• แหกคอก ตอนที่ 7 – ถังความคิด
    ทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 7 : ถังความคิด
    แม้เศรษฐกิจจะอยู่ในกำมือพวกนายทุนใหญ่แล้วก็ตาม แต่พวกเขาบอกว่าแค่อยู่ในมือเรา มันไม่อยู่นาน (พวกนี้คิดรอบคอบ) เราต้องสร้างพรรคพวก ต้องทำให้สังคม โดยเฉพาะสังคมในระดับสูง เห็นคล้อยตามเราด้วย ประเภทเราว่าไงเขาต้องว่าตามกัน มันจะได้คุม (หลอก) กัน ง่ายๆ หน่อย แล้วจะทำให้พวกคนในสังคมระดับสูงเขาเห็นพ้องด้วยได้อย่างไรล่ะ คนพวกนี้ถึงแม้จะมีจำนวนไม่มาก แต่จะให้เรียกให้มาประชุมคงไม่ง่ายนักหรอก พวกเขาหยิ่งยะโสเล่นตัวกันจะตาย แต่จะให้เดินสายไปคุยด้วยทีละราย กว่าจะรู้เรื่องเห็นพ้องกันหมด พวกตูก็แก่ตายหมด ไม่ได้ครองโลกกันเสียที !
    นายทุนใหญ่ ทั้งหลายจึงสรุปว่า อย่ากระนั้นเลย พวกเราควรมอบให้ใครมันไปช่วยคิดช่วยทำให้เราดีกว่านะ รวยแล้ว อย่าต้องลงมือลงแรงเองหมด ใช้ให้ผีมันโม่แป้งแทนก็แล้วกัน แล้วพวกเขาก็ตั้งสถาบันประเภทนักคิด (think tank มาแล้ว) เพื่อให้มีหน้าที่จัดการคิด การชี้นำสังคม วิธีล้อมคอกพวกคนรวย (อื่นๆ) คนในสังคมชั้นสูงจากทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการ สื่อ และแม้แต่พวกคุณทหาร เข้ามารับความเข้าใจ และควบคุมความคิดของบุคคลเหล่า นั้น ให้เป็นไปในทิศทางเดียว กับที่นายทุนใหญ่ต้องการ เข้าใจไหม มันเป็นการย้อมความคิด โดยคนถูกย้อมไม่รู้ตัว ว่ากำลังถูกย้อมสมอง ย้อมความคิด เป็นไปไม่ได้น่ะ ไม่มีทางหรอก ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะทำอะไรแบบ นั้น พวกโลกสวยคงกำลังคิดในใจ ฮา มันเป็นวิธีที่เฉียบมาก จูงจมูกคนรวย หรือคนมีอำนาจ หรือนักวิชาการด้วยกัน นี่ถือว่าสุดยอดจริงๆ หรือว่ามันก็ไม่ยากเกิน คนรวย คนมีอำนาจ นักวิชาการ ใช่ว่าจะฉลาดเสมอไป ฮา อีกหน
    ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 กลุ่มนักวิชาการชาวอเมริกัน ได้รับมอบหมายให้วาดภาพสถานการณ์ ให้ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ฟังเกี่ยวกับทางเลือกต่างๆ ของอเมริกา ในกรณีที่สงครามโลกจบและ Kaiser และจักรวรรดิเยอรมันหล่นจากบัลลังก์ นักวิชาการกลุ่มนี้เรียกว่ากลุ่ม The Inquiry เวลาวาดภาพให้ประธานาธิบดีฟัง เขามีวิธี เขาใช้วิธีเล่าผ่านคนสนิทที่ประธานาธิบดีเชื่อใจอย่างมาก (จำวิธีนี้กันไว้นะครับ เขาใช้กันทั้งนั้น ปากก็บอกผมไม่เคยเจรจา ไม่เคยพูด แต่ให้คนสนิทเป็นคนพูด ไม่ได้โกหกนี่หว่า !) นายคนสนิท ชื่อ พันเอก Edward M. House นี้สำคัญมาก เป็นผู้เดินสาส์นลับของประธานาธิบดี กับฝ่ายยุโรป ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ปี ค.ศ.1914 จนถึงช่วงที่อเมริกาเข้าไปมีส่วนด้วยในช่วง ค.ศ.1917 ปากก็บอกว่าฉันสันโดษ Isolist แต่ส่งคนเดินสาส์น จนซ่นร้องเท้าสึกไปหลายคู่ นักการเมืองก็เป็นยังงี้ทั้งนั้น และไม่ว่าพันธุ์เทศ พันธุ์ไทย ปากก็พูดไปอย่าง แล้วก็ไปทำอีก 3 อย่าง คนละเรื่องกัน ท่านนายพันเอก House นี้ เป็นคนสำคัญในการผลักและดันให้ประธานาธิบดี Wilson เห็นชอบในการที่อเมริกาจัดตั้งระบบ Federal Reserve (ตกลงคุณ House นี้ เป็นพวกใครกันแน่ !)
    กลุ่ม The Enquiry นี้เอง เป็นผู้ปูทางการสร้าง the Council on Foreign Relations (CFR) CFR เป็น think tank ถังความคิด ที่ทรงอิทธิพลสูงสุดในอเมริกาตั้งแต่เริ่มตั้งจนถึงปัจจุบัน
    เดือนพฤษภาคม ค.ศ.1919 กลุ่มนักวิชาการและนักการฑูตจากอังกฤษและอเมริกา รวมทั้งกลุ่ม The Inquiry นั่งสุมหัววางแผนกันที่โรงแรม the Majestic ในปารีส เพื่อที่จะร่วมกันตั้งสถาบันเกี่ยวกับกิจการระหว่างประเทศ โดยมีสาขาหนึ่งที่ London และอีกสาขาหนึ่งที่ New York เมื่อบรรดาพวกไปสุมหัวกลับมาถึง New York ก็รายงานผลการคุย ให้กับนักการเงินและนักกฏหมายที่ New York (นายทุนตัวจริง !) ฟัง ทุกคนไชโยโห่ตบมือเป่าปากกับข้อสรุปที่ตกลงกันมา แน่นอนคนที่ดีใจที่สุดคงไม่ใครเกิน นาย Cecil Rhodes นักล่ารุ่นเก๋า ที่แค่ซ่อนเขี้ยวของตัวเองให้มิดชิด นักล่ารุ่นกะเตาะ ก็นึกว่านักล่ารุ่นเก๋าเขี้ยวหลุดหมดปากไปแล้ว แหม ! หลอกง่ายจัง นึกว่าเด็กรุ่นใหม่ ฉลาดกว่ารุ่นโบราณ ! แต่ในที่สุดภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกัน มันคงแปร่งหูเกินกว่าคนอังกฤษจะทนฟังได้ สถาบันนักชักใย CFR เลยเปลี่ยนแผนแยกตัวเป็น 2 แขนง แต่มาจากตอเดียวกัน ต่างคนต่างไปตั้งกลุ่มของพวกตัวเอง อังกฤษกลุ่มหนึ่ง อเมริกากลุ่มหนึ่ง แต่ยังจับมือกอดแขนจิกหัวกันไว้ ยังไงก็ต้องร่วมมือใกล้ชิด ก็คิดจะครองโลกด้วยกัน
    The Milner Group ของก๊วนนาย Cecil Rhodes รับบทเป็นตัวตั้งตัวตีในการตั้ง Royal Institute of International Affairs (Chatham House) ถังความคิด think tank สัญชาติอังกฤษ ในปี ค.ศ.1919 ส่วนกลุ่ม The Inquiry ก็รับมอบหน้าที่ไปตั้ง Council of Foreign Relations think tank สัญชาติอเมริกัน ในปี ค.ศ.1921
    นอกจากนี้ ยังมีองค์กรลับที่มีแนวคิดเดียวกับ Milner Group ทยอยเกิดขึ้นอีกในหลายๆ ประเทศ เขาเรียกกลุ่มพวกนี้ว่าพวกโต๊ะ กลม เอามาจากอัศวินโต๊ะกลม Knights of the Round Table สมัย King Arthur ของอังกฤษนั่นแหละ Round Table Groups ในบรรดาพวกโต๊ะกลม โต๊ะใหญ่ในกลุ่มนี้ก็คือ Royal Institute of International Affairs (Chatham House) ที่ลดหลั่นลงมาก็มี โต๊ะกลม Canada, Australia, New Zealand, South Africa และ India จักรภพอังกฤษถึงล่มก็ยังไม่สลาย ดึงเอาลูกกะเป๋งเก่า ตามมาเข้าขบวนตั้งโต๊ะกลมด้วย กลุ่มโต๊ะกลมนี้ ก็คือ กลุ่มถังความคิด (think tank) นานาชาติรุ่นแรก ซึ่งยังดำเนินการอย่างแข็งขัน และมีอิทธิพลในแต่ละประเทศของตัว จนถึงทุกวันนี้ ในฐานะเป็นรุ่นใหญ่มีชื่อเสียงอยู่ในอันดับต้นมาตลอด รักษาตำแหน่งไว้ไม่เคยปล่อยให้ตกอันดับ
    ส่วนถังความคิดรุ่นใหญ่ในอเมริกา ที่ได้รับความนิยมตาม CFR มาติดๆ ก็มี Brookings Institution, Carnegie Endowment for International Peace, RAND Corporation, Heritage Foundation, Woodrow Wilson International Centre for Scholars, the Centre for Strategic and International Studies และ American Enterprise Institute (นักอ่านนิทานท่านใด ที่อยากรู้วิธีคิด หรืออยากรู้ว่านักล่ากำลังคิดทำอะไรอยู่ อยากติดตามด้วยตัวเองก็ค้นได้จากอากู กดชื่อตัวถัง พวกนี้แหละครับ มีเรื่องให้อ่านเพียบเลย)
    สำหรับถังความคิดที่ไม่ได้สังกัดกับอเมริกา ก็จะมี Chatham House เป็นถังหมายเลขหนึ่งของอังกฤษ เป็นที่นับหน้าถือตา มีอิทธิพล ทำนองเดียวกับ CFR, the International Institute for Strategic Studies in the UK, the German Council on Foreign Relation, the Adam Smith Institute in the UK, the Fraser Institute ใน Canada, the European Council on Foreign Relations, the International Crisis Group in Belgium และ Canadian Institute of International Affairs
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 7 – ถังความคิด ทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 7 : ถังความคิด แม้เศรษฐกิจจะอยู่ในกำมือพวกนายทุนใหญ่แล้วก็ตาม แต่พวกเขาบอกว่าแค่อยู่ในมือเรา มันไม่อยู่นาน (พวกนี้คิดรอบคอบ) เราต้องสร้างพรรคพวก ต้องทำให้สังคม โดยเฉพาะสังคมในระดับสูง เห็นคล้อยตามเราด้วย ประเภทเราว่าไงเขาต้องว่าตามกัน มันจะได้คุม (หลอก) กัน ง่ายๆ หน่อย แล้วจะทำให้พวกคนในสังคมระดับสูงเขาเห็นพ้องด้วยได้อย่างไรล่ะ คนพวกนี้ถึงแม้จะมีจำนวนไม่มาก แต่จะให้เรียกให้มาประชุมคงไม่ง่ายนักหรอก พวกเขาหยิ่งยะโสเล่นตัวกันจะตาย แต่จะให้เดินสายไปคุยด้วยทีละราย กว่าจะรู้เรื่องเห็นพ้องกันหมด พวกตูก็แก่ตายหมด ไม่ได้ครองโลกกันเสียที ! นายทุนใหญ่ ทั้งหลายจึงสรุปว่า อย่ากระนั้นเลย พวกเราควรมอบให้ใครมันไปช่วยคิดช่วยทำให้เราดีกว่านะ รวยแล้ว อย่าต้องลงมือลงแรงเองหมด ใช้ให้ผีมันโม่แป้งแทนก็แล้วกัน แล้วพวกเขาก็ตั้งสถาบันประเภทนักคิด (think tank มาแล้ว) เพื่อให้มีหน้าที่จัดการคิด การชี้นำสังคม วิธีล้อมคอกพวกคนรวย (อื่นๆ) คนในสังคมชั้นสูงจากทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการ สื่อ และแม้แต่พวกคุณทหาร เข้ามารับความเข้าใจ และควบคุมความคิดของบุคคลเหล่า นั้น ให้เป็นไปในทิศทางเดียว กับที่นายทุนใหญ่ต้องการ เข้าใจไหม มันเป็นการย้อมความคิด โดยคนถูกย้อมไม่รู้ตัว ว่ากำลังถูกย้อมสมอง ย้อมความคิด เป็นไปไม่ได้น่ะ ไม่มีทางหรอก ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะทำอะไรแบบ นั้น พวกโลกสวยคงกำลังคิดในใจ ฮา มันเป็นวิธีที่เฉียบมาก จูงจมูกคนรวย หรือคนมีอำนาจ หรือนักวิชาการด้วยกัน นี่ถือว่าสุดยอดจริงๆ หรือว่ามันก็ไม่ยากเกิน คนรวย คนมีอำนาจ นักวิชาการ ใช่ว่าจะฉลาดเสมอไป ฮา อีกหน ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 กลุ่มนักวิชาการชาวอเมริกัน ได้รับมอบหมายให้วาดภาพสถานการณ์ ให้ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ฟังเกี่ยวกับทางเลือกต่างๆ ของอเมริกา ในกรณีที่สงครามโลกจบและ Kaiser และจักรวรรดิเยอรมันหล่นจากบัลลังก์ นักวิชาการกลุ่มนี้เรียกว่ากลุ่ม The Inquiry เวลาวาดภาพให้ประธานาธิบดีฟัง เขามีวิธี เขาใช้วิธีเล่าผ่านคนสนิทที่ประธานาธิบดีเชื่อใจอย่างมาก (จำวิธีนี้กันไว้นะครับ เขาใช้กันทั้งนั้น ปากก็บอกผมไม่เคยเจรจา ไม่เคยพูด แต่ให้คนสนิทเป็นคนพูด ไม่ได้โกหกนี่หว่า !) นายคนสนิท ชื่อ พันเอก Edward M. House นี้สำคัญมาก เป็นผู้เดินสาส์นลับของประธานาธิบดี กับฝ่ายยุโรป ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ปี ค.ศ.1914 จนถึงช่วงที่อเมริกาเข้าไปมีส่วนด้วยในช่วง ค.ศ.1917 ปากก็บอกว่าฉันสันโดษ Isolist แต่ส่งคนเดินสาส์น จนซ่นร้องเท้าสึกไปหลายคู่ นักการเมืองก็เป็นยังงี้ทั้งนั้น และไม่ว่าพันธุ์เทศ พันธุ์ไทย ปากก็พูดไปอย่าง แล้วก็ไปทำอีก 3 อย่าง คนละเรื่องกัน ท่านนายพันเอก House นี้ เป็นคนสำคัญในการผลักและดันให้ประธานาธิบดี Wilson เห็นชอบในการที่อเมริกาจัดตั้งระบบ Federal Reserve (ตกลงคุณ House นี้ เป็นพวกใครกันแน่ !) กลุ่ม The Enquiry นี้เอง เป็นผู้ปูทางการสร้าง the Council on Foreign Relations (CFR) CFR เป็น think tank ถังความคิด ที่ทรงอิทธิพลสูงสุดในอเมริกาตั้งแต่เริ่มตั้งจนถึงปัจจุบัน เดือนพฤษภาคม ค.ศ.1919 กลุ่มนักวิชาการและนักการฑูตจากอังกฤษและอเมริกา รวมทั้งกลุ่ม The Inquiry นั่งสุมหัววางแผนกันที่โรงแรม the Majestic ในปารีส เพื่อที่จะร่วมกันตั้งสถาบันเกี่ยวกับกิจการระหว่างประเทศ โดยมีสาขาหนึ่งที่ London และอีกสาขาหนึ่งที่ New York เมื่อบรรดาพวกไปสุมหัวกลับมาถึง New York ก็รายงานผลการคุย ให้กับนักการเงินและนักกฏหมายที่ New York (นายทุนตัวจริง !) ฟัง ทุกคนไชโยโห่ตบมือเป่าปากกับข้อสรุปที่ตกลงกันมา แน่นอนคนที่ดีใจที่สุดคงไม่ใครเกิน นาย Cecil Rhodes นักล่ารุ่นเก๋า ที่แค่ซ่อนเขี้ยวของตัวเองให้มิดชิด นักล่ารุ่นกะเตาะ ก็นึกว่านักล่ารุ่นเก๋าเขี้ยวหลุดหมดปากไปแล้ว แหม ! หลอกง่ายจัง นึกว่าเด็กรุ่นใหม่ ฉลาดกว่ารุ่นโบราณ ! แต่ในที่สุดภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกัน มันคงแปร่งหูเกินกว่าคนอังกฤษจะทนฟังได้ สถาบันนักชักใย CFR เลยเปลี่ยนแผนแยกตัวเป็น 2 แขนง แต่มาจากตอเดียวกัน ต่างคนต่างไปตั้งกลุ่มของพวกตัวเอง อังกฤษกลุ่มหนึ่ง อเมริกากลุ่มหนึ่ง แต่ยังจับมือกอดแขนจิกหัวกันไว้ ยังไงก็ต้องร่วมมือใกล้ชิด ก็คิดจะครองโลกด้วยกัน The Milner Group ของก๊วนนาย Cecil Rhodes รับบทเป็นตัวตั้งตัวตีในการตั้ง Royal Institute of International Affairs (Chatham House) ถังความคิด think tank สัญชาติอังกฤษ ในปี ค.ศ.1919 ส่วนกลุ่ม The Inquiry ก็รับมอบหน้าที่ไปตั้ง Council of Foreign Relations think tank สัญชาติอเมริกัน ในปี ค.ศ.1921 นอกจากนี้ ยังมีองค์กรลับที่มีแนวคิดเดียวกับ Milner Group ทยอยเกิดขึ้นอีกในหลายๆ ประเทศ เขาเรียกกลุ่มพวกนี้ว่าพวกโต๊ะ กลม เอามาจากอัศวินโต๊ะกลม Knights of the Round Table สมัย King Arthur ของอังกฤษนั่นแหละ Round Table Groups ในบรรดาพวกโต๊ะกลม โต๊ะใหญ่ในกลุ่มนี้ก็คือ Royal Institute of International Affairs (Chatham House) ที่ลดหลั่นลงมาก็มี โต๊ะกลม Canada, Australia, New Zealand, South Africa และ India จักรภพอังกฤษถึงล่มก็ยังไม่สลาย ดึงเอาลูกกะเป๋งเก่า ตามมาเข้าขบวนตั้งโต๊ะกลมด้วย กลุ่มโต๊ะกลมนี้ ก็คือ กลุ่มถังความคิด (think tank) นานาชาติรุ่นแรก ซึ่งยังดำเนินการอย่างแข็งขัน และมีอิทธิพลในแต่ละประเทศของตัว จนถึงทุกวันนี้ ในฐานะเป็นรุ่นใหญ่มีชื่อเสียงอยู่ในอันดับต้นมาตลอด รักษาตำแหน่งไว้ไม่เคยปล่อยให้ตกอันดับ ส่วนถังความคิดรุ่นใหญ่ในอเมริกา ที่ได้รับความนิยมตาม CFR มาติดๆ ก็มี Brookings Institution, Carnegie Endowment for International Peace, RAND Corporation, Heritage Foundation, Woodrow Wilson International Centre for Scholars, the Centre for Strategic and International Studies และ American Enterprise Institute (นักอ่านนิทานท่านใด ที่อยากรู้วิธีคิด หรืออยากรู้ว่านักล่ากำลังคิดทำอะไรอยู่ อยากติดตามด้วยตัวเองก็ค้นได้จากอากู กดชื่อตัวถัง พวกนี้แหละครับ มีเรื่องให้อ่านเพียบเลย) สำหรับถังความคิดที่ไม่ได้สังกัดกับอเมริกา ก็จะมี Chatham House เป็นถังหมายเลขหนึ่งของอังกฤษ เป็นที่นับหน้าถือตา มีอิทธิพล ทำนองเดียวกับ CFR, the International Institute for Strategic Studies in the UK, the German Council on Foreign Relation, the Adam Smith Institute in the UK, the Fraser Institute ใน Canada, the European Council on Foreign Relations, the International Crisis Group in Belgium และ Canadian Institute of International Affairs คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Tornado Cash ถึง FinCEN: เมื่อความเป็นส่วนตัวในคริปโตกลายเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ

    ในเดือนกันยายน 2025 สำนักงานเฝ้าระวังทางการเงินของสหรัฐฯ หรือ FinCEN ได้เสนอร่างกฎใหม่ที่ขยายอำนาจของกฎหมาย Patriot Act มาตรา 311 ไปยังเครื่องมือความเป็นส่วนตัวในคริปโต เช่น CoinJoin, Samourai Wallet และบริการ mixer อื่น ๆ โดยอ้างว่าเป็น “ภัยคุกคามด้านการฟอกเงินหลัก” ที่ต้องมีมาตรการพิเศษในการควบคุม

    ภายใต้ข้อเสนอใหม่นี้ ผู้ให้บริการเครื่องมือความเป็นส่วนตัวในคริปโตจะต้องเก็บข้อมูลผู้ใช้งาน, รายงานธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง และอาจต้องเปิดเผยรายชื่อผู้ใช้ทั้งหมดต่อ FinCEN ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากแนวคิด “self-custody” และ “permissionless” ที่เป็นหัวใจของคริปโต

    FinCEN อ้างว่าเครื่องมือเหล่านี้ถูกใช้โดยกลุ่มก่อการร้าย เช่น Hamas และ ISIS แม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการใช้จริงในระดับที่มีนัยสำคัญ โดยแม้แต่ Chainalysis ก็ออกมาเตือนว่าข้อมูลที่ใช้ประกอบการอ้างอิงนั้น “เกินจริง” และอาจเกิดจากการวิเคราะห์บล็อกเชนที่ผิดพลาด

    นอกจากนี้ FinCEN ยังเสนอให้ลดเกณฑ์การรายงานธุรกรรมจาก $3,000 ลงในอนาคต และบังคับให้ทุกแพลตฟอร์ม—รวมถึง DeFi ที่อ้างว่าเป็น non-custodial—ต้องใช้ระบบวิเคราะห์บล็อกเชนขั้นสูงเพื่อให้สอดคล้องกับกฎใหม่

    ผลกระทบที่ตามมาคือ ผู้ให้บริการขนาดเล็กและโปรเจกต์ที่เน้นความเป็นส่วนตัวอาจต้องปิดตัวหรือย้ายออกจากสหรัฐฯ ขณะที่ผู้ใช้งานทั่วไปอาจต้องยอมแลกความเป็นส่วนตัวเพื่อความปลอดภัยและการเข้าถึงบริการทางการเงิน

    ข้อเสนอใหม่ของ FinCEN
    ขยายมาตรา 311 ของ Patriot Act ไปยังเครื่องมือความเป็นส่วนตัวในคริปโต
    ระบุว่า CoinJoin และ mixer เป็น “ภัยคุกคามด้านการฟอกเงินหลัก”
    บังคับให้ผู้ให้บริการเก็บข้อมูลและรายงานธุรกรรมต่อ FinCEN

    ผลกระทบต่อผู้ให้บริการและผู้ใช้งาน
    ผู้ให้บริการต้องเปิดเผยรายชื่อผู้ใช้และข้อมูลธุรกรรม
    แพลตฟอร์ม DeFi อาจถูกจัดเป็น MSB (Money Service Business)
    ผู้ใช้งานทั่วไปอาจต้องยืนยันตัวตนก่อนทำธุรกรรมขนาดใหญ่

    การตอบโต้จากชุมชนคริปโต
    Samourai Wallet และผู้ใช้ CoinJoin แสดงความกังวล
    Chainalysis เตือนว่าข้อมูลที่ใช้ประกอบการอ้างอิงนั้น “เกินจริง”
    ผู้พัฒนาเครื่องมือความเป็นส่วนตัวอาจถูกดำเนินคดีในอนาคต

    https://www.tftc.io/treasury-iexpanding-patriot-act/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Tornado Cash ถึง FinCEN: เมื่อความเป็นส่วนตัวในคริปโตกลายเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ ในเดือนกันยายน 2025 สำนักงานเฝ้าระวังทางการเงินของสหรัฐฯ หรือ FinCEN ได้เสนอร่างกฎใหม่ที่ขยายอำนาจของกฎหมาย Patriot Act มาตรา 311 ไปยังเครื่องมือความเป็นส่วนตัวในคริปโต เช่น CoinJoin, Samourai Wallet และบริการ mixer อื่น ๆ โดยอ้างว่าเป็น “ภัยคุกคามด้านการฟอกเงินหลัก” ที่ต้องมีมาตรการพิเศษในการควบคุม ภายใต้ข้อเสนอใหม่นี้ ผู้ให้บริการเครื่องมือความเป็นส่วนตัวในคริปโตจะต้องเก็บข้อมูลผู้ใช้งาน, รายงานธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง และอาจต้องเปิดเผยรายชื่อผู้ใช้ทั้งหมดต่อ FinCEN ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากแนวคิด “self-custody” และ “permissionless” ที่เป็นหัวใจของคริปโต FinCEN อ้างว่าเครื่องมือเหล่านี้ถูกใช้โดยกลุ่มก่อการร้าย เช่น Hamas และ ISIS แม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการใช้จริงในระดับที่มีนัยสำคัญ โดยแม้แต่ Chainalysis ก็ออกมาเตือนว่าข้อมูลที่ใช้ประกอบการอ้างอิงนั้น “เกินจริง” และอาจเกิดจากการวิเคราะห์บล็อกเชนที่ผิดพลาด นอกจากนี้ FinCEN ยังเสนอให้ลดเกณฑ์การรายงานธุรกรรมจาก $3,000 ลงในอนาคต และบังคับให้ทุกแพลตฟอร์ม—รวมถึง DeFi ที่อ้างว่าเป็น non-custodial—ต้องใช้ระบบวิเคราะห์บล็อกเชนขั้นสูงเพื่อให้สอดคล้องกับกฎใหม่ ผลกระทบที่ตามมาคือ ผู้ให้บริการขนาดเล็กและโปรเจกต์ที่เน้นความเป็นส่วนตัวอาจต้องปิดตัวหรือย้ายออกจากสหรัฐฯ ขณะที่ผู้ใช้งานทั่วไปอาจต้องยอมแลกความเป็นส่วนตัวเพื่อความปลอดภัยและการเข้าถึงบริการทางการเงิน ✅ ข้อเสนอใหม่ของ FinCEN ➡️ ขยายมาตรา 311 ของ Patriot Act ไปยังเครื่องมือความเป็นส่วนตัวในคริปโต ➡️ ระบุว่า CoinJoin และ mixer เป็น “ภัยคุกคามด้านการฟอกเงินหลัก” ➡️ บังคับให้ผู้ให้บริการเก็บข้อมูลและรายงานธุรกรรมต่อ FinCEN ✅ ผลกระทบต่อผู้ให้บริการและผู้ใช้งาน ➡️ ผู้ให้บริการต้องเปิดเผยรายชื่อผู้ใช้และข้อมูลธุรกรรม ➡️ แพลตฟอร์ม DeFi อาจถูกจัดเป็น MSB (Money Service Business) ➡️ ผู้ใช้งานทั่วไปอาจต้องยืนยันตัวตนก่อนทำธุรกรรมขนาดใหญ่ ✅ การตอบโต้จากชุมชนคริปโต ➡️ Samourai Wallet และผู้ใช้ CoinJoin แสดงความกังวล ➡️ Chainalysis เตือนว่าข้อมูลที่ใช้ประกอบการอ้างอิงนั้น “เกินจริง” ➡️ ผู้พัฒนาเครื่องมือความเป็นส่วนตัวอาจถูกดำเนินคดีในอนาคต https://www.tftc.io/treasury-iexpanding-patriot-act/
    WWW.TFTC.IO
    The Treasury Is Expanding The Patriot Act To Attack Bitcoin Self Custody
    We shouldn't have to cater to the lowest common denominator.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • แหกคอก ตอนที่ 6 – พระเจ้าเงินตรา

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 6 : พระเจ้าเงินตรา
    ไม่นานเกินรอ ทางฝั่งอเมริกาในปี ค.ศ.1907 การเงินประเทศเกิดอาการสะอึก จากฝีมือที่มองไม่เห็น ทำให้วงการธนาคารเกิดอาการซวนเซ ข่าวลือว่าเป็นแผนการของ J.P Morgan นก 2 หัว พยายามกดดันให้รัฐบาลอเมริกัน สร้างระบบการธนาคารที่มั่นคง ปี ค.ศ.1910 ได้มีการประชุมกันที่ Jekyll Island ซึ่งมีการวางแผนที่จะตั้ง National Reserve Association มีสาขา 15 แห่ง ควบคุมโดยนายธนาคาร ซึ่งได้รับมอบอำนาจมาจากรัฐบาลกลาง เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นธนาคารกลาง สามารถพิมพ์เงินเองได้ และให้เงินยืมแก่ธนาคารเอกชนได้ ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ยินยอมเดินตามแผนนี้เกือบทุกอ ย่าง ในที่สุด ปี ค.ศ.1913 Federal Reserve หรือ Fed ก็ก่อตั้งขึ้น สามารถหารายได้เองได้ กำหนดงบประมาณของตนเองได้ โดยไม่ต้องผ่านสภาสูง Fed มีสาขา 12 แห่ง แต่ละแห่งถือหุ้นโดยธนาคารพาณิชย์ (ผมได้เคยเล่านิทานตอนนี้ไว้อย่างละเอียด อยู่ในนิทานเรื่องมายากลยุทธ ท่านใดยังไม่เคยอ่าน ช่วยกลับไปอ่านหน่อยนะครับ จะได้ไม่ต้องเขียนซ้ำ)
    แล้วอำนาจที่แท้จริงในการครองโลก ก็อยู่ในกำมือของกลุ่มผู้ถือหุ้นเอกชน Anglo American Establishment ไม่กี่ตระกูล ซึ่งเป็นเจ้าของธนาคารระหว่างประเทศ ที่เข้าไปถือหุ้นในธนาคารกลางของโลกทั้งนั้นแหละ คือผู้มีอำนาจควบคุมโลกตัวจริง เป็นผู้สร้างผู้ปกครองผู้บริหารประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ ใครมันจะทำอะไรได้ถ้าไม่มีเงิน เงินเท่านั้น ที่มนุษย์ทั่วไปมองเห็นและให้ความเคารพนับถือ เชื่อ ใช้ บูชา ทุนคืออำนาจ อำนาจคือทุน จริงหรือไม่
    ที่ว่าไม่กี่ตระกูลที่ครองโลกอยู่ขณะนี้เป็นใครบ้างล่ะ มารู้จักชื่อแซ่พระเจ้าเงินตรากันหน่อย เขาว่ามี 8 ตระกูล หรือกลุ่ม หรือก๊วน แล้วแต่จะเรียก 4 ก๊วนอยู่ทางฝั่งอเมริกา อีก 4 อยู่ทางอังกฤษและยุโรป
    ฝั่งอเมริกา
    – Goldman Sachs
    – Rockefellers
    – Lehman of New York
    – Kuhn Loebs of New York
    ฝั่งอังกฤษและยุโรป
    – Rothschilds of Paris, London
    – Warburg of Hamburg
    – Lazards of Paris
    – Israel Moses Seifs of Rome
    กว่าจะมาเป็น 8 ก๊วนคนโคตรรวย เขาผ่านการหักหลัง หักคอ ควบรวม ไปจนถึงคลุมถุงให้แต่งงาน เพื่อจะรักษาความรวยและเลือดเนื้อ เชื้อไข คนรวย ให้อยู่แต่ในกลุ่มก้อนเดียวกัน ส่วน BIS ซึ่งเป็นธนาคารกลางตัวแม่ มีอิทธิพลสูงสุด ควบคุมธนาคารเกือบทั้งหมดในประเทศ แถบตะวันตก และประเทศที่กำลังพัฒนา (อย่างเราๆ ) ก็ถือหุ้นโดย Federal Reserve (ของอเมริกา), Bank of England, Bank of Italy, Bank of Canada, Swiss National Bank, Nederlandsche Bank, Bundesbank และ Bank of France โดยมี 8 ก๊วนคนโคตรรวย ต่างถือหุ้นใน 8 ธนาคารกลางดังกล่าวอีกต่อหนึ่ง
    ประธาน BIS คนแรกคือ นาย Gates McGarrah ซึ่งมาจาก Chase Manhatton Bank ของตระกูล Rockefeller และเป็นเจ้าหน้าที่ของ Federal Reserve ด้วย นาย McGarrah นี้ เป็นปู่ของนาย Richard McGarrah Helmes หัวหน้า CIA ตัวใหญ่ สมัย ค.ศ.1966-1973
    รัฐบาลอเมริกาเอง ในประวัติศาสตร์ก็ขยาด BIS และพยายามที่จะล้ม BIS มาแล้ว ในการประชุมที่ Bretton Woods เมื่อปี ค.ศ.1944 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ถูก 8 ก๊วนโคตรรวยจับมือกันป่วน นอกจากล้ม BIS ไม่ได้แล้ว 8 ก๊วน ยังท้าทายด้วยการตั้ง IMF และ World Bank ตามแผนของพวกเขา เพื่อสั่งสอนรัฐบาลอเมริกันอีก
    BIS ถือ 10% ของเงินสำรอง (Reserves) ในประมาณ 80 ธนาคารกลางทั่วโลก รวมทั้งใน IMF และสถาบันการเงินนานาชาติอีกหลายแห่ง BIS นอกจากเป็นแม่ใหญ่ของธนาคารกลางของ 8 ก๊วนแล้ว ยังแอบทำกิจกรรมสำคัญด้วยคือ เก็บข้อมูลเกี่ยวกับการเงินและเศรษฐกิจของทั้งโลก (รู้มากที่สุด ได้เปรียบมากที่สุด) และเป็นแหล่งเงินกู้ให้ธนาคารพาณิชย์กู้ ในเวลาวิกฤติเพื่อไม่ให้สถาบันการเงินโลกล้มระเนระนาดด้วย ยังมีข้อมูลน่าศึกษาเกี่ยวกับ BIS อีกแยะ วันนี้เอาแค่ให้เห็นภาพกว้างๆ ก่อน
    คนเล่านิทาน
    30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 6 – พระเจ้าเงินตรา นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 6 : พระเจ้าเงินตรา ไม่นานเกินรอ ทางฝั่งอเมริกาในปี ค.ศ.1907 การเงินประเทศเกิดอาการสะอึก จากฝีมือที่มองไม่เห็น ทำให้วงการธนาคารเกิดอาการซวนเซ ข่าวลือว่าเป็นแผนการของ J.P Morgan นก 2 หัว พยายามกดดันให้รัฐบาลอเมริกัน สร้างระบบการธนาคารที่มั่นคง ปี ค.ศ.1910 ได้มีการประชุมกันที่ Jekyll Island ซึ่งมีการวางแผนที่จะตั้ง National Reserve Association มีสาขา 15 แห่ง ควบคุมโดยนายธนาคาร ซึ่งได้รับมอบอำนาจมาจากรัฐบาลกลาง เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นธนาคารกลาง สามารถพิมพ์เงินเองได้ และให้เงินยืมแก่ธนาคารเอกชนได้ ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ยินยอมเดินตามแผนนี้เกือบทุกอ ย่าง ในที่สุด ปี ค.ศ.1913 Federal Reserve หรือ Fed ก็ก่อตั้งขึ้น สามารถหารายได้เองได้ กำหนดงบประมาณของตนเองได้ โดยไม่ต้องผ่านสภาสูง Fed มีสาขา 12 แห่ง แต่ละแห่งถือหุ้นโดยธนาคารพาณิชย์ (ผมได้เคยเล่านิทานตอนนี้ไว้อย่างละเอียด อยู่ในนิทานเรื่องมายากลยุทธ ท่านใดยังไม่เคยอ่าน ช่วยกลับไปอ่านหน่อยนะครับ จะได้ไม่ต้องเขียนซ้ำ) แล้วอำนาจที่แท้จริงในการครองโลก ก็อยู่ในกำมือของกลุ่มผู้ถือหุ้นเอกชน Anglo American Establishment ไม่กี่ตระกูล ซึ่งเป็นเจ้าของธนาคารระหว่างประเทศ ที่เข้าไปถือหุ้นในธนาคารกลางของโลกทั้งนั้นแหละ คือผู้มีอำนาจควบคุมโลกตัวจริง เป็นผู้สร้างผู้ปกครองผู้บริหารประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ ใครมันจะทำอะไรได้ถ้าไม่มีเงิน เงินเท่านั้น ที่มนุษย์ทั่วไปมองเห็นและให้ความเคารพนับถือ เชื่อ ใช้ บูชา ทุนคืออำนาจ อำนาจคือทุน จริงหรือไม่ ที่ว่าไม่กี่ตระกูลที่ครองโลกอยู่ขณะนี้เป็นใครบ้างล่ะ มารู้จักชื่อแซ่พระเจ้าเงินตรากันหน่อย เขาว่ามี 8 ตระกูล หรือกลุ่ม หรือก๊วน แล้วแต่จะเรียก 4 ก๊วนอยู่ทางฝั่งอเมริกา อีก 4 อยู่ทางอังกฤษและยุโรป ฝั่งอเมริกา – Goldman Sachs – Rockefellers – Lehman of New York – Kuhn Loebs of New York ฝั่งอังกฤษและยุโรป – Rothschilds of Paris, London – Warburg of Hamburg – Lazards of Paris – Israel Moses Seifs of Rome กว่าจะมาเป็น 8 ก๊วนคนโคตรรวย เขาผ่านการหักหลัง หักคอ ควบรวม ไปจนถึงคลุมถุงให้แต่งงาน เพื่อจะรักษาความรวยและเลือดเนื้อ เชื้อไข คนรวย ให้อยู่แต่ในกลุ่มก้อนเดียวกัน ส่วน BIS ซึ่งเป็นธนาคารกลางตัวแม่ มีอิทธิพลสูงสุด ควบคุมธนาคารเกือบทั้งหมดในประเทศ แถบตะวันตก และประเทศที่กำลังพัฒนา (อย่างเราๆ ) ก็ถือหุ้นโดย Federal Reserve (ของอเมริกา), Bank of England, Bank of Italy, Bank of Canada, Swiss National Bank, Nederlandsche Bank, Bundesbank และ Bank of France โดยมี 8 ก๊วนคนโคตรรวย ต่างถือหุ้นใน 8 ธนาคารกลางดังกล่าวอีกต่อหนึ่ง ประธาน BIS คนแรกคือ นาย Gates McGarrah ซึ่งมาจาก Chase Manhatton Bank ของตระกูล Rockefeller และเป็นเจ้าหน้าที่ของ Federal Reserve ด้วย นาย McGarrah นี้ เป็นปู่ของนาย Richard McGarrah Helmes หัวหน้า CIA ตัวใหญ่ สมัย ค.ศ.1966-1973 รัฐบาลอเมริกาเอง ในประวัติศาสตร์ก็ขยาด BIS และพยายามที่จะล้ม BIS มาแล้ว ในการประชุมที่ Bretton Woods เมื่อปี ค.ศ.1944 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ถูก 8 ก๊วนโคตรรวยจับมือกันป่วน นอกจากล้ม BIS ไม่ได้แล้ว 8 ก๊วน ยังท้าทายด้วยการตั้ง IMF และ World Bank ตามแผนของพวกเขา เพื่อสั่งสอนรัฐบาลอเมริกันอีก BIS ถือ 10% ของเงินสำรอง (Reserves) ในประมาณ 80 ธนาคารกลางทั่วโลก รวมทั้งใน IMF และสถาบันการเงินนานาชาติอีกหลายแห่ง BIS นอกจากเป็นแม่ใหญ่ของธนาคารกลางของ 8 ก๊วนแล้ว ยังแอบทำกิจกรรมสำคัญด้วยคือ เก็บข้อมูลเกี่ยวกับการเงินและเศรษฐกิจของทั้งโลก (รู้มากที่สุด ได้เปรียบมากที่สุด) และเป็นแหล่งเงินกู้ให้ธนาคารพาณิชย์กู้ ในเวลาวิกฤติเพื่อไม่ให้สถาบันการเงินโลกล้มระเนระนาดด้วย ยังมีข้อมูลน่าศึกษาเกี่ยวกับ BIS อีกแยะ วันนี้เอาแค่ให้เห็นภาพกว้างๆ ก่อน คนเล่านิทาน 30 พค. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • Highlight Words In Action : August 2025

    bipartisan
    adjective: representing, characterized by, or including members from two parties or factions

    From the headlines: The Trump administration’s decision to cut funding for the Open Technology Fund (OTF) has raised concerns among lawmakers, who see it as a vital tool against internet censorship in authoritarian regimes. Trump’s executive order effectively terminated the OTF’s budget, prompting bipartisan efforts to save the program. Advocates warn that without OTF-backed tools, many citizens and activists could lose secure communication channels, increasing their risk of surveillance and persecution.

    bounty
    noun: a premium or reward, especially one offered by a government

    From the headlines: The United States has lifted bounties on three senior Taliban figures. The three members of the Haqqani militant network in Afghanistan were allegedly involved in planning deadly attacks during the war with the U.S., some of which killed American citizens. Until this week, the State Department had offered rewards of up to $10 million for the death or capture of the militant leaders. The move follows last week’s release of a U.S. hostage who had been held by the Taliban since 2022.

    breach
    noun: an infraction or violation, such as of a law, contract, trust, or promise

    Jeffrey Goldberg, editor-in-chief of The Atlantic, disclosed that he was inadvertently added to a private Signal group chat used by U.S. national security officials. This unexpected breach exposed sensitive information, including details about military strikes in Yemen. The incident underscored a serious protocol violation, as national security deliberations are typically confined to secure, classified settings rather than informal messaging platforms.

    cartography
    noun: the production of maps, including construction of projections, design, compilation, drafting, and reproduction

    From the headlines: After more than a decade of unraveling the mysteries of the universe, the space telescope Gaia has officially powered down. In its ten years of operation, Gaia meticulously mapped nearly 2 billion stars, 150,000 asteroids, and countless other celestial wonders. This cartography resulted in a precise, three-dimensional map of our solar system, which has transformed our understanding of the Milky Way.

    civil liberty
    noun: the freedom of a citizen to exercise customary rights, as of speech or assembly, without unwarranted or arbitrary interference by the government

    From the headlines: Legal experts say surveillance methods being used by colleges and universities on their students may violate their civil liberties. When investigating vandalism connected to political protests, campus police have been using new tactics, including seizing students’ phones and laptops. They have also issued warrants based on social media posts or participation in campus protests. Civil liberties experts say these actions amount to stifling university students’ right to free speech.

    confiscate
    verb: to seize as forfeited to the public domain; appropriate, by way of penalty, for public use

    From the headlines: A kite was briefly confiscated after it came into contact with a United Airlines plane near Washington, D.C. The aircraft landed safely at Ronald Reagan National Airport following reports of a kite hitting it. Police seized the kite from a family at nearby Gravelly Point park, but returned it later. Despite the fact that kite flying is banned there because the sky overhead is “restricted airspace,” about a dozen people had reportedly been flying kites at the park that day.

    defraud
    verb: to deprive of a right, money, or property by fraud

    From the headlines: Hollywood writer-director Carl Erik Rinsch was arrested for defrauding Netflix of $11 million, meant for his unfinished sci-fi show White Horse. Prosecutors say he spent around $10 million on luxury purchases, including Rolls-Royces, a Ferrari, and antiques. Prosecutors also claim that he used the money to pay legal fees to sue Netflix for additional money. Rinsch has been charged with wire fraud and money laundering, while Netflix has declined to comment.

    embezzlement
    noun: the stealing of money entrusted to one’s care

    From the headlines: French politician Marine Le Pen was convicted of embezzlement and barred from public office for five years. Le Pen, who leads the far-right National Rally party, had planned to run for president in 2027. She was also sentenced to four years in prison for spending $4.3 million in European Parliament funds on her own party expenses.

    Fun fact: Embezzlement is from the Anglo-French enbesiler, “cause to disappear,” and an Old French root meaning “to destroy or gouge.”

    fairway
    noun: Golf. the part of the course where the grass is cut short between the tees and the putting greens

    From the headlines: When golf courses close, research shows the surrounding environment improves. With declining interest in golf, nearby neighborhoods report benefits like less flooding and reduced pesticide runoff. Across the U.S., many former courses have been repurposed as nature reserves, where manicured fairways have been replaced by thriving wildflower meadows.

    forage
    verb: to wander or go in search of provisions

    From the headlines: A new online map shows where 1.6 million edible plants grow in cities around the world. The guide, called Falling Fruit, is meant to help urban dwellers and visitors forage for food. Its open source design means people can add locations, mapping additional fruit trees, berry bushes, beehives, and plants that might otherwise go unnoticed.

    franchise
    noun: Sports. a professional sports team

    From the headlines: A group led by Bill Chisholm has agreed to buy the Boston Celtics for $6.1 billion, making it the most expensive franchise sale in North American sports history. The Celtics, fresh off their 18th NBA title, are facing significant financial challenges under the new collective bargaining agreement, but remain favorites to repeat as champions.

    geriatric
    adjective: noting or relating to aged people or animals

    From the headlines: The New England Aquarium in Boston has introduced a new “retirement home” for geriatric aquarium penguins, relocating six elderly birds to a designated island. While wild penguins typically live about ten years, the new aquarium houses twenty penguins in their twenties and thirties. This specialized haven ensures these aging animals receive monitoring for conditions such as arthritis and cataracts.

    Fun fact: The Greek gērōs, “old,” is the root of geriatric.

    iguana
    noun: a large, arboreal lizard, native to Central and South America, having stout legs and a crest of spines from neck to tail

    From the headlines: A recent study sheds light on how North American iguanas may have reached a remote island in Fiji. Genetic analysis suggests that these large reptiles likely traversed thousands of miles across the Pacific Ocean by drifting on makeshift rafts of fallen trees. If confirmed, this would represent the longest documented oceanic migration by any terrestrial vertebrate, apart from humans.

    inaccessible
    adjective: not accessible; unapproachable

    From the headlines: Researchers investigating why we can’t remember being babies found evidence that those memories still exist in our brains, but are inaccessible. Scientists have long suspected that infants don’t create memories at all. A new study using MRI imaging to observe babies’ brains found that around 12 months old, they do begin storing memories of specific images. Neuroscientists are now focused on learning why these early recollections become locked away and out of reach as we grow older.

    magnitude
    noun: greatness of size or amount

    From the headlines: A devastating 7.7 magnitude earthquake struck Myanmar, killing over 3,000 people and leaving hundreds missing. The tremors were so intense they reached 600 miles to Bangkok, where skyscrapers swayed. In response, China, India, and Russia sent rescue teams, while countries like Thailand, Malaysia, and Vietnam offered aid.

    manipulate
    verb: to adapt or change (accounts, figures, etc.) to suit one’s purpose or advantage

    From the headlines: A cheating scandal shook the world of professional ski jumping this week. Several members of Team Norway were suspended after officials found evidence that their ski suits had been manipulated to make the athletes more aerodynamic. The team’s manager admitted to illegally adding an extra seam where the legs are sewn together; more material there was hoped to give the jumpers extra lift and allow air to flow around them more efficiently.

    mush
    verb: to drive or spur on (sled dogs or a sled drawn by dogs)

    From the headlines: Greenland’s annual dog sledding race attracted unusual international attention when the White House said the vice president’s wife, Usha Vance, would attend. Vance canceled her trip after Greenlanders planned to protest her presence at the event. Competitors in the Avannaata Qimussersua, or “Great Race of the North,” mushed their dogs over 26 snowy miles. Henrik Jensen, a musher from northern Greenland, crossed the finish line in first place, pulled by his team of Greenlandic sled dogs.

    ovine
    adjective: pertaining to, of the nature of, or like sheep

    From the headlines: The world’s first known case of bird flu in sheep was diagnosed in Yorkshire, England. After the H5N1 virus was found among birds on a farm, health officials also tested its flock of sheep; only one ovine case was detected. The infected sheep was euthanized to prevent the disease from spreading, and officials said “the risk to livestock remains low.”

    pontiff
    noun: Ecclesiastical. the Roman Catholic pope, the Bishop of Rome

    From the headlines: Following the release of Pope Francis from the hospital on March 23, his lead physician said the pontiff had faced such grave danger that his medical team considered halting treatment. During his hospitalization, the pope endured two critical health crises, prompting intense deliberations over whether aggressive interventions should continue, given the potential risks to his internal organs. Ultimately, the doctors opted to pursue “all available medicines and treatments,” a decision that proved pivotal to his recovery.

    populism
    noun: grass-roots democracy; working-class activism; egalitarianism

    From the headlines: Bernie Sanders is drawing unprecedented crowds on his “Fighting Oligarchy” tour, fueled by a message rooted in economic populism. His rhetoric resonates with disillusioned voters seeking an alternative to both President Trump and the Democratic Party. The independent senator from Vermont frequently denounces what he terms a “government of the billionaires, by the billionaires, and for the billionaires,” while chastising Democrats for failing to adequately champion the interests of the working class.

    prescription
    noun: a direction, usually written, by the physician to the pharmacist for the preparation and use of a medicine or remedy

    From the headlines: A new trend is emerging in healthcare — doctors are now prescribing museum visits. Backed by research showing that time spent in cultural spots can boost mental health and ease loneliness, more physicians are encouraging patients to explore art galleries, theaters, concert halls, and libraries. These cultural outings are said to reduce stress, alleviate mild anxiety and depression, and even improve conditions like high blood pressure. It’s the prescription you didn’t know you needed.

    pristine
    adjective: having its original purity; uncorrupted or unsullied

    From the headlines: Many countries are looking to Switzerland as a model, hoping to replicate its transformation of once heavily polluted rivers and lakes into some of the most pristine in Europe. In the 1960s, Swiss waterways were choked with algae and dead fish due to sewage and industrial pollution. However, over the following decades, the country made significant investments in advanced water treatment facilities. Today, nearly all of its lakes and rivers are once again pristine and safe for swimming.

    prolong
    verb: to lengthen out in time; extend the duration of; cause to continue longer

    From the headlines: After their quick trip to the International Space Station turned out to have an unexpectedly long duration, two NASA astronauts have been safely returned to Earth. What began as an eight-day mission for Butch Wilmore and Suni Williams had to be prolonged after their Starliner spacecraft experienced helium leaks and thruster problems. The two ended up staying on the ISS for more than nine months, until two seats were available on a returning space capsule.

    recruit
    verb: to attempt to acquire the services of (a person) for an employer

    From the headlines: As the White House cuts funding for scientific research, European countries are stepping up to recruit top U.S. scientists. Experts in climate change and vaccine safety are now eyeing job offers across the Atlantic, with France and the Netherlands boosting their budgets to hire talent for their universities.

    reinstate
    verb: to put back or establish again, as in a former position or state

    From the headlines: On March 24, a South Korean court reinstated impeached Prime Minister Han Duck-soo. Han was returned to the government and named acting leader once his impeachment was overturned. President Yoon Suk Yeol, who was also removed from office, is still awaiting a verdict. Han and Yoon were both suspended by South Korea’s National Assembly in December.

    repatriation
    noun: the act or process of returning a person or thing to the country of origin

    From the headlines: After several weeks of refusal, Venezuela agreed to accept repatriation flights from the United States, and the first plane carrying Venezuelan migrants back to their home country landed on March 24. About 200 people who had been deported from the U.S. were on the initial flight. Conflicts between the two countries had previously put the returns on hold.

    serenade
    verb: to entertain with or perform with vocal or instrumental music

    From the headlines: After an incredible 70-year career, Johnny Mathis, the legendary crooner with the famously smooth “velvet voice,” has announced his retirement at the age of 89. Known for his romantic ballads, jazz classics, and soft rock hits, Mathis has been serenading audiences since his teenage years. With more albums sold than any pop artist except Frank Sinatra, his voice has been the soundtrack to countless memories.

    tuition
    noun: the charge or fee for instruction, as at a private school or a college or university

    From the headlines: Starting this fall, attending Harvard University will cost nothing for most students. The school announced that tuition will be free for people whose families earn less than $200,000 per year. The average household income in the U.S. is $80,000. Food, housing, health insurance, and travel will also be free for less wealthy students. The University of Pennsylvania and the Massachusetts Institute of Technology have adopted the same financial aid policy.

    unredacted
    adjective: (of a document) with confidential or sensitive information included or visible

    From the headlines: The Trump administration released over 2,000 documents on JFK’s assassination, leading to a search for new insights. While the unredacted files do not dispute that Lee Harvey Oswald acted alone, they reveal long-hidden details about CIA agents and operations. Attorney Larry Schnapf, who has pushed for their release, argues the disclosures highlight excessive government secrecy. He believes the unredacted documents demonstrate how overclassification has been misused by national security officials.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Highlight Words In Action : August 2025 bipartisan adjective: representing, characterized by, or including members from two parties or factions From the headlines: The Trump administration’s decision to cut funding for the Open Technology Fund (OTF) has raised concerns among lawmakers, who see it as a vital tool against internet censorship in authoritarian regimes. Trump’s executive order effectively terminated the OTF’s budget, prompting bipartisan efforts to save the program. Advocates warn that without OTF-backed tools, many citizens and activists could lose secure communication channels, increasing their risk of surveillance and persecution. bounty noun: a premium or reward, especially one offered by a government From the headlines: The United States has lifted bounties on three senior Taliban figures. The three members of the Haqqani militant network in Afghanistan were allegedly involved in planning deadly attacks during the war with the U.S., some of which killed American citizens. Until this week, the State Department had offered rewards of up to $10 million for the death or capture of the militant leaders. The move follows last week’s release of a U.S. hostage who had been held by the Taliban since 2022. breach noun: an infraction or violation, such as of a law, contract, trust, or promise Jeffrey Goldberg, editor-in-chief of The Atlantic, disclosed that he was inadvertently added to a private Signal group chat used by U.S. national security officials. This unexpected breach exposed sensitive information, including details about military strikes in Yemen. The incident underscored a serious protocol violation, as national security deliberations are typically confined to secure, classified settings rather than informal messaging platforms. cartography noun: the production of maps, including construction of projections, design, compilation, drafting, and reproduction From the headlines: After more than a decade of unraveling the mysteries of the universe, the space telescope Gaia has officially powered down. In its ten years of operation, Gaia meticulously mapped nearly 2 billion stars, 150,000 asteroids, and countless other celestial wonders. This cartography resulted in a precise, three-dimensional map of our solar system, which has transformed our understanding of the Milky Way. civil liberty noun: the freedom of a citizen to exercise customary rights, as of speech or assembly, without unwarranted or arbitrary interference by the government From the headlines: Legal experts say surveillance methods being used by colleges and universities on their students may violate their civil liberties. When investigating vandalism connected to political protests, campus police have been using new tactics, including seizing students’ phones and laptops. They have also issued warrants based on social media posts or participation in campus protests. Civil liberties experts say these actions amount to stifling university students’ right to free speech. confiscate verb: to seize as forfeited to the public domain; appropriate, by way of penalty, for public use From the headlines: A kite was briefly confiscated after it came into contact with a United Airlines plane near Washington, D.C. The aircraft landed safely at Ronald Reagan National Airport following reports of a kite hitting it. Police seized the kite from a family at nearby Gravelly Point park, but returned it later. Despite the fact that kite flying is banned there because the sky overhead is “restricted airspace,” about a dozen people had reportedly been flying kites at the park that day. defraud verb: to deprive of a right, money, or property by fraud From the headlines: Hollywood writer-director Carl Erik Rinsch was arrested for defrauding Netflix of $11 million, meant for his unfinished sci-fi show White Horse. Prosecutors say he spent around $10 million on luxury purchases, including Rolls-Royces, a Ferrari, and antiques. Prosecutors also claim that he used the money to pay legal fees to sue Netflix for additional money. Rinsch has been charged with wire fraud and money laundering, while Netflix has declined to comment. embezzlement noun: the stealing of money entrusted to one’s care From the headlines: French politician Marine Le Pen was convicted of embezzlement and barred from public office for five years. Le Pen, who leads the far-right National Rally party, had planned to run for president in 2027. She was also sentenced to four years in prison for spending $4.3 million in European Parliament funds on her own party expenses. Fun fact: Embezzlement is from the Anglo-French enbesiler, “cause to disappear,” and an Old French root meaning “to destroy or gouge.” fairway noun: Golf. the part of the course where the grass is cut short between the tees and the putting greens From the headlines: When golf courses close, research shows the surrounding environment improves. With declining interest in golf, nearby neighborhoods report benefits like less flooding and reduced pesticide runoff. Across the U.S., many former courses have been repurposed as nature reserves, where manicured fairways have been replaced by thriving wildflower meadows. forage verb: to wander or go in search of provisions From the headlines: A new online map shows where 1.6 million edible plants grow in cities around the world. The guide, called Falling Fruit, is meant to help urban dwellers and visitors forage for food. Its open source design means people can add locations, mapping additional fruit trees, berry bushes, beehives, and plants that might otherwise go unnoticed. franchise noun: Sports. a professional sports team From the headlines: A group led by Bill Chisholm has agreed to buy the Boston Celtics for $6.1 billion, making it the most expensive franchise sale in North American sports history. The Celtics, fresh off their 18th NBA title, are facing significant financial challenges under the new collective bargaining agreement, but remain favorites to repeat as champions. geriatric adjective: noting or relating to aged people or animals From the headlines: The New England Aquarium in Boston has introduced a new “retirement home” for geriatric aquarium penguins, relocating six elderly birds to a designated island. While wild penguins typically live about ten years, the new aquarium houses twenty penguins in their twenties and thirties. This specialized haven ensures these aging animals receive monitoring for conditions such as arthritis and cataracts. Fun fact: The Greek gērōs, “old,” is the root of geriatric. iguana noun: a large, arboreal lizard, native to Central and South America, having stout legs and a crest of spines from neck to tail From the headlines: A recent study sheds light on how North American iguanas may have reached a remote island in Fiji. Genetic analysis suggests that these large reptiles likely traversed thousands of miles across the Pacific Ocean by drifting on makeshift rafts of fallen trees. If confirmed, this would represent the longest documented oceanic migration by any terrestrial vertebrate, apart from humans. inaccessible adjective: not accessible; unapproachable From the headlines: Researchers investigating why we can’t remember being babies found evidence that those memories still exist in our brains, but are inaccessible. Scientists have long suspected that infants don’t create memories at all. A new study using MRI imaging to observe babies’ brains found that around 12 months old, they do begin storing memories of specific images. Neuroscientists are now focused on learning why these early recollections become locked away and out of reach as we grow older. magnitude noun: greatness of size or amount From the headlines: A devastating 7.7 magnitude earthquake struck Myanmar, killing over 3,000 people and leaving hundreds missing. The tremors were so intense they reached 600 miles to Bangkok, where skyscrapers swayed. In response, China, India, and Russia sent rescue teams, while countries like Thailand, Malaysia, and Vietnam offered aid. manipulate verb: to adapt or change (accounts, figures, etc.) to suit one’s purpose or advantage From the headlines: A cheating scandal shook the world of professional ski jumping this week. Several members of Team Norway were suspended after officials found evidence that their ski suits had been manipulated to make the athletes more aerodynamic. The team’s manager admitted to illegally adding an extra seam where the legs are sewn together; more material there was hoped to give the jumpers extra lift and allow air to flow around them more efficiently. mush verb: to drive or spur on (sled dogs or a sled drawn by dogs) From the headlines: Greenland’s annual dog sledding race attracted unusual international attention when the White House said the vice president’s wife, Usha Vance, would attend. Vance canceled her trip after Greenlanders planned to protest her presence at the event. Competitors in the Avannaata Qimussersua, or “Great Race of the North,” mushed their dogs over 26 snowy miles. Henrik Jensen, a musher from northern Greenland, crossed the finish line in first place, pulled by his team of Greenlandic sled dogs. ovine adjective: pertaining to, of the nature of, or like sheep From the headlines: The world’s first known case of bird flu in sheep was diagnosed in Yorkshire, England. After the H5N1 virus was found among birds on a farm, health officials also tested its flock of sheep; only one ovine case was detected. The infected sheep was euthanized to prevent the disease from spreading, and officials said “the risk to livestock remains low.” pontiff noun: Ecclesiastical. the Roman Catholic pope, the Bishop of Rome From the headlines: Following the release of Pope Francis from the hospital on March 23, his lead physician said the pontiff had faced such grave danger that his medical team considered halting treatment. During his hospitalization, the pope endured two critical health crises, prompting intense deliberations over whether aggressive interventions should continue, given the potential risks to his internal organs. Ultimately, the doctors opted to pursue “all available medicines and treatments,” a decision that proved pivotal to his recovery. populism noun: grass-roots democracy; working-class activism; egalitarianism From the headlines: Bernie Sanders is drawing unprecedented crowds on his “Fighting Oligarchy” tour, fueled by a message rooted in economic populism. His rhetoric resonates with disillusioned voters seeking an alternative to both President Trump and the Democratic Party. The independent senator from Vermont frequently denounces what he terms a “government of the billionaires, by the billionaires, and for the billionaires,” while chastising Democrats for failing to adequately champion the interests of the working class. prescription noun: a direction, usually written, by the physician to the pharmacist for the preparation and use of a medicine or remedy From the headlines: A new trend is emerging in healthcare — doctors are now prescribing museum visits. Backed by research showing that time spent in cultural spots can boost mental health and ease loneliness, more physicians are encouraging patients to explore art galleries, theaters, concert halls, and libraries. These cultural outings are said to reduce stress, alleviate mild anxiety and depression, and even improve conditions like high blood pressure. It’s the prescription you didn’t know you needed. pristine adjective: having its original purity; uncorrupted or unsullied From the headlines: Many countries are looking to Switzerland as a model, hoping to replicate its transformation of once heavily polluted rivers and lakes into some of the most pristine in Europe. In the 1960s, Swiss waterways were choked with algae and dead fish due to sewage and industrial pollution. However, over the following decades, the country made significant investments in advanced water treatment facilities. Today, nearly all of its lakes and rivers are once again pristine and safe for swimming. prolong verb: to lengthen out in time; extend the duration of; cause to continue longer From the headlines: After their quick trip to the International Space Station turned out to have an unexpectedly long duration, two NASA astronauts have been safely returned to Earth. What began as an eight-day mission for Butch Wilmore and Suni Williams had to be prolonged after their Starliner spacecraft experienced helium leaks and thruster problems. The two ended up staying on the ISS for more than nine months, until two seats were available on a returning space capsule. recruit verb: to attempt to acquire the services of (a person) for an employer From the headlines: As the White House cuts funding for scientific research, European countries are stepping up to recruit top U.S. scientists. Experts in climate change and vaccine safety are now eyeing job offers across the Atlantic, with France and the Netherlands boosting their budgets to hire talent for their universities. reinstate verb: to put back or establish again, as in a former position or state From the headlines: On March 24, a South Korean court reinstated impeached Prime Minister Han Duck-soo. Han was returned to the government and named acting leader once his impeachment was overturned. President Yoon Suk Yeol, who was also removed from office, is still awaiting a verdict. Han and Yoon were both suspended by South Korea’s National Assembly in December. repatriation noun: the act or process of returning a person or thing to the country of origin From the headlines: After several weeks of refusal, Venezuela agreed to accept repatriation flights from the United States, and the first plane carrying Venezuelan migrants back to their home country landed on March 24. About 200 people who had been deported from the U.S. were on the initial flight. Conflicts between the two countries had previously put the returns on hold. serenade verb: to entertain with or perform with vocal or instrumental music From the headlines: After an incredible 70-year career, Johnny Mathis, the legendary crooner with the famously smooth “velvet voice,” has announced his retirement at the age of 89. Known for his romantic ballads, jazz classics, and soft rock hits, Mathis has been serenading audiences since his teenage years. With more albums sold than any pop artist except Frank Sinatra, his voice has been the soundtrack to countless memories. tuition noun: the charge or fee for instruction, as at a private school or a college or university From the headlines: Starting this fall, attending Harvard University will cost nothing for most students. The school announced that tuition will be free for people whose families earn less than $200,000 per year. The average household income in the U.S. is $80,000. Food, housing, health insurance, and travel will also be free for less wealthy students. The University of Pennsylvania and the Massachusetts Institute of Technology have adopted the same financial aid policy. unredacted adjective: (of a document) with confidential or sensitive information included or visible From the headlines: The Trump administration released over 2,000 documents on JFK’s assassination, leading to a search for new insights. While the unredacted files do not dispute that Lee Harvey Oswald acted alone, they reveal long-hidden details about CIA agents and operations. Attorney Larry Schnapf, who has pushed for their release, argues the disclosures highlight excessive government secrecy. He believes the unredacted documents demonstrate how overclassification has been misused by national security officials. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 425 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ร่วมก่อตั้ง Gojek ถูกกล่าวหาทุจริต Chromebook

    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (4 ก.ย.) สำนักงานอัยการสูงสุดของอินโดนีเซีย (AGO RI) ควบคุมตัวนายนาดีม มาคาริม (Nadiem Makarim) อดีต รมว.ศึกษาธิการ วัฒนธรรม การวิจัย และเทคโนโลยีของอินโดนีเซีย ไปกักขังเพื่อสอบสวนเพิ่มเติมเป็นเวลา 20 วัน หลังจากตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย คดีทุจริตการจัดซื้อคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปสำหรับโรงเรียน เชื่อมโยงกับ Chromebook ของ Google มูลค่า 9.3 ล้านล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 18,161 ล้านบาท

    โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2563-2565 สมัยรัฐบาลประธานาธิบดีโจโค วิโดโด มีการแจกจ่าย Chromebook จำนวน 1.2 ล้านเครื่องให้กับโรงเรียนที่อยู่ห่างไกล ตามนโยบายเปลี่ยนผ่านการศึกษาสู่ระบบดิจิทัล แต่อัยการชี้ว่าอุปกรณ์ดังกล่าวไม่เหมาะสำหรับโครงการนี้ เนื่องจาก Chromebook จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียร แต่กลับไม่สามารถใช้ได้ในพื้นที่เป้าหมายหลายแห่ง ซึ่งมีไฟฟ้าจำกัดและการเชื่อมต่อที่ย่ำแย่ ส่งผลให้รัฐบาลอินโดนีเซียเสียหายกว่า 1.98 ล้านล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 3,866 ล้านบาท

    จากการเปิดเผยของนายนูร์คาห์โย จุงกุง มาดโย (Nurcahyo Jungkung Madyo) ผู้อำนวยการฝ่ายสืบสวนการทุจริตของสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า นายนาดีม ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีโดยมิชอบ มีการประชุมแบบปิดผ่าน Zoom เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2563 สั่งการให้คนใกล้ชิดนำระบบปฏิบัติการ Chrome ของ Google มาใช้ในการจัดซื้อแล็ปท็อปของกระทรวงศึกษาธิการฯ ทั่วประเทศ อีกทั้งในเดือน ก.พ.2564 นายนาดีมได้ออกกฎกระทรวง กำหนดให้ใช้ระบบปฎิบัติการ ChromeOS และฟีเจอร์ที่เชื่อมโยงกับบริการด้านการศึกษาของ Google กลายเป็นการล็อกสเปก ทำให้เกิดการแข่งขันไม่เป็นธรรม

    ด้านนายนาดีมตะโกนบอกผู้สื่อข่าวระหว่างถูกควบคุมตัวว่า “ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ขอพระเจ้าคุ้มครองผม ความจริงจะปรากฏ อัลลอฮ์จะทรงทราบความจริง” ขณะที่ทนายความของนายนาดีม ยืนยันว่านายนาดีมไม่ได้รับแม้แต่เซ็นต์เดียว ทั้งนี้ หากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง โทษสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิต

    สำหรับนายนาดีม มาคาริม อายุ 41 ปี เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทโกเจ็ก (Gojek) แพลตฟอร์มเรียกรถโดยสาร สั่งอาหาร และชำระเงินออนไลน์ของอินโดนีเซีย ก่อนจะลาออกในปี 2562 เพื่อเข้าร่วมคณะรัฐมนตรี หลังจากนั้นบริษัทฯ ได้ควบรวมกิจการกับ Tokopedia ในปี 2564 เป็น GoTo Gojek Tokopedia บริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ชี้แจงว่า หลังนายนาดีมลาออก เขาก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายบริหาร หรือการดำเนินงานของบริษัทฯ อีกต่อไป

    #Newskit
    ผู้ร่วมก่อตั้ง Gojek ถูกกล่าวหาทุจริต Chromebook เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (4 ก.ย.) สำนักงานอัยการสูงสุดของอินโดนีเซีย (AGO RI) ควบคุมตัวนายนาดีม มาคาริม (Nadiem Makarim) อดีต รมว.ศึกษาธิการ วัฒนธรรม การวิจัย และเทคโนโลยีของอินโดนีเซีย ไปกักขังเพื่อสอบสวนเพิ่มเติมเป็นเวลา 20 วัน หลังจากตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย คดีทุจริตการจัดซื้อคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปสำหรับโรงเรียน เชื่อมโยงกับ Chromebook ของ Google มูลค่า 9.3 ล้านล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 18,161 ล้านบาท โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2563-2565 สมัยรัฐบาลประธานาธิบดีโจโค วิโดโด มีการแจกจ่าย Chromebook จำนวน 1.2 ล้านเครื่องให้กับโรงเรียนที่อยู่ห่างไกล ตามนโยบายเปลี่ยนผ่านการศึกษาสู่ระบบดิจิทัล แต่อัยการชี้ว่าอุปกรณ์ดังกล่าวไม่เหมาะสำหรับโครงการนี้ เนื่องจาก Chromebook จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียร แต่กลับไม่สามารถใช้ได้ในพื้นที่เป้าหมายหลายแห่ง ซึ่งมีไฟฟ้าจำกัดและการเชื่อมต่อที่ย่ำแย่ ส่งผลให้รัฐบาลอินโดนีเซียเสียหายกว่า 1.98 ล้านล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 3,866 ล้านบาท จากการเปิดเผยของนายนูร์คาห์โย จุงกุง มาดโย (Nurcahyo Jungkung Madyo) ผู้อำนวยการฝ่ายสืบสวนการทุจริตของสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า นายนาดีม ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีโดยมิชอบ มีการประชุมแบบปิดผ่าน Zoom เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2563 สั่งการให้คนใกล้ชิดนำระบบปฏิบัติการ Chrome ของ Google มาใช้ในการจัดซื้อแล็ปท็อปของกระทรวงศึกษาธิการฯ ทั่วประเทศ อีกทั้งในเดือน ก.พ.2564 นายนาดีมได้ออกกฎกระทรวง กำหนดให้ใช้ระบบปฎิบัติการ ChromeOS และฟีเจอร์ที่เชื่อมโยงกับบริการด้านการศึกษาของ Google กลายเป็นการล็อกสเปก ทำให้เกิดการแข่งขันไม่เป็นธรรม ด้านนายนาดีมตะโกนบอกผู้สื่อข่าวระหว่างถูกควบคุมตัวว่า “ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ขอพระเจ้าคุ้มครองผม ความจริงจะปรากฏ อัลลอฮ์จะทรงทราบความจริง” ขณะที่ทนายความของนายนาดีม ยืนยันว่านายนาดีมไม่ได้รับแม้แต่เซ็นต์เดียว ทั้งนี้ หากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง โทษสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิต สำหรับนายนาดีม มาคาริม อายุ 41 ปี เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทโกเจ็ก (Gojek) แพลตฟอร์มเรียกรถโดยสาร สั่งอาหาร และชำระเงินออนไลน์ของอินโดนีเซีย ก่อนจะลาออกในปี 2562 เพื่อเข้าร่วมคณะรัฐมนตรี หลังจากนั้นบริษัทฯ ได้ควบรวมกิจการกับ Tokopedia ในปี 2564 เป็น GoTo Gojek Tokopedia บริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ชี้แจงว่า หลังนายนาดีมลาออก เขาก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายบริหาร หรือการดำเนินงานของบริษัทฯ อีกต่อไป #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง มายากลยุทธ
    ภาคสอง เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 18 : สร้างฉาก
    นักเล่นกลไม่ให้เสียเวลา สถานการณ์การเมืองในรัสเซียกำลังวุ่นวาย โอกาสทองมาถึงแล้ว พวกเขาจึงสร้างคอมมี่ตัวพ่อขึ้นในรัสเซีย Trotsky และพวก เข้ามานั่งประชุมวางแผนอยู่ใน New York ปี ค.ศ. 1917 โดยใช้ passport อเมริกา ซึ่งอนุมัติออกโดยประธานาธิบดี Wilson บวกได้วีซ่าเข้าประเทศ
อังกฤษ โดยมีเงื่อนไขว่า ประชุมเสร็จแล้ว รีบกลับไปรัสเซียนะเพื่อน กลับไป “ดำเนินการ” เรื่องการปฏิวัติต่อให้เรียบร้อยนะ ระหว่างเดินทางกลับ Trotsky โดนจับที่ Canada แต่ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากอังกฤษส่งสาย มากระซิบสั่ง ! เอ้อ ! จับผิดจังหวะนะไอ้น้อง ! 555 ตำรวจฝรั่งก็บื้อเหมือนกัน !
    Trotsky เดินทางต่อทางเรือใน ค.ศ. 1917 มีเพื่อนร่วมทางน่าสนใจ เช่น นักลงทุนจาก Wall Street, คอมมี่สายอเมริกา และบุรุษลึกลับ ชื่อนาย Charles Crane คุณ Crane ไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นลูกของผู้คุมกระเป๋าเงินของพรรค Democrat อเมริกา (มิใช่ ปชป ของพี่ชวนนะคร้าบ !) ตัวคุณ Crane เอง ก็เป็นผู้ช่วยของรมว.ต่างประเทศของอเมริกา ขณะนั้นชื่อ Robert Lansing
    การปฏิวัติในรัสเซีย เริ่มต้นระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 กำลังลุยกันอยู่ ตระกูล Morgan และตระกูล Rockefeller สนับสนุนการปฏิวัติในรัสเซีย อย่างปิดไม่มิด เขาใช้สภากาชาดอเมริกาเป็นหน้าฉาก (ดูมันเล่นซี !) แต่คนจ่ายเงิน คือ กรรมการของ Federal Reserve Bank of New York ชื่อนาย William Boyce Thompson ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ใน Chase National Bank ขบวนการสนับสนุนการปฏิวัติในรัสเซีย จริง ๆ แล้ว ก็ประกอบไปด้วย ผู้คนที่เกี่ยวข้องของ Standard Oil และ National City Bank ของนักเล่นกลตระกูล Rockefeller นั่นเอง เมื่อการปฏิวัติประสบผลสำเร็จ National City Bank สาขา Petrograd เป็นธนาคารต่างประเทศ ธนาคารเดียวที่ไม่ถูกคณะปฏิวัติ ยึดเป็นของรัฐ และเมื่อโซเวียตมีแผนปฏิวัติอุตสาหกรรมในประเทศ เขาจำเป็นต้องใช้ technology และผู้ชำนาญการจากตปท.เข้ามาช่วย และแน่นอน บริษัทที่ส่งคนไปช่วยก็มาจาก Ford, General Electric, Dupont, Standard Oil, General Motors เป็นต้น และบริษัทเหล่านี้ก็ได้เข้าทำสัญญา ทำธุรกิจในโซเวียตกันถ้วนหน้า และบริษัทพวกนี้ ก็แน่นอนเป็นเครือข่ายของ Morgan และ Rockefeller ทั้งนั้น
    ค.ศ. 1945 สถานการณ์โลกเปลี่ยนไป หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษเป็นแชมป์ หมายเลข 1 จักรภพอังกฤษ แผ่ไปถึง 1 ใน 4 ของพื้นที่โลก แต่ 30 ปีให้หลัง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จักรภพอังกฤษกลายเป็นประวัติศาสตร์ และทำให้อังกฤษต้องหันมาพึ่งลูกรัก ชื่ออเมริกาแทน
    ความสัมพันธ์พิเศษของประเทศไผ่กอเดียวกัน เริ่มตั้งแต่ปฏิบัติการขย่มเยอรมัน จากสนธิสัญญา Versailles หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และจากความร่วมมือในการทำจารกรรมช่วงสงครามโลก ระหว่างหน่วยสืบราชการลับของ CIA (ซึ่งช่วงนั้นยังใช้ชื่อ OSS Office of trategic Services) กับหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษ สัมพันธ์ดังกล่าวยังมีอยู่ต่อมาถึงปัจจุบันนี้
    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 น้ำมันสัญชาติ Anglo – American มาแรง ขยายตลาดไปทั่วจากกลไกของ World Bank IMF และการค้าเสรี GATT ซึ่งเกิดขึ้นเพราะข้อตกลง Bretton Wood ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1944 ทั้ง 3 กลไก ได้กำหนดขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าอังกฤษและอเมริกา จะเป็นผู้ควบคุมระบบการเงินและการค้า ทั้ง 2 ประเทศคุมคะแนนเสียงของ 3 กลไก โดยสร้างระบบแลกเปลี่ยนทอง ภายใต้ระบบนี้ เงินสกุลต่าง ๆ ต้องผูกไว้กับดอลล่าร์ และใช้ดอลล่าร์ เป็นตัวเทียบอัตราแลกเปลี่ยนกับทอง 35 ดอลล่าร์ แลกทองได้ 1 ออนซ์ อเมริกาชอบใจเพราะตอนนั้นมีทองอยู่ล้นลิ้นชัก
    ขณะเดียวกันบริษัทยักษ์ใหญ่น้ำมันกับพี่เบิ้มวงการธนาคาร และนักค้าเงินแถว Wall Street ก็จับมือกันเล่นกล ปั่นหุ้นปั่นเงิน ในที่สุดก็ตลาดเงินก็อยู่ในมือของพวกเขา
    ที่น่าสนใจ เช่นเดียวกับการเข้าไปในลาตินอเมริกาของพวกโคตรรวย เขามองหาเป้าหมายและปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องอาหาร เขาใช้โลกที่ 3 โดยเฉพาะลาตินอเมริกาเป็นเหยือ ในโลกของน้ำมันและการเงินก็มีเหยื่อเช่นเดียวกัน

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง มายากลยุทธ ภาคสอง เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 18 : สร้างฉาก นักเล่นกลไม่ให้เสียเวลา สถานการณ์การเมืองในรัสเซียกำลังวุ่นวาย โอกาสทองมาถึงแล้ว พวกเขาจึงสร้างคอมมี่ตัวพ่อขึ้นในรัสเซีย Trotsky และพวก เข้ามานั่งประชุมวางแผนอยู่ใน New York ปี ค.ศ. 1917 โดยใช้ passport อเมริกา ซึ่งอนุมัติออกโดยประธานาธิบดี Wilson บวกได้วีซ่าเข้าประเทศ
อังกฤษ โดยมีเงื่อนไขว่า ประชุมเสร็จแล้ว รีบกลับไปรัสเซียนะเพื่อน กลับไป “ดำเนินการ” เรื่องการปฏิวัติต่อให้เรียบร้อยนะ ระหว่างเดินทางกลับ Trotsky โดนจับที่ Canada แต่ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากอังกฤษส่งสาย มากระซิบสั่ง ! เอ้อ ! จับผิดจังหวะนะไอ้น้อง ! 555 ตำรวจฝรั่งก็บื้อเหมือนกัน ! Trotsky เดินทางต่อทางเรือใน ค.ศ. 1917 มีเพื่อนร่วมทางน่าสนใจ เช่น นักลงทุนจาก Wall Street, คอมมี่สายอเมริกา และบุรุษลึกลับ ชื่อนาย Charles Crane คุณ Crane ไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นลูกของผู้คุมกระเป๋าเงินของพรรค Democrat อเมริกา (มิใช่ ปชป ของพี่ชวนนะคร้าบ !) ตัวคุณ Crane เอง ก็เป็นผู้ช่วยของรมว.ต่างประเทศของอเมริกา ขณะนั้นชื่อ Robert Lansing การปฏิวัติในรัสเซีย เริ่มต้นระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 กำลังลุยกันอยู่ ตระกูล Morgan และตระกูล Rockefeller สนับสนุนการปฏิวัติในรัสเซีย อย่างปิดไม่มิด เขาใช้สภากาชาดอเมริกาเป็นหน้าฉาก (ดูมันเล่นซี !) แต่คนจ่ายเงิน คือ กรรมการของ Federal Reserve Bank of New York ชื่อนาย William Boyce Thompson ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ใน Chase National Bank ขบวนการสนับสนุนการปฏิวัติในรัสเซีย จริง ๆ แล้ว ก็ประกอบไปด้วย ผู้คนที่เกี่ยวข้องของ Standard Oil และ National City Bank ของนักเล่นกลตระกูล Rockefeller นั่นเอง เมื่อการปฏิวัติประสบผลสำเร็จ National City Bank สาขา Petrograd เป็นธนาคารต่างประเทศ ธนาคารเดียวที่ไม่ถูกคณะปฏิวัติ ยึดเป็นของรัฐ และเมื่อโซเวียตมีแผนปฏิวัติอุตสาหกรรมในประเทศ เขาจำเป็นต้องใช้ technology และผู้ชำนาญการจากตปท.เข้ามาช่วย และแน่นอน บริษัทที่ส่งคนไปช่วยก็มาจาก Ford, General Electric, Dupont, Standard Oil, General Motors เป็นต้น และบริษัทเหล่านี้ก็ได้เข้าทำสัญญา ทำธุรกิจในโซเวียตกันถ้วนหน้า และบริษัทพวกนี้ ก็แน่นอนเป็นเครือข่ายของ Morgan และ Rockefeller ทั้งนั้น ค.ศ. 1945 สถานการณ์โลกเปลี่ยนไป หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษเป็นแชมป์ หมายเลข 1 จักรภพอังกฤษ แผ่ไปถึง 1 ใน 4 ของพื้นที่โลก แต่ 30 ปีให้หลัง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จักรภพอังกฤษกลายเป็นประวัติศาสตร์ และทำให้อังกฤษต้องหันมาพึ่งลูกรัก ชื่ออเมริกาแทน ความสัมพันธ์พิเศษของประเทศไผ่กอเดียวกัน เริ่มตั้งแต่ปฏิบัติการขย่มเยอรมัน จากสนธิสัญญา Versailles หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และจากความร่วมมือในการทำจารกรรมช่วงสงครามโลก ระหว่างหน่วยสืบราชการลับของ CIA (ซึ่งช่วงนั้นยังใช้ชื่อ OSS Office of trategic Services) กับหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษ สัมพันธ์ดังกล่าวยังมีอยู่ต่อมาถึงปัจจุบันนี้ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 น้ำมันสัญชาติ Anglo – American มาแรง ขยายตลาดไปทั่วจากกลไกของ World Bank IMF และการค้าเสรี GATT ซึ่งเกิดขึ้นเพราะข้อตกลง Bretton Wood ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1944 ทั้ง 3 กลไก ได้กำหนดขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าอังกฤษและอเมริกา จะเป็นผู้ควบคุมระบบการเงินและการค้า ทั้ง 2 ประเทศคุมคะแนนเสียงของ 3 กลไก โดยสร้างระบบแลกเปลี่ยนทอง ภายใต้ระบบนี้ เงินสกุลต่าง ๆ ต้องผูกไว้กับดอลล่าร์ และใช้ดอลล่าร์ เป็นตัวเทียบอัตราแลกเปลี่ยนกับทอง 35 ดอลล่าร์ แลกทองได้ 1 ออนซ์ อเมริกาชอบใจเพราะตอนนั้นมีทองอยู่ล้นลิ้นชัก ขณะเดียวกันบริษัทยักษ์ใหญ่น้ำมันกับพี่เบิ้มวงการธนาคาร และนักค้าเงินแถว Wall Street ก็จับมือกันเล่นกล ปั่นหุ้นปั่นเงิน ในที่สุดก็ตลาดเงินก็อยู่ในมือของพวกเขา ที่น่าสนใจ เช่นเดียวกับการเข้าไปในลาตินอเมริกาของพวกโคตรรวย เขามองหาเป้าหมายและปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องอาหาร เขาใช้โลกที่ 3 โดยเฉพาะลาตินอเมริกาเป็นเหยือ ในโลกของน้ำมันและการเงินก็มีเหยื่อเช่นเดียวกัน คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในยุคที่ดนตรีป๊อปญี่ปุ่น เฟื่องฟูช่วงทศวรรษ 1980 ลุงก็เป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในเทคโนโลยีและดนตรีอย่างมาก วันหนึ่งในปี 1986 ขณะที่ลุงนั่งทำการบ้านตอนเย็นๆ พ่อของลุงได้เปิดวิทยุเพลง "ฮาร์ฟมูน เซเรเนด" (ハーフムーン・セレナーデ) ของนาโอโกะ คาวาอิ (河合奈保子) ให้ฟังเป็นครั้งแรก เสียงเปียโน ที่นุ่มนวลและทำนองที่ไพเราะทำให้ลุงหลงรักเพลงนี้ในทันที

    นาโอโกะ คาวาอิ เป็นไอดอลที่ได้รับความนิยมสูงสุดในยุคนั้น ด้วยภาพลักษณ์ที่สดใสและน้ำเสียงที่ไพเราะ เธอเดบิวต์ในปี 1979 และมีเพลงฮิตมากมาย เช่น "Tanpopo no Sora e" และ "Smile for Me" แต่เมื่อถึงกลางทศวรรษ 1980 เธอเริ่มรู้สึกถึงข้อจำกัดของการเป็นไอดอลที่ต้องยึดติดกับภาพลักษณ์ที่ถูกกำหนดไว้

    "ฮาร์ฟมูน เซเรเนด" เป็นซิงเกิลที่ 26 ของนาโอโกะ และเป็นผลงานที่เธอแต่งทำนองเองเป็นครั้งแรก เพลงนี้อยู่ในอัลบั้ม Scarlet ซึ่งนาโอโกะแต่งทำนองทุกเพลงด้วยตัวเอง แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ซ่อนอยู่และความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองในฐานะศิลปินที่จริงจัง

    เนื้อเพลงของ "ฮาร์ฟมูน เซเรเนด" เขียนโดยยูมิ โยชิโมโตะ (吉元由美) นักแต่งเพลงชื่อดังที่ถ่ายทอดเรื่องราวของความรักและความปรารถนาผ่านภาพของพระจันทร์ครึ่งดวง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความไม่สมบูรณ์แต่ยังคงงดงามในตัวเอง เนื้อหาของเพลงพูดถึงการโหยหาความรักที่ไม่อาจเอื้อมถึง ผสมผสานกับความหวังและความเศร้าที่ละเมียดละไม

    ลุงจำได้ว่าลุงฟังเพลงนี้ครั้งแรกในห้องนั่งเล่นของบ้าน เสียงเปียโนที่เธอเล่นด้วยตัวเองทำให้ลุงรู้สึกถึงความลึกซึ้งและความจริงใจในเสียงเพลงนั้น การแสดงเพลงนี้ในงาน NHK Kohaku Uta Gassen ปี 1986 ซึ่งเป็นรายการดนตรีสุดยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่น และเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอขึ้นเวทีนี้ ยิ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของ "ฮาร์ฟมูน เซเรเนด" ในชีวิตการทำงานของเธอ

    ความงดงามของ "ฮาร์ฟมูน เซเรเนด" ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น เพลงนี้ยังได้รับความนิยมในระดับสากล โดยเฉพาะเมื่อแฮคเคน ลี (李克勤) นักร้องชื่อดังจากฮ่องกง นำเพลงนี้ไปคัฟเวอร์ในชื่อ "月半小夜曲" (Moon Half Serenade) ซึ่งกลายเป็นเพลงฮิตที่ครองชาร์ตในภูมิภาคที่พูดภาษาจีนอย่างยาวนาน

    ถึงแม้ว่านาโอโกะ คาวาอิ จะตัดสินใจวางมือจากวงการบันเทิงในปี 1997 เพื่อทุ่มเทให้กับครอบครัวหลังแต่งงาน "ฮาร์ฟมูน เซเรเนด" ยังคงเป็นผลงานที่ทิ้งรอยไว้ในวงการดนตรีอย่างลบเลือนไม่ได้ เพลงนี้ไม่เพียงเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถรอบด้านของเธอในฐานะนักร้อง นักแต่งเพลง และนักดนตรี แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านจากไอดอลสู่ศิลปินที่ได้รับการยอมรับอย่างแท้จริง

    ลุงยังคงฟังเพลงนี้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพื่อรำลึกถึงวันวาน หรือการค้นพบครั้งแรกในยุคสมัยใหม่ "ฮาร์ฟมูน เซเรเนด" ยังคงส่องแสงดั่งพระจันทร์ครึ่งดวงที่ไม่เคยจางหายไปจากท้องฟ้าของวงการดนตรี

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://youtu.be/kuGxX6ycKQs
    ในยุคที่ดนตรีป๊อปญี่ปุ่น 🗾 เฟื่องฟูช่วงทศวรรษ 1980 ลุงก็เป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในเทคโนโลยีและดนตรีอย่างมาก วันหนึ่งในปี 1986 ขณะที่ลุงนั่งทำการบ้านตอนเย็นๆ พ่อของลุงได้เปิดวิทยุเพลง "ฮาร์ฟมูน เซเรเนด" (ハーフムーン・セレナーデ) ของนาโอโกะ คาวาอิ (河合奈保子) ให้ฟังเป็นครั้งแรก เสียงเปียโน 🎹 ที่นุ่มนวลและทำนองที่ไพเราะทำให้ลุงหลงรักเพลงนี้ในทันที นาโอโกะ คาวาอิ เป็นไอดอลที่ได้รับความนิยมสูงสุดในยุคนั้น ด้วยภาพลักษณ์ที่สดใสและน้ำเสียงที่ไพเราะ เธอเดบิวต์ในปี 1979 และมีเพลงฮิตมากมาย เช่น "Tanpopo no Sora e" และ "Smile for Me" แต่เมื่อถึงกลางทศวรรษ 1980 เธอเริ่มรู้สึกถึงข้อจำกัดของการเป็นไอดอลที่ต้องยึดติดกับภาพลักษณ์ที่ถูกกำหนดไว้ "ฮาร์ฟมูน เซเรเนด" 🌙 เป็นซิงเกิลที่ 26 ของนาโอโกะ และเป็นผลงานที่เธอแต่งทำนองเองเป็นครั้งแรก เพลงนี้อยู่ในอัลบั้ม Scarlet ซึ่งนาโอโกะแต่งทำนองทุกเพลงด้วยตัวเอง แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ซ่อนอยู่และความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองในฐานะศิลปินที่จริงจัง เนื้อเพลงของ "ฮาร์ฟมูน เซเรเนด" เขียนโดยยูมิ โยชิโมโตะ (吉元由美) นักแต่งเพลงชื่อดังที่ถ่ายทอดเรื่องราวของความรักและความปรารถนาผ่านภาพของพระจันทร์ครึ่งดวง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความไม่สมบูรณ์แต่ยังคงงดงามในตัวเอง เนื้อหาของเพลงพูดถึงการโหยหาความรักที่ไม่อาจเอื้อมถึง ผสมผสานกับความหวังและความเศร้าที่ละเมียดละไม 💌 ลุงจำได้ว่าลุงฟังเพลงนี้ครั้งแรกในห้องนั่งเล่นของบ้าน เสียงเปียโนที่เธอเล่นด้วยตัวเองทำให้ลุงรู้สึกถึงความลึกซึ้งและความจริงใจในเสียงเพลงนั้น การแสดงเพลงนี้ในงาน NHK Kohaku Uta Gassen ปี 1986 ซึ่งเป็นรายการดนตรีสุดยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่น และเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอขึ้นเวทีนี้ ยิ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของ "ฮาร์ฟมูน เซเรเนด" ในชีวิตการทำงานของเธอ ความงดงามของ "ฮาร์ฟมูน เซเรเนด" ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น เพลงนี้ยังได้รับความนิยมในระดับสากล โดยเฉพาะเมื่อแฮคเคน ลี (李克勤) นักร้องชื่อดังจากฮ่องกง นำเพลงนี้ไปคัฟเวอร์ในชื่อ "月半小夜曲" (Moon Half Serenade) ซึ่งกลายเป็นเพลงฮิตที่ครองชาร์ตในภูมิภาคที่พูดภาษาจีนอย่างยาวนาน ถึงแม้ว่านาโอโกะ คาวาอิ จะตัดสินใจวางมือจากวงการบันเทิงในปี 1997 เพื่อทุ่มเทให้กับครอบครัวหลังแต่งงาน "ฮาร์ฟมูน เซเรเนด" ยังคงเป็นผลงานที่ทิ้งรอยไว้ในวงการดนตรีอย่างลบเลือนไม่ได้ เพลงนี้ไม่เพียงเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถรอบด้านของเธอในฐานะนักร้อง นักแต่งเพลง และนักดนตรี แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านจากไอดอลสู่ศิลปินที่ได้รับการยอมรับอย่างแท้จริง ลุงยังคงฟังเพลงนี้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพื่อรำลึกถึงวันวาน หรือการค้นพบครั้งแรกในยุคสมัยใหม่ "ฮาร์ฟมูน เซเรเนด" ยังคงส่องแสงดั่งพระจันทร์ครึ่งดวงที่ไม่เคยจางหายไปจากท้องฟ้าของวงการดนตรี 📻🎷🎵 #ลุงเล่าหลานฟัง https://youtu.be/kuGxX6ycKQs
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 462 มุมมอง 0 รีวิว
  • จรวดหลายลำกล้อง Tornado-S ของรัสเซีย โจมตีกองกำลังทหารเคียฟที่เมืองโชสต์กา (Shostka ) ในภูมิภาคซูมี ส่งผลให้ทหารยูเครนเสียชีวิตกว่า 50 นาย และทำลายรถยนต์ได้มากกว่า 5 คัน
    จรวดหลายลำกล้อง Tornado-S ของรัสเซีย โจมตีกองกำลังทหารเคียฟที่เมืองโชสต์กา (Shostka ) ในภูมิภาคซูมี ส่งผลให้ทหารยูเครนเสียชีวิตกว่า 50 นาย และทำลายรถยนต์ได้มากกว่า 5 คัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อยากเป็นพี่ใหญ่ แต่ไม่เคยคิดปกป้องน้องๆ"

    ภาพวิดีโอแสดงถึงแสนยานุภาพทางอากาศของกองทัพอากาศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งคาดว่าทรงพลังที่สุดในโลกอาหรับ

    แม้ว่าอิสราเอลรัฐที่มีพื้นที่จำกัด ซึ่งป็นผู้นำในการครองอำนาจทางอากาศในภูมิภาคตะวันออกกลาง แต่กองทัพอากาศซาอุดีอาระเบีย (RSAF) ในปัจจุบันเป็นกองทัพอากาศที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในตะวันออกกลาง และแข็งแกร่งที่สุดในโลกอาหรับอย่างไม่ต้องสงสัย

    ด้วยเครื่องบินกว่า 900 ลำ ซาอุดีอาระเบียจัดได้ว่ามีทัพฝูงบินที่ทันสมัยและพร้อมรบที่สุด:

    เครื่องบินขับไล่โจมตีอเนกประสงค์ F-15SA/S จำนวน 152 ลำ

    เครื่องบินยูโรไฟเตอร์ ไทฟูน จำนวน 72 ลำ

    เครื่องบินขับไล่ F-15C/D อีเกิลส์ มากกว่า 59 ลำ

    เครื่องบิน Tornado IDS จำนวน 81 ลำ

    เครื่องบินเติมน้ำมัน AWACS, SIGINT และ MRTT ขั้นสูง

    เครื่องบิน Apache Guardian มากกว่า 47 ลำ และฝูงบินเฮลิคอปเตอร์ที่แข็งแกร่ง

    เกือบทั้งหมด ล้วนได้รับการสนับสนุนอย่างดีในด้านการป้องกันประเทศจากสหรัฐฯ

    บางทีนี่อาจเป็นเพียง "ของสะสม" ของประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกเท่านั้นเอง
    "อยากเป็นพี่ใหญ่ แต่ไม่เคยคิดปกป้องน้องๆ" ภาพวิดีโอแสดงถึงแสนยานุภาพทางอากาศของกองทัพอากาศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งคาดว่าทรงพลังที่สุดในโลกอาหรับ แม้ว่าอิสราเอลรัฐที่มีพื้นที่จำกัด ซึ่งป็นผู้นำในการครองอำนาจทางอากาศในภูมิภาคตะวันออกกลาง แต่กองทัพอากาศซาอุดีอาระเบีย (RSAF) ในปัจจุบันเป็นกองทัพอากาศที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในตะวันออกกลาง และแข็งแกร่งที่สุดในโลกอาหรับอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยเครื่องบินกว่า 900 ลำ ซาอุดีอาระเบียจัดได้ว่ามีทัพฝูงบินที่ทันสมัยและพร้อมรบที่สุด: 🔹เครื่องบินขับไล่โจมตีอเนกประสงค์ F-15SA/S จำนวน 152 ลำ 🔹เครื่องบินยูโรไฟเตอร์ ไทฟูน จำนวน 72 ลำ 🔹เครื่องบินขับไล่ F-15C/D อีเกิลส์ มากกว่า 59 ลำ 🔹เครื่องบิน Tornado IDS จำนวน 81 ลำ เครื่องบินเติมน้ำมัน AWACS, SIGINT และ MRTT ขั้นสูง 🔹เครื่องบิน Apache Guardian มากกว่า 47 ลำ และฝูงบินเฮลิคอปเตอร์ที่แข็งแกร่ง เกือบทั้งหมด ล้วนได้รับการสนับสนุนอย่างดีในด้านการป้องกันประเทศจากสหรัฐฯ บางทีนี่อาจเป็นเพียง "ของสะสม" ของประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกเท่านั้นเอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 475 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • RealSense แยกตัวจาก Intel – รับทุน 50 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างอนาคต AI และหุ่นยนต์

    RealSense ซึ่งเป็นแบรนด์ที่รู้จักกันดีด้านกล้องตรวจจับความลึก (depth cameras) ได้ประกาศแยกตัวออกจาก Intel อย่างเป็นทางการ และจะดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทอิสระ โดยยังคงใช้ชื่อเดิม “RealSense”

    บริษัทได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek Innovation Fund เพื่อขยายตลาดและเพิ่มกำลังการผลิต โดยเน้นไปที่เทคโนโลยี AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และระบบคอมพิวเตอร์วิทัศน์ (computer vision)

    CEO ของ RealSense, Nadav Orbach กล่าวว่า “เราจะใช้ความเป็นอิสระนี้เพื่อเร่งนวัตกรรมและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็ว” พร้อมระบุว่าเทคโนโลยีของบริษัทถูกใช้งานใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก

    RealSense มีลูกค้ากว่า 3,000 รายทั่วโลก และถือครองสิทธิบัตรด้าน computer vision มากกว่า 80 รายการ โดยมีพันธมิตรสำคัญ เช่น ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics

    บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรด้าน AI และหุ่นยนต์ รวมถึงทีมขายและการตลาด เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาด edge AI และระบบจดจำใบหน้าในสถานที่สาธารณะ

    ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่รองรับ Power over Ethernet และใช้ชิป Vision SoC V5 ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการนำไปใช้งานในอุปกรณ์จำนวนมาก

    ข้อมูลจากข่าว
    - RealSense แยกตัวจาก Intel และกลายเป็นบริษัทอิสระ
    - ได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek
    - มุ่งเน้นด้าน AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และ computer vision
    - เทคโนโลยีของ RealSense ถูกใช้ใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก
    - มีลูกค้ากว่า 3,000 ราย และถือครองสิทธิบัตรกว่า 80 รายการ
    - พันธมิตรสำคัญ ได้แก่ ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics
    - ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่ใช้ Vision SoC V5 และรองรับ PoE
    - บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรและทีมขายเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - การแยกตัวจาก Intel อาจทำให้ RealSenseต้องเผชิญกับความท้าทายด้านทรัพยากรและการบริหารจัดการ
    - การแข่งขันในตลาด computer vision และ edge AI รุนแรงขึ้น โดยมีผู้เล่นรายใหญ่หลายราย
    - การนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้าไปใช้ในพื้นที่สาธารณะอาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของประชาชน
    - การพึ่งพาเงินลงทุนจากบริษัทใหญ่ อาจมีข้อจำกัดด้านทิศทางธุรกิจในอนาคต
    - การนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนมากต้องใช้เวลาและการทดสอบที่เข้มงวด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/realsense-completes-spin-out-from-intel-gets-usd50-million-in-funding-from-intel-capital-and-mediatek
    RealSense แยกตัวจาก Intel – รับทุน 50 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างอนาคต AI และหุ่นยนต์ RealSense ซึ่งเป็นแบรนด์ที่รู้จักกันดีด้านกล้องตรวจจับความลึก (depth cameras) ได้ประกาศแยกตัวออกจาก Intel อย่างเป็นทางการ และจะดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทอิสระ โดยยังคงใช้ชื่อเดิม “RealSense” บริษัทได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek Innovation Fund เพื่อขยายตลาดและเพิ่มกำลังการผลิต โดยเน้นไปที่เทคโนโลยี AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และระบบคอมพิวเตอร์วิทัศน์ (computer vision) CEO ของ RealSense, Nadav Orbach กล่าวว่า “เราจะใช้ความเป็นอิสระนี้เพื่อเร่งนวัตกรรมและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็ว” พร้อมระบุว่าเทคโนโลยีของบริษัทถูกใช้งานใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก RealSense มีลูกค้ากว่า 3,000 รายทั่วโลก และถือครองสิทธิบัตรด้าน computer vision มากกว่า 80 รายการ โดยมีพันธมิตรสำคัญ เช่น ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรด้าน AI และหุ่นยนต์ รวมถึงทีมขายและการตลาด เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาด edge AI และระบบจดจำใบหน้าในสถานที่สาธารณะ ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่รองรับ Power over Ethernet และใช้ชิป Vision SoC V5 ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการนำไปใช้งานในอุปกรณ์จำนวนมาก ✅ ข้อมูลจากข่าว - RealSense แยกตัวจาก Intel และกลายเป็นบริษัทอิสระ - ได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek - มุ่งเน้นด้าน AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และ computer vision - เทคโนโลยีของ RealSense ถูกใช้ใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก - มีลูกค้ากว่า 3,000 ราย และถือครองสิทธิบัตรกว่า 80 รายการ - พันธมิตรสำคัญ ได้แก่ ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics - ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่ใช้ Vision SoC V5 และรองรับ PoE - บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรและทีมขายเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - การแยกตัวจาก Intel อาจทำให้ RealSenseต้องเผชิญกับความท้าทายด้านทรัพยากรและการบริหารจัดการ - การแข่งขันในตลาด computer vision และ edge AI รุนแรงขึ้น โดยมีผู้เล่นรายใหญ่หลายราย - การนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้าไปใช้ในพื้นที่สาธารณะอาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของประชาชน - การพึ่งพาเงินลงทุนจากบริษัทใหญ่ อาจมีข้อจำกัดด้านทิศทางธุรกิจในอนาคต - การนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนมากต้องใช้เวลาและการทดสอบที่เข้มงวด https://www.tomshardware.com/tech-industry/realsense-completes-spin-out-from-intel-gets-usd50-million-in-funding-from-intel-capital-and-mediatek
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 403 มุมมอง 0 รีวิว
  • กล้องวงจรปิด (CCTV) เคยเป็นแค่เรื่องรักษาความปลอดภัย แต่วันนี้มันกลายเป็นเรื่องของ "ความมั่นคงระดับชาติ"

    แคนาดาเพิ่งสั่งให้ Hikvision — บริษัทยักษ์ใหญ่จากจีนที่เป็น ผู้ผลิตกล้องวงจรปิดอันดับ 1 ของโลก — หยุดดำเนินงานในประเทศ โดยระบุว่า “เป็นภัยต่อความมั่นคงของแคนาดา” (แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเพราะอะไร)

    หลายฝ่ายเชื่อว่าสาเหตุอาจมาจากความสัมพันธ์ของ Hikvision กับรัฐจีน ซึ่งมีข่าวว่า กล้องแบรนด์นี้ถูกใช้ในระบบตรวจจับ–ติดตามชาวอุยกูร์ในซินเจียง มาก่อน — และประเทศอย่างสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ก็เคยแบนมาแล้วเช่นกัน

    ที่น่าสนใจคือ Canada ไม่ใช่แค่ห้ามซื้อใหม่ แต่ จะทยอยเลิกใช้กล้อง Hikvision ที่ติดตั้งอยู่แล้วในสถานที่ราชการ — และขอให้ประชาชน "ใช้วิจารณญาณ" ถ้าจะซื้ออุปกรณ์จากแบรนด์นี้ด้วย

    Hikvision เองก็ออกมาโต้ว่า "ไม่เป็นธรรม ขาดความโปร่งใส และดูเหมือนโดนเล่นงานเพราะเป็นบริษัทจากจีน" — ซึ่งก็สะท้อนว่าเทคโนโลยีบางอย่างกำลังถูกแปะป้าย “น่าเชื่อถือ/ไม่น่าเชื่อถือ” ด้วยเหตุผลทางภูมิรัฐศาสตร์มากกว่าเทคนิคจริง ๆ แล้วครับ

    แคนาดาสั่งให้ Hikvision หยุดดำเนินกิจการในประเทศทันที  
    • อ้างเหตุผลด้าน “ภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ”
    • อิงตามกฎหมาย Investment Canada Act

    Hikvision คือผู้ผลิต CCTV รายใหญ่ที่สุดของโลก  
    • เข้ามาทำตลาดในแคนาดาตั้งแต่ปี 2014  
    • ถูกมองว่ามีความเชื่อมโยงกับโครงการรัฐจีน

    แคนาดาจะทยอยเลิกใช้ Hikvision ในอาคารราชการและภาครัฐ
    • พร้อมขอให้ประชาชน “พิจารณาอย่างรอบคอบ” หากจะใช้อุปกรณ์จากแบรนด์นี้

    ประเทศอื่น ๆ เคยแบน Hikvision มาแล้ว เช่น:  
    • สหรัฐฯ, อังกฤษ, ออสเตรเลีย  
    • โดยเฉพาะจากข้อกล่าวหาว่าอุปกรณ์ถูกใช้สอดแนมชาวอุยกูร์ในจีน (ซึ่งจีนปฏิเสธ)

    Hikvision แถลงการณ์ว่า “การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เป็นธรรม และขาดหลักฐานชัดเจน”

    https://www.techradar.com/pro/is-the-worlds-largest-cctv-surveillance-camera-vendor-going-to-be-the-next-huawei-canada-gov-bans-hikvision-amidst-security-fears
    กล้องวงจรปิด (CCTV) เคยเป็นแค่เรื่องรักษาความปลอดภัย แต่วันนี้มันกลายเป็นเรื่องของ "ความมั่นคงระดับชาติ" แคนาดาเพิ่งสั่งให้ Hikvision — บริษัทยักษ์ใหญ่จากจีนที่เป็น ผู้ผลิตกล้องวงจรปิดอันดับ 1 ของโลก — หยุดดำเนินงานในประเทศ โดยระบุว่า “เป็นภัยต่อความมั่นคงของแคนาดา” (แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเพราะอะไร) หลายฝ่ายเชื่อว่าสาเหตุอาจมาจากความสัมพันธ์ของ Hikvision กับรัฐจีน ซึ่งมีข่าวว่า กล้องแบรนด์นี้ถูกใช้ในระบบตรวจจับ–ติดตามชาวอุยกูร์ในซินเจียง มาก่อน — และประเทศอย่างสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ก็เคยแบนมาแล้วเช่นกัน ที่น่าสนใจคือ Canada ไม่ใช่แค่ห้ามซื้อใหม่ แต่ จะทยอยเลิกใช้กล้อง Hikvision ที่ติดตั้งอยู่แล้วในสถานที่ราชการ — และขอให้ประชาชน "ใช้วิจารณญาณ" ถ้าจะซื้ออุปกรณ์จากแบรนด์นี้ด้วย Hikvision เองก็ออกมาโต้ว่า "ไม่เป็นธรรม ขาดความโปร่งใส และดูเหมือนโดนเล่นงานเพราะเป็นบริษัทจากจีน" — ซึ่งก็สะท้อนว่าเทคโนโลยีบางอย่างกำลังถูกแปะป้าย “น่าเชื่อถือ/ไม่น่าเชื่อถือ” ด้วยเหตุผลทางภูมิรัฐศาสตร์มากกว่าเทคนิคจริง ๆ แล้วครับ ✅ แคนาดาสั่งให้ Hikvision หยุดดำเนินกิจการในประเทศทันที   • อ้างเหตุผลด้าน “ภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ” • อิงตามกฎหมาย Investment Canada Act ✅ Hikvision คือผู้ผลิต CCTV รายใหญ่ที่สุดของโลก   • เข้ามาทำตลาดในแคนาดาตั้งแต่ปี 2014   • ถูกมองว่ามีความเชื่อมโยงกับโครงการรัฐจีน ✅ แคนาดาจะทยอยเลิกใช้ Hikvision ในอาคารราชการและภาครัฐ • พร้อมขอให้ประชาชน “พิจารณาอย่างรอบคอบ” หากจะใช้อุปกรณ์จากแบรนด์นี้ ✅ ประเทศอื่น ๆ เคยแบน Hikvision มาแล้ว เช่น:   • สหรัฐฯ, อังกฤษ, ออสเตรเลีย   • โดยเฉพาะจากข้อกล่าวหาว่าอุปกรณ์ถูกใช้สอดแนมชาวอุยกูร์ในจีน (ซึ่งจีนปฏิเสธ) ✅ Hikvision แถลงการณ์ว่า “การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เป็นธรรม และขาดหลักฐานชัดเจน” https://www.techradar.com/pro/is-the-worlds-largest-cctv-surveillance-camera-vendor-going-to-be-the-next-huawei-canada-gov-bans-hikvision-amidst-security-fears
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 529 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2 นายพล หน่วยอารักขา “ฮุน เซน” ถูกศาลฝรั่งเศสฟ้อง ฐานอยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่กลางกรุงพนมเปญ12 มีนาคม 2568ศาลฝรั่งเศสเปิดคดี “ฆ่าหมู่ 1997” กลางกรุงพนมเปญ — 2 นายพลเขมร อดีตบอดี้การ์ดของ “ฮุน เซน” ถูกไต่สวน!ฆ่าหมู่กลางกรุงพนมเปญ 1997 — ไม่มีใครถูกจับแม้แต่คนเดียว!30 มีนาคม 1997 — ผู้ประท้วงรวมตัวที่สวนสาธารณะฝั่งตรงข้ามรัฐสภากัมพูชา เพื่อเรียกร้องให้ยุติ “ตุลาการใต้ตีน” ของระบอบฮุน เซนจู่ ๆ เกิดระเบิดหลายลูกปะทุใส่ฝูงชนเสียชีวิตอย่างน้อย 16 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 150 ราย — เลือดสาดทั่วสวนพยานหลายคนเล่าว่า “มือระเบิดวิ่งเข้าไปหาหน่วยอารักขาฮุน เซน” ที่ใส่ชุดปราบจลาจลครบมือ — แต่กลับปล่อยให้พวกเขาหลบหนี!รอน แอบนีย์ พลเมืองสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บสาหัส ทำให้ FBI ส่งทีมสอบสวนทันทีรายงาน FBI ถูกเปิดเผยในปี 2009แต่…ไม่มีใครถูกจับแม้แต่คนเดียว!จนกระทั่งปี 2021 ศาลฝรั่งเศสออกหมายจับ:• ฮิง บุน เหียง — รองผู้บัญชาการกองทัพ และหัวหน้าหน่วยอารักขาครอบครัวฮุน เซน• ฮุย พิเซธ — รัฐมนตรีช่วยกลาโหม และรองหัวหน้าคณะที่ปรึกษาของ “ฮุน มาเนต” ลูกชายฮุน เซนคดีนี้เริ่มจากคำร้องของ “แซม เรนซี” และภรรยาในฝรั่งเศสศาลฝรั่งเศสเคยออกหมายเรียกตัว “ฮุน เซน” ด้วยแต่รัฐบาลฝรั่งเศสกลับบล็อก โดยอ้างว่า “ผู้นำรัฐบาลมีเอกสิทธิ์คุ้มกันตามกฎหมาย”Brad Adams อดีตเจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนแห่ง UN เล่าว่า“ผมไปถึงสวนหลังเหตุระเบิดแค่ 10 นาที…ศพเกลื่อนพื้นทหารยังขัดขวางไม่ให้ช่วยคนเจ็บตำรวจมาถึงทีหลังก็ยืนดูเฉย ๆ…สุดท้าย คนธรรมดานั่นแหละที่ช่วยกันหามคนเจ็บ”ฮิง บุน เหียง ยืนยันกับ RFA ว่า “จะไม่ไปศาล และไม่ส่งทนาย”พร้อมท้าทายว่า: “ไม่มีรูปผมโยนระเบิด แล้วคุณจะจับผมได้ยังไง?”ปี 2018 สหรัฐฯ คว่ำบาตร “ฮิง บุน เหียง” จากเหตุการณ์นี้ รวมถึงอีกหลายคดีทำร้ายประชาชนมือเปล่าขณะที่ฮุย พิเซธ ยอมรับกับ FBI ว่าเขาคือคนสั่งส่งกำลังทหารจากกองพลที่ 70 มาล้อมสวนในวันเกิดเหตุ⸻ฆ่าหมู่ต่อหน้าประชาชน — แต่ไม่มีใครต้องรับผิดรัฐบาลฮุน เซนไม่เคยสอบสวนใคร — มีแต่ปิดปากแต่โลกไม่ลืม — และความจริงจะไม่ตาย#CSI_LA #ฆ่าหมู่1997 #ฝรั่งเศสลากขึ้นศาล #ฮุนเซน #หน่วยฆ่าประชาชน #CambodiaMassacre #GrenadeAttack2 Generals from Hun Sen’s Bodyguard Unit Indicted by French Court for Role in Phnom Penh MassacreMarch 12, 2025A French court has officially opened a case over the 1997 Phnom Penh massacre — putting two Cambodian generals, both former bodyguards of Hun Sen, on trial in absentia.Phnom Penh Massacre, 1997 — Not a Single Person Has Ever Been ArrestedMarch 30, 1997 — Protesters gathered at a park across from the Cambodian National Assembly to denounce Hun Sen’s authoritarian judiciary.Suddenly, several grenades were hurled into the crowd.At least 16 people were killed and more than 150 were injured — blood stained the ground.Eyewitnesses say the grenade-throwers ran toward Hun Sen’s fully equipped bodyguards, who allowed them to escape without pursuit.Ron Abney, a U.S. citizen, was among those seriously injured — prompting the FBI to send investigators to Cambodia.The FBI report was declassified in 2009.But no one was ever arrested.It wasn’t until 2021 that France issued arrest warrants for:• Hing Bun Hieng — Now Deputy Commander-in-Chief of the Armed Forces and head of Hun Sen’s family bodyguard unit• Huy Piseth — Secretary of State at the Ministry of Defense and Deputy Chief of Staff to Hun Manet, Hun Sen’s son→ The case was launched after a legal complaint by Sam Rainsy and his wife, both living in exile in France.The French court initially summoned Hun Sen himself — but the French government blocked the warrant, citing diplomatic immunity laws protecting heads of government.Brad Adams, a former U.N. human rights officer, recalled:“I arrived at the park about 10 minutes after the blast — bodies were everywhere.Soldiers interfered with rescue efforts.Police arrived later but just stood around.It was civilians who carried the injured to safety.”Hing Bun Hieng told RFA he will not appear in court or send a lawyer, saying:“Sam Rainsy has accused me for over 30 years with no real evidence.Are there any photos of me ordering the grenade attack?”In 2018, the U.S. government sanctioned Hing Bun Hieng over this attack and other incidents involving violence against unarmed civilians.Meanwhile, Huy Piseth admitted to the FBI that he had ordered the 70th Brigade to be deployed to the park on the day of the attack.⸻A massacre in broad daylight — and no one has been held accountable.The Hun Sen regime never investigated — only silenced.But the world has not forgotten — and the truth will not die.#CSI_LA #PhnomPenhMassacre1997 #FranceOpensTrial #HunSen #Impunity #Cambodia #GrenadeAttack #JusticeDelayed
    2 นายพล หน่วยอารักขา “ฮุน เซน” ถูกศาลฝรั่งเศสฟ้อง ฐานอยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่กลางกรุงพนมเปญ12 มีนาคม 2568ศาลฝรั่งเศสเปิดคดี “ฆ่าหมู่ 1997” กลางกรุงพนมเปญ — 2 นายพลเขมร อดีตบอดี้การ์ดของ “ฮุน เซน” ถูกไต่สวน!ฆ่าหมู่กลางกรุงพนมเปญ 1997 — ไม่มีใครถูกจับแม้แต่คนเดียว!30 มีนาคม 1997 — ผู้ประท้วงรวมตัวที่สวนสาธารณะฝั่งตรงข้ามรัฐสภากัมพูชา เพื่อเรียกร้องให้ยุติ “ตุลาการใต้ตีน” ของระบอบฮุน เซนจู่ ๆ เกิดระเบิดหลายลูกปะทุใส่ฝูงชนเสียชีวิตอย่างน้อย 16 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 150 ราย — เลือดสาดทั่วสวนพยานหลายคนเล่าว่า “มือระเบิดวิ่งเข้าไปหาหน่วยอารักขาฮุน เซน” ที่ใส่ชุดปราบจลาจลครบมือ — แต่กลับปล่อยให้พวกเขาหลบหนี!รอน แอบนีย์ พลเมืองสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บสาหัส ทำให้ FBI ส่งทีมสอบสวนทันทีรายงาน FBI ถูกเปิดเผยในปี 2009แต่…ไม่มีใครถูกจับแม้แต่คนเดียว!จนกระทั่งปี 2021 ศาลฝรั่งเศสออกหมายจับ:• ฮิง บุน เหียง — รองผู้บัญชาการกองทัพ และหัวหน้าหน่วยอารักขาครอบครัวฮุน เซน• ฮุย พิเซธ — รัฐมนตรีช่วยกลาโหม และรองหัวหน้าคณะที่ปรึกษาของ “ฮุน มาเนต” ลูกชายฮุน เซนคดีนี้เริ่มจากคำร้องของ “แซม เรนซี” และภรรยาในฝรั่งเศสศาลฝรั่งเศสเคยออกหมายเรียกตัว “ฮุน เซน” ด้วยแต่รัฐบาลฝรั่งเศสกลับบล็อก โดยอ้างว่า “ผู้นำรัฐบาลมีเอกสิทธิ์คุ้มกันตามกฎหมาย”Brad Adams อดีตเจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนแห่ง UN เล่าว่า“ผมไปถึงสวนหลังเหตุระเบิดแค่ 10 นาที…ศพเกลื่อนพื้นทหารยังขัดขวางไม่ให้ช่วยคนเจ็บตำรวจมาถึงทีหลังก็ยืนดูเฉย ๆ…สุดท้าย คนธรรมดานั่นแหละที่ช่วยกันหามคนเจ็บ”ฮิง บุน เหียง ยืนยันกับ RFA ว่า “จะไม่ไปศาล และไม่ส่งทนาย”พร้อมท้าทายว่า: “ไม่มีรูปผมโยนระเบิด แล้วคุณจะจับผมได้ยังไง?”ปี 2018 สหรัฐฯ คว่ำบาตร “ฮิง บุน เหียง” จากเหตุการณ์นี้ รวมถึงอีกหลายคดีทำร้ายประชาชนมือเปล่าขณะที่ฮุย พิเซธ ยอมรับกับ FBI ว่าเขาคือคนสั่งส่งกำลังทหารจากกองพลที่ 70 มาล้อมสวนในวันเกิดเหตุ⸻ฆ่าหมู่ต่อหน้าประชาชน — แต่ไม่มีใครต้องรับผิดรัฐบาลฮุน เซนไม่เคยสอบสวนใคร — มีแต่ปิดปากแต่โลกไม่ลืม — และความจริงจะไม่ตาย#CSI_LA #ฆ่าหมู่1997 #ฝรั่งเศสลากขึ้นศาล #ฮุนเซน #หน่วยฆ่าประชาชน #CambodiaMassacre #GrenadeAttack2 Generals from Hun Sen’s Bodyguard Unit Indicted by French Court for Role in Phnom Penh MassacreMarch 12, 2025A French court has officially opened a case over the 1997 Phnom Penh massacre — putting two Cambodian generals, both former bodyguards of Hun Sen, on trial in absentia.Phnom Penh Massacre, 1997 — Not a Single Person Has Ever Been ArrestedMarch 30, 1997 — Protesters gathered at a park across from the Cambodian National Assembly to denounce Hun Sen’s authoritarian judiciary.Suddenly, several grenades were hurled into the crowd.At least 16 people were killed and more than 150 were injured — blood stained the ground.Eyewitnesses say the grenade-throwers ran toward Hun Sen’s fully equipped bodyguards, who allowed them to escape without pursuit.Ron Abney, a U.S. citizen, was among those seriously injured — prompting the FBI to send investigators to Cambodia.The FBI report was declassified in 2009.But no one was ever arrested.It wasn’t until 2021 that France issued arrest warrants for:• Hing Bun Hieng — Now Deputy Commander-in-Chief of the Armed Forces and head of Hun Sen’s family bodyguard unit• Huy Piseth — Secretary of State at the Ministry of Defense and Deputy Chief of Staff to Hun Manet, Hun Sen’s son→ The case was launched after a legal complaint by Sam Rainsy and his wife, both living in exile in France.The French court initially summoned Hun Sen himself — but the French government blocked the warrant, citing diplomatic immunity laws protecting heads of government.Brad Adams, a former U.N. human rights officer, recalled:“I arrived at the park about 10 minutes after the blast — bodies were everywhere.Soldiers interfered with rescue efforts.Police arrived later but just stood around.It was civilians who carried the injured to safety.”Hing Bun Hieng told RFA he will not appear in court or send a lawyer, saying:“Sam Rainsy has accused me for over 30 years with no real evidence.Are there any photos of me ordering the grenade attack?”In 2018, the U.S. government sanctioned Hing Bun Hieng over this attack and other incidents involving violence against unarmed civilians.Meanwhile, Huy Piseth admitted to the FBI that he had ordered the 70th Brigade to be deployed to the park on the day of the attack.⸻A massacre in broad daylight — and no one has been held accountable.The Hun Sen regime never investigated — only silenced.But the world has not forgotten — and the truth will not die.#CSI_LA #PhnomPenhMassacre1997 #FranceOpensTrial #HunSen #Impunity #Cambodia #GrenadeAttack #JusticeDelayed
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 910 มุมมอง 0 รีวิว
  • หากคุณเคยตามวงการไอทีมาตั้งแต่ยุค 2000 คงเคยได้ยินว่า “ไมโครซอฟท์เคยเกลียดลินุกซ์เข้าไส้” ถึงขั้นที่อดีตซีอีโอ Steve Ballmer เคยเปรียบลินุกซ์ว่าเป็น "cancer" ด้านลิขสิทธิ์ (intellectual property) เพราะมันเป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สที่เติบโตเร็วและขัดแย้งกับโมเดลของ Windows อย่างชัดเจน

    จนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทั้ง Gates และ Torvalds ได้พบกันในงานดินเนอร์ร่วมกับ Dave Cutler (ผู้สร้าง Windows NT) และ Mark Russinovich (CTO ของ Microsoft) ที่โพสต์ภาพลง LinkedIn แบบติดตลกว่า “มื้อนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรเรื่อง kernel แต่ไว้มื้อต่อไปก็ยังทัน”

    เป็นการพบกันที่ไม่มีใครเคยคิดว่าจะเกิดขึ้น เพราะ Gates คือผู้นำฝั่ง proprietary software ส่วน Torvalds คือตำนานฝั่ง open source ที่เคยพูดแรงใส่บริษัทต่าง ๆ (เขาเคยแจกนิ้วกลางให้ NVIDIA และด่า Intel แบบไม่ไว้หน้า) แต่หลังจากปี 2014 ที่ Satya Nadella เข้ารับตำแหน่ง CEO ไมโครซอฟท์ก็เริ่มเปิดใจมากขึ้น — สนับสนุนโอเพนซอร์ส, เข้าร่วม Linux Foundation, และเปิดซอร์ส .NET

    มื้อนี้จึงถือเป็นสัญลักษณ์ของ “การปรับมุมมองจากคู่แข่งสู่การร่วมโต๊ะ” ได้อย่างแท้จริง

    https://www.techspot.com/news/108415-bill-gates-finally-meets-linus-torvalds-dinner-tech.html
    หากคุณเคยตามวงการไอทีมาตั้งแต่ยุค 2000 คงเคยได้ยินว่า “ไมโครซอฟท์เคยเกลียดลินุกซ์เข้าไส้” ถึงขั้นที่อดีตซีอีโอ Steve Ballmer เคยเปรียบลินุกซ์ว่าเป็น "cancer" ด้านลิขสิทธิ์ (intellectual property) เพราะมันเป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สที่เติบโตเร็วและขัดแย้งกับโมเดลของ Windows อย่างชัดเจน จนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทั้ง Gates และ Torvalds ได้พบกันในงานดินเนอร์ร่วมกับ Dave Cutler (ผู้สร้าง Windows NT) และ Mark Russinovich (CTO ของ Microsoft) ที่โพสต์ภาพลง LinkedIn แบบติดตลกว่า “มื้อนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรเรื่อง kernel แต่ไว้มื้อต่อไปก็ยังทัน” เป็นการพบกันที่ไม่มีใครเคยคิดว่าจะเกิดขึ้น เพราะ Gates คือผู้นำฝั่ง proprietary software ส่วน Torvalds คือตำนานฝั่ง open source ที่เคยพูดแรงใส่บริษัทต่าง ๆ (เขาเคยแจกนิ้วกลางให้ NVIDIA และด่า Intel แบบไม่ไว้หน้า) แต่หลังจากปี 2014 ที่ Satya Nadella เข้ารับตำแหน่ง CEO ไมโครซอฟท์ก็เริ่มเปิดใจมากขึ้น — สนับสนุนโอเพนซอร์ส, เข้าร่วม Linux Foundation, และเปิดซอร์ส .NET มื้อนี้จึงถือเป็นสัญลักษณ์ของ “การปรับมุมมองจากคู่แข่งสู่การร่วมโต๊ะ” ได้อย่างแท้จริง https://www.techspot.com/news/108415-bill-gates-finally-meets-linus-torvalds-dinner-tech.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Bill Gates and Linus Torvalds meet for the first time at tech titans' dinner
    Microsoft chief technical officer Mark Russinovich posted evidence of the historic dinner in a LinkedIn post. Dave Cutler, the legendary programmer and lead architect of the Windows...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • Common Grammar Mistakes You May Be Making

    It’s no secret that English is a tough and pretty weird language to learn. There are so many grammar rules and exceptions that even the best of us make mistakes every now and then. However, some grammar mistakes are more common than others. In fact, you might be making some simple grammar mistakes without even knowing it. To do our part in helping everybody become a grammar great, we’ve put together a list that will help solve some of the most common grammar mistakes out there. Keep this list handy before you turn in your next paper or hit send on that important email to be the boss!

    Mistake 1: who or whom?
    Let’s start with a biggie: who and whom are a pair of commonly confused pronouns that are often used to ask questions or refer to unknown people. In short, who is a subject pronoun while whom is an object pronoun. This means that you would use who as you would use I, he, she, and they, and you would use whom in the same places as me, him, them, and us. For example:

    Who (subject) ate my lunch?
    You went to the beach with whom (object)?
    But interrogative sentences often jumble word order around, and many writers hesitate to place the object whom at the beginning of the sentence. Although correct, it just seems odd. For example:

    Whom (object) did you (subject) ask questions to?
    All of that said, in informal speech and writing, speakers will often opt for who where whom has traditionally been used. To learn much more about the differences between who and whom, check out our guide When Do You Use “Who” vs. “Whom”?

    Mistake 2: who or that?
    Who is back again to confuse us. Who and that are another pair of pronouns that can be easily mixed up. Generally speaking, who is used to refer to people (and possibly named animals) and that is used to refer to non-living things (and possibly unnamed animals). For example:

    Who lives here? (refers to a person or people)
    I never want to see that again. (refers to a thing or unnamed animal)
    Both who and that can also be used as relative pronouns to introduce relative clauses that describe nouns. As before, who is typically used to refer to people while that is used to refer to objects.

    I sat by the girl (person) who was wearing a hat.
    Kelly bought a car (object) that has good gas mileage.
    That being said, that is often used to describe people in informal writing. For example:

    He just met the girl that moved in next door.
    Most style guides recommend avoiding using that in this way in formal writing.

    Mistake 3: commas—all the commas
    We move from the apostrophe to possibly the most dreaded punctuation mark of all: the comma. It is hard to know where to even begin with commas, as they are the source of many, many grammar errors. To really master commas, you are best off checking out our amazing guide to proper comma usage. For now, we’ll just look at a couple of common comma mistakes to avoid:

    Common comma mistake: the splice
    This mistake occurs when a comma appears where it shouldn’t. When joining two independent clauses, a comma needs to be followed by a conjunction. But using a comma by itself (as in the first sentence below) is considered an error.

    Mistake: I like strawberry ice cream, my sister doesn’t.
    Fixed: I like strawberry ice cream, but my sister doesn’t.

    Common comma mistake: tricky subordinate clauses
    Subordinate clauses do not require a comma, and it is considered a mistake to use one.

    Mistake: Luke avoids cats, because he is allergic to them.
    Fixed: Luke avoids cats because he is allergic to them.

    Subordinate clauses begin with subordinating conjunctions, such as because, after, before, since, or although.

    Mistake 4: its or it’s?
    Only a single apostrophe separates the frustrating duo if its and it’s. The word its is a possessive pronoun that is used like the words my, his, her, and our. The word it’s is a contraction for the phrase “it is” or “it has.” Despite how similar they look, its and it’s have completely different meanings and usage. For example:

    The door fell off its (possessive) hinges.
    The idea is really bad but it’s (“it is”) the only one we have.
    This common mistake likely has to do with the fact that an apostrophe is used to form the possessive of nouns such as Dave’s or Canada’s. As weird as it looks, its is in fact a possessive despite not using an apostrophe.

    If you are still a little lost, our thorough guide to its and it’s can provide more assistance in separating these two very similar words.

    Mistake 5: their, there, and they’re? (And what about your or you’re?)
    Their, there, and they’re are a trio of homophones that frequently get mistaken for one another. However, they all have different, unique meanings. Let’s look at each one.

    Their is the possessive form of they, and it can be used in place of either the singular or plural they to express ownership or possession. For example:

    The scientists put on their lab coats.
    They’re is a contraction of they are and fills in for it to shorten sentences. For example:

    Becky and Jayden were supposed to be here already, but they’re (“they are”) late.
    There is a word that usually means “that place” as in Tokyo looks so exciting; I wish I could go there. It has a few other meanings, but it isn’t a synonym of either their or they’re.

    Your and you’re are another pair of homophones that commonly get mixed up. Like their, your is the possessive form of the singular and plural you. Like they’re, you’re is a contraction that stands for “you are.” Here are examples of how we use these two similar words:

    I like your jacket. (possession)
    You’re (“you are”) smarter than you think.

    Mistake 6: me or I?
    At first glance, me and I seem simple enough: I is a subject pronoun and me is an object pronoun. We use I as the subject of sentences/clauses and me as the object. For example:

    I (subject) went to sleep.
    Erica likes me (object).
    However, it can be easy to forget these rules when sentences get more complicated, and it gets harder to figure out if something is a subject or object.

    Chris, Daniela, and I (compound subject) played soccer.
    Dad sent birthday presents to my sister and me (compound object).
    The main source of this confusion might be the word than, which can be used as either a conjunction or a preposition. Because of this, both of the following sentences are correct:

    Nobody sings karaoke better than I.
    Nobody sings karaoke better than me.

    Mistake 7: dangling modifiers
    When we use modifiers such as adverbial or participial phrases, we typically want to place them as close to the word they modify as possible. Otherwise, a sentence may end up with a type of mistake called a “dangling modifier.” A dangling modifier is a phrase or clause that either appears to modify the wrong things or seems to modify nothing at all. This common grammar mistake can result in confusing or unintentionally funny sentences. To fix these misplaced modifiers, you’ll want to place them close to the word they modify and make it clear which word or part of the sentence they modify. For example:

    Mistake: While driving, a bear walked in front of my car. (Is a bear driving something?)
    Fixed: While I was driving my car, a bear walked in front of me.

    Mistake: Rubbing their hands together, the winter weather was harsh and cold. (Whoever is rubbing their hands is missing.)
    Fixed: Rubbing their hands together, the explorers tried to stay warm in the harsh and cold winter weather.

    Mistake: Yesterday, I found a stray dog in my underpants. (Was the dog hiding inside your underpants?)
    Fixed: While wearing just my underpants, I found a stray dog yesterday.

    Mistake 8: pronoun antecedents
    When we use pronouns, they must agree in number with their antecedents. The antecedent is the noun that a pronoun is filling in for. It is a mistake to use a plural pronoun with a singular antecedent and a singular pronoun with a plural antecedent. For example:

    Mistake: The bees hid in its hive.
    Fixed: The bees hid in their hive.

    Additionally, we wouldn’t use its to refer to a person, nor would we use personal pronouns to refer to non-living things.

    Mistake: The zoo that Amanda owns is having her grand opening tomorrow.
    Fixed: The zoo that Amanda owns is having its grand opening tomorrow.

    At the same time, it should be clear in a sentence what a pronoun’s antecedent actually is. Avoid making the mistake of having missing or unclear antecedents.

    Missing antecedent: I looked everywhere but couldn’t find her. (Who is her?)
    Unclear antecedent: The toaster was next to the sink when it broke. (What broke? Does “it” refer to the toaster or the sink?)

    To learn a lot more about pronouns and how to use them, check out our great guide to pronouns here.

    Mistake 9: semicolons
    For many, the semicolon is not a punctuation mark that sees a lot of use, which may explain why people make mistakes when trying to use it. As it turns out, semicolons are fairly simple to use. The main thing to remember when using a semicolon is that the sentence following the semicolon doesn’t begin with a capital letter unless it begins with a proper noun. For example:

    I love cats; they are cute and smart.
    Jack and Jill went up a hill; Jill made it up first.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Common Grammar Mistakes You May Be Making It’s no secret that English is a tough and pretty weird language to learn. There are so many grammar rules and exceptions that even the best of us make mistakes every now and then. However, some grammar mistakes are more common than others. In fact, you might be making some simple grammar mistakes without even knowing it. To do our part in helping everybody become a grammar great, we’ve put together a list that will help solve some of the most common grammar mistakes out there. Keep this list handy before you turn in your next paper or hit send on that important email to be the boss! Mistake 1: who or whom? Let’s start with a biggie: who and whom are a pair of commonly confused pronouns that are often used to ask questions or refer to unknown people. In short, who is a subject pronoun while whom is an object pronoun. This means that you would use who as you would use I, he, she, and they, and you would use whom in the same places as me, him, them, and us. For example: Who (subject) ate my lunch? You went to the beach with whom (object)? But interrogative sentences often jumble word order around, and many writers hesitate to place the object whom at the beginning of the sentence. Although correct, it just seems odd. For example: Whom (object) did you (subject) ask questions to? All of that said, in informal speech and writing, speakers will often opt for who where whom has traditionally been used. To learn much more about the differences between who and whom, check out our guide When Do You Use “Who” vs. “Whom”? Mistake 2: who or that? Who is back again to confuse us. Who and that are another pair of pronouns that can be easily mixed up. Generally speaking, who is used to refer to people (and possibly named animals) and that is used to refer to non-living things (and possibly unnamed animals). For example: Who lives here? (refers to a person or people) I never want to see that again. (refers to a thing or unnamed animal) Both who and that can also be used as relative pronouns to introduce relative clauses that describe nouns. As before, who is typically used to refer to people while that is used to refer to objects. I sat by the girl (person) who was wearing a hat. Kelly bought a car (object) that has good gas mileage. That being said, that is often used to describe people in informal writing. For example: He just met the girl that moved in next door. Most style guides recommend avoiding using that in this way in formal writing. Mistake 3: commas—all the commas We move from the apostrophe to possibly the most dreaded punctuation mark of all: the comma. It is hard to know where to even begin with commas, as they are the source of many, many grammar errors. To really master commas, you are best off checking out our amazing guide to proper comma usage. For now, we’ll just look at a couple of common comma mistakes to avoid: Common comma mistake: the splice This mistake occurs when a comma appears where it shouldn’t. When joining two independent clauses, a comma needs to be followed by a conjunction. But using a comma by itself (as in the first sentence below) is considered an error. ❌ Mistake: I like strawberry ice cream, my sister doesn’t. ✅ Fixed: I like strawberry ice cream, but my sister doesn’t. Common comma mistake: tricky subordinate clauses Subordinate clauses do not require a comma, and it is considered a mistake to use one. ❌ Mistake: Luke avoids cats, because he is allergic to them. ✅ Fixed: Luke avoids cats because he is allergic to them. Subordinate clauses begin with subordinating conjunctions, such as because, after, before, since, or although. Mistake 4: its or it’s? Only a single apostrophe separates the frustrating duo if its and it’s. The word its is a possessive pronoun that is used like the words my, his, her, and our. The word it’s is a contraction for the phrase “it is” or “it has.” Despite how similar they look, its and it’s have completely different meanings and usage. For example: The door fell off its (possessive) hinges. The idea is really bad but it’s (“it is”) the only one we have. This common mistake likely has to do with the fact that an apostrophe is used to form the possessive of nouns such as Dave’s or Canada’s. As weird as it looks, its is in fact a possessive despite not using an apostrophe. If you are still a little lost, our thorough guide to its and it’s can provide more assistance in separating these two very similar words. Mistake 5: their, there, and they’re? (And what about your or you’re?) Their, there, and they’re are a trio of homophones that frequently get mistaken for one another. However, they all have different, unique meanings. Let’s look at each one. Their is the possessive form of they, and it can be used in place of either the singular or plural they to express ownership or possession. For example: The scientists put on their lab coats. They’re is a contraction of they are and fills in for it to shorten sentences. For example: Becky and Jayden were supposed to be here already, but they’re (“they are”) late. There is a word that usually means “that place” as in Tokyo looks so exciting; I wish I could go there. It has a few other meanings, but it isn’t a synonym of either their or they’re. Your and you’re are another pair of homophones that commonly get mixed up. Like their, your is the possessive form of the singular and plural you. Like they’re, you’re is a contraction that stands for “you are.” Here are examples of how we use these two similar words: I like your jacket. (possession) You’re (“you are”) smarter than you think. Mistake 6: me or I? At first glance, me and I seem simple enough: I is a subject pronoun and me is an object pronoun. We use I as the subject of sentences/clauses and me as the object. For example: I (subject) went to sleep. Erica likes me (object). However, it can be easy to forget these rules when sentences get more complicated, and it gets harder to figure out if something is a subject or object. Chris, Daniela, and I (compound subject) played soccer. Dad sent birthday presents to my sister and me (compound object). The main source of this confusion might be the word than, which can be used as either a conjunction or a preposition. Because of this, both of the following sentences are correct: Nobody sings karaoke better than I. Nobody sings karaoke better than me. Mistake 7: dangling modifiers When we use modifiers such as adverbial or participial phrases, we typically want to place them as close to the word they modify as possible. Otherwise, a sentence may end up with a type of mistake called a “dangling modifier.” A dangling modifier is a phrase or clause that either appears to modify the wrong things or seems to modify nothing at all. This common grammar mistake can result in confusing or unintentionally funny sentences. To fix these misplaced modifiers, you’ll want to place them close to the word they modify and make it clear which word or part of the sentence they modify. For example: ❌ Mistake: While driving, a bear walked in front of my car. (Is a bear driving something?) ✅ Fixed: While I was driving my car, a bear walked in front of me. ❌ Mistake: Rubbing their hands together, the winter weather was harsh and cold. (Whoever is rubbing their hands is missing.) ✅ Fixed: Rubbing their hands together, the explorers tried to stay warm in the harsh and cold winter weather. ❌ Mistake: Yesterday, I found a stray dog in my underpants. (Was the dog hiding inside your underpants?) ✅ Fixed: While wearing just my underpants, I found a stray dog yesterday. Mistake 8: pronoun antecedents When we use pronouns, they must agree in number with their antecedents. The antecedent is the noun that a pronoun is filling in for. It is a mistake to use a plural pronoun with a singular antecedent and a singular pronoun with a plural antecedent. For example: ❌ Mistake: The bees hid in its hive. ✅ Fixed: The bees hid in their hive. Additionally, we wouldn’t use its to refer to a person, nor would we use personal pronouns to refer to non-living things. ❌ Mistake: The zoo that Amanda owns is having her grand opening tomorrow. ✅ Fixed: The zoo that Amanda owns is having its grand opening tomorrow. At the same time, it should be clear in a sentence what a pronoun’s antecedent actually is. Avoid making the mistake of having missing or unclear antecedents. Missing antecedent: I looked everywhere but couldn’t find her. (Who is her?) Unclear antecedent: The toaster was next to the sink when it broke. (What broke? Does “it” refer to the toaster or the sink?) To learn a lot more about pronouns and how to use them, check out our great guide to pronouns here. Mistake 9: semicolons For many, the semicolon is not a punctuation mark that sees a lot of use, which may explain why people make mistakes when trying to use it. As it turns out, semicolons are fairly simple to use. The main thing to remember when using a semicolon is that the sentence following the semicolon doesn’t begin with a capital letter unless it begins with a proper noun. For example: I love cats; they are cute and smart. Jack and Jill went up a hill; Jill made it up first. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 942 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนนี้ Microsoft ตั้งใจจะผลักดัน “Copilot” ให้กลายเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะประจำทั้งคนทั่วไปและในองค์กร พอไปดูหน้าเว็บโฆษณาต่าง ๆ ก็จะเห็นว่า Copilot ช่วยสรุปเนื้อหา สร้างเอกสาร และวางโครงสไลด์ได้ทันใจ

    แต่แล้ว หน่วยงาน NAD (National Advertising Division) ในสหรัฐฯ ก็ออกมา “ตักเตือน” Microsoft ว่าการโฆษณานั้นอาจทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดในจุดสำคัญบางจุด โดยเฉพาะการใช้คำว่า “Copilot” ทั้งในเวอร์ชันผู้ช่วยในแอปต่าง ๆ กับ Business Chat ซึ่งจริง ๆ แล้วประสบการณ์ใช้งานต่างกันพอสมควร

    Business Chat ต้องการการตั้งค่าและขั้นตอนเพิ่มเติมกว่าจะเริ่มทำงานได้ ไม่ได้คลิกแล้วพิมพ์คุยได้เลยแบบ Copilot ใน Word หรือ PowerPoint แต่ในหน้าโฆษณากลับไม่ได้อธิบายความต่างเหล่านี้อย่างชัดเจน

    NAD ยังชี้ว่า Microsoft ไม่ควรระบุว่า Copilot “ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและ ROI” โดยไม่มีหลักฐานที่ “น่าเชื่อถือพอ” ถึงแม้จะมีการอ้างอิงผลการทดลองในสหราชอาณาจักรที่ว่าผู้ใช้ประหยัดเวลาได้เฉลี่ย 26 นาทีต่อวันก็ตาม

    สุดท้าย Microsoft ตอบกลับอย่างมืออาชีพว่า ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยกับบางข้อ แต่ก็ได้ปรับข้อความโฆษณาบางจุดให้สอดคล้องกับคำแนะนำของ NAD แล้ว

    Microsoft ถูก NAD วิจารณ์เรื่องโฆษณา Copilot ที่อาจทำให้ผู้บริโภคสับสน  
    • โฆษณา Copilot ไม่แยกแยะชัดเจนระหว่าง Copilot ทั่วไปกับ Business Chat  
    • Business Chat ต้องใช้ขั้นตอนมากกว่า แต่โฆษณากลับไม่อธิบายจุดนี้

    NAD ไม่ยอมรับการกล่าวอ้างผลลัพธ์โดยไม่มีหลักฐานที่เหมาะสม  
    • Microsoft อ้างว่า Copilot ช่วยเพิ่ม productivity และ ROI แต่ NAD ระบุว่าหลักฐานยังไม่เพียงพอ  
    • แม้จะมีการทดลองใน UK ที่ระบุว่าผู้ใช้ประหยัดเวลา 26 นาทีต่อวัน

    Microsoft ตอบรับคำแนะนำและปรับข้อความโฆษณาแล้วบางส่วน  
    • แสดงความร่วมมือแม้ไม่เห็นด้วยทุกประเด็น

    การใช้คำว่า “Copilot” โดยไม่มีการแยกประเภท อาจทำให้ผู้ใช้สับสน  
    • ผู้ใช้ทั่วไปอาจคาดหวังให้ Business Chat ทำงานได้เร็วแบบเดียวกับ Copilot ในแอปต่าง ๆ  
    • ความคาดหวังผิดอาจนำไปสู่ความไม่พอใจในการใช้งานจริง

    ข้อความโฆษณาที่กล่าวอ้างประสิทธิภาพ อาจเกินจริงถ้าไม่มีข้อมูลยืนยันที่โปร่งใส  
    • การใช้คำว่า “เพิ่ม ROI” ต้องมีการอ้างอิงวิจัยที่สอดคล้องกับบริบทการใช้งานจริง  
    • การขาด transparency อาจทำลายความเชื่อมั่นของลูกค้า

    ผู้ใช้ต้องเข้าใจว่า Copilot แต่ละเวอร์ชันมีระดับความสามารถต่างกัน  
    • ควรศึกษาฟีเจอร์เฉพาะของ Copilot ในแอปต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจใช้งานหรือซื้อบริการเพิ่มเติม

    https://www.neowin.net/news/watchdog-finds-microsoft-guilty-of-confusing-advertising-when-it-comes-to-copilot/
    ตอนนี้ Microsoft ตั้งใจจะผลักดัน “Copilot” ให้กลายเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะประจำทั้งคนทั่วไปและในองค์กร พอไปดูหน้าเว็บโฆษณาต่าง ๆ ก็จะเห็นว่า Copilot ช่วยสรุปเนื้อหา สร้างเอกสาร และวางโครงสไลด์ได้ทันใจ แต่แล้ว หน่วยงาน NAD (National Advertising Division) ในสหรัฐฯ ก็ออกมา “ตักเตือน” Microsoft ว่าการโฆษณานั้นอาจทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดในจุดสำคัญบางจุด โดยเฉพาะการใช้คำว่า “Copilot” ทั้งในเวอร์ชันผู้ช่วยในแอปต่าง ๆ กับ Business Chat ซึ่งจริง ๆ แล้วประสบการณ์ใช้งานต่างกันพอสมควร Business Chat ต้องการการตั้งค่าและขั้นตอนเพิ่มเติมกว่าจะเริ่มทำงานได้ ไม่ได้คลิกแล้วพิมพ์คุยได้เลยแบบ Copilot ใน Word หรือ PowerPoint แต่ในหน้าโฆษณากลับไม่ได้อธิบายความต่างเหล่านี้อย่างชัดเจน NAD ยังชี้ว่า Microsoft ไม่ควรระบุว่า Copilot “ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและ ROI” โดยไม่มีหลักฐานที่ “น่าเชื่อถือพอ” ถึงแม้จะมีการอ้างอิงผลการทดลองในสหราชอาณาจักรที่ว่าผู้ใช้ประหยัดเวลาได้เฉลี่ย 26 นาทีต่อวันก็ตาม สุดท้าย Microsoft ตอบกลับอย่างมืออาชีพว่า ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยกับบางข้อ แต่ก็ได้ปรับข้อความโฆษณาบางจุดให้สอดคล้องกับคำแนะนำของ NAD แล้ว ✅ Microsoft ถูก NAD วิจารณ์เรื่องโฆษณา Copilot ที่อาจทำให้ผู้บริโภคสับสน   • โฆษณา Copilot ไม่แยกแยะชัดเจนระหว่าง Copilot ทั่วไปกับ Business Chat   • Business Chat ต้องใช้ขั้นตอนมากกว่า แต่โฆษณากลับไม่อธิบายจุดนี้ ✅ NAD ไม่ยอมรับการกล่าวอ้างผลลัพธ์โดยไม่มีหลักฐานที่เหมาะสม   • Microsoft อ้างว่า Copilot ช่วยเพิ่ม productivity และ ROI แต่ NAD ระบุว่าหลักฐานยังไม่เพียงพอ   • แม้จะมีการทดลองใน UK ที่ระบุว่าผู้ใช้ประหยัดเวลา 26 นาทีต่อวัน ✅ Microsoft ตอบรับคำแนะนำและปรับข้อความโฆษณาแล้วบางส่วน   • แสดงความร่วมมือแม้ไม่เห็นด้วยทุกประเด็น ‼️ การใช้คำว่า “Copilot” โดยไม่มีการแยกประเภท อาจทำให้ผู้ใช้สับสน   • ผู้ใช้ทั่วไปอาจคาดหวังให้ Business Chat ทำงานได้เร็วแบบเดียวกับ Copilot ในแอปต่าง ๆ   • ความคาดหวังผิดอาจนำไปสู่ความไม่พอใจในการใช้งานจริง ‼️ ข้อความโฆษณาที่กล่าวอ้างประสิทธิภาพ อาจเกินจริงถ้าไม่มีข้อมูลยืนยันที่โปร่งใส   • การใช้คำว่า “เพิ่ม ROI” ต้องมีการอ้างอิงวิจัยที่สอดคล้องกับบริบทการใช้งานจริง   • การขาด transparency อาจทำลายความเชื่อมั่นของลูกค้า ‼️ ผู้ใช้ต้องเข้าใจว่า Copilot แต่ละเวอร์ชันมีระดับความสามารถต่างกัน   • ควรศึกษาฟีเจอร์เฉพาะของ Copilot ในแอปต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจใช้งานหรือซื้อบริการเพิ่มเติม https://www.neowin.net/news/watchdog-finds-microsoft-guilty-of-confusing-advertising-when-it-comes-to-copilot/
    WWW.NEOWIN.NET
    Watchdog finds Microsoft guilty of confusing advertising when it comes to Copilot
    A U.S. watchdog has criticized Microsoft for making statements about Copilot that are not a "good fit" for making objective claims regarding increased productivity.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 329 มุมมอง 0 รีวิว
  • "มันเป็นแผนการที่ถูกกำหนดมาตลอดจากความร่วมมือของสหรัฐและอิสราเอล"

    อิสราเอลคือตัวแทนสหรัฐที่มีหน้าที่ทำงาน "สกปรก" ข้ามเส้นแดงด้านมนุษยธรรมให้สหรัฐ ประเทศที่มีหน้าที่แสร้งทำตัวเป็นฝ่ายคนดีมีคุณธรรม สหรัฐจึงมีหน้าที่ต้องปกป้องอิสราเอลมาตลอดหลายสิบปี (ซุ้มมือปืนที่มีนายเป็นนักการเมืองอิทธิพลสูงคอยคุ้มกะลาหัว)

    ย้อนดูคำสัมภาษณ์ของ เวสลีย์ คลาร์ก เมื่อปี 2003:

    "เราวางแผนจะบุกเจ็ดประเทศ"
    จากเหตุการณ์ในอิหร่านขณะนี้ โดยมีตัวเริ่มต้นคือ "อิสราเอล" ที่เป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อน เพียงแค่อ้องว่าอิสราเอล "กำลังจะ" มีนิวเคลียร์และ "อาจจะ" เป็นภัยกับตนเอง

    ย้อนไปฟังคำพูดของ นายพลเวสลีย์ คลาร์ก (Wesley Clark) อดีตผู้บัญชาการกองกำลังพันธมิตรในสงครามโคโซโวระหว่างดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดฝ่ายสัมพันธมิตรยุโรปของนาโต้ระหว่างปี 2540 ถึง 2543

    เขากล่าวว่า หลังเหตุการณ์ 9/11 สหรัฐมุ่งหมายที่จะ 
    "กำจัด 7 ประเทศภายใน 5 ปี ได้แก่
    -อิรัก
    -ซีเรีย
    -เลบานอน
    -ลิเบีย
    -โซมาเลีย
    -ซูดาน
    -และปิดท้ายด้วยอิหร่าน"

    แม้ว่าระยะเวลาไม่ได้จบลงภายใน 5 ปี ตามกำหนด แต่เส้นทางการทำลายประเทศเหล่านั้นตามรายชื่อที่ระบุ ยังคงดำเนินต่อมา


    .
    https://www.aljazeera.com/news/2003/9/22/us-plans-to-attack-seven-muslim-states

    .

    https://www.chinadaily.com.cn/a/202109/24/WS614d2604a310cdd39bc6b2f4.html


    "มันเป็นแผนการที่ถูกกำหนดมาตลอดจากความร่วมมือของสหรัฐและอิสราเอล" อิสราเอลคือตัวแทนสหรัฐที่มีหน้าที่ทำงาน "สกปรก" ข้ามเส้นแดงด้านมนุษยธรรมให้สหรัฐ ประเทศที่มีหน้าที่แสร้งทำตัวเป็นฝ่ายคนดีมีคุณธรรม สหรัฐจึงมีหน้าที่ต้องปกป้องอิสราเอลมาตลอดหลายสิบปี (ซุ้มมือปืนที่มีนายเป็นนักการเมืองอิทธิพลสูงคอยคุ้มกะลาหัว) ย้อนดูคำสัมภาษณ์ของ เวสลีย์ คลาร์ก เมื่อปี 2003: "เราวางแผนจะบุกเจ็ดประเทศ" จากเหตุการณ์ในอิหร่านขณะนี้ โดยมีตัวเริ่มต้นคือ "อิสราเอล" ที่เป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อน เพียงแค่อ้องว่าอิสราเอล "กำลังจะ" มีนิวเคลียร์และ "อาจจะ" เป็นภัยกับตนเอง 👉ย้อนไปฟังคำพูดของ นายพลเวสลีย์ คลาร์ก (Wesley Clark) อดีตผู้บัญชาการกองกำลังพันธมิตรในสงครามโคโซโวระหว่างดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดฝ่ายสัมพันธมิตรยุโรปของนาโต้ระหว่างปี 2540 ถึง 2543 👉เขากล่าวว่า หลังเหตุการณ์ 9/11 สหรัฐมุ่งหมายที่จะ  "กำจัด 7 ประเทศภายใน 5 ปี ได้แก่ -อิรัก -ซีเรีย -เลบานอน -ลิเบีย -โซมาเลีย -ซูดาน -และปิดท้ายด้วยอิหร่าน" 👉แม้ว่าระยะเวลาไม่ได้จบลงภายใน 5 ปี ตามกำหนด แต่เส้นทางการทำลายประเทศเหล่านั้นตามรายชื่อที่ระบุ ยังคงดำเนินต่อมา . https://www.aljazeera.com/news/2003/9/22/us-plans-to-attack-seven-muslim-states . https://www.chinadaily.com.cn/a/202109/24/WS614d2604a310cdd39bc6b2f4.html
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 440 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัปดาห์ที่แล้วพูดถึงปิ่นปักมงกฎครอบผมของนักพรตเต๋า Storyฯ เลยนึกขึ้นได้ว่าในภาษาจีนมีชื่อเรียกปิ่นสามแบบหลักด้วยกันคือ ‘จ๊าน’ (簪) ‘ไช้’ (钗) และ ‘ปู้เหยา’(步摇) ไม่แน่ใจว่าในนิยายจีนแปลไทยจะมีจำแนกประเภทตามนี้ด้วยหรือไม่ แต่ในละครแปลไทยเราจะได้ยินการเรียกทั้งสามชนิดว่า ปิ่น ปิ่น และปิ่น

    วันนี้เลยมาเล่าให้เพื่อนเพจที่ไม่ทราบภาษาจีนฟังคร่าวๆ ถึงความแตกต่างระหว่างปิ่นสามแบบนี้ ซึ่งทั้งสามแบบมีมาตั้งแต่ก่อนสมัยราชวงศ์ถัง

    ปิ่นที่เห็นส่วนใหญ่เป็นปิ่นก้านเดียว ซึ่งปิ่นลักษณะนี้เรียกว่า ‘จ๊าน’ เดิมเรียกว่า ‘จี’ (笄) อันเป็นที่มาของคำว่า ‘จีหลี่’ ซึ่งก็คือพิธีปักปิ่นของสตรีเมื่ออายุครบสิบห้า เป็นสัญลักษณ์ว่านางโตเป็นผู้ใหญ่พร้อมที่จะแต่งงานออกเรือนแล้ว ซึ่งปิ่นจ๊านเป็นปิ่นหลักที่ใช้ยึดมวยผมให้เข้าที่ (แบบที่เห็นนางเอกปิ่นหลุดที ผมก็สยายให้พระเอกตะลึงมองดั่งต้องมนต์) สำหรับผู้ชายจะมีแต่ปิ่นจ๊านอย่างเดียวเท่านั้น

    ‘ไช้’ เป็นปิ่นที่มีสองก้าน (ดูในรูปกลาง) พัฒนามาจากปิ่นจ๊าน แต่จะเห็นว่าก้านสั้นกว่าปิ่นจ๊านมาก เอาไว้ใช้ติดประดับเพิ่มเติม หรือบางทีก้านเล็กละเอียด เอาไว้ช่วยยึดทรงผมที่ซับซ้อนหรือยึดหมวก (คล้ายๆ กิ๊บผมแบบเสียบที่เราใช้กันในปัจจุบัน) เป็นปิ่นที่มีแต่สตรีใช้เท่านั้น

    ส่วน ‘ปู้เหยา’ นั้น แปลตรงตัวว่า ก้าวเดิน + แกว่งไสว ซึ่งก็คือปิ่นที่มีอะไรห้อยตุ้งติ้งหรือเป็นระย้านั่นเอง อาจเป็นแบบก้านเดียวหรือสองก้านก็ได้ มีการบรรยายแฟชั่นจีนโบราณตามค่านิยมไว้ว่า สุภาพสตรียามก้าวย่างชดช้อย มีระย้าปิ่นปู้เหยาแกว่งไกวดึงดูดสายตา ส่วนสุภาพบุรุษยามก้าวย่างเนิบนาบ มีชายพู่ยาวของหยกห้อยเอวแกว่งไกว

    แล้วนัยของการมอบปิ่นล่ะ มีความหมายแตกต่างกันหรือไม่?

    เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยอ่านเจอว่า ฝ่ายหญิงเอาปิ่นของตัวเองหักเป็นครึ่ง ครึ่งหนึ่งให้ฝ่ายชายเก็บไว้ดูต่างหน้ายามต้องร้างลาจากกันไปไกล อีกครึ่งหนึ่งฝ่ายหญิงเก็บไว้เอง ซึ่งการเอาปิ่นมาหักครึ่งมันจะต้องเป็นปิ่นไช้เท่านั้น การหักครึ่งคือหักเหลือข้างละหนึ่งก้านแยกกันเก็บ เป็นนัยว่าปิ่นจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง (ไม่ใช่หักก้านเหลือครึ่งท่อน อย่างนั้นความหมายไม่ดี เป็นการแตกหัก)

    ซึ่งกรณีการมอบปิ่นไช้ในลักษณะข้างต้นนั้น เป็นการให้กันระหว่างคู่รักหรือสามีภรรยา และเป็นกรณีเดียวที่การมอบปิ่นไช้เป็นการสื่อถึงความรัก (แต่มันก็จะเศร้าๆ เพราะเป็นการให้ยามต้องพรากจากกัน)

    แต่หากยังไม่ได้เป็นคู่รักหรือสามีภรรยากัน การมอบปิ่นจ๊านระหว่างชายหญิงไม่ได้ให้กันทั่วไป แต่เป็นการบอกรัก เป็นนัยว่าฉันต้องการแต่งงานกับเธอนะ (เป็นที่มาว่าทำไมในละครหลายเรื่องที่นางเอกยังเด็กไม่ประสีประสา ได้รับปิ่นมาไม่คิดอะไร แต่คนรอบข้างรู้หมดว่าฝ่ายชายบอกรัก) ฝ่ายที่ได้รับปิ่นจ๊านแล้ว หากนำมาเสียบใช้ ก็แสดงว่าเธอ/เขาพึงพอใจอีกฝ่ายเช่นกัน นอกจากนี้ ตอนหมั้นหมายกัน ฝ่ายหญิงอาจให้ปิ่นจ๊านเป็นของแทนใจ เมื่อเข้าหอแล้วเจ้าบ่าวจึงจะนำมาคืนให้เจ้าสาว

    เพื่อนเพจท่านใดที่ยังจำได้ถึงฉากใดในละครหรือหนังสือที่มีการมอบปิ่น ปักปิ่น หักปิ่น ที่ดูจะสื่อความหมายลึกซึ้ง มาเม้นท์แชร์กันได้เลยค่ะ Storyฯ นึกขึ้นได้หลายเรื่องเลย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.tspweb.com/key/清朝花钿头饰.html
    https://www.chinadaily.com.cn/entertainment/2013-06/25/content_16655730_3.htm
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://m.bala.iask.sina.com.cn/p/302GbyenIWN
    https://www.kpfans.com/article/dVWMM3wpW1.html
    https://www.chinafetching.com/tradition-of-china-hair-ornament

    #ปิ่นปักผมจีน #เครื่องประดับจีน #การแต่งกายจีนโบราณ #วัฒนธรรมจีนโบราณ StoryfromStory
    สัปดาห์ที่แล้วพูดถึงปิ่นปักมงกฎครอบผมของนักพรตเต๋า Storyฯ เลยนึกขึ้นได้ว่าในภาษาจีนมีชื่อเรียกปิ่นสามแบบหลักด้วยกันคือ ‘จ๊าน’ (簪) ‘ไช้’ (钗) และ ‘ปู้เหยา’(步摇) ไม่แน่ใจว่าในนิยายจีนแปลไทยจะมีจำแนกประเภทตามนี้ด้วยหรือไม่ แต่ในละครแปลไทยเราจะได้ยินการเรียกทั้งสามชนิดว่า ปิ่น ปิ่น และปิ่น วันนี้เลยมาเล่าให้เพื่อนเพจที่ไม่ทราบภาษาจีนฟังคร่าวๆ ถึงความแตกต่างระหว่างปิ่นสามแบบนี้ ซึ่งทั้งสามแบบมีมาตั้งแต่ก่อนสมัยราชวงศ์ถัง ปิ่นที่เห็นส่วนใหญ่เป็นปิ่นก้านเดียว ซึ่งปิ่นลักษณะนี้เรียกว่า ‘จ๊าน’ เดิมเรียกว่า ‘จี’ (笄) อันเป็นที่มาของคำว่า ‘จีหลี่’ ซึ่งก็คือพิธีปักปิ่นของสตรีเมื่ออายุครบสิบห้า เป็นสัญลักษณ์ว่านางโตเป็นผู้ใหญ่พร้อมที่จะแต่งงานออกเรือนแล้ว ซึ่งปิ่นจ๊านเป็นปิ่นหลักที่ใช้ยึดมวยผมให้เข้าที่ (แบบที่เห็นนางเอกปิ่นหลุดที ผมก็สยายให้พระเอกตะลึงมองดั่งต้องมนต์) สำหรับผู้ชายจะมีแต่ปิ่นจ๊านอย่างเดียวเท่านั้น ‘ไช้’ เป็นปิ่นที่มีสองก้าน (ดูในรูปกลาง) พัฒนามาจากปิ่นจ๊าน แต่จะเห็นว่าก้านสั้นกว่าปิ่นจ๊านมาก เอาไว้ใช้ติดประดับเพิ่มเติม หรือบางทีก้านเล็กละเอียด เอาไว้ช่วยยึดทรงผมที่ซับซ้อนหรือยึดหมวก (คล้ายๆ กิ๊บผมแบบเสียบที่เราใช้กันในปัจจุบัน) เป็นปิ่นที่มีแต่สตรีใช้เท่านั้น ส่วน ‘ปู้เหยา’ นั้น แปลตรงตัวว่า ก้าวเดิน + แกว่งไสว ซึ่งก็คือปิ่นที่มีอะไรห้อยตุ้งติ้งหรือเป็นระย้านั่นเอง อาจเป็นแบบก้านเดียวหรือสองก้านก็ได้ มีการบรรยายแฟชั่นจีนโบราณตามค่านิยมไว้ว่า สุภาพสตรียามก้าวย่างชดช้อย มีระย้าปิ่นปู้เหยาแกว่งไกวดึงดูดสายตา ส่วนสุภาพบุรุษยามก้าวย่างเนิบนาบ มีชายพู่ยาวของหยกห้อยเอวแกว่งไกว แล้วนัยของการมอบปิ่นล่ะ มีความหมายแตกต่างกันหรือไม่? เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยอ่านเจอว่า ฝ่ายหญิงเอาปิ่นของตัวเองหักเป็นครึ่ง ครึ่งหนึ่งให้ฝ่ายชายเก็บไว้ดูต่างหน้ายามต้องร้างลาจากกันไปไกล อีกครึ่งหนึ่งฝ่ายหญิงเก็บไว้เอง ซึ่งการเอาปิ่นมาหักครึ่งมันจะต้องเป็นปิ่นไช้เท่านั้น การหักครึ่งคือหักเหลือข้างละหนึ่งก้านแยกกันเก็บ เป็นนัยว่าปิ่นจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง (ไม่ใช่หักก้านเหลือครึ่งท่อน อย่างนั้นความหมายไม่ดี เป็นการแตกหัก) ซึ่งกรณีการมอบปิ่นไช้ในลักษณะข้างต้นนั้น เป็นการให้กันระหว่างคู่รักหรือสามีภรรยา และเป็นกรณีเดียวที่การมอบปิ่นไช้เป็นการสื่อถึงความรัก (แต่มันก็จะเศร้าๆ เพราะเป็นการให้ยามต้องพรากจากกัน) แต่หากยังไม่ได้เป็นคู่รักหรือสามีภรรยากัน การมอบปิ่นจ๊านระหว่างชายหญิงไม่ได้ให้กันทั่วไป แต่เป็นการบอกรัก เป็นนัยว่าฉันต้องการแต่งงานกับเธอนะ (เป็นที่มาว่าทำไมในละครหลายเรื่องที่นางเอกยังเด็กไม่ประสีประสา ได้รับปิ่นมาไม่คิดอะไร แต่คนรอบข้างรู้หมดว่าฝ่ายชายบอกรัก) ฝ่ายที่ได้รับปิ่นจ๊านแล้ว หากนำมาเสียบใช้ ก็แสดงว่าเธอ/เขาพึงพอใจอีกฝ่ายเช่นกัน นอกจากนี้ ตอนหมั้นหมายกัน ฝ่ายหญิงอาจให้ปิ่นจ๊านเป็นของแทนใจ เมื่อเข้าหอแล้วเจ้าบ่าวจึงจะนำมาคืนให้เจ้าสาว เพื่อนเพจท่านใดที่ยังจำได้ถึงฉากใดในละครหรือหนังสือที่มีการมอบปิ่น ปักปิ่น หักปิ่น ที่ดูจะสื่อความหมายลึกซึ้ง มาเม้นท์แชร์กันได้เลยค่ะ Storyฯ นึกขึ้นได้หลายเรื่องเลย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.tspweb.com/key/清朝花钿头饰.html https://www.chinadaily.com.cn/entertainment/2013-06/25/content_16655730_3.htm Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://m.bala.iask.sina.com.cn/p/302GbyenIWN https://www.kpfans.com/article/dVWMM3wpW1.html https://www.chinafetching.com/tradition-of-china-hair-ornament #ปิ่นปักผมจีน #เครื่องประดับจีน #การแต่งกายจีนโบราณ #วัฒนธรรมจีนโบราณ StoryfromStory
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 602 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3/3
    วันที่ 11 ธันวาคม 2566 สัมภาษณ์นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในรายการข่าว วิทยุจุฬาฯ FM 101.5 MHz หัวข้อ “ผลกระทบของวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอที่มีต่อมนุษย์ : ก่อให้เกิดโรคร้ายและอันตรายต่อชีวิตจริงหรือไม่” ดำเนินรายการโดย ดร.ธีรารัตน์ พันทวี
    https://curadio.chula.ac.th/Radio-Demand.php?program=202312110730
    วันที่ 8 ก.พ. 2567 ในที่สุด กระทรวงสาธารณสุข ก็ออกมายืนยันสิ่งที่ข้องใจ ไฟเซอร์ หักคอให้รัฐบาลไทย เซ็น”สัญญาทาส“ ไม่อนุญาตให้ ตรวจสอบ
    https://t.me/ThaiPitaksithData/4864
    อ้างติดเงื่อนไข
    สธ.ปฏิเสธเปิดสัญญา“ไฟเซอร์” คนไทยพิทักษ์สิทธิ์จวกยับ น่าเศร้า ขรก.ไทยกลัวบริษัทยา
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000014134
    และมีการโครงการจัดเสวนาและหน่วยแพทย์เคลื่อนที่สำหรับภาวะ Long Covid-19 และผลกระทบจากวัคซีน ณ หอศิลป์แห่งวัฒนธรรมกรุงเทพ จาก 9 วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ คุณรสนา โตสิตระกูล, นายแพทย์ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ, นายแพทย์อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง, อาจารย์สันติสุข โสภณสิริ , นายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์, ศาสตราจารย์คลินิกแพทย์จีน นายแพทย์ภาสกิจ วัณนาวิบูล, แพทย์หญิงสุภาพร มีลาภ, แพทย์แผนไทยประยุกต์แวสะมิง แวหมะ, พันเอก นายแพทย์พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา https://youtu.be/KuhFBFDIFPo
    https://rumble.com/v4bmro6-title-health-uncensored-by-dr.atapol-test-draft-1-.html?fbclid=IwAR3KiMhm_Jj--rzxsevf2gWazMP-1SdFHD1XDb0GY3Rw0MMu8-Lk-mGY1g0
    https://t.me/injuryjabthaiseminar
    วันที่ 21 ก.พ.2567 สัมภาษณ์สด นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    รายการทัวร์มาลงทางช่องโมโน29
    mRNA ไม่ใช่วัคซีนแต่เป็นยีนเทอราปี gene therapy
    https://www.facebook.com/share/v/ENS2BTLH5oxkuGKD/?mibextid=A7sQZp
    วันที่ 24 ก.พ.2567 CMUL Live สด อ.ทีน่า อ.เกรซ ครูหนึ่ง จาก สถาบัน CMUL สัมภาษณ์อ.หมออรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://fb.watch/qHUSo1JsoU/?
    วันที่ 4 มี.ค. 2567 คุยกับอ.หมออรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    CDC Webinar Live Talk หัวข้อ ภัยของ Covid Vaccine
    https://rumble.com/v4hcoae--covid-vaccine.html
    วันที่ 25 เมษายน 2567 รายการ สภากาแฟเวทีชาวบ้าน ช่อง News1 พูดคุยกับ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวข้อ ทำไม พระสงฆ์ คนหนุ่มสาว ป่วยทรุดตัวไว?
    https://www.youtube.com/live/4BHNF3zpCz0?si=nzF8PfAMNCo_mS8x
    วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพจัดเสวนาครั้งที่ 2 แฉความจริง*อันตรายจากวัคซีนCovid-19 ร้ายแรงกว่าที่คิด ณ หอศิลป์ฯ กทม. โดยมีวิทยากรรับเชิญ อ.หมออรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง พญ.สุภาพร มีลาภ นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา คลิปไลฟ์4 ชม.เต็มถูกแบนทุกช่องทางต้องตามไปเทเลแกรมครับ [https://t.me/goodthaidoctorclip/1399](https://t.me/goodthaidoctorclip/1399) [https://mgronline.com/qol/detail/9670000035647](https://mgronline.com/qol/detail/9670000035647) [https://t.me/ThaiPitaksithData/5579](https://t.me/ThaiPitaksithData/5579)
    วันที่ 19 มิ.ย.2567 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา และ นพ.มนตรี เศรษฐบุตร ยื่นหนังสือถึง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่รัฐสภา ยื่นหนังสือที่ทางกลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ผู้ป่วย และญาติของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนป้องกันโควิด รวมทั้ง เครือข่ายพันธมิตร เช่น สมาพันธ์เครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย,ตัวแทน สภาทนายความแห่งประเทศไทย ,ตัวแทน สมาคมแพทย์ทางร่วมนานาชาติ ,สมาคมแพทย์แผนไทย ส่งให้ทางรัฐมนตรีว่าการสธ. และขอให้สอบสวนการกระทำผิดสัญญาของบริษัทวัคซีน
    https://www.hfocus.org/content/2024/06/30839
    https://m.facebook.com/groups/374786411903689/permalink/466060772776252/?
    วันที่ 10 ส.ค.2567 โค๊ชนาตาลีได้จัดงานสัมมนา โดยเชิญ อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง และคุณอดิเทพ จาวลาห์ มาให้ความรู้เรื่อง Hidden Agendas ปัญหาแอบแฝงที่เขาไม่อยากให้เรารู้ และการตื่นรู้จากการถูกควบคุมเพื่ออิสระภาพ
    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02K9Zcf94pFjeTqnSZhdUVY2HR7xzpAnak7B7b1AaC7iFjviDvT8r8rbnYkM5Y9Knfl&id=100011380184111
    วันที่ 14 ส.ค.2567 ไลฟ์สด รายการสภากาแฟ ช่อง News1 หัวข้อ : Shipหายเกิดอะไรขึ้น ทำไมคนไทยตายมากขึ้น?
    สัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    https://www.youtube.com/live/st0hoQmKQu8?si=R8LMbTKCwaEEWBte
    https://vt.tiktok.com/ZS2LRQDDF/
    วันที่ 18 ก.ย.2567 หัวข้อ วัคซีนทำอะไรต่อสุขภาพกายใจ และวิธีแก้ไขโดยใช้อาหารบูสต์อารมณ์ คุณปูสัมภาษณ์น.พ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    https://www.facebook.com/share/a2PztSKYEDQ3pviq/?mibextid=9l3rBW
    วันที่ 22 ก.ย.2567 ข่าวเปิดผนึกทวงถามความจริง ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ออกมาแก้ต่างให้กับบริษัทยา ว่าไม่มีข้อมูลความเชื่อมโยงระหว่าง modified RNA (mRNA) ที่หลอกว่าเป็นวัคซีน กับ มะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ
    https://drive.google.com/file/d/1cxK176_E_k8oxdJuH3ajMnLEBq64yfl8/view?usp=drivesdk
    นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง กล่าวชัดๆไม่อ้อมค้อม​มันคืออาวุธ​ชีวภาพ ใครฉีดให้คนคืออาชญากร​ ใครนิ่งเฉยไม่พูด​อะไรคือ​ ผู้สมรู้ร่วมคิด​ร่วม​กระทำความผิด​
    https://vm.tiktok.com/ZS2XQ5qgB/
    แผนลดประชากรโลก มีจริงหรือไม่
    https://www.tiktok.com/@atapolhuawei/video/7414795548814773521?is_from_webapp=1&sender_device=pc
    วันที่ 21 ตุลาคม 2567 ข่าวเปิดผนึก สถิติคนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นผิดปกติ
    https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=sharing
    วันที่ 24 พ.ย.2567 งานสัมมนา ฟังคุณหมอเล่านิทาน (เรื่องที่เล่าบนสื่อทั่วไปไม่ได้) EP.1 วัคซีนทำให้ป่วยเป็นอะไร แก้ไขได้อย่างไร โรงแรมใบหยกสกาย วิทยากร พ.อ.นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา นพ.ทวีศักดิ์ เนตรวงศ์ ดร.นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง คุณอดิเทพ จาวลาห์
    https://m.facebook.com/groups/374786411903689/permalink/535323545849974/?
    https://t.me/ThaiPitaksithData/6207
    และในวันเดียวกัน ที่ม.ธรรมศาสตร์ ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว หัวข้อ ระเบียบโลกใหม่ ระบบสาธารณสุข โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เรื่องสุขภาพความเป็นความตายประชาชน เรื่องจริงที่พูดไม่ได้ในทางสาธารณะ
    คลิป UNCUT รับชมเต็มๆ แบบไม่ตัด https://thaitimes.co/posts/125847
    https://t.me/goodthaidoctorclip/1610
    https://t.me/clipcovid19/1208
    วันที่ 5 ม.ค.2568 ประกาศข่าว คนไทยตายเพิ่มขึ้นในปี 2567
    https://drive.google.com/file/d/1mfgjiKEyCTfccFf_TcdVjDmS0jvJwzPa/view?usp=drive_link
    https://www.facebook.com/share/p/1AHaC6eSK8/
    วันที่ 2 ก.พ.2568 รูต่ายส่ายสะโพก Special (หมออรรถพล x เทนโด้) วัคซีน mRNA ... มือที่มองไม่เห็นและปลายเข็มแห่งซาตาน (วัคซีน mRNA ส่งผลต่อร่างกายมนุษย์ยังไง)
    https://rumble.com/v6gea87--mrna-...-.html
    วันที่ 2 มี.ค.2568 รูต่ายส่ายสะโพก Special (หมออรรถพล x เทนโด้)
    เปิดแฟ้มลับ...มือสังหารหมู่โลก (วัคซีน mRNA, เชื้อโควิด และการทุจริตในอเมริกา)
    https://rumble.com/v6q1hmg-...-mrna-.html?start=179
    วันที่ 14 มี.ค.2568 บ๊วยLive EP.18 l เข้าถึงปัญญาญาณ เข้าถึงDNA! กับคุณหมออรรถพล
    https://www.youtube.com/watch?app=desktop&v=B6_Z7LtIwBk
    วันที่ 30 มี.ค.2568 เปิดจักรวาล 'รายการมืด' หมออรรถพล นิลฉงน นลเฉลย ชวนพูดคุย พร้อมตอบคำถามใน ไลฟ์ "เปิดแฟ้มลับ...มือสังหาร JFK" #รต่ายส่ายสะโพก EP3
    (หมออรรถพล x เทนโด้ x อาจารย์ต้น ตำนานนักล้วงข้อมูลลับแห่งประเทศไทย)
    https://www.facebook.com/share/v/16YMx4sWn6/
    รับชมคลิปที่ https://rumble.com/v6rewkc-...-jfk-ep3.html หรือ https://zap.stream/naddr1qq9rzde5xqurjvfcx5mqz9thwden5te0wfjkccte9ejxzmt4wvhxjme0qgsfwrl76z6zy0tjhsdnlaj6tkqweyx5w9vdyja5n788vl07p3nw3ugrqsqqqan8vzj3gy
    วันที่ 15 พ.ค. 2568 รายการสภากาแฟ ช่อง News1 หัวข้อ โลกรับรู้มนุษย์ทําไวรัสเขา
    มีเจตนาอะไร? คิดกุศลหรืออกุศล สัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    ยูทูบ https://www.youtube.com/live/LQcoOjcPNkQ?si=QFfCzxuYBKx14God
    เฟสบุ๊กไลฟ์ https://www.facebook.com/share/v/15PyyQ8pgE/
    วันที่ 19 พ.ค.2568 กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ยื่นหนังสือถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการยา ตามพระราชบัญญัติยา พุทธศักราช ๒๕๑๐
    เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และ คณะกรรมการยาทุกท่าน ขอให้ดำเนินการระงับการอนุญาตให้ใช้วัคซีน mRNA ในมนุษย์
    https://drive.google.com/file/d/1BR1vKiDPMrlXMykJqZUVgj3aAK-KkyjH/view?usp=drivesdk
    ข้อมูลเหล่านั้นบางส่วนได้รับการเปิดเผยในเว็บไซต์ทางการของทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา https://www.whitehouse.gov/lab-leak-true-origins-of-covid-19/
    https://www.facebook.com/share/p/1F5cKBiQSK/
    https://www.facebook.com/share/p/16EB5JToNy/
    ไฟล์จดหมายฉบับนี้
    https://drive.google.com/file/d/1zx62n7IaqEdPYL-SFeNcrS2s8cpnLuDE/view?usp=drivesdk
    วันที่ 22 พ.ค.2568 ผู้ที่ได้รับยาฉีดโควิดแล้วมีผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ ร่างกายไม่เหมือนเดิม และญาติผู้เสียชีวิต รว่มกับ คุณอี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ
    ประธานชมรมสันติประชาธรรม พอ.นพ.พงษฺศักดิ์ ตั้งคณา นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์ ดร.ศรีวิชัย ศรีสุวรรณ และจิตอาสากลุ่มคนไทยพิทักษฺสิทธิ์ ร่วมยื่นหนังสือขอความอนุเคราะห์ในการรับฟังความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนโควิด และให้มีการจัดเวทีทางวิชาการ ถึงท่านประธานรัฐสภาไทย และประธานสภาผู้แทนราษฎร พณฯท่าน วันมูหะมัดนอร์ มะทา
    จดหมายยื่นรัฐสภา
    https://drive.google.com/drive/folders/114MB4aBXnhPjSOb5iZKhThk0d9B0rs6f
    ไลฟ์สด https://www.facebook.com/share/v/189S4WxV6j/
    https://www.thaipithaksith.com/my-posta3c48515
    https://www.facebook.com/share/p/1NaPKfhgkD/
    https://www.khaosod.co.th/politics/news_9770255
    https://www.facebook.com/share/v/189S4WxV6j/
    https://www.facebook.com/share/19RpSX1zVx/
    อีเมล์ หมอยงตอบหมออรรถพล ในกรณีที่ มีผู้ป่วยเด็กที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนโควิด เข้ารับการรักษาในรพ.จุฬาลงกรณ์ ลองอ่านดูครับว่า หมอยง แสดงความเห็นใจ เป็นห่วงเป็นใย ผู้ป่วยบ้างไหม
    https://www.facebook.com/share/p/18qB9oj8MR/
    ข้อมูลจากฐานข้อมูล องค์การอนามัยโลก
    พบว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด กลับเพิ่มมากขึ้น หลังจากการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในประเทศที่มีการฉีดมาก
    https://www.facebook.com/share/p/198894qDBY/
    หมออรรถพลแนะจัดเวทีวิชาการคุยเรื่อง วัคซีนมรณา mRNA กันดีกว่า อย่ามัวดราม่า บูลลี่กันอยู่เลย
    https://www.tiktok.com/@atapolhuawei/video/7496066093576949009?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7359944913523705351
    https://t.me/goodthaidoctorclip/1728
    ข้อมูลจากสื่อหลักมิได้จริงเสมอไป
    https://www.facebook.com/share/p/1XsfU32uuq/
    3/3 ✍️วันที่ 11 ธันวาคม 2566 สัมภาษณ์นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในรายการข่าว วิทยุจุฬาฯ FM 101.5 MHz หัวข้อ “ผลกระทบของวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอที่มีต่อมนุษย์ : ก่อให้เกิดโรคร้ายและอันตรายต่อชีวิตจริงหรือไม่” ดำเนินรายการโดย ดร.ธีรารัตน์ พันทวี https://curadio.chula.ac.th/Radio-Demand.php?program=202312110730 ✍️วันที่ 8 ก.พ. 2567 ในที่สุด กระทรวงสาธารณสุข ก็ออกมายืนยันสิ่งที่ข้องใจ ไฟเซอร์ หักคอให้รัฐบาลไทย เซ็น”สัญญาทาส“ ไม่อนุญาตให้ ตรวจสอบ https://t.me/ThaiPitaksithData/4864 อ้างติดเงื่อนไข สธ.ปฏิเสธเปิดสัญญา“ไฟเซอร์” คนไทยพิทักษ์สิทธิ์จวกยับ น่าเศร้า ขรก.ไทยกลัวบริษัทยา https://mgronline.com/qol/detail/9670000014134 และมีการโครงการจัดเสวนาและหน่วยแพทย์เคลื่อนที่สำหรับภาวะ Long Covid-19 และผลกระทบจากวัคซีน ณ หอศิลป์แห่งวัฒนธรรมกรุงเทพ จาก 9 วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ คุณรสนา โตสิตระกูล, นายแพทย์ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ, นายแพทย์อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง, อาจารย์สันติสุข โสภณสิริ , นายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์, ศาสตราจารย์คลินิกแพทย์จีน นายแพทย์ภาสกิจ วัณนาวิบูล, แพทย์หญิงสุภาพร มีลาภ, แพทย์แผนไทยประยุกต์แวสะมิง แวหมะ, พันเอก นายแพทย์พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา https://youtu.be/KuhFBFDIFPo https://rumble.com/v4bmro6-title-health-uncensored-by-dr.atapol-test-draft-1-.html?fbclid=IwAR3KiMhm_Jj--rzxsevf2gWazMP-1SdFHD1XDb0GY3Rw0MMu8-Lk-mGY1g0 https://t.me/injuryjabthaiseminar ✍️วันที่ 21 ก.พ.2567 สัมภาษณ์สด นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง รายการทัวร์มาลงทางช่องโมโน29 mRNA ไม่ใช่วัคซีนแต่เป็นยีนเทอราปี gene therapy https://www.facebook.com/share/v/ENS2BTLH5oxkuGKD/?mibextid=A7sQZp ✍️วันที่ 24 ก.พ.2567 CMUL Live สด อ.ทีน่า อ.เกรซ ครูหนึ่ง จาก สถาบัน CMUL สัมภาษณ์อ.หมออรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://fb.watch/qHUSo1JsoU/? ✍️วันที่ 4 มี.ค. 2567 คุยกับอ.หมออรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง CDC Webinar Live Talk หัวข้อ ภัยของ Covid Vaccine https://rumble.com/v4hcoae--covid-vaccine.html ✍️วันที่ 25 เมษายน 2567 รายการ สภากาแฟเวทีชาวบ้าน ช่อง News1 พูดคุยกับ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวข้อ ทำไม พระสงฆ์ คนหนุ่มสาว ป่วยทรุดตัวไว? https://www.youtube.com/live/4BHNF3zpCz0?si=nzF8PfAMNCo_mS8x ✍️วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพจัดเสวนาครั้งที่ 2 แฉความจริง*อันตรายจากวัคซีนCovid-19 ร้ายแรงกว่าที่คิด ณ หอศิลป์ฯ กทม. โดยมีวิทยากรรับเชิญ อ.หมออรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง พญ.สุภาพร มีลาภ นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา คลิปไลฟ์4 ชม.เต็มถูกแบนทุกช่องทางต้องตามไปเทเลแกรมครับ [https://t.me/goodthaidoctorclip/1399](https://t.me/goodthaidoctorclip/1399) [https://mgronline.com/qol/detail/9670000035647](https://mgronline.com/qol/detail/9670000035647) [https://t.me/ThaiPitaksithData/5579](https://t.me/ThaiPitaksithData/5579) ✍️วันที่ 19 มิ.ย.2567 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา และ นพ.มนตรี เศรษฐบุตร ยื่นหนังสือถึง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่รัฐสภา ยื่นหนังสือที่ทางกลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ผู้ป่วย และญาติของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนป้องกันโควิด รวมทั้ง เครือข่ายพันธมิตร เช่น สมาพันธ์เครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย,ตัวแทน สภาทนายความแห่งประเทศไทย ,ตัวแทน สมาคมแพทย์ทางร่วมนานาชาติ ,สมาคมแพทย์แผนไทย ส่งให้ทางรัฐมนตรีว่าการสธ. และขอให้สอบสวนการกระทำผิดสัญญาของบริษัทวัคซีน https://www.hfocus.org/content/2024/06/30839 https://m.facebook.com/groups/374786411903689/permalink/466060772776252/? ✍️วันที่ 10 ส.ค.2567 โค๊ชนาตาลีได้จัดงานสัมมนา โดยเชิญ อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง และคุณอดิเทพ จาวลาห์ มาให้ความรู้เรื่อง Hidden Agendas ปัญหาแอบแฝงที่เขาไม่อยากให้เรารู้ และการตื่นรู้จากการถูกควบคุมเพื่ออิสระภาพ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02K9Zcf94pFjeTqnSZhdUVY2HR7xzpAnak7B7b1AaC7iFjviDvT8r8rbnYkM5Y9Knfl&id=100011380184111 ✍️วันที่ 14 ส.ค.2567 ไลฟ์สด รายการสภากาแฟ ช่อง News1 หัวข้อ : Shipหายเกิดอะไรขึ้น ทำไมคนไทยตายมากขึ้น? สัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://www.youtube.com/live/st0hoQmKQu8?si=R8LMbTKCwaEEWBte https://vt.tiktok.com/ZS2LRQDDF/ ✍️วันที่ 18 ก.ย.2567 หัวข้อ วัคซีนทำอะไรต่อสุขภาพกายใจ และวิธีแก้ไขโดยใช้อาหารบูสต์อารมณ์ คุณปูสัมภาษณ์น.พ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://www.facebook.com/share/a2PztSKYEDQ3pviq/?mibextid=9l3rBW ✍️วันที่ 22 ก.ย.2567 ข่าวเปิดผนึกทวงถามความจริง ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ออกมาแก้ต่างให้กับบริษัทยา ว่าไม่มีข้อมูลความเชื่อมโยงระหว่าง modified RNA (mRNA) ที่หลอกว่าเป็นวัคซีน กับ มะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ https://drive.google.com/file/d/1cxK176_E_k8oxdJuH3ajMnLEBq64yfl8/view?usp=drivesdk ✍️ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง กล่าวชัดๆไม่อ้อมค้อม​มันคืออาวุธ​ชีวภาพ ใครฉีดให้คนคืออาชญากร​ ใครนิ่งเฉยไม่พูด​อะไรคือ​ ผู้สมรู้ร่วมคิด​ร่วม​กระทำความผิด​ https://vm.tiktok.com/ZS2XQ5qgB/ แผนลดประชากรโลก มีจริงหรือไม่ https://www.tiktok.com/@atapolhuawei/video/7414795548814773521?is_from_webapp=1&sender_device=pc ✍️วันที่ 21 ตุลาคม 2567 ข่าวเปิดผนึก สถิติคนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นผิดปกติ https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=sharing ✍️วันที่ 24 พ.ย.2567 งานสัมมนา ฟังคุณหมอเล่านิทาน (เรื่องที่เล่าบนสื่อทั่วไปไม่ได้) EP.1 วัคซีนทำให้ป่วยเป็นอะไร แก้ไขได้อย่างไร โรงแรมใบหยกสกาย วิทยากร พ.อ.นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา นพ.ทวีศักดิ์ เนตรวงศ์ ดร.นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง คุณอดิเทพ จาวลาห์ https://m.facebook.com/groups/374786411903689/permalink/535323545849974/? https://t.me/ThaiPitaksithData/6207 และในวันเดียวกัน ที่ม.ธรรมศาสตร์ ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว หัวข้อ ระเบียบโลกใหม่ ระบบสาธารณสุข โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เรื่องสุขภาพความเป็นความตายประชาชน เรื่องจริงที่พูดไม่ได้ในทางสาธารณะ คลิป UNCUT รับชมเต็มๆ แบบไม่ตัด https://thaitimes.co/posts/125847 https://t.me/goodthaidoctorclip/1610 https://t.me/clipcovid19/1208 ✍️วันที่ 5 ม.ค.2568 ประกาศข่าว คนไทยตายเพิ่มขึ้นในปี 2567 https://drive.google.com/file/d/1mfgjiKEyCTfccFf_TcdVjDmS0jvJwzPa/view?usp=drive_link https://www.facebook.com/share/p/1AHaC6eSK8/ ✍️วันที่ 2 ก.พ.2568 รูต่ายส่ายสะโพก Special (หมออรรถพล x เทนโด้) วัคซีน mRNA ... มือที่มองไม่เห็นและปลายเข็มแห่งซาตาน (วัคซีน mRNA ส่งผลต่อร่างกายมนุษย์ยังไง) https://rumble.com/v6gea87--mrna-...-.html ✍️วันที่ 2 มี.ค.2568 รูต่ายส่ายสะโพก Special (หมออรรถพล x เทนโด้) เปิดแฟ้มลับ...มือสังหารหมู่โลก (วัคซีน mRNA, เชื้อโควิด และการทุจริตในอเมริกา) https://rumble.com/v6q1hmg-...-mrna-.html?start=179 ✍️วันที่ 14 มี.ค.2568 บ๊วยLive EP.18 l เข้าถึงปัญญาญาณ เข้าถึงDNA! กับคุณหมออรรถพล https://www.youtube.com/watch?app=desktop&v=B6_Z7LtIwBk ✍️วันที่ 30 มี.ค.2568 เปิดจักรวาล 'รายการมืด' หมออรรถพล นิลฉงน นลเฉลย ชวนพูดคุย พร้อมตอบคำถามใน ไลฟ์ "เปิดแฟ้มลับ...มือสังหาร JFK" #รต่ายส่ายสะโพก EP3 (หมออรรถพล x เทนโด้ x อาจารย์ต้น ตำนานนักล้วงข้อมูลลับแห่งประเทศไทย) https://www.facebook.com/share/v/16YMx4sWn6/ รับชมคลิปที่ https://rumble.com/v6rewkc-...-jfk-ep3.html หรือ https://zap.stream/naddr1qq9rzde5xqurjvfcx5mqz9thwden5te0wfjkccte9ejxzmt4wvhxjme0qgsfwrl76z6zy0tjhsdnlaj6tkqweyx5w9vdyja5n788vl07p3nw3ugrqsqqqan8vzj3gy ✍️วันที่ 15 พ.ค. 2568 รายการสภากาแฟ ช่อง News1 หัวข้อ โลกรับรู้มนุษย์ทําไวรัสเขา มีเจตนาอะไร? คิดกุศลหรืออกุศล สัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ยูทูบ https://www.youtube.com/live/LQcoOjcPNkQ?si=QFfCzxuYBKx14God เฟสบุ๊กไลฟ์ https://www.facebook.com/share/v/15PyyQ8pgE/ ✍️วันที่ 19 พ.ค.2568 กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ยื่นหนังสือถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการยา ตามพระราชบัญญัติยา พุทธศักราช ๒๕๑๐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และ คณะกรรมการยาทุกท่าน ขอให้ดำเนินการระงับการอนุญาตให้ใช้วัคซีน mRNA ในมนุษย์ https://drive.google.com/file/d/1BR1vKiDPMrlXMykJqZUVgj3aAK-KkyjH/view?usp=drivesdk ข้อมูลเหล่านั้นบางส่วนได้รับการเปิดเผยในเว็บไซต์ทางการของทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา https://www.whitehouse.gov/lab-leak-true-origins-of-covid-19/ https://www.facebook.com/share/p/1F5cKBiQSK/ https://www.facebook.com/share/p/16EB5JToNy/ ไฟล์จดหมายฉบับนี้ https://drive.google.com/file/d/1zx62n7IaqEdPYL-SFeNcrS2s8cpnLuDE/view?usp=drivesdk ✍️วันที่ 22 พ.ค.2568 ผู้ที่ได้รับยาฉีดโควิดแล้วมีผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ ร่างกายไม่เหมือนเดิม และญาติผู้เสียชีวิต รว่มกับ คุณอี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม พอ.นพ.พงษฺศักดิ์ ตั้งคณา นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์ ดร.ศรีวิชัย ศรีสุวรรณ และจิตอาสากลุ่มคนไทยพิทักษฺสิทธิ์ ร่วมยื่นหนังสือขอความอนุเคราะห์ในการรับฟังความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนโควิด และให้มีการจัดเวทีทางวิชาการ ถึงท่านประธานรัฐสภาไทย และประธานสภาผู้แทนราษฎร พณฯท่าน วันมูหะมัดนอร์ มะทา จดหมายยื่นรัฐสภา https://drive.google.com/drive/folders/114MB4aBXnhPjSOb5iZKhThk0d9B0rs6f ไลฟ์สด https://www.facebook.com/share/v/189S4WxV6j/ https://www.thaipithaksith.com/my-posta3c48515 https://www.facebook.com/share/p/1NaPKfhgkD/ https://www.khaosod.co.th/politics/news_9770255 https://www.facebook.com/share/v/189S4WxV6j/ https://www.facebook.com/share/19RpSX1zVx/ ✍️อีเมล์ หมอยงตอบหมออรรถพล ในกรณีที่ มีผู้ป่วยเด็กที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนโควิด เข้ารับการรักษาในรพ.จุฬาลงกรณ์ ลองอ่านดูครับว่า หมอยง แสดงความเห็นใจ เป็นห่วงเป็นใย ผู้ป่วยบ้างไหม https://www.facebook.com/share/p/18qB9oj8MR/ ข้อมูลจากฐานข้อมูล องค์การอนามัยโลก พบว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด กลับเพิ่มมากขึ้น หลังจากการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในประเทศที่มีการฉีดมาก https://www.facebook.com/share/p/198894qDBY/ ✍️หมออรรถพลแนะจัดเวทีวิชาการคุยเรื่อง วัคซีนมรณา mRNA กันดีกว่า อย่ามัวดราม่า บูลลี่กันอยู่เลย https://www.tiktok.com/@atapolhuawei/video/7496066093576949009?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7359944913523705351 https://t.me/goodthaidoctorclip/1728 ✍️ข้อมูลจากสื่อหลักมิได้จริงเสมอไป https://www.facebook.com/share/p/1XsfU32uuq/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1205 มุมมอง 0 รีวิว
  • ล่องเรือสำราญผ่านธารน้ำแข็ง ชมความงดงามของธรรมชาติ และน้ำทะเลที่มีเงินสะท้อนของภูเขาสูงเสียดฟ้า นับเป็นมุมที่สวยที่สุดของการล่องเรือ ก่อนแวะจอดที่แวนคูเวอร์ เมืองหลวงของอลาสก้า

    ทัวร์ ล่องเรืออลาสก้า พักบนเรือสำราญ Serenade of the Seas 12 วัน 9 คืน

    เส้นทาง แวนคูเวอร์ - จูโน่ - สแก็กเวย์ - ธารน้ำแข็ง inside passage - ซิตก้า - เที่ยวนครแวนคูเวอร์ - ช้อปปิ้ง McArthur Glen Premium Outlet

    วันที่ วันที่ 18 - 29 ก.ค. 68

    ราคาเริ่มต้น : ฿199,900

    พักแวนคูเวอร์ 2 คืน
    พักเรือสำราญ 7 คืน
    รวมทัวร์ล่องเรือชมปลาวาฬ
    รวมทัวร์รถไฟไวท์พาส
    รวมค่าวีซ่าแคนาดา

    รหัสแพคเกจทัวร์ : ROYT-CI-12D9N-YVR-YVR-2507181
    คลิกดูโปรแกรม PDF : 78s.me/e42f6e

    ดูเรือ Royal Caribean ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/648705

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #เรือRoyalCaribean #SerenadeoftheSeas #Alaska #Juneau #MendenhallGlacier #Skagway #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    ✨ ล่องเรือสำราญผ่านธารน้ำแข็ง ชมความงดงามของธรรมชาติ และน้ำทะเลที่มีเงินสะท้อนของภูเขาสูงเสียดฟ้า นับเป็นมุมที่สวยที่สุดของการล่องเรือ ก่อนแวะจอดที่แวนคูเวอร์ เมืองหลวงของอลาสก้า 🗻 🐳 ทัวร์ ล่องเรืออลาสก้า พักบนเรือสำราญ Serenade of the Seas 12 วัน 9 คืน 📍 เส้นทาง แวนคูเวอร์ - จูโน่ - สแก็กเวย์ - ธารน้ำแข็ง inside passage - ซิตก้า - เที่ยวนครแวนคูเวอร์ - ช้อปปิ้ง McArthur Glen Premium Outlet 📆 วันที่ วันที่ 18 - 29 ก.ค. 68 💥 ราคาเริ่มต้น : ฿199,900 ✅ พักแวนคูเวอร์ 2 คืน ✅ พักเรือสำราญ 7 คืน ✅ รวมทัวร์ล่องเรือชมปลาวาฬ ✅ รวมทัวร์รถไฟไวท์พาส ✅ รวมค่าวีซ่าแคนาดา ➡️ รหัสแพคเกจทัวร์ : ROYT-CI-12D9N-YVR-YVR-2507181 คลิกดูโปรแกรม PDF : 78s.me/e42f6e ดูเรือ Royal Caribean ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/648705 ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #เรือRoyalCaribean #SerenadeoftheSeas #Alaska #Juneau #MendenhallGlacier #Skagway #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 624 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD ดึงทีมวิศวกรจาก Untether AI เพื่อเสริมศักยภาพด้าน AI Inference
    AMD ได้ประกาศว่า บริษัทได้ว่าจ้างทีมวิศวกรทั้งหมดจาก Untether AI ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนา ชิป AI inference จากแคนาดา โดยการเข้าซื้อครั้งนี้ ไม่ได้รวมถึงทรัพย์สินของ Untether AI ทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท เช่น speedAI และ imAIgine SDK จะ หยุดการสนับสนุนและการจัดจำหน่าย

    AMD ระบุว่า ทีมวิศวกรจาก Untether AI จะช่วยเสริมศักยภาพด้าน AI compiler และ kernel development รวมถึง การออกแบบ SoC และการตรวจสอบผลิตภัณฑ์

    Untether AI เป็นบริษัทที่ พัฒนา AI inference chips ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้ GPU โดย วางโปรเซสเซอร์ไว้ใกล้กับหน่วยความจำ เพื่อลด latency และการใช้พลังงาน ซึ่งแตกต่างจาก GPU ที่ใช้พลังงานสูงในการฝึกโมเดล AI

    นอกจากนี้ AMD ยังได้เข้าซื้อ Brium ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่เน้น การเพิ่มประสิทธิภาพ AI inference ซึ่งบ่งชี้ว่า AMD กำลังมุ่งเน้นไปที่การพัฒนา AI inference chips เพื่อลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพ

    ข้อมูลจากข่าว
    - AMD ดึงทีมวิศวกรจาก Untether AI เพื่อเสริมศักยภาพด้าน AI inference
    - ผลิตภัณฑ์ของ Untether AI เช่น speedAI และ imAIgine SDK จะหยุดการสนับสนุน
    - ทีมวิศวกรจะช่วยพัฒนา AI compiler, kernel development และ SoC design
    - Untether AI พัฒนา AI inference chips ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้ GPU
    - AMD ยังเข้าซื้อ Brium ซึ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพ AI inference

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ลูกค้าของ Untether AI อาจได้รับผลกระทบ เนื่องจาก AMD ไม่ได้ซื้อทรัพย์สินของบริษัท
    - ต้องติดตามว่า AMD จะพัฒนา AI inference chips ที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้หรือไม่
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่ออุตสาหกรรม AI inference และการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล
    - ต้องรอดูว่า AMD จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีของ Untether AI เมื่อใด

    การเข้าซื้อทีมวิศวกรจาก Untether AI อาจช่วยให้ AMD สามารถพัฒนา AI inference chips ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และ ลดการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อการแข่งขันกับ Nvidia และตลาด AI inference อย่างไร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/amd-scoops-entire-untether-ai-chip-team-canada-ai-inference-outfit-will-cease-product-support
    🏢 AMD ดึงทีมวิศวกรจาก Untether AI เพื่อเสริมศักยภาพด้าน AI Inference AMD ได้ประกาศว่า บริษัทได้ว่าจ้างทีมวิศวกรทั้งหมดจาก Untether AI ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนา ชิป AI inference จากแคนาดา โดยการเข้าซื้อครั้งนี้ ไม่ได้รวมถึงทรัพย์สินของ Untether AI ทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท เช่น speedAI และ imAIgine SDK จะ หยุดการสนับสนุนและการจัดจำหน่าย AMD ระบุว่า ทีมวิศวกรจาก Untether AI จะช่วยเสริมศักยภาพด้าน AI compiler และ kernel development รวมถึง การออกแบบ SoC และการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ Untether AI เป็นบริษัทที่ พัฒนา AI inference chips ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้ GPU โดย วางโปรเซสเซอร์ไว้ใกล้กับหน่วยความจำ เพื่อลด latency และการใช้พลังงาน ซึ่งแตกต่างจาก GPU ที่ใช้พลังงานสูงในการฝึกโมเดล AI นอกจากนี้ AMD ยังได้เข้าซื้อ Brium ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่เน้น การเพิ่มประสิทธิภาพ AI inference ซึ่งบ่งชี้ว่า AMD กำลังมุ่งเน้นไปที่การพัฒนา AI inference chips เพื่อลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลจากข่าว - AMD ดึงทีมวิศวกรจาก Untether AI เพื่อเสริมศักยภาพด้าน AI inference - ผลิตภัณฑ์ของ Untether AI เช่น speedAI และ imAIgine SDK จะหยุดการสนับสนุน - ทีมวิศวกรจะช่วยพัฒนา AI compiler, kernel development และ SoC design - Untether AI พัฒนา AI inference chips ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้ GPU - AMD ยังเข้าซื้อ Brium ซึ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพ AI inference ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ลูกค้าของ Untether AI อาจได้รับผลกระทบ เนื่องจาก AMD ไม่ได้ซื้อทรัพย์สินของบริษัท - ต้องติดตามว่า AMD จะพัฒนา AI inference chips ที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้หรือไม่ - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่ออุตสาหกรรม AI inference และการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล - ต้องรอดูว่า AMD จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีของ Untether AI เมื่อใด การเข้าซื้อทีมวิศวกรจาก Untether AI อาจช่วยให้ AMD สามารถพัฒนา AI inference chips ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และ ลดการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อการแข่งขันกับ Nvidia และตลาด AI inference อย่างไร https://www.tomshardware.com/tech-industry/amd-scoops-entire-untether-ai-chip-team-canada-ai-inference-outfit-will-cease-product-support
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับหนึ่งในสรรพนามเรียกขานฮ่องเต้จีน
    ความมีอยู่ว่า
    ...หวางซู่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หม่อมฉันเกรงว่าปี้เซี่ยจะทรงใกล้ชิดกับพวกนาง จึงต้องกราบทูลรายงาน แต่กวนเจียมิทรงตรัสอันใด กลับทรงมีพระบัญชาให้หม่อมฉันนำพระราชดำรัสมาประกาศ ให้พระสนมทั้งสองออกจากวังโดยพลัน พระองค์ตรัสเสร็จพระอัสสุชลก็รินไหล”...
    - จากเรื่อง <จองจำเดียวดายในนคร> ผู้แต่ง หมี่หลานเลดี้ (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)
    (หมายเหตุ ละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    เพื่อความง่ายในการเข้าใจ Storyฯ ขอไม่เน้นราชาศัพท์ในบทความข้างล่างนะคะ

    เพื่อนเพจที่ดูละครจีนโบราณเสียงภาษาจีนต้องเคยได้ยินสรรพนามเรียกขานฮ่องเต้ที่แตกต่างกันไป เช่น ปี้เซี่ย หวงตี้ จินซ่าง เทียนจื่อ ฯลฯ ซึ่งคำเหล่านี้มักมีความหมายเกี่ยวโยงราชบัลลังก์ ความศักดิ์สิทธิ์ หรือสวรรค์ ที่ฟังดูสูงเกินเอื้อมของปุถุชนคนธรรมดา

    แต่หากใครได้ดูละครเรื่อง <วังเดียวดาย> จะได้ยินการเรียกขานฮ่องเต้ว่า ‘กวนเจีย’ ซึ่งเป็นคำเรียกที่แปลกในความรู้สึกของ Storyฯ เพราะแปลความหมายได้ประมาณว่า ‘สำนักราชการ’ (กวน = ขุนนาง เจีย = บ้านหรือกลุ่มองค์กร) Storyฯ จึงต้องไปหาข้อมูลทำความเข้าใจ

    คำว่า ‘กวนเจีย’ มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น (202 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 220) เพียงแต่ในสมัยนั้น ไม่ได้เป็นการเรียกเจ้าผู้ปกครองประเทศ หากแต่เป็นการเรียกรวมหมายถึงเหล่าขุนนางและหน่วยงานข้าราชการ หรือเป็นการเรียกขานผู้ที่เป็นขุนนางอย่างยกย่อง

    ว่ากันว่ามีการใช้สรรพนามนี้ขานเรียกฮ่องเต้ตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์เหนือใต้ (ค.ศ. 420-589) แต่ไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากฟังดูไม่สูงศักดิ์และอาจทำให้สับสนเพราะยังหมายถึงเหล่าข้าราชการได้อีกด้วย จวบจนเริ่มยุคสมัยราชวงศ์ซ่งจึงใช้คำว่า ‘กวนเจีย’ เรียกฮ่องเต้อย่างเป็นทางการ

    เพราะอะไร?

    ท่านที่พอจะทราบประวัติศาสตร์จีนจะทราบว่า เมื่อสิ้นสุดราชวงศ์ถังก็เข้าสู่ยุคที่แตกเป็นห้าราชวงศ์สิบแคว้น จากนั้นจึงเกิดเป็นราชวงศ์ซ่ง ซึ่งเหตุการณ์การก่อตั้งราชวงศ์ซ่งเกิดขึ้นในปีค.ศ. 960 เมื่อเจ้าผู้ปกครองราชวงศ์โฮ่วโจว (โจวยุคหลัง หนึ่งในห้าราชวงศ์) สวรรคตลง ทำให้เกิดความระส่ำระสายในสายทหารเพราะผู้สืบทอดราชบัลลังก์เป็นเด็ก อยู่มาวันหนึ่งผู้นำเหล่าทัพทั้งหลายพร้อมใจกันเอาชุดเหลืองลายมังกรแบบเฉพาะของฮ่องเต้มาคลุมกายให้แก่จอมทัพเจ้าควงอิ้น เพื่อขอให้เขาขึ้นเป็นผู้ปกครองอาณาจักรโฮ่วโจวแทน (ดูรูปขวาบนและล่าง และอ่านเรื่องราวเหตุการณ์นี้ได้เพิ่มเติมที่เพจศิลปวัฒนธรรมตามลิ้งค์ข้างล่าง)

    เจ้าควงอิ้นเมื่อขึ้นครองราชย์ก็สถานปนาราชวงศ์ใหม่คือราชวงศ์ซ่ง และตั้งใจคัดเฟ้นสรรพนามเรียกขานตนที่เหมาะสมขึ้นใหม่ เพราะเขาตระหนักว่าตนเองเป็นเชื้อสายตระกูลทหาร ไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์ จึงเกรงว่าหากใช้คำที่เกี่ยวข้องกับการสืบราชสันตติวงศ์ จะทำให้ประชาชนมีความรู้สึกว่าเขาขึ้นครองราชย์อย่างไม่ชอบธรรม

    จึงมาลงเอยที่คำว่า ‘กวนเจีย’ นี้ ซึ่งมีพื้นฐานมาจากปรัชญาคำสอนการปกครองจากยุคสมัยชุนชิว และถูกยกมาจากวรรคที่ว่า ‘สามราชาดูแลทั่วหล้า ห้าจักรพรรดิมีใต้นภาเป็นครอบครัว’ (ซานหวงกวนเทียเซี่ย อู่ตี้เจียเทียนเซี่ย / 三皇官天下,五帝家天下) ซึ่งเป็นการเท้าความถึง ‘สามราชาห้าจักรพรรดิ’ ในตำนานปรำปราที่ปกครองดูแลประชาชนอย่าง ‘เข้าถึง’ และมีคุณธรรม โดยในบริบทนี้คำว่า ‘กวนเจีย’ ถูกเลือกมาใช้เพื่อให้สะท้อนความนัยว่า เป็นการปกครองโดยคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน ทำโดยหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแลและเป็นที่พึ่งให้แก่ประชาชน

    ดังนั้นในสมัยราชวงศ์ซ่ง ประชาชนจะเรียกข้าราชการว่า ‘กวนเจีย’ ไม่ได้อีกต่อไป และมีการกำหนดให้คำนี้มีเพียงความหมายเดียวคือแปลว่าฮ่องเต้ (แต่จะใช้คำอื่นเช่น ปี้เซี่ย เรียกฮ่องเต้ก็ยังได้อยู่) ไม่ได้หมายรวมถึงเหล่าข้าราชการอีกต่อไป

    นอกจากคำที่พูดถึงมาข้างต้นแล้ว เพื่อนเพจยังเคยผ่านหูคำเรียกขานฮ่องเต้ว่าอย่างอื่นอีกไหมคะ? Storyฯ นึกได้อีกหลายคำเลย

    หมายเหตุ 1: ‘สามราชา’ บ้างว่าหมายถึงเทพเจ้าผู้สร้างและดูแลมนุษย์ในตำนานคือฟู่ซี หนี่ว์วา และเหยียนตี้ และบ้างว่าหมายถึงราชาแห่งแผ่นฟ้า ผืนดินและมนุษย์ชาติ ส่วน ‘ห้าจักรพรรดิ’ นั้นหมายถึงองค์หวงตี้ (จักรพรรดิเหลือง) และฮ่องเต้ผู้สืบทอดบัลลังก์ต่อมาอีกสี่พระองค์
    หมายเหตุ 2: ในเรื่อง <วังเดียวดาย> เป็นยุคสมัยของฮ่องเต้เหรินจง เป็นฮ่องเต้องค์ที่สี่แห่งราชวงศ์ซ่ง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://kknews.cc/zh-my/history/2vgm4n9.html
    https://dramakaffe.wordpress.com/2020/05/16/serenade-of-peaceful-joy/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/133862973
    https://www.thehour.cn/news/363118.html
    https://www.gugong.net/zhongguo/songchao/18033.html
    https://kknews.cc/history/g48mr58.html

    #ราชวงศ์ซ่ง #ฮ่องเต้จีน #เจ้าควงอิ้น #ชิงผิงเยวี่ย #กวนเจีย #ประวัติศาสตร์จีน
    วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับหนึ่งในสรรพนามเรียกขานฮ่องเต้จีน ความมีอยู่ว่า ...หวางซู่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หม่อมฉันเกรงว่าปี้เซี่ยจะทรงใกล้ชิดกับพวกนาง จึงต้องกราบทูลรายงาน แต่กวนเจียมิทรงตรัสอันใด กลับทรงมีพระบัญชาให้หม่อมฉันนำพระราชดำรัสมาประกาศ ให้พระสนมทั้งสองออกจากวังโดยพลัน พระองค์ตรัสเสร็จพระอัสสุชลก็รินไหล”... - จากเรื่อง <จองจำเดียวดายในนคร> ผู้แต่ง หมี่หลานเลดี้ (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) (หมายเหตุ ละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) เพื่อความง่ายในการเข้าใจ Storyฯ ขอไม่เน้นราชาศัพท์ในบทความข้างล่างนะคะ เพื่อนเพจที่ดูละครจีนโบราณเสียงภาษาจีนต้องเคยได้ยินสรรพนามเรียกขานฮ่องเต้ที่แตกต่างกันไป เช่น ปี้เซี่ย หวงตี้ จินซ่าง เทียนจื่อ ฯลฯ ซึ่งคำเหล่านี้มักมีความหมายเกี่ยวโยงราชบัลลังก์ ความศักดิ์สิทธิ์ หรือสวรรค์ ที่ฟังดูสูงเกินเอื้อมของปุถุชนคนธรรมดา แต่หากใครได้ดูละครเรื่อง <วังเดียวดาย> จะได้ยินการเรียกขานฮ่องเต้ว่า ‘กวนเจีย’ ซึ่งเป็นคำเรียกที่แปลกในความรู้สึกของ Storyฯ เพราะแปลความหมายได้ประมาณว่า ‘สำนักราชการ’ (กวน = ขุนนาง เจีย = บ้านหรือกลุ่มองค์กร) Storyฯ จึงต้องไปหาข้อมูลทำความเข้าใจ คำว่า ‘กวนเจีย’ มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น (202 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 220) เพียงแต่ในสมัยนั้น ไม่ได้เป็นการเรียกเจ้าผู้ปกครองประเทศ หากแต่เป็นการเรียกรวมหมายถึงเหล่าขุนนางและหน่วยงานข้าราชการ หรือเป็นการเรียกขานผู้ที่เป็นขุนนางอย่างยกย่อง ว่ากันว่ามีการใช้สรรพนามนี้ขานเรียกฮ่องเต้ตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์เหนือใต้ (ค.ศ. 420-589) แต่ไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากฟังดูไม่สูงศักดิ์และอาจทำให้สับสนเพราะยังหมายถึงเหล่าข้าราชการได้อีกด้วย จวบจนเริ่มยุคสมัยราชวงศ์ซ่งจึงใช้คำว่า ‘กวนเจีย’ เรียกฮ่องเต้อย่างเป็นทางการ เพราะอะไร? ท่านที่พอจะทราบประวัติศาสตร์จีนจะทราบว่า เมื่อสิ้นสุดราชวงศ์ถังก็เข้าสู่ยุคที่แตกเป็นห้าราชวงศ์สิบแคว้น จากนั้นจึงเกิดเป็นราชวงศ์ซ่ง ซึ่งเหตุการณ์การก่อตั้งราชวงศ์ซ่งเกิดขึ้นในปีค.ศ. 960 เมื่อเจ้าผู้ปกครองราชวงศ์โฮ่วโจว (โจวยุคหลัง หนึ่งในห้าราชวงศ์) สวรรคตลง ทำให้เกิดความระส่ำระสายในสายทหารเพราะผู้สืบทอดราชบัลลังก์เป็นเด็ก อยู่มาวันหนึ่งผู้นำเหล่าทัพทั้งหลายพร้อมใจกันเอาชุดเหลืองลายมังกรแบบเฉพาะของฮ่องเต้มาคลุมกายให้แก่จอมทัพเจ้าควงอิ้น เพื่อขอให้เขาขึ้นเป็นผู้ปกครองอาณาจักรโฮ่วโจวแทน (ดูรูปขวาบนและล่าง และอ่านเรื่องราวเหตุการณ์นี้ได้เพิ่มเติมที่เพจศิลปวัฒนธรรมตามลิ้งค์ข้างล่าง) เจ้าควงอิ้นเมื่อขึ้นครองราชย์ก็สถานปนาราชวงศ์ใหม่คือราชวงศ์ซ่ง และตั้งใจคัดเฟ้นสรรพนามเรียกขานตนที่เหมาะสมขึ้นใหม่ เพราะเขาตระหนักว่าตนเองเป็นเชื้อสายตระกูลทหาร ไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์ จึงเกรงว่าหากใช้คำที่เกี่ยวข้องกับการสืบราชสันตติวงศ์ จะทำให้ประชาชนมีความรู้สึกว่าเขาขึ้นครองราชย์อย่างไม่ชอบธรรม จึงมาลงเอยที่คำว่า ‘กวนเจีย’ นี้ ซึ่งมีพื้นฐานมาจากปรัชญาคำสอนการปกครองจากยุคสมัยชุนชิว และถูกยกมาจากวรรคที่ว่า ‘สามราชาดูแลทั่วหล้า ห้าจักรพรรดิมีใต้นภาเป็นครอบครัว’ (ซานหวงกวนเทียเซี่ย อู่ตี้เจียเทียนเซี่ย / 三皇官天下,五帝家天下) ซึ่งเป็นการเท้าความถึง ‘สามราชาห้าจักรพรรดิ’ ในตำนานปรำปราที่ปกครองดูแลประชาชนอย่าง ‘เข้าถึง’ และมีคุณธรรม โดยในบริบทนี้คำว่า ‘กวนเจีย’ ถูกเลือกมาใช้เพื่อให้สะท้อนความนัยว่า เป็นการปกครองโดยคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน ทำโดยหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแลและเป็นที่พึ่งให้แก่ประชาชน ดังนั้นในสมัยราชวงศ์ซ่ง ประชาชนจะเรียกข้าราชการว่า ‘กวนเจีย’ ไม่ได้อีกต่อไป และมีการกำหนดให้คำนี้มีเพียงความหมายเดียวคือแปลว่าฮ่องเต้ (แต่จะใช้คำอื่นเช่น ปี้เซี่ย เรียกฮ่องเต้ก็ยังได้อยู่) ไม่ได้หมายรวมถึงเหล่าข้าราชการอีกต่อไป นอกจากคำที่พูดถึงมาข้างต้นแล้ว เพื่อนเพจยังเคยผ่านหูคำเรียกขานฮ่องเต้ว่าอย่างอื่นอีกไหมคะ? Storyฯ นึกได้อีกหลายคำเลย หมายเหตุ 1: ‘สามราชา’ บ้างว่าหมายถึงเทพเจ้าผู้สร้างและดูแลมนุษย์ในตำนานคือฟู่ซี หนี่ว์วา และเหยียนตี้ และบ้างว่าหมายถึงราชาแห่งแผ่นฟ้า ผืนดินและมนุษย์ชาติ ส่วน ‘ห้าจักรพรรดิ’ นั้นหมายถึงองค์หวงตี้ (จักรพรรดิเหลือง) และฮ่องเต้ผู้สืบทอดบัลลังก์ต่อมาอีกสี่พระองค์ หมายเหตุ 2: ในเรื่อง <วังเดียวดาย> เป็นยุคสมัยของฮ่องเต้เหรินจง เป็นฮ่องเต้องค์ที่สี่แห่งราชวงศ์ซ่ง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://kknews.cc/zh-my/history/2vgm4n9.html https://dramakaffe.wordpress.com/2020/05/16/serenade-of-peaceful-joy/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://zhuanlan.zhihu.com/p/133862973 https://www.thehour.cn/news/363118.html https://www.gugong.net/zhongguo/songchao/18033.html https://kknews.cc/history/g48mr58.html #ราชวงศ์ซ่ง #ฮ่องเต้จีน #เจ้าควงอิ้น #ชิงผิงเยวี่ย #กวนเจีย #ประวัติศาสตร์จีน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 688 มุมมอง 0 รีวิว
  • Storyฯ ดูละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ไม่จบ แต่ได้อ่านนิยายและรู้สึกเตะตากับสิ่งที่เรียกว่า “เฉาเป้า” (朝报)
    ความมีอยู่ว่า
    ... สามวันให้หลัง จางเฉิงเจ้ายื่นหนังสือเฉาเป้าให้ข้าพเจ้า พลางเอ่ยอย่างดีใจว่า “องค์ฮ่องเต้ (กวนเจีย) ทรงมีบรมราชานุญาติให้หวางก่งเฉินกลับอิ๋งโจวแล้ว”
    หนังสือเฉาเป้าเป็นหนังสือข่าวที่จัดทำขึ้นโดยหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วน มีการจดบันทึกพระราชโองการล่าสุดขององค์ฮ่องเต้ รวมถึงข่าวสำคัญในพระราชวัง การปรับเปลี่ยนแต่งตั้งโยกย้ายขุนนาง ข่าวสถานการณ์ศึก เป็นต้น หลังจากมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลแล้ว จิ้งโจ้วย่วนจึงจัดคัดลอกขึ้นเพื่อประกาศต่อสาธารณะชน โดยส่งมอบให้ข้าราชสำนักหน่วยงานต่างๆ ไว้อ่าน...
    - จากเรื่อง <จองจำเดียวดายในนคร> ผู้แต่ง หมี่หลานเลดี้ (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)
    (หมายเหตุ ละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    เพื่อนเพจแฟนละครจีนโบราณต้องคุ้นเคยกับประกาศติดบอร์ดให้ชาวบ้านอ่าน เมื่อได้มาอ่านนิยายเรื่องนี้ Storyฯ จึงรู้ว่า จริงๆ แล้วจีนโบราณมีสิ่งที่คล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบัน ซึ่งก็คือ ‘เฉาเป้า’ นี้เอง

    คำว่า ‘เฉา’ ในที่นี่หมายถึงราชสำนักดังนั้น ‘เฉาเป้า’ จึงเป็นเอกสารที่สรุปย่อข่าวสารจากราชสำนัก โดยมีสาระสำคัญคือพระราชกรณียกิจของฮ่องเต้ ข่าวราชทูต และข่าวอื่นๆ ดังที่กล่าวถึงในบทความจากนิยายข้างต้น หน้าตาคล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบันคือเป็นกระดาษหนึ่งหรือสองแผ่นพับทบเอา

    เรื่อง <วังเดียวดาย> นี้เป็นเรื่องราวในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง Storyฯ จึงเกิดความเอ๊ะว่า เฉาเป้ามีมาตั้งแต่เมื่อใด?

    ‘เฉาเป้า’ แรกปรากฏในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ประมาณปี 202 ก่อนคริตสกาลจนถึงค.ศ. 220) เรียกว่า ‘ตี่เป้า’ (邸报) หรือ ‘ตี่เช้า’ (邸抄) เริ่มแรกเขียนบนไม้ไผ่ ต่อมาเมื่อมีการคิดค้นกระดาษแล้วก็เปลี่ยนมาเขียนบนกระดาษ

    จากนั้นมาก็มีใช้กันต่อเนื่องมาตลอดยุคสมัยราชวงศ์ถัง ซ่ง หยวน หมิงและชิง โดยวัตถุประสงค์และเนื้อหาสาระยังคล้ายคลึงเดิม การจัดทำเฉาเป้าสิ้นสุดลงเมื่อปีค.ศ. 1912 เมื่อฮ่องเต้องค์สุดท้ายของจีนทรงสละราชสมบัติ

    ในสมัยราชวงศ์ถังนั้น การจัดทำตี่เป้าเป็นหน้าที่ของหน่วยงาน ‘จิ้งโจ้วกวน’ (进奏官) ซึ่งข่าวสารจากแต่ละพื้นที่จะส่งมายังขุนนางตัวแทนพื้นที่ที่ประจำอยู่ในเมืองหลวงก่อนส่งต่อให้จิ้งโจ้วกวนเป็นผู้รวมรวมและเรียบเรียงก่อนจะคัดลอกขึ้นเป็นหลายฉบับด้วยมือ แต่ระบบการจัดทำแบบนี้ต้องผ่านตัวแทนของแต่ละพื้นที่ในเมืองหลวง ทำให้เกิดความไม่สมบูรณ์ของข่าวเมื่อผ่านตัวกลางที่อาจเพิกเฉยต่อข้อมูลที่ได้รับ

    ดังนั้นในรัชสมัยของฮ่องเต้ไท่จง (ฮ่องเต้องค์ที่สองของราชวงศ์ซ่ง) จึงมีการก่อตั้งหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วนขึ้นโดยสังกัด ‘เหมินเซี่ยเสิ่ง’ (หรือ ‘แผนกใต้ประตู’ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบราชการ ตรวจราชโองการและคำสั่งราชการ ถวายความเห็นต่อฮ่องเต้) มีคนในสังกัดตรง จึงรวบรวมข่าวจากทุกพื้นที่โดยตรง ส่วนปริมาณเนื้อหาก็เพิ่มขึ้นโดยรวมถึงบทความถวายฮ่องเต้ที่น่าสนใจ ประกาศชื่นชมหรือตกรางวัลขุนนาง ฯลฯ เดิมเป็นหนังสือประกาศรายเดือน ต่อมาจึงจัดทำเป็นรายวัน

    จิ้งโจ้วย่วนนี้มีหน้าที่รวมรวม ตรวจทานและอนุมัติบทความก่อนที่จะเผยแพร่ ซึ่งก็คือการเซ็นเซอร์โดยรัฐบาลกลางนั่นเอง อะไรบ้างที่โดนเซ็นเซอร์? มีรายละเอียดข้อพิพาทระหว่างรัฐและข่าวสารการศึกที่ลับ ข่าวเกี่ยวกับอาเพศหรือภัยพิบัติในแผ่นดิน ข่าวเกี่ยวกับวังหลังหรือเรื่องส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ และข่าวเกี่ยวกับฎีกาที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติ

    ในสมัยซ่งนี้เริ่มมีการใช้ปั๊มพิมพ์แทนการคัดมือและเกิดสิ่งพิมพ์อีกแบบที่ฮ็อตสุดๆ ออกมาวางขาย มีชื่อเรียกว่า ‘เสี่ยวเป้า’ ซึ่งตีพิมพ์เรื่องซุบซิบที่ไม่ผ่านการเซ็นเซอร์และรัฐบาลกวาดล้างไม่หมด ว่ากันว่าเรื่องบางเรื่องเพิ่งมีมติในที่ประชุมท้องพระโรง ยังไม่ได้รายงานในเฉาเป้า แต่เสี่ยวเป้าก็รายงานจนรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว

    ต่อมาเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์หมิงจึงใช้ระบบการจัดพิมพ์เฉาเป้าแบบฝรั่ง และเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์ชิงก็มีการจัดทำเอกสารข่าวของทางการขึ้นเพิ่มอีกหนึ่งฉบับซึ่งมีข้อมูลมากขึ้น เรียกว่า ‘จิงเป้า’ (京报)

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.chinadaily.com.cn/a/202005/12/WS5eba135da310a8b241155126_4.html
    https://new.qq.com/omn/20190726/20190726A0A62F00.html
    http://history.sina.com.cn/bk/gds/2014-08-17/182397940.shtml
    http://www.xinhuanet.com/zgjx/2010-10/08/c_13546664.htm
    https://new.qq.com/omn/20201215/20201215A005FX00.html

    #วังเดียวดาย #เฉาเป้า #ตี่เป้า #เสี่ยวเป้า #จิงเป้า #หนังสือพิมพ์จีนโบราณ #จิ้งโจ้วย่วน #จิ้งโจ้วกวน #ราชวงศ์ถัง #ราชวงศ์ซ่ง
    Storyฯ ดูละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ไม่จบ แต่ได้อ่านนิยายและรู้สึกเตะตากับสิ่งที่เรียกว่า “เฉาเป้า” (朝报) ความมีอยู่ว่า ... สามวันให้หลัง จางเฉิงเจ้ายื่นหนังสือเฉาเป้าให้ข้าพเจ้า พลางเอ่ยอย่างดีใจว่า “องค์ฮ่องเต้ (กวนเจีย) ทรงมีบรมราชานุญาติให้หวางก่งเฉินกลับอิ๋งโจวแล้ว” หนังสือเฉาเป้าเป็นหนังสือข่าวที่จัดทำขึ้นโดยหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วน มีการจดบันทึกพระราชโองการล่าสุดขององค์ฮ่องเต้ รวมถึงข่าวสำคัญในพระราชวัง การปรับเปลี่ยนแต่งตั้งโยกย้ายขุนนาง ข่าวสถานการณ์ศึก เป็นต้น หลังจากมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลแล้ว จิ้งโจ้วย่วนจึงจัดคัดลอกขึ้นเพื่อประกาศต่อสาธารณะชน โดยส่งมอบให้ข้าราชสำนักหน่วยงานต่างๆ ไว้อ่าน... - จากเรื่อง <จองจำเดียวดายในนคร> ผู้แต่ง หมี่หลานเลดี้ (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) (หมายเหตุ ละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) เพื่อนเพจแฟนละครจีนโบราณต้องคุ้นเคยกับประกาศติดบอร์ดให้ชาวบ้านอ่าน เมื่อได้มาอ่านนิยายเรื่องนี้ Storyฯ จึงรู้ว่า จริงๆ แล้วจีนโบราณมีสิ่งที่คล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบัน ซึ่งก็คือ ‘เฉาเป้า’ นี้เอง คำว่า ‘เฉา’ ในที่นี่หมายถึงราชสำนักดังนั้น ‘เฉาเป้า’ จึงเป็นเอกสารที่สรุปย่อข่าวสารจากราชสำนัก โดยมีสาระสำคัญคือพระราชกรณียกิจของฮ่องเต้ ข่าวราชทูต และข่าวอื่นๆ ดังที่กล่าวถึงในบทความจากนิยายข้างต้น หน้าตาคล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบันคือเป็นกระดาษหนึ่งหรือสองแผ่นพับทบเอา เรื่อง <วังเดียวดาย> นี้เป็นเรื่องราวในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง Storyฯ จึงเกิดความเอ๊ะว่า เฉาเป้ามีมาตั้งแต่เมื่อใด? ‘เฉาเป้า’ แรกปรากฏในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ประมาณปี 202 ก่อนคริตสกาลจนถึงค.ศ. 220) เรียกว่า ‘ตี่เป้า’ (邸报) หรือ ‘ตี่เช้า’ (邸抄) เริ่มแรกเขียนบนไม้ไผ่ ต่อมาเมื่อมีการคิดค้นกระดาษแล้วก็เปลี่ยนมาเขียนบนกระดาษ จากนั้นมาก็มีใช้กันต่อเนื่องมาตลอดยุคสมัยราชวงศ์ถัง ซ่ง หยวน หมิงและชิง โดยวัตถุประสงค์และเนื้อหาสาระยังคล้ายคลึงเดิม การจัดทำเฉาเป้าสิ้นสุดลงเมื่อปีค.ศ. 1912 เมื่อฮ่องเต้องค์สุดท้ายของจีนทรงสละราชสมบัติ ในสมัยราชวงศ์ถังนั้น การจัดทำตี่เป้าเป็นหน้าที่ของหน่วยงาน ‘จิ้งโจ้วกวน’ (进奏官) ซึ่งข่าวสารจากแต่ละพื้นที่จะส่งมายังขุนนางตัวแทนพื้นที่ที่ประจำอยู่ในเมืองหลวงก่อนส่งต่อให้จิ้งโจ้วกวนเป็นผู้รวมรวมและเรียบเรียงก่อนจะคัดลอกขึ้นเป็นหลายฉบับด้วยมือ แต่ระบบการจัดทำแบบนี้ต้องผ่านตัวแทนของแต่ละพื้นที่ในเมืองหลวง ทำให้เกิดความไม่สมบูรณ์ของข่าวเมื่อผ่านตัวกลางที่อาจเพิกเฉยต่อข้อมูลที่ได้รับ ดังนั้นในรัชสมัยของฮ่องเต้ไท่จง (ฮ่องเต้องค์ที่สองของราชวงศ์ซ่ง) จึงมีการก่อตั้งหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วนขึ้นโดยสังกัด ‘เหมินเซี่ยเสิ่ง’ (หรือ ‘แผนกใต้ประตู’ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบราชการ ตรวจราชโองการและคำสั่งราชการ ถวายความเห็นต่อฮ่องเต้) มีคนในสังกัดตรง จึงรวบรวมข่าวจากทุกพื้นที่โดยตรง ส่วนปริมาณเนื้อหาก็เพิ่มขึ้นโดยรวมถึงบทความถวายฮ่องเต้ที่น่าสนใจ ประกาศชื่นชมหรือตกรางวัลขุนนาง ฯลฯ เดิมเป็นหนังสือประกาศรายเดือน ต่อมาจึงจัดทำเป็นรายวัน จิ้งโจ้วย่วนนี้มีหน้าที่รวมรวม ตรวจทานและอนุมัติบทความก่อนที่จะเผยแพร่ ซึ่งก็คือการเซ็นเซอร์โดยรัฐบาลกลางนั่นเอง อะไรบ้างที่โดนเซ็นเซอร์? มีรายละเอียดข้อพิพาทระหว่างรัฐและข่าวสารการศึกที่ลับ ข่าวเกี่ยวกับอาเพศหรือภัยพิบัติในแผ่นดิน ข่าวเกี่ยวกับวังหลังหรือเรื่องส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ และข่าวเกี่ยวกับฎีกาที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติ ในสมัยซ่งนี้เริ่มมีการใช้ปั๊มพิมพ์แทนการคัดมือและเกิดสิ่งพิมพ์อีกแบบที่ฮ็อตสุดๆ ออกมาวางขาย มีชื่อเรียกว่า ‘เสี่ยวเป้า’ ซึ่งตีพิมพ์เรื่องซุบซิบที่ไม่ผ่านการเซ็นเซอร์และรัฐบาลกวาดล้างไม่หมด ว่ากันว่าเรื่องบางเรื่องเพิ่งมีมติในที่ประชุมท้องพระโรง ยังไม่ได้รายงานในเฉาเป้า แต่เสี่ยวเป้าก็รายงานจนรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว ต่อมาเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์หมิงจึงใช้ระบบการจัดพิมพ์เฉาเป้าแบบฝรั่ง และเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์ชิงก็มีการจัดทำเอกสารข่าวของทางการขึ้นเพิ่มอีกหนึ่งฉบับซึ่งมีข้อมูลมากขึ้น เรียกว่า ‘จิงเป้า’ (京报) (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.chinadaily.com.cn/a/202005/12/WS5eba135da310a8b241155126_4.html https://new.qq.com/omn/20190726/20190726A0A62F00.html http://history.sina.com.cn/bk/gds/2014-08-17/182397940.shtml http://www.xinhuanet.com/zgjx/2010-10/08/c_13546664.htm https://new.qq.com/omn/20201215/20201215A005FX00.html #วังเดียวดาย #เฉาเป้า #ตี่เป้า #เสี่ยวเป้า #จิงเป้า #หนังสือพิมพ์จีนโบราณ #จิ้งโจ้วย่วน #จิ้งโจ้วกวน #ราชวงศ์ถัง #ราชวงศ์ซ่ง
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 874 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ภาควิชาสรีรวิทยา #คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล #มหาวิทยาลัยมหิดล
    ขอแสดงความยินดีกับ คุณรุ่งนภา ศรีริวิจิตชัย ในโอกาสได้รับ "รางวัลการนำเสนอผลงานแบบแผ่นภาพและบรรยาย” ในหมวด Pituitary/Adrenal/Gonad หัวข้อ Reproduction จากการประชุม Seoul International Congress of Endocrinology and Metabolism ครั้งที่ 13 ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ระหว่างวันที่ 1 - 3 พฤษภาคม 2568
    #ภาควิชาสรีรวิทยา #คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล #มหาวิทยาลัยมหิดล ขอแสดงความยินดีกับ คุณรุ่งนภา ศรีริวิจิตชัย ในโอกาสได้รับ "รางวัลการนำเสนอผลงานแบบแผ่นภาพและบรรยาย” ในหมวด Pituitary/Adrenal/Gonad หัวข้อ Reproduction จากการประชุม Seoul International Congress of Endocrinology and Metabolism ครั้งที่ 13 ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ระหว่างวันที่ 1 - 3 พฤษภาคม 2568
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 464 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ อาจช่วยเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน

    รายงานล่าสุดระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายเพื่อจำกัดการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน อาจกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้จีนพัฒนาอุตสาหกรรมของตนเองได้เร็วขึ้น โดยพบว่า บริษัทจีนบางแห่งสามารถปรับตัวและสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งขึ้น แม้จะเผชิญกับข้อจำกัดด้านการนำเข้าเทคโนโลยีจากตะวันตก

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตร
    แม้สหรัฐฯ และจีนจะตกลงระงับภาษีที่รุนแรงเป็นเวลา 90 วัน แต่ความตึงเครียดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเพิ่มขึ้น
    - บริษัทไต้หวันที่ดำเนินธุรกิจในจีนกำลังถูกจับตามองมากขึ้น

    บริษัท Zhen Ding Technology ในจีนมีรายได้เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
    - เนื่องจาก กลยุทธ์ "China for China" ที่เน้นการผลิตเพื่อตลาดภายในประเทศ

    Nvidia CEO Jensen Huang ระบุว่าการห้ามส่งออกชิป AI ไปจีนเป็น "ความล้มเหลว"
    - เพราะ บริษัทจีนหันไปใช้ผลิตภัณฑ์จากคู่แข่งในประเทศแทน

    บริษัทจีนอาจใช้สวนอุตสาหกรรม AI ในไต้หวันเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
    - อาจทำให้ ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เปลี่ยนแปลงไป

    Nvidia อาจเปิดตัวชิป Blackwell รุ่นใหม่สำหรับตลาดจีนภายในสิ้นปีนี้
    - เพื่อ ทดแทนชิป H20 ที่ถูกแบน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/instead-of-crippling-chinas-semiconductor-ambitions-u-s-sanctions-may-be-inadvertently-accelerating-them-report-claims-washington-measures-could-be-bolstering-chinas-chip-market
    มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ อาจช่วยเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน รายงานล่าสุดระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายเพื่อจำกัดการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน อาจกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้จีนพัฒนาอุตสาหกรรมของตนเองได้เร็วขึ้น โดยพบว่า บริษัทจีนบางแห่งสามารถปรับตัวและสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งขึ้น แม้จะเผชิญกับข้อจำกัดด้านการนำเข้าเทคโนโลยีจากตะวันตก 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตร ✅ แม้สหรัฐฯ และจีนจะตกลงระงับภาษีที่รุนแรงเป็นเวลา 90 วัน แต่ความตึงเครียดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเพิ่มขึ้น - บริษัทไต้หวันที่ดำเนินธุรกิจในจีนกำลังถูกจับตามองมากขึ้น ✅ บริษัท Zhen Ding Technology ในจีนมีรายได้เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา - เนื่องจาก กลยุทธ์ "China for China" ที่เน้นการผลิตเพื่อตลาดภายในประเทศ ✅ Nvidia CEO Jensen Huang ระบุว่าการห้ามส่งออกชิป AI ไปจีนเป็น "ความล้มเหลว" - เพราะ บริษัทจีนหันไปใช้ผลิตภัณฑ์จากคู่แข่งในประเทศแทน ✅ บริษัทจีนอาจใช้สวนอุตสาหกรรม AI ในไต้หวันเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น - อาจทำให้ ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เปลี่ยนแปลงไป ✅ Nvidia อาจเปิดตัวชิป Blackwell รุ่นใหม่สำหรับตลาดจีนภายในสิ้นปีนี้ - เพื่อ ทดแทนชิป H20 ที่ถูกแบน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/instead-of-crippling-chinas-semiconductor-ambitions-u-s-sanctions-may-be-inadvertently-accelerating-them-report-claims-washington-measures-could-be-bolstering-chinas-chip-market
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Report claims Washington measures could be bolstering China's chip market
    China's chip industry could emerge more resilient from U.S. sanctions
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • Telus เตรียมลงทุนกว่า 50 พันล้านดอลลาร์ในแคนาดาเพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่าย

    Telus ประกาศแผนลงทุนมากกว่า 50.88 พันล้านดอลลาร์ในแคนาดาในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยเน้นไปที่ การเปิดตัวศูนย์ข้อมูล AI ใหม่ 2 แห่ง และการขยายเครือข่ายไร้สายไปยังพื้นที่ชนบท ซึ่งเป็นการลงทุนที่เกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจแคนาดากำลังเผชิญกับความท้าทายจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการลงทุนของ Telus
    Telus จะเปิดตัวศูนย์ข้อมูล AI ใหม่ 2 แห่ง
    - เพื่อ รองรับการเติบโตของเทคโนโลยี AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่

    การลงทุนจะช่วยเพิ่มความครอบคลุมและความจุของเครือข่ายไร้สาย
    - โดยเฉพาะ ในพื้นที่ชนบทที่ยังมีข้อจำกัดด้านการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต

    เศรษฐกิจแคนาดากำลังเผชิญกับผลกระทบจากภาษีของสหรัฐฯ
    - สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดา เช่น เหล็ก, อะลูมิเนียม และรถยนต์

    Telus รายงานว่าความต้องการแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายบรอดแบนด์ยังคงแข็งแกร่ง
    - บริษัท มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 218,000 รายในไตรมาสแรกของปี 2025

    การลงทุนนี้สอดคล้องกับแผนงบประมาณของ Telus สำหรับปี 2025
    - บริษัท คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์ต่อปี

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/28/telus-to-invest-over-50-billion-in-canada-over-next-five-years
    Telus เตรียมลงทุนกว่า 50 พันล้านดอลลาร์ในแคนาดาเพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่าย Telus ประกาศแผนลงทุนมากกว่า 50.88 พันล้านดอลลาร์ในแคนาดาในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยเน้นไปที่ การเปิดตัวศูนย์ข้อมูล AI ใหม่ 2 แห่ง และการขยายเครือข่ายไร้สายไปยังพื้นที่ชนบท ซึ่งเป็นการลงทุนที่เกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจแคนาดากำลังเผชิญกับความท้าทายจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการลงทุนของ Telus ✅ Telus จะเปิดตัวศูนย์ข้อมูล AI ใหม่ 2 แห่ง - เพื่อ รองรับการเติบโตของเทคโนโลยี AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ✅ การลงทุนจะช่วยเพิ่มความครอบคลุมและความจุของเครือข่ายไร้สาย - โดยเฉพาะ ในพื้นที่ชนบทที่ยังมีข้อจำกัดด้านการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ✅ เศรษฐกิจแคนาดากำลังเผชิญกับผลกระทบจากภาษีของสหรัฐฯ - สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดา เช่น เหล็ก, อะลูมิเนียม และรถยนต์ ✅ Telus รายงานว่าความต้องการแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายบรอดแบนด์ยังคงแข็งแกร่ง - บริษัท มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 218,000 รายในไตรมาสแรกของปี 2025 ✅ การลงทุนนี้สอดคล้องกับแผนงบประมาณของ Telus สำหรับปี 2025 - บริษัท คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์ต่อปี https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/28/telus-to-invest-over-50-billion-in-canada-over-next-five-years
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Telus to invest over $50 billion in Canada over next five years
    (Reuters) - Telus is investing more than C$70 billion ($50.88 billion) in Canada over the next five years to expand its network infrastructure in the country, the telecom company said on Tuesday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts