• Storyฯ ดูละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ไม่จบ แต่ได้อ่านนิยายและรู้สึกเตะตากับสิ่งที่เรียกว่า “เฉาเป้า” (朝报)
    ความมีอยู่ว่า
    ... สามวันให้หลัง จางเฉิงเจ้ายื่นหนังสือเฉาเป้าให้ข้าพเจ้า พลางเอ่ยอย่างดีใจว่า “องค์ฮ่องเต้ (กวนเจีย) ทรงมีบรมราชานุญาติให้หวางก่งเฉินกลับอิ๋งโจวแล้ว”
    หนังสือเฉาเป้าเป็นหนังสือข่าวที่จัดทำขึ้นโดยหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วน มีการจดบันทึกพระราชโองการล่าสุดขององค์ฮ่องเต้ รวมถึงข่าวสำคัญในพระราชวัง การปรับเปลี่ยนแต่งตั้งโยกย้ายขุนนาง ข่าวสถานการณ์ศึก เป็นต้น หลังจากมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลแล้ว จิ้งโจ้วย่วนจึงจัดคัดลอกขึ้นเพื่อประกาศต่อสาธารณะชน โดยส่งมอบให้ข้าราชสำนักหน่วยงานต่างๆ ไว้อ่าน...
    - จากเรื่อง <จองจำเดียวดายในนคร> ผู้แต่ง หมี่หลานเลดี้ (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)
    (หมายเหตุ ละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    เพื่อนเพจแฟนละครจีนโบราณต้องคุ้นเคยกับประกาศติดบอร์ดให้ชาวบ้านอ่าน เมื่อได้มาอ่านนิยายเรื่องนี้ Storyฯ จึงรู้ว่า จริงๆ แล้วจีนโบราณมีสิ่งที่คล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบัน ซึ่งก็คือ ‘เฉาเป้า’ นี้เอง

    คำว่า ‘เฉา’ ในที่นี่หมายถึงราชสำนักดังนั้น ‘เฉาเป้า’ จึงเป็นเอกสารที่สรุปย่อข่าวสารจากราชสำนัก โดยมีสาระสำคัญคือพระราชกรณียกิจของฮ่องเต้ ข่าวราชทูต และข่าวอื่นๆ ดังที่กล่าวถึงในบทความจากนิยายข้างต้น หน้าตาคล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบันคือเป็นกระดาษหนึ่งหรือสองแผ่นพับทบเอา

    เรื่อง <วังเดียวดาย> นี้เป็นเรื่องราวในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง Storyฯ จึงเกิดความเอ๊ะว่า เฉาเป้ามีมาตั้งแต่เมื่อใด?

    ‘เฉาเป้า’ แรกปรากฏในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ประมาณปี 202 ก่อนคริตสกาลจนถึงค.ศ. 220) เรียกว่า ‘ตี่เป้า’ (邸报) หรือ ‘ตี่เช้า’ (邸抄) เริ่มแรกเขียนบนไม้ไผ่ ต่อมาเมื่อมีการคิดค้นกระดาษแล้วก็เปลี่ยนมาเขียนบนกระดาษ

    จากนั้นมาก็มีใช้กันต่อเนื่องมาตลอดยุคสมัยราชวงศ์ถัง ซ่ง หยวน หมิงและชิง โดยวัตถุประสงค์และเนื้อหาสาระยังคล้ายคลึงเดิม การจัดทำเฉาเป้าสิ้นสุดลงเมื่อปีค.ศ. 1912 เมื่อฮ่องเต้องค์สุดท้ายของจีนทรงสละราชสมบัติ

    ในสมัยราชวงศ์ถังนั้น การจัดทำตี่เป้าเป็นหน้าที่ของหน่วยงาน ‘จิ้งโจ้วกวน’ (进奏官) ซึ่งข่าวสารจากแต่ละพื้นที่จะส่งมายังขุนนางตัวแทนพื้นที่ที่ประจำอยู่ในเมืองหลวงก่อนส่งต่อให้จิ้งโจ้วกวนเป็นผู้รวมรวมและเรียบเรียงก่อนจะคัดลอกขึ้นเป็นหลายฉบับด้วยมือ แต่ระบบการจัดทำแบบนี้ต้องผ่านตัวแทนของแต่ละพื้นที่ในเมืองหลวง ทำให้เกิดความไม่สมบูรณ์ของข่าวเมื่อผ่านตัวกลางที่อาจเพิกเฉยต่อข้อมูลที่ได้รับ

    ดังนั้นในรัชสมัยของฮ่องเต้ไท่จง (ฮ่องเต้องค์ที่สองของราชวงศ์ซ่ง) จึงมีการก่อตั้งหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วนขึ้นโดยสังกัด ‘เหมินเซี่ยเสิ่ง’ (หรือ ‘แผนกใต้ประตู’ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบราชการ ตรวจราชโองการและคำสั่งราชการ ถวายความเห็นต่อฮ่องเต้) มีคนในสังกัดตรง จึงรวบรวมข่าวจากทุกพื้นที่โดยตรง ส่วนปริมาณเนื้อหาก็เพิ่มขึ้นโดยรวมถึงบทความถวายฮ่องเต้ที่น่าสนใจ ประกาศชื่นชมหรือตกรางวัลขุนนาง ฯลฯ เดิมเป็นหนังสือประกาศรายเดือน ต่อมาจึงจัดทำเป็นรายวัน

    จิ้งโจ้วย่วนนี้มีหน้าที่รวมรวม ตรวจทานและอนุมัติบทความก่อนที่จะเผยแพร่ ซึ่งก็คือการเซ็นเซอร์โดยรัฐบาลกลางนั่นเอง อะไรบ้างที่โดนเซ็นเซอร์? มีรายละเอียดข้อพิพาทระหว่างรัฐและข่าวสารการศึกที่ลับ ข่าวเกี่ยวกับอาเพศหรือภัยพิบัติในแผ่นดิน ข่าวเกี่ยวกับวังหลังหรือเรื่องส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ และข่าวเกี่ยวกับฎีกาที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติ

    ในสมัยซ่งนี้เริ่มมีการใช้ปั๊มพิมพ์แทนการคัดมือและเกิดสิ่งพิมพ์อีกแบบที่ฮ็อตสุดๆ ออกมาวางขาย มีชื่อเรียกว่า ‘เสี่ยวเป้า’ ซึ่งตีพิมพ์เรื่องซุบซิบที่ไม่ผ่านการเซ็นเซอร์และรัฐบาลกวาดล้างไม่หมด ว่ากันว่าเรื่องบางเรื่องเพิ่งมีมติในที่ประชุมท้องพระโรง ยังไม่ได้รายงานในเฉาเป้า แต่เสี่ยวเป้าก็รายงานจนรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว

    ต่อมาเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์หมิงจึงใช้ระบบการจัดพิมพ์เฉาเป้าแบบฝรั่ง และเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์ชิงก็มีการจัดทำเอกสารข่าวของทางการขึ้นเพิ่มอีกหนึ่งฉบับซึ่งมีข้อมูลมากขึ้น เรียกว่า ‘จิงเป้า’ (京报)

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.chinadaily.com.cn/a/202005/12/WS5eba135da310a8b241155126_4.html
    https://new.qq.com/omn/20190726/20190726A0A62F00.html
    http://history.sina.com.cn/bk/gds/2014-08-17/182397940.shtml
    http://www.xinhuanet.com/zgjx/2010-10/08/c_13546664.htm
    https://new.qq.com/omn/20201215/20201215A005FX00.html

    #วังเดียวดาย #เฉาเป้า #ตี่เป้า #เสี่ยวเป้า #จิงเป้า #หนังสือพิมพ์จีนโบราณ #จิ้งโจ้วย่วน #จิ้งโจ้วกวน #ราชวงศ์ถัง #ราชวงศ์ซ่ง
    Storyฯ ดูละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ไม่จบ แต่ได้อ่านนิยายและรู้สึกเตะตากับสิ่งที่เรียกว่า “เฉาเป้า” (朝报) ความมีอยู่ว่า ... สามวันให้หลัง จางเฉิงเจ้ายื่นหนังสือเฉาเป้าให้ข้าพเจ้า พลางเอ่ยอย่างดีใจว่า “องค์ฮ่องเต้ (กวนเจีย) ทรงมีบรมราชานุญาติให้หวางก่งเฉินกลับอิ๋งโจวแล้ว” หนังสือเฉาเป้าเป็นหนังสือข่าวที่จัดทำขึ้นโดยหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วน มีการจดบันทึกพระราชโองการล่าสุดขององค์ฮ่องเต้ รวมถึงข่าวสำคัญในพระราชวัง การปรับเปลี่ยนแต่งตั้งโยกย้ายขุนนาง ข่าวสถานการณ์ศึก เป็นต้น หลังจากมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลแล้ว จิ้งโจ้วย่วนจึงจัดคัดลอกขึ้นเพื่อประกาศต่อสาธารณะชน โดยส่งมอบให้ข้าราชสำนักหน่วยงานต่างๆ ไว้อ่าน... - จากเรื่อง <จองจำเดียวดายในนคร> ผู้แต่ง หมี่หลานเลดี้ (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) (หมายเหตุ ละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) เพื่อนเพจแฟนละครจีนโบราณต้องคุ้นเคยกับประกาศติดบอร์ดให้ชาวบ้านอ่าน เมื่อได้มาอ่านนิยายเรื่องนี้ Storyฯ จึงรู้ว่า จริงๆ แล้วจีนโบราณมีสิ่งที่คล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบัน ซึ่งก็คือ ‘เฉาเป้า’ นี้เอง คำว่า ‘เฉา’ ในที่นี่หมายถึงราชสำนักดังนั้น ‘เฉาเป้า’ จึงเป็นเอกสารที่สรุปย่อข่าวสารจากราชสำนัก โดยมีสาระสำคัญคือพระราชกรณียกิจของฮ่องเต้ ข่าวราชทูต และข่าวอื่นๆ ดังที่กล่าวถึงในบทความจากนิยายข้างต้น หน้าตาคล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบันคือเป็นกระดาษหนึ่งหรือสองแผ่นพับทบเอา เรื่อง <วังเดียวดาย> นี้เป็นเรื่องราวในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง Storyฯ จึงเกิดความเอ๊ะว่า เฉาเป้ามีมาตั้งแต่เมื่อใด? ‘เฉาเป้า’ แรกปรากฏในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ประมาณปี 202 ก่อนคริตสกาลจนถึงค.ศ. 220) เรียกว่า ‘ตี่เป้า’ (邸报) หรือ ‘ตี่เช้า’ (邸抄) เริ่มแรกเขียนบนไม้ไผ่ ต่อมาเมื่อมีการคิดค้นกระดาษแล้วก็เปลี่ยนมาเขียนบนกระดาษ จากนั้นมาก็มีใช้กันต่อเนื่องมาตลอดยุคสมัยราชวงศ์ถัง ซ่ง หยวน หมิงและชิง โดยวัตถุประสงค์และเนื้อหาสาระยังคล้ายคลึงเดิม การจัดทำเฉาเป้าสิ้นสุดลงเมื่อปีค.ศ. 1912 เมื่อฮ่องเต้องค์สุดท้ายของจีนทรงสละราชสมบัติ ในสมัยราชวงศ์ถังนั้น การจัดทำตี่เป้าเป็นหน้าที่ของหน่วยงาน ‘จิ้งโจ้วกวน’ (进奏官) ซึ่งข่าวสารจากแต่ละพื้นที่จะส่งมายังขุนนางตัวแทนพื้นที่ที่ประจำอยู่ในเมืองหลวงก่อนส่งต่อให้จิ้งโจ้วกวนเป็นผู้รวมรวมและเรียบเรียงก่อนจะคัดลอกขึ้นเป็นหลายฉบับด้วยมือ แต่ระบบการจัดทำแบบนี้ต้องผ่านตัวแทนของแต่ละพื้นที่ในเมืองหลวง ทำให้เกิดความไม่สมบูรณ์ของข่าวเมื่อผ่านตัวกลางที่อาจเพิกเฉยต่อข้อมูลที่ได้รับ ดังนั้นในรัชสมัยของฮ่องเต้ไท่จง (ฮ่องเต้องค์ที่สองของราชวงศ์ซ่ง) จึงมีการก่อตั้งหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วนขึ้นโดยสังกัด ‘เหมินเซี่ยเสิ่ง’ (หรือ ‘แผนกใต้ประตู’ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบราชการ ตรวจราชโองการและคำสั่งราชการ ถวายความเห็นต่อฮ่องเต้) มีคนในสังกัดตรง จึงรวบรวมข่าวจากทุกพื้นที่โดยตรง ส่วนปริมาณเนื้อหาก็เพิ่มขึ้นโดยรวมถึงบทความถวายฮ่องเต้ที่น่าสนใจ ประกาศชื่นชมหรือตกรางวัลขุนนาง ฯลฯ เดิมเป็นหนังสือประกาศรายเดือน ต่อมาจึงจัดทำเป็นรายวัน จิ้งโจ้วย่วนนี้มีหน้าที่รวมรวม ตรวจทานและอนุมัติบทความก่อนที่จะเผยแพร่ ซึ่งก็คือการเซ็นเซอร์โดยรัฐบาลกลางนั่นเอง อะไรบ้างที่โดนเซ็นเซอร์? มีรายละเอียดข้อพิพาทระหว่างรัฐและข่าวสารการศึกที่ลับ ข่าวเกี่ยวกับอาเพศหรือภัยพิบัติในแผ่นดิน ข่าวเกี่ยวกับวังหลังหรือเรื่องส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ และข่าวเกี่ยวกับฎีกาที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติ ในสมัยซ่งนี้เริ่มมีการใช้ปั๊มพิมพ์แทนการคัดมือและเกิดสิ่งพิมพ์อีกแบบที่ฮ็อตสุดๆ ออกมาวางขาย มีชื่อเรียกว่า ‘เสี่ยวเป้า’ ซึ่งตีพิมพ์เรื่องซุบซิบที่ไม่ผ่านการเซ็นเซอร์และรัฐบาลกวาดล้างไม่หมด ว่ากันว่าเรื่องบางเรื่องเพิ่งมีมติในที่ประชุมท้องพระโรง ยังไม่ได้รายงานในเฉาเป้า แต่เสี่ยวเป้าก็รายงานจนรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว ต่อมาเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์หมิงจึงใช้ระบบการจัดพิมพ์เฉาเป้าแบบฝรั่ง และเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์ชิงก็มีการจัดทำเอกสารข่าวของทางการขึ้นเพิ่มอีกหนึ่งฉบับซึ่งมีข้อมูลมากขึ้น เรียกว่า ‘จิงเป้า’ (京报) (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.chinadaily.com.cn/a/202005/12/WS5eba135da310a8b241155126_4.html https://new.qq.com/omn/20190726/20190726A0A62F00.html http://history.sina.com.cn/bk/gds/2014-08-17/182397940.shtml http://www.xinhuanet.com/zgjx/2010-10/08/c_13546664.htm https://new.qq.com/omn/20201215/20201215A005FX00.html #วังเดียวดาย #เฉาเป้า #ตี่เป้า #เสี่ยวเป้า #จิงเป้า #หนังสือพิมพ์จีนโบราณ #จิ้งโจ้วย่วน #จิ้งโจ้วกวน #ราชวงศ์ถัง #ราชวงศ์ซ่ง
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 323 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ภาควิชาสรีรวิทยา #คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล #มหาวิทยาลัยมหิดล
    ขอแสดงความยินดีกับ คุณรุ่งนภา ศรีริวิจิตชัย ในโอกาสได้รับ "รางวัลการนำเสนอผลงานแบบแผ่นภาพและบรรยาย” ในหมวด Pituitary/Adrenal/Gonad หัวข้อ Reproduction จากการประชุม Seoul International Congress of Endocrinology and Metabolism ครั้งที่ 13 ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ระหว่างวันที่ 1 - 3 พฤษภาคม 2568
    #ภาควิชาสรีรวิทยา #คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล #มหาวิทยาลัยมหิดล ขอแสดงความยินดีกับ คุณรุ่งนภา ศรีริวิจิตชัย ในโอกาสได้รับ "รางวัลการนำเสนอผลงานแบบแผ่นภาพและบรรยาย” ในหมวด Pituitary/Adrenal/Gonad หัวข้อ Reproduction จากการประชุม Seoul International Congress of Endocrinology and Metabolism ครั้งที่ 13 ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ระหว่างวันที่ 1 - 3 พฤษภาคม 2568
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ อาจช่วยเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน

    รายงานล่าสุดระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายเพื่อจำกัดการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน อาจกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้จีนพัฒนาอุตสาหกรรมของตนเองได้เร็วขึ้น โดยพบว่า บริษัทจีนบางแห่งสามารถปรับตัวและสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งขึ้น แม้จะเผชิญกับข้อจำกัดด้านการนำเข้าเทคโนโลยีจากตะวันตก

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตร
    ✅ แม้สหรัฐฯ และจีนจะตกลงระงับภาษีที่รุนแรงเป็นเวลา 90 วัน แต่ความตึงเครียดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเพิ่มขึ้น
    - บริษัทไต้หวันที่ดำเนินธุรกิจในจีนกำลังถูกจับตามองมากขึ้น

    ✅ บริษัท Zhen Ding Technology ในจีนมีรายได้เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
    - เนื่องจาก กลยุทธ์ "China for China" ที่เน้นการผลิตเพื่อตลาดภายในประเทศ

    ✅ Nvidia CEO Jensen Huang ระบุว่าการห้ามส่งออกชิป AI ไปจีนเป็น "ความล้มเหลว"
    - เพราะ บริษัทจีนหันไปใช้ผลิตภัณฑ์จากคู่แข่งในประเทศแทน

    ✅ บริษัทจีนอาจใช้สวนอุตสาหกรรม AI ในไต้หวันเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
    - อาจทำให้ ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เปลี่ยนแปลงไป

    ✅ Nvidia อาจเปิดตัวชิป Blackwell รุ่นใหม่สำหรับตลาดจีนภายในสิ้นปีนี้
    - เพื่อ ทดแทนชิป H20 ที่ถูกแบน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/instead-of-crippling-chinas-semiconductor-ambitions-u-s-sanctions-may-be-inadvertently-accelerating-them-report-claims-washington-measures-could-be-bolstering-chinas-chip-market
    มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ อาจช่วยเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน รายงานล่าสุดระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายเพื่อจำกัดการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน อาจกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้จีนพัฒนาอุตสาหกรรมของตนเองได้เร็วขึ้น โดยพบว่า บริษัทจีนบางแห่งสามารถปรับตัวและสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งขึ้น แม้จะเผชิญกับข้อจำกัดด้านการนำเข้าเทคโนโลยีจากตะวันตก 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตร ✅ แม้สหรัฐฯ และจีนจะตกลงระงับภาษีที่รุนแรงเป็นเวลา 90 วัน แต่ความตึงเครียดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเพิ่มขึ้น - บริษัทไต้หวันที่ดำเนินธุรกิจในจีนกำลังถูกจับตามองมากขึ้น ✅ บริษัท Zhen Ding Technology ในจีนมีรายได้เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา - เนื่องจาก กลยุทธ์ "China for China" ที่เน้นการผลิตเพื่อตลาดภายในประเทศ ✅ Nvidia CEO Jensen Huang ระบุว่าการห้ามส่งออกชิป AI ไปจีนเป็น "ความล้มเหลว" - เพราะ บริษัทจีนหันไปใช้ผลิตภัณฑ์จากคู่แข่งในประเทศแทน ✅ บริษัทจีนอาจใช้สวนอุตสาหกรรม AI ในไต้หวันเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น - อาจทำให้ ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เปลี่ยนแปลงไป ✅ Nvidia อาจเปิดตัวชิป Blackwell รุ่นใหม่สำหรับตลาดจีนภายในสิ้นปีนี้ - เพื่อ ทดแทนชิป H20 ที่ถูกแบน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/instead-of-crippling-chinas-semiconductor-ambitions-u-s-sanctions-may-be-inadvertently-accelerating-them-report-claims-washington-measures-could-be-bolstering-chinas-chip-market
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Report claims Washington measures could be bolstering China's chip market
    China's chip industry could emerge more resilient from U.S. sanctions
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • Telus เตรียมลงทุนกว่า 50 พันล้านดอลลาร์ในแคนาดาเพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่าย

    Telus ประกาศแผนลงทุนมากกว่า 50.88 พันล้านดอลลาร์ในแคนาดาในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยเน้นไปที่ การเปิดตัวศูนย์ข้อมูล AI ใหม่ 2 แห่ง และการขยายเครือข่ายไร้สายไปยังพื้นที่ชนบท ซึ่งเป็นการลงทุนที่เกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจแคนาดากำลังเผชิญกับความท้าทายจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการลงทุนของ Telus
    ✅ Telus จะเปิดตัวศูนย์ข้อมูล AI ใหม่ 2 แห่ง
    - เพื่อ รองรับการเติบโตของเทคโนโลยี AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่

    ✅ การลงทุนจะช่วยเพิ่มความครอบคลุมและความจุของเครือข่ายไร้สาย
    - โดยเฉพาะ ในพื้นที่ชนบทที่ยังมีข้อจำกัดด้านการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต

    ✅ เศรษฐกิจแคนาดากำลังเผชิญกับผลกระทบจากภาษีของสหรัฐฯ
    - สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดา เช่น เหล็ก, อะลูมิเนียม และรถยนต์

    ✅ Telus รายงานว่าความต้องการแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายบรอดแบนด์ยังคงแข็งแกร่ง
    - บริษัท มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 218,000 รายในไตรมาสแรกของปี 2025

    ✅ การลงทุนนี้สอดคล้องกับแผนงบประมาณของ Telus สำหรับปี 2025
    - บริษัท คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์ต่อปี

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/28/telus-to-invest-over-50-billion-in-canada-over-next-five-years
    Telus เตรียมลงทุนกว่า 50 พันล้านดอลลาร์ในแคนาดาเพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่าย Telus ประกาศแผนลงทุนมากกว่า 50.88 พันล้านดอลลาร์ในแคนาดาในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยเน้นไปที่ การเปิดตัวศูนย์ข้อมูล AI ใหม่ 2 แห่ง และการขยายเครือข่ายไร้สายไปยังพื้นที่ชนบท ซึ่งเป็นการลงทุนที่เกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจแคนาดากำลังเผชิญกับความท้าทายจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการลงทุนของ Telus ✅ Telus จะเปิดตัวศูนย์ข้อมูล AI ใหม่ 2 แห่ง - เพื่อ รองรับการเติบโตของเทคโนโลยี AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ✅ การลงทุนจะช่วยเพิ่มความครอบคลุมและความจุของเครือข่ายไร้สาย - โดยเฉพาะ ในพื้นที่ชนบทที่ยังมีข้อจำกัดด้านการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ✅ เศรษฐกิจแคนาดากำลังเผชิญกับผลกระทบจากภาษีของสหรัฐฯ - สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดา เช่น เหล็ก, อะลูมิเนียม และรถยนต์ ✅ Telus รายงานว่าความต้องการแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายบรอดแบนด์ยังคงแข็งแกร่ง - บริษัท มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 218,000 รายในไตรมาสแรกของปี 2025 ✅ การลงทุนนี้สอดคล้องกับแผนงบประมาณของ Telus สำหรับปี 2025 - บริษัท คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์ต่อปี https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/28/telus-to-invest-over-50-billion-in-canada-over-next-five-years
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Telus to invest over $50 billion in Canada over next five years
    (Reuters) - Telus is investing more than C$70 billion ($50.88 billion) in Canada over the next five years to expand its network infrastructure in the country, the telecom company said on Tuesday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • Brahms Serenade No.1 in D major, Op.11
    Brahms Serenade No.1 in D major, Op.11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ควันหลงจากงานโอลิมปิกฤดูหนาวที่ประเทศจีน สืบเนื่องจาก ‘เงื่อนจีน’ หรือที่เรียกว่า ‘จงกั๋วเจี๋ย’ (中国结) ถูกนำมาใช้เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของงาน แม้แต่พิธีปิดยังมีให้เห็น เพื่อนเพจหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันบ้างอยู่แล้ว วันนี้เรามาคุยกันเบาๆ เกี่ยวกับเงื่อนจีน

    คำว่าเงื่อนหรือ ‘เจี๋ย’ นั้น ในความหมายจีนแปลได้อีกว่าความผูกพันหรือความเชื่อมโยงหรือความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน จึงเป็นที่มาของการถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของงานโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ภายใต้คำขวัญ “ก้าวสู่อนาคตไปด้วยกัน”

    เงื่อนจีนถูกค้นพบขึ้นเมื่อใดไม่ชัดเจน ทราบแต่ว่ามนุษย์เรารู้จักการผูกเงื่อนมาตั้งแต่สมัยยุคหิน ในสมัยดึกดำบรรพ์ใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องมือล่าสัตว์หรือเครื่องมือช่วยดำรงชีพอื่นๆ และลวดลายและวิธีผูกเงื่อนพัฒนามาเรื่อยๆ หลังจากนั้น ในยุคสมัยชุนชิว เงื่อนจีนถูกนำมาใช้อย่างหลากหลาย เช่นเป็นกระดุม ใช้ผูกพวงเหรียญไว้พกพา และถูกนำมาใช้ในการสื่อสารหรือจดจำเหตุการณ์ ในบันทึกเกี่ยวกับราชวงศ์ฮั่น (ปี 202 ก่อนคริสตกาล - ปีค.ศ. 220) มีการกล่าวถึงหลักการจารึกเหตุการณ์ต่างๆ ไว้ว่า ‘เหตุการณ์ใหญ่ ใช้เงื่อนใหญ่ เรื่องเล็ก ใช้เงื่อนเล็ก’ และมีการใช้ลายเงื่อนที่แตกต่างกันสำหรับหมวดหมู่ที่แตกต่างของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    เงื่อนจีนถูกยกระดับเป็นศิลปะอย่างหนึ่งและแพร่หลายเป็นอย่างมากในยุคสมัยราชวงศ์ถังและซ่ง มีการนำมาใช้เป็นสร้อยหรืออุบะสำหรับเครื่องประดับหลายชนิดเช่นป้ายหยก พัด ขลุ่ย กระบี่ ถุงหอม ฯลฯ และในยุคสมัยราชวงศ์หมิงและชิงก็ยิ่งพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นในเรื่องของความหลากหลายของลวดลายและความวิจิตร มีการตั้งชื่อและคิดค้นลายใหม่ๆ ขึ้นมากมาย รวมถึงการนำมาใช้ประดับบ้านเรือน

    เงื่อนจีนแตกต่างจากเงื่อนในวัฒนธรรมฟากตะวันตกอย่างไร? เอกลักษณ์ของเงื่อนจีนคือผูกขึ้นด้วยเชือกเส้นเดียวเท่านั้น เป็นการผูกสองชั้นดังนั้นลายหน้าหลังจะเหมือนกัน Storyฯ อ่านเจอว่าเงื่อนจีนที่วางขายในปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้เชือกยาวมาตรฐานประมาณหนึ่งเมตร

    ลายเงื่อนจีนมีใช้เป็นสัญลักษณ์ในหลายกรณี เช่นเพื่อเป็นของมงคล หรือปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความผูกพัน ชื่อเรียกก็มีหลากหลาย โดยลายที่เราเห็นในงานโอลิมปิกฤดูหนาวปีนี้ (ดูภาพประกอบ) มีชื่อเรียกว่า ‘เงื่อนมงคล’ (จี๋เสียงเจี๋ย/吉祥结) ว่ากันว่าลายพื้นฐานนี้เป็นหนึ่งในลายที่เก่าแก่ที่สุดของเงื่อนจีน พัฒนาขึ้นมาในสมัยราชวงศ์ถัง เป็นสัญลักษณ์ของความสงบสุข โชคลาภ รวมถึงช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย

    (หมายเหตุ เพื่อนเพจที่สนใจชนิดของเงื่อนต่างๆ ดูได้ที่นี่ค่ะ https://tcm.dtam.moph.go.th/images/files/kch002.pdf)

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.fudan.edu.cn/en/2022/0208/c1092a130100/page.htm
    https://www.chinadaily.com.cn/a/202202/21/WS62134c14a310cdd39bc87f6d_5.html
    https://kknews.cc/culture/25y4r.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://kknews.cc/culture/yjgakzn.html
    https://baike.baidu.com/item/中国结/187053
    https://www.aizsg.com/post/9365.html

    #สัญลักษณ์โอลิมปิก2022 #เงื่อนจีน #ผูกเชือกจีน #จงกั๋วเจี๋ย #จี๋เสียงเจี๋ยน
    ควันหลงจากงานโอลิมปิกฤดูหนาวที่ประเทศจีน สืบเนื่องจาก ‘เงื่อนจีน’ หรือที่เรียกว่า ‘จงกั๋วเจี๋ย’ (中国结) ถูกนำมาใช้เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของงาน แม้แต่พิธีปิดยังมีให้เห็น เพื่อนเพจหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันบ้างอยู่แล้ว วันนี้เรามาคุยกันเบาๆ เกี่ยวกับเงื่อนจีน คำว่าเงื่อนหรือ ‘เจี๋ย’ นั้น ในความหมายจีนแปลได้อีกว่าความผูกพันหรือความเชื่อมโยงหรือความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน จึงเป็นที่มาของการถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของงานโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ภายใต้คำขวัญ “ก้าวสู่อนาคตไปด้วยกัน” เงื่อนจีนถูกค้นพบขึ้นเมื่อใดไม่ชัดเจน ทราบแต่ว่ามนุษย์เรารู้จักการผูกเงื่อนมาตั้งแต่สมัยยุคหิน ในสมัยดึกดำบรรพ์ใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องมือล่าสัตว์หรือเครื่องมือช่วยดำรงชีพอื่นๆ และลวดลายและวิธีผูกเงื่อนพัฒนามาเรื่อยๆ หลังจากนั้น ในยุคสมัยชุนชิว เงื่อนจีนถูกนำมาใช้อย่างหลากหลาย เช่นเป็นกระดุม ใช้ผูกพวงเหรียญไว้พกพา และถูกนำมาใช้ในการสื่อสารหรือจดจำเหตุการณ์ ในบันทึกเกี่ยวกับราชวงศ์ฮั่น (ปี 202 ก่อนคริสตกาล - ปีค.ศ. 220) มีการกล่าวถึงหลักการจารึกเหตุการณ์ต่างๆ ไว้ว่า ‘เหตุการณ์ใหญ่ ใช้เงื่อนใหญ่ เรื่องเล็ก ใช้เงื่อนเล็ก’ และมีการใช้ลายเงื่อนที่แตกต่างกันสำหรับหมวดหมู่ที่แตกต่างของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เงื่อนจีนถูกยกระดับเป็นศิลปะอย่างหนึ่งและแพร่หลายเป็นอย่างมากในยุคสมัยราชวงศ์ถังและซ่ง มีการนำมาใช้เป็นสร้อยหรืออุบะสำหรับเครื่องประดับหลายชนิดเช่นป้ายหยก พัด ขลุ่ย กระบี่ ถุงหอม ฯลฯ และในยุคสมัยราชวงศ์หมิงและชิงก็ยิ่งพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นในเรื่องของความหลากหลายของลวดลายและความวิจิตร มีการตั้งชื่อและคิดค้นลายใหม่ๆ ขึ้นมากมาย รวมถึงการนำมาใช้ประดับบ้านเรือน เงื่อนจีนแตกต่างจากเงื่อนในวัฒนธรรมฟากตะวันตกอย่างไร? เอกลักษณ์ของเงื่อนจีนคือผูกขึ้นด้วยเชือกเส้นเดียวเท่านั้น เป็นการผูกสองชั้นดังนั้นลายหน้าหลังจะเหมือนกัน Storyฯ อ่านเจอว่าเงื่อนจีนที่วางขายในปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้เชือกยาวมาตรฐานประมาณหนึ่งเมตร ลายเงื่อนจีนมีใช้เป็นสัญลักษณ์ในหลายกรณี เช่นเพื่อเป็นของมงคล หรือปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความผูกพัน ชื่อเรียกก็มีหลากหลาย โดยลายที่เราเห็นในงานโอลิมปิกฤดูหนาวปีนี้ (ดูภาพประกอบ) มีชื่อเรียกว่า ‘เงื่อนมงคล’ (จี๋เสียงเจี๋ย/吉祥结) ว่ากันว่าลายพื้นฐานนี้เป็นหนึ่งในลายที่เก่าแก่ที่สุดของเงื่อนจีน พัฒนาขึ้นมาในสมัยราชวงศ์ถัง เป็นสัญลักษณ์ของความสงบสุข โชคลาภ รวมถึงช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย (หมายเหตุ เพื่อนเพจที่สนใจชนิดของเงื่อนต่างๆ ดูได้ที่นี่ค่ะ https://tcm.dtam.moph.go.th/images/files/kch002.pdf) (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.fudan.edu.cn/en/2022/0208/c1092a130100/page.htm https://www.chinadaily.com.cn/a/202202/21/WS62134c14a310cdd39bc87f6d_5.html https://kknews.cc/culture/25y4r.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://kknews.cc/culture/yjgakzn.html https://baike.baidu.com/item/中国结/187053 https://www.aizsg.com/post/9365.html #สัญลักษณ์โอลิมปิก2022 #เงื่อนจีน #ผูกเชือกจีน #จงกั๋วเจี๋ย #จี๋เสียงเจี๋ยน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 450 มุมมอง 0 รีวิว
  • RBC ตั้งทีม AI ใหม่เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีในตลาดทุน

    Royal Bank of Canada (RBC) ประกาศจัดตั้งทีม AI และนวัตกรรมดิจิทัลใหม่ในหน่วยงานตลาดทุน โดยมีเป้าหมายเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต ทีมนี้จะมีศูนย์กลางอยู่ใน นิวยอร์ก, โตรอนโต และลอนดอน และรายงานตรงต่อ Lindsay Patrick ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็น Chief Strategy and Innovation Officer

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับทีม AI ใหม่ของ RBC
    ✅ ทีม AI และนวัตกรรมดิจิทัลจะช่วยพัฒนาโซลูชันที่ใช้ AI ในตลาดทุน
    - มุ่งเน้นไปที่ การวิเคราะห์ข้อมูล, การบริหารความเสี่ยง และการเพิ่มประสิทธิภาพการซื้อขาย

    ✅ ศูนย์กลางของทีมตั้งอยู่ในสามเมืองหลัก ได้แก่ นิวยอร์ก, โตรอนโต และลอนดอน
    - ช่วยให้ สามารถเข้าถึงตลาดการเงินระดับโลกและพัฒนาเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว

    ✅ Lindsay Patrick ได้รับแต่งตั้งเป็น Chief Strategy and Innovation Officer
    - มีประสบการณ์ด้าน กลยุทธ์และนวัตกรรมในตลาดทุน

    ✅ RBC มองว่า AI เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต
    - คาดว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการดำเนินงาน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/22/rbc-sets-up-new-ai-team-for-capital-markets-unit
    RBC ตั้งทีม AI ใหม่เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีในตลาดทุน Royal Bank of Canada (RBC) ประกาศจัดตั้งทีม AI และนวัตกรรมดิจิทัลใหม่ในหน่วยงานตลาดทุน โดยมีเป้าหมายเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต ทีมนี้จะมีศูนย์กลางอยู่ใน นิวยอร์ก, โตรอนโต และลอนดอน และรายงานตรงต่อ Lindsay Patrick ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็น Chief Strategy and Innovation Officer 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับทีม AI ใหม่ของ RBC ✅ ทีม AI และนวัตกรรมดิจิทัลจะช่วยพัฒนาโซลูชันที่ใช้ AI ในตลาดทุน - มุ่งเน้นไปที่ การวิเคราะห์ข้อมูล, การบริหารความเสี่ยง และการเพิ่มประสิทธิภาพการซื้อขาย ✅ ศูนย์กลางของทีมตั้งอยู่ในสามเมืองหลัก ได้แก่ นิวยอร์ก, โตรอนโต และลอนดอน - ช่วยให้ สามารถเข้าถึงตลาดการเงินระดับโลกและพัฒนาเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว ✅ Lindsay Patrick ได้รับแต่งตั้งเป็น Chief Strategy and Innovation Officer - มีประสบการณ์ด้าน กลยุทธ์และนวัตกรรมในตลาดทุน ✅ RBC มองว่า AI เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต - คาดว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการดำเนินงาน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/22/rbc-sets-up-new-ai-team-for-capital-markets-unit
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Canadian lender RBC sets up new AI team for capital markets unit
    TORONTO (Reuters) -Royal Bank of Canada's capital markets wing has established a new artificial intelligence and digital innovation team as it bets on AI to boost future growth, the Canadian lender told Reuters on Wednesday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานสรุปจากงาน Microsoft Build 2025 วันที่ 2

    งาน Microsoft Build 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 พฤษภาคม 2568 ที่เมืองซีแอตเทิล มีการประกาศนวัตกรรมสำคัญมากมายในวันที่ 2 (20 พฤษภาคม 2568) โดยเน้นที่การพัฒนาเทคโนโลยี AI และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา ด้านล่างนี้เป็นรายละเอียดทั้งหมดที่ครอบคลุมทุกแง่มุมของงานในวันที่ 2:

    ℹ️ การพัฒนา AI และเทคโนโลยี Agentic

    - งานวันที่ 2 เริ่มต้นด้วย keynote สำหรับนักพัฒนา โดยเน้นรายละเอียดทางเทคนิคมากกว่าวันแรกของ Satya Nadella. มีการเปิดตัว Microsoft Discovery ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่ใช้ Agent AI เพื่อเปลี่ยนแปลงกระบวนการวิจัยวิทยาศาสตร์ โดยช่วยในการจำลองสถานการณ์จริง เช่น การพัฒนาโซลูชันระบายความร้อน. John Link ได้สาธิตการใช้งานในงานนี้.

    - NLWeb เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การโต้ตอบด้วยภาษาธรรมชาติบนเว็บมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเปลี่ยนเว็บไซต์ให้เป็นแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI Agent พัฒนาโดย R.V. Guha และได้รับการสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ เช่น O’Reilly Media, Snowflake, Shopify, และ Chicago Public Library. Windows AI Foundry ซึ่งก่อนหน้านี้ชื่อ Windows 11 Copilot Runtime เปิดตัวอย่างเป็นทางการ (GA) รองรับการทำงานบน CPU, GPU, และคลาวด์ พร้อมรุ่นสำหรับ Mac ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างฟีเจอร์ AI ได้หลากหลายมากขึ้น.

    - AI Agents ถูกนำมาใช้ในงานต่างๆ เช่น การวางแผนการเดินทาง, ลดการเกิด hallucination, และการดูแลผู้ป่วยมะเร็งโดยการรวมข้อมูลทางการแพทย์และแบ่งปันกับโรงพยาบาลชุมชน. มีการพูดถึง Agentic Web ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ในการพัฒนาเว็บที่ขับเคลื่อนด้วย AI Agent เพื่อความเปิดกว้างและความเร็วในการสร้างเว็บไซต์.

    ℹ️ เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา

    - มีการสาธิต GitHub Copilot ซึ่งได้รับการอัปเกรดให้เป็น "เพื่อนนักพัฒนา" หรือ "Project Padawan" โดยสามารถแก้บั๊ก, พัฒนาฟีเจอร์ใหม่, และจัดการ GitHub Issues ได้โดยอัตโนมัติ รวมถึงช่วยจัดการหลายงานพร้อมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนา. GitHub Copilot เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับลูกค้า Copilot Enterprise และ Copilot Pro+ เหมาะสำหรับงานที่มีความซับซ้อนต่ำถึงปานกลาง.

    - Copilot Studio ได้รับการอัปเกรดด้วยคุณสมบัติสำหรับนักพัฒนามืออาวุโส รวมถึง M365 Copilot APIs (ในรูปแบบ preview) และ Bring Your Own Models จาก Azure Foundry (ในรูปแบบ preview). SQL Server 2025 เปิดตัวในรูปแบบ public preview พร้อมการรวม AI และความสามารถในการค้นหาเวกเตอร์ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการฐานข้อมูล.

    - Microsoft ประกาศเปิดตัว Windows Subsystem for Linux (WSL) เป็นโอเพ่นซอร์ส รวมถึง "Mariner" Linux และ WSL-g UI layer, และมีแผนจะเปิดตัว GitHub Copilot Chat Extension สำหรับ VSCode เป็นโอเพ่นซอร์สในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า. นอกจากนี้ยังมีการพูดถึง Model Context Protocol (MCP) ซึ่ง Microsoft เข้าร่วม MCP Steering Committee และรองรับ MCP บนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น GitHub, Copilot Studio, Dynamics 365, Azure, Azure AI Foundry, Semantic Kernel, Foundry Agents, และ Windows 11.

    ℹ️ Microsoft 365 และ Copilot
    ➡️ Microsoft 365 Copilot Wave 2 Spring Release มีการอัปเดตใหม่สำหรับการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI Agent รวมถึง:

    - แอปที่อัปเดตสำหรับการทำงานร่วมกัน.
    - ประสบการณ์การสร้างด้วย OpenAI GPT-4o สำหรับการสร้างภาพ.
    - Copilot Notebooks เปิดตัวอย่างเป็นทางการ (GA).
    - Copilot Search และ Copilot Memory จะเริ่มใช้งานในเดือนมิถุนายน.
    - Researcher และ Analyst agents ผ่านโปรแกรม Frontier จะเริ่มในเดือนนี้.

    ➡️ Power Apps มีการประกาศคุณสมบัติใหม่ เช่น:
    - Solution Workspace เปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 30 พฤษภาคม.
    - Generative pages ด้วย React code (Early Access Program).
    - Agent feed สำหรับแอป (Early Access Program).
    - นำแอปแบบ code-first มายัง Power Platform (Early Access Program).

    ℹ️ ความร่วมมือและนวัตกรรม
    - มีการร่วมมือกับ Nvidia โดย Jensen Huang กล่าวถึงการเร่งการทำงานของ AI และการจัดการงานหนักด้วย CUDA. นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือกับ xAI โดย Elon Musk ปรากฏตัวผ่านวิดีโอและประกาศว่า Grok 3 และ Grok 3 Mini จะมีบน Azure AI Foundry เพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดข้อผิดพลาดของ AI โดยใช้กฎหมายฟิสิกส์.

    - MyEngine AI ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยผู้ที่มีปัญหาการได้ยินเข้าใจสำเนียงท้องถิ่นได้ดีขึ้น. AI ยังถูกนำมาใช้ในด้านที่น่าสนใจ เช่น การพยากรณ์อากาศด้วย supercomputer บนคลาวด์ ซึ่งต้องการพลังการคำนวณสูงเพื่อเพิ่มความแม่นยำ และ AI สำหรับ NFL Combine ซึ่งมีการสาธิตผ่านวิดีโอ (AI for NFL Combine).

    ℹ️ ความปลอดภัยและการจัดการ
    - Microsoft ขยายการใช้งาน Entra, Defender for Cloud, และ Purview เข้าสู่ Azure AI Foundry และ Copilot Studio เพื่อเพิ่มความปลอดภัย. Entra Agent ID เปิดตัวในรูปแบบ preview เพื่อจัดการ AI Agents ซึ่งช่วยในการควบคุมและปกป้องการทำงานของ AI.

    ℹ️ บุคคลสำคัญและการปรากฏตัว
    - งานวันที่ 2 มีการปรากฏตัวของบุคคลสำคัญผ่านวิดีโอ เช่น Sam Altman (OpenAI) ที่กล่าวถึงการจัดการงาน AI ขนาดใหญ่ และ Elon Musk (xAI) ที่พูดถึงความร่วมมือกับ Microsoft ในการนำ Grok 3 และ Grok 3 Mini มาใช้บน Azure.
    รายงานสรุปจากงาน Microsoft Build 2025 วันที่ 2 งาน Microsoft Build 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 พฤษภาคม 2568 ที่เมืองซีแอตเทิล มีการประกาศนวัตกรรมสำคัญมากมายในวันที่ 2 (20 พฤษภาคม 2568) โดยเน้นที่การพัฒนาเทคโนโลยี AI และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา ด้านล่างนี้เป็นรายละเอียดทั้งหมดที่ครอบคลุมทุกแง่มุมของงานในวันที่ 2: ℹ️ การพัฒนา AI และเทคโนโลยี Agentic - งานวันที่ 2 เริ่มต้นด้วย keynote สำหรับนักพัฒนา โดยเน้นรายละเอียดทางเทคนิคมากกว่าวันแรกของ Satya Nadella. มีการเปิดตัว Microsoft Discovery ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่ใช้ Agent AI เพื่อเปลี่ยนแปลงกระบวนการวิจัยวิทยาศาสตร์ โดยช่วยในการจำลองสถานการณ์จริง เช่น การพัฒนาโซลูชันระบายความร้อน. John Link ได้สาธิตการใช้งานในงานนี้. - NLWeb เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การโต้ตอบด้วยภาษาธรรมชาติบนเว็บมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเปลี่ยนเว็บไซต์ให้เป็นแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI Agent พัฒนาโดย R.V. Guha และได้รับการสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ เช่น O’Reilly Media, Snowflake, Shopify, และ Chicago Public Library. Windows AI Foundry ซึ่งก่อนหน้านี้ชื่อ Windows 11 Copilot Runtime เปิดตัวอย่างเป็นทางการ (GA) รองรับการทำงานบน CPU, GPU, และคลาวด์ พร้อมรุ่นสำหรับ Mac ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างฟีเจอร์ AI ได้หลากหลายมากขึ้น. - AI Agents ถูกนำมาใช้ในงานต่างๆ เช่น การวางแผนการเดินทาง, ลดการเกิด hallucination, และการดูแลผู้ป่วยมะเร็งโดยการรวมข้อมูลทางการแพทย์และแบ่งปันกับโรงพยาบาลชุมชน. มีการพูดถึง Agentic Web ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ในการพัฒนาเว็บที่ขับเคลื่อนด้วย AI Agent เพื่อความเปิดกว้างและความเร็วในการสร้างเว็บไซต์. ℹ️ เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา - มีการสาธิต GitHub Copilot ซึ่งได้รับการอัปเกรดให้เป็น "เพื่อนนักพัฒนา" หรือ "Project Padawan" โดยสามารถแก้บั๊ก, พัฒนาฟีเจอร์ใหม่, และจัดการ GitHub Issues ได้โดยอัตโนมัติ รวมถึงช่วยจัดการหลายงานพร้อมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนา. GitHub Copilot เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับลูกค้า Copilot Enterprise และ Copilot Pro+ เหมาะสำหรับงานที่มีความซับซ้อนต่ำถึงปานกลาง. - Copilot Studio ได้รับการอัปเกรดด้วยคุณสมบัติสำหรับนักพัฒนามืออาวุโส รวมถึง M365 Copilot APIs (ในรูปแบบ preview) และ Bring Your Own Models จาก Azure Foundry (ในรูปแบบ preview). SQL Server 2025 เปิดตัวในรูปแบบ public preview พร้อมการรวม AI และความสามารถในการค้นหาเวกเตอร์ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการฐานข้อมูล. - Microsoft ประกาศเปิดตัว Windows Subsystem for Linux (WSL) เป็นโอเพ่นซอร์ส รวมถึง "Mariner" Linux และ WSL-g UI layer, และมีแผนจะเปิดตัว GitHub Copilot Chat Extension สำหรับ VSCode เป็นโอเพ่นซอร์สในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า. นอกจากนี้ยังมีการพูดถึง Model Context Protocol (MCP) ซึ่ง Microsoft เข้าร่วม MCP Steering Committee และรองรับ MCP บนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น GitHub, Copilot Studio, Dynamics 365, Azure, Azure AI Foundry, Semantic Kernel, Foundry Agents, และ Windows 11. ℹ️ Microsoft 365 และ Copilot ➡️ Microsoft 365 Copilot Wave 2 Spring Release มีการอัปเดตใหม่สำหรับการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI Agent รวมถึง: - แอปที่อัปเดตสำหรับการทำงานร่วมกัน. - ประสบการณ์การสร้างด้วย OpenAI GPT-4o สำหรับการสร้างภาพ. - Copilot Notebooks เปิดตัวอย่างเป็นทางการ (GA). - Copilot Search และ Copilot Memory จะเริ่มใช้งานในเดือนมิถุนายน. - Researcher และ Analyst agents ผ่านโปรแกรม Frontier จะเริ่มในเดือนนี้. ➡️ Power Apps มีการประกาศคุณสมบัติใหม่ เช่น: - Solution Workspace เปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 30 พฤษภาคม. - Generative pages ด้วย React code (Early Access Program). - Agent feed สำหรับแอป (Early Access Program). - นำแอปแบบ code-first มายัง Power Platform (Early Access Program). ℹ️ ความร่วมมือและนวัตกรรม - มีการร่วมมือกับ Nvidia โดย Jensen Huang กล่าวถึงการเร่งการทำงานของ AI และการจัดการงานหนักด้วย CUDA. นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือกับ xAI โดย Elon Musk ปรากฏตัวผ่านวิดีโอและประกาศว่า Grok 3 และ Grok 3 Mini จะมีบน Azure AI Foundry เพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดข้อผิดพลาดของ AI โดยใช้กฎหมายฟิสิกส์. - MyEngine AI ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยผู้ที่มีปัญหาการได้ยินเข้าใจสำเนียงท้องถิ่นได้ดีขึ้น. AI ยังถูกนำมาใช้ในด้านที่น่าสนใจ เช่น การพยากรณ์อากาศด้วย supercomputer บนคลาวด์ ซึ่งต้องการพลังการคำนวณสูงเพื่อเพิ่มความแม่นยำ และ AI สำหรับ NFL Combine ซึ่งมีการสาธิตผ่านวิดีโอ (AI for NFL Combine). ℹ️ ความปลอดภัยและการจัดการ - Microsoft ขยายการใช้งาน Entra, Defender for Cloud, และ Purview เข้าสู่ Azure AI Foundry และ Copilot Studio เพื่อเพิ่มความปลอดภัย. Entra Agent ID เปิดตัวในรูปแบบ preview เพื่อจัดการ AI Agents ซึ่งช่วยในการควบคุมและปกป้องการทำงานของ AI. ℹ️ บุคคลสำคัญและการปรากฏตัว - งานวันที่ 2 มีการปรากฏตัวของบุคคลสำคัญผ่านวิดีโอ เช่น Sam Altman (OpenAI) ที่กล่าวถึงการจัดการงาน AI ขนาดใหญ่ และ Elon Musk (xAI) ที่พูดถึงความร่วมมือกับ Microsoft ในการนำ Grok 3 และ Grok 3 Mini มาใช้บน Azure.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 447 มุมมอง 0 รีวิว
  • Qualcomm ไม่เปิดตัวชิปรุ่นใหม่ในงาน Computex 2025 แต่เตรียมเซอร์ไพรส์ในเดือนกันยายน

    Qualcomm ไม่ได้เปิดตัวชิปรุ่นใหม่ในงาน Computex 2025 แต่ CEO Cristiano Amon เผยว่า Snapdragon X รุ่นใหม่จะเปิดตัวในงาน Snapdragon Summit วันที่ 23 กันยายน ที่ฮาวาย

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Snapdragon X และแผนของ Qualcomm
    ✅ Qualcomm ยังคงขยายการรองรับแอปบน Snapdragon X Elite
    - ปัจจุบัน มีเกมที่สามารถเล่นบน Snapdragon X มากกว่า 1,400 เกม

    ✅ Microsoft CEO Satya Nadella ปรากฏตัวในงาน Computex เพื่อสนับสนุน Snapdragon X
    - แสดงให้เห็นว่า Qualcomm กำลังมีบทบาทสำคัญในตลาด Windows บน Arm

    ✅ Qualcomm คาดว่าจะเปิดตัว Snapdragon X2 Elite และ X2 Plus ในเดือนกันยายน
    - ชิปรุ่นใหม่ จะเน้นตลาดแล็ปท็อประดับพรีเมียมและระดับกลาง

    ✅ Qualcomm มีส่วนแบ่งตลาด CPU แบบบูรณาการในสหรัฐฯ และยุโรปถึง 9%
    - แม้จะเป็นผู้เล่นใหม่ แต่สามารถแข่งขันกับ Intel และ AMD ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ✅ Qualcomm อาจเปิดตัว Snapdragon X2 สำหรับเดสก์ท็อป
    - คาดว่า จะเน้นไปที่ Mini PC และ All-in-One มากกว่าพีซี DIY

    https://www.techradar.com/computing/cpu/qualcomm-isnt-giving-us-new-snapdragon-chips-at-computex-but-theres-a-surprise-waiting-in-september
    Qualcomm ไม่เปิดตัวชิปรุ่นใหม่ในงาน Computex 2025 แต่เตรียมเซอร์ไพรส์ในเดือนกันยายน Qualcomm ไม่ได้เปิดตัวชิปรุ่นใหม่ในงาน Computex 2025 แต่ CEO Cristiano Amon เผยว่า Snapdragon X รุ่นใหม่จะเปิดตัวในงาน Snapdragon Summit วันที่ 23 กันยายน ที่ฮาวาย 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Snapdragon X และแผนของ Qualcomm ✅ Qualcomm ยังคงขยายการรองรับแอปบน Snapdragon X Elite - ปัจจุบัน มีเกมที่สามารถเล่นบน Snapdragon X มากกว่า 1,400 เกม ✅ Microsoft CEO Satya Nadella ปรากฏตัวในงาน Computex เพื่อสนับสนุน Snapdragon X - แสดงให้เห็นว่า Qualcomm กำลังมีบทบาทสำคัญในตลาด Windows บน Arm ✅ Qualcomm คาดว่าจะเปิดตัว Snapdragon X2 Elite และ X2 Plus ในเดือนกันยายน - ชิปรุ่นใหม่ จะเน้นตลาดแล็ปท็อประดับพรีเมียมและระดับกลาง ✅ Qualcomm มีส่วนแบ่งตลาด CPU แบบบูรณาการในสหรัฐฯ และยุโรปถึง 9% - แม้จะเป็นผู้เล่นใหม่ แต่สามารถแข่งขันกับ Intel และ AMD ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ Qualcomm อาจเปิดตัว Snapdragon X2 สำหรับเดสก์ท็อป - คาดว่า จะเน้นไปที่ Mini PC และ All-in-One มากกว่าพีซี DIY https://www.techradar.com/computing/cpu/qualcomm-isnt-giving-us-new-snapdragon-chips-at-computex-but-theres-a-surprise-waiting-in-september
    WWW.TECHRADAR.COM
    Qualcomm isn’t giving us new Snapdragon chips at Computex - but there’s a surprise waiting in September
    Qualcomm announced basically nothing at Computex this year, but I think that's fine
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • Armilla เปิดตัวประกันภัย AI เพื่อคุ้มครองธุรกิจจากความผิดพลาดของ AI

    บริษัทสตาร์ทอัพ Armilla ในแคนาดาได้ร่วมมือกับ Lloyds of London เพื่อเปิดตัว ประกันภัยสำหรับความผิดพลาดของ AI ซึ่งช่วยคุ้มครองธุรกิจจาก ความเสียหายที่เกิดจากการทำงานผิดพลาดของ AI เช่น การให้ข้อมูลผิด หรือการตัดสินใจที่ส่งผลเสียต่อบริษัท

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับประกันภัย AI ของ Armilla
    ✅ Armilla เสนอประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทางกฎหมายและค่าชดเชยจากความผิดพลาดของ AI
    - เช่น กรณีที่ AI ให้ข้อมูลผิดพลาดจนทำให้บริษัทต้องรับผิดชอบทางกฎหมาย

    ✅ Lloyds of London สนับสนุนโครงการนี้เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของธุรกิจที่ใช้ AI
    - ทำให้ บริษัทสามารถใช้ AI ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

    ✅ Armilla ใช้กรณีศึกษาจาก Air Canada ซึ่งเคยมีปัญหากับ AI Chatbot ที่ให้ส่วนลดผิดพลาด
    - ศาลตัดสินว่า Air Canada ต้องรับผิดชอบต่อข้อเสนอที่ AI สร้างขึ้น

    ✅ ประกันภัย AI จะครอบคลุมเฉพาะโมเดลที่ผ่านการประเมินความเสี่ยงแล้ว
    - Armilla จะไม่รับประกัน AI ที่มีแนวโน้มเกิดข้อผิดพลาดสูง

    ✅ นักวิเคราะห์เชื่อว่าประกันภัย AI อาจช่วยเพิ่มอัตราการนำ AI มาใช้ในธุรกิจ
    - เนื่องจาก บริษัทต่าง ๆ กังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของ AI ที่อาจทำให้เกิดความเสียหาย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/20/artificial-intelligence-insurance-this-startup-in-canada-will-cover-the-costs-of-ai-mistakes
    Armilla เปิดตัวประกันภัย AI เพื่อคุ้มครองธุรกิจจากความผิดพลาดของ AI บริษัทสตาร์ทอัพ Armilla ในแคนาดาได้ร่วมมือกับ Lloyds of London เพื่อเปิดตัว ประกันภัยสำหรับความผิดพลาดของ AI ซึ่งช่วยคุ้มครองธุรกิจจาก ความเสียหายที่เกิดจากการทำงานผิดพลาดของ AI เช่น การให้ข้อมูลผิด หรือการตัดสินใจที่ส่งผลเสียต่อบริษัท 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับประกันภัย AI ของ Armilla ✅ Armilla เสนอประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทางกฎหมายและค่าชดเชยจากความผิดพลาดของ AI - เช่น กรณีที่ AI ให้ข้อมูลผิดพลาดจนทำให้บริษัทต้องรับผิดชอบทางกฎหมาย ✅ Lloyds of London สนับสนุนโครงการนี้เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของธุรกิจที่ใช้ AI - ทำให้ บริษัทสามารถใช้ AI ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ✅ Armilla ใช้กรณีศึกษาจาก Air Canada ซึ่งเคยมีปัญหากับ AI Chatbot ที่ให้ส่วนลดผิดพลาด - ศาลตัดสินว่า Air Canada ต้องรับผิดชอบต่อข้อเสนอที่ AI สร้างขึ้น ✅ ประกันภัย AI จะครอบคลุมเฉพาะโมเดลที่ผ่านการประเมินความเสี่ยงแล้ว - Armilla จะไม่รับประกัน AI ที่มีแนวโน้มเกิดข้อผิดพลาดสูง ✅ นักวิเคราะห์เชื่อว่าประกันภัย AI อาจช่วยเพิ่มอัตราการนำ AI มาใช้ในธุรกิจ - เนื่องจาก บริษัทต่าง ๆ กังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของ AI ที่อาจทำให้เกิดความเสียหาย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/20/artificial-intelligence-insurance-this-startup-in-canada-will-cover-the-costs-of-ai-mistakes
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Artificial intelligence insurance? This startup in Canada will cover the costs of AI mistakes
    Most technological revolutions open up new areas of business risk, and AI is no exception. The insurance industry is responding.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • สรุปข่าว ℹ️ วันแรก ℹ️ ในงาน Microsoft Build 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 พฤษภาคม 2568 ที่เมืองซีแอตเทิล

    ในวันแรกมีการประกาศนวัตกรรมสำคัญที่เน้นการพัฒนาเทคโนโลยี AI และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา โดยสรุปข่าวสำคัญดังนี้:

    1) Microsoft Discovery: เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ที่ใช้ Agent AI เพื่อพลิกโฉมกระบวนการค้นคว้าและวิจัยวิทยาศาสตร์ ช่วยให้การวิจัยมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น.

    2) GitHub Copilot ปรับโฉมเป็น Coding Agent: จากเครื่องมือช่วยเขียนโค้ด กลายเป็น "เพื่อนนักพัฒนา" ที่สามารถแก้บั๊ก พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ และจัดการ GitHub Issues ได้โดยอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพนักพัฒนา.

    3) Copilot Tuning: เพิ่มความสามารถในการปรับแต่ง GitHub Copilot ให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของนักพัฒนา ช่วยให้การเขียนโค้ดเป็นไปอย่างแม่นยำและตรงความต้องการมากขึ้น.

    4.) Windows AI Foundry: เปิดตัวแพลตฟอร์มที่ช่วยนักพัฒนาสร้างฟีเจอร์ AI บน Windows รองรับการทำงานทั้งบน CPU, GPU และคลาวด์ เพิ่มความยืดหยุ่นในการพัฒนา.

    5) Agent Factory (Azure AI Foundry): เครื่องมือใหม่ใน Azure ที่ช่วยให้นักพัฒนาสร้าง AI Agent ได้ง่ายขึ้น รองรับการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI.

    6) NLWeb: เทคโนโลยีที่ช่วยให้การโต้ตอบด้วยภาษาธรรมชาติ (Natural Language) บนเว็บมีประสิทธิภาพมากขึ้น เปลี่ยนวิธีที่ผู้ใช้และนักพัฒนาโต้ตอบกับแพลตฟอร์มออนไลน์.

    7) Open Agentic Web: Microsoft ผลักดันแนวคิดการพัฒนาเว็บที่ขับเคลื่อนด้วย AI Agent โดยมีการอัปเดตที่เน้นความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของ AI Agent.

    8) การสนับสนุน Model Context Protocol (MCP): ร่วมมือกับ Anthropic เพื่อเพิ่มการรองรับ MCP ใน Windows และ Visual Studio Copilot ซึ่งจะกลายเป็นโอเพ่นซอร์ส ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงและปรับแต่งได้ง่ายขึ้น.

    9) Project Haven: เปิดตัวโครงการเพื่อใช้งาน Kubernetes บน Edge Device ช่วยให้การจัดการแอปพลิเคชันในสภาพแวดล้อมเอดจ์มีประสิทธิภาพมากขึ้น.

    นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึงความร่วมมือระดับโลก เช่น การปรากฏตัวของ Satya Nadella, Elon Musk, Jensen Huang และ Sam Altman ในงาน ซึ่งแสดงถึงความสำคัญของ AI ในวงการเทคโนโลยี. งานนี้เน้นย้ำว่า Microsoft มุ่งพัฒนา AI เพื่อเปลี่ยนแปลงวงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์และเพิ่มศักยภาพให้กับนักพัฒนาทั่วโลก.

    สรุปข่าว ℹ️ วันแรก ℹ️ ในงาน Microsoft Build 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 พฤษภาคม 2568 ที่เมืองซีแอตเทิล ในวันแรกมีการประกาศนวัตกรรมสำคัญที่เน้นการพัฒนาเทคโนโลยี AI และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา โดยสรุปข่าวสำคัญดังนี้: 1) Microsoft Discovery: เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ที่ใช้ Agent AI เพื่อพลิกโฉมกระบวนการค้นคว้าและวิจัยวิทยาศาสตร์ ช่วยให้การวิจัยมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น. 2) GitHub Copilot ปรับโฉมเป็น Coding Agent: จากเครื่องมือช่วยเขียนโค้ด กลายเป็น "เพื่อนนักพัฒนา" ที่สามารถแก้บั๊ก พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ และจัดการ GitHub Issues ได้โดยอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพนักพัฒนา. 3) Copilot Tuning: เพิ่มความสามารถในการปรับแต่ง GitHub Copilot ให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของนักพัฒนา ช่วยให้การเขียนโค้ดเป็นไปอย่างแม่นยำและตรงความต้องการมากขึ้น. 4.) Windows AI Foundry: เปิดตัวแพลตฟอร์มที่ช่วยนักพัฒนาสร้างฟีเจอร์ AI บน Windows รองรับการทำงานทั้งบน CPU, GPU และคลาวด์ เพิ่มความยืดหยุ่นในการพัฒนา. 5) Agent Factory (Azure AI Foundry): เครื่องมือใหม่ใน Azure ที่ช่วยให้นักพัฒนาสร้าง AI Agent ได้ง่ายขึ้น รองรับการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI. 6) NLWeb: เทคโนโลยีที่ช่วยให้การโต้ตอบด้วยภาษาธรรมชาติ (Natural Language) บนเว็บมีประสิทธิภาพมากขึ้น เปลี่ยนวิธีที่ผู้ใช้และนักพัฒนาโต้ตอบกับแพลตฟอร์มออนไลน์. 7) Open Agentic Web: Microsoft ผลักดันแนวคิดการพัฒนาเว็บที่ขับเคลื่อนด้วย AI Agent โดยมีการอัปเดตที่เน้นความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของ AI Agent. 8) การสนับสนุน Model Context Protocol (MCP): ร่วมมือกับ Anthropic เพื่อเพิ่มการรองรับ MCP ใน Windows และ Visual Studio Copilot ซึ่งจะกลายเป็นโอเพ่นซอร์ส ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงและปรับแต่งได้ง่ายขึ้น. 9) Project Haven: เปิดตัวโครงการเพื่อใช้งาน Kubernetes บน Edge Device ช่วยให้การจัดการแอปพลิเคชันในสภาพแวดล้อมเอดจ์มีประสิทธิภาพมากขึ้น. นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึงความร่วมมือระดับโลก เช่น การปรากฏตัวของ Satya Nadella, Elon Musk, Jensen Huang และ Sam Altman ในงาน ซึ่งแสดงถึงความสำคัญของ AI ในวงการเทคโนโลยี. งานนี้เน้นย้ำว่า Microsoft มุ่งพัฒนา AI เพื่อเปลี่ยนแปลงวงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์และเพิ่มศักยภาพให้กับนักพัฒนาทั่วโลก.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุคแห่งการถกเถียงอย่างเปิดเผยใน Silicon Valley กำลังจางหายไป

    Silicon Valley เคยเป็นศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการเคลื่อนไหวทางการเมืองของพนักงาน แต่ปัจจุบัน บริษัทเทคโนโลยีเริ่มเข้มงวดกับการแสดงความเห็นของพนักงานมากขึ้น โดยมีการ ไล่ออกพนักงานที่ประท้วง, ปิดกั้นโพสต์วิพากษ์วิจารณ์ และจำกัดการติดต่อกับหน่วยงานกำกับดูแล

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใน Silicon Valley
    ✅ Microsoft ไล่ออกพนักงานที่ประท้วงการมีส่วนร่วมของบริษัทในสงครามอิสราเอล-กาซา
    - พนักงานสองคน ถูกไล่ออกหลังจากขัดจังหวะงานที่มี Bill Gates และ Satya Nadella

    ✅ บริษัทเทคโนโลยีเริ่มปฏิเสธคำร้องของพนักงานและลบโพสต์วิพากษ์วิจารณ์จากฟอรัมภายใน
    - รวมถึง การเตือนพนักงานไม่ให้รั่วไหลข้อมูลไปยังสื่อ

    ✅ OpenAI ถูกกล่าวหาว่ามีข้อตกลงที่จำกัดพนักงานไม่ให้แจ้งเตือนหน่วยงานกำกับดูแลเกี่ยวกับความเสี่ยงของ AI
    - พนักงานบางคน ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ SEC เกี่ยวกับข้อจำกัดนี้

    ✅ ตลาดแรงงานด้านเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยมีการปลดพนักงานจำนวนมาก
    - ตั้งแต่ปี 2023 มีการปลดพนักงานมากกว่า 500,000 คนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

    ✅ Google, Meta และ Amazon มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลทรัมป์
    - ผู้บริหารของบริษัทเหล่านี้ บริจาคเงินหลายล้านดอลลาร์ให้กับคณะกรรมการเปิดตัวของทรัมป์

    https://www.techspot.com/news/107955-tech-workers-face-retaliation-companies-crack-down-protests.html
    ยุคแห่งการถกเถียงอย่างเปิดเผยใน Silicon Valley กำลังจางหายไป Silicon Valley เคยเป็นศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการเคลื่อนไหวทางการเมืองของพนักงาน แต่ปัจจุบัน บริษัทเทคโนโลยีเริ่มเข้มงวดกับการแสดงความเห็นของพนักงานมากขึ้น โดยมีการ ไล่ออกพนักงานที่ประท้วง, ปิดกั้นโพสต์วิพากษ์วิจารณ์ และจำกัดการติดต่อกับหน่วยงานกำกับดูแล 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใน Silicon Valley ✅ Microsoft ไล่ออกพนักงานที่ประท้วงการมีส่วนร่วมของบริษัทในสงครามอิสราเอล-กาซา - พนักงานสองคน ถูกไล่ออกหลังจากขัดจังหวะงานที่มี Bill Gates และ Satya Nadella ✅ บริษัทเทคโนโลยีเริ่มปฏิเสธคำร้องของพนักงานและลบโพสต์วิพากษ์วิจารณ์จากฟอรัมภายใน - รวมถึง การเตือนพนักงานไม่ให้รั่วไหลข้อมูลไปยังสื่อ ✅ OpenAI ถูกกล่าวหาว่ามีข้อตกลงที่จำกัดพนักงานไม่ให้แจ้งเตือนหน่วยงานกำกับดูแลเกี่ยวกับความเสี่ยงของ AI - พนักงานบางคน ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ SEC เกี่ยวกับข้อจำกัดนี้ ✅ ตลาดแรงงานด้านเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยมีการปลดพนักงานจำนวนมาก - ตั้งแต่ปี 2023 มีการปลดพนักงานมากกว่า 500,000 คนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ✅ Google, Meta และ Amazon มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลทรัมป์ - ผู้บริหารของบริษัทเหล่านี้ บริจาคเงินหลายล้านดอลลาร์ให้กับคณะกรรมการเปิดตัวของทรัมป์ https://www.techspot.com/news/107955-tech-workers-face-retaliation-companies-crack-down-protests.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Silicon Valley's era of open debate fades as companies clamp down on employee dissent
    In recent years, Silicon Valley has witnessed a sharp shift in how major technology companies respond to employee activism and internal dissent. Once known for a culture...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียเพิ่มมาตรการปราบปราม VPN: การควบคุมอินเทอร์เน็ตที่เข้มงวดขึ้น

    รัฐบาลรัสเซีย เดินหน้าปราบปรามการใช้ VPN อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด Samsung และ Xiaomi ได้ลบแอป AdGuard VPN ออกจากร้านค้าแอปในรัสเซีย ตามคำสั่งของ Roskomnadzor ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลอินเทอร์เน็ตของรัสเซีย

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการปราบปราม VPN ในรัสเซีย
    ✅ Samsung และ Xiaomi ลบแอป AdGuard VPN ตามคำสั่งของ Roskomnadzor
    - นอกจากนี้ HideMyName VPN ก็ถูกลบออกจาก Huawei Store ในรัสเซียและจีน

    ✅ Roskomnadzor ใช้กฎหมายใหม่เพื่อบังคับให้บริษัทเทคโนโลยีปฏิบัติตามข้อกำหนด
    - กฎหมายนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2024 และกำหนดให้การเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์เป็นอาชญากรรม

    ✅ Apple ลบแอป VPN ออกจาก App Store ในรัสเซียไปแล้วกว่า 100 แอป
    - รวมถึง AdGuard VPN และ Amnezia VPN ซึ่งเป็นบริการยอดนิยมในรัสเซีย

    ✅ Google ยังคงต่อต้านคำสั่งของรัฐบาลรัสเซีย
    - แต่ มีข้อมูลว่ามี VPN อย่างน้อย 53 แอปที่ถูกลบออกจาก Google Play Store ในรัสเซีย

    ✅ Roskomnadzor ขยายเป้าหมายไปยังผู้ให้บริการแอปสโตร์รายเล็ก
    - เช่น F-Droid ซึ่งถูกกดดันให้ลบแอป VPN ในปี 2024

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/a-clear-escalation-in-russias-crackdown-on-digital-privacy-tools-experts-warn-against-recent-vpn-disappearances-in-russia
    รัสเซียเพิ่มมาตรการปราบปราม VPN: การควบคุมอินเทอร์เน็ตที่เข้มงวดขึ้น รัฐบาลรัสเซีย เดินหน้าปราบปรามการใช้ VPN อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด Samsung และ Xiaomi ได้ลบแอป AdGuard VPN ออกจากร้านค้าแอปในรัสเซีย ตามคำสั่งของ Roskomnadzor ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลอินเทอร์เน็ตของรัสเซีย 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการปราบปราม VPN ในรัสเซีย ✅ Samsung และ Xiaomi ลบแอป AdGuard VPN ตามคำสั่งของ Roskomnadzor - นอกจากนี้ HideMyName VPN ก็ถูกลบออกจาก Huawei Store ในรัสเซียและจีน ✅ Roskomnadzor ใช้กฎหมายใหม่เพื่อบังคับให้บริษัทเทคโนโลยีปฏิบัติตามข้อกำหนด - กฎหมายนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2024 และกำหนดให้การเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์เป็นอาชญากรรม ✅ Apple ลบแอป VPN ออกจาก App Store ในรัสเซียไปแล้วกว่า 100 แอป - รวมถึง AdGuard VPN และ Amnezia VPN ซึ่งเป็นบริการยอดนิยมในรัสเซีย ✅ Google ยังคงต่อต้านคำสั่งของรัฐบาลรัสเซีย - แต่ มีข้อมูลว่ามี VPN อย่างน้อย 53 แอปที่ถูกลบออกจาก Google Play Store ในรัสเซีย ✅ Roskomnadzor ขยายเป้าหมายไปยังผู้ให้บริการแอปสโตร์รายเล็ก - เช่น F-Droid ซึ่งถูกกดดันให้ลบแอป VPN ในปี 2024 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/a-clear-escalation-in-russias-crackdown-on-digital-privacy-tools-experts-warn-against-recent-vpn-disappearances-in-russia
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • การพัฒนาควอนตัมคอมพิพิวติ้ง (Quantum Computing) เป็นหนึ่งในความท้าทายทางเทคโนโลยีที่สำคัญของโลกในปัจจุบัน และสภาพอากาศที่หนาวเย็นอาจมีบทบาทในการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีนี้ เนื่องจาก:

    ### 1. **ความต้องการสภาพแวดล้อมที่เย็นจัด**
    - ควอนตัมคอมพิวเตอร์บางประเภท โดยเฉพาะ **ซูเปอร์คอนดักติ้งควอนตัมบิต (Superconducting Qubits)** จำเป็นต้องทำงานที่อุณหภูมิใกล้ศูนย์สัมบูรณ์ (−273.15°C หรือ 0 เคลวิน) เพื่อลดสัญญาณรบกวนทางความร้อน (Thermal Noise) ที่อาจรบกวนสถานะควอนตัม (Quantum State) ของคิวบิต
    - ประเทศที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นโดยธรรมชาติอาจช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อนของระบบทำความเย็น (Cryogenic Systems) ที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ

    ### 2. **ประเทศที่มีศักยภาพจากสภาพอากาศหนาวเย็น**
    - **แคนาดา, รัสเซีย, สแกนดิเนเวีย (นอร์เวย์, สวีเดน, ฟินแลนด์), ไอซ์แลนด์** และบางส่วนของ **สหรัฐอเมริกา (อลาสกา)** มีภูมิอากาศที่หนาวเย็น ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการทดลองควอนตัมบางประเภท
    - ตัวอย่างเช่น:
    - **แคนาดา** มีบริษัทและสถาบันวิจัยชั้นนำด้านควอนตัม เช่น **D-Wave Systems** (บริษัทแรกของโลกที่ขายควอนตัมคอมพิวเตอร์เชิงพาณิชย์) และ **University of Waterloo** ซึ่งเป็นศูนย์กลางของ **Quantum Valley**
    - **สวีเดนและฟินแลนด์** มีโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่งและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการวิจัย

    ### 3. **แต่...สภาพอากาศหนาวไม่ใช่ปัจจัยหลัก**
    - เทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวติ้งยังต้องพึ่งพา **ระบบทำความเย็นขั้นสูง** (เช่น Dilution Refrigerators) อยู่ดี แม้ในประเทศที่หนาวเย็น ดังนั้น ข้อได้เปรียบทางภูมิอากาศอาจมีจำกัด
    - ปัจจัยที่สำคัญกว่าคือ:
    - **การลงทุนในวิจัยและพัฒนา** (เช่น จีน, สหรัฐอเมริกา, สหภาพยุโรป)
    - **ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและอุตสาหกรรม**
    - **โครงสร้างพื้นฐานด้านวิศวกรรมและวัสดุศาสตร์**

    ### 4. **ประเทศที่นำด้านควอนตัมคอมพิวติ้งในปัจจุบัน**
    - **สหรัฐอเมริกา** (Google, IBM, Microsoft)
    - **จีน** (ความก้าวหน้าด้วยควอนตัมคอมพิวเตอร์เช่น **Jiuzhang** และ **Zuchongzhi**)
    - **สหภาพยุโรป** (โปรแกรม Quantum Flagship)
    - **แคนาดา** (D-Wave, Xanadu)
    - **ออสเตรเลีย** (Silicon Quantum Computing)

    ### สรุป
    แม้สภาพอากาศหนาวเย็นอาจช่วยในบางแง่มุม (เช่น ลดพลังงานในการทำความเย็น) แต่ความสำเร็จของควอนตัมคอมพิวติ้งขึ้นอยู่กับ **ความสามารถทางวิศวกรรม, การลงทุน, และการพัฒนาอัลกอริธึมควอนตัม** มากกว่า ประเทศที่มีอากาศหนาวอาจได้เปรียบในบางกรณี แต่ไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดที่ทำให้ควอนตัมคอมพิวติ้งประสบความสำเร็จในระดับโลก
    การพัฒนาควอนตัมคอมพิพิวติ้ง (Quantum Computing) เป็นหนึ่งในความท้าทายทางเทคโนโลยีที่สำคัญของโลกในปัจจุบัน และสภาพอากาศที่หนาวเย็นอาจมีบทบาทในการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีนี้ เนื่องจาก: ### 1. **ความต้องการสภาพแวดล้อมที่เย็นจัด** - ควอนตัมคอมพิวเตอร์บางประเภท โดยเฉพาะ **ซูเปอร์คอนดักติ้งควอนตัมบิต (Superconducting Qubits)** จำเป็นต้องทำงานที่อุณหภูมิใกล้ศูนย์สัมบูรณ์ (−273.15°C หรือ 0 เคลวิน) เพื่อลดสัญญาณรบกวนทางความร้อน (Thermal Noise) ที่อาจรบกวนสถานะควอนตัม (Quantum State) ของคิวบิต - ประเทศที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นโดยธรรมชาติอาจช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อนของระบบทำความเย็น (Cryogenic Systems) ที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ ### 2. **ประเทศที่มีศักยภาพจากสภาพอากาศหนาวเย็น** - **แคนาดา, รัสเซีย, สแกนดิเนเวีย (นอร์เวย์, สวีเดน, ฟินแลนด์), ไอซ์แลนด์** และบางส่วนของ **สหรัฐอเมริกา (อลาสกา)** มีภูมิอากาศที่หนาวเย็น ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการทดลองควอนตัมบางประเภท - ตัวอย่างเช่น: - **แคนาดา** มีบริษัทและสถาบันวิจัยชั้นนำด้านควอนตัม เช่น **D-Wave Systems** (บริษัทแรกของโลกที่ขายควอนตัมคอมพิวเตอร์เชิงพาณิชย์) และ **University of Waterloo** ซึ่งเป็นศูนย์กลางของ **Quantum Valley** - **สวีเดนและฟินแลนด์** มีโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่งและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการวิจัย ### 3. **แต่...สภาพอากาศหนาวไม่ใช่ปัจจัยหลัก** - เทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวติ้งยังต้องพึ่งพา **ระบบทำความเย็นขั้นสูง** (เช่น Dilution Refrigerators) อยู่ดี แม้ในประเทศที่หนาวเย็น ดังนั้น ข้อได้เปรียบทางภูมิอากาศอาจมีจำกัด - ปัจจัยที่สำคัญกว่าคือ: - **การลงทุนในวิจัยและพัฒนา** (เช่น จีน, สหรัฐอเมริกา, สหภาพยุโรป) - **ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและอุตสาหกรรม** - **โครงสร้างพื้นฐานด้านวิศวกรรมและวัสดุศาสตร์** ### 4. **ประเทศที่นำด้านควอนตัมคอมพิวติ้งในปัจจุบัน** - **สหรัฐอเมริกา** (Google, IBM, Microsoft) - **จีน** (ความก้าวหน้าด้วยควอนตัมคอมพิวเตอร์เช่น **Jiuzhang** และ **Zuchongzhi**) - **สหภาพยุโรป** (โปรแกรม Quantum Flagship) - **แคนาดา** (D-Wave, Xanadu) - **ออสเตรเลีย** (Silicon Quantum Computing) ### สรุป แม้สภาพอากาศหนาวเย็นอาจช่วยในบางแง่มุม (เช่น ลดพลังงานในการทำความเย็น) แต่ความสำเร็จของควอนตัมคอมพิวติ้งขึ้นอยู่กับ **ความสามารถทางวิศวกรรม, การลงทุน, และการพัฒนาอัลกอริธึมควอนตัม** มากกว่า ประเทศที่มีอากาศหนาวอาจได้เปรียบในบางกรณี แต่ไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดที่ทำให้ควอนตัมคอมพิวติ้งประสบความสำเร็จในระดับโลก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 348 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในยุคที่ การทำงานทางไกล (Remote Work) และการทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Work) กลายเป็นเรื่องปกติ มีพนักงานจำนวนมากขึ้นที่เลือกทำงาน มากกว่าหนึ่งตำแหน่งพร้อมกัน โดยไม่แจ้งให้นายจ้างทราบ ซึ่งแนวโน้มนี้ถูกเรียกว่า "Polygamous Working" หรือ "Overemployment"

    ✅ พนักงานจำนวนมากขึ้นเลือกทำงานมากกว่าหนึ่งตำแหน่งพร้อมกัน
    - การทำงานทางไกลช่วยให้ สามารถจัดการประชุมและงานจากหลายบริษัทได้ง่ายขึ้น

    ✅ โซเชียลมีเดีย เช่น Reddit และ TikTok มีคำแนะนำเกี่ยวกับการบริหารงานหลายตำแหน่ง
    - มีผู้ใช้บางคนแชร์เทคนิค เช่น ใช้เมาส์จิ๊กเกิล (Mouse Jiggler) และแล็ปท็อปสองเครื่องเพื่อจัดการประชุมที่ทับซ้อนกัน

    ✅ บางคนสามารถสร้างรายได้สูงจากการทำงานหลายตำแหน่ง
    - ตัวอย่างเช่น "Nadia" ซึ่งทำงานสองตำแหน่งพร้อมกันและมีรายได้ถึง £87,000 ต่อปี

    ✅ การทำงานหลายตำแหน่งอาจช่วยให้พนักงานมีอิสระทางการเงินมากขึ้น
    - บางคนใช้รายได้เสริมเพื่อ ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หรือท่องเที่ยว

    ✅ HR Magazine เตือนว่าการทำงานหลายตำแหน่งอาจส่งผลต่อความไว้วางใจในองค์กร
    - อาจนำไปสู่ ปัญหาด้านประสิทธิภาพ, ความเครียด และการละเมิดสัญญาจ้างงาน

    https://www.techradar.com/pro/security/polygamous-working-on-the-rise-as-ease-of-cheating-on-employers-blamed-on-wfh-and-remote-working
    ในยุคที่ การทำงานทางไกล (Remote Work) และการทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Work) กลายเป็นเรื่องปกติ มีพนักงานจำนวนมากขึ้นที่เลือกทำงาน มากกว่าหนึ่งตำแหน่งพร้อมกัน โดยไม่แจ้งให้นายจ้างทราบ ซึ่งแนวโน้มนี้ถูกเรียกว่า "Polygamous Working" หรือ "Overemployment" ✅ พนักงานจำนวนมากขึ้นเลือกทำงานมากกว่าหนึ่งตำแหน่งพร้อมกัน - การทำงานทางไกลช่วยให้ สามารถจัดการประชุมและงานจากหลายบริษัทได้ง่ายขึ้น ✅ โซเชียลมีเดีย เช่น Reddit และ TikTok มีคำแนะนำเกี่ยวกับการบริหารงานหลายตำแหน่ง - มีผู้ใช้บางคนแชร์เทคนิค เช่น ใช้เมาส์จิ๊กเกิล (Mouse Jiggler) และแล็ปท็อปสองเครื่องเพื่อจัดการประชุมที่ทับซ้อนกัน ✅ บางคนสามารถสร้างรายได้สูงจากการทำงานหลายตำแหน่ง - ตัวอย่างเช่น "Nadia" ซึ่งทำงานสองตำแหน่งพร้อมกันและมีรายได้ถึง £87,000 ต่อปี ✅ การทำงานหลายตำแหน่งอาจช่วยให้พนักงานมีอิสระทางการเงินมากขึ้น - บางคนใช้รายได้เสริมเพื่อ ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หรือท่องเที่ยว ✅ HR Magazine เตือนว่าการทำงานหลายตำแหน่งอาจส่งผลต่อความไว้วางใจในองค์กร - อาจนำไปสู่ ปัญหาด้านประสิทธิภาพ, ความเครียด และการละเมิดสัญญาจ้างงาน https://www.techradar.com/pro/security/polygamous-working-on-the-rise-as-ease-of-cheating-on-employers-blamed-on-wfh-and-remote-working
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • ห้องน้ำอัจฉริยะพร้อมระบบจำกัดเวลาเปิดใช้งานในเมือง Long Beach เมือง Long Beach ได้เปิดตัว โครงการนำร่องห้องน้ำอัจฉริยะ โดยร่วมมือกับ Throne Labs ซึ่งเป็นบริษัทจาก Washington DC ห้องน้ำเหล่านี้ถูกเรียกว่า "Thrones" และมีระบบ QR Code สำหรับการเข้าใช้งาน

    ผู้ใช้สามารถ สแกน QR Code เพื่อรับข้อความเปิดประตู หรือใช้ รหัสที่พิมพ์ได้สำหรับผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ยังมี บัตรเข้าถึงแบบกายภาพ สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานแบบไม่ต้องใช้เทคโนโลยี

    ✅ ห้องน้ำอัจฉริยะใช้ QR Code และรหัสผ่านเพื่อเปิดประตู
    - ช่วยให้ สามารถควบคุมการเข้าใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ✅ มีระบบแจ้งสถานะห้องน้ำแบบดิจิทัล
    - แสดงว่า ห้องน้ำว่าง, กำลังใช้งาน, กำลังทำความสะอาด หรือปิดให้บริการ

    ✅ จำกัดเวลาใช้งาน 10 นาทีต่อครั้ง
    - หลังจากครบเวลา ประตูจะเปิดโดยอัตโนมัติ

    ✅ ติดตั้งที่ Belmont Pier, Shoreline Marina, Harvey Milk Promenade Park และ DeForest Park
    - เลือกพื้นที่ที่มี ความต้องการห้องน้ำสูงแต่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอ

    ✅ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 6,200 ดอลลาร์ต่อเดือนต่อห้องน้ำ
    - รวมเป็น 100,000 ดอลลาร์สำหรับโครงการนำร่อง 4 เดือน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/10/time-restricted-039smart039-toilets-arrive-as-us-city-looks-to-plug-restroom-gaps
    ห้องน้ำอัจฉริยะพร้อมระบบจำกัดเวลาเปิดใช้งานในเมือง Long Beach เมือง Long Beach ได้เปิดตัว โครงการนำร่องห้องน้ำอัจฉริยะ โดยร่วมมือกับ Throne Labs ซึ่งเป็นบริษัทจาก Washington DC ห้องน้ำเหล่านี้ถูกเรียกว่า "Thrones" และมีระบบ QR Code สำหรับการเข้าใช้งาน ผู้ใช้สามารถ สแกน QR Code เพื่อรับข้อความเปิดประตู หรือใช้ รหัสที่พิมพ์ได้สำหรับผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ยังมี บัตรเข้าถึงแบบกายภาพ สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานแบบไม่ต้องใช้เทคโนโลยี ✅ ห้องน้ำอัจฉริยะใช้ QR Code และรหัสผ่านเพื่อเปิดประตู - ช่วยให้ สามารถควบคุมการเข้าใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ มีระบบแจ้งสถานะห้องน้ำแบบดิจิทัล - แสดงว่า ห้องน้ำว่าง, กำลังใช้งาน, กำลังทำความสะอาด หรือปิดให้บริการ ✅ จำกัดเวลาใช้งาน 10 นาทีต่อครั้ง - หลังจากครบเวลา ประตูจะเปิดโดยอัตโนมัติ ✅ ติดตั้งที่ Belmont Pier, Shoreline Marina, Harvey Milk Promenade Park และ DeForest Park - เลือกพื้นที่ที่มี ความต้องการห้องน้ำสูงแต่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอ ✅ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 6,200 ดอลลาร์ต่อเดือนต่อห้องน้ำ - รวมเป็น 100,000 ดอลลาร์สำหรับโครงการนำร่อง 4 เดือน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/10/time-restricted-039smart039-toilets-arrive-as-us-city-looks-to-plug-restroom-gaps
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • โรงเรียนในสหรัฐฯ เตือนภัย TikTok Challenge ใหม่ที่ทำให้คอมพิวเตอร์เกิดควัน โรงเรียนในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับ TikTok Challenge ใหม่ที่นักเรียนจงใจทำให้ Chromebook ของโรงเรียนเกิดควัน ซึ่งนำไปสู่ การอพยพนักเรียนออกจากห้องเรียนในบางโรงเรียน

    เขตการศึกษา Wake County และโรงเรียนทั่วสหรัฐฯ ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับ พฤติกรรมอันตรายนี้ โดยระบุว่า มีรายงานเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วในบางโรงเรียน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ ความปลอดภัยของนักเรียนและทรัพย์สินของโรงเรียน

    ✅ นักเรียนบางคนจงใจทำให้ Chromebook ของโรงเรียนเกิดควัน
    - ส่งผลให้ บางโรงเรียนต้องอพยพนักเรียนออกจากห้องเรียน

    ✅ Wake County และโรงเรียนทั่วสหรัฐฯ ออกคำเตือนเกี่ยวกับพฤติกรรมนี้
    - มีรายงานว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วในบางโรงเรียน

    ✅ TikTok Challenge นี้อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของโรงเรียน
    - Chromebook ที่ถูกทำให้เกิดควัน อาจเสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้

    ✅ โรงเรียนกำลังพิจารณามาตรการป้องกันเพิ่มเติม
    - เช่น การตรวจสอบอุปกรณ์และการให้ความรู้แก่นักเรียนเกี่ยวกับความปลอดภัย

    ✅ TikTok Challenge ที่เป็นอันตรายเคยเกิดขึ้นมาก่อน
    - เช่น "Benadryl Challenge" ที่ทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรง และ "Devious Licks" ที่ส่งเสริมการทำลายทรัพย์สินของโรงเรียน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/09/us-schools-warn-against-new-tiktok-challenge-making-computers-smoke
    โรงเรียนในสหรัฐฯ เตือนภัย TikTok Challenge ใหม่ที่ทำให้คอมพิวเตอร์เกิดควัน โรงเรียนในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับ TikTok Challenge ใหม่ที่นักเรียนจงใจทำให้ Chromebook ของโรงเรียนเกิดควัน ซึ่งนำไปสู่ การอพยพนักเรียนออกจากห้องเรียนในบางโรงเรียน เขตการศึกษา Wake County และโรงเรียนทั่วสหรัฐฯ ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับ พฤติกรรมอันตรายนี้ โดยระบุว่า มีรายงานเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วในบางโรงเรียน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ ความปลอดภัยของนักเรียนและทรัพย์สินของโรงเรียน ✅ นักเรียนบางคนจงใจทำให้ Chromebook ของโรงเรียนเกิดควัน - ส่งผลให้ บางโรงเรียนต้องอพยพนักเรียนออกจากห้องเรียน ✅ Wake County และโรงเรียนทั่วสหรัฐฯ ออกคำเตือนเกี่ยวกับพฤติกรรมนี้ - มีรายงานว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วในบางโรงเรียน ✅ TikTok Challenge นี้อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของโรงเรียน - Chromebook ที่ถูกทำให้เกิดควัน อาจเสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้ ✅ โรงเรียนกำลังพิจารณามาตรการป้องกันเพิ่มเติม - เช่น การตรวจสอบอุปกรณ์และการให้ความรู้แก่นักเรียนเกี่ยวกับความปลอดภัย ✅ TikTok Challenge ที่เป็นอันตรายเคยเกิดขึ้นมาก่อน - เช่น "Benadryl Challenge" ที่ทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรง และ "Devious Licks" ที่ส่งเสริมการทำลายทรัพย์สินของโรงเรียน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/09/us-schools-warn-against-new-tiktok-challenge-making-computers-smoke
    WWW.THESTAR.COM.MY
    US schools warn against new TikTok challenge: making computers smoke
    Wake County and school systems across the US are sending out warnings about a new TikTok challenge that has students setting their laptop computers on fire.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มผู้นำด้านเทคโนโลยีกว่า 250 คน กำลังผลักดันให้ วิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์และ AI กลายเป็น หลักสูตรบังคับในโรงเรียน K-12 ทั่วสหรัฐฯ ผ่านแคมเปญ "Unlock8" ที่นำโดย Code.org และ CSforALL

    แคมเปญนี้เน้นย้ำถึง งานวิจัยใหม่ที่แสดงให้เห็นว่า การเรียน วิทยาการคอมพิวเตอร์ในระดับมัธยมปลาย สามารถช่วยเพิ่ม รายได้ในช่วงต้นอาชีพได้ถึง 8% โดยไม่ขึ้นอยู่กับสายงานที่นักเรียนเลือก นอกจากนี้ รายงานของ World Economic Forum ยังระบุว่า ทักษะด้าน AI และข้อมูลเป็นที่ต้องการมากที่สุดในอีก 5 ปีข้างหน้า

    แม้ว่ารัฐต่าง ๆ ในสหรัฐฯ จะพยายามขยายการเข้าถึงการศึกษาด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ แต่ปัจจุบันมีเพียง 12 รัฐเท่านั้นที่กำหนดให้เป็นวิชาบังคับสำหรับการจบการศึกษา ส่งผลให้ มีนักเรียนเพียง 6.4% ที่ลงเรียนวิชานี้ในปีที่ผ่านมา

    ✅ กลุ่มผู้นำด้านเทคโนโลยีกว่า 250 คนสนับสนุนให้ CS และ AI เป็นหลักสูตรบังคับ
    - นำโดย Code.org และ CSforALL
    - เน้นให้ นักเรียนทุกคนมีทักษะที่จำเป็นสำหรับโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI

    ✅ งานวิจัยใหม่ชี้ว่าการเรียน CS ในมัธยมปลายช่วยเพิ่มรายได้ในช่วงต้นอาชีพ
    - เพิ่มรายได้ได้ถึง 8% โดยไม่ขึ้นอยู่กับสายงานที่เลือก
    - World Economic Forum ระบุว่า AI และข้อมูลเป็นทักษะที่ต้องการมากที่สุดในอีก 5 ปีข้างหน้า

    ✅ สถานะของการศึกษาด้าน CS ในสหรัฐฯ
    - 39 รัฐมีงบประมาณสนับสนุนการศึกษาด้าน CS (เพิ่มขึ้นจาก 9 รัฐในปี 2017)
    - แต่มีเพียง 12 รัฐที่กำหนดให้ CS เป็นวิชาบังคับสำหรับการจบการศึกษา

    ✅ การสนับสนุนจากผู้นำด้านเทคโนโลยี
    - Satya Nadella (Microsoft), Brian Chesky (Airbnb), Dara Khosrowshahi (Uber) และ Steve Ballmer (อดีต CEO Microsoft) ลงนามในจดหมายเปิดผนึกสนับสนุนแคมเปญนี้

    https://www.techspot.com/news/107800-over-250-tech-leaders-push-computer-science-ai.html
    กลุ่มผู้นำด้านเทคโนโลยีกว่า 250 คน กำลังผลักดันให้ วิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์และ AI กลายเป็น หลักสูตรบังคับในโรงเรียน K-12 ทั่วสหรัฐฯ ผ่านแคมเปญ "Unlock8" ที่นำโดย Code.org และ CSforALL แคมเปญนี้เน้นย้ำถึง งานวิจัยใหม่ที่แสดงให้เห็นว่า การเรียน วิทยาการคอมพิวเตอร์ในระดับมัธยมปลาย สามารถช่วยเพิ่ม รายได้ในช่วงต้นอาชีพได้ถึง 8% โดยไม่ขึ้นอยู่กับสายงานที่นักเรียนเลือก นอกจากนี้ รายงานของ World Economic Forum ยังระบุว่า ทักษะด้าน AI และข้อมูลเป็นที่ต้องการมากที่สุดในอีก 5 ปีข้างหน้า แม้ว่ารัฐต่าง ๆ ในสหรัฐฯ จะพยายามขยายการเข้าถึงการศึกษาด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ แต่ปัจจุบันมีเพียง 12 รัฐเท่านั้นที่กำหนดให้เป็นวิชาบังคับสำหรับการจบการศึกษา ส่งผลให้ มีนักเรียนเพียง 6.4% ที่ลงเรียนวิชานี้ในปีที่ผ่านมา ✅ กลุ่มผู้นำด้านเทคโนโลยีกว่า 250 คนสนับสนุนให้ CS และ AI เป็นหลักสูตรบังคับ - นำโดย Code.org และ CSforALL - เน้นให้ นักเรียนทุกคนมีทักษะที่จำเป็นสำหรับโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI ✅ งานวิจัยใหม่ชี้ว่าการเรียน CS ในมัธยมปลายช่วยเพิ่มรายได้ในช่วงต้นอาชีพ - เพิ่มรายได้ได้ถึง 8% โดยไม่ขึ้นอยู่กับสายงานที่เลือก - World Economic Forum ระบุว่า AI และข้อมูลเป็นทักษะที่ต้องการมากที่สุดในอีก 5 ปีข้างหน้า ✅ สถานะของการศึกษาด้าน CS ในสหรัฐฯ - 39 รัฐมีงบประมาณสนับสนุนการศึกษาด้าน CS (เพิ่มขึ้นจาก 9 รัฐในปี 2017) - แต่มีเพียง 12 รัฐที่กำหนดให้ CS เป็นวิชาบังคับสำหรับการจบการศึกษา ✅ การสนับสนุนจากผู้นำด้านเทคโนโลยี - Satya Nadella (Microsoft), Brian Chesky (Airbnb), Dara Khosrowshahi (Uber) และ Steve Ballmer (อดีต CEO Microsoft) ลงนามในจดหมายเปิดผนึกสนับสนุนแคมเปญนี้ https://www.techspot.com/news/107800-over-250-tech-leaders-push-computer-science-ai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Over 250 tech leaders push for computer science and AI course requirements in US schools
    The campaign emphasizes new research showing that taking just one high school computer science course can boost early career earnings by eight percent, regardless of a graduate's...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft กำลังใช้ AI ในการเขียนโค้ดมากขึ้น โดย Satya Nadella ซีอีโอของบริษัทเปิดเผยว่า 20-30% ของโค้ดในโปรเจ็กต์ของ Microsoft ถูกเขียนโดย AI และบางโปรเจ็กต์อาจใช้ AI ในการเขียนโค้ดทั้งหมด

    Nadella ได้เข้าร่วมงาน LlamaCon ร่วมกับ Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนา AI และการมีส่วนร่วมในระบบโอเพ่นซอร์ส โดยเขาระบุว่า AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากและมีรูปแบบที่คาดเดาได้

    แม้ว่า AI จะช่วยให้การพัฒนาโค้ดมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็มีข้อกังวลเกี่ยวกับ ผลกระทบต่อโปรแกรมเมอร์รุ่นใหม่ เนื่องจาก AI สามารถลดจำนวนงานระดับเริ่มต้นลง อย่างไรก็ตาม Nadella ย้ำว่า AI ยังต้องการการตรวจสอบจากนักพัฒนาที่มีประสบการณ์ เพื่อให้แน่ใจว่าโค้ดที่สร้างขึ้นสามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง

    Microsoft พบว่า AI สามารถสร้างโค้ด Python ได้ดีกว่า C++ เนื่องจาก Python มีโครงสร้างที่ง่ายกว่า, รองรับ dynamic typing และมีระบบจัดการหน่วยความจำที่ดีกว่า ขณะที่ C++ เป็นภาษาที่เกี่ยวข้องกับโค้ดระดับต่ำ ซึ่งยากต่อการทำให้เป็นอัตโนมัติ

    ✅ AI เขียนโค้ดในโปรเจ็กต์ของ Microsoft
    - 20-30% ของโค้ดในโปรเจ็กต์ของ Microsoft ถูกเขียนโดย AI
    - บางโปรเจ็กต์อาจใช้ AI ในการเขียนโค้ดทั้งหมด

    ✅ การพัฒนา AI ในระบบโอเพ่นซอร์ส
    - Nadella และ Zuckerberg พูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนา AI ในงาน LlamaCon
    - AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด โดยเฉพาะงานที่มีรูปแบบที่คาดเดาได้

    ✅ ผลกระทบต่อโปรแกรมเมอร์รุ่นใหม่
    - AI อาจลดจำนวนงานระดับเริ่มต้นลง
    - นักพัฒนาที่มีประสบการณ์ยังคงมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบโค้ด

    ✅ ความแตกต่างระหว่าง Python และ C++ ในการใช้ AI
    - AI สามารถสร้างโค้ด Python ได้ดีกว่า C++
    - Python มีโครงสร้างที่ง่ายกว่าและมีระบบจัดการหน่วยความจำที่ดีกว่า

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/microsofts-ceo-reveals-that-ai-writes-up-to-30-percent-of-its-code-some-projects-may-have-all-of-its-code-written-by-ai
    Microsoft กำลังใช้ AI ในการเขียนโค้ดมากขึ้น โดย Satya Nadella ซีอีโอของบริษัทเปิดเผยว่า 20-30% ของโค้ดในโปรเจ็กต์ของ Microsoft ถูกเขียนโดย AI และบางโปรเจ็กต์อาจใช้ AI ในการเขียนโค้ดทั้งหมด Nadella ได้เข้าร่วมงาน LlamaCon ร่วมกับ Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนา AI และการมีส่วนร่วมในระบบโอเพ่นซอร์ส โดยเขาระบุว่า AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากและมีรูปแบบที่คาดเดาได้ แม้ว่า AI จะช่วยให้การพัฒนาโค้ดมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็มีข้อกังวลเกี่ยวกับ ผลกระทบต่อโปรแกรมเมอร์รุ่นใหม่ เนื่องจาก AI สามารถลดจำนวนงานระดับเริ่มต้นลง อย่างไรก็ตาม Nadella ย้ำว่า AI ยังต้องการการตรวจสอบจากนักพัฒนาที่มีประสบการณ์ เพื่อให้แน่ใจว่าโค้ดที่สร้างขึ้นสามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง Microsoft พบว่า AI สามารถสร้างโค้ด Python ได้ดีกว่า C++ เนื่องจาก Python มีโครงสร้างที่ง่ายกว่า, รองรับ dynamic typing และมีระบบจัดการหน่วยความจำที่ดีกว่า ขณะที่ C++ เป็นภาษาที่เกี่ยวข้องกับโค้ดระดับต่ำ ซึ่งยากต่อการทำให้เป็นอัตโนมัติ ✅ AI เขียนโค้ดในโปรเจ็กต์ของ Microsoft - 20-30% ของโค้ดในโปรเจ็กต์ของ Microsoft ถูกเขียนโดย AI - บางโปรเจ็กต์อาจใช้ AI ในการเขียนโค้ดทั้งหมด ✅ การพัฒนา AI ในระบบโอเพ่นซอร์ส - Nadella และ Zuckerberg พูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนา AI ในงาน LlamaCon - AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด โดยเฉพาะงานที่มีรูปแบบที่คาดเดาได้ ✅ ผลกระทบต่อโปรแกรมเมอร์รุ่นใหม่ - AI อาจลดจำนวนงานระดับเริ่มต้นลง - นักพัฒนาที่มีประสบการณ์ยังคงมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบโค้ด ✅ ความแตกต่างระหว่าง Python และ C++ ในการใช้ AI - AI สามารถสร้างโค้ด Python ได้ดีกว่า C++ - Python มีโครงสร้างที่ง่ายกว่าและมีระบบจัดการหน่วยความจำที่ดีกว่า https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/microsofts-ceo-reveals-that-ai-writes-up-to-30-percent-of-its-code-some-projects-may-have-all-of-its-code-written-by-ai
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่าง Sam Altman CEO ของ OpenAI และ Satya Nadella CEO ของ Microsoft ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความร่วมมือระหว่างสองบริษัท โดย Microsoft ได้ลงทุน $13 พันล้าน ใน OpenAI ตั้งแต่ปี 2019 และช่วยผลักดันให้ ChatGPT มีผู้ใช้งานเกือบ หนึ่งพันล้านคน

    อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งเริ่มปรากฏชัดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่อง ทรัพยากรการประมวลผล ที่ Microsoft จัดหาให้ OpenAI และการเข้าถึงโมเดล AI ของ OpenAI ที่ Microsoft ต้องการใช้สำหรับ Copilot นอกจากนี้ Altman ยังคงยืนยันว่า AGI (Artificial General Intelligence) กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ซึ่ง Nadella ไม่เห็นด้วย

    อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือ แผนการปรับโครงสร้างของ OpenAI ให้เป็นบริษัท for-profit ที่เป็นอิสระ ซึ่ง Microsoft อาจใช้สิทธิ์ในการ ขัดขวางการเปลี่ยนแปลงนี้ ซึ่งอาจทำให้ OpenAI สูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์

    ✅ การลงทุนของ Microsoft ใน OpenAI
    - Microsoft ลงทุน $13 พันล้านใน OpenAI ตั้งแต่ปี 2019
    - ช่วยให้ ChatGPT มีผู้ใช้งานเกือบหนึ่งพันล้านคน

    ✅ ความขัดแย้งเรื่องทรัพยากรการประมวลผล
    - Microsoft จัดหาเซิร์ฟเวอร์ให้ OpenAI แต่มีข้อจำกัดในการเข้าถึง
    - OpenAI ต้องการทรัพยากรเพิ่มขึ้นเพื่อพัฒนาโมเดล AI

    ✅ ความเห็นต่างเกี่ยวกับ AGI
    - Altman เชื่อว่า AGI กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้
    - Nadella ไม่เห็นด้วยและไม่พอใจที่ Altman ยืนยันเรื่องนี้ต่อสาธารณะ

    ✅ แผนการปรับโครงสร้างของ OpenAI
    - OpenAI ต้องการเปลี่ยนเป็นบริษัท for-profit ที่เป็นอิสระ
    - Microsoft อาจใช้สิทธิ์ในการขัดขวางการเปลี่ยนแปลงนี้

    https://www.techspot.com/news/107724-sources-detail-growing-rift-between-sam-altman-satya.html
    บทความนี้กล่าวถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่าง Sam Altman CEO ของ OpenAI และ Satya Nadella CEO ของ Microsoft ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความร่วมมือระหว่างสองบริษัท โดย Microsoft ได้ลงทุน $13 พันล้าน ใน OpenAI ตั้งแต่ปี 2019 และช่วยผลักดันให้ ChatGPT มีผู้ใช้งานเกือบ หนึ่งพันล้านคน อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งเริ่มปรากฏชัดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่อง ทรัพยากรการประมวลผล ที่ Microsoft จัดหาให้ OpenAI และการเข้าถึงโมเดล AI ของ OpenAI ที่ Microsoft ต้องการใช้สำหรับ Copilot นอกจากนี้ Altman ยังคงยืนยันว่า AGI (Artificial General Intelligence) กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ซึ่ง Nadella ไม่เห็นด้วย อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือ แผนการปรับโครงสร้างของ OpenAI ให้เป็นบริษัท for-profit ที่เป็นอิสระ ซึ่ง Microsoft อาจใช้สิทธิ์ในการ ขัดขวางการเปลี่ยนแปลงนี้ ซึ่งอาจทำให้ OpenAI สูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์ ✅ การลงทุนของ Microsoft ใน OpenAI - Microsoft ลงทุน $13 พันล้านใน OpenAI ตั้งแต่ปี 2019 - ช่วยให้ ChatGPT มีผู้ใช้งานเกือบหนึ่งพันล้านคน ✅ ความขัดแย้งเรื่องทรัพยากรการประมวลผล - Microsoft จัดหาเซิร์ฟเวอร์ให้ OpenAI แต่มีข้อจำกัดในการเข้าถึง - OpenAI ต้องการทรัพยากรเพิ่มขึ้นเพื่อพัฒนาโมเดล AI ✅ ความเห็นต่างเกี่ยวกับ AGI - Altman เชื่อว่า AGI กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ - Nadella ไม่เห็นด้วยและไม่พอใจที่ Altman ยืนยันเรื่องนี้ต่อสาธารณะ ✅ แผนการปรับโครงสร้างของ OpenAI - OpenAI ต้องการเปลี่ยนเป็นบริษัท for-profit ที่เป็นอิสระ - Microsoft อาจใช้สิทธิ์ในการขัดขวางการเปลี่ยนแปลงนี้ https://www.techspot.com/news/107724-sources-detail-growing-rift-between-sam-altman-satya.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    There's a growing rift between Sam Altman and Satya Nadella – Microsoft could block OpenAI's for-profit restructuring
    Microsoft helped push OpenAI to the top of the multi-billion-dollar AI industry by investing $13 billion into the firm since 2019. ChatGPT is closing in on one...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทโมเดอร์นาถูกปรับเป็นเงินเกือบ 44,000 ปอนด์ หรือเกือบสองล้านบาท หลังจากหน่วยงานกำกับดูแลยาตามใบสั่งแพทย์ของอังกฤษ (Prescription Medicines Code of Practice Authority - PMCPA) พบว่าบริษัทยาชื่อดังแห่งนี้ ก่อความเสียหายในด้านความน่าเชื่อถือต่ออุตสาหกรรมยาของอังกฤษ ด้วยการ ใช้เงิน-ตุ๊กตาหมีล่อเด็กๆร่วมทดลองวัคซีนโควิด

    เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2023 มีการเผยแพร่โฆษณาประชาสัมพันธ์ซึ่งใช้มุ่งเป้าหมายเด็กตั้งแต่อายุ 12 ปี ให้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยการทดลองวัคซีนโควิด โดยเสนอมอบสิ่งจูงใจเป็น "ตุ๊กตาหมี" พร้อม พร้อมเงินสด 1,500 ปอนด์ (ประมาณ 67,000 บาท) และยังมีการเผยแพร่บทความบนสื่อสังคมออนไลน์เพื่อชักจูงและโฆษณาประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับแผนงานนี้อีกด้วย

    บทความที่ถูกกล่าวหา มีอยู่ 3 บทความที่เป็นการแฝงโฆษณาเกินจริง ซึ่งเป็นการเขียนร่วมกันโดยผู้บริหารของบริษัท Moderna และอดีตรัฐมนตรี Nadhim Zahawi (ถูกไล่ออกเพราะฉ้อโกงภาษี)


    แม้ว่าทางโมเดอร์นาจะพยายามชี้แจงว่า ทางบริษัทได้ดำเนินการยับยั้งการกระทำอย่างทันท่วงทีหลังจากได้รับแจ้งในเดือนมกราคม 2024 อย่างไรก็ตามจากหลักฐานของ PMCPA พบว่าพวกผู้บริหารของโมเดอร์นาได้รับแจ้งตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023 แล้ว แต่กลับนิ่งเฉย


    ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า โมเดอร์นาอาจถูกพักสถานภาพสมาชิกหรือไม่ก็โดนขับไล่ออกจากสมาคมอุตสาหกรรมยาของอังกฤษ (Association of the British Pharmaceutical Industry - ABPI) หลังละเมิดกฎระเบียบหลายครั้ง
    บริษัทโมเดอร์นาถูกปรับเป็นเงินเกือบ 44,000 ปอนด์ หรือเกือบสองล้านบาท หลังจากหน่วยงานกำกับดูแลยาตามใบสั่งแพทย์ของอังกฤษ (Prescription Medicines Code of Practice Authority - PMCPA) พบว่าบริษัทยาชื่อดังแห่งนี้ ก่อความเสียหายในด้านความน่าเชื่อถือต่ออุตสาหกรรมยาของอังกฤษ ด้วยการ ใช้เงิน-ตุ๊กตาหมีล่อเด็กๆร่วมทดลองวัคซีนโควิด เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2023 มีการเผยแพร่โฆษณาประชาสัมพันธ์ซึ่งใช้มุ่งเป้าหมายเด็กตั้งแต่อายุ 12 ปี ให้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยการทดลองวัคซีนโควิด โดยเสนอมอบสิ่งจูงใจเป็น "ตุ๊กตาหมี" พร้อม พร้อมเงินสด 1,500 ปอนด์ (ประมาณ 67,000 บาท) และยังมีการเผยแพร่บทความบนสื่อสังคมออนไลน์เพื่อชักจูงและโฆษณาประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับแผนงานนี้อีกด้วย บทความที่ถูกกล่าวหา มีอยู่ 3 บทความที่เป็นการแฝงโฆษณาเกินจริง ซึ่งเป็นการเขียนร่วมกันโดยผู้บริหารของบริษัท Moderna และอดีตรัฐมนตรี Nadhim Zahawi (ถูกไล่ออกเพราะฉ้อโกงภาษี) แม้ว่าทางโมเดอร์นาจะพยายามชี้แจงว่า ทางบริษัทได้ดำเนินการยับยั้งการกระทำอย่างทันท่วงทีหลังจากได้รับแจ้งในเดือนมกราคม 2024 อย่างไรก็ตามจากหลักฐานของ PMCPA พบว่าพวกผู้บริหารของโมเดอร์นาได้รับแจ้งตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023 แล้ว แต่กลับนิ่งเฉย ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า โมเดอร์นาอาจถูกพักสถานภาพสมาชิกหรือไม่ก็โดนขับไล่ออกจากสมาคมอุตสาหกรรมยาของอังกฤษ (Association of the British Pharmaceutical Industry - ABPI) หลังละเมิดกฎระเบียบหลายครั้ง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 409 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงปัญหาการใช้ AI ในการโกงการแข่งขันเขียนโค้ดที่มหาวิทยาลัย Waterloo ประเทศแคนาดา โดยการแข่งขัน Canadian Computing Competition (CCC) ซึ่งเป็นการแข่งขันที่มีชื่อเสียงและช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ชนะเข้าสู่โปรแกรมคอมพิวเตอร์และวิศวกรรมที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย รวมถึงการเป็นตัวแทนของแคนาดาในเวทีระดับนานาชาติ

    ในปี 2025 มหาวิทยาลัยตัดสินใจไม่เผยแพร่ผลการแข่งขัน เนื่องจากพบว่ามีผู้เข้าร่วมใช้ AI ในการเขียนโค้ด ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎการแข่งขัน การใช้ AI เช่น Copilot ใน GitHub ทำให้ผู้เข้าร่วมสามารถโกงได้โดยไม่ต้องปิดโปรแกรม

    มหาวิทยาลัย Waterloo วางแผนที่จะเพิ่มมาตรการป้องกันในอนาคต เช่น การปรับปรุงเทคโนโลยี การเพิ่มการดูแล และการสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างนักเรียนและครู

    ✅ การแข่งขัน Canadian Computing Competition (CCC)
    - เป็นการแข่งขันที่มีชื่อเสียงและช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ชนะเข้าสู่โปรแกรมคอมพิวเตอร์และวิศวกรรม
    - ผู้ชนะสามารถเป็นตัวแทนของแคนาดาในเวทีระดับนานาชาติ

    ✅ การใช้ AI ในการโกง
    - พบว่าผู้เข้าร่วมใช้ AI เช่น Copilot ใน GitHub ในการเขียนโค้ด
    - การใช้ AI ถือเป็นการละเมิดกฎการแข่งขัน

    ✅ มาตรการป้องกันในอนาคต
    - การปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อป้องกันการโกง
    - การเพิ่มการดูแลและการสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างนักเรียนและครู

    ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขัน
    - มหาวิทยาลัยตัดสินใจไม่เผยแพร่ผลการแข่งขันในปี 2025

    https://www.techspot.com/news/107701-ai-cheating-forces-university-waterloo-withhold-coding-competition.html
    บทความนี้กล่าวถึงปัญหาการใช้ AI ในการโกงการแข่งขันเขียนโค้ดที่มหาวิทยาลัย Waterloo ประเทศแคนาดา โดยการแข่งขัน Canadian Computing Competition (CCC) ซึ่งเป็นการแข่งขันที่มีชื่อเสียงและช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ชนะเข้าสู่โปรแกรมคอมพิวเตอร์และวิศวกรรมที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย รวมถึงการเป็นตัวแทนของแคนาดาในเวทีระดับนานาชาติ ในปี 2025 มหาวิทยาลัยตัดสินใจไม่เผยแพร่ผลการแข่งขัน เนื่องจากพบว่ามีผู้เข้าร่วมใช้ AI ในการเขียนโค้ด ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎการแข่งขัน การใช้ AI เช่น Copilot ใน GitHub ทำให้ผู้เข้าร่วมสามารถโกงได้โดยไม่ต้องปิดโปรแกรม มหาวิทยาลัย Waterloo วางแผนที่จะเพิ่มมาตรการป้องกันในอนาคต เช่น การปรับปรุงเทคโนโลยี การเพิ่มการดูแล และการสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างนักเรียนและครู ✅ การแข่งขัน Canadian Computing Competition (CCC) - เป็นการแข่งขันที่มีชื่อเสียงและช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ชนะเข้าสู่โปรแกรมคอมพิวเตอร์และวิศวกรรม - ผู้ชนะสามารถเป็นตัวแทนของแคนาดาในเวทีระดับนานาชาติ ✅ การใช้ AI ในการโกง - พบว่าผู้เข้าร่วมใช้ AI เช่น Copilot ใน GitHub ในการเขียนโค้ด - การใช้ AI ถือเป็นการละเมิดกฎการแข่งขัน ✅ มาตรการป้องกันในอนาคต - การปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อป้องกันการโกง - การเพิ่มการดูแลและการสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างนักเรียนและครู ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขัน - มหาวิทยาลัยตัดสินใจไม่เผยแพร่ผลการแข่งขันในปี 2025 https://www.techspot.com/news/107701-ai-cheating-forces-university-waterloo-withhold-coding-competition.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    University cancels publication of coding competition results over AI cheating fears
    Those who do well in the University of Waterloo's CCC are often accepted into the University's prestigious computing and engineering programs, or are even selected to represent...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • 91 ปี “เนสซี” เผยโฉม 🐉 สัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนสส์ ตำนานลวงโลก หรือปริศนาแห่งความจริง?

    จากภาพลวงตา สู่ปริศนาระดับโลก ✨ ตำนานแห่งทะเลสาบล็อคเนสส์ ที่แม้ถูกแฉว่า "หลอกลวง" แต่ก็ยังไม่มีใครหยุดตามหาได้

    ✨ ตำนานที่ยังมีชีวิต ทุกคนคงเคยได้ยินชื่อ "เนสซี" 🐲 หรือ สัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนสส์ (Loch Ness Monster) อย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต ไม่ว่าจะผ่านสารคดี รายการทีวี หนังสือพิมพ์ หรือแม้แต่การ์ตูน เนสซีได้กลายเป็น สัญลักษณ์ของความลึกลับ ที่ดึงดูดจินตนาการของคนทั่วโลก มานานกว่า 9 ทศวรรษ 🕰️

    ปีนี้ พ.ศ. 2568 เป็นวาระครบ 91 ปี ของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ทำให้ชื่อของเนสซี กลายเป็นตำนานระดับโลก นั่นคือ ภาพถ่าย “Surgeon's Photograph” อันโด่งดังในปี 2477 ซึ่งกลายเป็น "หลักฐาน" แรก ที่ทำให้คนทั้งโลกเชื่อว่า สัตว์ประหลาดในทะเลสาบมีอยู่จริง...

    แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความจริงบางอย่างก็ค่อยๆ ปรากฏ จนกลายเป็นคำถามว่า… “เนสซี” มีอยู่จริง หรือเป็นแค่ เรื่องแต่ง?

    🐉 "เนสซี" หรือ Loch Ness Monster เป็นชื่อเรียกของสัตว์ประหลาดลึกลับ ที่เชื่อกันว่า อาศัยอยู่ในทะเลสาบล็อคเนสส์ (Loch Ness) ทางตอนเหนือของประเทศสก็อตแลนด์ ลักษณะที่ถูกบรรยายมักเป็นสัตว์คอยาว 🦕 ตัวใหญ่คล้ายไดโนเสาร์น้ำโบราณ

    จุดเริ่มต้นของตำนานนี้ มาจากเหตุการณ์ในวันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2477 เมื่อ "โรเบิร์ต เคนเน็ธ วิลสัน" (Robert Kenneth Wilson) สูตินรีแพทย์ชาวอังกฤษ ได้ถ่ายภาพที่ดูเหมือนหัว และคอของสัตว์ประหลาดโผล่พ้นผิวน้ำ ภาพนี้ถูกตีพิมพ์ไปทั่วโลกในชื่อว่า “Surgeon’s Photograph” 📸 และกลายเป็นไวรัลในยุคนั้น!

    ภาพนั้นคือสิ่งที่เปลี่ยน เรื่องเล่าในท้องถิ่น ให้กลายเป็นข่าวระดับโลกทันที แต่กว่า 60 ปี ต่อมา ความจริงก็ถูกเปิดเผย… 📜

    🕵️‍♂️ ภาพปลอมที่สร้างความเชื่อทั้งโลก ในปี 2541 ความจริงที่สะเทือนโลกก็เปิดเผยโดย "คริสเตียน สเปอร์ลิง" (Christian Spurling) หนึ่งในผู้เกี่ยวข้องกับภาพถ่ายว่า แท้จริงแล้วภาพนั้นคือ “ของปลอม” ❌

    พวกเขาใช้หุ่นจำลอง ติดกับเรือดำน้ำของเล่น แล้วจัดฉากถ่ายภาพเพื่อหลอกผู้คน ซึ่งพวกเขาทำเพราะต้องการ “เอาคืน” สื่อที่เคยทำให้ญาติของเขาเสียชื่อเสียง

    แม้จะเป็นเรื่องโกหก... แต่กลับไม่มีใครหยุดตามหา "เนสซี" ได้เลย 🧭

    🔍 ไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่ยังคงมี “ความเชื่อ” จนถึงปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ ยังไม่สามารถหาหลักฐานชัดเจนว่า เนสซีมีตัวตนอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็น...

    🦴 โครงกระดูก

    🐋 ซากสัตว์

    📷 ภาพถ่าย หรือวิดีโอที่ชัด 100%

    🧬 DNA ของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ชนิดใหม่

    แต่ในทางกลับกัน “เนสซี” ก็ไม่ใช่แค่เรื่องเล่านิทาน เพราะยังมี... 📚 หลักฐานและข้อเท็จจริง ที่ทำให้คนยังเชื่อ

    ✅ รายงานการพบเห็นกว่า 1,100 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2476 จนถึงปัจจุบัน มีการบันทึกการพบเห็น "เนสซี" มากกว่า 1,159 ครั้ง และบางครั้งยังมีภาพถ่าย วิดีโอ หรือการจับสัญญาณแปลกๆ จากโซนาร์

    ✅ ภาพถ่ายและคลิปที่ยังอธิบายไม่ได้ แม้บางภาพจะไม่ชัดเจน หรือเป็นของปลอม แต่ก็มีหลายภาพ ที่ยังไม่สามารถหาคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ จนถึงปัจจุบัน

    ✅ โซนาร์จับวัตถุขนาดใหญ่ใต้น้ำ มีรายงานว่า โซนาร์ตรวจจับวัตถุเคลื่อนที่ขนาดใหญ่ ในทะเลสาบได้ โดยเฉพาะบริเวณจุดลึกกลางทะเลสาบ

    ✅ นักวิทยาศาสตร์บางส่วน “ไม่ปฏิเสธ” นักวิจัยบางคนยังเชื่อว่า อาจมีสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่ถูกค้นพบ อาศัยอยู่ในทะเลสาบ ที่กว้างและลึกแห่งนี้

    🔬 ทฤษฎีปลาไหลยักษ์ คำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุด? ในปี 2562 มีการศึกษาด้วยวิธี eDNA (Environmental DNA) จากทีมของ "ศาสตราจารย์ Neil Gemmell" ที่เก็บตัวอย่างน้ำกว่า 250 จุดในทะเลสาบล็อกเนสส์ เพื่อดูว่ามี DNA ของสิ่งมีชีวิตชนิดใดอยู่บ้าง

    ผลลัพธ์คือ พบ DNA ของ ปลาไหลยุโรป (European Eel) จำนวนมาก แต่ไม่พบ DNA ของไดโนเสาร์ หรือสัตว์เลื้อยคลานโบราณ อีกทั้งยังไม่พบหลักฐาน ของสัตว์ทะเลขนาดใหญ่เช่น วาฬ

    📌 ความเป็นไปได้ ของทฤษฎีปลาไหลยักษ์คือ มีรูปร่างคล้ายที่พยานบรรยาย มีอยู่จริงในทะเลสาบ และมีพฤติกรรมว่ายน้ำลึกลับ

    📌 แต่ก็มีข้อโต้แย้งคือ ไม่เคยพบปลาไหลที่ยาวกว่า 2 เมตรจริงๆ ปลาไหลไม่ค่อยโผล่พ้นน้ำแบบสัตว์คอยาว หากมีปลาไหลยักษ์อยู่จริง ควรมีคนถ่ายภาพได้ชัดกว่านี้

    🌍 จุดที่พบเห็น "เนสซี" บ่อยที่สุด

    🏰 Urquhart Bay ใกล้ปราสาท Urquhart จุดชมวิวที่ได้รับรายงานพบเห็น มากที่สุดในประวัติศาสตร์

    ใกล้หมู่บ้าน Drumnadrochit มีพิพิธภัณฑ์ Loch Ness Centre และมีผู้เชี่ยวชาญประจำ

    ใจกลางทะเลสาบ ลึกกว่า 200 เมตร โซนาร์ตรวจพบวัตถุลึกลับบ่อยครั้ง

    ริมทะเลสาบฝั่งเมือง Inverness มีถนน A82 เลียบทะเลสาบ ผ่านผู้คนมาก ทำให้มีรายงานมากในอดีต

    🧠 ปรากฏการณ์ทางจิตวิทยา? นักวิทยาศาสตร์หลายคนเสนอว่า เนสซีอาจเป็นผลของปรากฏการณ์ ที่เรียกว่า Pareidolia คือ... “สมองของมนุษย์พยายามตีความภาพที่ไม่ชัดเจน ให้กลายเป็นสิ่งที่คุ้นเคย เช่น รูปสัตว์ หน้าคน หรือร่างลึกลับ” 👀 บวกกับความลึกลับ บรรยากาศหมอกปกคลุม และการคาดหวัง ก็ทำให้ผู้คน "เชื่อ" ได้ง่ายขึ้น

    📖 10 ข้อเท็จจริงที่ไม่ใช่แค่ตำนาน
    1. ทะเลสาบล็อคเนสส์ยาว 37 กม. ลึกเกือบ 230 เมตร
    2. ภาพ "Surgeon's Photograph" ถูกพิสูจน์ว่าเป็นของปลอม
    3. ตรวจพบ eDNA ของปลาไหลในปริมาณมาก
    4. ใช้โซนาร์ตรวจสอบหลายรอบ แต่ยังไม่พบสัตว์ประหลาด
    5. ล็อคเนสส์ไม่มีทางเชื่อมกับทะเล เปิดโอกาสการมีสัตว์ทะเลต่ำ
    6. รายงานพบเห็นเพิ่มขึ้น หลังมีถนนเลียบทะเลสาบ
    7. BBC เคยทำสารคดีพิสูจน์เรื่องนี้โดยตรง
    5. หลายกรณีพบว่าเป็นฟองอากาศ ท่อนไม้ หรือนกน้ำ
    9. การพบเห็นล่าสุดยังมีอยู่ทุกปี
    10. เนสซีเป็นตัวดึงดูดการท่องเที่ยวสำคัญ ของสก็อตแลนด์ 💰

    🎯 ตำนานอมตะที่ยังไม่มีบทจบ “เนสซี” ไม่ได้เป็นแค่เรื่องเล่า แต่เป็นสัญลักษณ์ของ ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ ที่ไม่เคยหยุดตามหาความจริง 🔍

    แม้จะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าเนสซีมีอยู่จริง แต่ “ปริศนา” นี้ก็ยังไม่มีใครไขได้ทั้งหมด

    นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ “เนสซี” ยังคง มีชีวิตในจินตนาการของผู้คน และอาจจะยังอยู่ในคลื่นลึก ของทะเลสาบล็อคเนสส์... หรือในหัวใจของคนที่อยากเชื่อว่า “สิ่งลึกลับ” ยังมีอยู่จริงในโลกใบนี้ 🌍💙

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 191553 เม.ย. 2568

    📣 #Nessie #LochNessMonster #เนสซี #ตำนานเนสซี #สัตว์ประหลาดล็อคเนสส์
    #LochNess #MysteryOfNessie #ค้นหาความจริง #เนสซีมีอยู่จริงไหม #ภาพหลอนหรือตัวจริง
    91 ปี “เนสซี” เผยโฉม 🐉 สัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนสส์ ตำนานลวงโลก หรือปริศนาแห่งความจริง? จากภาพลวงตา สู่ปริศนาระดับโลก ✨ ตำนานแห่งทะเลสาบล็อคเนสส์ ที่แม้ถูกแฉว่า "หลอกลวง" แต่ก็ยังไม่มีใครหยุดตามหาได้ ✨ ตำนานที่ยังมีชีวิต ทุกคนคงเคยได้ยินชื่อ "เนสซี" 🐲 หรือ สัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนสส์ (Loch Ness Monster) อย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต ไม่ว่าจะผ่านสารคดี รายการทีวี หนังสือพิมพ์ หรือแม้แต่การ์ตูน เนสซีได้กลายเป็น สัญลักษณ์ของความลึกลับ ที่ดึงดูดจินตนาการของคนทั่วโลก มานานกว่า 9 ทศวรรษ 🕰️ ปีนี้ พ.ศ. 2568 เป็นวาระครบ 91 ปี ของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ทำให้ชื่อของเนสซี กลายเป็นตำนานระดับโลก นั่นคือ ภาพถ่าย “Surgeon's Photograph” อันโด่งดังในปี 2477 ซึ่งกลายเป็น "หลักฐาน" แรก ที่ทำให้คนทั้งโลกเชื่อว่า สัตว์ประหลาดในทะเลสาบมีอยู่จริง... แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความจริงบางอย่างก็ค่อยๆ ปรากฏ จนกลายเป็นคำถามว่า… “เนสซี” มีอยู่จริง หรือเป็นแค่ เรื่องแต่ง? 🐉 "เนสซี" หรือ Loch Ness Monster เป็นชื่อเรียกของสัตว์ประหลาดลึกลับ ที่เชื่อกันว่า อาศัยอยู่ในทะเลสาบล็อคเนสส์ (Loch Ness) ทางตอนเหนือของประเทศสก็อตแลนด์ ลักษณะที่ถูกบรรยายมักเป็นสัตว์คอยาว 🦕 ตัวใหญ่คล้ายไดโนเสาร์น้ำโบราณ จุดเริ่มต้นของตำนานนี้ มาจากเหตุการณ์ในวันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2477 เมื่อ "โรเบิร์ต เคนเน็ธ วิลสัน" (Robert Kenneth Wilson) สูตินรีแพทย์ชาวอังกฤษ ได้ถ่ายภาพที่ดูเหมือนหัว และคอของสัตว์ประหลาดโผล่พ้นผิวน้ำ ภาพนี้ถูกตีพิมพ์ไปทั่วโลกในชื่อว่า “Surgeon’s Photograph” 📸 และกลายเป็นไวรัลในยุคนั้น! ภาพนั้นคือสิ่งที่เปลี่ยน เรื่องเล่าในท้องถิ่น ให้กลายเป็นข่าวระดับโลกทันที แต่กว่า 60 ปี ต่อมา ความจริงก็ถูกเปิดเผย… 📜 🕵️‍♂️ ภาพปลอมที่สร้างความเชื่อทั้งโลก ในปี 2541 ความจริงที่สะเทือนโลกก็เปิดเผยโดย "คริสเตียน สเปอร์ลิง" (Christian Spurling) หนึ่งในผู้เกี่ยวข้องกับภาพถ่ายว่า แท้จริงแล้วภาพนั้นคือ “ของปลอม” ❌ พวกเขาใช้หุ่นจำลอง ติดกับเรือดำน้ำของเล่น แล้วจัดฉากถ่ายภาพเพื่อหลอกผู้คน ซึ่งพวกเขาทำเพราะต้องการ “เอาคืน” สื่อที่เคยทำให้ญาติของเขาเสียชื่อเสียง แม้จะเป็นเรื่องโกหก... แต่กลับไม่มีใครหยุดตามหา "เนสซี" ได้เลย 🧭 🔍 ไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่ยังคงมี “ความเชื่อ” จนถึงปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ ยังไม่สามารถหาหลักฐานชัดเจนว่า เนสซีมีตัวตนอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็น... 🦴 โครงกระดูก 🐋 ซากสัตว์ 📷 ภาพถ่าย หรือวิดีโอที่ชัด 100% 🧬 DNA ของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ชนิดใหม่ แต่ในทางกลับกัน “เนสซี” ก็ไม่ใช่แค่เรื่องเล่านิทาน เพราะยังมี... 📚 หลักฐานและข้อเท็จจริง ที่ทำให้คนยังเชื่อ ✅ รายงานการพบเห็นกว่า 1,100 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2476 จนถึงปัจจุบัน มีการบันทึกการพบเห็น "เนสซี" มากกว่า 1,159 ครั้ง และบางครั้งยังมีภาพถ่าย วิดีโอ หรือการจับสัญญาณแปลกๆ จากโซนาร์ ✅ ภาพถ่ายและคลิปที่ยังอธิบายไม่ได้ แม้บางภาพจะไม่ชัดเจน หรือเป็นของปลอม แต่ก็มีหลายภาพ ที่ยังไม่สามารถหาคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ จนถึงปัจจุบัน ✅ โซนาร์จับวัตถุขนาดใหญ่ใต้น้ำ มีรายงานว่า โซนาร์ตรวจจับวัตถุเคลื่อนที่ขนาดใหญ่ ในทะเลสาบได้ โดยเฉพาะบริเวณจุดลึกกลางทะเลสาบ ✅ นักวิทยาศาสตร์บางส่วน “ไม่ปฏิเสธ” นักวิจัยบางคนยังเชื่อว่า อาจมีสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่ถูกค้นพบ อาศัยอยู่ในทะเลสาบ ที่กว้างและลึกแห่งนี้ 🔬 ทฤษฎีปลาไหลยักษ์ คำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุด? ในปี 2562 มีการศึกษาด้วยวิธี eDNA (Environmental DNA) จากทีมของ "ศาสตราจารย์ Neil Gemmell" ที่เก็บตัวอย่างน้ำกว่า 250 จุดในทะเลสาบล็อกเนสส์ เพื่อดูว่ามี DNA ของสิ่งมีชีวิตชนิดใดอยู่บ้าง ผลลัพธ์คือ พบ DNA ของ ปลาไหลยุโรป (European Eel) จำนวนมาก แต่ไม่พบ DNA ของไดโนเสาร์ หรือสัตว์เลื้อยคลานโบราณ อีกทั้งยังไม่พบหลักฐาน ของสัตว์ทะเลขนาดใหญ่เช่น วาฬ 📌 ความเป็นไปได้ ของทฤษฎีปลาไหลยักษ์คือ มีรูปร่างคล้ายที่พยานบรรยาย มีอยู่จริงในทะเลสาบ และมีพฤติกรรมว่ายน้ำลึกลับ 📌 แต่ก็มีข้อโต้แย้งคือ ไม่เคยพบปลาไหลที่ยาวกว่า 2 เมตรจริงๆ ปลาไหลไม่ค่อยโผล่พ้นน้ำแบบสัตว์คอยาว หากมีปลาไหลยักษ์อยู่จริง ควรมีคนถ่ายภาพได้ชัดกว่านี้ 🌍 จุดที่พบเห็น "เนสซี" บ่อยที่สุด 🏰 Urquhart Bay ใกล้ปราสาท Urquhart จุดชมวิวที่ได้รับรายงานพบเห็น มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ใกล้หมู่บ้าน Drumnadrochit มีพิพิธภัณฑ์ Loch Ness Centre และมีผู้เชี่ยวชาญประจำ ใจกลางทะเลสาบ ลึกกว่า 200 เมตร โซนาร์ตรวจพบวัตถุลึกลับบ่อยครั้ง ริมทะเลสาบฝั่งเมือง Inverness มีถนน A82 เลียบทะเลสาบ ผ่านผู้คนมาก ทำให้มีรายงานมากในอดีต 🧠 ปรากฏการณ์ทางจิตวิทยา? นักวิทยาศาสตร์หลายคนเสนอว่า เนสซีอาจเป็นผลของปรากฏการณ์ ที่เรียกว่า Pareidolia คือ... “สมองของมนุษย์พยายามตีความภาพที่ไม่ชัดเจน ให้กลายเป็นสิ่งที่คุ้นเคย เช่น รูปสัตว์ หน้าคน หรือร่างลึกลับ” 👀 บวกกับความลึกลับ บรรยากาศหมอกปกคลุม และการคาดหวัง ก็ทำให้ผู้คน "เชื่อ" ได้ง่ายขึ้น 📖 10 ข้อเท็จจริงที่ไม่ใช่แค่ตำนาน 1. ทะเลสาบล็อคเนสส์ยาว 37 กม. ลึกเกือบ 230 เมตร 2. ภาพ "Surgeon's Photograph" ถูกพิสูจน์ว่าเป็นของปลอม 3. ตรวจพบ eDNA ของปลาไหลในปริมาณมาก 4. ใช้โซนาร์ตรวจสอบหลายรอบ แต่ยังไม่พบสัตว์ประหลาด 5. ล็อคเนสส์ไม่มีทางเชื่อมกับทะเล เปิดโอกาสการมีสัตว์ทะเลต่ำ 6. รายงานพบเห็นเพิ่มขึ้น หลังมีถนนเลียบทะเลสาบ 7. BBC เคยทำสารคดีพิสูจน์เรื่องนี้โดยตรง 5. หลายกรณีพบว่าเป็นฟองอากาศ ท่อนไม้ หรือนกน้ำ 9. การพบเห็นล่าสุดยังมีอยู่ทุกปี 10. เนสซีเป็นตัวดึงดูดการท่องเที่ยวสำคัญ ของสก็อตแลนด์ 💰 🎯 ตำนานอมตะที่ยังไม่มีบทจบ “เนสซี” ไม่ได้เป็นแค่เรื่องเล่า แต่เป็นสัญลักษณ์ของ ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ ที่ไม่เคยหยุดตามหาความจริง 🔍 แม้จะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าเนสซีมีอยู่จริง แต่ “ปริศนา” นี้ก็ยังไม่มีใครไขได้ทั้งหมด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ “เนสซี” ยังคง มีชีวิตในจินตนาการของผู้คน และอาจจะยังอยู่ในคลื่นลึก ของทะเลสาบล็อคเนสส์... หรือในหัวใจของคนที่อยากเชื่อว่า “สิ่งลึกลับ” ยังมีอยู่จริงในโลกใบนี้ 🌍💙 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 191553 เม.ย. 2568 📣 #Nessie #LochNessMonster #เนสซี #ตำนานเนสซี #สัตว์ประหลาดล็อคเนสส์ #LochNess #MysteryOfNessie #ค้นหาความจริง #เนสซีมีอยู่จริงไหม #ภาพหลอนหรือตัวจริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 786 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ปลดพนักงานสองคนที่มีส่วนร่วมในการประท้วงระหว่างงานฉลองครบรอบ 50 ปีของบริษัท โดยพนักงานเหล่านี้แสดงความไม่พอใจต่อการที่ Microsoft มีสัญญาทางธุรกิจกับรัฐบาลอิสราเอล ซึ่งพวกเขาอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน

    🛑 การประท้วงในงานสำคัญ: พนักงานคนหนึ่งชื่อ Ibtihal Aboussad ขัดจังหวะการนำเสนอของหัวหน้าฝ่าย AI ของ Microsoft และส่งอีเมลถึงพนักงานหลายพันคน รวมถึงผู้บริหารระดับสูง เพื่อเรียกร้องให้ยุติสัญญากับรัฐบาลอิสราเอล

    🛑 การประท้วงเพิ่มเติม: พนักงานอีกคน Vaniya Agrawal ขัดจังหวะคำพูดของ CEO Satya Nadella ในงานอื่น พร้อมส่งอีเมลวิจารณ์ว่า Microsoft เป็น "ผู้ผลิตอาวุธดิจิทัล"

    📋 การละเมิดนโยบายบริษัท: Microsoft ระบุว่าการกระทำของพนักงานทั้งสองเป็นการละเมิดนโยบายที่ตั้งใจสร้างความวุ่นวายและดึงความสนใจในทางที่ไม่เหมาะสม

    ❌ การปลดพนักงานทันที: บริษัทตัดสินใจยุติสัญญาจ้างงานของพนักงานทั้งสองทันที โดยระบุว่าเป็นการตอบสนองที่เหมาะสมต่อพฤติกรรมดังกล่าว

    https://www.techspot.com/news/107478-microsoft-fires-engineers-who-protested-israeli-military-use.html
    Microsoft ได้ปลดพนักงานสองคนที่มีส่วนร่วมในการประท้วงระหว่างงานฉลองครบรอบ 50 ปีของบริษัท โดยพนักงานเหล่านี้แสดงความไม่พอใจต่อการที่ Microsoft มีสัญญาทางธุรกิจกับรัฐบาลอิสราเอล ซึ่งพวกเขาอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน 🛑 การประท้วงในงานสำคัญ: พนักงานคนหนึ่งชื่อ Ibtihal Aboussad ขัดจังหวะการนำเสนอของหัวหน้าฝ่าย AI ของ Microsoft และส่งอีเมลถึงพนักงานหลายพันคน รวมถึงผู้บริหารระดับสูง เพื่อเรียกร้องให้ยุติสัญญากับรัฐบาลอิสราเอล 🛑 การประท้วงเพิ่มเติม: พนักงานอีกคน Vaniya Agrawal ขัดจังหวะคำพูดของ CEO Satya Nadella ในงานอื่น พร้อมส่งอีเมลวิจารณ์ว่า Microsoft เป็น "ผู้ผลิตอาวุธดิจิทัล" 📋 การละเมิดนโยบายบริษัท: Microsoft ระบุว่าการกระทำของพนักงานทั้งสองเป็นการละเมิดนโยบายที่ตั้งใจสร้างความวุ่นวายและดึงความสนใจในทางที่ไม่เหมาะสม ❌ การปลดพนักงานทันที: บริษัทตัดสินใจยุติสัญญาจ้างงานของพนักงานทั้งสองทันที โดยระบุว่าเป็นการตอบสนองที่เหมาะสมต่อพฤติกรรมดังกล่าว https://www.techspot.com/news/107478-microsoft-fires-engineers-who-protested-israeli-military-use.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft fires engineers over AI protest at 50th-anniversary event
    One of the employees, Ibtihal Aboussad, interrupted a presentation by Mustafa Suleyman, Microsoft's head of AI, during the anniversary event. Following the incident, she sent an email...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
  • Roskomnadzor กำลังขยายสงครามการเซ็นเซอร์ VPN ด้วยคำสั่งให้ลบแอปออกจาก Google Play Store แต่ Google เลือกที่จะต้านคำสั่งและรักษาแอป VPN ไว้จำนวนมาก เหตุการณ์นี้แสดงถึงความท้าทายระหว่างเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ตและการปราบปรามในประเทศ

    ✅ การต้านทานของ Google: ในขณะที่ Roskomnadzorพยายามปิดกั้นการใช้งาน VPN เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกเซ็นเซอร์ Google ยังไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งส่วนใหญ่ โดยในขณะนี้มีเพียง 6 แอป VPN ที่ถูกลบจาก Play Store ในรัสเซีย

    ✅ การตอบสนองที่แตกต่างของ Apple: ในปี 2024 Apple ได้ลบ VPN ออกจาก App Store ในรัสเซียถึง 60 แอป ซึ่งแสดงถึงระดับการปฏิบัติตามที่สูงกว่า Google

    ✅ ผลกระทบต่อเสรีภาพทางดิจิทัล: VPN ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยผู้ใช้งานในรัสเซียหลบหลีกการเซ็นเซอร์และการเฝ้าระวัง แต่การที่ Roskomnadzorออกคำสั่งให้ลบแอปเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการปราบปรามที่เข้มงวดต่อความพยายามในการเข้าถึงเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ต

    ✅ การสนับสนุนจากองค์กรอิสระ: GreatFire’s AppCensorship Project เรียกร้องให้ Google และแพลตฟอร์มเทคโนโลยีมีความโปร่งใสและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการลบแอป รวมถึงการเพิ่มการกำกับดูแลเพื่อช่วยปกป้องเสรีภาพทางดิจิทัล

    ✅ การตัดสินใจของนักพัฒนา: นักพัฒนาบางราย เช่น Avast VPN เลือกที่จะหยุดให้บริการในรัสเซียโดยไม่รอคำสั่งจากรัฐบาล สะท้อนถึงแรงกดดันที่เกิดขึ้น

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/russia-demands-212-vpns-are-removed-from-the-play-store-but-google-is-resisting
    Roskomnadzor กำลังขยายสงครามการเซ็นเซอร์ VPN ด้วยคำสั่งให้ลบแอปออกจาก Google Play Store แต่ Google เลือกที่จะต้านคำสั่งและรักษาแอป VPN ไว้จำนวนมาก เหตุการณ์นี้แสดงถึงความท้าทายระหว่างเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ตและการปราบปรามในประเทศ ✅ การต้านทานของ Google: ในขณะที่ Roskomnadzorพยายามปิดกั้นการใช้งาน VPN เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกเซ็นเซอร์ Google ยังไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งส่วนใหญ่ โดยในขณะนี้มีเพียง 6 แอป VPN ที่ถูกลบจาก Play Store ในรัสเซีย ✅ การตอบสนองที่แตกต่างของ Apple: ในปี 2024 Apple ได้ลบ VPN ออกจาก App Store ในรัสเซียถึง 60 แอป ซึ่งแสดงถึงระดับการปฏิบัติตามที่สูงกว่า Google ✅ ผลกระทบต่อเสรีภาพทางดิจิทัล: VPN ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยผู้ใช้งานในรัสเซียหลบหลีกการเซ็นเซอร์และการเฝ้าระวัง แต่การที่ Roskomnadzorออกคำสั่งให้ลบแอปเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการปราบปรามที่เข้มงวดต่อความพยายามในการเข้าถึงเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ต ✅ การสนับสนุนจากองค์กรอิสระ: GreatFire’s AppCensorship Project เรียกร้องให้ Google และแพลตฟอร์มเทคโนโลยีมีความโปร่งใสและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการลบแอป รวมถึงการเพิ่มการกำกับดูแลเพื่อช่วยปกป้องเสรีภาพทางดิจิทัล ✅ การตัดสินใจของนักพัฒนา: นักพัฒนาบางราย เช่น Avast VPN เลือกที่จะหยุดให้บริการในรัสเซียโดยไม่รอคำสั่งจากรัฐบาล สะท้อนถึงแรงกดดันที่เกิดขึ้น https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/russia-demands-212-vpns-are-removed-from-the-play-store-but-google-is-resisting
    WWW.TECHRADAR.COM
    Russia demands over 200 VPNs are removed from the Play Store – but Google is resisting
    Of the 212, AppCensorship only found 6 VPN apps unavailable on Russia's Google Play
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts