• ...สวัสดีค่ะ เพื่อนๆผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ทุกท่าน พลัมเฮร่า มารายงานตัวค่ะ #พลัมเฮร่า #เรือนเทพพฤกษารื่นรมย์ #หมอดู #ไพ่ยิปซี #ลูกแก้วไอยคุปต์ #ดูดวง #ดวงชะตาราศี #โชคชะตา #โหราศาสตร์ #สายมู #มูเตลู #ตัวแม่ #รักชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    ...สวัสดีค่ะ เพื่อนๆผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ทุกท่าน พลัมเฮร่า มารายงานตัวค่ะ #พลัมเฮร่า #เรือนเทพพฤกษารื่นรมย์ #หมอดู #ไพ่ยิปซี #ลูกแก้วไอยคุปต์ #ดูดวง #ดวงชะตาราศี #โชคชะตา #โหราศาสตร์ #สายมู #มูเตลู #ตัวแม่ #รักชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • เคยมีคำกล่าวว่าแมวมีเก้าชีวิตซึ่งเป็นความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ ที่ในความเป็นจริงก็ตายแล้วตายเลยไม่ต่างจากสัตว์อื่นหรือมนุษย์ โตขึ้นมาสักหน่อยประมาณช่วงมัธยมต้น ช่างประปานามว่ามาริโอ้ทำให้ผมทึ่ง เพราะในอาณาจักรเห็ดแล้ว เขามีชีวิตได้สูงสุดถึง 99 ครั้ง

    โอ้..คุณพระ!

    #TomorrowandTomorrowandTomorrow
    นี่คือหนังสือที่เปิดเผยวงการสร้างเกมวิดีโอได้เจาะลึกและน่าสนใจมากเล่มหนึ่งที่มีอยู่ไม่มากนักในตลาด ที่สำคัญมีอะไรมากไปกว่าแค่เรื่องเด็กสร้างเกม

    สนพ.แซลมอน
    แกเบรียล เซวิน เขียน
    สุวิชชา จันทร แปล
    พิมพ์เมื่อ กรกฎาคม 2566
    หนา 400 หน้า 495 บาท

    หนังสือเล่มใหญ่มากแถมยังหนา ใหญ่กว่าขนาดมาตรฐานพ็อกเก็ตบุ๊กทั่วไปพอสมควร เป็นอุปสรรคในการถืออ่านพอสมควร ด้วยความหนักบวกเทอะทะ จึงไม่เหมาะพกพาอ่านนอกสถานที่เท่าใดนัก แต่นี่ไม่ทำให้ใจที่อยากรู้ว่าเนื้อหาข้างในนั้นมีอะไรอยู่บ้างลดน้อยลง

    เปิดประตูสู่โลกในจินตนาการ

    ด้วยเหตุใดก็ตามที่บันดาลให้เด็กหญิงเซดีน กรีน เชื้อสายอเมริกันยิว ในวัยสิบกว่าปีที่มาเยี่ยมพี่สาวอายุห่างจากเธอ 2 ปีกับแม่ แล้วทำให้พี่สาวแหกปากลั่น จนแม่ต้องไล่ให้เซดีออกไปนอกห้องสักพัก จนเธอเดินเปะปะมาเจอกับ แซม เมเซอ ที่เป็นเด็กชายอเมริกันเชื้อสายเกาหลีหน้าตาแปลก และเท้ามีปัญหา ซึ่งกำลังจดจ่อกับการบังคับมาริโอ้ เกมจากเครื่องเล่นนินเทนโดในห้องสันทนาการ ถือได้ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของสายใยพิเศษพิสดาร ที่จะผูกโยงพวกเขาเข้าไว้ด้วยกันไปอีกนานหลายสิบปีนับจากนี้

    💻

    แม้จะไม่เคยมีใครสามารถทำให้แซมอ้าปากพูดได้มาก่อน นับตั้งแต่เขาอยู่ใน รพ.มาเป็นระยะเวลากว่าหกสัปดาห์ แต่เซดี คือบุคคลอันน่าเหลือเชื่อ ที่ทั้งหมอ และพยาบาลต่างแปลกใจ เธอใช้เวลาไม่นานนับแต่เดินไปเห็นเขา แล้วยืนชมแซมเล่นตัวมาริโอ้ด้วยเทคนิกชั้นเซียน จนอีกไม่กี่อึดใจถัดมา แซมก็เอ่ยปากคุยกับเธอเกี่ยวกับเกมที่เขากำลังเล่น จากนั้นทั้งสองก็สนทนากันอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ราวกับรู้จักกันดีมาเป็นเวลานานทั้งที่เพิ่งจะพบกันในวันนั้นเป็นครั้งแรก

    💻

    เหตุนี้เอง หมอและพยาบาลจึงอยากให้แม่ของเซดี ยอมให้เธอมาที่รพ.บ่อย ๆ และเป็นเพื่อนคุยกับแซม เพื่อหวังว่าจะช่วยให้เขาแจ่มใสร่าเริงขึ้น หลังประสบเหตุการณ์ที่ยากลำบาก ทำให้เท้าของเขามีปัญหาไม่ธรรมดา ซึ่งเซดีเองก็ยินดี เธอและแซมเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยในเรื่องของวิดีโอเกม จนกระทั่งเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่รู้จักกันได้ไม่กี่เดือน และไปกระทบกระเทือนใจของแซมอย่างรุนแรงจนเขาผิดหวังและไล่เธอไม่ให้มาพบเจอกันอีกต่อไป

    💻

    เวลาผ่านไปหลายปี เซดีเรียนต่อที่ mit ทางด้านสาขาการออกแบบเกม ส่วนแซมเข้าฮาร์วาร์ดได้ เขาถนัดด้านคณิตศาสตร์ เท้าเจ้ากรรมยังคงแย่ไม่แพ้สมัยเด็ก แซมได้รูมเมตเป็นลูกครึ่งเชื้อสายอเมริกันญี่ปุ่นชื่อว่า มาร์กซ์ วาตานาเบะ ผู้มีจิตใจดีและเป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือแนะนำเขาในหลายเรื่อง

    วันหนึ่ง แซม ได้พบกับเซดี ในระหว่างทางที่กำลังจะขึ้นรถไฟใต้ดิน เขาอดใจไม่ไหวร้องเรียกเธอ แล้วได้คุยกันสั้น ๆ ที่ทำให้หวนนึกถึงอดีต เธอฝากแผ่นเกมสำหรับเล่นกับเครื่องพีซีให้เขาไว้ บอกว่าเป็นเกมที่เธอสร้างเอง เล่นจบแล้วรู้สึกอย่างไรช่วยติดต่อบอกด้วยตามที่อยู่อีเมล จากนั้นต่างแยกย้าย

    💻

    ระหว่างนั้นเกิดเรื่องราวขึ้นมากมายกับเซดี ที่ทำให้เธอสิ้นหวังและหมดพลังในชีวิต แต่เป็นแซมที่พยายามหาทางติดต่อกลับ แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากเธอเลย วันหนึ่งเขาจึงตัดสินใจเดินด้วยเท้าสภาพเน่า ๆ เสี่ยงไปยังที่พักของเธอ เมื่อได้พบกันเซดีเหมือนผีตายซากที่รอเวลาแห้งเหี่ยว แซมมาหาเธอทุกวันจนในที่สุด สาวน้อยคนเก่ากลับฟื้นคืนสติเป็นผู้เป็นคน จนยอมรับข้อเสนอมาร่วมกันสร้างเกมกับเขาในช่วงปิดภาคเรียนไม่กี่เดือน เพื่อต้องการสานฝันให้เป็นจริง ซึ่งต่อมาทั้งสองได้มาร์กซ์มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ด้วย

    💻

    แล้วตำนานแห่งสามสหายที่ให้กำเนิดโคตรเกมที่ยิ่งใหญ่และตีตลาดจนเป็นที่นิยมในวงกว้าง ก็ถือกำเนิดขึ้น นำพาผู้อ่านท่องสู่จักรวาลของผู้สร้างอันบรรเจิดเพริศแพร้ว จนมีหลายบริษัทเข้าแถวอยากทำสัญญาด้วย ต่อมาโชคชะตาเอื้ออำนวย ให้ทั้งสามก่อตั้งบริษัทผลิตเกมเป็นของตน จนสร้างสรรค์ผลงานน่าจดจำป้อนสู่ตลาด มีทั้งที่ประสบความสำเร็จงดงาม และบางเกมก็โดนหามลงจากเวที ตลอดจนประสบพบเจออุปสรรคหลากหลายที่ล้วนแต่รุนแรงต่อเนื่องเป็นระลอกถึงกับเกือบจะล้มหายไปจากวงการ แต่ในที่สุดก็ผ่านมันไปได้

    💻

    เรื่องราวสุดแสนเข้มข้นน่าติดตามค้นหาอีกมากมาย รอคอยให้ผู้อ่านเช่นคุณเสาะแสวงหามาทดสอบ ต่อให้ไม่ใช่คนที่รักชอบในการเล่นวิดีโอเกมมาก่อนเลย ก็สามารถจะทำความเข้าใจในเนื้อเรื่องที่ผู้เขียนต้องการสื่อได้ไม่ยาก ขณะเดียวกันก็ได้รับความบันเทิงควบคู่ไปด้วย

    💽ความน่าทึ่งซึ่งปรากฏชัดหลังอ่านจบ

    (ถ้าใครยังไม่เคยอ่านหนังสือ ต่อจากนี้ไปอาจมีกล่าวถึงเนื้อหาสำคัญบางส่วน โปรดพิจารณา ถ้าไม่กังวลก็ขอเชิญอ่านต่อได้เลยครับ)

    1. ผมทั้งถูกใจและขัดใจในขนาดรูปเล่มที่ทำออกมา คือถืออ่านไม่ถนัดมือ รูปภาพที่ทำปกก็ดูไม่เข้ากับเรื่องเกม ไม่ค่อยดึงดูดให้คนอยากอ่าน ไม่สื่อถึงเรื่องวงการเกม แต่เมื่ออ่านเนื้อหาภายในไปสักพักจึงเข้าใจที่มาของรูปคลื่น อ้อ ..ความเกี่ยวข้องกับเกมอยู่ตรงนี้เองสำคัญด้วยสิ แต่คนที่จะรู้ได้คือต้องอ่านก่อนเท่านั้นนี่คือจุดบอด นอกจากภาพปกก็การจัดทำอาร์ตเวิร์ก ทีแรกไม่ชอบเลย ทำไมถึงตั้งใจให้อักษรถูกวางเรียงเป็นพรืด ออกมาเป็นบล็อกราวกับก้อนสี่เหลี่ยมผืนผ้า แถมยังเว้นพื้นที่ว่างด้านริมชิดขอบหนังสือนิดเดียว แต่กลับเว้นช่องว่างด้านหลังแถวอักษรเยอะ กลายเป็นเมื่อเปิดหน้าหนังสือออก จะมีบริเวณที่เว้นว่างซึ่งไม่มีอักษรเลยช่วงกึ่งกลางเล่มเป็นช่องโล่งกว้างใหญ่ มองแล้วแปลก ๆ

    ตัวอักษรที่ถูกเลือกใช้อีก ไม่ใช่แบบอักษรที่นิยม มองแล้วไม่นุ่มนวล ออกจะเป็นอักษรที่ดูแข็งทื่อและกระด้างเมื่อเรียงอยู่ด้วยกันเป็นแถวยาว แต่เมื่อมองไปมองมา พลิกอ่านไปสักระยะก็เกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้น นี่มันเหมือนรูปแบบของตัวพิกเซลเลยนี่นา ความเป็นเหลี่ยม เป็นก้อน เป็นบล็อก หรือนี่คือความตั้งใจที่ได้รับการออกแบบไว้แต่แรกของผู้เขียนและสนพ. เนื่องจากไม่เคยเห็นฉบับภาษาอังกฤษจึงไม่มีข้อเปรียบเทียบ แต่เชื่อว่าฉบับแปลไทยก็คงจะพยายามทำออกมาโดยคงแนวคิดเดิมให้ได้มากสุด เมื่อคิดได้ดังนี้ จากที่ตอนแรกขัดใจกลักลายเป็นนึกชมขึ้นมาแทน ไม่รู้หรอกว่าจะใช่อย่างที่เดาไหม แต่ถ้าใช่ถือว่าทำสำเร็จ เพราะมันเข้ากับเรื่องราวที่กล่าวเกี่ยวกับการสร้างเกมพอดี

    .

    2. ยังคงหงุดหงิดเล็กน้อยกับรูปแบบการเขียนของแกเบรียลที่เหมือนกับเล่ม "หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ" คือคนอ่านต้องมีสมาธิจดจ่ออย่างมากกับเรื่องที่ผู้เขียนเล่า เพราะเขาจะไม่มีการขึ้นบทใหม่ หรือใช้ย่อหน้า หรือเลขแบ่ง หรือเว้นวรรคที่ว่าง เพื่อแบ่งฉากให้รู้ชัดเจนว่านี่คือเรื่องราวของฉากใหม่ เหตุการณ์ใหม่ วันใหม่แล้วนะ เรียกว่าเล่าเรื่องฉากหนึ่งอยู่ดี ๆ ก็ตัดจบไปดื้อ ๆ แล้วบรรทัดถัดไปก็เป็นเรื่องราวใหม่ที่เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง แถมไม่มีบรรยายเกริ่น แต่เริ่มด้วยบทสนทนาของตัวละครทันที ดังนั้นบ่อยครั้งที่อ่านอยู่แล้วพอพลิกหน้าต่อไปก็เอ๋อ งงอยู่นานว่าทำไมเรื่องราวมันจึงไม่ต่อเนื่องกัน ตัวละครคุยกันเรื่องหนึ่ง ไฉนกลายเป็นใครไม่รู้มาคุยในอีกเรื่องหนึ่ง กว่าจะทำความเข้าใจว่า อ๋อ..นี่คือตอนใหม่ คนละช่วงเวลาแล้วนะก็เบลอเป็นระยะ เพราะปรากฏลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งการจัดวางรูปแบบให้แถวอักษรเรียงเท่ากันเป็นตับด้วยแล้ว จึงยิ่งทำให้การอ่านนั้นยากขึ้น แต่เมื่อชินกับสไตล์การเขียนของเขาแล้ว ช่วงหลัง ๆ ก็จะเริ่มอ่านง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าหนังสือของนักเขียนคนนี้ อ่านเร็วไม่ได้ ต้องค่อย ๆ อ่านอย่างจดจ่อแล้วคิดตามไป

    ..

    3. การเล่าเรื่องเป็นมุมมองอย่างพระเจ้าที่มองเห็นความคิด ความในใจของตัวละครทั้งหมด เพียงแต่ผู้เขียนเลือกที่จะเล่าเท่าที่อยากบอกในช่วงแรกแค่นิดหน่อย แล้วค่อย ๆ เผยเรื่องราวความลับของตัวละครหลักทั้งสามออกมาทีละนิดในภายหลัง ชนิดปิดทั้งตัวละครอื่นในเรื่องเองที่ไม่รู้ความจริง รวมถึงปิดคนอ่านด้วย โดยมาเปิดให้รู้ภายหลังเมื่อถึงช่วงที่สำคัญในจังหวะและบรรยากาศ ซึ่งสถานการณ์ขณะนั้นไต่ระดับถึงจุดอิ่มของตัวละครที่ดำเนินอยู่พอดี ทั้งตัวละครบางตัวรวมถึงคนอ่าน จะได้รู้เรื่องราวในอดีตไปพร้อมกัน จึงเกิดแรงกระเพื่อมที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์และพฤติกรรมของตัวเอกในเรื่อง กลายเป็นแรงผลักดันให้นิยายเดินหน้าต่อไปในทิศทางที่ผู้เขียนต้องการ ซึ่งนับว่ามีความชาญฉลาดที่เลือกการทยอยเล่าความจริง ได้เหมาะเจาะกับฉากนั้นอย่างลงตัว

    ...

    4. เชื่อว่าสำหรับหนังสือเล่มนี้ ทิศทางความชอบหรือไม่ชอบหลังอ่านจบแล้วจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มอย่างชัดเจน คือกลุ่มที่ชอบถึงชอบมาก กับกลุ่มที่ไม่ชอบเลย หลายคนที่ยังไม่เคยอ่านและไม่คิดจะอ่าน เพียงเพราะคิดว่าเนื้อหาอย่างนี้คงเหมาะกับผู้อ่านเฉพาะกลุ่ม คือคนที่เคยสัมผัสกับการเล่มวิดีโอเกมมาก่อนเท่านั้น คนที่ไม่เคยเล่นคงเข้าถึงได้ยากและน่าจะไม่สนุกแน่เลย ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิด แน่นอนว่าผมชอบเล่นวิดีโอเกมมาตั้งแต่เด็ก แม้ในปัจจุบันเวลาชีวิตจะไม่อำนวยให้สามารถกลับไปเล่นได้เหมือนในอดีต ทว่าอยากยืนยันสิ่งหนึ่งซึ่งค่อนข้างมั่นใจ ถึงคนที่ไม่เคยเล่นวิดีโอเกมมาก่อน ก็สามารถอ่านหนังสือเล่มนี้ได้อย่างสนุก และไม่ได้เข้าใจยากจนเกินไปนัก

    ช่วงแรกของการเริ่มต้นอาจจะเป็นด่านที่ต้องใช้เวลาสักหน่อยก็จริง เพราะเรื่องถูกเล่าแบบไม่รีบร้อน อีกทั้งบรรยายรายละเอียดชีวิตของตัวเอกทั้งสองแบบไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นสนใจนัก ทว่าพอผ่านไปสักพักความรู้สึกเฉย ๆ กึ่งเริ่มจะเบื่อแล้วนะ จะค่อย ๆ หายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยความอยากรู้เรื่องราวต่อไปของทั้งเซดีนและแซม น่าแปลกเหมือนกัน แต่เหมือนบุคลิกและความสัมพันธ์ของทั้งสองมีแรงดึงดูดประหลาด ที่ทำให้ไม่อาจจะหยุดอ่าน คงคล้ายเมื่อเราได้เริ่มเล่นเกมสักเกมหนึ่งซึ่งทีแรกเกือบจะท้อแท้และบอกตัวเองว่า เกมอะไรไม่รู้ไม่เห็นสนุกเลย แต่ใจหนึ่งก็กระซิบบอกตัวเองว่า เล่นต่ออีกหน่อยน่าอย่าเพิ่งรีบยอมแพ้ และพอตั้งใจให้สมาธิกับการจดจ่อกับฉากตรงหน้าแล้ว กลับกลายเป็นว่าเกมเริ่มสนุกขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะเราเริ่มถูกดึงเข้าไปสู่โลกของมัน และการเล่นก็เข้าฝัก เกิดความคุ้นชิน ไม่ได้ยากหรือน่าเบื่อดังที่คิด

    ....

    5. สำหรับคนที่อยู่ในแวดวงเกมมาก่อน อาจมีข้อได้เปรียบและสามารถสนุกไปกับเนื้อหาที่ผู้เขียนใส่เข้ามา มากกว่าคนกลุ่มอื่นพอสมควร เหมือนได้พบเจอเพื่อนเก่า เนื่องจากมีการกล่าวถึงชื่อเกมหลายเกมที่เป็นที่นิยมของบรรดาผู้เล่นจากทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่ประมาณช่วงยุคแปดศูนย์ ถึงอย่างนั้นคนที่ไม่เคยแตะโลกของเกมมาก่อน ก็ยังสามารถสนุกไปกับเนื้อหายาวเหยียดได้เช่นกัน หากว่าชื่นชอบในการได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับอาชีพต่าง ๆ เพราะหนังสือเล่มนี้นำเสนอให้เห็นถึงกระบวนการในการสร้างเกมตั้งแต่ขั้นแรกเริ่มหรือพื้นฐาน ไปจนถึงขั้นตอนทางความคิดการออกแบบตัวละคร ฉาก องค์ประกอบเรื่องราวเนื้อหา จนแล้วเสร็จไปถึงขั้นตอนการผลิตและจัดจำหน่าย แผนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การแสดงงาน ให้สัมภาษณ์ เดินสายไปตามที่ต่าง ๆ แบบครบวงจร ซึ่งไม่ได้เขียนออกมาอย่างหนังสือวิชาการ แต่ผ่านการบอกเล่าอย่างมีชั้นเชิงของนิยาย ที่ผูกโยงเข้ากับเรื่องราวความใฝ่ฝันของตัวเอกทั้งสาม ที่อยากจะสร้างเกมที่นักเล่นทุกคนจะเล่นได้อย่างสนุกและรักมัน เป็นโลกที่พวกเขาจะไม่มีวันแพ้ เพราะถ้าตายก็ยังเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

    .....

    6. ในเล่มนี้มีทั้งประวัติศาสตร์ ปรัชญา ศิลปะ การปรับตัวให้เข้ากับบุคคลอื่น อย่างเพื่อนร่วมงาน เพื่อนรัก คนในครอบครัว และจิตวิทยาการใช้ชีวิตและจูงใจคน รวมถึงการสื่อสารระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ด้วยกัน นี่ไม่ใช่แค่นิยายเพ้อฝันที่เล่าเรื่องของเด็กหนุ่มสาวสามคนที่อยากโลดแล่นในวงการนักออกแบบเกมเท่านั้นภายในจำนวนแถวอักษรยาวเหยียดที่เรียงเป็นตับกว่าสี่ร้อยหน้า โลกเบื้องหลังนั้นมีความซับซ้อน และโยงใยยุ่งเหยิงในความสัมพันธ์ของคนต่อคน และคนกับสังคมวงกว้างอย่างลึกล้ำ ยิ่งอ่านก็ยิ่งดำดิ่งลงไปในเรื่องราวดราม่ากว่าจะมาเป็นเกมสักเกมให้คนเล่นเสพสมจนสนุกสนาน ทว่าชีวิตของคนสร้างที่ให้กำเนิดเกมฮิตนั้น เขาและเธอต้องพบเจอและผ่านด่าน อุปสรรคขวากหนามต่าง ๆ มาแล้วกี่ร้อยกี่พันฉาก ปะปนทั้งน้ำตาและเสียงหัวเราะ ความขมขื่นที่ไม่มีใครรับรู้แม้แต่คนที่นึกว่าเป็นเพื่อนซึ่งเหมือนใกล้ชิดสุดกว่าใครอื่นในชีวิต ความว่างเปล่าโหวงเหวงที่บรรจุอยู่ภายในจิตใจ เมื่อถึงที่สุดได้แตกกระจายและขยายตัวออกสู่ภายนอก จนกระทั่งตัวเองไม่สามารถจัดการรับมือกับสิ่งที่เกิดและประเดประดังเข้าหา สิ่งที่หลงเหลือต่อจากนั้นพวกเขาแต่ละคนจะจัดการเส้นทางชีวิตตนอย่างไร นี่คือสิ่งที่ผู้อ่านสามารถนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตจริง และเก็บสาระที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตน

    7. ผมชอบเนื้อหาในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างแซม กับมาร์กซ์ แซมกับเซดี และมาร์กซ์กับเซดี ที่มีมุมแตกต่างให้เราได้ศึกษา ได้เห็นถึงน้ำใจที่ไม่ธรรมดาที่พวกเขามีให้กัน ในขณะเดียวกันเมื่อมีโจทย์มาทดสอบความเป็นเพื่อนและมิตรภาพของพวกเขา แต่ละคนก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นปุถุชนคนทั่วไป ที่ยังรักตัวรักตนมากเหนือสิ่งอื่นใด จึงในบางคราวก็รับบทบาทร้ายกาจไร้ซึ่งเหตุผลอันสมควรได้เหมือนกัน แม้นเป็นเช่นนี้ แต่สุดท้ายเมื่อกาลเวลาหมุนผ่านยาวนานเพียงพอ คนเราก็จะเติบโตขึ้น เรียนรู้จากความบกพร่องผิดพลาดของตนในอดีต และเข้าใจโลกมากกว่าเก่า จนสามารถจะปลดปล่อยปลงวางปมที่เคยขมวดแน่นในใจ ให้คลี่คลายลงแล้วก้าวข้ามผ่านเกมชีวิตจริง และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สมดังชื่อเรื่อง

    พรุ่งนี้ และ พรุ่งนี้ และ พรุ่งนี้.

    แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความเห็นที่นักอ่านท่านอื่นอาจจะไม่ได้เห็นเช่นเดียวกันก็เป็นได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด เพียงหวังใจว่าใครที่มีเล่มนี้อยู่ที่บ้านแต่ยังไม่ได้อ่าน จะเกิดความรู้สึกอยากทำความรู้จักกับ แซม, มาร์กซ์ และเซดี ขึ้นมาบ้าง

    #หนังสือดี
    #หนังสือน่าอ่าน
    #thaitimes
    #วิดีโอเกม
    #นิยายแปล
    #การสร้างเกม
    เคยมีคำกล่าวว่าแมวมีเก้าชีวิตซึ่งเป็นความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ ที่ในความเป็นจริงก็ตายแล้วตายเลยไม่ต่างจากสัตว์อื่นหรือมนุษย์ โตขึ้นมาสักหน่อยประมาณช่วงมัธยมต้น ช่างประปานามว่ามาริโอ้ทำให้ผมทึ่ง เพราะในอาณาจักรเห็ดแล้ว เขามีชีวิตได้สูงสุดถึง 99 ครั้ง โอ้..คุณพระ! #TomorrowandTomorrowandTomorrow นี่คือหนังสือที่เปิดเผยวงการสร้างเกมวิดีโอได้เจาะลึกและน่าสนใจมากเล่มหนึ่งที่มีอยู่ไม่มากนักในตลาด ที่สำคัญมีอะไรมากไปกว่าแค่เรื่องเด็กสร้างเกม สนพ.แซลมอน แกเบรียล เซวิน เขียน สุวิชชา จันทร แปล พิมพ์เมื่อ กรกฎาคม 2566 หนา 400 หน้า 495 บาท หนังสือเล่มใหญ่มากแถมยังหนา ใหญ่กว่าขนาดมาตรฐานพ็อกเก็ตบุ๊กทั่วไปพอสมควร เป็นอุปสรรคในการถืออ่านพอสมควร ด้วยความหนักบวกเทอะทะ จึงไม่เหมาะพกพาอ่านนอกสถานที่เท่าใดนัก แต่นี่ไม่ทำให้ใจที่อยากรู้ว่าเนื้อหาข้างในนั้นมีอะไรอยู่บ้างลดน้อยลง เปิดประตูสู่โลกในจินตนาการ ด้วยเหตุใดก็ตามที่บันดาลให้เด็กหญิงเซดีน กรีน เชื้อสายอเมริกันยิว ในวัยสิบกว่าปีที่มาเยี่ยมพี่สาวอายุห่างจากเธอ 2 ปีกับแม่ แล้วทำให้พี่สาวแหกปากลั่น จนแม่ต้องไล่ให้เซดีออกไปนอกห้องสักพัก จนเธอเดินเปะปะมาเจอกับ แซม เมเซอ ที่เป็นเด็กชายอเมริกันเชื้อสายเกาหลีหน้าตาแปลก และเท้ามีปัญหา ซึ่งกำลังจดจ่อกับการบังคับมาริโอ้ เกมจากเครื่องเล่นนินเทนโดในห้องสันทนาการ ถือได้ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของสายใยพิเศษพิสดาร ที่จะผูกโยงพวกเขาเข้าไว้ด้วยกันไปอีกนานหลายสิบปีนับจากนี้ 💻 แม้จะไม่เคยมีใครสามารถทำให้แซมอ้าปากพูดได้มาก่อน นับตั้งแต่เขาอยู่ใน รพ.มาเป็นระยะเวลากว่าหกสัปดาห์ แต่เซดี คือบุคคลอันน่าเหลือเชื่อ ที่ทั้งหมอ และพยาบาลต่างแปลกใจ เธอใช้เวลาไม่นานนับแต่เดินไปเห็นเขา แล้วยืนชมแซมเล่นตัวมาริโอ้ด้วยเทคนิกชั้นเซียน จนอีกไม่กี่อึดใจถัดมา แซมก็เอ่ยปากคุยกับเธอเกี่ยวกับเกมที่เขากำลังเล่น จากนั้นทั้งสองก็สนทนากันอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ราวกับรู้จักกันดีมาเป็นเวลานานทั้งที่เพิ่งจะพบกันในวันนั้นเป็นครั้งแรก 💻 เหตุนี้เอง หมอและพยาบาลจึงอยากให้แม่ของเซดี ยอมให้เธอมาที่รพ.บ่อย ๆ และเป็นเพื่อนคุยกับแซม เพื่อหวังว่าจะช่วยให้เขาแจ่มใสร่าเริงขึ้น หลังประสบเหตุการณ์ที่ยากลำบาก ทำให้เท้าของเขามีปัญหาไม่ธรรมดา ซึ่งเซดีเองก็ยินดี เธอและแซมเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยในเรื่องของวิดีโอเกม จนกระทั่งเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่รู้จักกันได้ไม่กี่เดือน และไปกระทบกระเทือนใจของแซมอย่างรุนแรงจนเขาผิดหวังและไล่เธอไม่ให้มาพบเจอกันอีกต่อไป 💻 เวลาผ่านไปหลายปี เซดีเรียนต่อที่ mit ทางด้านสาขาการออกแบบเกม ส่วนแซมเข้าฮาร์วาร์ดได้ เขาถนัดด้านคณิตศาสตร์ เท้าเจ้ากรรมยังคงแย่ไม่แพ้สมัยเด็ก แซมได้รูมเมตเป็นลูกครึ่งเชื้อสายอเมริกันญี่ปุ่นชื่อว่า มาร์กซ์ วาตานาเบะ ผู้มีจิตใจดีและเป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือแนะนำเขาในหลายเรื่อง วันหนึ่ง แซม ได้พบกับเซดี ในระหว่างทางที่กำลังจะขึ้นรถไฟใต้ดิน เขาอดใจไม่ไหวร้องเรียกเธอ แล้วได้คุยกันสั้น ๆ ที่ทำให้หวนนึกถึงอดีต เธอฝากแผ่นเกมสำหรับเล่นกับเครื่องพีซีให้เขาไว้ บอกว่าเป็นเกมที่เธอสร้างเอง เล่นจบแล้วรู้สึกอย่างไรช่วยติดต่อบอกด้วยตามที่อยู่อีเมล จากนั้นต่างแยกย้าย 💻 ระหว่างนั้นเกิดเรื่องราวขึ้นมากมายกับเซดี ที่ทำให้เธอสิ้นหวังและหมดพลังในชีวิต แต่เป็นแซมที่พยายามหาทางติดต่อกลับ แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากเธอเลย วันหนึ่งเขาจึงตัดสินใจเดินด้วยเท้าสภาพเน่า ๆ เสี่ยงไปยังที่พักของเธอ เมื่อได้พบกันเซดีเหมือนผีตายซากที่รอเวลาแห้งเหี่ยว แซมมาหาเธอทุกวันจนในที่สุด สาวน้อยคนเก่ากลับฟื้นคืนสติเป็นผู้เป็นคน จนยอมรับข้อเสนอมาร่วมกันสร้างเกมกับเขาในช่วงปิดภาคเรียนไม่กี่เดือน เพื่อต้องการสานฝันให้เป็นจริง ซึ่งต่อมาทั้งสองได้มาร์กซ์มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ด้วย 💻 แล้วตำนานแห่งสามสหายที่ให้กำเนิดโคตรเกมที่ยิ่งใหญ่และตีตลาดจนเป็นที่นิยมในวงกว้าง ก็ถือกำเนิดขึ้น นำพาผู้อ่านท่องสู่จักรวาลของผู้สร้างอันบรรเจิดเพริศแพร้ว จนมีหลายบริษัทเข้าแถวอยากทำสัญญาด้วย ต่อมาโชคชะตาเอื้ออำนวย ให้ทั้งสามก่อตั้งบริษัทผลิตเกมเป็นของตน จนสร้างสรรค์ผลงานน่าจดจำป้อนสู่ตลาด มีทั้งที่ประสบความสำเร็จงดงาม และบางเกมก็โดนหามลงจากเวที ตลอดจนประสบพบเจออุปสรรคหลากหลายที่ล้วนแต่รุนแรงต่อเนื่องเป็นระลอกถึงกับเกือบจะล้มหายไปจากวงการ แต่ในที่สุดก็ผ่านมันไปได้ 💻 เรื่องราวสุดแสนเข้มข้นน่าติดตามค้นหาอีกมากมาย รอคอยให้ผู้อ่านเช่นคุณเสาะแสวงหามาทดสอบ ต่อให้ไม่ใช่คนที่รักชอบในการเล่นวิดีโอเกมมาก่อนเลย ก็สามารถจะทำความเข้าใจในเนื้อเรื่องที่ผู้เขียนต้องการสื่อได้ไม่ยาก ขณะเดียวกันก็ได้รับความบันเทิงควบคู่ไปด้วย 💽ความน่าทึ่งซึ่งปรากฏชัดหลังอ่านจบ (ถ้าใครยังไม่เคยอ่านหนังสือ ต่อจากนี้ไปอาจมีกล่าวถึงเนื้อหาสำคัญบางส่วน โปรดพิจารณา ถ้าไม่กังวลก็ขอเชิญอ่านต่อได้เลยครับ) 1. ผมทั้งถูกใจและขัดใจในขนาดรูปเล่มที่ทำออกมา คือถืออ่านไม่ถนัดมือ รูปภาพที่ทำปกก็ดูไม่เข้ากับเรื่องเกม ไม่ค่อยดึงดูดให้คนอยากอ่าน ไม่สื่อถึงเรื่องวงการเกม แต่เมื่ออ่านเนื้อหาภายในไปสักพักจึงเข้าใจที่มาของรูปคลื่น อ้อ ..ความเกี่ยวข้องกับเกมอยู่ตรงนี้เองสำคัญด้วยสิ แต่คนที่จะรู้ได้คือต้องอ่านก่อนเท่านั้นนี่คือจุดบอด นอกจากภาพปกก็การจัดทำอาร์ตเวิร์ก ทีแรกไม่ชอบเลย ทำไมถึงตั้งใจให้อักษรถูกวางเรียงเป็นพรืด ออกมาเป็นบล็อกราวกับก้อนสี่เหลี่ยมผืนผ้า แถมยังเว้นพื้นที่ว่างด้านริมชิดขอบหนังสือนิดเดียว แต่กลับเว้นช่องว่างด้านหลังแถวอักษรเยอะ กลายเป็นเมื่อเปิดหน้าหนังสือออก จะมีบริเวณที่เว้นว่างซึ่งไม่มีอักษรเลยช่วงกึ่งกลางเล่มเป็นช่องโล่งกว้างใหญ่ มองแล้วแปลก ๆ ตัวอักษรที่ถูกเลือกใช้อีก ไม่ใช่แบบอักษรที่นิยม มองแล้วไม่นุ่มนวล ออกจะเป็นอักษรที่ดูแข็งทื่อและกระด้างเมื่อเรียงอยู่ด้วยกันเป็นแถวยาว แต่เมื่อมองไปมองมา พลิกอ่านไปสักระยะก็เกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้น นี่มันเหมือนรูปแบบของตัวพิกเซลเลยนี่นา ความเป็นเหลี่ยม เป็นก้อน เป็นบล็อก หรือนี่คือความตั้งใจที่ได้รับการออกแบบไว้แต่แรกของผู้เขียนและสนพ. เนื่องจากไม่เคยเห็นฉบับภาษาอังกฤษจึงไม่มีข้อเปรียบเทียบ แต่เชื่อว่าฉบับแปลไทยก็คงจะพยายามทำออกมาโดยคงแนวคิดเดิมให้ได้มากสุด เมื่อคิดได้ดังนี้ จากที่ตอนแรกขัดใจกลักลายเป็นนึกชมขึ้นมาแทน ไม่รู้หรอกว่าจะใช่อย่างที่เดาไหม แต่ถ้าใช่ถือว่าทำสำเร็จ เพราะมันเข้ากับเรื่องราวที่กล่าวเกี่ยวกับการสร้างเกมพอดี . 2. ยังคงหงุดหงิดเล็กน้อยกับรูปแบบการเขียนของแกเบรียลที่เหมือนกับเล่ม "หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ" คือคนอ่านต้องมีสมาธิจดจ่ออย่างมากกับเรื่องที่ผู้เขียนเล่า เพราะเขาจะไม่มีการขึ้นบทใหม่ หรือใช้ย่อหน้า หรือเลขแบ่ง หรือเว้นวรรคที่ว่าง เพื่อแบ่งฉากให้รู้ชัดเจนว่านี่คือเรื่องราวของฉากใหม่ เหตุการณ์ใหม่ วันใหม่แล้วนะ เรียกว่าเล่าเรื่องฉากหนึ่งอยู่ดี ๆ ก็ตัดจบไปดื้อ ๆ แล้วบรรทัดถัดไปก็เป็นเรื่องราวใหม่ที่เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง แถมไม่มีบรรยายเกริ่น แต่เริ่มด้วยบทสนทนาของตัวละครทันที ดังนั้นบ่อยครั้งที่อ่านอยู่แล้วพอพลิกหน้าต่อไปก็เอ๋อ งงอยู่นานว่าทำไมเรื่องราวมันจึงไม่ต่อเนื่องกัน ตัวละครคุยกันเรื่องหนึ่ง ไฉนกลายเป็นใครไม่รู้มาคุยในอีกเรื่องหนึ่ง กว่าจะทำความเข้าใจว่า อ๋อ..นี่คือตอนใหม่ คนละช่วงเวลาแล้วนะก็เบลอเป็นระยะ เพราะปรากฏลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งการจัดวางรูปแบบให้แถวอักษรเรียงเท่ากันเป็นตับด้วยแล้ว จึงยิ่งทำให้การอ่านนั้นยากขึ้น แต่เมื่อชินกับสไตล์การเขียนของเขาแล้ว ช่วงหลัง ๆ ก็จะเริ่มอ่านง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าหนังสือของนักเขียนคนนี้ อ่านเร็วไม่ได้ ต้องค่อย ๆ อ่านอย่างจดจ่อแล้วคิดตามไป .. 3. การเล่าเรื่องเป็นมุมมองอย่างพระเจ้าที่มองเห็นความคิด ความในใจของตัวละครทั้งหมด เพียงแต่ผู้เขียนเลือกที่จะเล่าเท่าที่อยากบอกในช่วงแรกแค่นิดหน่อย แล้วค่อย ๆ เผยเรื่องราวความลับของตัวละครหลักทั้งสามออกมาทีละนิดในภายหลัง ชนิดปิดทั้งตัวละครอื่นในเรื่องเองที่ไม่รู้ความจริง รวมถึงปิดคนอ่านด้วย โดยมาเปิดให้รู้ภายหลังเมื่อถึงช่วงที่สำคัญในจังหวะและบรรยากาศ ซึ่งสถานการณ์ขณะนั้นไต่ระดับถึงจุดอิ่มของตัวละครที่ดำเนินอยู่พอดี ทั้งตัวละครบางตัวรวมถึงคนอ่าน จะได้รู้เรื่องราวในอดีตไปพร้อมกัน จึงเกิดแรงกระเพื่อมที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์และพฤติกรรมของตัวเอกในเรื่อง กลายเป็นแรงผลักดันให้นิยายเดินหน้าต่อไปในทิศทางที่ผู้เขียนต้องการ ซึ่งนับว่ามีความชาญฉลาดที่เลือกการทยอยเล่าความจริง ได้เหมาะเจาะกับฉากนั้นอย่างลงตัว ... 4. เชื่อว่าสำหรับหนังสือเล่มนี้ ทิศทางความชอบหรือไม่ชอบหลังอ่านจบแล้วจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มอย่างชัดเจน คือกลุ่มที่ชอบถึงชอบมาก กับกลุ่มที่ไม่ชอบเลย หลายคนที่ยังไม่เคยอ่านและไม่คิดจะอ่าน เพียงเพราะคิดว่าเนื้อหาอย่างนี้คงเหมาะกับผู้อ่านเฉพาะกลุ่ม คือคนที่เคยสัมผัสกับการเล่มวิดีโอเกมมาก่อนเท่านั้น คนที่ไม่เคยเล่นคงเข้าถึงได้ยากและน่าจะไม่สนุกแน่เลย ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิด แน่นอนว่าผมชอบเล่นวิดีโอเกมมาตั้งแต่เด็ก แม้ในปัจจุบันเวลาชีวิตจะไม่อำนวยให้สามารถกลับไปเล่นได้เหมือนในอดีต ทว่าอยากยืนยันสิ่งหนึ่งซึ่งค่อนข้างมั่นใจ ถึงคนที่ไม่เคยเล่นวิดีโอเกมมาก่อน ก็สามารถอ่านหนังสือเล่มนี้ได้อย่างสนุก และไม่ได้เข้าใจยากจนเกินไปนัก ช่วงแรกของการเริ่มต้นอาจจะเป็นด่านที่ต้องใช้เวลาสักหน่อยก็จริง เพราะเรื่องถูกเล่าแบบไม่รีบร้อน อีกทั้งบรรยายรายละเอียดชีวิตของตัวเอกทั้งสองแบบไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นสนใจนัก ทว่าพอผ่านไปสักพักความรู้สึกเฉย ๆ กึ่งเริ่มจะเบื่อแล้วนะ จะค่อย ๆ หายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยความอยากรู้เรื่องราวต่อไปของทั้งเซดีนและแซม น่าแปลกเหมือนกัน แต่เหมือนบุคลิกและความสัมพันธ์ของทั้งสองมีแรงดึงดูดประหลาด ที่ทำให้ไม่อาจจะหยุดอ่าน คงคล้ายเมื่อเราได้เริ่มเล่นเกมสักเกมหนึ่งซึ่งทีแรกเกือบจะท้อแท้และบอกตัวเองว่า เกมอะไรไม่รู้ไม่เห็นสนุกเลย แต่ใจหนึ่งก็กระซิบบอกตัวเองว่า เล่นต่ออีกหน่อยน่าอย่าเพิ่งรีบยอมแพ้ และพอตั้งใจให้สมาธิกับการจดจ่อกับฉากตรงหน้าแล้ว กลับกลายเป็นว่าเกมเริ่มสนุกขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะเราเริ่มถูกดึงเข้าไปสู่โลกของมัน และการเล่นก็เข้าฝัก เกิดความคุ้นชิน ไม่ได้ยากหรือน่าเบื่อดังที่คิด .... 5. สำหรับคนที่อยู่ในแวดวงเกมมาก่อน อาจมีข้อได้เปรียบและสามารถสนุกไปกับเนื้อหาที่ผู้เขียนใส่เข้ามา มากกว่าคนกลุ่มอื่นพอสมควร เหมือนได้พบเจอเพื่อนเก่า เนื่องจากมีการกล่าวถึงชื่อเกมหลายเกมที่เป็นที่นิยมของบรรดาผู้เล่นจากทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่ประมาณช่วงยุคแปดศูนย์ ถึงอย่างนั้นคนที่ไม่เคยแตะโลกของเกมมาก่อน ก็ยังสามารถสนุกไปกับเนื้อหายาวเหยียดได้เช่นกัน หากว่าชื่นชอบในการได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับอาชีพต่าง ๆ เพราะหนังสือเล่มนี้นำเสนอให้เห็นถึงกระบวนการในการสร้างเกมตั้งแต่ขั้นแรกเริ่มหรือพื้นฐาน ไปจนถึงขั้นตอนทางความคิดการออกแบบตัวละคร ฉาก องค์ประกอบเรื่องราวเนื้อหา จนแล้วเสร็จไปถึงขั้นตอนการผลิตและจัดจำหน่าย แผนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การแสดงงาน ให้สัมภาษณ์ เดินสายไปตามที่ต่าง ๆ แบบครบวงจร ซึ่งไม่ได้เขียนออกมาอย่างหนังสือวิชาการ แต่ผ่านการบอกเล่าอย่างมีชั้นเชิงของนิยาย ที่ผูกโยงเข้ากับเรื่องราวความใฝ่ฝันของตัวเอกทั้งสาม ที่อยากจะสร้างเกมที่นักเล่นทุกคนจะเล่นได้อย่างสนุกและรักมัน เป็นโลกที่พวกเขาจะไม่มีวันแพ้ เพราะถ้าตายก็ยังเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ..... 6. ในเล่มนี้มีทั้งประวัติศาสตร์ ปรัชญา ศิลปะ การปรับตัวให้เข้ากับบุคคลอื่น อย่างเพื่อนร่วมงาน เพื่อนรัก คนในครอบครัว และจิตวิทยาการใช้ชีวิตและจูงใจคน รวมถึงการสื่อสารระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ด้วยกัน นี่ไม่ใช่แค่นิยายเพ้อฝันที่เล่าเรื่องของเด็กหนุ่มสาวสามคนที่อยากโลดแล่นในวงการนักออกแบบเกมเท่านั้นภายในจำนวนแถวอักษรยาวเหยียดที่เรียงเป็นตับกว่าสี่ร้อยหน้า โลกเบื้องหลังนั้นมีความซับซ้อน และโยงใยยุ่งเหยิงในความสัมพันธ์ของคนต่อคน และคนกับสังคมวงกว้างอย่างลึกล้ำ ยิ่งอ่านก็ยิ่งดำดิ่งลงไปในเรื่องราวดราม่ากว่าจะมาเป็นเกมสักเกมให้คนเล่นเสพสมจนสนุกสนาน ทว่าชีวิตของคนสร้างที่ให้กำเนิดเกมฮิตนั้น เขาและเธอต้องพบเจอและผ่านด่าน อุปสรรคขวากหนามต่าง ๆ มาแล้วกี่ร้อยกี่พันฉาก ปะปนทั้งน้ำตาและเสียงหัวเราะ ความขมขื่นที่ไม่มีใครรับรู้แม้แต่คนที่นึกว่าเป็นเพื่อนซึ่งเหมือนใกล้ชิดสุดกว่าใครอื่นในชีวิต ความว่างเปล่าโหวงเหวงที่บรรจุอยู่ภายในจิตใจ เมื่อถึงที่สุดได้แตกกระจายและขยายตัวออกสู่ภายนอก จนกระทั่งตัวเองไม่สามารถจัดการรับมือกับสิ่งที่เกิดและประเดประดังเข้าหา สิ่งที่หลงเหลือต่อจากนั้นพวกเขาแต่ละคนจะจัดการเส้นทางชีวิตตนอย่างไร นี่คือสิ่งที่ผู้อ่านสามารถนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตจริง และเก็บสาระที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตน 7. ผมชอบเนื้อหาในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างแซม กับมาร์กซ์ แซมกับเซดี และมาร์กซ์กับเซดี ที่มีมุมแตกต่างให้เราได้ศึกษา ได้เห็นถึงน้ำใจที่ไม่ธรรมดาที่พวกเขามีให้กัน ในขณะเดียวกันเมื่อมีโจทย์มาทดสอบความเป็นเพื่อนและมิตรภาพของพวกเขา แต่ละคนก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นปุถุชนคนทั่วไป ที่ยังรักตัวรักตนมากเหนือสิ่งอื่นใด จึงในบางคราวก็รับบทบาทร้ายกาจไร้ซึ่งเหตุผลอันสมควรได้เหมือนกัน แม้นเป็นเช่นนี้ แต่สุดท้ายเมื่อกาลเวลาหมุนผ่านยาวนานเพียงพอ คนเราก็จะเติบโตขึ้น เรียนรู้จากความบกพร่องผิดพลาดของตนในอดีต และเข้าใจโลกมากกว่าเก่า จนสามารถจะปลดปล่อยปลงวางปมที่เคยขมวดแน่นในใจ ให้คลี่คลายลงแล้วก้าวข้ามผ่านเกมชีวิตจริง และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สมดังชื่อเรื่อง พรุ่งนี้ และ พรุ่งนี้ และ พรุ่งนี้. แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความเห็นที่นักอ่านท่านอื่นอาจจะไม่ได้เห็นเช่นเดียวกันก็เป็นได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด เพียงหวังใจว่าใครที่มีเล่มนี้อยู่ที่บ้านแต่ยังไม่ได้อ่าน จะเกิดความรู้สึกอยากทำความรู้จักกับ แซม, มาร์กซ์ และเซดี ขึ้นมาบ้าง #หนังสือดี #หนังสือน่าอ่าน #thaitimes #วิดีโอเกม #นิยายแปล #การสร้างเกม
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 502 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=oqHR0RjdRmM
    นิทานเรื่องเจ้าหนูเห็นมังกร ตอนที่ 5
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากนิทานเรื่องเจ้าหนูเห็นมังกร ตอนที่ 5
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    Part five ตอน 5

    "Get down. Here is a hospital." said the fattest mouse. Popy descended from the car without any protests. One reason was that he was hungry. "This is my fate. I can only pray to God." he thought to himself. "My God, don’t forsake me." he prayed with all his might.
    "Come here." The fattest one led him into the house. It was a big, large house. After they walked on the long corridors and passed several rooms, the fattest mouse opened a door of a small room and said to Popy.
    "Here. Enter it. And wait a minute." Popy entered. That room was painted pink all over with only two small pink chairs on the corner. When the fattest mouse saw Popy entered there, he shut the door and went away

    “ลงรถได้ ที่นี่เป็นโรงพยาบาล” เจ้าหนูตัวที่อ้วนที่สุดพูด โพปี้ได้ลงมาจากรถโดยปราศจากการต่อต้านแต่อย่างใด เหตุผลหนึ่งก็คือว่า เขาหิว “นี้เป็นโชคชะตาของผม ผมสามารถเพียงแต่สวดภาวนาขอพระเจ้าเท่านั้น” เขาคิดกับตัวเขาเอง “โอ้ พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดอย่าละทิ้งข้าพเจ้า” เขาภาวนาด้วยสุดใจ
    “มานี่” เจ้าหนูตัวอ้วนที่สุดได้พาเขาเข้าไปในบ้าน มันเป็นบ้านที่กว้างและใหญ่มาก หลังจากพวกเขาได้เดินไปตามทางระเบียงอันยาวและผ่านห้องมากมาย เจ้าหนูอ้วนที่สุดนั้นได้เปิดประตูห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่งและพูดกับโพปี้
    “ที่นี่แหละ เข้าไปซะ และรอสักครู่” โพปี้ได้เข้าไป ห้องนั้นเป็นห้องได้ทาสีชมพูทั้งหมด มีเพียงเก้าอี้สีชมพูตัวเล็ก ๆ 2 ตัวอยู่ที่มุมห้อง เมื่อเจ้าหนูอ้วนที่สุดเห็นว่าโพปี้ได้เข้าไปอยู่ในที่นั่นแล้ว เขาก็ได้ปิดประตูและได้เดินจากไป

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    get down (เกทดาวนฺ) กริยาวลี แปลว่า ลงมา
    descended คำกริยาช่องที่ 2 ของ descend (ดิเซนดฺ') แปลว่า ได้ลงมา
    without (วิธ'เอาทฺ) คำบุพบท แปลว่า ปราศจาก
    protests คำนามมพหูพจน์ของ protest (โพรเทสทฺ') แปลว่า ต่อต้าน
    reason (รี'เซิน) คำนาม แปลว่า เหตุผล
    hungry (ฮัง'กรี) คำคุณศัพท์ แปลว่า หิว
    fate (เฟท) คำนาม แปลว่า โชคชะตา
    God (กอท) คำนาม แปลว่า พระเจ้า
    thought (ธอท) คำกริยาช่องที่ 2 ของ think (ธิงคฺ) แปลว่า ได้คิด
    forsake (ฟอร์เซค') คำกริยา แปลว่า ละทิ้ง
    might (ไมทฺ) คำนาม แปลว่า สุดใจ
    led (เลด) คำกริยาช่องที่ 2 ของ lead (ลีด) แปลว่า ได้พา
    large (ลาร์จฺ) คำคุณศัพท์ แปลว่า ใหญ่
    corridors คำนามพหูพจน์ของ corridor (คอ'ริดอรฺ) แปลว่า ระเบียง
    several (เซฟ'เวอเริล) คำคุณศัพท์ แปลว่า มากมาย
    wait a minute (เวท อะ มิน'นิท) สำนวน แปลว่า รอสักครู่
    painted (เพน'ทิด) คำคุณศัพท์ แปลว่า ทาสี
    chairs คำนามพหูพจน์ของ chair (แชร์) แปลว่า เก้าอี้
    corner (คอร์'เนอะ) คำนาม แปลว่า มุม
    entered คำกริยาช่องที่ 2 ของ enter (เอน'เทอะ) แปลว่า ได้เข้าไป
    shut คำกริยาช่องที่ 2 ของ shut (ชัท) แปลว่า ได้ปิด
    https://www.youtube.com/watch?v=oqHR0RjdRmM นิทานเรื่องเจ้าหนูเห็นมังกร ตอนที่ 5 (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากนิทานเรื่องเจ้าหนูเห็นมังกร ตอนที่ 5 มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ Part five ตอน 5 "Get down. Here is a hospital." said the fattest mouse. Popy descended from the car without any protests. One reason was that he was hungry. "This is my fate. I can only pray to God." he thought to himself. "My God, don’t forsake me." he prayed with all his might. "Come here." The fattest one led him into the house. It was a big, large house. After they walked on the long corridors and passed several rooms, the fattest mouse opened a door of a small room and said to Popy. "Here. Enter it. And wait a minute." Popy entered. That room was painted pink all over with only two small pink chairs on the corner. When the fattest mouse saw Popy entered there, he shut the door and went away “ลงรถได้ ที่นี่เป็นโรงพยาบาล” เจ้าหนูตัวที่อ้วนที่สุดพูด โพปี้ได้ลงมาจากรถโดยปราศจากการต่อต้านแต่อย่างใด เหตุผลหนึ่งก็คือว่า เขาหิว “นี้เป็นโชคชะตาของผม ผมสามารถเพียงแต่สวดภาวนาขอพระเจ้าเท่านั้น” เขาคิดกับตัวเขาเอง “โอ้ พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดอย่าละทิ้งข้าพเจ้า” เขาภาวนาด้วยสุดใจ “มานี่” เจ้าหนูตัวอ้วนที่สุดได้พาเขาเข้าไปในบ้าน มันเป็นบ้านที่กว้างและใหญ่มาก หลังจากพวกเขาได้เดินไปตามทางระเบียงอันยาวและผ่านห้องมากมาย เจ้าหนูอ้วนที่สุดนั้นได้เปิดประตูห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่งและพูดกับโพปี้ “ที่นี่แหละ เข้าไปซะ และรอสักครู่” โพปี้ได้เข้าไป ห้องนั้นเป็นห้องได้ทาสีชมพูทั้งหมด มีเพียงเก้าอี้สีชมพูตัวเล็ก ๆ 2 ตัวอยู่ที่มุมห้อง เมื่อเจ้าหนูอ้วนที่สุดเห็นว่าโพปี้ได้เข้าไปอยู่ในที่นั่นแล้ว เขาก็ได้ปิดประตูและได้เดินจากไป Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) get down (เกทดาวนฺ) กริยาวลี แปลว่า ลงมา descended คำกริยาช่องที่ 2 ของ descend (ดิเซนดฺ') แปลว่า ได้ลงมา without (วิธ'เอาทฺ) คำบุพบท แปลว่า ปราศจาก protests คำนามมพหูพจน์ของ protest (โพรเทสทฺ') แปลว่า ต่อต้าน reason (รี'เซิน) คำนาม แปลว่า เหตุผล hungry (ฮัง'กรี) คำคุณศัพท์ แปลว่า หิว fate (เฟท) คำนาม แปลว่า โชคชะตา God (กอท) คำนาม แปลว่า พระเจ้า thought (ธอท) คำกริยาช่องที่ 2 ของ think (ธิงคฺ) แปลว่า ได้คิด forsake (ฟอร์เซค') คำกริยา แปลว่า ละทิ้ง might (ไมทฺ) คำนาม แปลว่า สุดใจ led (เลด) คำกริยาช่องที่ 2 ของ lead (ลีด) แปลว่า ได้พา large (ลาร์จฺ) คำคุณศัพท์ แปลว่า ใหญ่ corridors คำนามพหูพจน์ของ corridor (คอ'ริดอรฺ) แปลว่า ระเบียง several (เซฟ'เวอเริล) คำคุณศัพท์ แปลว่า มากมาย wait a minute (เวท อะ มิน'นิท) สำนวน แปลว่า รอสักครู่ painted (เพน'ทิด) คำคุณศัพท์ แปลว่า ทาสี chairs คำนามพหูพจน์ของ chair (แชร์) แปลว่า เก้าอี้ corner (คอร์'เนอะ) คำนาม แปลว่า มุม entered คำกริยาช่องที่ 2 ของ enter (เอน'เทอะ) แปลว่า ได้เข้าไป shut คำกริยาช่องที่ 2 ของ shut (ชัท) แปลว่า ได้ปิด
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#มังกรหยกเยือนสำนักแมวขาวแมวดำ ตอน 01🤠

    ในเช้าวันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 1981 เติ้งกง(邓公)ได้รับแขกพิเศษในห้องโถงใหญ่ของประชาชน

    แขกรับเชิญคนนี้ คือ จินยง(金庸)นักเขียนนวนิยายจีนกำลังภายในชื่อดัง

    ทั้งสองคนนี้ คนหนึ่งเป็นนักการเมือง อีกคนเป็นนักเขียน ดูเหมือนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ในความเป็นจริงพวกเขาชื่นชมซึ่งกันและกันเสมอ ในมุมมองของ จินยง(金庸) เติ้งกง(邓公) เป็นบุคคลที่น่านับถือที่สุดเหมือนเช่นเดียวกับวีรบุรุษที่เขาได้เขียนบรรยายไว้ในนวนิยาย

    🥸บ้านและเมืองในใต้หล้า🥸

    ในเวลานั้น จินยง(金庸)เป็นหัวหน้าบรรณาธิการของ "หมิงเป้า(明报)" เขาเคยตีพิมพ์บทความว่า เติ้งกง(邓公)ควรได้เป็นประธานาธิบดีของประเทศโดยเร็วที่สุด

    😎ในเวลานี้ เติ้งกง(邓公)ได้ดำรงตำแหน่งผู้นำของจีนใหม่ และยังดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของประเทศอีกด้วย😎

    😎จากมุมมองของผู้คนทั่วไป เติ้งกง(邓公)ได้รับเลือกเป็นประธานประเทศเพิ่มขึ้นอีกสักตำแหน่งหนึ่ง เหตุผลมันก็ควรเป็นอย่างที่ควรจะเป็น😎

    😎แต่ครั้งนี้ เติ้งกง(邓公)ได้ชี้แจงกับจินยง(金庸)อย่างชัดเจนว่า เขาไม่ต้องการเป็นประธานาธิบดีของประเทศ😎

    ในตอนแรก จินยง(金庸)รู้สึกแปลกใจมาก เห็นได้ชัดว่า เติ้งกง(邓公)ได้เป็นประธานของประเทศ ซึ่งทุกคนต่างก็คาดหวังดังนั้น ทำไมเขาถึงไม่เต็มใจ?

    อย่างไรก็ตาม หลังจากฟังเหตุผลที่เติ้งกง(邓公)พูดจบ จินยง(金庸)ก็มีแต่ความชื่นชมอยู่ในใจ

    😎จินยง(金庸)เคยกล่าวไว้ว่า เติ้งกง(邓公)เป็นหนึ่งในบุคคลที่เขาชื่นชมมากที่สุด จากภายในตัวของ เติ้งกง(邓公) เขาได้เห็นตัวตนของวีรบุรุษในฐานะของการรับใช้ประเทศและประชาชนซึ่งเขาใฝ่แสวงหา😎

    จินยง(金庸)มีชื่อเสียงจากงานในด้านงานเขียน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในเวลาที่ผ่านมาโดยตลอดเขาไม่ใช่เป็นนักเขียนวรรณกรรมธรรมดาๆ เลย นอกจากนี้เขายังมีอิทธิพลในสนามด้านการเมืองด้วย

    เมื่อเขายังเด็กเยาววัย อุดมคติของจินยง(金庸) คือ การเป็นนักการทูตที่ยอดเยี่ยม

    ด้วยเหตุนี้ หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมในปี ค.ศ. 1942 เขาจึงเข้าเรียนที่โรงเรียนกฎหมายของมหาวิทยาลัย ซูโจว(苏州大学)ในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเขาเรียนวิชาเอกกฎหมายระหว่างประเทศ

    อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้จบลงด้วยการเป็นนักการทูต หลังจบการศึกษา ต้ากงเป้า(大公报)ได้ชวนจินยง(金庸)เป็นบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ

    สำหรับจินยง(金庸)ที่เพิ่งเรียนจบ นี่เป็นงานที่ดีมาก ดังนั้นเขาจึงยอมรับอย่างง่ายดาย

    หลังจากนั้นไม่นาน "ต้ากงเป้า(大公报)" ก็วางแผนที่จะกลับมาตีพิมพ์ในฮ่องกงและกำลังต้องการกำลังคนอย่างเร่งด่วน

    ดังนั้น จินยง(金庸)จึงถูกย้ายไปฮ่องกงด้วยวิธีนี้

    ฟันเฟืองแห่งโชคชะตากำลังพลิกผันอย่างไม่ทันตั้งตัว และจินยง(金庸)ต้องห่างไกลจากความฝันในการเป็นนักการทูตมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เขากลายเป็นนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อผลกระทบไม่ด้อยไปกว่านักการทูต

    ในปีค.ศ. 1959 จินยง(金庸)ออกจาก "ต้ากงเป้า(大公报)" และก่อตั้ง "หมิงเป้า(明报)"ที่มีชื่อเสียงด้วยตัวเขาเอง

    "หมิงเป้า(明报)"มีชื่อเสียงในเวลาต่อมาเนื่องจากออกพิมพ์นิยายกำลังภายในอย่างต่อเนื่องของจินยง(金庸)

    อย่างไรก็ตาม "หมิงเป้า(明报)" ไม่ได้มีแค่คอลัมน์นิยายกำลังภายใน อันที่จริง จินยง(金庸)มักจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบันใน "หมิงเป้า(明报)"เสมอ

    ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงทั้งในและต่างประเทศ และจินยง(金庸)ไม่เข้าใจปรากฏการณ์นี้

    เพราะแม้ว่าเขาจะไม่มีสายสัมพันธ์กับเติ้งกง(邓公)ในขณะนี้ แต่เขาได้เรียนรู้แนวคิดทางการเมืองบางอย่างของเติ้งกง(邓公) และเชื่อว่าเติ้งกง(邓公) เป็นบุคคลที่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและเป็นคนที่สามารถเปลี่ยนชะตากรรมของจีนได้

    เขาไม่สามารถยอมรับการใส่ร้ายต่อเติ้งกง(邓公)ของคนอื่นได้ ดังนั้น ในฐานะบรรณาธิการ เขาจึงตีพิมพ์บทความหลายบทความใน "หมิงเป้า(明报)"เพื่อพูดแทนเติ้งกง(邓公)

    เนื่องจากในเวลานั้นเขามีชื่อเสียงมาก บทความเหล่านี้ทำให้เกิดกระแสคลื่นลมไม่เบาในฮ่องกงและแม้แต่ในแผ่นดินใหญ่

    แต่แม้ว่าจะเกิดการโต้แย้งกันขึ้น จินยง(金庸)ยังคงยืนยันในมุมมองของเขาเหมือนเดิม เขาถึงกับยังได้เขียนคำทำนายว่า "เติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平)จะกลับมาแน่นอน" ในบทความ

    เหตุผลที่ทำให้ จินยง(金庸)มีความมั่นใจในตนเองคือในปีค.ศ. 1975 เติ้งกง(邓公)ได้กลับมาในช่วงสั้นๆ จากนั้นได้ดำเนินการแก้ไขภายในประเทศหลายครั้งด้วยความกล้าหาญอย่างยิ่งและใช้นโยบายใหม่

    อย่างไรก็ตาม การกลับมาครั้งนี้กินเวลาเพียงหนึ่งปี และเติ้งกง(邓公)ก็ออกจากเวทีการเมืองอีกครั้ง

    ในเวลานั้นคนส่วนใหญ่เชื่อว่าคราวนี้เติ้งกง(邓公)จะเลือนหายไปจากเวทีการเมืองตลอดไป แต่จินยง(金庸)ไม่เชื่อ เขาเชื่อว่า สักวันหนึ่งเติ้งกง(邓公)จะกลายเป็นผู้นำที่แท้จริงของจีนใหม่และนำจีนไปสู่บรรยากาศใหม่

    หลายคนไม่เข้าใจการสนับสนุนที่ร้อนแรงแข็งแกร่งของจินยง(金庸)ที่มีต่อเติ้งกง(邓公) ในตอนนั้น

    แม้ว่าจินยง(金庸)จะกระตือรือร้นใฝ่ใจในการแสดงความคิดเห็นวิภาษวิจารณ์เกี่ยวกับการเมือง แต่เขาก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ และเขาไม่เคยมีมิตรภาพกับเติ้งกง(邓公)

    ยิ่งไปกว่านั้นฮ่องกงยังไม่ได้กลับสู่มาตุภูมิในเวลานั้น ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งของช่องแคบไต้หวันก็อ่อนไหวมาก จินยง(金庸)เสี่ยงที่จะถูกปิดล้อมโดยผู้อ่านเนื่องมาจากการประสงค์ที่จะพูดแทน เติ้งกง(邓公) ทำไมเขาถึงมั่นใจในความสามารถของเติ้งกง(邓公)ถึงขนาดนั้น?

    ในการสัมภาษณ์ครั้งต่อมา จินยง(金庸)ชื่นชมต่อเติ้งกง(邓公)มาก เขากล่าวว่า: 😎"ผมชื่นชมบุคลิกที่แข็งแกร่งและไม่ยอมแพ้นี้ของเขามาโดยตลอด เหมือนกับวีระบุรุษผู้กล้าหาญที่เขียนบรรยายไว้ในนิยายต่อสู้กำลังภายในของผม.......เพียงแค่ความแข็งแกร่งนั้น แน่นอนว่ายังไม่เพียงพอ ต้องยืนหยัดในข้อเสนอที่ถูกต้องโดยไม่คำนึงถึงเกียรติยศ ความอับอาย และความปลอดภัยของตนเอง นี่ถึงจะทำให้ผู้อื่นยอมรับ”😎

    สำหรับการเคลื่อนไหวของ จินยง(金庸) ความจริงแล้ว เติ้งกง(邓公)ก็ได้สัมผัสรู้มา เมื่อเวลาที่เขาถูกส่งไปที่ เจึยงซี(江西) เขาได้ยินว่ามีนักเขียนที่มีชื่อเสียงมากในฮ่องกงซึ่งมักจะตีพิมพ์บทความที่เกี่ยวข้องกับการเมือง

    หลังจากเติ้งกง(邓公)อ่านบทความเหล่านี้ เขาคิดว่า จินยง(金庸) อยู่ในฮ่องกง แม้ว่าเขาจะมีมุมมองที่จำกัดในฮ่องกงก็ตาม ยังมีความเฉียบแหลมทางการเมืองของเขาและความสามารถของเขาในการพูดเพื่อความยุติธรรม จึงเป็นคนที่ควรค่าแก่การเคารพ

    แน่นอน สิ่งที่คาดไม่ถึงที่สุดคือตัวเติ้งกง(邓公)เองเป็นคนรักอ่านนวนิยายศิลปะการต่อสู้กำลังภายในมาก ทันทีที่เขาเห็นนิยายของจินยง(金庸) เขาก็เต็มไปด้วยคำชมและหมกมุ่นในการอ่านนวนิยายนั้น จนกระทั่งหลายปีต่อมา การอ่านนวนิยายของ จินยง(金庸)เป็นหนึ่งในงานอดิเรกที่ชื่นชอบที่สุดของเติ้งกง(邓公)

    ด้วยประการฉะนี้แม้ว่าทั้งสองจะยังไม่ได้พบหน้ากันแต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนในฐานะเพื่อนรู้ใจ

    🥳โปรดติดตามบทความ #มังกรหยกเยือนสำนักแมวขาวแมวดำ ตอน 02.ต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#มังกรหยกเยือนสำนักแมวขาวแมวดำ ตอน 01🤠 ในเช้าวันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 1981 เติ้งกง(邓公)ได้รับแขกพิเศษในห้องโถงใหญ่ของประชาชน แขกรับเชิญคนนี้ คือ จินยง(金庸)นักเขียนนวนิยายจีนกำลังภายในชื่อดัง ทั้งสองคนนี้ คนหนึ่งเป็นนักการเมือง อีกคนเป็นนักเขียน ดูเหมือนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ในความเป็นจริงพวกเขาชื่นชมซึ่งกันและกันเสมอ ในมุมมองของ จินยง(金庸) เติ้งกง(邓公) เป็นบุคคลที่น่านับถือที่สุดเหมือนเช่นเดียวกับวีรบุรุษที่เขาได้เขียนบรรยายไว้ในนวนิยาย 🥸บ้านและเมืองในใต้หล้า🥸 ในเวลานั้น จินยง(金庸)เป็นหัวหน้าบรรณาธิการของ "หมิงเป้า(明报)" เขาเคยตีพิมพ์บทความว่า เติ้งกง(邓公)ควรได้เป็นประธานาธิบดีของประเทศโดยเร็วที่สุด 😎ในเวลานี้ เติ้งกง(邓公)ได้ดำรงตำแหน่งผู้นำของจีนใหม่ และยังดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของประเทศอีกด้วย😎 😎จากมุมมองของผู้คนทั่วไป เติ้งกง(邓公)ได้รับเลือกเป็นประธานประเทศเพิ่มขึ้นอีกสักตำแหน่งหนึ่ง เหตุผลมันก็ควรเป็นอย่างที่ควรจะเป็น😎 😎แต่ครั้งนี้ เติ้งกง(邓公)ได้ชี้แจงกับจินยง(金庸)อย่างชัดเจนว่า เขาไม่ต้องการเป็นประธานาธิบดีของประเทศ😎 ในตอนแรก จินยง(金庸)รู้สึกแปลกใจมาก เห็นได้ชัดว่า เติ้งกง(邓公)ได้เป็นประธานของประเทศ ซึ่งทุกคนต่างก็คาดหวังดังนั้น ทำไมเขาถึงไม่เต็มใจ? อย่างไรก็ตาม หลังจากฟังเหตุผลที่เติ้งกง(邓公)พูดจบ จินยง(金庸)ก็มีแต่ความชื่นชมอยู่ในใจ 😎จินยง(金庸)เคยกล่าวไว้ว่า เติ้งกง(邓公)เป็นหนึ่งในบุคคลที่เขาชื่นชมมากที่สุด จากภายในตัวของ เติ้งกง(邓公) เขาได้เห็นตัวตนของวีรบุรุษในฐานะของการรับใช้ประเทศและประชาชนซึ่งเขาใฝ่แสวงหา😎 จินยง(金庸)มีชื่อเสียงจากงานในด้านงานเขียน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในเวลาที่ผ่านมาโดยตลอดเขาไม่ใช่เป็นนักเขียนวรรณกรรมธรรมดาๆ เลย นอกจากนี้เขายังมีอิทธิพลในสนามด้านการเมืองด้วย เมื่อเขายังเด็กเยาววัย อุดมคติของจินยง(金庸) คือ การเป็นนักการทูตที่ยอดเยี่ยม ด้วยเหตุนี้ หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมในปี ค.ศ. 1942 เขาจึงเข้าเรียนที่โรงเรียนกฎหมายของมหาวิทยาลัย ซูโจว(苏州大学)ในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเขาเรียนวิชาเอกกฎหมายระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้จบลงด้วยการเป็นนักการทูต หลังจบการศึกษา ต้ากงเป้า(大公报)ได้ชวนจินยง(金庸)เป็นบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ สำหรับจินยง(金庸)ที่เพิ่งเรียนจบ นี่เป็นงานที่ดีมาก ดังนั้นเขาจึงยอมรับอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นไม่นาน "ต้ากงเป้า(大公报)" ก็วางแผนที่จะกลับมาตีพิมพ์ในฮ่องกงและกำลังต้องการกำลังคนอย่างเร่งด่วน ดังนั้น จินยง(金庸)จึงถูกย้ายไปฮ่องกงด้วยวิธีนี้ ฟันเฟืองแห่งโชคชะตากำลังพลิกผันอย่างไม่ทันตั้งตัว และจินยง(金庸)ต้องห่างไกลจากความฝันในการเป็นนักการทูตมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เขากลายเป็นนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อผลกระทบไม่ด้อยไปกว่านักการทูต ในปีค.ศ. 1959 จินยง(金庸)ออกจาก "ต้ากงเป้า(大公报)" และก่อตั้ง "หมิงเป้า(明报)"ที่มีชื่อเสียงด้วยตัวเขาเอง "หมิงเป้า(明报)"มีชื่อเสียงในเวลาต่อมาเนื่องจากออกพิมพ์นิยายกำลังภายในอย่างต่อเนื่องของจินยง(金庸) อย่างไรก็ตาม "หมิงเป้า(明报)" ไม่ได้มีแค่คอลัมน์นิยายกำลังภายใน อันที่จริง จินยง(金庸)มักจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบันใน "หมิงเป้า(明报)"เสมอ ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงทั้งในและต่างประเทศ และจินยง(金庸)ไม่เข้าใจปรากฏการณ์นี้ เพราะแม้ว่าเขาจะไม่มีสายสัมพันธ์กับเติ้งกง(邓公)ในขณะนี้ แต่เขาได้เรียนรู้แนวคิดทางการเมืองบางอย่างของเติ้งกง(邓公) และเชื่อว่าเติ้งกง(邓公) เป็นบุคคลที่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและเป็นคนที่สามารถเปลี่ยนชะตากรรมของจีนได้ เขาไม่สามารถยอมรับการใส่ร้ายต่อเติ้งกง(邓公)ของคนอื่นได้ ดังนั้น ในฐานะบรรณาธิการ เขาจึงตีพิมพ์บทความหลายบทความใน "หมิงเป้า(明报)"เพื่อพูดแทนเติ้งกง(邓公) เนื่องจากในเวลานั้นเขามีชื่อเสียงมาก บทความเหล่านี้ทำให้เกิดกระแสคลื่นลมไม่เบาในฮ่องกงและแม้แต่ในแผ่นดินใหญ่ แต่แม้ว่าจะเกิดการโต้แย้งกันขึ้น จินยง(金庸)ยังคงยืนยันในมุมมองของเขาเหมือนเดิม เขาถึงกับยังได้เขียนคำทำนายว่า "เติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平)จะกลับมาแน่นอน" ในบทความ เหตุผลที่ทำให้ จินยง(金庸)มีความมั่นใจในตนเองคือในปีค.ศ. 1975 เติ้งกง(邓公)ได้กลับมาในช่วงสั้นๆ จากนั้นได้ดำเนินการแก้ไขภายในประเทศหลายครั้งด้วยความกล้าหาญอย่างยิ่งและใช้นโยบายใหม่ อย่างไรก็ตาม การกลับมาครั้งนี้กินเวลาเพียงหนึ่งปี และเติ้งกง(邓公)ก็ออกจากเวทีการเมืองอีกครั้ง ในเวลานั้นคนส่วนใหญ่เชื่อว่าคราวนี้เติ้งกง(邓公)จะเลือนหายไปจากเวทีการเมืองตลอดไป แต่จินยง(金庸)ไม่เชื่อ เขาเชื่อว่า สักวันหนึ่งเติ้งกง(邓公)จะกลายเป็นผู้นำที่แท้จริงของจีนใหม่และนำจีนไปสู่บรรยากาศใหม่ หลายคนไม่เข้าใจการสนับสนุนที่ร้อนแรงแข็งแกร่งของจินยง(金庸)ที่มีต่อเติ้งกง(邓公) ในตอนนั้น แม้ว่าจินยง(金庸)จะกระตือรือร้นใฝ่ใจในการแสดงความคิดเห็นวิภาษวิจารณ์เกี่ยวกับการเมือง แต่เขาก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ และเขาไม่เคยมีมิตรภาพกับเติ้งกง(邓公) ยิ่งไปกว่านั้นฮ่องกงยังไม่ได้กลับสู่มาตุภูมิในเวลานั้น ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งของช่องแคบไต้หวันก็อ่อนไหวมาก จินยง(金庸)เสี่ยงที่จะถูกปิดล้อมโดยผู้อ่านเนื่องมาจากการประสงค์ที่จะพูดแทน เติ้งกง(邓公) ทำไมเขาถึงมั่นใจในความสามารถของเติ้งกง(邓公)ถึงขนาดนั้น? ในการสัมภาษณ์ครั้งต่อมา จินยง(金庸)ชื่นชมต่อเติ้งกง(邓公)มาก เขากล่าวว่า: 😎"ผมชื่นชมบุคลิกที่แข็งแกร่งและไม่ยอมแพ้นี้ของเขามาโดยตลอด เหมือนกับวีระบุรุษผู้กล้าหาญที่เขียนบรรยายไว้ในนิยายต่อสู้กำลังภายในของผม.......เพียงแค่ความแข็งแกร่งนั้น แน่นอนว่ายังไม่เพียงพอ ต้องยืนหยัดในข้อเสนอที่ถูกต้องโดยไม่คำนึงถึงเกียรติยศ ความอับอาย และความปลอดภัยของตนเอง นี่ถึงจะทำให้ผู้อื่นยอมรับ”😎 สำหรับการเคลื่อนไหวของ จินยง(金庸) ความจริงแล้ว เติ้งกง(邓公)ก็ได้สัมผัสรู้มา เมื่อเวลาที่เขาถูกส่งไปที่ เจึยงซี(江西) เขาได้ยินว่ามีนักเขียนที่มีชื่อเสียงมากในฮ่องกงซึ่งมักจะตีพิมพ์บทความที่เกี่ยวข้องกับการเมือง หลังจากเติ้งกง(邓公)อ่านบทความเหล่านี้ เขาคิดว่า จินยง(金庸) อยู่ในฮ่องกง แม้ว่าเขาจะมีมุมมองที่จำกัดในฮ่องกงก็ตาม ยังมีความเฉียบแหลมทางการเมืองของเขาและความสามารถของเขาในการพูดเพื่อความยุติธรรม จึงเป็นคนที่ควรค่าแก่การเคารพ แน่นอน สิ่งที่คาดไม่ถึงที่สุดคือตัวเติ้งกง(邓公)เองเป็นคนรักอ่านนวนิยายศิลปะการต่อสู้กำลังภายในมาก ทันทีที่เขาเห็นนิยายของจินยง(金庸) เขาก็เต็มไปด้วยคำชมและหมกมุ่นในการอ่านนวนิยายนั้น จนกระทั่งหลายปีต่อมา การอ่านนวนิยายของ จินยง(金庸)เป็นหนึ่งในงานอดิเรกที่ชื่นชอบที่สุดของเติ้งกง(邓公) ด้วยประการฉะนี้แม้ว่าทั้งสองจะยังไม่ได้พบหน้ากันแต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนในฐานะเพื่อนรู้ใจ 🥳โปรดติดตามบทความ #มังกรหยกเยือนสำนักแมวขาวแมวดำ ตอน 02.ต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 01.🤠

    😎#ออกจากประตูหยก😎

    🥸การเดินทางของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปทางทิศตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะนั้นเป็นการกระทำส่วนตัวโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางการ แต่ด้วยเหตุนี้ มุมมองของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่มีต่อภูมิภาคตะวันตกจึงมีความเป็นพลเรือนมากกว่า เป็นกลางมากกว่า และเป็นจริงมากกว่า🥸

    🥸ต่อไปนี้เชิญท่านมาเผชิญหน้ากับท่ามกลางท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยลมและทราย เดินย่ำเหยียบฝ่าหมอกควันทะเลทราย เริ่มต้นเข้าร่วมกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ในการเดินทางอันน่ามหัศจรรย์ของเขาเพื่อร่างขอบเขตดินแดนของภูมิภาคตะวันตก🥸

    😎ออกจากประตูหยก(玉门)ไปทางทิศตะวันตก 😎

    🥸ในปีคริสตศักราช 629 ภัยพิบัติน้ำแข็งเกิดขึ้นในพื้นที่กวนจง(关中) ราชวงศ์ถัง(唐)ออกคำสั่งให้พระภิกษุและฆราวาสในพื้นที่ คยองกี(Gyeonggi京畿) ย้ายไปยังสถานที่อื่นเพื่อหาอาหารและหลีกเลี่ยงหลบหนีจากความอดอยาก พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ซึ่งแต่เดิมต้องการออกจากด่านทางผ่าน แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากราชสำนักจึงใช้โอกาสนี้ออกจากฉางอาน(长安)🥸 เขาเดินทางผ่านหลานโจว(兰州)และเหลียงโจว(凉州) เขาหลีกเลี่ยงการติดตามจัยกุมของทางการโดยการเดินทางเวลากลางคืนและพักเวลากลางวัน ต่อมา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เสี่ยงภัยเดินทางผ่าน กวัวโจว(瓜州) และ อวี้เหมินกวน(Yumen Pass玉门关) ผ่านหอคอยสัญญาณไฟ 5 แห่งที่มีกองทหารคุ้มกันตามลำดับรายทาง ด้วยความช่วยเหลือจากทหารรักษาชายแดนผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ข้ามทะเลทรายโกบีด้วยพลังแห่งความศรัทธาและความอุตสาหะอย่างแรงกล้าก่อนจะไปถึงอีหวู(伊吾) และเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตก

    🥸สถานีแรกของการเดินทาง อีหวู(伊吾) ได้มีการส่งมอบการมาถึงอย่างกะทันหันของพระภิกษุให้กับเกาชาง(Gaochang高昌) (ปัจจุบันคือเมืองถูหลู่ฟาน(Turfan 吐鲁番) เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์(Xinjiang Uygur Autonomous Region 新疆维吾尔自治区)) เจ้าเหนือหัวองค์น้อยทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตกในขณะนั้น ซึ่งตั้งอยู่ริมแอ่งถูหลู่ฟาน(Turfan Depression吐鲁番盆地)🥸

    🥸หลังจากได้ยินข่าวว่า พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)มาถึงแล้ว กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) เสนาบดี และสาวใช้ออกมาจากพระราชวังในเวลากลางคืน ทรงจุดเทียน และเข้าแถวเพื่อต้อนรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เข้าสู่พระราชวังด้วยความเคารพ🥸 หลังจากเห็น พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) แล้ว ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ดีใจมากและบอกกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ว่า: นับตั้งแต่ฉันรู้ชื่ออาจารย์ ฉันมีความสุขมากจนลืมกินลืมนอน ฉันรู้ว่าพระภิกษุผู้แสวงธรรมจากตะวันออกจะมาคืนนี้ ฉันก็เลยพร้อมกับพระราชินีและเจ้าชายทรงพากันสวดมนต์ตลอดทั้งคืนรอการมาถึงของพระอาจารย์

    พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ถูกจัดให้อยู่ที่สนามหลวงทางพิธีกรรมของศาสนาถัดจากพระราชวังกษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) และจัดขันทีให้ดูแลอาหารและชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)

    รัฐเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)เป็นนครรัฐที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคตะวันตก และถูกปกครองโดยผู้รอดชีวิตจากราชวงศ์ฮั่น(汉)และเว่ย(魏) ซึ่งเป็นโครงสร้างทางการเมืองที่รวมหู(胡)และฮั่น(汉)เข้าด้วยกัน ในบรรดาพลเมืองนั้น ไม่เพียงแต่สืบเชื้อสายมาจากผู้อพยพชาวฮั่น(汉)เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คนจากภูมิภาคตะวันตกด้วย เช่น ชาวซ็อกเดียน(Sogdians粟特) ชาวซานซาน(Shanshan鄯善人)และชาวเติร์ก(Turks突厥人) 🥸ก่อนที่ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)จะมาถึง ประเทศนี้ก็ก่อตั้งขึ้นที่นั่นมานานกว่า 100 ปีแล้ว เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พบว่าข้อมูลจำเพาะของเมืองที่นี่มีความคล้ายคลึงกับเมืองฉางอัน(长安)ในราชวงศ์ซุย(隋)และราชวงศ์ถัง(唐)มาก นอกจากนี้ยังมีรูปของ ดยุคไอแห่งหลู่(鲁哀公)สอดถามขงจื๊อ(孔子)เกี่ยวกับปัญหาการเมืองที่แขวนอยู่ในพระราชวังของอาณาจักร เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)🥸

    😎การต้อนรับด้วยมารยาทอันสูงส่ง😎

    🥸ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และบิดาของเขาเดินทางไปยังราชวงศ์สุย(隋)ในยุครุ่งเรืองเพื่อเข้าเฝ้าจักรพรรดิสุยหยางตี้(隋炀帝)🥸 เขาไม่เพียงแต่เดินทางไปยังฉางอาน(长安) ล่อหยาง(洛阳) เฝินหยาง(汾阳) เอี้ยนตี้(燕地) ไต้ตี้(代地) และเมืองสำคัญอื่นๆ และได้เห็นวัฒนธรรมฮั่น(汉)ของที่ราบตอนกลางดั้งเดิม แต่เขายังไปเยี่ยมคารวะพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงและผู้มีคุณธรรมอีกมากมาย และเขาก็ชื่นชมที่ราบภาคกลางที่เป็นบ้านเกิดทางวัฒนธรรมของเขาเป็นอย่างมาก แต่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)รู้สึกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงในอดีตของราชวงศ์ซุย ความฉลาดสามารถของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)นั้นเหนือกว่ามาก

    เมื่อใดก็ตามที่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)บรรยายธรรมแก่ขุนนางของเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ในเต็นท์ใหญ่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ถือกระถางธูปเพื่อเคลียร์นำทางให้พระภิกษุผู้มีชื่อเสียงด้วยตนเอง เมื่อพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปที่แท่นธรรมาสน์เพื่อขึ้นเทศนาธรรม กษัตริย์แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ถึงกับคุกเข่าโน้มตัวลง และทำหน้าที่เป็นบันไดให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ก้าวขึ้นแท่นธรรมาสน์ การปฏิบัตินี้ไม่สอดคล้องกับประเพณีตะวันออก แต่ก็มีบันทึกไว้ในหนังสือดั้งเดิมของอินเดียบางเรื่อง สิ่งนี้พิสูจน์ได้จากสิ่งแวดล้อมข้วงเคียงว่า เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)คือจุดทางสี่แยกของอารยธรรมตะวันออกและตะวันตก นอกจากนี้ยังอธิบายถึงการบูชาสักการะอย่างสูงสุดต่อ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)

    พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ยังคัดเลือกพระภิกษุในท้องถิ่นหลายแห่งใน เกาชาง(Gaochang高昌)ให้เป็นนักเรียนและคนรับใช้ นิสัยปกิบัติในการรับลูกศิษย์ไปตลอดทางนี้ กลายเป็นต้นแบบทางประวัติศาสตร์สำหรับทีมอาจารย์และลูกศิษย์ของภิกษุราชวงศ์ถัง(唐)ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องใน "บันทึกการเดินทางสู่ตะวันตก(Journey to the West西游记)" แม้ว่ากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)จะชื่นชมพรสวรรค์และการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เขาถึงกับมีความคิดหน่วงรั้งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้ที่เกาชาง(Gaochang高昌)ด้วยซ้ำ และขอให้ประทับอยู่ที่นี่ตลอดไป แสดงธรรมสั่งสอนให้ความรู้ความกระจ่างแก่คนทั่วไป จนกระทั่งเป็นพระอาจารย์ระดับชาติของ เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เห็นด้วยเพราะมีตวามเห็นว่าเรื่องธรรมะเป็นเรื่องใหญ่กว่า กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)เห็นว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) มีความมุ่งมั่นดังนั้นเขาจึงจำต้องโยนไพ่ตายทางเลือกสุดท้ายของเขาออกไป: 🥸ถ้าพระคุณท่านไม่ปรารถนาอยู่ในเกาชาง(Gaochang高昌) ข้าพระเจ้าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งท่านอาจารย์กลับไปทางทิศตะวันออก🥸

    เมื่อต้องเผชิญกับกลยุทธ์ไม้แข็งและไม้อ่อนร่วมกันของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) กล่าวด้วยท่าทีที่ไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยองว่า: 🥸พระองค์สามารถจะเพียงได้รับกระดูกของอาตมาเอาไว้ได้ แต่พระองค์ไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจของอาตมาที่จะไปทางตะวันตกได้🥸

    😎หนทางเบื้องหน้าอันยาวไกล😎

    🥸ด้วยเหตุนี้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) จึงอดอาหารเป็นเวลาสามวันเพื่อแสดงความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตก🥸 ในฐานะเป็นอาณาจักรในภูมิภาคตะวันตกที่นับถือศาสนาพุทธ หากมีพระภิกษุที่แสวงหาธรรมะมาอดอยากจนตายภายในดินแดนของตน ชื่อเสียงสู่ภายนอกของเกาชาง(Gaochang高昌)ในภูมิภาคตะวันตกจะเสียหายอย่างมาก และเขาจะพลอยได้รับชื่อเสียงเสื่อมเสียงจากการทำร้ายพระภิกษุที่มีชื่อเสียงด้วย ยิ่งไปกว่านั้นความจริงแล้ว การขัดขวางการเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตกของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ด้วยเพื่อความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของเขาเองก็เป็นการขัดแย้งกับความตั้งใจเดิมของเขา

    🥸เมื่อเขาคิดมาถึง ณ จุดนี้ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ก้มหัวให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เพื่อขอโทษ🥸 ความคิดที่เห็นแก่ตัวของเขาที่มีต่อเกาชาง(Gaochang高昌) ก็ถูกขจัดออกไปในที่สุดด้วยความมุ่งมั่นมีเมตตาที่จะช่วยสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ในเวลาเดียวกันกับขณะที่รู้สึกประทับใจกับความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะแสวงหาธรรมะโดยปราศจากสิ่งภายนอกมาบั่นทอนความตั้งใจ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ได้สาบานต่อฟ้าดินสัญญาเป็นพี่น้องกัน ภายใต้การอุปถัมภ์จากแม่ของแผ่นดินเจ้าจอมมารดา จาง(张太妃) เพื่อให้พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เดินทางไปถึงอินเดียได้อย่างราบรื่น กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) ทรงสั่งการให้จัดทีมงานเล็กๆ ประกอบด้วยม้า 30 ตัว พนักงานข้าราชการเกาชาง(Gaochang高昌)1 คน ผู้ติดตามกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ 25 คน และพระภิกษุหนุ่ม 4 รูป เพื่อดูแลเรื่องอาหาร เสื้อผ้า และชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมหน้ากากและหมวกพิเศษสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สำหรับการเดินทางผ่านภูเขาและทะเลทรายที่เต็มไปด้วยหิมะ รวมถึงเสื้อคลุมสำหรับพระสงฆ์ซึ่งสามารถปรับให้เข้ากับเขตภูมิอากาศต่างๆ จัดทหารม้าขนนำทองคำ เงิน และผ้าไหมจำนวนมากไว้สำหรับการครั้งนี้ ทำให้มั่นใจได้ว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เพียงแต่จะไม่ต้องทนทุกข์จากความหิวโหยระหว่างทางไปอินเดียเท่านั้น แต่ยังมีเงินเพียงพอที่จะทำทานอีกด้วย ในสิ่งแต่งเคิมเหล่านี้เป็นรายละเอียดด้านที่อ่อนโยนของประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่มีต่ออัครสาวก

    🥸นอกจากทรัพย์สินแล้ว เนื่องจากเจ้าผู้ครองแคว้นตะวันตกในขณะนั้น คือ ข่านเตอร์กตะวันตก(西突厥)ได้สมรสกับราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ยังมีจดหมายแสดงความเคารพที่กษัตริย์แห่งเกาชาง(Gaochang高昌)มอบให้กับข่านแห่งเติร์กตะวันตก(西突厥) อธิบายถึงความตั้งใจของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะไปทางดินแดนแคว้นตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะ🥸 ภายใต้การคุ้มครองของเตอร์กข่านตะวันตก (西突厥) ทุกประเทศในภูมิภาคตะวันตกตลอดเส้นทางให้ความเคารพแก่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) และให้การสนับสนุนทางทหารที่เข้มแข็งและมีควาทปลอดภัยที่สุดสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)และคณะเดินทางของเขา และจดหมายแสดงความเคารพของกษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ถึงพระมหากษัตริย์ของยี่สิบสี่ประเทศในภูมิภาคตะวันตกจะช่วยให้การเดินทางของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ง่ายและสะดวกขึ้นอย่างมาก

    🥸ในช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ของการอำลาอาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌) บรรดาราชวงศ์และชาวเกาชาง(Gaochang高昌)ก็ออกจากเมืองเพื่อส่งอำลา🥸 พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สัญญาว่า เมื่อเดินทางผ่านเกาชาง(Gaochang高昌)หลังจากกลับจากการศึกษาในอินเดียจะแสดงเทศนาธรรมอีก จากนั้นเขาก็กล่าวคำอำลากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ด้วยน้ำตา พวกบรรดาราชวงศ์ เกาชาง(Gaochang高昌)เจ้าหน้าที่และประชาชนชาวพุทธต่างพากันออกจากเมืองส่งเสียงอำลาดังลั่นสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งถิ่น ราวกับว่ามือแห่งโชคชะตาได้ฉีกหัวใจและจิตวิญญาณออกจากร่างกายของชาวเกาชาง(Gaochang高昌) ทำให้พวกเขาสูญเสียสมบัติของชาติไปตลอดกาล

    บรรดาพวกราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ส่งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ออกไปนอกเมืองหลายสิบลี้ แม้ว่าพระภิกษุสมณเพศจะมองเห็นบรรลุแล้วการจากแยกอำลาในทางโลกแล้วก็ตาม แต่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ผู้ที่มีจิตใจละเอียดอ่อนและยังคงเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ของมนุษย์ก็ยังมีอารมณ์อ่อนไหวมาก เขาขอบคุณต่ออาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌)อย่างสุดซึ้งอีกครั้งสำหรับการสนับสนุนอย่างมีน้ำใจ ราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังจับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ร่ำไห้ราวกับสายฝนกล่าวว่า 🥸ในเมื่อพระคุณท่านถือเป็นพี่น้องกัน สัตว์พาหนะต่าง ๆ ในประเทศก็มีเจ้าของคนเดียวกัน แล้วเหตุใดจึงต้องขอบคุณพวกเขาด้วย?🥸

    พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ตอบว่า: 🥸ฉันจะไม่มีวันลืมความเมตตาของเสด็จพี่ตลอดชีวิตของอาตมา ในวันที่อาตมากลับจากนำพระคัมภีร์ทางพุทธศาสนากลับมา อาตมาจะอยู่สอนธรรมะในเกาชาง(Gaochang高昌)เป็นเวลาสามปีเป็นการตอบแทน!🥸

    หลายปีต่อมาในฉางอาน(长安) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เล่าถึงเหตุการณ์อันน่าประทับใจนี้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากให้เหล่าสาวกฟัง มิตรภาพฉันท์พี่น้องที่มีต่อราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังคงเกินคำบรรยาย ดูเหมือนราวกับว่าพิธีอำลาที่หรูหราและยิ่งใหญ่นั้นได่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง ตอนนั้นเขาไม่รู้ 🥸นี่ยังจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบกับพี่ชายร่วมสาบานของเขา🥸

    🥳โปรดติดตามบทความ#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 02.
    #อาณาจักรคาราซาห์และคูชาที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 01.🤠 😎#ออกจากประตูหยก😎 🥸การเดินทางของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปทางทิศตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะนั้นเป็นการกระทำส่วนตัวโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางการ แต่ด้วยเหตุนี้ มุมมองของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่มีต่อภูมิภาคตะวันตกจึงมีความเป็นพลเรือนมากกว่า เป็นกลางมากกว่า และเป็นจริงมากกว่า🥸 🥸ต่อไปนี้เชิญท่านมาเผชิญหน้ากับท่ามกลางท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยลมและทราย เดินย่ำเหยียบฝ่าหมอกควันทะเลทราย เริ่มต้นเข้าร่วมกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ในการเดินทางอันน่ามหัศจรรย์ของเขาเพื่อร่างขอบเขตดินแดนของภูมิภาคตะวันตก🥸 😎ออกจากประตูหยก(玉门)ไปทางทิศตะวันตก 😎 🥸ในปีคริสตศักราช 629 ภัยพิบัติน้ำแข็งเกิดขึ้นในพื้นที่กวนจง(关中) ราชวงศ์ถัง(唐)ออกคำสั่งให้พระภิกษุและฆราวาสในพื้นที่ คยองกี(Gyeonggi京畿) ย้ายไปยังสถานที่อื่นเพื่อหาอาหารและหลีกเลี่ยงหลบหนีจากความอดอยาก พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ซึ่งแต่เดิมต้องการออกจากด่านทางผ่าน แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากราชสำนักจึงใช้โอกาสนี้ออกจากฉางอาน(长安)🥸 เขาเดินทางผ่านหลานโจว(兰州)และเหลียงโจว(凉州) เขาหลีกเลี่ยงการติดตามจัยกุมของทางการโดยการเดินทางเวลากลางคืนและพักเวลากลางวัน ต่อมา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เสี่ยงภัยเดินทางผ่าน กวัวโจว(瓜州) และ อวี้เหมินกวน(Yumen Pass玉门关) ผ่านหอคอยสัญญาณไฟ 5 แห่งที่มีกองทหารคุ้มกันตามลำดับรายทาง ด้วยความช่วยเหลือจากทหารรักษาชายแดนผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ข้ามทะเลทรายโกบีด้วยพลังแห่งความศรัทธาและความอุตสาหะอย่างแรงกล้าก่อนจะไปถึงอีหวู(伊吾) และเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตก 🥸สถานีแรกของการเดินทาง อีหวู(伊吾) ได้มีการส่งมอบการมาถึงอย่างกะทันหันของพระภิกษุให้กับเกาชาง(Gaochang高昌) (ปัจจุบันคือเมืองถูหลู่ฟาน(Turfan 吐鲁番) เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์(Xinjiang Uygur Autonomous Region 新疆维吾尔自治区)) เจ้าเหนือหัวองค์น้อยทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตกในขณะนั้น ซึ่งตั้งอยู่ริมแอ่งถูหลู่ฟาน(Turfan Depression吐鲁番盆地)🥸 🥸หลังจากได้ยินข่าวว่า พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)มาถึงแล้ว กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) เสนาบดี และสาวใช้ออกมาจากพระราชวังในเวลากลางคืน ทรงจุดเทียน และเข้าแถวเพื่อต้อนรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เข้าสู่พระราชวังด้วยความเคารพ🥸 หลังจากเห็น พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) แล้ว ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ดีใจมากและบอกกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ว่า: นับตั้งแต่ฉันรู้ชื่ออาจารย์ ฉันมีความสุขมากจนลืมกินลืมนอน ฉันรู้ว่าพระภิกษุผู้แสวงธรรมจากตะวันออกจะมาคืนนี้ ฉันก็เลยพร้อมกับพระราชินีและเจ้าชายทรงพากันสวดมนต์ตลอดทั้งคืนรอการมาถึงของพระอาจารย์ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ถูกจัดให้อยู่ที่สนามหลวงทางพิธีกรรมของศาสนาถัดจากพระราชวังกษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) และจัดขันทีให้ดูแลอาหารและชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) รัฐเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)เป็นนครรัฐที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคตะวันตก และถูกปกครองโดยผู้รอดชีวิตจากราชวงศ์ฮั่น(汉)และเว่ย(魏) ซึ่งเป็นโครงสร้างทางการเมืองที่รวมหู(胡)และฮั่น(汉)เข้าด้วยกัน ในบรรดาพลเมืองนั้น ไม่เพียงแต่สืบเชื้อสายมาจากผู้อพยพชาวฮั่น(汉)เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คนจากภูมิภาคตะวันตกด้วย เช่น ชาวซ็อกเดียน(Sogdians粟特) ชาวซานซาน(Shanshan鄯善人)และชาวเติร์ก(Turks突厥人) 🥸ก่อนที่ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)จะมาถึง ประเทศนี้ก็ก่อตั้งขึ้นที่นั่นมานานกว่า 100 ปีแล้ว เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พบว่าข้อมูลจำเพาะของเมืองที่นี่มีความคล้ายคลึงกับเมืองฉางอัน(长安)ในราชวงศ์ซุย(隋)และราชวงศ์ถัง(唐)มาก นอกจากนี้ยังมีรูปของ ดยุคไอแห่งหลู่(鲁哀公)สอดถามขงจื๊อ(孔子)เกี่ยวกับปัญหาการเมืองที่แขวนอยู่ในพระราชวังของอาณาจักร เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)🥸 😎การต้อนรับด้วยมารยาทอันสูงส่ง😎 🥸ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และบิดาของเขาเดินทางไปยังราชวงศ์สุย(隋)ในยุครุ่งเรืองเพื่อเข้าเฝ้าจักรพรรดิสุยหยางตี้(隋炀帝)🥸 เขาไม่เพียงแต่เดินทางไปยังฉางอาน(长安) ล่อหยาง(洛阳) เฝินหยาง(汾阳) เอี้ยนตี้(燕地) ไต้ตี้(代地) และเมืองสำคัญอื่นๆ และได้เห็นวัฒนธรรมฮั่น(汉)ของที่ราบตอนกลางดั้งเดิม แต่เขายังไปเยี่ยมคารวะพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงและผู้มีคุณธรรมอีกมากมาย และเขาก็ชื่นชมที่ราบภาคกลางที่เป็นบ้านเกิดทางวัฒนธรรมของเขาเป็นอย่างมาก แต่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)รู้สึกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงในอดีตของราชวงศ์ซุย ความฉลาดสามารถของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)นั้นเหนือกว่ามาก เมื่อใดก็ตามที่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)บรรยายธรรมแก่ขุนนางของเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ในเต็นท์ใหญ่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ถือกระถางธูปเพื่อเคลียร์นำทางให้พระภิกษุผู้มีชื่อเสียงด้วยตนเอง เมื่อพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปที่แท่นธรรมาสน์เพื่อขึ้นเทศนาธรรม กษัตริย์แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ถึงกับคุกเข่าโน้มตัวลง และทำหน้าที่เป็นบันไดให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ก้าวขึ้นแท่นธรรมาสน์ การปฏิบัตินี้ไม่สอดคล้องกับประเพณีตะวันออก แต่ก็มีบันทึกไว้ในหนังสือดั้งเดิมของอินเดียบางเรื่อง สิ่งนี้พิสูจน์ได้จากสิ่งแวดล้อมข้วงเคียงว่า เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)คือจุดทางสี่แยกของอารยธรรมตะวันออกและตะวันตก นอกจากนี้ยังอธิบายถึงการบูชาสักการะอย่างสูงสุดต่อ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ยังคัดเลือกพระภิกษุในท้องถิ่นหลายแห่งใน เกาชาง(Gaochang高昌)ให้เป็นนักเรียนและคนรับใช้ นิสัยปกิบัติในการรับลูกศิษย์ไปตลอดทางนี้ กลายเป็นต้นแบบทางประวัติศาสตร์สำหรับทีมอาจารย์และลูกศิษย์ของภิกษุราชวงศ์ถัง(唐)ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องใน "บันทึกการเดินทางสู่ตะวันตก(Journey to the West西游记)" แม้ว่ากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)จะชื่นชมพรสวรรค์และการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เขาถึงกับมีความคิดหน่วงรั้งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้ที่เกาชาง(Gaochang高昌)ด้วยซ้ำ และขอให้ประทับอยู่ที่นี่ตลอดไป แสดงธรรมสั่งสอนให้ความรู้ความกระจ่างแก่คนทั่วไป จนกระทั่งเป็นพระอาจารย์ระดับชาติของ เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เห็นด้วยเพราะมีตวามเห็นว่าเรื่องธรรมะเป็นเรื่องใหญ่กว่า กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)เห็นว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) มีความมุ่งมั่นดังนั้นเขาจึงจำต้องโยนไพ่ตายทางเลือกสุดท้ายของเขาออกไป: 🥸ถ้าพระคุณท่านไม่ปรารถนาอยู่ในเกาชาง(Gaochang高昌) ข้าพระเจ้าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งท่านอาจารย์กลับไปทางทิศตะวันออก🥸 เมื่อต้องเผชิญกับกลยุทธ์ไม้แข็งและไม้อ่อนร่วมกันของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) กล่าวด้วยท่าทีที่ไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยองว่า: 🥸พระองค์สามารถจะเพียงได้รับกระดูกของอาตมาเอาไว้ได้ แต่พระองค์ไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจของอาตมาที่จะไปทางตะวันตกได้🥸 😎หนทางเบื้องหน้าอันยาวไกล😎 🥸ด้วยเหตุนี้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) จึงอดอาหารเป็นเวลาสามวันเพื่อแสดงความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตก🥸 ในฐานะเป็นอาณาจักรในภูมิภาคตะวันตกที่นับถือศาสนาพุทธ หากมีพระภิกษุที่แสวงหาธรรมะมาอดอยากจนตายภายในดินแดนของตน ชื่อเสียงสู่ภายนอกของเกาชาง(Gaochang高昌)ในภูมิภาคตะวันตกจะเสียหายอย่างมาก และเขาจะพลอยได้รับชื่อเสียงเสื่อมเสียงจากการทำร้ายพระภิกษุที่มีชื่อเสียงด้วย ยิ่งไปกว่านั้นความจริงแล้ว การขัดขวางการเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตกของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ด้วยเพื่อความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของเขาเองก็เป็นการขัดแย้งกับความตั้งใจเดิมของเขา 🥸เมื่อเขาคิดมาถึง ณ จุดนี้ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ก้มหัวให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เพื่อขอโทษ🥸 ความคิดที่เห็นแก่ตัวของเขาที่มีต่อเกาชาง(Gaochang高昌) ก็ถูกขจัดออกไปในที่สุดด้วยความมุ่งมั่นมีเมตตาที่จะช่วยสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ในเวลาเดียวกันกับขณะที่รู้สึกประทับใจกับความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะแสวงหาธรรมะโดยปราศจากสิ่งภายนอกมาบั่นทอนความตั้งใจ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ได้สาบานต่อฟ้าดินสัญญาเป็นพี่น้องกัน ภายใต้การอุปถัมภ์จากแม่ของแผ่นดินเจ้าจอมมารดา จาง(张太妃) เพื่อให้พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เดินทางไปถึงอินเดียได้อย่างราบรื่น กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) ทรงสั่งการให้จัดทีมงานเล็กๆ ประกอบด้วยม้า 30 ตัว พนักงานข้าราชการเกาชาง(Gaochang高昌)1 คน ผู้ติดตามกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ 25 คน และพระภิกษุหนุ่ม 4 รูป เพื่อดูแลเรื่องอาหาร เสื้อผ้า และชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมหน้ากากและหมวกพิเศษสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สำหรับการเดินทางผ่านภูเขาและทะเลทรายที่เต็มไปด้วยหิมะ รวมถึงเสื้อคลุมสำหรับพระสงฆ์ซึ่งสามารถปรับให้เข้ากับเขตภูมิอากาศต่างๆ จัดทหารม้าขนนำทองคำ เงิน และผ้าไหมจำนวนมากไว้สำหรับการครั้งนี้ ทำให้มั่นใจได้ว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เพียงแต่จะไม่ต้องทนทุกข์จากความหิวโหยระหว่างทางไปอินเดียเท่านั้น แต่ยังมีเงินเพียงพอที่จะทำทานอีกด้วย ในสิ่งแต่งเคิมเหล่านี้เป็นรายละเอียดด้านที่อ่อนโยนของประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่มีต่ออัครสาวก 🥸นอกจากทรัพย์สินแล้ว เนื่องจากเจ้าผู้ครองแคว้นตะวันตกในขณะนั้น คือ ข่านเตอร์กตะวันตก(西突厥)ได้สมรสกับราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ยังมีจดหมายแสดงความเคารพที่กษัตริย์แห่งเกาชาง(Gaochang高昌)มอบให้กับข่านแห่งเติร์กตะวันตก(西突厥) อธิบายถึงความตั้งใจของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะไปทางดินแดนแคว้นตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะ🥸 ภายใต้การคุ้มครองของเตอร์กข่านตะวันตก (西突厥) ทุกประเทศในภูมิภาคตะวันตกตลอดเส้นทางให้ความเคารพแก่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) และให้การสนับสนุนทางทหารที่เข้มแข็งและมีควาทปลอดภัยที่สุดสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)และคณะเดินทางของเขา และจดหมายแสดงความเคารพของกษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ถึงพระมหากษัตริย์ของยี่สิบสี่ประเทศในภูมิภาคตะวันตกจะช่วยให้การเดินทางของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ง่ายและสะดวกขึ้นอย่างมาก 🥸ในช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ของการอำลาอาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌) บรรดาราชวงศ์และชาวเกาชาง(Gaochang高昌)ก็ออกจากเมืองเพื่อส่งอำลา🥸 พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สัญญาว่า เมื่อเดินทางผ่านเกาชาง(Gaochang高昌)หลังจากกลับจากการศึกษาในอินเดียจะแสดงเทศนาธรรมอีก จากนั้นเขาก็กล่าวคำอำลากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ด้วยน้ำตา พวกบรรดาราชวงศ์ เกาชาง(Gaochang高昌)เจ้าหน้าที่และประชาชนชาวพุทธต่างพากันออกจากเมืองส่งเสียงอำลาดังลั่นสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งถิ่น ราวกับว่ามือแห่งโชคชะตาได้ฉีกหัวใจและจิตวิญญาณออกจากร่างกายของชาวเกาชาง(Gaochang高昌) ทำให้พวกเขาสูญเสียสมบัติของชาติไปตลอดกาล บรรดาพวกราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ส่งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ออกไปนอกเมืองหลายสิบลี้ แม้ว่าพระภิกษุสมณเพศจะมองเห็นบรรลุแล้วการจากแยกอำลาในทางโลกแล้วก็ตาม แต่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ผู้ที่มีจิตใจละเอียดอ่อนและยังคงเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ของมนุษย์ก็ยังมีอารมณ์อ่อนไหวมาก เขาขอบคุณต่ออาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌)อย่างสุดซึ้งอีกครั้งสำหรับการสนับสนุนอย่างมีน้ำใจ ราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังจับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ร่ำไห้ราวกับสายฝนกล่าวว่า 🥸ในเมื่อพระคุณท่านถือเป็นพี่น้องกัน สัตว์พาหนะต่าง ๆ ในประเทศก็มีเจ้าของคนเดียวกัน แล้วเหตุใดจึงต้องขอบคุณพวกเขาด้วย?🥸 พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ตอบว่า: 🥸ฉันจะไม่มีวันลืมความเมตตาของเสด็จพี่ตลอดชีวิตของอาตมา ในวันที่อาตมากลับจากนำพระคัมภีร์ทางพุทธศาสนากลับมา อาตมาจะอยู่สอนธรรมะในเกาชาง(Gaochang高昌)เป็นเวลาสามปีเป็นการตอบแทน!🥸 หลายปีต่อมาในฉางอาน(长安) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เล่าถึงเหตุการณ์อันน่าประทับใจนี้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากให้เหล่าสาวกฟัง มิตรภาพฉันท์พี่น้องที่มีต่อราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังคงเกินคำบรรยาย ดูเหมือนราวกับว่าพิธีอำลาที่หรูหราและยิ่งใหญ่นั้นได่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง ตอนนั้นเขาไม่รู้ 🥸นี่ยังจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบกับพี่ชายร่วมสาบานของเขา🥸 🥳โปรดติดตามบทความ#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 02. #อาณาจักรคาราซาห์และคูชาที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวม 25 หนังสือ 📚 ที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณในแต่ละด้าน
    ไม่ว่าจะเป็น 👉 ความคิด นิสัย จิตใจ การสื่อสาร และการเงิน
    .
    📚 เปลี่ยนความคิด
    👉 หนังสือ THINK AGAIN คิดแล้ว, คิดอีก
    👉 หนังสือ 101 บทความเปลี่ยนชีวิตที่จะเปลี่ยนวิธีคิดคุณ (101 Essays That Will Change The Way You Think)
    👉 หนังสือ ใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา (Mindset)
    👉 หนังสือ คิด, เร็วและช้า Thinking, Fast and Slow
    👉 หนังสือ ศิลปะแห่งการคิดไขว้ Crossover Creativity
    .
    📚 เปลี่ยนนิสัย
    👉 หนังสือ Atomic Habits เพราะชีวิตดีได้กว่าที่เป็น
    👉 หนังสือ แด่คุณที่กลัวการเปลี่ยนแปลงมาตลอดชีวิต
    👉 หนังสือ หยุดนิสัยทำอะไร 3 วันเลิก(MINI ROUTINES)
    👉 หนังสือ Have a nice Life
    👉 หนังสือ Mini Habits นิสัยจิ๋ว ของคนที่ประสบความสำเร็จ
    .
    📚 เปลี่ยนจิตใจ
    👉 หนังสือ วิชาสำคัญที่คุณควรรู้ Why Has Nobody Told Me This Before?
    👉 หนังสือ Manifest: 7 ขั้นตอนสู่ทุกสิ่งที่ปรารถนา
    👉 หนังสือ ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข
    👉 หนังสือ ซ่อมแซมสุขที่สึกหรอ EMOTIONAL FIRST AID
    👉 หนังสือ วิชาใจเบา
    .
    📚 เปลี่ยนการสื่อสาร
    👉 หนังสือ ศิลปะการพูดให้เหมือนนั่งในใจคน
    👉 หนังสือ อย่าเป็นคนเก่งที่คุยไม่เป็น
    👉 หนังสือ คนฉลาดคิดอะไรก่อนพูด
    👉 หนังสือ พูดให้ง่ายๆ คือไม้ตายของคนเก่ง
    👉 หนังสือ พลังแห่งการหยุดพูดในโลกที่คนพูดไม่หยุด
    .
    📚 เปลี่ยนการเงิน
    👉 หนังสือ The Psychology of Money
    👉 หนังสือ ถอดรหัสลับ สมองเงินล้าน
    👉 หนังสือ คิดให้รวย
    👉 หนังสือ Money Mastery มั่งคั่งทั้งชีวิต
    👉 หนังสือ เศรษฐีชี้ทางรวย
    .
    🛒 สั่งซื้อคลิก > https://book-naiin.com/4h0JyeP
    .
    Credit: ร้านนายอินทร์
    รวม 25 หนังสือ 📚 ที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณในแต่ละด้าน ไม่ว่าจะเป็น 👉 ความคิด นิสัย จิตใจ การสื่อสาร และการเงิน . 📚 เปลี่ยนความคิด 👉 หนังสือ THINK AGAIN คิดแล้ว, คิดอีก 👉 หนังสือ 101 บทความเปลี่ยนชีวิตที่จะเปลี่ยนวิธีคิดคุณ (101 Essays That Will Change The Way You Think) 👉 หนังสือ ใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา (Mindset) 👉 หนังสือ คิด, เร็วและช้า Thinking, Fast and Slow 👉 หนังสือ ศิลปะแห่งการคิดไขว้ Crossover Creativity . 📚 เปลี่ยนนิสัย 👉 หนังสือ Atomic Habits เพราะชีวิตดีได้กว่าที่เป็น 👉 หนังสือ แด่คุณที่กลัวการเปลี่ยนแปลงมาตลอดชีวิต 👉 หนังสือ หยุดนิสัยทำอะไร 3 วันเลิก(MINI ROUTINES) 👉 หนังสือ Have a nice Life 👉 หนังสือ Mini Habits นิสัยจิ๋ว ของคนที่ประสบความสำเร็จ . 📚 เปลี่ยนจิตใจ 👉 หนังสือ วิชาสำคัญที่คุณควรรู้ Why Has Nobody Told Me This Before? 👉 หนังสือ Manifest: 7 ขั้นตอนสู่ทุกสิ่งที่ปรารถนา 👉 หนังสือ ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข 👉 หนังสือ ซ่อมแซมสุขที่สึกหรอ EMOTIONAL FIRST AID 👉 หนังสือ วิชาใจเบา . 📚 เปลี่ยนการสื่อสาร 👉 หนังสือ ศิลปะการพูดให้เหมือนนั่งในใจคน 👉 หนังสือ อย่าเป็นคนเก่งที่คุยไม่เป็น 👉 หนังสือ คนฉลาดคิดอะไรก่อนพูด 👉 หนังสือ พูดให้ง่ายๆ คือไม้ตายของคนเก่ง 👉 หนังสือ พลังแห่งการหยุดพูดในโลกที่คนพูดไม่หยุด . 📚 เปลี่ยนการเงิน 👉 หนังสือ The Psychology of Money 👉 หนังสือ ถอดรหัสลับ สมองเงินล้าน 👉 หนังสือ คิดให้รวย 👉 หนังสือ Money Mastery มั่งคั่งทั้งชีวิต 👉 หนังสือ เศรษฐีชี้ทางรวย . 🛒 สั่งซื้อคลิก > https://book-naiin.com/4h0JyeP . Credit: ร้านนายอินทร์
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#สหรัฐฯ ค่อยๆ เข้ามาแทนที่อังกฤษและกลายเป็นเจ้าโลกได้อย่างไร? #การรื้ออำนาจเจ้าโลกจะมีผลกระทบอะไรบ้าง ตอน 02.🤠

    🤯สาม การพลิกกลับ🤯

    สถานการณ์สงครามโลกที่ไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างโลกทำให้ทางการสหรัฐฯไม่พอใจอย่างมาก หลังจากที่ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน(Woodrow Wilson伍德罗·威尔逊) ลาออกจากตำแหน่ง นโยบายต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็กลับเข้าสู่ลัทธิโดดเดี่ยวอย่างเดิม

    เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1935 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำในสงครามโลกครั้งที่ 1 สภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาจึงผ่านกฎหมายความเป็นกลาง ซึ่งกำหนดให้มีการคว่ำบาตร "อาวุธ กระสุน และยุทโธปกรณ์" ไปยังประเทศคู่สงครามทั้งหมด และห้ามเรือค้าขายของสหรัฐฯ จากการขนส่งอาวุธไปยังประเทศคู่สงคราม ขบวนการโดดเดี่ยวในสหรัฐอเมริกาถึงจุดสูงสุด

    ในเวลานี้ ท้องฟ้าเหนือยุโรปเต็มไปด้วยเมฆหมอกแห่งสงคราม นโยบายการโอนอ่อนผ่อนตามของอังกฤษและฝรั่งเศสมีส่วนทำให้เกิดความหยิ่งลำพองของเยอรมนีมีความเป็นฟาสซิสต์มากขึ้น ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 นาซีเยอรมนีเปิดการโจมตีแบบสายฟ้าแลบต่อโปแลนด์ และสงครามโลกครั้งที่สองก็ปะทุขึ้น

    ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1940 ฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะมหาอำนาจโดยมีกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปยอมจำนน ในเดือนพฤศจิกายนของปีถัดมา ญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในมหาอำนาจฝ่ายอักษะได้เปิดฉากโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ต่อสหรัฐอเมริกา และลากสหรัฐอเมริกาเข้าสู่วังวนแห่งสงคราม สงครามโลกครั้งที่สองและสงครามโลกครั้งที่ 1 แตกต่างกันออกไป ในเวลานี้ สหรัฐฯมีบทบาทเป็นผู้นำ โดยควบคุมในแอฟริกาเหนือ แนวรบด้านตะวันตก และสนามรบในมหาสมุทรแปซิฟิก

    ในช่วงสงคราม รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ลืมวางแผนสำหรับรูปแบบโลกหลังสงคราม และไม่ต้องการทำผิดพลาดแบบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซ้ำอีก

    สิ่งแรกที่ต้องจัดการคือเรื่องการครอบงำทางการเงินของโลกที่อังกฤษโดยก่อตั้งขึ้นตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม

    ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1942 ไวท์( White) ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ได้เปิดตัวแผนของไวท์( White) ซึ่งเป็นแผนเศรษฐกิจในช่วงสงคราม

    แผนดังกล่าวรวมถึงการจัดตั้งสถาบันสองแห่ง ได้แก่ กองทุนรักษาเสถียรภาพแห่งชาติ (National Stabilization Fund) และธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนา (Bank for Reconstruction and Development.) ทั้งสองสถาบันนี้เป็นสถาบันก่อนหน้าของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund)และธนาคารโลก (World Bank.)ในอนาคต

    เพื่อป้องกันอิทธิพลอำนาจทางการเงินของสหรัฐอเมริกาหลังสงครามและปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง สหราชอาณาจักรยังเสนอให้จัดตั้งศูนย์หักบัญชีระหว่างประเทศ (international clearing center) ตาม "ลัทธิเคนส์ (Keynesianism)" และออกแบบระบบการเงินที่มีทองคำเป็นหน่วยการชำระหนี้

    อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้สหราชอาณาจักรมีแรงใจมากล้นแต่ไม่มีกำลังกายเพียงพอ และความแข็งแกร่งทางการทหารและเศรษฐกิจทำให้อังกฤษไม่สามารถแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาเพื่อครอบงำทางการเงินได้

    เพียงสองปีหลังจากการเสนอแผนของไวท์( White) ทางการสหรัฐฯ ได้จัดการประชุมการเงินและการเงินแห่งสหประชาชาติ (United Nations Monetary and Financial Conference)ที่เบรตตันวูดส์ (Bretton Woods) ทางการสหรัฐฯมีอำนาจเหนือการเจรจาอย่างท่วมท้น และในที่สุดประเทศต่างๆ ก็ลงนามใน "ข้อตกลงเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods Agreement)" อันโด่งดัง

    ข้อตกลงดังกล่าวเชื่อมโยงสกุลเงินของประเทศต่างๆ อย่างเป็นทางการกับดอลลาร์สหรัฐ และสร้างระบบมาตรฐานทองคำที่ดอลลาร์สหรัฐเชื่อมโยงกับทองคำ สำนักงานใหญ่ของกองทุนการเงินแห่งชาติ (National Monetary Fund)ตั้งอยู่ในวอชิงตัน (Washington) เห็นได้ชัดว่าระบบเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods system)เป็นข้อตกลงที่ลงนามโดยสหรัฐอเมริกาที่มีอำนาจมากที่สุดและเหล่าบริวารอื่น ๆ ในสภาพแวดล้อมสงครามในขณะนั้น

    แม้ว่าอังกฤษไม่เต็มใจที่จะมอบอำนาจทางการเงินของตนให้กับผู้อื่น แต่ความรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดินก็สูญสิ้นไปนานแล้ว สหรัฐฯ ขู่ว่าจะปฏิเสธคำขอกู้ยืมของอังกฤษและบังคับให้ทางการอังกฤษยอมรับข้อตกลงดังกล่าว ขณะเดียวกันพวกเขาก็ใช้การล่มสลายของระบบอาณานิคมในอนาคตเป็นข้อแก้ตัวด้วย บังคับให้ฝ่ายอังกฤษละทิ้งระบบจักรวรรดิดั้งเดิมที่ให้การปฏิบัติเระบบสิทธิพิเศษ และใช้เงินปอนด์ที่แปลงสภาพอย่างเสรี

    ในท้ายที่สุด อังกฤษก็ยอมสละอำนาจทางการเงินของตน และสหรัฐฯ ได้ขจัดอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการก้าวไปสู่อำนาจอำนาจของโลก

    🤯4. บทสรุปและการรู้แจ้ง🤯

    อารยธรรมของมนุษย์ดำรงอยู่มานานนับพันปี ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน ประเทศที่มีอำนาจเหนือกว่าจำนวนนับไม่ถ้วนได้ถือกำเนิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีระบอบการปกครองใดที่สามารถรักษาความได้เปรียบของตนไว้ได้ตลอดไปในสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อน

    ตัวแทนของยุคอาณานิคมตอนต้น - สเปนและโปรตุเกส สเปนใช้ประโยชน์จากยุคแห่งการค้นพบ และยึดครองดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ขนาดใหญ่ในทวีปอเมริกา แต่เขาสูญเสียเรือรบทั้งหมดในการรบทางเรือกับอังกฤษ ผู้ครองอำนาจเจ้าโลกรุ่นแรกจึงจำต้องสละสิทธิทางทะเลแก่สหราชอาณาจักรด้วยประการฉะนี้นี้

    บนพื้นฐานของลัทธิล่าอาณานิคมสเปน อังกฤษได้ก่อตั้งกลุ่มอาณานิคมขึ้น เช่น บริษัทอินเดียตะวันออก และดำเนินกิจกรรมปล้นสะดมขนาดใหญ่ในแอฟริกา เอเชีย และอเมริกา ถือเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมในเวลาต่อมา

    ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สอง บรรดาสุภาพบุรุษผู้สูงศักดิ์ชาวอังกฤษคอยกินบุญเก่าซึ่งมีรายชื่อในสมุดความดีความชอบมุ่งมั่นที่จะรักษาระบบอาณานิคมของตนไว้ โดยไม่สนใจการเพิ่มทวีขึ้นของจิตสำนึกแห่งชาติเผ่าของอาณานิคม และพยายามใช้วิธีการที่ต่ำทรามน่ารังเกียจต่างๆ เพื่อรักษาสถานะที่ว่าอาณาจักรที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดินของตนไว้

    ด้วยการผงาดรุ่งเรืองขึ้นของประเทศทุนนิยมเกิดใหม่ และการทำลายล้างเศรษฐกิจของอังกฤษโดยสงครามโลกครั้งที่สอง ในที่สุดอังกฤษก็ถูกบังคับให้สละอำนาจเจ้าโลกของตนในที่สุด สหรัฐฯ ผ่านการปฏิบัติการหลายประการมีการสถาปนาอำนาจนำในหลายแง่มุมซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศตน

    😎ในกระบวนการแย่งชิงอำนาจของอังกฤษโดยสหรัฐอเมริกา การรวมอำนาจทางการเมือง การขยายอาณาเขต การรักษาความสามัคคี และการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นพื้นฐานของการได้รับอำนาจเป็นเจ้าโลก😎

    เมื่อความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและความแข็งแกร่งทางการทหารมีมากกว่าประเทศอื่นๆ มาก การโอนอำนาจก็สามารถเกิดขึ้นได้ในทันที ในช่วงแรกของสงครามโลกครั้งที่สอง การเก็บตัวและสังเกตการณ์อยู่ข้างสนามและการแทรกแซงสงครามในเวลาที่เหมาะสม ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเฉียบแหลมทางการเมืองอันยอดเยี่ยมของกลุ่มนักคิดของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อประเทศในยุโรปไม่สามารถทำได้หากปราศจากการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา การโอนอำนาจเจ้าโลกจะเป็นเรื่องที่สำเร็จแน่นอน

    ในปัจจุบัน ขณะที่การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีครั้งที่สามกำลังจะสิ้นสุดลง และการปฏิวัติอุตสาหกรรมรอบใหม่กำลังจะแตกออก อำนาจของอเมริกาก็มาถึงทางแยกแห่งโชคชะตาเนื่องจากมีเหตุการณ์เป็นตัวเร่งคือเรื่องของการเสริมกำลังทหารและความขัดแย้งภายในของตัวเอง

    สหรัฐฯ ไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้จีนดำเนินตามขั้นตอนเดิมพัฒนาในลักษณะที่ไม่สำคัญต่อไป จากยุทธศาสตร์ปิดล้อมด้วย“สายโซ่แห่งดินแดนวงล้อมชั้นแรก” (First Island Chain)รวมกับเครือข่ายพื้นที่แผ่นดินใหญ่ในยุคโอบามา ไปจนถึงสงครามการค้ากับจีนในยุคทรัมป์ และการโจมตีจีนโดยรัฐบริวารในเอเชียในเรื่องต่างๆ จะเห็นได้ว่าความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการรักษาสิ่งที่เรียกว่าอำนาจเป็นใหญ่นั้นเปรียบเสมือนนักรบที่ติดอยู่ในสนามประลอง

    ในยุคแห่งความขัดแย้งครั้งใหญ่นี้ การยืนหยัดบนเส้นทางของตัวเองและระวังการแทรกซึมของกองกำลังศัตรูเป็นหนทางที่จะทำลายแผนการสมรู้ร่วมคิดของสหรัฐฯ และอำนาจเจ้าโลกของสหรัฐฯ

    🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#สหรัฐฯ ค่อยๆ เข้ามาแทนที่อังกฤษและกลายเป็นเจ้าโลกได้อย่างไร? #การรื้ออำนาจเจ้าโลกจะมีผลกระทบอะไรบ้าง ตอน 02.🤠 🤯สาม การพลิกกลับ🤯 สถานการณ์สงครามโลกที่ไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างโลกทำให้ทางการสหรัฐฯไม่พอใจอย่างมาก หลังจากที่ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน(Woodrow Wilson伍德罗·威尔逊) ลาออกจากตำแหน่ง นโยบายต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็กลับเข้าสู่ลัทธิโดดเดี่ยวอย่างเดิม เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1935 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำในสงครามโลกครั้งที่ 1 สภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาจึงผ่านกฎหมายความเป็นกลาง ซึ่งกำหนดให้มีการคว่ำบาตร "อาวุธ กระสุน และยุทโธปกรณ์" ไปยังประเทศคู่สงครามทั้งหมด และห้ามเรือค้าขายของสหรัฐฯ จากการขนส่งอาวุธไปยังประเทศคู่สงคราม ขบวนการโดดเดี่ยวในสหรัฐอเมริกาถึงจุดสูงสุด ในเวลานี้ ท้องฟ้าเหนือยุโรปเต็มไปด้วยเมฆหมอกแห่งสงคราม นโยบายการโอนอ่อนผ่อนตามของอังกฤษและฝรั่งเศสมีส่วนทำให้เกิดความหยิ่งลำพองของเยอรมนีมีความเป็นฟาสซิสต์มากขึ้น ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 นาซีเยอรมนีเปิดการโจมตีแบบสายฟ้าแลบต่อโปแลนด์ และสงครามโลกครั้งที่สองก็ปะทุขึ้น ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1940 ฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะมหาอำนาจโดยมีกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปยอมจำนน ในเดือนพฤศจิกายนของปีถัดมา ญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในมหาอำนาจฝ่ายอักษะได้เปิดฉากโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ต่อสหรัฐอเมริกา และลากสหรัฐอเมริกาเข้าสู่วังวนแห่งสงคราม สงครามโลกครั้งที่สองและสงครามโลกครั้งที่ 1 แตกต่างกันออกไป ในเวลานี้ สหรัฐฯมีบทบาทเป็นผู้นำ โดยควบคุมในแอฟริกาเหนือ แนวรบด้านตะวันตก และสนามรบในมหาสมุทรแปซิฟิก ในช่วงสงคราม รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ลืมวางแผนสำหรับรูปแบบโลกหลังสงคราม และไม่ต้องการทำผิดพลาดแบบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซ้ำอีก สิ่งแรกที่ต้องจัดการคือเรื่องการครอบงำทางการเงินของโลกที่อังกฤษโดยก่อตั้งขึ้นตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1942 ไวท์( White) ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ได้เปิดตัวแผนของไวท์( White) ซึ่งเป็นแผนเศรษฐกิจในช่วงสงคราม แผนดังกล่าวรวมถึงการจัดตั้งสถาบันสองแห่ง ได้แก่ กองทุนรักษาเสถียรภาพแห่งชาติ (National Stabilization Fund) และธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนา (Bank for Reconstruction and Development.) ทั้งสองสถาบันนี้เป็นสถาบันก่อนหน้าของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund)และธนาคารโลก (World Bank.)ในอนาคต เพื่อป้องกันอิทธิพลอำนาจทางการเงินของสหรัฐอเมริกาหลังสงครามและปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง สหราชอาณาจักรยังเสนอให้จัดตั้งศูนย์หักบัญชีระหว่างประเทศ (international clearing center) ตาม "ลัทธิเคนส์ (Keynesianism)" และออกแบบระบบการเงินที่มีทองคำเป็นหน่วยการชำระหนี้ อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้สหราชอาณาจักรมีแรงใจมากล้นแต่ไม่มีกำลังกายเพียงพอ และความแข็งแกร่งทางการทหารและเศรษฐกิจทำให้อังกฤษไม่สามารถแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาเพื่อครอบงำทางการเงินได้ เพียงสองปีหลังจากการเสนอแผนของไวท์( White) ทางการสหรัฐฯ ได้จัดการประชุมการเงินและการเงินแห่งสหประชาชาติ (United Nations Monetary and Financial Conference)ที่เบรตตันวูดส์ (Bretton Woods) ทางการสหรัฐฯมีอำนาจเหนือการเจรจาอย่างท่วมท้น และในที่สุดประเทศต่างๆ ก็ลงนามใน "ข้อตกลงเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods Agreement)" อันโด่งดัง ข้อตกลงดังกล่าวเชื่อมโยงสกุลเงินของประเทศต่างๆ อย่างเป็นทางการกับดอลลาร์สหรัฐ และสร้างระบบมาตรฐานทองคำที่ดอลลาร์สหรัฐเชื่อมโยงกับทองคำ สำนักงานใหญ่ของกองทุนการเงินแห่งชาติ (National Monetary Fund)ตั้งอยู่ในวอชิงตัน (Washington) เห็นได้ชัดว่าระบบเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods system)เป็นข้อตกลงที่ลงนามโดยสหรัฐอเมริกาที่มีอำนาจมากที่สุดและเหล่าบริวารอื่น ๆ ในสภาพแวดล้อมสงครามในขณะนั้น แม้ว่าอังกฤษไม่เต็มใจที่จะมอบอำนาจทางการเงินของตนให้กับผู้อื่น แต่ความรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดินก็สูญสิ้นไปนานแล้ว สหรัฐฯ ขู่ว่าจะปฏิเสธคำขอกู้ยืมของอังกฤษและบังคับให้ทางการอังกฤษยอมรับข้อตกลงดังกล่าว ขณะเดียวกันพวกเขาก็ใช้การล่มสลายของระบบอาณานิคมในอนาคตเป็นข้อแก้ตัวด้วย บังคับให้ฝ่ายอังกฤษละทิ้งระบบจักรวรรดิดั้งเดิมที่ให้การปฏิบัติเระบบสิทธิพิเศษ และใช้เงินปอนด์ที่แปลงสภาพอย่างเสรี ในท้ายที่สุด อังกฤษก็ยอมสละอำนาจทางการเงินของตน และสหรัฐฯ ได้ขจัดอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการก้าวไปสู่อำนาจอำนาจของโลก 🤯4. บทสรุปและการรู้แจ้ง🤯 อารยธรรมของมนุษย์ดำรงอยู่มานานนับพันปี ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน ประเทศที่มีอำนาจเหนือกว่าจำนวนนับไม่ถ้วนได้ถือกำเนิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีระบอบการปกครองใดที่สามารถรักษาความได้เปรียบของตนไว้ได้ตลอดไปในสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อน ตัวแทนของยุคอาณานิคมตอนต้น - สเปนและโปรตุเกส สเปนใช้ประโยชน์จากยุคแห่งการค้นพบ และยึดครองดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ขนาดใหญ่ในทวีปอเมริกา แต่เขาสูญเสียเรือรบทั้งหมดในการรบทางเรือกับอังกฤษ ผู้ครองอำนาจเจ้าโลกรุ่นแรกจึงจำต้องสละสิทธิทางทะเลแก่สหราชอาณาจักรด้วยประการฉะนี้นี้ บนพื้นฐานของลัทธิล่าอาณานิคมสเปน อังกฤษได้ก่อตั้งกลุ่มอาณานิคมขึ้น เช่น บริษัทอินเดียตะวันออก และดำเนินกิจกรรมปล้นสะดมขนาดใหญ่ในแอฟริกา เอเชีย และอเมริกา ถือเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมในเวลาต่อมา ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สอง บรรดาสุภาพบุรุษผู้สูงศักดิ์ชาวอังกฤษคอยกินบุญเก่าซึ่งมีรายชื่อในสมุดความดีความชอบมุ่งมั่นที่จะรักษาระบบอาณานิคมของตนไว้ โดยไม่สนใจการเพิ่มทวีขึ้นของจิตสำนึกแห่งชาติเผ่าของอาณานิคม และพยายามใช้วิธีการที่ต่ำทรามน่ารังเกียจต่างๆ เพื่อรักษาสถานะที่ว่าอาณาจักรที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดินของตนไว้ ด้วยการผงาดรุ่งเรืองขึ้นของประเทศทุนนิยมเกิดใหม่ และการทำลายล้างเศรษฐกิจของอังกฤษโดยสงครามโลกครั้งที่สอง ในที่สุดอังกฤษก็ถูกบังคับให้สละอำนาจเจ้าโลกของตนในที่สุด สหรัฐฯ ผ่านการปฏิบัติการหลายประการมีการสถาปนาอำนาจนำในหลายแง่มุมซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศตน 😎ในกระบวนการแย่งชิงอำนาจของอังกฤษโดยสหรัฐอเมริกา การรวมอำนาจทางการเมือง การขยายอาณาเขต การรักษาความสามัคคี และการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นพื้นฐานของการได้รับอำนาจเป็นเจ้าโลก😎 เมื่อความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและความแข็งแกร่งทางการทหารมีมากกว่าประเทศอื่นๆ มาก การโอนอำนาจก็สามารถเกิดขึ้นได้ในทันที ในช่วงแรกของสงครามโลกครั้งที่สอง การเก็บตัวและสังเกตการณ์อยู่ข้างสนามและการแทรกแซงสงครามในเวลาที่เหมาะสม ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเฉียบแหลมทางการเมืองอันยอดเยี่ยมของกลุ่มนักคิดของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อประเทศในยุโรปไม่สามารถทำได้หากปราศจากการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา การโอนอำนาจเจ้าโลกจะเป็นเรื่องที่สำเร็จแน่นอน ในปัจจุบัน ขณะที่การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีครั้งที่สามกำลังจะสิ้นสุดลง และการปฏิวัติอุตสาหกรรมรอบใหม่กำลังจะแตกออก อำนาจของอเมริกาก็มาถึงทางแยกแห่งโชคชะตาเนื่องจากมีเหตุการณ์เป็นตัวเร่งคือเรื่องของการเสริมกำลังทหารและความขัดแย้งภายในของตัวเอง สหรัฐฯ ไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้จีนดำเนินตามขั้นตอนเดิมพัฒนาในลักษณะที่ไม่สำคัญต่อไป จากยุทธศาสตร์ปิดล้อมด้วย“สายโซ่แห่งดินแดนวงล้อมชั้นแรก” (First Island Chain)รวมกับเครือข่ายพื้นที่แผ่นดินใหญ่ในยุคโอบามา ไปจนถึงสงครามการค้ากับจีนในยุคทรัมป์ และการโจมตีจีนโดยรัฐบริวารในเอเชียในเรื่องต่างๆ จะเห็นได้ว่าความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการรักษาสิ่งที่เรียกว่าอำนาจเป็นใหญ่นั้นเปรียบเสมือนนักรบที่ติดอยู่ในสนามประลอง ในยุคแห่งความขัดแย้งครั้งใหญ่นี้ การยืนหยัดบนเส้นทางของตัวเองและระวังการแทรกซึมของกองกำลังศัตรูเป็นหนทางที่จะทำลายแผนการสมรู้ร่วมคิดของสหรัฐฯ และอำนาจเจ้าโลกของสหรัฐฯ 🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วิมานลอย

    วันนี้ขออนุญาตแนะนำหนังสือที่เคยอ่าน เป็นวรรณกรรมคลาสสิกฝั่งอเมริกา และคิดว่าอย่างน้อยผู้ที่สามารถอ่านหนังสือได้ และมีโอกาส ควรหามาอ่านให้ได้สักครั้งในชีวิต แม้ส่วนตัวจะตอบได้ไม่เต็มปากนักว่าชื่นชอบเล่มนี้ แต่ยืนยันได้ว่าคือหนังสือดีมีค่าที่คู่ควรกับการสละเวลาจริง

    เชื่อว่าคุ้นหูทุกคนอยู่แล้ว แต่ไม่ทุกคนที่จะได้อ่าน เพราะด้วยความยาวของแถวอักษรยาวเหยียด ความหนาของจำนวนหน้า พาให้รู้สึกท้อต่อการที่จะหยิบมาอ่านอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเล่มที่ผมอ่านนั้น เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 7 ในไทย ของ สนพ.แพรว ปี พ.ศ. 2550 หนา 1,184 หน้า แปลโดย รอย โรจนานนท์ ซึ่งทำสวยงามเลอค่าน่าสะสมมาก ปกแข็งมีปกนอกหุ้ม เย็บกี่ ซึ่งเรื่องนี้ยืมจากห้องสมุดประชาชนมาอ่าน เพราะต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น จึงจะกระตุ้นตัวเองให้มีความเพียรพอที่จะตั้งใจอ่านจนจบเรื่องได้ ไม่อย่างนั้นคงซื้อมาแล้วก็วางไว้ก่อน แต่ต้องใช้เวลาในการอ่านและยืมต่ออยู่หลายครั้ง ถ้าจำไม่ผิดก็ 3-4 หนต่อเนื่อง

    และขอยืนยันว่าฉบับพิมพ์นี้ไม่เหมาะกับการถืออ่านขณะนอนหงาย เพราะอาจหน้าแหก ดั้งยุบ หรือสลบเหมือดคาที่ได้ ขนาดนั่งอ่านยังต้องวางหนังสือกับโต๊ะ ยกอ่านได้ไม่นานเกิดอาการล้ามาก

    เรื่องที่กล่าวถึงนี้คือ Gone With The Wind หรือชื่อไทย วิมานลอย โดยผู้เขียนนาม มาร์กาเร็ต มิตเชลล์ รู้สึกชอบชื่อเรื่องมากทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่ให้ความหมายชัดเจนดีมาก ยิ่งอ่านจบแล้วยิ่งย้ำยืนยันว่าเป็นชื่อเรื่องที่เหมาะสมที่สุด ความจริงได้ยินเสียงล่ำลือถึงเรื่องนี้มานานมากตั้งแต่เด็ก แต่ได้สัมผัสครั้งแรกจากภาพยนตร์ก่อน เมื่อช่วงเรียนจบใหม่ๆ พอได้ชมแล้วชอบจึงเริ่มอยากอ่านฉบับหนังสือว่าจะแตกต่างอย่างไรบ้าง นั่นคือจุดเริ่มต้น

    เนื้อหาของเรื่องนี้ ถูกวางฉากหลังไว้ในช่วงสงครามกลางเมืองของอเมริกา ในยุคที่มีการใช้แรงงานทาสผิวดำ การทำกสิกรรมปลูกไร่ฝ้าย ไปจนถึงความขัดแย้งของคนชาติเดียวกัน แต่ต่างที่มา ซึ่งแบ่งเป็นฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ ต่อเนื่องยาวไปจนถึงเริ่มสงคราม และสงครามสิ้นสุด รวมถึงพิษภัยจากไฟสงครามที่ลามเลียต่อเนื่อง ผลกระทบทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ของฝ่ายผู้ชนะที่กระทำต่อผู้แพ้ ที่แม้คือชาติเดียวกันอย่างโหดร้าย แล้งน้ำใจ การเลิกทาส ความชุลมุน จราจลทั่วทุกหย่อมหญ้า ผ่านความคิด มุมมองและการเลือกกระทำของตัวเอกที่เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักอย่างนางเอก คือ สการ์เลตต์ โอฮารา และตัวเดินเรื่องเสริมคือพระเอก หรือ เรตต์ บัตเลอร์

    ความจริงผมไม่ชอบสการ์เลตต์ และยิ่งไม่ชอบเรตต์ บัตเลอร์เลยจากใจจริง ออกจะเหม็นเบื่อ หมั่นไส้ และรู้สึกทุเรศทุรังกับอุปนิสัยของตัวละครทั้งสอง โดยเฉพาะช่วงแรกเริ่มได้ทำความรู้จักกันผ่านหน้าหนังสือ ด้วยเหตุที่นางเอกนั้น ช่วงต้นเป็นหญิงที่ใช้ชีวิตอย่างลูกคุณหนู สมองกลวงไปวันๆ ไม่คิดทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คำนึงถึงแต่เรื่องผู้ชาย การได้แต่งงานกับลูกชายบ้านโน้นบ้านนี้ การแวดล้อมไปด้วยเพื่อนสาวที่มีค่านิยม แนวคิด ฝักใฝ่ความหรูหรา ติดสบาย ต้องมีคนคอยรับใช้ เกียรติยศ ความหลงใหลยึดติดกับศักดินา ข้าทาส บริวาร ชื่อเสียงตระกูล ความฟุ่มเฟือย สารพัดที่ผู้หญิงใฝ่สุขนิยมมักเป็นกัน

    ส่วนฝ่ายชายนั้นเล่าก็แบดบอย ยโสโอหัง กวนบาทา พูดจายียวน ชอบยั่วโมโห หน้าเลือด นิสัยพ่อค้าที่ทำอย่างไรตนจึงจะมีเงินไหลเข้ากระเป๋าได้เยอะสุดในภาวะสงคราม ที่คนจำนวนมากเดือดร้อนอดอยาก อายุมากกว่านางเอกหลายปี อยู่ในวัยหนุ่มใหญ่ผู้มีสายตาและประสบการณ์ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน

    เริ่มต้นนางเอกนั้นเกลียดขี้หน้าพระเอก และก็รู้สึกอย่างนั้นในแทบทุกครั้งที่ได้พบเจอ แต่ก็แปลกที่ในยามวิกฤตกลับนึกถึงเขา เพราะใจลึกๆนั้นรู้ดีว่าชายคนนี้เชื่อถือได้ว่าสามารถนำพาเธอให้พ้นจากสถานการณ์ร้ายต่างๆอย่างแน่นอน

    ส่วนใหญ่เวลาเจอหน้ากัน มักจะเป็นการสนทนาวิวาทะ ประคารมอย่างถึงพริกถึงขิง แม้นภายในใจจะรู้สึกต่างชอบกันอยู่บ้าง แต่โชคชะตานำพาให้พลาดกันไปพลาดกันมา กว่าจะได้มาเป็นคู่ชีวิตกัน นางเอกต้องผ่านการแต่งงานมาแล้วถึง 2ครั้ง

    ผู้อ่านจะได้เห็นถึงความเติบโตของสการ์เลตต์ผ่านประสบการณ์ชีวิตซึ่ง การศึกสงครามจากด่านหน้าที่สู้รบกันของฝ่ายสมาพันธรัฐชาวใต้ที่หยิ่งผยองในเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และต้องการความเป็นอิสระในการถือครองทาส กับฝ่ายเหนือที่เป็นสหภาพซี่งยึดรัฐธรรมนูญเหนืออื่นใด ได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อแนวหลังที่รอคอยด้วยใจกระวนกระวายอยู่กับบ้าน ผลการแพ้ชนะแต่ละครั้ง ได้สร้างรอยแผลไว้ในใจอย่างฝังลึกยากถอดถอน

    จนถึงวันที่รู้ว่าฝ่ายของตน ดินแดนอันเป็นที่รัก เชิดชูและศรัทธา ได้แพ้พ่ายอย่างราบคาบ คนรักและรู้จัก พลเมืองจำนวนมากต่างตายไปในสงคราม ที่เหลือรอดกลับมาก็สภาพน่าอเนจอนาถ รวมถึงผลพวงหลังจากรัฐบาลกลางเข้ามากุมอำนาจ มีบทบาทตั้งกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นการขูดรีด เอาเปรียบ เหยียบย่ำ ฉีกทึ้ง เกียรติยศ ศักดิ์ศรีความเป็นคน การฉ้อฉลคดโกง ใช้อำนาจโดยมิชอบ รีดนาทาเล้น ปล้นฆ่า โกงสมบัติชาติเป็นของตน ของผู้มีอำนาจที่ได้รับเลือกจากรัฐบาลกลางมาปกครองดูแลชาวใต้ สมาพันธรัฐล่มสลาย ประชาชนเดือดร้อน อดอยาก แร้นแค้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริม และเปลี่ยนแปลงให้นางเอกต้องกลายสภาพจากคุณหนูผู้ไร้เดียงสา ไปเป็นผู้ทำทุกทางเพื่อจะอยู่รอดให้ได้ในยามวิกฤต เพื่อประคับประคองข้าทาสผิวดำที่ซื่อสัตย์ เพื่อรักษาบ้านและที่ดินของพ่อเอาไว้ เพราะเธอต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนหลังสูญเสียพ่อไป

    ยอมกระทั่งให้คนใต้ด้วยกันหยามเหยียด รังเกียจเดียดฉันท์ เพราะเธอตัดสินใจเลือกคบค้าสมาคม ทำธุรกิจกับพวกพ่อค้า ผู้มีอำนาจ ที่มาปกครองบ้านเมืองของตน ซึ่งครั้งหนึ่งเธอรังเกียจและเจ็บแค้น เพื่อจะดำรงสถานะของครอบครัวให้ไปต่อได้

    การเติบโตทางอารมณ์ และความเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องชั่งใจเลือก ในสิ่งซึ่งขัดแย้งกับอุดมการณ์ ความศรัทธา ภาคภูมิที่ตนเชื่อมั่นมาตลอด กับความจริงตรงหน้าที่บีบคั้นให้กระทำสวนทางก็ตาม

    สการ์เลตต์ โอฮารา รวมถึง เรตต์ บัตเลอร์ จึงเป็นตัวละครที่มีความเรียลริสติก มีบุคลิกที่ใกล้เคียงความเป็นมนุษย์ปุถุชน ที่มีทั้งดีชั่วปะปน และดิ้นรนเพื่อหาทางเอาชีวิตรอดไปตามสถานการณ์ ไม่ใช่ตัวละครที่พาฝัน ภาพลักษณ์สวยงาม เป็นคนดีพร้อม ทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ ที่มักพบได้ในตัวพระนางทั่วไป หากกล่าวอย่างตรงๆแล้ว ทั้งสองออกจะมีด้านที่เป็นสีเทาดำ มากกว่าสีขาวด้วยซ้ำ แต่นี่อาจเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องนี้ยังคงอยู่ในใจของนักอ่านทั่วโลกมาอย่างยาวนานจนปัจจุบัน ถึงกับได้รับการยกย่องมากมายจากหลายสถาบัน ให้เป็นหนึ่งในวรรณกรรมคลาสสิกชิ้นเยี่ยม

    ทว่าสำหรับส่วนตัวแล้ว ไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นเลย ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าไม่ชอบนางเอก และพระเอก รวมถึงไม่อาจบอกได้ว่านี่คือเรื่องที่รักชอบหลังอ่านจบ แต่สิ่งหนึ่งที่กล้ายืนยันอย่างมั่นใจอีกครั้งคือ

    นี่คือหนังสือที่ดี มีค่าเพียงพอต่อเวลาที่ต้องสละไปในการอ่าน

    ใครอ่านเรื่องนี้จบเกินกว่า 1 รอบ ขอยอมรับนับถือเลย
    สุดท้ายที่จะบอกคือ นี่เป็นหนังสือที่ดูดพลังอย่างมาก เหนื่อยที่สุดในชีวิตการเป็นนักอ่าน แม้นอ่านนิยายไทยยาวๆอย่างเพชรพระอุมา หรือนิยายจีนกำลังภายในที่ยาว 20-30 เล่ม ก็ยังไม่เคยเหนื่อยเท่า

    ป.ล. เนื่องจากไม่มีหนังสือเป็นของตน จึงขอใช้ภาพจากอินเตอร์เน็ตมาประกอบครับ

    #นิยายแปล
    #วรรณกรรมคลาสสิก
    #วิมานลอย
    #gonewiththewind
    #หนังสือน่าอ่าน
    #สงครามกลางเมือง
    #สหรัฐอเมริกา
    #ชนชั้น
    #แรงงาน
    #บริวาร
    #ทาส
    #คนผิวดำ
    #thaitimes
    #นิยาย
    #หนังสือ
    #วิมานลอย วันนี้ขออนุญาตแนะนำหนังสือที่เคยอ่าน เป็นวรรณกรรมคลาสสิกฝั่งอเมริกา และคิดว่าอย่างน้อยผู้ที่สามารถอ่านหนังสือได้ และมีโอกาส ควรหามาอ่านให้ได้สักครั้งในชีวิต แม้ส่วนตัวจะตอบได้ไม่เต็มปากนักว่าชื่นชอบเล่มนี้ แต่ยืนยันได้ว่าคือหนังสือดีมีค่าที่คู่ควรกับการสละเวลาจริง เชื่อว่าคุ้นหูทุกคนอยู่แล้ว แต่ไม่ทุกคนที่จะได้อ่าน เพราะด้วยความยาวของแถวอักษรยาวเหยียด ความหนาของจำนวนหน้า พาให้รู้สึกท้อต่อการที่จะหยิบมาอ่านอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเล่มที่ผมอ่านนั้น เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 7 ในไทย ของ สนพ.แพรว ปี พ.ศ. 2550 หนา 1,184 หน้า แปลโดย รอย โรจนานนท์ ซึ่งทำสวยงามเลอค่าน่าสะสมมาก ปกแข็งมีปกนอกหุ้ม เย็บกี่ ซึ่งเรื่องนี้ยืมจากห้องสมุดประชาชนมาอ่าน เพราะต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น จึงจะกระตุ้นตัวเองให้มีความเพียรพอที่จะตั้งใจอ่านจนจบเรื่องได้ ไม่อย่างนั้นคงซื้อมาแล้วก็วางไว้ก่อน แต่ต้องใช้เวลาในการอ่านและยืมต่ออยู่หลายครั้ง ถ้าจำไม่ผิดก็ 3-4 หนต่อเนื่อง และขอยืนยันว่าฉบับพิมพ์นี้ไม่เหมาะกับการถืออ่านขณะนอนหงาย เพราะอาจหน้าแหก ดั้งยุบ หรือสลบเหมือดคาที่ได้ ขนาดนั่งอ่านยังต้องวางหนังสือกับโต๊ะ ยกอ่านได้ไม่นานเกิดอาการล้ามาก เรื่องที่กล่าวถึงนี้คือ Gone With The Wind หรือชื่อไทย วิมานลอย โดยผู้เขียนนาม มาร์กาเร็ต มิตเชลล์ รู้สึกชอบชื่อเรื่องมากทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่ให้ความหมายชัดเจนดีมาก ยิ่งอ่านจบแล้วยิ่งย้ำยืนยันว่าเป็นชื่อเรื่องที่เหมาะสมที่สุด ความจริงได้ยินเสียงล่ำลือถึงเรื่องนี้มานานมากตั้งแต่เด็ก แต่ได้สัมผัสครั้งแรกจากภาพยนตร์ก่อน เมื่อช่วงเรียนจบใหม่ๆ พอได้ชมแล้วชอบจึงเริ่มอยากอ่านฉบับหนังสือว่าจะแตกต่างอย่างไรบ้าง นั่นคือจุดเริ่มต้น เนื้อหาของเรื่องนี้ ถูกวางฉากหลังไว้ในช่วงสงครามกลางเมืองของอเมริกา ในยุคที่มีการใช้แรงงานทาสผิวดำ การทำกสิกรรมปลูกไร่ฝ้าย ไปจนถึงความขัดแย้งของคนชาติเดียวกัน แต่ต่างที่มา ซึ่งแบ่งเป็นฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ ต่อเนื่องยาวไปจนถึงเริ่มสงคราม และสงครามสิ้นสุด รวมถึงพิษภัยจากไฟสงครามที่ลามเลียต่อเนื่อง ผลกระทบทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ของฝ่ายผู้ชนะที่กระทำต่อผู้แพ้ ที่แม้คือชาติเดียวกันอย่างโหดร้าย แล้งน้ำใจ การเลิกทาส ความชุลมุน จราจลทั่วทุกหย่อมหญ้า ผ่านความคิด มุมมองและการเลือกกระทำของตัวเอกที่เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักอย่างนางเอก คือ สการ์เลตต์ โอฮารา และตัวเดินเรื่องเสริมคือพระเอก หรือ เรตต์ บัตเลอร์ ความจริงผมไม่ชอบสการ์เลตต์ และยิ่งไม่ชอบเรตต์ บัตเลอร์เลยจากใจจริง ออกจะเหม็นเบื่อ หมั่นไส้ และรู้สึกทุเรศทุรังกับอุปนิสัยของตัวละครทั้งสอง โดยเฉพาะช่วงแรกเริ่มได้ทำความรู้จักกันผ่านหน้าหนังสือ ด้วยเหตุที่นางเอกนั้น ช่วงต้นเป็นหญิงที่ใช้ชีวิตอย่างลูกคุณหนู สมองกลวงไปวันๆ ไม่คิดทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คำนึงถึงแต่เรื่องผู้ชาย การได้แต่งงานกับลูกชายบ้านโน้นบ้านนี้ การแวดล้อมไปด้วยเพื่อนสาวที่มีค่านิยม แนวคิด ฝักใฝ่ความหรูหรา ติดสบาย ต้องมีคนคอยรับใช้ เกียรติยศ ความหลงใหลยึดติดกับศักดินา ข้าทาส บริวาร ชื่อเสียงตระกูล ความฟุ่มเฟือย สารพัดที่ผู้หญิงใฝ่สุขนิยมมักเป็นกัน ส่วนฝ่ายชายนั้นเล่าก็แบดบอย ยโสโอหัง กวนบาทา พูดจายียวน ชอบยั่วโมโห หน้าเลือด นิสัยพ่อค้าที่ทำอย่างไรตนจึงจะมีเงินไหลเข้ากระเป๋าได้เยอะสุดในภาวะสงคราม ที่คนจำนวนมากเดือดร้อนอดอยาก อายุมากกว่านางเอกหลายปี อยู่ในวัยหนุ่มใหญ่ผู้มีสายตาและประสบการณ์ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน เริ่มต้นนางเอกนั้นเกลียดขี้หน้าพระเอก และก็รู้สึกอย่างนั้นในแทบทุกครั้งที่ได้พบเจอ แต่ก็แปลกที่ในยามวิกฤตกลับนึกถึงเขา เพราะใจลึกๆนั้นรู้ดีว่าชายคนนี้เชื่อถือได้ว่าสามารถนำพาเธอให้พ้นจากสถานการณ์ร้ายต่างๆอย่างแน่นอน ส่วนใหญ่เวลาเจอหน้ากัน มักจะเป็นการสนทนาวิวาทะ ประคารมอย่างถึงพริกถึงขิง แม้นภายในใจจะรู้สึกต่างชอบกันอยู่บ้าง แต่โชคชะตานำพาให้พลาดกันไปพลาดกันมา กว่าจะได้มาเป็นคู่ชีวิตกัน นางเอกต้องผ่านการแต่งงานมาแล้วถึง 2ครั้ง ผู้อ่านจะได้เห็นถึงความเติบโตของสการ์เลตต์ผ่านประสบการณ์ชีวิตซึ่ง การศึกสงครามจากด่านหน้าที่สู้รบกันของฝ่ายสมาพันธรัฐชาวใต้ที่หยิ่งผยองในเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และต้องการความเป็นอิสระในการถือครองทาส กับฝ่ายเหนือที่เป็นสหภาพซี่งยึดรัฐธรรมนูญเหนืออื่นใด ได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อแนวหลังที่รอคอยด้วยใจกระวนกระวายอยู่กับบ้าน ผลการแพ้ชนะแต่ละครั้ง ได้สร้างรอยแผลไว้ในใจอย่างฝังลึกยากถอดถอน จนถึงวันที่รู้ว่าฝ่ายของตน ดินแดนอันเป็นที่รัก เชิดชูและศรัทธา ได้แพ้พ่ายอย่างราบคาบ คนรักและรู้จัก พลเมืองจำนวนมากต่างตายไปในสงคราม ที่เหลือรอดกลับมาก็สภาพน่าอเนจอนาถ รวมถึงผลพวงหลังจากรัฐบาลกลางเข้ามากุมอำนาจ มีบทบาทตั้งกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นการขูดรีด เอาเปรียบ เหยียบย่ำ ฉีกทึ้ง เกียรติยศ ศักดิ์ศรีความเป็นคน การฉ้อฉลคดโกง ใช้อำนาจโดยมิชอบ รีดนาทาเล้น ปล้นฆ่า โกงสมบัติชาติเป็นของตน ของผู้มีอำนาจที่ได้รับเลือกจากรัฐบาลกลางมาปกครองดูแลชาวใต้ สมาพันธรัฐล่มสลาย ประชาชนเดือดร้อน อดอยาก แร้นแค้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริม และเปลี่ยนแปลงให้นางเอกต้องกลายสภาพจากคุณหนูผู้ไร้เดียงสา ไปเป็นผู้ทำทุกทางเพื่อจะอยู่รอดให้ได้ในยามวิกฤต เพื่อประคับประคองข้าทาสผิวดำที่ซื่อสัตย์ เพื่อรักษาบ้านและที่ดินของพ่อเอาไว้ เพราะเธอต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนหลังสูญเสียพ่อไป ยอมกระทั่งให้คนใต้ด้วยกันหยามเหยียด รังเกียจเดียดฉันท์ เพราะเธอตัดสินใจเลือกคบค้าสมาคม ทำธุรกิจกับพวกพ่อค้า ผู้มีอำนาจ ที่มาปกครองบ้านเมืองของตน ซึ่งครั้งหนึ่งเธอรังเกียจและเจ็บแค้น เพื่อจะดำรงสถานะของครอบครัวให้ไปต่อได้ การเติบโตทางอารมณ์ และความเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องชั่งใจเลือก ในสิ่งซึ่งขัดแย้งกับอุดมการณ์ ความศรัทธา ภาคภูมิที่ตนเชื่อมั่นมาตลอด กับความจริงตรงหน้าที่บีบคั้นให้กระทำสวนทางก็ตาม สการ์เลตต์ โอฮารา รวมถึง เรตต์ บัตเลอร์ จึงเป็นตัวละครที่มีความเรียลริสติก มีบุคลิกที่ใกล้เคียงความเป็นมนุษย์ปุถุชน ที่มีทั้งดีชั่วปะปน และดิ้นรนเพื่อหาทางเอาชีวิตรอดไปตามสถานการณ์ ไม่ใช่ตัวละครที่พาฝัน ภาพลักษณ์สวยงาม เป็นคนดีพร้อม ทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ ที่มักพบได้ในตัวพระนางทั่วไป หากกล่าวอย่างตรงๆแล้ว ทั้งสองออกจะมีด้านที่เป็นสีเทาดำ มากกว่าสีขาวด้วยซ้ำ แต่นี่อาจเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องนี้ยังคงอยู่ในใจของนักอ่านทั่วโลกมาอย่างยาวนานจนปัจจุบัน ถึงกับได้รับการยกย่องมากมายจากหลายสถาบัน ให้เป็นหนึ่งในวรรณกรรมคลาสสิกชิ้นเยี่ยม ทว่าสำหรับส่วนตัวแล้ว ไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นเลย ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าไม่ชอบนางเอก และพระเอก รวมถึงไม่อาจบอกได้ว่านี่คือเรื่องที่รักชอบหลังอ่านจบ แต่สิ่งหนึ่งที่กล้ายืนยันอย่างมั่นใจอีกครั้งคือ นี่คือหนังสือที่ดี มีค่าเพียงพอต่อเวลาที่ต้องสละไปในการอ่าน ใครอ่านเรื่องนี้จบเกินกว่า 1 รอบ ขอยอมรับนับถือเลย สุดท้ายที่จะบอกคือ นี่เป็นหนังสือที่ดูดพลังอย่างมาก เหนื่อยที่สุดในชีวิตการเป็นนักอ่าน แม้นอ่านนิยายไทยยาวๆอย่างเพชรพระอุมา หรือนิยายจีนกำลังภายในที่ยาว 20-30 เล่ม ก็ยังไม่เคยเหนื่อยเท่า ป.ล. เนื่องจากไม่มีหนังสือเป็นของตน จึงขอใช้ภาพจากอินเตอร์เน็ตมาประกอบครับ #นิยายแปล #วรรณกรรมคลาสสิก #วิมานลอย #gonewiththewind #หนังสือน่าอ่าน #สงครามกลางเมือง #สหรัฐอเมริกา #ชนชั้น #แรงงาน #บริวาร #ทาส #คนผิวดำ #thaitimes #นิยาย #หนังสือ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1563 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป็นเรื่องน่าเศร้าเสียใจกับการจากไปของดารานักแสดงจีนรุ่นเก๋า “ฉีเส้าเฉียง” ที่มีแฟนคลับและเป็นที่รู้จักกันถ้วนหน้ากับผลงานหลากหลายที่ได้ฝากไว้ในวงการบันเทิงมาโดยตลอดกว่า 40 ปีที่ผ่านมา

    ทั้งนี้ Fengshui Biz Designer ขออนุญาตร่วมไว้อาลัยด้วยการวิเคราะห์รูปดวงเชิงวิชาการยกไว้เป็นดวงครู เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่สนใจในโหราศาสตร์จีนโบราณ ด้วยหลักวิชา “สี่เสาแห่งโชคชะตา” หรือ 八字四柱 (โป๊ยหยี่ซี๊เถียว)

    ลักษณะโครงสร้าง ”สี่เสาแห่งโชคชะตา” หรือ 八字四柱 (โป๊ยหยี่ซี๊เถียว) เป็นคนธาตุไม้ เพศหยาง เสมือนไม้แข็งลำต้นใหญ่ ที่มีนิสัยกระตือรือร้น รักการพัฒนาตลอดเวลา มีจิตใจที่เข้มแข็ง ดื้อรั้น ซื่อตรง รักศักดิ์ศรี มีคุณธรรม ตัดสินใจเร็ว ชอบช่วยเหลือผู้อ่อนแอ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของผู้น้อย แต่มีข้อเสียที่ไม่รู้จักโอนอ่อนผ่อนตามตลอดจนขี้ระแวง

    ธาตุไม้ เพศหยาง ที่เกิดในปีขาลทอง 庚寅(แกเอี๊ยง) เดือนจอไฟ 丙戌(เปียสุก) วันวอกไม้ 甲申(กะซิม) ที่เสาปีเกิดกับเสาวันเกิดปะทะ沖(ชง)กัน ในขณะที่วัยจรช่วงอายุตั้งแต่ 69 ถึง 78 ปี ถนนชีวิตเดินในตำแหน่งมะเส็งน้ำ癸巳(กุ้ยจี๋) เข้าหลักเกณฑ์三刑(ซาเฮ้ง) เสมือนเป็นคราวเคราะห์ ทั้งปีจรในปีนี้ตรงกับปีมะโรงไม้甲辰(กะซิ้ง)ปะทะ沖(ชง)กับเดือนเกิดจอไฟ 丙戌(เปียสุก) ซ้ำเติมเข้าไปอีก

    ส่วนในปี 2567 นี้ อายุ 75 ปี (นับจีน) เป็นปีจรมะโรงไม้甲辰(กะซิ้ง) ที่มีดาวร้าย喪門(ซึงมึ้ง) 天哭(เทียงเข่า) และ地煞(ตี่สั่วะ) ตอกย้ำซ้ำเติมดาวบาปเคราะห์บังเกิดเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดวิบัติดลให้เลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    เป็นเรื่องน่าเศร้าเสียใจกับการจากไปของดารานักแสดงจีนรุ่นเก๋า “ฉีเส้าเฉียง” ที่มีแฟนคลับและเป็นที่รู้จักกันถ้วนหน้ากับผลงานหลากหลายที่ได้ฝากไว้ในวงการบันเทิงมาโดยตลอดกว่า 40 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ Fengshui Biz Designer ขออนุญาตร่วมไว้อาลัยด้วยการวิเคราะห์รูปดวงเชิงวิชาการยกไว้เป็นดวงครู เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่สนใจในโหราศาสตร์จีนโบราณ ด้วยหลักวิชา “สี่เสาแห่งโชคชะตา” หรือ 八字四柱 (โป๊ยหยี่ซี๊เถียว) ลักษณะโครงสร้าง ”สี่เสาแห่งโชคชะตา” หรือ 八字四柱 (โป๊ยหยี่ซี๊เถียว) เป็นคนธาตุไม้ เพศหยาง เสมือนไม้แข็งลำต้นใหญ่ ที่มีนิสัยกระตือรือร้น รักการพัฒนาตลอดเวลา มีจิตใจที่เข้มแข็ง ดื้อรั้น ซื่อตรง รักศักดิ์ศรี มีคุณธรรม ตัดสินใจเร็ว ชอบช่วยเหลือผู้อ่อนแอ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของผู้น้อย แต่มีข้อเสียที่ไม่รู้จักโอนอ่อนผ่อนตามตลอดจนขี้ระแวง ธาตุไม้ เพศหยาง ที่เกิดในปีขาลทอง 庚寅(แกเอี๊ยง) เดือนจอไฟ 丙戌(เปียสุก) วันวอกไม้ 甲申(กะซิม) ที่เสาปีเกิดกับเสาวันเกิดปะทะ沖(ชง)กัน ในขณะที่วัยจรช่วงอายุตั้งแต่ 69 ถึง 78 ปี ถนนชีวิตเดินในตำแหน่งมะเส็งน้ำ癸巳(กุ้ยจี๋) เข้าหลักเกณฑ์三刑(ซาเฮ้ง) เสมือนเป็นคราวเคราะห์ ทั้งปีจรในปีนี้ตรงกับปีมะโรงไม้甲辰(กะซิ้ง)ปะทะ沖(ชง)กับเดือนเกิดจอไฟ 丙戌(เปียสุก) ซ้ำเติมเข้าไปอีก ส่วนในปี 2567 นี้ อายุ 75 ปี (นับจีน) เป็นปีจรมะโรงไม้甲辰(กะซิ้ง) ที่มีดาวร้าย喪門(ซึงมึ้ง) 天哭(เทียงเข่า) และ地煞(ตี่สั่วะ) ตอกย้ำซ้ำเติมดาวบาปเคราะห์บังเกิดเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดวิบัติดลให้เลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์จากเพจAround the world 13 ส.ค.2567

    โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน เปิดใจให้สัมภาษณ์สดกับ อีลอน มัสก์ ผ่านทางแพลตฟอร์ม X เป็นเวลา 2 ชั่วโมงเมื่อวานนี้ (12 ส.ค.) ตามเวลาในสหรัฐฯ ขณะที่การตั้งวงคุยระหว่าง 2 มหาเศรษฐีคนดังต้องเผชิญอุปสรรคทางเทคนิคจนทำให้ล่าช้าไปกว่า 40 นาที
    .
    มัสก์ ซึ่งเป็นเจ้าของเทสลา สเปซเอ็กซ์ รวมถึง X ออกมาโทษเหตุขัดข้องว่าเกิดจากปฏิบัติการโจมตีทางไซเบอร์แบบ denial-of-service attack หรือ DoS ซึ่งหมายถึงการระดมส่งคำขอเข้าถึงข้อมูลหรือ traffic จำนวนมหาศาลเพื่อทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มใช้การไม่ได้ ทว่าคำกล่าวอ้างนี้ก็ยังไม่ได้การพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่
    .
    ทางด้านของ ทรัมป์ พยายามมองปัญหาในเชิงบวกด้วยการกล่าวแสดงความยินดีกับ มัสก์ ว่ามีแฟนคลับแห่เข้ามาฟังการสัมภาษณ์ครั้งนี้อย่างล้นหลาม โดยในบางช่วงนั้นพบว่ามีผู้เข้าร่วมรับฟังการสนทนามากถึง 1.3 ล้านคน
    .
    ทรัมป์ และ มัสก์ ต่างป้อนคำสรรเสริญเยินยอกันไปมาหลายครั้ง โดยเจ้าของเทสลาได้กล่าวชื่นชมความกล้าหาญของอดีตผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งผ่านประสบการณ์ถูกลอบสังหารมาหมาดๆ เมื่อเดือนที่แล้ว ในขณะที่ ทรัมป์ ก็ชม มัสก์ ว่าเป็นนายจ้างใจเด็ดที่กล้าไล่ออกพวกพนักงานซึ่งออกมาเรียกร้องเงื่อนไขการทำงานที่ดีกว่าเดิม
    .
    “คุณเป็นนักตัดที่ยอดเยี่ยมที่สุด (the greatest cutter)” ทรัมป์ กล่าว “ผมหมายความว่า ผมเห็นสิ่งที่คุณทำ คุณเดินเข้าไปแล้วก็บอกว่า อยากลาออกเหรอ? คนพวกนั้นนัดหยุดงานประท้วง ผมไม่ขอพูดนะว่าบริษัทไหน แต่เอาเป็นว่าพวกเขานัดหยุดงาน แล้วคุณก็บอกว่า โอเค พวกคุณออกไปให้หมดเลย”
    .
    มัสก์ ออกมาประกาศสนับสนุน โดนัลด์ ทรัมป์ ในการชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ทันที หลังเกิดความพยายามลอบสังหารผู้แทนรีพับลิกันรายนี้ที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันที่ 13 ก.ค. แม้ว่า ทรัมป์ จะมีจุดยืนคัดค้านมาตรการอุดหนุนผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเทสลาก็ตามที
    .
    มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลกผู้นี้เคยสนับสนุนประธานาธิบดี โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตในศึกเลือกตั้งปี 2020 ก่อนจะค่อยๆ โน้มเอียงมาสู่ขั้วการเมืองฝ่ายขวา
    .
    “ผมคิดว่าเรากำลังเดินมาถึงทางแยกแห่งโชคชะตา ทางแยกแห่งอารยธรรม และผมเชื่อว่าเราจำเป็นต้องเลือกเดินในเส้นทางที่ถูกต้อง ซึ่งเส้นทางที่ถูกต้องนั้นก็คือคุณ” มัสก์ กล่าวสรุปในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์
    .
    การสนทนากับ มัสก์ ในครั้งนี้เป็นโอกาสให้ ทรัมป์ ได้ระบายความไม่พอใจ การใส่ไคล้โจมตีบุคคล รวมถึงกระพือข้อมูลเท็จต่างๆ ที่เขามักหยิบยกมาอ้างอยู่เป็นประจำ
    .
    มัสก์ เปิดพื้นที่ให้ ทรัมป์ เป็นผู้นำในการพูดคุยโดยไม่โต้แย้งหรือท้าทายคำพูดที่บิดเบือนข้อเท็จจริง ตัวอย่างเช่นเมื่อ ทรัมป์ อ้างว่าประเทศอื่นๆ “ส่งอาชญากร” จากในเรือนจำของพวกเขาเข้ามายังสหรัฐฯ ผ่านพรมแดนทางใต้ รวมถึงเรื่องราคาเบคอนที่แพงขึ้น 4-5 เท่า เป็นต้น
    .
    ผลการศึกษาพบว่า ผู้อพยพส่วนใหญ่ รวมถึงพวกที่หลบหนีเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย ไม่ได้มีสถิติก่ออาชญากรรมสูงกว่าคนอเมริกันโดยกำเนิด
    .
    การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ยังเป็นความพยายามล่าสุดของ ทรัมป์ ที่จะดึงความสนใจมาจากรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ซึ่งสร้างโมเมนตัมให้พรรคเดโมแครตกลับมาทำคะแนนนิยมตีตื้นและระดมเงินบริจาคได้อย่างมหาศาลทันที หลังจากที่ประกาศรับตำแหน่งผู้แทนพรรคต่อจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน ซึ่งถอนตัวจากศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 21 ก.ค.
    .
    ทรัมป์ เอ่ยโจมตี แฮร์ริส อยู่หลายครั้ง โดยเรียกเธอว่าเป็นพวก “ชั้นเลว” (third rate) “ไร้ศักยภาพ” (incompetent) และ “พวกคลั่งฝ่ายซ้ายสุดโต่ง” (radical left lunatic) ก่อนที่จู่ๆ จะหันมาชมรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายว่าดูสวยคล้ายกับ เมลาเนีย ทรัมป์
    .
    “เธอดูเหมือนนักแสดงที่สวยที่สุด” ทรัมป์ เอ่ยถึงภาพวาด แฮร์ริส ซึ่งถูกนำไปลงปกนิตยสารไทม์ส
    .
    “มันเป็นภาพวาด และเอาจริงๆ นะผมว่าเธอดูคล้ายกับสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งผู้ยิ่งใหญ่... เมลาเนีย”
    .
    ทรัมป์ ยังแสดงความไม่พอใจที่พรรคเดโมแครตตัดสินใจเปลี่ยนเอา แฮร์ริส ขึ้นมาเป็นผู้แทนพรรคแทนที่ ไบเดน
    .
    “เธอไม่เคยให้สัมภาษณ์แม้แต่ครั้งเดียวหลังจากที่แผนต้มตุ๋นนี้เริ่มขึ้น” ทรัมป์ กล่าว พร้อมอ้างว่าการที่ ไบเดน ถอนตัวนั้นแท้ที่จริงเป็นการถูก “รัฐประหาร” (coup) จากคนในพรรคต่างหาก
    .
    ทรัมป์ เคยมีคะแนนนิยมนำ ไบเดน ในรัฐสมรภูมิสำคัญๆ ที่คาดว่าจะเป็นตัวตัดสินผลเลือกตั้งในวันที่ 5 พ.ย. ทว่าเวลานี้กลับถูก แฮร์ริส ทำคะแนนแซงหน้าได้แล้วในบางรัฐ
    .
    อดีตผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งเคยแสดงจุดยืนต่อต้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามาโดยตลอดเริ่มปรับท่าทีใหม่หลังจากที่ได้รับการสนับสนุนจาก มัสก์ โดยเขากล่าวเมื่อวานนี้ (12) ว่า รถอีวีที่ผลิตโดยเทสลานั้น “ยอดเยี่ยมอย่างไม่น่าเชื่อ”
    .
    ทรัมป์ ยังเอ่ยชมประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน และผู้นำ คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือ โดยระบุว่าบรรดาผู้นำชาติปรปักษ์ของสหรัฐฯ เหล่านี้ “กำลังทำผลงานได้ดีเยี่ยม” (at the top of their game)
    .
    อีลอน มัสก์ ได้ปลดล็อคบัญชี X หรืออดีตทวิตเตอร์ให้กับ ทรัมป์ เพียง 1 เดือนหลังจากที่เข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์เมื่อปี 2022 โดยก่อนหน้านั้นทวิตเตอร์ได้ระงับบัญชีของ ทรัมป์ แบบถาวรตามหลังเหตุจลาจลที่รัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ปี 2021 เนื่องจากเกรงว่าอดีตผู้นำรายนี้จะใช้มันเป็นเครื่องมือปลุกปั่นความรุนแรงอีก
    .
    ที่มา: รอยเตอร์

    https://www.youtube.com/live/RphoakH6Dm0?si=AivfkUG18lfrEvth

    #Thaitimes
    รีโพสต์จากเพจAround the world 13 ส.ค.2567 โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน เปิดใจให้สัมภาษณ์สดกับ อีลอน มัสก์ ผ่านทางแพลตฟอร์ม X เป็นเวลา 2 ชั่วโมงเมื่อวานนี้ (12 ส.ค.) ตามเวลาในสหรัฐฯ ขณะที่การตั้งวงคุยระหว่าง 2 มหาเศรษฐีคนดังต้องเผชิญอุปสรรคทางเทคนิคจนทำให้ล่าช้าไปกว่า 40 นาที . มัสก์ ซึ่งเป็นเจ้าของเทสลา สเปซเอ็กซ์ รวมถึง X ออกมาโทษเหตุขัดข้องว่าเกิดจากปฏิบัติการโจมตีทางไซเบอร์แบบ denial-of-service attack หรือ DoS ซึ่งหมายถึงการระดมส่งคำขอเข้าถึงข้อมูลหรือ traffic จำนวนมหาศาลเพื่อทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มใช้การไม่ได้ ทว่าคำกล่าวอ้างนี้ก็ยังไม่ได้การพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ . ทางด้านของ ทรัมป์ พยายามมองปัญหาในเชิงบวกด้วยการกล่าวแสดงความยินดีกับ มัสก์ ว่ามีแฟนคลับแห่เข้ามาฟังการสัมภาษณ์ครั้งนี้อย่างล้นหลาม โดยในบางช่วงนั้นพบว่ามีผู้เข้าร่วมรับฟังการสนทนามากถึง 1.3 ล้านคน . ทรัมป์ และ มัสก์ ต่างป้อนคำสรรเสริญเยินยอกันไปมาหลายครั้ง โดยเจ้าของเทสลาได้กล่าวชื่นชมความกล้าหาญของอดีตผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งผ่านประสบการณ์ถูกลอบสังหารมาหมาดๆ เมื่อเดือนที่แล้ว ในขณะที่ ทรัมป์ ก็ชม มัสก์ ว่าเป็นนายจ้างใจเด็ดที่กล้าไล่ออกพวกพนักงานซึ่งออกมาเรียกร้องเงื่อนไขการทำงานที่ดีกว่าเดิม . “คุณเป็นนักตัดที่ยอดเยี่ยมที่สุด (the greatest cutter)” ทรัมป์ กล่าว “ผมหมายความว่า ผมเห็นสิ่งที่คุณทำ คุณเดินเข้าไปแล้วก็บอกว่า อยากลาออกเหรอ? คนพวกนั้นนัดหยุดงานประท้วง ผมไม่ขอพูดนะว่าบริษัทไหน แต่เอาเป็นว่าพวกเขานัดหยุดงาน แล้วคุณก็บอกว่า โอเค พวกคุณออกไปให้หมดเลย” . มัสก์ ออกมาประกาศสนับสนุน โดนัลด์ ทรัมป์ ในการชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ทันที หลังเกิดความพยายามลอบสังหารผู้แทนรีพับลิกันรายนี้ที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันที่ 13 ก.ค. แม้ว่า ทรัมป์ จะมีจุดยืนคัดค้านมาตรการอุดหนุนผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเทสลาก็ตามที . มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลกผู้นี้เคยสนับสนุนประธานาธิบดี โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตในศึกเลือกตั้งปี 2020 ก่อนจะค่อยๆ โน้มเอียงมาสู่ขั้วการเมืองฝ่ายขวา . “ผมคิดว่าเรากำลังเดินมาถึงทางแยกแห่งโชคชะตา ทางแยกแห่งอารยธรรม และผมเชื่อว่าเราจำเป็นต้องเลือกเดินในเส้นทางที่ถูกต้อง ซึ่งเส้นทางที่ถูกต้องนั้นก็คือคุณ” มัสก์ กล่าวสรุปในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ . การสนทนากับ มัสก์ ในครั้งนี้เป็นโอกาสให้ ทรัมป์ ได้ระบายความไม่พอใจ การใส่ไคล้โจมตีบุคคล รวมถึงกระพือข้อมูลเท็จต่างๆ ที่เขามักหยิบยกมาอ้างอยู่เป็นประจำ . มัสก์ เปิดพื้นที่ให้ ทรัมป์ เป็นผู้นำในการพูดคุยโดยไม่โต้แย้งหรือท้าทายคำพูดที่บิดเบือนข้อเท็จจริง ตัวอย่างเช่นเมื่อ ทรัมป์ อ้างว่าประเทศอื่นๆ “ส่งอาชญากร” จากในเรือนจำของพวกเขาเข้ามายังสหรัฐฯ ผ่านพรมแดนทางใต้ รวมถึงเรื่องราคาเบคอนที่แพงขึ้น 4-5 เท่า เป็นต้น . ผลการศึกษาพบว่า ผู้อพยพส่วนใหญ่ รวมถึงพวกที่หลบหนีเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย ไม่ได้มีสถิติก่ออาชญากรรมสูงกว่าคนอเมริกันโดยกำเนิด . การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ยังเป็นความพยายามล่าสุดของ ทรัมป์ ที่จะดึงความสนใจมาจากรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ซึ่งสร้างโมเมนตัมให้พรรคเดโมแครตกลับมาทำคะแนนนิยมตีตื้นและระดมเงินบริจาคได้อย่างมหาศาลทันที หลังจากที่ประกาศรับตำแหน่งผู้แทนพรรคต่อจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน ซึ่งถอนตัวจากศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 21 ก.ค. . ทรัมป์ เอ่ยโจมตี แฮร์ริส อยู่หลายครั้ง โดยเรียกเธอว่าเป็นพวก “ชั้นเลว” (third rate) “ไร้ศักยภาพ” (incompetent) และ “พวกคลั่งฝ่ายซ้ายสุดโต่ง” (radical left lunatic) ก่อนที่จู่ๆ จะหันมาชมรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายว่าดูสวยคล้ายกับ เมลาเนีย ทรัมป์ . “เธอดูเหมือนนักแสดงที่สวยที่สุด” ทรัมป์ เอ่ยถึงภาพวาด แฮร์ริส ซึ่งถูกนำไปลงปกนิตยสารไทม์ส . “มันเป็นภาพวาด และเอาจริงๆ นะผมว่าเธอดูคล้ายกับสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งผู้ยิ่งใหญ่... เมลาเนีย” . ทรัมป์ ยังแสดงความไม่พอใจที่พรรคเดโมแครตตัดสินใจเปลี่ยนเอา แฮร์ริส ขึ้นมาเป็นผู้แทนพรรคแทนที่ ไบเดน . “เธอไม่เคยให้สัมภาษณ์แม้แต่ครั้งเดียวหลังจากที่แผนต้มตุ๋นนี้เริ่มขึ้น” ทรัมป์ กล่าว พร้อมอ้างว่าการที่ ไบเดน ถอนตัวนั้นแท้ที่จริงเป็นการถูก “รัฐประหาร” (coup) จากคนในพรรคต่างหาก . ทรัมป์ เคยมีคะแนนนิยมนำ ไบเดน ในรัฐสมรภูมิสำคัญๆ ที่คาดว่าจะเป็นตัวตัดสินผลเลือกตั้งในวันที่ 5 พ.ย. ทว่าเวลานี้กลับถูก แฮร์ริส ทำคะแนนแซงหน้าได้แล้วในบางรัฐ . อดีตผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งเคยแสดงจุดยืนต่อต้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามาโดยตลอดเริ่มปรับท่าทีใหม่หลังจากที่ได้รับการสนับสนุนจาก มัสก์ โดยเขากล่าวเมื่อวานนี้ (12) ว่า รถอีวีที่ผลิตโดยเทสลานั้น “ยอดเยี่ยมอย่างไม่น่าเชื่อ” . ทรัมป์ ยังเอ่ยชมประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน และผู้นำ คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือ โดยระบุว่าบรรดาผู้นำชาติปรปักษ์ของสหรัฐฯ เหล่านี้ “กำลังทำผลงานได้ดีเยี่ยม” (at the top of their game) . อีลอน มัสก์ ได้ปลดล็อคบัญชี X หรืออดีตทวิตเตอร์ให้กับ ทรัมป์ เพียง 1 เดือนหลังจากที่เข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์เมื่อปี 2022 โดยก่อนหน้านั้นทวิตเตอร์ได้ระงับบัญชีของ ทรัมป์ แบบถาวรตามหลังเหตุจลาจลที่รัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ปี 2021 เนื่องจากเกรงว่าอดีตผู้นำรายนี้จะใช้มันเป็นเครื่องมือปลุกปั่นความรุนแรงอีก . ที่มา: รอยเตอร์ https://www.youtube.com/live/RphoakH6Dm0?si=AivfkUG18lfrEvth #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 693 มุมมอง 0 รีวิว