• “Google One UK ตัดสิทธิ์ Home Premium และ Fitbit — ผู้ใช้ต้องจ่ายเพิ่มเกือบ 3 เท่าเพื่อฟีเจอร์เดิม”

    ผู้ใช้ Google One ในสหราชอาณาจักรกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อ Google ประกาศว่าจะถอดสิทธิ์การใช้งาน Google Home Premium และ Fitbit Premium ออกจากแผน Google One ขนาด 2TB ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2026 เป็นต้นไป ซึ่งหมายความว่า ผู้ใช้จะต้องสมัครแผนใหม่ที่มีราคาสูงกว่าเดิมอย่างมาก หากต้องการใช้งานฟีเจอร์เดิมต่อไป

    เดิมที Google ได้รวมสิทธิ์ Home Premium (เดิมคือ Nest Aware) และ Fitbit Premium ไว้ในแผน Google One 2TB โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ขั้นสูงของกล้อง Nest เช่น การบันทึกวิดีโอย้อนหลังหลายวัน และการจดจำใบหน้า รวมถึงฟีเจอร์สุขภาพจาก Fitbit เช่น โปรแกรมออกกำลังกายแบบ AI และคำแนะนำรายวัน

    แต่หลังจากการอัปเกรดระบบ Gemini สำหรับ Google Home ซึ่งเพิ่มความสามารถด้าน AI เช่น การสั่งงานด้วยเสียงและการวิเคราะห์ภาพจากกล้องอัจฉริยะ Google ได้เปลี่ยนโครงสร้างการสมัครใหม่ โดยแยก Home Premium และ Fitbit Premium ออกมาเป็นบริการแบบเสียเงินแยกต่างหาก และเสนอให้ผู้ใช้ Google One อัปเกรดเป็นแผน Google AI Pro ที่มีราคาสูงถึง £18.99 ต่อเดือน

    เพื่อบรรเทาความไม่พอใจ Google เสนอส่วนลด 50% สำหรับแผน AI Pro ในปีแรก เหลือเพียง £9.49 ต่อเดือน แต่หลังจากนั้นราคาจะกลับไปที่ระดับเต็ม ซึ่งสูงกว่าแผนเดิมถึงเกือบ 3 เท่า และยังไม่รวมฟีเจอร์ขั้นสูงบางอย่างที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก

    ผู้ใช้จำนวนมากแสดงความไม่พอใจ โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ Nest Cam และ Fitbit เป็นประจำ เพราะการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ฟีเจอร์ที่เคยใช้งานฟรีกลายเป็นสิ่งที่ต้องจ่ายเพิ่ม และบางคนเริ่มมองหาทางเลือกที่ไม่ต้องสมัครสมาชิก เช่น กล้องที่เก็บวิดีโอในเครื่อง หรือแอปสุขภาพที่ไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Google จะถอดสิทธิ์ Home Premium และ Fitbit Premium ออกจากแผน Google One 2TB ใน UK
    การเปลี่ยนแปลงมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2026
    ผู้ใช้ต้องอัปเกรดเป็นแผน Google AI Pro เพื่อใช้งานฟีเจอร์เดิม
    แผน AI Pro มีราคา £18.99 ต่อเดือน (ประมาณ $26)
    Google เสนอส่วนลด 50% สำหรับปีแรก เหลือ £9.49 ต่อเดือน
    ผู้ใช้จะได้รับเงินคืนแบบ prorated สำหรับยอดที่จ่ายล่วงหน้า
    ฟีเจอร์ Gemini สำหรับ Google Home จะเริ่มใช้งานใน UK ต้นปี 2026
    Google Home Premium แทนที่ Nest Aware และ Nest Aware Plus
    Fitbit Premium ให้สิทธิ์โปรแกรมออกกำลังกาย AI และคำแนะนำสุขภาพรายวัน
    การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลเฉพาะผู้ใช้ใน UK เท่านั้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Google One เปิดตัวในปี 2018 เพื่อรวมบริการคลาวด์และสิทธิพิเศษต่าง ๆ
    Nest Aware เคยให้การบันทึกวิดีโอย้อนหลังสูงสุด 60 วันในแผน Plus
    Fitbit Premium มีค่าบริการ £7.99 ต่อเดือน หากสมัครแยก
    Gemini สำหรับ Home สามารถวิเคราะห์ภาพจากกล้องและตอบคำถามด้วยเสียง
    ผู้ใช้ที่สมัครแผน AI Pro จะได้รับสิทธิ์ Gemini ใน Gmail, Docs และบริการอื่น ๆ

    https://www.techradar.com/home/smart-home/my-google-one-subscription-is-losing-two-big-features-and-its-another-sign-i-should-quit-google-products-forever
    🏠 “Google One UK ตัดสิทธิ์ Home Premium และ Fitbit — ผู้ใช้ต้องจ่ายเพิ่มเกือบ 3 เท่าเพื่อฟีเจอร์เดิม” ผู้ใช้ Google One ในสหราชอาณาจักรกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อ Google ประกาศว่าจะถอดสิทธิ์การใช้งาน Google Home Premium และ Fitbit Premium ออกจากแผน Google One ขนาด 2TB ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2026 เป็นต้นไป ซึ่งหมายความว่า ผู้ใช้จะต้องสมัครแผนใหม่ที่มีราคาสูงกว่าเดิมอย่างมาก หากต้องการใช้งานฟีเจอร์เดิมต่อไป เดิมที Google ได้รวมสิทธิ์ Home Premium (เดิมคือ Nest Aware) และ Fitbit Premium ไว้ในแผน Google One 2TB โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ขั้นสูงของกล้อง Nest เช่น การบันทึกวิดีโอย้อนหลังหลายวัน และการจดจำใบหน้า รวมถึงฟีเจอร์สุขภาพจาก Fitbit เช่น โปรแกรมออกกำลังกายแบบ AI และคำแนะนำรายวัน แต่หลังจากการอัปเกรดระบบ Gemini สำหรับ Google Home ซึ่งเพิ่มความสามารถด้าน AI เช่น การสั่งงานด้วยเสียงและการวิเคราะห์ภาพจากกล้องอัจฉริยะ Google ได้เปลี่ยนโครงสร้างการสมัครใหม่ โดยแยก Home Premium และ Fitbit Premium ออกมาเป็นบริการแบบเสียเงินแยกต่างหาก และเสนอให้ผู้ใช้ Google One อัปเกรดเป็นแผน Google AI Pro ที่มีราคาสูงถึง £18.99 ต่อเดือน เพื่อบรรเทาความไม่พอใจ Google เสนอส่วนลด 50% สำหรับแผน AI Pro ในปีแรก เหลือเพียง £9.49 ต่อเดือน แต่หลังจากนั้นราคาจะกลับไปที่ระดับเต็ม ซึ่งสูงกว่าแผนเดิมถึงเกือบ 3 เท่า และยังไม่รวมฟีเจอร์ขั้นสูงบางอย่างที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก ผู้ใช้จำนวนมากแสดงความไม่พอใจ โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ Nest Cam และ Fitbit เป็นประจำ เพราะการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ฟีเจอร์ที่เคยใช้งานฟรีกลายเป็นสิ่งที่ต้องจ่ายเพิ่ม และบางคนเริ่มมองหาทางเลือกที่ไม่ต้องสมัครสมาชิก เช่น กล้องที่เก็บวิดีโอในเครื่อง หรือแอปสุขภาพที่ไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Google จะถอดสิทธิ์ Home Premium และ Fitbit Premium ออกจากแผน Google One 2TB ใน UK ➡️ การเปลี่ยนแปลงมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2026 ➡️ ผู้ใช้ต้องอัปเกรดเป็นแผน Google AI Pro เพื่อใช้งานฟีเจอร์เดิม ➡️ แผน AI Pro มีราคา £18.99 ต่อเดือน (ประมาณ $26) ➡️ Google เสนอส่วนลด 50% สำหรับปีแรก เหลือ £9.49 ต่อเดือน ➡️ ผู้ใช้จะได้รับเงินคืนแบบ prorated สำหรับยอดที่จ่ายล่วงหน้า ➡️ ฟีเจอร์ Gemini สำหรับ Google Home จะเริ่มใช้งานใน UK ต้นปี 2026 ➡️ Google Home Premium แทนที่ Nest Aware และ Nest Aware Plus ➡️ Fitbit Premium ให้สิทธิ์โปรแกรมออกกำลังกาย AI และคำแนะนำสุขภาพรายวัน ➡️ การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลเฉพาะผู้ใช้ใน UK เท่านั้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Google One เปิดตัวในปี 2018 เพื่อรวมบริการคลาวด์และสิทธิพิเศษต่าง ๆ ➡️ Nest Aware เคยให้การบันทึกวิดีโอย้อนหลังสูงสุด 60 วันในแผน Plus ➡️ Fitbit Premium มีค่าบริการ £7.99 ต่อเดือน หากสมัครแยก ➡️ Gemini สำหรับ Home สามารถวิเคราะห์ภาพจากกล้องและตอบคำถามด้วยเสียง ➡️ ผู้ใช้ที่สมัครแผน AI Pro จะได้รับสิทธิ์ Gemini ใน Gmail, Docs และบริการอื่น ๆ https://www.techradar.com/home/smart-home/my-google-one-subscription-is-losing-two-big-features-and-its-another-sign-i-should-quit-google-products-forever
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • Highlight Words In Action : September 2025

    acrimony noun: sharpness, harshness, or bitterness of nature, speech, disposition, etc.

    From the headlines: European trade ministers gathered on July 14 to discuss the new U.S. tariffs, aiming to ease the acrimony between the EU and the Trump administration. While they planned potential countermeasures against the 30 percent tariffs, which they deemed “unacceptable,” they were united in favor of pursuing a negotiated agreement with the U.S. to maintain stable trade ties.

    adamant
    adjective: utterly unyielding in attitude or opinion in spite of all appeals, urgings, etc.

    From the headlines: Mars, the maker of M&M’s, Skittles, and other popular candies, remains adamant that it will only stop using synthetic dyes in its candy if legally required. While other food companies have announced plans to phase out artificial colors in items like Lucky Charms, Jell-O, and Kool-Aid, some candy manufacturers are holding firm. They argue that natural alternatives cost more and don’t deliver the same vibrant colors.

    aerial
    adjective: existing, living, growing, or operating in the air

    From the headlines: On June 29, Russia launched its largest aerial assault of the war in Ukraine, firing more missiles than in any previous attack since the beginning of the war in 2022. The strikes hit multiple Ukrainian cities, injuring at least a dozen people and damaging key infrastructure.

    autonomous
    adjective: existing as an independent entity

    From the headlines: Robots competed in a fully autonomous soccer tournament in Beijing, with four teams of three humanoid robots each operating solely under AI control. Although the idea was innovative, the robots had trouble with basic actions like kicking and staying balanced. Tsinghua University’s THU Robotics team clinched the championship by scoring five goals in the final round.

    bioluminescent
    adjective: pertaining to the production of light by living organisms

    From the headlines: A new research project will try to interpret the meaning of fireflies’ blinking. Scientists in Colorado enlisted the help of citizen observers to record videos of the bioluminescent insects at dusk. Researchers will eventually make a 3D map of where the glowing lights flash over time. While they know firefly blinks follow a deliberate pattern and are used to attract a mate, experts believe there is more to learn.

    bodega
    noun: a small, independent or family-owned grocery store, usually located in a densely populated urban environment

    From the headlines: A recent crime spree in New York City has targeted bodega ATMs. Thefts of cash machines have increased over the past five years, and New York’s small corner stores have been hit particularly hard. Three people are suspected of stealing almost $600,000 over six months by breaking into independent convenience stores, removing their ATMs, and driving away with them in stolen cars.

    contretemps
    noun: an inopportune occurrence; an embarrassing mischance

    From the headlines: After a contretemps between the Quebec Board of the French Language and Montreal’s transit agency, new rules grudgingly allow the use of the word “go” when cheering sports teams. The Board had objected to a Montreal Canadiens ad campaign that read “Go! Canadiens Go!” Tasked with preserving the province’s French heritage, the Board had been insisting on replacing the signs with “Allez! Canadiens Allez!”

    decorum
    noun: dignified propriety of behavior, speech, dress, etc.

    From the headlines: La Scala has introduced a new dress code requiring attendees to “choose clothing in keeping with the decorum of the theatre.” The renowned Milan opera house is codifying its long-standing policy discouraging attire like flip-flops, shorts, and tank tops. Guests are now expected to dress with elegance, honoring both the opera house’s refined ambiance and its storied cultural legacy.

    driftwood
    noun: pieces of trees that are floating on a body of water or have been washed ashore

    From the headlines: In rural Alaska, residents of some villages and small towns are continuing a long tradition by using driftwood for fuel and as energy-efficient siding for their homes. The pieces of wood, worn smooth by ocean waves or currents in rivers and streams, have been used this way by Indigenous Alaskans for thousands of years. Communities save money and protect the environment by reusing old trees or boards found floating in the water instead of buying lumber and logs.

    eavesdrop
    verb: to listen secretly to a private conversation

    From the headlines: Ecologists have found that long-billed curlews and other grassland nesters routinely eavesdrop on prairie dogs to dodge predators. Sharing a habitat where hawks, eagles, foxes, and other Great Plains animals lurk, the birds capitalize on the rodents’ warning calls. After eavesdropping on these distinctive calls, the curlews and other birds crouch or camouflage themselves until the threat has passed.

    emulate
    verb: to imitate with effort to equal or surpass

    From the headlines: Inspired by Paris’s recent success, cities across the globe are preparing to emulate its efforts to restore polluted urban rivers for public use. After a hundred-year swimming ban, Parisians can now take a dip in the once-contaminated Seine, thanks to more than a billion dollars spent on upgrades like sewer improvements and rainwater storage. Cities such as Berlin, Boston, New York, and London are developing similar plans to clean their waterways and make them safe for swimming once again.

    estuary
    noun: the part of the mouth or lower course of a river in which the river’s current meets the sea’s tide

    From the headlines: Florida Governor Ron DeSantis signed a bill that will ban oil drilling on the Apalachicola River. The river’s estuary is home to many endangered plants and animals, including the world’s largest stand of tupelo trees. The inlet is also the most important site in the state’s oyster industry. Environmentalists and fishermen supported the bill and pushed DeSantis to sign it.

    Fun fact: A Latin word meaning “boiling of the sea” is the root of estuary.

    gentrification
    noun: the buying and renovation of property in urban neighborhoods in a way that often displaces low-income families and small businesses

    From the headlines: Protesters in Mexico City say they’re angry about gentrification caused by large numbers of foreigners moving there since 2020. Locals say they have seen formerly affordable housing prices skyrocket as the numbers of short-term rentals and expats increase. Airbnb listings in the city have exploded to over 20,000, and Americans have arrived in particularly large numbers to buy and renovate houses. In the process, they say these factors have driven up costs for everyone, including local residents.

    hedonism
    noun: the doctrine that pleasure or happiness is the highest good

    From the headlines: Researchers say there are six traits that make someone seem “cool” to others, including extroversion, power, and embracing hedonism. An American Psychological Association study surveyed 6,000 people in 12 countries and found a sharp division between people seen as “good” versus “cool.” Being hedonistic, for example, didn’t make someone seem “good,” but focusing on one’s own happiness and pleasure was strongly associated with appearing “cool.”

    kayak
    verb: to travel by a traditional Inuit or Yupik canoe with a skin cover on a light framework, or by a small boat resembling this

    From the headlines: Several dozen Native American teens who spent a month kayaking the length of the Klamath River reached their destination. The group paddled their long, narrow boats about 300 miles, from Oregon to California, to celebrate the removal of four dams. The waterway holds a deep significance to Native American tribes, and many of the teens learned to kayak specifically to participate in the long paddle.

    larceny
    noun: the wrongful taking of someone’s property or goods

    From the headlines: Atlanta police have identified a suspect in the theft of hard drives holding unreleased Beyoncé songs. Setlists and plans for concert footage were also stolen when the alleged thief broke into a vehicle rented by the singer’s team. The larceny occurred during a stop on her Cowboy Carter tour.

    linchpin
    noun: something that holds the various elements of a complicated structure together

    From the headlines: The Department of Defense will stop supplying meteorologists with satellite data, which experts describe as a linchpin of storm modeling. Forecasts for hurricanes rely heavily on this military satellite feed to track storm paths and determine when people should evacuate.

    matcha
    noun: finely ground tea leaf powder used to make tea or as a flavoring, or the tea made from it

    From the headlines: The worldwide demand for matcha is causing severe shortages and higher prices. The bright green, grassy-flavored, powdered tea has a long history in Japan, but its popularity in other countries has exploded in recent years. Drinks and baked goods made with matcha have become wildly popular, causing Japanese tea growers to struggle to keep up with the demand.

    meteorite
    noun: a mass of stone or metal that has reached the earth from outer space

    From the headlines: On July 16, a bidder paid $4.3 million to own a chunk of Mars. The rare Martian meteorite, which weighs about 54 pounds, is the largest meteor fragment ever found on Earth that’s known to come from the red planet. Out of approximately 77,000 confirmed meteorites, only 400 were originally part of Mars. This one, named NWA 16788, was found in the Sahara Desert after its 140-million-mile journey through space.

    monastery
    noun: a residence occupied by a community of persons, especially monks, living in seclusion under religious vows

    From the headlines: Tens of thousands of books are being removed from a medieval Hungarian monastery to save them from a beetle infestation. The Pannonhalma Archabbey contains Hungary’s oldest library and some of the country’s most ancient and valuable books and written records. The monastery was founded 1,000 years ago by Benedictines, and about fifty monks live there today, practicing religious contemplation and solitude.

    nuptials
    noun: a marriage ceremony, or a social event accompanying one

    From the headlines: Protesters took to the streets in Venice as Amazon founder Jeff Bezos and Lauren Sanchez held their nuptials on a Venetian island, complete with 200 guests and three days of extravagant celebrations. Locals expressed outrage, saying the event placed additional strain on a city already struggling with overtourism and environmental fragility.

    offering
    noun: something presented to a deity as a symbol of devotion

    From the headlines: Archaeologists discovered about 2,000 pottery offerings on the Greek island of Kythnos. Historians said the clay figures, which represent children, women, and animals, had been left by devoted worshippers over the centuries. Two ancient temples once stood on the site, as well as a pit where the objects given as gifts to the gods were eventually thrown away to make room for new offerings.

    parody
    noun: a humorous or satirical imitation of a serious piece of writing or art

    From the headlines: Weird Al Yankovic, famed for his clever musical parodies, performed to a sold-out crowd at Madison Square Garden in New York, marking his first show at the iconic 20,000-seat venue. Over his forty-year career, Yankovic has become the most recognizable figure in the parody genre, with hits such as “Like a Surgeon,” a spoof of Madonna’s “Like a Virgin,” and “I Love Rocky Road,” a playful take on “I Love Rock ‘n Roll.”

    perennial
    adjective: arising repeatedly or always existing

    From the headlines: Joey Chestnut, the perennial champion of the Nathan’s Famous Hot Dog Eating Contest, reclaimed his crown this year after missing last year’s competition. He was sidelined in 2024 due to a sponsorship deal with a vegan meat brand, but prior to that, Chestnut had claimed victory in 16 of the past 17 contests. He still holds the world record for devouring 76 hot dogs and buns in just 10 minutes in 2021.

    philanthropist
    noun: someone who makes charitable donations

    From the headlines: Warren Buffett said he would donate $6 billion to five charitable foundations. The businessman and philanthropist, whose net worth is approximately $145 billion, has previously given more than $50 billion to the aforementioned foundations. While Buffet’s children will decide how to give away the rest of his fortune after his death, he said that more than 99 percent of it will have to be used philanthropically.

    plunder
    verb: to take wrongfully, as by pillage, robbery, or fraud

    From the headlines: Experts assumed that a Stradivarius violin plundered after World War II had been lost or destroyed; now it appears to have resurfaced. The 316-year-old instrument was stolen from a Berlin bank safe during the chaos at the end of the war, and the family who owned it searched for decades before giving up. An image of the looted violin, which is valued at millions of dollars, was discovered among photos of Stradivarius instruments from a 2018 Tokyo exhibition.

    risotto
    noun: a dish of rice cooked with broth and flavored with grated cheese and other ingredients

    From the headlines: The short-grain Italian rice that’s used to make risotto is under threat from an unusual culprit: flamingos. Flocks of the birds are settling into northern Italian rice paddies instead of their usual nesting grounds. By stirring the shallow water and rooting for mollusks, the flamingos are destroying many valuable rice crops.

    skittish
    adjective: easily frightened or extremely cautious

    From the headlines: Economists report that despite a low unemployment rate, employers are increasingly skittish about hiring, leaving many recent college graduates struggling to find jobs. Numerous tech companies, consulting firms, and federal agencies are cutting back or freezing hiring, while other industries are hesitant to increase payroll expenses. Furthermore, fewer workers are quitting, limiting job openings even more.

    synthetic
    adjective: pertaining to compounds formed through a chemical process by human agency, as opposed to those of natural origin

    From the headlines: The J.M. Smucker Company has announced it will phase out synthetic dyes from its jams and other offerings. While many of its products are already made without artificial colors, some, including sugar-free jams and Hostess snacks like Twinkies and Snoballs, still rely on them. The company intends to use naturally sourced dyes by 2027.

    tandem
    adverb: one following or behind the other

    From the headlines: Researchers were surprised by video evidence of animals that are normally at odds traveling in tandem. A night-vision camera recorded an ocelot traveling peacefully behind an opossum — a surprise, since ocelots usually prey on opossums. Later footage showed the opossum trailing the ocelot as it prowled. Other researchers have since reported at least three additional examples of such behavior.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Highlight Words In Action : September 2025 acrimony noun: sharpness, harshness, or bitterness of nature, speech, disposition, etc. From the headlines: European trade ministers gathered on July 14 to discuss the new U.S. tariffs, aiming to ease the acrimony between the EU and the Trump administration. While they planned potential countermeasures against the 30 percent tariffs, which they deemed “unacceptable,” they were united in favor of pursuing a negotiated agreement with the U.S. to maintain stable trade ties. adamant adjective: utterly unyielding in attitude or opinion in spite of all appeals, urgings, etc. From the headlines: Mars, the maker of M&M’s, Skittles, and other popular candies, remains adamant that it will only stop using synthetic dyes in its candy if legally required. While other food companies have announced plans to phase out artificial colors in items like Lucky Charms, Jell-O, and Kool-Aid, some candy manufacturers are holding firm. They argue that natural alternatives cost more and don’t deliver the same vibrant colors. aerial adjective: existing, living, growing, or operating in the air From the headlines: On June 29, Russia launched its largest aerial assault of the war in Ukraine, firing more missiles than in any previous attack since the beginning of the war in 2022. The strikes hit multiple Ukrainian cities, injuring at least a dozen people and damaging key infrastructure. autonomous adjective: existing as an independent entity From the headlines: Robots competed in a fully autonomous soccer tournament in Beijing, with four teams of three humanoid robots each operating solely under AI control. Although the idea was innovative, the robots had trouble with basic actions like kicking and staying balanced. Tsinghua University’s THU Robotics team clinched the championship by scoring five goals in the final round. bioluminescent adjective: pertaining to the production of light by living organisms From the headlines: A new research project will try to interpret the meaning of fireflies’ blinking. Scientists in Colorado enlisted the help of citizen observers to record videos of the bioluminescent insects at dusk. Researchers will eventually make a 3D map of where the glowing lights flash over time. While they know firefly blinks follow a deliberate pattern and are used to attract a mate, experts believe there is more to learn. bodega noun: a small, independent or family-owned grocery store, usually located in a densely populated urban environment From the headlines: A recent crime spree in New York City has targeted bodega ATMs. Thefts of cash machines have increased over the past five years, and New York’s small corner stores have been hit particularly hard. Three people are suspected of stealing almost $600,000 over six months by breaking into independent convenience stores, removing their ATMs, and driving away with them in stolen cars. contretemps noun: an inopportune occurrence; an embarrassing mischance From the headlines: After a contretemps between the Quebec Board of the French Language and Montreal’s transit agency, new rules grudgingly allow the use of the word “go” when cheering sports teams. The Board had objected to a Montreal Canadiens ad campaign that read “Go! Canadiens Go!” Tasked with preserving the province’s French heritage, the Board had been insisting on replacing the signs with “Allez! Canadiens Allez!” decorum noun: dignified propriety of behavior, speech, dress, etc. From the headlines: La Scala has introduced a new dress code requiring attendees to “choose clothing in keeping with the decorum of the theatre.” The renowned Milan opera house is codifying its long-standing policy discouraging attire like flip-flops, shorts, and tank tops. Guests are now expected to dress with elegance, honoring both the opera house’s refined ambiance and its storied cultural legacy. driftwood noun: pieces of trees that are floating on a body of water or have been washed ashore From the headlines: In rural Alaska, residents of some villages and small towns are continuing a long tradition by using driftwood for fuel and as energy-efficient siding for their homes. The pieces of wood, worn smooth by ocean waves or currents in rivers and streams, have been used this way by Indigenous Alaskans for thousands of years. Communities save money and protect the environment by reusing old trees or boards found floating in the water instead of buying lumber and logs. eavesdrop verb: to listen secretly to a private conversation From the headlines: Ecologists have found that long-billed curlews and other grassland nesters routinely eavesdrop on prairie dogs to dodge predators. Sharing a habitat where hawks, eagles, foxes, and other Great Plains animals lurk, the birds capitalize on the rodents’ warning calls. After eavesdropping on these distinctive calls, the curlews and other birds crouch or camouflage themselves until the threat has passed. emulate verb: to imitate with effort to equal or surpass From the headlines: Inspired by Paris’s recent success, cities across the globe are preparing to emulate its efforts to restore polluted urban rivers for public use. After a hundred-year swimming ban, Parisians can now take a dip in the once-contaminated Seine, thanks to more than a billion dollars spent on upgrades like sewer improvements and rainwater storage. Cities such as Berlin, Boston, New York, and London are developing similar plans to clean their waterways and make them safe for swimming once again. estuary noun: the part of the mouth or lower course of a river in which the river’s current meets the sea’s tide From the headlines: Florida Governor Ron DeSantis signed a bill that will ban oil drilling on the Apalachicola River. The river’s estuary is home to many endangered plants and animals, including the world’s largest stand of tupelo trees. The inlet is also the most important site in the state’s oyster industry. Environmentalists and fishermen supported the bill and pushed DeSantis to sign it. Fun fact: A Latin word meaning “boiling of the sea” is the root of estuary. gentrification noun: the buying and renovation of property in urban neighborhoods in a way that often displaces low-income families and small businesses From the headlines: Protesters in Mexico City say they’re angry about gentrification caused by large numbers of foreigners moving there since 2020. Locals say they have seen formerly affordable housing prices skyrocket as the numbers of short-term rentals and expats increase. Airbnb listings in the city have exploded to over 20,000, and Americans have arrived in particularly large numbers to buy and renovate houses. In the process, they say these factors have driven up costs for everyone, including local residents. hedonism noun: the doctrine that pleasure or happiness is the highest good From the headlines: Researchers say there are six traits that make someone seem “cool” to others, including extroversion, power, and embracing hedonism. An American Psychological Association study surveyed 6,000 people in 12 countries and found a sharp division between people seen as “good” versus “cool.” Being hedonistic, for example, didn’t make someone seem “good,” but focusing on one’s own happiness and pleasure was strongly associated with appearing “cool.” kayak verb: to travel by a traditional Inuit or Yupik canoe with a skin cover on a light framework, or by a small boat resembling this From the headlines: Several dozen Native American teens who spent a month kayaking the length of the Klamath River reached their destination. The group paddled their long, narrow boats about 300 miles, from Oregon to California, to celebrate the removal of four dams. The waterway holds a deep significance to Native American tribes, and many of the teens learned to kayak specifically to participate in the long paddle. larceny noun: the wrongful taking of someone’s property or goods From the headlines: Atlanta police have identified a suspect in the theft of hard drives holding unreleased Beyoncé songs. Setlists and plans for concert footage were also stolen when the alleged thief broke into a vehicle rented by the singer’s team. The larceny occurred during a stop on her Cowboy Carter tour. linchpin noun: something that holds the various elements of a complicated structure together From the headlines: The Department of Defense will stop supplying meteorologists with satellite data, which experts describe as a linchpin of storm modeling. Forecasts for hurricanes rely heavily on this military satellite feed to track storm paths and determine when people should evacuate. matcha noun: finely ground tea leaf powder used to make tea or as a flavoring, or the tea made from it From the headlines: The worldwide demand for matcha is causing severe shortages and higher prices. The bright green, grassy-flavored, powdered tea has a long history in Japan, but its popularity in other countries has exploded in recent years. Drinks and baked goods made with matcha have become wildly popular, causing Japanese tea growers to struggle to keep up with the demand. meteorite noun: a mass of stone or metal that has reached the earth from outer space From the headlines: On July 16, a bidder paid $4.3 million to own a chunk of Mars. The rare Martian meteorite, which weighs about 54 pounds, is the largest meteor fragment ever found on Earth that’s known to come from the red planet. Out of approximately 77,000 confirmed meteorites, only 400 were originally part of Mars. This one, named NWA 16788, was found in the Sahara Desert after its 140-million-mile journey through space. monastery noun: a residence occupied by a community of persons, especially monks, living in seclusion under religious vows From the headlines: Tens of thousands of books are being removed from a medieval Hungarian monastery to save them from a beetle infestation. The Pannonhalma Archabbey contains Hungary’s oldest library and some of the country’s most ancient and valuable books and written records. The monastery was founded 1,000 years ago by Benedictines, and about fifty monks live there today, practicing religious contemplation and solitude. nuptials noun: a marriage ceremony, or a social event accompanying one From the headlines: Protesters took to the streets in Venice as Amazon founder Jeff Bezos and Lauren Sanchez held their nuptials on a Venetian island, complete with 200 guests and three days of extravagant celebrations. Locals expressed outrage, saying the event placed additional strain on a city already struggling with overtourism and environmental fragility. offering noun: something presented to a deity as a symbol of devotion From the headlines: Archaeologists discovered about 2,000 pottery offerings on the Greek island of Kythnos. Historians said the clay figures, which represent children, women, and animals, had been left by devoted worshippers over the centuries. Two ancient temples once stood on the site, as well as a pit where the objects given as gifts to the gods were eventually thrown away to make room for new offerings. parody noun: a humorous or satirical imitation of a serious piece of writing or art From the headlines: Weird Al Yankovic, famed for his clever musical parodies, performed to a sold-out crowd at Madison Square Garden in New York, marking his first show at the iconic 20,000-seat venue. Over his forty-year career, Yankovic has become the most recognizable figure in the parody genre, with hits such as “Like a Surgeon,” a spoof of Madonna’s “Like a Virgin,” and “I Love Rocky Road,” a playful take on “I Love Rock ‘n Roll.” perennial adjective: arising repeatedly or always existing From the headlines: Joey Chestnut, the perennial champion of the Nathan’s Famous Hot Dog Eating Contest, reclaimed his crown this year after missing last year’s competition. He was sidelined in 2024 due to a sponsorship deal with a vegan meat brand, but prior to that, Chestnut had claimed victory in 16 of the past 17 contests. He still holds the world record for devouring 76 hot dogs and buns in just 10 minutes in 2021. philanthropist noun: someone who makes charitable donations From the headlines: Warren Buffett said he would donate $6 billion to five charitable foundations. The businessman and philanthropist, whose net worth is approximately $145 billion, has previously given more than $50 billion to the aforementioned foundations. While Buffet’s children will decide how to give away the rest of his fortune after his death, he said that more than 99 percent of it will have to be used philanthropically. plunder verb: to take wrongfully, as by pillage, robbery, or fraud From the headlines: Experts assumed that a Stradivarius violin plundered after World War II had been lost or destroyed; now it appears to have resurfaced. The 316-year-old instrument was stolen from a Berlin bank safe during the chaos at the end of the war, and the family who owned it searched for decades before giving up. An image of the looted violin, which is valued at millions of dollars, was discovered among photos of Stradivarius instruments from a 2018 Tokyo exhibition. risotto noun: a dish of rice cooked with broth and flavored with grated cheese and other ingredients From the headlines: The short-grain Italian rice that’s used to make risotto is under threat from an unusual culprit: flamingos. Flocks of the birds are settling into northern Italian rice paddies instead of their usual nesting grounds. By stirring the shallow water and rooting for mollusks, the flamingos are destroying many valuable rice crops. skittish adjective: easily frightened or extremely cautious From the headlines: Economists report that despite a low unemployment rate, employers are increasingly skittish about hiring, leaving many recent college graduates struggling to find jobs. Numerous tech companies, consulting firms, and federal agencies are cutting back or freezing hiring, while other industries are hesitant to increase payroll expenses. Furthermore, fewer workers are quitting, limiting job openings even more. synthetic adjective: pertaining to compounds formed through a chemical process by human agency, as opposed to those of natural origin From the headlines: The J.M. Smucker Company has announced it will phase out synthetic dyes from its jams and other offerings. While many of its products are already made without artificial colors, some, including sugar-free jams and Hostess snacks like Twinkies and Snoballs, still rely on them. The company intends to use naturally sourced dyes by 2027. tandem adverb: one following or behind the other From the headlines: Researchers were surprised by video evidence of animals that are normally at odds traveling in tandem. A night-vision camera recorded an ocelot traveling peacefully behind an opossum — a surprise, since ocelots usually prey on opossums. Later footage showed the opossum trailing the ocelot as it prowled. Other researchers have since reported at least three additional examples of such behavior. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทัวร์อียิปต์ 33,888

    🗓 จำนวนวัน 5วัน 3คืน
    ✈ G9-แอร์อาระเบีย
    พักโรงแรม

    มหาพีระมิด
    มหาสฟิงซ์
    พิพิธภัณฑ์อียิปต์
    ห้องมัมมี่
    ป้อมปราการ Quite Bay
    เสาปอมเปย์
    สุสานใต้ดินแห่งอเล็กซานเดรีย
    ห้องสมุดแห่งอเล็กซานเดรีย
    ตลาดข่านเอลคาลีลี

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์อียิปต์ #egypt #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    ทัวร์อียิปต์ 🇪🇬🐫 33,888 🔥😍 🗓 จำนวนวัน 5วัน 3คืน ✈ G9-แอร์อาระเบีย 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 มหาพีระมิด 📍 มหาสฟิงซ์ 📍 พิพิธภัณฑ์อียิปต์ 📍 ห้องมัมมี่ 📍 ป้อมปราการ Quite Bay 📍 เสาปอมเปย์ 📍 สุสานใต้ดินแห่งอเล็กซานเดรีย 📍 ห้องสมุดแห่งอเล็กซานเดรีย 📍 ตลาดข่านเอลคาลีลี รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์อียิปต์ #egypt #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • CV vs. Resume: What Are The Differences?

    When applying for jobs, you’ll need to prove to prospective employers that you have plenty of experience and accomplishments. In order to do this, you’ll need to show them either a CV or a resume. For American workers, these two terms are often used interchangeably to refer to a document that lists a person’s past work and major accomplishments. However, there are several differences between the two and confusing one for the other could majorly hurt your chances of landing that coveted position. To avoid disaster, let’s learn more about the difference between a CV and a resume.

    What is a CV?
    CV is short for curriculum vitae. A CV is a document that lists in detail a person’s education, certifications, professional background, professional expertise, publications (books, research papers, etc.), teaching experience, presentations, awards, grants, and research projects. A CV is compiled by a person applying for a job, fellowship, grant, or international career position.

    Typically, a CV is tailored to fit whatever position a person is applying for, with more relevant or valuable skills and experiences prioritized over others. A CV usually begins with a person’s educational qualifications, such as university degrees, fellowships, grants, and teaching experience. Most CVs are quite long and detailed, often listing many years worth of a person’s accomplishments and published works. Depending on the person, a CV that lists all of a person’s published books, lectures, and research papers could potentially be many pages in length.

    CV vs. resume
    In general, CVs and resumes often contain similar information, are often both used to apply for jobs, and are both used to list a person’s experiences, skills, and accomplishments. The main differences between the two often have to do with length, what information is specifically listed, and what type of position a person is applying for. The purpose and specifics of CVs and resumes also vary depending on whether a person lives/works in the US/Canada versus another country.

    When to use a CV
    While it depends on the specific occasion, CVs are typically used in the United States and Canada when a person is applying for a fellowship, grant, or a job specifically in academia, medicine, or a research field. All of these are typically more concerned with a person’s credentials and expertise and thus require a detailed account of a person’s educational and research background.

    Outside of the US and Canada, CVs are typically used as the standard document that a person submits when applying to a job in any field. If an American or Canadian citizen is applying for an international position, they will typically need to submit a CV rather than a resume.

    When to use a resume
    In general, a resume is the document that most American and Canadian companies expect from an applicant looking for a job. Besides the particular fields mentioned above, most businesses in America and Canada will ask an applicant to submit a resume rather than a CV. Generally speaking, businesses are more interested in an applicant’s career experiences, prior jobs, training, skills, and career accomplishments than academic accomplishments.

    When applying for a job, most Americans and Canadians will be required to submit a resume (and possibly a cover letter). This shorter, more concise document is often preferred if a company uses automated review software or receives a large number of applications.

    Most of the time, an organization will make it clear whether they require a CV, resume, or even both. If you live in Canada or the US, you should expect to need a resume most of the time. If you live anywhere else, you should expect to write a CV. If you are unsure which is needed, it is best to ask for clarification.

    What is a resume?
    A resume is a summary of a person’s past work experience, career accomplishments, personal accomplishments, skills, and qualifications. A resume is the document that Americans and Canadians need to have when applying for most jobs.

    Like a CV, a resume is typically adjusted to fit the specific job that a person is applying for, with more important or relevant experiences and accomplishments given priority. Typically, resumes are relatively short, usually only being one or two pages in length. In general, resumes lead with job histories and career accomplishments. While CVs tend to emphasize a person’s academic credentials, a resume tends to focus much more on what a person has done in their past work and how they can use that to succeed at a new job.

    In our comprehensive resume guide, we’ve provided three sample resumes you can use to follow along in this series and create your own format.

    CV vs. resume
    In general, CVs and resumes often contain similar information, are often both used to apply for jobs, and are both used to list a person’s experiences, skills, and accomplishments. The main differences between the two often have to do with length, what information is specifically listed, and what type of position a person is applying for. The purpose and specifics of CVs and resumes also vary depending on whether a person lives/works in the US/Canada versus another country.

    When to use a CV
    While it depends on the specific occasion, CVs are typically used in the United States and Canada when a person is applying for a fellowship, grant, or a job specifically in academia, medicine, or a research field. All of these are typically more concerned with a person’s credentials and expertise and thus require a detailed account of a person’s educational and research background.

    Outside of the US and Canada, CVs are typically used as the standard document that a person submits when applying to a job in any field. If an American or Canadian citizen is applying for an international position, they will typically need to submit a CV rather than a resume.

    When to use a resume
    In general, a resume is the document that most American and Canadian companies expect from an applicant looking for a job. Besides the particular fields mentioned above, most businesses in America and Canada will ask an applicant to submit a resume rather than a CV. Generally speaking, businesses are more interested in an applicant’s career experiences, prior jobs, training, skills, and career accomplishments than academic accomplishments.

    When applying for a job, most Americans and Canadians will be required to submit a resume (and possibly a cover letter). This shorter, more concise document is often preferred if a company uses automated review software or receives a large number of applications.

    Most of the time, an organization will make it clear whether they require a CV, resume, or even both. If you live in Canada or the US, you should expect to need a resume most of the time. If you live anywhere else, you should expect to write a CV. If you are unsure which is needed, it is best to ask for clarification.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    CV vs. Resume: What Are The Differences? When applying for jobs, you’ll need to prove to prospective employers that you have plenty of experience and accomplishments. In order to do this, you’ll need to show them either a CV or a resume. For American workers, these two terms are often used interchangeably to refer to a document that lists a person’s past work and major accomplishments. However, there are several differences between the two and confusing one for the other could majorly hurt your chances of landing that coveted position. To avoid disaster, let’s learn more about the difference between a CV and a resume. What is a CV? CV is short for curriculum vitae. A CV is a document that lists in detail a person’s education, certifications, professional background, professional expertise, publications (books, research papers, etc.), teaching experience, presentations, awards, grants, and research projects. A CV is compiled by a person applying for a job, fellowship, grant, or international career position. Typically, a CV is tailored to fit whatever position a person is applying for, with more relevant or valuable skills and experiences prioritized over others. A CV usually begins with a person’s educational qualifications, such as university degrees, fellowships, grants, and teaching experience. Most CVs are quite long and detailed, often listing many years worth of a person’s accomplishments and published works. Depending on the person, a CV that lists all of a person’s published books, lectures, and research papers could potentially be many pages in length. CV vs. resume In general, CVs and resumes often contain similar information, are often both used to apply for jobs, and are both used to list a person’s experiences, skills, and accomplishments. The main differences between the two often have to do with length, what information is specifically listed, and what type of position a person is applying for. The purpose and specifics of CVs and resumes also vary depending on whether a person lives/works in the US/Canada versus another country. When to use a CV While it depends on the specific occasion, CVs are typically used in the United States and Canada when a person is applying for a fellowship, grant, or a job specifically in academia, medicine, or a research field. All of these are typically more concerned with a person’s credentials and expertise and thus require a detailed account of a person’s educational and research background. Outside of the US and Canada, CVs are typically used as the standard document that a person submits when applying to a job in any field. If an American or Canadian citizen is applying for an international position, they will typically need to submit a CV rather than a resume. When to use a resume In general, a resume is the document that most American and Canadian companies expect from an applicant looking for a job. Besides the particular fields mentioned above, most businesses in America and Canada will ask an applicant to submit a resume rather than a CV. Generally speaking, businesses are more interested in an applicant’s career experiences, prior jobs, training, skills, and career accomplishments than academic accomplishments. When applying for a job, most Americans and Canadians will be required to submit a resume (and possibly a cover letter). This shorter, more concise document is often preferred if a company uses automated review software or receives a large number of applications. Most of the time, an organization will make it clear whether they require a CV, resume, or even both. If you live in Canada or the US, you should expect to need a resume most of the time. If you live anywhere else, you should expect to write a CV. If you are unsure which is needed, it is best to ask for clarification. What is a resume? A resume is a summary of a person’s past work experience, career accomplishments, personal accomplishments, skills, and qualifications. A resume is the document that Americans and Canadians need to have when applying for most jobs. Like a CV, a resume is typically adjusted to fit the specific job that a person is applying for, with more important or relevant experiences and accomplishments given priority. Typically, resumes are relatively short, usually only being one or two pages in length. In general, resumes lead with job histories and career accomplishments. While CVs tend to emphasize a person’s academic credentials, a resume tends to focus much more on what a person has done in their past work and how they can use that to succeed at a new job. In our comprehensive resume guide, we’ve provided three sample resumes you can use to follow along in this series and create your own format. CV vs. resume In general, CVs and resumes often contain similar information, are often both used to apply for jobs, and are both used to list a person’s experiences, skills, and accomplishments. The main differences between the two often have to do with length, what information is specifically listed, and what type of position a person is applying for. The purpose and specifics of CVs and resumes also vary depending on whether a person lives/works in the US/Canada versus another country. When to use a CV While it depends on the specific occasion, CVs are typically used in the United States and Canada when a person is applying for a fellowship, grant, or a job specifically in academia, medicine, or a research field. All of these are typically more concerned with a person’s credentials and expertise and thus require a detailed account of a person’s educational and research background. Outside of the US and Canada, CVs are typically used as the standard document that a person submits when applying to a job in any field. If an American or Canadian citizen is applying for an international position, they will typically need to submit a CV rather than a resume. When to use a resume In general, a resume is the document that most American and Canadian companies expect from an applicant looking for a job. Besides the particular fields mentioned above, most businesses in America and Canada will ask an applicant to submit a resume rather than a CV. Generally speaking, businesses are more interested in an applicant’s career experiences, prior jobs, training, skills, and career accomplishments than academic accomplishments. When applying for a job, most Americans and Canadians will be required to submit a resume (and possibly a cover letter). This shorter, more concise document is often preferred if a company uses automated review software or receives a large number of applications. Most of the time, an organization will make it clear whether they require a CV, resume, or even both. If you live in Canada or the US, you should expect to need a resume most of the time. If you live anywhere else, you should expect to write a CV. If you are unsure which is needed, it is best to ask for clarification. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 320 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Splash Damage หลุดจากเงา Tencent — สตูดิโอเกมเก๋าอังกฤษเปลี่ยนมือสู่กลุ่มทุนเอกชน หลังยกเลิกโปรเจกต์ Transformers”

    Splash Damage สตูดิโอเกมจากอังกฤษที่อยู่เบื้องหลังผลงานดังอย่าง Gears 5, Batman: Arkham Origins และ Brink ได้ประกาศแยกตัวออกจาก Tencent อย่างเป็นทางการ โดยเปลี่ยนมือไปอยู่ภายใต้การดูแลของกลุ่มนักลงทุนเอกชน ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในขณะนี้

    การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากโปรเจกต์เกม Transformers: Reactive ถูกยกเลิกในปี 2024 ซึ่งส่งผลให้เกิดการปลดพนักงานจำนวนหนึ่งในทีม Splash Damage โดยทางสตูดิโอระบุว่า “การต้องบอกลาเพื่อนร่วมงานเป็นเรื่องเจ็บปวดที่สุด” และยืนยันว่าจะดูแลทั้งผู้ที่อยู่และผู้ที่จากไปอย่างเต็มที่

    แม้จะยังไม่มีการยืนยันว่าการยกเลิกโปรเจกต์ Transformers เป็นสาเหตุหลักของการแยกตัวจาก Tencent แต่หลายฝ่ายคาดว่าอาจมีความเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเมื่อ Hasbro ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ Transformers ก็มีบทบาทในการตัดสินใจครั้งนั้น

    Splash Damage ก่อตั้งขึ้นในปี 2001 และมีประสบการณ์ในวงการเกมมากกว่า 20 ปี การที่สตูดิโอยังสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้แม้จะเปลี่ยนมือ ถือเป็นข่าวดีในยุคที่สตูดิโอเกมเก่าแก่หลายแห่งต้องปิดตัวลง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Splash Damage แยกตัวจาก Tencent และถูกซื้อโดยกลุ่มทุนเอกชน
    ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมจากทางสตูดิโอในขณะนี้
    การเปลี่ยนมือเกิดขึ้นหลังโปรเจกต์ Transformers: Reactive ถูกยกเลิก
    การยกเลิกโปรเจกต์ส่งผลให้มีการปลดพนักงานในทีม
    สตูดิโอยืนยันว่าจะดูแลทั้งผู้ที่อยู่และผู้ที่จากไปอย่างเต็มที่
    Splash Damage มีผลงานเด่น เช่น Gears 5, Brink, Batman: Arkham Origins
    ก่อตั้งในปี 2001 และมีประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในวงการเกม
    การเปลี่ยนมือครั้งนี้ไม่ใช่การปิดกิจการ แต่เป็นการปรับโครงสร้างใหม่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Splash Damage เคยถูก Leyou Technologies ซื้อกิจการในปี 2016 ก่อนที่ Tencent จะเข้ามาเป็นเจ้าของผ่านการซื้อ Leyou
    สตูดิโอมีชื่อเสียงด้านเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง และการร่วมพัฒนาเกมกับค่ายใหญ่
    การเปลี่ยนมือไปสู่กลุ่มทุนเอกชนอาจเปิดโอกาสให้สตูดิโอมีอิสระในการพัฒนาเกมมากขึ้น
    ตลาดเกมในอังกฤษยังคงมีศักยภาพสูง โดยเฉพาะในกลุ่มเกม AAA และเกมออนไลน์
    การยกเลิกโปรเจกต์ Transformers อาจเกี่ยวข้องกับการปรับกลยุทธ์ของ Hasbro ในการจัดการลิขสิทธิ์เกม

    https://wccftech.com/developer-splash-damage-no-longer-owned-by-tencent-acquired-by-private-equity-investors/
    🎮 “Splash Damage หลุดจากเงา Tencent — สตูดิโอเกมเก๋าอังกฤษเปลี่ยนมือสู่กลุ่มทุนเอกชน หลังยกเลิกโปรเจกต์ Transformers” Splash Damage สตูดิโอเกมจากอังกฤษที่อยู่เบื้องหลังผลงานดังอย่าง Gears 5, Batman: Arkham Origins และ Brink ได้ประกาศแยกตัวออกจาก Tencent อย่างเป็นทางการ โดยเปลี่ยนมือไปอยู่ภายใต้การดูแลของกลุ่มนักลงทุนเอกชน ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในขณะนี้ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากโปรเจกต์เกม Transformers: Reactive ถูกยกเลิกในปี 2024 ซึ่งส่งผลให้เกิดการปลดพนักงานจำนวนหนึ่งในทีม Splash Damage โดยทางสตูดิโอระบุว่า “การต้องบอกลาเพื่อนร่วมงานเป็นเรื่องเจ็บปวดที่สุด” และยืนยันว่าจะดูแลทั้งผู้ที่อยู่และผู้ที่จากไปอย่างเต็มที่ แม้จะยังไม่มีการยืนยันว่าการยกเลิกโปรเจกต์ Transformers เป็นสาเหตุหลักของการแยกตัวจาก Tencent แต่หลายฝ่ายคาดว่าอาจมีความเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเมื่อ Hasbro ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ Transformers ก็มีบทบาทในการตัดสินใจครั้งนั้น Splash Damage ก่อตั้งขึ้นในปี 2001 และมีประสบการณ์ในวงการเกมมากกว่า 20 ปี การที่สตูดิโอยังสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้แม้จะเปลี่ยนมือ ถือเป็นข่าวดีในยุคที่สตูดิโอเกมเก่าแก่หลายแห่งต้องปิดตัวลง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Splash Damage แยกตัวจาก Tencent และถูกซื้อโดยกลุ่มทุนเอกชน ➡️ ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมจากทางสตูดิโอในขณะนี้ ➡️ การเปลี่ยนมือเกิดขึ้นหลังโปรเจกต์ Transformers: Reactive ถูกยกเลิก ➡️ การยกเลิกโปรเจกต์ส่งผลให้มีการปลดพนักงานในทีม ➡️ สตูดิโอยืนยันว่าจะดูแลทั้งผู้ที่อยู่และผู้ที่จากไปอย่างเต็มที่ ➡️ Splash Damage มีผลงานเด่น เช่น Gears 5, Brink, Batman: Arkham Origins ➡️ ก่อตั้งในปี 2001 และมีประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในวงการเกม ➡️ การเปลี่ยนมือครั้งนี้ไม่ใช่การปิดกิจการ แต่เป็นการปรับโครงสร้างใหม่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Splash Damage เคยถูก Leyou Technologies ซื้อกิจการในปี 2016 ก่อนที่ Tencent จะเข้ามาเป็นเจ้าของผ่านการซื้อ Leyou ➡️ สตูดิโอมีชื่อเสียงด้านเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง และการร่วมพัฒนาเกมกับค่ายใหญ่ ➡️ การเปลี่ยนมือไปสู่กลุ่มทุนเอกชนอาจเปิดโอกาสให้สตูดิโอมีอิสระในการพัฒนาเกมมากขึ้น ➡️ ตลาดเกมในอังกฤษยังคงมีศักยภาพสูง โดยเฉพาะในกลุ่มเกม AAA และเกมออนไลน์ ➡️ การยกเลิกโปรเจกต์ Transformers อาจเกี่ยวข้องกับการปรับกลยุทธ์ของ Hasbro ในการจัดการลิขสิทธิ์เกม https://wccftech.com/developer-splash-damage-no-longer-owned-by-tencent-acquired-by-private-equity-investors/
    WCCFTECH.COM
    Developer Splash Damage No Longer Owned by Tencent, Acquired by Private Equity Investors
    Developer Splash Damage is no longer owned by Tencent, and has been acquired by private equity investors, the studio confirms.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เมื่อโรงพยาบาลกลายเป็นสินทรัพย์: งานวิจัยชี้อัตราการเสียชีวิตในห้องฉุกเฉินเพิ่มขึ้นหลังถูกซื้อโดยบริษัททุนเอกชน”

    งานวิจัยล่าสุดจาก Harvard Medical School และสถาบันพันธมิตรได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า โรงพยาบาลที่ถูกซื้อกิจการโดยบริษัททุนเอกชน (Private Equity) มีอัตราการเสียชีวิตในห้องฉุกเฉินเพิ่มขึ้นถึง 13% เมื่อเทียบกับโรงพยาบาลที่ไม่ได้ถูกซื้อ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วย Medicare ซึ่งมักเป็นผู้สูงอายุและมีความเปราะบางทางสุขภาพ

    การศึกษานี้วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ป่วยกว่า 1 ล้านรายในโรงพยาบาลที่ถูกซื้อกิจการ และเปรียบเทียบกับข้อมูลจากโรงพยาบาลอีก 293 แห่งที่มีขนาดและทำเลใกล้เคียงกัน พบว่าหลังการซื้อกิจการ โรงพยาบาลเหล่านี้มีการลดจำนวนพนักงานลงเฉลี่ย 11.6% และลดค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนในห้องฉุกเฉินและ ICU ลงถึง 18% และ 16% ตามลำดับ

    นักวิจัยชี้ว่า การลดจำนวนบุคลากรในพื้นที่ที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด เช่น ห้องฉุกเฉินและ ICU ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพการรักษา และอาจเป็นสาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นของอัตราการเสียชีวิต

    นอกจากนี้ยังพบว่าโรงพยาบาลที่ถูกซื้อโดยทุนเอกชนมีแนวโน้มที่จะส่งผู้ป่วยหนักไปยังโรงพยาบาลอื่นมากขึ้น และลดระยะเวลาการรักษาใน ICU เพื่อควบคุมต้นทุน ซึ่งสะท้อนถึงกลยุทธ์ทางการเงินที่เน้นผลกำไรเป็นหลัก มากกว่าคุณภาพการดูแลผู้ป่วย

    แม้จะมีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบด้านลบ แต่บริษัททุนเอกชนยังคงเข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีโรงพยาบาลในสหรัฐฯ กว่า 488 แห่งที่อยู่ภายใต้การบริหารของกลุ่มทุนเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงโรงพยาบาลจิตเวชและโรงพยาบาลในพื้นที่ชนบทที่มีทางเลือกจำกัด

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    งานวิจัยพบว่าอัตราการเสียชีวิตในห้องฉุกเฉินเพิ่มขึ้น 13% หลังโรงพยาบาลถูกซื้อโดยบริษัททุนเอกชน
    วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ป่วย Medicare กว่า 1 ล้านรายในโรงพยาบาลที่ถูกซื้อกิจการ
    เปรียบเทียบกับโรงพยาบาลอีก 293 แห่งที่ไม่ได้ถูกซื้อ
    จำนวนพนักงานลดลงเฉลี่ย 11.6% หลังการซื้อกิจการ
    ค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนใน ER ลดลง 18% และ ICU ลดลง 16%
    โรงพยาบาลมีแนวโน้มส่งผู้ป่วยหนักไปยังโรงพยาบาลอื่นมากขึ้น
    ระยะเวลาการรักษาใน ICU ถูกลดลงเพื่อควบคุมต้นทุน
    บริษัททุนเอกชนยังคงซื้อกิจการโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง
    ปัจจุบันมีโรงพยาบาลในสหรัฐฯ กว่า 488 แห่งที่อยู่ภายใต้การบริหารของทุนเอกชน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Private Equity ใช้เงินกู้ในการซื้อกิจการ ทำให้โรงพยาบาลต้องแบกรับหนี้เพิ่ม
    กลยุทธ์หลักคือเพิ่มรายได้ในระยะสั้น แล้วลดต้นทุนเพื่อเพิ่มกำไร
    การลดพนักงานมักหมายถึงการลดคุณภาพการดูแลผู้ป่วย
    โรงพยาบาลที่ถูกซื้อบางแห่งขายที่ดินเพื่อสร้างรายได้ แต่ต้องจ่ายค่าเช่าเพิ่ม
    รัฐบางแห่ง เช่น Oregon และ Indiana เริ่มออกกฎหมายควบคุมการเข้าซื้อกิจการโดยทุนเอกชน

    https://www.nbcnews.com/news/us-news/death-rates-rose-hospital-ers-private-equity-firms-took-study-finds-rcna233211
    🏥 “เมื่อโรงพยาบาลกลายเป็นสินทรัพย์: งานวิจัยชี้อัตราการเสียชีวิตในห้องฉุกเฉินเพิ่มขึ้นหลังถูกซื้อโดยบริษัททุนเอกชน” งานวิจัยล่าสุดจาก Harvard Medical School และสถาบันพันธมิตรได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า โรงพยาบาลที่ถูกซื้อกิจการโดยบริษัททุนเอกชน (Private Equity) มีอัตราการเสียชีวิตในห้องฉุกเฉินเพิ่มขึ้นถึง 13% เมื่อเทียบกับโรงพยาบาลที่ไม่ได้ถูกซื้อ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วย Medicare ซึ่งมักเป็นผู้สูงอายุและมีความเปราะบางทางสุขภาพ การศึกษานี้วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ป่วยกว่า 1 ล้านรายในโรงพยาบาลที่ถูกซื้อกิจการ และเปรียบเทียบกับข้อมูลจากโรงพยาบาลอีก 293 แห่งที่มีขนาดและทำเลใกล้เคียงกัน พบว่าหลังการซื้อกิจการ โรงพยาบาลเหล่านี้มีการลดจำนวนพนักงานลงเฉลี่ย 11.6% และลดค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนในห้องฉุกเฉินและ ICU ลงถึง 18% และ 16% ตามลำดับ นักวิจัยชี้ว่า การลดจำนวนบุคลากรในพื้นที่ที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด เช่น ห้องฉุกเฉินและ ICU ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพการรักษา และอาจเป็นสาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นของอัตราการเสียชีวิต นอกจากนี้ยังพบว่าโรงพยาบาลที่ถูกซื้อโดยทุนเอกชนมีแนวโน้มที่จะส่งผู้ป่วยหนักไปยังโรงพยาบาลอื่นมากขึ้น และลดระยะเวลาการรักษาใน ICU เพื่อควบคุมต้นทุน ซึ่งสะท้อนถึงกลยุทธ์ทางการเงินที่เน้นผลกำไรเป็นหลัก มากกว่าคุณภาพการดูแลผู้ป่วย แม้จะมีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบด้านลบ แต่บริษัททุนเอกชนยังคงเข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีโรงพยาบาลในสหรัฐฯ กว่า 488 แห่งที่อยู่ภายใต้การบริหารของกลุ่มทุนเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงโรงพยาบาลจิตเวชและโรงพยาบาลในพื้นที่ชนบทที่มีทางเลือกจำกัด ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ งานวิจัยพบว่าอัตราการเสียชีวิตในห้องฉุกเฉินเพิ่มขึ้น 13% หลังโรงพยาบาลถูกซื้อโดยบริษัททุนเอกชน ➡️ วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ป่วย Medicare กว่า 1 ล้านรายในโรงพยาบาลที่ถูกซื้อกิจการ ➡️ เปรียบเทียบกับโรงพยาบาลอีก 293 แห่งที่ไม่ได้ถูกซื้อ ➡️ จำนวนพนักงานลดลงเฉลี่ย 11.6% หลังการซื้อกิจการ ➡️ ค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนใน ER ลดลง 18% และ ICU ลดลง 16% ➡️ โรงพยาบาลมีแนวโน้มส่งผู้ป่วยหนักไปยังโรงพยาบาลอื่นมากขึ้น ➡️ ระยะเวลาการรักษาใน ICU ถูกลดลงเพื่อควบคุมต้นทุน ➡️ บริษัททุนเอกชนยังคงซื้อกิจการโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ➡️ ปัจจุบันมีโรงพยาบาลในสหรัฐฯ กว่า 488 แห่งที่อยู่ภายใต้การบริหารของทุนเอกชน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Private Equity ใช้เงินกู้ในการซื้อกิจการ ทำให้โรงพยาบาลต้องแบกรับหนี้เพิ่ม ➡️ กลยุทธ์หลักคือเพิ่มรายได้ในระยะสั้น แล้วลดต้นทุนเพื่อเพิ่มกำไร ➡️ การลดพนักงานมักหมายถึงการลดคุณภาพการดูแลผู้ป่วย ➡️ โรงพยาบาลที่ถูกซื้อบางแห่งขายที่ดินเพื่อสร้างรายได้ แต่ต้องจ่ายค่าเช่าเพิ่ม ➡️ รัฐบางแห่ง เช่น Oregon และ Indiana เริ่มออกกฎหมายควบคุมการเข้าซื้อกิจการโดยทุนเอกชน https://www.nbcnews.com/news/us-news/death-rates-rose-hospital-ers-private-equity-firms-took-study-finds-rcna233211
    WWW.NBCNEWS.COM
    Death rates rose in hospital ERs after private equity firms took over, study finds
    The increased deaths in emergency departments at private equity-owned hospitals are most likely the result of reduced staffing levels, researchers say.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Ubiquiti เปิดตัว UniFi UNAS 2 และ UNAS 4 — NAS Desktop รุ่นใหม่ที่เชื่อมต่อผ่าน PoE พร้อม RAID และ NVMe สำหรับสายเน็ตเวิร์กมืออาชีพ”

    Ubiquiti ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบเครือข่าย เปิดตัว NAS desktop รุ่นใหม่ในซีรีส์ UniFi UNAS ได้แก่ UNAS 2 และ UNAS 4 โดยออกแบบมาเพื่อใช้งานในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็กที่ต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลที่เชื่อถือได้ พร้อมการจัดการผ่านระบบ UniFi ที่หลายคนคุ้นเคย

    UNAS 4 เป็นรุ่นใหญ่ มาพร้อมช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ 4 ช่อง รองรับทั้งขนาด 2.5 นิ้วและ 3.5 นิ้ว และยังมีช่อง M.2 NVMe SSD อีก 2 ช่องสำหรับใช้เป็น cache หรือจัดเก็บข้อมูลความเร็วสูง ใช้ชิป Arm Cortex-A55 แบบ quad-core ความเร็ว 1.7 GHz พร้อม RAM 4 GB และรองรับการตั้งค่า RAID รวมถึง hot-spare และ hot-swap ได้ทันทีโดยไม่ต้องปิดเครื่อง

    UNAS 2 เป็นรุ่นเล็กกว่า มีช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ 3.5 นิ้ว 2 ช่อง ไม่มี NVMe และไม่รองรับ hot-swap แต่ใช้สเปกเดียวกันกับรุ่นใหญ่ในด้าน CPU, RAM และระบบเครือข่าย โดยทั้งสองรุ่นรองรับการจ่ายไฟผ่าน PoE (Power over Ethernet) — UNAS 2 ใช้ PoE++ ที่จ่ายไฟได้ 60W ส่วน UNAS 4 ใช้ PoE+++ ที่จ่ายไฟได้สูงสุด 90W

    ทั้งสองรุ่นมีหน้าจอสีขนาด 1.47 นิ้วสำหรับแสดงสถานะการทำงาน รองรับ Bluetooth 4.1 และใช้วัสดุโพลีคาร์บอเนตในการผลิต ตัวเครื่องสามารถจัดการผ่านระบบ UniFi Drive โดยไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์เพิ่มเติม และเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายผ่าน Ethernet ได้ทันที

    ราคาของ UNAS 2 เริ่มต้นที่ $199 ส่วน UNAS 4 อยู่ที่ $379 โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในไตรมาสที่ 4 ปี 2025

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Ubiquiti เปิดตัว NAS desktop รุ่นใหม่ ได้แก่ UNAS 2 และ UNAS 4
    UNAS 4 รองรับฮาร์ดดิสก์ 2.5/3.5 นิ้ว 4 ช่อง และ M.2 NVMe SSD 2 ช่อง
    UNAS 2 รองรับฮาร์ดดิสก์ 3.5 นิ้ว 2 ช่อง ไม่มี NVMe และไม่รองรับ hot-swap
    ทั้งสองรุ่นใช้ชิป Arm Cortex-A55 quad-core 1.7 GHz และ RAM 4 GB
    รองรับการจ่ายไฟผ่าน PoE — UNAS 2 ใช้ PoE++ และ UNAS 4 ใช้ PoE+++
    มีหน้าจอสี 1.47 นิ้ว, Bluetooth 4.1 และวัสดุโพลีคาร์บอเนต
    จัดการผ่าน UniFi Drive โดยไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์
    ราคาเริ่มต้นที่ $199 สำหรับ UNAS 2 และ $379 สำหรับ UNAS 4
    เริ่มวางจำหน่ายในไตรมาสที่ 4 ปี 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    UniFi Drive เป็นระบบจัดการ NAS ที่เชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายของ Ubiquiti ได้โดยตรง
    PoE+++ สามารถจ่ายไฟได้สูงถึง 90W เหมาะกับอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสูง
    NAS แบบ desktop เหมาะกับการใช้งานในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็ก
    NVMe SSD ช่วยเพิ่มความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลและลดเวลาในการ backup

    คำเตือนและข้อจำกัด
    UNAS 2 ไม่รองรับ hot-swap และไม่มีช่อง NVMe SSD
    การใช้งาน PoE+++ ต้องใช้สวิตช์ที่รองรับการจ่ายไฟระดับสูง
    ไม่มีการรองรับ disk encryption ในรุ่น UNAS 2
    ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับระบบไฟล์หรือเวอร์ชันของ Linux kernel ที่ใช้งาน
    ฟีเจอร์บางอย่าง เช่น Plex Server หรือ 10GbE ยังไม่รองรับในรุ่นนี้

    https://www.techpowerup.com/341223/ubiquiti-launches-unifi-unas-dual-and-quad-bay-desktop-nas-series
    🗄️ “Ubiquiti เปิดตัว UniFi UNAS 2 และ UNAS 4 — NAS Desktop รุ่นใหม่ที่เชื่อมต่อผ่าน PoE พร้อม RAID และ NVMe สำหรับสายเน็ตเวิร์กมืออาชีพ” Ubiquiti ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบเครือข่าย เปิดตัว NAS desktop รุ่นใหม่ในซีรีส์ UniFi UNAS ได้แก่ UNAS 2 และ UNAS 4 โดยออกแบบมาเพื่อใช้งานในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็กที่ต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลที่เชื่อถือได้ พร้อมการจัดการผ่านระบบ UniFi ที่หลายคนคุ้นเคย UNAS 4 เป็นรุ่นใหญ่ มาพร้อมช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ 4 ช่อง รองรับทั้งขนาด 2.5 นิ้วและ 3.5 นิ้ว และยังมีช่อง M.2 NVMe SSD อีก 2 ช่องสำหรับใช้เป็น cache หรือจัดเก็บข้อมูลความเร็วสูง ใช้ชิป Arm Cortex-A55 แบบ quad-core ความเร็ว 1.7 GHz พร้อม RAM 4 GB และรองรับการตั้งค่า RAID รวมถึง hot-spare และ hot-swap ได้ทันทีโดยไม่ต้องปิดเครื่อง UNAS 2 เป็นรุ่นเล็กกว่า มีช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ 3.5 นิ้ว 2 ช่อง ไม่มี NVMe และไม่รองรับ hot-swap แต่ใช้สเปกเดียวกันกับรุ่นใหญ่ในด้าน CPU, RAM และระบบเครือข่าย โดยทั้งสองรุ่นรองรับการจ่ายไฟผ่าน PoE (Power over Ethernet) — UNAS 2 ใช้ PoE++ ที่จ่ายไฟได้ 60W ส่วน UNAS 4 ใช้ PoE+++ ที่จ่ายไฟได้สูงสุด 90W ทั้งสองรุ่นมีหน้าจอสีขนาด 1.47 นิ้วสำหรับแสดงสถานะการทำงาน รองรับ Bluetooth 4.1 และใช้วัสดุโพลีคาร์บอเนตในการผลิต ตัวเครื่องสามารถจัดการผ่านระบบ UniFi Drive โดยไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์เพิ่มเติม และเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายผ่าน Ethernet ได้ทันที ราคาของ UNAS 2 เริ่มต้นที่ $199 ส่วน UNAS 4 อยู่ที่ $379 โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในไตรมาสที่ 4 ปี 2025 ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Ubiquiti เปิดตัว NAS desktop รุ่นใหม่ ได้แก่ UNAS 2 และ UNAS 4 ➡️ UNAS 4 รองรับฮาร์ดดิสก์ 2.5/3.5 นิ้ว 4 ช่อง และ M.2 NVMe SSD 2 ช่อง ➡️ UNAS 2 รองรับฮาร์ดดิสก์ 3.5 นิ้ว 2 ช่อง ไม่มี NVMe และไม่รองรับ hot-swap ➡️ ทั้งสองรุ่นใช้ชิป Arm Cortex-A55 quad-core 1.7 GHz และ RAM 4 GB ➡️ รองรับการจ่ายไฟผ่าน PoE — UNAS 2 ใช้ PoE++ และ UNAS 4 ใช้ PoE+++ ➡️ มีหน้าจอสี 1.47 นิ้ว, Bluetooth 4.1 และวัสดุโพลีคาร์บอเนต ➡️ จัดการผ่าน UniFi Drive โดยไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ ➡️ ราคาเริ่มต้นที่ $199 สำหรับ UNAS 2 และ $379 สำหรับ UNAS 4 ➡️ เริ่มวางจำหน่ายในไตรมาสที่ 4 ปี 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ UniFi Drive เป็นระบบจัดการ NAS ที่เชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายของ Ubiquiti ได้โดยตรง ➡️ PoE+++ สามารถจ่ายไฟได้สูงถึง 90W เหมาะกับอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสูง ➡️ NAS แบบ desktop เหมาะกับการใช้งานในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็ก ➡️ NVMe SSD ช่วยเพิ่มความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลและลดเวลาในการ backup ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ UNAS 2 ไม่รองรับ hot-swap และไม่มีช่อง NVMe SSD ⛔ การใช้งาน PoE+++ ต้องใช้สวิตช์ที่รองรับการจ่ายไฟระดับสูง ⛔ ไม่มีการรองรับ disk encryption ในรุ่น UNAS 2 ⛔ ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับระบบไฟล์หรือเวอร์ชันของ Linux kernel ที่ใช้งาน ⛔ ฟีเจอร์บางอย่าง เช่น Plex Server หรือ 10GbE ยังไม่รองรับในรุ่นนี้ https://www.techpowerup.com/341223/ubiquiti-launches-unifi-unas-dual-and-quad-bay-desktop-nas-series
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Ubiquiti Launches UniFi UNAS Dual and Quad Bay Desktop NAS Series
    Ubiquiti has unveiled its UniFi UNAS desktop NAS series that includes the UNAS 2 (two-bay) and UNAS 4 (four-bay) models each targeting different storage and performance needs. The UNAS 4 with its four bays, stands as the top model in the series featuring a quad-core Arm Cortex-A55 processor operatin...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • hello, who can hear me?
    i'm quite new on this platform.
    hello, who can hear me? i'm quite new on this platform.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากบทความถึงการบอยคอต: เมื่อความพยายามควบคุมข้อมูลกลายเป็นสงครามกับความเป็นกลาง

    ในช่วงปลายปี 2024 ถึงต้นปี 2025 Elon Musk ได้เปิดฉากโจมตี Wikipedia อย่างเปิดเผย โดยเริ่มจากโพสต์บน X (Twitter) ที่เรียกร้องให้ผู้ติดตามกว่า 200 ล้านคน “หยุดบริจาคให้ Wokepedia” พร้อมกล่าวหาว่า Wikipedia มีอคติทางการเมือง และควร “คืนความสมดุลให้กับอำนาจการแก้ไข”

    การโจมตีนี้เกิดขึ้นหลังจาก Wikipedia อัปเดตหน้าประวัติของ Musk โดยเพิ่มเนื้อหาที่กล่าวถึงท่าทางของเขาในงานสุนทรพจน์ของ Donald Trump ซึ่งบางคนตีความว่าเป็น “ท่าทางแบบนาซี” แม้จะไม่มีการยืนยันเจตนา แต่การกล่าวถึงในบทความก็เพียงพอให้ Muskโกรธและเริ่มรณรงค์ต่อต้าน Wikipedia อย่างจริงจัง

    บทความใน Wikipedia Signpost และรายงานจาก Newsweek ระบุว่า Musk ไม่ได้โจมตี Wikipedia เพียงลำพัง แต่ร่วมมือกับนักเคลื่อนไหวฝ่ายขวา เช่น Chaya Raichik (Libs of TikTok) ที่โพสต์ภาพงบประมาณของ Wikimedia Foundation พร้อมกล่าวหาว่าองค์กรใช้เงิน $50 ล้านไปกับ “diversity, equity, and inclusion” ซึ่งกลายเป็นเป้าหมายของฝ่ายขวาในสหรัฐฯ

    Jimmy Wales ผู้ก่อตั้ง Wikipedia ตอบโต้ทันที โดยโพสต์ว่า “Elon ไม่พอใจที่ Wikipedia ไม่สามารถซื้อได้” และหวังว่าการรณรงค์ของ Musk จะกระตุ้นให้คนที่เชื่อในความจริงบริจาคมากขึ้น Wales ยังย้ำว่า Wikipedia ยึดหลักความเป็นกลาง และเปิดให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแก้ไขอย่างโปร่งใส

    ในขณะที่แพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น X ภายใต้การนำของ Musk กำลังลดการควบคุมเนื้อหาและเปิดทางให้ข้อมูลเท็จแพร่กระจาย Wikipedia ยังคงรักษามาตรฐานการตรวจสอบและการอ้างอิงอย่างเข้มงวด แม้จะถูกโจมตีจากหลายฝ่าย

    การโจมตี Wikipedia โดย Elon Musk
    Musk เรียกร้องให้ผู้ติดตาม “หยุดบริจาคให้ Wokepedia”
    โจมตีเนื้อหาที่กล่าวถึงท่าทางของเขาในงานของ Trump
    ร่วมมือกับนักเคลื่อนไหวฝ่ายขวาในการโจมตีงบประมาณของ Wikimedia

    การตอบโต้จาก Wikipedia
    Jimmy Wales ยืนยันว่า Wikipedia ไม่สามารถซื้อได้
    ย้ำหลักความเป็นกลางและการเปิดให้ทุกคนมีส่วนร่วม
    หวังว่าการโจมตีจะกระตุ้นให้คนที่เชื่อในความจริงบริจาคมากขึ้น

    บริบททางการเมืองและสื่อ
    Wikipedia ถูกมองว่าเป็น “ปราการสุดท้าย” ของข้อมูลที่ไม่ถูกควบคุม
    X ภายใต้ Musk ลดการควบคุมเนื้อหาและเปิดทางให้ข้อมูลเท็จ
    ความขัดแย้งสะท้อนถึงแนวโน้มการแบ่งขั้วในสื่อดิจิทัล

    ความสำคัญของ Wikipedia ในยุคข้อมูล
    เป็นแหล่งข้อมูลที่มีผู้เข้าชมหลายล้านคนต่อวัน
    ใช้ระบบอ้างอิงและการตรวจสอบจากชุมชนอาสาสมัคร
    ยังคงเป็นแหล่งข้อมูลที่ได้รับความเชื่อถือในระดับโลก

    https://www.theverge.com/cs/features/717322/wikipedia-attacks-neutrality-history-jimmy-wales
    🎙️ เรื่องเล่าจากบทความถึงการบอยคอต: เมื่อความพยายามควบคุมข้อมูลกลายเป็นสงครามกับความเป็นกลาง ในช่วงปลายปี 2024 ถึงต้นปี 2025 Elon Musk ได้เปิดฉากโจมตี Wikipedia อย่างเปิดเผย โดยเริ่มจากโพสต์บน X (Twitter) ที่เรียกร้องให้ผู้ติดตามกว่า 200 ล้านคน “หยุดบริจาคให้ Wokepedia” พร้อมกล่าวหาว่า Wikipedia มีอคติทางการเมือง และควร “คืนความสมดุลให้กับอำนาจการแก้ไข” การโจมตีนี้เกิดขึ้นหลังจาก Wikipedia อัปเดตหน้าประวัติของ Musk โดยเพิ่มเนื้อหาที่กล่าวถึงท่าทางของเขาในงานสุนทรพจน์ของ Donald Trump ซึ่งบางคนตีความว่าเป็น “ท่าทางแบบนาซี” แม้จะไม่มีการยืนยันเจตนา แต่การกล่าวถึงในบทความก็เพียงพอให้ Muskโกรธและเริ่มรณรงค์ต่อต้าน Wikipedia อย่างจริงจัง บทความใน Wikipedia Signpost และรายงานจาก Newsweek ระบุว่า Musk ไม่ได้โจมตี Wikipedia เพียงลำพัง แต่ร่วมมือกับนักเคลื่อนไหวฝ่ายขวา เช่น Chaya Raichik (Libs of TikTok) ที่โพสต์ภาพงบประมาณของ Wikimedia Foundation พร้อมกล่าวหาว่าองค์กรใช้เงิน $50 ล้านไปกับ “diversity, equity, and inclusion” ซึ่งกลายเป็นเป้าหมายของฝ่ายขวาในสหรัฐฯ Jimmy Wales ผู้ก่อตั้ง Wikipedia ตอบโต้ทันที โดยโพสต์ว่า “Elon ไม่พอใจที่ Wikipedia ไม่สามารถซื้อได้” และหวังว่าการรณรงค์ของ Musk จะกระตุ้นให้คนที่เชื่อในความจริงบริจาคมากขึ้น Wales ยังย้ำว่า Wikipedia ยึดหลักความเป็นกลาง และเปิดให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแก้ไขอย่างโปร่งใส ในขณะที่แพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น X ภายใต้การนำของ Musk กำลังลดการควบคุมเนื้อหาและเปิดทางให้ข้อมูลเท็จแพร่กระจาย Wikipedia ยังคงรักษามาตรฐานการตรวจสอบและการอ้างอิงอย่างเข้มงวด แม้จะถูกโจมตีจากหลายฝ่าย ✅ การโจมตี Wikipedia โดย Elon Musk ➡️ Musk เรียกร้องให้ผู้ติดตาม “หยุดบริจาคให้ Wokepedia” ➡️ โจมตีเนื้อหาที่กล่าวถึงท่าทางของเขาในงานของ Trump ➡️ ร่วมมือกับนักเคลื่อนไหวฝ่ายขวาในการโจมตีงบประมาณของ Wikimedia ✅ การตอบโต้จาก Wikipedia ➡️ Jimmy Wales ยืนยันว่า Wikipedia ไม่สามารถซื้อได้ ➡️ ย้ำหลักความเป็นกลางและการเปิดให้ทุกคนมีส่วนร่วม ➡️ หวังว่าการโจมตีจะกระตุ้นให้คนที่เชื่อในความจริงบริจาคมากขึ้น ✅ บริบททางการเมืองและสื่อ ➡️ Wikipedia ถูกมองว่าเป็น “ปราการสุดท้าย” ของข้อมูลที่ไม่ถูกควบคุม ➡️ X ภายใต้ Musk ลดการควบคุมเนื้อหาและเปิดทางให้ข้อมูลเท็จ ➡️ ความขัดแย้งสะท้อนถึงแนวโน้มการแบ่งขั้วในสื่อดิจิทัล ✅ ความสำคัญของ Wikipedia ในยุคข้อมูล ➡️ เป็นแหล่งข้อมูลที่มีผู้เข้าชมหลายล้านคนต่อวัน ➡️ ใช้ระบบอ้างอิงและการตรวจสอบจากชุมชนอาสาสมัคร ➡️ ยังคงเป็นแหล่งข้อมูลที่ได้รับความเชื่อถือในระดับโลก https://www.theverge.com/cs/features/717322/wikipedia-attacks-neutrality-history-jimmy-wales
    WWW.THEVERGE.COM
    Wikipedia is under attack — and how it can survive
    The site’s volunteers face threats from Trump, billionaires, and AI.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 334 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทัวร์อียิปต์ 35,888

    🗓 จำนวนวัน 5วัน 3คืน
    ✈ G9-แอร์อาระเบีย
    พักโรงแรม

    มหาพีระมิด
    พิพิธภัณฑ์อียิปต์
    ห้องมัมมี่
    ตลาดข่านเอลคาลีลี
    สุสานใต้ดินแห่งอเล็กซานเดรีย
    เสาปอมเปย์
    ห้องสมุดอเล็กซานเดรีย
    ป้อมปราการ Quite Bay
    ย่านเมืองเก่าคอร์ปติก

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์อียิปต์ #egypt #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    ทัวร์อียิปต์ 🇪🇬🐫 35,888 🔥😍 🗓 จำนวนวัน 5วัน 3คืน ✈ G9-แอร์อาระเบีย 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 มหาพีระมิด 📍 พิพิธภัณฑ์อียิปต์ 📍 ห้องมัมมี่ 📍 ตลาดข่านเอลคาลีลี 📍 สุสานใต้ดินแห่งอเล็กซานเดรีย 📍 เสาปอมเปย์ 📍 ห้องสมุดอเล็กซานเดรีย 📍 ป้อมปราการ Quite Bay 📍 ย่านเมืองเก่าคอร์ปติก รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์อียิปต์ #egypt #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 416 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เมื่อเงินช่วยเหลือกลายเป็นหุ้น – สหรัฐฯ กับแนวคิดถือหุ้นใน Samsung และ Intel

    ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2025 โลกเทคโนโลยีต้องสะเทือน เมื่อมีข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเจรจากับ Intel เพื่อแลกเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้น 10% ในบริษัท ซึ่งถือเป็นแนวทางใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในนโยบายอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ

    ข่าวลือเริ่มลุกลามไปถึง Samsung ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับเงินสนับสนุนกว่า 4.75 พันล้านดอลลาร์จาก CHIPS Act เพื่อสร้างโรงงานในเท็กซัส แม้รัฐบาลเกาหลีใต้จะออกมาปฏิเสธทันทีว่าไม่มีแผนให้สหรัฐฯ เข้าถือหุ้นใน Samsung แต่ความกังวลในแวดวงธุรกิจและการเมืองก็ยังคงอยู่

    แนวคิดนี้มาจากรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick ซึ่งเสนอว่าหากรัฐบาลสหรัฐฯ ให้เงินสนับสนุนบริษัทเอกชน ก็ควรได้รับผลตอบแทนในรูปแบบหุ้น โดยไม่จำเป็นต้องมีสิทธิบริหาร แต่สามารถรับเงินปันผลหรือมีสิทธิ์ยับยั้งการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ เช่น การปิดโรงงานหรือการย้ายฐานผลิต

    แม้จะดูเหมือนเป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติ แต่ก็มีคำถามตามมามากมาย เช่น หากรัฐบาลเปลี่ยนชุดบริหาร จะมีผลต่อการถือหุ้นหรือไม่? และจะกระทบต่อความเป็นอิสระของบริษัทหรือเปล่า?

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเจรจากับ Intel เพื่อแลกเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้น 10%
    Samsung ได้รับเงินสนับสนุนกว่า $4.75 พันล้านจาก CHIPS Act เพื่อสร้างโรงงานในเท็กซัส
    รัฐบาลเกาหลีใต้ปฏิเสธข่าวลือเรื่องการถือหุ้นของสหรัฐฯ ใน Samsung
    แนวคิดถือหุ้นมาจากรัฐมนตรี Lutnick เพื่อให้เงินสนับสนุนมีผลตอบแทน
    การถือหุ้นอาจไม่มีสิทธิบริหาร แต่สามารถรับเงินปันผลหรือมีสิทธิ์ยับยั้งบางการตัดสินใจ
    CHIPS Act มีงบประมาณรวม $52.7 พันล้านเพื่อสนับสนุนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ
    Intel เป็นผู้รับเงินสนับสนุนรายใหญ่ที่สุด และอาจกลายเป็นบริษัทที่รัฐบาลถือหุ้นมากที่สุด
    การถือหุ้นในบริษัทเทคโนโลยีเป็นแนวทางใหม่ของสหรัฐฯ ที่ไม่เคยใช้มาก่อน
    รัฐบาลเคยถือหุ้นในบริษัทช่วงวิกฤตปี 2008 เช่น General Motors เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
    การถือหุ้นอาจช่วยให้บริษัทเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ ได้ง่ายขึ้น และลดภาษีนำเข้า

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SoftBank ลงทุน $2 พันล้านใน Intel โดยไม่ขอสิทธิบริหาร
    รัฐบาลสหรัฐฯ เคยเจรจา “golden share” กับ Nippon Steel เพื่อควบคุมการปิดโรงงาน
    CHIPS Act ถูกผลักดันหลัง COVID-19 และสงครามเทคโนโลยีสหรัฐ–จีน
    Intel ประสบปัญหาการแข่งขันจาก TSMC และ Samsung ในด้านเทคโนโลยี
    การถือหุ้นอาจเป็นกลยุทธ์เพื่อเสริมความมั่นคงด้าน AI และการทหาร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/south-korea-says-there-are-no-plans-for-the-u-s-to-acquire-samsung-shares-denial-comes-amid-talks-about-washington-acquiring-a-10-percent-equity-stake-in-intel-for-chips-act-funds
    🎙️ เมื่อเงินช่วยเหลือกลายเป็นหุ้น – สหรัฐฯ กับแนวคิดถือหุ้นใน Samsung และ Intel ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2025 โลกเทคโนโลยีต้องสะเทือน เมื่อมีข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเจรจากับ Intel เพื่อแลกเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้น 10% ในบริษัท ซึ่งถือเป็นแนวทางใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในนโยบายอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ข่าวลือเริ่มลุกลามไปถึง Samsung ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับเงินสนับสนุนกว่า 4.75 พันล้านดอลลาร์จาก CHIPS Act เพื่อสร้างโรงงานในเท็กซัส แม้รัฐบาลเกาหลีใต้จะออกมาปฏิเสธทันทีว่าไม่มีแผนให้สหรัฐฯ เข้าถือหุ้นใน Samsung แต่ความกังวลในแวดวงธุรกิจและการเมืองก็ยังคงอยู่ แนวคิดนี้มาจากรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick ซึ่งเสนอว่าหากรัฐบาลสหรัฐฯ ให้เงินสนับสนุนบริษัทเอกชน ก็ควรได้รับผลตอบแทนในรูปแบบหุ้น โดยไม่จำเป็นต้องมีสิทธิบริหาร แต่สามารถรับเงินปันผลหรือมีสิทธิ์ยับยั้งการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ เช่น การปิดโรงงานหรือการย้ายฐานผลิต แม้จะดูเหมือนเป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติ แต่ก็มีคำถามตามมามากมาย เช่น หากรัฐบาลเปลี่ยนชุดบริหาร จะมีผลต่อการถือหุ้นหรือไม่? และจะกระทบต่อความเป็นอิสระของบริษัทหรือเปล่า? 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเจรจากับ Intel เพื่อแลกเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้น 10% ➡️ Samsung ได้รับเงินสนับสนุนกว่า $4.75 พันล้านจาก CHIPS Act เพื่อสร้างโรงงานในเท็กซัส ➡️ รัฐบาลเกาหลีใต้ปฏิเสธข่าวลือเรื่องการถือหุ้นของสหรัฐฯ ใน Samsung ➡️ แนวคิดถือหุ้นมาจากรัฐมนตรี Lutnick เพื่อให้เงินสนับสนุนมีผลตอบแทน ➡️ การถือหุ้นอาจไม่มีสิทธิบริหาร แต่สามารถรับเงินปันผลหรือมีสิทธิ์ยับยั้งบางการตัดสินใจ ➡️ CHIPS Act มีงบประมาณรวม $52.7 พันล้านเพื่อสนับสนุนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ ➡️ Intel เป็นผู้รับเงินสนับสนุนรายใหญ่ที่สุด และอาจกลายเป็นบริษัทที่รัฐบาลถือหุ้นมากที่สุด ➡️ การถือหุ้นในบริษัทเทคโนโลยีเป็นแนวทางใหม่ของสหรัฐฯ ที่ไม่เคยใช้มาก่อน ➡️ รัฐบาลเคยถือหุ้นในบริษัทช่วงวิกฤตปี 2008 เช่น General Motors เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ➡️ การถือหุ้นอาจช่วยให้บริษัทเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ ได้ง่ายขึ้น และลดภาษีนำเข้า ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SoftBank ลงทุน $2 พันล้านใน Intel โดยไม่ขอสิทธิบริหาร ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เคยเจรจา “golden share” กับ Nippon Steel เพื่อควบคุมการปิดโรงงาน ➡️ CHIPS Act ถูกผลักดันหลัง COVID-19 และสงครามเทคโนโลยีสหรัฐ–จีน ➡️ Intel ประสบปัญหาการแข่งขันจาก TSMC และ Samsung ในด้านเทคโนโลยี ➡️ การถือหุ้นอาจเป็นกลยุทธ์เพื่อเสริมความมั่นคงด้าน AI และการทหาร https://www.tomshardware.com/tech-industry/south-korea-says-there-are-no-plans-for-the-u-s-to-acquire-samsung-shares-denial-comes-amid-talks-about-washington-acquiring-a-10-percent-equity-stake-in-intel-for-chips-act-funds
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 393 มุมมอง 0 รีวิว
  • CHIPS Act ไม่ใช่แค่เงินช่วยเหลืออีกต่อไป — รัฐบาลสหรัฐฯ อาจกลายเป็นผู้ถือหุ้นใน Intel และบริษัทชิปอื่น ๆ

    เดิมที CHIPS Act ถูกออกแบบมาเพื่อให้เงินสนับสนุนแก่บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในการสร้างโรงงานผลิตชิปในสหรัฐฯ แต่ล่าสุด Howard Lutnick รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ เสนอแนวคิดใหม่ที่พลิกเกม: แทนที่จะให้เงินเปล่า รัฐบาลควร “ซื้อหุ้น” ในบริษัทเหล่านี้ เพื่อให้ผู้เสียภาษีได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน

    แนวคิดนี้เริ่มต้นจาก Intel ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนกว่า $7.86 พันล้าน และอาจได้รับเงินกู้เพิ่มอีก $11 พันล้าน แต่รัฐบาลกำลังพิจารณาถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อแลกกับเงินสนับสนุนดังกล่าว

    หากแนวทางนี้ขยายไปยังบริษัทอื่น เช่น Micron, TSMC, Samsung หรือ GlobalFoundries ก็อาจเปลี่ยนโฉมหน้าความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับเอกชนในอุตสาหกรรมชิปไปอย่างสิ้นเชิง

    แม้แนวคิดนี้จะดูเหมือนการลงทุนแบบ VC แต่ก็มีข้อจำกัด เช่น บริษัทต่างชาติอย่าง Samsung หรือ TSMC อาจไม่ยอมให้รัฐบาลสหรัฐฯ เข้ามาถือหุ้นง่าย ๆ เพราะเกี่ยวข้องกับรัฐบาลของประเทศตนเอง และอาจซับซ้อนทางการเมือง

    อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้สะท้อนถึงความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากไต้หวัน ซึ่งผลิตชิปขั้นสูงกว่า 90% ของโลก และอยู่ห่างจากจีนเพียง 80 ไมล์

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอแนวคิดเปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นการซื้อหุ้นในบริษัทชิป
    Howard Lutnick เสนอให้ถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อแลกกับเงินสนับสนุนกว่า $7.86 พันล้าน
    แนวคิดนี้อาจขยายไปยังบริษัทอื่น เช่น Micron, TSMC, Samsung และ GlobalFoundries
    เป้าหมายคือให้ผู้เสียภาษีได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน ไม่ใช่แค่ให้เงินเปล่า
    รัฐบาลสหรัฐฯ เคยให้เงินสนับสนุน Samsung $4.75B, Micron $6.2B และ TSMC $6.6B
    Lutnick ระบุว่า “เราไม่สามารถพึ่งพาไต้หวันในการผลิตชิปขั้นสูงได้อีกต่อไป”
    แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากอดีตประธานาธิบดี Donald Trump
    กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กำลังเจรจาใหม่กับบริษัทที่เคยได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลก่อนหน้านี้
    การถือหุ้นจะไม่ให้สิทธิ์ในการบริหาร แต่จะให้รัฐบาลมีอิทธิพลทางยุทธศาสตร์
    มีการเปรียบเทียบกับการถือหุ้นของรัฐบาลจีนในบริษัทเทคโนโลยีของตนเอง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    รัฐบาลสหรัฐฯ เคยถือหุ้นในบริษัทเอกชนช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น GM และ AIG
    TSMC มีผู้ถือหุ้นจากหลายประเทศ เช่น รัฐบาลไต้หวันและกองทุนจากสิงคโปร์
    การถือหุ้นของรัฐอาจช่วยดึงดูดลูกค้ารายใหญ่ให้กับ Intel ที่กำลังขาดทุน
    Nvidia เคยทำข้อตกลงให้รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ส่วนแบ่ง 15% จากการขายชิป H20 ให้จีน
    Pentagon เตรียมถือหุ้นใหญ่ในบริษัทเหมืองเพื่อเพิ่มการผลิตแม่เหล็กหายาก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/chips-act-funding-could-herald-an-era-where-the-u-s-is-not-offering-grants-but-buying-equity-lutnicks-semiconductor-strategy-might-not-end-with-intel
    🎙️ CHIPS Act ไม่ใช่แค่เงินช่วยเหลืออีกต่อไป — รัฐบาลสหรัฐฯ อาจกลายเป็นผู้ถือหุ้นใน Intel และบริษัทชิปอื่น ๆ เดิมที CHIPS Act ถูกออกแบบมาเพื่อให้เงินสนับสนุนแก่บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในการสร้างโรงงานผลิตชิปในสหรัฐฯ แต่ล่าสุด Howard Lutnick รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ เสนอแนวคิดใหม่ที่พลิกเกม: แทนที่จะให้เงินเปล่า รัฐบาลควร “ซื้อหุ้น” ในบริษัทเหล่านี้ เพื่อให้ผู้เสียภาษีได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน แนวคิดนี้เริ่มต้นจาก Intel ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนกว่า $7.86 พันล้าน และอาจได้รับเงินกู้เพิ่มอีก $11 พันล้าน แต่รัฐบาลกำลังพิจารณาถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อแลกกับเงินสนับสนุนดังกล่าว หากแนวทางนี้ขยายไปยังบริษัทอื่น เช่น Micron, TSMC, Samsung หรือ GlobalFoundries ก็อาจเปลี่ยนโฉมหน้าความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับเอกชนในอุตสาหกรรมชิปไปอย่างสิ้นเชิง แม้แนวคิดนี้จะดูเหมือนการลงทุนแบบ VC แต่ก็มีข้อจำกัด เช่น บริษัทต่างชาติอย่าง Samsung หรือ TSMC อาจไม่ยอมให้รัฐบาลสหรัฐฯ เข้ามาถือหุ้นง่าย ๆ เพราะเกี่ยวข้องกับรัฐบาลของประเทศตนเอง และอาจซับซ้อนทางการเมือง อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้สะท้อนถึงความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากไต้หวัน ซึ่งผลิตชิปขั้นสูงกว่า 90% ของโลก และอยู่ห่างจากจีนเพียง 80 ไมล์ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอแนวคิดเปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นการซื้อหุ้นในบริษัทชิป ➡️ Howard Lutnick เสนอให้ถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อแลกกับเงินสนับสนุนกว่า $7.86 พันล้าน ➡️ แนวคิดนี้อาจขยายไปยังบริษัทอื่น เช่น Micron, TSMC, Samsung และ GlobalFoundries ➡️ เป้าหมายคือให้ผู้เสียภาษีได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน ไม่ใช่แค่ให้เงินเปล่า ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เคยให้เงินสนับสนุน Samsung $4.75B, Micron $6.2B และ TSMC $6.6B ➡️ Lutnick ระบุว่า “เราไม่สามารถพึ่งพาไต้หวันในการผลิตชิปขั้นสูงได้อีกต่อไป” ➡️ แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ➡️ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กำลังเจรจาใหม่กับบริษัทที่เคยได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลก่อนหน้านี้ ➡️ การถือหุ้นจะไม่ให้สิทธิ์ในการบริหาร แต่จะให้รัฐบาลมีอิทธิพลทางยุทธศาสตร์ ➡️ มีการเปรียบเทียบกับการถือหุ้นของรัฐบาลจีนในบริษัทเทคโนโลยีของตนเอง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เคยถือหุ้นในบริษัทเอกชนช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น GM และ AIG ➡️ TSMC มีผู้ถือหุ้นจากหลายประเทศ เช่น รัฐบาลไต้หวันและกองทุนจากสิงคโปร์ ➡️ การถือหุ้นของรัฐอาจช่วยดึงดูดลูกค้ารายใหญ่ให้กับ Intel ที่กำลังขาดทุน ➡️ Nvidia เคยทำข้อตกลงให้รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ส่วนแบ่ง 15% จากการขายชิป H20 ให้จีน ➡️ Pentagon เตรียมถือหุ้นใหญ่ในบริษัทเหมืองเพื่อเพิ่มการผลิตแม่เหล็กหายาก https://www.tomshardware.com/tech-industry/chips-act-funding-could-herald-an-era-where-the-u-s-is-not-offering-grants-but-buying-equity-lutnicks-semiconductor-strategy-might-not-end-with-intel
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังหายใจ – เมื่อยักษ์ใหญ่ต้องลดราคาหุ้นเพื่อความอยู่รอด

    ในเดือนสิงหาคม 2025 Intel กำลังเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่เพื่อขอเงินทุนเพิ่มผ่านการขายหุ้นในราคาส่วนลด หลังจากเพิ่งได้รับเงินลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์จาก SoftBank ที่ซื้อหุ้นในราคา $23 ต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาปิดเล็กน้อย

    การระดมทุนนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามของ Intel ที่จะฟื้นฟูธุรกิจผลิตชิปในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในตลาด AI ที่ถูกครอบครองโดย Nvidia และ TSMC มานานหลายปี เนื่องจากความผิดพลาดในการบริหารและการพัฒนาเทคโนโลยีที่ล่าช้า

    รัฐบาลสหรัฐฯ โดยรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick เสนอให้เปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้นของ Intel ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลถือหุ้นถึง 10% และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด

    Intel ต้องการเงินทุนมหาศาลถึง $40 พันล้านเพื่อแข่งขันในตลาดชิประดับสูง โดยเฉพาะโครงการโรงงานผลิตชิปในรัฐโอไฮโอที่ล่าช้ามาหลายปี และการยกเลิกโครงการในเยอรมนีและโปแลนด์

    แม้ SoftBank จะไม่ขอที่นั่งในบอร์ด แต่การลงทุนครั้งนี้ถือเป็น “เดิมพัน” ว่า Intel จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ และกลับมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมชิปอีกครั้ง

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Intel กำลังเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่เพื่อระดมทุนผ่านการขายหุ้นราคาส่วนลด
    SoftBank ลงทุน $2 พันล้าน ซื้อหุ้นที่ $23 ต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 2%
    หุ้น Intel ร่วง 7% หลังข่าวการระดมทุนเพิ่มเติม
    รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอเปลี่ยนเงินสนับสนุน CHIPS Act เป็นหุ้นของ Intel
    หากเปลี่ยนทั้งหมด รัฐบาลจะถือหุ้นถึง 10%
    Intel ต้องการเงินทุนรวมประมาณ $40 พันล้านเพื่อแข่งขันในตลาดชิป
    โครงการโรงงานในโอไฮโอล่าช้า และโครงการในเยอรมนี-โปแลนด์ถูกยกเลิก
    SoftBank ไม่ขอที่นั่งในบอร์ด และไม่มีข้อผูกพันในการซื้อชิปจาก Intel
    CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan เข้ามาแทน Pat Gelsinger ตั้งแต่มีนาคม 2025
    Intel เคยขาดทุน $18.8 พันล้านในปี 2024 ซึ่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1986

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SoftBank มีแผนลงทุน $30 พันล้านใน OpenAI และโครงการ Stargate ร่วมกับ Oracle
    Foxconn จะผลิตอุปกรณ์ดาต้าเซ็นเตอร์ในโรงงานเดิมที่โอไฮโอให้ SoftBank
    BlackRock และ Vanguard เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Intel อยู่แล้ว
    การถือหุ้นโดยรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารของ Intel
    ตลาดชิป AI มีมูลค่ามากกว่า $500 พันล้าน และเติบโตอย่างรวดเร็ว
    Intel ยังไม่มีลูกค้าหลักในธุรกิจผลิตชิปตามสั่ง (foundry)

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/intel-in-talks-with-large-investors-for-equity-boost-at-discount-cnbc-reports
    💬 Intel กำลังหายใจ – เมื่อยักษ์ใหญ่ต้องลดราคาหุ้นเพื่อความอยู่รอด ในเดือนสิงหาคม 2025 Intel กำลังเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่เพื่อขอเงินทุนเพิ่มผ่านการขายหุ้นในราคาส่วนลด หลังจากเพิ่งได้รับเงินลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์จาก SoftBank ที่ซื้อหุ้นในราคา $23 ต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาปิดเล็กน้อย การระดมทุนนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามของ Intel ที่จะฟื้นฟูธุรกิจผลิตชิปในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในตลาด AI ที่ถูกครอบครองโดย Nvidia และ TSMC มานานหลายปี เนื่องจากความผิดพลาดในการบริหารและการพัฒนาเทคโนโลยีที่ล่าช้า รัฐบาลสหรัฐฯ โดยรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick เสนอให้เปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้นของ Intel ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลถือหุ้นถึง 10% และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด Intel ต้องการเงินทุนมหาศาลถึง $40 พันล้านเพื่อแข่งขันในตลาดชิประดับสูง โดยเฉพาะโครงการโรงงานผลิตชิปในรัฐโอไฮโอที่ล่าช้ามาหลายปี และการยกเลิกโครงการในเยอรมนีและโปแลนด์ แม้ SoftBank จะไม่ขอที่นั่งในบอร์ด แต่การลงทุนครั้งนี้ถือเป็น “เดิมพัน” ว่า Intel จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ และกลับมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมชิปอีกครั้ง 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Intel กำลังเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่เพื่อระดมทุนผ่านการขายหุ้นราคาส่วนลด ➡️ SoftBank ลงทุน $2 พันล้าน ซื้อหุ้นที่ $23 ต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 2% ➡️ หุ้น Intel ร่วง 7% หลังข่าวการระดมทุนเพิ่มเติม ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอเปลี่ยนเงินสนับสนุน CHIPS Act เป็นหุ้นของ Intel ➡️ หากเปลี่ยนทั้งหมด รัฐบาลจะถือหุ้นถึง 10% ➡️ Intel ต้องการเงินทุนรวมประมาณ $40 พันล้านเพื่อแข่งขันในตลาดชิป ➡️ โครงการโรงงานในโอไฮโอล่าช้า และโครงการในเยอรมนี-โปแลนด์ถูกยกเลิก ➡️ SoftBank ไม่ขอที่นั่งในบอร์ด และไม่มีข้อผูกพันในการซื้อชิปจาก Intel ➡️ CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan เข้ามาแทน Pat Gelsinger ตั้งแต่มีนาคม 2025 ➡️ Intel เคยขาดทุน $18.8 พันล้านในปี 2024 ซึ่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1986 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SoftBank มีแผนลงทุน $30 พันล้านใน OpenAI และโครงการ Stargate ร่วมกับ Oracle ➡️ Foxconn จะผลิตอุปกรณ์ดาต้าเซ็นเตอร์ในโรงงานเดิมที่โอไฮโอให้ SoftBank ➡️ BlackRock และ Vanguard เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Intel อยู่แล้ว ➡️ การถือหุ้นโดยรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารของ Intel ➡️ ตลาดชิป AI มีมูลค่ามากกว่า $500 พันล้าน และเติบโตอย่างรวดเร็ว ➡️ Intel ยังไม่มีลูกค้าหลักในธุรกิจผลิตชิปตามสั่ง (foundry) https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/intel-in-talks-with-large-investors-for-equity-boost-at-discount-cnbc-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Intel in talks with large investors for equity boost at discount, CNBC reports
    (Reuters) -Intel is in talks with other large investors to receive an equity infusion at a discounted price, CNBC reported on Wednesday, just days after the chipmaker got a $2 billion capital injection from SoftBank Group.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 273 มุมมอง 0 รีวิว
  • บังเอิญเกินไปมั๊ย โดรนเขมรเป็นห่ายุง หลังสหรัฐจับมือเขมร (3/8/68)
    Too much of a coincidence? Cambodian drones swarm like mosquitoes after U.S. teams up with Cambodia.

    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #กัมพูชายิงก่อน
    #โดรนเขมร #สงครามไซเบอร์
    #Thaitimes #News1 #Shorts
    บังเอิญเกินไปมั๊ย โดรนเขมรเป็นห่ายุง หลังสหรัฐจับมือเขมร (3/8/68) Too much of a coincidence? Cambodian drones swarm like mosquitoes after U.S. teams up with Cambodia. #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #กัมพูชายิงก่อน #โดรนเขมร #สงครามไซเบอร์ #Thaitimes #News1 #Shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ลองนึกภาพว่าคุณต้องเข้าออฟฟิศที่ทาสีเทาๆ มีไฟเพดานที่ทำให้ปวดตา โต๊ะจัดเป็นแถวแบบโรงเรียนประถม และไม่มีอะไรน่าสนใจเลยทุกวัน... → นั่นแหละคือสิ่งที่พนักงานในอังกฤษจำนวนมากรู้สึกกับสถานที่ทำงานของพวกเขา → และผลสำรวจจาก Kinly พบว่า 34% ถึงขั้นคิดจะลาออกเพราะดีไซน์ออฟฟิศน่าเบื่อ! → โดยเฉพาะคนช่วงอายุ 25–34 ปี บางคน “ลาออกไปแล้วจริง ๆ”

    ต้นเหตุไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามนะครับ → 21% บอกว่าที่ทำงานแบบนี้กระทบ “สุขภาพจิต” โดยตรง → สร้างความรู้สึกแย่ หมดไฟ และไม่อยากมาทำงาน

    ข่าวดีก็คือ บริษัทจำนวนมากในอังกฤษเริ่ม หันมาใช้เทคโนโลยี AV เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศออฟฟิศ → มีทั้งจอภาพ เสียง ระบบเซ็นเซอร์ และสื่อมัลติมีเดีย → เพื่อช่วยให้พื้นที่ทำงานมีชีวิตชีวา สดชื่นขึ้น และเสริมจินตนาการ

    ที่น่าสนใจคือ 65% ของผู้เชี่ยวชาญ AV บอกว่าออฟฟิศควรมีความสวยงาม “พอ ๆ กับฟังก์ชัน” → และตอนนี้ มากกว่า 2 ใน 3 ของทีม AV เริ่มทำงานร่วมกับฝ่าย HR โดยตรงเพื่อดูแลสุขภาวะพนักงาน

    34% ของพนักงานชาวอังกฤษคิดจะลาออกเพราะออฟฟิศน่าเบื่อ  
    • โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 25–34 ปี  
    • เกือบครึ่งเคย “ลาออกจริง” เพราะเหตุผลนี้

    21% บอกว่าสภาพแวดล้อมออฟฟิศส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต  
    • ความน่าเบื่อ ความอึดอัด แสงไม่เหมาะสม สีทึม ทำให้หมดไฟ

    77% ของผู้เชี่ยวชาญ AV เชื่อว่าออฟฟิศที่น่ามองส่งผลต่อผลิตภาพโดยตรง

    บริษัทมากกว่าครึ่งในอังกฤษ เริ่มใช้เทคโนโลยีภาพและเสียงมาปรับสภาพแวดล้อม  
    • เช่น ป้ายดิจิทัล จอแสดงผล เสียงประกอบ ambient lighting  
    • ใช้เพื่อรองรับพนักงาน neurodiverse และเชื่อมโยงพนักงาน remote–onsite

    Kinly CEO ย้ำว่า “ออฟฟิศไม่ใช่แค่สวย แต่เป็นกลยุทธ์” ที่ต้องวางแผนแบบมีเป้าหมาย

    https://www.techspot.com/news/108577-workers-quitting-over-their-depressing-offices-but-av.html
    ลองนึกภาพว่าคุณต้องเข้าออฟฟิศที่ทาสีเทาๆ มีไฟเพดานที่ทำให้ปวดตา โต๊ะจัดเป็นแถวแบบโรงเรียนประถม และไม่มีอะไรน่าสนใจเลยทุกวัน... → นั่นแหละคือสิ่งที่พนักงานในอังกฤษจำนวนมากรู้สึกกับสถานที่ทำงานของพวกเขา → และผลสำรวจจาก Kinly พบว่า 34% ถึงขั้นคิดจะลาออกเพราะดีไซน์ออฟฟิศน่าเบื่อ! → โดยเฉพาะคนช่วงอายุ 25–34 ปี บางคน “ลาออกไปแล้วจริง ๆ” ต้นเหตุไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามนะครับ → 21% บอกว่าที่ทำงานแบบนี้กระทบ “สุขภาพจิต” โดยตรง → สร้างความรู้สึกแย่ หมดไฟ และไม่อยากมาทำงาน ข่าวดีก็คือ บริษัทจำนวนมากในอังกฤษเริ่ม หันมาใช้เทคโนโลยี AV เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศออฟฟิศ → มีทั้งจอภาพ เสียง ระบบเซ็นเซอร์ และสื่อมัลติมีเดีย → เพื่อช่วยให้พื้นที่ทำงานมีชีวิตชีวา สดชื่นขึ้น และเสริมจินตนาการ ที่น่าสนใจคือ 65% ของผู้เชี่ยวชาญ AV บอกว่าออฟฟิศควรมีความสวยงาม “พอ ๆ กับฟังก์ชัน” → และตอนนี้ มากกว่า 2 ใน 3 ของทีม AV เริ่มทำงานร่วมกับฝ่าย HR โดยตรงเพื่อดูแลสุขภาวะพนักงาน ✅ 34% ของพนักงานชาวอังกฤษคิดจะลาออกเพราะออฟฟิศน่าเบื่อ   • โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 25–34 ปี   • เกือบครึ่งเคย “ลาออกจริง” เพราะเหตุผลนี้ ✅ 21% บอกว่าสภาพแวดล้อมออฟฟิศส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต   • ความน่าเบื่อ ความอึดอัด แสงไม่เหมาะสม สีทึม ทำให้หมดไฟ ✅ 77% ของผู้เชี่ยวชาญ AV เชื่อว่าออฟฟิศที่น่ามองส่งผลต่อผลิตภาพโดยตรง ✅ บริษัทมากกว่าครึ่งในอังกฤษ เริ่มใช้เทคโนโลยีภาพและเสียงมาปรับสภาพแวดล้อม   • เช่น ป้ายดิจิทัล จอแสดงผล เสียงประกอบ ambient lighting   • ใช้เพื่อรองรับพนักงาน neurodiverse และเชื่อมโยงพนักงาน remote–onsite ✅ Kinly CEO ย้ำว่า “ออฟฟิศไม่ใช่แค่สวย แต่เป็นกลยุทธ์” ที่ต้องวางแผนแบบมีเป้าหมาย https://www.techspot.com/news/108577-workers-quitting-over-their-depressing-offices-but-av.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Some workers are quitting over their depressing office designs, but AV tech is helping
    Most offices are bland, dull, miserable boxes, with migraine-inducing lighting and drab colors. They certainly don't make occupants happy to come into work, and can even affect...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีมนักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหมแห่งชาติจีน ได้เปิดตัว โดรนขนาดเล็กเท่ายุง ที่สามารถบินจริงด้วยปีกแบบชีวกลศาสตร์ (bionic) และถูกออกแบบมาเพื่อ “ภารกิจสอดแนม” โดยเฉพาะ

    นึกถึงโดรนที่ตัวเล็กขนาดหยิบขึ้นมาหนีบไว้ระหว่างนิ้วได้เลยครับ — เพราะนี่คือผลงานล่าสุดของศูนย์วิจัยกองทัพจีนที่ถูกนำเสนอผ่านช่อง CCTV-7 ของรัฐ จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก

    ตัวโดรนมีลักษณะคล้ายแมลงจริง ทั้งรูปร่างและวิธีบิน โดยใช้ ปีกชีวกล ที่ขยับพัดปีกได้เหมือนแมลงมากกว่าใช้ใบพัดเหมือนโดรนทั่วไป มีสองเวอร์ชันที่โชว์ในสื่อ:

    - รุ่นที่มี 2 ปีก: ขนาดเล็กมาก เคลื่อนไหวแบบแมลง
    - รุ่นที่มี 4 ปีก: ควบคุมผ่านสมาร์ตโฟน ใช้งานในระดับสูงกว่า

    ถึงแม้จะไม่มีรายละเอียดสเปกฮาร์ดแวร์ที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าตัวโดรนสามารถเก็บข้อมูลภาพ เสียง หรือสัญญาณ และส่งกลับได้ — เหมาะกับภารกิจสอดแนมโดยไม่ให้เป้าหมายรู้ตัว

    น่าสนใจตรงที่ ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลว่าสิ่งนี้ถูกใช้จริงทางทหารหรือยังอยู่ในขั้นวิจัย แต่หลายฝ่ายเชื่อว่า โดรนระดับแมลง (insect-scale UAV) จะเป็นหมากตัวใหม่ในสนามรบอนาคตแน่นอน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/mosquito-sized-drone-is-designed-for-chinese-spy-missions-military-robotics-lab-reveals-incredibly-tiny-bionic-flying-robots
    ทีมนักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหมแห่งชาติจีน ได้เปิดตัว โดรนขนาดเล็กเท่ายุง ที่สามารถบินจริงด้วยปีกแบบชีวกลศาสตร์ (bionic) และถูกออกแบบมาเพื่อ “ภารกิจสอดแนม” โดยเฉพาะ 🦟🛰️ นึกถึงโดรนที่ตัวเล็กขนาดหยิบขึ้นมาหนีบไว้ระหว่างนิ้วได้เลยครับ — เพราะนี่คือผลงานล่าสุดของศูนย์วิจัยกองทัพจีนที่ถูกนำเสนอผ่านช่อง CCTV-7 ของรัฐ จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ตัวโดรนมีลักษณะคล้ายแมลงจริง ทั้งรูปร่างและวิธีบิน โดยใช้ ปีกชีวกล ที่ขยับพัดปีกได้เหมือนแมลงมากกว่าใช้ใบพัดเหมือนโดรนทั่วไป มีสองเวอร์ชันที่โชว์ในสื่อ: - รุ่นที่มี 2 ปีก: ขนาดเล็กมาก เคลื่อนไหวแบบแมลง - รุ่นที่มี 4 ปีก: ควบคุมผ่านสมาร์ตโฟน ใช้งานในระดับสูงกว่า ถึงแม้จะไม่มีรายละเอียดสเปกฮาร์ดแวร์ที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าตัวโดรนสามารถเก็บข้อมูลภาพ เสียง หรือสัญญาณ และส่งกลับได้ — เหมาะกับภารกิจสอดแนมโดยไม่ให้เป้าหมายรู้ตัว น่าสนใจตรงที่ ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลว่าสิ่งนี้ถูกใช้จริงทางทหารหรือยังอยู่ในขั้นวิจัย แต่หลายฝ่ายเชื่อว่า โดรนระดับแมลง (insect-scale UAV) จะเป็นหมากตัวใหม่ในสนามรบอนาคตแน่นอน https://www.tomshardware.com/tech-industry/mosquito-sized-drone-is-designed-for-chinese-spy-missions-military-robotics-lab-reveals-incredibly-tiny-bionic-flying-robots
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 0 รีวิว
  • Bloomberg เผยรายงานว่า xAI บริษัทปัญญาประดิษฐ์ของ Elon Musk เตรียมเผาเงินกว่า 13,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2025 หรือเฉลี่ยเดือนละ 1 พันล้าน! ยิ่งไปกว่านั้น — จากเงินที่ระดมทุนมาตั้งแต่ปี 2023 รวม 14 พันล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 4 พันล้านในไตรมาสแรกปีนี้ และน่าจะร่อยหรอในไตรมาสสอง

    แน่นอนว่า Musk ไม่อยู่เฉย เขาโพสต์ใน X ว่า “Bloomberg พูดไร้สาระ” และ “ผู้คนไม่รู้เลยว่ากำลังเดิมพันอะไรกันอยู่” — นี่คือการยืนยันว่าเดิมพันนี้ใหญ่มาก (แม้จะไม่ยอมรับตัวเลขตรง ๆ)

    รายจ่ายส่วนใหญ่ของ xAI คือโครงการ Colossus และ Memphis Supercluster ที่เน้นซื้อ GPU Hopper จาก Nvidia จำนวน 200,000 ตัว พร้อมสำรองไฟด้วย Tesla Megapack 150MW เพื่อให้ระบบไม่ดับระหว่างฝึก AI ขนาดยักษ์

    และพีคสุดคือ Musk เคยพูดไว้ว่า จะเพิ่ม GPU เป็น 1 ล้านตัวใน Colossus ซึ่งตีเป็นเงินน่าจะอยู่ระหว่าง $50 – $62.5 พันล้านดอลลาร์ เลยทีเดียว

    เพื่อไปต่อ xAI จึงกำลังปิดดีล ระดมทุนเพิ่มอีก 4.3 พันล้านดอลลาร์ (รอบใหม่) และวางแผนระดมอีก 6.4 พันล้านปีหน้า — ยังไม่รวม “หนี้ก้อนโต” ที่ Morgan Stanley กำลังช่วยระดมเพิ่มอีก 5 พันล้าน เพื่อใช้สร้างศูนย์ข้อมูลต่อ

    xAI คาดว่าจะใช้เงินมากกว่า $13B ในปี 2025 หรือเฉลี่ย $1B/เดือน  
    • รายได้ปีนี้ประมาณ $500M เท่านั้น  
    • บริษัทคาดว่าจะได้เงินคืน $650M จากผู้ผลิตฮาร์ดแวร์

    เงินสดเหลือใน Q1/2025 เหลือเพียง $4B จากที่ระดมมา $14B  
    • Bloomberg คาดว่าจะใกล้หมดภายในไตรมาส 2

    xAI อยู่ระหว่างปิดดีลระดมทุนเพิ่ม $4.3B (equity)  
    • พร้อมเตรียมระดมทุนอีก $6.4B ในปีหน้า  
    • Morgan Stanley ช่วยจัดหาหนี้อีก $5B

    โครงการหลัก Colossus ใช้ GPU H100/Hopper จำนวน 200K ตัวใน Memphis Supercluster  
    • สำรองไฟด้วย Tesla Megapack 150MW  
    • วางแผนเพิ่มเป็น 1 ล้าน GPU → มูลค่าการลงทุน $50B – $62.5B

    Elon Musk โต้ว่า Bloomberg รายงาน “ไร้สาระ”  
    • แต่ยอมรับว่าผู้คนไม่เข้าใจขอบเขตของความเสี่ยงและเดิมพัน

    บริษัทมีมูลค่าสูงถึง $80B เมื่อต้นปี 2025 (จาก $51B ในปลายปี 2024)  
    • ได้รับเงินลงทุนจาก Andreessen Horowitz, Sequoia Capital, VY Capital

    บางแหล่งคาด xAI จะเริ่มทำกำไรในปี 2027 — เร็วกว่า OpenAI ที่ตั้งเป้าไว้ปี 2029

    การเผาเงินระดับ $1B/เดือน แบบยังไม่มีรายได้ที่ใกล้เคียง อาจเป็นความเสี่ยงทางการเงินสูงมาก  
    • นักลงทุนอาจเริ่มตั้งคำถามหากไม่มีแผน monetization ที่ชัด

    การพึ่งพา GPU ของ Nvidia ทำให้ xAI มีต้นทุนสูงและยากจะควบคุมราคาฮาร์ดแวร์  
    • หากตลาดชิป AI ผันผวน อาจกระทบงบประมาณอย่างแรง

    แม้ Musk จะโต้ข่าว แต่ไม่ยอมเปิดตัวเลขจริง จึงยากต่อการประเมินความมั่นคงทางการเงิน

    หากการลงทุนไม่ออกดอกออกผลเร็วพอ การประเมินมูลค่าบริษัทอาจถูกปรับลดในรอบต่อไป  
    • อาจกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนรายใหญ่

    https://www.techspot.com/news/108377-elon-musk-responds-report-xai-burning-through-1.html
    Bloomberg เผยรายงานว่า xAI บริษัทปัญญาประดิษฐ์ของ Elon Musk เตรียมเผาเงินกว่า 13,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2025 หรือเฉลี่ยเดือนละ 1 พันล้าน! ยิ่งไปกว่านั้น — จากเงินที่ระดมทุนมาตั้งแต่ปี 2023 รวม 14 พันล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 4 พันล้านในไตรมาสแรกปีนี้ และน่าจะร่อยหรอในไตรมาสสอง แน่นอนว่า Musk ไม่อยู่เฉย เขาโพสต์ใน X ว่า “Bloomberg พูดไร้สาระ” และ “ผู้คนไม่รู้เลยว่ากำลังเดิมพันอะไรกันอยู่” — นี่คือการยืนยันว่าเดิมพันนี้ใหญ่มาก (แม้จะไม่ยอมรับตัวเลขตรง ๆ) รายจ่ายส่วนใหญ่ของ xAI คือโครงการ Colossus และ Memphis Supercluster ที่เน้นซื้อ GPU Hopper จาก Nvidia จำนวน 200,000 ตัว พร้อมสำรองไฟด้วย Tesla Megapack 150MW เพื่อให้ระบบไม่ดับระหว่างฝึก AI ขนาดยักษ์ และพีคสุดคือ Musk เคยพูดไว้ว่า จะเพิ่ม GPU เป็น 1 ล้านตัวใน Colossus ซึ่งตีเป็นเงินน่าจะอยู่ระหว่าง $50 – $62.5 พันล้านดอลลาร์ เลยทีเดียว เพื่อไปต่อ xAI จึงกำลังปิดดีล ระดมทุนเพิ่มอีก 4.3 พันล้านดอลลาร์ (รอบใหม่) และวางแผนระดมอีก 6.4 พันล้านปีหน้า — ยังไม่รวม “หนี้ก้อนโต” ที่ Morgan Stanley กำลังช่วยระดมเพิ่มอีก 5 พันล้าน เพื่อใช้สร้างศูนย์ข้อมูลต่อ ✅ xAI คาดว่าจะใช้เงินมากกว่า $13B ในปี 2025 หรือเฉลี่ย $1B/เดือน   • รายได้ปีนี้ประมาณ $500M เท่านั้น   • บริษัทคาดว่าจะได้เงินคืน $650M จากผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ ✅ เงินสดเหลือใน Q1/2025 เหลือเพียง $4B จากที่ระดมมา $14B   • Bloomberg คาดว่าจะใกล้หมดภายในไตรมาส 2 ✅ xAI อยู่ระหว่างปิดดีลระดมทุนเพิ่ม $4.3B (equity)   • พร้อมเตรียมระดมทุนอีก $6.4B ในปีหน้า   • Morgan Stanley ช่วยจัดหาหนี้อีก $5B ✅ โครงการหลัก Colossus ใช้ GPU H100/Hopper จำนวน 200K ตัวใน Memphis Supercluster   • สำรองไฟด้วย Tesla Megapack 150MW   • วางแผนเพิ่มเป็น 1 ล้าน GPU → มูลค่าการลงทุน $50B – $62.5B ✅ Elon Musk โต้ว่า Bloomberg รายงาน “ไร้สาระ”   • แต่ยอมรับว่าผู้คนไม่เข้าใจขอบเขตของความเสี่ยงและเดิมพัน ✅ บริษัทมีมูลค่าสูงถึง $80B เมื่อต้นปี 2025 (จาก $51B ในปลายปี 2024)   • ได้รับเงินลงทุนจาก Andreessen Horowitz, Sequoia Capital, VY Capital ✅ บางแหล่งคาด xAI จะเริ่มทำกำไรในปี 2027 — เร็วกว่า OpenAI ที่ตั้งเป้าไว้ปี 2029 ‼️ การเผาเงินระดับ $1B/เดือน แบบยังไม่มีรายได้ที่ใกล้เคียง อาจเป็นความเสี่ยงทางการเงินสูงมาก   • นักลงทุนอาจเริ่มตั้งคำถามหากไม่มีแผน monetization ที่ชัด ‼️ การพึ่งพา GPU ของ Nvidia ทำให้ xAI มีต้นทุนสูงและยากจะควบคุมราคาฮาร์ดแวร์   • หากตลาดชิป AI ผันผวน อาจกระทบงบประมาณอย่างแรง ‼️ แม้ Musk จะโต้ข่าว แต่ไม่ยอมเปิดตัวเลขจริง จึงยากต่อการประเมินความมั่นคงทางการเงิน ‼️ หากการลงทุนไม่ออกดอกออกผลเร็วพอ การประเมินมูลค่าบริษัทอาจถูกปรับลดในรอบต่อไป   • อาจกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนรายใหญ่ https://www.techspot.com/news/108377-elon-musk-responds-report-xai-burning-through-1.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Elon Musk responds to report that xAI is burning through $1 billion a month
    Citing the usual anonymous people familiar with the matter, Bloomberg writes that the $500 million that xAI will earn this year looks positively tiny next to the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • พนักงานจำนวนมากขึ้นกำลังต่อต้านนโยบาย กลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา โดยผลสำรวจล่าสุดจาก King's College London (KCL) พบว่า น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของแรงงานในสหราชอาณาจักร ยอมรับข้อกำหนดนี้ โดยเฉพาะ ผู้หญิงและพ่อแม่ที่มีลูกเล็ก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มต่อต้านมากที่สุด

    การทำงานจากที่บ้าน (Remote Work) ได้รับความนิยมมากขึ้นหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 และหลายบริษัทเลือกใช้ รูปแบบการทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Work) แทนการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา อย่างไรก็ตาม บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ เช่น Google, Intel และ Amazon กำลังผลักดันให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา โดยอ้างว่า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แม้ว่าผลสำรวจหลายฉบับจะชี้ว่า การทำงานจากที่บ้านไม่ได้ลดประสิทธิภาพลง

    ข้อมูลจากข่าว
    - 42% ของแรงงานในสหราชอาณาจักร ยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา ลดลงจาก 54% ในปี 2022
    - 50% ของพนักงาน ระบุว่าพวกเขาจะหางานใหม่แทนการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา เพิ่มขึ้นจาก 40% ในปี 2022
    - 10% ของพนักงาน ระบุว่าพวกเขาจะลาออกทันทีหากถูกบังคับให้กลับเข้าออฟฟิศ
    - ผู้หญิงมีแนวโน้มลาออกมากกว่าผู้ชาย โดย 55% ของผู้หญิง ระบุว่าจะหางานใหม่ เทียบกับ 43% ของผู้ชาย
    - พ่อแม่ที่มีลูกเล็ก เป็นกลุ่มที่ต่อต้านมากที่สุด โดย เพียง 33% ของแม่ที่มีลูกเล็ก ยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - บริษัทที่บังคับให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา อาจเผชิญกับอัตราการลาออกที่สูงขึ้น
    - แรงงานที่มีภาระครอบครัว อาจได้รับผลกระทบมากที่สุดจากนโยบายนี้
    - ความไม่เท่าเทียมในสถานที่ทำงาน อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้บางกลุ่มแรงงานยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศมากกว่ากลุ่มอื่น
    - บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ กำลังลดโอกาสการทำงานแบบไฮบริด ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มการจ้างงานในอนาคต

    การเปลี่ยนแปลงนโยบายการทำงานของบริษัทต่างๆ กำลังส่งผลต่อแรงงานทั่วโลก และอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พนักงานต้องตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อหรือหางานใหม่

    https://www.techspot.com/news/108084-more-workers-theyll-quit-instead-going-back-office.html
    พนักงานจำนวนมากขึ้นกำลังต่อต้านนโยบาย กลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา โดยผลสำรวจล่าสุดจาก King's College London (KCL) พบว่า น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของแรงงานในสหราชอาณาจักร ยอมรับข้อกำหนดนี้ โดยเฉพาะ ผู้หญิงและพ่อแม่ที่มีลูกเล็ก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มต่อต้านมากที่สุด การทำงานจากที่บ้าน (Remote Work) ได้รับความนิยมมากขึ้นหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 และหลายบริษัทเลือกใช้ รูปแบบการทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Work) แทนการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา อย่างไรก็ตาม บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ เช่น Google, Intel และ Amazon กำลังผลักดันให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา โดยอ้างว่า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แม้ว่าผลสำรวจหลายฉบับจะชี้ว่า การทำงานจากที่บ้านไม่ได้ลดประสิทธิภาพลง ✅ ข้อมูลจากข่าว - 42% ของแรงงานในสหราชอาณาจักร ยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา ลดลงจาก 54% ในปี 2022 - 50% ของพนักงาน ระบุว่าพวกเขาจะหางานใหม่แทนการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา เพิ่มขึ้นจาก 40% ในปี 2022 - 10% ของพนักงาน ระบุว่าพวกเขาจะลาออกทันทีหากถูกบังคับให้กลับเข้าออฟฟิศ - ผู้หญิงมีแนวโน้มลาออกมากกว่าผู้ชาย โดย 55% ของผู้หญิง ระบุว่าจะหางานใหม่ เทียบกับ 43% ของผู้ชาย - พ่อแม่ที่มีลูกเล็ก เป็นกลุ่มที่ต่อต้านมากที่สุด โดย เพียง 33% ของแม่ที่มีลูกเล็ก ยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - บริษัทที่บังคับให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา อาจเผชิญกับอัตราการลาออกที่สูงขึ้น - แรงงานที่มีภาระครอบครัว อาจได้รับผลกระทบมากที่สุดจากนโยบายนี้ - ความไม่เท่าเทียมในสถานที่ทำงาน อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้บางกลุ่มแรงงานยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศมากกว่ากลุ่มอื่น - บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ กำลังลดโอกาสการทำงานแบบไฮบริด ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มการจ้างงานในอนาคต การเปลี่ยนแปลงนโยบายการทำงานของบริษัทต่างๆ กำลังส่งผลต่อแรงงานทั่วโลก และอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พนักงานต้องตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อหรือหางานใหม่ https://www.techspot.com/news/108084-more-workers-theyll-quit-instead-going-back-office.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    More workers say they'll quit instead of going back to the office full time
    The report comes from researchers at King's College London (KCL) and King's Business School. They analyzed over a million data points from the UK government's Labour Force...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
  • AnduinOS Linux: อัปเดตใหม่สำหรับระบบปฏิบัติการที่คล้าย Windows 11

    Anduin Xue นักพัฒนาหลักของ AnduinOS ได้เปิดตัว สามเวอร์ชันใหม่ ของระบบปฏิบัติการ Linux ที่มีลักษณะคล้าย Windows 11 ได้แก่ AnduinOS 1.1.5, 1.2.5 และ 1.3.2 โดยมีการปรับปรุงที่สำคัญ เช่น รองรับ AppImage ทันที, ระบบความปลอดภัยรหัสผ่านที่ดีขึ้น และประสบการณ์ X11 ที่ลื่นไหลขึ้น

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ AnduinOS เวอร์ชันใหม่
    รองรับ AppImage ทันที
    - ทำให้ สามารถใช้งานแอปพลิเคชันแบบพกพาได้ง่ายขึ้น
    - ลดปัญหาการติดตั้งแอปที่ต้องพึ่งพาไลบรารีภายนอก

    ปรับปรุงความปลอดภัยของรหัสผ่าน
    - เพิ่ม มาตรการป้องกันการโจมตีแบบ brute-force

    ประสบการณ์ X11 ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะใน Hyper-V
    - ช่วยให้ การใช้งานบนเครื่องเสมือนมีความเสถียรมากขึ้น

    ดาวน์โหลดไฟล์ผ่าน BitTorrent ได้เสถียรขึ้น
    - ลดปัญหา ไฟล์เสียหายระหว่างการดาวน์โหลด

    AnduinOS 1.3.2 เพิ่ม deskmon.service สำหรับจัดการไฟล์บนเดสก์ท็อป
    - ทำให้ การสร้างทางลัดบนเดสก์ท็อปง่ายขึ้น

    รองรับอุปกรณ์เสียง Intel รุ่นใหม่ผ่านเฟิร์มแวร์ thesofproject/sof-bin
    - เฉพาะการติดตั้งใหม่เท่านั้น ไม่สามารถใช้ได้กับการอัปเกรด

    AnduinOS 1.2.5 และ 1.1.5 ปรับปรุงธีมของตัวติดตั้งให้สอดคล้องกับระบบ
    - แก้ไขปัญหา Ubiquity installer ไม่ตรงกับธีมของระบบ

    ข้อความใน GRUB menu เปลี่ยนจาก "Install AnduinOS" เป็น "Try and Install AnduinOS"
    - เพิ่มความชัดเจน ให้ผู้ใช้ทราบว่ามีตัวเลือกทดลองใช้งานก่อนติดตั้ง

    https://www.neowin.net/news/anduinos-linux-major-updates-for-windows-11-clone---whats-new-and-how-to-install/
    AnduinOS Linux: อัปเดตใหม่สำหรับระบบปฏิบัติการที่คล้าย Windows 11 Anduin Xue นักพัฒนาหลักของ AnduinOS ได้เปิดตัว สามเวอร์ชันใหม่ ของระบบปฏิบัติการ Linux ที่มีลักษณะคล้าย Windows 11 ได้แก่ AnduinOS 1.1.5, 1.2.5 และ 1.3.2 โดยมีการปรับปรุงที่สำคัญ เช่น รองรับ AppImage ทันที, ระบบความปลอดภัยรหัสผ่านที่ดีขึ้น และประสบการณ์ X11 ที่ลื่นไหลขึ้น 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ AnduinOS เวอร์ชันใหม่ ✅ รองรับ AppImage ทันที - ทำให้ สามารถใช้งานแอปพลิเคชันแบบพกพาได้ง่ายขึ้น - ลดปัญหาการติดตั้งแอปที่ต้องพึ่งพาไลบรารีภายนอก ✅ ปรับปรุงความปลอดภัยของรหัสผ่าน - เพิ่ม มาตรการป้องกันการโจมตีแบบ brute-force ✅ ประสบการณ์ X11 ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะใน Hyper-V - ช่วยให้ การใช้งานบนเครื่องเสมือนมีความเสถียรมากขึ้น ✅ ดาวน์โหลดไฟล์ผ่าน BitTorrent ได้เสถียรขึ้น - ลดปัญหา ไฟล์เสียหายระหว่างการดาวน์โหลด ✅ AnduinOS 1.3.2 เพิ่ม deskmon.service สำหรับจัดการไฟล์บนเดสก์ท็อป - ทำให้ การสร้างทางลัดบนเดสก์ท็อปง่ายขึ้น ✅ รองรับอุปกรณ์เสียง Intel รุ่นใหม่ผ่านเฟิร์มแวร์ thesofproject/sof-bin - เฉพาะการติดตั้งใหม่เท่านั้น ไม่สามารถใช้ได้กับการอัปเกรด ✅ AnduinOS 1.2.5 และ 1.1.5 ปรับปรุงธีมของตัวติดตั้งให้สอดคล้องกับระบบ - แก้ไขปัญหา Ubiquity installer ไม่ตรงกับธีมของระบบ ✅ ข้อความใน GRUB menu เปลี่ยนจาก "Install AnduinOS" เป็น "Try and Install AnduinOS" - เพิ่มความชัดเจน ให้ผู้ใช้ทราบว่ามีตัวเลือกทดลองใช้งานก่อนติดตั้ง https://www.neowin.net/news/anduinos-linux-major-updates-for-windows-11-clone---whats-new-and-how-to-install/
    WWW.NEOWIN.NET
    AnduinOS Linux: Major updates for Windows 11 clone - what's new and how to install
    The Windows 11-like Linux distribution, AnduinOS, has just released three upgrades for its existing releases. This is what's new and how to upgrade.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • 4 Things to remember:

    1. The Past can not be CHANGED
    2. Happiness is found WITHIN
    3. Kindness is FREE
    4. You only FAIL if you QUIT

    CR: dhammateaching

    H e l l o M o n d a y

    #quotesaboutlife
    #DhammaTeaching
    #simplytally
    4 Things to remember: 1. The Past can not be CHANGED 2. Happiness is found WITHIN 3. Kindness is FREE 4. You only FAIL if you QUIT CR: dhammateaching H e l l o M o n d a y 🌈💕🌼 #quotesaboutlife #DhammaTeaching #simplytally
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 390 มุมมอง 0 รีวิว
  • Proton ขู่ถอนตัวจากสวิตเซอร์แลนด์ หากกฎหมายเฝ้าระวังใหม่ผ่าน

    Proton ผู้ให้บริการ VPN และอีเมลเข้ารหัส ออกมาประกาศว่า อาจต้องออกจากสวิตเซอร์แลนด์ หากรัฐบาลผ่านกฎหมายเฝ้าระวังใหม่ที่ บังคับให้ VPN และแอปส่งข้อความต้องเก็บข้อมูลผู้ใช้ ซึ่งขัดกับหลักการความเป็นส่วนตัวที่บริษัทให้ความสำคัญ

    กฎหมายใหม่จะบังคับให้ VPN และแอปส่งข้อความต้องเก็บข้อมูลผู้ใช้
    - ปัจจุบัน ข้อบังคับนี้ใช้กับเครือข่ายมือถือและ ISP เท่านั้น

    Proton และ NymVPN ประกาศว่าพวกเขาจะออกจากสวิตเซอร์แลนด์หากกฎหมายผ่าน
    - เชื่อว่า กฎหมายนี้ละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชน

    CEO ของ Proton ระบุว่ากฎหมายนี้คล้ายกับกฎหมายในรัสเซีย
    - อาจทำให้ Proton มีความเป็นส่วนตัวน้อยกว่า Google ที่อยู่ในสหรัฐฯ

    บางรัฐในสวิตเซอร์แลนด์ เช่น เจนีวา ต่อต้านกฎหมายนี้โดยอ้างสิทธิ์ด้านความเป็นส่วนตัวดิจิทัล
    - มีการผลักดันให้ รัฐบาลพิจารณากฎหมายที่สมดุลมากขึ้น

    Proton ยืนยันว่าจะต่อสู้เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้กว่า 100 ล้านคน
    - พร้อมเรียกร้องให้ รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ทบทวนข้อเสนอใหม่

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/we-would-be-less-confidential-than-google-proton-threatens-to-quit-switzerland-over-new-surveillance-law
    Proton ขู่ถอนตัวจากสวิตเซอร์แลนด์ หากกฎหมายเฝ้าระวังใหม่ผ่าน Proton ผู้ให้บริการ VPN และอีเมลเข้ารหัส ออกมาประกาศว่า อาจต้องออกจากสวิตเซอร์แลนด์ หากรัฐบาลผ่านกฎหมายเฝ้าระวังใหม่ที่ บังคับให้ VPN และแอปส่งข้อความต้องเก็บข้อมูลผู้ใช้ ซึ่งขัดกับหลักการความเป็นส่วนตัวที่บริษัทให้ความสำคัญ ✅ กฎหมายใหม่จะบังคับให้ VPN และแอปส่งข้อความต้องเก็บข้อมูลผู้ใช้ - ปัจจุบัน ข้อบังคับนี้ใช้กับเครือข่ายมือถือและ ISP เท่านั้น ✅ Proton และ NymVPN ประกาศว่าพวกเขาจะออกจากสวิตเซอร์แลนด์หากกฎหมายผ่าน - เชื่อว่า กฎหมายนี้ละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชน ✅ CEO ของ Proton ระบุว่ากฎหมายนี้คล้ายกับกฎหมายในรัสเซีย - อาจทำให้ Proton มีความเป็นส่วนตัวน้อยกว่า Google ที่อยู่ในสหรัฐฯ ✅ บางรัฐในสวิตเซอร์แลนด์ เช่น เจนีวา ต่อต้านกฎหมายนี้โดยอ้างสิทธิ์ด้านความเป็นส่วนตัวดิจิทัล - มีการผลักดันให้ รัฐบาลพิจารณากฎหมายที่สมดุลมากขึ้น ✅ Proton ยืนยันว่าจะต่อสู้เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้กว่า 100 ล้านคน - พร้อมเรียกร้องให้ รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ทบทวนข้อเสนอใหม่ https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/we-would-be-less-confidential-than-google-proton-threatens-to-quit-switzerland-over-new-surveillance-law
    WWW.TECHRADAR.COM
    "We would be less confidential than Google" – Proton threatens to quit Switzerland over new surveillance law
    If passed, new rules would require VPNs and messaging apps to identify and retain users' data
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 301 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon ทดสอบหุ่นยนต์คลังสินค้า แต่ยังไม่สามารถแทนที่แรงงานมนุษย์ได้

    Amazon กำลังพัฒนา หุ่นยนต์คลังสินค้า รุ่นใหม่ เช่น Vulcan, Stow และ Pick เพื่อช่วยในกระบวนการจัดเก็บและหยิบสินค้า อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบพบว่าหุ่นยนต์ยังไม่สามารถทำงานได้เร็วเท่ามนุษย์ แม้ว่าจะมีความแม่นยำและสม่ำเสมอมากกว่า

    หุ่นยนต์ Stow และ Pick ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในกระบวนการจัดเก็บและหยิบสินค้า
    - Vulcan เป็น หุ่นยนต์ที่มีระบบสัมผัสเพื่อช่วยให้การจัดการสินค้าดีขึ้น

    ผลการทดสอบพบว่ามนุษย์สามารถจัดการสินค้าได้เร็วกว่า
    - มนุษย์สามารถ จัดการสินค้าได้ 243 หน่วยต่อชั่วโมง
    - หุ่นยนต์สามารถ จัดการสินค้าได้ 224 หน่วยต่อชั่วโมง

    หุ่นยนต์มีความแม่นยำและสม่ำเสมอมากกว่ามนุษย์
    - แต่ยังมีข้อจำกัด เช่น ไม่สามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้เหมือนมนุษย์

    Amazon กำลังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้หุ่นยนต์สามารถจัดการสินค้าหลายประเภทได้ดีขึ้น
    - รวมถึง การลดความเสียหายจากการตกหล่นและการบีบอัดสินค้าที่มีน้ำหนักเบา

    ระบบไฮบริดที่ใช้ทั้งมนุษย์และหุ่นยนต์กำลังได้รับความนิยม
    - ช่วยให้ การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยใช้จุดแข็งของทั้งสองฝ่าย

    https://www.techradar.com/pro/amazon-warehouse-robots-dont-quite-rival-human-workers-yet
    Amazon ทดสอบหุ่นยนต์คลังสินค้า แต่ยังไม่สามารถแทนที่แรงงานมนุษย์ได้ Amazon กำลังพัฒนา หุ่นยนต์คลังสินค้า รุ่นใหม่ เช่น Vulcan, Stow และ Pick เพื่อช่วยในกระบวนการจัดเก็บและหยิบสินค้า อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบพบว่าหุ่นยนต์ยังไม่สามารถทำงานได้เร็วเท่ามนุษย์ แม้ว่าจะมีความแม่นยำและสม่ำเสมอมากกว่า ✅ หุ่นยนต์ Stow และ Pick ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในกระบวนการจัดเก็บและหยิบสินค้า - Vulcan เป็น หุ่นยนต์ที่มีระบบสัมผัสเพื่อช่วยให้การจัดการสินค้าดีขึ้น ✅ ผลการทดสอบพบว่ามนุษย์สามารถจัดการสินค้าได้เร็วกว่า - มนุษย์สามารถ จัดการสินค้าได้ 243 หน่วยต่อชั่วโมง - หุ่นยนต์สามารถ จัดการสินค้าได้ 224 หน่วยต่อชั่วโมง ✅ หุ่นยนต์มีความแม่นยำและสม่ำเสมอมากกว่ามนุษย์ - แต่ยังมีข้อจำกัด เช่น ไม่สามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้เหมือนมนุษย์ ✅ Amazon กำลังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้หุ่นยนต์สามารถจัดการสินค้าหลายประเภทได้ดีขึ้น - รวมถึง การลดความเสียหายจากการตกหล่นและการบีบอัดสินค้าที่มีน้ำหนักเบา ✅ ระบบไฮบริดที่ใช้ทั้งมนุษย์และหุ่นยนต์กำลังได้รับความนิยม - ช่วยให้ การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยใช้จุดแข็งของทั้งสองฝ่าย https://www.techradar.com/pro/amazon-warehouse-robots-dont-quite-rival-human-workers-yet
    WWW.TECHRADAR.COM
    Amazon warehouse robots don't quite rival human workers... yet
    Amazon's robots aren't threatening human workers just yet
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • Cantor Fitzgerald กำลังร่วมมือกับ SoftBank, Tether และ Bitfinex เพื่อสร้าง Cantor Equity Partners ซึ่งเป็นโครงการลงทุนใน Bitcoin มูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างบริษัทใหม่ชื่อ 21 Capital โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากบุคคลสำคัญในวงการ เช่น Brandon Lutnick ซึ่งเป็นบุตรชายของ Howard Lutnick อดีตซีอีโอของ Cantor และปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐฯ

    โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก SoftBank, Tether และ Bitfinex
    - Tether สนับสนุนด้วย Bitcoin มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์
    - SoftBank และ Bitfinex สนับสนุนด้วย Bitcoin มูลค่า 900 ล้านดอลลาร์ และ 600 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ

    โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างบริษัทใหม่ชื่อ 21 Capital
    - บริษัทนี้จะเป็นศูนย์กลางการลงทุนใน Bitcoin และการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง

    Howard Lutnick สนับสนุนโครงการในฐานะรัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐฯ
    - เขาเชื่อว่า Crypto สามารถช่วยปรับปรุงระบบธนาคารและเพิ่มความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

    โครงการนี้อาจมีการประกาศอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
    - อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นไปได้ที่ข้อตกลงอาจล้มเหลวหรือมีการเปลี่ยนแปลงตัวเลข

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/23/cantor-nears-3-billion-crypto-venture-with-softbank-and-tether-ft-reports
    Cantor Fitzgerald กำลังร่วมมือกับ SoftBank, Tether และ Bitfinex เพื่อสร้าง Cantor Equity Partners ซึ่งเป็นโครงการลงทุนใน Bitcoin มูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างบริษัทใหม่ชื่อ 21 Capital โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากบุคคลสำคัญในวงการ เช่น Brandon Lutnick ซึ่งเป็นบุตรชายของ Howard Lutnick อดีตซีอีโอของ Cantor และปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐฯ ✅ โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก SoftBank, Tether และ Bitfinex - Tether สนับสนุนด้วย Bitcoin มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ - SoftBank และ Bitfinex สนับสนุนด้วย Bitcoin มูลค่า 900 ล้านดอลลาร์ และ 600 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ ✅ โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างบริษัทใหม่ชื่อ 21 Capital - บริษัทนี้จะเป็นศูนย์กลางการลงทุนใน Bitcoin และการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ✅ Howard Lutnick สนับสนุนโครงการในฐานะรัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐฯ - เขาเชื่อว่า Crypto สามารถช่วยปรับปรุงระบบธนาคารและเพิ่มความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ✅ โครงการนี้อาจมีการประกาศอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า - อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นไปได้ที่ข้อตกลงอาจล้มเหลวหรือมีการเปลี่ยนแปลงตัวเลข https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/23/cantor-nears-3-billion-crypto-venture-with-softbank-and-tether-ft-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Cantor nears $3 billion crypto venture with SoftBank and Tether, FT reports
    (Reuters) -Brandon Lutnick, son of U.S. Commerce Secretary Howard Lutnick and chair of brokerage Cantor Fitzgerald, is partnering with SoftBank, Tether and Bitfinex to create a multibillion-dollar bitcoin acquisition vehicle, the Financial Times reported on Tuesday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 297 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 9 ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง (2)
    .
    1.ฝากเงินกับธนาคาร มีความเสี่ยงน้อยที่สุด
    2.ซื้อตราสารหนี้ ซางหมายถึงสัญญาที่ออกโดยกิจการหนึ่งเพื่อกู้เงินจากผู้อื่น ถ้ารัฐบาลเป็นผู้กู้ ตราสารหรือสัญญานี้เรียกว่าตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรรัฐบาล แต่ถ้าเป็นเอกชน จะเรียกว่าตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน หรือหุ้นกู้ การลงทุนซื้อตราสารหนี้มีความเสี่ยงต่ำกว่า โดยเปรียบเทียบ เพราะผลตอบแทนอยู่ในรูปของดอกเบี้ยที่จ่ายให้เงินกู้ซึ่งแตกต่างจากผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจากหุ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการประกอบการ
    .
    3.ซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวม หมายถึงการร่วมทุนกับนักลงทุนรายย่อยอื่นๆ เพื่อลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และ/หรือ ตลาดตราสารหนี้ โดยมีบริษัทจัดการกองทุนตามกฏหมายเป็นผู้รับผิดชอบเป็นการเฉพาะ เนื่องจากมีความรอบรู้เป็นพิเศษในเรื่องการลงทุนในหลักทรัพย์เหล่านี้
    .
    กองทุนแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ (1) กองทุนปิด ซึ่งมีมูลค่ากองทุน (เงินลงทุนร่วมกันครั้งแรก) แน่นอน มีอายุเวลาไถ่ถอนเมื่อครบกำหนดเวลาลงทุนชัดเจน หากผู้บริหารกองทุนมีความสามารถเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นและมีเงินปันผลดี หน่วยลงทุนนั้นก็จะมีราคาสูงกว่าตอนซื้อครั้งแรก
    .
    (2) กองทุนเปิด ไม่กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนที่แน่นอน หากผู้ซื้อหน่วยลงทุนต้องการถอนการลงทุนเมื่อใดก็สามารถขายคืนให้บริษัทผู้จัดการกองทุนได้ โดยจะคำนวนราคาซื้อคืนตามมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนในขณะนั้น ทางการกำหนดให้บริษัทผู้จัดการกองทุนรายงานตัวเลขแสดงสินทรัพย์สุทธิของกองทุนที่เรียกว่า NAV ( Net Asset Value ) เป็นประจำทุกเดือน เพื่อรายงานว่ามูลค่าสุทธิของแต่ละหน่วยลงทุนนั้นมัมูลค่าเท่าใด เพื่อเป็นข้อมูลเปรียบเทียบกับกองทุนอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ถือหุ้นกองทุนรวมกองหนึ่งกองใด สามารถตัดสินใจได้ว่าจะขายหรือถือไว้ต่อไป
    .
    4.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่เรียกว่า กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ( Retirement Mutual Fund ) เป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษ เพื่อส่งเสริมการออมเพื่อวัยเกษียณ เงินที่ซื้อกองทุนนี้สามารถใช้เป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ต้องไม่เกิน 300,000 บาท ผู้ซื้อต้องซื้อติดต่อจนถึงอายุ 55 ปี หรือซื้อต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี ในกรณีที่มีอายุ 55 ปี ขึ่นไปจึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี
    .
    5.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนที่เรียกว่า LTF ( Long Term Equity Fund ) หรือกองทุนหุ้นระยะยาว ซึ่งเป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษอีกกองทุนหนึ่ง เพื่อส่งเสริมการลงทุนตลาดหุ้นระยะยาว มีเงื่อนไขคล้ายกับ RMF กล่าวคือ ซื้อได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 300,000 บาท เงินที่ซื้อกองทุนสามารถนำไปหักเป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผู้ลงทุนต้องซื้อติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมนี้ไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี
    .
    ผู้มีรายได้สามารถใช้สิทธิทางภาษีในการลดหย่อนภาษีของทั้ง RMF และ LMF กล่าวคือ ลดหย่อนได้สูงสุดด้วยการซื้อกองทุน RMF และ LMF อย่างละร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี โดยไม่เกินกองทุนละ 300,000 บาท รวมแล้วเป็นค่าลดหย่อนสูงสุด 600,000 บาทต่อปี
    .
    อนึ่ง ยอดเงินลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท ของ RMF ต้องรวมเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ลูกจ้างและนายจ้างจ่ายรวมกันในแต่ละปีด้วย ผู้ซื้อกองทุน RMF สามารถเลือกกองทุนรวมประเภทซื้อหุ้นอย่างเดียว (เสี่ยงที่สุด) หรือซื้อตราสารหนี้อย่างเดียว (เสี่ยงน้อยที่สุด) หรือซื้อปนกันทั้งหั้นและตราสารหนี้ (ความเสี่ยงอยู่ระหว่างสองประเภทกองทุนข้างต้น) ก็ได้
    .
    LTF โดยทั่วไปมีความเสี่ยงสูงกว่า RMF (ยกเว้นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว) เนื่องจากเป็นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว การลงทุนใน RMF และ LTF น่าสนใจเพราะเงินที่ซื้อกองทุนเป็นค่าลดหย่อนภาษี และยอดเงินนี้ก็เป็นการลงทุนอย่างหนึ่งที่ผู้รู้ช่วยเลือกลงทุนให้ นอกจากนี้เมื่อครบกำหนด ก็ยังสามารถถอนออกมาได้โดยไม่เสียภาษีอีกด้วย
    .
    6.ซื้อหุ้นโดยตรง ซึงหมายถึงการเข้าร่วมลงทุนหรือร่วมเป็นเจ้าของบริษัทนั้นๆ หากบริษัทประสบผลสำเร็จก็ได้ส่วนแบ่งกำไรในรูปของเงินปันผล และมีโอกาสได้ส่วนต่างของราคาหุ้น ทั้งจากหุ้นที่ซื้อไปและหุ้นออกใหม่ที่ขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในราคาต่ำกว่าตลาด
    .
    7.ซื้อที่อยู่อาศัยไว้สำหรับเช่า ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด อพาร์ตเมนต์ หรือหอพักที่ตั้งอยู่ในทำเลดี มีผู้เช่าแน่นอน โดยใช้เงินออมเป็นเงินดาวน์ และใช้ค่าเช่าและบางส่วนของรายได้ประจำเป็นเงินผ่อนชำระเงินกู้นั้น การให้เช่าข้ามช่วงเวลาที่ยาวจนครบกำหนดเวลากู้ ก็จะได้อสังหาริมทรัพย์มาเป็นสมบัติของครอบครัว ในอนาคตลูกก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากค่าเช่าและมูลค่าของที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นได้
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 9 ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง (2) . 1.ฝากเงินกับธนาคาร มีความเสี่ยงน้อยที่สุด 2.ซื้อตราสารหนี้ ซางหมายถึงสัญญาที่ออกโดยกิจการหนึ่งเพื่อกู้เงินจากผู้อื่น ถ้ารัฐบาลเป็นผู้กู้ ตราสารหรือสัญญานี้เรียกว่าตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรรัฐบาล แต่ถ้าเป็นเอกชน จะเรียกว่าตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน หรือหุ้นกู้ การลงทุนซื้อตราสารหนี้มีความเสี่ยงต่ำกว่า โดยเปรียบเทียบ เพราะผลตอบแทนอยู่ในรูปของดอกเบี้ยที่จ่ายให้เงินกู้ซึ่งแตกต่างจากผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจากหุ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการประกอบการ . 3.ซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวม หมายถึงการร่วมทุนกับนักลงทุนรายย่อยอื่นๆ เพื่อลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และ/หรือ ตลาดตราสารหนี้ โดยมีบริษัทจัดการกองทุนตามกฏหมายเป็นผู้รับผิดชอบเป็นการเฉพาะ เนื่องจากมีความรอบรู้เป็นพิเศษในเรื่องการลงทุนในหลักทรัพย์เหล่านี้ . กองทุนแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ (1) กองทุนปิด ซึ่งมีมูลค่ากองทุน (เงินลงทุนร่วมกันครั้งแรก) แน่นอน มีอายุเวลาไถ่ถอนเมื่อครบกำหนดเวลาลงทุนชัดเจน หากผู้บริหารกองทุนมีความสามารถเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นและมีเงินปันผลดี หน่วยลงทุนนั้นก็จะมีราคาสูงกว่าตอนซื้อครั้งแรก . (2) กองทุนเปิด ไม่กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนที่แน่นอน หากผู้ซื้อหน่วยลงทุนต้องการถอนการลงทุนเมื่อใดก็สามารถขายคืนให้บริษัทผู้จัดการกองทุนได้ โดยจะคำนวนราคาซื้อคืนตามมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนในขณะนั้น ทางการกำหนดให้บริษัทผู้จัดการกองทุนรายงานตัวเลขแสดงสินทรัพย์สุทธิของกองทุนที่เรียกว่า NAV ( Net Asset Value ) เป็นประจำทุกเดือน เพื่อรายงานว่ามูลค่าสุทธิของแต่ละหน่วยลงทุนนั้นมัมูลค่าเท่าใด เพื่อเป็นข้อมูลเปรียบเทียบกับกองทุนอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ถือหุ้นกองทุนรวมกองหนึ่งกองใด สามารถตัดสินใจได้ว่าจะขายหรือถือไว้ต่อไป . 4.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่เรียกว่า กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ( Retirement Mutual Fund ) เป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษ เพื่อส่งเสริมการออมเพื่อวัยเกษียณ เงินที่ซื้อกองทุนนี้สามารถใช้เป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ต้องไม่เกิน 300,000 บาท ผู้ซื้อต้องซื้อติดต่อจนถึงอายุ 55 ปี หรือซื้อต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี ในกรณีที่มีอายุ 55 ปี ขึ่นไปจึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี . 5.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนที่เรียกว่า LTF ( Long Term Equity Fund ) หรือกองทุนหุ้นระยะยาว ซึ่งเป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษอีกกองทุนหนึ่ง เพื่อส่งเสริมการลงทุนตลาดหุ้นระยะยาว มีเงื่อนไขคล้ายกับ RMF กล่าวคือ ซื้อได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 300,000 บาท เงินที่ซื้อกองทุนสามารถนำไปหักเป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผู้ลงทุนต้องซื้อติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมนี้ไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี . ผู้มีรายได้สามารถใช้สิทธิทางภาษีในการลดหย่อนภาษีของทั้ง RMF และ LMF กล่าวคือ ลดหย่อนได้สูงสุดด้วยการซื้อกองทุน RMF และ LMF อย่างละร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี โดยไม่เกินกองทุนละ 300,000 บาท รวมแล้วเป็นค่าลดหย่อนสูงสุด 600,000 บาทต่อปี . อนึ่ง ยอดเงินลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท ของ RMF ต้องรวมเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ลูกจ้างและนายจ้างจ่ายรวมกันในแต่ละปีด้วย ผู้ซื้อกองทุน RMF สามารถเลือกกองทุนรวมประเภทซื้อหุ้นอย่างเดียว (เสี่ยงที่สุด) หรือซื้อตราสารหนี้อย่างเดียว (เสี่ยงน้อยที่สุด) หรือซื้อปนกันทั้งหั้นและตราสารหนี้ (ความเสี่ยงอยู่ระหว่างสองประเภทกองทุนข้างต้น) ก็ได้ . LTF โดยทั่วไปมีความเสี่ยงสูงกว่า RMF (ยกเว้นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว) เนื่องจากเป็นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว การลงทุนใน RMF และ LTF น่าสนใจเพราะเงินที่ซื้อกองทุนเป็นค่าลดหย่อนภาษี และยอดเงินนี้ก็เป็นการลงทุนอย่างหนึ่งที่ผู้รู้ช่วยเลือกลงทุนให้ นอกจากนี้เมื่อครบกำหนด ก็ยังสามารถถอนออกมาได้โดยไม่เสียภาษีอีกด้วย . 6.ซื้อหุ้นโดยตรง ซึงหมายถึงการเข้าร่วมลงทุนหรือร่วมเป็นเจ้าของบริษัทนั้นๆ หากบริษัทประสบผลสำเร็จก็ได้ส่วนแบ่งกำไรในรูปของเงินปันผล และมีโอกาสได้ส่วนต่างของราคาหุ้น ทั้งจากหุ้นที่ซื้อไปและหุ้นออกใหม่ที่ขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในราคาต่ำกว่าตลาด . 7.ซื้อที่อยู่อาศัยไว้สำหรับเช่า ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด อพาร์ตเมนต์ หรือหอพักที่ตั้งอยู่ในทำเลดี มีผู้เช่าแน่นอน โดยใช้เงินออมเป็นเงินดาวน์ และใช้ค่าเช่าและบางส่วนของรายได้ประจำเป็นเงินผ่อนชำระเงินกู้นั้น การให้เช่าข้ามช่วงเวลาที่ยาวจนครบกำหนดเวลากู้ ก็จะได้อสังหาริมทรัพย์มาเป็นสมบัติของครอบครัว ในอนาคตลูกก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากค่าเช่าและมูลค่าของที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 987 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้ชื่อ Ajinomoto จะเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิต MSG (Monosodium Glutamate) ซึ่งเป็นเครื่องปรุงรสยอดนิยมในอาหารทั่วโลก แต่บริษัทญี่ปุ่นแห่งนี้ยังมีบทบาทสำคัญในโลกเทคโนโลยี ด้วยการเป็นผู้ผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่สำคัญอย่าง Ajinomoto Build-up Film (ABF) ซึ่งเป็นวัสดุฉนวนที่จำเป็นสำหรับบรรจุภัณฑ์ CPU และ GPU โดย Ajinomoto ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 95% ของ ABF ทั่วโลก

    การขยายกำลังการผลิต:
    - Ajinomoto วางแผนเพิ่มกำลังการผลิต ABF ขึ้น 50% ภายในปี 2030 เพื่อรองรับความต้องการของเซมิคอนดักเตอร์รุ่นใหม่
    - บริษัทได้ลงทุนไปกว่า 25 พันล้านเยน ในสองปีที่ผ่านมาเพื่อขยายโรงงานในเมือง Gunma และ Kawasaki และมีแผนลงทุนเพิ่มในระดับเดียวกันหรือมากกว่านี้

    ความสำคัญของ ABF:
    - ABF ถูกพัฒนาโดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านเคมีกรดอะมิโน และเป็นวัสดุสำคัญที่ช่วยสร้างความเสถียรทางความร้อนและฉนวนไฟฟ้าในเซมิคอนดักเตอร์
    - วัสดุนี้เป็นหัวใจสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยุคใหม่ ซึ่งช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของ CPU และ GPU

    การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง:
    - Ajinomoto ตั้งเป้าพัฒนา ABF ให้มีความสามารถสูงยิ่งขึ้นเพื่อรองรับเซมิคอนดักเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในระยะยาว
    - นาย Shigeo Nakamura ซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทในปี 2025 มีบทบาทสำคัญในการผลักดันการพัฒนาด้านวัสดุอิเล็กทรอนิกส์

    https://www.techradar.com/pro/japanese-firm-behind-ubiquitous-msg-is-ramping-up-production-of-key-material-in-semiconductor-packaging
    แม้ชื่อ Ajinomoto จะเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิต MSG (Monosodium Glutamate) ซึ่งเป็นเครื่องปรุงรสยอดนิยมในอาหารทั่วโลก แต่บริษัทญี่ปุ่นแห่งนี้ยังมีบทบาทสำคัญในโลกเทคโนโลยี ด้วยการเป็นผู้ผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่สำคัญอย่าง Ajinomoto Build-up Film (ABF) ซึ่งเป็นวัสดุฉนวนที่จำเป็นสำหรับบรรจุภัณฑ์ CPU และ GPU โดย Ajinomoto ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 95% ของ ABF ทั่วโลก ✅ การขยายกำลังการผลิต: - Ajinomoto วางแผนเพิ่มกำลังการผลิต ABF ขึ้น 50% ภายในปี 2030 เพื่อรองรับความต้องการของเซมิคอนดักเตอร์รุ่นใหม่ - บริษัทได้ลงทุนไปกว่า 25 พันล้านเยน ในสองปีที่ผ่านมาเพื่อขยายโรงงานในเมือง Gunma และ Kawasaki และมีแผนลงทุนเพิ่มในระดับเดียวกันหรือมากกว่านี้ ✅ ความสำคัญของ ABF: - ABF ถูกพัฒนาโดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านเคมีกรดอะมิโน และเป็นวัสดุสำคัญที่ช่วยสร้างความเสถียรทางความร้อนและฉนวนไฟฟ้าในเซมิคอนดักเตอร์ - วัสดุนี้เป็นหัวใจสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยุคใหม่ ซึ่งช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของ CPU และ GPU ✅ การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง: - Ajinomoto ตั้งเป้าพัฒนา ABF ให้มีความสามารถสูงยิ่งขึ้นเพื่อรองรับเซมิคอนดักเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในระยะยาว - นาย Shigeo Nakamura ซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทในปี 2025 มีบทบาทสำคัญในการผลักดันการพัฒนาด้านวัสดุอิเล็กทรอนิกส์ https://www.techradar.com/pro/japanese-firm-behind-ubiquitous-msg-is-ramping-up-production-of-key-material-in-semiconductor-packaging
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 433 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts