิดการ “ตื่นรู้” หรือ Illumination ซึ่งขบวนการแบบนี้ได้เกิดขึ้นมาก่อนหน้าที่เขาจะคิดแล้ว มีนโยบายคล้ายๆกันในนามว่า The Freemasonry หรือองค์กร Freemason ที่กระจายไปทั่วยุโรป ที่รวบรวมแต่พวกที่มีความคิดเหมือนกัน ใครก็ได้ ต่างสาขาอาชีพ อดัม ยังคิดว่ามันไม่ใช่เหมือนแนวความคิดของเขาเลยทีเดียว เขาต้องการ”กลุ่มชั้นมันสมองที่คัดกรองแล้ว” ที่มีความสามารถเผยแพร่ ชักจูงปัญญาชนอื่นๆให้คล้อยตามได้ เพื่อที่จะได้เข้าถึงจุดประสงค์คือ “เสรีภาพทางด้านความคิดและการแสดงออกที่เท่าเทียม ไม่ว่ารวยหรือจน ไม่ว่าเจ้าหรือเศรษฐี” วันที่ 1 เมษายน 1776 คือการชุมนุมพบปะกันในป่า ภายใต้แสงจากคบไฟใกล้เมือง เอิงกอลสตัดท์ ที่มีสมาชิกเข้าร่วมเพียงชายห้าคน... ที่เข้ามาร่วมมือกันวางหลักการ และวางแผนเส้นทางปฏิบัติ รวมทั้งเผยแพร่นโยบายไปสู่กลุ่มเป้าหมาย... ที่ใช้เวลาไม่นานเลย เพราะในปี 1782 องค์กรได้มีสมาชิกถึง 600 คน ที่ได้แบ่งออกเป็นสามระดับ คือ Novices คือ กลุ่มน้องใหม่ Minervals คือ กลุ่มเจ้าปัญญา Illuminated minervals คือ กลุ่มปราชญ์ผู้ตื่นรู้ ในปี 1784 ได้มีสมาชิกเพิ่มถึงสามพันคน และในนั้นรวมไปด้วยกลุ่มสติปัญญาเป็นเลิศ ทั้งนักการเมือง เช่น แพทย์ และนักเขียนดังอย่างเช่น เกอเธ่ ( Johann Wolfgang von Goethe) หรือชาวไฮโซ อย่าง Baron Adolph von Knigge ที่เป็นหัวหอกในการหาสมาชิกที่จะเข้ามาตามเป้า และที่สำคัญ...คือ องค์กรลับนี้ ได้นายทุนใหญ่เข้ามาเป็นสมาชิกและให้ความสนับสนุนทุกด้าน เขาคือ.... นายธนาคารใหญ่ Mayer Amschel Rothschild ตัว Baron von Knigge ได้มีหน้าที่เหมือนกับพ่อหัวเรือใหญ่ในด้านกิจกรรม เขาเคยเป็นสมาชิกขององค์กร ฟรีเมสันมาก่อน ดังนั้นจึงมีการลอกเบียนแบบกันมาบ้าง เช่น มีการตั้งชื่อลับเป็นโค้ดเรียกกันในกลุ่ม อย่าง ศาสตราจารย์ ไวซอปท์ จะมีชื่อว่า “Spartacus” และตัวบารอน ฟอน นิกก์ เอง ชื่อว่า “Philo” การแบ่งชั้น วรรณะ เริ่มแตกย่อยออกไปหลายอันดับ ราวกับพวกดาว์นไลน์ ขายตรง.... ต่อมา..เริ่มมีการขัดแย้งระหว่าง ศ. ไวซอปท์ กับ บารอน ฟอน นิกก์ ทำให้ฝ่ายหลังตบเท้าออกไปจากองค์กร... จากนั้น องค์กรอิลลุมินาติ ที่ว่า “ลับ” ก็เริ่มจะไม่ลับแล้วเพราะมีคนได้เขียนจดหมายไปหา Duke of Bavaria พร้อมเล่าพฤติการณ์ขององค์กรให้เป็นที่รับรู้ ซึ่งได้ผลทันที เพราะท่านดยุคที่ได้ข่าวระแคะระคายอยู่บ้าง จึง ออกกฏ ในเดือน มิถุนายน 1784 ที่ห้ามไม่ให้มีการตั้งสมาคม หรือองค์กรใดๆที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือ ไม่ได้รับอนุญาต จากทางการ.. ซึ่งทาง องค์กร อิลลุมินาติ ไม่ได้ใส่ใจเพราะถือว่า ไม่ได้อยู่ในการเพ่งเล็งเพราะ กลุ่มของเขา คือ องค์กรลับ แต่..ที่ไหนได้..ในเดือน มีนาคม 1785 ตำรวจเริ่มทำการเข้าจับกุมสมาชิกและยึดเอกสารขององค์กรไปเป็นจำนวนที่พอเอาผิดได้ เช่น สนับสนุนให้มีการทำแท้ง, ต่อต้านศาสนา ในเดือน สิงหาคม 1787 ดยุค แห่ง บาวาเรีย เริ่มเล่นแรง กล่าวคือ ให้ข้อหาว่าเป็นกบฏที่มีโทษถึงประหารชีวิต กับกลุ่มสมาชิกองค์กรลับ เป็นอันว่า..องค์กรอิลลุมินาติ ต้องแตกสานซ่านเซ็น ตัว ศ. ไวซอปท์ ต้องหลุดออกจากเก้าอี้ในมหาวิทยาลัย Ingolstadt ต้องย้ายเมือง ไปสอนวิชาปรัชญาที่ University of Göttingen ทางการในรัฐบาวาเรีย ก็เข้าใจและสบายใจว่า กลุ่มองค์กรลับ อัลลุมินาตินั้นได้ย่อยสลาย กลายสภาพไปเป็นธุบีดินไปแล้ว แต่... แกนปรัชญาและรากย่อยของอิลลุมินาตินั้น ได้หยั่งลึกและเป็นที่ยอมรับลงไปในกลุ่มคนต่างสาขาอาชีพกันมากมาย และได้เข้าผนวกไปกับกลุ่ม Freemasonry จนเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน จาก Illuminati ....ในยุคของศตวรรษที่สิบแปด ได้กลายมาเป็น New World Order ของกลุ่มทุน Rothschild ซึ่งไม่ต้องมาเป็นองค์กรลับกันอีกต่อไป...ว่ากันเปิดเผยถึงนโยบายในการโอบอุ้มคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ในบทบัญญัติของคำว่า Democracy ซึ่งกลุ่ม NWO นี้ ทำตัวเป็นรัฐบาลโลก คือ คุมทุกประเทศ.. เป็น เงาแฝงมาในกลุ่มทุนธนาคาร, พลังงาน, อาหาร, เวชภัณฑ์, เกษตร และ อาวุธ และจาก New World Order ก็จะมีสาขาลูกรองรับ..คือ The Open Society Foundations ของ George Soros คือ นโยบายเหมือนกัน คือ เทิดทูนประชาธิปไตย, สนับสนุนกลุ่ม NGO, สนับสนุนทุนต่างในมหาวิทยาลัยทั่วโลก, อัดฉีดพรรคการเมือง (เช่น โอบามา และ ฮิลลารี่ คลินตัน), สนับสนุนเกย์ เลสเบี้ยน,และ กว้านซื้อสื่อต่างๆ นั่นคือแบบเปิดเผย... ส่วนที่แทรกมากับรายการกิจกรรมที่กล่าวมา...ที่ไม่เปิดเผย คือการเข้ามาแทรกแซงในทุกระบบของประเทศที่รับทุน มูลนิธิ OSFโดย โซรอสนั้น แตกย่อยกระจายทุนในนามของบริษัท และ มูลนิธิต่างๆอีกร่วมสี่พันประเภท ในชื่อต่างๆกัน แต่สานเป็นรากไม้เหมือนกับตาข่ายใยแก้วที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ในปี 2017 โซรอสได้ทำการโอนเงินส่วนตัว เข้าไปใน มูลนิธิ OSF เป็นจำนวนเงินถึง พันแปดร้อยล้านยูเอส...สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ วันนี้ หอมปากหอมคอแค่นี้ก่อนค่ะ คราวหน้าเราค่อยมาคุยกันถึงประวัติคุณพี่เขา...!! ป.ล. เรื่องน้องน้ำใสที่โดนกระหน่ำจนเธอออกมาร้องไห้ขอโทษนั่น... ก็น่าสงสาร เพราะเด็กก็คือเด็ก ส่วนที่ดิฉันแปลกใจอย่างที่สุด ว่า เด็กเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว จะไร้ “เดียงสา” กับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงโลกครั้งสำคัญขนาดนั้นหรือ? และคนที่อยู่รายล้อมเธอที่มีจำนวนมาก ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีการศึกษา แต่...ไม่มีใครทักท้วง หรือ ให้คำอธิบายเลยหรือ? เราได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่นการเดินขบวนพาเหรดใช้ธีมนาซี...สื่อก็ประโคม สถานทูตอิสราเอลก็ส่งจดหมายติงเช่นกัน กรุณาอย่าว่า อิสราเอลไม่ใช่พ่อ...!! แต่เรากำลังพูดถึงการกดขี่ เหยียดชาติพันธุ์ และ ผู้ที่ต้องถูกทารุณกรรมจนถึงแก่ชีวิตจำนวนหกล้านคน...ครอบครัวพลัดพรากไปอยู่คนละมุมโลก... เจ้าชายแฮร์รี่ เคยพลาดอย่างนี้เช่นกัน ใส่เสื้อที่มีปลอกแขนสวัสดิกะไปเที่ยวงานปาร์ตี้...ทั้งที่ในอดีต ลอนดอนแทบจะกลายเป็นหน้ากลองจาก The Battle of Britain ที่ฮิตเล่อร์ส่งเครื่องบินมาถล่มแทบไม่เว้นให้หายใจ แม้จะขอโทษแล้ว...แต่อิสราเอลได้ส่งเทียบเชิญให้ไปที่อิสราเอล ไปเยี่ยมชม Holocaust Museum (Yad Vashem) ให้ไปเห็นกับพระเนตรด้วยองค์เอง ว่า มันโหดร้ายแค่ไหน...?? งานนี้ เจ้าชายแฮร์รี่ปัดไปว่าติดภารกิจฝึกทหาร (คงไม่กล้าสู้หน้า) เจ้าชายวิลเลียมต้องทรงเสด็จเอง เพื่อเป็นการแสดงความเสียใจ ที่พระอนุชารู้เท่าไม่ถึงการณ์... จากนี้ไป...น้องน้ำใสจะต้องเปิดหู เปิดตา กับเรื่องสำคัญในประวัติศาสตร์โลกให้มากเลยนะลูก... Wiwanda W. Vichit         
    Like
    1
    0 Comments 1 Shares 341 Views 0 Reviews
  • ในปีพ.ศ. 2503 ประธานาธิบดีคิวบา ฟิเดล คาสโตร (Fidel Castro 1926-2016) ถูกถามว่าเขาต้องการผู้สมัครคนใดเคนเนดี หรือ นิกสัน?เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ

    คาสโตรตอบว่า… “มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเปรียบเทียบรองเท้าสองข้างที่คนคนเดียวกันใส่ อเมริกาถูกปกครองโดยพรรคการเมืองเดียวคือ… พรรคไซออนิสต์และมีปีกสองข้าง…

    ปีกข้างพรรครีพับลิกันซึ่งเป็นตัวแทนของอำนาจไซออนิสต์สายแข็ง… และปีกข้างเดโมแครตซึ่งเป็นตัวแทนของอำนาจไซออนิสต์สายอ่อน…

    ไม่มีความแตกต่างในเป้าหมายและกลยุทธ์ ความแตกต่างอยู่ที่วิธีการและเครื่องมือเท่านั้น”

    In 1960 Cuban President Fidel Castro was asked which candidate would he prefer…
    Kennedy or Nixon.?

    Castro replied… “It’s impossible to compare two shoes worn by the same person. America is governed by one party… the Zionist Party and it has two wings…

    The Republican wing which represents the hard line Zionist power… and the Democratic wing which represents the soft Zionist power…

    There is no difference in the goals and strategies, it’s the means and tools that slightly differ”

    #Thaitimes
    ในปีพ.ศ. 2503 ประธานาธิบดีคิวบา ฟิเดล คาสโตร (Fidel Castro 1926-2016) ถูกถามว่าเขาต้องการผู้สมัครคนใดเคนเนดี หรือ นิกสัน?เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คาสโตรตอบว่า… “มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเปรียบเทียบรองเท้าสองข้างที่คนคนเดียวกันใส่ อเมริกาถูกปกครองโดยพรรคการเมืองเดียวคือ… พรรคไซออนิสต์และมีปีกสองข้าง… ปีกข้างพรรครีพับลิกันซึ่งเป็นตัวแทนของอำนาจไซออนิสต์สายแข็ง… และปีกข้างเดโมแครตซึ่งเป็นตัวแทนของอำนาจไซออนิสต์สายอ่อน… ไม่มีความแตกต่างในเป้าหมายและกลยุทธ์ ความแตกต่างอยู่ที่วิธีการและเครื่องมือเท่านั้น” In 1960 Cuban President Fidel Castro was asked which candidate would he prefer… Kennedy or Nixon.? Castro replied… “It’s impossible to compare two shoes worn by the same person. America is governed by one party… the Zionist Party and it has two wings… The Republican wing which represents the hard line Zionist power… and the Democratic wing which represents the soft Zionist power… There is no difference in the goals and strategies, it’s the means and tools that slightly differ” #Thaitimes
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 440 Views 0 Reviews
  • ไทยไม่ทน อเมริกาต้องยุติแทรกแซงไทย! นายบุญญ์พัชรเกษม เสริมวัฒนากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท 189 คอมมิวนิเคชั่นส์ อินเทลลิเจนซ์ เผยแพร่จดหมายประท้วงการกระทำไม่เหมาะสมของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา เรียกร้องให้ยุติการแทรกแซงไม่เหมาะสมต่อประเทศไทย กรณีศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคก้าวไกลเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567

    เนื้อหาในจดหมายประท้วงมีดังนี้
    "To Mr. Spokesperson of U.S. Department of State, Office of the Spokesperson

    Attached to His Excellency the United States Ambassador to Thailand

    Subject: Urgent Request for Cessation of Inappropriate Intervention shown in the Immediate Release issued on August 7, 2024 on the dissolution of Move Forward Party in Thailand which is regarded to Thailand's Internal Affairs.

    Your Excellency,
    As far as my concern, I am writing on behalf of the Thai people to express our profound concern and condemnation regarding the recent inappropriate interventions by the United States Embassy in Thailand's internal affairs, regarding to the Constituition Court's judgement on the dissolution of the Move Forward Party.

    As widely mentioned, It pointed to a party proposal to amend the law on March 25, 2021, policy statements during its campaign for the May 14, 2023 election, and expressions of intent to amend the law through many political activities and channels. Thus, the court said that the party proposed Section 112 be amended to separate wrongdoings under the section from other offences against national security, make wrongdoers eligible for pardon and enable settlement. According to the court, such attempts diminished the value of the royal institution, showed intention to abuse the royal institution for political gain in the general election, hurt people’s faith in the institution and affected national security.
    (Bangkok Post Website, August 7, 2024)

    From points of view shown in the Immediate Release, I truly believe that such actions are a clear violation of international norms and diplomatic protocol. They have unnecessarily escalated tensions between our two nations, which have historically enjoyed a strong and mutually beneficial relationship.

    While we, Thai people, do recognize the importance of freedom of expression and the right to peaceful assembly, we thoroughly cannot condone foreign interference in our domestic affairs. The United States Spokesperson's action has emboldened certain elements within Thailand to challenge the authority of our democratConstituitional affairs.

    The timing of these interventions is particularly troubling, given the current political situation of heightened bilateral tensions. It is imperative that we should maintain stability and cooperation between our nations, especially in the face of mutually shared challenges.
    We urge you to immediately cease any further interference in Thailand's internal affairs. Your actions are not only inappropriate but also counterproductive to the long-term interests of both our countries.

    We believe that the United States Spokesperson Office and Embassy in Thailand can play a constructive role in promoting dialogue and understanding between Thailand and the United States. However, this can only be achieved through respectful and non-interfering diplomacy.
    Last but not least, failure to address this issue promptly could have serious consequences for the future of our diplomatic relations between Thailand and the United States of America..

    We trust that you will give this matter the utmost attention and consideration.

    Sincerely yours,
    Mr. Boonpachakasem Sermwatanarkul

    Link of the Immediate​ Release:
    https://th.usembassy.gov/statement-by-matthew-miller.../

    สำหรับนายบุญญ์พัชรเกษม เสริมวัฒนากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท 189 คอมมิวนิเคชั่นส์ อินเทลลิเจนซ์ จำกัด ที่คนในวงการทีวี.เรียกขานว่า “เจ็ง” เป็นศิษย์เก่าคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ 15 เขาคือ ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์การันตีด้วยรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ประจำปี 2554 ประเภท รายการสารคดีเฉลิมพระเกียรติ จากสารคดีเฉลิมพระเกียรติชุด “ประเทศไทยโชคดีที่มีในหลวง” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี และ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และยังเป็นคนเดียวกันกับผู้ผลิตรายการสารคดีเฉลิมพระเกียรติอีก 2 ชุด ได้แก่ “ทำไมเราถึงรักพระเจ้าอยู่หัว” และ “เพราะพ่อเหนื่อยนักหนามามากแล้ว”
    “ทำไมเราถึงรักพระเจ้าอยู่หัว” เป็นสารคดีเฉลิมพระเกียรติชุดแรกที่เขาสร้างสรรค์ขึ้น เป็นการสัมภาษณ์บุคคลในวงการบันเทิง ตามมาด้วย “เพราะพ่อเหนื่อยนักหนามามากแล้ว” สัมภาษณ์ชาวบ้าน ชาวนา ชาวไร่ และชุด “ประเทศไทยโชคดีที่มีในหลวง” เป็นการสัมภาษณ์ความรู้สึกของเด็กเล็กถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่มีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9

    #Thaitimes
    ไทยไม่ทน อเมริกาต้องยุติแทรกแซงไทย! นายบุญญ์พัชรเกษม เสริมวัฒนากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท 189 คอมมิวนิเคชั่นส์ อินเทลลิเจนซ์ เผยแพร่จดหมายประท้วงการกระทำไม่เหมาะสมของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา เรียกร้องให้ยุติการแทรกแซงไม่เหมาะสมต่อประเทศไทย กรณีศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคก้าวไกลเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 เนื้อหาในจดหมายประท้วงมีดังนี้ "To Mr. Spokesperson of U.S. Department of State, Office of the Spokesperson Attached to His Excellency the United States Ambassador to Thailand Subject: Urgent Request for Cessation of Inappropriate Intervention shown in the Immediate Release issued on August 7, 2024 on the dissolution of Move Forward Party in Thailand which is regarded to Thailand's Internal Affairs. Your Excellency, As far as my concern, I am writing on behalf of the Thai people to express our profound concern and condemnation regarding the recent inappropriate interventions by the United States Embassy in Thailand's internal affairs, regarding to the Constituition Court's judgement on the dissolution of the Move Forward Party. As widely mentioned, It pointed to a party proposal to amend the law on March 25, 2021, policy statements during its campaign for the May 14, 2023 election, and expressions of intent to amend the law through many political activities and channels. Thus, the court said that the party proposed Section 112 be amended to separate wrongdoings under the section from other offences against national security, make wrongdoers eligible for pardon and enable settlement. According to the court, such attempts diminished the value of the royal institution, showed intention to abuse the royal institution for political gain in the general election, hurt people’s faith in the institution and affected national security. (Bangkok Post Website, August 7, 2024) From points of view shown in the Immediate Release, I truly believe that such actions are a clear violation of international norms and diplomatic protocol. They have unnecessarily escalated tensions between our two nations, which have historically enjoyed a strong and mutually beneficial relationship. While we, Thai people, do recognize the importance of freedom of expression and the right to peaceful assembly, we thoroughly cannot condone foreign interference in our domestic affairs. The United States Spokesperson's action has emboldened certain elements within Thailand to challenge the authority of our democratConstituitional affairs. The timing of these interventions is particularly troubling, given the current political situation of heightened bilateral tensions. It is imperative that we should maintain stability and cooperation between our nations, especially in the face of mutually shared challenges. We urge you to immediately cease any further interference in Thailand's internal affairs. Your actions are not only inappropriate but also counterproductive to the long-term interests of both our countries. We believe that the United States Spokesperson Office and Embassy in Thailand can play a constructive role in promoting dialogue and understanding between Thailand and the United States. However, this can only be achieved through respectful and non-interfering diplomacy. Last but not least, failure to address this issue promptly could have serious consequences for the future of our diplomatic relations between Thailand and the United States of America.. We trust that you will give this matter the utmost attention and consideration. Sincerely yours, Mr. Boonpachakasem Sermwatanarkul Link of the Immediate​ Release: https://th.usembassy.gov/statement-by-matthew-miller.../ สำหรับนายบุญญ์พัชรเกษม เสริมวัฒนากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท 189 คอมมิวนิเคชั่นส์ อินเทลลิเจนซ์ จำกัด ที่คนในวงการทีวี.เรียกขานว่า “เจ็ง” เป็นศิษย์เก่าคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ 15 เขาคือ ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์การันตีด้วยรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ประจำปี 2554 ประเภท รายการสารคดีเฉลิมพระเกียรติ จากสารคดีเฉลิมพระเกียรติชุด “ประเทศไทยโชคดีที่มีในหลวง” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี และ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และยังเป็นคนเดียวกันกับผู้ผลิตรายการสารคดีเฉลิมพระเกียรติอีก 2 ชุด ได้แก่ “ทำไมเราถึงรักพระเจ้าอยู่หัว” และ “เพราะพ่อเหนื่อยนักหนามามากแล้ว” “ทำไมเราถึงรักพระเจ้าอยู่หัว” เป็นสารคดีเฉลิมพระเกียรติชุดแรกที่เขาสร้างสรรค์ขึ้น เป็นการสัมภาษณ์บุคคลในวงการบันเทิง ตามมาด้วย “เพราะพ่อเหนื่อยนักหนามามากแล้ว” สัมภาษณ์ชาวบ้าน ชาวนา ชาวไร่ และชุด “ประเทศไทยโชคดีที่มีในหลวง” เป็นการสัมภาษณ์ความรู้สึกของเด็กเล็กถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่มีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 #Thaitimes
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 654 Views 0 Reviews
  • https://www.youtube.com/watch?v=AxAeZYoHtvY

    With Canva Create 2024 came exciting new Canva updates and we're covering the most important ones in this video! In today's Canva tutorial for beginners, you'll learn how to use the Canva update with Blend, Video Mockups, new video features and much more. We've been blessed with new Canva video editing features like Enhance Audio for content creators who record content with phone but want better audio quality, Highlights for key video moments and then some. If you want to get better at design with Canva, then this video is going to help you a lot! The Canva glowup along with these new features have been introduced at Canva Create 2024 back in May and it's coming to all of us very soon.

    Canva Create 2024 มาพร้อมกับการอัปเดต Canva ใหม่ที่น่าตื่นเต้น และเราจะพูดถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดในวิดีโอนี้ ในบทช่วยสอน Canva สำหรับผู้เริ่มต้นในวันนี้ คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้การอัปเดต Canva กับ Blend, วิดีโอจำลอง, ฟีเจอร์วิดีโอใหม่ และอื่นๆ อีกมากมาย เราได้รับพรด้วยฟีเจอร์การแก้ไขวิดีโอ Canva ใหม่ เช่น การปรับปรุงเสียงสำหรับผู้สร้างเนื้อหาที่บันทึกเนื้อหาด้วยโทรศัพท์แต่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น ไฮไลท์สำหรับช่วงเวลาสำคัญของวิดีโอ และอื่นๆ อีกมากมาย หากคุณต้องการพัฒนาการออกแบบด้วย Canva ให้ดีขึ้น วิดีโอนี้จะช่วยคุณได้มาก! Canva Glowup พร้อมด้วยฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้ได้รับการเปิดตัวใน Canva Create 2024 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และจะเปิดตัวให้ทุกคนได้ใช้งานเร็วๆ นี้
    https://www.youtube.com/watch?v=AxAeZYoHtvY With Canva Create 2024 came exciting new Canva updates and we're covering the most important ones in this video! In today's Canva tutorial for beginners, you'll learn how to use the Canva update with Blend, Video Mockups, new video features and much more. We've been blessed with new Canva video editing features like Enhance Audio for content creators who record content with phone but want better audio quality, Highlights for key video moments and then some. If you want to get better at design with Canva, then this video is going to help you a lot! The Canva glowup along with these new features have been introduced at Canva Create 2024 back in May and it's coming to all of us very soon. Canva Create 2024 มาพร้อมกับการอัปเดต Canva ใหม่ที่น่าตื่นเต้น และเราจะพูดถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดในวิดีโอนี้ ในบทช่วยสอน Canva สำหรับผู้เริ่มต้นในวันนี้ คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้การอัปเดต Canva กับ Blend, วิดีโอจำลอง, ฟีเจอร์วิดีโอใหม่ และอื่นๆ อีกมากมาย เราได้รับพรด้วยฟีเจอร์การแก้ไขวิดีโอ Canva ใหม่ เช่น การปรับปรุงเสียงสำหรับผู้สร้างเนื้อหาที่บันทึกเนื้อหาด้วยโทรศัพท์แต่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น ไฮไลท์สำหรับช่วงเวลาสำคัญของวิดีโอ และอื่นๆ อีกมากมาย หากคุณต้องการพัฒนาการออกแบบด้วย Canva ให้ดีขึ้น วิดีโอนี้จะช่วยคุณได้มาก! Canva Glowup พร้อมด้วยฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้ได้รับการเปิดตัวใน Canva Create 2024 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และจะเปิดตัวให้ทุกคนได้ใช้งานเร็วๆ นี้
    0 Comments 1 Shares 467 Views 0 Reviews
  • รีโพสจากเฟซบุ๊กShakrit Chanrungsakul

    “ศึกใหญ่มาถึงไทยแล้วครับ
    ตั้งแต่พูดถึงและเขียนถึงเมื่อไม่นานมานี้ว่าอเมริกากำลังหาทางต้าน TEMU ที่เป็นอีคอมเมิร์ซเปิดมาแค่ปีสองปีแต่ทะลุไปหมื่นกว่าล้านเหรียญแล้วด้วยการ "ประกบแล้วบี้" ... อธิบายสั้น ๆ คือสินค้าทุกตัวที่อเมริกันขาย จีนจะส่งตัวประกบมาขายในราคาที่ต่ำกว่ามาก ๆ (บางไอเท็มขายในราคาแค่หนึ่งในสามของคู่ต่อสู้, ส่งฟรี, และส่งคืนฟรีถ้ามีปัญหา - พบว่าอัตราการส่งสินค้าคืนสูงแต่คนซื้อก็ยังช็อปกันอย่างบ้าระห่ำ)

    กลยุทธ์สุดโหดนี้ทำให้พวกเขาโตพรวดพราดไปทั่วโลก เสนอของถูก ๆ ให้ผู้บริโภคที่เช็คราคาของชิ้นไหนก็ตาม ในครัว, ในห้องน้ำ, ในบ้าน, ในออฟฟิศ, ในสวน ... จะซื้อกล่องใส่ทิชชู่เหรอ? ฉันรู้ว่าคนอื่นขายสิบบาท ฉันขายสามบาท ... ถ้าส่งไปแล้วแตกหักเสียหายก็ส่งคืนมาเดี๋ยวฉันส่งชิ้นใหม่ไปให้ ... มีงานวิจัยที่หน่วยงานรัฐในอเมริกาจ้างทำสำรวจ พบว่าสินค้าใน Walmart, Target, และ Amazon เป็นสามเป้าหมายที่ถูกประกบเกิน 80% ... Dollar Tree, Dollar General, Etsy, Sam's Club เจอประกบเกิน 50%

    งานวิจัยพบว่าแพล็ตฟอร์มที่โดนประกบน้อยคือ Aliexpress โดนประกบราว 5%, TikTok Shop ประมาณ 20% ... มีความหมายแน่นอนฮะ

    มันซัดกันเดือดขนาดนี้ ผมเคยระแวงอยู่ว่าวันนึงมันจะเข้ามาสู่ประเทศเล็ก ๆ อย่างประเทศไทยนี่แหละ ... TEMU มีแบ็กอัพรายใหญ่คืออีคอมเมิร์ซอันดับต้น ๆ ของจีนอย่าง PinDuaDua ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่เหมาซื้อสินค้าในจีนที่ว่าถูกอยู่แล้ว พอซื้อเยอะก็ถูกกว่าเดิมอีกแล้วเอามาขายผ่าน PDD ของเขาเองมาหลายปีจนโตมาก ๆ ในจีน ... ตอนนี้ก็ส่ง TEMU ไปทั่วโลกละฮะ

    ไบเดนเคยแถลงเลยว่าไม่แฟร์ที่จีนผลิตไม่หยุดทั้งที่ในประเทศก็ไม่สามารถรับได้จนล้นแล้วล้นอีก แล้วจีนก็ส่งมาขายตัดราคาคนอื่นหน้าตาเฉย ... เราก็ต้องเตรียมรับมือกันเองละฮะ ตอนนี้ประกาศแล้วว่ามาเมืองไทย (ตัวอย่างรีวิวยังเป็น Mockup อยู่ลย) ... ถ้าผู้บริโภคของเราได้เห็นราคาก็เดาได้ไม่ยากว่าจะต้องกระหน่ำซื้อกันแน่นอนฮะ ไม่ใช่ความผิดของผู้บริโภค แต่คนที่ต้องแก้ปัญหาคือคนที่ต้องเห็นก่อนและตั้งโจทย์ใหม่ให้ผู้บุกรุกทันทีก่อนที่จะแก้ยากกว่าเดิม”

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/DaceDU6UyJcDB9sV/?mibextid=WC7FNe
    รีโพสจากเฟซบุ๊กShakrit Chanrungsakul “ศึกใหญ่มาถึงไทยแล้วครับ ตั้งแต่พูดถึงและเขียนถึงเมื่อไม่นานมานี้ว่าอเมริกากำลังหาทางต้าน TEMU ที่เป็นอีคอมเมิร์ซเปิดมาแค่ปีสองปีแต่ทะลุไปหมื่นกว่าล้านเหรียญแล้วด้วยการ "ประกบแล้วบี้" ... อธิบายสั้น ๆ คือสินค้าทุกตัวที่อเมริกันขาย จีนจะส่งตัวประกบมาขายในราคาที่ต่ำกว่ามาก ๆ (บางไอเท็มขายในราคาแค่หนึ่งในสามของคู่ต่อสู้, ส่งฟรี, และส่งคืนฟรีถ้ามีปัญหา - พบว่าอัตราการส่งสินค้าคืนสูงแต่คนซื้อก็ยังช็อปกันอย่างบ้าระห่ำ) กลยุทธ์สุดโหดนี้ทำให้พวกเขาโตพรวดพราดไปทั่วโลก เสนอของถูก ๆ ให้ผู้บริโภคที่เช็คราคาของชิ้นไหนก็ตาม ในครัว, ในห้องน้ำ, ในบ้าน, ในออฟฟิศ, ในสวน ... จะซื้อกล่องใส่ทิชชู่เหรอ? ฉันรู้ว่าคนอื่นขายสิบบาท ฉันขายสามบาท ... ถ้าส่งไปแล้วแตกหักเสียหายก็ส่งคืนมาเดี๋ยวฉันส่งชิ้นใหม่ไปให้ ... มีงานวิจัยที่หน่วยงานรัฐในอเมริกาจ้างทำสำรวจ พบว่าสินค้าใน Walmart, Target, และ Amazon เป็นสามเป้าหมายที่ถูกประกบเกิน 80% ... Dollar Tree, Dollar General, Etsy, Sam's Club เจอประกบเกิน 50% งานวิจัยพบว่าแพล็ตฟอร์มที่โดนประกบน้อยคือ Aliexpress โดนประกบราว 5%, TikTok Shop ประมาณ 20% ... มีความหมายแน่นอนฮะ มันซัดกันเดือดขนาดนี้ ผมเคยระแวงอยู่ว่าวันนึงมันจะเข้ามาสู่ประเทศเล็ก ๆ อย่างประเทศไทยนี่แหละ ... TEMU มีแบ็กอัพรายใหญ่คืออีคอมเมิร์ซอันดับต้น ๆ ของจีนอย่าง PinDuaDua ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่เหมาซื้อสินค้าในจีนที่ว่าถูกอยู่แล้ว พอซื้อเยอะก็ถูกกว่าเดิมอีกแล้วเอามาขายผ่าน PDD ของเขาเองมาหลายปีจนโตมาก ๆ ในจีน ... ตอนนี้ก็ส่ง TEMU ไปทั่วโลกละฮะ ไบเดนเคยแถลงเลยว่าไม่แฟร์ที่จีนผลิตไม่หยุดทั้งที่ในประเทศก็ไม่สามารถรับได้จนล้นแล้วล้นอีก แล้วจีนก็ส่งมาขายตัดราคาคนอื่นหน้าตาเฉย ... เราก็ต้องเตรียมรับมือกันเองละฮะ ตอนนี้ประกาศแล้วว่ามาเมืองไทย (ตัวอย่างรีวิวยังเป็น Mockup อยู่ลย) ... ถ้าผู้บริโภคของเราได้เห็นราคาก็เดาได้ไม่ยากว่าจะต้องกระหน่ำซื้อกันแน่นอนฮะ ไม่ใช่ความผิดของผู้บริโภค แต่คนที่ต้องแก้ปัญหาคือคนที่ต้องเห็นก่อนและตั้งโจทย์ใหม่ให้ผู้บุกรุกทันทีก่อนที่จะแก้ยากกว่าเดิม” ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/DaceDU6UyJcDB9sV/?mibextid=WC7FNe
    0 Comments 0 Shares 336 Views 0 Reviews
  • “Epidemic” vs. “Pandemic” vs. “Endemic”: What Do These Terms Mean?

    COVID-19 has provided a consistent vocabulary lesson in epidemiology. Among the most important distinctions it has highlighted are the differences between the terms epidemic, pandemic, and endemic.

    These words have major similarities—all three end in -demic and deal with the spread of disease. But there are key differences, including those related to scale and duration.

    In this article, we’ll sort out the differences and answer these questions and others:

    How is a pandemic different from an epidemic?
    What does endemic mean?
    Is COVID-19 endemic?
    For more COVID-related vocabulary, see our COVID-19 glossary.

    For health, safety, and medical emergencies or updates on the novel coronavirus pandemic, please visit the CDC (Centers for Disease Control and Prevention) and WHO (World Health Organization).


    Quick summary

    An epidemic involves the wide-ranging spread of a disease throughout an entire area or particular community where it’s not permanently prevalent. A pandemic involves an even wider spread, often reaching across the entire world. The word endemic is used to describe a disease that persistently and regularly spreads within a particular area or region (that is, it never fully goes away)—for example, the flu is considered endemic in many places. The COVID-19 virus is not yet considered endemic, but medical experts expect that it eventually will become endemic.


    What is an epidemic?

    An epidemic disease is one “affecting many persons at the same time, and spreading from person to person in a locality where the disease is not permanently prevalent.” The World Health Organization (WHO) further specifies epidemic as occurring at the level of a region or community.

    Epidemic is commonly used all on its own as a noun, meaning “a temporary prevalence of a disease.” For example: The city was able to stop the flu epidemic before it spread across the state.

    Metaphorically, epidemic is “a rapid spread or increase in the occurrence of something,” usually with a negative or humorous connotation: An epidemic of gentrification was affecting low-income communities or The hipster look gave way to an epidemic of 1990s fashion.

    The -demic part of epidemic (and pandemic) comes from the Greek dêmos, “people of a district.” This root also ultimately gives English the word democracy. More on the prefix epi– later.

    What is a pandemic?

    Compared to an epidemic disease, a pandemic disease is an epidemic that has spread over a large area, that is, it’s “prevalent throughout an entire country, continent, or the whole world.”

    Pandemic is also used as a noun, meaning “a pandemic disease.” The WHO more specifically defines a pandemic as “a worldwide spread of a new disease.” In March 2020, the WHO officially declared the COVID-19 outbreak a pandemic due to the global spread and severity of the disease.

    While pandemic can be used for a disease that has spread across an entire country or other large landmass, the word is generally reserved for diseases that have spread across continents or the entire world. For instance: After documenting cases in all continents except Antarctica, scientists declared the disease a pandemic.

    As an adjective, pandemic can also mean “general” and “universal,” also often with a negative connotation. However, pandemic appears to be most commonly used in the context of epidemiology, which is concerned with infectious diseases.

    Pandemic also entered English, through Latin, in the 1600s. Like epidemic, pandemic ultimately derives from the Greek pándēmos, “common, public.” Also like epidemic, pandemic was originally used of diseases when in came into English.

    What does endemic mean?

    Endemic is an adjective that means natural to, native to, confined to, or widespread within a place or population of people.

    Endemic is perhaps most commonly used to describe a disease that is prevalent in or restricted to a particular location, region, or population. For example, malaria is said to be endemic to tropical regions. In this context, it can also be used as a noun: an endemic disease can simply be called an endemic.

    When used to describe species of plants or animals that are found only within a specific place, it has the same meaning as native or indigenous, as in This plant is endemic to this region.

    It can also be applied to characteristics of a people, place, or situation, as in Corruption was endemic in that organization when I worked there.

    The first records of endemic in English come from the mid-1600s. It comes from the Greek éndēm(os). The prefix en- means “in or within” and the Greek root dēm(os) means “people.” So the basic meaning of endemic is “within a certain people” (or “within a certain area”).

    Is COVID-19 endemic?

    The short answer is “not yet.” Currently, COVID-19 is not endemic and is still classified as a worldwide pandemic. The COVID-19 virus is still mutating into variant strains and widespread immunity to COVID-19 will likely take a long time to achieve.

    However, most experts predict that COVID-19 will become an endemic disease after its pandemic phase, once enough people have developed immunity to COVID-19 (through vaccination or infection). In other words, COVID-19 is expected to become a recurring disease like the flu. When this will happen is hard to predict—and it will most likely vary from place to place. For more info on need-to-know coronavirus words, see our explainer on the flu vs. COVID-19.

    Epidemic vs. pandemic

    As we mentioned, it’s unsurprisingly easy to confuse these two words. For one, they both feature -demic, which can make it difficult to suss out which word should be used in which situation.

    But, here’s a handy rule of thumb for using the prefixes of these two words: epi- and pan-. The prefix epi- is Greek and variously means “on, upon, near, at,” while pan-, also a Greek prefix, means “all.”

    Knowing this, think of an epidemic as the start of something—whether a disease or a trend—spreading rapidly within a community or region, whereas a pandemic is what an epidemic becomes once it reaches a far wider swath of people, especially across continents or the entire world.

    If something is spreading like wildfire, it’s an epidemic. If something has already spread like wildfire and is currently massive in its reach and impact, it’s a pandemic.

    For good measure, here’s an example of each in a sentence:

    - The city had to close schools to contain a measles epidemic.

    Although it isn’t exactly known where the disease first originated, the 1918 Spanish flu pandemic is estimated to have affected one-third of people across the entire globe.

    Pandemic vs. endemic

    Classifying a disease as endemic indicates a level of permanence, whereas a pandemic has a defined end (even if it seems like the COVID-19 pandemic will last forever). Due to its worldwide reach, a pandemic can lead to a disease becoming endemic (as opposed to being largely contained or eradicated through the use of vaccines, for example).

    Here are examples of each word used in a sentence.

    - Medical experts feared that the new virus would spread beyond the country’s borders and cause a worldwide pandemic.
    - Polio is endemic in a few countries where its spread has not been contained.

    What is the difference between an epidemic, pandemic, and an outbreak?

    An outbreak is a “sudden breaking out or occurrence” or “eruption.” When referring to an infectious disease, an outbreak is specifically a sudden rise in cases, especially when it is only or so far affecting a relatively localized area.

    That makes a disease outbreak roughly synonymous with an epidemic. In everyday speech and writing, people may more generally refer to the major spread of an infectious disease as an outbreak.

    In official, medical, and scientific communication, however, it’s important not to confuse a local epidemic (such as a disease affecting just a city) with a pandemic, because pandemic implies the outbreak spread all over the world.

    What is an epicenter?

    An epicenter is a “focal point, as of activity.” If a country or region is called the epicenter of a pandemic disease, that means more or an accelerating number of cases are being confirmed there than anywhere else in the world. Sometimes an epicenter is called a hotspot.

    A particular site, such as a nursing home, where there is a sudden spate of new cases is also sometimes called a hotspot or even hot zone.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    “Epidemic” vs. “Pandemic” vs. “Endemic”: What Do These Terms Mean? COVID-19 has provided a consistent vocabulary lesson in epidemiology. Among the most important distinctions it has highlighted are the differences between the terms epidemic, pandemic, and endemic. These words have major similarities—all three end in -demic and deal with the spread of disease. But there are key differences, including those related to scale and duration. In this article, we’ll sort out the differences and answer these questions and others: How is a pandemic different from an epidemic? What does endemic mean? Is COVID-19 endemic? For more COVID-related vocabulary, see our COVID-19 glossary. For health, safety, and medical emergencies or updates on the novel coronavirus pandemic, please visit the CDC (Centers for Disease Control and Prevention) and WHO (World Health Organization). Quick summary An epidemic involves the wide-ranging spread of a disease throughout an entire area or particular community where it’s not permanently prevalent. A pandemic involves an even wider spread, often reaching across the entire world. The word endemic is used to describe a disease that persistently and regularly spreads within a particular area or region (that is, it never fully goes away)—for example, the flu is considered endemic in many places. The COVID-19 virus is not yet considered endemic, but medical experts expect that it eventually will become endemic. What is an epidemic? An epidemic disease is one “affecting many persons at the same time, and spreading from person to person in a locality where the disease is not permanently prevalent.” The World Health Organization (WHO) further specifies epidemic as occurring at the level of a region or community. Epidemic is commonly used all on its own as a noun, meaning “a temporary prevalence of a disease.” For example: The city was able to stop the flu epidemic before it spread across the state. Metaphorically, epidemic is “a rapid spread or increase in the occurrence of something,” usually with a negative or humorous connotation: An epidemic of gentrification was affecting low-income communities or The hipster look gave way to an epidemic of 1990s fashion. The -demic part of epidemic (and pandemic) comes from the Greek dêmos, “people of a district.” This root also ultimately gives English the word democracy. More on the prefix epi– later. What is a pandemic? Compared to an epidemic disease, a pandemic disease is an epidemic that has spread over a large area, that is, it’s “prevalent throughout an entire country, continent, or the whole world.” Pandemic is also used as a noun, meaning “a pandemic disease.” The WHO more specifically defines a pandemic as “a worldwide spread of a new disease.” In March 2020, the WHO officially declared the COVID-19 outbreak a pandemic due to the global spread and severity of the disease. While pandemic can be used for a disease that has spread across an entire country or other large landmass, the word is generally reserved for diseases that have spread across continents or the entire world. For instance: After documenting cases in all continents except Antarctica, scientists declared the disease a pandemic. As an adjective, pandemic can also mean “general” and “universal,” also often with a negative connotation. However, pandemic appears to be most commonly used in the context of epidemiology, which is concerned with infectious diseases. Pandemic also entered English, through Latin, in the 1600s. Like epidemic, pandemic ultimately derives from the Greek pándēmos, “common, public.” Also like epidemic, pandemic was originally used of diseases when in came into English. What does endemic mean? Endemic is an adjective that means natural to, native to, confined to, or widespread within a place or population of people. Endemic is perhaps most commonly used to describe a disease that is prevalent in or restricted to a particular location, region, or population. For example, malaria is said to be endemic to tropical regions. In this context, it can also be used as a noun: an endemic disease can simply be called an endemic. When used to describe species of plants or animals that are found only within a specific place, it has the same meaning as native or indigenous, as in This plant is endemic to this region. It can also be applied to characteristics of a people, place, or situation, as in Corruption was endemic in that organization when I worked there. The first records of endemic in English come from the mid-1600s. It comes from the Greek éndēm(os). The prefix en- means “in or within” and the Greek root dēm(os) means “people.” So the basic meaning of endemic is “within a certain people” (or “within a certain area”). Is COVID-19 endemic? The short answer is “not yet.” Currently, COVID-19 is not endemic and is still classified as a worldwide pandemic. The COVID-19 virus is still mutating into variant strains and widespread immunity to COVID-19 will likely take a long time to achieve. However, most experts predict that COVID-19 will become an endemic disease after its pandemic phase, once enough people have developed immunity to COVID-19 (through vaccination or infection). In other words, COVID-19 is expected to become a recurring disease like the flu. When this will happen is hard to predict—and it will most likely vary from place to place. For more info on need-to-know coronavirus words, see our explainer on the flu vs. COVID-19. Epidemic vs. pandemic As we mentioned, it’s unsurprisingly easy to confuse these two words. For one, they both feature -demic, which can make it difficult to suss out which word should be used in which situation. But, here’s a handy rule of thumb for using the prefixes of these two words: epi- and pan-. The prefix epi- is Greek and variously means “on, upon, near, at,” while pan-, also a Greek prefix, means “all.” Knowing this, think of an epidemic as the start of something—whether a disease or a trend—spreading rapidly within a community or region, whereas a pandemic is what an epidemic becomes once it reaches a far wider swath of people, especially across continents or the entire world. If something is spreading like wildfire, it’s an epidemic. If something has already spread like wildfire and is currently massive in its reach and impact, it’s a pandemic. For good measure, here’s an example of each in a sentence: - The city had to close schools to contain a measles epidemic. Although it isn’t exactly known where the disease first originated, the 1918 Spanish flu pandemic is estimated to have affected one-third of people across the entire globe. Pandemic vs. endemic Classifying a disease as endemic indicates a level of permanence, whereas a pandemic has a defined end (even if it seems like the COVID-19 pandemic will last forever). Due to its worldwide reach, a pandemic can lead to a disease becoming endemic (as opposed to being largely contained or eradicated through the use of vaccines, for example). Here are examples of each word used in a sentence. - Medical experts feared that the new virus would spread beyond the country’s borders and cause a worldwide pandemic. - Polio is endemic in a few countries where its spread has not been contained. What is the difference between an epidemic, pandemic, and an outbreak? An outbreak is a “sudden breaking out or occurrence” or “eruption.” When referring to an infectious disease, an outbreak is specifically a sudden rise in cases, especially when it is only or so far affecting a relatively localized area. That makes a disease outbreak roughly synonymous with an epidemic. In everyday speech and writing, people may more generally refer to the major spread of an infectious disease as an outbreak. In official, medical, and scientific communication, however, it’s important not to confuse a local epidemic (such as a disease affecting just a city) with a pandemic, because pandemic implies the outbreak spread all over the world. What is an epicenter? An epicenter is a “focal point, as of activity.” If a country or region is called the epicenter of a pandemic disease, that means more or an accelerating number of cases are being confirmed there than anywhere else in the world. Sometimes an epicenter is called a hotspot. A particular site, such as a nursing home, where there is a sudden spate of new cases is also sometimes called a hotspot or even hot zone. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 Comments 0 Shares 337 Views 0 Reviews
  • บริษัทโทรคมนาคมสหรัฐฯ ถอดโฆษณาโอลิมปิกปารีส เหตุการแสดงล้อเลียนศาสนาคริสต์
    .
    บริษัทซีสไปร์ (C Spire) ผู้ให้บริการสื่อสารไร้สายในสหรัฐอเมริกา ประกาศถอดโฆษณากีฬาโอลิมปิก ปารีส 2024 ประเทศฝรั่งเศส หลังไม่สบายใจกรณีการแสดงในพิธีเปิดการแข่งขันที่มีฉากล้อเลียนพระกระยาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซูในศาสนาคริสต์
    .
    วันนี้ (28 ก.ค.) ในแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) หรือทวิตเตอร์เดิม (Twitter) ได้มีบัญชีทางการ @cspire ของบริษัทซีสไปร์ (C Spire) ผู้ให้บริการสื่อสารไร้สายในสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความแสดงจุดยืนถอนโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระบุว่า "We were shocked by the mockery of the Last Supper during the opening ceremonies of the Paris Olympics. C Spire will be pulling our advertising from the Olympics." แปลเป็นไทยได้ว่า ทางบริษัทฯ รู้สึกตกใจกับการล้อเลียนอาหารมื้อสุดท้าย (ของพระเยซู) ในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ปารีส ซีสไปร์จะถอดโฆษณาของเราออกจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ซึ่งพบว่ามีชาวคริสต์จำนวนมากแสดงความนับถือและขอบคุณกับบริษัทดังกล่าว ...
    .
    คลิก >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000063956
    บริษัทโทรคมนาคมสหรัฐฯ ถอดโฆษณาโอลิมปิกปารีส เหตุการแสดงล้อเลียนศาสนาคริสต์ . บริษัทซีสไปร์ (C Spire) ผู้ให้บริการสื่อสารไร้สายในสหรัฐอเมริกา ประกาศถอดโฆษณากีฬาโอลิมปิก ปารีส 2024 ประเทศฝรั่งเศส หลังไม่สบายใจกรณีการแสดงในพิธีเปิดการแข่งขันที่มีฉากล้อเลียนพระกระยาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซูในศาสนาคริสต์ . วันนี้ (28 ก.ค.) ในแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) หรือทวิตเตอร์เดิม (Twitter) ได้มีบัญชีทางการ @cspire ของบริษัทซีสไปร์ (C Spire) ผู้ให้บริการสื่อสารไร้สายในสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความแสดงจุดยืนถอนโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระบุว่า "We were shocked by the mockery of the Last Supper during the opening ceremonies of the Paris Olympics. C Spire will be pulling our advertising from the Olympics." แปลเป็นไทยได้ว่า ทางบริษัทฯ รู้สึกตกใจกับการล้อเลียนอาหารมื้อสุดท้าย (ของพระเยซู) ในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ปารีส ซีสไปร์จะถอดโฆษณาของเราออกจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ซึ่งพบว่ามีชาวคริสต์จำนวนมากแสดงความนับถือและขอบคุณกับบริษัทดังกล่าว ... . คลิก >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000063956
    MGRONLINE.COM
    บริษัทโทรคมนาคมสหรัฐฯ ถอดโฆษณาโอลิมปิกปารีส เหตุการแสดงล้อเลียนศาสนาคริสต์
    บริษัทซีสไปร์ (C Spire) ผู้ให้บริการสื่อสารไร้สายในสหรัฐอเมริกา ประกาศถอดโฆษณาออกจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก หลังไม่สบายใจกรณีการแสดงในพิธีเปิดการแข่งขันที่มีฉากล้อเลียนพระกระยาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซูในศาสนาคริสต์
    Like
    7
    1 Comments 0 Shares 485 Views 0 Reviews
  • 28 กรกฎาคม 2567-บริษัทโทรคมนาคม C Spire ซึ่งเป็นผู้ให้บริการไร้สายรายใหญ่เป็นอันดับ 6 ของสหรัฐฯ ได้ถอนโฆษณาออกจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกทั้งหมด หลังจากที่พวกเขาล้อเลียนศาสนาคริสต์ในพิธีเปิดการแข่งขัน

    บริษัทC Spire ประกาศโพสต์ในทวิตเตอร์ X ว่า "เราตกใจกับการล้อเลียนมื้ออาหารมื้อสุดท้ายในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปารีส C Spire จะลบโฆษณาของเราออกจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก"
    "We were shocked by the mockery of the Last Supper during the opening ceremonies of the Paris Olympics. C Spire will be pulling our advertising from the Olympics," the company announced on X.

    ขณะที่ผู้ว่าการรัฐมิสซิสซิปปี้ เทต รีฟส์ กล่าวสนับสนุนหลังจากการประกาศของC Spire ดังกล่าว
    "ผมภูมิใจที่เห็นภาคเอกชนในรัฐมิสซิสซิปปี้ก้าวขึ้นมาและยืนหยัดต่อสู้ พระเจ้าจะไม่ถูกล้อเลียน C Spire ได้ใช้สามัญสำนึกและแนวทางที่เหมาะสม"

    ส่วนอีลอน มัสก์ ได้โพสต์ผ่าน X เตือนว่า”หากไม่กล้ายืนหยัดเพื่อความยุติธรรมและถูกต้องมากขึ้น ศาสนาคริสต์จะพินาศไป“
    ”Unless there is more bravery to start up for what is fair and right, Christianity will perish.”

    #Thaitimes
    28 กรกฎาคม 2567-บริษัทโทรคมนาคม C Spire ซึ่งเป็นผู้ให้บริการไร้สายรายใหญ่เป็นอันดับ 6 ของสหรัฐฯ ได้ถอนโฆษณาออกจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกทั้งหมด หลังจากที่พวกเขาล้อเลียนศาสนาคริสต์ในพิธีเปิดการแข่งขัน บริษัทC Spire ประกาศโพสต์ในทวิตเตอร์ X ว่า "เราตกใจกับการล้อเลียนมื้ออาหารมื้อสุดท้ายในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปารีส C Spire จะลบโฆษณาของเราออกจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก" "We were shocked by the mockery of the Last Supper during the opening ceremonies of the Paris Olympics. C Spire will be pulling our advertising from the Olympics," the company announced on X. ขณะที่ผู้ว่าการรัฐมิสซิสซิปปี้ เทต รีฟส์ กล่าวสนับสนุนหลังจากการประกาศของC Spire ดังกล่าว "ผมภูมิใจที่เห็นภาคเอกชนในรัฐมิสซิสซิปปี้ก้าวขึ้นมาและยืนหยัดต่อสู้ พระเจ้าจะไม่ถูกล้อเลียน C Spire ได้ใช้สามัญสำนึกและแนวทางที่เหมาะสม" ส่วนอีลอน มัสก์ ได้โพสต์ผ่าน X เตือนว่า”หากไม่กล้ายืนหยัดเพื่อความยุติธรรมและถูกต้องมากขึ้น ศาสนาคริสต์จะพินาศไป“ ”Unless there is more bravery to start up for what is fair and right, Christianity will perish.” #Thaitimes
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 447 Views 0 Reviews
  • กระทรวงกีฬาเกาหลีใต้ประท้วงข้อผิดพลาดระหว่างพิธีเปิดโอลิมปิกปารีส เมื่อเรือของนักกีฬาทีมชาติเกาหลีใต้ถูกเรียกว่าเป็นทีม “เกาหลีเหนือ”

    27 กรกฎาคม 2567-สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ขณะที่ตัวแทนเกาหลีใต้ล่องเรือในแม่น้ำแซนเพื่อเข้าสู่พิธีเปิดเป็นชาติที่ 48 พิธีกรชาวฝรั่งเศสได้ประกาศแนะนำเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า“Republique populaire democratique de Coree” หรือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ซึ่งหมายถึงประเทศเกาหลีเหนือ

    ความผิดพลาดก่อให้เกิดความไม่พอใจในรัฐบาลเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศก้าวหน้าทางวัฒนธรรมและเทคโนโลยีระดับโลกและยังมีข้อขัดแย้งในสงครามกับเกาหลีเหนือตั้งแต่ช่วงระหว่างปี 1950-1953 แม้จะมีการหยุดยิงแต่ไม่ใช่สนธิสัญญาสันติภาพ

    ล่าสุดกระทรวงกีฬาเกาหลีใต้ได้ออกแถลงการณ์ “แสดงความเสียใจต่อการประกาศชื่อระหว่างพิธีเปิดโอลิมปิก 2024 ปารีสเกมส์ ที่ตัวแทนเกาหลีใต้ได้รับการแนะนำตัวว่าเป็นทีมเกาหลีเหนือ”

    นางสาวจาง มีรัน รัฐมนตรีช่วยคนที่ 2 ของกระทรวงกีฬา ซึ่งเคยเป็นแชมป์โลกยกน้ำหนักโอลิมปิกปี 2008 ขอประชุมกับนายโทมัส บาค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) เพื่อหารือในเรื่องนี้ นอกจากนี้กระทรวงกีฬายังขอให้กระทรวงการต่างประเทศ “ส่งคำประท้วงอย่างรุนแรงไปถึงกระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศส”

    #Thaitimes
    กระทรวงกีฬาเกาหลีใต้ประท้วงข้อผิดพลาดระหว่างพิธีเปิดโอลิมปิกปารีส เมื่อเรือของนักกีฬาทีมชาติเกาหลีใต้ถูกเรียกว่าเป็นทีม “เกาหลีเหนือ” 27 กรกฎาคม 2567-สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ขณะที่ตัวแทนเกาหลีใต้ล่องเรือในแม่น้ำแซนเพื่อเข้าสู่พิธีเปิดเป็นชาติที่ 48 พิธีกรชาวฝรั่งเศสได้ประกาศแนะนำเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า“Republique populaire democratique de Coree” หรือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ซึ่งหมายถึงประเทศเกาหลีเหนือ ความผิดพลาดก่อให้เกิดความไม่พอใจในรัฐบาลเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศก้าวหน้าทางวัฒนธรรมและเทคโนโลยีระดับโลกและยังมีข้อขัดแย้งในสงครามกับเกาหลีเหนือตั้งแต่ช่วงระหว่างปี 1950-1953 แม้จะมีการหยุดยิงแต่ไม่ใช่สนธิสัญญาสันติภาพ ล่าสุดกระทรวงกีฬาเกาหลีใต้ได้ออกแถลงการณ์ “แสดงความเสียใจต่อการประกาศชื่อระหว่างพิธีเปิดโอลิมปิก 2024 ปารีสเกมส์ ที่ตัวแทนเกาหลีใต้ได้รับการแนะนำตัวว่าเป็นทีมเกาหลีเหนือ” นางสาวจาง มีรัน รัฐมนตรีช่วยคนที่ 2 ของกระทรวงกีฬา ซึ่งเคยเป็นแชมป์โลกยกน้ำหนักโอลิมปิกปี 2008 ขอประชุมกับนายโทมัส บาค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) เพื่อหารือในเรื่องนี้ นอกจากนี้กระทรวงกีฬายังขอให้กระทรวงการต่างประเทศ “ส่งคำประท้วงอย่างรุนแรงไปถึงกระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศส” #Thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 504 Views 0 Reviews
  • #การสหกรณ์

    อธิบายการสหกรณ์อย่างง่าย ๆ กรณีผู้ใหญ่ 3 คน รวมเงินกันเพื่อจะไปเที่ยวปีใหม่ ที่ชายทะเล หรือภูเขา หรือน้ำตก ก็ได้ เก็บเงินคนละ 1000 บาท ด้วยความสมัครใจ แล้วทั้งสามคนก็ไปเที่ยวชายทะเล ภูเขา หรือน้ำตก ตามที่ต้องการ ไปเที่ยวแล้วได้ความสุข จ่ายค่ารถ ค่าอาหาร ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เมื่อกลับมาแล้วพบว่า โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์สหกรณ์ได้ 3 กรณี

    1. กรณีพอดี กรณีค่าใช้จ่าย ค่ารถ ค่าอาหาร ค่าที่พักและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ พอดีกับเงินที่เก็บไป ทุกคนที่ไปเที่ยวร่วมกัน ได้ความสุข การสหกรณ์ครั้งนี้ก็จบลง

    2. กรณีมีส่วนเกิน (surplus) ศัพท์คำนี้มีในหลักการสหกรณ์สากลที่ 3 จ่ายค่ารถ ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แล้วเงินที่เก็บยังเหลืออยู่ใช้ไม่หมด สมมุติว่าเหลืออยู่ 300 บาท ทุกคนที่ไปได้รับความสุขจากการไปเที่ยวครั้งนี้ ก็นำเงินที่เก็บมาเกินเฉลี่ยคืนคนละ 100 บาท การสหกรณ์ครั้งนี้ก็จบลง

    3. กรณีมีส่วนขาด (deficit) จ่ายค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าใช้จ่ายอื่น แล้ว ปรากฏว่า เงินที่เก็บมาไม่พอขาดไป 900 บาท ทุกคนได้รับความสุขจากการมาเที่ยวครั้งนี้ และลงมติว่า จะเก็บเงินเพิ่มอีกคนละ 300 บาท เพื่อจ่ายเป็นค่าใช้จ่าย เนื่องจากประมาณการค่าใช้จ่ายผิด การสหกรณ์ครั้งนี้ก็จบลง

    ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ทั้งสามกรณี ผู้ที่มาร่วมทุน ร่วมแรง ร่วมใจกัน (สมาชิก) ได้รับความสุข จากการบริการของการมาร่วมกัน (การสหกรณ์) อย่างง่าย ๆ

    หากมีคนใจร้าย มาบอกว่า เงิน 300 บาท สำหรับกรณีที่เป็นส่วนเกิน (Surplus) เป็น กำไร (Profit) ซึ่งต้องมุ่งให้เกิดกำไรสูง ๆ จนถึงสูงสุด ก็เกิดปัญหา ไม่ได้รับความสุขจากการแบ่งปันเท่าที่ควร อาจเกิดการขัดแย้ง

    หากมีคนใจร้าย บอกว่า เงิน 900 บาท สำหรับกรณีส่วนขาด (deficit) เป็นขาดทุน (Loss) โดยมุ่งจะไม่ให้เกิดขาดทุน ก็จะไม่ได้รับความสุขจากการร่วมมือกัน

    ความเป็นจริง คือ เงินที่เก็บมาจากความสมัครใจ เพื่อต้องการบริการคือความสุขจากการรวมกันไปเที่ยว สหกรณ์นั้นสมาชิกเป็นเจ้าของและผู้ใช้บริการ เป็นคน ๆ เดียวกัน ไม่มีกำไร ไม่มีขาดทุน มีส่วนเกิน (Surplus) เฉลี่ยคืน มีส่วนขาด (deficit) ก็เก็บเพิ่ม เพื่อความสุขจากการร่วมมือกัน แบ่งปันกัน และจะมีการประหยัดเนื่องจากระดับขนาดของการรวมกัน (Economies of scale) เช่น ใช้รถคันเดียวแทนที่จะต้องใช้ถึง 3 คัน ในกิจกรรมที่เกิดขึ้น

    สหกรณ์จึงมุ่งที่จะบริการสมาชิก member service ให้เกิดความสุขร่วมกันจากการรวมกัน ด้วยน้ำใจไมตรี

    ตามหลักการสหกรณ์สากลที่สากลโลกใช้อยู่ในปัจจุบัน จะไม่ใช้คำว่า "profit" หรือ "กำไร" กับสหกรณ์แต่จะใช้คำว่า "surplus" หรือ "ประโยชน์ส่วนเกิน" กับสหกรณ์ จะเห็นได้ชัดเจนจากหลักการสหกรณ์สากล ข้อที่ 3 ด้านล่างนี้

    3rd Principle : Member Economic Participation

    Members contribute equitably to, and democratically control, the capital of their co-operative. At least part of that capital is usually the common property of the co-operative. Members usually receive limited compensation, if any, on capital subscribed as a condition of membership. Members allocate surpluses for any or all of the following purposes: developing their co-operative, possibly by setting up reserves, part of which at least would be indivisible; benefiting members in proportion to their transactions with the co-operative; and supporting other activities approved by the membership.

    หลักการที่ 3 : การมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจโดยสมาชิก

    สมาชิกสหกรณ์พึงมีความเที่ยงธรรมในการให้ และควบคุมการใช้เงินทุนในสหกรณ์ตามแนวทางประชาธิปไตย ทุนของสหกรณ์อย่างน้อยส่วนหนึ่งต้องเป็นทรัพย์สินส่วนร่วมของสหกรณ์ สมาชิกจะได้รับผลตอบแทนสำหรับเงินทุนตามเงื่อนไขแห่งสมาชิกภาพในอัตราที่จำกัด (ถ้ามี) มวลสมาชิกเป็นผู้จัดสรรผลประโยชน์ ส่วนเกินเพื่อจุดมุ่งหมายประการใดประการหนึ่ง หรือทั้งหมดจากดังต่อไปนี้ คือ เพื่อการพัฒนาสหกรณ์ของตนโดยจัดให้เป็นทุนของสหกรณ์ ซึ่งส่วนหนึ่งของทุนนี้ต้องนำมาแบ่งปันกัน เพื่อเป็นผลประโยชน์แก่สมาชิกตามส่วนของปริมาณธุรกิจที่ทำกับสหกรณ์ และเพื่อสนับสนุนกิจกรรมอื่นใดที่มวลสมาชิกเห็นชอบ

    บทความ : พีระพงศ์ วาระเสน เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2556 ชุมชนออนไลน์ GotoKnow ชุมชนออนไลน์เพื่อจัดการความรู้

    https://www.gotoknow.org/posts/514689

    ภาพประกอบ : facebook แบบโปร์ไฟล์ ชื่อบัญชี Kanharith Khieu
    #การสหกรณ์ อธิบายการสหกรณ์อย่างง่าย ๆ กรณีผู้ใหญ่ 3 คน รวมเงินกันเพื่อจะไปเที่ยวปีใหม่ ที่ชายทะเล หรือภูเขา หรือน้ำตก ก็ได้ เก็บเงินคนละ 1000 บาท ด้วยความสมัครใจ แล้วทั้งสามคนก็ไปเที่ยวชายทะเล ภูเขา หรือน้ำตก ตามที่ต้องการ ไปเที่ยวแล้วได้ความสุข จ่ายค่ารถ ค่าอาหาร ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เมื่อกลับมาแล้วพบว่า โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์สหกรณ์ได้ 3 กรณี 1. กรณีพอดี กรณีค่าใช้จ่าย ค่ารถ ค่าอาหาร ค่าที่พักและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ พอดีกับเงินที่เก็บไป ทุกคนที่ไปเที่ยวร่วมกัน ได้ความสุข การสหกรณ์ครั้งนี้ก็จบลง 2. กรณีมีส่วนเกิน (surplus) ศัพท์คำนี้มีในหลักการสหกรณ์สากลที่ 3 จ่ายค่ารถ ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แล้วเงินที่เก็บยังเหลืออยู่ใช้ไม่หมด สมมุติว่าเหลืออยู่ 300 บาท ทุกคนที่ไปได้รับความสุขจากการไปเที่ยวครั้งนี้ ก็นำเงินที่เก็บมาเกินเฉลี่ยคืนคนละ 100 บาท การสหกรณ์ครั้งนี้ก็จบลง 3. กรณีมีส่วนขาด (deficit) จ่ายค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าใช้จ่ายอื่น แล้ว ปรากฏว่า เงินที่เก็บมาไม่พอขาดไป 900 บาท ทุกคนได้รับความสุขจากการมาเที่ยวครั้งนี้ และลงมติว่า จะเก็บเงินเพิ่มอีกคนละ 300 บาท เพื่อจ่ายเป็นค่าใช้จ่าย เนื่องจากประมาณการค่าใช้จ่ายผิด การสหกรณ์ครั้งนี้ก็จบลง ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ทั้งสามกรณี ผู้ที่มาร่วมทุน ร่วมแรง ร่วมใจกัน (สมาชิก) ได้รับความสุข จากการบริการของการมาร่วมกัน (การสหกรณ์) อย่างง่าย ๆ หากมีคนใจร้าย มาบอกว่า เงิน 300 บาท สำหรับกรณีที่เป็นส่วนเกิน (Surplus) เป็น กำไร (Profit) ซึ่งต้องมุ่งให้เกิดกำไรสูง ๆ จนถึงสูงสุด ก็เกิดปัญหา ไม่ได้รับความสุขจากการแบ่งปันเท่าที่ควร อาจเกิดการขัดแย้ง หากมีคนใจร้าย บอกว่า เงิน 900 บาท สำหรับกรณีส่วนขาด (deficit) เป็นขาดทุน (Loss) โดยมุ่งจะไม่ให้เกิดขาดทุน ก็จะไม่ได้รับความสุขจากการร่วมมือกัน ความเป็นจริง คือ เงินที่เก็บมาจากความสมัครใจ เพื่อต้องการบริการคือความสุขจากการรวมกันไปเที่ยว สหกรณ์นั้นสมาชิกเป็นเจ้าของและผู้ใช้บริการ เป็นคน ๆ เดียวกัน ไม่มีกำไร ไม่มีขาดทุน มีส่วนเกิน (Surplus) เฉลี่ยคืน มีส่วนขาด (deficit) ก็เก็บเพิ่ม เพื่อความสุขจากการร่วมมือกัน แบ่งปันกัน และจะมีการประหยัดเนื่องจากระดับขนาดของการรวมกัน (Economies of scale) เช่น ใช้รถคันเดียวแทนที่จะต้องใช้ถึง 3 คัน ในกิจกรรมที่เกิดขึ้น สหกรณ์จึงมุ่งที่จะบริการสมาชิก member service ให้เกิดความสุขร่วมกันจากการรวมกัน ด้วยน้ำใจไมตรี ตามหลักการสหกรณ์สากลที่สากลโลกใช้อยู่ในปัจจุบัน จะไม่ใช้คำว่า "profit" หรือ "กำไร" กับสหกรณ์แต่จะใช้คำว่า "surplus" หรือ "ประโยชน์ส่วนเกิน" กับสหกรณ์ จะเห็นได้ชัดเจนจากหลักการสหกรณ์สากล ข้อที่ 3 ด้านล่างนี้ 3rd Principle : Member Economic Participation Members contribute equitably to, and democratically control, the capital of their co-operative. At least part of that capital is usually the common property of the co-operative. Members usually receive limited compensation, if any, on capital subscribed as a condition of membership. Members allocate surpluses for any or all of the following purposes: developing their co-operative, possibly by setting up reserves, part of which at least would be indivisible; benefiting members in proportion to their transactions with the co-operative; and supporting other activities approved by the membership. หลักการที่ 3 : การมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจโดยสมาชิก สมาชิกสหกรณ์พึงมีความเที่ยงธรรมในการให้ และควบคุมการใช้เงินทุนในสหกรณ์ตามแนวทางประชาธิปไตย ทุนของสหกรณ์อย่างน้อยส่วนหนึ่งต้องเป็นทรัพย์สินส่วนร่วมของสหกรณ์ สมาชิกจะได้รับผลตอบแทนสำหรับเงินทุนตามเงื่อนไขแห่งสมาชิกภาพในอัตราที่จำกัด (ถ้ามี) มวลสมาชิกเป็นผู้จัดสรรผลประโยชน์ ส่วนเกินเพื่อจุดมุ่งหมายประการใดประการหนึ่ง หรือทั้งหมดจากดังต่อไปนี้ คือ เพื่อการพัฒนาสหกรณ์ของตนโดยจัดให้เป็นทุนของสหกรณ์ ซึ่งส่วนหนึ่งของทุนนี้ต้องนำมาแบ่งปันกัน เพื่อเป็นผลประโยชน์แก่สมาชิกตามส่วนของปริมาณธุรกิจที่ทำกับสหกรณ์ และเพื่อสนับสนุนกิจกรรมอื่นใดที่มวลสมาชิกเห็นชอบ บทความ : พีระพงศ์ วาระเสน เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2556 ชุมชนออนไลน์ GotoKnow ชุมชนออนไลน์เพื่อจัดการความรู้ https://www.gotoknow.org/posts/514689 ภาพประกอบ : facebook แบบโปร์ไฟล์ ชื่อบัญชี Kanharith Khieu
    0 Comments 0 Shares 444 Views 0 Reviews
  • “Jealousy” vs. “Envy”: Can You Feel The Difference?

    Your coworker has gotten a raise, and it bothers you because you really wish you’d gotten one, too. Is what you’re feeling jealousy or envy? The two feelings are similar, but the words are often used to convey slightly different things, mainly involving whether the feeling is hostile or malicious.

    In this article, we’ll discuss the similarities and differences between jealousy and envy, including the subtle implications of both words, their adjective forms jealous and envious, and some examples of how you can tell when envy has turned to jealousy.

    Quick summary

    Jealousy and envy both involve a feeling of desire for what another person has, but jealousy is usually thought to be more negative—it often involves resentment toward the other person. Envy is also a negative feeling—like a mix of admiration and discontent—but the word doesn’t usually imply hostility. Another difference is that envy can be used as both a noun and a verb.

    What is jealousy?

    Jealousy is a feeling of resentment, bitterness, or hostility toward someone who has something that you don’t. This could be general success, an achievement, a trait, a social advantage, a material possession, or a relationship, among other things. What matters is that the other person has the thing, you want it, and this makes you resentful of them.

    The adjective form of jealousy is jealous.

    When used in the context of romantic relationships, jealousy more specifically refers to a feeling of suspicion or uneasiness that often comes from one’s partner giving or being given positive attention by others.

    What is envy?

    Envy is a negative feeling of desire centered on someone who has something that you do not. Envy can also be a verb meaning to feel this way toward someone. Both the noun and the verb imply that you want to be in the other person’s position—to have what they have. Like jealousy, envy can be centered on any number of things, tangible or intangible.

    Envy can be described as a mix of admiration and discontent. But it’s not necessarily malicious. It can even be used as part of a compliment, as in You’ve worked so hard to achieve your success—I really envy you.

    The adjective form is envious, and you could also call someone’s advantage or trait enviable.

    Green with envy and the green-eyed monster

    Thanks to Shakespeare, there is a strong association between jealousy, envy, and the color green.

    The phrase green with envy means feeling a strong sense of covetousness for what someone else has. Shakespeare described envy as the green sickness in the play Anthony and Cleopatra.

    The term green-eyed monster is a way of referring to jealousy. The first written record of the phrase comes from Shakespeare’s Othello, which is known for its themes of jealousy. In the play, jealousy is said to be “the green-eyed monster which doth mock the meat it feeds on.” The phrase may allude to cats, which can have green eyes and are known for playing with their prey. The phrase green-eyed can also be used by itself to mean “jealous.”

    What is the difference between jealousy and envy?
    Both jealousy and envy can involve tangible things (like a possession) and intangible ones (like a certain status, position, skill, trait, or relationship). Although jealousy and envy are sometimes used interchangeably, a distinction is often made relating to the amount of negativity.

    Simply feeling upset that you don’t have what someone else does—and wishing you were in their position—is usually considered envy. By the way, in that hypothetical situation about the coworker at the very start of this article, it sounds more like you’re feeling envy.

    In contrast, feelings of inner resentment and the outward hostility that sometimes results from such feelings are both thought to stem from jealousy.

    However, it is often said that envy can turn into jealousy—and the point at which it does may not be so obvious.

    One distinction that is sometimes made is that jealousy centers its negative focus on the person who has the thing that you don’t, while envy is more centered on the desire for the thing. Of course, however, jealousy can be about both the person and the thing, and so the main difference is usually considered to involve how negative the feeling is.

    A practical difference between jealousy and envy is that jealousy is always a noun, while envy can be a noun or a verb.

    One final difference is that jealousy and the adjective form jealous are also used more specifically in the context of romantic relationships in a way that envy and envious are not.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    “Jealousy” vs. “Envy”: Can You Feel The Difference? Your coworker has gotten a raise, and it bothers you because you really wish you’d gotten one, too. Is what you’re feeling jealousy or envy? The two feelings are similar, but the words are often used to convey slightly different things, mainly involving whether the feeling is hostile or malicious. In this article, we’ll discuss the similarities and differences between jealousy and envy, including the subtle implications of both words, their adjective forms jealous and envious, and some examples of how you can tell when envy has turned to jealousy. Quick summary Jealousy and envy both involve a feeling of desire for what another person has, but jealousy is usually thought to be more negative—it often involves resentment toward the other person. Envy is also a negative feeling—like a mix of admiration and discontent—but the word doesn’t usually imply hostility. Another difference is that envy can be used as both a noun and a verb. What is jealousy? Jealousy is a feeling of resentment, bitterness, or hostility toward someone who has something that you don’t. This could be general success, an achievement, a trait, a social advantage, a material possession, or a relationship, among other things. What matters is that the other person has the thing, you want it, and this makes you resentful of them. The adjective form of jealousy is jealous. When used in the context of romantic relationships, jealousy more specifically refers to a feeling of suspicion or uneasiness that often comes from one’s partner giving or being given positive attention by others. What is envy? Envy is a negative feeling of desire centered on someone who has something that you do not. Envy can also be a verb meaning to feel this way toward someone. Both the noun and the verb imply that you want to be in the other person’s position—to have what they have. Like jealousy, envy can be centered on any number of things, tangible or intangible. Envy can be described as a mix of admiration and discontent. But it’s not necessarily malicious. It can even be used as part of a compliment, as in You’ve worked so hard to achieve your success—I really envy you. The adjective form is envious, and you could also call someone’s advantage or trait enviable. Green with envy and the green-eyed monster Thanks to Shakespeare, there is a strong association between jealousy, envy, and the color green. The phrase green with envy means feeling a strong sense of covetousness for what someone else has. Shakespeare described envy as the green sickness in the play Anthony and Cleopatra. The term green-eyed monster is a way of referring to jealousy. The first written record of the phrase comes from Shakespeare’s Othello, which is known for its themes of jealousy. In the play, jealousy is said to be “the green-eyed monster which doth mock the meat it feeds on.” The phrase may allude to cats, which can have green eyes and are known for playing with their prey. The phrase green-eyed can also be used by itself to mean “jealous.” What is the difference between jealousy and envy? Both jealousy and envy can involve tangible things (like a possession) and intangible ones (like a certain status, position, skill, trait, or relationship). Although jealousy and envy are sometimes used interchangeably, a distinction is often made relating to the amount of negativity. Simply feeling upset that you don’t have what someone else does—and wishing you were in their position—is usually considered envy. By the way, in that hypothetical situation about the coworker at the very start of this article, it sounds more like you’re feeling envy. In contrast, feelings of inner resentment and the outward hostility that sometimes results from such feelings are both thought to stem from jealousy. However, it is often said that envy can turn into jealousy—and the point at which it does may not be so obvious. One distinction that is sometimes made is that jealousy centers its negative focus on the person who has the thing that you don’t, while envy is more centered on the desire for the thing. Of course, however, jealousy can be about both the person and the thing, and so the main difference is usually considered to involve how negative the feeling is. A practical difference between jealousy and envy is that jealousy is always a noun, while envy can be a noun or a verb. One final difference is that jealousy and the adjective form jealous are also used more specifically in the context of romantic relationships in a way that envy and envious are not. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 Comments 0 Shares 296 Views 0 Reviews