• รมว. #กะลาหอย #อเมริกาโม่ #ยุคป๋าตั๊ม

    Trump’s defense secretary pick branded ‘extremist’ over cross tattoo

    Pete Hegseth says he was disavowed by his unit after January 6, when his superiors began considering him a potential threat over his tattoos.

    Some of the pieces include crusades-themed items, like a Jerusalem Cross, and the Latin phrase “Deus vult,” which means “God wills it.”
    รมว. #กะลาหอย #อเมริกาโม่ #ยุคป๋าตั๊ม Trump’s defense secretary pick branded ‘extremist’ over cross tattoo Pete Hegseth says he was disavowed by his unit after January 6, when his superiors began considering him a potential threat over his tattoos. Some of the pieces include crusades-themed items, like a Jerusalem Cross, and the Latin phrase “Deus vult,” which means “God wills it.”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📣📣📣 YOUGEE CLEARANCE SALE 2024 🔥🔥 งานใหญ่ประจำปี!
    ลดแหลก แจกเยอะ! จุกๆ กับผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม ยูจี
    พิเศษ!! ปีนี้ ยกทัพสินค้ามาให้ช้อปกันได้แบบจัดเต็มสุดๆ
    #3วันเท่านั้น!
    🗓️ เริ่มวันพฤหัสบดี ที่ 28 - วันเสาร์ ที่ 30 พฤศจิกายน 2567
    🕗 เวลา 08.00 น. – 20.00 น.
    📌 ณ คลังสินค้า บริาัท บางกอกคอส จำกัด ซ.รามอินทรา14
    (หรือสามารถปักหมุด Black Sugar Cafe bkk ได้เลยค่ะ)
    แผนที่คลิก Google Map > https://maps.app.goo.gl/EiN7uHQgYrFSQevz7
    ที่จอดรถพร้อมให้บริการแบบครบครัน
    สอบถามเพิ่มเติม โทร 02-943-8088
    📣📣📣 YOUGEE CLEARANCE SALE 2024 🔥🔥 งานใหญ่ประจำปี! ลดแหลก แจกเยอะ! จุกๆ กับผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม ยูจี พิเศษ!! ปีนี้ ยกทัพสินค้ามาให้ช้อปกันได้แบบจัดเต็มสุดๆ #3วันเท่านั้น! 🗓️ เริ่มวันพฤหัสบดี ที่ 28 - วันเสาร์ ที่ 30 พฤศจิกายน 2567 🕗 เวลา 08.00 น. – 20.00 น. 📌 ณ คลังสินค้า บริาัท บางกอกคอส จำกัด ซ.รามอินทรา14 (หรือสามารถปักหมุด Black Sugar Cafe bkk ได้เลยค่ะ) แผนที่คลิก Google Map > https://maps.app.goo.gl/EiN7uHQgYrFSQevz7 ที่จอดรถพร้อมให้บริการแบบครบครัน สอบถามเพิ่มเติม โทร 02-943-8088
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • Land for Sale with Building in Prime Location ❗️❗️ 583 sq.m (145.8 Sq.w)

    Property Code : MP7057

    Property Info: Located on the main road with spacious interior and ample usable space. Previously used as a timber trading business.

    Krabi Road, Pak Nam Subdistrict, Mueang District, Krabi
    Map: Location https://maps.apple.com/?ll=8.071266,98.906703&q=Unknown%20Location&t=m

    Price: 12,000,000 THB
    (Negotiable directly with the landowner)

    Contact ☎️
    Ella: 092-553-6147 (Thai, English, Dutch)

    Details:

    • Size: 145.8 sq.wah (583 sq.m)
    • Width: 20 meters, Length: 30 meters
    • Close to the community
    • West-facing property
    • Convenient transportation access
    • Only 4.9 km from Central Krabi development site
    • 14 km from Ao Nang Beach
    • 15 km from Krabi Airport
    • 3.6 km from Krabi Town’s Vogue Department Store
    • 2 km from Krabi Nakharin International Hospital
    __________________________________
    Realty One Estate (Thailand) Public Company Limited, Phuket Branch
    Network: Member of the Thai Real Estate Broker Association and ASEAN Real Estate Consultants Confederation
    REALTY ONE .co.th
    ----------------------------------------
    ขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ทำเลดี❗️❗️ 145.8 ตารางวา ( 583 ตร.ม )

    ข้อมูลทรัพย์ : ติดถนนเส้นหลักถึงหน้าแปลง ข้างในกว้างขวางพื้นที่ใช้สอยเหลือเยอะ เดิมๆเป็นธุรกิจค้าขายไม้

    ถ.กระบี่ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่
    Map: https://maps.apple.com/?ll=8.071266,98.906703&q=Unknown%20Location&t=m
    ** ราคา 12,000,000 บาท **
    (ราคาเจ้าของที่ดิน ต่อรองได้โดยตรง)

    Contact ☎️ 092-553-6147
    คุณเอลล่า (Thai, English, Dutch)

    รายละเอียด
    - ขนาด 145.8 ตารางวา
    - กว้าง 20เมตร ยาว 30เมตร
    - อยู่ใกล้แหล่งชุมชน
    - ทรัพย์หันหน้าทิศตะวันตก
    - ทำเล ช่องทางการคมนาคมมีความสะดวก
    - ใกล้ทำเลสร้าง Central Krabi แค่4.9 กิโลเมตร
    - ห่างจากหาดอ่าวนาง 14 กิโลเมตร
    - ห่างจากสนามบินกระบี่ 15 กิโลเมตร
    - ห่างจากจุดศูนย์กลางเมืองกระบี่ห้างโวค 3.6 กิโลเมตร
    - ห่างจากโรงพยาบาลเอกชนกระบี่นครินทร์อินเตอร์ 2 กิโลเมตร

    _____________________

    รหัส- MP 7057
    บริษัท เรียลตี้วัน เอสเตท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สาขาภูเก็ต
    เครือข่าย: สมาชิกสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทยและสมาพันธ์ที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์อาเซียน
    REALTY ONE .co.th
    .................................................
    Land for Sale with Building in Prime Location ❗️❗️ 583 sq.m (145.8 Sq.w) Property Code : MP7057 Property Info: Located on the main road with spacious interior and ample usable space. Previously used as a timber trading business. Krabi Road, Pak Nam Subdistrict, Mueang District, Krabi Map: Location https://maps.apple.com/?ll=8.071266,98.906703&q=Unknown%20Location&t=m Price: 12,000,000 THB (Negotiable directly with the landowner) Contact ☎️ Ella: 092-553-6147 (Thai, English, Dutch) Details: • Size: 145.8 sq.wah (583 sq.m) • Width: 20 meters, Length: 30 meters • Close to the community • West-facing property • Convenient transportation access • Only 4.9 km from Central Krabi development site • 14 km from Ao Nang Beach • 15 km from Krabi Airport • 3.6 km from Krabi Town’s Vogue Department Store • 2 km from Krabi Nakharin International Hospital __________________________________ Realty One Estate (Thailand) Public Company Limited, Phuket Branch Network: Member of the Thai Real Estate Broker Association and ASEAN Real Estate Consultants Confederation REALTY ONE .co.th ---------------------------------------- ขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ทำเลดี❗️❗️ 145.8 ตารางวา ( 583 ตร.ม ) ข้อมูลทรัพย์ : ติดถนนเส้นหลักถึงหน้าแปลง ข้างในกว้างขวางพื้นที่ใช้สอยเหลือเยอะ เดิมๆเป็นธุรกิจค้าขายไม้ ถ.กระบี่ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ Map: https://maps.apple.com/?ll=8.071266,98.906703&q=Unknown%20Location&t=m ** ราคา 12,000,000 บาท ** (ราคาเจ้าของที่ดิน ต่อรองได้โดยตรง) Contact ☎️ 092-553-6147 คุณเอลล่า (Thai, English, Dutch) รายละเอียด - ขนาด 145.8 ตารางวา - กว้าง 20เมตร ยาว 30เมตร - อยู่ใกล้แหล่งชุมชน - ทรัพย์หันหน้าทิศตะวันตก - ทำเล ช่องทางการคมนาคมมีความสะดวก - ใกล้ทำเลสร้าง Central Krabi แค่4.9 กิโลเมตร - ห่างจากหาดอ่าวนาง 14 กิโลเมตร - ห่างจากสนามบินกระบี่ 15 กิโลเมตร - ห่างจากจุดศูนย์กลางเมืองกระบี่ห้างโวค 3.6 กิโลเมตร - ห่างจากโรงพยาบาลเอกชนกระบี่นครินทร์อินเตอร์ 2 กิโลเมตร _____________________ รหัส- MP 7057 บริษัท เรียลตี้วัน เอสเตท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สาขาภูเก็ต เครือข่าย: สมาชิกสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทยและสมาพันธ์ที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์อาเซียน REALTY ONE .co.th .................................................
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความลับใต้ดินของวาติกัน: อุโมงค์ยาว 1,500 ไมล์ของวาติกันไปยังเยรูซาเล็มและคลังทองคำลับที่ถูกโอนไปยังฟอร์ตนอกซ์! การเปิดเผยที่ทำลายประวัติศาสตร์! เปิดเผยความลับอันน่าตกตะลึงของวาติกัน: อุโมงค์ยาว 1,500 ไมล์ที่ซ่อนอยู่ซึ่งทอดยาวไปยังเยรูซาเล็มและเต็มไปด้วยทองคำที่ไม่อาจจินตนาการได้ นี่ไม่ใช่การสมคบคิด แต่เป็นความจริงอันน่าตกตะลึงที่เปิดเผยถึงอำนาจและความมั่งคั่งของวาติกัน ดำดิ่งสู่โลกแห่งเทคโนโลยีโบราณ สมบัติล้ำค่าที่ซ่อนอยู่ และการเปิดเผยที่ท้าทายประวัติศาสตร์ เตรียมตั้งคำถามกับทุกสิ่ง!
    https://amg-news.com/the-vaticans-underground-secrets-the-vaticans-1500-mile-tunnel-to-jerusalem-and-the-secret-gold-stash-transferred-to-fort-knox-a-revelation-that-shatters-history/
    ความลับใต้ดินของวาติกัน: อุโมงค์ยาว 1,500 ไมล์ของวาติกันไปยังเยรูซาเล็มและคลังทองคำลับที่ถูกโอนไปยังฟอร์ตนอกซ์! การเปิดเผยที่ทำลายประวัติศาสตร์! เปิดเผยความลับอันน่าตกตะลึงของวาติกัน: อุโมงค์ยาว 1,500 ไมล์ที่ซ่อนอยู่ซึ่งทอดยาวไปยังเยรูซาเล็มและเต็มไปด้วยทองคำที่ไม่อาจจินตนาการได้ นี่ไม่ใช่การสมคบคิด แต่เป็นความจริงอันน่าตกตะลึงที่เปิดเผยถึงอำนาจและความมั่งคั่งของวาติกัน ดำดิ่งสู่โลกแห่งเทคโนโลยีโบราณ สมบัติล้ำค่าที่ซ่อนอยู่ และการเปิดเผยที่ท้าทายประวัติศาสตร์ เตรียมตั้งคำถามกับทุกสิ่ง! https://amg-news.com/the-vaticans-underground-secrets-the-vaticans-1500-mile-tunnel-to-jerusalem-and-the-secret-gold-stash-transferred-to-fort-knox-a-revelation-that-shatters-history/
    AMG-NEWS.COM
    The Vatican’s Underground Secrets: The Vatican’s 1,500-Mile Tunnel to Jerusalem and the Secret Gold Stash Transferred to Fort Knox! A Revelation That Shatters History! - amg-news.com - American Media Group
    Uncover the Vatican's explosive secret: a hidden 1,500-mile tunnel stretching to Jerusalem, packed with unimaginable gold. This is no conspiracy—it’s a shocking truth that reveals the Vatican's grip on wealth and power. Dive deep into a world of ancient technology, hidden treasures, and a revelation that defies history. Prepare to question everything!
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • ครบรอบ 24 ปี อัลบั้ม เปิดตัวราชา Mandopop 🎆🎆🎆
    06/11/2000 - 06/11/2024

    [ เพื่อนๆชอบเพลงไหนที่สุดในอัลบั้มนี้? ]
    ตอนนั้นรู้จักเจย์แล้วหรือยังน้าา😁

    Jay เป็นอัลบั้มเปิดตัวของJay Chou เปิดตัวเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนปี 2000 โดยค่าย BMG Taiwan

    โดยมีเนื้อเพลงที่เขียนโดยเจย์ ร่วมกับ Vincent Fang และ Vivian Hsu ในทางดนตรี อัลบั้มนี้รวมแนวเพลงยอดนิยม เช่น ป๊อป ฮิปฮอป อาร์แอนด์บี และร่วมสมัยไว้ในอัลบั้มเดียว

    เจย์ ได้รับคําวิจารณ์เชิงบวกอย่างมากจากนักวิจารณ์ดนตรี ได้รับเครดิตย้อนหลังสําหรับการเริ่มต้นยุคใหม่ของเพลง C-Pop และถูกมองว่าเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่มีผลกระทบมากที่สุดจาก Greater China ในศตวรรษที่ 21

    ในเชิงพาณิชย์ อัลบั้มนี้ประสบความสําเร็จ โดยขายได้มากกว่า 250,000 อัลบั้มในไต้หวัน และกลายเป็นอัลบั้มที่มียอดขายสูงสุดติดกันเป็นเวลา 4 เดือน และเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ขายดีที่สุดในปี 2001 ในประเทศ และเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ขายดีที่สุดในไต้หวันในศตวรรษที่ 21

    อัลบั้มนี้ยังได้รับรางวัล IFPI Hong Kong Top Sales Music Award สําหรับ 10 อันดับอัลบั้มภาษาจีนกลางที่ขายดีที่สุดแห่งปีในปี 2001

    1. "Adorable Woman" (可愛女人)
    2. "Perfectionism" (完美主義)
    3. "Starry Mood" (星晴)
    4. "Wife" (娘子)
    5. "Basketball Match" (鬥牛)
    6. "Black Humor" (黑色幽默)
    7. "Istanbul" (伊斯坦堡)
    8. "Ancient Indian Turtledove" (印地安老斑鳩)
    9. "Tornado" (龍捲風)
    10. "Counter-Clockwise Clock" (反方向的鐘)

    Track ที่ 3 และ 6 แต่งเนื้อโดยเจย์

    เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2002 "Starry Mood" ได้รับรางวัล "Outstanding Mandarin Song Award" ในงาน Top Ten Chinese Gold Songs Awards

    "Black Humor" ได้รับรางวัลหนึ่งใน 10 เพลงของจีนในพิธีมอบรางวัล Golden Melody ของมาเลเซียครั้งที่ 1 ซึ่งเจย์ยังได้รับรางวัลนักแต่งเพลงยอดเยี่ยมอีกด้วย

    Cr : รูปชัดๆจาก Jay ms

    #jaychou #周杰伦 #周杰倫
    #เจย์โจว #โจวเจี๋ยหลุน
    #jaychouthailand
    ครบรอบ 24 ปี อัลบั้ม เปิดตัวราชา Mandopop 🎆🎆🎆 06/11/2000 - 06/11/2024 [ เพื่อนๆชอบเพลงไหนที่สุดในอัลบั้มนี้? ] ตอนนั้นรู้จักเจย์แล้วหรือยังน้าา😁 Jay เป็นอัลบั้มเปิดตัวของJay Chou เปิดตัวเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนปี 2000 โดยค่าย BMG Taiwan โดยมีเนื้อเพลงที่เขียนโดยเจย์ ร่วมกับ Vincent Fang และ Vivian Hsu ในทางดนตรี อัลบั้มนี้รวมแนวเพลงยอดนิยม เช่น ป๊อป ฮิปฮอป อาร์แอนด์บี และร่วมสมัยไว้ในอัลบั้มเดียว เจย์ ได้รับคําวิจารณ์เชิงบวกอย่างมากจากนักวิจารณ์ดนตรี ได้รับเครดิตย้อนหลังสําหรับการเริ่มต้นยุคใหม่ของเพลง C-Pop และถูกมองว่าเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่มีผลกระทบมากที่สุดจาก Greater China ในศตวรรษที่ 21 ในเชิงพาณิชย์ อัลบั้มนี้ประสบความสําเร็จ โดยขายได้มากกว่า 250,000 อัลบั้มในไต้หวัน และกลายเป็นอัลบั้มที่มียอดขายสูงสุดติดกันเป็นเวลา 4 เดือน และเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ขายดีที่สุดในปี 2001 ในประเทศ และเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ขายดีที่สุดในไต้หวันในศตวรรษที่ 21 อัลบั้มนี้ยังได้รับรางวัล IFPI Hong Kong Top Sales Music Award สําหรับ 10 อันดับอัลบั้มภาษาจีนกลางที่ขายดีที่สุดแห่งปีในปี 2001 1. "Adorable Woman" (可愛女人) 2. "Perfectionism" (完美主義) 3. "Starry Mood" (星晴) 4. "Wife" (娘子) 5. "Basketball Match" (鬥牛) 6. "Black Humor" (黑色幽默) 7. "Istanbul" (伊斯坦堡) 8. "Ancient Indian Turtledove" (印地安老斑鳩) 9. "Tornado" (龍捲風) 10. "Counter-Clockwise Clock" (反方向的鐘) Track ที่ 3 และ 6 แต่งเนื้อโดยเจย์ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2002 "Starry Mood" ได้รับรางวัล "Outstanding Mandarin Song Award" ในงาน Top Ten Chinese Gold Songs Awards "Black Humor" ได้รับรางวัลหนึ่งใน 10 เพลงของจีนในพิธีมอบรางวัล Golden Melody ของมาเลเซียครั้งที่ 1 ซึ่งเจย์ยังได้รับรางวัลนักแต่งเพลงยอดเยี่ยมอีกด้วย Cr : รูปชัดๆจาก Jay ms #jaychou #周杰伦 #周杰倫 #เจย์โจว #โจวเจี๋ยหลุน #jaychouthailand
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=sMn8PkzKKaA
    บทสนทนาซื้อเสื้อที่ร้านเสื้อผ้า
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาซื้อเสื้อที่ร้านเสื้อผ้า
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #conversations #listeningtest #shopping

    The conversations from the clip :

    Customer: Hi! I’m looking for a cute top to wear to an event.

    Salesperson: Hello! You’ve come to the right place. We have some adorable tops over here. Any particular style in mind?
    Customer: Yes, I’d like something bright and trendy, maybe with floral or polka dots.
    Salesperson: I think this top would be perfect! It has a nice floral pattern and is very popular.
    Customer: Oh, I like it! How much is it?
    Salesperson: It’s 950 baht.
    Customer: Hmm, that’s a little more than I was hoping to pay. Could you possibly offer a discount?
    Salesperson: I can understand! It’s a high-quality item, but I could give you a 10% discount, making it 855 baht.
    Customer: That’s a bit better, but would you consider 800 baht flat?
    Salesperson: Let me see what I can do... (pauses) Alright, I can agree to 800 baht for you.
    Customer: Perfect! Thank you so much. Can I try it on first to make sure it fits?
    Salesperson: Of course! The fitting room is just over there.
    Customer: (tries on the top) It fits great! I’ll take it.
    Salesperson: I’m so glad to hear that! Would you like to pay now?
    Customer: Yes, please. I’ll pay with cash. Thank you for the great deal!
    Salesperson: You’re very welcome! Enjoy your new top!

    ลูกค้า: สวัสดีค่ะ! กำลังมองหาเสื้อน่ารัก ๆ ใส่ไปงานค่ะ
    พนักงานขาย: สวัสดีค่ะ! มาถูกที่แล้วค่ะ เรามีเสื้อน่ารัก ๆ หลายแบบเลยค่ะ มีสไตล์ไหนในใจบ้างไหมคะ?
    ลูกค้า: ค่ะ อยากได้แบบที่มีสีสดใส ทันสมัยหน่อย อาจจะเป็นลายดอกไม้หรือลายจุดก็ได้ค่ะ
    พนักงานขาย: คิดว่าเสื้อตัวนี้น่าจะเหมาะนะคะ มีลายดอกไม้สวย ๆ และกำลังเป็นที่นิยมเลยค่ะ
    ลูกค้า: โอ้ ชอบเลยค่ะ! ราคาเท่าไหร่คะ?
    พนักงานขาย: ตัวนี้ราคา 950 บาทค่ะ
    ลูกค้า: อืม แพงกว่าที่ตั้งใจไว้นิดหน่อย ลดราคาได้ไหมคะ?
    พนักงานขาย: เข้าใจเลยค่ะ! เสื้อคุณภาพดีมากนะคะ แต่ให้ส่วนลดได้ 10% จะเหลือ 855 บาทค่ะ
    ลูกค้า: ดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ลดให้เป็น 800 บาทถ้วนได้ไหมคะ?
    พนักงานขาย: ขอเช็คดูก่อนนะคะ... (หยุดสักครู่) โอเคค่ะ ลดให้เหลือ 800 บาทได้ค่ะ
    ลูกค้า: ดีเลยค่ะ ขอบคุณมาก ขอไปลองก่อนนะคะว่าจะใส่พอดีไหม
    พนักงานขาย: ได้เลยค่ะ ห้องลองอยู่ตรงนั้นค่ะ
    ลูกค้า: (ลองเสื้อ) ใส่พอดีมากค่ะ เอาตัวนี้ค่ะ
    พนักงานขาย: ยินดีมากค่ะ! จะชำระเงินตอนนี้เลยไหมคะ?
    ลูกค้า: ใช่ค่ะ จ่ายเป็นเงินสดนะคะ ขอบคุณมากสำหรับส่วนลดค่ะ!
    พนักงานขาย: ยินดีมากค่ะ ขอให้สนุกกับเสื้อใหม่ของคุณนะคะ!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Customer (คัส-เทอะ-เมอะ) n. แปลว่า ลูกค้า
    Salesperson (เซล-เพอ-เซิน) n. แปลว่า พนักงานขาย
    Top (ท็อป) n. แปลว่า เสื้อท่อนบน
    Pattern (แพท-เทิร์น) n. แปลว่า ลวดลาย
    Floral (ฟลอ-เริล) adj. แปลว่า ลายดอกไม้
    Price (ไพรซ์) n. แปลว่า ราคา
    Discount (ดิส-เคาท์) n. แปลว่า ส่วนลด
    Quality (ควอล-ลิ-ที) n. แปลว่า คุณภาพ
    Manager (แม-เน-เจอะ) n. แปลว่า ผู้จัดการ
    Fitting room (ฟิท-ทิง รูม) n. แปลว่า ห้องลองเสื้อผ้า
    Popular (พอพ-พิว-เลอะ) adj. แปลว่า เป็นที่นิยม
    Event (อิ-เวนท์) n. แปลว่า งานหรือกิจกรรม
    Try on (ทราย ออน) v. แปลว่า ลองสวม
    Cash (แคช) n. แปลว่า เงินสด
    Counter (เคา-เทอะ) n. แปลว่า เคาน์เตอร์
    https://www.youtube.com/watch?v=sMn8PkzKKaA บทสนทนาซื้อเสื้อที่ร้านเสื้อผ้า (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาซื้อเสื้อที่ร้านเสื้อผ้า มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #conversations #listeningtest #shopping The conversations from the clip : Customer: Hi! I’m looking for a cute top to wear to an event. Salesperson: Hello! You’ve come to the right place. We have some adorable tops over here. Any particular style in mind? Customer: Yes, I’d like something bright and trendy, maybe with floral or polka dots. Salesperson: I think this top would be perfect! It has a nice floral pattern and is very popular. Customer: Oh, I like it! How much is it? Salesperson: It’s 950 baht. Customer: Hmm, that’s a little more than I was hoping to pay. Could you possibly offer a discount? Salesperson: I can understand! It’s a high-quality item, but I could give you a 10% discount, making it 855 baht. Customer: That’s a bit better, but would you consider 800 baht flat? Salesperson: Let me see what I can do... (pauses) Alright, I can agree to 800 baht for you. Customer: Perfect! Thank you so much. Can I try it on first to make sure it fits? Salesperson: Of course! The fitting room is just over there. Customer: (tries on the top) It fits great! I’ll take it. Salesperson: I’m so glad to hear that! Would you like to pay now? Customer: Yes, please. I’ll pay with cash. Thank you for the great deal! Salesperson: You’re very welcome! Enjoy your new top! ลูกค้า: สวัสดีค่ะ! กำลังมองหาเสื้อน่ารัก ๆ ใส่ไปงานค่ะ พนักงานขาย: สวัสดีค่ะ! มาถูกที่แล้วค่ะ เรามีเสื้อน่ารัก ๆ หลายแบบเลยค่ะ มีสไตล์ไหนในใจบ้างไหมคะ? ลูกค้า: ค่ะ อยากได้แบบที่มีสีสดใส ทันสมัยหน่อย อาจจะเป็นลายดอกไม้หรือลายจุดก็ได้ค่ะ พนักงานขาย: คิดว่าเสื้อตัวนี้น่าจะเหมาะนะคะ มีลายดอกไม้สวย ๆ และกำลังเป็นที่นิยมเลยค่ะ ลูกค้า: โอ้ ชอบเลยค่ะ! ราคาเท่าไหร่คะ? พนักงานขาย: ตัวนี้ราคา 950 บาทค่ะ ลูกค้า: อืม แพงกว่าที่ตั้งใจไว้นิดหน่อย ลดราคาได้ไหมคะ? พนักงานขาย: เข้าใจเลยค่ะ! เสื้อคุณภาพดีมากนะคะ แต่ให้ส่วนลดได้ 10% จะเหลือ 855 บาทค่ะ ลูกค้า: ดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ลดให้เป็น 800 บาทถ้วนได้ไหมคะ? พนักงานขาย: ขอเช็คดูก่อนนะคะ... (หยุดสักครู่) โอเคค่ะ ลดให้เหลือ 800 บาทได้ค่ะ ลูกค้า: ดีเลยค่ะ ขอบคุณมาก ขอไปลองก่อนนะคะว่าจะใส่พอดีไหม พนักงานขาย: ได้เลยค่ะ ห้องลองอยู่ตรงนั้นค่ะ ลูกค้า: (ลองเสื้อ) ใส่พอดีมากค่ะ เอาตัวนี้ค่ะ พนักงานขาย: ยินดีมากค่ะ! จะชำระเงินตอนนี้เลยไหมคะ? ลูกค้า: ใช่ค่ะ จ่ายเป็นเงินสดนะคะ ขอบคุณมากสำหรับส่วนลดค่ะ! พนักงานขาย: ยินดีมากค่ะ ขอให้สนุกกับเสื้อใหม่ของคุณนะคะ! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Customer (คัส-เทอะ-เมอะ) n. แปลว่า ลูกค้า Salesperson (เซล-เพอ-เซิน) n. แปลว่า พนักงานขาย Top (ท็อป) n. แปลว่า เสื้อท่อนบน Pattern (แพท-เทิร์น) n. แปลว่า ลวดลาย Floral (ฟลอ-เริล) adj. แปลว่า ลายดอกไม้ Price (ไพรซ์) n. แปลว่า ราคา Discount (ดิส-เคาท์) n. แปลว่า ส่วนลด Quality (ควอล-ลิ-ที) n. แปลว่า คุณภาพ Manager (แม-เน-เจอะ) n. แปลว่า ผู้จัดการ Fitting room (ฟิท-ทิง รูม) n. แปลว่า ห้องลองเสื้อผ้า Popular (พอพ-พิว-เลอะ) adj. แปลว่า เป็นที่นิยม Event (อิ-เวนท์) n. แปลว่า งานหรือกิจกรรม Try on (ทราย ออน) v. แปลว่า ลองสวม Cash (แคช) n. แปลว่า เงินสด Counter (เคา-เทอะ) n. แปลว่า เคาน์เตอร์
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • SALE!
    คอนโดสุขาภิบาล3 แมนชั่น SKB3 ชั้น4 ห้องสตูดิโอ ขนาดห้อง 52 ตรม. เพิ่งรีโนเวทเสร็จ​ เป็นห้องเปล่า​ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ มีแอร์ตัวใหม่ให้ค่ะ

    อยู่​ในซอยรามคำแหง​ 58/3​
    ขาย 1.89​ ล้านบาท​
    - มีระบบรักษาความปลอดภัย (รปภ.)
    - มีห้องฟิตเนตออกกำลังกาย

    การเดินทางสะดวกมากค่ะ
    ติดถนนใหญ่ เพียง 170 เมตร
    5​ นาที​ ถึงสถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง​ สถานี​ แยกลำสาลี
    5​ นาที​ The​Mall​ บางกะปิ
    5​ นาที​ ร​ พ​ รามคำแหง
    10​ นาที​ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
    10​ นาที​ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์​ NIDA
    20​ นาที​ สนามบินสุวรรณภูมิ
    30​ นาที​ สนามบินดอนเมือง

    ห้องเงียบสงบ​ เย็น​สบาย​ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก​ มีระเบียงกว้าง2ด้าน​ ห้องอยู่​หัวมุม​ ด้านหลัง​ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก​ รับแดดตอนเช้า​ ตอนบ่ายจะร่มรื่น​ ไม่ร้อน
    SALE! คอนโดสุขาภิบาล3 แมนชั่น SKB3 ชั้น4 ห้องสตูดิโอ ขนาดห้อง 52 ตรม. เพิ่งรีโนเวทเสร็จ​ เป็นห้องเปล่า​ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ มีแอร์ตัวใหม่ให้ค่ะ อยู่​ในซอยรามคำแหง​ 58/3​ ขาย 1.89​ ล้านบาท​ - มีระบบรักษาความปลอดภัย (รปภ.) - มีห้องฟิตเนตออกกำลังกาย การเดินทางสะดวกมากค่ะ ติดถนนใหญ่ เพียง 170 เมตร 5​ นาที​ ถึงสถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง​ สถานี​ แยกลำสาลี 5​ นาที​ The​Mall​ บางกะปิ 5​ นาที​ ร​ พ​ รามคำแหง 10​ นาที​ มหาวิทยาลัยรามคำแหง 10​ นาที​ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์​ NIDA 20​ นาที​ สนามบินสุวรรณภูมิ 30​ นาที​ สนามบินดอนเมือง ห้องเงียบสงบ​ เย็น​สบาย​ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก​ มีระเบียงกว้าง2ด้าน​ ห้องอยู่​หัวมุม​ ด้านหลัง​ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก​ รับแดดตอนเช้า​ ตอนบ่ายจะร่มรื่น​ ไม่ร้อน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇷🇺🇩🇪 SMART: รัสเซียเชิญคนงาน Volkswagen ชาวเยอรมัน, เนื่องจากโรงงานในเยอรมนีปิดตัวลง!

    “รัสเซียจะเปิดโรงงาน Jetta, ซึ่งเป็นโรงงานในจีนที่เทียบได้กับ Volkswagen Audi Group, ให้กับพนักงานชาวเยอรมัน

    รัสเซียจะจัดหาตำแหน่งงานให้กับผู้เชี่ยวชาญชาวเยอรมัน ซึ่งจะสามารถขอสัญชาติรัสเซียได้หลังจากผ่านไป ๕ ปี

    เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นยักษ์ใหญ่ในเยอรมนีล้มละลาย รถยนต์ของ Volkswagen Audi Group มีคุณภาพดีที่สุดมาโดยตลอดและเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลก”

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า แอนตัน อาลีคานอฟ ประกาศแผนการเปิดโรงงานผลิต Jetta แบรนด์จีน, ซึ่งผลิตรถยนต์ Volkswagen ภายใต้แบรนด์ของตนเอง, ใน ๕ เมืองของสหพันธรัฐรัสเซีย ท่ามกลางการปิดโรงงานในเยอรมนี

    “ขณะนี้มีการจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อเปิดโรงงาน VAG ๕ แห่งในรัสเซีย

    นอกจากเมืองคาลูกาแล้ว, โรงงานผลิตยังจะตั้งอยู่ในเมืองวเซโวโลซสค์, คาลินินกราด, โนโวคูอีบีเชฟสค์ และนาเบเรจเนียเชลนี“
    — อาลีคานอฟ กล่าว
    .
    🇷🇺🇩🇪 Volkswagen ขายโรงงานประกอบรถยนต์ในรัสเซีย, รวมทั้งโรงงานประกอบรถยนต์

    โรงงานประกอบรถยนต์ Volkswagen ทางตะวันตกของรัสเซีย, เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีกำลังการผลิต ๒๒๕,๐๐๐ คันต่อปี

    Volkswagen ได้ขายโรงงานประกอบรถยนต์และโรงงานประกอบรถยนต์อื่นๆ ในรัสเซียให้กับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ หลังจากบริษัทผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมันแห่งนี้ยุติการผลิตในประเทศหลังการรุกรานยูเครน, บริษัทดังกล่าวเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

    ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว, ซึ่งต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลรัสเซีย, ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์แห่งหนึ่งในมอสโกว์ที่ชื่อ Avilon ได้เข้าซื้อสินทรัพย์ของ Volkswagen Group Rus, บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายนี้กล่าว ทั้งสองบริษัทไม่ได้ระบุราคาขาย, แต่สื่อของรัสเซียอ้างข้อมูลในท้องถิ่นว่า Avilon จ่ายเงินไปประมาณ ๑๒๕ ล้านยูโร (๑๓๕ ล้านดอลลาร์)
    .
    โรงงาน Volkswagen ในคาลูกาแห่งเดิมกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง, เนื่องจากภาคส่วนรถยนต์ของรัสเซียฟื้นตัวเต็มที่จนกลับมาเท่ากับระดับการผลิตก่อน-สงคราม ในเดือนกรกฎาคม
    .
    🇷🇺🇩🇪 SMART: Russia invites German Volkswagen workers, because the German factories close!

    “Russia to open Jetta factories, the Chinese analogue of Volkswagen Audi Group, for German employees.

    Russia will be providing jobs for German specialists who will be able to obtain Russian citizenship after five years.

    It is impossible to watch a giant in Germany collapse. Volkswagen Audi Group’s cars have always been of the best quality and loved all over the world.”

    Minister of Industry and Trade Anton Alikhanov announced plans to open production facilities for the Chinese brand Jetta, which produces Volkswagen cars under its own brand, in five cities in the Russian Federation against the backdrop of the closure of factories in Germany.

    “A legal entity is currently being created to open five VAG factories in Russia.

    In addition to Kaluga, production facilities will appear in Vsevolozhsk, Kaliningrad, Novokuibyshevsk and Naberezhnye Chelny.“
    — Alikhanov said

    1/
    .
    🇷🇺🇩🇪 Volkswagen Sells Its Russia Operations, Including an Assembly Plant

    Volkswagen’s assembly plant in western Russia, in December. It had capacity to turn out 225,000 vehicles a year.

    Volkswagen has sold its assembly plant and other operations in Russia to a local auto dealership, more than a year after the German carmaker ceased production in the country following the invasion of Ukraine, the company said on Friday.

    Under the deal, which required approval from the Russian government, a Moscow-based dealership called Avilon acquired the assets of Volkswagen Group Rus, the carmaker said. Neither company specified a sales price, but Russia media citing local records said Avilon paid about 125 million euros ($135 million)

    2/
    .
    The former Volkswagen plant in Kaluga is back online, as Russia's car sector makes a full recovery to pre-war production levels in July

    3/
    .
    9:54 PM · Nov 3, 2024 · 339.6K Views
    https://x.com/MyLordBebo/status/1853088468412366868
    🇷🇺🇩🇪 SMART: รัสเซียเชิญคนงาน Volkswagen ชาวเยอรมัน, เนื่องจากโรงงานในเยอรมนีปิดตัวลง! “รัสเซียจะเปิดโรงงาน Jetta, ซึ่งเป็นโรงงานในจีนที่เทียบได้กับ Volkswagen Audi Group, ให้กับพนักงานชาวเยอรมัน รัสเซียจะจัดหาตำแหน่งงานให้กับผู้เชี่ยวชาญชาวเยอรมัน ซึ่งจะสามารถขอสัญชาติรัสเซียได้หลังจากผ่านไป ๕ ปี เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นยักษ์ใหญ่ในเยอรมนีล้มละลาย รถยนต์ของ Volkswagen Audi Group มีคุณภาพดีที่สุดมาโดยตลอดและเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า แอนตัน อาลีคานอฟ ประกาศแผนการเปิดโรงงานผลิต Jetta แบรนด์จีน, ซึ่งผลิตรถยนต์ Volkswagen ภายใต้แบรนด์ของตนเอง, ใน ๕ เมืองของสหพันธรัฐรัสเซีย ท่ามกลางการปิดโรงงานในเยอรมนี “ขณะนี้มีการจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อเปิดโรงงาน VAG ๕ แห่งในรัสเซีย นอกจากเมืองคาลูกาแล้ว, โรงงานผลิตยังจะตั้งอยู่ในเมืองวเซโวโลซสค์, คาลินินกราด, โนโวคูอีบีเชฟสค์ และนาเบเรจเนียเชลนี“ — อาลีคานอฟ กล่าว . 🇷🇺🇩🇪 Volkswagen ขายโรงงานประกอบรถยนต์ในรัสเซีย, รวมทั้งโรงงานประกอบรถยนต์ โรงงานประกอบรถยนต์ Volkswagen ทางตะวันตกของรัสเซีย, เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีกำลังการผลิต ๒๒๕,๐๐๐ คันต่อปี Volkswagen ได้ขายโรงงานประกอบรถยนต์และโรงงานประกอบรถยนต์อื่นๆ ในรัสเซียให้กับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ หลังจากบริษัทผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมันแห่งนี้ยุติการผลิตในประเทศหลังการรุกรานยูเครน, บริษัทดังกล่าวเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว, ซึ่งต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลรัสเซีย, ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์แห่งหนึ่งในมอสโกว์ที่ชื่อ Avilon ได้เข้าซื้อสินทรัพย์ของ Volkswagen Group Rus, บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายนี้กล่าว ทั้งสองบริษัทไม่ได้ระบุราคาขาย, แต่สื่อของรัสเซียอ้างข้อมูลในท้องถิ่นว่า Avilon จ่ายเงินไปประมาณ ๑๒๕ ล้านยูโร (๑๓๕ ล้านดอลลาร์) . โรงงาน Volkswagen ในคาลูกาแห่งเดิมกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง, เนื่องจากภาคส่วนรถยนต์ของรัสเซียฟื้นตัวเต็มที่จนกลับมาเท่ากับระดับการผลิตก่อน-สงคราม ในเดือนกรกฎาคม . 🇷🇺🇩🇪 SMART: Russia invites German Volkswagen workers, because the German factories close! “Russia to open Jetta factories, the Chinese analogue of Volkswagen Audi Group, for German employees. Russia will be providing jobs for German specialists who will be able to obtain Russian citizenship after five years. It is impossible to watch a giant in Germany collapse. Volkswagen Audi Group’s cars have always been of the best quality and loved all over the world.” Minister of Industry and Trade Anton Alikhanov announced plans to open production facilities for the Chinese brand Jetta, which produces Volkswagen cars under its own brand, in five cities in the Russian Federation against the backdrop of the closure of factories in Germany. “A legal entity is currently being created to open five VAG factories in Russia. In addition to Kaluga, production facilities will appear in Vsevolozhsk, Kaliningrad, Novokuibyshevsk and Naberezhnye Chelny.“ — Alikhanov said 1/ . 🇷🇺🇩🇪 Volkswagen Sells Its Russia Operations, Including an Assembly Plant Volkswagen’s assembly plant in western Russia, in December. It had capacity to turn out 225,000 vehicles a year. Volkswagen has sold its assembly plant and other operations in Russia to a local auto dealership, more than a year after the German carmaker ceased production in the country following the invasion of Ukraine, the company said on Friday. Under the deal, which required approval from the Russian government, a Moscow-based dealership called Avilon acquired the assets of Volkswagen Group Rus, the carmaker said. Neither company specified a sales price, but Russia media citing local records said Avilon paid about 125 million euros ($135 million) 2/ . The former Volkswagen plant in Kaluga is back online, as Russia's car sector makes a full recovery to pre-war production levels in July 3/ . 9:54 PM · Nov 3, 2024 · 339.6K Views https://x.com/MyLordBebo/status/1853088468412366868
    Like
    1
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/VNOnE-P5x70?si=1Bd7l-PsFlqUmQhT
    https://www.facebook.com/marketplace/item/1250814486122853/?mibextid=dXMIc
    ปล่อยของ CELERIO น่ารักต่อสายท่องเที่ยว CAMPING ไปทุกที่ทีใจต้องการ ทักแชทติดต่อมาทาง 063.7754380
    suzuki celeriosuzuki celerio
    maruti suzuki celerio on road pricesuzuki celerio
    maruti suzuki celerio on road price
    suzuki celerio for salesuzuki celerio accessories
    suzuki celerio average
    suzuki celerio autotrader
    suzuki celerio boot space
    brand new suzuki celerio
    body kit suzuki celeriosuzuki celerio accessories
    suzuki celerio average
    suzuki celerio autotrader
    suzuki celerio boot space
    suzuki celerio bekas
    suzuki celerio body kit
    suzuki celerio black
    brand new suzuki celerio
    body kit suzuki celerio
    black suzuki celerio
    suzuki celerio cc
    car suzuki celerio
    https://youtu.be/VNOnE-P5x70?si=1Bd7l-PsFlqUmQhT https://www.facebook.com/marketplace/item/1250814486122853/?mibextid=dXMIc ปล่อยของ CELERIO น่ารักต่อสายท่องเที่ยว CAMPING ไปทุกที่ทีใจต้องการ ทักแชทติดต่อมาทาง 063.7754380 suzuki celeriosuzuki celerio maruti suzuki celerio on road pricesuzuki celerio maruti suzuki celerio on road price suzuki celerio for salesuzuki celerio accessories suzuki celerio average suzuki celerio autotrader suzuki celerio boot space brand new suzuki celerio body kit suzuki celeriosuzuki celerio accessories suzuki celerio average suzuki celerio autotrader suzuki celerio boot space suzuki celerio bekas suzuki celerio body kit suzuki celerio black brand new suzuki celerio body kit suzuki celerio black suzuki celerio suzuki celerio cc car suzuki celerio
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=LiZ0OlLdrjU
    บทสนทนาสัมภาษณ์งาน
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาสัมภาษณ์งาน
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #conversations #listeningtest #jobinterview

    The conversations from the clip :

    Interviewer: Good morning! Thank you for coming in today.
    Candidate: Good morning! Thank you for having me.
    Interviewer: Can you start by telling me a little about your background and experience?
    Candidate: Sure! I graduated with a degree in Marketing and have three years of experience in digital marketing.
    Interviewer: That’s great! What specific skills do you bring to the table?
    Candidate: I’m proficient in SEO, content creation, and social media management.
    Interviewer: Can you give an example of a successful campaign you’ve managed?
    Candidate: Absolutely! I led a social media campaign that increased our followers by 30% in just two months.
    Interviewer: Impressive! What tools do you use for your marketing efforts?
    Candidate: I primarily use Google Analytics, Hootsuite, and Mailchimp.
    Interviewer: Have you worked with a team in your previous roles?
    Candidate: Yes, I collaborated closely with the sales and design teams to align our strategies.
    Interviewer: How do you handle tight deadlines and pressure?
    Candidate: I prioritize tasks and stay organized to ensure everything is completed on time.
    Interviewer: Good to hear! How do you measure the success of your campaigns?
    Candidate: I look at engagement metrics, conversion rates, and ROI to evaluate effectiveness.
    Interviewer: What motivates you in your work?
    Candidate: I’m motivated by seeing tangible results and helping my team succeed.
    Interviewer: Do you have any questions for us about the company or role?
    Candidate: Yes, I’d like to know more about the team culture here.
    Interviewer: We have a collaborative and supportive environment that encourages growth.
    Candidate: That sounds wonderful! I appreciate the opportunity to interview.
    Interviewer: Thank you for your time today. We will be in touch soon!

    ผู้สัมภาษณ์: สวัสดีตอนเช้า! ขอบคุณที่มาในวันนี้
    ผู้สมัครงาน: สวัสดีค่ะ! ขอบคุณที่ให้โอกาสฉัน
    ผู้สัมภาษณ์: คุณช่วยบอกเกี่ยวกับพื้นฐานและประสบการณ์ของคุณหน่อยได้ไหม?
    ผู้สมัครงาน: แน่นอนค่ะ! ฉันจบการศึกษาด้วยปริญญาด้านการตลาดและมีประสบการณ์ 3 ปีในด้านการตลาดดิจิทัล
    ผู้สัมภาษณ์: ดีมาก! คุณมีทักษะเฉพาะอะไรบ้างที่สามารถนำมาช่วยงานได้?
    ผู้สมัครงาน: ฉันมีความชำนาญใน SEO, การสร้างเนื้อหา และการจัดการโซเชียลมีเดีย
    ผู้สัมภาษณ์: คุณสามารถยกตัวอย่างแคมเปญที่ประสบความสำเร็จที่คุณเคยจัดการได้ไหม?
    ผู้สมัครงาน: แน่นอนค่ะ! ฉันเป็นผู้นำแคมเปญโซเชียลมีเดียที่เพิ่มผู้ติดตามของเราได้ 30% ภายในเวลาเพียงสองเดือน
    ผู้สัมภาษณ์: น่าประทับใจมาก! คุณใช้เครื่องมืออะไรบ้างในการทำการตลาด?
    ผู้สมัครงาน: ฉันใช้ Google Analytics, Hootsuite และ Mailchimp เป็นหลัก
    ผู้สัมภาษณ์: คุณเคยทำงานเป็นทีมในตำแหน่งก่อนหน้านี้ไหม?
    ผู้สมัครงาน: ใช่ค่ะ ฉันได้ทำงานร่วมกับทีมขายและทีมออกแบบอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกัน
    ผู้สัมภาษณ์: คุณจัดการกับกำหนดเวลาที่เข้มงวดและความกดดันอย่างไร?
    ผู้สมัครงาน: ฉันจะจัดลำดับความสำคัญของงานและรักษาความเป็นระเบียบเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งต่าง ๆ จะเสร็จสิ้นตามเวลา
    ผู้สัมภาษณ์: ดีที่ได้ยินแบบนั้น! คุณวัดความสำเร็จของแคมเปญของคุณอย่างไร?
    ผู้สมัครงาน: ฉันดูที่เมตริกการมีส่วนร่วม อัตราการแปลง และ ROI เพื่อประเมินประสิทธิภาพ
    ผู้สัมภาษณ์: อะไรคือแรงจูงใจในงานของคุณ?
    ผู้สมัครงาน: ฉันมีแรงจูงใจจากการเห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้และการช่วยให้ทีมของผม/ฉันประสบความสำเร็จ
    ผู้สัมภาษณ์: คุณมีคำถามอะไรเกี่ยวกับบริษัทหรือบทบาทนี้ไหม?
    ผู้สมัครงาน: ใช่ค่ะ ฉันอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรมของทีมที่นี่
    ผู้สัมภาษณ์: เรามีสภาพแวดล้อมที่ร่วมมือและสนับสนุนซึ่งส่งเสริมการเติบโต
    ผู้สมัครงาน: ฟังดูยอดเยี่ยมมาก! ฉันขอบคุณสำหรับโอกาสในการสัมภาษณ์
    ผู้สัมภาษณ์: ขอบคุณสำหรับเวลาของคุณในวันนี้ เราจะติดต่อกลับเร็ว ๆ นี้!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Background (แบค-กราวน์ด) n. แปลว่า ประวัติ (ภูมิหลัง)
    Experience (เอ็กซ์-พีเรีนซ) n. แปลว่า ประสบการณ์
    Proficient (พรอฟ-ฟิช-เอ็นท) adj. แปลว่า ชำนาญ
    Campaign (แคม-แพน) n. แปลว่า แคมเปญ
    Social media (โซเชียล มีเดีย) n. แปลว่า สื่อสังคมออนไลน์
    Metrics (เมท-ริค) n. แปลว่า ตัวชี้วัด
    Engagement (เอน-เกจ-เมนต์) n. แปลว่า การมีส่วนร่วม
    Collaboration (คอลลาบอเรชัน) n. แปลว่า การร่วมมือ
    Pressure (เพรช-เชอร์) n. แปลว่า ความกดดัน
    Motivation (โม-ทิ-เวชัน) n. แปลว่า แรงจูงใจ
    Results (รี-ซัลทส์) n. แปลว่า ผลลัพธ์
    Culture (คัลเจอร์) n. แปลว่า วัฒนธรรม
    Strategy (สแตรท-จี้) n. แปลว่า ยุทธศาสตร์
    Tools (ทูลส์) n. แปลว่า เครื่องมือ
    Supportive (ซัพ-พอร์-ทิฟ) adj. แปลว่า สนับสนุน
    https://www.youtube.com/watch?v=LiZ0OlLdrjU บทสนทนาสัมภาษณ์งาน (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาสัมภาษณ์งาน มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #conversations #listeningtest #jobinterview The conversations from the clip : Interviewer: Good morning! Thank you for coming in today. Candidate: Good morning! Thank you for having me. Interviewer: Can you start by telling me a little about your background and experience? Candidate: Sure! I graduated with a degree in Marketing and have three years of experience in digital marketing. Interviewer: That’s great! What specific skills do you bring to the table? Candidate: I’m proficient in SEO, content creation, and social media management. Interviewer: Can you give an example of a successful campaign you’ve managed? Candidate: Absolutely! I led a social media campaign that increased our followers by 30% in just two months. Interviewer: Impressive! What tools do you use for your marketing efforts? Candidate: I primarily use Google Analytics, Hootsuite, and Mailchimp. Interviewer: Have you worked with a team in your previous roles? Candidate: Yes, I collaborated closely with the sales and design teams to align our strategies. Interviewer: How do you handle tight deadlines and pressure? Candidate: I prioritize tasks and stay organized to ensure everything is completed on time. Interviewer: Good to hear! How do you measure the success of your campaigns? Candidate: I look at engagement metrics, conversion rates, and ROI to evaluate effectiveness. Interviewer: What motivates you in your work? Candidate: I’m motivated by seeing tangible results and helping my team succeed. Interviewer: Do you have any questions for us about the company or role? Candidate: Yes, I’d like to know more about the team culture here. Interviewer: We have a collaborative and supportive environment that encourages growth. Candidate: That sounds wonderful! I appreciate the opportunity to interview. Interviewer: Thank you for your time today. We will be in touch soon! ผู้สัมภาษณ์: สวัสดีตอนเช้า! ขอบคุณที่มาในวันนี้ ผู้สมัครงาน: สวัสดีค่ะ! ขอบคุณที่ให้โอกาสฉัน ผู้สัมภาษณ์: คุณช่วยบอกเกี่ยวกับพื้นฐานและประสบการณ์ของคุณหน่อยได้ไหม? ผู้สมัครงาน: แน่นอนค่ะ! ฉันจบการศึกษาด้วยปริญญาด้านการตลาดและมีประสบการณ์ 3 ปีในด้านการตลาดดิจิทัล ผู้สัมภาษณ์: ดีมาก! คุณมีทักษะเฉพาะอะไรบ้างที่สามารถนำมาช่วยงานได้? ผู้สมัครงาน: ฉันมีความชำนาญใน SEO, การสร้างเนื้อหา และการจัดการโซเชียลมีเดีย ผู้สัมภาษณ์: คุณสามารถยกตัวอย่างแคมเปญที่ประสบความสำเร็จที่คุณเคยจัดการได้ไหม? ผู้สมัครงาน: แน่นอนค่ะ! ฉันเป็นผู้นำแคมเปญโซเชียลมีเดียที่เพิ่มผู้ติดตามของเราได้ 30% ภายในเวลาเพียงสองเดือน ผู้สัมภาษณ์: น่าประทับใจมาก! คุณใช้เครื่องมืออะไรบ้างในการทำการตลาด? ผู้สมัครงาน: ฉันใช้ Google Analytics, Hootsuite และ Mailchimp เป็นหลัก ผู้สัมภาษณ์: คุณเคยทำงานเป็นทีมในตำแหน่งก่อนหน้านี้ไหม? ผู้สมัครงาน: ใช่ค่ะ ฉันได้ทำงานร่วมกับทีมขายและทีมออกแบบอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกัน ผู้สัมภาษณ์: คุณจัดการกับกำหนดเวลาที่เข้มงวดและความกดดันอย่างไร? ผู้สมัครงาน: ฉันจะจัดลำดับความสำคัญของงานและรักษาความเป็นระเบียบเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งต่าง ๆ จะเสร็จสิ้นตามเวลา ผู้สัมภาษณ์: ดีที่ได้ยินแบบนั้น! คุณวัดความสำเร็จของแคมเปญของคุณอย่างไร? ผู้สมัครงาน: ฉันดูที่เมตริกการมีส่วนร่วม อัตราการแปลง และ ROI เพื่อประเมินประสิทธิภาพ ผู้สัมภาษณ์: อะไรคือแรงจูงใจในงานของคุณ? ผู้สมัครงาน: ฉันมีแรงจูงใจจากการเห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้และการช่วยให้ทีมของผม/ฉันประสบความสำเร็จ ผู้สัมภาษณ์: คุณมีคำถามอะไรเกี่ยวกับบริษัทหรือบทบาทนี้ไหม? ผู้สมัครงาน: ใช่ค่ะ ฉันอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรมของทีมที่นี่ ผู้สัมภาษณ์: เรามีสภาพแวดล้อมที่ร่วมมือและสนับสนุนซึ่งส่งเสริมการเติบโต ผู้สมัครงาน: ฟังดูยอดเยี่ยมมาก! ฉันขอบคุณสำหรับโอกาสในการสัมภาษณ์ ผู้สัมภาษณ์: ขอบคุณสำหรับเวลาของคุณในวันนี้ เราจะติดต่อกลับเร็ว ๆ นี้! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Background (แบค-กราวน์ด) n. แปลว่า ประวัติ (ภูมิหลัง) Experience (เอ็กซ์-พีเรีนซ) n. แปลว่า ประสบการณ์ Proficient (พรอฟ-ฟิช-เอ็นท) adj. แปลว่า ชำนาญ Campaign (แคม-แพน) n. แปลว่า แคมเปญ Social media (โซเชียล มีเดีย) n. แปลว่า สื่อสังคมออนไลน์ Metrics (เมท-ริค) n. แปลว่า ตัวชี้วัด Engagement (เอน-เกจ-เมนต์) n. แปลว่า การมีส่วนร่วม Collaboration (คอลลาบอเรชัน) n. แปลว่า การร่วมมือ Pressure (เพรช-เชอร์) n. แปลว่า ความกดดัน Motivation (โม-ทิ-เวชัน) n. แปลว่า แรงจูงใจ Results (รี-ซัลทส์) n. แปลว่า ผลลัพธ์ Culture (คัลเจอร์) n. แปลว่า วัฒนธรรม Strategy (สแตรท-จี้) n. แปลว่า ยุทธศาสตร์ Tools (ทูลส์) n. แปลว่า เครื่องมือ Supportive (ซัพ-พอร์-ทิฟ) adj. แปลว่า สนับสนุน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฮิซบุลเลาะห์ประกาศ ยิงโดรนตรวจการณ์ Hermes 900 ตก ด้วยขีปนาวุธพื้นสู่อากาศที่เมืองอัลมาร์จายูน และมีคนเห็นโดรนดังกล่าวกำลังลุกไหม้

    ตามรายงานของ Jerusalem Post โดรนดังกล่าวมีราคาอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ
    ฮิซบุลเลาะห์ประกาศ ยิงโดรนตรวจการณ์ Hermes 900 ตก ด้วยขีปนาวุธพื้นสู่อากาศที่เมืองอัลมาร์จายูน และมีคนเห็นโดรนดังกล่าวกำลังลุกไหม้ ตามรายงานของ Jerusalem Post โดรนดังกล่าวมีราคาอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวหน้าขบวนการฮามาสในฉนวนกาซา, คาลิล อัล-ไฮยา:

    ○ “ยะห์ยา ซินวาร์ ผู้บัญชาการผู้พลีชีพ, เขาเดินหน้าและไม่ยอมถอยกลับจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายของชีวิต เขาแน่วแน่ในดินแดนฉนวนกาซาและสร้างแรงบันดาลใจในการจุดประกายจิตวิญญาณแห่งความมั่นคง”

    ○ “ซินวาร์เป็นขบวนคาราวานผู้พลีชีพผู้ยิ่งใหญ่ที่เดินตามรอยเท้าของผู้ก่อตั้ง, ชีค อาหมัด ยาสซิน”

    ○ “เราขอยืนยันว่าเลือดนี้จะยังคงเป็นแรงผลักดันให้มั่นคงยิ่งขึ้น และให้ฮามาสเดินหน้าบนเส้นทางของผู้พลีชีพต่อไปจนกว่าจะได้รับการปลดปล่อยอย่างสมบูรณ์”

    ○ “ฮามาสจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์บนผืนแผ่นดินปาเลสไตน์ทั้งหมด โดยมีเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวง”

    ○ “นักโทษที่ถูกคุมขังในฉนวนกาซาจะไม่กลับมาอีก เว้นแต่การรุกรานจะถูกหยุดลง, กองทัพถอนกำลังออกจากฉนวนกาซาทั้งหมด, และนักโทษของเราจะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำที่ถูกยึดครอง”
    .
    Head of the Hamas movement in Gaza, Khalil al-Hayya:

    ○ “Commander Yahya Sinwar was martyred, advancing and not retreating until the last moment of his life. He was steadfast on the land of Gaza and inspiring in kindling the spirit of steadfastness.”

    ○ “Sinwar was a continuation of the caravan of great martyrs in the footsteps of the founder, Sheikh Ahmed Yassin.”

    ○ “We affirm that this blood will continue to constitute a motivation for greater steadfastness and for Hamas to continue on the path of martyrs until complete liberation.”

    ○ “Hamas will continue until the establishment of the Palestinian state on all Palestinian soil with Jerusalem as its capital.”

    ○ “The prisoners held in Gaza will not return unless the aggression is stopped, the military completely withdraws from the strip, and our prisoners are released from the occupation prisons.”
    .
    8:06 PM · Oct 18, 2024 · 2,671 Views
    https://x.com/TheCradleMedia/status/1847262877465416186
    หัวหน้าขบวนการฮามาสในฉนวนกาซา, คาลิล อัล-ไฮยา: ○ “ยะห์ยา ซินวาร์ ผู้บัญชาการผู้พลีชีพ, เขาเดินหน้าและไม่ยอมถอยกลับจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายของชีวิต เขาแน่วแน่ในดินแดนฉนวนกาซาและสร้างแรงบันดาลใจในการจุดประกายจิตวิญญาณแห่งความมั่นคง” ○ “ซินวาร์เป็นขบวนคาราวานผู้พลีชีพผู้ยิ่งใหญ่ที่เดินตามรอยเท้าของผู้ก่อตั้ง, ชีค อาหมัด ยาสซิน” ○ “เราขอยืนยันว่าเลือดนี้จะยังคงเป็นแรงผลักดันให้มั่นคงยิ่งขึ้น และให้ฮามาสเดินหน้าบนเส้นทางของผู้พลีชีพต่อไปจนกว่าจะได้รับการปลดปล่อยอย่างสมบูรณ์” ○ “ฮามาสจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์บนผืนแผ่นดินปาเลสไตน์ทั้งหมด โดยมีเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวง” ○ “นักโทษที่ถูกคุมขังในฉนวนกาซาจะไม่กลับมาอีก เว้นแต่การรุกรานจะถูกหยุดลง, กองทัพถอนกำลังออกจากฉนวนกาซาทั้งหมด, และนักโทษของเราจะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำที่ถูกยึดครอง” . Head of the Hamas movement in Gaza, Khalil al-Hayya: ○ “Commander Yahya Sinwar was martyred, advancing and not retreating until the last moment of his life. He was steadfast on the land of Gaza and inspiring in kindling the spirit of steadfastness.” ○ “Sinwar was a continuation of the caravan of great martyrs in the footsteps of the founder, Sheikh Ahmed Yassin.” ○ “We affirm that this blood will continue to constitute a motivation for greater steadfastness and for Hamas to continue on the path of martyrs until complete liberation.” ○ “Hamas will continue until the establishment of the Palestinian state on all Palestinian soil with Jerusalem as its capital.” ○ “The prisoners held in Gaza will not return unless the aggression is stopped, the military completely withdraws from the strip, and our prisoners are released from the occupation prisons.” . 8:06 PM · Oct 18, 2024 · 2,671 Views https://x.com/TheCradleMedia/status/1847262877465416186
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปฐมบท..บอสพอล The Icon

    พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ

    ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์

    หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท

    ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ

    พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย

    พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก)

    จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน..

    ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ

    คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global
    👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal

    ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ

    ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง

    เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท

    แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan
    👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/

    ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้

    เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้

    จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน

    และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558
    👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/

    เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน

    เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด

    เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ

    พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse

    และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค

    เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“

    ---------

    โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย

    โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี"

    โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา

    -----------

    ลูกค้าของพอล..

    ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง

    เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง)

    โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ

    และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี

    และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี

    การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV

    นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว

    รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก

    โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า

    ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที

    พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น

    พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น

    คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง

    พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่

    เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

    แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท

    89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน)

    มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ

    เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว

    ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว

    คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย

    เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon

    และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM

    เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ

    และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย
    ---------

    ยุคทองของ..บอสพอล The Icon

    เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง

    เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว

    แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป

    เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้

    The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล

    ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น

    แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด

    ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto

    ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ

    หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ

    คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม

    เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน

    พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ

    และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา

    และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร

    กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย

    เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย

    กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย

    แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ
    -----------

    ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลในฐานแชร์ลูกโซ่ได้เลย

    จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยากเพราะไปผิดทางไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู

    เพราะเคสแบบนี้มันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า

    การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน”และตัวแทนไม่ใช่ผู้บริโภค สคบ.จึงไม่มีอำนาจ“

    หรือเคยมีผู้บริโภคได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ

    จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้

    เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย

    ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง #และสินค้ามีคุณภาพ ตรงจุดนี้คือกุญแจดอกเดียวที่จะไขเข้าไปถึงตัวพอลได้นั่นคือ..สินค้าไม่ตรงปรก

    พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง

    เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ

    แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั

    ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป

    โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ

    หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้..

    พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน

    ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.?

    ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที

    เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย

    บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง

    พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ

    สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ..

    การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง

    ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร

    ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว

    คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว

    หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ

    เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว

    แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่

    บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ

    พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

    บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้

    จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว

    อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ

    สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship

    คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป

    กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต

    มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย
    ----------

    ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้

    1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ

    2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer

    3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20%

    เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง

    พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้

    4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย

    ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด"

    ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด

    ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส.

    น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣

    เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง

    สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง

    ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100%

    ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.?

    นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก

    #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊

    ep.1
    👉 https://www.facebook.com/share/p/YgaYdxzS5FirmYa2/?mibextid=WC7FNe

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน

    ปฐมบท..บอสพอล The Icon พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์ หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก) จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน.. ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global 👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan 👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/ ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้ เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้ จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558 👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/ เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“ --------- โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี" โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา ----------- ลูกค้าของพอล.. ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง) โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่ เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท 89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน) มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย --------- ยุคทองของ..บอสพอล The Icon เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้ The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ ----------- ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลในฐานแชร์ลูกโซ่ได้เลย จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยากเพราะไปผิดทางไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู เพราะเคสแบบนี้มันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน”และตัวแทนไม่ใช่ผู้บริโภค สคบ.จึงไม่มีอำนาจ“ หรือเคยมีผู้บริโภคได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้ เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง #และสินค้ามีคุณภาพ ตรงจุดนี้คือกุญแจดอกเดียวที่จะไขเข้าไปถึงตัวพอลได้นั่นคือ..สินค้าไม่ตรงปรก พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้.. พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.? ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ.. การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่ บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้ จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย ---------- ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้ 1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ 2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer 3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20% เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้ 4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด" ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส. น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣 เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100% ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.? นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊ ep.1 👉 https://www.facebook.com/share/p/YgaYdxzS5FirmYa2/?mibextid=WC7FNe สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 396 มุมมอง 0 รีวิว
  • FB Page เหยื่อ V.2 เขียนดีมาก ครบถ้วน จึงขอยกมานำเสนอแบบเต็มๆ
    ...............
    ปฐมบท..บอสพอล The Icon

    พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ

    ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์

    หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท

    ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ

    พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย

    พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก)

    จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน..

    ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ

    คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global
    👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal

    ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ

    ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง

    เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท

    แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan
    👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/

    ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้

    เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้

    จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน

    และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558
    👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/

    เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน

    เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด

    เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ

    พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse

    และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค

    เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“

    ---------

    โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย

    โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี"

    โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา

    -----------

    ลูกค้าของพอล..

    ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง

    เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง)

    โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ

    และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี

    และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี

    การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV

    นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว

    รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก

    โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า

    ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที

    พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น

    พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น

    คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง

    พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่

    เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

    แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท

    89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน)

    มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ

    เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว

    ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว

    คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย

    เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon

    และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM

    เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ

    และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย
    ---------

    ยุคทองของ..บอสพอล The Icon

    เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง

    เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว

    แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป

    เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้

    The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล

    ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น

    แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด

    ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto

    ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ

    หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ

    คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม

    เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน

    พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ

    และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา

    และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร

    กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย

    เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย

    กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย

    แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ
    -----------

    ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลได้เลย

    จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยาก ไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู

    เพราะเคสแบบนีัมันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน”

    หรือเคยมีใครได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ

    จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้

    เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง

    พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง

    เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ

    แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั

    ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป

    โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ

    หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้..

    พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน

    ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.?

    ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที

    เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย

    บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง

    พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ

    สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ..

    การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง

    ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร

    ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว

    คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว

    หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ

    เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว

    แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่

    บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ

    พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

    บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้

    จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว

    อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ

    สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship

    คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป

    กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต

    มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย
    ----------

    ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้

    1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ

    2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer

    3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20%

    เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง

    พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้

    4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย

    ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด"

    ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด

    ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส.

    น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣

    เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง

    สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง

    ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100%

    ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.?

    นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก

    #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    .
    Cr : FB เหยื่อ V.2
    FB Page เหยื่อ V.2 เขียนดีมาก ครบถ้วน จึงขอยกมานำเสนอแบบเต็มๆ ............... ปฐมบท..บอสพอล The Icon พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์ หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก) จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน.. ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global 👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan 👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/ ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้ เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้ จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558 👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/ เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“ --------- โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี" โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา ----------- ลูกค้าของพอล.. ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง) โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่ เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท 89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน) มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย --------- ยุคทองของ..บอสพอล The Icon เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้ The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ ----------- ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลได้เลย จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยาก ไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู เพราะเคสแบบนีัมันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน” หรือเคยมีใครได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้ เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้.. พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.? ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ.. การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่ บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้ จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย ---------- ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้ 1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ 2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer 3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20% เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้ 4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด" ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส. น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣 เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100% ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.? นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊ สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน . Cr : FB เหยื่อ V.2
    Like
    12
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 814 มุมมอง 1 รีวิว
  • บริษัททัวร์ CruiseDomain.com - The World of Cruising
    รับจองเรือสำราญ แพ็คเกจล่องเรือสำราญ ทัวร์เรือสำราญ ทุกเส้นทาง ทั่วโลก
    มีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษา วางแผนการเดินทาง อย่างชำนาญ
    บริษัทเปิดมาแล้ว 21 ปี
    ✔️ใบอนุญาตนำเที่ยวเลขที่ 11/11450

    #Cruise #เรือสำราญ #ล่องเรือสำราญ #แพ็คเกจเรือสำราญ #CruiseDomain
    #Promition #โปรโมชั่น #ลดราคา #Sale #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    บริษัททัวร์ CruiseDomain.com - The World of Cruising รับจองเรือสำราญ แพ็คเกจล่องเรือสำราญ ทัวร์เรือสำราญ ทุกเส้นทาง ทั่วโลก มีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษา วางแผนการเดินทาง อย่างชำนาญ บริษัทเปิดมาแล้ว 21 ปี ✔️ใบอนุญาตนำเที่ยวเลขที่ 11/11450 #Cruise #เรือสำราญ #ล่องเรือสำราญ #แพ็คเกจเรือสำราญ #CruiseDomain #Promition #โปรโมชั่น #ลดราคา #Sale #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1658 มุมมอง 0 รีวิว
  • My all-times comfort series ❤️
    Book 1 now on sale 😊

    https://a.co/d/e1I55eZ
    My all-times comfort series ❤️ Book 1 now on sale 😊 https://a.co/d/e1I55eZ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • อยากมีคู่ขา ไว้ดูแลขาคู่
    ชะเง้อมองดู นี่มันขาคู่จองไว้ให้คู่ขา
    กางเกงตัวดี ใช้แล้วดี๊ดี #มีไม่เยอะรีบจองน๊าา
    #Saleตัวละ 550.- ฟรีค่าจัดส่ง

    กางเกงรัดกล้ามเนื้อผู้หญิง
    สำหรับวิ่ง เล่นโยคะ และทุกกีฬาก็เอาอยู่
    Women Compression
    คุณสมบัติ:
    – ลดอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ
    – กางเกงออกแบบเพื่อให้เพิ่มระดับการไหลเวียนโลหิตได้ดีขึ้น
    – เส้นใยถักทอเพื่อให้แห้งอย่างรวดเร็ว
    – ป้องกันแบคทีเรีย ป้องกัน UV จากแสงอาทิตย์ UPF50+
    อยากมีคู่ขา ไว้ดูแลขาคู่ ชะเง้อมองดู นี่มันขาคู่จองไว้ให้คู่ขา กางเกงตัวดี ใช้แล้วดี๊ดี #มีไม่เยอะรีบจองน๊าา #Saleตัวละ 550.- ฟรีค่าจัดส่ง กางเกงรัดกล้ามเนื้อผู้หญิง สำหรับวิ่ง เล่นโยคะ และทุกกีฬาก็เอาอยู่ Women Compression คุณสมบัติ: – ลดอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ – กางเกงออกแบบเพื่อให้เพิ่มระดับการไหลเวียนโลหิตได้ดีขึ้น – เส้นใยถักทอเพื่อให้แห้งอย่างรวดเร็ว – ป้องกันแบคทีเรีย ป้องกัน UV จากแสงอาทิตย์ UPF50+
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • มนุษย์ชอบตัดสินผู้อื่นโดยใช้ความชั่ว
    และกิเลสของตัวเองเป็นที่ตั้ง
    ชอบใช้บริบทในปัจจุบัน
    ไปตัดสินคนในอดีตเป็นสิ่งที่โง่
    และมนุษย์แบบนี้ไม่ควรเป็นนักเขียน
    เพราะจะเผยแพร่ความชั่ว
    และความเข้าผิดใจในสังคมได้มาก
    มนุษย์พวกนี้แหละคือผู้สร้าง Toxic Propaganda
    สร้างกับดักว่าเป็น วิทยานิพนธ์ชั้นเลิศ อันดับ 1
    🍓ว่า Best Sales , New Arrival
    เพื่อดึงดูด
    เพราะมันจะต้องมีใครสักคนที่เชื่อแหละ
    ข่าวลือถูกเล่าโดยคนที่เกลียด
    แพร่กระจายโดยคนโง่
    ถูกเชื่อโดยคนปัญญาอ่อน

    เป็นวิทยานิพนธ์ชั้นเลิศ
    ที่ต้องหาที่อยู่ที่เหมาะสมให้เขา
    ก็คือ “ถังขยะ” 👏🏻👏🏻

    ผู้ถูกกล่าวถึง ท่านเคยกล่าวว่า
    “กว่าคนจะรู้ว่าฉันทำอะไรให้บ้านเมือง
    ก็เวลาล่วงไปกว่าร้อยปี” มันก็จริงนะ

    เราเทิดทูนท่านมาก
    ช่วงระยะเวลา 20 กว่าปี +
    ที่อ่านหนังสือเกี่ยวกับงานของท่าน
    แล้วพอมาเจอหนังสือที่เรียกว่า
    Toxic Propaganda แต่ก่อนกาล
    ช่างต่างเหลือเกินเทียบไทม์ไลน์
    เหตุผล อุปสงค์-อุปทานแล้ว
    ยิ่งรักท่านมากกว่าเดิม
    และท่านต้องมีขันติสูงจริงๆ
    ความฉลาดมองการไกลล่วงหน้าว่า
    ร้อยปีทุกอย่างมันจะเปลี่ยน

    Toxic พวกนั้นทำลายความจริงที่เป็นรูปธรรมไม่ได้ ทำทำลายความดีของสถาบันไม่ได้ นอกจากจะล้างสมอง Gen Y ไม่ได้แล้ว
    ยิ่งทำให้รักและเทิดทูนท่านมากกว่าเดิม
    😆😆😆😆😆😆😆😆😆😆
    #ด้อยค่าเจ้ายังไง #ให้โดนรุมด่า
    #สะใจว่ะ
    มนุษย์ชอบตัดสินผู้อื่นโดยใช้ความชั่ว และกิเลสของตัวเองเป็นที่ตั้ง ชอบใช้บริบทในปัจจุบัน ไปตัดสินคนในอดีตเป็นสิ่งที่โง่ และมนุษย์แบบนี้ไม่ควรเป็นนักเขียน เพราะจะเผยแพร่ความชั่ว และความเข้าผิดใจในสังคมได้มาก มนุษย์พวกนี้แหละคือผู้สร้าง Toxic Propaganda สร้างกับดักว่าเป็น วิทยานิพนธ์ชั้นเลิศ อันดับ 1 🍓ว่า Best Sales , New Arrival เพื่อดึงดูด เพราะมันจะต้องมีใครสักคนที่เชื่อแหละ ข่าวลือถูกเล่าโดยคนที่เกลียด แพร่กระจายโดยคนโง่ ถูกเชื่อโดยคนปัญญาอ่อน เป็นวิทยานิพนธ์ชั้นเลิศ ที่ต้องหาที่อยู่ที่เหมาะสมให้เขา ก็คือ “ถังขยะ” 👏🏻👏🏻 ผู้ถูกกล่าวถึง ท่านเคยกล่าวว่า “กว่าคนจะรู้ว่าฉันทำอะไรให้บ้านเมือง ก็เวลาล่วงไปกว่าร้อยปี” มันก็จริงนะ เราเทิดทูนท่านมาก ช่วงระยะเวลา 20 กว่าปี + ที่อ่านหนังสือเกี่ยวกับงานของท่าน แล้วพอมาเจอหนังสือที่เรียกว่า Toxic Propaganda แต่ก่อนกาล ช่างต่างเหลือเกินเทียบไทม์ไลน์ เหตุผล อุปสงค์-อุปทานแล้ว ยิ่งรักท่านมากกว่าเดิม และท่านต้องมีขันติสูงจริงๆ ความฉลาดมองการไกลล่วงหน้าว่า ร้อยปีทุกอย่างมันจะเปลี่ยน Toxic พวกนั้นทำลายความจริงที่เป็นรูปธรรมไม่ได้ ทำทำลายความดีของสถาบันไม่ได้ นอกจากจะล้างสมอง Gen Y ไม่ได้แล้ว ยิ่งทำให้รักและเทิดทูนท่านมากกว่าเดิม 😆😆😆😆😆😆😆😆😆😆 #ด้อยค่าเจ้ายังไง #ให้โดนรุมด่า #สะใจว่ะ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณกำลังมองหาเครื่องมือสร้างเว็บอย่างง่าย แต่เป็นมืออาชีพ ไม่ต้องเช้าโฮสต์ ฟรีตลอดชีพ และสอนทำแบบ Step By Step อยู่ใช่ไหม?

    หนังสือคู่มือ สร้างเว็บไซต์ฟรีง่ายๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ คู่มือ #สร้างเว็บไซต์ฟรี ด้วยเว็บบล็อก blogger

    ไม่ต้องจ่าย รายเดือน รายปี ฟรีตลอดชาติ ทำเป็นเว็บ salepage ได้ ทำเว็บแนะนำสินค้า ธุรกิจ ได้ แบรนดิ้งตัวเอง ให้ค้นหาเจอบนเสิร์จเอนจิ้น google, bing ทำเว็บสำหรับองค์กรได้ ทำเป็นเว็บสื่อสารได้ ทำเว็บข่าวสารได้ ทำเว็บขายประกัน ทําเว็บ portfolio ทำได้หมด สวยด้วย ดูดี ใช้ฟรีตลอดกาลนานเทอญ

    ไปที่ร้านค้า >

    คู่มือผม 20 หน้า อธิบาย สเต็ปบายสเตป ให้ทำได้ เวลาคล่องแล้ว 5 นาทีก็ทำได้แล้ว เอาเฉพาะที่สำคัญ เน้นได้เว็บไซต์ใช้งาน พิมพ์ด้วยกระดาษ A4 พิมพ์สี ตัวหนังสือใหญ่อ่านง่าย
    เว็บ: https://book.kaewta.com
    ซื้อหนังสือ: http://vt.tiktok.com/ZS2XbXGer/
    คุณกำลังมองหาเครื่องมือสร้างเว็บอย่างง่าย แต่เป็นมืออาชีพ ไม่ต้องเช้าโฮสต์ ฟรีตลอดชีพ และสอนทำแบบ Step By Step อยู่ใช่ไหม? หนังสือคู่มือ สร้างเว็บไซต์ฟรีง่ายๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ คู่มือ #สร้างเว็บไซต์ฟรี ด้วยเว็บบล็อก blogger ไม่ต้องจ่าย รายเดือน รายปี ฟรีตลอดชาติ ทำเป็นเว็บ salepage ได้ ทำเว็บแนะนำสินค้า ธุรกิจ ได้ แบรนดิ้งตัวเอง ให้ค้นหาเจอบนเสิร์จเอนจิ้น google, bing ทำเว็บสำหรับองค์กรได้ ทำเป็นเว็บสื่อสารได้ ทำเว็บข่าวสารได้ ทำเว็บขายประกัน ทําเว็บ portfolio ทำได้หมด สวยด้วย ดูดี ใช้ฟรีตลอดกาลนานเทอญ ไปที่ร้านค้า > คู่มือผม 20 หน้า อธิบาย สเต็ปบายสเตป ให้ทำได้ เวลาคล่องแล้ว 5 นาทีก็ทำได้แล้ว เอาเฉพาะที่สำคัญ เน้นได้เว็บไซต์ใช้งาน พิมพ์ด้วยกระดาษ A4 พิมพ์สี ตัวหนังสือใหญ่อ่านง่าย เว็บ: https://book.kaewta.com ซื้อหนังสือ: http://vt.tiktok.com/ZS2XbXGer/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • Human doctors don 't know cell biology nothing.

    This is the problem😭😭😭

    If​ they will know it.....than it, will be less and less cancer in the world, but now is more and more every day😤😤😤

    I​ am sorry to say this, but doctors about if something is broken or surgury are ok, but other...i not trust them nothing

    Because they are just salers of pharmacy.

    It same this, if they recognise one deseas..they give medicine which pharmacy made for this desease,no mather that it can make other desease because this medicine......and usuali people start with sugar b type deaease...AND SO CALLED DOCTORS...i call them buchers...GIVE PEOPLE MEDICINE ABOUT IT....INSTEAD EXPLAIN THE REASON WHY IT HAPPENED AND WHAT SHOULD PEOPLE DO...IN ORDER TO PREVENT It, BUT NO....THAY SALE PILLS

    ...AFTER SUGAR AND BECAUSE PILLS...COME HIGH PRESSURE, GUAS WHAT....THEY GIVE ANOTHER PILL FOR LOVER HIGH BP.....AFTER HIGH PB PILLS, CHOLESTEROL GO HIGH....THAN NEW PILLS COMMING....ABOUT TO LOWER CHOLESTEROL IN BLOOD....

    IT FAKING CRAZY😤😤😤

    But some people not start with high sugar, but for example with thirioditis....

    But result is same....more and more pills every year😤😤😤

    It better not say nothing about cancer....because all doctors who treated it should bekiled, because they are faking kilers,faking idiots😤😤😤

    All they have in mind is money😈😈😈

    And idiotic medicine doctrine protecting them😤😤😤

    Same faking solders....they can kill and get payed for it...idiots😈😈😈😈😈😈😈😈
    Human doctors don 't know cell biology nothing. This is the problem😭😭😭 If​ they will know it.....than it, will be less and less cancer in the world, but now is more and more every day😤😤😤 I​ am sorry to say this, but doctors about if something is broken or surgury are ok, but other...i not trust them nothing Because they are just salers of pharmacy. It same this, if they recognise one deseas..they give medicine which pharmacy made for this desease,no mather that it can make other desease because this medicine......and usuali people start with sugar b type deaease...AND SO CALLED DOCTORS...i call them buchers...GIVE PEOPLE MEDICINE ABOUT IT....INSTEAD EXPLAIN THE REASON WHY IT HAPPENED AND WHAT SHOULD PEOPLE DO...IN ORDER TO PREVENT It, BUT NO....THAY SALE PILLS ...AFTER SUGAR AND BECAUSE PILLS...COME HIGH PRESSURE, GUAS WHAT....THEY GIVE ANOTHER PILL FOR LOVER HIGH BP.....AFTER HIGH PB PILLS, CHOLESTEROL GO HIGH....THAN NEW PILLS COMMING....ABOUT TO LOWER CHOLESTEROL IN BLOOD.... IT FAKING CRAZY😤😤😤 But some people not start with high sugar, but for example with thirioditis.... But result is same....more and more pills every year😤😤😤 It better not say nothing about cancer....because all doctors who treated it should bekiled, because they are faking kilers,faking idiots😤😤😤 All they have in mind is money😈😈😈 And idiotic medicine doctrine protecting them😤😤😤 Same faking solders....they can kill and get payed for it...idiots😈😈😈😈😈😈😈😈
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Nutritional” vs. “Healthy”: Are These Synonyms?

    The words healthy and nutritional seem to go hand in hand. We often see them used to describe the same foods. For example, it makes sense that a carrot would be healthy and nutritional. But does that mean these two words mean the same thing?

    Sometimes food labels can be misleading, so it makes sense to ask, what does healthy mean? What is nutritional, and are these terms synonyms? With a close examination, we can determine the scope of each word. We can have a clearer understanding of how they apply to our daily food choices, so we can make better ones.

    (And just so we’re clear … we may be talking about healthy food, but that doesn’t mean we’re asking you to toss out that certain breakfast cereal with little, multi-colored marshmallows that are “magically delicious.” No judgment!)

    What do healthy and nutritional mean?

    First, let’s look at our own definitions of the terms. We define the word healthy as “pertaining to or characteristic of good health.” The word healthy was first recorded in 1545–55.

    The word nutritional is defined as “the act or process of nourishing or of being nourished.” The word nutrition first originated in 1375–1425 from late Middle English, and it’s derived from the Latin word nūtrīre (meaning “to feed”).

    But, what’s nourish? It’s supplying what is necessary for life, health, and growth.

    So, nutritional and nourish pertain to what foods provide us with in the way of vitamins, minerals, and sustenance. And, interestingly enough, the word nutrition is recorded before healthy—but did nutrition influence the meaning of healthy?

    Does good nutrition equal good health?

    When we say health, we are pretty much referring to our bodies, the machines that run hard every day and that need maintenance and care.

    When we say nutrition, we’re generally talking about the right kind of fuel to make our human-body machines run. Simple enough. It seems that good nutrition does equal good health then.

    How are nutritional and healthy different?

    Is sugary, marshmallow cereal nutritional? A look at the food label reveals that yes, it is nutritional. Cereals typically provide important vitamins that nourish our bodies. But is it healthy? That is where we begin to see the divide, and where it becomes clear the words healthy and nutritional are not synonyms.

    If the word healthy means something that is conducive to good health, it seems wrong to label sugary cereals as nutritional and definitely inaccurate to label them as healthy. Foods loaded with sugar are not healthy.

    But, what about superfoods? Is this just a way of rebranding some pretty humble foods like blueberries, walnuts, salmon, and sweet potatoes to boost sales? Maybe. But, that doesn’t mean it’s a bad thing. These foods used to be staples of the American diet but have fallen out of popularity over the years with the rise of processed and fast foods. However, with the new superfood status, the popularity of truly nutritional foods is on the rise again. These foods deserve the healthy and nutritional labels.

    What happens when we drown kale in brown sugar (and sesame, yum) though? Is it a nutritional and healthy food? The kale may not lose its nutritional value, if cooked properly, but the healthy aspect is now jeopardized by the addition of sugar. Most nutritionists agree that sugar is a fairly evil force in the food world that can taint even the healthiest superfood. And, while eating kale drowned in brown sugar may not be as bad for you as those sugary marshmallows, it’s definitely not considered healthy anymore.

    Similarly, acai berry is a superfood, but it loses it high nutritional value when it’s turned into juice with high levels of added sugar. Green tea has very high levels of antioxidants, but falls on the wrong side of healthy when it’s processed with less healthy teas and served with sugar. Some whole grains are processed to a degree that causes them to lose their nutritional value or prompts the body to process them in a way that spikes sugar levels.

    So, perhaps the best thing to remember when shopping for (good) nutritional and healthy food is that you can take a perfectly nutritious food and turn it into something that has a less positive, or healthy, effect on your body. If you process it in a certain way, overcook it, or add enough sugar (or cute little marshmallows), it won’t be healthy at all.

    What does nutritional labeling tell us?

    Sometimes, in a moment of utter hunger, we may look at the label of a pre-packaged snack food and see that it’s under 200 calories with only a few grams of fat. Yes, it has a bunch of sodium and added sugar (how much is too much?), and a bunch of other things we’re not sure about. But, it seems slightly healthy (and it says “low fat” in a green banner), so down the hatch it goes.

    The way your body breaks down that processed food—and its list of mystery ingredients—is quite different from the way your body would process, say, an apple and a handful of nuts. These are whole foods (see where that supermarket chain got the name?), which are always more healthy and nutritional than anything processed and pre-packaged. Your body breaks down whole foods slowly throughout the day, allowing those nutrients to do their job, giving you more energy, and keeping you full and fueled.

    Nutritional labeling is important, and an important part of it is the ingredients list. The fewer the ingredients (and the fewer mystery ingredients), the better. The ingredients list for a crisp, juicy apple is: apple. That’s the best kind of list.

    The Food and Drug Administration (FDA) has good information on its web site about reading these labels. They advise that the most important things are the serving size (beware that some packages are considered two servings, when you might think of it as one), the nutrition info (fiber, sugar, salt, fat, etc.), and the percentage of “daily value” (you want a high daily value of the nutrients that are good for you, like calcium, and a low daily value of the nutrients that aren’t so good, such as saturated fat).

    The power of words

    That said, even the FDA revises its standards frequently for what it deems “healthy foods,” as they did recently to consider “added” sugars vs. “naturally occurring” sugars. Now, all sugars are not equal.

    The science of nutrition is a fluid one and keeping up takes some work. Understanding the nomenclature is helpful, as is knowing that healthy is a state of being, and that good nutrition is what gets you there.

    But, beware of catchy marketing and claims to be part of a “balanced” meal, because without the nutritional info to back it up, those claims are just food clickbait.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    “Nutritional” vs. “Healthy”: Are These Synonyms? The words healthy and nutritional seem to go hand in hand. We often see them used to describe the same foods. For example, it makes sense that a carrot would be healthy and nutritional. But does that mean these two words mean the same thing? Sometimes food labels can be misleading, so it makes sense to ask, what does healthy mean? What is nutritional, and are these terms synonyms? With a close examination, we can determine the scope of each word. We can have a clearer understanding of how they apply to our daily food choices, so we can make better ones. (And just so we’re clear … we may be talking about healthy food, but that doesn’t mean we’re asking you to toss out that certain breakfast cereal with little, multi-colored marshmallows that are “magically delicious.” No judgment!) What do healthy and nutritional mean? First, let’s look at our own definitions of the terms. We define the word healthy as “pertaining to or characteristic of good health.” The word healthy was first recorded in 1545–55. The word nutritional is defined as “the act or process of nourishing or of being nourished.” The word nutrition first originated in 1375–1425 from late Middle English, and it’s derived from the Latin word nūtrīre (meaning “to feed”). But, what’s nourish? It’s supplying what is necessary for life, health, and growth. So, nutritional and nourish pertain to what foods provide us with in the way of vitamins, minerals, and sustenance. And, interestingly enough, the word nutrition is recorded before healthy—but did nutrition influence the meaning of healthy? Does good nutrition equal good health? When we say health, we are pretty much referring to our bodies, the machines that run hard every day and that need maintenance and care. When we say nutrition, we’re generally talking about the right kind of fuel to make our human-body machines run. Simple enough. It seems that good nutrition does equal good health then. How are nutritional and healthy different? Is sugary, marshmallow cereal nutritional? A look at the food label reveals that yes, it is nutritional. Cereals typically provide important vitamins that nourish our bodies. But is it healthy? That is where we begin to see the divide, and where it becomes clear the words healthy and nutritional are not synonyms. If the word healthy means something that is conducive to good health, it seems wrong to label sugary cereals as nutritional and definitely inaccurate to label them as healthy. Foods loaded with sugar are not healthy. But, what about superfoods? Is this just a way of rebranding some pretty humble foods like blueberries, walnuts, salmon, and sweet potatoes to boost sales? Maybe. But, that doesn’t mean it’s a bad thing. These foods used to be staples of the American diet but have fallen out of popularity over the years with the rise of processed and fast foods. However, with the new superfood status, the popularity of truly nutritional foods is on the rise again. These foods deserve the healthy and nutritional labels. What happens when we drown kale in brown sugar (and sesame, yum) though? Is it a nutritional and healthy food? The kale may not lose its nutritional value, if cooked properly, but the healthy aspect is now jeopardized by the addition of sugar. Most nutritionists agree that sugar is a fairly evil force in the food world that can taint even the healthiest superfood. And, while eating kale drowned in brown sugar may not be as bad for you as those sugary marshmallows, it’s definitely not considered healthy anymore. Similarly, acai berry is a superfood, but it loses it high nutritional value when it’s turned into juice with high levels of added sugar. Green tea has very high levels of antioxidants, but falls on the wrong side of healthy when it’s processed with less healthy teas and served with sugar. Some whole grains are processed to a degree that causes them to lose their nutritional value or prompts the body to process them in a way that spikes sugar levels. So, perhaps the best thing to remember when shopping for (good) nutritional and healthy food is that you can take a perfectly nutritious food and turn it into something that has a less positive, or healthy, effect on your body. If you process it in a certain way, overcook it, or add enough sugar (or cute little marshmallows), it won’t be healthy at all. What does nutritional labeling tell us? Sometimes, in a moment of utter hunger, we may look at the label of a pre-packaged snack food and see that it’s under 200 calories with only a few grams of fat. Yes, it has a bunch of sodium and added sugar (how much is too much?), and a bunch of other things we’re not sure about. But, it seems slightly healthy (and it says “low fat” in a green banner), so down the hatch it goes. The way your body breaks down that processed food—and its list of mystery ingredients—is quite different from the way your body would process, say, an apple and a handful of nuts. These are whole foods (see where that supermarket chain got the name?), which are always more healthy and nutritional than anything processed and pre-packaged. Your body breaks down whole foods slowly throughout the day, allowing those nutrients to do their job, giving you more energy, and keeping you full and fueled. Nutritional labeling is important, and an important part of it is the ingredients list. The fewer the ingredients (and the fewer mystery ingredients), the better. The ingredients list for a crisp, juicy apple is: apple. That’s the best kind of list. The Food and Drug Administration (FDA) has good information on its web site about reading these labels. They advise that the most important things are the serving size (beware that some packages are considered two servings, when you might think of it as one), the nutrition info (fiber, sugar, salt, fat, etc.), and the percentage of “daily value” (you want a high daily value of the nutrients that are good for you, like calcium, and a low daily value of the nutrients that aren’t so good, such as saturated fat). The power of words That said, even the FDA revises its standards frequently for what it deems “healthy foods,” as they did recently to consider “added” sugars vs. “naturally occurring” sugars. Now, all sugars are not equal. The science of nutrition is a fluid one and keeping up takes some work. Understanding the nomenclature is helpful, as is knowing that healthy is a state of being, and that good nutrition is what gets you there. But, beware of catchy marketing and claims to be part of a “balanced” meal, because without the nutritional info to back it up, those claims are just food clickbait. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 563 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤣จีนตบหน้าด้วยการคว่ำบาตรบริษัทสหรัฐฯ ๙ แห่ง กรณีขายอาวุธให้ไต้หวัน🤣

    ปักกิ่งตัดสินใจคว่ำบาตรบริษัทสหรัฐฯ ๙ แห่ง กรณีขายอาวุธให้ไต้หวัน, กระทรวงต่างประเทศจีนแถลงเมื่อวันพุธ

    "จีนตัดสินใจใช้มาตรการตอบโต้บริษัทสหรัฐฯ ๙ แห่ง, รวมถึง Sierra Nevada Corporation, Stick Rudder Enterprises LLC, Cubic Corporation, S3 AeroDefense, TCOM, TextOre, Planate Management Group, ACT1 Federal, Exovera," กระทรวงต่างประเทศจีนระบุในแถลงการณ์

    เมื่อวันอังคาร, สำนักงานความร่วมมือด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศของสหรัฐฯ (DSCA) กล่าวว่า กระทรวงต่างประเทศได้อนุมัติการขายอาวุธให้กับต่างประเทศให้กับสำนักงานตัวแทนเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป (TECRO) เป็นมูลค่า ๒๒๘ ล้านดอลลาร์
    .
    China to slap sanctions on nine US firms over arms sales to Taiwan

    Beijing has decided to impose sanctions on nine US companies for selling weapons to Taiwan, the Chinese Foreign Ministry said on Wednesday.

    "China has decided to impose countermeasures against nine US comnies, including Sierra Nevada Corporation, Stick Rudder Enterprises LLC, Cubic Corporation, S3 AeroDefense, TCOM, TextOre, Planate Management Group, ACT1 Federal, Exovera," the ministry said in a statement.

    On Tuesday, the US Defense Security Cooperation Agency (DSCA) said that the State Department had approved a potential Foreign Military Sale to the Taipei Economic and Cultural Representative Office (TECRO) to the tune of $228 million.
    .
    6:06 PM · Sep 18, 2024 · 2,308 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1836361167884755300
    🤣จีนตบหน้าด้วยการคว่ำบาตรบริษัทสหรัฐฯ ๙ แห่ง กรณีขายอาวุธให้ไต้หวัน🤣 ปักกิ่งตัดสินใจคว่ำบาตรบริษัทสหรัฐฯ ๙ แห่ง กรณีขายอาวุธให้ไต้หวัน, กระทรวงต่างประเทศจีนแถลงเมื่อวันพุธ "จีนตัดสินใจใช้มาตรการตอบโต้บริษัทสหรัฐฯ ๙ แห่ง, รวมถึง Sierra Nevada Corporation, Stick Rudder Enterprises LLC, Cubic Corporation, S3 AeroDefense, TCOM, TextOre, Planate Management Group, ACT1 Federal, Exovera," กระทรวงต่างประเทศจีนระบุในแถลงการณ์ เมื่อวันอังคาร, สำนักงานความร่วมมือด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศของสหรัฐฯ (DSCA) กล่าวว่า กระทรวงต่างประเทศได้อนุมัติการขายอาวุธให้กับต่างประเทศให้กับสำนักงานตัวแทนเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป (TECRO) เป็นมูลค่า ๒๒๘ ล้านดอลลาร์ . China to slap sanctions on nine US firms over arms sales to Taiwan Beijing has decided to impose sanctions on nine US companies for selling weapons to Taiwan, the Chinese Foreign Ministry said on Wednesday. "China has decided to impose countermeasures against nine US comnies, including Sierra Nevada Corporation, Stick Rudder Enterprises LLC, Cubic Corporation, S3 AeroDefense, TCOM, TextOre, Planate Management Group, ACT1 Federal, Exovera," the ministry said in a statement. On Tuesday, the US Defense Security Cooperation Agency (DSCA) said that the State Department had approved a potential Foreign Military Sale to the Taipei Economic and Cultural Representative Office (TECRO) to the tune of $228 million. . 6:06 PM · Sep 18, 2024 · 2,308 Views https://x.com/SputnikInt/status/1836361167884755300
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 361 มุมมอง 0 รีวิว
  • [For Sale] ขายด่วน!! ถูกสุดในตลาด คอนโด 2 ห้องนอน คันทรี คอมเพล็กซ์ (Country Complex) บางนา 2 ล้านมีทอน ติดถนนสรรพาวุธ ใกล้ทางด่วน และ BTS บางนา
    .
    ห้องขนาดใหญ่ในราคาพิเศษสุดในตลาด
    -คอนโด 2 นอน ในราคา 1 นอน
    -ที่จอดรถ 2 คัน (Fix 1, วนจอด 1)
    -ห้องใหญ่จุใจ 77 ตร.ม.
    -คอนโดอายุเยอะ แต่สภาพดีมาก โครงสร้างแข็งแรง
    -เดินทางเข้าออกเมืองได้ง่าย ใกล้รถไฟฟ้าบางนา
    -ติดถนนสรรพาวุธ
    -ใกล้ถนนบางนา-ตราด
    .
    พิเศษเพียง 1.99 ล้านบาท Agent post
    .
    รายละเอียด
    -2 ห้องนอน
    -1 ห้องน้ำ
    -1 ห้องนั่งเล่น
    -ขนาด 77 ตร.ม.
    -ชั้น 15
    -ตึก B
    -เหมาะกับการซื้อไปรีโนเวทใหม่
    .
    ส่วนกลางโครงการ
    - Lobby
    - ห้องจดหมาย
    - สระว่ายน้ำฟิตเนส
    - สวนพักผ่อน
    - ลิฟต์โดยสาร 4 ตัว
    - เข้า-ออกควบคุมด้วยคีย์การ์ด
    - CCTV
    - ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.
    .
    สถานที่ใกล้เคียง :
    -รถไฟฟ้า BTS บางนา
    -วิทยาลัยเทคโนโลยีอรรถวิทย์พณิชยการ
    -วิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก
    -ภิรัช ทาวเวอร์
    -เซ็นทรัลบางนา
    -ไบเทคบางนา
    -โรงเรียนอรรถวิทย์
    -ตลาดบางนา
    -โรงพยาบาลไทยนครินทร์
    -BANGKOK MALL
    -รพ.กล้วยน้ำไท 2
    .
    —————————————————————
    สนใจนัดชมติดต่อ: 083-013-1659
    Line: 0830131659
    __________________________________
    .
    #bangna #BTSบางนา #คันทรีคอมเพล็กซ์ #countrycomplex #condoสรรพาวุธ #สรรพาวุธ #คอนโดบางนา
    [For Sale] ขายด่วน!! ถูกสุดในตลาด คอนโด 2 ห้องนอน คันทรี คอมเพล็กซ์ (Country Complex) บางนา 2 ล้านมีทอน ติดถนนสรรพาวุธ ใกล้ทางด่วน และ BTS บางนา . ห้องขนาดใหญ่ในราคาพิเศษสุดในตลาด -คอนโด 2 นอน ในราคา 1 นอน -ที่จอดรถ 2 คัน (Fix 1, วนจอด 1) -ห้องใหญ่จุใจ 77 ตร.ม. -คอนโดอายุเยอะ แต่สภาพดีมาก โครงสร้างแข็งแรง -เดินทางเข้าออกเมืองได้ง่าย ใกล้รถไฟฟ้าบางนา -ติดถนนสรรพาวุธ -ใกล้ถนนบางนา-ตราด . พิเศษเพียง 1.99 ล้านบาท Agent post . รายละเอียด -2 ห้องนอน -1 ห้องน้ำ -1 ห้องนั่งเล่น -ขนาด 77 ตร.ม. -ชั้น 15 -ตึก B -เหมาะกับการซื้อไปรีโนเวทใหม่ . ส่วนกลางโครงการ - Lobby - ห้องจดหมาย - สระว่ายน้ำฟิตเนส - สวนพักผ่อน - ลิฟต์โดยสาร 4 ตัว - เข้า-ออกควบคุมด้วยคีย์การ์ด - CCTV - ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. . สถานที่ใกล้เคียง : -รถไฟฟ้า BTS บางนา -วิทยาลัยเทคโนโลยีอรรถวิทย์พณิชยการ -วิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก -ภิรัช ทาวเวอร์ -เซ็นทรัลบางนา -ไบเทคบางนา -โรงเรียนอรรถวิทย์ -ตลาดบางนา -โรงพยาบาลไทยนครินทร์ -BANGKOK MALL -รพ.กล้วยน้ำไท 2 . ————————————————————— สนใจนัดชมติดต่อ: 083-013-1659 Line: 0830131659 __________________________________ . #bangna #BTSบางนา #คันทรีคอมเพล็กซ์ #countrycomplex #condoสรรพาวุธ #สรรพาวุธ #คอนโดบางนา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 363 มุมมอง 0 รีวิว
  • Understand The Difference Between Ethos, Pathos, And Logos To Make Your Point

    During an argument, people will often say whatever is necessary to win. If that is the case, they would certainly need to understand the three modes of persuasion, also commonly known as the three rhetorical appeals: ethos, pathos, and logos. In short, these three words refer to three main methods that a person can use to speak or write persuasively. As you’re about to find out, the modes of persuasion are important because a speaker who knows how to effectively use them will have a significant advantage over someone who doesn’t.

    The terms ethos, pathos, and logos and the theory of their use can be traced back to ancient Greece to the philosophy of Aristotle. Aristotle used these three concepts in his explanations of rhetoric, or the art of influencing the thought and conduct of an audience. For Aristotle, the three modes of persuasion specifically referred to the three major parts of an argument: the speaker (ethos), the argument itself (logos), and the audience (pathos). In particular, Aristotle focused on the speaker’s character, the logic and reason presented by an argument, and the emotional impact the argument had on an audience.

    While they have ancient roots, these modes of persuasion are alive and well today. Put simply, ethos refers to persuasion based on the credibility or authority of the speaker, pathos refers to persuasion based on emotion, and logos refers to persuasion based on logic or reason.

    By effectively using the three modes of persuasion with a large supply of rhetorical devices, a speaker or writer can become a master of rhetoric and win nearly any argument or win over any audience. Before they can do that, though, they must know exactly what ethos, pathos, and logos mean. Fortunately, we are going to look closely at each of these three ideas and see if they are really as effective as they are said to be.

    Quick summary

    Ethos, pathos, and logos are the three classical modes of persuasion that a person can use to speak or write persuasively. Specifically:

    ethos (character): known as “the appeal to authority” or “the appeal to credibility.” This is the method in which a person relies on their credibility or character when making an appeal or an argument.

    pathos (emotions): known as “the appeal to emotion.” Pathos refers to the method of trying to persuade an audience by eliciting some kind of emotional reaction.

    logos (logic): known as “the appeal to reason.” This method involves using facts and logical reasoning to support an argument and persuade an audience.


    What is ethos?

    The word ethos comes straight from Greek. In Greek, ethos literally translates to “habit,” “custom,” or “character.” Ethos is related to the words ethic and ethical, which are typically used to refer to behavior that is or isn’t acceptable for a particular person.

    In rhetoric, the word ethos is used to refer to the character or reputation of the speaker. As a rhetorical appeal, ethos is known as “the appeal to authority” or “the appeal to credibility.” When it comes to ethos, one important consideration is how the speaker carries themself and how they present themselves to the audience: Does it seem like they know what they are talking about? Do they even believe the words they are saying? Are they an expert? Do they have some experience or skills that tell us we should listen to them?

    Ethos is important in rhetoric because it often influences the opinion or mood of the audience. If a speaker seems unenthusiastic, unprepared, or inexperienced, the audience is more likely to discount the speaker’s argument regardless of what it even is. On the other hand, a knowledgeable, authoritative, confident speaker is much more likely to win an audience over.

    Ethos often depends on more than just the argument itself. For example, a speaker’s word choice, grammar, and diction also contribute to ethos; an audience may react more favorably toward a professional speaker who has a good grasp of industry jargon and enunciates clearly versus a speaker who lacks the necessary vocabulary and fails to enunciate. Ethos can also be influenced by nonverbal factors as well, such as posture, body language, eye contact, and even the speaker’s choice of clothing. For example, a military officer proudly wearing their uniform bedecked with medals will go a long way to establishing ethos without them saying a single word.

    Here as a simple example of ethos:

    “As a former mayor of this city, I believe we can solve this crisis if we band together.”
    The speaker uses ethos by alerting the audience of their credentials and experience. By doing so, they rely on their reputation to be more persuasive. This “as a…” method of establishing ethos is common, and you have probably seen it used in many persuasive advertisements and speeches.


    What is pathos?

    In Greek, pathos literally translates to “suffering, experience, or sensation.” The word pathos is related to the words pathetic, sympathy, and empathy, which all have to do with emotions or emotional connections. Aristotle used the word pathos to refer to the emotional impact that an argument had on an audience; this usage is still mainly how pathos is used in rhetoric today.

    As a rhetorical appeal, pathos is referred to as “the appeal to emotion.” Generally speaking, an author or speaker is using pathos when they are trying to persuade an audience by causing some kind of emotional reaction. When it comes to pathos, any and all emotions are on the table: sadness, fear, hope, joy, anger, lust, pity, etc.

    As you probably know from your own life, emotions are a powerful motivating factor. For this reason, relying on pathos is often a smart and effective strategy for persuading an audience. Both positive and negative emotions can heavily influence an audience: for example, an audience will want to support a speaker whose position will make them happy, a speaker who wants to end their sadness, or a speaker who is opposed to something that makes them angry.

    Here is a simple example of pathos:

    “Every day, the rainforests shrink and innocent animals are killed. We must do something about this calamitous trend before the planet we call our home is damaged beyond repair.”
    Here, the author is trying to win over an audience by making them feel sad, concerned, or afraid. The author’s choice of words like “innocent” and “calamitous” enforce the fact that they are trying to rely on pathos.


    What is logos?

    In Greek, the word logos literally translates to “word, reason, or discourse.” The word logos is related to many different words that have to do with reason, discourse, or knowledge, such as logic, logical, and any words that end in the suffixes -logy or -logue.

    As a mode of persuasion and rhetorical appeal, logos is often referred to as “the appeal to reason.” If a speaker or author is relying on logos, they are typically reciting facts or providing data and statistics that support their argument. In a manner of speaking, logos does away with all of the bells and whistles of ethos and pathos and cuts to the chase by trying to present a rational argument.

    Logos can be effective in arguments because, in theory, it is impossible to argue against truth and facts. An audience is more likely to agree with a speaker who can provide strong, factual evidence that shows their position is correct. On the flip side, an audience is less likely to support an argument that is flawed or entirely wrong. Going further, a speaker that presents a lot of supporting evidence and data to the audience is likely to come across as knowledgeable and someone to be listened to, which earns bonus points in ethos as well.

    While Aristotle clearly valued an argument based on reason very highly, we know that logos alone doesn’t always effectively persuade an audience. In your own life, you have likely seen a rational, correct speaker lose an argument to a charismatic, authoritative speaker who may not have the facts right.

    Here is a simple example of logos:

    “According to market research, sales of computer chips have increased by 300% in the last five years. Analysis of the industry tells us that the market share of computer chips is dominated by Asian manufacturers. It is clear that the Asian technology sector will continue to experience rapid growth for the foreseeable future.”
    In this paragraph, the author is using data, statistics, and logical reasoning to make their argument. They clearly hope to use logos to try to convince an audience to agree with them.

    Examples of ethos, pathos, and logos
    Ethos, pathos, and logos can all be employed to deliver compelling and persuasive arguments or to win over an audience. Let’s look at a variety of examples to see how different speakers and authors have turned to these modes of persuasion over the years.


    ethos

    “Come I to speak in Caesar’s funeral.
    He was my friend, faithful and just to me […] You all did see that on the Lupercal
    I thrice presented him a kingly crown,
    Which he did thrice refuse: was this ambition?”
    —Marc Antony, Julius Caesar by William Shakespeare

    In this scene, Marc Antony is trying to win over the Roman people, so Shakespeare has Antony rely on ethos. Antony is establishing himself as both a person of authority in Rome (having the power to offer Caesar a crown) and an expert on Caesar’s true character (Antony was Caesar’s close friend and advisor).

    “During the next five years, I started a company named NeXT, another company named Pixar, and fell in love with an amazing woman who would become my wife. Pixar went on to create the world’s first computer animated feature film, Toy Story, and is now the most successful animation studio in the world. In a remarkable turn of events, Apple bought NeXT, I returned to Apple, and the technology we developed at NeXT is at the heart of Apple’s current renaissance.”
    —Steve Jobs, 2005

    Here, Steve Jobs is providing his background–via humblebrag– of being a major figure in several different highly successful tech companies. Jobs is using ethos to provide substance to his words and make it clear to the audience that he knows what he is talking about and they should listen to him.


    pathos

    “Moreover, though you hate both him and his gifts with all your heart, yet pity the rest of the Achaeans who are being harassed in all their host; they will honour you as a god, and you will earn great glory at their hands. You might even kill Hector; he will come within your reach, for he is infatuated, and declares that not a Danaan whom the ships have brought can hold his own against him.”
    —Ulysses to Achilles, The Iliad by Homer

    In this plea, Ulysses is doing his best to pile on the pathos. In one paragraph, Ulysses is attempting to appeal to several of Achilles’s emotions: his hatred of Hector, his infamous stubborn pride, his sympathy for civilians, and his desire for vengeance.

    “I am not unmindful that some of you have come here out of great trials and tribulations. Some of you have come fresh from narrow jail cells. Some of you have come from areas where your quest—quest for freedom left you battered by the storms of persecution and staggered by the winds of police brutality.”
    —Dr. Martin Luther King Jr., 1963

    In this excerpt from his “I Have A Dream” speech, King is using pathos to accomplish two goals at once. First, he is connecting with his audience by making it clear is aware of their plight and suffering. Second, he is citing these examples to cause sadness or outrage in the audience. Both of these effects will make an audience interested in what he has to say and more likely to support his position.


    logos

    “Let it be remembered how powerful the influence of a single introduced tree or mammal has been shown to be. But in the case of an island, or of a country partly surrounded by barriers, into which new and better adapted forms could not freely enter, we should then have places in the economy of nature which would assuredly be better filled up if some of the original inhabitants were in some manner modified; for, had the area been open to immigration, these same places would have been seized on by intruders. In such case, every slight modification, which in the course of ages chanced to arise, and which in any way favoured the individuals of any of the species, by better adapting them to their altered conditions, would tend to be preserved; and natural selection would have free scope for the work of improvement.”
    —Charles Darwin, On the Origin of the Species, 1859

    In this passage, Darwin is using logos by presenting a rational argument in support of natural selection. Darwin connects natural selection to established scientific knowledge to argue that it makes logical sense that animals would adapt to better survive in their environment.

    “I often echo the point made by the climate scientist James Hansen: The accumulation of carbon dioxide, methane and other greenhouse gases—some of which will envelop the planet for hundreds and possibly thousands of years—is now trapping as much extra energy daily as 500,000 Hiroshima-class atomic bombs would release every 24 hours. This is the crisis we face.”
    —Al Gore, “The Climate Crisis Is the Battle of Our Time, and We Can Win,” 2019

    In this call to action, Al Gore uses logos to attempt to convince his audience of the significance of climate change. In order to do this, Gore both cites an expert in the field and provides a scientifically accurate simile to explain the scale of the effect that greenhouse gases have on Earth’s atmosphere.


    What are mythos and kairos?

    Some modern scholars may also use terms mythos and kairos when discussing modes of persuasion or rhetoric in general.

    Aristotle used the term mythos to refer to the plot or story structure of Greek tragedies, i.e., how a playwright ordered the events of the story to affect the audience. Today, mythos is most often discussed as a literary or poetic term rather than a rhetorical one. However, mythos may rarely be referred to as the “appeal to culture” or the “appeal to myth” if it is treated as an additional mode of persuasion. According to this viewpoint, a speaker/writer is using mythos if they try to persuade an audience using shared cultural customs or societal values.

    A commonly cited example of mythos is King’s “I Have a Dream” speech quoted earlier. King says:

    “When the architects of our republic wrote the magnificent words of the Constitution and the Declaration of Independence, they were signing a promissory note to which every American was to fall heir. This note was a promise that all men—yes, black men as well as white men—would be guaranteed the ‘unalienable rights’ of ‘life, liberty and the pursuit of happiness.’ ”

    Throughout the speech, King repeatedly uses American symbols and American history (mythos) to argue that all Americans should be outraged that Black Americans have been denied freedom and civil rights.

    Some modern scholars may also consider kairos as an additional mode of persuasion. Kairos is usually defined as referring to the specific time and place that a speaker chooses to deliver their speech. For written rhetoric, the “place” instead refers to the specific medium or publication in which a piece of writing appears.

    Unlike the other modes of persuasion, kairos relates to the context of a speech and how the appropriateness (or not) of a setting affects how effective a speaker is. Once again, King’s “I Have a Dream” speech is a great example of the use of kairos. This speech was delivered at the steps of the Lincoln Memorial during the 100th anniversary of the Emancipation Proclamation at the end of the March on Washington for Jobs and Freedom. Clearly, King intended to use kairos to enhance the importance and timeliness of this landmark speech.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    Understand The Difference Between Ethos, Pathos, And Logos To Make Your Point During an argument, people will often say whatever is necessary to win. If that is the case, they would certainly need to understand the three modes of persuasion, also commonly known as the three rhetorical appeals: ethos, pathos, and logos. In short, these three words refer to three main methods that a person can use to speak or write persuasively. As you’re about to find out, the modes of persuasion are important because a speaker who knows how to effectively use them will have a significant advantage over someone who doesn’t. The terms ethos, pathos, and logos and the theory of their use can be traced back to ancient Greece to the philosophy of Aristotle. Aristotle used these three concepts in his explanations of rhetoric, or the art of influencing the thought and conduct of an audience. For Aristotle, the three modes of persuasion specifically referred to the three major parts of an argument: the speaker (ethos), the argument itself (logos), and the audience (pathos). In particular, Aristotle focused on the speaker’s character, the logic and reason presented by an argument, and the emotional impact the argument had on an audience. While they have ancient roots, these modes of persuasion are alive and well today. Put simply, ethos refers to persuasion based on the credibility or authority of the speaker, pathos refers to persuasion based on emotion, and logos refers to persuasion based on logic or reason. By effectively using the three modes of persuasion with a large supply of rhetorical devices, a speaker or writer can become a master of rhetoric and win nearly any argument or win over any audience. Before they can do that, though, they must know exactly what ethos, pathos, and logos mean. Fortunately, we are going to look closely at each of these three ideas and see if they are really as effective as they are said to be. Quick summary Ethos, pathos, and logos are the three classical modes of persuasion that a person can use to speak or write persuasively. Specifically: ethos (character): known as “the appeal to authority” or “the appeal to credibility.” This is the method in which a person relies on their credibility or character when making an appeal or an argument. pathos (emotions): known as “the appeal to emotion.” Pathos refers to the method of trying to persuade an audience by eliciting some kind of emotional reaction. logos (logic): known as “the appeal to reason.” This method involves using facts and logical reasoning to support an argument and persuade an audience. What is ethos? The word ethos comes straight from Greek. In Greek, ethos literally translates to “habit,” “custom,” or “character.” Ethos is related to the words ethic and ethical, which are typically used to refer to behavior that is or isn’t acceptable for a particular person. In rhetoric, the word ethos is used to refer to the character or reputation of the speaker. As a rhetorical appeal, ethos is known as “the appeal to authority” or “the appeal to credibility.” When it comes to ethos, one important consideration is how the speaker carries themself and how they present themselves to the audience: Does it seem like they know what they are talking about? Do they even believe the words they are saying? Are they an expert? Do they have some experience or skills that tell us we should listen to them? Ethos is important in rhetoric because it often influences the opinion or mood of the audience. If a speaker seems unenthusiastic, unprepared, or inexperienced, the audience is more likely to discount the speaker’s argument regardless of what it even is. On the other hand, a knowledgeable, authoritative, confident speaker is much more likely to win an audience over. Ethos often depends on more than just the argument itself. For example, a speaker’s word choice, grammar, and diction also contribute to ethos; an audience may react more favorably toward a professional speaker who has a good grasp of industry jargon and enunciates clearly versus a speaker who lacks the necessary vocabulary and fails to enunciate. Ethos can also be influenced by nonverbal factors as well, such as posture, body language, eye contact, and even the speaker’s choice of clothing. For example, a military officer proudly wearing their uniform bedecked with medals will go a long way to establishing ethos without them saying a single word. Here as a simple example of ethos: “As a former mayor of this city, I believe we can solve this crisis if we band together.” The speaker uses ethos by alerting the audience of their credentials and experience. By doing so, they rely on their reputation to be more persuasive. This “as a…” method of establishing ethos is common, and you have probably seen it used in many persuasive advertisements and speeches. What is pathos? In Greek, pathos literally translates to “suffering, experience, or sensation.” The word pathos is related to the words pathetic, sympathy, and empathy, which all have to do with emotions or emotional connections. Aristotle used the word pathos to refer to the emotional impact that an argument had on an audience; this usage is still mainly how pathos is used in rhetoric today. As a rhetorical appeal, pathos is referred to as “the appeal to emotion.” Generally speaking, an author or speaker is using pathos when they are trying to persuade an audience by causing some kind of emotional reaction. When it comes to pathos, any and all emotions are on the table: sadness, fear, hope, joy, anger, lust, pity, etc. As you probably know from your own life, emotions are a powerful motivating factor. For this reason, relying on pathos is often a smart and effective strategy for persuading an audience. Both positive and negative emotions can heavily influence an audience: for example, an audience will want to support a speaker whose position will make them happy, a speaker who wants to end their sadness, or a speaker who is opposed to something that makes them angry. Here is a simple example of pathos: “Every day, the rainforests shrink and innocent animals are killed. We must do something about this calamitous trend before the planet we call our home is damaged beyond repair.” Here, the author is trying to win over an audience by making them feel sad, concerned, or afraid. The author’s choice of words like “innocent” and “calamitous” enforce the fact that they are trying to rely on pathos. What is logos? In Greek, the word logos literally translates to “word, reason, or discourse.” The word logos is related to many different words that have to do with reason, discourse, or knowledge, such as logic, logical, and any words that end in the suffixes -logy or -logue. As a mode of persuasion and rhetorical appeal, logos is often referred to as “the appeal to reason.” If a speaker or author is relying on logos, they are typically reciting facts or providing data and statistics that support their argument. In a manner of speaking, logos does away with all of the bells and whistles of ethos and pathos and cuts to the chase by trying to present a rational argument. Logos can be effective in arguments because, in theory, it is impossible to argue against truth and facts. An audience is more likely to agree with a speaker who can provide strong, factual evidence that shows their position is correct. On the flip side, an audience is less likely to support an argument that is flawed or entirely wrong. Going further, a speaker that presents a lot of supporting evidence and data to the audience is likely to come across as knowledgeable and someone to be listened to, which earns bonus points in ethos as well. While Aristotle clearly valued an argument based on reason very highly, we know that logos alone doesn’t always effectively persuade an audience. In your own life, you have likely seen a rational, correct speaker lose an argument to a charismatic, authoritative speaker who may not have the facts right. Here is a simple example of logos: “According to market research, sales of computer chips have increased by 300% in the last five years. Analysis of the industry tells us that the market share of computer chips is dominated by Asian manufacturers. It is clear that the Asian technology sector will continue to experience rapid growth for the foreseeable future.” In this paragraph, the author is using data, statistics, and logical reasoning to make their argument. They clearly hope to use logos to try to convince an audience to agree with them. Examples of ethos, pathos, and logos Ethos, pathos, and logos can all be employed to deliver compelling and persuasive arguments or to win over an audience. Let’s look at a variety of examples to see how different speakers and authors have turned to these modes of persuasion over the years. ethos “Come I to speak in Caesar’s funeral. He was my friend, faithful and just to me […] You all did see that on the Lupercal I thrice presented him a kingly crown, Which he did thrice refuse: was this ambition?” —Marc Antony, Julius Caesar by William Shakespeare In this scene, Marc Antony is trying to win over the Roman people, so Shakespeare has Antony rely on ethos. Antony is establishing himself as both a person of authority in Rome (having the power to offer Caesar a crown) and an expert on Caesar’s true character (Antony was Caesar’s close friend and advisor). “During the next five years, I started a company named NeXT, another company named Pixar, and fell in love with an amazing woman who would become my wife. Pixar went on to create the world’s first computer animated feature film, Toy Story, and is now the most successful animation studio in the world. In a remarkable turn of events, Apple bought NeXT, I returned to Apple, and the technology we developed at NeXT is at the heart of Apple’s current renaissance.” —Steve Jobs, 2005 Here, Steve Jobs is providing his background–via humblebrag– of being a major figure in several different highly successful tech companies. Jobs is using ethos to provide substance to his words and make it clear to the audience that he knows what he is talking about and they should listen to him. pathos “Moreover, though you hate both him and his gifts with all your heart, yet pity the rest of the Achaeans who are being harassed in all their host; they will honour you as a god, and you will earn great glory at their hands. You might even kill Hector; he will come within your reach, for he is infatuated, and declares that not a Danaan whom the ships have brought can hold his own against him.” —Ulysses to Achilles, The Iliad by Homer In this plea, Ulysses is doing his best to pile on the pathos. In one paragraph, Ulysses is attempting to appeal to several of Achilles’s emotions: his hatred of Hector, his infamous stubborn pride, his sympathy for civilians, and his desire for vengeance. “I am not unmindful that some of you have come here out of great trials and tribulations. Some of you have come fresh from narrow jail cells. Some of you have come from areas where your quest—quest for freedom left you battered by the storms of persecution and staggered by the winds of police brutality.” —Dr. Martin Luther King Jr., 1963 In this excerpt from his “I Have A Dream” speech, King is using pathos to accomplish two goals at once. First, he is connecting with his audience by making it clear is aware of their plight and suffering. Second, he is citing these examples to cause sadness or outrage in the audience. Both of these effects will make an audience interested in what he has to say and more likely to support his position. logos “Let it be remembered how powerful the influence of a single introduced tree or mammal has been shown to be. But in the case of an island, or of a country partly surrounded by barriers, into which new and better adapted forms could not freely enter, we should then have places in the economy of nature which would assuredly be better filled up if some of the original inhabitants were in some manner modified; for, had the area been open to immigration, these same places would have been seized on by intruders. In such case, every slight modification, which in the course of ages chanced to arise, and which in any way favoured the individuals of any of the species, by better adapting them to their altered conditions, would tend to be preserved; and natural selection would have free scope for the work of improvement.” —Charles Darwin, On the Origin of the Species, 1859 In this passage, Darwin is using logos by presenting a rational argument in support of natural selection. Darwin connects natural selection to established scientific knowledge to argue that it makes logical sense that animals would adapt to better survive in their environment. “I often echo the point made by the climate scientist James Hansen: The accumulation of carbon dioxide, methane and other greenhouse gases—some of which will envelop the planet for hundreds and possibly thousands of years—is now trapping as much extra energy daily as 500,000 Hiroshima-class atomic bombs would release every 24 hours. This is the crisis we face.” —Al Gore, “The Climate Crisis Is the Battle of Our Time, and We Can Win,” 2019 In this call to action, Al Gore uses logos to attempt to convince his audience of the significance of climate change. In order to do this, Gore both cites an expert in the field and provides a scientifically accurate simile to explain the scale of the effect that greenhouse gases have on Earth’s atmosphere. What are mythos and kairos? Some modern scholars may also use terms mythos and kairos when discussing modes of persuasion or rhetoric in general. Aristotle used the term mythos to refer to the plot or story structure of Greek tragedies, i.e., how a playwright ordered the events of the story to affect the audience. Today, mythos is most often discussed as a literary or poetic term rather than a rhetorical one. However, mythos may rarely be referred to as the “appeal to culture” or the “appeal to myth” if it is treated as an additional mode of persuasion. According to this viewpoint, a speaker/writer is using mythos if they try to persuade an audience using shared cultural customs or societal values. A commonly cited example of mythos is King’s “I Have a Dream” speech quoted earlier. King says: “When the architects of our republic wrote the magnificent words of the Constitution and the Declaration of Independence, they were signing a promissory note to which every American was to fall heir. This note was a promise that all men—yes, black men as well as white men—would be guaranteed the ‘unalienable rights’ of ‘life, liberty and the pursuit of happiness.’ ” Throughout the speech, King repeatedly uses American symbols and American history (mythos) to argue that all Americans should be outraged that Black Americans have been denied freedom and civil rights. Some modern scholars may also consider kairos as an additional mode of persuasion. Kairos is usually defined as referring to the specific time and place that a speaker chooses to deliver their speech. For written rhetoric, the “place” instead refers to the specific medium or publication in which a piece of writing appears. Unlike the other modes of persuasion, kairos relates to the context of a speech and how the appropriateness (or not) of a setting affects how effective a speaker is. Once again, King’s “I Have a Dream” speech is a great example of the use of kairos. This speech was delivered at the steps of the Lincoln Memorial during the 100th anniversary of the Emancipation Proclamation at the end of the March on Washington for Jobs and Freedom. Clearly, King intended to use kairos to enhance the importance and timeliness of this landmark speech. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 755 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่อง “Château Christophe”
    ตอนที่ 2
    Stevens มาเมือง Benghazi ครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2011 เขามาทางเรือบรรทุกสินค้า ซึ่งแล่นมาจาก Malta เป็นเรือเปล่า โดยซ่อนตัวอยู่ในเรือนั้นกับ Nathan Tek เจ้าหน้าด้านความปลอดภัย ทีมงานของ USAID และลูกเรือโดยชาวกรีกและโรมาเนีย ซึ่งไม่รู้เรื่องอะไร เคยมีคนถามเขาว่ามาทางอื่นไม่ได้หรือไง Stevens บอกว่าเส้นทางนี้มันน่าตื่นเต้นดี เหมือนการผจญภัยในหนังโรแมนติก
    Stevens เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ “Mission” เขาเป็นนักการฑูตที่ใช้ชีวิตการฑูตอยู่แถบตะวันออกกลางและอาฟริกา มาประมาณ 20 ปี เขาเป็นชาวแคลิฟอร์เนีย ท่าทางสบาย ๆ ยิ้มกว้าง เห็นฟันโตเต็มปาก มีชื่อเสียงว่าเป็นคนอดทนและใจเย็น และที่สำคัญเขารู้จักลิเบียอย่างดี เขาเคยเป็นผู้ช่วยฑูตอยู่ที่ Tripoli 2 ปี เมื่อประมาณปี 2007 ตอนนั้นอเมริกายังเป็นมิตรมีไมตรีกับ Qaddafi อยู่
    Stevens เติบโตมาที่ Northern California ย้ายมาเรื่อย จนในที่สุดอยู่ San Francisco เมื่อตอนที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย Berkley เขาเลือกเรียนวิชาประวัติศาสตร์เป็นวิชาเอก รวมทั้งวิชาตรรกวิทยา อิตาเลียน ฯลฯ เพื่อน ๆ บอกไอ้หมอนี้ มันเหมือนตู้หนังสือเดินได้ เขาตัดสินใจตั้งแต่ยังเรียนอยู่ที่ Berkley ว่าจะเป็นนักการฑูต เมื่อเรียนจบก็ไปสอบที่กระทรวงต่างประเทศ แต่ไม่ผ่าน เขาเลยสมัครเป็น Peace Corps และไปสอนภาษาอังกฤษอยู่แถวเมือ งบนภูเขาในโมรอคโค ซึ่งแถบจะไม่มีผู้คน มีแต่พรม และธรรมชาติที่แสนจะงดงาม ทำให้ Stevens หลงรักเมืองแถบอาหรับ เมื่อเขาจบเทอม 2 ปี ของการเป็น Peace Corps เขากลับมา California และเรียนกฎหมายต่อจบได้ปริญญา และทำงานในสำนักงานกฎหมายหรูหรามีชื่อเสียงอยู่ในกรุงวอชิงตัน
    แต่เขาไม่เคยลืมความฝันที่จะเป็นนัการฑูต เขาเลยกลับไปสอบกับกระทรวงต่างประเทศใหม่ คราวนี้สอบผ่าน ค.ศ. 1991 เขาเริ่มฝึกงานและไปประจำอยู่ Riyadh หลังจากนั้นก็ย้ายไปตามเมือง ต่าง ๆ ในแถบทะเลทราย ซึ่งพวกฑูตเรียกกันว่า “Sandbox” เขาเรียนภาษาอารบิคที่ Tunisia หลังจากนั้นก็ย้ายไปอยู่ Cairo, Damacus และ Jeusalem เมื่อย้ายกลับไปอยู่วอชิงตัน เขายังมีหน้าที่ดูแล Iran เขาวนเวียนอยู่แถว Sandbox นี้แหละ
    เขาไม่เคยได้รับตำแหน่งที่มาอยู่แถบ Asia หรือ Scandinavia เลย ระหว่างที่วนเวียนอยู่แถบนั้น เขามีแฟนเป็นชาวยุโรป ชื่อ Henritte ซึ่งเจอกับ Stevens ที่ Jerusarem ตั้งแต่ปี 2003 รักๆเลิกๆอยู่ 9 ปี เธอบอกว่าเมื่อถาม Stevens ว่า เธอชอบฉันตรงไหน Stevens ตอบว่าฉันชอบกลิ่นของเธอ กลิ่นที่ปนอยู่กับกาแฟและถั่ว กลิ่นยาเส้นผสมน้ำแอปเปิ้ล ชอบสีของคนอาหรับ ชอบความรู้สึกเวลาสัมผัสกับพรมและผ้าไหม ชอบเสียงเวลาพวกเขาสวดมนตร์ และชอบวิถีชีวิตที่วุ่นวายสับสนของพวกเขา ชอบทิวทัศน์ของบ้านเมือง ชอบเพลง ชอบภาษา ทั้งหมดนี้มันแสดงให้เห็นรากเหง้าของพวกเขา ที่ยาวนาน เมื่อดูพร้อมกับการเมืองที่วุ่นวายของพวกเขาแล้ว มันเป็นเรื่องยิ่งกว่าน่าสนใจและท้าทาย มันทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวา สาวบอกตกลงเธอชอบฉัน หรือชอบเมืองอาหรับกันแน่
    คนเล่านิทาน
    7 มิย. 57
    นิทานเรื่อง “Château Christophe” ตอนที่ 2 Stevens มาเมือง Benghazi ครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2011 เขามาทางเรือบรรทุกสินค้า ซึ่งแล่นมาจาก Malta เป็นเรือเปล่า โดยซ่อนตัวอยู่ในเรือนั้นกับ Nathan Tek เจ้าหน้าด้านความปลอดภัย ทีมงานของ USAID และลูกเรือโดยชาวกรีกและโรมาเนีย ซึ่งไม่รู้เรื่องอะไร เคยมีคนถามเขาว่ามาทางอื่นไม่ได้หรือไง Stevens บอกว่าเส้นทางนี้มันน่าตื่นเต้นดี เหมือนการผจญภัยในหนังโรแมนติก Stevens เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ “Mission” เขาเป็นนักการฑูตที่ใช้ชีวิตการฑูตอยู่แถบตะวันออกกลางและอาฟริกา มาประมาณ 20 ปี เขาเป็นชาวแคลิฟอร์เนีย ท่าทางสบาย ๆ ยิ้มกว้าง เห็นฟันโตเต็มปาก มีชื่อเสียงว่าเป็นคนอดทนและใจเย็น และที่สำคัญเขารู้จักลิเบียอย่างดี เขาเคยเป็นผู้ช่วยฑูตอยู่ที่ Tripoli 2 ปี เมื่อประมาณปี 2007 ตอนนั้นอเมริกายังเป็นมิตรมีไมตรีกับ Qaddafi อยู่ Stevens เติบโตมาที่ Northern California ย้ายมาเรื่อย จนในที่สุดอยู่ San Francisco เมื่อตอนที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย Berkley เขาเลือกเรียนวิชาประวัติศาสตร์เป็นวิชาเอก รวมทั้งวิชาตรรกวิทยา อิตาเลียน ฯลฯ เพื่อน ๆ บอกไอ้หมอนี้ มันเหมือนตู้หนังสือเดินได้ เขาตัดสินใจตั้งแต่ยังเรียนอยู่ที่ Berkley ว่าจะเป็นนักการฑูต เมื่อเรียนจบก็ไปสอบที่กระทรวงต่างประเทศ แต่ไม่ผ่าน เขาเลยสมัครเป็น Peace Corps และไปสอนภาษาอังกฤษอยู่แถวเมือ งบนภูเขาในโมรอคโค ซึ่งแถบจะไม่มีผู้คน มีแต่พรม และธรรมชาติที่แสนจะงดงาม ทำให้ Stevens หลงรักเมืองแถบอาหรับ เมื่อเขาจบเทอม 2 ปี ของการเป็น Peace Corps เขากลับมา California และเรียนกฎหมายต่อจบได้ปริญญา และทำงานในสำนักงานกฎหมายหรูหรามีชื่อเสียงอยู่ในกรุงวอชิงตัน แต่เขาไม่เคยลืมความฝันที่จะเป็นนัการฑูต เขาเลยกลับไปสอบกับกระทรวงต่างประเทศใหม่ คราวนี้สอบผ่าน ค.ศ. 1991 เขาเริ่มฝึกงานและไปประจำอยู่ Riyadh หลังจากนั้นก็ย้ายไปตามเมือง ต่าง ๆ ในแถบทะเลทราย ซึ่งพวกฑูตเรียกกันว่า “Sandbox” เขาเรียนภาษาอารบิคที่ Tunisia หลังจากนั้นก็ย้ายไปอยู่ Cairo, Damacus และ Jeusalem เมื่อย้ายกลับไปอยู่วอชิงตัน เขายังมีหน้าที่ดูแล Iran เขาวนเวียนอยู่แถว Sandbox นี้แหละ เขาไม่เคยได้รับตำแหน่งที่มาอยู่แถบ Asia หรือ Scandinavia เลย ระหว่างที่วนเวียนอยู่แถบนั้น เขามีแฟนเป็นชาวยุโรป ชื่อ Henritte ซึ่งเจอกับ Stevens ที่ Jerusarem ตั้งแต่ปี 2003 รักๆเลิกๆอยู่ 9 ปี เธอบอกว่าเมื่อถาม Stevens ว่า เธอชอบฉันตรงไหน Stevens ตอบว่าฉันชอบกลิ่นของเธอ กลิ่นที่ปนอยู่กับกาแฟและถั่ว กลิ่นยาเส้นผสมน้ำแอปเปิ้ล ชอบสีของคนอาหรับ ชอบความรู้สึกเวลาสัมผัสกับพรมและผ้าไหม ชอบเสียงเวลาพวกเขาสวดมนตร์ และชอบวิถีชีวิตที่วุ่นวายสับสนของพวกเขา ชอบทิวทัศน์ของบ้านเมือง ชอบเพลง ชอบภาษา ทั้งหมดนี้มันแสดงให้เห็นรากเหง้าของพวกเขา ที่ยาวนาน เมื่อดูพร้อมกับการเมืองที่วุ่นวายของพวกเขาแล้ว มันเป็นเรื่องยิ่งกว่าน่าสนใจและท้าทาย มันทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวา สาวบอกตกลงเธอชอบฉัน หรือชอบเมืองอาหรับกันแน่ คนเล่านิทาน 7 มิย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 437 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts