• ร่วมเปิดประสบการณ์ล่องเรือบน Carnival Splendor 💥 เส้นทางซิดนีย์-แทสมาเนีย พร้อมอาหารและกิจกรรมครบครัน 🚨‼️

    🚢 แพ็คเกจล่องเรือสำราญ Carnival Splendor, Tasmania, Sydney, Cruise Only 6 วัน 5 คืน

    📍 เส้นทาง : ซิดนีย์ - โฮบาร์ต - พอร์ต อาร์เทอร์ - ซิดนีย์

    📢 วันที่ 28 ม.ค. - 2 ก.พ. 68 / 22 - 27 เม.ย. 68 / 16 - 21 พ.ย. 68

    💵 ราคาเริ่มต้นเพียง 29,900 บาท

    ✔️ รวมอาหารบนเรือทุกมื้อ
    ✔️ กิจกรรมบนเรือสำราญ
    ✔️ โชว์สุดพิเศษบนเรือสำราญ

    📢 รหัสแพคเกจทัวร์ : CCLP-6D5N-SYD-SYD-2511161
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/eb01fa

    ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    ☎️: 0 2116 9696 (Auto)

    #เรือCarnivalSplendor #CarnivalSplendor #Tasmania #Sydney #Hobart #ฮ่องกง #แพ็คเกจเรือล่องเรือสำราญ #MountWellington #Arthur #CruiseDomain#thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    ร่วมเปิดประสบการณ์ล่องเรือบน Carnival Splendor 💥 เส้นทางซิดนีย์-แทสมาเนีย พร้อมอาหารและกิจกรรมครบครัน 🚨‼️ 🚢 แพ็คเกจล่องเรือสำราญ Carnival Splendor, Tasmania, Sydney, Cruise Only 6 วัน 5 คืน 📍 เส้นทาง : ซิดนีย์ - โฮบาร์ต - พอร์ต อาร์เทอร์ - ซิดนีย์ 📢 วันที่ 28 ม.ค. - 2 ก.พ. 68 / 22 - 27 เม.ย. 68 / 16 - 21 พ.ย. 68 💵 ราคาเริ่มต้นเพียง 29,900 บาท ✔️ รวมอาหารบนเรือทุกมื้อ ✔️ กิจกรรมบนเรือสำราญ ✔️ โชว์สุดพิเศษบนเรือสำราญ 📢 รหัสแพคเกจทัวร์ : CCLP-6D5N-SYD-SYD-2511161 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/eb01fa ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #เรือCarnivalSplendor #CarnivalSplendor #Tasmania #Sydney #Hobart #ฮ่องกง #แพ็คเกจเรือล่องเรือสำราญ #MountWellington #Arthur #CruiseDomain#thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 608 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥 ทัวร์กรีซ เดินทางสงกรานต์ 8 วัน 5 คืน

    ✈️ บิน : TK-เตอร์กิช แอร์ไลน์

    🅿️ 12 - 19 เม.ย. 68 ท่านละ 159,000

    🔥 จองก่อน15 ธันวาคม 2567 รับส่วนลดพิเศษ 5,000.-,
    🔥 จองก่อน 15 มกราคม 2567 รับส่วนลดพิเศษ 3,000.-

    📍 เที่ยวเมืองสวย กรีซ : Panathenaic Olympic Stadium - มหาวิหารแพนธีออน - ช้อปปิ้ง McArthurGlen Designer Outlet Athens - เกาะมิโคนอส - เกาะซานโตรินี - ล่องเรือในทะเลสาบภูเขาไฟ - ขึ้นเคเบิ้ลคาร์ชมวิวเกาะซานโตรินี มุมสูง - ไวน์เทสติ้ง - ช้อปปิ้งย่านซินตักมาสแควร์

    📢 ระดับทัวร์ : ทัวร์คุณภาพระดับสูง
    📢 รหัสทัวร์ : Z8399
    🏢 โรงแรม : ⭐️⭐️⭐️⭐️ + ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/04c63f

    ดูทัวร์ซานโตรินีทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/e593a1

    ดูทัวร์วันสงกรานต์ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/e6ddb1

    ดูทัวร์กรีซ|กรีกทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/ae9cb1

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์กรีซ|กรีก #ทัวร์วันสงกรานต์ #ทัวร์ซานโตรินี #ทัวร์ต่างประเทศ
    💥 ทัวร์กรีซ เดินทางสงกรานต์ 8 วัน 5 คืน ✈️ บิน : TK-เตอร์กิช แอร์ไลน์ 🅿️ 12 - 19 เม.ย. 68 ท่านละ 159,000 🔥 จองก่อน15 ธันวาคม 2567 รับส่วนลดพิเศษ 5,000.-, 🔥 จองก่อน 15 มกราคม 2567 รับส่วนลดพิเศษ 3,000.- 📍 เที่ยวเมืองสวย กรีซ : Panathenaic Olympic Stadium - มหาวิหารแพนธีออน - ช้อปปิ้ง McArthurGlen Designer Outlet Athens - เกาะมิโคนอส - เกาะซานโตรินี - ล่องเรือในทะเลสาบภูเขาไฟ - ขึ้นเคเบิ้ลคาร์ชมวิวเกาะซานโตรินี มุมสูง - ไวน์เทสติ้ง - ช้อปปิ้งย่านซินตักมาสแควร์ 📢 ระดับทัวร์ : ทัวร์คุณภาพระดับสูง 📢 รหัสทัวร์ : Z8399 🏢 โรงแรม : ⭐️⭐️⭐️⭐️ + ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/04c63f ดูทัวร์ซานโตรินีทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/e593a1 ดูทัวร์วันสงกรานต์ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/e6ddb1 ดูทัวร์กรีซ|กรีกทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/ae9cb1 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์กรีซ|กรีก #ทัวร์วันสงกรานต์ #ทัวร์ซานโตรินี #ทัวร์ต่างประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 401 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#สงครามเกาหลีมีผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างไร ตอน02.🤠

    😎เมื่อสงครามจบลงแล้ว😎

    นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง หนทางเดินของอเมริกาดำเนินไปอย่างราบรื่น พวกเขาเข้าควบคุมยุโรปด้วยวิธีการต่างๆ และกลายเป็นประเทศที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก

    ก่อนที่สงครามเกาหลีจะปะทุขึ้น พวกเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและคิดว่าตนเองจะชนะ แต่เมื่อหลังจากจีนส่งทหารไป สหรัฐฯ ยังคงเพิกเฉย

    แต่สุดท้ายจีนก็เป็นผู้ชนะ

    ดังนั้นจนกระทั่งมีการลงนามข้อตกลง ตัวแทนชาวอเมริกันจึงดูเหมือนยังคงฝันอยู่

    เนื่องจากสหรัฐฯ มีจิตใจที่หนักอึ้ง พวกเขาจึงไม่พูดอะไรสักคำในระหว่างกระบวนการลงนามข้อตกลงสงบศึกทั้งหมด และสถานที่จัดงานก็เงียบสนิท

    หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายลงนามในข้อตกลง จากนั้นก็นำข้อตกลงไปให้กับ เผิงเต๋อะไหว(彭德怀) และนายพลมาร์ค ดับเบิลยู. คลาร์ก(Mark W. Clark马克·克拉克) ชาวอเมริกันเพื่อลงนาม

    หลังจากที่จอมพลเผิงเต๋อะไหวลงนาม เขาก็กล่าวอย่างภาคภูมิใจในรายงานฉบับต่อมาว่า:

    “เป็นเวลาหลายร้อยปีที่ผู้รุกรานชาวตะวันตกสามารถยึดครองประเทศได้โดยการวางปืนใหญ่เพียงไม่กี่กระบอกบนชายฝั่งทางตะวันออกนั้นได้หายไปตลอดกาล”

    มาร์ค ดับเบิลยู. คลาร์ก(Mark W. Clark马克·克拉克) คร่ำครวญว่า: เขาเป็นผู้บัญชาการคนแรกในประวัติศาสตร์ของกองทัพสหรัฐฯ ที่ลงนามข้อตกลงสงบศึกโดยไม่ได้รับชัยชนะ

    สงครามสิ้นสุดลงแล้ว แต่ผลกระทบยังขยายวงกว้าง สงครามเกาหลีประทับเงาทางจิตวิทยาที่ร้ายแรงอย่างยิ่งทิ้งไว้ต่อสหรัฐอเมริกา ซึ่งถึงกับเรียกสงครามเกาหลีว่าเป็นหลุมดำในประวัติศาสตร์อเมริกา

    หนังสือพิมพ์อเมริกันระบุว่า:

    “(จีน) ใช้อาวุธจำนวนน้อยจนน่าสมเพชและระบบการจัดหาแบบดั้งเดิมที่น่าหัวเราะ แค่สามารถยับยั้งสหรัฐอเมริกามหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกซึ่งมีเทคโนโลยีสมัยใหม่ อุตสาหกรรมขั้นสูง และอาวุธล้ำสมัยจำนวนมากลงได้”

    ความรู้สึกว่าพ่ายแพ้นี้ก่อให้เกิดผลโดยตรงสองประการ ประการแรก ความรู้สึกต่อต้านจีนในสหรัฐอเมริกามีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขานำเอาสาเหตุของความพ่ายแพ้ของสงครามเกาหลี ทั้งหมดนี้โยนให้กับจีน

    ในความเป็นจริงแล้วในสถานการณ์สู้รบจริงพวกเขามีความเกรงกลัวต่อจีน

    เป็นเวลาหลายปีต่อจากนั้น ทั้งสหรัฐอเมริกาและจีนไม่เคยมีความขัดแย้งในสนามรบโดยตรง นี่เป็นเพราะสงครามเกาหลีทำให้สหรัฐฯตระหนักว่า แม้จีนจะอ่อนแอ แต่ก็ไม่ใช่ประเทศที่สามารถรังแกได้

    ประธานเหมาเคยกล่าวไว้ว่า: ในสงครามเกาหลีครั้งหนึ่งสร้างสันติภาพมาห้าสิบปี!

    นี่ไม่ใช่คำพูดที่ว่างเปล่าไร้สาระ แต่เป็นชัยชนะที่คนรุ่นก่อนได้แลกมาด้วยเลือดเนื้อ

    😎อิทธิพลผลกระทบที่กว้างขวาง😎

    นอกจากตัวเอกที่เป็นอเมริกาแล้ว ปฏิกิริยาจากประเทศอื่นๆ ก็น่าสนใจเช่นกัน ในจำนวนประเทศทั้งหมดนี้ที่มีคุณค่ากล่าวขวัญถึง คือ ญี่ปุ่น

    ญี่ปุ่นมีความเกลียดชังอย่างรุนแรงต่อจีนมาโดยตลอด เมื่อเกิดสงครามระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ปฏิกิริยาของญี่ปุ่นคือการได้ดูรายการการแสดงดีๆ นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังได้รับประโยชน์มากมายจากสงครามเกาหลี

    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เศรษฐกิจของญี่ปุ่นอยู่ในสภาพที่ซบเซา สังคมทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยเงาแห่งความพ่ายแพ้สงคราม และประเทศก็ตกอยู่ในสภาวะที่บิดเบี้ยว

    ในเวลาขณะนี้ชาวอเมริกันก็มาถึง แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะสามารถควบคุมญี่ปุ่นไว้ได้ และใช้เป็นหุ่นเชิดทิ้งไว้ในเอเชีย แต่ญี่ปุ่นกลับต้องมีความคิดพึ่งพาต้นไม้ใหญ่เช่นสหรัฐอเมริกา

    ญี่ปุ่นมีจิตวิทยาที่แปลกประหลาด พวกเขาประสบความสูญเสียอย่างหนักจากระเบิดปรมาณูของสหรัฐฯ แต่สิ่งนี้กลับทำให้พวกเขาอยู่ใต้อำนาจของสหรัฐอเมริกาแทน

    ในทางการเมืองและเศรษฐกิจ พวกเขามีความสัมพันธ์ที่แยกไม่ออกกับสหรัฐอเมริกา จักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นพยายามทุกวิถีทางที่เป็นไปได้เพื่อทำให้ชาวอเมริกันพอใจ หากสหรัฐฯ ต้องการโจมตีเกาหลีเหนือและจีน ญี่ปุ่นก็จะกระตือรือร้นอย่างมาก

    เนื่องจากปัญหาที่คั่งค้างมาทางประวัติศาสตร์ ญี่ปุ่นจึงไม่สามารถประกาศสงครามกับเกาหลีเหนือและจีนต่อสาธารณะได้ แต่เบื้องหลังได้ช่วยเหลือสหรัฐฯมากมาย

    ในปี ค.ศ. 1950 ญี่ปุ่นรับหน้าที่บำรุงรักษารถบรรทุกทหารมากกว่า 6,000 คันจากสหรัฐอเมริกา และผลิตอาวุธจำนวนมากให้กับสหรัฐอเมริกา

    ในขณะเดียวกัน ในระหว่างการยกพลขึ้นบกที่อินช็อน(Incheon仁川) ดักลาส แมกอาเธอร์(Douglas MacArthur道格拉斯·麦克阿瑟) พบว่า ตัวเองขาดกำลังคน แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมีกำลังทหารเพียงพอ แต่ระยะทางจากอเมริกาไปยังเอเชียนั้นห่างไหลมาก เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ญี่ปุ่นจะเดินทางไปเกาหลีเหนือได้สะดวกกว่ามาก

    ดังนั้นในระหว่างการยกพลขึ้นบกที่อินช็อน(Incheon仁川) ในบรรดาเรือบรรทุกรถถังจำนวน 47 ลำที่กองทัพสหรัฐฯ ส่งมา จริงๆแล้วมีเรือ 30 ลำที่ขับเคลื่อนโดยคนชาวญี่ปุ่น

    นอกจากนี้ โดยพื้นฐานแล้วสหรัฐอเมริกายังใช้ฐานทัพอากาศในญี่ปุ่นเพื่อขนส่งวัสดุและบุคลากรตลอดช่วงสงคราม

    ตามสถิติที่ไม่สมบูรณ์นัก ตลอดช่วงสงครามเกาหลี ญี่ปุ่นช่วยสหรัฐฯ ในการขนส่งทหารมากกว่า 3 ล้านคนและเสบียงมากกว่า 700,000 ตัน

    ในช่วงสงครามเกาหลี ญี่ปุ่นกลายเป็นฐานทัพทหารและคลังแสงของสหรัฐอเมริกา เมื่อประเทศหนึ่งเป็นผู้ทำสงครามโดยล้างผลาญใช้ทรัพยากรของประเทศอื่น แต่ญี่ปุ่นไม่รู้สึกละอายกับสิ่งนี้ แต่กลับมีความภาคภูมิใจกับสิ่งนี้

    นอกจากนี้ เศรษฐกิจของพวกเขายังได้รับการฟื้นฟูโดยการทำกำไรจากสงคราม

    ระหว่างปี ค.ศ. 1950 ถึงค.ศ. 1953 ญี่ปุ่นมีรายได้มากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์จากการส่งออกอาวุธและยุทโธปกรณ์อื่นๆ ไปยังสหรัฐอเมริกา

    เมื่อสงครามสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1953 การส่งออกของญี่ปุ่นประมาณ 60% ถูกกำหนดไว้สำหรับสนามรบของเกาหลี

    นอกจากการส่งออกทางเศรษฐกิจแล้ว ญี่ปุ่นยังส่งคนงานจำนวนมากไปยังสนามรบเกาหลีอย่างเงียบๆ เพื่อช่วยเหลือกองทัพสหรัฐฯ ในการสู้รบ

    ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นบางคนในช่วงสงครามรุกรานจีนก็ถูกส่งไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อชี้แนะสหรัฐอเมริกาในการทำสงครามเชื้อโรค ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นยังได้ส่งคณะร้องเพลงและเต้นรำจำนวนมากไปยังแนวหน้าเพื่อมอบความบันเทิง และแสดงการปลอบขวัญให้กำลังใจต่อกองทัพสหรัฐฯ

    ญี่ปุ่นกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เกิดจากสงครามเกาหลีได้ขจัดความเศร้าโศกภายหลังความพ่ายแพ้ของกองทัพญี่ปุ่น

    หลังจากการลงนามข้อตกลงสงบศึกในปี ค.ศ. 1953 ในที่สุดสหรัฐฯ ก็ระงับความร่วมมือทางเศรษฐกิจพหุภาคีกับญี่ปุ่น ในเวลานี้ญี่ปุ่นมีความมั่งคั่งเพียงพอแล้ว แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะยอมรับมัน แม้จะเผชิญกับความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นก็ยังอินต่อเหตุการณ์มากกว่าชาวอเมริกันอีกด้วย

    ดังคำกล่าวที่ว่า เป็นเรื่องง่ายที่จะเพลิดเพลินไปกับร่มเงาโดยมีต้นไม้ใหญ่อยู่ด้านหลัง พวกเขามีชีวิตที่ดีได้เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น เนื่องมาจากเหตุการณ์สงครามที่เริ่มต้นขึ้นโดยสหรัฐอเมริกา ขณะนี้สหรัฐฯ ได้ถอนทหารออกไปแล้ว ญี่ปุ่นกังวลเรื่องความอยู่รอดของตนเองมากที่สุด

    ดังนั้น ก่อนที่จะลงนามข้อตกลงสงบศึก ญี่ปุ่นจึงเตรียมการหลายประการและกระชับความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาอย่างเข้มข้นเพื่อปูทางไปสู่ความมั่งคั่งหลังสงคราม

    ในเวลาเดียวกัน สิ่งนี้กระตุ้นให้ญี่ปุ่นเกิดความกลัวต่อจีนในระดับลึกลงไปถึงที่สุด

    เมื่อสงครามต่อต้านญี่ปุ่นสิ้นสุดลง ภายในประเทศญี่ปุ่นได้เกิดมีกระแสความสงสัยในตนเองเกิดขึ้นมามากมาย พวกเขาเชื่อว่ากองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นอยู่ยงคงกระพัน แต่ทำไมจีนถึงกลายเป็นผู้ชนะในเมื่อเทคโนโลยีล้าหลังมากและประเทศก็ยากจนมาก?

    แต่ตอนนี้ จีนไม่เพียงแต่เอาชนะญี่ปุ่นได้เท่านั้น แม้แต่สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของโลกก็ยังพ่ายแพ้อีกด้วย ญี่ปุ่นยิ่งเพิ่มความสงสัยในตัวเองมากขึ้น

    ต้องรู้ว่าในเวลานี้ญี่ปุ่นยังไม่สลัดรอดพ้นเงาของประเทศลัทธิรัฐเผด็จการทหาร แม้กระทั้งว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว แต่ลัทธิรัฐเผด็จการทหารก็ยังแสดงสัญญาณของการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป

    ดังนั้นในด้านสุดขั้วของจิตวิทยาของพวกเขาจึงทำให้พวกเขาไม่สามารถยอมรับความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกาได้เลย ในหนังสือพิมพ์ ญี่ปุ่นหลีกเลี่ยงการพูดถึงชัยชนะของจีน แต่กลับพยายามอย่างเต็มที่เพื่อค้นหาสาเหตุของความล้มเหลวของสหรัฐฯ

    แน่นอนว่ามีการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอยู่บ้าง ตัวอย่างเช่น นับตั้งแต่การลงนามข้อตกลงสงบศึกในปี ค.ศ. 1953 ในภาษาเขียนของญี่ปุ่น คำว่า“จวือน่า(支那)”ชื่อเรียกที่แฝงด้วยการดูถูกดูแคลนนี้ค่อยๆหายไป

    ในความเป็นจริง ในช่วงต้นปึ ค.ศ. 1946 สหรัฐฯ สั่งให้ญี่ปุ่นไม่ให้ใช้ คำว่า“จวือน่า(支那)”และอื่นๆชื่อเรียกที่แฝงด้วยการดูถูกดูแคลน

    อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกฎระเบียบอย่างเป็นทางการ คนญี่ปุ่นก็ยังคงไปตามทางของตัวเอง

    เพราะพวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนความดูถูกภายในใจที่มีต่อจีนได้ และถึงกับเชื่ออย่างหยิ่งผยองว่ารัฐบาลจีนใหม่จะอยู่ได้ไม่นาน จนถึงสงครามเกาหลีทำให้พวกเขาตระหนักถึงความเป็นจริง

    สงครามครั้งนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษต่อจีน โดยประกาศให้โลกรู้ว่าจีนกำลังผงาดขึ้น

    ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น หรือประเทศในยุโรป พวกเขาค่อยๆ ตระหนักว่าจีนไม่ใช่คนป่วยของเอเชียตะวันออกอีกต่อไป

    ในช่วงหลายปีหลังสงครามเกาหลี แม้ว่าโลกยังคงประสบกับความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์ที่จีนเผชิญยังคงยากลำบาก ในสภาพแวดล้อมที่ตึงเครียดเช่นนี้ สถานะระหว่างประเทศของจีนยังคงดีขึ้นทีละขั้น

    ทั้งหมดนี้แยกออกจากรากฐานที่วางไว้โดยการการช่วยเหลือเกาหลีรบต่อต้านการรุกรานของสหรัฐฯ ดังนั้น ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของสงครามเกาหลีจึงสมควรได้รับการจดจำตลอดไปโดยคนรุ่นต่อๆ ไป

    🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#สงครามเกาหลีมีผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างไร ตอน02.🤠 😎เมื่อสงครามจบลงแล้ว😎 นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง หนทางเดินของอเมริกาดำเนินไปอย่างราบรื่น พวกเขาเข้าควบคุมยุโรปด้วยวิธีการต่างๆ และกลายเป็นประเทศที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก ก่อนที่สงครามเกาหลีจะปะทุขึ้น พวกเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและคิดว่าตนเองจะชนะ แต่เมื่อหลังจากจีนส่งทหารไป สหรัฐฯ ยังคงเพิกเฉย แต่สุดท้ายจีนก็เป็นผู้ชนะ ดังนั้นจนกระทั่งมีการลงนามข้อตกลง ตัวแทนชาวอเมริกันจึงดูเหมือนยังคงฝันอยู่ เนื่องจากสหรัฐฯ มีจิตใจที่หนักอึ้ง พวกเขาจึงไม่พูดอะไรสักคำในระหว่างกระบวนการลงนามข้อตกลงสงบศึกทั้งหมด และสถานที่จัดงานก็เงียบสนิท หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายลงนามในข้อตกลง จากนั้นก็นำข้อตกลงไปให้กับ เผิงเต๋อะไหว(彭德怀) และนายพลมาร์ค ดับเบิลยู. คลาร์ก(Mark W. Clark马克·克拉克) ชาวอเมริกันเพื่อลงนาม หลังจากที่จอมพลเผิงเต๋อะไหวลงนาม เขาก็กล่าวอย่างภาคภูมิใจในรายงานฉบับต่อมาว่า: “เป็นเวลาหลายร้อยปีที่ผู้รุกรานชาวตะวันตกสามารถยึดครองประเทศได้โดยการวางปืนใหญ่เพียงไม่กี่กระบอกบนชายฝั่งทางตะวันออกนั้นได้หายไปตลอดกาล” มาร์ค ดับเบิลยู. คลาร์ก(Mark W. Clark马克·克拉克) คร่ำครวญว่า: เขาเป็นผู้บัญชาการคนแรกในประวัติศาสตร์ของกองทัพสหรัฐฯ ที่ลงนามข้อตกลงสงบศึกโดยไม่ได้รับชัยชนะ สงครามสิ้นสุดลงแล้ว แต่ผลกระทบยังขยายวงกว้าง สงครามเกาหลีประทับเงาทางจิตวิทยาที่ร้ายแรงอย่างยิ่งทิ้งไว้ต่อสหรัฐอเมริกา ซึ่งถึงกับเรียกสงครามเกาหลีว่าเป็นหลุมดำในประวัติศาสตร์อเมริกา หนังสือพิมพ์อเมริกันระบุว่า: “(จีน) ใช้อาวุธจำนวนน้อยจนน่าสมเพชและระบบการจัดหาแบบดั้งเดิมที่น่าหัวเราะ แค่สามารถยับยั้งสหรัฐอเมริกามหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกซึ่งมีเทคโนโลยีสมัยใหม่ อุตสาหกรรมขั้นสูง และอาวุธล้ำสมัยจำนวนมากลงได้” ความรู้สึกว่าพ่ายแพ้นี้ก่อให้เกิดผลโดยตรงสองประการ ประการแรก ความรู้สึกต่อต้านจีนในสหรัฐอเมริกามีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขานำเอาสาเหตุของความพ่ายแพ้ของสงครามเกาหลี ทั้งหมดนี้โยนให้กับจีน ในความเป็นจริงแล้วในสถานการณ์สู้รบจริงพวกเขามีความเกรงกลัวต่อจีน เป็นเวลาหลายปีต่อจากนั้น ทั้งสหรัฐอเมริกาและจีนไม่เคยมีความขัดแย้งในสนามรบโดยตรง นี่เป็นเพราะสงครามเกาหลีทำให้สหรัฐฯตระหนักว่า แม้จีนจะอ่อนแอ แต่ก็ไม่ใช่ประเทศที่สามารถรังแกได้ ประธานเหมาเคยกล่าวไว้ว่า: ในสงครามเกาหลีครั้งหนึ่งสร้างสันติภาพมาห้าสิบปี! นี่ไม่ใช่คำพูดที่ว่างเปล่าไร้สาระ แต่เป็นชัยชนะที่คนรุ่นก่อนได้แลกมาด้วยเลือดเนื้อ 😎อิทธิพลผลกระทบที่กว้างขวาง😎 นอกจากตัวเอกที่เป็นอเมริกาแล้ว ปฏิกิริยาจากประเทศอื่นๆ ก็น่าสนใจเช่นกัน ในจำนวนประเทศทั้งหมดนี้ที่มีคุณค่ากล่าวขวัญถึง คือ ญี่ปุ่น ญี่ปุ่นมีความเกลียดชังอย่างรุนแรงต่อจีนมาโดยตลอด เมื่อเกิดสงครามระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ปฏิกิริยาของญี่ปุ่นคือการได้ดูรายการการแสดงดีๆ นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังได้รับประโยชน์มากมายจากสงครามเกาหลี หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เศรษฐกิจของญี่ปุ่นอยู่ในสภาพที่ซบเซา สังคมทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยเงาแห่งความพ่ายแพ้สงคราม และประเทศก็ตกอยู่ในสภาวะที่บิดเบี้ยว ในเวลาขณะนี้ชาวอเมริกันก็มาถึง แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะสามารถควบคุมญี่ปุ่นไว้ได้ และใช้เป็นหุ่นเชิดทิ้งไว้ในเอเชีย แต่ญี่ปุ่นกลับต้องมีความคิดพึ่งพาต้นไม้ใหญ่เช่นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นมีจิตวิทยาที่แปลกประหลาด พวกเขาประสบความสูญเสียอย่างหนักจากระเบิดปรมาณูของสหรัฐฯ แต่สิ่งนี้กลับทำให้พวกเขาอยู่ใต้อำนาจของสหรัฐอเมริกาแทน ในทางการเมืองและเศรษฐกิจ พวกเขามีความสัมพันธ์ที่แยกไม่ออกกับสหรัฐอเมริกา จักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นพยายามทุกวิถีทางที่เป็นไปได้เพื่อทำให้ชาวอเมริกันพอใจ หากสหรัฐฯ ต้องการโจมตีเกาหลีเหนือและจีน ญี่ปุ่นก็จะกระตือรือร้นอย่างมาก เนื่องจากปัญหาที่คั่งค้างมาทางประวัติศาสตร์ ญี่ปุ่นจึงไม่สามารถประกาศสงครามกับเกาหลีเหนือและจีนต่อสาธารณะได้ แต่เบื้องหลังได้ช่วยเหลือสหรัฐฯมากมาย ในปี ค.ศ. 1950 ญี่ปุ่นรับหน้าที่บำรุงรักษารถบรรทุกทหารมากกว่า 6,000 คันจากสหรัฐอเมริกา และผลิตอาวุธจำนวนมากให้กับสหรัฐอเมริกา ในขณะเดียวกัน ในระหว่างการยกพลขึ้นบกที่อินช็อน(Incheon仁川) ดักลาส แมกอาเธอร์(Douglas MacArthur道格拉斯·麦克阿瑟) พบว่า ตัวเองขาดกำลังคน แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมีกำลังทหารเพียงพอ แต่ระยะทางจากอเมริกาไปยังเอเชียนั้นห่างไหลมาก เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ญี่ปุ่นจะเดินทางไปเกาหลีเหนือได้สะดวกกว่ามาก ดังนั้นในระหว่างการยกพลขึ้นบกที่อินช็อน(Incheon仁川) ในบรรดาเรือบรรทุกรถถังจำนวน 47 ลำที่กองทัพสหรัฐฯ ส่งมา จริงๆแล้วมีเรือ 30 ลำที่ขับเคลื่อนโดยคนชาวญี่ปุ่น นอกจากนี้ โดยพื้นฐานแล้วสหรัฐอเมริกายังใช้ฐานทัพอากาศในญี่ปุ่นเพื่อขนส่งวัสดุและบุคลากรตลอดช่วงสงคราม ตามสถิติที่ไม่สมบูรณ์นัก ตลอดช่วงสงครามเกาหลี ญี่ปุ่นช่วยสหรัฐฯ ในการขนส่งทหารมากกว่า 3 ล้านคนและเสบียงมากกว่า 700,000 ตัน ในช่วงสงครามเกาหลี ญี่ปุ่นกลายเป็นฐานทัพทหารและคลังแสงของสหรัฐอเมริกา เมื่อประเทศหนึ่งเป็นผู้ทำสงครามโดยล้างผลาญใช้ทรัพยากรของประเทศอื่น แต่ญี่ปุ่นไม่รู้สึกละอายกับสิ่งนี้ แต่กลับมีความภาคภูมิใจกับสิ่งนี้ นอกจากนี้ เศรษฐกิจของพวกเขายังได้รับการฟื้นฟูโดยการทำกำไรจากสงคราม ระหว่างปี ค.ศ. 1950 ถึงค.ศ. 1953 ญี่ปุ่นมีรายได้มากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์จากการส่งออกอาวุธและยุทโธปกรณ์อื่นๆ ไปยังสหรัฐอเมริกา เมื่อสงครามสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1953 การส่งออกของญี่ปุ่นประมาณ 60% ถูกกำหนดไว้สำหรับสนามรบของเกาหลี นอกจากการส่งออกทางเศรษฐกิจแล้ว ญี่ปุ่นยังส่งคนงานจำนวนมากไปยังสนามรบเกาหลีอย่างเงียบๆ เพื่อช่วยเหลือกองทัพสหรัฐฯ ในการสู้รบ ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นบางคนในช่วงสงครามรุกรานจีนก็ถูกส่งไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อชี้แนะสหรัฐอเมริกาในการทำสงครามเชื้อโรค ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นยังได้ส่งคณะร้องเพลงและเต้นรำจำนวนมากไปยังแนวหน้าเพื่อมอบความบันเทิง และแสดงการปลอบขวัญให้กำลังใจต่อกองทัพสหรัฐฯ ญี่ปุ่นกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เกิดจากสงครามเกาหลีได้ขจัดความเศร้าโศกภายหลังความพ่ายแพ้ของกองทัพญี่ปุ่น หลังจากการลงนามข้อตกลงสงบศึกในปี ค.ศ. 1953 ในที่สุดสหรัฐฯ ก็ระงับความร่วมมือทางเศรษฐกิจพหุภาคีกับญี่ปุ่น ในเวลานี้ญี่ปุ่นมีความมั่งคั่งเพียงพอแล้ว แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะยอมรับมัน แม้จะเผชิญกับความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นก็ยังอินต่อเหตุการณ์มากกว่าชาวอเมริกันอีกด้วย ดังคำกล่าวที่ว่า เป็นเรื่องง่ายที่จะเพลิดเพลินไปกับร่มเงาโดยมีต้นไม้ใหญ่อยู่ด้านหลัง พวกเขามีชีวิตที่ดีได้เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น เนื่องมาจากเหตุการณ์สงครามที่เริ่มต้นขึ้นโดยสหรัฐอเมริกา ขณะนี้สหรัฐฯ ได้ถอนทหารออกไปแล้ว ญี่ปุ่นกังวลเรื่องความอยู่รอดของตนเองมากที่สุด ดังนั้น ก่อนที่จะลงนามข้อตกลงสงบศึก ญี่ปุ่นจึงเตรียมการหลายประการและกระชับความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาอย่างเข้มข้นเพื่อปูทางไปสู่ความมั่งคั่งหลังสงคราม ในเวลาเดียวกัน สิ่งนี้กระตุ้นให้ญี่ปุ่นเกิดความกลัวต่อจีนในระดับลึกลงไปถึงที่สุด เมื่อสงครามต่อต้านญี่ปุ่นสิ้นสุดลง ภายในประเทศญี่ปุ่นได้เกิดมีกระแสความสงสัยในตนเองเกิดขึ้นมามากมาย พวกเขาเชื่อว่ากองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นอยู่ยงคงกระพัน แต่ทำไมจีนถึงกลายเป็นผู้ชนะในเมื่อเทคโนโลยีล้าหลังมากและประเทศก็ยากจนมาก? แต่ตอนนี้ จีนไม่เพียงแต่เอาชนะญี่ปุ่นได้เท่านั้น แม้แต่สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของโลกก็ยังพ่ายแพ้อีกด้วย ญี่ปุ่นยิ่งเพิ่มความสงสัยในตัวเองมากขึ้น ต้องรู้ว่าในเวลานี้ญี่ปุ่นยังไม่สลัดรอดพ้นเงาของประเทศลัทธิรัฐเผด็จการทหาร แม้กระทั้งว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว แต่ลัทธิรัฐเผด็จการทหารก็ยังแสดงสัญญาณของการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นในด้านสุดขั้วของจิตวิทยาของพวกเขาจึงทำให้พวกเขาไม่สามารถยอมรับความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกาได้เลย ในหนังสือพิมพ์ ญี่ปุ่นหลีกเลี่ยงการพูดถึงชัยชนะของจีน แต่กลับพยายามอย่างเต็มที่เพื่อค้นหาสาเหตุของความล้มเหลวของสหรัฐฯ แน่นอนว่ามีการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอยู่บ้าง ตัวอย่างเช่น นับตั้งแต่การลงนามข้อตกลงสงบศึกในปี ค.ศ. 1953 ในภาษาเขียนของญี่ปุ่น คำว่า“จวือน่า(支那)”ชื่อเรียกที่แฝงด้วยการดูถูกดูแคลนนี้ค่อยๆหายไป ในความเป็นจริง ในช่วงต้นปึ ค.ศ. 1946 สหรัฐฯ สั่งให้ญี่ปุ่นไม่ให้ใช้ คำว่า“จวือน่า(支那)”และอื่นๆชื่อเรียกที่แฝงด้วยการดูถูกดูแคลน อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกฎระเบียบอย่างเป็นทางการ คนญี่ปุ่นก็ยังคงไปตามทางของตัวเอง เพราะพวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนความดูถูกภายในใจที่มีต่อจีนได้ และถึงกับเชื่ออย่างหยิ่งผยองว่ารัฐบาลจีนใหม่จะอยู่ได้ไม่นาน จนถึงสงครามเกาหลีทำให้พวกเขาตระหนักถึงความเป็นจริง สงครามครั้งนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษต่อจีน โดยประกาศให้โลกรู้ว่าจีนกำลังผงาดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น หรือประเทศในยุโรป พวกเขาค่อยๆ ตระหนักว่าจีนไม่ใช่คนป่วยของเอเชียตะวันออกอีกต่อไป ในช่วงหลายปีหลังสงครามเกาหลี แม้ว่าโลกยังคงประสบกับความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์ที่จีนเผชิญยังคงยากลำบาก ในสภาพแวดล้อมที่ตึงเครียดเช่นนี้ สถานะระหว่างประเทศของจีนยังคงดีขึ้นทีละขั้น ทั้งหมดนี้แยกออกจากรากฐานที่วางไว้โดยการการช่วยเหลือเกาหลีรบต่อต้านการรุกรานของสหรัฐฯ ดังนั้น ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของสงครามเกาหลีจึงสมควรได้รับการจดจำตลอดไปโดยคนรุ่นต่อๆ ไป 🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 421 มุมมอง 0 รีวิว
  • CZ พ้นคุกแล้ว! Changpeng Zhao อดีตซีอีโอ Binanceวัย47ปีที่ทรงอิทธิพลในโลกคริปโตเคอเรนซี่ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระแล้วจากเรือนจำในสหรัฐอเมริกา ถือเป็นนักโทษเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดที่ถูกจำคุกในสหรัฐฯ

    28 กันยายน 2567-จากรายงานของสำนักงานราชทัณฑ์สหรัฐ (BOP)ได้เปิดเผยว่า นาย Changpeng Zhao หรือเรียกย่อๆว่า CZ ผู้ก่อตั้ง และอดีตซีอีโอบริษัท Binance ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำแล้ว หลังจากในเดือนเมษายน Zhao ถูกตัดสินจำคุกสี่เดือนในข้อหาละเมิดพระราชบัญญัติความลับของธนาคาร (BSA) มีความผิดทำให้เกิดข้อล้มเหลวในการตั้งค่าโปรแกรมรู้จักลูกค้า (KYC)ไม่เพียงพอ ทำให้ Binance ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการกระทำผิด ซึ่งซีอีโอ Zhaoรับสารภาพผิด และยังยอมจ่ายค่าปรับส่วนตัว 50 ล้านดอลลาร์และต้องลาออกจากตำแหน่ง CEO ของBinance ขณะที่บริษัทBinance ที่ทำธุรกิจการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล ตกลงที่จะจ่ายค่าปรับ 4.3 พันล้านดอลลาร์ให้กับหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ เพื่อยุติข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้อง

    แม้ว่าการถูกคุมขังเนื่องจากการละเมิดกฏหมาย BSA จะไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับอดีตซีอีโอของ BitMEX Arthur Hayes ซึ่งสารภาพผิดในข้อหาที่คล้ายกันในปี 2022 ศาลตัดสินให้รอลงอาญาเท่านั้น ขณะที่การถูกตัดสินจำคุกสี่เดือนของ Zhao ถือว่าผ่อนปรนเมื่อเทียบกับสามปีที่อัยการของรัฐบาลกลางต้องการ เพราะผู้พิพากษา Richard Jones จากศาลแขวงสหรัฐฯ เขตตะวันตกของวอชิงตัน ซึ่งเป็นผู้ดูแลคดีของ Zhao ได้ไต่สวนและได้รับจดหมายสนับสนุน 161 ฉบับจากเพื่อน ครอบครัว และเพื่อนร่วมงานของเขายืนยันความเป็นคนดีของเขา

    การปล่อยตัว Zhao เกิดขึ้นก่อนกำหนดวันปล่อยตัวที่กำหนดไว้ในวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายนนี้ 2 วัน BOP ได้รับอนุญาตตามกฎหมายให้ปล่อยตัวนักโทษก่อนกำหนดหากวันปล่อยตัวของพวกเขาตรงกับวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์

    ตามดัชนีมหาเศรษฐีของ Bloomberg ระบุว่า CZมีทรัพย์สินสุทธิประมาณ 25,300 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นนักโทษเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดที่ถูกจำคุกในสหรัฐฯ สำหรับหมายเลขนักโทษของZhao คือ 88087-510

    ประวัติจากวิกิพีเดียระบุว่า นายฉางเผิง จ้าว Changpeng Zhao ( 赵长鹏; พินอิน : Zhào Chángpéng ) หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อCZเป็นนักธุรกิจชาวแคนาดาที่เกิดในจีน Zhao เป็นผู้ก่อตั้งร่วมและอดีต CEO ของBinanceซึ่งเป็นธุรกิจการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตาม ปริมาณการซื้อขายณ เดือนกรกฎาคม 2024 เขาลาออกจากตำแหน่ง CEO ในเดือนพฤศจิกายน 2023 หลังจากรับสารภาพผิดในข้อหาฟอกเงินในสหรัฐอเมริกาและถูกตัดสินจำคุกสี่เดือนในเดือนเมษายน 2024

    หลังจากZhao พ้นคุกเมื่อ27 กันยายน2567 นอกเหนือจากครอบครัวและงานการกุศลแล้ว เขาอาจหันความสนใจไปที่สิ่งที่สาม นั่นก็คืออุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลที่ทำให้เขาร่ำรวยมหาศาลและครอบงำมาเป็นเวลาเกือบทศวรรษ

    อย่างไรก็ตามภายใต้เงื่อนไขการยุติคดีอาญา เขาต้องลาออกจากตำแหน่ง CEO ของ Binance และต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรม "ประจำวัน" ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ในขณะเดียวกัน ข้อตกลงยังเรียกร้องให้ บริษัท Binance ต้องยอมรับการตรวจสอบภายนอกสองชุดที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามข้อกำหนด

    แม้จะมีข้อจำกัดที่ชัดเจนเหล่านี้ แต่ความจริงก็คือบริษัท Binance ไม่ได้ดำเนินการในสหรัฐอเมริกาอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากมุ่งเน้นไปที่เอเชียและตลาดต่างประเทศ และแม้ว่า Zhao จะไม่ได้เป็นซีอีโออีกต่อไปแล้ว เขายังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัท ซึ่งน่าจะทำให้เขามีอิทธิพลอย่างมากต่อทิศทางในอนาคตของบริษัท

    สำหรับเรื่องนี้ โฆษกของ Binance เขียนแถลงข้อความว่า: “เรารู้สึกยินดีที่ CZ จะได้อยู่กับครอบครัวที่บ้านของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้บริหารหรือดำเนินการ Binance แต่เราก็ตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่าเขาจะทำอะไรต่อไป ตั้งแต่ปีที่แล้ว Binance ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้การนำของทีมปัจจุบันของเรา โดยมีผู้ใช้มากกว่า 229 ล้านคนทั่วโลก”

    ขอบคุณภาพจากวิกิพีเดีย

    #Thaitimes
    CZ พ้นคุกแล้ว! Changpeng Zhao อดีตซีอีโอ Binanceวัย47ปีที่ทรงอิทธิพลในโลกคริปโตเคอเรนซี่ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระแล้วจากเรือนจำในสหรัฐอเมริกา ถือเป็นนักโทษเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดที่ถูกจำคุกในสหรัฐฯ 28 กันยายน 2567-จากรายงานของสำนักงานราชทัณฑ์สหรัฐ (BOP)ได้เปิดเผยว่า นาย Changpeng Zhao หรือเรียกย่อๆว่า CZ ผู้ก่อตั้ง และอดีตซีอีโอบริษัท Binance ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำแล้ว หลังจากในเดือนเมษายน Zhao ถูกตัดสินจำคุกสี่เดือนในข้อหาละเมิดพระราชบัญญัติความลับของธนาคาร (BSA) มีความผิดทำให้เกิดข้อล้มเหลวในการตั้งค่าโปรแกรมรู้จักลูกค้า (KYC)ไม่เพียงพอ ทำให้ Binance ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการกระทำผิด ซึ่งซีอีโอ Zhaoรับสารภาพผิด และยังยอมจ่ายค่าปรับส่วนตัว 50 ล้านดอลลาร์และต้องลาออกจากตำแหน่ง CEO ของBinance ขณะที่บริษัทBinance ที่ทำธุรกิจการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล ตกลงที่จะจ่ายค่าปรับ 4.3 พันล้านดอลลาร์ให้กับหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ เพื่อยุติข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้อง แม้ว่าการถูกคุมขังเนื่องจากการละเมิดกฏหมาย BSA จะไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับอดีตซีอีโอของ BitMEX Arthur Hayes ซึ่งสารภาพผิดในข้อหาที่คล้ายกันในปี 2022 ศาลตัดสินให้รอลงอาญาเท่านั้น ขณะที่การถูกตัดสินจำคุกสี่เดือนของ Zhao ถือว่าผ่อนปรนเมื่อเทียบกับสามปีที่อัยการของรัฐบาลกลางต้องการ เพราะผู้พิพากษา Richard Jones จากศาลแขวงสหรัฐฯ เขตตะวันตกของวอชิงตัน ซึ่งเป็นผู้ดูแลคดีของ Zhao ได้ไต่สวนและได้รับจดหมายสนับสนุน 161 ฉบับจากเพื่อน ครอบครัว และเพื่อนร่วมงานของเขายืนยันความเป็นคนดีของเขา การปล่อยตัว Zhao เกิดขึ้นก่อนกำหนดวันปล่อยตัวที่กำหนดไว้ในวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายนนี้ 2 วัน BOP ได้รับอนุญาตตามกฎหมายให้ปล่อยตัวนักโทษก่อนกำหนดหากวันปล่อยตัวของพวกเขาตรงกับวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตามดัชนีมหาเศรษฐีของ Bloomberg ระบุว่า CZมีทรัพย์สินสุทธิประมาณ 25,300 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นนักโทษเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดที่ถูกจำคุกในสหรัฐฯ สำหรับหมายเลขนักโทษของZhao คือ 88087-510 ประวัติจากวิกิพีเดียระบุว่า นายฉางเผิง จ้าว Changpeng Zhao ( 赵长鹏; พินอิน : Zhào Chángpéng ) หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อCZเป็นนักธุรกิจชาวแคนาดาที่เกิดในจีน Zhao เป็นผู้ก่อตั้งร่วมและอดีต CEO ของBinanceซึ่งเป็นธุรกิจการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตาม ปริมาณการซื้อขายณ เดือนกรกฎาคม 2024 เขาลาออกจากตำแหน่ง CEO ในเดือนพฤศจิกายน 2023 หลังจากรับสารภาพผิดในข้อหาฟอกเงินในสหรัฐอเมริกาและถูกตัดสินจำคุกสี่เดือนในเดือนเมษายน 2024 หลังจากZhao พ้นคุกเมื่อ27 กันยายน2567 นอกเหนือจากครอบครัวและงานการกุศลแล้ว เขาอาจหันความสนใจไปที่สิ่งที่สาม นั่นก็คืออุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลที่ทำให้เขาร่ำรวยมหาศาลและครอบงำมาเป็นเวลาเกือบทศวรรษ อย่างไรก็ตามภายใต้เงื่อนไขการยุติคดีอาญา เขาต้องลาออกจากตำแหน่ง CEO ของ Binance และต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรม "ประจำวัน" ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ในขณะเดียวกัน ข้อตกลงยังเรียกร้องให้ บริษัท Binance ต้องยอมรับการตรวจสอบภายนอกสองชุดที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามข้อกำหนด แม้จะมีข้อจำกัดที่ชัดเจนเหล่านี้ แต่ความจริงก็คือบริษัท Binance ไม่ได้ดำเนินการในสหรัฐอเมริกาอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากมุ่งเน้นไปที่เอเชียและตลาดต่างประเทศ และแม้ว่า Zhao จะไม่ได้เป็นซีอีโออีกต่อไปแล้ว เขายังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัท ซึ่งน่าจะทำให้เขามีอิทธิพลอย่างมากต่อทิศทางในอนาคตของบริษัท สำหรับเรื่องนี้ โฆษกของ Binance เขียนแถลงข้อความว่า: “เรารู้สึกยินดีที่ CZ จะได้อยู่กับครอบครัวที่บ้านของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้บริหารหรือดำเนินการ Binance แต่เราก็ตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่าเขาจะทำอะไรต่อไป ตั้งแต่ปีที่แล้ว Binance ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้การนำของทีมปัจจุบันของเรา โดยมีผู้ใช้มากกว่า 229 ล้านคนทั่วโลก” ขอบคุณภาพจากวิกิพีเดีย #Thaitimes
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1178 มุมมอง 0 รีวิว