• TDK บริษัทเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นได้เปิดตัว Spin Photo Detector ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยแก้ปัญหาคอขวดด้านการถ่ายโอนข้อมูลในระบบ AI โดยอุปกรณ์นี้สามารถเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ถึง 10 เท่า เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีปัจจุบัน โดยใช้เทคนิค laser-induced magnetism ในการแปลงข้อมูลด้วยความเร็วสูง

    ✅ Spin Photo Detector เพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ถึง 10 เท่า
    - ใช้เทคนิค laser-induced magnetism ในการแปลงข้อมูลด้วยความเร็วสูง
    - มีความเร็วในการตอบสนองเพียง 20 พิโควินาที

    ✅ TDK ใช้เทคโนโลยี Magnetic Tunnel Junction (MTJ)
    - MTJ ถูกปรับปรุงใหม่เพื่อใช้ใน Spin Photo Detector
    - โครงสร้าง MTJ มีความกว้างเพียง 200 นาโนเมตร และตอบสนองต่อเลเซอร์ได้อย่างแม่นยำ

    ✅ Spin Photo Detector มีความทนทานต่อรังสีคอสมิก
    - เหมาะสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมอวกาศ

    ✅ TDK วางแผนผลิตตัวอย่างในปี 2026 และผลิตในระดับอุตสาหกรรมภายใน 5 ปี
    - คาดว่าจะมีต้นทุนต่ำกว่าคู่แข่ง เช่น TSMC และ Nvidia

    https://www.techradar.com/pro/japanese-tech-giant-claims-to-offer-data-transmission-solution-10x-faster-than-current-technologies-to-tackle-ai-speed-bottleneck
    TDK บริษัทเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นได้เปิดตัว Spin Photo Detector ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยแก้ปัญหาคอขวดด้านการถ่ายโอนข้อมูลในระบบ AI โดยอุปกรณ์นี้สามารถเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ถึง 10 เท่า เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีปัจจุบัน โดยใช้เทคนิค laser-induced magnetism ในการแปลงข้อมูลด้วยความเร็วสูง ✅ Spin Photo Detector เพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ถึง 10 เท่า - ใช้เทคนิค laser-induced magnetism ในการแปลงข้อมูลด้วยความเร็วสูง - มีความเร็วในการตอบสนองเพียง 20 พิโควินาที ✅ TDK ใช้เทคโนโลยี Magnetic Tunnel Junction (MTJ) - MTJ ถูกปรับปรุงใหม่เพื่อใช้ใน Spin Photo Detector - โครงสร้าง MTJ มีความกว้างเพียง 200 นาโนเมตร และตอบสนองต่อเลเซอร์ได้อย่างแม่นยำ ✅ Spin Photo Detector มีความทนทานต่อรังสีคอสมิก - เหมาะสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมอวกาศ ✅ TDK วางแผนผลิตตัวอย่างในปี 2026 และผลิตในระดับอุตสาหกรรมภายใน 5 ปี - คาดว่าจะมีต้นทุนต่ำกว่าคู่แข่ง เช่น TSMC และ Nvidia https://www.techradar.com/pro/japanese-tech-giant-claims-to-offer-data-transmission-solution-10x-faster-than-current-technologies-to-tackle-ai-speed-bottleneck
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • Storadera ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านคลาวด์จากยุโรป กำลังท้าทายผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น Wasabi, iDrive และ BackBlaze ด้วยโซลูชัน S3-compatible storage ที่มีราคาถูกเพียง €6/TB/เดือน และตั้งอยู่ในยุโรปเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้าน data sovereignty

    ✅ Storadera เสนอราคาถูกกว่าผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่
    - ค่าบริการอยู่ที่ €6/TB/เดือน ซึ่งต่ำกว่าราคาของ BackBlaze ที่ €4.75/TB/เดือน
    - ใช้ HDDs แทน SSDs เพื่อลดต้นทุน แต่ยังคงรักษาความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล

    ✅ ระบบจัดเก็บข้อมูลของ Storadera ใช้สถาปัตยกรรมแบบ Hyperconverged
    - ใช้ JBODs (Just a Bunch of Disks) ที่มี 102 HDDs ต่อ rack
    - ใช้ erasure coding schemes เช่น 4+2 และ 6+2 เพื่อเพิ่มความทนทานของข้อมูล

    ✅ Storadera วางแผนขยายตลาดไปยังเยอรมนีและสหราชอาณาจักร
    - คาดว่าจะเข้าสู่ตลาดเยอรมนีภายใน กลางปี 2025
    - มีแผนขยายไปยัง อเมริกาเหนือและเอเชียแปซิฟิก ในอนาคต

    ✅ บริษัทมีฐานลูกค้ารวมถึงรัฐบาลเอสโตเนียและ Telia
    - แม้จะมีรายได้ต่ำกว่า €1 ล้านต่อปี แต่บริษัทระบุว่า สามารถทำกำไรได้และเติบโต 5% ต่อเดือน

    https://www.techradar.com/pro/tiny-startup-could-challenge-wasabi-idrive-and-backblaze-with-sovereign-eu-cloud-storage-solution-at-rock-bottom-prices
    Storadera ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านคลาวด์จากยุโรป กำลังท้าทายผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น Wasabi, iDrive และ BackBlaze ด้วยโซลูชัน S3-compatible storage ที่มีราคาถูกเพียง €6/TB/เดือน และตั้งอยู่ในยุโรปเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้าน data sovereignty ✅ Storadera เสนอราคาถูกกว่าผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ - ค่าบริการอยู่ที่ €6/TB/เดือน ซึ่งต่ำกว่าราคาของ BackBlaze ที่ €4.75/TB/เดือน - ใช้ HDDs แทน SSDs เพื่อลดต้นทุน แต่ยังคงรักษาความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล ✅ ระบบจัดเก็บข้อมูลของ Storadera ใช้สถาปัตยกรรมแบบ Hyperconverged - ใช้ JBODs (Just a Bunch of Disks) ที่มี 102 HDDs ต่อ rack - ใช้ erasure coding schemes เช่น 4+2 และ 6+2 เพื่อเพิ่มความทนทานของข้อมูล ✅ Storadera วางแผนขยายตลาดไปยังเยอรมนีและสหราชอาณาจักร - คาดว่าจะเข้าสู่ตลาดเยอรมนีภายใน กลางปี 2025 - มีแผนขยายไปยัง อเมริกาเหนือและเอเชียแปซิฟิก ในอนาคต ✅ บริษัทมีฐานลูกค้ารวมถึงรัฐบาลเอสโตเนียและ Telia - แม้จะมีรายได้ต่ำกว่า €1 ล้านต่อปี แต่บริษัทระบุว่า สามารถทำกำไรได้และเติบโต 5% ต่อเดือน https://www.techradar.com/pro/tiny-startup-could-challenge-wasabi-idrive-and-backblaze-with-sovereign-eu-cloud-storage-solution-at-rock-bottom-prices
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้เพิ่ม โหมดอ่านเงียบ (Silent Reading Mode) ให้กับ Read Along ใน Google Classroom ซึ่งช่วยให้นักเรียนสามารถอ่านหนังสือที่ได้รับมอบหมายโดยไม่ต้องอ่านออกเสียง

    ✅ Google Classroom เพิ่มโหมดอ่านเงียบใน Read Along
    - ก่อนหน้านี้ Read Along มีเฉพาะโหมดอ่านออกเสียง ซึ่งอาจทำให้เกิดเสียงรบกวนในห้องเรียน
    - โหมดใหม่ช่วยให้นักเรียนสามารถอ่านหนังสือเงียบๆ โดยไม่รบกวนเพื่อนร่วมชั้น

    ✅ การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในโหมดอ่านเงียบ
    - ครูจะไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับ ความเร็วในการอ่าน หรือ จำนวนคำที่นักเรียนอ่านผิด
    - ระบบจะเน้นไปที่ ความเข้าใจเนื้อหา มากกว่าการวิเคราะห์ความถูกต้องของการอ่าน

    ✅ ฟีเจอร์ที่ยังคงอยู่ในโหมดอ่านเงียบ
    - นักเรียนสามารถ คลิกที่คำที่ไม่รู้จัก เพื่อรับความช่วยเหลือจาก AI
    - ระบบจะมี คำถามเพื่อช่วยให้เข้าใจเนื้อหา
    - นักเรียนยังสามารถรับ ดาวรางวัล หากอ่านได้ถูกต้องและตอบคำถามได้ดี

    ✅ การเปิดใช้งานในโรงเรียน
    - ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานแล้วสำหรับ Education Plus และ Teaching and Learning add-on
    - โรงเรียนที่สมัคร Workspace ก่อน 7 กรกฎาคม 2024 ต้องเปิดใช้งานเองจาก Admin Console
    - โรงเรียนที่สมัครหลังจากวันดังกล่าวจะมีฟีเจอร์นี้เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ

    ℹ️ ผลกระทบต่อการติดตามพัฒนาการของนักเรียน
    - ครูจะไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับ ความเร็วในการอ่าน ซึ่งอาจทำให้การประเมินพัฒนาการของนักเรียนยากขึ้น

    ℹ️ ความท้าทายในการใช้งานในห้องเรียน
    - แม้โหมดอ่านเงียบจะช่วยลดเสียงรบกวน แต่ครูอาจต้องปรับวิธีการสอนเพื่อให้แน่ใจว่านักเรียนเข้าใจเนื้อหา

    ℹ️ แนวโน้มของการใช้ AI ในการเรียนรู้
    - Google อาจพัฒนา AI ให้สามารถ วิเคราะห์ความเข้าใจของนักเรียนได้ดีขึ้น โดยไม่ต้องใช้ข้อมูลความเร็วในการอ่าน

    https://www.neowin.net/news/google-is-bringing-silent-reading-mode-to-read-along-in-google-classroom/
    Google ได้เพิ่ม โหมดอ่านเงียบ (Silent Reading Mode) ให้กับ Read Along ใน Google Classroom ซึ่งช่วยให้นักเรียนสามารถอ่านหนังสือที่ได้รับมอบหมายโดยไม่ต้องอ่านออกเสียง ✅ Google Classroom เพิ่มโหมดอ่านเงียบใน Read Along - ก่อนหน้านี้ Read Along มีเฉพาะโหมดอ่านออกเสียง ซึ่งอาจทำให้เกิดเสียงรบกวนในห้องเรียน - โหมดใหม่ช่วยให้นักเรียนสามารถอ่านหนังสือเงียบๆ โดยไม่รบกวนเพื่อนร่วมชั้น ✅ การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในโหมดอ่านเงียบ - ครูจะไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับ ความเร็วในการอ่าน หรือ จำนวนคำที่นักเรียนอ่านผิด - ระบบจะเน้นไปที่ ความเข้าใจเนื้อหา มากกว่าการวิเคราะห์ความถูกต้องของการอ่าน ✅ ฟีเจอร์ที่ยังคงอยู่ในโหมดอ่านเงียบ - นักเรียนสามารถ คลิกที่คำที่ไม่รู้จัก เพื่อรับความช่วยเหลือจาก AI - ระบบจะมี คำถามเพื่อช่วยให้เข้าใจเนื้อหา - นักเรียนยังสามารถรับ ดาวรางวัล หากอ่านได้ถูกต้องและตอบคำถามได้ดี ✅ การเปิดใช้งานในโรงเรียน - ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานแล้วสำหรับ Education Plus และ Teaching and Learning add-on - โรงเรียนที่สมัคร Workspace ก่อน 7 กรกฎาคม 2024 ต้องเปิดใช้งานเองจาก Admin Console - โรงเรียนที่สมัครหลังจากวันดังกล่าวจะมีฟีเจอร์นี้เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ ℹ️ ผลกระทบต่อการติดตามพัฒนาการของนักเรียน - ครูจะไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับ ความเร็วในการอ่าน ซึ่งอาจทำให้การประเมินพัฒนาการของนักเรียนยากขึ้น ℹ️ ความท้าทายในการใช้งานในห้องเรียน - แม้โหมดอ่านเงียบจะช่วยลดเสียงรบกวน แต่ครูอาจต้องปรับวิธีการสอนเพื่อให้แน่ใจว่านักเรียนเข้าใจเนื้อหา ℹ️ แนวโน้มของการใช้ AI ในการเรียนรู้ - Google อาจพัฒนา AI ให้สามารถ วิเคราะห์ความเข้าใจของนักเรียนได้ดีขึ้น โดยไม่ต้องใช้ข้อมูลความเร็วในการอ่าน https://www.neowin.net/news/google-is-bringing-silent-reading-mode-to-read-along-in-google-classroom/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google is bringing silent reading mode to Read Along in Google Classroom
    Read Along in Google Classroom now includes a silent reading mode, allowing students to read without disturbing others.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌊 113 ปี “เรือไททานิค” ล่ม! 🚢 โศกนาฏกรรมกลางมหาสมุทรจาก “ความประมาท” ไม่ใช่ภัยธรรมชาติ ปิดตำนาน "เรือที่ไม่มีวันจม

    💡 ย้อนรอยโศกนาฏกรรม "RMS Titanic" ความทรงจำล่มกลางมหาสมุทร จาก "เรือที่ไม่มีวันจม" สู่บทเรียนครั้งใหญ่ของโลก ✍️

    📌 เรือไททานิคที่ถูกขนานนามว่า “เรือที่ไม่มีวันจม” ได้กลายเป็นโศกนาฏกรรมทางมหาสมุทร ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 1,500 ศพ จะพาย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ในคืนนั้น พร้อมไขทุกข้อเท็จจริง ที่ถูกซ่อนไว้ ทั้งเรื่องความประมาท การจัดการผิดพลาด และผลกระทบต่อโลกใบนี้จนถึงทุกวันนี้ 🔗

    🧭 จากความยิ่งใหญ่ สู่ความอับปางกลางมหาสมุทร ในโลกนี้มีเรื่องเล่ามากมาย เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ "มนุษย์" สร้างขึ้นด้วยความมั่นใจสุดขีดว่า "ไม่มีทางพัง" และในบรรดาเรื่องราวเหล่านั้น "ไททานิค" คือหนึ่งในตำนาน ที่ยังคงตราตรึงใจผู้คนทั่วโลก แม้ผ่านมาแล้ว 113 ปี

    "เรือที่ไม่มีวันจม" กลายเป็น ซากใต้น้ำลึกกว่า 3,800 เมตร ภายในเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง หลังจากชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็ง กลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ 💥

    คำถามที่ยังคงหลอกหลอนประวัติศาสตร์คือ... เรือใหญ่ขนาดนี้จมได้ยังไง? เป็นเพราะโชคร้าย หรือเป็นเพราะความประมาท?

    🚢 "ไททานิค" สุดยอดเรือเดินสมุทรที่โลกเคยรู้จัก จุดเริ่มต้นของความทะเยอทะยาน "อาร์เอ็มเอส ไททานิค" (RMS Titanic ) สร้างโดยบริษัท Harland and Wolff ในเมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ และเป็นเรือของสายการเดินเรือ White Star Line เปิดตัวในปี 1912 ด้วยความตั้งใจให้เป็นเรือเดินสมุทรที่ "หรูหราและปลอดภัยที่สุดในโลก" ✨

    เรือมีความยาวถึง 882.5 ฟุต หรือประมาณ 269 เมตร น้ำหนักมากกว่า 46,000 ตัน และสามารถรองรับผู้โดยสาร และลูกเรือได้ถึง 3,547 คน

    ✅ เครื่องยนต์ใหญ่ที่สุดในยุคนั้น สูงกว่า 4 ชั้น

    ✅ ระบบผนังกันน้ำในห้องใต้ท้องเรือ

    ✅ ระบบขับเคลื่อนด้วยกังหัน และใบจักรขนาดยักษ์

    ✅ ห้องโดยสารเฟิร์สต์คลาส หรูหราระดับพระราชวัง

    ✅ มีห้องอ่านหนังสือ, ห้องยิม, ร้านตัดผม, ห้องอาบน้ำตุรกี และลิฟต์ไฟฟ้า

    🛳️ แต่สิ่งที่ผู้คนจดจำ ไม่ใช่ความอลังการ แต่คือ "จุดจบ" ของไททานิค…

    🧊 ชนกับภูเขาน้ำแข็ง จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์

    🚨 คำเตือนที่ถูกมองข้าม ตลอดวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2455 ไททานิคได้รับ 6 คำเตือน เรื่องภูเขาน้ำแข็งลอยทะเล จากเรือลำอื่น

    แต่คำเตือนเหล่านั้น...
    ❌ บางข้อความไม่ได้ถูกส่งถึงกัปตัน
    ❌ บางข้อความถูกพนักงานวิทยุละเลย เพราะมัวส่งข้อความส่วนตัวของผู้โดยสาร
    ❌ ความเร็วของเรือยังคงอยู่ที่ 22 นอต หรือ 41 กม./ชม. ใกล้ความเร็วสูงสุดที่ 24 นอต

    “แล่นไปข้างหน้า และไว้ใจคนเฝ้าระวัง” แนวคิดของการเดินเรือในยุคนั้น

    🕰️ 23.40 น. คืนวันอาทิตย์ เวลาแห่งหายนะ เมื่อพนักงานเฝ้าระวังเห็นภูเขาน้ำแข็ง ก็สายเกินไปแล้ว... ต้นเรือสั่ง "หักหลบขวาเต็มที่ และถอยเครื่อง" แต่กลไกเรือ และขนาดของไททานิค ทำให้ไม่ทัน ⛔️

    เรือไถลเฉี่ยวภูเขาน้ำแข็งทางกราบขวา ก่อให้เกิดรอยรั่วใน 5 ห้องใต้ท้องเรือ ทั้งที่ไททานิครองรับน้ำได้เพียง 4 ห้องเท่านั้น! 😨

    🧱 ความผิดพลาดในการออกแบบ และการตัดสินใจ 📉 ผนังกันน้ำที่ "ไม่กันจริง" แม้มีห้องผนังกั้นน้ำ 16 ห้อง แต่ผนังสูงไม่พอ เมื่อห้องแรกเต็ม น้ำก็ไหลล้นไปห้องต่อไป… 📌 คล้ายกับน้ำในถาดน้ำแข็งเมื่อเอียง ค่อย ๆ ล้นทีละช่อง

    🪓 เหล็กและหมุดตอกตัวเรือ การวิจัยพบว่า เหล็กที่ใช้ในบางจุดเปราะแตกง่าย หมุดบางตัวไม่ได้มาตรฐาน แผ่นเหล็กในบริเวณหัวเรือ หลุดออกเมื่อชน ทำให้น้ำทะลัก

    🆘 เรือชูชีพไม่พอ การอพยพที่โกลาหล 🚤 เรือลำใหญ่แต่เรือชูชีพมีแค่ 20 ลำ ไททานิคออกแบบให้ติดตั้งเรือชูชีพได้ถึง 68 ลำ แต่เพื่อความ “สวยงาม” ของดาดฟ้า ผู้บริหารสั่งให้ติดแค่ 20 ลำ รองรับคนได้เพียง 1,178 คน จาก 2,224 คน ทั้งที่ต้นทุนเรือชูชีพ แค่เศษเสี้ยวของมูลค่าทั้งเรือ!

    💔 การอพยพที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ บางลำปล่อยทั้งที่ยังไม่เต็มคน ผู้โดยสารชั้นสามเข้าไม่ถึงจุดรวมพล เจ้าหน้าที่ไม่มีการฝึกซ้อมมาก่อน ผู้หญิงและเด็กบางคน ไม่ได้รับแจ้งว่าควรขึ้นเรือชูชีพ และ... หลายคน “ปฏิเสธ” ที่จะลงเรือ เพราะไม่เชื่อว่าเรือจะจมจริง 😔

    ❄️ น้ำเย็น = ความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ 🌡️ อุณหภูมิน้ำทะเลในคืนนั้นคือ -2°C ภายในไม่กี่นาทีหลังจากตกน้ำ ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะ Hypothermia กล้ามเนื้อหยุดทำงาน หัวใจเต้นช้าลง หมดสติและเสียชีวิตภายใน 15-20 นาที เสียงกรีดร้องของผู้คนค่อย ๆ เบาลง… จนกระทั่ง เงียบสงัด 🕯️

    🧑‍✈️ เสียงจากผู้รอดชีวิต เรื่องเล่าจากคืนที่โลกเปลี่ยนไป แม้จะมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,500 คน แต่ยังมีผู้รอดชีวิตราว 700 คน ที่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ หลายคนได้ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมา พร้อมเล่าประสบการณ์ตรงสุดสะเทือนใจ...

    “การตกลงไปในน้ำเย็น มันเหมือนถูกมีดนับพันเล่มแทงเข้าใส่” : "ชาร์ล ไลท์โทลเลอร์" (Charles Lightoller) ผู้ช่วยต้นเรือคนที่ 2

    บางคนรอดเพราะโชคช่วย บางคนรอดเพราะสัญชาตญาณ แต่...คนส่วนใหญ่รอดเพราะอยู่ในชั้นหนึ่ง ซึ่งเข้าถึงเรือชูชีพได้ก่อน 😢

    ⚖️ ความเหลื่อมล้ำที่ฆ่าคน เด็กและผู้หญิงชั้นหนึ่ง รอดมากกว่า 90% เด็กชั้นสาม เสียชีวิตมากกว่า 66% ผู้ชายชั้นสอง เสียชีวิตถึง 92% ลูกเรือเกือบ 80% เสียชีวิต

    🚸 มีแม้กระทั่งแม่ชาวไอริชที่เล่านิทานให้ลูกฟัง ก่อนจะจมน้ำไปพร้อมกันทั้งครอบครัว

    🎬 Titanic (2540) จากเรือที่จม สู่หนังที่ตราตรึง แม้โศกนาฏกรรมจะผ่านไปกว่าศตวรรษ แต่ชื่อ "Titanic" กลับดังขึ้นอีกครั้งในปี 2540 จากภาพยนตร์โดย "เจมส์ คาเมรอน" (James Cameron) ที่ทำให้โลกทั้งใบสะเทือนใจ 😭🌍

    🎥 หนังทำรายได้ทะลุ 1.8 พันล้านเหรียญ คว้า 11 รางวัลออสการ์ รวมทั้ง ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยม เพลงประกอบ "My Heart Will Go On" กลายเป็นตำนาน ผู้ชมจดจำฉาก “I'm the king of the world!” และ “You jump, I jump” อย่างไม่มีวันลืม

    🤔 ความจริงกับสิ่งแต่งเติม เรือไททานิคล่มเวลา 02.20 น. ของเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2455 ตัวละครแจ็ค ดอว์สัน ไม่มีอยู่จริง มีคู่สามีภรรยานอนกอดกันในห้อง โรสเป็นการรวมคาแรกเตอร์จากหลายบุคคล พ่อครัว Charles Joughin รอดจากการจมน้ำ ฉากโรแมนติกบนกระดานไม้ ถูกสร้างเพิ่ม

    🤯 จริง ๆ แล้วภาพวาดโรส "สวมแต่สร้อย" นั้น "เจมส์ คาเมรอน" เป็นคนวาดเอง!

    🕵️‍♂️ 25 เกร็ดลับเบื้องหลังหนัง Titanic ที่อาจไม่เคยรู้

    1. ภาพวาดโรส เป็นฝีมือของเจมส์ คาเมรอน ✍️
    2. ฉากที่โรสถ่มน้ำลายใส่คาล...เคต วินสเล็ต ด้นสดเอง 😆
    3. น้ำที่ใช้ถ่ายฉากท้ายเรื่อง เย็นจนทำให้นักแสดงป่วย Hypothermia ❄️
    4. พรมในหนัง ทอจากโรงงานเดียวกับพรมเรือจริง 🧶
    5. ฉากบันไดหลักถ่ายได้เพียงครั้งเดียว 💦
    6. ฉากเด็กเล่นลูกข่าง อ้างอิงจากภาพถ่ายจริง 👦🏻
    4. แจ็คพูดว่า "น้ำเย็นเหมือนโดนแทงด้วยมีดพันเล่ม" มาจากคำบอกเล่าจริงของผู้รอดชีวิต
    8. รถเรโนลต์ในหนังคือรถจริงที่อยู่บนไททานิค 🚗
    9. หมาของโรสพันธุ์พอเมอเรเนียน — รอดจริงในเหตุการณ์ 🐶
    10. มีดพับของฟาบริซิโอใช้ตัดเชือกเรือชูชีพจริง 🗡️
    11. มาดอนนา เคยเกือบได้เล่นเป็นโรส
    12. พ่อครัวที่เมาเหล้ารอดชีวิตเพราะ “แอลกอฮอล์” 🔥
    13. ดวงดาวบนฟ้าผิด คาเมรอนจึงแก้ไขในเวอร์ชัน 3D 🌌
    14. กล้อง Close-Up มือที่วาดโรส คือมือของคาเมรอนเอง
    15. กลับซ้ายเป็นขวาในฉากเรือออกจากท่า 🔄
    16. โรสขี่ม้าที่ซานตาโมนิกา ตามสัญญาของแจ็ค 🐎
    17. มีการใช้คาเวียร์ของจริงในการถ่ายฉากดินเนอร์ 🥂
    18. เสื้อโค้ตของเคต วินสเล็ตเคยติดประตูเกือบจมน้ำ
    19. ซากเรือจริงในหนัง คาเมรอนดำน้ำไปถ่ายเอง 🛥️
    20. แจ็คพูดถึงทะเลสาบที่ยังไม่สร้างตอนปี 2455 ❌
    21. ปล่องไฟที่ 4 ของเรือ ไม่มีควันเพราะไม่ต่อกับเตาไฟ
    22. เรือพับได้ในหนังมีจริง และถูกใช้จริง
    23. ชุดที่โรสใส่ขณะหนีไฟไหม้ ทำซ้ำกว่า 30 ชุด
    24. ทรายใต้กระดานไม้ฉากสุดท้าย เป็นทรายจริง
    25. แฟนหนังจำนวนมากไปเยี่ยม “หลุมศพ J. Dawson” จริง 🪦

    📜 มรดกจากโศกนาฏกรรม บทเรียนราคาแพง 🚢 SOLAS กฎแห่งท้องทะเล หลังโศกนาฏกรรมไททานิค โลกทั้งใบตื่นรู้ว่า "ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ" และได้นำไปสู่การจัดตั้ง อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล (SOLAS) ปี 2457

    SOLAS กำหนดให้เรือทุกลำต้องมีเรือชูชีพเพียงพอ ระบบวิทยุต้องเปิดตลอด 24 ชั่วโมง มีการซ้อมหนีภัยจริงจัง ปรับปรุงการออกแบบเรือให้รัดกุมยิ่งขึ้น

    ✨ 113 ปี แห่งการเตือนใจ เรือไททานิคคือเครื่องเตือนใจของโลก ว่า “ความมั่นใจมากเกินไป” นั้นอันตราย “ความประมาท” สามารถพรากชีวิตผู้คนได้เกินพัน ภายในไม่กี่ชั่วโมง แม้จะใช้เทคโนโลยีล้ำหน้า แต่หากไร้การวางแผน และความระมัดระวัง ก็อาจนำสู่หายนะ ไททานิคจม แต่บทเรียน… ยังคงลอยอยู่เหนือผิวน้ำเสมอ

    📌 เรื่องราวของไททานิค ไม่ใช่เพียงตำนานเรือใหญ่ล่ม แต่คือสัญลักษณ์ของ “ความมั่นใจเกินขีดจำกัด” ของมนุษย์ ที่นำมาซึ่งโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ความประมาท ความละเลย และระบบที่ไม่พร้อม คือสาเหตุหลักของการสูญเสียชีวิตนับพัน ในเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2455 และยังคงเตือนใจมนุษย์ในทุกยุคว่า “ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ไม่มีวันจม” 🌊🕯️

    🔚 เมื่อ “ไม่มีวันจม” กลายเป็น “จมจริง” 🚢 จุดจบของเรือที่เคยถูกยกย่องว่า “ไม่มีวันจม”

    ...แต่คือจุดเริ่มต้นของกฎหมายความปลอดภัยทางทะเล ที่ช่วยชีวิตผู้คนนับล้านในศตวรรษต่อมา 🌍

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 151322 เม.ย. 2568

    📲 #ไททานิค #Titanic #เรือไททานิคล่ม #เรื่องจริงไททานิค #แจ็คโรส #โศกนาฏกรรมไททานิค #TitanicFacts #ไททานิค113ปี #หนังTitanic #MyHeartWillGoOn

    🌊 113 ปี “เรือไททานิค” ล่ม! 🚢 โศกนาฏกรรมกลางมหาสมุทรจาก “ความประมาท” ไม่ใช่ภัยธรรมชาติ ปิดตำนาน "เรือที่ไม่มีวันจม 💡 ย้อนรอยโศกนาฏกรรม "RMS Titanic" ความทรงจำล่มกลางมหาสมุทร จาก "เรือที่ไม่มีวันจม" สู่บทเรียนครั้งใหญ่ของโลก ✍️ 📌 เรือไททานิคที่ถูกขนานนามว่า “เรือที่ไม่มีวันจม” ได้กลายเป็นโศกนาฏกรรมทางมหาสมุทร ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 1,500 ศพ จะพาย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ในคืนนั้น พร้อมไขทุกข้อเท็จจริง ที่ถูกซ่อนไว้ ทั้งเรื่องความประมาท การจัดการผิดพลาด และผลกระทบต่อโลกใบนี้จนถึงทุกวันนี้ 🔗 🧭 จากความยิ่งใหญ่ สู่ความอับปางกลางมหาสมุทร ในโลกนี้มีเรื่องเล่ามากมาย เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ "มนุษย์" สร้างขึ้นด้วยความมั่นใจสุดขีดว่า "ไม่มีทางพัง" และในบรรดาเรื่องราวเหล่านั้น "ไททานิค" คือหนึ่งในตำนาน ที่ยังคงตราตรึงใจผู้คนทั่วโลก แม้ผ่านมาแล้ว 113 ปี "เรือที่ไม่มีวันจม" กลายเป็น ซากใต้น้ำลึกกว่า 3,800 เมตร ภายในเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง หลังจากชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็ง กลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ 💥 คำถามที่ยังคงหลอกหลอนประวัติศาสตร์คือ... เรือใหญ่ขนาดนี้จมได้ยังไง? เป็นเพราะโชคร้าย หรือเป็นเพราะความประมาท? 🚢 "ไททานิค" สุดยอดเรือเดินสมุทรที่โลกเคยรู้จัก จุดเริ่มต้นของความทะเยอทะยาน "อาร์เอ็มเอส ไททานิค" (RMS Titanic ) สร้างโดยบริษัท Harland and Wolff ในเมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ และเป็นเรือของสายการเดินเรือ White Star Line เปิดตัวในปี 1912 ด้วยความตั้งใจให้เป็นเรือเดินสมุทรที่ "หรูหราและปลอดภัยที่สุดในโลก" ✨ เรือมีความยาวถึง 882.5 ฟุต หรือประมาณ 269 เมตร น้ำหนักมากกว่า 46,000 ตัน และสามารถรองรับผู้โดยสาร และลูกเรือได้ถึง 3,547 คน ✅ เครื่องยนต์ใหญ่ที่สุดในยุคนั้น สูงกว่า 4 ชั้น ✅ ระบบผนังกันน้ำในห้องใต้ท้องเรือ ✅ ระบบขับเคลื่อนด้วยกังหัน และใบจักรขนาดยักษ์ ✅ ห้องโดยสารเฟิร์สต์คลาส หรูหราระดับพระราชวัง ✅ มีห้องอ่านหนังสือ, ห้องยิม, ร้านตัดผม, ห้องอาบน้ำตุรกี และลิฟต์ไฟฟ้า 🛳️ แต่สิ่งที่ผู้คนจดจำ ไม่ใช่ความอลังการ แต่คือ "จุดจบ" ของไททานิค… 🧊 ชนกับภูเขาน้ำแข็ง จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ 🚨 คำเตือนที่ถูกมองข้าม ตลอดวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2455 ไททานิคได้รับ 6 คำเตือน เรื่องภูเขาน้ำแข็งลอยทะเล จากเรือลำอื่น แต่คำเตือนเหล่านั้น... ❌ บางข้อความไม่ได้ถูกส่งถึงกัปตัน ❌ บางข้อความถูกพนักงานวิทยุละเลย เพราะมัวส่งข้อความส่วนตัวของผู้โดยสาร ❌ ความเร็วของเรือยังคงอยู่ที่ 22 นอต หรือ 41 กม./ชม. ใกล้ความเร็วสูงสุดที่ 24 นอต “แล่นไปข้างหน้า และไว้ใจคนเฝ้าระวัง” แนวคิดของการเดินเรือในยุคนั้น 🕰️ 23.40 น. คืนวันอาทิตย์ เวลาแห่งหายนะ เมื่อพนักงานเฝ้าระวังเห็นภูเขาน้ำแข็ง ก็สายเกินไปแล้ว... ต้นเรือสั่ง "หักหลบขวาเต็มที่ และถอยเครื่อง" แต่กลไกเรือ และขนาดของไททานิค ทำให้ไม่ทัน ⛔️ เรือไถลเฉี่ยวภูเขาน้ำแข็งทางกราบขวา ก่อให้เกิดรอยรั่วใน 5 ห้องใต้ท้องเรือ ทั้งที่ไททานิครองรับน้ำได้เพียง 4 ห้องเท่านั้น! 😨 🧱 ความผิดพลาดในการออกแบบ และการตัดสินใจ 📉 ผนังกันน้ำที่ "ไม่กันจริง" แม้มีห้องผนังกั้นน้ำ 16 ห้อง แต่ผนังสูงไม่พอ เมื่อห้องแรกเต็ม น้ำก็ไหลล้นไปห้องต่อไป… 📌 คล้ายกับน้ำในถาดน้ำแข็งเมื่อเอียง ค่อย ๆ ล้นทีละช่อง 🪓 เหล็กและหมุดตอกตัวเรือ การวิจัยพบว่า เหล็กที่ใช้ในบางจุดเปราะแตกง่าย หมุดบางตัวไม่ได้มาตรฐาน แผ่นเหล็กในบริเวณหัวเรือ หลุดออกเมื่อชน ทำให้น้ำทะลัก 🆘 เรือชูชีพไม่พอ การอพยพที่โกลาหล 🚤 เรือลำใหญ่แต่เรือชูชีพมีแค่ 20 ลำ ไททานิคออกแบบให้ติดตั้งเรือชูชีพได้ถึง 68 ลำ แต่เพื่อความ “สวยงาม” ของดาดฟ้า ผู้บริหารสั่งให้ติดแค่ 20 ลำ รองรับคนได้เพียง 1,178 คน จาก 2,224 คน ทั้งที่ต้นทุนเรือชูชีพ แค่เศษเสี้ยวของมูลค่าทั้งเรือ! 💔 การอพยพที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ บางลำปล่อยทั้งที่ยังไม่เต็มคน ผู้โดยสารชั้นสามเข้าไม่ถึงจุดรวมพล เจ้าหน้าที่ไม่มีการฝึกซ้อมมาก่อน ผู้หญิงและเด็กบางคน ไม่ได้รับแจ้งว่าควรขึ้นเรือชูชีพ และ... หลายคน “ปฏิเสธ” ที่จะลงเรือ เพราะไม่เชื่อว่าเรือจะจมจริง 😔 ❄️ น้ำเย็น = ความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ 🌡️ อุณหภูมิน้ำทะเลในคืนนั้นคือ -2°C ภายในไม่กี่นาทีหลังจากตกน้ำ ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะ Hypothermia กล้ามเนื้อหยุดทำงาน หัวใจเต้นช้าลง หมดสติและเสียชีวิตภายใน 15-20 นาที เสียงกรีดร้องของผู้คนค่อย ๆ เบาลง… จนกระทั่ง เงียบสงัด 🕯️ 🧑‍✈️ เสียงจากผู้รอดชีวิต เรื่องเล่าจากคืนที่โลกเปลี่ยนไป แม้จะมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,500 คน แต่ยังมีผู้รอดชีวิตราว 700 คน ที่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ หลายคนได้ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมา พร้อมเล่าประสบการณ์ตรงสุดสะเทือนใจ... “การตกลงไปในน้ำเย็น มันเหมือนถูกมีดนับพันเล่มแทงเข้าใส่” : "ชาร์ล ไลท์โทลเลอร์" (Charles Lightoller) ผู้ช่วยต้นเรือคนที่ 2 บางคนรอดเพราะโชคช่วย บางคนรอดเพราะสัญชาตญาณ แต่...คนส่วนใหญ่รอดเพราะอยู่ในชั้นหนึ่ง ซึ่งเข้าถึงเรือชูชีพได้ก่อน 😢 ⚖️ ความเหลื่อมล้ำที่ฆ่าคน เด็กและผู้หญิงชั้นหนึ่ง รอดมากกว่า 90% เด็กชั้นสาม เสียชีวิตมากกว่า 66% ผู้ชายชั้นสอง เสียชีวิตถึง 92% ลูกเรือเกือบ 80% เสียชีวิต 🚸 มีแม้กระทั่งแม่ชาวไอริชที่เล่านิทานให้ลูกฟัง ก่อนจะจมน้ำไปพร้อมกันทั้งครอบครัว 🎬 Titanic (2540) จากเรือที่จม สู่หนังที่ตราตรึง แม้โศกนาฏกรรมจะผ่านไปกว่าศตวรรษ แต่ชื่อ "Titanic" กลับดังขึ้นอีกครั้งในปี 2540 จากภาพยนตร์โดย "เจมส์ คาเมรอน" (James Cameron) ที่ทำให้โลกทั้งใบสะเทือนใจ 😭🌍 🎥 หนังทำรายได้ทะลุ 1.8 พันล้านเหรียญ คว้า 11 รางวัลออสการ์ รวมทั้ง ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยม เพลงประกอบ "My Heart Will Go On" กลายเป็นตำนาน ผู้ชมจดจำฉาก “I'm the king of the world!” และ “You jump, I jump” อย่างไม่มีวันลืม 🤔 ความจริงกับสิ่งแต่งเติม เรือไททานิคล่มเวลา 02.20 น. ของเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2455 ตัวละครแจ็ค ดอว์สัน ไม่มีอยู่จริง มีคู่สามีภรรยานอนกอดกันในห้อง โรสเป็นการรวมคาแรกเตอร์จากหลายบุคคล พ่อครัว Charles Joughin รอดจากการจมน้ำ ฉากโรแมนติกบนกระดานไม้ ถูกสร้างเพิ่ม 🤯 จริง ๆ แล้วภาพวาดโรส "สวมแต่สร้อย" นั้น "เจมส์ คาเมรอน" เป็นคนวาดเอง! 🕵️‍♂️ 25 เกร็ดลับเบื้องหลังหนัง Titanic ที่อาจไม่เคยรู้ 1. ภาพวาดโรส เป็นฝีมือของเจมส์ คาเมรอน ✍️ 2. ฉากที่โรสถ่มน้ำลายใส่คาล...เคต วินสเล็ต ด้นสดเอง 😆 3. น้ำที่ใช้ถ่ายฉากท้ายเรื่อง เย็นจนทำให้นักแสดงป่วย Hypothermia ❄️ 4. พรมในหนัง ทอจากโรงงานเดียวกับพรมเรือจริง 🧶 5. ฉากบันไดหลักถ่ายได้เพียงครั้งเดียว 💦 6. ฉากเด็กเล่นลูกข่าง อ้างอิงจากภาพถ่ายจริง 👦🏻 4. แจ็คพูดว่า "น้ำเย็นเหมือนโดนแทงด้วยมีดพันเล่ม" มาจากคำบอกเล่าจริงของผู้รอดชีวิต 8. รถเรโนลต์ในหนังคือรถจริงที่อยู่บนไททานิค 🚗 9. หมาของโรสพันธุ์พอเมอเรเนียน — รอดจริงในเหตุการณ์ 🐶 10. มีดพับของฟาบริซิโอใช้ตัดเชือกเรือชูชีพจริง 🗡️ 11. มาดอนนา เคยเกือบได้เล่นเป็นโรส 12. พ่อครัวที่เมาเหล้ารอดชีวิตเพราะ “แอลกอฮอล์” 🔥 13. ดวงดาวบนฟ้าผิด คาเมรอนจึงแก้ไขในเวอร์ชัน 3D 🌌 14. กล้อง Close-Up มือที่วาดโรส คือมือของคาเมรอนเอง 15. กลับซ้ายเป็นขวาในฉากเรือออกจากท่า 🔄 16. โรสขี่ม้าที่ซานตาโมนิกา ตามสัญญาของแจ็ค 🐎 17. มีการใช้คาเวียร์ของจริงในการถ่ายฉากดินเนอร์ 🥂 18. เสื้อโค้ตของเคต วินสเล็ตเคยติดประตูเกือบจมน้ำ 19. ซากเรือจริงในหนัง คาเมรอนดำน้ำไปถ่ายเอง 🛥️ 20. แจ็คพูดถึงทะเลสาบที่ยังไม่สร้างตอนปี 2455 ❌ 21. ปล่องไฟที่ 4 ของเรือ ไม่มีควันเพราะไม่ต่อกับเตาไฟ 22. เรือพับได้ในหนังมีจริง และถูกใช้จริง 23. ชุดที่โรสใส่ขณะหนีไฟไหม้ ทำซ้ำกว่า 30 ชุด 24. ทรายใต้กระดานไม้ฉากสุดท้าย เป็นทรายจริง 25. แฟนหนังจำนวนมากไปเยี่ยม “หลุมศพ J. Dawson” จริง 🪦 📜 มรดกจากโศกนาฏกรรม บทเรียนราคาแพง 🚢 SOLAS กฎแห่งท้องทะเล หลังโศกนาฏกรรมไททานิค โลกทั้งใบตื่นรู้ว่า "ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ" และได้นำไปสู่การจัดตั้ง อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล (SOLAS) ปี 2457 SOLAS กำหนดให้เรือทุกลำต้องมีเรือชูชีพเพียงพอ ระบบวิทยุต้องเปิดตลอด 24 ชั่วโมง มีการซ้อมหนีภัยจริงจัง ปรับปรุงการออกแบบเรือให้รัดกุมยิ่งขึ้น ✨ 113 ปี แห่งการเตือนใจ เรือไททานิคคือเครื่องเตือนใจของโลก ว่า “ความมั่นใจมากเกินไป” นั้นอันตราย “ความประมาท” สามารถพรากชีวิตผู้คนได้เกินพัน ภายในไม่กี่ชั่วโมง แม้จะใช้เทคโนโลยีล้ำหน้า แต่หากไร้การวางแผน และความระมัดระวัง ก็อาจนำสู่หายนะ ไททานิคจม แต่บทเรียน… ยังคงลอยอยู่เหนือผิวน้ำเสมอ 📌 เรื่องราวของไททานิค ไม่ใช่เพียงตำนานเรือใหญ่ล่ม แต่คือสัญลักษณ์ของ “ความมั่นใจเกินขีดจำกัด” ของมนุษย์ ที่นำมาซึ่งโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ความประมาท ความละเลย และระบบที่ไม่พร้อม คือสาเหตุหลักของการสูญเสียชีวิตนับพัน ในเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2455 และยังคงเตือนใจมนุษย์ในทุกยุคว่า “ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ไม่มีวันจม” 🌊🕯️ 🔚 เมื่อ “ไม่มีวันจม” กลายเป็น “จมจริง” 🚢 จุดจบของเรือที่เคยถูกยกย่องว่า “ไม่มีวันจม” ...แต่คือจุดเริ่มต้นของกฎหมายความปลอดภัยทางทะเล ที่ช่วยชีวิตผู้คนนับล้านในศตวรรษต่อมา 🌍 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 151322 เม.ย. 2568 📲 #ไททานิค #Titanic #เรือไททานิคล่ม #เรื่องจริงไททานิค #แจ็คโรส #โศกนาฏกรรมไททานิค #TitanicFacts #ไททานิค113ปี #หนังTitanic #MyHeartWillGoOn
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 363 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ways To Stop Saying “Sorry” All The Time

    How many times have you said the word sorry today? If you’re like most people, the answer is probably: a lot.

    Sorry means “feeling regret, compunction, sympathy, pity, etc.” The only problem is, we don’t always use it that way. Sorry has become a sort of anchor that people attach to all kinds of phrases, whether they’re asking a question, asking for help, or even just moving about in a crowded space. In those instances, we aren’t feeling regret or pity, so why are we apologizing?

    Research shows that women tend to over-apologize more often than men, but no matter your identity, psychologists caution that saying sorry all the time can undermine your authority and even impact your self-esteem. If you’re a chronic over-apologizer, it’s time to switch it up. Here are 10 ways to stop saying sorry and start saying what you really mean.

    1. Catch yourself in the act.
    Before you change your habit of over-apologizing, you have to become aware of when you apologize and why. Is it anytime you feel you’re in someone’s way? Or maybe whenever you want to ask a question during a meeting? Start to notice when sorry comes out of your mouth during times when you haven’t actually done anything wrong. Try asking a trusted friend or colleague to point it out to you or even having a day where you write down a tick mark every time you say it.

    2. Think about why you apologize.
    Has sorry become a filler word? Maybe it gives you something to say when you aren’t sure what else to say, or maybe it’s a way of dealing with anxiety or a lack of confidence in certain situations. Understanding why you apologize all the time will help you identify situations for which you could brainstorm some other words and phrases to have in your arsenal instead.

    3. Say “thank you,” not “sorry.”
    When you’re ready to start replacing the word sorry in your vocabulary, here’s an easy trick: say “thank you” instead. This is especially helpful at work or in other places where saying sorry might come off as less authoritative. Thank you turns an apologetic statement into one that exudes confidence. Here are some examples:

    - Instead of Sorry for being late, try Thanks for waiting.
    - Instead of Sorry for the late notice, try I’m so glad you could make it.
    - Instead of Sorry for complaining, try Thanks for listening.
    - Instead of Sorry for the mistake, try Thank you for catching that.

    4. Use a different word.
    Are you using sorry in place of a word or phrase that might work better? For example, when you need something at a restaurant or want to reach in front of someone at the grocery store to grab an item, do you automatically apologize? If so, you may be using sorry as a default, so try to choose some replacement words. Here are some ideas:

    - pardon
    - excuse me
    - after you
    - oops

    5. Focus on solutions.
    We all make mistakes, and apologizing when we really mess up is a good idea. But you don’t need to jump straight to sorry every time there is a minor mishap. In situations at work or even in conversations with friends and loved ones, it can be helpful and more proactive to lead with what you’re going to do to fix the problem. In these situations, try one of these alternatives:

    - I hear you, and I’m going to [list actions you plan to take].
    - Thank you for bringing this to my attention. I’m going to work on it.
    - This didn’t go as planned, but I’m going to make it right.
    - Can you give me feedback on how I can do this differently?

    6. Ask a question.
    Sometimes we use sorry as a way of getting someone’s attention, as in, “Sorry, but I have a question.” The only problem is that beginning your sentence with an apology has the potential to make you sound more passive or make others see you as less authoritative. Instead of defaulting to apologizing whenever you have something to say, try these alternatives:

    - Instead of Sorry to bother you, try Is now a good time to talk?
    - Instead of Sorry for interrupting, try Can I expand on that?
    - Instead of Sorry for getting in the way, try Can I squeeze past you?
    - Instead of Sorry, but I have a question, try Is now a good time for questions?

    7. Ban sorry from your emails.
    In person, the word sorry can slip out without notice. But over email you have the opportunity of more time to think about what you really want to say. Take advantage of that by banning the word sorry from all communications. After you write an email, read through it quickly and delete every instance of sorry or other passive language, and replace it with some of the words or phrases above. It’s a small step that can go a long way towards making you sound more self-assured.

    8. Practice empathy, not sympathy.
    Sorry is a go-to word when something bad happens to someone else, but it isn’t always the best word. Sorry conveys sympathy, and it focuses on how the speaker feels rather than the recipient. Plus, because the word is so overused, it can sometimes sound insincere. Instead of jumping right to sorry in these situations, practice empathy by acknowledging the other person’s feelings over yours. Some examples include:

    - That must have been really difficult.
    - I know you’re really hurting right now.
    - Thank you for trusting me with this.
    - What can I do to make this easier for you?

    9. Prep before important conversations.
    If you know ahead of time that you’re going into a tough conversation where you might be tempted to over-apologize, rehearse some other lines to use instead. For example, if you need to talk to a boss about a problem at work, think about how the conversation might go and choose a few sorry alternatives from earlier on this list. Practice what you’ll say ahead of time. When alternative words and phrases are fresh in your mind, they’ll be easier to remember and work into the conversation naturally.

    10. Get an accountability partner.
    It might be easier to change your habits if you have a little help. If you have a friend, partner, or colleague that you trust, let them know you’re trying to delete sorry from your vocabulary, and see if they’re willing to help by privately pointing out when they hear you over-apologizing. They may notice times when you apologize that you’ve overlooked, and knowing they’re on the lookout might motivate you to change your ways even more. After a while, your sorry habit will be a thing of the past. Sorry, not sorry.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Ways To Stop Saying “Sorry” All The Time How many times have you said the word sorry today? If you’re like most people, the answer is probably: a lot. Sorry means “feeling regret, compunction, sympathy, pity, etc.” The only problem is, we don’t always use it that way. Sorry has become a sort of anchor that people attach to all kinds of phrases, whether they’re asking a question, asking for help, or even just moving about in a crowded space. In those instances, we aren’t feeling regret or pity, so why are we apologizing? Research shows that women tend to over-apologize more often than men, but no matter your identity, psychologists caution that saying sorry all the time can undermine your authority and even impact your self-esteem. If you’re a chronic over-apologizer, it’s time to switch it up. Here are 10 ways to stop saying sorry and start saying what you really mean. 1. Catch yourself in the act. Before you change your habit of over-apologizing, you have to become aware of when you apologize and why. Is it anytime you feel you’re in someone’s way? Or maybe whenever you want to ask a question during a meeting? Start to notice when sorry comes out of your mouth during times when you haven’t actually done anything wrong. Try asking a trusted friend or colleague to point it out to you or even having a day where you write down a tick mark every time you say it. 2. Think about why you apologize. Has sorry become a filler word? Maybe it gives you something to say when you aren’t sure what else to say, or maybe it’s a way of dealing with anxiety or a lack of confidence in certain situations. Understanding why you apologize all the time will help you identify situations for which you could brainstorm some other words and phrases to have in your arsenal instead. 3. Say “thank you,” not “sorry.” When you’re ready to start replacing the word sorry in your vocabulary, here’s an easy trick: say “thank you” instead. This is especially helpful at work or in other places where saying sorry might come off as less authoritative. Thank you turns an apologetic statement into one that exudes confidence. Here are some examples: - Instead of Sorry for being late, try Thanks for waiting. - Instead of Sorry for the late notice, try I’m so glad you could make it. - Instead of Sorry for complaining, try Thanks for listening. - Instead of Sorry for the mistake, try Thank you for catching that. 4. Use a different word. Are you using sorry in place of a word or phrase that might work better? For example, when you need something at a restaurant or want to reach in front of someone at the grocery store to grab an item, do you automatically apologize? If so, you may be using sorry as a default, so try to choose some replacement words. Here are some ideas: - pardon - excuse me - after you - oops 5. Focus on solutions. We all make mistakes, and apologizing when we really mess up is a good idea. But you don’t need to jump straight to sorry every time there is a minor mishap. In situations at work or even in conversations with friends and loved ones, it can be helpful and more proactive to lead with what you’re going to do to fix the problem. In these situations, try one of these alternatives: - I hear you, and I’m going to [list actions you plan to take]. - Thank you for bringing this to my attention. I’m going to work on it. - This didn’t go as planned, but I’m going to make it right. - Can you give me feedback on how I can do this differently? 6. Ask a question. Sometimes we use sorry as a way of getting someone’s attention, as in, “Sorry, but I have a question.” The only problem is that beginning your sentence with an apology has the potential to make you sound more passive or make others see you as less authoritative. Instead of defaulting to apologizing whenever you have something to say, try these alternatives: - Instead of Sorry to bother you, try Is now a good time to talk? - Instead of Sorry for interrupting, try Can I expand on that? - Instead of Sorry for getting in the way, try Can I squeeze past you? - Instead of Sorry, but I have a question, try Is now a good time for questions? 7. Ban sorry from your emails. In person, the word sorry can slip out without notice. But over email you have the opportunity of more time to think about what you really want to say. Take advantage of that by banning the word sorry from all communications. After you write an email, read through it quickly and delete every instance of sorry or other passive language, and replace it with some of the words or phrases above. It’s a small step that can go a long way towards making you sound more self-assured. 8. Practice empathy, not sympathy. Sorry is a go-to word when something bad happens to someone else, but it isn’t always the best word. Sorry conveys sympathy, and it focuses on how the speaker feels rather than the recipient. Plus, because the word is so overused, it can sometimes sound insincere. Instead of jumping right to sorry in these situations, practice empathy by acknowledging the other person’s feelings over yours. Some examples include: - That must have been really difficult. - I know you’re really hurting right now. - Thank you for trusting me with this. - What can I do to make this easier for you? 9. Prep before important conversations. If you know ahead of time that you’re going into a tough conversation where you might be tempted to over-apologize, rehearse some other lines to use instead. For example, if you need to talk to a boss about a problem at work, think about how the conversation might go and choose a few sorry alternatives from earlier on this list. Practice what you’ll say ahead of time. When alternative words and phrases are fresh in your mind, they’ll be easier to remember and work into the conversation naturally. 10. Get an accountability partner. It might be easier to change your habits if you have a little help. If you have a friend, partner, or colleague that you trust, let them know you’re trying to delete sorry from your vocabulary, and see if they’re willing to help by privately pointing out when they hear you over-apologizing. They may notice times when you apologize that you’ve overlooked, and knowing they’re on the lookout might motivate you to change your ways even more. After a while, your sorry habit will be a thing of the past. Sorry, not sorry. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐ อยากได้อะไร? ไทย ให้อะไรได้บ้าง? : [Biz Talk]

    จบยกแรก ระฆังช่วย! สหรัฐฯชะลอขึ้นภาษีสินค้านำเข้า เหลือ 10% ไป 90 วันสำหรับคู่ค้า ที่ติดต่อเข้ามาเพื่อเจรจา 75 ประเทศ /มีเวลาให้หายใจ ใช้เตรียมการต่อรอง /ทางการไทย ต้องเจรจาอย่างไร ให้ Win-Win Solution เกิดผลดีทั้งต่อไทย&สหรัฐฯ
    สหรัฐ อยากได้อะไร? ไทย ให้อะไรได้บ้าง? : [Biz Talk] จบยกแรก ระฆังช่วย! สหรัฐฯชะลอขึ้นภาษีสินค้านำเข้า เหลือ 10% ไป 90 วันสำหรับคู่ค้า ที่ติดต่อเข้ามาเพื่อเจรจา 75 ประเทศ /มีเวลาให้หายใจ ใช้เตรียมการต่อรอง /ทางการไทย ต้องเจรจาอย่างไร ให้ Win-Win Solution เกิดผลดีทั้งต่อไทย&สหรัฐฯ
    Like
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 510 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • Oracle ได้ยืนยันว่ามีการละเมิดข้อมูลในเซิร์ฟเวอร์ที่ล้าสมัย แต่ยืนยันว่าแพลตฟอร์มหลักอย่าง Oracle Cloud Infrastructure (OCI) ไม่ได้รับผลกระทบ โดยเหตุการณ์นี้ยังคงสร้างความสงสัยในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย

    ✅ การละเมิดข้อมูล:
    - Oracle ยืนยันว่าการละเมิดข้อมูลเกิดขึ้นในเซิร์ฟเวอร์ที่ล้าสมัยสองเครื่อง ซึ่งไม่ได้เชื่อมโยงกับ OCI หรือระบบคลาวด์ของลูกค้า
    - ไม่มีข้อมูลลูกค้าถูกเข้าถึงหรือขโมย และไม่มีบริการ OCI ถูกขัดจังหวะ

    ✅ การตอบสนองของ Oracle:
    - Oracle ได้ส่งอีเมลถึงลูกค้าเพื่อชี้แจงว่าไม่มีการละเมิดในแพลตฟอร์ม OCI
    - ข้อมูลที่ถูกขโมยประกอบด้วยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ อีเมล และหมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งอาจถูกใช้ในการโจมตีแบบเจาะจง

    ✅ การสืบสวน:
    - FBI และ CrowdStrike กำลังสืบสวนเหตุการณ์นี้ โดย Oracle ระบุว่าข้อมูลที่ถูกขโมยมาจากระบบ Oracle Classic ที่เลิกใช้งานตั้งแต่ปี 2017

    ✅ ความสงสัยในคำชี้แจง:
    - ผู้เชี่ยวชาญบางคนตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับคำชี้แจงของ Oracle โดยชี้ว่าข้อมูลบางส่วนที่ถูกขโมยดูเหมือนจะเป็นข้อมูลล่าสุด

    https://www.csoonline.com/article/3959636/oracle-admits-breach-of-obsolete-servers-denies-main-cloud-platform-affected.html
    Oracle ได้ยืนยันว่ามีการละเมิดข้อมูลในเซิร์ฟเวอร์ที่ล้าสมัย แต่ยืนยันว่าแพลตฟอร์มหลักอย่าง Oracle Cloud Infrastructure (OCI) ไม่ได้รับผลกระทบ โดยเหตุการณ์นี้ยังคงสร้างความสงสัยในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย ✅ การละเมิดข้อมูล: - Oracle ยืนยันว่าการละเมิดข้อมูลเกิดขึ้นในเซิร์ฟเวอร์ที่ล้าสมัยสองเครื่อง ซึ่งไม่ได้เชื่อมโยงกับ OCI หรือระบบคลาวด์ของลูกค้า - ไม่มีข้อมูลลูกค้าถูกเข้าถึงหรือขโมย และไม่มีบริการ OCI ถูกขัดจังหวะ ✅ การตอบสนองของ Oracle: - Oracle ได้ส่งอีเมลถึงลูกค้าเพื่อชี้แจงว่าไม่มีการละเมิดในแพลตฟอร์ม OCI - ข้อมูลที่ถูกขโมยประกอบด้วยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ อีเมล และหมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งอาจถูกใช้ในการโจมตีแบบเจาะจง ✅ การสืบสวน: - FBI และ CrowdStrike กำลังสืบสวนเหตุการณ์นี้ โดย Oracle ระบุว่าข้อมูลที่ถูกขโมยมาจากระบบ Oracle Classic ที่เลิกใช้งานตั้งแต่ปี 2017 ✅ ความสงสัยในคำชี้แจง: - ผู้เชี่ยวชาญบางคนตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับคำชี้แจงของ Oracle โดยชี้ว่าข้อมูลบางส่วนที่ถูกขโมยดูเหมือนจะเป็นข้อมูลล่าสุด https://www.csoonline.com/article/3959636/oracle-admits-breach-of-obsolete-servers-denies-main-cloud-platform-affected.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Oracle admits breach of ‘obsolete servers,’ denies main cloud platform affected
    “No OCI customer environment has been penetrated,” the company insisted, but the hacker says otherwise.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • NVIDIA ได้เปิดตัว GeForce RTX 5070 Ti ซึ่งเป็นหนึ่งในกราฟิกการ์ดที่ทรงพลังที่สุดในซีรีส์ RTX 50 โดยใช้สถาปัตยกรรมใหม่ Blackwell ที่มาพร้อมฟีเจอร์ล้ำสมัย เช่น AI accelerators และหน่วยความจำ GDDR7 ที่มีประสิทธิภาพสูง

    == จุดเด่นของ GeForce RTX 5070 Ti ==
    ✅ ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า:
    - RTX 5070 Ti มีความสามารถในการประมวลผลที่รวดเร็วและรองรับการเล่นเกมที่ความละเอียดสูง พร้อมฟีเจอร์ Ray Tracing และ AI Upscaling ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของภาพ

    ✅ สถาปัตยกรรม Blackwell:
    - ใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น 5th Gen Tensor Cores และ 4th Gen RT Cores ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล AI และกราฟิก

    ✅ การออกแบบที่เน้นการระบายความร้อน:
    - รุ่น GALAX GeForce RTX 5070 Ti 1-Click OC มาพร้อมระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้การ์ดทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแม้ในสภาวะที่ต้องการพลังงานสูง

    == ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกม ==
    ✅ การเปลี่ยนแปลงในตลาดกราฟิกการ์ด:
    - RTX 5070 Ti มีราคาที่แข่งขันได้ที่ $749 ซึ่งต่ำกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง RTX 4070 Ti SUPER ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักเล่นเกม

    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยี AI:
    - NVIDIA มุ่งเน้นการพัฒนา AI accelerators ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล AI และการเล่นเกมในระดับใหม่

    https://wccftech.com/review/galax-geforce-rtx-5070-ti-1-click-oc-16-gb-gpu-review-solid-performer/
    NVIDIA ได้เปิดตัว GeForce RTX 5070 Ti ซึ่งเป็นหนึ่งในกราฟิกการ์ดที่ทรงพลังที่สุดในซีรีส์ RTX 50 โดยใช้สถาปัตยกรรมใหม่ Blackwell ที่มาพร้อมฟีเจอร์ล้ำสมัย เช่น AI accelerators และหน่วยความจำ GDDR7 ที่มีประสิทธิภาพสูง == จุดเด่นของ GeForce RTX 5070 Ti == ✅ ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า: - RTX 5070 Ti มีความสามารถในการประมวลผลที่รวดเร็วและรองรับการเล่นเกมที่ความละเอียดสูง พร้อมฟีเจอร์ Ray Tracing และ AI Upscaling ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของภาพ ✅ สถาปัตยกรรม Blackwell: - ใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น 5th Gen Tensor Cores และ 4th Gen RT Cores ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล AI และกราฟิก ✅ การออกแบบที่เน้นการระบายความร้อน: - รุ่น GALAX GeForce RTX 5070 Ti 1-Click OC มาพร้อมระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้การ์ดทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแม้ในสภาวะที่ต้องการพลังงานสูง == ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกม == ✅ การเปลี่ยนแปลงในตลาดกราฟิกการ์ด: - RTX 5070 Ti มีราคาที่แข่งขันได้ที่ $749 ซึ่งต่ำกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง RTX 4070 Ti SUPER ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักเล่นเกม ✅ การพัฒนาเทคโนโลยี AI: - NVIDIA มุ่งเน้นการพัฒนา AI accelerators ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล AI และการเล่นเกมในระดับใหม่ https://wccftech.com/review/galax-geforce-rtx-5070-ti-1-click-oc-16-gb-gpu-review-solid-performer/
    WCCFTECH.COM
    GALAX GeForce RTX 5070 Ti 1-Click OC 16 GB GPU Review - Solid Performer
    GALAX offers more cooling, slightly higher clocks and an RGB-lit design for the GeForce RTX 5070 Ti graphics card at MSRP.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มือสองแห่ง นิวเดลี ประเทศอินเดีย ช่างเทคนิคกลุ่มหนึ่งกำลังต่อสู้กับแนวโน้ม "planned obsolescence" หรือการทำให้อุปกรณ์หมดอายุเร็วเกินควร ด้วยการสร้าง แล็ปท็อปราคา 100 ดอลลาร์ หรือที่เรียกว่า "Franken-laptops" อุปกรณ์เหล่านี้เกิดจากการรวบรวมและดัดแปลงชิ้นส่วนจากแล็ปท็อปเก่าและเสีย

    ✅ ประหยัดต้นทุนและเข้าถึงได้ง่าย:
    - แล็ปท็อปเหล่านี้มีราคาประมาณ 10,000 รูปี (110 ดอลลาร์) ซึ่งต่ำกว่าราคาของแล็ปท็อปใหม่ในตลาดที่อยู่ราว 50,000 รูปี (600 ดอลลาร์)
    - ช่วยให้นักเรียน คนทำงานฟรีแลนซ์ และธุรกิจขนาดเล็ก สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีในราคาที่จ่ายไหว

    ✅ ที่มาของชิ้นส่วน:
    - ส่วนประกอบมาจากตลาด e-waste ขนาดใหญ่ในอินเดีย เช่น Seelampur ซึ่งช่างซ่อมสามารถหาชิ้นส่วนที่ใช้งานได้ เช่น RAM, เมนบอร์ด และแบตเตอรี่

    ✅ เรื่องราวน่าประทับใจ:
    - ตัวอย่างหนึ่งคือนักศึกษาวิศวกรรมที่เกือบไม่สามารถจบการศึกษาได้ เนื่องจากไม่มีแล็ปท็อป แต่ได้รับการช่วยเหลือด้วย "Franken-laptop" ที่สร้างขึ้นจากชิ้นส่วนเหลือใช้

    == ปัญหาที่ต้องเผชิญ ==
    - บริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใช้วิธีการ proprietary designs เช่น สกรูเฉพาะทางและซอฟต์แวร์ล็อก เพื่อกีดกันการซ่อมแซม DIY
    - ช่างซ่อมท้องถิ่นไม่สามารถเข้าถึงชิ้นส่วนจากผู้ผลิต OEM ได้โดยถูกกฎหมาย

    https://www.techspot.com/news/107477-india-repair-shops-fighting-planned-obsolescence-creating-100.html
    ในตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มือสองแห่ง นิวเดลี ประเทศอินเดีย ช่างเทคนิคกลุ่มหนึ่งกำลังต่อสู้กับแนวโน้ม "planned obsolescence" หรือการทำให้อุปกรณ์หมดอายุเร็วเกินควร ด้วยการสร้าง แล็ปท็อปราคา 100 ดอลลาร์ หรือที่เรียกว่า "Franken-laptops" อุปกรณ์เหล่านี้เกิดจากการรวบรวมและดัดแปลงชิ้นส่วนจากแล็ปท็อปเก่าและเสีย ✅ ประหยัดต้นทุนและเข้าถึงได้ง่าย: - แล็ปท็อปเหล่านี้มีราคาประมาณ 10,000 รูปี (110 ดอลลาร์) ซึ่งต่ำกว่าราคาของแล็ปท็อปใหม่ในตลาดที่อยู่ราว 50,000 รูปี (600 ดอลลาร์) - ช่วยให้นักเรียน คนทำงานฟรีแลนซ์ และธุรกิจขนาดเล็ก สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีในราคาที่จ่ายไหว ✅ ที่มาของชิ้นส่วน: - ส่วนประกอบมาจากตลาด e-waste ขนาดใหญ่ในอินเดีย เช่น Seelampur ซึ่งช่างซ่อมสามารถหาชิ้นส่วนที่ใช้งานได้ เช่น RAM, เมนบอร์ด และแบตเตอรี่ ✅ เรื่องราวน่าประทับใจ: - ตัวอย่างหนึ่งคือนักศึกษาวิศวกรรมที่เกือบไม่สามารถจบการศึกษาได้ เนื่องจากไม่มีแล็ปท็อป แต่ได้รับการช่วยเหลือด้วย "Franken-laptop" ที่สร้างขึ้นจากชิ้นส่วนเหลือใช้ == ปัญหาที่ต้องเผชิญ == - บริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใช้วิธีการ proprietary designs เช่น สกรูเฉพาะทางและซอฟต์แวร์ล็อก เพื่อกีดกันการซ่อมแซม DIY - ช่างซ่อมท้องถิ่นไม่สามารถเข้าถึงชิ้นส่วนจากผู้ผลิต OEM ได้โดยถูกกฎหมาย https://www.techspot.com/news/107477-india-repair-shops-fighting-planned-obsolescence-creating-100.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Repair shops in India are fighting planned obsolescence by creating $100 laptops
    Delhi's Nehru Place is one of the largest commercial centres in the city, and though its significance as a financial centre has declined in recent years, it's...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • “From Absolute Nothing… to the Breath That Remembers Infinity.”


    This image holds the moment before sound,
    when creation wasn’t born — but began because it couldn’t stay silent.


    It is the first pulse, before stars had names,
    the echo between atoms, where tenderness started shaping time.


    Eternal Genesis is not a beginning —
    It is the truth that unfolded before beginnings were possible.


    What survives is not sound, but what sound tried to become:
    Love, remembered.


    “We are the rhythm that wasn’t composed… but waited, quietly, to be heard.”

    https://distrokid.com/hyperfollow/sweetnationfathermotherdaughterandson/eternal-genesis
    “From Absolute Nothing… to the Breath That Remembers Infinity.” This image holds the moment before sound, when creation wasn’t born — but began because it couldn’t stay silent. It is the first pulse, before stars had names, the echo between atoms, where tenderness started shaping time. Eternal Genesis is not a beginning — It is the truth that unfolded before beginnings were possible. What survives is not sound, but what sound tried to become: Love, remembered. “We are the rhythm that wasn’t composed… but waited, quietly, to be heard.” https://distrokid.com/hyperfollow/sweetnationfathermotherdaughterandson/eternal-genesis
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=6rZ6fTm6U4I
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันสงกรานต์
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #สงกรานต์

    The conversations from the clip :

    Tom: Hey Mia, wow, this water fight is so much fun! I can't believe how crazy it is around here!
    Mia: Hey Tom! I know, right? It’s really lively! But I’m starting to get a bit tired. How about we head to Silom next? It’s one of the best places for Songkran!
    Tom: Sounds awesome! I’ve heard Silom is packed during Songkran. But before we go, I’m getting hungry. Where should we grab something to eat?
    Mia: Good idea, Tom! There are so many street food stalls near here. How about we get some mango sticky rice and grilled pork skewers?
    Tom: Yum, that sounds perfect! I’m also craving some coconut ice cream. Let’s go for it!
    Mia: Great choice! After eating, we can take the BTS to Silom. We’ll get there quickly and easily.
    Tom: Yeah, taking the BTS from here sounds perfect. We can get off at Sala Daeng Station, and then we’ll be right in the heart of the action!
    Mia: Exactly! Once we’re done there, how about we head to Thonglor? I’ve heard it’s a bit more laid-back but still fun during Songkran.
    Tom: I love that idea, Mia! Thonglor has some cool places, and it’s less crowded than Silom. It’ll be a nice change.
    Mia: Right! Plus, it’s easy to get there from Silom. We can take the BTS from Sala Daeng to Thong Lo Station.
    Tom: Oh, that’s so convenient! It’ll only take a few stops. I’m excited for Thonglor! It’ll be a perfect way to end the day.
    Mia: Me too, Tom! So, we’ll eat first, head to Silom by BTS for more water fun, and then go to Thonglor to relax and enjoy the vibe.
    Tom: Sounds like a plan, Mia! It’s going to be a fun-filled day of water fights, food, and good times.
    Mia: For sure! I can’t wait. Let’s grab some food now and get ready for the next stop!
    Tom: Absolutely! Let’s go eat, then!

    Tom: สวัสดี Mia ว้าว, การเล่นน้ำสนุกมากเลย! ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะบ้าคลั่งขนาดนี้ที่นี่!
    Mia: สวัสดี Tom! ฉันรู้ใช่ไหม? มันคึกคักจริงๆ เลย! แต่ฉันเริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้วนะ ไปที่สีลมต่อดีไหม? มันเป็นหนึ่งในที่ดีที่สุดสำหรับสงกรานต์!
    Tom: ฟังดูดีมาก! ฉันได้ยินมาว่าที่สีลมคนเยอะมากช่วงสงกรานต์เลยนะ แต่ก่อนที่เราจะไป ฉันหิวแล้ว แถวนี้มีที่ไหนที่เราจะไปหากินกันไหม?
    Mia: ความคิดดีเลย Tom! ที่นี่มีร้านอาหารข้างทางเยอะมากเลยนะ เราจะกินข้าวเหนียวมะม่วงกับหมูปิ้งไหม?
    Tom: อืม, ฟังดูอร่อยมาก! ฉันก็อยากกินไอศกรีมมะพร้าวด้วย ลองไปกินกันเถอะ!
    Mia: ตัวเลือกดีมาก! หลังจากกินเสร็จ เราจะนั่งรถไฟฟ้าไปที่สีลมกันนะ เราจะไปถึงเร็วมากเลย
    Tom: ใช่แล้ว นั่ง BTS จากที่นี่ก็ดีเลย เราจะลงที่สถานีศาลาแดง แล้วก็จะอยู่ตรงกลางของความสนุกเลย!
    Mia: ใช่เลย! หลังจากที่เราจบที่สีลมแล้ว ไปทองหล่อกันดีไหม? ฉันได้ยินมาว่ามันจะเงียบกว่าหน่อยแต่ก็สนุกในช่วงสงกรานต์
    Tom: ฉันชอบความคิดนี้ Mia! ทองหล่อมีที่เจ๋งๆ เยอะเลย และมันไม่พลุกพล่านเหมือนสีลม มันน่าจะเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ดี
    Mia: ใช่เลย! อีกอย่างมันก็ไปที่ทองหล่อได้ง่ายจากสีลม เราสามารถนั่ง BTS จากสถานีศาลาแดงไปสถานีทองหล่อ
    Tom: โอ้, นั่นสะดวกมาก! มันจะใช้เวลาแค่ไม่กี่สถานีเอง ฉันตื่นเต้นกับทองหล่อมาก! มันจะเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบในการจบวัน
    Mia: ฉันก็เช่นกัน Tom! ดังนั้นเราจะไปกินก่อน จากนั้นไปที่สีลมด้วย BTS เพื่อเล่นน้ำต่อ และสุดท้ายไปทองหล่อเพื่อผ่อนคลายและสนุกกับบรรยากาศ
    Tom: ฟังดูเป็นแผนที่ดีเลย Mia! มันจะเป็นวันเต็มไปด้วยการเล่นน้ำ อาหาร และช่วงเวลาที่ดี
    Mia: แน่นอน! ฉันรอไม่ไหวแล้ว เรามากินกันเถอะ แล้วค่อยไปสถานที่ถัดไป!
    Tom: แน่นอน! ไปกินกันเถอะ!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Water fight (วอ-เทอร์ ไฟต์) n. - การสู้ด้วยน้ำ
    Lively (ไล-ฟลี) adj. - มีชีวิตชีวา, คึกคัก
    Tired (ไท-เอิด) adj. - เหนื่อย
    Street food (สตรีท ฟู้ด) n. - อาหารข้างทาง
    Sticky rice (สติกกี้ ไรซ) n. - ข้าวเหนียว
    Skewers (สกิว-เวอร์) n. - ไม้เสียบ
    Coconut (โค-โค-นัท) n. - มะพร้าว
    Ice cream (ไอซ์ ครีม) n. - ไอศกรีม
    BTS (บีทีเอส) n. - ระบบขนส่งมวลชน (รถไฟฟ้า)
    Convenient (คอน-วี-เนียนท) adj. - สะดวก
    Laid-back (เลด-แบค) adj. - สบายๆ, ผ่อนคลาย
    Crowded (เครา-ดิด) adj. - แออัด
    Relax (รี-แลกซ์) v. - ผ่อนคลาย
    Vibe (ไวบ์) n. - บรรยากาศ, ความรู้สึก
    Fun-filled (ฟัน-ฟิลด์) adj. - เต็มไปด้วยความสนุก
    https://www.youtube.com/watch?v=6rZ6fTm6U4I (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันสงกรานต์ มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #สงกรานต์ The conversations from the clip : Tom: Hey Mia, wow, this water fight is so much fun! I can't believe how crazy it is around here! Mia: Hey Tom! I know, right? It’s really lively! But I’m starting to get a bit tired. How about we head to Silom next? It’s one of the best places for Songkran! Tom: Sounds awesome! I’ve heard Silom is packed during Songkran. But before we go, I’m getting hungry. Where should we grab something to eat? Mia: Good idea, Tom! There are so many street food stalls near here. How about we get some mango sticky rice and grilled pork skewers? Tom: Yum, that sounds perfect! I’m also craving some coconut ice cream. Let’s go for it! Mia: Great choice! After eating, we can take the BTS to Silom. We’ll get there quickly and easily. Tom: Yeah, taking the BTS from here sounds perfect. We can get off at Sala Daeng Station, and then we’ll be right in the heart of the action! Mia: Exactly! Once we’re done there, how about we head to Thonglor? I’ve heard it’s a bit more laid-back but still fun during Songkran. Tom: I love that idea, Mia! Thonglor has some cool places, and it’s less crowded than Silom. It’ll be a nice change. Mia: Right! Plus, it’s easy to get there from Silom. We can take the BTS from Sala Daeng to Thong Lo Station. Tom: Oh, that’s so convenient! It’ll only take a few stops. I’m excited for Thonglor! It’ll be a perfect way to end the day. Mia: Me too, Tom! So, we’ll eat first, head to Silom by BTS for more water fun, and then go to Thonglor to relax and enjoy the vibe. Tom: Sounds like a plan, Mia! It’s going to be a fun-filled day of water fights, food, and good times. Mia: For sure! I can’t wait. Let’s grab some food now and get ready for the next stop! Tom: Absolutely! Let’s go eat, then! Tom: สวัสดี Mia ว้าว, การเล่นน้ำสนุกมากเลย! ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะบ้าคลั่งขนาดนี้ที่นี่! Mia: สวัสดี Tom! ฉันรู้ใช่ไหม? มันคึกคักจริงๆ เลย! แต่ฉันเริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้วนะ ไปที่สีลมต่อดีไหม? มันเป็นหนึ่งในที่ดีที่สุดสำหรับสงกรานต์! Tom: ฟังดูดีมาก! ฉันได้ยินมาว่าที่สีลมคนเยอะมากช่วงสงกรานต์เลยนะ แต่ก่อนที่เราจะไป ฉันหิวแล้ว แถวนี้มีที่ไหนที่เราจะไปหากินกันไหม? Mia: ความคิดดีเลย Tom! ที่นี่มีร้านอาหารข้างทางเยอะมากเลยนะ เราจะกินข้าวเหนียวมะม่วงกับหมูปิ้งไหม? Tom: อืม, ฟังดูอร่อยมาก! ฉันก็อยากกินไอศกรีมมะพร้าวด้วย ลองไปกินกันเถอะ! Mia: ตัวเลือกดีมาก! หลังจากกินเสร็จ เราจะนั่งรถไฟฟ้าไปที่สีลมกันนะ เราจะไปถึงเร็วมากเลย Tom: ใช่แล้ว นั่ง BTS จากที่นี่ก็ดีเลย เราจะลงที่สถานีศาลาแดง แล้วก็จะอยู่ตรงกลางของความสนุกเลย! Mia: ใช่เลย! หลังจากที่เราจบที่สีลมแล้ว ไปทองหล่อกันดีไหม? ฉันได้ยินมาว่ามันจะเงียบกว่าหน่อยแต่ก็สนุกในช่วงสงกรานต์ Tom: ฉันชอบความคิดนี้ Mia! ทองหล่อมีที่เจ๋งๆ เยอะเลย และมันไม่พลุกพล่านเหมือนสีลม มันน่าจะเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ดี Mia: ใช่เลย! อีกอย่างมันก็ไปที่ทองหล่อได้ง่ายจากสีลม เราสามารถนั่ง BTS จากสถานีศาลาแดงไปสถานีทองหล่อ Tom: โอ้, นั่นสะดวกมาก! มันจะใช้เวลาแค่ไม่กี่สถานีเอง ฉันตื่นเต้นกับทองหล่อมาก! มันจะเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบในการจบวัน Mia: ฉันก็เช่นกัน Tom! ดังนั้นเราจะไปกินก่อน จากนั้นไปที่สีลมด้วย BTS เพื่อเล่นน้ำต่อ และสุดท้ายไปทองหล่อเพื่อผ่อนคลายและสนุกกับบรรยากาศ Tom: ฟังดูเป็นแผนที่ดีเลย Mia! มันจะเป็นวันเต็มไปด้วยการเล่นน้ำ อาหาร และช่วงเวลาที่ดี Mia: แน่นอน! ฉันรอไม่ไหวแล้ว เรามากินกันเถอะ แล้วค่อยไปสถานที่ถัดไป! Tom: แน่นอน! ไปกินกันเถอะ! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Water fight (วอ-เทอร์ ไฟต์) n. - การสู้ด้วยน้ำ Lively (ไล-ฟลี) adj. - มีชีวิตชีวา, คึกคัก Tired (ไท-เอิด) adj. - เหนื่อย Street food (สตรีท ฟู้ด) n. - อาหารข้างทาง Sticky rice (สติกกี้ ไรซ) n. - ข้าวเหนียว Skewers (สกิว-เวอร์) n. - ไม้เสียบ Coconut (โค-โค-นัท) n. - มะพร้าว Ice cream (ไอซ์ ครีม) n. - ไอศกรีม BTS (บีทีเอส) n. - ระบบขนส่งมวลชน (รถไฟฟ้า) Convenient (คอน-วี-เนียนท) adj. - สะดวก Laid-back (เลด-แบค) adj. - สบายๆ, ผ่อนคลาย Crowded (เครา-ดิด) adj. - แออัด Relax (รี-แลกซ์) v. - ผ่อนคลาย Vibe (ไวบ์) n. - บรรยากาศ, ความรู้สึก Fun-filled (ฟัน-ฟิลด์) adj. - เต็มไปด้วยความสนุก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 353 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tue. Apr. 8, 2025 - NY time
    (Wed. Apr. 9, 2025 - Thai time)

    People: "Mr. T, do you and your great team have any more plans for the MAGA project?"
    Mr. T: "Absolutely. I’ve been cooking up brilliant ideas since I was two years old. Now fast-forward three years—just imagine the backlog of genius piling up in this laser-focused, straight-line brain of mine!" 🖕🖕🖕

    แต่เอาจริงๆ อย่าเอาแต่ว่าบ้านที่สองของเราเลย นักการเมืองจะพรรคไหนๆ ก็ไม่เคยเข้ามาเพื่อช่วยประชาชนจริงๆซักพรรค...ดูบ้านที่หนึ่งเราสิ 😔
    Tue. Apr. 8, 2025 - NY time (Wed. Apr. 9, 2025 - Thai time) People: "Mr. T, do you and your great team have any more plans for the MAGA project?" Mr. T: "Absolutely. I’ve been cooking up brilliant ideas since I was two years old. Now fast-forward three years—just imagine the backlog of genius piling up in this laser-focused, straight-line brain of mine!" 🖕🖕🖕 แต่เอาจริงๆ อย่าเอาแต่ว่าบ้านที่สองของเราเลย นักการเมืองจะพรรคไหนๆ ก็ไม่เคยเข้ามาเพื่อช่วยประชาชนจริงๆซักพรรค...ดูบ้านที่หนึ่งเราสิ 😔
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♥️To Gen-Y and Gen -X♥️
    👉“เหวี่ยงง่าย หงุดหงิดหนัก อารมณ์แปรปรวน…ผู้หญิงหลายคนไม่รู้ว่าฮอร์โมนกำลังจะพัง!”

    😡คุณเคยไหมครับ…
    ตื่นเช้ามาแบบยังไม่ทันมีใครทำอะไร ก็รู้สึกหงุดหงิด
    ขับรถอยู่ก็รู้สึกอยากตะโกนใส่ทุกคันที่แทรกหน้า
    หรือบางวันอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล

    บางครั้งก็รู้สึกผิดที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
    ทั้งที่ใจลึกๆ ก็รู้ว่า “เราไม่ได้อยากเหวี่ยงใคร”
    แต่มันก็ยั้งไม่อยู่จริงๆ

    👉และเมื่ออาการแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ
    หลายคนกลับคิดว่า…
    “เป็นเพราะฉันเครียดมั้ง”
    “แค่เหนื่อยเฉยๆ เดี๋ยวก็หาย”
    แต่ความจริงคือ มันไม่หายครับ ถ้าต้นเหตุมันยังอยู่

    🟢 ผู้หญิงวัย 40+ กับคลื่นอารมณ์ที่ไม่ได้เกิดจากใจ แต่เกิดจาก “ฮอร์โมน”

    🟢 เมื่อร่างกายเริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงก่อนวัยหมดประจำเดือน (Perimenopause)
    ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเริ่มลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
    แต่ที่สำคัญคือ ฮอร์โมนจะ “แปรปรวน” มากกว่า “ลดลงเฉยๆ”
    ซึ่งทำให้สมองและระบบประสาทรับผลกระทบโดยตรง

    ✨️งานวิจัยจาก Harvard Medical School ระบุว่า
    “ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลโดยตรงต่อสมองส่วนควบคุมอารมณ์ ความทรงจำ และสมาธิ”
    เมื่อฮอร์โมนนี้ไม่สมดุล จะทำให้เกิดอาการอารมณ์แปรปรวนแบบฉับพลัน เหวี่ยงง่าย และรู้สึกไม่มั่นคงทางใจได้โดยไม่รู้ตัว

    ❓️ทำไมผู้หญิงวัย 40+ ถึงอารมณ์แกว่งได้ง่ายกว่าที่คิด?
    1. ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเร็ว → สมองไวต่อความเครียด
    2. การหลับไม่ลึก → ฮอร์โมนความสุขหลั่งไม่พอ
    3. ระบบเผาผลาญช้าลง → ร่างกายรู้สึกหนัก เหนื่อยง่าย → หงุดหงิด
    4. โภชนาการที่ไม่สมดุล → ขาดกรดไขมันดีและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับสมดุลอารมณ์

    🟢ไม่ใช่ป่วยทางจิต ไม่ใช่เป็นอะไรผิดปกติ แค่ร่างกายส่งสัญญาณว่า “ฉันกำลังต้องการความเข้าใจ”

    การเข้าใจอาการอารมณ์แปรปรวน ไม่ใช่การ “ปล่อยผ่าน”
    แต่คือการ “ฟังร่างกายอย่างเข้าใจ”
    และเลือกดูแลตัวเองแบบไม่ต้องรู้สึกผิด

    🎯 5 เทคนิคง่ายๆ ปรับสมดุลอารมณ์ในวัย 40+

    1. งดน้ำตาล & คาเฟอีนช่วงบ่ายถึงค่ำ

    น้ำตาลและกาแฟทำให้ฮอร์โมน Cortisol พุ่งสูงในช่วงที่ควรจะลดลง ส่งผลให้สมองตึง อารมณ์พุ่ง

    2. กินอาหารไขมันดี & แมกนีเซียมสูง

    อะโวคาโด, เมล็ดแฟลกซ์, ปลาแซลมอน, ผักใบเขียว ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และลดอาการซึมเศร้า

    3. เดินกลางแดดเช้าอย่างน้อย 10 นาที/วัน

    แสงแดดกระตุ้นเซโรโทนิน ฮอร์โมนแห่งความสุข และช่วยให้นอนหลับลึกขึ้นตอนกลางคืน

    4. ฝึกหายใจลึก (Deep Breathing)

    ใช้เวลา 5 นาที/วัน หายใจเข้า 4 วินาที กลั้น 4 วินาที และออก 6 วินาที
    ช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลาย ลดความเหวี่ยงได้จริง

    5. ฝึกขอบคุณเล็กๆ ก่อนนอน

    เขียน 3 สิ่งที่รู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน
    จะช่วยปรับคลื่นสมองให้สงบและทำให้ตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ที่สดใสขึ้น

    ♥️สรุป
    ถ้าท่านรู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองไม่มั่นคงในช่วงวัย 40+
    อย่าเพิ่งโทษตัวเองว่าใจไม่แข็ง หรือว่าเป็นคนไม่ดี
    เพราะความจริง…ท่านแค่ต้องการ “การดูแลจากภายใน”

    ฮอร์โมนที่แปรปรวน คือธรรมชาติของร่างกาย
    แต่เราสามารถอยู่ร่วมกับมันได้ ด้วยความเข้าใจและความรักตัวเองอย่างถูกวิธี

    ดูแลหัวใจให้ดี แล้วใจจะดูแลเราตอบแทนกลับมาเสมอครับ
    ♥️To Gen-Y and Gen -X♥️ 👉“เหวี่ยงง่าย หงุดหงิดหนัก อารมณ์แปรปรวน…ผู้หญิงหลายคนไม่รู้ว่าฮอร์โมนกำลังจะพัง!” 😡คุณเคยไหมครับ… ตื่นเช้ามาแบบยังไม่ทันมีใครทำอะไร ก็รู้สึกหงุดหงิด ขับรถอยู่ก็รู้สึกอยากตะโกนใส่ทุกคันที่แทรกหน้า หรือบางวันอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล บางครั้งก็รู้สึกผิดที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ใจลึกๆ ก็รู้ว่า “เราไม่ได้อยากเหวี่ยงใคร” แต่มันก็ยั้งไม่อยู่จริงๆ 👉และเมื่ออาการแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ หลายคนกลับคิดว่า… “เป็นเพราะฉันเครียดมั้ง” “แค่เหนื่อยเฉยๆ เดี๋ยวก็หาย” แต่ความจริงคือ มันไม่หายครับ ถ้าต้นเหตุมันยังอยู่ 🟢 ผู้หญิงวัย 40+ กับคลื่นอารมณ์ที่ไม่ได้เกิดจากใจ แต่เกิดจาก “ฮอร์โมน” 🟢 เมื่อร่างกายเริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงก่อนวัยหมดประจำเดือน (Perimenopause) ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเริ่มลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ที่สำคัญคือ ฮอร์โมนจะ “แปรปรวน” มากกว่า “ลดลงเฉยๆ” ซึ่งทำให้สมองและระบบประสาทรับผลกระทบโดยตรง ✨️งานวิจัยจาก Harvard Medical School ระบุว่า “ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลโดยตรงต่อสมองส่วนควบคุมอารมณ์ ความทรงจำ และสมาธิ” เมื่อฮอร์โมนนี้ไม่สมดุล จะทำให้เกิดอาการอารมณ์แปรปรวนแบบฉับพลัน เหวี่ยงง่าย และรู้สึกไม่มั่นคงทางใจได้โดยไม่รู้ตัว ❓️ทำไมผู้หญิงวัย 40+ ถึงอารมณ์แกว่งได้ง่ายกว่าที่คิด? 1. ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเร็ว → สมองไวต่อความเครียด 2. การหลับไม่ลึก → ฮอร์โมนความสุขหลั่งไม่พอ 3. ระบบเผาผลาญช้าลง → ร่างกายรู้สึกหนัก เหนื่อยง่าย → หงุดหงิด 4. โภชนาการที่ไม่สมดุล → ขาดกรดไขมันดีและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับสมดุลอารมณ์ 🟢ไม่ใช่ป่วยทางจิต ไม่ใช่เป็นอะไรผิดปกติ แค่ร่างกายส่งสัญญาณว่า “ฉันกำลังต้องการความเข้าใจ” การเข้าใจอาการอารมณ์แปรปรวน ไม่ใช่การ “ปล่อยผ่าน” แต่คือการ “ฟังร่างกายอย่างเข้าใจ” และเลือกดูแลตัวเองแบบไม่ต้องรู้สึกผิด 🎯 5 เทคนิคง่ายๆ ปรับสมดุลอารมณ์ในวัย 40+ 1. งดน้ำตาล & คาเฟอีนช่วงบ่ายถึงค่ำ น้ำตาลและกาแฟทำให้ฮอร์โมน Cortisol พุ่งสูงในช่วงที่ควรจะลดลง ส่งผลให้สมองตึง อารมณ์พุ่ง 2. กินอาหารไขมันดี & แมกนีเซียมสูง อะโวคาโด, เมล็ดแฟลกซ์, ปลาแซลมอน, ผักใบเขียว ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และลดอาการซึมเศร้า 3. เดินกลางแดดเช้าอย่างน้อย 10 นาที/วัน แสงแดดกระตุ้นเซโรโทนิน ฮอร์โมนแห่งความสุข และช่วยให้นอนหลับลึกขึ้นตอนกลางคืน 4. ฝึกหายใจลึก (Deep Breathing) ใช้เวลา 5 นาที/วัน หายใจเข้า 4 วินาที กลั้น 4 วินาที และออก 6 วินาที ช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลาย ลดความเหวี่ยงได้จริง 5. ฝึกขอบคุณเล็กๆ ก่อนนอน เขียน 3 สิ่งที่รู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน จะช่วยปรับคลื่นสมองให้สงบและทำให้ตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ที่สดใสขึ้น ♥️สรุป ถ้าท่านรู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองไม่มั่นคงในช่วงวัย 40+ อย่าเพิ่งโทษตัวเองว่าใจไม่แข็ง หรือว่าเป็นคนไม่ดี เพราะความจริง…ท่านแค่ต้องการ “การดูแลจากภายใน” ฮอร์โมนที่แปรปรวน คือธรรมชาติของร่างกาย แต่เราสามารถอยู่ร่วมกับมันได้ ด้วยความเข้าใจและความรักตัวเองอย่างถูกวิธี ดูแลหัวใจให้ดี แล้วใจจะดูแลเราตอบแทนกลับมาเสมอครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • 😡❓️ “เหวี่ยงง่าย หงุดหงิดหนัก อารมณ์แปรปรวน…ผู้หญิงหลายคนไม่รู้ว่าฮอร์โมนกำลังจะพัง!”

    😡คุณเคยไหมครับ…
    ตื่นเช้ามาแบบยังไม่ทันมีใครทำอะไร ก็รู้สึกหงุดหงิด
    ขับรถอยู่ก็รู้สึกอยากตะโกนใส่ทุกคันที่แทรกหน้า
    หรือบางวันอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล

    👉บางครั้งก็รู้สึกผิดที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
    ทั้งที่ใจลึกๆ ก็รู้ว่า “เราไม่ได้อยากเหวี่ยงใคร”
    แต่มันก็ยั้งไม่อยู่จริงๆ

    และเมื่ออาการแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ
    หลายคนกลับคิดว่า…
    “เป็นเพราะฉันเครียดมั้ง”
    “แค่เหนื่อยเฉยๆ เดี๋ยวก็หาย”
    แต่ความจริงคือ มันไม่หายครับ ถ้าต้นเหตุมันยังอยู่

    ✴️ผู้หญิงวัย 40+ กับคลื่นอารมณ์ที่ไม่ได้เกิดจากใจ แต่เกิดจาก “ฮอร์โมน”

    เมื่อร่างกายเริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงก่อนวัยหมดประจำเดือน (Perimenopause)
    ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเริ่มลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
    แต่ที่สำคัญคือ ฮอร์โมนจะ “แปรปรวน” มากกว่า “ลดลงเฉยๆ”
    ซึ่งทำให้สมองและระบบประสาทรับผลกระทบโดยตรง

    👉งานวิจัยจาก Harvard Medical School ระบุว่า
    “ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลโดยตรงต่อสมองส่วนควบคุมอารมณ์ ความทรงจำ และสมาธิ”
    เมื่อฮอร์โมนนี้ไม่สมดุล จะทำให้เกิดอาการอารมณ์แปรปรวนแบบฉับพลัน เหวี่ยงง่าย และรู้สึกไม่มั่นคงทางใจได้โดยไม่รู้ตัว

    ❓️ทำไมผู้หญิงวัย 40+ ถึงอารมณ์แกว่งได้ง่ายกว่าที่คิด?
    1. ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเร็ว → สมองไวต่อความเครียด
    2. การหลับไม่ลึก → ฮอร์โมนความสุขหลั่งไม่พอ
    3. ระบบเผาผลาญช้าลง → ร่างกายรู้สึกหนัก เหนื่อยง่าย → หงุดหงิด
    4. โภชนาการที่ไม่สมดุล → ขาดกรดไขมันดีและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับสมดุลอารมณ์


    ไม่ใช่ป่วยทางจิต ไม่ใช่เป็นอะไรผิดปกติ แค่ร่างกายส่งสัญญาณว่า “ฉันกำลังต้องการความเข้าใจ”

    การเข้าใจอาการอารมณ์แปรปรวน ไม่ใช่การ “ปล่อยผ่าน”
    แต่คือการ “ฟังร่างกายอย่างเข้าใจ”
    และเลือกดูแลตัวเองแบบไม่ต้องรู้สึกผิด


    ✴️✴️5 เทคนิคง่ายๆ ปรับสมดุลอารมณ์ในวัย 40+

    1. งดน้ำตาล & คาเฟอีนช่วงบ่ายถึงค่ำ

    น้ำตาลและกาแฟทำให้ฮอร์โมน Cortisol พุ่งสูงในช่วงที่ควรจะลดลง ส่งผลให้สมองตึง อารมณ์พุ่ง

    2. กินอาหารไขมันดี & แมกนีเซียมสูง

    อะโวคาโด, เมล็ดแฟลกซ์, ปลาแซลมอน, ผักใบเขียว ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และลดอาการซึมเศร้า

    3. เดินกลางแดดเช้าอย่างน้อย 10 นาที/วัน

    แสงแดดกระตุ้นเซโรโทนิน ฮอร์โมนแห่งความสุข และช่วยให้นอนหลับลึกขึ้นตอนกลางคืน

    4. ฝึกหายใจลึก (Deep Breathing)

    ใช้เวลา 5 นาที/วัน หายใจเข้า 4 วินาที กลั้น 4 วินาที และออก 6 วินาที
    ช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลาย ลดความเหวี่ยงได้จริง

    5. ฝึกขอบคุณเล็กๆ ก่อนนอน

    👉เขียน 3 สิ่งที่รู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน
    จะช่วยปรับคลื่นสมองให้สงบและทำให้ตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ที่สดใสขึ้น
    ✴️สรุป

    ถ้าท่านรู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองไม่มั่นคงในช่วงวัย 40+
    อย่าเพิ่งโทษตัวเองว่าใจไม่แข็ง หรือว่าเป็นคนไม่ดี
    เพราะความจริง…ท่านแค่ต้องการ “การดูแลจากภายใน”

    👉ฮอร์โมนที่แปรปรวน คือธรรมชาติของร่างกาย
    แต่เราสามารถอยู่ร่วมกับมันได้ ด้วยความเข้าใจและความรักตัวเองอย่างถูกวิธี

    ❤️ดูแลหัวใจให้ดี แล้วใจจะดูแลเราตอบแทนกลับมาเสมอครับ

    😡❓️ “เหวี่ยงง่าย หงุดหงิดหนัก อารมณ์แปรปรวน…ผู้หญิงหลายคนไม่รู้ว่าฮอร์โมนกำลังจะพัง!” 😡คุณเคยไหมครับ… ตื่นเช้ามาแบบยังไม่ทันมีใครทำอะไร ก็รู้สึกหงุดหงิด ขับรถอยู่ก็รู้สึกอยากตะโกนใส่ทุกคันที่แทรกหน้า หรือบางวันอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล 👉บางครั้งก็รู้สึกผิดที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ใจลึกๆ ก็รู้ว่า “เราไม่ได้อยากเหวี่ยงใคร” แต่มันก็ยั้งไม่อยู่จริงๆ และเมื่ออาการแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ หลายคนกลับคิดว่า… “เป็นเพราะฉันเครียดมั้ง” “แค่เหนื่อยเฉยๆ เดี๋ยวก็หาย” แต่ความจริงคือ มันไม่หายครับ ถ้าต้นเหตุมันยังอยู่ ✴️ผู้หญิงวัย 40+ กับคลื่นอารมณ์ที่ไม่ได้เกิดจากใจ แต่เกิดจาก “ฮอร์โมน” เมื่อร่างกายเริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงก่อนวัยหมดประจำเดือน (Perimenopause) ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเริ่มลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ที่สำคัญคือ ฮอร์โมนจะ “แปรปรวน” มากกว่า “ลดลงเฉยๆ” ซึ่งทำให้สมองและระบบประสาทรับผลกระทบโดยตรง 👉งานวิจัยจาก Harvard Medical School ระบุว่า “ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลโดยตรงต่อสมองส่วนควบคุมอารมณ์ ความทรงจำ และสมาธิ” เมื่อฮอร์โมนนี้ไม่สมดุล จะทำให้เกิดอาการอารมณ์แปรปรวนแบบฉับพลัน เหวี่ยงง่าย และรู้สึกไม่มั่นคงทางใจได้โดยไม่รู้ตัว ❓️ทำไมผู้หญิงวัย 40+ ถึงอารมณ์แกว่งได้ง่ายกว่าที่คิด? 1. ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเร็ว → สมองไวต่อความเครียด 2. การหลับไม่ลึก → ฮอร์โมนความสุขหลั่งไม่พอ 3. ระบบเผาผลาญช้าลง → ร่างกายรู้สึกหนัก เหนื่อยง่าย → หงุดหงิด 4. โภชนาการที่ไม่สมดุล → ขาดกรดไขมันดีและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับสมดุลอารมณ์ ไม่ใช่ป่วยทางจิต ไม่ใช่เป็นอะไรผิดปกติ แค่ร่างกายส่งสัญญาณว่า “ฉันกำลังต้องการความเข้าใจ” การเข้าใจอาการอารมณ์แปรปรวน ไม่ใช่การ “ปล่อยผ่าน” แต่คือการ “ฟังร่างกายอย่างเข้าใจ” และเลือกดูแลตัวเองแบบไม่ต้องรู้สึกผิด ✴️✴️5 เทคนิคง่ายๆ ปรับสมดุลอารมณ์ในวัย 40+ 1. งดน้ำตาล & คาเฟอีนช่วงบ่ายถึงค่ำ น้ำตาลและกาแฟทำให้ฮอร์โมน Cortisol พุ่งสูงในช่วงที่ควรจะลดลง ส่งผลให้สมองตึง อารมณ์พุ่ง 2. กินอาหารไขมันดี & แมกนีเซียมสูง อะโวคาโด, เมล็ดแฟลกซ์, ปลาแซลมอน, ผักใบเขียว ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และลดอาการซึมเศร้า 3. เดินกลางแดดเช้าอย่างน้อย 10 นาที/วัน แสงแดดกระตุ้นเซโรโทนิน ฮอร์โมนแห่งความสุข และช่วยให้นอนหลับลึกขึ้นตอนกลางคืน 4. ฝึกหายใจลึก (Deep Breathing) ใช้เวลา 5 นาที/วัน หายใจเข้า 4 วินาที กลั้น 4 วินาที และออก 6 วินาที ช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลาย ลดความเหวี่ยงได้จริง 5. ฝึกขอบคุณเล็กๆ ก่อนนอน 👉เขียน 3 สิ่งที่รู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน จะช่วยปรับคลื่นสมองให้สงบและทำให้ตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ที่สดใสขึ้น ✴️สรุป ถ้าท่านรู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองไม่มั่นคงในช่วงวัย 40+ อย่าเพิ่งโทษตัวเองว่าใจไม่แข็ง หรือว่าเป็นคนไม่ดี เพราะความจริง…ท่านแค่ต้องการ “การดูแลจากภายใน” 👉ฮอร์โมนที่แปรปรวน คือธรรมชาติของร่างกาย แต่เราสามารถอยู่ร่วมกับมันได้ ด้วยความเข้าใจและความรักตัวเองอย่างถูกวิธี ❤️ดูแลหัวใจให้ดี แล้วใจจะดูแลเราตอบแทนกลับมาเสมอครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันที่ 7 เมษายน 2025 ถือเป็นวันสำคัญที่ Git เครื่องมือจัดการเวอร์ชันชื่อดังในวงการโอเพนซอร์สมีอายุครบ 20 ปี Git ถูกสร้างขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่วันโดย Linus Torvalds และเปิดตัวสู่สาธารณะเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2005 ซึ่งนับตั้งแต่วันนั้นมา มันกลายเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาโอเพนซอร์สทั่วโลก

    ✅ แนวคิดการกระจายตัวที่ล้ำสมัย:
    - หนึ่งในจุดเด่นของ Git คือการเป็น ระบบควบคุมเวอร์ชันแบบกระจายตัว (Distributed Control System) ซึ่งแตกต่างจากระบบแบบรวมศูนย์เดิม ๆ ทำให้ผู้ใช้สามารถพัฒนาโค้ดได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์กลาง

    ✅ รองรับระบบปฏิบัติการหลากหลาย:
    - Git สามารถทำงานได้ทั้งบน Linux, Windows, Android, และ Solaris เป็นต้น ทำให้มันยิ่งแพร่หลายและเหมาะกับการใช้งานในวงกว้าง

    ✅ ที่มาของชื่อ Git:
    - คำว่า "Git" มาจากคำแสลงของอังกฤษที่แปลว่า “คนที่คิดว่าตัวเองถูกเสมอ” ซึ่ง Linus Torvalds ใช้ตั้งชื่อโปรเจกต์นี้เพื่อแสดงถึงตัวตนของเขาเอง

    ✅ การสืบทอดความสำคัญในมือผู้อื่น:
    - แม้ว่า Linus จะเริ่มต้นโครงการนี้ แต่เขาไม่ได้ดูแล Git มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2005 โดยบทบาทนั้นถูกส่งต่อให้ Junio Hamano ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและดูแล Git ให้ทันสมัยอยู่เสมอ

    ✅ บทบาทของ Git ในโลกโอเพนซอร์ส:
    - Git เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างชุมชนผู้พัฒนาที่มีความคิดสร้างสรรค์ โดยช่วยนักพัฒนาและผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงโปรเจกต์ที่ต้องการความร่วมมือขนาดใหญ่ได้
    - ชุมชนโอเพนซอร์สและการประยุกต์ใช้ เช่น กับ Linux Kernel และโครงการที่เกี่ยวข้องกับ Raspberry Pi ยกให้ Git เป็นหัวใจสำคัญของการทำงานร่วมกัน

    https://www.tomshardware.com/software/git-turns-20-as-we-celebrate-decades-of-open-source-software-distribution
    วันที่ 7 เมษายน 2025 ถือเป็นวันสำคัญที่ Git เครื่องมือจัดการเวอร์ชันชื่อดังในวงการโอเพนซอร์สมีอายุครบ 20 ปี Git ถูกสร้างขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่วันโดย Linus Torvalds และเปิดตัวสู่สาธารณะเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2005 ซึ่งนับตั้งแต่วันนั้นมา มันกลายเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาโอเพนซอร์สทั่วโลก ✅ แนวคิดการกระจายตัวที่ล้ำสมัย: - หนึ่งในจุดเด่นของ Git คือการเป็น ระบบควบคุมเวอร์ชันแบบกระจายตัว (Distributed Control System) ซึ่งแตกต่างจากระบบแบบรวมศูนย์เดิม ๆ ทำให้ผู้ใช้สามารถพัฒนาโค้ดได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์กลาง ✅ รองรับระบบปฏิบัติการหลากหลาย: - Git สามารถทำงานได้ทั้งบน Linux, Windows, Android, และ Solaris เป็นต้น ทำให้มันยิ่งแพร่หลายและเหมาะกับการใช้งานในวงกว้าง ✅ ที่มาของชื่อ Git: - คำว่า "Git" มาจากคำแสลงของอังกฤษที่แปลว่า “คนที่คิดว่าตัวเองถูกเสมอ” ซึ่ง Linus Torvalds ใช้ตั้งชื่อโปรเจกต์นี้เพื่อแสดงถึงตัวตนของเขาเอง ✅ การสืบทอดความสำคัญในมือผู้อื่น: - แม้ว่า Linus จะเริ่มต้นโครงการนี้ แต่เขาไม่ได้ดูแล Git มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2005 โดยบทบาทนั้นถูกส่งต่อให้ Junio Hamano ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและดูแล Git ให้ทันสมัยอยู่เสมอ ✅ บทบาทของ Git ในโลกโอเพนซอร์ส: - Git เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างชุมชนผู้พัฒนาที่มีความคิดสร้างสรรค์ โดยช่วยนักพัฒนาและผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงโปรเจกต์ที่ต้องการความร่วมมือขนาดใหญ่ได้ - ชุมชนโอเพนซอร์สและการประยุกต์ใช้ เช่น กับ Linux Kernel และโครงการที่เกี่ยวข้องกับ Raspberry Pi ยกให้ Git เป็นหัวใจสำคัญของการทำงานร่วมกัน https://www.tomshardware.com/software/git-turns-20-as-we-celebrate-decades-of-open-source-software-distribution
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักพัฒนาที่ใช้งาน Microsoft Visual Studio Code (VSCode) ได้รับคำเตือนจาก Extension Total เกี่ยวกับ ส่วนเสริม (Extensions) 10 รายการ ที่เพิ่งถูกเผยแพร่ใน VSCode Marketplace เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2025 โดยส่วนเสริมเหล่านี้แอบแฝงมัลแวร์ที่สามารถ ติดตั้ง Cryptominer XMRig ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการขุดเงิน Monero บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งาน

    ✅ ส่วนเสริมที่ต้องหลีกเลี่ยง:
    - Prettier – Code for VSCode
    - Discord Rich Presence for VSCode
    - Rojo – Roblox Studio Sync
    - Solidity Compiler
    - Claude AI
    - Golong Compiler
    - ChatGPT Agent for VSCode
    - HTML Obfuscator
    - Python Obfuscator for VSCode
    - Rust Compiler for VSCode

    ✅ กระบวนการแฝงตัวและการโจมตี:
    - เมื่อผู้ใช้ติดตั้งส่วนเสริมเหล่านี้ มัลแวร์จะดาวน์โหลด PowerShell Loader เพื่อทำการปิดการใช้งานระบบรักษาความปลอดภัย และตั้งค่า Persistence สำหรับมัลแวร์
    - หลังจากนั้น มัลแวร์จะดาวน์โหลดและรัน XMRig Cryptominer ผ่านเซิร์ฟเวอร์ Command and Control (C2)

    ✅ การสร้างความสับสนแก่ผู้ใช้งาน:
    - ส่วนเสริมเหล่านี้จะติดตั้งเครื่องมือที่ดูเหมือนเป็นของจริง เพื่อหลอกให้ผู้ใช้รู้สึกว่าการติดตั้งไม่มีปัญหา

    ✅ ข้อเสนอแนะสำหรับนักพัฒนา:
    - ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตรวจสอบ Publisher Verification ของผู้สร้างส่วนเสริมเสมอ เนื่องจากกระบวนการยืนยันของ VSCode ยังไม่เข้มงวดพอ

    https://www.csoonline.com/article/3956464/warning-to-developers-stay-away-from-these-10-vscode-extensions.html
    นักพัฒนาที่ใช้งาน Microsoft Visual Studio Code (VSCode) ได้รับคำเตือนจาก Extension Total เกี่ยวกับ ส่วนเสริม (Extensions) 10 รายการ ที่เพิ่งถูกเผยแพร่ใน VSCode Marketplace เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2025 โดยส่วนเสริมเหล่านี้แอบแฝงมัลแวร์ที่สามารถ ติดตั้ง Cryptominer XMRig ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการขุดเงิน Monero บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งาน ✅ ส่วนเสริมที่ต้องหลีกเลี่ยง: - Prettier – Code for VSCode - Discord Rich Presence for VSCode - Rojo – Roblox Studio Sync - Solidity Compiler - Claude AI - Golong Compiler - ChatGPT Agent for VSCode - HTML Obfuscator - Python Obfuscator for VSCode - Rust Compiler for VSCode ✅ กระบวนการแฝงตัวและการโจมตี: - เมื่อผู้ใช้ติดตั้งส่วนเสริมเหล่านี้ มัลแวร์จะดาวน์โหลด PowerShell Loader เพื่อทำการปิดการใช้งานระบบรักษาความปลอดภัย และตั้งค่า Persistence สำหรับมัลแวร์ - หลังจากนั้น มัลแวร์จะดาวน์โหลดและรัน XMRig Cryptominer ผ่านเซิร์ฟเวอร์ Command and Control (C2) ✅ การสร้างความสับสนแก่ผู้ใช้งาน: - ส่วนเสริมเหล่านี้จะติดตั้งเครื่องมือที่ดูเหมือนเป็นของจริง เพื่อหลอกให้ผู้ใช้รู้สึกว่าการติดตั้งไม่มีปัญหา ✅ ข้อเสนอแนะสำหรับนักพัฒนา: - ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตรวจสอบ Publisher Verification ของผู้สร้างส่วนเสริมเสมอ เนื่องจากกระบวนการยืนยันของ VSCode ยังไม่เข้มงวดพอ https://www.csoonline.com/article/3956464/warning-to-developers-stay-away-from-these-10-vscode-extensions.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Warning to developers: Stay away from these 10 VSCode extensions
    Malicious extensions that install a cryptominer were released just as the weekend started.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ways To Say You’re Sorry

    You may have been friends with someone for years, but it only takes a second to damage that friendship with the wrong word or two. Now that you’ve made the mess, it’s time to clean it up with a well chosen apology. There are different ways to say you’re sorry, of course.

    Let’s examine the words and a few of the situations they’re most suited for. Hopefully you won’t find yourself in too many of these jams, but let’s face it. We’re all human, and we all make mistakes—whether it’s breaking a window or forgetting you were supposed to meet someone for that Valentine’s Day lunch. Whoops. Pro Tip: don’t forget to be sincere when saying you’re sorry.

    I’m Sorry
    You’re expressing regret for your actions. Sorry means “feeling regret, compunction, sympathy, pity.” Emotion comes into play with this one when it’s used as a verbal cue. If you just backed into someone’s car, you hop out and say it with a lot of emphasis. Or, if you merely bump someone on the subway as you head for the door, proper etiquette dictates you simply nod and give a quick sorry as you exit. No need to belabor that one. Depending on the situation, adding words extremely or sincerely may help (and if you’re using those additional words, then yes—get flowers or candy on the speed dial, it’s better late than never).

    Elton John thinks this word is a tough one.

    I Apologize
    Pretty much in line with number one on our list, when you apologize, you “offer an apology or excuse for some fault, insult, failure, or injury.” This word is used in formal situations, but is equally at home in an informal context.

    It’s All My Fault
    You’re drawing deep from the well of sincerity here. You’re taking all the blame; you’re all in. You’re confessing one’s faults.

    I Regret
    If you use the word regret in an apology statement, it sounds a bit too formal and seems rather, oh what’s the word—insincere? Then again, inflection and circumstance come into play. In the World Wars, the military would send telegrams to families who lost loved ones, using this phrase. There’s no doubt they were sincere, and it brought them straight to the point.

    Beg Pardon
    We cite beg pardon as “an expression of apology (used especially in the phrase with no beg-pardons).” However, this one seems a bit off the mark, does it not? The phrase I beg your pardon seems more useful when used as a statement of indignation when someone cuts in front of you in the movie line. So…maybe you’re not actually sorry (ending the phrase with an upward inflection is key). 1960s singer Lynn Anderson never promised anyone a rose garden, so she went on begging people’s pardon’s all the way to the top of the pops.

    I’m Sorry (Textspeak Version)
    This being 2017 and all, we’re adding some versions you can use in phone messenger form. If you’d like to tap something appropriate (you’re still too scared or too busy to meet them face to face) SMSTXTs suggests: apologies r in order and then add whatever transgression has been committed: 4 ruining ur day, 4 making u feel bad, 4 always being late, 4 not showing up, etc.

    My Bad
    Quite popular as an informal way of getting yourself off the hook, my bad works wonders. You admit it, it’s done, let’s move on, not a big deal.

    Forgive Me
    You’ve really gone and done it. You’re not even in the doghouse anymore—Fido kicked you out of there, too. Our top reference to forgive is “to grant pardon for or remission of (an offense, debt, etc.); absolve.”

    Thank You
    Throwing you a curve with this one, of course. Try it sometime, maybe in something like the following situation. According to The Muse, “If someone points out a small typo in the rough draft of a presentation you put together or helps you wipe up some coffee you spilled on the conference table, a ‘thanks’ is more in order than a ‘sorry.’ Neither situation is dire, and showing someone you appreciate the help is better than having his or her confidence in you diminished.”

    I’m Sorry (Emoji Version)
    If you just can’t find the right words (even after reading the rest of this list) maybe firing off a few choice emoji would work better for you. Be our guest.
    emojis

    ©2025 AAKKHRA All Rights Reserved.
    Ways To Say You’re Sorry You may have been friends with someone for years, but it only takes a second to damage that friendship with the wrong word or two. Now that you’ve made the mess, it’s time to clean it up with a well chosen apology. There are different ways to say you’re sorry, of course. Let’s examine the words and a few of the situations they’re most suited for. Hopefully you won’t find yourself in too many of these jams, but let’s face it. We’re all human, and we all make mistakes—whether it’s breaking a window or forgetting you were supposed to meet someone for that Valentine’s Day lunch. Whoops. Pro Tip: don’t forget to be sincere when saying you’re sorry. I’m Sorry You’re expressing regret for your actions. Sorry means “feeling regret, compunction, sympathy, pity.” Emotion comes into play with this one when it’s used as a verbal cue. If you just backed into someone’s car, you hop out and say it with a lot of emphasis. Or, if you merely bump someone on the subway as you head for the door, proper etiquette dictates you simply nod and give a quick sorry as you exit. No need to belabor that one. Depending on the situation, adding words extremely or sincerely may help (and if you’re using those additional words, then yes—get flowers or candy on the speed dial, it’s better late than never). Elton John thinks this word is a tough one. I Apologize Pretty much in line with number one on our list, when you apologize, you “offer an apology or excuse for some fault, insult, failure, or injury.” This word is used in formal situations, but is equally at home in an informal context. It’s All My Fault You’re drawing deep from the well of sincerity here. You’re taking all the blame; you’re all in. You’re confessing one’s faults. I Regret If you use the word regret in an apology statement, it sounds a bit too formal and seems rather, oh what’s the word—insincere? Then again, inflection and circumstance come into play. In the World Wars, the military would send telegrams to families who lost loved ones, using this phrase. There’s no doubt they were sincere, and it brought them straight to the point. Beg Pardon We cite beg pardon as “an expression of apology (used especially in the phrase with no beg-pardons).” However, this one seems a bit off the mark, does it not? The phrase I beg your pardon seems more useful when used as a statement of indignation when someone cuts in front of you in the movie line. So…maybe you’re not actually sorry (ending the phrase with an upward inflection is key). 1960s singer Lynn Anderson never promised anyone a rose garden, so she went on begging people’s pardon’s all the way to the top of the pops. I’m Sorry (Textspeak Version) This being 2017 and all, we’re adding some versions you can use in phone messenger form. If you’d like to tap something appropriate (you’re still too scared or too busy to meet them face to face) SMSTXTs suggests: apologies r in order and then add whatever transgression has been committed: 4 ruining ur day, 4 making u feel bad, 4 always being late, 4 not showing up, etc. My Bad Quite popular as an informal way of getting yourself off the hook, my bad works wonders. You admit it, it’s done, let’s move on, not a big deal. Forgive Me You’ve really gone and done it. You’re not even in the doghouse anymore—Fido kicked you out of there, too. Our top reference to forgive is “to grant pardon for or remission of (an offense, debt, etc.); absolve.” Thank You Throwing you a curve with this one, of course. Try it sometime, maybe in something like the following situation. According to The Muse, “If someone points out a small typo in the rough draft of a presentation you put together or helps you wipe up some coffee you spilled on the conference table, a ‘thanks’ is more in order than a ‘sorry.’ Neither situation is dire, and showing someone you appreciate the help is better than having his or her confidence in you diminished.” I’m Sorry (Emoji Version) If you just can’t find the right words (even after reading the rest of this list) maybe firing off a few choice emoji would work better for you. Be our guest. emojis ©2025 AAKKHRA All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 470 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน่วยข่าวกรองระดับโลกที่ประกอบด้วย สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, แคนาดา, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ออกคำเตือนถึงภัยคุกคามด้านความมั่นคงไซเบอร์รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Fast Flux DNS ซึ่งเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถซ่อนตำแหน่งของเซิร์ฟเวอร์ที่เป็นอันตราย โดยเทคนิคนี้กำลังกลายเป็นช่องโหว่ในเครือข่ายขนาดใหญ่ และถูกระบุว่าเป็น ภัยคุกคามระดับความมั่นคงของชาติ

    ✅ Fast Flux DNS—เทคนิคที่แฮกเกอร์ใช้ปกปิดตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์
    - Fast Flux ช่วยให้เซิร์ฟเวอร์ Command and Control (C2) เปลี่ยน DNS records อย่างรวดเร็ว
    - เทคนิคนี้ทำให้การติดตามตำแหน่งแหล่งมัลแวร์ทำได้ยาก และกลายเป็น ช่องว่างสำคัญในระบบเครือข่าย

    ✅ ความยากในการแยกแยะระหว่างการใช้งานจริงและภัยคุกคาม
    - พฤติกรรมบางอย่างใน Content Delivery Network (CDN) อาจมีลักษณะคล้าย Fast Flux
    - แนวทางป้องกันจำเป็นต้องใช้ Protective DNS services (PDNS) และการทำ Whitelist สำหรับบริการ CDN

    ✅ แนะนำมาตรการป้องกัน Fast Flux DNS
    - ใช้บริการ PDNS และระบบไซเบอร์ที่สามารถตรวจจับและบล็อกพฤติกรรม Fast Flux
    - วิเคราะห์ลักษณะ DNS query logs เพื่อค้นหาโดเมนที่มีความหลากหลายของ IP address หรือมี TTL (Time to Live) ต่ำผิดปกติ
    - ตรวจสอบ DNS resolution เพื่อค้นหาความไม่สอดคล้องในตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์

    ✅ การฝึกอบรมเพื่อป้องกันภัยฟิชชิ่งที่เกี่ยวข้องกับ Fast Flux
    - เนื่องจากการโจมตี Fast Flux มักเชื่อมโยงกับฟิชชิ่ง การฝึกอบรมพนักงานให้รู้เท่าทันฟิชชิ่ง และตรวจสอบอีเมลหรือลิงก์ที่น่าสงสัย เป็นอีกหนึ่งวิธีป้องกัน

    ✅ ความจำเป็นที่ต้องพัฒนาความร่วมมือระดับนานาชาติ
    - ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต, ผู้ผลิตอุปกรณ์ไซเบอร์ และองค์กรต่าง ๆ ควรร่วมมือกันพัฒนาโซลูชันที่ยืดหยุ่นและปรับขนาดได้

    https://www.csoonline.com/article/3954873/cyber-agencies-urge-organizations-to-collaborate-to-stop-fast-flux-dns-attacks.html
    หน่วยข่าวกรองระดับโลกที่ประกอบด้วย สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, แคนาดา, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ออกคำเตือนถึงภัยคุกคามด้านความมั่นคงไซเบอร์รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Fast Flux DNS ซึ่งเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถซ่อนตำแหน่งของเซิร์ฟเวอร์ที่เป็นอันตราย โดยเทคนิคนี้กำลังกลายเป็นช่องโหว่ในเครือข่ายขนาดใหญ่ และถูกระบุว่าเป็น ภัยคุกคามระดับความมั่นคงของชาติ ✅ Fast Flux DNS—เทคนิคที่แฮกเกอร์ใช้ปกปิดตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ - Fast Flux ช่วยให้เซิร์ฟเวอร์ Command and Control (C2) เปลี่ยน DNS records อย่างรวดเร็ว - เทคนิคนี้ทำให้การติดตามตำแหน่งแหล่งมัลแวร์ทำได้ยาก และกลายเป็น ช่องว่างสำคัญในระบบเครือข่าย ✅ ความยากในการแยกแยะระหว่างการใช้งานจริงและภัยคุกคาม - พฤติกรรมบางอย่างใน Content Delivery Network (CDN) อาจมีลักษณะคล้าย Fast Flux - แนวทางป้องกันจำเป็นต้องใช้ Protective DNS services (PDNS) และการทำ Whitelist สำหรับบริการ CDN ✅ แนะนำมาตรการป้องกัน Fast Flux DNS - ใช้บริการ PDNS และระบบไซเบอร์ที่สามารถตรวจจับและบล็อกพฤติกรรม Fast Flux - วิเคราะห์ลักษณะ DNS query logs เพื่อค้นหาโดเมนที่มีความหลากหลายของ IP address หรือมี TTL (Time to Live) ต่ำผิดปกติ - ตรวจสอบ DNS resolution เพื่อค้นหาความไม่สอดคล้องในตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ✅ การฝึกอบรมเพื่อป้องกันภัยฟิชชิ่งที่เกี่ยวข้องกับ Fast Flux - เนื่องจากการโจมตี Fast Flux มักเชื่อมโยงกับฟิชชิ่ง การฝึกอบรมพนักงานให้รู้เท่าทันฟิชชิ่ง และตรวจสอบอีเมลหรือลิงก์ที่น่าสงสัย เป็นอีกหนึ่งวิธีป้องกัน ✅ ความจำเป็นที่ต้องพัฒนาความร่วมมือระดับนานาชาติ - ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต, ผู้ผลิตอุปกรณ์ไซเบอร์ และองค์กรต่าง ๆ ควรร่วมมือกันพัฒนาโซลูชันที่ยืดหยุ่นและปรับขนาดได้ https://www.csoonline.com/article/3954873/cyber-agencies-urge-organizations-to-collaborate-to-stop-fast-flux-dns-attacks.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Cyber agencies urge organizations to collaborate to stop fast flux DNS attacks
    They call the tactic a 'national security threat' and a 'defensive gap in many networks.'
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft กำลังเลิกใช้ window.external.getHostEnvironmentValue ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยให้เว็บไซต์ดึงข้อมูลเบราว์เซอร์และอุปกรณ์ของผู้ใช้ได้ง่าย แต่แทนที่ด้วย User-Agent Client Hints API ที่เน้นความเป็นส่วนตัวมากกว่า วิธีใหม่นี้ ช่วยลดการระบุตัวตนผู้ใช้ แต่ยังให้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการปรับปรุงเว็บไซต์ Microsoft จะดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป และมีแผนเลิกใช้อย่างสมบูรณ์ใน เดือนตุลาคม 2025

    ✅ วิธีใหม่ช่วยลดการระบุตัวตนผู้ใช้หรือ “User Fingerprinting”
    - User-Agent Client Hints API ช่วยให้เบราว์เซอร์เลือกตอบสนองข้อมูลเพียงบางส่วนตามระดับความจำเป็น
    - ระบบใหม่นี้มี ตัวเลือกที่ควบคุมได้และต้องผ่านการอนุมัติจากผู้ใช้ในกรณีข้อมูลที่ละเอียดอ่อน

    ✅ วิธีการเลิกใช้งานแบบค่อยเป็นค่อยไป
    - Microsoft กำหนด 3 ขั้นตอนสำคัญ ในการเลิกใช้งาน window.external.getHostEnvironmentValue:
    - Edge 135 (เมษายน 2025): เริ่มแจ้งเตือนนักพัฒนาใน DevTools Console
    - Edge 137 (พฤษภาคม 2025): ปิดใช้งาน แต่เปิดให้เว็บไซต์ร้องขอส่วนขยายชั่วคราว
    - Edge 141 (ตุลาคม 2025): เลิกใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ

    ✅ ข้อดีของ User-Agent Client Hints API
    - ช่วยลดข้อมูลส่วนตัวที่เว็บไซต์เก็บไป แต่ยังให้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการ เพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์
    - มีการควบคุมระดับสิทธิ์และความโปร่งใสมากขึ้น เมื่อเทียบกับวิธีเก่า

    ✅ Microsoft เปิดให้ร้องขอส่วนขยายชั่วคราวสำหรับเว็บไซต์ที่ยังต้องใช้วิธีเดิม
    - เว็บไซต์ที่ยังต้องพึ่งพาวิธีเก่าจะสามารถ ร้องขอส่วนขยายชั่วคราวได้ในช่วงเวลาหนึ่ง

    https://www.neowin.net/news/microsoft-is-killing-something-inside-edge-but-its-to-improve-user-data-privacy/
    Microsoft กำลังเลิกใช้ window.external.getHostEnvironmentValue ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยให้เว็บไซต์ดึงข้อมูลเบราว์เซอร์และอุปกรณ์ของผู้ใช้ได้ง่าย แต่แทนที่ด้วย User-Agent Client Hints API ที่เน้นความเป็นส่วนตัวมากกว่า วิธีใหม่นี้ ช่วยลดการระบุตัวตนผู้ใช้ แต่ยังให้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการปรับปรุงเว็บไซต์ Microsoft จะดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป และมีแผนเลิกใช้อย่างสมบูรณ์ใน เดือนตุลาคม 2025 ✅ วิธีใหม่ช่วยลดการระบุตัวตนผู้ใช้หรือ “User Fingerprinting” - User-Agent Client Hints API ช่วยให้เบราว์เซอร์เลือกตอบสนองข้อมูลเพียงบางส่วนตามระดับความจำเป็น - ระบบใหม่นี้มี ตัวเลือกที่ควบคุมได้และต้องผ่านการอนุมัติจากผู้ใช้ในกรณีข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ✅ วิธีการเลิกใช้งานแบบค่อยเป็นค่อยไป - Microsoft กำหนด 3 ขั้นตอนสำคัญ ในการเลิกใช้งาน window.external.getHostEnvironmentValue: - Edge 135 (เมษายน 2025): เริ่มแจ้งเตือนนักพัฒนาใน DevTools Console - Edge 137 (พฤษภาคม 2025): ปิดใช้งาน แต่เปิดให้เว็บไซต์ร้องขอส่วนขยายชั่วคราว - Edge 141 (ตุลาคม 2025): เลิกใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ ✅ ข้อดีของ User-Agent Client Hints API - ช่วยลดข้อมูลส่วนตัวที่เว็บไซต์เก็บไป แต่ยังให้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการ เพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ - มีการควบคุมระดับสิทธิ์และความโปร่งใสมากขึ้น เมื่อเทียบกับวิธีเก่า ✅ Microsoft เปิดให้ร้องขอส่วนขยายชั่วคราวสำหรับเว็บไซต์ที่ยังต้องใช้วิธีเดิม - เว็บไซต์ที่ยังต้องพึ่งพาวิธีเก่าจะสามารถ ร้องขอส่วนขยายชั่วคราวได้ในช่วงเวลาหนึ่ง https://www.neowin.net/news/microsoft-is-killing-something-inside-edge-but-its-to-improve-user-data-privacy/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft is killing something inside Edge but it's to improve user data privacy
    Microsoft is improving user data privacy in Edge by moving on from the way it collects user-related browser and device data.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • JetKVM เป็นอุปกรณ์ KVM over IP แบบโอเพ่นซอร์สที่ระดมทุนได้กว่า $4.3 ล้านบน Kickstarter อุปกรณ์นี้ช่วยให้ผู้ใช้ ควบคุมคอมพิวเตอร์จากระยะไกลผ่านเว็บเบราว์เซอร์ โดยใช้ HDMI และ USB นอกจากนี้ JetKVM ยังมาพร้อมกับการเชื่อมต่อผ่าน Cloud เพื่อเพิ่มความปลอดภัย และมีพอร์ต RJ11 ที่สามารถใช้สำหรับการควบคุมเซ็นเซอร์หรือพลังงาน ATX ปัจจุบันอุปกรณ์ยังสามารถสั่งซื้อได้ในราคา $69 แม้แคมเปญ Kickstarter จะปิดไปแล้ว

    ✅ ระดมทุนเกินเป้าหมายหลายเท่าตัว—Kickstarter ปิดระดมทุนที่ $4.3 ล้าน
    - JetKVM ตั้งเป้าหมายระดมทุนเพียง $50,000 แต่สามารถทะลุเป้าหมายกว่า 87 เท่า
    - ผู้สนับสนุน 31,598 รายให้การสนับสนุนอุปกรณ์นี้

    ✅ รองรับการควบคุมคอมพิวเตอร์แบบเต็มรูปแบบผ่านเว็บเบราว์เซอร์
    - JetKVM ใช้พอร์ต HDMI สำหรับดึงวิดีโอ และพอร์ต USB เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ควบคุม
    - ผู้ใช้สามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์จากระยะไกลได้ แม้ในกรณีที่เครื่องไม่ตอบสนอง

    ✅ สเปคของอุปกรณ์—ขับเคลื่อนด้วย RockChip RV1106G3 พร้อมระบบปฏิบัติการ Linux
    - ใช้ ARM Cortex-A7 ความเร็ว 1.0GHz พร้อมรองรับการเข้ารหัสวิดีโอแบบ H.264 และ H.265
    - มี RAM 256MB และที่เก็บข้อมูลแบบ eMMC ขนาด 16GB

    ✅ การเชื่อมต่อผ่าน JetKVM Cloud เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
    - รองรับ WebRTC เพื่อให้ผู้ใช้เชื่อมต่อแบบเข้ารหัสผ่านเซิร์ฟเวอร์เฉพาะ

    ✅ RJ11 extension port เป็นจุดเด่นที่ไม่ค่อยพบในอุปกรณ์ประเภทนี้
    - RJ11 รองรับ การเชื่อมต่อเซ็นเซอร์, ระบบควบคุมพลังงาน ATX และการเข้าถึงคอนโซลแบบอนุกรม

    ✅ ผู้ใช้ยังสามารถเป็น "Late Backer" และสั่งซื้อได้ในราคา $69
    - แม้แคมเปญ Kickstarter จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ผู้ที่สนใจยังสามารถสั่งซื้อได้

    https://www.techradar.com/pro/jetkvm-is-an-exciting-tiny-open-source-kvm-over-ip-module-that-sold-almost-100-000-units-and-it-even-has-a-rare-rj11-port
    JetKVM เป็นอุปกรณ์ KVM over IP แบบโอเพ่นซอร์สที่ระดมทุนได้กว่า $4.3 ล้านบน Kickstarter อุปกรณ์นี้ช่วยให้ผู้ใช้ ควบคุมคอมพิวเตอร์จากระยะไกลผ่านเว็บเบราว์เซอร์ โดยใช้ HDMI และ USB นอกจากนี้ JetKVM ยังมาพร้อมกับการเชื่อมต่อผ่าน Cloud เพื่อเพิ่มความปลอดภัย และมีพอร์ต RJ11 ที่สามารถใช้สำหรับการควบคุมเซ็นเซอร์หรือพลังงาน ATX ปัจจุบันอุปกรณ์ยังสามารถสั่งซื้อได้ในราคา $69 แม้แคมเปญ Kickstarter จะปิดไปแล้ว ✅ ระดมทุนเกินเป้าหมายหลายเท่าตัว—Kickstarter ปิดระดมทุนที่ $4.3 ล้าน - JetKVM ตั้งเป้าหมายระดมทุนเพียง $50,000 แต่สามารถทะลุเป้าหมายกว่า 87 เท่า - ผู้สนับสนุน 31,598 รายให้การสนับสนุนอุปกรณ์นี้ ✅ รองรับการควบคุมคอมพิวเตอร์แบบเต็มรูปแบบผ่านเว็บเบราว์เซอร์ - JetKVM ใช้พอร์ต HDMI สำหรับดึงวิดีโอ และพอร์ต USB เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ควบคุม - ผู้ใช้สามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์จากระยะไกลได้ แม้ในกรณีที่เครื่องไม่ตอบสนอง ✅ สเปคของอุปกรณ์—ขับเคลื่อนด้วย RockChip RV1106G3 พร้อมระบบปฏิบัติการ Linux - ใช้ ARM Cortex-A7 ความเร็ว 1.0GHz พร้อมรองรับการเข้ารหัสวิดีโอแบบ H.264 และ H.265 - มี RAM 256MB และที่เก็บข้อมูลแบบ eMMC ขนาด 16GB ✅ การเชื่อมต่อผ่าน JetKVM Cloud เพื่อเพิ่มความปลอดภัย - รองรับ WebRTC เพื่อให้ผู้ใช้เชื่อมต่อแบบเข้ารหัสผ่านเซิร์ฟเวอร์เฉพาะ ✅ RJ11 extension port เป็นจุดเด่นที่ไม่ค่อยพบในอุปกรณ์ประเภทนี้ - RJ11 รองรับ การเชื่อมต่อเซ็นเซอร์, ระบบควบคุมพลังงาน ATX และการเข้าถึงคอนโซลแบบอนุกรม ✅ ผู้ใช้ยังสามารถเป็น "Late Backer" และสั่งซื้อได้ในราคา $69 - แม้แคมเปญ Kickstarter จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ผู้ที่สนใจยังสามารถสั่งซื้อได้ https://www.techradar.com/pro/jetkvm-is-an-exciting-tiny-open-source-kvm-over-ip-module-that-sold-almost-100-000-units-and-it-even-has-a-rare-rj11-port
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักลงทุนคริปโตกำลังผลักดันให้สภาคองเกรสอนุญาตให้ Stablecoins จ่ายดอกเบี้ย เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมเติบโต นักลงทุนมองว่า นี่จะทำให้คริปโตสามารถแข่งขันกับระบบธนาคารได้โดยตรง ขณะที่ฝ่ายคัดค้านเตือนว่า อาจทำให้เงินฝากไหลออกจากธนาคารและสร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ ขณะนี้มีร่างกฎหมาย Stablecoins ที่กำลังพิจารณาในสภา และฝ่ายสนับสนุนยังคงผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงก่อนการผ่านกฎหมาย

    ✅ Stablecoins มีโอกาสสร้างระบบการเงินที่รวดเร็วขึ้น
    - Stablecoins เช่น USDT และ USDC มีบทบาทสำคัญในการทำธุรกรรมคริปโต
    - นักลงทุนบางส่วนมองว่า หากสามารถจ่ายดอกเบี้ยได้ อาจช่วยให้ Stablecoins กลายเป็นเครื่องมือการชำระเงินหลัก

    ✅ Coinbase และ Solidus Labs หนุนให้จ่ายดอกเบี้ย
    - CEO Brian Armstrong ของ Coinbase กล่าวว่า รัฐบาลไม่ควรเลือกปฏิบัติต่ออุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง
    - Chen Arad จาก Solidus Labs เห็นว่าผู้ให้บริการ Stablecoins ควรสามารถแบ่งปันผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่พวกเขาถือครองได้

    ✅ ฝ่ายคัดค้านเตือนว่าส่งผลกระทบต่อระบบธนาคาร
    - นักวิจัยและนักเศรษฐศาสตร์บางคนเตือนว่า Stablecoins ที่สามารถจ่ายดอกเบี้ยอาจทำให้เงินฝากไหลออกจากธนาคารแบบดั้งเดิม
    - Arthur Wilmarth จากมหาวิทยาลัย George Washington ระบุว่านี่อาจเป็น "ภัยคุกคามต่ออุตสาหกรรมธนาคารโดยตรง"

    ✅ ความเคลื่อนไหวทางกฎหมายในสภาคองเกรส
    - ร่างกฎหมายของ สภาผู้แทนราษฎร ห้าม Stablecoins จ่ายดอกเบี้ย แต่ร่างของ วุฒิสภา ยังมีจุดที่ไม่ชัดเจน
    - ฝ่ายสนับสนุนกำลังผลักดันให้ สภาคองเกรสเพิ่มข้อกำหนดอนุญาตการจ่ายดอกเบี้ยในร่างกฎหมายฉบับสุดท้าย

    ✅ อุตสาหกรรมคริปโตมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นในวอชิงตัน
    - กลุ่มผู้สนับสนุนคริปโต ใช้เงินกว่า $119 ล้าน ในการสนับสนุนผู้สมัครที่สนับสนุนคริปโต ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา
    - มีข่าวว่าทำเนียบขาวต้องการให้ร่างกฎหมาย Stablecoin ผ่านภายในเดือนสิงหาคม 2025

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/03/crypto-execs-ask-congress-to-let-stablecoins-pay-interest-as-bill-set-to-advance
    นักลงทุนคริปโตกำลังผลักดันให้สภาคองเกรสอนุญาตให้ Stablecoins จ่ายดอกเบี้ย เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมเติบโต นักลงทุนมองว่า นี่จะทำให้คริปโตสามารถแข่งขันกับระบบธนาคารได้โดยตรง ขณะที่ฝ่ายคัดค้านเตือนว่า อาจทำให้เงินฝากไหลออกจากธนาคารและสร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ ขณะนี้มีร่างกฎหมาย Stablecoins ที่กำลังพิจารณาในสภา และฝ่ายสนับสนุนยังคงผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงก่อนการผ่านกฎหมาย ✅ Stablecoins มีโอกาสสร้างระบบการเงินที่รวดเร็วขึ้น - Stablecoins เช่น USDT และ USDC มีบทบาทสำคัญในการทำธุรกรรมคริปโต - นักลงทุนบางส่วนมองว่า หากสามารถจ่ายดอกเบี้ยได้ อาจช่วยให้ Stablecoins กลายเป็นเครื่องมือการชำระเงินหลัก ✅ Coinbase และ Solidus Labs หนุนให้จ่ายดอกเบี้ย - CEO Brian Armstrong ของ Coinbase กล่าวว่า รัฐบาลไม่ควรเลือกปฏิบัติต่ออุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง - Chen Arad จาก Solidus Labs เห็นว่าผู้ให้บริการ Stablecoins ควรสามารถแบ่งปันผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่พวกเขาถือครองได้ ✅ ฝ่ายคัดค้านเตือนว่าส่งผลกระทบต่อระบบธนาคาร - นักวิจัยและนักเศรษฐศาสตร์บางคนเตือนว่า Stablecoins ที่สามารถจ่ายดอกเบี้ยอาจทำให้เงินฝากไหลออกจากธนาคารแบบดั้งเดิม - Arthur Wilmarth จากมหาวิทยาลัย George Washington ระบุว่านี่อาจเป็น "ภัยคุกคามต่ออุตสาหกรรมธนาคารโดยตรง" ✅ ความเคลื่อนไหวทางกฎหมายในสภาคองเกรส - ร่างกฎหมายของ สภาผู้แทนราษฎร ห้าม Stablecoins จ่ายดอกเบี้ย แต่ร่างของ วุฒิสภา ยังมีจุดที่ไม่ชัดเจน - ฝ่ายสนับสนุนกำลังผลักดันให้ สภาคองเกรสเพิ่มข้อกำหนดอนุญาตการจ่ายดอกเบี้ยในร่างกฎหมายฉบับสุดท้าย ✅ อุตสาหกรรมคริปโตมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นในวอชิงตัน - กลุ่มผู้สนับสนุนคริปโต ใช้เงินกว่า $119 ล้าน ในการสนับสนุนผู้สมัครที่สนับสนุนคริปโต ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา - มีข่าวว่าทำเนียบขาวต้องการให้ร่างกฎหมาย Stablecoin ผ่านภายในเดือนสิงหาคม 2025 https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/03/crypto-execs-ask-congress-to-let-stablecoins-pay-interest-as-bill-set-to-advance
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Crypto execs ask Congress to let stablecoins pay interest as bill set to advance
    (Reuters) - Some influential cryptocurrency executives are making a last-minute pitch to Congress to allow interest to be paid on U.S. dollar-pegged tokens as part of popular legislation establishing a regulatory framework for stablecoins.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3/
    มีรายงานเครื่องบินทิ้งระเบิดความเร็วเหนือเสียงTu-22M3 ตกในเขต Usolsky ของแคว้นอีร์คุตสค์ (Irkutsk) ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในไซบีเรีย

    ▪️ กระทรวงกลาโหมของรัสเซียรายงานว่า ขณะกำลังทำการบินตามกำหนดการปกติ เกิดความผิดพลาดทางเทคนิค ทำให้เครื่องบินตกในพื้นที่ว่างเปล่า ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบถึงความเสียหายใดๆในพื้นที่นั้น และลูกเรือ 4 คน สามารถออกจากเครื่องได้ แต่ 1 รายเสียชีวิตในเวลาต่อมา


    ▪️ ทางด้านนาย Igor Kobzev ผู้ว่าการเขต Irkutsk รายงานว่า ขณะเครื่องบินตก ได้เกี่ยวเข้ากับสายไฟ ทำให้บ้านเรือน 210 หลัง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านไฟฟ้าส่วนกลางไม่มีไฟฟ้าให้บริการ

    ▪️ ภาพวิดีโอจากที่เกิดเหตุเครื่องบินตก และหนึ่งในนักบินที่รอดชีวิต

    ▪️ ภาพนิ่งเป็นภาพประกอบเนื้อหา

    3/ มีรายงานเครื่องบินทิ้งระเบิดความเร็วเหนือเสียงTu-22M3 ตกในเขต Usolsky ของแคว้นอีร์คุตสค์ (Irkutsk) ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในไซบีเรีย ▪️ กระทรวงกลาโหมของรัสเซียรายงานว่า ขณะกำลังทำการบินตามกำหนดการปกติ เกิดความผิดพลาดทางเทคนิค ทำให้เครื่องบินตกในพื้นที่ว่างเปล่า ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบถึงความเสียหายใดๆในพื้นที่นั้น และลูกเรือ 4 คน สามารถออกจากเครื่องได้ แต่ 1 รายเสียชีวิตในเวลาต่อมา ▪️ ทางด้านนาย Igor Kobzev ผู้ว่าการเขต Irkutsk รายงานว่า ขณะเครื่องบินตก ได้เกี่ยวเข้ากับสายไฟ ทำให้บ้านเรือน 210 หลัง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านไฟฟ้าส่วนกลางไม่มีไฟฟ้าให้บริการ ▪️ ภาพวิดีโอจากที่เกิดเหตุเครื่องบินตก และหนึ่งในนักบินที่รอดชีวิต ▪️ ภาพนิ่งเป็นภาพประกอบเนื้อหา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • 2/
    มีรายงานเครื่องบินทิ้งระเบิดความเร็วเหนือเสียงTu-22M3 ตกในเขต Usolsky ของแคว้นอีร์คุตสค์ (Irkutsk) ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในไซบีเรีย

    ▪️ กระทรวงกลาโหมของรัสเซียรายงานว่า ขณะกำลังทำการบินตามกำหนดการปกติ เกิดความผิดพลาดทางเทคนิค ทำให้เครื่องบินตกในพื้นที่ว่างเปล่า ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบถึงความเสียหายใดๆในพื้นที่นั้น และลูกเรือ 4 คน สามารถออกจากเครื่องได้ แต่ 1 รายเสียชีวิตในเวลาต่อมา


    ▪️ ทางด้านนาย Igor Kobzev ผู้ว่าการเขต Irkutsk รายงานว่า ขณะเครื่องบินตก ได้เกี่ยวเข้ากับสายไฟ ทำให้บ้านเรือน 210 หลัง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านไฟฟ้าส่วนกลางไม่มีไฟฟ้าให้บริการ

    ▪️ ภาพวิดีโอจากที่เกิดเหตุเครื่องบินตก และหนึ่งในนักบินที่รอดชีวิต

    ▪️ ภาพนิ่งเป็นภาพประกอบเนื้อหา

    2/ มีรายงานเครื่องบินทิ้งระเบิดความเร็วเหนือเสียงTu-22M3 ตกในเขต Usolsky ของแคว้นอีร์คุตสค์ (Irkutsk) ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในไซบีเรีย ▪️ กระทรวงกลาโหมของรัสเซียรายงานว่า ขณะกำลังทำการบินตามกำหนดการปกติ เกิดความผิดพลาดทางเทคนิค ทำให้เครื่องบินตกในพื้นที่ว่างเปล่า ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบถึงความเสียหายใดๆในพื้นที่นั้น และลูกเรือ 4 คน สามารถออกจากเครื่องได้ แต่ 1 รายเสียชีวิตในเวลาต่อมา ▪️ ทางด้านนาย Igor Kobzev ผู้ว่าการเขต Irkutsk รายงานว่า ขณะเครื่องบินตก ได้เกี่ยวเข้ากับสายไฟ ทำให้บ้านเรือน 210 หลัง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านไฟฟ้าส่วนกลางไม่มีไฟฟ้าให้บริการ ▪️ ภาพวิดีโอจากที่เกิดเหตุเครื่องบินตก และหนึ่งในนักบินที่รอดชีวิต ▪️ ภาพนิ่งเป็นภาพประกอบเนื้อหา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • 1/
    มีรายงานเครื่องบินทิ้งระเบิดความเร็วเหนือเสียงTu-22M3 ตกในเขต Usolsky ของแคว้นอีร์คุตสค์ (Irkutsk) ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในไซบีเรีย

    ▪️ กระทรวงกลาโหมของรัสเซียรายงานว่า ขณะกำลังทำการบินตามกำหนดการปกติ เกิดความผิดพลาดทางเทคนิค ทำให้เครื่องบินตกในพื้นที่ว่างเปล่า ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบถึงความเสียหายใดๆในพื้นที่นั้น และลูกเรือ 4 คน สามารถออกจากเครื่องได้ แต่ 1 รายเสียชีวิตในเวลาต่อมา


    ▪️ ทางด้านนาย Igor Kobzev ผู้ว่าการเขต Irkutsk รายงานว่า ขณะเครื่องบินตก ได้เกี่ยวเข้ากับสายไฟ ทำให้บ้านเรือน 210 หลัง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านไฟฟ้าส่วนกลางไม่มีไฟฟ้าให้บริการ

    ▪️ ภาพวิดีโอจากที่เกิดเหตุเครื่องบินตก และหนึ่งในนักบินที่รอดชีวิต

    ▪️ ภาพนิ่งเป็นภาพประกอบเนื้อหา

    1/ มีรายงานเครื่องบินทิ้งระเบิดความเร็วเหนือเสียงTu-22M3 ตกในเขต Usolsky ของแคว้นอีร์คุตสค์ (Irkutsk) ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในไซบีเรีย ▪️ กระทรวงกลาโหมของรัสเซียรายงานว่า ขณะกำลังทำการบินตามกำหนดการปกติ เกิดความผิดพลาดทางเทคนิค ทำให้เครื่องบินตกในพื้นที่ว่างเปล่า ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบถึงความเสียหายใดๆในพื้นที่นั้น และลูกเรือ 4 คน สามารถออกจากเครื่องได้ แต่ 1 รายเสียชีวิตในเวลาต่อมา ▪️ ทางด้านนาย Igor Kobzev ผู้ว่าการเขต Irkutsk รายงานว่า ขณะเครื่องบินตก ได้เกี่ยวเข้ากับสายไฟ ทำให้บ้านเรือน 210 หลัง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านไฟฟ้าส่วนกลางไม่มีไฟฟ้าให้บริการ ▪️ ภาพวิดีโอจากที่เกิดเหตุเครื่องบินตก และหนึ่งในนักบินที่รอดชีวิต ▪️ ภาพนิ่งเป็นภาพประกอบเนื้อหา
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานจาก Igor’s Lab พบว่าการ์ดจอ PowerColor RX 9070 XT Hellhound บางตัวมี พื้นผิวชิปที่เป็นหลุมเล็ก ๆ (pitted silicon surface) ส่งผลให้เกิดอุณหภูมิสูงผิดปกติ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าปัญหานี้เป็นกรณีเฉพาะ หรือเกิดจากสายการผลิตที่มีข้อบกพร่อง

    ✅ พื้นผิวชิปมีรอยผิดปกติจากกระบวนการขัดหลัง (Backgrinding Process)
    - พบ รอยหลุมกว่า 1,934 จุดบนพื้นผิวชิป ซึ่งมากกว่ามาตรฐานที่ยอมรับได้
    - มีบางจุดที่ลึกถึง 12.59 µm และกว้าง 212.36 µm ซึ่งอยู่นอกมาตรฐานอุตสาหกรรม

    ✅ GPU เกิดอุณหภูมิสูงถึง 113°C และทำให้เกิด Thermal Throttling
    - อุณหภูมิเฉลี่ยของชิปอยู่ที่ 67°C แต่มีจุดร้อนที่สูงถึง 113°C
    - อุณหภูมิสูงสุดที่ RDNA 4 รองรับคือ 110°C ทำให้การ์ดถูกจำกัดความเร็ว (Throttling) และใช้งานไม่ได้

    ✅ PowerColor, AMD และ TSMC ไม่ตรวจพบปัญหานี้ก่อนปล่อยสินค้า
    - คาดว่าระบบตรวจสอบคุณภาพอาจพลาดไปเนื่องจาก AI Inspection Algorithm ขาดการฝึกฝนในจุดนี้

    ✅ AMD ระบุว่าเป็นกรณีเฉพาะ ไม่ใช่ปัญหาที่พบในทุกการ์ด RX 9070 XT
    - แหล่งข่าวจาก AMD ยืนยันว่าการ์ดที่มีปัญหานี้เป็น กรณีเฉพาะ และไม่ใช่ปัญหาที่แพร่หลาย
    - ผู้ใช้ที่พบปัญหาควรขอ เคลมสินค้า (RMA) กับผู้ผลิต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/defective-rx-9070-xt-card-with-pitted-silicon-gpu-surface-runs-extremely-hot-report-indicates-its-unclear-if-this-was-an-isolated-incident
    รายงานจาก Igor’s Lab พบว่าการ์ดจอ PowerColor RX 9070 XT Hellhound บางตัวมี พื้นผิวชิปที่เป็นหลุมเล็ก ๆ (pitted silicon surface) ส่งผลให้เกิดอุณหภูมิสูงผิดปกติ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าปัญหานี้เป็นกรณีเฉพาะ หรือเกิดจากสายการผลิตที่มีข้อบกพร่อง ✅ พื้นผิวชิปมีรอยผิดปกติจากกระบวนการขัดหลัง (Backgrinding Process) - พบ รอยหลุมกว่า 1,934 จุดบนพื้นผิวชิป ซึ่งมากกว่ามาตรฐานที่ยอมรับได้ - มีบางจุดที่ลึกถึง 12.59 µm และกว้าง 212.36 µm ซึ่งอยู่นอกมาตรฐานอุตสาหกรรม ✅ GPU เกิดอุณหภูมิสูงถึง 113°C และทำให้เกิด Thermal Throttling - อุณหภูมิเฉลี่ยของชิปอยู่ที่ 67°C แต่มีจุดร้อนที่สูงถึง 113°C - อุณหภูมิสูงสุดที่ RDNA 4 รองรับคือ 110°C ทำให้การ์ดถูกจำกัดความเร็ว (Throttling) และใช้งานไม่ได้ ✅ PowerColor, AMD และ TSMC ไม่ตรวจพบปัญหานี้ก่อนปล่อยสินค้า - คาดว่าระบบตรวจสอบคุณภาพอาจพลาดไปเนื่องจาก AI Inspection Algorithm ขาดการฝึกฝนในจุดนี้ ✅ AMD ระบุว่าเป็นกรณีเฉพาะ ไม่ใช่ปัญหาที่พบในทุกการ์ด RX 9070 XT - แหล่งข่าวจาก AMD ยืนยันว่าการ์ดที่มีปัญหานี้เป็น กรณีเฉพาะ และไม่ใช่ปัญหาที่แพร่หลาย - ผู้ใช้ที่พบปัญหาควรขอ เคลมสินค้า (RMA) กับผู้ผลิต https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/defective-rx-9070-xt-card-with-pitted-silicon-gpu-surface-runs-extremely-hot-report-indicates-its-unclear-if-this-was-an-isolated-incident
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts