• ถ้าปีที่แล้วเราพูดถึงว่าใครครองตลาด AI วันนี้เราพูดถึงว่า…ใคร “ดูแลความเสี่ยงจาก AI” ได้ดีที่สุดแทนครับ และ Microsoft ก็ต้องการพิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่แค่เจ้าของ Copilot หรือ Azure AI เท่านั้น — แต่ยังเป็น “ผู้นำด้านการพัฒนา AI ที่ไม่ปล่อยให้มันหลุดมือ”

    ในรายงานนี้ (ฉบับที่ 2 ต่อจากฉบับแรกในเดือนพฤษภาคม 2024) Microsoft เน้นประเด็นสำคัญ 3 ด้าน:
    1️⃣ ลงทุนในการบริหารความเสี่ยงด้าน AI ทั้งที่เป็นข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ และระบบ AI เชิงเอเจนต์ (agentic systems)
    2️⃣ เตรียมรับกฎใหม่ เช่น EU AI Act อย่างเป็นระบบ พร้อมจัดทำเอกสารและแนวทางให้ลูกค้านำไปใช้เพื่อให้ปฏิบัติตามได้จริง
    3️⃣ สร้างทีมและเครื่องมือ เช่น AI Frontiers Lab ที่เน้นการทดลอง ระบบ red team และการวัดความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง

    Microsoft ยังประกาศชัดว่า จะ “ลงทุนอย่างต่อเนื่องในเครื่องมือวัดความเสี่ยงแบบปฏิบัติได้จริง (risk measurement and tooling at scale)” และจะ “เปิดเผยสิ่งที่เรียนรู้ให้ชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ” ด้วย

    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-says-responsible-ai-is-now-its-biggest-priority-but-what-does-this-look-like
    ถ้าปีที่แล้วเราพูดถึงว่าใครครองตลาด AI วันนี้เราพูดถึงว่า…ใคร “ดูแลความเสี่ยงจาก AI” ได้ดีที่สุดแทนครับ และ Microsoft ก็ต้องการพิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่แค่เจ้าของ Copilot หรือ Azure AI เท่านั้น — แต่ยังเป็น “ผู้นำด้านการพัฒนา AI ที่ไม่ปล่อยให้มันหลุดมือ” ในรายงานนี้ (ฉบับที่ 2 ต่อจากฉบับแรกในเดือนพฤษภาคม 2024) Microsoft เน้นประเด็นสำคัญ 3 ด้าน: 1️⃣ ลงทุนในการบริหารความเสี่ยงด้าน AI ทั้งที่เป็นข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ และระบบ AI เชิงเอเจนต์ (agentic systems) 2️⃣ เตรียมรับกฎใหม่ เช่น EU AI Act อย่างเป็นระบบ พร้อมจัดทำเอกสารและแนวทางให้ลูกค้านำไปใช้เพื่อให้ปฏิบัติตามได้จริง 3️⃣ สร้างทีมและเครื่องมือ เช่น AI Frontiers Lab ที่เน้นการทดลอง ระบบ red team และการวัดความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง Microsoft ยังประกาศชัดว่า จะ “ลงทุนอย่างต่อเนื่องในเครื่องมือวัดความเสี่ยงแบบปฏิบัติได้จริง (risk measurement and tooling at scale)” และจะ “เปิดเผยสิ่งที่เรียนรู้ให้ชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ” ด้วย https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-says-responsible-ai-is-now-its-biggest-priority-but-what-does-this-look-like
    WWW.TECHRADAR.COM
    Microsoft says “Responsible AI” is now its biggest priority - but what does this look like?
    New Transparency Report reveals Microsoft's plans for building trustworthy models
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักขุดข้อมูลไปเจอบันทึกขนส่งของ Intel ที่ส่งเครื่องมือทดสอบแพ็กเกจชิป Nova Lake-HX ไปยังอินเดีย — ซึ่งในรายละเอียดมีการระบุว่าใช้แพ็กเกจแบบ BGA2540 เหมือนกับ Panther Lake-HX ที่จะมาแทน Meteor Lake-HX ในโน้ตบุ๊กแรงระดับ workstation และเกมมิ่งรุ่นท็อป

    ข้อดีคือ...นักออกแบบโน้ตบุ๊กสามารถใช้ดีไซน์บอร์ดเดิมได้เลย! ตราบเท่าที่ชิปกราฟิกและองค์ประกอบอื่น ๆ ยังใช้แพ็กเกจเดียวกัน ลดเวลาพัฒนาเครื่องลงได้เยอะ

    อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ พบการทดสอบการจ่ายไฟแบบ 48V ซึ่งผิดปกติ เพราะโน้ตบุ๊กทั่วไปใช้แค่ 19–20V ทำให้สันนิษฐานว่าชิป Nova Lake-HX นี้ อาจไม่ได้ใช้แค่ในโน้ตบุ๊ก แต่อาจไปอยู่ใน NUC, All-in-One PC, หรือแม้แต่ embedded system ที่ต้องการพลังสูงในขนาดเล็ก

    ฝั่ง Nova Lake-S (เดสก์ท็อป) ก็มีข่าวว่าจะใช้ซ็อกเก็ตใหม่ LGA1954 รองรับ 52 คอร์, DDR5-8000 และ PCIe 5.0 เต็มพิกัด — เรียกได้ว่าแพลตฟอร์มใหม่นี้จะ “เปลี่ยนยุค” ทั้งสำหรับเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊กเลยทีเดียว

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-laptop-version-of-its-nova-lake-processors-will-use-panther-lake-hx-bga2540-packaging-will-smooth-over-transition-for-notebook-makers-moving-to-the-next-generation
    นักขุดข้อมูลไปเจอบันทึกขนส่งของ Intel ที่ส่งเครื่องมือทดสอบแพ็กเกจชิป Nova Lake-HX ไปยังอินเดีย — ซึ่งในรายละเอียดมีการระบุว่าใช้แพ็กเกจแบบ BGA2540 เหมือนกับ Panther Lake-HX ที่จะมาแทน Meteor Lake-HX ในโน้ตบุ๊กแรงระดับ workstation และเกมมิ่งรุ่นท็อป ข้อดีคือ...นักออกแบบโน้ตบุ๊กสามารถใช้ดีไซน์บอร์ดเดิมได้เลย! ตราบเท่าที่ชิปกราฟิกและองค์ประกอบอื่น ๆ ยังใช้แพ็กเกจเดียวกัน ลดเวลาพัฒนาเครื่องลงได้เยอะ อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ พบการทดสอบการจ่ายไฟแบบ 48V ซึ่งผิดปกติ เพราะโน้ตบุ๊กทั่วไปใช้แค่ 19–20V ทำให้สันนิษฐานว่าชิป Nova Lake-HX นี้ อาจไม่ได้ใช้แค่ในโน้ตบุ๊ก แต่อาจไปอยู่ใน NUC, All-in-One PC, หรือแม้แต่ embedded system ที่ต้องการพลังสูงในขนาดเล็ก ฝั่ง Nova Lake-S (เดสก์ท็อป) ก็มีข่าวว่าจะใช้ซ็อกเก็ตใหม่ LGA1954 รองรับ 52 คอร์, DDR5-8000 และ PCIe 5.0 เต็มพิกัด — เรียกได้ว่าแพลตฟอร์มใหม่นี้จะ “เปลี่ยนยุค” ทั้งสำหรับเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊กเลยทีเดียว https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-laptop-version-of-its-nova-lake-processors-will-use-panther-lake-hx-bga2540-packaging-will-smooth-over-transition-for-notebook-makers-moving-to-the-next-generation
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพิ่มเติม รวมลิงค์คลิปดีๆจากโค๊ชนาตาลี
    ✍️วิธีดูนิสัยเพื่อปรับพลังงานจักระ
    https://www.youtube.com/watch?v=59IvOIZzLSk
    ✍️12 วิธีบาลานซ์จักระราก พื้นฐานสำคัญของชีวิต
    https://www.youtube.com/watch?v=HHIviG2eS1s
    ✍️15 วิธีกำจัดสิ่งอุดตันจักระที่ 2 Sacral Chakra
    https://www.youtube.com/watch?v=dMFv_3GVGW0
    ✍️12 วิธีกลับมารักและเห็นคุณค่าในตัวเอง เยียวยาจักระที่ 3 Solar Plexus
    https://www.youtube.com/watch?v=lCny-83ctuY&t=1509s
    ✍️14 วิธีกลับมารักตัวเอง บาลานซ์จักระที่ 4 Heart Chakra
    https://www.youtube.com/watch?v=XXdbi8cXpwU&t=799s✍️การไม่กล้าพูดกับโรคไทรอยด์ ต้องแก้ที่จักระ 5 Throat Chakra
    https://www.youtube.com/watch?v=gYaFOO0aIqk&t=168s
    ✍️อยากมีญาณทิพย์ และความจำดี ต้องปรับที่จักระที่ 6 Third Eye Chakra
    https://www.youtube.com/watch?v=H12ZKu_L21Y
    ✍️อยากอยากสื่อกับพลังจักรวาลได้ ต้องเปิดจักระที่ 7 Crown Chakra
    https://www.youtube.com/watch?v=o7laeVgU-yk


    ✍️เพิ่งรู้ว่าเป็นมะเร็ง! ต้องทำยังไง? ดูคลิปนี้
    https://youtu.be/peJhQGXnw_0
    ✍️มะเร็งกลับมารอบ 2 ทำยังไง!? ประสบการณ์ตรงของโค้ชนาตาลี
    https://youtu.be/m36XYSpuuMc
    ✍️ผลข้างเคียงยาต้านฮอร์โมน ที่หมออาจไม่เคยบอกคุณ!
    https://youtu.be/q95ryAqsnJs
    ✍️ไม่ทานยาต้านฮอร์โมนได้ไหม?
    https://youtu.be/t_YUAmJt1G8
    ✍️ทำไมบางคนดีท็อกซ์แล้วอาการแย่ลง?
    https://youtu.be/uZCfJ91R-0c
    ✍️Brain Tumors เนื้องอกสมองทำให้ยุบได้ไหม?
    https://youtu.be/bwe49infoyc
    ✍️รับคีโม-พุ่งเป้ามา ร่างกายไม่มีแรง ฟื้นฟูอย่างไร?
    https://youtu.be/EZaAgRUNamQ
    ✍️หลังรับ วซ มา ประจำเดือนขาด-มาไม่ปกติ ทำอย่างไร?
    https://youtu.be/soUK8PmWX8E?si=oMwYhTvl7M1YkxK-
    ✍️3 สิ่งที่สำคัญที่สุด! ที่ทำให้พิชิตมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ใน 2 เดือน!
    https://youtu.be/bIU-LwShS5g
    ✍️การรักษาโรคด้วยเทคโนโลยีในยุคสมัยใหม่
    https://www.youtube.com/live/SZQiJ0FXkss
    ✍️คุณคือพลาซีโบ By ดร.โจ ดิสเพนซา ตอน: ความคิดเปลี่ยนแปลงสมอง & ร่างกายได้อย่างไร?
    https://www.youtube.com/watch?v=qPd1frafNWE&t=847s
    ✍️ผลข้างเคียงของยาต้านฮอร์โมน และประสบการณ์ตรงของโค้ชนาตาลี
    https://www.youtube.com/watch?v=scUdQxqKFH8
    ✍️ผลข้างเคียงของยาคีโมที่หมอไม่บอกคุณ !! แชร์ประสบการณ์ตรง
    https://www.youtube.com/watch?v=81Wiox18Y_A
    ✍️3 ขั้นตอนปรับจิตและสมองที่มีประสิทธิภาพที่สุด ที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณ
    https://www.youtube.com/watch?v=5r-Lnoqz4Cg
    ✍️Ep.1 ความสัมพันธ์ของโรคต่างๆกับสมอง - Neocortex
    https://www.youtube.com/watch?v=XnPFoRDT6aE&t=46s
    ✍️Ep.2 ความสัมพันธ์ของความกลัวและโรคต่างๆกับสมองส่วนกลาง Limbic System
    https://www.youtube.com/watch?v=IDtKHRcAlLo
    ✍️Ep.3 6 วิธีเพิ่มประสิทธิภาพ Reptilian Brain
    https://www.youtube.com/watch?v=2aTl-g3SCbI
    ✍️Ep.4 การทำงานของต่อมไพเนียล และต่อมใต้สมอง กับฮอร์โมนแห่งความสุข
    https://www.youtube.com/watch?v=Er49qcZiZ5U
    ✍️Ep.5 วิธีเปลี่ยนคลื่นสมองกำจัดโรค และเปลี่ยนยีนได้ภายใน 4 วัน
    https://www.youtube.com/watch?v=f7RwEmOmdtQ
    เพิ่มเติม รวมลิงค์คลิปดีๆจากโค๊ชนาตาลี ✍️วิธีดูนิสัยเพื่อปรับพลังงานจักระ https://www.youtube.com/watch?v=59IvOIZzLSk ✍️12 วิธีบาลานซ์จักระราก พื้นฐานสำคัญของชีวิต https://www.youtube.com/watch?v=HHIviG2eS1s ✍️15 วิธีกำจัดสิ่งอุดตันจักระที่ 2 Sacral Chakra https://www.youtube.com/watch?v=dMFv_3GVGW0 ✍️12 วิธีกลับมารักและเห็นคุณค่าในตัวเอง เยียวยาจักระที่ 3 Solar Plexus https://www.youtube.com/watch?v=lCny-83ctuY&t=1509s ✍️14 วิธีกลับมารักตัวเอง บาลานซ์จักระที่ 4 Heart Chakra https://www.youtube.com/watch?v=XXdbi8cXpwU&t=799s✍️การไม่กล้าพูดกับโรคไทรอยด์ ต้องแก้ที่จักระ 5 Throat Chakra https://www.youtube.com/watch?v=gYaFOO0aIqk&t=168s ✍️อยากมีญาณทิพย์ และความจำดี ต้องปรับที่จักระที่ 6 Third Eye Chakra https://www.youtube.com/watch?v=H12ZKu_L21Y ✍️อยากอยากสื่อกับพลังจักรวาลได้ ต้องเปิดจักระที่ 7 Crown Chakra https://www.youtube.com/watch?v=o7laeVgU-yk ✍️เพิ่งรู้ว่าเป็นมะเร็ง! ต้องทำยังไง? ดูคลิปนี้ https://youtu.be/peJhQGXnw_0 ✍️มะเร็งกลับมารอบ 2 ทำยังไง!? ประสบการณ์ตรงของโค้ชนาตาลี https://youtu.be/m36XYSpuuMc ✍️ผลข้างเคียงยาต้านฮอร์โมน ที่หมออาจไม่เคยบอกคุณ! https://youtu.be/q95ryAqsnJs ✍️ไม่ทานยาต้านฮอร์โมนได้ไหม? https://youtu.be/t_YUAmJt1G8 ✍️ทำไมบางคนดีท็อกซ์แล้วอาการแย่ลง? https://youtu.be/uZCfJ91R-0c ✍️Brain Tumors เนื้องอกสมองทำให้ยุบได้ไหม? https://youtu.be/bwe49infoyc ✍️รับคีโม-พุ่งเป้ามา ร่างกายไม่มีแรง ฟื้นฟูอย่างไร? https://youtu.be/EZaAgRUNamQ ✍️หลังรับ วซ มา ประจำเดือนขาด-มาไม่ปกติ ทำอย่างไร? https://youtu.be/soUK8PmWX8E?si=oMwYhTvl7M1YkxK- ✍️3 สิ่งที่สำคัญที่สุด! ที่ทำให้พิชิตมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ใน 2 เดือน! https://youtu.be/bIU-LwShS5g ✍️การรักษาโรคด้วยเทคโนโลยีในยุคสมัยใหม่ https://www.youtube.com/live/SZQiJ0FXkss ✍️คุณคือพลาซีโบ By ดร.โจ ดิสเพนซา ตอน: ความคิดเปลี่ยนแปลงสมอง & ร่างกายได้อย่างไร? https://www.youtube.com/watch?v=qPd1frafNWE&t=847s ✍️ผลข้างเคียงของยาต้านฮอร์โมน และประสบการณ์ตรงของโค้ชนาตาลี https://www.youtube.com/watch?v=scUdQxqKFH8 ✍️ผลข้างเคียงของยาคีโมที่หมอไม่บอกคุณ !! แชร์ประสบการณ์ตรง https://www.youtube.com/watch?v=81Wiox18Y_A ✍️3 ขั้นตอนปรับจิตและสมองที่มีประสิทธิภาพที่สุด ที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณ https://www.youtube.com/watch?v=5r-Lnoqz4Cg ✍️Ep.1 ความสัมพันธ์ของโรคต่างๆกับสมอง - Neocortex https://www.youtube.com/watch?v=XnPFoRDT6aE&t=46s ✍️Ep.2 ความสัมพันธ์ของความกลัวและโรคต่างๆกับสมองส่วนกลาง Limbic System https://www.youtube.com/watch?v=IDtKHRcAlLo ✍️Ep.3 6 วิธีเพิ่มประสิทธิภาพ Reptilian Brain https://www.youtube.com/watch?v=2aTl-g3SCbI ✍️Ep.4 การทำงานของต่อมไพเนียล และต่อมใต้สมอง กับฮอร์โมนแห่งความสุข https://www.youtube.com/watch?v=Er49qcZiZ5U ✍️Ep.5 วิธีเปลี่ยนคลื่นสมองกำจัดโรค และเปลี่ยนยีนได้ภายใน 4 วัน https://www.youtube.com/watch?v=f7RwEmOmdtQ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚀 พร้อมลุยทุกโปรเจกต์ IT แบบครบวงจร – กับ Thinkable Innovation
    เราคือทีมเล็กแต่โคตรตั้งใจ ที่รวม Developer และฝ่ายเทคนิคเข้าด้วยกัน
    เชี่ยวชาญทั้ง Web/App และระบบ Network สำหรับองค์กรโดยเฉพาะ
    🔧 บริการของเรา:
    1️⃣ System Integration & IT Infrastructure
    วางระบบ Server, Storage, Virtualization (VMware, Proxmox, Sangfor)
    2️⃣ Enterprise Network & Security
    Wi-Fi องค์กร, Firewall, RADIUS, WAF, Zero Trust, SD-WAN
    3️⃣ Software & Application Development
    Web & Mobile App, ERP, Dashboard, ระบบจอง/ทะเบียน/คลินิก พร้อมเชื่อมต่อ API ภาครัฐ (MOPH, GIN, MFA TH)
    4️⃣ Monitoring & Automation
    ติดตั้ง Zabbix, FreeRADIUS, IoT, Docker, Git, Portainer พร้อม Alert ผ่าน MS Teams, Telegram
    5️⃣ IT Support & Managed Services
    บริการ MA, Outsourcing, Preventive Maintenance, Remote Support 24/7
    💬 สนใจบริการไหน? ทักมาคุยกันได้เลย!
    ✅ www.thinkable-inn.com | พร้อมช่วยเหลือทุกสายงาน
    🚀 พร้อมลุยทุกโปรเจกต์ IT แบบครบวงจร – กับ Thinkable Innovation เราคือทีมเล็กแต่โคตรตั้งใจ ที่รวม Developer และฝ่ายเทคนิคเข้าด้วยกัน เชี่ยวชาญทั้ง Web/App และระบบ Network สำหรับองค์กรโดยเฉพาะ 🔧 บริการของเรา: 1️⃣ System Integration & IT Infrastructure วางระบบ Server, Storage, Virtualization (VMware, Proxmox, Sangfor) 2️⃣ Enterprise Network & Security Wi-Fi องค์กร, Firewall, RADIUS, WAF, Zero Trust, SD-WAN 3️⃣ Software & Application Development Web & Mobile App, ERP, Dashboard, ระบบจอง/ทะเบียน/คลินิก พร้อมเชื่อมต่อ API ภาครัฐ (MOPH, GIN, MFA TH) 4️⃣ Monitoring & Automation ติดตั้ง Zabbix, FreeRADIUS, IoT, Docker, Git, Portainer พร้อม Alert ผ่าน MS Teams, Telegram 5️⃣ IT Support & Managed Services บริการ MA, Outsourcing, Preventive Maintenance, Remote Support 24/7 💬 สนใจบริการไหน? ทักมาคุยกันได้เลย! ✅ www.thinkable-inn.com | พร้อมช่วยเหลือทุกสายงาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • David Sacks ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีของทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า ช่องว่างระหว่างจีนกับสหรัฐในด้านการออกแบบชิปตอนนี้เหลือแค่ 1.5–2 ปีเท่านั้น โดยเฉพาะ Huawei ซึ่งแม้จะยังขาดกำลังผลิต GPU ขั้นสูง แต่สามารถหาทางออกด้วยการนำ ชิปเก่า 910B มาต่อรวมกันเป็น “910C” เพื่อเพิ่มพลังประมวลผลและหน่วยความจำให้ใกล้เคียง NVIDIA H100

    แม้จะไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่สด แต่ถือเป็น “ทางเลือกภายในประเทศ” ที่ใช้งานจริงได้ และ Huawei เริ่มจะ ส่งออก AI Chip ไปยังลูกค้าต่างประเทศด้วย แล้ว

    Sacks เตือนว่า หากจีนสามารถผลิตและสร้าง ecosystem ที่แข็งแรงได้จริง สหรัฐอาจเสียตำแหน่งผู้นำในตลาดเทคโนโลยี AI — โดยเฉพาะถ้า การควบคุมการส่งออกของสหรัฐเข้มเกินไปจนกลายเป็น “ผลย้อนกลับ” ทำให้จีนหาทางพึ่งพาตนเองได้เร็วขึ้น

    ตัวอย่างหนึ่งคือรัฐบาล Trump ได้ “ยกเลิก” กฎในยุค Biden ที่จำกัดการส่งออก GPU ให้กับพันธมิตรบางประเทศ เพื่อไม่ให้เสียพื้นที่ทางการค้าในระยะยาว

    ✅ Huawei พัฒนาชิป AI รุ่น 910C โดยรวมชิป 910B สองตัวเข้าด้วยกัน  
    • ให้ประสิทธิภาพใกล้เคียง NVIDIA H100  
    • ใช้ได้จริงกับตลาดในจีน และเตรียมขยายการส่งออก

    ✅ จีนกำลังลดช่องว่างด้านการออกแบบชิป เหลือห่างสหรัฐเพียง 1.5–2 ปี  
    • โดยเฉพาะบริษัทอย่าง Huawei ที่แก้เกมจากข้อจำกัดทางเทคนิคและการเมือง

    ✅ David Sacks เตือนว่า การควบคุมการส่งออกที่เข้มเกินไป อาจย้อนศร  
    • ทำให้คู่แข่งพึ่งพาตัวเองได้เร็ว และไม่ยอมรับมาตรฐานเทคโนโลยีของสหรัฐ

    ✅ Trump administration เลือกยกเลิกบางข้อจำกัดจากยุค Biden เพื่อรักษาฐานการค้าในระยะยาว

    ✅ แม้ผู้ก่อตั้ง Huawei ยอมรับว่า GPU ของตนยังล้าหลังกว่าคู่แข่ง แต่การสร้าง ecosystem และผลิตภัณฑ์ “ราคาเข้าถึงได้” อาจทำให้เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/108400-us-tech-czar-warns-china-only-two-years.html
    David Sacks ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีของทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า ช่องว่างระหว่างจีนกับสหรัฐในด้านการออกแบบชิปตอนนี้เหลือแค่ 1.5–2 ปีเท่านั้น โดยเฉพาะ Huawei ซึ่งแม้จะยังขาดกำลังผลิต GPU ขั้นสูง แต่สามารถหาทางออกด้วยการนำ ชิปเก่า 910B มาต่อรวมกันเป็น “910C” เพื่อเพิ่มพลังประมวลผลและหน่วยความจำให้ใกล้เคียง NVIDIA H100 แม้จะไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่สด แต่ถือเป็น “ทางเลือกภายในประเทศ” ที่ใช้งานจริงได้ และ Huawei เริ่มจะ ส่งออก AI Chip ไปยังลูกค้าต่างประเทศด้วย แล้ว Sacks เตือนว่า หากจีนสามารถผลิตและสร้าง ecosystem ที่แข็งแรงได้จริง สหรัฐอาจเสียตำแหน่งผู้นำในตลาดเทคโนโลยี AI — โดยเฉพาะถ้า การควบคุมการส่งออกของสหรัฐเข้มเกินไปจนกลายเป็น “ผลย้อนกลับ” ทำให้จีนหาทางพึ่งพาตนเองได้เร็วขึ้น ตัวอย่างหนึ่งคือรัฐบาล Trump ได้ “ยกเลิก” กฎในยุค Biden ที่จำกัดการส่งออก GPU ให้กับพันธมิตรบางประเทศ เพื่อไม่ให้เสียพื้นที่ทางการค้าในระยะยาว ✅ Huawei พัฒนาชิป AI รุ่น 910C โดยรวมชิป 910B สองตัวเข้าด้วยกัน   • ให้ประสิทธิภาพใกล้เคียง NVIDIA H100   • ใช้ได้จริงกับตลาดในจีน และเตรียมขยายการส่งออก ✅ จีนกำลังลดช่องว่างด้านการออกแบบชิป เหลือห่างสหรัฐเพียง 1.5–2 ปี   • โดยเฉพาะบริษัทอย่าง Huawei ที่แก้เกมจากข้อจำกัดทางเทคนิคและการเมือง ✅ David Sacks เตือนว่า การควบคุมการส่งออกที่เข้มเกินไป อาจย้อนศร   • ทำให้คู่แข่งพึ่งพาตัวเองได้เร็ว และไม่ยอมรับมาตรฐานเทคโนโลยีของสหรัฐ ✅ Trump administration เลือกยกเลิกบางข้อจำกัดจากยุค Biden เพื่อรักษาฐานการค้าในระยะยาว ✅ แม้ผู้ก่อตั้ง Huawei ยอมรับว่า GPU ของตนยังล้าหลังกว่าคู่แข่ง แต่การสร้าง ecosystem และผลิตภัณฑ์ “ราคาเข้าถึงได้” อาจทำให้เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในอนาคต https://www.techspot.com/news/108400-us-tech-czar-warns-china-only-two-years.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    US tech czar warns China is only two years behind in semiconductor and chip design
    According to Sacks, Huawei is making swift progress in chip design and could soon begin exporting its hardware, although the company still faces challenges in producing high-end...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ใช้ Windows 11 หลายคนรู้สึกว่า “แม้เครื่องแรง แต่ระบบกลับหน่วง” โดยเฉพาะตอนเปิด Start Menu, Task View หรือสลับ Virtual Desktop ซึ่งดูเหมือนว่าแอนิเมชันที่สวยงามใน Windows 11 จะเป็นตัวฉุดความรู้สึกให้ช้าลง

    แต่ผู้ใช้งานที่ลอง “ปิดแอนิเมชันทั้งหมด” กลับพบว่า UI กลับมาลื่นปื๊ด! ทุกอย่างตอบสนองไวขึ้นแบบรู้สึกได้ทันที — เหมือนถอดเบรกออกจากอินเทอร์เฟซเลยทีเดียว โดยเฉพาะการสลับ Desktop ที่เคยกระตุก ตอนนี้แทบไม่มีดีเลย์

    สามารถปิดแอนิเมชันได้ 2 วิธี:
    - เข้า Settings > Accessibility > Visual Effects แล้วปิด Animation effects
    - หรือกด Win + R พิมพ์ sysdm.cpl ไปที่แท็บ Advanced → กดปุ่ม Settings ในหัวข้อ Performance แล้วติ๊กออกที่:  
    • Animate controls and elements inside windows  
    • Animate windows when minimizing and maximizing  
    • Animations in the taskbar

    แม้วิธีนี้จะไม่ได้เพิ่ม FPS ในเกมหรือความเร็วการประมวลผล แต่ช่วยให้ระบบตอบสนองได้ไวขึ้นมาก ซึ่งอาจช่วยลดความหงุดหงิดตอนใช้งานได้ดีทีเดียว

    https://www.neowin.net/news/this-hidden-windows-11-setting-makes-the-system-feel-a-lot-faster/
    ผู้ใช้ Windows 11 หลายคนรู้สึกว่า “แม้เครื่องแรง แต่ระบบกลับหน่วง” โดยเฉพาะตอนเปิด Start Menu, Task View หรือสลับ Virtual Desktop ซึ่งดูเหมือนว่าแอนิเมชันที่สวยงามใน Windows 11 จะเป็นตัวฉุดความรู้สึกให้ช้าลง แต่ผู้ใช้งานที่ลอง “ปิดแอนิเมชันทั้งหมด” กลับพบว่า UI กลับมาลื่นปื๊ด! ทุกอย่างตอบสนองไวขึ้นแบบรู้สึกได้ทันที — เหมือนถอดเบรกออกจากอินเทอร์เฟซเลยทีเดียว โดยเฉพาะการสลับ Desktop ที่เคยกระตุก ตอนนี้แทบไม่มีดีเลย์ สามารถปิดแอนิเมชันได้ 2 วิธี: - เข้า Settings > Accessibility > Visual Effects แล้วปิด Animation effects - หรือกด Win + R พิมพ์ sysdm.cpl ไปที่แท็บ Advanced → กดปุ่ม Settings ในหัวข้อ Performance แล้วติ๊กออกที่:   • Animate controls and elements inside windows   • Animate windows when minimizing and maximizing   • Animations in the taskbar แม้วิธีนี้จะไม่ได้เพิ่ม FPS ในเกมหรือความเร็วการประมวลผล แต่ช่วยให้ระบบตอบสนองได้ไวขึ้นมาก ซึ่งอาจช่วยลดความหงุดหงิดตอนใช้งานได้ดีทีเดียว https://www.neowin.net/news/this-hidden-windows-11-setting-makes-the-system-feel-a-lot-faster/
    WWW.NEOWIN.NET
    This hidden Windows 11 setting makes the system feel a lot faster
    If you feel like Windows 11's UI is a bit too slow, this simple feature could help speed things up significantly.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้ว่า AMD Ryzen ตระกูล X3D จะให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในเกม เพราะมี L3 Cache แบบ 3D stacked ช่วยลด latency ได้มาก แต่ก็มีผู้ใช้บางรายเจอปัญหา “กระตุกยิบ ๆ” หรือ micro-stuttering โดยเฉพาะกับรุ่นที่ใช้ 2 CCD (Core Complex Die)

    ผู้ใช้บางคนใน Reddit และ YouTube ค้นพบว่า การเข้า BIOS แล้วเปลี่ยนค่า “Global C-State Control” จาก Auto → Enabled อาจช่วยลดอาการกระตุกได้ทันที โดยเฉพาะในเกมที่มีการโหลดข้อมูลต่อเนื่อง

    ฟีเจอร์ C-State นี้คือระบบที่จัดการ sleep state ของซีพียู เพื่อประหยัดพลังงาน โดยจะ “พัก” ฟังก์ชันบางอย่างเมื่อไม่ใช้งาน เช่น core, I/O หรือ Infinity Fabric (Data Fabric) — แต่ถ้า BIOS ตั้งค่าแบบ Auto ใน X3D บางรุ่น ฟีเจอร์นี้อาจถูกปิดไปเลย ทำให้ซีพียูทำงานแบบ Full power ตลอดเวลาและเกิดความไม่เสถียรในบางช่วง

    แม้การเบนช์มาร์กด้วยโปรแกรม AIDA64 จะไม่เห็นความต่างชัดเจน แต่ในเกมจริงอาจช่วยได้ โดยเฉพาะถ้า Windows ไม่จัดสรรงานให้ไปยัง CCD ที่มี V-Cache อย่างเหมาะสม

    ✅ AMD Ryzen X3D บางรุ่นพบอาการกระตุกหรือ micro-stutter บน Windows  
    • โดยเฉพาะเมื่อใช้เกมที่โหลดข้อมูลถี่ และในรุ่น 2 CCD (มีแคชแค่ฝั่งเดียว)

    ✅ การเปลี่ยน BIOS Setting “Global C-State Control” → Enabled ช่วยลดการกระตุกในบางกรณี  
    • Auto อาจปิดฟีเจอร์ไปโดยไม่รู้ตัวในบางเมนบอร์ด  
    • Enabled จะเปิดการทำงานของ C-State เต็มรูปแบบ

    ✅ C-State คือฟีเจอร์จัดการพลังงานผ่าน ACPI ให้ OS เลือกพัก core/IO/infinity fabric ได้ตามความเหมาะสม  
    • ทำงานคู่กับ P-State ที่จัดการ clock/voltage scaling

    ✅ การเปิด C-State ช่วยให้ Windows จัดการ “Preferred Core” และ CCD ได้ดีขึ้น  
    • โดยเฉพาะหาก CPPC ไม่ทำงานเต็มประสิทธิภาพ

    ✅ Tips เพิ่มเติม: การปิดการแสดงผล Power Percent ใน MSI Afterburner ก็ช่วยลด micro-stutter ได้  
    • เป็นปัญหาที่รู้กันมานาน แม้ใช้ CPU รุ่นไม่ใช่ X3D ก็ตาม

    ‼️ การเปลี่ยน BIOS โดยไม่รู้ค่าเดิม อาจทำให้ระบบไม่เสถียร หรือมีผลกับ power consumption  
    • ควรจดค่าก่อนเปลี่ยน และทดสอบใน workload ที่ใช้จริง

    ‼️ ผลลัพธ์จากการเปลี่ยน Global C-State ยังไม่แน่นอนในทุกเกม/ระบบ  
    • ไม่มีผลกับ AIDA64 แต่ในเกมอาจแตกต่าง ต้องลองเป็นกรณีไป

    ‼️ ถ้าใช้ Mainboard รุ่นเก่าหรือ BIOS ไม่อัปเดต อาจไม่มีตัวเลือกนี้ หรือชื่ออาจไม่ตรงกัน  
    • เช่น อาจใช้ชื่อ CPU Power Saving, C-State Mode, ฯลฯ

    ‼️ การเปิด C-State ทำให้ CPU เข้าสู่ sleep state ได้ — แม้อาจเพิ่ม efficiency แต่ต้องระวังปัญหาความหน่วงในบางงานเฉพาะทาง  
    • โดยเฉพาะในการเรนเดอร์หรือทำงานที่ต้อง full load ต่อเนื่อง

    https://www.neowin.net/news/some-amd-ryzen-users-can-get-free-windows-performance-boost-with-this-simple-system-tweak/
    แม้ว่า AMD Ryzen ตระกูล X3D จะให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในเกม เพราะมี L3 Cache แบบ 3D stacked ช่วยลด latency ได้มาก แต่ก็มีผู้ใช้บางรายเจอปัญหา “กระตุกยิบ ๆ” หรือ micro-stuttering โดยเฉพาะกับรุ่นที่ใช้ 2 CCD (Core Complex Die) ผู้ใช้บางคนใน Reddit และ YouTube ค้นพบว่า การเข้า BIOS แล้วเปลี่ยนค่า “Global C-State Control” จาก Auto → Enabled อาจช่วยลดอาการกระตุกได้ทันที โดยเฉพาะในเกมที่มีการโหลดข้อมูลต่อเนื่อง ฟีเจอร์ C-State นี้คือระบบที่จัดการ sleep state ของซีพียู เพื่อประหยัดพลังงาน โดยจะ “พัก” ฟังก์ชันบางอย่างเมื่อไม่ใช้งาน เช่น core, I/O หรือ Infinity Fabric (Data Fabric) — แต่ถ้า BIOS ตั้งค่าแบบ Auto ใน X3D บางรุ่น ฟีเจอร์นี้อาจถูกปิดไปเลย ทำให้ซีพียูทำงานแบบ Full power ตลอดเวลาและเกิดความไม่เสถียรในบางช่วง แม้การเบนช์มาร์กด้วยโปรแกรม AIDA64 จะไม่เห็นความต่างชัดเจน แต่ในเกมจริงอาจช่วยได้ โดยเฉพาะถ้า Windows ไม่จัดสรรงานให้ไปยัง CCD ที่มี V-Cache อย่างเหมาะสม ✅ AMD Ryzen X3D บางรุ่นพบอาการกระตุกหรือ micro-stutter บน Windows   • โดยเฉพาะเมื่อใช้เกมที่โหลดข้อมูลถี่ และในรุ่น 2 CCD (มีแคชแค่ฝั่งเดียว) ✅ การเปลี่ยน BIOS Setting “Global C-State Control” → Enabled ช่วยลดการกระตุกในบางกรณี   • Auto อาจปิดฟีเจอร์ไปโดยไม่รู้ตัวในบางเมนบอร์ด   • Enabled จะเปิดการทำงานของ C-State เต็มรูปแบบ ✅ C-State คือฟีเจอร์จัดการพลังงานผ่าน ACPI ให้ OS เลือกพัก core/IO/infinity fabric ได้ตามความเหมาะสม   • ทำงานคู่กับ P-State ที่จัดการ clock/voltage scaling ✅ การเปิด C-State ช่วยให้ Windows จัดการ “Preferred Core” และ CCD ได้ดีขึ้น   • โดยเฉพาะหาก CPPC ไม่ทำงานเต็มประสิทธิภาพ ✅ Tips เพิ่มเติม: การปิดการแสดงผล Power Percent ใน MSI Afterburner ก็ช่วยลด micro-stutter ได้   • เป็นปัญหาที่รู้กันมานาน แม้ใช้ CPU รุ่นไม่ใช่ X3D ก็ตาม ‼️ การเปลี่ยน BIOS โดยไม่รู้ค่าเดิม อาจทำให้ระบบไม่เสถียร หรือมีผลกับ power consumption   • ควรจดค่าก่อนเปลี่ยน และทดสอบใน workload ที่ใช้จริง ‼️ ผลลัพธ์จากการเปลี่ยน Global C-State ยังไม่แน่นอนในทุกเกม/ระบบ   • ไม่มีผลกับ AIDA64 แต่ในเกมอาจแตกต่าง ต้องลองเป็นกรณีไป ‼️ ถ้าใช้ Mainboard รุ่นเก่าหรือ BIOS ไม่อัปเดต อาจไม่มีตัวเลือกนี้ หรือชื่ออาจไม่ตรงกัน   • เช่น อาจใช้ชื่อ CPU Power Saving, C-State Mode, ฯลฯ ‼️ การเปิด C-State ทำให้ CPU เข้าสู่ sleep state ได้ — แม้อาจเพิ่ม efficiency แต่ต้องระวังปัญหาความหน่วงในบางงานเฉพาะทาง   • โดยเฉพาะในการเรนเดอร์หรือทำงานที่ต้อง full load ต่อเนื่อง https://www.neowin.net/news/some-amd-ryzen-users-can-get-free-windows-performance-boost-with-this-simple-system-tweak/
    WWW.NEOWIN.NET
    Some AMD Ryzen users can get free Windows performance boost with this simple system tweak
    AMD Ryzen processor owners, especially X3D ones, may be in for a pleasant surprise as a simple tweak to one of their system settings can help boost performance.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพราะโดนสหรัฐแบนชิปแรง ๆ อย่าง H100 ทำให้ Huawei ต้องหาทางอื่นที่จะสู้ในสนาม AI — เขาเลยเอากลยุทธ์ “ใช้เยอะเข้าไว้” หรือที่เรียกว่า Brute Force Scaling มาใช้ สร้างเป็นคลัสเตอร์ชื่อ CloudMatrix 384 (CM384)

    ไอ้เจ้าตัวนี้คือการรวมพลัง 384 ชิป Ascend 910C (ของ Huawei เอง) กับ CPU อีก 192 ตัว กระจายอยู่ใน 16 rack server แล้วเชื่อมต่อด้วยสายไฟเบอร์ออปติกหมดทุกตัว เพื่อทำให้ interconnect ภายในเร็วแบบสุด ๆ

    เมื่อรันโมเดล LLM อย่าง DeepSeek R1 (ขนาด 671B พารามิเตอร์) ที่เป็นรุ่นเดียวกับที่ใช้ทดสอบ NVIDIA GB200 NVL72 — ปรากฏว่า CM384 สร้าง token ได้มากกว่า ทั้งในตอน generate และ prefill และมีประสิทธิภาพระดับ 300 PFLOPs (BF16) เทียบกับ 180 PFLOPs ของ GB200

    แต่…มันแลกมาด้วยพลังงานระดับ “กินไฟพอๆ กับอาคารทั้งหลัง” — CM384 ใช้ไฟถึง 559 kW เทียบกับ NVIDIA GB200 NVL72 ที่ใช้ 145 kW เท่านั้น เรียกว่าแรงจริงแต่เปลืองไฟมากกว่า 4 เท่า

    ✅ Huawei เปิดตัวซูเปอร์คลัสเตอร์ CloudMatrix 384 ใช้ NPU Ascend 910C รวม 384 ตัว  
    • เชื่อมต่อด้วยสายออปติกทั้งหมด ลด latency ระหว่าง node  
    • ใช้ CPU เสริม 192 ตัวในโครงสร้าง 16 rack

    ✅ CM384 รันโมเดล DeepSeek R1 ได้เร็วกว่า NVIDIA H800 และ H100  
    • มี performance สูงถึง 300 PFLOPs (BF16)  
    • เมื่อเทียบกับ NVIDIA GB200 NVL72 ที่ให้ 180 PFLOPs

    ✅ ซอฟต์แวร์ CloudMatrix-Infer มีประสิทธิภาพสูงกว่า NVIDIA SGLang ในงาน LLM  
    • สร้าง token ได้เร็วขึ้น ทั้งตอน prefill และ generate  
    • เหมาะกับงาน AI inferencing ขนาดใหญ่มาก

    ✅ CM384 ออกแบบมาเพื่อสร้าง ecosystem ทางเลือกในจีน โดยไม่ต้องใช้ NVIDIA  
    • ได้รับการเผยแพร่ร่วมกับ AI startup จีนชื่อ SiliconFlow  
    • มีเป้าหมายเพื่อ “เพิ่มความมั่นใจให้ ecosystem ภายในประเทศจีน”

    ✅ พลังงานในจีนราคาต่ำลงเกือบ 40% ใน 3 ปี ทำให้การใช้พลังงานมากไม่ใช่จุดอ่อนใหญ่  
    • ทำให้จีนสามารถเลือก “สเกลแรงเข้าไว้” ได้โดยไม่กลัวค่าไฟพุ่ง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/huaweis-brute-force-ai-tactic-seems-to-be-working-cloudmatrix-384-claimed-to-outperform-nvidia-processors-running-deepseek-r1
    เพราะโดนสหรัฐแบนชิปแรง ๆ อย่าง H100 ทำให้ Huawei ต้องหาทางอื่นที่จะสู้ในสนาม AI — เขาเลยเอากลยุทธ์ “ใช้เยอะเข้าไว้” หรือที่เรียกว่า Brute Force Scaling มาใช้ สร้างเป็นคลัสเตอร์ชื่อ CloudMatrix 384 (CM384) ไอ้เจ้าตัวนี้คือการรวมพลัง 384 ชิป Ascend 910C (ของ Huawei เอง) กับ CPU อีก 192 ตัว กระจายอยู่ใน 16 rack server แล้วเชื่อมต่อด้วยสายไฟเบอร์ออปติกหมดทุกตัว เพื่อทำให้ interconnect ภายในเร็วแบบสุด ๆ เมื่อรันโมเดล LLM อย่าง DeepSeek R1 (ขนาด 671B พารามิเตอร์) ที่เป็นรุ่นเดียวกับที่ใช้ทดสอบ NVIDIA GB200 NVL72 — ปรากฏว่า CM384 สร้าง token ได้มากกว่า ทั้งในตอน generate และ prefill และมีประสิทธิภาพระดับ 300 PFLOPs (BF16) เทียบกับ 180 PFLOPs ของ GB200 แต่…มันแลกมาด้วยพลังงานระดับ “กินไฟพอๆ กับอาคารทั้งหลัง” — CM384 ใช้ไฟถึง 559 kW เทียบกับ NVIDIA GB200 NVL72 ที่ใช้ 145 kW เท่านั้น เรียกว่าแรงจริงแต่เปลืองไฟมากกว่า 4 เท่า ✅ Huawei เปิดตัวซูเปอร์คลัสเตอร์ CloudMatrix 384 ใช้ NPU Ascend 910C รวม 384 ตัว   • เชื่อมต่อด้วยสายออปติกทั้งหมด ลด latency ระหว่าง node   • ใช้ CPU เสริม 192 ตัวในโครงสร้าง 16 rack ✅ CM384 รันโมเดล DeepSeek R1 ได้เร็วกว่า NVIDIA H800 และ H100   • มี performance สูงถึง 300 PFLOPs (BF16)   • เมื่อเทียบกับ NVIDIA GB200 NVL72 ที่ให้ 180 PFLOPs ✅ ซอฟต์แวร์ CloudMatrix-Infer มีประสิทธิภาพสูงกว่า NVIDIA SGLang ในงาน LLM   • สร้าง token ได้เร็วขึ้น ทั้งตอน prefill และ generate   • เหมาะกับงาน AI inferencing ขนาดใหญ่มาก ✅ CM384 ออกแบบมาเพื่อสร้าง ecosystem ทางเลือกในจีน โดยไม่ต้องใช้ NVIDIA   • ได้รับการเผยแพร่ร่วมกับ AI startup จีนชื่อ SiliconFlow   • มีเป้าหมายเพื่อ “เพิ่มความมั่นใจให้ ecosystem ภายในประเทศจีน” ✅ พลังงานในจีนราคาต่ำลงเกือบ 40% ใน 3 ปี ทำให้การใช้พลังงานมากไม่ใช่จุดอ่อนใหญ่   • ทำให้จีนสามารถเลือก “สเกลแรงเข้าไว้” ได้โดยไม่กลัวค่าไฟพุ่ง https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/huaweis-brute-force-ai-tactic-seems-to-be-working-cloudmatrix-384-claimed-to-outperform-nvidia-processors-running-deepseek-r1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทต่าง ๆ ทุ่มงบกับ Cybersecurity เป็นพันล้าน แต่สุดท้ายระบบกลับถูกทะลวงด้วย “มนุษย์” ที่อยู่ด่านหน้าอย่างพนักงาน Call Center — ที่มักจะเป็นแรงงาน outsource ค่าแรงต่ำ และเข้าถึงข้อมูลลูกค้าโดยตรง

    เคสที่เด่นชัดที่สุดคือการโจมตี Call Center ที่ดูแลบัญชีลูกค้า Coinbase ซึ่งรับงานจากบริษัท TaskUs แฮกเกอร์เสนอสินบนอย่างน้อย $2,500 แลกกับการเปิดทางเข้าระบบหลังบ้าน และทำให้ข้อมูลลูกค้า มากถึง 97,000 ราย ถูกขโมยไป

    จากนั้นแฮกเกอร์ใช้ข้อมูลดังกล่าว ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ Coinbase โทรหาลูกค้า พร้อมข้อมูลจริงครบถ้วน จนเหยื่อหลงเชื่อและโอนคริปโตให้กับกระเป๋าของคนร้าย

    วิธีโจมตีไม่ได้มีแค่การติดสินบน—บางกรณีแฮกเกอร์แค่ถามพนักงานว่ารันซอฟต์แวร์อะไร แล้วไปเจอว่า มี Extension ที่มีช่องโหว่ ก็ใช้ช่องนั้น inject script เพื่อดูดข้อมูลแบบ mass

    นอกจากนั้นยังมีเคสใน UK ที่กลุ่มโจรไซเบอร์ปลอมเป็นผู้บริหารจาก M&S และ Harrods เพื่อสั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายซัพพอร์ตเปิดทางเข้าระบบ (เทคนิคแบบเดียวกับที่ใช้โจมตี MGM Resorts ปี 2023)

    ✅ แฮกเกอร์เปลี่ยนเป้าหมายจากระบบ มาเป็น “คน” ในสายซัพพอร์ตค่าแรงต่ำ  
    • เสนอสินบนหลักพันดอลลาร์เพื่อให้เข้าถึงระบบบริษัท

    ✅ Coinbase ถูกเจาะข้อมูลผ่านพนักงาน TaskUs จนกระทั่งลูกค้าเสียหายกว่า 97,000 ราย  
    • แฮกเกอร์ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่จริง พร้อมข้อมูลละเอียด

    ✅ มีการใช้เทคนิคอื่น เช่นแอบ inject code ผ่าน Extension ที่พนักงานใช้ใน Call Center  
    • เริ่มจากการถามว่านายใช้ซอฟต์แวร์อะไร

    ✅ UK ก็มีเคสที่แฮกเกอร์ปลอมเป็นผู้บริหารโทรหาเจ้าหน้าที่ให้เปิดระบบให้  
    • เป็น “วิศวกรรมสังคม” แบบสายตรง

    ✅ บริษัทบางแห่งพบว่า แม้จะไล่พนักงานออกแล้ว คน ๆ นั้นสามารถหางานใหม่ได้ง่ายมากในตลาด outsource  
    • ทำให้การป้องกันด้านบุคคลทวีความยากขึ้น

    ✅ แม้มี Cybersecurity ขั้นสูง แต่ Human Interaction ยังคงเป็นจุดอ่อนที่สุดของระบบ  
    • กล่าวโดยผู้เชี่ยวชาญจาก ReliaQuest

    ‼️ การจ้าง outsource ที่ไม่มีระบบตรวจสอบจริยธรรมอาจเปิดทางให้คนในขายข้อมูล  
    • ความเสี่ยงไม่ได้อยู่แค่ในเทคโนโลยี แต่เป็นการจัดการแรงงาน

    ‼️ แฮกเกอร์เริ่มเก่งในการปลอมตัวและใช้ข้อมูลจริงโทรหลอกลูกค้า  
    • ต้องเพิ่มการยืนยันตัวตนหลายขั้น แม้จะดูยุ่งยาก

    ‼️ พนักงานที่ถูกไล่ออกมักหางานในบริษัท outsource อื่นได้ง่าย  
    • ขาดระบบ blacklist หรือ shared warning system ระหว่างบริษัท

    ‼️ การละเลยการอัปเดตซอฟต์แวร์ หรือใช้ Extension ที่มีช่องโหว่ในเครื่อง Call Center อาจเปิดช่องให้โดนดูดข้อมูลแบบ mass scale

    https://www.techspot.com/news/108387-low-wage-support-workers-become-new-gateway-cyberattacks.html
    บริษัทต่าง ๆ ทุ่มงบกับ Cybersecurity เป็นพันล้าน แต่สุดท้ายระบบกลับถูกทะลวงด้วย “มนุษย์” ที่อยู่ด่านหน้าอย่างพนักงาน Call Center — ที่มักจะเป็นแรงงาน outsource ค่าแรงต่ำ และเข้าถึงข้อมูลลูกค้าโดยตรง เคสที่เด่นชัดที่สุดคือการโจมตี Call Center ที่ดูแลบัญชีลูกค้า Coinbase ซึ่งรับงานจากบริษัท TaskUs แฮกเกอร์เสนอสินบนอย่างน้อย $2,500 แลกกับการเปิดทางเข้าระบบหลังบ้าน และทำให้ข้อมูลลูกค้า มากถึง 97,000 ราย ถูกขโมยไป จากนั้นแฮกเกอร์ใช้ข้อมูลดังกล่าว ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ Coinbase โทรหาลูกค้า พร้อมข้อมูลจริงครบถ้วน จนเหยื่อหลงเชื่อและโอนคริปโตให้กับกระเป๋าของคนร้าย วิธีโจมตีไม่ได้มีแค่การติดสินบน—บางกรณีแฮกเกอร์แค่ถามพนักงานว่ารันซอฟต์แวร์อะไร แล้วไปเจอว่า มี Extension ที่มีช่องโหว่ ก็ใช้ช่องนั้น inject script เพื่อดูดข้อมูลแบบ mass นอกจากนั้นยังมีเคสใน UK ที่กลุ่มโจรไซเบอร์ปลอมเป็นผู้บริหารจาก M&S และ Harrods เพื่อสั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายซัพพอร์ตเปิดทางเข้าระบบ (เทคนิคแบบเดียวกับที่ใช้โจมตี MGM Resorts ปี 2023) ✅ แฮกเกอร์เปลี่ยนเป้าหมายจากระบบ มาเป็น “คน” ในสายซัพพอร์ตค่าแรงต่ำ   • เสนอสินบนหลักพันดอลลาร์เพื่อให้เข้าถึงระบบบริษัท ✅ Coinbase ถูกเจาะข้อมูลผ่านพนักงาน TaskUs จนกระทั่งลูกค้าเสียหายกว่า 97,000 ราย   • แฮกเกอร์ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่จริง พร้อมข้อมูลละเอียด ✅ มีการใช้เทคนิคอื่น เช่นแอบ inject code ผ่าน Extension ที่พนักงานใช้ใน Call Center   • เริ่มจากการถามว่านายใช้ซอฟต์แวร์อะไร ✅ UK ก็มีเคสที่แฮกเกอร์ปลอมเป็นผู้บริหารโทรหาเจ้าหน้าที่ให้เปิดระบบให้   • เป็น “วิศวกรรมสังคม” แบบสายตรง ✅ บริษัทบางแห่งพบว่า แม้จะไล่พนักงานออกแล้ว คน ๆ นั้นสามารถหางานใหม่ได้ง่ายมากในตลาด outsource   • ทำให้การป้องกันด้านบุคคลทวีความยากขึ้น ✅ แม้มี Cybersecurity ขั้นสูง แต่ Human Interaction ยังคงเป็นจุดอ่อนที่สุดของระบบ   • กล่าวโดยผู้เชี่ยวชาญจาก ReliaQuest ‼️ การจ้าง outsource ที่ไม่มีระบบตรวจสอบจริยธรรมอาจเปิดทางให้คนในขายข้อมูล   • ความเสี่ยงไม่ได้อยู่แค่ในเทคโนโลยี แต่เป็นการจัดการแรงงาน ‼️ แฮกเกอร์เริ่มเก่งในการปลอมตัวและใช้ข้อมูลจริงโทรหลอกลูกค้า   • ต้องเพิ่มการยืนยันตัวตนหลายขั้น แม้จะดูยุ่งยาก ‼️ พนักงานที่ถูกไล่ออกมักหางานในบริษัท outsource อื่นได้ง่าย   • ขาดระบบ blacklist หรือ shared warning system ระหว่างบริษัท ‼️ การละเลยการอัปเดตซอฟต์แวร์ หรือใช้ Extension ที่มีช่องโหว่ในเครื่อง Call Center อาจเปิดช่องให้โดนดูดข้อมูลแบบ mass scale https://www.techspot.com/news/108387-low-wage-support-workers-become-new-gateway-cyberattacks.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Low-wage tech support workers become a new gateway for cyberattacks
    Hackers are increasingly turning the very systems designed to help customers – outsourced tech support and call centers – into powerful tools for cybercrime. Recent incidents in...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องนี้เริ่มจากระบบชื่อ VexTrio ที่เหมือน “ตัวกลางกระจายทราฟฟิกแบบมืด” (Traffic Distribution System – TDS) ซึ่งแฮกเกอร์ใช้เพื่อพาผู้ใช้ไปยังเพจหลอก, โฆษณาปลอม, หรือ malware

    พวกเขาทำงานร่วมกับระบบโฆษณาที่ดูเหมือนถูกกฎหมายอย่าง Los Pollos, Partners House และ RichAds โดยแนบ JavaScript แฝงลงในเว็บ WordPress ผ่าน plugin ที่มีช่องโหว่ แล้วใช้ DNS TXT record เป็นช่องสื่อสารลับว่าจะเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปไหน

    จุดพีคคือ...บางโฆษณาและ push notification ที่คุณเห็น มาจาก แพลตฟอร์มจริง ๆ เช่น Google Firebase หรือระบบ affiliate network ที่ถูกใช้เป็นหลังบ้านของแคมเปญ! ไม่ใช่การหลอกผ่าน phishing หรือมัลแวร์จาก email โดยตรงเหมือนเมื่อก่อน

    ที่น่าห่วงคือ มันอาจดูเหมือน CAPTCHA ธรรมดา, ป๊อปอัปเตือนว่า "มีไวรัส", หรือแบนเนอร์ว่า "คุณได้รับรางวัล" แต่ถ้าคลิกเปิดการแจ้งเตือนปุ๊บ — โค้ดฝั่งแฮกเกอร์จะรอส่งมัลแวร์หรือ phishing link เข้ามาทันที 😵‍💫

    ✅ มีเครือข่ายการเปลี่ยนเส้นทางสู่มัลแวร์ระดับโลกผ่านระบบที่ดูถูกต้องตามกฎหมาย  
    • ใช้ระบบ TDS ชื่อ VexTrio, Help, Disposable  
    • พ่วงเข้ากับ adtech เช่น RichAds, Los Pollos, Partners House

    ✅ ช่องทางแพร่ระบาดมักผ่าน WordPress plugin ที่ถูกแฮก  
    • ใส่ JavaScript ซ่อนไว้ให้ redirect แบบแนบเนียน  
    • ใช้ DNS TXT records เป็นระบบควบคุมคำสั่ง

    ✅ Push Notification กลายเป็นช่องโจมตีใหม่  
    • หลอกด้วย CAPTCHA ปลอมให้ผู้ใช้กด “ยอมรับการแจ้งเตือน”  • หลังจากนั้นจะส่งมัลแวร์ได้ผ่านเบราว์เซอร์โดยไม่เตือน

    ✅ โค้ดมัลแวร์ reuse script ร่วมกันหลายโดเมน  
    • มีพฤติกรรมคล้ายกัน เช่น ปิดปุ่ม back, redirect หลายชั้น, ปลอมหน้า sweepstake

    ✅ ระบบหลอกลวงอาจส่งผ่านบริการถูกกฎหมาย เช่น Google Firebase  
    • ทำให้ Antivirus บางระบบตรวจจับไม่ได้

    ✅ พบความผิดปกติจากการวิเคราะห์ DNS มากกว่า 4.5 ล้าน response  
    • ระหว่าง ส.ค.–ธ.ค. 2024 โดย Infoblox Threat Intelligence

    ‼️ แม้จะเข้าเว็บจริง แต่เบราว์เซอร์อาจแสดง Push Notification หรือเบอร์หลอกโดยไม่รู้ตัว  
    • โดยเฉพาะถ้าเคย “ยอมรับแจ้งเตือน” มาก่อนจากหน้า CAPTCHA ปลอม

    ‼️ DNS TXT record ถูกใช้เป็น backchannel สำหรับสั่งงาน malware  
    • ระบบความปลอดภัยที่ไม่ตรวจ DNS anomalies อาจมองไม่เห็นเลย

    ‼️ แพลตฟอร์มโฆษณาที่ “ดูถูกต้อง” ก็อาจเป็นคนกลางในระบบ malware  
    • เพราะรู้จักตัวตนของ “affiliate” ที่ส่ง traffic อยู่แล้ว แต่ไม่จัดการ

    ‼️ หากใช้ WordPress ต้องหมั่นอัปเดต plugin และตรวจความผิดปกติของ DNS/JS script  
    • โดยเฉพาะถ้ามี script ที่ไม่รู้จัก ฝังอยู่ในไฟล์ footer หรือ functions.php

    https://www.techradar.com/pro/security/wordpress-hackers-are-teaming-up-with-commercial-adtech-firms-to-distribute-malware-to-millions-of-users-heres-how-to-stay-safe
    เรื่องนี้เริ่มจากระบบชื่อ VexTrio ที่เหมือน “ตัวกลางกระจายทราฟฟิกแบบมืด” (Traffic Distribution System – TDS) ซึ่งแฮกเกอร์ใช้เพื่อพาผู้ใช้ไปยังเพจหลอก, โฆษณาปลอม, หรือ malware พวกเขาทำงานร่วมกับระบบโฆษณาที่ดูเหมือนถูกกฎหมายอย่าง Los Pollos, Partners House และ RichAds โดยแนบ JavaScript แฝงลงในเว็บ WordPress ผ่าน plugin ที่มีช่องโหว่ แล้วใช้ DNS TXT record เป็นช่องสื่อสารลับว่าจะเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปไหน จุดพีคคือ...บางโฆษณาและ push notification ที่คุณเห็น มาจาก แพลตฟอร์มจริง ๆ เช่น Google Firebase หรือระบบ affiliate network ที่ถูกใช้เป็นหลังบ้านของแคมเปญ! ไม่ใช่การหลอกผ่าน phishing หรือมัลแวร์จาก email โดยตรงเหมือนเมื่อก่อน ที่น่าห่วงคือ มันอาจดูเหมือน CAPTCHA ธรรมดา, ป๊อปอัปเตือนว่า "มีไวรัส", หรือแบนเนอร์ว่า "คุณได้รับรางวัล" แต่ถ้าคลิกเปิดการแจ้งเตือนปุ๊บ — โค้ดฝั่งแฮกเกอร์จะรอส่งมัลแวร์หรือ phishing link เข้ามาทันที 😵‍💫 ✅ มีเครือข่ายการเปลี่ยนเส้นทางสู่มัลแวร์ระดับโลกผ่านระบบที่ดูถูกต้องตามกฎหมาย   • ใช้ระบบ TDS ชื่อ VexTrio, Help, Disposable   • พ่วงเข้ากับ adtech เช่น RichAds, Los Pollos, Partners House ✅ ช่องทางแพร่ระบาดมักผ่าน WordPress plugin ที่ถูกแฮก   • ใส่ JavaScript ซ่อนไว้ให้ redirect แบบแนบเนียน   • ใช้ DNS TXT records เป็นระบบควบคุมคำสั่ง ✅ Push Notification กลายเป็นช่องโจมตีใหม่   • หลอกด้วย CAPTCHA ปลอมให้ผู้ใช้กด “ยอมรับการแจ้งเตือน”  • หลังจากนั้นจะส่งมัลแวร์ได้ผ่านเบราว์เซอร์โดยไม่เตือน ✅ โค้ดมัลแวร์ reuse script ร่วมกันหลายโดเมน   • มีพฤติกรรมคล้ายกัน เช่น ปิดปุ่ม back, redirect หลายชั้น, ปลอมหน้า sweepstake ✅ ระบบหลอกลวงอาจส่งผ่านบริการถูกกฎหมาย เช่น Google Firebase   • ทำให้ Antivirus บางระบบตรวจจับไม่ได้ ✅ พบความผิดปกติจากการวิเคราะห์ DNS มากกว่า 4.5 ล้าน response   • ระหว่าง ส.ค.–ธ.ค. 2024 โดย Infoblox Threat Intelligence ‼️ แม้จะเข้าเว็บจริง แต่เบราว์เซอร์อาจแสดง Push Notification หรือเบอร์หลอกโดยไม่รู้ตัว   • โดยเฉพาะถ้าเคย “ยอมรับแจ้งเตือน” มาก่อนจากหน้า CAPTCHA ปลอม ‼️ DNS TXT record ถูกใช้เป็น backchannel สำหรับสั่งงาน malware   • ระบบความปลอดภัยที่ไม่ตรวจ DNS anomalies อาจมองไม่เห็นเลย ‼️ แพลตฟอร์มโฆษณาที่ “ดูถูกต้อง” ก็อาจเป็นคนกลางในระบบ malware   • เพราะรู้จักตัวตนของ “affiliate” ที่ส่ง traffic อยู่แล้ว แต่ไม่จัดการ ‼️ หากใช้ WordPress ต้องหมั่นอัปเดต plugin และตรวจความผิดปกติของ DNS/JS script   • โดยเฉพาะถ้ามี script ที่ไม่รู้จัก ฝังอยู่ในไฟล์ footer หรือ functions.php https://www.techradar.com/pro/security/wordpress-hackers-are-teaming-up-with-commercial-adtech-firms-to-distribute-malware-to-millions-of-users-heres-how-to-stay-safe
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลายคนรู้ว่าในระบบ AI ขนาดใหญ่ แค่ GPU แรงอย่างเดียวไม่พอ — การ์ดเครือข่าย (NIC) ก็เป็นหัวใจสำคัญ เพราะมันคือสะพานเชื่อมระหว่างเซิร์ฟเวอร์ GPU นับพันตัว การดีเลย์หรือข้อมูลติดคอแม้เพียง 1% ก็อาจทำให้ประสิทธิภาพ AI cluster ตกฮวบ

    AMD จึงเปิดตัว Pollara 400 NIC สำหรับ PCIe Gen5 ที่รองรับแบนด์วิดธ์รวม 400Gbps มีฟีเจอร์อย่าง RDMA, RCCL, และที่สำคัญคือรองรับ มาตรฐาน Ultra Ethernet (UEC) ที่ออกแบบมาเพื่อให้ Ethernet ก้าวทันการเชื่อม GPU ระดับซูเปอร์คลัสเตอร์ — ไม่ต้องผูกขาดกับโซลูชันเฉพาะเจ้าใดเจ้าเดียว

    Pollara 400 ออกแบบให้รองรับการลดเวลา idle ของ GPU โดยเฉพาะในงาน training AI ขนาดใหญ่ โดย AMD เคลมว่าทำ RDMA ได้เร็วกว่า ConnectX-7 ของ NVIDIA 10% และเร็วกว่า Thor2 ของ Broadcom ถึง 20% — ในคลัสเตอร์ใหญ่จะช่วยเพิ่ม throughput โดยรวมได้หลายเท่าตัว

    AMD ยังบอกด้วยว่า Oracle Cloud จะเป็น hyperscaler รายแรกที่นำ Pollara ไปใช้ และวางแผนเปิดตัวรุ่นถัดไปคือ Vulcano 800G NIC (PCIe Gen6) ในปี 2026 — เป็นการ์ดที่ใช้ในสถาปัตยกรรม Helios rack-scale แบบเดียวกับ MI400 Series AI GPU ของ AMD

    ✅ AMD เปิดตัว Pollara 400 AI NIC สำหรับ PCIe Gen5 รองรับ Ultra Ethernet (UEC)  
    • รองรับ RDMA, RCCL, congestion control และ failover routing  
    • ใช้งานได้หลายแบบ: 1x400G, 2x200G, 4x100G

    ✅ Performance สูงกว่า ConnectX-7 และ Broadcom Thor2  
    • RDMA เร็วขึ้น 10–20%  
    • ลด idle time ของ GPU ได้ใน AI workloads ขนาดใหญ่

    ✅ ออกแบบแบบ open-standard, รองรับ multi-vendor ecosystem  
    • ไม่ผูกกับ proprietary protocol แบบ NVLink หรือ Infiniband  
    • ช่วยให้องค์กรใหญ่สามารถเลือก hardware ได้ยืดหยุ่นขึ้น

    ✅ มีแผนเปิดตัว Vulcano 800G ในปี 2026 รองรับ PCIe Gen6 + UALink + UEC  
    • ใช้กับ Helios architecture ของ AMD สำหรับ rack-scale AI cluster  
    • แข่งตรงกับ ConnectX-8 และแพลตฟอร์ม GPU GB200 จาก NVIDIA

    ✅ Oracle Cloud เป็นผู้ใช้งานกลุ่มแรกของเทคโนโลยี UEC + AMD NIC  
    • มุ่งเป้า hyperscaler และ cloud provider เป็นหลัก

    ✅ รองรับการมอนิเตอร์ระดับคลัสเตอร์ เพิ่ม observability และ reliability  
    • ช่วยดูปัญหา network choke point ได้แบบละเอียด

    ‼️ มาตรฐาน Ultra Ethernet (UEC) ยังใหม่มาก — อุตสาหกรรมยังอยู่ช่วง transition  
    • ecosystem อาจยังไม่พร้อมเต็มที่ รองรับ hardware/software บางตัวต้องอัปเดตตาม

    ‼️ เทียบกับโซลูชัน NVIDIA ที่ใช้ NVLink/Infiniband ประสิทธิภาพในบาง use case อาจยังห่างกัน  
    • โดยเฉพาะงานที่ผูกกับ stack ของ NVIDIA เช่น LLM แบบเฉพาะ

    ‼️ PCIe Gen6 และ 800G ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา — NIC Vulcano ยังไม่พร้อมใช้จริงจนถึงปี 2026  
    • องค์กรที่วางแผนลงทุนล่วงหน้า ควรประเมิน roadmap ให้รอบคอบ

    ‼️ การใช้ multi-vendor network แม้จะเปิดเสรี แต่การ debug และ tuning ซับซ้อนกว่าระบบปิดแบบ proprietary  
    • ต้องมีทีม engineer ที่เข้าใจ protocol ระดับลึก

    https://www.techradar.com/pro/amd-debuts-a-400gbe-ai-network-card-with-an-800gbe-pcie-gen6-nic-coming-in-2026-but-will-the-industry-be-ready
    หลายคนรู้ว่าในระบบ AI ขนาดใหญ่ แค่ GPU แรงอย่างเดียวไม่พอ — การ์ดเครือข่าย (NIC) ก็เป็นหัวใจสำคัญ เพราะมันคือสะพานเชื่อมระหว่างเซิร์ฟเวอร์ GPU นับพันตัว การดีเลย์หรือข้อมูลติดคอแม้เพียง 1% ก็อาจทำให้ประสิทธิภาพ AI cluster ตกฮวบ AMD จึงเปิดตัว Pollara 400 NIC สำหรับ PCIe Gen5 ที่รองรับแบนด์วิดธ์รวม 400Gbps มีฟีเจอร์อย่าง RDMA, RCCL, และที่สำคัญคือรองรับ มาตรฐาน Ultra Ethernet (UEC) ที่ออกแบบมาเพื่อให้ Ethernet ก้าวทันการเชื่อม GPU ระดับซูเปอร์คลัสเตอร์ — ไม่ต้องผูกขาดกับโซลูชันเฉพาะเจ้าใดเจ้าเดียว Pollara 400 ออกแบบให้รองรับการลดเวลา idle ของ GPU โดยเฉพาะในงาน training AI ขนาดใหญ่ โดย AMD เคลมว่าทำ RDMA ได้เร็วกว่า ConnectX-7 ของ NVIDIA 10% และเร็วกว่า Thor2 ของ Broadcom ถึง 20% — ในคลัสเตอร์ใหญ่จะช่วยเพิ่ม throughput โดยรวมได้หลายเท่าตัว AMD ยังบอกด้วยว่า Oracle Cloud จะเป็น hyperscaler รายแรกที่นำ Pollara ไปใช้ และวางแผนเปิดตัวรุ่นถัดไปคือ Vulcano 800G NIC (PCIe Gen6) ในปี 2026 — เป็นการ์ดที่ใช้ในสถาปัตยกรรม Helios rack-scale แบบเดียวกับ MI400 Series AI GPU ของ AMD ✅ AMD เปิดตัว Pollara 400 AI NIC สำหรับ PCIe Gen5 รองรับ Ultra Ethernet (UEC)   • รองรับ RDMA, RCCL, congestion control และ failover routing   • ใช้งานได้หลายแบบ: 1x400G, 2x200G, 4x100G ✅ Performance สูงกว่า ConnectX-7 และ Broadcom Thor2   • RDMA เร็วขึ้น 10–20%   • ลด idle time ของ GPU ได้ใน AI workloads ขนาดใหญ่ ✅ ออกแบบแบบ open-standard, รองรับ multi-vendor ecosystem   • ไม่ผูกกับ proprietary protocol แบบ NVLink หรือ Infiniband   • ช่วยให้องค์กรใหญ่สามารถเลือก hardware ได้ยืดหยุ่นขึ้น ✅ มีแผนเปิดตัว Vulcano 800G ในปี 2026 รองรับ PCIe Gen6 + UALink + UEC   • ใช้กับ Helios architecture ของ AMD สำหรับ rack-scale AI cluster   • แข่งตรงกับ ConnectX-8 และแพลตฟอร์ม GPU GB200 จาก NVIDIA ✅ Oracle Cloud เป็นผู้ใช้งานกลุ่มแรกของเทคโนโลยี UEC + AMD NIC   • มุ่งเป้า hyperscaler และ cloud provider เป็นหลัก ✅ รองรับการมอนิเตอร์ระดับคลัสเตอร์ เพิ่ม observability และ reliability   • ช่วยดูปัญหา network choke point ได้แบบละเอียด ‼️ มาตรฐาน Ultra Ethernet (UEC) ยังใหม่มาก — อุตสาหกรรมยังอยู่ช่วง transition   • ecosystem อาจยังไม่พร้อมเต็มที่ รองรับ hardware/software บางตัวต้องอัปเดตตาม ‼️ เทียบกับโซลูชัน NVIDIA ที่ใช้ NVLink/Infiniband ประสิทธิภาพในบาง use case อาจยังห่างกัน   • โดยเฉพาะงานที่ผูกกับ stack ของ NVIDIA เช่น LLM แบบเฉพาะ ‼️ PCIe Gen6 และ 800G ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา — NIC Vulcano ยังไม่พร้อมใช้จริงจนถึงปี 2026   • องค์กรที่วางแผนลงทุนล่วงหน้า ควรประเมิน roadmap ให้รอบคอบ ‼️ การใช้ multi-vendor network แม้จะเปิดเสรี แต่การ debug และ tuning ซับซ้อนกว่าระบบปิดแบบ proprietary   • ต้องมีทีม engineer ที่เข้าใจ protocol ระดับลึก https://www.techradar.com/pro/amd-debuts-a-400gbe-ai-network-card-with-an-800gbe-pcie-gen6-nic-coming-in-2026-but-will-the-industry-be-ready
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงนี้ Apple ไม่ได้พูดถึง AI แค่เรื่อง Siri หรือ iPhone เท่านั้น แต่กำลังใช้ GenAI เข้ามาเปลี่ยนวงในอย่าง “การออกแบบชิป” ที่เป็นหัวใจของอุปกรณ์ทุกตัวเลย

    Johny Srouji รองประธานอาวุโสของฝ่ายฮาร์ดแวร์ของ Apple เปิดเผยว่า Apple กำลังใช้ Generative AI ในซอฟต์แวร์ออกแบบชิป EDA เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพของการพัฒนา Apple Silicon รุ่นต่อไป เช่น M-Series และ A-Series ซึ่งใช้ใน Mac และ iPhone ตามลำดับ

    เขาบอกเลยว่า “Generative AI สามารถเพิ่ม productivity ได้มหาศาล” เพราะเดิมทีการวางเลย์เอาต์ของชิป หรือการกำหนดวงจรใช้เวลานานและทำซ้ำบ่อยมาก แต่ถ้าให้ AI สร้างตัวเลือกอัตโนมัติ แล้ววิศวกรคัดกรอง ก็จะเร็วกว่าเดิมหลายเท่า

    ฝั่งบริษัท Cadence และ Synopsys ที่เป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์ EDA ก็เร่งเสริม GenAI เข้าไปในเครื่องมือของตัวเอง เพื่อให้รองรับแนวโน้มนี้ ซึ่งไม่ใช่แค่ Apple ที่ใช้นะครับ Google, Nvidia, AMD ก็เริ่มหันมาใช้กันหมด

    และไม่ใช่แค่ฝั่งตะวันตก — มีรายงานจากจีนว่าทีมนักวิจัยสามารถออกแบบซีพียูทั้งตัวโดยใช้ Large Language Model (LLM) แค่ตัวเดียวได้แล้วด้วย

    Apple เองเริ่มทางนี้ตั้งแต่สมัยเปลี่ยนมาใช้ Apple Silicon ใน MacBook Pro รุ่น M1 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในการเลิกใช้ชิป Intel และพัฒนาชิป Arm ของตนเองแบบเต็มตัว โดยเน้น performance + efficiency + ควบคุม ecosystem ทั้งหมด

    ✅ Apple เริ่มใช้ Generative AI เพื่อช่วยออกแบบชิปในกระบวนการ EDA (Electronic Design Automation)  • เพิ่ม productivity และลดเวลาทำงานของทีมออกแบบ  
    • เป็นการนำ AI มาใช้เบื้องหลัง ไม่ใช่แค่ฟีเจอร์ในอุปกรณ์

    ✅ Johny Srouji ยืนยันว่า GenAI จะเป็นตัวช่วยสำคัญใน pipeline การพัฒนาชิป  
    • ช่วย generate layout, logic, simulation patterns  
    • ลดภาระงานซ้ำซ้อนให้วิศวกร

    ✅ บริษัท EDA ชั้นนำอย่าง Cadence และ Synopsys กำลังใส่ GenAI ในเครื่องมือของตัวเอง  
    • เป็นคลื่นเทคโนโลยีที่หลายผู้ผลิตชิปกำลังปรับตัวตาม

    ✅ Apple เคยทุ่มสุดตัวกับ Apple Silicon โดยไม่มีแผนสำรองตอนเปลี่ยนจาก Intel เป็น M1  
    • พร้อมพัฒนาระบบแปล x86 → Arm ผ่าน Rosetta 2

    ✅ แนวโน้มของโลก: จีนกำลังพัฒนา CPU ที่ออกแบบโดย LLM ล้วน ๆ แล้วเช่นกัน  
    • เป็นการยืนยันว่า AI เริ่มเข้ามามีบทบาทตั้งแต่ระดับสถาปัตยกรรม

    ‼️ AI ยังไม่สามารถแทนที่วิศวกรออกแบบชิปได้เต็มตัวในปัจจุบัน  
    • ความเข้าใจเรื่องสถาปัตยกรรมและข้อจำกัดเชิงฟิสิกส์ยังต้องพึ่งมนุษย์

    ‼️ การใช้ GenAI ในงานชิปต้องควบคุมคุณภาพสูง เพราะ error เล็กน้อยอาจทำให้ชิปทั้งตัวใช้ไม่ได้  
    • จึงต้องมีรอบตรวจสอบหลายชั้น แม้จะใช้ AI ร่วม

    ‼️ การพึ่งพา AI อย่างรวดเร็วใน R&D มีความเสี่ยงต่อการรั่วไหลของแนวคิดหรือทรัพย์สินทางปัญญา  
    • ต้องระวังในระดับการใช้งาน LLM ภายนอกที่อาจไม่ได้ควบคุมโมเดลเอง

    ‼️ แนวโน้มนี้จะเพิ่มการแข่งขันในตลาดชิปแบบ arm-on-silicon สูงขึ้น  
    • บริษัทที่ไม่เร่งใช้ AI ออกแบบ อาจตามไม่ทันรอบพัฒนาผลิตภัณฑ์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/apple-explores-using-generative-ai-to-design-its-chips-executive-says-it-can-be-a-huge-productivity-boost
    ช่วงนี้ Apple ไม่ได้พูดถึง AI แค่เรื่อง Siri หรือ iPhone เท่านั้น แต่กำลังใช้ GenAI เข้ามาเปลี่ยนวงในอย่าง “การออกแบบชิป” ที่เป็นหัวใจของอุปกรณ์ทุกตัวเลย Johny Srouji รองประธานอาวุโสของฝ่ายฮาร์ดแวร์ของ Apple เปิดเผยว่า Apple กำลังใช้ Generative AI ในซอฟต์แวร์ออกแบบชิป EDA เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพของการพัฒนา Apple Silicon รุ่นต่อไป เช่น M-Series และ A-Series ซึ่งใช้ใน Mac และ iPhone ตามลำดับ เขาบอกเลยว่า “Generative AI สามารถเพิ่ม productivity ได้มหาศาล” เพราะเดิมทีการวางเลย์เอาต์ของชิป หรือการกำหนดวงจรใช้เวลานานและทำซ้ำบ่อยมาก แต่ถ้าให้ AI สร้างตัวเลือกอัตโนมัติ แล้ววิศวกรคัดกรอง ก็จะเร็วกว่าเดิมหลายเท่า ฝั่งบริษัท Cadence และ Synopsys ที่เป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์ EDA ก็เร่งเสริม GenAI เข้าไปในเครื่องมือของตัวเอง เพื่อให้รองรับแนวโน้มนี้ ซึ่งไม่ใช่แค่ Apple ที่ใช้นะครับ Google, Nvidia, AMD ก็เริ่มหันมาใช้กันหมด และไม่ใช่แค่ฝั่งตะวันตก — มีรายงานจากจีนว่าทีมนักวิจัยสามารถออกแบบซีพียูทั้งตัวโดยใช้ Large Language Model (LLM) แค่ตัวเดียวได้แล้วด้วย Apple เองเริ่มทางนี้ตั้งแต่สมัยเปลี่ยนมาใช้ Apple Silicon ใน MacBook Pro รุ่น M1 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในการเลิกใช้ชิป Intel และพัฒนาชิป Arm ของตนเองแบบเต็มตัว โดยเน้น performance + efficiency + ควบคุม ecosystem ทั้งหมด ✅ Apple เริ่มใช้ Generative AI เพื่อช่วยออกแบบชิปในกระบวนการ EDA (Electronic Design Automation)  • เพิ่ม productivity และลดเวลาทำงานของทีมออกแบบ   • เป็นการนำ AI มาใช้เบื้องหลัง ไม่ใช่แค่ฟีเจอร์ในอุปกรณ์ ✅ Johny Srouji ยืนยันว่า GenAI จะเป็นตัวช่วยสำคัญใน pipeline การพัฒนาชิป   • ช่วย generate layout, logic, simulation patterns   • ลดภาระงานซ้ำซ้อนให้วิศวกร ✅ บริษัท EDA ชั้นนำอย่าง Cadence และ Synopsys กำลังใส่ GenAI ในเครื่องมือของตัวเอง   • เป็นคลื่นเทคโนโลยีที่หลายผู้ผลิตชิปกำลังปรับตัวตาม ✅ Apple เคยทุ่มสุดตัวกับ Apple Silicon โดยไม่มีแผนสำรองตอนเปลี่ยนจาก Intel เป็น M1   • พร้อมพัฒนาระบบแปล x86 → Arm ผ่าน Rosetta 2 ✅ แนวโน้มของโลก: จีนกำลังพัฒนา CPU ที่ออกแบบโดย LLM ล้วน ๆ แล้วเช่นกัน   • เป็นการยืนยันว่า AI เริ่มเข้ามามีบทบาทตั้งแต่ระดับสถาปัตยกรรม ‼️ AI ยังไม่สามารถแทนที่วิศวกรออกแบบชิปได้เต็มตัวในปัจจุบัน   • ความเข้าใจเรื่องสถาปัตยกรรมและข้อจำกัดเชิงฟิสิกส์ยังต้องพึ่งมนุษย์ ‼️ การใช้ GenAI ในงานชิปต้องควบคุมคุณภาพสูง เพราะ error เล็กน้อยอาจทำให้ชิปทั้งตัวใช้ไม่ได้   • จึงต้องมีรอบตรวจสอบหลายชั้น แม้จะใช้ AI ร่วม ‼️ การพึ่งพา AI อย่างรวดเร็วใน R&D มีความเสี่ยงต่อการรั่วไหลของแนวคิดหรือทรัพย์สินทางปัญญา   • ต้องระวังในระดับการใช้งาน LLM ภายนอกที่อาจไม่ได้ควบคุมโมเดลเอง ‼️ แนวโน้มนี้จะเพิ่มการแข่งขันในตลาดชิปแบบ arm-on-silicon สูงขึ้น   • บริษัทที่ไม่เร่งใช้ AI ออกแบบ อาจตามไม่ทันรอบพัฒนาผลิตภัณฑ์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/apple-explores-using-generative-ai-to-design-its-chips-executive-says-it-can-be-a-huge-productivity-boost
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Apple explores using generative AI to design its chips — executive says 'it can be a huge productivity boost'
    Generative AI in EDA tools will help Apple's silicon design teams run faster and more efficiently.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลายคนรู้จัก Mailchimp ในฐานะ “เครื่องมือส่งอีเมลเป็นกลุ่ม” แต่ใครจะคิดว่า…ตอนนี้มันเริ่ม “กลายร่าง” ไปเป็น CRM เต็มตัวสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMB) แล้ว โดยไม่ต้องเปลี่ยนชื่อหรือหน้าตา

    ในงาน FWD: London 2025 ล่าสุด Mailchimp (ภายใต้บริษัทแม่ Intuit) เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่มากมายที่ชี้ชัดว่า “กำลังจะเป็นแพลตฟอร์มด้านลูกค้าครบวงจร” เช่น:

    - ดึง leads เข้าจาก TikTok, Meta, LinkedIn, Google และ Snapchat ได้ตรง ๆ
    - เชื่อมโยงแคมเปญโฆษณาเข้า automation flow ได้เลย
    - มี Metrics Visualizer ใหม่ แสดงข้อมูลกว่า 40 ประเภทในอีเมล+SMS
    - เพิ่ม Pop-up template กว่า 100 แบบ

    พูดง่าย ๆ คือ จากที่เคยแค่ส่งจดหมายข่าว ตอนนี้ Mailchimp เริ่ม “ดูแลตั้งแต่หาลูกค้า → สื่อสาร → ปิดการขาย → ดูพฤติกรรม” แล้ว

    Ken Chestnut จาก Intuit บอกว่า Mailchimp กำลังกลายเป็น “สะพาน” ที่เชื่อมการโฆษณากับ CRM ให้กลมกลืน ทั้งหา lead, ส่งข้อความอัตโนมัติ, วิเคราะห์พฤติกรรม และส่งเสริมความภักดีของลูกค้า

    แต่ในมุมหนึ่งก็ยังดูเหมือน “ของแปะเพิ่ม” มากกว่าจะเป็น CRM สมบูรณ์แบบแบบ HubSpot หรือ Salesforce เพราะยังขาดความเป็น unified system และยังต้องพึ่ง plugin หรือ integration พอสมควร

    ✅ Mailchimp อัปเดตไปแล้วกว่า 2,000 รายการในช่วงปีที่ผ่านมา  
    • มุ่งเป้าให้กลายเป็นแพลตฟอร์ม CRM สำหรับ SMB  
    • เน้น workflow automation และการใช้ข้อมูลลูกค้า

    ✅ เพิ่มการเชื่อมต่อ lead จากหลายแพลตฟอร์ม (TikTok, Meta, Google, ฯลฯ)  
    • นำ lead เข้าสู่ระบบอัตโนมัติทันที  
    • ลดขั้นตอน manual และเสริม personalisation

    ✅ มี Metrics Visualizer ใหม่  
    • วิเคราะห์ email/SMS campaign ได้ละเอียดกว่าเดิม  
    • ผู้ใช้สามารถสร้าง custom report จากตัวแปรกว่า 40 แบบ

    ✅ เพิ่ม pop-up template กว่า 100 แบบ  
    • ช่วยให้เก็บ leads หรือเสนอโปรโมชั่นได้ง่ายขึ้น

    ✅ Mailchimp พยายามจะเป็น “สะพาน” เชื่อม ad → automation → loyalty  
    • มีการผสานระหว่างแคมเปญโฆษณาและ CRM เข้าใกล้ real-time marketing

    ‼️ ฟีเจอร์บางอย่างยังดูเหมือน "ต่อเติม" มากกว่าระบบ CRM ที่ออกแบบมาจากศูนย์  
    • อาจเกิดปัญหาเรื่องความลื่นไหลและการตั้งค่าที่ซับซ้อน

    ‼️ ผู้ใช้ใหม่อาจยังต้องใช้เวลาเรียนรู้วิธีเชื่อมโยงทุกระบบเข้าหากัน  
    • แม้ระบบจะง่ายขึ้น แต่หลายฟีเจอร์ต้องอาศัยความเข้าใจทางเทคนิค

    ‼️ การวิเคราะห์แบบ cross-channel ต้องใช้ข้อมูลที่ครบถ้วนและตั้งค่าถูกต้อง  
    • ไม่เช่นนั้นผลวิเคราะห์อาจนำไปใช้ผิดหรือให้ insight ไม่แม่นยำ

    ‼️ ยังไม่มีฟีเจอร์ core CRM หลายอย่าง เช่น การจัดการ sales pipeline แบบเต็มรูปแบบ  
    • อาจยังไม่ตอบโจทย์ทีมขายที่ต้องการระบบติดตามดีลละเอียด

    https://www.techradar.com/pro/intuits-mailchimp-is-gradually-growing-into-a-fully-fledged-crm-suite-for-smb-thanks-to-a-raft-of-new-additions-and-i-cant-wait-to-try-them
    หลายคนรู้จัก Mailchimp ในฐานะ “เครื่องมือส่งอีเมลเป็นกลุ่ม” แต่ใครจะคิดว่า…ตอนนี้มันเริ่ม “กลายร่าง” ไปเป็น CRM เต็มตัวสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMB) แล้ว โดยไม่ต้องเปลี่ยนชื่อหรือหน้าตา ในงาน FWD: London 2025 ล่าสุด Mailchimp (ภายใต้บริษัทแม่ Intuit) เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่มากมายที่ชี้ชัดว่า “กำลังจะเป็นแพลตฟอร์มด้านลูกค้าครบวงจร” เช่น: - ดึง leads เข้าจาก TikTok, Meta, LinkedIn, Google และ Snapchat ได้ตรง ๆ - เชื่อมโยงแคมเปญโฆษณาเข้า automation flow ได้เลย - มี Metrics Visualizer ใหม่ แสดงข้อมูลกว่า 40 ประเภทในอีเมล+SMS - เพิ่ม Pop-up template กว่า 100 แบบ พูดง่าย ๆ คือ จากที่เคยแค่ส่งจดหมายข่าว ตอนนี้ Mailchimp เริ่ม “ดูแลตั้งแต่หาลูกค้า → สื่อสาร → ปิดการขาย → ดูพฤติกรรม” แล้ว Ken Chestnut จาก Intuit บอกว่า Mailchimp กำลังกลายเป็น “สะพาน” ที่เชื่อมการโฆษณากับ CRM ให้กลมกลืน ทั้งหา lead, ส่งข้อความอัตโนมัติ, วิเคราะห์พฤติกรรม และส่งเสริมความภักดีของลูกค้า แต่ในมุมหนึ่งก็ยังดูเหมือน “ของแปะเพิ่ม” มากกว่าจะเป็น CRM สมบูรณ์แบบแบบ HubSpot หรือ Salesforce เพราะยังขาดความเป็น unified system และยังต้องพึ่ง plugin หรือ integration พอสมควร ✅ Mailchimp อัปเดตไปแล้วกว่า 2,000 รายการในช่วงปีที่ผ่านมา   • มุ่งเป้าให้กลายเป็นแพลตฟอร์ม CRM สำหรับ SMB   • เน้น workflow automation และการใช้ข้อมูลลูกค้า ✅ เพิ่มการเชื่อมต่อ lead จากหลายแพลตฟอร์ม (TikTok, Meta, Google, ฯลฯ)   • นำ lead เข้าสู่ระบบอัตโนมัติทันที   • ลดขั้นตอน manual และเสริม personalisation ✅ มี Metrics Visualizer ใหม่   • วิเคราะห์ email/SMS campaign ได้ละเอียดกว่าเดิม   • ผู้ใช้สามารถสร้าง custom report จากตัวแปรกว่า 40 แบบ ✅ เพิ่ม pop-up template กว่า 100 แบบ   • ช่วยให้เก็บ leads หรือเสนอโปรโมชั่นได้ง่ายขึ้น ✅ Mailchimp พยายามจะเป็น “สะพาน” เชื่อม ad → automation → loyalty   • มีการผสานระหว่างแคมเปญโฆษณาและ CRM เข้าใกล้ real-time marketing ‼️ ฟีเจอร์บางอย่างยังดูเหมือน "ต่อเติม" มากกว่าระบบ CRM ที่ออกแบบมาจากศูนย์   • อาจเกิดปัญหาเรื่องความลื่นไหลและการตั้งค่าที่ซับซ้อน ‼️ ผู้ใช้ใหม่อาจยังต้องใช้เวลาเรียนรู้วิธีเชื่อมโยงทุกระบบเข้าหากัน   • แม้ระบบจะง่ายขึ้น แต่หลายฟีเจอร์ต้องอาศัยความเข้าใจทางเทคนิค ‼️ การวิเคราะห์แบบ cross-channel ต้องใช้ข้อมูลที่ครบถ้วนและตั้งค่าถูกต้อง   • ไม่เช่นนั้นผลวิเคราะห์อาจนำไปใช้ผิดหรือให้ insight ไม่แม่นยำ ‼️ ยังไม่มีฟีเจอร์ core CRM หลายอย่าง เช่น การจัดการ sales pipeline แบบเต็มรูปแบบ   • อาจยังไม่ตอบโจทย์ทีมขายที่ต้องการระบบติดตามดีลละเอียด https://www.techradar.com/pro/intuits-mailchimp-is-gradually-growing-into-a-fully-fledged-crm-suite-for-smb-thanks-to-a-raft-of-new-additions-and-i-cant-wait-to-try-them
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานว่าเราเตอร์ TP-Link รุ่นเก่าหลายรุ่นที่ยังใช้งานอยู่ — เช่น TL-WR940N, TL-WR841N, และ TL-WR740N — ถูกพบว่ามีช่องโหว่ Command Injection ที่เปิดทางให้แฮกเกอร์ รันคำสั่งระดับระบบปฏิบัติการ ได้จากระยะไกลผ่านอินเทอร์เฟซเว็บ!

    แฮกเกอร์สามารถใช้ช่องโหว่นี้ฝังโค้ดอันตราย เช่น botnet หรือมัลแวร์เพื่อควบคุมเราเตอร์ของเหยื่อ และนำไปรวมในเครือข่ายโจมตีได้ง่าย ๆ ช่องโหว่นี้มีหมายเลข CVE-2023-33538 และมีคะแนนความรุนแรง 8.8/10 (ถือว่าสูงมาก)

    ยิ่งน่ากังวลคือเราเตอร์รุ่นที่โดน—แม้จะออกมาตั้งแต่ปี 2010–2018—แต่ยัง “ขายดี” อยู่ใน Amazon และมีรีวิวหลักหมื่น เพราะราคาถูกและใช้งานง่าย ทำให้หลายบ้านยังมีใช้งานโดยไม่รู้เลยว่ากำลังมีประตูหลังเปิดอยู่

    CISA สั่งให้หน่วยงานรัฐบาลกลางเลิกใช้อุปกรณ์เหล่านี้ภายใน 7 ก.ค. 2025 และแนะนำประชาชนทั่วไป “ให้หยุดใช้ทันที” โดยไม่มีข้อแม้ เพราะไม่มีแพตช์ ไม่มีซ่อม และไม่มีวิธีปิดช่องโหว่นี้ได้เลย

    ✅ พบช่องโหว่ Command Injection รุนแรงในเราเตอร์ TP-Link รุ่นเก่า  
    • รหัสช่องโหว่: CVE-2023-33538 (คะแนน CVSS: 8.8)  
    • เปิดให้รันคำสั่งระดับ system ผ่าน input ที่ไม่ได้ตรวจสอบในอินเทอร์เฟซเว็บ

    ✅ รุ่นที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่:  
    • TL-WR940N V2/V4  
    • TL-WR841N V8/V10  
    • TL-WR740N V1/V2

    ✅ เราเตอร์เหล่านี้หมดอายุการซัพพอร์ต (EoL) ไปนานแล้ว (2010–2018)  
    • TP-Link ไม่ออกแพตช์ให้ และไม่มีการอัปเดตเฟิร์มแวร์อีกต่อไป

    ✅ CISA เพิ่มช่องโหว่นี้ลงในฐานข้อมูล Known Exploited Vulnerabilities (KEV)  
    • หมายถึง “ถูกใช้โจมตีจริงแล้วในโลกจริง”  
    • หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องเลิกใช้ก่อน 7 ก.ค. 2025

    ✅ ยังสามารถซื้อเราเตอร์เหล่านี้ได้ใน Amazon และได้รับรีวิวจำนวนมาก  
    • บางรุ่นมีรีวิวหลักหมื่น และยังมีคนติดตั้งใช้งานเป็นจำนวนมาก

    ✅ รูปแบบการโจมตีง่าย และโค้ดตัวอย่าง (PoC) ถูกเผยแพร่ออนไลน์แล้ว  
    • โดยเฉพาะอันตรายมากหากเปิด remote access หรือพอร์ต WAN

    ‼️ ไม่มีทางปิดช่องโหว่นี้ได้นอกจาก “หยุดใช้อุปกรณ์”  
    • เพราะหมดอายุซัพพอร์ต ไม่มีแพตช์ ไม่มี workaround

    ‼️ แม้จะไม่เปิดใช้ remote access แต่ถ้ามีมัลแวร์ภายในเครือข่าย ก็สามารถเจาะจาก LAN ได้  
    • ผู้ใช้งานตามบ้านมักเข้าใจผิดว่าปลอดภัยถ้าไม่เปิดพอร์ต

    ‼️ เราเตอร์ราคาถูกที่ไม่มีอัปเดตความปลอดภัยควรถูกจัดว่า “เสี่ยงสูง”  
    • ใช้ไปนาน ๆ แม้ไม่มีปัญหาการทำงาน ก็อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของภัยไซเบอร์

    ‼️ อย่าหลงเชื่อรีวิวในร้านค้าออนไลน์ว่า “ใช้ดี” หากไม่มีประวัติอัปเดตความปลอดภัย  
    • รีวิวจำนวนมากไม่สะท้อนความปลอดภัยของเฟิร์มแวร์

    https://www.techradar.com/pro/security/these-popular-tp-link-routers-could-be-facing-some-serious-security-threats-find-out-if-youre-affected
    มีรายงานว่าเราเตอร์ TP-Link รุ่นเก่าหลายรุ่นที่ยังใช้งานอยู่ — เช่น TL-WR940N, TL-WR841N, และ TL-WR740N — ถูกพบว่ามีช่องโหว่ Command Injection ที่เปิดทางให้แฮกเกอร์ รันคำสั่งระดับระบบปฏิบัติการ ได้จากระยะไกลผ่านอินเทอร์เฟซเว็บ! แฮกเกอร์สามารถใช้ช่องโหว่นี้ฝังโค้ดอันตราย เช่น botnet หรือมัลแวร์เพื่อควบคุมเราเตอร์ของเหยื่อ และนำไปรวมในเครือข่ายโจมตีได้ง่าย ๆ ช่องโหว่นี้มีหมายเลข CVE-2023-33538 และมีคะแนนความรุนแรง 8.8/10 (ถือว่าสูงมาก) ยิ่งน่ากังวลคือเราเตอร์รุ่นที่โดน—แม้จะออกมาตั้งแต่ปี 2010–2018—แต่ยัง “ขายดี” อยู่ใน Amazon และมีรีวิวหลักหมื่น เพราะราคาถูกและใช้งานง่าย ทำให้หลายบ้านยังมีใช้งานโดยไม่รู้เลยว่ากำลังมีประตูหลังเปิดอยู่ CISA สั่งให้หน่วยงานรัฐบาลกลางเลิกใช้อุปกรณ์เหล่านี้ภายใน 7 ก.ค. 2025 และแนะนำประชาชนทั่วไป “ให้หยุดใช้ทันที” โดยไม่มีข้อแม้ เพราะไม่มีแพตช์ ไม่มีซ่อม และไม่มีวิธีปิดช่องโหว่นี้ได้เลย ✅ พบช่องโหว่ Command Injection รุนแรงในเราเตอร์ TP-Link รุ่นเก่า   • รหัสช่องโหว่: CVE-2023-33538 (คะแนน CVSS: 8.8)   • เปิดให้รันคำสั่งระดับ system ผ่าน input ที่ไม่ได้ตรวจสอบในอินเทอร์เฟซเว็บ ✅ รุ่นที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่:   • TL-WR940N V2/V4   • TL-WR841N V8/V10   • TL-WR740N V1/V2 ✅ เราเตอร์เหล่านี้หมดอายุการซัพพอร์ต (EoL) ไปนานแล้ว (2010–2018)   • TP-Link ไม่ออกแพตช์ให้ และไม่มีการอัปเดตเฟิร์มแวร์อีกต่อไป ✅ CISA เพิ่มช่องโหว่นี้ลงในฐานข้อมูล Known Exploited Vulnerabilities (KEV)   • หมายถึง “ถูกใช้โจมตีจริงแล้วในโลกจริง”   • หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องเลิกใช้ก่อน 7 ก.ค. 2025 ✅ ยังสามารถซื้อเราเตอร์เหล่านี้ได้ใน Amazon และได้รับรีวิวจำนวนมาก   • บางรุ่นมีรีวิวหลักหมื่น และยังมีคนติดตั้งใช้งานเป็นจำนวนมาก ✅ รูปแบบการโจมตีง่าย และโค้ดตัวอย่าง (PoC) ถูกเผยแพร่ออนไลน์แล้ว   • โดยเฉพาะอันตรายมากหากเปิด remote access หรือพอร์ต WAN ‼️ ไม่มีทางปิดช่องโหว่นี้ได้นอกจาก “หยุดใช้อุปกรณ์”   • เพราะหมดอายุซัพพอร์ต ไม่มีแพตช์ ไม่มี workaround ‼️ แม้จะไม่เปิดใช้ remote access แต่ถ้ามีมัลแวร์ภายในเครือข่าย ก็สามารถเจาะจาก LAN ได้   • ผู้ใช้งานตามบ้านมักเข้าใจผิดว่าปลอดภัยถ้าไม่เปิดพอร์ต ‼️ เราเตอร์ราคาถูกที่ไม่มีอัปเดตความปลอดภัยควรถูกจัดว่า “เสี่ยงสูง”   • ใช้ไปนาน ๆ แม้ไม่มีปัญหาการทำงาน ก็อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของภัยไซเบอร์ ‼️ อย่าหลงเชื่อรีวิวในร้านค้าออนไลน์ว่า “ใช้ดี” หากไม่มีประวัติอัปเดตความปลอดภัย   • รีวิวจำนวนมากไม่สะท้อนความปลอดภัยของเฟิร์มแวร์ https://www.techradar.com/pro/security/these-popular-tp-link-routers-could-be-facing-some-serious-security-threats-find-out-if-youre-affected
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลายองค์กรและระบบฝังตัว (embedded system) มักเจอกับปัญหา "ไฟดับที = ข้อมูลพัง" โดยเฉพาะในเครื่องจักรอุตสาหกรรม, ระบบควบคุม, หรือสถานีขอบเครือข่าย (edge server) ที่ต้องทำงานตลอดเวลา Transcend ก็เลยออก SSD475P มาแก้ปัญหานี้โดยตรง

    หัวใจของ SSD รุ่นนี้คือฟีเจอร์ Power Loss Protection (PLP) ที่ใช้ตัวเก็บประจุภายใน (capacitors) คอยจ่ายไฟสำรองให้ SSD เมื่อเกิดไฟตกหรือไฟดับ ทำให้ข้อมูลที่ยังไม่ถูกเขียน (in-flight data) จะถูกบันทึกจนจบอย่างปลอดภัย

    SSD ตัวนี้ใช้เทคโนโลยี 112-layer 3D NAND มี DRAM cache ในตัว และใช้เฟิร์มแวร์แบบ “Direct Write” ที่ช่วยให้การเขียนข้อมูลเสถียรแม้โหลดสูง เหมาะกับงานที่ต้องการความทนทาน เช่น การบันทึกเซนเซอร์, ระบบ surveillance หรือการบิน–กลาโหม

    แม้จะยังใช้ อินเทอร์เฟซ SATA III 6 Gb/s (ไม่เร็วเท่า PCIe) แต่ก็ตอบโจทย์ในแง่ความเสถียร และการรองรับอุณหภูมิ -40°C ถึง 85°C พร้อมการเข้ารหัส AES และฟีเจอร์ป้องกันความร้อน, การตรวจสอบสุขภาพ (S.M.A.R.T.) และ ECC ในระดับ LDPC

    ✅ Transcend เปิดตัว SSD475P: SSD 2.5” สำหรับงานอุตสาหกรรมและระบบฝังตัว  
    • ใช้อินเทอร์เฟซ SATA III ความเร็วสูงสุด 560/530 MB/s  
    • ใช้ NAND แบบ 112-layer 3D พร้อม DRAM cache

    ✅ มีระบบ Power Loss Protection (PLP)  
    • ใช้ตัวเก็บประจุเก็บไฟเพื่อเขียนข้อมูลที่ค้างระหว่างไฟดับให้เสร็จ  
    • ลดโอกาส corruption และสูญหายของข้อมูลอย่างมาก

    ✅ รองรับการใช้งานต่อเนื่องในอุณหภูมิ -40°C ถึง 85°C  
    • ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานอุตสาหกรรม 100% ของ Transcend

    ✅ มาพร้อมฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเสถียรครบถ้วน  
    • ECC แบบ LDPC, Dynamic Thermal Throttling, S.M.A.R.T.  
    • รองรับ AES encryption และ TCG Opal

    ✅ เหมาะกับงาน: automation, embedded, military, surveillance, edge computing  
    • จุดขายคือ “เสถียร–ปลอดภัย” มากกว่า “เร็วสุดขั้ว”

    ✅ ผลิตในไต้หวัน พร้อมรับประกัน 3 ปีแบบจำกัด  
    • ตอกย้ำคุณภาพตามมาตรฐานอุตสาหกรรม

    ‼️ ใช้ SATA III ซึ่งมีข้อจำกัดด้านความเร็วเมื่อเทียบกับ SSD PCIe NVMe  
    • ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการ throughput ระดับสูงมาก เช่น video editing 8K

    ‼️ ราคาน่าจะสูงกว่าปกติ เนื่องจากใช้ PLP และ NAND คุณภาพสูง  
    • ยังไม่มีการเปิดเผยราคา ณ ตอนเผยแพร่ข่าว

    ‼️ ไม่ใช่ SSD สำหรับใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกม  
    • จุดเด่นอยู่ที่ “ความเสถียรและความทน” มากกว่าประสิทธิภาพด้านกราฟิก

    ‼️ ต้องการอุปกรณ์รองรับ SATA 2.5” เท่านั้น  
    • ไม่สามารถใช้บนโน้ตบุ๊กบางรุ่นหรืออุปกรณ์ที่ไม่มีช่อง SATA

    https://www.techpowerup.com/338131/transcend-introduces-8-tb-industrial-ssd-with-power-loss-protection
    หลายองค์กรและระบบฝังตัว (embedded system) มักเจอกับปัญหา "ไฟดับที = ข้อมูลพัง" โดยเฉพาะในเครื่องจักรอุตสาหกรรม, ระบบควบคุม, หรือสถานีขอบเครือข่าย (edge server) ที่ต้องทำงานตลอดเวลา Transcend ก็เลยออก SSD475P มาแก้ปัญหานี้โดยตรง หัวใจของ SSD รุ่นนี้คือฟีเจอร์ Power Loss Protection (PLP) ที่ใช้ตัวเก็บประจุภายใน (capacitors) คอยจ่ายไฟสำรองให้ SSD เมื่อเกิดไฟตกหรือไฟดับ ทำให้ข้อมูลที่ยังไม่ถูกเขียน (in-flight data) จะถูกบันทึกจนจบอย่างปลอดภัย SSD ตัวนี้ใช้เทคโนโลยี 112-layer 3D NAND มี DRAM cache ในตัว และใช้เฟิร์มแวร์แบบ “Direct Write” ที่ช่วยให้การเขียนข้อมูลเสถียรแม้โหลดสูง เหมาะกับงานที่ต้องการความทนทาน เช่น การบันทึกเซนเซอร์, ระบบ surveillance หรือการบิน–กลาโหม แม้จะยังใช้ อินเทอร์เฟซ SATA III 6 Gb/s (ไม่เร็วเท่า PCIe) แต่ก็ตอบโจทย์ในแง่ความเสถียร และการรองรับอุณหภูมิ -40°C ถึง 85°C พร้อมการเข้ารหัส AES และฟีเจอร์ป้องกันความร้อน, การตรวจสอบสุขภาพ (S.M.A.R.T.) และ ECC ในระดับ LDPC ✅ Transcend เปิดตัว SSD475P: SSD 2.5” สำหรับงานอุตสาหกรรมและระบบฝังตัว   • ใช้อินเทอร์เฟซ SATA III ความเร็วสูงสุด 560/530 MB/s   • ใช้ NAND แบบ 112-layer 3D พร้อม DRAM cache ✅ มีระบบ Power Loss Protection (PLP)   • ใช้ตัวเก็บประจุเก็บไฟเพื่อเขียนข้อมูลที่ค้างระหว่างไฟดับให้เสร็จ   • ลดโอกาส corruption และสูญหายของข้อมูลอย่างมาก ✅ รองรับการใช้งานต่อเนื่องในอุณหภูมิ -40°C ถึง 85°C   • ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานอุตสาหกรรม 100% ของ Transcend ✅ มาพร้อมฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเสถียรครบถ้วน   • ECC แบบ LDPC, Dynamic Thermal Throttling, S.M.A.R.T.   • รองรับ AES encryption และ TCG Opal ✅ เหมาะกับงาน: automation, embedded, military, surveillance, edge computing   • จุดขายคือ “เสถียร–ปลอดภัย” มากกว่า “เร็วสุดขั้ว” ✅ ผลิตในไต้หวัน พร้อมรับประกัน 3 ปีแบบจำกัด   • ตอกย้ำคุณภาพตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ‼️ ใช้ SATA III ซึ่งมีข้อจำกัดด้านความเร็วเมื่อเทียบกับ SSD PCIe NVMe   • ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการ throughput ระดับสูงมาก เช่น video editing 8K ‼️ ราคาน่าจะสูงกว่าปกติ เนื่องจากใช้ PLP และ NAND คุณภาพสูง   • ยังไม่มีการเปิดเผยราคา ณ ตอนเผยแพร่ข่าว ‼️ ไม่ใช่ SSD สำหรับใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกม   • จุดเด่นอยู่ที่ “ความเสถียรและความทน” มากกว่าประสิทธิภาพด้านกราฟิก ‼️ ต้องการอุปกรณ์รองรับ SATA 2.5” เท่านั้น   • ไม่สามารถใช้บนโน้ตบุ๊กบางรุ่นหรืออุปกรณ์ที่ไม่มีช่อง SATA https://www.techpowerup.com/338131/transcend-introduces-8-tb-industrial-ssd-with-power-loss-protection
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Transcend Introduces 8 TB Industrial SSD with Power Loss Protection
    Transcend Information, Inc. (Transcend), a global leader in storage and multimedia solutions, proudly announces the launch of its new SSD475P 2.5" solid-state drive, purpose-built for industrial applications and high-performance environments. Featuring Power Loss Protection (PLP) technology, the SSD...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • Texas Instruments เป็นผู้ผลิตชิปอนาล็อกรายใหญ่ระดับโลก (ใช้ควบคุมพลังงาน, สัญญาณ, sensor ต่าง ๆ) ซึ่งเจ้าใหญ่ ๆ อย่าง Apple, NVIDIA, Ford, Medtronic และ SpaceX ต่างเป็นลูกค้าหลัก คราวนี้ TI ออกมาประกาศว่าจะลงทุนรวมกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ใน “สายการผลิตขนาด 300 มม.” ทั้งหมด 7 แห่ง ทั่วสหรัฐฯ ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า

    ไฮไลต์ของแผนคือ “การยกระดับ 3 mega-site” ได้แก่ที่เมือง Sherman (เทกซัส), Richardson (เทกซัส), และ Lehi (ยูทาห์) — โดยเฉพาะ ไซต์ Sherman ได้งบถึง 40,000 ล้านดอลลาร์! เพื่อสร้างโรงงาน SM1 และ SM2 ให้เสร็จ และวางแผนเริ่ม SM3 และ SM4 เพื่อรองรับ “ดีมานด์ในอนาคต”

    ฝั่ง Lehi กับ Richardson ก็ไม่น้อยหน้า — TI เตรียมอัปเกรดสายการผลิต พร้อมเร่งสร้างโรงงานน้องใหม่อย่าง LFAB2 ไปพร้อมกัน

    แม้ TI จะเคยได้รับคำสัญญาจากรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าจะสนับสนุนเงิน $1.6 พันล้านภายใต้ CHIPS Act (เพื่อขยายไลน์ผลิตให้ทันสมัยขึ้น) แต่ครั้งนี้ TI ไม่ได้พูดถึงเงินสนับสนุนใด ๆ — ทำให้หลายคนตั้งข้อสังเกตว่านี่อาจเป็น “เกมการเมืองล่วงหน้า” เพื่อแสดงความร่วมมือก่อนกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ตัดสินใจรอบใหม่ว่าจะจ่ายจริงหรือไม่

    แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด แผนนี้จะสร้างงานหลายหมื่นตำแหน่ง และเป็นประโยชน์ต่อระบบการศึกษาในพื้นที่โดยตรง เช่น สนับสนุนโรงเรียนในพื้นที่ให้สร้าง pipeline ป้อนเด็กเข้าโรงงานของ TI โดยตรงเลย!

    ✅ Texas Instruments จะลงทุนกว่า $60 พันล้านในโรงงานผลิตชิป 7 แห่งในสหรัฐฯ  
    • ถือเป็นการลงทุนด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

    ✅ เน้นที่โรงงานขนาด 300 มม. (wafer)  
    • ใช้ผลิต “ชิปอนาล็อกพื้นฐาน” ที่จำเป็นกับอุตสาหกรรมเกือบทุกประเภท

    ✅ ไซต์หลัก 3 แห่ง: Sherman, Richardson (เทกซัส) และ Lehi (ยูทาห์)  
    • Sherman ได้งบกว่า $40B สร้าง SM1–SM4  
    • Lehi จะเร่งสร้าง LFAB2 และเร่งกำลังผลิต  
    • Richardson เพิ่ม output ของ fab ที่ 2

    ✅ มีลูกค้ารายใหญ่อย่าง Apple, NVIDIA, Medtronic, Ford, SpaceX ออกมาหนุน  
    • แสดงให้เห็นว่าแผนนี้ “ได้รับการสนับสนุนระดับ ecosystem”

    ✅ ตั้งเป้าเสริม supply chain ภายในประเทศ ไม่พึ่งพาต่างชาติ  
    • สอดคล้องกับนโยบายความมั่นคงด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ

    ‼️ ยังไม่ชัดว่าเงินทุนทั้งหมดจะมาจาก TI จริง หรือรอ CHIPS Act อนุมัติอยู่เบื้องหลัง  
    • มีผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสงสัยว่าแผนนี้อาจมี “กลยุทธ์การเมือง” แฝงอยู่

    ‼️ TI ไม่พูดถึงการพัฒนา node ขั้นสูง (เช่น sub-7nm หรือ AI chip)  
    • ชิปของ TI ยังอยู่ในหมวด “foundational analog” ซึ่งแม้จำเป็น แต่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยเท่าคู่แข่ง

    ‼️ แรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ ในการตั้งโรงงานในประเทศ อาจสร้างภาระด้านต้นทุนกับบริษัท  
    • โดยเฉพาะหากต้องแข่งขันด้านราคากับผู้ผลิตในเอเชีย

    ‼️ ยังไม่มีไทม์ไลน์ชัดเจนสำหรับสายผลิตใหม่หลายแห่ง เช่น SM3/SM4 ที่อยู่ในขั้น “แผนล่วงหน้า”  
    • อาจล่าช้าหากเงินทุนไม่มากพอ หรือเงื่อนไขทางการเมืองเปลี่ยน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/texas-instruments-commits-usd60-billion-to-u-s-semiconductor-manufacturing-includes-planned-expansions-to-texas-utah-fabs
    Texas Instruments เป็นผู้ผลิตชิปอนาล็อกรายใหญ่ระดับโลก (ใช้ควบคุมพลังงาน, สัญญาณ, sensor ต่าง ๆ) ซึ่งเจ้าใหญ่ ๆ อย่าง Apple, NVIDIA, Ford, Medtronic และ SpaceX ต่างเป็นลูกค้าหลัก คราวนี้ TI ออกมาประกาศว่าจะลงทุนรวมกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ใน “สายการผลิตขนาด 300 มม.” ทั้งหมด 7 แห่ง ทั่วสหรัฐฯ ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า ไฮไลต์ของแผนคือ “การยกระดับ 3 mega-site” ได้แก่ที่เมือง Sherman (เทกซัส), Richardson (เทกซัส), และ Lehi (ยูทาห์) — โดยเฉพาะ ไซต์ Sherman ได้งบถึง 40,000 ล้านดอลลาร์! เพื่อสร้างโรงงาน SM1 และ SM2 ให้เสร็จ และวางแผนเริ่ม SM3 และ SM4 เพื่อรองรับ “ดีมานด์ในอนาคต” ฝั่ง Lehi กับ Richardson ก็ไม่น้อยหน้า — TI เตรียมอัปเกรดสายการผลิต พร้อมเร่งสร้างโรงงานน้องใหม่อย่าง LFAB2 ไปพร้อมกัน แม้ TI จะเคยได้รับคำสัญญาจากรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าจะสนับสนุนเงิน $1.6 พันล้านภายใต้ CHIPS Act (เพื่อขยายไลน์ผลิตให้ทันสมัยขึ้น) แต่ครั้งนี้ TI ไม่ได้พูดถึงเงินสนับสนุนใด ๆ — ทำให้หลายคนตั้งข้อสังเกตว่านี่อาจเป็น “เกมการเมืองล่วงหน้า” เพื่อแสดงความร่วมมือก่อนกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ตัดสินใจรอบใหม่ว่าจะจ่ายจริงหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด แผนนี้จะสร้างงานหลายหมื่นตำแหน่ง และเป็นประโยชน์ต่อระบบการศึกษาในพื้นที่โดยตรง เช่น สนับสนุนโรงเรียนในพื้นที่ให้สร้าง pipeline ป้อนเด็กเข้าโรงงานของ TI โดยตรงเลย! ✅ Texas Instruments จะลงทุนกว่า $60 พันล้านในโรงงานผลิตชิป 7 แห่งในสหรัฐฯ   • ถือเป็นการลงทุนด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ✅ เน้นที่โรงงานขนาด 300 มม. (wafer)   • ใช้ผลิต “ชิปอนาล็อกพื้นฐาน” ที่จำเป็นกับอุตสาหกรรมเกือบทุกประเภท ✅ ไซต์หลัก 3 แห่ง: Sherman, Richardson (เทกซัส) และ Lehi (ยูทาห์)   • Sherman ได้งบกว่า $40B สร้าง SM1–SM4   • Lehi จะเร่งสร้าง LFAB2 และเร่งกำลังผลิต   • Richardson เพิ่ม output ของ fab ที่ 2 ✅ มีลูกค้ารายใหญ่อย่าง Apple, NVIDIA, Medtronic, Ford, SpaceX ออกมาหนุน   • แสดงให้เห็นว่าแผนนี้ “ได้รับการสนับสนุนระดับ ecosystem” ✅ ตั้งเป้าเสริม supply chain ภายในประเทศ ไม่พึ่งพาต่างชาติ   • สอดคล้องกับนโยบายความมั่นคงด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ‼️ ยังไม่ชัดว่าเงินทุนทั้งหมดจะมาจาก TI จริง หรือรอ CHIPS Act อนุมัติอยู่เบื้องหลัง   • มีผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสงสัยว่าแผนนี้อาจมี “กลยุทธ์การเมือง” แฝงอยู่ ‼️ TI ไม่พูดถึงการพัฒนา node ขั้นสูง (เช่น sub-7nm หรือ AI chip)   • ชิปของ TI ยังอยู่ในหมวด “foundational analog” ซึ่งแม้จำเป็น แต่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยเท่าคู่แข่ง ‼️ แรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ ในการตั้งโรงงานในประเทศ อาจสร้างภาระด้านต้นทุนกับบริษัท   • โดยเฉพาะหากต้องแข่งขันด้านราคากับผู้ผลิตในเอเชีย ‼️ ยังไม่มีไทม์ไลน์ชัดเจนสำหรับสายผลิตใหม่หลายแห่ง เช่น SM3/SM4 ที่อยู่ในขั้น “แผนล่วงหน้า”   • อาจล่าช้าหากเงินทุนไม่มากพอ หรือเงื่อนไขทางการเมืองเปลี่ยน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/texas-instruments-commits-usd60-billion-to-u-s-semiconductor-manufacturing-includes-planned-expansions-to-texas-utah-fabs
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Texas Instruments commits $60 billion to U.S. semiconductor manufacturing — includes planned expansions to Texas, Utah fabs
    Texas Instruments announces investments in seven upcoming U.S. 300mm fabs, though we already knew about five
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา Honda จัดการทดสอบ “ยิงจรวดขึ้น – ลงจอดสำเร็จ” อย่างสวยงามในเมืองไทกิ จังหวัดฮอกไกโด ซึ่งมีฉายาว่า “เมืองอวกาศของญี่ปุ่น” เพราะเป็นฐานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศของหลายบริษัท

    จรวดต้นแบบของ Honda มีความยาว 6.3 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 85 เซนติเมตร หนักรวม 1.3 ตันเมื่อเติมเชื้อเพลิง ตัวเล็กกว่าจรวด Falcon 9 ของ SpaceX มาก แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือ… มัน สามารถขึ้นไปที่ความสูง 271.4 เมตร และลงจอดกลับมาที่เป้าหมายได้ภายในระยะห่างเพียง 37 เซนติเมตร! ใช้เวลาบินรวมแค่ 56.6 วินาทีเท่านั้น

    Honda บอกว่าเป้าหมายของการทดสอบครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อความสูงหรือระยะทาง แต่เพื่อพิสูจน์ว่าเทคโนโลยี “ขึ้นลงอย่างมีเสถียรภาพ” และ “ลงจอดแบบควบคุมได้” พร้อมทั้งโชว์ระบบความปลอดภัย เช่น การปิดการขับดันอัตโนมัติถ้าทิศทางผิดเพี้ยน

    ทั้งหมดนี้เป็นก้าวแรกเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้คือ: ทำ suborbital launch ได้ภายในปี 2029

    ✅ Honda ทดสอบยิงจรวดต้นแบบแบบ reusable สำเร็จในญี่ปุ่น  
    • ความสูงสูงสุด 271.4 เมตร / ใช้เวลา 56.6 วินาที / ลงจอดห่างจากเป้าแค่ 37 ซม.  
    • ทดสอบที่ Taiki Town, Hokkaido — เมืองที่มีศักยภาพด้าน space tech

    ✅ จรวดมีขนาดเล็ก: 6.3 ม. / 85 ซม. / น้ำหนักเต็ม 1,312 กก.  
    • เปรียบเทียบแล้วเป็นระดับ subscale test model แต่ครอบคลุมเทคโนโลยีหลัก

    ✅ ตั้งเป้าทำ suborbital launch ได้ภายในปี 2029  
    • หลังจากเริ่มโครงการนี้มาตั้งแต่ปี 2024 ด้วยการทดสอบเผาไหม้และ hover

    ✅ เน้นทดสอบเทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพและระบบลงจอดแบบมี precision  
    • แสดงให้เห็นความพร้อมด้านระบบนำทางและระบบความปลอดภัย

    ✅ สร้างโซนจำกัดรัศมี 1 กม. ระหว่างการทดสอบ พร้อมระบบหยุดฉุกเฉิน  
    • แสดงความใส่ใจต่อความปลอดภัยของสาธารณชน

    ✅ เป็นหนึ่งในโครงการด้านอวกาศที่เปิดเผยของ Honda หลังเงียบมานาน  
    • ต่อจากโครงการพัฒนา hydrogen system สำหรับใช้บนสถานีอวกาศ ISS

    ‼️ แม้การทดสอบสำเร็จ แต่ Honda ยังตามหลัง SpaceX และ Blue Origin หลายปีแสง  
    • ทั้งสองบริษัทมีประสบการณ์การบิน suborbital และ orbital หลายสิบเที่ยวแล้ว

    ‼️ จรวดที่ทดสอบยังอยู่ระดับต้นแบบย่อย (subscale)  
    • ยังไม่พิสูจน์ว่าระบบสามารถนำไปใช้งานจริงหรือรับ payload ได้ในระดับ commercial

    ‼️ ยังไม่ชัดเจนว่าฮอนด้าจะพัฒนาด้วยทรัพยากรของตัวเองทั้งหมด หรือจับมือกับพันธมิตรในวงการอวกาศ  
    • ความยั่งยืนของโครงการขึ้นกับการจัดหาเงินทุนระยะยาว

    ‼️ การแข่งขันในวงการ reusable rocket เข้มข้นและต้นทุนสูงมาก  
    • อาจไม่ใช่ตลาดที่ทุกคนจะอยู่รอดได้แม้มีเทคโนโลยี

    https://www.techspot.com/news/108365-honda-celebrates-first-successful-test-reusable-rocket-bid.html
    เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา Honda จัดการทดสอบ “ยิงจรวดขึ้น – ลงจอดสำเร็จ” อย่างสวยงามในเมืองไทกิ จังหวัดฮอกไกโด ซึ่งมีฉายาว่า “เมืองอวกาศของญี่ปุ่น” เพราะเป็นฐานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศของหลายบริษัท จรวดต้นแบบของ Honda มีความยาว 6.3 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 85 เซนติเมตร หนักรวม 1.3 ตันเมื่อเติมเชื้อเพลิง ตัวเล็กกว่าจรวด Falcon 9 ของ SpaceX มาก แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือ… มัน สามารถขึ้นไปที่ความสูง 271.4 เมตร และลงจอดกลับมาที่เป้าหมายได้ภายในระยะห่างเพียง 37 เซนติเมตร! ใช้เวลาบินรวมแค่ 56.6 วินาทีเท่านั้น Honda บอกว่าเป้าหมายของการทดสอบครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อความสูงหรือระยะทาง แต่เพื่อพิสูจน์ว่าเทคโนโลยี “ขึ้นลงอย่างมีเสถียรภาพ” และ “ลงจอดแบบควบคุมได้” พร้อมทั้งโชว์ระบบความปลอดภัย เช่น การปิดการขับดันอัตโนมัติถ้าทิศทางผิดเพี้ยน ทั้งหมดนี้เป็นก้าวแรกเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้คือ: ทำ suborbital launch ได้ภายในปี 2029 ✅ Honda ทดสอบยิงจรวดต้นแบบแบบ reusable สำเร็จในญี่ปุ่น   • ความสูงสูงสุด 271.4 เมตร / ใช้เวลา 56.6 วินาที / ลงจอดห่างจากเป้าแค่ 37 ซม.   • ทดสอบที่ Taiki Town, Hokkaido — เมืองที่มีศักยภาพด้าน space tech ✅ จรวดมีขนาดเล็ก: 6.3 ม. / 85 ซม. / น้ำหนักเต็ม 1,312 กก.   • เปรียบเทียบแล้วเป็นระดับ subscale test model แต่ครอบคลุมเทคโนโลยีหลัก ✅ ตั้งเป้าทำ suborbital launch ได้ภายในปี 2029   • หลังจากเริ่มโครงการนี้มาตั้งแต่ปี 2024 ด้วยการทดสอบเผาไหม้และ hover ✅ เน้นทดสอบเทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพและระบบลงจอดแบบมี precision   • แสดงให้เห็นความพร้อมด้านระบบนำทางและระบบความปลอดภัย ✅ สร้างโซนจำกัดรัศมี 1 กม. ระหว่างการทดสอบ พร้อมระบบหยุดฉุกเฉิน   • แสดงความใส่ใจต่อความปลอดภัยของสาธารณชน ✅ เป็นหนึ่งในโครงการด้านอวกาศที่เปิดเผยของ Honda หลังเงียบมานาน   • ต่อจากโครงการพัฒนา hydrogen system สำหรับใช้บนสถานีอวกาศ ISS ‼️ แม้การทดสอบสำเร็จ แต่ Honda ยังตามหลัง SpaceX และ Blue Origin หลายปีแสง   • ทั้งสองบริษัทมีประสบการณ์การบิน suborbital และ orbital หลายสิบเที่ยวแล้ว ‼️ จรวดที่ทดสอบยังอยู่ระดับต้นแบบย่อย (subscale)   • ยังไม่พิสูจน์ว่าระบบสามารถนำไปใช้งานจริงหรือรับ payload ได้ในระดับ commercial ‼️ ยังไม่ชัดเจนว่าฮอนด้าจะพัฒนาด้วยทรัพยากรของตัวเองทั้งหมด หรือจับมือกับพันธมิตรในวงการอวกาศ   • ความยั่งยืนของโครงการขึ้นกับการจัดหาเงินทุนระยะยาว ‼️ การแข่งขันในวงการ reusable rocket เข้มข้นและต้นทุนสูงมาก   • อาจไม่ใช่ตลาดที่ทุกคนจะอยู่รอดได้แม้มีเทคโนโลยี https://www.techspot.com/news/108365-honda-celebrates-first-successful-test-reusable-rocket-bid.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Honda joins space race with first successful reusable rocket test
    The historic flight took place on June 17 at the Honda facility in Taiki Town, Hiroo District, Hokkaido Prefecture, Japan, which has been dubbed as a "space...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครจะเชื่อว่า “โบนัสเซ็นสัญญา” สำหรับนักวิจัย AI ตอนนี้อาจแตะตัวเลข 100 ล้านเหรียญ! Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ให้สัมภาษณ์ในพอดแคสต์ของน้องชายตัวเองว่า Meta เสนอตัวเลขนี้จริง ๆ เพื่อดึงคนจาก OpenAI ไป

    Altman บอกว่า “Meta เริ่มแจกข้อเสนอระดับไม่ธรรมดากับหลายคนในทีมเรา...ยังดีที่ตอนนี้ไม่มีใครตัดสินใจย้ายไปนะ” ข้อเสนอนี้รวมทั้งโบนัสและค่าตอบแทนรายปีซึ่งรวม ๆ กันก็ทำให้หลายคน “ตาค้าง”

    เบื้องหลังเรื่องนี้คือ Meta ตั้งทีม AI “superintelligence” ใหม่ โดยมี Alexandr Wang (อดีตซีอีโอของ Scale AI) มาเป็นผู้นำ ซึ่งนั่งทำงานใกล้กับ Mark Zuckerberg เลย แถม Meta ก็เพิ่งเทเงิน $14.3 พันล้านลงทุนใน Scale AI ไปหมาด ๆ ถือว่าจัดหนักในสนามนี้

    Altman ยังวิจารณ์เบา ๆ ว่า “Meta ไม่ใช่บริษัทที่เก่งเรื่องนวัตกรรม” และเตือนว่า ถ้าบริษัทไหนมองแค่เรื่องเงินมากกว่าภารกิจ AI ระดับ AGI (Artificial General Intelligence) อาจสร้างวัฒนธรรมที่ไม่เหมาะกับการเกิด “การค้นพบครั้งใหญ่”

    ✅ Meta เสนอค่าตอบแทนสูงถึง $100 ล้าน เพื่อดึงนักวิจัย AI จากคู่แข่ง  
    • รวมทั้งโบนัสเซ็นสัญญาและค่าตอบแทนรวมรายปี  
    • จุดมุ่งหมายเพื่อเร่งสร้างทีม AI ระดับ “superintelligence”

    ✅ Sam Altman เผยเรื่องนี้ในพอดแคสต์ โดยระบุว่า Meta เสนอให้หลายคนใน OpenAI  
    • ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีใครรับข้อเสนอ  
    • มองว่า OpenAI มีโอกาสบรรลุ AGI ได้มากกว่า Meta

    ✅ ผู้นำทีมใหม่ของ Meta คือ Alexandr Wang (อดีต CEO ของ Scale AI)  
    • ทำงานใกล้ชิดกับ Mark Zuckerberg  
    • Meta ลงทุน $14.3 พันล้านใน Scale AI เพื่อสนับสนุนทิศทางนี้

    ✅ Meta ได้ตัวนักวิจัยดังบางคนจาก Google DeepMind และ Sesame AI แล้ว  
    • เช่น Jack Rae และ Johan Schalkwyk  
    • แต่ยังไม่สำเร็จในการดึง Noam Brown จาก OpenAI หรือ Koray Kavukcuoglu จาก Google

    ✅ มีมุมมองจากผู้บริหาร AI คนอื่นว่าการล่าคนต้องมีทั้งเงินและทรัพยากร GPU  
    • CEO ของ Perplexity เผยนักวิจัยจาก Meta บอก “มี 10,000 H100 เมื่อไหร่ ค่อยกลับมาคุย”

    ‼️ การล่าพนักงานแบบ “เงินนำหน้า” อาจทำลายวัฒนธรรมองค์กร  
    • คนที่เข้ามาเพราะเงิน อาจไม่ยึดมั่นในเป้าหมายระยะยาวขององค์กร  
    • ยิ่งในการวิจัย AI แบบ AGI ที่ต้องการการร่วมมือและความมุ่งมั่นสูง

    ‼️ Meta ถูกวิจารณ์ว่านวัตกรรมโอเพ่นซอร์สของตัวเอง “สะดุด” หลังเลื่อนปล่อยโมเดลใหม่  
    • ทำให้คู่แข่งอย่าง Google, DeepSeek และ OpenAI นำหน้าไปก่อน

    ‼️ การแย่งบุคลากร AI อาจทำให้ช่องว่างเทคโนโลยีระหว่างบริษัทยิ่งถ่างออก  
    • บริษัทเล็กหรือประเทศกำลังพัฒนาจะเสียเปรียบอย่างมาก

    ‼️ การเสนอค่าตัวระดับเกิน 100 ล้านดอลลาร์อาจผลักดันค่าจ้างในวงการขึ้นแบบไม่ยั่งยืน  
    • กระทบ ecosystem ของ startup และการวิจัยสาธารณะ

    https://www.techspot.com/news/108357-meta-offering-up-100-million-lure-ai-talent.html
    ใครจะเชื่อว่า “โบนัสเซ็นสัญญา” สำหรับนักวิจัย AI ตอนนี้อาจแตะตัวเลข 100 ล้านเหรียญ! Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ให้สัมภาษณ์ในพอดแคสต์ของน้องชายตัวเองว่า Meta เสนอตัวเลขนี้จริง ๆ เพื่อดึงคนจาก OpenAI ไป Altman บอกว่า “Meta เริ่มแจกข้อเสนอระดับไม่ธรรมดากับหลายคนในทีมเรา...ยังดีที่ตอนนี้ไม่มีใครตัดสินใจย้ายไปนะ” ข้อเสนอนี้รวมทั้งโบนัสและค่าตอบแทนรายปีซึ่งรวม ๆ กันก็ทำให้หลายคน “ตาค้าง” เบื้องหลังเรื่องนี้คือ Meta ตั้งทีม AI “superintelligence” ใหม่ โดยมี Alexandr Wang (อดีตซีอีโอของ Scale AI) มาเป็นผู้นำ ซึ่งนั่งทำงานใกล้กับ Mark Zuckerberg เลย แถม Meta ก็เพิ่งเทเงิน $14.3 พันล้านลงทุนใน Scale AI ไปหมาด ๆ ถือว่าจัดหนักในสนามนี้ Altman ยังวิจารณ์เบา ๆ ว่า “Meta ไม่ใช่บริษัทที่เก่งเรื่องนวัตกรรม” และเตือนว่า ถ้าบริษัทไหนมองแค่เรื่องเงินมากกว่าภารกิจ AI ระดับ AGI (Artificial General Intelligence) อาจสร้างวัฒนธรรมที่ไม่เหมาะกับการเกิด “การค้นพบครั้งใหญ่” ✅ Meta เสนอค่าตอบแทนสูงถึง $100 ล้าน เพื่อดึงนักวิจัย AI จากคู่แข่ง   • รวมทั้งโบนัสเซ็นสัญญาและค่าตอบแทนรวมรายปี   • จุดมุ่งหมายเพื่อเร่งสร้างทีม AI ระดับ “superintelligence” ✅ Sam Altman เผยเรื่องนี้ในพอดแคสต์ โดยระบุว่า Meta เสนอให้หลายคนใน OpenAI   • ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีใครรับข้อเสนอ   • มองว่า OpenAI มีโอกาสบรรลุ AGI ได้มากกว่า Meta ✅ ผู้นำทีมใหม่ของ Meta คือ Alexandr Wang (อดีต CEO ของ Scale AI)   • ทำงานใกล้ชิดกับ Mark Zuckerberg   • Meta ลงทุน $14.3 พันล้านใน Scale AI เพื่อสนับสนุนทิศทางนี้ ✅ Meta ได้ตัวนักวิจัยดังบางคนจาก Google DeepMind และ Sesame AI แล้ว   • เช่น Jack Rae และ Johan Schalkwyk   • แต่ยังไม่สำเร็จในการดึง Noam Brown จาก OpenAI หรือ Koray Kavukcuoglu จาก Google ✅ มีมุมมองจากผู้บริหาร AI คนอื่นว่าการล่าคนต้องมีทั้งเงินและทรัพยากร GPU   • CEO ของ Perplexity เผยนักวิจัยจาก Meta บอก “มี 10,000 H100 เมื่อไหร่ ค่อยกลับมาคุย” ‼️ การล่าพนักงานแบบ “เงินนำหน้า” อาจทำลายวัฒนธรรมองค์กร   • คนที่เข้ามาเพราะเงิน อาจไม่ยึดมั่นในเป้าหมายระยะยาวขององค์กร   • ยิ่งในการวิจัย AI แบบ AGI ที่ต้องการการร่วมมือและความมุ่งมั่นสูง ‼️ Meta ถูกวิจารณ์ว่านวัตกรรมโอเพ่นซอร์สของตัวเอง “สะดุด” หลังเลื่อนปล่อยโมเดลใหม่   • ทำให้คู่แข่งอย่าง Google, DeepSeek และ OpenAI นำหน้าไปก่อน ‼️ การแย่งบุคลากร AI อาจทำให้ช่องว่างเทคโนโลยีระหว่างบริษัทยิ่งถ่างออก   • บริษัทเล็กหรือประเทศกำลังพัฒนาจะเสียเปรียบอย่างมาก ‼️ การเสนอค่าตัวระดับเกิน 100 ล้านดอลลาร์อาจผลักดันค่าจ้างในวงการขึ้นแบบไม่ยั่งยืน   • กระทบ ecosystem ของ startup และการวิจัยสาธารณะ https://www.techspot.com/news/108357-meta-offering-up-100-million-lure-ai-talent.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Meta is offering up to $100 million to lure AI talent, says OpenAI's Sam Altman
    The recruitment drive has a personal element: former Scale AI CEO Alexandr Wang heads Meta's new AI group, and some new hires are said to be working...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลายคนอาจไม่ค่อยรู้จักชื่อ Nat Friedman เท่า Elon หรือ Altman แต่เบื้องหลังเขาคือหนึ่งใน “คนสร้างแรงกระเพื่อม” แห่งโลกโอเพ่นซอร์สและนักลงทุนยุค AI-first ตัวจริง โดยเคยเป็น CEO ของ GitHub (ช่วงที่ Microsoft ซื้อมา) และหลังออกจากตำแหน่ง ก็หันมาเป็น VC เปิดกองทุนร่วมกับ Daniel Gross (อดีตผู้บริหาร Apple และผู้ร่วมก่อตั้ง Cue ที่ถูก Google ซื้อกิจการ)

    ข่าวจาก The Information และ Reuters บอกว่า Meta กำลังเจรจาทาบทามทั้งคู่มาเสริมทัพโปรเจกต์ AI ของบริษัท และอาจถึงขั้น ซื้อหุ้นบางส่วนของกองทุน NFDG ที่พวกเขาร่วมกันตั้งขึ้น เพื่อ “ดึงทรัพยากร AI ทั้งคนและเทคโนโลยี” เข้ามาอยู่ในมือ Meta

    ช่วงนี้ Meta ขยับเร็วมาก—หลังเพิ่งเทเงินกว่า 14.8 พันล้านดอลลาร์ลงทุนใน Scale AI และดึงตัวซีอีโอของ Scale อย่าง Alexandr Wang มานำแผนก “Superintelligence” ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่

    เป้าหมายของ Meta คือสร้างโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สที่แข่งกับ OpenAI, Google และ Anthropic ให้ได้ โดยมี Llama เป็นแกนหลัก และตอนนี้ต้องการทีมระดับ “ผู้ปั้น ecosystem” มาเสริม ไม่ใช่แค่นักวิจัย

    Nat Friedman เคยอยู่ในคณะที่ปรึกษา Meta มาก่อนด้วย ทำให้คาดว่าดีลนี้มีโอกาสเกิดขึ้นจริงสูง และน่าจะเชื่อมโยงกับทิศทาง AI ด้าน Developer Tools หรือแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สของ Meta ในอนาคต

    ✅ Meta อยู่ระหว่างการเจรจากับ Nat Friedman (อดีต CEO GitHub) และ Daniel Gross ให้เข้าร่วมภารกิจ AI  
    • ทั้งสองคนเป็นผู้ร่วมก่อตั้งกองทุน NFDG ซึ่งลงทุนในสตาร์ตอัปสาย AI  
    • Meta เคยดึง Friedman เข้าเป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีมาแล้วก่อนหน้านี้

    ✅ มีการพูดคุยถึงการซื้อหุ้นบางส่วนของ NFDG เพื่อควบรวมกำลังด้าน AI  
    • Meta ต้องการเชื่อมโยงแหล่งบุคลากรและบริษัท AI ที่กองทุนสนับสนุนอยู่

    ✅ การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลัง Meta เทเงิน $14.8B ลงทุนใน Scale AI  
    • และดึง CEO ของ Scale (Alexandr Wang) มานำทีม Superintelligence Unit

    ✅ เป้าหมายระยะยาวของ Meta คือเร่งพัฒนา Open-Source AI ให้แข่งขันกับคู่แข่งอย่าง OpenAI, Google, Anthropic ได้  
    • โดยเฉพาะผ่านโมเดล Llama และแพลตฟอร์มที่เน้น Developer เป็นศูนย์กลาง

    ‼️ หาก Meta ซื้อหุ้นใน NFDG จริง อาจเกิดความกังวลเรื่อง “การผูกขาดบุคลากร AI”  
    • Meta อาจเข้าถึง startup และนักพัฒนา AI รุ่นใหม่ก่อนใครในตลาด  
    • ส่งผลต่อความเป็นอิสระของระบบนิเวศโอเพ่นซอร์ส

    ‼️ แผน “เร่งเกม AI” ของ Meta ยังไม่มีโมเดลที่ใช้งานเชิงพาณิชย์เทียบเท่า GPT-4 หรือ Claude 3  
    • แม้จะเปิดตัว Llama และชุด weights ฟรี แต่ยังเน้นด้านนักพัฒนา มากกว่าผู้ใช้งานทั่วไป

    ‼️ การจ้างบุคคลระดับสูงจำนวนมากในระยะสั้น อาจส่งผลกระทบต่อความสอดคล้องของวิสัยทัศน์องค์กร  
    • โดยเฉพาะหากมีหลายทีมที่พัฒนา AI ไปคนละทิศ

    ‼️ ตลาด AI มีการแข่งขันสูง และเคลื่อนไหวเร็ว—อาจทำให้ Meta ต้องทบทวนแผนลงทุนและโครงสร้างบ่อยครั้ง  
    • ส่งผลต่อเสถียรภาพของแพลตฟอร์มและเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/19/meta-in-talks-to-hire-former-github-ceo-nat-friedman-to-join-ai-efforts-the-information-reports
    หลายคนอาจไม่ค่อยรู้จักชื่อ Nat Friedman เท่า Elon หรือ Altman แต่เบื้องหลังเขาคือหนึ่งใน “คนสร้างแรงกระเพื่อม” แห่งโลกโอเพ่นซอร์สและนักลงทุนยุค AI-first ตัวจริง โดยเคยเป็น CEO ของ GitHub (ช่วงที่ Microsoft ซื้อมา) และหลังออกจากตำแหน่ง ก็หันมาเป็น VC เปิดกองทุนร่วมกับ Daniel Gross (อดีตผู้บริหาร Apple และผู้ร่วมก่อตั้ง Cue ที่ถูก Google ซื้อกิจการ) ข่าวจาก The Information และ Reuters บอกว่า Meta กำลังเจรจาทาบทามทั้งคู่มาเสริมทัพโปรเจกต์ AI ของบริษัท และอาจถึงขั้น ซื้อหุ้นบางส่วนของกองทุน NFDG ที่พวกเขาร่วมกันตั้งขึ้น เพื่อ “ดึงทรัพยากร AI ทั้งคนและเทคโนโลยี” เข้ามาอยู่ในมือ Meta ช่วงนี้ Meta ขยับเร็วมาก—หลังเพิ่งเทเงินกว่า 14.8 พันล้านดอลลาร์ลงทุนใน Scale AI และดึงตัวซีอีโอของ Scale อย่าง Alexandr Wang มานำแผนก “Superintelligence” ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ เป้าหมายของ Meta คือสร้างโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สที่แข่งกับ OpenAI, Google และ Anthropic ให้ได้ โดยมี Llama เป็นแกนหลัก และตอนนี้ต้องการทีมระดับ “ผู้ปั้น ecosystem” มาเสริม ไม่ใช่แค่นักวิจัย Nat Friedman เคยอยู่ในคณะที่ปรึกษา Meta มาก่อนด้วย ทำให้คาดว่าดีลนี้มีโอกาสเกิดขึ้นจริงสูง และน่าจะเชื่อมโยงกับทิศทาง AI ด้าน Developer Tools หรือแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สของ Meta ในอนาคต ✅ Meta อยู่ระหว่างการเจรจากับ Nat Friedman (อดีต CEO GitHub) และ Daniel Gross ให้เข้าร่วมภารกิจ AI   • ทั้งสองคนเป็นผู้ร่วมก่อตั้งกองทุน NFDG ซึ่งลงทุนในสตาร์ตอัปสาย AI   • Meta เคยดึง Friedman เข้าเป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีมาแล้วก่อนหน้านี้ ✅ มีการพูดคุยถึงการซื้อหุ้นบางส่วนของ NFDG เพื่อควบรวมกำลังด้าน AI   • Meta ต้องการเชื่อมโยงแหล่งบุคลากรและบริษัท AI ที่กองทุนสนับสนุนอยู่ ✅ การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลัง Meta เทเงิน $14.8B ลงทุนใน Scale AI   • และดึง CEO ของ Scale (Alexandr Wang) มานำทีม Superintelligence Unit ✅ เป้าหมายระยะยาวของ Meta คือเร่งพัฒนา Open-Source AI ให้แข่งขันกับคู่แข่งอย่าง OpenAI, Google, Anthropic ได้   • โดยเฉพาะผ่านโมเดล Llama และแพลตฟอร์มที่เน้น Developer เป็นศูนย์กลาง ‼️ หาก Meta ซื้อหุ้นใน NFDG จริง อาจเกิดความกังวลเรื่อง “การผูกขาดบุคลากร AI”   • Meta อาจเข้าถึง startup และนักพัฒนา AI รุ่นใหม่ก่อนใครในตลาด   • ส่งผลต่อความเป็นอิสระของระบบนิเวศโอเพ่นซอร์ส ‼️ แผน “เร่งเกม AI” ของ Meta ยังไม่มีโมเดลที่ใช้งานเชิงพาณิชย์เทียบเท่า GPT-4 หรือ Claude 3   • แม้จะเปิดตัว Llama และชุด weights ฟรี แต่ยังเน้นด้านนักพัฒนา มากกว่าผู้ใช้งานทั่วไป ‼️ การจ้างบุคคลระดับสูงจำนวนมากในระยะสั้น อาจส่งผลกระทบต่อความสอดคล้องของวิสัยทัศน์องค์กร   • โดยเฉพาะหากมีหลายทีมที่พัฒนา AI ไปคนละทิศ ‼️ ตลาด AI มีการแข่งขันสูง และเคลื่อนไหวเร็ว—อาจทำให้ Meta ต้องทบทวนแผนลงทุนและโครงสร้างบ่อยครั้ง   • ส่งผลต่อเสถียรภาพของแพลตฟอร์มและเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/19/meta-in-talks-to-hire-former-github-ceo-nat-friedman-to-join-ai-efforts-the-information-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Meta in talks to hire former GitHub CEO Nat Friedman to join AI efforts, The Information reports
    (Reuters) -Meta Platforms is in talks to hire former GitHub CEO Nat Friedman to join the Facebook parent's AI efforts, The Information reported on Wednesday, citing a person familiar with the matter.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครที่ใช้โน้ตบุ๊กหรือเดสก์ท็อปของ ASUS โดยเฉพาะตระกูล ROG หรือ TUF อาจรู้จัก Armoury Crate — แอปศูนย์กลางที่ใช้ปรับไฟ RGB, พัดลม, โปรไฟล์พลังงาน หรือแม้กระทั่งอัปเดตไดรเวอร์

    แต่ล่าสุดมีนักวิจัยจาก Cisco Talos ค้นพบว่ามีช่องโหว่ที่เรียกว่า CVE-2025-3464 โดยตัวไดรเวอร์ของแอปนี้ หลงเชื่อว่าโปรแกรมใดก็ตามที่มีค่าแฮช SHA-256 แบบเดียวกับโปรแกรมของ ASUS เอง เป็นโปรแกรมที่เชื่อถือได้! แฮกเกอร์เลยสามารถใช้เทคนิค “ลิงก์หลอก” เปลี่ยนเส้นทางไฟล์ให้หลอกระบบว่าเป็นของ ASUS แล้วเข้าถึงสิทธิระดับ SYSTEM ทันทีโดยไม่ต้องแฮ็กรหัสเลย

    ช่องโหว่นี้อันตรายมากเพราะมันเปิดทางให้ควบคุมอุปกรณ์แบบเต็มตัว! อย่างไรก็ตาม ผู้โจมตีต้องมีสิทธิ์เข้าระบบก่อน เช่น ขโมยรหัสผ่านหรือฝังมัลแวร์ไว้แล้ว

    ASUS ออกแพตช์เรียบร้อยแล้ว และบอกว่า ยังไม่พบการถูกโจมตีในโลกจริง แต่ก็แนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนรีบอัปเดต Armoury Crate ทันที ผ่าน Settings > Update Center

    ✅ พบช่องโหว่รุนแรงใน Armoury Crate ของ ASUS  
    • รหัสช่องโหว่: CVE-2025-3464 (ระดับความรุนแรง 8.4/10)  
    • เป็นช่องโหว่ “authentication bypass” ที่อาจนำไปสู่การยึดเครื่อง

    ✅ เกิดจากการตรวจสอบความถูกต้องแบบ hardcoded hash  
    • ระบบไม่ใช้ API ของ Windows แต่ตรวจสอบไฟล์ด้วย SHA-256 แบบระบุค่าคงที่  
    • แฮกเกอร์ใช้เทคนิค hardlink หาหลอกระบบว่าเรียกใช้โปรแกรมที่เชื่อถือได้

    ✅ มีผลกับ Armoury Crate เวอร์ชัน 5.9.9.0 ถึง 6.1.18.0  
    • แอปนี้มากับโน้ตบุ๊ก/เดสก์ท็อป ROG และ TUF เป็นค่าพื้นฐาน  
    • ใช้ควบคุมพัดลม RGB ฟีเจอร์เกม และอัปเดตไดรเวอร์

    ✅ ASUS ออกแพตช์แล้ว และยืนยันว่าไม่พบการถูกโจมตีจริง  
    • วิธีอัปเดต: Settings > Update Center > Check for Updates

    ‼️ ผู้ใช้ต้องรีบอัปเดต Armoury Crate ทันทีเพื่อป้องกันภัย  
    • แม้ยังไม่มีการโจมตีจริง แต่ช่องโหว่นี้อันตรายระดับ “ยึดเครื่องได้”

    ‼️ ระบบเช็กความปลอดภัยแบบ hardcoded hash ถือว่าไม่ปลอดภัยในระดับอุตสาหกรรม  
    • ควรใช้กลไก OS-level authentication ที่ Microsoft แนะนำแทน

    ‼️ หากผู้โจมตีได้สิทธิ์ระดับผู้ใช้แล้ว ช่องโหว่นี้จะเปิดทางสู่ SYSTEM ได้ทันที  
    • อันตรายมากหากเครื่องไม่มีระบบป้องกันอื่น เช่น EDR หรือ Zero Trust

    ‼️ ผู้ใช้ควรระวังช่องทางอื่นที่อาจทำให้แฮกเกอร์เข้าระบบได้ เช่น รหัสผ่านอ่อน หรือมัลแวร์แฝง  
    • ช่องโหว่นี้ไม่ได้เปิดทาง “เริ่มต้น” แต่ใช้โจมตีขั้นต่อไป (privilege escalation)

    https://www.techradar.com/pro/security/a-key-asus-windows-tool-has-a-worrying-security-flaw-heres-how-to-stay-safe
    ใครที่ใช้โน้ตบุ๊กหรือเดสก์ท็อปของ ASUS โดยเฉพาะตระกูล ROG หรือ TUF อาจรู้จัก Armoury Crate — แอปศูนย์กลางที่ใช้ปรับไฟ RGB, พัดลม, โปรไฟล์พลังงาน หรือแม้กระทั่งอัปเดตไดรเวอร์ แต่ล่าสุดมีนักวิจัยจาก Cisco Talos ค้นพบว่ามีช่องโหว่ที่เรียกว่า CVE-2025-3464 โดยตัวไดรเวอร์ของแอปนี้ หลงเชื่อว่าโปรแกรมใดก็ตามที่มีค่าแฮช SHA-256 แบบเดียวกับโปรแกรมของ ASUS เอง เป็นโปรแกรมที่เชื่อถือได้! แฮกเกอร์เลยสามารถใช้เทคนิค “ลิงก์หลอก” เปลี่ยนเส้นทางไฟล์ให้หลอกระบบว่าเป็นของ ASUS แล้วเข้าถึงสิทธิระดับ SYSTEM ทันทีโดยไม่ต้องแฮ็กรหัสเลย ช่องโหว่นี้อันตรายมากเพราะมันเปิดทางให้ควบคุมอุปกรณ์แบบเต็มตัว! อย่างไรก็ตาม ผู้โจมตีต้องมีสิทธิ์เข้าระบบก่อน เช่น ขโมยรหัสผ่านหรือฝังมัลแวร์ไว้แล้ว ASUS ออกแพตช์เรียบร้อยแล้ว และบอกว่า ยังไม่พบการถูกโจมตีในโลกจริง แต่ก็แนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนรีบอัปเดต Armoury Crate ทันที ผ่าน Settings > Update Center ✅ พบช่องโหว่รุนแรงใน Armoury Crate ของ ASUS   • รหัสช่องโหว่: CVE-2025-3464 (ระดับความรุนแรง 8.4/10)   • เป็นช่องโหว่ “authentication bypass” ที่อาจนำไปสู่การยึดเครื่อง ✅ เกิดจากการตรวจสอบความถูกต้องแบบ hardcoded hash   • ระบบไม่ใช้ API ของ Windows แต่ตรวจสอบไฟล์ด้วย SHA-256 แบบระบุค่าคงที่   • แฮกเกอร์ใช้เทคนิค hardlink หาหลอกระบบว่าเรียกใช้โปรแกรมที่เชื่อถือได้ ✅ มีผลกับ Armoury Crate เวอร์ชัน 5.9.9.0 ถึง 6.1.18.0   • แอปนี้มากับโน้ตบุ๊ก/เดสก์ท็อป ROG และ TUF เป็นค่าพื้นฐาน   • ใช้ควบคุมพัดลม RGB ฟีเจอร์เกม และอัปเดตไดรเวอร์ ✅ ASUS ออกแพตช์แล้ว และยืนยันว่าไม่พบการถูกโจมตีจริง   • วิธีอัปเดต: Settings > Update Center > Check for Updates ‼️ ผู้ใช้ต้องรีบอัปเดต Armoury Crate ทันทีเพื่อป้องกันภัย   • แม้ยังไม่มีการโจมตีจริง แต่ช่องโหว่นี้อันตรายระดับ “ยึดเครื่องได้” ‼️ ระบบเช็กความปลอดภัยแบบ hardcoded hash ถือว่าไม่ปลอดภัยในระดับอุตสาหกรรม   • ควรใช้กลไก OS-level authentication ที่ Microsoft แนะนำแทน ‼️ หากผู้โจมตีได้สิทธิ์ระดับผู้ใช้แล้ว ช่องโหว่นี้จะเปิดทางสู่ SYSTEM ได้ทันที   • อันตรายมากหากเครื่องไม่มีระบบป้องกันอื่น เช่น EDR หรือ Zero Trust ‼️ ผู้ใช้ควรระวังช่องทางอื่นที่อาจทำให้แฮกเกอร์เข้าระบบได้ เช่น รหัสผ่านอ่อน หรือมัลแวร์แฝง   • ช่องโหว่นี้ไม่ได้เปิดทาง “เริ่มต้น” แต่ใช้โจมตีขั้นต่อไป (privilege escalation) https://www.techradar.com/pro/security/a-key-asus-windows-tool-has-a-worrying-security-flaw-heres-how-to-stay-safe
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • ที่ผ่านมา เวลาพูดถึงเทคโนโลยีในกองทัพ คนก็มักนึกถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ไม่กี่เจ้า เช่น Lockheed Martin หรือ Palantir แต่ Oracle ตอนนี้กำลังเปิดประตูใหม่ให้ “บริษัทเล็ก ๆ ที่มีของดี” ได้เข้าถึงโอกาสในวงการนี้ผ่านโครงการใหม่ชื่อ Oracle Defense Ecosystem

    ใจความหลักคือ Oracle จะสนับสนุนบริษัทเทคโนโลยีเล็ก-กลางให้มีโอกาสเข้าร่วมประกวดราคา (bidding) ในโครงการของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (DoD) โดยช่วยตั้งแต่ที่ทำงาน, เครื่องมือ, การให้คำปรึกษา และแม้แต่ส่วนลดในการใช้แพลตฟอร์มจาก Oracle และ Palantir

    เป้าหมายคือทำให้บริษัทที่เคยหมดหวังกับความยุ่งยากของระบบจัดซื้อของรัฐ – มีทางลัด มีคนแนะนำ และเข้าใจวิธีการเข้าถึงตลาดมูลค่าสูงระดับชาติ ที่เดิมเคยสงวนไว้แค่กับบริษัท “สายตรงเพนตากอน” เท่านั้น

    เบื้องหลังของความเคลื่อนไหวนี้ยังบอกถึงการปรับตัวครั้งใหญ่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ต้องการเลิกพึ่งพาเจ้าเดิม ๆ และเปิดรับนวัตกรรมจากภาคเอกชนมากขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความหลากหลายของเทคโนโลยีป้องกันประเทศ

    ✅ Oracle เปิดตัวโปรแกรม “Defense Ecosystem” สำหรับบริษัทเทคโนโลยี SMB  
    • ช่วยเข้าถึงสัญญาโครงการจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (DoD)  
    • เริ่มต้นมี 10 บริษัทเข้าร่วม เช่น Blackshar.ai, SensusQ, Arqit

    ✅ สิทธิประโยชน์สำหรับผู้เข้าร่วมโปรแกรม  
    • ใช้พื้นที่สำนักงานของ Oracle  
    • ได้ส่วนลดการใช้งาน Palantir Cloud/AI Tools และ Oracle NetSuite  
    • รับคำปรึกษาเฉพาะจากผู้เชี่ยวชาญด้านจัดซื้อของรัฐบาล

    ✅ เป้าหมายของโครงการ  
    • ปรับสมดุลให้บริษัทเล็กสามารถแข่งขันกับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี-กลาโหม  
    • ผลักดัน Oracle Cloud ให้แทรกซึมในการใช้งานของภาครัฐโดยอ้อม

    ✅ รัฐบาลสหรัฐกำลังปฏิรูประบบจัดซื้อเทคโนโลยีภาครัฐ  
    • ยกเลิกแนวโน้มผูกขาดกับรายเดิม ๆ  
    • สนับสนุนการประหยัดงบประมาณและเพิ่มความคล่องตัวในนโยบายความมั่นคง

    ✅ Oracle วางตัวเป็นแกนกลางใหม่ของ AI และ Defense Tech Ecosystem  
    • ร่วมกับพันธมิตรภาคเอกชนและหน่วยงานพันธมิตรของสหรัฐฯ

    ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง:
    ‼️ แม้จะเปิดรับบริษัทเล็ก แต่ขั้นตอนจัดซื้อของกระทรวงกลาโหมยังซับซ้อนมาก  
    • ต้องเข้าใจขั้นตอนการขออนุญาต ความปลอดภัย และ compliance ขั้นสูง  
    • บริษัทที่ขาดแผนงานระยะยาวอาจเสียเวลาโดยไม่ประสบผลสำเร็จ

    ‼️ การผูกความร่วมมือกับ Oracle อาจสร้างความผูกพันทางเทคโนโลยี (vendor lock-in)  
    • บริษัทอาจต้องพึ่งพาเครื่องมือหรือแพลตฟอร์มเฉพาะมากเกินไป  
    • ควรวางแผนใช้เทคโนโลยีแบบเปิดเพื่อยืดหยุ่นในอนาคต

    ‼️ การแข่งขันภายในโปรแกรมอาจสูงขึ้นเรื่อย ๆ  
    • หากบริษัทเข้าร่วมมากขึ้น ความโดดเด่นของแต่ละรายอาจลดลง  
    • จำเป็นต้องมีจุดขายเฉพาะที่ชัดเจน

    https://www.techradar.com/pro/oracle-wants-to-help-smaller-firms-sell-their-tech-to-the-us-government
    ที่ผ่านมา เวลาพูดถึงเทคโนโลยีในกองทัพ คนก็มักนึกถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ไม่กี่เจ้า เช่น Lockheed Martin หรือ Palantir แต่ Oracle ตอนนี้กำลังเปิดประตูใหม่ให้ “บริษัทเล็ก ๆ ที่มีของดี” ได้เข้าถึงโอกาสในวงการนี้ผ่านโครงการใหม่ชื่อ Oracle Defense Ecosystem ใจความหลักคือ Oracle จะสนับสนุนบริษัทเทคโนโลยีเล็ก-กลางให้มีโอกาสเข้าร่วมประกวดราคา (bidding) ในโครงการของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (DoD) โดยช่วยตั้งแต่ที่ทำงาน, เครื่องมือ, การให้คำปรึกษา และแม้แต่ส่วนลดในการใช้แพลตฟอร์มจาก Oracle และ Palantir เป้าหมายคือทำให้บริษัทที่เคยหมดหวังกับความยุ่งยากของระบบจัดซื้อของรัฐ – มีทางลัด มีคนแนะนำ และเข้าใจวิธีการเข้าถึงตลาดมูลค่าสูงระดับชาติ ที่เดิมเคยสงวนไว้แค่กับบริษัท “สายตรงเพนตากอน” เท่านั้น เบื้องหลังของความเคลื่อนไหวนี้ยังบอกถึงการปรับตัวครั้งใหญ่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ต้องการเลิกพึ่งพาเจ้าเดิม ๆ และเปิดรับนวัตกรรมจากภาคเอกชนมากขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความหลากหลายของเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ✅ Oracle เปิดตัวโปรแกรม “Defense Ecosystem” สำหรับบริษัทเทคโนโลยี SMB   • ช่วยเข้าถึงสัญญาโครงการจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (DoD)   • เริ่มต้นมี 10 บริษัทเข้าร่วม เช่น Blackshar.ai, SensusQ, Arqit ✅ สิทธิประโยชน์สำหรับผู้เข้าร่วมโปรแกรม   • ใช้พื้นที่สำนักงานของ Oracle   • ได้ส่วนลดการใช้งาน Palantir Cloud/AI Tools และ Oracle NetSuite   • รับคำปรึกษาเฉพาะจากผู้เชี่ยวชาญด้านจัดซื้อของรัฐบาล ✅ เป้าหมายของโครงการ   • ปรับสมดุลให้บริษัทเล็กสามารถแข่งขันกับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี-กลาโหม   • ผลักดัน Oracle Cloud ให้แทรกซึมในการใช้งานของภาครัฐโดยอ้อม ✅ รัฐบาลสหรัฐกำลังปฏิรูประบบจัดซื้อเทคโนโลยีภาครัฐ   • ยกเลิกแนวโน้มผูกขาดกับรายเดิม ๆ   • สนับสนุนการประหยัดงบประมาณและเพิ่มความคล่องตัวในนโยบายความมั่นคง ✅ Oracle วางตัวเป็นแกนกลางใหม่ของ AI และ Defense Tech Ecosystem   • ร่วมกับพันธมิตรภาคเอกชนและหน่วยงานพันธมิตรของสหรัฐฯ ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง: ‼️ แม้จะเปิดรับบริษัทเล็ก แต่ขั้นตอนจัดซื้อของกระทรวงกลาโหมยังซับซ้อนมาก   • ต้องเข้าใจขั้นตอนการขออนุญาต ความปลอดภัย และ compliance ขั้นสูง   • บริษัทที่ขาดแผนงานระยะยาวอาจเสียเวลาโดยไม่ประสบผลสำเร็จ ‼️ การผูกความร่วมมือกับ Oracle อาจสร้างความผูกพันทางเทคโนโลยี (vendor lock-in)   • บริษัทอาจต้องพึ่งพาเครื่องมือหรือแพลตฟอร์มเฉพาะมากเกินไป   • ควรวางแผนใช้เทคโนโลยีแบบเปิดเพื่อยืดหยุ่นในอนาคต ‼️ การแข่งขันภายในโปรแกรมอาจสูงขึ้นเรื่อย ๆ   • หากบริษัทเข้าร่วมมากขึ้น ความโดดเด่นของแต่ละรายอาจลดลง   • จำเป็นต้องมีจุดขายเฉพาะที่ชัดเจน https://www.techradar.com/pro/oracle-wants-to-help-smaller-firms-sell-their-tech-to-the-us-government
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ออกมาประกาศจับมือกับ AMD แบบ “ระยะยาวหลายปี” เพื่อร่วมกันพัฒนา Xbox รุ่นถัดไปและอุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่จะออกในอนาคต โดย Sarah Bond (ประธาน Xbox) บอกว่า เขาไม่ได้ต้องการแค่ทำกราฟิกให้สวยขึ้น แต่ต้องการ “ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมให้สมจริงกว่าเดิม” ผ่านการใช้ AI ผสานเข้ากับชิปประมวลผล

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Microsoft ยังยืนยันว่า Xbox ใหม่ยังคงเล่นเกมเก่าได้ (Backward Compatibility) นั่นหมายความว่าคนที่ลงทุนเกมดิจิทัลไว้เยอะ ๆ ไม่ต้องห่วงว่าจะเสียเงินเปล่า

    และไม่ใช่แค่คอนโซล เพราะ Microsoft ส่งสัญญาณชัดว่า Xbox จะไม่ผูกกับเครื่องอีกต่อไป แต่จะพัฒนาให้ “เล่นเกมได้ทุกที่ ทุกอุปกรณ์” — เหมือนจะมุ่งเป้าไปยังโลกแบบ cloud gaming หรือ hybrid system มากขึ้น

    นอกจากนี้เขายังพูดถึง “Xbox Ally” เครื่องเกมพกพาที่รัน Windows 11 รุ่นเบา ซึ่งก็มาพร้อมชิป AMD เช่นกัน แปลว่าพาร์ตเนอร์รายนี้กำลังมีบทบาททั้งในคอนโซล เกมพกพา และแม้แต่บนพีซีเกมมิ่ง

    ✅ Microsoft ประกาศความร่วมมือหลายปีกับ AMD  
    • ร่วมกันพัฒนาชิปรุ่นใหม่เพื่อ Xbox และฮาร์ดแวร์เกมรุ่นถัดไป  
    • เน้นกราฟิกขั้นสูง, การผสาน AI และความสมจริงในการเล่นเกม

    ✅ เป้าหมาย: Xbox ที่ “ไร้พรมแดน” เล่นได้ทุกอุปกรณ์  
    • ไม่จำกัดเฉพาะเครื่องคอนโซลอีกต่อไป  
    • มีแนวโน้มพัฒนาแพลตฟอร์มแบบ cross-device และ cloud-based

    ✅ รองรับเกมเก่า (Backward Compatibility) ต่อเนื่อง  
    • ผู้เล่นสามารถนำคลังเกมเก่ามาใช้กับเครื่องใหม่ได้  
    • เป็นจุดแข็งสำคัญที่สร้างความมั่นใจให้ฐานลูกค้าเดิม

    ✅ Windows คือเป้าหมายใหม่ของ Xbox  
    • Sarah Bond ระบุชัดว่ากำลังทำให้ Windows เป็น “แพลตฟอร์มเกมอันดับหนึ่ง”  
    • อาจเป็นสัญญาณของการลดบทบาทคอนโซล หรือเปลี่ยนทิศไปยัง Game-as-a-platform มากขึ้น

    ✅ Xbox Ally เครื่องเล่นเกมพกพารัน Windows ก็ใช้ชิป AMD เช่นกัน  
    • ชูจุดเด่นเล่นเกม PC ได้ในรูปแบบพกพา  
    • ใช้ Windows 11 รุ่นพิเศษที่เบาและไม่มี bloatware

    ‼️ อนาคตของ Xbox อาจไม่ใช่คอนโซลแบบเดิมอีกต่อไป  
    • ผู้ที่ชอบประสบการณ์คอนโซลแบบ “เสียบเล่นได้เลย” อาจต้องปรับตัว  
    • หาก Xbox กลายเป็น platform มากกว่า product การเข้าถึงอาจซับซ้อนขึ้น

    ‼️ การใช้ AI ในฮาร์ดแวร์เกมต้องจับตาด้านความเป็นส่วนตัว  
    • ยังไม่มีรายละเอียดว่า AI จะใช้ทำอะไรบ้างในฝั่งผู้เล่น  
    • หากวิเคราะห์พฤติกรรมผู้เล่นเพื่อปรับประสบการณ์แบบ dynamic ก็อาจกระทบเรื่อง Privacy

    ‼️ AMD อาจถือความลับด้านเทคโนโลยีเกมไว้มากเกินไป  
    • ทั้ง Xbox, Windows handheld, และ PC gaming ต่างก็ใช้ AMD  
    • การพึ่งพา supplier เจ้าเดียวมากเกินไปอาจมีความเสี่ยงในระยะยาว

    https://www.neowin.net/news/microsoft-announces-multi-year-partnership-with-amd-for-future-of-xbox-consoles-and-hardware/
    Microsoft ออกมาประกาศจับมือกับ AMD แบบ “ระยะยาวหลายปี” เพื่อร่วมกันพัฒนา Xbox รุ่นถัดไปและอุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่จะออกในอนาคต โดย Sarah Bond (ประธาน Xbox) บอกว่า เขาไม่ได้ต้องการแค่ทำกราฟิกให้สวยขึ้น แต่ต้องการ “ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมให้สมจริงกว่าเดิม” ผ่านการใช้ AI ผสานเข้ากับชิปประมวลผล สิ่งที่น่าสนใจคือ Microsoft ยังยืนยันว่า Xbox ใหม่ยังคงเล่นเกมเก่าได้ (Backward Compatibility) นั่นหมายความว่าคนที่ลงทุนเกมดิจิทัลไว้เยอะ ๆ ไม่ต้องห่วงว่าจะเสียเงินเปล่า และไม่ใช่แค่คอนโซล เพราะ Microsoft ส่งสัญญาณชัดว่า Xbox จะไม่ผูกกับเครื่องอีกต่อไป แต่จะพัฒนาให้ “เล่นเกมได้ทุกที่ ทุกอุปกรณ์” — เหมือนจะมุ่งเป้าไปยังโลกแบบ cloud gaming หรือ hybrid system มากขึ้น นอกจากนี้เขายังพูดถึง “Xbox Ally” เครื่องเกมพกพาที่รัน Windows 11 รุ่นเบา ซึ่งก็มาพร้อมชิป AMD เช่นกัน แปลว่าพาร์ตเนอร์รายนี้กำลังมีบทบาททั้งในคอนโซล เกมพกพา และแม้แต่บนพีซีเกมมิ่ง ✅ Microsoft ประกาศความร่วมมือหลายปีกับ AMD   • ร่วมกันพัฒนาชิปรุ่นใหม่เพื่อ Xbox และฮาร์ดแวร์เกมรุ่นถัดไป   • เน้นกราฟิกขั้นสูง, การผสาน AI และความสมจริงในการเล่นเกม ✅ เป้าหมาย: Xbox ที่ “ไร้พรมแดน” เล่นได้ทุกอุปกรณ์   • ไม่จำกัดเฉพาะเครื่องคอนโซลอีกต่อไป   • มีแนวโน้มพัฒนาแพลตฟอร์มแบบ cross-device และ cloud-based ✅ รองรับเกมเก่า (Backward Compatibility) ต่อเนื่อง   • ผู้เล่นสามารถนำคลังเกมเก่ามาใช้กับเครื่องใหม่ได้   • เป็นจุดแข็งสำคัญที่สร้างความมั่นใจให้ฐานลูกค้าเดิม ✅ Windows คือเป้าหมายใหม่ของ Xbox   • Sarah Bond ระบุชัดว่ากำลังทำให้ Windows เป็น “แพลตฟอร์มเกมอันดับหนึ่ง”   • อาจเป็นสัญญาณของการลดบทบาทคอนโซล หรือเปลี่ยนทิศไปยัง Game-as-a-platform มากขึ้น ✅ Xbox Ally เครื่องเล่นเกมพกพารัน Windows ก็ใช้ชิป AMD เช่นกัน   • ชูจุดเด่นเล่นเกม PC ได้ในรูปแบบพกพา   • ใช้ Windows 11 รุ่นพิเศษที่เบาและไม่มี bloatware ‼️ อนาคตของ Xbox อาจไม่ใช่คอนโซลแบบเดิมอีกต่อไป   • ผู้ที่ชอบประสบการณ์คอนโซลแบบ “เสียบเล่นได้เลย” อาจต้องปรับตัว   • หาก Xbox กลายเป็น platform มากกว่า product การเข้าถึงอาจซับซ้อนขึ้น ‼️ การใช้ AI ในฮาร์ดแวร์เกมต้องจับตาด้านความเป็นส่วนตัว   • ยังไม่มีรายละเอียดว่า AI จะใช้ทำอะไรบ้างในฝั่งผู้เล่น   • หากวิเคราะห์พฤติกรรมผู้เล่นเพื่อปรับประสบการณ์แบบ dynamic ก็อาจกระทบเรื่อง Privacy ‼️ AMD อาจถือความลับด้านเทคโนโลยีเกมไว้มากเกินไป   • ทั้ง Xbox, Windows handheld, และ PC gaming ต่างก็ใช้ AMD   • การพึ่งพา supplier เจ้าเดียวมากเกินไปอาจมีความเสี่ยงในระยะยาว https://www.neowin.net/news/microsoft-announces-multi-year-partnership-with-amd-for-future-of-xbox-consoles-and-hardware/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft announces multi-year partnership with AMD for future of Xbox consoles and hardware
    Microsoft has entered a partnership with chipmaker AMD to co-develop the next generation of Xbox gaming devices. There seems to be a strategy shift happening for Xbox as well.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ใช้ Windows จำนวนมากไม่รู้เวอร์ชันที่ใช้งาน แต่มั่นใจว่าอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้
    ผลสำรวจจาก TechRadar พบว่า 53% ของผู้ใช้ Windows ยังคงใช้ Windows 10 แม้ว่าการสนับสนุนจะสิ้นสุดในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ซึ่งอาจทำให้พวกเขาเสี่ยงต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์.

    รายละเอียดผลสำรวจ
    ✅ 43% ของผู้ใช้ Windows ระบุว่าพวกเขาได้อัปเกรดเป็น Windows 11 แล้ว.
    ✅ 55% ของผู้ตอบแบบสอบถามรู้แน่ชัดว่าใช้ Windows เวอร์ชันใด แต่ 23% ไม่แน่ใจ, 10% เดาได้, และ 12% ไม่รู้เลย.
    ✅ 61% ของผู้ใช้มีอุปกรณ์มากกว่าหนึ่งเครื่องในบ้าน และ 53% เชื่อว่าอุปกรณ์ทั้งหมดของพวกเขาสามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้.
    ✅ 14% ไม่รู้ข้อกำหนดของ Windows 11, และ 4% ไม่รู้ข้อกำหนดของอุปกรณ์ตัวเอง.

    ผลกระทบและข้อควรระวัง
    ‼️ Windows 10 จะไม่ได้รับการสนับสนุนหลังจากเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์.
    ‼️ ผู้ใช้บางคนไม่รู้ว่าต้องอัปเกรด ซึ่งอาจทำให้พวกเขาใช้ระบบที่ล้าสมัยโดยไม่รู้ตัว.
    ‼️ บางคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับ RAM ของอุปกรณ์ โดยบางคนคิดว่ามี 1TB RAM ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงเกินจริง.

    แนวทางการเตรียมตัวสำหรับการอัปเกรด
    ✅ ตรวจสอบเวอร์ชัน Windows ที่ใช้งานอยู่ โดยไปที่ Settings > System > About.
    ✅ ตรวจสอบข้อกำหนดของ Windows 11 ซึ่งต้องการ RAM 4GB และ TPM 2.0.
    ✅ ใช้เครื่องมือ PC Health Check ของ Microsoft เพื่อตรวจสอบว่าอุปกรณ์สามารถอัปเกรดได้หรือไม่.

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Windows 11
    ✅ Microsoft กำลังเพิ่มฟีเจอร์ AI ลงใน Windows 11 เพื่อดึงดูดผู้ใช้ให้เปลี่ยนมาใช้ระบบปฏิบัติการใหม่.
    ✅ Windows 11 24H2 จะเป็นอัปเดตที่มีฟีเจอร์มากที่สุดในรอบหลายปี.
    ‼️ ผู้ใช้ที่ไม่อัปเกรดอาจต้องพิจารณาใช้ Linux ซึ่งเป็นทางเลือกสำหรับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ Windows 11.

    https://www.techradar.com/pro/a-shocking-number-of-people-dont-know-what-windows-version-theyre-using-but-that-doesnt-stop-them-from-being-confident-they-could-upgrade
    ผู้ใช้ Windows จำนวนมากไม่รู้เวอร์ชันที่ใช้งาน แต่มั่นใจว่าอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้ ผลสำรวจจาก TechRadar พบว่า 53% ของผู้ใช้ Windows ยังคงใช้ Windows 10 แม้ว่าการสนับสนุนจะสิ้นสุดในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ซึ่งอาจทำให้พวกเขาเสี่ยงต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์. รายละเอียดผลสำรวจ ✅ 43% ของผู้ใช้ Windows ระบุว่าพวกเขาได้อัปเกรดเป็น Windows 11 แล้ว. ✅ 55% ของผู้ตอบแบบสอบถามรู้แน่ชัดว่าใช้ Windows เวอร์ชันใด แต่ 23% ไม่แน่ใจ, 10% เดาได้, และ 12% ไม่รู้เลย. ✅ 61% ของผู้ใช้มีอุปกรณ์มากกว่าหนึ่งเครื่องในบ้าน และ 53% เชื่อว่าอุปกรณ์ทั้งหมดของพวกเขาสามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้. ✅ 14% ไม่รู้ข้อกำหนดของ Windows 11, และ 4% ไม่รู้ข้อกำหนดของอุปกรณ์ตัวเอง. ผลกระทบและข้อควรระวัง ‼️ Windows 10 จะไม่ได้รับการสนับสนุนหลังจากเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์. ‼️ ผู้ใช้บางคนไม่รู้ว่าต้องอัปเกรด ซึ่งอาจทำให้พวกเขาใช้ระบบที่ล้าสมัยโดยไม่รู้ตัว. ‼️ บางคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับ RAM ของอุปกรณ์ โดยบางคนคิดว่ามี 1TB RAM ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงเกินจริง. แนวทางการเตรียมตัวสำหรับการอัปเกรด ✅ ตรวจสอบเวอร์ชัน Windows ที่ใช้งานอยู่ โดยไปที่ Settings > System > About. ✅ ตรวจสอบข้อกำหนดของ Windows 11 ซึ่งต้องการ RAM 4GB และ TPM 2.0. ✅ ใช้เครื่องมือ PC Health Check ของ Microsoft เพื่อตรวจสอบว่าอุปกรณ์สามารถอัปเกรดได้หรือไม่. ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Windows 11 ✅ Microsoft กำลังเพิ่มฟีเจอร์ AI ลงใน Windows 11 เพื่อดึงดูดผู้ใช้ให้เปลี่ยนมาใช้ระบบปฏิบัติการใหม่. ✅ Windows 11 24H2 จะเป็นอัปเดตที่มีฟีเจอร์มากที่สุดในรอบหลายปี. ‼️ ผู้ใช้ที่ไม่อัปเกรดอาจต้องพิจารณาใช้ Linux ซึ่งเป็นทางเลือกสำหรับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ Windows 11. https://www.techradar.com/pro/a-shocking-number-of-people-dont-know-what-windows-version-theyre-using-but-that-doesnt-stop-them-from-being-confident-they-could-upgrade
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดราม่ากลาง Paris Air Show 2025 บูธอิสราเอลถูกปิดกั้น ฝรั่งเศสสั่งถอดยุทโธปกรณ์- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - .งานแสดงอากาศยานระดับโลก “Paris Air Show 2025” เปิดฉากด้วยกระแสดราม่า เมื่อบูธของบริษัทด้านกลาโหมจากอิสราเอลถูกเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสสั่งปิดล้อมโดยไม่แจ้งล่วงหน้า พร้อมข้อจำกัดในการจัดแสดงยุทโธปกรณ์บางรายการ ส่งผลให้บริษัทใหญ่ทั้ง Israel Aerospace Industries (IAI), Rafael และ Elbit Systems ประกาศถอนตัวจากงานทันที.โบอาซ เลวี ซีอีโอของ IAI ระบุว่า หลังจากตั้งบูธเสร็จในคืนก่อนเปิดงาน ทางการฝรั่งเศสกลับมีคำสั่งให้ถอดอาวุธบางระบบออก และเช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาก็พบว่าบูธถูกกั้นด้วยกำแพงผ้าสีดำโดยไม่มีคำชี้แจง พร้อมกล่าวเปรียบเทียบว่าเหตุการณ์นี้สะท้อนภาพ “ความแบ่งแยกทางประวัติศาสตร์” ที่ชาวยิวเคยเผชิญในยุโรป.ด้านบริษัท Rafael ผู้อยู่เบื้องหลังระบบ Iron Dome ก็ประสบเหตุการณ์เดียวกัน โดยทีมงานพบบูธถูกปิดล้อมและไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ “ไม่มีคำเตือน ไม่มีการสื่อสาร” ตัวแทนบริษัทกล่าว พร้อมเผยว่ากำลังพิจารณาแนวทางทางกฎหมายเพื่อท้าทายคำสั่งดังกล่าว.Elbit Systems ซึ่งมีเครือข่ายธุรกิจในยุโรปอย่างกว้างขวางก็ถูกจำกัดพื้นที่จัดแสดงเช่นกัน โดยซีอีโอกล่าวว่า ความสำเร็จของบริษัทในตลาดยุโรปอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดแรงกดดันจากภายในประเทศเจ้าภาพเอง.แม้ผู้จัดงานจะยืนยันว่าทำตามคำสั่งรัฐบาลฝรั่งเศสและอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อหาทางออก แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนความตึงเครียดเชิงการเมืองที่เริ่มแทรกซึมสู่วงการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และอาจส่งผลระยะยาวต่อความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับยุโรปในอนาคต. https://www.facebook.com/share/p/1FuCJsrYuE/?mibextid=wwXIfr
    ดราม่ากลาง Paris Air Show 2025 บูธอิสราเอลถูกปิดกั้น ฝรั่งเศสสั่งถอดยุทโธปกรณ์- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - .งานแสดงอากาศยานระดับโลก “Paris Air Show 2025” เปิดฉากด้วยกระแสดราม่า เมื่อบูธของบริษัทด้านกลาโหมจากอิสราเอลถูกเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสสั่งปิดล้อมโดยไม่แจ้งล่วงหน้า พร้อมข้อจำกัดในการจัดแสดงยุทโธปกรณ์บางรายการ ส่งผลให้บริษัทใหญ่ทั้ง Israel Aerospace Industries (IAI), Rafael และ Elbit Systems ประกาศถอนตัวจากงานทันที.โบอาซ เลวี ซีอีโอของ IAI ระบุว่า หลังจากตั้งบูธเสร็จในคืนก่อนเปิดงาน ทางการฝรั่งเศสกลับมีคำสั่งให้ถอดอาวุธบางระบบออก และเช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาก็พบว่าบูธถูกกั้นด้วยกำแพงผ้าสีดำโดยไม่มีคำชี้แจง พร้อมกล่าวเปรียบเทียบว่าเหตุการณ์นี้สะท้อนภาพ “ความแบ่งแยกทางประวัติศาสตร์” ที่ชาวยิวเคยเผชิญในยุโรป.ด้านบริษัท Rafael ผู้อยู่เบื้องหลังระบบ Iron Dome ก็ประสบเหตุการณ์เดียวกัน โดยทีมงานพบบูธถูกปิดล้อมและไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ “ไม่มีคำเตือน ไม่มีการสื่อสาร” ตัวแทนบริษัทกล่าว พร้อมเผยว่ากำลังพิจารณาแนวทางทางกฎหมายเพื่อท้าทายคำสั่งดังกล่าว.Elbit Systems ซึ่งมีเครือข่ายธุรกิจในยุโรปอย่างกว้างขวางก็ถูกจำกัดพื้นที่จัดแสดงเช่นกัน โดยซีอีโอกล่าวว่า ความสำเร็จของบริษัทในตลาดยุโรปอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดแรงกดดันจากภายในประเทศเจ้าภาพเอง.แม้ผู้จัดงานจะยืนยันว่าทำตามคำสั่งรัฐบาลฝรั่งเศสและอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อหาทางออก แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนความตึงเครียดเชิงการเมืองที่เริ่มแทรกซึมสู่วงการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และอาจส่งผลระยะยาวต่อความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับยุโรปในอนาคต. https://www.facebook.com/share/p/1FuCJsrYuE/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🎮 เมนบอร์ด PS1 ใหม่จากการย้อนรอยวิศวกรรม
    Lorentio Brodesco นักอิเล็กทรอนิกส์ชาวอิตาลีได้ออกแบบและสร้าง เมนบอร์ด PlayStation 1 ใหม่ โดยใช้เทคนิคย้อนรอยวิศวกรรม ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีที่มีการสร้างเมนบอร์ด PS1 ใหม่จากศูนย์

    ✅ รายละเอียดของเมนบอร์ด nsOne
    - เมนบอร์ด nsOne สามารถใช้กับ ชิปดั้งเดิมของ PS1 ได้ เช่น CPU, GPU, SPU, RAM และตัวควบคุมแรงดันไฟฟ้า
    - ไม่ใช่ อีมูเลเตอร์ หรือ FPGA แต่เป็น เมนบอร์ดจริง ที่สามารถใช้กับชิ้นส่วนของ PS1 ได้โดยตรง
    - รองรับ เคสของ PS1 รุ่นดั้งเดิม และเพิ่ม พอร์ตขนาน ที่เคยถูกตัดออกจากรุ่น SCPH-900X
    - เปิดตัวผ่าน Kickstarter โดยมีราคาเริ่มต้นที่ $40 สำหรับบอร์ดเปล่า และ $95 สำหรับบอร์ดที่มีชิปครบชุด

    ‼️ ข้อควรระวัง
    - ผู้ซื้อบอร์ดเปล่าต้องมีทักษะในการบัดกรีชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้สามารถใช้งานได้
    - การสนับสนุนโครงการ Kickstarter ไม่รับประกันว่าจะได้รับผลิตภัณฑ์ เนื่องจากเป็นการลงทุนในโครงการพัฒนา
    - ต้องใช้ชิ้นส่วนจาก PS1 ดั้งเดิม ซึ่งอาจหายากหรือมีราคาสูง

    🔍 แนวโน้มของการย้อนรอยวิศวกรรมในวงการเกม
    ✅ การฟื้นฟูฮาร์ดแวร์เกมเก่า
    - มีการพัฒนา FPGA และอีมูเลเตอร์ เพื่อให้สามารถเล่นเกมเก่าได้โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ดั้งเดิม
    - นักพัฒนาอิสระเริ่มสร้าง เมนบอร์ดใหม่สำหรับเครื่องเกมเก่า เช่น SNES และ Sega Genesis
    - การย้อนรอยวิศวกรรมช่วยให้ นักสะสมสามารถซ่อมแซมเครื่องเกมเก่า ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาชิ้นส่วนจาก Sony

    ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับการย้อนรอยวิศวกรรม
    - ต้องมีความรู้ด้านอิเล็กทรอนิกส์และการบัดกรี เพื่อให้สามารถใช้งานบอร์ดใหม่ได้
    - อาจมีข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์ หากมีการใช้ชิ้นส่วนที่ออกแบบโดย Sony
    - ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของชิ้นส่วน เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์

    🌍 อนาคตของการซ่อมแซมเครื่องเกมเก่า
    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับเครื่องเกมคลาสสิก
    - มีการพัฒนา ชิป FPGA ที่จำลองการทำงานของ CPU และ GPU ดั้งเดิม เพื่อให้สามารถเล่นเกมเก่าได้
    - นักพัฒนาเริ่มสร้าง อุปกรณ์เสริมสำหรับเครื่องเกมเก่า เช่น HDMI mod สำหรับ Nintendo 64
    - การใช้ 3D Printing ช่วยให้สามารถสร้างชิ้นส่วนที่หายากได้ เช่น ปุ่มและเคสของเครื่องเกมเก่า

    ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับการซ่อมแซมเครื่องเกมเก่า
    - ต้องตรวจสอบแหล่งที่มาของชิ้นส่วน เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นของแท้และมีคุณภาพดี
    - ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการทำงานของระบบเกม เพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างการซ่อมแซม
    - ต้องมีการทดสอบก่อนใช้งานจริง เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องสามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง

    https://www.tomshardware.com/video-games/playstation/first-reverse-engineered-sony-ps1-motherboard-enables-fixing-broken-systems-bare-pcbs-for-usd40-boards-with-chips-for-usd95
    🎮 เมนบอร์ด PS1 ใหม่จากการย้อนรอยวิศวกรรม Lorentio Brodesco นักอิเล็กทรอนิกส์ชาวอิตาลีได้ออกแบบและสร้าง เมนบอร์ด PlayStation 1 ใหม่ โดยใช้เทคนิคย้อนรอยวิศวกรรม ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีที่มีการสร้างเมนบอร์ด PS1 ใหม่จากศูนย์ ✅ รายละเอียดของเมนบอร์ด nsOne - เมนบอร์ด nsOne สามารถใช้กับ ชิปดั้งเดิมของ PS1 ได้ เช่น CPU, GPU, SPU, RAM และตัวควบคุมแรงดันไฟฟ้า - ไม่ใช่ อีมูเลเตอร์ หรือ FPGA แต่เป็น เมนบอร์ดจริง ที่สามารถใช้กับชิ้นส่วนของ PS1 ได้โดยตรง - รองรับ เคสของ PS1 รุ่นดั้งเดิม และเพิ่ม พอร์ตขนาน ที่เคยถูกตัดออกจากรุ่น SCPH-900X - เปิดตัวผ่าน Kickstarter โดยมีราคาเริ่มต้นที่ $40 สำหรับบอร์ดเปล่า และ $95 สำหรับบอร์ดที่มีชิปครบชุด ‼️ ข้อควรระวัง - ผู้ซื้อบอร์ดเปล่าต้องมีทักษะในการบัดกรีชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้สามารถใช้งานได้ - การสนับสนุนโครงการ Kickstarter ไม่รับประกันว่าจะได้รับผลิตภัณฑ์ เนื่องจากเป็นการลงทุนในโครงการพัฒนา - ต้องใช้ชิ้นส่วนจาก PS1 ดั้งเดิม ซึ่งอาจหายากหรือมีราคาสูง 🔍 แนวโน้มของการย้อนรอยวิศวกรรมในวงการเกม ✅ การฟื้นฟูฮาร์ดแวร์เกมเก่า - มีการพัฒนา FPGA และอีมูเลเตอร์ เพื่อให้สามารถเล่นเกมเก่าได้โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ดั้งเดิม - นักพัฒนาอิสระเริ่มสร้าง เมนบอร์ดใหม่สำหรับเครื่องเกมเก่า เช่น SNES และ Sega Genesis - การย้อนรอยวิศวกรรมช่วยให้ นักสะสมสามารถซ่อมแซมเครื่องเกมเก่า ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาชิ้นส่วนจาก Sony ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับการย้อนรอยวิศวกรรม - ต้องมีความรู้ด้านอิเล็กทรอนิกส์และการบัดกรี เพื่อให้สามารถใช้งานบอร์ดใหม่ได้ - อาจมีข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์ หากมีการใช้ชิ้นส่วนที่ออกแบบโดย Sony - ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของชิ้นส่วน เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ 🌍 อนาคตของการซ่อมแซมเครื่องเกมเก่า ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับเครื่องเกมคลาสสิก - มีการพัฒนา ชิป FPGA ที่จำลองการทำงานของ CPU และ GPU ดั้งเดิม เพื่อให้สามารถเล่นเกมเก่าได้ - นักพัฒนาเริ่มสร้าง อุปกรณ์เสริมสำหรับเครื่องเกมเก่า เช่น HDMI mod สำหรับ Nintendo 64 - การใช้ 3D Printing ช่วยให้สามารถสร้างชิ้นส่วนที่หายากได้ เช่น ปุ่มและเคสของเครื่องเกมเก่า ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับการซ่อมแซมเครื่องเกมเก่า - ต้องตรวจสอบแหล่งที่มาของชิ้นส่วน เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นของแท้และมีคุณภาพดี - ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการทำงานของระบบเกม เพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างการซ่อมแซม - ต้องมีการทดสอบก่อนใช้งานจริง เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องสามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง https://www.tomshardware.com/video-games/playstation/first-reverse-engineered-sony-ps1-motherboard-enables-fixing-broken-systems-bare-pcbs-for-usd40-boards-with-chips-for-usd95
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts