• เรื่อง ยากูซ่า…ยังซ่าอยู่
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยากูซ่า…ยังซ่าอยู่”
    ตอน 1
    เพิ่งเล่าไปหมาดๆ ในนิทานเรื่องไม่ตกสะเก็ดว่า ยากูซ่าเป็นหมอตำแยทำคลอดพรรค LPD ของญี่ปุ่น ในคุกซุกาโมช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกใหม่ๆ หลังจากทำคลอด ยากูซ่าสาระพัดลาย ยังทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงนางนม ช่วยกันป้อนข้าว ป้อนน้ำอุ้มชูดูแล จนพรรค LDP โตไว กล้ามใหญ่ หน้าไหนจะกล้าขัดใจขวางทางเจ้าพ่อยากูซ่า ด้วยเหตุนี้ พรรค LDP จึงคุมการเมืองญี่ปุ่นอยู่มือ อยู่หมัด มาตลอด ตั้งแต่คลอด จนถึงเดี๋ยวนี้ 
    คณะหมอตำแย ประกอบด้วย นายโคดามะ เจ้าพ่อใหญ่ของยากูซ่า หัวหน้าสมาคมมังกรดำ นายซาซากาวา หัวหน้ายากูซ่าอีกกลุ่มที่ ที่มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันเป็นมือสำคัญ มือหนึ่ง ที่อยู่ข้างหลังประเทศญี่ปุ่น และอีกหนึ่ง ที่เป็นคนประสานงานระหว่าง ฝ่ายยากูซ่า นักการเมืองญี่ปุ่นกับฝ่ายอเมริกา คือ นายคิชิ โนบูซุเกะ Kishi Nobusuke ตาของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบัน นายชินโซะ อาเบะ นั่นเอง ทีนี่ก็รู้กันแล้วว่า คุณอาเบะ นี่เป็นเด็กเลี้ยงของยากูซ่า อย่าไปขัดใจแกมากนัก
    น่าทึ่งนะครับ นึกถึงญี่ปุ่น อย่านึกถึงแต่ปลาดิบกับกิโมโน เดี๋ยวจะเข้าใจหลายอย่างเกี่ยวกับญี่ปุ่น…ผิดเพี้ยน...
    เมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว สื่อฝรั่งต่างพากันลงข่าวว่า ยามากูชิ – กูมิ Yamagushi – gumi ยากูซ่า แก๊งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นขณะนี้ กำลังจะฉลองครบรอบ 100 ปี ของแก๊ง ด้วยการแตกคอกัน และอาจมีการยกพวกตีกันรุนแรง เป็นข่าวหลุดมาจากการประชุมใหญ่ของแก๊ง ที่สำนักงานใหญ่เมืองโกเบ เมื่อประมาณปลายเดือนสิงหาคม เขาว่ามันเป็นการเรียกประชุมด่วน บรรดาชายในชุดสูทดำ นิ้วก้อยสั้นทั้งหลาย ต่างทำหน้าเครียด รีบมาเข้าประชุมกันพร้อมหน้า ทั้งหมดเดินทางมาด้วยรถส่วนตัวสีดำ กระจกติดฟิลม์ดำมืด รถยนต์มีแต่ยี่ห้อเมอร์ซิเดซเบนซ์ หรือโตโยต้าเล็กซัสเท่านั้น ยี่ห้ออื่นสงสัยจะไม่เข้ากับ สูทดำและนิ้วก้อยสั้น
    รายงานข่าวว่า ยามากูชิ-กูมิ กำลังร้าวจัดใกล้แตก พวกหนึ่ง ยังคงสน้บสนุนหัวหน้าใหญ่คนปัจจุบัน หนุ่มใหญ่วัย 73 นายชิโนดะ Kenichi Shinoda หรือที่รู้จักกันในนาม Shinobu Tsukasa ส่วนอีกพวก สนับสนุนคู่แข่งที่อยู่ทางตะวันตกของญี่ปุ่น ข่าวไม่บอกว่าเป็นใคร
    สาเหตุที่แตกคอ มีเรื่องอ้างสาระพัด แต่เรื่องใหญ่เขาว่า น่าจะเป็นเรื่องการค้ายาเสพติด ที่เจ้าพ่อวัย 73 บอก ตามประเพณี ตั้งแต่ตั้งแก๊งมา เราไม่ค้ายา แต่ลูกแก๊งบอก ถ้าไม่ค้ายา เรารวยไม่พอนะ ค้าคน ค้าเงิน ค้าบ่อน ค้าของเมา ค้ากำลัง ฯลฯ มันไม่พอรวย เอ ค้ากำลังอาวุธ นี่ น่าจะพอนะ หรือ ส่วนแบ่งไม่ลงตัว อันนี้ผม ไม่กล้าเดา
    บางข่าว ยังมีเพิ่มเติมว่า หรือจะเป็นการเตรียมตัวกลับมา ของหัวหน้ายากูซ่าใหญ่อีกคนชื่อ นาย โกโตะ Goto Tadamasa ซึ่งเคยใหญ่มาก แต่ตอนหลังถูกขับออกจากแก๊ง ในปี ค.ศ.2008 หลังมีข่าวว่า กระด้างกระเดื่องแยะ และไปมีข้อตกลงกับ FBI ของอเมริกา เอาความในของพวกไปบอก เพื่อแลกกับการผ่าตัดเปลี่ยนตับของเขา หลังจากหายดี นายโกโตะไม่กลับญี่ปุ่น แต่ไปปักหลัก ฝั่งตัวอยู่ ในกัมพูชา
    เรื่องยามากูชิ-กูมิ กำลังร้าวจัด จวนแตกนี่ ทำให้ตำรวจญี่ปุ่น อยู่ในภาวะเตรียมพร้อม ไม่กล้าง่วงไม่กล้าซึม เขาว่า เมื่อยากูซ่า แตกคอใหญ่ในปี ค.ศ.1984 พวกเขาตีกันไม่เลิกถึง 5 ปี มีการปาระเบิดกลางเมือง ยิงกราดกลางถนนเหมือนในหนัง ขับรถบรรทุกพุ่งใส่บ้านพังเป็นแถบๆ (บ้านเล็กน่าเอ็นดูของญี่ปุ่น ท่าทางพังง่ายอยู่แล้ว) คนตายไปหลายสิบ สมัยนั้นส่วนใหญ่ใช้ ปืนกล กับปาระเบิดใส่กันจะๆ เป้าเจาะจง ไม่ใช่เป้าหว่าน แบบวางระเบิดใกล้สี่แยกเหมือนสมัยนี้ เป้ก็ยังไม่ใช้ วิกก็ไม่ใส่กัน ตำรวจญี่ปุ่นบอก ถ้าตีกันงวดนี้ จากพัฒนาการใช้อาวุธอุปกรณ์กันครบครัน ตำรวจก็ไม่กล้าคาดเดาว่า ญี่ปุ่นจะเละขนาดไหน
    ยากูซ่าในญี่ปุ่นมีประมาณ 24 แก๊งใหญ่ จำนวนยากูซ่าทั้งหมดประมาณ 6 หมื่นกว่าคน ทั้งหมดมีรายได้รวมกันต่อปี อย่างน้อย 45 พันล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยออกไหมครับ จำนวนมหึมามาก แก๊งใหญ่อันดับแรกคือ ยามากูชิ-กูมิ ซึ่งไม่ใช่แค่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เขาเป็นกลุ่มอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่กว่ามาเฟียอิตาลี และอเมริกันอีกนะครับ
    ยามากูชิ-กูมิ มีสมาชิกทางการประมาณ 2 หมื่นกว่าคน แต่ตำรวจญี่ปุ่น บอก ตัวเลขจริงน่าจะใกล้ 4 หมื่นกว่าคน มีสาขาเกือบร้อยสาขา ทั้งในญี่ปุ่น เกาหลี และอเมริกา ไทยมีหรือเปล่า ไม่แน่ใจ เอาว่าไม่มี ดีกว่านะ แก๊งเจ้าพ่อรายนี้ มีบริษัทหน้าฉาก หลายร้อยบริษัท มีบริษัทตรวจสอบบัญชีนับไม่ถ้วนอยู่ในมือ และมีพนักงานทำงานบริหารเป็นพันๆคน เจ้าพ่อเก็บข้อมูลบริษัทธุรกิจ ไว้ใช้ในการ “ทำธุรกิจ” มากมาย และมีข้อมูลส่วนบุคคล ประมาณ 3.2 ล้านคน เอาไว้ทำอะไร คงพอนึกกันออก นอกจากนี้ ยังมีบริษัทนักสืบส่วนบุคคล ไว้ติดตามบุคคล ที่น่าตาม หรือ ต้องตามอีกแยะ
    
###############
ตอน 2
     
    เรื่องยากูซ่าแตกคอกัน นี่น่าสนใจไหม ผมให้ความสนใจ แต่ ไม่ใช่เรื่องเขาจะแตกคอกันผมสนใจเรื่อง “เวลา” ของการเป็นข่าว สนใจคนเขียนข่าว และสนใจเนื้อข่าว บางตอน
     
    “เวลา” ของการเป็นข่าว น่าสนใจเพราะ นายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น หลานตาเพื่อนรักยากูซ่า กำลังจะบีบให้สภาสูงของญี่ปุ่นผ่านกฏหมาย เพื่อให้ญี่ปุ่นสามารถนำกองกำลังของตัวเอง ร่อนไปทั่ว
    เพื่อช่วยแบกถาดบริการให้ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คอยดักตีห้วเพื่อนบ้าน แถบเอเซียแปซิฟิกได้คล่องตัว ในขณะเดียวกัน ก็มีชาวญี่ปุ่น
    โดยเฉพาะพวกคุณแม่กำลังไม่ยอม ไม่อยากให้ลูกไปทำสงคราม ไม่อยากให้ลูกต้องมีสภาพอย่างสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงไม่ต้องการให้สภาผ่านกฏหมายนี้
    และออกมาประท้วงกันแล้ว และอาจจะออกมาประท้วงกันอีก แต่ถ้ายากูซ่ายกพวกตีกัน กลางเมือง พวกคุณแม่คุณลูก ก็คงไม่ค่อยอยากจะเสี่ยงออกมาชุมนุม
    เผลอๆ อาจถูกลากไปอยู่ข้างไหนของยากูซ่าแบบไม่สมัครใจ หรือไม่ก็เอาข่าวยากูซ่าตีกัน มากลบข่าวเอากฏหมายแบกถาดเข้าสภา เรื่องสร้างข่าวหนึ่ง มากลบอีกข่าวหนึ่งนี่ ถนัดกันนัก
    ช่างเลือกเวลาให้ยากูซ่าทะเลาะกันจริงนะ หลานตา
    เรื่องคนเขียนข่าวนี่ก็แปลก สื่อฝรั่งระดับใหญ่อย่าง the Independent, Guardian, Telegraph, Washington Post ลงข่าวกันหมด แต่ดูไปลึกๆ ข่าวมาจากตอ ต้นเดียวกันทั้งนั้น เพราะเป็นข่าวที่เริ่มมาจาก นาย Jake Adelstien
    นายเจค Jake Adelstien นี่ก็แปลกเอาเรื่องอยู่ และก็มีคนสนใจความแปลกของเขา ขนาดจะเอาเรื่องเขาไปทำหนังแล้ว หนังชื่ออะไรไม่รู้ ผมเห็นข่าวแวบๆ จำได้แต่ว่าจะให้ เจ้าหนู ที่เล่นเป็น แฮรี่ พอตเตอร์ เล่นเป็นตัวนายนักข่าวคนนี้
    นาย เจค เป็นยิวอเมริกัน จากมิสซูรี เดินทางมาญี่ปุ่น เมื่อประมาณเกือบยี่สิบปีก่อน ตอนนั้นเขาเพิ่งเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ปี 2 หลงไหลเรื่องญี่ปุ่น เลยขอย้ายมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโตเกียว ระหว่างเรียนก็ทำงานหาเงินเป็นค่าเรียน ค่าอยู่ ค่ากิน งานหนึ่ง ที่เขาเล่าว่า เขาทำก็คือ รับจ้างนวดคุณนายญี่ปุ่นที่ร่ำรวยแต่ขี้เหงา เออ ช่างหางานจริงไอ้หนู ระหว่างนั้น ก็มั่วสุมอยู่กับพวกยากูซ่า จนเกิดความสนใจ ศึกษาติดตามชีวิตยากูซ่า เมื่อเรียนจบ พูดเขียนญี่ปุ่นได้คล่อง เนียนไปกับคนญี่ปุ่นแล้ว ก็ไปสมัครงานเป็นผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์ Yomiuri Shimbun หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ยอดจำหน่ายสุงสุดของญี่ปุ่น
    นายเจค ทำข่าวเกี่ยวกับชีวิตชาวญี่ปุ่นในอีกโลกหนี่ง เป็นชีวิตสีดำของคนกลางคืน ส่วนใหญ่เป็นข่าวอาชญากรรม วันหนึ่ง ตำรวจญี่ปุ่นคุยให้เขาฟังว่า ยากูซ่าสมัยนี้ เปลี่ยนไปแล้ว ไม่เหมือนยากูซ่าสมัยก่อน ที่เป็นสุภาพบุรุษ แม้จะสักลายพร้อยไปทั้งตัว แต่ก็ไม่ยุ่ง ไม่ทำร้ายคนนอกยากูซ่า นอกจากมีแบล๊กเมล์ หรือทรมานบ้าง แต่ไม่ทำร้ายตำรวจ มาตอนหลัง เกิดยากูซ่าสายพันธ์ใหม่ เช่น พันธุ์ประเภท นายโกโตะ Goto Tadamasa นี่แหละ ยากูซ่าก็ เริ่มเหี้ยมโหด รุนแรงขึ้น เล่นนอกเส้นไปถึงชาวบ้าน จนเดือดร้อนกันไปหมด นายเจคฟังแล้วก็สนใจ คิดจะทำรายงานข่าวพิเศษ เกี่ยวกับนาย โกโตะ เขาว่างั้น
    ก่อนการสนทนานี่ไม่กี่วัน ลูกน้องนายโกโตะที่เข้าใจว่า แปรพักตร์หักหลังเขา ถูกยิงตายที่เมืองไทยของเรานี่เอง หมอนี่ หนีเจ้าพ่อโกโตะอยู่หลายปี แต่ในที่สุดก็หนีไม่พ้น
    เรื่องการถูกยิงตายของยากูซ่าในเมืองไทยนี่เป็นข่าวอยู่ใน นสพ. เนชั่น เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ.2011 ว่าไกด์ไทยสารภาพว่า ยิงนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ตาย 1 บาดเจ็บสาหัส อีก 1 ระหว่างพาไปปืนเขาท่องเที่ยว อยู่แถวทางเหนือของเมืองไทย จริงๆ ญี่ปุ่นทั้ง 2 คนเป็นยากูซ่า หนีตายจากการรู้เห็นการเก็บกวาด ของยากูซ่าในญี่ปุ่น แต่หนีไม่พ้น ไกด์ไทยเลยงานเข้า เป็นข่าวที่เห็นถึงความไม่เข้าท่า หลายอย่างเหลือเกิน
    
###############
ตอน 3
    เมื่อ นายเจคได้กลิ่นเรื่อง เจ้าพ่อกาโตะ เขาตามติด แล้วนำมาเขียนรายงานข่าวว่า จริงๆเรื่องมันเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่นายกาโตะกำลังดำเนินการอยู่ นาย ก ดันเข้ามาขวางทาง นายกาโตะ จึงสั่งลูกน้องหมายเลข 1 ให้ จัดการนาย ก ผลปรากฏว่า นาย ก ถูกแทงตายกลางถนนแห่งหนึ่งแถว Aoyama เมื่อปี ค.ศ.2006 ตำรวจโตเกียว ใช้เวลาอยู่ 4 ปี ในปี ค.ศ.2009 จึงจับลูกน้องหมายเลข 1 ได้ แล้วออกหมายจับลูกน้องหมายเลข 2 ด้วย หมายเลข 1 ถูกพิพากษาติดคุก 13 ปี ส่วนหมายเลข 2 หนีหาย แต่ในที่สุดปรากฏมาถูกยิงตายอยู่ที่เมืองไทยในปี ค.ศ.2011 นั่นเอง
    นายเจค คุ้ยต่อ ได้เรื่องว่า นายกาโตะ เคยได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนตับ ที่ รพ UCLA Medical Center ในอเมริกา พร้อมลูกน้องอีก 2 คน ภายใต้การจัดการออก วีซ่า และอำนวยความสดวกของ FBI แถมลัดคิวไม่ต้องคอย ตัดหน้าคนที่ลงชื่อขอเปลี่ยนตับไปร้อยกว่าคน FBI บอก เราไม่ได้อะไรมากมายจากนายกาโตะหรอก อ้าว แล้วใจดีจัดการพา ยากูซ่ามาผ่าตัดเปลี่ยนตับ ตัดหน้าคนป่วยอเมริกันร้อยกว่าคนทำไม
    จากการคุ้ยแคะเรื่องนายกาโตะ นายเจคอ้างว่า ทำให้เขาโดนขู่ และโดนทำร้าย ลูกและเมียชาวญี่ปุ่นก็โดนขู่ด้วย แต่นายเจค ก็ยังคงอยู่ในญี่ปุ่นต่อไป ต่อมาเขาลาออกจากหนังสือพิมพ์ Yomiuri มาเป็นสื่ออิสระ แต่ก็ยังตามติดเรื่องยากูซ่า การค้ามนุษย์ และการฟอกเงิน ซึ่งเป็นธุรกิจของยากูซ่าต่อ ตัวเขาเองก็ใส่สูทดำ เหมือนพวกยากูซ่าส่วนใหญ่ แถมนั่งรถเมอร์ซิเดซเบนซ์ สีดำ มีคนขับเป็นอดีตยากูซ่านิ่วก้อยซ้ายสั้นหายไป 1 ข้อ เห็นชัด มีคนบอกว่า นายเจคเอง ก็น่าจะเป็น ซีไอเอ ไม่งั้นไม่รอดมาหรอก นายเจคไม่ตอบรับ หรือ ปฏิเสธ เขายังคลุกคลีอยู่กับยากูซ่า ตอนหลังเขาแยกทางกับเมีย ตัวเขายังอยู่ญี่ปุ่นจนทุกวันนี้ ส่วนลูกเมียไปอยู่อเมริกา และมีตำรวจคอยคุ้มกัน
    แต่ นายเจค ยังไม่เลิกเล่น เขาเขียนเรื่องของนายโกโตะ กับ FBI ไปลงใน นสพ. Washington Post และ Los Angeles Times เขารายงานว่า หลังจากผ่าตัดเปลี่ยนตับเรียบร้อย นายโกโตะ ก็กลับมาญี่ปุ่น บริหารกิจการยากูซ่าต่อ และในปี ค.ศ.2008 ก็ถูกขับออกจากแก๊งยากูซ่า จากนั้น นายกาโตะก็หนีไปอยู่ที่กัมพูชาพร้อมพรรคพวก ตัวนายกาโตะ บวชเป็นพระนุ่งเหลืองห่มเหลืองในพุทธศาสนา
    นายเจคเขียนหนังสือ เกี่ยวกับชีวิตด้านมืดของโตเกียวชื่อ “Tokyo Vice” ที่น่าจะเป็นต้นเรื่องของข่าว ที่ว่าจะมีการสร้างหนัง ส่วนนายกาโตะ ก็มาแบบยากูซ่า เขาบอกว่า แม้จะเขาจะบวชเป็นพระแล้ว ก็ใช่ว่า นายเจค จะได้อยู่สบาย หลังจากนั้น มีข่าวว่า ทนายที่นายเจค จ้างเอาไว้ดูแลคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเขากับนายกาโตะ ไปพักผ่อนที่ฟิลิปปินส์ เช้าขึ้นมาพบว่านอนตายสนิทอยู่ในห้องพักของโรงแรม มีขวดยานอนหลับกับแก้วไวน์อยู่หัวเตียง ที่ข้อมือมีรอยเชือดยาว แต่ไม่ลึก มีกล่องใส่คัตเตอร์ขนาดต่างๆ วางอยู่ที่หัวเตียงด้วย ตำรวจฟิลิปปินส์ สรุปสำนวนว่า เป็นการฆ่าตัวตาย วิธีการ การสรุปสำนวนไม่ต่างกับตำรวจไทย
    เล่าเรื่องยากูซ่าแตกคอให้ฟังแล้ว ดูเผินๆ เหมือนเรื่องไม่น่าเป็นเรื่อง มาออกข่าวกันทำไม แถมเรื่องก็ไม่เห็นมีอะไร ลุงนิทานเอามาเขียนทำไม
    เรื่องแบบนี้แหละ ที่คนช่างสงสัยอย่างผม อดคิดมากไม่ได้ ผมไม่เชื่อเรื่องบังเอิญ!
    นายเจค สาระพัดจะทำตัวคลุกกับยากูซ่า ตีข่าวเสียน่าสนใจ ว่ายากูซ่าจะแตกกัน ตีกัน แต่ตอนเขียนถึงสาเหตุ กลับแสนเบา ไม่มีน้ำหนัก ส่วนเรื่องนายกาโตะ ก็เช่นเดียวกัน ตีข่าวเรื่องเปลี่ยนตับ กับข้อตกลงกับ FBI เหมือนเร้าใจ แต่พอถูกไล่จากแก๊ง ดันไม่เจาะลึก ว่ามาจากสาเหตุอะไร และที่แปลก จนผมต้องเขียนถึงคือ เรื่องยากูซ่า ดันหนี ไปบวชเป็นพระอยู่ในเขมร ! มีที่ให้ไปตั้งแยะ เลือกไปอยู่เขมร มันไม่สงสัยไม่ได้ แถมช่วงเวลา ที่ ยากูซ่าไปอยู่เขมร ก็น่าสนใจสำหรับผม
    ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนญี่ปุ่นจะยกพลขึ้นบก ผ่านมาทางใต้ของไทย ญี่ปุ่น ก็มาบวชเป็นพระอยู่ทางใต้ของเราอยู่นานหลายคน โดยเฉพาะตัว นายพล Tsuji Masanobu ผู้ที่จะมาบัญชาการรบในไทยก็บวช
    ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง การยึดราชประสงค์ และการซุ่มยิงทหารที่สี่แยกคอกวัว การบุกสถานที่ราชการและโรงพยาบาล ในปี พ.ศ.2553 (ค.ศ.2010) ที่มีชายชุดดำ ซุ่มยิงทหาร วางระเบิด เผากรุงเทพฯ เสียวินาศสันตะโร ชายชุดดำมาจากไหนกัน ใครฝึก พฤติกรรมของชายชุดดำเป็นอย่างไร น่ารังเกียจ เหี้ยมโหดขนาดไหน ไม่ใช่พื้นฝอยหาตะเข็บ แต่เป็นเรื่องเจ็บแล้วต้องจำ และไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก
    ทำให้ผมนึก ไปได้อีกหลายเรื่องครับ เรื่องบังเอิญไม่มี เขมรกับไทย อยู่ไม่ไกลกัน เข้าง่ายออกง่าย มารถ มาเรือ มารถไฟได้ทั้งนั้น และญี่ปุ่นในไทยก็มากขึ้นทุกวัน ตอนนี้ก็เร่งฝึกแบกถาดให้ไอ้นักล่าใบตองแห้งอยู่ ระวังกันบ้างก็แล้วกัน ไอ้ใบตองแห้งมันวางแผนเก่ง เรื่องล่อให้หลงทางนี่ กระจอกสำหรับมัน
    
สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
7 ก.ย. 2558
    เรื่อง ยากูซ่า…ยังซ่าอยู่ นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยากูซ่า…ยังซ่าอยู่” ตอน 1 เพิ่งเล่าไปหมาดๆ ในนิทานเรื่องไม่ตกสะเก็ดว่า ยากูซ่าเป็นหมอตำแยทำคลอดพรรค LPD ของญี่ปุ่น ในคุกซุกาโมช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกใหม่ๆ หลังจากทำคลอด ยากูซ่าสาระพัดลาย ยังทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงนางนม ช่วยกันป้อนข้าว ป้อนน้ำอุ้มชูดูแล จนพรรค LDP โตไว กล้ามใหญ่ หน้าไหนจะกล้าขัดใจขวางทางเจ้าพ่อยากูซ่า ด้วยเหตุนี้ พรรค LDP จึงคุมการเมืองญี่ปุ่นอยู่มือ อยู่หมัด มาตลอด ตั้งแต่คลอด จนถึงเดี๋ยวนี้  คณะหมอตำแย ประกอบด้วย นายโคดามะ เจ้าพ่อใหญ่ของยากูซ่า หัวหน้าสมาคมมังกรดำ นายซาซากาวา หัวหน้ายากูซ่าอีกกลุ่มที่ ที่มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันเป็นมือสำคัญ มือหนึ่ง ที่อยู่ข้างหลังประเทศญี่ปุ่น และอีกหนึ่ง ที่เป็นคนประสานงานระหว่าง ฝ่ายยากูซ่า นักการเมืองญี่ปุ่นกับฝ่ายอเมริกา คือ นายคิชิ โนบูซุเกะ Kishi Nobusuke ตาของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบัน นายชินโซะ อาเบะ นั่นเอง ทีนี่ก็รู้กันแล้วว่า คุณอาเบะ นี่เป็นเด็กเลี้ยงของยากูซ่า อย่าไปขัดใจแกมากนัก น่าทึ่งนะครับ นึกถึงญี่ปุ่น อย่านึกถึงแต่ปลาดิบกับกิโมโน เดี๋ยวจะเข้าใจหลายอย่างเกี่ยวกับญี่ปุ่น…ผิดเพี้ยน... เมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว สื่อฝรั่งต่างพากันลงข่าวว่า ยามากูชิ – กูมิ Yamagushi – gumi ยากูซ่า แก๊งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นขณะนี้ กำลังจะฉลองครบรอบ 100 ปี ของแก๊ง ด้วยการแตกคอกัน และอาจมีการยกพวกตีกันรุนแรง เป็นข่าวหลุดมาจากการประชุมใหญ่ของแก๊ง ที่สำนักงานใหญ่เมืองโกเบ เมื่อประมาณปลายเดือนสิงหาคม เขาว่ามันเป็นการเรียกประชุมด่วน บรรดาชายในชุดสูทดำ นิ้วก้อยสั้นทั้งหลาย ต่างทำหน้าเครียด รีบมาเข้าประชุมกันพร้อมหน้า ทั้งหมดเดินทางมาด้วยรถส่วนตัวสีดำ กระจกติดฟิลม์ดำมืด รถยนต์มีแต่ยี่ห้อเมอร์ซิเดซเบนซ์ หรือโตโยต้าเล็กซัสเท่านั้น ยี่ห้ออื่นสงสัยจะไม่เข้ากับ สูทดำและนิ้วก้อยสั้น รายงานข่าวว่า ยามากูชิ-กูมิ กำลังร้าวจัดใกล้แตก พวกหนึ่ง ยังคงสน้บสนุนหัวหน้าใหญ่คนปัจจุบัน หนุ่มใหญ่วัย 73 นายชิโนดะ Kenichi Shinoda หรือที่รู้จักกันในนาม Shinobu Tsukasa ส่วนอีกพวก สนับสนุนคู่แข่งที่อยู่ทางตะวันตกของญี่ปุ่น ข่าวไม่บอกว่าเป็นใคร สาเหตุที่แตกคอ มีเรื่องอ้างสาระพัด แต่เรื่องใหญ่เขาว่า น่าจะเป็นเรื่องการค้ายาเสพติด ที่เจ้าพ่อวัย 73 บอก ตามประเพณี ตั้งแต่ตั้งแก๊งมา เราไม่ค้ายา แต่ลูกแก๊งบอก ถ้าไม่ค้ายา เรารวยไม่พอนะ ค้าคน ค้าเงิน ค้าบ่อน ค้าของเมา ค้ากำลัง ฯลฯ มันไม่พอรวย เอ ค้ากำลังอาวุธ นี่ น่าจะพอนะ หรือ ส่วนแบ่งไม่ลงตัว อันนี้ผม ไม่กล้าเดา บางข่าว ยังมีเพิ่มเติมว่า หรือจะเป็นการเตรียมตัวกลับมา ของหัวหน้ายากูซ่าใหญ่อีกคนชื่อ นาย โกโตะ Goto Tadamasa ซึ่งเคยใหญ่มาก แต่ตอนหลังถูกขับออกจากแก๊ง ในปี ค.ศ.2008 หลังมีข่าวว่า กระด้างกระเดื่องแยะ และไปมีข้อตกลงกับ FBI ของอเมริกา เอาความในของพวกไปบอก เพื่อแลกกับการผ่าตัดเปลี่ยนตับของเขา หลังจากหายดี นายโกโตะไม่กลับญี่ปุ่น แต่ไปปักหลัก ฝั่งตัวอยู่ ในกัมพูชา เรื่องยามากูชิ-กูมิ กำลังร้าวจัด จวนแตกนี่ ทำให้ตำรวจญี่ปุ่น อยู่ในภาวะเตรียมพร้อม ไม่กล้าง่วงไม่กล้าซึม เขาว่า เมื่อยากูซ่า แตกคอใหญ่ในปี ค.ศ.1984 พวกเขาตีกันไม่เลิกถึง 5 ปี มีการปาระเบิดกลางเมือง ยิงกราดกลางถนนเหมือนในหนัง ขับรถบรรทุกพุ่งใส่บ้านพังเป็นแถบๆ (บ้านเล็กน่าเอ็นดูของญี่ปุ่น ท่าทางพังง่ายอยู่แล้ว) คนตายไปหลายสิบ สมัยนั้นส่วนใหญ่ใช้ ปืนกล กับปาระเบิดใส่กันจะๆ เป้าเจาะจง ไม่ใช่เป้าหว่าน แบบวางระเบิดใกล้สี่แยกเหมือนสมัยนี้ เป้ก็ยังไม่ใช้ วิกก็ไม่ใส่กัน ตำรวจญี่ปุ่นบอก ถ้าตีกันงวดนี้ จากพัฒนาการใช้อาวุธอุปกรณ์กันครบครัน ตำรวจก็ไม่กล้าคาดเดาว่า ญี่ปุ่นจะเละขนาดไหน ยากูซ่าในญี่ปุ่นมีประมาณ 24 แก๊งใหญ่ จำนวนยากูซ่าทั้งหมดประมาณ 6 หมื่นกว่าคน ทั้งหมดมีรายได้รวมกันต่อปี อย่างน้อย 45 พันล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยออกไหมครับ จำนวนมหึมามาก แก๊งใหญ่อันดับแรกคือ ยามากูชิ-กูมิ ซึ่งไม่ใช่แค่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เขาเป็นกลุ่มอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่กว่ามาเฟียอิตาลี และอเมริกันอีกนะครับ ยามากูชิ-กูมิ มีสมาชิกทางการประมาณ 2 หมื่นกว่าคน แต่ตำรวจญี่ปุ่น บอก ตัวเลขจริงน่าจะใกล้ 4 หมื่นกว่าคน มีสาขาเกือบร้อยสาขา ทั้งในญี่ปุ่น เกาหลี และอเมริกา ไทยมีหรือเปล่า ไม่แน่ใจ เอาว่าไม่มี ดีกว่านะ แก๊งเจ้าพ่อรายนี้ มีบริษัทหน้าฉาก หลายร้อยบริษัท มีบริษัทตรวจสอบบัญชีนับไม่ถ้วนอยู่ในมือ และมีพนักงานทำงานบริหารเป็นพันๆคน เจ้าพ่อเก็บข้อมูลบริษัทธุรกิจ ไว้ใช้ในการ “ทำธุรกิจ” มากมาย และมีข้อมูลส่วนบุคคล ประมาณ 3.2 ล้านคน เอาไว้ทำอะไร คงพอนึกกันออก นอกจากนี้ ยังมีบริษัทนักสืบส่วนบุคคล ไว้ติดตามบุคคล ที่น่าตาม หรือ ต้องตามอีกแยะ 
###############
ตอน 2   เรื่องยากูซ่าแตกคอกัน นี่น่าสนใจไหม ผมให้ความสนใจ แต่ ไม่ใช่เรื่องเขาจะแตกคอกันผมสนใจเรื่อง “เวลา” ของการเป็นข่าว สนใจคนเขียนข่าว และสนใจเนื้อข่าว บางตอน   “เวลา” ของการเป็นข่าว น่าสนใจเพราะ นายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น หลานตาเพื่อนรักยากูซ่า กำลังจะบีบให้สภาสูงของญี่ปุ่นผ่านกฏหมาย เพื่อให้ญี่ปุ่นสามารถนำกองกำลังของตัวเอง ร่อนไปทั่ว เพื่อช่วยแบกถาดบริการให้ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คอยดักตีห้วเพื่อนบ้าน แถบเอเซียแปซิฟิกได้คล่องตัว ในขณะเดียวกัน ก็มีชาวญี่ปุ่น โดยเฉพาะพวกคุณแม่กำลังไม่ยอม ไม่อยากให้ลูกไปทำสงคราม ไม่อยากให้ลูกต้องมีสภาพอย่างสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงไม่ต้องการให้สภาผ่านกฏหมายนี้ และออกมาประท้วงกันแล้ว และอาจจะออกมาประท้วงกันอีก แต่ถ้ายากูซ่ายกพวกตีกัน กลางเมือง พวกคุณแม่คุณลูก ก็คงไม่ค่อยอยากจะเสี่ยงออกมาชุมนุม เผลอๆ อาจถูกลากไปอยู่ข้างไหนของยากูซ่าแบบไม่สมัครใจ หรือไม่ก็เอาข่าวยากูซ่าตีกัน มากลบข่าวเอากฏหมายแบกถาดเข้าสภา เรื่องสร้างข่าวหนึ่ง มากลบอีกข่าวหนึ่งนี่ ถนัดกันนัก ช่างเลือกเวลาให้ยากูซ่าทะเลาะกันจริงนะ หลานตา เรื่องคนเขียนข่าวนี่ก็แปลก สื่อฝรั่งระดับใหญ่อย่าง the Independent, Guardian, Telegraph, Washington Post ลงข่าวกันหมด แต่ดูไปลึกๆ ข่าวมาจากตอ ต้นเดียวกันทั้งนั้น เพราะเป็นข่าวที่เริ่มมาจาก นาย Jake Adelstien นายเจค Jake Adelstien นี่ก็แปลกเอาเรื่องอยู่ และก็มีคนสนใจความแปลกของเขา ขนาดจะเอาเรื่องเขาไปทำหนังแล้ว หนังชื่ออะไรไม่รู้ ผมเห็นข่าวแวบๆ จำได้แต่ว่าจะให้ เจ้าหนู ที่เล่นเป็น แฮรี่ พอตเตอร์ เล่นเป็นตัวนายนักข่าวคนนี้ นาย เจค เป็นยิวอเมริกัน จากมิสซูรี เดินทางมาญี่ปุ่น เมื่อประมาณเกือบยี่สิบปีก่อน ตอนนั้นเขาเพิ่งเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ปี 2 หลงไหลเรื่องญี่ปุ่น เลยขอย้ายมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโตเกียว ระหว่างเรียนก็ทำงานหาเงินเป็นค่าเรียน ค่าอยู่ ค่ากิน งานหนึ่ง ที่เขาเล่าว่า เขาทำก็คือ รับจ้างนวดคุณนายญี่ปุ่นที่ร่ำรวยแต่ขี้เหงา เออ ช่างหางานจริงไอ้หนู ระหว่างนั้น ก็มั่วสุมอยู่กับพวกยากูซ่า จนเกิดความสนใจ ศึกษาติดตามชีวิตยากูซ่า เมื่อเรียนจบ พูดเขียนญี่ปุ่นได้คล่อง เนียนไปกับคนญี่ปุ่นแล้ว ก็ไปสมัครงานเป็นผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์ Yomiuri Shimbun หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ยอดจำหน่ายสุงสุดของญี่ปุ่น นายเจค ทำข่าวเกี่ยวกับชีวิตชาวญี่ปุ่นในอีกโลกหนี่ง เป็นชีวิตสีดำของคนกลางคืน ส่วนใหญ่เป็นข่าวอาชญากรรม วันหนึ่ง ตำรวจญี่ปุ่นคุยให้เขาฟังว่า ยากูซ่าสมัยนี้ เปลี่ยนไปแล้ว ไม่เหมือนยากูซ่าสมัยก่อน ที่เป็นสุภาพบุรุษ แม้จะสักลายพร้อยไปทั้งตัว แต่ก็ไม่ยุ่ง ไม่ทำร้ายคนนอกยากูซ่า นอกจากมีแบล๊กเมล์ หรือทรมานบ้าง แต่ไม่ทำร้ายตำรวจ มาตอนหลัง เกิดยากูซ่าสายพันธ์ใหม่ เช่น พันธุ์ประเภท นายโกโตะ Goto Tadamasa นี่แหละ ยากูซ่าก็ เริ่มเหี้ยมโหด รุนแรงขึ้น เล่นนอกเส้นไปถึงชาวบ้าน จนเดือดร้อนกันไปหมด นายเจคฟังแล้วก็สนใจ คิดจะทำรายงานข่าวพิเศษ เกี่ยวกับนาย โกโตะ เขาว่างั้น ก่อนการสนทนานี่ไม่กี่วัน ลูกน้องนายโกโตะที่เข้าใจว่า แปรพักตร์หักหลังเขา ถูกยิงตายที่เมืองไทยของเรานี่เอง หมอนี่ หนีเจ้าพ่อโกโตะอยู่หลายปี แต่ในที่สุดก็หนีไม่พ้น เรื่องการถูกยิงตายของยากูซ่าในเมืองไทยนี่เป็นข่าวอยู่ใน นสพ. เนชั่น เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ.2011 ว่าไกด์ไทยสารภาพว่า ยิงนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ตาย 1 บาดเจ็บสาหัส อีก 1 ระหว่างพาไปปืนเขาท่องเที่ยว อยู่แถวทางเหนือของเมืองไทย จริงๆ ญี่ปุ่นทั้ง 2 คนเป็นยากูซ่า หนีตายจากการรู้เห็นการเก็บกวาด ของยากูซ่าในญี่ปุ่น แต่หนีไม่พ้น ไกด์ไทยเลยงานเข้า เป็นข่าวที่เห็นถึงความไม่เข้าท่า หลายอย่างเหลือเกิน 
###############
ตอน 3 เมื่อ นายเจคได้กลิ่นเรื่อง เจ้าพ่อกาโตะ เขาตามติด แล้วนำมาเขียนรายงานข่าวว่า จริงๆเรื่องมันเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่นายกาโตะกำลังดำเนินการอยู่ นาย ก ดันเข้ามาขวางทาง นายกาโตะ จึงสั่งลูกน้องหมายเลข 1 ให้ จัดการนาย ก ผลปรากฏว่า นาย ก ถูกแทงตายกลางถนนแห่งหนึ่งแถว Aoyama เมื่อปี ค.ศ.2006 ตำรวจโตเกียว ใช้เวลาอยู่ 4 ปี ในปี ค.ศ.2009 จึงจับลูกน้องหมายเลข 1 ได้ แล้วออกหมายจับลูกน้องหมายเลข 2 ด้วย หมายเลข 1 ถูกพิพากษาติดคุก 13 ปี ส่วนหมายเลข 2 หนีหาย แต่ในที่สุดปรากฏมาถูกยิงตายอยู่ที่เมืองไทยในปี ค.ศ.2011 นั่นเอง นายเจค คุ้ยต่อ ได้เรื่องว่า นายกาโตะ เคยได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนตับ ที่ รพ UCLA Medical Center ในอเมริกา พร้อมลูกน้องอีก 2 คน ภายใต้การจัดการออก วีซ่า และอำนวยความสดวกของ FBI แถมลัดคิวไม่ต้องคอย ตัดหน้าคนที่ลงชื่อขอเปลี่ยนตับไปร้อยกว่าคน FBI บอก เราไม่ได้อะไรมากมายจากนายกาโตะหรอก อ้าว แล้วใจดีจัดการพา ยากูซ่ามาผ่าตัดเปลี่ยนตับ ตัดหน้าคนป่วยอเมริกันร้อยกว่าคนทำไม จากการคุ้ยแคะเรื่องนายกาโตะ นายเจคอ้างว่า ทำให้เขาโดนขู่ และโดนทำร้าย ลูกและเมียชาวญี่ปุ่นก็โดนขู่ด้วย แต่นายเจค ก็ยังคงอยู่ในญี่ปุ่นต่อไป ต่อมาเขาลาออกจากหนังสือพิมพ์ Yomiuri มาเป็นสื่ออิสระ แต่ก็ยังตามติดเรื่องยากูซ่า การค้ามนุษย์ และการฟอกเงิน ซึ่งเป็นธุรกิจของยากูซ่าต่อ ตัวเขาเองก็ใส่สูทดำ เหมือนพวกยากูซ่าส่วนใหญ่ แถมนั่งรถเมอร์ซิเดซเบนซ์ สีดำ มีคนขับเป็นอดีตยากูซ่านิ่วก้อยซ้ายสั้นหายไป 1 ข้อ เห็นชัด มีคนบอกว่า นายเจคเอง ก็น่าจะเป็น ซีไอเอ ไม่งั้นไม่รอดมาหรอก นายเจคไม่ตอบรับ หรือ ปฏิเสธ เขายังคลุกคลีอยู่กับยากูซ่า ตอนหลังเขาแยกทางกับเมีย ตัวเขายังอยู่ญี่ปุ่นจนทุกวันนี้ ส่วนลูกเมียไปอยู่อเมริกา และมีตำรวจคอยคุ้มกัน แต่ นายเจค ยังไม่เลิกเล่น เขาเขียนเรื่องของนายโกโตะ กับ FBI ไปลงใน นสพ. Washington Post และ Los Angeles Times เขารายงานว่า หลังจากผ่าตัดเปลี่ยนตับเรียบร้อย นายโกโตะ ก็กลับมาญี่ปุ่น บริหารกิจการยากูซ่าต่อ และในปี ค.ศ.2008 ก็ถูกขับออกจากแก๊งยากูซ่า จากนั้น นายกาโตะก็หนีไปอยู่ที่กัมพูชาพร้อมพรรคพวก ตัวนายกาโตะ บวชเป็นพระนุ่งเหลืองห่มเหลืองในพุทธศาสนา นายเจคเขียนหนังสือ เกี่ยวกับชีวิตด้านมืดของโตเกียวชื่อ “Tokyo Vice” ที่น่าจะเป็นต้นเรื่องของข่าว ที่ว่าจะมีการสร้างหนัง ส่วนนายกาโตะ ก็มาแบบยากูซ่า เขาบอกว่า แม้จะเขาจะบวชเป็นพระแล้ว ก็ใช่ว่า นายเจค จะได้อยู่สบาย หลังจากนั้น มีข่าวว่า ทนายที่นายเจค จ้างเอาไว้ดูแลคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเขากับนายกาโตะ ไปพักผ่อนที่ฟิลิปปินส์ เช้าขึ้นมาพบว่านอนตายสนิทอยู่ในห้องพักของโรงแรม มีขวดยานอนหลับกับแก้วไวน์อยู่หัวเตียง ที่ข้อมือมีรอยเชือดยาว แต่ไม่ลึก มีกล่องใส่คัตเตอร์ขนาดต่างๆ วางอยู่ที่หัวเตียงด้วย ตำรวจฟิลิปปินส์ สรุปสำนวนว่า เป็นการฆ่าตัวตาย วิธีการ การสรุปสำนวนไม่ต่างกับตำรวจไทย เล่าเรื่องยากูซ่าแตกคอให้ฟังแล้ว ดูเผินๆ เหมือนเรื่องไม่น่าเป็นเรื่อง มาออกข่าวกันทำไม แถมเรื่องก็ไม่เห็นมีอะไร ลุงนิทานเอามาเขียนทำไม เรื่องแบบนี้แหละ ที่คนช่างสงสัยอย่างผม อดคิดมากไม่ได้ ผมไม่เชื่อเรื่องบังเอิญ! นายเจค สาระพัดจะทำตัวคลุกกับยากูซ่า ตีข่าวเสียน่าสนใจ ว่ายากูซ่าจะแตกกัน ตีกัน แต่ตอนเขียนถึงสาเหตุ กลับแสนเบา ไม่มีน้ำหนัก ส่วนเรื่องนายกาโตะ ก็เช่นเดียวกัน ตีข่าวเรื่องเปลี่ยนตับ กับข้อตกลงกับ FBI เหมือนเร้าใจ แต่พอถูกไล่จากแก๊ง ดันไม่เจาะลึก ว่ามาจากสาเหตุอะไร และที่แปลก จนผมต้องเขียนถึงคือ เรื่องยากูซ่า ดันหนี ไปบวชเป็นพระอยู่ในเขมร ! มีที่ให้ไปตั้งแยะ เลือกไปอยู่เขมร มันไม่สงสัยไม่ได้ แถมช่วงเวลา ที่ ยากูซ่าไปอยู่เขมร ก็น่าสนใจสำหรับผม ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนญี่ปุ่นจะยกพลขึ้นบก ผ่านมาทางใต้ของไทย ญี่ปุ่น ก็มาบวชเป็นพระอยู่ทางใต้ของเราอยู่นานหลายคน โดยเฉพาะตัว นายพล Tsuji Masanobu ผู้ที่จะมาบัญชาการรบในไทยก็บวช ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง การยึดราชประสงค์ และการซุ่มยิงทหารที่สี่แยกคอกวัว การบุกสถานที่ราชการและโรงพยาบาล ในปี พ.ศ.2553 (ค.ศ.2010) ที่มีชายชุดดำ ซุ่มยิงทหาร วางระเบิด เผากรุงเทพฯ เสียวินาศสันตะโร ชายชุดดำมาจากไหนกัน ใครฝึก พฤติกรรมของชายชุดดำเป็นอย่างไร น่ารังเกียจ เหี้ยมโหดขนาดไหน ไม่ใช่พื้นฝอยหาตะเข็บ แต่เป็นเรื่องเจ็บแล้วต้องจำ และไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ทำให้ผมนึก ไปได้อีกหลายเรื่องครับ เรื่องบังเอิญไม่มี เขมรกับไทย อยู่ไม่ไกลกัน เข้าง่ายออกง่าย มารถ มาเรือ มารถไฟได้ทั้งนั้น และญี่ปุ่นในไทยก็มากขึ้นทุกวัน ตอนนี้ก็เร่งฝึกแบกถาดให้ไอ้นักล่าใบตองแห้งอยู่ ระวังกันบ้างก็แล้วกัน ไอ้ใบตองแห้งมันวางแผนเก่ง เรื่องล่อให้หลงทางนี่ กระจอกสำหรับมัน 
สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
7 ก.ย. 2558
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 801 มุมมอง 0 รีวิว
  • โมเลกุลธรรมชาติ “Spermine” อาจช่วยเคลียร์โปรตีนสะสมในสมองที่เกี่ยวข้องกับอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน

    นักวิจัยจากสถาบัน Paul Scherrer Institute (PSI) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พบว่า spermine ซึ่งเป็นโมเลกุลเล็ก ๆ ที่ร่างกายสร้างขึ้นตามธรรมชาติ อาจช่วยป้องกันการสะสมของโปรตีนผิดปกติในสมองที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน โดยการทดลองในหนอนที่มีอาการคล้ายโรคเหล่านี้ พบว่าสุขภาพของเซลล์ดีขึ้นและมีการเสื่อมสภาพน้อยลงเมื่อได้รับ spermine

    กลไกที่น่าสนใจคือ spermine ทำให้โปรตีน tau และ alpha-synuclein ซึ่งมักจะจับตัวเป็นก้อนแข็งและเป็นพิษต่อเซลล์สมอง กลายเป็นหยดของเหลวที่นุ่มและเคลื่อนที่ได้ง่ายขึ้น ทำให้ระบบกำจัดขยะของร่างกาย (autophagy) สามารถจัดการได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ผลลัพธ์นี้เปรียบเสมือน “ชีสที่เชื่อมเส้นพาสต้าให้ย่อยง่ายขึ้น” ตามคำอธิบายของนักวิจัย

    แม้ผลการทดลองในหนอนและหลอดทดลองจะให้ความหวัง แต่ยังต้องใช้เวลาอีกมากในการพิสูจน์ว่า spermine จะมีผลเช่นเดียวกันในสมองมนุษย์ที่ซับซ้อนกว่า การวิจัยเพิ่มเติมอาจเปิดทางให้ spermine หรือโมเลกุลที่คล้ายกันถูกนำมาใช้เป็นแนวทางใหม่ในการรักษาโรคทางระบบประสาท รวมถึงโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับการสะสมโปรตีนผิดปกติ

    สิ่งที่น่าสนใจคือ spermine ไม่ได้เข้าไปแทรกแซงการทำงานของโปรตีนโดยตรง แต่จะทำงานเฉพาะเมื่อโปรตีนอยู่ในระดับที่สูงเกินไปและมีแนวโน้มผิดรูป ซึ่งหมายความว่ามันอาจช่วยรักษาสมดุลของระบบสมองโดยไม่รบกวนการทำงานปกติของโปรตีนที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบใหม่
    Spermine ช่วยลดการสะสมโปรตีน tau และ alpha-synuclein
    การทดลองในหนอนพบว่าสุขภาพเซลล์ดีขึ้นและเสื่อมช้าลง

    กลไกการทำงาน
    เปลี่ยนโปรตีนที่แข็งเป็นหยดของเหลวที่กำจัดง่าย
    กระตุ้นระบบ autophagy ให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ความเป็นไปได้ทางการแพทย์
    อาจนำไปสู่การรักษาโรคอัลไซเมอร์ พาร์กินสัน และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโปรตีนผิดปกติ
    เปิดแนวทางใหม่ในการใช้โมเลกุลธรรมชาติเป็น “ยาชีวภาพ”

    ข้อควรระวัง
    ผลการทดลองยังอยู่ในระดับหนอนและหลอดทดลอง ไม่สามารถสรุปผลในมนุษย์ได้
    ต้องมีการศึกษาทางคลินิกเพิ่มเติมก่อนนำมาใช้จริง
    การใช้โมเลกุลในมนุษย์อาจมีผลข้างเคียงที่ยังไม่ทราบแน่ชัด

    https://www.sciencealert.com/a-natural-molecule-may-help-clear-buildup-of-alzheimers-proteins-study-finds
    ✨ โมเลกุลธรรมชาติ “Spermine” อาจช่วยเคลียร์โปรตีนสะสมในสมองที่เกี่ยวข้องกับอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน นักวิจัยจากสถาบัน Paul Scherrer Institute (PSI) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พบว่า spermine ซึ่งเป็นโมเลกุลเล็ก ๆ ที่ร่างกายสร้างขึ้นตามธรรมชาติ อาจช่วยป้องกันการสะสมของโปรตีนผิดปกติในสมองที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน โดยการทดลองในหนอนที่มีอาการคล้ายโรคเหล่านี้ พบว่าสุขภาพของเซลล์ดีขึ้นและมีการเสื่อมสภาพน้อยลงเมื่อได้รับ spermine กลไกที่น่าสนใจคือ spermine ทำให้โปรตีน tau และ alpha-synuclein ซึ่งมักจะจับตัวเป็นก้อนแข็งและเป็นพิษต่อเซลล์สมอง กลายเป็นหยดของเหลวที่นุ่มและเคลื่อนที่ได้ง่ายขึ้น ทำให้ระบบกำจัดขยะของร่างกาย (autophagy) สามารถจัดการได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ผลลัพธ์นี้เปรียบเสมือน “ชีสที่เชื่อมเส้นพาสต้าให้ย่อยง่ายขึ้น” ตามคำอธิบายของนักวิจัย แม้ผลการทดลองในหนอนและหลอดทดลองจะให้ความหวัง แต่ยังต้องใช้เวลาอีกมากในการพิสูจน์ว่า spermine จะมีผลเช่นเดียวกันในสมองมนุษย์ที่ซับซ้อนกว่า การวิจัยเพิ่มเติมอาจเปิดทางให้ spermine หรือโมเลกุลที่คล้ายกันถูกนำมาใช้เป็นแนวทางใหม่ในการรักษาโรคทางระบบประสาท รวมถึงโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับการสะสมโปรตีนผิดปกติ สิ่งที่น่าสนใจคือ spermine ไม่ได้เข้าไปแทรกแซงการทำงานของโปรตีนโดยตรง แต่จะทำงานเฉพาะเมื่อโปรตีนอยู่ในระดับที่สูงเกินไปและมีแนวโน้มผิดรูป ซึ่งหมายความว่ามันอาจช่วยรักษาสมดุลของระบบสมองโดยไม่รบกวนการทำงานปกติของโปรตีนที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบใหม่ ➡️ Spermine ช่วยลดการสะสมโปรตีน tau และ alpha-synuclein ➡️ การทดลองในหนอนพบว่าสุขภาพเซลล์ดีขึ้นและเสื่อมช้าลง ✅ กลไกการทำงาน ➡️ เปลี่ยนโปรตีนที่แข็งเป็นหยดของเหลวที่กำจัดง่าย ➡️ กระตุ้นระบบ autophagy ให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ ความเป็นไปได้ทางการแพทย์ ➡️ อาจนำไปสู่การรักษาโรคอัลไซเมอร์ พาร์กินสัน และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโปรตีนผิดปกติ ➡️ เปิดแนวทางใหม่ในการใช้โมเลกุลธรรมชาติเป็น “ยาชีวภาพ” ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ผลการทดลองยังอยู่ในระดับหนอนและหลอดทดลอง ไม่สามารถสรุปผลในมนุษย์ได้ ⛔ ต้องมีการศึกษาทางคลินิกเพิ่มเติมก่อนนำมาใช้จริง ⛔ การใช้โมเลกุลในมนุษย์อาจมีผลข้างเคียงที่ยังไม่ทราบแน่ชัด https://www.sciencealert.com/a-natural-molecule-may-help-clear-buildup-of-alzheimers-proteins-study-finds
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    A Natural Molecule May Help Clear Buildup of Alzheimer's Proteins, Study Finds
    The small molecule spermine has the potential to stop the toxic build-up of proteins in the brain that characterizes diseases like Alzheimer's and Parkinson's, researchers have found – and it works a bit like melting cheese on spaghetti.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซูเปอร์คอมชี้! 2 ทีมเต็งแชมป์ UCL มี 1 ทีมหลุดวงโคจร? 28/11/68 #ซูเปอร์คอม #ทำนายเต็งแชมป์ UCL #แชมเปียนส์ลีก
    ซูเปอร์คอมชี้! 2 ทีมเต็งแชมป์ UCL มี 1 ทีมหลุดวงโคจร? 28/11/68 #ซูเปอร์คอม #ทำนายเต็งแชมป์ UCL #แชมเปียนส์ลีก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 398 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • นวัตกรรมใหม่: ยาหยอดจมูกสู้มะเร็งสมอง

    นักวิจัยจาก Washington University และ Northwestern University ได้พัฒนาวิธีการส่งยาผ่านจมูกเข้าสู่สมอง โดยใช้โครงสร้างนาโนที่เรียกว่า Spherical Nucleic Acids (SNA) ห่อหุ้มสารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน STING pathway เพื่อให้คงตัวได้นานขึ้นและเดินทางไปยังสมองได้อย่างปลอดภัย ผลการทดลองในหนูพบว่าสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก Glioblastoma ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมาย
    เมื่อยาหยอดจมูกถูกใช้ร่วมกับยาที่ช่วยกระตุ้นเซลล์ T-lymphocytes นักวิจัยพบว่าสามารถกำจัดเนื้องอกได้แทบหมดสิ้น และยังสร้างภูมิคุ้มกันระยะยาวต่อการกลับมาใหม่ของมะเร็ง นี่ถือเป็นการเปลี่ยน “Cold Tumor” ที่ไม่ตอบสนองต่อภูมิคุ้มกัน ให้กลายเป็น “Hot Tumor” ที่ระบบภูมิคุ้มกันสามารถจัดการได้ง่ายขึ้น

    ความท้าทายและข้อควรระวัง
    แม้ผลการทดลองในสัตว์จะน่าตื่นเต้น แต่นักวิจัยเตือนว่ายังต้องใช้เวลาอีกมากก่อนจะเข้าสู่การทดลองในมนุษย์ เนื่องจาก Glioblastoma เป็นมะเร็งที่ซับซ้อนและสามารถหลบเลี่ยงการตอบสนองของภูมิคุ้มกันได้หลายวิธี การรักษาอาจต้องใช้การผสมผสานหลายแนวทางเพื่อให้ได้ผลจริงในคนไข้

    ความหวังใหม่ในวงการแพทย์
    นวัตกรรมนี้สะท้อนถึงความก้าวหน้าของ Immunotherapy ที่กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าการรักษามะเร็งสมอง จากเดิมที่ต้องพึ่งการผ่าตัดและเคมีบำบัดที่รุกรานร่างกาย สู่การรักษาแบบไม่เจ็บปวดและอาจมีผลข้างเคียงน้อยลง หากประสบความสำเร็จในมนุษย์ จะเป็นการเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของการรักษามะเร็งที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น

    สรุปสาระสำคัญ
    นวัตกรรมยาหยอดจมูก
    ใช้โครงสร้างนาโน SNA ห่อหุ้มสารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
    เดินทางจากโพรงจมูกเข้าสู่สมองโดยตรง

    ผลการทดลองในสัตว์
    ยับยั้งการเจริญเติบโตของ Glioblastoma ได้
    สร้างภูมิคุ้มกันระยะยาวต่อการกลับมาใหม่ของเนื้องอก

    ศักยภาพของการรักษา
    เปลี่ยน “Cold Tumor” ให้ตอบสนองต่อภูมิคุ้มกัน
    ลดความจำเป็นในการผ่าตัดหรือการรักษาที่รุกราน

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    ยังอยู่ในขั้นทดลองกับสัตว์ ไม่พร้อมใช้กับมนุษย์
    Glioblastoma มีความซับซ้อน อาจต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน
    ต้องพัฒนาเรื่องความเสถียรและการควบคุมปริมาณยาให้แม่นยำ

    https://www.sciencealert.com/nasal-drops-could-help-fight-a-common-and-deadly-brain-cancer
    🧪 นวัตกรรมใหม่: ยาหยอดจมูกสู้มะเร็งสมอง นักวิจัยจาก Washington University และ Northwestern University ได้พัฒนาวิธีการส่งยาผ่านจมูกเข้าสู่สมอง โดยใช้โครงสร้างนาโนที่เรียกว่า Spherical Nucleic Acids (SNA) ห่อหุ้มสารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน STING pathway เพื่อให้คงตัวได้นานขึ้นและเดินทางไปยังสมองได้อย่างปลอดภัย ผลการทดลองในหนูพบว่าสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก Glioblastoma ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🌟 ผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมาย เมื่อยาหยอดจมูกถูกใช้ร่วมกับยาที่ช่วยกระตุ้นเซลล์ T-lymphocytes นักวิจัยพบว่าสามารถกำจัดเนื้องอกได้แทบหมดสิ้น และยังสร้างภูมิคุ้มกันระยะยาวต่อการกลับมาใหม่ของมะเร็ง นี่ถือเป็นการเปลี่ยน “Cold Tumor” ที่ไม่ตอบสนองต่อภูมิคุ้มกัน ให้กลายเป็น “Hot Tumor” ที่ระบบภูมิคุ้มกันสามารถจัดการได้ง่ายขึ้น ⚠️ ความท้าทายและข้อควรระวัง แม้ผลการทดลองในสัตว์จะน่าตื่นเต้น แต่นักวิจัยเตือนว่ายังต้องใช้เวลาอีกมากก่อนจะเข้าสู่การทดลองในมนุษย์ เนื่องจาก Glioblastoma เป็นมะเร็งที่ซับซ้อนและสามารถหลบเลี่ยงการตอบสนองของภูมิคุ้มกันได้หลายวิธี การรักษาอาจต้องใช้การผสมผสานหลายแนวทางเพื่อให้ได้ผลจริงในคนไข้ 🌍 ความหวังใหม่ในวงการแพทย์ นวัตกรรมนี้สะท้อนถึงความก้าวหน้าของ Immunotherapy ที่กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าการรักษามะเร็งสมอง จากเดิมที่ต้องพึ่งการผ่าตัดและเคมีบำบัดที่รุกรานร่างกาย สู่การรักษาแบบไม่เจ็บปวดและอาจมีผลข้างเคียงน้อยลง หากประสบความสำเร็จในมนุษย์ จะเป็นการเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของการรักษามะเร็งที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ นวัตกรรมยาหยอดจมูก ➡️ ใช้โครงสร้างนาโน SNA ห่อหุ้มสารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ➡️ เดินทางจากโพรงจมูกเข้าสู่สมองโดยตรง ✅ ผลการทดลองในสัตว์ ➡️ ยับยั้งการเจริญเติบโตของ Glioblastoma ได้ ➡️ สร้างภูมิคุ้มกันระยะยาวต่อการกลับมาใหม่ของเนื้องอก ✅ ศักยภาพของการรักษา ➡️ เปลี่ยน “Cold Tumor” ให้ตอบสนองต่อภูมิคุ้มกัน ➡️ ลดความจำเป็นในการผ่าตัดหรือการรักษาที่รุกราน ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ ยังอยู่ในขั้นทดลองกับสัตว์ ไม่พร้อมใช้กับมนุษย์ ⛔ Glioblastoma มีความซับซ้อน อาจต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน ⛔ ต้องพัฒนาเรื่องความเสถียรและการควบคุมปริมาณยาให้แม่นยำ https://www.sciencealert.com/nasal-drops-could-help-fight-a-common-and-deadly-brain-cancer
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Nasal Drops Could Help Fight a Common And Deadly Brain Cancer
    Researchers have developed nasal drops that travel along the nerves of the nose into the central nervous system to fight the deadliest brain cancer.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทกวีที่กลายเป็นช่องโหว่

    ทีมวิจัยจากยุโรปและอิตาลีพบว่า การเปลี่ยนข้อความโจมตีที่เป็น prose (ร้อยแก้ว) ให้เป็น บทกวี สามารถเพิ่มอัตราความสำเร็จในการโจมตี (Attack Success Rate – ASR) ได้สูงถึง 18 เท่า เมื่อเทียบกับข้อความเดิม ผลการทดลองครอบคลุมโมเดลกว่า 25 ตัว ทั้งแบบ proprietary และ open-weight โดยบางโมเดลมี ASR เกิน 90%

    วิธีการทดลองและผลลัพธ์
    นักวิจัยใช้ชุด prompt ที่เป็นอันตรายจาก MLCommons และ EU CoP risk taxonomies แล้วแปลงเป็นบทกวีด้วย meta-prompt ที่ออกแบบมาตรฐาน ผลลัพธ์ถูกประเมินโดย ensemble ของโมเดล open-weight และตรวจสอบซ้ำด้วยมนุษย์ในชุดข้อมูลย่อยที่มีการ double-annotation เพื่อวัดความสอดคล้อง พบว่า:
    บทกวีที่เขียนเอง (hand-crafted) มีค่า ASR เฉลี่ย 62%
    บทกวีที่สร้างจาก meta-prompt มีค่า ASR เฉลี่ย 43% ซึ่งทั้งสองแบบยังคงสูงกว่าข้อความร้อยแก้วทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ

    ความหมายต่อการพัฒนา AI
    ผลการวิจัยนี้ชี้ว่า เพียงการเปลี่ยนรูปแบบการเขียน ก็สามารถทำให้โมเดลหลุดจากข้อจำกัดด้านความปลอดภัยได้ แสดงถึงข้อจำกัดเชิงโครงสร้างของวิธีการ alignment และการฝึกอบรมที่ใช้ในปัจจุบัน นั่นหมายความว่า การป้องกันเชิงเนื้อหาเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ และจำเป็นต้องมีการออกแบบระบบตรวจจับที่เข้าใจ รูปแบบเชิงสไตล์ มากขึ้น

    ผลกระทบในวงกว้าง
    การค้นพบนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนความเสี่ยงในเชิงวิชาการ แต่ยังมีผลต่อการใช้งานจริงในด้าน ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ การจัดการข้อมูล และการควบคุมโมเดล หากไม่ถูกแก้ไข อาจถูกนำไปใช้ในโดเมนที่อ่อนไหว เช่น CBRN (Chemical, Biological, Radiological, Nuclear), การบิดเบือนข้อมูล, หรือการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งอาจสร้างผลกระทบในระดับสังคมและเศรษฐกิจ

    สรุปเป็นหัวข้อ
    เทคนิค Adversarial Poetry
    เปลี่ยนข้อความโจมตีเป็นบทกวี เพิ่มอัตราความสำเร็จสูงสุดถึง 18 เท่า

    ผลการทดลอง
    ครอบคลุมโมเดลกว่า 25 ตัว บางโมเดลมี ASR เกิน 90%

    การประเมินผล
    ใช้ทั้งโมเดล open-weight และการตรวจสอบโดยมนุษย์

    ความหมายต่อการพัฒนา AI
    แสดงข้อจำกัดของ alignment และความจำเป็นในการตรวจจับเชิงสไตล์

    ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
    อาจถูกใช้ในโดเมนที่อ่อนไหว เช่น CBRN หรือการโจมตีไซเบอร์

    ข้อจำกัดของระบบป้องกันปัจจุบัน
    การพึ่งพาการกรองเชิงเนื้อหาไม่เพียงพอ ต้องพัฒนาแนวทางใหม่

    https://arxiv.org/abs/2511.15304
    ✒️ บทกวีที่กลายเป็นช่องโหว่ ทีมวิจัยจากยุโรปและอิตาลีพบว่า การเปลี่ยนข้อความโจมตีที่เป็น prose (ร้อยแก้ว) ให้เป็น บทกวี สามารถเพิ่มอัตราความสำเร็จในการโจมตี (Attack Success Rate – ASR) ได้สูงถึง 18 เท่า เมื่อเทียบกับข้อความเดิม ผลการทดลองครอบคลุมโมเดลกว่า 25 ตัว ทั้งแบบ proprietary และ open-weight โดยบางโมเดลมี ASR เกิน 90% 🧩 วิธีการทดลองและผลลัพธ์ นักวิจัยใช้ชุด prompt ที่เป็นอันตรายจาก MLCommons และ EU CoP risk taxonomies แล้วแปลงเป็นบทกวีด้วย meta-prompt ที่ออกแบบมาตรฐาน ผลลัพธ์ถูกประเมินโดย ensemble ของโมเดล open-weight และตรวจสอบซ้ำด้วยมนุษย์ในชุดข้อมูลย่อยที่มีการ double-annotation เพื่อวัดความสอดคล้อง พบว่า: 💠 บทกวีที่เขียนเอง (hand-crafted) มีค่า ASR เฉลี่ย 62% 💠 บทกวีที่สร้างจาก meta-prompt มีค่า ASR เฉลี่ย 43% ซึ่งทั้งสองแบบยังคงสูงกว่าข้อความร้อยแก้วทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ 🔍 ความหมายต่อการพัฒนา AI ผลการวิจัยนี้ชี้ว่า เพียงการเปลี่ยนรูปแบบการเขียน ก็สามารถทำให้โมเดลหลุดจากข้อจำกัดด้านความปลอดภัยได้ แสดงถึงข้อจำกัดเชิงโครงสร้างของวิธีการ alignment และการฝึกอบรมที่ใช้ในปัจจุบัน นั่นหมายความว่า การป้องกันเชิงเนื้อหาเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ และจำเป็นต้องมีการออกแบบระบบตรวจจับที่เข้าใจ รูปแบบเชิงสไตล์ มากขึ้น 🌐 ผลกระทบในวงกว้าง การค้นพบนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนความเสี่ยงในเชิงวิชาการ แต่ยังมีผลต่อการใช้งานจริงในด้าน ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ การจัดการข้อมูล และการควบคุมโมเดล หากไม่ถูกแก้ไข อาจถูกนำไปใช้ในโดเมนที่อ่อนไหว เช่น CBRN (Chemical, Biological, Radiological, Nuclear), การบิดเบือนข้อมูล, หรือการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งอาจสร้างผลกระทบในระดับสังคมและเศรษฐกิจ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ เทคนิค Adversarial Poetry ➡️ เปลี่ยนข้อความโจมตีเป็นบทกวี เพิ่มอัตราความสำเร็จสูงสุดถึง 18 เท่า ✅ ผลการทดลอง ➡️ ครอบคลุมโมเดลกว่า 25 ตัว บางโมเดลมี ASR เกิน 90% ✅ การประเมินผล ➡️ ใช้ทั้งโมเดล open-weight และการตรวจสอบโดยมนุษย์ ✅ ความหมายต่อการพัฒนา AI ➡️ แสดงข้อจำกัดของ alignment และความจำเป็นในการตรวจจับเชิงสไตล์ ‼️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ⛔ อาจถูกใช้ในโดเมนที่อ่อนไหว เช่น CBRN หรือการโจมตีไซเบอร์ ‼️ ข้อจำกัดของระบบป้องกันปัจจุบัน ⛔ การพึ่งพาการกรองเชิงเนื้อหาไม่เพียงพอ ต้องพัฒนาแนวทางใหม่ https://arxiv.org/abs/2511.15304
    ARXIV.ORG
    Adversarial Poetry as a Universal Single-Turn Jailbreak Mechanism in Large Language Models
    We present evidence that adversarial poetry functions as a universal single-turn jailbreak technique for Large Language Models (LLMs). Across 25 frontier proprietary and open-weight models, curated poetic prompts yielded high attack-success rates (ASR), with some providers exceeding 90%. Mapping prompts to MLCommons and EU CoP risk taxonomies shows that poetic attacks transfer across CBRN, manipulation, cyber-offence, and loss-of-control domains. Converting 1,200 MLCommons harmful prompts into verse via a standardized meta-prompt produced ASRs up to 18 times higher than their prose baselines. Outputs are evaluated using an ensemble of 3 open-weight LLM judges, whose binary safety assessments were validated on a stratified human-labeled subset. Poetic framing achieved an average jailbreak success rate of 62% for hand-crafted poems and approximately 43% for meta-prompt conversions (compared to non-poetic baselines), substantially outperforming non-poetic baselines and revealing a systematic vulnerability across model families and safety training approaches. These findings demonstrate that stylistic variation alone can circumvent contemporary safety mechanisms, suggesting fundamental limitations in current alignment methods and evaluation protocols.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 347 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขยับหมาก ตอนที่ 3

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ขยับหมาก”
    ตอน 3
    อยู่ๆ ทำไม Chatham House ถึงลุกขึ้นมาเล่นรัสเซียเสียแรง ยังกะตั้งใจจะแยกอยู่กันคนละโลกขนาดนั้น มันไม่น่าจะเป็นการโชว์กระเดือกเดี่ยว อย่างนั้นมันไม่ใช่รูปแบบของฝั่งตะวันตก ที่ชอบทาสี ตีปิ๊บ และรุมกันทึ้งตามสันดานนักล่าทั้งเก่าทั้งใหม่
    ย้อนไปดูความเคลื่อนไหวของโรงงานใบตองแห้งเสียหน่อย ไม่ต้องย้อนไปไกล เอาแค่ระยะใกล้ในเดือนมิถุนายน มีรายงายข่าวว่า เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน นาย Ashton Carter รัฐมนตรีกลาโหมของอเมริกา ที่มีสีหน้า เหมือนกินเต้าหู้บูดเข้าไปตลอดเวลา ได้เดินทางไปที่กองบัญชาการของกองทัพ US Eurpoean Commander ที่เมือง Stuttgart ของเยอรมัน และประชุมกับหัวกะทิของทหารอเมริกันประมาณ 2 โหล กับนักการทูตอีกหลายคน เพื่อหารือว่า จะยกระดับการจัดการทั้งในด้านเศรษฐกิจ และการทหาร กับรัสเซียอย่างไรดี เนื่องจากสัมพันธภาพกับรัสเซียตอนนี้ กำลังเปลี่ยนเป็นทางดิ่งลง sad turn และสถานการณ์ในยุโรป ก็ไม่ได้สวยหวานอย่างเมื่อก่อนแล้ว
    ในวันเดียวกันนั้น ส่วนหนึ่งของรายงานของนายพล Martin Demsey ประธานคณะทำงาน Chairman of the US Joint Chief of Staffs ที่ไม่รู้ว่าใครมืออ่อน ทำหลุดไปถึงสื่อ รายงานนั้นระบุว่า วอชิงตันกำลังคิดจะติดหัวรบนิวเคลียร์ใส่จรวดแถวยุโรป เป็นการตอบโต้รัสเซีย ที่ถูกกล่าวหาว่า กำลังทำผิดสัญญาเรื่องการใช้อาวุธนิวเคลียร์ระยะกลาง Intermediate-range Nuclear Forces (INF) ซึ่งรัสเซียบอกว่า เปล่าผิด จรวดที่ใช้ไม่อยู่ในข้อห้ามของสัญญา อเมริกาก็ใช้แบบนี้ในอิรัคไม่ใช่หรือ ประโยคหลัง ลุงนิทานถามแทน
    Pentagon กำลังคิดว่าจะติดตั้งจรวดยิงใส่รัสเซียที่ไหนดี ระหว่างยิงสวนใส่กลับไปที่จรวดรัสเซีย ที่กำลังลอยฟ้า หรือยิงใส่ฐานที่ตั้งกองกำลังของรัสเซีย จะยิงไปที่ไหนยังไม่ตัดสินใจ แต่นาย Robert Scher ผู้ช่วยคุณเต้าหูบูด ด้านนโยบายการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ได้แจ้งรัฐสภาเมื่อเมษายนนี้ว่า มีแผนเเช่นนั้นจริง ฮั่นแน่ จับได้แล้ว คิดรุกเขาแล้วซินะ
    หลังจากนั้นคุณเต้าหู้บูด ก็ไปประชุมกับหัวกะทิของนาโต้ที่ Brussels ตกลงจะเพิ่มกองกำลังรถถัง อาวุธหนัก อาวุธเบา เต็มอัตรา ให้กับฐานทัพนาโต้ที่อยู่แถวบอลติก รวมทั้งโปแลนด์ โรมาเนีย และบุลกาเรีย พวก (ที่เคยเป็น) เพื่อนรักคุณพี่ปูตินทั้งนั้น เปลี่ยนใจจากที่ว่า จะลดกำลังฝั่งแอตแลนติกไปเรียบร้อยแล้ว
    นอกจากนี้ ที่สำคัญ อเมริกาเพิ่งออกรายงาน US National Military Strategy (US NMS) 2015 เมื่อปลายเดือนมิถุนายนนี้เอง ประเทศที่อเมริกาจับตามองเป็นพิเศษมีอยู่ 4 ประเทศ คือ รัสเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ และจีน
    วิธีที่อเมริกาเขียนถึง 4 ประเทศ แม้ไม่ประกาศชัดเจนว่าเป็นศัตรู แต่การบรรยายสรรพคุณแต่ละประเทศ ก็ทำให้เห็นว่ายากจะเป็นมิตรต่อกัน ถึงว่า มันน่าจะเป็นปาหี่
    ไอ้เรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์น่ะ
    เมื่อย้อนมาดูช่วงเวลาของการอ อก Grand Strategy แผนสอยมังกร สำหรับจีน ที่ออกมาในเดือนเมษายน เรื่อง Russia Challenge กูไม่คบมึง ในเดือนมิถุนายน ยุทธศาสตร์ USNMS 2015 ในเดือนมิถุนายน เรื่องอิหร่านดีล ที่ควรจะจบตั้งแต่ 30 มิถุนายน แต่ลากยาวมาถึงกรกฏาคม และญี่ปุ่น ที่กำลังเตรียมแบกถาด เมื่อสภาญี่ปุ่นอนุมัติให้แก้รัฐธรรมนูญ ให้แบกถาดร่อนไปทั่วได้ ซึ่งญี่ปุ่นคาดว่า ภายในกรกฏาคมนี้ คงผ่านสภา
    ดูเหมือนอเมริกาน่าจะเลือกเล่นเกมหมากล้อม ล้อม 4 ประเทศ ที่จับตาจ้องเขม็งนั่นแหละ และเตรียมเดินหมากไว้แล้วด้วย
    อเมริกาอาจจะเริ่มขยับหมาก เมื่อเรื่องกรีซ กับเรื่องอิหร่านจบตอนหนึ่ง หมากชื่อกรีก เหมือนจะไม่เกี่ยวกัน แต่จริงๆ อาจจะเกี่ยว ส่วนอิหร่านนั้น เป็นหมากที่สำคัญยิ่ง ไม่ว่าเรื่องอิหร่านจะจบอย่างไร ผลกระทบมีสูงทุกทาง
    ถ้าอเมริกา ใช้ยุทธศาตร์หมากล้อม ตามแนวที่วิเคราะห์ เรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ และเรื่องกรีซ เราคงต้องตามดู แต่ดูการพัฒนาการของเรื่อง และระยะเวลาของแต่ละเรื่อง อย่าไปหลงทางตามรายละเอียดที่เขาตั้งใจสร้างให้เรางง การพัฒนาของทั้ง 2 เรื่อง จะทำให้เราเห็นว่า อเมริกาขยับหมากอย่างไร และจะมีเรื่องยาวตามมาหรือไม่ หรือการเดินหมากของอเมริกาล้มเหลว หรือแค่ชลอ รอเวลา…
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    17 ก.ค. 2558
    ขยับหมาก ตอนที่ 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ขยับหมาก” ตอน 3 อยู่ๆ ทำไม Chatham House ถึงลุกขึ้นมาเล่นรัสเซียเสียแรง ยังกะตั้งใจจะแยกอยู่กันคนละโลกขนาดนั้น มันไม่น่าจะเป็นการโชว์กระเดือกเดี่ยว อย่างนั้นมันไม่ใช่รูปแบบของฝั่งตะวันตก ที่ชอบทาสี ตีปิ๊บ และรุมกันทึ้งตามสันดานนักล่าทั้งเก่าทั้งใหม่ ย้อนไปดูความเคลื่อนไหวของโรงงานใบตองแห้งเสียหน่อย ไม่ต้องย้อนไปไกล เอาแค่ระยะใกล้ในเดือนมิถุนายน มีรายงายข่าวว่า เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน นาย Ashton Carter รัฐมนตรีกลาโหมของอเมริกา ที่มีสีหน้า เหมือนกินเต้าหู้บูดเข้าไปตลอดเวลา ได้เดินทางไปที่กองบัญชาการของกองทัพ US Eurpoean Commander ที่เมือง Stuttgart ของเยอรมัน และประชุมกับหัวกะทิของทหารอเมริกันประมาณ 2 โหล กับนักการทูตอีกหลายคน เพื่อหารือว่า จะยกระดับการจัดการทั้งในด้านเศรษฐกิจ และการทหาร กับรัสเซียอย่างไรดี เนื่องจากสัมพันธภาพกับรัสเซียตอนนี้ กำลังเปลี่ยนเป็นทางดิ่งลง sad turn และสถานการณ์ในยุโรป ก็ไม่ได้สวยหวานอย่างเมื่อก่อนแล้ว ในวันเดียวกันนั้น ส่วนหนึ่งของรายงานของนายพล Martin Demsey ประธานคณะทำงาน Chairman of the US Joint Chief of Staffs ที่ไม่รู้ว่าใครมืออ่อน ทำหลุดไปถึงสื่อ รายงานนั้นระบุว่า วอชิงตันกำลังคิดจะติดหัวรบนิวเคลียร์ใส่จรวดแถวยุโรป เป็นการตอบโต้รัสเซีย ที่ถูกกล่าวหาว่า กำลังทำผิดสัญญาเรื่องการใช้อาวุธนิวเคลียร์ระยะกลาง Intermediate-range Nuclear Forces (INF) ซึ่งรัสเซียบอกว่า เปล่าผิด จรวดที่ใช้ไม่อยู่ในข้อห้ามของสัญญา อเมริกาก็ใช้แบบนี้ในอิรัคไม่ใช่หรือ ประโยคหลัง ลุงนิทานถามแทน Pentagon กำลังคิดว่าจะติดตั้งจรวดยิงใส่รัสเซียที่ไหนดี ระหว่างยิงสวนใส่กลับไปที่จรวดรัสเซีย ที่กำลังลอยฟ้า หรือยิงใส่ฐานที่ตั้งกองกำลังของรัสเซีย จะยิงไปที่ไหนยังไม่ตัดสินใจ แต่นาย Robert Scher ผู้ช่วยคุณเต้าหูบูด ด้านนโยบายการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ได้แจ้งรัฐสภาเมื่อเมษายนนี้ว่า มีแผนเเช่นนั้นจริง ฮั่นแน่ จับได้แล้ว คิดรุกเขาแล้วซินะ หลังจากนั้นคุณเต้าหู้บูด ก็ไปประชุมกับหัวกะทิของนาโต้ที่ Brussels ตกลงจะเพิ่มกองกำลังรถถัง อาวุธหนัก อาวุธเบา เต็มอัตรา ให้กับฐานทัพนาโต้ที่อยู่แถวบอลติก รวมทั้งโปแลนด์ โรมาเนีย และบุลกาเรีย พวก (ที่เคยเป็น) เพื่อนรักคุณพี่ปูตินทั้งนั้น เปลี่ยนใจจากที่ว่า จะลดกำลังฝั่งแอตแลนติกไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ที่สำคัญ อเมริกาเพิ่งออกรายงาน US National Military Strategy (US NMS) 2015 เมื่อปลายเดือนมิถุนายนนี้เอง ประเทศที่อเมริกาจับตามองเป็นพิเศษมีอยู่ 4 ประเทศ คือ รัสเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ และจีน วิธีที่อเมริกาเขียนถึง 4 ประเทศ แม้ไม่ประกาศชัดเจนว่าเป็นศัตรู แต่การบรรยายสรรพคุณแต่ละประเทศ ก็ทำให้เห็นว่ายากจะเป็นมิตรต่อกัน ถึงว่า มันน่าจะเป็นปาหี่ ไอ้เรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์น่ะ เมื่อย้อนมาดูช่วงเวลาของการอ อก Grand Strategy แผนสอยมังกร สำหรับจีน ที่ออกมาในเดือนเมษายน เรื่อง Russia Challenge กูไม่คบมึง ในเดือนมิถุนายน ยุทธศาสตร์ USNMS 2015 ในเดือนมิถุนายน เรื่องอิหร่านดีล ที่ควรจะจบตั้งแต่ 30 มิถุนายน แต่ลากยาวมาถึงกรกฏาคม และญี่ปุ่น ที่กำลังเตรียมแบกถาด เมื่อสภาญี่ปุ่นอนุมัติให้แก้รัฐธรรมนูญ ให้แบกถาดร่อนไปทั่วได้ ซึ่งญี่ปุ่นคาดว่า ภายในกรกฏาคมนี้ คงผ่านสภา ดูเหมือนอเมริกาน่าจะเลือกเล่นเกมหมากล้อม ล้อม 4 ประเทศ ที่จับตาจ้องเขม็งนั่นแหละ และเตรียมเดินหมากไว้แล้วด้วย อเมริกาอาจจะเริ่มขยับหมาก เมื่อเรื่องกรีซ กับเรื่องอิหร่านจบตอนหนึ่ง หมากชื่อกรีก เหมือนจะไม่เกี่ยวกัน แต่จริงๆ อาจจะเกี่ยว ส่วนอิหร่านนั้น เป็นหมากที่สำคัญยิ่ง ไม่ว่าเรื่องอิหร่านจะจบอย่างไร ผลกระทบมีสูงทุกทาง ถ้าอเมริกา ใช้ยุทธศาตร์หมากล้อม ตามแนวที่วิเคราะห์ เรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ และเรื่องกรีซ เราคงต้องตามดู แต่ดูการพัฒนาการของเรื่อง และระยะเวลาของแต่ละเรื่อง อย่าไปหลงทางตามรายละเอียดที่เขาตั้งใจสร้างให้เรางง การพัฒนาของทั้ง 2 เรื่อง จะทำให้เราเห็นว่า อเมริกาขยับหมากอย่างไร และจะมีเรื่องยาวตามมาหรือไม่ หรือการเดินหมากของอเมริกาล้มเหลว หรือแค่ชลอ รอเวลา… สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 17 ก.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 634 มุมมอง 0 รีวิว
  • I Will Walk Away … พี่เผ่นก่อนนะน้อง ตอนที่ 3 – 4

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” I will walk away …พี่เผ่นก่อนนะน้อง”
    ตอน 3
    คงจำกันได้ เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา อเมริกา โดย พณฯใบตองแห้ง จัดใหญ่แถลงการณ์ว่า เราตกลงเลือกกรอบการเจรจากับอิหร่านเรียบร้อยแล้ว (รายละเอียดในนิทานเรื่อง “ข้อสอบรั่ว”) ตีปิ๊บซะตื่นเต้นกันไปหมด
    วันเดียวกันนั้น นาย Richard Hass ผู้อำนวยการใหญ่ของถังขยะความคิด Council on Foreign Relation หรือ CFR ที่เข้าใจว่า ใหญ่กว่ารัฐบาลของอเมริกา ท่านดิ๊ก Richard ก็ออกความเห็นทันทีไม่รอช่า เขียนเองอีกด้วย ไม่ใช้เด็ก แปลว่า เรื่องนี้สำคัญ ต้องปั่น หรือ ปั้นกับมือเอง
    ท่านดิ๊ก เริ่มต้นได้หยดย้อย ..แบบฝรั่งจ๋า There’s many a slip twixt the cup and the lip” เป็นอะไรที่เหมือนกับว่าสำเร็จแล้ว แต่ความจริง ยังไม่ใช่ ท่านดิ๊กว่าอย่างนั้น แต่ลุงนิทานแปลเองว่า .. ปากจะถึงถ้วยอยู่รอมร่อ แต่ดันหกเสียก่อน..แปลสั้นๆอีกที ว่า อ ด
    ท่านดิ๊กบอกว่า ข้อตกลงเกี่ยวกับกรอบการเจรจาเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์โปรแกรม จะเป็นการสร้างเหตุการณ์สำคัญทางด้านการเมืองและการทูต ที่มีรายละเอียดมากมาย กว้างขวางในบริบทต่างๆ เกินกว่าที่คาดกัน…. เริ่มแบบนี้ แปลว่า คงมีใครเหยียบเปลือกกล้วย หงายท้องไปแล้ว แต่จะถึงขนาดทำปืนลั่นใส่หัวแม่ตีนตัวเองหรือเปล่า ต้องตามอ่านบทความของท่านดิ๊กต่อไป
    …กรอบที่ตกลงกัน สร้างคำถามคาใจไม่น้อยกว่าคำตอบที่ได้มา และยังมีเรื่องค้าง
    ที่ยังต้องทำอยู่อีกมากมาย จริงๆ แล้ว ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเอง
    …ไม่รู้ว่าท่านดิ๊กเหน็บใคร ดันจัดงานแถลงซะใหญ่โตเหมือนกับเจรจาสำเร็จแล้วยังงั้น
    แหล่ะ เป็นครั้งแรก ที่ผมเห็นด้วยกับไอ้ถังขยะความคิด ช่วยกลับไปอ่านนิทานเรื่อง “ข้อสอบรั่ว” หน่อยนะครับ
    … กรอบที่ตกลง มีข้อกำหนดห้ามอิหร่านมากมายเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ มีข้อกำหนดมาตรฐานการตรวจสอบว่า อิหร่านทำตามที่ตกลงกันหรือไม่ และมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการ “ผ่อนคลาย” เรื่องการคว่ำบาตรทางเศรษฐกืจ เมื่อตรวจสอบและพิสูจน์ได้แล้วว่า อิหร่านทำตามข้อตกลง
    …ในการเจรจา ได้มีประเมินกันว่า เราจะมีระยะเวลาในการเตือน 1 ปี นับแต่วันที่อิหร่านตัดสินใจ ที่จะสร้างอาวุธนิวเคลียร์สักลูก จนถึงสร้างสำเร็จ ระยะเวลาดังกล่าวเป็นไปตามข้อสันนิษฐานว่า จากการเฝ้าติดตามอิหร่านอย่างใกล้ชิด เราจะพบการไม่ปฏิบัติตามข้อสัญญาได้เร็วพอ ที่จะระงับการดำเนินการของอิหร่าน และโดยเฉพาะ จะทำให้เรากลับไปใช้การคว่ำบาตรอิหร่านได้ใหม่ “ก่อน” ที่อิหร่านจะสร้างนิวเคลียร์ ตามข้อสมมุติฐานนี้สำเร็จ.... ข้อนี้ ท่านดิ๊ก เขียนได้เยี่ยมครับ ให้เห็นความโง่ของผู้เจรจา และผู้ตกลง ฝ่ายที่ไม่ใช่อิหร่าน ชัดเจนว่า ด่ากันเอง มันดีนะครับ
    … ท่านดิ๊กบอกว่า มีไม่น้อยกว่า 5 เหตุผล ที่การตกลงกับอิหร่าน ท้ายที่สุด จะไม่เกิดขึ้น หรือเกิดขึ้น แต่ไม่ได้ผลตามที่ต้องการ … นี่ใบ้หวยหรือไง
    ข้อแรก ระหว่างเวลา 90 วัน นับแต่เดือนเมษายนถึงสิ้นเดือน มิถุนายน อะไรก็เกิดขึ้นได้ การเปลี่ยนใจ เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนตัวผู้เจรจา การถูกกดดันจากรัฐบาลของตน แค่ตอนนี้ ความไม่เห็นพ้องกัน ระหว่างอเมริกากับอิหร่าน ก็มากมายกองสูงท่วมหัวแล้ว
    ข้อสอง เรื่องค้างที่สำคัญ คือเรื่องกำหนดเวลายกเลิกการคว่ำบาตร เรื่องนี้สำคัญมากสำหรับฝ่ายอิหร่าน ขณะเดียวกัน เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญ ที่ใช้ในการเจรจาต่อรองกับอิหร่าน พูดชัดๆ ว่าฝ่ายอเมริกาและยุโรป ยังไม่อยากยกเลิกการคว่ำบาตรให้อิหร่าน จนกว่า “จะแน่ใจ” ว่า อิหร่านปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน …..
    อืม ….อิหร่านคงเข้าใจความนัยนี้แล้ว
    ข้อสาม เรื่องที่ห่วงกันคือ พวกยึดแน่นกับหลักการ หรือพวกเข้มข้นของทั้ง 2 ฝ่าย เช่นทางอิหร่าน คงไม่อยากให้อิหร่านเจรจากับ “ซาตานอเมริกา” ส่วนทางอเมริกา ก็ใช่ว่า สภาสูงจะเอาด้วย ตอนนี้ก็พูดกันไปทั่วแล้วว่า เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยอิหร่านไว้กับนิวเคลียร์ ที่ความสามารถในการติดตาม การตรวจสอบ ยังไม่เป็นที่แน่ใจ ปล่อยไปเรื่อยๆ อีก 15, 20 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องใครก็ให้ความมั่นใจไม่ได้… พณฯใบตองแห้ง ได้ยินนะครับ ถูกลูกน้อง จริงๆ ก็คือลูกพี่ สั่งสอนให้แล้ว
    ข้อสี่ อิหร่านจะปฏิบัติกับข้อตกลงนี้อย่างไร ที่ผ่านมา อิหร่านมีประวัติเสีย ในการไม่ให้ข้อมูลสำคัญ หรือที่เกี่ยวข้อง ขนาดผู้ตรวจสอบของสหประชาชาติลงบันทึกไว้ในสมุดความประพฤติของอิหร่านแล้ว … นี่มันดูถูกซ้ำซาก อิหร่านรับได้หรือครับ ขอเสี้ยมหน่อย
    ข้อที่ห้า มาจากนโยบายด้านการต่างประเทศ และความมั่นคงของอิหร่านเอง ที่ทางอเมริกาไม่เห็นด้วย และเพื่อนฝูงในตะวันออกกลางก็แหยงกับการกระทำของอิหร่าน ที่สนับสนุน ซีเรีย อืรัค เยเมน รวมทั้งที่อื่นๆในตะวันออกกลาง
    …ท่านดิ๊กบอกว่า อิหร่านมีอนาคตไปได้ไกลถึงเป็นจักรวรรดิ ที่หวังจะเป็นประเทศมหาอำนาจ ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคของตัว แม้ข้อตกลงนิวเคลียร์นี้จะเกิดขึ้น ก็ไม่ทำให้ความเป็นไปได้ดังกล่าวเปลี่ยนแปลง อาจจะเลวร้ายลงไปด้วยซ้ำ เพราะอิหร่านอาจเลือกกลับมาสร้างอาวุธนิวเคลียร์ต่อได้ อย่างไม่ยากเย็นอะไร (โดยเราไม่รู้ตัว)
    … โอบามาทำถูกแล้ว ที่เจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ ตามแนวที่กำลังคุยกัน ยังดีกว่าให้อิหร่านมีนิวเคลียร์ หรือทำสงคราม เพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านสร้างนิวเคลียร์ แต่ข้อตกลงดังกล่าว ต้องสร้างความเชื่อมั่น ให้อเมริกาและตะวันออกกลาง ให้ได้ว่า ได้มีการป้องกันอย่างรอบคอบแล้ว และถ้ามีการเบี้ยว หรือขี้โกง สิ่งเหล่านี้จะถูกจับได้ และจัดการได้อย่างเด็ดขาด
    …นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย และจริงๆแล้ว มันไม่เกินไปหรอก ถ้าจะบอกว่า การสร้างความมั่นใจดังว่านั้น ต้องใช้ความพยายามไม่น้อยกว่า การเจรจาให้อิหร่านตกลงด้วยซ้ำ….
    คุณดิ๊ก นี่ไม่เบาเลย ตกลงนี่ กำลังหลอกด่าประธานาธิบดี ตัวเองหรือไงว่า ไปโง่ให้เหนื่อยทำไม ผลสุดท้าย เจรจากับอิหร่านสำเร็จหรือไม่ ปลายทางก็คงไม่ต่างกัน …,,หรือว่า พณฯใบตองแห้ง ก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ไปก่อน เพราะทางออกอื่นยังสร้างไม่เสร็จ ก็ต้องเล่นบทตีหน้าซื่อ หรือเซ่อ … หลอกอิหร่าน หลอกโลกไปก่อน
    ###############
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง” I will walk away….พี่เผ่นก่อนนะน้อง”

    ตอน 4
    ตกลง พณฯใบตองแห้ง คิดเรื่องอิหร่านอย่างไรกันแน่ อยากเจรจาต่อ หรืออยากเลิกเจรจา ยิ่งถังขยะความคิด CFR ผู้กำกับรัฐบาลอเมริกันตัวจริง ออกมาเขียนตีปลาหน้าไซอย่างนี้ เราๆชาวบ้าน สมันน้อย ไม่ว่าจะอยู่แดนสยาม หรือแดนเนรมิตรที่ไอ้นักล่าใบตองแห้งสร้างหลอกเอาไว้ จะเข้าใจไหม ว่าเขากำลังเล่นอะไรกัน
    นอกจาก CFR จะออกมาชี้เปลือกกล้วย ที่มีใครเหยียบจนลื่นหงายท้อง เสียท่าไปแล้ว ถังขยะความคิดอีกใบ ที่มีเสียงดังไม่น้อยเหมือนกัน คือ Center for Strategic & International Studies (CSIS) ได้ออกรายงาน เมื่อวันที่ 30 มีนาคม อย่างกับนัดกัน กับ CFR เรื่อง Judging a P5+1 Nuclear Agreement with Iran: The Key Criteria เขียนโดย Anthony Cordesman ตัวหัวหน้าใหญ่ ลงมือเขียนเองอีกเหมือน
    นาย Cordesman เขียนเสียยาว บรรยายอย่างละเอียด ถึงการเจรจา ผมขอเล่าแต่สรุปตอนท้ายของเขา ซึ่งน่าจะทำให้เราเห็นอะไรบางอย่าง
    เขาบอกว่า …. ข้อตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธ ต้องอยู่บนหลักการ ที่เป็นความความเชื่อใจ แต่ตรวจสอบพิสูจน์ได้ ” trust but verify” โดยให้น้ำหนัก ความเชื่อใจที่ 1% และเน้นการตรวจสอบที่พิสูจน์ได้ 99 % จากการวิเคราะห์ที่บรรยายในเอกสาร ไม่มีทางที่จะเอาความเชื่อใจอย่างเดียวมาใช้ในการตรวจสอบอาวุธของอิหร่านที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น นี่จะเป็นข้อพิสูจน์ว่า การตกลงจะมีขึ้นได้ หรือจะเลื่อนออกไป หรือการเจรจาล้มเหลวจบสิ้น
    แล้วการเจรจาก็ต้อง เลื่อนออกไปจริงๆ…
    นอกจาก ได้รับการเคาะตาตุ่ม จากถังขยะความคิดใบใหญ่ 2 ใบแล้ว พณฯ ใบตองแห้งยังโดนยำเสียเละ จากฝ่ายรัฐสภา ที่ปล่อยข่าวออกมาให้เป็นหนังตัวอย่าง เพราะเรื่องของอิหร่าน รัฐบาลยังไม่ได้ส่งเข้าไปให้พิจารณา ดูหนังตัวอย่างม้วนนี้กันหน่อย
    เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการย่อย ด้านตะวันออกกลาง และอาฟริกาเหนือ ได้จัดให้มีการประชุมหารือ โดยมีสมาชิกสภา Ileana Ros-Lehtinen เป็นประธาน ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญมาร่วมหลายคน หนี่งในนั้นคือ นาย Anthony Cordesman
    ที่ประชุมสรุปว่า การเจรจากับอิหร่านที่กำลังดำเนินอยู่คือ เส้นทางสู่ความหายนะ
    โดยสรุปเรื่องที่หารือกัน 5 ข้อ
    ข้อ 1. เด็กๆ ในตะวันออกกลาง ที่อยู่ในคอกอเมริกา กำลังว้าวุ่นว่าจะพึ่งอเมริกาได้แค่ไหน ตั้งแต่มีเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ พวกเขาบางราย ถึงกับจะหันไปขอความช่วยเหลือจากรัสเซีย จีน และเกาหลีเหนือ
    ข้อ 2. เด็กๆ ในภูมิภาค ต่างไม่อยากเหลือเป็นรายสุดท้าย ที่ไม่มีของเล่นเป็นอาวุธนิวเคลียร์ เราคงไม่อยากเห็น รัสเซียคุยกับจอร์แดน หรืออียิปต์ เพื่อจะสร้างนิวเคลียร์ หรือเราคงไม่อยากให้ซาอุดิวิ่งไปหาจีนเรื่องนิวเคลียร์
    ข้อ 3. อิหร่าน บอกมาเป็นเวลานานมากแล้วว่า เขาอยากจะทำโครงการนิวเคลียร์ ตอนนี้เขากำลังเจรจากับอเมริกาว่าเ ขาจะไม่ทำต่อแล้ว แต่เขายังจะทำโครงการจรวดต่อ
    … มันเป็นโครงการต่อเนื่องกัน เลิกโครงการนึง ก็ต้องเลิก อีกอันด้วย สิ่งที่เขาพูด กับที่เขาทำมันขัดกัน
    ข้อ 4. อิหร่านบอกว่า เขาสนใจที่จะเดินหน้าโครงการอวกาศ แต่เทคโนโลยีที่ใช้ในโครงการอวกาศส่วนใหญ่ มันก็เป็นรายการเดียวกับการทำจรวดวิถีไกล ถ้าอิหร่านจะซ่อนสักนิด อิหร่านก็สร้างจรวดวิถีไกลได้โดยไม่มีใครรู้
    ข้อ 5. ตอนนี้อิหร่าน มีจรวดวิถีใกล้ และกลาง เรียบร้อยแล้ว และส่งให้ กลุ่ม Hezbullah กับกลุ่ม Hamas ใช้ไปแล้ว ทำให้อิสราเอลกำลังปวดกระบาล นี่ถ้าอิหร่าน มีจรวดวิถีไกลด้วย คนปวดกระบาลคือเรา อเมริกา อิหร่านโจมตีเราได้ โดยไม่ต้องย้ายพุงข้ามเขตแดนเขาออกมาเลยแม้แต่นิ้วเดียว
    นอกจากนี้ นาย Ed Royce ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการของรัฐสภา ด้านกิจการต่างประเทศ House Commitee on Foreign Affairs ซึ่งร่วมประชุมในโอกาสเดียวกันยังบอกว่า… ในหลายๆทาง การเจรจากับอิหร่าน เป็นกรณีศึกษาให้เห็นว่า รัฐบาลโอบามาดำเนินการเจรจากับอิหร่าน โดยไม่สนใจกับความเห็น หรือความต้องการของฝ่ายอื่นเลย เช่น เมื่อคณะกรรมาธิการแจ้งกับรัฐบาลไปว่า ต้องเอาเรื่องจรวดนำวิถีเข้าไปร่วมพิจารณาในการเจรจาด้วย แต่ปรากฏว่า ไม่อยู่ในกรอบการเจรจา แถมผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ส่งเสียงข้ามทวีปบอกว่า ตะวันตกโง่และเซ่อมาก ที่คิดว่าอิหร่านจะลดการผลิตจรวดนำวืถีด้วย
    คณะกรรมาธิการไม่เห็นด้วยกับข้อโต้แย้งของอิหร่าน ขอโวยกลับ …. จรวดนำวิถี เป็นหัวรบของอาวุธนิวเคลียร์ ไม่นับรวมได้ยังไง วันนี้ เราได้เชิญผู้เชี่ยวชาญมาให้การเป็นพยาน และในจำนวนผู้ที่ถูกเรียกให้มาเป็นพยาน มีนาย Anthony Cordesman มาด้วย
    นาย Cordesman ให้การว่า
    “…. จรวดนำวิถี ballistic missile ไม่ได้แยกส่วน หรือเป็นส่วนเสริม ของอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่เป็นส่วนหนึ่ง it is not a seperate and secondary but part and parcel ระยะยิงของจรวดพวกนี้ ไม่ใช่แค่ในตะวันออกกลาง แต่สามารถยิงไปไกลได้ถึงตอนใต้ของรัสเซียและยุโรป…ระบบนี้ อิหร่านได้รับความช่วยเหลือจากเกาหลีเหนือ นักวิเคราะห์บอกว่า ระบบนี้ก็เหมือนเป็นการทดสอบ สำหรับประเทศที่ต้องการใช้อาวุธนิวเคลียร์
    ….. อิหร่านได้ส่งจรวดพวกนี้ ไปให้กลุ่ม Hezbullah และ Hamas ใช้ที่ฉนวนกาซ่า Hamas ใช้ไปแล้ว ประมาณ 3 พัน ถึง 1 หมื่นลูก ”
    “… ยังไม่มีประเทศไหน ที่ไม่ต้องการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ แล้วดันลงทุนในโครงการจรวดที่มีอานุภาพสูง และใช้ทุนมหาศาลขนาดนี้เลย สมาชิกสภา Ed Royce รำพึง…”
    และข้อมูลเหล่านี้ ยังไม่เคยเข้ามาพิจารณาในรัฐสภาเลย
    ตกลง พณฯใบตองแห้ง กำลังเล่นอะไร โง่และเซ่อ อย่างที่มีเสียงด่าข้ามทวีปมา หรืออเมริกากำลังบอกว่า จำไม่ได้หรือ หนังฮอลลีวู้ดเป็นอย่างไร
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    6 ก.ค. 2558
    I Will Walk Away … พี่เผ่นก่อนนะน้อง ตอนที่ 3 – 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” I will walk away …พี่เผ่นก่อนนะน้อง” ตอน 3 คงจำกันได้ เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา อเมริกา โดย พณฯใบตองแห้ง จัดใหญ่แถลงการณ์ว่า เราตกลงเลือกกรอบการเจรจากับอิหร่านเรียบร้อยแล้ว (รายละเอียดในนิทานเรื่อง “ข้อสอบรั่ว”) ตีปิ๊บซะตื่นเต้นกันไปหมด วันเดียวกันนั้น นาย Richard Hass ผู้อำนวยการใหญ่ของถังขยะความคิด Council on Foreign Relation หรือ CFR ที่เข้าใจว่า ใหญ่กว่ารัฐบาลของอเมริกา ท่านดิ๊ก Richard ก็ออกความเห็นทันทีไม่รอช่า เขียนเองอีกด้วย ไม่ใช้เด็ก แปลว่า เรื่องนี้สำคัญ ต้องปั่น หรือ ปั้นกับมือเอง ท่านดิ๊ก เริ่มต้นได้หยดย้อย ..แบบฝรั่งจ๋า There’s many a slip twixt the cup and the lip” เป็นอะไรที่เหมือนกับว่าสำเร็จแล้ว แต่ความจริง ยังไม่ใช่ ท่านดิ๊กว่าอย่างนั้น แต่ลุงนิทานแปลเองว่า .. ปากจะถึงถ้วยอยู่รอมร่อ แต่ดันหกเสียก่อน..แปลสั้นๆอีกที ว่า อ ด ท่านดิ๊กบอกว่า ข้อตกลงเกี่ยวกับกรอบการเจรจาเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์โปรแกรม จะเป็นการสร้างเหตุการณ์สำคัญทางด้านการเมืองและการทูต ที่มีรายละเอียดมากมาย กว้างขวางในบริบทต่างๆ เกินกว่าที่คาดกัน…. เริ่มแบบนี้ แปลว่า คงมีใครเหยียบเปลือกกล้วย หงายท้องไปแล้ว แต่จะถึงขนาดทำปืนลั่นใส่หัวแม่ตีนตัวเองหรือเปล่า ต้องตามอ่านบทความของท่านดิ๊กต่อไป …กรอบที่ตกลงกัน สร้างคำถามคาใจไม่น้อยกว่าคำตอบที่ได้มา และยังมีเรื่องค้าง ที่ยังต้องทำอยู่อีกมากมาย จริงๆ แล้ว ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเอง …ไม่รู้ว่าท่านดิ๊กเหน็บใคร ดันจัดงานแถลงซะใหญ่โตเหมือนกับเจรจาสำเร็จแล้วยังงั้น แหล่ะ เป็นครั้งแรก ที่ผมเห็นด้วยกับไอ้ถังขยะความคิด ช่วยกลับไปอ่านนิทานเรื่อง “ข้อสอบรั่ว” หน่อยนะครับ … กรอบที่ตกลง มีข้อกำหนดห้ามอิหร่านมากมายเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ มีข้อกำหนดมาตรฐานการตรวจสอบว่า อิหร่านทำตามที่ตกลงกันหรือไม่ และมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการ “ผ่อนคลาย” เรื่องการคว่ำบาตรทางเศรษฐกืจ เมื่อตรวจสอบและพิสูจน์ได้แล้วว่า อิหร่านทำตามข้อตกลง …ในการเจรจา ได้มีประเมินกันว่า เราจะมีระยะเวลาในการเตือน 1 ปี นับแต่วันที่อิหร่านตัดสินใจ ที่จะสร้างอาวุธนิวเคลียร์สักลูก จนถึงสร้างสำเร็จ ระยะเวลาดังกล่าวเป็นไปตามข้อสันนิษฐานว่า จากการเฝ้าติดตามอิหร่านอย่างใกล้ชิด เราจะพบการไม่ปฏิบัติตามข้อสัญญาได้เร็วพอ ที่จะระงับการดำเนินการของอิหร่าน และโดยเฉพาะ จะทำให้เรากลับไปใช้การคว่ำบาตรอิหร่านได้ใหม่ “ก่อน” ที่อิหร่านจะสร้างนิวเคลียร์ ตามข้อสมมุติฐานนี้สำเร็จ.... ข้อนี้ ท่านดิ๊ก เขียนได้เยี่ยมครับ ให้เห็นความโง่ของผู้เจรจา และผู้ตกลง ฝ่ายที่ไม่ใช่อิหร่าน ชัดเจนว่า ด่ากันเอง มันดีนะครับ … ท่านดิ๊กบอกว่า มีไม่น้อยกว่า 5 เหตุผล ที่การตกลงกับอิหร่าน ท้ายที่สุด จะไม่เกิดขึ้น หรือเกิดขึ้น แต่ไม่ได้ผลตามที่ต้องการ … นี่ใบ้หวยหรือไง ข้อแรก ระหว่างเวลา 90 วัน นับแต่เดือนเมษายนถึงสิ้นเดือน มิถุนายน อะไรก็เกิดขึ้นได้ การเปลี่ยนใจ เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนตัวผู้เจรจา การถูกกดดันจากรัฐบาลของตน แค่ตอนนี้ ความไม่เห็นพ้องกัน ระหว่างอเมริกากับอิหร่าน ก็มากมายกองสูงท่วมหัวแล้ว ข้อสอง เรื่องค้างที่สำคัญ คือเรื่องกำหนดเวลายกเลิกการคว่ำบาตร เรื่องนี้สำคัญมากสำหรับฝ่ายอิหร่าน ขณะเดียวกัน เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญ ที่ใช้ในการเจรจาต่อรองกับอิหร่าน พูดชัดๆ ว่าฝ่ายอเมริกาและยุโรป ยังไม่อยากยกเลิกการคว่ำบาตรให้อิหร่าน จนกว่า “จะแน่ใจ” ว่า อิหร่านปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน ….. อืม ….อิหร่านคงเข้าใจความนัยนี้แล้ว ข้อสาม เรื่องที่ห่วงกันคือ พวกยึดแน่นกับหลักการ หรือพวกเข้มข้นของทั้ง 2 ฝ่าย เช่นทางอิหร่าน คงไม่อยากให้อิหร่านเจรจากับ “ซาตานอเมริกา” ส่วนทางอเมริกา ก็ใช่ว่า สภาสูงจะเอาด้วย ตอนนี้ก็พูดกันไปทั่วแล้วว่า เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยอิหร่านไว้กับนิวเคลียร์ ที่ความสามารถในการติดตาม การตรวจสอบ ยังไม่เป็นที่แน่ใจ ปล่อยไปเรื่อยๆ อีก 15, 20 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องใครก็ให้ความมั่นใจไม่ได้… พณฯใบตองแห้ง ได้ยินนะครับ ถูกลูกน้อง จริงๆ ก็คือลูกพี่ สั่งสอนให้แล้ว ข้อสี่ อิหร่านจะปฏิบัติกับข้อตกลงนี้อย่างไร ที่ผ่านมา อิหร่านมีประวัติเสีย ในการไม่ให้ข้อมูลสำคัญ หรือที่เกี่ยวข้อง ขนาดผู้ตรวจสอบของสหประชาชาติลงบันทึกไว้ในสมุดความประพฤติของอิหร่านแล้ว … นี่มันดูถูกซ้ำซาก อิหร่านรับได้หรือครับ ขอเสี้ยมหน่อย ข้อที่ห้า มาจากนโยบายด้านการต่างประเทศ และความมั่นคงของอิหร่านเอง ที่ทางอเมริกาไม่เห็นด้วย และเพื่อนฝูงในตะวันออกกลางก็แหยงกับการกระทำของอิหร่าน ที่สนับสนุน ซีเรีย อืรัค เยเมน รวมทั้งที่อื่นๆในตะวันออกกลาง …ท่านดิ๊กบอกว่า อิหร่านมีอนาคตไปได้ไกลถึงเป็นจักรวรรดิ ที่หวังจะเป็นประเทศมหาอำนาจ ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคของตัว แม้ข้อตกลงนิวเคลียร์นี้จะเกิดขึ้น ก็ไม่ทำให้ความเป็นไปได้ดังกล่าวเปลี่ยนแปลง อาจจะเลวร้ายลงไปด้วยซ้ำ เพราะอิหร่านอาจเลือกกลับมาสร้างอาวุธนิวเคลียร์ต่อได้ อย่างไม่ยากเย็นอะไร (โดยเราไม่รู้ตัว) … โอบามาทำถูกแล้ว ที่เจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ ตามแนวที่กำลังคุยกัน ยังดีกว่าให้อิหร่านมีนิวเคลียร์ หรือทำสงคราม เพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านสร้างนิวเคลียร์ แต่ข้อตกลงดังกล่าว ต้องสร้างความเชื่อมั่น ให้อเมริกาและตะวันออกกลาง ให้ได้ว่า ได้มีการป้องกันอย่างรอบคอบแล้ว และถ้ามีการเบี้ยว หรือขี้โกง สิ่งเหล่านี้จะถูกจับได้ และจัดการได้อย่างเด็ดขาด …นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย และจริงๆแล้ว มันไม่เกินไปหรอก ถ้าจะบอกว่า การสร้างความมั่นใจดังว่านั้น ต้องใช้ความพยายามไม่น้อยกว่า การเจรจาให้อิหร่านตกลงด้วยซ้ำ…. คุณดิ๊ก นี่ไม่เบาเลย ตกลงนี่ กำลังหลอกด่าประธานาธิบดี ตัวเองหรือไงว่า ไปโง่ให้เหนื่อยทำไม ผลสุดท้าย เจรจากับอิหร่านสำเร็จหรือไม่ ปลายทางก็คงไม่ต่างกัน …,,หรือว่า พณฯใบตองแห้ง ก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ไปก่อน เพราะทางออกอื่นยังสร้างไม่เสร็จ ก็ต้องเล่นบทตีหน้าซื่อ หรือเซ่อ … หลอกอิหร่าน หลอกโลกไปก่อน ############### นิทานเรื่องจริง เรื่อง” I will walk away….พี่เผ่นก่อนนะน้อง” ตอน 4 ตกลง พณฯใบตองแห้ง คิดเรื่องอิหร่านอย่างไรกันแน่ อยากเจรจาต่อ หรืออยากเลิกเจรจา ยิ่งถังขยะความคิด CFR ผู้กำกับรัฐบาลอเมริกันตัวจริง ออกมาเขียนตีปลาหน้าไซอย่างนี้ เราๆชาวบ้าน สมันน้อย ไม่ว่าจะอยู่แดนสยาม หรือแดนเนรมิตรที่ไอ้นักล่าใบตองแห้งสร้างหลอกเอาไว้ จะเข้าใจไหม ว่าเขากำลังเล่นอะไรกัน นอกจาก CFR จะออกมาชี้เปลือกกล้วย ที่มีใครเหยียบจนลื่นหงายท้อง เสียท่าไปแล้ว ถังขยะความคิดอีกใบ ที่มีเสียงดังไม่น้อยเหมือนกัน คือ Center for Strategic & International Studies (CSIS) ได้ออกรายงาน เมื่อวันที่ 30 มีนาคม อย่างกับนัดกัน กับ CFR เรื่อง Judging a P5+1 Nuclear Agreement with Iran: The Key Criteria เขียนโดย Anthony Cordesman ตัวหัวหน้าใหญ่ ลงมือเขียนเองอีกเหมือน นาย Cordesman เขียนเสียยาว บรรยายอย่างละเอียด ถึงการเจรจา ผมขอเล่าแต่สรุปตอนท้ายของเขา ซึ่งน่าจะทำให้เราเห็นอะไรบางอย่าง เขาบอกว่า …. ข้อตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธ ต้องอยู่บนหลักการ ที่เป็นความความเชื่อใจ แต่ตรวจสอบพิสูจน์ได้ ” trust but verify” โดยให้น้ำหนัก ความเชื่อใจที่ 1% และเน้นการตรวจสอบที่พิสูจน์ได้ 99 % จากการวิเคราะห์ที่บรรยายในเอกสาร ไม่มีทางที่จะเอาความเชื่อใจอย่างเดียวมาใช้ในการตรวจสอบอาวุธของอิหร่านที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น นี่จะเป็นข้อพิสูจน์ว่า การตกลงจะมีขึ้นได้ หรือจะเลื่อนออกไป หรือการเจรจาล้มเหลวจบสิ้น แล้วการเจรจาก็ต้อง เลื่อนออกไปจริงๆ… นอกจาก ได้รับการเคาะตาตุ่ม จากถังขยะความคิดใบใหญ่ 2 ใบแล้ว พณฯ ใบตองแห้งยังโดนยำเสียเละ จากฝ่ายรัฐสภา ที่ปล่อยข่าวออกมาให้เป็นหนังตัวอย่าง เพราะเรื่องของอิหร่าน รัฐบาลยังไม่ได้ส่งเข้าไปให้พิจารณา ดูหนังตัวอย่างม้วนนี้กันหน่อย เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการย่อย ด้านตะวันออกกลาง และอาฟริกาเหนือ ได้จัดให้มีการประชุมหารือ โดยมีสมาชิกสภา Ileana Ros-Lehtinen เป็นประธาน ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญมาร่วมหลายคน หนี่งในนั้นคือ นาย Anthony Cordesman ที่ประชุมสรุปว่า การเจรจากับอิหร่านที่กำลังดำเนินอยู่คือ เส้นทางสู่ความหายนะ โดยสรุปเรื่องที่หารือกัน 5 ข้อ ข้อ 1. เด็กๆ ในตะวันออกกลาง ที่อยู่ในคอกอเมริกา กำลังว้าวุ่นว่าจะพึ่งอเมริกาได้แค่ไหน ตั้งแต่มีเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ พวกเขาบางราย ถึงกับจะหันไปขอความช่วยเหลือจากรัสเซีย จีน และเกาหลีเหนือ ข้อ 2. เด็กๆ ในภูมิภาค ต่างไม่อยากเหลือเป็นรายสุดท้าย ที่ไม่มีของเล่นเป็นอาวุธนิวเคลียร์ เราคงไม่อยากเห็น รัสเซียคุยกับจอร์แดน หรืออียิปต์ เพื่อจะสร้างนิวเคลียร์ หรือเราคงไม่อยากให้ซาอุดิวิ่งไปหาจีนเรื่องนิวเคลียร์ ข้อ 3. อิหร่าน บอกมาเป็นเวลานานมากแล้วว่า เขาอยากจะทำโครงการนิวเคลียร์ ตอนนี้เขากำลังเจรจากับอเมริกาว่าเ ขาจะไม่ทำต่อแล้ว แต่เขายังจะทำโครงการจรวดต่อ … มันเป็นโครงการต่อเนื่องกัน เลิกโครงการนึง ก็ต้องเลิก อีกอันด้วย สิ่งที่เขาพูด กับที่เขาทำมันขัดกัน ข้อ 4. อิหร่านบอกว่า เขาสนใจที่จะเดินหน้าโครงการอวกาศ แต่เทคโนโลยีที่ใช้ในโครงการอวกาศส่วนใหญ่ มันก็เป็นรายการเดียวกับการทำจรวดวิถีไกล ถ้าอิหร่านจะซ่อนสักนิด อิหร่านก็สร้างจรวดวิถีไกลได้โดยไม่มีใครรู้ ข้อ 5. ตอนนี้อิหร่าน มีจรวดวิถีใกล้ และกลาง เรียบร้อยแล้ว และส่งให้ กลุ่ม Hezbullah กับกลุ่ม Hamas ใช้ไปแล้ว ทำให้อิสราเอลกำลังปวดกระบาล นี่ถ้าอิหร่าน มีจรวดวิถีไกลด้วย คนปวดกระบาลคือเรา อเมริกา อิหร่านโจมตีเราได้ โดยไม่ต้องย้ายพุงข้ามเขตแดนเขาออกมาเลยแม้แต่นิ้วเดียว นอกจากนี้ นาย Ed Royce ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการของรัฐสภา ด้านกิจการต่างประเทศ House Commitee on Foreign Affairs ซึ่งร่วมประชุมในโอกาสเดียวกันยังบอกว่า… ในหลายๆทาง การเจรจากับอิหร่าน เป็นกรณีศึกษาให้เห็นว่า รัฐบาลโอบามาดำเนินการเจรจากับอิหร่าน โดยไม่สนใจกับความเห็น หรือความต้องการของฝ่ายอื่นเลย เช่น เมื่อคณะกรรมาธิการแจ้งกับรัฐบาลไปว่า ต้องเอาเรื่องจรวดนำวิถีเข้าไปร่วมพิจารณาในการเจรจาด้วย แต่ปรากฏว่า ไม่อยู่ในกรอบการเจรจา แถมผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ส่งเสียงข้ามทวีปบอกว่า ตะวันตกโง่และเซ่อมาก ที่คิดว่าอิหร่านจะลดการผลิตจรวดนำวืถีด้วย คณะกรรมาธิการไม่เห็นด้วยกับข้อโต้แย้งของอิหร่าน ขอโวยกลับ …. จรวดนำวิถี เป็นหัวรบของอาวุธนิวเคลียร์ ไม่นับรวมได้ยังไง วันนี้ เราได้เชิญผู้เชี่ยวชาญมาให้การเป็นพยาน และในจำนวนผู้ที่ถูกเรียกให้มาเป็นพยาน มีนาย Anthony Cordesman มาด้วย นาย Cordesman ให้การว่า “…. จรวดนำวิถี ballistic missile ไม่ได้แยกส่วน หรือเป็นส่วนเสริม ของอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่เป็นส่วนหนึ่ง it is not a seperate and secondary but part and parcel ระยะยิงของจรวดพวกนี้ ไม่ใช่แค่ในตะวันออกกลาง แต่สามารถยิงไปไกลได้ถึงตอนใต้ของรัสเซียและยุโรป…ระบบนี้ อิหร่านได้รับความช่วยเหลือจากเกาหลีเหนือ นักวิเคราะห์บอกว่า ระบบนี้ก็เหมือนเป็นการทดสอบ สำหรับประเทศที่ต้องการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ….. อิหร่านได้ส่งจรวดพวกนี้ ไปให้กลุ่ม Hezbullah และ Hamas ใช้ที่ฉนวนกาซ่า Hamas ใช้ไปแล้ว ประมาณ 3 พัน ถึง 1 หมื่นลูก ” “… ยังไม่มีประเทศไหน ที่ไม่ต้องการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ แล้วดันลงทุนในโครงการจรวดที่มีอานุภาพสูง และใช้ทุนมหาศาลขนาดนี้เลย สมาชิกสภา Ed Royce รำพึง…” และข้อมูลเหล่านี้ ยังไม่เคยเข้ามาพิจารณาในรัฐสภาเลย ตกลง พณฯใบตองแห้ง กำลังเล่นอะไร โง่และเซ่อ อย่างที่มีเสียงด่าข้ามทวีปมา หรืออเมริกากำลังบอกว่า จำไม่ได้หรือ หนังฮอลลีวู้ดเป็นอย่างไร สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 6 ก.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 824 มุมมอง 0 รีวิว
  • I Will Walk Away … พี่เผ่นก่อนนะน้อง ตอนที่ 1 – 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” I will walk away … พี่เผ่นก่อนนะน้อง ”
    ตอน 1
    เดือนกรกฏา มาถึงแล้ว ถึงไม่เรียกก็มา ไม่อยากให้มา ก็มาถึงอยู่ดี
    สำหรับผู้ที่สนใจติดตามชะตาโลก เดือนนี้ไม่ติดตามไม่ได้เพราะเป็นเดือนที่จะมีการตัดสินใจ สำคัญหลายเรื่อง แต่ละเรื่องจะกระทบเฉพาะถิ่นของที่ผู้ตัดสินใจหรืออาจจะกระเทือนไปไกลค่อนโลกก็เป็นได้
    สำหรับชาวกรีก จะตัดสินใจตัดโซ่ แหกคอก หรือตายซากคาคอก วันที่ 5 กค นี่คงรู้กัน แต่คงยังไม่จบกัน หนังมาเป็นตอน เล่นยาวเป็นซีซั่น ซีซั่นนี้ จะจบแบบไหนต้องลุ้นกันหน่อย อย่าให้หนังขาด หรือเลิกเล่นกันหมดก็แล้วกัน
    ส่วนชาวอิหร่าน วันที่ 7 กค. นี้ การเจรจาที่ยืดเยื้อมาเกือบ 2 ปี ของ Iran Nuclear Deal ที่เลื่อนวันเส้นตายมาจาก 30 มิย. มาเป็น 7 กค. จะเจรจาจบไหม หรือจะเลื่อนเส้นให้ตายช้าต่อไปอีก อิหร่านพร้อมจะยกเลิกการพัฒนานิวเคลียร์ เพื่อแลกกับการยกเลิกการคว่ำบาตรของอเมริกากับพวกหรือไม่ อเมริกาพร้อมจะยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่านแน่จริงหรือไม่
    เรื่องอิหร่านเป็นเรื่องใหญ่ ผลกระทบอาจไปไกล และแรง
    นอกจากเรื่องใหญ่ๆ 2 เรื่อง ยังมีเรื่องนิดเรื่องหน่อย ที่จะทยอยเกิดขึ้น เดือนนี้คงได้เห็นเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นเป็นระลอก เป็นเหตุการณ์ ที่อาจจะมีผลกระทบกับความเป็นไปในโลก เปลี่ยนแปลง จนเราตามกันแทบไม่ทัน หรือตามทันรู้ แต่ไม่เข้าใจเหตุ
    เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเส้นตาย ว่าการเจรจากับอิหร่านเรื่องพัฒนา นิวเคลียร์ ต้องตกลงกันให้เสร็จสิ้น ปรากฏว่า ตกไม่ลง ค้างเติ่ง ต้องเลื่อนเวลา แต่ที่น่าสนใจ นายโอบามา ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ ให้เริ่มและลุ้น การเจรจานี้มาตลอดเวลา ดันทำหน้าเฉย ให้สัมภาษณ์สื่อ แถมส่งเสียงเหมือนขู่….
    ” I will walk away” … ขึ้นต้น ยังกะเพลงรักหักอก ตอนพระเอกกำลังจะทิ้งนางเอก จะแค่หันหลังเดินออกประตูไป หรือจะถึงขนาดมีการตบตีส่งท้าย
    …. ถ้าอิหร่านไม่เจรจาตามกรอบ ที่ตกลง ที่เมืองโลซานน์ เมื่อเดือน เมษายน ถ้าพวกเขาทำไม่ได้ มันจะเป็นปัญหา เพราะผมบอกตั้งแต่เริ่มเจรจาแล้วว่า ผมจะเลิกเจรจา ถ้ามันกลายเป็นข้อตกลงที่ห่วย …
    I have said from the start I will walk away from negotiations if, in fact, it’s a bad deal…”
    ข่าวบอกว่า คำขู่ฟ่อ ของพณฯใบตองแห้ง เป็นการตอบโต้ คำคัดค้านของท่านผู้นำสูงสุดของอิหร่าน Ayatollah Ali Khamenei ที่ไม่เห็นด้วยกับกระบวนการตรวจสอบการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน ที่จะปฏิบัติเสมือนเป็นการรุกล้ำอิหร่าน
    แต่ พณฯใบตองแห้งยืนยัน
    “…จากพฤติกรรมที่ผ่านมาของอิหร่าน ไอ้ที่จะมีแค่คำแถลงของอิหร่าน และมีคนมาเดินไป เดินมา ตรวจสอบแบบนานๆทีมา อย่างนั้น คงไม่ได้ … มันต้องมีกระบวนการที่เข้มงวด เอาจริงเอาจัง มาทำการตรวจสอบอย่างพิสูจน์ได้ และผมคิดว่า นั่นจะเป็นการทดสอบว่า เราตกลงกันได้จริงหรือไม่
    ..Given past behavior on the part of Iran, that simply can’t be a declaration by Iran and a few inspectors wandering around every once in a while … that’s going to have to be serious, rigorous verification mechanism. And that, I think, is going to be the test as to whether we get a deal or not…. ”
    พณฯใบตองแห้งเล่นอิหร่านแรงนะ แล้วแบบนี้ มันคุยกันรู้เรื่องจริงหรือ ผมรู้สึกหวั่นใจแทนจัง
    ฝ่ายอิหร่านบอก เราเดินตามกรอบของโลซานน์นะ ไม่ได้ใช้กรอบอื่นเลย เราว่า อเมริกาต่างหากที่ต้องการเปลี่ยนกรอบ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน Mohammad Javad Zarif บินกลับมาเวียนนา หลังจากบินกลับไปที่เตหะรานเพื่อไปหารือบางประเด็น เขาบอกว่า .. ผมไม่ได้ไปขอรับคำสั่งในการตกลงจากประมุขประเทศ ผมได้รับอนุญาตเต็มใบในการเจรจาอยู่แล้ว ผมกลับมาเวียนนาเพื่อมาเจรจาขั้นสุดท้าย ซึ่งเราน่าจะทำสำเร็จ
    นาย Zarif ไม่ได้กลับมาคนเดียว เขามาพร้อมกับ Ali Akbar Salehi หัวหน้าใหญ่ขององค์การ Atomic Energy ของอิหร่าน Salehi ซึ่งเพิ่งฟื้นตัวจากการผ่าตัด .,,แปลว่าอิหร่านเอาจริงกับการเจรจาใช่ไหม ไม่งั้นไม่หอบเอาคนป่วยมาด้วยหรอก นาย Zarif บอกกับนักข่าว
    ข่าวบอกว่า คณะเจรจาโดยเฉพาะอเมริกา ต้องการให้การเจรจาเสร็จต้นเดือนนี้ เพื่อส่งเรื่องให้ฝ่ายรัฐสภาพิจาร ณา ให้เสร็จภายในเวลา 30 วัน ถ้าส่งช้ากว่านั้น สภาปิดไปแล้ว ฝ่ายรัฐสภาจะมีเวลาพิจารณา เพิ่มขึ้นเป็น 60 วัน แถมมีเวลาในการหว่านล้อมเสียง ฝ่ายที่เห็นต่างกันอีกด้วย... นี่ ก็เหมือนอเมริกาเอาจริงนะ ถูกใจ ก็ให้สภาผ่าน ไม่ถูกใจ สภาก็ไม่ผ่านให้….เล่นไม่ยาก
    ###############
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” I will walk away …พี่เผ่นก่อนนะน้อง”

    ตอน 2
    ในการประชุมที่โลซานน์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ระหว่างอิหร่าน กับ กลุ่มที่เรียกว่า P5+1 (อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย จีน + เยอรมัน) เป็นการกำหนด
    ” กรอบ การดำเนินการ” สำหรับทั้งด้านอเมริกา และอิหร่าน
    การดำเนินการที่สำคัญ ประการหนึ่งคือ กระบวนการยกเลิก sanction การคว่ำบาตรอิหร่าน คว่ำมานานหลายสิบปี จนนึกวิธีหงายไม่ออกว่าจะต้องทำยังไงบ้าง แสดงว่าคนช่วยคว่ำคงแยะ และการคว่ำคงมีสาระพัดวิธี
    คุยกันเรื่องนี้ ตั้งแต่โลซานน์มาถึงเวียนนาว่า จะต้องมีการประกาศ (Declaration) เมื่อตกลงกันได้แล้ว โดยไม่มีการลงนามพันธสัญญา หลังจากนั้น ทุกฝ่ายก็จะให้ UN Security Council (UNSC) เป็นผู้ประทับตรารับรองการประกาศ และก็ออกมติที่จะทำให้การคว่ำบาตร ไม่มีผลใช้บังคับอีกต่อไป ส่วนถ้อยคำของตัวมตินี่ ยังเจรจากันอยู่
    และเป็นเรื่องที่เสียวไสว่า กว่าจะเจรจาจบ คนเจรจาคงหืดขึ้นคอ หรือเจรจาไม่จบ เพราะพระเอกเล่นร้องเพลงลา... ล่วงหน้า
    ทุกฝ่าย ยกเว้นรัฐบาลของพณฯใบตองแห้ง ต้องการให้ส่งเรื่องไปที่ UNSC เร็วที่สุด แตอเมริกายังสงวนท่าที ไม่มีคำตอบให้
    ผู้เจรจาฝ่ายอิหร่านบอกอย่างชัดเจนระหว่างการเจราว่า อิหร่าน จะเริ่มดำเนินการตามข้อตกลงเกี่ยว กับนิวเคลียร์ทันที รื้อถอนเครื่องแยก รื้อถอนเครื่องปฏิกรณ์ ทำลายสต๊อกแร่ยูเรเนียม รื้อมันหมดทุกอย่าง ฯลฯ ทันที และให้ไอ้เอกับอีเอ IAEA มาตรวจสอบทันที ว่าอิหร่านปฏิบัติตามรายการถูกต้องครบถ้วนหรือไม่
    แต่ทั้งหมดข้างต้น ต้องทำควบคู่ไปกับขบวนการยกเลิก การคว่ำบาตร โดยอเมริกาและอียู จะต้องลงมือไปพร้อมกันว่า ได้จัดการหงายบาตรของใคร ที่ไหน อย่างไรแล้ว และ ต้องให้ UNSC ประทับตรารับรองการกระทำด้วย มันถึงจะเป็นธรรม จะให้ด้านหนึ่งทุบทิ้ง แต่อีกด้านยืนอมยิ้มกอดอกเฉยได้ไง
    ที่บรรยายมาทั้งหมดเข้างต้น เป็นเรื่องที่ได้ “ตกลงกันไปแล้ว” ที่โลซานน์ ระหว่างนาย Zarif รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านกับคุณสาวน้อย Federica Mogherini ผู้แทนของอียู….
    แต่แล้วก็ข่าวรั่วเกี่ยวกับเรื่องกรอบ สวย ไม่สวยขนาดไหน ใครต้องการให้ชัดเจนอย่างไร อย่างที่เล่าข้างต้น สื่อเข้ามาช่วยปั่น แถมเพิ่มสีให้น่าตื่นเต้น อันที่จริงไม่ต้องเพิ่มก็น่าตื่นเต้นอยู่แล้ว ถ้าคิดให้ลึกๆ ยิ่งคิด โต๊ะเจรจาก็ยิ่งสั่น โดยเฉพาะมีความเห็นแย้งจากมุมมอง ด้านกองทัพ possible military dimensions (PMD) ที่สะท้อนกลับ …. แล้วนี่จะพิสูจน์อย่างไร หากตกลงกันเรียบร้อยว่า ให้อิหร่านพัฒนาอะไรได้บ้าง สิ่งที่อิหร่าน “จะไปพัฒนาต่อ” มันจะกลายเป็นอาวุธนิวเคลียร์หรือไม่ เขาว่าไม่ต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์ใหญ่ ก็พอนึกออกว่า มันเป็นเรื่องที่พิสูจน์ยาก กว่าจะพิสูจน์ได้ โน่นแนะ ดอกเห็ดงอกขึ้นมาแล้ว ทำนองนั้น…. เฮ้ย… แบบนี้ก็ต้องรีบขยายเวลาเจรจาสินะ ให้จบแบบนี้ไม่ได้…
    อ้อพอเข้าใจแล้ว
    แต่ข่าวได้ฟุ้งกระจายเรียบร้อย ไปทั่วสถานที่เจรจา Palais Coburg เวียนนา ว่า ขณะนี้ พณฯใบตองแห้ง ชักลังเลที่จะยกเลิกการคว่ำบาตร…..สงสัยสถานการณ์เปลี่ยน แผนเจรจาเลยอาจต้องเปลี่ยน ตอนนี้คนที่หน้าเครียด เดินเข้าไปจับเข่าคุยทีละข้าง กับเจ้าของเข่าที่ละคน คือ นายKerry รัฐมนตรีต่างประเทศ ที่ไร้เสน่ห์ในการเจรจาอย่างที่สุดนั่นเอง แล้วมันจะคุยสำเร็จละหรือ
    อย่าลืมว่า ใน P5+1 มีรัสเซียกับจีน ที่รู้ๆ กันอยู่ว่า จับมือจับไม้เห็นใจอิหร่านมานานแล้ว และนอกจากจับมือแล้ว ดูเหมือนจะส่งหีบห่อไปช่วยเหลืออิหร่านสาระพัด แถมเมื่อเร็วๆนี้ ยังมีข่าวว่า จะรับอิหร่านเป็นสมาชิกก่อต้ัง ไอ้อิบ AIIB สถาบันการเงินที่กำลังหอมกรุ่น
    ยังไม่ถึงวันเส้นตาย ก็ต้องดื้นกันตายไปก่อน แล้วพณฯ ใบตองแห้ง ก็รีบหยิบบท ….I will walk away ออกมาครวญไปพลางๆ ระหว่างนี้ คุณไร้เสน่ห์ Kerry ก็สั่งเด็กๆ ให้ช่วยกันหาเหตุ ช่วยกันโหมหน่อย…. อิหร่านต่างหาก ที่ ทำท่าจะเบี้ยว เข้า
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    5 ก.ค. 2558
    I Will Walk Away … พี่เผ่นก่อนนะน้อง ตอนที่ 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” I will walk away … พี่เผ่นก่อนนะน้อง ” ตอน 1 เดือนกรกฏา มาถึงแล้ว ถึงไม่เรียกก็มา ไม่อยากให้มา ก็มาถึงอยู่ดี สำหรับผู้ที่สนใจติดตามชะตาโลก เดือนนี้ไม่ติดตามไม่ได้เพราะเป็นเดือนที่จะมีการตัดสินใจ สำคัญหลายเรื่อง แต่ละเรื่องจะกระทบเฉพาะถิ่นของที่ผู้ตัดสินใจหรืออาจจะกระเทือนไปไกลค่อนโลกก็เป็นได้ สำหรับชาวกรีก จะตัดสินใจตัดโซ่ แหกคอก หรือตายซากคาคอก วันที่ 5 กค นี่คงรู้กัน แต่คงยังไม่จบกัน หนังมาเป็นตอน เล่นยาวเป็นซีซั่น ซีซั่นนี้ จะจบแบบไหนต้องลุ้นกันหน่อย อย่าให้หนังขาด หรือเลิกเล่นกันหมดก็แล้วกัน ส่วนชาวอิหร่าน วันที่ 7 กค. นี้ การเจรจาที่ยืดเยื้อมาเกือบ 2 ปี ของ Iran Nuclear Deal ที่เลื่อนวันเส้นตายมาจาก 30 มิย. มาเป็น 7 กค. จะเจรจาจบไหม หรือจะเลื่อนเส้นให้ตายช้าต่อไปอีก อิหร่านพร้อมจะยกเลิกการพัฒนานิวเคลียร์ เพื่อแลกกับการยกเลิกการคว่ำบาตรของอเมริกากับพวกหรือไม่ อเมริกาพร้อมจะยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่านแน่จริงหรือไม่ เรื่องอิหร่านเป็นเรื่องใหญ่ ผลกระทบอาจไปไกล และแรง นอกจากเรื่องใหญ่ๆ 2 เรื่อง ยังมีเรื่องนิดเรื่องหน่อย ที่จะทยอยเกิดขึ้น เดือนนี้คงได้เห็นเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นเป็นระลอก เป็นเหตุการณ์ ที่อาจจะมีผลกระทบกับความเป็นไปในโลก เปลี่ยนแปลง จนเราตามกันแทบไม่ทัน หรือตามทันรู้ แต่ไม่เข้าใจเหตุ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเส้นตาย ว่าการเจรจากับอิหร่านเรื่องพัฒนา นิวเคลียร์ ต้องตกลงกันให้เสร็จสิ้น ปรากฏว่า ตกไม่ลง ค้างเติ่ง ต้องเลื่อนเวลา แต่ที่น่าสนใจ นายโอบามา ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ ให้เริ่มและลุ้น การเจรจานี้มาตลอดเวลา ดันทำหน้าเฉย ให้สัมภาษณ์สื่อ แถมส่งเสียงเหมือนขู่…. ” I will walk away” … ขึ้นต้น ยังกะเพลงรักหักอก ตอนพระเอกกำลังจะทิ้งนางเอก จะแค่หันหลังเดินออกประตูไป หรือจะถึงขนาดมีการตบตีส่งท้าย …. ถ้าอิหร่านไม่เจรจาตามกรอบ ที่ตกลง ที่เมืองโลซานน์ เมื่อเดือน เมษายน ถ้าพวกเขาทำไม่ได้ มันจะเป็นปัญหา เพราะผมบอกตั้งแต่เริ่มเจรจาแล้วว่า ผมจะเลิกเจรจา ถ้ามันกลายเป็นข้อตกลงที่ห่วย … I have said from the start I will walk away from negotiations if, in fact, it’s a bad deal…” ข่าวบอกว่า คำขู่ฟ่อ ของพณฯใบตองแห้ง เป็นการตอบโต้ คำคัดค้านของท่านผู้นำสูงสุดของอิหร่าน Ayatollah Ali Khamenei ที่ไม่เห็นด้วยกับกระบวนการตรวจสอบการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน ที่จะปฏิบัติเสมือนเป็นการรุกล้ำอิหร่าน แต่ พณฯใบตองแห้งยืนยัน “…จากพฤติกรรมที่ผ่านมาของอิหร่าน ไอ้ที่จะมีแค่คำแถลงของอิหร่าน และมีคนมาเดินไป เดินมา ตรวจสอบแบบนานๆทีมา อย่างนั้น คงไม่ได้ … มันต้องมีกระบวนการที่เข้มงวด เอาจริงเอาจัง มาทำการตรวจสอบอย่างพิสูจน์ได้ และผมคิดว่า นั่นจะเป็นการทดสอบว่า เราตกลงกันได้จริงหรือไม่ ..Given past behavior on the part of Iran, that simply can’t be a declaration by Iran and a few inspectors wandering around every once in a while … that’s going to have to be serious, rigorous verification mechanism. And that, I think, is going to be the test as to whether we get a deal or not…. ” พณฯใบตองแห้งเล่นอิหร่านแรงนะ แล้วแบบนี้ มันคุยกันรู้เรื่องจริงหรือ ผมรู้สึกหวั่นใจแทนจัง ฝ่ายอิหร่านบอก เราเดินตามกรอบของโลซานน์นะ ไม่ได้ใช้กรอบอื่นเลย เราว่า อเมริกาต่างหากที่ต้องการเปลี่ยนกรอบ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน Mohammad Javad Zarif บินกลับมาเวียนนา หลังจากบินกลับไปที่เตหะรานเพื่อไปหารือบางประเด็น เขาบอกว่า .. ผมไม่ได้ไปขอรับคำสั่งในการตกลงจากประมุขประเทศ ผมได้รับอนุญาตเต็มใบในการเจรจาอยู่แล้ว ผมกลับมาเวียนนาเพื่อมาเจรจาขั้นสุดท้าย ซึ่งเราน่าจะทำสำเร็จ นาย Zarif ไม่ได้กลับมาคนเดียว เขามาพร้อมกับ Ali Akbar Salehi หัวหน้าใหญ่ขององค์การ Atomic Energy ของอิหร่าน Salehi ซึ่งเพิ่งฟื้นตัวจากการผ่าตัด .,,แปลว่าอิหร่านเอาจริงกับการเจรจาใช่ไหม ไม่งั้นไม่หอบเอาคนป่วยมาด้วยหรอก นาย Zarif บอกกับนักข่าว ข่าวบอกว่า คณะเจรจาโดยเฉพาะอเมริกา ต้องการให้การเจรจาเสร็จต้นเดือนนี้ เพื่อส่งเรื่องให้ฝ่ายรัฐสภาพิจาร ณา ให้เสร็จภายในเวลา 30 วัน ถ้าส่งช้ากว่านั้น สภาปิดไปแล้ว ฝ่ายรัฐสภาจะมีเวลาพิจารณา เพิ่มขึ้นเป็น 60 วัน แถมมีเวลาในการหว่านล้อมเสียง ฝ่ายที่เห็นต่างกันอีกด้วย... นี่ ก็เหมือนอเมริกาเอาจริงนะ ถูกใจ ก็ให้สภาผ่าน ไม่ถูกใจ สภาก็ไม่ผ่านให้….เล่นไม่ยาก ############### นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” I will walk away …พี่เผ่นก่อนนะน้อง” ตอน 2 ในการประชุมที่โลซานน์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ระหว่างอิหร่าน กับ กลุ่มที่เรียกว่า P5+1 (อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย จีน + เยอรมัน) เป็นการกำหนด ” กรอบ การดำเนินการ” สำหรับทั้งด้านอเมริกา และอิหร่าน การดำเนินการที่สำคัญ ประการหนึ่งคือ กระบวนการยกเลิก sanction การคว่ำบาตรอิหร่าน คว่ำมานานหลายสิบปี จนนึกวิธีหงายไม่ออกว่าจะต้องทำยังไงบ้าง แสดงว่าคนช่วยคว่ำคงแยะ และการคว่ำคงมีสาระพัดวิธี คุยกันเรื่องนี้ ตั้งแต่โลซานน์มาถึงเวียนนาว่า จะต้องมีการประกาศ (Declaration) เมื่อตกลงกันได้แล้ว โดยไม่มีการลงนามพันธสัญญา หลังจากนั้น ทุกฝ่ายก็จะให้ UN Security Council (UNSC) เป็นผู้ประทับตรารับรองการประกาศ และก็ออกมติที่จะทำให้การคว่ำบาตร ไม่มีผลใช้บังคับอีกต่อไป ส่วนถ้อยคำของตัวมตินี่ ยังเจรจากันอยู่ และเป็นเรื่องที่เสียวไสว่า กว่าจะเจรจาจบ คนเจรจาคงหืดขึ้นคอ หรือเจรจาไม่จบ เพราะพระเอกเล่นร้องเพลงลา... ล่วงหน้า ทุกฝ่าย ยกเว้นรัฐบาลของพณฯใบตองแห้ง ต้องการให้ส่งเรื่องไปที่ UNSC เร็วที่สุด แตอเมริกายังสงวนท่าที ไม่มีคำตอบให้ ผู้เจรจาฝ่ายอิหร่านบอกอย่างชัดเจนระหว่างการเจราว่า อิหร่าน จะเริ่มดำเนินการตามข้อตกลงเกี่ยว กับนิวเคลียร์ทันที รื้อถอนเครื่องแยก รื้อถอนเครื่องปฏิกรณ์ ทำลายสต๊อกแร่ยูเรเนียม รื้อมันหมดทุกอย่าง ฯลฯ ทันที และให้ไอ้เอกับอีเอ IAEA มาตรวจสอบทันที ว่าอิหร่านปฏิบัติตามรายการถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ แต่ทั้งหมดข้างต้น ต้องทำควบคู่ไปกับขบวนการยกเลิก การคว่ำบาตร โดยอเมริกาและอียู จะต้องลงมือไปพร้อมกันว่า ได้จัดการหงายบาตรของใคร ที่ไหน อย่างไรแล้ว และ ต้องให้ UNSC ประทับตรารับรองการกระทำด้วย มันถึงจะเป็นธรรม จะให้ด้านหนึ่งทุบทิ้ง แต่อีกด้านยืนอมยิ้มกอดอกเฉยได้ไง ที่บรรยายมาทั้งหมดเข้างต้น เป็นเรื่องที่ได้ “ตกลงกันไปแล้ว” ที่โลซานน์ ระหว่างนาย Zarif รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านกับคุณสาวน้อย Federica Mogherini ผู้แทนของอียู…. แต่แล้วก็ข่าวรั่วเกี่ยวกับเรื่องกรอบ สวย ไม่สวยขนาดไหน ใครต้องการให้ชัดเจนอย่างไร อย่างที่เล่าข้างต้น สื่อเข้ามาช่วยปั่น แถมเพิ่มสีให้น่าตื่นเต้น อันที่จริงไม่ต้องเพิ่มก็น่าตื่นเต้นอยู่แล้ว ถ้าคิดให้ลึกๆ ยิ่งคิด โต๊ะเจรจาก็ยิ่งสั่น โดยเฉพาะมีความเห็นแย้งจากมุมมอง ด้านกองทัพ possible military dimensions (PMD) ที่สะท้อนกลับ …. แล้วนี่จะพิสูจน์อย่างไร หากตกลงกันเรียบร้อยว่า ให้อิหร่านพัฒนาอะไรได้บ้าง สิ่งที่อิหร่าน “จะไปพัฒนาต่อ” มันจะกลายเป็นอาวุธนิวเคลียร์หรือไม่ เขาว่าไม่ต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์ใหญ่ ก็พอนึกออกว่า มันเป็นเรื่องที่พิสูจน์ยาก กว่าจะพิสูจน์ได้ โน่นแนะ ดอกเห็ดงอกขึ้นมาแล้ว ทำนองนั้น…. เฮ้ย… แบบนี้ก็ต้องรีบขยายเวลาเจรจาสินะ ให้จบแบบนี้ไม่ได้… อ้อพอเข้าใจแล้ว แต่ข่าวได้ฟุ้งกระจายเรียบร้อย ไปทั่วสถานที่เจรจา Palais Coburg เวียนนา ว่า ขณะนี้ พณฯใบตองแห้ง ชักลังเลที่จะยกเลิกการคว่ำบาตร…..สงสัยสถานการณ์เปลี่ยน แผนเจรจาเลยอาจต้องเปลี่ยน ตอนนี้คนที่หน้าเครียด เดินเข้าไปจับเข่าคุยทีละข้าง กับเจ้าของเข่าที่ละคน คือ นายKerry รัฐมนตรีต่างประเทศ ที่ไร้เสน่ห์ในการเจรจาอย่างที่สุดนั่นเอง แล้วมันจะคุยสำเร็จละหรือ อย่าลืมว่า ใน P5+1 มีรัสเซียกับจีน ที่รู้ๆ กันอยู่ว่า จับมือจับไม้เห็นใจอิหร่านมานานแล้ว และนอกจากจับมือแล้ว ดูเหมือนจะส่งหีบห่อไปช่วยเหลืออิหร่านสาระพัด แถมเมื่อเร็วๆนี้ ยังมีข่าวว่า จะรับอิหร่านเป็นสมาชิกก่อต้ัง ไอ้อิบ AIIB สถาบันการเงินที่กำลังหอมกรุ่น ยังไม่ถึงวันเส้นตาย ก็ต้องดื้นกันตายไปก่อน แล้วพณฯ ใบตองแห้ง ก็รีบหยิบบท ….I will walk away ออกมาครวญไปพลางๆ ระหว่างนี้ คุณไร้เสน่ห์ Kerry ก็สั่งเด็กๆ ให้ช่วยกันหาเหตุ ช่วยกันโหมหน่อย…. อิหร่านต่างหาก ที่ ทำท่าจะเบี้ยว เข้า สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 5 ก.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 693 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    เจาะลึกมหาสงครามเทพระดับอะตอม: ศึกชิงอำนาจในโลกควอนตัม

    จักรวาลคู่ขนานระดับอนุภาค

    การค้นพบอาณาจักรควอนตัม

    หนูดีค้นพบโดยบังเอิญขณะฝึกควบคุมพลังงาน:
    "มันเหมือนกับมีเมืองเล็กๆ นับไม่ถ้วนอยู่ในทุกอะตอม...
    แต่ละเมืองมีกฎเกณฑ์และผู้ปกครองของตัวเอง"

    ```mermaid
    graph TB
    A[โลกควอนตัม] --> B[อาณาจักรโปรตอน<br>เมืองแห่งความมั่นคง]
    A --> C[อาณาจักรอิเล็กตรอน<br>เมืองแห่งพลังงาน]
    A --> D[อาณาจักรนิวตรอน<br>เมืองแห่งสมดุล]
    A --> E[อาณาจักรควาร์ก<br>เมืองแห่งพื้นฐาน]
    ```

    โครงสร้างสังคมเทพระดับอะตอม

    ```python
    class QuantumSociety:
    def __init__(self):
    self.hierarchy = {
    "elementary_level": {
    "quark_deities": "เทพพื้นฐาน 6 ประเภท",
    "lepton_sages": "ปราชญ์เลปตอน",
    "force_carriers": "ผู้ส่งผ่านแรงพื้นฐาน"
    },
    "composite_level": {
    "proton_monarchs": "กษัตริย์โปรตอน",
    "electron_nomads": "อิเล็กตรอนเร่ร่อน",
    "neutron_guardians": "ผู้พิทักษ์นิวตรอน"
    },
    "atomic_level": {
    "nucleus_kingdom": "อาณาจักรนิวเคลียส",
    "electron_cloud_cities": "เมืองเมฆอิเล็กตรอน",
    "bonding_alliances": "พันธมิตรทางการพันธะ"
    }
    }
    ```

    ราชวงศ์แห่งนิวเคลียส

    ราชอาณาจักรโปรตอน

    ผู้ปกครอง: พระเจ้าประจุบวก (Positive Majesty)

    · ลักษณะ: ทรงกายสีแดงเรืองรอง มีมงกุฎทำจากเกลียวควาร์ก
    · พระราชวัง: ป้อมปราการนิวเคลียสที่แข็งแกร่ง
    · พระราชอำนาจ: ควบคุมแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม

    สหพันธ์อิเล็กตรอน

    ผู้นำ: เทพีวงโคจร (Orbital Goddess)

    · ลักษณะ: ร่างกายกึ่งโปร่งแสง เคลื่อนไหวรวดเร็ว
    · ที่พำนัก: เมฆอิเล็กตรอนที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
    · อำนาจ: ควบคุมการแลกเปลี่ยนพลังงาน

    สภาคนกลางนิวตรอน

    ประธาน: จอมฤๅษีสมดุล (Balance Sage)

    · ลักษณะ: ทรงเครื่องหมายอินฟินิตี้ สีเทาเงิน
    · สถานที่ปฏิบัติธรรม: ศูนย์กลางนิวเคลียส
    · อำนาจ: รักษาเสถียรภาพและป้องกันการสลายตัว

    ต้นตอแห่งความขัดแย้ง

    การค้นพบ "อนุภาคศักดิ์สิทธิ์"

    นักวิทยาศาสตร์มนุษย์ทำการทดลอง LHC ทำให้ค้นพบ:

    ```mermaid
    graph LR
    A[การทดลอง LHC] --> B[ค้นพบอนุภาค<br>"พระเจ้าองค์เล็ก"]
    B --> C[พลังงานรั่วไหล<br>สู่โลกควอนตัม]
    C --> D[ทั้งสามอาณาจักร<br>ต้องการครอบครอง]
    ```

    ความต้องการที่ขัดแย้ง

    แต่ละอาณาจักรต้องการอนุภาคศักดิ์สิทธิ์เพื่อ:

    โปรตอน: "เพื่อสร้างอาณาจักรที่แข็งแกร่งถาวร!"
    อิเล็กตรอน:"เพื่อปลดปล่อยพลังงานอันไร้ขีดจำกัด!"
    นิวตรอน:"เพื่อสร้างสมดุลแห่งจักรวาล!"

    การเริ่มต้นสงคราม

    สงครามเริ่มต้นด้วย "ยุทธการแรงแม่เหล็ก":

    · อิเล็กตรอนโจมตีด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
    · โปรตอนตอบโต้ด้วยแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม
    · นิวตรอนพยายามไกล่เกลี่ยแต่ล้มเหลว

    ผลกระทบต่อโลกมนุษย์

    ความผิดปกติทางวิทยาศาสตร์

    การทดลองทางวิทยาศาสตร์เริ่มให้ผลผิดปกติ:

    ```python
    class Anomalies:
    def __init__(self):
    self.chemistry = [
    "พันธะเคมีแข็งแกร่งผิดปกติ",
    "อัตราการเกิดปฏิกิริยาผิดพลาด",
    "สารประกอบใหม่ที่ไม่มีในตารางธาตุ"
    ]

    self.physics = [
    "ค่าคงที่ทางฟิสิกส์เปลี่ยนแปลง",
    "กาลอวกาศบิดเบี้ยวในระดับจุลภาค",
    "หลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์กล้มเหลว"
    ]

    self.technology = [
    "อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ล้มเหลว",
    "ระบบนำทางผิดพลาด",
    "พลังงานไฟฟ้าขัดข้อง"
    ]
    ```

    ผลกระทบต่อสุขภาพ

    มนุษย์เริ่มมีอาการแปลกๆ:

    · ความรู้สึกเสียวซ่า: จากอิเล็กตรอนเกินกำลัง
    · อาการแข็งเกร็ง: จากโปรตอนครอบงำ
    · ความไม่สมดุล: จากนิวตรอนไร้เสถียรภาพ

    บทบาทของหนูดีในสงคราม

    การเป็นสื่อสานระหว่างโลก

    หนูดีค้นพบว่าสามารถสื่อสารกับเทพระดับอะตอมได้:
    "พวกท่านทั้งหลาย...โลกมนุษย์กำลังได้รับผลกระทบจากการสู้รบของท่าน"

    การไกล่เกลี่ยครั้งประวัติศาสตร์

    หนูดีจัด สภาสันติภาพระหว่างมิติ:

    ```mermaid
    graph TB
    A[หนูดี<br>เป็นผู้ไกล่เกลี่ย] --> B[เชิญตัวแทน<br>ทั้งสามอาณาจักร]
    B --> C[จัดสภาใน<br>มิติกลาง]
    C --> D[หาข้อตกลง<br>ร่วมกัน]
    ```

    ข้อเสนอการแบ่งปัน

    หนูดีเสนอระบบการแบ่งปันอนุภาคศักดิ์สิทธิ์:

    · ระบบหมุนเวียน: แต่ละอาณาจักรได้ใช้ตามฤดูกาล
    · คณะกรรมการร่วม: ดูแลการใช้อย่างยุติธรรม
    · กองทุนพลังงาน: สำหรับโครงการเพื่อส่วนรวม

    สนธิสัญญาสันติภาพควอนตัม

    ข้อตกลงสำคัญ

    มีการลงนาม "สนธิสัญญาแรงพื้นฐานสามเส้า":

    ```python
    class QuantumTreaty:
    def __init__(self):
    self.agreements = {
    "power_sharing": {
    "protons": "ควบคุม 40% ของอนุภาคศักดิ์สิทธิ์",
    "electrons": "ควบคุม 40% ของอนุภาคศักดิ์สิทธิ์",
    "neutrons": "ควบคุม 20% สำหรับการรักษาสมดุล"
    },
    "territorial_rights": {
    "nuclear_zone": "ภายใต้การดูแลของโปรตอนและนิวตรอน",
    "electron_clouds": "เขตอิทธิพลของอิเล็กตรอน",
    "bonding_regions": "พื้นที่ร่วมกันสำหรับการสร้างพันธะ"
    },
    "collaboration_projects": [
    "การพัฒนาพลังงานสะอาด",
    "การรักษาโรคระดับโมเลกุล",
    "การสำรวจมิติควอนตัม"
    ]
    }
    ```

    พิธีลงนาม

    การลงนามเกิดขึ้นใน "ฮอลล์แรงนิวเคลียร์":

    · ผู้ลงนาม: ตัวแทนทั้งสามอาณาจักร
    · พยาน: หนูดีและร.ต.อ.สิงห์
    · สถานที่: มิติระหว่างโลก ที่สร้างขึ้นพิเศษ

    โลกใหม่หลังสันติภาพ

    ความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์

    เกิดโครงการวิจัยร่วมระหว่างมนุษย์และเทพระดับอะตอม:

    · การแพทย์ควอนตัม: รักษาโรคในระดับเซลล์
    · วัสดุศาสตร์: พัฒนาวัสดุใหม่จากความรู้ควอนตัม
    · พลังงาน: แหล่งพลังงานไร้ขีดจำกัด

    วัฒนธรรมแลกเปลี่ยน

    ```python
    class CulturalExchange:
    def __init__(self):
    self.knowledge_transfer = {
    "human_to_quantum": [
    "ศิลปะและอารมณ์มนุษย์",
    "ความคิดสร้างสรรค์",
    "หลักจริยธรรม"
    ],
    "quantum_to_human": [
    "ความลับของแรงพื้นฐาน",
    "เทคนิคการควบคุมพลังงาน",
    "ภูมิปัญญาการอยู่ร่วมกัน"
    ]
    }

    self.joint_projects = [
    "มหาวิทยาลัยระหว่างมิติ",
    "พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ควอนตัม",
    "เทศกาลศิลปะระดับอะตอม"
    ]
    ```

    บทเรียนจากสงคราม

    🪷 สำหรับเทพระดับอะตอม

    "เราตระหนักว่า...
    อำนาจที่แท้จริงไม่ใช่การครอบครอง
    แต่คือการแบ่งปันและความร่วมมือ"

    สำหรับมนุษยชาติ

    "เราเรียนรู้ว่า...
    จักรวาลนี้มีชีวิตในทุกระดับ
    และความรับผิดชอบของเรา
    คือการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล"

    สำหรับหนูดี

    "การเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลก...
    สอนฉันว่าความเข้าใจคือกุญแจสู่สันติภาพ
    ไม่ว่าจะเป็นโลกใหญ่หรือโลกเล็ก"

    อนาคตแห่งความร่วมมือ

    โครงการระยะยาว

    สถาบันวิวัฒนาการจิตตั้ง "แผนกควอนตัมสัมพันธ์":

    · หน้าที่: ประสานงานกับเทพระดับอะตอม
    · โครงการ: วิจัยและพัฒนาร่วมกัน
    · การศึกษา: สอนเรื่องโลกควอนตัมแก่คนรุ่นใหม่

    มรดกแห่งสันติภาพ

    สงครามครั้งนี้ทิ้งมรดกสำคัญ:
    "ไม่ว่าความขัดแย้งจะอยู่ระดับไหน
    การพูดคุยและความเข้าใจ
    คือทางออกเดียวที่ยั่งยืน"

    ---

    คำสอนจากเทพนิวตรอน:
    "ในความเป็นกลาง...
    มีพลังแห่งสันติภาพ
    และในความสมดุล...
    มีอนาคตแห่งความเจริญ

    จักรวาลนี้ใหญ่พอสำหรับทุกชีวิต
    ตั้งแต่ควาร์กจนถึงดวงดาว
    ขอเพียงเราเรียนรู้ที่จะแบ่งปัน"

    คำคมสุดท้าย:
    "มหาสงครามที่เล็กที่สุด...
    สอนบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
    ว่าสันติภาพเริ่มต้นได้จากใจ
    ที่พร้อมจะเข้าใจในความแตกต่าง"
    O.P.K. ⚛️ เจาะลึกมหาสงครามเทพระดับอะตอม: ศึกชิงอำนาจในโลกควอนตัม 🌌 จักรวาลคู่ขนานระดับอนุภาค 🔬 การค้นพบอาณาจักรควอนตัม หนูดีค้นพบโดยบังเอิญขณะฝึกควบคุมพลังงาน: "มันเหมือนกับมีเมืองเล็กๆ นับไม่ถ้วนอยู่ในทุกอะตอม... แต่ละเมืองมีกฎเกณฑ์และผู้ปกครองของตัวเอง" ```mermaid graph TB A[โลกควอนตัม] --> B[อาณาจักรโปรตอน<br>เมืองแห่งความมั่นคง] A --> C[อาณาจักรอิเล็กตรอน<br>เมืองแห่งพลังงาน] A --> D[อาณาจักรนิวตรอน<br>เมืองแห่งสมดุล] A --> E[อาณาจักรควาร์ก<br>เมืองแห่งพื้นฐาน] ``` 🏛️ โครงสร้างสังคมเทพระดับอะตอม ```python class QuantumSociety: def __init__(self): self.hierarchy = { "elementary_level": { "quark_deities": "เทพพื้นฐาน 6 ประเภท", "lepton_sages": "ปราชญ์เลปตอน", "force_carriers": "ผู้ส่งผ่านแรงพื้นฐาน" }, "composite_level": { "proton_monarchs": "กษัตริย์โปรตอน", "electron_nomads": "อิเล็กตรอนเร่ร่อน", "neutron_guardians": "ผู้พิทักษ์นิวตรอน" }, "atomic_level": { "nucleus_kingdom": "อาณาจักรนิวเคลียส", "electron_cloud_cities": "เมืองเมฆอิเล็กตรอน", "bonding_alliances": "พันธมิตรทางการพันธะ" } } ``` 👑 ราชวงศ์แห่งนิวเคลียส 💎 ราชอาณาจักรโปรตอน ผู้ปกครอง: พระเจ้าประจุบวก (Positive Majesty) · ลักษณะ: ทรงกายสีแดงเรืองรอง มีมงกุฎทำจากเกลียวควาร์ก · พระราชวัง: ป้อมปราการนิวเคลียสที่แข็งแกร่ง · พระราชอำนาจ: ควบคุมแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม 🌪️ สหพันธ์อิเล็กตรอน ผู้นำ: เทพีวงโคจร (Orbital Goddess) · ลักษณะ: ร่างกายกึ่งโปร่งแสง เคลื่อนไหวรวดเร็ว · ที่พำนัก: เมฆอิเล็กตรอนที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา · อำนาจ: ควบคุมการแลกเปลี่ยนพลังงาน 🛡️ สภาคนกลางนิวตรอน ประธาน: จอมฤๅษีสมดุล (Balance Sage) · ลักษณะ: ทรงเครื่องหมายอินฟินิตี้ สีเทาเงิน · สถานที่ปฏิบัติธรรม: ศูนย์กลางนิวเคลียส · อำนาจ: รักษาเสถียรภาพและป้องกันการสลายตัว 💥 ต้นตอแห่งความขัดแย้ง 🔥 การค้นพบ "อนุภาคศักดิ์สิทธิ์" นักวิทยาศาสตร์มนุษย์ทำการทดลอง LHC ทำให้ค้นพบ: ```mermaid graph LR A[การทดลอง LHC] --> B[ค้นพบอนุภาค<br>"พระเจ้าองค์เล็ก"] B --> C[พลังงานรั่วไหล<br>สู่โลกควอนตัม] C --> D[ทั้งสามอาณาจักร<br>ต้องการครอบครอง] ``` 🎯 ความต้องการที่ขัดแย้ง แต่ละอาณาจักรต้องการอนุภาคศักดิ์สิทธิ์เพื่อ: โปรตอน: "เพื่อสร้างอาณาจักรที่แข็งแกร่งถาวร!" อิเล็กตรอน:"เพื่อปลดปล่อยพลังงานอันไร้ขีดจำกัด!" นิวตรอน:"เพื่อสร้างสมดุลแห่งจักรวาล!" ⚡ การเริ่มต้นสงคราม สงครามเริ่มต้นด้วย "ยุทธการแรงแม่เหล็ก": · อิเล็กตรอนโจมตีด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า · โปรตอนตอบโต้ด้วยแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม · นิวตรอนพยายามไกล่เกลี่ยแต่ล้มเหลว 🌪️ ผลกระทบต่อโลกมนุษย์ 🔬 ความผิดปกติทางวิทยาศาสตร์ การทดลองทางวิทยาศาสตร์เริ่มให้ผลผิดปกติ: ```python class Anomalies: def __init__(self): self.chemistry = [ "พันธะเคมีแข็งแกร่งผิดปกติ", "อัตราการเกิดปฏิกิริยาผิดพลาด", "สารประกอบใหม่ที่ไม่มีในตารางธาตุ" ] self.physics = [ "ค่าคงที่ทางฟิสิกส์เปลี่ยนแปลง", "กาลอวกาศบิดเบี้ยวในระดับจุลภาค", "หลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์กล้มเหลว" ] self.technology = [ "อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ล้มเหลว", "ระบบนำทางผิดพลาด", "พลังงานไฟฟ้าขัดข้อง" ] ``` 🏥 ผลกระทบต่อสุขภาพ มนุษย์เริ่มมีอาการแปลกๆ: · ความรู้สึกเสียวซ่า: จากอิเล็กตรอนเกินกำลัง · อาการแข็งเกร็ง: จากโปรตอนครอบงำ · ความไม่สมดุล: จากนิวตรอนไร้เสถียรภาพ 💫 บทบาทของหนูดีในสงคราม 🔍 การเป็นสื่อสานระหว่างโลก หนูดีค้นพบว่าสามารถสื่อสารกับเทพระดับอะตอมได้: "พวกท่านทั้งหลาย...โลกมนุษย์กำลังได้รับผลกระทบจากการสู้รบของท่าน" 🕊️ การไกล่เกลี่ยครั้งประวัติศาสตร์ หนูดีจัด สภาสันติภาพระหว่างมิติ: ```mermaid graph TB A[หนูดี<br>เป็นผู้ไกล่เกลี่ย] --> B[เชิญตัวแทน<br>ทั้งสามอาณาจักร] B --> C[จัดสภาใน<br>มิติกลาง] C --> D[หาข้อตกลง<br>ร่วมกัน] ``` 🌟 ข้อเสนอการแบ่งปัน หนูดีเสนอระบบการแบ่งปันอนุภาคศักดิ์สิทธิ์: · ระบบหมุนเวียน: แต่ละอาณาจักรได้ใช้ตามฤดูกาล · คณะกรรมการร่วม: ดูแลการใช้อย่างยุติธรรม · กองทุนพลังงาน: สำหรับโครงการเพื่อส่วนรวม 🏛️ สนธิสัญญาสันติภาพควอนตัม 📜 ข้อตกลงสำคัญ มีการลงนาม "สนธิสัญญาแรงพื้นฐานสามเส้า": ```python class QuantumTreaty: def __init__(self): self.agreements = { "power_sharing": { "protons": "ควบคุม 40% ของอนุภาคศักดิ์สิทธิ์", "electrons": "ควบคุม 40% ของอนุภาคศักดิ์สิทธิ์", "neutrons": "ควบคุม 20% สำหรับการรักษาสมดุล" }, "territorial_rights": { "nuclear_zone": "ภายใต้การดูแลของโปรตอนและนิวตรอน", "electron_clouds": "เขตอิทธิพลของอิเล็กตรอน", "bonding_regions": "พื้นที่ร่วมกันสำหรับการสร้างพันธะ" }, "collaboration_projects": [ "การพัฒนาพลังงานสะอาด", "การรักษาโรคระดับโมเลกุล", "การสำรวจมิติควอนตัม" ] } ``` 🎉 พิธีลงนาม การลงนามเกิดขึ้นใน "ฮอลล์แรงนิวเคลียร์": · ผู้ลงนาม: ตัวแทนทั้งสามอาณาจักร · พยาน: หนูดีและร.ต.อ.สิงห์ · สถานที่: มิติระหว่างโลก ที่สร้างขึ้นพิเศษ 🌈 โลกใหม่หลังสันติภาพ 🔬 ความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ เกิดโครงการวิจัยร่วมระหว่างมนุษย์และเทพระดับอะตอม: · การแพทย์ควอนตัม: รักษาโรคในระดับเซลล์ · วัสดุศาสตร์: พัฒนาวัสดุใหม่จากความรู้ควอนตัม · พลังงาน: แหล่งพลังงานไร้ขีดจำกัด 💞 วัฒนธรรมแลกเปลี่ยน ```python class CulturalExchange: def __init__(self): self.knowledge_transfer = { "human_to_quantum": [ "ศิลปะและอารมณ์มนุษย์", "ความคิดสร้างสรรค์", "หลักจริยธรรม" ], "quantum_to_human": [ "ความลับของแรงพื้นฐาน", "เทคนิคการควบคุมพลังงาน", "ภูมิปัญญาการอยู่ร่วมกัน" ] } self.joint_projects = [ "มหาวิทยาลัยระหว่างมิติ", "พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ควอนตัม", "เทศกาลศิลปะระดับอะตอม" ] ``` 🏆 บทเรียนจากสงคราม 🪷 สำหรับเทพระดับอะตอม "เราตระหนักว่า... อำนาจที่แท้จริงไม่ใช่การครอบครอง แต่คือการแบ่งปันและความร่วมมือ" 💫 สำหรับมนุษยชาติ "เราเรียนรู้ว่า... จักรวาลนี้มีชีวิตในทุกระดับ และความรับผิดชอบของเรา คือการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล" 🌟 สำหรับหนูดี "การเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลก... สอนฉันว่าความเข้าใจคือกุญแจสู่สันติภาพ ไม่ว่าจะเป็นโลกใหญ่หรือโลกเล็ก" 🔮 อนาคตแห่งความร่วมมือ 🚀 โครงการระยะยาว สถาบันวิวัฒนาการจิตตั้ง "แผนกควอนตัมสัมพันธ์": · หน้าที่: ประสานงานกับเทพระดับอะตอม · โครงการ: วิจัยและพัฒนาร่วมกัน · การศึกษา: สอนเรื่องโลกควอนตัมแก่คนรุ่นใหม่ 💝 มรดกแห่งสันติภาพ สงครามครั้งนี้ทิ้งมรดกสำคัญ: "ไม่ว่าความขัดแย้งจะอยู่ระดับไหน การพูดคุยและความเข้าใจ คือทางออกเดียวที่ยั่งยืน" --- คำสอนจากเทพนิวตรอน: "ในความเป็นกลาง... มีพลังแห่งสันติภาพ และในความสมดุล... มีอนาคตแห่งความเจริญ จักรวาลนี้ใหญ่พอสำหรับทุกชีวิต ตั้งแต่ควาร์กจนถึงดวงดาว ขอเพียงเราเรียนรู้ที่จะแบ่งปัน"⚛️✨ คำคมสุดท้าย: "มหาสงครามที่เล็กที่สุด... สอนบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ว่าสันติภาพเริ่มต้นได้จากใจ ที่พร้อมจะเข้าใจในความแตกต่าง"🌌
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 861 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก UCL ฤดูกาล 2025/26 รอบลีกเฟส League Phase นัดที่ 4 หงส์แดง ลิเวอร์พูล เปิดแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ ราชันชุดขาว เรอัล มาสนดริด
    ครึ่งเวลาแรกทำอะไรกันไม่ได้ เสมอกันไป 0 : 0
    ครึ่งเวลาหลัง ลิเวอร์พูล มาได้ลูกประตูชัย ในนาทีที่ 61 จากลูกโหม่งของ แม็คอัลลิสเตอร์ ทำให้ลิเวอร์พูล เก็บได้ 9 คะแนน จาก 4 นัด มีคะแนนเท่ากับ เรอัล มาดริด
    ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก UCL ฤดูกาล 2025/26 รอบลีกเฟส League Phase นัดที่ 4 หงส์แดง ลิเวอร์พูล เปิดแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ ราชันชุดขาว เรอัล มาสนดริด ครึ่งเวลาแรกทำอะไรกันไม่ได้ เสมอกันไป 0 : 0 ครึ่งเวลาหลัง ลิเวอร์พูล มาได้ลูกประตูชัย ในนาทีที่ 61 จากลูกโหม่งของ แม็คอัลลิสเตอร์ ทำให้ลิเวอร์พูล เก็บได้ 9 คะแนน จาก 4 นัด มีคะแนนเท่ากับ เรอัล มาดริด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • จุดเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ต: เมื่อคำว่า “LOGIN” กลายเป็น “LO” เพราะระบบล่มกลางทาง

    เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 1969 เวลา 22.30 น. นักวิจัยจาก UCLA และ Stanford ได้ส่งข้อความแรกผ่านเครือข่าย ARPANET ซึ่งเป็นต้นแบบของอินเทอร์เน็ต — แต่ระบบกลับล่มหลังส่งได้แค่สองตัวอักษร: “L” และ “O”

    ย้อนกลับไปในปี 1969 โลกยังไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีอีเมล ไม่มีเว็บเบราว์เซอร์ มีเพียงแนวคิดเรื่องเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ระยะไกล

    Charley Kline จาก UCLA พยายามส่งคำว่า “LOGIN” ไปยัง Bill Duvall ที่ Stanford ผ่าน ARPANET ซึ่งเป็นเครือข่ายแบบ packet-switched ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้งาน แต่เมื่อพิมพ์ถึงตัว “G” ระบบของ Stanford กลับล่มทันที ทำให้ข้อความแรกที่ถูกส่งผ่านอินเทอร์เน็ตกลายเป็น “LO” — ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นคำทักทายที่บังเอิญเหมาะเจาะ

    ปัญหาเกิดจากการส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงถึง 5,000 ตัวอักษรต่อวินาที ขณะที่ระบบยังรองรับได้เพียง 10 ตัวอักษรต่อวินาทีเท่านั้น ทำให้เกิด buffer overflow และระบบต้องรีบปรับขนาด buffer ใหม่ ก่อนจะสามารถส่งข้อความ “LOGIN” ได้สำเร็จในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา

    จุดเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ต
    วันที่ 29 ตุลาคม 1969 เวลา 22.30 น.
    ส่งข้อความ “LOGIN” จาก UCLA ไปยัง Stanford
    ระบบล่มหลังส่งได้แค่ “LO”
    ใช้เครือข่าย ARPANET ซึ่งเป็นต้นแบบของอินเทอร์เน็ต
    ปัญหาเกิดจาก buffer overflow เพราะความเร็วส่งข้อมูลสูงเกินระบบรับได้
    หลังปรับ buffer แล้วสามารถส่งข้อความได้สำเร็จในอีก 1 ชั่วโมง

    ARPANET และการพัฒนาอินเทอร์เน็ต
    ARPANET เริ่มต้นจาก 4 จุด: UCLA, Stanford, UC Santa Barbara, University of Utah
    ใช้ Interface Message Processors (IMPs) เป็นตัวกลางเชื่อมต่อ
    พัฒนาเพื่อรองรับการสื่อสารในกรณีฉุกเฉิน เช่น สงครามนิวเคลียร์
    นำไปสู่การพัฒนา Email (1971), TCP/IP (1973–83), DNS (1983), และ WWW (1990)

    https://www.tomshardware.com/networking/this-week-in-1969-the-internet-was-born-and-immediately-glitched-only-two-of-the-five-letters-in-the-first-computer-to-computer-message-were-received
    🌐 จุดเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ต: เมื่อคำว่า “LOGIN” กลายเป็น “LO” เพราะระบบล่มกลางทาง เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 1969 เวลา 22.30 น. นักวิจัยจาก UCLA และ Stanford ได้ส่งข้อความแรกผ่านเครือข่าย ARPANET ซึ่งเป็นต้นแบบของอินเทอร์เน็ต — แต่ระบบกลับล่มหลังส่งได้แค่สองตัวอักษร: “L” และ “O” ย้อนกลับไปในปี 1969 โลกยังไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีอีเมล ไม่มีเว็บเบราว์เซอร์ มีเพียงแนวคิดเรื่องเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ระยะไกล Charley Kline จาก UCLA พยายามส่งคำว่า “LOGIN” ไปยัง Bill Duvall ที่ Stanford ผ่าน ARPANET ซึ่งเป็นเครือข่ายแบบ packet-switched ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้งาน แต่เมื่อพิมพ์ถึงตัว “G” ระบบของ Stanford กลับล่มทันที ทำให้ข้อความแรกที่ถูกส่งผ่านอินเทอร์เน็ตกลายเป็น “LO” — ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นคำทักทายที่บังเอิญเหมาะเจาะ ปัญหาเกิดจากการส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงถึง 5,000 ตัวอักษรต่อวินาที ขณะที่ระบบยังรองรับได้เพียง 10 ตัวอักษรต่อวินาทีเท่านั้น ทำให้เกิด buffer overflow และระบบต้องรีบปรับขนาด buffer ใหม่ ก่อนจะสามารถส่งข้อความ “LOGIN” ได้สำเร็จในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา ✅ จุดเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ต ➡️ วันที่ 29 ตุลาคม 1969 เวลา 22.30 น. ➡️ ส่งข้อความ “LOGIN” จาก UCLA ไปยัง Stanford ➡️ ระบบล่มหลังส่งได้แค่ “LO” ➡️ ใช้เครือข่าย ARPANET ซึ่งเป็นต้นแบบของอินเทอร์เน็ต ➡️ ปัญหาเกิดจาก buffer overflow เพราะความเร็วส่งข้อมูลสูงเกินระบบรับได้ ➡️ หลังปรับ buffer แล้วสามารถส่งข้อความได้สำเร็จในอีก 1 ชั่วโมง ✅ ARPANET และการพัฒนาอินเทอร์เน็ต ➡️ ARPANET เริ่มต้นจาก 4 จุด: UCLA, Stanford, UC Santa Barbara, University of Utah ➡️ ใช้ Interface Message Processors (IMPs) เป็นตัวกลางเชื่อมต่อ ➡️ พัฒนาเพื่อรองรับการสื่อสารในกรณีฉุกเฉิน เช่น สงครามนิวเคลียร์ ➡️ นำไปสู่การพัฒนา Email (1971), TCP/IP (1973–83), DNS (1983), และ WWW (1990) https://www.tomshardware.com/networking/this-week-in-1969-the-internet-was-born-and-immediately-glitched-only-two-of-the-five-letters-in-the-first-computer-to-computer-message-were-received
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Nvidia เปิดตัว Omniverse DSX – พิมพ์เขียวสร้างโรงงาน AI ขนาดกิกะวัตต์ ใช้พลังงานเท่ากับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์!”

    ในงาน GTC 2025 Nvidia ได้เปิดตัว “Omniverse DSX Blueprint” พิมพ์เขียวสำหรับการสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดมหึมา ที่เรียกว่า “AI Factory” ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 100 เมกะวัตต์ไปจนถึงหลายกิกะวัตต์ โดยแต่ละแห่งต้องใช้พลังงานเทียบเท่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หนึ่งโรง! จุดเด่นของ DSX คือการใช้ “Digital Twin” จำลองทุกองค์ประกอบของศูนย์ข้อมูล ตั้งแต่ระบบไฟฟ้า การระบายความร้อน ไปจนถึงการจัดวางเซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้สามารถออกแบบและปรับแต่งได้อย่างแม่นยำก่อนลงมือสร้างจริง

    DSX ยังมีสองโหมดการใช้งานหลักคือ “DSX Boost” ที่เน้นการจัดการพลังงานภายในศูนย์ข้อมูลให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และ “DSX Flex” ที่เชื่อมต่อกับโครงข่ายพลังงานภายนอกเพื่อดึงพลังงานหมุนเวียนที่ยังไม่ได้ใช้งานกว่า 100 GW เข้ามาใช้ได้อย่างชาญฉลาด

    การออกแบบนี้ถูกทดสอบจริงที่ศูนย์วิจัย AI Factory ของ Nvidia ในรัฐเวอร์จิเนีย และถูกนำไปใช้ในโครงการจริง เช่น Switch site ขนาด 2 GW ในจอร์เจีย และ Stargate facility ขนาด 1.2 GW ในเท็กซัส

    นอกจากนั้น DSX ยังรองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่อย่าง Blackwell และ Vera Rubin ที่จะมาในอนาคต โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บริษัทหน้าใหม่สามารถสร้างโรงงาน AI ได้โดยไม่ต้องมีประสบการณ์ด้านโครงสร้างพื้นฐานมาก่อน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Omniverse DSX เป็นพิมพ์เขียวสำหรับศูนย์ข้อมูล AI ขนาด 100 MW ถึงหลาย GW
    ใช้ Digital Twin จำลองการออกแบบก่อนสร้างจริง
    ทดสอบแล้วที่ศูนย์วิจัย AI Factory ในเวอร์จิเนีย
    ถูกนำไปใช้ใน Switch site (2 GW) และ Stargate facility (1.2 GW)

    โหมดการทำงานของ DSX
    DSX Boost: เพิ่มประสิทธิภาพภายใน ลดการใช้พลังงานลง 30% หรือเพิ่มความหนาแน่นของ GPU ได้ 30%
    DSX Flex: เชื่อมต่อกับโครงข่ายพลังงานภายนอก ดึงพลังงานหมุนเวียนที่ยังไม่ได้ใช้งานกว่า 100 GW

    ความสามารถในการรองรับฮาร์ดแวร์
    รองรับ Blackwell generation และ Vera Rubin ในอนาคต
    ออกแบบให้สามารถใช้งานร่วมกับระบบระบายความร้อนและเครือข่ายได้ทันที

    จุดเด่นด้านการออกแบบและการใช้งาน
    ใช้ Omniverse framework ในการจำลองและควบคุม
    ช่วยให้บริษัทหน้าใหม่สามารถสร้างโรงงาน AI ได้ง่ายขึ้น
    ลดเวลาในการออกแบบและก่อสร้างด้วยโมดูลสำเร็จรูป

    คำเตือนและข้อจำกัด
    การใช้พลังงานระดับกิกะวัตต์อาจกระทบต่อโครงข่ายไฟฟ้าในพื้นที่
    ต้องมีการวางแผนร่วมกับหน่วยงานพลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างรอบคอบ
    การสร้างโรงงาน AI ขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากทั้งด้านที่ดิน น้ำ และระบบระบายความร้อน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-announces-reference-design-for-gargantuan-gigawatt-scale-omniverse-dsx-data-centers-single-data-center-requires-a-nuclear-reactors-worth-of-power-generation
    🧱 “Nvidia เปิดตัว Omniverse DSX – พิมพ์เขียวสร้างโรงงาน AI ขนาดกิกะวัตต์ ใช้พลังงานเท่ากับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์!” ในงาน GTC 2025 Nvidia ได้เปิดตัว “Omniverse DSX Blueprint” พิมพ์เขียวสำหรับการสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดมหึมา ที่เรียกว่า “AI Factory” ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 100 เมกะวัตต์ไปจนถึงหลายกิกะวัตต์ โดยแต่ละแห่งต้องใช้พลังงานเทียบเท่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หนึ่งโรง! จุดเด่นของ DSX คือการใช้ “Digital Twin” จำลองทุกองค์ประกอบของศูนย์ข้อมูล ตั้งแต่ระบบไฟฟ้า การระบายความร้อน ไปจนถึงการจัดวางเซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้สามารถออกแบบและปรับแต่งได้อย่างแม่นยำก่อนลงมือสร้างจริง DSX ยังมีสองโหมดการใช้งานหลักคือ “DSX Boost” ที่เน้นการจัดการพลังงานภายในศูนย์ข้อมูลให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และ “DSX Flex” ที่เชื่อมต่อกับโครงข่ายพลังงานภายนอกเพื่อดึงพลังงานหมุนเวียนที่ยังไม่ได้ใช้งานกว่า 100 GW เข้ามาใช้ได้อย่างชาญฉลาด การออกแบบนี้ถูกทดสอบจริงที่ศูนย์วิจัย AI Factory ของ Nvidia ในรัฐเวอร์จิเนีย และถูกนำไปใช้ในโครงการจริง เช่น Switch site ขนาด 2 GW ในจอร์เจีย และ Stargate facility ขนาด 1.2 GW ในเท็กซัส นอกจากนั้น DSX ยังรองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่อย่าง Blackwell และ Vera Rubin ที่จะมาในอนาคต โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บริษัทหน้าใหม่สามารถสร้างโรงงาน AI ได้โดยไม่ต้องมีประสบการณ์ด้านโครงสร้างพื้นฐานมาก่อน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Omniverse DSX เป็นพิมพ์เขียวสำหรับศูนย์ข้อมูล AI ขนาด 100 MW ถึงหลาย GW ➡️ ใช้ Digital Twin จำลองการออกแบบก่อนสร้างจริง ➡️ ทดสอบแล้วที่ศูนย์วิจัย AI Factory ในเวอร์จิเนีย ➡️ ถูกนำไปใช้ใน Switch site (2 GW) และ Stargate facility (1.2 GW) ✅ โหมดการทำงานของ DSX ➡️ DSX Boost: เพิ่มประสิทธิภาพภายใน ลดการใช้พลังงานลง 30% หรือเพิ่มความหนาแน่นของ GPU ได้ 30% ➡️ DSX Flex: เชื่อมต่อกับโครงข่ายพลังงานภายนอก ดึงพลังงานหมุนเวียนที่ยังไม่ได้ใช้งานกว่า 100 GW ✅ ความสามารถในการรองรับฮาร์ดแวร์ ➡️ รองรับ Blackwell generation และ Vera Rubin ในอนาคต ➡️ ออกแบบให้สามารถใช้งานร่วมกับระบบระบายความร้อนและเครือข่ายได้ทันที ✅ จุดเด่นด้านการออกแบบและการใช้งาน ➡️ ใช้ Omniverse framework ในการจำลองและควบคุม ➡️ ช่วยให้บริษัทหน้าใหม่สามารถสร้างโรงงาน AI ได้ง่ายขึ้น ➡️ ลดเวลาในการออกแบบและก่อสร้างด้วยโมดูลสำเร็จรูป ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ การใช้พลังงานระดับกิกะวัตต์อาจกระทบต่อโครงข่ายไฟฟ้าในพื้นที่ ⛔ ต้องมีการวางแผนร่วมกับหน่วยงานพลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างรอบคอบ ⛔ การสร้างโรงงาน AI ขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากทั้งด้านที่ดิน น้ำ และระบบระบายความร้อน https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-announces-reference-design-for-gargantuan-gigawatt-scale-omniverse-dsx-data-centers-single-data-center-requires-a-nuclear-reactors-worth-of-power-generation
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 336 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Nvidia เปิดตัวซูเปอร์คอม Vera Rubin สำหรับห้องแล็บ Los Alamos – ชิงพื้นที่จาก AMD ในสนามวิจัย AI และความมั่นคง”

    Nvidia ประกาศความร่วมมือกับ HPE ในการสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ใหม่ 2 เครื่องให้กับ Los Alamos National Laboratory (LANL) โดยใช้แพลตฟอร์ม Vera Rubin ซึ่งประกอบด้วย CPU Vera รุ่นใหม่และ GPU Rubin ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานวิจัยด้าน AI และความมั่นคงระดับชาติ

    สองระบบนี้มีชื่อว่า “Mission” และ “Vision” โดย Mission จะถูกใช้โดย National Nuclear Security Administration เพื่อจำลองและตรวจสอบความปลอดภัยของคลังอาวุธนิวเคลียร์โดยไม่ต้องทดสอบจริง ส่วน Vision จะรองรับงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์เปิดและ AI โดยต่อยอดจากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Venado ที่เคยติดอันดับ 19 ของโลก

    ระบบ Vera Rubin จะใช้เทคโนโลยี NVLink Gen6 สำหรับการเชื่อมต่อภายใน และ QuantumX 800 InfiniBand สำหรับการเชื่อมต่อภายนอก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลแบบขนานและการสื่อสารระหว่างโหนด

    แม้ Nvidia ยังไม่เปิดเผยตัวเลขประสิทธิภาพของ Mission และ Vision แต่จากการเปรียบเทียบกับ Venado ที่มีพลัง FP64 ถึง 98.51 PFLOPS คาดว่า Vision จะมีพลังประมวลผลมากกว่า 2 เท่า และยังคงเน้นการรองรับ HPC แบบ FP64 ควบคู่กับ AI แบบ low-precision

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Nvidia ร่วมกับ HPE สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ “Mission” และ “Vision” ให้กับ LANL
    ใช้แพลตฟอร์ม Vera Rubin: CPU Vera + GPU Rubin
    ใช้ NVLink Gen6 และ QuantumX 800 InfiniBand สำหรับการเชื่อมต่อ
    Mission ใช้ในงานด้านความมั่นคงนิวเคลียร์ (NNSA)
    Vision ใช้ในงานวิจัยวิทยาศาสตร์เปิดและ AI

    ความสามารถที่คาดการณ์ได้
    Vision จะต่อยอดจาก Venado ที่มีพลัง FP64 98.51 PFLOPS
    คาดว่าจะมีพลังประมวลผลมากกว่า 2 เท่า
    รองรับทั้ง HPC แบบ FP64 และ AI แบบ FP4/FP8

    ความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์
    Mission เป็นระบบที่ 5 ในโครงการ AI ด้านความมั่นคงของ LANL
    Vision จะช่วยผลักดันงานวิจัย AI และวิทยาศาสตร์แบบเปิด
    เป็นการลงทุนสำคัญของสหรัฐในด้านความมั่นคงและวิทยาศาสตร์

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    Nvidia ยังไม่เปิดเผยสเปกละเอียดหรือตัวเลขประสิทธิภาพจริง
    การพัฒนาและติดตั้งระบบจะใช้เวลาหลายปี – Mission คาดว่าจะใช้งานได้ในปี 2027
    การแข่งขันกับ AMD ยังดำเนินต่อ โดย AMD เพิ่งประกาศชัยชนะในโครงการซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของกระทรวงพลังงาน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/nvidia-unveils-vera-rubin-supercomputers-for-los-alamos-national-laboratory-announcement-comes-on-heels-of-amds-recent-supercomputer-wins
    🧠 “Nvidia เปิดตัวซูเปอร์คอม Vera Rubin สำหรับห้องแล็บ Los Alamos – ชิงพื้นที่จาก AMD ในสนามวิจัย AI และความมั่นคง” Nvidia ประกาศความร่วมมือกับ HPE ในการสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ใหม่ 2 เครื่องให้กับ Los Alamos National Laboratory (LANL) โดยใช้แพลตฟอร์ม Vera Rubin ซึ่งประกอบด้วย CPU Vera รุ่นใหม่และ GPU Rubin ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานวิจัยด้าน AI และความมั่นคงระดับชาติ สองระบบนี้มีชื่อว่า “Mission” และ “Vision” โดย Mission จะถูกใช้โดย National Nuclear Security Administration เพื่อจำลองและตรวจสอบความปลอดภัยของคลังอาวุธนิวเคลียร์โดยไม่ต้องทดสอบจริง ส่วน Vision จะรองรับงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์เปิดและ AI โดยต่อยอดจากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Venado ที่เคยติดอันดับ 19 ของโลก ระบบ Vera Rubin จะใช้เทคโนโลยี NVLink Gen6 สำหรับการเชื่อมต่อภายใน และ QuantumX 800 InfiniBand สำหรับการเชื่อมต่อภายนอก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลแบบขนานและการสื่อสารระหว่างโหนด แม้ Nvidia ยังไม่เปิดเผยตัวเลขประสิทธิภาพของ Mission และ Vision แต่จากการเปรียบเทียบกับ Venado ที่มีพลัง FP64 ถึง 98.51 PFLOPS คาดว่า Vision จะมีพลังประมวลผลมากกว่า 2 เท่า และยังคงเน้นการรองรับ HPC แบบ FP64 ควบคู่กับ AI แบบ low-precision ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Nvidia ร่วมกับ HPE สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ “Mission” และ “Vision” ให้กับ LANL ➡️ ใช้แพลตฟอร์ม Vera Rubin: CPU Vera + GPU Rubin ➡️ ใช้ NVLink Gen6 และ QuantumX 800 InfiniBand สำหรับการเชื่อมต่อ ➡️ Mission ใช้ในงานด้านความมั่นคงนิวเคลียร์ (NNSA) ➡️ Vision ใช้ในงานวิจัยวิทยาศาสตร์เปิดและ AI ✅ ความสามารถที่คาดการณ์ได้ ➡️ Vision จะต่อยอดจาก Venado ที่มีพลัง FP64 98.51 PFLOPS ➡️ คาดว่าจะมีพลังประมวลผลมากกว่า 2 เท่า ➡️ รองรับทั้ง HPC แบบ FP64 และ AI แบบ FP4/FP8 ✅ ความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ ➡️ Mission เป็นระบบที่ 5 ในโครงการ AI ด้านความมั่นคงของ LANL ➡️ Vision จะช่วยผลักดันงานวิจัย AI และวิทยาศาสตร์แบบเปิด ➡️ เป็นการลงทุนสำคัญของสหรัฐในด้านความมั่นคงและวิทยาศาสตร์ ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ Nvidia ยังไม่เปิดเผยสเปกละเอียดหรือตัวเลขประสิทธิภาพจริง ⛔ การพัฒนาและติดตั้งระบบจะใช้เวลาหลายปี – Mission คาดว่าจะใช้งานได้ในปี 2027 ⛔ การแข่งขันกับ AMD ยังดำเนินต่อ โดย AMD เพิ่งประกาศชัยชนะในโครงการซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของกระทรวงพลังงาน https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/nvidia-unveils-vera-rubin-supercomputers-for-los-alamos-national-laboratory-announcement-comes-on-heels-of-amds-recent-supercomputer-wins
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 346 มุมมอง 0 รีวิว
  • Quantum Echoes: Google สร้างประวัติศาสตร์ด้วยอัลกอริธึมควอนตัมที่ “เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์” 13,000 เท่า

    Google Quantum AI ประกาศความก้าวหน้าครั้งสำคัญในโลกควอนตัม ด้วยการเปิดตัวอัลกอริธึมใหม่ชื่อว่า “Quantum Echoes” ซึ่งสามารถรันบนชิปควอนตัม Willow และแสดงให้เห็นถึง “quantum advantage” ที่สามารถตรวจสอบได้จริงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ นั่นหมายความว่าอัลกอริธึมนี้สามารถทำงานได้เร็วกว่าและแม่นยำกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั่วไปถึง 13,000 เท่า!

    Quantum Echoes ใช้เทคนิคการส่งสัญญาณเข้าไปในระบบควอนตัม แล้วย้อนกลับสัญญาณเพื่อฟัง “เสียงสะท้อน” ที่เกิดจากการรบกวน qubit หนึ่งตัว ซึ่งเสียงสะท้อนนี้จะถูกขยายด้วยปรากฏการณ์ interference ทำให้สามารถวัดผลได้อย่างแม่นยำมาก

    อัลกอริธึมนี้สามารถใช้วิเคราะห์โครงสร้างของโมเลกุลและระบบธรรมชาติ เช่น แม่เหล็กหรือแม้แต่หลุมดำ โดยในงานวิจัยร่วมกับ UC Berkeley ทีมงานได้ใช้ Quantum Echoes เพื่อวิเคราะห์โมเลกุลขนาด 15 และ 28 อะตอม และได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับเทคนิค Nuclear Magnetic Resonance (NMR) แบบดั้งเดิม พร้อมเผยข้อมูลที่ NMR ไม่สามารถให้ได้

    นี่คือก้าวสำคัญสู่การใช้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ในโลกจริง เช่น การค้นคว้ายาใหม่ การออกแบบวัสดุ หรือการวิเคราะห์โครงสร้างอะตอมในระดับที่ไม่เคยทำได้มาก่อน

    ความสำเร็จของ Quantum Echoes
    เป็นอัลกอริธึมแรกที่แสดง “verifiable quantum advantage” ได้จริง
    รันบนชิป Willow ของ Google Quantum AI
    เร็วกว่าอัลกอริธึมคลาสสิกบนซูเปอร์คอมพิวเตอร์ถึง 13,000 เท่า

    วิธีการทำงานของ Quantum Echoes
    ส่งสัญญาณเข้าไปในระบบควอนตัม
    รบกวน qubit หนึ่งตัว แล้วย้อนสัญญาณเพื่อฟัง “เสียงสะท้อน”
    ใช้ interference เพื่อขยายผลการวัดให้แม่นยำ

    การประยุกต์ใช้งานจริง
    วิเคราะห์โครงสร้างโมเลกุลและระบบธรรมชาติ
    ใช้ข้อมูลจาก NMR เพื่อวัดโครงสร้างเคมีได้แม่นยำขึ้น
    อาจใช้ในการค้นคว้ายา, วัสดุใหม่, พลังงานแสงอาทิตย์ และฟิวชัน

    ความร่วมมือและการทดลอง
    ร่วมมือกับ UC Berkeley ในการทดลองกับโมเลกุล 15 และ 28 อะตอม
    ผลลัพธ์ตรงกับ NMR และให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่ NMR ไม่สามารถให้ได้
    เป็นก้าวแรกสู่ “quantum-scope” ที่สามารถวัดปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

    https://blog.google/technology/research/quantum-echoes-willow-verifiable-quantum-advantage/
    ⚛️ Quantum Echoes: Google สร้างประวัติศาสตร์ด้วยอัลกอริธึมควอนตัมที่ “เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์” 13,000 เท่า Google Quantum AI ประกาศความก้าวหน้าครั้งสำคัญในโลกควอนตัม ด้วยการเปิดตัวอัลกอริธึมใหม่ชื่อว่า “Quantum Echoes” ซึ่งสามารถรันบนชิปควอนตัม Willow และแสดงให้เห็นถึง “quantum advantage” ที่สามารถตรวจสอบได้จริงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ นั่นหมายความว่าอัลกอริธึมนี้สามารถทำงานได้เร็วกว่าและแม่นยำกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั่วไปถึง 13,000 เท่า! Quantum Echoes ใช้เทคนิคการส่งสัญญาณเข้าไปในระบบควอนตัม แล้วย้อนกลับสัญญาณเพื่อฟัง “เสียงสะท้อน” ที่เกิดจากการรบกวน qubit หนึ่งตัว ซึ่งเสียงสะท้อนนี้จะถูกขยายด้วยปรากฏการณ์ interference ทำให้สามารถวัดผลได้อย่างแม่นยำมาก อัลกอริธึมนี้สามารถใช้วิเคราะห์โครงสร้างของโมเลกุลและระบบธรรมชาติ เช่น แม่เหล็กหรือแม้แต่หลุมดำ โดยในงานวิจัยร่วมกับ UC Berkeley ทีมงานได้ใช้ Quantum Echoes เพื่อวิเคราะห์โมเลกุลขนาด 15 และ 28 อะตอม และได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับเทคนิค Nuclear Magnetic Resonance (NMR) แบบดั้งเดิม พร้อมเผยข้อมูลที่ NMR ไม่สามารถให้ได้ นี่คือก้าวสำคัญสู่การใช้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ในโลกจริง เช่น การค้นคว้ายาใหม่ การออกแบบวัสดุ หรือการวิเคราะห์โครงสร้างอะตอมในระดับที่ไม่เคยทำได้มาก่อน ✅ ความสำเร็จของ Quantum Echoes ➡️ เป็นอัลกอริธึมแรกที่แสดง “verifiable quantum advantage” ได้จริง ➡️ รันบนชิป Willow ของ Google Quantum AI ➡️ เร็วกว่าอัลกอริธึมคลาสสิกบนซูเปอร์คอมพิวเตอร์ถึง 13,000 เท่า ✅ วิธีการทำงานของ Quantum Echoes ➡️ ส่งสัญญาณเข้าไปในระบบควอนตัม ➡️ รบกวน qubit หนึ่งตัว แล้วย้อนสัญญาณเพื่อฟัง “เสียงสะท้อน” ➡️ ใช้ interference เพื่อขยายผลการวัดให้แม่นยำ ✅ การประยุกต์ใช้งานจริง ➡️ วิเคราะห์โครงสร้างโมเลกุลและระบบธรรมชาติ ➡️ ใช้ข้อมูลจาก NMR เพื่อวัดโครงสร้างเคมีได้แม่นยำขึ้น ➡️ อาจใช้ในการค้นคว้ายา, วัสดุใหม่, พลังงานแสงอาทิตย์ และฟิวชัน ✅ ความร่วมมือและการทดลอง ➡️ ร่วมมือกับ UC Berkeley ในการทดลองกับโมเลกุล 15 และ 28 อะตอม ➡️ ผลลัพธ์ตรงกับ NMR และให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่ NMR ไม่สามารถให้ได้ ➡️ เป็นก้าวแรกสู่ “quantum-scope” ที่สามารถวัดปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่เคยเห็นมาก่อน https://blog.google/technology/research/quantum-echoes-willow-verifiable-quantum-advantage/
    BLOG.GOOGLE
    Our Quantum Echoes algorithm is a big step toward real-world applications for quantum computing
    Our latest quantum breakthrough, Quantum Echoes, offers a path toward unprecedented scientific discoveries and analysis.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แฮกเกอร์ต่างชาติเจาะโรงงานนิวเคลียร์สหรัฐฯ ผ่านช่องโหว่ SharePoint – เสี่ยงลามถึงระบบควบคุมการผลิต”

    มีรายงานจาก CSO Online ว่าแฮกเกอร์ต่างชาติสามารถเจาะเข้าไปใน Kansas City National Security Campus (KCNSC) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ โดยใช้ช่องโหว่ใน Microsoft SharePoint ที่ยังไม่ได้รับการอัปเดต

    โรงงานนี้อยู่ภายใต้การดูแลของ National Nuclear Security Administration (NNSA) และผลิตชิ้นส่วนที่ไม่ใช่นิวเคลียร์ถึง 80% ของคลังอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดของสหรัฐฯ

    แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่สองรายการ ได้แก่ CVE-2025-53770 (spoofing) และ CVE-2025-49704 (remote code execution) ซึ่ง Microsoft เพิ่งออกแพตช์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2025 แต่ KCNSC ยังไม่ได้อัปเดตทันเวลา ทำให้แฮกเกอร์สามารถเจาะเข้าระบบได้

    แม้จะยังไม่แน่ชัดว่าเป็นฝีมือของจีนหรือรัสเซีย แต่ Microsoft ระบุว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มจีน เช่น Linen Typhoon และ Violet Typhoon ขณะที่แหล่งข่าวบางแห่งชี้ว่าอาจเป็นกลุ่มแฮกเกอร์รัสเซียที่ใช้ช่องโหว่นี้ซ้ำหลังจากมีการเปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิค

    สิ่งที่น่ากังวลคือ แม้การเจาะระบบจะเกิดขึ้นในฝั่ง IT แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากไม่มีการแยกเครือข่ายอย่างเข้มงวด แฮกเกอร์อาจ “เคลื่อนย้ายแนวรบ” ไปยังระบบควบคุมการผลิต (OT) ได้ เช่น ระบบควบคุมหุ่นยนต์หรือระบบควบคุมคุณภาพ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของอาวุธนิวเคลียร์

    นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่ข้อมูลทางเทคนิค แม้จะไม่จัดเป็นความลับ แต่สามารถนำไปวิเคราะห์จุดอ่อนของระบบผลิตอาวุธได้ เช่น ความแม่นยำของชิ้นส่วน หรือความทนทานของระบบจุดระเบิด

    รายละเอียดของเหตุการณ์
    แฮกเกอร์เจาะเข้า KCNSC ผ่านช่องโหว่ SharePoint
    ใช้ช่องโหว่ CVE-2025-53770 และ CVE-2025-49704
    Microsoft ออกแพตช์แล้ว แต่โรงงานยังไม่ได้อัปเดต
    KCNSC ผลิตชิ้นส่วนไม่ใช่นิวเคลียร์ 80% ของคลังอาวุธสหรัฐฯ

    กลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง
    Microsoft ระบุว่าเป็นกลุ่มจีน เช่น Linen Typhoon และ Violet Typhoon
    แหล่งข่าวบางแห่งชี้ว่าอาจเป็นกลุ่มรัสเซีย
    มีการใช้ช่องโหว่ซ้ำหลังจากมีการเปิดเผย PoC
    โครงสร้างการโจมตีคล้ายกับแคมเปญของกลุ่ม Storm-2603

    ความเสี่ยงต่อระบบควบคุม
    แม้จะเจาะฝั่ง IT แต่เสี่ยงต่อ lateral movement ไปยังระบบ OT
    OT ควบคุมหุ่นยนต์, ระบบประกอบ, ระบบควบคุมคุณภาพ
    หากถูกแทรกแซง อาจกระทบความปลอดภัยของอาวุธนิวเคลียร์
    ระบบ OT บางส่วนอาจยังไม่มีการใช้ zero-trust security

    ความสำคัญของข้อมูลที่ถูกขโมย
    แม้ไม่ใช่ข้อมูลลับ แต่มีมูลค่าทางยุทธศาสตร์
    เช่น ข้อมูลความแม่นยำของชิ้นส่วน, ความทนทาน, ซัพพลายเชน
    อาจถูกใช้วิเคราะห์จุดอ่อนของระบบอาวุธ
    เสี่ยงต่อการโจมตีแบบ supply chain หรือการปลอมแปลงชิ้นส่วน

    https://www.csoonline.com/article/4074962/foreign-hackers-breached-a-us-nuclear-weapons-plant-via-sharepoint-flaws.html
    ☢️ “แฮกเกอร์ต่างชาติเจาะโรงงานนิวเคลียร์สหรัฐฯ ผ่านช่องโหว่ SharePoint – เสี่ยงลามถึงระบบควบคุมการผลิต” มีรายงานจาก CSO Online ว่าแฮกเกอร์ต่างชาติสามารถเจาะเข้าไปใน Kansas City National Security Campus (KCNSC) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ โดยใช้ช่องโหว่ใน Microsoft SharePoint ที่ยังไม่ได้รับการอัปเดต โรงงานนี้อยู่ภายใต้การดูแลของ National Nuclear Security Administration (NNSA) และผลิตชิ้นส่วนที่ไม่ใช่นิวเคลียร์ถึง 80% ของคลังอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดของสหรัฐฯ แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่สองรายการ ได้แก่ CVE-2025-53770 (spoofing) และ CVE-2025-49704 (remote code execution) ซึ่ง Microsoft เพิ่งออกแพตช์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2025 แต่ KCNSC ยังไม่ได้อัปเดตทันเวลา ทำให้แฮกเกอร์สามารถเจาะเข้าระบบได้ แม้จะยังไม่แน่ชัดว่าเป็นฝีมือของจีนหรือรัสเซีย แต่ Microsoft ระบุว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มจีน เช่น Linen Typhoon และ Violet Typhoon ขณะที่แหล่งข่าวบางแห่งชี้ว่าอาจเป็นกลุ่มแฮกเกอร์รัสเซียที่ใช้ช่องโหว่นี้ซ้ำหลังจากมีการเปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิค สิ่งที่น่ากังวลคือ แม้การเจาะระบบจะเกิดขึ้นในฝั่ง IT แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากไม่มีการแยกเครือข่ายอย่างเข้มงวด แฮกเกอร์อาจ “เคลื่อนย้ายแนวรบ” ไปยังระบบควบคุมการผลิต (OT) ได้ เช่น ระบบควบคุมหุ่นยนต์หรือระบบควบคุมคุณภาพ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของอาวุธนิวเคลียร์ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่ข้อมูลทางเทคนิค แม้จะไม่จัดเป็นความลับ แต่สามารถนำไปวิเคราะห์จุดอ่อนของระบบผลิตอาวุธได้ เช่น ความแม่นยำของชิ้นส่วน หรือความทนทานของระบบจุดระเบิด ✅ รายละเอียดของเหตุการณ์ ➡️ แฮกเกอร์เจาะเข้า KCNSC ผ่านช่องโหว่ SharePoint ➡️ ใช้ช่องโหว่ CVE-2025-53770 และ CVE-2025-49704 ➡️ Microsoft ออกแพตช์แล้ว แต่โรงงานยังไม่ได้อัปเดต ➡️ KCNSC ผลิตชิ้นส่วนไม่ใช่นิวเคลียร์ 80% ของคลังอาวุธสหรัฐฯ ✅ กลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง ➡️ Microsoft ระบุว่าเป็นกลุ่มจีน เช่น Linen Typhoon และ Violet Typhoon ➡️ แหล่งข่าวบางแห่งชี้ว่าอาจเป็นกลุ่มรัสเซีย ➡️ มีการใช้ช่องโหว่ซ้ำหลังจากมีการเปิดเผย PoC ➡️ โครงสร้างการโจมตีคล้ายกับแคมเปญของกลุ่ม Storm-2603 ✅ ความเสี่ยงต่อระบบควบคุม ➡️ แม้จะเจาะฝั่ง IT แต่เสี่ยงต่อ lateral movement ไปยังระบบ OT ➡️ OT ควบคุมหุ่นยนต์, ระบบประกอบ, ระบบควบคุมคุณภาพ ➡️ หากถูกแทรกแซง อาจกระทบความปลอดภัยของอาวุธนิวเคลียร์ ➡️ ระบบ OT บางส่วนอาจยังไม่มีการใช้ zero-trust security ✅ ความสำคัญของข้อมูลที่ถูกขโมย ➡️ แม้ไม่ใช่ข้อมูลลับ แต่มีมูลค่าทางยุทธศาสตร์ ➡️ เช่น ข้อมูลความแม่นยำของชิ้นส่วน, ความทนทาน, ซัพพลายเชน ➡️ อาจถูกใช้วิเคราะห์จุดอ่อนของระบบอาวุธ ➡️ เสี่ยงต่อการโจมตีแบบ supply chain หรือการปลอมแปลงชิ้นส่วน https://www.csoonline.com/article/4074962/foreign-hackers-breached-a-us-nuclear-weapons-plant-via-sharepoint-flaws.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Foreign hackers breached a US nuclear weapons plant via SharePoint flaws
    A foreign actor infiltrated the National Nuclear Security Administration’s Kansas City National Security Campus through vulnerabilities in Microsoft’s SharePoint browser-based app, raising questions about the need to solidify further federal IT/OT security protections.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 301 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/Uclvj2e2awg?si=qFpbaVwjOz5XHqA_
    https://youtu.be/Uclvj2e2awg?si=qFpbaVwjOz5XHqA_
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Amazon สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โมดูลาร์ 960 เมกะวัตต์ในวอชิงตัน” — เพื่อรองรับพลังงาน AI และคลาวด์ในอนาคต

    Amazon ประกาศแผนสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบโมดูลาร์ (SMR) แห่งใหม่ชื่อว่า “Cascade Advanced Energy Facility” ที่เมืองริชแลนด์ รัฐวอชิงตัน ใกล้กับโรงไฟฟ้า Columbia Generating Station โดยร่วมมือกับบริษัทพลังงานท้องถิ่น Energy Northwest และใช้เทคโนโลยี Xe-100 จาก X-energy ซึ่งเป็นเตาปฏิกรณ์ขนาดเล็กที่สามารถขยายกำลังการผลิตได้ตามต้องการ

    ในเฟสแรกจะติดตั้งเตาปฏิกรณ์ 4 ชุด รวมกำลังผลิต 320 เมกะวัตต์ และสามารถขยายได้สูงสุดถึง 12 ชุด รวม 960 เมกะวัตต์ เพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูล AWS และคลัสเตอร์ AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

    แม้โครงการยังอยู่ในขั้นตอนพัฒนาเบื้องต้น และยังไม่ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างจากคณะกรรมการกำกับนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ แต่ Amazon ถือเป็นบริษัท hyperscaler รายแรกที่ประกาศลงทุนสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหม่อย่างเป็นทางการ

    ก่อนหน้านี้ Amazon เคยลงทุนใน X-energy ผ่าน Climate Pledge Fund และซื้อศูนย์ข้อมูลที่อยู่ติดกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเพนซิลเวเนีย แต่โครงการ Cascade ถือเป็นก้าวแรกในการสร้างแหล่งพลังงานนิวเคลียร์ของตนเอง

    Amazon ประกาศสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โมดูลาร์ชื่อ Cascade
    ตั้งอยู่ที่เมืองริชแลนด์ รัฐวอชิงตัน ใกล้ Columbia Generating Station

    ใช้เทคโนโลยี Xe-100 จาก X-energy
    เตาปฏิกรณ์ขนาด 80 เมกะวัตต์ต่อหน่วย

    เฟสแรกติดตั้ง 4 เตา รวม 320 เมกะวัตต์
    ขยายได้สูงสุด 12 เตา รวม 960 เมกะวัตต์

    ร่วมมือกับ Energy Northwest และ X-energy
    อยู่ระหว่างขออนุมัติจาก U.S. Nuclear Regulatory Commission

    Amazon เคยลงทุนใน X-energy และซื้อศูนย์ข้อมูลติดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
    โครงการนี้เป็นครั้งแรกที่สร้างโรงไฟฟ้าใหม่ด้วยตนเอง

    ความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ อาจเพิ่ม 3 เท่าภายในปี 2030
    คาดว่าจะใช้ถึง 9% ของไฟฟ้าทั้งประเทศภายในปี 2035

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/amazon-unveils-plans-for-modular-nuclear-plant-in-washington
    ⚛️ “Amazon สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โมดูลาร์ 960 เมกะวัตต์ในวอชิงตัน” — เพื่อรองรับพลังงาน AI และคลาวด์ในอนาคต Amazon ประกาศแผนสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบโมดูลาร์ (SMR) แห่งใหม่ชื่อว่า “Cascade Advanced Energy Facility” ที่เมืองริชแลนด์ รัฐวอชิงตัน ใกล้กับโรงไฟฟ้า Columbia Generating Station โดยร่วมมือกับบริษัทพลังงานท้องถิ่น Energy Northwest และใช้เทคโนโลยี Xe-100 จาก X-energy ซึ่งเป็นเตาปฏิกรณ์ขนาดเล็กที่สามารถขยายกำลังการผลิตได้ตามต้องการ ในเฟสแรกจะติดตั้งเตาปฏิกรณ์ 4 ชุด รวมกำลังผลิต 320 เมกะวัตต์ และสามารถขยายได้สูงสุดถึง 12 ชุด รวม 960 เมกะวัตต์ เพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูล AWS และคลัสเตอร์ AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แม้โครงการยังอยู่ในขั้นตอนพัฒนาเบื้องต้น และยังไม่ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างจากคณะกรรมการกำกับนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ แต่ Amazon ถือเป็นบริษัท hyperscaler รายแรกที่ประกาศลงทุนสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหม่อย่างเป็นทางการ ก่อนหน้านี้ Amazon เคยลงทุนใน X-energy ผ่าน Climate Pledge Fund และซื้อศูนย์ข้อมูลที่อยู่ติดกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเพนซิลเวเนีย แต่โครงการ Cascade ถือเป็นก้าวแรกในการสร้างแหล่งพลังงานนิวเคลียร์ของตนเอง ✅ Amazon ประกาศสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โมดูลาร์ชื่อ Cascade ➡️ ตั้งอยู่ที่เมืองริชแลนด์ รัฐวอชิงตัน ใกล้ Columbia Generating Station ✅ ใช้เทคโนโลยี Xe-100 จาก X-energy ➡️ เตาปฏิกรณ์ขนาด 80 เมกะวัตต์ต่อหน่วย ✅ เฟสแรกติดตั้ง 4 เตา รวม 320 เมกะวัตต์ ➡️ ขยายได้สูงสุด 12 เตา รวม 960 เมกะวัตต์ ✅ ร่วมมือกับ Energy Northwest และ X-energy ➡️ อยู่ระหว่างขออนุมัติจาก U.S. Nuclear Regulatory Commission ✅ Amazon เคยลงทุนใน X-energy และซื้อศูนย์ข้อมูลติดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ➡️ โครงการนี้เป็นครั้งแรกที่สร้างโรงไฟฟ้าใหม่ด้วยตนเอง ✅ ความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ อาจเพิ่ม 3 เท่าภายในปี 2030 ➡️ คาดว่าจะใช้ถึง 9% ของไฟฟ้าทั้งประเทศภายในปี 2035 https://www.tomshardware.com/tech-industry/amazon-unveils-plans-for-modular-nuclear-plant-in-washington
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Amazon reveals 960 megawatt nuclear power plans to cope with AI demand — Richland, Washington site tapped for deployment of Xe-100 small modular reactors
    The Cascade Advanced Energy Facility would use next-gen Xe-100 reactors to deliver 960 megawatts of carbon-free power — but it’s years from becoming reality.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 รีวิว
  • “D-Link เปิดตัว Nuclias Network Controllers รุ่นใหม่” — จัดการเครือข่ายองค์กรได้ง่ายขึ้นด้วยระบบควบคุมแบบรวมศูนย์

    D-Link ประกาศเปิดตัว Nuclias Network Controllers รุ่นใหม่ ได้แก่ DNH-1000, DNH-3000 และ DNC-5000 ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยองค์กรทุกขนาดบริหารจัดการเครือข่ายแบบรวมศูนย์ ทั้งแบบมีสายและไร้สาย โดยสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้ตั้งแต่ระดับ edge ไปจนถึง core switch

    จุดเด่นของ Nuclias คือการลดความซับซ้อนของการดูแลระบบ IT โดยให้ real-time dashboard, การแจ้งเตือนอัตโนมัติ, การวิเคราะห์ทราฟฟิก และการควบคุมสิทธิ์ผู้ดูแลระบบแบบ tiered access

    แต่ละรุ่นมีความสามารถต่างกัน:

    🛜 DNH-1000 รองรับอุปกรณ์สูงสุด 500 ชิ้น เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก โรงเรียน หรือร้านค้า
    🛜 DNH-3000 รองรับสูงสุด 1,500 ชิ้น เหมาะกับสำนักงานใหญ่ มหาวิทยาลัย หรือห้างสรรพสินค้า
    🛜 DNC-5000 เป็น software-based controller รองรับสูงสุด 2,000 ชิ้น เหมาะกับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีหลายสาขา

    ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดผลิตในไต้หวัน และมีจำหน่ายผ่านตัวแทนทั่วโลก พร้อมบริการให้คำปรึกษาและสาธิตการใช้งาน

    ข้อมูลในข่าว
    D-Link เปิดตัว Nuclias Network Controllers รุ่น DNH-1000, DNH-3000 และ DNC-5000
    รองรับการจัดการอุปกรณ์เครือข่ายแบบรวมศูนย์ ทั้งแบบมีสายและไร้สาย
    มี real-time dashboard, การแจ้งเตือนอัตโนมัติ และการวิเคราะห์ทราฟฟิก
    รองรับ tiered admin access เพื่อควบคุมสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ
    DNH-1000 รองรับอุปกรณ์สูงสุด 500 ชิ้น เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก
    DNH-3000 รองรับสูงสุด 1,500 ชิ้น เหมาะกับองค์กรขนาดกลางถึงใหญ่
    DNC-5000 เป็น software-based controller รองรับสูงสุด 2,000 ชิ้น
    ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดผลิตในไต้หวัน
    มีจำหน่ายผ่านตัวแทนทั่วโลก พร้อมบริการให้คำปรึกษาและสาธิต

    https://www.techpowerup.com/341962/d-link-unveils-nuclias-network-controllers-for-businesses
    🌐 “D-Link เปิดตัว Nuclias Network Controllers รุ่นใหม่” — จัดการเครือข่ายองค์กรได้ง่ายขึ้นด้วยระบบควบคุมแบบรวมศูนย์ D-Link ประกาศเปิดตัว Nuclias Network Controllers รุ่นใหม่ ได้แก่ DNH-1000, DNH-3000 และ DNC-5000 ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยองค์กรทุกขนาดบริหารจัดการเครือข่ายแบบรวมศูนย์ ทั้งแบบมีสายและไร้สาย โดยสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้ตั้งแต่ระดับ edge ไปจนถึง core switch จุดเด่นของ Nuclias คือการลดความซับซ้อนของการดูแลระบบ IT โดยให้ real-time dashboard, การแจ้งเตือนอัตโนมัติ, การวิเคราะห์ทราฟฟิก และการควบคุมสิทธิ์ผู้ดูแลระบบแบบ tiered access แต่ละรุ่นมีความสามารถต่างกัน: 🛜 DNH-1000 รองรับอุปกรณ์สูงสุด 500 ชิ้น เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก โรงเรียน หรือร้านค้า 🛜 DNH-3000 รองรับสูงสุด 1,500 ชิ้น เหมาะกับสำนักงานใหญ่ มหาวิทยาลัย หรือห้างสรรพสินค้า 🛜 DNC-5000 เป็น software-based controller รองรับสูงสุด 2,000 ชิ้น เหมาะกับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีหลายสาขา ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดผลิตในไต้หวัน และมีจำหน่ายผ่านตัวแทนทั่วโลก พร้อมบริการให้คำปรึกษาและสาธิตการใช้งาน ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ D-Link เปิดตัว Nuclias Network Controllers รุ่น DNH-1000, DNH-3000 และ DNC-5000 ➡️ รองรับการจัดการอุปกรณ์เครือข่ายแบบรวมศูนย์ ทั้งแบบมีสายและไร้สาย ➡️ มี real-time dashboard, การแจ้งเตือนอัตโนมัติ และการวิเคราะห์ทราฟฟิก ➡️ รองรับ tiered admin access เพื่อควบคุมสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ ➡️ DNH-1000 รองรับอุปกรณ์สูงสุด 500 ชิ้น เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก ➡️ DNH-3000 รองรับสูงสุด 1,500 ชิ้น เหมาะกับองค์กรขนาดกลางถึงใหญ่ ➡️ DNC-5000 เป็น software-based controller รองรับสูงสุด 2,000 ชิ้น ➡️ ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดผลิตในไต้หวัน ➡️ มีจำหน่ายผ่านตัวแทนทั่วโลก พร้อมบริการให้คำปรึกษาและสาธิต https://www.techpowerup.com/341962/d-link-unveils-nuclias-network-controllers-for-businesses
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    D-Link Unveils Nuclias Network Controllers for Businesses
    D-Link Corporation (TWSE: 2332), one of the global leaders in networking solutions, today announced the launch of its next-generation Nuclias Network Controllers—DNH-1000, DNH-3000, and DNC-5000. Engineered for businesses of all sizes, these controllers offer centralized management, real-time visibi...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ITER — สร้างดวงอาทิตย์บนโลกเข้าสู่ขั้นตอนสำคัญ! เตรียมประกอบแกนปฏิกรณ์ฟิวชันครั้งประวัติศาสตร์”

    ในตอนใต้ของฝรั่งเศส มีโครงการหนึ่งที่อาจเปลี่ยนอนาคตพลังงานของมนุษยชาติไปตลอดกาล — ITER หรือ International Thermonuclear Experimental Reactor กำลังเข้าสู่ขั้นตอนสำคัญที่สุดของการก่อสร้าง นั่นคือการประกอบแกนปฏิกรณ์ฟิวชัน ซึ่งเป็นหัวใจของการทดลองสร้าง “ดวงอาทิตย์จำลอง” บนโลก

    เป้าหมายของ ITER คือการสร้างพลังงานจากการหลอมรวมของไอโซโทปไฮโดรเจน (deuterium และ tritium) ซึ่งเป็นกระบวนการเดียวกับที่เกิดขึ้นในแกนของดวงอาทิตย์ โดยใช้ความร้อนสูงถึง 150 ล้านองศาเซลเซียสภายในเครื่อง tokamak — ห้องปฏิกรณ์ทรงโดนัทที่สามารถกักเก็บพลาสมาไว้ได้ด้วยสนามแม่เหล็กมหาศาล

    ล่าสุด Westinghouse Electric Company ได้รับสัญญามูลค่า 180 ล้านดอลลาร์ในการประกอบแกนปฏิกรณ์ โดยจะเชื่อมต่อชิ้นส่วนเหล็กหนักกว่า 400 ตันเข้าด้วยกันด้วยความแม่นยำระดับ 0.25 มิลลิเมตร พร้อมติดตั้งระบบแม่เหล็ก Central Solenoid ที่สามารถยกเรือบรรทุกเครื่องบินได้ และสร้างสนามแม่เหล็กแรงกว่าของโลกถึง 280,000 เท่า

    นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบกำจัดของเสียจากปฏิกิริยา เช่น divertor ที่สามารถทนความร้อนสูงถึง 20 เมกะวัตต์ต่อตารางเมตร โดยใช้วัสดุพิเศษอย่างทังสเตน

    แม้โครงการจะเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1985 และเผชิญกับความล่าช้าหลายครั้ง แต่ปัจจุบันมีความร่วมมือจาก 33 ประเทศทั่วโลก และตั้งเป้าเริ่มทดลองปฏิกิริยา deuterium-tritium ในปี 2039

    เป้าหมายของ ITER
    สร้างพลังงานจากการหลอมรวมไฮโดรเจนแบบเดียวกับดวงอาทิตย์
    ใช้ tokamak ในการกักเก็บพลาสมาที่อุณหภูมิ 150 ล้าน °C
    พลังงานที่ได้มากกว่าการเผาไหม้ถ่านหินถึง 4 ล้านเท่า

    ความคืบหน้าล่าสุด
    เริ่มขั้นตอนประกอบแกนปฏิกรณ์
    Westinghouse ได้รับสัญญา 180 ล้านดอลลาร์ในการดำเนินการ
    ใช้ชิ้นส่วนเหล็ก 9 ชิ้น หนักชิ้นละ 400 ตัน

    ระบบแม่เหล็ก Central Solenoid
    สูง 60 ฟุต ประกอบด้วยแม่เหล็ก superconducting
    สร้างสนามแม่เหล็กแรงกว่าของโลก 280,000 เท่า
    พร้อมติดตั้งในฝรั่งเศสแล้ว

    ระบบกำจัดของเสีย (Divertor)
    กำจัด helium ash และเชื้อเพลิงที่ไม่ถูกเผาไหม้
    ทนความร้อนสูงถึง 20 MW/m²
    ใช้วัสดุพิเศษอย่างทังสเตน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Tokamak เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในหลายโครงการฟิวชัน เช่น JET, EAST, KSTAR
    Central Solenoid เป็นหัวใจของการควบคุมพลาสมาใน tokamak
    ทังสเตนมีจุดหลอมเหลวสูงสุดในบรรดาวัสดุโลหะทั้งหมด

    คำเตือนและข้อจำกัด
    โครงการล่าช้ามาตั้งแต่ปี 1985 และยังไม่เริ่มทดลองจริง
    งบประมาณพุ่งจาก 6 พันล้านเป็นกว่า 20 พันล้านดอลลาร์
    การประกอบชิ้นส่วนจากหลายประเทศมีปัญหาเรื่องความเข้ากันได้
    การทดลอง deuterium-tritium ตั้งเป้าไว้ปี 2039 ซึ่งยังอีกนาน

    https://www.slashgear.com/1989458/worlds-largest-fusion-energy-experiment-iter-critical-phase/
    ⚛️ “ITER — สร้างดวงอาทิตย์บนโลกเข้าสู่ขั้นตอนสำคัญ! เตรียมประกอบแกนปฏิกรณ์ฟิวชันครั้งประวัติศาสตร์” ในตอนใต้ของฝรั่งเศส มีโครงการหนึ่งที่อาจเปลี่ยนอนาคตพลังงานของมนุษยชาติไปตลอดกาล — ITER หรือ International Thermonuclear Experimental Reactor กำลังเข้าสู่ขั้นตอนสำคัญที่สุดของการก่อสร้าง นั่นคือการประกอบแกนปฏิกรณ์ฟิวชัน ซึ่งเป็นหัวใจของการทดลองสร้าง “ดวงอาทิตย์จำลอง” บนโลก เป้าหมายของ ITER คือการสร้างพลังงานจากการหลอมรวมของไอโซโทปไฮโดรเจน (deuterium และ tritium) ซึ่งเป็นกระบวนการเดียวกับที่เกิดขึ้นในแกนของดวงอาทิตย์ โดยใช้ความร้อนสูงถึง 150 ล้านองศาเซลเซียสภายในเครื่อง tokamak — ห้องปฏิกรณ์ทรงโดนัทที่สามารถกักเก็บพลาสมาไว้ได้ด้วยสนามแม่เหล็กมหาศาล ล่าสุด Westinghouse Electric Company ได้รับสัญญามูลค่า 180 ล้านดอลลาร์ในการประกอบแกนปฏิกรณ์ โดยจะเชื่อมต่อชิ้นส่วนเหล็กหนักกว่า 400 ตันเข้าด้วยกันด้วยความแม่นยำระดับ 0.25 มิลลิเมตร พร้อมติดตั้งระบบแม่เหล็ก Central Solenoid ที่สามารถยกเรือบรรทุกเครื่องบินได้ และสร้างสนามแม่เหล็กแรงกว่าของโลกถึง 280,000 เท่า นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบกำจัดของเสียจากปฏิกิริยา เช่น divertor ที่สามารถทนความร้อนสูงถึง 20 เมกะวัตต์ต่อตารางเมตร โดยใช้วัสดุพิเศษอย่างทังสเตน แม้โครงการจะเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1985 และเผชิญกับความล่าช้าหลายครั้ง แต่ปัจจุบันมีความร่วมมือจาก 33 ประเทศทั่วโลก และตั้งเป้าเริ่มทดลองปฏิกิริยา deuterium-tritium ในปี 2039 ✅ เป้าหมายของ ITER ➡️ สร้างพลังงานจากการหลอมรวมไฮโดรเจนแบบเดียวกับดวงอาทิตย์ ➡️ ใช้ tokamak ในการกักเก็บพลาสมาที่อุณหภูมิ 150 ล้าน °C ➡️ พลังงานที่ได้มากกว่าการเผาไหม้ถ่านหินถึง 4 ล้านเท่า ✅ ความคืบหน้าล่าสุด ➡️ เริ่มขั้นตอนประกอบแกนปฏิกรณ์ ➡️ Westinghouse ได้รับสัญญา 180 ล้านดอลลาร์ในการดำเนินการ ➡️ ใช้ชิ้นส่วนเหล็ก 9 ชิ้น หนักชิ้นละ 400 ตัน ✅ ระบบแม่เหล็ก Central Solenoid ➡️ สูง 60 ฟุต ประกอบด้วยแม่เหล็ก superconducting ➡️ สร้างสนามแม่เหล็กแรงกว่าของโลก 280,000 เท่า ➡️ พร้อมติดตั้งในฝรั่งเศสแล้ว ✅ ระบบกำจัดของเสีย (Divertor) ➡️ กำจัด helium ash และเชื้อเพลิงที่ไม่ถูกเผาไหม้ ➡️ ทนความร้อนสูงถึง 20 MW/m² ➡️ ใช้วัสดุพิเศษอย่างทังสเตน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Tokamak เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในหลายโครงการฟิวชัน เช่น JET, EAST, KSTAR ➡️ Central Solenoid เป็นหัวใจของการควบคุมพลาสมาใน tokamak ➡️ ทังสเตนมีจุดหลอมเหลวสูงสุดในบรรดาวัสดุโลหะทั้งหมด ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ โครงการล่าช้ามาตั้งแต่ปี 1985 และยังไม่เริ่มทดลองจริง ⛔ งบประมาณพุ่งจาก 6 พันล้านเป็นกว่า 20 พันล้านดอลลาร์ ⛔ การประกอบชิ้นส่วนจากหลายประเทศมีปัญหาเรื่องความเข้ากันได้ ⛔ การทดลอง deuterium-tritium ตั้งเป้าไว้ปี 2039 ซึ่งยังอีกนาน https://www.slashgear.com/1989458/worlds-largest-fusion-energy-experiment-iter-critical-phase/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    The World's Largest Fusion Energy Experiment Is Entering A Critical Phase In The Project - SlashGear
    The International Thermonuclear Experimental Reactor (ITER) project began the final assembly of its reactor core, a critical phase in the process.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนที่ 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก”
    ตอนที่ 3 (ตอนจบ)
การ ปรับนโยบาย Right Sizing ของอเมริกา น่าจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน พิจารณาจากข่าวของ นสพ. วอชิงตันโพสต์ที่รายงานเมื่อวันที่ 17 กันยายน ค.ศ.2014 ว่า ได้มีการประชุมลับที่ Pentagon ในช่วงดังกล่าว เพื่อหารือเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐในอิรัก และตะวันออกลาง โดยมีนาย John J. Hamre ประธาน ของ The Defense Policy Board ซึ่งทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ รมว.กลาโหม Chuck Hagel เกี่ยวกับเรื่องละเอียดอ่อนทั้งปวง รวมทั้งรวบรวมข้อมูลระดับสุดยอดให้ด้วย นาย Hamre ยังมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารของถังความคิด think tank ทรงอิทธิพลของอเมริกาคือ Centre for Strategic and International Studies (CSIS) อีกด้วย
    การประชุมดังกล่าวกำหนดไว้ 2 วัน ผู้เข้าร่วมประชุม มีระดับหัวกะทิข้นคลั่กของอเมริกาเข้าร่วมด้วยคือ นาย Zbigniew Brzezinski ตัวแสบ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคง สมัยประธานาธิบดี Carter คนขายถั่ว และเป็น trustee ของ CSIS และประธานร่วมของคณะที่ปรึกษา CSIS (ตำแหน่งมันยาวเหยียด เขียนไม่หมด เอาแค่นี้ก็พอเห็นฤทธิ์ และความใหญ่ของมันนะครับ) นอกจากนี้ ยังมีอดีต รมว.ต่างประเทศ Madeleine K. Albright (ซึ่งแม้จะเป็น รมว ต่างประเทศสมัย Clinton แต่เมื่อคาวบอย Bush จะขี่ช้างไปขยี้อิรัก เขาได้เชิญให้ Albright เป็นที่ปรึกษาด้วย) อดีตวุฒิสมาชิก Sam Nunn ประธาน Board of Trustee ของ CSIS และปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสถาบัน Nuclear Threat Initiative (NTI) อืม น่าสนใจ! (มีเมียเป็น CIA ตัวใหญ่ และเขาเคยเป็นตัวเลือกที่จะเป็นผู้เข้าแข่งเป็นรองประธานาธิบดี คู่กับ Obama แต่ Obama กลับเลือก Joe Biden แทน) นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมประชุมยังมี Jane Harman ประธานถังความคิด think tank อีกใบ ที่มีอิทธิพลไม่น้อยกว่ากันคือ the Woodlow Wilson International Centre for Scholars และนาย Ryan Crocker อดีตฑูตอเมริกันในอิรัก
    นอกเหนือ จากผู้เข้าประชุมข้างต้น ซึ่งใหญ่คับห้องและน่าสนใจแล้ว Washington Post ยังบอกว่า ในการประชุม มีแขกพิเศษ 2 คน เข้าร่วมด้วย คนหนึ่งคือฑูตจาก UAE อีกคนคือ ฑูตของอังกฤษ ชาวเกาะใหญ่เท่านิ้วก้อยข้างซ้าย ฯ !!!
    หลัง จากการประชุมลับจบ นักข่าวถามนาย Hamre ว่า ประชุมเรื่องอะไรกัน เห็นต่างชาติเข้ามาประชุมเกี่ยวกับความมั่นคงของอเมริกาด้วย นาย Hamre ตอบว่า รมว.กลาโหม ขอให้คณะนโยบายฯ(ของผม) พิจารณาเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงของประเทศที่มีความสำคัญยิ่ง และผมก็เชิญคนที่เก่งที่สุด (ในเรื่องนี้) มาเข้าประชุม
    Washington Post บอกว่า UAE และอังกฤษ เป็นพันธมิตรต่างชาติ ที่มีบทบาทสำคัญ ที่ร่วมกับรัฐบาล Obama ในการวางนโยบายต้านกลุ่มกองกำลังต่างๆ (Islamic State, the Jihadist ฯลฯ) ที่กำลังครอบครองส่วนใหญ่ของอิรักและซีเรียขณะนี้
    Washington Post อ้างด้วยว่า New York Times เองก็แสดงความเป็นห่วงว่า รัฐบาลของต่างประเทศ กำลังใช้เงินอุดหนุนแก่พวก think tank เป็นใบเบิกทาง เข้ามาในประตูของ Washington โดยผ่านการวิเคราะห์ของพวก think tank ที่มีส่วนในการเสนอนโยบาย (UAE และหลายประเทศในตะวันออกกลาง เป็นผู้สนับสนุนกระเป๋าหนักของ CSIS และอีกหลายถังความคิด)
    Washington Post รายงานต่อว่า ข่าวนี้ทำให้ นาย Hamre ควันออกจมูก เขาอีเมล์แถลงอย่างเป็นทางการว่า เป็นเรื่องไร้สาระ ที่จะคิดว่าฑูต UAE นาย Yousef al-Otaiba ได้รับเชิญมาเข้าร่วมประชุมที่ ไม่เปิดเผย เพราะ UAE เป็นผู้บริจาคเงินให้ CSIS แต่เขายอมรับว่า การที่ผู้มาเข้าประชุม มีบทบาททับซ้อนกัน อาจทำให้รู้สึกเกิดความไม่สบายใจ
    “ผมเชิญเขามา หารือใน เรื่องที่ละเอียดอ่อนอย่างสูง และสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขา (ฑูต UAE ) แต่เขาเป็นคนที่เข้าใจสถานการณ์ในบริเวณนั้นมากที่สุด ที่ผมจะหาได้ และเขารู้ว่า UAE และรัฐอื่นๆ จะมีบทบาทอย่างไร ในเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอิรัก”
    ส่วนนาย Otaiba บอกว่า ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน “ผมพบหรือคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงใน Pentagon เกือบทุกวันอยู่แล้ว”
    ส่วน โฆษกของสถานฑูตอังกฤษ ยืนยันว่า นาย Peter Westmacott ฑูตอังกฤษ เข้าร่วมในการประชุมที่เป็นข่าวด้วย “แต่เราไม่สามารถแจ้งรายละเอียดของการประชุมที่เป็นส่วนตัวของฑูตได้”
    นาย Hamre บอกในคำแถลงของเขาว่า เขาเชิญ นาย Westmacott เพราะ “เขาเคยเป็นฑูตในอิหร่านและตุรกี และน่าจะมีมุมมองจากทางกลุ่มยุโรป เกี่ยวกับตะวันออกกลาง”
    Washington Post ระบุอีกด้วยว่า คณะที่ปรึกษาเช่นคณะ Defense Policy นี้ ตามกฏหมายต้องประกาศการประชุมล่วงหน้า 15 วัน แต่การประชุมที่เป็นข่าวนี่ ไม่มีการประกาศล่วงหน้า มีเพียงการแจ้งในวันประชุมนั้น เองว่า จะมีการประชุมภายใน ที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ และได้รับการอนุญาตจาก Pentagon ไม่ต้องประกาศล่วงหน้า เนื่องจากความยากลำบากในการสรุปวาระการประชุม “due to diffcultics finalizing the meeting agenda”
    นอกจากนี้ ก่อนที่นาย Obama จะประกาศ เมื่อวันที่ 23 กันยายน ค.ศ.2014 เกี่ยวกับการรวมกำลังกับพรรคพวกอาหรับ เพื่อปฏิบัติการโจมตีทางอากาศจัดการ ต่อกลุ่มติดอาวุธรัฐอิลาม IS ในซีเรีย
    CSIS ได้นำเอกสารชื่อ The Islamic State Campaign : Key Strategic and Tactical Challenges ลงวันที่ 9 กันยายน ค.ศ.2014 มาว่อนให้อ่านกัน ถึงยุทธศาสตร์สำคัญ ซึ่งเป็นการเขียนอย่างคร่าวๆ แต่มีตารางการสำรวจความเห็น น่าเอามาเล่าสู่กันฟัง เป็นตารางที่อ้างว่าทำโดย Washington Post ร่วมกับ ABC
    สำหรับคำถามว่า ท่าน (ประชาชนอเมริกัน) สนับสนุนการให้อเมริกาใช้กำลังทางอากาศจัดการกับพวกก่อความไม่สงบโดยพวกสุนหนี่ในอิรักหรือไม่
คำตอบในเดือน มิถุนายน 45% สนับสนุน
คำตอบในเดือน สิงหาคม 54% สนับสนุน
คำตอบในเดือน ปัจจุบัน 71% สนับสนุน
    สำหรับคำถามเกี่ยวกับ Isalamic State ท่าน (ประชาชนอเมริกัน) เห็นว่า Isalamic State คุกคามต่อผลประโยชน์ของอเมริกาขนาดไหน
คำตอบ คุกคามอย่างรุนแรง 59%
คำตอบ รุนแรงเหมือนกัน 31%
คำตอบ ไม่รุนแรง 5%
คำตอบ ไม่รุนแรงเลย 2% ไม่ออกความเห็น 2%
    สำหรับคำถามว่า ท่าน (ประชาชนอเมริกัน) สนับสนุนหรือคัดค้าน……..
การที่อเมริกาจะใช้กำลังทางอากาศจัดการกับพวกสุนหนี่ย์ที่ก่อความไม่สงบในอิรัก เห็นด้วย 71%
ขยายการใช้กำลังไปถึงพวกก่อความไม่สงบในซีเรีย เห็นด้วย 65%
ให้อเมริกาติดอาวุธให้กับพวกกองกำลังชาว Kurd ที่ต่อต้านพวกก่อความไม่สงบ เห็นด้วย 55%
    เห็นตัวเลขการสำรวจที่ถังความคิดค่ายนี้ เอามาแจงแล้ว ก็คงพอเดากันออก ถึงที่มาและที่จะไปกันนะครับ
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
2 ตุลาคม 2557
    กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนที่ 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก” ตอนที่ 3 (ตอนจบ)
การ ปรับนโยบาย Right Sizing ของอเมริกา น่าจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน พิจารณาจากข่าวของ นสพ. วอชิงตันโพสต์ที่รายงานเมื่อวันที่ 17 กันยายน ค.ศ.2014 ว่า ได้มีการประชุมลับที่ Pentagon ในช่วงดังกล่าว เพื่อหารือเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐในอิรัก และตะวันออกลาง โดยมีนาย John J. Hamre ประธาน ของ The Defense Policy Board ซึ่งทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ รมว.กลาโหม Chuck Hagel เกี่ยวกับเรื่องละเอียดอ่อนทั้งปวง รวมทั้งรวบรวมข้อมูลระดับสุดยอดให้ด้วย นาย Hamre ยังมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารของถังความคิด think tank ทรงอิทธิพลของอเมริกาคือ Centre for Strategic and International Studies (CSIS) อีกด้วย การประชุมดังกล่าวกำหนดไว้ 2 วัน ผู้เข้าร่วมประชุม มีระดับหัวกะทิข้นคลั่กของอเมริกาเข้าร่วมด้วยคือ นาย Zbigniew Brzezinski ตัวแสบ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคง สมัยประธานาธิบดี Carter คนขายถั่ว และเป็น trustee ของ CSIS และประธานร่วมของคณะที่ปรึกษา CSIS (ตำแหน่งมันยาวเหยียด เขียนไม่หมด เอาแค่นี้ก็พอเห็นฤทธิ์ และความใหญ่ของมันนะครับ) นอกจากนี้ ยังมีอดีต รมว.ต่างประเทศ Madeleine K. Albright (ซึ่งแม้จะเป็น รมว ต่างประเทศสมัย Clinton แต่เมื่อคาวบอย Bush จะขี่ช้างไปขยี้อิรัก เขาได้เชิญให้ Albright เป็นที่ปรึกษาด้วย) อดีตวุฒิสมาชิก Sam Nunn ประธาน Board of Trustee ของ CSIS และปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสถาบัน Nuclear Threat Initiative (NTI) อืม น่าสนใจ! (มีเมียเป็น CIA ตัวใหญ่ และเขาเคยเป็นตัวเลือกที่จะเป็นผู้เข้าแข่งเป็นรองประธานาธิบดี คู่กับ Obama แต่ Obama กลับเลือก Joe Biden แทน) นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมประชุมยังมี Jane Harman ประธานถังความคิด think tank อีกใบ ที่มีอิทธิพลไม่น้อยกว่ากันคือ the Woodlow Wilson International Centre for Scholars และนาย Ryan Crocker อดีตฑูตอเมริกันในอิรัก นอกเหนือ จากผู้เข้าประชุมข้างต้น ซึ่งใหญ่คับห้องและน่าสนใจแล้ว Washington Post ยังบอกว่า ในการประชุม มีแขกพิเศษ 2 คน เข้าร่วมด้วย คนหนึ่งคือฑูตจาก UAE อีกคนคือ ฑูตของอังกฤษ ชาวเกาะใหญ่เท่านิ้วก้อยข้างซ้าย ฯ !!! หลัง จากการประชุมลับจบ นักข่าวถามนาย Hamre ว่า ประชุมเรื่องอะไรกัน เห็นต่างชาติเข้ามาประชุมเกี่ยวกับความมั่นคงของอเมริกาด้วย นาย Hamre ตอบว่า รมว.กลาโหม ขอให้คณะนโยบายฯ(ของผม) พิจารณาเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงของประเทศที่มีความสำคัญยิ่ง และผมก็เชิญคนที่เก่งที่สุด (ในเรื่องนี้) มาเข้าประชุม Washington Post บอกว่า UAE และอังกฤษ เป็นพันธมิตรต่างชาติ ที่มีบทบาทสำคัญ ที่ร่วมกับรัฐบาล Obama ในการวางนโยบายต้านกลุ่มกองกำลังต่างๆ (Islamic State, the Jihadist ฯลฯ) ที่กำลังครอบครองส่วนใหญ่ของอิรักและซีเรียขณะนี้ Washington Post อ้างด้วยว่า New York Times เองก็แสดงความเป็นห่วงว่า รัฐบาลของต่างประเทศ กำลังใช้เงินอุดหนุนแก่พวก think tank เป็นใบเบิกทาง เข้ามาในประตูของ Washington โดยผ่านการวิเคราะห์ของพวก think tank ที่มีส่วนในการเสนอนโยบาย (UAE และหลายประเทศในตะวันออกกลาง เป็นผู้สนับสนุนกระเป๋าหนักของ CSIS และอีกหลายถังความคิด) Washington Post รายงานต่อว่า ข่าวนี้ทำให้ นาย Hamre ควันออกจมูก เขาอีเมล์แถลงอย่างเป็นทางการว่า เป็นเรื่องไร้สาระ ที่จะคิดว่าฑูต UAE นาย Yousef al-Otaiba ได้รับเชิญมาเข้าร่วมประชุมที่ ไม่เปิดเผย เพราะ UAE เป็นผู้บริจาคเงินให้ CSIS แต่เขายอมรับว่า การที่ผู้มาเข้าประชุม มีบทบาททับซ้อนกัน อาจทำให้รู้สึกเกิดความไม่สบายใจ “ผมเชิญเขามา หารือใน เรื่องที่ละเอียดอ่อนอย่างสูง และสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขา (ฑูต UAE ) แต่เขาเป็นคนที่เข้าใจสถานการณ์ในบริเวณนั้นมากที่สุด ที่ผมจะหาได้ และเขารู้ว่า UAE และรัฐอื่นๆ จะมีบทบาทอย่างไร ในเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอิรัก” ส่วนนาย Otaiba บอกว่า ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน “ผมพบหรือคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงใน Pentagon เกือบทุกวันอยู่แล้ว” ส่วน โฆษกของสถานฑูตอังกฤษ ยืนยันว่า นาย Peter Westmacott ฑูตอังกฤษ เข้าร่วมในการประชุมที่เป็นข่าวด้วย “แต่เราไม่สามารถแจ้งรายละเอียดของการประชุมที่เป็นส่วนตัวของฑูตได้” นาย Hamre บอกในคำแถลงของเขาว่า เขาเชิญ นาย Westmacott เพราะ “เขาเคยเป็นฑูตในอิหร่านและตุรกี และน่าจะมีมุมมองจากทางกลุ่มยุโรป เกี่ยวกับตะวันออกกลาง” Washington Post ระบุอีกด้วยว่า คณะที่ปรึกษาเช่นคณะ Defense Policy นี้ ตามกฏหมายต้องประกาศการประชุมล่วงหน้า 15 วัน แต่การประชุมที่เป็นข่าวนี่ ไม่มีการประกาศล่วงหน้า มีเพียงการแจ้งในวันประชุมนั้น เองว่า จะมีการประชุมภายใน ที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ และได้รับการอนุญาตจาก Pentagon ไม่ต้องประกาศล่วงหน้า เนื่องจากความยากลำบากในการสรุปวาระการประชุม “due to diffcultics finalizing the meeting agenda” นอกจากนี้ ก่อนที่นาย Obama จะประกาศ เมื่อวันที่ 23 กันยายน ค.ศ.2014 เกี่ยวกับการรวมกำลังกับพรรคพวกอาหรับ เพื่อปฏิบัติการโจมตีทางอากาศจัดการ ต่อกลุ่มติดอาวุธรัฐอิลาม IS ในซีเรีย CSIS ได้นำเอกสารชื่อ The Islamic State Campaign : Key Strategic and Tactical Challenges ลงวันที่ 9 กันยายน ค.ศ.2014 มาว่อนให้อ่านกัน ถึงยุทธศาสตร์สำคัญ ซึ่งเป็นการเขียนอย่างคร่าวๆ แต่มีตารางการสำรวจความเห็น น่าเอามาเล่าสู่กันฟัง เป็นตารางที่อ้างว่าทำโดย Washington Post ร่วมกับ ABC สำหรับคำถามว่า ท่าน (ประชาชนอเมริกัน) สนับสนุนการให้อเมริกาใช้กำลังทางอากาศจัดการกับพวกก่อความไม่สงบโดยพวกสุนหนี่ในอิรักหรือไม่
คำตอบในเดือน มิถุนายน 45% สนับสนุน
คำตอบในเดือน สิงหาคม 54% สนับสนุน
คำตอบในเดือน ปัจจุบัน 71% สนับสนุน สำหรับคำถามเกี่ยวกับ Isalamic State ท่าน (ประชาชนอเมริกัน) เห็นว่า Isalamic State คุกคามต่อผลประโยชน์ของอเมริกาขนาดไหน
คำตอบ คุกคามอย่างรุนแรง 59%
คำตอบ รุนแรงเหมือนกัน 31%
คำตอบ ไม่รุนแรง 5%
คำตอบ ไม่รุนแรงเลย 2% ไม่ออกความเห็น 2% สำหรับคำถามว่า ท่าน (ประชาชนอเมริกัน) สนับสนุนหรือคัดค้าน……..
การที่อเมริกาจะใช้กำลังทางอากาศจัดการกับพวกสุนหนี่ย์ที่ก่อความไม่สงบในอิรัก เห็นด้วย 71%
ขยายการใช้กำลังไปถึงพวกก่อความไม่สงบในซีเรีย เห็นด้วย 65%
ให้อเมริกาติดอาวุธให้กับพวกกองกำลังชาว Kurd ที่ต่อต้านพวกก่อความไม่สงบ เห็นด้วย 55% เห็นตัวเลขการสำรวจที่ถังความคิดค่ายนี้ เอามาแจงแล้ว ก็คงพอเดากันออก ถึงที่มาและที่จะไปกันนะครับ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
2 ตุลาคม 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 624 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อติดคอ ตอนที่ 7
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ”
    ตอนที่ 7

    เดือนมกราคม ค.ศ.2002 คาวบอย Bush กล่าวหาอิหร่านว่ากำลังคิดการใหญ่สะสมอาวุธนิวเคลียร์ เลื่อนอันดับอิหร่านไปอยู่อันดับเดียวกับเด็กแสบเกาหลีเหนือ ถือเป็นการยกย่องอย่างรวดเร็ว อเมริกาบอกมันเป็นภัยต่อความมั่นคงของโลกเชียวล่ะ

    กุมภาพันธ์ ค.ศ.2003 อิหร่านยอมรับว่ากำลังสร้างโรง งานพัฒนาแร่ยูเรเนียม 2 โรง แต่เมื่อ Atomic Energy Agency (IAEA) บอกให้หยุด อิหร่านก็หยุด แต่อเมริกาไม่หยุด กล่าวหาต่อไปว่า อิหร่านกำลังสร้างอาวุธนิวเคลียร์แน่นอน อเมริกาไม่ยอม มันต้องมีสิ อเมริกาว่ามีก็ต้องมี อเมริกาไม่สนใจหรอกอิหร่านมีนิวเคลียร์กี่ลูก แต่มันเสียหน้า เข้าใจไหม

    พฤษภาคม ค.ศ.2003 อิหร่านยอมอ่อนข้อ ขอเจรจากับอเมริกา ขอให้อเมริกาเลิกการคว่ำบาตร ปลดชื่ออิหร่านจากป้ายผู้ก่อการร้าย เราดีกันนะอย่าโกรธกันต่อไปเลย เราอิหร่านก็จะยอมตามใจอเมริกา ในตะวันออกกลาง เราไม่ขวาง ไม่ขัดคออีกแล้วล่ะ อิหร่านยอมแพ้กระทั่งหยุดเดินหน้าการสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ และให้อเมริกาตรวจสอบตามสบายว่าไม่มีนิวเคลียร์ซักลูกอยู่ในกระเป๋ากางเกง นอกจากนี้ก็จะไม่ยุ่ง ไม่ยุพวกฮามาสในอิสราเอลด้วย อะไรอีกล่ะ อ้อ เราจะเดินหน้าเป็นประชาธิปไตย เราจะให้ความร่วมมือ ฯลฯ สาระพัดอิหร่านจะยอม ข้ออ่อนจนยืนไม่ตรง คาวบอย Bush ไม่รับข้อเสนอ ปฏิเสธที่จะเจรจากับอิหร่าน นี่มันนึกว่ากำลังเล่นขี่วัวมาราธอนอยู่หรือไงนะ

    รัฐบาล Bush คิดว่าตัวเองกำลังถือไพ่เหนือมืออิหร่าน สายเหยี่ยวคิดว่าการสั่งสอนอิรัก จะทำให้อิหร่านดีฝ่อ อเมริกาคิดว่าการหนุนและชุบเลี้ยงพวกชีอ่ะในอิรัก (ซึ่งมีจำนวนถึง 60% ของชาวอิรัก) โดยเฉพาะพวกที่อยู่ที่ Najaf และ Karbala จะทำให้พวกชีอ่ะเหล่านี้ไม่เข้าพวกกับอิหร่าน เพราะติดใจอาหารที่อเมริกาใช้เลี้ยง

    อเมริการู้สึกจะประเมินผิดพลาดอย่างไม่น่าเชื่อ การบุกขยี้อิรัก ทำให้ชาวตะวันออกกลางยิ่งรังเกียจอเมริกา และเริ่มรวมตัวกันทั้งนิกายชีอ่ะและสุนหนี่ ทำให้กลุ่มอิสลามเคร่งครัดยิ่งเข้มแข็งขึ้นและใหญ่ขึ้น

    แม้อิหร่านจะไม่แสดงอาการท้าทายอเมริกาอย่างตรงๆ แต่อิหร่านมีนโยบายสนับสนุนทั้งอาวุธและทุนให้กับกลุ่มชีอ่ะในอิรัก รวมทั้งสนับสนุนรัฐบาลผสม Maliki ซึ่งเป็นตัวเลือกของอเมริกาในอิรัก ในปี ค.ศ.2005 มีการเลือกตั้งในอิรัก ซึ่งอำนวยการสร้างโดยอเมริกา CIA รายงานว่า อิหร่านส่งเงินสนับสนุนพวกชีอ่ะจำนวน 11 ล้านเหรียญต่อสัปดาห์ เพื่อสร้างฐานเสียงให้แก่ชีอ่ะ ซึ่งในที่สุดก็ได้คะแนนเสียงข้างมากในการเลือกตั้ง ถึงอิหร่านจะไม่ได้ประกาศท้าทายอเมริกาโดยตรง แต่ดูเหมือนการกระทำของอิหร่านจะชัดขึ้นเรื่อยๆ
    แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ตำแหน่งการยืนของอิหร่าน หรืออาการเป็นเหยื่อของอิหร่าน เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน น่าสนใจในสายตาโลก และน่ากลุ้มใจในสายตาของอเมริกาอย่างยิ่งคือ เมื่อ Mahmoud Ahmadinejad ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของอิหร่าน ในเดือนมิถุนายน ค.ศ.2005

    หลังจากถูกกล่าวหาว่ามีนิวเคลียร์อยู่ในกระเป๋ากางเกงหลายลูก อิหร่านวิ่งพล่านพยายามหาเพื่อนช่วย อิหร่านขอให้อังกฤษ ฝรั่งเศสและเยอรมัน ช่วยเจรจากับอเมริกาอยู่หลายปี แต่คำตอบคือความเงียบจากบรรดาผู้ที่คิดว่าเป็นเพื่อนหรือเคยเป็นเพื่อนของอิหร่าน

    Ahmadinejad มีความเห็นว่า เราจะวิ่งพล่านง้อชาวบ้านเขาตลอดเวลา คงไม่ไหว อิหร่านควรพึ่งตัวเอง ยืนบนขาตัวเองเสียที เลิกได้แล้วที่จะไปคอยของ้อ ขอเจรจา ความอยู่รอดของพวกเรา ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของเราเอง และคบเพื่อนให้ถูกคน สมันน้อยน่าจะได้ข้อคิดจากเหยื่อรายนี้บ้าง

    เดือนสิงหาคม ค.ศ.2005 หลังจากรับตำแหน่ง Ahmadinejad ก็ประกาศว่า เราจะเดินหน้าพัฒนาแร่ยูเรเนียมต่อไป และในเดือนมกราคม ค.ศ.2006 การค้นคว้าด้านนิวเคลียร์ที่ Nataz ของอิหร่านก็กลับมาเดินหน้าต่อ

    ในเดือนเมษายน อิหร่านประกาศว่า การพัฒนาแร่ยูเรเนียมของอิหร่านประสบผลสำเร็จอย่างดี IAEA รีบวิ่งไปรายงานสหประชาชาติ

    ภายใต้ Nuclear Non-Proliferation Treaty อิหร่านมีสิทธิจะเสริมสมรรถนะยูเรเนียม เพื่อเป็นพลังงานได้ แต่เทคนิคที่ใช้ในการพัฒนา ก็เป็นประเด็นว่าสามารถพัฒนาเป็นอาวุธนิวเคลียร์ได้หรือไม่

    อเมริกาเต้น พวกเรายอมไม่ได้ เอาเรื่องเข้าสหประชาชาติด่วน และทำการชักใยสหประชาชาติ ให้สั่งอิหร่านหยุดดำเนินการโครงการพัฒนานิวเคลียร์ พร้อมขู่จะใช้กำลัง และเพิ่มการคว่ำบาตรอีกหลายใบ ถ้าอิหร่านไม่เชื่อฟัง

    แต่แล้วก็มีพระเอกสองคนจูงมือกันมาขวางทาง มาแล้วคุณพี่ปูตินกับอาเฮียกระเป๋าใหญ่ ทั้งสองบอกว่า มติเช่นนี้ของสหประชาชาติ มันไม่ได้สร้างสันติหรอกนะ แต่มันเป็นข้ออ้างให้อเมริกาสร้างสงครามมากกว่า

    เดือนพฤษภาคม ค.ศ.2006 อเมริกาเปลี่ยนบท ยอมให้ตัดข้อความในมติของสหประชาชาติ ส่วนที่บอกว่าจะใช้กำลังกับอิหร่านออกไป และพร้อมที่จะเจรจากับอิหร่านเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี ถ้าอิหร่านรับรองว่าจะหยุดโครงการพัฒนาแร่ยูเรเนียม อะไรทำให้อเมริกาเปลี่ยนบทแบบหักมุม จนมุมหัก มันเป็นแผนต้มอิหร่านซ้ำซากหรืออะไรกันแน่
    วันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ.2006 คณะทำงานของกรรมธิการด้านข่าวกรอง ทำหนังสือแจ้งประธานกรรมาธิการ ด้านข่าวกรองประจำสหรัฐอเมริกา ยาวเกือบ 30 หน้า สรุปสั้นๆเอาแต่เนื้อไม่ติดมันว่า อิหร่านกำลังกระทำการ ที่เป็นการท้าทายความมั่นคงของอเมริกาอย่างสูง (ว๊าว ! ) ไม่ว่าจะเรื่องการซุ่มสร้างระเบิดนิวเคลียร์ การแอบทำอาวุธชีวภาพ การสร้างระบบป้องกัน และยิงจรวดวิถีไกล ซึ่งถ้านำระเบิดนิวเคลียร์มาใช้ร่วมกับระบบนี้ หลายบริเวณของโลกต้องร้อนระอุ นี่ยังไม่นับการส่งเสียเลี้ยงกลุ่มเด็กที่ชอบเล่นอาวุธ ที่อิหร่านเลี้ยงดูอยู่หลายกลุ่ม เพื่อเอาไว้แหย่รังแตนในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะแตนแถวอิสราเอล และการเข้าไปกระชับมิตร กอดคอกับกลุ่มเพื่อน สร้างแนวร่วมพระจันทร์เสี้ยว เช่น อิรัก ซีเรีย และเลบานอน พฤติกรรมเช่นนี้ อเมริกาบอกยังไม่รู้จะวางแผนรับมืออย่างไร (อ้าว ! ) เพราะอเมริกาขาดข้อมูล งานด้านข่าวกรองในอิหร่านทำงานไม่ได้ผล

    ที่สำคัญไม่สามารถแน่ใจได้ว่า อิหร่านมีนิวเคลียร์กี่ลูก และระยะยิงไกลขนาดไหน อเมริกาคาดว่า จากการตรวจสอบปริมาณแร่ยูเรเนียมและพลูโตเนียมที่ IAEA ค้นพบ (ยังไม่นับที่ฝังดินซ่อนไว้และยังไม่พบ !) น่าจะทำให้อิหร่านสร้างนิวเคลียร์ได้ไม่น้อยกว่า 12 ลูก (แหม! 2 ลูกก็เกินพอแล้ว) นอกจากนี้ Dr. A.Q. Khan มือพระกาฬในการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ของปากีสถาน สารภาพ (หลังจากถูกเค้นจนต้องคาย) ว่า เขาได้ขายสูตรพิเศษ ในการทำระเบิดนิวเคลียร์ไห้แก่อิหร่าน ลิเบีย และเกาหลีเหนือ ไปเรียบร้อยนานแล้ว

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 กันยายน 2557
    เหยื่อติดคอ ตอนที่ 7 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ” ตอนที่ 7 เดือนมกราคม ค.ศ.2002 คาวบอย Bush กล่าวหาอิหร่านว่ากำลังคิดการใหญ่สะสมอาวุธนิวเคลียร์ เลื่อนอันดับอิหร่านไปอยู่อันดับเดียวกับเด็กแสบเกาหลีเหนือ ถือเป็นการยกย่องอย่างรวดเร็ว อเมริกาบอกมันเป็นภัยต่อความมั่นคงของโลกเชียวล่ะ กุมภาพันธ์ ค.ศ.2003 อิหร่านยอมรับว่ากำลังสร้างโรง งานพัฒนาแร่ยูเรเนียม 2 โรง แต่เมื่อ Atomic Energy Agency (IAEA) บอกให้หยุด อิหร่านก็หยุด แต่อเมริกาไม่หยุด กล่าวหาต่อไปว่า อิหร่านกำลังสร้างอาวุธนิวเคลียร์แน่นอน อเมริกาไม่ยอม มันต้องมีสิ อเมริกาว่ามีก็ต้องมี อเมริกาไม่สนใจหรอกอิหร่านมีนิวเคลียร์กี่ลูก แต่มันเสียหน้า เข้าใจไหม พฤษภาคม ค.ศ.2003 อิหร่านยอมอ่อนข้อ ขอเจรจากับอเมริกา ขอให้อเมริกาเลิกการคว่ำบาตร ปลดชื่ออิหร่านจากป้ายผู้ก่อการร้าย เราดีกันนะอย่าโกรธกันต่อไปเลย เราอิหร่านก็จะยอมตามใจอเมริกา ในตะวันออกกลาง เราไม่ขวาง ไม่ขัดคออีกแล้วล่ะ อิหร่านยอมแพ้กระทั่งหยุดเดินหน้าการสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ และให้อเมริกาตรวจสอบตามสบายว่าไม่มีนิวเคลียร์ซักลูกอยู่ในกระเป๋ากางเกง นอกจากนี้ก็จะไม่ยุ่ง ไม่ยุพวกฮามาสในอิสราเอลด้วย อะไรอีกล่ะ อ้อ เราจะเดินหน้าเป็นประชาธิปไตย เราจะให้ความร่วมมือ ฯลฯ สาระพัดอิหร่านจะยอม ข้ออ่อนจนยืนไม่ตรง คาวบอย Bush ไม่รับข้อเสนอ ปฏิเสธที่จะเจรจากับอิหร่าน นี่มันนึกว่ากำลังเล่นขี่วัวมาราธอนอยู่หรือไงนะ รัฐบาล Bush คิดว่าตัวเองกำลังถือไพ่เหนือมืออิหร่าน สายเหยี่ยวคิดว่าการสั่งสอนอิรัก จะทำให้อิหร่านดีฝ่อ อเมริกาคิดว่าการหนุนและชุบเลี้ยงพวกชีอ่ะในอิรัก (ซึ่งมีจำนวนถึง 60% ของชาวอิรัก) โดยเฉพาะพวกที่อยู่ที่ Najaf และ Karbala จะทำให้พวกชีอ่ะเหล่านี้ไม่เข้าพวกกับอิหร่าน เพราะติดใจอาหารที่อเมริกาใช้เลี้ยง อเมริการู้สึกจะประเมินผิดพลาดอย่างไม่น่าเชื่อ การบุกขยี้อิรัก ทำให้ชาวตะวันออกกลางยิ่งรังเกียจอเมริกา และเริ่มรวมตัวกันทั้งนิกายชีอ่ะและสุนหนี่ ทำให้กลุ่มอิสลามเคร่งครัดยิ่งเข้มแข็งขึ้นและใหญ่ขึ้น แม้อิหร่านจะไม่แสดงอาการท้าทายอเมริกาอย่างตรงๆ แต่อิหร่านมีนโยบายสนับสนุนทั้งอาวุธและทุนให้กับกลุ่มชีอ่ะในอิรัก รวมทั้งสนับสนุนรัฐบาลผสม Maliki ซึ่งเป็นตัวเลือกของอเมริกาในอิรัก ในปี ค.ศ.2005 มีการเลือกตั้งในอิรัก ซึ่งอำนวยการสร้างโดยอเมริกา CIA รายงานว่า อิหร่านส่งเงินสนับสนุนพวกชีอ่ะจำนวน 11 ล้านเหรียญต่อสัปดาห์ เพื่อสร้างฐานเสียงให้แก่ชีอ่ะ ซึ่งในที่สุดก็ได้คะแนนเสียงข้างมากในการเลือกตั้ง ถึงอิหร่านจะไม่ได้ประกาศท้าทายอเมริกาโดยตรง แต่ดูเหมือนการกระทำของอิหร่านจะชัดขึ้นเรื่อยๆ แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ตำแหน่งการยืนของอิหร่าน หรืออาการเป็นเหยื่อของอิหร่าน เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน น่าสนใจในสายตาโลก และน่ากลุ้มใจในสายตาของอเมริกาอย่างยิ่งคือ เมื่อ Mahmoud Ahmadinejad ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของอิหร่าน ในเดือนมิถุนายน ค.ศ.2005 หลังจากถูกกล่าวหาว่ามีนิวเคลียร์อยู่ในกระเป๋ากางเกงหลายลูก อิหร่านวิ่งพล่านพยายามหาเพื่อนช่วย อิหร่านขอให้อังกฤษ ฝรั่งเศสและเยอรมัน ช่วยเจรจากับอเมริกาอยู่หลายปี แต่คำตอบคือความเงียบจากบรรดาผู้ที่คิดว่าเป็นเพื่อนหรือเคยเป็นเพื่อนของอิหร่าน Ahmadinejad มีความเห็นว่า เราจะวิ่งพล่านง้อชาวบ้านเขาตลอดเวลา คงไม่ไหว อิหร่านควรพึ่งตัวเอง ยืนบนขาตัวเองเสียที เลิกได้แล้วที่จะไปคอยของ้อ ขอเจรจา ความอยู่รอดของพวกเรา ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของเราเอง และคบเพื่อนให้ถูกคน สมันน้อยน่าจะได้ข้อคิดจากเหยื่อรายนี้บ้าง เดือนสิงหาคม ค.ศ.2005 หลังจากรับตำแหน่ง Ahmadinejad ก็ประกาศว่า เราจะเดินหน้าพัฒนาแร่ยูเรเนียมต่อไป และในเดือนมกราคม ค.ศ.2006 การค้นคว้าด้านนิวเคลียร์ที่ Nataz ของอิหร่านก็กลับมาเดินหน้าต่อ ในเดือนเมษายน อิหร่านประกาศว่า การพัฒนาแร่ยูเรเนียมของอิหร่านประสบผลสำเร็จอย่างดี IAEA รีบวิ่งไปรายงานสหประชาชาติ ภายใต้ Nuclear Non-Proliferation Treaty อิหร่านมีสิทธิจะเสริมสมรรถนะยูเรเนียม เพื่อเป็นพลังงานได้ แต่เทคนิคที่ใช้ในการพัฒนา ก็เป็นประเด็นว่าสามารถพัฒนาเป็นอาวุธนิวเคลียร์ได้หรือไม่ อเมริกาเต้น พวกเรายอมไม่ได้ เอาเรื่องเข้าสหประชาชาติด่วน และทำการชักใยสหประชาชาติ ให้สั่งอิหร่านหยุดดำเนินการโครงการพัฒนานิวเคลียร์ พร้อมขู่จะใช้กำลัง และเพิ่มการคว่ำบาตรอีกหลายใบ ถ้าอิหร่านไม่เชื่อฟัง แต่แล้วก็มีพระเอกสองคนจูงมือกันมาขวางทาง มาแล้วคุณพี่ปูตินกับอาเฮียกระเป๋าใหญ่ ทั้งสองบอกว่า มติเช่นนี้ของสหประชาชาติ มันไม่ได้สร้างสันติหรอกนะ แต่มันเป็นข้ออ้างให้อเมริกาสร้างสงครามมากกว่า เดือนพฤษภาคม ค.ศ.2006 อเมริกาเปลี่ยนบท ยอมให้ตัดข้อความในมติของสหประชาชาติ ส่วนที่บอกว่าจะใช้กำลังกับอิหร่านออกไป และพร้อมที่จะเจรจากับอิหร่านเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี ถ้าอิหร่านรับรองว่าจะหยุดโครงการพัฒนาแร่ยูเรเนียม อะไรทำให้อเมริกาเปลี่ยนบทแบบหักมุม จนมุมหัก มันเป็นแผนต้มอิหร่านซ้ำซากหรืออะไรกันแน่ วันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ.2006 คณะทำงานของกรรมธิการด้านข่าวกรอง ทำหนังสือแจ้งประธานกรรมาธิการ ด้านข่าวกรองประจำสหรัฐอเมริกา ยาวเกือบ 30 หน้า สรุปสั้นๆเอาแต่เนื้อไม่ติดมันว่า อิหร่านกำลังกระทำการ ที่เป็นการท้าทายความมั่นคงของอเมริกาอย่างสูง (ว๊าว ! ) ไม่ว่าจะเรื่องการซุ่มสร้างระเบิดนิวเคลียร์ การแอบทำอาวุธชีวภาพ การสร้างระบบป้องกัน และยิงจรวดวิถีไกล ซึ่งถ้านำระเบิดนิวเคลียร์มาใช้ร่วมกับระบบนี้ หลายบริเวณของโลกต้องร้อนระอุ นี่ยังไม่นับการส่งเสียเลี้ยงกลุ่มเด็กที่ชอบเล่นอาวุธ ที่อิหร่านเลี้ยงดูอยู่หลายกลุ่ม เพื่อเอาไว้แหย่รังแตนในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะแตนแถวอิสราเอล และการเข้าไปกระชับมิตร กอดคอกับกลุ่มเพื่อน สร้างแนวร่วมพระจันทร์เสี้ยว เช่น อิรัก ซีเรีย และเลบานอน พฤติกรรมเช่นนี้ อเมริกาบอกยังไม่รู้จะวางแผนรับมืออย่างไร (อ้าว ! ) เพราะอเมริกาขาดข้อมูล งานด้านข่าวกรองในอิหร่านทำงานไม่ได้ผล ที่สำคัญไม่สามารถแน่ใจได้ว่า อิหร่านมีนิวเคลียร์กี่ลูก และระยะยิงไกลขนาดไหน อเมริกาคาดว่า จากการตรวจสอบปริมาณแร่ยูเรเนียมและพลูโตเนียมที่ IAEA ค้นพบ (ยังไม่นับที่ฝังดินซ่อนไว้และยังไม่พบ !) น่าจะทำให้อิหร่านสร้างนิวเคลียร์ได้ไม่น้อยกว่า 12 ลูก (แหม! 2 ลูกก็เกินพอแล้ว) นอกจากนี้ Dr. A.Q. Khan มือพระกาฬในการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ของปากีสถาน สารภาพ (หลังจากถูกเค้นจนต้องคาย) ว่า เขาได้ขายสูตรพิเศษ ในการทำระเบิดนิวเคลียร์ไห้แก่อิหร่าน ลิเบีย และเกาหลีเหนือ ไปเรียบร้อยนานแล้ว สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 กันยายน 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 645 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผิดคาด! Super Computer ทำนายผลแชมป์ UCL ล่าสุด 03/10/68 #Super Computer #การแข่งขันฟุตบอล #ทำนายผลแชมป์ #พรีเมียร์ลีก
    ผิดคาด! Super Computer ทำนายผลแชมป์ UCL ล่าสุด 03/10/68 #Super Computer #การแข่งขันฟุตบอล #ทำนายผลแชมป์ #พรีเมียร์ลีก
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 455 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ปูตินพูดถึงอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี (Tactical nuclear) ด้วยการยอมรับว่า รัสเซียมีอยู่ในครอบครองจำนวนมาก:

    “อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีเหล่านั้นมีอำนาจทำลายล้างมากกว่าที่อเมริกาทิ้งลงที่ฮิโรชิมาและนางาซากิหลายเท่า เราไม่ได้ติดตั้งอาวุธเหล่านี้ที่ไหนเลย...อ่อ... ใช่! มันมีในเบลารุส แต่นอกจากเบลารุสแล้ว ไม่มีเลย

    ไม่เหมือนกับอเมริกา ที่ติดตั้งอาวุธเหล่านี้ไว้ทั่วโลก ทั้งในยุโรป ในตุรกี และที่อื่นๆ แต่เรื่องที่ว่าเรามีมากกว่านั้น มันเป็นเรื่องจริง!”
    ปูตินพูดถึงอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี (Tactical nuclear) ด้วยการยอมรับว่า รัสเซียมีอยู่ในครอบครองจำนวนมาก: “อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีเหล่านั้นมีอำนาจทำลายล้างมากกว่าที่อเมริกาทิ้งลงที่ฮิโรชิมาและนางาซากิหลายเท่า เราไม่ได้ติดตั้งอาวุธเหล่านี้ที่ไหนเลย...อ่อ... ใช่! มันมีในเบลารุส แต่นอกจากเบลารุสแล้ว ไม่มีเลย ไม่เหมือนกับอเมริกา ที่ติดตั้งอาวุธเหล่านี้ไว้ทั่วโลก ทั้งในยุโรป ในตุรกี และที่อื่นๆ แต่เรื่องที่ว่าเรามีมากกว่านั้น มันเป็นเรื่องจริง!”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 483 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “CVE-2025-38352: ช่องโหว่ TOCTOU ใน Linux/Android Kernel — แค่เสี้ยววินาที ก็อาจเปิดทางสู่สิทธิ Root”

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยชื่อ StreyPaws ได้เปิดเผยรายละเอียดเชิงลึกของช่องโหว่ CVE-2025-38352 ซึ่งเป็นช่องโหว่แบบ TOCTOU (Time-of-Check to Time-of-Use) ที่เกิดขึ้นในระบบ POSIX CPU Timer ของ Linux และ Android kernel โดยช่องโหว่นี้ถูกระบุใน Android Security Bulletin เดือนกันยายน 2025 และมีแนวโน้มว่าจะถูกใช้โจมตีแบบเจาะจงในบางกรณีแล้ว

    ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการ synchronization ที่ผิดพลาดในไฟล์ posix-cpu-timers.c โดยเฉพาะเมื่อมีสองเธรดทำงานพร้อมกัน — เธรดหนึ่งกำลังจัดการกับ timer ที่หมดเวลา ส่วนอีกเธรดพยายามลบ timer เดียวกัน ทำให้เกิด race condition ที่อาจนำไปสู่การอ้างอิงหน่วยความจำที่ถูกปล่อยไปแล้ว (use-after-free) ซึ่งอาจทำให้ระบบ crash หรือแม้แต่ privilege escalation ได้

    POSIX CPU Timer ใช้ติดตามเวลาการประมวลผลของ process ไม่ใช่เวลาจริง ทำให้มีความสำคัญในการวิเคราะห์ performance และจัดการทรัพยากร โดยระบบรองรับ clock หลายประเภท เช่น CPUCLOCK_PROF, CPUCLOCK_VIRT และ CPUCLOCK_SCHED เพื่อใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ

    นักวิจัยได้สร้างสภาพแวดล้อมจำลอง kernel บน Android และพัฒนา PoC ที่สามารถทำให้ระบบ crash ได้แม้จะเปิดใช้ CONFIG_POSIX_CPU_TIMERS_TASK_WORK ซึ่งเป็นการตั้งค่าที่ควรช่วยลดความเสี่ยง แสดงให้เห็นว่าช่องโหว่นี้มีความซับซ้อนและอันตรายแม้ในระบบที่มีการป้องกันเบื้องต้น

    แพตช์ที่ออกมาเพื่อแก้ไขช่องโหว่นี้มีการเพิ่มเงื่อนไขตรวจสอบสถานะการ exit ของ task ก่อนดำเนินการลบ timer ซึ่งช่วยป้องกันการเกิด race condition ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    CVE-2025-38352 เป็นช่องโหว่ TOCTOU ใน POSIX CPU Timer subsystem ของ Linux/Android kernel
    เกิดจาก race condition ระหว่างการจัดการ timer ที่หมดเวลาและการลบ timer พร้อมกัน
    อาจนำไปสู่ use-after-free, memory corruption และ privilege escalation
    POSIX CPU Timer ใช้ติดตามเวลาประมวลผลของ process ไม่ใช่เวลาจริง
    รองรับ clock หลายประเภท เช่น CPUCLOCK_PROF, CPUCLOCK_VIRT, CPUCLOCK_SCHED
    นักวิจัยสร้าง PoC ที่ทำให้ระบบ crash ได้แม้เปิดใช้ CONFIG_POSIX_CPU_TIMERS_TASK_WORK
    แพตช์แก้ไขโดยเพิ่มการตรวจสอบ exit_state เพื่อป้องกันการอ้างอิงหน่วยความจำที่ถูกปล่อย
    ช่องโหว่นี้ถูกระบุใน Android Security Bulletin เดือนกันยายน 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    TOCTOU เป็นช่องโหว่ที่เกิดจากการตรวจสอบเงื่อนไขก่อนใช้งาน แต่เงื่อนไขเปลี่ยนไปในระหว่างนั้น
    Use-after-free เป็นช่องโหว่ที่อันตรายเพราะสามารถนำไปสู่การควบคุมระบบได้
    Race condition มักเกิดในระบบที่มีการทำงานแบบ multi-threaded หรือ interrupt context
    การตรวจสอบ exit_state เป็นเทคนิคที่ใช้กันทั่วไปในการป้องกันการอ้างอิง task ที่กำลังถูกลบ
    ช่องโหว่ระดับ kernel มีผลกระทบสูงต่อความมั่นคงของระบบ เพราะสามารถควบคุมทุกระดับได้

    https://securityonline.info/researcher-details-zero-day-linux-android-kernel-flaw-cve-2025-38352/
    🧨 “CVE-2025-38352: ช่องโหว่ TOCTOU ใน Linux/Android Kernel — แค่เสี้ยววินาที ก็อาจเปิดทางสู่สิทธิ Root” นักวิจัยด้านความปลอดภัยชื่อ StreyPaws ได้เปิดเผยรายละเอียดเชิงลึกของช่องโหว่ CVE-2025-38352 ซึ่งเป็นช่องโหว่แบบ TOCTOU (Time-of-Check to Time-of-Use) ที่เกิดขึ้นในระบบ POSIX CPU Timer ของ Linux และ Android kernel โดยช่องโหว่นี้ถูกระบุใน Android Security Bulletin เดือนกันยายน 2025 และมีแนวโน้มว่าจะถูกใช้โจมตีแบบเจาะจงในบางกรณีแล้ว ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการ synchronization ที่ผิดพลาดในไฟล์ posix-cpu-timers.c โดยเฉพาะเมื่อมีสองเธรดทำงานพร้อมกัน — เธรดหนึ่งกำลังจัดการกับ timer ที่หมดเวลา ส่วนอีกเธรดพยายามลบ timer เดียวกัน ทำให้เกิด race condition ที่อาจนำไปสู่การอ้างอิงหน่วยความจำที่ถูกปล่อยไปแล้ว (use-after-free) ซึ่งอาจทำให้ระบบ crash หรือแม้แต่ privilege escalation ได้ POSIX CPU Timer ใช้ติดตามเวลาการประมวลผลของ process ไม่ใช่เวลาจริง ทำให้มีความสำคัญในการวิเคราะห์ performance และจัดการทรัพยากร โดยระบบรองรับ clock หลายประเภท เช่น CPUCLOCK_PROF, CPUCLOCK_VIRT และ CPUCLOCK_SCHED เพื่อใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ นักวิจัยได้สร้างสภาพแวดล้อมจำลอง kernel บน Android และพัฒนา PoC ที่สามารถทำให้ระบบ crash ได้แม้จะเปิดใช้ CONFIG_POSIX_CPU_TIMERS_TASK_WORK ซึ่งเป็นการตั้งค่าที่ควรช่วยลดความเสี่ยง แสดงให้เห็นว่าช่องโหว่นี้มีความซับซ้อนและอันตรายแม้ในระบบที่มีการป้องกันเบื้องต้น แพตช์ที่ออกมาเพื่อแก้ไขช่องโหว่นี้มีการเพิ่มเงื่อนไขตรวจสอบสถานะการ exit ของ task ก่อนดำเนินการลบ timer ซึ่งช่วยป้องกันการเกิด race condition ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ CVE-2025-38352 เป็นช่องโหว่ TOCTOU ใน POSIX CPU Timer subsystem ของ Linux/Android kernel ➡️ เกิดจาก race condition ระหว่างการจัดการ timer ที่หมดเวลาและการลบ timer พร้อมกัน ➡️ อาจนำไปสู่ use-after-free, memory corruption และ privilege escalation ➡️ POSIX CPU Timer ใช้ติดตามเวลาประมวลผลของ process ไม่ใช่เวลาจริง ➡️ รองรับ clock หลายประเภท เช่น CPUCLOCK_PROF, CPUCLOCK_VIRT, CPUCLOCK_SCHED ➡️ นักวิจัยสร้าง PoC ที่ทำให้ระบบ crash ได้แม้เปิดใช้ CONFIG_POSIX_CPU_TIMERS_TASK_WORK ➡️ แพตช์แก้ไขโดยเพิ่มการตรวจสอบ exit_state เพื่อป้องกันการอ้างอิงหน่วยความจำที่ถูกปล่อย ➡️ ช่องโหว่นี้ถูกระบุใน Android Security Bulletin เดือนกันยายน 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ TOCTOU เป็นช่องโหว่ที่เกิดจากการตรวจสอบเงื่อนไขก่อนใช้งาน แต่เงื่อนไขเปลี่ยนไปในระหว่างนั้น ➡️ Use-after-free เป็นช่องโหว่ที่อันตรายเพราะสามารถนำไปสู่การควบคุมระบบได้ ➡️ Race condition มักเกิดในระบบที่มีการทำงานแบบ multi-threaded หรือ interrupt context ➡️ การตรวจสอบ exit_state เป็นเทคนิคที่ใช้กันทั่วไปในการป้องกันการอ้างอิง task ที่กำลังถูกลบ ➡️ ช่องโหว่ระดับ kernel มีผลกระทบสูงต่อความมั่นคงของระบบ เพราะสามารถควบคุมทุกระดับได้ https://securityonline.info/researcher-details-zero-day-linux-android-kernel-flaw-cve-2025-38352/
    SECURITYONLINE.INFO
    Researcher Details Zero-Day Linux/Android Kernel Flaw (CVE-2025-38352)
    A High-severity TOCTOU race condition (CVE-2025-38352) in the Linux/Android POSIX CPU Timer subsystem can lead to kernel crashes and privilege escalation.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 297 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพโดรนขณะเข้าโจมตีสถานีไฟฟ้าย่อยสลาวูตีช (slavutych substation) ขนาด 330 กิโลโวลต์(kV)

    สถานีไฟฟ้าย่อยแห่งนี้ รับไฟจากภายนอก เพื่อต่อเข้ากับระบบหล่อเย็นสำหรับรักษาเชื้อเพลิงของเครื่องปฏิกรณ์ที่ 4 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล

    แม้ว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลจะปิดตัวลงทั้งหมดและไม่ได้ผลิตไฟฟ้าแล้ว แต่ยังคงต้องการแหล่งจ่ายไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องจากภายนอกเพื่อรักษาระบบหล่อเย็นสำหรับ เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว (Spent Nuclear Fuel) ที่ยังคงเก็บรักษาไว้อยู่

    มีรายงานว่า หลังการโจมตีของโดรน ทำให้ไม่มีไฟฟ้าใช้นานกว่า 3 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ยูเครนต้องเปิดใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซล (Diesel generators) เพื่อผลิตไฟฟ้าแทนชั่วคราว

    ไม่มีรายงานการรั่วไหลของรังสี

    ไม่มีรายงานว่าเป็นโดรนจากฝ่ายใด แต่ทางยูเครนกล่าวหาว่าเป็นโดรน Geran ของรัสเซีย
    ภาพโดรนขณะเข้าโจมตีสถานีไฟฟ้าย่อยสลาวูตีช (slavutych substation) ขนาด 330 กิโลโวลต์(kV) สถานีไฟฟ้าย่อยแห่งนี้ รับไฟจากภายนอก เพื่อต่อเข้ากับระบบหล่อเย็นสำหรับรักษาเชื้อเพลิงของเครื่องปฏิกรณ์ที่ 4 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล แม้ว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลจะปิดตัวลงทั้งหมดและไม่ได้ผลิตไฟฟ้าแล้ว แต่ยังคงต้องการแหล่งจ่ายไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องจากภายนอกเพื่อรักษาระบบหล่อเย็นสำหรับ เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว (Spent Nuclear Fuel) ที่ยังคงเก็บรักษาไว้อยู่ มีรายงานว่า หลังการโจมตีของโดรน ทำให้ไม่มีไฟฟ้าใช้นานกว่า 3 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ยูเครนต้องเปิดใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซล (Diesel generators) เพื่อผลิตไฟฟ้าแทนชั่วคราว ไม่มีรายงานการรั่วไหลของรังสี ไม่มีรายงานว่าเป็นโดรนจากฝ่ายใด แต่ทางยูเครนกล่าวหาว่าเป็นโดรน Geran ของรัสเซีย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts