• เรื่องเล่าจาก UB-Mesh: เมื่อการเชื่อมต่อใน data center ไม่ใช่แค่สายไฟ แต่คือ “ภาษากลางของระบบอัจฉริยะ”

    ในงาน Hot Chips 2025 Huawei ได้เปิดตัว UB-Mesh ซึ่งเป็น interconnect protocol แบบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการเชื่อมต่อภายใน AI data center ขนาดใหญ่ระดับ SuperNode โดยมีเป้าหมายชัดเจน—ลดต้นทุน, เพิ่มความเสถียร, และ “เปิด source” ให้ทุกคนเข้าถึงได้

    UB-Mesh ใช้โครงสร้างแบบ hybrid topology โดยผสมผสาน CLOS backbone ระดับ data hall เข้ากับ mesh แบบหลายมิติภายในแต่ละ rack ทำให้สามารถขยายระบบได้ถึงระดับหลายหมื่น node โดยไม่ต้องเพิ่มต้นทุนแบบเชิงเส้น

    แนวคิดนี้เกิดจากปัญหาที่ interconnect แบบเดิม เช่น PCIe, NVLink, UALink หรือ Ultra Ethernet เริ่มมีต้นทุนสูงเกินไปเมื่อระบบขยายขนาด และยังต้องใช้ protocol conversion หลายชั้น ซึ่งเพิ่ม latency และความซับซ้อน

    Huawei จึงเสนอ UB-Mesh เป็น “ภาษากลาง” ที่เชื่อมต่อทุกอุปกรณ์—CPU, GPU, SSD, memory, switch—ให้ทำงานร่วมกันได้เหมือนอยู่ในเครื่องเดียว โดยมี bandwidth มากกว่า 1TB/s ต่ออุปกรณ์ และ latency ต่ำกว่าหนึ่งไมโครวินาที

    ที่สำคัญคือ Huawei จะเปิด source โปรโตคอลนี้ในเดือนหน้า พร้อมอนุญาตให้ใช้แบบ free license เพื่อผลักดันให้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม แม้จะยังมีคำถามเรื่อง governance และความเชื่อมั่นจากผู้ผลิตรายอื่น

    โครงสร้างของ UB-Mesh
    ใช้ CLOS backbone ระดับ data hall ร่วมกับ multidimensional mesh ภายใน rack
    รองรับการขยายระบบถึงระดับหลายหมื่น node โดยไม่เพิ่มต้นทุนแบบเชิงเส้น
    ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหา latency และ hardware failure ในระบบ AI ขนาดใหญ่

    เป้าหมายของ UB-Mesh
    เป็น interconnect แบบ universal ที่เชื่อมทุกอุปกรณ์ใน data center
    ลดความซับซ้อนจากการใช้ protocol conversion หลายชั้น
    ทำให้ทุกพอร์ตสามารถเชื่อมต่อกันได้โดยไม่ต้องแปลงโปรโตคอล

    ประสิทธิภาพที่ Huawei เคลม
    Bandwidth มากกว่า 1TB/s ต่ออุปกรณ์
    Latency ต่ำกว่าหนึ่งไมโครวินาที
    ใช้ได้กับระบบที่มี CPU, GPU, memory, SSD และ switch ใน node เดียว

    การเปิด source และการผลักดันเป็นมาตรฐาน
    Huawei จะเปิดเผยโปรโตคอล UB-Mesh พร้อม free license ในเดือนหน้า
    หวังให้กลายเป็นมาตรฐานใหม่แทนระบบที่ fragmented ในปัจจุบัน
    ขึ้นอยู่กับการยอมรับจาก partner และผู้ผลิตรายอื่น

    การทดสอบและการใช้งานจริง
    Huawei ใช้ระบบ 8,192-node เป็นตัวอย่างว่าต้นทุนไม่จำเป็นต้องเพิ่มตามขนาด
    UB-Mesh เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด SuperNode ที่รวมทุกอุปกรณ์ให้ทำงานร่วมกัน
    เหมาะกับ AI training, cloud storage และ HPC ที่ต้องการ bandwidth สูง

    https://www.techradar.com/pro/could-this-be-the-next-big-step-forward-for-ai-huaweis-open-source-move-will-make-it-easier-than-ever-to-connect-together-well-pretty-much-everything
    🎙️ เรื่องเล่าจาก UB-Mesh: เมื่อการเชื่อมต่อใน data center ไม่ใช่แค่สายไฟ แต่คือ “ภาษากลางของระบบอัจฉริยะ” ในงาน Hot Chips 2025 Huawei ได้เปิดตัว UB-Mesh ซึ่งเป็น interconnect protocol แบบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการเชื่อมต่อภายใน AI data center ขนาดใหญ่ระดับ SuperNode โดยมีเป้าหมายชัดเจน—ลดต้นทุน, เพิ่มความเสถียร, และ “เปิด source” ให้ทุกคนเข้าถึงได้ UB-Mesh ใช้โครงสร้างแบบ hybrid topology โดยผสมผสาน CLOS backbone ระดับ data hall เข้ากับ mesh แบบหลายมิติภายในแต่ละ rack ทำให้สามารถขยายระบบได้ถึงระดับหลายหมื่น node โดยไม่ต้องเพิ่มต้นทุนแบบเชิงเส้น แนวคิดนี้เกิดจากปัญหาที่ interconnect แบบเดิม เช่น PCIe, NVLink, UALink หรือ Ultra Ethernet เริ่มมีต้นทุนสูงเกินไปเมื่อระบบขยายขนาด และยังต้องใช้ protocol conversion หลายชั้น ซึ่งเพิ่ม latency และความซับซ้อน Huawei จึงเสนอ UB-Mesh เป็น “ภาษากลาง” ที่เชื่อมต่อทุกอุปกรณ์—CPU, GPU, SSD, memory, switch—ให้ทำงานร่วมกันได้เหมือนอยู่ในเครื่องเดียว โดยมี bandwidth มากกว่า 1TB/s ต่ออุปกรณ์ และ latency ต่ำกว่าหนึ่งไมโครวินาที ที่สำคัญคือ Huawei จะเปิด source โปรโตคอลนี้ในเดือนหน้า พร้อมอนุญาตให้ใช้แบบ free license เพื่อผลักดันให้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม แม้จะยังมีคำถามเรื่อง governance และความเชื่อมั่นจากผู้ผลิตรายอื่น ✅ โครงสร้างของ UB-Mesh ➡️ ใช้ CLOS backbone ระดับ data hall ร่วมกับ multidimensional mesh ภายใน rack ➡️ รองรับการขยายระบบถึงระดับหลายหมื่น node โดยไม่เพิ่มต้นทุนแบบเชิงเส้น ➡️ ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหา latency และ hardware failure ในระบบ AI ขนาดใหญ่ ✅ เป้าหมายของ UB-Mesh ➡️ เป็น interconnect แบบ universal ที่เชื่อมทุกอุปกรณ์ใน data center ➡️ ลดความซับซ้อนจากการใช้ protocol conversion หลายชั้น ➡️ ทำให้ทุกพอร์ตสามารถเชื่อมต่อกันได้โดยไม่ต้องแปลงโปรโตคอล ✅ ประสิทธิภาพที่ Huawei เคลม ➡️ Bandwidth มากกว่า 1TB/s ต่ออุปกรณ์ ➡️ Latency ต่ำกว่าหนึ่งไมโครวินาที ➡️ ใช้ได้กับระบบที่มี CPU, GPU, memory, SSD และ switch ใน node เดียว ✅ การเปิด source และการผลักดันเป็นมาตรฐาน ➡️ Huawei จะเปิดเผยโปรโตคอล UB-Mesh พร้อม free license ในเดือนหน้า ➡️ หวังให้กลายเป็นมาตรฐานใหม่แทนระบบที่ fragmented ในปัจจุบัน ➡️ ขึ้นอยู่กับการยอมรับจาก partner และผู้ผลิตรายอื่น ✅ การทดสอบและการใช้งานจริง ➡️ Huawei ใช้ระบบ 8,192-node เป็นตัวอย่างว่าต้นทุนไม่จำเป็นต้องเพิ่มตามขนาด ➡️ UB-Mesh เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด SuperNode ที่รวมทุกอุปกรณ์ให้ทำงานร่วมกัน ➡️ เหมาะกับ AI training, cloud storage และ HPC ที่ต้องการ bandwidth สูง https://www.techradar.com/pro/could-this-be-the-next-big-step-forward-for-ai-huaweis-open-source-move-will-make-it-easier-than-ever-to-connect-together-well-pretty-much-everything
    0 Comments 0 Shares 176 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/oAEniMoAGmI?si=3dX71TwQBhj18Kon
    https://youtu.be/oAEniMoAGmI?si=3dX71TwQBhj18Kon
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • ตามรายงานของนิตยสาร Military Watch หนึ่งในเซอร์ไพรส์ของทรัมป์ที่จะมอบให้กับปูติน คือสหรับกำลังจะมอบขีปนาวุธร่อน AGM-158 JASSM (Joint Air-to-Surface Standoff Missile) รุ่นมาตรฐาน ให้กับกองทัพยูเครน ซึ่งสามารถติดตั้งเข้ากับเครื่องบินรับ F-16 ที่ยูเครนมีใช้ในขณะนี้

    ขีปนาวุธ AGM-158 มีความสามารถยิงได้ไกลถึง 500 กว่ากิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีความเร็ว 800 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นของขีปนาวุธที่ยูเครนจะได้รับ

    ขณะที่ คาจา คัลลาส (Kaja Kallas) หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป กล่าววิจารณ์ทรัมป์ เกี่ยวกับดารเรียกเก็บเงินจากประเทศสมาชิกนาโต้ว่า "ถ้าคุณสัญญาว่าจะให้อาวุธ แต่เราจ่ายเงินให้ จริงๆ แล้วอาวุธเหล่านั้นไม่ได้มาจากคุณ"



    ตามรายงานของนิตยสาร Military Watch หนึ่งในเซอร์ไพรส์ของทรัมป์ที่จะมอบให้กับปูติน คือสหรับกำลังจะมอบขีปนาวุธร่อน AGM-158 JASSM (Joint Air-to-Surface Standoff Missile) รุ่นมาตรฐาน ให้กับกองทัพยูเครน ซึ่งสามารถติดตั้งเข้ากับเครื่องบินรับ F-16 ที่ยูเครนมีใช้ในขณะนี้ ขีปนาวุธ AGM-158 มีความสามารถยิงได้ไกลถึง 500 กว่ากิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีความเร็ว 800 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นของขีปนาวุธที่ยูเครนจะได้รับ ขณะที่ คาจา คัลลาส (Kaja Kallas) หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป กล่าววิจารณ์ทรัมป์ เกี่ยวกับดารเรียกเก็บเงินจากประเทศสมาชิกนาโต้ว่า "ถ้าคุณสัญญาว่าจะให้อาวุธ แต่เราจ่ายเงินให้ จริงๆ แล้วอาวุธเหล่านั้นไม่ได้มาจากคุณ"
    0 Comments 0 Shares 321 Views 0 Reviews
  • https://youtube.com/shorts/6fEfDINLaGM?si=yFSnmpLyzwjgP4t2
    https://youtube.com/shorts/6fEfDINLaGM?si=yFSnmpLyzwjgP4t2
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/Z-vPo5TagMU?si=HBngEmGnvy-u_KXO
    https://youtu.be/Z-vPo5TagMU?si=HBngEmGnvy-u_KXO
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • TNG eWallet เติมเงินด้วยบัตรไทยได้แล้ว

    สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่เดินทางไปเที่ยวประเทศมาเลเซียบ่อยครั้ง นอกจากจะต้องมีหัวแปลงปลั๊กไฟมาเลเซีย กับเบอร์มือถือมาเลเซียไว้เล่นเน็ตแทนการซื้อแพ็คเกจโรมมิ่งราคาแพงแล้ว บัตร Touch 'n Go สำหรับใช้บริการขนส่งมวลชน เช่น รถเมล์ รถไฟฟ้าในกรุงกัวลาลัมเปอร์ จ่ายค่าทางด่วน ที่จอดรถ และร้านค้าก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน ยิ่งถ้าใช้ควบคู่กับแอปพลิเคชัน TNG eWallet ก็สามารถทำธุรกรรมกับบัตร Touch 'n Go รุ่น NFC ได้ทันที รวมทั้งใช้จ่ายที่ประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ และประเทศไทยได้อีกด้วย

    การเติมเงินถ้าเป็นในประเทศมาเลเซีย มีช่องทางที่หลากหลาย โดยเฉพาะสถานีรถไฟฟ้าในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ขั้นต่ำ 10 ริงกิตโดยไม่มีค่าธรรมเนียม แต่ถ้าเป็นต่างประเทศ คนที่อยู่ชายแดนไทย-มาเลเซีย อาจเลือกใช้วิธีแลกเงินที่ร้านแลกเงิน แล้วซื้อรหัสเติมเงิน (Reload PIN) ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นฝั่งประเทศมาเลเซีย หรือหากอยู่ที่ต่างประเทศมักจะซื้อรหัสผ่านตัวแทนจำหน่าย เช่น เว็บไซต์ SEAGM ขั้นต่ำ 10 ริงกิต บวกค่าบริการ 0.10 ริงกิต สำหรับชาวไทยสามารถซื้อรหัสผ่านเว็บไซต์ เลือกสกุลเงิน MYR แล้วเลือกชำระผ่าน DuitNow QR สแกนจ่ายผ่านแอปฯ Krungthai NEXT หรือ CIMB THAI ได้

    อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ผู้ใช้งาน Touch N'Go e-Wallet ที่อยู่ต่างประเทศ สามารถเติมเงินด้วยบัตร VISA, Mastercard และ AMEX ที่ออกจากต่างประเทศได้แล้วบางธนาคารในประเทศไทย ขั้นต่ำ 20 ริงกิต เช่น บัตร YouTrip ของธนาคารกสิกรไทย บัตร Krungthai Travel Debit Card ธนาคารกรุงไทย โดยคิดค่าธรรมเนียม 2.6% ของยอดที่เติม โดยจะเป็นยอดเงินแบบ Transferable สามารถโอนเงินระหว่างบุคคล (Peer-to-Peer) ได้ ต่างจากการเติมเงินผ่าน Reload PIN สามารถเลือกแบบ Non-Transferable สำหรับสแกนจ่ายร้านค้าเท่านั้น ที่ไม่มีค่าธรรมเนียม แต่หากโอนเงินระหว่างบุคคลจะถูกหัก 1% ต่อรายการ

    วิธีการเติมเงิน ให้เข้าไปที่ "Add money" เลือก "Credit Card" ใส่จำนวนเงินที่ต้องการลงไป (ขั้นต่ำ 20 ริงกิต) แล้วกด Continue จากนั้นกรอกเลขที่บัตรเครดิต (Card Number) เดือน/ปีที่หมดอายุบัตร (MM/YY) รหัสความปลอดภัย (CVV/CVV2) แล้วกด Next ระบบจะยืนยันการทำรายการ (Confirm amount) โดยจะแสดงจำนวนเงิน (Amount) และค่าธรรมเนียม (Convenience fee 2.6%) กด Continue ระบบจะเข้าสู่หน้าระบบรักษาความปลอดภัยของธนาคาร กรอกรหัส OTP ลงไปเหมือนการช้อปปิ้งออนไลน์ เมื่อทำรายการสำเร็จจะมีข้อความแจ้งเตือนและหน้าธุรกรรมสำเร็จ (Successfully added)

    #Newskit
    TNG eWallet เติมเงินด้วยบัตรไทยได้แล้ว สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่เดินทางไปเที่ยวประเทศมาเลเซียบ่อยครั้ง นอกจากจะต้องมีหัวแปลงปลั๊กไฟมาเลเซีย กับเบอร์มือถือมาเลเซียไว้เล่นเน็ตแทนการซื้อแพ็คเกจโรมมิ่งราคาแพงแล้ว บัตร Touch 'n Go สำหรับใช้บริการขนส่งมวลชน เช่น รถเมล์ รถไฟฟ้าในกรุงกัวลาลัมเปอร์ จ่ายค่าทางด่วน ที่จอดรถ และร้านค้าก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน ยิ่งถ้าใช้ควบคู่กับแอปพลิเคชัน TNG eWallet ก็สามารถทำธุรกรรมกับบัตร Touch 'n Go รุ่น NFC ได้ทันที รวมทั้งใช้จ่ายที่ประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ และประเทศไทยได้อีกด้วย การเติมเงินถ้าเป็นในประเทศมาเลเซีย มีช่องทางที่หลากหลาย โดยเฉพาะสถานีรถไฟฟ้าในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ขั้นต่ำ 10 ริงกิตโดยไม่มีค่าธรรมเนียม แต่ถ้าเป็นต่างประเทศ คนที่อยู่ชายแดนไทย-มาเลเซีย อาจเลือกใช้วิธีแลกเงินที่ร้านแลกเงิน แล้วซื้อรหัสเติมเงิน (Reload PIN) ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นฝั่งประเทศมาเลเซีย หรือหากอยู่ที่ต่างประเทศมักจะซื้อรหัสผ่านตัวแทนจำหน่าย เช่น เว็บไซต์ SEAGM ขั้นต่ำ 10 ริงกิต บวกค่าบริการ 0.10 ริงกิต สำหรับชาวไทยสามารถซื้อรหัสผ่านเว็บไซต์ เลือกสกุลเงิน MYR แล้วเลือกชำระผ่าน DuitNow QR สแกนจ่ายผ่านแอปฯ Krungthai NEXT หรือ CIMB THAI ได้ อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ผู้ใช้งาน Touch N'Go e-Wallet ที่อยู่ต่างประเทศ สามารถเติมเงินด้วยบัตร VISA, Mastercard และ AMEX ที่ออกจากต่างประเทศได้แล้วบางธนาคารในประเทศไทย ขั้นต่ำ 20 ริงกิต เช่น บัตร YouTrip ของธนาคารกสิกรไทย บัตร Krungthai Travel Debit Card ธนาคารกรุงไทย โดยคิดค่าธรรมเนียม 2.6% ของยอดที่เติม โดยจะเป็นยอดเงินแบบ Transferable สามารถโอนเงินระหว่างบุคคล (Peer-to-Peer) ได้ ต่างจากการเติมเงินผ่าน Reload PIN สามารถเลือกแบบ Non-Transferable สำหรับสแกนจ่ายร้านค้าเท่านั้น ที่ไม่มีค่าธรรมเนียม แต่หากโอนเงินระหว่างบุคคลจะถูกหัก 1% ต่อรายการ วิธีการเติมเงิน ให้เข้าไปที่ "Add money" เลือก "Credit Card" ใส่จำนวนเงินที่ต้องการลงไป (ขั้นต่ำ 20 ริงกิต) แล้วกด Continue จากนั้นกรอกเลขที่บัตรเครดิต (Card Number) เดือน/ปีที่หมดอายุบัตร (MM/YY) รหัสความปลอดภัย (CVV/CVV2) แล้วกด Next ระบบจะยืนยันการทำรายการ (Confirm amount) โดยจะแสดงจำนวนเงิน (Amount) และค่าธรรมเนียม (Convenience fee 2.6%) กด Continue ระบบจะเข้าสู่หน้าระบบรักษาความปลอดภัยของธนาคาร กรอกรหัส OTP ลงไปเหมือนการช้อปปิ้งออนไลน์ เมื่อทำรายการสำเร็จจะมีข้อความแจ้งเตือนและหน้าธุรกรรมสำเร็จ (Successfully added) #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 781 Views 0 Reviews
  • “Brake” vs. “Break”: Halt Everything And Learn The Difference

    Let’s hit the brakes and take a quick break to break down the difference between brake and break. We’ll answer all your questions, including:

    - Did we just use all of those words correctly?
    - What’s the difference between break and brake?
    - Is it break down or brake down?
    - Is it a break pedal or a brake pedal?

    In this article, we’ll cover multiple meanings of these two words, including their most common uses as both verbs and nouns as well as their use in several common phrases.

    Quick summary

    The verb break is the one used in the context of something being broken or divided into pieces or fragments. It’s also commonly used to refer to a rest period, which is the sense used in the phrase take a break. The noun brake is the one that refers to the device used to slow down vehicles like cars (in which it’s called the brake pedal) and bikes. As a verb, it means to use a brake to slow down or stop.

    break vs. brake

    The word break has many, many different meanings as both a noun and a verb. As a verb, break commonly means “to become or cause to be broken” (as in Please don’t break that lamp) or “to become or cause to be divided into pieces or fragments” (as in I’ll break it into two pieces so you can each have one).

    Break is an irregular verb: the past tense is broke and the past participle is broken. The continuous form is breaking.

    As a noun, break can refer to an instance of something being broken (as in Luckily it was a clean break) or the spot at which it has been broken (as in You can see the break in the glass right there). It also commonly refers to a pause from working or exertion (as in It’s almost time for a break). It has many other meanings, including the ones used in expressions like Make a break for it! and This is your big break!

    The word brake can also be used as a noun or a verb, but both usually relate to the same thing: slowing down or stopping a vehicle or a machine. The noun brake refers to the device that’s used to do this. In cars, this is sometimes called the brake pedal. In this sense, brake is often used in the plural, as in Hit the brakes! As a verb, brake most often means to slow or stop something using brakes, as in You should brake when you’re going down the hill.

    The past tense and past participle of brake is braked and the continuous form is braking.

    Looking for more? Review all the verb tenses here.

    The word break is used in many different common phrases such as break down, break off, break up, break in, and break out (and related noun phrases like breakdown and outbreak). The word brake is often used in figurative expressions related to slowing down or stopping something, as in Let’s hit the brakes for a moment and think about this.

    While break and brake aren’t commonly used in the same contexts, things could possibly get confusing when dealing with mechanical failures, such as when a vehicle’s brakes happen to … break.

    Take a brake? Or break?

    The commonly used phrase meaning “to take a pause from doing something” is take a break. This idiomatic expression uses the sense of break meaning “a brief rest.” This same sense is used in common phrases such as lunch break, coffee break, and snack break.

    breaking vs. braking

    Breaking is the continuous form of all of the many different senses of the verb break, including both literal ones (as in I keep breaking dishes) and more figurative ones (as in They’re breaking the rules).

    Braking is the continuous form of brake, as in You should be braking when you round the curves or Engineers are trained to start braking the train well before it reaches the station.

    Examples of brake and break used in a sentence

    Let’s break things down by looking at different examples of how we use break and brake in a sentence.

    - I used the hammer carefully so that I wouldn’t break the window.
    - The water was rushing in through the break in the wall.
    - He managed to brake the truck just in time.
    - The mechanic fixed a small flaw in the roller coaster’s brakes.
    - She didn’t intend to break the rules—she just needed to take a break. So let’s hit the brakes on any punishment.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    “Brake” vs. “Break”: Halt Everything And Learn The Difference Let’s hit the brakes and take a quick break to break down the difference between brake and break. We’ll answer all your questions, including: - Did we just use all of those words correctly? - What’s the difference between break and brake? - Is it break down or brake down? - Is it a break pedal or a brake pedal? In this article, we’ll cover multiple meanings of these two words, including their most common uses as both verbs and nouns as well as their use in several common phrases. Quick summary The verb break is the one used in the context of something being broken or divided into pieces or fragments. It’s also commonly used to refer to a rest period, which is the sense used in the phrase take a break. The noun brake is the one that refers to the device used to slow down vehicles like cars (in which it’s called the brake pedal) and bikes. As a verb, it means to use a brake to slow down or stop. break vs. brake The word break has many, many different meanings as both a noun and a verb. As a verb, break commonly means “to become or cause to be broken” (as in Please don’t break that lamp) or “to become or cause to be divided into pieces or fragments” (as in I’ll break it into two pieces so you can each have one). Break is an irregular verb: the past tense is broke and the past participle is broken. The continuous form is breaking. As a noun, break can refer to an instance of something being broken (as in Luckily it was a clean break) or the spot at which it has been broken (as in You can see the break in the glass right there). It also commonly refers to a pause from working or exertion (as in It’s almost time for a break). It has many other meanings, including the ones used in expressions like Make a break for it! and This is your big break! The word brake can also be used as a noun or a verb, but both usually relate to the same thing: slowing down or stopping a vehicle or a machine. The noun brake refers to the device that’s used to do this. In cars, this is sometimes called the brake pedal. In this sense, brake is often used in the plural, as in Hit the brakes! As a verb, brake most often means to slow or stop something using brakes, as in You should brake when you’re going down the hill. The past tense and past participle of brake is braked and the continuous form is braking. Looking for more? Review all the verb tenses here. The word break is used in many different common phrases such as break down, break off, break up, break in, and break out (and related noun phrases like breakdown and outbreak). The word brake is often used in figurative expressions related to slowing down or stopping something, as in Let’s hit the brakes for a moment and think about this. While break and brake aren’t commonly used in the same contexts, things could possibly get confusing when dealing with mechanical failures, such as when a vehicle’s brakes happen to … break. Take a brake? Or break? The commonly used phrase meaning “to take a pause from doing something” is take a break. This idiomatic expression uses the sense of break meaning “a brief rest.” This same sense is used in common phrases such as lunch break, coffee break, and snack break. breaking vs. braking Breaking is the continuous form of all of the many different senses of the verb break, including both literal ones (as in I keep breaking dishes) and more figurative ones (as in They’re breaking the rules). Braking is the continuous form of brake, as in You should be braking when you round the curves or Engineers are trained to start braking the train well before it reaches the station. Examples of brake and break used in a sentence Let’s break things down by looking at different examples of how we use break and brake in a sentence. - I used the hammer carefully so that I wouldn’t break the window. - The water was rushing in through the break in the wall. - He managed to brake the truck just in time. - The mechanic fixed a small flaw in the roller coaster’s brakes. - She didn’t intend to break the rules—she just needed to take a break. So let’s hit the brakes on any punishment. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 Comments 0 Shares 743 Views 0 Reviews
  • ภาพขีปนาวุธต่อต้านเรดาร์ขั้นสูง AGM-88B HARM (High-speed Anti-Radiation Missile)ของสหรัฐ ตกลงมาโดยไม่ระเบิดในเมืองโฮเดดาห์ ประเทศเยเมน

    ต่อมา กองกำลังฮูตีได้ยึดขีปนาวุธที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ได้ เพื่อทำการศึกษาต่อไป
    ภาพขีปนาวุธต่อต้านเรดาร์ขั้นสูง AGM-88B HARM (High-speed Anti-Radiation Missile)ของสหรัฐ ตกลงมาโดยไม่ระเบิดในเมืองโฮเดดาห์ ประเทศเยเมน ต่อมา กองกำลังฮูตีได้ยึดขีปนาวุธที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ได้ เพื่อทำการศึกษาต่อไป
    0 Comments 0 Shares 264 Views 18 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงฟีเจอร์ God Mode ใน Windows 11 ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงการตั้งค่าระบบและเครื่องมือการจัดการต่างๆ ได้ในที่เดียว โดยการสร้างโฟลเดอร์พิเศษที่มีชื่อว่า GodMode.{ED7BA470-8E54-465E-825C-99712043E01C} บนเดสก์ท็อป ฟีเจอร์นี้เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการความสะดวกในการจัดการระบบ เช่น การตั้งค่าผู้ใช้งาน การจัดการดิสก์ และเครื่องมือดูแลระบบ

    God Mode ไม่ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ แต่เป็นการรวมเครื่องมือที่มีอยู่แล้วใน Windows 11 ให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีความรู้ด้านเทคนิค เช่น IT Professionals และ Power Users

    การเปิดใช้งาน God Mode
    - สร้างโฟลเดอร์ใหม่บนเดสก์ท็อป
    - ตั้งชื่อโฟลเดอร์ว่า GodMode.{ED7BA470-8E54-465E-825C-99712043E01C}

    ฟีเจอร์ที่รวมอยู่ใน God Mode
    - การตั้งค่าผู้ใช้งาน เช่น การเพิ่ม/ลบผู้ใช้งาน
    - การจัดการดิสก์ เช่น Disk Cleanup และ Defragment
    - การตั้งค่าความปลอดภัย เช่น Windows Defender Firewall

    ประโยชน์ของ God Mode
    - รวมเครื่องมือกว่า 200 รายการในที่เดียว
    - ช่วยลดเวลาในการค้นหาเครื่องมือและการตั้งค่าต่างๆ

    การสร้างชอร์ตคัตแทนโฟลเดอร์
    - สามารถสร้างชอร์ตคัตโดยใช้คำสั่ง explorer shell:::{ED7BA470-8E54-465E-825C-99712043E01C}

    https://computercity.com/software/windows/how-to-enable-god-mode-on-windows-11
    บทความนี้กล่าวถึงฟีเจอร์ God Mode ใน Windows 11 ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงการตั้งค่าระบบและเครื่องมือการจัดการต่างๆ ได้ในที่เดียว โดยการสร้างโฟลเดอร์พิเศษที่มีชื่อว่า GodMode.{ED7BA470-8E54-465E-825C-99712043E01C} บนเดสก์ท็อป ฟีเจอร์นี้เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการความสะดวกในการจัดการระบบ เช่น การตั้งค่าผู้ใช้งาน การจัดการดิสก์ และเครื่องมือดูแลระบบ God Mode ไม่ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ แต่เป็นการรวมเครื่องมือที่มีอยู่แล้วใน Windows 11 ให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีความรู้ด้านเทคนิค เช่น IT Professionals และ Power Users ✅ การเปิดใช้งาน God Mode - สร้างโฟลเดอร์ใหม่บนเดสก์ท็อป - ตั้งชื่อโฟลเดอร์ว่า GodMode.{ED7BA470-8E54-465E-825C-99712043E01C} ✅ ฟีเจอร์ที่รวมอยู่ใน God Mode - การตั้งค่าผู้ใช้งาน เช่น การเพิ่ม/ลบผู้ใช้งาน - การจัดการดิสก์ เช่น Disk Cleanup และ Defragment - การตั้งค่าความปลอดภัย เช่น Windows Defender Firewall ✅ ประโยชน์ของ God Mode - รวมเครื่องมือกว่า 200 รายการในที่เดียว - ช่วยลดเวลาในการค้นหาเครื่องมือและการตั้งค่าต่างๆ ✅ การสร้างชอร์ตคัตแทนโฟลเดอร์ - สามารถสร้างชอร์ตคัตโดยใช้คำสั่ง explorer shell:::{ED7BA470-8E54-465E-825C-99712043E01C} https://computercity.com/software/windows/how-to-enable-god-mode-on-windows-11
    COMPUTERCITY.COM
    How to Enable God Mode on Windows 11
    Unlocking the full potential of Windows 11 can be exciting due to its hidden features. One of the most intriguing is "God Mode." To enable God Mode on Windows
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • #OsakaExpo #ไม่ชอบมาพากล #800ล้าน #บริษัทรับงาน
    https://youtube.com/shorts/AP_iAGM-4T8?
    #OsakaExpo #ไม่ชอบมาพากล #800ล้าน #บริษัทรับงาน https://youtube.com/shorts/AP_iAGM-4T8?
    0 Comments 0 Shares 280 Views 0 Reviews
  • อย่าทำงานแบบหุ่นยนต์ที่ป้อน prompt แต่ทำงานแบบมนุษย์ด้วยกัน .สรุป Session พัฒนาคนอย่างไร ในวันที่โลกไร้ทิศทาง HOW TO EMPOWER PEOPLE IN FRAGMENTED WORLD โดยคุณเอ๋-สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ (นิ้วกลม Roundfinger ) ในงาน PEOPLE PERFORMANCE CONFERENCE 2025. พัฒนาคนอย่างไร ในวันที่โลกไร้ทิศทาง? .“โลกไร้ทิศทาง” ยุคสมัยนี้ เป็นยุคสมัยที่อยู่ยากมากที่สุดยุคหนึ่ง ท้าทายคนทำงานในทุกอาชีพ.เราควรตระหนักว่าเราอยู่ในสภาพที่ไม่ง่าย เราทุกคนที่ยังสามารถทำงานใช้ชีวิตประคองตัวเองในโลกทุกวันนี้ได้เป็นคนที่ ”เก่ง” มาก .“ความรู้สึกในตอนนี้เป็นอย่างไร” คำถามนี้อาจเป็นคำถามที่หลายคนรู้สึกยากที่จะตอบ มันไม่ง่ายที่เราถูกจู่โจมด้วยทุกสิ่ง แม้กายเราอยู่ที่นี่ แต่ใจเราอาจอยู่ในข่าว อยู่ในหน้าจอโทรศัพท์ อยู่ในกรุ๊ปที่ถูกตามงาน เราอยู่ห่างจากตัวเองมาก ขนาดคำถามง่าย ๆ อย่างเรารู้สึกอย่างไรยังตอบยาก .ในการพัฒนาคน พัฒนาองค์กร คำถามนี้เป็นคำถามสำคัญ .โลกไร้ทิศทางจากการที่ทั้ง Tech การเมือง เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม คุณค่า เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อคุณค่าที่มนุษย์ให้กับตัวเอง การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่ลดความเร็ว มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย. แล้วโลกไร้ทิศทางนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร?1️⃣ เรามีข้อมูลเยอะมาก แต่มีปัญญาน้อยลง : ปัญญาคือการ รู้จักตัวเอง รู้วิธีมีความสุข รู้ความหมายชีวิต รู้ถึงความจริงรู้ถึงสัจธรรม2️⃣ โลกไม่มีเป้าหมายร่วม : ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ละประเทศจำเป็นต้องฟื้นฟู สงครามเย็นทำให้เกิดการแบ่งขั้ว จากนั้นก็ยุคโลกาภิวัฒน์ที่โลกเชื่อมโยงเข้าหากัน แต่พอมาถึงยุคนี้ เราเข้าสู่คำถามใหม่ว่า ตกลงแล้วเป้าหมายแต่ละประเทศ แต่ละคนคืออะไร? เมื่อโลกไร้เป้าหมาย ปัจเจกก็สับสน .3️⃣ ไม่มี ‘เรื่องเล่าใหญ่’ อีกต่อไป : สังคมขาดความเชื่อร่วมกัน เช่น ศาสนา ชาติ พระเจ้า ฯลฯ ถ้าเราไม่มี เรื่องเล่าใหญ่ เมื่อเราทำงานหนัก ทำงานเหนื่อยเราก็ไม่รู้ว่าเราจะเหนื่อยไปเพื่ออะไร.4️⃣ พลังกำหนดอนาคตอยู่ในมือไม่กี่คน : ในโลกที่อยู่ในเงื้อมมือคนตัวใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น big tech, big finance, big state เราเป็นคนตัวเล็ก ๆ ที่ดูสิ้นเรี่ยวแรงจะทำอะไรได้บ้าง? บางทีเราเลยรู้สึก lost ในการมีชีวิตอยู่.5️⃣ Speed ปัจจุบันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อมนุษย์ : แต่ปฏิเสธไม่ได้นี่คือโลกที่พวกเราอยู่ .คนจึงเกิดความคิดที่ว่า “ฉันไม่เหมาะกับโลกใบนี้” ฉันช้า แก่ เหนื่อย อยู่ผิดที่ ยอมแพ้ นำไปสู่ความหมดไฟไม่อยากทำงาน นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนทำหน้าที่บริหารคน เรากำลังมุ่งหน้าไปข้างหน้าเหมือนรถที่วิ่งแบบจรวด แต่รถคันนั้นไม่ตอบคำถามว่า 'เรากำลังมุ่งหน้าไปทางไหน' พอเราล้า ก็จะรู้สึกว่าไม่อยากพัฒนาแล้ว.ดังนั้น “ทิศที่ถูก” จึงสำคัญกว่า “ความเร็ว” การตั้งต้นว่าเราจะไปทิศไหนจึงสำคัญกับการพัฒนาตน คน องค์กร.จะพัฒนาคนยังไง?.การเรียนรู้ Design Thinking, Digital Mindset, Upskill, Reskill, Relearn ที่ศึกษากันอยู่นั้นพอไหม?.เราเรียนรู้ชุดความรู้หลายด้านมาก ไม่ว่าจะเป็นSkillset > learning ability Mindset > Growth Mindsetแต่เรามี Heartset หรือยัง? .Heartset ชุดความรู้ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ คือสิ่งที่คุณเอ๋ อยากชวนมาเจาะลึกลงไป .ปัญหาในตอนนี้ไม่ใช่คนเก่งไม่พอ ไม่ใช่คนไม่อยากเก่ง แต่พอเก่งมากแล้วต้องวิ่งไล่ทุกสิ่ง คำถามคือ ฉันจะเก่งไปเพื่ออะไรดี ดังนั้นเราต้องการเข็มทิศที่ดี จะได้รู้ว่าจะไปทางไหน คุณเอ๋เลยอยากชวนคิดชวนคุยมุมนี้ว่า “ทำไมเราถึงอยากเก่ง” “ทำไมเราถึงอยากพัฒนาคน”. โลกกำลังอยู่ในยุค AI และ IA (Inner Awareness).เราต้องการ IA อย่างมาก เพราะยิ่งมันเร็ว เรายิ่งต้องเข้าใจตัวเอง AI ทำให้เราทำงานดีขึ้น แต่ IA คือตอบว่าเราทำงานดีไปทำไม และเราต้องอย่าลืมมีจิตใจที่มั่นคงยืดหยุ่น ไม่เปราะบาง ไม่งั้นการพัฒนาองค์กร คือการใช้คนแล้วทิ้ง มีคนเจ็บป่วยทางสุขภาพจิตแล้วเมื่อเขาอยู่ในระบบนี้ไม่ได้ก็ถูกปัดออก การพัฒนาคน องค์กรที่ดี ต้องรักษาคนและหัวใจคนด้วย. ทำยังไงให้ทีมรู้จักตัวเอง?.พลังที่แท้จริงเกิดจากการเข้าใจข้างใน เป็นสิ่งที่ทีมผู้บริหารองค์กรช่วยได้มากและเราควบคุมได้ คำตอบข้างใน เช่น การรักตัวเองในแบบที่เป็น ได้สร้างประโยชน์ เป็นต้น เมื่อมันเกิดขึ้นเราก็จะเป็นคนที่ไม่เปรียบเทียบ ไม่เร่งรีบ ไม่ตัดสินตัวเอง เมื่อ IA เกิดก็จะเกิดพร้อม EQ / Resilience / Creativity.แต่คนทำงานองค์กรรู้อยู่เสมอว่ามีคนประเมิน performance / KPI เราเสมอ แต่ถ้าเรา blend สิ่งเหล่านี้เข้าไปก็จะทำให้องค์กรมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น.เราจะสร้าง IA ได้อย่างไร?.1️⃣ ให้สังเกตตัวเองโดยไม่ตัดสิน2️⃣ รับรู้ความรู้สึก ไม่ผลักไส3️⃣ เห็นแพทเทิร์นความคิดตัวเอง 4️⃣ ฟังร่างกาย5️⃣ มีความหมายของตัวเองที่ไม่ใช่ที่คนอื่นวางให้ . วิธีฝึกการสร้าง IA 1️⃣ สังเกตลมหายใจ2️⃣ สังเกตร่างกาย3️⃣ สังเกตอารมณ์ ความคิด4️⃣ เขียนระบายใส่กระดาษ5️⃣ ถามกัน ตอนนี้รู้สึกยังไง . หัวหน้า 2 คน เรื่องเล่าจากคุณเอ๋ - นิ้วกลม. หัวหน้าคนแรก คนที่เข้าไปคุยด้วยแล้วตัวลีบตัวสั่น หัวหน้าคนที่สอง คนที่ป้วนเปี้ยนคุยงานไร้สาระได้ อธิบายไอเดียโง่ ๆ ได้ อย่างเช่นตอนเสนอไอเดีย พอหัวหน้าฟังแล้วช่วย develop งานได้ดีน้อยกว่าที่คุณเอ๋คิด คุณเอ๋เลยตระหนักได้ว่า เมื่อหัวหน้าโง่ได้ เราก็โง่กว่าหัวหน้าได้ วิธีการทำงานแบบนี้ทำให้ทีมคุณนิ้วกลมทำงานชนะได้หลายรางวัลมาก ตรงข้ามกับแบบแรกเพราะ ความโง่นั้นนำมาซึ่ง “ความคิดสร้างสรรค์” เพราะเรากล้าคิดมันออกมา.องค์กรสามารถสร้างความปลอดภัยต่อการเป็นมนุษย์ได้ ไม่ต้องเก๊กว่าตัวเองจะต้อง Perfect เผยความรู้ได้โดยไม่ต้องปิดบัง โลกที่หมุนไวผลักภาระมาให้มนุษย์จนเจ็บป่วย .ให้รางวัลคนที่รองรับความรู้สึกเพื่อนร่วมงาน การที่เขาหายไป ทีมอาจ collapse ได้ มองเห็นคนที่ชุบชูใจคนอื่น ไม่ใช่วัดแค่ประสิทธิภาพ แต่วัดสภาพจิตใจด้วย และนอกจาก performance ก็ต้องวัดความมั่นคงทางจิตใจด้วย เพราะถ้าทุกคนแกว่งหมดองค์กรก็อยู่ไม่ได้ รวมถึงผู้นำที่ก็ต้องกล้าแสดงความรู้สึกออกมา .ปลอดภัย ช้าบางจังหวะ ฟังลึก ตั้งคำถามสะท้อนกัน ผู้นำเปลือยใจ “ทำงานในบรรยากาศของมนุษย์”. เราเกิดมาทำไม?.มนุษย์เราทำแค่ 3 เรื่องนี้ What How Why คุณเอ๋อยากให้เรามาตอบ How ให้ได้ อย่างคุณเอ๋ก็พบว่า How ของตัวเองคือการสื่อสารด้วยตัวหนังสือ บางคนอาจมีความสามารถต่างไป เราแค่เป็นเรา ส่งเสริมให้คนในทีมเป็นเขา และเชิดชูใน How ของเขา .เราก็จะเริ่มรู้สึกว่าเราเกิดมาทำไม และรู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องเก่งกว่าใคร .ในโลก AI เราต้องการ IA : Inner Awareness is the NEW RICH ความรวยปัญญา ทำงานเพื่อมีปัญญาเพิ่มขึ้น รู้จักตัวเอง ความหมายชีวิต และสัจธรรม ยอมรับความจริงข้อนี้แล้วคนจะอยากทำงานกับองค์กรที่ไม่ใช่ให้แค่เงินเดือน แต่ทำให้เขาได้รู้ตัวเองและรวยปัญญา รวยปัญญา = รวยความสุข..#Skooldio #PPC2025 #PEOPLEPERFORMANCEConference2025 #CREATIVETALK #QGEN #นิ้วกลม #AI #Selfawareness #selfdevelopment #พัฒนาตัวเอง #mentalhealth #books
    อย่าทำงานแบบหุ่นยนต์ที่ป้อน prompt แต่ทำงานแบบมนุษย์ด้วยกัน .สรุป Session พัฒนาคนอย่างไร ในวันที่โลกไร้ทิศทาง HOW TO EMPOWER PEOPLE IN FRAGMENTED WORLD โดยคุณเอ๋-สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ (นิ้วกลม Roundfinger ) ในงาน PEOPLE PERFORMANCE CONFERENCE 2025.🔸 พัฒนาคนอย่างไร ในวันที่โลกไร้ทิศทาง? .“โลกไร้ทิศทาง” ยุคสมัยนี้ เป็นยุคสมัยที่อยู่ยากมากที่สุดยุคหนึ่ง ท้าทายคนทำงานในทุกอาชีพ.เราควรตระหนักว่าเราอยู่ในสภาพที่ไม่ง่าย เราทุกคนที่ยังสามารถทำงานใช้ชีวิตประคองตัวเองในโลกทุกวันนี้ได้เป็นคนที่ ”เก่ง” มาก .“ความรู้สึกในตอนนี้เป็นอย่างไร” คำถามนี้อาจเป็นคำถามที่หลายคนรู้สึกยากที่จะตอบ มันไม่ง่ายที่เราถูกจู่โจมด้วยทุกสิ่ง แม้กายเราอยู่ที่นี่ แต่ใจเราอาจอยู่ในข่าว อยู่ในหน้าจอโทรศัพท์ อยู่ในกรุ๊ปที่ถูกตามงาน เราอยู่ห่างจากตัวเองมาก ขนาดคำถามง่าย ๆ อย่างเรารู้สึกอย่างไรยังตอบยาก .ในการพัฒนาคน พัฒนาองค์กร คำถามนี้เป็นคำถามสำคัญ .โลกไร้ทิศทางจากการที่ทั้ง Tech การเมือง เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม คุณค่า เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อคุณค่าที่มนุษย์ให้กับตัวเอง การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่ลดความเร็ว มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย.🔸 แล้วโลกไร้ทิศทางนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร?1️⃣ เรามีข้อมูลเยอะมาก แต่มีปัญญาน้อยลง : ปัญญาคือการ รู้จักตัวเอง รู้วิธีมีความสุข รู้ความหมายชีวิต รู้ถึงความจริงรู้ถึงสัจธรรม2️⃣ โลกไม่มีเป้าหมายร่วม : ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ละประเทศจำเป็นต้องฟื้นฟู สงครามเย็นทำให้เกิดการแบ่งขั้ว จากนั้นก็ยุคโลกาภิวัฒน์ที่โลกเชื่อมโยงเข้าหากัน แต่พอมาถึงยุคนี้ เราเข้าสู่คำถามใหม่ว่า ตกลงแล้วเป้าหมายแต่ละประเทศ แต่ละคนคืออะไร? เมื่อโลกไร้เป้าหมาย ปัจเจกก็สับสน .3️⃣ ไม่มี ‘เรื่องเล่าใหญ่’ อีกต่อไป : สังคมขาดความเชื่อร่วมกัน เช่น ศาสนา ชาติ พระเจ้า ฯลฯ ถ้าเราไม่มี เรื่องเล่าใหญ่ เมื่อเราทำงานหนัก ทำงานเหนื่อยเราก็ไม่รู้ว่าเราจะเหนื่อยไปเพื่ออะไร.4️⃣ พลังกำหนดอนาคตอยู่ในมือไม่กี่คน : ในโลกที่อยู่ในเงื้อมมือคนตัวใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น big tech, big finance, big state เราเป็นคนตัวเล็ก ๆ ที่ดูสิ้นเรี่ยวแรงจะทำอะไรได้บ้าง? บางทีเราเลยรู้สึก lost ในการมีชีวิตอยู่.5️⃣ Speed ปัจจุบันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อมนุษย์ : แต่ปฏิเสธไม่ได้นี่คือโลกที่พวกเราอยู่ .คนจึงเกิดความคิดที่ว่า “ฉันไม่เหมาะกับโลกใบนี้” ฉันช้า แก่ เหนื่อย อยู่ผิดที่ ยอมแพ้ นำไปสู่ความหมดไฟไม่อยากทำงาน นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนทำหน้าที่บริหารคน เรากำลังมุ่งหน้าไปข้างหน้าเหมือนรถที่วิ่งแบบจรวด แต่รถคันนั้นไม่ตอบคำถามว่า 'เรากำลังมุ่งหน้าไปทางไหน' พอเราล้า ก็จะรู้สึกว่าไม่อยากพัฒนาแล้ว.ดังนั้น “ทิศที่ถูก” จึงสำคัญกว่า “ความเร็ว” การตั้งต้นว่าเราจะไปทิศไหนจึงสำคัญกับการพัฒนาตน คน องค์กร.🔸จะพัฒนาคนยังไง?.การเรียนรู้ Design Thinking, Digital Mindset, Upskill, Reskill, Relearn ที่ศึกษากันอยู่นั้นพอไหม?.เราเรียนรู้ชุดความรู้หลายด้านมาก ไม่ว่าจะเป็นSkillset > learning ability Mindset > Growth Mindsetแต่เรามี Heartset หรือยัง? .🔸Heartset ชุดความรู้ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ คือสิ่งที่คุณเอ๋ อยากชวนมาเจาะลึกลงไป .ปัญหาในตอนนี้ไม่ใช่คนเก่งไม่พอ ไม่ใช่คนไม่อยากเก่ง แต่พอเก่งมากแล้วต้องวิ่งไล่ทุกสิ่ง คำถามคือ ฉันจะเก่งไปเพื่ออะไรดี ดังนั้นเราต้องการเข็มทิศที่ดี จะได้รู้ว่าจะไปทางไหน คุณเอ๋เลยอยากชวนคิดชวนคุยมุมนี้ว่า “ทำไมเราถึงอยากเก่ง” “ทำไมเราถึงอยากพัฒนาคน”.🔸 โลกกำลังอยู่ในยุค AI และ IA (Inner Awareness).เราต้องการ IA อย่างมาก เพราะยิ่งมันเร็ว เรายิ่งต้องเข้าใจตัวเอง AI ทำให้เราทำงานดีขึ้น แต่ IA คือตอบว่าเราทำงานดีไปทำไม และเราต้องอย่าลืมมีจิตใจที่มั่นคงยืดหยุ่น ไม่เปราะบาง ไม่งั้นการพัฒนาองค์กร คือการใช้คนแล้วทิ้ง มีคนเจ็บป่วยทางสุขภาพจิตแล้วเมื่อเขาอยู่ในระบบนี้ไม่ได้ก็ถูกปัดออก การพัฒนาคน องค์กรที่ดี ต้องรักษาคนและหัวใจคนด้วย.🔸 ทำยังไงให้ทีมรู้จักตัวเอง?.พลังที่แท้จริงเกิดจากการเข้าใจข้างใน เป็นสิ่งที่ทีมผู้บริหารองค์กรช่วยได้มากและเราควบคุมได้ คำตอบข้างใน เช่น การรักตัวเองในแบบที่เป็น ได้สร้างประโยชน์ เป็นต้น เมื่อมันเกิดขึ้นเราก็จะเป็นคนที่ไม่เปรียบเทียบ ไม่เร่งรีบ ไม่ตัดสินตัวเอง เมื่อ IA เกิดก็จะเกิดพร้อม EQ / Resilience / Creativity.แต่คนทำงานองค์กรรู้อยู่เสมอว่ามีคนประเมิน performance / KPI เราเสมอ แต่ถ้าเรา blend สิ่งเหล่านี้เข้าไปก็จะทำให้องค์กรมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น.🔸เราจะสร้าง IA ได้อย่างไร?.1️⃣ ให้สังเกตตัวเองโดยไม่ตัดสิน2️⃣ รับรู้ความรู้สึก ไม่ผลักไส3️⃣ เห็นแพทเทิร์นความคิดตัวเอง 4️⃣ ฟังร่างกาย5️⃣ มีความหมายของตัวเองที่ไม่ใช่ที่คนอื่นวางให้ .🔸 วิธีฝึกการสร้าง IA 1️⃣ สังเกตลมหายใจ2️⃣ สังเกตร่างกาย3️⃣ สังเกตอารมณ์ ความคิด4️⃣ เขียนระบายใส่กระดาษ5️⃣ ถามกัน ตอนนี้รู้สึกยังไง .🔸 หัวหน้า 2 คน เรื่องเล่าจากคุณเอ๋ - นิ้วกลม.👉 หัวหน้าคนแรก คนที่เข้าไปคุยด้วยแล้วตัวลีบตัวสั่น👉 หัวหน้าคนที่สอง คนที่ป้วนเปี้ยนคุยงานไร้สาระได้ อธิบายไอเดียโง่ ๆ ได้ อย่างเช่นตอนเสนอไอเดีย พอหัวหน้าฟังแล้วช่วย develop งานได้ดีน้อยกว่าที่คุณเอ๋คิด คุณเอ๋เลยตระหนักได้ว่า เมื่อหัวหน้าโง่ได้ เราก็โง่กว่าหัวหน้าได้ วิธีการทำงานแบบนี้ทำให้ทีมคุณนิ้วกลมทำงานชนะได้หลายรางวัลมาก ตรงข้ามกับแบบแรกเพราะ ความโง่นั้นนำมาซึ่ง “ความคิดสร้างสรรค์” เพราะเรากล้าคิดมันออกมา.องค์กรสามารถสร้างความปลอดภัยต่อการเป็นมนุษย์ได้ ไม่ต้องเก๊กว่าตัวเองจะต้อง Perfect เผยความรู้ได้โดยไม่ต้องปิดบัง โลกที่หมุนไวผลักภาระมาให้มนุษย์จนเจ็บป่วย .ให้รางวัลคนที่รองรับความรู้สึกเพื่อนร่วมงาน การที่เขาหายไป ทีมอาจ collapse ได้ มองเห็นคนที่ชุบชูใจคนอื่น ไม่ใช่วัดแค่ประสิทธิภาพ แต่วัดสภาพจิตใจด้วย และนอกจาก performance ก็ต้องวัดความมั่นคงทางจิตใจด้วย เพราะถ้าทุกคนแกว่งหมดองค์กรก็อยู่ไม่ได้ รวมถึงผู้นำที่ก็ต้องกล้าแสดงความรู้สึกออกมา .ปลอดภัย ช้าบางจังหวะ ฟังลึก ตั้งคำถามสะท้อนกัน ผู้นำเปลือยใจ “ทำงานในบรรยากาศของมนุษย์”.🔸 เราเกิดมาทำไม?.มนุษย์เราทำแค่ 3 เรื่องนี้ What How Why คุณเอ๋อยากให้เรามาตอบ How ให้ได้ อย่างคุณเอ๋ก็พบว่า How ของตัวเองคือการสื่อสารด้วยตัวหนังสือ บางคนอาจมีความสามารถต่างไป เราแค่เป็นเรา ส่งเสริมให้คนในทีมเป็นเขา และเชิดชูใน How ของเขา .เราก็จะเริ่มรู้สึกว่าเราเกิดมาทำไม และรู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องเก่งกว่าใคร .ในโลก AI เราต้องการ IA : Inner Awareness is the NEW RICH ความรวยปัญญา ทำงานเพื่อมีปัญญาเพิ่มขึ้น รู้จักตัวเอง ความหมายชีวิต และสัจธรรม ยอมรับความจริงข้อนี้แล้วคนจะอยากทำงานกับองค์กรที่ไม่ใช่ให้แค่เงินเดือน แต่ทำให้เขาได้รู้ตัวเองและรวยปัญญา รวยปัญญา = รวยความสุข..#Skooldio #PPC2025 #PEOPLEPERFORMANCEConference2025 #CREATIVETALK #QGEN #นิ้วกลม #AI #Selfawareness #selfdevelopment #พัฒนาตัวเอง #mentalhealth #books
    0 Comments 0 Shares 1487 Views 0 Reviews
  • กองบัญชาการกลางของสหรัฐอเมริกา (CENTCOM) เผยแพร่ภาพจากเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Harry S. Truman (CVN-75) ในทะเลแดงตอนเหนือ ขณะกำลังเตรียมกระสุนและอาวุธยุทโธปกรณ์สำหรับปฏิบัติการโจมตีกลุ่มฮูตี เยเมน

    อาวุธที่เห็นในวิดีโอนี้ ได้แก่ :
    ขีปนาวุธร่อนยิงจากอากาศขั้นสูง AGM-84H/K SLAM-ER
    อาวุธระยะประชิดร่วม AGM-154 (JSOW), ระเบิด MK-82 ขนาด 500 ปอนด์ ที่ติดตั้งชุด JDAM,
    ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศระยะกลางขั้นสูง AIM-120 (AMRAAM)
    ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ AIM-9 “Sidewinder”
    ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ AGM-114 “Hellfire”
    และสุดท้ายคือจรวด Hydra-70 ที่น่าจะแปลงมาใช้ระบบอาวุธสังหารแม่นยำขั้นสูง AGR-20 (APKWS)
    กองบัญชาการกลางของสหรัฐอเมริกา (CENTCOM) เผยแพร่ภาพจากเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Harry S. Truman (CVN-75) ในทะเลแดงตอนเหนือ ขณะกำลังเตรียมกระสุนและอาวุธยุทโธปกรณ์สำหรับปฏิบัติการโจมตีกลุ่มฮูตี เยเมน อาวุธที่เห็นในวิดีโอนี้ ได้แก่ : ขีปนาวุธร่อนยิงจากอากาศขั้นสูง AGM-84H/K SLAM-ER อาวุธระยะประชิดร่วม AGM-154 (JSOW), ระเบิด MK-82 ขนาด 500 ปอนด์ ที่ติดตั้งชุด JDAM, ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศระยะกลางขั้นสูง AIM-120 (AMRAAM) ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ AIM-9 “Sidewinder” ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ AGM-114 “Hellfire” และสุดท้ายคือจรวด Hydra-70 ที่น่าจะแปลงมาใช้ระบบอาวุธสังหารแม่นยำขั้นสูง AGR-20 (APKWS)
    1 Comments 0 Shares 552 Views 17 0 Reviews
  • “ทรัมป์บ้า” กับ...การลอบสังหารครั้งที่ 4!!! โดย: ทับทิม พญาไท เนื่องจากอะไรมิอะไรมันน่าจะเริ่ม “ตกผลึก” ลงมามั่งแล้ว หรือน่าจะพอ “เดาทาง” ผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” ได้บ้างแล้วว่า น่าจะออกไปในแนวไหน? ลูกไหน? ไม่ได้ถึงขั้น “บ้า...จนเดาไม่ออก” เปิดฉากสัปดาห์นี้...เลยคงต้องขออนุญาตทบทวน ใคร่ครวญ ถึงความเพียรพยายามที่จะทำให้ “America Great Again” ของประธานาธิบดีอเมริกันรายนี้ เอาไว้พอให้เห็นภาพคร่าวๆ ส่วนจะถูก-จะผิด จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ ก็อย่าถึงกับได้ถือสา หาความ ถือเสียว่าเป็นการ “แลกเปลี่ยนมุมมอง” ไปตามสภาพก็แล้วกัน...
    ประการแรก...ตั้งแต่การเชื้อเชิญ ชักชวน ให้ผู้นำ “มหาอำนาจคู่แข่ง” อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” แห่งรัสเซีย และ “สี ทนได้”
    หรือ “สี จิ้นผิง” แห่งประเทศจีน มาร่วมมือกัน “ปรับลดค่าใช้จ่ายทางทหาร” ลงไปแบบครึ่ง-ต่อครึ่ง โดยผู้นำรัสเซียได้แสดงอาการตอบสนองอย่างไม่อิดเอื้อน-ลังเลใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ขณะที่ผู้นำจีนยังคงเงียบๆ เฉยๆ แต่โดย “ภาพรวม” แล้ว ต้องถือเป็นการ “ริเริ่มในเชิงสร้างสรรค์” เอามากๆ ส่วนประการสอง...ก็คือความพยายามลดค่าใช้จ่ายที่รกรุงรังของสหรัฐฯ เอง ถึงขั้นปิดฉากองค์กรความช่วยเหลือต่างประเทศอย่าง “USAID” เอาดื้อๆ หรือคิดจะหั่นงบประมาณประเภทสุรุ่ยสุร่ายของประเทศ ลงไปไม่น้อยกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ตามเข็มมุ่งและเจตนาของนายใหญ่-นายใหม่ แห่งกระทรวง “DODGE” หรือ “The Department of Government Efficiency” อย่าง “นายElon Musk” ผู้ใกล้ชนิดสนิทสนมประธานาธิบดี อันแสดงให้เห็นถึงความพยายาม “รัดเข็มขัด” แบบชนิดแทบไม่ต้องสนใจว่าชาวอเมริกันรายใดจะหน้าเขียว-หน้าเหลือง กันไปถึงขั้นไหน...
    ตามมาด้วยประการที่สาม...ก็คือการคิดขาย “บัตรทอง” บัตรวีไอพีที่พร้อมจะมอบความเป็นพลเมืองสหรัฐฯ มอบกรีนการ์ด เป็นเครื่องตอบแทน ใบละถึง 5 ล้านดอลลาร์ หรือ 168 ล้านบาทเอาเลยถึงขั้นนั้น โดยหวังจะได้อะไรกลับมา จากไอเดียสุดบรรเจิดเช่นนี้ ตามคำพูด คำสัมภาษณ์ของ “ทรัมป์บ้า” ก็น่าจะถือเป็น “คำตอบ” ได้โดยชัดเจนโดยเฉพาะคำพูดที่ว่า... “บางทีเราอาจสามารถขายบัตรได้ราวๆ 1 ล้านใบ หรืออาจมากกว่านั้น และถึงขายได้แค่ 1 ล้านใบ เราจะได้เงินกลับมาถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ถ้าขายได้ 10 ล้านใบ ก็เท่ากับ 50 ล้านล้านดอลลาร์ แล้วเรามีหนี้ประเทศอยู่แค่ 35 ล้านล้านดอลลาร์ ดังนั้น...มันเป็นเรื่องเยี่ยมไหมล่ะ!!!” พูดง่ายๆ ว่า...เป็นความพยายามที่น่าเห็นใจเอามากๆ สำหรับการคิดทุเลา เบาบาง “ปัญหาหนี้สิน” ที่ล้นทะลักคอหลอยย์ประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่ง จนหาทางออก-ทางไปแทบไม่เจอ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลพรรคไหนต่อพรรคไหนก็ตามที...
    ส่วนประการที่สี่...การคิดจะยึดแคนาดา ยึดเกาะกรีนแลนด์ หรือยึดคลองปานา แต่กลับหันไป “ถีบทิ้ง” ยุโรปซะดื้อๆ อันนี้...ยิ่งถือเป็นส่วนเสริม เพิ่มเติม ให้เห็นโดยชัดเจน ว่าในแต่ละประการดังที่ได้กล่าวไปแล้ว น่าจะสรุปได้ไม่ยากว่า ความคิดที่จะทำให้ “America Great Again” ของ “ทรัมป์บ้า” ก็น่าจะเป็นความ “Great” ความ “ยิ่งใหญ่” ภายใต้ “ขอบเขตที่ตัวเองต้องการ” ไม่ใช่ความยิ่งใหญ่ในแบบจ้าวโลก ประมุขโลก หรือผู้ที่สามารถควบคุมครอบครอง “โลกทั้งใบ” ได้แบบเดิมๆ อีกต่อไปแล้ว หรือเท่ากับเป็นการยอมรับ “ความจริง” และ “ข้อเท็จจริง” ว่าโลกยุคใหม่ หรือยุคนี้ ไม่ใช่เป็น “โลกขั้วอำนาจเดียว” เหมือนเดิมๆ อีกต่อไป อีกทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ อย่าง “นายMarco Rubio” ก็ยังได้ออกมาตอกย้ำให้เห็นถึงการยอมรับความจริง-ข้อเท็จจริงในลักษณะที่ว่านี้ ดังที่เคยนำมาเล่าสู่กันฟังเมื่อช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา...
    และด้วยแนวคิด แนวทาง เช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้แม้แต่ผู้นำรัสเซีย อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวกับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งหน่วยงาน “FSB” (The Russian Federal Security Service) ของรัสเซีย เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา ว่าโดยแนวคิดของผู้นำอเมริกานั้น...ถือเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับการปฏิบัติ หรือแสดงออกถึงการยอมรับความจริง-ข้อเท็จจริง เป็นพื้นฐาน (pragmatism and a realistic vision of things) เอาเลยถึงขั้นนั้น ส่วนในแง่ของการปฏิบัติ จะบรรลุเป้าหมาย เป้าประสงค์ ได้มาก-น้อยขนาดไหน??? อันนี้...ก็ยังต้องถือเป็น “คำถาม” ตัวโตๆ อีกต่อไป??? เพราะด้วยความเป็นประเทศ “จักรวรรดินิยม” และมหาอำนาจอันดับหนึ่งอย่างอเมริกานั้น...โอกาสที่จะ “Great Again” หรือ “Dead Again” คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่าออกไป 50-50 หรือหนักไปทาง “เจ๊ง...กับ...เจ๊า” อะไรประมาณนั้น...
    คือแค่เฉพาะประการแรก ในเรื่อง “ปัญหาหนี้สิน” ก็ต้องเรียกว่า...น่าจะรากเขียว-รากเหลืองกันไปอีกนาน โอกาสที่จะปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ พรวดเดียวได้ถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์นั้นไม่น่าจะง่าย!!! บรรดาข้าราชการชาวอเมริกันที่ตกงาน ว่างงานทั้งหลาย ชักเริ่มออกมา “ลงถนน” กันเต็มบ้าน เต็มเมือง ส่วนจะขาย “บัตรทอง” ให้ได้ถึง 10 ล้านใบ ก็ใช่ว่า...มหาเศรษฐีทั่วทั้งโลกอยากจะเป็นพลเมืองอเมริกัน อยากได้กรีนการ์ด ชนิดมากมายมหาศาลถึงปานนั้นซะเมื่อไหร่??? และประการที่สองคือความพยายามที่จะรักษาความยิ่งใหญ่ของ “เงินดอลลาร์” ไม่ให้ตกต่ำ เสื่อมค่า ลงไปกว่านี้ ด้วยการอาศัย “ภาษี” เป็นเครื่องมือ ถึงขั้นพร้อมประกาศว่าจะขึ้นภาษีต่อประเทศใดก็ตาม โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ “BRICS” ถ้าหากคิด “เทดอลลาร์” (De-Dollarization) หรือคิดแทนที่ดอลลาร์ด้วยเงินตราสกุลอื่นๆ จะต้องเจอกับการขึ้นภาษีสินค้าเข้าอเมริการะดับ 100-150 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่ก็นั่นแหละ...การอาศัยอัตราภาษีเป็นเครื่องมือ ก็ใช่ว่าจะก่อให้เกิดความเจ็บปวดรวดร้าว ต่อเฉพาะฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด ฝ่ายเดียวก็หาไม่ บรรดาอเมริกันชนที่อยู่ในฐานะ “ผู้บริโภค” หรือแม้แต่อุตสาหกรรมต่างๆ ของอเมริกาที่จะต้องหาทางแข่งขันกับ “ผู้ผลิต” รายอื่นๆ ย่อมมีสิทธิ์อ้วกแตก-อ้วกแตนเพราะราคาสินค้าที่แพงขึ้นๆ หรือเพราะการขาดหาย ขาดแคลนของสินค้าประเภท “ห่วงโซ่อุปทาน” ทั้งหลาย จนอาจต้องเจ๊ง-กับ-เจ๊ง ไปเป็นรายๆ เอาเลยก็ไม่แน่!!!
    ยิ่งเป็นสินค้าจากประเทศกลุ่ม “BRICS” ที่มีสัดส่วนการค้าถึง 1 ใน 5 ของโลกทั้งโลก มี “GDP” ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของ “GDP” โลก เป็นตลาดสำหรับ “ผู้บริโภค” ถึง 47 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก โอกาสที่จะเกิดการ “ยืมหอกสนองคืน” สร้างความเจ็บปวดรวดร้าว ให้กับบรรดาอเมริกันชนหรือประเทศอเมริกาทั้งประเทศ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปได้เอาเลย และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้หนึ่งในผู้นำประเทศกลุ่ม “BRICS”
    อย่างผู้นำบราซิล ประธานาธิบดี “Luiz Inacio Lula da Silva” ท่านเลยกล้าออกมาแสดงความเป็น “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” ด้วยการประกาศว่า... “การคุกคามของผู้นำอเมริกาด้วยการใช้ภาษีเป็นเครื่องมือ ไม่อาจหยุดยั้งการหาทางเลือกอื่นๆ ในการค้าขาย-แลกเปลี่ยนระหว่างประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS ได้เลย” หรือด้วยเหตุเพราะความเสื่อมถอย เสื่อมค่าของเงินดอลลาร์อเมริกันในฐานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศลงไปถึง 40 เปอร์เซ็นต์ด้วยตัวของมันเอง ที่ทำให้บรรดาประเทศทั้งหลายเลยต้องพยายามหาทางออก-ทางไป แทนที่จะแขวนชะตากรรมในอนาคตไว้กับสกุลเงินตราชนิดนี้ แบบทื่อมะลื่อไปเรื่อยๆ จนทำให้การ “De-Dollarization” มันได้กลายเป็น “ข้อเท็จจริง” เป็นแนวโน้มของโลก ที่มิอาจฝืน หรือมิอาจขัดขืนได้อีกต่อไป นั่นแล...
    ประการที่สาม...ก็คือ “ปัญหาภายใน” ของสังคมอเมริกัน ที่ยากจะเยียวยากันได้ง่ายๆ ไม่ว่าความเสื่อมทางศีลธรรมที่สร้างความตกตะลึงให้กับคอลัมนิสต์ชาวอเมริกันเอง อย่าง “นายTyler Durden” แห่ง “ZeroHedge” ที่ต้องนำรายละเอียดเอามาแจกแจงไว้ถึง 11 เรื่อง ไม่ว่าเหตุการณ์ว่าด้วยการปล้น ฆ่า ข่มขืน ฯลฯ ชนิดตู้สินค้าบนเส้นทางรถไฟถูกปล้นเพิ่มขึ้นกว่าปี ค.ศ. 2023 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น ร้านอาหารดังๆ อย่าง “McDonald” ถึงกับต้องปิดตัวเองในย่านบรู๊คลินเพราะทนบรรดาวัยรุ่นอเมริกันไม่ไหว เด็กๆ ระดับอายุแค่ไม่กี่ปีถูกข่มขืนไม่เว้นแต่ละวัน ฯลฯ และนั่นยังไม่รวมไปถึงความรุนแรงจากการแบ่งขั้ว แบ่งข้าง ทางการเมือง ที่ทำให้กระทั่งประธานเสนาธิการทหารผิวสี อย่าง “พลเอกCharls Brown” ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนพวกขบวนการผิวสี หรือพวก “Black Lives Matter” (BLM) ที่เคยก่อความรุนแรงหลังชาวอเมริกันผิวดำ อย่าง “George Floyd” ถูกตำรวจเอาเข่ากดคอจนเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ในช่วงปี ค.ศ. 2020 เลยต้องถูกปลดจากตำแหน่งซะดื้อๆ!!!
    และด้วยการแบ่งขั้วแบ่งข้างทางการเมืองในลักษณะเช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้เกิดความพยายาม “ลอบสังหารทรัมป์บ้า” มาแล้วถึง 3 ครั้ง 3 คราด้วยกัน ไม่ว่าตั้งแต่การ “ยิงเฉี่ยวหู” ขณะหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนีย ช่วงเดือนก.ค.ปี 2024 แอบซุ่มอยู่สนามกอล์ฟของรีสอร์ต “Mar-a-Lago” ช่วงเดือนกันยาปีเดียวกัน แต่เผอิญเจ้าหน้าที่เห็นกระบอกปืนโผล่ออกมาจากพุ่มไม้เลยจับได้ไล่ทันก่อนลงมือ ส่วนครั้งที่สามถูกรวบตัวก่อนมุ่งตรงไปยังพื้นที่หาเสียงของ “ทรัมป์บ้า” ณ เมืองโคเรลลา รัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะที่พกปืนลูกซองติดตัวไปด้วย อันนี้นี่แหละ...ที่เลยทำให้โอกาสที่จะเกิดการ “ลอบสังหารครั้งที่ 4” ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย โดยเฉพาะถ้าหากยังไม่คิดจะลดราวาศอก ในการเล่นงานพวก “Deep State” ต่อไปเรื่อยๆ โอกาสที่ “America Great Again” หรือจะ “Dead Again” เลยน่าจะเป็นไปแบบที่ว่าไว้แล้วนั่นแหละ ออกไปทาง 50-50 หรือถ้าหากไม่ “เจ๊ง” ก็คงได้แค่ “เจ๊า” เท่านั้นเอง ไม่ถึงกับยิ่งใหญ่ระดับคับโลก คับฟ้า ครอบโลก ครองโลก แบบเดิมๆ ได้อีกต่อไปแล้ว!!!
    “ทรัมป์บ้า” กับ...การลอบสังหารครั้งที่ 4!!! โดย: ทับทิม พญาไท เนื่องจากอะไรมิอะไรมันน่าจะเริ่ม “ตกผลึก” ลงมามั่งแล้ว หรือน่าจะพอ “เดาทาง” ผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” ได้บ้างแล้วว่า น่าจะออกไปในแนวไหน? ลูกไหน? ไม่ได้ถึงขั้น “บ้า...จนเดาไม่ออก” เปิดฉากสัปดาห์นี้...เลยคงต้องขออนุญาตทบทวน ใคร่ครวญ ถึงความเพียรพยายามที่จะทำให้ “America Great Again” ของประธานาธิบดีอเมริกันรายนี้ เอาไว้พอให้เห็นภาพคร่าวๆ ส่วนจะถูก-จะผิด จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ ก็อย่าถึงกับได้ถือสา หาความ ถือเสียว่าเป็นการ “แลกเปลี่ยนมุมมอง” ไปตามสภาพก็แล้วกัน... ประการแรก...ตั้งแต่การเชื้อเชิญ ชักชวน ให้ผู้นำ “มหาอำนาจคู่แข่ง” อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” แห่งรัสเซีย และ “สี ทนได้” หรือ “สี จิ้นผิง” แห่งประเทศจีน มาร่วมมือกัน “ปรับลดค่าใช้จ่ายทางทหาร” ลงไปแบบครึ่ง-ต่อครึ่ง โดยผู้นำรัสเซียได้แสดงอาการตอบสนองอย่างไม่อิดเอื้อน-ลังเลใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ขณะที่ผู้นำจีนยังคงเงียบๆ เฉยๆ แต่โดย “ภาพรวม” แล้ว ต้องถือเป็นการ “ริเริ่มในเชิงสร้างสรรค์” เอามากๆ ส่วนประการสอง...ก็คือความพยายามลดค่าใช้จ่ายที่รกรุงรังของสหรัฐฯ เอง ถึงขั้นปิดฉากองค์กรความช่วยเหลือต่างประเทศอย่าง “USAID” เอาดื้อๆ หรือคิดจะหั่นงบประมาณประเภทสุรุ่ยสุร่ายของประเทศ ลงไปไม่น้อยกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ตามเข็มมุ่งและเจตนาของนายใหญ่-นายใหม่ แห่งกระทรวง “DODGE” หรือ “The Department of Government Efficiency” อย่าง “นายElon Musk” ผู้ใกล้ชนิดสนิทสนมประธานาธิบดี อันแสดงให้เห็นถึงความพยายาม “รัดเข็มขัด” แบบชนิดแทบไม่ต้องสนใจว่าชาวอเมริกันรายใดจะหน้าเขียว-หน้าเหลือง กันไปถึงขั้นไหน... ตามมาด้วยประการที่สาม...ก็คือการคิดขาย “บัตรทอง” บัตรวีไอพีที่พร้อมจะมอบความเป็นพลเมืองสหรัฐฯ มอบกรีนการ์ด เป็นเครื่องตอบแทน ใบละถึง 5 ล้านดอลลาร์ หรือ 168 ล้านบาทเอาเลยถึงขั้นนั้น โดยหวังจะได้อะไรกลับมา จากไอเดียสุดบรรเจิดเช่นนี้ ตามคำพูด คำสัมภาษณ์ของ “ทรัมป์บ้า” ก็น่าจะถือเป็น “คำตอบ” ได้โดยชัดเจนโดยเฉพาะคำพูดที่ว่า... “บางทีเราอาจสามารถขายบัตรได้ราวๆ 1 ล้านใบ หรืออาจมากกว่านั้น และถึงขายได้แค่ 1 ล้านใบ เราจะได้เงินกลับมาถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ถ้าขายได้ 10 ล้านใบ ก็เท่ากับ 50 ล้านล้านดอลลาร์ แล้วเรามีหนี้ประเทศอยู่แค่ 35 ล้านล้านดอลลาร์ ดังนั้น...มันเป็นเรื่องเยี่ยมไหมล่ะ!!!” พูดง่ายๆ ว่า...เป็นความพยายามที่น่าเห็นใจเอามากๆ สำหรับการคิดทุเลา เบาบาง “ปัญหาหนี้สิน” ที่ล้นทะลักคอหลอยย์ประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่ง จนหาทางออก-ทางไปแทบไม่เจอ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลพรรคไหนต่อพรรคไหนก็ตามที... ส่วนประการที่สี่...การคิดจะยึดแคนาดา ยึดเกาะกรีนแลนด์ หรือยึดคลองปานา แต่กลับหันไป “ถีบทิ้ง” ยุโรปซะดื้อๆ อันนี้...ยิ่งถือเป็นส่วนเสริม เพิ่มเติม ให้เห็นโดยชัดเจน ว่าในแต่ละประการดังที่ได้กล่าวไปแล้ว น่าจะสรุปได้ไม่ยากว่า ความคิดที่จะทำให้ “America Great Again” ของ “ทรัมป์บ้า” ก็น่าจะเป็นความ “Great” ความ “ยิ่งใหญ่” ภายใต้ “ขอบเขตที่ตัวเองต้องการ” ไม่ใช่ความยิ่งใหญ่ในแบบจ้าวโลก ประมุขโลก หรือผู้ที่สามารถควบคุมครอบครอง “โลกทั้งใบ” ได้แบบเดิมๆ อีกต่อไปแล้ว หรือเท่ากับเป็นการยอมรับ “ความจริง” และ “ข้อเท็จจริง” ว่าโลกยุคใหม่ หรือยุคนี้ ไม่ใช่เป็น “โลกขั้วอำนาจเดียว” เหมือนเดิมๆ อีกต่อไป อีกทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ อย่าง “นายMarco Rubio” ก็ยังได้ออกมาตอกย้ำให้เห็นถึงการยอมรับความจริง-ข้อเท็จจริงในลักษณะที่ว่านี้ ดังที่เคยนำมาเล่าสู่กันฟังเมื่อช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา... และด้วยแนวคิด แนวทาง เช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้แม้แต่ผู้นำรัสเซีย อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวกับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งหน่วยงาน “FSB” (The Russian Federal Security Service) ของรัสเซีย เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา ว่าโดยแนวคิดของผู้นำอเมริกานั้น...ถือเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับการปฏิบัติ หรือแสดงออกถึงการยอมรับความจริง-ข้อเท็จจริง เป็นพื้นฐาน (pragmatism and a realistic vision of things) เอาเลยถึงขั้นนั้น ส่วนในแง่ของการปฏิบัติ จะบรรลุเป้าหมาย เป้าประสงค์ ได้มาก-น้อยขนาดไหน??? อันนี้...ก็ยังต้องถือเป็น “คำถาม” ตัวโตๆ อีกต่อไป??? เพราะด้วยความเป็นประเทศ “จักรวรรดินิยม” และมหาอำนาจอันดับหนึ่งอย่างอเมริกานั้น...โอกาสที่จะ “Great Again” หรือ “Dead Again” คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่าออกไป 50-50 หรือหนักไปทาง “เจ๊ง...กับ...เจ๊า” อะไรประมาณนั้น... คือแค่เฉพาะประการแรก ในเรื่อง “ปัญหาหนี้สิน” ก็ต้องเรียกว่า...น่าจะรากเขียว-รากเหลืองกันไปอีกนาน โอกาสที่จะปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ พรวดเดียวได้ถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์นั้นไม่น่าจะง่าย!!! บรรดาข้าราชการชาวอเมริกันที่ตกงาน ว่างงานทั้งหลาย ชักเริ่มออกมา “ลงถนน” กันเต็มบ้าน เต็มเมือง ส่วนจะขาย “บัตรทอง” ให้ได้ถึง 10 ล้านใบ ก็ใช่ว่า...มหาเศรษฐีทั่วทั้งโลกอยากจะเป็นพลเมืองอเมริกัน อยากได้กรีนการ์ด ชนิดมากมายมหาศาลถึงปานนั้นซะเมื่อไหร่??? และประการที่สองคือความพยายามที่จะรักษาความยิ่งใหญ่ของ “เงินดอลลาร์” ไม่ให้ตกต่ำ เสื่อมค่า ลงไปกว่านี้ ด้วยการอาศัย “ภาษี” เป็นเครื่องมือ ถึงขั้นพร้อมประกาศว่าจะขึ้นภาษีต่อประเทศใดก็ตาม โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ “BRICS” ถ้าหากคิด “เทดอลลาร์” (De-Dollarization) หรือคิดแทนที่ดอลลาร์ด้วยเงินตราสกุลอื่นๆ จะต้องเจอกับการขึ้นภาษีสินค้าเข้าอเมริการะดับ 100-150 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่ก็นั่นแหละ...การอาศัยอัตราภาษีเป็นเครื่องมือ ก็ใช่ว่าจะก่อให้เกิดความเจ็บปวดรวดร้าว ต่อเฉพาะฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด ฝ่ายเดียวก็หาไม่ บรรดาอเมริกันชนที่อยู่ในฐานะ “ผู้บริโภค” หรือแม้แต่อุตสาหกรรมต่างๆ ของอเมริกาที่จะต้องหาทางแข่งขันกับ “ผู้ผลิต” รายอื่นๆ ย่อมมีสิทธิ์อ้วกแตก-อ้วกแตนเพราะราคาสินค้าที่แพงขึ้นๆ หรือเพราะการขาดหาย ขาดแคลนของสินค้าประเภท “ห่วงโซ่อุปทาน” ทั้งหลาย จนอาจต้องเจ๊ง-กับ-เจ๊ง ไปเป็นรายๆ เอาเลยก็ไม่แน่!!! ยิ่งเป็นสินค้าจากประเทศกลุ่ม “BRICS” ที่มีสัดส่วนการค้าถึง 1 ใน 5 ของโลกทั้งโลก มี “GDP” ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของ “GDP” โลก เป็นตลาดสำหรับ “ผู้บริโภค” ถึง 47 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก โอกาสที่จะเกิดการ “ยืมหอกสนองคืน” สร้างความเจ็บปวดรวดร้าว ให้กับบรรดาอเมริกันชนหรือประเทศอเมริกาทั้งประเทศ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปได้เอาเลย และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้หนึ่งในผู้นำประเทศกลุ่ม “BRICS” อย่างผู้นำบราซิล ประธานาธิบดี “Luiz Inacio Lula da Silva” ท่านเลยกล้าออกมาแสดงความเป็น “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” ด้วยการประกาศว่า... “การคุกคามของผู้นำอเมริกาด้วยการใช้ภาษีเป็นเครื่องมือ ไม่อาจหยุดยั้งการหาทางเลือกอื่นๆ ในการค้าขาย-แลกเปลี่ยนระหว่างประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS ได้เลย” หรือด้วยเหตุเพราะความเสื่อมถอย เสื่อมค่าของเงินดอลลาร์อเมริกันในฐานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศลงไปถึง 40 เปอร์เซ็นต์ด้วยตัวของมันเอง ที่ทำให้บรรดาประเทศทั้งหลายเลยต้องพยายามหาทางออก-ทางไป แทนที่จะแขวนชะตากรรมในอนาคตไว้กับสกุลเงินตราชนิดนี้ แบบทื่อมะลื่อไปเรื่อยๆ จนทำให้การ “De-Dollarization” มันได้กลายเป็น “ข้อเท็จจริง” เป็นแนวโน้มของโลก ที่มิอาจฝืน หรือมิอาจขัดขืนได้อีกต่อไป นั่นแล... ประการที่สาม...ก็คือ “ปัญหาภายใน” ของสังคมอเมริกัน ที่ยากจะเยียวยากันได้ง่ายๆ ไม่ว่าความเสื่อมทางศีลธรรมที่สร้างความตกตะลึงให้กับคอลัมนิสต์ชาวอเมริกันเอง อย่าง “นายTyler Durden” แห่ง “ZeroHedge” ที่ต้องนำรายละเอียดเอามาแจกแจงไว้ถึง 11 เรื่อง ไม่ว่าเหตุการณ์ว่าด้วยการปล้น ฆ่า ข่มขืน ฯลฯ ชนิดตู้สินค้าบนเส้นทางรถไฟถูกปล้นเพิ่มขึ้นกว่าปี ค.ศ. 2023 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น ร้านอาหารดังๆ อย่าง “McDonald” ถึงกับต้องปิดตัวเองในย่านบรู๊คลินเพราะทนบรรดาวัยรุ่นอเมริกันไม่ไหว เด็กๆ ระดับอายุแค่ไม่กี่ปีถูกข่มขืนไม่เว้นแต่ละวัน ฯลฯ และนั่นยังไม่รวมไปถึงความรุนแรงจากการแบ่งขั้ว แบ่งข้าง ทางการเมือง ที่ทำให้กระทั่งประธานเสนาธิการทหารผิวสี อย่าง “พลเอกCharls Brown” ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนพวกขบวนการผิวสี หรือพวก “Black Lives Matter” (BLM) ที่เคยก่อความรุนแรงหลังชาวอเมริกันผิวดำ อย่าง “George Floyd” ถูกตำรวจเอาเข่ากดคอจนเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ในช่วงปี ค.ศ. 2020 เลยต้องถูกปลดจากตำแหน่งซะดื้อๆ!!! และด้วยการแบ่งขั้วแบ่งข้างทางการเมืองในลักษณะเช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้เกิดความพยายาม “ลอบสังหารทรัมป์บ้า” มาแล้วถึง 3 ครั้ง 3 คราด้วยกัน ไม่ว่าตั้งแต่การ “ยิงเฉี่ยวหู” ขณะหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนีย ช่วงเดือนก.ค.ปี 2024 แอบซุ่มอยู่สนามกอล์ฟของรีสอร์ต “Mar-a-Lago” ช่วงเดือนกันยาปีเดียวกัน แต่เผอิญเจ้าหน้าที่เห็นกระบอกปืนโผล่ออกมาจากพุ่มไม้เลยจับได้ไล่ทันก่อนลงมือ ส่วนครั้งที่สามถูกรวบตัวก่อนมุ่งตรงไปยังพื้นที่หาเสียงของ “ทรัมป์บ้า” ณ เมืองโคเรลลา รัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะที่พกปืนลูกซองติดตัวไปด้วย อันนี้นี่แหละ...ที่เลยทำให้โอกาสที่จะเกิดการ “ลอบสังหารครั้งที่ 4” ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย โดยเฉพาะถ้าหากยังไม่คิดจะลดราวาศอก ในการเล่นงานพวก “Deep State” ต่อไปเรื่อยๆ โอกาสที่ “America Great Again” หรือจะ “Dead Again” เลยน่าจะเป็นไปแบบที่ว่าไว้แล้วนั่นแหละ ออกไปทาง 50-50 หรือถ้าหากไม่ “เจ๊ง” ก็คงได้แค่ “เจ๊า” เท่านั้นเอง ไม่ถึงกับยิ่งใหญ่ระดับคับโลก คับฟ้า ครอบโลก ครองโลก แบบเดิมๆ ได้อีกต่อไปแล้ว!!!
    0 Comments 0 Shares 1465 Views 0 Reviews
  • อีลอน มัสก์ หัวหน้าหน่วยงานปรับปรุงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) แสดงความเห็นด้วยที่ให้ปิดสถานีวิทยุ Radio Liberty/Radio Free Europe (RFE/RL) และสำนักข่าววอยซ์ออฟอเมริกา (VOA) โดยระบุว่าสื่อทั้ง 2 แห่ง เงินภาษีของประชาชนชาวอเมริกันไปปีละ 1 พันล้านดอลลาร์

    มัสก์ตอบสนองต่อโพสต์เริ่มต้นของ "ริชาร์ด เกรเนลล์" (Richard Grenell) ที่ถูกแชร์ข้อความต่อกันมา ซึ่งเกรเนลล์โพสต์ข้อความโจมตีสื่ออเมริกาทั้งสองแห่ง (“Radio Free Europe และ Voice of America)

    "Radio Free Europe และ Voice of America เป็นสื่อที่ใช้เงินของผู้เสียภาษีสหรัฐฯ สื่อมวลชนเหล่านี้เต็มไปด้วยพวกนักเคลื่อนไหวซ้ายจัด ผมทำงานกับพวกนักข่าวเหล่านี้มานานนับสิบปี พวกเขาเป็นเศษซากของอดีต เราไม่ต้องการสื่อมวลชนที่จ่ายเงินโดยรัฐบาล" เกรเนลล์ โพสต์บน "X"

    RFE/RL ถูกจัดตั้งขึ้นในปี 1950 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อโปรอเมริกาและต่อต้านสหภาพโซเวียต

    ส่วน Voice of America (VoA) จัดตั้งขึ้นในช่วงทศวรรษ 1940 เพื่อตอบโต้โฆษณาชวนเชื่อของนาซี ภายหลังมามามุ่งเน้นไปที่สหภาพโซเวียตในปี 1947

    ทั้งนี้สื่อมวลชนทั้ง 2 แห่ง ได้รับเงินทุนสนับสนุจากสภาคองเกรส และรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นผู้บริหารจัดการควบคุมโดยตรง ขณะที่มันอยู่ภายใต้สังกัดสำนักงานสื่อระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (United States Agency for Global Media - USAGM) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลาง

    สำหรับ ริชาร์ด เกรเนลล์ (Richard Grenell) เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ(National Intelligence)ในสมัยรัฐบาลทรัมป์ช่วงปี 2560-2564 นอกจากนี้ยังเคยเป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำเยอรมนี ปัจจุบันได้รับมอบหมายให้ดูแล “ภารกิจพิเศษ” ในตำแหน่งผู้แทนพิเศษในการเจรจาด้านความขัดแย้งในยูเครน
    อีลอน มัสก์ หัวหน้าหน่วยงานปรับปรุงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) แสดงความเห็นด้วยที่ให้ปิดสถานีวิทยุ Radio Liberty/Radio Free Europe (RFE/RL) และสำนักข่าววอยซ์ออฟอเมริกา (VOA) โดยระบุว่าสื่อทั้ง 2 แห่ง เงินภาษีของประชาชนชาวอเมริกันไปปีละ 1 พันล้านดอลลาร์ มัสก์ตอบสนองต่อโพสต์เริ่มต้นของ "ริชาร์ด เกรเนลล์" (Richard Grenell) ที่ถูกแชร์ข้อความต่อกันมา ซึ่งเกรเนลล์โพสต์ข้อความโจมตีสื่ออเมริกาทั้งสองแห่ง (“Radio Free Europe และ Voice of America) "Radio Free Europe และ Voice of America เป็นสื่อที่ใช้เงินของผู้เสียภาษีสหรัฐฯ สื่อมวลชนเหล่านี้เต็มไปด้วยพวกนักเคลื่อนไหวซ้ายจัด ผมทำงานกับพวกนักข่าวเหล่านี้มานานนับสิบปี พวกเขาเป็นเศษซากของอดีต เราไม่ต้องการสื่อมวลชนที่จ่ายเงินโดยรัฐบาล" เกรเนลล์ โพสต์บน "X" RFE/RL ถูกจัดตั้งขึ้นในปี 1950 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อโปรอเมริกาและต่อต้านสหภาพโซเวียต ส่วน Voice of America (VoA) จัดตั้งขึ้นในช่วงทศวรรษ 1940 เพื่อตอบโต้โฆษณาชวนเชื่อของนาซี ภายหลังมามามุ่งเน้นไปที่สหภาพโซเวียตในปี 1947 ทั้งนี้สื่อมวลชนทั้ง 2 แห่ง ได้รับเงินทุนสนับสนุจากสภาคองเกรส และรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นผู้บริหารจัดการควบคุมโดยตรง ขณะที่มันอยู่ภายใต้สังกัดสำนักงานสื่อระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (United States Agency for Global Media - USAGM) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลาง สำหรับ ริชาร์ด เกรเนลล์ (Richard Grenell) เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ(National Intelligence)ในสมัยรัฐบาลทรัมป์ช่วงปี 2560-2564 นอกจากนี้ยังเคยเป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำเยอรมนี ปัจจุบันได้รับมอบหมายให้ดูแล “ภารกิจพิเศษ” ในตำแหน่งผู้แทนพิเศษในการเจรจาด้านความขัดแย้งในยูเครน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 595 Views 0 Reviews
  • กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อนุมัติการขายอาวุธให้กับอิสราเอลเป็นมูลค่า 7,410 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

    ในจำนวนนี้แบ่งเป็นอาวุธต่างๆมูลค่า 6,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และขีปนาวุธ AGM-114 Hellfire ประมาณ 660 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อนุมัติการขายอาวุธให้กับอิสราเอลเป็นมูลค่า 7,410 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในจำนวนนี้แบ่งเป็นอาวุธต่างๆมูลค่า 6,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และขีปนาวุธ AGM-114 Hellfire ประมาณ 660 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
    0 Comments 0 Shares 246 Views 0 Reviews
  • Red Hat บริษัทที่มีประสบการณ์ยาวนานในด้านโอเพ่นซอร์ส มุ่งมั่นที่จะทำให้ AI สามารถใช้งานได้จริงในระดับองค์กร แทนที่จะมุ่งหวังที่จะพัฒนา AI ที่มีความสามารถเชิงทั่วไป (AGI) ที่ยังคงเป็นเพียงแค่ฝัน

    Richard Fontana ที่ปรึกษาอาวุโสของ Red Hat กล่าวในงานสัมมนาที่ Linux Foundation ว่า "การเปิดเผยข้อมูลการฝึกฝนทั้งหมดนั้นมีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้ผู้พัฒนาโมเดลตกเป็นเป้าหมายในสภาพแวดล้อมที่มีการฟ้องร้องกันมากมายในปัจจุบัน" และยังเสริมอีกว่า "เราควรมุ่งเน้นไปที่การกำหนดนิยามการโอเพ่นซอร์สที่ชัดเจนและสามารถปฏิบัติได้จริงแทนที่จะเป็นอุดมคติที่ไม่สามารถนำไปใช้ได้จริง"

    Chris Wright กล่าวสรุปว่า "อนาคตของ AI ควรจะเป็นแบบโอเพ่นซอร์ส แต่เป็นการเดินทางที่ต้องใช้เวลาและความพยายาม เรากำลังเผชิญหน้ากับความโปร่งใส ความยั่งยืน และความเชื่อมั่นผ่านโครงการโอเพ่นซอร์สทีละขั้นตอน"

    การทำงานของ Red Hat ในการพัฒนา AI ที่เปิดเผยและโปร่งใสนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พวกเขาเชื่อว่าแนวทางนี้จะช่วยให้ AI สามารถนำประโยชน์มาสู่ทุกคนและหลีกเลี่ยงปัญหาการผูกขาดในอนาคต

    https://www.zdnet.com/article/red-hats-take-on-open-source-ai-pragmatism-over-utopian-dreams/
    Red Hat บริษัทที่มีประสบการณ์ยาวนานในด้านโอเพ่นซอร์ส มุ่งมั่นที่จะทำให้ AI สามารถใช้งานได้จริงในระดับองค์กร แทนที่จะมุ่งหวังที่จะพัฒนา AI ที่มีความสามารถเชิงทั่วไป (AGI) ที่ยังคงเป็นเพียงแค่ฝัน Richard Fontana ที่ปรึกษาอาวุโสของ Red Hat กล่าวในงานสัมมนาที่ Linux Foundation ว่า "การเปิดเผยข้อมูลการฝึกฝนทั้งหมดนั้นมีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้ผู้พัฒนาโมเดลตกเป็นเป้าหมายในสภาพแวดล้อมที่มีการฟ้องร้องกันมากมายในปัจจุบัน" และยังเสริมอีกว่า "เราควรมุ่งเน้นไปที่การกำหนดนิยามการโอเพ่นซอร์สที่ชัดเจนและสามารถปฏิบัติได้จริงแทนที่จะเป็นอุดมคติที่ไม่สามารถนำไปใช้ได้จริง" Chris Wright กล่าวสรุปว่า "อนาคตของ AI ควรจะเป็นแบบโอเพ่นซอร์ส แต่เป็นการเดินทางที่ต้องใช้เวลาและความพยายาม เรากำลังเผชิญหน้ากับความโปร่งใส ความยั่งยืน และความเชื่อมั่นผ่านโครงการโอเพ่นซอร์สทีละขั้นตอน" การทำงานของ Red Hat ในการพัฒนา AI ที่เปิดเผยและโปร่งใสนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พวกเขาเชื่อว่าแนวทางนี้จะช่วยให้ AI สามารถนำประโยชน์มาสู่ทุกคนและหลีกเลี่ยงปัญหาการผูกขาดในอนาคต https://www.zdnet.com/article/red-hats-take-on-open-source-ai-pragmatism-over-utopian-dreams/
    WWW.ZDNET.COM
    Red Hat's take on open-source AI: Pragmatism over utopian dreams
    The Linux giant envisions AI development that mirrors open-source software's collaborative ethos. That won't be easy.
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews
  • โปแลนด์ได้ลงนามข้อตกลงมูลค่า 745 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อขีปนาวุธนำวิถีต่อต้านเรดาร์ขั้นสูง (AARGM-ER) AGM-88G กว่า 200 ลูกจากสหรัฐฯ

    ทำให้โปแลนด์กลายเป็นพันธมิตรสหรัฐรายแรกในภูมิภาคนี้ที่มีขีดความสามารถทำลายล้างด้วยเรดาร์ขั้นสูง

    ขีปนาวุธเหล่านี้จะติดตั้งให้กับฝูงบิน F-35 จำนวน 32 ลำของโปแลนด์ และอาจนำไปดัดแปลงใช้กับ F-16 ได้

    รองนายกรัฐมนตรีโคซิเนียก-คามิสซ์เรียกสิ่งนี้ว่าเป็น "การซื้อครั้งสำคัญ" เนื่องจากโปแลนด์เพิ่มการใช้จ่ายด้านการทหารเป็น 4.2% ของ GDP ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นในยุโรปตะวันออก
    โปแลนด์ได้ลงนามข้อตกลงมูลค่า 745 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อขีปนาวุธนำวิถีต่อต้านเรดาร์ขั้นสูง (AARGM-ER) AGM-88G กว่า 200 ลูกจากสหรัฐฯ ทำให้โปแลนด์กลายเป็นพันธมิตรสหรัฐรายแรกในภูมิภาคนี้ที่มีขีดความสามารถทำลายล้างด้วยเรดาร์ขั้นสูง ขีปนาวุธเหล่านี้จะติดตั้งให้กับฝูงบิน F-35 จำนวน 32 ลำของโปแลนด์ และอาจนำไปดัดแปลงใช้กับ F-16 ได้ รองนายกรัฐมนตรีโคซิเนียก-คามิสซ์เรียกสิ่งนี้ว่าเป็น "การซื้อครั้งสำคัญ" เนื่องจากโปแลนด์เพิ่มการใช้จ่ายด้านการทหารเป็น 4.2% ของ GDP ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นในยุโรปตะวันออก
    Like
    Sad
    2
    0 Comments 0 Shares 469 Views 0 Reviews
  • ยูเครน 2.0
    ในช่วงการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของโจ ไบเดน เขาอนุมัติอาวุธมากมายให้กับไต้หวัน เหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับยูเครน ซึ่งบลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐออกมายอมรับเองว่า มีการส่งเสริมด้านอาวุธให้กับยูเครน เพื่อเตรียมพร้อมต่อต้านรัสเซีย และนั่นทำให้หลายฝ่ายคลายข้อสงสัยในตัวเซเลนสกีว่าเขาคิดอะไรถึงกล้าต่อกรกับรัสเซีย มหาอำนาจทางสงครามมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน

    ล่าสุดไต้หวันเพิ่งได้รับรถถัง Abrams จากสหรัฐอเมริกา ล็อตแรก 38 คัน สำหรับรถหุ้มเกราะอีกจำนวน 70 คัน กำลังจะส่งมอบให้ไต้หวันก่อนสิ้นปี 2026

    มาดูกันว่าอุปกรณ์ทางทหารอื่นๆ ที่วอชิงตันขายให้ไทเปในช่วงที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2021 ถึง 2024 มีอะไรบ้าง และอาวุธของสหรัฐฯ อะไรที่ไต้หวันวางแผนจะซื้อ ข้อมูลดังกล่าวอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลสาธารณะและรายงานของสื่อ

    ที่ซื้อแล้ว (ข้อตกลงที่ได้รับการอนุมัติมีมูลค่าประมาณ 7 พันล้านดอลลาร์):
    ระบบขีปนาวุธ
    ระบบขีปนาวุธพื้นสู่อากาศขั้นสูง NASAMS จำนวน 3 ระบบ
    ระบบจรวดปืนใหญ่เคลื่อนที่สูง HIMARS M142 จำนวน 29 ระบบ
    ระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธี ATACMS MGM-140 ไม่เปิดเผยจำนวน

    ขีปนาวุธ:
    ขีปนาวุธ AGM-88B HARM 100 ลูก และขีปนาวุธฝึกซ้อม HARM จำนวน 23 ลูก
    ขีปนาวุธต่อต้านเรือ AGM-84L-1 Harpoon Block II
    ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ AIM-9X Block II Sidewinder
    ชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-16 และเรดาร์

    ระบบสื่อสาร:
    ⚪️ ระบบเรดาร์ AN/TPS-77 และ AN/TPS-78

    อาวุธอื่นๆเพิ่มเติม:
    อาวุธโจมตี(โดรน) Switchblade 720 ลำ
    ระบบทุ่นระเบิดแบบกระจายที่ยิงจากรถ M136
    ชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-16 และเรดาร์

    ที่กำลังเตรียมซื้อ (แพ็กเกจมีมูลค่ามากกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์):
    เครื่องบินขับไล่ F-35 รุ่นที่ 5 จำนวน 60 ลำ
    เครื่องบินเตือนภัยทางอากาศเชิงยุทธวิธี E-2D Hawkeye จำนวน 4 ลำ
    เรือรบที่ไม่ได้ระบุจำนวน 10 ลำ
    ขีปนาวุธสกัดกั้น 400 ลูก สำหรับระบบขีปนาวุธ Patriot
    เรือพิฆาต Aegis

    ปักกิ่ง กล่าวหาสหรัฐมาตลอด ว่ากำลังทำการยั่วยุโดยการขายอาวุธให้ไต้หวันซึ่งระบุว่าจะทำเป็นอันตรายต่อสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน
    ยูเครน 2.0 ในช่วงการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของโจ ไบเดน เขาอนุมัติอาวุธมากมายให้กับไต้หวัน เหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับยูเครน ซึ่งบลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐออกมายอมรับเองว่า มีการส่งเสริมด้านอาวุธให้กับยูเครน เพื่อเตรียมพร้อมต่อต้านรัสเซีย และนั่นทำให้หลายฝ่ายคลายข้อสงสัยในตัวเซเลนสกีว่าเขาคิดอะไรถึงกล้าต่อกรกับรัสเซีย มหาอำนาจทางสงครามมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ล่าสุดไต้หวันเพิ่งได้รับรถถัง Abrams จากสหรัฐอเมริกา ล็อตแรก 38 คัน สำหรับรถหุ้มเกราะอีกจำนวน 70 คัน กำลังจะส่งมอบให้ไต้หวันก่อนสิ้นปี 2026 มาดูกันว่าอุปกรณ์ทางทหารอื่นๆ ที่วอชิงตันขายให้ไทเปในช่วงที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2021 ถึง 2024 มีอะไรบ้าง และอาวุธของสหรัฐฯ อะไรที่ไต้หวันวางแผนจะซื้อ ข้อมูลดังกล่าวอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลสาธารณะและรายงานของสื่อ ที่ซื้อแล้ว (ข้อตกลงที่ได้รับการอนุมัติมีมูลค่าประมาณ 7 พันล้านดอลลาร์): ระบบขีปนาวุธ 🔸ระบบขีปนาวุธพื้นสู่อากาศขั้นสูง NASAMS จำนวน 3 ระบบ 🔸ระบบจรวดปืนใหญ่เคลื่อนที่สูง HIMARS M142 จำนวน 29 ระบบ 🔸ระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธี ATACMS MGM-140 ไม่เปิดเผยจำนวน ขีปนาวุธ: 🔺ขีปนาวุธ AGM-88B HARM 100 ลูก และขีปนาวุธฝึกซ้อม HARM จำนวน 23 ลูก 🔺ขีปนาวุธต่อต้านเรือ AGM-84L-1 Harpoon Block II 🔺ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ AIM-9X Block II Sidewinder 🔺ชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-16 และเรดาร์ ระบบสื่อสาร: ⚪️ ระบบเรดาร์ AN/TPS-77 และ AN/TPS-78 อาวุธอื่นๆเพิ่มเติม: 🔹อาวุธโจมตี(โดรน) Switchblade 720 ลำ 🔹ระบบทุ่นระเบิดแบบกระจายที่ยิงจากรถ M136 🔹ชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-16 และเรดาร์ ที่กำลังเตรียมซื้อ (แพ็กเกจมีมูลค่ามากกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์): ▪️เครื่องบินขับไล่ F-35 รุ่นที่ 5 จำนวน 60 ลำ ▪️เครื่องบินเตือนภัยทางอากาศเชิงยุทธวิธี E-2D Hawkeye จำนวน 4 ลำ ▪️เรือรบที่ไม่ได้ระบุจำนวน 10 ลำ ▪️ขีปนาวุธสกัดกั้น 400 ลูก สำหรับระบบขีปนาวุธ Patriot ▪️เรือพิฆาต Aegis ปักกิ่ง กล่าวหาสหรัฐมาตลอด ว่ากำลังทำการยั่วยุโดยการขายอาวุธให้ไต้หวันซึ่งระบุว่าจะทำเป็นอันตรายต่อสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน
    Like
    6
    0 Comments 0 Shares 731 Views 0 Reviews
  • "ไบเดนย่องเงียบ" อนุมัติแผนการขายอาวุธ 8,000 ล้านเหรียญให้อิสราเอล

    กระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งต่อรัฐสภา "อย่างไม่เป็นทางการ" ถึงข้อเสนอข้อตกลงด้านอาวุธมูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์กับอิสราเอล ซึ่งจะรวมถึงอาวุธสำหรับเครื่องบินขับไล่และเฮลิคอปเตอร์โจมตี รวมถึงกระสุนปืนใหญ่

    แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า กระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อรัฐสภาว่า ข้อตกลงดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อ "สนับสนุนความมั่นคงในระยะยาวของอิสราเอลโดยการจัดหาอาวุธสำคัญและความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม"

    "ประธานาธิบดีได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าอิสราเอลมีสิทธิที่จะปกป้องพลเมืองของตน สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และในการยับยั้งการรุกรานจากอิหร่านและองค์กรตัวแทนของอิหร่าน" เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าว

    การขายอาวุธครั้งนี้รวมถึงขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ AIM-120C-8 AMRAAM สำหรับเครื่องบินขับไล่เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางอากาศ รวมถึงโดรน

    ยังรวมถึงกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มม. และขีปนาวุธ Hellfire AGM-114 สำหรับเฮลิคอปเตอร์โจมตีด้วย

    ข้อตกลงที่เสนอนี้ยังรวมถึงระเบิดขนาดเล็ก ระเบิดดัดแปลง JDAM ที่มีหัวรบขนาด 500 ปอนด์

    ในขณะที่:
    - แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    - ฮิวแมนไรท์วอทช์: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    - รายงานของสหประชาชาติ: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    - นักวิชาการด้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    - ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ International Criminal Court (ICC): กำลังดำเนินคดีกับเนทันยาฮูในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    - แต่ไบเดนยังคงเดินหน้าขายอาวุธอีก 8,000 ล้านเหรียญให้อิสราเอล
    "ไบเดนย่องเงียบ" อนุมัติแผนการขายอาวุธ 8,000 ล้านเหรียญให้อิสราเอล กระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งต่อรัฐสภา "อย่างไม่เป็นทางการ" ถึงข้อเสนอข้อตกลงด้านอาวุธมูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์กับอิสราเอล ซึ่งจะรวมถึงอาวุธสำหรับเครื่องบินขับไล่และเฮลิคอปเตอร์โจมตี รวมถึงกระสุนปืนใหญ่ แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า กระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อรัฐสภาว่า ข้อตกลงดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อ "สนับสนุนความมั่นคงในระยะยาวของอิสราเอลโดยการจัดหาอาวุธสำคัญและความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม" "ประธานาธิบดีได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าอิสราเอลมีสิทธิที่จะปกป้องพลเมืองของตน สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และในการยับยั้งการรุกรานจากอิหร่านและองค์กรตัวแทนของอิหร่าน" เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าว การขายอาวุธครั้งนี้รวมถึงขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ AIM-120C-8 AMRAAM สำหรับเครื่องบินขับไล่เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางอากาศ รวมถึงโดรน ยังรวมถึงกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มม. และขีปนาวุธ Hellfire AGM-114 สำหรับเฮลิคอปเตอร์โจมตีด้วย ข้อตกลงที่เสนอนี้ยังรวมถึงระเบิดขนาดเล็ก ระเบิดดัดแปลง JDAM ที่มีหัวรบขนาด 500 ปอนด์ ในขณะที่: - แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ - ฮิวแมนไรท์วอทช์: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ - รายงานของสหประชาชาติ: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ - นักวิชาการด้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ - ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ International Criminal Court (ICC): กำลังดำเนินคดีกับเนทันยาฮูในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ - แต่ไบเดนยังคงเดินหน้าขายอาวุธอีก 8,000 ล้านเหรียญให้อิสราเอล
    Sad
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 852 Views 0 Reviews
  • ❗️ในช่วงสามวันที่ผ่านมา, กองกำลังยูเครนได้โจมตีเป้าหมายในภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซียด้วยอาวุธระยะไกลจากชาติตะวันตกถึงสองครั้ง, กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าว

    เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน, กองกำลังยูเครนได้ยิงขีปนาวุธ ATACMS จำนวน ๕ ลูก ใกล้หมู่บ้าน Lotarevka ในตำแหน่งของกองขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน S-400 ขีปนาวุธ ๓ ลูกถูกทำลาย, และ ๒ ลูกเข้าเป้า

    เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน, กองกำลังยูเครนได้โจมตีสนามบิน Vostochny ในภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซียด้วยขีปนาวุธ ATACMS ขีปนาวุธ ๗ ลูกถูกยิงตก; ๑ ลูกเข้าเป้า ส่งผลให้, ทหารสองนายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากเศษจรวดที่ตกลงมา

    ระหว่างการสำรวจสถานที่ที่ถูกโจมตีในภูมิภาคเคิร์สก์, ได้รับการยืนยันว่ากองกำลังติดอาวุธยูเครนยิงขีปนาวุธ ATACMS ที่ผลิตในอเมริกา

    กระทรวงกลาโหมของรัสเซียประกาศว่า กำลังเตรียมการตอบโต้ยูเครนที่โจมตีด้วยขีปนาวุธ ATACMS ในภูมิภาคเคิร์สก์
    .
    ❗️Over the past three days, Ukrainian forces carried out two strikes with long-range Western weapons on targets in the Russian Kursk region, the Russian Defense Ministry said

    On November 23, Ukrainian forces launched five ATACMS missiles near the village of Lotarevka at the position of the S-400 anti–aircraft missile division. Three missiles were destroyed, and two reached the target

    On November 25, Ukrainian troops struck the Vostochny airfield in Russia's Kursk with ATACMS missiles. Seven missiles were shot down; one reached the target. As a result, two soldiers were slightly injured from falling rocket fragments.

    During the survey of the places attacked in the Kursk region, it was confirmed that Ukrainian militants fired American-made ATACMS missiles.

    Russia's Defense Ministry announced that it is preparing retaliatory actions against Ukraine for attacking with ATACMS missiles in the Kursk region
    .
    8:19 PM · Nov 26, 2024 · 12.3K Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1861399379086594383
    ❗️ในช่วงสามวันที่ผ่านมา, กองกำลังยูเครนได้โจมตีเป้าหมายในภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซียด้วยอาวุธระยะไกลจากชาติตะวันตกถึงสองครั้ง, กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าว เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน, กองกำลังยูเครนได้ยิงขีปนาวุธ ATACMS จำนวน ๕ ลูก ใกล้หมู่บ้าน Lotarevka ในตำแหน่งของกองขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน S-400 ขีปนาวุธ ๓ ลูกถูกทำลาย, และ ๒ ลูกเข้าเป้า เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน, กองกำลังยูเครนได้โจมตีสนามบิน Vostochny ในภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซียด้วยขีปนาวุธ ATACMS ขีปนาวุธ ๗ ลูกถูกยิงตก; ๑ ลูกเข้าเป้า ส่งผลให้, ทหารสองนายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากเศษจรวดที่ตกลงมา ระหว่างการสำรวจสถานที่ที่ถูกโจมตีในภูมิภาคเคิร์สก์, ได้รับการยืนยันว่ากองกำลังติดอาวุธยูเครนยิงขีปนาวุธ ATACMS ที่ผลิตในอเมริกา กระทรวงกลาโหมของรัสเซียประกาศว่า กำลังเตรียมการตอบโต้ยูเครนที่โจมตีด้วยขีปนาวุธ ATACMS ในภูมิภาคเคิร์สก์ . ❗️Over the past three days, Ukrainian forces carried out two strikes with long-range Western weapons on targets in the Russian Kursk region, the Russian Defense Ministry said On November 23, Ukrainian forces launched five ATACMS missiles near the village of Lotarevka at the position of the S-400 anti–aircraft missile division. Three missiles were destroyed, and two reached the target On November 25, Ukrainian troops struck the Vostochny airfield in Russia's Kursk with ATACMS missiles. Seven missiles were shot down; one reached the target. As a result, two soldiers were slightly injured from falling rocket fragments. During the survey of the places attacked in the Kursk region, it was confirmed that Ukrainian militants fired American-made ATACMS missiles. Russia's Defense Ministry announced that it is preparing retaliatory actions against Ukraine for attacking with ATACMS missiles in the Kursk region . 8:19 PM · Nov 26, 2024 · 12.3K Views https://x.com/SputnikInt/status/1861399379086594383
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 622 Views 0 Reviews
  • - สหรัฐฯ อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธ ATACM โจมตีรัสเซีย
    - อังกฤษ อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธ Storm Shadow โจมตีรัสเซีย
    - ฝรั่งเศส อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธ SCALP EG (Storm Shadow) โจมตีรัสเซีย
    - สหรัฐฯ กำลังพิจารณาส่งขีปนาวุธ JASSM (Joint Air-to-Surface Standoff Missile / AGM-158 JASSM) ให้กับยูเครน เพื่อโจมตีรัสเซีย
    .
    จากทั้งหมดนี้ ประเทศที่คลั่งประชาธิปไตยและเสรีภาพ ยังคงกล่าวหาว่ารัสเซียเป็นฝ่ายยกระดับความรุนแรงในสงครามขึ้นไปอีก !!!
    - สหรัฐฯ อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธ ATACM โจมตีรัสเซีย - อังกฤษ อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธ Storm Shadow โจมตีรัสเซีย - ฝรั่งเศส อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธ SCALP EG (Storm Shadow) โจมตีรัสเซีย - สหรัฐฯ กำลังพิจารณาส่งขีปนาวุธ JASSM (Joint Air-to-Surface Standoff Missile / AGM-158 JASSM) ให้กับยูเครน เพื่อโจมตีรัสเซีย . จากทั้งหมดนี้ ประเทศที่คลั่งประชาธิปไตยและเสรีภาพ ยังคงกล่าวหาว่ารัสเซียเป็นฝ่ายยกระดับความรุนแรงในสงครามขึ้นไปอีก !!!
    Angry
    1
    0 Comments 0 Shares 528 Views 0 Reviews
  • ยูเครนยิงขีปนาวุธ ATACMS ที่ผลิตในสหรัฐฯ จำนวน ๖ ลูกใส่เขต Bryansk ของรัสเซีย

    ขีปนาวุธ ๕ ลูกถูกยิงตกโดยระบบ S-400 และ Pantsir AA, โดย ๑ ลูกได้รับความเสียหาย, เศษขีปนาวุธตกลงในเขตเทคนิคของฐานทัพทหาร, ทำให้เกิดเพลิงไหม้, กระทรวงกลาโหมรัสเซีย กล่าว
    .
    JUST IN: Ukraine fired 6 US-made ATACMS missiles at Russia's Bryansk region.

    Five missiles were shot down by S-400 & Pantsir AA systems, one was damaged, its fragments fell in the technical zone of a military facility, causing a fire, Russian Defense Ministry says.
    .
    9:24 PM · Nov 19, 2024 · 533.4K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1858879004805042514
    🇺🇦🇷🇺 ยูเครนยิงขีปนาวุธ ATACMS ที่ผลิตในสหรัฐฯ จำนวน ๖ ลูกใส่เขต Bryansk ของรัสเซีย ขีปนาวุธ ๕ ลูกถูกยิงตกโดยระบบ S-400 และ Pantsir AA, โดย ๑ ลูกได้รับความเสียหาย, เศษขีปนาวุธตกลงในเขตเทคนิคของฐานทัพทหาร, ทำให้เกิดเพลิงไหม้, กระทรวงกลาโหมรัสเซีย กล่าว . JUST IN: 🇺🇦🇷🇺 Ukraine fired 6 US-made ATACMS missiles at Russia's Bryansk region. Five missiles were shot down by S-400 & Pantsir AA systems, one was damaged, its fragments fell in the technical zone of a military facility, causing a fire, Russian Defense Ministry says. . 9:24 PM · Nov 19, 2024 · 533.4K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1858879004805042514
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 274 Views 0 Reviews
  • ระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอล: โล่ป้องกันภัยทางเทคโนโลยีขั้นสูงที่รั่วไหลเหมือนตะแกรง

    เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม, อิหร่านยิงขีปนาวุธพิสัยไกลประมาณ ๒๐๐ ลูกไปที่อิสราเอลเพื่อตอบโต้การสังหารผู้นำกลุ่มฮามาส อิสมาอิล ฮานีเยห์ และ ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ เลขาธิการกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ของอิหร่าน อิหร่านอ้างว่าขีปนาวุธ ๙๐% ยิงโดนเป้าหมาย, ขณะที่เทลอาวีฟยืนกรานว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศ "ล้ำสมัย" ของพวกเขาหยุดเป้าหมายได้เกือบทั้งหมด – แม้ว่าหลักฐานบนพื้นดินจะชี้ให้เห็นเป็นอย่างอื่น ระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอลทำผลงานได้อย่างไรเมื่อนำไปทดสอบจริง?

    ไอรอน โดม: ออกแบบมาสำหรับภัยคุกคามระยะสั้น เช่น จรวดและปืนครก โดยมีระยะยิง ๔-๗๐ กม. แต่ละชุดมีเรดาร์และเครื่องยิงที่มีเครื่องสกัดกั้น ๒๐ เครื่อง แต่จุดอ่อนของระบบนี้ต่อการโจมตีด้วยจรวดจำนวนมากนั้นถูกเปิดเผยแล้ว, และด้วยราคา ๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์ต่อขีปนาวุธหนึ่งลูก จึงไม่เป็นมิตรกับงบประมาณสักเท่าไร

    David's Sling: สร้างขึ้นเพื่อรับมือกับภัยคุกคามในระยะไกลถึง ๓๐๐ กม., โดยใช้เทคโนโลยี "โจมตีเพื่อสังหาร" แบบจลนศาสตร์เพื่อยิงขีปนาวุธพิสัยไกล แต่ขาดหัวรบระเบิดแบบแตกกระจายเพื่อยิงขีปนาวุธเมื่อเกือบพลาดเป้า และเช่นเดียวกับคู่แข่ง ระบบนี้ก็อ่อนไหวต่อการโจมตีด้วยขีปนาวุธจำนวนมาก

    ระบบ Arrow ๒ และ ๓ สร้างขึ้นเพื่อหยุดยั้งขีปนาวุธพิสัยกลางและไกลที่อยู่ห่างออกไปถึง ๒,๔๐๐ กม. และสามารถยิงขีปนาวุธได้ ๑๔ ลูกในคราวเดียว แต่เมื่อท้องฟ้าวุ่นวาย, ความแม่นยำก็ลดลง และจุดบอดต่อภัยคุกคามที่เคลื่อนที่เร็วก็กลายเป็นปัญหาที่แท้จริง

    ไอรอน บีม: อาวุธใหม่ที่กำลังมาแรง – แต่ยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งาน อาวุธ Iron Beam ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นอาวุธ 'Star Wars' ที่ใช้เลเซอร์ยิงขีปนาวุธ, ยังคงอยู่ในระหว่างการพัฒนา ในตอนนี้, เป็นเพียงคำสัญญาบนกระดาษเท่านั้น และอิสราเอลยังคงเสี่ยงอันตรายในขณะที่รอให้เทคโนโลยีนี้เข้ามาใช้งาน
    .
    ISRAEL'S AIR DEFENSE: A HIGH-TECH SHIELD THAT LEAKS LIKE A SIEVE

    On October 1, Iran fired around 200 ballistic missiles at Israel in retaliation for Israel’s killings of Hamas leader Ismail Haniyeh and Hezbollah secretary-general Hassan Nasrallah. Iran claims 90% hit their targets, while Tel Aviv insists their “state-of-the-art” air defense stopped most of them – although evidence on the ground suggests otherwise. How did Israel’s missile defense fare when really put to the test?

    Iron Dome: Designed for short-range threats like rockets and mortars, with a range of 4-70 km. Each battery has a radar and launchers with 20 interceptors. But its weakness against mass rocket attacks has been exposed, and at $50,000 per missile it’s not exactly budget-friendly.

    David's Sling: Built for longer-range threats up to 300 km, it uses kinetic "hit-to-kill" tech to shoot down ballistic missiles. But it lacks a fragmenting explosive warhead to take out missiles in a near-miss, and like its counterparts it buckles under mass missile attacks.

    The Arrow 2 and 3 systems are built to stop medium and long-range missiles up to 2,400 km away and can target 14 missiles at once. But when the skies get busy, accuracy falters and their blind spots for fast-moving threats become a real problem.

    Iron Beam: The new kid on the block – except it’s still not quite ready to play. Touted as a ‘Star Wars’ weapon using lasers to shoot down missiles, the Iron Beam is still in development. For now, it’s nothing more than a promise on paper and Israel remains vulnerable while waiting for this technology to come online.
    .
    10:23 PM · Oct 3, 2024 · 17.3K Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1841861573943410914
    📜ระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอล: โล่ป้องกันภัยทางเทคโนโลยีขั้นสูงที่รั่วไหลเหมือนตะแกรง เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม, อิหร่านยิงขีปนาวุธพิสัยไกลประมาณ ๒๐๐ ลูกไปที่อิสราเอลเพื่อตอบโต้การสังหารผู้นำกลุ่มฮามาส อิสมาอิล ฮานีเยห์ และ ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ เลขาธิการกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ของอิหร่าน อิหร่านอ้างว่าขีปนาวุธ ๙๐% ยิงโดนเป้าหมาย, ขณะที่เทลอาวีฟยืนกรานว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศ "ล้ำสมัย" ของพวกเขาหยุดเป้าหมายได้เกือบทั้งหมด – แม้ว่าหลักฐานบนพื้นดินจะชี้ให้เห็นเป็นอย่างอื่น ระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอลทำผลงานได้อย่างไรเมื่อนำไปทดสอบจริง? 🔸ไอรอน โดม: ออกแบบมาสำหรับภัยคุกคามระยะสั้น เช่น จรวดและปืนครก โดยมีระยะยิง ๔-๗๐ กม. แต่ละชุดมีเรดาร์และเครื่องยิงที่มีเครื่องสกัดกั้น ๒๐ เครื่อง แต่จุดอ่อนของระบบนี้ต่อการโจมตีด้วยจรวดจำนวนมากนั้นถูกเปิดเผยแล้ว, และด้วยราคา ๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์ต่อขีปนาวุธหนึ่งลูก จึงไม่เป็นมิตรกับงบประมาณสักเท่าไร 🔸David's Sling: สร้างขึ้นเพื่อรับมือกับภัยคุกคามในระยะไกลถึง ๓๐๐ กม., โดยใช้เทคโนโลยี "โจมตีเพื่อสังหาร" แบบจลนศาสตร์เพื่อยิงขีปนาวุธพิสัยไกล แต่ขาดหัวรบระเบิดแบบแตกกระจายเพื่อยิงขีปนาวุธเมื่อเกือบพลาดเป้า และเช่นเดียวกับคู่แข่ง ระบบนี้ก็อ่อนไหวต่อการโจมตีด้วยขีปนาวุธจำนวนมาก 🔸ระบบ Arrow ๒ และ ๓ สร้างขึ้นเพื่อหยุดยั้งขีปนาวุธพิสัยกลางและไกลที่อยู่ห่างออกไปถึง ๒,๔๐๐ กม. และสามารถยิงขีปนาวุธได้ ๑๔ ลูกในคราวเดียว แต่เมื่อท้องฟ้าวุ่นวาย, ความแม่นยำก็ลดลง และจุดบอดต่อภัยคุกคามที่เคลื่อนที่เร็วก็กลายเป็นปัญหาที่แท้จริง 🔸ไอรอน บีม: อาวุธใหม่ที่กำลังมาแรง – แต่ยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งาน อาวุธ Iron Beam ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นอาวุธ 'Star Wars' ที่ใช้เลเซอร์ยิงขีปนาวุธ, ยังคงอยู่ในระหว่างการพัฒนา ในตอนนี้, เป็นเพียงคำสัญญาบนกระดาษเท่านั้น และอิสราเอลยังคงเสี่ยงอันตรายในขณะที่รอให้เทคโนโลยีนี้เข้ามาใช้งาน . 📜ISRAEL'S AIR DEFENSE: A HIGH-TECH SHIELD THAT LEAKS LIKE A SIEVE On October 1, Iran fired around 200 ballistic missiles at Israel in retaliation for Israel’s killings of Hamas leader Ismail Haniyeh and Hezbollah secretary-general Hassan Nasrallah. Iran claims 90% hit their targets, while Tel Aviv insists their “state-of-the-art” air defense stopped most of them – although evidence on the ground suggests otherwise. How did Israel’s missile defense fare when really put to the test? 🔸Iron Dome: Designed for short-range threats like rockets and mortars, with a range of 4-70 km. Each battery has a radar and launchers with 20 interceptors. But its weakness against mass rocket attacks has been exposed, and at $50,000 per missile it’s not exactly budget-friendly. 🔸David's Sling: Built for longer-range threats up to 300 km, it uses kinetic "hit-to-kill" tech to shoot down ballistic missiles. But it lacks a fragmenting explosive warhead to take out missiles in a near-miss, and like its counterparts it buckles under mass missile attacks. 🔸The Arrow 2 and 3 systems are built to stop medium and long-range missiles up to 2,400 km away and can target 14 missiles at once. But when the skies get busy, accuracy falters and their blind spots for fast-moving threats become a real problem. 🔸Iron Beam: The new kid on the block – except it’s still not quite ready to play. Touted as a ‘Star Wars’ weapon using lasers to shoot down missiles, the Iron Beam is still in development. For now, it’s nothing more than a promise on paper and Israel remains vulnerable while waiting for this technology to come online. . 10:23 PM · Oct 3, 2024 · 17.3K Views https://x.com/SputnikInt/status/1841861573943410914
    Haha
    Wow
    2
    0 Comments 0 Shares 404 Views 0 Reviews
  • เซเลนสกี กล่าวว่า : ความช่วยเหลือทางทหารล่าสุดของสหรัฐฯ จะช่วยให้บรรลุชัยชนะ
    .
    #Zelensky กล่าวใน X : ความช่วยเหลือทางทหารมูลค่า 7,900 ล้านดอลลาร์ ที่สหรัฐประกาศเมื่อ 26 ก.ย. จะช่วยให้ยูเครนได้รับชัยชนะเหนือรัสเซีย

    ในโพสต์บน #X Zelenskyy เขียนว่า : ขอบคุณโจ ไบเดน รัฐสภาสหรัฐฯ และพรรคการเมืองทั้งสองฝ่าย ตลอดจนคนอเมริกันทั้งหมด สำหรับการประกาศในวันนี้เกี่ยวกับความช่วยเหลือด้านการป้องกันประเทศครั้งใหญ่ของสหรัฐฯ สำหรับยูเครนเป็นมูลค่ารวม 7,900 ล้านดอลลาร์ .......

    ....... ขอชื่นชมการตัดสินใจขยายโครงการ เพื่อฝึกนักบินของเราให้บินเครื่องบิน F-16 มากขึ้น
    .
    ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับคำมั่นสัญญาของโจ ไบเดน ที่จะมอบความช่วยเหลือด้านการทหาร 7,900 ล้านดอลลาร์แก่ยูเครน ผ่าน Agence France-Presse (AFP)

    จำนวนเงินดังกล่าวรวมถึง #PDA (Presidential Drawdown Authority) หรือ อำนาจเบิกถอนของประธานาธิบดี 5,500 ล้านดอลลาร์ที่ต้องอนุมัติก่อนจะหมดอายุลงในช่วงสิ้นปีงบประมาณของสหรัฐฯ ในวันจันทร์ที่ 30 ก.ย.
    • PDA จะเปิดทางให้เพนตากอนส่งทุกอย่างจากคลังอาวุธของกองทัพสหรัฐฯ ให้ยูเครนโดยตรงได้

    ◉ เพนตากอนเปิดเผยว่า กำลังทำงานร่วมกับสภาคองเกรสเพื่อขยายอำนาจการใช้งบก้อนที่เหลือในช่วงปีงบประมาณหน้าซึ่งจะเริ่มต้นในวันที่ 1 ต.ค.
    • มีการเตรียมแผนสำรอง ในกรณีที่สภาคองเกรสไม่อนุมัติการยืดอายุเวลาการใช้งบช่วยเหลือยูเครนไปปีหน้าแล้วด้วย
    .
    มีการให้คำมั่นเงินอีก 2,400 ล้านดอลลาร์ผ่านทาง #USAI (โครงการความช่วยเหลือด้านความปลอดภัยของยูเครน )
    • ซึ่งหมายความว่า : "เงินจำนวนนี้จะไม่ถูกส่งไปยังสนามรบทันที" เนื่องจาก อาวุธจะต้องได้รับการจัดหาจากอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ หรือหุ้นส่วน .... ไม่ใช่มาจากคลังอาวุธของสหรัฐฯ
    • ไบเดนยังประกาศด้วยว่า : วอชิงตันจะจัดหาอาวุธระยะไกล Joint Standoff Weapon (JSOW) ให้กับยูเครน "เพื่อเสริมศักยภาพในการโจมตีระยะไกลของยูเครน"
    #AGM-154 (JSOW) : อาวุธปล่อยนำวิถี เป็นขีปนาวุธอากาศสู่พื้น
    ระยะปฏิบัติการ 130 ก.ม.
    .
    #สหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือทางทหาร และเศรษฐกิจแก่ยูเครน ในช่วงสงครามไปแล้ว ราว ๆ
    ••• 175,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 5.69 ล้านล้านบาท •••
    .
    เมื่อ 25 ก.ย. #ทรัมป์ เรียกโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ว่า : “#อาจเป็นนักขายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก”



    Noraseth Tuntasiri
    🇺🇦 🇺🇸 เซเลนสกี กล่าวว่า : ความช่วยเหลือทางทหารล่าสุดของสหรัฐฯ จะช่วยให้บรรลุชัยชนะ😁 . #Zelensky กล่าวใน X : ความช่วยเหลือทางทหารมูลค่า 7,900 ล้านดอลลาร์ ที่สหรัฐประกาศเมื่อ 26 ก.ย. จะช่วยให้ยูเครนได้รับชัยชนะเหนือรัสเซีย😆 📄ในโพสต์บน #X Zelenskyy เขียนว่า : ขอบคุณโจ ไบเดน รัฐสภาสหรัฐฯ และพรรคการเมืองทั้งสองฝ่าย ตลอดจนคนอเมริกันทั้งหมด สำหรับการประกาศในวันนี้เกี่ยวกับความช่วยเหลือด้านการป้องกันประเทศครั้งใหญ่ของสหรัฐฯ สำหรับยูเครนเป็นมูลค่ารวม 7,900 ล้านดอลลาร์ ....... ....... ขอชื่นชมการตัดสินใจขยายโครงการ เพื่อฝึกนักบินของเราให้บินเครื่องบิน F-16 มากขึ้น . 🇺🇸 ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับคำมั่นสัญญาของโจ ไบเดน ที่จะมอบความช่วยเหลือด้านการทหาร 7,900 ล้านดอลลาร์แก่ยูเครน ผ่าน Agence France-Presse (AFP) 🔺 จำนวนเงินดังกล่าวรวมถึง #PDA (Presidential Drawdown Authority) หรือ อำนาจเบิกถอนของประธานาธิบดี 5,500 ล้านดอลลาร์ที่ต้องอนุมัติก่อนจะหมดอายุลงในช่วงสิ้นปีงบประมาณของสหรัฐฯ ในวันจันทร์ที่ 30 ก.ย. • PDA จะเปิดทางให้เพนตากอนส่งทุกอย่างจากคลังอาวุธของกองทัพสหรัฐฯ ให้ยูเครนโดยตรงได้ ◉ เพนตากอนเปิดเผยว่า กำลังทำงานร่วมกับสภาคองเกรสเพื่อขยายอำนาจการใช้งบก้อนที่เหลือในช่วงปีงบประมาณหน้าซึ่งจะเริ่มต้นในวันที่ 1 ต.ค. • มีการเตรียมแผนสำรอง ในกรณีที่สภาคองเกรสไม่อนุมัติการยืดอายุเวลาการใช้งบช่วยเหลือยูเครนไปปีหน้าแล้วด้วย . 🔺 มีการให้คำมั่นเงินอีก 2,400 ล้านดอลลาร์ผ่านทาง #USAI (โครงการความช่วยเหลือด้านความปลอดภัยของยูเครน ) • ซึ่งหมายความว่า : "เงินจำนวนนี้จะไม่ถูกส่งไปยังสนามรบทันที" เนื่องจาก 📍 อาวุธจะต้องได้รับการจัดหาจากอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ หรือหุ้นส่วน .... ไม่ใช่มาจากคลังอาวุธของสหรัฐฯ😆 • ไบเดนยังประกาศด้วยว่า : วอชิงตันจะจัดหาอาวุธระยะไกล Joint Standoff Weapon (JSOW) ให้กับยูเครน "เพื่อเสริมศักยภาพในการโจมตีระยะไกลของยูเครน" • #AGM-154 (JSOW) : อาวุธปล่อยนำวิถี เป็นขีปนาวุธอากาศสู่พื้น ระยะปฏิบัติการ 130 ก.ม. . 🇺🇸 #สหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือทางทหาร และเศรษฐกิจแก่ยูเครน ในช่วงสงครามไปแล้ว ราว ๆ 💸••• 175,000 ล้านดอลลาร์💸 หรือ 5.69 ล้านล้านบาท •••😆 . เมื่อ 25 ก.ย. #ทรัมป์ เรียกโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ว่า : “#อาจเป็นนักขายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก” 🤣🤣🤣 Noraseth Tuntasiri
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 525 Views 0 Reviews
  • Greek Words For Love That Will Make Your Heart Soar

    What is love? People have had a hard time answering that question for a lot longer than you might think. In Ancient Greece, love was a concept pondered over by some of history’s most famous philosophers, including Plato and Aristotle. Greek philosophers attempted to explain love rationally and often categorized the different kinds of love people could feel. Because we love them so much, we brought together some Greek words—and a Latin one, for good measure—for the different kinds of love you might find out there.


    eros
    Original Greek: ἔρως (érōs)

    Eros is physical love or sexual desire. Eros is the type of love that involves passion, lust, and/or romance.

    Examples of eros would be the love felt between, well, lovers. Eros is the sensual love between people who are sexually attracted to each other. In the Bible, eros was synonymous with “marital love” because husbands and wives were supposed to be the only people having sex. Eros was also the name of a love god in Greek mythology—better known by his Roman name, Cupid—and was the guy responsible for shooting magic arrows at people to make them fall in love.

    The word eros is still used in psychology today to refer to sexual desire or the libido. The words erotic and erogenous, which both have to do with sexual desire or arousal, are derived from eros.


    philia
    Original Greek: ϕιλία (philía)

    Philia is affectionate love. Philia is the type of love that involves friendship.

    Philia is the kind of love that strong friends feel toward each other. However, it doesn’t stop there. The Greek philosopher Plato thought that philia was an even greater love than eros and that the strongest loving relationships were ones where philia led to eros: a “friends become lovers” situation. Our concept of platonic love—love that isn’t based on physical attraction—comes from this Platonic philosophy.

    The word philia is related to the word philosophy through the combining form philo-. Philia itself is the source of the combining forms -philia, -phile, and -phily, all three of which are used to indicate a figurative love or affinity for something.


    agape
    Original Greek: ἀγάπη (agápē)

    Agape is often defined as unconditional, sacrificial love. Agape is the kind of love that is felt by a person willing to do anything for another, including sacrificing themselves, without expecting anything in return. Philosophically, agape has also been defined as the selfless love that a person feels for strangers and humanity as a whole. Agape is the love that allows heroic people to sacrifice themselves to save strangers they have never met.

    Did you know ... ?
    Agape is a major term in the Christian Bible, which is why it is often defined as “Christian love.” In the New Testament, agape is the word used to describe the love that God has for humanity and the love humanity has for God. Agape was also the love that Jesus Christ felt for humanity, which explains why he was willing to sacrifice himself.


    storge
    Original Greek: στοργή (storgé)

    Storge is familial love. Storge is the natural love that family members have for one another.

    Of all of the types of love, storge might be the easiest to understand. It is the type of love that parents feel toward their children and vice versa. Storge also describes the love that siblings feel towards each other, and the love felt by even more distant kin relationships, such as a grandparent for a grandchild or an uncle toward a niece.


    mania
    Original Greek: μανία (manía)

    Mania is obsessive love. Mania is the kind of “love” that a stalker feels toward their victim.

    As a type of love, mania is not good, and the Greeks knew this as well as we do. Mania is excessive love that reaches the point of obsession or madness. Mania describes what a jilted lover feels when they are extremely jealous of a rival or the unhealthy obsession that can result from mental illness.

    The Greek mania is the source of the English word mania and similar words like maniac and manic. It is also the source of the combining form -mania, which is often used in words that refer to obsessive behavior such as pyromania and egomania.


    ludus
    Original Latin: Bucking the trend, the word ludus comes from Latin rather than Greek. In Latin, lūdus means “game” or “play,” which fits with the type of love it refers to. One possible Greek equivalent is the word ερωτοτροπία, meaning “courtship.”

    Ludus is playful, noncommittal love. Ludus covers things like flirting, seduction, and casual sex.

    Ludus means “play” or “game” in Latin, and that pretty much explains what ludus is: love as a game. When it comes to ludus, a person is not looking for a committed relationship. People who are after ludus are just looking to have fun or view sex as a prize to be won. A “friends with benefits” situation would be an example of a relationship built on ludus: neither partner is interested in commitment. Of course, ludus may eventually result in eros—and hopefully not mania—if feelings of passion or romance emerge during the relationship.

    The Latin lūdus is related to the playful words ludic and ludicrous.


    pragma
    Original Greek: πράγμα (prágma)

    Pragma is practical love. Pragma is love based on duty, obligation, or logic.

    Pragma is the unsexy love that you might find in the political, arranged marriages throughout history. This businesslike love is seen in relationships where practicality takes precedence over sex and romance. For example, two people may be in a relationship because of financial reasons or because they have more to lose by breaking up than staying together.

    Pragma may even involve a person tolerating or ignoring their partner’s infidelity, as was common in politically motivated royal marriages in much of world history. Pragma may not sound all that great to many, but it is possible for pragma to coexist alongside other types of love, such as ludus or even eros.

    As you might have guessed, pragma is related to pragmatic, a word that is all about practicality.


    philautia
    Original Greek: ϕιλαυτία (philautía)

    Philautia is self-love. No, not that kind. Philautia refers to how a person views themselves and how they feel about their own body and mind.

    The modern equivalent of philautia would be something like self-esteem (good) or hubris (bad). People with high self-esteem, pride in themselves, or a positive body image practice a healthy version of philautia. Of course, philautia has a dark side, too. Egomaniacal narcissists who think they are better than everybody else are also an example of philautia, but not in a healthy way. The duality of philautia just goes to show that love, even self-love, can often get pretty complicated.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    Greek Words For Love That Will Make Your Heart Soar What is love? People have had a hard time answering that question for a lot longer than you might think. In Ancient Greece, love was a concept pondered over by some of history’s most famous philosophers, including Plato and Aristotle. Greek philosophers attempted to explain love rationally and often categorized the different kinds of love people could feel. Because we love them so much, we brought together some Greek words—and a Latin one, for good measure—for the different kinds of love you might find out there. eros Original Greek: ἔρως (érōs) Eros is physical love or sexual desire. Eros is the type of love that involves passion, lust, and/or romance. Examples of eros would be the love felt between, well, lovers. Eros is the sensual love between people who are sexually attracted to each other. In the Bible, eros was synonymous with “marital love” because husbands and wives were supposed to be the only people having sex. Eros was also the name of a love god in Greek mythology—better known by his Roman name, Cupid—and was the guy responsible for shooting magic arrows at people to make them fall in love. The word eros is still used in psychology today to refer to sexual desire or the libido. The words erotic and erogenous, which both have to do with sexual desire or arousal, are derived from eros. philia Original Greek: ϕιλία (philía) Philia is affectionate love. Philia is the type of love that involves friendship. Philia is the kind of love that strong friends feel toward each other. However, it doesn’t stop there. The Greek philosopher Plato thought that philia was an even greater love than eros and that the strongest loving relationships were ones where philia led to eros: a “friends become lovers” situation. Our concept of platonic love—love that isn’t based on physical attraction—comes from this Platonic philosophy. The word philia is related to the word philosophy through the combining form philo-. Philia itself is the source of the combining forms -philia, -phile, and -phily, all three of which are used to indicate a figurative love or affinity for something. agape Original Greek: ἀγάπη (agápē) Agape is often defined as unconditional, sacrificial love. Agape is the kind of love that is felt by a person willing to do anything for another, including sacrificing themselves, without expecting anything in return. Philosophically, agape has also been defined as the selfless love that a person feels for strangers and humanity as a whole. Agape is the love that allows heroic people to sacrifice themselves to save strangers they have never met. Did you know ... ? Agape is a major term in the Christian Bible, which is why it is often defined as “Christian love.” In the New Testament, agape is the word used to describe the love that God has for humanity and the love humanity has for God. Agape was also the love that Jesus Christ felt for humanity, which explains why he was willing to sacrifice himself. storge Original Greek: στοργή (storgé) Storge is familial love. Storge is the natural love that family members have for one another. Of all of the types of love, storge might be the easiest to understand. It is the type of love that parents feel toward their children and vice versa. Storge also describes the love that siblings feel towards each other, and the love felt by even more distant kin relationships, such as a grandparent for a grandchild or an uncle toward a niece. mania Original Greek: μανία (manía) Mania is obsessive love. Mania is the kind of “love” that a stalker feels toward their victim. As a type of love, mania is not good, and the Greeks knew this as well as we do. Mania is excessive love that reaches the point of obsession or madness. Mania describes what a jilted lover feels when they are extremely jealous of a rival or the unhealthy obsession that can result from mental illness. The Greek mania is the source of the English word mania and similar words like maniac and manic. It is also the source of the combining form -mania, which is often used in words that refer to obsessive behavior such as pyromania and egomania. ludus Original Latin: Bucking the trend, the word ludus comes from Latin rather than Greek. In Latin, lūdus means “game” or “play,” which fits with the type of love it refers to. One possible Greek equivalent is the word ερωτοτροπία, meaning “courtship.” Ludus is playful, noncommittal love. Ludus covers things like flirting, seduction, and casual sex. Ludus means “play” or “game” in Latin, and that pretty much explains what ludus is: love as a game. When it comes to ludus, a person is not looking for a committed relationship. People who are after ludus are just looking to have fun or view sex as a prize to be won. A “friends with benefits” situation would be an example of a relationship built on ludus: neither partner is interested in commitment. Of course, ludus may eventually result in eros—and hopefully not mania—if feelings of passion or romance emerge during the relationship. The Latin lūdus is related to the playful words ludic and ludicrous. pragma Original Greek: πράγμα (prágma) Pragma is practical love. Pragma is love based on duty, obligation, or logic. Pragma is the unsexy love that you might find in the political, arranged marriages throughout history. This businesslike love is seen in relationships where practicality takes precedence over sex and romance. For example, two people may be in a relationship because of financial reasons or because they have more to lose by breaking up than staying together. Pragma may even involve a person tolerating or ignoring their partner’s infidelity, as was common in politically motivated royal marriages in much of world history. Pragma may not sound all that great to many, but it is possible for pragma to coexist alongside other types of love, such as ludus or even eros. As you might have guessed, pragma is related to pragmatic, a word that is all about practicality. philautia Original Greek: ϕιλαυτία (philautía) Philautia is self-love. No, not that kind. Philautia refers to how a person views themselves and how they feel about their own body and mind. The modern equivalent of philautia would be something like self-esteem (good) or hubris (bad). People with high self-esteem, pride in themselves, or a positive body image practice a healthy version of philautia. Of course, philautia has a dark side, too. Egomaniacal narcissists who think they are better than everybody else are also an example of philautia, but not in a healthy way. The duality of philautia just goes to show that love, even self-love, can often get pretty complicated. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 Comments 0 Shares 1224 Views 0 Reviews
More Results