• Buy Naver Accounts

    https://globalseoshop.com/product/buy-naver-accounts/

    On the off chance that you need more data simply thump us-
    Email: Globalseoshop@gmail.com
    WhatsApp:+1(864)7088783
    Skype: GlobalSeoShop
    Telegram: @GlobalSeoShop

    #BuyNaverAccount
    #NaverAccount
    #BuyNaver
    #Naver
    #buyMarketPlace
    #BuyVerifiedNaverAccount
    #BuyFullyNaverAccount
    #BuyNaverAccounts
    Buy Naver Accounts https://globalseoshop.com/product/buy-naver-accounts/ On the off chance that you need more data simply thump us- Email: Globalseoshop@gmail.com WhatsApp:+1(864)7088783 Skype: GlobalSeoShop Telegram: @GlobalSeoShop #BuyNaverAccount #NaverAccount #BuyNaver #Naver #buyMarketPlace #BuyVerifiedNaverAccount #BuyFullyNaverAccount #BuyNaverAccounts
    GLOBALSEOSHOP.COM
    Buy Naver Accounts
    Buy Naver Accounts From GlobalSeoShop If you are looking to expand your online presence in South Korea, then buying Naver accounts can be a game-changer for your business. Naver is the most popular search engine in South Korea, and having multiple accounts can significantly increase your visibility and reach. With Naver accounts, you can promote your products or services to millions of potential customers. When you buy Naver accounts, you gain access to a wide range of benefits. These accounts are already established and have a good reputation, giving your business an instant boost. Moreover, having multiple Naver accounts allows you to dominate the search results, ensuring that your brand is at the top of the page. Investing in buy Naver accounts is a smart move for any business aiming to penetrate the South Korean market. So, why wait? Buy Naver accounts today and experience a new level of success in your online endeavors. Buy Never Accounts Features ✔ Verified Mail Access and Recovery added ✔ Passport and Selfie Verified ✔ Phone Number Verified ✔ Address Verified ✔ Accounts are 100% verified ✔ Cheap Rated Accounts ✔ Express delivery ✔ 24/7 Customer Support On the off chance that you need more data simply thump us- Email: Globalseoshop@gmail.com WhatsApp:+1 (864) 708-8783 Skype: GlobalSeoShop Telegram: @GlobalSeoShop
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • “SpaceX ส่งดาวเทียม Nusantara Lima ขึ้นสู่วงโคจร — อินโดนีเซียเตรียมพลิกโฉมการเชื่อมต่อทั่วอาเซียน”

    วันที่ 11 กันยายน 2025 เวลา 21:56 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ Cape Canaveral รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา SpaceX ได้ปล่อยจรวด Falcon 9 พร้อมดาวเทียม Nusantara Lima (SNL) ขึ้นสู่วงโคจรสำเร็จ หลังจากเลื่อนมาแล้วถึงสามครั้งเนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย การปล่อยครั้งนี้ถือเป็นภารกิจที่ 114 ของ Falcon 9 ในปีเดียว และเป็นการใช้งานบูสเตอร์ตัวเดิมเป็นครั้งที่ 23 ซึ่งสามารถลงจอดบนเรือโดรน “A Shortfall of Gravitas” ได้อย่างแม่นยำอีกครั้ง

    ดาวเทียม Nusantara Lima เป็นดาวเทียมสื่อสารความเร็วสูงที่สร้างโดย Boeing บนแพลตฟอร์ม 702MP มีน้ำหนัก 7.8 ตัน และสามารถส่งข้อมูลได้สูงถึง 160 Gbps ถือเป็นดาวเทียมที่มีความจุสูงที่สุดในเอเชีย ณ เวลานี้ โดยจะให้บริการอินเทอร์เน็ตและการสื่อสารครอบคลุมทั่วอินโดนีเซีย รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างฟิลิปปินส์และมาเลเซีย

    ดาวเทียมนี้ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดที่ผสมผสานระหว่างเคมีและไฟฟ้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าสู่วงโคจร geosynchronous ที่ระดับความสูง 22,236 ไมล์เหนือพื้นโลก โดยจะใช้เวลาหลายเดือนในการปรับตำแหน่งและทดสอบระบบ ก่อนเริ่มให้บริการเต็มรูปแบบในช่วงต้นปี 2026

    โครงการนี้ดำเนินการโดย PT Pasifik Satelit Nusantara (PSN) ซึ่งเป็นบริษัทดาวเทียมเอกชนแห่งแรกของอินโดนีเซีย โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารที่ครอบคลุมทั่วหมู่เกาะกว่า 17,000 แห่งของประเทศ และเสริมความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อม การรับมือภัยพิบัติ และการป้องกันประเทศ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    SpaceX ปล่อยจรวด Falcon 9 พร้อมดาวเทียม Nusantara Lima เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2025
    เป็นการใช้งานบูสเตอร์ครั้งที่ 23 และลงจอดบนเรือโดรน “A Shortfall of Gravitas” ได้สำเร็จ
    ดาวเทียมมีน้ำหนัก 7.8 ตัน และสามารถส่งข้อมูลได้สูงถึง 160 Gbps
    สร้างโดย Boeing บนแพลตฟอร์ม 702MP ที่มีอายุการใช้งานกว่า 15 ปี
    ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริด (เคมี + ไฟฟ้า) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    เข้าสู่วงโคจร geosynchronous ที่ระดับ 22,236 ไมล์เหนือพื้นโลก
    ให้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วอินโดนีเซีย รวมถึงฟิลิปปินส์และมาเลเซีย
    ดำเนินการโดย PT Pasifik Satelit Nusantara (PSN) บริษัทดาวเทียมเอกชนแห่งแรกของอินโดนีเซีย
    มีสถานีภาคพื้นดิน 8 แห่งทั่วประเทศเพื่อรองรับการเชื่อมต่อ
    คาดว่าจะเริ่มให้บริการเต็มรูปแบบในต้นปี 2026

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ดาวเทียม geosynchronous จะหมุนตามโลก ทำให้สามารถ “ลอยนิ่ง” เหนือพื้นที่เป้าหมาย
    อินโดนีเซียเป็นหนึ่งในประเทศแรกที่ใช้ดาวเทียมเพื่อเชื่อมโยงประชาชนในพื้นที่ห่างไกล
    การใช้ Ka-band และ spot beams ช่วยให้สามารถส่งสัญญาณไปยังพื้นที่ที่มีความต้องการสูง
    ดาวเทียม Nusantara Lima จะเสริมการทำงานของ SATRIA-1 ที่เปิดใช้งานเมื่อปี 2024
    โครงการนี้มีมูลค่ารวมกว่า 7 ล้านล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 427 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    https://www.slashgear.com/1974684/spacex-launches-indonesia-nusantara-lima-mission-what-to-know/
    🚀 “SpaceX ส่งดาวเทียม Nusantara Lima ขึ้นสู่วงโคจร — อินโดนีเซียเตรียมพลิกโฉมการเชื่อมต่อทั่วอาเซียน” วันที่ 11 กันยายน 2025 เวลา 21:56 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ Cape Canaveral รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา SpaceX ได้ปล่อยจรวด Falcon 9 พร้อมดาวเทียม Nusantara Lima (SNL) ขึ้นสู่วงโคจรสำเร็จ หลังจากเลื่อนมาแล้วถึงสามครั้งเนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย การปล่อยครั้งนี้ถือเป็นภารกิจที่ 114 ของ Falcon 9 ในปีเดียว และเป็นการใช้งานบูสเตอร์ตัวเดิมเป็นครั้งที่ 23 ซึ่งสามารถลงจอดบนเรือโดรน “A Shortfall of Gravitas” ได้อย่างแม่นยำอีกครั้ง ดาวเทียม Nusantara Lima เป็นดาวเทียมสื่อสารความเร็วสูงที่สร้างโดย Boeing บนแพลตฟอร์ม 702MP มีน้ำหนัก 7.8 ตัน และสามารถส่งข้อมูลได้สูงถึง 160 Gbps ถือเป็นดาวเทียมที่มีความจุสูงที่สุดในเอเชีย ณ เวลานี้ โดยจะให้บริการอินเทอร์เน็ตและการสื่อสารครอบคลุมทั่วอินโดนีเซีย รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างฟิลิปปินส์และมาเลเซีย ดาวเทียมนี้ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดที่ผสมผสานระหว่างเคมีและไฟฟ้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าสู่วงโคจร geosynchronous ที่ระดับความสูง 22,236 ไมล์เหนือพื้นโลก โดยจะใช้เวลาหลายเดือนในการปรับตำแหน่งและทดสอบระบบ ก่อนเริ่มให้บริการเต็มรูปแบบในช่วงต้นปี 2026 โครงการนี้ดำเนินการโดย PT Pasifik Satelit Nusantara (PSN) ซึ่งเป็นบริษัทดาวเทียมเอกชนแห่งแรกของอินโดนีเซีย โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารที่ครอบคลุมทั่วหมู่เกาะกว่า 17,000 แห่งของประเทศ และเสริมความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อม การรับมือภัยพิบัติ และการป้องกันประเทศ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ SpaceX ปล่อยจรวด Falcon 9 พร้อมดาวเทียม Nusantara Lima เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2025 ➡️ เป็นการใช้งานบูสเตอร์ครั้งที่ 23 และลงจอดบนเรือโดรน “A Shortfall of Gravitas” ได้สำเร็จ ➡️ ดาวเทียมมีน้ำหนัก 7.8 ตัน และสามารถส่งข้อมูลได้สูงถึง 160 Gbps ➡️ สร้างโดย Boeing บนแพลตฟอร์ม 702MP ที่มีอายุการใช้งานกว่า 15 ปี ➡️ ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริด (เคมี + ไฟฟ้า) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ เข้าสู่วงโคจร geosynchronous ที่ระดับ 22,236 ไมล์เหนือพื้นโลก ➡️ ให้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วอินโดนีเซีย รวมถึงฟิลิปปินส์และมาเลเซีย ➡️ ดำเนินการโดย PT Pasifik Satelit Nusantara (PSN) บริษัทดาวเทียมเอกชนแห่งแรกของอินโดนีเซีย ➡️ มีสถานีภาคพื้นดิน 8 แห่งทั่วประเทศเพื่อรองรับการเชื่อมต่อ ➡️ คาดว่าจะเริ่มให้บริการเต็มรูปแบบในต้นปี 2026 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ดาวเทียม geosynchronous จะหมุนตามโลก ทำให้สามารถ “ลอยนิ่ง” เหนือพื้นที่เป้าหมาย ➡️ อินโดนีเซียเป็นหนึ่งในประเทศแรกที่ใช้ดาวเทียมเพื่อเชื่อมโยงประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ➡️ การใช้ Ka-band และ spot beams ช่วยให้สามารถส่งสัญญาณไปยังพื้นที่ที่มีความต้องการสูง ➡️ ดาวเทียม Nusantara Lima จะเสริมการทำงานของ SATRIA-1 ที่เปิดใช้งานเมื่อปี 2024 ➡️ โครงการนี้มีมูลค่ารวมกว่า 7 ล้านล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 427 ล้านดอลลาร์สหรัฐ https://www.slashgear.com/1974684/spacex-launches-indonesia-nusantara-lima-mission-what-to-know/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Here's What To Know About The SpaceX Launch For Nusantara Lima Mission - SlashGear
    SpaceX's Nusantara Lima mission, which launched the Nusantara Lima satellite for Indonesia's PT Pasifik Satelit Nusantara, went off without a hitch.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
  • Solar Orbiter ส่งข้อมูลแรกจากขั้วใต้ของดวงอาทิตย์
    ยาน Solar Orbiter (SolO) ของ องค์การอวกาศยุโรป (ESA) ได้ส่งข้อมูลแรกจาก ขั้วใต้ของดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่เคยสำรวจโดยตรงมาก่อน

    รายละเอียดของการค้นพบ
    SolO ใช้วงโคจรเอียงเพื่อสังเกตขั้วใต้ของดวงอาทิตย์
    - ยานถูกส่งขึ้นจาก Cape Canaveral ในปี 2020 และเข้าสู่ เฟส "high latitude" ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025
    - วงโคจรเอียง 17 องศา ทำให้สามารถจับภาพขั้วใต้ของดวงอาทิตย์ได้

    พบว่าขั้วใต้ของดวงอาทิตย์มีสนามแม่เหล็กที่ "ยุ่งเหยิง"
    - ปกติแม่เหล็กมีขั้วเหนือและใต้ที่ชัดเจน แต่ที่ขั้วใต้ของดวงอาทิตย์ พบทั้งสนามแม่เหล็กขั้วเหนือและขั้วใต้ปะปนกัน
    - ESA ระบุว่าสนามแม่เหล็กที่ยุ่งเหยิงนี้เกิดขึ้นในแต่ละรอบของวัฏจักรสุริยะ และจะกลับสู่สภาพปกติในอีก 5-6 ปี

    SPICE spectrograph ตรวจจับการเคลื่อนที่ของวัสดุสุริยะ
    - SPICE ใช้เทคนิค Doppler เพื่อวัดการเคลื่อนที่ของอนุภาคในชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์
    - ช่วยให้เข้าใจว่าลมสุริยะเกิดขึ้นได้อย่างไร

    ผลกระทบต่อการศึกษาดวงอาทิตย์และสภาพอวกาศ
    ต้องมีการสังเกตเพิ่มเติมเพื่อเข้าใจสนามแม่เหล็กที่ยุ่งเหยิง
    - นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของปรากฏการณ์นี้

    ข้อมูลจาก SolO อาจช่วยให้สามารถพยากรณ์พายุสุริยะได้ดีขึ้น
    - พายุสุริยะสามารถส่งผลกระทบต่อดาวเทียมและระบบไฟฟ้าบนโลก

    ภารกิจของ SolO จะสิ้นสุดในปี 2030 แต่ข้อมูลที่ได้รับจะมีผลต่อการศึกษาดวงอาทิตย์ไปอีกหลายปี
    - นักวิทยาศาสตร์คาดหวังว่าข้อมูลจาก SolO จะช่วยพัฒนาการพยากรณ์สภาพอวกาศ

    อนาคตของการศึกษาดวงอาทิตย์
    ESA และ NASA อาจพัฒนาโครงการใหม่เพื่อสำรวจขั้วเหนือของดวงอาทิตย์
    ข้อมูลจาก SolO อาจช่วยให้เข้าใจกลไกของลมสุริยะและสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ได้ดีขึ้น

    https://www.techspot.com/news/108299-solar-orbiter-sends-back-first-live-observations-sun.html
    🌞 Solar Orbiter ส่งข้อมูลแรกจากขั้วใต้ของดวงอาทิตย์ ยาน Solar Orbiter (SolO) ของ องค์การอวกาศยุโรป (ESA) ได้ส่งข้อมูลแรกจาก ขั้วใต้ของดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่เคยสำรวจโดยตรงมาก่อน 🔍 รายละเอียดของการค้นพบ ✅ SolO ใช้วงโคจรเอียงเพื่อสังเกตขั้วใต้ของดวงอาทิตย์ - ยานถูกส่งขึ้นจาก Cape Canaveral ในปี 2020 และเข้าสู่ เฟส "high latitude" ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 - วงโคจรเอียง 17 องศา ทำให้สามารถจับภาพขั้วใต้ของดวงอาทิตย์ได้ ✅ พบว่าขั้วใต้ของดวงอาทิตย์มีสนามแม่เหล็กที่ "ยุ่งเหยิง" - ปกติแม่เหล็กมีขั้วเหนือและใต้ที่ชัดเจน แต่ที่ขั้วใต้ของดวงอาทิตย์ พบทั้งสนามแม่เหล็กขั้วเหนือและขั้วใต้ปะปนกัน - ESA ระบุว่าสนามแม่เหล็กที่ยุ่งเหยิงนี้เกิดขึ้นในแต่ละรอบของวัฏจักรสุริยะ และจะกลับสู่สภาพปกติในอีก 5-6 ปี ✅ SPICE spectrograph ตรวจจับการเคลื่อนที่ของวัสดุสุริยะ - SPICE ใช้เทคนิค Doppler เพื่อวัดการเคลื่อนที่ของอนุภาคในชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ - ช่วยให้เข้าใจว่าลมสุริยะเกิดขึ้นได้อย่างไร 🔥 ผลกระทบต่อการศึกษาดวงอาทิตย์และสภาพอวกาศ ‼️ ต้องมีการสังเกตเพิ่มเติมเพื่อเข้าใจสนามแม่เหล็กที่ยุ่งเหยิง - นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของปรากฏการณ์นี้ ‼️ ข้อมูลจาก SolO อาจช่วยให้สามารถพยากรณ์พายุสุริยะได้ดีขึ้น - พายุสุริยะสามารถส่งผลกระทบต่อดาวเทียมและระบบไฟฟ้าบนโลก ‼️ ภารกิจของ SolO จะสิ้นสุดในปี 2030 แต่ข้อมูลที่ได้รับจะมีผลต่อการศึกษาดวงอาทิตย์ไปอีกหลายปี - นักวิทยาศาสตร์คาดหวังว่าข้อมูลจาก SolO จะช่วยพัฒนาการพยากรณ์สภาพอวกาศ 🚀 อนาคตของการศึกษาดวงอาทิตย์ ✅ ESA และ NASA อาจพัฒนาโครงการใหม่เพื่อสำรวจขั้วเหนือของดวงอาทิตย์ ✅ ข้อมูลจาก SolO อาจช่วยให้เข้าใจกลไกของลมสุริยะและสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ได้ดีขึ้น https://www.techspot.com/news/108299-solar-orbiter-sends-back-first-live-observations-sun.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Solar Orbiter sends back first live observations from the Sun's south pole
    The Solar Orbiter (SolO) recently captured the first direct observations of the Sun's south pole – a region long shrouded in mystery. These unprecedented glimpses are crucial...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงอุตสาหกรรมของเกิาหลีใต้ สั่งห้ามเจ้าหน้าที่เข้าถึงแอปพลิเคชันแชทบอทเอไอสัญชาติจีน 'DeepSeek' สืบเนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ของกระทรวงฯรายหนึ่ง ในขณะที่รัฐบาลเตือนให้ระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้ Generative AI ในการทำงาน
    .
    พวกเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่ารัฐบาลได้ออกประกาศในวันอังคาร(4ก.พ.) เรียกร้องให้กระทรวงต่างๆและหน่วยงานทั้งหลาย ให้ดำเนินการอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้บริการไอเอ ในนั้นรวมถึง DeepSeek และ ChatGPT ในการทำงาน
    .
    โคเรีย ไฮโดร แอนด์ นิวเคลียร์ พาวเวอร์ บริษัทที่บริหารงานโดยภาครัฐ ระบุว่าพวกเขาได้ห้ามใช้บริการ AI ในนั้้นรวมถึง DeepSeek มาตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว ส่วนกระทรวงการต่างประเทศบอกว่าได้จำกัดการเข้าถึง DeepSeek ในคอมพิวเตอร์ต่างๆที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายภายนอก ตามรายงานของสำนักข่าวยอนฮับ อย่างไรก็ตามทางกระทรวงฯแห่งนี้บอกว่าไม่สามารถยืนยันอย่างเจาะจงเกี่ยวกับมาตรการด้านความมั่นคงที่นำมาใช้
    .
    ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ ทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นรัฐบาลล่าสุดที่ส่งเสียงเตือนเกี่ยวกับ DeepSeek ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว ทิม ชาลเมอร์ส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของออสเตรเลีย เรียกร้องให้ชาวออสเตรเลียระมัดระวังยามที่ใช้เอไอของจีน ในขณะที่พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯกำลังตรวจสอบนัยด้านความมั่นคงของ DeepSeek เช่นกัน
    .
    รายงานข่าวระบุว่าหน่วยงานเฝ้าระวังความเป็นส่วนตัวของข้อมูลแห่งเกาหลีใต้ มีแผนสอบถามไปยัง DeepSeek เกี่ยวกับแนวทางบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้
    .
    DeepSeek สตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์สัญชาติจีน เปิดตัวโมเดลเอไอใหม่ล่าสุดของบริษัท เมื่อเดือนที่แล้ว ความเคลื่อนไหวดังกล่าวก่อคลื่นความช็อคไปทั่วโลกเทคโนโลยี เนื่องจากบริษัทแห่งนี้อ้างว่าโมเดลของพวกเขานั้นมีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือดีกว่าโมเดลที่พัฒนาในสหรัฐฯ แต่ใช้ต้นทุนต่ำกว่ามาก
    .
    Kakao Corp กลุ่มบริษัทอินเตอร์เน็ตของเกาหลีใต้ ได้แจ้งกับพนักงานให้ละเว้นไว้ซึ่งการใช้งาน DeepSeek สืบเนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคง จากการเปิดเผยของโฆษกบริษัทในวันพุธ(5ก.พ.) หนึ่งวันหลังจากบริษัทแห่งนี้แถลจับมือกับเป็นพันธมิตรกับยักณ์ใหญ่ด้านปัญญาประดิษฐ์ OpenAI
    .
    เวลานี้บรรดาบริษัทเทคโนโลยีของเกาหลีใต้ ต่างระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้ Generative AI ในนั้นรวมถึง SK Hynix ผู้ผลิตชิปเอไอ ที่จำกัดการเข้าถึงบริการ Generative AI และอนุญาตให้ใช้งานอย่างจำกัดยามที่มีความจำเป็นจริงๆเท่านั้น
    .
    ส่วน Naver ยักษ์ใหญ่อินเตอร์เน็ตอีกราย เผยว่าได้ร้องขอให้พนักงานอย่าใช้บริการ Generative AI ที่จัดเก็บข้อมูลนอกบริษัท
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011935
    ..............
    Sondhi X
    กระทรวงอุตสาหกรรมของเกิาหลีใต้ สั่งห้ามเจ้าหน้าที่เข้าถึงแอปพลิเคชันแชทบอทเอไอสัญชาติจีน 'DeepSeek' สืบเนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ของกระทรวงฯรายหนึ่ง ในขณะที่รัฐบาลเตือนให้ระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้ Generative AI ในการทำงาน . พวกเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่ารัฐบาลได้ออกประกาศในวันอังคาร(4ก.พ.) เรียกร้องให้กระทรวงต่างๆและหน่วยงานทั้งหลาย ให้ดำเนินการอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้บริการไอเอ ในนั้นรวมถึง DeepSeek และ ChatGPT ในการทำงาน . โคเรีย ไฮโดร แอนด์ นิวเคลียร์ พาวเวอร์ บริษัทที่บริหารงานโดยภาครัฐ ระบุว่าพวกเขาได้ห้ามใช้บริการ AI ในนั้้นรวมถึง DeepSeek มาตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว ส่วนกระทรวงการต่างประเทศบอกว่าได้จำกัดการเข้าถึง DeepSeek ในคอมพิวเตอร์ต่างๆที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายภายนอก ตามรายงานของสำนักข่าวยอนฮับ อย่างไรก็ตามทางกระทรวงฯแห่งนี้บอกว่าไม่สามารถยืนยันอย่างเจาะจงเกี่ยวกับมาตรการด้านความมั่นคงที่นำมาใช้ . ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ ทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นรัฐบาลล่าสุดที่ส่งเสียงเตือนเกี่ยวกับ DeepSeek ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว ทิม ชาลเมอร์ส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของออสเตรเลีย เรียกร้องให้ชาวออสเตรเลียระมัดระวังยามที่ใช้เอไอของจีน ในขณะที่พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯกำลังตรวจสอบนัยด้านความมั่นคงของ DeepSeek เช่นกัน . รายงานข่าวระบุว่าหน่วยงานเฝ้าระวังความเป็นส่วนตัวของข้อมูลแห่งเกาหลีใต้ มีแผนสอบถามไปยัง DeepSeek เกี่ยวกับแนวทางบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ . DeepSeek สตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์สัญชาติจีน เปิดตัวโมเดลเอไอใหม่ล่าสุดของบริษัท เมื่อเดือนที่แล้ว ความเคลื่อนไหวดังกล่าวก่อคลื่นความช็อคไปทั่วโลกเทคโนโลยี เนื่องจากบริษัทแห่งนี้อ้างว่าโมเดลของพวกเขานั้นมีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือดีกว่าโมเดลที่พัฒนาในสหรัฐฯ แต่ใช้ต้นทุนต่ำกว่ามาก . Kakao Corp กลุ่มบริษัทอินเตอร์เน็ตของเกาหลีใต้ ได้แจ้งกับพนักงานให้ละเว้นไว้ซึ่งการใช้งาน DeepSeek สืบเนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคง จากการเปิดเผยของโฆษกบริษัทในวันพุธ(5ก.พ.) หนึ่งวันหลังจากบริษัทแห่งนี้แถลจับมือกับเป็นพันธมิตรกับยักณ์ใหญ่ด้านปัญญาประดิษฐ์ OpenAI . เวลานี้บรรดาบริษัทเทคโนโลยีของเกาหลีใต้ ต่างระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้ Generative AI ในนั้นรวมถึง SK Hynix ผู้ผลิตชิปเอไอ ที่จำกัดการเข้าถึงบริการ Generative AI และอนุญาตให้ใช้งานอย่างจำกัดยามที่มีความจำเป็นจริงๆเท่านั้น . ส่วน Naver ยักษ์ใหญ่อินเตอร์เน็ตอีกราย เผยว่าได้ร้องขอให้พนักงานอย่าใช้บริการ Generative AI ที่จัดเก็บข้อมูลนอกบริษัท . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011935 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    Sad
    20
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2494 มุมมอง 1 รีวิว
  • K PLUS เปิดระบบ สแกนจ่ายที่มาเลเซีย

    หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) เปิดบริการเชื่อมโยงระบบชำระเงินข้ามประเทศ (Cross-border Payment) มาตั้งแต่เดือน มิ.ย.2564 นอกจากลูกค้าธนาคารและอีวอลเล็ตจากมาเลเซีย โดยเฉพาะสถาบันการเงินรายใหญ่ MayBank และ Touch ’n Go สามารถสแกนจ่ายผ่านพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด (PromptPay QR Code) ที่ร้านค้าในไทยทั้งผ่านป้ายคิวอาร์โค้ด แอปพลิเคชันรับเงินสำหรับร้านค้า หรือบนหน้าจอเครื่องรับบัตร (EDC) ได้แล้ว ลูกค้าแอปพลิเคชันธนาคารในไทย ก็สามารถสแกนจ่ายผ่าน DuitNow QR ในประเทศมาเลเซียได้เช่นกัน

    โดยลูกค้า Krungthai NEXT ธนาคารกรุงไทย, Bangkok Bank ธนาคารกรุงเทพ, Krungsri App ธนาคารกรุงศรี และ CIMB THAI ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย สแกนจ่าย DuitNow QR จากพาร์ทเนอร์ร้านค้า (Merchant Partner) ของ Ambank, Boost, CIMB, Hong Leong Bank, Maybank, Public Bank, Razer Merchant Services, Touch ’n Go, และ United Overseas Bank Malaysia (UOB) โดยสังเกตโลโก้บริเวณป้าย Standee Tab หรือเครื่อง EDC ของผู้ให้บริการเหล่านั้น

    ยังคงเหลือเจ้าตลาดโมบายแบงกิ้งอย่าง K PLUS ธนาคารกสิกรไทย ที่มีผู้ใช้งาน 22.8 ล้านราย จากเดิมสแกนจ่ายได้เฉพาะร้านค้า UnionPay QR Payment ในมาเลเซีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านค้าชั้นนำ ล่าสุดสามารถสแกนจ่าย DuitNow QR จาก Merchant Partner ที่ร่วมรายการได้แล้ว แต่ใช้ระบบประมวลผลของ Alipay+ โดยระบบจะแปลงหน่วยเงินอัตโนมัติ คิดอัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลาขณะนั้น และไม่มีค่าธรรมเนียมอีกด้วย

    สำหรับระบบประมวลผลของ Alipay+ บริษัทเพย์เน็ต (PayNet) ผู้ให้บริการระบบ DuitNow ร่วมกับ Ant Group ร่วมมือเชื่อมระบบการชำระเงินกับอี-วอลเล็ตชั้นนำมาตั้งแต่ปลายปี 2566 ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถใช้ระบบ Alipay+ สแกนจ่ายที่ร้านค้า DuitNow QR ในมาเลเซียกว่า 1.8 ล้านแห่ง ได้แก่ Alipay (จีน) AlipayHK (ฮ่องกง) HelloMoney by AUB (ฟิลิปปินส์) Hipay (มองโกเลีย) MPay (มาเก๊า) Naver Pay & Toss Pay (เกาหลีใต้)

    รวมทั้ง TrueMoney ของไทย ที่มีผู้ใช้งาน 34 ล้านราย สามารถชำระเงินผ่าน QR Code ของ Alipay+ หรือสแกนผ่าน DuitNow QR ที่ร้านค้าในมาเลเซียได้เช่นกัน

    นับตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึง พ.ย.2567 มาเลเซียมีนักท่องเที่ยวมาเยือน 34.15 ล้านคน มาจากสิงคโปร์มากที่สุด 16.84 ล้านคน รองลงมาคือ อินโดนีเซีย 3.71 ล้านคน จีน 3.43 ล้านคน ไทย 2.07 ล้านคน และบรูไน 1.56 ล้านคน ส่วนประเทศไทย ในปี 2567 (ม.ค. ถึง ธ.ค.2567) มีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย 4.95 ล้านคน เป็นอันดับสองรองจากจีน 6.73 ล้านคน

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    K PLUS เปิดระบบ สแกนจ่ายที่มาเลเซีย หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) เปิดบริการเชื่อมโยงระบบชำระเงินข้ามประเทศ (Cross-border Payment) มาตั้งแต่เดือน มิ.ย.2564 นอกจากลูกค้าธนาคารและอีวอลเล็ตจากมาเลเซีย โดยเฉพาะสถาบันการเงินรายใหญ่ MayBank และ Touch ’n Go สามารถสแกนจ่ายผ่านพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด (PromptPay QR Code) ที่ร้านค้าในไทยทั้งผ่านป้ายคิวอาร์โค้ด แอปพลิเคชันรับเงินสำหรับร้านค้า หรือบนหน้าจอเครื่องรับบัตร (EDC) ได้แล้ว ลูกค้าแอปพลิเคชันธนาคารในไทย ก็สามารถสแกนจ่ายผ่าน DuitNow QR ในประเทศมาเลเซียได้เช่นกัน โดยลูกค้า Krungthai NEXT ธนาคารกรุงไทย, Bangkok Bank ธนาคารกรุงเทพ, Krungsri App ธนาคารกรุงศรี และ CIMB THAI ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย สแกนจ่าย DuitNow QR จากพาร์ทเนอร์ร้านค้า (Merchant Partner) ของ Ambank, Boost, CIMB, Hong Leong Bank, Maybank, Public Bank, Razer Merchant Services, Touch ’n Go, และ United Overseas Bank Malaysia (UOB) โดยสังเกตโลโก้บริเวณป้าย Standee Tab หรือเครื่อง EDC ของผู้ให้บริการเหล่านั้น ยังคงเหลือเจ้าตลาดโมบายแบงกิ้งอย่าง K PLUS ธนาคารกสิกรไทย ที่มีผู้ใช้งาน 22.8 ล้านราย จากเดิมสแกนจ่ายได้เฉพาะร้านค้า UnionPay QR Payment ในมาเลเซีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านค้าชั้นนำ ล่าสุดสามารถสแกนจ่าย DuitNow QR จาก Merchant Partner ที่ร่วมรายการได้แล้ว แต่ใช้ระบบประมวลผลของ Alipay+ โดยระบบจะแปลงหน่วยเงินอัตโนมัติ คิดอัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลาขณะนั้น และไม่มีค่าธรรมเนียมอีกด้วย สำหรับระบบประมวลผลของ Alipay+ บริษัทเพย์เน็ต (PayNet) ผู้ให้บริการระบบ DuitNow ร่วมกับ Ant Group ร่วมมือเชื่อมระบบการชำระเงินกับอี-วอลเล็ตชั้นนำมาตั้งแต่ปลายปี 2566 ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถใช้ระบบ Alipay+ สแกนจ่ายที่ร้านค้า DuitNow QR ในมาเลเซียกว่า 1.8 ล้านแห่ง ได้แก่ Alipay (จีน) AlipayHK (ฮ่องกง) HelloMoney by AUB (ฟิลิปปินส์) Hipay (มองโกเลีย) MPay (มาเก๊า) Naver Pay & Toss Pay (เกาหลีใต้) รวมทั้ง TrueMoney ของไทย ที่มีผู้ใช้งาน 34 ล้านราย สามารถชำระเงินผ่าน QR Code ของ Alipay+ หรือสแกนผ่าน DuitNow QR ที่ร้านค้าในมาเลเซียได้เช่นกัน นับตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึง พ.ย.2567 มาเลเซียมีนักท่องเที่ยวมาเยือน 34.15 ล้านคน มาจากสิงคโปร์มากที่สุด 16.84 ล้านคน รองลงมาคือ อินโดนีเซีย 3.71 ล้านคน จีน 3.43 ล้านคน ไทย 2.07 ล้านคน และบรูไน 1.56 ล้านคน ส่วนประเทศไทย ในปี 2567 (ม.ค. ถึง ธ.ค.2567) มีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย 4.95 ล้านคน เป็นอันดับสองรองจากจีน 6.73 ล้านคน #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1409 มุมมอง 0 รีวิว