• เรื่องเล่าจาก Snapdragon X Elite ถึง Ryzen AI MAX: เมื่อ AMD ประกาศว่า ARM ไม่ได้มีข้อได้เปรียบเหนือ x86 แม้แต่เรื่องประหยัดพลังงาน

    ในงาน IFA 2025 AMD ได้ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า “ARM ไม่ได้มีข้อได้เปรียบเหนือ x86” แม้แต่ในเรื่องที่เคยถูกมองว่าเป็นจุดแข็งของ ARM อย่างประสิทธิภาพด้านพลังงาน โดย AMD ชี้ว่า APU รุ่นใหม่ของตน เช่น Strix Point และ Strix Halo ได้พิสูจน์แล้วว่า x86 สามารถให้ประสิทธิภาพต่อวัตต์ (perf/watt) ที่ยอดเยี่ยมได้เช่นกัน

    AMD ยังชี้ว่า hype ของ Windows on ARM ที่เคยเกิดขึ้นจากการเปิดตัว Snapdragon X Elite ของ Qualcomm เป็นเพียงกระแสระยะสั้น เพราะเมื่อ Intel และ AMD เปิดตัวชิปใหม่ในกลุ่ม APU และ NPU เช่น Lunar Lake และ Ryzen AI MAX 395+ ก็สามารถทำลายข้อได้เปรียบของ ARM ได้อย่างชัดเจน

    โดยเฉพาะ Ryzen AI MAX 395+ ที่ให้ประสิทธิภาพด้าน AI สูงถึง 126 TOPS ซึ่งเหนือกว่า ARM SoC ส่วนใหญ่ และยังสามารถใช้งานได้เต็มรูปแบบใน ecosystem ของ x86 โดยไม่ต้องพึ่งพาการจำกัดแอปหรือการแปลง binary แบบ ARM

    แม้ AMD จะยอมรับว่า ARM ยังมีพื้นที่ในตลาด เช่น Apple M-series หรือบางกลุ่มของ Qualcomm แต่ก็เชื่อว่า x86 จะยังคงเป็นแกนหลักของตลาด consumer hardware ไปอีกนาน โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่อย่าง Medusa Point และ Panther Lake จาก AMD และ Intel ตามลำดับ

    จุดยืนของ AMD ต่อ ARM
    ARM ไม่มีข้อได้เปรียบเหนือ x86 แม้แต่ในด้านพลังงาน
    x86 สามารถให้ runtime ยาวนานในโน้ตบุ๊กได้เช่นกัน
    Ecosystem ของ x86 ยังครอบคลุมและเสถียรกว่า

    การตอบโต้กระแส Windows on ARM
    Snapdragon X Elite เคยสร้างกระแสว่า ARM จะมาแทน x86
    AMD และ Intel ตอบโต้ด้วย APU และ NPU รุ่นใหม่
    Lunar Lake และ Ryzen AI MAX 395+ แสดงให้เห็นว่า x86 ยังแข็งแกร่ง

    ประสิทธิภาพของ Ryzen AI MAX 395+
    ให้ AI TOPS สูงถึง 126 ซึ่งเหนือกว่า ARM หลายรุ่น
    ถูกใช้งานในโน้ตบุ๊ก, mini-PC และ handheld อย่างแพร่หลาย
    ไม่ต้องพึ่งการจำกัดแอปหรือ emulator แบบ ARM

    แนวโน้มของตลาดในอนาคต
    x86 จะยังเป็นแกนหลักของ consumer hardware
    ARM ยังมีพื้นที่ในบางกลุ่ม เช่น Apple M-series
    แพลตฟอร์มใหม่อย่าง Medusa Point และ Panther Lake จะผลักดัน x86 ต่อไป

    https://wccftech.com/amd-claims-that-arm-doesnt-offer-any-advantage-over-x86-even-in-energy-efficiency/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Snapdragon X Elite ถึง Ryzen AI MAX: เมื่อ AMD ประกาศว่า ARM ไม่ได้มีข้อได้เปรียบเหนือ x86 แม้แต่เรื่องประหยัดพลังงาน ในงาน IFA 2025 AMD ได้ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า “ARM ไม่ได้มีข้อได้เปรียบเหนือ x86” แม้แต่ในเรื่องที่เคยถูกมองว่าเป็นจุดแข็งของ ARM อย่างประสิทธิภาพด้านพลังงาน โดย AMD ชี้ว่า APU รุ่นใหม่ของตน เช่น Strix Point และ Strix Halo ได้พิสูจน์แล้วว่า x86 สามารถให้ประสิทธิภาพต่อวัตต์ (perf/watt) ที่ยอดเยี่ยมได้เช่นกัน AMD ยังชี้ว่า hype ของ Windows on ARM ที่เคยเกิดขึ้นจากการเปิดตัว Snapdragon X Elite ของ Qualcomm เป็นเพียงกระแสระยะสั้น เพราะเมื่อ Intel และ AMD เปิดตัวชิปใหม่ในกลุ่ม APU และ NPU เช่น Lunar Lake และ Ryzen AI MAX 395+ ก็สามารถทำลายข้อได้เปรียบของ ARM ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะ Ryzen AI MAX 395+ ที่ให้ประสิทธิภาพด้าน AI สูงถึง 126 TOPS ซึ่งเหนือกว่า ARM SoC ส่วนใหญ่ และยังสามารถใช้งานได้เต็มรูปแบบใน ecosystem ของ x86 โดยไม่ต้องพึ่งพาการจำกัดแอปหรือการแปลง binary แบบ ARM แม้ AMD จะยอมรับว่า ARM ยังมีพื้นที่ในตลาด เช่น Apple M-series หรือบางกลุ่มของ Qualcomm แต่ก็เชื่อว่า x86 จะยังคงเป็นแกนหลักของตลาด consumer hardware ไปอีกนาน โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่อย่าง Medusa Point และ Panther Lake จาก AMD และ Intel ตามลำดับ ✅ จุดยืนของ AMD ต่อ ARM ➡️ ARM ไม่มีข้อได้เปรียบเหนือ x86 แม้แต่ในด้านพลังงาน ➡️ x86 สามารถให้ runtime ยาวนานในโน้ตบุ๊กได้เช่นกัน ➡️ Ecosystem ของ x86 ยังครอบคลุมและเสถียรกว่า ✅ การตอบโต้กระแส Windows on ARM ➡️ Snapdragon X Elite เคยสร้างกระแสว่า ARM จะมาแทน x86 ➡️ AMD และ Intel ตอบโต้ด้วย APU และ NPU รุ่นใหม่ ➡️ Lunar Lake และ Ryzen AI MAX 395+ แสดงให้เห็นว่า x86 ยังแข็งแกร่ง ✅ ประสิทธิภาพของ Ryzen AI MAX 395+ ➡️ ให้ AI TOPS สูงถึง 126 ซึ่งเหนือกว่า ARM หลายรุ่น ➡️ ถูกใช้งานในโน้ตบุ๊ก, mini-PC และ handheld อย่างแพร่หลาย ➡️ ไม่ต้องพึ่งการจำกัดแอปหรือ emulator แบบ ARM ✅ แนวโน้มของตลาดในอนาคต ➡️ x86 จะยังเป็นแกนหลักของ consumer hardware ➡️ ARM ยังมีพื้นที่ในบางกลุ่ม เช่น Apple M-series ➡️ แพลตฟอร์มใหม่อย่าง Medusa Point และ Panther Lake จะผลักดัน x86 ต่อไป https://wccftech.com/amd-claims-that-arm-doesnt-offer-any-advantage-over-x86-even-in-energy-efficiency/
    WCCFTECH.COM
    AMD Claims That ARM Doesn't Offer Any Advantage Over x86, Even in Energy Efficiency, as Recent-Gen APUs Continue to Prove
    AMD has put its full faith in the x86 ecosystem, as the firm claims that the architecture is right on par with ARM.
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโน้ตบุ๊กธรรมดาถึง MAX16: เมื่อผู้ผลิตจีนกล้าทำสิ่งที่แบรนด์ใหญ่ยังไม่กล้าขาย

    ผู้ผลิตจากจีนเปิดตัวแล็ปท็อปสามจอรุ่นใหม่ที่มีชื่อเรียกไม่แน่นอน—บางแห่งเรียกว่า MAX16 บางแห่งไม่มีชื่อเลย—โดยวางขายผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Aliexpress และ Alibaba ด้วยราคาที่เริ่มต้นเพียง $700 สำหรับรุ่น Core i7-1260P และสูงสุดประมาณ $1,200 สำหรับรุ่น Core i7-1270P

    ตัวเครื่องประกอบด้วยหน้าจอหลักขนาด 16 นิ้ว และจอเสริมสองข้างขนาด 10.5 นิ้ว ซึ่งพับเก็บได้ผ่านบานพับแบบฝัง ทำให้เมื่อกางออกจะได้พื้นที่ใช้งานเทียบเท่าจอขนาด 29.5 นิ้ว เหมาะกับงานที่ต้องเปิดหลายหน้าต่างพร้อมกัน เช่น coding, data analysis หรือการเทรดหุ้น

    แม้จะดูใหญ่ แต่ขนาดเมื่อพับเก็บอยู่ที่ 374 × 261 × 28 มม. และน้ำหนัก 2.6 กก.—หนักกว่าคอมทั่วไป แต่เบากว่าการพกโน้ตบุ๊กพร้อมจอเสริมสองตัว

    สเปกภายในถือว่า “กลาง ๆ” โดยใช้ Intel Core i7 Gen 12 (P-series), RAM DDR4 สูงสุด 64GB, SSD PCIe 4.0 และแบตเตอรี่ 77Wh พร้อมพอร์ตครบครัน เช่น USB-A, USB-C, HDMI, LAN และช่องหูฟัง 3.5 มม.

    จุดที่น่าสนใจคือมีการระบุว่า “รองรับ eGPU” แต่ไม่มีพอร์ต Thunderbolt, USB4 หรือ OCuLink ทำให้การใช้งานจริงอาจต้องใช้ dock ผ่าน M.2 slot ซึ่งไม่สะดวกและอาจไม่เสถียรนัก

    นอกจากนี้ยังมีความคลุมเครือในข้อมูล เช่น บางหน้าระบุว่าใช้ Wi-Fi 6 แต่บางแห่งไม่ระบุเลย และชื่อรุ่นก็ไม่ชัดเจน ทำให้ผู้ซื้ออาจต้องเสี่ยงกับความไม่แน่นอนของสินค้า

    สเปกและการออกแบบของแล็ปท็อปสามจอ
    หน้าจอหลัก 16 นิ้ว + จอเสริม 10.5 นิ้ว × 2 = พื้นที่ใช้งาน 29.5 นิ้ว
    ขนาดเมื่อพับ 374 × 261 × 28 มม. น้ำหนัก 2.6 กก.
    ใช้ Intel Core i7-1260P หรือ i7-1270P, RAM DDR4 สูงสุด 64GB

    ฟีเจอร์และการใช้งาน
    รองรับ PCIe 4.0 SSD ผ่าน M.2 2280 slot
    แบตเตอรี่ 77Wh ใช้งานได้ประมาณ 8 ชั่วโมง
    มีพอร์ต USB-A × 3, USB-C × 1, HDMI, LAN, ช่องหูฟัง และ fingerprint scanner

    ความน่าสนใจด้านราคา
    เริ่มต้นที่ $700 สำหรับรุ่น i7-1260P
    รุ่นสูงสุด i7-1270P อยู่ที่ประมาณ $1,200
    ถือว่าราคาถูกมากเมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊กที่มีจอเสริมในตัว

    https://www.techradar.com/pro/crazy-laptop-manufacturer-designed-the-best-3-screen-notebook-ever-and-it-is-far-cheaper-than-youd-expect-i-want-one
    🎙️ เรื่องเล่าจากโน้ตบุ๊กธรรมดาถึง MAX16: เมื่อผู้ผลิตจีนกล้าทำสิ่งที่แบรนด์ใหญ่ยังไม่กล้าขาย ผู้ผลิตจากจีนเปิดตัวแล็ปท็อปสามจอรุ่นใหม่ที่มีชื่อเรียกไม่แน่นอน—บางแห่งเรียกว่า MAX16 บางแห่งไม่มีชื่อเลย—โดยวางขายผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Aliexpress และ Alibaba ด้วยราคาที่เริ่มต้นเพียง $700 สำหรับรุ่น Core i7-1260P และสูงสุดประมาณ $1,200 สำหรับรุ่น Core i7-1270P ตัวเครื่องประกอบด้วยหน้าจอหลักขนาด 16 นิ้ว และจอเสริมสองข้างขนาด 10.5 นิ้ว ซึ่งพับเก็บได้ผ่านบานพับแบบฝัง ทำให้เมื่อกางออกจะได้พื้นที่ใช้งานเทียบเท่าจอขนาด 29.5 นิ้ว เหมาะกับงานที่ต้องเปิดหลายหน้าต่างพร้อมกัน เช่น coding, data analysis หรือการเทรดหุ้น แม้จะดูใหญ่ แต่ขนาดเมื่อพับเก็บอยู่ที่ 374 × 261 × 28 มม. และน้ำหนัก 2.6 กก.—หนักกว่าคอมทั่วไป แต่เบากว่าการพกโน้ตบุ๊กพร้อมจอเสริมสองตัว สเปกภายในถือว่า “กลาง ๆ” โดยใช้ Intel Core i7 Gen 12 (P-series), RAM DDR4 สูงสุด 64GB, SSD PCIe 4.0 และแบตเตอรี่ 77Wh พร้อมพอร์ตครบครัน เช่น USB-A, USB-C, HDMI, LAN และช่องหูฟัง 3.5 มม. จุดที่น่าสนใจคือมีการระบุว่า “รองรับ eGPU” แต่ไม่มีพอร์ต Thunderbolt, USB4 หรือ OCuLink ทำให้การใช้งานจริงอาจต้องใช้ dock ผ่าน M.2 slot ซึ่งไม่สะดวกและอาจไม่เสถียรนัก นอกจากนี้ยังมีความคลุมเครือในข้อมูล เช่น บางหน้าระบุว่าใช้ Wi-Fi 6 แต่บางแห่งไม่ระบุเลย และชื่อรุ่นก็ไม่ชัดเจน ทำให้ผู้ซื้ออาจต้องเสี่ยงกับความไม่แน่นอนของสินค้า ✅ สเปกและการออกแบบของแล็ปท็อปสามจอ ➡️ หน้าจอหลัก 16 นิ้ว + จอเสริม 10.5 นิ้ว × 2 = พื้นที่ใช้งาน 29.5 นิ้ว ➡️ ขนาดเมื่อพับ 374 × 261 × 28 มม. น้ำหนัก 2.6 กก. ➡️ ใช้ Intel Core i7-1260P หรือ i7-1270P, RAM DDR4 สูงสุด 64GB ✅ ฟีเจอร์และการใช้งาน ➡️ รองรับ PCIe 4.0 SSD ผ่าน M.2 2280 slot ➡️ แบตเตอรี่ 77Wh ใช้งานได้ประมาณ 8 ชั่วโมง ➡️ มีพอร์ต USB-A × 3, USB-C × 1, HDMI, LAN, ช่องหูฟัง และ fingerprint scanner ✅ ความน่าสนใจด้านราคา ➡️ เริ่มต้นที่ $700 สำหรับรุ่น i7-1260P ➡️ รุ่นสูงสุด i7-1270P อยู่ที่ประมาณ $1,200 ➡️ ถือว่าราคาถูกมากเมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊กที่มีจอเสริมในตัว https://www.techradar.com/pro/crazy-laptop-manufacturer-designed-the-best-3-screen-notebook-ever-and-it-is-far-cheaper-than-youd-expect-i-want-one
    0 Comments 0 Shares 43 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก WP8 Pro ถึง WP60: เมื่อมือถือสายลุยกลายเป็นเครื่องมือทำงานที่แท้จริง

    Oukitel เปิดตัว WP60 ในงาน IFA 2025 โดยตั้งใจให้เป็น rugged smartphone ที่ท้าทายขีดจำกัดของขนาดหน้าจอและความจุข้อมูล ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 7.2 นิ้ว ความละเอียด HD+ (720 x 1560) และตัวเครื่องหนา 14.9 มม. ที่ดูเหมือนแท็บเล็ตมากกว่ามือถือทั่วไป

    แม้ความละเอียดจะไม่สูงมาก แต่ขนาดหน้าจอที่ใหญ่ทำให้ WP60 เหมาะกับผู้ใช้งานภาคสนาม เช่น วิศวกร, ช่างเทคนิค, หรือเจ้าหน้าที่ภาคสนาม ที่ต้องการอุปกรณ์ทนทานและใช้งานได้จริงในพื้นที่ที่แท็บเล็ตอาจพกพาไม่สะดวก

    WP60 ใช้ชิป MediaTek Dimensity 7025 และมีให้เลือก 3 รุ่น: 8GB+256GB, 12GB+512GB และ 16GB+512GB ซึ่งตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและสายงานที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ แม้ชิปจะไม่แรงเท่ารุ่นเรือธง แต่ก็เพียงพอสำหรับงานเอกสาร, การสื่อสาร, และการใช้งานแอปทั่วไป

    กล้องหลังมีความละเอียดสูงถึง 108MP ซึ่งหาได้ยากในมือถือสาย rugged โดยจับคู่กับกล้อง 8MP และ 2MP ส่วนกล้องหน้าแบบ punch-hole มีความละเอียด 32MP เหมาะสำหรับการประชุมวิดีโอหรือถ่ายภาพในพื้นที่ภาคสนาม

    แบตเตอรี่ขนาด 10,000mAh รองรับการชาร์จเร็ว 33W PD ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับกลางของมือถือสายลุย (บางรุ่นของ Oukitel มีถึง 16,000mAh) พร้อมฟีเจอร์เสริมเช่น NFC, fingerprint scanner และ gyroscope ที่ช่วยให้ใช้งานได้หลากหลายขึ้น

    WP60 จะวางจำหน่ายในวันที่ 15 ตุลาคม 2025 โดยยังไม่มีการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ

    สเปกหลักของ Oukitel WP60
    หน้าจอ 7.2 นิ้ว HD+ (720 x 1560) ขนาดตัวเครื่อง 184 x 87 x 14.9 มม.
    ใช้ชิป MediaTek Dimensity 7025
    มีให้เลือก 3 รุ่น: 8GB+256GB, 12GB+512GB, 16GB+512GB

    กล้องและการใช้งานภาคสนาม
    กล้องหลัง 108MP + 8MP + 2MP
    กล้องหน้า 32MP แบบ punch-hole
    เหมาะกับงานภาคสนามที่ต้องการภาพชัดและอุปกรณ์ทนทาน

    แบตเตอรี่และฟีเจอร์เสริม
    แบตเตอรี่ 10,000mAh รองรับ 33W PD charging
    มี NFC, fingerprint scanner และ gyroscope
    ใช้ Android 15.0 พร้อมระบบความปลอดภัยระดับพื้นฐาน

    การวางจำหน่าย
    เปิดตัวในงาน IFA 2025
    วางจำหน่ายวันที่ 15 ตุลาคม 2025
    ยังไม่มีการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ

    https://www.techradar.com/pro/finally-heres-a-phablet-for-fans-of-big-screen-mobiles-rugged-oukitels-wp60-has-a-huge-7-2-inch-display-and-up-to-512gb-storage
    🎙️ เรื่องเล่าจาก WP8 Pro ถึง WP60: เมื่อมือถือสายลุยกลายเป็นเครื่องมือทำงานที่แท้จริง Oukitel เปิดตัว WP60 ในงาน IFA 2025 โดยตั้งใจให้เป็น rugged smartphone ที่ท้าทายขีดจำกัดของขนาดหน้าจอและความจุข้อมูล ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 7.2 นิ้ว ความละเอียด HD+ (720 x 1560) และตัวเครื่องหนา 14.9 มม. ที่ดูเหมือนแท็บเล็ตมากกว่ามือถือทั่วไป แม้ความละเอียดจะไม่สูงมาก แต่ขนาดหน้าจอที่ใหญ่ทำให้ WP60 เหมาะกับผู้ใช้งานภาคสนาม เช่น วิศวกร, ช่างเทคนิค, หรือเจ้าหน้าที่ภาคสนาม ที่ต้องการอุปกรณ์ทนทานและใช้งานได้จริงในพื้นที่ที่แท็บเล็ตอาจพกพาไม่สะดวก WP60 ใช้ชิป MediaTek Dimensity 7025 และมีให้เลือก 3 รุ่น: 8GB+256GB, 12GB+512GB และ 16GB+512GB ซึ่งตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและสายงานที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ แม้ชิปจะไม่แรงเท่ารุ่นเรือธง แต่ก็เพียงพอสำหรับงานเอกสาร, การสื่อสาร, และการใช้งานแอปทั่วไป กล้องหลังมีความละเอียดสูงถึง 108MP ซึ่งหาได้ยากในมือถือสาย rugged โดยจับคู่กับกล้อง 8MP และ 2MP ส่วนกล้องหน้าแบบ punch-hole มีความละเอียด 32MP เหมาะสำหรับการประชุมวิดีโอหรือถ่ายภาพในพื้นที่ภาคสนาม แบตเตอรี่ขนาด 10,000mAh รองรับการชาร์จเร็ว 33W PD ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับกลางของมือถือสายลุย (บางรุ่นของ Oukitel มีถึง 16,000mAh) พร้อมฟีเจอร์เสริมเช่น NFC, fingerprint scanner และ gyroscope ที่ช่วยให้ใช้งานได้หลากหลายขึ้น WP60 จะวางจำหน่ายในวันที่ 15 ตุลาคม 2025 โดยยังไม่มีการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ ✅ สเปกหลักของ Oukitel WP60 ➡️ หน้าจอ 7.2 นิ้ว HD+ (720 x 1560) ขนาดตัวเครื่อง 184 x 87 x 14.9 มม. ➡️ ใช้ชิป MediaTek Dimensity 7025 ➡️ มีให้เลือก 3 รุ่น: 8GB+256GB, 12GB+512GB, 16GB+512GB ✅ กล้องและการใช้งานภาคสนาม ➡️ กล้องหลัง 108MP + 8MP + 2MP ➡️ กล้องหน้า 32MP แบบ punch-hole ➡️ เหมาะกับงานภาคสนามที่ต้องการภาพชัดและอุปกรณ์ทนทาน ✅ แบตเตอรี่และฟีเจอร์เสริม ➡️ แบตเตอรี่ 10,000mAh รองรับ 33W PD charging ➡️ มี NFC, fingerprint scanner และ gyroscope ➡️ ใช้ Android 15.0 พร้อมระบบความปลอดภัยระดับพื้นฐาน ✅ การวางจำหน่าย ➡️ เปิดตัวในงาน IFA 2025 ➡️ วางจำหน่ายวันที่ 15 ตุลาคม 2025 ➡️ ยังไม่มีการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ https://www.techradar.com/pro/finally-heres-a-phablet-for-fans-of-big-screen-mobiles-rugged-oukitels-wp60-has-a-huge-7-2-inch-display-and-up-to-512gb-storage
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากเฟิร์มแวร์ทดลองถึงการล่มของ SSD: เมื่อการทดสอบภายในกลายเป็นปัญหาสาธารณะ

    ช่วงเดือนสิงหาคม 2025 มีรายงานจากผู้ใช้จำนวนมากว่า SSD ของตนหายไปจากระบบหลังจากอัปเดต Windows 11 โดยเฉพาะเมื่อมีการถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ บางเครื่องถึงขั้นไม่สามารถบูตกลับมาได้ แม้จะรีสตาร์ทหลายครั้ง

    ตอนแรกหลายคนสงสัยว่าเป็นปัญหาจาก Microsoft แต่หลังจาก Phison ผู้ผลิตคอนโทรลเลอร์ SSD ทำการทดสอบกว่า 4,500 ชั่วโมง ก็ไม่พบปัญหาใด ๆ ในเฟิร์มแวร์เวอร์ชันผลิตจริง และ Microsoft ก็ออกมายืนยันว่าอัปเดตของตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่มของ SSD

    ล่าสุด กลุ่มผู้ใช้งานในจีนชื่อ PCDIY! ได้เปิดเผยว่า SSD ที่ล่มนั้นใช้ “เฟิร์มแวร์เวอร์ชันทดสอบ” หรือ engineering firmware ซึ่งมักใช้ในช่วงก่อนผลิตจริง และอาจมีพฤติกรรมไม่เสถียร โดยเฉพาะเมื่อเจอกับการเปลี่ยนแปลงจากระบบปฏิบัติการ เช่น Windows Update

    Phison ยืนยันผลการทดสอบของกลุ่มนี้ โดยระบุว่าเฟิร์มแวร์ที่ใช้ในสินค้าขายจริงผ่านการตรวจสอบแล้ว และไม่มีปัญหาแบบที่พบในเวอร์ชันทดลอง ซึ่งอธิบายได้ว่าทำไมการทดสอบของ Phison และ Microsoft จึงไม่พบปัญหา—เพราะพวกเขาใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชันผลิตจริง

    นอกจากนี้ Phison ยังแนะนำให้ผู้ใช้ที่พบปัญหาอัปเดตเฟิร์มแวร์ของ SSD และติดตั้งฮีตซิงก์เพื่อป้องกันความร้อนสะสมระหว่างการใช้งานหนัก ซึ่งอาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ SSD ล่มในบางกรณี

    สาเหตุของการล่มของ SSD
    เกิดจากการใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชันทดสอบ (engineering firmware)
    เฟิร์มแวร์นี้อาจถูกกระตุ้นให้ล้มเหลวโดยอัปเดต Windows 11
    เฉพาะ SSD ที่ไม่ได้ใช้เฟิร์มแวร์ผลิตจริงเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ

    การตรวจสอบจาก Phison และ Microsoft
    Phison ทดสอบกว่า 4,500 ชั่วโมง ไม่พบปัญหาในเฟิร์มแวร์ผลิตจริง
    Microsoft ยืนยันว่าอัปเดตของตนไม่เกี่ยวข้องกับการล่มของ SSD
    การทดสอบของทั้งสองฝ่ายใช้เฟิร์มแวร์ที่ผ่านการผลิตและตรวจสอบแล้ว

    ข้อมูลจากกลุ่ม PCDIY!
    พบว่า SSD ที่ล่มใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชันทดลอง
    Phison ยืนยันผลการทดสอบของกลุ่มนี้
    อธิบายได้ว่าทำไมผู้ใช้บางกลุ่มจึงได้รับผลกระทบ

    คำแนะนำสำหรับผู้ใช้
    ควรอัปเดตเฟิร์มแวร์ของ SSD ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
    ควรติดตั้งฮีตซิงก์เพื่อป้องกันความร้อนสะสม
    สำรองข้อมูลก่อนอัปเดตเฟิร์มแวร์ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/new-report-blames-phisons-pre-release-firmware-for-ssd-failures-not-microsofts-august-patch-for-windows
    🎙️ เรื่องเล่าจากเฟิร์มแวร์ทดลองถึงการล่มของ SSD: เมื่อการทดสอบภายในกลายเป็นปัญหาสาธารณะ ช่วงเดือนสิงหาคม 2025 มีรายงานจากผู้ใช้จำนวนมากว่า SSD ของตนหายไปจากระบบหลังจากอัปเดต Windows 11 โดยเฉพาะเมื่อมีการถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ บางเครื่องถึงขั้นไม่สามารถบูตกลับมาได้ แม้จะรีสตาร์ทหลายครั้ง ตอนแรกหลายคนสงสัยว่าเป็นปัญหาจาก Microsoft แต่หลังจาก Phison ผู้ผลิตคอนโทรลเลอร์ SSD ทำการทดสอบกว่า 4,500 ชั่วโมง ก็ไม่พบปัญหาใด ๆ ในเฟิร์มแวร์เวอร์ชันผลิตจริง และ Microsoft ก็ออกมายืนยันว่าอัปเดตของตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่มของ SSD ล่าสุด กลุ่มผู้ใช้งานในจีนชื่อ PCDIY! ได้เปิดเผยว่า SSD ที่ล่มนั้นใช้ “เฟิร์มแวร์เวอร์ชันทดสอบ” หรือ engineering firmware ซึ่งมักใช้ในช่วงก่อนผลิตจริง และอาจมีพฤติกรรมไม่เสถียร โดยเฉพาะเมื่อเจอกับการเปลี่ยนแปลงจากระบบปฏิบัติการ เช่น Windows Update Phison ยืนยันผลการทดสอบของกลุ่มนี้ โดยระบุว่าเฟิร์มแวร์ที่ใช้ในสินค้าขายจริงผ่านการตรวจสอบแล้ว และไม่มีปัญหาแบบที่พบในเวอร์ชันทดลอง ซึ่งอธิบายได้ว่าทำไมการทดสอบของ Phison และ Microsoft จึงไม่พบปัญหา—เพราะพวกเขาใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชันผลิตจริง นอกจากนี้ Phison ยังแนะนำให้ผู้ใช้ที่พบปัญหาอัปเดตเฟิร์มแวร์ของ SSD และติดตั้งฮีตซิงก์เพื่อป้องกันความร้อนสะสมระหว่างการใช้งานหนัก ซึ่งอาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ SSD ล่มในบางกรณี ✅ สาเหตุของการล่มของ SSD ➡️ เกิดจากการใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชันทดสอบ (engineering firmware) ➡️ เฟิร์มแวร์นี้อาจถูกกระตุ้นให้ล้มเหลวโดยอัปเดต Windows 11 ➡️ เฉพาะ SSD ที่ไม่ได้ใช้เฟิร์มแวร์ผลิตจริงเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ ✅ การตรวจสอบจาก Phison และ Microsoft ➡️ Phison ทดสอบกว่า 4,500 ชั่วโมง ไม่พบปัญหาในเฟิร์มแวร์ผลิตจริง ➡️ Microsoft ยืนยันว่าอัปเดตของตนไม่เกี่ยวข้องกับการล่มของ SSD ➡️ การทดสอบของทั้งสองฝ่ายใช้เฟิร์มแวร์ที่ผ่านการผลิตและตรวจสอบแล้ว ✅ ข้อมูลจากกลุ่ม PCDIY! ➡️ พบว่า SSD ที่ล่มใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชันทดลอง ➡️ Phison ยืนยันผลการทดสอบของกลุ่มนี้ ➡️ อธิบายได้ว่าทำไมผู้ใช้บางกลุ่มจึงได้รับผลกระทบ ✅ คำแนะนำสำหรับผู้ใช้ ➡️ ควรอัปเดตเฟิร์มแวร์ของ SSD ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด ➡️ ควรติดตั้งฮีตซิงก์เพื่อป้องกันความร้อนสะสม ➡️ สำรองข้อมูลก่อนอัปเดตเฟิร์มแวร์ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/new-report-blames-phisons-pre-release-firmware-for-ssd-failures-not-microsofts-august-patch-for-windows
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก NPU ถึง Perfect PC: เมื่อ AMD บอกว่า AI ยังไม่ถึงจุดเปลี่ยน และ PC ที่ดีคือรากฐานของทุกอย่าง

    ในงาน IFA 2025 AMD ไม่ได้เปิดตัวชิปใหม่ แต่กลับใช้เวทีนี้เพื่ออธิบายแนวคิดเบื้องหลังกลยุทธ์ AI ของบริษัท โดย Jack Huynh รองประธานอาวุโสของ AMD กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “AI ยัง underhyped” เพราะสิ่งที่เราเห็นในวันนี้ เช่น generative AI หรือแชตบอท ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น

    Huynh เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของ AI กับยุคแรกของอินเทอร์เน็ต—เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ต้องใช้เวลาหลายปี และ AMD เชื่อว่าเมื่อการเปลี่ยนแปลงนั้นมาถึง สถาปัตยกรรมแบบ edge-first ที่เน้นการประมวลผลในเครื่องจะเป็นคำตอบที่พร้อมที่สุด

    AMD ย้ำว่า NPU (Neural Processing Unit) ไม่ได้มาแทน CPU หรือ GPU แต่เป็นส่วนเสริมที่ช่วยให้ระบบสามารถรันแอป AI ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพึ่งพาคลาวด์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ AMD ที่เน้น performance-per-watt และการออกแบบที่ปรับขนาดได้

    Huynh กล่าวอย่างชัดเจนว่า “คุณจะไม่มี AI PC ถ้าไม่ได้เริ่มจากการสร้าง PC ที่ดีเสียก่อน” ซึ่งสะท้อนถึงแนวคิดที่ว่า AI ไม่ใช่ฟีเจอร์ที่แปะเข้าไปทีหลัง แต่ต้องฝังอยู่ในโครงสร้างของเครื่องตั้งแต่ต้น

    AMD ยังปฏิเสธแนวคิดการสร้างบริการสตรีมเกมแบบ GeForce Now โดยบอกว่า “จะไม่มี Radeon Now” และยืนยันว่าจะยังคงเป็นผู้ผลิตชิปให้กับพันธมิตรต่อไป—แม้แต่ Nvidia ก็ใช้ Threadripper ของ AMD ในโครงสร้างพื้นฐานของ GeForce Now

    อย่างไรก็ตาม AMD ยังเผชิญกับคำถามเรื่องส่วนแบ่งตลาด GPU ที่ลดลงเหลือเพียง 6% ในไตรมาสล่าสุด ซึ่งบริษัทเลือกที่จะอ้างอิงข้อมูลจาก Mercury Research แทนที่จะตอบตรง ๆ พร้อมยืนยันว่า Radeon ยังมีดีมานด์สูง และการผลิตยังตามไม่ทันหลังเปิดตัว RDNA 4

    วิสัยทัศน์ AI ของ AMD
    AI ยัง underhyped เพราะการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงยังมาไม่ถึง
    เปรียบเทียบกับยุคแรกของอินเทอร์เน็ต—ต้องใช้เวลาหลายปี
    AMD เน้นสถาปัตยกรรม edge-first ที่ไม่พึ่งคลาวด์

    บทบาทของ NPU
    ไม่ได้มาแทน CPU หรือ GPU แต่เป็นส่วนเสริม
    ช่วยให้ระบบรันแอป AI ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
    สอดคล้องกับแนวทาง performance-per-watt และ scalable design

    จุดยืนของ AMD ต่อ AI PC
    “คุณจะไม่มี AI PC ถ้าไม่ได้เริ่มจากการสร้าง PC ที่ดีเสียก่อน”
    เน้นการออกแบบเครื่องให้รองรับ AI ตั้งแต่โครงสร้าง
    ไม่เน้นการเปิดตัวสเปกแรงเพื่อเรียกกระแส แต่เน้นความสมดุล

    การปฏิเสธบริการสตรีมเกม
    AMD จะไม่เปิดตัว “Radeon Now”
    ยืนยันบทบาทเป็นผู้ผลิตชิปให้พันธมิตร
    Nvidia ใช้ Threadripper ของ AMD ใน GeForce Now

    สถานการณ์ตลาด GPU
    ส่วนแบ่งตลาด GPU ลดลงเหลือ 6% ใน Q2 2025
    AMD อ้างอิงข้อมูลจาก Mercury Research แทน Jon Peddie
    ยืนยันว่า Radeon ยังมีดีมานด์ และการผลิตยังตามไม่ทัน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/amd-calls-ai-underhyped-says-perfect-pc-comes-first
    🎙️ เรื่องเล่าจาก NPU ถึง Perfect PC: เมื่อ AMD บอกว่า AI ยังไม่ถึงจุดเปลี่ยน และ PC ที่ดีคือรากฐานของทุกอย่าง ในงาน IFA 2025 AMD ไม่ได้เปิดตัวชิปใหม่ แต่กลับใช้เวทีนี้เพื่ออธิบายแนวคิดเบื้องหลังกลยุทธ์ AI ของบริษัท โดย Jack Huynh รองประธานอาวุโสของ AMD กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “AI ยัง underhyped” เพราะสิ่งที่เราเห็นในวันนี้ เช่น generative AI หรือแชตบอท ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น Huynh เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของ AI กับยุคแรกของอินเทอร์เน็ต—เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ต้องใช้เวลาหลายปี และ AMD เชื่อว่าเมื่อการเปลี่ยนแปลงนั้นมาถึง สถาปัตยกรรมแบบ edge-first ที่เน้นการประมวลผลในเครื่องจะเป็นคำตอบที่พร้อมที่สุด AMD ย้ำว่า NPU (Neural Processing Unit) ไม่ได้มาแทน CPU หรือ GPU แต่เป็นส่วนเสริมที่ช่วยให้ระบบสามารถรันแอป AI ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพึ่งพาคลาวด์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ AMD ที่เน้น performance-per-watt และการออกแบบที่ปรับขนาดได้ Huynh กล่าวอย่างชัดเจนว่า “คุณจะไม่มี AI PC ถ้าไม่ได้เริ่มจากการสร้าง PC ที่ดีเสียก่อน” ซึ่งสะท้อนถึงแนวคิดที่ว่า AI ไม่ใช่ฟีเจอร์ที่แปะเข้าไปทีหลัง แต่ต้องฝังอยู่ในโครงสร้างของเครื่องตั้งแต่ต้น AMD ยังปฏิเสธแนวคิดการสร้างบริการสตรีมเกมแบบ GeForce Now โดยบอกว่า “จะไม่มี Radeon Now” และยืนยันว่าจะยังคงเป็นผู้ผลิตชิปให้กับพันธมิตรต่อไป—แม้แต่ Nvidia ก็ใช้ Threadripper ของ AMD ในโครงสร้างพื้นฐานของ GeForce Now อย่างไรก็ตาม AMD ยังเผชิญกับคำถามเรื่องส่วนแบ่งตลาด GPU ที่ลดลงเหลือเพียง 6% ในไตรมาสล่าสุด ซึ่งบริษัทเลือกที่จะอ้างอิงข้อมูลจาก Mercury Research แทนที่จะตอบตรง ๆ พร้อมยืนยันว่า Radeon ยังมีดีมานด์สูง และการผลิตยังตามไม่ทันหลังเปิดตัว RDNA 4 ✅ วิสัยทัศน์ AI ของ AMD ➡️ AI ยัง underhyped เพราะการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงยังมาไม่ถึง ➡️ เปรียบเทียบกับยุคแรกของอินเทอร์เน็ต—ต้องใช้เวลาหลายปี ➡️ AMD เน้นสถาปัตยกรรม edge-first ที่ไม่พึ่งคลาวด์ ✅ บทบาทของ NPU ➡️ ไม่ได้มาแทน CPU หรือ GPU แต่เป็นส่วนเสริม ➡️ ช่วยให้ระบบรันแอป AI ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ➡️ สอดคล้องกับแนวทาง performance-per-watt และ scalable design ✅ จุดยืนของ AMD ต่อ AI PC ➡️ “คุณจะไม่มี AI PC ถ้าไม่ได้เริ่มจากการสร้าง PC ที่ดีเสียก่อน” ➡️ เน้นการออกแบบเครื่องให้รองรับ AI ตั้งแต่โครงสร้าง ➡️ ไม่เน้นการเปิดตัวสเปกแรงเพื่อเรียกกระแส แต่เน้นความสมดุล ✅ การปฏิเสธบริการสตรีมเกม ➡️ AMD จะไม่เปิดตัว “Radeon Now” ➡️ ยืนยันบทบาทเป็นผู้ผลิตชิปให้พันธมิตร ➡️ Nvidia ใช้ Threadripper ของ AMD ใน GeForce Now ✅ สถานการณ์ตลาด GPU ➡️ ส่วนแบ่งตลาด GPU ลดลงเหลือ 6% ใน Q2 2025 ➡️ AMD อ้างอิงข้อมูลจาก Mercury Research แทน Jon Peddie ➡️ ยืนยันว่า Radeon ยังมีดีมานด์ และการผลิตยังตามไม่ทัน https://www.tomshardware.com/tech-industry/amd-calls-ai-underhyped-says-perfect-pc-comes-first
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD calls AI ‘underhyped’ at IFA Berlin — chipmaker says the ‘perfect PC’ comes first
    AMD outlines its AI roadmap at IFA 2025, prioritizing local performance and a PC-first approach over cloud-based promises.
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Egg Minder ถึงกล้องที่ไม่มี 2FA: เมื่อเทคโนโลยีในบ้านกลายเป็นดาบสองคม

    ในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ การเพิ่มสมาร์ทดีไวซ์เข้าไปในบ้านดูเหมือนจะเป็นทางลัดสู่ความสะดวกสบาย แต่บทความจาก SlashGear ได้เตือนว่า มีอุปกรณ์บางประเภทที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะมันอาจสร้างปัญหามากกว่าประโยชน์

    ตัวอย่างแรกคืออุปกรณ์ที่ต้องสมัครสมาชิกเพื่อใช้งาน เช่นชุด SmartHome ของ Telus ที่รวมกล้อง, ไฟ, และเทอร์โมสแตตไว้ในแพ็กเกจรายเดือน แม้จะดูคุ้มในตอนแรก แต่ฟีเจอร์หลักหลายอย่างถูกล็อกไว้หลัง paywall และหากเลิกจ่าย อุปกรณ์อาจกลายเป็นของไร้ประโยชน์ทันที

    อีกกลุ่มคืออุปกรณ์ที่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา เช่นกล้องจาก Wyze หรือ Google Nest ที่สูญเสียฟีเจอร์สำคัญเมื่อเน็ตหลุด ซึ่งอาจทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยในบ้านไร้ประโยชน์ในช่วงเวลาสำคัญ

    ที่น่าขำแต่จริงคือ Egg Minder—ถาดใส่ไข่ที่เชื่อมต่อแอปเพื่อบอกว่าไข่ไหนเก่า แต่กลับมีปัญหาเรื่องการซิงก์ข้อมูล, การแสดงวันหมดอายุผิด และต้องให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลเอง ทำให้มันกลายเป็นภาระมากกว่าผู้ช่วย

    ด้านความปลอดภัย กล้องหรืออุปกรณ์ล็อกที่ไม่มีระบบ two-factor authentication (2FA) ก็เป็นอีกจุดอ่อนสำคัญ เช่นกล้อง Echo ที่ไม่บังคับใช้ 2FA ทำให้ผู้ไม่หวังดีอาจเข้าถึงระบบได้ง่ายขึ้น

    สุดท้ายคือสถานีตรวจอากาศ AcuRite ที่แม้จะมีแผงโซลาร์ แต่ใช้แค่กับพัดลมภายใน ขณะที่หน้าจอยังต้องใช้แบตเตอรี่ และหากต้องการดูข้อมูลผ่านมือถือ ต้องเสียบสาย USB กับคอมพิวเตอร์ก่อน ซึ่งไม่สะดวกเลยเมื่อเทียบกับรุ่นที่เชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ได้โดยตรง

    สมาร์ทดีไวซ์ที่ควรหลีกเลี่ยง
    อุปกรณ์ที่ต้องสมัครสมาชิก เช่น Telus SmartHome bundle
    อุปกรณ์ที่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา เช่น Wyze, Google Nest
    Egg Minder ที่ต้องกรอกข้อมูลเองและซิงก์ผิดพลาดบ่อย
    กล้องหรืออุปกรณ์ล็อกที่ไม่มี 2FA เช่น Echo Camera
    สถานีอากาศ AcuRite ที่ไม่สามารถดูข้อมูลผ่านมือถือโดยตรง

    ปัญหาที่พบจากการใช้งานจริง
    ฟีเจอร์หลักถูกล็อกหลังระบบสมาชิก
    อุปกรณ์หยุดทำงานเมื่อเน็ตหลุด
    แอปซิงก์ข้อมูลผิดพลาดและต้องกรอกเอง
    ไม่มีระบบยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน
    ต้องเสียบสาย USB เพื่อดูข้อมูลจากสถานีอากาศ

    ทางเลือกที่ควรพิจารณา
    เลือกอุปกรณ์ที่ไม่มีระบบสมาชิก
    ใช้อุปกรณ์ที่ทำงานได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต
    เลือกกล้องหรืออุปกรณ์ล็อกที่มี 2FA
    ใช้สถานีอากาศที่เชื่อมต่อกับมือถือผ่าน Wi-Fi

    https://www.slashgear.com/1956282/smart-devices-to-avoid-at-home/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Egg Minder ถึงกล้องที่ไม่มี 2FA: เมื่อเทคโนโลยีในบ้านกลายเป็นดาบสองคม ในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ การเพิ่มสมาร์ทดีไวซ์เข้าไปในบ้านดูเหมือนจะเป็นทางลัดสู่ความสะดวกสบาย แต่บทความจาก SlashGear ได้เตือนว่า มีอุปกรณ์บางประเภทที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะมันอาจสร้างปัญหามากกว่าประโยชน์ ตัวอย่างแรกคืออุปกรณ์ที่ต้องสมัครสมาชิกเพื่อใช้งาน เช่นชุด SmartHome ของ Telus ที่รวมกล้อง, ไฟ, และเทอร์โมสแตตไว้ในแพ็กเกจรายเดือน แม้จะดูคุ้มในตอนแรก แต่ฟีเจอร์หลักหลายอย่างถูกล็อกไว้หลัง paywall และหากเลิกจ่าย อุปกรณ์อาจกลายเป็นของไร้ประโยชน์ทันที อีกกลุ่มคืออุปกรณ์ที่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา เช่นกล้องจาก Wyze หรือ Google Nest ที่สูญเสียฟีเจอร์สำคัญเมื่อเน็ตหลุด ซึ่งอาจทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยในบ้านไร้ประโยชน์ในช่วงเวลาสำคัญ ที่น่าขำแต่จริงคือ Egg Minder—ถาดใส่ไข่ที่เชื่อมต่อแอปเพื่อบอกว่าไข่ไหนเก่า แต่กลับมีปัญหาเรื่องการซิงก์ข้อมูล, การแสดงวันหมดอายุผิด และต้องให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลเอง ทำให้มันกลายเป็นภาระมากกว่าผู้ช่วย ด้านความปลอดภัย กล้องหรืออุปกรณ์ล็อกที่ไม่มีระบบ two-factor authentication (2FA) ก็เป็นอีกจุดอ่อนสำคัญ เช่นกล้อง Echo ที่ไม่บังคับใช้ 2FA ทำให้ผู้ไม่หวังดีอาจเข้าถึงระบบได้ง่ายขึ้น สุดท้ายคือสถานีตรวจอากาศ AcuRite ที่แม้จะมีแผงโซลาร์ แต่ใช้แค่กับพัดลมภายใน ขณะที่หน้าจอยังต้องใช้แบตเตอรี่ และหากต้องการดูข้อมูลผ่านมือถือ ต้องเสียบสาย USB กับคอมพิวเตอร์ก่อน ซึ่งไม่สะดวกเลยเมื่อเทียบกับรุ่นที่เชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ได้โดยตรง ✅ สมาร์ทดีไวซ์ที่ควรหลีกเลี่ยง ➡️ อุปกรณ์ที่ต้องสมัครสมาชิก เช่น Telus SmartHome bundle ➡️ อุปกรณ์ที่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา เช่น Wyze, Google Nest ➡️ Egg Minder ที่ต้องกรอกข้อมูลเองและซิงก์ผิดพลาดบ่อย ➡️ กล้องหรืออุปกรณ์ล็อกที่ไม่มี 2FA เช่น Echo Camera ➡️ สถานีอากาศ AcuRite ที่ไม่สามารถดูข้อมูลผ่านมือถือโดยตรง ✅ ปัญหาที่พบจากการใช้งานจริง ➡️ ฟีเจอร์หลักถูกล็อกหลังระบบสมาชิก ➡️ อุปกรณ์หยุดทำงานเมื่อเน็ตหลุด ➡️ แอปซิงก์ข้อมูลผิดพลาดและต้องกรอกเอง ➡️ ไม่มีระบบยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน ➡️ ต้องเสียบสาย USB เพื่อดูข้อมูลจากสถานีอากาศ ✅ ทางเลือกที่ควรพิจารณา ➡️ เลือกอุปกรณ์ที่ไม่มีระบบสมาชิก ➡️ ใช้อุปกรณ์ที่ทำงานได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต ➡️ เลือกกล้องหรืออุปกรณ์ล็อกที่มี 2FA ➡️ ใช้สถานีอากาศที่เชื่อมต่อกับมือถือผ่าน Wi-Fi https://www.slashgear.com/1956282/smart-devices-to-avoid-at-home/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Smart Devices You Should Avoid Having In Your Home - SlashGear
    Some smart devices create more hassle than help, from subscription-locked gadgets to weak security features and impractical trackers.
    0 Comments 0 Shares 79 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก ETH Zurich ถึง 1811 ภาษา: เมื่อโมเดลภาษาไม่ได้ถูกสร้างเพื่อแข่งขัน แต่เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้

    Apertus เป็นโมเดลภาษาใหญ่ (LLM) ที่พัฒนาโดย Swiss National AI Institute (SNAI) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ETH Zurich และ EPFL โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างโมเดลที่เปิดทุกส่วน—ตั้งแต่โค้ด, น้ำหนักโมเดล, ข้อมูลเทรน, ไปจนถึงสูตรการเทรนเอง

    โมเดลมีสองขนาดคือ 8B และ 70B พารามิเตอร์ โดยเวอร์ชัน 70B ถูกเทรนด้วยข้อมูล 15 ล้านล้าน token จากเว็บ, โค้ด, และคณิตศาสตร์ ผ่านกระบวนการ curriculum learning ที่จัดลำดับเนื้อหาอย่างเป็นระบบ

    Apertus รองรับภาษามากถึง 1811 ภาษา โดย 40% ของข้อมูลเทรนเป็นภาษาที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เช่น Swiss German, Romansh และภาษาอื่น ๆ ที่มักถูกละเลยในโมเดลทั่วไป

    โมเดลใช้สถาปัตยกรรม decoder-only transformer พร้อมฟังก์ชัน activation ใหม่ชื่อ xIELU และ optimizer แบบ AdEMAMix ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเทรนในระดับ bfloat16 บน GPU GH200 จำนวน 4096 ตัว

    หลังการเทรน โมเดลยังผ่านการ fine-tune แบบมีผู้ดูแล และ alignment ด้วยเทคนิค QRPO เพื่อให้ตอบสนองต่อผู้ใช้ได้ดีขึ้น โดยไม่ละเมิดความเป็นกลางหรือความปลอดภัย

    สิ่งที่โดดเด่นคือ Apertus เคารพสิทธิ์ของเจ้าของข้อมูลอย่างเข้มงวด โดยใช้ระบบ opt-out ที่สามารถย้อนกลับได้ และมีระบบ output filter ที่ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดทุก 6 เดือน เพื่อกรองข้อมูลส่วนบุคคลออกจากผลลัพธ์ของโมเดล

    นอกจากนี้ Apertus ยังถูกออกแบบให้สอดคล้องกับกฎหมายความโปร่งใสของ EU AI Act และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลของสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีเอกสารสาธารณะและโค้ดการเทรนให้ตรวจสอบได้ทั้งหมด

    ข้อมูลพื้นฐานของ Apertus
    พัฒนาโดย SNAI ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ETH Zurich และ EPFL
    มีสองขนาด: 8B และ 70B พารามิเตอร์
    เทรนด้วยข้อมูล 15T token จากเว็บ, โค้ด, และคณิตศาสตร์

    สถาปัตยกรรมและเทคนิคการเทรน
    ใช้ decoder-only transformer พร้อมฟังก์ชัน xIELU
    ใช้ optimizer AdEMAMix และ precision แบบ bfloat16
    เทรนบน GPU GH200 จำนวน 4096 ตัว

    ความสามารถด้านภาษาและความโปร่งใส
    รองรับ 1811 ภาษา โดย 40% เป็นภาษาที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ
    ใช้ข้อมูลที่เปิดและเคารพ opt-out ของเจ้าของข้อมูล
    มีระบบ output filter สำหรับลบข้อมูลส่วนบุคคลจากผลลัพธ์

    การใช้งานและการ deploy
    รองรับ context ยาวถึง 65,536 token
    ใช้งานผ่าน Transformers v4.56.0, vLLM, SGLang และ MLX
    มีอินเทอร์เฟซผ่าน Swisscom และ PublicAI สำหรับผู้ใช้ทั่วไป

    การปฏิบัติตามกฎหมายและจริยธรรม
    สอดคล้องกับ EU AI Act และกฎหมายสวิตเซอร์แลนด์
    มีเอกสารสาธารณะและโค้ดการเทรนให้ตรวจสอบได้
    ไม่ใช้ข้อมูลที่ละเมิดสิทธิ์หรือมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม

    https://huggingface.co/swiss-ai/Apertus-70B-2509
    🎙️ เรื่องเล่าจาก ETH Zurich ถึง 1811 ภาษา: เมื่อโมเดลภาษาไม่ได้ถูกสร้างเพื่อแข่งขัน แต่เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้ Apertus เป็นโมเดลภาษาใหญ่ (LLM) ที่พัฒนาโดย Swiss National AI Institute (SNAI) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ETH Zurich และ EPFL โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างโมเดลที่เปิดทุกส่วน—ตั้งแต่โค้ด, น้ำหนักโมเดล, ข้อมูลเทรน, ไปจนถึงสูตรการเทรนเอง โมเดลมีสองขนาดคือ 8B และ 70B พารามิเตอร์ โดยเวอร์ชัน 70B ถูกเทรนด้วยข้อมูล 15 ล้านล้าน token จากเว็บ, โค้ด, และคณิตศาสตร์ ผ่านกระบวนการ curriculum learning ที่จัดลำดับเนื้อหาอย่างเป็นระบบ Apertus รองรับภาษามากถึง 1811 ภาษา โดย 40% ของข้อมูลเทรนเป็นภาษาที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เช่น Swiss German, Romansh และภาษาอื่น ๆ ที่มักถูกละเลยในโมเดลทั่วไป โมเดลใช้สถาปัตยกรรม decoder-only transformer พร้อมฟังก์ชัน activation ใหม่ชื่อ xIELU และ optimizer แบบ AdEMAMix ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเทรนในระดับ bfloat16 บน GPU GH200 จำนวน 4096 ตัว หลังการเทรน โมเดลยังผ่านการ fine-tune แบบมีผู้ดูแล และ alignment ด้วยเทคนิค QRPO เพื่อให้ตอบสนองต่อผู้ใช้ได้ดีขึ้น โดยไม่ละเมิดความเป็นกลางหรือความปลอดภัย สิ่งที่โดดเด่นคือ Apertus เคารพสิทธิ์ของเจ้าของข้อมูลอย่างเข้มงวด โดยใช้ระบบ opt-out ที่สามารถย้อนกลับได้ และมีระบบ output filter ที่ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดทุก 6 เดือน เพื่อกรองข้อมูลส่วนบุคคลออกจากผลลัพธ์ของโมเดล นอกจากนี้ Apertus ยังถูกออกแบบให้สอดคล้องกับกฎหมายความโปร่งใสของ EU AI Act และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลของสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีเอกสารสาธารณะและโค้ดการเทรนให้ตรวจสอบได้ทั้งหมด ✅ ข้อมูลพื้นฐานของ Apertus ➡️ พัฒนาโดย SNAI ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ETH Zurich และ EPFL ➡️ มีสองขนาด: 8B และ 70B พารามิเตอร์ ➡️ เทรนด้วยข้อมูล 15T token จากเว็บ, โค้ด, และคณิตศาสตร์ ✅ สถาปัตยกรรมและเทคนิคการเทรน ➡️ ใช้ decoder-only transformer พร้อมฟังก์ชัน xIELU ➡️ ใช้ optimizer AdEMAMix และ precision แบบ bfloat16 ➡️ เทรนบน GPU GH200 จำนวน 4096 ตัว ✅ ความสามารถด้านภาษาและความโปร่งใส ➡️ รองรับ 1811 ภาษา โดย 40% เป็นภาษาที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ➡️ ใช้ข้อมูลที่เปิดและเคารพ opt-out ของเจ้าของข้อมูล ➡️ มีระบบ output filter สำหรับลบข้อมูลส่วนบุคคลจากผลลัพธ์ ✅ การใช้งานและการ deploy ➡️ รองรับ context ยาวถึง 65,536 token ➡️ ใช้งานผ่าน Transformers v4.56.0, vLLM, SGLang และ MLX ➡️ มีอินเทอร์เฟซผ่าน Swisscom และ PublicAI สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ✅ การปฏิบัติตามกฎหมายและจริยธรรม ➡️ สอดคล้องกับ EU AI Act และกฎหมายสวิตเซอร์แลนด์ ➡️ มีเอกสารสาธารณะและโค้ดการเทรนให้ตรวจสอบได้ ➡️ ไม่ใช้ข้อมูลที่ละเมิดสิทธิ์หรือมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม https://huggingface.co/swiss-ai/Apertus-70B-2509
    HUGGINGFACE.CO
    swiss-ai/Apertus-70B-2509 · Hugging Face
    We’re on a journey to advance and democratize artificial intelligence through open source and open science.
    0 Comments 0 Shares 79 Views 0 Reviews
  • VIDEO025 ซีรีย์จีนพากย์ไทยเรื่อง : คุณหนูตัวแทนรัก
    ฝดูซีรีย์จีนพากย์ไทยผ่าน แอป telegram :
    ซีรีย์จีนอัพเดตทุกวัน 1000 กว่าเรื่อง
    Google Play
    ลิ้งค์ดาสน์โหลด : https://play.google.com/store/apps/details?id=org.telegram.messenger&pcampaignid=web_share
    สำหรบสมาชิกทีมีแอป Telegra อยู่แล้วคลิ๊กทีลิ้งคี้ : :/https/t.me/pkextremechinaseries

    ฝากกดกดติดตามและกดแชร์เพจ Facebook ของเราด้วยนะครับ
    https://www.facebook.com/profile.php?id=100063955424118
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61580101866932
    https://www.facebook.com/hmextremechinaseries
    https://www.facebook.com/hieamaochinaseriesv2
    https://www.facebook.com/pkextreme2025
    https://www.facebook.com/thepsurachinaseriesv1

    ฝากสนับสนุนแอดมินด้วยนะครับตามความสมัครใจ
    https://promptpay.io/0638814705
    หรือสแกน QR CODE ท้ายคลิป ขอบคุณครับ

    กดลิ้งค์ด้านล่างเพื่อดูซีรีย์
    https://www.dropbox.com/scl/fi/wtm9rctbz6lksm47dbeum/025.-31-08-2025.mp4?rlkey=1p6ksmgv5v0x79ek5fdtkaqak&st=nyuqi6ex&dl=0
    https://www.bilibili.tv/th/space/1130517569
    #ร้านเฮียเมาเจ้พรตลาดปัฐวิกรณ์โครงการใหม่
    #โกดังเฮียเมาตลาดปัฐวิกรณ์โครงการใหม่
    #เฮียเมาซีรีย์จีน
    #เฮียเมาซีรีย์จีนV2
    #PKExtremeรวมซีรีย์
    #เทพสุราซีรีย์จีนV1
    #ดูจนตาเหลือกรวมซีรีย์

    VIDEO025 ซีรีย์จีนพากย์ไทยเรื่อง : คุณหนูตัวแทนรัก ฝดูซีรีย์จีนพากย์ไทยผ่าน แอป telegram : ซีรีย์จีนอัพเดตทุกวัน 1000 กว่าเรื่อง Google Play ลิ้งค์ดาสน์โหลด : https://play.google.com/store/apps/details?id=org.telegram.messenger&pcampaignid=web_share สำหรบสมาชิกทีมีแอป Telegra อยู่แล้วคลิ๊กทีลิ้งคี้ : :/https/t.me/pkextremechinaseries ฝากกดกดติดตามและกดแชร์เพจ Facebook ของเราด้วยนะครับ https://www.facebook.com/profile.php?id=100063955424118 https://www.facebook.com/profile.php?id=61580101866932 https://www.facebook.com/hmextremechinaseries https://www.facebook.com/hieamaochinaseriesv2 https://www.facebook.com/pkextreme2025 https://www.facebook.com/thepsurachinaseriesv1 ฝากสนับสนุนแอดมินด้วยนะครับตามความสมัครใจ https://promptpay.io/0638814705 หรือสแกน QR CODE ท้ายคลิป ขอบคุณครับ กดลิ้งค์ด้านล่างเพื่อดูซีรีย์ https://www.dropbox.com/scl/fi/wtm9rctbz6lksm47dbeum/025.-31-08-2025.mp4?rlkey=1p6ksmgv5v0x79ek5fdtkaqak&st=nyuqi6ex&dl=0 https://www.bilibili.tv/th/space/1130517569 #ร้านเฮียเมาเจ้พรตลาดปัฐวิกรณ์โครงการใหม่ #โกดังเฮียเมาตลาดปัฐวิกรณ์โครงการใหม่ #เฮียเมาซีรีย์จีน #เฮียเมาซีรีย์จีนV2 #PKExtremeรวมซีรีย์ #เทพสุราซีรีย์จีนV1 #ดูจนตาเหลือกรวมซีรีย์
    PLAY.GOOGLE.COM
    Telegram - Apps on Google Play
    Telegram is a messaging app with a focus on speed and security.
    0 Comments 0 Shares 115 Views 0 Reviews
  • Why Capitalizing “Native American” Matters

    These days, social media is glut with excited folks who are sending off their cheek swabs to find out just what’s hiding in their DNA. Will they find out they had an ancestor on the Mayflower? Or, maybe they have a Native American ancestor?

    That would make them Native American too, right? Well, the definition of Native American is a lot more complicated than the genetics chart you get from your standard DNA testing center. You see, the term Native American refers to many, many different groups of people and not all of them identify with this term.

    Before we get to that, though, let’s start with the capitalization issue.

    Native American with a capital N

    The lexicographers have distinguished between native Americans and Native Americans. The first version, with the lowercase n, applies to anyone who was born here in the United States. After all, when used as an adjective, native is defined as “being the place or environment in which a person was born or a thing came into being.” If you were born in the United States of America, you are native to the country. Lowercase native American is an adjective that modifies the noun American. The lowercase native American is a noun phrase that describes someone as being an American citizen who is native to the United States.

    Simply being born in the good old US of A doesn’t make someone a Native American (capital N). Those two words are both capitalized because, when used together, they form what grammar experts refer to as a proper noun, or “a noun that is used to denote a particular person, place, or thing.” The term Native American is a very broad label that refers to a federally recognized category of Americans who are indigenous to the land that is now the United States (although some also extend the word’s usage to include all the the Indigenous Peoples of North and South America), and they make up at least two percent of the US population. They’re not just native to this area in the sense of having been born on American soil, but they have established American Indian or Alaska Native ancestry. As a general term, Native American is often used collectively to refer to the many different tribes of Indigenous Peoples who lived in the Americas long before the arrival of European colonizers. In reality, Native Americans are not a monolith, and they belong to many different tribes with their own cultures and languages. Note the words Native American should always be used together. It’s considered disparaging and offensive to refer to a group of people who are Native American simply as natives.

    Another good example of common nouns vs. proper nouns is New York City. When it’s written with a capital C, it’s specifically referring to the area that encompasses the five boroughs. When it’s written with a lowercase c, as in a New York city, it can refer to any large metropolis located anywhere in the state.

    DNA isn’t a definition

    So, all you need is a DNA test, and your ancestry falls under the definition of Native American, right? Well, that’s complicated.

    While the United States Department of Interior has its own rules regarding who qualifies for membership and enrollment in a tribe, the members of the tribes themselves don’t often agree with the government responsible for taking their lands and forcing them to live on reservations in the first place. Nor is there consensus among the more than 574 federally recognized tribal nations in the United States on what DNA results are required to establish heritage.

    Both the United Nations and Indigenous Peoples worldwide have denounced certain attempts at tracing human origins through DNA, including the Human Genome Diversity Project.

    If you feel that you have proven without a doubt that your lineage is Native American, you’ll have to turn to the individual tribe itself for the official opinion on the matter. And, even with a DNA test, you may find that you may be native American but not necessarily Native American.

    What about Indian?

    The department of the US federal government that oversees relations with the many Native American tribes is named the Bureau of Indian Affairs. The United States Census uses the term American Indian to refer to a person who identifies themself as a Native American. The term Indian referring to Native Americans has largely fallen out of general usage, and many Native American Peoples consider this term offensive. That being said, there are a significant number of Native American tribes and individuals that use the word Indian or the phrase American Indian to identify themselves.

    Even more common, though, is a group using the specific name of their tribe—especially the name used in their own language—to identify themselves. For example, a member of the Navajo tribe may refer to their particular group as Diné.

    As is often the case when it comes to language, people often have their own personal choice as to which words they prefer. If you are unsure about what words to use, the best choice is always to ask someone what they prefer.

    Native to Alaska

    The term Native American is sometimes used to include some Eskimo and Aleut peoples, specifically those whose families are native to the area now known as Alaska. The United States government uses the term Native Alaskan, and many other organizations prefer the term Alaska Native. Eskimo is still used as a self-designation by some people, while others consider it derogatory. Still other peoples will often prefer the specific name for their own people, tribe, or community—typically preferring a word from their own language. As is always the case, it’s best to let the person in question share their preferred terminology.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Why Capitalizing “Native American” Matters These days, social media is glut with excited folks who are sending off their cheek swabs to find out just what’s hiding in their DNA. Will they find out they had an ancestor on the Mayflower? Or, maybe they have a Native American ancestor? That would make them Native American too, right? Well, the definition of Native American is a lot more complicated than the genetics chart you get from your standard DNA testing center. You see, the term Native American refers to many, many different groups of people and not all of them identify with this term. Before we get to that, though, let’s start with the capitalization issue. Native American with a capital N The lexicographers have distinguished between native Americans and Native Americans. The first version, with the lowercase n, applies to anyone who was born here in the United States. After all, when used as an adjective, native is defined as “being the place or environment in which a person was born or a thing came into being.” If you were born in the United States of America, you are native to the country. Lowercase native American is an adjective that modifies the noun American. The lowercase native American is a noun phrase that describes someone as being an American citizen who is native to the United States. Simply being born in the good old US of A doesn’t make someone a Native American (capital N). Those two words are both capitalized because, when used together, they form what grammar experts refer to as a proper noun, or “a noun that is used to denote a particular person, place, or thing.” The term Native American is a very broad label that refers to a federally recognized category of Americans who are indigenous to the land that is now the United States (although some also extend the word’s usage to include all the the Indigenous Peoples of North and South America), and they make up at least two percent of the US population. They’re not just native to this area in the sense of having been born on American soil, but they have established American Indian or Alaska Native ancestry. As a general term, Native American is often used collectively to refer to the many different tribes of Indigenous Peoples who lived in the Americas long before the arrival of European colonizers. In reality, Native Americans are not a monolith, and they belong to many different tribes with their own cultures and languages. Note the words Native American should always be used together. It’s considered disparaging and offensive to refer to a group of people who are Native American simply as natives. Another good example of common nouns vs. proper nouns is New York City. When it’s written with a capital C, it’s specifically referring to the area that encompasses the five boroughs. When it’s written with a lowercase c, as in a New York city, it can refer to any large metropolis located anywhere in the state. DNA isn’t a definition So, all you need is a DNA test, and your ancestry falls under the definition of Native American, right? Well, that’s complicated. While the United States Department of Interior has its own rules regarding who qualifies for membership and enrollment in a tribe, the members of the tribes themselves don’t often agree with the government responsible for taking their lands and forcing them to live on reservations in the first place. Nor is there consensus among the more than 574 federally recognized tribal nations in the United States on what DNA results are required to establish heritage. Both the United Nations and Indigenous Peoples worldwide have denounced certain attempts at tracing human origins through DNA, including the Human Genome Diversity Project. If you feel that you have proven without a doubt that your lineage is Native American, you’ll have to turn to the individual tribe itself for the official opinion on the matter. And, even with a DNA test, you may find that you may be native American but not necessarily Native American. What about Indian? The department of the US federal government that oversees relations with the many Native American tribes is named the Bureau of Indian Affairs. The United States Census uses the term American Indian to refer to a person who identifies themself as a Native American. The term Indian referring to Native Americans has largely fallen out of general usage, and many Native American Peoples consider this term offensive. That being said, there are a significant number of Native American tribes and individuals that use the word Indian or the phrase American Indian to identify themselves. Even more common, though, is a group using the specific name of their tribe—especially the name used in their own language—to identify themselves. For example, a member of the Navajo tribe may refer to their particular group as Diné. As is often the case when it comes to language, people often have their own personal choice as to which words they prefer. If you are unsure about what words to use, the best choice is always to ask someone what they prefer. Native to Alaska The term Native American is sometimes used to include some Eskimo and Aleut peoples, specifically those whose families are native to the area now known as Alaska. The United States government uses the term Native Alaskan, and many other organizations prefer the term Alaska Native. Eskimo is still used as a self-designation by some people, while others consider it derogatory. Still other peoples will often prefer the specific name for their own people, tribe, or community—typically preferring a word from their own language. As is always the case, it’s best to let the person in question share their preferred terminology. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 Comments 0 Shares 147 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากเสียงดนตรีถึงฟิสิกส์ควอนตัม: เมื่อ Fourier เปลี่ยนความวุ่นวายให้กลายเป็นคลื่นที่เข้าใจได้

    Jean-Baptiste Joseph Fourier เกิดในปี 1768 ท่ามกลางความวุ่นวายของฝรั่งเศสก่อนการปฏิวัติ เขาเกือบจะกลายเป็นนักบวช แต่เลือกเส้นทางคณิตศาสตร์แทน และในช่วงที่เขาเกือบถูกประหารชีวิตจากการแสดงความเห็นทางการเมือง Fourier ก็ได้กลับมาสู่โลกวิชาการ และกลายเป็นที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของนโปเลียน

    ในช่วงที่เขาอยู่ในอียิปต์ Fourier เริ่มสนใจการกระจายความร้อนในโลหะ และเสนอว่าอุณหภูมิในแท่งโลหะสามารถเขียนเป็นผลรวมของคลื่นง่าย ๆ ได้—แม้จะเป็นแท่งที่ครึ่งหนึ่งร้อน ครึ่งหนึ่งเย็นก็ตาม แนวคิดนี้ถูกมองว่า “เป็นไปไม่ได้” ในยุคนั้น แต่ Fourier ยืนยันว่าแม้จะต้องใช้คลื่นจำนวนอนันต์ ก็สามารถอธิบายการกระจายความร้อนได้

    จากแนวคิดนี้เกิดเป็น Fourier Transform ซึ่งสามารถแยกฟังก์ชันใด ๆ ออกเป็นคลื่นไซน์และโคไซน์ที่มีความถี่ต่างกัน—เหมือนการฟังเสียงดนตรีแล้วแยกเสียงแต่ละเครื่องดนตรีออกมาได้

    ในยุคปัจจุบัน Fourier Transform ถูกใช้ในทุกอย่างตั้งแต่การบีบอัดภาพ JPEG, การกรองเสียงรบกวน, การตรวจจับคลื่นความโน้มถ่วง, ไปจนถึงการอธิบายหลักความไม่แน่นอนในฟิสิกส์ควอนตัม ที่ตำแหน่งและโมเมนตัมของอนุภาคไม่สามารถรู้ได้พร้อมกัน เพราะ Fourier Transform ของตำแหน่งจะกระจายโมเมนตัมออกไป

    นอกจากนี้ยังมี Fourier Series ซึ่งใช้ในการประมาณฟังก์ชันที่มีขอบคม เช่น square wave โดยใช้คลื่นไซน์จำนวนมากมารวมกันให้ใกล้เคียงที่สุด

    ในปี 1960s มีการพัฒนา Fast Fourier Transform (FFT) โดย Cooley และ Tukey ซึ่งทำให้การคำนวณ Fourier Transform เร็วขึ้นมาก และกลายเป็นหัวใจของการประมวลผลสัญญาณในยุคดิจิทัล

    จุดกำเนิดของ Fourier Transform
    Jean-Baptiste Joseph Fourier เสนอแนวคิดในปี 1807 ว่าความร้อนสามารถอธิบายด้วยคลื่น
    แม้จะถูกคัดค้านในตอนแรก แต่แนวคิดนี้กลายเป็นรากฐานของ harmonic analysis
    Fourier Transform แยกฟังก์ชันออกเป็นคลื่นไซน์และโคไซน์ที่มีความถี่ต่างกัน

    การใช้งานในยุคปัจจุบัน
    ใช้ในการบีบอัดภาพ (JPEG), การกรองเสียง, การวิเคราะห์คลื่นความโน้มถ่วง
    ใช้ในฟิสิกส์ควอนตัมเพื่ออธิบายหลักความไม่แน่นอน
    ใช้ในการวิเคราะห์ภาพและเสียงแบบหลายมิติ

    การพัฒนาเพิ่มเติม
    Fourier Series ใช้ในการประมาณฟังก์ชันที่มีขอบคม
    Fast Fourier Transform (FFT) ทำให้การคำนวณเร็วขึ้นมาก
    ใช้ในเรดาร์, MRI, การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่

    ความเชื่อมโยงกับคณิตศาสตร์บริสุทธิ์
    Harmonic analysis เชื่อมโยงกับ number theory และการแจกแจงจำนวนเฉพาะ
    ใช้ในการแก้สมการเชิงอนุพันธ์และปัญหาในฟิสิกส์ทฤษฎี
    เป็นเครื่องมือหลักในการแปลงปัญหายากให้กลายเป็นปัญหาที่เข้าใจง่าย

    ความเสี่ยงจากการใช้กับฟังก์ชันที่ซับซ้อน
    Fourier Transform ไม่สามารถใช้กับฟังก์ชันที่แกว่งไม่หยุดแม้จะซูมเข้าไป
    ต้องใช้เงื่อนไขทางคณิตศาสตร์ที่เข้มงวด เช่น integrability และ continuity

    ความเปราะบางของการตีความในฟิสิกส์
    การแปลงตำแหน่งเป็นโมเมนตัมในควอนตัมอาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนสูง
    ต้องระวังการใช้ Fourier Transform ในบริบทที่ต้องการความแม่นยำสูง

    ความไม่แน่นอนของการใช้งานในระบบจริง
    การบีบอัดภาพด้วย Fourier อาจทำให้รายละเอียดเล็ก ๆ หายไป
    การกรองเสียงอาจทำให้เสียงบางส่วนถูกตัดออกโดยไม่ตั้งใจ

    https://www.quantamagazine.org/what-is-the-fourier-transform-20250903/
    🎙️ เรื่องเล่าจากเสียงดนตรีถึงฟิสิกส์ควอนตัม: เมื่อ Fourier เปลี่ยนความวุ่นวายให้กลายเป็นคลื่นที่เข้าใจได้ Jean-Baptiste Joseph Fourier เกิดในปี 1768 ท่ามกลางความวุ่นวายของฝรั่งเศสก่อนการปฏิวัติ เขาเกือบจะกลายเป็นนักบวช แต่เลือกเส้นทางคณิตศาสตร์แทน และในช่วงที่เขาเกือบถูกประหารชีวิตจากการแสดงความเห็นทางการเมือง Fourier ก็ได้กลับมาสู่โลกวิชาการ และกลายเป็นที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของนโปเลียน ในช่วงที่เขาอยู่ในอียิปต์ Fourier เริ่มสนใจการกระจายความร้อนในโลหะ และเสนอว่าอุณหภูมิในแท่งโลหะสามารถเขียนเป็นผลรวมของคลื่นง่าย ๆ ได้—แม้จะเป็นแท่งที่ครึ่งหนึ่งร้อน ครึ่งหนึ่งเย็นก็ตาม แนวคิดนี้ถูกมองว่า “เป็นไปไม่ได้” ในยุคนั้น แต่ Fourier ยืนยันว่าแม้จะต้องใช้คลื่นจำนวนอนันต์ ก็สามารถอธิบายการกระจายความร้อนได้ จากแนวคิดนี้เกิดเป็น Fourier Transform ซึ่งสามารถแยกฟังก์ชันใด ๆ ออกเป็นคลื่นไซน์และโคไซน์ที่มีความถี่ต่างกัน—เหมือนการฟังเสียงดนตรีแล้วแยกเสียงแต่ละเครื่องดนตรีออกมาได้ ในยุคปัจจุบัน Fourier Transform ถูกใช้ในทุกอย่างตั้งแต่การบีบอัดภาพ JPEG, การกรองเสียงรบกวน, การตรวจจับคลื่นความโน้มถ่วง, ไปจนถึงการอธิบายหลักความไม่แน่นอนในฟิสิกส์ควอนตัม ที่ตำแหน่งและโมเมนตัมของอนุภาคไม่สามารถรู้ได้พร้อมกัน เพราะ Fourier Transform ของตำแหน่งจะกระจายโมเมนตัมออกไป นอกจากนี้ยังมี Fourier Series ซึ่งใช้ในการประมาณฟังก์ชันที่มีขอบคม เช่น square wave โดยใช้คลื่นไซน์จำนวนมากมารวมกันให้ใกล้เคียงที่สุด ในปี 1960s มีการพัฒนา Fast Fourier Transform (FFT) โดย Cooley และ Tukey ซึ่งทำให้การคำนวณ Fourier Transform เร็วขึ้นมาก และกลายเป็นหัวใจของการประมวลผลสัญญาณในยุคดิจิทัล ✅ จุดกำเนิดของ Fourier Transform ➡️ Jean-Baptiste Joseph Fourier เสนอแนวคิดในปี 1807 ว่าความร้อนสามารถอธิบายด้วยคลื่น ➡️ แม้จะถูกคัดค้านในตอนแรก แต่แนวคิดนี้กลายเป็นรากฐานของ harmonic analysis ➡️ Fourier Transform แยกฟังก์ชันออกเป็นคลื่นไซน์และโคไซน์ที่มีความถี่ต่างกัน ✅ การใช้งานในยุคปัจจุบัน ➡️ ใช้ในการบีบอัดภาพ (JPEG), การกรองเสียง, การวิเคราะห์คลื่นความโน้มถ่วง ➡️ ใช้ในฟิสิกส์ควอนตัมเพื่ออธิบายหลักความไม่แน่นอน ➡️ ใช้ในการวิเคราะห์ภาพและเสียงแบบหลายมิติ ✅ การพัฒนาเพิ่มเติม ➡️ Fourier Series ใช้ในการประมาณฟังก์ชันที่มีขอบคม ➡️ Fast Fourier Transform (FFT) ทำให้การคำนวณเร็วขึ้นมาก ➡️ ใช้ในเรดาร์, MRI, การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ✅ ความเชื่อมโยงกับคณิตศาสตร์บริสุทธิ์ ➡️ Harmonic analysis เชื่อมโยงกับ number theory และการแจกแจงจำนวนเฉพาะ ➡️ ใช้ในการแก้สมการเชิงอนุพันธ์และปัญหาในฟิสิกส์ทฤษฎี ➡️ เป็นเครื่องมือหลักในการแปลงปัญหายากให้กลายเป็นปัญหาที่เข้าใจง่าย ‼️ ความเสี่ยงจากการใช้กับฟังก์ชันที่ซับซ้อน ⛔ Fourier Transform ไม่สามารถใช้กับฟังก์ชันที่แกว่งไม่หยุดแม้จะซูมเข้าไป ⛔ ต้องใช้เงื่อนไขทางคณิตศาสตร์ที่เข้มงวด เช่น integrability และ continuity ‼️ ความเปราะบางของการตีความในฟิสิกส์ ⛔ การแปลงตำแหน่งเป็นโมเมนตัมในควอนตัมอาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนสูง ⛔ ต้องระวังการใช้ Fourier Transform ในบริบทที่ต้องการความแม่นยำสูง ‼️ ความไม่แน่นอนของการใช้งานในระบบจริง ⛔ การบีบอัดภาพด้วย Fourier อาจทำให้รายละเอียดเล็ก ๆ หายไป ⛔ การกรองเสียงอาจทำให้เสียงบางส่วนถูกตัดออกโดยไม่ตั้งใจ https://www.quantamagazine.org/what-is-the-fourier-transform-20250903/
    WWW.QUANTAMAGAZINE.ORG
    What Is the Fourier Transform?
    Amid the chaos of revolutionary France, one man’s mathematical obsession gave way to a calculation that now underpins much of mathematics and physics. The calculation, called the Fourier transform, decomposes any function into its parts.
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก daemon ถึง daemonless: เมื่อความปลอดภัยกลายเป็นเหตุผลหลักในการเปลี่ยนเครื่องมือ

    Dominik Szymański วิศวกร DevOps ได้เขียนบันทึกการเปลี่ยนผ่านจาก Docker ไปสู่ Podman หลังจากพบว่า Docker ซึ่งเคยเป็นเครื่องมือที่ “ทุกคนใช้” กลับมีจุดอ่อนที่ซ่อนอยู่ในสถาปัตยกรรม—โดยเฉพาะ daemon ที่รันด้วยสิทธิ์ root ตลอดเวลา

    Docker ใช้สถาปัตยกรรมแบบ client-server โดย CLI จะสื่อสารกับ dockerd ซึ่งเป็น daemon ที่รันอยู่เบื้องหลัง และควบคุมทุก container บนระบบ หาก daemon นี้ถูกโจมตีหรือมีช่องโหว่ เช่น CVE-2019-5736 หรือ CVE-2024-21626 ก็อาจนำไปสู่การเข้าถึงระบบ host ได้ทันที

    Podman เลือกแนวทางตรงข้าม—ไม่มี daemon เลย ทุกคำสั่งที่รันจะสร้าง container เป็น child process ของผู้ใช้โดยตรง และทำงานภายใต้สิทธิ์ของ user นั้น ทำให้แม้ container จะถูกโจมตี ก็ไม่สามารถเข้าถึงระบบ host ได้ในระดับ root

    นอกจากเรื่องความปลอดภัยแล้ว Podman ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เช่น การสร้าง systemd unit file อัตโนมัติ, การจัดการ pod แบบ native ที่สามารถแปลงเป็น Kubernetes YAML ได้ทันที, และการแยกเครื่องมือเฉพาะทาง เช่น Buildah สำหรับ build image และ Skopeo สำหรับจัดการ registry

    การเปลี่ยนจาก Docker ไป Podman ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพราะ Podman ใช้ CLI แบบเดียวกับ Docker และรองรับ Dockerfile เดิมได้ทันที แค่ alias docker=podman ก็สามารถใช้งานได้เหมือนเดิม

    Dominik ยังแชร์ประสบการณ์การย้าย FastAPI ไป Podman โดยใช้ rootless container, systemd integration และ pod สำหรับจัดการ multi-service ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพบว่า resource usage บน dashboard ดูสะอาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    สถาปัตยกรรมของ Docker และ Podman
    Docker ใช้ daemon ที่รันด้วย root privileges ตลอดเวลา
    Podman ไม่มี daemon และรัน container เป็น child process ของ user
    ลด single point of failure และลด surface ของการโจมตี

    ช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของ Docker
    CVE-2019-5736: container escape ผ่าน runC
    CVE-2022-0847 “Dirty Pipe”: เขียนไฟล์ read-only บน kernel
    CVE-2024-21626: fd leak และ cwd escape บน runC
    แคมเปญ cryptojacking ผ่าน Docker API ที่เปิดเผย

    ฟีเจอร์เด่นของ Podman
    สร้าง systemd unit file ด้วย podman generate systemd
    รองรับ pod แบบ native และแปลงเป็น Kubernetes YAML ได้
    ใช้ Buildah และ Skopeo สำหรับงานเฉพาะทาง
    rootless container เป็นค่าเริ่มต้น เพิ่มความปลอดภัย

    การย้ายจาก Docker ไป Podman
    CLI เหมือนกัน: podman run, podman build, podman ps
    Dockerfile เดิมใช้งานได้ทันที
    รองรับ Docker Compose ผ่าน podman-compose หรือแปลงเป็น Kubernetes

    ประสบการณ์ใช้งานจริง
    ระบบเสถียรขึ้นเมื่อไม่มี daemon
    dashboard แสดงการใช้ resource ได้ชัดเจนขึ้น
    เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องรับผิดชอบด้านความปลอดภัยโดยตรง

    https://codesmash.dev/why-i-ditched-docker-for-podman-and-you-should-too
    🎙️ เรื่องเล่าจาก daemon ถึง daemonless: เมื่อความปลอดภัยกลายเป็นเหตุผลหลักในการเปลี่ยนเครื่องมือ Dominik Szymański วิศวกร DevOps ได้เขียนบันทึกการเปลี่ยนผ่านจาก Docker ไปสู่ Podman หลังจากพบว่า Docker ซึ่งเคยเป็นเครื่องมือที่ “ทุกคนใช้” กลับมีจุดอ่อนที่ซ่อนอยู่ในสถาปัตยกรรม—โดยเฉพาะ daemon ที่รันด้วยสิทธิ์ root ตลอดเวลา Docker ใช้สถาปัตยกรรมแบบ client-server โดย CLI จะสื่อสารกับ dockerd ซึ่งเป็น daemon ที่รันอยู่เบื้องหลัง และควบคุมทุก container บนระบบ หาก daemon นี้ถูกโจมตีหรือมีช่องโหว่ เช่น CVE-2019-5736 หรือ CVE-2024-21626 ก็อาจนำไปสู่การเข้าถึงระบบ host ได้ทันที Podman เลือกแนวทางตรงข้าม—ไม่มี daemon เลย ทุกคำสั่งที่รันจะสร้าง container เป็น child process ของผู้ใช้โดยตรง และทำงานภายใต้สิทธิ์ของ user นั้น ทำให้แม้ container จะถูกโจมตี ก็ไม่สามารถเข้าถึงระบบ host ได้ในระดับ root นอกจากเรื่องความปลอดภัยแล้ว Podman ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เช่น การสร้าง systemd unit file อัตโนมัติ, การจัดการ pod แบบ native ที่สามารถแปลงเป็น Kubernetes YAML ได้ทันที, และการแยกเครื่องมือเฉพาะทาง เช่น Buildah สำหรับ build image และ Skopeo สำหรับจัดการ registry การเปลี่ยนจาก Docker ไป Podman ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพราะ Podman ใช้ CLI แบบเดียวกับ Docker และรองรับ Dockerfile เดิมได้ทันที แค่ alias docker=podman ก็สามารถใช้งานได้เหมือนเดิม Dominik ยังแชร์ประสบการณ์การย้าย FastAPI ไป Podman โดยใช้ rootless container, systemd integration และ pod สำหรับจัดการ multi-service ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพบว่า resource usage บน dashboard ดูสะอาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ✅ สถาปัตยกรรมของ Docker และ Podman ➡️ Docker ใช้ daemon ที่รันด้วย root privileges ตลอดเวลา ➡️ Podman ไม่มี daemon และรัน container เป็น child process ของ user ➡️ ลด single point of failure และลด surface ของการโจมตี ✅ ช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของ Docker ➡️ CVE-2019-5736: container escape ผ่าน runC ➡️ CVE-2022-0847 “Dirty Pipe”: เขียนไฟล์ read-only บน kernel ➡️ CVE-2024-21626: fd leak และ cwd escape บน runC ➡️ แคมเปญ cryptojacking ผ่าน Docker API ที่เปิดเผย ✅ ฟีเจอร์เด่นของ Podman ➡️ สร้าง systemd unit file ด้วย podman generate systemd ➡️ รองรับ pod แบบ native และแปลงเป็น Kubernetes YAML ได้ ➡️ ใช้ Buildah และ Skopeo สำหรับงานเฉพาะทาง ➡️ rootless container เป็นค่าเริ่มต้น เพิ่มความปลอดภัย ✅ การย้ายจาก Docker ไป Podman ➡️ CLI เหมือนกัน: podman run, podman build, podman ps ➡️ Dockerfile เดิมใช้งานได้ทันที ➡️ รองรับ Docker Compose ผ่าน podman-compose หรือแปลงเป็น Kubernetes ✅ ประสบการณ์ใช้งานจริง ➡️ ระบบเสถียรขึ้นเมื่อไม่มี daemon ➡️ dashboard แสดงการใช้ resource ได้ชัดเจนขึ้น ➡️ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องรับผิดชอบด้านความปลอดภัยโดยตรง https://codesmash.dev/why-i-ditched-docker-for-podman-and-you-should-too
    CODESMASH.DEV
    Switching from Docker to Podman
    Podman offers better security, uses fewer resources, and integrates seamlessly with Linux and Kubernetes, making it a superior Docker alternative
    0 Comments 0 Shares 129 Views 0 Reviews
  • เริดกว่าเดิม!! ยุโรปตะวันออก ลดหนัก 39,999

    🗓 จำนวนวัน 6วัน 4คืน
    ✈ G9-แอร์อาระเบีย
    พักโรงแรม &

    Casa di Giulietta
    มหาวิหารดูโอโม่
    มหาวิหารซานมาร์โก
    สะพานถอนหายใจ
    หอนาฬิกาเซนต์มาร์ก
    จัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โก
    พระราชวังฮอฟบวร์ก
    อนุสาวรีย์พระนางมาเรียเทเรซา
    มหาวิหารเซนต์สตีเฟน
    บราติสลาวา
    รูปปั้น umil

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์ยุโรปตะวันออก #easterneurope #europe #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เริดกว่าเดิม!! ยุโรปตะวันออก 🍁 ลดหนัก 39,999 🔥😍 🗓 จำนวนวัน 6วัน 4คืน ✈ G9-แอร์อาระเบีย 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ & ⭐⭐⭐⭐ 📍 Casa di Giulietta 📍 มหาวิหารดูโอโม่ 📍 มหาวิหารซานมาร์โก 📍 สะพานถอนหายใจ 📍 หอนาฬิกาเซนต์มาร์ก 📍 จัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โก 📍 พระราชวังฮอฟบวร์ก 📍 อนุสาวรีย์พระนางมาเรียเทเรซา 📍 มหาวิหารเซนต์สตีเฟน 📍 บราติสลาวา 📍 รูปปั้น umil รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์ยุโรปตะวันออก #easterneurope #europe #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 Comments 0 Shares 146 Views 0 0 Reviews
  • Cutie snail families
    Cutie snail families
    0 Comments 0 Shares 16 Views 0 Reviews
  • https://youtube.com/shorts/oafBrYfaNN4?si=9EQKedrWOQZk2KPO
    https://youtube.com/shorts/oafBrYfaNN4?si=9EQKedrWOQZk2KPO
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก N3P ถึง 5W: เมื่อชิปมือถือระดับเรือธงสามารถเล่นเกม AAA ได้โดยไม่เกิน 5 วัตต์

    Qualcomm กำลังเตรียมเปิดตัว Snapdragon 8 Elite Gen 5 ภายในเดือนกันยายน 2025 โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ 3nm รุ่นที่สามของ TSMC ที่เรียกว่า N3P ซึ่งแม้จะเป็นแค่ “optical shrink” จาก N3E แต่ก็ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นราว 5% ที่พลังงานเท่าเดิม หรือประหยัดพลังงานได้ 5–10% ที่ความเร็วเท่าเดิม

    จากตัวอย่างชิปที่หลุดออกมา (engineering sample) พบว่าประสิทธิภาพในการเล่นเกมสูงกว่ารุ่น Snapdragon 8 Elite เดิมอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในด้าน framerate และการจัดการพลังงาน แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยชื่อเกมที่ใช้ทดสอบ แต่มีรายงานว่าชิปสามารถรันเกมกราฟิกหนักได้โดยใช้พลังงานไม่เกิน 5W

    สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้จะมีการเพิ่มความเร็วของคอร์และประสิทธิภาพของ GPU/NPU แต่การใช้พลังงานกลับไม่เพิ่มตาม—สะท้อนถึงการปรับปรุงด้านสถาปัตยกรรม เช่น memory fabric, instruction-per-clock และการจัดการ scheduler ที่ดีขึ้น

    ในบางกรณี ตัวอย่างชิปที่ถูก underclock ยังสามารถทำคะแนน multi-core ได้สูงกว่ารุ่นเดิม แม้จะรันที่ความเร็วเพียง 4.00GHz เทียบกับ 4.74GHz ของ Elite เดิม ซึ่งบ่งชี้ถึงการปรับปรุงที่ไม่ใช่แค่เรื่องความเร็ว แต่เป็นการออกแบบที่ลึกขึ้น

    Qualcomm ยังตั้งเป้าลดการใช้พลังงานลงอีก 1W สำหรับเกมกราฟิกหนัก ซึ่งแม้จะดูเล็กน้อย แต่ในโลกของสมาร์ทโฟน ทุกวัตต์มีผลต่อความร้อนและอายุแบตเตอรี่อย่างมีนัยสำคัญ

    สถาปัตยกรรมและเทคโนโลยีการผลิต
    ใช้ TSMC N3P ซึ่งเป็น 3nm รุ่นที่สามแบบ optical shrink จาก N3E
    ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 5% หรือประหยัดพลังงานได้ 5–10%
    Qualcomm ใช้ headroom เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพโดยไม่เพิ่ม wattage

    ประสิทธิภาพของ engineering sample
    เล่นเกมกราฟิกหนักได้โดยใช้พลังงานไม่เกิน 5W
    ให้ framerate สูงกว่ารุ่น Snapdragon 8 Elite เดิม
    underclocked sample ยังทำคะแนน multi-core ได้สูงกว่า Elite เดิม

    การปรับปรุงด้านสถาปัตยกรรม
    ปรับปรุง instruction-per-clock, memory subsystem และ scheduler
    GPU และ NPU มีประสิทธิภาพสูงขึ้นโดยไม่เพิ่มพลังงาน
    รองรับงาน generative AI บนอุปกรณ์โดยไม่กระทบแบตเตอรี่

    เป้าหมายด้านพลังงานและความร้อน
    Qualcomm ตั้งเป้าลดการใช้พลังงานลงอีก 1W สำหรับเกมกราฟิกหนัก
    ช่วยลดความร้อนและยืดอายุแบตเตอรี่
    เหมาะสำหรับงาน burst เช่น AI inference, photo processing, app launch

    https://wccftech.com/snapdragon-8-elite-gen-5-engineering-sample-better-performance-and-efficiency-than-snapdragon-8-elite/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก N3P ถึง 5W: เมื่อชิปมือถือระดับเรือธงสามารถเล่นเกม AAA ได้โดยไม่เกิน 5 วัตต์ Qualcomm กำลังเตรียมเปิดตัว Snapdragon 8 Elite Gen 5 ภายในเดือนกันยายน 2025 โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ 3nm รุ่นที่สามของ TSMC ที่เรียกว่า N3P ซึ่งแม้จะเป็นแค่ “optical shrink” จาก N3E แต่ก็ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นราว 5% ที่พลังงานเท่าเดิม หรือประหยัดพลังงานได้ 5–10% ที่ความเร็วเท่าเดิม จากตัวอย่างชิปที่หลุดออกมา (engineering sample) พบว่าประสิทธิภาพในการเล่นเกมสูงกว่ารุ่น Snapdragon 8 Elite เดิมอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในด้าน framerate และการจัดการพลังงาน แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยชื่อเกมที่ใช้ทดสอบ แต่มีรายงานว่าชิปสามารถรันเกมกราฟิกหนักได้โดยใช้พลังงานไม่เกิน 5W สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้จะมีการเพิ่มความเร็วของคอร์และประสิทธิภาพของ GPU/NPU แต่การใช้พลังงานกลับไม่เพิ่มตาม—สะท้อนถึงการปรับปรุงด้านสถาปัตยกรรม เช่น memory fabric, instruction-per-clock และการจัดการ scheduler ที่ดีขึ้น ในบางกรณี ตัวอย่างชิปที่ถูก underclock ยังสามารถทำคะแนน multi-core ได้สูงกว่ารุ่นเดิม แม้จะรันที่ความเร็วเพียง 4.00GHz เทียบกับ 4.74GHz ของ Elite เดิม ซึ่งบ่งชี้ถึงการปรับปรุงที่ไม่ใช่แค่เรื่องความเร็ว แต่เป็นการออกแบบที่ลึกขึ้น Qualcomm ยังตั้งเป้าลดการใช้พลังงานลงอีก 1W สำหรับเกมกราฟิกหนัก ซึ่งแม้จะดูเล็กน้อย แต่ในโลกของสมาร์ทโฟน ทุกวัตต์มีผลต่อความร้อนและอายุแบตเตอรี่อย่างมีนัยสำคัญ ✅ สถาปัตยกรรมและเทคโนโลยีการผลิต ➡️ ใช้ TSMC N3P ซึ่งเป็น 3nm รุ่นที่สามแบบ optical shrink จาก N3E ➡️ ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 5% หรือประหยัดพลังงานได้ 5–10% ➡️ Qualcomm ใช้ headroom เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพโดยไม่เพิ่ม wattage ✅ ประสิทธิภาพของ engineering sample ➡️ เล่นเกมกราฟิกหนักได้โดยใช้พลังงานไม่เกิน 5W ➡️ ให้ framerate สูงกว่ารุ่น Snapdragon 8 Elite เดิม ➡️ underclocked sample ยังทำคะแนน multi-core ได้สูงกว่า Elite เดิม ✅ การปรับปรุงด้านสถาปัตยกรรม ➡️ ปรับปรุง instruction-per-clock, memory subsystem และ scheduler ➡️ GPU และ NPU มีประสิทธิภาพสูงขึ้นโดยไม่เพิ่มพลังงาน ➡️ รองรับงาน generative AI บนอุปกรณ์โดยไม่กระทบแบตเตอรี่ ✅ เป้าหมายด้านพลังงานและความร้อน ➡️ Qualcomm ตั้งเป้าลดการใช้พลังงานลงอีก 1W สำหรับเกมกราฟิกหนัก ➡️ ช่วยลดความร้อนและยืดอายุแบตเตอรี่ ➡️ เหมาะสำหรับงาน burst เช่น AI inference, photo processing, app launch https://wccftech.com/snapdragon-8-elite-gen-5-engineering-sample-better-performance-and-efficiency-than-snapdragon-8-elite/
    WCCFTECH.COM
    Snapdragon 8 Elite Gen 5 Engineering Sample Pushes Higher Framerate In Games With Better Efficiency Than The Snapdragon 8 Elite
    An engineering sample of the Snapdragon 8 Elite Gen 5 ended up delivering significantly better performance and efficiency than its direct predecessor, the Snapdragon 8 Elite
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากเบื้องหลังความไม่พอใจของ CISO: เมื่อคนที่ต้องรับผิดชอบมากที่สุด กลับไม่มีที่นั่งในห้องที่สำคัญที่สุด

    จากรายงานปี 2025 โดย IANS และ Artico Search พบว่าเกือบ 40% ของ CISO ในองค์กรขนาดกลางและเล็กไม่มีสิทธิ์เข้าถึงบอร์ดบริหารเลย และในกลุ่มนี้ ครึ่งหนึ่งรายงานว่ารู้สึกไม่พอใจในงานที่ทำอยู่

    CISO หลายคนถูกจ้างในระดับ “ผู้จัดการอาวุโส” หรือ “ผู้อำนวยการ” แต่ถูกเรียกว่า CISO โดยไม่มีอำนาจหรือขอบเขตงานที่แท้จริง พวกเขามักต้องรายงานต่อ CIO หรือ CTO ซึ่งมีเป้าหมายด้านเทคโนโลยี ไม่ใช่ความปลอดภัย—และเมื่อมีความเสี่ยงที่ไม่ถูกจัดการ ก็กลายเป็นว่า CISO ต้องรับผิดชอบโดยไม่มีโอกาสสื่อสารกับบอร์ดเลย

    George Gerchow จาก Bedrock Security เล่าว่าเขาเคยอยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถพูดคุยกับหัวหน้าหรือบอร์ดได้โดยตรง จนทีมของเขาเริ่มลาออก และสุดท้ายเขาต้องออกจากตำแหน่งนั้นเอง เขาจึงระบุในสัญญางานใหม่ว่า “ต้องรายงานตรงต่อ CEO หรือบอร์ดเท่านั้น”

    แม้บางองค์กรจะให้ CISO เข้าถึงบอร์ดได้ แต่คำถามคือ “ใช้โอกาสนั้นได้ดีแค่ไหน” เพราะการพูดถึง CVE หรือ ransomware gang อาจทำให้บอร์ดเบื่อและมองว่า CISO ไม่เข้าใจธุรกิจ การสื่อสารที่ดีต้องเชื่อมโยงความเสี่ยงกับผลกระทบทางธุรกิจ เช่น รายได้ที่หายไป หรือความเชื่อมั่นของลูกค้าที่ลดลง

    Andy Land จาก CISO Executive Network แนะนำว่า CISO ต้องสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริหารระดับ C ก่อน เพื่อเข้าใจเป้าหมายของแต่ละฝ่าย และใช้สิ่งนั้นเป็นสะพานไปสู่การสื่อสารกับบอร์ดอย่างมีประสิทธิภาพ

    สถานการณ์การเข้าถึงบอร์ดของ CISO
    40% ของ CISO ในองค์กรขนาดกลางและเล็กไม่มีสิทธิ์เข้าถึงบอร์ด
    50% ของกลุ่มนี้รายงานว่ารู้สึกไม่พอใจในงาน
    CISO ที่มีสิทธิ์เข้าบอร์ดรายไตรมาส มีความพึงพอใจเพียง 8%

    ปัญหาโครงสร้างการรายงาน
    CISO มักรายงานต่อ CIO หรือ CTO ซึ่งมีเป้าหมายต่างกัน
    ความเสี่ยงที่ไม่ถูกจัดการอาจถูกกดไว้ ไม่ถูกนำเสนอถึงบอร์ด
    CISO กลายเป็นผู้รับผิดชอบเมื่อเกิดเหตุการณ์ แม้ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ

    ผลกระทบต่อความมั่นคงและความผูกพันในงาน
    CISO หลายคนลาออกหรือเปลี่ยนสายงานเพราะรู้สึกไม่มีอำนาจ
    อายุเฉลี่ยของตำแหน่ง CISO อยู่ที่ 18–26 เดือน
    การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กรอาจทำให้ช่องทางสื่อสารถูกตัดขาด

    แนวทางการสร้างความสัมพันธ์กับบอร์ด
    ต้องเริ่มจากการเข้าใจเป้าหมายของผู้บริหารระดับ C
    สื่อสารความเสี่ยงในรูปแบบที่เชื่อมโยงกับรายได้, pipeline, และ churn
    หลีกเลี่ยงการพูดเชิงเทคนิคที่ไม่เชื่อมโยงกับผลกระทบทางธุรกิจ

    https://www.csoonline.com/article/4049347/lack-of-board-access-the-no-1-ciso-dissatisfaction.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากเบื้องหลังความไม่พอใจของ CISO: เมื่อคนที่ต้องรับผิดชอบมากที่สุด กลับไม่มีที่นั่งในห้องที่สำคัญที่สุด จากรายงานปี 2025 โดย IANS และ Artico Search พบว่าเกือบ 40% ของ CISO ในองค์กรขนาดกลางและเล็กไม่มีสิทธิ์เข้าถึงบอร์ดบริหารเลย และในกลุ่มนี้ ครึ่งหนึ่งรายงานว่ารู้สึกไม่พอใจในงานที่ทำอยู่ CISO หลายคนถูกจ้างในระดับ “ผู้จัดการอาวุโส” หรือ “ผู้อำนวยการ” แต่ถูกเรียกว่า CISO โดยไม่มีอำนาจหรือขอบเขตงานที่แท้จริง พวกเขามักต้องรายงานต่อ CIO หรือ CTO ซึ่งมีเป้าหมายด้านเทคโนโลยี ไม่ใช่ความปลอดภัย—และเมื่อมีความเสี่ยงที่ไม่ถูกจัดการ ก็กลายเป็นว่า CISO ต้องรับผิดชอบโดยไม่มีโอกาสสื่อสารกับบอร์ดเลย George Gerchow จาก Bedrock Security เล่าว่าเขาเคยอยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถพูดคุยกับหัวหน้าหรือบอร์ดได้โดยตรง จนทีมของเขาเริ่มลาออก และสุดท้ายเขาต้องออกจากตำแหน่งนั้นเอง เขาจึงระบุในสัญญางานใหม่ว่า “ต้องรายงานตรงต่อ CEO หรือบอร์ดเท่านั้น” แม้บางองค์กรจะให้ CISO เข้าถึงบอร์ดได้ แต่คำถามคือ “ใช้โอกาสนั้นได้ดีแค่ไหน” เพราะการพูดถึง CVE หรือ ransomware gang อาจทำให้บอร์ดเบื่อและมองว่า CISO ไม่เข้าใจธุรกิจ การสื่อสารที่ดีต้องเชื่อมโยงความเสี่ยงกับผลกระทบทางธุรกิจ เช่น รายได้ที่หายไป หรือความเชื่อมั่นของลูกค้าที่ลดลง Andy Land จาก CISO Executive Network แนะนำว่า CISO ต้องสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริหารระดับ C ก่อน เพื่อเข้าใจเป้าหมายของแต่ละฝ่าย และใช้สิ่งนั้นเป็นสะพานไปสู่การสื่อสารกับบอร์ดอย่างมีประสิทธิภาพ ✅ สถานการณ์การเข้าถึงบอร์ดของ CISO ➡️ 40% ของ CISO ในองค์กรขนาดกลางและเล็กไม่มีสิทธิ์เข้าถึงบอร์ด ➡️ 50% ของกลุ่มนี้รายงานว่ารู้สึกไม่พอใจในงาน ➡️ CISO ที่มีสิทธิ์เข้าบอร์ดรายไตรมาส มีความพึงพอใจเพียง 8% ✅ ปัญหาโครงสร้างการรายงาน ➡️ CISO มักรายงานต่อ CIO หรือ CTO ซึ่งมีเป้าหมายต่างกัน ➡️ ความเสี่ยงที่ไม่ถูกจัดการอาจถูกกดไว้ ไม่ถูกนำเสนอถึงบอร์ด ➡️ CISO กลายเป็นผู้รับผิดชอบเมื่อเกิดเหตุการณ์ แม้ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ ✅ ผลกระทบต่อความมั่นคงและความผูกพันในงาน ➡️ CISO หลายคนลาออกหรือเปลี่ยนสายงานเพราะรู้สึกไม่มีอำนาจ ➡️ อายุเฉลี่ยของตำแหน่ง CISO อยู่ที่ 18–26 เดือน ➡️ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กรอาจทำให้ช่องทางสื่อสารถูกตัดขาด ✅ แนวทางการสร้างความสัมพันธ์กับบอร์ด ➡️ ต้องเริ่มจากการเข้าใจเป้าหมายของผู้บริหารระดับ C ➡️ สื่อสารความเสี่ยงในรูปแบบที่เชื่อมโยงกับรายได้, pipeline, และ churn ➡️ หลีกเลี่ยงการพูดเชิงเทคนิคที่ไม่เชื่อมโยงกับผลกระทบทางธุรกิจ https://www.csoonline.com/article/4049347/lack-of-board-access-the-no-1-ciso-dissatisfaction.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Lack of board access: The No. 1 factor for CISO dissatisfaction
    As C-level executives, CISOs are accountable for anything that goes wrong but are not given the same C-level treatment and access that would help them execute their functions with authority.
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Outlook ถึง OneDrive: เมื่อ APT28 ใช้ช่องโหว่ของระบบที่เราไว้ใจมากที่สุด

    กลุ่มแฮกเกอร์ APT28 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Fancy Bear, STRONTIUM, Sednit และอีกหลายชื่อ เป็นกลุ่มที่เชื่อมโยงกับหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย และมีประวัติการโจมตีองค์กรในประเทศ NATO มายาวนาน ล่าสุดพวกเขาถูกจับได้ว่าใช้มัลแวร์ชื่อ “NotDoor” ซึ่งเป็น VBA macro ที่ฝังอยู่ใน Microsoft Outlook เพื่อขโมยข้อมูลและควบคุมเครื่องของเหยื่อจากระยะไกล

    NotDoor ทำงานโดยรออีเมลที่มีคำสั่งลับ เช่น “Daily Report” เมื่อพบคำนี้ มันจะเริ่มทำงานทันที—ขโมยไฟล์, ส่งข้อมูลออก, ติดตั้ง payload ใหม่ และรันคำสั่ง—all ผ่านอีเมลที่ดูเหมือนปกติ โดยใช้ชื่อไฟล์ทั่วไป เช่น “report.pdf” หรือ “invoice.jpg” เพื่อไม่ให้ถูกสงสัย

    ที่น่ากลัวคือวิธีที่มันเข้าสู่ระบบ: APT28 ใช้ไฟล์ OneDrive.exe ที่เซ็นรับรองโดย Microsoft เพื่อ sideload DLL ชื่อ SSPICLI.dll ซึ่งจะปิดการป้องกัน macro และติดตั้ง NotDoor โดยใช้ PowerShell ที่ถูกเข้ารหัสแบบ Base644 จากนั้นมันจะฝังตัวในโฟลเดอร์ macro ของ Outlook, สร้าง persistence ผ่าน registry, และปิดข้อความแจ้งเตือนทั้งหมดเพื่อไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว

    มัลแวร์นี้ยังใช้ DNS และ HTTP callback ไปยัง webhook.site เพื่อยืนยันการติดตั้ง และสามารถส่งข้อมูลออกไปยังอีเมล ProtonMail ที่ควบคุมโดยผู้โจมตีได้โดยตรง

    ลักษณะของ NotDoor และการทำงาน
    เป็น VBA macro ที่ฝังใน Outlook และทำงานเมื่อมีอีเมล trigger เช่น “Daily Report”
    สามารถขโมยไฟล์, ส่งข้อมูล, ติดตั้ง payload และรันคำสั่งผ่านอีเมล
    ใช้ชื่อไฟล์ทั่วไปและหัวข้ออีเมลที่ดูปกติเพื่อหลบการตรวจจับ

    วิธีการติดตั้งและการหลบหลีก
    ใช้ OneDrive.exe ที่เซ็นรับรองเพื่อ sideload DLL ชื่อ SSPICLI.dll
    ใช้ PowerShell ที่เข้ารหัสเพื่อฝัง macro ใน Outlook
    สร้าง persistence ผ่าน registry และปิดข้อความแจ้งเตือนของ Outlook

    การสื่อสารและการยืนยันการติดตั้ง
    ใช้ DNS และ HTTP callback ไปยัง webhook.site เพื่อยืนยันการทำงาน
    ส่งข้อมูลออกไปยังอีเมล ProtonMail ที่ควบคุมโดยผู้โจมตี
    ลบอีเมล trigger และไฟล์ที่ขโมยหลังส่งออกเพื่อไม่ให้เหลือร่องรอย

    คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
    ปิดใช้งาน Outlook VBA และ macro ผ่าน Group Policy
    ใช้ Microsoft Defender ASR rules เพื่อป้องกัน Office จากการรัน child process
    ใช้ WDAC หรือ AppLocker เพื่อควบคุมการโหลด DLL

    https://hackread.com/russian-apt28-notdoor-backdoor-microsoft-outlook/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Outlook ถึง OneDrive: เมื่อ APT28 ใช้ช่องโหว่ของระบบที่เราไว้ใจมากที่สุด กลุ่มแฮกเกอร์ APT28 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Fancy Bear, STRONTIUM, Sednit และอีกหลายชื่อ เป็นกลุ่มที่เชื่อมโยงกับหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย และมีประวัติการโจมตีองค์กรในประเทศ NATO มายาวนาน ล่าสุดพวกเขาถูกจับได้ว่าใช้มัลแวร์ชื่อ “NotDoor” ซึ่งเป็น VBA macro ที่ฝังอยู่ใน Microsoft Outlook เพื่อขโมยข้อมูลและควบคุมเครื่องของเหยื่อจากระยะไกล NotDoor ทำงานโดยรออีเมลที่มีคำสั่งลับ เช่น “Daily Report” เมื่อพบคำนี้ มันจะเริ่มทำงานทันที—ขโมยไฟล์, ส่งข้อมูลออก, ติดตั้ง payload ใหม่ และรันคำสั่ง—all ผ่านอีเมลที่ดูเหมือนปกติ โดยใช้ชื่อไฟล์ทั่วไป เช่น “report.pdf” หรือ “invoice.jpg” เพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ที่น่ากลัวคือวิธีที่มันเข้าสู่ระบบ: APT28 ใช้ไฟล์ OneDrive.exe ที่เซ็นรับรองโดย Microsoft เพื่อ sideload DLL ชื่อ SSPICLI.dll ซึ่งจะปิดการป้องกัน macro และติดตั้ง NotDoor โดยใช้ PowerShell ที่ถูกเข้ารหัสแบบ Base644 จากนั้นมันจะฝังตัวในโฟลเดอร์ macro ของ Outlook, สร้าง persistence ผ่าน registry, และปิดข้อความแจ้งเตือนทั้งหมดเพื่อไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว มัลแวร์นี้ยังใช้ DNS และ HTTP callback ไปยัง webhook.site เพื่อยืนยันการติดตั้ง และสามารถส่งข้อมูลออกไปยังอีเมล ProtonMail ที่ควบคุมโดยผู้โจมตีได้โดยตรง ✅ ลักษณะของ NotDoor และการทำงาน ➡️ เป็น VBA macro ที่ฝังใน Outlook และทำงานเมื่อมีอีเมล trigger เช่น “Daily Report” ➡️ สามารถขโมยไฟล์, ส่งข้อมูล, ติดตั้ง payload และรันคำสั่งผ่านอีเมล ➡️ ใช้ชื่อไฟล์ทั่วไปและหัวข้ออีเมลที่ดูปกติเพื่อหลบการตรวจจับ ✅ วิธีการติดตั้งและการหลบหลีก ➡️ ใช้ OneDrive.exe ที่เซ็นรับรองเพื่อ sideload DLL ชื่อ SSPICLI.dll ➡️ ใช้ PowerShell ที่เข้ารหัสเพื่อฝัง macro ใน Outlook ➡️ สร้าง persistence ผ่าน registry และปิดข้อความแจ้งเตือนของ Outlook ✅ การสื่อสารและการยืนยันการติดตั้ง ➡️ ใช้ DNS และ HTTP callback ไปยัง webhook.site เพื่อยืนยันการทำงาน ➡️ ส่งข้อมูลออกไปยังอีเมล ProtonMail ที่ควบคุมโดยผู้โจมตี ➡️ ลบอีเมล trigger และไฟล์ที่ขโมยหลังส่งออกเพื่อไม่ให้เหลือร่องรอย ✅ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ ปิดใช้งาน Outlook VBA และ macro ผ่าน Group Policy ➡️ ใช้ Microsoft Defender ASR rules เพื่อป้องกัน Office จากการรัน child process ➡️ ใช้ WDAC หรือ AppLocker เพื่อควบคุมการโหลด DLL https://hackread.com/russian-apt28-notdoor-backdoor-microsoft-outlook/
    HACKREAD.COM
    Russian APT28 Deploys “NotDoor” Backdoor Through Microsoft Outlook
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 118 Views 0 Reviews
  • ล่องเรือสำราญ Crown Princess ตะลุยแดนใต้ของออสเตรเลียไปกับเส้นทาง Southern Australia Explorer
    สัมผัสความงามของธรรมชาติและเมืองชายฝั่งชื่อดัง พร้อมบริการเหนือระดับจากหัวหน้าทัวร์ไทยตลอดทริป

    🛳 แพ็คเกจล่องเรือ Crown Princess – 8 วัน 6 คืน

    เดินทาง: 18 – 25 ตุลาคม 2568

    เส้นทาง: เมลเบิร์น – โฮบาร์ต – แทสเมเนีย – ซิดนีย์

    ราคาเริ่มต้นเพียง ฿143,800 / ท่าน

    รวมครบ
    ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
    ค่าธรรมเนียมวีซ่าออสเตรเลีย
    ทัวร์ชายฝั่งตามโปรแกรม
    หัวหน้าทัวร์คนไทยดูแลตลอดทริป

    รหัสแพ็คเกจ : PRIT-TG-8D6N-MEL-SYD-2510181
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e78734

    ดูเรือ Princess Cruises ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/1ab7e0

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696 (Auto)

    #เรือPrincessCruises #เรือMSC #MSC #MSCSeaview #Mediterranean #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #Florence #Italy #Sagradafamilia #Spain #Pisa #CruiseDomain
    🌊 ล่องเรือสำราญ Crown Princess ตะลุยแดนใต้ของออสเตรเลียไปกับเส้นทาง Southern Australia Explorer สัมผัสความงามของธรรมชาติและเมืองชายฝั่งชื่อดัง พร้อมบริการเหนือระดับจากหัวหน้าทัวร์ไทยตลอดทริป 🇦🇺💼 🛳 แพ็คเกจล่องเรือ Crown Princess – 8 วัน 6 คืน 📅 เดินทาง: 18 – 25 ตุลาคม 2568 📍 เส้นทาง: เมลเบิร์น – โฮบาร์ต – แทสเมเนีย – ซิดนีย์ 💰 ราคาเริ่มต้นเพียง ฿143,800 / ท่าน รวมครบ ✅ ✈️ ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ 🛂 ค่าธรรมเนียมวีซ่าออสเตรเลีย 🚐 ทัวร์ชายฝั่งตามโปรแกรม 👨‍✈️ หัวหน้าทัวร์คนไทยดูแลตลอดทริป ➡️ รหัสแพ็คเกจ : PRIT-TG-8D6N-MEL-SYD-2510181 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e78734 ดูเรือ Princess Cruises ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/1ab7e0 ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #เรือPrincessCruises #เรือMSC #MSC #MSCSeaview #Mediterranean #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #Florence #Italy #Sagradafamilia #Spain #Pisa #CruiseDomain
    0 Comments 0 Shares 156 Views 0 Reviews
  • ยุคล่าอาณานิคมจบแล้ว,ไทยต้องได้คืนดินแดนที่ถูกต้องกลับมา,ฑูตฝรั่งเศสสมควรถูกขับออกจากประเทศไทยตอนนี้ เขาพระวิหารก็ฝรั่งเศสคือตัวการสร้างความแตกแยก,พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ ฝรั่งเศสนี้อีกที่เจตนาคืนผิดเจ้าของสร้างความขัดแย้งในภูมิภาคนี้,และไม่เกี่ยวกับสงครามโลกด้วย ที่ฝรั่งเศสจะมาอ้างเอาแดนดินไทยไป,ถีบฑูตฝรั่งเศสออกจากไทยตอนนี้เลย แบบกิจการของชาติฝรั่งเศสในไทยทั้งหมดในเวลานี้ที่จนเกินสงครามไทยกับเขมรขึ้นทั้งยังอยากได้บ่อน้ำมันในอ่าวไทยด้วย,เมื่อไม่ซื่อ ก็ไม่สมควรมีฑูตฝรั่งเศสในไทย,ปัญหาทั้งหมดคือนักล่าอาณานิคมแบบฝรั่งเศสคือตัวการใหญ่ที่ไม่ยอมวางมือจริงๆแม้ตอนปัจจุบันนี้ด้วย,ฝรั่งเศสสันดานเดียวกับเขมร,ไว้วางใจไม่ได้,และคือตัวปัญหาจริงด้วย.

    https://www.facebook.com/WeLoveThaiParent/posts/-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%B5-%E0%B8%9E%E0%B8%A8%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%98%E0%B9%97-%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%94-%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8/1230036602263612/
    ยุคล่าอาณานิคมจบแล้ว,ไทยต้องได้คืนดินแดนที่ถูกต้องกลับมา,ฑูตฝรั่งเศสสมควรถูกขับออกจากประเทศไทยตอนนี้ เขาพระวิหารก็ฝรั่งเศสคือตัวการสร้างความแตกแยก,พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ ฝรั่งเศสนี้อีกที่เจตนาคืนผิดเจ้าของสร้างความขัดแย้งในภูมิภาคนี้,และไม่เกี่ยวกับสงครามโลกด้วย ที่ฝรั่งเศสจะมาอ้างเอาแดนดินไทยไป,ถีบฑูตฝรั่งเศสออกจากไทยตอนนี้เลย แบบกิจการของชาติฝรั่งเศสในไทยทั้งหมดในเวลานี้ที่จนเกินสงครามไทยกับเขมรขึ้นทั้งยังอยากได้บ่อน้ำมันในอ่าวไทยด้วย,เมื่อไม่ซื่อ ก็ไม่สมควรมีฑูตฝรั่งเศสในไทย,ปัญหาทั้งหมดคือนักล่าอาณานิคมแบบฝรั่งเศสคือตัวการใหญ่ที่ไม่ยอมวางมือจริงๆแม้ตอนปัจจุบันนี้ด้วย,ฝรั่งเศสสันดานเดียวกับเขมร,ไว้วางใจไม่ได้,และคือตัวปัญหาจริงด้วย. https://www.facebook.com/WeLoveThaiParent/posts/-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%B5-%E0%B8%9E%E0%B8%A8%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%98%E0%B9%97-%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%94-%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8/1230036602263612/
    0 Comments 0 Shares 93 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก dopamine hit ถึง debugging: เมื่อคนเขียนโค้ดรุ่นเก๋าใช้ AI อย่างมีชั้นเชิง

    จากผลสำรวจของ Fastly ที่เผยแพร่ผ่าน TechRadar และ The Register พบว่า นักพัฒนาอาวุโส (มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี) ใช้เครื่องมือสร้างโค้ดด้วย AI เช่น Copilot, Claude, Gemini มากกว่านักพัฒนารุ่นใหม่ถึง 2.5 เท่า โดยประมาณหนึ่งในสามของนักพัฒนาอาวุโสระบุว่า “มากกว่าครึ่ง” ของโค้ดที่พวกเขาส่งขึ้น production มาจาก AI

    แต่การใช้ AI ไม่ได้หมายถึงการพึ่งพาแบบไร้การตรวจสอบ—นักพัฒนาอาวุโสกลับใช้เวลา “มากขึ้น” ในการตรวจสอบข้อผิดพลาดที่เกิดจาก AI และแก้ไขให้เหมาะสมกับบริบทของระบบจริง โดยเฉพาะในงานที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีผลกระทบต่อธุรกิจ

    Austin Spires จาก Fastly อธิบายว่า นักพัฒนาอาวุโสไม่ได้เขียนโค้ดทั้งวัน แต่ต้องดูแล testing, architecture และ mentoring ด้วย การใช้ AI เพื่อสร้าง prototype อย่างรวดเร็วจึงช่วยให้พวกเขา “ได้ความรู้สึกสนุกแบบเดิมกลับมา”—คล้ายกับ dopamine hit ที่เคยได้จากการเขียนโค้ดด้วยมือในยุคแรก

    ในทางกลับกัน นักพัฒนารุ่นใหม่ (ประสบการณ์ต่ำกว่า 2 ปี) กลับใช้ AI น้อยกว่า และมักเลือกเขียนโค้ดด้วยมือ เพราะรู้สึกว่า AI ยังไม่เข้าใจบริบทหรือเจตนาของโค้ดที่ต้องการได้ดีพอ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในฝีมือและความต้องการเรียนรู้เชิงลึก

    ที่น่าสนใจคือ นักพัฒนาอาวุโสยังให้ความสำคัญกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของโค้ดที่เขียน—กว่า 80% ระบุว่าพวกเขาคำนึงถึงพลังงานที่ใช้ในการรันโค้ด ขณะที่นักพัฒนารุ่นใหม่มีเพียงครึ่งเดียวที่คิดถึงเรื่องนี้ และเกือบ 10% ยอมรับว่า “ไม่รู้เลยว่าระบบใช้พลังงานเท่าไหร่”

    การใช้งาน AI coding tools ในกลุ่มนักพัฒนาอาวุโส
    32% ของนักพัฒนาอาวุโสใช้ AI สร้างโค้ดมากกว่าครึ่งของงานที่ deploy
    ใช้ AI เพื่อสร้าง prototype และเร่งงานที่ไม่ต้องการความละเอียดสูง
    ใช้เวลาเพิ่มในการตรวจสอบข้อผิดพลาดจาก AI เพื่อความมั่นใจ

    พฤติกรรมของนักพัฒนารุ่นใหม่
    มีเพียง 13% ที่ใช้ AI coding tools ในระดับเดียวกัน
    มักเลือกเขียนโค้ดด้วยมือเพื่อความเข้าใจและควบคุมที่มากกว่า
    มองว่า AI ยังไม่สามารถเข้าใจเจตนาของโค้ดได้ดีพอ

    ความรู้สึกและแรงจูงใจ
    นักพัฒนาอาวุโสรู้สึกว่า AI coding ให้ dopamine hit คล้ายกับการเขียนโค้ดยุคแรก
    นักพัฒนารุ่นใหม่ยังให้คุณค่ากับ “craftsmanship” ของการเขียนโค้ดด้วยมือ
    ทั้งสองกลุ่มมากกว่า 70% เห็นว่า AI ทำให้การทำงานสนุกขึ้น

    ความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม
    80% ของนักพัฒนาอาวุโสคำนึงถึงพลังงานที่ใช้ในการรันโค้ด
    นักพัฒนารุ่นใหม่มีเพียงครึ่งเดียวที่คิดถึงเรื่องนี้
    เกือบ 10% ยอมรับว่าไม่รู้ว่าระบบใช้พลังงานเท่าไหร่

    https://www.techradar.com/pro/they-dont-make-em-like-they-used-to-older-coders-are-more-in-tune-with-vibe-coding-study-claims
    🎙️ เรื่องเล่าจาก dopamine hit ถึง debugging: เมื่อคนเขียนโค้ดรุ่นเก๋าใช้ AI อย่างมีชั้นเชิง จากผลสำรวจของ Fastly ที่เผยแพร่ผ่าน TechRadar และ The Register พบว่า นักพัฒนาอาวุโส (มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี) ใช้เครื่องมือสร้างโค้ดด้วย AI เช่น Copilot, Claude, Gemini มากกว่านักพัฒนารุ่นใหม่ถึง 2.5 เท่า โดยประมาณหนึ่งในสามของนักพัฒนาอาวุโสระบุว่า “มากกว่าครึ่ง” ของโค้ดที่พวกเขาส่งขึ้น production มาจาก AI แต่การใช้ AI ไม่ได้หมายถึงการพึ่งพาแบบไร้การตรวจสอบ—นักพัฒนาอาวุโสกลับใช้เวลา “มากขึ้น” ในการตรวจสอบข้อผิดพลาดที่เกิดจาก AI และแก้ไขให้เหมาะสมกับบริบทของระบบจริง โดยเฉพาะในงานที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีผลกระทบต่อธุรกิจ Austin Spires จาก Fastly อธิบายว่า นักพัฒนาอาวุโสไม่ได้เขียนโค้ดทั้งวัน แต่ต้องดูแล testing, architecture และ mentoring ด้วย การใช้ AI เพื่อสร้าง prototype อย่างรวดเร็วจึงช่วยให้พวกเขา “ได้ความรู้สึกสนุกแบบเดิมกลับมา”—คล้ายกับ dopamine hit ที่เคยได้จากการเขียนโค้ดด้วยมือในยุคแรก ในทางกลับกัน นักพัฒนารุ่นใหม่ (ประสบการณ์ต่ำกว่า 2 ปี) กลับใช้ AI น้อยกว่า และมักเลือกเขียนโค้ดด้วยมือ เพราะรู้สึกว่า AI ยังไม่เข้าใจบริบทหรือเจตนาของโค้ดที่ต้องการได้ดีพอ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในฝีมือและความต้องการเรียนรู้เชิงลึก ที่น่าสนใจคือ นักพัฒนาอาวุโสยังให้ความสำคัญกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของโค้ดที่เขียน—กว่า 80% ระบุว่าพวกเขาคำนึงถึงพลังงานที่ใช้ในการรันโค้ด ขณะที่นักพัฒนารุ่นใหม่มีเพียงครึ่งเดียวที่คิดถึงเรื่องนี้ และเกือบ 10% ยอมรับว่า “ไม่รู้เลยว่าระบบใช้พลังงานเท่าไหร่” ✅ การใช้งาน AI coding tools ในกลุ่มนักพัฒนาอาวุโส ➡️ 32% ของนักพัฒนาอาวุโสใช้ AI สร้างโค้ดมากกว่าครึ่งของงานที่ deploy ➡️ ใช้ AI เพื่อสร้าง prototype และเร่งงานที่ไม่ต้องการความละเอียดสูง ➡️ ใช้เวลาเพิ่มในการตรวจสอบข้อผิดพลาดจาก AI เพื่อความมั่นใจ ✅ พฤติกรรมของนักพัฒนารุ่นใหม่ ➡️ มีเพียง 13% ที่ใช้ AI coding tools ในระดับเดียวกัน ➡️ มักเลือกเขียนโค้ดด้วยมือเพื่อความเข้าใจและควบคุมที่มากกว่า ➡️ มองว่า AI ยังไม่สามารถเข้าใจเจตนาของโค้ดได้ดีพอ ✅ ความรู้สึกและแรงจูงใจ ➡️ นักพัฒนาอาวุโสรู้สึกว่า AI coding ให้ dopamine hit คล้ายกับการเขียนโค้ดยุคแรก ➡️ นักพัฒนารุ่นใหม่ยังให้คุณค่ากับ “craftsmanship” ของการเขียนโค้ดด้วยมือ ➡️ ทั้งสองกลุ่มมากกว่า 70% เห็นว่า AI ทำให้การทำงานสนุกขึ้น ✅ ความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม ➡️ 80% ของนักพัฒนาอาวุโสคำนึงถึงพลังงานที่ใช้ในการรันโค้ด ➡️ นักพัฒนารุ่นใหม่มีเพียงครึ่งเดียวที่คิดถึงเรื่องนี้ ➡️ เกือบ 10% ยอมรับว่าไม่รู้ว่าระบบใช้พลังงานเท่าไหร่ https://www.techradar.com/pro/they-dont-make-em-like-they-used-to-older-coders-are-more-in-tune-with-vibe-coding-study-claims
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Blackwell ถึง BlueField: เมื่อ Giga Computing เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ที่รวมทุกสิ่งไว้ในแร็คเดียว

    Giga Computing ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ GIGABYTE ได้เปิดตัว XL44-SX2-AAS1 ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ในกลุ่ม NVIDIA RTX PRO Server โดยใช้สถาปัตยกรรม MGX ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI ระดับองค์กรโดยเฉพาะ

    ภายในเซิร์ฟเวอร์นี้มี GPU รุ่น RTX PRO 6000 Blackwell Server Edition ถึง 8 ตัว แต่ละตัวมี 24,064 CUDA cores, 96 GB GDDR7 ECC memory และสามารถประมวลผล FP4 ได้ถึง 3.7 PFLOPS พร้อม DPU รุ่น BlueField-3 ที่ให้แบนด์วิดธ์ 400 Gb/s สำหรับการเข้าถึงข้อมูลและความปลอดภัยของ runtime

    ที่โดดเด่นคือการใช้ NVIDIA ConnectX-8 SuperNIC จำนวน 4 ตัว ซึ่งรองรับ PCIe Gen 6 x16 และสามารถเชื่อมต่อ GPU-to-GPU โดยตรงด้วยแบนด์วิดธ์สูงสุดถึง 800 Gb/s ต่อ GPU—ช่วยให้การเทรนโมเดลแบบกระจาย (distributed training) ทำได้เร็วขึ้นและเสถียรมากขึ้น

    ระบบนี้ยังมาพร้อมกับซีพียู Intel Xeon 6700/6500 series แบบ dual-socket, RAM DDR5 สูงสุด 32 DIMMs, และพาวเวอร์ซัพพลายแบบ redundant 3+1 ขนาด 3200W ที่ผ่านมาตรฐาน 80 Plus Titanium เพื่อรองรับการทำงาน 24/7

    นอกจากฮาร์ดแวร์แล้ว XL44 ยังมาพร้อมกับ NVIDIA AI Enterprise ที่รวม microservices อย่าง NIM, รองรับ Omniverse สำหรับ digital twins และ Cosmos สำหรับ physical AI—ทำให้สามารถนำโมเดลจากโลกเสมือนเข้าสู่การใช้งานจริงได้ทันที

    สเปกหลักของ GIGABYTE XL44-SX2-AAS1
    ใช้ GPU RTX PRO 6000 Blackwell Server Edition × 8 ตัว
    แต่ละ GPU มี 96 GB GDDR7 ECC, 3.7 PFLOPS FP4, 117 TFLOPS FP32
    ใช้ DPU BlueField-3 และ SuperNIC ConnectX-8 × 4 ตัว

    ความสามารถด้านการเชื่อมต่อและประมวลผล
    รองรับ PCIe Gen 6 x16 และ InfiniBand/Ethernet สูงสุด 800 Gb/s ต่อ GPU
    มี 2×400GbE external connections สำหรับ data center traffic
    รองรับ GPU-to-GPU direct communication สำหรับ distributed AI

    ฮาร์ดแวร์ระดับ data center
    Dual Intel Xeon 6700/6500 series CPU
    รองรับ DDR5 DIMM สูงสุด 32 แถว
    พาวเวอร์ซัพพลาย 3+1 redundant 3200W 80 Plus Titanium

    ซอฟต์แวร์และการใช้งาน
    มาพร้อม NVIDIA AI Enterprise, NIM, Omniverse และ Cosmos
    รองรับงาน AI inference, physical AI, 3D simulation, video processing
    ใช้งานได้กับ Windows, Linux, Kubernetes และ virtualization

    การใช้งานในอุตสาหกรรม
    เหมาะกับ smart manufacturing, financial modeling, medical research
    รองรับ LLM inference และการสร้าง digital twins
    พร้อมใช้งานทั่วไปในเดือนตุลาคม 2025

    https://www.techpowerup.com/340680/giga-computing-expands-nvidia-rtx-pro-server-portfolio
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Blackwell ถึง BlueField: เมื่อ Giga Computing เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ที่รวมทุกสิ่งไว้ในแร็คเดียว Giga Computing ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ GIGABYTE ได้เปิดตัว XL44-SX2-AAS1 ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ในกลุ่ม NVIDIA RTX PRO Server โดยใช้สถาปัตยกรรม MGX ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI ระดับองค์กรโดยเฉพาะ ภายในเซิร์ฟเวอร์นี้มี GPU รุ่น RTX PRO 6000 Blackwell Server Edition ถึง 8 ตัว แต่ละตัวมี 24,064 CUDA cores, 96 GB GDDR7 ECC memory และสามารถประมวลผล FP4 ได้ถึง 3.7 PFLOPS พร้อม DPU รุ่น BlueField-3 ที่ให้แบนด์วิดธ์ 400 Gb/s สำหรับการเข้าถึงข้อมูลและความปลอดภัยของ runtime ที่โดดเด่นคือการใช้ NVIDIA ConnectX-8 SuperNIC จำนวน 4 ตัว ซึ่งรองรับ PCIe Gen 6 x16 และสามารถเชื่อมต่อ GPU-to-GPU โดยตรงด้วยแบนด์วิดธ์สูงสุดถึง 800 Gb/s ต่อ GPU—ช่วยให้การเทรนโมเดลแบบกระจาย (distributed training) ทำได้เร็วขึ้นและเสถียรมากขึ้น ระบบนี้ยังมาพร้อมกับซีพียู Intel Xeon 6700/6500 series แบบ dual-socket, RAM DDR5 สูงสุด 32 DIMMs, และพาวเวอร์ซัพพลายแบบ redundant 3+1 ขนาด 3200W ที่ผ่านมาตรฐาน 80 Plus Titanium เพื่อรองรับการทำงาน 24/7 นอกจากฮาร์ดแวร์แล้ว XL44 ยังมาพร้อมกับ NVIDIA AI Enterprise ที่รวม microservices อย่าง NIM, รองรับ Omniverse สำหรับ digital twins และ Cosmos สำหรับ physical AI—ทำให้สามารถนำโมเดลจากโลกเสมือนเข้าสู่การใช้งานจริงได้ทันที ✅ สเปกหลักของ GIGABYTE XL44-SX2-AAS1 ➡️ ใช้ GPU RTX PRO 6000 Blackwell Server Edition × 8 ตัว ➡️ แต่ละ GPU มี 96 GB GDDR7 ECC, 3.7 PFLOPS FP4, 117 TFLOPS FP32 ➡️ ใช้ DPU BlueField-3 และ SuperNIC ConnectX-8 × 4 ตัว ✅ ความสามารถด้านการเชื่อมต่อและประมวลผล ➡️ รองรับ PCIe Gen 6 x16 และ InfiniBand/Ethernet สูงสุด 800 Gb/s ต่อ GPU ➡️ มี 2×400GbE external connections สำหรับ data center traffic ➡️ รองรับ GPU-to-GPU direct communication สำหรับ distributed AI ✅ ฮาร์ดแวร์ระดับ data center ➡️ Dual Intel Xeon 6700/6500 series CPU ➡️ รองรับ DDR5 DIMM สูงสุด 32 แถว ➡️ พาวเวอร์ซัพพลาย 3+1 redundant 3200W 80 Plus Titanium ✅ ซอฟต์แวร์และการใช้งาน ➡️ มาพร้อม NVIDIA AI Enterprise, NIM, Omniverse และ Cosmos ➡️ รองรับงาน AI inference, physical AI, 3D simulation, video processing ➡️ ใช้งานได้กับ Windows, Linux, Kubernetes และ virtualization ✅ การใช้งานในอุตสาหกรรม ➡️ เหมาะกับ smart manufacturing, financial modeling, medical research ➡️ รองรับ LLM inference และการสร้าง digital twins ➡️ พร้อมใช้งานทั่วไปในเดือนตุลาคม 2025 https://www.techpowerup.com/340680/giga-computing-expands-nvidia-rtx-pro-server-portfolio
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Giga Computing Expands NVIDIA RTX PRO Server Portfolio
    Giga Computing, a subsidiary of GIGABYTE Group, today announced the availability of the XL44-SX2-AAS1 server, integrating NVIDIA RTX PRO 6000 Blackwell Server Edition GPUs with the NVIDIA BlueField-3 DPU and NVIDIA ConnectX-8 SuperNICs, this breakthrough platform unifies computing and high-speed dat...
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากการสำรวจภาคธุรกิจ: เมื่อ AI ยังไม่ทำให้คนตกงาน แต่เริ่มเปลี่ยนวิธีจ้างงานและฝึกอบรม

    ในบล็อกของ New York Fed ที่เผยแพร่เมื่อ 4 กันยายน 2025 นักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า แม้การใช้งาน AI ในภาคธุรกิจจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ผลกระทบต่อการจ้างงานยังถือว่า “น้อยมาก” โดยเฉพาะในแง่ของการเลิกจ้างพนักงาน

    จากการสำรวจในเขตนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์ พบว่า 40% ของบริษัทด้านบริการ และ 26% ของผู้ผลิต ใช้ AI ในกระบวนการทำงานแล้ว เพิ่มขึ้นจาก 25% และ 16% ตามลำดับเมื่อปีที่แล้ว และเกือบครึ่งของบริษัทเหล่านี้มีแผนจะใช้ AI เพิ่มในอีก 6 เดือนข้างหน้า

    แต่แทนที่จะปลดพนักงาน บริษัทกลับเลือกที่จะ “ฝึกอบรมใหม่” เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในตำแหน่งที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล, การตลาด, และการบริการลูกค้า

    อย่างไรก็ตาม นักวิจัยเตือนว่าแนวโน้มนี้อาจเปลี่ยนไปในอนาคต เมื่อ AI ถูกนำไปใช้ในระดับลึกมากขึ้น โดยเฉพาะในตำแหน่งที่มีค่าตอบแทนสูง เช่น ผู้จัดการ, นักวิเคราะห์, หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน ซึ่งอาจถูกแทนที่บางส่วนด้วยระบบอัตโนมัติ

    การใช้งาน AI ในภาคธุรกิจนิวยอร์ก
    40% ของบริษัทบริการ และ 26% ของผู้ผลิตใช้ AI แล้ว
    เพิ่มขึ้นจาก 25% และ 16% เมื่อปีที่แล้ว
    เกือบครึ่งของบริษัทมีแผนจะใช้ AI เพิ่มในอีก 6 เดือนข้างหน้า

    ผลกระทบต่อการจ้างงาน
    บริษัทส่วนใหญ่ยังไม่ปลดพนักงานเพราะ AI
    เลือกฝึกอบรมพนักงานใหม่เพื่อทำงานร่วมกับ AI
    การเลิกจ้างที่เกิดจาก AI ยังอยู่ในระดับต่ำมาก

    แนวโน้มในอนาคต
    บริษัทเริ่มคาดการณ์ว่าจะมีการลดการจ้างงานในบางตำแหน่ง
    โดยเฉพาะงานที่ใช้ทักษะสูงและมีค่าตอบแทนสูง
    การจ้างงานใหม่อาจเน้นคนที่มีทักษะด้าน AI มากขึ้น

    การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง
    AI เริ่มมีบทบาทในการคัดเลือกพนักงานและวิเคราะห์ประสิทธิภาพ
    บางบริษัทลดการจ้างงานใหม่ แต่เพิ่มการจ้างคนที่ใช้ AI ได้
    ตลาดแรงงานอาจเปลี่ยนจาก “จำนวนคน” เป็น “คุณภาพทักษะ”

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/04/ai-not-affecting-job-market-much-so-far-new-york-fed-says
    🎙️ เรื่องเล่าจากการสำรวจภาคธุรกิจ: เมื่อ AI ยังไม่ทำให้คนตกงาน แต่เริ่มเปลี่ยนวิธีจ้างงานและฝึกอบรม ในบล็อกของ New York Fed ที่เผยแพร่เมื่อ 4 กันยายน 2025 นักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า แม้การใช้งาน AI ในภาคธุรกิจจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ผลกระทบต่อการจ้างงานยังถือว่า “น้อยมาก” โดยเฉพาะในแง่ของการเลิกจ้างพนักงาน จากการสำรวจในเขตนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์ พบว่า 40% ของบริษัทด้านบริการ และ 26% ของผู้ผลิต ใช้ AI ในกระบวนการทำงานแล้ว เพิ่มขึ้นจาก 25% และ 16% ตามลำดับเมื่อปีที่แล้ว และเกือบครึ่งของบริษัทเหล่านี้มีแผนจะใช้ AI เพิ่มในอีก 6 เดือนข้างหน้า แต่แทนที่จะปลดพนักงาน บริษัทกลับเลือกที่จะ “ฝึกอบรมใหม่” เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในตำแหน่งที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล, การตลาด, และการบริการลูกค้า อย่างไรก็ตาม นักวิจัยเตือนว่าแนวโน้มนี้อาจเปลี่ยนไปในอนาคต เมื่อ AI ถูกนำไปใช้ในระดับลึกมากขึ้น โดยเฉพาะในตำแหน่งที่มีค่าตอบแทนสูง เช่น ผู้จัดการ, นักวิเคราะห์, หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน ซึ่งอาจถูกแทนที่บางส่วนด้วยระบบอัตโนมัติ ✅ การใช้งาน AI ในภาคธุรกิจนิวยอร์ก ➡️ 40% ของบริษัทบริการ และ 26% ของผู้ผลิตใช้ AI แล้ว ➡️ เพิ่มขึ้นจาก 25% และ 16% เมื่อปีที่แล้ว ➡️ เกือบครึ่งของบริษัทมีแผนจะใช้ AI เพิ่มในอีก 6 เดือนข้างหน้า ✅ ผลกระทบต่อการจ้างงาน ➡️ บริษัทส่วนใหญ่ยังไม่ปลดพนักงานเพราะ AI ➡️ เลือกฝึกอบรมพนักงานใหม่เพื่อทำงานร่วมกับ AI ➡️ การเลิกจ้างที่เกิดจาก AI ยังอยู่ในระดับต่ำมาก ✅ แนวโน้มในอนาคต ➡️ บริษัทเริ่มคาดการณ์ว่าจะมีการลดการจ้างงานในบางตำแหน่ง ➡️ โดยเฉพาะงานที่ใช้ทักษะสูงและมีค่าตอบแทนสูง ➡️ การจ้างงานใหม่อาจเน้นคนที่มีทักษะด้าน AI มากขึ้น ✅ การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ➡️ AI เริ่มมีบทบาทในการคัดเลือกพนักงานและวิเคราะห์ประสิทธิภาพ ➡️ บางบริษัทลดการจ้างงานใหม่ แต่เพิ่มการจ้างคนที่ใช้ AI ได้ ➡️ ตลาดแรงงานอาจเปลี่ยนจาก “จำนวนคน” เป็น “คุณภาพทักษะ” https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/04/ai-not-affecting-job-market-much-so-far-new-york-fed-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI not affecting job market much so far, New York Fed says
    NEW YORK (Reuters) -Rising adoption of artificial intelligence technology by firms in the Federal Reserve's New York district has not been much of a job-killer so far, the regional Fed bank said in a blog on Thursday.
    0 Comments 0 Shares 118 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Influencer ที่ไม่มีวันแก่: เมื่อ AI กลายเป็นคนดังที่แบรนด์รักและ FTC เริ่มไม่ไว้ใจ

    Lil Miquela เปิดตัวในปี 2016 ในฐานะ “วัยรุ่นบราซิล-อเมริกันจากแคลิฟอร์เนีย” ที่มีชีวิตอยู่บน Instagram เท่านั้น แต่เธอกลับกลายเป็นคนดังที่มีผู้ติดตามกว่า 2.4 ล้านคน ปรากฏตัวบนปกนิตยสาร, ร่วมแคมเปญกับ Calvin Klein และ Prada, และแม้แต่ถ่ายเซลฟี่กับ Nancy Pelosi ที่งานดนตรีในซานฟรานซิสโกเมื่อเดือนก่อน

    แต่เบื้องหลังของ Lil Miquela คือโมเดล AI ที่สร้างโดยบริษัท Dapper Labs ซึ่งใช้เทคนิคการเรนเดอร์ภาพและการเขียนบทสนทนาให้เหมือนมนุษย์จริง ๆ จนผู้ติดตามหลายคนไม่รู้ว่าเธอไม่ใช่คนจริง

    การเติบโตของ “AI influencer” ไม่ได้หยุดแค่ Miquela—ยังมี Shudu, Milla Sofia และอีกหลายคนที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนแบรนด์โดยเฉพาะ และนั่นทำให้ FTC (คณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ) ต้องออกกฎใหม่ในปี 2023 โดยระบุว่า virtual influencer ที่ “ดูเหมือนคนจริง” และ “พูดในลักษณะที่ผู้บริโภคอาจเข้าใจว่าเป็นประสบการณ์ส่วนตัว” จะต้องปฏิบัติตามกฎการโฆษณาเหมือน influencer จริงทุกประการ3

    นั่นหมายความว่า AI influencer ต้องเปิดเผยความเกี่ยวข้องกับแบรนด์, ห้ามพูดราวกับเคยใช้สินค้าจริง, และแบรนด์ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ AI พูด—แม้จะเป็นโมเดลที่ไม่มีความรู้สึกหรือประสบการณ์จริงก็ตาม

    การเติบโตของ AI influencer
    Lil Miquela เปิดตัวในปี 2016 และมีผู้ติดตามกว่า 2.4 ล้านคน
    ปรากฏตัวในแคมเปญของแบรนด์ใหญ่ เช่น Calvin Klein และ Prada
    มีการโต้ตอบกับบุคคลจริง เช่น Nancy Pelosi ในงานดนตรี

    การกำกับดูแลจาก FTC
    FTC อัปเดต Endorsement Guide ให้ครอบคลุม virtual influencer
    ต้องเปิดเผยความเกี่ยวข้องกับแบรนด์อย่างชัดเจน
    ห้ามพูดราวกับมีประสบการณ์ส่วนตัวกับสินค้า

    ตัวอย่าง virtual influencer ที่มีอิทธิพล
    Shudu, Milla Sofia, Lu do Magalu เป็นตัวอย่างของ AI ที่มีผู้ติดตามหลักล้าน
    ถูกใช้เป็นตัวแทนแบรนด์ในหลายประเทศ
    บางรายถูกสร้างโดยแบรนด์เองเพื่อควบคุมภาพลักษณ์และข้อความ

    แนวโน้มของตลาดและเทคโนโลยี
    AI influencer ช่วยลดต้นทุนการตลาดและควบคุมเนื้อหาได้เต็มที่
    ใช้เทคโนโลยีเรนเดอร์ภาพและ NLP เพื่อสร้างบทสนทนาเหมือนจริง
    แบรนด์ขนาดเล็กสามารถสร้าง content ระดับสตูดิโอได้ด้วยงบจำกัด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/04/theyre-famous-theyre-everywhere-and-theyre-fake
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Influencer ที่ไม่มีวันแก่: เมื่อ AI กลายเป็นคนดังที่แบรนด์รักและ FTC เริ่มไม่ไว้ใจ Lil Miquela เปิดตัวในปี 2016 ในฐานะ “วัยรุ่นบราซิล-อเมริกันจากแคลิฟอร์เนีย” ที่มีชีวิตอยู่บน Instagram เท่านั้น แต่เธอกลับกลายเป็นคนดังที่มีผู้ติดตามกว่า 2.4 ล้านคน ปรากฏตัวบนปกนิตยสาร, ร่วมแคมเปญกับ Calvin Klein และ Prada, และแม้แต่ถ่ายเซลฟี่กับ Nancy Pelosi ที่งานดนตรีในซานฟรานซิสโกเมื่อเดือนก่อน แต่เบื้องหลังของ Lil Miquela คือโมเดล AI ที่สร้างโดยบริษัท Dapper Labs ซึ่งใช้เทคนิคการเรนเดอร์ภาพและการเขียนบทสนทนาให้เหมือนมนุษย์จริง ๆ จนผู้ติดตามหลายคนไม่รู้ว่าเธอไม่ใช่คนจริง การเติบโตของ “AI influencer” ไม่ได้หยุดแค่ Miquela—ยังมี Shudu, Milla Sofia และอีกหลายคนที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนแบรนด์โดยเฉพาะ และนั่นทำให้ FTC (คณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ) ต้องออกกฎใหม่ในปี 2023 โดยระบุว่า virtual influencer ที่ “ดูเหมือนคนจริง” และ “พูดในลักษณะที่ผู้บริโภคอาจเข้าใจว่าเป็นประสบการณ์ส่วนตัว” จะต้องปฏิบัติตามกฎการโฆษณาเหมือน influencer จริงทุกประการ3 นั่นหมายความว่า AI influencer ต้องเปิดเผยความเกี่ยวข้องกับแบรนด์, ห้ามพูดราวกับเคยใช้สินค้าจริง, และแบรนด์ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ AI พูด—แม้จะเป็นโมเดลที่ไม่มีความรู้สึกหรือประสบการณ์จริงก็ตาม ✅ การเติบโตของ AI influencer ➡️ Lil Miquela เปิดตัวในปี 2016 และมีผู้ติดตามกว่า 2.4 ล้านคน ➡️ ปรากฏตัวในแคมเปญของแบรนด์ใหญ่ เช่น Calvin Klein และ Prada ➡️ มีการโต้ตอบกับบุคคลจริง เช่น Nancy Pelosi ในงานดนตรี ✅ การกำกับดูแลจาก FTC ➡️ FTC อัปเดต Endorsement Guide ให้ครอบคลุม virtual influencer ➡️ ต้องเปิดเผยความเกี่ยวข้องกับแบรนด์อย่างชัดเจน ➡️ ห้ามพูดราวกับมีประสบการณ์ส่วนตัวกับสินค้า ✅ ตัวอย่าง virtual influencer ที่มีอิทธิพล ➡️ Shudu, Milla Sofia, Lu do Magalu เป็นตัวอย่างของ AI ที่มีผู้ติดตามหลักล้าน ➡️ ถูกใช้เป็นตัวแทนแบรนด์ในหลายประเทศ ➡️ บางรายถูกสร้างโดยแบรนด์เองเพื่อควบคุมภาพลักษณ์และข้อความ ✅ แนวโน้มของตลาดและเทคโนโลยี ➡️ AI influencer ช่วยลดต้นทุนการตลาดและควบคุมเนื้อหาได้เต็มที่ ➡️ ใช้เทคโนโลยีเรนเดอร์ภาพและ NLP เพื่อสร้างบทสนทนาเหมือนจริง ➡️ แบรนด์ขนาดเล็กสามารถสร้าง content ระดับสตูดิโอได้ด้วยงบจำกัด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/04/theyre-famous-theyre-everywhere-and-theyre-fake
    WWW.THESTAR.COM.MY
    They're famous. They're everywhere. And they're fake.
    Influencers like Lil' Miquela and Mia Zelu have millions of followers and generate serious income, despite being created with artificial intelligence.
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • เฉิงตู สี่ดรุณี 6,888

    🗓 จำนวนวัน 3วัน 2คืน
    ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์
    พักโรงแรม

    ภูเขาสี่ดรุณี
    หุบเขาซวงเฉียวโกว (รวมรถประจำทางในอุทยาน)
    สะพานหนานเฉียว
    แพนด้าเซลฟี่
    ถนนคนเดินชุนซีลู่
    แพนด้ายักษ์ปีนตึก IFS
    ถนนคนเดินไท่กู่หลี่

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์จีน #เฉิงตู #china #chengdu #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เฉิงตู สี่ดรุณี 🍁🍀 6,888 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 3วัน 2คืน ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐⭐ 📍 ภูเขาสี่ดรุณี 📍 หุบเขาซวงเฉียวโกว (รวมรถประจำทางในอุทยาน) 📍 สะพานหนานเฉียว 📍 แพนด้าเซลฟี่ 📍 ถนนคนเดินชุนซีลู่ 📍 แพนด้ายักษ์ปีนตึก IFS 📍 ถนนคนเดินไท่กู่หลี่ รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์จีน #เฉิงตู #china #chengdu #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 Comments 0 Shares 164 Views 0 0 Reviews
  • Bratislava River Cruise Port ท่าเรือหลักริมแม่น้ำดานูบในเมืองบราติสลาวา ประเทศสโลวาเกีย ตั้งอยู่ใกล้เมืองเก่า ห่างจากปราสาทบราติสลาวาเพียง 1 กิโล เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมบารอก คาเฟ่ท้องถิ่น และแหล่งประวัติศาสตร์สำคัญ

    Bratislava Castle ปราสาทบราติสลาวา
    ปราสาทสีขาวเด่นเป็นสง่าบนเนินเขา ริมแม่น้ำดานูบ เป็นจุดชมวิวเมืองบราติสลาวาแบบพาโนรามา และเคยเป็นพระราชวังของราชวงศ์ฮังการี

    Old Town Bratislava เมืองเก่าบราติสลาวา
    ใจกลางเมืองเก่า เดินตรงจากท่าเรือผ่านถนน Hviezdoslav จัดเป็นเป็นหัวใจของบราติสลาวา เต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และอาคารเก่าแก่ มีหอคอยให้ชมวิวจัตุรัส

    UFO Bridge สะพานยูเอฟโอและจุดชมวิว
    ฝั่ง Petržalka วิวพาโนรามาแบบ 360 องศา เหมาะกับการชมพระอาทิตย์ตก หอคอย UFO มีร้านอาหารหมุนได้ และ Skywalk บนดาดฟ้า

    Hviezdoslav Square จัตุรัสฮวีเอสดอสลาฟ
    จัตุรัสกว้างใหญ่ที่อยู่ใจกลางเมืองเก่า ใกล้กับแม่น้ำดานูบและท่าเรือ รูปปั้นนักกวี Pavol Országh Hviezdoslav ด้านข้างมี โรงละครแห่งชาติ Slovak National Theatre

    สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที!
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #BratislavaRiverCruisePort #DanubeRiver #BratislavaCastle #OldTownBratislava #UFOBridge #HviezdoslavSquare #port #cruisedomain #thaitimes #News1 #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #แชร์ที่เที่ยว #ไอเดียทริป #EuropeTravel
    🅿️ Bratislava River Cruise Port ท่าเรือหลักริมแม่น้ำดานูบในเมืองบราติสลาวา ประเทศสโลวาเกีย ตั้งอยู่ใกล้เมืองเก่า ห่างจากปราสาทบราติสลาวาเพียง 1 กิโล เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมบารอก คาเฟ่ท้องถิ่น และแหล่งประวัติศาสตร์สำคัญ 🏰 ✔️ Bratislava Castle ✨ ปราสาทบราติสลาวา ปราสาทสีขาวเด่นเป็นสง่าบนเนินเขา ริมแม่น้ำดานูบ เป็นจุดชมวิวเมืองบราติสลาวาแบบพาโนรามา และเคยเป็นพระราชวังของราชวงศ์ฮังการี ✔️ Old Town Bratislava ✨ เมืองเก่าบราติสลาวา ใจกลางเมืองเก่า เดินตรงจากท่าเรือผ่านถนน Hviezdoslav จัดเป็นเป็นหัวใจของบราติสลาวา เต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และอาคารเก่าแก่ มีหอคอยให้ชมวิวจัตุรัส ✔️ UFO Bridge ✨ สะพานยูเอฟโอและจุดชมวิว ฝั่ง Petržalka วิวพาโนรามาแบบ 360 องศา เหมาะกับการชมพระอาทิตย์ตก หอคอย UFO มีร้านอาหารหมุนได้ และ Skywalk บนดาดฟ้า ✔️ Hviezdoslav Square ✨ จัตุรัสฮวีเอสดอสลาฟ จัตุรัสกว้างใหญ่ที่อยู่ใจกลางเมืองเก่า ใกล้กับแม่น้ำดานูบและท่าเรือ รูปปั้นนักกวี Pavol Országh Hviezdoslav ด้านข้างมี โรงละครแห่งชาติ Slovak National Theatre 📩 สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที! https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #BratislavaRiverCruisePort #DanubeRiver #BratislavaCastle #OldTownBratislava #UFOBridge #HviezdoslavSquare #port #cruisedomain #thaitimes #News1 #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #แชร์ที่เที่ยว #ไอเดียทริป #EuropeTravel
    0 Comments 0 Shares 160 Views 0 Reviews
More Results