• Pete Hegseth ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของรัฐบาลทรัมป์ แยกไม่ออกระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน! (ASEAN - Association of Southeast Asian Nations) กับเอเซีย (ASIA)

    Duckworth: มีกี่ประเทศในอาเซียน?

    Hegseth: เรามีพันธมิตรในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย

    Duckworth: ประเทศเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในอาเซียน
    Pete Hegseth ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของรัฐบาลทรัมป์ แยกไม่ออกระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน! (ASEAN - Association of Southeast Asian Nations) กับเอเซีย (ASIA) Duckworth: มีกี่ประเทศในอาเซียน? Hegseth: เรามีพันธมิตรในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย Duckworth: ประเทศเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในอาเซียน
    Haha
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 22 0 รีวิว
  • Arm บริษัทที่มีชื่อเสียงในการออกแบบสถาปัตยกรรมชุดคำสั่งและส่วนประกอบของโปรเซสเซอร์ กำลังพิจารณาเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อเพิ่มรายได้ โดยมีแผนที่จะเสนอการออกแบบชิปที่สมบูรณ์และชิปขนาดเล็ก (chiplets) ที่สามารถแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ของลูกค้า Arm เอง นอกจากนี้ Arm ยังมีแผนที่จะเพิ่มราคาลิขสิทธิ์สูงสุดถึง 300%

    ในปี 2019 Arm ได้เปิดตัวโครงการ Picasso โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มรายได้จากสมาร์ทโฟนปีละ 1 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า กลยุทธ์นี้รวมถึงการเพิ่มอัตราค่าลิขสิทธิ์สำหรับส่วนประกอบชิปที่ออกแบบล่วงหน้าบนสถาปัตยกรรม Armv9 ถึง 300% ปัจจุบัน Arm ได้เปิดตัวแพ็คเกจ IP ของระบบคอมพิวเตอร์ (CSS) ซึ่งประกอบด้วย CPU และ GPU ที่มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน ทำให้พันธมิตรของ Arm สามารถสร้างโปรเซสเซอร์สำหรับอุปกรณ์ลูกค้าหรือศูนย์ข้อมูลได้เร็วขึ้น

    Rene Haas CEO ของ Arm ได้เสนอแนวทางที่รุนแรงยิ่งขึ้นในการเพิ่มรายได้ของบริษัท โดยเสนอให้บริษัทเริ่มขายชิปขนาดเล็กที่สามารถใช้สร้างระบบในแพ็คเกจ (SiPs) ซึ่งจะช่วยให้พันธมิตรที่เกิดใหม่สามารถมุ่งเน้นไปที่การพัฒนา IP ที่แตกต่างกัน เช่น CPU หรือ GPU ที่มีวัตถุประสงค์ทั่วไป

    กลยุทธ์ใหม่นี้สะท้อนถึงความทะเยอทะยานของ Arm ที่จะเติบโตเกินกว่ารูปแบบการให้ลิขสิทธิ์แบบดั้งเดิม และขยายความร่วมมือกับผู้ผลิตอุปกรณ์ เช่น Samsung เพื่อเติบโตในตลาดพีซีและศูนย์ข้อมูล

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/arm-crafts-plan-to-raise-prices-by-up-to-300-percent-mulls-designing-own-chips-to-rival-competitors
    Arm บริษัทที่มีชื่อเสียงในการออกแบบสถาปัตยกรรมชุดคำสั่งและส่วนประกอบของโปรเซสเซอร์ กำลังพิจารณาเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อเพิ่มรายได้ โดยมีแผนที่จะเสนอการออกแบบชิปที่สมบูรณ์และชิปขนาดเล็ก (chiplets) ที่สามารถแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ของลูกค้า Arm เอง นอกจากนี้ Arm ยังมีแผนที่จะเพิ่มราคาลิขสิทธิ์สูงสุดถึง 300% ในปี 2019 Arm ได้เปิดตัวโครงการ Picasso โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มรายได้จากสมาร์ทโฟนปีละ 1 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า กลยุทธ์นี้รวมถึงการเพิ่มอัตราค่าลิขสิทธิ์สำหรับส่วนประกอบชิปที่ออกแบบล่วงหน้าบนสถาปัตยกรรม Armv9 ถึง 300% ปัจจุบัน Arm ได้เปิดตัวแพ็คเกจ IP ของระบบคอมพิวเตอร์ (CSS) ซึ่งประกอบด้วย CPU และ GPU ที่มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน ทำให้พันธมิตรของ Arm สามารถสร้างโปรเซสเซอร์สำหรับอุปกรณ์ลูกค้าหรือศูนย์ข้อมูลได้เร็วขึ้น Rene Haas CEO ของ Arm ได้เสนอแนวทางที่รุนแรงยิ่งขึ้นในการเพิ่มรายได้ของบริษัท โดยเสนอให้บริษัทเริ่มขายชิปขนาดเล็กที่สามารถใช้สร้างระบบในแพ็คเกจ (SiPs) ซึ่งจะช่วยให้พันธมิตรที่เกิดใหม่สามารถมุ่งเน้นไปที่การพัฒนา IP ที่แตกต่างกัน เช่น CPU หรือ GPU ที่มีวัตถุประสงค์ทั่วไป กลยุทธ์ใหม่นี้สะท้อนถึงความทะเยอทะยานของ Arm ที่จะเติบโตเกินกว่ารูปแบบการให้ลิขสิทธิ์แบบดั้งเดิม และขยายความร่วมมือกับผู้ผลิตอุปกรณ์ เช่น Samsung เพื่อเติบโตในตลาดพีซีและศูนย์ข้อมูล https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/arm-crafts-plan-to-raise-prices-by-up-to-300-percent-mulls-designing-own-chips-to-rival-competitors
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • Pixxel สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอวกาศของอินเดียที่ได้รับการสนับสนุนจาก Google ได้เปิดตัวดาวเทียมถ่ายภาพไฮเปอร์สเปกตรัมสามดวงจากหกดวงบนจรวด SpaceX จากแคลิฟอร์เนียเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา การเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับภาคเอกชนด้านอวกาศที่กำลังเติบโตของอินเดีย และสำหรับ Pixxel ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่มีอายุเพียงห้าปี

    ดาวเทียมเหล่านี้ใช้เทคโนโลยีการถ่ายภาพไฮเปอร์สเปกตรัม ซึ่งสามารถจับข้อมูลรายละเอียดสูงในหลายแถบแสง เพื่อให้บริการในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น เกษตรกรรม การทำเหมือง การตรวจสอบสิ่งแวดล้อม และการป้องกันประเทศ เทคโนโลยีนี้สามารถช่วยให้ข้อมูลเชิงลึกในการปรับปรุงผลผลิตทางการเกษตรของอินเดีย ติดตามทรัพยากร ตรวจสอบการรั่วไหลของน้ำมัน และขอบเขตทางภูมิศาสตร์ได้ดีกว่าเทคโนโลยีปัจจุบัน

    ดาวเทียมอีกสามดวงที่เหลือคาดว่าจะถูกปล่อยในไตรมาสที่สองของปีนี้ จรวด SpaceX ยังบรรทุกดาวเทียมจากบริษัทอวกาศอินเดียอีกแห่งหนึ่งชื่อ Diganatara

    Awais Ahmed ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Pixxel กล่าวว่า "ตลาดภาพถ่ายดาวเทียมคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 19 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2029 และการถ่ายภาพไฮเปอร์สเปกตรัมซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ระหว่าง 500 ล้านถึง 1 พันล้านดอลลาร์"

    Pixxel มีแผนที่จะเพิ่มยานอวกาศอีก 18 ลำจากที่พัฒนาแล้ว 6 ลำ และได้ลงนามกับลูกค้าประมาณ 65 ราย รวมถึง Rio Tinto, British Petroleum และกระทรวงเกษตรของอินเดีย โดยบางรายได้เริ่มจ่ายเงินสำหรับข้อมูลจากดาวเทียมทดลองแล้ว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/15/google-backed-pixxel-successfully-launches-india039s-first-private-satellite-constellation
    Pixxel สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอวกาศของอินเดียที่ได้รับการสนับสนุนจาก Google ได้เปิดตัวดาวเทียมถ่ายภาพไฮเปอร์สเปกตรัมสามดวงจากหกดวงบนจรวด SpaceX จากแคลิฟอร์เนียเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา การเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับภาคเอกชนด้านอวกาศที่กำลังเติบโตของอินเดีย และสำหรับ Pixxel ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่มีอายุเพียงห้าปี ดาวเทียมเหล่านี้ใช้เทคโนโลยีการถ่ายภาพไฮเปอร์สเปกตรัม ซึ่งสามารถจับข้อมูลรายละเอียดสูงในหลายแถบแสง เพื่อให้บริการในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น เกษตรกรรม การทำเหมือง การตรวจสอบสิ่งแวดล้อม และการป้องกันประเทศ เทคโนโลยีนี้สามารถช่วยให้ข้อมูลเชิงลึกในการปรับปรุงผลผลิตทางการเกษตรของอินเดีย ติดตามทรัพยากร ตรวจสอบการรั่วไหลของน้ำมัน และขอบเขตทางภูมิศาสตร์ได้ดีกว่าเทคโนโลยีปัจจุบัน ดาวเทียมอีกสามดวงที่เหลือคาดว่าจะถูกปล่อยในไตรมาสที่สองของปีนี้ จรวด SpaceX ยังบรรทุกดาวเทียมจากบริษัทอวกาศอินเดียอีกแห่งหนึ่งชื่อ Diganatara Awais Ahmed ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Pixxel กล่าวว่า "ตลาดภาพถ่ายดาวเทียมคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 19 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2029 และการถ่ายภาพไฮเปอร์สเปกตรัมซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ระหว่าง 500 ล้านถึง 1 พันล้านดอลลาร์" Pixxel มีแผนที่จะเพิ่มยานอวกาศอีก 18 ลำจากที่พัฒนาแล้ว 6 ลำ และได้ลงนามกับลูกค้าประมาณ 65 ราย รวมถึง Rio Tinto, British Petroleum และกระทรวงเกษตรของอินเดีย โดยบางรายได้เริ่มจ่ายเงินสำหรับข้อมูลจากดาวเทียมทดลองแล้ว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/15/google-backed-pixxel-successfully-launches-india039s-first-private-satellite-constellation
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Google-backed Pixxel successfully launches India's first private satellite constellation
    BENGALURU (Reuters) - India's space tech startup Pixxel launched three of its six hyperspectral imaging satellites aboard a SpaceX rocket from California on Tuesday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • เชื่อว่าอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ อาจได้ความคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์จากทายาทเครื่องสำอาง ESTÉE LAUDER “โรแนลด์ ลอเดอร์” (Ronald Lauder) เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย นายกรัฐมนตรีอิตาลีฟันธง เหมือนสัญญาณเตือนไป “ปักกิ่ง” ไม่กี่วันหลังวอชิงตันล็อบบี้ไม่ให้ขายบริษัทเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) ของกรีนแลนด์ไปให้ปักกิ่ง
    .
    หนังสือพิมพ์ดิอินดีเพนเดนท์ของอังกฤษรายงานวันพุธ (8 ม.ค.) ว่า มีการเชื่อว่า ความคิดการซื้อเกาะกรีนแลนด์อาจมาจากเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของทรัมป์ ทายาทเครื่องสำอาง ESTÉE LAUDER “โรแนลด์ ลอเดอร์” (Ronald Lauder) อ้างจากหนังสือ The Divider ของปีเตอร์ เบเกอร์ (Peter Baker) จากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส และซูซาน กลาสเซอร์ (Susan Glasser) จาก The New Yorker ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอดีตผู้นำสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ในขณะที่อยู่ในทำเนียบขาวระหว่างปี 2017-2021
    .
    “เพื่อนคนหนึ่งของผมที่เป็นนักธุรกิจที่มีประสบการณ์มากๆ คิดว่าเราควรได้เกาะกรีนแลนด์” ทรัมป์กล่าวต่อที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติในเวลานั้น อ้างอิงจากหนังสือ
    .
    ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ในเวลานั้นถามย้ำว่า “คุณคิดว่าอย่างไร?”
    .
    และส่งผลทำให้มีการตั้งทีมศึกษา การหาทางออกต่างๆ เป็นต้นว่า ข้อเสนอขอเช่าเกาะ ที่คล้ายข้อตกลงอสังหาริมทรัพย์นิวยอร์ก
    .
    อ้างอิงจากนิวยอร์กไทม์ส มีความวิตกในกลุ่มผู้ช่วยทรัมป์ว่า หากแนวคิดการซื้อเกาะกรีนแลนด์หากรั่วออกไปอาจส่งผลกระทบทางการทูตได้
    .
    ทรัมป์ให้มสัมภาษณ์กับผู้แต่งว่า “ผมพูดว่า ทำไมพวกเราไม่ครอบครองมัน” และเสริมว่า “คุณมองไปที่แผนที่สิ ผมเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผมมองไปที่ตรงมุม ผมพูดว่า ผมจะต้องมีร้านสำหรับตึกที่ผมกำลังจะสร้างและอื่นๆ มันไม่ต่างกันเลย”
    .
    ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำว่า “ผมรักแผน และผมมักพูดว่า มองไปที่ขนาดของมันสิ มันใหญ่มหึมามาก มันสมควรเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา”
    .
    ดิอินดีเพนเดนท์รายงานว่า อ้างอิงจากหนังสือพบว่า ทายาท Estée Lauder ได้หารือกับทรัมป์เกี่ยวกับเกาะกรีนแลนด์มาตั้งแต่เริ่มแรกของสมัยการดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2017 และแม้กระทั่งเสนอตัวเองเป็นประตูหลังติดต่อรัฐบาลเดนมาร์กสำหรับการเจรจาต่อรอง
    .
    ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ จอห์น โบลตัน (John Bolton) ในเวลานั้นได้สั่งผู้ช่วยของเขา ฟิโอนา ฮิลล์ (Fiona Hill) ให้ตั้งทีมงานเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ และพบมีการแอบหารือลับร่วมกับเอกอัครราชทูตเดนมาร์ก พร้อมกับเมโมเสนอช่องทางตัวเลือก
    .
    ทั้งนี้ โบลตันวิตกการแผ่อิทธิพลของ "ปักกิ่ง" มายังภูมิภาคอาร์กติก ขั้วโลกเหนือ และเชื่อว่าการที่สหรัฐฯ จะเพิ่มอิทธิพลปรากฏตัวบนเกาะกรีนแลนด์จะเป็นความคิดที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม โบลตันเชื่อว่า ความคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์นั้นไม่มีความเป็นไปได้
    .
    มีการสานสัมพันธ์ระหว่างกรีนแลนด์และจีน อ้างอิงจาก highnorthnews รายงานเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ปี 2021 ว่า เกาะกรีนแลนด์ได้เปิดสำนักงานตัวแทนขึ้นที่กรุงปักกิ่ง เพื่อโปรโมตทางเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรมระหว่างกรีนแลนด์และเอเชีย โดยมีเป้าหมายไปที่ "จีน" แต่ยังครอบคลุมไปถึงญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้
    .
    ความกังวลของโบลตันเกี่ยวกับกรีนแลนด์ในเวลานั้นยังสอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของวอชิงตันเมื่อล่าสุด
    .
    รอยเตอร์รายงานวันศุกร์ (10) ล่าสุดว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่กำลังจะหมดสมัยได้ร่วมกับโคเปนเฮเกนแอบล็อบบี้บริษัทเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) Tanbreez Mining ของกรีนแลนด์ที่มีนโยบายว่า ทำเหมืองเพื่อเทคโนโลยีสะอาดกว่า (Mining for Greener Technologies) ไม่ให้ถูกขายไปให้ปักกิ่ง
    .
    แร่แรร์เอิร์ธนั้นมีคุณสมบัติความเป็นแม่เหล็กสูงและมีความสำคัญต่อการพัฒนาตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้าไปจนถึงจรวดมิสไซล์ที่ทั้งสหรัฐฯ และจีนต่างแข่งขันเพื่อครอบครอง
    .
    เกร็ก บาร์นส์ (Greg Barnes) ซีอีโอบริษัท Tanbreez Mining ที่ขัดสนเงินให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า เจ้าหน้าที่อเมริกันปีที่แล้วเดินทางมาที่ทางใต้ของเกาะกรีนแลนด์ถึง 2 ครั้งเพื่อเตือนไม่ให้ขายไปให้ผู้ซื้อที่เชื่อมโยงกับปักกิ่ง
    .
    และในท้ายที่สุดเขาจำเป็นต้องขายบริษัทเหมืองแร่กรีนแลนด์ไปให้บริษัทเหมืองแร่ Critical Metals ที่มีฐานในนิวยอร์กในข้อตกลงที่สลับซับซ้อนและได้เงินน้อยกว่า ซึ่งสัญญาจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปีนี้
    .
    ทั้งนี้บาร์นส์จะได้เงินสด 5 ล้านดอลลาร์และหุ้นใน Critical Metals สำหรับ Tanbreez Mining เป็นมูลค่า 211 ล้านดอลลาร์ เป็นมูลค่าสัญญาขายน้อยกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบออกมาจากฝั่งของบริษัทจีน
    .
    ทรัมป์ต้องการได้เกาะกรีนแลนด์เพื่อกันจีนนั้นยังออกมาจากความเห็นของนายกรัฐมนตรีอิตาลี จอร์เจีย เมโลนี (Giorgia Meloni)
    .
    ฟรานซ์24 ของฝรั่งเศสรายงานวันพฤหัสบดี (9) ว่า ผู้นำหญิงอิตาลีเปิดเผยว่า เธอมองว่าการที่ว่าที่ประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่ข่มขู่จะใช้กำลังทหารเข้ายึดเกาะกรีนแลนด์หรือคลองปานามาเป็นเสมือนคำเตือนไปยังประเทศฝ่ายตรงข้ามเป็นต้นว่า “จีน” ที่สมควรทำตัวออกห่างจากพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ
    .
    เดลีเมลของอังกฤษรายงานวันเสาร์ (11) ว่า นายกรัฐมนตรีกรีนแลนด์ Múte Egede ในวันศุกร์ (10) ที่เดนมาร์ก ได้แสดงความปรารถนาจะเข้าสู่การเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ สำหรับผลประโยชน์ร่วมกัน พร้อมย้ำว่า “ชาวกรีนแลนด์ไม่ต้องการเป็นอเมริกันชน”
    .
    เกิดขึ้นหลังแอ็กซิออส (Axios) รายงานว่า เจ้าหน้าที่เดนมาร์กได้สื่อสารในทางลับกับทีมของทรัมป์ประเด็นเกาะกรีนแลนด์ก่อนหน้าวันพิธีสาบานตนในวันที่ 20 ม.ค.
    .
    สหรัฐฯ ที่ตั้งชาติมาอย่างหลากหลายวิธีทั้งสู้รบในสงครามปฏิวัติอเมริกากับอังกฤษ และการสู้รบสเปน และเม็กซิโกในการขยายดินแดน และยังรวมไปถึงการใช้เงินเพื่อซื้อดินแดน
    .
    เดลีเมลของอังกฤษประเมินว่า หากสหรัฐฯ เดินหน้าซื้อเกาะกรีนแลนด์จริงอาจต้องจ่ายแพงกว่าตอนซื้อรัฐอะแลสกาจากรัสเซียเมื่อปี 1867 ในราคา 7.2 ล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับ 153.5 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
    .
    โดยชี้ว่า เกาะกรีนแลนด์ใหญ่กว่ารัฐอะแลสกา 150 เท่า คาดว่าอาจต้องควักกระเป๋าจ่ายถึง 230.25 ล้านดอลลาร์
    สหรัฐฯ เคยซื้อเกาะเวอร์จินจากเดนมาร์กเมื่อปี 1917 ด้วยทองคำมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่ากับ 616.2 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
    .
    และรัฐบาลลุงแซมยังเคยทุ่มซื้อรัฐลุยเซียนาจากฝรั่งเศสเมื่อปี 1803 ในราคา 15 ล้านดอลลาร์ หรือตกราว 418.8 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003916
    ..............
    Sondhi X
    เชื่อว่าอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ อาจได้ความคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์จากทายาทเครื่องสำอาง ESTÉE LAUDER “โรแนลด์ ลอเดอร์” (Ronald Lauder) เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย นายกรัฐมนตรีอิตาลีฟันธง เหมือนสัญญาณเตือนไป “ปักกิ่ง” ไม่กี่วันหลังวอชิงตันล็อบบี้ไม่ให้ขายบริษัทเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) ของกรีนแลนด์ไปให้ปักกิ่ง . หนังสือพิมพ์ดิอินดีเพนเดนท์ของอังกฤษรายงานวันพุธ (8 ม.ค.) ว่า มีการเชื่อว่า ความคิดการซื้อเกาะกรีนแลนด์อาจมาจากเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของทรัมป์ ทายาทเครื่องสำอาง ESTÉE LAUDER “โรแนลด์ ลอเดอร์” (Ronald Lauder) อ้างจากหนังสือ The Divider ของปีเตอร์ เบเกอร์ (Peter Baker) จากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส และซูซาน กลาสเซอร์ (Susan Glasser) จาก The New Yorker ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอดีตผู้นำสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ในขณะที่อยู่ในทำเนียบขาวระหว่างปี 2017-2021 . “เพื่อนคนหนึ่งของผมที่เป็นนักธุรกิจที่มีประสบการณ์มากๆ คิดว่าเราควรได้เกาะกรีนแลนด์” ทรัมป์กล่าวต่อที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติในเวลานั้น อ้างอิงจากหนังสือ . ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ในเวลานั้นถามย้ำว่า “คุณคิดว่าอย่างไร?” . และส่งผลทำให้มีการตั้งทีมศึกษา การหาทางออกต่างๆ เป็นต้นว่า ข้อเสนอขอเช่าเกาะ ที่คล้ายข้อตกลงอสังหาริมทรัพย์นิวยอร์ก . อ้างอิงจากนิวยอร์กไทม์ส มีความวิตกในกลุ่มผู้ช่วยทรัมป์ว่า หากแนวคิดการซื้อเกาะกรีนแลนด์หากรั่วออกไปอาจส่งผลกระทบทางการทูตได้ . ทรัมป์ให้มสัมภาษณ์กับผู้แต่งว่า “ผมพูดว่า ทำไมพวกเราไม่ครอบครองมัน” และเสริมว่า “คุณมองไปที่แผนที่สิ ผมเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผมมองไปที่ตรงมุม ผมพูดว่า ผมจะต้องมีร้านสำหรับตึกที่ผมกำลังจะสร้างและอื่นๆ มันไม่ต่างกันเลย” . ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำว่า “ผมรักแผน และผมมักพูดว่า มองไปที่ขนาดของมันสิ มันใหญ่มหึมามาก มันสมควรเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา” . ดิอินดีเพนเดนท์รายงานว่า อ้างอิงจากหนังสือพบว่า ทายาท Estée Lauder ได้หารือกับทรัมป์เกี่ยวกับเกาะกรีนแลนด์มาตั้งแต่เริ่มแรกของสมัยการดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2017 และแม้กระทั่งเสนอตัวเองเป็นประตูหลังติดต่อรัฐบาลเดนมาร์กสำหรับการเจรจาต่อรอง . ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ จอห์น โบลตัน (John Bolton) ในเวลานั้นได้สั่งผู้ช่วยของเขา ฟิโอนา ฮิลล์ (Fiona Hill) ให้ตั้งทีมงานเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ และพบมีการแอบหารือลับร่วมกับเอกอัครราชทูตเดนมาร์ก พร้อมกับเมโมเสนอช่องทางตัวเลือก . ทั้งนี้ โบลตันวิตกการแผ่อิทธิพลของ "ปักกิ่ง" มายังภูมิภาคอาร์กติก ขั้วโลกเหนือ และเชื่อว่าการที่สหรัฐฯ จะเพิ่มอิทธิพลปรากฏตัวบนเกาะกรีนแลนด์จะเป็นความคิดที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม โบลตันเชื่อว่า ความคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์นั้นไม่มีความเป็นไปได้ . มีการสานสัมพันธ์ระหว่างกรีนแลนด์และจีน อ้างอิงจาก highnorthnews รายงานเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ปี 2021 ว่า เกาะกรีนแลนด์ได้เปิดสำนักงานตัวแทนขึ้นที่กรุงปักกิ่ง เพื่อโปรโมตทางเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรมระหว่างกรีนแลนด์และเอเชีย โดยมีเป้าหมายไปที่ "จีน" แต่ยังครอบคลุมไปถึงญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ . ความกังวลของโบลตันเกี่ยวกับกรีนแลนด์ในเวลานั้นยังสอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของวอชิงตันเมื่อล่าสุด . รอยเตอร์รายงานวันศุกร์ (10) ล่าสุดว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่กำลังจะหมดสมัยได้ร่วมกับโคเปนเฮเกนแอบล็อบบี้บริษัทเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) Tanbreez Mining ของกรีนแลนด์ที่มีนโยบายว่า ทำเหมืองเพื่อเทคโนโลยีสะอาดกว่า (Mining for Greener Technologies) ไม่ให้ถูกขายไปให้ปักกิ่ง . แร่แรร์เอิร์ธนั้นมีคุณสมบัติความเป็นแม่เหล็กสูงและมีความสำคัญต่อการพัฒนาตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้าไปจนถึงจรวดมิสไซล์ที่ทั้งสหรัฐฯ และจีนต่างแข่งขันเพื่อครอบครอง . เกร็ก บาร์นส์ (Greg Barnes) ซีอีโอบริษัท Tanbreez Mining ที่ขัดสนเงินให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า เจ้าหน้าที่อเมริกันปีที่แล้วเดินทางมาที่ทางใต้ของเกาะกรีนแลนด์ถึง 2 ครั้งเพื่อเตือนไม่ให้ขายไปให้ผู้ซื้อที่เชื่อมโยงกับปักกิ่ง . และในท้ายที่สุดเขาจำเป็นต้องขายบริษัทเหมืองแร่กรีนแลนด์ไปให้บริษัทเหมืองแร่ Critical Metals ที่มีฐานในนิวยอร์กในข้อตกลงที่สลับซับซ้อนและได้เงินน้อยกว่า ซึ่งสัญญาจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปีนี้ . ทั้งนี้บาร์นส์จะได้เงินสด 5 ล้านดอลลาร์และหุ้นใน Critical Metals สำหรับ Tanbreez Mining เป็นมูลค่า 211 ล้านดอลลาร์ เป็นมูลค่าสัญญาขายน้อยกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบออกมาจากฝั่งของบริษัทจีน . ทรัมป์ต้องการได้เกาะกรีนแลนด์เพื่อกันจีนนั้นยังออกมาจากความเห็นของนายกรัฐมนตรีอิตาลี จอร์เจีย เมโลนี (Giorgia Meloni) . ฟรานซ์24 ของฝรั่งเศสรายงานวันพฤหัสบดี (9) ว่า ผู้นำหญิงอิตาลีเปิดเผยว่า เธอมองว่าการที่ว่าที่ประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่ข่มขู่จะใช้กำลังทหารเข้ายึดเกาะกรีนแลนด์หรือคลองปานามาเป็นเสมือนคำเตือนไปยังประเทศฝ่ายตรงข้ามเป็นต้นว่า “จีน” ที่สมควรทำตัวออกห่างจากพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ . เดลีเมลของอังกฤษรายงานวันเสาร์ (11) ว่า นายกรัฐมนตรีกรีนแลนด์ Múte Egede ในวันศุกร์ (10) ที่เดนมาร์ก ได้แสดงความปรารถนาจะเข้าสู่การเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ สำหรับผลประโยชน์ร่วมกัน พร้อมย้ำว่า “ชาวกรีนแลนด์ไม่ต้องการเป็นอเมริกันชน” . เกิดขึ้นหลังแอ็กซิออส (Axios) รายงานว่า เจ้าหน้าที่เดนมาร์กได้สื่อสารในทางลับกับทีมของทรัมป์ประเด็นเกาะกรีนแลนด์ก่อนหน้าวันพิธีสาบานตนในวันที่ 20 ม.ค. . สหรัฐฯ ที่ตั้งชาติมาอย่างหลากหลายวิธีทั้งสู้รบในสงครามปฏิวัติอเมริกากับอังกฤษ และการสู้รบสเปน และเม็กซิโกในการขยายดินแดน และยังรวมไปถึงการใช้เงินเพื่อซื้อดินแดน . เดลีเมลของอังกฤษประเมินว่า หากสหรัฐฯ เดินหน้าซื้อเกาะกรีนแลนด์จริงอาจต้องจ่ายแพงกว่าตอนซื้อรัฐอะแลสกาจากรัสเซียเมื่อปี 1867 ในราคา 7.2 ล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับ 153.5 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน . โดยชี้ว่า เกาะกรีนแลนด์ใหญ่กว่ารัฐอะแลสกา 150 เท่า คาดว่าอาจต้องควักกระเป๋าจ่ายถึง 230.25 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ เคยซื้อเกาะเวอร์จินจากเดนมาร์กเมื่อปี 1917 ด้วยทองคำมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่ากับ 616.2 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน . และรัฐบาลลุงแซมยังเคยทุ่มซื้อรัฐลุยเซียนาจากฝรั่งเศสเมื่อปี 1803 ในราคา 15 ล้านดอลลาร์ หรือตกราว 418.8 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003916 .............. Sondhi X
    Like
    Yay
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1193 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในรายงานเหตุการณ์ประจำวันของฝ่ายเสนาธิการทหารของยูเครนวันนี้ มีสิ่งที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งคือ:

    เสนาธิการทหารยูเครนไม่ได้อ้างอิงทิศทาง "Kurakhove" และ "Vremivka" (Velyka Novosilka) แต่เปลี่ยนการอ้างอิงทิศทางใหม่เป็น "ทิศทาง Novopavlivka" แทน ซึ่ง Novopavlivka อยู่ในเขต Dnipropetrovsk (Dnipro)

    นี่เป็นครั้งแรกที่เสนาธิการทหารยูเครน "อาจจะ" กำลังยอมรับว่าการสู้รบในทิศทางนี้กำลังสิ้นสุดในเขตภูมิภาค Donetsk และเริ่มเข้าสู่เขตพื้นที่ Dnipropetrovsk ในไม่ช้า
    ในรายงานเหตุการณ์ประจำวันของฝ่ายเสนาธิการทหารของยูเครนวันนี้ มีสิ่งที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งคือ: เสนาธิการทหารยูเครนไม่ได้อ้างอิงทิศทาง "Kurakhove" และ "Vremivka" (Velyka Novosilka) แต่เปลี่ยนการอ้างอิงทิศทางใหม่เป็น "ทิศทาง Novopavlivka" แทน ซึ่ง Novopavlivka อยู่ในเขต Dnipropetrovsk (Dnipro) นี่เป็นครั้งแรกที่เสนาธิการทหารยูเครน "อาจจะ" กำลังยอมรับว่าการสู้รบในทิศทางนี้กำลังสิ้นสุดในเขตภูมิภาค Donetsk และเริ่มเข้าสู่เขตพื้นที่ Dnipropetrovsk ในไม่ช้า
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • Just You 'n' Me

    เพลงดัง ของ Chicago ปี 1973 ในสมัยที่ฉันเป็นวัยรุ่น เล่นแผ่นเสียง ซึ่งปัจจุบันแผ่นเสียงในระบบอนาล๊อคให้เสียงที่ไม่ดีแล้ว

    วง Leonid & Friends โดย Vladimir Presnyakov และ Sr. (Petrovich) เป็นวงของชาวรัสเซีย ที่ชื่นชอบเพลงของ Chicago
    นำมาเล่นใหม่ อัดทั้งภาพ+เสียงในระบบดิจิตอล จึงได้ภาพที่คมชัด เสียงสดใส เหมือนจริงกลับคืนมา น่าฟัง ไพเราะ..มาก ค่ะ
    Just You 'n' Me เพลงดัง ของ Chicago ปี 1973 ในสมัยที่ฉันเป็นวัยรุ่น เล่นแผ่นเสียง ซึ่งปัจจุบันแผ่นเสียงในระบบอนาล๊อคให้เสียงที่ไม่ดีแล้ว วง Leonid & Friends โดย Vladimir Presnyakov และ Sr. (Petrovich) เป็นวงของชาวรัสเซีย ที่ชื่นชอบเพลงของ Chicago นำมาเล่นใหม่ อัดทั้งภาพ+เสียงในระบบดิจิตอล จึงได้ภาพที่คมชัด เสียงสดใส เหมือนจริงกลับคืนมา น่าฟัง ไพเราะ..มาก ค่ะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • “Annual” vs.” Perennial”: What’s The Difference?

    Confused about annual vs. perennial plants? You’re not alone—it’s especially difficult to remember which is which because they sound like they might mean the same thing. To make matters worse, there’s also a third confusing term: biennial.

    Join us as we root out the differences and give examples of perennials, annuals, and biennials so you’ll always remember which is which.

    Quick summary

    Plants that live for only one growing season are called annuals. In contrast, plants that regrow on their own every season are called perennials. Plants that live for two growing seasons are called biennials.

    What are perennials?

    The word perennial is applied to a plant that lives for multiple growing seasons—at least more than two years. Perennials typically flower and bloom in the spring. Around autumn, the top part of the plant withers, but the root remains. The next spring, the root sends out a brand new shoot, and the cycle continues. In other words, planting perennials in a garden means that they don’t need to be replanted each year—they come back on their own (at least for three years).

    Perennials usually only bloom for a few weeks, and may take longer to fully mature. Popular perennials include daylilies, lilacs, and lavender, as well as most fruit trees, berry bushes, and herbs.

    What are annual plants?

    The word annual is applied to a plant that lives for only one growing season. Annuals typically flower and bloom in the spring and then wither and die around autumn. Unlike perennials, annuals do not regrow the next season—at least not from the same root. Instead, annuals must be replanted each year—or, in some cases, the seeds left behind may successfully sprout new plants.

    Annuals usually bloom the whole season, and their blooms are often more extravagant than perennials. Popular annuals include petunias, marigolds, zinnias, watermelons, corn, beans, and potatoes.

    What is a biennial plant?

    The term biennial is applied to a plant that lives for two growing seasons. The first season, the plant starts out small. The second season, it grows bigger and produces flowers. After this, the plant’s life cycle is complete, and it dies in the autumn just like an annual. Some well-known plants categorized as biennials include foxglove, pansies, poppies, forget-me-nots, and many vegetables, such as cabbage, beets, onions, and carrots.

    annual vs. perennial vs. biennial

    Here’s how you can remember the difference:

    - In general, the word perennial means “continuing” or “perpetual,” and perennials continue to regrow without being replanted.
    - The word annual means yearly, and annuals must be replanted every year.
    - The bi- in biennial means “two,” and biennials have a life cycle of two growing seasons.

    Although these terms could technically be applied to any plants, they’re especially used of flowering and culinary plants—the kind of plants commonly found in gardens and on farms.

    There is some overlap in what can be considered an annual versus a perennial. Some annuals can be perennials when planted in warmer climates, since there’s no frost to kill them, and some perennials are not capable of surviving the winter in colder climates. Certain flowers can also be annual in one variety and perennial in another.

    Examples of annual and perennial plants

    In this section, we’ll answer some of the most common questions about whether certain plants are annuals or perennials.

    Are mums perennials or annuals?

    Garden mums are typically treated as annuals, even though they can be perennials in the right climate. There are also hardier varieties of mums that are typically grown as perennials in many climates.

    Are dahlias perennials or annuals?

    Dahlias can be either, depending on the growing region. They are native to warm regions in Guatemala and Mexico. In colder climes, they are treated as annuals, but it’s possible to bring them back each year if the tubers are dug up and dried out in the winter.

    Are tulips perennials or annuals?

    Tulips are perennials. In certain climates, however, they may behave like annuals.

    Are hydrangeas perennials or annuals?

    Hydrangeas are perennials. Again, however, this is only true when grown in climates where they can survive the winter.

    Copyright 2025, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    “Annual” vs.” Perennial”: What’s The Difference? Confused about annual vs. perennial plants? You’re not alone—it’s especially difficult to remember which is which because they sound like they might mean the same thing. To make matters worse, there’s also a third confusing term: biennial. Join us as we root out the differences and give examples of perennials, annuals, and biennials so you’ll always remember which is which. Quick summary Plants that live for only one growing season are called annuals. In contrast, plants that regrow on their own every season are called perennials. Plants that live for two growing seasons are called biennials. What are perennials? The word perennial is applied to a plant that lives for multiple growing seasons—at least more than two years. Perennials typically flower and bloom in the spring. Around autumn, the top part of the plant withers, but the root remains. The next spring, the root sends out a brand new shoot, and the cycle continues. In other words, planting perennials in a garden means that they don’t need to be replanted each year—they come back on their own (at least for three years). Perennials usually only bloom for a few weeks, and may take longer to fully mature. Popular perennials include daylilies, lilacs, and lavender, as well as most fruit trees, berry bushes, and herbs. What are annual plants? The word annual is applied to a plant that lives for only one growing season. Annuals typically flower and bloom in the spring and then wither and die around autumn. Unlike perennials, annuals do not regrow the next season—at least not from the same root. Instead, annuals must be replanted each year—or, in some cases, the seeds left behind may successfully sprout new plants. Annuals usually bloom the whole season, and their blooms are often more extravagant than perennials. Popular annuals include petunias, marigolds, zinnias, watermelons, corn, beans, and potatoes. What is a biennial plant? The term biennial is applied to a plant that lives for two growing seasons. The first season, the plant starts out small. The second season, it grows bigger and produces flowers. After this, the plant’s life cycle is complete, and it dies in the autumn just like an annual. Some well-known plants categorized as biennials include foxglove, pansies, poppies, forget-me-nots, and many vegetables, such as cabbage, beets, onions, and carrots. annual vs. perennial vs. biennial Here’s how you can remember the difference: - In general, the word perennial means “continuing” or “perpetual,” and perennials continue to regrow without being replanted. - The word annual means yearly, and annuals must be replanted every year. - The bi- in biennial means “two,” and biennials have a life cycle of two growing seasons. Although these terms could technically be applied to any plants, they’re especially used of flowering and culinary plants—the kind of plants commonly found in gardens and on farms. There is some overlap in what can be considered an annual versus a perennial. Some annuals can be perennials when planted in warmer climates, since there’s no frost to kill them, and some perennials are not capable of surviving the winter in colder climates. Certain flowers can also be annual in one variety and perennial in another. Examples of annual and perennial plants In this section, we’ll answer some of the most common questions about whether certain plants are annuals or perennials. Are mums perennials or annuals? Garden mums are typically treated as annuals, even though they can be perennials in the right climate. There are also hardier varieties of mums that are typically grown as perennials in many climates. Are dahlias perennials or annuals? Dahlias can be either, depending on the growing region. They are native to warm regions in Guatemala and Mexico. In colder climes, they are treated as annuals, but it’s possible to bring them back each year if the tubers are dug up and dried out in the winter. Are tulips perennials or annuals? Tulips are perennials. In certain climates, however, they may behave like annuals. Are hydrangeas perennials or annuals? Hydrangeas are perennials. Again, however, this is only true when grown in climates where they can survive the winter. Copyright 2025, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิธีอ่านหนังสือให้จำได้สไตล์คนเกาหลี

    1. อ่านแบบ Active Reading

    คนเกาหลีเน้นการอ่านแบบมีส่วนร่วม ไม่ใช่แค่อ่านผ่าน ๆ แต่ตั้งคำถามกับเนื้อหา เช่น
    • “ผู้เขียนกำลังบอกอะไร?”
    • “ประเด็นนี้สำคัญยังไงกับชีวิตฉัน?”
    การตั้งคำถามช่วยให้สมองประมวลผลเนื้อหาและจดจำได้ดีขึ้น

    2. สรุปย่อด้วยวิธี Note-Taking แบบ Cornell

    เขียนสรุปแบบแบ่งช่อง
    • ช่องใหญ่สำหรับจดเนื้อหา
    • ช่องเล็กสำหรับสรุปหรือใส่คำถามสำคัญ
    วิธีนี้ช่วยจัดระเบียบความคิด และทำให้ทบทวนได้ง่าย

    3. ใช้เทคนิค “Chunking” แบ่งเนื้อหาเป็นส่วนเล็ก ๆ

    แทนที่จะอ่านยาว ๆ ทั้งบท คนเกาหลีมักแบ่งเนื้อหาเป็นส่วนสั้น ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ เช่น อ่าน 2-3 ย่อหน้า แล้วหยุดทบทวน

    4. ใช้สีเน้นข้อความแบบมีความหมาย

    ใช้ปากกาไฮไลต์สีต่าง ๆ เพื่อเน้นจุดสำคัญ เช่น
    • สีเหลือง: ข้อความสำคัญ
    • สีฟ้า: คำถามที่ต้องคิด
    • สีชมพู: เนื้อหาที่อยากกลับมาทบทวน
    สีช่วยกระตุ้นการเชื่อมโยงในสมอง ทำให้จดจำได้เร็วขึ้น

    5. เล่าให้ตัวเองหรือคนอื่นฟัง

    คนเกาหลีชอบทบทวนเนื้อหาโดยการพูดออกมา การเล่าทำให้สมองต้องเรียบเรียงความรู้ใหม่ ซึ่งช่วยเสริมความจำ

    6. อ่านซ้ำแบบ Spaced Repetition

    ทบทวนหนังสือในช่วงเวลาที่ห่างกัน เช่น
    • วันแรกหลังอ่าน
    • 3 วันถัดมา
    • 1 สัปดาห์ถัดไป
    วิธีนี้ช่วยให้ข้อมูลฝังลึกในความทรงจำระยะยาว

    7. จำด้วยภาพและแผนภูมิ

    คนเกาหลีใช้ Mind Mapping หรือการวาดภาพแทนข้อความ เช่น
    • สร้างแผนภูมิความสัมพันธ์
    • วาดภาพแนวคิด
    วิธีนี้ช่วยให้สมองจดจำข้อมูลเชิงซ้อนได้ดีกว่าการอ่านตัวหนังสือล้วน ๆ

    8. พักสมองอย่างมีคุณภาพ

    การอ่านต่อเนื่องนานเกินไปทำให้สมองล้า คนเกาหลีมักใช้เทคนิค Pomodoro เช่น
    • อ่าน 25 นาที แล้วพัก 5 นาที
    การพักนี้ช่วยให้สมองฟื้นตัวและพร้อมรับข้อมูลใหม่

    9. ใช้ชีวิตประจำวันช่วยเสริม

    คนเกาหลีมักเชื่อมโยงเนื้อหาในหนังสือกับชีวิตจริง เช่น ถ้าอ่านหนังสือเกี่ยวกับภาษา ก็จะพยายามนำคำศัพท์มาใช้ในชีวิตประจำวัน

    10. อ่านในที่เงียบสงบและมีบรรยากาศดี

    คนเกาหลีให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อม เช่น อ่านในห้องสมุดหรือคาเฟ่ที่สงบ การมีพื้นที่ที่เหมาะสมช่วยให้สมองจดจ่อและรับข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น
    วิธีอ่านหนังสือให้จำได้สไตล์คนเกาหลี 1. อ่านแบบ Active Reading คนเกาหลีเน้นการอ่านแบบมีส่วนร่วม ไม่ใช่แค่อ่านผ่าน ๆ แต่ตั้งคำถามกับเนื้อหา เช่น • “ผู้เขียนกำลังบอกอะไร?” • “ประเด็นนี้สำคัญยังไงกับชีวิตฉัน?” การตั้งคำถามช่วยให้สมองประมวลผลเนื้อหาและจดจำได้ดีขึ้น 2. สรุปย่อด้วยวิธี Note-Taking แบบ Cornell เขียนสรุปแบบแบ่งช่อง • ช่องใหญ่สำหรับจดเนื้อหา • ช่องเล็กสำหรับสรุปหรือใส่คำถามสำคัญ วิธีนี้ช่วยจัดระเบียบความคิด และทำให้ทบทวนได้ง่าย 3. ใช้เทคนิค “Chunking” แบ่งเนื้อหาเป็นส่วนเล็ก ๆ แทนที่จะอ่านยาว ๆ ทั้งบท คนเกาหลีมักแบ่งเนื้อหาเป็นส่วนสั้น ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ เช่น อ่าน 2-3 ย่อหน้า แล้วหยุดทบทวน 4. ใช้สีเน้นข้อความแบบมีความหมาย ใช้ปากกาไฮไลต์สีต่าง ๆ เพื่อเน้นจุดสำคัญ เช่น • สีเหลือง: ข้อความสำคัญ • สีฟ้า: คำถามที่ต้องคิด • สีชมพู: เนื้อหาที่อยากกลับมาทบทวน สีช่วยกระตุ้นการเชื่อมโยงในสมอง ทำให้จดจำได้เร็วขึ้น 5. เล่าให้ตัวเองหรือคนอื่นฟัง คนเกาหลีชอบทบทวนเนื้อหาโดยการพูดออกมา การเล่าทำให้สมองต้องเรียบเรียงความรู้ใหม่ ซึ่งช่วยเสริมความจำ 6. อ่านซ้ำแบบ Spaced Repetition ทบทวนหนังสือในช่วงเวลาที่ห่างกัน เช่น • วันแรกหลังอ่าน • 3 วันถัดมา • 1 สัปดาห์ถัดไป วิธีนี้ช่วยให้ข้อมูลฝังลึกในความทรงจำระยะยาว 7. จำด้วยภาพและแผนภูมิ คนเกาหลีใช้ Mind Mapping หรือการวาดภาพแทนข้อความ เช่น • สร้างแผนภูมิความสัมพันธ์ • วาดภาพแนวคิด วิธีนี้ช่วยให้สมองจดจำข้อมูลเชิงซ้อนได้ดีกว่าการอ่านตัวหนังสือล้วน ๆ 8. พักสมองอย่างมีคุณภาพ การอ่านต่อเนื่องนานเกินไปทำให้สมองล้า คนเกาหลีมักใช้เทคนิค Pomodoro เช่น • อ่าน 25 นาที แล้วพัก 5 นาที การพักนี้ช่วยให้สมองฟื้นตัวและพร้อมรับข้อมูลใหม่ 9. ใช้ชีวิตประจำวันช่วยเสริม คนเกาหลีมักเชื่อมโยงเนื้อหาในหนังสือกับชีวิตจริง เช่น ถ้าอ่านหนังสือเกี่ยวกับภาษา ก็จะพยายามนำคำศัพท์มาใช้ในชีวิตประจำวัน 10. อ่านในที่เงียบสงบและมีบรรยากาศดี คนเกาหลีให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อม เช่น อ่านในห้องสมุดหรือคาเฟ่ที่สงบ การมีพื้นที่ที่เหมาะสมช่วยให้สมองจดจ่อและรับข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับการโจมตีเป้าหมายยูเครนในพื้นที่ของภูมิภาคดนีโปรเปตรอฟสค์(Dnepropetrovsk / Dnipro) ด้วยระเบิดร่อน FAB จากรัสเซีย

    ในทิศทางนี้ ก่อนหน้านี้ การโจมตีทางอากาศด้วยระเบิดร่อน FAB จะถูกใช้อยู่เพียงในดอนบาสเท่านั้น

    สิ่งนี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า แนวหน้าของการต่อสู้เคลื่อนตัวเข้าใกล้ภูมิภาคดนีโปรเปตรอฟสค์มากขึ้นจากทางตะวันออก ในทิศทาง Pokrovsk-Kurakhove

    ชุดระเบิดร่อน FAB มีระยะการบินร่อนประมาณ 50–70 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับการดัดแปลงชุด UMPK (Universal Modular Gliding and Correction Kit) ที่ติดตั้งอยู่กับระเบิด
    มีรายงานเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับการโจมตีเป้าหมายยูเครนในพื้นที่ของภูมิภาคดนีโปรเปตรอฟสค์(Dnepropetrovsk / Dnipro) ด้วยระเบิดร่อน FAB จากรัสเซีย ในทิศทางนี้ ก่อนหน้านี้ การโจมตีทางอากาศด้วยระเบิดร่อน FAB จะถูกใช้อยู่เพียงในดอนบาสเท่านั้น สิ่งนี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า แนวหน้าของการต่อสู้เคลื่อนตัวเข้าใกล้ภูมิภาคดนีโปรเปตรอฟสค์มากขึ้นจากทางตะวันออก ในทิศทาง Pokrovsk-Kurakhove ชุดระเบิดร่อน FAB มีระยะการบินร่อนประมาณ 50–70 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับการดัดแปลงชุด UMPK (Universal Modular Gliding and Correction Kit) ที่ติดตั้งอยู่กับระเบิด
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7 มกราคม 2568-รายงานข่าวจากBlognone ระบุว่า Getty Images และ Shutterstock สองบริการขายไลเซนส์รูปภาพสต็อกรายใหญ่ ประกาศบรรลุข้อตกลงเพื่อควบรวมกิจการกัน ตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ โดยประเมินมูลค่ากิจการหลังการควบรวมที่ราว 3.7 พันล้านดอลลาร์ทั้งสองบริษัทอยู่ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยบริษัทใหม่หลังการควบรวมจะใช้ชื่อว่า Getty Images Holdings ตามชื่อบริษัทปัจจุบันของ Getty Images และใช้ตัวย่อในการซื้อขายหุ้น GETY ซึ่ง Craig Peters ซีอีโอ Getty Images จะเป็นซีอีโอของบริษัทหลังการควบรวม ส่วน Paul Hennessy ซีอีโอ Shutterstock จะมีตำแหน่งในบอร์ดของบริษัทCraig Peters ซีอีโอ Getty Images กล่าวว่าการรวมกิจการนี้ เป็นการเพิ่มโอกาสทั้งความแข็งแกร่งทางการเงิน การลงทุน และทำให้พอร์ตโฟลิโอมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้นกระบวนการควบรวมกิจการนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ฝั่งผู้ถือหุ้น Shutterstock โดยมีตัวเลือกทั้งรับเป็นเงินสดทั้งหมด หรือได้หุ้นใหม่ของ Getty Images ตามอัตราส่วน หรือได้ทั้งหุ้นและเงินสดการควบรวมกิจการนี้ยังต้องผ่านการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของสองบริษัท รวมทั้งการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง
    7 มกราคม 2568-รายงานข่าวจากBlognone ระบุว่า Getty Images และ Shutterstock สองบริการขายไลเซนส์รูปภาพสต็อกรายใหญ่ ประกาศบรรลุข้อตกลงเพื่อควบรวมกิจการกัน ตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ โดยประเมินมูลค่ากิจการหลังการควบรวมที่ราว 3.7 พันล้านดอลลาร์ทั้งสองบริษัทอยู่ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยบริษัทใหม่หลังการควบรวมจะใช้ชื่อว่า Getty Images Holdings ตามชื่อบริษัทปัจจุบันของ Getty Images และใช้ตัวย่อในการซื้อขายหุ้น GETY ซึ่ง Craig Peters ซีอีโอ Getty Images จะเป็นซีอีโอของบริษัทหลังการควบรวม ส่วน Paul Hennessy ซีอีโอ Shutterstock จะมีตำแหน่งในบอร์ดของบริษัทCraig Peters ซีอีโอ Getty Images กล่าวว่าการรวมกิจการนี้ เป็นการเพิ่มโอกาสทั้งความแข็งแกร่งทางการเงิน การลงทุน และทำให้พอร์ตโฟลิโอมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้นกระบวนการควบรวมกิจการนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ฝั่งผู้ถือหุ้น Shutterstock โดยมีตัวเลือกทั้งรับเป็นเงินสดทั้งหมด หรือได้หุ้นใหม่ของ Getty Images ตามอัตราส่วน หรือได้ทั้งหุ้นและเงินสดการควบรวมกิจการนี้ยังต้องผ่านการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของสองบริษัท รวมทั้งการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลการโจมตีด้วยขีปนาวุธ Iskander-M ของรัสเซียเมื่อวานนี้ ใกล้กับเมือง Pavlohrad แคว้น Dnipropetrovsk เป้าหมายคือระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300PS ของยูเครน

    นอกจากนี้ศูนย์สั่งการ 5N63S พร้อมระบบเรดาร์นำทาง 30N6 ก็ถูกทำลายด้วยเช่นกัน
    ผลการโจมตีด้วยขีปนาวุธ Iskander-M ของรัสเซียเมื่อวานนี้ ใกล้กับเมือง Pavlohrad แคว้น Dnipropetrovsk เป้าหมายคือระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300PS ของยูเครน นอกจากนี้ศูนย์สั่งการ 5N63S พร้อมระบบเรดาร์นำทาง 30N6 ก็ถูกทำลายด้วยเช่นกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 411 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • ทหารรัสเซียจากกองพลที่ 114 ของกองทัพที่ 51 ประสบความสำเร็จในภารกิจปลดปล่อยหมู่บ้านเปโตรปัฟลอฟกา (Petropavlivka) ทางเหนือของ Shevchenko
    ทหารรัสเซียจากกองพลที่ 114 ของกองทัพที่ 51 ประสบความสำเร็จในภารกิจปลดปล่อยหมู่บ้านเปโตรปัฟลอฟกา (Petropavlivka) ทางเหนือของ Shevchenko
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • "If we write books with a deep sense of responsibility, believing that the book is written for our future selves to read in the next life, then perhaps there would be fewer falsehoods in the world.

    And if the knowledge created within human civilization was such that its creator could honestly answer why it was conceived, then the culture shaped by this knowledge would not lead humanity astray."

    Given my current perspective that, in this lifetime, I have no desire to teach anyone anymore, all I can do is write. I write books and leave them for my future self to read in the next life, but this act also serves as a form of merit for others.

    For those interested in delving deeper into the knowledge beyond what I've penned in my books, snippets of this wisdom will occasionally be shared on this my personal Facebook, as well as on the Facebook of my dearly departed wife.

    Thus, I've decided to establish this group to provide an easier platform for others to access the 'Truth Quote' and the knowledge that originated from my 'Pạỵỵā'.
    "If we write books with a deep sense of responsibility, believing that the book is written for our future selves to read in the next life, then perhaps there would be fewer falsehoods in the world. And if the knowledge created within human civilization was such that its creator could honestly answer why it was conceived, then the culture shaped by this knowledge would not lead humanity astray." Given my current perspective that, in this lifetime, I have no desire to teach anyone anymore, all I can do is write. I write books and leave them for my future self to read in the next life, but this act also serves as a form of merit for others. For those interested in delving deeper into the knowledge beyond what I've penned in my books, snippets of this wisdom will occasionally be shared on this my personal Facebook, as well as on the Facebook of my dearly departed wife. Thus, I've decided to establish this group to provide an easier platform for others to access the 'Truth Quote' and the knowledge that originated from my 'Pạỵỵā'.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • 4 ม.ค.2568 - นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ 2568 นี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พี่น้องประชาชนแต่ละท่านเคารพนับถือ โปรดดลบันดาลและอำนวยพรให้ทุกท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความสมหวัง และความสำเร็จในทุกสิ่งที่มุ่งหวัง ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เดินทางไปไหนก็ขอให้คลาดแคล้วจากอุบัติเหตุอันตราย ใครที่ประสบความสำเร็จในปี 2567 อยู่แล้ว ก็ขอให้ประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปในปี 2568 ใครที่ยังไปไม่ถึงฟากฝั่งในปี 2567 ก็ขอให้ไปให้ถึงเป้าหมายในปีใหม่ 2568 นี้ ขอให้ทุกท่านมีพลังกายและพลังใจที่เข้มแข็ง ชนะอุปสรรคได้ทั้งปวง พบแต่สิ่งดีๆ และคนดีๆ ตลอดปี 2568 และตลอดไปครับ

    สำหรับผม ปี 2567 ที่เพิ่งผ่านไป ถือเป็นปีที่เหนื่อยมาก เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลาที่หมดไปอย่างรวดเร็วในแต่ละวันโดยแทบไม่มีการหยุดพัก แต่อย่างน้อยผมก็ทำสำเร็จเกือบ 100% ตามที่บอกไว้ครับ

    1. ตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่หน่วยละ 4.18 บาท และคงค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 300 หน่วย ไว้ที่ราคาหน่วยละ 3.99 บาท มาได้ตลอดทั้งปี 2567 สำหรับปี2568 ช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2568 ค่าไฟฟ้าก็จะอยู่ที่หน่วยละ 4.15 บาท ทั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนของท่านนายกฯ เศรษฐาและท่านนายกฯ แพทองธาร

    2.ร่างกฎหมายกำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังตรวจแก้ไขต้นร่างเกือบเสร็จแล้ว รออีกนิดนะครับ กฎหมายนี้จะมีกติกาที่ไม่ให้ปรับราคาน้ำมันขึ้นลงรายวัน มีระบบพิสูจน์ต้นทุน และยกเลิกการอ้างอิงราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์ โดยนำระบบต้นทุนบวกค่าใช้จ่ายจริงที่เรียกว่าระบบ COST PLUS มาใช้แทน ที่สำคัญคือ จะให้มีน้ำมันเพื่อเกษตรกร และชาวประมงในราคาที่ถูกลง และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่งและองค์กรสาธารณกุศลสามารถนำน้ำมันเข้ามาใช้ได้เอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนลงได้มาก และยังจะเปิดโอกาสให้รัฐสามารถจัดให้มีน้ำมันเพื่อผู้มีรายได้น้อยด้วย

    3. กฎหมายฉบับที่สองที่ทำเสร็จแล้ว คือกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์รูฟ ซึ่งจะพังทลายกฎเกณฑ์กติกาเดิมๆ ที่ทำให้การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นเรื่องยุ่งยากและล่าช้า ผมยกเลิกการขออนุญาตทุกรูปแบบโดยเปลี่ยนมาเป็นการติดตั้งได้ทันทีตามกฎเกณฑ์ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน เมื่อติดตั้งแล้วก็ใช้ระบบแจ้งให้ทราบ จากนั้นแต่ละหน่วยงานก็จะไปตรวจสอบเอง หากมีสิ่งใดต้องแก้ไขก็ว่ากันไป ไม่ต้องเสียเวลารอการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ไม่กี่คน ขณะที่คนทั้งประเทศต้องรอกันทั้งชาติ กฎหมายนี้จะเสนอในนามของรัฐบาลด้วย แต่ขั้นตอนช้า ต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง ผมเลยให้เสนอเข้าสภาฯ ในนามของพรรครวมไทยสร้างชาติก่อน ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ครับ

    สำหรับปี 2568 นี้ สิ่งที่ผมวางเป้าหมายไว้เป็นเรื่องแรกเลย คือ จะร่างกฎหมายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง หรือStrategic Petroleum reserve (SPR) ที่จะนำมาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและสร้างความมั่นคงให้ประเทศ ซึ่งจะทำต่อจากกฎหมายกำกับกิจการค้าน้ำมัน ไม่น่าเชื่อว่าประเทศเราไม่เคยมีสำรองน้ำมันของประเทศเลย ที่มีอยู่ก็เป็นการสำรองของภาคเอกชนเพื่อประโยชน์ทางการค้าเป็นหลักตามกฎหมายการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้น และเก็บสำรองเพียงประมาณ 20-25 วัน แต่หลักเกณฑ์ของการสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคงของประเทศต้องไม่ใช่เพื่อการค้าแต่เพื่อประโยชน์ของชาติ และต้องมีสำรองขั้นต่ำ 90 วัน โดยผมจะนำระบบนี้มาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะเปลี่ยนการเก็บเงินจากการซื้อขายน้ำมันที่ไล่เก็บจากประชาชนไปเข้ากองทุนน้ำมัน เป็นระบบเก็บเป็นน้ำมันจากผู้ค้าน้ำมันแทน ระบบนี้จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงทันทีอย่างน้อย 2.50 บาท ถึง 4 บาทกว่าๆ แล้วแต่ประเภทของน้ำมันเพราะไม่มีการเก็บเงินส่วนนี้จากประชาชนอีก แล้วใช้น้ำมันในส่วนนี้ไปชดเชยราคาน้ำมันให้ผู้ค้าน้ำมันแทนเงินที่เก็บจากประชาชน

    ส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าจะต่อยอดจากกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อช่วยประชาชนให้ลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าลงนั้น ผมกำลังดำเนินการให้กระทรวงพลังงานผลิตอุปกรณ์ที่เป็นอุปกรณ์หลักในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เรียกว่าเครื่อง Invertor ที่มีราคาแพงประมาณเครื่องละ 30,000-40,000 บาท โดยน่าจะผลิตได้ในราคาเพียง 1 ใน 3 ของราคาในท้องตลาดเท่านั้น ตอนนี้เครื่องต้นแบบผ่านการทดสอบขั้นที่หนึ่งจากสถาบัน สวทช. แล้ว และกำลังรอทดสอบอีกสองขั้นตอน เมื่อผ่านหมดก็จะเริ่มเข้าสู่แผนการผลิตจำหน่ายให้ประชาชนในราคาถูกที่สุด และจะหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อให้ประชาชนสามารถหักค่าใช้จ่ายส่วนนี้จากภาระภาษีเงินได้ประจำปีด้วย อีกทั้งยังกำลังดำเนินการหาแนวทางให้กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในสังกัดกระทรวงพลังงานสามารถสนับสนุนเงินทุนหรืออย่างใดอย่างหนึ่งให้ประชาชนด้วย

    ผมเชื่อว่าผลงานของรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานตั้งแต่ปลายปี 2567 ต่อยอดไปถึงปี 2568 จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ตามนโยบายรัฐบาลและตามที่ท่านนายกฯแพทองธารประกาศไว้ และจะช่วยทำให้ประเทศมีความมั่นคงด้านพลังงานมากขึ้นด้วย

    สุดท้าย ผมเคยพูดไว้ว่า สิ่งที่ผมทำเพื่อพี่น้องประชาชนจะมีคนที่เคยได้ประโยชน์กันมากว่า 50 ปีเป็นอย่างน้อยต้องเสียประโยชน์ ผมรู้ว่าผมจะต้องโดนวิชามารกระหน่ำแบบไหน แต่ผมไม่กลัวและผมจะทำให้ได้ ขอเพียงพี่น้องประชาชนช่วยเป็นกำแพงให้ผมพิงเท่านั้นก็พอ ความสำเร็จของการทำงานเพื่อประชาชนเริ่มทยอยปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ตามที่ผมวางเป้าหมายไว้

    และเป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงสองสามเดือนก่อนสิ้นปี 2567 ผมถูกกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าสื่อบางกลุ่มรุมกระหน่ำปั้นข่าวทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวเปิดตัวพรรคใหม่ทุนหนา ก็มีบัญชีอวตารเปิดใหม่พรึ่บเพื่อใช้ถล่มผมแบบไม่ยั้งมือ แต่ผมไม่เคยหวั่นไหวและจะทำในสิ่งที่ต้องทำเสมอครับ

    พอเห็นว่ากลยุทธ์แบบเดิมทำท่าจะเล่นงานไม่ไหว ก็ไปปั้นข่าวว่าผมขัดแย้งกับนายกฯบ้างขัดแย้งกับพรรคแกนนำรัฐบาลบ้าง ทั้งๆ ที่ผมและทั้งนายกฯ แพทองธารและอดีตนายกฯ เศรษฐาไม่เคยมีอะไรขัดแย้งกันเลย

    แถมทั้งสองท่านก็สนับสนุนการทำงานของผมตลอดมา เพราะเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลทั้งสิ้น ผลงานเรื่องการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานก็สำเร็จด้วยดีเพราะการสนับสนุนทั้งสองท่าน ล่าสุดที่ท่านนายกฯ แพทองธารประกาศว่าจะทำลายทุนผูกขาด ท่านก็พูดจริง ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ท่านนายกฯ ติดภารกิจด่วนก็มอบให้ผมเป็นประธานการประชุมแทน และกำชับให้ผมขอมติคณะกรรมการ กพช. ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องประมูลไฟฟ้าพลังงานสะอาดด้วย โดยมีท่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นผู้ประสานงานและติดตามงานตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ใครจะปั้นข่าวอะไรผมไม่สนใจ ผมสนใจแต่การทำงานและประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเท่านั้นครับ

    อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบคุณอีกครั้ง สำหรับทุกกำลังใจที่มีให้ผมและพรรครวมไทยสร้างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ และขอบคุณที่เป็นกำแพงเหล็กให้ผมพิงในการทำงาน และในปี 2568 นี้ ผมจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อความสำเร็จและประโยชน์ชาติบ้านเมืองครับ

    4 ม.ค.2568 - นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ 2568 นี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พี่น้องประชาชนแต่ละท่านเคารพนับถือ โปรดดลบันดาลและอำนวยพรให้ทุกท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความสมหวัง และความสำเร็จในทุกสิ่งที่มุ่งหวัง ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เดินทางไปไหนก็ขอให้คลาดแคล้วจากอุบัติเหตุอันตราย ใครที่ประสบความสำเร็จในปี 2567 อยู่แล้ว ก็ขอให้ประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปในปี 2568 ใครที่ยังไปไม่ถึงฟากฝั่งในปี 2567 ก็ขอให้ไปให้ถึงเป้าหมายในปีใหม่ 2568 นี้ ขอให้ทุกท่านมีพลังกายและพลังใจที่เข้มแข็ง ชนะอุปสรรคได้ทั้งปวง พบแต่สิ่งดีๆ และคนดีๆ ตลอดปี 2568 และตลอดไปครับ สำหรับผม ปี 2567 ที่เพิ่งผ่านไป ถือเป็นปีที่เหนื่อยมาก เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลาที่หมดไปอย่างรวดเร็วในแต่ละวันโดยแทบไม่มีการหยุดพัก แต่อย่างน้อยผมก็ทำสำเร็จเกือบ 100% ตามที่บอกไว้ครับ 1. ตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่หน่วยละ 4.18 บาท และคงค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 300 หน่วย ไว้ที่ราคาหน่วยละ 3.99 บาท มาได้ตลอดทั้งปี 2567 สำหรับปี2568 ช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2568 ค่าไฟฟ้าก็จะอยู่ที่หน่วยละ 4.15 บาท ทั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนของท่านนายกฯ เศรษฐาและท่านนายกฯ แพทองธาร 2.ร่างกฎหมายกำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังตรวจแก้ไขต้นร่างเกือบเสร็จแล้ว รออีกนิดนะครับ กฎหมายนี้จะมีกติกาที่ไม่ให้ปรับราคาน้ำมันขึ้นลงรายวัน มีระบบพิสูจน์ต้นทุน และยกเลิกการอ้างอิงราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์ โดยนำระบบต้นทุนบวกค่าใช้จ่ายจริงที่เรียกว่าระบบ COST PLUS มาใช้แทน ที่สำคัญคือ จะให้มีน้ำมันเพื่อเกษตรกร และชาวประมงในราคาที่ถูกลง และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่งและองค์กรสาธารณกุศลสามารถนำน้ำมันเข้ามาใช้ได้เอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนลงได้มาก และยังจะเปิดโอกาสให้รัฐสามารถจัดให้มีน้ำมันเพื่อผู้มีรายได้น้อยด้วย 3. กฎหมายฉบับที่สองที่ทำเสร็จแล้ว คือกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์รูฟ ซึ่งจะพังทลายกฎเกณฑ์กติกาเดิมๆ ที่ทำให้การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นเรื่องยุ่งยากและล่าช้า ผมยกเลิกการขออนุญาตทุกรูปแบบโดยเปลี่ยนมาเป็นการติดตั้งได้ทันทีตามกฎเกณฑ์ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน เมื่อติดตั้งแล้วก็ใช้ระบบแจ้งให้ทราบ จากนั้นแต่ละหน่วยงานก็จะไปตรวจสอบเอง หากมีสิ่งใดต้องแก้ไขก็ว่ากันไป ไม่ต้องเสียเวลารอการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ไม่กี่คน ขณะที่คนทั้งประเทศต้องรอกันทั้งชาติ กฎหมายนี้จะเสนอในนามของรัฐบาลด้วย แต่ขั้นตอนช้า ต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง ผมเลยให้เสนอเข้าสภาฯ ในนามของพรรครวมไทยสร้างชาติก่อน ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ครับ สำหรับปี 2568 นี้ สิ่งที่ผมวางเป้าหมายไว้เป็นเรื่องแรกเลย คือ จะร่างกฎหมายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง หรือStrategic Petroleum reserve (SPR) ที่จะนำมาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและสร้างความมั่นคงให้ประเทศ ซึ่งจะทำต่อจากกฎหมายกำกับกิจการค้าน้ำมัน ไม่น่าเชื่อว่าประเทศเราไม่เคยมีสำรองน้ำมันของประเทศเลย ที่มีอยู่ก็เป็นการสำรองของภาคเอกชนเพื่อประโยชน์ทางการค้าเป็นหลักตามกฎหมายการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้น และเก็บสำรองเพียงประมาณ 20-25 วัน แต่หลักเกณฑ์ของการสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคงของประเทศต้องไม่ใช่เพื่อการค้าแต่เพื่อประโยชน์ของชาติ และต้องมีสำรองขั้นต่ำ 90 วัน โดยผมจะนำระบบนี้มาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะเปลี่ยนการเก็บเงินจากการซื้อขายน้ำมันที่ไล่เก็บจากประชาชนไปเข้ากองทุนน้ำมัน เป็นระบบเก็บเป็นน้ำมันจากผู้ค้าน้ำมันแทน ระบบนี้จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงทันทีอย่างน้อย 2.50 บาท ถึง 4 บาทกว่าๆ แล้วแต่ประเภทของน้ำมันเพราะไม่มีการเก็บเงินส่วนนี้จากประชาชนอีก แล้วใช้น้ำมันในส่วนนี้ไปชดเชยราคาน้ำมันให้ผู้ค้าน้ำมันแทนเงินที่เก็บจากประชาชน ส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าจะต่อยอดจากกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อช่วยประชาชนให้ลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าลงนั้น ผมกำลังดำเนินการให้กระทรวงพลังงานผลิตอุปกรณ์ที่เป็นอุปกรณ์หลักในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เรียกว่าเครื่อง Invertor ที่มีราคาแพงประมาณเครื่องละ 30,000-40,000 บาท โดยน่าจะผลิตได้ในราคาเพียง 1 ใน 3 ของราคาในท้องตลาดเท่านั้น ตอนนี้เครื่องต้นแบบผ่านการทดสอบขั้นที่หนึ่งจากสถาบัน สวทช. แล้ว และกำลังรอทดสอบอีกสองขั้นตอน เมื่อผ่านหมดก็จะเริ่มเข้าสู่แผนการผลิตจำหน่ายให้ประชาชนในราคาถูกที่สุด และจะหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อให้ประชาชนสามารถหักค่าใช้จ่ายส่วนนี้จากภาระภาษีเงินได้ประจำปีด้วย อีกทั้งยังกำลังดำเนินการหาแนวทางให้กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในสังกัดกระทรวงพลังงานสามารถสนับสนุนเงินทุนหรืออย่างใดอย่างหนึ่งให้ประชาชนด้วย ผมเชื่อว่าผลงานของรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานตั้งแต่ปลายปี 2567 ต่อยอดไปถึงปี 2568 จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ตามนโยบายรัฐบาลและตามที่ท่านนายกฯแพทองธารประกาศไว้ และจะช่วยทำให้ประเทศมีความมั่นคงด้านพลังงานมากขึ้นด้วย สุดท้าย ผมเคยพูดไว้ว่า สิ่งที่ผมทำเพื่อพี่น้องประชาชนจะมีคนที่เคยได้ประโยชน์กันมากว่า 50 ปีเป็นอย่างน้อยต้องเสียประโยชน์ ผมรู้ว่าผมจะต้องโดนวิชามารกระหน่ำแบบไหน แต่ผมไม่กลัวและผมจะทำให้ได้ ขอเพียงพี่น้องประชาชนช่วยเป็นกำแพงให้ผมพิงเท่านั้นก็พอ ความสำเร็จของการทำงานเพื่อประชาชนเริ่มทยอยปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ตามที่ผมวางเป้าหมายไว้ และเป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงสองสามเดือนก่อนสิ้นปี 2567 ผมถูกกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าสื่อบางกลุ่มรุมกระหน่ำปั้นข่าวทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวเปิดตัวพรรคใหม่ทุนหนา ก็มีบัญชีอวตารเปิดใหม่พรึ่บเพื่อใช้ถล่มผมแบบไม่ยั้งมือ แต่ผมไม่เคยหวั่นไหวและจะทำในสิ่งที่ต้องทำเสมอครับ พอเห็นว่ากลยุทธ์แบบเดิมทำท่าจะเล่นงานไม่ไหว ก็ไปปั้นข่าวว่าผมขัดแย้งกับนายกฯบ้างขัดแย้งกับพรรคแกนนำรัฐบาลบ้าง ทั้งๆ ที่ผมและทั้งนายกฯ แพทองธารและอดีตนายกฯ เศรษฐาไม่เคยมีอะไรขัดแย้งกันเลย แถมทั้งสองท่านก็สนับสนุนการทำงานของผมตลอดมา เพราะเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลทั้งสิ้น ผลงานเรื่องการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานก็สำเร็จด้วยดีเพราะการสนับสนุนทั้งสองท่าน ล่าสุดที่ท่านนายกฯ แพทองธารประกาศว่าจะทำลายทุนผูกขาด ท่านก็พูดจริง ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ท่านนายกฯ ติดภารกิจด่วนก็มอบให้ผมเป็นประธานการประชุมแทน และกำชับให้ผมขอมติคณะกรรมการ กพช. ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องประมูลไฟฟ้าพลังงานสะอาดด้วย โดยมีท่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นผู้ประสานงานและติดตามงานตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ใครจะปั้นข่าวอะไรผมไม่สนใจ ผมสนใจแต่การทำงานและประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเท่านั้นครับ อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบคุณอีกครั้ง สำหรับทุกกำลังใจที่มีให้ผมและพรรครวมไทยสร้างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ และขอบคุณที่เป็นกำแพงเหล็กให้ผมพิงในการทำงาน และในปี 2568 นี้ ผมจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อความสำเร็จและประโยชน์ชาติบ้านเมืองครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 372 มุมมอง 0 รีวิว
  • "If we write books with a deep sense of responsibility, believing that the book is written for our future selves to read in the next life, then perhaps there would be fewer falsehoods in the world.

    And if the knowledge created within human civilization was such that its creator could honestly answer why it was conceived, then the culture shaped by this knowledge would not lead humanity astray."

    Given my current perspective that, in this lifetime, I have no desire to teach anyone anymore, all I can do is write. I write books and leave them for my future self to read in the next life, but this act also serves as a form of merit for others.

    For those interested in delving deeper into the knowledge beyond what I've penned in my books, snippets of this wisdom will occasionally be shared on this my personal Facebook, as well as on the Facebook of my dearly departed wife.

    Thus, I've decided to establish this group to provide an easier platform for others to access the 'Truth Quote' and the knowledge that originated from my 'Pạỵỵā'.
    "If we write books with a deep sense of responsibility, believing that the book is written for our future selves to read in the next life, then perhaps there would be fewer falsehoods in the world. And if the knowledge created within human civilization was such that its creator could honestly answer why it was conceived, then the culture shaped by this knowledge would not lead humanity astray." Given my current perspective that, in this lifetime, I have no desire to teach anyone anymore, all I can do is write. I write books and leave them for my future self to read in the next life, but this act also serves as a form of merit for others. For those interested in delving deeper into the knowledge beyond what I've penned in my books, snippets of this wisdom will occasionally be shared on this my personal Facebook, as well as on the Facebook of my dearly departed wife. Thus, I've decided to establish this group to provide an easier platform for others to access the 'Truth Quote' and the knowledge that originated from my 'Pạỵỵā'.
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✅ ท่องเที่ยวแบบกระจายรายได้ให้ กับชุมชน
    ✅รับจัดสัมมนาและฝึกอบรม
    ✅ นอนหลับเต็มอิ่มสบาย
    ✅ อาหารอร่อยมื้ออร่อยสำหรับคุณ
    ✅ Wellness travel Thai medical
    ✅ Pet friendlyท่องเที่ยวแบบWin Bio Travel
    ✅ ประกัน อุบัติเหตุในการเดินทางกับเรา
    Line ID: @winbiofarm
    Tel: 02-095-5111/082-696-4094
    มั่นใจไปกับเรา
    🟢 ใบอนุญาตนำเที่ยวเลขที่ 11/12455
    🟢 สมาชิกสมาคม ธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ(สทน.) เลขที่ ADT1-1735-0667
    #winbiotravel #winbiofarm #thaitour #localexperience #sightseeingtour #familytrip #รับจัดสัมมนาและouting #จัดฝึกอบรม
    ✅ ท่องเที่ยวแบบกระจายรายได้ให้ กับชุมชน ✅รับจัดสัมมนาและฝึกอบรม ✅ นอนหลับเต็มอิ่มสบาย ✅ อาหารอร่อยมื้ออร่อยสำหรับคุณ ✅ Wellness travel Thai medical ✅ Pet friendlyท่องเที่ยวแบบWin Bio Travel ✅ ประกัน อุบัติเหตุในการเดินทางกับเรา Line ID: @winbiofarm Tel: 02-095-5111/082-696-4094 มั่นใจไปกับเรา 🟢 ใบอนุญาตนำเที่ยวเลขที่ 11/12455 🟢 สมาชิกสมาคม ธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ(สทน.) เลขที่ ADT1-1735-0667 #winbiotravel #winbiofarm #thaitour #localexperience #sightseeingtour #familytrip #รับจัดสัมมนาและouting #จัดฝึกอบรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 278 มุมมอง 0 รีวิว
  • Discover The Inner Labyrinth: A Gateway to Humanity’s Next Frontier

    The release of The Inner Labyrinth: Short Stories of Human Secrets marks not only the culmination of a profound storytelling endeavor but also the beginning of a conversation about the foundations of human knowledge that will shape the next 2,000–3,000 years. This collection of short stories doesn’t merely entertain—it challenges readers to navigate the intricate pathways of their own thoughts, emotions, and beliefs, laying the groundwork for the emerging discipline of Frontier Science as written in What is Life? by Unyanee Mooksombud and Ekarach Chandon.

    How does The Inner Labyrinth connect to the future of human knowledge?

    The stories invite readers to examine their internal labyrinths—constructed by societal norms, invisible cages of thought, and inherited paradigms like competition, individuality, and moral responsibility. By uncovering these invisible structures, the book equips readers to rethink their place in the universe, much like What is Life?: Beyond the Horizon redefined the boundaries of science by asking: What does it mean to live and grow within a universe governed by laws we are only beginning to understand?

    From Literature to Frontier Science

    While The Inner Labyrinth dissects the human condition through vivid narratives, Frontier Science provides a framework for transcending those conditions. Together, they form a continuum:
    The Inner Labyrinth reveals the "invisible cages" of our current understanding—competition, ignorance, and irresponsibility—and invites readers to explore a deeper truth about human existence.

    What is Life?: Beyond the Horizon expands this conversation to the universal scale, laying a scientific and philosophical foundation for answering humanity’s most profound questions.
    Both works converge on a single, essential idea: The key to understanding life, civilization, and progress lies not in conquest but in integration—of ourselves, our surroundings, and the systems that bind us.

    Why Now?

    We are at the brink of what may be humanity’s most transformative period. The knowledge we generate and the questions we dare to ask today will determine the trajectory of civilization for millennia. The Inner Labyrinth is not just a collection of stories—it is a mirror, reflecting our deepest fears and aspirations. It is the perfect entry point for anyone looking to engage with Frontier Science and lay the intellectual and emotional groundwork for the next era of human understanding.

    Ready to Begin?

    And today, The Inner Labyrinth: Short Stories of Human Secrets is ready to guide you on a journey into your own inner labyrinth. Start your exploration here: The Inner Labyrinth on Amazon. https://www.amazon.com/dp/B0DRQZD58G

    For those curious to delve further into the concepts of Frontier Science, pick up What is Life?: Beyond the Horizon by Unyanee Mooksombud and Ekarach Chandon, available here: What is Life? on Amazon. https://www.amazon.com/dp/B0DK5S9RB2

    This is more than a book—it is a call to action, an invitation to explore life’s biggest questions, and the start of a journey that could redefine what it means to be human.
    Discover The Inner Labyrinth: A Gateway to Humanity’s Next Frontier The release of The Inner Labyrinth: Short Stories of Human Secrets marks not only the culmination of a profound storytelling endeavor but also the beginning of a conversation about the foundations of human knowledge that will shape the next 2,000–3,000 years. This collection of short stories doesn’t merely entertain—it challenges readers to navigate the intricate pathways of their own thoughts, emotions, and beliefs, laying the groundwork for the emerging discipline of Frontier Science as written in What is Life? by Unyanee Mooksombud and Ekarach Chandon. How does The Inner Labyrinth connect to the future of human knowledge? The stories invite readers to examine their internal labyrinths—constructed by societal norms, invisible cages of thought, and inherited paradigms like competition, individuality, and moral responsibility. By uncovering these invisible structures, the book equips readers to rethink their place in the universe, much like What is Life?: Beyond the Horizon redefined the boundaries of science by asking: What does it mean to live and grow within a universe governed by laws we are only beginning to understand? From Literature to Frontier Science While The Inner Labyrinth dissects the human condition through vivid narratives, Frontier Science provides a framework for transcending those conditions. Together, they form a continuum: The Inner Labyrinth reveals the "invisible cages" of our current understanding—competition, ignorance, and irresponsibility—and invites readers to explore a deeper truth about human existence. What is Life?: Beyond the Horizon expands this conversation to the universal scale, laying a scientific and philosophical foundation for answering humanity’s most profound questions. Both works converge on a single, essential idea: The key to understanding life, civilization, and progress lies not in conquest but in integration—of ourselves, our surroundings, and the systems that bind us. Why Now? We are at the brink of what may be humanity’s most transformative period. The knowledge we generate and the questions we dare to ask today will determine the trajectory of civilization for millennia. The Inner Labyrinth is not just a collection of stories—it is a mirror, reflecting our deepest fears and aspirations. It is the perfect entry point for anyone looking to engage with Frontier Science and lay the intellectual and emotional groundwork for the next era of human understanding. Ready to Begin? And today, The Inner Labyrinth: Short Stories of Human Secrets is ready to guide you on a journey into your own inner labyrinth. Start your exploration here: The Inner Labyrinth on Amazon. https://www.amazon.com/dp/B0DRQZD58G For those curious to delve further into the concepts of Frontier Science, pick up What is Life?: Beyond the Horizon by Unyanee Mooksombud and Ekarach Chandon, available here: What is Life? on Amazon. https://www.amazon.com/dp/B0DK5S9RB2 This is more than a book—it is a call to action, an invitation to explore life’s biggest questions, and the start of a journey that could redefine what it means to be human.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว
  • การรถไฟมาลายา ประเทศมาเลเซีย เปิดเดินรถขบวนพิเศษ "มาย สวัสดี ปีนัง อิดิชัน" มายังหาดใหญ่ จ.สงขลา ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ถึงวันที่ 5 ม.ค. เผยผู้โดยสารจองตั๋วแล้วกว่า 70%

    วันนี้ (29 ธ.ค.) เฟซบุ๊ก KTM Berhad ของการรถไฟมาลายา ประเทศมาเลเซีย โพสต์ภาพบรรยากาศการเปิดตัวรถไฟขบวนพิเศษที่ชื่อว่า มาย สวัสดี ปีนัง อิดิชัน (My Sawasdee Penang Edition) เส้นทางจากสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ (Butterworth) รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย ถึงสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อเชื่อมโยงจุดหมายปลายทางหลักของทั้งสองสถานี และเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิดระหว่างมาเลเซียและไทย

    ทั้งนี้ ขบวนรถไฟมายสวัสดี ปีนัง อิดิชัน ให้บริการทุกวันในช่วงเทศกาลปีใหม่ ถึงวันที่ 5 ม.ค. 2568 ผ่านสถานีบูกิตเมอร์ตาจัม (Bukit Mertajam) สถานีสุไหงเปตานี (Sungai Petani) สถานีอลอร์สตาร์ (Alor Setar) สถานีอาเรา (Arau) และสถานีปาดังเบซาร์ (Padang Besar) ซึ่งในวันแรกของการให้บริการ KTM Berhad ได้มอบของที่ระลึกจำนวน 200 ชุด เพื่อแสดงความขอบคุณแก่สื่อมวลชนและผู้โดยสารที่สนับสนุนบริการของ KTM Berhad อย่างต่อเนื่อง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000124875

    #MGROnline #การรถไฟมาลายา #ประเทศมาเลเซีย
    การรถไฟมาลายา ประเทศมาเลเซีย เปิดเดินรถขบวนพิเศษ "มาย สวัสดี ปีนัง อิดิชัน" มายังหาดใหญ่ จ.สงขลา ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ถึงวันที่ 5 ม.ค. เผยผู้โดยสารจองตั๋วแล้วกว่า 70% • วันนี้ (29 ธ.ค.) เฟซบุ๊ก KTM Berhad ของการรถไฟมาลายา ประเทศมาเลเซีย โพสต์ภาพบรรยากาศการเปิดตัวรถไฟขบวนพิเศษที่ชื่อว่า มาย สวัสดี ปีนัง อิดิชัน (My Sawasdee Penang Edition) เส้นทางจากสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ (Butterworth) รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย ถึงสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อเชื่อมโยงจุดหมายปลายทางหลักของทั้งสองสถานี และเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิดระหว่างมาเลเซียและไทย • ทั้งนี้ ขบวนรถไฟมายสวัสดี ปีนัง อิดิชัน ให้บริการทุกวันในช่วงเทศกาลปีใหม่ ถึงวันที่ 5 ม.ค. 2568 ผ่านสถานีบูกิตเมอร์ตาจัม (Bukit Mertajam) สถานีสุไหงเปตานี (Sungai Petani) สถานีอลอร์สตาร์ (Alor Setar) สถานีอาเรา (Arau) และสถานีปาดังเบซาร์ (Padang Besar) ซึ่งในวันแรกของการให้บริการ KTM Berhad ได้มอบของที่ระลึกจำนวน 200 ชุด เพื่อแสดงความขอบคุณแก่สื่อมวลชนและผู้โดยสารที่สนับสนุนบริการของ KTM Berhad อย่างต่อเนื่อง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000124875 • #MGROnline #การรถไฟมาลายา #ประเทศมาเลเซีย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10 Conversational Tips That Take The Stress Out Of Small Talk

    We’ve all been there: you’re at a party and trying to find an “in” to start an engaging conversation with someone you just met. Or, maybe it’s a professional conference, and you want to make an impression on a new contact you’d love to have in your network. You want to say the right thing, but your mind feels blank, like you’ve completely forgotten how to communicate with other human beings.

    Making small talk is a skill, and it’s not easy, but the good news is that there’s always time to learn. Think about the conversations you have with the people you like and know well. When talking with these people, you likely practice good conversational skills without even realizing it, like:

    Listening attentively.
    Being present.
    Trying not to repeat yourself.
    Showing interest.
    Going with the flow.

    The trick to making great small talk is to find ways to call upon those same friendly conversational skills, even when you’re speaking with someone you don’t know well, in a brand-new environment, or in an awkward or high-pressure situation. How do you do that? We’ve got your back. Here are 10 tips to improve your small talk game and make it look easy.

    1. Start with an introduction. Sometimes the best way to break the ice is simply to introduce yourself.

    “Hi, I’m Pete, the groom’s brother. How do you know the couple?”
    “I’m Allison Smith, the head of sales at Office Corp. What company are you representing?”
    “My name’s Lupita. I’m in the theater program here at NYU. What’s your major?”
    It seems easy, but you’d be surprised how quickly people can forget a simple introduction when they’re fumbling for the best thing to say. If you start with your name and some information related to the event or something you might have in common, you create opportunities to learn something about them, which can help you launch effortlessly into a longer conversation.

    2. Have some topics in the bank.

    It’s easy for your mind to go blank when you’re asked a question about yourself or trying to pull topics out of thin air, so make sure you always show up prepared. Think of three to five interesting things you’ve done recently that might make good conversation starters, such as:

    A new restaurant you’ve tried.
    A book you loved.
    A movie you’re really excited about.
    The last trip you took.
    What you did over the weekend.
    Your most recent professional development opportunity.
    Your favorite hobby.
    The unique origins of pasta names. (Well, we like dictionary talk …)
    While you’re at it, brush up on current events that might be interesting to discuss. If you’re attending a work event, make sure you’re up-to-date on the latest industry news and goings-on at your company.

    3. Use open-ended questions.

    Asking a “yes or no” question is one of the fastest ways to kill a conversation because it doesn’t give you anything to build on. Instead, try to ask open-ended questions. These are questions that can’t be answered with a single word, and that means the other person has to expand on what they’re saying, giving you plenty of opportunities to latch onto something they say and keep the words flowing.

    4. Agree, then add something.

    If you’re at an event and someone makes an observation about your surroundings, the host, or even something totally unrelated, go with it. Their statement can be a good opportunity to add your own observations, establish a connection, and move forward into a conversation. First, affirm what they’ve said, then add your own take, and follow it up with an open-ended question that leaves room to move to a new topic. Here’s how it might look in action:

    Them: “This signature cocktail is pretty good, huh?”
    You: “It is. It really complements the appetizers. Have you tried them yet?”

    If you don’t happen to agree with what they’ve said, that’s okay! You can still politely acknowledge it and forge ahead.

    Them: “This signature cocktail is pretty good, huh?”
    You: “It’s very unique. My attention has been on the appetizers. Have you tried them yet?”

    5. Be complimentary.

    If you want to seem friendly and approachable, find nice things to say about others. (We happen to have some helpful synonyms for the word nice and tips for delivering sincere compliments.) People are more likely to be drawn to you if you’re open about pointing out how funny something they said was, how much you admire their sense of style, or how interested you are in their work. Compliments can also be a way to begin a conversation. Try something like this:

    “I just had to tell you, I love that tie! It’s so bold. I’m Eric, by the way. What’s your name?”
    “Dr. Stein, I’m Lexi Jones. I’m so thrilled to meet you. Your book was fascinating. Are you studying anything new?”
    “I’m Shawn. My sister said you’re an amazing artist. I’m so glad we ended up at the same table. Tell me about your work.”

    6. Let them teach you something.

    No one is an expert on every topic. If they mention something you don’t know much about, don’t let the conversation die there. Use it as an opportunity for conversation. People love to talk about themselves and things they’re passionate about, so express your curiosity and allow them to share more knowledge with you. Here are some ideas for how to do this:

    “I’ve never been fly-fishing before. What is it like?”
    “I’m not familiar with that program yet. Is it difficult to learn?”
    “I’ve been meaning to check out that band. Which album should I start with?”

    7. Use the ARE method.

    If you’re the kind of person who wishes there was an easy equation for small talk, we have good news. Some psychologists recommend the ARE method. ARE stands for anchor, reveal, and encourage.

    First, anchor yourself and the other person in the moment by making an observation about your shared location or experience. Next, reveal something about yourself in relation to the anchor, like how it makes you feel, something you’ve noticed, or something you’re interested in or excited about. Lastly, encourage participation from the other person by asking a related question. It will look like this:

    Anchor: “There are so many new faces at the conference this year.”
    Reveal: “I’m really inspired by all of the talent here.”
    Encourage: “Have you met anyone interesting so far?”

    8. Be real with it.

    If you’re feeling rusty at small talk, guess what? You are not alone. Most people struggle with talking to and getting to know new people, and it’s okay to admit that it’s hard. If you express that you’re not very good at small talk or feeling nervous in the situation, many people will find this relatable and it can start the conversation—which is the goal! It can be as simple as saying something like:

    “I’m terrible at small talk, but I’m really interested in speaking with you.”
    “I apologize in advance for any awkwardness. Small talk isn’t my strong suit, but I’m really curious about your work.”
    “Nothing like trying to make small talk with a table full of strangers, huh? How’s your night going?”

    9. Have an exit strategy.

    Sometimes you just need to get away. That’s okay. Making a smooth exit is also a part of being skilled at small talk. You could excuse yourself to the restroom or the buffet, but the easiest way to get out of a conversation is to be polite and direct. Let them know you enjoyed speaking with them and that you’re going to direct your attention to something else now.

    “It was lovely meeting you. I’m going to refresh my drink and check in with the host.”
    “Excuse me, but I just saw someone I need to speak with. It was nice chatting with you.”
    “I’m so glad we met. I hope to run into you again later on.”

    10. Practice often.

    For many of us, hating small talk also means avoiding it at all costs. The only problem is, this makes small talk harder when it can’t be avoided. Instead of fleeing from every situation that might require you to banter with strangers, try to see those as opportunities for more practice.

    Most small talk conversations have fairly low stakes. Practice introducing yourself, asking a few questions about the other person, and politely excusing yourself after a few moments. Before you know it, you’ll be a pro, and awkward silences will be a thing of the past.

    Copyright 2024, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    10 Conversational Tips That Take The Stress Out Of Small Talk We’ve all been there: you’re at a party and trying to find an “in” to start an engaging conversation with someone you just met. Or, maybe it’s a professional conference, and you want to make an impression on a new contact you’d love to have in your network. You want to say the right thing, but your mind feels blank, like you’ve completely forgotten how to communicate with other human beings. Making small talk is a skill, and it’s not easy, but the good news is that there’s always time to learn. Think about the conversations you have with the people you like and know well. When talking with these people, you likely practice good conversational skills without even realizing it, like: Listening attentively. Being present. Trying not to repeat yourself. Showing interest. Going with the flow. The trick to making great small talk is to find ways to call upon those same friendly conversational skills, even when you’re speaking with someone you don’t know well, in a brand-new environment, or in an awkward or high-pressure situation. How do you do that? We’ve got your back. Here are 10 tips to improve your small talk game and make it look easy. 1. Start with an introduction. Sometimes the best way to break the ice is simply to introduce yourself. “Hi, I’m Pete, the groom’s brother. How do you know the couple?” “I’m Allison Smith, the head of sales at Office Corp. What company are you representing?” “My name’s Lupita. I’m in the theater program here at NYU. What’s your major?” It seems easy, but you’d be surprised how quickly people can forget a simple introduction when they’re fumbling for the best thing to say. If you start with your name and some information related to the event or something you might have in common, you create opportunities to learn something about them, which can help you launch effortlessly into a longer conversation. 2. Have some topics in the bank. It’s easy for your mind to go blank when you’re asked a question about yourself or trying to pull topics out of thin air, so make sure you always show up prepared. Think of three to five interesting things you’ve done recently that might make good conversation starters, such as: A new restaurant you’ve tried. A book you loved. A movie you’re really excited about. The last trip you took. What you did over the weekend. Your most recent professional development opportunity. Your favorite hobby. The unique origins of pasta names. (Well, we like dictionary talk …) While you’re at it, brush up on current events that might be interesting to discuss. If you’re attending a work event, make sure you’re up-to-date on the latest industry news and goings-on at your company. 3. Use open-ended questions. Asking a “yes or no” question is one of the fastest ways to kill a conversation because it doesn’t give you anything to build on. Instead, try to ask open-ended questions. These are questions that can’t be answered with a single word, and that means the other person has to expand on what they’re saying, giving you plenty of opportunities to latch onto something they say and keep the words flowing. 4. Agree, then add something. If you’re at an event and someone makes an observation about your surroundings, the host, or even something totally unrelated, go with it. Their statement can be a good opportunity to add your own observations, establish a connection, and move forward into a conversation. First, affirm what they’ve said, then add your own take, and follow it up with an open-ended question that leaves room to move to a new topic. Here’s how it might look in action: Them: “This signature cocktail is pretty good, huh?” You: “It is. It really complements the appetizers. Have you tried them yet?” If you don’t happen to agree with what they’ve said, that’s okay! You can still politely acknowledge it and forge ahead. Them: “This signature cocktail is pretty good, huh?” You: “It’s very unique. My attention has been on the appetizers. Have you tried them yet?” 5. Be complimentary. If you want to seem friendly and approachable, find nice things to say about others. (We happen to have some helpful synonyms for the word nice and tips for delivering sincere compliments.) People are more likely to be drawn to you if you’re open about pointing out how funny something they said was, how much you admire their sense of style, or how interested you are in their work. Compliments can also be a way to begin a conversation. Try something like this: “I just had to tell you, I love that tie! It’s so bold. I’m Eric, by the way. What’s your name?” “Dr. Stein, I’m Lexi Jones. I’m so thrilled to meet you. Your book was fascinating. Are you studying anything new?” “I’m Shawn. My sister said you’re an amazing artist. I’m so glad we ended up at the same table. Tell me about your work.” 6. Let them teach you something. No one is an expert on every topic. If they mention something you don’t know much about, don’t let the conversation die there. Use it as an opportunity for conversation. People love to talk about themselves and things they’re passionate about, so express your curiosity and allow them to share more knowledge with you. Here are some ideas for how to do this: “I’ve never been fly-fishing before. What is it like?” “I’m not familiar with that program yet. Is it difficult to learn?” “I’ve been meaning to check out that band. Which album should I start with?” 7. Use the ARE method. If you’re the kind of person who wishes there was an easy equation for small talk, we have good news. Some psychologists recommend the ARE method. ARE stands for anchor, reveal, and encourage. First, anchor yourself and the other person in the moment by making an observation about your shared location or experience. Next, reveal something about yourself in relation to the anchor, like how it makes you feel, something you’ve noticed, or something you’re interested in or excited about. Lastly, encourage participation from the other person by asking a related question. It will look like this: Anchor: “There are so many new faces at the conference this year.” Reveal: “I’m really inspired by all of the talent here.” Encourage: “Have you met anyone interesting so far?” 8. Be real with it. If you’re feeling rusty at small talk, guess what? You are not alone. Most people struggle with talking to and getting to know new people, and it’s okay to admit that it’s hard. If you express that you’re not very good at small talk or feeling nervous in the situation, many people will find this relatable and it can start the conversation—which is the goal! It can be as simple as saying something like: “I’m terrible at small talk, but I’m really interested in speaking with you.” “I apologize in advance for any awkwardness. Small talk isn’t my strong suit, but I’m really curious about your work.” “Nothing like trying to make small talk with a table full of strangers, huh? How’s your night going?” 9. Have an exit strategy. Sometimes you just need to get away. That’s okay. Making a smooth exit is also a part of being skilled at small talk. You could excuse yourself to the restroom or the buffet, but the easiest way to get out of a conversation is to be polite and direct. Let them know you enjoyed speaking with them and that you’re going to direct your attention to something else now. “It was lovely meeting you. I’m going to refresh my drink and check in with the host.” “Excuse me, but I just saw someone I need to speak with. It was nice chatting with you.” “I’m so glad we met. I hope to run into you again later on.” 10. Practice often. For many of us, hating small talk also means avoiding it at all costs. The only problem is, this makes small talk harder when it can’t be avoided. Instead of fleeing from every situation that might require you to banter with strangers, try to see those as opportunities for more practice. Most small talk conversations have fairly low stakes. Practice introducing yourself, asking a few questions about the other person, and politely excusing yourself after a few moments. Before you know it, you’ll be a pro, and awkward silences will be a thing of the past. Copyright 2024, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 440 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇷🇺 รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ลาฟรอฟ กล่าวว่า ยุโรปตกเป็นเหยื่อของนโยบายของสหรัฐฯ ที่ต้องการกำจัดคู่แข่ง

    คุณเห็นด้วยหรือไม่?
    .
    JUST IN: 🇷🇺 Russian Foreign Minister Lavrov says Europe has fallen prey to the United States policies to eliminate competitors.

    Do you agree?
    .
    3:43 AM · Dec 27, 2024 · 99.2K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1872382863167091085
    🇷🇺 รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ลาฟรอฟ กล่าวว่า ยุโรปตกเป็นเหยื่อของนโยบายของสหรัฐฯ ที่ต้องการกำจัดคู่แข่ง คุณเห็นด้วยหรือไม่? . JUST IN: 🇷🇺 Russian Foreign Minister Lavrov says Europe has fallen prey to the United States policies to eliminate competitors. Do you agree? . 3:43 AM · Dec 27, 2024 · 99.2K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1872382863167091085
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • หนึ่งในขีปนาวุธที่รัสเซียโจมตีตำแหน่งเป้าหมายของเมืองดนีโปรเปตรอฟสค์ (Dnepropetrovsk) ของยูเครน เมื่อวานนี้
    หนึ่งในขีปนาวุธที่รัสเซียโจมตีตำแหน่งเป้าหมายของเมืองดนีโปรเปตรอฟสค์ (Dnepropetrovsk) ของยูเครน เมื่อวานนี้
    Like
    Wow
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • 🇷🇺🇧🇾 ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซีย ทักทายลูคาเชนโก ประธานาธิบดีเบลารุส ในการประชุมสุดยอดเครือรัฐเอกราชที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, ประเทศรัสเซีย
    .
    JUST IN: 🇷🇺🇧🇾 Russian President Putin greets Belarus President Lukashenko at the Commonwealth of Independent States summit in Saint Petersburg, Russia.
    .
    11:56 PM · Dec 25, 2024 · 94.6K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1871963310012395874
    🇷🇺🇧🇾 ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซีย ทักทายลูคาเชนโก ประธานาธิบดีเบลารุส ในการประชุมสุดยอดเครือรัฐเอกราชที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, ประเทศรัสเซีย . JUST IN: 🇷🇺🇧🇾 Russian President Putin greets Belarus President Lukashenko at the Commonwealth of Independent States summit in Saint Petersburg, Russia. . 11:56 PM · Dec 25, 2024 · 94.6K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1871963310012395874
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • มีรายงานกองทัพรัสเซียเปิดฉากการโจมตีทั่วยูเครนครั้งใหญ่ด้วยขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงและขีปนาวุธพิสัยไกล

    เช้านี้ ยูเครนเผชิญกับการโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนของรัสเซียหลายครั้ง ส่งผลให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง รายงานระบุว่าสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหารและโครงสร้างพื้นฐานในหลายภูมิภาคได้รับความเสียหายอย่างมาก:

    - คาร์คิฟ - รายงานเหตุระเบิดใกล้กับโรงงานรถแทรกเตอร์ที่ใช้ซ่อมรถถัง UAF
    - สนามบิน Starokostiantyniv ในภูมิภาค Khmelnytsky ถูกโจมตี
    - มีรายงานเหตุระเบิดในภูมิภาค Kirovograd, Kremenchug, Dnepropetrovsk และ Poltava
    - มีรายงานการยิงขีปนาวุธ Kh-101 และ Iskander พร้อมด้วยโดรน
    - มีรายงานยูเครนเปิดใช้โหมดพลังงานฉุกเฉิน โดยปิดระบบไฟฟ้าทั่วยูเครน เพื่อป้องกันระบบโอเวอร์โหลดและความเสียหาย
    - มีการประกาศแจ้งเตือนการโจมตีทางอากาศทั่วประเทศต่อเนื่องตลอดเวลา
    มีรายงานกองทัพรัสเซียเปิดฉากการโจมตีทั่วยูเครนครั้งใหญ่ด้วยขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงและขีปนาวุธพิสัยไกล เช้านี้ ยูเครนเผชิญกับการโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนของรัสเซียหลายครั้ง ส่งผลให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง รายงานระบุว่าสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหารและโครงสร้างพื้นฐานในหลายภูมิภาคได้รับความเสียหายอย่างมาก: - คาร์คิฟ - รายงานเหตุระเบิดใกล้กับโรงงานรถแทรกเตอร์ที่ใช้ซ่อมรถถัง UAF - สนามบิน Starokostiantyniv ในภูมิภาค Khmelnytsky ถูกโจมตี - มีรายงานเหตุระเบิดในภูมิภาค Kirovograd, Kremenchug, Dnepropetrovsk และ Poltava - มีรายงานการยิงขีปนาวุธ Kh-101 และ Iskander พร้อมด้วยโดรน - มีรายงานยูเครนเปิดใช้โหมดพลังงานฉุกเฉิน โดยปิดระบบไฟฟ้าทั่วยูเครน เพื่อป้องกันระบบโอเวอร์โหลดและความเสียหาย - มีการประกาศแจ้งเตือนการโจมตีทางอากาศทั่วประเทศต่อเนื่องตลอดเวลา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังพิจารณาสร้างบริษัทผลิตชิปที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลชื่อว่า Korea Semiconductor Manufacturing Company (KSMC) เพื่อแข่งขันกับ TSMC ของไต้หวัน

    การลงทุนที่คาดว่าจะใช้ในการสร้าง KSMC อยู่ที่ประมาณ 13.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าจะสร้างผลกำไรทางเศรษฐกิจได้ถึง 208.7 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2045

    ความท้าทายที่สำคัญของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของเกาหลีใต้คือ ช่องว่างทางเทคโนโลยีที่กว้างขึ้นกับคู่แข่งเช่น TSMC และ Intel ซึ่งกำลังปฏิรูปบริษัทในอนาคต การขาดความน่าสนใจในการลงทุน การเติบโตที่อ่อนแอในบริษัท fabless การขาดแคลนบุคลากร และกฎระเบียบที่เข้มงวดของการจ้างงานเช่น ข้อบังคับที่เข้มงวดเกี่ยวกับชั่วโมงการทำงาน และการจ้างงานคนต่างชาติของเกาหลีเอง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/south-korea-mulls-creating-ksmc-contract-chipmaker-to-compete-with-tsmc-requires-a-usd13-9-billion-investment
    รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังพิจารณาสร้างบริษัทผลิตชิปที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลชื่อว่า Korea Semiconductor Manufacturing Company (KSMC) เพื่อแข่งขันกับ TSMC ของไต้หวัน การลงทุนที่คาดว่าจะใช้ในการสร้าง KSMC อยู่ที่ประมาณ 13.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าจะสร้างผลกำไรทางเศรษฐกิจได้ถึง 208.7 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2045 ความท้าทายที่สำคัญของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของเกาหลีใต้คือ ช่องว่างทางเทคโนโลยีที่กว้างขึ้นกับคู่แข่งเช่น TSMC และ Intel ซึ่งกำลังปฏิรูปบริษัทในอนาคต การขาดความน่าสนใจในการลงทุน การเติบโตที่อ่อนแอในบริษัท fabless การขาดแคลนบุคลากร และกฎระเบียบที่เข้มงวดของการจ้างงานเช่น ข้อบังคับที่เข้มงวดเกี่ยวกับชั่วโมงการทำงาน และการจ้างงานคนต่างชาติของเกาหลีเอง https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/south-korea-mulls-creating-ksmc-contract-chipmaker-to-compete-with-tsmc-requires-a-usd13-9-billion-investment
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇬🇧 คำร้องเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งทั่วไปทันทีในสหราชอาณาจักร มีผู้ลงชื่อเกิน ๓,๐๐๐,๐๐๐ ราย
    .
    JUST IN: 🇬🇧 Petition calling for an immediate General Election in the UK surpasses 3,000,000 signatures.
    .
    5:12 AM · Dec 24, 2024 · 77.4K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1871317889753768262
    🇬🇧 คำร้องเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งทั่วไปทันทีในสหราชอาณาจักร มีผู้ลงชื่อเกิน ๓,๐๐๐,๐๐๐ ราย . JUST IN: 🇬🇧 Petition calling for an immediate General Election in the UK surpasses 3,000,000 signatures. . 5:12 AM · Dec 24, 2024 · 77.4K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1871317889753768262
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts