• ผิดคาด! Super Computer ทำนายผลแชมป์ UCL ล่าสุด 03/10/68 #Super Computer #การแข่งขันฟุตบอล #ทำนายผลแชมป์ #พรีเมียร์ลีก
    ผิดคาด! Super Computer ทำนายผลแชมป์ UCL ล่าสุด 03/10/68 #Super Computer #การแข่งขันฟุตบอล #ทำนายผลแชมป์ #พรีเมียร์ลีก
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 187 Views 0 0 Reviews
  • “Phison เตือนวิกฤต NAND อาจลากยาว 10 ปี — ยุค ‘Memory Supercycle’ มาแล้ว และปี 2026 จะขาดแคลนหนัก”

    ในขณะที่โลกกำลังหมุนไปด้วยพลังของ AI และศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ กลับมีคำเตือนจาก Pua Khein-Seng ซีอีโอของ Phison Electronics ว่าโลกอาจกำลังเข้าสู่ภาวะขาดแคลน NAND flash ที่ยาวนานถึง 10 ปี ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์เดิมที่มองว่าเป็นเพียง “ภาวะขาดแคลนชั่วคราว” ในปี 2026

    Pua ระบุว่าอุตสาหกรรม NAND เคยลงทุนหนักในอดีต แต่ราคากลับตกจนไม่คุ้มทุน ทำให้ผู้ผลิตชะลอการลงทุนตั้งแต่ปี 2019–2020 และเมื่อถึงปี 2023 บริษัทใหญ่อย่าง Micron และ SK Hynix ก็หันไปทุ่มงบกับ HBM (High Bandwidth Memory) แทน เพราะมีกำไรสูงกว่า ส่งผลให้การลงทุนใน NAND ลดลงอย่างมาก

    แต่ในปี 2025 ความต้องการ NAND กลับพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงจากการเติบโตของ AI โดยเฉพาะการใช้งานด้าน inference ที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลมหาศาล เช่น การเก็บเวอร์ชันโมเดลเก่า, คำถามจากผู้ใช้, และข้อมูลที่ไม่ถูกเรียกใช้บ่อย (nearline storage) ซึ่งต่างจากการฝึกโมเดลที่ใช้ HBM เป็นหลัก

    Pua เชื่อว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า การลงทุนของบริษัท cloud จะเน้นไปที่การขยายพื้นที่เก็บข้อมูลมากกว่าการซื้อ GPU เพราะ “ผู้ใช้คือรายได้ และข้อมูลจากผู้ใช้ต้องถูกเก็บไว้” ซึ่งหมายความว่า flash storage จะกลายเป็นหัวใจของศูนย์ข้อมูลยุคใหม่

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Phison เตือนว่า NAND flash จะขาดแคลนต่อเนื่องนานถึง 10 ปี เริ่มจากปี 2026
    การลงทุนใน NAND ลดลงตั้งแต่ปี 2019–2020 เพราะราคาตกและไม่คุ้มทุน
    Micron และ SK Hynix หันไปลงทุนใน HBM แทน NAND ในปี 2023
    ความต้องการ NAND พุ่งขึ้นจากการใช้งานด้าน inference ใน AI
    Nearline storage กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเก็บข้อมูล AI ที่ไม่ถูกเรียกใช้บ่อย
    Pua คาดว่า cloud providers จะลงทุนใน storage มากกว่า GPU ในอนาคต
    SSD จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่แทน HDD ภายใน 5–8 ปี
    สัดส่วน SSD ในศูนย์ข้อมูลเพิ่มจาก 10% เป็น 20% และอาจแตะ 80–100% ในอนาคต
    Morgan Stanley ก็ออกรายงานสนับสนุนแนวโน้ม “Memory Supercycle” เช่นกัน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    HBM เหมาะกับงานฝึกโมเดล AI เพราะมีแบนด์วิดธ์สูง แต่ราคาแพง
    NAND flash เหมาะกับการเก็บข้อมูลระยะยาวและการใช้งานทั่วไป
    Nearline storage คือระดับกลางระหว่าง hot storage (เรียกใช้บ่อย) และ cold storage (เก็บไว้นาน)
    SSD แบบ QLC (Quad-Level Cell) กำลังได้รับความนิยมในตลาด enterprise
    การเปลี่ยนจาก HDD เป็น SSD จะช่วยลดเวลาเข้าถึงข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพ AI

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/phison-ceo-claims-nand-shortage-could-last-a-staggering-10-years-says-memory-supercycle-imminent-and-severe-2026-shortages-are-at-hand
    💾 “Phison เตือนวิกฤต NAND อาจลากยาว 10 ปี — ยุค ‘Memory Supercycle’ มาแล้ว และปี 2026 จะขาดแคลนหนัก” ในขณะที่โลกกำลังหมุนไปด้วยพลังของ AI และศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ กลับมีคำเตือนจาก Pua Khein-Seng ซีอีโอของ Phison Electronics ว่าโลกอาจกำลังเข้าสู่ภาวะขาดแคลน NAND flash ที่ยาวนานถึง 10 ปี ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์เดิมที่มองว่าเป็นเพียง “ภาวะขาดแคลนชั่วคราว” ในปี 2026 Pua ระบุว่าอุตสาหกรรม NAND เคยลงทุนหนักในอดีต แต่ราคากลับตกจนไม่คุ้มทุน ทำให้ผู้ผลิตชะลอการลงทุนตั้งแต่ปี 2019–2020 และเมื่อถึงปี 2023 บริษัทใหญ่อย่าง Micron และ SK Hynix ก็หันไปทุ่มงบกับ HBM (High Bandwidth Memory) แทน เพราะมีกำไรสูงกว่า ส่งผลให้การลงทุนใน NAND ลดลงอย่างมาก แต่ในปี 2025 ความต้องการ NAND กลับพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงจากการเติบโตของ AI โดยเฉพาะการใช้งานด้าน inference ที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลมหาศาล เช่น การเก็บเวอร์ชันโมเดลเก่า, คำถามจากผู้ใช้, และข้อมูลที่ไม่ถูกเรียกใช้บ่อย (nearline storage) ซึ่งต่างจากการฝึกโมเดลที่ใช้ HBM เป็นหลัก Pua เชื่อว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า การลงทุนของบริษัท cloud จะเน้นไปที่การขยายพื้นที่เก็บข้อมูลมากกว่าการซื้อ GPU เพราะ “ผู้ใช้คือรายได้ และข้อมูลจากผู้ใช้ต้องถูกเก็บไว้” ซึ่งหมายความว่า flash storage จะกลายเป็นหัวใจของศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Phison เตือนว่า NAND flash จะขาดแคลนต่อเนื่องนานถึง 10 ปี เริ่มจากปี 2026 ➡️ การลงทุนใน NAND ลดลงตั้งแต่ปี 2019–2020 เพราะราคาตกและไม่คุ้มทุน ➡️ Micron และ SK Hynix หันไปลงทุนใน HBM แทน NAND ในปี 2023 ➡️ ความต้องการ NAND พุ่งขึ้นจากการใช้งานด้าน inference ใน AI ➡️ Nearline storage กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเก็บข้อมูล AI ที่ไม่ถูกเรียกใช้บ่อย ➡️ Pua คาดว่า cloud providers จะลงทุนใน storage มากกว่า GPU ในอนาคต ➡️ SSD จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่แทน HDD ภายใน 5–8 ปี ➡️ สัดส่วน SSD ในศูนย์ข้อมูลเพิ่มจาก 10% เป็น 20% และอาจแตะ 80–100% ในอนาคต ➡️ Morgan Stanley ก็ออกรายงานสนับสนุนแนวโน้ม “Memory Supercycle” เช่นกัน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ HBM เหมาะกับงานฝึกโมเดล AI เพราะมีแบนด์วิดธ์สูง แต่ราคาแพง ➡️ NAND flash เหมาะกับการเก็บข้อมูลระยะยาวและการใช้งานทั่วไป ➡️ Nearline storage คือระดับกลางระหว่าง hot storage (เรียกใช้บ่อย) และ cold storage (เก็บไว้นาน) ➡️ SSD แบบ QLC (Quad-Level Cell) กำลังได้รับความนิยมในตลาด enterprise ➡️ การเปลี่ยนจาก HDD เป็น SSD จะช่วยลดเวลาเข้าถึงข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพ AI https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/phison-ceo-claims-nand-shortage-could-last-a-staggering-10-years-says-memory-supercycle-imminent-and-severe-2026-shortages-are-at-hand
    0 Comments 0 Shares 88 Views 0 Reviews
  • “Nvidia อัปเกรดแอปฟรีให้โน้ตบุ๊กเกมมิ่ง — ใช้ AI ยืดอายุแบตเตอรี่ พร้อมปรับจูน WhisperMode อัตโนมัติ”

    Nvidia ประกาศอัปเดตแอปเวอร์ชันใหม่สำหรับผู้ใช้โน้ตบุ๊กที่ใช้ GPU GeForce โดยเพิ่มฟีเจอร์ AI ใหม่ในโครงการ G-Assist ซึ่งเดิมทีใช้กับเดสก์ท็อปเท่านั้น ตอนนี้สามารถควบคุมการตั้งค่าหลักของโน้ตบุ๊กได้โดยตรง เช่น BatteryBoost, WhisperMode และ Optimal Playable Settings เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่และเพิ่มความเงียบขณะใช้งาน

    G-Assist จะปรับแต่งการตั้งค่าเกมและแอปพลิเคชันโดยอัตโนมัติเมื่อใช้งานแบบไม่เสียบปลั๊ก เช่น ลดการใช้พลังงานของ GPU, ปรับความเร็วพัดลมให้เบาลง และเลือกเฟรมเรตที่เหมาะสมเพื่อให้เล่นเกมได้ลื่นไหลโดยไม่กินไฟเกินจำเป็น

    นอกจากนี้ Nvidia ยังเพิ่มการรองรับ DLSS override สำหรับเกมใหม่ ๆ เช่น Borderlands 4, Dying Light: The Beast และ Hell Is Us พร้อมแก้ไขบั๊กที่เคยทำให้การตั้งค่าเกมไม่ทำงานหลังรีบูตเครื่อง และปรับปรุงเสถียรภาพของแอปโดยรวม

    แม้จะเป็นการอัปเดตฟรี แต่ผู้ใช้บางรายยังพบปัญหา เช่น DLSS override ที่รีเซ็ตทุกครั้งหลังเปิดเครื่องใหม่ ซึ่ง Nvidia ยังไม่ได้แก้ไขในเวอร์ชันนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Nvidia อัปเดตแอปเวอร์ชัน 11.0.5 เพิ่มฟีเจอร์ AI G-Assist สำหรับโน้ตบุ๊ก
    G-Assist ควบคุม BatteryBoost, WhisperMode และ Optimal Playable Settings ได้
    ปรับแต่งการตั้งค่าเกมอัตโนมัติเมื่อใช้งานแบบไม่เสียบปลั๊ก
    WhisperMode ลดการใช้พลังงาน GPU และความเร็วพัดลมเพื่อความเงียบ
    เพิ่ม DLSS override สำหรับเกมใหม่ เช่น Borderlands 4 และ Dying Light: The Beast
    แก้ไขบั๊กที่ทำให้การตั้งค่าเกมไม่ทำงานหลังรีบูตเครื่อง
    ปรับปรุงเสถียรภาพของแอป Nvidia โดยรวม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    BatteryBoost เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยรักษาเฟรมเรตขณะใช้งานแบตเตอรี่
    DLSS (Deep Learning Super Sampling) ใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกราฟิกโดยไม่ลดคุณภาพ
    WhisperMode ช่วยให้โน้ตบุ๊กทำงานเงียบลงโดยลดการใช้พลังงานของ GPU
    Optimal Playable Settings คือการปรับค่ากราฟิกให้เหมาะกับฮาร์ดแวร์โดยอัตโนมัติ
    G-Assist ใช้โมเดล AI แบบ ChatGPT-style เพื่อสื่อสารและปรับแต่งระบบ

    คำเตือนและข้อจำกัด
    DLSS override ยังมีปัญหารีเซ็ตหลังรีบูตเครื่อง ต้องตั้งค่าซ้ำทุกครั้ง
    G-Assist ยังเป็นฟีเจอร์ pre-release อาจมีข้อผิดพลาดหรือไม่เสถียร
    การปรับแต่งอัตโนมัติอาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการควบคุมเองแบบละเอียด
    WhisperMode อาจลดประสิทธิภาพกราฟิกในบางเกมเพื่อแลกกับความเงียบ
    แอป Nvidia ยังไม่รองรับทุกเกมหรือฮาร์ดแวร์อย่างสมบูรณ์

    https://www.techradar.com/computing/gaming-laptops/nvidia-just-delivered-a-major-free-upgrade-for-gaming-laptops-bringing-in-ai-to-extend-battery-life
    ⚙️ “Nvidia อัปเกรดแอปฟรีให้โน้ตบุ๊กเกมมิ่ง — ใช้ AI ยืดอายุแบตเตอรี่ พร้อมปรับจูน WhisperMode อัตโนมัติ” Nvidia ประกาศอัปเดตแอปเวอร์ชันใหม่สำหรับผู้ใช้โน้ตบุ๊กที่ใช้ GPU GeForce โดยเพิ่มฟีเจอร์ AI ใหม่ในโครงการ G-Assist ซึ่งเดิมทีใช้กับเดสก์ท็อปเท่านั้น ตอนนี้สามารถควบคุมการตั้งค่าหลักของโน้ตบุ๊กได้โดยตรง เช่น BatteryBoost, WhisperMode และ Optimal Playable Settings เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่และเพิ่มความเงียบขณะใช้งาน G-Assist จะปรับแต่งการตั้งค่าเกมและแอปพลิเคชันโดยอัตโนมัติเมื่อใช้งานแบบไม่เสียบปลั๊ก เช่น ลดการใช้พลังงานของ GPU, ปรับความเร็วพัดลมให้เบาลง และเลือกเฟรมเรตที่เหมาะสมเพื่อให้เล่นเกมได้ลื่นไหลโดยไม่กินไฟเกินจำเป็น นอกจากนี้ Nvidia ยังเพิ่มการรองรับ DLSS override สำหรับเกมใหม่ ๆ เช่น Borderlands 4, Dying Light: The Beast และ Hell Is Us พร้อมแก้ไขบั๊กที่เคยทำให้การตั้งค่าเกมไม่ทำงานหลังรีบูตเครื่อง และปรับปรุงเสถียรภาพของแอปโดยรวม แม้จะเป็นการอัปเดตฟรี แต่ผู้ใช้บางรายยังพบปัญหา เช่น DLSS override ที่รีเซ็ตทุกครั้งหลังเปิดเครื่องใหม่ ซึ่ง Nvidia ยังไม่ได้แก้ไขในเวอร์ชันนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Nvidia อัปเดตแอปเวอร์ชัน 11.0.5 เพิ่มฟีเจอร์ AI G-Assist สำหรับโน้ตบุ๊ก ➡️ G-Assist ควบคุม BatteryBoost, WhisperMode และ Optimal Playable Settings ได้ ➡️ ปรับแต่งการตั้งค่าเกมอัตโนมัติเมื่อใช้งานแบบไม่เสียบปลั๊ก ➡️ WhisperMode ลดการใช้พลังงาน GPU และความเร็วพัดลมเพื่อความเงียบ ➡️ เพิ่ม DLSS override สำหรับเกมใหม่ เช่น Borderlands 4 และ Dying Light: The Beast ➡️ แก้ไขบั๊กที่ทำให้การตั้งค่าเกมไม่ทำงานหลังรีบูตเครื่อง ➡️ ปรับปรุงเสถียรภาพของแอป Nvidia โดยรวม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ BatteryBoost เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยรักษาเฟรมเรตขณะใช้งานแบตเตอรี่ ➡️ DLSS (Deep Learning Super Sampling) ใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกราฟิกโดยไม่ลดคุณภาพ ➡️ WhisperMode ช่วยให้โน้ตบุ๊กทำงานเงียบลงโดยลดการใช้พลังงานของ GPU ➡️ Optimal Playable Settings คือการปรับค่ากราฟิกให้เหมาะกับฮาร์ดแวร์โดยอัตโนมัติ ➡️ G-Assist ใช้โมเดล AI แบบ ChatGPT-style เพื่อสื่อสารและปรับแต่งระบบ ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ DLSS override ยังมีปัญหารีเซ็ตหลังรีบูตเครื่อง ต้องตั้งค่าซ้ำทุกครั้ง ⛔ G-Assist ยังเป็นฟีเจอร์ pre-release อาจมีข้อผิดพลาดหรือไม่เสถียร ⛔ การปรับแต่งอัตโนมัติอาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการควบคุมเองแบบละเอียด ⛔ WhisperMode อาจลดประสิทธิภาพกราฟิกในบางเกมเพื่อแลกกับความเงียบ ⛔ แอป Nvidia ยังไม่รองรับทุกเกมหรือฮาร์ดแวร์อย่างสมบูรณ์ https://www.techradar.com/computing/gaming-laptops/nvidia-just-delivered-a-major-free-upgrade-for-gaming-laptops-bringing-in-ai-to-extend-battery-life
    0 Comments 0 Shares 124 Views 0 Reviews
  • “GIGABYTE เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ AmpereOne M — แรงจัด ประหยัดไฟ รองรับ AI และ Cloud แบบเต็มระบบ”

    GIGABYTE โดยบริษัทลูก Giga Computing ประกาศเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป AmpereOne M ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์สถาปัตยกรรม Arm แบบ single-threaded ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI inference, cloud-native และ data center ขนาดใหญ่โดยเฉพาะ

    AmpereOne M มาพร้อมกับจำนวนคอร์สูงสุดถึง 192 คอร์ รองรับหน่วยความจำ DDR5 ได้ถึง 12 ช่องต่อโปรเซสเซอร์ และสามารถติดตั้ง DIMM ได้สูงสุด 1.5 TB ต่อระบบ นอกจากนี้ยังมี L2 cache ขนาดใหญ่และ vector unit แบบ 128-bit สองชุดต่อคอร์ ทำให้สามารถประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพในงานที่ต้องการ throughput สูง เช่น โมเดลภาษา AI หรือการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่

    GIGABYTE ได้ออกแบบเซิร์ฟเวอร์ให้เหมาะกับการใช้งานจริง โดยมีทั้งรุ่น 1U และ 2U ได้แก่:
    R1A3-T40-AAV1: เซิร์ฟเวอร์ขนาด 1U รองรับ NVMe Gen 5 แบบ hot-swap 4 ช่อง และ PCIe Gen 5 x16 สองช่อง
    R2A3-T40-AAV1: เซิร์ฟเวอร์ขนาด 2U รองรับ NVMe Gen 5 แบบ hot-swap 12 ช่อง และ PCIe Gen 5 x16 หนึ่งช่อง

    ทั้งสองรุ่นใช้พาวเวอร์ซัพพลายแบบ redundant 1600W 80 Plus Titanium เพื่อความเสถียรและประหยัดพลังงาน

    GIGABYTE จะนำเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ไปโชว์ในงาน Korea Electronics Show (KES 2025) และ SuperComputing SC25 เพื่อให้ลูกค้าและพันธมิตรได้สัมผัสประสิทธิภาพของแพลตฟอร์ม Arm-based สำหรับงาน AI และ Cloud โดยตรง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    GIGABYTE เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ใหม่ที่ใช้ชิป AmpereOne M
    AmpereOne M มีสูงสุด 192 คอร์ และรองรับ DDR5 ได้ถึง 1.5 TB
    มี L2 cache ขนาดใหญ่และ vector unit แบบ 128-bit สองชุดต่อคอร์
    เซิร์ฟเวอร์รุ่น R1A3-T40 และ R2A3-T40 รองรับ NVMe Gen 5 และ PCIe Gen 5
    ใช้พาวเวอร์ซัพพลายแบบ redundant 1600W 80 Plus Titanium
    รองรับงาน AI inference และ cloud-native ด้วยประสิทธิภาพสูง
    GIGABYTE จะโชว์เซิร์ฟเวอร์ในงาน KES 2025 และ SC25
    การออกแบบเน้นลดจำนวน node เพื่อประหยัดต้นทุนรวมของระบบ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    AmpereOne M ใช้สถาปัตยกรรม Arm แบบ single-threaded เพื่อความเสถียร
    การใช้ vector unit ช่วยให้ประมวลผล AI ได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องใช้ GPU
    NVMe Gen 5 มีความเร็วสูงกว่า Gen 4 ถึง 2 เท่า เหมาะกับงานที่ต้องการ I/O หนัก
    PCIe Gen 5 รองรับการ์ด AI inference และการ์ดเครือข่ายความเร็วสูง
    การใช้พาวเวอร์ซัพพลายแบบ Titanium ช่วยลดการสูญเสียพลังงานและเพิ่มความน่าเชื่อถือ

    https://www.techpowerup.com/341545/gigabyte-launches-portfolio-of-servers-powered-by-ampereone
    🧠 “GIGABYTE เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ AmpereOne M — แรงจัด ประหยัดไฟ รองรับ AI และ Cloud แบบเต็มระบบ” GIGABYTE โดยบริษัทลูก Giga Computing ประกาศเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป AmpereOne M ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์สถาปัตยกรรม Arm แบบ single-threaded ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI inference, cloud-native และ data center ขนาดใหญ่โดยเฉพาะ AmpereOne M มาพร้อมกับจำนวนคอร์สูงสุดถึง 192 คอร์ รองรับหน่วยความจำ DDR5 ได้ถึง 12 ช่องต่อโปรเซสเซอร์ และสามารถติดตั้ง DIMM ได้สูงสุด 1.5 TB ต่อระบบ นอกจากนี้ยังมี L2 cache ขนาดใหญ่และ vector unit แบบ 128-bit สองชุดต่อคอร์ ทำให้สามารถประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพในงานที่ต้องการ throughput สูง เช่น โมเดลภาษา AI หรือการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ GIGABYTE ได้ออกแบบเซิร์ฟเวอร์ให้เหมาะกับการใช้งานจริง โดยมีทั้งรุ่น 1U และ 2U ได้แก่: 🔰 R1A3-T40-AAV1: เซิร์ฟเวอร์ขนาด 1U รองรับ NVMe Gen 5 แบบ hot-swap 4 ช่อง และ PCIe Gen 5 x16 สองช่อง 🔰 R2A3-T40-AAV1: เซิร์ฟเวอร์ขนาด 2U รองรับ NVMe Gen 5 แบบ hot-swap 12 ช่อง และ PCIe Gen 5 x16 หนึ่งช่อง ทั้งสองรุ่นใช้พาวเวอร์ซัพพลายแบบ redundant 1600W 80 Plus Titanium เพื่อความเสถียรและประหยัดพลังงาน GIGABYTE จะนำเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ไปโชว์ในงาน Korea Electronics Show (KES 2025) และ SuperComputing SC25 เพื่อให้ลูกค้าและพันธมิตรได้สัมผัสประสิทธิภาพของแพลตฟอร์ม Arm-based สำหรับงาน AI และ Cloud โดยตรง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ GIGABYTE เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ใหม่ที่ใช้ชิป AmpereOne M ➡️ AmpereOne M มีสูงสุด 192 คอร์ และรองรับ DDR5 ได้ถึง 1.5 TB ➡️ มี L2 cache ขนาดใหญ่และ vector unit แบบ 128-bit สองชุดต่อคอร์ ➡️ เซิร์ฟเวอร์รุ่น R1A3-T40 และ R2A3-T40 รองรับ NVMe Gen 5 และ PCIe Gen 5 ➡️ ใช้พาวเวอร์ซัพพลายแบบ redundant 1600W 80 Plus Titanium ➡️ รองรับงาน AI inference และ cloud-native ด้วยประสิทธิภาพสูง ➡️ GIGABYTE จะโชว์เซิร์ฟเวอร์ในงาน KES 2025 และ SC25 ➡️ การออกแบบเน้นลดจำนวน node เพื่อประหยัดต้นทุนรวมของระบบ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ AmpereOne M ใช้สถาปัตยกรรม Arm แบบ single-threaded เพื่อความเสถียร ➡️ การใช้ vector unit ช่วยให้ประมวลผล AI ได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องใช้ GPU ➡️ NVMe Gen 5 มีความเร็วสูงกว่า Gen 4 ถึง 2 เท่า เหมาะกับงานที่ต้องการ I/O หนัก ➡️ PCIe Gen 5 รองรับการ์ด AI inference และการ์ดเครือข่ายความเร็วสูง ➡️ การใช้พาวเวอร์ซัพพลายแบบ Titanium ช่วยลดการสูญเสียพลังงานและเพิ่มความน่าเชื่อถือ https://www.techpowerup.com/341545/gigabyte-launches-portfolio-of-servers-powered-by-ampereone
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    GIGABYTE Launches Portfolio of Servers Powered by AmpereOne
    Giga Computing, a subsidiary of GIGABYTE and an industry leader in servers for x86 and Arm-based platforms as well as advanced cooling technologies, today announces the launch of its broader portfolio of AmpereOne M servers, including the GIGABYTE R1A3-T40 and R2A3-T40. With its expanded AmpereOne M...
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • “Grok 4 เปิดตัวบน Azure AI Foundry — เมื่อ AI ของ Elon Musk กลายเป็นตัวเลือกใหม่สำหรับงานวิเคราะห์ระดับลึก”

    Microsoft ประกาศเปิดให้ใช้งาน Grok 4 บนแพลตฟอร์ม Azure AI Foundry อย่างเป็นทางการ หลังจากผ่านการทดลองใช้งานแบบส่วนตัว โดย Grok 4 เป็นโมเดล AI จาก xAI ของ Elon Musk ที่เน้นด้าน “frontier-level reasoning” หรือการวิเคราะห์เชิงตรรกะ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และการเขียนโค้ดขั้นสูง มากกว่าการสร้างสรรค์เนื้อหาแบบทั่วไป

    แม้ Grok 4 จะยังด้อยกว่าคู่แข่งอย่าง GPT-4 และ Gemini ในด้านความเข้าใจภาพและความสามารถแบบมัลติโหมด แต่จุดแข็งของมันคือการประมวลผลข้อมูลเชิงลึกในบริบทที่ซับซ้อน โดยมี context window ขนาดใหญ่ถึง 128,000 tokens ซึ่งเทียบเท่ากับ GPT-4 Turbo และเหนือกว่าหลายโมเดลในตลาด

    Microsoft เปิดให้ใช้งาน Grok 4 ผ่าน Azure ในรูปแบบ “AI supermarket” ที่ให้ลูกค้าเลือกโมเดลจากหลายผู้พัฒนาได้อย่างอิสระ โดยมี 3 รุ่นให้เลือกใช้งาน ได้แก่ Grok 4 Fast Reasoning สำหรับงานวิเคราะห์, Grok 4 Fast Non-Reasoning สำหรับงานทั่วไป และ Grok Code Fast 1 สำหรับนักพัฒนา โดยทั้งหมดมีจุดเด่นด้านความเร็วและการควบคุมความปลอดภัยระดับองค์กร

    ราคาการใช้งานอยู่ที่ $5.5 ต่อ input tokens หนึ่งล้าน และ $27.5 ต่อ output tokens หนึ่งล้าน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับแข่งขันได้เมื่อเทียบกับโมเดลระดับสูงอื่น ๆ

    แม้ Grok 4 จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ก็ไม่ใช่โมเดลที่ “deploy แล้วลืม” เพราะ Microsoft เน้นให้ผู้ใช้งานตั้งระบบ guardrails และตรวจสอบผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการเผยแพร่คะแนนความปลอดภัยใหม่ในอนาคต

    ก่อนหน้านี้ Grok เคยมีประเด็นด้านความปลอดภัย เช่น การตอบคำถามที่ไม่เหมาะสมในเวอร์ชันก่อน ทำให้ Microsoftเลือกใช้แนวทาง “ระมัดระวัง” ในการเปิดตัวบน Azure เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้งานจะอยู่ภายใต้การควบคุมที่เหมาะสม

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Microsoft เปิดให้ใช้งาน Grok 4 บน Azure AI Foundry อย่างเป็นทางการ
    Grok 4 เป็นโมเดลจาก xAI ที่เน้นการวิเคราะห์เชิงตรรกะ วิทยาศาสตร์ และโค้ด
    มี context window ขนาด 128,000 tokens เทียบเท่า GPT-4 Turbo
    มี 3 รุ่นให้เลือกใช้งาน: Fast Reasoning, Fast Non-Reasoning, และ Code Fast 1
    ราคาอยู่ที่ $5.5 ต่อ input tokens หนึ่งล้าน และ $27.5 ต่อ output tokens หนึ่งล้าน
    Microsoft เน้นให้ผู้ใช้ตั้งระบบ guardrails และตรวจสอบผลลัพธ์
    Grok 4 เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด “AI supermarket” บน Azure
    เปิดใช้งานทั่วโลกภายใต้หมวด Global Standard Deployment
    xAI เซ็นสัญญากับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อใช้งาน Grok ในหน่วยงานต่าง ๆ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Grok 4 ถูกพัฒนาโดยทีมของ Elon Musk เพื่อแข่งขันกับ OpenAI และ Google
    xAI มีแผนใช้ GPU H100 จำนวน 50 ล้านตัวใน 5 ปีข้างหน้าเพื่อขยายการใช้งาน Grok
    Grok 2.5 เคยเปิดให้ใช้งานแบบโอเพ่นซอร์สเพื่อให้ชุมชนร่วมพัฒนา
    Azure AI Foundry เป็นแพลตฟอร์มที่รวมโมเดลจากหลายผู้พัฒนา เช่น OpenAI, Meta, Mistral
    การใช้ context window ขนาดใหญ่ช่วยให้โมเดลเข้าใจข้อมูลต่อเนื่องได้ดีขึ้นในงานวิเคราะห์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/microsoft-adds-grok-4-to-azure-ai-foundry-following-cautious-trials-elon-musks-latest-ai-model-is-now-available-to-deploy-for-frontier-level-reasoning
    🧠 “Grok 4 เปิดตัวบน Azure AI Foundry — เมื่อ AI ของ Elon Musk กลายเป็นตัวเลือกใหม่สำหรับงานวิเคราะห์ระดับลึก” Microsoft ประกาศเปิดให้ใช้งาน Grok 4 บนแพลตฟอร์ม Azure AI Foundry อย่างเป็นทางการ หลังจากผ่านการทดลองใช้งานแบบส่วนตัว โดย Grok 4 เป็นโมเดล AI จาก xAI ของ Elon Musk ที่เน้นด้าน “frontier-level reasoning” หรือการวิเคราะห์เชิงตรรกะ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และการเขียนโค้ดขั้นสูง มากกว่าการสร้างสรรค์เนื้อหาแบบทั่วไป แม้ Grok 4 จะยังด้อยกว่าคู่แข่งอย่าง GPT-4 และ Gemini ในด้านความเข้าใจภาพและความสามารถแบบมัลติโหมด แต่จุดแข็งของมันคือการประมวลผลข้อมูลเชิงลึกในบริบทที่ซับซ้อน โดยมี context window ขนาดใหญ่ถึง 128,000 tokens ซึ่งเทียบเท่ากับ GPT-4 Turbo และเหนือกว่าหลายโมเดลในตลาด Microsoft เปิดให้ใช้งาน Grok 4 ผ่าน Azure ในรูปแบบ “AI supermarket” ที่ให้ลูกค้าเลือกโมเดลจากหลายผู้พัฒนาได้อย่างอิสระ โดยมี 3 รุ่นให้เลือกใช้งาน ได้แก่ Grok 4 Fast Reasoning สำหรับงานวิเคราะห์, Grok 4 Fast Non-Reasoning สำหรับงานทั่วไป และ Grok Code Fast 1 สำหรับนักพัฒนา โดยทั้งหมดมีจุดเด่นด้านความเร็วและการควบคุมความปลอดภัยระดับองค์กร ราคาการใช้งานอยู่ที่ $5.5 ต่อ input tokens หนึ่งล้าน และ $27.5 ต่อ output tokens หนึ่งล้าน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับแข่งขันได้เมื่อเทียบกับโมเดลระดับสูงอื่น ๆ แม้ Grok 4 จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ก็ไม่ใช่โมเดลที่ “deploy แล้วลืม” เพราะ Microsoft เน้นให้ผู้ใช้งานตั้งระบบ guardrails และตรวจสอบผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการเผยแพร่คะแนนความปลอดภัยใหม่ในอนาคต ก่อนหน้านี้ Grok เคยมีประเด็นด้านความปลอดภัย เช่น การตอบคำถามที่ไม่เหมาะสมในเวอร์ชันก่อน ทำให้ Microsoftเลือกใช้แนวทาง “ระมัดระวัง” ในการเปิดตัวบน Azure เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้งานจะอยู่ภายใต้การควบคุมที่เหมาะสม ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Microsoft เปิดให้ใช้งาน Grok 4 บน Azure AI Foundry อย่างเป็นทางการ ➡️ Grok 4 เป็นโมเดลจาก xAI ที่เน้นการวิเคราะห์เชิงตรรกะ วิทยาศาสตร์ และโค้ด ➡️ มี context window ขนาด 128,000 tokens เทียบเท่า GPT-4 Turbo ➡️ มี 3 รุ่นให้เลือกใช้งาน: Fast Reasoning, Fast Non-Reasoning, และ Code Fast 1 ➡️ ราคาอยู่ที่ $5.5 ต่อ input tokens หนึ่งล้าน และ $27.5 ต่อ output tokens หนึ่งล้าน ➡️ Microsoft เน้นให้ผู้ใช้ตั้งระบบ guardrails และตรวจสอบผลลัพธ์ ➡️ Grok 4 เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด “AI supermarket” บน Azure ➡️ เปิดใช้งานทั่วโลกภายใต้หมวด Global Standard Deployment ➡️ xAI เซ็นสัญญากับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อใช้งาน Grok ในหน่วยงานต่าง ๆ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Grok 4 ถูกพัฒนาโดยทีมของ Elon Musk เพื่อแข่งขันกับ OpenAI และ Google ➡️ xAI มีแผนใช้ GPU H100 จำนวน 50 ล้านตัวใน 5 ปีข้างหน้าเพื่อขยายการใช้งาน Grok ➡️ Grok 2.5 เคยเปิดให้ใช้งานแบบโอเพ่นซอร์สเพื่อให้ชุมชนร่วมพัฒนา ➡️ Azure AI Foundry เป็นแพลตฟอร์มที่รวมโมเดลจากหลายผู้พัฒนา เช่น OpenAI, Meta, Mistral ➡️ การใช้ context window ขนาดใหญ่ช่วยให้โมเดลเข้าใจข้อมูลต่อเนื่องได้ดีขึ้นในงานวิเคราะห์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/microsoft-adds-grok-4-to-azure-ai-foundry-following-cautious-trials-elon-musks-latest-ai-model-is-now-available-to-deploy-for-frontier-level-reasoning
    0 Comments 0 Shares 141 Views 0 Reviews
  • “AMD Redstone มาแน่ — FSR 4 และ AFMF 3 เตรียมพลิกเกมกราฟิก พร้อมขยายสู่การ์ดรุ่นเก่า”

    AMD กำลังเตรียมปล่อยอัปเดตใหญ่ในชื่อ “Redstone” ซึ่งเป็นชุดเทคโนโลยี AI สำหรับการอัปสเกลภาพและสร้างเฟรมแบบใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับประสบการณ์เกมบน Radeon RX 9000 และอาจรวมถึงการ์ดรุ่นเก่าอย่าง RDNA 3.5 ด้วย

    จุดเด่นของ Redstone คือการรวมเทคโนโลยี FSR 4 (FidelityFX Super Resolution) รุ่นล่าสุด ที่ปรับปรุงคุณภาพภาพขณะอัปสเกลให้ดีขึ้น โดยยังคงเฟรมเรตสูง และที่น่าจับตาคือการมาของ AFMF 3 (AMD Fluid Motion Frames) ซึ่งเป็นระบบสร้างเฟรมระดับไดรเวอร์ ที่ช่วยลด ghosting และ input lag ได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า

    ข้อมูลจากไฟล์ไดรเวอร์ล่าสุดของ AMD ระบุว่า AFMF 3 จะมาพร้อมกับไดรเวอร์ Adrenalin 25.20 ซึ่งคาดว่าจะเป็นแพ็กเกจเดียวกับ Redstone และอาจมีการ backport FSR 4 ไปยังการ์ด RDNA 3.5 ด้วย โดยก่อนหน้านี้มีการเปิด FSR 4 แบบ open-source ชั่วคราว ทำให้ modder นำไปใช้กับการ์ดรุ่นเก่าได้สำเร็จ

    Redstone ยังเน้นการปรับปรุง ray tracing และการสร้างเฟรมด้วย machine learning ซึ่งจะช่วยให้เกมที่ไม่มีระบบ frame generation ในตัวสามารถลื่นไหลขึ้นได้ โดยเฉพาะบนอุปกรณ์พกพาอย่าง Lenovo Legion Go และ Asus ROG Ally ที่ใช้ชิป AMD Z1 Extreme

    แม้จะยังไม่สามารถเทียบกับ DLSS 4 ของ NVIDIA ได้ในแง่คุณภาพภาพและการรองรับหลายเฟรมพร้อมกัน แต่ Redstone คือก้าวสำคัญของ AMD ในการลดช่องว่างระหว่างสองค่าย และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้การ์ด AMD ได้สัมผัสเทคโนโลยีใหม่โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AMD เตรียมปล่อยอัปเดต Redstone ที่รวม FSR 4 และ AFMF 3
    AFMF 3 เป็นระบบสร้างเฟรมระดับไดรเวอร์ที่ลด ghosting และ input lag
    ไดรเวอร์ Adrenalin 25.20 จะเป็นแพ็กเกจที่รวม Redstone และ AFMF 3
    FSR 4 ปรับปรุงคุณภาพภาพขณะอัปสเกล โดยยังคงเฟรมเรตสูง
    มีแนวโน้มว่า FSR 4 จะถูก backport ไปยังการ์ด RDNA 3.5
    Redstone เน้นการสร้างเฟรมด้วย machine learning และปรับปรุง ray tracing
    อุปกรณ์พกพาอย่าง ROG Ally และ Legion Go จะได้ประโยชน์จาก Redstone
    การเปิด FSR 4 แบบ open-source ชั่วคราวทำให้ modder นำไปใช้กับการ์ดรุ่นเก่าได้
    Redstone เป็นความพยายามของ AMD ในการลดช่องว่างกับ DLSS 4 ของ NVIDIA

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    AFMF 1 เปิดตัวในปี 2023 สำหรับ emulator และเกมที่ไม่มี frame-gen
    AFMF 2.1 เพิ่มการติดตามภาพแบบ temporal และลด ghosting
    DLSS 4 รองรับ Multi Frame Generation และมีคุณภาพภาพสูงกว่า
    FSR 4 ยังสามารถใช้งานบนการ์ดรุ่นเก่าผ่าน OptiScaler แต่ไม่เป็นทางการ
    การ์ด RDNA 3.5 เช่น Radeon 780M iGPU มีฐานผู้ใช้จำนวนมากที่รออัปเดตนี้

    https://www.techradar.com/computing/gpu/amds-next-gen-redstone-ai-upscaling-tech-looks-imminent-and-a-big-clue-has-been-spotted-in-the-latest-drivers
    🧠 “AMD Redstone มาแน่ — FSR 4 และ AFMF 3 เตรียมพลิกเกมกราฟิก พร้อมขยายสู่การ์ดรุ่นเก่า” AMD กำลังเตรียมปล่อยอัปเดตใหญ่ในชื่อ “Redstone” ซึ่งเป็นชุดเทคโนโลยี AI สำหรับการอัปสเกลภาพและสร้างเฟรมแบบใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับประสบการณ์เกมบน Radeon RX 9000 และอาจรวมถึงการ์ดรุ่นเก่าอย่าง RDNA 3.5 ด้วย จุดเด่นของ Redstone คือการรวมเทคโนโลยี FSR 4 (FidelityFX Super Resolution) รุ่นล่าสุด ที่ปรับปรุงคุณภาพภาพขณะอัปสเกลให้ดีขึ้น โดยยังคงเฟรมเรตสูง และที่น่าจับตาคือการมาของ AFMF 3 (AMD Fluid Motion Frames) ซึ่งเป็นระบบสร้างเฟรมระดับไดรเวอร์ ที่ช่วยลด ghosting และ input lag ได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ข้อมูลจากไฟล์ไดรเวอร์ล่าสุดของ AMD ระบุว่า AFMF 3 จะมาพร้อมกับไดรเวอร์ Adrenalin 25.20 ซึ่งคาดว่าจะเป็นแพ็กเกจเดียวกับ Redstone และอาจมีการ backport FSR 4 ไปยังการ์ด RDNA 3.5 ด้วย โดยก่อนหน้านี้มีการเปิด FSR 4 แบบ open-source ชั่วคราว ทำให้ modder นำไปใช้กับการ์ดรุ่นเก่าได้สำเร็จ Redstone ยังเน้นการปรับปรุง ray tracing และการสร้างเฟรมด้วย machine learning ซึ่งจะช่วยให้เกมที่ไม่มีระบบ frame generation ในตัวสามารถลื่นไหลขึ้นได้ โดยเฉพาะบนอุปกรณ์พกพาอย่าง Lenovo Legion Go และ Asus ROG Ally ที่ใช้ชิป AMD Z1 Extreme แม้จะยังไม่สามารถเทียบกับ DLSS 4 ของ NVIDIA ได้ในแง่คุณภาพภาพและการรองรับหลายเฟรมพร้อมกัน แต่ Redstone คือก้าวสำคัญของ AMD ในการลดช่องว่างระหว่างสองค่าย และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้การ์ด AMD ได้สัมผัสเทคโนโลยีใหม่โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AMD เตรียมปล่อยอัปเดต Redstone ที่รวม FSR 4 และ AFMF 3 ➡️ AFMF 3 เป็นระบบสร้างเฟรมระดับไดรเวอร์ที่ลด ghosting และ input lag ➡️ ไดรเวอร์ Adrenalin 25.20 จะเป็นแพ็กเกจที่รวม Redstone และ AFMF 3 ➡️ FSR 4 ปรับปรุงคุณภาพภาพขณะอัปสเกล โดยยังคงเฟรมเรตสูง ➡️ มีแนวโน้มว่า FSR 4 จะถูก backport ไปยังการ์ด RDNA 3.5 ➡️ Redstone เน้นการสร้างเฟรมด้วย machine learning และปรับปรุง ray tracing ➡️ อุปกรณ์พกพาอย่าง ROG Ally และ Legion Go จะได้ประโยชน์จาก Redstone ➡️ การเปิด FSR 4 แบบ open-source ชั่วคราวทำให้ modder นำไปใช้กับการ์ดรุ่นเก่าได้ ➡️ Redstone เป็นความพยายามของ AMD ในการลดช่องว่างกับ DLSS 4 ของ NVIDIA ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ AFMF 1 เปิดตัวในปี 2023 สำหรับ emulator และเกมที่ไม่มี frame-gen ➡️ AFMF 2.1 เพิ่มการติดตามภาพแบบ temporal และลด ghosting ➡️ DLSS 4 รองรับ Multi Frame Generation และมีคุณภาพภาพสูงกว่า ➡️ FSR 4 ยังสามารถใช้งานบนการ์ดรุ่นเก่าผ่าน OptiScaler แต่ไม่เป็นทางการ ➡️ การ์ด RDNA 3.5 เช่น Radeon 780M iGPU มีฐานผู้ใช้จำนวนมากที่รออัปเดตนี้ https://www.techradar.com/computing/gpu/amds-next-gen-redstone-ai-upscaling-tech-looks-imminent-and-a-big-clue-has-been-spotted-in-the-latest-drivers
    0 Comments 0 Shares 153 Views 0 Reviews
  • “NVIDIA RTX 50 SUPER เตรียมเปิดตัวต้นปี 2026 — เพิ่ม VRAM แต่ประสิทธิภาพยัง ‘ไม่ว้าว’ เท่าที่หวัง”

    NVIDIA เตรียมเปิดตัวกราฟิกการ์ดรุ่นอัปเกรดกลางอายุในซีรีส์ RTX 50 Blackwell ภายใต้ชื่อ “SUPER” โดยคาดว่าจะเปิดตัวในงาน CES 2026 และวางจำหน่ายช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน 2026 โดยรุ่นที่คาดว่าจะเปิดตัว ได้แก่ RTX 5070 SUPER, RTX 5070 Ti SUPER และ RTX 5080 SUPER ซึ่งจะมาแทนที่รุ่นเดิมในกลุ่ม mid-range และ high-end

    จุดเด่นของรุ่น SUPER คือการเพิ่มขนาดหน่วยความจำ (VRAM) ขึ้นถึง 50% โดย RTX 5070 SUPER จะมี 18GB, ส่วน RTX 5070 Ti SUPER และ RTX 5080 SUPER จะมี 24GB ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด แต่การเพิ่ม VRAM นี้ไม่ได้มาพร้อมกับการเพิ่มแบนด์วิดธ์แบบสัดส่วน เพราะใช้ชิป GDDR7 ความหนาแน่นสูงแบบ 24 Gbit

    อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่าการเพิ่มประสิทธิภาพของตัวการ์ดในด้านอื่น เช่น CUDA core หรือความเร็ว clock นั้นมีเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะ RTX 5070 Ti SUPER และ RTX 5080 SUPER ที่ใช้โครงสร้างเดิมเป็นหลัก ทำให้การ์ดเหล่านี้เหมาะกับงานที่ต้องการ VRAM สูง เช่น AI, LLM หรือการเรนเดอร์ภาพขนาดใหญ่ มากกว่าการเล่นเกมทั่วไป

    นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตว่า NVIDIA ยังไม่แจ้งผู้ผลิตการ์ด (AIC partners) เกี่ยวกับการเปิดตัวรุ่น SUPER แม้จะใกล้เข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 แล้ว ซึ่งอาจสะท้อนถึงการเปลี่ยนแผนหรือการเปิดตัวแบบเร่งด่วนในช่วงต้นปีหน้า

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    NVIDIA เตรียมเปิดตัว RTX 50 SUPER ในงาน CES 2026 และวางจำหน่ายช่วง Q1–Q2 ปี 2026
    รุ่นที่คาดว่าจะเปิดตัว ได้แก่ RTX 5070 SUPER, RTX 5070 Ti SUPER และ RTX 5080 SUPER
    RTX 5070 SUPER จะมี VRAM 18GB ส่วนรุ่น Ti และ 5080 จะมี 24GB
    ใช้ชิป GDDR7 ความหนาแน่นสูงแบบ 24 Gbit เพื่อเพิ่ม VRAM โดยไม่เพิ่มแบนด์วิดธ์มากนัก
    การเพิ่ม CUDA core และ clock speed มีเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะในรุ่น Ti และ 5080
    เหมาะกับงานที่ต้องการ VRAM สูง เช่น AI, LLM, การเรนเดอร์ภาพขนาดใหญ่
    ยังไม่มีการแจ้งผู้ผลิตการ์ด (AIC partners) อย่างเป็นทางการ แม้จะใกล้ Q4 แล้ว

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    PCIe 6.0 ที่ใช้ในการ์ดรุ่นใหม่รองรับแบนด์วิดธ์สูงถึง 64 GT/s ต่อเลน
    GDDR7 มีความเร็วสูงกว่า GDDR6X และใช้พลังงานน้อยลง
    การ์ดรุ่น SUPER มักเป็นการอัปเกรดเล็ก ๆ กลางอายุของซีรีส์หลัก เพื่อเติมช่องว่างตลาด
    RTX 5080 SUPER มี TGP สูงถึง 415W ซึ่งต้องการระบบระบายความร้อนที่ดี
    คู่แข่งอย่าง AMD RX 9000 ใช้หน่วยความจำที่ประหยัดพลังงานกว่า ทำให้ Blackwell เสียเปรียบด้านประสิทธิภาพต่อวัตต์

    https://www.techpowerup.com/341450/march-april-release-of-nvidia-geforce-rtx-50-series-super-lineup-possible-ces-reveal
    🎮 “NVIDIA RTX 50 SUPER เตรียมเปิดตัวต้นปี 2026 — เพิ่ม VRAM แต่ประสิทธิภาพยัง ‘ไม่ว้าว’ เท่าที่หวัง” NVIDIA เตรียมเปิดตัวกราฟิกการ์ดรุ่นอัปเกรดกลางอายุในซีรีส์ RTX 50 Blackwell ภายใต้ชื่อ “SUPER” โดยคาดว่าจะเปิดตัวในงาน CES 2026 และวางจำหน่ายช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน 2026 โดยรุ่นที่คาดว่าจะเปิดตัว ได้แก่ RTX 5070 SUPER, RTX 5070 Ti SUPER และ RTX 5080 SUPER ซึ่งจะมาแทนที่รุ่นเดิมในกลุ่ม mid-range และ high-end จุดเด่นของรุ่น SUPER คือการเพิ่มขนาดหน่วยความจำ (VRAM) ขึ้นถึง 50% โดย RTX 5070 SUPER จะมี 18GB, ส่วน RTX 5070 Ti SUPER และ RTX 5080 SUPER จะมี 24GB ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด แต่การเพิ่ม VRAM นี้ไม่ได้มาพร้อมกับการเพิ่มแบนด์วิดธ์แบบสัดส่วน เพราะใช้ชิป GDDR7 ความหนาแน่นสูงแบบ 24 Gbit อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่าการเพิ่มประสิทธิภาพของตัวการ์ดในด้านอื่น เช่น CUDA core หรือความเร็ว clock นั้นมีเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะ RTX 5070 Ti SUPER และ RTX 5080 SUPER ที่ใช้โครงสร้างเดิมเป็นหลัก ทำให้การ์ดเหล่านี้เหมาะกับงานที่ต้องการ VRAM สูง เช่น AI, LLM หรือการเรนเดอร์ภาพขนาดใหญ่ มากกว่าการเล่นเกมทั่วไป นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตว่า NVIDIA ยังไม่แจ้งผู้ผลิตการ์ด (AIC partners) เกี่ยวกับการเปิดตัวรุ่น SUPER แม้จะใกล้เข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 แล้ว ซึ่งอาจสะท้อนถึงการเปลี่ยนแผนหรือการเปิดตัวแบบเร่งด่วนในช่วงต้นปีหน้า ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ NVIDIA เตรียมเปิดตัว RTX 50 SUPER ในงาน CES 2026 และวางจำหน่ายช่วง Q1–Q2 ปี 2026 ➡️ รุ่นที่คาดว่าจะเปิดตัว ได้แก่ RTX 5070 SUPER, RTX 5070 Ti SUPER และ RTX 5080 SUPER ➡️ RTX 5070 SUPER จะมี VRAM 18GB ส่วนรุ่น Ti และ 5080 จะมี 24GB ➡️ ใช้ชิป GDDR7 ความหนาแน่นสูงแบบ 24 Gbit เพื่อเพิ่ม VRAM โดยไม่เพิ่มแบนด์วิดธ์มากนัก ➡️ การเพิ่ม CUDA core และ clock speed มีเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะในรุ่น Ti และ 5080 ➡️ เหมาะกับงานที่ต้องการ VRAM สูง เช่น AI, LLM, การเรนเดอร์ภาพขนาดใหญ่ ➡️ ยังไม่มีการแจ้งผู้ผลิตการ์ด (AIC partners) อย่างเป็นทางการ แม้จะใกล้ Q4 แล้ว ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ PCIe 6.0 ที่ใช้ในการ์ดรุ่นใหม่รองรับแบนด์วิดธ์สูงถึง 64 GT/s ต่อเลน ➡️ GDDR7 มีความเร็วสูงกว่า GDDR6X และใช้พลังงานน้อยลง ➡️ การ์ดรุ่น SUPER มักเป็นการอัปเกรดเล็ก ๆ กลางอายุของซีรีส์หลัก เพื่อเติมช่องว่างตลาด ➡️ RTX 5080 SUPER มี TGP สูงถึง 415W ซึ่งต้องการระบบระบายความร้อนที่ดี ➡️ คู่แข่งอย่าง AMD RX 9000 ใช้หน่วยความจำที่ประหยัดพลังงานกว่า ทำให้ Blackwell เสียเปรียบด้านประสิทธิภาพต่อวัตต์ https://www.techpowerup.com/341450/march-april-release-of-nvidia-geforce-rtx-50-series-super-lineup-possible-ces-reveal
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    March-April Release of NVIDIA GeForce RTX 50-series SUPER Lineup, Possible CES Reveal
    NVIDIA could release the mid-lifecycle update to the GeForce 50-series "Blackwell" generation with the SUPER brand extension, toward the end of Q1 and beginning of Q2, 2026, BenchLife.info reports. The lineup could see some kind of reveal or announcements earlier that year at the 2026 International ...
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • “Jensen Huang ชี้จีนตามหลังแค่ ‘นาโนวินาที’ — เรียกร้องให้สหรัฐฯ ผ่อนคลายข้อจำกัดการส่งออกชิป AI”

    Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ออกมาแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาในรายการ BG2 Podcast ว่า “จีนตามหลังสหรัฐฯ ในด้านการผลิตชิปแค่ไม่กี่นาโนวินาที” พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ลดข้อจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีน โดยให้เหตุผลว่าการเปิดตลาดจะช่วยขยายอิทธิพลเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และรักษาความเป็นผู้นำในระดับโลก

    คำพูดของ Huang เกิดขึ้นในช่วงที่ Nvidia กำลังพยายามกลับมาขายชิป H20 ให้กับลูกค้าในจีน หลังจากถูกระงับการส่งออกหลายเดือนจากข้อจำกัดของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่งเริ่มออกใบอนุญาตให้ส่งออกอีกครั้งในเดือนสิงหาคม 2025

    อย่างไรก็ตาม จีนเองก็ไม่ได้รอให้ Nvidia กลับมา เพราะ Huawei ได้เปิดตัวระบบ Atlas 900 A3 SuperPoD ที่ใช้ชิป Ascend 910B ซึ่งไม่พึ่งพา CUDA และออกแบบมาเพื่อซอฟต์แวร์จีนโดยเฉพาะ พร้อมวางแผนพัฒนาชิปรุ่นใหม่ให้เทียบเท่าหรือเหนือกว่าชิปของ Nvidia ภายในปี 2027

    Huang ยอมรับว่าจีนเป็นคู่แข่งที่ “หิวโหย เคลื่อนไหวเร็ว และมีวัฒนธรรมการทำงานแบบ 9-9-6” ซึ่งทำให้การพัฒนาเทคโนโลยีในจีนก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อบริษัทใหญ่อย่าง Baidu, Alibaba, Tencent และ ByteDance ต่างลงทุนในทีมพัฒนาชิปของตัวเองและสนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเซมิคอนดักเตอร์

    แม้ Nvidia จะพยายามรักษาตลาดจีนด้วยการออกแบบชิปเฉพาะ เช่น H20 และ RTX Pro 6000D แต่ก็ยังถูกจีนสั่งห้ามซื้อในเดือนกันยายน 2025 โดยหน่วยงาน CAC ของจีนให้เหตุผลว่า “ชิปจีนตอนนี้เทียบเท่าหรือดีกว่าชิปที่ Nvidia อนุญาตให้ขายในจีนแล้ว” และเรียกร้องให้บริษัทในประเทศหันไปใช้ชิปภายในประเทศแทน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Jensen Huang ระบุว่าจีนตามหลังสหรัฐฯ ในการผลิตชิปแค่ “นาโนวินาที”
    เรียกร้องให้สหรัฐฯ ลดข้อจำกัดการส่งออกชิป AI เพื่อรักษาอิทธิพลทางเทคโนโลยี
    Nvidia หวังกลับมาขายชิป H20 ให้จีนหลังถูกระงับหลายเดือน
    กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เริ่มออกใบอนุญาตส่งออก H20 ในเดือนสิงหาคม 2025
    Huawei เปิดตัว Atlas 900 A3 SuperPoD ที่ใช้ชิป Ascend 910B ไม่พึ่ง CUDA
    จีนวางแผนพัฒนาชิป Ascend รุ่นใหม่ให้เทียบเท่าหรือเหนือกว่า Nvidia ภายในปี 2027
    บริษัทจีนใหญ่ลงทุนในชิปภายในประเทศ เช่น Baidu, Alibaba, Tencent และ ByteDance
    Nvidia เคยครองตลาดจีนถึง 95% แต่ลดลงอย่างรวดเร็วจากข้อจำกัดการส่งออก
    CAC ของจีนสั่งห้ามบริษัทในประเทศซื้อชิป H20 และ RTX Pro 6000D

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ชิป H20 และ RTX Pro 6000D ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผ่านข้อจำกัดของสหรัฐฯ โดยเฉพาะ
    จีนกำลังสร้างระบบ AI ที่ไม่พึ่งพาเทคโนโลยีสหรัฐฯ เช่น CUDA หรือ TensorRT
    การพัฒนา AI ในจีนเติบโตเร็วที่สุดในโลก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น เซินเจิ้นและปักกิ่ง
    DeepSeek เป็นโมเดล AI จากจีนที่เทียบเคียงกับ OpenAI และ Anthropic
    การแข่งขันด้านชิปส่งผลต่ออุตสาหกรรมอื่น เช่น บล็อกเชนและอินเทอร์เน็ตดาวเทียม

    https://www.tomshardware.com/jensen-huang-says-china-is-nanoseconds-behind-in-chips
    🇨🇳⚙️ “Jensen Huang ชี้จีนตามหลังแค่ ‘นาโนวินาที’ — เรียกร้องให้สหรัฐฯ ผ่อนคลายข้อจำกัดการส่งออกชิป AI” Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ออกมาแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาในรายการ BG2 Podcast ว่า “จีนตามหลังสหรัฐฯ ในด้านการผลิตชิปแค่ไม่กี่นาโนวินาที” พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ลดข้อจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีน โดยให้เหตุผลว่าการเปิดตลาดจะช่วยขยายอิทธิพลเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และรักษาความเป็นผู้นำในระดับโลก คำพูดของ Huang เกิดขึ้นในช่วงที่ Nvidia กำลังพยายามกลับมาขายชิป H20 ให้กับลูกค้าในจีน หลังจากถูกระงับการส่งออกหลายเดือนจากข้อจำกัดของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่งเริ่มออกใบอนุญาตให้ส่งออกอีกครั้งในเดือนสิงหาคม 2025 อย่างไรก็ตาม จีนเองก็ไม่ได้รอให้ Nvidia กลับมา เพราะ Huawei ได้เปิดตัวระบบ Atlas 900 A3 SuperPoD ที่ใช้ชิป Ascend 910B ซึ่งไม่พึ่งพา CUDA และออกแบบมาเพื่อซอฟต์แวร์จีนโดยเฉพาะ พร้อมวางแผนพัฒนาชิปรุ่นใหม่ให้เทียบเท่าหรือเหนือกว่าชิปของ Nvidia ภายในปี 2027 Huang ยอมรับว่าจีนเป็นคู่แข่งที่ “หิวโหย เคลื่อนไหวเร็ว และมีวัฒนธรรมการทำงานแบบ 9-9-6” ซึ่งทำให้การพัฒนาเทคโนโลยีในจีนก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อบริษัทใหญ่อย่าง Baidu, Alibaba, Tencent และ ByteDance ต่างลงทุนในทีมพัฒนาชิปของตัวเองและสนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเซมิคอนดักเตอร์ แม้ Nvidia จะพยายามรักษาตลาดจีนด้วยการออกแบบชิปเฉพาะ เช่น H20 และ RTX Pro 6000D แต่ก็ยังถูกจีนสั่งห้ามซื้อในเดือนกันยายน 2025 โดยหน่วยงาน CAC ของจีนให้เหตุผลว่า “ชิปจีนตอนนี้เทียบเท่าหรือดีกว่าชิปที่ Nvidia อนุญาตให้ขายในจีนแล้ว” และเรียกร้องให้บริษัทในประเทศหันไปใช้ชิปภายในประเทศแทน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Jensen Huang ระบุว่าจีนตามหลังสหรัฐฯ ในการผลิตชิปแค่ “นาโนวินาที” ➡️ เรียกร้องให้สหรัฐฯ ลดข้อจำกัดการส่งออกชิป AI เพื่อรักษาอิทธิพลทางเทคโนโลยี ➡️ Nvidia หวังกลับมาขายชิป H20 ให้จีนหลังถูกระงับหลายเดือน ➡️ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เริ่มออกใบอนุญาตส่งออก H20 ในเดือนสิงหาคม 2025 ➡️ Huawei เปิดตัว Atlas 900 A3 SuperPoD ที่ใช้ชิป Ascend 910B ไม่พึ่ง CUDA ➡️ จีนวางแผนพัฒนาชิป Ascend รุ่นใหม่ให้เทียบเท่าหรือเหนือกว่า Nvidia ภายในปี 2027 ➡️ บริษัทจีนใหญ่ลงทุนในชิปภายในประเทศ เช่น Baidu, Alibaba, Tencent และ ByteDance ➡️ Nvidia เคยครองตลาดจีนถึง 95% แต่ลดลงอย่างรวดเร็วจากข้อจำกัดการส่งออก ➡️ CAC ของจีนสั่งห้ามบริษัทในประเทศซื้อชิป H20 และ RTX Pro 6000D ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ชิป H20 และ RTX Pro 6000D ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผ่านข้อจำกัดของสหรัฐฯ โดยเฉพาะ ➡️ จีนกำลังสร้างระบบ AI ที่ไม่พึ่งพาเทคโนโลยีสหรัฐฯ เช่น CUDA หรือ TensorRT ➡️ การพัฒนา AI ในจีนเติบโตเร็วที่สุดในโลก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น เซินเจิ้นและปักกิ่ง ➡️ DeepSeek เป็นโมเดล AI จากจีนที่เทียบเคียงกับ OpenAI และ Anthropic ➡️ การแข่งขันด้านชิปส่งผลต่ออุตสาหกรรมอื่น เช่น บล็อกเชนและอินเทอร์เน็ตดาวเทียม https://www.tomshardware.com/jensen-huang-says-china-is-nanoseconds-behind-in-chips
    0 Comments 0 Shares 140 Views 0 Reviews
  • “AMD จดสิทธิบัตร HB-DIMM อีกครั้ง — แต่เทคโนโลยีนี้อาจไม่มา เพราะ MRDIMM แซงหน้าไปแล้ว”

    เมื่อเร็ว ๆ นี้ AMD ได้จดสิทธิบัตรใหม่ในชื่อ “High-bandwidth memory module architecture” ซึ่งหลายคนเข้าใจว่าเป็นการเปิดตัวเทคโนโลยี RAM แบบใหม่ที่ใช้ DDR5 เป็นฐาน โดยเรียกว่า HB-DIMM (High-Bandwidth DIMM) แต่แท้จริงแล้ว สิทธิบัตรนี้เป็นเพียงการต่อยอดจากเอกสารเดิมที่ยื่นไว้ตั้งแต่ปี 2022 และถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี MRDIMM ไปแล้วตั้งแต่ปี 2023

    HB-DIMM เป็นแนวคิดที่ใช้ “pseudo-channels” หรือช่องสัญญาณจำลองภายในโมดูลเดียว เพื่อเพิ่มอัตราการส่งข้อมูลของ DDR5 ได้ถึงสองเท่า โดยไม่ต้องเปลี่ยนชิป DRAM แต่ต้องเพิ่มชิ้นส่วน เช่น data buffers และ RCD (Register Clock Driver) ซึ่งทำให้ HB-DIMM มีศักยภาพเหนือกว่า RDIMM และ CUDIMM แบบเดิม

    อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้ได้ถูกนำไปพัฒนาเป็นมาตรฐานใหม่ชื่อ MRDIMM (Multiplexed-Rank DIMM) โดย JEDEC ซึ่งรวมแนวคิดของ HB-DIMM และ MCR-DIMM (จาก Intel และ SK hynix) เข้าด้วยกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดมาตรฐานที่ไม่เข้ากันในตลาด

    MRDIMM ได้รับการสนับสนุนจาก Intel และ AMD แล้ว โดย Intel ใช้ในซีพียู Xeon 6 และ AMD เตรียมใช้ใน EPYC ‘Venice’ ที่มีแบนด์วิดท์สูงถึง 1.6 TB/s ต่อซ็อกเก็ต ซึ่งตรงกับความเร็วที่ JEDEC ระบุไว้สำหรับ MRDIMM รุ่นที่สอง

    แม้จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ MRDIMM ยังมีราคาสูงมาก โดยแพงกว่ารุ่น DDR5 RDIMM ทั่วไปถึง 28–114% ต่อ GB ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการนำมาใช้ในระบบทั่วไป

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AMD จดสิทธิบัตร HB-DIMM อีกครั้งในปี 2025 แต่เป็นการต่อยอดจากเอกสารเดิม
    HB-DIMM ใช้ pseudo-channels เพื่อเพิ่มอัตราการส่งข้อมูลของ DDR5
    ต้องใช้ชิ้นส่วนเพิ่ม เช่น data buffers และ RCD เพื่อให้ทำงานได้
    แนวคิด HB-DIMM ถูกนำไปพัฒนาเป็นมาตรฐาน MRDIMM โดย JEDEC
    MRDIMM รวมแนวคิดจาก HB-DIMM และ MCR-DIMM เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่เข้ากัน
    Intel ใช้ MRDIMM ใน Xeon 6 และ AMD เตรียมใช้ใน EPYC ‘Venice’
    EPYC ‘Venice’ มีแบนด์วิดท์สูงถึง 1.6 TB/s ต่อซ็อกเก็ต
    MRDIMM รุ่นที่สองมีความเร็วสูงถึง 12,800 Mbps ตามมาตรฐาน JEDEC
    MRDIMM มีราคาสูงกว่ารุ่น DDR5 RDIMM ถึง 28–114% ต่อ GB

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    HB-DIMM ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ แต่เป็นแนวคิดที่ถูกพัฒนาไปแล้ว
    JEDEC เป็นองค์กรที่กำหนดมาตรฐานหน่วยความจำระดับโลก
    pseudo-channels ช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลแบบขนานภายในโมดูลเดียว
    MRDIMM ช่วยลด latency และเพิ่ม throughput ในงานที่ใช้หน่วยความจำหนัก
    AMD และ Intel มีแนวโน้มร่วมมือกันมากขึ้นในด้านมาตรฐานหน่วยความจำ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/amds-memory-patent-outlining-a-new-improved-ram-made-from-ddr5-memory-isnt-a-new-development-hb-dimms-already-superseded-probably-wont-come-to-market
    🧠 “AMD จดสิทธิบัตร HB-DIMM อีกครั้ง — แต่เทคโนโลยีนี้อาจไม่มา เพราะ MRDIMM แซงหน้าไปแล้ว” เมื่อเร็ว ๆ นี้ AMD ได้จดสิทธิบัตรใหม่ในชื่อ “High-bandwidth memory module architecture” ซึ่งหลายคนเข้าใจว่าเป็นการเปิดตัวเทคโนโลยี RAM แบบใหม่ที่ใช้ DDR5 เป็นฐาน โดยเรียกว่า HB-DIMM (High-Bandwidth DIMM) แต่แท้จริงแล้ว สิทธิบัตรนี้เป็นเพียงการต่อยอดจากเอกสารเดิมที่ยื่นไว้ตั้งแต่ปี 2022 และถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี MRDIMM ไปแล้วตั้งแต่ปี 2023 HB-DIMM เป็นแนวคิดที่ใช้ “pseudo-channels” หรือช่องสัญญาณจำลองภายในโมดูลเดียว เพื่อเพิ่มอัตราการส่งข้อมูลของ DDR5 ได้ถึงสองเท่า โดยไม่ต้องเปลี่ยนชิป DRAM แต่ต้องเพิ่มชิ้นส่วน เช่น data buffers และ RCD (Register Clock Driver) ซึ่งทำให้ HB-DIMM มีศักยภาพเหนือกว่า RDIMM และ CUDIMM แบบเดิม อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้ได้ถูกนำไปพัฒนาเป็นมาตรฐานใหม่ชื่อ MRDIMM (Multiplexed-Rank DIMM) โดย JEDEC ซึ่งรวมแนวคิดของ HB-DIMM และ MCR-DIMM (จาก Intel และ SK hynix) เข้าด้วยกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดมาตรฐานที่ไม่เข้ากันในตลาด MRDIMM ได้รับการสนับสนุนจาก Intel และ AMD แล้ว โดย Intel ใช้ในซีพียู Xeon 6 และ AMD เตรียมใช้ใน EPYC ‘Venice’ ที่มีแบนด์วิดท์สูงถึง 1.6 TB/s ต่อซ็อกเก็ต ซึ่งตรงกับความเร็วที่ JEDEC ระบุไว้สำหรับ MRDIMM รุ่นที่สอง แม้จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ MRDIMM ยังมีราคาสูงมาก โดยแพงกว่ารุ่น DDR5 RDIMM ทั่วไปถึง 28–114% ต่อ GB ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการนำมาใช้ในระบบทั่วไป ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AMD จดสิทธิบัตร HB-DIMM อีกครั้งในปี 2025 แต่เป็นการต่อยอดจากเอกสารเดิม ➡️ HB-DIMM ใช้ pseudo-channels เพื่อเพิ่มอัตราการส่งข้อมูลของ DDR5 ➡️ ต้องใช้ชิ้นส่วนเพิ่ม เช่น data buffers และ RCD เพื่อให้ทำงานได้ ➡️ แนวคิด HB-DIMM ถูกนำไปพัฒนาเป็นมาตรฐาน MRDIMM โดย JEDEC ➡️ MRDIMM รวมแนวคิดจาก HB-DIMM และ MCR-DIMM เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่เข้ากัน ➡️ Intel ใช้ MRDIMM ใน Xeon 6 และ AMD เตรียมใช้ใน EPYC ‘Venice’ ➡️ EPYC ‘Venice’ มีแบนด์วิดท์สูงถึง 1.6 TB/s ต่อซ็อกเก็ต ➡️ MRDIMM รุ่นที่สองมีความเร็วสูงถึง 12,800 Mbps ตามมาตรฐาน JEDEC ➡️ MRDIMM มีราคาสูงกว่ารุ่น DDR5 RDIMM ถึง 28–114% ต่อ GB ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ HB-DIMM ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ แต่เป็นแนวคิดที่ถูกพัฒนาไปแล้ว ➡️ JEDEC เป็นองค์กรที่กำหนดมาตรฐานหน่วยความจำระดับโลก ➡️ pseudo-channels ช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลแบบขนานภายในโมดูลเดียว ➡️ MRDIMM ช่วยลด latency และเพิ่ม throughput ในงานที่ใช้หน่วยความจำหนัก ➡️ AMD และ Intel มีแนวโน้มร่วมมือกันมากขึ้นในด้านมาตรฐานหน่วยความจำ https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/amds-memory-patent-outlining-a-new-improved-ram-made-from-ddr5-memory-isnt-a-new-development-hb-dimms-already-superseded-probably-wont-come-to-market
    0 Comments 0 Shares 135 Views 0 Reviews
  • “Supermicro เจอมัลแวร์ฝังลึกใน BMC — แฮกเกอร์สามารถควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้แบบลบไม่ออก แม้จะอัปเดตเฟิร์มแวร์แล้ว”

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Binarly ได้เปิดเผยช่องโหว่ใหม่ใน Baseboard Management Controller (BMC) ของเมนบอร์ด Supermicro ซึ่งสามารถถูกโจมตีด้วยมัลแวร์ที่ “ลบไม่ออก” แม้จะมีการอัปเดตเฟิร์มแวร์แล้วก็ตาม โดยช่องโหว่นี้เกิดจากข้อบกพร่องในกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องของเฟิร์มแวร์ที่อัปโหลดเข้าไปใน BMC

    BMC เป็นไมโครคอนโทรลเลอร์ที่ฝังอยู่ในเมนบอร์ดเซิร์ฟเวอร์ ทำหน้าที่ควบคุมระบบจากระยะไกลแม้เครื่องจะปิดอยู่ ซึ่งเป็นจุดที่แฮกเกอร์สามารถใช้เจาะระบบได้โดยไม่ต้องผ่าน CPU หรือ OS หลัก

    ช่องโหว่ที่ถูกค้นพบใหม่มีสองรายการ ได้แก่ CVE-2025-7937 และ CVE-2025-6198 โดย CVE-2025-7937 เป็นการ “ย้อนกลับ” ช่องโหว่เดิมที่เคยถูกแพตช์ไปแล้วในปี 2024 (CVE-2024-10237) ส่วน CVE-2025-6198 เป็นช่องโหว่ใหม่ที่ใช้เทคนิคต่างออกไป แต่ให้ผลลัพธ์คล้ายกัน คือสามารถฝังเฟิร์มแวร์อันตรายที่ผ่านการตรวจสอบได้อย่างแนบเนียน

    มัลแวร์ที่ฝังเข้าไปสามารถควบคุมทั้ง BMC และระบบปฏิบัติการหลักได้อย่างถาวร โดยไม่สามารถตรวจจับหรือกำจัดได้ง่าย ๆ เนื่องจากมันสามารถ “ผ่าน” ขั้นตอนการตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัลได้อย่างสมบูรณ์

    Binarly แนะนำให้ผู้ผลิตและผู้ใช้งานเซิร์ฟเวอร์ใช้ระบบ Root of Trust (RoT) ที่มีการตรวจสอบจากฮาร์ดแวร์ และเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบความสมบูรณ์ของเฟิร์มแวร์ เพื่อป้องกันการโจมตีในระดับลึกเช่นนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    พบช่องโหว่ใหม่ใน BMC ของเมนบอร์ด Supermicro ที่เปิดทางให้มัลแวร์ฝังตัวแบบลบไม่ออก
    ช่องโหว่เกิดจากข้อบกพร่องในกระบวนการตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัลของเฟิร์มแวร์
    ช่องโหว่ CVE-2025-7937 เป็นการย้อนกลับช่องโหว่เดิมที่เคยถูกแพตช์
    ช่องโหว่ CVE-2025-6198 เป็นช่องโหว่ใหม่ที่ใช้เทคนิคต่างออกไป
    มัลแวร์สามารถควบคุมทั้ง BMC และระบบปฏิบัติการหลักได้อย่างถาวร
    เฟิร์มแวร์อันตรายสามารถผ่านการตรวจสอบลายเซ็นได้อย่างแนบเนียน
    Binarly แนะนำให้ใช้ Root of Trust ที่ตรวจสอบจากฮาร์ดแวร์
    ควรเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบความสมบูรณ์ของเฟิร์มแวร์ก่อนอัปเดต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    BMC เป็นจุดสำคัญในการบริหารจัดการเซิร์ฟเวอร์จากระยะไกล
    การโจมตีผ่าน BMC สามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับจากระบบปฏิบัติการหลักได้
    Root of Trust เป็นแนวทางที่ใช้ในระบบความปลอดภัยระดับสูง เช่น TPM และ Secure Boot
    ช่องโหว่ใน BMC มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการใช้งานเซิร์ฟเวอร์ในระบบ cloud และ edge
    การโจมตีระดับเฟิร์มแวร์มักใช้ในกลุ่ม APT ที่มีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์

    https://www.techradar.com/pro/security/supermicro-motherboards-can-be-infected-with-unremovable-new-malware
    🛡️ “Supermicro เจอมัลแวร์ฝังลึกใน BMC — แฮกเกอร์สามารถควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้แบบลบไม่ออก แม้จะอัปเดตเฟิร์มแวร์แล้ว” นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Binarly ได้เปิดเผยช่องโหว่ใหม่ใน Baseboard Management Controller (BMC) ของเมนบอร์ด Supermicro ซึ่งสามารถถูกโจมตีด้วยมัลแวร์ที่ “ลบไม่ออก” แม้จะมีการอัปเดตเฟิร์มแวร์แล้วก็ตาม โดยช่องโหว่นี้เกิดจากข้อบกพร่องในกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องของเฟิร์มแวร์ที่อัปโหลดเข้าไปใน BMC BMC เป็นไมโครคอนโทรลเลอร์ที่ฝังอยู่ในเมนบอร์ดเซิร์ฟเวอร์ ทำหน้าที่ควบคุมระบบจากระยะไกลแม้เครื่องจะปิดอยู่ ซึ่งเป็นจุดที่แฮกเกอร์สามารถใช้เจาะระบบได้โดยไม่ต้องผ่าน CPU หรือ OS หลัก ช่องโหว่ที่ถูกค้นพบใหม่มีสองรายการ ได้แก่ CVE-2025-7937 และ CVE-2025-6198 โดย CVE-2025-7937 เป็นการ “ย้อนกลับ” ช่องโหว่เดิมที่เคยถูกแพตช์ไปแล้วในปี 2024 (CVE-2024-10237) ส่วน CVE-2025-6198 เป็นช่องโหว่ใหม่ที่ใช้เทคนิคต่างออกไป แต่ให้ผลลัพธ์คล้ายกัน คือสามารถฝังเฟิร์มแวร์อันตรายที่ผ่านการตรวจสอบได้อย่างแนบเนียน มัลแวร์ที่ฝังเข้าไปสามารถควบคุมทั้ง BMC และระบบปฏิบัติการหลักได้อย่างถาวร โดยไม่สามารถตรวจจับหรือกำจัดได้ง่าย ๆ เนื่องจากมันสามารถ “ผ่าน” ขั้นตอนการตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัลได้อย่างสมบูรณ์ Binarly แนะนำให้ผู้ผลิตและผู้ใช้งานเซิร์ฟเวอร์ใช้ระบบ Root of Trust (RoT) ที่มีการตรวจสอบจากฮาร์ดแวร์ และเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบความสมบูรณ์ของเฟิร์มแวร์ เพื่อป้องกันการโจมตีในระดับลึกเช่นนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ พบช่องโหว่ใหม่ใน BMC ของเมนบอร์ด Supermicro ที่เปิดทางให้มัลแวร์ฝังตัวแบบลบไม่ออก ➡️ ช่องโหว่เกิดจากข้อบกพร่องในกระบวนการตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัลของเฟิร์มแวร์ ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-7937 เป็นการย้อนกลับช่องโหว่เดิมที่เคยถูกแพตช์ ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-6198 เป็นช่องโหว่ใหม่ที่ใช้เทคนิคต่างออกไป ➡️ มัลแวร์สามารถควบคุมทั้ง BMC และระบบปฏิบัติการหลักได้อย่างถาวร ➡️ เฟิร์มแวร์อันตรายสามารถผ่านการตรวจสอบลายเซ็นได้อย่างแนบเนียน ➡️ Binarly แนะนำให้ใช้ Root of Trust ที่ตรวจสอบจากฮาร์ดแวร์ ➡️ ควรเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบความสมบูรณ์ของเฟิร์มแวร์ก่อนอัปเดต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ BMC เป็นจุดสำคัญในการบริหารจัดการเซิร์ฟเวอร์จากระยะไกล ➡️ การโจมตีผ่าน BMC สามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับจากระบบปฏิบัติการหลักได้ ➡️ Root of Trust เป็นแนวทางที่ใช้ในระบบความปลอดภัยระดับสูง เช่น TPM และ Secure Boot ➡️ ช่องโหว่ใน BMC มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการใช้งานเซิร์ฟเวอร์ในระบบ cloud และ edge ➡️ การโจมตีระดับเฟิร์มแวร์มักใช้ในกลุ่ม APT ที่มีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ https://www.techradar.com/pro/security/supermicro-motherboards-can-be-infected-with-unremovable-new-malware
    0 Comments 0 Shares 130 Views 0 Reviews
  • “IonQ ทำลายสถิติวงการควอนตัมด้วย #AQ 64 — คำนวณได้เทียบเท่า 1 พันล้าน GPU ในพื้นที่เท่าโต๊ะทำงาน”

    IonQ บริษัทผู้นำด้านควอนตัมคอมพิวติ้ง ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการพัฒนาเครื่องควอนตัมรุ่นใหม่ “IonQ Tempo” ซึ่งสามารถทำคะแนน Algorithmic Qubit (#AQ) ได้ถึงระดับ 64 — เป็นครั้งแรกในโลกที่มีระบบควอนตัมแตะระดับนี้ได้สำเร็จ และเร็วกว่ากำหนดถึง 3 เดือน

    คะแนน #AQ คือมาตรวัดความสามารถของระบบควอนตัมในการรันอัลกอริธึมที่ซับซ้อน โดยไม่สูญเสียความแม่นยำ ยิ่ง #AQ สูงเท่าไร พื้นที่การคำนวณที่ระบบสามารถเข้าถึงได้ก็ยิ่งขยายตัวแบบทวีคูณ เช่น #AQ 64 เท่ากับการพิจารณาความเป็นไปได้ได้มากกว่า 18 ควินทิลเลียน หรือ 2^64 ซึ่งมากกว่า #AQ 36 ถึง 268 ล้านเท่า

    IonQ Tempo ซึ่งเป็นเครื่องรุ่นที่ 5 ของบริษัท ใช้เทคโนโลยี trapped-ion ที่ควบคุมอะตอมด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้สามารถควบคุม qubit ได้อย่างแม่นยำและลดข้อผิดพลาดได้มากกว่าระบบ superconducting ที่คู่แข่งใช้อยู่

    ความสามารถของ Tempo ทำให้สามารถประมวลผลงานที่เคยต้องใช้ GPU กว่า 1 พันล้านตัวได้ในเครื่องเดียว โดยใช้พลังงานน้อยกว่ามาก และกินพื้นที่เพียงเล็กน้อย เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การค้นคว้ายา, การจำลองวิศวกรรม, การวิเคราะห์ความผิดปกติทางการเงิน และการจัดการโครงข่ายพลังงาน

    นอกจาก #AQ แล้ว IonQ ยังเตรียมรายงานค่าต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น logical qubits, error rate และ benchmark ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม เพื่อให้ลูกค้าเห็นภาพชัดเจนว่าระบบของ IonQ สามารถสร้างคุณค่าเชิงพาณิชย์ได้จริง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    IonQ ทำคะแนน #AQ ได้ถึง 64 เป็นครั้งแรกในโลก
    ใช้เครื่องควอนตัมรุ่นใหม่ชื่อ IonQ Tempo ซึ่งเป็นรุ่นที่ 5 ของบริษัท
    #AQ 64 เท่ากับพื้นที่การคำนวณมากกว่า 18 ควินทิลเลียน หรือ 2^64
    มากกว่า #AQ 36 ถึง 268 ล้านเท่า ซึ่งเคยทำได้ในต้นปี 2024
    Tempo ใช้เทคโนโลยี trapped-ion ที่ควบคุม qubit ได้แม่นยำ
    สามารถประมวลผลงานที่เคยต้องใช้ GPU กว่า 1 พันล้านตัว
    เหมาะกับงานด้านพลังงาน, ยา, วิศวกรรม, การเงิน และ AI
    เตรียมรายงาน logical qubits, error rate และ benchmark เชิงอุตสาหกรรม
    IonQ Aria และ Forte เคย outperform IBM ได้ถึง 182% ในบางอัลกอริธึม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    #AQ เป็นการวัด “คุณภาพ” ของ qubit ไม่ใช่แค่จำนวน
    Trapped-ion มีความเสถียรสูงและลดข้อผิดพลาดได้ดีกว่า superconducting qubit
    Quantum computing กำลังกลายเป็นเครื่องมือหลักในงาน AI และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่
    IonQ มีแผนพัฒนา #AQ 256 ภายในปี 2027 ซึ่งจะเพิ่มความสามารถอีกหลายล้านเท่า
    บริษัทมีพันธมิตรกับ Amazon, Microsoft และหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ

    https://www.techpowerup.com/341357/ionq-achieves-record-breaking-quantum-performance-milestone-of-aq-64
    🧮 “IonQ ทำลายสถิติวงการควอนตัมด้วย #AQ 64 — คำนวณได้เทียบเท่า 1 พันล้าน GPU ในพื้นที่เท่าโต๊ะทำงาน” IonQ บริษัทผู้นำด้านควอนตัมคอมพิวติ้ง ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการพัฒนาเครื่องควอนตัมรุ่นใหม่ “IonQ Tempo” ซึ่งสามารถทำคะแนน Algorithmic Qubit (#AQ) ได้ถึงระดับ 64 — เป็นครั้งแรกในโลกที่มีระบบควอนตัมแตะระดับนี้ได้สำเร็จ และเร็วกว่ากำหนดถึง 3 เดือน คะแนน #AQ คือมาตรวัดความสามารถของระบบควอนตัมในการรันอัลกอริธึมที่ซับซ้อน โดยไม่สูญเสียความแม่นยำ ยิ่ง #AQ สูงเท่าไร พื้นที่การคำนวณที่ระบบสามารถเข้าถึงได้ก็ยิ่งขยายตัวแบบทวีคูณ เช่น #AQ 64 เท่ากับการพิจารณาความเป็นไปได้ได้มากกว่า 18 ควินทิลเลียน หรือ 2^64 ซึ่งมากกว่า #AQ 36 ถึง 268 ล้านเท่า IonQ Tempo ซึ่งเป็นเครื่องรุ่นที่ 5 ของบริษัท ใช้เทคโนโลยี trapped-ion ที่ควบคุมอะตอมด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้สามารถควบคุม qubit ได้อย่างแม่นยำและลดข้อผิดพลาดได้มากกว่าระบบ superconducting ที่คู่แข่งใช้อยู่ ความสามารถของ Tempo ทำให้สามารถประมวลผลงานที่เคยต้องใช้ GPU กว่า 1 พันล้านตัวได้ในเครื่องเดียว โดยใช้พลังงานน้อยกว่ามาก และกินพื้นที่เพียงเล็กน้อย เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การค้นคว้ายา, การจำลองวิศวกรรม, การวิเคราะห์ความผิดปกติทางการเงิน และการจัดการโครงข่ายพลังงาน นอกจาก #AQ แล้ว IonQ ยังเตรียมรายงานค่าต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น logical qubits, error rate และ benchmark ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม เพื่อให้ลูกค้าเห็นภาพชัดเจนว่าระบบของ IonQ สามารถสร้างคุณค่าเชิงพาณิชย์ได้จริง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ IonQ ทำคะแนน #AQ ได้ถึง 64 เป็นครั้งแรกในโลก ➡️ ใช้เครื่องควอนตัมรุ่นใหม่ชื่อ IonQ Tempo ซึ่งเป็นรุ่นที่ 5 ของบริษัท ➡️ #AQ 64 เท่ากับพื้นที่การคำนวณมากกว่า 18 ควินทิลเลียน หรือ 2^64 ➡️ มากกว่า #AQ 36 ถึง 268 ล้านเท่า ซึ่งเคยทำได้ในต้นปี 2024 ➡️ Tempo ใช้เทคโนโลยี trapped-ion ที่ควบคุม qubit ได้แม่นยำ ➡️ สามารถประมวลผลงานที่เคยต้องใช้ GPU กว่า 1 พันล้านตัว ➡️ เหมาะกับงานด้านพลังงาน, ยา, วิศวกรรม, การเงิน และ AI ➡️ เตรียมรายงาน logical qubits, error rate และ benchmark เชิงอุตสาหกรรม ➡️ IonQ Aria และ Forte เคย outperform IBM ได้ถึง 182% ในบางอัลกอริธึม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ #AQ เป็นการวัด “คุณภาพ” ของ qubit ไม่ใช่แค่จำนวน ➡️ Trapped-ion มีความเสถียรสูงและลดข้อผิดพลาดได้ดีกว่า superconducting qubit ➡️ Quantum computing กำลังกลายเป็นเครื่องมือหลักในงาน AI และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ➡️ IonQ มีแผนพัฒนา #AQ 256 ภายในปี 2027 ซึ่งจะเพิ่มความสามารถอีกหลายล้านเท่า ➡️ บริษัทมีพันธมิตรกับ Amazon, Microsoft และหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ https://www.techpowerup.com/341357/ionq-achieves-record-breaking-quantum-performance-milestone-of-aq-64
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    IonQ Achieves Record Breaking Quantum Performance Milestone of #AQ 64
    IonQ, the leader in the quantum computing and networking industries, today announced it has achieved a record algorithmic qubit score of #AQ 64. This milestone was achieved on an IonQ Tempo system, three months ahead of schedule, establishing IonQ as the only company to reach #AQ 64 setting a new st...
    0 Comments 0 Shares 178 Views 0 Reviews
  • “Solidigm เปิดตัว SSD ระบายความร้อนด้วยน้ำรุ่นแรกของโลก — D7-PS1010 พลิกโฉมเซิร์ฟเวอร์ AI ด้วยดีไซน์ E.1 PCIe 5.0”

    ในยุคที่ศูนย์ข้อมูลต้องรับมือกับภาระงาน AI ที่หนักหน่วงและความร้อนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง Solidigm ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ล่าสุด — SSD รุ่น D7-PS1010 ซึ่งเป็น SSD ระดับองค์กรรุ่นแรกของโลกที่ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำโดยตรง

    D7-PS1010 มาในรูปแบบ E.1 ที่บางเฉียบ พร้อมอินเทอร์เฟซ PCIe 5.0 และถูกออกแบบให้มี cold plate หุ้มรอบแผงวงจร พร้อมหัวต่อท่อน้ำที่ปลายทั้งสองด้าน ทำให้สามารถถอดเปลี่ยนได้แบบ hot-swap โดยไม่ต้องปิดระบบ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในศูนย์ข้อมูลที่ต้องการ uptime สูงสุด

    Solidigm ระบุว่า SSD รุ่นนี้เหมาะสำหรับเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ใช้ Direct-Attached Storage (DAS) โดยเฉพาะ และได้ร่วมมือกับ Supermicro เพื่อทดสอบการใช้งานร่วมกับเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ Nvidia HGX B300 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม AI ระดับสูง

    ด้านประสิทธิภาพ D7-PS1010 มีความเร็วในการอ่านแบบ sequential สูงถึง 14,500 MB/s และเขียนที่ 8,400 MB/s พร้อมรองรับ IOPS สำหรับการอ่านแบบสุ่มถึง 3.2 ล้านครั้งต่อวินาที และเขียนที่ 315,000 ครั้ง โดยใช้ NAND แบบ TLC 3D 176 ชั้น และมีความจุให้เลือก 3.84 TB และ 7.68 TB

    ที่น่าสนใจคือระบบระบายความร้อนสามารถทำงานได้ทั้งสองด้านของ PCB พร้อมช่วยลดการใช้พัดลมใน storage bay ซึ่งอาจนำไปสู่การออกแบบเซิร์ฟเวอร์ที่เล็กลงและประหยัดพลังงานมากขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Solidigm เปิดตัว D7-PS1010 SSD ระดับองค์กรรุ่นแรกที่ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ
    ใช้รูปแบบ E.1 พร้อมอินเทอร์เฟซ PCIe 5.0 และ cold plate หุ้มรอบแผงวงจร
    รองรับการถอดเปลี่ยนแบบ hot-swap โดยไม่ต้องปิดระบบ
    เหมาะสำหรับเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ใช้ Direct-Attached Storage (DAS)
    ร่วมมือกับ Supermicro ทดสอบใช้งานในเซิร์ฟเวอร์ Nvidia HGX B300
    ความเร็ว sequential read/write อยู่ที่ 14,500 / 8,400 MB/s
    รองรับ IOPS สำหรับ random read/write ที่ 3.2 ล้าน / 315,000
    ใช้ NAND แบบ TLC 3D 176 ชั้น มีความจุ 3.84 TB และ 7.68 TB
    MTBF อยู่ที่ 2.5 ล้านชั่วโมง พร้อมรับประกัน 5 ปี
    ระบบระบายความร้อนช่วยลดการใช้พัดลมใน storage bay

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    E.1 เป็นฟอร์มแฟกเตอร์ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเซิร์ฟเวอร์ยุค AI โดยเฉพาะ
    PCIe 5.0 ให้แบนด์วิดธ์สูงกว่า PCIe 4.0 ถึงสองเท่า เหมาะกับงาน AI/ML
    การใช้ cold plate แบบ wraparound ช่วยลดจุดร้อนเฉพาะจุดใน SSD ได้ดี
    DAS มี latency ต่ำกว่าการใช้ SAN หรือ NAS และเหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูง
    การลดการใช้พัดลมช่วยลดเสียงรบกวนและเพิ่มความน่าเชื่อถือของระบบ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/solidigm-touts-industrys-first-liquid-cooled-enterprise-ssd-d7-ps1010-is-an-e-1-pcie-5-0-drive-with-a-wrap-around-cold-plate
    💧 “Solidigm เปิดตัว SSD ระบายความร้อนด้วยน้ำรุ่นแรกของโลก — D7-PS1010 พลิกโฉมเซิร์ฟเวอร์ AI ด้วยดีไซน์ E.1 PCIe 5.0” ในยุคที่ศูนย์ข้อมูลต้องรับมือกับภาระงาน AI ที่หนักหน่วงและความร้อนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง Solidigm ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ล่าสุด — SSD รุ่น D7-PS1010 ซึ่งเป็น SSD ระดับองค์กรรุ่นแรกของโลกที่ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำโดยตรง D7-PS1010 มาในรูปแบบ E.1 ที่บางเฉียบ พร้อมอินเทอร์เฟซ PCIe 5.0 และถูกออกแบบให้มี cold plate หุ้มรอบแผงวงจร พร้อมหัวต่อท่อน้ำที่ปลายทั้งสองด้าน ทำให้สามารถถอดเปลี่ยนได้แบบ hot-swap โดยไม่ต้องปิดระบบ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในศูนย์ข้อมูลที่ต้องการ uptime สูงสุด Solidigm ระบุว่า SSD รุ่นนี้เหมาะสำหรับเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ใช้ Direct-Attached Storage (DAS) โดยเฉพาะ และได้ร่วมมือกับ Supermicro เพื่อทดสอบการใช้งานร่วมกับเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ Nvidia HGX B300 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม AI ระดับสูง ด้านประสิทธิภาพ D7-PS1010 มีความเร็วในการอ่านแบบ sequential สูงถึง 14,500 MB/s และเขียนที่ 8,400 MB/s พร้อมรองรับ IOPS สำหรับการอ่านแบบสุ่มถึง 3.2 ล้านครั้งต่อวินาที และเขียนที่ 315,000 ครั้ง โดยใช้ NAND แบบ TLC 3D 176 ชั้น และมีความจุให้เลือก 3.84 TB และ 7.68 TB ที่น่าสนใจคือระบบระบายความร้อนสามารถทำงานได้ทั้งสองด้านของ PCB พร้อมช่วยลดการใช้พัดลมใน storage bay ซึ่งอาจนำไปสู่การออกแบบเซิร์ฟเวอร์ที่เล็กลงและประหยัดพลังงานมากขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Solidigm เปิดตัว D7-PS1010 SSD ระดับองค์กรรุ่นแรกที่ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ➡️ ใช้รูปแบบ E.1 พร้อมอินเทอร์เฟซ PCIe 5.0 และ cold plate หุ้มรอบแผงวงจร ➡️ รองรับการถอดเปลี่ยนแบบ hot-swap โดยไม่ต้องปิดระบบ ➡️ เหมาะสำหรับเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ใช้ Direct-Attached Storage (DAS) ➡️ ร่วมมือกับ Supermicro ทดสอบใช้งานในเซิร์ฟเวอร์ Nvidia HGX B300 ➡️ ความเร็ว sequential read/write อยู่ที่ 14,500 / 8,400 MB/s ➡️ รองรับ IOPS สำหรับ random read/write ที่ 3.2 ล้าน / 315,000 ➡️ ใช้ NAND แบบ TLC 3D 176 ชั้น มีความจุ 3.84 TB และ 7.68 TB ➡️ MTBF อยู่ที่ 2.5 ล้านชั่วโมง พร้อมรับประกัน 5 ปี ➡️ ระบบระบายความร้อนช่วยลดการใช้พัดลมใน storage bay ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ E.1 เป็นฟอร์มแฟกเตอร์ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเซิร์ฟเวอร์ยุค AI โดยเฉพาะ ➡️ PCIe 5.0 ให้แบนด์วิดธ์สูงกว่า PCIe 4.0 ถึงสองเท่า เหมาะกับงาน AI/ML ➡️ การใช้ cold plate แบบ wraparound ช่วยลดจุดร้อนเฉพาะจุดใน SSD ได้ดี ➡️ DAS มี latency ต่ำกว่าการใช้ SAN หรือ NAS และเหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูง ➡️ การลดการใช้พัดลมช่วยลดเสียงรบกวนและเพิ่มความน่าเชื่อถือของระบบ https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/solidigm-touts-industrys-first-liquid-cooled-enterprise-ssd-d7-ps1010-is-an-e-1-pcie-5-0-drive-with-a-wrap-around-cold-plate
    0 Comments 0 Shares 153 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 3 Emperor Bush !?

    George Herbert Walker Bush เป็นพวกคนรวย มาจากครอบครัวที่ทำมาหากินแถว New England ซึ่งเคยค้าขายกับอาณาจักร Reich ของ Hitler มาแล้ว และมาคบและค้า น้ำมันกับตระกูล Rockefeller เขาบอกกับคนสนิทว่า “เราชนะแล้ว” เหมือนเวลาแข่งขัน Super Bowl แล้วทีมที่ตัวเชียร์ชนะนั่นแหละ ชนะแบบนั้น ฮึกเหิมแบบนั้น มันรู้สึกว่ายิ่งใหญ่เหลือประมาณ ขนาดมีคนตั้งข้อสังเกตว่า ประธานาธิบดีอเมริกา ในยุค 1990 โดยเฉพาะนาย Bush คนนี้ เวลาจะเดินทางไปต่างประเทศ ขบวนใหญ่โตเหมือนองค์จักรพรรดิเสด็จ ฝ่ายความมั่นคงที่ยกทีมไปคุ้มกัน ดูเหมือนจะมากกว่าพลเมืองของประเทศที่ นาย Bush ไปปรากฎตัวเยี่ยมเสียอีก อเมริกากำลังฉาบตัวเองให้มีภาพเป็น ผู้ครองโลก ไม่ต่างกับสมัยนโปเลียน ตั้งตัวเองเป็นจักรพรรดิ โอ้โห ! เล่นกันเองแรงเหมือนกันนะพวกนักล่า สมันน้อยคิดในใจ

    เปล่าหรอก คนที่พูดไม่ใช่ใครอื่น เจ้าของหัวสมองที่อเมริกาบอกยอด แสนรู้ นาย Zbigniew Brzezinski เจ้าเก่านั่นเอง เขาไม่ได้พูดในฐานะคนนอก แต่พูดในฐานะคนใน และไม่ใช่ในธรรมดา แต่ในฐานะนายท้ายเรืออเมริกา ชื่อเขาไม่เคยหลุดจากการเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีมาเลย ไล่มาตั้งแต่สมัยแรกคือนาย Jimmy Carter จนเดี๋ยวนี้อายุ 90 แล้ว ยังเป็นที่ปรึกษาให้นาย Obama ด้วย
    นาย Brzezinski เป็นลูกศิษย์เอกของครูใหญ่ด้าน ภูมิศาสตร์การเมืองชาวอังกฤษ คือ Sir Halford Mackinder ซึ่งบอกว่าการแสดงความกร่างของการเป็นจักรวรรดิ มันก็คือบทสุดท้ายของการเป็นจักรวรรดิ ความกร่างนั่นแหละที่ทำให้จักรภพอังกฤษ ถึงจุดจบในศตรรษที่ 19 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่ม

    นาย Brzezinski ยังบอกอีกว่า ไอ้ความอวดดี กดขี่และความกร่างของวอชิงตัน ในศตวรรษต่อมานี่แหละ จะทำลายอเมริกาเอง จากการที่เป็นผู้มีอำนาจใหญ่สุดหนึ่งเดียว หรือการเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่นาย Brzezinski นั่นเองแหละ ที่เป็นคนติดเครื่องให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิ นักล่าหมายเลขหนึ่งครองโลก แต่เขาเตือนว่าอเมริกาจะต้องระมัดระวัง แม้ว่าจะเอาเสื้อคลุมประชาธิปไตยมาพรางตัวเองแล้วก็ตาม ก็จะต้องรักษามิตรเพื่องานใหญ่ข้างหน้า งานใหญ่นี้คือ การควบคุม Eurasia เขาไม่ได้โต้แย้งการจะเป็นจักรวรรดิอเมริกา เขาเพียงแต่เห็นต่างในวิธีการจะไปให้ถึงจุดหมาย

    Brzezinski บอกว่าเราจะไปให้ถึงจุดหมายของการเป็นจักรวรรดิอเมริกา เราต้องมีกองทัพของอเมริกาอยู่ที่ทั่วโลก วางกองกำลังไว้ทุกทวีป ครอบคลุมทุกมหาสมุทร เพิ่มการปะทะหรือการต่อสู้ในทุกที่ แบบนี้จะมีใครมาเทียบรัศมีกับอเมริกาได้ ไม่ว่าในทางการเมืองหรือกองทัพ

    และที่อเมริกาวางกองกำลังไว้แห่งหนึ่งก็คือ บริเวณพื้นที่ผืนเล็ก ๆ อยู่ในเอเซียกลาง ซึ่งเคยเป็นของสหภาพโซเวียต ที่ชื่อ Republic of Georgia นั่นแหละ ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 2003 เป็นต้นมา รัฐบาลอเมริกัน โดยคุณพ่อ Bush ได้ให้การสนับสนุนด้านกองกำลังแก่ Georgia รวมทั้งให้คำปรึกษา เป็นพี่เลี้ยง ให้กับรัฐเล็กๆ ที่ได้ประกาศตัวเป็นอิสระจากสหภาพโซเวียต ในปี 1990 มาตลอด
    คงจะเป็นการยาก ที่จะให้ใครเข้าใจเหตุการณ์ใน Georgia ในปี ค.ศ. 2008 ถ้าไม่ย้อนไปดูพฤติกรรมของอเม ริกา หลัง ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา สมัยรัฐบาลคุณพ่อ Bush เขาหักหลังรัสเซียโดยให้ NATO ขยายตัวมาทางตะวันออก มาถึงคุณลูก Bush ก็มาสานต่อด้วยการกดดันสหภาพยุโรปและรัฐบาลของยุโรปตะวันตก ให้รับ Georgia และ Ukraine สองประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพ โซเวียตเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของ NATO

    ต้นปี ค.ศ. 2007 อเมริกาประกาศว่า อเมริกามีแผนที่จะสร้างฐานยิงจรวด และสถานีเรดาร์ ใน 2 ประเทศที่เคยอยู่ใน Warsaw Pact และบัดนี้เป็นสมาชิกของ NATO คือ Poland และ Czech นาย Bush อ้างว่าอเมริกาต้องทำเพื่อป้องกันตัวเอง จากการโจมตีของประเทศที่พูดกันไม่รู้เรื่องเช่น Iran ข้ออ้างนี้ ถูกรัสเซียสวนกลับว่าไม่ใช่เป็นการป้องกันตัวหรอกเพื่อน แต่เป็นการแสดงการรุกคืบ เพื่อโชว์กำลังอำนาจด้านการทหารให้ Moscow ดูมากกว่า !

    เดือน ก.พ. 2007 คุณพี่ปูติน ในฐานะประธานาธิบดีของรัสเซีย ได้พูดในที่ประชุมเกี่ยวกับความมั่นคงระหว่างประเทศที่ Munich Germany ว่า วันนี้ไม่ขอพูดภาษานักการฑูต แต่ขอถามกันตรง ๆ ว่าNATO ตั้งใจจะก่อความยั่วยุ ให้เกิดความไม่ไว้วางใจกัน ระหว่างสมาชิกหรือยังไง ถามจริง ๆ เถอะ เป้าหมาย (ของการยั่วยุของ) NATO อยู่ที่ใคร และคำมั่นของบรรดาคู่สัญญาฝ่ายตะวันตก หลังเลิก Warsaw Pact นั้น มันหายไปไหนหมด

    คุณพี่ปูตินอาจจะไม่ใช่ประเภท “nice guy” แต่ที่แน่นอน คุณพี่ปูไม่ใช่คนโง่และขี้ขลาด เมื่อถึงเวลาที่จะต้องปกป้องผลประโยชน์ของชาวรัสเซีย กลิ่นของสงครามเย็นเริ่มโชยอีกครั้ง!

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 3 Emperor Bush !? George Herbert Walker Bush เป็นพวกคนรวย มาจากครอบครัวที่ทำมาหากินแถว New England ซึ่งเคยค้าขายกับอาณาจักร Reich ของ Hitler มาแล้ว และมาคบและค้า น้ำมันกับตระกูล Rockefeller เขาบอกกับคนสนิทว่า “เราชนะแล้ว” เหมือนเวลาแข่งขัน Super Bowl แล้วทีมที่ตัวเชียร์ชนะนั่นแหละ ชนะแบบนั้น ฮึกเหิมแบบนั้น มันรู้สึกว่ายิ่งใหญ่เหลือประมาณ ขนาดมีคนตั้งข้อสังเกตว่า ประธานาธิบดีอเมริกา ในยุค 1990 โดยเฉพาะนาย Bush คนนี้ เวลาจะเดินทางไปต่างประเทศ ขบวนใหญ่โตเหมือนองค์จักรพรรดิเสด็จ ฝ่ายความมั่นคงที่ยกทีมไปคุ้มกัน ดูเหมือนจะมากกว่าพลเมืองของประเทศที่ นาย Bush ไปปรากฎตัวเยี่ยมเสียอีก อเมริกากำลังฉาบตัวเองให้มีภาพเป็น ผู้ครองโลก ไม่ต่างกับสมัยนโปเลียน ตั้งตัวเองเป็นจักรพรรดิ โอ้โห ! เล่นกันเองแรงเหมือนกันนะพวกนักล่า สมันน้อยคิดในใจ เปล่าหรอก คนที่พูดไม่ใช่ใครอื่น เจ้าของหัวสมองที่อเมริกาบอกยอด แสนรู้ นาย Zbigniew Brzezinski เจ้าเก่านั่นเอง เขาไม่ได้พูดในฐานะคนนอก แต่พูดในฐานะคนใน และไม่ใช่ในธรรมดา แต่ในฐานะนายท้ายเรืออเมริกา ชื่อเขาไม่เคยหลุดจากการเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีมาเลย ไล่มาตั้งแต่สมัยแรกคือนาย Jimmy Carter จนเดี๋ยวนี้อายุ 90 แล้ว ยังเป็นที่ปรึกษาให้นาย Obama ด้วย นาย Brzezinski เป็นลูกศิษย์เอกของครูใหญ่ด้าน ภูมิศาสตร์การเมืองชาวอังกฤษ คือ Sir Halford Mackinder ซึ่งบอกว่าการแสดงความกร่างของการเป็นจักรวรรดิ มันก็คือบทสุดท้ายของการเป็นจักรวรรดิ ความกร่างนั่นแหละที่ทำให้จักรภพอังกฤษ ถึงจุดจบในศตรรษที่ 19 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่ม นาย Brzezinski ยังบอกอีกว่า ไอ้ความอวดดี กดขี่และความกร่างของวอชิงตัน ในศตวรรษต่อมานี่แหละ จะทำลายอเมริกาเอง จากการที่เป็นผู้มีอำนาจใหญ่สุดหนึ่งเดียว หรือการเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่นาย Brzezinski นั่นเองแหละ ที่เป็นคนติดเครื่องให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิ นักล่าหมายเลขหนึ่งครองโลก แต่เขาเตือนว่าอเมริกาจะต้องระมัดระวัง แม้ว่าจะเอาเสื้อคลุมประชาธิปไตยมาพรางตัวเองแล้วก็ตาม ก็จะต้องรักษามิตรเพื่องานใหญ่ข้างหน้า งานใหญ่นี้คือ การควบคุม Eurasia เขาไม่ได้โต้แย้งการจะเป็นจักรวรรดิอเมริกา เขาเพียงแต่เห็นต่างในวิธีการจะไปให้ถึงจุดหมาย Brzezinski บอกว่าเราจะไปให้ถึงจุดหมายของการเป็นจักรวรรดิอเมริกา เราต้องมีกองทัพของอเมริกาอยู่ที่ทั่วโลก วางกองกำลังไว้ทุกทวีป ครอบคลุมทุกมหาสมุทร เพิ่มการปะทะหรือการต่อสู้ในทุกที่ แบบนี้จะมีใครมาเทียบรัศมีกับอเมริกาได้ ไม่ว่าในทางการเมืองหรือกองทัพ และที่อเมริกาวางกองกำลังไว้แห่งหนึ่งก็คือ บริเวณพื้นที่ผืนเล็ก ๆ อยู่ในเอเซียกลาง ซึ่งเคยเป็นของสหภาพโซเวียต ที่ชื่อ Republic of Georgia นั่นแหละ ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 2003 เป็นต้นมา รัฐบาลอเมริกัน โดยคุณพ่อ Bush ได้ให้การสนับสนุนด้านกองกำลังแก่ Georgia รวมทั้งให้คำปรึกษา เป็นพี่เลี้ยง ให้กับรัฐเล็กๆ ที่ได้ประกาศตัวเป็นอิสระจากสหภาพโซเวียต ในปี 1990 มาตลอด คงจะเป็นการยาก ที่จะให้ใครเข้าใจเหตุการณ์ใน Georgia ในปี ค.ศ. 2008 ถ้าไม่ย้อนไปดูพฤติกรรมของอเม ริกา หลัง ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา สมัยรัฐบาลคุณพ่อ Bush เขาหักหลังรัสเซียโดยให้ NATO ขยายตัวมาทางตะวันออก มาถึงคุณลูก Bush ก็มาสานต่อด้วยการกดดันสหภาพยุโรปและรัฐบาลของยุโรปตะวันตก ให้รับ Georgia และ Ukraine สองประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพ โซเวียตเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของ NATO ต้นปี ค.ศ. 2007 อเมริกาประกาศว่า อเมริกามีแผนที่จะสร้างฐานยิงจรวด และสถานีเรดาร์ ใน 2 ประเทศที่เคยอยู่ใน Warsaw Pact และบัดนี้เป็นสมาชิกของ NATO คือ Poland และ Czech นาย Bush อ้างว่าอเมริกาต้องทำเพื่อป้องกันตัวเอง จากการโจมตีของประเทศที่พูดกันไม่รู้เรื่องเช่น Iran ข้ออ้างนี้ ถูกรัสเซียสวนกลับว่าไม่ใช่เป็นการป้องกันตัวหรอกเพื่อน แต่เป็นการแสดงการรุกคืบ เพื่อโชว์กำลังอำนาจด้านการทหารให้ Moscow ดูมากกว่า ! เดือน ก.พ. 2007 คุณพี่ปูติน ในฐานะประธานาธิบดีของรัสเซีย ได้พูดในที่ประชุมเกี่ยวกับความมั่นคงระหว่างประเทศที่ Munich Germany ว่า วันนี้ไม่ขอพูดภาษานักการฑูต แต่ขอถามกันตรง ๆ ว่าNATO ตั้งใจจะก่อความยั่วยุ ให้เกิดความไม่ไว้วางใจกัน ระหว่างสมาชิกหรือยังไง ถามจริง ๆ เถอะ เป้าหมาย (ของการยั่วยุของ) NATO อยู่ที่ใคร และคำมั่นของบรรดาคู่สัญญาฝ่ายตะวันตก หลังเลิก Warsaw Pact นั้น มันหายไปไหนหมด คุณพี่ปูตินอาจจะไม่ใช่ประเภท “nice guy” แต่ที่แน่นอน คุณพี่ปูไม่ใช่คนโง่และขี้ขลาด เมื่อถึงเวลาที่จะต้องปกป้องผลประโยชน์ของชาวรัสเซีย กลิ่นของสงครามเย็นเริ่มโชยอีกครั้ง! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 261 Views 0 Reviews
  • อุปสรรคแพลตฟอร์มไทยสู่ระดับโลก: ทำไมเรายังไปไม่ถึง?

    ในยุคที่โลกดิจิทัลขับเคลื่อนทุกอย่าง ประเทศไทยก็ไม่ได้น้อยหน้า การเติบโตของตลาด อีคอมเมิร์ซ และ บริการออนไลน์ พุ่งทะยานไม่หยุด โดยเฉพาะหลังโควิด-19 ที่พฤติกรรมคนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

    แต่เมื่อมองลึกลงไป... เราจะพบความจริงที่เจ็บปวด — ผู้เล่นใหญ่ ๆ ที่ครองตลาดกลับไม่ใช่ของไทยเองเลย!

    Shopee
    Lazada
    Grab
    TikTok Shop

    ทั้งหมดเป็นต่างชาติที่เข้ามาครองส่วนแบ่งตลาดแบบเบ็ดเสร็จ

    ปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่ “เราไม่มีความสามารถ” แต่คือ “เราถูกกดทับด้วยโครงสร้าง”

    1️⃣ ผู้เล่นต่างชาติใช้เงินมหาศาล ทำโปรโมชั่น ลด แลก แจก จนสร้างฐานผู้ใช้มหาศาล
    2️⃣ เมื่อคนเริ่มติดแพลตฟอร์ม ➝ พวกเขาก็ปรับขึ้นค่าธรรมเนียม
    3️⃣ ร้านค้าเล็ก ๆ ต้องแบกภาระ กำไรหด ในขณะที่ผู้บริโภคก็จ่ายแพงขึ้น

    แล้ว สตาร์ทอัพไทย ล่ะ?

    ความจริงคือ…เรายังติดกับดักใหญ่ 2 เรื่อง
    บุคลากร – ไทยต้องการแรงงานดิจิทัล 20,000–30,000 คนต่อปี แต่ระบบการศึกษาผลิตได้ไม่ถึง 6,000
    เงินทุน – กว่า 70% ของสตาร์ทอัพไทยล้มเหลวเพราะหาทุนต่อยอดไม่ได้ Series B+ ยิ่งแทบจะไม่มีใครลงทุน

    นี่คือ วิกฤตสามเหลี่ยมเพชร
    ไม่มีเงินทุน ➝ จ้างคนเก่งไม่ได้
    ไม่มีคนเก่ง ➝ พัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่ทัน
    พัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่ทัน ➝ สู้ยักษ์ใหญ่ไม่ได้

    ปัญหาการผูกขาด ยังทำให้ร้านค้าเล็ก ๆ โดนกินส่วนแบ่งหนัก ตัวเลขค่าธรรมเนียม GP ของ Food Delivery สูงถึง 30–32%!!
    ร้านค้าขาย 10,000 บาท ➝ เหลือจริงไม่ถึง 7,000 บาท
    ผู้บริโภคก็ต้องจ่ายแพงขึ้น

    แล้วเราจะไปต่ออย่างไร

    ข้อเสนอสำคัญ
    สร้างคนเก่งดิจิทัล ผ่านการศึกษาและอบรมใหม่ ๆ
    ดึงดูดเงินทุน VC โดยเฉพาะ Series B+
    รัฐต้องจริงจังกับการกำกับดูแลการผูกขาด
    เปลี่ยนยุทธศาสตร์ ➝ ไม่จำเป็นต้องสู้แบบ “Super-App” แต่เจาะลึกเฉพาะทาง เช่น
    Wongnai รีวิวร้านอาหาร
    Flash Express โลจิสติกส์

    ไทยมีโอกาสในหลายด้าน: เกษตร การท่องเที่ยว การแพทย์
    ถ้าเราพัฒนาแพลตฟอร์มเฉพาะทางได้จริง ➝ เราจะสร้าง ยูนิคอร์น ไทยตัวใหม่ได้

    อนาคตดิจิทัลไทย
    ไม่ใช่แค่ “รักษาอาการ” ด้วยการคุมผูกขาด แต่ต้อง “สร้างภูมิคุ้มกัน” ด้วยการลงทุนในคน เงินทุน และนวัตกรรมที่แก้ปัญหาได้จริง

    เพราะสุดท้ายแล้ว…
    ไทยอาจไม่จำเป็นต้องมี Super-App ที่ครองโลก
    แต่เราสามารถสร้างแพลตฟอร์มที่ เชี่ยวชาญ ลึก และแข็งแรง พอจะยืนในเวทีโลกได้อย่างภาคภูมิ

    #ลุงเขียนหลานอ่าน
    🌏 อุปสรรคแพลตฟอร์มไทยสู่ระดับโลก: ทำไมเรายังไปไม่ถึง? ในยุคที่โลกดิจิทัลขับเคลื่อนทุกอย่าง 🇹🇭 ประเทศไทยก็ไม่ได้น้อยหน้า การเติบโตของตลาด อีคอมเมิร์ซ และ บริการออนไลน์ พุ่งทะยานไม่หยุด 🚀 โดยเฉพาะหลังโควิด-19 ที่พฤติกรรมคนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง 🛒📱 แต่เมื่อมองลึกลงไป... เราจะพบความจริงที่เจ็บปวด 💔 — ผู้เล่นใหญ่ ๆ ที่ครองตลาดกลับไม่ใช่ของไทยเองเลย! Shopee 🟠 Lazada 🔵 Grab 🟢 TikTok Shop 🎥 ทั้งหมดเป็นต่างชาติที่เข้ามาครองส่วนแบ่งตลาดแบบเบ็ดเสร็จ 😮 🔥 ปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่ “เราไม่มีความสามารถ” แต่คือ “เราถูกกดทับด้วยโครงสร้าง” 1️⃣ ผู้เล่นต่างชาติใช้เงินมหาศาล 💰 ทำโปรโมชั่น ลด แลก แจก จนสร้างฐานผู้ใช้มหาศาล 2️⃣ เมื่อคนเริ่มติดแพลตฟอร์ม ➝ พวกเขาก็ปรับขึ้นค่าธรรมเนียม 💸 3️⃣ ร้านค้าเล็ก ๆ ต้องแบกภาระ กำไรหด ✂️ ในขณะที่ผู้บริโภคก็จ่ายแพงขึ้น 👨‍💻 แล้ว สตาร์ทอัพไทย ล่ะ? ความจริงคือ…เรายังติดกับดักใหญ่ 2 เรื่อง ⚡ บุคลากร – ไทยต้องการแรงงานดิจิทัล 20,000–30,000 คนต่อปี แต่ระบบการศึกษาผลิตได้ไม่ถึง 6,000 😵 ⚡ เงินทุน – กว่า 70% ของสตาร์ทอัพไทยล้มเหลวเพราะหาทุนต่อยอดไม่ได้ ❌ Series B+ ยิ่งแทบจะไม่มีใครลงทุน นี่คือ วิกฤตสามเหลี่ยมเพชร 💎 ➡️ ไม่มีเงินทุน ➝ จ้างคนเก่งไม่ได้ ➡️ ไม่มีคนเก่ง ➝ พัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่ทัน ➡️ พัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่ทัน ➝ สู้ยักษ์ใหญ่ไม่ได้ ⚖️ ปัญหาการผูกขาด ยังทำให้ร้านค้าเล็ก ๆ โดนกินส่วนแบ่งหนัก 🥲 ตัวเลขค่าธรรมเนียม GP ของ Food Delivery สูงถึง 30–32%!! ร้านค้าขาย 10,000 บาท ➝ เหลือจริงไม่ถึง 7,000 บาท 🥲 ผู้บริโภคก็ต้องจ่ายแพงขึ้น 🍔📦 ✨ แล้วเราจะไปต่ออย่างไร ‼️‼️⁉️❓ 💡 ข้อเสนอสำคัญ ✅ สร้างคนเก่งดิจิทัล 👩‍💻 ผ่านการศึกษาและอบรมใหม่ ๆ ✅ ดึงดูดเงินทุน VC 💵 โดยเฉพาะ Series B+ ✅ รัฐต้องจริงจังกับการกำกับดูแลการผูกขาด ⚖️ ✅ เปลี่ยนยุทธศาสตร์ ➝ ไม่จำเป็นต้องสู้แบบ “Super-App” แต่เจาะลึกเฉพาะทาง เช่น 🗝️ Wongnai 🍜 รีวิวร้านอาหาร 🗝️Flash Express 📦 โลจิสติกส์ 🌱 ไทยมีโอกาสในหลายด้าน: เกษตร 🍍 การท่องเที่ยว 🏝️ การแพทย์ 💊 ถ้าเราพัฒนาแพลตฟอร์มเฉพาะทางได้จริง ➝ เราจะสร้าง ยูนิคอร์น ไทยตัวใหม่ได้ 🦄 🔮 อนาคตดิจิทัลไทย ไม่ใช่แค่ “รักษาอาการ” ด้วยการคุมผูกขาด แต่ต้อง “สร้างภูมิคุ้มกัน” ด้วยการลงทุนในคน 💪 เงินทุน 💰 และนวัตกรรมที่แก้ปัญหาได้จริง เพราะสุดท้ายแล้ว… 🇹🇭 ไทยอาจไม่จำเป็นต้องมี Super-App ที่ครองโลก แต่เราสามารถสร้างแพลตฟอร์มที่ เชี่ยวชาญ ลึก และแข็งแรง พอจะยืนในเวทีโลกได้อย่างภาคภูมิ 🌏✨ #ลุงเขียนหลานอ่าน
    0 Comments 0 Shares 236 Views 0 Reviews
  • “Huawei เตรียมเปิดตัว Kunpeng 960 ซีพียู 256 คอร์ในปี 2028 — ท้าชน AMD และ Intel ด้วยพลังประมวลผลระดับ SuperPod”

    Huawei ประกาศแผนการพัฒนาซีพียู Kunpeng รุ่นใหม่ในงาน Connect 2025 ที่เซี่ยงไฮ้ โดยตั้งเป้าเปิดตัว Kunpeng 950 ในปี 2026 และ Kunpeng 960 ในปี 2028 ซึ่งจะมีรุ่นที่มีจำนวนคอร์สูงสุดถึง 256 คอร์ และ 512 เธรด เพื่อรองรับงานด้าน virtualization, big data, container และฐานข้อมูลขนาดใหญ่

    Kunpeng 950 จะมีสองรุ่น ได้แก่ รุ่น 96 คอร์ 192 เธรด และรุ่น 192 คอร์ 384 เธรด โดยจะถูกนำไปใช้ใน TaiShan 950 SuperPoD ซึ่งรองรับได้ถึง 16 โหนด และหน่วยความจำรวม 48TB เหมาะสำหรับการใช้งานในภาคการเงินที่ต้องการแทนที่ระบบ mainframe แบบเก่า

    สำหรับ Kunpeng 960 ซึ่งมีการอ้างถึงใน benchmark ล่าสุด จะมีรุ่นที่เน้นประสิทธิภาพต่อคอร์สูงขึ้นกว่า 50% และรุ่น high-density ที่มี 256 คอร์ขึ้นไป โดยสามารถทำงานร่วมกับระบบฐานข้อมูล GaussDB และ MogDB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรายงานว่าทำธุรกรรมได้ถึง 4.8 ล้านรายการต่อนาทีในระบบที่มี 768 การเชื่อมต่อพร้อมกัน

    แม้ Huawei จะระบุว่า Kunpeng 960 จะเปิดตัวในปี 2028 แต่การมี benchmark ที่ใช้งานจริงแล้วในบางระบบ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า Huawei อาจพัฒนาไปไกลกว่าที่ประกาศไว้ และอาจเปิดตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์

    แผนการพัฒนาซีพียู Kunpeng ของ Huawei
    Kunpeng 950 จะเปิดตัวใน Q1 ปี 2026 มีรุ่น 96 และ 192 คอร์
    Kunpeng 960 จะเปิดตัวใน Q1 ปี 2028 มีรุ่น 256 คอร์ขึ้นไป
    รุ่น high-density เหมาะสำหรับงาน virtualization, container, big data และ warehouse workloads
    รุ่นที่เน้น single-core performance จะเพิ่มประสิทธิภาพกว่า 50% สำหรับ AI และฐานข้อมูล

    การใช้งานร่วมกับระบบ SuperPod และฐานข้อมูล
    Kunpeng 950 จะใช้ใน TaiShan 950 SuperPoD รองรับ 16 โหนด และ 48TB RAM
    Kunpeng 960 จะใช้ใน SuperPoD รุ่นใหม่ที่อาจมี accelerator ถึง 15,488 ตัว
    ระบบสามารถแทนที่ Oracle Exadata และ mainframe แบบเดิมในภาคการเงิน
    Benchmark จาก MogDB แสดงผลการทำงาน 4.8 ล้านธุรกรรมต่อนาทีในระบบ 256 คอร์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Huawei ใช้สถาปัตยกรรม Unix-Core แบบ dual-threaded ในซีพียู Kunpeng
    การพัฒนา Kunpeng เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ
    SuperPod ของ Huawei มีเป้าหมายสร้างระบบคลัสเตอร์ที่มี accelerator รวมเกิน 1 ล้านตัว
    Kunpeng 960 อาจใช้ชื่อเดียวกับผลิตภัณฑ์ในสาย Atlas และ Ascend ที่มีเลข 960 อยู่แล้ว

    https://www.techradar.com/pro/huawei-is-planning-a-256-core-cpu-monster-to-take-on-amds-epyc-and-intels-xeon-range-but-it-wont-land-till-2028-at-least-thats-the-official-line
    🧠 “Huawei เตรียมเปิดตัว Kunpeng 960 ซีพียู 256 คอร์ในปี 2028 — ท้าชน AMD และ Intel ด้วยพลังประมวลผลระดับ SuperPod” Huawei ประกาศแผนการพัฒนาซีพียู Kunpeng รุ่นใหม่ในงาน Connect 2025 ที่เซี่ยงไฮ้ โดยตั้งเป้าเปิดตัว Kunpeng 950 ในปี 2026 และ Kunpeng 960 ในปี 2028 ซึ่งจะมีรุ่นที่มีจำนวนคอร์สูงสุดถึง 256 คอร์ และ 512 เธรด เพื่อรองรับงานด้าน virtualization, big data, container และฐานข้อมูลขนาดใหญ่ Kunpeng 950 จะมีสองรุ่น ได้แก่ รุ่น 96 คอร์ 192 เธรด และรุ่น 192 คอร์ 384 เธรด โดยจะถูกนำไปใช้ใน TaiShan 950 SuperPoD ซึ่งรองรับได้ถึง 16 โหนด และหน่วยความจำรวม 48TB เหมาะสำหรับการใช้งานในภาคการเงินที่ต้องการแทนที่ระบบ mainframe แบบเก่า สำหรับ Kunpeng 960 ซึ่งมีการอ้างถึงใน benchmark ล่าสุด จะมีรุ่นที่เน้นประสิทธิภาพต่อคอร์สูงขึ้นกว่า 50% และรุ่น high-density ที่มี 256 คอร์ขึ้นไป โดยสามารถทำงานร่วมกับระบบฐานข้อมูล GaussDB และ MogDB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรายงานว่าทำธุรกรรมได้ถึง 4.8 ล้านรายการต่อนาทีในระบบที่มี 768 การเชื่อมต่อพร้อมกัน แม้ Huawei จะระบุว่า Kunpeng 960 จะเปิดตัวในปี 2028 แต่การมี benchmark ที่ใช้งานจริงแล้วในบางระบบ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า Huawei อาจพัฒนาไปไกลกว่าที่ประกาศไว้ และอาจเปิดตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ ✅ แผนการพัฒนาซีพียู Kunpeng ของ Huawei ➡️ Kunpeng 950 จะเปิดตัวใน Q1 ปี 2026 มีรุ่น 96 และ 192 คอร์ ➡️ Kunpeng 960 จะเปิดตัวใน Q1 ปี 2028 มีรุ่น 256 คอร์ขึ้นไป ➡️ รุ่น high-density เหมาะสำหรับงาน virtualization, container, big data และ warehouse workloads ➡️ รุ่นที่เน้น single-core performance จะเพิ่มประสิทธิภาพกว่า 50% สำหรับ AI และฐานข้อมูล ✅ การใช้งานร่วมกับระบบ SuperPod และฐานข้อมูล ➡️ Kunpeng 950 จะใช้ใน TaiShan 950 SuperPoD รองรับ 16 โหนด และ 48TB RAM ➡️ Kunpeng 960 จะใช้ใน SuperPoD รุ่นใหม่ที่อาจมี accelerator ถึง 15,488 ตัว ➡️ ระบบสามารถแทนที่ Oracle Exadata และ mainframe แบบเดิมในภาคการเงิน ➡️ Benchmark จาก MogDB แสดงผลการทำงาน 4.8 ล้านธุรกรรมต่อนาทีในระบบ 256 คอร์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Huawei ใช้สถาปัตยกรรม Unix-Core แบบ dual-threaded ในซีพียู Kunpeng ➡️ การพัฒนา Kunpeng เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ➡️ SuperPod ของ Huawei มีเป้าหมายสร้างระบบคลัสเตอร์ที่มี accelerator รวมเกิน 1 ล้านตัว ➡️ Kunpeng 960 อาจใช้ชื่อเดียวกับผลิตภัณฑ์ในสาย Atlas และ Ascend ที่มีเลข 960 อยู่แล้ว https://www.techradar.com/pro/huawei-is-planning-a-256-core-cpu-monster-to-take-on-amds-epyc-and-intels-xeon-range-but-it-wont-land-till-2028-at-least-thats-the-official-line
    0 Comments 0 Shares 150 Views 0 Reviews
  • “OpenAI จับมือ NVIDIA สร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาด 10 กิกะวัตต์ — ก้าวใหม่สู่ยุค Superintelligence ด้วยพลัง GPU นับล้านตัว”

    วันที่ 22 กันยายน 2025 OpenAI และ NVIDIA ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งใหญ่ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI รุ่นถัดไป โดยมีแผนจะติดตั้งระบบของ NVIDIA รวมพลังงานสูงถึง 10 กิกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้ GPU หลายล้านตัว เพื่อรองรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI ระดับ Superintelligence ในอนาคต

    NVIDIA เตรียมลงทุนสูงสุดถึง $100 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI โดยจะทยอยลงทุนตามการติดตั้งแต่ละกิกะวัตต์ โดยเฟสแรกจะเริ่มใช้งานในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 บนแพลตฟอร์ม Vera Rubin ซึ่งเป็นระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI รุ่นใหม่ของ NVIDIA ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับโมเดลขนาดใหญ่และการประมวลผลแบบกระจาย

    Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI กล่าวว่า “ทุกอย่างเริ่มต้นจาก compute” และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานนี้จะเป็นรากฐานของเศรษฐกิจแห่งอนาคต ขณะที่ Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA ย้ำว่า “นี่คือก้าวกระโดดครั้งใหม่” หลังจากที่ทั้งสองบริษัทผลักดันกันมาตั้งแต่ยุค DGX จนถึง ChatGPT

    ความร่วมมือนี้ยังรวมถึงการ co-optimize ระหว่างซอฟต์แวร์ของ OpenAI และฮาร์ดแวร์ของ NVIDIA เพื่อให้การฝึกโมเดลและการใช้งานจริงมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่าง Microsoft, Oracle, SoftBank และ Stargate Partners เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก

    OpenAI ปัจจุบันมีผู้ใช้งานประจำรายสัปดาห์กว่า 700 ล้านคน และมีการนำเทคโนโลยีไปใช้ในองค์กรทั่วโลก ทั้งขนาดใหญ่และเล็ก ความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นการขยายขอบเขตของ AI ให้เข้าถึงผู้คนในระดับมหภาค

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    OpenAI และ NVIDIA ร่วมมือสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาด 10 กิกะวัตต์
    NVIDIA เตรียมลงทุนสูงสุด $100 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI ตามการติดตั้งแต่ละเฟส
    เฟสแรกจะเริ่มใช้งานในครึ่งหลังของปี 2026 บนแพลตฟอร์ม Vera Rubin
    ใช้ GPU หลายล้านตัวเพื่อรองรับการฝึกและใช้งานโมเดลระดับ Superintelligence

    ความร่วมมือและการพัฒนา
    OpenAI และ NVIDIA จะ co-optimize ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ร่วมกัน
    ทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่าง Microsoft, Oracle, SoftBank และ Stargate Partners
    OpenAI มีผู้ใช้งานประจำรายสัปดาห์กว่า 700 ล้านคนทั่วโลก
    ความร่วมมือนี้จะช่วยผลักดันภารกิจของ OpenAI ในการสร้าง AGI เพื่อมนุษยชาติ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    10 กิกะวัตต์ เทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าของเมืองขนาดกลาง
    Vera Rubin เป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่องาน AI ขนาดใหญ่โดยเฉพาะ
    การลงทุนระดับนี้สะท้อนถึงการแข่งขันด้าน compute infrastructure ที่รุนแรงขึ้น
    การใช้ GPU จำนวนมากต้องการระบบระบายความร้อนและพลังงานที่มีประสิทธิภาพสูง

    https://openai.com/index/openai-nvidia-systems-partnership/

    ⚡ “OpenAI จับมือ NVIDIA สร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาด 10 กิกะวัตต์ — ก้าวใหม่สู่ยุค Superintelligence ด้วยพลัง GPU นับล้านตัว” วันที่ 22 กันยายน 2025 OpenAI และ NVIDIA ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งใหญ่ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI รุ่นถัดไป โดยมีแผนจะติดตั้งระบบของ NVIDIA รวมพลังงานสูงถึง 10 กิกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้ GPU หลายล้านตัว เพื่อรองรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI ระดับ Superintelligence ในอนาคต NVIDIA เตรียมลงทุนสูงสุดถึง $100 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI โดยจะทยอยลงทุนตามการติดตั้งแต่ละกิกะวัตต์ โดยเฟสแรกจะเริ่มใช้งานในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 บนแพลตฟอร์ม Vera Rubin ซึ่งเป็นระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI รุ่นใหม่ของ NVIDIA ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับโมเดลขนาดใหญ่และการประมวลผลแบบกระจาย Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI กล่าวว่า “ทุกอย่างเริ่มต้นจาก compute” และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานนี้จะเป็นรากฐานของเศรษฐกิจแห่งอนาคต ขณะที่ Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA ย้ำว่า “นี่คือก้าวกระโดดครั้งใหม่” หลังจากที่ทั้งสองบริษัทผลักดันกันมาตั้งแต่ยุค DGX จนถึง ChatGPT ความร่วมมือนี้ยังรวมถึงการ co-optimize ระหว่างซอฟต์แวร์ของ OpenAI และฮาร์ดแวร์ของ NVIDIA เพื่อให้การฝึกโมเดลและการใช้งานจริงมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่าง Microsoft, Oracle, SoftBank และ Stargate Partners เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก OpenAI ปัจจุบันมีผู้ใช้งานประจำรายสัปดาห์กว่า 700 ล้านคน และมีการนำเทคโนโลยีไปใช้ในองค์กรทั่วโลก ทั้งขนาดใหญ่และเล็ก ความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นการขยายขอบเขตของ AI ให้เข้าถึงผู้คนในระดับมหภาค ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ OpenAI และ NVIDIA ร่วมมือสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาด 10 กิกะวัตต์ ➡️ NVIDIA เตรียมลงทุนสูงสุด $100 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI ตามการติดตั้งแต่ละเฟส ➡️ เฟสแรกจะเริ่มใช้งานในครึ่งหลังของปี 2026 บนแพลตฟอร์ม Vera Rubin ➡️ ใช้ GPU หลายล้านตัวเพื่อรองรับการฝึกและใช้งานโมเดลระดับ Superintelligence ✅ ความร่วมมือและการพัฒนา ➡️ OpenAI และ NVIDIA จะ co-optimize ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ร่วมกัน ➡️ ทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่าง Microsoft, Oracle, SoftBank และ Stargate Partners ➡️ OpenAI มีผู้ใช้งานประจำรายสัปดาห์กว่า 700 ล้านคนทั่วโลก ➡️ ความร่วมมือนี้จะช่วยผลักดันภารกิจของ OpenAI ในการสร้าง AGI เพื่อมนุษยชาติ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ 10 กิกะวัตต์ เทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าของเมืองขนาดกลาง ➡️ Vera Rubin เป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่องาน AI ขนาดใหญ่โดยเฉพาะ ➡️ การลงทุนระดับนี้สะท้อนถึงการแข่งขันด้าน compute infrastructure ที่รุนแรงขึ้น ➡️ การใช้ GPU จำนวนมากต้องการระบบระบายความร้อนและพลังงานที่มีประสิทธิภาพสูง https://openai.com/index/openai-nvidia-systems-partnership/
    0 Comments 0 Shares 163 Views 0 Reviews
  • Toshiba โชว์พลัง “ฮาร์ดดิสก์” สู้ PCIe 5.0 ด้วย JBOD 78 ลูก — เมื่อความจุและความเร็วไม่จำเป็นต้องใช้ SSD เสมอไป

    ย้อนกลับไปในปี 2023 Toshiba ได้สร้างการทดลองที่น่าทึ่งแต่กลับถูกมองข้ามในวงกว้าง ด้วยการใช้ฮาร์ดดิสก์ 78 ลูกในระบบ JBOD (Just a Bunch Of Disks) เพื่อแสดงให้เห็นว่า “ฮาร์ดดิสก์ธรรมดา” ก็สามารถให้ความเร็วระดับ PCIe 5.0 ได้ หากจัดการอย่างถูกวิธี

    ทีมวิศวกรของ Toshiba ในยุโรปใช้แชสซี AIC J4078-02-04X แบบ 4U ใส่ฮาร์ดดิสก์ MG08 ขนาด 18TB แบบ SAS ทั้งหมด 78 ลูก เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ Supermicro ผ่านลิงก์ SAS4 และควบคุมด้วย RAID controller จาก Adaptec ผลลัพธ์คือความจุรวม 1.5PB และความเร็วทะลุ 17GB/s — เทียบเท่ากับ SSD PCIe 5.0 ในระดับองค์กร

    แต่ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือการเพิ่มฮาร์ดดิสก์แต่ละลูกให้ผลลัพธ์แบบ “เกือบเชิงเส้น” คือยิ่งใส่มาก ความเร็วรวมก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยฮาร์ดดิสก์แต่ละลูกให้ความเร็วเฉลี่ย 300MB/s และเมื่อรวมกันถึง 78 ลูก ความเร็วรวมก็ทะลุขีดจำกัดของเครือข่าย 100Gbps ได้อย่างง่ายดาย

    แม้ SSD จะครองตลาดในด้านความเร็ว แต่การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่า HDD ยังมีบทบาทสำคัญในงานที่ต้องการความจุสูงและต้นทุนต่ำ เช่น cold storage หรือระบบ backup ขนาดใหญ่ และหากปรับแต่ง firmware กับ hardware เพิ่มเติม Toshiba เชื่อว่าระบบนี้สามารถดันความเร็วได้ถึง 20GB/s

    น่าเสียดายที่การทดลองนี้ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อกระแสหลัก และวิดีโอรีวิวมีผู้ชมเพียงไม่กี่ร้อยคน ทั้งที่เป็นการพิสูจน์ว่า “เทคโนโลยีเก่า” ยังสามารถแข่งขันได้ในโลกที่หมุนเร็วด้วย SSD และ NVMe

    Toshiba ใช้ฮาร์ดดิสก์ 78 ลูกในระบบ JBOD เพื่อทดสอบความเร็ว
    ใช้แชสซี AIC J4078-02-04X / ฮาร์ดดิสก์ MG08 18TB SAS
    เชื่อมต่อผ่าน SAS4 กับเซิร์ฟเวอร์ Supermicro / ควบคุมด้วย Adaptec RAID

    ความเร็วรวมทะลุ 17GB/s เทียบเท่า PCIe 5.0
    ฮาร์ดดิสก์แต่ละลูกให้ความเร็ว ~300MB/s
    ความเร็วเพิ่มขึ้นเกือบเชิงเส้นเมื่อเพิ่มจำนวนดิสก์

    ความจุรวม 1.5PB เหมาะกับงาน cold storage และ backup
    ต้นทุนต่อ GB ต่ำกว่าระบบ SSD
    เหมาะกับ data center ที่ต้องการความจุสูงแต่ไม่เน้น latency

    Toshiba เชื่อว่าระบบนี้สามารถดันถึง 20GB/s ด้วยการปรับแต่ง
    ต้องปรับ firmware และ optimize hardware เพิ่มเติม
    แสดงให้เห็นศักยภาพของ HDD ในงานระดับองค์กร

    การทดลองไม่ได้รับความสนใจจากสื่อกระแสหลัก
    วิดีโอรีวิวมีผู้ชมเพียง ~400 คน
    เป็นการพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีเก่ายังมีคุณค่าในบริบทใหม่

    https://www.techradar.com/pro/two-years-ago-toshiba-used-78-hard-drives-to-reach-pcie-5-0-speeds-in-massive-1-5pb-jbod-setup-but-barely-anyone-noticed
    📰 Toshiba โชว์พลัง “ฮาร์ดดิสก์” สู้ PCIe 5.0 ด้วย JBOD 78 ลูก — เมื่อความจุและความเร็วไม่จำเป็นต้องใช้ SSD เสมอไป ย้อนกลับไปในปี 2023 Toshiba ได้สร้างการทดลองที่น่าทึ่งแต่กลับถูกมองข้ามในวงกว้าง ด้วยการใช้ฮาร์ดดิสก์ 78 ลูกในระบบ JBOD (Just a Bunch Of Disks) เพื่อแสดงให้เห็นว่า “ฮาร์ดดิสก์ธรรมดา” ก็สามารถให้ความเร็วระดับ PCIe 5.0 ได้ หากจัดการอย่างถูกวิธี ทีมวิศวกรของ Toshiba ในยุโรปใช้แชสซี AIC J4078-02-04X แบบ 4U ใส่ฮาร์ดดิสก์ MG08 ขนาด 18TB แบบ SAS ทั้งหมด 78 ลูก เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ Supermicro ผ่านลิงก์ SAS4 และควบคุมด้วย RAID controller จาก Adaptec ผลลัพธ์คือความจุรวม 1.5PB และความเร็วทะลุ 17GB/s — เทียบเท่ากับ SSD PCIe 5.0 ในระดับองค์กร แต่ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือการเพิ่มฮาร์ดดิสก์แต่ละลูกให้ผลลัพธ์แบบ “เกือบเชิงเส้น” คือยิ่งใส่มาก ความเร็วรวมก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยฮาร์ดดิสก์แต่ละลูกให้ความเร็วเฉลี่ย 300MB/s และเมื่อรวมกันถึง 78 ลูก ความเร็วรวมก็ทะลุขีดจำกัดของเครือข่าย 100Gbps ได้อย่างง่ายดาย แม้ SSD จะครองตลาดในด้านความเร็ว แต่การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่า HDD ยังมีบทบาทสำคัญในงานที่ต้องการความจุสูงและต้นทุนต่ำ เช่น cold storage หรือระบบ backup ขนาดใหญ่ และหากปรับแต่ง firmware กับ hardware เพิ่มเติม Toshiba เชื่อว่าระบบนี้สามารถดันความเร็วได้ถึง 20GB/s น่าเสียดายที่การทดลองนี้ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อกระแสหลัก และวิดีโอรีวิวมีผู้ชมเพียงไม่กี่ร้อยคน ทั้งที่เป็นการพิสูจน์ว่า “เทคโนโลยีเก่า” ยังสามารถแข่งขันได้ในโลกที่หมุนเร็วด้วย SSD และ NVMe ✅ Toshiba ใช้ฮาร์ดดิสก์ 78 ลูกในระบบ JBOD เพื่อทดสอบความเร็ว ➡️ ใช้แชสซี AIC J4078-02-04X / ฮาร์ดดิสก์ MG08 18TB SAS ➡️ เชื่อมต่อผ่าน SAS4 กับเซิร์ฟเวอร์ Supermicro / ควบคุมด้วย Adaptec RAID ✅ ความเร็วรวมทะลุ 17GB/s เทียบเท่า PCIe 5.0 ➡️ ฮาร์ดดิสก์แต่ละลูกให้ความเร็ว ~300MB/s ➡️ ความเร็วเพิ่มขึ้นเกือบเชิงเส้นเมื่อเพิ่มจำนวนดิสก์ ✅ ความจุรวม 1.5PB เหมาะกับงาน cold storage และ backup ➡️ ต้นทุนต่อ GB ต่ำกว่าระบบ SSD ➡️ เหมาะกับ data center ที่ต้องการความจุสูงแต่ไม่เน้น latency ✅ Toshiba เชื่อว่าระบบนี้สามารถดันถึง 20GB/s ด้วยการปรับแต่ง ➡️ ต้องปรับ firmware และ optimize hardware เพิ่มเติม ➡️ แสดงให้เห็นศักยภาพของ HDD ในงานระดับองค์กร ✅ การทดลองไม่ได้รับความสนใจจากสื่อกระแสหลัก ➡️ วิดีโอรีวิวมีผู้ชมเพียง ~400 คน ➡️ เป็นการพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีเก่ายังมีคุณค่าในบริบทใหม่ https://www.techradar.com/pro/two-years-ago-toshiba-used-78-hard-drives-to-reach-pcie-5-0-speeds-in-massive-1-5pb-jbod-setup-but-barely-anyone-noticed
    0 Comments 0 Shares 135 Views 0 Reviews
  • “Nvidia เปิดตัว DGX Spark พร้อมชิป N1 — ยืนยัน GB10 Superchip คือ N1 SoC ตัวเดียวกัน ต่างแค่เป้าหมายการใช้งาน”

    ในงานแถลงข่าวล่าสุด Nvidia ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ DGX Spark ระบบประมวลผล AI รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป N1 ซึ่งเป็น ARM-based SoC ที่พัฒนาร่วมกับ MediaTek โดย Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ยืนยันว่า N1 SoC และ GB10 Superchip ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้คือชิปตัวเดียวกันทุกประการ เพียงแต่ใช้ชื่อแตกต่างกันตามกลุ่มเป้าหมาย

    GB10 ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในระบบ DGX Spark และอุปกรณ์ระดับมืออาชีพ เช่นเวิร์กสเตชันและเซิร์ฟเวอร์ โดยมี CPU แบบ 20-core ARM v9.2 แบ่งเป็น 2 คลัสเตอร์ พร้อม GPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell มี 6,144 CUDA cores เทียบเท่ากับ RTX 5070 และรองรับการประมวลผล FP32 ได้ถึง 31 TFLOPS รวมถึง 1,000 TOPS สำหรับงาน AI แบบ reduced precision (NVFP4)

    ชิปนี้ใช้การออกแบบแบบ multi-die โดยมีการเชื่อมต่อระหว่าง CPU และ GPU ด้วย interconnect C2C ที่ให้แบนด์วิดท์สูงถึง 600 GB/s และมีระบบแคชร่วมระหว่างสอง die เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลแบบ low-latency

    แม้ N1 จะยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่การยืนยันจาก Nvidia ทำให้เห็นชัดว่า GB10 คือเวอร์ชันเต็มของ N1 ที่จะถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์ระดับ consumer เช่น แล็ปท็อปหรือเดสก์ท็อปในอนาคต โดยอาจมีการลดสเปกบางส่วนเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานทั่วไป

    ที่น่าสนใจคือ DGX Spark ใช้ระบบปฏิบัติการ Linux ที่ปรับแต่งสำหรับงาน AI โดยเฉพาะ ขณะที่ N1 มีการทดสอบบน Windows แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่า Nvidia กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าสู่ตลาด Windows-on-ARM อย่างจริงจัง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Jensen Huang ยืนยันว่า N1 SoC และ GB10 Superchip เป็นชิปตัวเดียวกัน
    GB10 ใช้ CPU 20-core ARM v9.2 และ GPU Blackwell 6,144 CUDA cores
    รองรับ FP32 ได้ถึง 31 TFLOPS และ NVFP4 ได้ถึง 1,000 TOPS
    ใช้การออกแบบ multi-die พร้อมแคชร่วมและ interconnect C2C แบนด์วิดท์ 600 GB/s

    การใช้งานและเป้าหมาย
    GB10 ใช้ใน DGX Spark และอุปกรณ์ระดับมืออาชีพ
    N1 จะถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์ consumer เช่น แล็ปท็อปและเดสก์ท็อป
    DGX Spark ใช้ Linux OS ที่ปรับแต่งสำหรับงาน AI
    N1 มีการทดสอบบน Windows แล้ว เตรียมเข้าสู่ตลาด Windows-on-ARM

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    GB10 ใช้หน่วยความจำ LPDDR5X-9400 บัส 256-bit รองรับสูงสุด 128 GB
    GPU มี L2 cache ขนาด 24 MB ที่สามารถแชร์กับ CPU ได้
    ใช้ PCIe Gen 5 x8 สำหรับเชื่อมต่อกับ NIC และอุปกรณ์เสริม
    การออกแบบแบบ 2.5D บนกระบวนการผลิต 3nm จาก TSMC

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/nvidia-ceo-huang-says-upcoming-dgx-spark-systems-are-powered-by-n1-silicon-confirms-gb10-superchip-and-n1-n1x-socs-are-identical
    🧠 “Nvidia เปิดตัว DGX Spark พร้อมชิป N1 — ยืนยัน GB10 Superchip คือ N1 SoC ตัวเดียวกัน ต่างแค่เป้าหมายการใช้งาน” ในงานแถลงข่าวล่าสุด Nvidia ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ DGX Spark ระบบประมวลผล AI รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป N1 ซึ่งเป็น ARM-based SoC ที่พัฒนาร่วมกับ MediaTek โดย Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ยืนยันว่า N1 SoC และ GB10 Superchip ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้คือชิปตัวเดียวกันทุกประการ เพียงแต่ใช้ชื่อแตกต่างกันตามกลุ่มเป้าหมาย GB10 ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในระบบ DGX Spark และอุปกรณ์ระดับมืออาชีพ เช่นเวิร์กสเตชันและเซิร์ฟเวอร์ โดยมี CPU แบบ 20-core ARM v9.2 แบ่งเป็น 2 คลัสเตอร์ พร้อม GPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell มี 6,144 CUDA cores เทียบเท่ากับ RTX 5070 และรองรับการประมวลผล FP32 ได้ถึง 31 TFLOPS รวมถึง 1,000 TOPS สำหรับงาน AI แบบ reduced precision (NVFP4) ชิปนี้ใช้การออกแบบแบบ multi-die โดยมีการเชื่อมต่อระหว่าง CPU และ GPU ด้วย interconnect C2C ที่ให้แบนด์วิดท์สูงถึง 600 GB/s และมีระบบแคชร่วมระหว่างสอง die เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลแบบ low-latency แม้ N1 จะยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่การยืนยันจาก Nvidia ทำให้เห็นชัดว่า GB10 คือเวอร์ชันเต็มของ N1 ที่จะถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์ระดับ consumer เช่น แล็ปท็อปหรือเดสก์ท็อปในอนาคต โดยอาจมีการลดสเปกบางส่วนเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานทั่วไป ที่น่าสนใจคือ DGX Spark ใช้ระบบปฏิบัติการ Linux ที่ปรับแต่งสำหรับงาน AI โดยเฉพาะ ขณะที่ N1 มีการทดสอบบน Windows แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่า Nvidia กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าสู่ตลาด Windows-on-ARM อย่างจริงจัง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Jensen Huang ยืนยันว่า N1 SoC และ GB10 Superchip เป็นชิปตัวเดียวกัน ➡️ GB10 ใช้ CPU 20-core ARM v9.2 และ GPU Blackwell 6,144 CUDA cores ➡️ รองรับ FP32 ได้ถึง 31 TFLOPS และ NVFP4 ได้ถึง 1,000 TOPS ➡️ ใช้การออกแบบ multi-die พร้อมแคชร่วมและ interconnect C2C แบนด์วิดท์ 600 GB/s ✅ การใช้งานและเป้าหมาย ➡️ GB10 ใช้ใน DGX Spark และอุปกรณ์ระดับมืออาชีพ ➡️ N1 จะถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์ consumer เช่น แล็ปท็อปและเดสก์ท็อป ➡️ DGX Spark ใช้ Linux OS ที่ปรับแต่งสำหรับงาน AI ➡️ N1 มีการทดสอบบน Windows แล้ว เตรียมเข้าสู่ตลาด Windows-on-ARM ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ GB10 ใช้หน่วยความจำ LPDDR5X-9400 บัส 256-bit รองรับสูงสุด 128 GB ➡️ GPU มี L2 cache ขนาด 24 MB ที่สามารถแชร์กับ CPU ได้ ➡️ ใช้ PCIe Gen 5 x8 สำหรับเชื่อมต่อกับ NIC และอุปกรณ์เสริม ➡️ การออกแบบแบบ 2.5D บนกระบวนการผลิต 3nm จาก TSMC https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/nvidia-ceo-huang-says-upcoming-dgx-spark-systems-are-powered-by-n1-silicon-confirms-gb10-superchip-and-n1-n1x-socs-are-identical
    0 Comments 0 Shares 149 Views 0 Reviews
  • “Huawei เปิดตัว Atlas 950 SuperCluster — ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ขนาดยักษ์ที่แรงถึง 1 ZettaFLOPS พร้อมท้าชน Nvidia ในปี 2026”

    ในงาน Huawei Connect 2025 ที่เซี่ยงไฮ้ Huawei ได้เปิดตัวระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI รุ่นใหม่ชื่อว่า Atlas 950 SuperCluster ซึ่งถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของจีนในการแข่งขันด้านฮาร์ดแวร์ AI ระดับโลก โดยระบบนี้สามารถประมวลผลได้ถึง 1 FP4 ZettaFLOPS สำหรับงาน inference และ 524 FP8 ExaFLOPS สำหรับการฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่

    Atlas 950 สร้างขึ้นจากหน่วยประมวลผล Ascend 950DT จำนวนมหาศาลถึง 524,288 ตัว ซึ่งกระจายอยู่ในตู้เซิร์ฟเวอร์กว่า 10,240 ตู้ และเชื่อมต่อกันด้วยระบบออปติกความเร็วสูงแบบ UnifiedBus over Ethernet (UBoE) ที่ Huawei พัฒนาขึ้นเอง โดยมี latency ต่ำเพียง 2.1 ไมโครวินาที และ bandwidth สูงถึง 16 PB/s

    ระบบนี้ประกอบด้วย 64 SuperPoD ซึ่งแต่ละชุดมี 8,192 APU และให้พลังประมวลผล 8 FP8 ExaFLOPS และ 16 FP4 ExaFLOPS ต่อชุด ถือเป็นการเพิ่มขีดความสามารถจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง Atlas 900 A3 ถึง 20 เท่า และมีขนาดพื้นที่รวมกว่า 64,000 ตารางเมตร หรือเทียบเท่าสนามฟุตบอล 9 สนาม

    แม้ Huawei จะยอมรับว่า APU ของตนยังไม่สามารถเทียบกับ GPU ของ Nvidia ได้ในแง่ประสิทธิภาพต่อชิป แต่บริษัทเลือกใช้แนวทาง “brute force” โดยเพิ่มจำนวนชิปมหาศาลเพื่อให้ได้พลังประมวลผลรวมที่สามารถแข่งขันกับระบบ Rubin ของ Nvidia ที่จะเปิดตัวในปี 2026–2027

    นอกจากนี้ Huawei ยังประกาศแผนเปิดตัว Atlas 960 SuperCluster ในปี 2027 ซึ่งจะใช้ Ascend 960 NPU กว่า 1 ล้านตัว และให้พลังประมวลผลสูงถึง 4 ZettaFLOPS สำหรับ inference และ 2 ZettaFLOPS สำหรับ training

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Huawei เปิดตัว Atlas 950 SuperCluster ที่งาน Huawei Connect 2025
    ให้พลังประมวลผล 1 FP4 ZettaFLOPS สำหรับ inference และ 524 FP8 ExaFLOPS สำหรับ training
    ใช้ Ascend 950DT จำนวน 524,288 ตัวในตู้เซิร์ฟเวอร์กว่า 10,240 ตู้
    เชื่อมต่อด้วยระบบ UBoE ที่มี latency ต่ำและ bandwidth สูง

    โครงสร้างและการออกแบบ
    ประกอบด้วย 64 SuperPoD แต่ละชุดมี 8,192 APU
    พื้นที่รวมของระบบกว่า 64,000 ตารางเมตร เทียบเท่าสนามฟุตบอล 9 สนาม
    ใช้แนวทาง brute force เพื่อแข่งขันกับ Nvidia Rubin ที่จะเปิดตัวในปี 2026
    รองรับโมเดล AI ขนาดใหญ่ระดับหลายแสนล้านถึงหลายล้านล้านพารามิเตอร์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Nvidia Vera Rubin NVL144 ให้พลังเพียง 1.2 FP8 ExaFLOPS เทียบกับ 8 FP8 ของ SuperPoD Huawei
    Oracle OCI Supercluster ใช้ B200 GPU 131,072 ตัว ให้พลัง 2.4 FP4 ZettaFLOPS
    Huawei เตรียมเปิดตัว Atlas 960 SuperCluster ในปี 2027 พร้อมพลัง 4 ZettaFLOPS
    Ascend roadmap ของ Huawei จะมีรุ่น 950PR, 960 และ 970 ตามลำดับในปีถัดไป

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/huawei-unveils-atlas-950-supercluster-touting-1-fp4-zettaflops-performance-for-ai-inference-and-524-fp8-exaflops-for-ai-training-features-hundreds-of-thousands-of-950dt-apus
    🚀 “Huawei เปิดตัว Atlas 950 SuperCluster — ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ขนาดยักษ์ที่แรงถึง 1 ZettaFLOPS พร้อมท้าชน Nvidia ในปี 2026” ในงาน Huawei Connect 2025 ที่เซี่ยงไฮ้ Huawei ได้เปิดตัวระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI รุ่นใหม่ชื่อว่า Atlas 950 SuperCluster ซึ่งถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของจีนในการแข่งขันด้านฮาร์ดแวร์ AI ระดับโลก โดยระบบนี้สามารถประมวลผลได้ถึง 1 FP4 ZettaFLOPS สำหรับงาน inference และ 524 FP8 ExaFLOPS สำหรับการฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ Atlas 950 สร้างขึ้นจากหน่วยประมวลผล Ascend 950DT จำนวนมหาศาลถึง 524,288 ตัว ซึ่งกระจายอยู่ในตู้เซิร์ฟเวอร์กว่า 10,240 ตู้ และเชื่อมต่อกันด้วยระบบออปติกความเร็วสูงแบบ UnifiedBus over Ethernet (UBoE) ที่ Huawei พัฒนาขึ้นเอง โดยมี latency ต่ำเพียง 2.1 ไมโครวินาที และ bandwidth สูงถึง 16 PB/s ระบบนี้ประกอบด้วย 64 SuperPoD ซึ่งแต่ละชุดมี 8,192 APU และให้พลังประมวลผล 8 FP8 ExaFLOPS และ 16 FP4 ExaFLOPS ต่อชุด ถือเป็นการเพิ่มขีดความสามารถจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง Atlas 900 A3 ถึง 20 เท่า และมีขนาดพื้นที่รวมกว่า 64,000 ตารางเมตร หรือเทียบเท่าสนามฟุตบอล 9 สนาม แม้ Huawei จะยอมรับว่า APU ของตนยังไม่สามารถเทียบกับ GPU ของ Nvidia ได้ในแง่ประสิทธิภาพต่อชิป แต่บริษัทเลือกใช้แนวทาง “brute force” โดยเพิ่มจำนวนชิปมหาศาลเพื่อให้ได้พลังประมวลผลรวมที่สามารถแข่งขันกับระบบ Rubin ของ Nvidia ที่จะเปิดตัวในปี 2026–2027 นอกจากนี้ Huawei ยังประกาศแผนเปิดตัว Atlas 960 SuperCluster ในปี 2027 ซึ่งจะใช้ Ascend 960 NPU กว่า 1 ล้านตัว และให้พลังประมวลผลสูงถึง 4 ZettaFLOPS สำหรับ inference และ 2 ZettaFLOPS สำหรับ training ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Huawei เปิดตัว Atlas 950 SuperCluster ที่งาน Huawei Connect 2025 ➡️ ให้พลังประมวลผล 1 FP4 ZettaFLOPS สำหรับ inference และ 524 FP8 ExaFLOPS สำหรับ training ➡️ ใช้ Ascend 950DT จำนวน 524,288 ตัวในตู้เซิร์ฟเวอร์กว่า 10,240 ตู้ ➡️ เชื่อมต่อด้วยระบบ UBoE ที่มี latency ต่ำและ bandwidth สูง ✅ โครงสร้างและการออกแบบ ➡️ ประกอบด้วย 64 SuperPoD แต่ละชุดมี 8,192 APU ➡️ พื้นที่รวมของระบบกว่า 64,000 ตารางเมตร เทียบเท่าสนามฟุตบอล 9 สนาม ➡️ ใช้แนวทาง brute force เพื่อแข่งขันกับ Nvidia Rubin ที่จะเปิดตัวในปี 2026 ➡️ รองรับโมเดล AI ขนาดใหญ่ระดับหลายแสนล้านถึงหลายล้านล้านพารามิเตอร์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Nvidia Vera Rubin NVL144 ให้พลังเพียง 1.2 FP8 ExaFLOPS เทียบกับ 8 FP8 ของ SuperPoD Huawei ➡️ Oracle OCI Supercluster ใช้ B200 GPU 131,072 ตัว ให้พลัง 2.4 FP4 ZettaFLOPS ➡️ Huawei เตรียมเปิดตัว Atlas 960 SuperCluster ในปี 2027 พร้อมพลัง 4 ZettaFLOPS ➡️ Ascend roadmap ของ Huawei จะมีรุ่น 950PR, 960 และ 970 ตามลำดับในปีถัดไป https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/huawei-unveils-atlas-950-supercluster-touting-1-fp4-zettaflops-performance-for-ai-inference-and-524-fp8-exaflops-for-ai-training-features-hundreds-of-thousands-of-950dt-apus
    0 Comments 0 Shares 197 Views 0 Reviews
  • xAI เร่งสร้างโรงงาน AI พลังงานก๊าซ — เดินหน้าสู่เป้าหมาย 1 กิกะวัตต์เพื่อรองรับ GPU กว่า 1 ล้านตัวใน Colossus Supercomputer

    บริษัท xAI ของ Elon Musk กำลังเดินหน้าอย่างรวดเร็วในการสร้างโรงงาน AI ขนาดมหึมาที่ใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติ โดยล่าสุดมีการติดตั้งหรืออยู่ระหว่างการก่อสร้างระบบผลิตไฟฟ้ารวมกว่า 460 เมกะวัตต์ ทั้งในเมือง Memphis รัฐเทนเนสซี และ Southaven รัฐมิสซิสซิปปี ซึ่งถือเป็นครึ่งหนึ่งของเป้าหมาย 1 กิกะวัตต์ที่ Musk ตั้งไว้สำหรับ “AI factory”

    ในฝั่ง Memphis xAI ได้รับอนุญาตให้ติดตั้งกังหันก๊าซ 15 ตัวที่ไซต์ Paul R. Lowry Road หลังจากมีข้อถกเถียงกับกลุ่มสิ่งแวดล้อม ขณะที่ใน Southaven บริษัทได้ซื้อโรงไฟฟ้าก๊าซเก่าจาก Duke Energy และได้รับอนุญาตให้ใช้งานชั่วคราวเป็นเวลา 12 เดือน โดยใช้กังหัน Titan 350 ที่ให้กำลังมากกว่า 35 เมกะวัตต์ต่อเครื่อง

    เมื่อรวมกันแล้ว ระบบผลิตไฟฟ้าของ xAI สามารถรองรับ GPU ระดับ Nvidia GB200 NVL72 ได้มากถึง 200,000 ตัว ซึ่งเป็นหัวใจของ Colossus Supercomputer ที่ใช้ฝึกโมเดล Grok และระบบ AI ขนาดใหญ่ โดยมีแผนจะขยายไปถึง 1 ล้าน GPU ภายในปี 2026

    การเลือกใช้กังหันแบบ containerized เช่น SMT-130 และ Titan 350 ช่วยให้ xAI สามารถติดตั้งได้รวดเร็วโดยไม่ต้องรอการเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าหลัก ซึ่งมักใช้เวลาหลายปี นี่จึงเป็นกลยุทธ์ที่แตกต่างจาก Microsoft และ Amazon ที่ยังทดลองระบบ onsite เพียง 100–200 เมกะวัตต์เท่านั้น

    xAI สร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าก๊าซเพื่อรองรับโรงงาน AI ขนาดใหญ่
    ติดตั้งแล้วหรืออยู่ระหว่างการก่อสร้างรวม 460 เมกะวัตต์
    ตั้งเป้า 1 กิกะวัตต์เพื่อรองรับ GPU กว่า 1 ล้านตัว

    ใช้กังหัน SMT-130 และ Titan 350 สำหรับการผลิตไฟฟ้า
    SMT-130 ให้กำลัง ~16MW / Titan 350 มากกว่า 35MW
    ติดตั้งแบบ containerized เพื่อความรวดเร็ว

    มีการติดตั้งในสองรัฐคือ Tennessee และ Mississippi
    Memphis: ได้รับอนุญาตติดตั้งกังหัน 15 ตัว
    Southaven: ซื้อโรงไฟฟ้าเก่าจาก Duke Energy พร้อมใบอนุญาตชั่วคราว

    รองรับการใช้งาน GPU Nvidia GB200 NVL72 ได้มากถึง 200,000 ตัว
    เทียบเท่ากับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับโลก
    ใช้ฝึกโมเดล Grok และระบบ AI ขนาดใหญ่

    กลยุทธ์พลังงานของ xAI แตกต่างจากบริษัทอื่น
    Microsoft และ Amazon ยังอยู่ที่ระดับ 100–200MW
    xAI เลือกใช้พลังงานก๊าซเพื่อหลีกเลี่ยงการรอเชื่อมต่อกับโครงข่าย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/xai-pushes-power-strategy-towards-1gw-ai-factory
    📰 xAI เร่งสร้างโรงงาน AI พลังงานก๊าซ — เดินหน้าสู่เป้าหมาย 1 กิกะวัตต์เพื่อรองรับ GPU กว่า 1 ล้านตัวใน Colossus Supercomputer บริษัท xAI ของ Elon Musk กำลังเดินหน้าอย่างรวดเร็วในการสร้างโรงงาน AI ขนาดมหึมาที่ใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติ โดยล่าสุดมีการติดตั้งหรืออยู่ระหว่างการก่อสร้างระบบผลิตไฟฟ้ารวมกว่า 460 เมกะวัตต์ ทั้งในเมือง Memphis รัฐเทนเนสซี และ Southaven รัฐมิสซิสซิปปี ซึ่งถือเป็นครึ่งหนึ่งของเป้าหมาย 1 กิกะวัตต์ที่ Musk ตั้งไว้สำหรับ “AI factory” ในฝั่ง Memphis xAI ได้รับอนุญาตให้ติดตั้งกังหันก๊าซ 15 ตัวที่ไซต์ Paul R. Lowry Road หลังจากมีข้อถกเถียงกับกลุ่มสิ่งแวดล้อม ขณะที่ใน Southaven บริษัทได้ซื้อโรงไฟฟ้าก๊าซเก่าจาก Duke Energy และได้รับอนุญาตให้ใช้งานชั่วคราวเป็นเวลา 12 เดือน โดยใช้กังหัน Titan 350 ที่ให้กำลังมากกว่า 35 เมกะวัตต์ต่อเครื่อง เมื่อรวมกันแล้ว ระบบผลิตไฟฟ้าของ xAI สามารถรองรับ GPU ระดับ Nvidia GB200 NVL72 ได้มากถึง 200,000 ตัว ซึ่งเป็นหัวใจของ Colossus Supercomputer ที่ใช้ฝึกโมเดล Grok และระบบ AI ขนาดใหญ่ โดยมีแผนจะขยายไปถึง 1 ล้าน GPU ภายในปี 2026 การเลือกใช้กังหันแบบ containerized เช่น SMT-130 และ Titan 350 ช่วยให้ xAI สามารถติดตั้งได้รวดเร็วโดยไม่ต้องรอการเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าหลัก ซึ่งมักใช้เวลาหลายปี นี่จึงเป็นกลยุทธ์ที่แตกต่างจาก Microsoft และ Amazon ที่ยังทดลองระบบ onsite เพียง 100–200 เมกะวัตต์เท่านั้น ✅ xAI สร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าก๊าซเพื่อรองรับโรงงาน AI ขนาดใหญ่ ➡️ ติดตั้งแล้วหรืออยู่ระหว่างการก่อสร้างรวม 460 เมกะวัตต์ ➡️ ตั้งเป้า 1 กิกะวัตต์เพื่อรองรับ GPU กว่า 1 ล้านตัว ✅ ใช้กังหัน SMT-130 และ Titan 350 สำหรับการผลิตไฟฟ้า ➡️ SMT-130 ให้กำลัง ~16MW / Titan 350 มากกว่า 35MW ➡️ ติดตั้งแบบ containerized เพื่อความรวดเร็ว ✅ มีการติดตั้งในสองรัฐคือ Tennessee และ Mississippi ➡️ Memphis: ได้รับอนุญาตติดตั้งกังหัน 15 ตัว ➡️ Southaven: ซื้อโรงไฟฟ้าเก่าจาก Duke Energy พร้อมใบอนุญาตชั่วคราว ✅ รองรับการใช้งาน GPU Nvidia GB200 NVL72 ได้มากถึง 200,000 ตัว ➡️ เทียบเท่ากับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับโลก ➡️ ใช้ฝึกโมเดล Grok และระบบ AI ขนาดใหญ่ ✅ กลยุทธ์พลังงานของ xAI แตกต่างจากบริษัทอื่น ➡️ Microsoft และ Amazon ยังอยู่ที่ระดับ 100–200MW ➡️ xAI เลือกใช้พลังงานก๊าซเพื่อหลีกเลี่ยงการรอเชื่อมต่อกับโครงข่าย https://www.tomshardware.com/tech-industry/xai-pushes-power-strategy-towards-1gw-ai-factory
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    xAI's new gas turbine facility gets halfway to Elon Musk's 1-gigawatt 'AI factory' goal
    Permits and turbine orders point to half a gigawatt of on-site generation as xAI accelerates its Mississippi build.
    0 Comments 0 Shares 177 Views 0 Reviews
  • Logitech G Pro X2 Superstrike เปิดตัวเมาส์เกมมิ่งระบบ Haptic ตัวแรกของโลก — ปรับจุดคลิกได้ตามใจ พร้อมเทคโนโลยี Rapid Trigger สำหรับนักแข่งระดับโปร

    Logitech กำลังเขย่าวงการเกมมิ่งอีกครั้งด้วยการเปิดตัวเมาส์รุ่นใหม่ “G Pro X2 Superstrike” ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดชื่อว่า HITS หรือ Haptic Inductive Trigger System ซึ่งเป็นการรวมระบบคลิกแบบแอนะล็อกเข้ากับการตอบสนองแบบ haptic ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับจุด actuation ได้อย่างละเอียด พร้อมรับความรู้สึก “คลิก” แบบเรียลไทม์ แม้จะไม่มีสวิตช์กลไกแบบเดิม

    เมาส์รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์ระดับมืออาชีพ โดยสามารถปรับจุด actuation ได้ถึง 10 ระดับ และตั้งค่า rapid trigger ได้ 5 ระดับภายในระยะคลิกเพียง 0.6 มม. ซึ่งช่วยลด latency ได้ถึง 9–30 มิลลิวินาที นอกจากนี้ยังใช้เซ็นเซอร์ HERO 2 ที่มีความละเอียดสูงถึง 44,000 DPI ความเร็ว 888 IPS และรองรับแรงเร่งสูงสุด 88 G พร้อม polling rate สูงสุด 8,000 Hz

    G Pro X2 Superstrike ยังมีดีไซน์น้ำหนักเบาเพียง 65 กรัม ใช้งานแบบไร้สายผ่านเทคโนโลยี LIGHTSPEED และมีอายุแบตเตอรี่สูงสุด 90 ชั่วโมง โดยจะวางจำหน่ายในช่วงต้นปี 2026 ด้วยราคา $179.99 ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน CES 2026

    Logitech เปิดตัว G Pro X2 Superstrike เมาส์เกมมิ่งรุ่นใหม่
    ใช้เทคโนโลยี HITS (Haptic Inductive Trigger System)
    เป็นเมาส์เกมมิ่งตัวแรกที่ใช้ระบบคลิกแบบแอนะล็อกพร้อม haptic feedback

    ปรับแต่งการคลิกได้ละเอียดระดับมืออาชีพ
    ปรับจุด actuation ได้ 10 ระดับ
    ตั้งค่า rapid trigger ได้ 5 ระดับภายในระยะคลิก 0.6 มม.
    ลด latency ได้ 9–30 มิลลิวินาที

    ใช้เซ็นเซอร์ HERO 2 รุ่นล่าสุด
    ความละเอียดสูงสุด 44,000 DPI
    ความเร็ว 888 IPS และแรงเร่ง 88 G
    รองรับ polling rate สูงสุด 8,000 Hz

    ดีไซน์เบาและใช้งานได้นาน
    น้ำหนัก 65 กรัม ขนาดเท่ากับ G Pro X Superlight 2
    ใช้งานไร้สายผ่าน LIGHTSPEED
    อายุแบตเตอรี่สูงสุด 90 ชั่วโมง

    วางจำหน่ายต้นปี 2026
    ราคาเปิดตัว $179.99
    คาดว่าจะเปิดตัวในงาน CES 2026

    คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งานและความคาดหวัง
    ระบบคลิกแบบแอนะล็อกอาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    Haptic feedback อาจไม่เหมาะกับทุกประเภทเกม โดยเฉพาะเกมที่ไม่เน้นคลิกเร็ว
    ฟีเจอร์ขั้นสูงต้องใช้ Logitech G HUB ในการปรับแต่ง ซึ่งอาจไม่สะดวกสำหรับบางผู้ใช้
    ราคา $179.99 ถือว่าสูงเมื่อเทียบกับเมาส์ทั่วไปในตลาด

    https://www.tomshardware.com/peripherals/gaming-mice/logitechs-next-gaming-mouse-will-have-haptic-based-clicks-adjustable-actuation-and-rapid-trigger-new-g-pro-x2-superstrike-will-land-at-usd180
    📰 Logitech G Pro X2 Superstrike เปิดตัวเมาส์เกมมิ่งระบบ Haptic ตัวแรกของโลก — ปรับจุดคลิกได้ตามใจ พร้อมเทคโนโลยี Rapid Trigger สำหรับนักแข่งระดับโปร Logitech กำลังเขย่าวงการเกมมิ่งอีกครั้งด้วยการเปิดตัวเมาส์รุ่นใหม่ “G Pro X2 Superstrike” ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดชื่อว่า HITS หรือ Haptic Inductive Trigger System ซึ่งเป็นการรวมระบบคลิกแบบแอนะล็อกเข้ากับการตอบสนองแบบ haptic ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับจุด actuation ได้อย่างละเอียด พร้อมรับความรู้สึก “คลิก” แบบเรียลไทม์ แม้จะไม่มีสวิตช์กลไกแบบเดิม เมาส์รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์ระดับมืออาชีพ โดยสามารถปรับจุด actuation ได้ถึง 10 ระดับ และตั้งค่า rapid trigger ได้ 5 ระดับภายในระยะคลิกเพียง 0.6 มม. ซึ่งช่วยลด latency ได้ถึง 9–30 มิลลิวินาที นอกจากนี้ยังใช้เซ็นเซอร์ HERO 2 ที่มีความละเอียดสูงถึง 44,000 DPI ความเร็ว 888 IPS และรองรับแรงเร่งสูงสุด 88 G พร้อม polling rate สูงสุด 8,000 Hz G Pro X2 Superstrike ยังมีดีไซน์น้ำหนักเบาเพียง 65 กรัม ใช้งานแบบไร้สายผ่านเทคโนโลยี LIGHTSPEED และมีอายุแบตเตอรี่สูงสุด 90 ชั่วโมง โดยจะวางจำหน่ายในช่วงต้นปี 2026 ด้วยราคา $179.99 ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 ✅ Logitech เปิดตัว G Pro X2 Superstrike เมาส์เกมมิ่งรุ่นใหม่ ➡️ ใช้เทคโนโลยี HITS (Haptic Inductive Trigger System) ➡️ เป็นเมาส์เกมมิ่งตัวแรกที่ใช้ระบบคลิกแบบแอนะล็อกพร้อม haptic feedback ✅ ปรับแต่งการคลิกได้ละเอียดระดับมืออาชีพ ➡️ ปรับจุด actuation ได้ 10 ระดับ ➡️ ตั้งค่า rapid trigger ได้ 5 ระดับภายในระยะคลิก 0.6 มม. ➡️ ลด latency ได้ 9–30 มิลลิวินาที ✅ ใช้เซ็นเซอร์ HERO 2 รุ่นล่าสุด ➡️ ความละเอียดสูงสุด 44,000 DPI ➡️ ความเร็ว 888 IPS และแรงเร่ง 88 G ➡️ รองรับ polling rate สูงสุด 8,000 Hz ✅ ดีไซน์เบาและใช้งานได้นาน ➡️ น้ำหนัก 65 กรัม ขนาดเท่ากับ G Pro X Superlight 2 ➡️ ใช้งานไร้สายผ่าน LIGHTSPEED ➡️ อายุแบตเตอรี่สูงสุด 90 ชั่วโมง ✅ วางจำหน่ายต้นปี 2026 ➡️ ราคาเปิดตัว $179.99 ➡️ คาดว่าจะเปิดตัวในงาน CES 2026 ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งานและความคาดหวัง ⛔ ระบบคลิกแบบแอนะล็อกอาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ⛔ Haptic feedback อาจไม่เหมาะกับทุกประเภทเกม โดยเฉพาะเกมที่ไม่เน้นคลิกเร็ว ⛔ ฟีเจอร์ขั้นสูงต้องใช้ Logitech G HUB ในการปรับแต่ง ซึ่งอาจไม่สะดวกสำหรับบางผู้ใช้ ⛔ ราคา $179.99 ถือว่าสูงเมื่อเทียบกับเมาส์ทั่วไปในตลาด https://www.tomshardware.com/peripherals/gaming-mice/logitechs-next-gaming-mouse-will-have-haptic-based-clicks-adjustable-actuation-and-rapid-trigger-new-g-pro-x2-superstrike-will-land-at-usd180
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • PorteuX 2.3 เปิดตัวพร้อม GNOME 49 — ดิสโทรสาย Slackware ที่เบา ลื่น และรองรับกล้องเว็บแคมดีขึ้น

    PorteuX 2.3 ดิสโทร Linux สาย Slackware ที่เน้นความเร็ว ขนาดเล็ก และความยืดหยุ่น ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยเวอร์ชันนี้ยังคงใช้ Linux Kernel 6.16.7 เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า แต่มีการอัปเดตหลายจุดที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการเพิ่ม GNOME 49 เป็นหนึ่งในเดสก์ท็อปหลัก พร้อมรองรับ KDE Plasma 6.4.5 และไดรเวอร์ NVIDIA รุ่นใหม่ 580.82.09

    GNOME 49 ที่มาพร้อมใน PorteuX 2.3 ได้เพิ่มแอปเทอร์มินัลใหม่ชื่อ Ptyxis และปรับปรุงการจัดการ GNOME Shell extensions ให้สามารถลบได้ง่ายผ่านคำสั่ง removepkg ในเทอร์มินัล นอกจากนี้ยังมีการแก้บั๊กหลายจุด เช่น ปัญหา Openbox ไม่เริ่มทำงานเมื่อไม่มีโมดูลเดสก์ท็อป, ปัญหา Super + L ไม่ล็อกหน้าจอใน GNOME และ Alt + F4 ไม่ทำงานใน Labwc Wayland

    อีกหนึ่งจุดเด่นคือการปรับปรุงการรองรับกล้องเว็บแคมให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการใช้งานวิดีโอคอลหรือบันทึกภาพผ่านแอปต่าง ๆ โดยไม่ต้องติดตั้งไดรเวอร์เพิ่มเอง รวมถึงการปรับปรุงระบบ build script ให้เร็วขึ้น ใช้ meson/ninja และ lld เพื่อสร้าง binary ที่เล็กและเร็วขึ้น

    PorteuX 2.3 ยังเพิ่มแพ็กเกจใหม่ เช่น Fastfetch และ GNU nano และลบแพ็กเกจที่ล้าสมัยออก เช่น codec บางตัวและไดรเวอร์ GPU ที่ไม่จำเป็นจาก Mesa stack พร้อมรองรับเดสก์ท็อปหลากหลาย เช่น Xfce 4.20, Cinnamon 6.4.12, MATE 1.28.2, LXQt 2.2 และ LXDE 0.11.1

    PorteuX 2.3 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
    ใช้ Linux Kernel 6.16.7
    รองรับ GNOME 49, KDE Plasma 6.4.5 และเดสก์ท็อปอื่นอีก 5 แบบ

    GNOME 49 มาพร้อมแอปใหม่และปรับปรุงระบบ
    เพิ่มเทอร์มินัล Ptyxis
    ปรับปรุงการจัดการ GNOME Shell extensions ผ่าน removepkg
    แก้ปัญหา shortcut และการทำงานของ window manager

    รองรับกล้องเว็บแคมดีขึ้น
    ใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งไดรเวอร์เพิ่ม
    เหมาะสำหรับการประชุมออนไลน์และงานมัลติมีเดีย

    ปรับปรุงระบบ build script และแพ็กเกจ
    ใช้ meson/ninja และ lld เพื่อสร้าง binary ที่เล็กและเร็ว
    เพิ่ม Fastfetch และ GNU nano เป็นค่าเริ่มต้น
    ลบ codec และ GPU driver ที่ล้าสมัย

    รองรับหลายเดสก์ท็อปให้เลือกใช้งาน
    GNOME, KDE Plasma, Xfce, Cinnamon, MATE, LXQt, LXDE
    เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง

    คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งาน PorteuX 2.3
    การลบแพ็กเกจบางตัวอาจกระทบกับแอปที่ต้องใช้ codec เฉพาะ
    GNOME Shell extensions ที่ลบผ่าน removepkg อาจทำให้ระบบไม่เสถียร หากลบผิด
    การใช้ build script แบบใหม่อาจไม่รองรับกับบางโปรเจกต์เก่า
    ผู้ใช้ที่ไม่คุ้นกับ Slackware อาจต้องเรียนรู้ระบบแพ็กเกจใหม่ก่อนใช้งาน

    https://9to5linux.com/slackware-based-porteux-2-3-is-out-with-gnome-49-improved-webcam-support
    📰 PorteuX 2.3 เปิดตัวพร้อม GNOME 49 — ดิสโทรสาย Slackware ที่เบา ลื่น และรองรับกล้องเว็บแคมดีขึ้น PorteuX 2.3 ดิสโทร Linux สาย Slackware ที่เน้นความเร็ว ขนาดเล็ก และความยืดหยุ่น ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยเวอร์ชันนี้ยังคงใช้ Linux Kernel 6.16.7 เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า แต่มีการอัปเดตหลายจุดที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการเพิ่ม GNOME 49 เป็นหนึ่งในเดสก์ท็อปหลัก พร้อมรองรับ KDE Plasma 6.4.5 และไดรเวอร์ NVIDIA รุ่นใหม่ 580.82.09 GNOME 49 ที่มาพร้อมใน PorteuX 2.3 ได้เพิ่มแอปเทอร์มินัลใหม่ชื่อ Ptyxis และปรับปรุงการจัดการ GNOME Shell extensions ให้สามารถลบได้ง่ายผ่านคำสั่ง removepkg ในเทอร์มินัล นอกจากนี้ยังมีการแก้บั๊กหลายจุด เช่น ปัญหา Openbox ไม่เริ่มทำงานเมื่อไม่มีโมดูลเดสก์ท็อป, ปัญหา Super + L ไม่ล็อกหน้าจอใน GNOME และ Alt + F4 ไม่ทำงานใน Labwc Wayland อีกหนึ่งจุดเด่นคือการปรับปรุงการรองรับกล้องเว็บแคมให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการใช้งานวิดีโอคอลหรือบันทึกภาพผ่านแอปต่าง ๆ โดยไม่ต้องติดตั้งไดรเวอร์เพิ่มเอง รวมถึงการปรับปรุงระบบ build script ให้เร็วขึ้น ใช้ meson/ninja และ lld เพื่อสร้าง binary ที่เล็กและเร็วขึ้น PorteuX 2.3 ยังเพิ่มแพ็กเกจใหม่ เช่น Fastfetch และ GNU nano และลบแพ็กเกจที่ล้าสมัยออก เช่น codec บางตัวและไดรเวอร์ GPU ที่ไม่จำเป็นจาก Mesa stack พร้อมรองรับเดสก์ท็อปหลากหลาย เช่น Xfce 4.20, Cinnamon 6.4.12, MATE 1.28.2, LXQt 2.2 และ LXDE 0.11.1 ✅ PorteuX 2.3 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ➡️ ใช้ Linux Kernel 6.16.7 ➡️ รองรับ GNOME 49, KDE Plasma 6.4.5 และเดสก์ท็อปอื่นอีก 5 แบบ ✅ GNOME 49 มาพร้อมแอปใหม่และปรับปรุงระบบ ➡️ เพิ่มเทอร์มินัล Ptyxis ➡️ ปรับปรุงการจัดการ GNOME Shell extensions ผ่าน removepkg ➡️ แก้ปัญหา shortcut และการทำงานของ window manager ✅ รองรับกล้องเว็บแคมดีขึ้น ➡️ ใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งไดรเวอร์เพิ่ม ➡️ เหมาะสำหรับการประชุมออนไลน์และงานมัลติมีเดีย ✅ ปรับปรุงระบบ build script และแพ็กเกจ ➡️ ใช้ meson/ninja และ lld เพื่อสร้าง binary ที่เล็กและเร็ว ➡️ เพิ่ม Fastfetch และ GNU nano เป็นค่าเริ่มต้น ➡️ ลบ codec และ GPU driver ที่ล้าสมัย ✅ รองรับหลายเดสก์ท็อปให้เลือกใช้งาน ➡️ GNOME, KDE Plasma, Xfce, Cinnamon, MATE, LXQt, LXDE ➡️ เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งาน PorteuX 2.3 ⛔ การลบแพ็กเกจบางตัวอาจกระทบกับแอปที่ต้องใช้ codec เฉพาะ ⛔ GNOME Shell extensions ที่ลบผ่าน removepkg อาจทำให้ระบบไม่เสถียร หากลบผิด ⛔ การใช้ build script แบบใหม่อาจไม่รองรับกับบางโปรเจกต์เก่า ⛔ ผู้ใช้ที่ไม่คุ้นกับ Slackware อาจต้องเรียนรู้ระบบแพ็กเกจใหม่ก่อนใช้งาน https://9to5linux.com/slackware-based-porteux-2-3-is-out-with-gnome-49-improved-webcam-support
    9TO5LINUX.COM
    Slackware-Based PorteuX 2.3 Is Out with GNOME 49, Improved Webcam Support - 9to5Linux
    PorteuX 2.3 Linux distribution is now available for download with Linux kernel 6.16, GNOME 49, KDE Plasma 6.4.5, and more.
    0 Comments 0 Shares 160 Views 0 Reviews
  • 18-09-68/01 : หมี CNN / "สภาโกปี๊" หรรษาขาประจำ EP5.2(ตอนจบ)

    (ต่อ) ขณะที่ชาวบ้านมุงดูดารา เน็ตไอดอลกันตรึม สื่อก็ทำข่าวต่อทันที ดูเหมือนว่า เจ้านี้ จะจ่ายหนักกว่า นักข่าวสายชอบเปย์พากันเข้าสัมภาษณ์ทันที พรรคขาวปรี๊ด หนนี้มีความมั่นใจแค่ไหนครับท่าน?

    หัวหน้าพรรคตอบทันควัน "กระผม นายปลิงดูด น้องปรีดู ขอถวายตัวรับใช้เพ่น้องประชาชนอันเป็นที่รัก" ที่ไหนยากจน ความเจริญจะไปหาทันที ด้วยนโยบายพรรคเรา จ่ายหนัก เฮ๊ย..อยากได้ ก็ต้องได้ อยากมี ก็ต้องมี เสกได้ตามสั่ง แค่เลือกพรรคขาวปรี๊ด เบอร์ 00 ศักดิ์ไม่ต้องศรี มีแดร๊กทุกวัน เฮฮาปาร์ตี้กันทั่วหัวมุมถนน ใครใคร่ชอบอะไร ก็เชิญทำตามสบายใจท่าน เราคือพรรคเอนเตอร์เทนตัวพ่อ กาสิโอ๊ะ ไม่จำเป็น เราเน้นนโยบายกระจายรายได้ ใช้ชุมชนเป็นเจ้ามือ ทุกคนมีงานทำ เปิดด่านไปเลย การค้ากลับมาดั่งเดิม ไม่ต้องห่วงระเบิด เปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษไปเลย ดูแลทั้ง 2 ฝ่าย จบง่าย รวยด้วยกัน อ่าวไทยเหรอ? เก็บเอาไว้ให้ใคร ขุดขึ้นมาใช้ดิ เราจะได้ใช้น้ำมันถูกไง ไม่ดีเหรอ ส่งออกเพื่อนบ้านได้อีก แบ่งๆ กันกิน ก็ไม่มีใครมารบกับเราแล้ว ปากท้องไม่เข้าใครออกใคร?

    นักข่าวยังช็อค ชาวบ้านอารมณ์เปลี่ยน? LIVE สด อยู่น่ะมรึง?

    1 ในชาวบ้าน ตะโกนถามท่านหัวหน้าพรรคคนใหม่ว่า "แล้วดินแดนล่ะ ต้องแบ่งด้วยมั้ย?"

    อ้าว..แบ่งกันไปเลย จะได้จบจบ มีทองแบ่งทอง มีน้ำมันแบ่งน้ำมัน จะมาฆ่ากันทำไม แค่แผ่นดินเท่าเหมี๊ยวดิ้นตาย คนละครึ่งไงจ๊ะ แฟร์เพลย์ดีมั้ยล่ะ?

    ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงเห่าหอน ก็มีเสียงแทรกตะโกนมาว่า "ไอ้สัส!" ประเทศจะมีพวกมรึงไปทำไม? กล้องจับภาพทันที รู้ดี สัญญานแรงแน่ มีข่าวตีชัวร์

    หันไปดูปุ๊บ..ไม่ใช่ใครอื่น? "อาแปะ เปิดฟลอร์แล้วจ๊ะ"

    อาแปะ : มรึงรีบออกไปจากหมู่บ้านกูเลย ก่อนชาวบ้านจะสหบาทา อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก! (หลังเกิดเหตุ ชาวบ้านก็เลิกสนใจดารา เน็ตไอดอลทันที ต่างรู้ดีว่า ไอ้พวกห่าเหี้ยนี่ มาทำไม? เดินกันเข้ามาหนุนอาแปะ)

    อาโก รีบชิงจังหวะ ที่เห็นอีปากหมา(หัวหน้าพรรคคนใหม่) มันยังช็อคกับเหตุการณ์อยู่ ชิงพื้นที่สื่อทันที เดินเข้าขวางหน้ากล้อง พร้อมพูดว่า

    "นี่คือคนที่คุณจะเลือกเหรอ?" เลือกตั้งมันตอบโจทย์ปากท้องเราได้จริงเหรอ? 93 ปี เราได้อะไรบ้างจากประชาธิปไตย ก็แค่เก้าอี้ดนตรี สมบัติผลัดกันชม เหี้ยไป จัญไรมา เวลาเปลี่ยน พรรคเปลี่ยน คนเปลี่ยน แต่ความเสียหายไม่เคยเปลี่ยน มันลงมาที่ชาวบ้านและประเทศนี้เสมอมา คืนพระราชอำนาจต่างหาก คือสิ่งที่ลูกทุกคนควรทำ เราแย่งชิงพระราชอำนาจมาจากพ่อ ด้วยกลโกงของภัยจากตะวันตก เมื่อไม่ใช่ของเรามาตั้งแต่ต้น ก็ควรจะคืนให้พ่อท่านไป เพราะไม่ว่าพ่อท่านจะส่งใครมาดูแล ปกครองเรา ก็ล้วนอยู่ในสายพระเนตรตลอดเวลา มั่นใจในความซื่อสัตย์ เที่ยงตรงแน่นอน แต่นักการเมือง มาจากพรรค มาจากนายทุน กำไรคือเป้าหมาย พวกเราก็เป็นแค่เหยื่อ?

    อาแปะ รับเข้ามาเสริมทันที "กล้องๆ มาทางนี้ เราขอประกาศว่า หมู่บ้านหมีดุ จะทำการขอประชามติ เรื่องคืนพระราชอำนาจ แล้วจะส่งผลไปให้ฝ่ายการปกครองบ้านเมือง ว่า ณ มุมแห่งนี้ มีความต้องการเช่นไร"

    นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตาตื่น ไอ้สัส! ออกสื่อไม่ปรึกษากูเลย ไอ้แปะ เอาอีกแล้ว งานนี้ กูจะเด้งมั้ยหนอ?

    มีชาวบ้านสนใจ ตะโกนถามอาแปะว่า "จะประชามติเมื่อไหร่" พวกเราพร้อมโหวตจ๊ะ ไม่เอาแล้วการเมือง ยิ่งอยู่ยิ่งรวย ชาวบ้านอดอยากมากยิ่งขึ้น เงินภาษีพวกกู ไม่ได้เอาไปทำความเจริญให้แผ่นดินเลย โดนพวกแม่งแดร๊กเรียบวุธ เอาเลยอาแปะ เราเอาด้วย พอกันที แผ่นดินนี้ต้องการพ่อ ไม่ได้ต้องการเหี้ย?

    นายอำเภอเห็นท่าไม่ดี เรียนเชิญหัวหน้าพรรคขาวปรี๊ด กลับไปก่อน เดี๋ยวชาวบ้านอาจจะไม่พอใจมากไปกว่านี้ อาจควบคุมสถานการณ์ไม่ได้อีก แต่กลับถูกตอกหน้ากลับว่า "แค่หมู่บ้านเล็กๆ จะกลัวไปทำไมกันเล่า" อั๊วเรียก อีกากี ยกกันมาทั้งกรมแล้ว อยากวัด ต้องได้วัด ใครขัดใจ มรึงตาย! เดี๋ยวมรึงหลบไป กูเดาไม่ผิด ต้องเจอพวกหัวแข็ง จึงได้เตรียมจัดฉาก ชาวบ้านคลั่งทำร้ายนักการเมือง จะต้องเป็นข่าวใหญ่แน่ ใครหัวนำ แกนนำ จับมันไปให้หมด งานนี้ ต้องประกาศศักดา พื้นที่นี้ พรรคขาวปรี๊ดเท่านั้น ที่จะตีให้แตกกระจุย

    ไม่ทันไร ขบวนรถขังคุกก็เข้ามาทันควัน เจ้าหน้าที่แห่กันมาเตรียมรวบชาวบ้าน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำเหี้ยอาไยเลย? นี่ไง ข้าราชการใต้ตรีนนายทุน หาใช่ข้าราชการในหลวงไม่? มีการรประกาศพื้นที่ฉุกเฉิน ห้ามชาวบ้านออกนอกพื้นที่นี้เด็ดขาด อ้างมีกลุ่มก่อการร้ายแฝงตัวเข้ามา ไอ้สัส! แทนที่จะไปปาย เสือกมาหมู่บ้านนี้ เหี้ยกันให้สุดไปเลย

    ชาวบ้านเริ่มไม่พอใจหนัก นี่พวกมรึงคิดการณ์ไว้แล้วชิมิ? จะมากวาดล้างบางหมู่บ้านนี้สิท่า มันไม่ง่ายดอกน่ะ 20 ปีที่ผ่านมา เจออะไรมาเยอะ หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว ไม่รีรอ ยิงแสงสปอตไลท์ขึ้นฟ้า "หาแม่ทัพกุ้ง SUPER KUNG" ทันที แจ้งรหัสลับ "ขะแมร์บุก"

    ในขณะที่กองกำลังอีกากี กำลังจะทำการสลายม็อบรักชาติ อาแปะก็รับชิงเปิดโทรโข่งเสียงดัง เปิดเพลงปลุกใจเพ่น้องไทย บ้านเมืองเป็นกลียุค เพราะไอ้อีที่ไร้จิตสำนึก ดีชั่ว แยกไม่ออก บรรยากาศ ชวนชนอย่างมว๊าก ชาวบ้านก็ไม่ถอย กล้องทุกตัว จับตาอยู่ตลอด ขณะที่อี 6 เหลี่ยม ผู้นำพรรคขาวปรี๊ด เตรียมสั่งกวาดล้างบางทั้งหมู่บ้าน เหมือนที่เคยทำมาก่อนหน้านี้

    อาโก รีบพาเด็กๆ คนชรา ไปยืนแถวหลังสุด เพื่อไม่ให้ได้รับบาดเจ็บจากการตะลุมบอล ฝา กะละมัง หม้อ สาก ครก เอามาใช้ป้องกันตัวหมด ยามนี้ ชาวหมู่บ้าน ได้รวมใจเป็นหนึ่ง ไม่คิดว่าจะต้องลงเอยแบบนี้ แต่กลับไม่มีใครบ่น หรือกล่าวหาใครทั้งนั้น เพราะหมู่บ้านนี้ ชูเรื่อง รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นที่ตั้ง ไม่มีอะไรเปลี่ยนใจได้ เมื่อวีรกรรมหมู่บ้านนี้ก่อเกิด มันจะส่งผลเป็นโดมิโน่ ไปทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกอเภอ และทุกจังหวัด กระจายสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไปทั่วประเทศ นี่แหละ ที่เราต้องการ

    สิ้นเสียงเพลงเร้าใจ ก็เปิดลุยทันที ยังไม่ทันจะได้ประชิดตัว ก็มีเสียงตะโกนดังก้องฟ้าว่า "ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้"

    หลังหันไปมองกันหมด ปรากฎว่า "ลุงกุ้ง" ไม่รู้โผล่มาจากไหน? สัญญาน SOS ส่งถึง SUPER KUNG มีอยู่จริงเฟ้ยเห้ย? ทุกคนต่างยินนิ่ง ดูก่อนว่าจะเกิดอะไรขึ้น?

    ลุงกุ้งของน้องๆ มาแย้วจ๋า.. เอ๊ะ ทำอาไยกันอยู่ เหยียบกับระเบิดกันบ้างแล้วรึยัง?

    อี 6 เหลี่ยม หันมามองกองหนุนอีกากี ทันที "พวกมรึงทำห่าอะไรอยู่ฟ่ะ" มันมาแค่คนเดียว "กลัวเหี้ยอะไรกันนักหนา" ลุยเลย กูจ่ายเต็มที่ กล้องส่องกูก็ไม่สนแล้ว "เลือดขึ้นหน้า" วันนี้ หมู่บ้านหมีดุ ต้องตกเป็นของกูผู้เดียว แค่มดปลวก เสือกไม่คิด อยากวัดกับกูชิมิ? กูจัดให้

    "เดี๋ยวก่อน" อี 6 เหลี่ยม คราวก่อนกูไว้ชีวิตมรึง ยังไม่เข็ดอีกเหรอ? เมื่อคืน กูยังแอบเห็น อีเมีย กับอีลูกร่านมรึง เที่ยวบาร์โฮสต์อยู่เลย ครอบครัวหรรษาดีแท้จริงน่ะมรึง ไปอยู่ไหนมา กูมาคนเดียวก็จริง แต่แค่กูยกมือขึ้น ระเบิดลงหัวมรึงแน่ รู้จักมั้ย ดาวเทียม ขนมาทำไมเยอะแยะ แค่หมู่บ้านเล็กๆ ไม่ต้องยกกันมาทั้งกองทัพดอกน่ะ กับแค่ แก๊งค์สีกากี ไม่กี่ร้อย กูเอาอยู่ จริงมั้ย? เด็กๆ

    ไม่ทันไร F-16 และกริปเพนก็บินผ่านหัวอย่างไว เหมือนรอดูสัญญานมือแม่ทัพกุ้งอยู่ ว่าจะให้ย่างยังไงดี กึ่งสุก กึ่งดิบ หรือเอาแบบ MEDIUM RARE ดี เผาอีขะแมรืไป 5000 ตัวแล้ว ยังไม่หนำใจ ขอพ่วงอีสีกากีซักกองร้อย คงอร่อยเหาะดีเน๊าะ

    อี 6 เหลี่ยม เห็นท่าไม่ดี สั่งถอย "ฝากไว้ก่อนโอฬาร" ติดคุกไม่กี่ปี เดี๋ยวกูออกมาอาละวาดใหม่ได้ แค่ย้ายบ้านอยู่ใหม่ชั่วคราว

    หลังพวกเหี้ยกลับไป บรรยากาศก็กลับคืนสู่ภาวะปกติ ชาวบ้านแยกย้ายกันไปทำมาหาแดร๊กกันต่อ ส่วนลุงกุ้ง ก็แวะเข้ามากินโกปี๊กันต่อ ถามสารทุกข์สุกดิบชาวบ้านตามประสา แม่ทัพผู้ใจดี

    อาฉี : ท่านแม่ทัพ ถามจริง? เราจะได้คืนพระราชอำนาจหรือไม่ ทหารคิดเห็นอย่างไร? และมีแผนการเรียกคืนดินแดนเดิมหรือไม่?

    แม่ทัพกุ้ง : ทหารก็คิดไม่แตกต่างจากพวกเราดอกน่ะ แต่ด้วยวินัยทหาร แสดงออกมาไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามสายการบังคับบัญชา แต่ทหารรุ่นใหม่ เค้าเทใจให้วังไปนานแล้ว ไอ้ที่ยังอยู่ เก่า แก่ แต่หวงอำนาจยังคงมี ส่วนแผนการเรียกคืนแผ่นดิน เรื่องนี้ การทหารเค้ามีนานแล้ว แต่จะเดินเกมส์ไปกับเกมส์การเมืองโลก และอำนาจของการปิดด่าน จนเศรษฐกิจอีขะแมร์พินาศ เมื่อประเทศอ่อนแอ การรวมชาติก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ไปทีละสเตปเร่งไม่ได้ เพราะมันยังไม่เคลียร์เรื่องสนธิสัญญาโตเกียว ที่ไม่ผ่านมติสภา มีผลเป็นโมฆะตามกฎหมายไทย ไม่ว่าใครจะเซ็นต์อะไรไป แต่อำนาจในมือไม่มี ก็ไร้ผล

    อาแปะ : อั๊วว่า ท่านแม่ทัพคงได้สานเรื่องนี้ต่อแน่ หลังเกษียณชัวร์

    แม่ทัพกุ้ง : เราก็หวังเช่นนั้น เพราะทุกฝ่ายวางตัวสืบทอดไว้แล้ว คงต้องใช้เวลาอีกซักระยะนึง เพราะปัญหาโลกนั้นใหญ่เกินกว่าที่เราจะต้านทานเพียงลำพังได้

    อาโก : ท่านแม่ทัพ คิดว่าจะมีปฎิวัติอีกหรือไม่? ผบ.สูงสุด ผบ.ทบ. ท่านพร้อมเรื่องนี้มากแค่ไหน หากสถานการณ์เลวร้ายลง และไม่เป็นไปตามแผน

    แม่ทัพกุ้ง : ดูเหตุ และปัจจัยก่อน หากหาทางออกในฝ่ายการเมืองได้ก็จบ หากหาทางออกในฝ่ายความมั่นคงได้ ก็ไม่จำเป็นต้องรัฐประหาร

    อาคิม : ข่าวมาล่าสุดว่า อีส้มเน่า เตรียมประกาศเป็นผู้นำรัฐบาลแล้ว พร้อมบริหารประเทศ สิ่งแรกที่จะทำ คือ "ยกเลิกมาตรา 112 ในทันที" ท่านแม่ทัพคิดว่ายังไง?

    แม่ทัพกุ้ง : มันทำไม่ได้ดอก แผ่นดินนี้ต้องมีกษัตริย์ และใครก็จะมาดูหมิ่นไม่ได้ เรื่องนี้ แม้ทหารก็ไม่ยอมเช่นกัน เป็นไงเป็นกัน เรื่องนี้ อย่าได้กังวลมากไป เพราะยังมีศาลไคฟงท่านอยู่ ดาบ 2 ดาบ 3 รออีกเพี๊ยบ บางอย่างจะพูดตอนนี้ไปทำไม ทุกอย่างมันต้องมีเหตุก่อน ผลถึงจะตามมา

    อาซิ่ม อินเตอร์ : ท่านแม่ทัพจ๊ะ แล้วเมื่อโลกเปลี่ยนมือไปแล้ว ภายในบ้านเราเองก็ต้องปรับตัวตามเช่นกัน เป็นไปได้หรือไม่ ที่เราจะกลับไปใช้ระบบการปกครองเดิม และประยุกต์ให้มันทันสมัยมากขึ้น ผู้คนเริ่มเบื่อหน่ายกับปชต.ตอแหลแล้ว จะเลือกไปทำไม เสียภาษีไปทำไม เอามาช่วยชาวบ้านอย่างเราเราไม่ดีกว่าเหรอ?

    แม่ทัพกุ้ง : รอบบ้านเราเองก็ยังไม่มั่นคง ต้องรอดูท่าทีอาเซียนก่อน หากสงครามใหญ่มา อาเซียนจะผนึกกำลังเอง ส่วนเรื่องการปกครองนั้น เป็นเรื่องภายในของเราเอง อยากจะเปลี่ยน อยากจะแก้ก็ได้ทั้งนั้น แต่เกมส์โลกต้องได้ผู้ชนะก่อน ถึงจะรู้ทิศทางลมว่าจะต้องเดินไปทางไหน? ศึกใหญ่มันใกล้เข้ามาล่ะ

    ปล.ในแผ่นดิน ย่อมต้องมี ทั้งคนดี คนชั่ว หากแต่ เราต้องช่วยกันส่งมอบอำนาจให้คนดีปกครอง ไม่มีใครทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด หากแต่ให้คนดีปกครองบ้านเมือง คนชั่วก็จะไม่มีโอกาสทำลายบ้านเมืองได้นั่นเอง แล้วใครล่ะคนดี? ก็คนที่พ่อเลือกไงล่ะ คนที่พ่อไว้วางพระทัย คืนพระราชอำนาจเป็นแค่สัญลักษณ์ เพราะโดยเนื้อแท้แล้ว อำนาจสูงสุดก็ยังอยู่ในมือพระมหากษัตริย์ หาแต่ ที่ผ่านมา ลูกได้ช่วงชิงมันไปจากมือพ่อ ก็ต้องส่งคืนมือพ่อด้วยตัวเองไงล่ะ เป็นการขอพระราชทานอภัยโทษ ในสิ่งที่ลุกได้ทำผิดพลาดไปในครั้งอดีต ซึ่งเปลี่ยนแปลงไม่ได้อีกแล้ว แต่จะทำให้มันถูกต้องดั่งเดิม นั่นคือสิ่งที่ทำได้ในวันนี้

    EP.5.2(อวสาน) เรื่องราวในหมู่บ้านหมีดุ จะกลายเป็นตำนานเล่าขานไปอีกนาน ทุกหมู่บ้านเริ่มดวงตาเห็นธรรม นักการเมือง พรรคการเมือง จะมีไปทำไม แดร๊กภาษี เอาเปรียบคนไทยทั้งชาติ โลกเปลี่ยนมือ ก็ไม่ต้องตามปชต.ตอแหลอีกต่อไป โมเดลรัสเซีย จีน มีให้เห็นอยู่ ว่าทำยังไง ถึงได้เจริญแบบก้าวกระโดด โดยที่ไม่ทิ้งรากเหง้าตัวเอง ตัวอย่างมีให้โลกประจักษ์แล้ว อยู่ที่ใครจะเลือกทางไหน?

    หมี CNN(ไทยสุดทน! ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง ปราบม็อบเติมเงินขะแมร์ บ้านหนองหญ้าแก้ว ส่งสัญญานชัด ใช้วิธีสลายม็อบ แบบสากล แต่เด็ดขาด ชาวโลกประจักษ์ มันมาถึงที่สุดแล้ว ดินแดนใช่จะยอมให้กันง่ายๆ เอาชาวบ้านมาเป็นกันชน สุดท้ายมรึงเลือกเอง อย่าร้อง ไอ้สัส! โลกชื่นชมวิธีการทหารไทย ล่อจะเบาไปหาหนัก ตามความชอบธรรม)
    18 กันยายน 68
    00.01 น.
    18-09-68/01 : หมี CNN / "สภาโกปี๊" หรรษาขาประจำ EP5.2(ตอนจบ) (ต่อ) ขณะที่ชาวบ้านมุงดูดารา เน็ตไอดอลกันตรึม สื่อก็ทำข่าวต่อทันที ดูเหมือนว่า เจ้านี้ จะจ่ายหนักกว่า นักข่าวสายชอบเปย์พากันเข้าสัมภาษณ์ทันที พรรคขาวปรี๊ด หนนี้มีความมั่นใจแค่ไหนครับท่าน? หัวหน้าพรรคตอบทันควัน "กระผม นายปลิงดูด น้องปรีดู ขอถวายตัวรับใช้เพ่น้องประชาชนอันเป็นที่รัก" ที่ไหนยากจน ความเจริญจะไปหาทันที ด้วยนโยบายพรรคเรา จ่ายหนัก เฮ๊ย..อยากได้ ก็ต้องได้ อยากมี ก็ต้องมี เสกได้ตามสั่ง แค่เลือกพรรคขาวปรี๊ด เบอร์ 00 ศักดิ์ไม่ต้องศรี มีแดร๊กทุกวัน เฮฮาปาร์ตี้กันทั่วหัวมุมถนน ใครใคร่ชอบอะไร ก็เชิญทำตามสบายใจท่าน เราคือพรรคเอนเตอร์เทนตัวพ่อ กาสิโอ๊ะ ไม่จำเป็น เราเน้นนโยบายกระจายรายได้ ใช้ชุมชนเป็นเจ้ามือ ทุกคนมีงานทำ เปิดด่านไปเลย การค้ากลับมาดั่งเดิม ไม่ต้องห่วงระเบิด เปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษไปเลย ดูแลทั้ง 2 ฝ่าย จบง่าย รวยด้วยกัน อ่าวไทยเหรอ? เก็บเอาไว้ให้ใคร ขุดขึ้นมาใช้ดิ เราจะได้ใช้น้ำมันถูกไง ไม่ดีเหรอ ส่งออกเพื่อนบ้านได้อีก แบ่งๆ กันกิน ก็ไม่มีใครมารบกับเราแล้ว ปากท้องไม่เข้าใครออกใคร? นักข่าวยังช็อค ชาวบ้านอารมณ์เปลี่ยน? LIVE สด อยู่น่ะมรึง? 1 ในชาวบ้าน ตะโกนถามท่านหัวหน้าพรรคคนใหม่ว่า "แล้วดินแดนล่ะ ต้องแบ่งด้วยมั้ย?" อ้าว..แบ่งกันไปเลย จะได้จบจบ มีทองแบ่งทอง มีน้ำมันแบ่งน้ำมัน จะมาฆ่ากันทำไม แค่แผ่นดินเท่าเหมี๊ยวดิ้นตาย คนละครึ่งไงจ๊ะ แฟร์เพลย์ดีมั้ยล่ะ? ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงเห่าหอน ก็มีเสียงแทรกตะโกนมาว่า "ไอ้สัส!" ประเทศจะมีพวกมรึงไปทำไม? กล้องจับภาพทันที รู้ดี สัญญานแรงแน่ มีข่าวตีชัวร์ หันไปดูปุ๊บ..ไม่ใช่ใครอื่น? "อาแปะ เปิดฟลอร์แล้วจ๊ะ" อาแปะ : มรึงรีบออกไปจากหมู่บ้านกูเลย ก่อนชาวบ้านจะสหบาทา อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก! (หลังเกิดเหตุ ชาวบ้านก็เลิกสนใจดารา เน็ตไอดอลทันที ต่างรู้ดีว่า ไอ้พวกห่าเหี้ยนี่ มาทำไม? เดินกันเข้ามาหนุนอาแปะ) อาโก รีบชิงจังหวะ ที่เห็นอีปากหมา(หัวหน้าพรรคคนใหม่) มันยังช็อคกับเหตุการณ์อยู่ ชิงพื้นที่สื่อทันที เดินเข้าขวางหน้ากล้อง พร้อมพูดว่า "นี่คือคนที่คุณจะเลือกเหรอ?" เลือกตั้งมันตอบโจทย์ปากท้องเราได้จริงเหรอ? 93 ปี เราได้อะไรบ้างจากประชาธิปไตย ก็แค่เก้าอี้ดนตรี สมบัติผลัดกันชม เหี้ยไป จัญไรมา เวลาเปลี่ยน พรรคเปลี่ยน คนเปลี่ยน แต่ความเสียหายไม่เคยเปลี่ยน มันลงมาที่ชาวบ้านและประเทศนี้เสมอมา คืนพระราชอำนาจต่างหาก คือสิ่งที่ลูกทุกคนควรทำ เราแย่งชิงพระราชอำนาจมาจากพ่อ ด้วยกลโกงของภัยจากตะวันตก เมื่อไม่ใช่ของเรามาตั้งแต่ต้น ก็ควรจะคืนให้พ่อท่านไป เพราะไม่ว่าพ่อท่านจะส่งใครมาดูแล ปกครองเรา ก็ล้วนอยู่ในสายพระเนตรตลอดเวลา มั่นใจในความซื่อสัตย์ เที่ยงตรงแน่นอน แต่นักการเมือง มาจากพรรค มาจากนายทุน กำไรคือเป้าหมาย พวกเราก็เป็นแค่เหยื่อ? อาแปะ รับเข้ามาเสริมทันที "กล้องๆ มาทางนี้ เราขอประกาศว่า หมู่บ้านหมีดุ จะทำการขอประชามติ เรื่องคืนพระราชอำนาจ แล้วจะส่งผลไปให้ฝ่ายการปกครองบ้านเมือง ว่า ณ มุมแห่งนี้ มีความต้องการเช่นไร" นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตาตื่น ไอ้สัส! ออกสื่อไม่ปรึกษากูเลย ไอ้แปะ เอาอีกแล้ว งานนี้ กูจะเด้งมั้ยหนอ? มีชาวบ้านสนใจ ตะโกนถามอาแปะว่า "จะประชามติเมื่อไหร่" พวกเราพร้อมโหวตจ๊ะ ไม่เอาแล้วการเมือง ยิ่งอยู่ยิ่งรวย ชาวบ้านอดอยากมากยิ่งขึ้น เงินภาษีพวกกู ไม่ได้เอาไปทำความเจริญให้แผ่นดินเลย โดนพวกแม่งแดร๊กเรียบวุธ เอาเลยอาแปะ เราเอาด้วย พอกันที แผ่นดินนี้ต้องการพ่อ ไม่ได้ต้องการเหี้ย? นายอำเภอเห็นท่าไม่ดี เรียนเชิญหัวหน้าพรรคขาวปรี๊ด กลับไปก่อน เดี๋ยวชาวบ้านอาจจะไม่พอใจมากไปกว่านี้ อาจควบคุมสถานการณ์ไม่ได้อีก แต่กลับถูกตอกหน้ากลับว่า "แค่หมู่บ้านเล็กๆ จะกลัวไปทำไมกันเล่า" อั๊วเรียก อีกากี ยกกันมาทั้งกรมแล้ว อยากวัด ต้องได้วัด ใครขัดใจ มรึงตาย! เดี๋ยวมรึงหลบไป กูเดาไม่ผิด ต้องเจอพวกหัวแข็ง จึงได้เตรียมจัดฉาก ชาวบ้านคลั่งทำร้ายนักการเมือง จะต้องเป็นข่าวใหญ่แน่ ใครหัวนำ แกนนำ จับมันไปให้หมด งานนี้ ต้องประกาศศักดา พื้นที่นี้ พรรคขาวปรี๊ดเท่านั้น ที่จะตีให้แตกกระจุย ไม่ทันไร ขบวนรถขังคุกก็เข้ามาทันควัน เจ้าหน้าที่แห่กันมาเตรียมรวบชาวบ้าน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำเหี้ยอาไยเลย? นี่ไง ข้าราชการใต้ตรีนนายทุน หาใช่ข้าราชการในหลวงไม่? มีการรประกาศพื้นที่ฉุกเฉิน ห้ามชาวบ้านออกนอกพื้นที่นี้เด็ดขาด อ้างมีกลุ่มก่อการร้ายแฝงตัวเข้ามา ไอ้สัส! แทนที่จะไปปาย เสือกมาหมู่บ้านนี้ เหี้ยกันให้สุดไปเลย ชาวบ้านเริ่มไม่พอใจหนัก นี่พวกมรึงคิดการณ์ไว้แล้วชิมิ? จะมากวาดล้างบางหมู่บ้านนี้สิท่า มันไม่ง่ายดอกน่ะ 20 ปีที่ผ่านมา เจออะไรมาเยอะ หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว ไม่รีรอ ยิงแสงสปอตไลท์ขึ้นฟ้า "หาแม่ทัพกุ้ง SUPER KUNG" ทันที แจ้งรหัสลับ "ขะแมร์บุก" ในขณะที่กองกำลังอีกากี กำลังจะทำการสลายม็อบรักชาติ อาแปะก็รับชิงเปิดโทรโข่งเสียงดัง เปิดเพลงปลุกใจเพ่น้องไทย บ้านเมืองเป็นกลียุค เพราะไอ้อีที่ไร้จิตสำนึก ดีชั่ว แยกไม่ออก บรรยากาศ ชวนชนอย่างมว๊าก ชาวบ้านก็ไม่ถอย กล้องทุกตัว จับตาอยู่ตลอด ขณะที่อี 6 เหลี่ยม ผู้นำพรรคขาวปรี๊ด เตรียมสั่งกวาดล้างบางทั้งหมู่บ้าน เหมือนที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ อาโก รีบพาเด็กๆ คนชรา ไปยืนแถวหลังสุด เพื่อไม่ให้ได้รับบาดเจ็บจากการตะลุมบอล ฝา กะละมัง หม้อ สาก ครก เอามาใช้ป้องกันตัวหมด ยามนี้ ชาวหมู่บ้าน ได้รวมใจเป็นหนึ่ง ไม่คิดว่าจะต้องลงเอยแบบนี้ แต่กลับไม่มีใครบ่น หรือกล่าวหาใครทั้งนั้น เพราะหมู่บ้านนี้ ชูเรื่อง รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นที่ตั้ง ไม่มีอะไรเปลี่ยนใจได้ เมื่อวีรกรรมหมู่บ้านนี้ก่อเกิด มันจะส่งผลเป็นโดมิโน่ ไปทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกอเภอ และทุกจังหวัด กระจายสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไปทั่วประเทศ นี่แหละ ที่เราต้องการ สิ้นเสียงเพลงเร้าใจ ก็เปิดลุยทันที ยังไม่ทันจะได้ประชิดตัว ก็มีเสียงตะโกนดังก้องฟ้าว่า "ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้" หลังหันไปมองกันหมด ปรากฎว่า "ลุงกุ้ง" ไม่รู้โผล่มาจากไหน? สัญญาน SOS ส่งถึง SUPER KUNG มีอยู่จริงเฟ้ยเห้ย? ทุกคนต่างยินนิ่ง ดูก่อนว่าจะเกิดอะไรขึ้น? ลุงกุ้งของน้องๆ มาแย้วจ๋า.. เอ๊ะ ทำอาไยกันอยู่ เหยียบกับระเบิดกันบ้างแล้วรึยัง? อี 6 เหลี่ยม หันมามองกองหนุนอีกากี ทันที "พวกมรึงทำห่าอะไรอยู่ฟ่ะ" มันมาแค่คนเดียว "กลัวเหี้ยอะไรกันนักหนา" ลุยเลย กูจ่ายเต็มที่ กล้องส่องกูก็ไม่สนแล้ว "เลือดขึ้นหน้า" วันนี้ หมู่บ้านหมีดุ ต้องตกเป็นของกูผู้เดียว แค่มดปลวก เสือกไม่คิด อยากวัดกับกูชิมิ? กูจัดให้ "เดี๋ยวก่อน" อี 6 เหลี่ยม คราวก่อนกูไว้ชีวิตมรึง ยังไม่เข็ดอีกเหรอ? เมื่อคืน กูยังแอบเห็น อีเมีย กับอีลูกร่านมรึง เที่ยวบาร์โฮสต์อยู่เลย ครอบครัวหรรษาดีแท้จริงน่ะมรึง ไปอยู่ไหนมา กูมาคนเดียวก็จริง แต่แค่กูยกมือขึ้น ระเบิดลงหัวมรึงแน่ รู้จักมั้ย ดาวเทียม ขนมาทำไมเยอะแยะ แค่หมู่บ้านเล็กๆ ไม่ต้องยกกันมาทั้งกองทัพดอกน่ะ กับแค่ แก๊งค์สีกากี ไม่กี่ร้อย กูเอาอยู่ จริงมั้ย? เด็กๆ ไม่ทันไร F-16 และกริปเพนก็บินผ่านหัวอย่างไว เหมือนรอดูสัญญานมือแม่ทัพกุ้งอยู่ ว่าจะให้ย่างยังไงดี กึ่งสุก กึ่งดิบ หรือเอาแบบ MEDIUM RARE ดี เผาอีขะแมรืไป 5000 ตัวแล้ว ยังไม่หนำใจ ขอพ่วงอีสีกากีซักกองร้อย คงอร่อยเหาะดีเน๊าะ อี 6 เหลี่ยม เห็นท่าไม่ดี สั่งถอย "ฝากไว้ก่อนโอฬาร" ติดคุกไม่กี่ปี เดี๋ยวกูออกมาอาละวาดใหม่ได้ แค่ย้ายบ้านอยู่ใหม่ชั่วคราว หลังพวกเหี้ยกลับไป บรรยากาศก็กลับคืนสู่ภาวะปกติ ชาวบ้านแยกย้ายกันไปทำมาหาแดร๊กกันต่อ ส่วนลุงกุ้ง ก็แวะเข้ามากินโกปี๊กันต่อ ถามสารทุกข์สุกดิบชาวบ้านตามประสา แม่ทัพผู้ใจดี อาฉี : ท่านแม่ทัพ ถามจริง? เราจะได้คืนพระราชอำนาจหรือไม่ ทหารคิดเห็นอย่างไร? และมีแผนการเรียกคืนดินแดนเดิมหรือไม่? แม่ทัพกุ้ง : ทหารก็คิดไม่แตกต่างจากพวกเราดอกน่ะ แต่ด้วยวินัยทหาร แสดงออกมาไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามสายการบังคับบัญชา แต่ทหารรุ่นใหม่ เค้าเทใจให้วังไปนานแล้ว ไอ้ที่ยังอยู่ เก่า แก่ แต่หวงอำนาจยังคงมี ส่วนแผนการเรียกคืนแผ่นดิน เรื่องนี้ การทหารเค้ามีนานแล้ว แต่จะเดินเกมส์ไปกับเกมส์การเมืองโลก และอำนาจของการปิดด่าน จนเศรษฐกิจอีขะแมร์พินาศ เมื่อประเทศอ่อนแอ การรวมชาติก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ไปทีละสเตปเร่งไม่ได้ เพราะมันยังไม่เคลียร์เรื่องสนธิสัญญาโตเกียว ที่ไม่ผ่านมติสภา มีผลเป็นโมฆะตามกฎหมายไทย ไม่ว่าใครจะเซ็นต์อะไรไป แต่อำนาจในมือไม่มี ก็ไร้ผล อาแปะ : อั๊วว่า ท่านแม่ทัพคงได้สานเรื่องนี้ต่อแน่ หลังเกษียณชัวร์ แม่ทัพกุ้ง : เราก็หวังเช่นนั้น เพราะทุกฝ่ายวางตัวสืบทอดไว้แล้ว คงต้องใช้เวลาอีกซักระยะนึง เพราะปัญหาโลกนั้นใหญ่เกินกว่าที่เราจะต้านทานเพียงลำพังได้ อาโก : ท่านแม่ทัพ คิดว่าจะมีปฎิวัติอีกหรือไม่? ผบ.สูงสุด ผบ.ทบ. ท่านพร้อมเรื่องนี้มากแค่ไหน หากสถานการณ์เลวร้ายลง และไม่เป็นไปตามแผน แม่ทัพกุ้ง : ดูเหตุ และปัจจัยก่อน หากหาทางออกในฝ่ายการเมืองได้ก็จบ หากหาทางออกในฝ่ายความมั่นคงได้ ก็ไม่จำเป็นต้องรัฐประหาร อาคิม : ข่าวมาล่าสุดว่า อีส้มเน่า เตรียมประกาศเป็นผู้นำรัฐบาลแล้ว พร้อมบริหารประเทศ สิ่งแรกที่จะทำ คือ "ยกเลิกมาตรา 112 ในทันที" ท่านแม่ทัพคิดว่ายังไง? แม่ทัพกุ้ง : มันทำไม่ได้ดอก แผ่นดินนี้ต้องมีกษัตริย์ และใครก็จะมาดูหมิ่นไม่ได้ เรื่องนี้ แม้ทหารก็ไม่ยอมเช่นกัน เป็นไงเป็นกัน เรื่องนี้ อย่าได้กังวลมากไป เพราะยังมีศาลไคฟงท่านอยู่ ดาบ 2 ดาบ 3 รออีกเพี๊ยบ บางอย่างจะพูดตอนนี้ไปทำไม ทุกอย่างมันต้องมีเหตุก่อน ผลถึงจะตามมา อาซิ่ม อินเตอร์ : ท่านแม่ทัพจ๊ะ แล้วเมื่อโลกเปลี่ยนมือไปแล้ว ภายในบ้านเราเองก็ต้องปรับตัวตามเช่นกัน เป็นไปได้หรือไม่ ที่เราจะกลับไปใช้ระบบการปกครองเดิม และประยุกต์ให้มันทันสมัยมากขึ้น ผู้คนเริ่มเบื่อหน่ายกับปชต.ตอแหลแล้ว จะเลือกไปทำไม เสียภาษีไปทำไม เอามาช่วยชาวบ้านอย่างเราเราไม่ดีกว่าเหรอ? แม่ทัพกุ้ง : รอบบ้านเราเองก็ยังไม่มั่นคง ต้องรอดูท่าทีอาเซียนก่อน หากสงครามใหญ่มา อาเซียนจะผนึกกำลังเอง ส่วนเรื่องการปกครองนั้น เป็นเรื่องภายในของเราเอง อยากจะเปลี่ยน อยากจะแก้ก็ได้ทั้งนั้น แต่เกมส์โลกต้องได้ผู้ชนะก่อน ถึงจะรู้ทิศทางลมว่าจะต้องเดินไปทางไหน? ศึกใหญ่มันใกล้เข้ามาล่ะ ปล.ในแผ่นดิน ย่อมต้องมี ทั้งคนดี คนชั่ว หากแต่ เราต้องช่วยกันส่งมอบอำนาจให้คนดีปกครอง ไม่มีใครทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด หากแต่ให้คนดีปกครองบ้านเมือง คนชั่วก็จะไม่มีโอกาสทำลายบ้านเมืองได้นั่นเอง แล้วใครล่ะคนดี? ก็คนที่พ่อเลือกไงล่ะ คนที่พ่อไว้วางพระทัย คืนพระราชอำนาจเป็นแค่สัญลักษณ์ เพราะโดยเนื้อแท้แล้ว อำนาจสูงสุดก็ยังอยู่ในมือพระมหากษัตริย์ หาแต่ ที่ผ่านมา ลูกได้ช่วงชิงมันไปจากมือพ่อ ก็ต้องส่งคืนมือพ่อด้วยตัวเองไงล่ะ เป็นการขอพระราชทานอภัยโทษ ในสิ่งที่ลุกได้ทำผิดพลาดไปในครั้งอดีต ซึ่งเปลี่ยนแปลงไม่ได้อีกแล้ว แต่จะทำให้มันถูกต้องดั่งเดิม นั่นคือสิ่งที่ทำได้ในวันนี้ EP.5.2(อวสาน) เรื่องราวในหมู่บ้านหมีดุ จะกลายเป็นตำนานเล่าขานไปอีกนาน ทุกหมู่บ้านเริ่มดวงตาเห็นธรรม นักการเมือง พรรคการเมือง จะมีไปทำไม แดร๊กภาษี เอาเปรียบคนไทยทั้งชาติ โลกเปลี่ยนมือ ก็ไม่ต้องตามปชต.ตอแหลอีกต่อไป โมเดลรัสเซีย จีน มีให้เห็นอยู่ ว่าทำยังไง ถึงได้เจริญแบบก้าวกระโดด โดยที่ไม่ทิ้งรากเหง้าตัวเอง ตัวอย่างมีให้โลกประจักษ์แล้ว อยู่ที่ใครจะเลือกทางไหน? หมี CNN(ไทยสุดทน! ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง ปราบม็อบเติมเงินขะแมร์ บ้านหนองหญ้าแก้ว ส่งสัญญานชัด ใช้วิธีสลายม็อบ แบบสากล แต่เด็ดขาด ชาวโลกประจักษ์ มันมาถึงที่สุดแล้ว ดินแดนใช่จะยอมให้กันง่ายๆ เอาชาวบ้านมาเป็นกันชน สุดท้ายมรึงเลือกเอง อย่าร้อง ไอ้สัส! โลกชื่นชมวิธีการทหารไทย ล่อจะเบาไปหาหนัก ตามความชอบธรรม) 18 กันยายน 68 00.01 น.
    0 Comments 0 Shares 382 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 3 Emperor Bush !?

    George Herbert Walker Bush เป็นพวกคนรวย มาจากครอบครัวที่ทำมาหากินแถว New England ซึ่งเคยค้าขายกับอาณาจักร Reich ของ Hitler มาแล้ว และมาคบและค้า น้ำมันกับตระกูล Rockefeller เขาบอกกับคนสนิทว่า “เราชนะแล้ว” เหมือนเวลาแข่งขัน Super Bowl แล้วทีมที่ตัวเชียร์ชนะนั่นแหละ ชนะแบบนั้น ฮึกเหิมแบบนั้น มันรู้สึกว่ายิ่งใหญ่เหลือประมาณ ขนาดมีคนตั้งข้อสังเกตว่า ประธานาธิบดีอเมริกา ในยุค 1990 โดยเฉพาะนาย Bush คนนี้ เวลาจะเดินทางไปต่างประเทศ ขบวนใหญ่โตเหมือนองค์จักรพรรดิเสด็จ ฝ่ายความมั่นคงที่ยกทีมไปคุ้มกัน ดูเหมือนจะมากกว่าพลเมืองของประเทศที่ นาย Bush ไปปรากฎตัวเยี่ยมเสียอีก อเมริกากำลังฉาบตัวเองให้มีภาพเป็น ผู้ครองโลก ไม่ต่างกับสมัยนโปเลียน ตั้งตัวเองเป็นจักรพรรดิ โอ้โห ! เล่นกันเองแรงเหมือนกันนะพวกนักล่า สมันน้อยคิดในใจ

    เปล่าหรอก คนที่พูดไม่ใช่ใครอื่น เจ้าของหัวสมองที่อเมริกาบอกยอด แสนรู้ นาย Zbigniew Brzezinski เจ้าเก่านั่นเอง เขาไม่ได้พูดในฐานะคนนอก แต่พูดในฐานะคนใน และไม่ใช่ในธรรมดา แต่ในฐานะนายท้ายเรืออเมริกา ชื่อเขาไม่เคยหลุดจากการเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีมาเลย ไล่มาตั้งแต่สมัยแรกคือนาย Jimmy Carter จนเดี๋ยวนี้อายุ 90 แล้ว ยังเป็นที่ปรึกษาให้นาย Obama ด้วย
    นาย Brzezinski เป็นลูกศิษย์เอกของครูใหญ่ด้าน ภูมิศาสตร์การเมืองชาวอังกฤษ คือ Sir Halford Mackinder ซึ่งบอกว่าการแสดงความกร่างของการเป็นจักรวรรดิ มันก็คือบทสุดท้ายของการเป็นจักรวรรดิ ความกร่างนั่นแหละที่ทำให้จักรภพอังกฤษ ถึงจุดจบในศตรรษที่ 19 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่ม

    นาย Brzezinski ยังบอกอีกว่า ไอ้ความอวดดี กดขี่และความกร่างของวอชิงตัน ในศตวรรษต่อมานี่แหละ จะทำลายอเมริกาเอง จากการที่เป็นผู้มีอำนาจใหญ่สุดหนึ่งเดียว หรือการเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่นาย Brzezinski นั่นเองแหละ ที่เป็นคนติดเครื่องให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิ นักล่าหมายเลขหนึ่งครองโลก แต่เขาเตือนว่าอเมริกาจะต้องระมัดระวัง แม้ว่าจะเอาเสื้อคลุมประชาธิปไตยมาพรางตัวเองแล้วก็ตาม ก็จะต้องรักษามิตรเพื่องานใหญ่ข้างหน้า งานใหญ่นี้คือ การควบคุม Eurasia เขาไม่ได้โต้แย้งการจะเป็นจักรวรรดิอเมริกา เขาเพียงแต่เห็นต่างในวิธีการจะไปให้ถึงจุดหมาย

    Brzezinski บอกว่าเราจะไปให้ถึงจุดหมายของการเป็นจักรวรรดิอเมริกา เราต้องมีกองทัพของอเมริกาอยู่ที่ทั่วโลก วางกองกำลังไว้ทุกทวีป ครอบคลุมทุกมหาสมุทร เพิ่มการปะทะหรือการต่อสู้ในทุกที่ แบบนี้จะมีใครมาเทียบรัศมีกับอเมริกาได้ ไม่ว่าในทางการเมืองหรือกองทัพ

    และที่อเมริกาวางกองกำลังไว้แห่งหนึ่งก็คือ บริเวณพื้นที่ผืนเล็ก ๆ อยู่ในเอเซียกลาง ซึ่งเคยเป็นของสหภาพโซเวียต ที่ชื่อ Republic of Georgia นั่นแหละ ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 2003 เป็นต้นมา รัฐบาลอเมริกัน โดยคุณพ่อ Bush ได้ให้การสนับสนุนด้านกองกำลังแก่ Georgia รวมทั้งให้คำปรึกษา เป็นพี่เลี้ยง ให้กับรัฐเล็กๆ ที่ได้ประกาศตัวเป็นอิสระจากสหภาพโซเวียต ในปี 1990 มาตลอด
    คงจะเป็นการยาก ที่จะให้ใครเข้าใจเหตุการณ์ใน Georgia ในปี ค.ศ. 2008 ถ้าไม่ย้อนไปดูพฤติกรรมของอเม ริกา หลัง ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา สมัยรัฐบาลคุณพ่อ Bush เขาหักหลังรัสเซียโดยให้ NATO ขยายตัวมาทางตะวันออก มาถึงคุณลูก Bush ก็มาสานต่อด้วยการกดดันสหภาพยุโรปและรัฐบาลของยุโรปตะวันตก ให้รับ Georgia และ Ukraine สองประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพ โซเวียตเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของ NATO

    ต้นปี ค.ศ. 2007 อเมริกาประกาศว่า อเมริกามีแผนที่จะสร้างฐานยิงจรวด และสถานีเรดาร์ ใน 2 ประเทศที่เคยอยู่ใน Warsaw Pact และบัดนี้เป็นสมาชิกของ NATO คือ Poland และ Czech นาย Bush อ้างว่าอเมริกาต้องทำเพื่อป้องกันตัวเอง จากการโจมตีของประเทศที่พูดกันไม่รู้เรื่องเช่น Iran ข้ออ้างนี้ ถูกรัสเซียสวนกลับว่าไม่ใช่เป็นการป้องกันตัวหรอกเพื่อน แต่เป็นการแสดงการรุกคืบ เพื่อโชว์กำลังอำนาจด้านการทหารให้ Moscow ดูมากกว่า !

    เดือน ก.พ. 2007 คุณพี่ปูติน ในฐานะประธานาธิบดีของรัสเซีย ได้พูดในที่ประชุมเกี่ยวกับความมั่นคงระหว่างประเทศที่ Munich Germany ว่า วันนี้ไม่ขอพูดภาษานักการฑูต แต่ขอถามกันตรง ๆ ว่าNATO ตั้งใจจะก่อความยั่วยุ ให้เกิดความไม่ไว้วางใจกัน ระหว่างสมาชิกหรือยังไง ถามจริง ๆ เถอะ เป้าหมาย (ของการยั่วยุของ) NATO อยู่ที่ใคร และคำมั่นของบรรดาคู่สัญญาฝ่ายตะวันตก หลังเลิก Warsaw Pact นั้น มันหายไปไหนหมด

    คุณพี่ปูตินอาจจะไม่ใช่ประเภท “nice guy” แต่ที่แน่นอน คุณพี่ปูไม่ใช่คนโง่และขี้ขลาด เมื่อถึงเวลาที่จะต้องปกป้องผลประโยชน์ของชาวรัสเซีย กลิ่นของสงครามเย็นเริ่มโชยอีกครั้ง!

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 3 Emperor Bush !? George Herbert Walker Bush เป็นพวกคนรวย มาจากครอบครัวที่ทำมาหากินแถว New England ซึ่งเคยค้าขายกับอาณาจักร Reich ของ Hitler มาแล้ว และมาคบและค้า น้ำมันกับตระกูล Rockefeller เขาบอกกับคนสนิทว่า “เราชนะแล้ว” เหมือนเวลาแข่งขัน Super Bowl แล้วทีมที่ตัวเชียร์ชนะนั่นแหละ ชนะแบบนั้น ฮึกเหิมแบบนั้น มันรู้สึกว่ายิ่งใหญ่เหลือประมาณ ขนาดมีคนตั้งข้อสังเกตว่า ประธานาธิบดีอเมริกา ในยุค 1990 โดยเฉพาะนาย Bush คนนี้ เวลาจะเดินทางไปต่างประเทศ ขบวนใหญ่โตเหมือนองค์จักรพรรดิเสด็จ ฝ่ายความมั่นคงที่ยกทีมไปคุ้มกัน ดูเหมือนจะมากกว่าพลเมืองของประเทศที่ นาย Bush ไปปรากฎตัวเยี่ยมเสียอีก อเมริกากำลังฉาบตัวเองให้มีภาพเป็น ผู้ครองโลก ไม่ต่างกับสมัยนโปเลียน ตั้งตัวเองเป็นจักรพรรดิ โอ้โห ! เล่นกันเองแรงเหมือนกันนะพวกนักล่า สมันน้อยคิดในใจ เปล่าหรอก คนที่พูดไม่ใช่ใครอื่น เจ้าของหัวสมองที่อเมริกาบอกยอด แสนรู้ นาย Zbigniew Brzezinski เจ้าเก่านั่นเอง เขาไม่ได้พูดในฐานะคนนอก แต่พูดในฐานะคนใน และไม่ใช่ในธรรมดา แต่ในฐานะนายท้ายเรืออเมริกา ชื่อเขาไม่เคยหลุดจากการเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีมาเลย ไล่มาตั้งแต่สมัยแรกคือนาย Jimmy Carter จนเดี๋ยวนี้อายุ 90 แล้ว ยังเป็นที่ปรึกษาให้นาย Obama ด้วย นาย Brzezinski เป็นลูกศิษย์เอกของครูใหญ่ด้าน ภูมิศาสตร์การเมืองชาวอังกฤษ คือ Sir Halford Mackinder ซึ่งบอกว่าการแสดงความกร่างของการเป็นจักรวรรดิ มันก็คือบทสุดท้ายของการเป็นจักรวรรดิ ความกร่างนั่นแหละที่ทำให้จักรภพอังกฤษ ถึงจุดจบในศตรรษที่ 19 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่ม นาย Brzezinski ยังบอกอีกว่า ไอ้ความอวดดี กดขี่และความกร่างของวอชิงตัน ในศตวรรษต่อมานี่แหละ จะทำลายอเมริกาเอง จากการที่เป็นผู้มีอำนาจใหญ่สุดหนึ่งเดียว หรือการเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่นาย Brzezinski นั่นเองแหละ ที่เป็นคนติดเครื่องให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิ นักล่าหมายเลขหนึ่งครองโลก แต่เขาเตือนว่าอเมริกาจะต้องระมัดระวัง แม้ว่าจะเอาเสื้อคลุมประชาธิปไตยมาพรางตัวเองแล้วก็ตาม ก็จะต้องรักษามิตรเพื่องานใหญ่ข้างหน้า งานใหญ่นี้คือ การควบคุม Eurasia เขาไม่ได้โต้แย้งการจะเป็นจักรวรรดิอเมริกา เขาเพียงแต่เห็นต่างในวิธีการจะไปให้ถึงจุดหมาย Brzezinski บอกว่าเราจะไปให้ถึงจุดหมายของการเป็นจักรวรรดิอเมริกา เราต้องมีกองทัพของอเมริกาอยู่ที่ทั่วโลก วางกองกำลังไว้ทุกทวีป ครอบคลุมทุกมหาสมุทร เพิ่มการปะทะหรือการต่อสู้ในทุกที่ แบบนี้จะมีใครมาเทียบรัศมีกับอเมริกาได้ ไม่ว่าในทางการเมืองหรือกองทัพ และที่อเมริกาวางกองกำลังไว้แห่งหนึ่งก็คือ บริเวณพื้นที่ผืนเล็ก ๆ อยู่ในเอเซียกลาง ซึ่งเคยเป็นของสหภาพโซเวียต ที่ชื่อ Republic of Georgia นั่นแหละ ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 2003 เป็นต้นมา รัฐบาลอเมริกัน โดยคุณพ่อ Bush ได้ให้การสนับสนุนด้านกองกำลังแก่ Georgia รวมทั้งให้คำปรึกษา เป็นพี่เลี้ยง ให้กับรัฐเล็กๆ ที่ได้ประกาศตัวเป็นอิสระจากสหภาพโซเวียต ในปี 1990 มาตลอด คงจะเป็นการยาก ที่จะให้ใครเข้าใจเหตุการณ์ใน Georgia ในปี ค.ศ. 2008 ถ้าไม่ย้อนไปดูพฤติกรรมของอเม ริกา หลัง ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา สมัยรัฐบาลคุณพ่อ Bush เขาหักหลังรัสเซียโดยให้ NATO ขยายตัวมาทางตะวันออก มาถึงคุณลูก Bush ก็มาสานต่อด้วยการกดดันสหภาพยุโรปและรัฐบาลของยุโรปตะวันตก ให้รับ Georgia และ Ukraine สองประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพ โซเวียตเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของ NATO ต้นปี ค.ศ. 2007 อเมริกาประกาศว่า อเมริกามีแผนที่จะสร้างฐานยิงจรวด และสถานีเรดาร์ ใน 2 ประเทศที่เคยอยู่ใน Warsaw Pact และบัดนี้เป็นสมาชิกของ NATO คือ Poland และ Czech นาย Bush อ้างว่าอเมริกาต้องทำเพื่อป้องกันตัวเอง จากการโจมตีของประเทศที่พูดกันไม่รู้เรื่องเช่น Iran ข้ออ้างนี้ ถูกรัสเซียสวนกลับว่าไม่ใช่เป็นการป้องกันตัวหรอกเพื่อน แต่เป็นการแสดงการรุกคืบ เพื่อโชว์กำลังอำนาจด้านการทหารให้ Moscow ดูมากกว่า ! เดือน ก.พ. 2007 คุณพี่ปูติน ในฐานะประธานาธิบดีของรัสเซีย ได้พูดในที่ประชุมเกี่ยวกับความมั่นคงระหว่างประเทศที่ Munich Germany ว่า วันนี้ไม่ขอพูดภาษานักการฑูต แต่ขอถามกันตรง ๆ ว่าNATO ตั้งใจจะก่อความยั่วยุ ให้เกิดความไม่ไว้วางใจกัน ระหว่างสมาชิกหรือยังไง ถามจริง ๆ เถอะ เป้าหมาย (ของการยั่วยุของ) NATO อยู่ที่ใคร และคำมั่นของบรรดาคู่สัญญาฝ่ายตะวันตก หลังเลิก Warsaw Pact นั้น มันหายไปไหนหมด คุณพี่ปูตินอาจจะไม่ใช่ประเภท “nice guy” แต่ที่แน่นอน คุณพี่ปูไม่ใช่คนโง่และขี้ขลาด เมื่อถึงเวลาที่จะต้องปกป้องผลประโยชน์ของชาวรัสเซีย กลิ่นของสงครามเย็นเริ่มโชยอีกครั้ง! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 315 Views 0 Reviews
  • “IonQ ท้าชน NVIDIA — ชิปควอนตัม 10,000 qubit จะทำให้ Blackwell ‘ล้าสมัย’ ภายในปี 2027”

    ในโลกที่การประมวลผลด้วย GPU ครองตลาด AI และ HPC มานานหลายปี ล่าสุด IonQ บริษัทควอนตัมคอมพิวติ้งจากสหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศอย่างมั่นใจว่า “ชิปควอนตัมของเราในปี 2027 จะทำให้ GPU อย่าง NVIDIA Blackwell ดูล้าสมัย” โดย CEO ของบริษัท Niccolo de Masi ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่าชิปควอนตัมรุ่นใหม่จะมีจำนวน qubit สูงถึง 10,000 ตัว และสามารถทำงานได้เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องบนโลก

    การเปรียบเทียบนี้อาจฟังดูเกินจริง แต่มีพื้นฐานจากความสามารถของควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่สามารถแก้ปัญหาบางประเภท เช่น optimization, เคมีคำนวณ และการเข้ารหัส ได้ดีกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไป โดยเฉพาะเมื่อปัญหาเหล่านั้นมีความซับซ้อนแบบ exponential ซึ่ง GPU แม้จะเร็วแค่ไหนก็ยังไม่สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    IonQ ได้เร่งแผนพัฒนาอย่างหนักหลังการเข้าซื้อกิจการของ Oxford Ionics ซึ่งมีเทคโนโลยี photonic interconnect ที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อ qubit ได้อย่างแม่นยำและเสถียร โดยเป้าหมายคือการสร้าง logical qubit ที่มีการแก้ไขข้อผิดพลาดในตัว ซึ่งเป็นหัวใจของการประมวลผลควอนตัมที่ใช้งานได้จริง

    แม้จะมีความหวังสูง แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ของการใช้งานจริงในระดับ commercial โดยเฉพาะเมื่อ quantum chip ยังมีข้อจำกัดด้านเสถียรภาพ, การควบคุม noise และการ scale ระบบให้ใหญ่ขึ้นโดยไม่สูญเสียความแม่นยำ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    IonQ ประกาศแผนเปิดตัวชิปควอนตัม 10,000 qubit ภายในปี 2027
    CEO ระบุว่า GPU อย่าง NVIDIA Blackwell จะ “ล้าสมัย” เมื่อเทียบกับชิปควอนตัม
    การเข้าซื้อ Oxford Ionics ช่วยเร่งแผนพัฒนา logical qubit และ photonic interconnect
    ชิปควอนตัมเหมาะกับงาน optimization, เคมีคำนวณ, และการเข้ารหัส

    จุดเด่นของเทคโนโลยีควอนตัม
    ใช้ qubit ที่สามารถอยู่ในหลายสถานะพร้อมกัน (superposition)
    logical qubit มีระบบแก้ไขข้อผิดพลาดในตัว ทำให้ใช้งานได้จริง
    หากถึงระดับ 2 ล้าน qubit ในปี 2030 จะสามารถแก้ปัญหาที่ GPU ไม่สามารถทำได้
    การเปรียบเทียบกับ GPU เหมือนเปรียบรถ F1 กับรถบรรทุก — ต่างวัตถุประสงค์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    NVIDIA Blackwell เป็น GPU รุ่นล่าสุดที่ออกแบบมาสำหรับงาน AI และ HPC
    Quantum computing ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการใช้งานเชิงพาณิชย์
    IonQ ใช้เทคโนโลยี “trapped ion” ซึ่งมีความแม่นยำสูงแต่ scale ยาก
    ตลาด quantum computing คาดว่าจะเติบโตถึง $65 พันล้านภายในปี 2030

    https://wccftech.com/ionq-ceo-claims-that-their-quantum-chips-will-make-gpus-like-nvidia-blackwell-look-outdated/
    🧠 “IonQ ท้าชน NVIDIA — ชิปควอนตัม 10,000 qubit จะทำให้ Blackwell ‘ล้าสมัย’ ภายในปี 2027” ในโลกที่การประมวลผลด้วย GPU ครองตลาด AI และ HPC มานานหลายปี ล่าสุด IonQ บริษัทควอนตัมคอมพิวติ้งจากสหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศอย่างมั่นใจว่า “ชิปควอนตัมของเราในปี 2027 จะทำให้ GPU อย่าง NVIDIA Blackwell ดูล้าสมัย” โดย CEO ของบริษัท Niccolo de Masi ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่าชิปควอนตัมรุ่นใหม่จะมีจำนวน qubit สูงถึง 10,000 ตัว และสามารถทำงานได้เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องบนโลก การเปรียบเทียบนี้อาจฟังดูเกินจริง แต่มีพื้นฐานจากความสามารถของควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่สามารถแก้ปัญหาบางประเภท เช่น optimization, เคมีคำนวณ และการเข้ารหัส ได้ดีกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไป โดยเฉพาะเมื่อปัญหาเหล่านั้นมีความซับซ้อนแบบ exponential ซึ่ง GPU แม้จะเร็วแค่ไหนก็ยังไม่สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ IonQ ได้เร่งแผนพัฒนาอย่างหนักหลังการเข้าซื้อกิจการของ Oxford Ionics ซึ่งมีเทคโนโลยี photonic interconnect ที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อ qubit ได้อย่างแม่นยำและเสถียร โดยเป้าหมายคือการสร้าง logical qubit ที่มีการแก้ไขข้อผิดพลาดในตัว ซึ่งเป็นหัวใจของการประมวลผลควอนตัมที่ใช้งานได้จริง แม้จะมีความหวังสูง แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ของการใช้งานจริงในระดับ commercial โดยเฉพาะเมื่อ quantum chip ยังมีข้อจำกัดด้านเสถียรภาพ, การควบคุม noise และการ scale ระบบให้ใหญ่ขึ้นโดยไม่สูญเสียความแม่นยำ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ IonQ ประกาศแผนเปิดตัวชิปควอนตัม 10,000 qubit ภายในปี 2027 ➡️ CEO ระบุว่า GPU อย่าง NVIDIA Blackwell จะ “ล้าสมัย” เมื่อเทียบกับชิปควอนตัม ➡️ การเข้าซื้อ Oxford Ionics ช่วยเร่งแผนพัฒนา logical qubit และ photonic interconnect ➡️ ชิปควอนตัมเหมาะกับงาน optimization, เคมีคำนวณ, และการเข้ารหัส ✅ จุดเด่นของเทคโนโลยีควอนตัม ➡️ ใช้ qubit ที่สามารถอยู่ในหลายสถานะพร้อมกัน (superposition) ➡️ logical qubit มีระบบแก้ไขข้อผิดพลาดในตัว ทำให้ใช้งานได้จริง ➡️ หากถึงระดับ 2 ล้าน qubit ในปี 2030 จะสามารถแก้ปัญหาที่ GPU ไม่สามารถทำได้ ➡️ การเปรียบเทียบกับ GPU เหมือนเปรียบรถ F1 กับรถบรรทุก — ต่างวัตถุประสงค์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ NVIDIA Blackwell เป็น GPU รุ่นล่าสุดที่ออกแบบมาสำหรับงาน AI และ HPC ➡️ Quantum computing ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการใช้งานเชิงพาณิชย์ ➡️ IonQ ใช้เทคโนโลยี “trapped ion” ซึ่งมีความแม่นยำสูงแต่ scale ยาก ➡️ ตลาด quantum computing คาดว่าจะเติบโตถึง $65 พันล้านภายในปี 2030 https://wccftech.com/ionq-ceo-claims-that-their-quantum-chips-will-make-gpus-like-nvidia-blackwell-look-outdated/
    WCCFTECH.COM
    IonQ's CEO Claims That Their Quantum Chips Will Make Classical GPUs Like NVIDIA's 'Blackwell' Look Outdated By 2027
    The quantum narrative is ramping up, and IonQ's CEO claims that the firm's quantum chips will 'wipe out' the competition with NVIDIA.
    0 Comments 0 Shares 180 Views 0 Reviews
More Results