• เรื่องเล่าจากโลกชิปเซ็ต: Broadcom เปิดตัว “Tomahawk Ultra” ชิปเครือข่ายเพื่อเร่งพลัง AI

    ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต้องการพลังการประมวลผลมหาศาล การเชื่อมต่อระหว่างชิปหลายร้อยตัวให้ทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อกลายเป็นหัวใจสำคัญของระบบ AI ขนาดใหญ่ และนี่คือจุดที่ Broadcom เข้ามาเล่นบทพระเอก

    Broadcom เปิดตัว “Tomahawk Ultra” ชิปเครือข่ายรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเร่งการประมวลผลข้อมูล AI โดยเฉพาะ โดยชิปนี้จะช่วยให้การเชื่อมโยงระหว่างชิปหลายตัวในระบบ AI เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    แม้ Nvidia จะครองตลาด GPU สำหรับ AI มานาน แต่ Broadcom ก็ไม่ใช่ผู้เล่นหน้าใหม่ เพราะพวกเขาเป็นเบื้องหลังของชิป AI ที่ Google ใช้ในระบบของตัวเอง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ทางเลือกที่นักพัฒนา AI มองว่า “พอจะสู้ Nvidia ได้”

    Broadcom เปิดตัวชิปเครือข่ายใหม่ชื่อ “Tomahawk Ultra”
    ออกแบบมาเพื่อเร่งการประมวลผลข้อมูลในระบบ AI ขนาดใหญ่

    ชิปนี้ช่วยเชื่อมโยงชิปหลายร้อยตัวให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    เหมาะสำหรับระบบ AI ที่ต้องการการประมวลผลแบบกระจาย

    Broadcom เป็นผู้ช่วย Google ในการผลิตชิป AI ของตนเอง
    ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้

    การเปิดตัวครั้งนี้เป็นการขยายอิทธิพลของ Broadcom ในตลาด AI
    โดยเน้นที่โครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายมากกว่าตัวประมวลผลโดยตรง

    Tomahawk Ultra ยังไม่ใช่ชิปประมวลผล AI โดยตรง
    ต้องใช้ร่วมกับชิปอื่น เช่น GPU หรือ TPU เพื่อให้ระบบ AI ทำงานได้ครบวงจร

    การแข่งขันกับ Nvidia ยังต้องใช้เวลาและการยอมรับจากนักพัฒนา
    Nvidia มี ecosystem ที่แข็งแกร่งและครองตลาดมานาน

    การเปลี่ยนมาใช้โซลูชันของ Broadcom อาจต้องปรับโครงสร้างระบบเดิม
    โดยเฉพาะในองค์กรที่ใช้ GPU ของ Nvidia เป็นหลัก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/15/broadcom-launches-new-tomahawk-ultra-networking-chip-in-ai-battle-against-nvidia
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกชิปเซ็ต: Broadcom เปิดตัว “Tomahawk Ultra” ชิปเครือข่ายเพื่อเร่งพลัง AI ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต้องการพลังการประมวลผลมหาศาล การเชื่อมต่อระหว่างชิปหลายร้อยตัวให้ทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อกลายเป็นหัวใจสำคัญของระบบ AI ขนาดใหญ่ และนี่คือจุดที่ Broadcom เข้ามาเล่นบทพระเอก Broadcom เปิดตัว “Tomahawk Ultra” ชิปเครือข่ายรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเร่งการประมวลผลข้อมูล AI โดยเฉพาะ โดยชิปนี้จะช่วยให้การเชื่อมโยงระหว่างชิปหลายตัวในระบบ AI เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ Nvidia จะครองตลาด GPU สำหรับ AI มานาน แต่ Broadcom ก็ไม่ใช่ผู้เล่นหน้าใหม่ เพราะพวกเขาเป็นเบื้องหลังของชิป AI ที่ Google ใช้ในระบบของตัวเอง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ทางเลือกที่นักพัฒนา AI มองว่า “พอจะสู้ Nvidia ได้” ✅ Broadcom เปิดตัวชิปเครือข่ายใหม่ชื่อ “Tomahawk Ultra” 👉 ออกแบบมาเพื่อเร่งการประมวลผลข้อมูลในระบบ AI ขนาดใหญ่ ✅ ชิปนี้ช่วยเชื่อมโยงชิปหลายร้อยตัวให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 👉 เหมาะสำหรับระบบ AI ที่ต้องการการประมวลผลแบบกระจาย ✅ Broadcom เป็นผู้ช่วย Google ในการผลิตชิป AI ของตนเอง 👉 ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้ ✅ การเปิดตัวครั้งนี้เป็นการขยายอิทธิพลของ Broadcom ในตลาด AI 👉 โดยเน้นที่โครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายมากกว่าตัวประมวลผลโดยตรง ‼️ Tomahawk Ultra ยังไม่ใช่ชิปประมวลผล AI โดยตรง 👉 ต้องใช้ร่วมกับชิปอื่น เช่น GPU หรือ TPU เพื่อให้ระบบ AI ทำงานได้ครบวงจร ‼️ การแข่งขันกับ Nvidia ยังต้องใช้เวลาและการยอมรับจากนักพัฒนา 👉 Nvidia มี ecosystem ที่แข็งแกร่งและครองตลาดมานาน ‼️ การเปลี่ยนมาใช้โซลูชันของ Broadcom อาจต้องปรับโครงสร้างระบบเดิม 👉 โดยเฉพาะในองค์กรที่ใช้ GPU ของ Nvidia เป็นหลัก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/15/broadcom-launches-new-tomahawk-ultra-networking-chip-in-ai-battle-against-nvidia
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Broadcom launches new Tomahawk Ultra networking chip in AI battle against Nvidia
    SAN FRANCISCO (Reuters) -Broadcom's chip unit unveiled on Tuesday a new networking processor that aims to speed artificial intelligence data crunching, which requires stringing together hundreds of chips that work together.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • KITS Style การรถไฟมาเลย์ทำซูเปอร์แอปฯ

    หลังจากที่การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) หรือ KTMB ประเทศมาเลเซีย พยายามผลักดันการซื้อตั๋วรถไฟแบบไร้เงินสดเต็มรูปแบบ มาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2568 เป็นต้นมา ล่าสุดได้เปลี่ยนแพลตฟอร์มจำหน่ายตั๋วโดยสารออนไลน์แบบบูรณาการ KITS (KTMB Integrated Ticketing System) มาเป็นซูเปอร์แอปพลิเคชันที่ชื่อว่า คิทส์ สไตล์ (KITS Style) โดยได้เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยร่วมมือกันระหว่าง KTMB กับเอ็มเปย์ (MPay) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการเงินดิจิทัลในมาเลเซีย

    โดยคุณสมบัติหลักของแอปฯ KITS Style คือ การซื้อตั๋วรถไฟของ KTMB ทั้งรถไฟ ETS/Intercity รถไฟชานเมือง KTM Komuter รถไฟข้ามแดน Shuttle Tebrau พ่วงไปกับการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม ตั๋วรถไฟต่างประเทศ รถเช่า รถรับ-ส่งสนามบิน เรือสำราญ กิจกรรมการท่องเที่ยวโดย Trip.com บริการเรียกรถรับจ้างสาธารณะ (E-Hailing) นอกจากนี้ยังสามารถโอนเงินต่างประเทศ ประกัน ตากาฟูล จ่ายบิลและเติมเงินโทรศัพท์มือถือในมาเลเซียอีกด้วย

    พร้อมกันนี้ ยังเปิดตัวบัตร KITS Style Mastercard Prepaid Card ซึ่งประกาศว่าเป็นบัตรเติมเงินขนส่งสาธารณะแบบเปิดใบแรกในมาเลเซียและอาเซียน ที่ออกโดยผู้ให้บริการรถไฟ ปัจจุบันให้บริการในรูปแบบบัตรเสมือน (Virtual Card) โดยมีค่าธรรมเนียมออกบัตรเสมือน 10 ริงกิต ส่วนบัตรพลาสติกแบบชิปการ์ดจะเปิดตัวในเดือน ก.ย. 2568 อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานแอปฯ KTMB Mobile เดิม ระบบจะแจ้งเตือนการย้ายระบบไปยัง KITS Style แบบใหม่ โดยเฉพาะเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ใช้สมัครบริการ ให้ตรวจสอบข้อมูลก่อนยืนยันการเปลี่ยนแปลง

    Newskit ทดลองสมัครบริการแอปฯ KITS Style เริ่มแรกด้วยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ผ่าน App Store หรือ Google Play จากนั้นลงทะเบียนโดยใช้โทรศัพท์มือถือแล้วรอรับ SMS OTP ซึ่งพบว่าเบอร์ต่างประเทศ รวมทั้งประเทศไทยสามารถสมัครได้ (ยกเว้นเอไอเอสที่พบปัญหาบล็อก SMS จากต่างประเทศ) จากนั้นกรอกรายละเอียดส่วนตัว กรณีชาวต่างชาติใช้ข้อมูลหนังสือเดินทาง แล้วตั้งรหัส PIN 6 หลักเป็นอันเสร็จสิ้น

    อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานต้องยืนยันการสร้างบัญชีผ่านการทำ e-KYC ด้วยการถ่ายภาพหนังสือเดินทาง เซลฟี่ใบหน้า ระบบจะอนุมัติภายใน 2 วันทำการ โดยจะมีข้อความแจ้งเตือนเมื่อการยืนยันตัวตนสำเร็จ ส่วนการเติมเงินขั้นต่ำ 10 ริงกิต สูงสุดไม่เกิน 1,000 ริงกิต สามารถเติมเงินผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต VISA และ Mastercard ได้ทั้งบัตรในประเทศและต่างประเทศ ส่วนชาวมาเลเซียสามารถเติมเงินผ่านทางออนไลน์แบงกิ้งระบบ FPX และ DuitNow แต่ยังไม่รองรับ e-Wallet

    #Newskit
    KITS Style การรถไฟมาเลย์ทำซูเปอร์แอปฯ หลังจากที่การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) หรือ KTMB ประเทศมาเลเซีย พยายามผลักดันการซื้อตั๋วรถไฟแบบไร้เงินสดเต็มรูปแบบ มาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2568 เป็นต้นมา ล่าสุดได้เปลี่ยนแพลตฟอร์มจำหน่ายตั๋วโดยสารออนไลน์แบบบูรณาการ KITS (KTMB Integrated Ticketing System) มาเป็นซูเปอร์แอปพลิเคชันที่ชื่อว่า คิทส์ สไตล์ (KITS Style) โดยได้เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยร่วมมือกันระหว่าง KTMB กับเอ็มเปย์ (MPay) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการเงินดิจิทัลในมาเลเซีย โดยคุณสมบัติหลักของแอปฯ KITS Style คือ การซื้อตั๋วรถไฟของ KTMB ทั้งรถไฟ ETS/Intercity รถไฟชานเมือง KTM Komuter รถไฟข้ามแดน Shuttle Tebrau พ่วงไปกับการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม ตั๋วรถไฟต่างประเทศ รถเช่า รถรับ-ส่งสนามบิน เรือสำราญ กิจกรรมการท่องเที่ยวโดย Trip.com บริการเรียกรถรับจ้างสาธารณะ (E-Hailing) นอกจากนี้ยังสามารถโอนเงินต่างประเทศ ประกัน ตากาฟูล จ่ายบิลและเติมเงินโทรศัพท์มือถือในมาเลเซียอีกด้วย พร้อมกันนี้ ยังเปิดตัวบัตร KITS Style Mastercard Prepaid Card ซึ่งประกาศว่าเป็นบัตรเติมเงินขนส่งสาธารณะแบบเปิดใบแรกในมาเลเซียและอาเซียน ที่ออกโดยผู้ให้บริการรถไฟ ปัจจุบันให้บริการในรูปแบบบัตรเสมือน (Virtual Card) โดยมีค่าธรรมเนียมออกบัตรเสมือน 10 ริงกิต ส่วนบัตรพลาสติกแบบชิปการ์ดจะเปิดตัวในเดือน ก.ย. 2568 อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานแอปฯ KTMB Mobile เดิม ระบบจะแจ้งเตือนการย้ายระบบไปยัง KITS Style แบบใหม่ โดยเฉพาะเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ใช้สมัครบริการ ให้ตรวจสอบข้อมูลก่อนยืนยันการเปลี่ยนแปลง Newskit ทดลองสมัครบริการแอปฯ KITS Style เริ่มแรกด้วยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ผ่าน App Store หรือ Google Play จากนั้นลงทะเบียนโดยใช้โทรศัพท์มือถือแล้วรอรับ SMS OTP ซึ่งพบว่าเบอร์ต่างประเทศ รวมทั้งประเทศไทยสามารถสมัครได้ (ยกเว้นเอไอเอสที่พบปัญหาบล็อก SMS จากต่างประเทศ) จากนั้นกรอกรายละเอียดส่วนตัว กรณีชาวต่างชาติใช้ข้อมูลหนังสือเดินทาง แล้วตั้งรหัส PIN 6 หลักเป็นอันเสร็จสิ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานต้องยืนยันการสร้างบัญชีผ่านการทำ e-KYC ด้วยการถ่ายภาพหนังสือเดินทาง เซลฟี่ใบหน้า ระบบจะอนุมัติภายใน 2 วันทำการ โดยจะมีข้อความแจ้งเตือนเมื่อการยืนยันตัวตนสำเร็จ ส่วนการเติมเงินขั้นต่ำ 10 ริงกิต สูงสุดไม่เกิน 1,000 ริงกิต สามารถเติมเงินผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต VISA และ Mastercard ได้ทั้งบัตรในประเทศและต่างประเทศ ส่วนชาวมาเลเซียสามารถเติมเงินผ่านทางออนไลน์แบงกิ้งระบบ FPX และ DuitNow แต่ยังไม่รองรับ e-Wallet #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกรัฐมนตรีเดนิส ชมีฮาล (Denys Shmyhal) ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรียูเครนอย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ (15 กรกฎาคม 2568)

    การลาออกของชมีฮาลเป็นส่วนหนึ่งของการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงสงครามของประเทศตามแนวคิดของเซเลนสกี

    ขณะที่เซเลนสกี เสนอชื่อ ยูเลีย สวีรีเดนโก(Yulia Svyrydenko) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง และยังดำรงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

    สำหรับชมีฮาล ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแทน รุสเตม อูเมรอฟ (Rustem Umerov) ซึ่งจะถูกโยกไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำสหรัฐอเมริกา
    นายกรัฐมนตรีเดนิส ชมีฮาล (Denys Shmyhal) ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรียูเครนอย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ (15 กรกฎาคม 2568) การลาออกของชมีฮาลเป็นส่วนหนึ่งของการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงสงครามของประเทศตามแนวคิดของเซเลนสกี ขณะที่เซเลนสกี เสนอชื่อ ยูเลีย สวีรีเดนโก(Yulia Svyrydenko) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง และยังดำรงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สำหรับชมีฮาล ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแทน รุสเตม อูเมรอฟ (Rustem Umerov) ซึ่งจะถูกโยกไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำสหรัฐอเมริกา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมลิงค์คลิป ศ.ดร.นพ.วิชัย เอกทักษิณ
    ศ.นพ.ดร. วิชัย เอกทักษิณ ให้ข้อมูลเรื่อง COVID 19 may harm central nervous system
    ตอน 1 https://youtu.be/xgOt1Cm2kIM?si=ZUvn6C9ClncDCwr0
    ตอน 2 https://youtu.be/22CH3BFYtnk?si=a0ZRxVg5C_fszxq_
    ตอน 3 https://youtu.be/QukeNhiziyY?si=Mcujg3I07sRIwhLP
    ไตเสื่อม มิได้มาจากการกินเค็ม แต่มาจากการกินไขมันสัตว์และโปรตีนสัตว์ ต่างหาก
    https://youtu.be/5Yuh9bwgQ08?si=rFqJ4b5WmjRTg7eU
    โรคไตไม่ได้มาจากการกินเค็ม
    https://youtu.be/KMY2v8P1fHA?si=CVDpV4xa0ah0isL5
    กินเจ มังสวิรัติ วีแกน ร่างกายเป็นด่าง ลดความรุนแรงในการติดเชื้อโควิด19 ได้ 73% (เชื้อติดแล้วหลุด)
    https://youtu.be/Ea8w4xOZt9c?si=nKTWwIW6WA_49Hcy
    นมวัว ฟัวกราส์ วากิว ทำมาจากอะไรกันแน่ ?
    https://youtu.be/hLIryvjkUlM?si=Sy-HW-S6ZpWa1e9j
    อ วิชัย บรรยาย เจ - มังสวิรัติ สถานธรรมหงเจิ้ง 21 สค 59
    ตอน 1 https://www.youtube.com/watch?v=pq6ERkBu8f8...
    ตอน 2 https://youtu.be/pdggereRIuE?si=yoBSYMqTLJSBS6FZ
    ตอน 3 https://youtu.be/ZlzCGgNCSNE?si=uLkXcLm3B0S6hPpC
    นพ. วิชัย เอกทักษิณ บรรยายมังสวิรัติ งานวิทยาศาสตร์ทางจิต ณ พุทธวิชชาลัย
    https://www.youtube.com/watch?v=F6gtGh2wKs0...
    โรคนำ้เหลืองเสีย ผื่นคัน สะเก็ดเงิน และ ข้ออักเสบ 1
    https://youtu.be/HGIQ8i-l2EY?si=jKtVLkZ2VlexbeI1
    สะโพกใหญ่เพราะน้ำเหลืองเสีย
    https://youtu.be/hk-8lw5B5iQ?si=UL8k_naBKDc0-XXp
    เวชศาสตร์อาหารแสลง ตอนแสลงหมู หมูข้อเท้า ข้อเท้าบวม
    https://youtu.be/MU_LQFQhH_A?si=Fd3LIW9-SrG0nc6S
    ภาระกิจพิชิตมะเร็ง 18 ธันวาคม 2557
    https://youtu.be/8dkv_d5hl_M?si=kuXhUFpcBHOMJXOB
    ชีวรักษ์ 7 สค. 57 หมอวิชัย โรคบวมน้ำเหลืองและอาหารแสลง
    https://youtu.be/PrHzn31cE1c?si=juo42o73GcnEYG53
    ป้าแจ้ ขันชะเนาะ โรคบวมน้ำเหลือง
    https://youtu.be/clOabsxpCT0?si=Z39XZ9_nlBP2qJLo
    ชีวรักษ์ 4 กย 57 เวชศาสตร์อาหารแสลง ตอนแสลงหมู หมูลงน่อง หมูน่องอวบ
    https://youtu.be/hBpBue7GGn8?si=n9Jd6fha1k-Zzj0b
    ชีวรักษ์ 28 สค.57 หมอวิชัย โรคบวมน้ำเหลืองและอาหารแสลง
    https://youtu.be/xgFjBrhaUgY?si=QxrUp_wJT4U9UMol
    การประชุมมังสวิรัติแห่งอุษาคเนย์ ตอน 9 มังสวิรัติเพื่อสุขภาพแลศันติ
    https://youtu.be/qUG-SwqSFxo?si=GjqX3J7LFuZqDqTA
    เรื่องจริงผ่านจอ นพ.วิชัย กำเนิดขันชะเนาะ
    https://youtu.be/Q3bLzXUDbfM?si=GtIGOqNbXxmP0PYk
    บรรยายการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองวิธีขันชะเนาะลดบวม งานประชุมสมาคมมะเร็งนรีเวช
    https://youtu.be/Z0h1jYIXjCM?si=HCbP54EN0JaN3IYj
    บรรยายมังสวิรัติ งานวิทยาศาสตร์ทางจิต ณ พุทธวิชชาลัย
    https://youtu.be/F6gtGh2wKs0?si=jYmiotQHi4YI8yRI

    ทำไม เนื้อสัตว์ ไข่ นมสัตว์ จึงเป็นอาหารแสลงก่อโรค?
    https://youtu.be/w-M-X-HVoBA?si=aCygPgjZL9KQP0sG
    (ตอน 4) ความเป็นกรด acidosis - คนกินเนื้อสัตว์ - COVID 19
    https://youtu.be/Qd_SnDARnpo?si=u5ZvC19JVuUxmU1U
    ชีวรักษ์ 14 สค. 57 หมอวิชัย โรคบวมน้ำเหลืองและอาหารแสลง
    https://youtu.be/76VCwuRdEfI?si=uTSjgaAgBHaWtfmz
    NATURAL SELECTION โรคไวรัสโควิด 19 CORONAVIRUS เป็นโรคของคนชอบฆ่าสัตว์ กินสัตว์ CARNIVOROUS
    ตอน 1 https://youtu.be/xNQxZlvT1Vk?si=w0R6qy0KSRz9WMHR
    ตอน 2 https://youtu.be/C5VVdX1KunI?si=Cn-porqTqLKNFyCm
    ตอน 3 https://youtu.be/xrQjjNN4lNA?si=nNbUhrn-XcnPumMu
    ตอน 4 https://youtu.be/TADeZGmFYvs?si=uoQljBTwfatdXE1f
    หยุดทุกโรคจากระบบน้ำเหลืองเสีย ด้วยศาสตร์ ภูษาบำบัด
    https://youtu.be/gBbrb7If7sI?si=9awfuDpf_KYYKIiN
    นพ.วิชัย ขันชะเนาะ โรคบวมน้ำเหลือง
    https://youtu.be/VFCqiOYhQ9Y?si=O4Hsdx7hT9yF1gre

    โรคเบาหวาน...วิธีลดค่าเอวันซี ค่าน้ำตาลสะสมและสะเก็ดเงิน
    https://youtu.be/TKvEiA5NsT8?si=p7SNSaA1SgBHnAeA
    บันทึกไทย Thailand Book of Records ตอนที่ 60 แพทย์ผู้รักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยการขันชะเนาะรายแรก
    https://youtu.be/1S-CIFtUoSM?si=MMdwmkKEifWEmDLm
    แพทย์ผู้รักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยการใช้ภูษาบำบัดรายแรกของโลก
    https://youtu.be/I_jDUqXmwMk?si=zEGdWTVjYaj0Bv4L

    บันทึกไทย Thailand Book of Records ตอนที่ 61 แพทย์ผู้รักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยการใชภูษาบำบัดรายแรก2
    https://youtu.be/GzV_hRGzVyU?si=KIQgUVvbuDxU2k51

    https://youtu.be/83Dh62T40QI?si=uhsQCHhZ8WtCUPPg
    บ้านอาศรมเวชศาสตร์อาหารแสลง ศ.ดร.นพ.วิชัย เอกทักษิณ11 ก.พ.2563
    https://youtu.be/rcSc77nfxnU?si=57PkZmrFGPrau2D8
    ธรรมชาติของมนุษย์ (สัตว์ประเสริฐ) เป็นสัตว์กินพืช
    https://youtu.be/R3jACdHPf04?si=OINPnm0_kcKFKfW1
    กลไกการสังเคราะห์ Cholesterol ในตับ
    https://youtu.be/6JDNTrEz6hg?si=aUXEDlDBYgB0-j8L
    สายตรงสุขภาพ ช่วงที่3 ถามตอบ โรคบวมน้ำเหลือง,เมื่อลูกปวดท้องเฉียบพลัน
    https://youtu.be/VhDBc67p4Z0?si=jqejw2waHkXXX091
    ฟื้นฟูโรคไฟลามทุ่งได้อย่างไร - เวชศาสตร์อาหารแสลง
    https://youtu.be/dkYvnGdwLwk?si=ivovbC6nQwKJsK8n
    หมอวิชัย สาธิตขันชเนาะเส้นขอด
    https://youtu.be/pHjzPOSfkmU?si=WCk-5uB63VWAwmv8
    วิธีสวมถุงน่องน้ำเหลือง
    https://youtu.be/GRokHilf7BE?si=HKXHkeqEHFNTjrOS
    สายตรงสุขภาพ โทษ-พิษภัย-ของอาหารแสลง ช่วงที่1 31/07/2016
    https://youtu.be/gJ5mUdgnJME?si=oOs5Iq3SlJzCnJg6
    สายตรงสุขภาพ ช่วงที่1 โทษ-พิษภัย-ของอาหารเเสลง
    https://youtu.be/fJCf-JDn3I8?si=t2o392PwTMy35Rsl
    อาการขาบวมจากแสลงหมู (cellulitis แบบ phlegmon)
    https://youtu.be/aEgXVrxK41Q?si=FB8i9_SlR8g4RZB7
    ชีวรักษ์ 8 พค. 57 หมอวิชัย มังสวิรัติ อาหารเพื่อสุขภาวะและศันติ
    https://youtu.be/AzWixSKWhMc?si=G_T_R06lS4dXNBK6
    มะเร็ง,ชีวรักษ์,8พค.57,หมอวิชัย,มังสวิรัติ,อาหารเพื่อสุขภาวะและศันติ
    https://youtu.be/2aLXIulHJls?si=VzDqINtWXd8guthA
    คลิปว่าด้วยเรื่องไข่มีโปรตีนสูงจริงหรือไม่
    ศ.ดร.นพ.วิชัน เอกทักษิณ สายมังสวิรัติ
    https://www.facebook.com/share/p/16Xgr6NxeC/
    เป็นต้น
    รวมลิงค์คลิป ศ.ดร.นพ.วิชัย เอกทักษิณ ✍️ศ.นพ.ดร. วิชัย เอกทักษิณ ให้ข้อมูลเรื่อง COVID 19 may harm central nervous system ตอน 1 https://youtu.be/xgOt1Cm2kIM?si=ZUvn6C9ClncDCwr0 ตอน 2 https://youtu.be/22CH3BFYtnk?si=a0ZRxVg5C_fszxq_ ตอน 3 https://youtu.be/QukeNhiziyY?si=Mcujg3I07sRIwhLP ✍️ไตเสื่อม มิได้มาจากการกินเค็ม แต่มาจากการกินไขมันสัตว์และโปรตีนสัตว์ ต่างหาก https://youtu.be/5Yuh9bwgQ08?si=rFqJ4b5WmjRTg7eU ✍️โรคไตไม่ได้มาจากการกินเค็ม https://youtu.be/KMY2v8P1fHA?si=CVDpV4xa0ah0isL5 ✍️กินเจ มังสวิรัติ วีแกน ร่างกายเป็นด่าง ลดความรุนแรงในการติดเชื้อโควิด19 ได้ 73% (เชื้อติดแล้วหลุด) https://youtu.be/Ea8w4xOZt9c?si=nKTWwIW6WA_49Hcy ✍️นมวัว ฟัวกราส์ วากิว ทำมาจากอะไรกันแน่ ? https://youtu.be/hLIryvjkUlM?si=Sy-HW-S6ZpWa1e9j ✍️อ วิชัย บรรยาย เจ - มังสวิรัติ สถานธรรมหงเจิ้ง 21 สค 59 ตอน 1 https://www.youtube.com/watch?v=pq6ERkBu8f8... ตอน 2 https://youtu.be/pdggereRIuE?si=yoBSYMqTLJSBS6FZ ตอน 3 https://youtu.be/ZlzCGgNCSNE?si=uLkXcLm3B0S6hPpC ✍️นพ. วิชัย เอกทักษิณ บรรยายมังสวิรัติ งานวิทยาศาสตร์ทางจิต ณ พุทธวิชชาลัย https://www.youtube.com/watch?v=F6gtGh2wKs0... ✍️โรคนำ้เหลืองเสีย ผื่นคัน สะเก็ดเงิน และ ข้ออักเสบ 1 https://youtu.be/HGIQ8i-l2EY?si=jKtVLkZ2VlexbeI1 ✍️สะโพกใหญ่เพราะน้ำเหลืองเสีย https://youtu.be/hk-8lw5B5iQ?si=UL8k_naBKDc0-XXp ✍️เวชศาสตร์อาหารแสลง ตอนแสลงหมู หมูข้อเท้า ข้อเท้าบวม https://youtu.be/MU_LQFQhH_A?si=Fd3LIW9-SrG0nc6S ✍️ภาระกิจพิชิตมะเร็ง 18 ธันวาคม 2557 https://youtu.be/8dkv_d5hl_M?si=kuXhUFpcBHOMJXOB ✍️ชีวรักษ์ 7 สค. 57 หมอวิชัย โรคบวมน้ำเหลืองและอาหารแสลง https://youtu.be/PrHzn31cE1c?si=juo42o73GcnEYG53 ✍️ป้าแจ้ ขันชะเนาะ โรคบวมน้ำเหลือง https://youtu.be/clOabsxpCT0?si=Z39XZ9_nlBP2qJLo ✍️ชีวรักษ์ 4 กย 57 เวชศาสตร์อาหารแสลง ตอนแสลงหมู หมูลงน่อง หมูน่องอวบ https://youtu.be/hBpBue7GGn8?si=n9Jd6fha1k-Zzj0b ✍️ชีวรักษ์ 28 สค.57 หมอวิชัย โรคบวมน้ำเหลืองและอาหารแสลง https://youtu.be/xgFjBrhaUgY?si=QxrUp_wJT4U9UMol ✍️การประชุมมังสวิรัติแห่งอุษาคเนย์ ตอน 9 มังสวิรัติเพื่อสุขภาพแลศันติ https://youtu.be/qUG-SwqSFxo?si=GjqX3J7LFuZqDqTA ✍️เรื่องจริงผ่านจอ นพ.วิชัย กำเนิดขันชะเนาะ https://youtu.be/Q3bLzXUDbfM?si=GtIGOqNbXxmP0PYk ✍️บรรยายการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองวิธีขันชะเนาะลดบวม งานประชุมสมาคมมะเร็งนรีเวช https://youtu.be/Z0h1jYIXjCM?si=HCbP54EN0JaN3IYj ✍️บรรยายมังสวิรัติ งานวิทยาศาสตร์ทางจิต ณ พุทธวิชชาลัย https://youtu.be/F6gtGh2wKs0?si=jYmiotQHi4YI8yRI ✍️ ทำไม เนื้อสัตว์ ไข่ นมสัตว์ จึงเป็นอาหารแสลงก่อโรค? https://youtu.be/w-M-X-HVoBA?si=aCygPgjZL9KQP0sG ✍️(ตอน 4) ความเป็นกรด acidosis - คนกินเนื้อสัตว์ - COVID 19 https://youtu.be/Qd_SnDARnpo?si=u5ZvC19JVuUxmU1U ✍️ชีวรักษ์ 14 สค. 57 หมอวิชัย โรคบวมน้ำเหลืองและอาหารแสลง https://youtu.be/76VCwuRdEfI?si=uTSjgaAgBHaWtfmz ✍️NATURAL SELECTION โรคไวรัสโควิด 19 CORONAVIRUS เป็นโรคของคนชอบฆ่าสัตว์ กินสัตว์ CARNIVOROUS ตอน 1 https://youtu.be/xNQxZlvT1Vk?si=w0R6qy0KSRz9WMHR ตอน 2 https://youtu.be/C5VVdX1KunI?si=Cn-porqTqLKNFyCm ตอน 3 https://youtu.be/xrQjjNN4lNA?si=nNbUhrn-XcnPumMu ตอน 4 https://youtu.be/TADeZGmFYvs?si=uoQljBTwfatdXE1f ✍️หยุดทุกโรคจากระบบน้ำเหลืองเสีย ด้วยศาสตร์ ภูษาบำบัด https://youtu.be/gBbrb7If7sI?si=9awfuDpf_KYYKIiN ✍️นพ.วิชัย ขันชะเนาะ โรคบวมน้ำเหลือง https://youtu.be/VFCqiOYhQ9Y?si=O4Hsdx7hT9yF1gre ✍️ โรคเบาหวาน...วิธีลดค่าเอวันซี ค่าน้ำตาลสะสมและสะเก็ดเงิน https://youtu.be/TKvEiA5NsT8?si=p7SNSaA1SgBHnAeA ✍️บันทึกไทย Thailand Book of Records ตอนที่ 60 แพทย์ผู้รักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยการขันชะเนาะรายแรก https://youtu.be/1S-CIFtUoSM?si=MMdwmkKEifWEmDLm ✍️แพทย์ผู้รักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยการใช้ภูษาบำบัดรายแรกของโลก https://youtu.be/I_jDUqXmwMk?si=zEGdWTVjYaj0Bv4L ✍️ บันทึกไทย Thailand Book of Records ตอนที่ 61 แพทย์ผู้รักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยการใชภูษาบำบัดรายแรก2 https://youtu.be/GzV_hRGzVyU?si=KIQgUVvbuDxU2k51 ✍️ https://youtu.be/83Dh62T40QI?si=uhsQCHhZ8WtCUPPg ✍️บ้านอาศรมเวชศาสตร์อาหารแสลง ศ.ดร.นพ.วิชัย เอกทักษิณ11 ก.พ.2563 https://youtu.be/rcSc77nfxnU?si=57PkZmrFGPrau2D8 ✍️ธรรมชาติของมนุษย์ (สัตว์ประเสริฐ) เป็นสัตว์กินพืช https://youtu.be/R3jACdHPf04?si=OINPnm0_kcKFKfW1 ✍️กลไกการสังเคราะห์ Cholesterol ในตับ https://youtu.be/6JDNTrEz6hg?si=aUXEDlDBYgB0-j8L ✍️สายตรงสุขภาพ ช่วงที่3 ถามตอบ โรคบวมน้ำเหลือง,เมื่อลูกปวดท้องเฉียบพลัน https://youtu.be/VhDBc67p4Z0?si=jqejw2waHkXXX091 ✍️ฟื้นฟูโรคไฟลามทุ่งได้อย่างไร - เวชศาสตร์อาหารแสลง https://youtu.be/dkYvnGdwLwk?si=ivovbC6nQwKJsK8n ✍️หมอวิชัย สาธิตขันชเนาะเส้นขอด https://youtu.be/pHjzPOSfkmU?si=WCk-5uB63VWAwmv8 ✍️วิธีสวมถุงน่องน้ำเหลือง https://youtu.be/GRokHilf7BE?si=HKXHkeqEHFNTjrOS ✍️สายตรงสุขภาพ โทษ-พิษภัย-ของอาหารแสลง ช่วงที่1 31/07/2016 https://youtu.be/gJ5mUdgnJME?si=oOs5Iq3SlJzCnJg6 ✍️สายตรงสุขภาพ ช่วงที่1 โทษ-พิษภัย-ของอาหารเเสลง https://youtu.be/fJCf-JDn3I8?si=t2o392PwTMy35Rsl ✍️อาการขาบวมจากแสลงหมู (cellulitis แบบ phlegmon) https://youtu.be/aEgXVrxK41Q?si=FB8i9_SlR8g4RZB7 ✍️ชีวรักษ์ 8 พค. 57 หมอวิชัย มังสวิรัติ อาหารเพื่อสุขภาวะและศันติ https://youtu.be/AzWixSKWhMc?si=G_T_R06lS4dXNBK6 ✍️มะเร็ง,ชีวรักษ์,8พค.57,หมอวิชัย,มังสวิรัติ,อาหารเพื่อสุขภาวะและศันติ https://youtu.be/2aLXIulHJls?si=VzDqINtWXd8guthA ✍️คลิปว่าด้วยเรื่องไข่มีโปรตีนสูงจริงหรือไม่ ศ.ดร.นพ.วิชัน เอกทักษิณ สายมังสวิรัติ https://www.facebook.com/share/p/16Xgr6NxeC/ เป็นต้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้เรามาคุยกันเรื่องลวดลายเหนือหว่างคิ้วหรือที่เรียกกันว่า “ฮวาเตี้ยน” (花钿)
    ความมีอยู่ว่า
    ... ฝูหรงรักสวยรักงาม จะทนให้คนชี้นิ้วซุบซิบเรื่องรอยแผลเป็นขนาดเม็ดงาบนหน้าผากนางได้อย่างไร? ยังดีที่ตำแหน่งนี้เหมาะเจาะ นางติดลายฮวาเตี้ยนทุกวันไว้กลบรอยแผล ลวดลายของฮวาเตี้ยนน้อยใหญ่ บ้างลายจุด บ้างลายกลีบบุปผา เปลี่ยนไปทุกวัน เสริมความงดงามของนางยิ่งขึ้นไปอีก ...

    - จากเรื่อง <เส้นทางของฮองเฮาคนโปรด> ผู้แต่ง เซี่ยวเจียเหริน
    (หมายเหตุ ละครเรื่อง <กรุ่นรักกลิ่นบุปผา> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    ฮวาเตี้ยนเป็นที่นิยมอย่างมากในการใช้แต่งหน้าสตรีในสมัยราชวงศ์ถัง ตำนานและที่มาของฮวาเตี้ยนมีคนเคยเขียนถึงมากแล้ว Storyฯ จะไม่พูดถึง แต่ที่วันนี้จะมาคุยกันเรื่องฮวาเตี้ยน เพราะเชื่อว่าเพื่อนเพจหลายคนคงจะคิดเหมือน Storyฯ ว่ามันคือการทาสีแต้มชาด แต่พอไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจึงรู้ว่า ไม่ใช่ค่ะ

    จริงๆ แล้วฮวาเตี้ยนเป็นการ “แปะ” ไม่ใช่ “วาด” วัสดุที่ใช้แปะนั้นแรกเริ่มเลยคือกระดาษสีและทองคำเปลวที่ตัดเป็นลวดลาย ต่อมามีการใช้วัสดุอื่น เช่นไข่มุกและเปลือกหอย และยังมีวัสดุอื่นที่ทำเอา Storyฯ ถึงกับทึ่งในความคิดสร้างสรรค์ เพราะมีกระดูกแก้มปลา เกล็ดปลา ขนนก ปีกแมลงปอ ฯลฯ ย้อมสีอีกด้วย

    แล้วใช้อะไรแปะ? เขาใช้กาวที่ทำมาจากกระเพาะปลาเรียกว่า “เฮ้อเจี่ยว” (呵胶) เวลาจะใช้ให้อังลมปาก (เป็นที่มาของคำว่า “เฮ้อ”) หรือแตะน้ำหรือน้ำลายเล็กน้อย ก็สามารถแปะติดได้ทนทานหลายวัน เวลาจะเอาออกก็ใช้น้ำอุ่นร้อนทาให้ชุ่มก็เอาออกได้ สมัยโบราณมีการใช้กาวชนิดนี้เชื่อมติดขนนกในการทำลูกธนูด้วย

    กระแสนิยมฮวาเตี้ยนเริ่มจางลงในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ (ใช้กันเฉพาะในวังหลัง และใช้วัสดุมีค่าเช่นไข่มุก ตามภาพ) พอมาถึงยุคสมัยราชวงศ์หมิงจะมีการใช้ฮวาเตี้ยนเฉพาะในงานทางการและลวดลายเบาบางลง และไม่มีใช้ฮวาเตี้ยนอีกเลยเมื่อเข้าสู่ยุคสมัยราชวงศ์ชิง

    Storyฯ พยายามหาว่าตกลงมีการใช้วาดหรือแต้มสีหรือไม่ แต่ก็ไม่เห็นมีข้อมูลบ่งบอกว่ามี เพื่อนเพจท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติมมาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://waynesan.com/ruyi-pavilion/
    http://www.cunman.com/new/decad6397de34fe9b1cdca62cb53623e
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://culture.gansudaily.com.cn/system/2020/09/01/030144072.shtml
    http://www.guoxue.com/?p=11516
    https://zhidao.baidu.com/question/558092075.html
    https://zh.m.wikipedia.org/wiki/%E8%8A%B1%E9%88%BF%E5%A6%9D

    #กรุ่นรักกลิ่นบุปผา #วังเดียวดาย #ประเพณีจีนโบราณ #ฮวาเตี้ยน #StoryfromStory
    วันนี้เรามาคุยกันเรื่องลวดลายเหนือหว่างคิ้วหรือที่เรียกกันว่า “ฮวาเตี้ยน” (花钿) ความมีอยู่ว่า ... ฝูหรงรักสวยรักงาม จะทนให้คนชี้นิ้วซุบซิบเรื่องรอยแผลเป็นขนาดเม็ดงาบนหน้าผากนางได้อย่างไร? ยังดีที่ตำแหน่งนี้เหมาะเจาะ นางติดลายฮวาเตี้ยนทุกวันไว้กลบรอยแผล ลวดลายของฮวาเตี้ยนน้อยใหญ่ บ้างลายจุด บ้างลายกลีบบุปผา เปลี่ยนไปทุกวัน เสริมความงดงามของนางยิ่งขึ้นไปอีก ... - จากเรื่อง <เส้นทางของฮองเฮาคนโปรด> ผู้แต่ง เซี่ยวเจียเหริน (หมายเหตุ ละครเรื่อง <กรุ่นรักกลิ่นบุปผา> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) ฮวาเตี้ยนเป็นที่นิยมอย่างมากในการใช้แต่งหน้าสตรีในสมัยราชวงศ์ถัง ตำนานและที่มาของฮวาเตี้ยนมีคนเคยเขียนถึงมากแล้ว Storyฯ จะไม่พูดถึง แต่ที่วันนี้จะมาคุยกันเรื่องฮวาเตี้ยน เพราะเชื่อว่าเพื่อนเพจหลายคนคงจะคิดเหมือน Storyฯ ว่ามันคือการทาสีแต้มชาด แต่พอไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจึงรู้ว่า ไม่ใช่ค่ะ จริงๆ แล้วฮวาเตี้ยนเป็นการ “แปะ” ไม่ใช่ “วาด” วัสดุที่ใช้แปะนั้นแรกเริ่มเลยคือกระดาษสีและทองคำเปลวที่ตัดเป็นลวดลาย ต่อมามีการใช้วัสดุอื่น เช่นไข่มุกและเปลือกหอย และยังมีวัสดุอื่นที่ทำเอา Storyฯ ถึงกับทึ่งในความคิดสร้างสรรค์ เพราะมีกระดูกแก้มปลา เกล็ดปลา ขนนก ปีกแมลงปอ ฯลฯ ย้อมสีอีกด้วย แล้วใช้อะไรแปะ? เขาใช้กาวที่ทำมาจากกระเพาะปลาเรียกว่า “เฮ้อเจี่ยว” (呵胶) เวลาจะใช้ให้อังลมปาก (เป็นที่มาของคำว่า “เฮ้อ”) หรือแตะน้ำหรือน้ำลายเล็กน้อย ก็สามารถแปะติดได้ทนทานหลายวัน เวลาจะเอาออกก็ใช้น้ำอุ่นร้อนทาให้ชุ่มก็เอาออกได้ สมัยโบราณมีการใช้กาวชนิดนี้เชื่อมติดขนนกในการทำลูกธนูด้วย กระแสนิยมฮวาเตี้ยนเริ่มจางลงในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ (ใช้กันเฉพาะในวังหลัง และใช้วัสดุมีค่าเช่นไข่มุก ตามภาพ) พอมาถึงยุคสมัยราชวงศ์หมิงจะมีการใช้ฮวาเตี้ยนเฉพาะในงานทางการและลวดลายเบาบางลง และไม่มีใช้ฮวาเตี้ยนอีกเลยเมื่อเข้าสู่ยุคสมัยราชวงศ์ชิง Storyฯ พยายามหาว่าตกลงมีการใช้วาดหรือแต้มสีหรือไม่ แต่ก็ไม่เห็นมีข้อมูลบ่งบอกว่ามี เพื่อนเพจท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติมมาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ) Credit รูปภาพจาก: https://waynesan.com/ruyi-pavilion/ http://www.cunman.com/new/decad6397de34fe9b1cdca62cb53623e Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://culture.gansudaily.com.cn/system/2020/09/01/030144072.shtml http://www.guoxue.com/?p=11516 https://zhidao.baidu.com/question/558092075.html https://zh.m.wikipedia.org/wiki/%E8%8A%B1%E9%88%BF%E5%A6%9D #กรุ่นรักกลิ่นบุปผา #วังเดียวดาย #ประเพณีจีนโบราณ #ฮวาเตี้ยน #StoryfromStory
    WAYNESAN.COM
    Cyber Revue – 電影、韓劇、日劇、台劇等各類影視介紹與評價
    發掘最新電影與影集評論,來自影評人及實際觀影者的深入見解。我們提供可信的影評,幫助你選擇最佳觀影體驗。探索更多有關電影與影集的專業分析和觀影建議,盡在我們的網站。
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google รวม Chrome OS กับ Android – สร้างระบบเดียวที่ใช้ได้ทุกอุปกรณ์

    Google ยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า Chrome OS และ Android จะถูกรวมเข้าด้วยกันเป็นแพลตฟอร์มเดียว โดย Sameer Samat ประธานฝ่าย Android ecosystem ได้เปิดเผยแผนนี้ระหว่างการสัมภาษณ์กับ TechRadar ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทพูดถึงเรื่องนี้อย่างเปิดเผย

    เป้าหมายของการรวมระบบคือ:
    - ลดความซับซ้อนในการพัฒนาแอปและฟีเจอร์ใหม่
    - สร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ไร้รอยต่อระหว่างอุปกรณ์
    - แข่งขันกับระบบนิเวศของ Apple ที่เชื่อมโยงอุปกรณ์ได้แน่นหนา

    ก่อนหน้านี้ นักพัฒนาต้องปรับแต่งแอปให้ทำงานได้ทั้งบน Android และ Chrome OS แยกกัน ซึ่งใช้เวลามากและซับซ้อน แต่การรวมระบบจะช่วยให้การพัฒนาเร็วขึ้น และผู้ใช้ได้รับฟีเจอร์ใหม่พร้อมกันทุกอุปกรณ์

    Android เองก็มีการปรับปรุงให้รองรับหน้าจอขนาดใหญ่มากขึ้น เช่น การจัดการหน้าต่างที่ดีขึ้น และการปรับตัวของแอปให้เหมาะกับอุปกรณ์หลากหลาย

    แม้ยังไม่มีรายละเอียดเชิงเทคนิคหรือวันเปิดตัว แต่การประกาศนี้สะท้อนว่า Google กำลังมุ่งสู่การสร้าง “ระบบปฏิบัติการเดียวเพื่อทุกอุปกรณ์” อย่างจริงจัง

    ข้อมูลจากข่าว
    - Google ยืนยันว่าจะรวม Chrome OS เข้ากับ Android เป็นแพลตฟอร์มเดียว
    - Sameer Samat เปิดเผยแผนนี้ในการสัมภาษณ์กับ TechRadar
    - เป้าหมายคือสร้างระบบที่ทำงานได้ไร้รอยต่อบนโทรศัพท์ แล็ปท็อป และแท็บเล็ต
    - ลดความซับซ้อนในการพัฒนาแอปและฟีเจอร์ใหม่
    - Android มีการปรับปรุงให้รองรับหน้าจอใหญ่ เช่น window management และ app adaptability
    - การรวมระบบจะช่วยให้ผู้ใช้ได้รับฟีเจอร์ใหม่พร้อมกันทุกอุปกรณ์
    - เป็นการตอบโต้ ecosystem ของ Apple ที่เชื่อมโยงอุปกรณ์ได้แน่นหนา

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - ยังไม่มีรายละเอียดเชิงเทคนิคหรือวันเปิดตัวที่แน่ชัด
    - ผู้ใช้ Chromebook อาจกังวลเรื่องการอัปเดตและการเปลี่ยนแปลงระบบ
    - การรวมระบบอาจทำให้เกิดปัญหาความเข้ากันได้กับแอปหรืออุปกรณ์บางรุ่น
    - นักพัฒนาอาจต้องปรับตัวกับเครื่องมือใหม่และแนวทางการพัฒนาแบบรวม
    - หากการรวมระบบไม่ราบรื่น อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้และนักพัฒนา

    https://wccftech.com/google-is-merging-chrome-os-with-android-to-create-one-seamless-platform-that-works-across-phones-laptops-and-tablets-say-goodbye-to-multiple-devices/
    Google รวม Chrome OS กับ Android – สร้างระบบเดียวที่ใช้ได้ทุกอุปกรณ์ Google ยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า Chrome OS และ Android จะถูกรวมเข้าด้วยกันเป็นแพลตฟอร์มเดียว โดย Sameer Samat ประธานฝ่าย Android ecosystem ได้เปิดเผยแผนนี้ระหว่างการสัมภาษณ์กับ TechRadar ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทพูดถึงเรื่องนี้อย่างเปิดเผย เป้าหมายของการรวมระบบคือ: - ลดความซับซ้อนในการพัฒนาแอปและฟีเจอร์ใหม่ - สร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ไร้รอยต่อระหว่างอุปกรณ์ - แข่งขันกับระบบนิเวศของ Apple ที่เชื่อมโยงอุปกรณ์ได้แน่นหนา ก่อนหน้านี้ นักพัฒนาต้องปรับแต่งแอปให้ทำงานได้ทั้งบน Android และ Chrome OS แยกกัน ซึ่งใช้เวลามากและซับซ้อน แต่การรวมระบบจะช่วยให้การพัฒนาเร็วขึ้น และผู้ใช้ได้รับฟีเจอร์ใหม่พร้อมกันทุกอุปกรณ์ Android เองก็มีการปรับปรุงให้รองรับหน้าจอขนาดใหญ่มากขึ้น เช่น การจัดการหน้าต่างที่ดีขึ้น และการปรับตัวของแอปให้เหมาะกับอุปกรณ์หลากหลาย แม้ยังไม่มีรายละเอียดเชิงเทคนิคหรือวันเปิดตัว แต่การประกาศนี้สะท้อนว่า Google กำลังมุ่งสู่การสร้าง “ระบบปฏิบัติการเดียวเพื่อทุกอุปกรณ์” อย่างจริงจัง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Google ยืนยันว่าจะรวม Chrome OS เข้ากับ Android เป็นแพลตฟอร์มเดียว - Sameer Samat เปิดเผยแผนนี้ในการสัมภาษณ์กับ TechRadar - เป้าหมายคือสร้างระบบที่ทำงานได้ไร้รอยต่อบนโทรศัพท์ แล็ปท็อป และแท็บเล็ต - ลดความซับซ้อนในการพัฒนาแอปและฟีเจอร์ใหม่ - Android มีการปรับปรุงให้รองรับหน้าจอใหญ่ เช่น window management และ app adaptability - การรวมระบบจะช่วยให้ผู้ใช้ได้รับฟีเจอร์ใหม่พร้อมกันทุกอุปกรณ์ - เป็นการตอบโต้ ecosystem ของ Apple ที่เชื่อมโยงอุปกรณ์ได้แน่นหนา ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - ยังไม่มีรายละเอียดเชิงเทคนิคหรือวันเปิดตัวที่แน่ชัด - ผู้ใช้ Chromebook อาจกังวลเรื่องการอัปเดตและการเปลี่ยนแปลงระบบ - การรวมระบบอาจทำให้เกิดปัญหาความเข้ากันได้กับแอปหรืออุปกรณ์บางรุ่น - นักพัฒนาอาจต้องปรับตัวกับเครื่องมือใหม่และแนวทางการพัฒนาแบบรวม - หากการรวมระบบไม่ราบรื่น อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้และนักพัฒนา https://wccftech.com/google-is-merging-chrome-os-with-android-to-create-one-seamless-platform-that-works-across-phones-laptops-and-tablets-say-goodbye-to-multiple-devices/
    WCCFTECH.COM
    Google Is Merging Chrome OS With Android To Create One Seamless Platform That Works Across Phones, Laptops, And Tablets - Say Goodbye To Multiple Devices
    Google has confirmed in a conversation recently about its plan to consolidate Chrome OS and Android into a single platform
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • HoloMem ริบบิ้นฮอโลกราฟิก – เก็บข้อมูล 200TB นาน 50 ปี ใช้พลังงานเป็นศูนย์

    HoloMem เปิดตัวเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่ใช้ริบบิ้นโพลีเมอร์บางเพียง 120 ไมครอน ซึ่งสามารถเขียนข้อมูลแบบฮอโลกราฟิกได้หลายชั้นในรูปแบบ WORM (Write Once, Read Many) โดยใช้เลเซอร์ไดโอดราคาถูกเพียง $5 เป็นหัวอ่าน/เขียน

    จุดเด่นของ HoloMem:
    - ความจุสูงถึง 200TB ต่อแผ่น (มากกว่า LTO-10 ถึง 11 เท่า)
    - อายุการใช้งาน 50 ปี (มากกว่าเทปแม่เหล็กถึง 10 เท่า)
    - ใช้พลังงานเป็นศูนย์เมื่อเก็บข้อมูลไว้เฉย ๆ
    - ขนาดแผ่นเท่ากับ LTO สามารถใช้กับหุ่นยนต์จัดการเทปเดิมได้ทันที
    - ใช้ชิ้นส่วนราคาถูกและผลิตง่าย เช่น โพลีเมอร์ไวแสงหนา 16 ไมครอน
    - ความยาวริบบิ้นเพียง 100 เมตร (เทียบกับเทปแม่เหล็กที่ยาว 1,000 เมตร)

    HoloMem ยังออกแบบให้สามารถติดตั้งร่วมกับระบบจัดเก็บข้อมูลเดิมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์มากนัก ลดแรงเสียดทานในการเปลี่ยนผ่าน และได้รับการสนับสนุนจาก Intel Ignite และ Innovate UK

    แม้ยังไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ TechRe Consultants ในสหราชอาณาจักรจะเริ่มทดลองใช้งานจริงในศูนย์ข้อมูลเพื่อทดสอบความทนทานและประสิทธิภาพ

    ข้อมูลจากข่าว
    - HoloMem พัฒนาเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบฮอโลกราฟิกบนริบบิ้นโพลีเมอร์
    - ความจุสูงถึง 200TB ต่อแผ่น และอายุการใช้งาน 50 ปี
    - ใช้พลังงานเป็นศูนย์เมื่อเก็บข้อมูลไว้เฉย ๆ
    - ขนาดเท่ากับ LTO สามารถใช้กับระบบจัดการเทปเดิมได้ทันที
    - ใช้เลเซอร์ไดโอดราคาถูก ($5) และวัสดุโพลีเมอร์ที่ผลิตง่าย
    - ความยาวริบบิ้นเพียง 100 เมตร เทียบกับเทปแม่เหล็ก 1,000 เมตร
    - ทำงานในรูปแบบ WORM (Write Once, Read Many)
    - ได้รับการสนับสนุนจาก Intel Ignite และ Innovate UK
    - TechRe Consultants จะเริ่มทดลองใช้งานในศูนย์ข้อมูลจริง

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - เทคโนโลยียังอยู่ในขั้นต้น ไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
    - ต้องพิสูจน์ความทนทานและความเสถียรในสภาพแวดล้อมจริงก่อนใช้งานเชิงพาณิชย์
    - แม้จะใช้ร่วมกับระบบเดิมได้ แต่การเปลี่ยนผ่านต้องมีการฝึกอบรมและปรับกระบวนการ
    - การจัดเก็บแบบ WORM ไม่สามารถเขียนซ้ำได้ อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องแก้ไขข้อมูล
    - คู่แข่งอย่าง Cerabyte และ Microsoft Project Silica ยังมีแนวทางที่ต่างกันและอาจสร้างแรงกดดันด้านนวัตกรรม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/holographic-ribbon-aims-to-oust-magnetic-tape-with-50-year-life-span-and-200tb-capacity-per-cartridge-holomem-says-optical-ribbon-based-carts-work-with-some-components-of-existing-systems-reducing-fricition
    HoloMem ริบบิ้นฮอโลกราฟิก – เก็บข้อมูล 200TB นาน 50 ปี ใช้พลังงานเป็นศูนย์ HoloMem เปิดตัวเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่ใช้ริบบิ้นโพลีเมอร์บางเพียง 120 ไมครอน ซึ่งสามารถเขียนข้อมูลแบบฮอโลกราฟิกได้หลายชั้นในรูปแบบ WORM (Write Once, Read Many) โดยใช้เลเซอร์ไดโอดราคาถูกเพียง $5 เป็นหัวอ่าน/เขียน จุดเด่นของ HoloMem: - ความจุสูงถึง 200TB ต่อแผ่น (มากกว่า LTO-10 ถึง 11 เท่า) - อายุการใช้งาน 50 ปี (มากกว่าเทปแม่เหล็กถึง 10 เท่า) - ใช้พลังงานเป็นศูนย์เมื่อเก็บข้อมูลไว้เฉย ๆ - ขนาดแผ่นเท่ากับ LTO สามารถใช้กับหุ่นยนต์จัดการเทปเดิมได้ทันที - ใช้ชิ้นส่วนราคาถูกและผลิตง่าย เช่น โพลีเมอร์ไวแสงหนา 16 ไมครอน - ความยาวริบบิ้นเพียง 100 เมตร (เทียบกับเทปแม่เหล็กที่ยาว 1,000 เมตร) HoloMem ยังออกแบบให้สามารถติดตั้งร่วมกับระบบจัดเก็บข้อมูลเดิมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์มากนัก ลดแรงเสียดทานในการเปลี่ยนผ่าน และได้รับการสนับสนุนจาก Intel Ignite และ Innovate UK แม้ยังไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ TechRe Consultants ในสหราชอาณาจักรจะเริ่มทดลองใช้งานจริงในศูนย์ข้อมูลเพื่อทดสอบความทนทานและประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลจากข่าว - HoloMem พัฒนาเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบฮอโลกราฟิกบนริบบิ้นโพลีเมอร์ - ความจุสูงถึง 200TB ต่อแผ่น และอายุการใช้งาน 50 ปี - ใช้พลังงานเป็นศูนย์เมื่อเก็บข้อมูลไว้เฉย ๆ - ขนาดเท่ากับ LTO สามารถใช้กับระบบจัดการเทปเดิมได้ทันที - ใช้เลเซอร์ไดโอดราคาถูก ($5) และวัสดุโพลีเมอร์ที่ผลิตง่าย - ความยาวริบบิ้นเพียง 100 เมตร เทียบกับเทปแม่เหล็ก 1,000 เมตร - ทำงานในรูปแบบ WORM (Write Once, Read Many) - ได้รับการสนับสนุนจาก Intel Ignite และ Innovate UK - TechRe Consultants จะเริ่มทดลองใช้งานในศูนย์ข้อมูลจริง ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - เทคโนโลยียังอยู่ในขั้นต้น ไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ - ต้องพิสูจน์ความทนทานและความเสถียรในสภาพแวดล้อมจริงก่อนใช้งานเชิงพาณิชย์ - แม้จะใช้ร่วมกับระบบเดิมได้ แต่การเปลี่ยนผ่านต้องมีการฝึกอบรมและปรับกระบวนการ - การจัดเก็บแบบ WORM ไม่สามารถเขียนซ้ำได้ อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องแก้ไขข้อมูล - คู่แข่งอย่าง Cerabyte และ Microsoft Project Silica ยังมีแนวทางที่ต่างกันและอาจสร้างแรงกดดันด้านนวัตกรรม https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/holographic-ribbon-aims-to-oust-magnetic-tape-with-50-year-life-span-and-200tb-capacity-per-cartridge-holomem-says-optical-ribbon-based-carts-work-with-some-components-of-existing-systems-reducing-fricition
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD เตรียมเปิดตัว GPU แบบ multi-chiplet – เร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และอาจเปลี่ยนเกมทั้งวงการ

    AMD กำลังเตรียมเปิดตัว GPU สำหรับเกมที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ multi-chiplet ซึ่งเคยใช้กับชิป AI อย่าง Instinct MI200 และ MI350 โดยนำแนวคิดการแบ่งชิปเป็นส่วนย่อย (chiplets) มาใช้กับกราฟิกการ์ด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อจำกัดของการออกแบบแบบ monolithic

    ปัญหาใหญ่ของการใช้ chiplet กับ GPU คือ “latency” หรือความล่าช้าในการส่งข้อมูลระหว่างชิป ซึ่งส่งผลต่อการแสดงผลภาพแบบ real-time ที่ต้องการความเร็วสูงมาก

    AMD จึงคิดค้น “smart switch” ซึ่งเป็นวงจร data fabric ที่ช่วยตัดสินใจในระดับนาโนวินาทีว่าควรย้ายงานหรือคัดลอกข้อมูลระหว่าง chiplets เพื่อให้การเข้าถึงหน่วยความจำเร็วขึ้น โดยมีการใช้แคช L1, L2 และ L3 แบบแชร์ร่วมกันระหว่าง chiplets คล้ายกับเทคโนโลยี 3D V-Cache ที่ใช้ใน CPU

    นอกจากนี้ AMD ยังเตรียมรวมสถาปัตยกรรมเกมและ AI เข้าด้วยกันภายใต้ชื่อ “UDNA” ซึ่งจะช่วยให้สามารถใช้ซอฟต์แวร์ร่วมกัน เช่น driver และ compiler ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    แม้จะยังไม่มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์จริง แต่การจดสิทธิบัตรและการเตรียม ecosystem ทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่า GPU แบบ multi-chiplet ของ AMD อาจเปิดตัวเร็ว ๆ นี้

    ข้อมูลจากข่าว
    - AMD เตรียมเปิดตัว GPU แบบ multi-chiplet สำหรับเกม โดยอาจใช้ชื่อสถาปัตยกรรมว่า UDNA
    - ใช้แนวคิดจากชิป AI เช่น Instinct MI200 และ MI350 ที่แบ่งชิปเป็นหลายส่วน
    - ปัญหา latency ถูกแก้ด้วย “smart switch” ที่ตัดสินใจการเข้าถึงข้อมูลในระดับนาโนวินาที
    - มีการใช้แคช L1, L2 และ L3 แบบแชร์ร่วมกันระหว่าง chiplets
    - ใช้เทคโนโลยีจาก TSMC เช่น InFO-RDL bridges และ Infinity Fabric เวอร์ชันใหม่
    - AMD เตรียมรวมสถาปัตยกรรมเกมและ AI เข้าด้วยกันเพื่อประหยัดทรัพยากรด้านซอฟต์แวร์
    - การออกแบบนี้อาจช่วยให้ AMD แข่งขันกับ NVIDIA ได้ดีขึ้นในอนาคต

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - การใช้ chiplet กับ GPU ยังมีความเสี่ยงด้าน latency ที่อาจส่งผลต่อประสบการณ์เล่นเกม
    - การออกแบบแบบใหม่ต้องใช้เวลาในการพัฒนา ecosystem ทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
    - หาก smart switch ไม่สามารถจัดการข้อมูลได้เร็วพอ อาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง
    - การรวมสถาปัตยกรรมเกมและ AI อาจทำให้เกิดความซับซ้อนในการพัฒนา driver และ compiler
    - ผู้ใช้ทั่วไปอาจต้องรออีกระยะก่อนจะได้เห็นผลิตภัณฑ์จริงในตลาด

    https://wccftech.com/amd-chiplet-based-gaming-gpus-are-much-closer-than-you-think/
    AMD เตรียมเปิดตัว GPU แบบ multi-chiplet – เร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และอาจเปลี่ยนเกมทั้งวงการ AMD กำลังเตรียมเปิดตัว GPU สำหรับเกมที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ multi-chiplet ซึ่งเคยใช้กับชิป AI อย่าง Instinct MI200 และ MI350 โดยนำแนวคิดการแบ่งชิปเป็นส่วนย่อย (chiplets) มาใช้กับกราฟิกการ์ด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อจำกัดของการออกแบบแบบ monolithic ปัญหาใหญ่ของการใช้ chiplet กับ GPU คือ “latency” หรือความล่าช้าในการส่งข้อมูลระหว่างชิป ซึ่งส่งผลต่อการแสดงผลภาพแบบ real-time ที่ต้องการความเร็วสูงมาก AMD จึงคิดค้น “smart switch” ซึ่งเป็นวงจร data fabric ที่ช่วยตัดสินใจในระดับนาโนวินาทีว่าควรย้ายงานหรือคัดลอกข้อมูลระหว่าง chiplets เพื่อให้การเข้าถึงหน่วยความจำเร็วขึ้น โดยมีการใช้แคช L1, L2 และ L3 แบบแชร์ร่วมกันระหว่าง chiplets คล้ายกับเทคโนโลยี 3D V-Cache ที่ใช้ใน CPU นอกจากนี้ AMD ยังเตรียมรวมสถาปัตยกรรมเกมและ AI เข้าด้วยกันภายใต้ชื่อ “UDNA” ซึ่งจะช่วยให้สามารถใช้ซอฟต์แวร์ร่วมกัน เช่น driver และ compiler ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะยังไม่มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์จริง แต่การจดสิทธิบัตรและการเตรียม ecosystem ทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่า GPU แบบ multi-chiplet ของ AMD อาจเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ ✅ ข้อมูลจากข่าว - AMD เตรียมเปิดตัว GPU แบบ multi-chiplet สำหรับเกม โดยอาจใช้ชื่อสถาปัตยกรรมว่า UDNA - ใช้แนวคิดจากชิป AI เช่น Instinct MI200 และ MI350 ที่แบ่งชิปเป็นหลายส่วน - ปัญหา latency ถูกแก้ด้วย “smart switch” ที่ตัดสินใจการเข้าถึงข้อมูลในระดับนาโนวินาที - มีการใช้แคช L1, L2 และ L3 แบบแชร์ร่วมกันระหว่าง chiplets - ใช้เทคโนโลยีจาก TSMC เช่น InFO-RDL bridges และ Infinity Fabric เวอร์ชันใหม่ - AMD เตรียมรวมสถาปัตยกรรมเกมและ AI เข้าด้วยกันเพื่อประหยัดทรัพยากรด้านซอฟต์แวร์ - การออกแบบนี้อาจช่วยให้ AMD แข่งขันกับ NVIDIA ได้ดีขึ้นในอนาคต ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - การใช้ chiplet กับ GPU ยังมีความเสี่ยงด้าน latency ที่อาจส่งผลต่อประสบการณ์เล่นเกม - การออกแบบแบบใหม่ต้องใช้เวลาในการพัฒนา ecosystem ทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ - หาก smart switch ไม่สามารถจัดการข้อมูลได้เร็วพอ อาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง - การรวมสถาปัตยกรรมเกมและ AI อาจทำให้เกิดความซับซ้อนในการพัฒนา driver และ compiler - ผู้ใช้ทั่วไปอาจต้องรออีกระยะก่อนจะได้เห็นผลิตภัณฑ์จริงในตลาด https://wccftech.com/amd-chiplet-based-gaming-gpus-are-much-closer-than-you-think/
    WCCFTECH.COM
    AMD's "Multi-Chiplet" Gaming GPUs Are Much Closer Than You Think; Might Debut With The Next UDNA Architecture
    AMD has big plans for the future of the consumer GPU segment, and they aren't ordinary ones, since based on rumors and new patents.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • Huawei เปลี่ยนกลยุทธ์ชิป AI – หวังแซง NVIDIA ด้วยแนวทางใหม่

    แม้สหรัฐฯ จะออกมาตรการแบนไม่ให้ NVIDIA ขายชิป AI รุ่นใหม่ในจีน แต่ความต้องการในตลาดยังสูงมาก จนรัฐบาลสหรัฐฯ พิจารณาแบนประเทศอื่นอย่างมาเลเซียและไทยที่อาจเป็นช่องทางลัดให้จีนเข้าถึงชิปเหล่านี้

    Huawei จึงตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งใหญ่ โดยจะเลิกเน้นการผลิตชิปแบบ ASIC ที่ออกแบบมาเฉพาะงาน และหันไปพัฒนาชิปแบบ general-purpose ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายเหมือนกับ GPU ของ NVIDIA และ AMD

    จุดเปลี่ยนสำคัญคือการพัฒนา “ซอฟต์แวร์ตัวกลาง” ที่สามารถแปลงคำสั่งจากภาษา Cuda (ที่ใช้กับ NVIDIA) ให้ทำงานกับชิปของ Huawei ได้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถย้ายงานจาก NVIDIA มาสู่ Huawei ได้ง่ายขึ้น

    อย่างไรก็ตาม Huawei ยังต้องพึ่งโรงงานผลิตชิปของจีนอย่าง SMIC ซึ่งถูกแบนจากการเข้าถึงเครื่องจักรขั้นสูง ทำให้ยังผลิตได้แค่ระดับ 7 นาโนเมตร ขณะที่ NVIDIA ใช้เทคโนโลยีระดับ 4 นาโนเมตรหรือดีกว่า

    แม้จะมีข้อจำกัดด้านการผลิต แต่บริษัทเทคโนโลยีจีนอย่าง Alibaba และ Tencent อาจไม่มีทางเลือกในอนาคต หาก Huawei สามารถพัฒนาชิปให้ใกล้เคียงกับ NVIDIA ได้จริง

    ข้อมูลจากข่าว
    - Huawei เตรียมเปลี่ยนแนวทางการออกแบบชิป AI จาก ASIC ไปสู่ general-purpose GPU
    - พัฒนาซอฟต์แวร์ตัวกลางเพื่อให้รองรับภาษา Cuda ของ NVIDIA
    - หวังเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในจีนที่ยังต้องการชิป AI อย่างมาก
    - SMIC เป็นโรงงานผลิตหลัก แต่ยังจำกัดที่เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร
    - Alibaba และ Tencent อาจต้องหันมาใช้ชิปของ Huawei หากไม่มีทางเลือกอื่น
    - การเปลี่ยนแนวทางนี้อาจช่วยให้ Huawei แข่งขันกับ NVIDIA และ AMD ได้ดีขึ้นในระยะยาว

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - SMIC ยังไม่สามารถผลิตชิประดับสูงได้เทียบเท่ากับ TSMC หรือ Samsung ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำคัญ
    - การพึ่งพาซอฟต์แวร์ตัวกลางอาจทำให้ประสิทธิภาพไม่เทียบเท่าการใช้ Cuda โดยตรง
    - การเปลี่ยนจาก ASIC ไปสู่ general-purpose ต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมาก
    - หากซอฟต์แวร์ของ Huawei ไม่ได้รับการยอมรับจากนักพัฒนา อาจทำให้ชิปไม่ถูกใช้งานจริง
    - การแข่งขันกับ NVIDIA ต้องอาศัยทั้ง ecosystem, tooling และการสนับสนุนจากนักพัฒนา ซึ่ง Huawei ยังขาดอยู่

    https://wccftech.com/huawei-looks-to-shake-up-ai-chip-design-to-compete-with-nvidia-says-report/
    Huawei เปลี่ยนกลยุทธ์ชิป AI – หวังแซง NVIDIA ด้วยแนวทางใหม่ แม้สหรัฐฯ จะออกมาตรการแบนไม่ให้ NVIDIA ขายชิป AI รุ่นใหม่ในจีน แต่ความต้องการในตลาดยังสูงมาก จนรัฐบาลสหรัฐฯ พิจารณาแบนประเทศอื่นอย่างมาเลเซียและไทยที่อาจเป็นช่องทางลัดให้จีนเข้าถึงชิปเหล่านี้ Huawei จึงตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งใหญ่ โดยจะเลิกเน้นการผลิตชิปแบบ ASIC ที่ออกแบบมาเฉพาะงาน และหันไปพัฒนาชิปแบบ general-purpose ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายเหมือนกับ GPU ของ NVIDIA และ AMD จุดเปลี่ยนสำคัญคือการพัฒนา “ซอฟต์แวร์ตัวกลาง” ที่สามารถแปลงคำสั่งจากภาษา Cuda (ที่ใช้กับ NVIDIA) ให้ทำงานกับชิปของ Huawei ได้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถย้ายงานจาก NVIDIA มาสู่ Huawei ได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม Huawei ยังต้องพึ่งโรงงานผลิตชิปของจีนอย่าง SMIC ซึ่งถูกแบนจากการเข้าถึงเครื่องจักรขั้นสูง ทำให้ยังผลิตได้แค่ระดับ 7 นาโนเมตร ขณะที่ NVIDIA ใช้เทคโนโลยีระดับ 4 นาโนเมตรหรือดีกว่า แม้จะมีข้อจำกัดด้านการผลิต แต่บริษัทเทคโนโลยีจีนอย่าง Alibaba และ Tencent อาจไม่มีทางเลือกในอนาคต หาก Huawei สามารถพัฒนาชิปให้ใกล้เคียงกับ NVIDIA ได้จริง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Huawei เตรียมเปลี่ยนแนวทางการออกแบบชิป AI จาก ASIC ไปสู่ general-purpose GPU - พัฒนาซอฟต์แวร์ตัวกลางเพื่อให้รองรับภาษา Cuda ของ NVIDIA - หวังเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในจีนที่ยังต้องการชิป AI อย่างมาก - SMIC เป็นโรงงานผลิตหลัก แต่ยังจำกัดที่เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร - Alibaba และ Tencent อาจต้องหันมาใช้ชิปของ Huawei หากไม่มีทางเลือกอื่น - การเปลี่ยนแนวทางนี้อาจช่วยให้ Huawei แข่งขันกับ NVIDIA และ AMD ได้ดีขึ้นในระยะยาว ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - SMIC ยังไม่สามารถผลิตชิประดับสูงได้เทียบเท่ากับ TSMC หรือ Samsung ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำคัญ - การพึ่งพาซอฟต์แวร์ตัวกลางอาจทำให้ประสิทธิภาพไม่เทียบเท่าการใช้ Cuda โดยตรง - การเปลี่ยนจาก ASIC ไปสู่ general-purpose ต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมาก - หากซอฟต์แวร์ของ Huawei ไม่ได้รับการยอมรับจากนักพัฒนา อาจทำให้ชิปไม่ถูกใช้งานจริง - การแข่งขันกับ NVIDIA ต้องอาศัยทั้ง ecosystem, tooling และการสนับสนุนจากนักพัฒนา ซึ่ง Huawei ยังขาดอยู่ https://wccftech.com/huawei-looks-to-shake-up-ai-chip-design-to-compete-with-nvidia-says-report/
    WCCFTECH.COM
    Huawei Looks To Shake Up AI Chip Design To Compete With NVIDIA, Says Report
    Huawei aims to shift chip design strategy to compete with NVIDIA, focusing on general-purpose computing and new chip software.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • MIPS จากตำนาน RISC สู่การเริ่มต้นใหม่ในอ้อมแขนของ GlobalFoundries

    ย้อนกลับไปในยุค 1980s MIPS คือหนึ่งในผู้บุกเบิกสถาปัตยกรรม RISC (Reduced Instruction Set Computing) โดยมี John Hennessy จาก Stanford เป็นผู้ร่วมออกแบบ และเปิดตัว CPU รุ่นแรกคือ R2000 ซึ่งมีเพียง 110,000 ทรานซิสเตอร์ แต่สามารถทำงานได้เร็วถึง 15MHz

    MIPS เคยเป็นคู่แข่งของ Intel และ Arm และมีบทบาทสำคัญในอุปกรณ์ระดับสูง เช่น:
    - Workstation ของ Silicon Graphics
    - เครื่องเล่นเกม Sony PlayStation รุ่นแรก
    - ยานสำรวจอวกาศ New Horizons ของ NASA

    แต่หลังจากนั้น MIPS ก็เปลี่ยนมือหลายครั้ง—ผ่าน Silicon Graphics, Imagination Technologies, Tallwood Ventures และ Wave Computing ก่อนจะล้มละลายและกลับมาอีกครั้งในปี 2020 โดยหันไปใช้สถาปัตยกรรม RISC-V แบบโอเพนซอร์ส

    แม้จะเปิดตัวซีรีส์ eVocore และ Atlas Explorer เพื่อเจาะตลาด AI และ edge computing แต่ก็ไม่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมได้มากนัก จนล่าสุด GlobalFoundries เข้าซื้อกิจการ และจะให้ MIPS ดำเนินงานเป็นหน่วยธุรกิจอิสระที่เน้น AI, อุตสาหกรรม และระบบอัตโนมัติ

    ข้อมูลจากข่าว
    - MIPS เคยเป็นผู้นำด้าน RISC และอยู่เบื้องหลัง PlayStation รุ่นแรกและภารกิจของ NASA
    - เปิดตัว CPU รุ่นแรก R2000 ในปี 1986 และ R3000 ในปี 1988
    - ถูกซื้อโดย GlobalFoundries ซึ่งเคยเป็นโรงงานผลิตชิปของ AMD
    - MIPS จะดำเนินงานเป็นหน่วยธุรกิจอิสระภายใต้ GlobalFoundries
    - เป้าหมายใหม่คือ AI, ระบบอัตโนมัติ และ edge computing
    - เคยเปลี่ยนมาใช้ RISC-V architecture เพื่อกลับเข้าสู่ตลาด
    - CEO ของ MIPS มองว่าการเข้าร่วม GlobalFoundries คือ “การเริ่มต้นบทใหม่ที่กล้าหาญ”

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - แม้จะมีประวัติยิ่งใหญ่ แต่ MIPS ยังไม่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมในตลาด AI ได้จริง
    - การเปลี่ยนมือบ่อยครั้งสะท้อนถึงความไม่มั่นคงของโมเดลธุรกิจ
    - RISC-V แม้จะเป็นมาตรฐานเปิด แต่ยังมีความไม่แน่นอนในด้าน ecosystem และการสนับสนุนเชิงพาณิชย์
    - การพึ่งพา GlobalFoundries อาจทำให้ MIPS ต้องปรับตัวตามกลยุทธ์ของบริษัทแม่
    - ผู้พัฒนาและองค์กรที่ใช้ IP ของ MIPS ควรติดตามการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบในระยะยาว

    https://www.techradar.com/pro/arms-legendary-rival-was-in-the-original-playstation-now-in-a-twist-of-fate-mips-has-been-sold-to-amds-former-foundry
    MIPS จากตำนาน RISC สู่การเริ่มต้นใหม่ในอ้อมแขนของ GlobalFoundries ย้อนกลับไปในยุค 1980s MIPS คือหนึ่งในผู้บุกเบิกสถาปัตยกรรม RISC (Reduced Instruction Set Computing) โดยมี John Hennessy จาก Stanford เป็นผู้ร่วมออกแบบ และเปิดตัว CPU รุ่นแรกคือ R2000 ซึ่งมีเพียง 110,000 ทรานซิสเตอร์ แต่สามารถทำงานได้เร็วถึง 15MHz MIPS เคยเป็นคู่แข่งของ Intel และ Arm และมีบทบาทสำคัญในอุปกรณ์ระดับสูง เช่น: - Workstation ของ Silicon Graphics - เครื่องเล่นเกม Sony PlayStation รุ่นแรก - ยานสำรวจอวกาศ New Horizons ของ NASA แต่หลังจากนั้น MIPS ก็เปลี่ยนมือหลายครั้ง—ผ่าน Silicon Graphics, Imagination Technologies, Tallwood Ventures และ Wave Computing ก่อนจะล้มละลายและกลับมาอีกครั้งในปี 2020 โดยหันไปใช้สถาปัตยกรรม RISC-V แบบโอเพนซอร์ส แม้จะเปิดตัวซีรีส์ eVocore และ Atlas Explorer เพื่อเจาะตลาด AI และ edge computing แต่ก็ไม่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมได้มากนัก จนล่าสุด GlobalFoundries เข้าซื้อกิจการ และจะให้ MIPS ดำเนินงานเป็นหน่วยธุรกิจอิสระที่เน้น AI, อุตสาหกรรม และระบบอัตโนมัติ ✅ ข้อมูลจากข่าว - MIPS เคยเป็นผู้นำด้าน RISC และอยู่เบื้องหลัง PlayStation รุ่นแรกและภารกิจของ NASA - เปิดตัว CPU รุ่นแรก R2000 ในปี 1986 และ R3000 ในปี 1988 - ถูกซื้อโดย GlobalFoundries ซึ่งเคยเป็นโรงงานผลิตชิปของ AMD - MIPS จะดำเนินงานเป็นหน่วยธุรกิจอิสระภายใต้ GlobalFoundries - เป้าหมายใหม่คือ AI, ระบบอัตโนมัติ และ edge computing - เคยเปลี่ยนมาใช้ RISC-V architecture เพื่อกลับเข้าสู่ตลาด - CEO ของ MIPS มองว่าการเข้าร่วม GlobalFoundries คือ “การเริ่มต้นบทใหม่ที่กล้าหาญ” ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - แม้จะมีประวัติยิ่งใหญ่ แต่ MIPS ยังไม่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมในตลาด AI ได้จริง - การเปลี่ยนมือบ่อยครั้งสะท้อนถึงความไม่มั่นคงของโมเดลธุรกิจ - RISC-V แม้จะเป็นมาตรฐานเปิด แต่ยังมีความไม่แน่นอนในด้าน ecosystem และการสนับสนุนเชิงพาณิชย์ - การพึ่งพา GlobalFoundries อาจทำให้ MIPS ต้องปรับตัวตามกลยุทธ์ของบริษัทแม่ - ผู้พัฒนาและองค์กรที่ใช้ IP ของ MIPS ควรติดตามการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบในระยะยาว https://www.techradar.com/pro/arms-legendary-rival-was-in-the-original-playstation-now-in-a-twist-of-fate-mips-has-been-sold-to-amds-former-foundry
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2025 Elon Musk และทีม xAI เปิดตัว Grok 4 ซึ่งเป็นโมเดล AI แบบมัลติโหมดรุ่นล่าสุด โดยมีจุดเด่นด้านการเข้าใจภาษา การแก้โจทย์คณิตศาสตร์ และการให้เหตุผลอย่างลึกซึ้ง

    Grok 4 มีหลายเวอร์ชัน โดยเวอร์ชัน “Heavy” ที่ใช้เครื่องมือหลายตัวพร้อมกัน (multi-agent tools) ทำคะแนนได้สูงมากในหลายการทดสอบ เช่น:
    - Humanity’s Last Exam (HLE): Grok 4 Heavy ทำคะแนนได้ 44.4% สูงกว่า Gemini 2.5 Pro ที่ใช้เครื่องมือ (26.9%)
    - ARC-AGI-2: Grok 4 ได้ 16.2% ซึ่งสูงกว่า Claude Opus 4 เกือบเท่าตัว
    - MMLU: ได้คะแนน 86.6% และมี Intelligence Index สูงถึง 73 ซึ่งนำหน้าทั้ง OpenAI และ Google

    ในด้าน STEM และการเขียนโค้ด:
    - GPQA: Grok 4 ได้ 87.5%, ส่วน Grok 4 Heavy ได้ 88.9%
    - AIME: Grok 4 Heavy ได้คะแนนเต็ม 100%
    - SWE-Bench: Grok 4 Code (จะเปิดตัวเดือนสิงหาคม) ทำคะแนนได้ 72–75%

    Elon Musk ระบุว่า Grok 4 “แทบไม่เคยตอบผิดในข้อสอบฟิสิกส์หรือคณิตศาสตร์เลย” และสามารถตรวจจับข้อผิดพลาดในคำถามได้ด้วย

    ด้านราคาการใช้งาน:
    - API ราคาเท่า Grok 3: $3/$15 ต่อ 1 ล้าน tokens

    แพ็กเกจผู้ใช้ทั่วไป:
    - ฟรี: เข้าถึง Grok 3 แบบจำกัด
    - SuperGrok ($30/เดือน): เข้าถึง Grok 3 และ Grok 4
    - SuperGrok Heavy ($300/เดือน): เข้าถึง Grok 3, Grok 4 และ Grok 4 Heavy

    https://www.neowin.net/news/elon-musks-xai-launches-grok-4-claiming-top-spot-among-industry-ai-models/
    เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2025 Elon Musk และทีม xAI เปิดตัว Grok 4 ซึ่งเป็นโมเดล AI แบบมัลติโหมดรุ่นล่าสุด โดยมีจุดเด่นด้านการเข้าใจภาษา การแก้โจทย์คณิตศาสตร์ และการให้เหตุผลอย่างลึกซึ้ง Grok 4 มีหลายเวอร์ชัน โดยเวอร์ชัน “Heavy” ที่ใช้เครื่องมือหลายตัวพร้อมกัน (multi-agent tools) ทำคะแนนได้สูงมากในหลายการทดสอบ เช่น: - Humanity’s Last Exam (HLE): Grok 4 Heavy ทำคะแนนได้ 44.4% สูงกว่า Gemini 2.5 Pro ที่ใช้เครื่องมือ (26.9%) - ARC-AGI-2: Grok 4 ได้ 16.2% ซึ่งสูงกว่า Claude Opus 4 เกือบเท่าตัว - MMLU: ได้คะแนน 86.6% และมี Intelligence Index สูงถึง 73 ซึ่งนำหน้าทั้ง OpenAI และ Google ในด้าน STEM และการเขียนโค้ด: - GPQA: Grok 4 ได้ 87.5%, ส่วน Grok 4 Heavy ได้ 88.9% - AIME: Grok 4 Heavy ได้คะแนนเต็ม 100% - SWE-Bench: Grok 4 Code (จะเปิดตัวเดือนสิงหาคม) ทำคะแนนได้ 72–75% Elon Musk ระบุว่า Grok 4 “แทบไม่เคยตอบผิดในข้อสอบฟิสิกส์หรือคณิตศาสตร์เลย” และสามารถตรวจจับข้อผิดพลาดในคำถามได้ด้วย ด้านราคาการใช้งาน: - API ราคาเท่า Grok 3: $3/$15 ต่อ 1 ล้าน tokens แพ็กเกจผู้ใช้ทั่วไป: - ฟรี: เข้าถึง Grok 3 แบบจำกัด - SuperGrok ($30/เดือน): เข้าถึง Grok 3 และ Grok 4 - SuperGrok Heavy ($300/เดือน): เข้าถึง Grok 3, Grok 4 และ Grok 4 Heavy https://www.neowin.net/news/elon-musks-xai-launches-grok-4-claiming-top-spot-among-industry-ai-models/
    WWW.NEOWIN.NET
    Elon Musk's xAI launches Grok 4, claiming top spot among industry AI models
    Elon Musk's xAI has launched its new flagship AI model, Grok-4, which demonstrates leading performance in various academic, reasoning, and coding benchmarks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฮือฮา! พบพืชหายากในป่าดิบ จ.เชียงราย หลังหายสาบสูญไปจากบันทึกโลกนานถึง 113 ปี
    https://www.thai-tai.tv/news/20169/
    .
    #Heterostemmabrownii #พืชหายาก #พืชหายาก113ปี #พืชชนิดใหม่ของโลก #ค้นพบพืชใหม่ #เชียงราย #สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ #องค์การสวนพฤกษศาสตร์ #ป่าดิบ #วงศ์ดอกรัก #อนุรักษ์พืช #ธรรมชาติ #ประเทศไทย #นักอนุกรมวิธานพืช #ชีววิทยา #พฤกษศาสตร์
    ฮือฮา! พบพืชหายากในป่าดิบ จ.เชียงราย หลังหายสาบสูญไปจากบันทึกโลกนานถึง 113 ปี https://www.thai-tai.tv/news/20169/ . #Heterostemmabrownii #พืชหายาก #พืชหายาก113ปี #พืชชนิดใหม่ของโลก #ค้นพบพืชใหม่ #เชียงราย #สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ #องค์การสวนพฤกษศาสตร์ #ป่าดิบ #วงศ์ดอกรัก #อนุรักษ์พืช #ธรรมชาติ #ประเทศไทย #นักอนุกรมวิธานพืช #ชีววิทยา #พฤกษศาสตร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดาวเทียมบนโลกเราเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด — แค่ Starlink ของ SpaceX ก็ปล่อยไปแล้วกว่า 7,000 ดวง! → Amazon กำลังสร้าง Kuiper อีก 3,000 ดวง → ฝั่งจีนเตรียมปล่อย “หลายหมื่น” ดวงตามมาอีก

    มันเหมือน “ถนนบนฟ้า” ที่ไม่มีไฟแดง ไม่มีเลนตรงข้าม — แถมทุกค่ายปล่อยดาวเทียมแบบไม่ค่อยประสานกันเท่าไหร่ → หน่วยงานที่ชื่อว่า Office of Space Commerce ของสหรัฐ คือผู้ดูแลจราจรอวกาศให้ไม่ชนกัน → ทำหน้าที่คล้ายกับ FAA ที่ดูแลเครื่องบิน บนพื้นโลก → แต่พอรัฐบาลเสนองบปี 2026…ปรากฏว่า “จะลดงบจาก $65M → เหลือแค่ $10M”!!

    องค์กรอวกาศทั่วอเมริกา เช่น SpaceX, Blue Origin และอีกกว่า 450 บริษัทเลยรวมตัวกันยื่นเรื่องเตือนรัฐสภาว่า → ถ้าคุณตัด TraCSS (Traffic Coordination System for Space) ไป = เท่ากับปล่อยอวกาศให้ “จราจรสับสน–เสี่ยงชน–ค่าใช้จ่ายเพิ่ม” → แถมอเมริกาอาจเสียบทบาทในการกำหนด “มาตรฐานความปลอดภัยอวกาศโลก” ด้วย

    รัฐบาลสหรัฐมีแผนตัดงบ Office of Space Commerce จาก $65M → เหลือ $10M ในปี 2026  
    • จะกระทบต่อระบบ TraCSS ที่อยู่ระหว่างทดสอบ → ระบบจัดการจราจรอวกาศเชิงพลเรือน  
    • ทำให้ดาวเทียมเสี่ยงชน และเพิ่มความเสี่ยงของ “ขยะอวกาศ” ระยะยาว

    องค์กรอวกาศกว่า 450 แห่งออกมาเตือนรัฐสภา  
    • รวมถึง SpaceX, Blue Origin  
    • เตือนว่าการตัดงบจะทำให้ต้นทุนดำเนินงานเพิ่ม และบริษัทอาจย้ายออกนอกสหรัฐ

    จำนวนดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด:  
    • Starlink (SpaceX): 7,000 ดวงตั้งแต่ 2019  
    • Kuiper (Amazon): แผน 3,000 ดวง  
    • จีน: มีแผนปล่อย “หลายหมื่น” ดวง

    TraCSS อยู่ระหว่างทดสอบกับผู้ให้บริการหลายราย → ทำหน้าที่แจ้งเตือนการชนแบบ real-time

    Prof. Hugh Lewis เผยว่า Starlink มีการหลบชนแบบ active มากกว่าช่วงก่อนถึง 2 เท่าในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา
    • สะท้อนว่าความเสี่ยงเกิดจริง ไม่ใช่แค่ทฤษฎี

    รัฐบาลมองว่าเอกชนสามารถจัดการจราจรเองได้ → แต่อุตสาหกรรมชี้ว่าขาดการประสาน และไม่มี funding model ที่ชัดเจน

    https://www.techspot.com/news/108611-us-space-industry-warns-increased-collision-risks-funding.html
    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดาวเทียมบนโลกเราเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด — แค่ Starlink ของ SpaceX ก็ปล่อยไปแล้วกว่า 7,000 ดวง! → Amazon กำลังสร้าง Kuiper อีก 3,000 ดวง → ฝั่งจีนเตรียมปล่อย “หลายหมื่น” ดวงตามมาอีก มันเหมือน “ถนนบนฟ้า” ที่ไม่มีไฟแดง ไม่มีเลนตรงข้าม — แถมทุกค่ายปล่อยดาวเทียมแบบไม่ค่อยประสานกันเท่าไหร่ → หน่วยงานที่ชื่อว่า Office of Space Commerce ของสหรัฐ คือผู้ดูแลจราจรอวกาศให้ไม่ชนกัน → ทำหน้าที่คล้ายกับ FAA ที่ดูแลเครื่องบิน บนพื้นโลก → แต่พอรัฐบาลเสนองบปี 2026…ปรากฏว่า “จะลดงบจาก $65M → เหลือแค่ $10M”!! องค์กรอวกาศทั่วอเมริกา เช่น SpaceX, Blue Origin และอีกกว่า 450 บริษัทเลยรวมตัวกันยื่นเรื่องเตือนรัฐสภาว่า → ถ้าคุณตัด TraCSS (Traffic Coordination System for Space) ไป = เท่ากับปล่อยอวกาศให้ “จราจรสับสน–เสี่ยงชน–ค่าใช้จ่ายเพิ่ม” → แถมอเมริกาอาจเสียบทบาทในการกำหนด “มาตรฐานความปลอดภัยอวกาศโลก” ด้วย ✅ รัฐบาลสหรัฐมีแผนตัดงบ Office of Space Commerce จาก $65M → เหลือ $10M ในปี 2026   • จะกระทบต่อระบบ TraCSS ที่อยู่ระหว่างทดสอบ → ระบบจัดการจราจรอวกาศเชิงพลเรือน   • ทำให้ดาวเทียมเสี่ยงชน และเพิ่มความเสี่ยงของ “ขยะอวกาศ” ระยะยาว ✅ องค์กรอวกาศกว่า 450 แห่งออกมาเตือนรัฐสภา   • รวมถึง SpaceX, Blue Origin   • เตือนว่าการตัดงบจะทำให้ต้นทุนดำเนินงานเพิ่ม และบริษัทอาจย้ายออกนอกสหรัฐ ✅ จำนวนดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด:   • Starlink (SpaceX): 7,000 ดวงตั้งแต่ 2019   • Kuiper (Amazon): แผน 3,000 ดวง   • จีน: มีแผนปล่อย “หลายหมื่น” ดวง ✅ TraCSS อยู่ระหว่างทดสอบกับผู้ให้บริการหลายราย → ทำหน้าที่แจ้งเตือนการชนแบบ real-time ✅ Prof. Hugh Lewis เผยว่า Starlink มีการหลบชนแบบ active มากกว่าช่วงก่อนถึง 2 เท่าในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา • สะท้อนว่าความเสี่ยงเกิดจริง ไม่ใช่แค่ทฤษฎี ✅ รัฐบาลมองว่าเอกชนสามารถจัดการจราจรเองได้ → แต่อุตสาหกรรมชี้ว่าขาดการประสาน และไม่มี funding model ที่ชัดเจน https://www.techspot.com/news/108611-us-space-industry-warns-increased-collision-risks-funding.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Space industry warns of satellite collision risks as US funding faces deep cuts
    The proposed cuts have sparked a strong backlash from the space industry. Seven major trade associations representing more than 450 companies including SpaceX and Blue Origin have...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3/
    กลุ่มฮูตีในเยเมนเผยแพร่ภาพวิดีโอช่วงเวลาเข้ายึดเรือ “Magic Seas” และระเบิดเรือทิ้งจนจมลงสู่ก้นทะเลเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

    เรือ “Magic Seas” ซึ่งเป็นเรือบรรทุกสินค้าแห้งของอังกฤษ ใช้ธงไลบีเรีย และบริหารจัดการโดยบริษัท Stem Shipping จากกรีก พยายามฝ่าฝืนประกาศเตือนภัยในการปิดล้อมทะเลแดงของฮูตี

    การโจมตีเรือโดยกลุ่มฮูตีใช้อาวุธหลายประเภทอย่างเป็นขั้นตอน ประกอบด้วยการใช้เรือโดรนพลีชีพ การบุกขึ้นเรือ และการวางระเบิดรอบเรืออย่างแม่นยำส่งผลให้เรือจมลงสู่ก้นทะเล

    มีรายงานว่า เรือที่จมนั้นเป็นเรือเปล่า สินค้าต่างๆรวมทั้งลูกเรือ 22 คนอพยพออกไปได้อย่างปลอดภัย ด้วยความช่วยเหลือจากเรือ “Safeen Prism” ของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ที่ตอบรับสัญญาณช่วยเหลือจากลูกเรือ “Magic Seas”
    3/ กลุ่มฮูตีในเยเมนเผยแพร่ภาพวิดีโอช่วงเวลาเข้ายึดเรือ “Magic Seas” และระเบิดเรือทิ้งจนจมลงสู่ก้นทะเลเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เรือ “Magic Seas” ซึ่งเป็นเรือบรรทุกสินค้าแห้งของอังกฤษ ใช้ธงไลบีเรีย และบริหารจัดการโดยบริษัท Stem Shipping จากกรีก พยายามฝ่าฝืนประกาศเตือนภัยในการปิดล้อมทะเลแดงของฮูตี การโจมตีเรือโดยกลุ่มฮูตีใช้อาวุธหลายประเภทอย่างเป็นขั้นตอน ประกอบด้วยการใช้เรือโดรนพลีชีพ การบุกขึ้นเรือ และการวางระเบิดรอบเรืออย่างแม่นยำส่งผลให้เรือจมลงสู่ก้นทะเล มีรายงานว่า เรือที่จมนั้นเป็นเรือเปล่า สินค้าต่างๆรวมทั้งลูกเรือ 22 คนอพยพออกไปได้อย่างปลอดภัย ด้วยความช่วยเหลือจากเรือ “Safeen Prism” ของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ที่ตอบรับสัญญาณช่วยเหลือจากลูกเรือ “Magic Seas”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 2/
    กลุ่มฮูตีในเยเมนเผยแพร่ภาพวิดีโอช่วงเวลาเข้ายึดเรือ “Magic Seas” และระเบิดเรือทิ้งจนจมลงสู่ก้นทะเลเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

    เรือ “Magic Seas” ซึ่งเป็นเรือบรรทุกสินค้าแห้งของอังกฤษ ใช้ธงไลบีเรีย และบริหารจัดการโดยบริษัท Stem Shipping จากกรีก พยายามฝ่าฝืนประกาศเตือนภัยในการปิดล้อมทะเลแดงของฮูตี

    การโจมตีเรือโดยกลุ่มฮูตีใช้อาวุธหลายประเภทอย่างเป็นขั้นตอน ประกอบด้วยการใช้เรือโดรนพลีชีพ การบุกขึ้นเรือ และการวางระเบิดรอบเรืออย่างแม่นยำส่งผลให้เรือจมลงสู่ก้นทะเล

    มีรายงานว่า เรือที่จมนั้นเป็นเรือเปล่า สินค้าต่างๆรวมทั้งลูกเรือ 22 คนอพยพออกไปได้อย่างปลอดภัย ด้วยความช่วยเหลือจากเรือ “Safeen Prism” ของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ที่ตอบรับสัญญาณช่วยเหลือจากลูกเรือ “Magic Seas”
    2/ กลุ่มฮูตีในเยเมนเผยแพร่ภาพวิดีโอช่วงเวลาเข้ายึดเรือ “Magic Seas” และระเบิดเรือทิ้งจนจมลงสู่ก้นทะเลเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เรือ “Magic Seas” ซึ่งเป็นเรือบรรทุกสินค้าแห้งของอังกฤษ ใช้ธงไลบีเรีย และบริหารจัดการโดยบริษัท Stem Shipping จากกรีก พยายามฝ่าฝืนประกาศเตือนภัยในการปิดล้อมทะเลแดงของฮูตี การโจมตีเรือโดยกลุ่มฮูตีใช้อาวุธหลายประเภทอย่างเป็นขั้นตอน ประกอบด้วยการใช้เรือโดรนพลีชีพ การบุกขึ้นเรือ และการวางระเบิดรอบเรืออย่างแม่นยำส่งผลให้เรือจมลงสู่ก้นทะเล มีรายงานว่า เรือที่จมนั้นเป็นเรือเปล่า สินค้าต่างๆรวมทั้งลูกเรือ 22 คนอพยพออกไปได้อย่างปลอดภัย ด้วยความช่วยเหลือจากเรือ “Safeen Prism” ของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ที่ตอบรับสัญญาณช่วยเหลือจากลูกเรือ “Magic Seas”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 1/
    กลุ่มฮูตีในเยเมนเผยแพร่ภาพวิดีโอช่วงเวลาเข้ายึดเรือ “Magic Seas” และระเบิดเรือทิ้งจนจมลงสู่ก้นทะเลเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

    เรือ “Magic Seas” ซึ่งเป็นเรือบรรทุกสินค้าแห้งของอังกฤษ ใช้ธงไลบีเรีย และบริหารจัดการโดยบริษัท Stem Shipping จากกรีก พยายามฝ่าฝืนประกาศเตือนภัยในการปิดล้อมทะเลแดงของฮูตี

    การโจมตีเรือโดยกลุ่มฮูตีใช้อาวุธหลายประเภทอย่างเป็นขั้นตอน ประกอบด้วยการใช้เรือโดรนพลีชีพ การบุกขึ้นเรือ และการวางระเบิดรอบเรืออย่างแม่นยำส่งผลให้เรือจมลงสู่ก้นทะเล

    มีรายงานว่า เรือที่จมนั้นเป็นเรือเปล่า สินค้าต่างๆรวมทั้งลูกเรือ 22 คนอพยพออกไปได้อย่างปลอดภัย ด้วยความช่วยเหลือจากเรือ “Safeen Prism” ของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ที่ตอบรับสัญญาณช่วยเหลือจากลูกเรือ “Magic Seas”
    1/ กลุ่มฮูตีในเยเมนเผยแพร่ภาพวิดีโอช่วงเวลาเข้ายึดเรือ “Magic Seas” และระเบิดเรือทิ้งจนจมลงสู่ก้นทะเลเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เรือ “Magic Seas” ซึ่งเป็นเรือบรรทุกสินค้าแห้งของอังกฤษ ใช้ธงไลบีเรีย และบริหารจัดการโดยบริษัท Stem Shipping จากกรีก พยายามฝ่าฝืนประกาศเตือนภัยในการปิดล้อมทะเลแดงของฮูตี การโจมตีเรือโดยกลุ่มฮูตีใช้อาวุธหลายประเภทอย่างเป็นขั้นตอน ประกอบด้วยการใช้เรือโดรนพลีชีพ การบุกขึ้นเรือ และการวางระเบิดรอบเรืออย่างแม่นยำส่งผลให้เรือจมลงสู่ก้นทะเล มีรายงานว่า เรือที่จมนั้นเป็นเรือเปล่า สินค้าต่างๆรวมทั้งลูกเรือ 22 คนอพยพออกไปได้อย่างปลอดภัย ด้วยความช่วยเหลือจากเรือ “Safeen Prism” ของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ที่ตอบรับสัญญาณช่วยเหลือจากลูกเรือ “Magic Seas”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าใครใช้ Parrot OS อยู่ — หรืออยากเปลี่ยนจาก Kali มาเล่นของสดใหม่ — นี่คือรุ่นที่น่าโดนมากๆ เพราะอัปเดต Kernel เป็น Linux 6.12 LTS ซึ่งหมายถึงรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ และมี patch ความปลอดภัยล่าสุด → พร้อมทั้งอัปเดตเครื่องมือแฮ็กและวิเคราะห์ระบบเพียบ เช่น → Metasploit 6.4.71, PowerShell Empire 6.1.2, และ Caido 0.48.1

    Firefox ESR ก็ถูกปรับแต่งเรื่องความเป็นส่วนตัวแบบ “ฮาร์ดคอร์” โดยทีม Parrot เอง → ถึงแม้ Firefox จะเปลี่ยนวิธีโหลด config ก็ตาม ทีม Parrot ก็ใส่สคริปต์ให้ “ดึงกลับมา” ให้เสร็จหลังอัปเดต → เรียกว่ายังใช้งานแบบไม่มี telemetry ได้สบายใจ

    ฝั่ง .NET ก็น่าสนใจ — เพราะตอนนี้สามารถติดตั้ง PowerShell 7.5 และ .NET SDKs ได้ตรงจาก repo ของ Parrot เลย → เหมาะมากกับสายที่ทำงาน penetration แบบ DevOps, ทำ payload หรือสร้าง tool เอง

    นอกจากนั้นยังมีการเพิ่ม Launcher ใหม่ในเมนู และใส่แพลตฟอร์ม chat ที่ชื่อ Rocket เข้าไปใน repo อย่างเป็นทางการ → ใครอยากลอง แค่

    sudo apt install rocket

    ก็ใช้ได้แล้ว

    https://www.neowin.net/news/parrot-os-64-ships-with-linux-612-lts-new-tools-and-updated-system-packages/
    ถ้าใครใช้ Parrot OS อยู่ — หรืออยากเปลี่ยนจาก Kali มาเล่นของสดใหม่ — นี่คือรุ่นที่น่าโดนมากๆ เพราะอัปเดต Kernel เป็น Linux 6.12 LTS ซึ่งหมายถึงรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ และมี patch ความปลอดภัยล่าสุด → พร้อมทั้งอัปเดตเครื่องมือแฮ็กและวิเคราะห์ระบบเพียบ เช่น → Metasploit 6.4.71, PowerShell Empire 6.1.2, และ Caido 0.48.1 Firefox ESR ก็ถูกปรับแต่งเรื่องความเป็นส่วนตัวแบบ “ฮาร์ดคอร์” โดยทีม Parrot เอง → ถึงแม้ Firefox จะเปลี่ยนวิธีโหลด config ก็ตาม ทีม Parrot ก็ใส่สคริปต์ให้ “ดึงกลับมา” ให้เสร็จหลังอัปเดต → เรียกว่ายังใช้งานแบบไม่มี telemetry ได้สบายใจ ฝั่ง .NET ก็น่าสนใจ — เพราะตอนนี้สามารถติดตั้ง PowerShell 7.5 และ .NET SDKs ได้ตรงจาก repo ของ Parrot เลย → เหมาะมากกับสายที่ทำงาน penetration แบบ DevOps, ทำ payload หรือสร้าง tool เอง นอกจากนั้นยังมีการเพิ่ม Launcher ใหม่ในเมนู และใส่แพลตฟอร์ม chat ที่ชื่อ Rocket เข้าไปใน repo อย่างเป็นทางการ → ใครอยากลอง แค่ sudo apt install rocket ก็ใช้ได้แล้ว https://www.neowin.net/news/parrot-os-64-ships-with-linux-612-lts-new-tools-and-updated-system-packages/
    WWW.NEOWIN.NET
    Parrot OS 6.4 ships with Linux 6.12 LTS, new tools and updated system packages
    Parrot OS has received what may be its final 6.x series update, version 6.4, featuring the latest Linux LTS release and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'รักษาการนายกฯ' รับ 'กฤษฎีกา' ชี้ไม่มีอำนาจยุบสภา อ้างฟัง 'วิษณุ' ด้วย
    https://www.thai-tai.tv/news/20078/
    .
    #ภูมิธรรมเวชยชัย #นายกฯรักษาการ #ยุบสภา #เลขากฤษฎีกา #ครม #วิษณุเครืองาม #อำนาจรักษาการ #การเมืองไทย #WestminsterSystem
    'รักษาการนายกฯ' รับ 'กฤษฎีกา' ชี้ไม่มีอำนาจยุบสภา อ้างฟัง 'วิษณุ' ด้วย https://www.thai-tai.tv/news/20078/ . #ภูมิธรรมเวชยชัย #นายกฯรักษาการ #ยุบสภา #เลขากฤษฎีกา #ครม #วิษณุเครืองาม #อำนาจรักษาการ #การเมืองไทย #WestminsterSystem
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'เลขาฯกฤษฎีกา' แจงชัด 'ยุบสภา-ตั้งรมต.' อำนาจเฉพาะตัว 'นายกฯ' รักษาการทำไม่ได้
    https://www.thai-tai.tv/news/20076/
    .
    #เลขาธิการกฤษฎีกา #นายกฯรักษาการ #ยุบสภา #ตั้งรัฐมนตรี #อำนาจเฉพาะตัวนายกฯ #หลักความไว้วางใจ #รัฐธรรมนูญ #การเมืองไทย #WestminsterSystem #ปกรณ์นิลประพันธ์ #AlexPakorn
    'เลขาฯกฤษฎีกา' แจงชัด 'ยุบสภา-ตั้งรมต.' อำนาจเฉพาะตัว 'นายกฯ' รักษาการทำไม่ได้ https://www.thai-tai.tv/news/20076/ . #เลขาธิการกฤษฎีกา #นายกฯรักษาการ #ยุบสภา #ตั้งรัฐมนตรี #อำนาจเฉพาะตัวนายกฯ #หลักความไว้วางใจ #รัฐธรรมนูญ #การเมืองไทย #WestminsterSystem #ปกรณ์นิลประพันธ์ #AlexPakorn
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปัจจุบัน **เทคโนโลยีทางทหารที่ร้​ววและแม่นยำ (Rapid and Precise Military Technology)** เป็นหัวใจสำคัญของการป้องกันประเทศ ประเทศที่ถือว่าเป็นผู้นำในสาขานี้ ได้แก่:

    1. **สหรัฐอเมริกา:**
    * **จุดแข็ง:** ลงทุนมหาศาลใน R&D, นำโด่งด้านอาวุธไฮเปอร์โซนิก (Hypersonic Weapons - เร็วเหนือเสียงมาก), ระบบป้องกันขีปนาวุธ (เช่น THAAD, Aegis), ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติในสงคราม, การรบด้วยเครือข่าย (Network-Centric Warfare), โดรนรบ (UCAVs) ขั้นสูง (เช่น MQ-9 Reaper, XQ-58 Valkyrie), และดาวเทียมลาดตระเวนแม่นยำสูง
    * **ความก้าวหน้าล่าสุด:** การพัฒนาอาวุธพลังงานนำทาง (Directed Energy Weapons) เช่น เลเซอร์, การบูรณาการ AI เข้ากับกระบวนการตัดสินใจทางการทหาร (JADC2 - Joint All-Domain Command and Control)

    2. **จีน:**
    * **จุดแข็ง:** พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในทศวรรษที่ผ่านมา โดยเน้นการทุ่มงบประมาณและขโมยเทคโนโลยี, นำโด่งในด้านขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBMs) และขีปนาวุธพิสัยใกล้-กลาง (SRBMs/MRBMs) ที่แม่นยำ, อาวุธไฮเปอร์โซนิก (เช่น DF-ZF), ระบบต่อต้านดาวเทียม (ASAT) และต่อต้านขีปนาวุธ, โดรนรบจำนวนมากและก้าวหน้า (เช่น Wing Loong, CH-series), และกำลังพัฒนากองเรือทะเลหลวงที่ทันสมัย
    * **ความก้าวหน้าล่าสุด:** การทดสอบอาวุธไฮเปอร์โซนิกที่สร้างความประหลาดใจให้วงการ, การขยายขีดความสามารถทางไซเบอร์และอวกาศ

    3. **รัสเซีย:**
    * **จุดแข็ง:** แม้เศรษฐกิจมีข้อจำกัด แต่ยังคงเน้นการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่เพื่อรักษาความสมดุล, มีอาวุธไฮเปอร์โซนิกที่ประจำการแล้ว (เช่น Kinzhal, Avangard), ระบบป้องกันขีปนาวุธ (เช่น S-400, S-500), ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Warfare) ที่ทรงพลัง, และขีปนาวุธพิสัยใกล้-กลางแม่นยำ
    * **สถานะปัจจุบัน:** การรุกรานยูเครนส่งผลกระทบต่อความสามารถทางการผลิตและอาจชะลอการพัฒนาบางส่วน แต่ก็แสดงให้เห็นการใช้ขีปนาวุธแม่นยำ (และความท้าทายของมัน) รวมถึงสงครามอิเล็กทรอนิกส์อย่างเข้มข้น

    4. **ประเทศอื่นๆ ที่มีความก้าวหน้า:**
    * **อิสราเอล:** เป็นสุดยอดด้านเทคโนโลยีโดรน (UAVs/UCAVs), ระบบป้องกันขีปนาวุธ (Iron Dome, David's Sling, Arrow), สงครามไซเบอร์, ระบบ C4ISR (Command, Control, Communications, Computers, Intelligence, Surveillance, and Reconnaissance) และเทคโนโลยีภาคพื้นดินแม่นยำ
    * **สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี (และสหภาพยุโรป):** มีความเข้มแข็งด้านเทคโนโลยีทางการทหารโดยเฉพาะระบบอากาศยาน (รบกริปเพน, ราฟาเอล), เรือดำน้ำ, ระบบป้องกันขีปนาวุธ (ร่วมกับ NATO), เทคโนโลยีไซเบอร์ และกำลังร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เช่น ระบบอากาศยานรุ่นต่อไป (FCAS), รถถังหลักใหม่ (MGCS)

    **ผลดีของเทคโนโลยีทางทหารที่รวดเร็วและแม่นยำ:**

    1. **เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันประเทศ:** ป้องกันภัยคุกคามได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำกว่าเดิม
    2. **ลดความเสียหายพลเรือน (ในทางทฤษฎี):** ความแม่นยำสูง *ควรจะ* ลดการโจมตีพลาดเป้าและความสูญเสียของพลเรือนได้
    3. **เพิ่มขีดความสามารถในการป้องปราม:** การมีอาวุธที่รวดเร็ว แม่นยำ และยากต่อการสกัดกั้น (เช่น ไฮเปอร์โซนิก) ทำให้ศัตรูต้องคิดหนักก่อนจะโจมตี
    4. **เพิ่มประสิทธิภาพในการรบ:** ระบบ C4ISR และเครือข่ายการรบช่วยให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้นและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
    5. **ลดความสูญเสียของทหาร:** การใช้โดรนหรือระบบอัตโนมัติสามารถลดการส่งทหารเข้าไปในพื้นที่อันตรายโดยตรง

    **ผลเสียและความท้าทายของเทคโนโลยีทางทหารที่รวดเร็วและแม่นยำ:**

    1. **ความเสี่ยงต่อการแข่งขันทางการ bewaffnung (Arms Race):** ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วกระตุ้นให้ประเทศคู่แข่งเร่งพัฒนาตาม นำไปสู่การแข่งขันที่สิ้นเปลืองและเพิ่มความตึงเครียดระหว่างประเทศ
    2. **ความท้าทายด้านเสถียรภาพเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Stability):** อาวุธที่รวดเร็วมาก (เช่น ไฮเปอร์โซนิก) และระบบป้องกันขีปนาวุธ อาจลดเวลาในการตัดสินใจตอบโต้ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเข้าใจผิดว่าเป็นการโจมตีครั้งแรก (First Strike) ในช่วงวิกฤต
    3. **ความซับซ้อนของสงครามไซเบอร์และอวกาศ:** เทคโนโลยีทหารสมัยใหม่พึ่งพาระบบดิจิทัล ดาวเทียม และเครือข่ายการสื่อสาร ซึ่งเปราะบางต่อการโจมตีทางไซเบอร์และการทำสงครามในอวกาศ
    4. **ความท้าทายด้านจริยธรรมและกฎหมาย (โดยเฉพาะระบบอัตโนมัติ):**
    * **อาวุธอัตโนมัติร้ายแรง (Lethal Autonomous Weapons Systems - LAWS):** การที่เครื่องจักรตัดสินใจใช้กำลังร้ายแรงโดยมนุษย์ควบคุมน้อยเกินไป ก่อให้เกิดคำถามจริยธรรมใหญ่หลวงเรื่องความรับผิดชอบ การควบคุม และการปกป้องพลเรือน
    * **การลดอุปสรรคในการใช้กำลัง:** ความแม่นยำและความ "สะอาด" (ในทางทฤษฎี) ของอาวุธอาจทำให้ผู้นำทางการเมืองตัดสินใจใช้กำลังทางทหารได้ง่ายขึ้น
    5. **ค่าใช้จ่ายมหาศาล:** การวิจัย พัฒนา และจัดหาอาวุธเทคโนโลยีสูงเหล่านี้ใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนมาก ซึ่งอาจเบียดบังงบประมาณสาธารณะด้านอื่นๆ เช่น สาธารณสุข การศึกษา
    6. **ความเสี่ยงต่อการแพร่กระจาย:** เทคโนโลยีบางส่วนอาจรั่วไหลหรือถูกถ่ายทอดไปยังรัฐหรือกลุ่มที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้เกิดความไม่มั่นคงในภูมิภาคต่างๆ

    **สรุป:**
    สหรัฐฯ จีน และรัสเซีย เป็นผู้นำหลักในเทคโนโลยีการทหารที่รวดเร็วและแม่นยำ โดยมีอิสราเอลและชาติยุโรปชั้นนำเป็นผู้เล่นสำคัญในด้านเฉพาะทาง แม้เทคโนโลยีเหล่านี้จะเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันประเทศ ป้องปราม และ *มีศักยภาพ* ในการลดความเสียหายพลเรือนได้อย่างมาก แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายและความเสี่ยงครั้งใหม่ที่ร้ายแรงไม่แพ้กัน ทั้งในด้านการแข่งขัน bewaffnung เสถียรภาพเชิงยุทธศาสตร์ จริยธรรม (โดยเฉพาะเรื่องอาวุธอัตโนมัติ) และงบประมาณ การบริหารจัดการความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทหารควบคู่ไปกับการทูตและการควบคุม bewaffnung จึงมีความสำคัญยิ่งต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของโลกในระยะยาว
    ปัจจุบัน **เทคโนโลยีทางทหารที่ร้​ววและแม่นยำ (Rapid and Precise Military Technology)** เป็นหัวใจสำคัญของการป้องกันประเทศ ประเทศที่ถือว่าเป็นผู้นำในสาขานี้ ได้แก่: 1. **สหรัฐอเมริกา:** * **จุดแข็ง:** ลงทุนมหาศาลใน R&D, นำโด่งด้านอาวุธไฮเปอร์โซนิก (Hypersonic Weapons - เร็วเหนือเสียงมาก), ระบบป้องกันขีปนาวุธ (เช่น THAAD, Aegis), ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติในสงคราม, การรบด้วยเครือข่าย (Network-Centric Warfare), โดรนรบ (UCAVs) ขั้นสูง (เช่น MQ-9 Reaper, XQ-58 Valkyrie), และดาวเทียมลาดตระเวนแม่นยำสูง * **ความก้าวหน้าล่าสุด:** การพัฒนาอาวุธพลังงานนำทาง (Directed Energy Weapons) เช่น เลเซอร์, การบูรณาการ AI เข้ากับกระบวนการตัดสินใจทางการทหาร (JADC2 - Joint All-Domain Command and Control) 2. **จีน:** * **จุดแข็ง:** พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในทศวรรษที่ผ่านมา โดยเน้นการทุ่มงบประมาณและขโมยเทคโนโลยี, นำโด่งในด้านขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBMs) และขีปนาวุธพิสัยใกล้-กลาง (SRBMs/MRBMs) ที่แม่นยำ, อาวุธไฮเปอร์โซนิก (เช่น DF-ZF), ระบบต่อต้านดาวเทียม (ASAT) และต่อต้านขีปนาวุธ, โดรนรบจำนวนมากและก้าวหน้า (เช่น Wing Loong, CH-series), และกำลังพัฒนากองเรือทะเลหลวงที่ทันสมัย * **ความก้าวหน้าล่าสุด:** การทดสอบอาวุธไฮเปอร์โซนิกที่สร้างความประหลาดใจให้วงการ, การขยายขีดความสามารถทางไซเบอร์และอวกาศ 3. **รัสเซีย:** * **จุดแข็ง:** แม้เศรษฐกิจมีข้อจำกัด แต่ยังคงเน้นการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่เพื่อรักษาความสมดุล, มีอาวุธไฮเปอร์โซนิกที่ประจำการแล้ว (เช่น Kinzhal, Avangard), ระบบป้องกันขีปนาวุธ (เช่น S-400, S-500), ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Warfare) ที่ทรงพลัง, และขีปนาวุธพิสัยใกล้-กลางแม่นยำ * **สถานะปัจจุบัน:** การรุกรานยูเครนส่งผลกระทบต่อความสามารถทางการผลิตและอาจชะลอการพัฒนาบางส่วน แต่ก็แสดงให้เห็นการใช้ขีปนาวุธแม่นยำ (และความท้าทายของมัน) รวมถึงสงครามอิเล็กทรอนิกส์อย่างเข้มข้น 4. **ประเทศอื่นๆ ที่มีความก้าวหน้า:** * **อิสราเอล:** เป็นสุดยอดด้านเทคโนโลยีโดรน (UAVs/UCAVs), ระบบป้องกันขีปนาวุธ (Iron Dome, David's Sling, Arrow), สงครามไซเบอร์, ระบบ C4ISR (Command, Control, Communications, Computers, Intelligence, Surveillance, and Reconnaissance) และเทคโนโลยีภาคพื้นดินแม่นยำ * **สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี (และสหภาพยุโรป):** มีความเข้มแข็งด้านเทคโนโลยีทางการทหารโดยเฉพาะระบบอากาศยาน (รบกริปเพน, ราฟาเอล), เรือดำน้ำ, ระบบป้องกันขีปนาวุธ (ร่วมกับ NATO), เทคโนโลยีไซเบอร์ และกำลังร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เช่น ระบบอากาศยานรุ่นต่อไป (FCAS), รถถังหลักใหม่ (MGCS) **ผลดีของเทคโนโลยีทางทหารที่รวดเร็วและแม่นยำ:** 1. **เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันประเทศ:** ป้องกันภัยคุกคามได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำกว่าเดิม 2. **ลดความเสียหายพลเรือน (ในทางทฤษฎี):** ความแม่นยำสูง *ควรจะ* ลดการโจมตีพลาดเป้าและความสูญเสียของพลเรือนได้ 3. **เพิ่มขีดความสามารถในการป้องปราม:** การมีอาวุธที่รวดเร็ว แม่นยำ และยากต่อการสกัดกั้น (เช่น ไฮเปอร์โซนิก) ทำให้ศัตรูต้องคิดหนักก่อนจะโจมตี 4. **เพิ่มประสิทธิภาพในการรบ:** ระบบ C4ISR และเครือข่ายการรบช่วยให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้นและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ 5. **ลดความสูญเสียของทหาร:** การใช้โดรนหรือระบบอัตโนมัติสามารถลดการส่งทหารเข้าไปในพื้นที่อันตรายโดยตรง **ผลเสียและความท้าทายของเทคโนโลยีทางทหารที่รวดเร็วและแม่นยำ:** 1. **ความเสี่ยงต่อการแข่งขันทางการ bewaffnung (Arms Race):** ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วกระตุ้นให้ประเทศคู่แข่งเร่งพัฒนาตาม นำไปสู่การแข่งขันที่สิ้นเปลืองและเพิ่มความตึงเครียดระหว่างประเทศ 2. **ความท้าทายด้านเสถียรภาพเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Stability):** อาวุธที่รวดเร็วมาก (เช่น ไฮเปอร์โซนิก) และระบบป้องกันขีปนาวุธ อาจลดเวลาในการตัดสินใจตอบโต้ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเข้าใจผิดว่าเป็นการโจมตีครั้งแรก (First Strike) ในช่วงวิกฤต 3. **ความซับซ้อนของสงครามไซเบอร์และอวกาศ:** เทคโนโลยีทหารสมัยใหม่พึ่งพาระบบดิจิทัล ดาวเทียม และเครือข่ายการสื่อสาร ซึ่งเปราะบางต่อการโจมตีทางไซเบอร์และการทำสงครามในอวกาศ 4. **ความท้าทายด้านจริยธรรมและกฎหมาย (โดยเฉพาะระบบอัตโนมัติ):** * **อาวุธอัตโนมัติร้ายแรง (Lethal Autonomous Weapons Systems - LAWS):** การที่เครื่องจักรตัดสินใจใช้กำลังร้ายแรงโดยมนุษย์ควบคุมน้อยเกินไป ก่อให้เกิดคำถามจริยธรรมใหญ่หลวงเรื่องความรับผิดชอบ การควบคุม และการปกป้องพลเรือน * **การลดอุปสรรคในการใช้กำลัง:** ความแม่นยำและความ "สะอาด" (ในทางทฤษฎี) ของอาวุธอาจทำให้ผู้นำทางการเมืองตัดสินใจใช้กำลังทางทหารได้ง่ายขึ้น 5. **ค่าใช้จ่ายมหาศาล:** การวิจัย พัฒนา และจัดหาอาวุธเทคโนโลยีสูงเหล่านี้ใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนมาก ซึ่งอาจเบียดบังงบประมาณสาธารณะด้านอื่นๆ เช่น สาธารณสุข การศึกษา 6. **ความเสี่ยงต่อการแพร่กระจาย:** เทคโนโลยีบางส่วนอาจรั่วไหลหรือถูกถ่ายทอดไปยังรัฐหรือกลุ่มที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้เกิดความไม่มั่นคงในภูมิภาคต่างๆ **สรุป:** สหรัฐฯ จีน และรัสเซีย เป็นผู้นำหลักในเทคโนโลยีการทหารที่รวดเร็วและแม่นยำ โดยมีอิสราเอลและชาติยุโรปชั้นนำเป็นผู้เล่นสำคัญในด้านเฉพาะทาง แม้เทคโนโลยีเหล่านี้จะเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันประเทศ ป้องปราม และ *มีศักยภาพ* ในการลดความเสียหายพลเรือนได้อย่างมาก แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายและความเสี่ยงครั้งใหม่ที่ร้ายแรงไม่แพ้กัน ทั้งในด้านการแข่งขัน bewaffnung เสถียรภาพเชิงยุทธศาสตร์ จริยธรรม (โดยเฉพาะเรื่องอาวุธอัตโนมัติ) และงบประมาณ การบริหารจัดการความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทหารควบคู่ไปกับการทูตและการควบคุม bewaffnung จึงมีความสำคัญยิ่งต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของโลกในระยะยาว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 349 มุมมอง 0 รีวิว
  • โรงงาน Oppama ของ Nissan ที่เมืองโยโกสุกะ เป็นหนึ่งในสายการผลิตหลักมายาวนาน และมีพนักงานกว่า 3,900 คน แต่ในช่วงหลังบริษัทเริ่มประสบปัญหาในการบริหารต้นทุน จนมีแผนจะ “รวมสายการผลิต” ซึ่งหมายถึง…อาจต้องปิดโรงงานนี้

    แล้วอยู่ ๆ ก็มีไอเดียใหม่โผล่มา — แทนที่จะปล่อยให้สายการผลิตว่างเปล่า ทำไมไม่ให้ Foxconn (ผู้ผลิต iPhone และเจ้าของแบรนด์ EV อย่าง Foxtron) เข้ามาใช้สายพานนี้ผลิต EV แทน?

    Nikkei รายงานว่าทั้งสองบริษัทกำลังเจรจาจริงจัง → ถ้าดีลนี้เกิดขึ้น โรงงาน Oppama จะไม่ต้องปิด → งานของพนักงานหลายพันคนอาจปลอดภัย → แถม Nissan ยังได้ใช้เครือข่ายซัพพลายญี่ปุ่นต่อไป

    Nissan เจรจากับ Foxconn เพื่อผลิตรถ EV แบรนด์ Foxconn ในโรงงาน Oppama  
    • เป็นหนึ่งในแนวทาง “กู้ชีพ” โรงงานที่ถูกพิจารณาปิด  
    • สายการผลิตของโรงงานกำลังว่างและรอแผนใหม่

    โรงงาน Oppama มีพนักงานประมาณ 3,900 คน  
    • หากไม่มีดีล อาจเสี่ยงต่อการปลดพนักงานจำนวนมาก

    Foxconn เป็นผู้ผลิต iPhone ที่กำลังรุกธุรกิจ EV ภายใต้ชื่อ Foxtron  
    • กำลังหาโรงงานผลิตภายนอกไต้หวัน–จีน  
    • การเข้ามาใช้ฐานผลิตในญี่ปุ่นถือว่าน่าสนใจ

    แนวคิดนี้อาจช่วยคงซัพพลายเชนท้องถิ่นของญี่ปุ่น  
    • รักษา supplier network ของ Nissan ไว้ได้  
    • สร้างงานให้กับ ecosystem ท้องถิ่น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/06/nissan-considers-foxconn-ev-output-to-save-oppama-from-closure-nikkei-says
    โรงงาน Oppama ของ Nissan ที่เมืองโยโกสุกะ เป็นหนึ่งในสายการผลิตหลักมายาวนาน และมีพนักงานกว่า 3,900 คน แต่ในช่วงหลังบริษัทเริ่มประสบปัญหาในการบริหารต้นทุน จนมีแผนจะ “รวมสายการผลิต” ซึ่งหมายถึง…อาจต้องปิดโรงงานนี้ แล้วอยู่ ๆ ก็มีไอเดียใหม่โผล่มา — แทนที่จะปล่อยให้สายการผลิตว่างเปล่า ทำไมไม่ให้ Foxconn (ผู้ผลิต iPhone และเจ้าของแบรนด์ EV อย่าง Foxtron) เข้ามาใช้สายพานนี้ผลิต EV แทน? Nikkei รายงานว่าทั้งสองบริษัทกำลังเจรจาจริงจัง → ถ้าดีลนี้เกิดขึ้น โรงงาน Oppama จะไม่ต้องปิด → งานของพนักงานหลายพันคนอาจปลอดภัย → แถม Nissan ยังได้ใช้เครือข่ายซัพพลายญี่ปุ่นต่อไป ✅ Nissan เจรจากับ Foxconn เพื่อผลิตรถ EV แบรนด์ Foxconn ในโรงงาน Oppama   • เป็นหนึ่งในแนวทาง “กู้ชีพ” โรงงานที่ถูกพิจารณาปิด   • สายการผลิตของโรงงานกำลังว่างและรอแผนใหม่ ✅ โรงงาน Oppama มีพนักงานประมาณ 3,900 คน   • หากไม่มีดีล อาจเสี่ยงต่อการปลดพนักงานจำนวนมาก ✅ Foxconn เป็นผู้ผลิต iPhone ที่กำลังรุกธุรกิจ EV ภายใต้ชื่อ Foxtron   • กำลังหาโรงงานผลิตภายนอกไต้หวัน–จีน   • การเข้ามาใช้ฐานผลิตในญี่ปุ่นถือว่าน่าสนใจ ✅ แนวคิดนี้อาจช่วยคงซัพพลายเชนท้องถิ่นของญี่ปุ่น   • รักษา supplier network ของ Nissan ไว้ได้   • สร้างงานให้กับ ecosystem ท้องถิ่น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/06/nissan-considers-foxconn-ev-output-to-save-oppama-from-closure-nikkei-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Nissan considers Foxconn EV output to save Oppama from closure, Nikkei says
    TOKYO (Reuters) -Nissan Motor is in discussions with Taiwan's Foxconn about a collaboration in electric vehicles that could save its Oppama plant in Japan from closure, the Nikkei business daily reported on Sunday, citing an unidentified Nissan source.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าเรามอง mini PC แบบเดิมว่าเล็กน่ารักไว้แค่ทำงานเบา ๆ…อันนี้คือคนละโลกเลยครับ Abee AI Station มาในขนาดตัวเครื่อง 21x22x15 ซม. เท่านั้น — แต่ภายในยัดชิป Ryzen AI Max 395 (Strix Halo) ที่มี 16 คอร์ 32 เธรด + AI NPU แรงระดับ 126 TOPS + GPU Radeon 8600S ความเร็ว 2900MHz และหน่วยความจำรวมถึง 128GB LPDDR5X @8000MT/s กับ GPU memory shared ได้สูงสุดถึง 96GB

    แถมยังใช้ liquid cooling แบบครบชุด มีหม้อน้ำเล็ก ๆ, ปั๊มน้ำในตัว, และพัดลม 92mm คู่ → รองรับการ inferencing model AI ขนาดใหญ่ในเครื่องเดียว ไม่ต้องเชื่อมต่อคลาวด์ → PSU ก็จัดให้ในตัว 400W (Platinum-rated)

    นอกจากนี้ยังมากับ เมนบอร์ดแบบ ATX12VO custom, รองรับ LAN 2.5GbE และ 10GbE, จอ AOC QHD 27 นิ้ว, กล้อง V700, และชุดคีย์บอร์ด–เมาส์ไร้สายครบเซต

    แม้ยังไม่มี benchmark ภาคสนาม แต่สเปกแบบนี้เรียกได้ว่า “เกินหน้า Mac Studio M2 Ultra” ไปพอสมควรเลยครับ โดยเฉพาะถ้าเน้นใช้งาน AI inference ภายในแบบ local ไม่ต้องพึ่งคลาวด์

    Abee เปิดตัว Mini PC ชื่อ AI Station ที่ใช้ชิป Ryzen AI Max 395 (Strix Halo)  
    • 16 คอร์ 32 เธรด, Boost ได้ถึง 5.1GHz  
    • NPU รองรับ 126 TOPS, เป็นระดับสูงสุดของฝั่ง AMD ตอนนี้

    มี GPU Radeon 8600S ทำงานที่ 2900MHz + shared memory ได้ถึง 96GB  
    • GPU ในตัว APU แต่แรงพอตัวสำหรับ inferencing

    RAM 128GB LPDDR5X @8000MT/s แบบฝัง (soldered)  
    • เน้นประสิทธิภาพสูง แต่ไม่สามารถอัปเกรดภายหลังได้

    ระบบระบายความร้อนแบบน้ำ ขนาดเล็กในตัวเครื่อง + พัดลม 92mm 2 ตัว  
    • ปั๊มน้ำอยู่บน APU โดยตรง

    PSU แบบ Flex ATX กำลังไฟ 400W ในเครื่อง + เมนบอร์ด ATX12VO แบบ custom  
    • ไม่มีพอร์ตไฟ 24-pin แบบเดิม

    มี LAN 2.5Gbps และ 10Gbps + จอ QHD + กล้อง + คีย์บอร์ด–เมาส์ เป็น Ecosystem พร้อมใช้

    เหมาะกับการรัน AI model ขนาดกลาง–ใหญ่ แบบ local (ไม่ต้องใช้ cloud)  
    • ใช้ได้ทั้ง inference, fine-tune, และ edge AI

    https://www.techradar.com/pro/chinese-vendor-launches-liquid-cooled-mini-pc-powered-by-amds-most-powerful-ai-processor-with-a-built-in-400w-psu
    ถ้าเรามอง mini PC แบบเดิมว่าเล็กน่ารักไว้แค่ทำงานเบา ๆ…อันนี้คือคนละโลกเลยครับ Abee AI Station มาในขนาดตัวเครื่อง 21x22x15 ซม. เท่านั้น — แต่ภายในยัดชิป Ryzen AI Max 395 (Strix Halo) ที่มี 16 คอร์ 32 เธรด + AI NPU แรงระดับ 126 TOPS + GPU Radeon 8600S ความเร็ว 2900MHz และหน่วยความจำรวมถึง 128GB LPDDR5X @8000MT/s กับ GPU memory shared ได้สูงสุดถึง 96GB แถมยังใช้ liquid cooling แบบครบชุด มีหม้อน้ำเล็ก ๆ, ปั๊มน้ำในตัว, และพัดลม 92mm คู่ → รองรับการ inferencing model AI ขนาดใหญ่ในเครื่องเดียว ไม่ต้องเชื่อมต่อคลาวด์ → PSU ก็จัดให้ในตัว 400W (Platinum-rated) นอกจากนี้ยังมากับ เมนบอร์ดแบบ ATX12VO custom, รองรับ LAN 2.5GbE และ 10GbE, จอ AOC QHD 27 นิ้ว, กล้อง V700, และชุดคีย์บอร์ด–เมาส์ไร้สายครบเซต แม้ยังไม่มี benchmark ภาคสนาม แต่สเปกแบบนี้เรียกได้ว่า “เกินหน้า Mac Studio M2 Ultra” ไปพอสมควรเลยครับ โดยเฉพาะถ้าเน้นใช้งาน AI inference ภายในแบบ local ไม่ต้องพึ่งคลาวด์ ✅ Abee เปิดตัว Mini PC ชื่อ AI Station ที่ใช้ชิป Ryzen AI Max 395 (Strix Halo)   • 16 คอร์ 32 เธรด, Boost ได้ถึง 5.1GHz   • NPU รองรับ 126 TOPS, เป็นระดับสูงสุดของฝั่ง AMD ตอนนี้ ✅ มี GPU Radeon 8600S ทำงานที่ 2900MHz + shared memory ได้ถึง 96GB   • GPU ในตัว APU แต่แรงพอตัวสำหรับ inferencing ✅ RAM 128GB LPDDR5X @8000MT/s แบบฝัง (soldered)   • เน้นประสิทธิภาพสูง แต่ไม่สามารถอัปเกรดภายหลังได้ ✅ ระบบระบายความร้อนแบบน้ำ ขนาดเล็กในตัวเครื่อง + พัดลม 92mm 2 ตัว   • ปั๊มน้ำอยู่บน APU โดยตรง ✅ PSU แบบ Flex ATX กำลังไฟ 400W ในเครื่อง + เมนบอร์ด ATX12VO แบบ custom   • ไม่มีพอร์ตไฟ 24-pin แบบเดิม ✅ มี LAN 2.5Gbps และ 10Gbps + จอ QHD + กล้อง + คีย์บอร์ด–เมาส์ เป็น Ecosystem พร้อมใช้ ✅ เหมาะกับการรัน AI model ขนาดกลาง–ใหญ่ แบบ local (ไม่ต้องใช้ cloud)   • ใช้ได้ทั้ง inference, fine-tune, และ edge AI https://www.techradar.com/pro/chinese-vendor-launches-liquid-cooled-mini-pc-powered-by-amds-most-powerful-ai-processor-with-a-built-in-400w-psu
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้องบอกว่า Nvidia ไม่ได้แค่เปิดตัว Grace Blackwell แล้วให้รอกันเป็นปีนะครับ — เพราะตอนนี้ Dell ส่งมอบ “เครื่องจริง” ให้ CoreWeave ใช้งานแล้ว
    → ติดตั้งที่ศูนย์ข้อมูลของ Switch
    → ใช้แร็กแบบ NVL72: ในหนึ่งแร็กมี
     • 72 GPU (Blackwell Ultra)
     • 36 CPU (Grace 72-core)
      • 36 DPU (BlueField)
    → พร้อมเมโมรี HBM3E 20TB และ RAM รวม 40TB
    → แร็กเดียวให้พลัง inferencing 1.1 ExaFLOPS (FP4) และ training 0.36 ExaFLOPS (FP8)
    → ใช้น้ำระบายความร้อน เพราะกินไฟถึง 1,400W ต่อ GPU

    ระบบนี้ยังต่อกันด้วย Nvidia Quantum-X800 InfiniBand และ ConnectX-8 SuperNICs ให้ความเร็วระดับ 14.4 GB/s — แรงกว่า GB200 NVL72 เดิมถึง 2 เท่าในการสื่อสารระหว่างแร็ก

    สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ... → Dell กับ CoreWeave พึ่งติดตั้ง GB200 NVL72 ไปเมื่อ 7 เดือนก่อน แต่ก็อัปเกรดเป็น GB300 Ultra เลย แสดงว่า demand แรงมาก และตลาดไม่รอของเก่าอีกแล้ว

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidias-newest-top-tier-ai-supercomputers-deployed-for-the-first-time-grace-blackwell-ultra-superchip-systems-deployed-at-coreweave
    ต้องบอกว่า Nvidia ไม่ได้แค่เปิดตัว Grace Blackwell แล้วให้รอกันเป็นปีนะครับ — เพราะตอนนี้ Dell ส่งมอบ “เครื่องจริง” ให้ CoreWeave ใช้งานแล้ว → ติดตั้งที่ศูนย์ข้อมูลของ Switch → ใช้แร็กแบบ NVL72: ในหนึ่งแร็กมี  • 72 GPU (Blackwell Ultra)  • 36 CPU (Grace 72-core)   • 36 DPU (BlueField) → พร้อมเมโมรี HBM3E 20TB และ RAM รวม 40TB 🔥 → แร็กเดียวให้พลัง inferencing 1.1 ExaFLOPS (FP4) และ training 0.36 ExaFLOPS (FP8) → ใช้น้ำระบายความร้อน เพราะกินไฟถึง 1,400W ต่อ GPU 😮💧 ระบบนี้ยังต่อกันด้วย Nvidia Quantum-X800 InfiniBand และ ConnectX-8 SuperNICs ให้ความเร็วระดับ 14.4 GB/s — แรงกว่า GB200 NVL72 เดิมถึง 2 เท่าในการสื่อสารระหว่างแร็ก สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ... → Dell กับ CoreWeave พึ่งติดตั้ง GB200 NVL72 ไปเมื่อ 7 เดือนก่อน แต่ก็อัปเกรดเป็น GB300 Ultra เลย แสดงว่า demand แรงมาก และตลาดไม่รอของเก่าอีกแล้ว https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidias-newest-top-tier-ai-supercomputers-deployed-for-the-first-time-grace-blackwell-ultra-superchip-systems-deployed-at-coreweave
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • Jim Farley ซีอีโอของ Ford กล่าวในงาน Aspen Ideas Festival ว่า “ในอีกไม่กี่ปี AI อาจแทนที่งานของพนักงานสาย white-collar ได้ถึงครึ่งหนึ่งทั่วสหรัฐฯ” — โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับเอกสาร, การวิเคราะห์, การเขียนรายงาน, งานธุรการ หรือแม้แต่งานด้านกฎหมายและการเงิน

    เขาไม่ได้พูดคนเดียวครับ — บิ๊กเทคอย่าง Amazon, Spotify, Fiverr, Moderna, Anthropic และแม้แต่ JPMorgan Chase ต่างก็เตือนในทางเดียวกัน:
    - CEO ของ Amazon บอกว่า “หลายตำแหน่งจะหายไป” แต่จะมีโอกาสใหม่เกิดในสายงาน STEM และ Robotics
    - CEO ของ Anthropic ถึงขั้นคาดว่า "AI จะลบงานระดับเริ่มต้น (entry-level white-collar) ไปครึ่งหนึ่งใน 5 ปี" และอาจเพิ่มอัตราการว่างงาน 10-20%
    - CPO ของ Anthropic ยังบอกว่า “ลังเลที่จะจ้างเด็กจบใหม่” เพราะไม่แน่ใจว่างานที่พวกเขาทำจะยังอยู่ไหม
    - CEO ของ Fiverr, Spotify, Moderna ต่างก็พูดในทำนองเดียวกันว่า “แม้แต่งานสายเทคที่ดูรอด ก็ไม่รอด”

    ฝั่งคนทำงานเองก็เริ่มหวั่น — รายงานจาก PYMNTs (พฤษภาคม 2025) พบว่า คนอเมริกัน 54% มองว่า AI กำลังคุกคามงานของพวกเขา และยิ่งเรียนสูง–เก่งเทค ยิ่งกลัวหนัก

    ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามอย่าง Jensen Huang (CEO ของ Nvidia) กลับบอกว่า “การมองว่า AI จะลบงานเป็นเรื่องเว่อร์เกินจริง” และสนับสนุนให้พัฒนาร่วมกันอย่างโปร่งใส

    Ford CEO เตือนว่า AI อาจแทนงาน white-collar ครึ่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาในไม่กี่ปี  
    • โดยเฉพาะสายงานวิเคราะห์, เอกสาร, บริหาร ฯลฯ

    Amazon, Anthropic, Fiverr, Spotify, JPMorgan, และ Moderna แสดงความกังวลเช่นกัน  
    • Anthropic คาดการว่างงานอาจเพิ่ม 10-20% ภายใน 5 ปี  
    • CEO ของบางบริษัทเริ่ม “หยุดจ้างเด็กจบใหม่” เพราะไม่แน่ใจอนาคตตำแหน่งงาน

    งานที่ AI อาจแทนที่ได้ รวมถึง:  
    • โปรแกรมเมอร์, นักออกแบบ, ผู้จัดการผลิตภัณฑ์  
    • นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล, ทนายความ, ฝ่ายซัพพอร์ต, ฝ่ายขาย, นักวิเคราะห์การเงิน

    Moderna ตั้งเป้า “ไม่ต้องการพนักงานมากกว่าหลักพันคน” เพราะใช้ AI  
    • จากเดิมที่บริษัทในระดับเดียวกันอาจมีคนเป็นหมื่น

    ผลสำรวจในสหรัฐฯ พ.ค. 2025 พบว่า 54% ของพนักงานเชื่อว่า AI กำลังคุกคามงานของตน  
    • โดยกลุ่มที่เรียนสูงและทำงานสายเทคมีความกังวลมากที่สุด

    มีเพียง Jensen Huang (CEO ของ Nvidia) ที่ออกมาบอกว่า “มองโลกในแง่ร้ายเกินไป”

    https://www.techspot.com/news/108552-ford-ceo-warns-generative-ai-could-eliminate-half.html
    Jim Farley ซีอีโอของ Ford กล่าวในงาน Aspen Ideas Festival ว่า “ในอีกไม่กี่ปี AI อาจแทนที่งานของพนักงานสาย white-collar ได้ถึงครึ่งหนึ่งทั่วสหรัฐฯ” — โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับเอกสาร, การวิเคราะห์, การเขียนรายงาน, งานธุรการ หรือแม้แต่งานด้านกฎหมายและการเงิน เขาไม่ได้พูดคนเดียวครับ — บิ๊กเทคอย่าง Amazon, Spotify, Fiverr, Moderna, Anthropic และแม้แต่ JPMorgan Chase ต่างก็เตือนในทางเดียวกัน: - CEO ของ Amazon บอกว่า “หลายตำแหน่งจะหายไป” แต่จะมีโอกาสใหม่เกิดในสายงาน STEM และ Robotics - CEO ของ Anthropic ถึงขั้นคาดว่า "AI จะลบงานระดับเริ่มต้น (entry-level white-collar) ไปครึ่งหนึ่งใน 5 ปี" และอาจเพิ่มอัตราการว่างงาน 10-20% - CPO ของ Anthropic ยังบอกว่า “ลังเลที่จะจ้างเด็กจบใหม่” เพราะไม่แน่ใจว่างานที่พวกเขาทำจะยังอยู่ไหม - CEO ของ Fiverr, Spotify, Moderna ต่างก็พูดในทำนองเดียวกันว่า “แม้แต่งานสายเทคที่ดูรอด ก็ไม่รอด” ฝั่งคนทำงานเองก็เริ่มหวั่น — รายงานจาก PYMNTs (พฤษภาคม 2025) พบว่า คนอเมริกัน 54% มองว่า AI กำลังคุกคามงานของพวกเขา และยิ่งเรียนสูง–เก่งเทค ยิ่งกลัวหนัก ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามอย่าง Jensen Huang (CEO ของ Nvidia) กลับบอกว่า “การมองว่า AI จะลบงานเป็นเรื่องเว่อร์เกินจริง” และสนับสนุนให้พัฒนาร่วมกันอย่างโปร่งใส ✅ Ford CEO เตือนว่า AI อาจแทนงาน white-collar ครึ่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาในไม่กี่ปี   • โดยเฉพาะสายงานวิเคราะห์, เอกสาร, บริหาร ฯลฯ ✅ Amazon, Anthropic, Fiverr, Spotify, JPMorgan, และ Moderna แสดงความกังวลเช่นกัน   • Anthropic คาดการว่างงานอาจเพิ่ม 10-20% ภายใน 5 ปี   • CEO ของบางบริษัทเริ่ม “หยุดจ้างเด็กจบใหม่” เพราะไม่แน่ใจอนาคตตำแหน่งงาน ✅ งานที่ AI อาจแทนที่ได้ รวมถึง:   • โปรแกรมเมอร์, นักออกแบบ, ผู้จัดการผลิตภัณฑ์   • นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล, ทนายความ, ฝ่ายซัพพอร์ต, ฝ่ายขาย, นักวิเคราะห์การเงิน ✅ Moderna ตั้งเป้า “ไม่ต้องการพนักงานมากกว่าหลักพันคน” เพราะใช้ AI   • จากเดิมที่บริษัทในระดับเดียวกันอาจมีคนเป็นหมื่น ✅ ผลสำรวจในสหรัฐฯ พ.ค. 2025 พบว่า 54% ของพนักงานเชื่อว่า AI กำลังคุกคามงานของตน   • โดยกลุ่มที่เรียนสูงและทำงานสายเทคมีความกังวลมากที่สุด ✅ มีเพียง Jensen Huang (CEO ของ Nvidia) ที่ออกมาบอกว่า “มองโลกในแง่ร้ายเกินไป” https://www.techspot.com/news/108552-ford-ceo-warns-generative-ai-could-eliminate-half.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Ford CEO joins list of execs warning AI could eliminate millions of white-collar jobs
    Farley did not elaborate on his views, but he is hardly the only Fortune 500 CEO who believes AI could spell trouble for educated white-collar workers. Leaders...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุโรปเป็นภูมิภาคแรกของโลกที่ออกกฎหมาย AI แบบครอบคลุมทั้งระบบ โดยเรียกว่า AI Act ซึ่งเน้นความปลอดภัย–ความโปร่งใส–และสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก

    ฟังดูดีใช่ไหมครับ?

    แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ในยุโรปหลายแห่งกลับบอกว่า... “มันดีเกินไปจนทำให้นวัตกรรมไปไม่ถึงไหน” → เพราะกฎที่ซับซ้อน อาจทำให้สตาร์ทอัพ–องค์กรขนาดกลาง ไปจนถึง “European Champion” อย่าง Airbus หรือ ASML ไม่สามารถพัฒนา–ใช้งาน–ทดสอบ AI ได้ทันคู่แข่งในจีนและสหรัฐฯ → พวกเขาเลยเสนอให้ “หยุดพัก 2 ปี” สำหรับข้อบังคับที่เกี่ยวกับ AI แบบ “General-purpose” (เช่น ChatGPT, Gemini, Le Chat) และ AI แบบ “High-risk” (เช่น AI ในระบบสุขภาพ, กฎหมาย, ความมั่นคง)

    โดยเฉพาะกฎของ EU ที่ให้ AI ที่เสี่ยงต่อสุขภาพหรือสิทธิผู้ใช้ ต้องผ่านมาตรฐานหลายขั้นมาก (risk-based approach) → ยังไม่มีกำหนดแน่ชัดของ “code of practice” สำหรับ General-purpose AI ด้วยซ้ำ → แถมประธานาธิบดี Donald Trump และรองประธาน JD Vance ของสหรัฐฯ ยังเคยวิจารณ์ AI Act ว่า “เข้มจนเป็นภัยต่อการแข่งขัน”

    46 บริษัทใหญ่ของยุโรปยื่นจดหมายขอให้ EU ชะลอกฎหมาย AI Act ออกไป 2 ปี  
    • รวมถึง Airbus (ฝรั่งเศส), ASML (เนเธอร์แลนด์), Lufthansa และ Mercedes-Benz (เยอรมนี), Mistral (AI จากฝรั่งเศส)

    เสนอให้เลื่อนข้อกำหนด 2 กลุ่มหลักออกไปก่อน:  
    • General-purpose AI models (เช่น GPT, Gemini, Le Chat): เดิมจะเริ่มเดือนสิงหาคม 2025  
    • High-risk AI systems: เดิมจะเริ่มเดือนสิงหาคม 2026

    ให้เหตุผลว่ากฎเหล่านี้ “ทำลายความสามารถในการแข่งขันเชิงอุตสาหกรรม”  
    • ทั้งในด้านความเร็ว, งบวิจัย, การทดสอบ, และการสเกลโมเดลไปใช้จริง

    AI Act ใช้หลัก “ความเสี่ยงสูง–ความรับผิดสูง” (risk-based approach)  
    • ถ้าใช้ AI ในระบบสุขภาพ, กฎหมาย, ระบบคะแนนสังคม → ต้องผ่านเกณฑ์เข้มมาก  
    • General-purpose AI ยังไม่มี code of practice อย่างเป็นทางการ

    คณะกรรมาธิการยุโรปจะเผยแพร่แนวปฏิบัติ (code of practice) สำหรับ GPAI ภายในกรกฎาคม 2025 นี้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/european-companies-urge-eu-to-delay-ai-rules
    ยุโรปเป็นภูมิภาคแรกของโลกที่ออกกฎหมาย AI แบบครอบคลุมทั้งระบบ โดยเรียกว่า AI Act ซึ่งเน้นความปลอดภัย–ความโปร่งใส–และสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก ฟังดูดีใช่ไหมครับ? แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ในยุโรปหลายแห่งกลับบอกว่า... “มันดีเกินไปจนทำให้นวัตกรรมไปไม่ถึงไหน” → เพราะกฎที่ซับซ้อน อาจทำให้สตาร์ทอัพ–องค์กรขนาดกลาง ไปจนถึง “European Champion” อย่าง Airbus หรือ ASML ไม่สามารถพัฒนา–ใช้งาน–ทดสอบ AI ได้ทันคู่แข่งในจีนและสหรัฐฯ → พวกเขาเลยเสนอให้ “หยุดพัก 2 ปี” สำหรับข้อบังคับที่เกี่ยวกับ AI แบบ “General-purpose” (เช่น ChatGPT, Gemini, Le Chat) และ AI แบบ “High-risk” (เช่น AI ในระบบสุขภาพ, กฎหมาย, ความมั่นคง) โดยเฉพาะกฎของ EU ที่ให้ AI ที่เสี่ยงต่อสุขภาพหรือสิทธิผู้ใช้ ต้องผ่านมาตรฐานหลายขั้นมาก (risk-based approach) → ยังไม่มีกำหนดแน่ชัดของ “code of practice” สำหรับ General-purpose AI ด้วยซ้ำ → แถมประธานาธิบดี Donald Trump และรองประธาน JD Vance ของสหรัฐฯ ยังเคยวิจารณ์ AI Act ว่า “เข้มจนเป็นภัยต่อการแข่งขัน” ✅ 46 บริษัทใหญ่ของยุโรปยื่นจดหมายขอให้ EU ชะลอกฎหมาย AI Act ออกไป 2 ปี   • รวมถึง Airbus (ฝรั่งเศส), ASML (เนเธอร์แลนด์), Lufthansa และ Mercedes-Benz (เยอรมนี), Mistral (AI จากฝรั่งเศส) ✅ เสนอให้เลื่อนข้อกำหนด 2 กลุ่มหลักออกไปก่อน:   • General-purpose AI models (เช่น GPT, Gemini, Le Chat): เดิมจะเริ่มเดือนสิงหาคม 2025   • High-risk AI systems: เดิมจะเริ่มเดือนสิงหาคม 2026 ✅ ให้เหตุผลว่ากฎเหล่านี้ “ทำลายความสามารถในการแข่งขันเชิงอุตสาหกรรม”   • ทั้งในด้านความเร็ว, งบวิจัย, การทดสอบ, และการสเกลโมเดลไปใช้จริง ✅ AI Act ใช้หลัก “ความเสี่ยงสูง–ความรับผิดสูง” (risk-based approach)   • ถ้าใช้ AI ในระบบสุขภาพ, กฎหมาย, ระบบคะแนนสังคม → ต้องผ่านเกณฑ์เข้มมาก   • General-purpose AI ยังไม่มี code of practice อย่างเป็นทางการ ✅ คณะกรรมาธิการยุโรปจะเผยแพร่แนวปฏิบัติ (code of practice) สำหรับ GPAI ภายในกรกฎาคม 2025 นี้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/european-companies-urge-eu-to-delay-ai-rules
    WWW.THESTAR.COM.MY
    European companies urge EU to delay AI rules
    Dozens of Europe's biggest companies urged the EU to hit the pause button on its landmark AI rules on July 3, warning that going too fast could harm the bloc's ability to lead in the global AI race.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts