• เรื่องของนายสาก ตอนที่ 3 – 4

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เรื่องของนายสาก”
    ตอน 3
    เวลาผ่านไป นายสาก ก็ใช้วิกฤติเป็นโอกาส ทุกครั้งที่ได้ออกรายการหน้าจอ เขาจะถือโอกาสจ้อเสมอ ถึงเรื่องที่นายปูตินขู่จะแขวนกระปู๋ของเขา เป็นการปั่นราคาตนเอง ช่วงหลังๆ บทเขาจะเพิ่มว่า ” ปูตินประกาศว่า จะเอาผมไปแขวนห้อยโดยใช้บางส่วนของร่างกายผม ซึ่งผมคงพูดไม่ได้ แต่มันเป็นส่วนสำคัญมากสำหรับผู้ชายทุกคนนะ โดยเฉพาะสำหรับนักการเมือง และสำคัญแม้กระทั่งกับนักการเมืองหญิง.. ผู้ชายคนนี้สาบานว่าจะแขวน.. ผม แต่ตอนนี้เขาพูดเรื่องเนคไทผม ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับผมครับ ที่เขาเลื่อนที่หมายสูงขึ้นมาอีกหน่อย ตอนนี้มาถึงคอ ผมแล้ว ค่อยยังชั่วขึ้น…”
    ไอ้หมอนี่ มันวิงวอนจริง น่าจะเกี่ยวเอาปากมันไปห้อยไว้ด้วย
    นายสากไม่หยุดพล่าม ยิ่งได้รับเลือกเป็นประธานที่ปรึกษาด้านต่างประเทศ ให้กับประธานาธิบดีช๊อกโกแลตใน การปฏิรูปประเทศยูเครน Chairman of the Consulting International Council for the Reforms for the Ukrainian President Petro Poroschenko เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ ต้นปีนี้ นายสากยิ่งไปใหญ่ เขาบอกว่า หน้าที่สำคัญของเขาคือ เป็นผู้เจรจาเรื่องเอาอาวุธของอเมริกามาให้ยูเครนใช้ (สู้กับรัสเซีย)
    นายสากออกหน้าจอ ยักคิ้วหลิ่วตาเวลาพูดว่า ต่อไปนี้ ด้วยอาวุธของอเมริกาที่จะส่งมาให้ยูเครน(จากการเจรจาของเขา) ไม่ว่าเป็นรถแท๊งค์ รถหุ้มเกราะ ปืนใหญ่ โดรน ฯลฯ คราวนี้รัสเซียไม่มีทางยื่นหน้าเข้ามาในยูเครนอย่างแน่นอน
    แต่นายสากคงลืมไปว่า เมื่อตอนที่กองทัพของจอร์เจีย ที่ฝึกโดยอเมริกา และใช้อาวุธของอเมริกาและนาโต้ ถูกรัสเซียโต้กลับ และยึดเอาอาวุธไปด้วยนั้น รัสเซียส่งอาวุธทั้งหมดเข้าไปที่กองบัญชาการ เพื่อทำการวิเคราะห์ทั้งหมด หลังจากนั้นก็นำมาใช้ประจำการณ์ ตามชายแดนรัสเซีย
    จะด้วยเสน่ห์โบทอกซ์ ท่าเคี้ยวเนคไท การพล่ามแบบยักคิ้วหลิ่วตา หรืออะไรไม่ทราบ นายสาก ก็ได้เป็นผู้ว่าการแค้วนโอเดสสา ด่านสำคัญของยูเครน พร้อมได้รับสัญชาติยูเครน เมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้เอง คิดไปคิดมา ผมขอเปลี่ยนเป็นแสดงความนับถือ ผู้ที่ตาแหลมคม เสือกใส ให้นายสาก ออกมาจากนิวยอร์ค และเอาเขามาวางไว้ที่แคว้นโอเดสสา มันเป็นหมากที่ชั่วเหลือเชื่อ
    ###############
    ตอน 4 (จบ)

    พูดถึงนายสากแล้ว ไม่พูดถึงนายมอยสกี้ Ihor Kolomoyskyi เจ้าพ่อใหญ่ของยูเครน ก็จะไม่ครบเครื่อง นายมอยสกี้ ชาวยิว เจ้าพ่อใหญ่ ที่คุมเกือบทุกอย่างในยูเครน กำลังใหญ่อยู่เพลินๆ เป็นผู้ว่าการเมืองสำคัญของยูเครน ชื่อ Dnepropetrovsk อยู่ดีๆ นางฟ้า หรือนางเหยี่ยว แปลงร่างเป็นนางฟ้าก็ไม่รู้ ดันเศกนายสาก มาให้เจ้าพ่อช๊อกโกแลต ใหญ่กับใหญ่เจอกัน มันอยู่ที่ว่า คนที่อยู่ข้างหลังของใครใหญ่กว่า แล้วนายมอยสกี้ก็ถูกปลดจากตำแหน่งผู้ว่าการเมืองชื่อยาว เมื่อราวปลายเดือนมีนาคมที่ผ่าน มา เพียงแค่หนึ่งเดือน หลังจากที่นายสาก มาทำท่ายักคิ้วหลิ่วตา แค่ยักคิ้ว เท่านั้น ยูเครนก็สะเทือนแล้ว คราวนี้ ฤทธิ์ยิว ดูเหมือนจะแพ้ ฤทธิ์เหยี่ยว…
    นายมอยสกี้ มีคนหนุนหลังไหม น่าจะมี แต่นายสากน่ะ มีคนหนุนชัดเจนอยู่แล้ว แต่จะหนุนเพราะไม่อยากให้นายสาก กลับไปอยู่นิวยอร์ค หรือเพราะอะไรไม่แน่ใจ แต่อยู่ยูเครนนี่คงเหมาะแล้ว ยกแรกของการวัดกำลัง ดูเหมือนนายสากจะได้เปรียบ แต่นี่เหตุการณ์เพิ่งผ่านไปไม่กี่เดือน อย่าเพิ่งด่วนตัดสิน
    ปัญหาว่า นายช๊อกโกแลต ประธานาธิบดียูเครนคิดอะไร ที่เห็นคนนอกบ้าน ดีกว่าคนในบ้าน จะว่าเพราะนายมอยสกี้ เป็นมาเฟียเจ้าพ่อครองเมือง ที่ทำท่าจะใหญ่ หรือจริงๆก็ใหญ่กว่า ประธานาธิบดีเสียอีก เบ่งเสียจนนายช๊อกโกแลตละลายเละ แต่นายสากก็ทำตัวเหมือนอึ่งอ่างหรือคางคก แถมยังมีสถานะ เป็นว่าที่นักโทษหนีคดีตัวจริง แสบจริง และเป็นสายล่อฟ้าให้นายปูติน ฟิวส์ขาดได้ง่ายอีกด้วย
    นายช๊อกโกแลต คงคิดแยะ หรือไม่คิดอะไรเลย แต่คิด หรือไม่คิด ก็คงไม่มีความหมาย เพราะช๊อกโกแลตเป็นแค่หุ่น เขาสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำตาม ให้เอาต่างชาติมาเป็นรัฐมนตรี ก็ครับผม ให้เอาต่างชาติคดีติดตัวยาวเป็นหางว่าว มาเป็นผู้ว่าการแคว้นใหญ่ของประเทศ ก็ครับผม แบบนี้ไปคอยถามว่าคิดอะไร ก็เสียเวลาเปล่า น่าจะถามว่า อเมริกากับรัสเซีย จะเอายังไงมากกว่า
    นางเหยี่ยวนูแลนด์ เดินสายไปเมือง Tbilisi ของจอร์เจีย เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ ต้นปีนี้ จากนั้น นางเหยี่ยวจะเดินทางไปที่หมายต่อไป คือ Baku ของ Azerbaijan บั้นท้ายของนางเหยี่ยวยังไม่ทันพ้นเมืองTbilisi ก็มีข่าวลือกระฉ่อนทั่วเมืองว่า อีกไม่นาน จอร์เจียอาจมีการปฏิวัติ หรือมีการลุกฮือ ไล่รัฐบาลที่ปกครองอยู่ปัจจุบัน ซึ่งเป็นรัฐบาลที่นางเหยึ่ยวออกปากว่า เป็นพวกไม่เอาตะวันตก คือไม่เอาอเมริกา แต่เอนไปทางรัสเซียนั่นแหละ… ชอบขู่แบบนี้กันนักนะ…หลังจากนั้นไม่กี่วัน นายช๊อกโกแล็ตก็ตั้งนายสาก เป็นที่ปรึกษาใหญ่ ตามใบสั่ง
    ข่าวว่างานแรกของนายสาก ที่ลงมือ หลังจากเป็นที่ปรึกษาใหญ่ คือเรียกประชุม บรรดาพรรคพวก ที่สังกัดองค์กร NGO โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นเลือดร้อน เช่น Innovations and Development Foundation, the Movement for Independence and Eropean Integration, Free Zone, Azat Zone, League of Young Dipolmats กลุ่มพวกนี้ ต่างได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก National Endowment for Democracy หรือ NED ที่โด่งดังของรัฐบาลอเมริกา ไม่แปลกใจใช่ไหมครับ
    เรื่องของทรานนิสเตรีย ยูเครน นายสาก จอร์เจีย เกี่ยวโยงกันไหม เกี่ยวแน่นอน แต่เกี่ยวขนาดไหน และเกี่ยวกับใครอีกบ้าง
    อียู อยากให้มีการเซ็นสัญญาสงบศึกถาวรในยูเครน เพราะคนยุโรปยังเข็ดกับการทำสงคราม สงครามกลางเมืองยูเครนคือ ปัญหาที่จะกระทบทั้งเศรษฐกิจและความมั่นคงของยุโรป และที่ชาวยุโรปเดือดร้อนโดยตรง คือ โอกาส ขาดแคลนแก๊สจากท่อส่งของรัสเซียมายังยุโรป เรื่องนี้ อเมริกาไม่ได้มาเดือดร้อนด้วย
    ส่วนความต้องการของอเมริกา หรือตามที่นางเหยี่ยวบอกกับที่ประชุม ในตอนเดินสายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ว่า เราไม่ต้องการให้เขา (ยูเครนกับรัสเซีย) สงบศึก เราต้องการให้เขารบกัน เข้าใจไหม สงครามกลางเมืองในยูเครน จะเป็นโอกาสทองของเรา เพราะจะทำให้รัสเซียวอกแวก คนเรา เวลาวอกแวก จะตัดสินใจถูกต้องยาก อเมริกาต้องการให้รัสเซียเป็นอย่างนั้น นายสากจึงถูกเรียกเข้ามารับตำแหน่งอะไรก็ได้ ยัดเข้าไปก่อน ไปอยู่แถวนั้น เพื่อแหย่พยาธิคุณพี่ปูติน นี่คือความคิดของอเมริกา ที่เราควรทำความเข้าใจให้ซึ้ง
    สิ้นเดือนมิถุนายนนี้ เรื่องนิวเคลียร์อิหร่าน จะต้องสรุปแล้ว ว่าอเมริกากับอิหร่านพูดกันรู้ เรื่องไหม พูดเรื่องเดียวกันไหม ถ้าพูดกันรู้เรื่อง ก็มีเรื่องอย่างหนึ่ง ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่อง ก็มีเรื่องอีกอย่างหนึ่ง อเมริกา แน่นอน ต้องเตรียมแผนสกัด ไม่ให้รัสเซีย กับอิหร่านขยับมาจับมือกันแน่นกว่าเดิม แต่จะไปรอคิดแผนเอาตอนนั้นหรือ ไม่ใช่วิธีของอเมริกา
    อย่าลืมว่า จอร์เจีย และอาเซอร์ไบจัน มีเขตแดนติดกับอิหร่าน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ นางเหยี่ยว แวะไปทั้ง 2 แห่ง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มาถึงเดือนพฤษภาคม ที่อิยิปต์ ศาลตัดสินประหารชีวิต อดีตประธานาธิบดีมอร์ซิ ที่อเมริกาเคยสนับสนุน แต่เมื่อหมดประโยชน์ก็ถีบทิ้ง แต่ตุรกี ที่สนับสนุนมอร์ซิมาตลอด ยังเห็นใจเพื่อน และไม่พอใจอเมริกาอย่างรุนแรง แล้วตุรกีที่มีเขตแเดนติดกับอิหร่าน ก็เริ่มมีปัญหาเรื่องชาวเคิร์ด ที่อเมริกาหนุนเมื่อต้นเดือนมิถุนายน ตามมาด้วยเหตุการณ์ในและใกล้ยูเครนเกิดขึ้นพร้อมกันคือการแต่งตั้งนายสาก เป็นผู้ว่าการแคว้นโอเดสสา ที่พลเมืองส่วนใหญ่เอนไปทางรัสเซีย และการปิดกั้นทรานนิสเตรีย (จะเข้าใจการเคลื่อนไหวเหล่านี้ได้มากขึ้น ถ้าหาแผนที่มาดูตามไปด้วย)
    นี่คือการเดินหมากของอเมริกา เพื่อล้อม และล่อหลอกรัสเซีย ตามทฤษฏี ภูมิศาสตร์การเมือง geopolitics
    ฝ่ายรัสเซีย ก็ใช้ทฤษฏีเดียวกัน แต่เดินหมากกับประเทศอีกเส้นแนว ด้วยการต้อนรับกรีกที่เครมลิน เมื่อเดือนเมษายน และไปเยี่ยมอิตาลี เมื่อกลางเดือนมิถุนายนนี้เอง ถ้ารัสเซียคุยกับกรีกและอิตาลีรู้เรื่อง การเคลื่อนกองทัพเรือของอเมริกาในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อคอยกันรัสเซีย ไม่ให้ลงใต้ คงไม่ง่ายนัก แต่ทางตรงกันข้าม ถ้ารัสเซียขึ้นเหนือ ไปคิดบัญชีค้างชำระกับบางราย อเมริกาก็อาจมาช่วยไม่ทัน เพราะฉนั้น อเมริกาคงทำทุกอย่างเพื่อเป็นการบีบไม่ให้กรีกและอิตาลีแตกแถว
    เรื่องมันชักพัวพันขมวดเกลียวแน่นขึ้น รัสเซียจะรับมืออย่างไร ยูเครนเป็นห่วงคล้องคอรัสเซีย รัสเซียไม่อยากรบกับยูเครน ขณะเดียวกัน ก็คงทำใจเห็นคนยูเครน ที่เลือกจะไปอยู่กับรัสเซีย ประมาณเกือบ 10 ล้านคน บาดเจ็บล้มตายไม่ลง การส่งนายสากมาอยู่โอเดสสาคราวนี้ ของไอ้นักล่าใบตองแห้ง แม้จะแสดงว่าไอ้นักล่ายังไม่พร้อมรบ แต่เป็นการขยับหมากที่เหลือร้ายของไอ้นักล่า รัสเซียจะแก้เกมอย่างไร จะรับ หรือจะรุก คงต้องคอยดูเรื่องอิหร่านสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ครับ
    และไม่ว่า การเจรจากับอิหร่านจะออกมาอย่างไร จะมีผลกระทบกับการเมืองโลกอย่างสำคัญแน่นอน รวมทั้งกระทบถึงแดนสยามด้วย เราเตรียมตัวอะไรกันไว้บ้าง หรือรอให้มีเรื่องก่อน แล้วค่อยวางแผน
    แล้วอย่าลืมไอ้สากโมเด็ล เกิดไอ้นักล่าคิดเล่นเกมสกปรก เพิ่งนึกออกว่าเจอนักโทษหนีคดี ทำทีเป็นช่วยสงเคราะห์จับตัว ส่งกลับบ้านให้ ก็จำกันไว้บ้างแล้วกันนะครับ ว่ามันกำลังคิดจะเล่นอะไรกับเรา
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    19 มิ.ย. 2558
    เรื่องของนายสาก ตอนที่ 3 – 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เรื่องของนายสาก” ตอน 3 เวลาผ่านไป นายสาก ก็ใช้วิกฤติเป็นโอกาส ทุกครั้งที่ได้ออกรายการหน้าจอ เขาจะถือโอกาสจ้อเสมอ ถึงเรื่องที่นายปูตินขู่จะแขวนกระปู๋ของเขา เป็นการปั่นราคาตนเอง ช่วงหลังๆ บทเขาจะเพิ่มว่า ” ปูตินประกาศว่า จะเอาผมไปแขวนห้อยโดยใช้บางส่วนของร่างกายผม ซึ่งผมคงพูดไม่ได้ แต่มันเป็นส่วนสำคัญมากสำหรับผู้ชายทุกคนนะ โดยเฉพาะสำหรับนักการเมือง และสำคัญแม้กระทั่งกับนักการเมืองหญิง.. ผู้ชายคนนี้สาบานว่าจะแขวน.. ผม แต่ตอนนี้เขาพูดเรื่องเนคไทผม ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับผมครับ ที่เขาเลื่อนที่หมายสูงขึ้นมาอีกหน่อย ตอนนี้มาถึงคอ ผมแล้ว ค่อยยังชั่วขึ้น…” ไอ้หมอนี่ มันวิงวอนจริง น่าจะเกี่ยวเอาปากมันไปห้อยไว้ด้วย นายสากไม่หยุดพล่าม ยิ่งได้รับเลือกเป็นประธานที่ปรึกษาด้านต่างประเทศ ให้กับประธานาธิบดีช๊อกโกแลตใน การปฏิรูปประเทศยูเครน Chairman of the Consulting International Council for the Reforms for the Ukrainian President Petro Poroschenko เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ ต้นปีนี้ นายสากยิ่งไปใหญ่ เขาบอกว่า หน้าที่สำคัญของเขาคือ เป็นผู้เจรจาเรื่องเอาอาวุธของอเมริกามาให้ยูเครนใช้ (สู้กับรัสเซีย) นายสากออกหน้าจอ ยักคิ้วหลิ่วตาเวลาพูดว่า ต่อไปนี้ ด้วยอาวุธของอเมริกาที่จะส่งมาให้ยูเครน(จากการเจรจาของเขา) ไม่ว่าเป็นรถแท๊งค์ รถหุ้มเกราะ ปืนใหญ่ โดรน ฯลฯ คราวนี้รัสเซียไม่มีทางยื่นหน้าเข้ามาในยูเครนอย่างแน่นอน แต่นายสากคงลืมไปว่า เมื่อตอนที่กองทัพของจอร์เจีย ที่ฝึกโดยอเมริกา และใช้อาวุธของอเมริกาและนาโต้ ถูกรัสเซียโต้กลับ และยึดเอาอาวุธไปด้วยนั้น รัสเซียส่งอาวุธทั้งหมดเข้าไปที่กองบัญชาการ เพื่อทำการวิเคราะห์ทั้งหมด หลังจากนั้นก็นำมาใช้ประจำการณ์ ตามชายแดนรัสเซีย จะด้วยเสน่ห์โบทอกซ์ ท่าเคี้ยวเนคไท การพล่ามแบบยักคิ้วหลิ่วตา หรืออะไรไม่ทราบ นายสาก ก็ได้เป็นผู้ว่าการแค้วนโอเดสสา ด่านสำคัญของยูเครน พร้อมได้รับสัญชาติยูเครน เมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้เอง คิดไปคิดมา ผมขอเปลี่ยนเป็นแสดงความนับถือ ผู้ที่ตาแหลมคม เสือกใส ให้นายสาก ออกมาจากนิวยอร์ค และเอาเขามาวางไว้ที่แคว้นโอเดสสา มันเป็นหมากที่ชั่วเหลือเชื่อ ############### ตอน 4 (จบ) พูดถึงนายสากแล้ว ไม่พูดถึงนายมอยสกี้ Ihor Kolomoyskyi เจ้าพ่อใหญ่ของยูเครน ก็จะไม่ครบเครื่อง นายมอยสกี้ ชาวยิว เจ้าพ่อใหญ่ ที่คุมเกือบทุกอย่างในยูเครน กำลังใหญ่อยู่เพลินๆ เป็นผู้ว่าการเมืองสำคัญของยูเครน ชื่อ Dnepropetrovsk อยู่ดีๆ นางฟ้า หรือนางเหยี่ยว แปลงร่างเป็นนางฟ้าก็ไม่รู้ ดันเศกนายสาก มาให้เจ้าพ่อช๊อกโกแลต ใหญ่กับใหญ่เจอกัน มันอยู่ที่ว่า คนที่อยู่ข้างหลังของใครใหญ่กว่า แล้วนายมอยสกี้ก็ถูกปลดจากตำแหน่งผู้ว่าการเมืองชื่อยาว เมื่อราวปลายเดือนมีนาคมที่ผ่าน มา เพียงแค่หนึ่งเดือน หลังจากที่นายสาก มาทำท่ายักคิ้วหลิ่วตา แค่ยักคิ้ว เท่านั้น ยูเครนก็สะเทือนแล้ว คราวนี้ ฤทธิ์ยิว ดูเหมือนจะแพ้ ฤทธิ์เหยี่ยว… นายมอยสกี้ มีคนหนุนหลังไหม น่าจะมี แต่นายสากน่ะ มีคนหนุนชัดเจนอยู่แล้ว แต่จะหนุนเพราะไม่อยากให้นายสาก กลับไปอยู่นิวยอร์ค หรือเพราะอะไรไม่แน่ใจ แต่อยู่ยูเครนนี่คงเหมาะแล้ว ยกแรกของการวัดกำลัง ดูเหมือนนายสากจะได้เปรียบ แต่นี่เหตุการณ์เพิ่งผ่านไปไม่กี่เดือน อย่าเพิ่งด่วนตัดสิน ปัญหาว่า นายช๊อกโกแลต ประธานาธิบดียูเครนคิดอะไร ที่เห็นคนนอกบ้าน ดีกว่าคนในบ้าน จะว่าเพราะนายมอยสกี้ เป็นมาเฟียเจ้าพ่อครองเมือง ที่ทำท่าจะใหญ่ หรือจริงๆก็ใหญ่กว่า ประธานาธิบดีเสียอีก เบ่งเสียจนนายช๊อกโกแลตละลายเละ แต่นายสากก็ทำตัวเหมือนอึ่งอ่างหรือคางคก แถมยังมีสถานะ เป็นว่าที่นักโทษหนีคดีตัวจริง แสบจริง และเป็นสายล่อฟ้าให้นายปูติน ฟิวส์ขาดได้ง่ายอีกด้วย นายช๊อกโกแลต คงคิดแยะ หรือไม่คิดอะไรเลย แต่คิด หรือไม่คิด ก็คงไม่มีความหมาย เพราะช๊อกโกแลตเป็นแค่หุ่น เขาสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำตาม ให้เอาต่างชาติมาเป็นรัฐมนตรี ก็ครับผม ให้เอาต่างชาติคดีติดตัวยาวเป็นหางว่าว มาเป็นผู้ว่าการแคว้นใหญ่ของประเทศ ก็ครับผม แบบนี้ไปคอยถามว่าคิดอะไร ก็เสียเวลาเปล่า น่าจะถามว่า อเมริกากับรัสเซีย จะเอายังไงมากกว่า นางเหยี่ยวนูแลนด์ เดินสายไปเมือง Tbilisi ของจอร์เจีย เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ ต้นปีนี้ จากนั้น นางเหยี่ยวจะเดินทางไปที่หมายต่อไป คือ Baku ของ Azerbaijan บั้นท้ายของนางเหยี่ยวยังไม่ทันพ้นเมืองTbilisi ก็มีข่าวลือกระฉ่อนทั่วเมืองว่า อีกไม่นาน จอร์เจียอาจมีการปฏิวัติ หรือมีการลุกฮือ ไล่รัฐบาลที่ปกครองอยู่ปัจจุบัน ซึ่งเป็นรัฐบาลที่นางเหยึ่ยวออกปากว่า เป็นพวกไม่เอาตะวันตก คือไม่เอาอเมริกา แต่เอนไปทางรัสเซียนั่นแหละ… ชอบขู่แบบนี้กันนักนะ…หลังจากนั้นไม่กี่วัน นายช๊อกโกแล็ตก็ตั้งนายสาก เป็นที่ปรึกษาใหญ่ ตามใบสั่ง ข่าวว่างานแรกของนายสาก ที่ลงมือ หลังจากเป็นที่ปรึกษาใหญ่ คือเรียกประชุม บรรดาพรรคพวก ที่สังกัดองค์กร NGO โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นเลือดร้อน เช่น Innovations and Development Foundation, the Movement for Independence and Eropean Integration, Free Zone, Azat Zone, League of Young Dipolmats กลุ่มพวกนี้ ต่างได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก National Endowment for Democracy หรือ NED ที่โด่งดังของรัฐบาลอเมริกา ไม่แปลกใจใช่ไหมครับ เรื่องของทรานนิสเตรีย ยูเครน นายสาก จอร์เจีย เกี่ยวโยงกันไหม เกี่ยวแน่นอน แต่เกี่ยวขนาดไหน และเกี่ยวกับใครอีกบ้าง อียู อยากให้มีการเซ็นสัญญาสงบศึกถาวรในยูเครน เพราะคนยุโรปยังเข็ดกับการทำสงคราม สงครามกลางเมืองยูเครนคือ ปัญหาที่จะกระทบทั้งเศรษฐกิจและความมั่นคงของยุโรป และที่ชาวยุโรปเดือดร้อนโดยตรง คือ โอกาส ขาดแคลนแก๊สจากท่อส่งของรัสเซียมายังยุโรป เรื่องนี้ อเมริกาไม่ได้มาเดือดร้อนด้วย ส่วนความต้องการของอเมริกา หรือตามที่นางเหยี่ยวบอกกับที่ประชุม ในตอนเดินสายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ว่า เราไม่ต้องการให้เขา (ยูเครนกับรัสเซีย) สงบศึก เราต้องการให้เขารบกัน เข้าใจไหม สงครามกลางเมืองในยูเครน จะเป็นโอกาสทองของเรา เพราะจะทำให้รัสเซียวอกแวก คนเรา เวลาวอกแวก จะตัดสินใจถูกต้องยาก อเมริกาต้องการให้รัสเซียเป็นอย่างนั้น นายสากจึงถูกเรียกเข้ามารับตำแหน่งอะไรก็ได้ ยัดเข้าไปก่อน ไปอยู่แถวนั้น เพื่อแหย่พยาธิคุณพี่ปูติน นี่คือความคิดของอเมริกา ที่เราควรทำความเข้าใจให้ซึ้ง สิ้นเดือนมิถุนายนนี้ เรื่องนิวเคลียร์อิหร่าน จะต้องสรุปแล้ว ว่าอเมริกากับอิหร่านพูดกันรู้ เรื่องไหม พูดเรื่องเดียวกันไหม ถ้าพูดกันรู้เรื่อง ก็มีเรื่องอย่างหนึ่ง ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่อง ก็มีเรื่องอีกอย่างหนึ่ง อเมริกา แน่นอน ต้องเตรียมแผนสกัด ไม่ให้รัสเซีย กับอิหร่านขยับมาจับมือกันแน่นกว่าเดิม แต่จะไปรอคิดแผนเอาตอนนั้นหรือ ไม่ใช่วิธีของอเมริกา อย่าลืมว่า จอร์เจีย และอาเซอร์ไบจัน มีเขตแดนติดกับอิหร่าน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ นางเหยี่ยว แวะไปทั้ง 2 แห่ง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มาถึงเดือนพฤษภาคม ที่อิยิปต์ ศาลตัดสินประหารชีวิต อดีตประธานาธิบดีมอร์ซิ ที่อเมริกาเคยสนับสนุน แต่เมื่อหมดประโยชน์ก็ถีบทิ้ง แต่ตุรกี ที่สนับสนุนมอร์ซิมาตลอด ยังเห็นใจเพื่อน และไม่พอใจอเมริกาอย่างรุนแรง แล้วตุรกีที่มีเขตแเดนติดกับอิหร่าน ก็เริ่มมีปัญหาเรื่องชาวเคิร์ด ที่อเมริกาหนุนเมื่อต้นเดือนมิถุนายน ตามมาด้วยเหตุการณ์ในและใกล้ยูเครนเกิดขึ้นพร้อมกันคือการแต่งตั้งนายสาก เป็นผู้ว่าการแคว้นโอเดสสา ที่พลเมืองส่วนใหญ่เอนไปทางรัสเซีย และการปิดกั้นทรานนิสเตรีย (จะเข้าใจการเคลื่อนไหวเหล่านี้ได้มากขึ้น ถ้าหาแผนที่มาดูตามไปด้วย) นี่คือการเดินหมากของอเมริกา เพื่อล้อม และล่อหลอกรัสเซีย ตามทฤษฏี ภูมิศาสตร์การเมือง geopolitics ฝ่ายรัสเซีย ก็ใช้ทฤษฏีเดียวกัน แต่เดินหมากกับประเทศอีกเส้นแนว ด้วยการต้อนรับกรีกที่เครมลิน เมื่อเดือนเมษายน และไปเยี่ยมอิตาลี เมื่อกลางเดือนมิถุนายนนี้เอง ถ้ารัสเซียคุยกับกรีกและอิตาลีรู้เรื่อง การเคลื่อนกองทัพเรือของอเมริกาในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อคอยกันรัสเซีย ไม่ให้ลงใต้ คงไม่ง่ายนัก แต่ทางตรงกันข้าม ถ้ารัสเซียขึ้นเหนือ ไปคิดบัญชีค้างชำระกับบางราย อเมริกาก็อาจมาช่วยไม่ทัน เพราะฉนั้น อเมริกาคงทำทุกอย่างเพื่อเป็นการบีบไม่ให้กรีกและอิตาลีแตกแถว เรื่องมันชักพัวพันขมวดเกลียวแน่นขึ้น รัสเซียจะรับมืออย่างไร ยูเครนเป็นห่วงคล้องคอรัสเซีย รัสเซียไม่อยากรบกับยูเครน ขณะเดียวกัน ก็คงทำใจเห็นคนยูเครน ที่เลือกจะไปอยู่กับรัสเซีย ประมาณเกือบ 10 ล้านคน บาดเจ็บล้มตายไม่ลง การส่งนายสากมาอยู่โอเดสสาคราวนี้ ของไอ้นักล่าใบตองแห้ง แม้จะแสดงว่าไอ้นักล่ายังไม่พร้อมรบ แต่เป็นการขยับหมากที่เหลือร้ายของไอ้นักล่า รัสเซียจะแก้เกมอย่างไร จะรับ หรือจะรุก คงต้องคอยดูเรื่องอิหร่านสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ครับ และไม่ว่า การเจรจากับอิหร่านจะออกมาอย่างไร จะมีผลกระทบกับการเมืองโลกอย่างสำคัญแน่นอน รวมทั้งกระทบถึงแดนสยามด้วย เราเตรียมตัวอะไรกันไว้บ้าง หรือรอให้มีเรื่องก่อน แล้วค่อยวางแผน แล้วอย่าลืมไอ้สากโมเด็ล เกิดไอ้นักล่าคิดเล่นเกมสกปรก เพิ่งนึกออกว่าเจอนักโทษหนีคดี ทำทีเป็นช่วยสงเคราะห์จับตัว ส่งกลับบ้านให้ ก็จำกันไว้บ้างแล้วกันนะครับ ว่ามันกำลังคิดจะเล่นอะไรกับเรา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 19 มิ.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • Rust-based CLI Tools: ทางเลือกใหม่แทนคำสั่งดั้งเดิม

    เครื่องมือ CLI ดั้งเดิมของ Linux เช่น ls, cat, และ du แม้จะทำงานได้ดี แต่ขาดความสามารถด้านการแสดงผลที่ทันสมัย เช่น สี ไอคอน หรือการจัดรูปแบบที่อ่านง่าย ภาษา Rust จึงเข้ามาเติมเต็มด้วยเครื่องมือใหม่ที่ทั้ง เร็ว ปลอดภัย และใช้งานง่าย โดยมี UX ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับยุคปัจจุบัน

    ตัวอย่างเครื่องมือที่โดดเด่น
    exa (แทน ls): เพิ่มสี ไอคอน และการเชื่อมต่อกับ Git
    bat (แทน cat): มี syntax highlighting และเลขบรรทัด
    dust (แทน du): แสดงผลการใช้พื้นที่ดิสก์แบบกราฟิกอ่านง่าย
    ripgrep (แทน grep): ค้นหาไฟล์ได้เร็วขึ้น พร้อมสีและรองรับ .gitignore
    duf (แทน df): แสดงข้อมูลดิสก์ในรูปแบบตารางที่ชัดเจน
    procs (แทน ps): แสดง process แบบ color-coded อ่านง่าย
    tldr (แทน man): คู่มือสั้น กระชับ พร้อมตัวอย่างการใช้งาน

    ประสบการณ์ใช้งานที่ทันสมัย
    เครื่องมือเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำงานได้เร็วขึ้น แต่ยังทำให้การใช้ terminal สนุกและสะดวกกว่าเดิม เช่น bottom ที่แทน top ด้วยการแสดงผลแบบกราฟสีสันสดใส หรือ hyperfine ที่ช่วย benchmark คำสั่งต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย การใช้งานจึงไม่ใช่แค่เรื่องประสิทธิภาพ แต่ยังเป็นเรื่องของ ความพึงพอใจและความสวยงาม

    ข้อควรระวังสำหรับผู้ดูแลระบบ
    แม้เครื่องมือ Rust-based จะน่าสนใจ แต่บทความเตือนว่า ผู้ดูแลระบบ (sysadmin) ไม่ควรพึ่งพาเครื่องมือเหล่านี้บนเซิร์ฟเวอร์ เนื่องจากไม่ใช่ทุกระบบที่จะติดตั้งได้ง่าย และอาจไม่พร้อมใช้งานในสภาพแวดล้อมการทำงานจริง เครื่องมือเหล่านี้เหมาะกับการใช้งานบนเครื่องส่วนตัวที่ผู้ใช้สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมได้เต็มที่

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Rust-based CLI Tools เป็นทางเลือกใหม่แทนคำสั่ง Linux ดั้งเดิม
    เน้นความเร็ว ความปลอดภัย และ UX ที่ทันสมัย

    ตัวอย่างเครื่องมือที่โดดเด่น
    exa, bat, dust, ripgrep, duf, procs, tldr, broot, zoxide, lsd, bottom, hyperfine, xplr

    เพิ่มประสบการณ์ใช้งานที่สนุกและสะดวกกว่าเดิม
    รองรับสี ไอคอน กราฟ และการเชื่อมต่อกับ Git

    ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์จริง
    ผู้ดูแลระบบอาจไม่สามารถติดตั้งหรือใช้งานได้ทุกระบบ

    เหมาะกับการใช้งานบนเครื่องส่วนตัว
    เพื่อควบคุมสภาพแวดล้อมและติดตั้งเครื่องมือได้ตามต้องการ

    https://itsfoss.com/rust-alternative-cli-tools/
    ⚙️ Rust-based CLI Tools: ทางเลือกใหม่แทนคำสั่งดั้งเดิม เครื่องมือ CLI ดั้งเดิมของ Linux เช่น ls, cat, และ du แม้จะทำงานได้ดี แต่ขาดความสามารถด้านการแสดงผลที่ทันสมัย เช่น สี ไอคอน หรือการจัดรูปแบบที่อ่านง่าย ภาษา Rust จึงเข้ามาเติมเต็มด้วยเครื่องมือใหม่ที่ทั้ง เร็ว ปลอดภัย และใช้งานง่าย โดยมี UX ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับยุคปัจจุบัน 🌈 ตัวอย่างเครื่องมือที่โดดเด่น 💠 exa (แทน ls): เพิ่มสี ไอคอน และการเชื่อมต่อกับ Git 💠 bat (แทน cat): มี syntax highlighting และเลขบรรทัด 💠 dust (แทน du): แสดงผลการใช้พื้นที่ดิสก์แบบกราฟิกอ่านง่าย 💠 ripgrep (แทน grep): ค้นหาไฟล์ได้เร็วขึ้น พร้อมสีและรองรับ .gitignore 💠 duf (แทน df): แสดงข้อมูลดิสก์ในรูปแบบตารางที่ชัดเจน 💠 procs (แทน ps): แสดง process แบบ color-coded อ่านง่าย 💠 tldr (แทน man): คู่มือสั้น กระชับ พร้อมตัวอย่างการใช้งาน 🚀 ประสบการณ์ใช้งานที่ทันสมัย เครื่องมือเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำงานได้เร็วขึ้น แต่ยังทำให้การใช้ terminal สนุกและสะดวกกว่าเดิม เช่น bottom ที่แทน top ด้วยการแสดงผลแบบกราฟสีสันสดใส หรือ hyperfine ที่ช่วย benchmark คำสั่งต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย การใช้งานจึงไม่ใช่แค่เรื่องประสิทธิภาพ แต่ยังเป็นเรื่องของ ความพึงพอใจและความสวยงาม ⚠️ ข้อควรระวังสำหรับผู้ดูแลระบบ แม้เครื่องมือ Rust-based จะน่าสนใจ แต่บทความเตือนว่า ผู้ดูแลระบบ (sysadmin) ไม่ควรพึ่งพาเครื่องมือเหล่านี้บนเซิร์ฟเวอร์ เนื่องจากไม่ใช่ทุกระบบที่จะติดตั้งได้ง่าย และอาจไม่พร้อมใช้งานในสภาพแวดล้อมการทำงานจริง เครื่องมือเหล่านี้เหมาะกับการใช้งานบนเครื่องส่วนตัวที่ผู้ใช้สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมได้เต็มที่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Rust-based CLI Tools เป็นทางเลือกใหม่แทนคำสั่ง Linux ดั้งเดิม ➡️ เน้นความเร็ว ความปลอดภัย และ UX ที่ทันสมัย ✅ ตัวอย่างเครื่องมือที่โดดเด่น ➡️ exa, bat, dust, ripgrep, duf, procs, tldr, broot, zoxide, lsd, bottom, hyperfine, xplr ✅ เพิ่มประสบการณ์ใช้งานที่สนุกและสะดวกกว่าเดิม ➡️ รองรับสี ไอคอน กราฟ และการเชื่อมต่อกับ Git ‼️ ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์จริง ⛔ ผู้ดูแลระบบอาจไม่สามารถติดตั้งหรือใช้งานได้ทุกระบบ ‼️ เหมาะกับการใช้งานบนเครื่องส่วนตัว ⛔ เพื่อควบคุมสภาพแวดล้อมและติดตั้งเครื่องมือได้ตามต้องการ https://itsfoss.com/rust-alternative-cli-tools/
    ITSFOSS.COM
    Better Than Original? 14 Rust-based Alternative CLI Tools to Classic Linux Commands
    Hyped on the Rust wagon? How about using these Rust-based, modern, easier to use, better-looking alternatives to the classic Linux commands.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • WhatsApp เปิดทางเชื่อมต่อ BirdyChat และ Haiket ตามกฎหมาย DMA ของสหภาพยุโรป

    Meta ประกาศความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ โดย WhatsApp จะสามารถเชื่อมต่อกับแอปแชทภายนอกอย่าง BirdyChat และ Haiket ได้ในยุโรป เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย Digital Markets Act (DMA) ของสหภาพยุโรปที่บังคับให้แพลตฟอร์มขนาดใหญ่ต้องเปิดทางให้บริการอื่นเข้ามาใช้งานร่วมกันได้ การทดสอบเบื้องต้นเสร็จสิ้นแล้ว และฟีเจอร์นี้จะเริ่มเปิดใช้งานเร็ว ๆ นี้บน Android และ iOS

    การเชื่อมต่อดังกล่าวจะทำให้ผู้ใช้สามารถส่งข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ และไฟล์ระหว่างแพลตฟอร์มได้อย่างราบรื่น โดยยังคงมาตรฐาน การเข้ารหัสแบบ End-to-End (E2EE) เทียบเท่ากับ WhatsApp เอง ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนในเมนู Settings เพื่อเลือกว่าจะเปิดใช้งานหรือปิดการทำงานของการแชทข้ามแพลตฟอร์มได้ตามต้องการ ถือเป็นการให้สิทธิ์ผู้ใช้ในการควบคุมความเป็นส่วนตัวและการใช้งาน

    อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ Group Chat ข้ามแอป จะยังไม่พร้อมใช้งานในช่วงแรก เนื่องจากต้องรอให้แอปพันธมิตรมีความพร้อมทางเทคนิคก่อน นอกจากนี้ WhatsApp ยังมีแผนจะขยายการเชื่อมต่อไปยังแอปอื่น ๆ อีกในอนาคต เพื่อให้ครอบคลุมตามข้อกำหนดของ DMA ซึ่งจะช่วยเพิ่มทางเลือกและลดการผูกขาดของแพลตฟอร์มรายใหญ่

    สิ่งที่น่าสนใจคือ DMA ไม่ได้บังคับเฉพาะ WhatsApp แต่ยังครอบคลุมไปถึงแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Apple และ Google ที่ต้องเปิดระบบให้บริการภายนอกเข้ามาใช้งานได้อย่างเท่าเทียม นี่จึงเป็นก้าวสำคัญของยุโรปในการสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรม และเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้ในยุคที่การสื่อสารออนไลน์เป็นหัวใจหลักของชีวิตประจำวัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    WhatsApp เปิดเชื่อมต่อกับ BirdyChat และ Haiket
    รองรับการส่งข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ และไฟล์ระหว่างแพลตฟอร์ม

    มาตรฐานความปลอดภัยยังคงเดิม
    ทุกแอปที่เชื่อมต่อ ต้องใช้การเข้ารหัส End-to-End เทียบเท่า WhatsApp

    ผู้ใช้สามารถเลือกเปิดหรือปิดฟีเจอร์ได้เอง
    มีการแจ้งเตือนใน Settings เพื่อควบคุมการใช้งาน

    Group Chat ข้ามแอปยังไม่พร้อมใช้งาน
    จะเปิดให้ใช้เมื่อพันธมิตรมีความพร้อมทางเทคนิค

    DMA บังคับใช้กับแพลตฟอร์มรายใหญ่ทั้งหมด
    Apple, Google และบริการอื่น ๆ ต้องเปิดระบบให้ใช้งานร่วมกัน

    ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบนโยบายของแอปพันธมิตร เพราะอาจมีการจัดการข้อมูลต่างกัน

    ฟีเจอร์ยังจำกัดเฉพาะมือถือ
    WhatsApp Desktop และ Web ยังไม่รองรับการเชื่อมต่อข้ามแอปในช่วงแรก

    การใช้งานอาจมีข้อจำกัดบางประการ
    เช่น ฟีเจอร์สติ๊กเกอร์หรือข้อความหายอัตโนมัติ อาจไม่รองรับในการแชทข้ามแพลตฟอร์ม

    https://securityonline.info/whatsapp-interoperability-live-meta-confirms-dma-integration-with-birdychat-and-haiket/
    📱 WhatsApp เปิดทางเชื่อมต่อ BirdyChat และ Haiket ตามกฎหมาย DMA ของสหภาพยุโรป Meta ประกาศความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ โดย WhatsApp จะสามารถเชื่อมต่อกับแอปแชทภายนอกอย่าง BirdyChat และ Haiket ได้ในยุโรป เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย Digital Markets Act (DMA) ของสหภาพยุโรปที่บังคับให้แพลตฟอร์มขนาดใหญ่ต้องเปิดทางให้บริการอื่นเข้ามาใช้งานร่วมกันได้ การทดสอบเบื้องต้นเสร็จสิ้นแล้ว และฟีเจอร์นี้จะเริ่มเปิดใช้งานเร็ว ๆ นี้บน Android และ iOS การเชื่อมต่อดังกล่าวจะทำให้ผู้ใช้สามารถส่งข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ และไฟล์ระหว่างแพลตฟอร์มได้อย่างราบรื่น โดยยังคงมาตรฐาน การเข้ารหัสแบบ End-to-End (E2EE) เทียบเท่ากับ WhatsApp เอง ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนในเมนู Settings เพื่อเลือกว่าจะเปิดใช้งานหรือปิดการทำงานของการแชทข้ามแพลตฟอร์มได้ตามต้องการ ถือเป็นการให้สิทธิ์ผู้ใช้ในการควบคุมความเป็นส่วนตัวและการใช้งาน อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ Group Chat ข้ามแอป จะยังไม่พร้อมใช้งานในช่วงแรก เนื่องจากต้องรอให้แอปพันธมิตรมีความพร้อมทางเทคนิคก่อน นอกจากนี้ WhatsApp ยังมีแผนจะขยายการเชื่อมต่อไปยังแอปอื่น ๆ อีกในอนาคต เพื่อให้ครอบคลุมตามข้อกำหนดของ DMA ซึ่งจะช่วยเพิ่มทางเลือกและลดการผูกขาดของแพลตฟอร์มรายใหญ่ สิ่งที่น่าสนใจคือ DMA ไม่ได้บังคับเฉพาะ WhatsApp แต่ยังครอบคลุมไปถึงแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Apple และ Google ที่ต้องเปิดระบบให้บริการภายนอกเข้ามาใช้งานได้อย่างเท่าเทียม นี่จึงเป็นก้าวสำคัญของยุโรปในการสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรม และเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้ในยุคที่การสื่อสารออนไลน์เป็นหัวใจหลักของชีวิตประจำวัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ WhatsApp เปิดเชื่อมต่อกับ BirdyChat และ Haiket ➡️ รองรับการส่งข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ และไฟล์ระหว่างแพลตฟอร์ม ✅ มาตรฐานความปลอดภัยยังคงเดิม ➡️ ทุกแอปที่เชื่อมต่อ ต้องใช้การเข้ารหัส End-to-End เทียบเท่า WhatsApp ✅ ผู้ใช้สามารถเลือกเปิดหรือปิดฟีเจอร์ได้เอง ➡️ มีการแจ้งเตือนใน Settings เพื่อควบคุมการใช้งาน ✅ Group Chat ข้ามแอปยังไม่พร้อมใช้งาน ➡️ จะเปิดให้ใช้เมื่อพันธมิตรมีความพร้อมทางเทคนิค ✅ DMA บังคับใช้กับแพลตฟอร์มรายใหญ่ทั้งหมด ➡️ Apple, Google และบริการอื่น ๆ ต้องเปิดระบบให้ใช้งานร่วมกัน ‼️ ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบนโยบายของแอปพันธมิตร เพราะอาจมีการจัดการข้อมูลต่างกัน ‼️ ฟีเจอร์ยังจำกัดเฉพาะมือถือ ⛔ WhatsApp Desktop และ Web ยังไม่รองรับการเชื่อมต่อข้ามแอปในช่วงแรก ‼️ การใช้งานอาจมีข้อจำกัดบางประการ ⛔ เช่น ฟีเจอร์สติ๊กเกอร์หรือข้อความหายอัตโนมัติ อาจไม่รองรับในการแชทข้ามแพลตฟอร์ม https://securityonline.info/whatsapp-interoperability-live-meta-confirms-dma-integration-with-birdychat-and-haiket/
    SECURITYONLINE.INFO
    WhatsApp Interoperability Live: Meta Confirms DMA Integration with BirdyChat and Haiket
    Meta confirmed WhatsApp is ready for DMA interoperability with third-party apps BirdyChat and Haiket. European users can soon opt in to cross-platform chats.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • Doxing, Sealioning, and Rage Farming: The Language of Online Harassment and Disinformation

    We know all too well that the internet isn’t all fun memes and hamster videos. The darker side of online life is home to trolls, spammers, and many varieties of toxic behavior, spanning from tactics intended to harass one person to nefarious attempts to spread harmful disinformation as widely as possible. For many of the practices that play out exclusively online, specialized terms have emerged, allowing us to name and shine a light on some of these actions—and their real-life consequences.

    sealioning
    Sealioning is a specific type of trolling. The general term trolling refers to harassing someone online with the intent of getting a (negative) reaction out of them. In the case of sealioning, a troll will relentlessly harass someone with questions or requests for evidence in an attempt to upset them and make their position or viewpoint seem weak or unreasonable. Sealioning is often disguised as earnest curiosity or interest in debate, but the real goal is to troll someone until they get angry or upset.

    Sealioning is a common trolling tactic used on social media. For example, a Twitter user might say that they support a higher minimum wage. In response, a sealioning troll might repeatedly and relentlessly ask them for sources that would prove the merits of higher pay scales or demand that they write detailed explanations of how increased wages have affected the economies of the world. The troll will not stop until the other person angrily lashes out (or blocks them), thus allowing the troll to paint themselves as the victim and then claim to have won the “debate” over the issue. Those who engage in sealioning are never actually interested in legitimately debating—the point is to harass and attempt to diminish.

    doxing
    Doxing, or doxxing, is the act of publishing someone’s personal information or revealing their identity without their consent. The term comes from the word docs (short for documents). Doxing is often done in an attempt to intimidate someone by invading their privacy and causing them to fear for their safety, especially due to the threats they often receive after having been doxed.

    In many cases, doxing involves revealing the identity and information of people who were otherwise anonymous or using an alias. For example, a hacker might post the real name and home address of a popular streamer or influencer who is otherwise known by a fake name. Sometimes, celebrities are the target of doxing. In one prominent incident in 2013, several high-profile celebrities, including Beyoncé and Kim Kardashian, were the victims of doxing after a hacker publicly revealed their addresses, social security numbers, and financial documents online. In a more recent instance, a Twitch gaming streamer known online as XQc was doxed and then repeatedly targeted with the practice known as swatting.

    swatting
    The term swatting refers to the practice of initiating a law enforcement response on an unsuspecting victim. Though swatting results in real-world actions, it often originates online or with the aid of digital means, such as by using software to anonymously contact 911 and report a threat or illegal activity at the target’s residence. The practice is especially used to target public figures. The word is based on the term SWAT, referring to the special police tactical units that respond to emergencies. Obviously, swatting is extremely dangerous due to the unpredictable nature of such scenarios, when law enforcement officials believe they are entering a highly dangerous situation.

    brigading
    In online contexts, the word brigading refers to a practice in which people join together to perform a coordinated action, such as rigging an online poll, downvoting or disliking content, or harassing a specific individual or group. Brigading is similar to the online practice known as dogpiling, which involves many people joining in on the act of insulting or harassing someone. Unlike dogpiling, which may be spontaneous, brigading typically follows a coordinated plan.

    Both the practice and the name for it are often traced to the forum website Reddit, where brigading (which is explicitly against the site’s rules) typically involves one community joining together to mass downvote content or to disrupt a community by posting a large amount of spam, abuse, or trolling comments. For example, a person who posts a negative review of a TV show may be targeted by users of that show’s fan forum, whose brigading might consist of messaging the original poster with abusive comments.

    firehosing
    Firehosing is a propaganda tactic that involves releasing a large amount of false information in a very short amount of time. Due to the resources often needed to pull off such an expansive disinformation strategy, the term firehosing is most often used to refer to the alleged actions of large organizations or governments.

    For example, the term firehosing has been used to describe Russian propaganda during the 2014 annexation of Crimea and the 2022 invasion of Ukraine; Chinese propaganda in response to reporting on Uyghur Muslims in 2021; and numerous incidents in which President Donald Trump and members of his administration were accused of spreading false information.

    astroturfing
    Astroturfing is a deception tactic in which an organized effort is used to create the illusion of widespread, spontaneous support for something. The goal of astroturfing is to give the false impression that something has wide support from a passionate grassroots campaign when in reality the effort is (secretly) motivated by a person or group’s personal interest. Like firehosing, the term astroturfing is often used in the context of large organizations and governments due to the resources needed to perform it.

    For example, the term has been repeatedly applied to the deceptive information practices allegedly used by the Russian government, such as attempts to create the perception of universal support for Russian president Vladimir Putin or to create the illusion of widespread opposition to Ukrainian president Volodymyr Zelenskyy during the 2022 Russian invasion of Ukraine. Elsewhere, astroturfing has been used by the media and public figures to describe attempts by businesses and special interest groups to falsely create the impression of popular support, such as for fracking, vaping, and denial of the existence of climate change.

    rage farming
    Rage farming is a slang term that refers to the practice of posting intentionally provocative political content in order to take advantage of a negative reaction that garners exposure and media attention.

    The term rage farming emerged in early 2022, first being used to describe a social media tactic used by conservative groups, such as the Texas Republican Party. The term was applied to the practice of purposefully posting provocative memes and other content in order to anger liberal opponents. The word farming in the term refers to its apparent goal of generating a large amount of critical and angry comments in hopes that the negative response draws media exposure and attention and attracts support—and donations—from like-minded people.

    สงวนลิขสิทธิ์ © 2025 AAKKHRA & Co.
    Doxing, Sealioning, and Rage Farming: The Language of Online Harassment and Disinformation We know all too well that the internet isn’t all fun memes and hamster videos. The darker side of online life is home to trolls, spammers, and many varieties of toxic behavior, spanning from tactics intended to harass one person to nefarious attempts to spread harmful disinformation as widely as possible. For many of the practices that play out exclusively online, specialized terms have emerged, allowing us to name and shine a light on some of these actions—and their real-life consequences. sealioning Sealioning is a specific type of trolling. The general term trolling refers to harassing someone online with the intent of getting a (negative) reaction out of them. In the case of sealioning, a troll will relentlessly harass someone with questions or requests for evidence in an attempt to upset them and make their position or viewpoint seem weak or unreasonable. Sealioning is often disguised as earnest curiosity or interest in debate, but the real goal is to troll someone until they get angry or upset. Sealioning is a common trolling tactic used on social media. For example, a Twitter user might say that they support a higher minimum wage. In response, a sealioning troll might repeatedly and relentlessly ask them for sources that would prove the merits of higher pay scales or demand that they write detailed explanations of how increased wages have affected the economies of the world. The troll will not stop until the other person angrily lashes out (or blocks them), thus allowing the troll to paint themselves as the victim and then claim to have won the “debate” over the issue. Those who engage in sealioning are never actually interested in legitimately debating—the point is to harass and attempt to diminish. doxing Doxing, or doxxing, is the act of publishing someone’s personal information or revealing their identity without their consent. The term comes from the word docs (short for documents). Doxing is often done in an attempt to intimidate someone by invading their privacy and causing them to fear for their safety, especially due to the threats they often receive after having been doxed. In many cases, doxing involves revealing the identity and information of people who were otherwise anonymous or using an alias. For example, a hacker might post the real name and home address of a popular streamer or influencer who is otherwise known by a fake name. Sometimes, celebrities are the target of doxing. In one prominent incident in 2013, several high-profile celebrities, including Beyoncé and Kim Kardashian, were the victims of doxing after a hacker publicly revealed their addresses, social security numbers, and financial documents online. In a more recent instance, a Twitch gaming streamer known online as XQc was doxed and then repeatedly targeted with the practice known as swatting. swatting The term swatting refers to the practice of initiating a law enforcement response on an unsuspecting victim. Though swatting results in real-world actions, it often originates online or with the aid of digital means, such as by using software to anonymously contact 911 and report a threat or illegal activity at the target’s residence. The practice is especially used to target public figures. The word is based on the term SWAT, referring to the special police tactical units that respond to emergencies. Obviously, swatting is extremely dangerous due to the unpredictable nature of such scenarios, when law enforcement officials believe they are entering a highly dangerous situation. brigading In online contexts, the word brigading refers to a practice in which people join together to perform a coordinated action, such as rigging an online poll, downvoting or disliking content, or harassing a specific individual or group. Brigading is similar to the online practice known as dogpiling, which involves many people joining in on the act of insulting or harassing someone. Unlike dogpiling, which may be spontaneous, brigading typically follows a coordinated plan. Both the practice and the name for it are often traced to the forum website Reddit, where brigading (which is explicitly against the site’s rules) typically involves one community joining together to mass downvote content or to disrupt a community by posting a large amount of spam, abuse, or trolling comments. For example, a person who posts a negative review of a TV show may be targeted by users of that show’s fan forum, whose brigading might consist of messaging the original poster with abusive comments. firehosing Firehosing is a propaganda tactic that involves releasing a large amount of false information in a very short amount of time. Due to the resources often needed to pull off such an expansive disinformation strategy, the term firehosing is most often used to refer to the alleged actions of large organizations or governments. For example, the term firehosing has been used to describe Russian propaganda during the 2014 annexation of Crimea and the 2022 invasion of Ukraine; Chinese propaganda in response to reporting on Uyghur Muslims in 2021; and numerous incidents in which President Donald Trump and members of his administration were accused of spreading false information. astroturfing Astroturfing is a deception tactic in which an organized effort is used to create the illusion of widespread, spontaneous support for something. The goal of astroturfing is to give the false impression that something has wide support from a passionate grassroots campaign when in reality the effort is (secretly) motivated by a person or group’s personal interest. Like firehosing, the term astroturfing is often used in the context of large organizations and governments due to the resources needed to perform it. For example, the term has been repeatedly applied to the deceptive information practices allegedly used by the Russian government, such as attempts to create the perception of universal support for Russian president Vladimir Putin or to create the illusion of widespread opposition to Ukrainian president Volodymyr Zelenskyy during the 2022 Russian invasion of Ukraine. Elsewhere, astroturfing has been used by the media and public figures to describe attempts by businesses and special interest groups to falsely create the impression of popular support, such as for fracking, vaping, and denial of the existence of climate change. rage farming Rage farming is a slang term that refers to the practice of posting intentionally provocative political content in order to take advantage of a negative reaction that garners exposure and media attention. The term rage farming emerged in early 2022, first being used to describe a social media tactic used by conservative groups, such as the Texas Republican Party. The term was applied to the practice of purposefully posting provocative memes and other content in order to anger liberal opponents. The word farming in the term refers to its apparent goal of generating a large amount of critical and angry comments in hopes that the negative response draws media exposure and attention and attracts support—and donations—from like-minded people. สงวนลิขสิทธิ์ © 2025 AAKKHRA & Co.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ไว้วางใจ อนุทิน-สหรัฐฯ-มาเลเซีย

    กรณีที่สหรัฐอเมริกาขอระงับ (Suspend) การเจรจากรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างไทยกับสหรัฐฯ (Agreement on Reciprocal Trade Framework) ชั่วคราว จนกว่าไทยจะกลับมาปฎิบัติตามคำแถลงร่วม (Joint Declaration) ปฎิญญาสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชา สร้างความไม่พอใจต่อคนไทยอย่างกว้างขวาง เพราะแม้จะลงนามคำแถลงร่วมไปแล้ว แต่กัมพูชาไม่ปฏิบัติตามและละเมิดเงื่อนไข โดยเฉพาะกรณีที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณห้วยตามาเรีย ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.ศรีสะเกษ ทำให้ทหารไทยต้องสูญเสียข้อเท้าขวาเป็นรายที่ 7 ซึ่งพบว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่

    แม้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย อ้างว่าหนังสือจากรองผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ส่งมาให้ไทย เกิดขึ้นก่อนการพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา แต่ไม่อาจคลายความกังวลของคนไทยทั้งประเทศ เพราะเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาและมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนปี 2025 เข้าข้างและสนับสนุนกัมพูชา อีกทั้งนายอนุทินเรียกร้องแค่ให้กัมพูชาขอโทษต่อคนไทยกรณีทุ่นระเบิดนั้นไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับความสูญเสียในช่วงที่ผ่านมา

    โดยเฉพาะกรณีทหารกัมพูชาใช้เครื่องยิงจรวด BM-21 ยิงใส่เป้าหมายพลเรือนของไทยทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน ร้านสะดวกซื้อ สถานีบริการน้ำมันแบบไม่เลือกหน้า เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 13 ราย บาดเจ็บ 32 ราย เป็นผลจากความบ้าคลั่งของ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยไร้ความรับผิดชอบอย่างจริงใจ คือต้นเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาขาดสะบั้น สร้างบาดแผลลึกในใจคนไทย ยากที่จะกลับมาไว้วางใจได้อีก

    ข้อตกลงหยุดยิงและปฎิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ตั้งแต่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ฉวยโอกาส ต้องการแสวงหาการยอมรับและความน่าเชื่อถือ โดยทำลายหลักการอาเซียนที่ไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศสมาชิก และความทะเยอทะยานของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการรางวัลสันติภาพเพื่อสร้างความยอมรับ แต่ไม่ดูถึงสาเหตุที่แท้จริงของความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา อีกทั้งสันติภาพที่ผู้นำกัมพูชากล่าวเป็นเพียงลมปาก ลับหลังยังคงเป็นภัยคุกคามประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

    นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมที่สำนักข่าวแห่งชาติมาเลเซีย BERNAMA รายงานข่าวว่าเป็นทุ่นระเบิดเก่า ก่อนอ้างว่าแปลจากภาษามาเลย์ผิด ถูกกัมพูชานำไปขยายผลโจมตีประเทศไทยซ้ำอีก กลายเป็นสถานการณ์ที่คนไทยต่างไม่น่าไว้วางใจทั้งนายกฯ อนุทิน ประธานอาเซียนอย่างอันวาร์ และประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ

    #Newskit
    ไม่ไว้วางใจ อนุทิน-สหรัฐฯ-มาเลเซีย กรณีที่สหรัฐอเมริกาขอระงับ (Suspend) การเจรจากรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างไทยกับสหรัฐฯ (Agreement on Reciprocal Trade Framework) ชั่วคราว จนกว่าไทยจะกลับมาปฎิบัติตามคำแถลงร่วม (Joint Declaration) ปฎิญญาสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชา สร้างความไม่พอใจต่อคนไทยอย่างกว้างขวาง เพราะแม้จะลงนามคำแถลงร่วมไปแล้ว แต่กัมพูชาไม่ปฏิบัติตามและละเมิดเงื่อนไข โดยเฉพาะกรณีที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณห้วยตามาเรีย ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.ศรีสะเกษ ทำให้ทหารไทยต้องสูญเสียข้อเท้าขวาเป็นรายที่ 7 ซึ่งพบว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ แม้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย อ้างว่าหนังสือจากรองผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ส่งมาให้ไทย เกิดขึ้นก่อนการพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา แต่ไม่อาจคลายความกังวลของคนไทยทั้งประเทศ เพราะเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาและมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนปี 2025 เข้าข้างและสนับสนุนกัมพูชา อีกทั้งนายอนุทินเรียกร้องแค่ให้กัมพูชาขอโทษต่อคนไทยกรณีทุ่นระเบิดนั้นไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับความสูญเสียในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีทหารกัมพูชาใช้เครื่องยิงจรวด BM-21 ยิงใส่เป้าหมายพลเรือนของไทยทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน ร้านสะดวกซื้อ สถานีบริการน้ำมันแบบไม่เลือกหน้า เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 13 ราย บาดเจ็บ 32 ราย เป็นผลจากความบ้าคลั่งของ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยไร้ความรับผิดชอบอย่างจริงใจ คือต้นเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาขาดสะบั้น สร้างบาดแผลลึกในใจคนไทย ยากที่จะกลับมาไว้วางใจได้อีก ข้อตกลงหยุดยิงและปฎิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ตั้งแต่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ฉวยโอกาส ต้องการแสวงหาการยอมรับและความน่าเชื่อถือ โดยทำลายหลักการอาเซียนที่ไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศสมาชิก และความทะเยอทะยานของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการรางวัลสันติภาพเพื่อสร้างความยอมรับ แต่ไม่ดูถึงสาเหตุที่แท้จริงของความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา อีกทั้งสันติภาพที่ผู้นำกัมพูชากล่าวเป็นเพียงลมปาก ลับหลังยังคงเป็นภัยคุกคามประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมที่สำนักข่าวแห่งชาติมาเลเซีย BERNAMA รายงานข่าวว่าเป็นทุ่นระเบิดเก่า ก่อนอ้างว่าแปลจากภาษามาเลย์ผิด ถูกกัมพูชานำไปขยายผลโจมตีประเทศไทยซ้ำอีก กลายเป็นสถานการณ์ที่คนไทยต่างไม่น่าไว้วางใจทั้งนายกฯ อนุทิน ประธานอาเซียนอย่างอันวาร์ และประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ #Newskit
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Hello” ของ Lionel Richie: เพลงรักในตำนานที่เริ่มจากคำพูดเล่นๆ แล้วกลายเป็นความรู้สึกจริงจัง

    เคยไหม…แอบชอบใครสักคนแต่ไม่กล้าบอก? แค่สบตาก็ใจสั่น แต่ก็ได้แค่คิดในใจว่า “เธอจะรู้ไหมนะ?” ถ้าเคย—งั้นคุณเข้าใจเพลง “Hello” ของ Lionel Richie ได้แน่นอน
    เพลงนี้ไม่ใช่แค่เพลงรักธรรมดา แต่มันคือเสียงของความรู้สึกที่ไม่กล้าพูดออกไป เป็นบทเพลงที่อยู่ในใจคนฟังมาหลายสิบปี และยังคงโดนใจวัยรุ่นยุคนี้ไม่แพ้กัน เพราะมันพูดแทนใจของคนที่กำลังตกหลุมรักแบบเงียบๆ ได้อย่างตรงจุด

    🏃‍➡️ จุดเริ่มต้นของเพลงที่มาจากความเขิน
    ย้อนกลับไปในยุค 80s Lionel Richie ศิลปินหนุ่มจากเมือง Tuskegee รัฐ Alabama กำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ของชีวิต เขาเพิ่งแยกตัวจากวง Commodores และเริ่มต้นเส้นทางศิลปินเดี่ยวอย่างเต็มตัว
    วันหนึ่งในสตูดิโอ เขาพูดประโยคหนึ่งขึ้นมาแบบไม่ได้ตั้งใจว่า “Hello… is it me you’re looking for?” ซึ่งเป็นประโยคที่เขามักคิดในใจเวลาสบตากับผู้หญิงที่เขาแอบชอบในวัยเรียน แต่ไม่เคยกล้าพูดออกไปจริงๆ
    โปรดิวเซอร์ของเขา James Anthony Carmichael ได้ยินเข้าและรีบกระตุ้นให้เขาแต่งเพลงจากประโยคนั้น แม้ Richie จะลังเล เพราะคิดว่ามันดูเชยและธรรมดาเกินไป แต่ภรรยาในตอนนั้นกลับเห็นว่า มันคือประโยคที่จริงใจและกินใจที่สุด สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจเขียนเพลงนี้ขึ้นมา และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ “Hello”

    ความสำเร็จที่ไม่มีใครคาดคิด
    เมื่อ “Hello” ถูกปล่อยออกมาในปี 1984 มันกลายเป็นเพลงที่โด่งดังในชั่วข้ามคืน ขึ้นอันดับ 1 บน Billboard Hot 100 และครองอันดับ 1 บน UK Singles Chart ถึง 6 สัปดาห์ติดต่อกัน เพลงนี้ยังได้รับการรับรองยอดขายระดับ Gold และ Platinum ในหลายประเทศทั่วโลก
    แต่สิ่งที่ทำให้ “Hello” กลายเป็นมากกว่าแค่เพลงฮิต คือความสามารถในการเชื่อมโยงกับความรู้สึกของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นที่กำลังแอบรัก หรือคนที่เคยมีความรักที่ไม่สมหวัง ทุกคนล้วนเคยมีช่วงเวลาที่อยากพูดอะไรบางอย่างกับใครสักคน แต่ก็ไม่กล้าพอจะพูดออกไป
    วลี “Hello, is it me you’re looking for?” กลายเป็นประโยคอมตะที่ถูกนำไปใช้ในโฆษณา มีม คลิปวิดีโอ และบทสนทนาในชีวิตประจำวัน มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่อ่อนโยนและเปราะบาง

    มิวสิกวิดีโอที่ทั้งเชยและน่าจดจำ
    มิวสิกวิดีโอของเพลงนี้กำกับโดย Bob Giraldi ผู้กำกับชื่อดังที่เคยร่วมงานกับ Michael Jackson ใน “Beat It” วิดีโอเล่าเรื่องครูสอนการแสดงที่แอบหลงรักนักเรียนสาวตาบอด ซึ่งแอบปั้นรูปปั้นศีรษะของเขาออกมาได้อย่างเหมือนจริง
    แม้วิดีโอจะถูกล้อเลียนว่าเชยและติดอันดับ “มิวสิกวิดีโอที่แย่ที่สุด” ในบางโพล แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่ามันกลายเป็นภาพจำที่คนทั่วโลกรู้จัก และช่วยให้เพลงนี้เป็นที่จดจำมากยิ่งขึ้น
    ในยุคที่มิวสิกวิดีโอเพิ่งเริ่มได้รับความนิยม “Hello” คือหนึ่งในตัวอย่างของการใช้ภาพเล่าเรื่องเพื่อเสริมพลังให้กับเพลง และแม้จะดูเชยในสายตาบางคน แต่มันก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้คนดูยิ้มได้เสมอ

    Lionel Richie: จากเด็กขี้อายสู่ศิลปินระดับโลก
    Lionel Richie ไม่ใช่แค่เจ้าของเสียงนุ่มๆ ที่ทำให้คนฟังใจละลาย แต่เขายังเป็นนักแต่งเพลงมือทองที่อยู่เบื้องหลังเพลงฮิตมากมาย
    เขาเริ่มต้นเส้นทางดนตรีกับวง Commodores วงโซล–ฟังก์ชื่อดังในยุค 70s ที่มีเพลงฮิตอย่าง “Easy” และ “Three Times a Lady” ก่อนจะออกอัลบั้มเดี่ยวในปี 1982 และกลายเป็นศิลปินเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง
    นอกจาก “Hello” แล้ว เขายังมีเพลงดังอีกมากมาย เช่น “All Night Long”, “Say You, Say Me”, “Endless Love” (ร้องคู่กับ Diana Ross) และ “We Are the World” ที่เขาร่วมเขียนกับ Michael Jackson เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในแอฟริกา
    ด้วยยอดขายกว่า 100 ล้านชุดทั่วโลก และรางวัลมากมายทั้ง Grammy, Oscar, Golden Globe รวมถึงการได้เข้าหอเกียรติยศ Rock & Roll Hall of Fame Richie จึงถือเป็นหนึ่งในศิลปินที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรี
    แม้วันนี้เขาจะอายุเกิน 70 ปีแล้ว แต่ยังคงแสดงสดทั่วโลก และเป็นกรรมการในรายการ American Idol ซึ่งทำให้เขายังคงเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ฟังรุ่นใหม่

    “Hello” กับความหมายที่ไม่เคยเก่า
    สิ่งที่ทำให้ “Hello” ยืนยาวมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่แค่เพราะเสียงร้องของ Richie หรือทำนองที่ไพเราะเท่านั้น แต่เป็นเพราะเนื้อหาของเพลงที่พูดถึงความรู้สึกที่เป็นสากล—ความรักที่ไม่กล้าบอก
    มันคือเพลงของคนที่กำลังแอบรัก เพลงของคนที่อยากพูดบางอย่างแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง เพลงของคนที่หวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจโดยไม่ต้องพูดอะไรเลย
    และนั่นคือเหตุผลที่ “Hello” ยังคงถูกเปิดฟังอยู่ทุกวันใน Spotify, YouTube และแพลตฟอร์มอื่นๆ มันยังถูกใช้ในหนัง ซีรีส์ รายการทีวี และคอนเสิร์ตมากมาย เพราะมันคือเพลงที่ไม่ว่าใครก็สามารถอินได้

    จากอดีตถึงปัจจุบัน: เพลงที่เชื่อมใจคนรุ่นใหม่
    แม้จะเป็นเพลงจากยุค 80s แต่ “Hello” ก็ยังมีพลังพิเศษที่ทำให้คนรุ่นใหม่รู้สึกเชื่อมโยงได้อย่างไม่น่าเชื่อ
    ในยุคที่การสื่อสารรวดเร็วผ่านแชตและโซเชียลมีเดีย บางครั้งเราก็ยังรู้สึก “พูดไม่ออก” เวลาจะสารภาพความในใจ เพลงนี้จึงยังคงสะท้อนความรู้สึกของคนยุคนี้ได้อย่างตรงจุด
    หลายคนอาจเคยใช้วลี “Hello, is it me you’re looking for?” เป็นแคปชันในไอจี หรือแซวเพื่อนในแชต แต่ลึกๆ แล้ว มันคือเสียงของความรู้สึกที่เราทุกคนเคยมี—ความหวังเล็กๆ ว่าใครสักคนจะมองเห็นเรา

    “Hello” ของ Lionel Richie คือเพลงที่เริ่มจากคำพูดเล่นๆ แต่กลายเป็นความรู้สึกจริงจัง เป็นเพลงที่ไม่ต้องมีบีตแรง ไม่ต้องมีแร็ปเท่ๆ แค่ประโยคเดียวก็พอจะทำให้ใจสั่น—
    “Hello… is it me you’re looking for?”
    และนั่นแหละ คือความโรแมนติกที่ไม่มีวันตกยุค

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://www.youtube.com/watch?v=mHONNcZbwDY
    💿🕺 “Hello” ของ Lionel Richie: เพลงรักในตำนานที่เริ่มจากคำพูดเล่นๆ แล้วกลายเป็นความรู้สึกจริงจัง 💘 เคยไหม…แอบชอบใครสักคนแต่ไม่กล้าบอก? แค่สบตาก็ใจสั่น แต่ก็ได้แค่คิดในใจว่า “เธอจะรู้ไหมนะ?” ถ้าเคย—งั้นคุณเข้าใจเพลง “Hello” ของ Lionel Richie ได้แน่นอน เพลงนี้ไม่ใช่แค่เพลงรักธรรมดา แต่มันคือเสียงของความรู้สึกที่ไม่กล้าพูดออกไป เป็นบทเพลงที่อยู่ในใจคนฟังมาหลายสิบปี และยังคงโดนใจวัยรุ่นยุคนี้ไม่แพ้กัน เพราะมันพูดแทนใจของคนที่กำลังตกหลุมรักแบบเงียบๆ ได้อย่างตรงจุด 🏃‍➡️ จุดเริ่มต้นของเพลงที่มาจากความเขิน ย้อนกลับไปในยุค 80s Lionel Richie ศิลปินหนุ่มจากเมือง Tuskegee รัฐ Alabama กำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ของชีวิต เขาเพิ่งแยกตัวจากวง Commodores และเริ่มต้นเส้นทางศิลปินเดี่ยวอย่างเต็มตัว วันหนึ่งในสตูดิโอ เขาพูดประโยคหนึ่งขึ้นมาแบบไม่ได้ตั้งใจว่า “Hello… is it me you’re looking for?” ซึ่งเป็นประโยคที่เขามักคิดในใจเวลาสบตากับผู้หญิงที่เขาแอบชอบในวัยเรียน แต่ไม่เคยกล้าพูดออกไปจริงๆ โปรดิวเซอร์ของเขา James Anthony Carmichael ได้ยินเข้าและรีบกระตุ้นให้เขาแต่งเพลงจากประโยคนั้น แม้ Richie จะลังเล เพราะคิดว่ามันดูเชยและธรรมดาเกินไป แต่ภรรยาในตอนนั้นกลับเห็นว่า มันคือประโยคที่จริงใจและกินใจที่สุด สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจเขียนเพลงนี้ขึ้นมา และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ “Hello” 🎖️ ความสำเร็จที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อ “Hello” ถูกปล่อยออกมาในปี 1984 มันกลายเป็นเพลงที่โด่งดังในชั่วข้ามคืน ขึ้นอันดับ 1 บน Billboard Hot 100 และครองอันดับ 1 บน UK Singles Chart ถึง 6 สัปดาห์ติดต่อกัน เพลงนี้ยังได้รับการรับรองยอดขายระดับ Gold และ Platinum ในหลายประเทศทั่วโลก แต่สิ่งที่ทำให้ “Hello” กลายเป็นมากกว่าแค่เพลงฮิต คือความสามารถในการเชื่อมโยงกับความรู้สึกของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นที่กำลังแอบรัก หรือคนที่เคยมีความรักที่ไม่สมหวัง ทุกคนล้วนเคยมีช่วงเวลาที่อยากพูดอะไรบางอย่างกับใครสักคน แต่ก็ไม่กล้าพอจะพูดออกไป วลี “Hello, is it me you’re looking for?” กลายเป็นประโยคอมตะที่ถูกนำไปใช้ในโฆษณา มีม คลิปวิดีโอ และบทสนทนาในชีวิตประจำวัน มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่อ่อนโยนและเปราะบาง 📺 มิวสิกวิดีโอที่ทั้งเชยและน่าจดจำ 📝 มิวสิกวิดีโอของเพลงนี้กำกับโดย Bob Giraldi ผู้กำกับชื่อดังที่เคยร่วมงานกับ Michael Jackson ใน “Beat It” วิดีโอเล่าเรื่องครูสอนการแสดงที่แอบหลงรักนักเรียนสาวตาบอด ซึ่งแอบปั้นรูปปั้นศีรษะของเขาออกมาได้อย่างเหมือนจริง แม้วิดีโอจะถูกล้อเลียนว่าเชยและติดอันดับ “มิวสิกวิดีโอที่แย่ที่สุด” ในบางโพล แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่ามันกลายเป็นภาพจำที่คนทั่วโลกรู้จัก และช่วยให้เพลงนี้เป็นที่จดจำมากยิ่งขึ้น ในยุคที่มิวสิกวิดีโอเพิ่งเริ่มได้รับความนิยม “Hello” คือหนึ่งในตัวอย่างของการใช้ภาพเล่าเรื่องเพื่อเสริมพลังให้กับเพลง และแม้จะดูเชยในสายตาบางคน แต่มันก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้คนดูยิ้มได้เสมอ 🧑‍🎤 Lionel Richie: จากเด็กขี้อายสู่ศิลปินระดับโลก Lionel Richie ไม่ใช่แค่เจ้าของเสียงนุ่มๆ ที่ทำให้คนฟังใจละลาย แต่เขายังเป็นนักแต่งเพลงมือทองที่อยู่เบื้องหลังเพลงฮิตมากมาย เขาเริ่มต้นเส้นทางดนตรีกับวง Commodores วงโซล–ฟังก์ชื่อดังในยุค 70s ที่มีเพลงฮิตอย่าง “Easy” และ “Three Times a Lady” ก่อนจะออกอัลบั้มเดี่ยวในปี 1982 และกลายเป็นศิลปินเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง นอกจาก “Hello” แล้ว เขายังมีเพลงดังอีกมากมาย เช่น “All Night Long”, “Say You, Say Me”, “Endless Love” (ร้องคู่กับ Diana Ross) และ “We Are the World” ที่เขาร่วมเขียนกับ Michael Jackson เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในแอฟริกา ด้วยยอดขายกว่า 100 ล้านชุดทั่วโลก และรางวัลมากมายทั้ง Grammy, Oscar, Golden Globe รวมถึงการได้เข้าหอเกียรติยศ Rock & Roll Hall of Fame Richie จึงถือเป็นหนึ่งในศิลปินที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรี แม้วันนี้เขาจะอายุเกิน 70 ปีแล้ว แต่ยังคงแสดงสดทั่วโลก และเป็นกรรมการในรายการ American Idol ซึ่งทำให้เขายังคงเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ฟังรุ่นใหม่ 🎵 “Hello” กับความหมายที่ไม่เคยเก่า สิ่งที่ทำให้ “Hello” ยืนยาวมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่แค่เพราะเสียงร้องของ Richie หรือทำนองที่ไพเราะเท่านั้น แต่เป็นเพราะเนื้อหาของเพลงที่พูดถึงความรู้สึกที่เป็นสากล—ความรักที่ไม่กล้าบอก มันคือเพลงของคนที่กำลังแอบรัก เพลงของคนที่อยากพูดบางอย่างแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง เพลงของคนที่หวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจโดยไม่ต้องพูดอะไรเลย และนั่นคือเหตุผลที่ “Hello” ยังคงถูกเปิดฟังอยู่ทุกวันใน Spotify, YouTube และแพลตฟอร์มอื่นๆ มันยังถูกใช้ในหนัง ซีรีส์ รายการทีวี และคอนเสิร์ตมากมาย เพราะมันคือเพลงที่ไม่ว่าใครก็สามารถอินได้ 🛣️ จากอดีตถึงปัจจุบัน: เพลงที่เชื่อมใจคนรุ่นใหม่ แม้จะเป็นเพลงจากยุค 80s แต่ “Hello” ก็ยังมีพลังพิเศษที่ทำให้คนรุ่นใหม่รู้สึกเชื่อมโยงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ในยุคที่การสื่อสารรวดเร็วผ่านแชตและโซเชียลมีเดีย บางครั้งเราก็ยังรู้สึก “พูดไม่ออก” เวลาจะสารภาพความในใจ เพลงนี้จึงยังคงสะท้อนความรู้สึกของคนยุคนี้ได้อย่างตรงจุด หลายคนอาจเคยใช้วลี “Hello, is it me you’re looking for?” เป็นแคปชันในไอจี หรือแซวเพื่อนในแชต แต่ลึกๆ แล้ว มันคือเสียงของความรู้สึกที่เราทุกคนเคยมี—ความหวังเล็กๆ ว่าใครสักคนจะมองเห็นเรา “Hello” ของ Lionel Richie คือเพลงที่เริ่มจากคำพูดเล่นๆ แต่กลายเป็นความรู้สึกจริงจัง เป็นเพลงที่ไม่ต้องมีบีตแรง ไม่ต้องมีแร็ปเท่ๆ แค่ประโยคเดียวก็พอจะทำให้ใจสั่น— “Hello… is it me you’re looking for?” และนั่นแหละ คือความโรแมนติกที่ไม่มีวันตกยุค #ลุงเล่าหลานฟัง https://www.youtube.com/watch?v=mHONNcZbwDY
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • “มีใครบ้าง...ที่ไม่ชอบกุนเชียงหมู?
    โดยเฉพาะกุนเชียงหมู ที่ทั้งหอม ทั้งนุ่ม
    ทอดก็กรอบนอกนุ่มใน หั่นบาง ๆ โปะข้าวสวยร้อน ๆ โอ้โห... ฟินไม่ไหว
    ของร้านเราสะอาด ทำจากเนื้อหมูจริง ๆ
    ไม่มีสารกันบูด ทอดแล้วไม่มันเยิ้ม กินแล้วไม่เลี่ยน
    จะทำข้าวผัดกุนเชียง ไข่เจียวกุนเชียง หรือแค่กินเปล่า ๆ เสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยทุกคำ
    เก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน ทานง่าย หิวเมื่อไหร่ก็พร้อมเสิร์ฟ
    นี่เราไม่ได้มาเล่น ๆ... เค้ามาอร่อยจริงจัง ปังไม่ไหวววว

    กดสั่งซื้อในตะกร้าด้านล่างได้เลยค่ะ

    ⭕️

    กุนเชียงหมู ใน TikTok
    https://vt.tiktok.com/ZSMYbDdHr/

    กุนเชียงหมู ใน Shopee
    https://th.shp.ee/icytTqn

    กุนเชียงปลา ใน TikTok
    https://vt.tiktok.com/ZSMYgRyc2/

    กุนเชียงปลา ใน Shopee
    https://th.shp.ee/UP94YQL

    เลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง
    1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop
    2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1

    เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ

    #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาเกล็ดขาว #กุนเชียงหมู #กุนเชียงปลา

    #songkran2025
    “มีใครบ้าง...ที่ไม่ชอบกุนเชียงหมู? โดยเฉพาะกุนเชียงหมู ที่ทั้งหอม ทั้งนุ่ม ทอดก็กรอบนอกนุ่มใน หั่นบาง ๆ โปะข้าวสวยร้อน ๆ โอ้โห... ฟินไม่ไหว ของร้านเราสะอาด ทำจากเนื้อหมูจริง ๆ ไม่มีสารกันบูด ทอดแล้วไม่มันเยิ้ม กินแล้วไม่เลี่ยน จะทำข้าวผัดกุนเชียง ไข่เจียวกุนเชียง หรือแค่กินเปล่า ๆ เสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยทุกคำ เก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน ทานง่าย หิวเมื่อไหร่ก็พร้อมเสิร์ฟ นี่เราไม่ได้มาเล่น ๆ... เค้ามาอร่อยจริงจัง ปังไม่ไหวววว กดสั่งซื้อในตะกร้าด้านล่างได้เลยค่ะ 🌶️♨️⭕️ กุนเชียงหมู 🙂 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMYbDdHr/ กุนเชียงหมู 🙂 ใน Shopee https://th.shp.ee/icytTqn กุนเชียงปลา 🐟🐠 🙂 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMYgRyc2/ กุนเชียงปลา 🐠🐟 🙂 ใน Shopee https://th.shp.ee/UP94YQL เลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง 1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop 2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1 เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาเกล็ดขาว #กุนเชียงหมู #กุนเชียงปลา #songkran2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • Mesa 25.3 อัปเดตใหม่ เพิ่มการรองรับเกมจำนวนมากบน Linux

    ทีมพัฒนา Mesa ได้ปล่อย Mesa 25.3 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ Open-Source Graphics Stack โดยมาพร้อมการปรับปรุงครั้งใหญ่ทั้งในด้าน Vulkan และ OpenGL drivers รวมถึงการรองรับเกมใหม่ๆ ที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้ Linux สามารถเล่นเกมที่เคยมีปัญหากับการเรนเดอร์หรือประสิทธิภาพได้อย่างราบรื่นกว่าเดิม

    หนึ่งในไฮไลท์คือการเพิ่มการรองรับ Vulkan 1.2 สำหรับ PVR driver, การปรับปรุง NVK driver ให้รองรับ Blackwell GPUs, และการเพิ่ม Vulkan extensions ใน PanVK, ANV, RADV, NVK, HoneyKrisp และ PVR drivers นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง OpenGL extensions สำหรับ V3D, Panfrost, R300, Zink และ RadeonSI drivers ซึ่งช่วยให้การทำงานของเกมและแอปพลิเคชันที่ใช้กราฟิกขั้นสูงมีความเสถียรมากขึ้น

    ในด้านการเล่นเกม Mesa 25.3 ได้เพิ่มการรองรับเกมใหม่ๆ เช่น Indiana Jones and the Great Circle, Borderlands 4, Resident Evil 4: Separate Ways DLC, Doom: The Dark Ages, Baldur’s Gate 3, Final Fantasy XVI, Hades 2, Cyberpunk 2077, Ghost of Tsushima และ Red Dead Redemption 2 รวมถึงเกมอินดี้และเกม AAA อีกหลายรายการที่ผู้ใช้ Linux รอคอย

    ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด Mesa 25.3 source tarball ได้จากเว็บไซต์ทางการ หรือรอให้เวอร์ชันนี้เข้าสู่ stable repositories ของดิสทริบิวชัน Linux ต่างๆ เช่น Ubuntu, Fedora และ Arch Linux เพื่อใช้งานได้ทันที

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การปรับปรุงใน Mesa 25.3
    รองรับ Vulkan 1.2 สำหรับ PVR driver
    เพิ่ม Vulkan และ OpenGL extensions ในหลาย driver

    การรองรับเกมใหม่
    Indiana Jones and the Great Circle, Borderlands 4, Resident Evil 4 DLC
    Doom: The Dark Ages, Baldur’s Gate 3, Final Fantasy XVI, Cyberpunk 2077

    การใช้งานและการติดตั้ง
    ดาวน์โหลด source tarball ได้จากเว็บไซต์ทางการ
    รออัปเดตใน stable repositories ของ Linux distros

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    หากยังใช้ Mesa เวอร์ชันเก่า อาจพบปัญหากับเกมใหม่และประสิทธิภาพต่ำ
    การละเลยการอัปเดตอาจทำให้ไม่สามารถเล่นเกมที่รองรับใหม่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

    https://9to5linux.com/mesa-25-3-open-source-graphics-stack-improves-support-for-many-video-games
    🎮 Mesa 25.3 อัปเดตใหม่ เพิ่มการรองรับเกมจำนวนมากบน Linux ทีมพัฒนา Mesa ได้ปล่อย Mesa 25.3 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ Open-Source Graphics Stack โดยมาพร้อมการปรับปรุงครั้งใหญ่ทั้งในด้าน Vulkan และ OpenGL drivers รวมถึงการรองรับเกมใหม่ๆ ที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้ Linux สามารถเล่นเกมที่เคยมีปัญหากับการเรนเดอร์หรือประสิทธิภาพได้อย่างราบรื่นกว่าเดิม หนึ่งในไฮไลท์คือการเพิ่มการรองรับ Vulkan 1.2 สำหรับ PVR driver, การปรับปรุง NVK driver ให้รองรับ Blackwell GPUs, และการเพิ่ม Vulkan extensions ใน PanVK, ANV, RADV, NVK, HoneyKrisp และ PVR drivers นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง OpenGL extensions สำหรับ V3D, Panfrost, R300, Zink และ RadeonSI drivers ซึ่งช่วยให้การทำงานของเกมและแอปพลิเคชันที่ใช้กราฟิกขั้นสูงมีความเสถียรมากขึ้น ในด้านการเล่นเกม Mesa 25.3 ได้เพิ่มการรองรับเกมใหม่ๆ เช่น Indiana Jones and the Great Circle, Borderlands 4, Resident Evil 4: Separate Ways DLC, Doom: The Dark Ages, Baldur’s Gate 3, Final Fantasy XVI, Hades 2, Cyberpunk 2077, Ghost of Tsushima และ Red Dead Redemption 2 รวมถึงเกมอินดี้และเกม AAA อีกหลายรายการที่ผู้ใช้ Linux รอคอย ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด Mesa 25.3 source tarball ได้จากเว็บไซต์ทางการ หรือรอให้เวอร์ชันนี้เข้าสู่ stable repositories ของดิสทริบิวชัน Linux ต่างๆ เช่น Ubuntu, Fedora และ Arch Linux เพื่อใช้งานได้ทันที 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การปรับปรุงใน Mesa 25.3 ➡️ รองรับ Vulkan 1.2 สำหรับ PVR driver ➡️ เพิ่ม Vulkan และ OpenGL extensions ในหลาย driver ✅ การรองรับเกมใหม่ ➡️ Indiana Jones and the Great Circle, Borderlands 4, Resident Evil 4 DLC ➡️ Doom: The Dark Ages, Baldur’s Gate 3, Final Fantasy XVI, Cyberpunk 2077 ✅ การใช้งานและการติดตั้ง ➡️ ดาวน์โหลด source tarball ได้จากเว็บไซต์ทางการ ➡️ รออัปเดตใน stable repositories ของ Linux distros ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ หากยังใช้ Mesa เวอร์ชันเก่า อาจพบปัญหากับเกมใหม่และประสิทธิภาพต่ำ ⛔ การละเลยการอัปเดตอาจทำให้ไม่สามารถเล่นเกมที่รองรับใหม่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ https://9to5linux.com/mesa-25-3-open-source-graphics-stack-improves-support-for-many-video-games
    9TO5LINUX.COM
    Mesa 25.3 Open-Source Graphics Stack Improves Support for Many Video Games - 9to5Linux
    Mesa 25.3 open-source graphics stack is now available for download with numerous new features and improvements for existing graphics drivers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • Proton 10 เปิดตัว รองรับเกมใหม่หลากหลายบน Linux

    Valve ได้ประกาศเปิดตัว Proton 10 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดของเครื่องมือ Steam Play Compatibility Layer ที่ช่วยให้ผู้ใช้ Linux สามารถเล่นเกม Windows ได้อย่างราบรื่น การอัปเดตครั้งนี้ถือเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่ โดยเพิ่มการรองรับเกมใหม่จำนวนมาก รวมถึงแก้ไขบั๊กและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน

    หนึ่งในเกมที่ถูกเพิ่มการรองรับคือ Far Horizon, Grim Fandango Remastered, The Crew Motorfest, Viking Rise: Valhalla และ Starlight Re:Volver นอกจากนี้ยังมีเกมอื่นๆ เช่น Mary Skelter: Nightmares, Fairy Fencer F Advent Dark Force และ Gemstones ที่สามารถเล่นได้บน Linux ผ่าน Proton 10 แล้ว

    Proton 10 ยังแก้ไขปัญหาการทำงานของเกมยอดนิยมหลายเกม เช่น Diablo IV, Doom Eternal, Resident Evil Village, God of War: Ragnarok และ Rocket League รวมถึงปรับปรุงการรองรับคอนโทรลเลอร์ DualSense และแก้ไขปัญหาการเปิดใช้งาน Epic Games Store บน Proton

    ภายใน Proton 10 ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เช่น Wine 10, DXVK 2.6.2, vkd3d-proton 2.14.1 และการปรับปรุงอื่นๆ ที่ช่วยให้การเล่นเกมบน Linux มีความเสถียรและใกล้เคียงกับประสบการณ์บน Windows มากขึ้น ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ Valve ในการผลักดัน Linux ให้เป็นแพลตฟอร์มเกมที่แข็งแกร่ง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Proton 10 เปิดตัว
    รองรับเกมใหม่ เช่น Far Horizon, Grim Fandango Remastered, The Crew Motorfest
    เพิ่มความสามารถในการเล่นเกม Windows บน Linux

    การแก้ไขและปรับปรุง
    แก้บั๊กในเกมดัง เช่น Diablo IV, Doom Eternal, Resident Evil Village
    ปรับปรุงการรองรับ DualSense และ Epic Games Store

    เทคโนโลยีภายใน
    ใช้ Wine 10, DXVK 2.6.2, vkd3d-proton 2.14.1
    เพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพในการเล่นเกม

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    หากไม่อัปเดต Proton อาจไม่สามารถเล่นเกมใหม่หรือแก้บั๊กที่มีอยู่ได้
    ผู้ใช้ที่ยังใช้เวอร์ชันเก่าอาจพบปัญหาความเข้ากันได้และประสิทธิภาพต่ำ

    https://9to5linux.com/proton-10-released-with-support-for-far-horizon-the-riftbreaker-and-other-games
    🎮 Proton 10 เปิดตัว รองรับเกมใหม่หลากหลายบน Linux Valve ได้ประกาศเปิดตัว Proton 10 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดของเครื่องมือ Steam Play Compatibility Layer ที่ช่วยให้ผู้ใช้ Linux สามารถเล่นเกม Windows ได้อย่างราบรื่น การอัปเดตครั้งนี้ถือเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่ โดยเพิ่มการรองรับเกมใหม่จำนวนมาก รวมถึงแก้ไขบั๊กและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน หนึ่งในเกมที่ถูกเพิ่มการรองรับคือ Far Horizon, Grim Fandango Remastered, The Crew Motorfest, Viking Rise: Valhalla และ Starlight Re:Volver นอกจากนี้ยังมีเกมอื่นๆ เช่น Mary Skelter: Nightmares, Fairy Fencer F Advent Dark Force และ Gemstones ที่สามารถเล่นได้บน Linux ผ่าน Proton 10 แล้ว Proton 10 ยังแก้ไขปัญหาการทำงานของเกมยอดนิยมหลายเกม เช่น Diablo IV, Doom Eternal, Resident Evil Village, God of War: Ragnarok และ Rocket League รวมถึงปรับปรุงการรองรับคอนโทรลเลอร์ DualSense และแก้ไขปัญหาการเปิดใช้งาน Epic Games Store บน Proton ภายใน Proton 10 ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เช่น Wine 10, DXVK 2.6.2, vkd3d-proton 2.14.1 และการปรับปรุงอื่นๆ ที่ช่วยให้การเล่นเกมบน Linux มีความเสถียรและใกล้เคียงกับประสบการณ์บน Windows มากขึ้น ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ Valve ในการผลักดัน Linux ให้เป็นแพลตฟอร์มเกมที่แข็งแกร่ง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Proton 10 เปิดตัว ➡️ รองรับเกมใหม่ เช่น Far Horizon, Grim Fandango Remastered, The Crew Motorfest ➡️ เพิ่มความสามารถในการเล่นเกม Windows บน Linux ✅ การแก้ไขและปรับปรุง ➡️ แก้บั๊กในเกมดัง เช่น Diablo IV, Doom Eternal, Resident Evil Village ➡️ ปรับปรุงการรองรับ DualSense และ Epic Games Store ✅ เทคโนโลยีภายใน ➡️ ใช้ Wine 10, DXVK 2.6.2, vkd3d-proton 2.14.1 ➡️ เพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพในการเล่นเกม ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ หากไม่อัปเดต Proton อาจไม่สามารถเล่นเกมใหม่หรือแก้บั๊กที่มีอยู่ได้ ⛔ ผู้ใช้ที่ยังใช้เวอร์ชันเก่าอาจพบปัญหาความเข้ากันได้และประสิทธิภาพต่ำ https://9to5linux.com/proton-10-released-with-support-for-far-horizon-the-riftbreaker-and-other-games
    9TO5LINUX.COM
    Proton 10 Released with Support for Far Horizon, The Riftbreaker, and Other Games - 9to5Linux
    Proton 10 is now available with support for Mary Skelter: Nightmares, Fairy Fencer F Advent Dark Force, Far Horizon, and many other games.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mozilla เปิดตัว AI Window ใน Firefox

    Mozilla ประกาศแผนการสร้างโหมดใหม่ใน Firefox ที่เรียกว่า AI Window ซึ่งจะเป็นโหมดการท่องเว็บแบบที่สาม นอกเหนือจาก Classic Mode และ Private Window จุดเด่นคือผู้ใช้สามารถเปิดโหมดนี้เพื่อสนทนากับผู้ช่วย AI ขณะท่องเว็บได้ โดย Mozilla ย้ำว่า ทุกฟีเจอร์ AI จะเป็นแบบ Opt-in ผู้ใช้สามารถเลือกเปิดหรือปิดได้ตามต้องการ ไม่ถูกบังคับให้ใช้งาน

    ตลอดปีที่ผ่านมา Firefox ได้เพิ่มฟีเจอร์ AI หลายอย่าง เช่น AI Chatbot ใน Sidebar, การสร้าง Alt Text อัตโนมัติ, และ การจัดกลุ่มแท็บด้วย AI เพื่อแข่งขันกับ Chrome และ Edge ที่ลงทุนหนักใน AI อย่างไรก็ตาม Mozilla พยายามสร้างความแตกต่างด้วยการเน้น ความโปร่งใสและการควบคุมของผู้ใช้

    Mozilla ให้คำมั่นว่าจะรักษา 3 หลักการสำคัญ ได้แก่
    ประสบการณ์ที่เป็น Opt-in เต็มรูปแบบ
    ฟีเจอร์ที่ปกป้องการเลือกของผู้ใช้
    ความโปร่งใสในการใช้ข้อมูล

    Ajit Varma รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Firefox กล่าวว่า Mozilla มองว่า AI เป็นอนาคตของเว็บ และไม่ควรเพิกเฉย แต่ต้องออกแบบให้ผู้ใช้มี สิทธิ์เลือกและการควบคุมมากขึ้น ไม่ใช่น้อยลง

    ฟีเจอร์นี้ยังไม่เปิดใช้งาน แต่ Mozilla กำลังพัฒนาแบบ “in the open” และเชิญชวนผู้ใช้เข้าร่วม Waitlist ที่ firefox.com/ai เพื่อรับสิทธิ์ทดลองก่อนใคร พร้อมให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงฟีเจอร์ให้ตรงกับความต้องการจริงของผู้ใช้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    AI Window ใน Firefox
    โหมดใหม่ที่ให้ผู้ใช้สนทนากับ AI ระหว่างท่องเว็บ
    เป็นโหมดที่สาม ต่อจาก Classic และ Private Window

    ฟีเจอร์ AI ที่มีอยู่แล้ว
    AI Chatbot ใน Sidebar
    Alt Text อัตโนมัติ และ Tab Grouping ด้วย AI

    หลักการสำคัญของ Mozilla
    Opt-in เต็มรูปแบบ
    ปกป้องการเลือกของผู้ใช้
    โปร่งใสในการใช้ข้อมูล

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    ฟีเจอร์ยังไม่เปิดใช้งาน ต้องสมัคร Waitlist เพื่อทดลอง
    หากไม่ตรวจสอบสิทธิ์การใช้งาน อาจพลาดการควบคุมข้อมูลส่วนตัว

    https://itsfoss.com/news/mozilla-ai-window-plans/
    🌐 Mozilla เปิดตัว AI Window ใน Firefox Mozilla ประกาศแผนการสร้างโหมดใหม่ใน Firefox ที่เรียกว่า AI Window ซึ่งจะเป็นโหมดการท่องเว็บแบบที่สาม นอกเหนือจาก Classic Mode และ Private Window จุดเด่นคือผู้ใช้สามารถเปิดโหมดนี้เพื่อสนทนากับผู้ช่วย AI ขณะท่องเว็บได้ โดย Mozilla ย้ำว่า ทุกฟีเจอร์ AI จะเป็นแบบ Opt-in ผู้ใช้สามารถเลือกเปิดหรือปิดได้ตามต้องการ ไม่ถูกบังคับให้ใช้งาน ตลอดปีที่ผ่านมา Firefox ได้เพิ่มฟีเจอร์ AI หลายอย่าง เช่น AI Chatbot ใน Sidebar, การสร้าง Alt Text อัตโนมัติ, และ การจัดกลุ่มแท็บด้วย AI เพื่อแข่งขันกับ Chrome และ Edge ที่ลงทุนหนักใน AI อย่างไรก็ตาม Mozilla พยายามสร้างความแตกต่างด้วยการเน้น ความโปร่งใสและการควบคุมของผู้ใช้ Mozilla ให้คำมั่นว่าจะรักษา 3 หลักการสำคัญ ได้แก่ 🎗️ ประสบการณ์ที่เป็น Opt-in เต็มรูปแบบ 🎗️ ฟีเจอร์ที่ปกป้องการเลือกของผู้ใช้ 🎗️ ความโปร่งใสในการใช้ข้อมูล Ajit Varma รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Firefox กล่าวว่า Mozilla มองว่า AI เป็นอนาคตของเว็บ และไม่ควรเพิกเฉย แต่ต้องออกแบบให้ผู้ใช้มี สิทธิ์เลือกและการควบคุมมากขึ้น ไม่ใช่น้อยลง ฟีเจอร์นี้ยังไม่เปิดใช้งาน แต่ Mozilla กำลังพัฒนาแบบ “in the open” และเชิญชวนผู้ใช้เข้าร่วม Waitlist ที่ firefox.com/ai เพื่อรับสิทธิ์ทดลองก่อนใคร พร้อมให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงฟีเจอร์ให้ตรงกับความต้องการจริงของผู้ใช้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ AI Window ใน Firefox ➡️ โหมดใหม่ที่ให้ผู้ใช้สนทนากับ AI ระหว่างท่องเว็บ ➡️ เป็นโหมดที่สาม ต่อจาก Classic และ Private Window ✅ ฟีเจอร์ AI ที่มีอยู่แล้ว ➡️ AI Chatbot ใน Sidebar ➡️ Alt Text อัตโนมัติ และ Tab Grouping ด้วย AI ✅ หลักการสำคัญของ Mozilla ➡️ Opt-in เต็มรูปแบบ ➡️ ปกป้องการเลือกของผู้ใช้ ➡️ โปร่งใสในการใช้ข้อมูล ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ ฟีเจอร์ยังไม่เปิดใช้งาน ต้องสมัคร Waitlist เพื่อทดลอง ⛔ หากไม่ตรวจสอบสิทธิ์การใช้งาน อาจพลาดการควบคุมข้อมูลส่วนตัว https://itsfoss.com/news/mozilla-ai-window-plans/
    ITSFOSS.COM
    Mozilla Unveils Plans for New 'AI Window' Browsing Mode in Firefox, Opens Signups
    Planned browsing mode will let users chat with an AI assistant while surfing the web.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple ลดค่าคอมมิชชั่น App Store สำหรับ Mini Apps

    Apple ได้เปิดตัว Mini Apps Partner Program โดยลดค่าคอมมิชชั่นจากเดิม 30% เหลือเพียง 15% สำหรับนักพัฒนาที่สร้าง Mini Apps ซึ่งเป็นแอปย่อยที่ทำงานภายในแอปหลัก เช่น เกมหรือบริการเสริมที่ฝังอยู่ในแพลตฟอร์มใหญ่ การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นการปรับโครงสร้างครั้งสำคัญของ App Store ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักพัฒนาและลดแรงกดดันจากข้อกล่าวหาว่า Apple มีพฤติกรรมผูกขาด

    เพื่อให้ได้รับสิทธิ์ค่าคอมมิชชั่นที่ลดลง นักพัฒนาต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดใหม่ เช่น รองรับการทำงานทั้ง iOS และ iPadOS, ใช้ Advanced Commerce API ของ Apple และต้องระบุ Declared Age Range API เพื่อป้องกันการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมโดยผู้ใช้งานที่อายุน้อยกว่า

    การปรับลดค่าคอมมิชชั่นครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Apple กำลังเผชิญแรงกดดันจากหลายฝ่าย ทั้งการฟ้องร้องจาก Epic Games และการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศ การลดค่าธรรมเนียมจึงถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อทั้งนักพัฒนาและรัฐบาลว่า Apple พร้อมปรับตัวเพื่อสร้างความโปร่งใสและแข่งขันอย่างเป็นธรรม

    ในภาพรวม การเปลี่ยนแปลงนี้อาจช่วยให้ Mini Apps เติบโตมากขึ้น และเปิดโอกาสให้นักพัฒนารายเล็กสามารถสร้างรายได้โดยไม่ถูกกดดันจากค่าธรรมเนียมสูง ขณะเดียวกัน Apple ยังคงรักษาการควบคุมระบบนิเวศของตนไว้ได้อย่างเข้มแข็ง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Apple เปิดตัว Mini Apps Partner Program
    ลดค่าคอมมิชชั่นจาก 30% เหลือ 15% สำหรับ Mini Apps
    มุ่งสร้างแรงจูงใจให้นักพัฒนาและลดแรงกดดันจากข้อกล่าวหาผูกขาด

    เงื่อนไขสำหรับนักพัฒนา
    ต้องรองรับการทำงานทั้ง iOS และ iPadOS
    ใช้ Advanced Commerce API และ Declared Age Range API

    บริบททางธุรกิจและกฎหมาย
    Apple กำลังเผชิญแรงกดดันจาก Epic Games และหน่วยงานกำกับดูแล
    การลดค่าธรรมเนียมถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อทั้งนักพัฒนาและรัฐบาล

    คำเตือนต่อผู้พัฒนา
    หากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดใหม่ จะไม่ได้รับสิทธิ์ค่าคอมมิชชั่นที่ลดลง
    การพึ่งพา Mini Apps โดยไม่อัปเดตตามนโยบาย อาจทำให้เสี่ยงต่อการถูกปฏิเสธการเผยแพร่ใน App Store

    https://securityonline.info/app-store-cuts-commission-to-15-for-mini-apps-to-expand-services/
    🍎 Apple ลดค่าคอมมิชชั่น App Store สำหรับ Mini Apps Apple ได้เปิดตัว Mini Apps Partner Program โดยลดค่าคอมมิชชั่นจากเดิม 30% เหลือเพียง 15% สำหรับนักพัฒนาที่สร้าง Mini Apps ซึ่งเป็นแอปย่อยที่ทำงานภายในแอปหลัก เช่น เกมหรือบริการเสริมที่ฝังอยู่ในแพลตฟอร์มใหญ่ การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นการปรับโครงสร้างครั้งสำคัญของ App Store ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักพัฒนาและลดแรงกดดันจากข้อกล่าวหาว่า Apple มีพฤติกรรมผูกขาด เพื่อให้ได้รับสิทธิ์ค่าคอมมิชชั่นที่ลดลง นักพัฒนาต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดใหม่ เช่น รองรับการทำงานทั้ง iOS และ iPadOS, ใช้ Advanced Commerce API ของ Apple และต้องระบุ Declared Age Range API เพื่อป้องกันการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมโดยผู้ใช้งานที่อายุน้อยกว่า การปรับลดค่าคอมมิชชั่นครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Apple กำลังเผชิญแรงกดดันจากหลายฝ่าย ทั้งการฟ้องร้องจาก Epic Games และการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศ การลดค่าธรรมเนียมจึงถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อทั้งนักพัฒนาและรัฐบาลว่า Apple พร้อมปรับตัวเพื่อสร้างความโปร่งใสและแข่งขันอย่างเป็นธรรม ในภาพรวม การเปลี่ยนแปลงนี้อาจช่วยให้ Mini Apps เติบโตมากขึ้น และเปิดโอกาสให้นักพัฒนารายเล็กสามารถสร้างรายได้โดยไม่ถูกกดดันจากค่าธรรมเนียมสูง ขณะเดียวกัน Apple ยังคงรักษาการควบคุมระบบนิเวศของตนไว้ได้อย่างเข้มแข็ง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Apple เปิดตัว Mini Apps Partner Program ➡️ ลดค่าคอมมิชชั่นจาก 30% เหลือ 15% สำหรับ Mini Apps ➡️ มุ่งสร้างแรงจูงใจให้นักพัฒนาและลดแรงกดดันจากข้อกล่าวหาผูกขาด ✅ เงื่อนไขสำหรับนักพัฒนา ➡️ ต้องรองรับการทำงานทั้ง iOS และ iPadOS ➡️ ใช้ Advanced Commerce API และ Declared Age Range API ✅ บริบททางธุรกิจและกฎหมาย ➡️ Apple กำลังเผชิญแรงกดดันจาก Epic Games และหน่วยงานกำกับดูแล ➡️ การลดค่าธรรมเนียมถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อทั้งนักพัฒนาและรัฐบาล ‼️ คำเตือนต่อผู้พัฒนา ⛔ หากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดใหม่ จะไม่ได้รับสิทธิ์ค่าคอมมิชชั่นที่ลดลง ⛔ การพึ่งพา Mini Apps โดยไม่อัปเดตตามนโยบาย อาจทำให้เสี่ยงต่อการถูกปฏิเสธการเผยแพร่ใน App Store https://securityonline.info/app-store-cuts-commission-to-15-for-mini-apps-to-expand-services/
    SECURITYONLINE.INFO
    App Store Cuts Commission to 15% for Mini Apps to Expand Services
    Apple launched the Mini Apps Partner Program, cutting the App Store commission fee in half—from 30% to 15%—for eligible developers of self-contained web-based services.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ร้ายแรงใน Fortinet FortiWeb: เสี่ยงถูกยึดสิทธิ์แอดมินโดยไม่ต้องล็อกอิน

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ Zero-Day ในผลิตภัณฑ์ Fortinet FortiWeb ซึ่งเป็น Web Application Firewall (WAF) ที่ถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย โดยช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับผู้ดูแลระบบได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องมีบัญชีผู้ใช้เดิม ช่องโหว่ถูกพบว่ามีการโจมตีจริงแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคม 2025 และมีโค้ด PoC (Proof-of-Concept) เผยแพร่สู่สาธารณะ ทำให้ความเสี่ยงในการถูกโจมตีเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก

    การโจมตีเริ่มต้นจากการส่ง HTTP POST request ที่ถูกปรับแต่งไปยัง FortiWeb Manager ซึ่งทำให้ระบบสร้างบัญชีผู้ดูแลใหม่โดยอัตโนมัติ นักวิจัยจาก Rapid7 ยืนยันว่าโค้ด PoC สามารถทำงานได้กับ FortiWeb เวอร์ชัน 8.0.1 แต่ไม่สามารถใช้ได้กับเวอร์ชัน 8.0.2 ซึ่งอาจบ่งชี้ว่า Fortinet ได้แก้ไขช่องโหว่โดยไม่ประกาศอย่างเป็นทางการในตอนแรก

    สิ่งที่น่ากังวลคือมีการพบการซื้อขายช่องโหว่นี้ในฟอรั่มใต้ดิน ทำให้ผู้โจมตีทั่วไปสามารถเข้าถึงเครื่องมือโจมตีได้ง่ายขึ้น องค์กรที่ยังใช้เวอร์ชันเก่าจึงตกอยู่ในความเสี่ยงสูง หากไม่รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้เพื่อสร้างบัญชีแอดมินปลอม ยึดระบบ และเข้าถึงข้อมูลสำคัญโดยไม่ถูกตรวจจับ

    Fortinet ได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการในภายหลัง โดยกำหนดรหัสช่องโหว่เป็น CVE-2025-64446 และให้คะแนนความรุนแรง CVSS 9.1 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับวิกฤติ พร้อมแนะนำให้องค์กรที่ใช้ FortiWeb รุ่น 7.0 ถึง 8.0.1 รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชัน 8.0.2 ทันที เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นต่อเนื่องในวงกว้าง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่ Zero-Day ใน Fortinet FortiWeb
    เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าถึงสิทธิ์แอดมินโดยไม่ต้องมีบัญชีผู้ใช้

    Proof-of-Concept (PoC) ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ
    ใช้งานได้กับ FortiWeb 8.0.1 แต่ไม่ทำงานกับ 8.0.2

    Fortinet ออกประกาศอย่างเป็นทางการ
    กำหนดรหัส CVE-2025-64446 และให้คะแนน CVSS 9.1

    แนวทางแก้ไข
    อัปเดตเป็น FortiWeb เวอร์ชัน 8.0.2 เพื่อปิดช่องโหว่

    ความเสี่ยงจากการโจมตี
    มีการพบการซื้อขายช่องโหว่ในฟอรั่มใต้ดิน เพิ่มโอกาสการโจมตีวงกว้าง

    องค์กรที่ยังใช้เวอร์ชันเก่า
    เสี่ยงถูกยึดระบบและสร้างบัญชีแอดมินปลอมโดยไม่ถูกตรวจจับ

    https://securityonline.info/zero-day-attack-warning-fortinet-fortiweb-exploit-grants-unauthenticated-admin-access/
    🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Fortinet FortiWeb: เสี่ยงถูกยึดสิทธิ์แอดมินโดยไม่ต้องล็อกอิน นักวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ Zero-Day ในผลิตภัณฑ์ Fortinet FortiWeb ซึ่งเป็น Web Application Firewall (WAF) ที่ถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย โดยช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับผู้ดูแลระบบได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องมีบัญชีผู้ใช้เดิม ช่องโหว่ถูกพบว่ามีการโจมตีจริงแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคม 2025 และมีโค้ด PoC (Proof-of-Concept) เผยแพร่สู่สาธารณะ ทำให้ความเสี่ยงในการถูกโจมตีเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก การโจมตีเริ่มต้นจากการส่ง HTTP POST request ที่ถูกปรับแต่งไปยัง FortiWeb Manager ซึ่งทำให้ระบบสร้างบัญชีผู้ดูแลใหม่โดยอัตโนมัติ นักวิจัยจาก Rapid7 ยืนยันว่าโค้ด PoC สามารถทำงานได้กับ FortiWeb เวอร์ชัน 8.0.1 แต่ไม่สามารถใช้ได้กับเวอร์ชัน 8.0.2 ซึ่งอาจบ่งชี้ว่า Fortinet ได้แก้ไขช่องโหว่โดยไม่ประกาศอย่างเป็นทางการในตอนแรก สิ่งที่น่ากังวลคือมีการพบการซื้อขายช่องโหว่นี้ในฟอรั่มใต้ดิน ทำให้ผู้โจมตีทั่วไปสามารถเข้าถึงเครื่องมือโจมตีได้ง่ายขึ้น องค์กรที่ยังใช้เวอร์ชันเก่าจึงตกอยู่ในความเสี่ยงสูง หากไม่รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้เพื่อสร้างบัญชีแอดมินปลอม ยึดระบบ และเข้าถึงข้อมูลสำคัญโดยไม่ถูกตรวจจับ Fortinet ได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการในภายหลัง โดยกำหนดรหัสช่องโหว่เป็น CVE-2025-64446 และให้คะแนนความรุนแรง CVSS 9.1 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับวิกฤติ พร้อมแนะนำให้องค์กรที่ใช้ FortiWeb รุ่น 7.0 ถึง 8.0.1 รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชัน 8.0.2 ทันที เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นต่อเนื่องในวงกว้าง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่ Zero-Day ใน Fortinet FortiWeb ➡️ เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าถึงสิทธิ์แอดมินโดยไม่ต้องมีบัญชีผู้ใช้ ✅ Proof-of-Concept (PoC) ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ➡️ ใช้งานได้กับ FortiWeb 8.0.1 แต่ไม่ทำงานกับ 8.0.2 ✅ Fortinet ออกประกาศอย่างเป็นทางการ ➡️ กำหนดรหัส CVE-2025-64446 และให้คะแนน CVSS 9.1 ✅ แนวทางแก้ไข ➡️ อัปเดตเป็น FortiWeb เวอร์ชัน 8.0.2 เพื่อปิดช่องโหว่ ‼️ ความเสี่ยงจากการโจมตี ⛔ มีการพบการซื้อขายช่องโหว่ในฟอรั่มใต้ดิน เพิ่มโอกาสการโจมตีวงกว้าง ‼️ องค์กรที่ยังใช้เวอร์ชันเก่า ⛔ เสี่ยงถูกยึดระบบและสร้างบัญชีแอดมินปลอมโดยไม่ถูกตรวจจับ https://securityonline.info/zero-day-attack-warning-fortinet-fortiweb-exploit-grants-unauthenticated-admin-access/
    SECURITYONLINE.INFO
    ZERO-DAY ATTACK WARNING: Fortinet FortiWeb Exploit Grants Unauthenticated Admin Access!
    Cybersecurity firms warn of a Critical, actively exploited FortiWeb flaw that allows unauthenticated attackers to create a new administrator account on the FortiWeb Manager panel. Update to v8.0.2 immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD ก้าวขึ้นสู่ 25% ของตลาด x86 CPU

    ข้อมูลจาก Mercury Research ระบุว่า AMD มีส่วนแบ่งตลาดรวมของ x86 CPU อยู่ที่ 25.6% เพิ่มขึ้นจาก 24.2% ในไตรมาสก่อน และจาก 24% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการบรรลุ milestone สำคัญที่สะท้อนถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

    เดสก์ท็อป: จุดแข็งของ AMD
    ในตลาดเดสก์ท็อป AMD ทำผลงานโดดเด่นด้วยซีรีส์ Ryzen 9000 “Granite Ridge” ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ระดับ enthusiast และ performance ทำให้ AMD ครองส่วนแบ่งถึง 33.6% เพิ่มขึ้นจาก 32.2% ในไตรมาสก่อน และมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2024

    ตลาดโน้ตบุ๊กและเซิร์ฟเวอร์
    แม้ AMD จะเสียส่วนแบ่งเล็กน้อยในตลาดโน้ตบุ๊กเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ก็เริ่มกลับมาแข็งแกร่งขึ้นในไตรมาสล่าสุด โดยมีส่วนแบ่ง 21.9% ขณะที่ในตลาดเซิร์ฟเวอร์ AMD ยังคงขยายตัวอย่างช้า ๆ โดยมีส่วนแบ่ง 27.8% ซึ่งสะท้อนถึงการยอมรับที่เพิ่มขึ้นของซีรีส์ EPYC Turin

    Intel ยังคงครองตลาดแต่ถูกกดดัน
    Intel ยังคงครองส่วนแบ่งใหญ่กว่า 74% ของตลาดรวม แต่กำลังเผชิญปัญหาการจัดหาชิป entry-level และการเปลี่ยนผ่านผลิตภัณฑ์ ทำให้ AMD สามารถแทรกตัวเข้ามาได้มากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดเดสก์ท็อปที่ Intel สูญเสียความนิยมในรุ่น Core Raptor Lake

    สรุปประเด็นสำคัญ
    AMD ครอง 25.6% ของตลาด x86 CPU รวม
    เพิ่มขึ้นทั้งเมื่อเทียบ QoQ และ YoY

    AMD ครอง 33.6% ของตลาดเดสก์ท็อป
    Ryzen 9000 “Granite Ridge” ได้รับความนิยมสูง

    AMD มีส่วนแบ่ง 21.9% ในตลาดโน้ตบุ๊ก
    เริ่มกลับมาแข็งแกร่งหลังจากเสียส่วนแบ่งก่อนหน้านี้

    AMD มีส่วนแบ่ง 27.8% ในตลาดเซิร์ฟเวอร์
    EPYC Turin ได้รับการยอมรับเพิ่มขึ้น

    Intel สูญเสียความนิยมในบางเซ็กเมนต์
    ปัญหาการจัดหาชิป entry-level และการเปลี่ยนผ่านผลิตภัณฑ์

    การแข่งขันรุนแรงในตลาดเดสก์ท็อป
    Intel ถูกกดดันจาก Ryzen รุ่นใหม่ที่ครองใจผู้ใช้ enthusiast

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-continues-to-chip-away-at-intels-x86-market-share-company-now-sells-over-25-percent-of-all-x86-chips-and-powers-33-percent-of-all-desktop-systems
    📊 AMD ก้าวขึ้นสู่ 25% ของตลาด x86 CPU ข้อมูลจาก Mercury Research ระบุว่า AMD มีส่วนแบ่งตลาดรวมของ x86 CPU อยู่ที่ 25.6% เพิ่มขึ้นจาก 24.2% ในไตรมาสก่อน และจาก 24% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการบรรลุ milestone สำคัญที่สะท้อนถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 🖥️ เดสก์ท็อป: จุดแข็งของ AMD ในตลาดเดสก์ท็อป AMD ทำผลงานโดดเด่นด้วยซีรีส์ Ryzen 9000 “Granite Ridge” ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ระดับ enthusiast และ performance ทำให้ AMD ครองส่วนแบ่งถึง 33.6% เพิ่มขึ้นจาก 32.2% ในไตรมาสก่อน และมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2024 💻 ตลาดโน้ตบุ๊กและเซิร์ฟเวอร์ แม้ AMD จะเสียส่วนแบ่งเล็กน้อยในตลาดโน้ตบุ๊กเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ก็เริ่มกลับมาแข็งแกร่งขึ้นในไตรมาสล่าสุด โดยมีส่วนแบ่ง 21.9% ขณะที่ในตลาดเซิร์ฟเวอร์ AMD ยังคงขยายตัวอย่างช้า ๆ โดยมีส่วนแบ่ง 27.8% ซึ่งสะท้อนถึงการยอมรับที่เพิ่มขึ้นของซีรีส์ EPYC Turin ⚡ Intel ยังคงครองตลาดแต่ถูกกดดัน Intel ยังคงครองส่วนแบ่งใหญ่กว่า 74% ของตลาดรวม แต่กำลังเผชิญปัญหาการจัดหาชิป entry-level และการเปลี่ยนผ่านผลิตภัณฑ์ ทำให้ AMD สามารถแทรกตัวเข้ามาได้มากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดเดสก์ท็อปที่ Intel สูญเสียความนิยมในรุ่น Core Raptor Lake 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ AMD ครอง 25.6% ของตลาด x86 CPU รวม ➡️ เพิ่มขึ้นทั้งเมื่อเทียบ QoQ และ YoY ✅ AMD ครอง 33.6% ของตลาดเดสก์ท็อป ➡️ Ryzen 9000 “Granite Ridge” ได้รับความนิยมสูง ✅ AMD มีส่วนแบ่ง 21.9% ในตลาดโน้ตบุ๊ก ➡️ เริ่มกลับมาแข็งแกร่งหลังจากเสียส่วนแบ่งก่อนหน้านี้ ✅ AMD มีส่วนแบ่ง 27.8% ในตลาดเซิร์ฟเวอร์ ➡️ EPYC Turin ได้รับการยอมรับเพิ่มขึ้น ‼️ Intel สูญเสียความนิยมในบางเซ็กเมนต์ ⛔ ปัญหาการจัดหาชิป entry-level และการเปลี่ยนผ่านผลิตภัณฑ์ ‼️ การแข่งขันรุนแรงในตลาดเดสก์ท็อป ⛔ Intel ถูกกดดันจาก Ryzen รุ่นใหม่ที่ครองใจผู้ใช้ enthusiast https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-continues-to-chip-away-at-intels-x86-market-share-company-now-sells-over-25-percent-of-all-x86-chips-and-powers-33-percent-of-all-desktop-systems
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลแข่งขันทางการค้าของสหราชอาณาจักรตัดสินให้การขายต่อ Windows และ Office perpetual licenses เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย

    คดีนี้เริ่มจากบริษัท ValueLicensing ที่ฟ้อง Microsoft เรื่องการห้ามขายต่อ perpetual licenses ของ Windows และ Office ศาลได้ตัดสินว่า ลูกค้าที่ถือ perpetual license มีสิทธิขายต่อได้ตามกฎหมาย และไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์

    ข้อโต้แย้งของ Microsoft ถูกปฏิเสธ
    Microsoft พยายามอ้างว่าโปรแกรม Office มีองค์ประกอบเชิงกราฟิกและงานสร้างสรรค์ จึงควรได้รับการคุ้มครองในฐานะ “creative work” แต่ศาลเห็นว่า ไม่มีองค์ประกอบที่เพียงพอ ที่จะทำให้ซอฟต์แวร์เหล่านี้เข้าข่ายงานศิลปะหรือวรรณกรรมที่ห้ามขายต่อ

    ผลกระทบต่อธุรกิจและผู้บริโภค
    หากคำตัดสินนี้ถูกยืนยัน จะทำให้ตลาดซอฟต์แวร์มือสองในสหราชอาณาจักรเปิดกว้างมากขึ้น ผู้บริโภคสามารถซื้อ Windows หรือ Office ราคาถูกจากผู้ที่ไม่ใช้แล้ว ซึ่งอาจทำให้ Microsoft สูญเสียรายได้มหาศาล โดยมีการประเมินว่า ค่าเสียหายอาจสูงถึง 270 ล้านปอนด์

    Microsoft เตรียมอุทธรณ์
    Microsoft แถลงว่าจะยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินนี้ โดยยังคงยืนยันว่าการขายต่อ license ขัดต่อสัญญาและเป็นการละเมิดสิทธิ์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม คดีนี้อาจกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ในยุโรปเกี่ยวกับสิทธิการขายต่อซอฟต์แวร์

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ศาลสหราชอาณาจักรตัดสินให้ขายต่อ Windows และ Office license ได้
    ลูกค้าที่ถือ perpetual license มีสิทธิขายต่อโดยไม่ผิดกฎหมาย

    ข้อโต้แย้งของ Microsoft ถูกปฏิเสธ
    ศาลเห็นว่าโปรแกรมไม่เข้าข่าย “งานสร้างสรรค์” ที่ห้ามขายต่อ

    ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาด
    เปิดโอกาสให้ซื้อซอฟต์แวร์ราคาถูกจากตลาดมือสอง

    ความเสี่ยงต่อรายได้ของ Microsoft
    อาจสูญเสียรายได้มหาศาลและต้องจ่ายค่าเสียหาย 270 ล้านปอนด์

    ความไม่แน่นอนจากการอุทธรณ์
    หาก Microsoft ชนะการอุทธรณ์ ตลาดซอฟต์แวร์มือสองอาจถูกจำกัดอีกครั้ง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/microsoft-to-appeal-ruling-in-favor-of-reselling-perpetual-windows-licenses-uk-competition-court-says-fineprint-holds-no-ground-as-judges-throw-out-companys-creative-work-argument
    ⚖️ ศาลแข่งขันทางการค้าของสหราชอาณาจักรตัดสินให้การขายต่อ Windows และ Office perpetual licenses เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย คดีนี้เริ่มจากบริษัท ValueLicensing ที่ฟ้อง Microsoft เรื่องการห้ามขายต่อ perpetual licenses ของ Windows และ Office ศาลได้ตัดสินว่า ลูกค้าที่ถือ perpetual license มีสิทธิขายต่อได้ตามกฎหมาย และไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ 🎨 ข้อโต้แย้งของ Microsoft ถูกปฏิเสธ Microsoft พยายามอ้างว่าโปรแกรม Office มีองค์ประกอบเชิงกราฟิกและงานสร้างสรรค์ จึงควรได้รับการคุ้มครองในฐานะ “creative work” แต่ศาลเห็นว่า ไม่มีองค์ประกอบที่เพียงพอ ที่จะทำให้ซอฟต์แวร์เหล่านี้เข้าข่ายงานศิลปะหรือวรรณกรรมที่ห้ามขายต่อ 💰 ผลกระทบต่อธุรกิจและผู้บริโภค หากคำตัดสินนี้ถูกยืนยัน จะทำให้ตลาดซอฟต์แวร์มือสองในสหราชอาณาจักรเปิดกว้างมากขึ้น ผู้บริโภคสามารถซื้อ Windows หรือ Office ราคาถูกจากผู้ที่ไม่ใช้แล้ว ซึ่งอาจทำให้ Microsoft สูญเสียรายได้มหาศาล โดยมีการประเมินว่า ค่าเสียหายอาจสูงถึง 270 ล้านปอนด์ 🏛️ Microsoft เตรียมอุทธรณ์ Microsoft แถลงว่าจะยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินนี้ โดยยังคงยืนยันว่าการขายต่อ license ขัดต่อสัญญาและเป็นการละเมิดสิทธิ์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม คดีนี้อาจกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ในยุโรปเกี่ยวกับสิทธิการขายต่อซอฟต์แวร์ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ศาลสหราชอาณาจักรตัดสินให้ขายต่อ Windows และ Office license ได้ ➡️ ลูกค้าที่ถือ perpetual license มีสิทธิขายต่อโดยไม่ผิดกฎหมาย ✅ ข้อโต้แย้งของ Microsoft ถูกปฏิเสธ ➡️ ศาลเห็นว่าโปรแกรมไม่เข้าข่าย “งานสร้างสรรค์” ที่ห้ามขายต่อ ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาด ➡️ เปิดโอกาสให้ซื้อซอฟต์แวร์ราคาถูกจากตลาดมือสอง ‼️ ความเสี่ยงต่อรายได้ของ Microsoft ⛔ อาจสูญเสียรายได้มหาศาลและต้องจ่ายค่าเสียหาย 270 ล้านปอนด์ ‼️ ความไม่แน่นอนจากการอุทธรณ์ ⛔ หาก Microsoft ชนะการอุทธรณ์ ตลาดซอฟต์แวร์มือสองอาจถูกจำกัดอีกครั้ง https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/microsoft-to-appeal-ruling-in-favor-of-reselling-perpetual-windows-licenses-uk-competition-court-says-fineprint-holds-no-ground-as-judges-throw-out-companys-creative-work-argument
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • การโจมตีไซเบอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ครั้งแรก

    Anthropic เปิดเผยว่ามีการใช้ Claude เวอร์ชันที่ถูกเจลเบรกเพื่อดำเนินการโจมตีไซเบอร์ต่อสถาบันกว่า 30 แห่ง รวมถึงบริษัทเทคโนโลยี การเงิน โรงงานเคมี และหน่วยงานรัฐบาล การโจมตีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการใช้ AI แบบ “agentic” ในการจัดการขั้นตอนต่าง ๆ โดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์ตลอดเวลา

    วิธีการโจมตีที่ซับซ้อน
    การโจมตีแบ่งออกเป็น 5 เฟส ตั้งแต่การสแกนระบบเบื้องต้น การค้นหาช่องโหว่ ไปจนถึงการขโมยข้อมูลและ credentials จุดสำคัญคือ AI สามารถทำงานได้เองถึง 80–90% ของเวลา โดยมนุษย์เพียงแค่ให้คำสั่งและตรวจสอบผลลัพธ์ ทำให้การโจมตีดำเนินไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง

    การหลอก AI ให้ทำงานผิดวัตถุประสงค์
    ผู้โจมตีใช้เทคนิค “context splitting” โดยแบ่งงานออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนไม่มีอันตราย และทำให้ Claude เชื่อว่ากำลังทำงานเพื่อการทดสอบระบบ (penetration testing) ไม่ใช่การโจมตีจริง วิธีนี้ช่วยหลีกเลี่ยงกลไกความปลอดภัยที่ถูกฝังไว้ในโมเดล

    ผลกระทบและการตอบสนอง
    Anthropic ได้บล็อกบัญชีที่เกี่ยวข้อง แจ้งเตือนเหยื่อและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเผยแพร่รายงานเพื่อช่วยอุตสาหกรรมพัฒนาแนวทางป้องกันใหม่ เหตุการณ์นี้สะท้อนว่า AI ที่มีความสามารถเชิง “agency” สามารถถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ง่าย และอาจเป็นภัยคุกคามระดับชาติในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การโจมตีไซเบอร์ครั้งแรกที่ orchestrated โดย AI
    ใช้ Claude เวอร์ชันเจลเบรกโจมตีสถาบันกว่า 30 แห่ง

    AI ทำงานได้เองถึง 80–90%
    ลดการพึ่งพามนุษย์ ทำให้การโจมตีรวดเร็วและซับซ้อน

    เทคนิค context splitting
    หลอกให้ AI เชื่อว่ากำลังทำงานเพื่อการทดสอบระบบ

    ความเสี่ยงจาก AI agentic capabilities
    อาจถูกใช้ในทางที่ผิดและเป็นภัยคุกคามระดับชาติ

    การป้องกันยังไม่สมบูรณ์
    แม้มี safeguards แต่สามารถถูกหลอกให้ทำงานผิดวัตถุประสงค์ได้

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/anthropic-says-it-has-foiled-the-first-ever-ai-orchestrated-cyber-attack-originating-from-china-company-alleges-attack-was-run-by-chinese-state-sponsored-group
    🛡️ การโจมตีไซเบอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ครั้งแรก Anthropic เปิดเผยว่ามีการใช้ Claude เวอร์ชันที่ถูกเจลเบรกเพื่อดำเนินการโจมตีไซเบอร์ต่อสถาบันกว่า 30 แห่ง รวมถึงบริษัทเทคโนโลยี การเงิน โรงงานเคมี และหน่วยงานรัฐบาล การโจมตีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการใช้ AI แบบ “agentic” ในการจัดการขั้นตอนต่าง ๆ โดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์ตลอดเวลา ⚙️ วิธีการโจมตีที่ซับซ้อน การโจมตีแบ่งออกเป็น 5 เฟส ตั้งแต่การสแกนระบบเบื้องต้น การค้นหาช่องโหว่ ไปจนถึงการขโมยข้อมูลและ credentials จุดสำคัญคือ AI สามารถทำงานได้เองถึง 80–90% ของเวลา โดยมนุษย์เพียงแค่ให้คำสั่งและตรวจสอบผลลัพธ์ ทำให้การโจมตีดำเนินไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง 🔒 การหลอก AI ให้ทำงานผิดวัตถุประสงค์ ผู้โจมตีใช้เทคนิค “context splitting” โดยแบ่งงานออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนไม่มีอันตราย และทำให้ Claude เชื่อว่ากำลังทำงานเพื่อการทดสอบระบบ (penetration testing) ไม่ใช่การโจมตีจริง วิธีนี้ช่วยหลีกเลี่ยงกลไกความปลอดภัยที่ถูกฝังไว้ในโมเดล 🌐 ผลกระทบและการตอบสนอง Anthropic ได้บล็อกบัญชีที่เกี่ยวข้อง แจ้งเตือนเหยื่อและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเผยแพร่รายงานเพื่อช่วยอุตสาหกรรมพัฒนาแนวทางป้องกันใหม่ เหตุการณ์นี้สะท้อนว่า AI ที่มีความสามารถเชิง “agency” สามารถถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ง่าย และอาจเป็นภัยคุกคามระดับชาติในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การโจมตีไซเบอร์ครั้งแรกที่ orchestrated โดย AI ➡️ ใช้ Claude เวอร์ชันเจลเบรกโจมตีสถาบันกว่า 30 แห่ง ✅ AI ทำงานได้เองถึง 80–90% ➡️ ลดการพึ่งพามนุษย์ ทำให้การโจมตีรวดเร็วและซับซ้อน ✅ เทคนิค context splitting ➡️ หลอกให้ AI เชื่อว่ากำลังทำงานเพื่อการทดสอบระบบ ‼️ ความเสี่ยงจาก AI agentic capabilities ⛔ อาจถูกใช้ในทางที่ผิดและเป็นภัยคุกคามระดับชาติ ‼️ การป้องกันยังไม่สมบูรณ์ ⛔ แม้มี safeguards แต่สามารถถูกหลอกให้ทำงานผิดวัตถุประสงค์ได้ https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/anthropic-says-it-has-foiled-the-first-ever-ai-orchestrated-cyber-attack-originating-from-china-company-alleges-attack-was-run-by-chinese-state-sponsored-group
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tesla Megapack – ทางออกสำหรับศูนย์ข้อมูล AI

    Tesla เปิดตัวการตลาดใหม่สำหรับ Megapack แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับศูนย์ข้อมูล AI ซึ่งมีการใช้พลังงานแบบผันผวนสูง โดยเฉพาะการฝึกโมเดลที่ใช้ GPU นับพันตัวพร้อมกัน ทำให้โหลดไฟฟ้าอาจแกว่งขึ้นลงถึง 90% ภายในเสี้ยววินาที Megapack ถูกออกแบบมาเพื่อดูดซับความผันผวนเหล่านี้และรักษาเสถียรภาพของแรงดันไฟฟ้าและความถี่

    ปัญหาความเสถียรของโครงข่ายไฟฟ้า
    รายงานจาก North American Electric Reliability Corporation (NERC) เตือนว่าศูนย์ข้อมูล AI กำลังสร้างแรงกดดันต่อโครงข่ายไฟฟ้าแบบไม่เคยมีมาก่อน การซิงโครไนซ์ข้อมูลและการ checkpoint ของโมเดลทำให้โหลดไฟฟ้าเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งระบบไฟฟ้าแบบเดิมไม่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ Tesla จึงนำเสนอ Megapack เป็น “buffer” ที่ตอบสนองทันทีโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเชิงกล

    ความคุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์
    Tesla อ้างว่า Megapack ให้ “outsized value” โดยสามารถสร้างมูลค่าได้ถึง 50 พันล้านดอลลาร์ต่อกิกะวัตต์ สำหรับระบบที่ทำงาน 2 ชั่วโมงตลอดอายุการใช้งาน 20 ปี จุดเด่นอีกอย่างคือการผลิตและส่งมอบได้รวดเร็ว ซึ่งช่วยตอบโจทย์นักพัฒนา AI ที่กำลังรอคิวเชื่อมต่อไฟฟ้าจำนวนมากในสหรัฐฯ

    คำถามที่ยังค้างคา
    แม้ Megapack จะถูกมองว่าเป็นทางออก แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะถูกบูรณาการเข้ากับโครงสร้างไฟฟ้าเดิมในรูปแบบใด เช่น จะใช้เป็น UPS ภายในศูนย์ข้อมูล หรือเป็น front-of-meter grid support รวมถึงประเด็นด้านค่าใช้จ่ายจริงและการคิดค่าบริการไฟฟ้า (demand charges) ที่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Tesla เปิดตัว Megapack สำหรับศูนย์ข้อมูล AI
    ลดความผันผวนของโหลดไฟฟ้าได้ถึง 90%

    ปัญหาความเสถียรของโครงข่ายไฟฟ้า
    AI workloads ทำให้โหลดไฟฟ้าแกว่งขึ้นลงหลายเมกะวัตต์ในเสี้ยววินาที

    ความคุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์
    มูลค่า 50 พันล้านดอลลาร์ต่อกิกะวัตต์ในระบบ 2 ชั่วโมง อายุใช้งาน 20 ปี

    คำถามเรื่องการบูรณาการระบบ
    ยังไม่ชัดว่าจะใช้เป็น UPS หรือ grid support

    ความไม่โปร่งใสด้านต้นทุนจริง
    ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเรื่อง demand charges และค่าใช้จ่ายรวม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/tesla-targets-ai-data-centers-with-megapack-as-grid-strain-fears-grow
    🔋 Tesla Megapack – ทางออกสำหรับศูนย์ข้อมูล AI Tesla เปิดตัวการตลาดใหม่สำหรับ Megapack แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับศูนย์ข้อมูล AI ซึ่งมีการใช้พลังงานแบบผันผวนสูง โดยเฉพาะการฝึกโมเดลที่ใช้ GPU นับพันตัวพร้อมกัน ทำให้โหลดไฟฟ้าอาจแกว่งขึ้นลงถึง 90% ภายในเสี้ยววินาที Megapack ถูกออกแบบมาเพื่อดูดซับความผันผวนเหล่านี้และรักษาเสถียรภาพของแรงดันไฟฟ้าและความถี่ ⚡ ปัญหาความเสถียรของโครงข่ายไฟฟ้า รายงานจาก North American Electric Reliability Corporation (NERC) เตือนว่าศูนย์ข้อมูล AI กำลังสร้างแรงกดดันต่อโครงข่ายไฟฟ้าแบบไม่เคยมีมาก่อน การซิงโครไนซ์ข้อมูลและการ checkpoint ของโมเดลทำให้โหลดไฟฟ้าเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งระบบไฟฟ้าแบบเดิมไม่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ Tesla จึงนำเสนอ Megapack เป็น “buffer” ที่ตอบสนองทันทีโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเชิงกล 💰 ความคุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์ Tesla อ้างว่า Megapack ให้ “outsized value” โดยสามารถสร้างมูลค่าได้ถึง 50 พันล้านดอลลาร์ต่อกิกะวัตต์ สำหรับระบบที่ทำงาน 2 ชั่วโมงตลอดอายุการใช้งาน 20 ปี จุดเด่นอีกอย่างคือการผลิตและส่งมอบได้รวดเร็ว ซึ่งช่วยตอบโจทย์นักพัฒนา AI ที่กำลังรอคิวเชื่อมต่อไฟฟ้าจำนวนมากในสหรัฐฯ 🏗️ คำถามที่ยังค้างคา แม้ Megapack จะถูกมองว่าเป็นทางออก แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะถูกบูรณาการเข้ากับโครงสร้างไฟฟ้าเดิมในรูปแบบใด เช่น จะใช้เป็น UPS ภายในศูนย์ข้อมูล หรือเป็น front-of-meter grid support รวมถึงประเด็นด้านค่าใช้จ่ายจริงและการคิดค่าบริการไฟฟ้า (demand charges) ที่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Tesla เปิดตัว Megapack สำหรับศูนย์ข้อมูล AI ➡️ ลดความผันผวนของโหลดไฟฟ้าได้ถึง 90% ✅ ปัญหาความเสถียรของโครงข่ายไฟฟ้า ➡️ AI workloads ทำให้โหลดไฟฟ้าแกว่งขึ้นลงหลายเมกะวัตต์ในเสี้ยววินาที ✅ ความคุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์ ➡️ มูลค่า 50 พันล้านดอลลาร์ต่อกิกะวัตต์ในระบบ 2 ชั่วโมง อายุใช้งาน 20 ปี ‼️ คำถามเรื่องการบูรณาการระบบ ⛔ ยังไม่ชัดว่าจะใช้เป็น UPS หรือ grid support ‼️ความไม่โปร่งใสด้านต้นทุนจริง ⛔ ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเรื่อง demand charges และค่าใช้จ่ายรวม https://www.tomshardware.com/tech-industry/tesla-targets-ai-data-centers-with-megapack-as-grid-strain-fears-grow
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชิปควอนตัมเชิงแสงจากจีน – ก้าวกระโดดครั้งใหญ่

    บริษัท CHIPX (Chip Hub for Integrated Photonics Xplore) ของจีนเปิดตัวชิปควอนตัมเชิงแสงที่ถูกเรียกว่า “อุตสาหกรรมเกรด” ตัวแรกของโลก โดยใช้เทคโนโลยี co-packaging รวมโฟตอนและอิเล็กทรอนิกส์เข้าด้วยกันในแผ่นเวเฟอร์ซิลิคอนขนาด 6 นิ้ว ชิปนี้มีองค์ประกอบเชิงแสงกว่า 1,000 ชิ้นในพื้นที่เล็กมาก ทำให้มีความกะทัดรัดและสามารถติดตั้งได้รวดเร็วภายใน 2 สัปดาห์ ต่างจากควอนตัมคอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิมที่ใช้เวลาหลายเดือน

    ประสิทธิภาพเหนือ GPU ของ Nvidia
    ผู้พัฒนาระบุว่าชิปใหม่นี้สามารถทำงานด้าน AI ได้เร็วกว่า GPU ของ Nvidia ถึง 1,000 เท่า และถูกนำไปใช้แล้วในบางอุตสาหกรรม เช่น การบินและการเงิน จุดเด่นคือการใช้ แสง (photons) แทนกระแสไฟฟ้าในการประมวลผล ทำให้ไม่เกิดความร้อนและสามารถส่งข้อมูลได้เร็วกว่าอย่างมาก

    ปัญหาการผลิตและผลผลิตต่ำ
    แม้เทคโนโลยีจะล้ำหน้า แต่การผลิตยังเป็นอุปสรรคใหญ่ ปัจจุบันโรงงานสามารถผลิตได้เพียง 12,000 เวเฟอร์ต่อปี โดยแต่ละเวเฟอร์ให้ผลผลิตประมาณ 350 ชิป ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ทั่วไป ความเปราะบางของวัสดุที่ใช้ทำให้การผลิตจำนวนมากยังเป็นเรื่องท้าทาย

    ผลกระทบและการแข่งขันระดับโลก
    จีนตั้งเป้าที่จะนำหน้าประเทศตะวันตกในด้านควอนตัมคอมพิวติ้ง หากคำกล่าวอ้างเรื่องความเร็ว 1,000 เท่าจริง นี่จะเป็นการพลิกโฉมวงการ AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม นักวิจัยทั่วโลกยังคงจับตาดูว่าเทคโนโลยีนี้จะสามารถแก้ไขปัญหาการผลิตและเข้าสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์ได้จริงหรือไม่

    สรุปประเด็นสำคัญ
    CHIPX เปิดตัวชิปควอนตัมเชิงแสง
    ใช้โฟตอนแทนกระแสไฟฟ้า ทำให้ไม่เกิดความร้อนและส่งข้อมูลได้เร็ว

    ประสิทธิภาพเหนือกว่า GPU ของ Nvidia
    อ้างว่าเร็วกว่า 1,000 เท่าในการประมวลผล AI

    การใช้งานจริงเริ่มต้นแล้ว
    ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมการบินและการเงิน

    ผลผลิตต่ำและการผลิตยาก
    โรงงานผลิตได้เพียง 12,000 เวเฟอร์ต่อปี แต่ละเวเฟอร์ให้ผลผลิตประมาณ 350 ชิป

    ความไม่แน่นอนด้านการใช้งานเชิงพาณิชย์
    หากไม่สามารถแก้ปัญหาการผลิตได้ อาจไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้จริง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/quantum-computing/new-chinese-optical-quantum-chip-allegedly-1-000x-faster-than-nvidia-gpus-for-processing-ai-workloads-but-yields-are-low
    ⚛️ ชิปควอนตัมเชิงแสงจากจีน – ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ บริษัท CHIPX (Chip Hub for Integrated Photonics Xplore) ของจีนเปิดตัวชิปควอนตัมเชิงแสงที่ถูกเรียกว่า “อุตสาหกรรมเกรด” ตัวแรกของโลก โดยใช้เทคโนโลยี co-packaging รวมโฟตอนและอิเล็กทรอนิกส์เข้าด้วยกันในแผ่นเวเฟอร์ซิลิคอนขนาด 6 นิ้ว ชิปนี้มีองค์ประกอบเชิงแสงกว่า 1,000 ชิ้นในพื้นที่เล็กมาก ทำให้มีความกะทัดรัดและสามารถติดตั้งได้รวดเร็วภายใน 2 สัปดาห์ ต่างจากควอนตัมคอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิมที่ใช้เวลาหลายเดือน 🚀 ประสิทธิภาพเหนือ GPU ของ Nvidia ผู้พัฒนาระบุว่าชิปใหม่นี้สามารถทำงานด้าน AI ได้เร็วกว่า GPU ของ Nvidia ถึง 1,000 เท่า และถูกนำไปใช้แล้วในบางอุตสาหกรรม เช่น การบินและการเงิน จุดเด่นคือการใช้ แสง (photons) แทนกระแสไฟฟ้าในการประมวลผล ทำให้ไม่เกิดความร้อนและสามารถส่งข้อมูลได้เร็วกว่าอย่างมาก 🏭 ปัญหาการผลิตและผลผลิตต่ำ แม้เทคโนโลยีจะล้ำหน้า แต่การผลิตยังเป็นอุปสรรคใหญ่ ปัจจุบันโรงงานสามารถผลิตได้เพียง 12,000 เวเฟอร์ต่อปี โดยแต่ละเวเฟอร์ให้ผลผลิตประมาณ 350 ชิป ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ทั่วไป ความเปราะบางของวัสดุที่ใช้ทำให้การผลิตจำนวนมากยังเป็นเรื่องท้าทาย 🌐 ผลกระทบและการแข่งขันระดับโลก จีนตั้งเป้าที่จะนำหน้าประเทศตะวันตกในด้านควอนตัมคอมพิวติ้ง หากคำกล่าวอ้างเรื่องความเร็ว 1,000 เท่าจริง นี่จะเป็นการพลิกโฉมวงการ AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม นักวิจัยทั่วโลกยังคงจับตาดูว่าเทคโนโลยีนี้จะสามารถแก้ไขปัญหาการผลิตและเข้าสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์ได้จริงหรือไม่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ CHIPX เปิดตัวชิปควอนตัมเชิงแสง ➡️ ใช้โฟตอนแทนกระแสไฟฟ้า ทำให้ไม่เกิดความร้อนและส่งข้อมูลได้เร็ว ✅ ประสิทธิภาพเหนือกว่า GPU ของ Nvidia ➡️ อ้างว่าเร็วกว่า 1,000 เท่าในการประมวลผล AI ✅ การใช้งานจริงเริ่มต้นแล้ว ➡️ ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมการบินและการเงิน ‼️ ผลผลิตต่ำและการผลิตยาก ⛔ โรงงานผลิตได้เพียง 12,000 เวเฟอร์ต่อปี แต่ละเวเฟอร์ให้ผลผลิตประมาณ 350 ชิป ‼️ ความไม่แน่นอนด้านการใช้งานเชิงพาณิชย์ ⛔ หากไม่สามารถแก้ปัญหาการผลิตได้ อาจไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้จริง https://www.tomshardware.com/tech-industry/quantum-computing/new-chinese-optical-quantum-chip-allegedly-1-000x-faster-than-nvidia-gpus-for-processing-ai-workloads-but-yields-are-low
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • Musk ปั้นซัพพลายเชนชิปในสหรัฐ: จาก PCB สู่แพ็คเกจชิปขั้นสูง

    วิสัยทัศน์ “TeraFab” ของ Elon Musk เริ่มเห็นรูปธรรม: รายงานระบุว่ากำลังพัฒนาโรงงาน Advanced Packaging แบบ FOPLP ในเท็กซัส โดยมี SpaceX เป็นผู้จัดการเริ่มต้น ผลิตคอมโพเนนต์ RF สำหรับ Starlink เป้าหมายเดินเครื่องผลิตช่วงไตรมาส 3 ปี 2026 เพื่อแก้คอขวดซัพพลายเชนในสหรัฐและยกระดับอินทิเกรชันของโมดูล RF/พาวเวอร์ให้แน่นขึ้น ลดต้นทุนและเวลานำส่ง.

    สิ่งนี้สอดคล้องกับการสร้างฐาน PCB ขนาดมหึมาใน Bastrop, Texas ที่ประกาศว่าจะเป็น “โรงงาน PCB ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ” ผลิตอุปกรณ์ Starlink มหาศาล มีแผนเพิ่มดาวเทียมและลูกค้าอีกมาก โครงสร้างพื้นฐาน PCB ทำให้การต่อยอดสู่ FOPLP เป็นธรรมชาติ ทั้งกระบวนการผลิตมีส่วนร่วมกัน และช่วยเร่งสปรินต์ดีไซน์—ผลิต สำหรับระบบดาวเทียม.

    รายงานอีกฉบับชี้ว่าไลน์ FOPLP อาจใช้แผงขนาด 700×700 มม. ซึ่งท้าทายเรื่องการแอ่น/บิด แต่หากสเกลสำเร็จจะลดต้นทุนอย่างมาก และเพิ่มความเร็วการผลิต นอกจากนี้ การผลิตในประเทศช่วยตอบโจทย์สัญญาเชิงความมั่นคงและลดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ สำหรับเครือข่ายดาวเทียมที่มีการขยายตัวรวดเร็วของ SpaceX.

    ทั้งหมดตั้งอยู่บนภูมิทัศน์การผลิตที่กว้างขึ้นในเท็กซัส—ตั้งแต่ Starbase ที่เป็นฐานทดสอบ/ผลิต Starship ไปจนถึงฐานอุตสาหกรรมในหลายเมือง โครงสร้างพื้นฐานและแรงงานที่เพิ่มขึ้นช่วยโอบอุ้มแผน vertical integration ของ Musk ให้ขับเคลื่อนเร็วขึ้นในห่วงโซ่อิเล็กทรอนิกส์จาก PCB ถึงแพ็คเกจชิปขั้นสูง.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    FOPLP กำลังมา: โรงงานแพ็คเกจชิปขั้นสูงในเท็กซัส ตั้งเป้าเริ่มผลิต Q3 2026
    โฟกัสแรก: โมดูล RF/พาวเวอร์สำหรับ Starlink แบบแพ็คเกจอินทิเกรตแน่น ลดต้นทุนเวลานำส่ง

    ฐาน PCB มหึมา: Bastrop จะเป็นโรงงาน PCB ใหญ่สุดในสหรัฐ ผลิตอุปกรณ์ Starlink
    ผลกระทบ: เพิ่มความพึ่งพาตนเอง ลดการเอาท์ซอร์สเอเชีย และเร่งขยายเครือข่ายผู้ใช้

    สเกล 700×700 มม.: พยายามสเกล FOPLP บนแผงขนาดใหญ่อุตสาหกรรม
    ข้อดี: หากสำเร็จ ลดต้นทุนและเพิ่ม throughput อย่างมีนัยสำคัญ

    ระบบนิเวศเท็กซัส: โครงสร้างพื้นฐาน Starbase/โรงงานต่างๆ หนุน vertical integration
    ภาพรวม: สายการผลิตในประเทศสอดคล้องข้อกำหนดสัญญารัฐและลดเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์

    ความท้าทายเทคนิค: แผง FOPLP ใหญ่เสี่ยงการแอ่น/บิด และ yield ต่ำในช่วงแรก
    แนวทาง: ต้องลงทุนเครื่องมือ/กระบวนการควบคุมความเรียบและความแม่นยำขั้นสูง

    ไทม์ไลน์ผลิต: Q3 2026 เป็นกรอบเริ่มต้นที่อาจเลื่อนจากการติดตั้ง/ปรับจูน
    ข้อควรเฝ้าระวัง: ความพร้อมเครื่องจักร ซัพพลายเออร์ และทีมกระบวนการอาจกระทบกำลังผลิตเริ่มต้น

    https://wccftech.com/elon-musk-dramatic-chip-ambitions-have-already-started-to-play-out/
    🙎‍♂️ Musk ปั้นซัพพลายเชนชิปในสหรัฐ: จาก PCB สู่แพ็คเกจชิปขั้นสูง 🚀 วิสัยทัศน์ “TeraFab” ของ Elon Musk เริ่มเห็นรูปธรรม: รายงานระบุว่ากำลังพัฒนาโรงงาน Advanced Packaging แบบ FOPLP ในเท็กซัส โดยมี SpaceX เป็นผู้จัดการเริ่มต้น ผลิตคอมโพเนนต์ RF สำหรับ Starlink เป้าหมายเดินเครื่องผลิตช่วงไตรมาส 3 ปี 2026 เพื่อแก้คอขวดซัพพลายเชนในสหรัฐและยกระดับอินทิเกรชันของโมดูล RF/พาวเวอร์ให้แน่นขึ้น ลดต้นทุนและเวลานำส่ง. สิ่งนี้สอดคล้องกับการสร้างฐาน PCB ขนาดมหึมาใน Bastrop, Texas ที่ประกาศว่าจะเป็น “โรงงาน PCB ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ” ผลิตอุปกรณ์ Starlink มหาศาล มีแผนเพิ่มดาวเทียมและลูกค้าอีกมาก โครงสร้างพื้นฐาน PCB ทำให้การต่อยอดสู่ FOPLP เป็นธรรมชาติ ทั้งกระบวนการผลิตมีส่วนร่วมกัน และช่วยเร่งสปรินต์ดีไซน์—ผลิต สำหรับระบบดาวเทียม. รายงานอีกฉบับชี้ว่าไลน์ FOPLP อาจใช้แผงขนาด 700×700 มม. ซึ่งท้าทายเรื่องการแอ่น/บิด แต่หากสเกลสำเร็จจะลดต้นทุนอย่างมาก และเพิ่มความเร็วการผลิต นอกจากนี้ การผลิตในประเทศช่วยตอบโจทย์สัญญาเชิงความมั่นคงและลดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ สำหรับเครือข่ายดาวเทียมที่มีการขยายตัวรวดเร็วของ SpaceX. ทั้งหมดตั้งอยู่บนภูมิทัศน์การผลิตที่กว้างขึ้นในเท็กซัส—ตั้งแต่ Starbase ที่เป็นฐานทดสอบ/ผลิต Starship ไปจนถึงฐานอุตสาหกรรมในหลายเมือง โครงสร้างพื้นฐานและแรงงานที่เพิ่มขึ้นช่วยโอบอุ้มแผน vertical integration ของ Musk ให้ขับเคลื่อนเร็วขึ้นในห่วงโซ่อิเล็กทรอนิกส์จาก PCB ถึงแพ็คเกจชิปขั้นสูง. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ FOPLP กำลังมา: โรงงานแพ็คเกจชิปขั้นสูงในเท็กซัส ตั้งเป้าเริ่มผลิต Q3 2026 ➡️ โฟกัสแรก: โมดูล RF/พาวเวอร์สำหรับ Starlink แบบแพ็คเกจอินทิเกรตแน่น ลดต้นทุนเวลานำส่ง ✅ ฐาน PCB มหึมา: Bastrop จะเป็นโรงงาน PCB ใหญ่สุดในสหรัฐ ผลิตอุปกรณ์ Starlink ➡️ ผลกระทบ: เพิ่มความพึ่งพาตนเอง ลดการเอาท์ซอร์สเอเชีย และเร่งขยายเครือข่ายผู้ใช้ ✅ สเกล 700×700 มม.: พยายามสเกล FOPLP บนแผงขนาดใหญ่อุตสาหกรรม ➡️ ข้อดี: หากสำเร็จ ลดต้นทุนและเพิ่ม throughput อย่างมีนัยสำคัญ ✅ ระบบนิเวศเท็กซัส: โครงสร้างพื้นฐาน Starbase/โรงงานต่างๆ หนุน vertical integration ➡️ ภาพรวม: สายการผลิตในประเทศสอดคล้องข้อกำหนดสัญญารัฐและลดเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ ‼️ ความท้าทายเทคนิค: แผง FOPLP ใหญ่เสี่ยงการแอ่น/บิด และ yield ต่ำในช่วงแรก ⛔ แนวทาง: ต้องลงทุนเครื่องมือ/กระบวนการควบคุมความเรียบและความแม่นยำขั้นสูง ‼️ ไทม์ไลน์ผลิต: Q3 2026 เป็นกรอบเริ่มต้นที่อาจเลื่อนจากการติดตั้ง/ปรับจูน ⛔ ข้อควรเฝ้าระวัง: ความพร้อมเครื่องจักร ซัพพลายเออร์ และทีมกระบวนการอาจกระทบกำลังผลิตเริ่มต้น https://wccftech.com/elon-musk-dramatic-chip-ambitions-have-already-started-to-play-out/
    WCCFTECH.COM
    Elon Musk’s Dramatic Chip Ambitions Are Already Taking Shape — And the Early Signs Look Highly Optimistic
    Elon Musk's statements around building up a chip supply were seen as 'ambitious', but it appears that Tesla already has efforts in place.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel Meteor Lake – XeSS Frame Generation มาถึงแล้ว

    Intel ได้อัปเดต SDK ของ XeSS (Xe Super Sampling) เป็นเวอร์ชัน 2.1.1 ทำให้ ชิปกราฟิกแบบบูรณาการ Meteor Lake สามารถใช้ฟีเจอร์ Frame Generation (FG) ได้ แม้จะไม่มีฮาร์ดแวร์ XMX Tensor Engines แบบการ์ด Arc รุ่นใหญ่ โดยใช้หน่วย DPAS AI หรือที่เรียกว่า XMX-Lite แทน ซึ่งช่วยให้โน้ตบุ๊กและเครื่องพกพาที่ใช้ Meteor Lake สามารถสร้างเฟรมเสมือนเพื่อเพิ่มความลื่นไหลของเกมได้

    แม้ประสิทธิภาพจะไม่เทียบเท่ากับการ์ดจอแยก แต่ก็ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ฮาร์ดแวร์ระดับกลางสามารถสัมผัสประสบการณ์เกมที่เฟรมเรตสูงขึ้น โดย Intel ยังได้ประกาศว่า XeSS FG จะรองรับ GPU ทุกค่ายที่มี Shader Model 6.4 ทำให้แม้แต่การ์ด NVIDIA และ AMD รุ่นเก่าก็สามารถใช้เทคโนโลยีนี้ได้ผ่าน fallback mode แม้คุณภาพจะด้อยลงเล็กน้อย

    นอกจากนี้ Intel ยังเพิ่มฟีเจอร์ Xe Low Latency (XeLL) ที่ช่วยลด input lag คล้ายกับ NVIDIA Reflex และ AMD Anti-Lag ซึ่งเมื่อใช้ร่วมกับ Frame Generation จะช่วยให้การเล่นเกมตอบสนองได้เร็วขึ้น ถือเป็นการยกระดับการแข่งขันกับ AMD FSR และ NVIDIA DLSS ที่ครองตลาดอยู่ก่อนแล้ว

    สรุป
    จุดเด่นของ XeSS FG บน Meteor Lake
    ใช้ DPAS AI Units (XMX-Lite) แทน Tensor Engines
    รองรับ GPU ทุกค่ายที่มี Shader Model 6.4

    ฟีเจอร์เสริม
    Xe Low Latency (XeLL) ลด input lag
    รองรับการใช้งานบนโน้ตบุ๊กและเครื่องพกพา

    คำเตือน
    ประสิทธิภาพ Frame Generation บน Meteor Lake ยังไม่เทียบเท่า Arc GPU
    อาจเกิด artifact หรือภาพผิดเพี้ยนในบางเกมหาก fallback mode ทำงาน

    https://wccftech.com/intel-adds-xess-frame-generation-to-meteor-lake-integrated-graphics/
    🎮 Intel Meteor Lake – XeSS Frame Generation มาถึงแล้ว Intel ได้อัปเดต SDK ของ XeSS (Xe Super Sampling) เป็นเวอร์ชัน 2.1.1 ทำให้ ชิปกราฟิกแบบบูรณาการ Meteor Lake สามารถใช้ฟีเจอร์ Frame Generation (FG) ได้ แม้จะไม่มีฮาร์ดแวร์ XMX Tensor Engines แบบการ์ด Arc รุ่นใหญ่ โดยใช้หน่วย DPAS AI หรือที่เรียกว่า XMX-Lite แทน ซึ่งช่วยให้โน้ตบุ๊กและเครื่องพกพาที่ใช้ Meteor Lake สามารถสร้างเฟรมเสมือนเพื่อเพิ่มความลื่นไหลของเกมได้ แม้ประสิทธิภาพจะไม่เทียบเท่ากับการ์ดจอแยก แต่ก็ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ฮาร์ดแวร์ระดับกลางสามารถสัมผัสประสบการณ์เกมที่เฟรมเรตสูงขึ้น โดย Intel ยังได้ประกาศว่า XeSS FG จะรองรับ GPU ทุกค่ายที่มี Shader Model 6.4 ทำให้แม้แต่การ์ด NVIDIA และ AMD รุ่นเก่าก็สามารถใช้เทคโนโลยีนี้ได้ผ่าน fallback mode แม้คุณภาพจะด้อยลงเล็กน้อย นอกจากนี้ Intel ยังเพิ่มฟีเจอร์ Xe Low Latency (XeLL) ที่ช่วยลด input lag คล้ายกับ NVIDIA Reflex และ AMD Anti-Lag ซึ่งเมื่อใช้ร่วมกับ Frame Generation จะช่วยให้การเล่นเกมตอบสนองได้เร็วขึ้น ถือเป็นการยกระดับการแข่งขันกับ AMD FSR และ NVIDIA DLSS ที่ครองตลาดอยู่ก่อนแล้ว 📌 สรุป ✅ จุดเด่นของ XeSS FG บน Meteor Lake ➡️ ใช้ DPAS AI Units (XMX-Lite) แทน Tensor Engines ➡️ รองรับ GPU ทุกค่ายที่มี Shader Model 6.4 ✅ ฟีเจอร์เสริม ➡️ Xe Low Latency (XeLL) ลด input lag ➡️ รองรับการใช้งานบนโน้ตบุ๊กและเครื่องพกพา ‼️ คำเตือน ⛔ ประสิทธิภาพ Frame Generation บน Meteor Lake ยังไม่เทียบเท่า Arc GPU ⛔ อาจเกิด artifact หรือภาพผิดเพี้ยนในบางเกมหาก fallback mode ทำงาน https://wccftech.com/intel-adds-xess-frame-generation-to-meteor-lake-integrated-graphics/
    WCCFTECH.COM
    Intel Adds XeSS Frame Generation To Meteor Lake Integrated Graphics
    Intel has added XeSS Frame Generation support to Meteor Lake iGPUs, which can now enhance fluidity in gameplay.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia เตรียมขาย “AI Server” ทั้งชุด – แผนใหญ่ของ Jensen Huang

    เรื่องนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในโลกฮาร์ดแวร์ AI เมื่อ JP Morgan วิเคราะห์ว่า Nvidia กำลังจะไม่ขายแค่ GPU หรือชิ้นส่วน แต่จะขาย “AI Server” ที่ประกอบเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยเริ่มจากแพลตฟอร์ม Vera Rubin ที่จะเปิดตัวในปีหน้า การทำเช่นนี้หมายถึง Nvidia จะควบคุมห่วงโซ่อุปทานมากขึ้น และเหล่า ODM หรือผู้ผลิตรายอื่นจะเหลือเพียงงานประกอบขั้นสุดท้ายเท่านั้น

    การเปลี่ยนแปลงนี้คล้ายกับการที่บริษัทไม่เพียงขายชิ้นส่วน แต่ขาย “หัวใจของระบบ” ทั้งหมด ทำให้คู่ค้าไม่สามารถสร้างความแตกต่างทางฮาร์ดแวร์ได้มากนัก แต่ก็ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการผลิต ขณะเดียวกัน GPU รุ่น Rubin ยังใช้พลังงานสูงขึ้นถึง 1.8–2.3 kW ต่อชิป ซึ่งทำให้ระบบระบายความร้อนต้องซับซ้อนขึ้น และนี่คือเหตุผลที่ Nvidia เลือกขายเป็นชุดสำเร็จรูป

    นอกจากนี้ JP Morgan ยังเผยว่า ชิป Vera Rubin ทั้ง 6 รุ่นได้เข้าสู่ขั้นตอน pre-production ที่ TSMC แล้ว และยังไม่มีการเลื่อนกำหนดการเปิดตัวในครึ่งหลังปี 2026 ซึ่งสะท้อนว่าความต้องการ AI ยังคงสูงมาก และ Nvidia กำลังเดินเกมเพื่อครองตลาดแบบเบ็ดเสร็จ

    สรุป
    Nvidia เตรียมขาย AI Server ทั้งชุด
    เริ่มจากแพลตฟอร์ม Vera Rubin ที่รวม CPU, GPU, ระบบระบายความร้อน

    ODM จะเหลือเพียงงานประกอบขั้นสุดท้าย
    เช่น ติดตั้งแชสซี, ระบบไฟ, และการทดสอบ

    Rubin GPU ใช้พลังงานสูงขึ้น
    จาก 1.4 kW เป็น 1.8–2.3 kW ต่อชิป

    ความเสี่ยงคือคู่ค้าเสียโอกาสสร้างความแตกต่าง
    อาจทำให้ตลาดแข่งขันน้อยลงและ Nvidia ครองอำนาจมากขึ้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/jp-morgan-says-nvidia-is-gearing-up-to-sell-entire-ai-servers-instead-of-just-ai-gpus-and-componentry-jensens-master-plan-of-vertical-integration-will-boost-profits-purportedly-starting-with-vera-rubin
    🖥️ Nvidia เตรียมขาย “AI Server” ทั้งชุด – แผนใหญ่ของ Jensen Huang เรื่องนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในโลกฮาร์ดแวร์ AI เมื่อ JP Morgan วิเคราะห์ว่า Nvidia กำลังจะไม่ขายแค่ GPU หรือชิ้นส่วน แต่จะขาย “AI Server” ที่ประกอบเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยเริ่มจากแพลตฟอร์ม Vera Rubin ที่จะเปิดตัวในปีหน้า การทำเช่นนี้หมายถึง Nvidia จะควบคุมห่วงโซ่อุปทานมากขึ้น และเหล่า ODM หรือผู้ผลิตรายอื่นจะเหลือเพียงงานประกอบขั้นสุดท้ายเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงนี้คล้ายกับการที่บริษัทไม่เพียงขายชิ้นส่วน แต่ขาย “หัวใจของระบบ” ทั้งหมด ทำให้คู่ค้าไม่สามารถสร้างความแตกต่างทางฮาร์ดแวร์ได้มากนัก แต่ก็ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการผลิต ขณะเดียวกัน GPU รุ่น Rubin ยังใช้พลังงานสูงขึ้นถึง 1.8–2.3 kW ต่อชิป ซึ่งทำให้ระบบระบายความร้อนต้องซับซ้อนขึ้น และนี่คือเหตุผลที่ Nvidia เลือกขายเป็นชุดสำเร็จรูป นอกจากนี้ JP Morgan ยังเผยว่า ชิป Vera Rubin ทั้ง 6 รุ่นได้เข้าสู่ขั้นตอน pre-production ที่ TSMC แล้ว และยังไม่มีการเลื่อนกำหนดการเปิดตัวในครึ่งหลังปี 2026 ซึ่งสะท้อนว่าความต้องการ AI ยังคงสูงมาก และ Nvidia กำลังเดินเกมเพื่อครองตลาดแบบเบ็ดเสร็จ 📌 สรุป ✅ Nvidia เตรียมขาย AI Server ทั้งชุด ➡️ เริ่มจากแพลตฟอร์ม Vera Rubin ที่รวม CPU, GPU, ระบบระบายความร้อน ✅ ODM จะเหลือเพียงงานประกอบขั้นสุดท้าย ➡️ เช่น ติดตั้งแชสซี, ระบบไฟ, และการทดสอบ ✅ Rubin GPU ใช้พลังงานสูงขึ้น ➡️ จาก 1.4 kW เป็น 1.8–2.3 kW ต่อชิป ‼️ ความเสี่ยงคือคู่ค้าเสียโอกาสสร้างความแตกต่าง ⛔ อาจทำให้ตลาดแข่งขันน้อยลงและ Nvidia ครองอำนาจมากขึ้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/jp-morgan-says-nvidia-is-gearing-up-to-sell-entire-ai-servers-instead-of-just-ai-gpus-and-componentry-jensens-master-plan-of-vertical-integration-will-boost-profits-purportedly-starting-with-vera-rubin
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Nano Banana – AI สร้างภาพที่เข้าใจคำสั่งลึกซึ้ง”

    Nano Banana คือชื่อเล่นของโมเดล Gemini 2.5 Flash Image ของ Google ที่สร้างกระแสในปี 2025 เพราะสามารถทำตามคำสั่งที่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำกว่ารุ่นก่อน ๆ จุดเด่นคือการใช้โมเดลแบบ autoregressive ที่สามารถตีความคำสั่งยาว ๆ และซับซ้อนได้ดีกว่าโมเดล diffusion แบบเดิม

    สิ่งที่ทำให้ Nano Banana น่าสนใจคือความสามารถในการแก้ไขภาพตามคำสั่งเฉพาะ เช่น เพิ่มวัตถุในตำแหน่งที่กำหนด หรือปรับองค์ประกอบภาพโดยไม่กระทบส่วนอื่น ๆ อีกทั้งยังรองรับการใช้ JSON หรือ HTML เป็นคำสั่งเพื่อสร้างภาพที่ซับซ้อน เช่นการออกแบบตัวละคร หรือแม้แต่การเรนเดอร์หน้าเว็บ ซึ่งถือเป็นการเปิดมิติใหม่ของการใช้ AI ในงานสร้างสรรค์

    สรุปเป็นหัวข้อ:
    จุดเด่นของ Nano Banana
    ใช้โมเดล autoregressive ที่ตีความคำสั่งได้ละเอียด
    รองรับ prompt ยาวถึง 32,768 tokens

    ความสามารถพิเศษ
    แก้ไขภาพเฉพาะส่วนได้แม่นยำ
    รองรับการใช้ JSON/HTML เป็นคำสั่งสร้างภาพ

    ตัวอย่างการใช้งาน
    สร้างภาพ “แพนเคกกะโหลก” พร้อมน้ำเชื่อมและผลไม้ตามคำสั่ง
    สร้างภาพตัวละครผสม Paladin + Pirate + Barista ตาม JSON

    คำเตือน
    มีความเสี่ยงด้านลิขสิทธิ์ เพราะสามารถสร้างภาพจาก IP ดัง ๆ ได้
    ระบบ moderation ยังอ่อน อาจถูกใช้สร้างภาพไม่เหมาะสม

    https://minimaxir.com/2025/11/nano-banana-prompts/
    🍌 “Nano Banana – AI สร้างภาพที่เข้าใจคำสั่งลึกซึ้ง” Nano Banana คือชื่อเล่นของโมเดล Gemini 2.5 Flash Image ของ Google ที่สร้างกระแสในปี 2025 เพราะสามารถทำตามคำสั่งที่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำกว่ารุ่นก่อน ๆ จุดเด่นคือการใช้โมเดลแบบ autoregressive ที่สามารถตีความคำสั่งยาว ๆ และซับซ้อนได้ดีกว่าโมเดล diffusion แบบเดิม สิ่งที่ทำให้ Nano Banana น่าสนใจคือความสามารถในการแก้ไขภาพตามคำสั่งเฉพาะ เช่น เพิ่มวัตถุในตำแหน่งที่กำหนด หรือปรับองค์ประกอบภาพโดยไม่กระทบส่วนอื่น ๆ อีกทั้งยังรองรับการใช้ JSON หรือ HTML เป็นคำสั่งเพื่อสร้างภาพที่ซับซ้อน เช่นการออกแบบตัวละคร หรือแม้แต่การเรนเดอร์หน้าเว็บ ซึ่งถือเป็นการเปิดมิติใหม่ของการใช้ AI ในงานสร้างสรรค์ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ: ✅ จุดเด่นของ Nano Banana ➡️ ใช้โมเดล autoregressive ที่ตีความคำสั่งได้ละเอียด ➡️ รองรับ prompt ยาวถึง 32,768 tokens ✅ ความสามารถพิเศษ ➡️ แก้ไขภาพเฉพาะส่วนได้แม่นยำ ➡️ รองรับการใช้ JSON/HTML เป็นคำสั่งสร้างภาพ ✅ ตัวอย่างการใช้งาน ➡️ สร้างภาพ “แพนเคกกะโหลก” พร้อมน้ำเชื่อมและผลไม้ตามคำสั่ง ➡️ สร้างภาพตัวละครผสม Paladin + Pirate + Barista ตาม JSON ‼️ คำเตือน ⛔ มีความเสี่ยงด้านลิขสิทธิ์ เพราะสามารถสร้างภาพจาก IP ดัง ๆ ได้ ⛔ ระบบ moderation ยังอ่อน อาจถูกใช้สร้างภาพไม่เหมาะสม https://minimaxir.com/2025/11/nano-banana-prompts/
    MINIMAXIR.COM
    Nano Banana can be prompt engineered for extremely nuanced AI image generation
    Nano Banana allows 32,768 input tokens and I’m going to try to use them all dammit.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • “การแปรรูปรถไฟอังกฤษที่ล้มเหลว”

    เรื่องราวนี้เล่าถึงการแปรรูปรถไฟอังกฤษในช่วงปี 1990s ที่ถูกขายออกไปให้เอกชน โดยหวังว่าจะสร้างการแข่งขันและยกระดับคุณภาพ แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม ระบบรถไฟที่เคยมีประสิทธิภาพสูงกลับเผชิญปัญหามากมาย ทั้งอุบัติเหตุร้ายแรง การขาดการลงทุน และการจัดการที่ซับซ้อนเกินไป จนท้ายที่สุดต้องกลับเข้าสู่การดูแลของรัฐอีกครั้งในรูปแบบใหม่ที่ชื่อว่า Great British Railways (GBR)

    การเล่าเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า การแปรรูปไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยและความต่อเนื่องของบริการสาธารณะ แต่กลับเน้นผลประโยชน์ทางการเงินของเอกชน ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพยากรอย่างมหาศาล ปัจจุบันแม้ประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนการกลับมาเป็นของรัฐ แต่ก็ยังมีความไม่แน่ใจว่าระบบใหม่จะสามารถแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่

    สรุปเป็นหัวข้อ:
    การแปรรูปรถไฟอังกฤษในปี 1990s
    ถูกขายให้เอกชนหลายบริษัท ทั้งโครงสร้างพื้นฐานและขบวนรถ
    เกิดการจัดการที่ซับซ้อนและไม่ต่อเนื่อง

    ผลกระทบหลังแปรรูป
    เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงหลายครั้ง เช่น Southall, Ladbroke Grove, Hatfield
    ผู้โดยสารเผชิญปัญหาความปลอดภัยและความล่าช้า

    การกลับสู่รัฐ
    ก่อตั้ง Network Rail และต่อมา Great British Railways
    ประชาชน 75% สนับสนุนการเป็นของรัฐ

    คำเตือน
    การแปรรูปโดยไม่คำนึงถึงบริการสาธารณะอาจสร้างหายนะ
    การเมืองและผลประโยชน์อาจทำให้การปฏิรูปไม่ยั่งยืน

    https://www.rosalux.de/en/news/id/53917/britains-railway-privatization-was-an-abject-failure
    🚆 “การแปรรูปรถไฟอังกฤษที่ล้มเหลว” เรื่องราวนี้เล่าถึงการแปรรูปรถไฟอังกฤษในช่วงปี 1990s ที่ถูกขายออกไปให้เอกชน โดยหวังว่าจะสร้างการแข่งขันและยกระดับคุณภาพ แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม ระบบรถไฟที่เคยมีประสิทธิภาพสูงกลับเผชิญปัญหามากมาย ทั้งอุบัติเหตุร้ายแรง การขาดการลงทุน และการจัดการที่ซับซ้อนเกินไป จนท้ายที่สุดต้องกลับเข้าสู่การดูแลของรัฐอีกครั้งในรูปแบบใหม่ที่ชื่อว่า Great British Railways (GBR) การเล่าเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า การแปรรูปไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยและความต่อเนื่องของบริการสาธารณะ แต่กลับเน้นผลประโยชน์ทางการเงินของเอกชน ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพยากรอย่างมหาศาล ปัจจุบันแม้ประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนการกลับมาเป็นของรัฐ แต่ก็ยังมีความไม่แน่ใจว่าระบบใหม่จะสามารถแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ: ✅ การแปรรูปรถไฟอังกฤษในปี 1990s ➡️ ถูกขายให้เอกชนหลายบริษัท ทั้งโครงสร้างพื้นฐานและขบวนรถ ➡️ เกิดการจัดการที่ซับซ้อนและไม่ต่อเนื่อง ✅ ผลกระทบหลังแปรรูป ➡️ เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงหลายครั้ง เช่น Southall, Ladbroke Grove, Hatfield ➡️ ผู้โดยสารเผชิญปัญหาความปลอดภัยและความล่าช้า ✅ การกลับสู่รัฐ ➡️ ก่อตั้ง Network Rail และต่อมา Great British Railways ➡️ ประชาชน 75% สนับสนุนการเป็นของรัฐ ‼️ คำเตือน ⛔ การแปรรูปโดยไม่คำนึงถึงบริการสาธารณะอาจสร้างหายนะ ⛔ การเมืองและผลประโยชน์อาจทำให้การปฏิรูปไม่ยั่งยืน https://www.rosalux.de/en/news/id/53917/britains-railway-privatization-was-an-abject-failure
    WWW.ROSALUX.DE
    Britain’s Railway Privatization Was an Abject Failure - Rosa-Luxemburg-Stiftung
    Sold off in the 1990s, the UK’s railways are returning to public hands — but at what cost?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทัวร์เกาหลี เที่ยวปูซาน 6,999

    🗓 จำนวนวัน 4วัน 2คืน
    ✈ BX แอร์ปูซาน / LJ จินแอร์ / 7Cเจจูแอร์
    พักโรงแรม

    หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน
    ชายหาดแฮอุนแด
    ตลาดแฮอุนแด
    เที่ยวแบบอิสระ1 วัน

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #เกาหลี #ปูซาน #korea #busan #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    ทัวร์เกาหลี เที่ยวปูซาน 🌸🌺 6,999 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 4วัน 2คืน ✈ BX แอร์ปูซาน / LJ จินแอร์ / 7Cเจจูแอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน 📍 ชายหาดแฮอุนแด 📍 ตลาดแฮอุนแด 📍 เที่ยวแบบอิสระ1 วัน รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #เกาหลี #ปูซาน #korea #busan #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • Tails 7.2 พร้อม Tor Browser 15

    Tails 7.2 เป็นดิสโทรที่เน้นความเป็นส่วนตัวและการป้องกันการสอดส่อง โดยอัปเดตครั้งนี้มาพร้อม Tor Browser 15 ที่มีฟีเจอร์ใหม่ เช่น vertical tabs, tab groups และ unified search button ทำให้การใช้งานสะดวกขึ้นมาก

    นอกจากนี้ยังอัปเดต Thunderbird 140.4.0 และ kernel 6.12.57 LTS พร้อมปรับปรุงการแจ้งเตือนและปิดการเชื่อมต่อ telemetry ของ Thunderbird เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ การเปิด root console ก็เปลี่ยนวิธีใหม่ โดยใช้คำสั่ง sudo -i แทนเมนูเดิม

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Tails 7.2 สามารถอัปเกรดอัตโนมัติจากเวอร์ชัน 7.0 และ 7.1 ได้ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องติดตั้งใหม่ทั้งหมด ถือเป็นการพัฒนาเพื่อความสะดวกและความปลอดภัยที่ต่อเนื่อง

    สรุปเป็นหัวข้อ:
    ฟีเจอร์ใหม่ใน Tor Browser 15
    รองรับ vertical tabs และ tab groups
    ปุ่มค้นหาแบบ unified

    การอัปเดตระบบ
    Thunderbird 140.4.0
    Kernel 6.12.57 LTS

    การเปลี่ยนแปลงการใช้งาน root console
    ต้องใช้ sudo -i แทนเมนูเดิม

    https://9to5linux.com/debian-based-tails-7-2-released-with-tor-browser-15-anonymous-web-browser
    🛡️ Tails 7.2 พร้อม Tor Browser 15 Tails 7.2 เป็นดิสโทรที่เน้นความเป็นส่วนตัวและการป้องกันการสอดส่อง โดยอัปเดตครั้งนี้มาพร้อม Tor Browser 15 ที่มีฟีเจอร์ใหม่ เช่น vertical tabs, tab groups และ unified search button ทำให้การใช้งานสะดวกขึ้นมาก นอกจากนี้ยังอัปเดต Thunderbird 140.4.0 และ kernel 6.12.57 LTS พร้อมปรับปรุงการแจ้งเตือนและปิดการเชื่อมต่อ telemetry ของ Thunderbird เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ การเปิด root console ก็เปลี่ยนวิธีใหม่ โดยใช้คำสั่ง sudo -i แทนเมนูเดิม สิ่งที่น่าสนใจคือ Tails 7.2 สามารถอัปเกรดอัตโนมัติจากเวอร์ชัน 7.0 และ 7.1 ได้ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องติดตั้งใหม่ทั้งหมด ถือเป็นการพัฒนาเพื่อความสะดวกและความปลอดภัยที่ต่อเนื่อง 📌 สรุปเป็นหัวข้อ: ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Tor Browser 15 ➡️ รองรับ vertical tabs และ tab groups ➡️ ปุ่มค้นหาแบบ unified ✅ การอัปเดตระบบ ➡️ Thunderbird 140.4.0 ➡️ Kernel 6.12.57 LTS ‼️ การเปลี่ยนแปลงการใช้งาน root console ⛔ ต้องใช้ sudo -i แทนเมนูเดิม https://9to5linux.com/debian-based-tails-7-2-released-with-tor-browser-15-anonymous-web-browser
    9TO5LINUX.COM
    Debian-Based Tails 7.2 Released with Tor Browser 15 Anonymous Web Browser - 9to5Linux
    Tails 7.2 anonymous Linux OS is now available for download with Tor Browser 15.0.1, Mozilla Thunderbird 140.4, and Linux kernel 6.12.57 LTS.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • openSUSE Tumbleweed เปลี่ยนมาใช้ GRUB2-BLS เป็นค่าเริ่มต้นใน UEFI

    เรื่องนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญของ openSUSE Tumbleweed ที่หันมาใช้ GRUB2-BLS แทน GRUB2 แบบดั้งเดิมสำหรับเครื่องที่ติดตั้งในโหมด UEFI โดย GRUB2-BLS ถูกพัฒนาโดย Fedora เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐาน Boot Loader Specification (BLS) ซึ่งช่วยให้ระบบจัดการ boot entries ได้ง่ายขึ้นและปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้ Full Disk Encryption (FDE) ที่ต้องการความเข้ากันได้กับ systemd

    ข้อดีคือผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องสร้างไฟล์ config ใหม่ทุกครั้งที่อัปเดต kernel เพราะ GRUB2-BLS จะสร้างเมนู boot แบบไดนามิกจากไฟล์ที่อยู่ใน /boot/efi/loader/entries ทำให้การจัดการระบบสะดวกขึ้นมาก นอกจากนี้ยังมีเครื่องมืออย่าง sdbootutil ที่ช่วยอัปเดต boot entries อัตโนมัติเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง

    แต่ก็มีข้อควรระวัง หากผู้ใช้ต้องการอัปเกรดจาก GRUB2 เดิมไป GRUB2-BLS อาจเจอปัญหาพื้นที่ EFI System Partition (ESP) ไม่เพียงพอ จึงไม่แนะนำให้อัปเกรดตรง ๆ โดยไม่มีการปรับขนาดพาร์ทิชัน

    สรุปเป็นหัวข้อ:
    การเปลี่ยนมาใช้ GRUB2-BLS
    รองรับ Full Disk Encryption ได้ดีขึ้น
    ไม่ต้องสร้าง config ใหม่ทุกครั้ง

    คำเตือนเรื่องการอัปเกรด
    ESP อาจมีพื้นที่ไม่พอ ทำให้ระบบ boot ล้มเหลว

    https://9to5linux.com/opensuse-tumbleweed-now-defaults-to-grub2-bls-bootloader-for-uefi-installs
    🖥️ openSUSE Tumbleweed เปลี่ยนมาใช้ GRUB2-BLS เป็นค่าเริ่มต้นใน UEFI เรื่องนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญของ openSUSE Tumbleweed ที่หันมาใช้ GRUB2-BLS แทน GRUB2 แบบดั้งเดิมสำหรับเครื่องที่ติดตั้งในโหมด UEFI โดย GRUB2-BLS ถูกพัฒนาโดย Fedora เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐาน Boot Loader Specification (BLS) ซึ่งช่วยให้ระบบจัดการ boot entries ได้ง่ายขึ้นและปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้ Full Disk Encryption (FDE) ที่ต้องการความเข้ากันได้กับ systemd ข้อดีคือผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องสร้างไฟล์ config ใหม่ทุกครั้งที่อัปเดต kernel เพราะ GRUB2-BLS จะสร้างเมนู boot แบบไดนามิกจากไฟล์ที่อยู่ใน /boot/efi/loader/entries ทำให้การจัดการระบบสะดวกขึ้นมาก นอกจากนี้ยังมีเครื่องมืออย่าง sdbootutil ที่ช่วยอัปเดต boot entries อัตโนมัติเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็มีข้อควรระวัง หากผู้ใช้ต้องการอัปเกรดจาก GRUB2 เดิมไป GRUB2-BLS อาจเจอปัญหาพื้นที่ EFI System Partition (ESP) ไม่เพียงพอ จึงไม่แนะนำให้อัปเกรดตรง ๆ โดยไม่มีการปรับขนาดพาร์ทิชัน 📌 สรุปเป็นหัวข้อ: ✅ การเปลี่ยนมาใช้ GRUB2-BLS ➡️ รองรับ Full Disk Encryption ได้ดีขึ้น ➡️ ไม่ต้องสร้าง config ใหม่ทุกครั้ง ‼️ คำเตือนเรื่องการอัปเกรด ⛔ ESP อาจมีพื้นที่ไม่พอ ทำให้ระบบ boot ล้มเหลว https://9to5linux.com/opensuse-tumbleweed-now-defaults-to-grub2-bls-bootloader-for-uefi-installs
    9TO5LINUX.COM
    openSUSE Tumbleweed Now Defaults to GRUB2-BLS Bootloader for New UEFI Installs - 9to5Linux
    openSUSE Tumbleweed distribution switches from GRUB2 to GRUB2-BLS as default bootloader when installed via YaST.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts