• บาป 18 ประการ คนตื่นธรรม
    กรณีคนตื่นธรรม สอนธรรมออนไลน์ในสื่อโซเชียล มีลักษณะการใช้คำพูดหยาบคาย ด้อยค่าด่ากราด ไม่ประนีประนอมเพื่อให้คนเข้าถึงธรรมะที่แท้จริง ตื่นรู้จากอวิชชา เดรัจฉานวิชา ปลุกเสก ได้สร้างบาป 18 ประการขึ้น คือในการสอนธรรม มีข้อผิดพลาดที่เป็นปัญหาควรต้องพิจารณาและปรับปรุง เพราะกระทบต่อภาพลักษณ์ของพุทธสาสนา และสร้างสัทธรรมปฏิรูปขึ้นแก่ชาวพุทธ เป็นบาปใหญ่หลวง

    1. ใช้วจีทุจริต ไม่เป็นสัมมาวาจา ไม่เป็นวาจาสุภาษิต (ตามแนวทางมรรค ๘)
    มีการใช้คำพูดด่า ดูถูก กดข่มผู้ฟัง เช่น มึงมันโง่ ไอ้ปัญญาอ่อน มึงปัญญาอ่อนไง โดยกล่าวอ้างว่า ธรรมแท้ไม่มีประนีประนอม ในหลักของมรรคมีองค์ ๘ ครอบคลุมอยู่ในทุกเรื่องของการกระทำ จึงจะถือว่าเป็นการปฏิบัติตามคำสอนในพระพุทธศาสนา การสอนโดยใช้วาจาไม่เป็นสัมมาวาจานั้น เป็นวจีทุจริต เป็นบาป ผิดหลักมรรคมีองค์ ๘

    2. สอนขัดแย้งกันเอง ยกธรรมตีธรรม เพราะไม่รอบรู้ไม่เข้าใจหลักเหตุผล มักจะเอาธรรมข้อใดข้อหนึ่งยกขึ้นมา ตีธรรมะข้ออื่นในชุดธรรมเดียวกัน หรือชุดอื่น เพื่อสร้างภาพว่าตนรู้ทั่วถึงธรรมวินัยดี อันไหนธรรมแท้ ธรรมถูก เช่น การกล่าวว่าการรู้อดีต รู้อนาคต ไม่ได้ทำให้เข้าใจปัจจุบัน ไม่มีประโยชน์
    ถือเป็นดูหมิ่นด้อยค่า คำสอน วิชชา 3 มี ปุพเพนิวาสนุสสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ โดยคำลักษณะนี้เป็นการบอกว่า ญาณ 2 อย่างข้างต้นไม่มีความสำคัญ ในขณะที่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ การระลึกรู้อดีตชาติของพระพุทธเจ้า ได้เป็นการประจักษ์แจ้งการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์ ทำให้รู้จุตูปปาตญาณ รู้ผลของการกระทำกรรม และนำสู่อาสวักขยญาณ ปัญญารู้ทำอาสวะกิเลสให้หมดสิ้นได้ และข้อธรรมอื่นก็คล้ายกัน ไม่รู้จักเหตุผล พุทธเจ้าแสดงธรรมเป็นชุดเหตุผล เป็นลำดับ

    3. พุทธคุณไม่มีอยู่จริง นอกจากพระบริสุทธิคุณ ปัญญาคุณ มหากรุณาคุณ
    ความจริงคุณของพระพุทธเจ้ามีหลายประการ ทั้งนวหรคุณ 9 อย่าง อะระหํ(เป็นพระอรหันต์) สัมมาสัมพุทโธ(ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง) วิชชาจรณสัมปันโน (เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ) เป็นต้น พุทธานุภาพที่เกิดจากอานุภาพบารมีที่สั่งสมแสดงออกอำนวยผล ในหลายลักษณะ ให้เกิดความสวัสดีแก่ผู้นับถือบูชา เช่น การปกป้องคุ้มครองพระภิกษุที่ไปปฏิบัติอยู่ในสถานที่ห่างไกล มักจะปูลาดอาสนะไว้ เมื่อมีภัย หรือเกิดอกุศลวิตก หวาดกลัว เพียงระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระองค์จะเสด็จมาปลอบ สอนธรรม ทำให้พระภิกษุไม่หวาดกลัวที่จะเดินทางไปอยู่ในที่ไกลๆ เพราะพลังแห่งพุทธะคุ้มครอง แม้ในยุคปัจจุบันพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ก็ยังมีพลังพุทธคุณหรือพุทธานุภาพปกป้องคุ้มครองชาวพุทธอยู่ ความเชื่อเหล่านี้จะมีผลได้ต้องปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงธรรมระดับหนึ่งจึงจะสามารถพิสูจน์ได้ การเห็นสุดโต่งปฏิเสธความมีอยู่แห่งพุทธานุภาพจึงเป็นความเห็นผิด อันร้ายแรงอย่างหนึ่ง

    4.พระเครื่องไม่มีพุทธคุณ เป็นความเห็นผิด พุทธเจ้าประทานบทพระปริตรหลายวาระหลายบท เพื่อป้องกัน เพื่อรักษา ไม่เบียดเบียน อยู่สำราญ ของพระภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พุทธานุภาพหรือเขตอำนาจแห่งพุทธเจ้าแผ่ไปใน 3 เรื่อง คือ
    1)ชาติเขต แผ่ไปในหมื่นจักรวาล
    2)อาณาเขต คือ พุทธมนต์ หรือปริตร แผ่ไปในแสนโกฏิจักรวาล
    3)วิสัยเขต แผ่ไปไม่มีขอบเขต
    พุทธคุณหรือพุทธานุภาพ เกิดจากการสวดสาธยายมนต์ มีอำนาจแผ่ไปในแสนโกฏิจักรวาล ช่วยขจัดปัดเป่าอุปัทวันตราย โรคภัย เสนียดจัญไรต่างๆ ได้ มีการสืบทอดคำสอนมาช้านาน
    ดังข้อความว่า
    "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะจงเล่าเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะ จงทรงจำมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะไว้ ภิกษุทั้งหลาย มนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะนี้ ประกอบด้วยประโยชน์ เพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่ออยู่สำราญของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย”
    ข้อความนี้แสดงให้เห็นว่า บทปริตร หรือบทพุทธมนต์ มีพลังอำนาจ คุ้มครองป้องกันรักษา พระพุทธเจ้าจึงให้สวดสาธยาย และเมื่อนำมาใช้ในการสร้างพระพุทธรูป พระเครื่องต่างๆ ย่อมมีคุณตามที่พระพุทธเจ้าตรัส
    คำพูดปฏิเสธพุทธคุณ พุทธรูป สิ่งเคารพทางศาสนา ที่สืบทอดคติความเชื่อจารีตมาช้านานนับพันปี จึงเป็นการบ่อนทำลายความศรัทธาที่มีต่อ พระพุทธเจ้า สิ่งแทนพุทธเจ้า หรือคำสอนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ไม่ให้ผู้คนมีศรัทธา โดยยกคำสอนเรื่องอริยสัจ มาด้อยค่าคำสอนว่าด้วยเรื่องศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า จึงเป็นการทำลายศาสนา ไปพร้อมกัน อนาคตเด็กยุคใหม่เสพคำสอนนี้ จะไม่นับถือไม่ไหว้พระพุทธเจ้าและไม่เห็นความสำคัญ คุณค่าของพุทธรูปที่สร้างไว้ในฐานะเครื่องยึดเหนี่ยวที่เป็นรูปธรรมนำสุ่พุทธเจ้า รวมทั้งไม่เชื่อในพระพุทธเจ้า

    5. มิจฉาทิฐิ 10 สอนการบูชาที่ไร้ผล สายลัทธิวัดนา สอนไม่ให้กราบไหว้บูชาพระพุทธรูป องค์แทนพุทธเจ้าสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงพุทธเจ้า เป็นจารีตนิยมที่ถือมาช้านาน เชื่อมโยงคำสอนในพระไตรปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ปีตวิมานวัตถุ
    “ติฏฺฐนฺเต นิพฺพุเต จาปิ, สเม จิตฺเต สมํ ผลํ;
    เจโตปณิธิเหตุ หิ, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคตึ.
    "พระพุทธเจ้า จะทรงพระชนม์อยู่ หรือแม้จะนิพพานไปแล้วก็ตาม
    ถ้าจิตเสมอกัน ผลก็เสมอกัน สัตว์ทั้งหลายไปสู่สวรรค์ เพราะความเลื่อมใสตั้งมั่นแห่งจิตใจ
    การสอนไม่ให้ไหว้พุทธรูป นับเป็นมิจฉาทิฐิ ข้อที่ ๒ นัตถิ ยิตถัง และข้อที่ ๑๐ พระพุทธเจ้าไม่มีอยู่จริง ในชุดคำสอน มิจฉาทิฐิ ๑๐ ประการ เป็นการสร้างบาปทำลายคำสอน ความศรัทธาที่ชาวพุทธมีต่อพระพุทธเจ้า โดยอ้างว่าให้ยึดคำสอนสูงสุด อริยสัจสี่ เพื่อพ้นทุกข์

    6. คุณไสย ไสยเวทย์ ไม่มี. การปฏิเสธคำสอน ในเรื่องคุณไสย์ วิชาอาคม มนต์ มีพลังอำนาจอยู่จริง หรือไม่ เมื่อไม่สามารถหาคำตอบหรือพิสูจน์ได้ ก็ควรพิจารณาจากหลักฐานในพระไตรปิฎก มีที่ใดบ้าง ข้อความพุทธพจน์วินัยบัญญัติ ดังเรื่องต่อไปนี้
    ๑) พระภิกษุถูกผีสิง อมนุษย์สิง กินเลือดสด เนื้อสด ทรงอนุญาตให้พระภิกษุฉันเลือดและเนื้อสดได้ เพื่อเป็นเภสัช เมื่อฉันแล้วอมนุษย์จะออกไป แสดงให้เห็นว่าบทบัญญัติทางพระวินัย พระพุทธเจ้ายอมรับว่ามีผีหรืออมนุษย์สามารถสิงสู่คนได้ พระภิกษุถูกอมนุษย์สิงได้ และวิธีการรักษา ในครั้งนั้นตามอาการ คือเมื่ออมนุษย์มาสิงเพื่อกินเนื้อสด เลือดสด(ปอบ) ก็อนุญาตให้พระภิกษุกินได้ และไม่ถือว่าต้องอาบัติอะไร เพราะคนที่กิน ไม่ใช่พระ แต่เป็นอมนุษย์ หลักฐานนี้ยอมรับการมีอยู่ การสิงร่างคน ของอมนุษย์ เป็นความรู้ที่ควรต้องมี ไม่ปฏิเสธว่า ผี อมนุษย์ ไม่มี ไสยเวทย์ ไม่มี
    เรื่องเนื้อดิบและเลือดสด
    "อมนุษย์เคี้ยวกินเนื้อดิบและดื่มเลือดสด เพราะเหตุนั้น ภิกษุจึงชื่อว่าไม่ได้เคี้ยวกินเนื้อดิบและดื่มเลือดสดนั้น. อมนุษย์ ครั้นเคี้ยวกินและดื่มแล้วได้ออกไป เพราะเหตุนั้น พระธรรมสังคาหกาจารย์จึงกล่าวว่า อาพาธเกิดแต่อมนุษย์นั้นของเธอย่อมระงับ."
    วินัยปิฎก มหาวรรค ๕/๒๖๔๔๙.
    https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=5&siri=8

    ๒) เรื่องภิกษุโดนยาแฝดดื่มน้ำที่ละลายจากดินติดผาลไถ
    สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งอาพาธโดนยาแฝด ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบพระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ดื่มน้ำที่เขาละลายดิน รอยไถติดผาล”
    (วินัยปิฎกมหาวรรค. ๕/๒๖๙/๖๑.)

    วิธีการรักษาโรคต่างๆ มีปรากฏอยู่ในตุวฏกสุตตนิทเทสขุททกนิกาย มหานิเทศ ได้กล่าวถึงวิธีการบำบัดโรคไว้ 5 อย่างด้วยกัน คือ
    (๑) การบำบัดด้วยการเสกเป่า (๒) การบำบัดด้วย (๓) การผ่าตัด (๔) การบำบัดด้วยยา (๕) การรักษาที่เกี่ยวข้องกับทางภูตผีหรือไสยศาสตร์ และการบำบัดโรคเด็ก (กุมารเวช)

    7.ปฏิเสธการสวดมนต์ สาธยายมนต์ พระปริตร ว่าไม่มีคุณค่า ไม่ได้ช่วยอะไร
    เป็นการปฏิเสธคำของพระพุทธเจ้า ที่อนุญาตให้พุทธบริษัท ๔ เรียน และสวดสาธยายปริตร ดังข้อความว่า "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะจงเล่าเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะ จงทรงจำมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะไว้ ภิกษุทั้งหลาย มนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะนี้ ประกอบด้วยประโยชน์เพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่ออยู่สำราญของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย”
    (ที.มหา. ๑๑/๒๙๕/๒๖๔.)

    8. เรียนไม่ถึง ตีความเอง ไม่ศึกษาเครื่องมือการศึกษาพระไตรปิฎก คือไวยากรณ์ภาษาบาลี คนตื่นธรรมเป็นศิษย์สำนักวัดนาจึงใช้ทิฏฐิของตน อัตโนมัติ ตัดสินธรรมตามชอบใจ ซึ่งเป็นหลักสำคัญที่สำนักนี้ใช้การตีความแบบนี้มาช้านาน
    โดยใช้หลักการยึดเอาพระไตรปิฎกเฉพาะบางส่วน ที่เห็นว่าเป็นคำพุทธวจนะแท้ จากพระโอษฐ์ โดยใช้ตรรกะง่ายๆ หาข้อความในพระสูตรที่มีคำว่า "ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย" เป็นต้น
    จึงจะเชื่อว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ส่วนคำสอนอื่นที่ไม่มีข้อความตรัสแบบนี้ จะตีความว่าไม่ใช่คำสอน เป็นคำแต่งเติม แต่งใหม่จึงมีส่วนคำสอนที่ถูกสำนักนี้ตัดออกไป เช่น เรื่องสวดปริตร หรือสิกบท 150 ข้อ การตัดสินความเป็นพุทธพจน์แท้ แบบนี้นับเป็นการตีความผิดพลาดอย่างมาก ได้สร้างบาปใหญ่ให้เกิดในสังฆมณฑลมา 20 กว่าปี ศิษย์สำนักนี้เผยแผ่ธรรม ตามการตีความแบบนี้จึงได้เกิด วิวาทะ ปะทะกับชาวพุทธส่วนใหญ่ ถกเถียงกันเรื่อง เดรัจฉานวิชา การทำน้ำมนต์ ปลุกเสก สิกขาบทวินัย ทำให้เกิดความแตกแยก ไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาแก้ปัญหา ยังคงเป็นปัญหาจนทุกวันนี้ คนตื่นธรรมถือเป็นผลผลิตของวัดนาที่ได้สร้างบาปให้แก่พุทธสาสนา ด้วยการศึกษาเอง ตีความเอง ข่มชาวพุทธ

    9.ศึกษาธรรมวินัยเอง ไม่มีครูอาจารย์ผู้สอน ทำให้ตีความธรรมวินัยผิดพลาด ขัดแย้งกับคำสอนหลายเรื่อง เป็นมิจฉาทิฐิ ในการเล่าเรียนธรรมพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติวิธีการศึกษาพระธรรมวินัยไว้ในสัทธิวิหาริกวัตรว่า
    “อุปชฺฌาเยน, ภิกฺขเว, สทฺธิวิหาริโก สงฺคเหตพฺโพ อนุคฺคเหตพฺโพ อุทฺเทเสน ปริปุจฺฉาย โอวาเทน อนุสาสนิยา.
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุปัชฌาย์ ต้องสงเคราะห์ อนุเคราะห์ สัทธิวิหาริก(พระลูกศิษย์) ด้วยอุทเทส(พระบาลี) ปริปุจฉา(การทวนสอบอรรถกถา) โอวาท และอนุสาสนีย์
    วินัยปิฎก มหาวรรค.๔/๖๗/๘๘
    https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=4&siri=20
    หลักการนี้ย้ำชัดว่า ในการศึกษาคำสอน ต้องทำอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ ที่รอบรู้ในพระธรรมวินัย ไม่สามารถศึกษาเองได้ คนตื่นธรรมหรือสำนักวัดนา ใช้วิธีการอ่านศึกษาธรรมเอง จึงได้เกิดความเห็นผิดขึ้นหลายประการ เรื่องการตีความคำสอนผิดพลาด

    10.ขาดคุณสมบัติของผู้สอนธรรม ๗ ประการ ที่จำเป็นของผู้สอนธรรม ตามพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ในอังคุตรนิกาย สัตตกนิบาตว่า
    “ปิโย ครุ ภาวนีโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม;
    คมฺภีรญฺจ กถํ กตฺตา, โน จฏฺาเน นิโยชโก .
    ๑. เป็นที่รักเป็นที่พอใจ ๒. เป็นที่เคารพ ๓. เป็นที่ยกย่อง
    ๔. เป็นนักพูด ๕. เป็นผู้อดทนต่อถ้อยคำ ๖. เป็นผู้พูดถ้อยคำลึกซึ้งได้
    ๗. ไม่ชักนำในอฐานะ
    ภิกษุทั้งหลาย มิตรประกอบด้วยองค์ ๗ ประการนี้แล เป็นผู้ควรเสพ ควรคบ
    ควรเข้าไปนั่งใกล้ แม้จะถูกขับไล่ก็ตาม
    อธิบายความ
    1.ปิโย เป็นที่รักเป็นที่พอใจ ในที่นี้หมายถึงมีลักษณะแห่งกัลยาณมิตร ๘ ประการ คือ (๑) มีศรัทธา คือ เชื่อการตรัสรู้ของพระตถาคต เชื่อกรรมและผลของกรรม (๒) มีศีล คือ เป็นที่รัก เป็นที่เคารพ เป็นที่นับถือของสัตว์ทั้งหลาย (๓) มีสุตะ คือ กล่าวถ้อยคำที่ลึกซึ้งที่สัมปยุตด้วยสัจจะและปฏิจจสมุปบาท (๔) มีจาคะ คือปรารถนาน้อย สันโดษ ชอบสงัด ไม่คลุกคลีด้วยหมู่ (๕) มีความเพียร คือ ปรารภความเพียรในการปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลแก่ตนและเกื้อกูลแก่ผู้อื่น (๖) มีสติ คือ มีสติตั้งมั่น (๗) มีสมาธิ คือ มีจิตตั้งมั่นไม่ฟุ้งซ่าน(๘) มีปัญญา คือ รู้อย่างไม่วิปริต ใช้สติพิจารณาคติแห่งกุศลธรรมและอกุศลธรรม รู้สิ่งที่เกื้อกูลและสิ่งไม่เกื้อกูลแห่งสัตว์ทั้งหลายด้วยปัญญาตามความเป็นจริง มีจิตเป็นหนึ่งในอารมณ์นั้นด้วยสมาธิ เว้นสิ่งที่ไม่เกื้อกูล ประกอบสิ่งที่เกื้อกูลด้วยความเพียร (องฺ.สตฺตก.ฏีกา ๓/๓๗-๔๓/๒๐๓)
    2.ครุ เป็นที่เคารพ สูงส่งหนักแน่นดุจหินผา
    3.ภาวนีโย เป็นที่ยกย่อง น่าเจริญใจ
    4.วัตตา เป็นนักพูด(ผู้สอน) หมายถึงเป็นผู้ฉลาดในการใช้คำพูด (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙)
    5. วจนักขโม อดทนต่อถ้อยคำ หมายถึงปฏิบัติตามโอวาทที่ท่านให้แล้ว (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙)
    6. คัมภีรัญ จะ กถัง กัตตา ถ้อยคำลึกซึ้ง หมายถึงเรื่องเกี่ยวกับฌาน วิปัสสนา มรรค ผล และนิพพาน (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙)
    7. โน จัฏฐาเน นิโยชะโก ไม่ชักนำในอฐานะ หมายถึงป้องกันไม่ให้ทำในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล มีคติเป็นทุกข์ แต่ชักชวนให้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลมีคติเป็นสุข (เทียบ องฺ.สตฺตก.ฏีกา ๓/๓๗/๒๐๓)

    11. ไม่จำแนกแยกแยะ ให้ชัดเจน เหมาะรวม เช่น การสวดมนต์ เจริญพุทธมนต์ ปริตร การอธิษฐานจิตปลุกเสกพระเครื่องวัตถุมงคล กับเดรัจฉานวิชา เอามายำรวมกัน เป็นของที่ห้าม

    12.ไม่ให้บูชานับถือ สิ่งอื่นนอกเหนือจากพระรัตนตรัย หรือคำสอน บูชาเทวดา ยมยักษ์ ต่างๆ
    ในรายละเอียดเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าแสดงอานิสงส์ของการบูชาเจดีย์ ที่เป็นเหตุแห่งความเจริญไว้ ในมหาปรินิพพานสูตร ตอนราชอปริหานิยธรรม ทีฆนิกาย มหาวรรค ข้อที่ ๖ ว่า
    “อานนท์ เธอได้ยินไหมว่า ‘พวกเจ้าวัชชี สักการะ เคารพ นับถือ บูชา
    เจดีย์ในแคว้นวัชชีของชาววัชชี ทั้งในเมืองและนอกเมือง และไม่ละเลยการบูชาอันชอบธรรม ที่เคยให้เคยกระทำต่อเจดีย์เหล่านั้นให้เสื่อมสูญไป”
    “อานนท์ พวกเจ้าวัชชีพึงหวังได้แต่ความเจริญอย่างเดียว ไม่มีความเสื่อมเลยตราบเท่าที่พวกเจ้าวัชชียังสักการะ เคารพ นับถือ บูชาเจดีย์ในแคว้นวัชชีของชาววัชชีทั้งในเมืองและนอกเมือง และไม่ละเลยการบูชาอันชอบธรรมที่เคยให้เคยกระทำ ต่อเจดีย์เหล่านั้นให้เสื่อมสูญไป”
    (ที.มหา.10/134/78.)
    https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=10&siri=3
    คำว่า เจดีย์ ที่ชาววัชชีบูชา หมายถึง ต้นไม้ใหญ่ ที่มียักษ์สิงสถิตย์ ยักษ์เป็นเทวดาชั้นจาตุม ยกฺข ภาษาบาลีแปลว่า ผู้ที่เขาบูชา เมื่อบุคคลบูชาต้นไม้ใหญ่ หรือยักษ์ ย่อมมีความเจริญ ยักษ์คือเทวดาย่อมปกปักษ์รักษา สอดคล้องกับคำสอนเรื่อง เทวตานุสสติ ในพระพุทธศาสนา ไม่ขัดแย้งกัน
    ย่อมเป็นหลักการยืนยันว่า พระพุทธเจ้ายอมรับว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังอำนาจอำนวยผลให้ผู้คนนับถือบูชา การบูชาเทวดา หรือต้นไม้ใหญ่ ก็มีผลนำความเจริญมาสู่ได้ เป็นหลักการย่อยในหลักการใหญ่ ที่ควรต้องรู้รอบและลึกชัดเจน จึงจะเข้าใจเรื่องนี้

    13. ไม่เข้าใจตัวบทพยัญชนะ ความหมายคำ
    ติรัจฉานวิชชา การสวดปริตร การใช้อิทธิปาฏิหาริย์ที่อนุญาต
    ติรจฺฉานวิชฺชา(อิต.) วิชาขวาง, วิชาขวาง ทางไปนิพพาน, ติรัจฉานวิชา คือความรู้ที่ไร้สาระ ความรู้ที่ไม่เป็นประโยชน์ วิชาที่ไม่ทำตนให้พ้นจากทุกข์ซึ่งพระพุทธเจ้า ทรงห้ามมิให้ภิกษุ - สามเณรศึกษา เช่น วิชาทำเสน่ห์ยาแฝดเป็นต้น.

    14. ไม่เข้าใจ แยกไม่ออกระหว่างการสวดปริตร กับการทำเดรัจฉานวิชา
    ทำให้ โจมตีพระที่สวดปริตร ทำน้ำมนต์ ปลุกเสก ในขณะที่เรื่องการทำวัตถุมงคล พุทธพานิชย์มีรายละเอียดหลายส่วน ต้องพิจารณาว่าพระสงฆ์รูปใดเข้าไปเกี่ยวข้องในลักษณะใดบ้าง ผิดพระวินัยข้อใด การสร้างพระพุทธรูป การสวดปริตร ปลุกเสก ไม่ได้ผิดหลักคำสอนทั้งในส่วนวินัยบัญญัติ หรือสัมมาอาชีวะแต่อย่างใด ส่วนการทำพานิชย์ที่เกี่ยวข้องเป็นหน้าที่ของฆราวาสดำเนินการด้วยมุ่งประโยชน์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาสร้างถาวรวัตถุ ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ไม่ใช่การหลอกลวงตามพระวินัย

    15. ไม่มีคารวธรรม คุณธรรม ศึกษาแบบลวกๆ ไม่เคารพในสิกขา การศึกษา ทำให้เข้าใจไม่ถูกต้อง นำสุ่การตีความธรรมวินัยผิด
    การศึกษาธรรมต้องมีความเคารพในสิกขา คือการศึกษาด้วยความเคารพ ข้อใดไม่เข้าใจก็ต้องไปสอบถาม กับอาจารย์ผู้รู้ จนเกิดความเข้าใจ การไม่แสวงหา ไม่ใฝ่หาผู้รู้มาสอบทานความรู้ที่ตนมีจึงเป็นการศึกษาโดยไม่เคารพในพระธรรม ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาในเรื่องความเข้าใจไม่ถูกต้อง และเป็นปัญหาชาวพุทธเมื่อนำไปเผยแผ่
    (มี ต่อ 16-18)

    อย่าร่วมกันสร้างบาปให้กับพระพุทธศาสนา คำสอนในพระไตรปิฎกมีความลึกซึ้ง ต้องศึกษาอย่างเคารพ ระมัดระวัง อย่างเป็นระบบ มีกระบวนการ และชาวพุทธควรยึดหลักการในพระไตรปิฎก ไม่สนับสนุนกลุ่มคนที่ทำลายคำสอนด้วยการสอนผิด
    บาป 18 ประการ คนตื่นธรรม กรณีคนตื่นธรรม สอนธรรมออนไลน์ในสื่อโซเชียล มีลักษณะการใช้คำพูดหยาบคาย ด้อยค่าด่ากราด ไม่ประนีประนอมเพื่อให้คนเข้าถึงธรรมะที่แท้จริง ตื่นรู้จากอวิชชา เดรัจฉานวิชา ปลุกเสก ได้สร้างบาป 18 ประการขึ้น คือในการสอนธรรม มีข้อผิดพลาดที่เป็นปัญหาควรต้องพิจารณาและปรับปรุง เพราะกระทบต่อภาพลักษณ์ของพุทธสาสนา และสร้างสัทธรรมปฏิรูปขึ้นแก่ชาวพุทธ เป็นบาปใหญ่หลวง 1. ใช้วจีทุจริต ไม่เป็นสัมมาวาจา ไม่เป็นวาจาสุภาษิต (ตามแนวทางมรรค ๘) มีการใช้คำพูดด่า ดูถูก กดข่มผู้ฟัง เช่น มึงมันโง่ ไอ้ปัญญาอ่อน มึงปัญญาอ่อนไง โดยกล่าวอ้างว่า ธรรมแท้ไม่มีประนีประนอม ในหลักของมรรคมีองค์ ๘ ครอบคลุมอยู่ในทุกเรื่องของการกระทำ จึงจะถือว่าเป็นการปฏิบัติตามคำสอนในพระพุทธศาสนา การสอนโดยใช้วาจาไม่เป็นสัมมาวาจานั้น เป็นวจีทุจริต เป็นบาป ผิดหลักมรรคมีองค์ ๘ 2. สอนขัดแย้งกันเอง ยกธรรมตีธรรม เพราะไม่รอบรู้ไม่เข้าใจหลักเหตุผล มักจะเอาธรรมข้อใดข้อหนึ่งยกขึ้นมา ตีธรรมะข้ออื่นในชุดธรรมเดียวกัน หรือชุดอื่น เพื่อสร้างภาพว่าตนรู้ทั่วถึงธรรมวินัยดี อันไหนธรรมแท้ ธรรมถูก เช่น การกล่าวว่าการรู้อดีต รู้อนาคต ไม่ได้ทำให้เข้าใจปัจจุบัน ไม่มีประโยชน์ ถือเป็นดูหมิ่นด้อยค่า คำสอน วิชชา 3 มี ปุพเพนิวาสนุสสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ โดยคำลักษณะนี้เป็นการบอกว่า ญาณ 2 อย่างข้างต้นไม่มีความสำคัญ ในขณะที่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ การระลึกรู้อดีตชาติของพระพุทธเจ้า ได้เป็นการประจักษ์แจ้งการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์ ทำให้รู้จุตูปปาตญาณ รู้ผลของการกระทำกรรม และนำสู่อาสวักขยญาณ ปัญญารู้ทำอาสวะกิเลสให้หมดสิ้นได้ และข้อธรรมอื่นก็คล้ายกัน ไม่รู้จักเหตุผล พุทธเจ้าแสดงธรรมเป็นชุดเหตุผล เป็นลำดับ 3. พุทธคุณไม่มีอยู่จริง นอกจากพระบริสุทธิคุณ ปัญญาคุณ มหากรุณาคุณ ความจริงคุณของพระพุทธเจ้ามีหลายประการ ทั้งนวหรคุณ 9 อย่าง อะระหํ(เป็นพระอรหันต์) สัมมาสัมพุทโธ(ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง) วิชชาจรณสัมปันโน (เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ) เป็นต้น พุทธานุภาพที่เกิดจากอานุภาพบารมีที่สั่งสมแสดงออกอำนวยผล ในหลายลักษณะ ให้เกิดความสวัสดีแก่ผู้นับถือบูชา เช่น การปกป้องคุ้มครองพระภิกษุที่ไปปฏิบัติอยู่ในสถานที่ห่างไกล มักจะปูลาดอาสนะไว้ เมื่อมีภัย หรือเกิดอกุศลวิตก หวาดกลัว เพียงระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระองค์จะเสด็จมาปลอบ สอนธรรม ทำให้พระภิกษุไม่หวาดกลัวที่จะเดินทางไปอยู่ในที่ไกลๆ เพราะพลังแห่งพุทธะคุ้มครอง แม้ในยุคปัจจุบันพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ก็ยังมีพลังพุทธคุณหรือพุทธานุภาพปกป้องคุ้มครองชาวพุทธอยู่ ความเชื่อเหล่านี้จะมีผลได้ต้องปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงธรรมระดับหนึ่งจึงจะสามารถพิสูจน์ได้ การเห็นสุดโต่งปฏิเสธความมีอยู่แห่งพุทธานุภาพจึงเป็นความเห็นผิด อันร้ายแรงอย่างหนึ่ง 4.พระเครื่องไม่มีพุทธคุณ เป็นความเห็นผิด พุทธเจ้าประทานบทพระปริตรหลายวาระหลายบท เพื่อป้องกัน เพื่อรักษา ไม่เบียดเบียน อยู่สำราญ ของพระภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พุทธานุภาพหรือเขตอำนาจแห่งพุทธเจ้าแผ่ไปใน 3 เรื่อง คือ 1)ชาติเขต แผ่ไปในหมื่นจักรวาล 2)อาณาเขต คือ พุทธมนต์ หรือปริตร แผ่ไปในแสนโกฏิจักรวาล 3)วิสัยเขต แผ่ไปไม่มีขอบเขต พุทธคุณหรือพุทธานุภาพ เกิดจากการสวดสาธยายมนต์ มีอำนาจแผ่ไปในแสนโกฏิจักรวาล ช่วยขจัดปัดเป่าอุปัทวันตราย โรคภัย เสนียดจัญไรต่างๆ ได้ มีการสืบทอดคำสอนมาช้านาน ดังข้อความว่า "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะจงเล่าเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะ จงทรงจำมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะไว้ ภิกษุทั้งหลาย มนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะนี้ ประกอบด้วยประโยชน์ เพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่ออยู่สำราญของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย” ข้อความนี้แสดงให้เห็นว่า บทปริตร หรือบทพุทธมนต์ มีพลังอำนาจ คุ้มครองป้องกันรักษา พระพุทธเจ้าจึงให้สวดสาธยาย และเมื่อนำมาใช้ในการสร้างพระพุทธรูป พระเครื่องต่างๆ ย่อมมีคุณตามที่พระพุทธเจ้าตรัส คำพูดปฏิเสธพุทธคุณ พุทธรูป สิ่งเคารพทางศาสนา ที่สืบทอดคติความเชื่อจารีตมาช้านานนับพันปี จึงเป็นการบ่อนทำลายความศรัทธาที่มีต่อ พระพุทธเจ้า สิ่งแทนพุทธเจ้า หรือคำสอนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ไม่ให้ผู้คนมีศรัทธา โดยยกคำสอนเรื่องอริยสัจ มาด้อยค่าคำสอนว่าด้วยเรื่องศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า จึงเป็นการทำลายศาสนา ไปพร้อมกัน อนาคตเด็กยุคใหม่เสพคำสอนนี้ จะไม่นับถือไม่ไหว้พระพุทธเจ้าและไม่เห็นความสำคัญ คุณค่าของพุทธรูปที่สร้างไว้ในฐานะเครื่องยึดเหนี่ยวที่เป็นรูปธรรมนำสุ่พุทธเจ้า รวมทั้งไม่เชื่อในพระพุทธเจ้า 5. มิจฉาทิฐิ 10 สอนการบูชาที่ไร้ผล สายลัทธิวัดนา สอนไม่ให้กราบไหว้บูชาพระพุทธรูป องค์แทนพุทธเจ้าสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงพุทธเจ้า เป็นจารีตนิยมที่ถือมาช้านาน เชื่อมโยงคำสอนในพระไตรปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ปีตวิมานวัตถุ “ติฏฺฐนฺเต นิพฺพุเต จาปิ, สเม จิตฺเต สมํ ผลํ; เจโตปณิธิเหตุ หิ, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคตึ. "พระพุทธเจ้า จะทรงพระชนม์อยู่ หรือแม้จะนิพพานไปแล้วก็ตาม ถ้าจิตเสมอกัน ผลก็เสมอกัน สัตว์ทั้งหลายไปสู่สวรรค์ เพราะความเลื่อมใสตั้งมั่นแห่งจิตใจ การสอนไม่ให้ไหว้พุทธรูป นับเป็นมิจฉาทิฐิ ข้อที่ ๒ นัตถิ ยิตถัง และข้อที่ ๑๐ พระพุทธเจ้าไม่มีอยู่จริง ในชุดคำสอน มิจฉาทิฐิ ๑๐ ประการ เป็นการสร้างบาปทำลายคำสอน ความศรัทธาที่ชาวพุทธมีต่อพระพุทธเจ้า โดยอ้างว่าให้ยึดคำสอนสูงสุด อริยสัจสี่ เพื่อพ้นทุกข์ 6. คุณไสย ไสยเวทย์ ไม่มี. การปฏิเสธคำสอน ในเรื่องคุณไสย์ วิชาอาคม มนต์ มีพลังอำนาจอยู่จริง หรือไม่ เมื่อไม่สามารถหาคำตอบหรือพิสูจน์ได้ ก็ควรพิจารณาจากหลักฐานในพระไตรปิฎก มีที่ใดบ้าง ข้อความพุทธพจน์วินัยบัญญัติ ดังเรื่องต่อไปนี้ ๑) พระภิกษุถูกผีสิง อมนุษย์สิง กินเลือดสด เนื้อสด ทรงอนุญาตให้พระภิกษุฉันเลือดและเนื้อสดได้ เพื่อเป็นเภสัช เมื่อฉันแล้วอมนุษย์จะออกไป แสดงให้เห็นว่าบทบัญญัติทางพระวินัย พระพุทธเจ้ายอมรับว่ามีผีหรืออมนุษย์สามารถสิงสู่คนได้ พระภิกษุถูกอมนุษย์สิงได้ และวิธีการรักษา ในครั้งนั้นตามอาการ คือเมื่ออมนุษย์มาสิงเพื่อกินเนื้อสด เลือดสด(ปอบ) ก็อนุญาตให้พระภิกษุกินได้ และไม่ถือว่าต้องอาบัติอะไร เพราะคนที่กิน ไม่ใช่พระ แต่เป็นอมนุษย์ หลักฐานนี้ยอมรับการมีอยู่ การสิงร่างคน ของอมนุษย์ เป็นความรู้ที่ควรต้องมี ไม่ปฏิเสธว่า ผี อมนุษย์ ไม่มี ไสยเวทย์ ไม่มี เรื่องเนื้อดิบและเลือดสด "อมนุษย์เคี้ยวกินเนื้อดิบและดื่มเลือดสด เพราะเหตุนั้น ภิกษุจึงชื่อว่าไม่ได้เคี้ยวกินเนื้อดิบและดื่มเลือดสดนั้น. อมนุษย์ ครั้นเคี้ยวกินและดื่มแล้วได้ออกไป เพราะเหตุนั้น พระธรรมสังคาหกาจารย์จึงกล่าวว่า อาพาธเกิดแต่อมนุษย์นั้นของเธอย่อมระงับ." วินัยปิฎก มหาวรรค ๕/๒๖๔๔๙. https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=5&siri=8 ๒) เรื่องภิกษุโดนยาแฝดดื่มน้ำที่ละลายจากดินติดผาลไถ สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งอาพาธโดนยาแฝด ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบพระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ดื่มน้ำที่เขาละลายดิน รอยไถติดผาล” (วินัยปิฎกมหาวรรค. ๕/๒๖๙/๖๑.) วิธีการรักษาโรคต่างๆ มีปรากฏอยู่ในตุวฏกสุตตนิทเทสขุททกนิกาย มหานิเทศ ได้กล่าวถึงวิธีการบำบัดโรคไว้ 5 อย่างด้วยกัน คือ (๑) การบำบัดด้วยการเสกเป่า (๒) การบำบัดด้วย (๓) การผ่าตัด (๔) การบำบัดด้วยยา (๕) การรักษาที่เกี่ยวข้องกับทางภูตผีหรือไสยศาสตร์ และการบำบัดโรคเด็ก (กุมารเวช) 7.ปฏิเสธการสวดมนต์ สาธยายมนต์ พระปริตร ว่าไม่มีคุณค่า ไม่ได้ช่วยอะไร เป็นการปฏิเสธคำของพระพุทธเจ้า ที่อนุญาตให้พุทธบริษัท ๔ เรียน และสวดสาธยายปริตร ดังข้อความว่า "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะจงเล่าเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะ จงทรงจำมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะไว้ ภิกษุทั้งหลาย มนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะนี้ ประกอบด้วยประโยชน์เพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่ออยู่สำราญของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย” (ที.มหา. ๑๑/๒๙๕/๒๖๔.) 8. เรียนไม่ถึง ตีความเอง ไม่ศึกษาเครื่องมือการศึกษาพระไตรปิฎก คือไวยากรณ์ภาษาบาลี คนตื่นธรรมเป็นศิษย์สำนักวัดนาจึงใช้ทิฏฐิของตน อัตโนมัติ ตัดสินธรรมตามชอบใจ ซึ่งเป็นหลักสำคัญที่สำนักนี้ใช้การตีความแบบนี้มาช้านาน โดยใช้หลักการยึดเอาพระไตรปิฎกเฉพาะบางส่วน ที่เห็นว่าเป็นคำพุทธวจนะแท้ จากพระโอษฐ์ โดยใช้ตรรกะง่ายๆ หาข้อความในพระสูตรที่มีคำว่า "ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย" เป็นต้น จึงจะเชื่อว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ส่วนคำสอนอื่นที่ไม่มีข้อความตรัสแบบนี้ จะตีความว่าไม่ใช่คำสอน เป็นคำแต่งเติม แต่งใหม่จึงมีส่วนคำสอนที่ถูกสำนักนี้ตัดออกไป เช่น เรื่องสวดปริตร หรือสิกบท 150 ข้อ การตัดสินความเป็นพุทธพจน์แท้ แบบนี้นับเป็นการตีความผิดพลาดอย่างมาก ได้สร้างบาปใหญ่ให้เกิดในสังฆมณฑลมา 20 กว่าปี ศิษย์สำนักนี้เผยแผ่ธรรม ตามการตีความแบบนี้จึงได้เกิด วิวาทะ ปะทะกับชาวพุทธส่วนใหญ่ ถกเถียงกันเรื่อง เดรัจฉานวิชา การทำน้ำมนต์ ปลุกเสก สิกขาบทวินัย ทำให้เกิดความแตกแยก ไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาแก้ปัญหา ยังคงเป็นปัญหาจนทุกวันนี้ คนตื่นธรรมถือเป็นผลผลิตของวัดนาที่ได้สร้างบาปให้แก่พุทธสาสนา ด้วยการศึกษาเอง ตีความเอง ข่มชาวพุทธ 9.ศึกษาธรรมวินัยเอง ไม่มีครูอาจารย์ผู้สอน ทำให้ตีความธรรมวินัยผิดพลาด ขัดแย้งกับคำสอนหลายเรื่อง เป็นมิจฉาทิฐิ ในการเล่าเรียนธรรมพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติวิธีการศึกษาพระธรรมวินัยไว้ในสัทธิวิหาริกวัตรว่า “อุปชฺฌาเยน, ภิกฺขเว, สทฺธิวิหาริโก สงฺคเหตพฺโพ อนุคฺคเหตพฺโพ อุทฺเทเสน ปริปุจฺฉาย โอวาเทน อนุสาสนิยา. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุปัชฌาย์ ต้องสงเคราะห์ อนุเคราะห์ สัทธิวิหาริก(พระลูกศิษย์) ด้วยอุทเทส(พระบาลี) ปริปุจฉา(การทวนสอบอรรถกถา) โอวาท และอนุสาสนีย์ วินัยปิฎก มหาวรรค.๔/๖๗/๘๘ https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=4&siri=20 หลักการนี้ย้ำชัดว่า ในการศึกษาคำสอน ต้องทำอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ ที่รอบรู้ในพระธรรมวินัย ไม่สามารถศึกษาเองได้ คนตื่นธรรมหรือสำนักวัดนา ใช้วิธีการอ่านศึกษาธรรมเอง จึงได้เกิดความเห็นผิดขึ้นหลายประการ เรื่องการตีความคำสอนผิดพลาด 10.ขาดคุณสมบัติของผู้สอนธรรม ๗ ประการ ที่จำเป็นของผู้สอนธรรม ตามพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ในอังคุตรนิกาย สัตตกนิบาตว่า “ปิโย ครุ ภาวนีโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม; คมฺภีรญฺจ กถํ กตฺตา, โน จฏฺาเน นิโยชโก . ๑. เป็นที่รักเป็นที่พอใจ ๒. เป็นที่เคารพ ๓. เป็นที่ยกย่อง ๔. เป็นนักพูด ๕. เป็นผู้อดทนต่อถ้อยคำ ๖. เป็นผู้พูดถ้อยคำลึกซึ้งได้ ๗. ไม่ชักนำในอฐานะ ภิกษุทั้งหลาย มิตรประกอบด้วยองค์ ๗ ประการนี้แล เป็นผู้ควรเสพ ควรคบ ควรเข้าไปนั่งใกล้ แม้จะถูกขับไล่ก็ตาม อธิบายความ 1.ปิโย เป็นที่รักเป็นที่พอใจ ในที่นี้หมายถึงมีลักษณะแห่งกัลยาณมิตร ๘ ประการ คือ (๑) มีศรัทธา คือ เชื่อการตรัสรู้ของพระตถาคต เชื่อกรรมและผลของกรรม (๒) มีศีล คือ เป็นที่รัก เป็นที่เคารพ เป็นที่นับถือของสัตว์ทั้งหลาย (๓) มีสุตะ คือ กล่าวถ้อยคำที่ลึกซึ้งที่สัมปยุตด้วยสัจจะและปฏิจจสมุปบาท (๔) มีจาคะ คือปรารถนาน้อย สันโดษ ชอบสงัด ไม่คลุกคลีด้วยหมู่ (๕) มีความเพียร คือ ปรารภความเพียรในการปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลแก่ตนและเกื้อกูลแก่ผู้อื่น (๖) มีสติ คือ มีสติตั้งมั่น (๗) มีสมาธิ คือ มีจิตตั้งมั่นไม่ฟุ้งซ่าน(๘) มีปัญญา คือ รู้อย่างไม่วิปริต ใช้สติพิจารณาคติแห่งกุศลธรรมและอกุศลธรรม รู้สิ่งที่เกื้อกูลและสิ่งไม่เกื้อกูลแห่งสัตว์ทั้งหลายด้วยปัญญาตามความเป็นจริง มีจิตเป็นหนึ่งในอารมณ์นั้นด้วยสมาธิ เว้นสิ่งที่ไม่เกื้อกูล ประกอบสิ่งที่เกื้อกูลด้วยความเพียร (องฺ.สตฺตก.ฏีกา ๓/๓๗-๔๓/๒๐๓) 2.ครุ เป็นที่เคารพ สูงส่งหนักแน่นดุจหินผา 3.ภาวนีโย เป็นที่ยกย่อง น่าเจริญใจ 4.วัตตา เป็นนักพูด(ผู้สอน) หมายถึงเป็นผู้ฉลาดในการใช้คำพูด (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙) 5. วจนักขโม อดทนต่อถ้อยคำ หมายถึงปฏิบัติตามโอวาทที่ท่านให้แล้ว (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙) 6. คัมภีรัญ จะ กถัง กัตตา ถ้อยคำลึกซึ้ง หมายถึงเรื่องเกี่ยวกับฌาน วิปัสสนา มรรค ผล และนิพพาน (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙) 7. โน จัฏฐาเน นิโยชะโก ไม่ชักนำในอฐานะ หมายถึงป้องกันไม่ให้ทำในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล มีคติเป็นทุกข์ แต่ชักชวนให้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลมีคติเป็นสุข (เทียบ องฺ.สตฺตก.ฏีกา ๓/๓๗/๒๐๓) 11. ไม่จำแนกแยกแยะ ให้ชัดเจน เหมาะรวม เช่น การสวดมนต์ เจริญพุทธมนต์ ปริตร การอธิษฐานจิตปลุกเสกพระเครื่องวัตถุมงคล กับเดรัจฉานวิชา เอามายำรวมกัน เป็นของที่ห้าม 12.ไม่ให้บูชานับถือ สิ่งอื่นนอกเหนือจากพระรัตนตรัย หรือคำสอน บูชาเทวดา ยมยักษ์ ต่างๆ ในรายละเอียดเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าแสดงอานิสงส์ของการบูชาเจดีย์ ที่เป็นเหตุแห่งความเจริญไว้ ในมหาปรินิพพานสูตร ตอนราชอปริหานิยธรรม ทีฆนิกาย มหาวรรค ข้อที่ ๖ ว่า “อานนท์ เธอได้ยินไหมว่า ‘พวกเจ้าวัชชี สักการะ เคารพ นับถือ บูชา เจดีย์ในแคว้นวัชชีของชาววัชชี ทั้งในเมืองและนอกเมือง และไม่ละเลยการบูชาอันชอบธรรม ที่เคยให้เคยกระทำต่อเจดีย์เหล่านั้นให้เสื่อมสูญไป” “อานนท์ พวกเจ้าวัชชีพึงหวังได้แต่ความเจริญอย่างเดียว ไม่มีความเสื่อมเลยตราบเท่าที่พวกเจ้าวัชชียังสักการะ เคารพ นับถือ บูชาเจดีย์ในแคว้นวัชชีของชาววัชชีทั้งในเมืองและนอกเมือง และไม่ละเลยการบูชาอันชอบธรรมที่เคยให้เคยกระทำ ต่อเจดีย์เหล่านั้นให้เสื่อมสูญไป” (ที.มหา.10/134/78.) https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=10&siri=3 คำว่า เจดีย์ ที่ชาววัชชีบูชา หมายถึง ต้นไม้ใหญ่ ที่มียักษ์สิงสถิตย์ ยักษ์เป็นเทวดาชั้นจาตุม ยกฺข ภาษาบาลีแปลว่า ผู้ที่เขาบูชา เมื่อบุคคลบูชาต้นไม้ใหญ่ หรือยักษ์ ย่อมมีความเจริญ ยักษ์คือเทวดาย่อมปกปักษ์รักษา สอดคล้องกับคำสอนเรื่อง เทวตานุสสติ ในพระพุทธศาสนา ไม่ขัดแย้งกัน ย่อมเป็นหลักการยืนยันว่า พระพุทธเจ้ายอมรับว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังอำนาจอำนวยผลให้ผู้คนนับถือบูชา การบูชาเทวดา หรือต้นไม้ใหญ่ ก็มีผลนำความเจริญมาสู่ได้ เป็นหลักการย่อยในหลักการใหญ่ ที่ควรต้องรู้รอบและลึกชัดเจน จึงจะเข้าใจเรื่องนี้ 13. ไม่เข้าใจตัวบทพยัญชนะ ความหมายคำ ติรัจฉานวิชชา การสวดปริตร การใช้อิทธิปาฏิหาริย์ที่อนุญาต ติรจฺฉานวิชฺชา(อิต.) วิชาขวาง, วิชาขวาง ทางไปนิพพาน, ติรัจฉานวิชา คือความรู้ที่ไร้สาระ ความรู้ที่ไม่เป็นประโยชน์ วิชาที่ไม่ทำตนให้พ้นจากทุกข์ซึ่งพระพุทธเจ้า ทรงห้ามมิให้ภิกษุ - สามเณรศึกษา เช่น วิชาทำเสน่ห์ยาแฝดเป็นต้น. 14. ไม่เข้าใจ แยกไม่ออกระหว่างการสวดปริตร กับการทำเดรัจฉานวิชา ทำให้ โจมตีพระที่สวดปริตร ทำน้ำมนต์ ปลุกเสก ในขณะที่เรื่องการทำวัตถุมงคล พุทธพานิชย์มีรายละเอียดหลายส่วน ต้องพิจารณาว่าพระสงฆ์รูปใดเข้าไปเกี่ยวข้องในลักษณะใดบ้าง ผิดพระวินัยข้อใด การสร้างพระพุทธรูป การสวดปริตร ปลุกเสก ไม่ได้ผิดหลักคำสอนทั้งในส่วนวินัยบัญญัติ หรือสัมมาอาชีวะแต่อย่างใด ส่วนการทำพานิชย์ที่เกี่ยวข้องเป็นหน้าที่ของฆราวาสดำเนินการด้วยมุ่งประโยชน์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาสร้างถาวรวัตถุ ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ไม่ใช่การหลอกลวงตามพระวินัย 15. ไม่มีคารวธรรม คุณธรรม ศึกษาแบบลวกๆ ไม่เคารพในสิกขา การศึกษา ทำให้เข้าใจไม่ถูกต้อง นำสุ่การตีความธรรมวินัยผิด การศึกษาธรรมต้องมีความเคารพในสิกขา คือการศึกษาด้วยความเคารพ ข้อใดไม่เข้าใจก็ต้องไปสอบถาม กับอาจารย์ผู้รู้ จนเกิดความเข้าใจ การไม่แสวงหา ไม่ใฝ่หาผู้รู้มาสอบทานความรู้ที่ตนมีจึงเป็นการศึกษาโดยไม่เคารพในพระธรรม ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาในเรื่องความเข้าใจไม่ถูกต้อง และเป็นปัญหาชาวพุทธเมื่อนำไปเผยแผ่ (มี ต่อ 16-18) อย่าร่วมกันสร้างบาปให้กับพระพุทธศาสนา คำสอนในพระไตรปิฎกมีความลึกซึ้ง ต้องศึกษาอย่างเคารพ ระมัดระวัง อย่างเป็นระบบ มีกระบวนการ และชาวพุทธควรยึดหลักการในพระไตรปิฎก ไม่สนับสนุนกลุ่มคนที่ทำลายคำสอนด้วยการสอนผิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 613 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ที่อยากจะพูดถึงอีกส่วนหนึ่งก็คือที่มีพระท่านถามว่า "ดวงมีการขโมยกันได้ด้วยหรือ ?" พวกเราส่วนใหญ่พอฟังอะไรแล้วไม่ค่อยจะใช้ปัญญาคิด หรือถ้าคิดก็ไม่มั่นใจ ก็เลยมาถามครูบาอาจารย์

    ในเรื่องของดวงก็คือบุญหรือกรรมเก่าที่เราทำเอาไว้ แล้วจะส่งผลดีหรือร้ายตามเวรตามกรรมที่เราสร้างมา คราวนี้ทางด้านนักปราชญ์แต่โบราณโดยเฉพาะชาวอินเดีย เขามีการศึกษาเรื่องการโคจรของดวงดาวและวันเดือนปีเกิดของผู้คน จนสามารถสรุปลงมาเป็นโหราศาสตร์ได้ แต่ถ้ากล่าวกันในทางพุทธศาสตร์ก็คือ บุคคลที่เกิดวันเดือนปีใกล้เคียงกัน ก็เพราะว่าสร้างบุญสร้างกรรมมาใกล้เคียงกัน ถึงเวลามีอะไรดีหรือว่าร้ายเกิดขึ้น ก็มักจะเกิดขึ้นคล้าย ๆ กัน

    เพียงแต่ว่าในเรื่องของโหราศาสตร์นั้น เราต้องไม่ลืมว่าเต็มที่ก็ดูได้ไม่เกิน ๖๐ เปอร์เซ็นต์ ตรงนี้ไม่ใช่กระผม/อาตมภาพเป็นคนพูด แต่เป็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านบอก เพราะว่าช่วงนั้นท่านสั่งให้กระผม/อาตมภาพไปศึกษาวิธีการดูดวง จะเป็นเลข ๗ ตัวก็ได้ มหาทักษาก็ได้ กระผม/อาตมภาพค่อนข้างจะเป็น "เด็กไฮเปอร์ฯ" ก็คืออยู่นิ่งไม่ค่อยเป็น ท่านกลัวว่าถ้าไม่มีอะไรจะทำเดี๋ยวจะไปรื้อวัดทิ้ง..! ก็เลยให้ไปหัดดูดวง แล้วท่านก็บอกว่า "เต็มที่จะดูได้ไม่เกิน ๖๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้าใช้ทิพจักขุญาณก็ได้ไม่เกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์"

    กระผม/อาตมภาพเรียนถามว่า "แล้วส่วนที่เหลือละครับ ?" หลวงพ่อท่านบอกว่า "บุคคลประเภทนั้นกำลังใจล้นเกิน ดวงไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ต่อให้บอกว่าไม่ดีอย่างไร พวกนี้ก็จะ "สู้หัวชนฝา" จนกระทั่งชนะดวงไปเอง ส่วนใหญ่แล้วเป็นพวกที่มาสายพระโพธิสัตว์"

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้นท่านต้องเข้าใจว่า ในเรื่องของดวงก็คือบุญกรรมที่เราทำมาในอดีต แล้วส่งผลให้กับเราในปัจจุบัน ก็เลยไม่มีการที่จะไปทดแทนกัน หรือว่าใช้แทนกัน หรือว่ายืมดวงใช้ก่อน เพียงแต่ว่าถ้าหากว่าเป็นสมัยก่อนที่เขายังทำไสยศาสตร์กันอยู่มากมาย ส่วนใหญ่ครูบาอาจารย์ท่านจะเตือนในเรื่องของวันเดือนปีเกิดว่า อย่าไปให้หมอไสยศาสตร์รู้เข้า เพราะว่าเขาจะทำได้ผลมากกว่าปกติ ถ้ามีวันเดือนปีเกิดพร้อมกับสิ่งของที่เราเคยใช้ด้วย ก็จะยิ่งมีผลมากขึ้น..!

    แต่กระผม/อาตมภาพโชคดีที่ว่า ใครได้วันเดือนปีเกิดไปก็อาจจะเดือดร้อนเอง เนื่องเพราะว่าพื้นฐานดวงนั้นถอดออกมาแล้ว "อริเป็นมรณะ" ใครตั้งตัวเป็นศัตรูตายห่..หมด..! เพราะฉะนั้น..บางท่านที่สงสัยว่า "ทำไมกระผม/อาตมภาพทำยันต์เกราะเพชรขึ้นมาก ? ทำตะกรุดมหาสะท้อนขึ้นมาก ?" ก็เพราะว่าพื้นฐานดวงนั้นอริเป็นมรณะ ถ้าหากว่าใครคิดร้ายก็แพ้ภัยตัวเอง..!

    ในเมื่อพื้นฐานดวงเป็นอย่างนี้ แล้วยังมีวิชาการเสริมเข้าไปอีก ก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ใครคิดจะหาเรื่องก็แปลว่าหาที่ตายเอง..! เพียงแต่เตือนว่าเราท่านทั้งหลายต้องระมัดระวังเอาไว้บ้าง แต่สมัยนี้ระวังยาก เนื่องเพราะว่าคุณจะสมัครเฟซบุ๊ก สมัครอีเมลอะไรก็ตาม เขาให้ใส่วันเดือนปีเกิดไปทั้งหมด ก็เท่ากับทุกคนในปัจจุบันนี้ มีสิทธิ์ที่จะเจอหมอไสยศาสตร์เล่นเอาได้ทั้งนั้น..!

    ดังนั้น..วิธีป้องกันที่ดีที่สุดก็คือภาวนาให้กำลังใจทรงตัว อย่างน้อยสุดก็ให้เป็นปฐมฌานละเอียด ถ้าทำได้ในระดับนี้ หมอไสยศาสตร์เก่งแค่ไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้ เพราะว่ากำลังใจของเราเท่ากับพรหม ในเมื่อเป็นเช่นนั้นจึงขอย้ำอีกครั้งว่า เรื่องของดวงขโมยกันไม่ได้ ยืมใช้ก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นแล้วเราก็คงจะมีประธานาธิบดีหน้าตาเหมือนกับเราไปแล้ว หรือไม่ก็มีนายกรัฐมนตรีหน้าตาเหมือนกับเราไปแล้ว เพราะว่าไปขโมยดวงเขามาใช้แทน

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
    วันนี้ที่อยากจะพูดถึงอีกส่วนหนึ่งก็คือที่มีพระท่านถามว่า "ดวงมีการขโมยกันได้ด้วยหรือ ?" พวกเราส่วนใหญ่พอฟังอะไรแล้วไม่ค่อยจะใช้ปัญญาคิด หรือถ้าคิดก็ไม่มั่นใจ ก็เลยมาถามครูบาอาจารย์ ในเรื่องของดวงก็คือบุญหรือกรรมเก่าที่เราทำเอาไว้ แล้วจะส่งผลดีหรือร้ายตามเวรตามกรรมที่เราสร้างมา คราวนี้ทางด้านนักปราชญ์แต่โบราณโดยเฉพาะชาวอินเดีย เขามีการศึกษาเรื่องการโคจรของดวงดาวและวันเดือนปีเกิดของผู้คน จนสามารถสรุปลงมาเป็นโหราศาสตร์ได้ แต่ถ้ากล่าวกันในทางพุทธศาสตร์ก็คือ บุคคลที่เกิดวันเดือนปีใกล้เคียงกัน ก็เพราะว่าสร้างบุญสร้างกรรมมาใกล้เคียงกัน ถึงเวลามีอะไรดีหรือว่าร้ายเกิดขึ้น ก็มักจะเกิดขึ้นคล้าย ๆ กัน เพียงแต่ว่าในเรื่องของโหราศาสตร์นั้น เราต้องไม่ลืมว่าเต็มที่ก็ดูได้ไม่เกิน ๖๐ เปอร์เซ็นต์ ตรงนี้ไม่ใช่กระผม/อาตมภาพเป็นคนพูด แต่เป็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านบอก เพราะว่าช่วงนั้นท่านสั่งให้กระผม/อาตมภาพไปศึกษาวิธีการดูดวง จะเป็นเลข ๗ ตัวก็ได้ มหาทักษาก็ได้ กระผม/อาตมภาพค่อนข้างจะเป็น "เด็กไฮเปอร์ฯ" ก็คืออยู่นิ่งไม่ค่อยเป็น ท่านกลัวว่าถ้าไม่มีอะไรจะทำเดี๋ยวจะไปรื้อวัดทิ้ง..! ก็เลยให้ไปหัดดูดวง แล้วท่านก็บอกว่า "เต็มที่จะดูได้ไม่เกิน ๖๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้าใช้ทิพจักขุญาณก็ได้ไม่เกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์" กระผม/อาตมภาพเรียนถามว่า "แล้วส่วนที่เหลือละครับ ?" หลวงพ่อท่านบอกว่า "บุคคลประเภทนั้นกำลังใจล้นเกิน ดวงไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ต่อให้บอกว่าไม่ดีอย่างไร พวกนี้ก็จะ "สู้หัวชนฝา" จนกระทั่งชนะดวงไปเอง ส่วนใหญ่แล้วเป็นพวกที่มาสายพระโพธิสัตว์" ในเมื่อเป็นเช่นนั้นท่านต้องเข้าใจว่า ในเรื่องของดวงก็คือบุญกรรมที่เราทำมาในอดีต แล้วส่งผลให้กับเราในปัจจุบัน ก็เลยไม่มีการที่จะไปทดแทนกัน หรือว่าใช้แทนกัน หรือว่ายืมดวงใช้ก่อน เพียงแต่ว่าถ้าหากว่าเป็นสมัยก่อนที่เขายังทำไสยศาสตร์กันอยู่มากมาย ส่วนใหญ่ครูบาอาจารย์ท่านจะเตือนในเรื่องของวันเดือนปีเกิดว่า อย่าไปให้หมอไสยศาสตร์รู้เข้า เพราะว่าเขาจะทำได้ผลมากกว่าปกติ ถ้ามีวันเดือนปีเกิดพร้อมกับสิ่งของที่เราเคยใช้ด้วย ก็จะยิ่งมีผลมากขึ้น..! แต่กระผม/อาตมภาพโชคดีที่ว่า ใครได้วันเดือนปีเกิดไปก็อาจจะเดือดร้อนเอง เนื่องเพราะว่าพื้นฐานดวงนั้นถอดออกมาแล้ว "อริเป็นมรณะ" ใครตั้งตัวเป็นศัตรูตายห่..หมด..! เพราะฉะนั้น..บางท่านที่สงสัยว่า "ทำไมกระผม/อาตมภาพทำยันต์เกราะเพชรขึ้นมาก ? ทำตะกรุดมหาสะท้อนขึ้นมาก ?" ก็เพราะว่าพื้นฐานดวงนั้นอริเป็นมรณะ ถ้าหากว่าใครคิดร้ายก็แพ้ภัยตัวเอง..! ในเมื่อพื้นฐานดวงเป็นอย่างนี้ แล้วยังมีวิชาการเสริมเข้าไปอีก ก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ใครคิดจะหาเรื่องก็แปลว่าหาที่ตายเอง..! เพียงแต่เตือนว่าเราท่านทั้งหลายต้องระมัดระวังเอาไว้บ้าง แต่สมัยนี้ระวังยาก เนื่องเพราะว่าคุณจะสมัครเฟซบุ๊ก สมัครอีเมลอะไรก็ตาม เขาให้ใส่วันเดือนปีเกิดไปทั้งหมด ก็เท่ากับทุกคนในปัจจุบันนี้ มีสิทธิ์ที่จะเจอหมอไสยศาสตร์เล่นเอาได้ทั้งนั้น..! ดังนั้น..วิธีป้องกันที่ดีที่สุดก็คือภาวนาให้กำลังใจทรงตัว อย่างน้อยสุดก็ให้เป็นปฐมฌานละเอียด ถ้าทำได้ในระดับนี้ หมอไสยศาสตร์เก่งแค่ไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้ เพราะว่ากำลังใจของเราเท่ากับพรหม ในเมื่อเป็นเช่นนั้นจึงขอย้ำอีกครั้งว่า เรื่องของดวงขโมยกันไม่ได้ ยืมใช้ก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นแล้วเราก็คงจะมีประธานาธิบดีหน้าตาเหมือนกับเราไปแล้ว หรือไม่ก็มีนายกรัฐมนตรีหน้าตาเหมือนกับเราไปแล้ว เพราะว่าไปขโมยดวงเขามาใช้แทน พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 339 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขโมยดวงจริงมั้ยไม่รู้...
    .
    ใช้ ไสยศาสตร์มนต์ดำ จริงมั้ยไม่รู้...
    .
    เรื่องหันหน้าเข้าพึ่งพา สายมู หรือ สายเมตตา อันนี้ พอเข้าใจได้...
    .
    ประเด็นคือ เจอคนไม่ดี...
    .
    และ เพื่อนคนนั้น คือ กัลยาณมิตร ที่มีค่ามากจริงๆ
    ..
    ..
    สุดท้าย อยากรู้ว่า ใครคือ หมอดูคนที่ว่า...???
    .
    🤣🤣🤣🤣🤣🤣



    https://youtu.be/cJxo2ayP0bo?si=me-ZOm5PJOQGYrJz
    ขโมยดวงจริงมั้ยไม่รู้... . ใช้ ไสยศาสตร์มนต์ดำ จริงมั้ยไม่รู้... . เรื่องหันหน้าเข้าพึ่งพา สายมู หรือ สายเมตตา อันนี้ พอเข้าใจได้... . ประเด็นคือ เจอคนไม่ดี... . และ เพื่อนคนนั้น คือ กัลยาณมิตร ที่มีค่ามากจริงๆ .. .. สุดท้าย อยากรู้ว่า ใครคือ หมอดูคนที่ว่า...??? . 🤣🤣🤣🤣🤣🤣 https://youtu.be/cJxo2ayP0bo?si=me-ZOm5PJOQGYrJz
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • *****.....พระปิดตา.....เหนือดวง.....สายเขาอ้อ.....ปี.....2555.....*****

    *****.....ต่อไป..จะต้องเป็น...ตำนาน.... ในการจัดสร้างวัตถุมงคล...รุ่นเหนือดวง...ครั้งแรก...ของการปลุกเสกด้วย...ตำราพิชัยสมบัติ...พิชัยสงคราม...ว่าด้วย...วิชาเหนือดวง...อัญเชิญ...เทพเทวดา...มหาเทพ... พระอรหันต์...บรรจุลงในองค์พระ...พลิก...ชีวิต...พลิก...ดวงชะตา...เปิดตำนาน...สำนักตักศิลาเขาอ้อ...วิชาเหนือดวง...สำนักเขาอ้อเป็น...สำนักสอนวิชา...ไสยศาสตร์...มาตั้งแต่ครั้งสมัยศรีวิชัย...จนถึงสมัยสุโขทัย...สมัยศรีอยุธยา...กรุงธนบุรี...จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์...ในปัจจุบัน...พระอาจารย์สำนัก...เขาอ้อ...ทุกๆองค์...เป็นปรมาจารย์อันเลื่องลือ...ของชาวพุทธภาคใต้...ตั้งแต่เมืองไชยา...ลงไปถึงแหลมมาลายู...ปรากฏว่า...ไปเรียนวิชาไสยศาสตร์ จากสำนักเขาอ้อ...หรือใช้ตำราที่มาจากสำนักเขาอ้อทั้งหมด...พระอาจารย์สำนักเขาอ้อ...ทุกๆองค์...จะมีความรู้...ความสามารถ...คล้ายคลึงกัน...เพราะได้ศึกษาต่อกันมาไม่ขาดระยะ...ตำราและความรู้ที่เป็นหลัก...คือ...พระอาจารย์เขาอ้อทุกองค์...สอนเวทย์มนต์...คาถา...ที่เป็นหลักเริ่มตั้งแต่...ธาตุ4 ธาตุทั้ง5 แม่ธาตุ...การตั้งธาตุ...หนุนธาตุ...แปลงธาตุ...และ...ตรวจธาตุ...วิชาคงกระพันชาตรี... แคล้วคลาด...มหาอุตฆ์...สอนให้รู้ถึงที่มาของ...เลขยันต์...อักขระยันต์ต่างๆ...ซึ่งต้องใช้ความพยายาม...และต้องอยู่ปฏิบัติอาจารย์...จนอาจารย์...เห็นความพยายาม...ที่รักในวิชาของศิษย์...จึงจะสอนให้...และยังสอนวิชาความรู้เกี่ยวกับ...ยารักษาโรค...วิชาไสยศาสตร์...ที่เป็นหลักของสำนักเขาอ้อ...ซึ่งเป็นคุณวิเศษประจำพระอาจารย์ทุกๆองค์ ...(ยกตัวอย่าง)...ดังนี้.....1.เสกน้ำมันงาดิบ...ให้เดือด...ให้แข็ง...ทำพิธีป้อนให้ศิษย์เป็นคงกระพัน.....2.อาบน้ำว่าน แช่ยา...เป็นคงกระพันกันโรคภัย.....3.หุงข้าวเหนียวดำ...เป็นคงกระพันอายุวัฒนะ...และ...อีกหลายวิชา...ครั้งแรก...ของการปลุกเสก...ว่าด้วยวิชา.....เหนือดวง.....ตามตำราวิชาสำนักเขาอ้อ...ว่าด้วย วิชากำเนิด 3 คือ.....1.ดวงกำเนิดมนุษย์หญิง-ชาย.....2.ดวงกำเนิดเทวดา.....3.ดวงกำเนิดพระอรหันต์...ยันต์ดวงกำเนิดมนุษย์หญิง-ชาย ใช้ได้...ทุกผู้ทุกนาม ฯลฯ...เมื่อท่านใช้อาราธนา...ด้วยอำนาจแห่งครูอาจารย์เขาอ้อ.....อาจารย์คล้อย อโนโม.....ด้วยอำนาจแห่งวิชา... เหมือนท่านได้เกิดใหม่อีกครั้ง...ด้วยอำนาจแห่งคุณ...พระพุทธ...ยันต์ดวงกำเนิดเทวา...เป็นการอัญเชิญ...เทวดา...องค์เทพ...องค์มหาเทพ มาประจำองค์พระ...เพื่อเป็นเทวดา...ปกป้อง...คุ้มครอง...หนุนดวงชะตา...ให้กับร้ายกลายเป็นดี...ส่งเสริมให้มีเกรียติยศ...และ...ชื่อเสียง ฯลฯ...แล้วแต่จะอธิฐานต่อ... ยันต์องค์กำเนิดพระอรหัน...เป็นการอัญเชิญ...ขอบารมี...ของพระพุทธเจ้า...พระอรหันต์...ลงมาปกป้องคุ้มครอง...ประทานพร...ประทานอำนาจ...วาสนา...บารมี...ฯลฯ.....*****

    *****.....ไอดี ไลน์.....oak_999.....ข้อความ.....หรือโทร...089-471-5666.....*****

    #พระเก๊มีทุกรุ่น #พระใหม่ดีกว่าพระเก๊แน่นอน #พระใหม่พิธีดี #เจตนาการสร้างดี #พระใหม่ยอดนิยม #พระสายใต้ #พระเครื่อง #พระเครื่องยอดนิยม #พระปิดตา #รับประกันพระแท้ตลอดชีพ #ทุกเหรียญตอกโค๊ดตอกเลขรันนัมเบอร์
    *****.....พระปิดตา.....เหนือดวง.....สายเขาอ้อ.....ปี.....2555.....***** *****.....ต่อไป..จะต้องเป็น...ตำนาน.... ในการจัดสร้างวัตถุมงคล...รุ่นเหนือดวง...ครั้งแรก...ของการปลุกเสกด้วย...ตำราพิชัยสมบัติ...พิชัยสงคราม...ว่าด้วย...วิชาเหนือดวง...อัญเชิญ...เทพเทวดา...มหาเทพ... พระอรหันต์...บรรจุลงในองค์พระ...พลิก...ชีวิต...พลิก...ดวงชะตา...เปิดตำนาน...สำนักตักศิลาเขาอ้อ...วิชาเหนือดวง...สำนักเขาอ้อเป็น...สำนักสอนวิชา...ไสยศาสตร์...มาตั้งแต่ครั้งสมัยศรีวิชัย...จนถึงสมัยสุโขทัย...สมัยศรีอยุธยา...กรุงธนบุรี...จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์...ในปัจจุบัน...พระอาจารย์สำนัก...เขาอ้อ...ทุกๆองค์...เป็นปรมาจารย์อันเลื่องลือ...ของชาวพุทธภาคใต้...ตั้งแต่เมืองไชยา...ลงไปถึงแหลมมาลายู...ปรากฏว่า...ไปเรียนวิชาไสยศาสตร์ จากสำนักเขาอ้อ...หรือใช้ตำราที่มาจากสำนักเขาอ้อทั้งหมด...พระอาจารย์สำนักเขาอ้อ...ทุกๆองค์...จะมีความรู้...ความสามารถ...คล้ายคลึงกัน...เพราะได้ศึกษาต่อกันมาไม่ขาดระยะ...ตำราและความรู้ที่เป็นหลัก...คือ...พระอาจารย์เขาอ้อทุกองค์...สอนเวทย์มนต์...คาถา...ที่เป็นหลักเริ่มตั้งแต่...ธาตุ4 ธาตุทั้ง5 แม่ธาตุ...การตั้งธาตุ...หนุนธาตุ...แปลงธาตุ...และ...ตรวจธาตุ...วิชาคงกระพันชาตรี... แคล้วคลาด...มหาอุตฆ์...สอนให้รู้ถึงที่มาของ...เลขยันต์...อักขระยันต์ต่างๆ...ซึ่งต้องใช้ความพยายาม...และต้องอยู่ปฏิบัติอาจารย์...จนอาจารย์...เห็นความพยายาม...ที่รักในวิชาของศิษย์...จึงจะสอนให้...และยังสอนวิชาความรู้เกี่ยวกับ...ยารักษาโรค...วิชาไสยศาสตร์...ที่เป็นหลักของสำนักเขาอ้อ...ซึ่งเป็นคุณวิเศษประจำพระอาจารย์ทุกๆองค์ ...(ยกตัวอย่าง)...ดังนี้.....1.เสกน้ำมันงาดิบ...ให้เดือด...ให้แข็ง...ทำพิธีป้อนให้ศิษย์เป็นคงกระพัน.....2.อาบน้ำว่าน แช่ยา...เป็นคงกระพันกันโรคภัย.....3.หุงข้าวเหนียวดำ...เป็นคงกระพันอายุวัฒนะ...และ...อีกหลายวิชา...ครั้งแรก...ของการปลุกเสก...ว่าด้วยวิชา.....เหนือดวง.....ตามตำราวิชาสำนักเขาอ้อ...ว่าด้วย วิชากำเนิด 3 คือ.....1.ดวงกำเนิดมนุษย์หญิง-ชาย.....2.ดวงกำเนิดเทวดา.....3.ดวงกำเนิดพระอรหันต์...ยันต์ดวงกำเนิดมนุษย์หญิง-ชาย ใช้ได้...ทุกผู้ทุกนาม ฯลฯ...เมื่อท่านใช้อาราธนา...ด้วยอำนาจแห่งครูอาจารย์เขาอ้อ.....อาจารย์คล้อย อโนโม.....ด้วยอำนาจแห่งวิชา... เหมือนท่านได้เกิดใหม่อีกครั้ง...ด้วยอำนาจแห่งคุณ...พระพุทธ...ยันต์ดวงกำเนิดเทวา...เป็นการอัญเชิญ...เทวดา...องค์เทพ...องค์มหาเทพ มาประจำองค์พระ...เพื่อเป็นเทวดา...ปกป้อง...คุ้มครอง...หนุนดวงชะตา...ให้กับร้ายกลายเป็นดี...ส่งเสริมให้มีเกรียติยศ...และ...ชื่อเสียง ฯลฯ...แล้วแต่จะอธิฐานต่อ... ยันต์องค์กำเนิดพระอรหัน...เป็นการอัญเชิญ...ขอบารมี...ของพระพุทธเจ้า...พระอรหันต์...ลงมาปกป้องคุ้มครอง...ประทานพร...ประทานอำนาจ...วาสนา...บารมี...ฯลฯ.....***** *****.....ไอดี ไลน์.....oak_999.....ข้อความ.....หรือโทร...089-471-5666.....***** #พระเก๊มีทุกรุ่น #พระใหม่ดีกว่าพระเก๊แน่นอน #พระใหม่พิธีดี #เจตนาการสร้างดี #พระใหม่ยอดนิยม #พระสายใต้ #พระเครื่อง #พระเครื่องยอดนิยม #พระปิดตา #รับประกันพระแท้ตลอดชีพ #ทุกเหรียญตอกโค๊ดตอกเลขรันนัมเบอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ความรักของผู้หญิงเกิดวันพุธ

    เธอจะเป็นคนที่ดูลึกลับ บางคนอาจจะดูภายนอกเป็นคนเฉยๆ เรียบร้อย แต่ข้างในไม่เป็นแบบนั้น เป็นคนเก็บกด มีความคิดซับซ้อน มีอารมณ์ทางเพศสูง เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น มีอีโก้สูง ไม่ค่อยเชื่อฟังใครง่ายๆ เป็นคนค่อนข้างดื้อรั้น และในชีวิตอาจจะมีเรื่องทะเลาะขัดแย้งกับคนในครอบครัวแบบรุนแรง หรือบางราย อาจจะปลีกตัวไปอยู่ข้างนอก เธอมีความคิดที่ไม่เหมือนใคร ติดเพื่อน ติดเที่ยว ชอบความสนุกสนานเฮฮา บางคนอาจจะสนใจในสิ่งเร้นลับ เวทมนตร์คุณไสย ไสยศาสตร์ เรื่องลี้ลับ ความรักของเธอดูแล้วอาจจะไม่ค่อยสุขสมหวังเท่าไหร่ เหมือนจะโดนคนทอดทิ้งมามาก รักใครชอบใครก็อาจจะไม่สมหวัง หรืออาจจะถูกคนอื่นแย่งไป บางคนอาจจะต้องไปพึ่งพาเรื่องเวทมนต์คุณไสยเพื่อเรียกแฟนกลับมา ถ้าไปทางดีก็ดีไป บางคนก็อาจจะศึกษาในเรื่องของธรรมะ หาสัจธรรมของชีวิต หาหนทางหลุดพ้น สวดมนต์ภาวนา ออกบวชก็ได้ ... ดวงชะตาจะหนีไม่พ้นเรื่องเร้นลับ เรื่องเวทมนต์คุณไสย บางคนอาจจะมีซิกเซ้นส์ มีสัมผัสพิเศษ ฝันแม่น บางคนอาจจะเจ็บป่วยจากพลังงานที่มองไม่เห็น เป็นโรคที่ยากต่อการรักษาหรือเป็นโรคซึมเศร้า โรคที่เกิดจากกรรมก็เป็นไปได้ ชีวิตความรักมีโอกาสที่จะได้เจอเนื้อคู่ที่แท้จริง ซึ่งคนๆนั้นจะต้องเป็นคนที่มีลักษณะนิสัยคล้ายๆกัน และอาจจะได้คู่ที่อายุห่างกันมาก เช่นอาจจะแก่กว่ามาก หรืออาจจะอ่อนกว่ามากก็เป็นไปได้ ชีวิตความรักนั้นจะดีแค่ตอนต้น อาจจะอยู่ในช่วงอายุ 22-39 แต่หลังจาก 39 ไปแล้วชีวิตรักอาจจะมีปัญหา อาจจะต่างคนต่างอยู่ หรือบางคนอยู่แบบโสดไปเลย แต่มีโอกาสว่าจะมีกิจการเป็นของตัวเอง มีเงินมีงานที่ดี หรือบางคนอาจจะมีดวงได้ไปอยู่ต่างประเทศ อยู่ต่างถิ่นต่างแดน หรือบางคนอาจจะได้คู่ครองต่างชาติก็ได้ ถ้าได้คู่ครองต่างชาติหรือต่างประเทศ ได้คู่ครองเพศเดียวกัน หรือไปอยู่ต่างถิ่นต่างแดนมีโอกาสว่าชีวิตจะสุขสบาย แต่ถ้าอยู่ที่บ้านเกิดนั้นอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ชีวิตจะลุ่มๆดอนๆ ...เธอชอบคนที่ท้าทาย หรืออาจจะทำอะไรเถื่อนๆ ไม่เหมือนใคร มีความประหลาด พิเรนทร์ ชอบลองของ ชอบอะไรที่คนปกติเขาไม่ชอบกัน เพราะเธออาจจะมีความคิดแปลกๆใหม่ๆไม่เหมือนใคร หรืออาจจะชอบแนว playboy badboy ก็เป็นไปได้ คนดีๆถอยไปเลย เพราะเธอจะไม่ชอบและอาจจะไม่มอง ชีวิตของเธอนั้นจะชอบการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงทั้งเพศเดียวกันและต่างเพศ และมีโอกาสว่าอาจจะชอบทั้งสองเพศด้วย คู่ครองของเธอนั้นอาจจะต้องดูเป็นคนที่มีหลักการ มีเหตุผล มีความเป็นผู้ใหญ่ มีโอกาสว่าจะอายุมากกว่า แต่ต้องตามใจเธอได้ทุกเรื่อง ชีวิตของเธอนั้นขึ้นอยู่กับคู่ครองคนรักจะบงการด้วย ถ้าได้คู่ครองดีก็จะดี แต่ถ้าได้คู่ครองที่ติดอบายมุขหรือทำในสิ่งที่ไม่ถูก ต้องชีวิตของเธอก็จะไปทางที่ไม่ดี
    ------------
    #ดูดวง #ดูดวงแม่นๆ #หมอดูแม่นๆ
    #ดูดวงแบบโทรคุย #ดูดวงไพ่ยิปซี #ดูดวงจิตสัมผัส #ดูดวงทางแชท
    #ดูดวงคำถามละ 9 บาท
    สนใจดูดวง แอดไลน์ @342shvrt
    #ความรักของผู้หญิงเกิดวันพุธ เธอจะเป็นคนที่ดูลึกลับ บางคนอาจจะดูภายนอกเป็นคนเฉยๆ เรียบร้อย แต่ข้างในไม่เป็นแบบนั้น เป็นคนเก็บกด มีความคิดซับซ้อน มีอารมณ์ทางเพศสูง เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น มีอีโก้สูง ไม่ค่อยเชื่อฟังใครง่ายๆ เป็นคนค่อนข้างดื้อรั้น และในชีวิตอาจจะมีเรื่องทะเลาะขัดแย้งกับคนในครอบครัวแบบรุนแรง หรือบางราย อาจจะปลีกตัวไปอยู่ข้างนอก เธอมีความคิดที่ไม่เหมือนใคร ติดเพื่อน ติดเที่ยว ชอบความสนุกสนานเฮฮา บางคนอาจจะสนใจในสิ่งเร้นลับ เวทมนตร์คุณไสย ไสยศาสตร์ เรื่องลี้ลับ ความรักของเธอดูแล้วอาจจะไม่ค่อยสุขสมหวังเท่าไหร่ เหมือนจะโดนคนทอดทิ้งมามาก รักใครชอบใครก็อาจจะไม่สมหวัง หรืออาจจะถูกคนอื่นแย่งไป บางคนอาจจะต้องไปพึ่งพาเรื่องเวทมนต์คุณไสยเพื่อเรียกแฟนกลับมา ถ้าไปทางดีก็ดีไป บางคนก็อาจจะศึกษาในเรื่องของธรรมะ หาสัจธรรมของชีวิต หาหนทางหลุดพ้น สวดมนต์ภาวนา ออกบวชก็ได้ ... ดวงชะตาจะหนีไม่พ้นเรื่องเร้นลับ เรื่องเวทมนต์คุณไสย บางคนอาจจะมีซิกเซ้นส์ มีสัมผัสพิเศษ ฝันแม่น บางคนอาจจะเจ็บป่วยจากพลังงานที่มองไม่เห็น เป็นโรคที่ยากต่อการรักษาหรือเป็นโรคซึมเศร้า โรคที่เกิดจากกรรมก็เป็นไปได้ ชีวิตความรักมีโอกาสที่จะได้เจอเนื้อคู่ที่แท้จริง ซึ่งคนๆนั้นจะต้องเป็นคนที่มีลักษณะนิสัยคล้ายๆกัน และอาจจะได้คู่ที่อายุห่างกันมาก เช่นอาจจะแก่กว่ามาก หรืออาจจะอ่อนกว่ามากก็เป็นไปได้ ชีวิตความรักนั้นจะดีแค่ตอนต้น อาจจะอยู่ในช่วงอายุ 22-39 แต่หลังจาก 39 ไปแล้วชีวิตรักอาจจะมีปัญหา อาจจะต่างคนต่างอยู่ หรือบางคนอยู่แบบโสดไปเลย แต่มีโอกาสว่าจะมีกิจการเป็นของตัวเอง มีเงินมีงานที่ดี หรือบางคนอาจจะมีดวงได้ไปอยู่ต่างประเทศ อยู่ต่างถิ่นต่างแดน หรือบางคนอาจจะได้คู่ครองต่างชาติก็ได้ ถ้าได้คู่ครองต่างชาติหรือต่างประเทศ ได้คู่ครองเพศเดียวกัน หรือไปอยู่ต่างถิ่นต่างแดนมีโอกาสว่าชีวิตจะสุขสบาย แต่ถ้าอยู่ที่บ้านเกิดนั้นอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ชีวิตจะลุ่มๆดอนๆ ...เธอชอบคนที่ท้าทาย หรืออาจจะทำอะไรเถื่อนๆ ไม่เหมือนใคร มีความประหลาด พิเรนทร์ ชอบลองของ ชอบอะไรที่คนปกติเขาไม่ชอบกัน เพราะเธออาจจะมีความคิดแปลกๆใหม่ๆไม่เหมือนใคร หรืออาจจะชอบแนว playboy badboy ก็เป็นไปได้ คนดีๆถอยไปเลย เพราะเธอจะไม่ชอบและอาจจะไม่มอง ชีวิตของเธอนั้นจะชอบการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงทั้งเพศเดียวกันและต่างเพศ และมีโอกาสว่าอาจจะชอบทั้งสองเพศด้วย คู่ครองของเธอนั้นอาจจะต้องดูเป็นคนที่มีหลักการ มีเหตุผล มีความเป็นผู้ใหญ่ มีโอกาสว่าจะอายุมากกว่า แต่ต้องตามใจเธอได้ทุกเรื่อง ชีวิตของเธอนั้นขึ้นอยู่กับคู่ครองคนรักจะบงการด้วย ถ้าได้คู่ครองดีก็จะดี แต่ถ้าได้คู่ครองที่ติดอบายมุขหรือทำในสิ่งที่ไม่ถูก ต้องชีวิตของเธอก็จะไปทางที่ไม่ดี ------------ #ดูดวง #ดูดวงแม่นๆ #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงแบบโทรคุย #ดูดวงไพ่ยิปซี #ดูดวงจิตสัมผัส #ดูดวงทางแชท #ดูดวงคำถามละ 9 บาท สนใจดูดวง แอดไลน์ @342shvrt
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชื่อพระ : เหรียญหลวงพ่อแดง วัดเขาภูหลักนครศรีธรรมราช รุ่น 2 ปี 2509 เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง

    ราคา : 2,500 บาท (รวมส่ง)

    รายละเอียด : เหรียญมหาอุดคงกะพัน สภาพสวยกะไหล่ทองเดิมๆ จัดสร้างและประกอบพิธีปลุกเสกอันลือลั่นในอุโบสถมหาอุตม์ หลวงพ่อแดงท่านเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกับ พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน และ หลวงพ่อตุด วัดพรุกง ซึ่งพระอาจารย์ของพวกท่านคือ พระอุปัชฌาย์กลาย วัดหาดสูง นั่นเอง .. หลวงพ่อแดง ท่านเป็นเจ้าของสมญานาม "เหรียญแลกชีวิต" สำหรับมูลเหตุ สมญานาม เหรียญแลกชีวิต มีเรื่องราวบันทึกไว้ว่า "มีชาวบ้านแขวนเหรียญรุ่นแรกของท่าน ขับรถมอเตอร์ไซค์ ผ่านไปบนถนนสายเอเชีย บริเวณเวียงสระ - ถ้ำพรรณรา ซึ่งสมัยก่อนเป็นดงคอมมิวนิสต์ .. จึงถูกดักยิงด้วยปืน M16 แต่ไม่เป็นอะไร ทว่าลูกปืนไปถูกเครื่องยนต์ดับ เหล่า ผกค. จึงตามไปยิงซ้ำ แต่กระสุนไม่ลั่น ผกค. จึงขอเหรียญในคอ โดยแลกกับการไม่เอาชีวิต ซึ่งเป็นจังหวะที่ชุดทหารลาดตระเวนการผ่านมา กลุ่ม ผกค. จึงหนีไป" เป็นเหรียญแห่งประสบการณ์เมืองคอน หนึ่งในเหรียญที่นักสะสมวัตถุมงคล ต้องมี ประวัติโดยย่อ หลวงพ่อแดง อิสสโร วัดภูเขาหลัก “พระธรรมิสรานุวัตร” (ศิษย์น้องหลวงพ่อคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช) พระเครื่องของท่านล้วนแล้วประสบการณ์สูงด้านคงกระพันชาตรี เหรียญหลวงพ่อแดง รุ่นแรก สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๓ ถึงปัจจุบันนี้ก็ยังมีคำพูดกล่าวขานกันถึง ประสบการณ์พระเครื่องหลวงพ่อแดง วัดภูเขาหลัก แห่งอำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เกี่ยวกับคำพูดที่ว่า “เหรียญแลกชีวิต” หลวงพ่อแดง อิสสโร ชื่อเดิม แดง ต่างศรี เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๐ ตรงกับวันขึ้น ๑ค่ำ เดือน๑ (อ้าย) ปีชวด ณ บ้านเหลียงเล้า ตำบลน้ำดำ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ นามบิดานายบุญช่วย นามมารดานางพุ่ม มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๖ คน เมื่อครั้งยามเยาว์วัย เด็กชายแดง ได้ย้ายตามครอบครัวของบิดามารดามาอยู่บ้านโคกมัน ตำบลท่ายาง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเด็กเงียบขรึมแต่มีนิสัยช่างทำ แม้ทำงานหนักเด็กชายแดงก็ไม่เคยเอ่ยปากบ่นแต่ไม่ยอมคนง่ายๆตามนิสัยเด็ก เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นท่านได้ออกจากบ้านเพื่อแสวงหาโชคความก้าวหน้าในชีวิตท่านได้เข้าทำงานที่ชะมาย เป็นผู้ดูแลสร้างทางรถไฟอยู่ประมาณปีกว่าๆเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ท่านจึงได้เข้าไปอยู่ ที่ วัดหาดสูง เมื่อครั้นยามบวชเรียนหลวงพ่อแดง บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันพุธที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๔๔๖ ตรงกับวันแรม๑๐ค่ำ เดือน๑๐ ปีเถาะ อายุ๑๖ปี ณ วัดหาดสูง ตำบลไม้เรียง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพระอธิการกลาย (หลวงปู่กลาย) เป็นพระอุปัฌาย์ ชีวิตการศึกษา ท่านเล่าว่า เริ่มต้นตั้งแต่โสตนอโม อันเป็นอักษรโบราณทั้งภาษาขอม ไทย และบาลีเขียนกันที่กระดานชนวน ลบไปเขียนไป จนเข้าใจ ท่านได้เล่าเรียนคาถาพุทธาคม (ไสยศาสตร์ เลข ยันต์ตลอดถึงหมอโบราณ) จนมีความชำนิชำนาญ ท่านมีความสามารถในด้านความจำดีเยี่ยม (นี้เป็นคำพูดของหลวงพ่อท่านคล้ายได้เล่าให้ผู้เขียนฟัง ครั้งไปกราบท่านที่วัดพระธาตุน้อย ในครั้งหนึ่ง) ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่นานถึง ๓ ปีกว่า จน (หลวงพ่อแดง) มีอายุพรรษาครบอุปสมบทได้ (วิชา“ นอโม” นี้เป็นวิชาสำคัญวิชาหนึ่งในทางไสยศาสตร์ โดยเฉพาะในภาคใต้ คือสำนักเขาอ้อ ที่สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งอาณาจักรศรีวิชัย ยังรุ่งเรืองแม้ทางภาคกลางเองก็มีวิชาจำพวก ” นอโม” นี้ด้วยเหมือนกันเพียงแต่ไม่พิสดารเท่าทางสายเขาอ้อ อันว่า ” นอโม” นี้คือปฐมอักขระมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง อักษรแต่ละตัวมีวิธีใช้ได้มากมายคนโบราณที่สำเร็จท่านใช้แค่ อะ หรือ โอ เท่านี้ก็มีอานุภาเหลือคณานับ โดยไม่ต้องว่าคาถายาวๆ) สามเณรแดงได้อุปสมบทเมื่อ วันพุธที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๐ ตรงกับวันขึ้น๑๑ค่ำ เดือน๗ ปีมะแม ณ วัดหาดสูง โดยมีพระอธิการกลายเป็นพระอุปัชฌาย์และพระอาจารย์สังข์สิริรตโน เจ้าอาวาสวัดไม้เรียง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ชีวิตเป็นสมณะเมื่ออุปสมบทแล้วพระแดงอิสสโรก็ได้จำพรรษาที่วัดหาดสูง ๑ พรรษา และใน พ.ศ.๒๔๕๒ ท่านจึงออกจากวัดหาดสูง และได้ไปจำพรรษาที่ วัดท่ายาง พ.ศ.๒๔๕๓ เดินทางไปอยู่ที่ วัดอรัญคามวารี (วัดกะชุม) ต.พ่วงพรมคร อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ท่านอยู่ที่นี้จนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ตำแหน่งฐานานุกรมพระใบฎีกาแดง อิสสโรเป็นเวลานานถึง ๒๙ พรรษา หลวงพ่อแดง ท่านได้ปฏิบัติภารกิจทั้งด้านการปกครองงานการศึกษาและงานด้านสาธารณูปการได้อบรมกุลบุตรกุลธิดาให้ตั้งอยู่ในความดีงามให้มีการเล่าเรียนทั้งทางโลกและทางธรรมได้อุปการะและส่งไปเล่าเรียนในสำนักต่างๆด้านการก่อสร้างท่านได้ก่อสร้างกุฏิศาลาการเปรียญอุโบสถ ที่วัดกระชุมจนเป็นวัดโดยสมบูรณ์ทุกประการ พ.ศ.๒๔๘๐ หลวงพ่อแดง ท่านจึงได้เดินทางกลับมารักษาการเจ้าอาวาสวัดภูเขาหลัก แทนพระครูนนทสิกกิจ ที่ได้มรณภาพลง ตั้งแต่”หลวงพ่อแดง”ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดภูเขาหลัก ได้จัดสร้างศาลาโรงธรรม กุฏิ หอสวดมนต์ และท้ายสุดในปลายชีวิตของท่านได้ก่อสร้างอุโบสถ และท่านยังเป็นประธานในการสร้างวัดต่างๆ ใว้หลายแห่งเช่น วัดควนสระบัว สร้างโรงเรียนวัดควนสระบัวให้ 1หลัง วัดธรรมิการาม ที่บ้านวังหิน เป็นต้น สมณศักดิ์ หลวงพ่อแดง “พระครูธรรมิสรานุวัตร” พ.ศ.๒๔๘๕ ได้รับฐานานุกรม ที่ พระปลัดแดง ของพระครูถาวรบุญรัตน์ พ.ศ.๒๔๙๖ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นโท ในราชทินนามว่า “พระครูธรรมิสรานุวัตร” พ.ศ.๒๕๑๕ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นเอก ในราชทินนามเดิมว่า “พระครูธรรมิสรานุวัตร” หลวงพ่อแดงท่านมรณภาพใน ปี พ.ศ.๒๕๑๕ รวมสิริอายุ ๘๙ ปี “ เมื่อใจมีศรัทธา ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นเสมอ “
    ชื่อพระ : เหรียญหลวงพ่อแดง วัดเขาภูหลักนครศรีธรรมราช รุ่น 2 ปี 2509 เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง ราคา : 2,500 บาท (รวมส่ง) รายละเอียด : เหรียญมหาอุดคงกะพัน สภาพสวยกะไหล่ทองเดิมๆ จัดสร้างและประกอบพิธีปลุกเสกอันลือลั่นในอุโบสถมหาอุตม์ หลวงพ่อแดงท่านเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกับ พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน และ หลวงพ่อตุด วัดพรุกง ซึ่งพระอาจารย์ของพวกท่านคือ พระอุปัชฌาย์กลาย วัดหาดสูง นั่นเอง .. หลวงพ่อแดง ท่านเป็นเจ้าของสมญานาม "เหรียญแลกชีวิต" สำหรับมูลเหตุ สมญานาม เหรียญแลกชีวิต มีเรื่องราวบันทึกไว้ว่า "มีชาวบ้านแขวนเหรียญรุ่นแรกของท่าน ขับรถมอเตอร์ไซค์ ผ่านไปบนถนนสายเอเชีย บริเวณเวียงสระ - ถ้ำพรรณรา ซึ่งสมัยก่อนเป็นดงคอมมิวนิสต์ .. จึงถูกดักยิงด้วยปืน M16 แต่ไม่เป็นอะไร ทว่าลูกปืนไปถูกเครื่องยนต์ดับ เหล่า ผกค. จึงตามไปยิงซ้ำ แต่กระสุนไม่ลั่น ผกค. จึงขอเหรียญในคอ โดยแลกกับการไม่เอาชีวิต ซึ่งเป็นจังหวะที่ชุดทหารลาดตระเวนการผ่านมา กลุ่ม ผกค. จึงหนีไป" เป็นเหรียญแห่งประสบการณ์เมืองคอน หนึ่งในเหรียญที่นักสะสมวัตถุมงคล ต้องมี ประวัติโดยย่อ หลวงพ่อแดง อิสสโร วัดภูเขาหลัก “พระธรรมิสรานุวัตร” (ศิษย์น้องหลวงพ่อคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช) พระเครื่องของท่านล้วนแล้วประสบการณ์สูงด้านคงกระพันชาตรี เหรียญหลวงพ่อแดง รุ่นแรก สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๓ ถึงปัจจุบันนี้ก็ยังมีคำพูดกล่าวขานกันถึง ประสบการณ์พระเครื่องหลวงพ่อแดง วัดภูเขาหลัก แห่งอำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เกี่ยวกับคำพูดที่ว่า “เหรียญแลกชีวิต” หลวงพ่อแดง อิสสโร ชื่อเดิม แดง ต่างศรี เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๐ ตรงกับวันขึ้น ๑ค่ำ เดือน๑ (อ้าย) ปีชวด ณ บ้านเหลียงเล้า ตำบลน้ำดำ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ นามบิดานายบุญช่วย นามมารดานางพุ่ม มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๖ คน เมื่อครั้งยามเยาว์วัย เด็กชายแดง ได้ย้ายตามครอบครัวของบิดามารดามาอยู่บ้านโคกมัน ตำบลท่ายาง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเด็กเงียบขรึมแต่มีนิสัยช่างทำ แม้ทำงานหนักเด็กชายแดงก็ไม่เคยเอ่ยปากบ่นแต่ไม่ยอมคนง่ายๆตามนิสัยเด็ก เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นท่านได้ออกจากบ้านเพื่อแสวงหาโชคความก้าวหน้าในชีวิตท่านได้เข้าทำงานที่ชะมาย เป็นผู้ดูแลสร้างทางรถไฟอยู่ประมาณปีกว่าๆเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ท่านจึงได้เข้าไปอยู่ ที่ วัดหาดสูง เมื่อครั้นยามบวชเรียนหลวงพ่อแดง บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันพุธที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๔๔๖ ตรงกับวันแรม๑๐ค่ำ เดือน๑๐ ปีเถาะ อายุ๑๖ปี ณ วัดหาดสูง ตำบลไม้เรียง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพระอธิการกลาย (หลวงปู่กลาย) เป็นพระอุปัฌาย์ ชีวิตการศึกษา ท่านเล่าว่า เริ่มต้นตั้งแต่โสตนอโม อันเป็นอักษรโบราณทั้งภาษาขอม ไทย และบาลีเขียนกันที่กระดานชนวน ลบไปเขียนไป จนเข้าใจ ท่านได้เล่าเรียนคาถาพุทธาคม (ไสยศาสตร์ เลข ยันต์ตลอดถึงหมอโบราณ) จนมีความชำนิชำนาญ ท่านมีความสามารถในด้านความจำดีเยี่ยม (นี้เป็นคำพูดของหลวงพ่อท่านคล้ายได้เล่าให้ผู้เขียนฟัง ครั้งไปกราบท่านที่วัดพระธาตุน้อย ในครั้งหนึ่ง) ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่นานถึง ๓ ปีกว่า จน (หลวงพ่อแดง) มีอายุพรรษาครบอุปสมบทได้ (วิชา“ นอโม” นี้เป็นวิชาสำคัญวิชาหนึ่งในทางไสยศาสตร์ โดยเฉพาะในภาคใต้ คือสำนักเขาอ้อ ที่สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งอาณาจักรศรีวิชัย ยังรุ่งเรืองแม้ทางภาคกลางเองก็มีวิชาจำพวก ” นอโม” นี้ด้วยเหมือนกันเพียงแต่ไม่พิสดารเท่าทางสายเขาอ้อ อันว่า ” นอโม” นี้คือปฐมอักขระมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง อักษรแต่ละตัวมีวิธีใช้ได้มากมายคนโบราณที่สำเร็จท่านใช้แค่ อะ หรือ โอ เท่านี้ก็มีอานุภาเหลือคณานับ โดยไม่ต้องว่าคาถายาวๆ) สามเณรแดงได้อุปสมบทเมื่อ วันพุธที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๐ ตรงกับวันขึ้น๑๑ค่ำ เดือน๗ ปีมะแม ณ วัดหาดสูง โดยมีพระอธิการกลายเป็นพระอุปัชฌาย์และพระอาจารย์สังข์สิริรตโน เจ้าอาวาสวัดไม้เรียง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ชีวิตเป็นสมณะเมื่ออุปสมบทแล้วพระแดงอิสสโรก็ได้จำพรรษาที่วัดหาดสูง ๑ พรรษา และใน พ.ศ.๒๔๕๒ ท่านจึงออกจากวัดหาดสูง และได้ไปจำพรรษาที่ วัดท่ายาง พ.ศ.๒๔๕๓ เดินทางไปอยู่ที่ วัดอรัญคามวารี (วัดกะชุม) ต.พ่วงพรมคร อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ท่านอยู่ที่นี้จนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ตำแหน่งฐานานุกรมพระใบฎีกาแดง อิสสโรเป็นเวลานานถึง ๒๙ พรรษา หลวงพ่อแดง ท่านได้ปฏิบัติภารกิจทั้งด้านการปกครองงานการศึกษาและงานด้านสาธารณูปการได้อบรมกุลบุตรกุลธิดาให้ตั้งอยู่ในความดีงามให้มีการเล่าเรียนทั้งทางโลกและทางธรรมได้อุปการะและส่งไปเล่าเรียนในสำนักต่างๆด้านการก่อสร้างท่านได้ก่อสร้างกุฏิศาลาการเปรียญอุโบสถ ที่วัดกระชุมจนเป็นวัดโดยสมบูรณ์ทุกประการ พ.ศ.๒๔๘๐ หลวงพ่อแดง ท่านจึงได้เดินทางกลับมารักษาการเจ้าอาวาสวัดภูเขาหลัก แทนพระครูนนทสิกกิจ ที่ได้มรณภาพลง ตั้งแต่”หลวงพ่อแดง”ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดภูเขาหลัก ได้จัดสร้างศาลาโรงธรรม กุฏิ หอสวดมนต์ และท้ายสุดในปลายชีวิตของท่านได้ก่อสร้างอุโบสถ และท่านยังเป็นประธานในการสร้างวัดต่างๆ ใว้หลายแห่งเช่น วัดควนสระบัว สร้างโรงเรียนวัดควนสระบัวให้ 1หลัง วัดธรรมิการาม ที่บ้านวังหิน เป็นต้น สมณศักดิ์ หลวงพ่อแดง “พระครูธรรมิสรานุวัตร” พ.ศ.๒๔๘๕ ได้รับฐานานุกรม ที่ พระปลัดแดง ของพระครูถาวรบุญรัตน์ พ.ศ.๒๔๙๖ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นโท ในราชทินนามว่า “พระครูธรรมิสรานุวัตร” พ.ศ.๒๕๑๕ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นเอก ในราชทินนามเดิมว่า “พระครูธรรมิสรานุวัตร” หลวงพ่อแดงท่านมรณภาพใน ปี พ.ศ.๒๕๑๕ รวมสิริอายุ ๘๙ ปี “ เมื่อใจมีศรัทธา ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นเสมอ “
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 647 มุมมอง 0 รีวิว