• แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน 3.2.2 (Android) เราได้ทำการอัปเดตแอปพลิเคชันเวอร์ชัน 3.2.2 สำหรับ Android โดยมีการปรับปรุงดังนี้:

    - ปัญหาการแชร์วิดีโอ Live แล้วเล่นไม่ได้ได้รับการแก้ไขเรียบร้อย

    สำหรับ iOS กำลังดำเนินการครับ.....

    #Thaitimes #Update
    แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน 3.2.2 (Android) เราได้ทำการอัปเดตแอปพลิเคชันเวอร์ชัน 3.2.2 สำหรับ Android โดยมีการปรับปรุงดังนี้: - ปัญหาการแชร์วิดีโอ Live แล้วเล่นไม่ได้ได้รับการแก้ไขเรียบร้อย สำหรับ iOS กำลังดำเนินการครับ..... #Thaitimes #Update
    Like
    Yay
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 532 มุมมอง 0 รีวิว
  • แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน 3.2.1 (iOS) เราได้ทำการอัปเดตแอปพลิเคชันเวอร์ชัน 3.2.1 สำหรับ iOS โดยมีการปรับปรุงดังนี้:

    - แก้ไขบั๊กต่าง ๆ เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลยิ่งขึ้น

    เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาแอปพลิเคชันให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด
    อย่าลืมอัปเดตแอปพลิเคชัน ThaiTimes บน iOS ของคุณวันนี้!

    #thaitimes #Update #iOS
    แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน 3.2.1 (iOS) เราได้ทำการอัปเดตแอปพลิเคชันเวอร์ชัน 3.2.1 สำหรับ iOS โดยมีการปรับปรุงดังนี้: - แก้ไขบั๊กต่าง ๆ เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลยิ่งขึ้น เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาแอปพลิเคชันให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด อย่าลืมอัปเดตแอปพลิเคชัน ThaiTimes บน iOS ของคุณวันนี้! #thaitimes #Update #iOS
    Like
    7
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 546 มุมมอง 0 รีวิว
  • อย่าลืมอัปเดตแอปพลิเคชัน ThaiTimes บน Android กันนะครับ
    อย่าลืมอัปเดตแอปพลิเคชัน ThaiTimes บน Android กันนะครับ
    21-11-2024 แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน 3.2.1 (เฉพาะ Android) ThaiTimes ได้ทำการอัปเดตแอปพลิเคชันเป็นเวอร์ชัน 3.2.1 ซึ่งมีการปรับปรุงและแก้ไขปัญหาดังนี้:

    - แก้ไขปัญหาวิดีโอที่ถูกบีบในบางขนาดหน้าจอ
    - แก้ปัญหาการโพสต์ซ้ำ กดโพสต์สำเร็จในครั้งเดียว
    - ปรับปรุงการดูวิดีโอแบบเต็มจอให้เล่นต่อเนื่องได้ไม่มีสะดุด
    - ช่องค้นหาสามารถใช้งานได้ดีขึ้น คลิกดูผลลัพธ์ได้ตามปกติ
    - ปัญหาเสียงซ้อนในวิดีโอได้รับการแก้ไขแล้ว

    เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาแอปพลิเคชันให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด
    อย่าลืมอัปเดตแอปพลิเคชัน ThaiTimes บน Android ของคุณวันนี้!

    #Thaitimes #Update
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 258 มุมมอง 1 รีวิว
  • 21-11-2024 แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน 3.2.1 (เฉพาะ Android) ThaiTimes ได้ทำการอัปเดตแอปพลิเคชันเป็นเวอร์ชัน 3.2.1 ซึ่งมีการปรับปรุงและแก้ไขปัญหาดังนี้:

    - แก้ไขปัญหาวิดีโอที่ถูกบีบในบางขนาดหน้าจอ
    - แก้ปัญหาการโพสต์ซ้ำ กดโพสต์สำเร็จในครั้งเดียว
    - ปรับปรุงการดูวิดีโอแบบเต็มจอให้เล่นต่อเนื่องได้ไม่มีสะดุด
    - ช่องค้นหาสามารถใช้งานได้ดีขึ้น คลิกดูผลลัพธ์ได้ตามปกติ
    - ปัญหาเสียงซ้อนในวิดีโอได้รับการแก้ไขแล้ว

    เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาแอปพลิเคชันให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด
    อย่าลืมอัปเดตแอปพลิเคชัน ThaiTimes บน Android ของคุณวันนี้!

    #Thaitimes #Update
    21-11-2024 แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน 3.2.1 (เฉพาะ Android) ThaiTimes ได้ทำการอัปเดตแอปพลิเคชันเป็นเวอร์ชัน 3.2.1 ซึ่งมีการปรับปรุงและแก้ไขปัญหาดังนี้: - แก้ไขปัญหาวิดีโอที่ถูกบีบในบางขนาดหน้าจอ - แก้ปัญหาการโพสต์ซ้ำ กดโพสต์สำเร็จในครั้งเดียว - ปรับปรุงการดูวิดีโอแบบเต็มจอให้เล่นต่อเนื่องได้ไม่มีสะดุด - ช่องค้นหาสามารถใช้งานได้ดีขึ้น คลิกดูผลลัพธ์ได้ตามปกติ - ปัญหาเสียงซ้อนในวิดีโอได้รับการแก้ไขแล้ว เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาแอปพลิเคชันให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด อย่าลืมอัปเดตแอปพลิเคชัน ThaiTimes บน Android ของคุณวันนี้! #Thaitimes #Update
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 531 มุมมอง 0 รีวิว
  • ThaiTimes แอปพลิเคชันออนไลน์ แพลตฟอร์มใหม่ที่พร้อมจะเติบโต พร้อมพัฒนาไปข้างหน้า แชร์เรื่องราวและอัปเดตข่าวสาร ติดตามข่าวสารคนสำคัญ #thaitimes #Howto #ภาพรวมวิธีการลงทะเบียน
    ThaiTimes แอปพลิเคชันออนไลน์ แพลตฟอร์มใหม่ที่พร้อมจะเติบโต พร้อมพัฒนาไปข้างหน้า แชร์เรื่องราวและอัปเดตข่าวสาร ติดตามข่าวสารคนสำคัญ #thaitimes #Howto #ภาพรวมวิธีการลงทะเบียน
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 474 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อุตสาหกรรมที่ชี้เป็นชี้ตาย" หมายถึงกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญมากต่อเศรษฐกิจของประเทศหรือโลก และหากเกิดปัญหาในอุตสาหกรรมเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยปกติจะหมายถึงอุตสาหกรรมหลัก เช่น:1. อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ2. อุตสาหกรรมพลังงาน3. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ4. อุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร5. อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์6. อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์7. อุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์8. อุตสาหกรรมการก่อสร้าง9. อุตสาหกรรมโทรคมนาคม10. อุตสาหกรรมการธนาคารและการเงิน11. อุตสาหกรรมเหมืองแร่12. อุตสาหกรรมเหล็กและโลหะ13. อุตสาหกรรมปิโตรเคมี14. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร15. อุตสาหกรรมป้องกันประเทศและอาวุธ16. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์17. อุตสาหกรรมการผลิตหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ18. อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ19. อุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอ20. อุตสาหกรรมบันเทิงและสื่อ21. อุตสาหกรรมการศึกษาและการฝึกอบรม22. อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน (พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม)23. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ24. อุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์25. อุตสาหกรรมสื่อดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์26. อุตสาหกรรมเกมและการพัฒนาแอปพลิเคชัน27. อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์พิเศษ28. อุตสาหกรรมการขนส่งสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานนี่คืออุตสาหกรรมเพิ่มเติมที่มีความสำคัญ:29. อุตสาหกรรมการรีไซเคิลและการจัดการของเสีย30. อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ31. อุตสาหกรรมการประมงและผลิตภัณฑ์จากทะเล32. อุตสาหกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้าง33. อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์34. อุตสาหกรรมอุปกรณ์กีฬา35. อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว36. อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และการออกแบบตกแต่งภายใน37. อุตสาหกรรมการศึกษาออนไลน์และการเรียนรู้ดิจิทัล38. อุตสาหกรรมการค้าปลีก (ทั้งแบบดั้งเดิมและออนไลน์)39. อุตสาหกรรมการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ (เช่น ข้าวสาลี, ข้าวโพด, อ้อย)40. อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ41. อุตสาหกรรมการพัฒนาและขายซอฟต์แวร์42. อุตสาหกรรมดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง43. อุตสาหกรรมบริการด้านการเงิน (เช่น บริษัทประกันภัย)44. อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์45. อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการผลิตแบตเตอรี่46. อุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์47. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร (เช่น พืชดัดแปลงพันธุกรรม)48. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ49. อุตสาหกรรมการพิมพ์สามมิติ (3D Printing)50. อุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (Data Centers)51. อุตสาหกรรมการออกแบบสถาปัตยกรรมและการวางผังเมือง52. อุตสาหกรรมการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)53. อุตสาหกรรมการวิเคราะห์และวิจัยตลาด54. อุตสาหกรรมการทดสอบและควบคุมคุณภาพ55. อุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์56. อุตสาหกรรมอุปกรณ์การแพทย์57. อุตสาหกรรมการแพทย์ทางเลือกและการรักษาสุขภาพแบบองค์รวม58. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการจัดการโครงข่ายพลังงาน (Smart Grid)59. อุตสาหกรรมการพัฒนาเทคโนโลยีรถไร้คนขับ60. อุตสาหกรรมโลจิสติกส์อัจฉริยะและห่วงโซ่อุปทาน61. อุตสาหกรรมการออกแบบและการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรูหรา62. อุตสาหกรรมการผลิตวัคซีนและยาชีววัตถุ63. อุตสาหกรรมการส่งเสริมและสนับสนุนเทคโนโลยีสีเขียว64. อุตสาหกรรมระบบการเกษตรแบบยั่งยืนและเทคโนโลยีเกษตร (AgriTech)65. อุตสาหกรรมที่พักอาศัยและการบริการ (Hospitality)66. อุตสาหกรรมสถาบันทางการเงินระหว่างประเทศ67. อุตสาหกรรมการจัดการและบำบัดน้ำ
    "อุตสาหกรรมที่ชี้เป็นชี้ตาย" หมายถึงกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญมากต่อเศรษฐกิจของประเทศหรือโลก และหากเกิดปัญหาในอุตสาหกรรมเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยปกติจะหมายถึงอุตสาหกรรมหลัก เช่น:1. อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ2. อุตสาหกรรมพลังงาน3. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ4. อุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร5. อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์6. อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์7. อุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์8. อุตสาหกรรมการก่อสร้าง9. อุตสาหกรรมโทรคมนาคม10. อุตสาหกรรมการธนาคารและการเงิน11. อุตสาหกรรมเหมืองแร่12. อุตสาหกรรมเหล็กและโลหะ13. อุตสาหกรรมปิโตรเคมี14. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร15. อุตสาหกรรมป้องกันประเทศและอาวุธ16. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์17. อุตสาหกรรมการผลิตหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ18. อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ19. อุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอ20. อุตสาหกรรมบันเทิงและสื่อ21. อุตสาหกรรมการศึกษาและการฝึกอบรม22. อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน (พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม)23. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ24. อุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์25. อุตสาหกรรมสื่อดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์26. อุตสาหกรรมเกมและการพัฒนาแอปพลิเคชัน27. อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์พิเศษ28. อุตสาหกรรมการขนส่งสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานนี่คืออุตสาหกรรมเพิ่มเติมที่มีความสำคัญ:29. อุตสาหกรรมการรีไซเคิลและการจัดการของเสีย30. อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ31. อุตสาหกรรมการประมงและผลิตภัณฑ์จากทะเล32. อุตสาหกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้าง33. อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์34. อุตสาหกรรมอุปกรณ์กีฬา35. อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว36. อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และการออกแบบตกแต่งภายใน37. อุตสาหกรรมการศึกษาออนไลน์และการเรียนรู้ดิจิทัล38. อุตสาหกรรมการค้าปลีก (ทั้งแบบดั้งเดิมและออนไลน์)39. อุตสาหกรรมการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ (เช่น ข้าวสาลี, ข้าวโพด, อ้อย)40. อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ41. อุตสาหกรรมการพัฒนาและขายซอฟต์แวร์42. อุตสาหกรรมดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง43. อุตสาหกรรมบริการด้านการเงิน (เช่น บริษัทประกันภัย)44. อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์45. อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการผลิตแบตเตอรี่46. อุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์47. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร (เช่น พืชดัดแปลงพันธุกรรม)48. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ49. อุตสาหกรรมการพิมพ์สามมิติ (3D Printing)50. อุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (Data Centers)51. อุตสาหกรรมการออกแบบสถาปัตยกรรมและการวางผังเมือง52. อุตสาหกรรมการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)53. อุตสาหกรรมการวิเคราะห์และวิจัยตลาด54. อุตสาหกรรมการทดสอบและควบคุมคุณภาพ55. อุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์56. อุตสาหกรรมอุปกรณ์การแพทย์57. อุตสาหกรรมการแพทย์ทางเลือกและการรักษาสุขภาพแบบองค์รวม58. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการจัดการโครงข่ายพลังงาน (Smart Grid)59. อุตสาหกรรมการพัฒนาเทคโนโลยีรถไร้คนขับ60. อุตสาหกรรมโลจิสติกส์อัจฉริยะและห่วงโซ่อุปทาน61. อุตสาหกรรมการออกแบบและการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรูหรา62. อุตสาหกรรมการผลิตวัคซีนและยาชีววัตถุ63. อุตสาหกรรมการส่งเสริมและสนับสนุนเทคโนโลยีสีเขียว64. อุตสาหกรรมระบบการเกษตรแบบยั่งยืนและเทคโนโลยีเกษตร (AgriTech)65. อุตสาหกรรมที่พักอาศัยและการบริการ (Hospitality)66. อุตสาหกรรมสถาบันทางการเงินระหว่างประเทศ67. อุตสาหกรรมการจัดการและบำบัดน้ำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 472 มุมมอง 0 รีวิว
  • [บน APP] วิธีสมัครสมาชิก ThaiTimes สำหรับผู้ที่ยังไม่มีบัญชี

    1. เปิดแอปพลิเคชัน ThaiTimes
    เปิดแอปบนมือถือของคุณ จะเจอหน้าจอเข้าสู่ระบบเหมือนในรูป

    2. มองหาปุ่ม "Sign Up" หรือ "ลงทะเบียน"
    หากคุณยังไม่มีบัญชี ให้มองหาข้อความที่เขียนว่า "ยังไม่มีบัญชี? ลงทะเบียน" อยู่ด้านล่าง

    3. กดที่ปุ่ม "ลงทะเบียน"
    ใช้นิ้วแตะที่ปุ่มนี้เพื่อเริ่มต้นสมัครสมาชิกใหม่

    4. กรอกข้อมูลของคุณ
    ทำตามขั้นตอนที่แอปแจ้ง เช่น กรอกชื่อ อีเมล และตั้งรหัสผ่าน

    ติดต่อสอบถาม Line : @sondhitalk

    #thaitimes #UXUIแบบใหม่
    [บน APP] วิธีสมัครสมาชิก ThaiTimes สำหรับผู้ที่ยังไม่มีบัญชี 1. เปิดแอปพลิเคชัน ThaiTimes เปิดแอปบนมือถือของคุณ จะเจอหน้าจอเข้าสู่ระบบเหมือนในรูป 2. มองหาปุ่ม "Sign Up" หรือ "ลงทะเบียน" หากคุณยังไม่มีบัญชี ให้มองหาข้อความที่เขียนว่า "ยังไม่มีบัญชี? ลงทะเบียน" อยู่ด้านล่าง 3. กดที่ปุ่ม "ลงทะเบียน" ใช้นิ้วแตะที่ปุ่มนี้เพื่อเริ่มต้นสมัครสมาชิกใหม่ 4. กรอกข้อมูลของคุณ ทำตามขั้นตอนที่แอปแจ้ง เช่น กรอกชื่อ อีเมล และตั้งรหัสผ่าน ติดต่อสอบถาม Line : @sondhitalk #thaitimes #UXUIแบบใหม่
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 463 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ปานเทพ" น็อก "ทนายปาเกียว"
    เปิดสัญญาเด็ด โยงปม 71ล.
    ย้ำ "เมียตั้ม" รู้เห็นเงินโกงหวยออนไลน์
    .
    "ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" ออกรายการโหนกระแส ย้อนรอยที่มาคดีเงิน 71 ล้านบาท ย้ำไม่ใช่ให้โดยเสน่หา ไม่ใช่ทั้งกู้และยืมเงิน สัญญาชัดคุณอ้อยกับผู้ผลิตแพลตฟอร์ม ไม่มีทนายตั้มเกี่ยวข้อง ชี้ถ้ามีไม้เด็ดจริงคงไม่อยู่เรือนจำ ไม่ได้ประกันตัว ถูกอายัดทรัพย์ ส่วนที่อ้างว่าภรรยาไม่รู้นั้นไม่จริง ยังไงก็รับทราบโดยตลอด
    .
    วันนี้ (13 พ.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยผ่านรายการโหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ดำเนินรายการโดยนายกรรชัย กำเนิดพลอย ว่า น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย และคณะมาร้องเรียนกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ เนื่องจากนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เป็นบุคคลมีชื่อเสียงและมีเครือข่ายมาก ถ้าจะมีใครสักคนสามารถเปิดความจริงและต่อสู้ผ่านสื่อน่าจะเป็นค่ายผู้จัดการ ระหว่างนั้นก็เก็บข้อมูล คลิปทั้งหมด แต่ไม่คิดจะเปิดในช่วงแรก เพราะรอให้คดีนี้เข้าสู่ตำรวจสอบสวนกลาง แล้วจะเปิดประเด็นก่อน
    .
    เมื่อนายษิทราและนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ไปออกรายการโหนกระแส เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2567 และนายกรรชัย กำเนิดพลอย ผู้ดำเนินรายการ ถามว่าทำไมนายษิทราจึงรวย มีของแบรนด์เนม นายษิทราหลุดมาว่าให้โดยเสน่หา ซึ่งในตอนเช้านายษิทราโทรศัพท์ไปหาทนายความของ น.ส.จตุพร เพราะรู้ว่ามีการแจ้งความและรู้ว่ามีเรื่องต่อกัน และเมื่อเห็นว่านายษิทราอาศัยรายการดังกล่าวสร้างภาพ และฟอกตัวว่าไม่มีปัญหาต่อกัน ทำให้เครือผู้จัดการตัดสินใจเปิดข้อมูลในช่วงบ่าย โดยนำข้อมูลในรายการไปลงปิดท้ายด้วย ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่ตัดสินใจเปิดประเด็น และจะเปิดสักวันหนึ่งเมื่อคดีคืบหน้าจากทั้งสองฝั่งแล้ว
    .
    เมื่อเปิดข้อมูล ปรากฎว่านายษิทราไปพาดพิงนายสนธิท้าว่าใครแพ้จะให้ดื่มน้ำปัสสาวะ 71 แก้ว ทำให้ต้องเปิดข้อมูลทั้งหมด แล้วนายษิทราก็เงียบหายไป ต่อมานายษิทราไปออกรายการของ อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ อ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา และครั้งที่ 3 ให้สัมภาษณ์ที่กองปราบปราม อ้างว่าให้โดยเสน่หาโดยไม่มีเงื่อนไข และจะมีการจ่ายภาษี 5% ของรายได้ที่เกิน 10 ล้านบาท คำถามก็คือที่กล่าวว่าให้โดยเสน่หามาตลอด เพิ่งมาเปลี่ยนในรายการวานนี้ (12 พ.ย.) ว่าเป็นเงินกู้เพื่อการลงทุน ตกลงเป็นเงินกู้เพื่อการลงทุน หรือเงินยืมเพื่อการลงทุนกันแน่
    .
    ส่วนกรณีที่นายษิทราเคยนำโทรศัพท์มือถือไปให้ อ.ยิ่งศักดิ์อ่าน และนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนายษิทรา นำเอกสารมาให้นายกรรชัย และนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความอ่าน อ้างว่าเป็นแชตสำคัญ ตนรู้ตั้งแต่แรกว่าเป็นแชตนี้ ไม่ใช่แชตระหว่างนายษิทรากับคุณอ้อย และรู้ว่าไม่สามารถจะเป็นไม้เด็ดได้ หากเป็นไม้เด็ดจริงคงไม่อยู่ในเรือนจำ ประกันตัวไม่ได้ และอายัดทรัพย์ หลักฐานนี้เป็นการสร้างวาทกรรมการพิมพ์ไลน์ของทนายตั้มเพื่อคุยกับคุณน้อย เลขาส่วนตัว เพื่อสมอ้างว่าได้คุยกับคุณอ้อยแล้ว และข้อความไม่ได้แปลว่าสำเร็จแล้วโดยนายษิทรา เป็นการขอให้คุณน้อยไปเจรจากับคุณอ้อยอีกครั้งหนึ่ง แปลว่ายังไม่ได้เห็นด้วย
    .
    ทั้งนี้ บทสนทนาดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วง วันที่ 28-30 ม.ค. 2566 หลังจากนั้นมีการตกลงกันที่ไม่ใช่ในแชต นายษิทราอ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา 3 ครั้ง โดยจ่ายภาษี 5% แต่ตอนนี้ไม่เอาแล้ว เหลือแค่ 2 อย่าง คือการกู้เงินหรือยืมเงิน พลิกไปพลิกมา ทั้งที่การกู้เงินต้องมีสัญญา ส่วนการลงทุนต้องมีผลตอบแทนและสัดส่วนหุ้นชัดเจน หากเป็นการยืมเพื่อลงทุน ก็ถือว่าเป็นการกู้อยู่ดี นายษิทราเป็นนักกฎหมาย เป็นคู่สัญญาในฐานะที่ปรึกษากฎหมาย ย่อมต้องรู้ว่าจะต้องร่างสัญญากู้เงิน แต่กลับไม่มี แสดงว่าไม่ใช่การกู้ยืมเงิน ส่วนการลงทุน มีการจดทะเบียนทรัพย์สินหรือไม่ ในแชตไลน์นำไปสู่การอ้างว่าจะทำแอปฯ หวยออนไลน์
    .
    แต่ที่ไม่เปิดนอกจากโต้ไม่ได้แล้ว ยังอวดอ้างว่ามีเส้นสายในการรับสัมปทานหวยออนไลน์ ทั้งที่ไม่มีอยู่จริง นอกจากจะพูดคนที่ไม่เข้าใจ ไม่รู้ข้อกฎหมาย และหลงเชื่อว่ามีเส้นสาย มีคอนเนกชัน มีระบบสัมปทานที่จะทำได้ ก็เลยไม่กล้าเปิด อีกทั้งการลงทุนต้องมีหุ้นในสัดส่วนอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่มีทางไม่มีสัญญาเพราะนายษิทราเป็นนักกฎหมายและเป็นที่ปรึกษากฎหมายของคุณอ้อย จะต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งคุณอ้อยเดินทางจากประเทศฝรั่งเศสมายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 2-8 ก.พ. 2566 เพื่อเซ็นสัญญากับบริษัทผลิตแอปพลิเคชัน ลงวันที่ 3 ก.พ. 2566 ลงนามจริงวันที่ 5 ก.พ. 2566 ทำขึ้นระหว่างคุณอ้อยกับบริษัทผู้รับจ้างผลิตแอปพลิเคชัน แสดงว่าทรัพย์สินไม่ใช่ของนายษิทรา ที่อ้างว่าเป็นการกู้ยืมเงินจึงเป็นความเท็จทั้งสิ้น
    .
    "คนเราจะตัดสินใจอย่างไร ขึ้นอยู่กับสัญญา ไม่ใช่แชตไลน์คุย เพราะการแชตไลน์คุย คุณอ้างหลักฐานพิมพ์เองว่าตกลงกันแล้วอะไรก็ได้ คุณคุยกับเลขาฯ ไม่ได้คุยกับพี่อ้อยด้วย แต่ผลลัพธ์คือเซ็นสัญญาที่ไม่มีชื่อทนายตั้มเกี่ยวข้องเลย จะมาอ้างว่าเงินกู้ยืมก็ไม่ได้ เงินลงทุนก็ไม่ได้ เพราะสัญญาไม่มีชื่อคุณแม้แต่คำเดียว และที่สำคัญ สัญญานี้ทำการปรับปรุงและแก้ไขจากสำนักงานทนายความษิทรา ลอว์เฟิร์ม ทั้งสิ้น" นายปานเทพ กล่าว
    .
    เมื่อทีมกฎหมายของนายษิทราส่งข้อความไปยังนายกรรชัย ถามว่า ใครเป็นคนสั่งให้ทำสัญญานี้ และสัญญานี้คุณอ้อยให้ทำโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงหน่วยงานราชการฝรั่งเศส นำเงินมาให้นายษิทราจริงหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า เป็นคำถามที่ดีเพราะมีการแอบอ้างว่าสัญญาทำขึ้นเพื่อเป็นนิติกรรมอำพราง เรื่องนี้มีสัญญาชัดเจน คุณอ้อยมาประเทศไทยวันที่ 2-8 ก.พ. 2566 ภายใต้สัญญานี้ เมื่อกลับไปประเทศฝรั่งเศสก็ไปทำเรื่องถอนเงิน เตรียมขายหลักทรัพย์เพื่อโอนเงินมา เพราะเป็นทรัพย์สินของเขาเอง และการโอนเงินจากฝรั่งเศสมายังประเทศไทย ถ้าเป็นทรัพย์สินของตัวเองไม่ต้องเสียภาษี จ่ายแค่ธรรมเนียม รวมทั้งเงินทำบุญและใช้ส่วนตัวก็หลักการเดียวกัน จึงไม่จำเป็นต้องสร้างนิติกรรมอำพราง
    .
    หลังจากนั้นจึงนำเงินไปให้นายษิทราเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2566 เพราะนายษิทราอ้างว่าเป็นผู้ดำเนินการ โดยที่นายษิทราเป็นคนติดต่อบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันเอง และติดต่อคุณอ้อยโดยไม่ให้ทั้งสองฝ่ายเจอกัน โดยอ้างว่ารับเงินมาแล้วไปดำเนินการต่อ เพราะฉะนั้นเงิน 71 ล้านบาทจ่ายไปเพื่อวัตถุประสงค์ตามสัญญาฉบับดังกล่าว และสัญญาดังกล่าวระบุว่าจะต้องมีการจ่ายเงินภายในวันที่ 15 ก.พ. 2566 แต่โอนเงินเข้ามาไม่ทัน ต้องเป็นวันรุ่งขึ้น จึงสอดคล้องกับสัญญานี้ โดยที่คุณอ้อยหลงเชื่อว่าควรจะเป็นทรัพย์สินที่เดินหน้าทำสลากออนไลน์เพราะหลงเชื่อนายษิทรา
    .
    ทั้งนี้ นายษิทราอ้างในไลน์ตลอดว่าทำสลากออนไลน์ พอได้เงินมาเสร็จหลังจากนั้นถอนเงินไปซื้อบ้านด้วยเงินสด กรณีนี้จึงเป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกคุณอ้อย เพราะเมื่อบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันไม่ได้เงินก็ถามว่า ไหนสัญญาบอกว่าจะได้รับเงิน นายษิทรากล่าวว่า คุณอ้อยยกเลิกสัญญาแล้ว ทั้งที่คุณอ้อยไม่ได้ยกเลิกและจ่ายเงินไปแล้ว แต่บริษัทไม่รู้ว่ามีการจ่ายเงิน และเมื่อไม่มีการโอนเงินก็ยุติสัญญา เดิมนายษิทราและภรรยาไปขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านในราคา 43 ล้านบาท จากนั้นวันที่ 22 มี.ค. 2566 นำเงินก้อนนี้เปลี่ยนจากสินเชื่อกลายเป็นซื้อเงินสด เพราะได้เงินมาจากคุณอ้อย กรณีนี้ถ้าทำกันถึงขนาดนี้คิดว่าเข้าข่ายฉ้อโกง เพราะชี้ขาดว่าใครเป็นคู่สัญญาและเจ้าของทรัพย์สิน แต่นายษิทราเป็นตัวกลางกลับนำเงินตรงนี้ไปใช้ส่วนตัวซื้อบ้านซึ่งไม่เกี่ยว
    .
    เมื่อทีมกฎหมายของนายษิทราส่งข้อความไปยังนายกรรชัย ถามว่า รู้เรื่องการโอนเงินไปยังล่ามที่ชื่อจุ๋ม ซึ่งถูกหัก 40% หรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า กรณีนี้ทรัพย์สินไม่ใช่คนอื่น เป็นคุณอ้อยโดยตรง แล้วชื่อบัญชีเป็นคุณอ้อย ชื่อสัญญาเป็นคุณอ้อย จะเป็นสัญญาคนอื่นในการโอนตรงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จึงแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าตั้งใจโอนเงินเป็นทรัพย์สินของเขาเอง
    .
    นายปานเทพ กล่าวว่า จากนั้นใกล้ปลายปี 2566 ก็เริ่มคิดเรื่องภาษีว่านายษิทราจะนำเงินที่มา 71 ล้านบาทเป็นอย่างไร จึงมีการเจรจากับบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันว่า ขอผ่านเงินสัก 70 ล้านบาทได้ไหม เพื่อที่จะมีบันทึกโดยไม่บอกที่มาที่ไป ต่อมาไม่มีความคืบหน้า มาเจรจาอีกครั้ง 27 ก.พ. 2567 ใกล้ถึงรอบวงจ่ายภาษี นายษิทราเสนอว่าจะเอาเงินผ่านโดยไม่บอกว่าเป็นสัญญาเดิม ครั้งที่หนึ่ง 30 ล้านบาท ครั้งที่สอง 30 ล้านบาท และครั้งที่สาม 11 ล้านบาท แล้วจะให้ค่าตอบแทน 10 ล้านบาท บริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันจึงคิดว่ายอดใกล้ 71 ล้านบาท สงสัยจะฟอกเงินและบริษัทฯ จะเป็นแพะ จึงปฎิเสธ ซึ่งมีบทสนทนา
    .
    พอถึงช่วงที่จะส่งมอบแอปพลิเคชัน กลับไม่มีการส่งมอบ คุณอ้อยจึงดำเนินการทำโนติสถึงนายษิทรา และเมื่อนายษิทราไม่สามารถนำส่งได้ ทั้งที่ได้ดำเนินการและรับเงินไปแล้ว อีกทั้งนายษิทราบอกเองว่าเป็นผู้ประสานงานโครงการนี้ ทำไมถึงยังไม่ได้ ปรากฎว่านายษิทราแชตไลน์ไปพูดคุยกับบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันว่า มีแพลตฟอร์มนาคี ชื่อเหมือนกันแต่โลโก้เป็นสีเขียว อ้างว่าไปจ้างเขาทำมาเอง เหมือนถูกเลียนแบบ นายษิทราให้ช่วยนำแอปพลิเคชันนี้ส่งให้คุณอ้อย แต่บริษัทปฎิเสธทำไม่ได้ เพราะไม่เคยทำ และไม่ใช่แอปฯ ของบริษัท จะไปหลอกคุณอ้อยแบบนั้นไม่ได้ ก็เลยไม่ทำ เรื่องแบบนี้เป็นการให้โดยเสน่หาได้อย่างไร ให้เพื่อการลงทุนได้อย่างไรเพราะไม่มีของสักอย่างแล้วอุปโลกน์เป็นอย่างอื่น จะเรียกว่าฉ้อโกงหรือไม่
    .
    นายปานเทพ กล่าวว่า ตอนนี้ฝ่ายนายษิทรามีความคิดที่จะประกันตัวนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด หรือเดือน ภรรยา โดยอ้างว่าแค่รับเงินมาซื้อบ้าน ไม่รับรู้ที่ไปที่มา ตนอยากจะบอกว่าไม่จริง เพราะตำรวจมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน ป่านนี้รู้แล้วว่ามีข้อมูลการใช้โทรศัพท์ และแชตไลน์ทั้งหมดไปหมดแล้ว ยังไงนางปทิตตาอยู่ในคณะทำงานเรื่องหวยออนไลน์และรับทราบโดยตลอด ไม่ใช่ไม่รับรู้ ลองไปยื่นประกันตัวดู ตนเชื่อว่าตำรวจมีหลักฐานพอที่จะยืนยันได้ว่า นางปทิตตารับรู้โดยตลอดในธุรกรรมนี้ อย่างน้อยที่บอกว่าไม่รู้เรื่องนั้น ไม่จริง รู้แน่นอน หลักฐานตำรวจเขาน่าจะมีในตอนนี้
    .
    Live โหนกระแส อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ มาแล้ว เชื่อทนายปาเกียวกำลังพลิกคดี มั่นใจเมียตั้มมีรู้เห็นทั้งหมด

    https://www.youtube.com/watch?v=7X__nPHGDD0

    #Thaitimes
    "ปานเทพ" น็อก "ทนายปาเกียว" เปิดสัญญาเด็ด โยงปม 71ล. ย้ำ "เมียตั้ม" รู้เห็นเงินโกงหวยออนไลน์ . "ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" ออกรายการโหนกระแส ย้อนรอยที่มาคดีเงิน 71 ล้านบาท ย้ำไม่ใช่ให้โดยเสน่หา ไม่ใช่ทั้งกู้และยืมเงิน สัญญาชัดคุณอ้อยกับผู้ผลิตแพลตฟอร์ม ไม่มีทนายตั้มเกี่ยวข้อง ชี้ถ้ามีไม้เด็ดจริงคงไม่อยู่เรือนจำ ไม่ได้ประกันตัว ถูกอายัดทรัพย์ ส่วนที่อ้างว่าภรรยาไม่รู้นั้นไม่จริง ยังไงก็รับทราบโดยตลอด . วันนี้ (13 พ.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยผ่านรายการโหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ดำเนินรายการโดยนายกรรชัย กำเนิดพลอย ว่า น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย และคณะมาร้องเรียนกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ เนื่องจากนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เป็นบุคคลมีชื่อเสียงและมีเครือข่ายมาก ถ้าจะมีใครสักคนสามารถเปิดความจริงและต่อสู้ผ่านสื่อน่าจะเป็นค่ายผู้จัดการ ระหว่างนั้นก็เก็บข้อมูล คลิปทั้งหมด แต่ไม่คิดจะเปิดในช่วงแรก เพราะรอให้คดีนี้เข้าสู่ตำรวจสอบสวนกลาง แล้วจะเปิดประเด็นก่อน . เมื่อนายษิทราและนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ไปออกรายการโหนกระแส เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2567 และนายกรรชัย กำเนิดพลอย ผู้ดำเนินรายการ ถามว่าทำไมนายษิทราจึงรวย มีของแบรนด์เนม นายษิทราหลุดมาว่าให้โดยเสน่หา ซึ่งในตอนเช้านายษิทราโทรศัพท์ไปหาทนายความของ น.ส.จตุพร เพราะรู้ว่ามีการแจ้งความและรู้ว่ามีเรื่องต่อกัน และเมื่อเห็นว่านายษิทราอาศัยรายการดังกล่าวสร้างภาพ และฟอกตัวว่าไม่มีปัญหาต่อกัน ทำให้เครือผู้จัดการตัดสินใจเปิดข้อมูลในช่วงบ่าย โดยนำข้อมูลในรายการไปลงปิดท้ายด้วย ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่ตัดสินใจเปิดประเด็น และจะเปิดสักวันหนึ่งเมื่อคดีคืบหน้าจากทั้งสองฝั่งแล้ว . เมื่อเปิดข้อมูล ปรากฎว่านายษิทราไปพาดพิงนายสนธิท้าว่าใครแพ้จะให้ดื่มน้ำปัสสาวะ 71 แก้ว ทำให้ต้องเปิดข้อมูลทั้งหมด แล้วนายษิทราก็เงียบหายไป ต่อมานายษิทราไปออกรายการของ อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ อ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา และครั้งที่ 3 ให้สัมภาษณ์ที่กองปราบปราม อ้างว่าให้โดยเสน่หาโดยไม่มีเงื่อนไข และจะมีการจ่ายภาษี 5% ของรายได้ที่เกิน 10 ล้านบาท คำถามก็คือที่กล่าวว่าให้โดยเสน่หามาตลอด เพิ่งมาเปลี่ยนในรายการวานนี้ (12 พ.ย.) ว่าเป็นเงินกู้เพื่อการลงทุน ตกลงเป็นเงินกู้เพื่อการลงทุน หรือเงินยืมเพื่อการลงทุนกันแน่ . ส่วนกรณีที่นายษิทราเคยนำโทรศัพท์มือถือไปให้ อ.ยิ่งศักดิ์อ่าน และนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนายษิทรา นำเอกสารมาให้นายกรรชัย และนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความอ่าน อ้างว่าเป็นแชตสำคัญ ตนรู้ตั้งแต่แรกว่าเป็นแชตนี้ ไม่ใช่แชตระหว่างนายษิทรากับคุณอ้อย และรู้ว่าไม่สามารถจะเป็นไม้เด็ดได้ หากเป็นไม้เด็ดจริงคงไม่อยู่ในเรือนจำ ประกันตัวไม่ได้ และอายัดทรัพย์ หลักฐานนี้เป็นการสร้างวาทกรรมการพิมพ์ไลน์ของทนายตั้มเพื่อคุยกับคุณน้อย เลขาส่วนตัว เพื่อสมอ้างว่าได้คุยกับคุณอ้อยแล้ว และข้อความไม่ได้แปลว่าสำเร็จแล้วโดยนายษิทรา เป็นการขอให้คุณน้อยไปเจรจากับคุณอ้อยอีกครั้งหนึ่ง แปลว่ายังไม่ได้เห็นด้วย . ทั้งนี้ บทสนทนาดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วง วันที่ 28-30 ม.ค. 2566 หลังจากนั้นมีการตกลงกันที่ไม่ใช่ในแชต นายษิทราอ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา 3 ครั้ง โดยจ่ายภาษี 5% แต่ตอนนี้ไม่เอาแล้ว เหลือแค่ 2 อย่าง คือการกู้เงินหรือยืมเงิน พลิกไปพลิกมา ทั้งที่การกู้เงินต้องมีสัญญา ส่วนการลงทุนต้องมีผลตอบแทนและสัดส่วนหุ้นชัดเจน หากเป็นการยืมเพื่อลงทุน ก็ถือว่าเป็นการกู้อยู่ดี นายษิทราเป็นนักกฎหมาย เป็นคู่สัญญาในฐานะที่ปรึกษากฎหมาย ย่อมต้องรู้ว่าจะต้องร่างสัญญากู้เงิน แต่กลับไม่มี แสดงว่าไม่ใช่การกู้ยืมเงิน ส่วนการลงทุน มีการจดทะเบียนทรัพย์สินหรือไม่ ในแชตไลน์นำไปสู่การอ้างว่าจะทำแอปฯ หวยออนไลน์ . แต่ที่ไม่เปิดนอกจากโต้ไม่ได้แล้ว ยังอวดอ้างว่ามีเส้นสายในการรับสัมปทานหวยออนไลน์ ทั้งที่ไม่มีอยู่จริง นอกจากจะพูดคนที่ไม่เข้าใจ ไม่รู้ข้อกฎหมาย และหลงเชื่อว่ามีเส้นสาย มีคอนเนกชัน มีระบบสัมปทานที่จะทำได้ ก็เลยไม่กล้าเปิด อีกทั้งการลงทุนต้องมีหุ้นในสัดส่วนอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่มีทางไม่มีสัญญาเพราะนายษิทราเป็นนักกฎหมายและเป็นที่ปรึกษากฎหมายของคุณอ้อย จะต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งคุณอ้อยเดินทางจากประเทศฝรั่งเศสมายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 2-8 ก.พ. 2566 เพื่อเซ็นสัญญากับบริษัทผลิตแอปพลิเคชัน ลงวันที่ 3 ก.พ. 2566 ลงนามจริงวันที่ 5 ก.พ. 2566 ทำขึ้นระหว่างคุณอ้อยกับบริษัทผู้รับจ้างผลิตแอปพลิเคชัน แสดงว่าทรัพย์สินไม่ใช่ของนายษิทรา ที่อ้างว่าเป็นการกู้ยืมเงินจึงเป็นความเท็จทั้งสิ้น . "คนเราจะตัดสินใจอย่างไร ขึ้นอยู่กับสัญญา ไม่ใช่แชตไลน์คุย เพราะการแชตไลน์คุย คุณอ้างหลักฐานพิมพ์เองว่าตกลงกันแล้วอะไรก็ได้ คุณคุยกับเลขาฯ ไม่ได้คุยกับพี่อ้อยด้วย แต่ผลลัพธ์คือเซ็นสัญญาที่ไม่มีชื่อทนายตั้มเกี่ยวข้องเลย จะมาอ้างว่าเงินกู้ยืมก็ไม่ได้ เงินลงทุนก็ไม่ได้ เพราะสัญญาไม่มีชื่อคุณแม้แต่คำเดียว และที่สำคัญ สัญญานี้ทำการปรับปรุงและแก้ไขจากสำนักงานทนายความษิทรา ลอว์เฟิร์ม ทั้งสิ้น" นายปานเทพ กล่าว . เมื่อทีมกฎหมายของนายษิทราส่งข้อความไปยังนายกรรชัย ถามว่า ใครเป็นคนสั่งให้ทำสัญญานี้ และสัญญานี้คุณอ้อยให้ทำโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงหน่วยงานราชการฝรั่งเศส นำเงินมาให้นายษิทราจริงหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า เป็นคำถามที่ดีเพราะมีการแอบอ้างว่าสัญญาทำขึ้นเพื่อเป็นนิติกรรมอำพราง เรื่องนี้มีสัญญาชัดเจน คุณอ้อยมาประเทศไทยวันที่ 2-8 ก.พ. 2566 ภายใต้สัญญานี้ เมื่อกลับไปประเทศฝรั่งเศสก็ไปทำเรื่องถอนเงิน เตรียมขายหลักทรัพย์เพื่อโอนเงินมา เพราะเป็นทรัพย์สินของเขาเอง และการโอนเงินจากฝรั่งเศสมายังประเทศไทย ถ้าเป็นทรัพย์สินของตัวเองไม่ต้องเสียภาษี จ่ายแค่ธรรมเนียม รวมทั้งเงินทำบุญและใช้ส่วนตัวก็หลักการเดียวกัน จึงไม่จำเป็นต้องสร้างนิติกรรมอำพราง . หลังจากนั้นจึงนำเงินไปให้นายษิทราเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2566 เพราะนายษิทราอ้างว่าเป็นผู้ดำเนินการ โดยที่นายษิทราเป็นคนติดต่อบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันเอง และติดต่อคุณอ้อยโดยไม่ให้ทั้งสองฝ่ายเจอกัน โดยอ้างว่ารับเงินมาแล้วไปดำเนินการต่อ เพราะฉะนั้นเงิน 71 ล้านบาทจ่ายไปเพื่อวัตถุประสงค์ตามสัญญาฉบับดังกล่าว และสัญญาดังกล่าวระบุว่าจะต้องมีการจ่ายเงินภายในวันที่ 15 ก.พ. 2566 แต่โอนเงินเข้ามาไม่ทัน ต้องเป็นวันรุ่งขึ้น จึงสอดคล้องกับสัญญานี้ โดยที่คุณอ้อยหลงเชื่อว่าควรจะเป็นทรัพย์สินที่เดินหน้าทำสลากออนไลน์เพราะหลงเชื่อนายษิทรา . ทั้งนี้ นายษิทราอ้างในไลน์ตลอดว่าทำสลากออนไลน์ พอได้เงินมาเสร็จหลังจากนั้นถอนเงินไปซื้อบ้านด้วยเงินสด กรณีนี้จึงเป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกคุณอ้อย เพราะเมื่อบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันไม่ได้เงินก็ถามว่า ไหนสัญญาบอกว่าจะได้รับเงิน นายษิทรากล่าวว่า คุณอ้อยยกเลิกสัญญาแล้ว ทั้งที่คุณอ้อยไม่ได้ยกเลิกและจ่ายเงินไปแล้ว แต่บริษัทไม่รู้ว่ามีการจ่ายเงิน และเมื่อไม่มีการโอนเงินก็ยุติสัญญา เดิมนายษิทราและภรรยาไปขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านในราคา 43 ล้านบาท จากนั้นวันที่ 22 มี.ค. 2566 นำเงินก้อนนี้เปลี่ยนจากสินเชื่อกลายเป็นซื้อเงินสด เพราะได้เงินมาจากคุณอ้อย กรณีนี้ถ้าทำกันถึงขนาดนี้คิดว่าเข้าข่ายฉ้อโกง เพราะชี้ขาดว่าใครเป็นคู่สัญญาและเจ้าของทรัพย์สิน แต่นายษิทราเป็นตัวกลางกลับนำเงินตรงนี้ไปใช้ส่วนตัวซื้อบ้านซึ่งไม่เกี่ยว . เมื่อทีมกฎหมายของนายษิทราส่งข้อความไปยังนายกรรชัย ถามว่า รู้เรื่องการโอนเงินไปยังล่ามที่ชื่อจุ๋ม ซึ่งถูกหัก 40% หรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า กรณีนี้ทรัพย์สินไม่ใช่คนอื่น เป็นคุณอ้อยโดยตรง แล้วชื่อบัญชีเป็นคุณอ้อย ชื่อสัญญาเป็นคุณอ้อย จะเป็นสัญญาคนอื่นในการโอนตรงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จึงแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าตั้งใจโอนเงินเป็นทรัพย์สินของเขาเอง . นายปานเทพ กล่าวว่า จากนั้นใกล้ปลายปี 2566 ก็เริ่มคิดเรื่องภาษีว่านายษิทราจะนำเงินที่มา 71 ล้านบาทเป็นอย่างไร จึงมีการเจรจากับบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันว่า ขอผ่านเงินสัก 70 ล้านบาทได้ไหม เพื่อที่จะมีบันทึกโดยไม่บอกที่มาที่ไป ต่อมาไม่มีความคืบหน้า มาเจรจาอีกครั้ง 27 ก.พ. 2567 ใกล้ถึงรอบวงจ่ายภาษี นายษิทราเสนอว่าจะเอาเงินผ่านโดยไม่บอกว่าเป็นสัญญาเดิม ครั้งที่หนึ่ง 30 ล้านบาท ครั้งที่สอง 30 ล้านบาท และครั้งที่สาม 11 ล้านบาท แล้วจะให้ค่าตอบแทน 10 ล้านบาท บริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันจึงคิดว่ายอดใกล้ 71 ล้านบาท สงสัยจะฟอกเงินและบริษัทฯ จะเป็นแพะ จึงปฎิเสธ ซึ่งมีบทสนทนา . พอถึงช่วงที่จะส่งมอบแอปพลิเคชัน กลับไม่มีการส่งมอบ คุณอ้อยจึงดำเนินการทำโนติสถึงนายษิทรา และเมื่อนายษิทราไม่สามารถนำส่งได้ ทั้งที่ได้ดำเนินการและรับเงินไปแล้ว อีกทั้งนายษิทราบอกเองว่าเป็นผู้ประสานงานโครงการนี้ ทำไมถึงยังไม่ได้ ปรากฎว่านายษิทราแชตไลน์ไปพูดคุยกับบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันว่า มีแพลตฟอร์มนาคี ชื่อเหมือนกันแต่โลโก้เป็นสีเขียว อ้างว่าไปจ้างเขาทำมาเอง เหมือนถูกเลียนแบบ นายษิทราให้ช่วยนำแอปพลิเคชันนี้ส่งให้คุณอ้อย แต่บริษัทปฎิเสธทำไม่ได้ เพราะไม่เคยทำ และไม่ใช่แอปฯ ของบริษัท จะไปหลอกคุณอ้อยแบบนั้นไม่ได้ ก็เลยไม่ทำ เรื่องแบบนี้เป็นการให้โดยเสน่หาได้อย่างไร ให้เพื่อการลงทุนได้อย่างไรเพราะไม่มีของสักอย่างแล้วอุปโลกน์เป็นอย่างอื่น จะเรียกว่าฉ้อโกงหรือไม่ . นายปานเทพ กล่าวว่า ตอนนี้ฝ่ายนายษิทรามีความคิดที่จะประกันตัวนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด หรือเดือน ภรรยา โดยอ้างว่าแค่รับเงินมาซื้อบ้าน ไม่รับรู้ที่ไปที่มา ตนอยากจะบอกว่าไม่จริง เพราะตำรวจมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน ป่านนี้รู้แล้วว่ามีข้อมูลการใช้โทรศัพท์ และแชตไลน์ทั้งหมดไปหมดแล้ว ยังไงนางปทิตตาอยู่ในคณะทำงานเรื่องหวยออนไลน์และรับทราบโดยตลอด ไม่ใช่ไม่รับรู้ ลองไปยื่นประกันตัวดู ตนเชื่อว่าตำรวจมีหลักฐานพอที่จะยืนยันได้ว่า นางปทิตตารับรู้โดยตลอดในธุรกรรมนี้ อย่างน้อยที่บอกว่าไม่รู้เรื่องนั้น ไม่จริง รู้แน่นอน หลักฐานตำรวจเขาน่าจะมีในตอนนี้ . Live โหนกระแส อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ มาแล้ว เชื่อทนายปาเกียวกำลังพลิกคดี มั่นใจเมียตั้มมีรู้เห็นทั้งหมด https://www.youtube.com/watch?v=7X__nPHGDD0 #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 902 มุมมอง 1 รีวิว
  • MONOMAX เรือธง ยิงสดพรีเมียร์ลีก

    การแถลงข่าวเพิ่มเติมของนายโสรัชย์ อัศวะประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (รักษาการ) บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ถึงกรณีที่บริษัทฯ บรรลุข้อตกลงถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย กัมพูชา และลาว ตั้งแต่ฤดูกาล 2025/26 เป็นต้นไป คิดเป็นเงิน 549 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 18,791.88 ล้านบาท ซึ่งเชิญเฉพาะอินฟลูเอนเซอร์และสื่อมวลชนสายฟุตบอล มีรายละเอียดเพิ่มเติมถึงช่องทางการรับชมที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้

    นายโสรัชย์ กล่าวว่า ช่องทางการรับชมเบื้องต้นเป็นสตรีมมิงแพลตฟอร์ม MONOMAX โดยมีแนวทางจัดจำหน่ายทุกเครือข่ายและผู้ให้บริการมือถือ เช่น เอไอเอส และทรู เพื่อสนับสนุนให้คอนเทนต์เข้าถึงผู้ชมได้มากที่สุด โดยค่าบริการยืนยันว่าไม่แพงกว่าราคาปัจจุบัน และอาจทำให้ต่ำกว่า ไม่ให้เกิน 400 บาทต่อเดือน และมีนโยบายราคาเดียว คุณภาพการถ่ายทอด ภาพคมชัดระดับ Full-HD โดยปรับ Auto bit rate ตามความเร็วของอินเทอร์เน็ต และอุปกรณ์รับสัญญาณ บางคู่อาจถ่ายทอดระดับ 4K

    นอกจากนี้ ยังจะนำการแข่งขันบางคู่ ถ่ายทอดสดผ่านทีวีดิจิทัลช่อง MONO29 โดยยืนยันว่าไม่ปิดกั้นทีวีดิจิทัลช่องอื่น ถ้าสนใจก็สามารถเจรจาเป็นช่องพันธมิตรได้ รวมทั้งทรูวิชั่นส์ ผู้ถือลิขสิทธิ์เดิม ในอนาคตถ้าสนใจก็มาเจรจาได้

    ระหว่างการแถลงข่าว นายโสรัชย์ ยังได้นำ MONOMAX PLAY TV STICK อุปกรณ์รับสัญญาณโทรทัศน์ ผ่านอินเทอร์เน็ตระบบแอนดรอยด์มาแสดง ซึ่งใช้เสียบเข้ากับช่อง HDMI ของเครื่องรับโทรทัศน์ และต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตไว-ไฟในบ้าน อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ชมที่มีกล่องทีวีแอนดรอยด์ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน MONOMAX ได้ที่เมนู Google Play Store โดยการสมัครสมาชิก ชำระเงินผ่านบิลโทรศัพท์มือถือรายเดือน พร้อมเพย์ บัตรเครดิตหรือเดบิต กระเป๋าเงินดิจิทัล และพาร์ทเนอร์

    ด้านนายองอาจ ประภากมล หัวหน้าสายงานทรูวิชั่นส์ และมีเดีย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่าได้เข้าร่วมประมูลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ฤดูกาล 2025-2028 โดยได้ยื่นข้อเสนอแข่งขันไปในราคาที่เหมาะสม แต่เนื่องจากมีผู้ร่วมประมูลรายอื่นเสนอราคาสูงกว่า จึงได้รับสิทธิ์การถ่ายทอดสำหรับฤดูกาลหน้าไป ซึ่งผลจากการประมูลครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของทรู คอร์ปอเรชั่น หรือความพึงพอใจของลูกค้าสมาชิก

    สำหรับสมาชิกทรูวิชั่นส์ ยังคงสามารถรับชมพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2024/25 ถึงเดือน พ.ค. 2568 รวมทั้งคอนเทนท์กีฬาฟุตบอลอื่นๆ และฟุตบอลไทยลีก

    #Newskit #Monomax #PremierLeague
    MONOMAX เรือธง ยิงสดพรีเมียร์ลีก การแถลงข่าวเพิ่มเติมของนายโสรัชย์ อัศวะประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (รักษาการ) บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ถึงกรณีที่บริษัทฯ บรรลุข้อตกลงถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย กัมพูชา และลาว ตั้งแต่ฤดูกาล 2025/26 เป็นต้นไป คิดเป็นเงิน 549 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 18,791.88 ล้านบาท ซึ่งเชิญเฉพาะอินฟลูเอนเซอร์และสื่อมวลชนสายฟุตบอล มีรายละเอียดเพิ่มเติมถึงช่องทางการรับชมที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ นายโสรัชย์ กล่าวว่า ช่องทางการรับชมเบื้องต้นเป็นสตรีมมิงแพลตฟอร์ม MONOMAX โดยมีแนวทางจัดจำหน่ายทุกเครือข่ายและผู้ให้บริการมือถือ เช่น เอไอเอส และทรู เพื่อสนับสนุนให้คอนเทนต์เข้าถึงผู้ชมได้มากที่สุด โดยค่าบริการยืนยันว่าไม่แพงกว่าราคาปัจจุบัน และอาจทำให้ต่ำกว่า ไม่ให้เกิน 400 บาทต่อเดือน และมีนโยบายราคาเดียว คุณภาพการถ่ายทอด ภาพคมชัดระดับ Full-HD โดยปรับ Auto bit rate ตามความเร็วของอินเทอร์เน็ต และอุปกรณ์รับสัญญาณ บางคู่อาจถ่ายทอดระดับ 4K นอกจากนี้ ยังจะนำการแข่งขันบางคู่ ถ่ายทอดสดผ่านทีวีดิจิทัลช่อง MONO29 โดยยืนยันว่าไม่ปิดกั้นทีวีดิจิทัลช่องอื่น ถ้าสนใจก็สามารถเจรจาเป็นช่องพันธมิตรได้ รวมทั้งทรูวิชั่นส์ ผู้ถือลิขสิทธิ์เดิม ในอนาคตถ้าสนใจก็มาเจรจาได้ ระหว่างการแถลงข่าว นายโสรัชย์ ยังได้นำ MONOMAX PLAY TV STICK อุปกรณ์รับสัญญาณโทรทัศน์ ผ่านอินเทอร์เน็ตระบบแอนดรอยด์มาแสดง ซึ่งใช้เสียบเข้ากับช่อง HDMI ของเครื่องรับโทรทัศน์ และต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตไว-ไฟในบ้าน อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ชมที่มีกล่องทีวีแอนดรอยด์ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน MONOMAX ได้ที่เมนู Google Play Store โดยการสมัครสมาชิก ชำระเงินผ่านบิลโทรศัพท์มือถือรายเดือน พร้อมเพย์ บัตรเครดิตหรือเดบิต กระเป๋าเงินดิจิทัล และพาร์ทเนอร์ ด้านนายองอาจ ประภากมล หัวหน้าสายงานทรูวิชั่นส์ และมีเดีย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่าได้เข้าร่วมประมูลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ฤดูกาล 2025-2028 โดยได้ยื่นข้อเสนอแข่งขันไปในราคาที่เหมาะสม แต่เนื่องจากมีผู้ร่วมประมูลรายอื่นเสนอราคาสูงกว่า จึงได้รับสิทธิ์การถ่ายทอดสำหรับฤดูกาลหน้าไป ซึ่งผลจากการประมูลครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของทรู คอร์ปอเรชั่น หรือความพึงพอใจของลูกค้าสมาชิก สำหรับสมาชิกทรูวิชั่นส์ ยังคงสามารถรับชมพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2024/25 ถึงเดือน พ.ค. 2568 รวมทั้งคอนเทนท์กีฬาฟุตบอลอื่นๆ และฟุตบอลไทยลีก #Newskit #Monomax #PremierLeague
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 747 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขณะนี้แอปพลิเคชัน Thaitimes มีการอัปเดตใหม่สำหรับผู้ใช้งานบนระบบ iOS ได้แล้ว โดยมีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแอป อย่างไรก็ตาม ทีมงานทราบดีว่ามีบางฟังก์ชันที่อาจยังไม่สมบูรณ์และกำลังอยู่ระหว่างการแก้ไข เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งาน

    ขั้นตอนการอัปเดตแอปพลิเคชัน:
    1. เปิดแอป App Store
    2. ค้นหา Thaitimes
    3. กดที่ปุ่ม อัปเดต ตามที่แสดงในภาพ

    หลังการอัปเดต ท่านจำเป็นต้องล็อกอินใหม่ด้วยชื่อผู้ใช้งานอีเมลและรหัสผ่านเดิมที่เคยสมัครไว้ หากพบปัญหาในการล็อกอิน ท่านสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line: @sondhitalk
    ขณะนี้แอปพลิเคชัน Thaitimes มีการอัปเดตใหม่สำหรับผู้ใช้งานบนระบบ iOS ได้แล้ว โดยมีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแอป อย่างไรก็ตาม ทีมงานทราบดีว่ามีบางฟังก์ชันที่อาจยังไม่สมบูรณ์และกำลังอยู่ระหว่างการแก้ไข เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งาน ขั้นตอนการอัปเดตแอปพลิเคชัน: 1. เปิดแอป App Store 2. ค้นหา Thaitimes 3. กดที่ปุ่ม อัปเดต ตามที่แสดงในภาพ หลังการอัปเดต ท่านจำเป็นต้องล็อกอินใหม่ด้วยชื่อผู้ใช้งานอีเมลและรหัสผ่านเดิมที่เคยสมัครไว้ หากพบปัญหาในการล็อกอิน ท่านสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line: @sondhitalk
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 868 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขณะนี้แอปพลิเคชัน Thaitimes มีการอัปเดตใหม่สำหรับผู้ใช้งานบนระบบ Android โดยมีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแอป อย่างไรก็ตาม ทีมงานทราบดีว่ามีบางฟังก์ชันที่อาจยังไม่สมบูรณ์และกำลังอยู่ระหว่างการแก้ไข เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งาน

    กรุณากดอัปเดตแอปพลิเคชันได้ที่ Google Play Store โดยทำตามขั้นตอนดังนี้:
    1. เปิดแอป Google Play Store
    2. ค้นหา Thaitimes
    3. กดที่ปุ่ม อัปเดต ตามภาพประกอบ

    หลังการอัปเดต ท่านจำเป็นต้องล็อกอินใหม่ด้วยชื่อผู้ใช้งานอีเมลและรหัสผ่านเดิมที่เคยสมัครไว้ หากพบปัญหาในการล็อกอิน ท่านสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line: @sondhitalk
    ขณะนี้แอปพลิเคชัน Thaitimes มีการอัปเดตใหม่สำหรับผู้ใช้งานบนระบบ Android โดยมีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแอป อย่างไรก็ตาม ทีมงานทราบดีว่ามีบางฟังก์ชันที่อาจยังไม่สมบูรณ์และกำลังอยู่ระหว่างการแก้ไข เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งาน กรุณากดอัปเดตแอปพลิเคชันได้ที่ Google Play Store โดยทำตามขั้นตอนดังนี้: 1. เปิดแอป Google Play Store 2. ค้นหา Thaitimes 3. กดที่ปุ่ม อัปเดต ตามภาพประกอบ หลังการอัปเดต ท่านจำเป็นต้องล็อกอินใหม่ด้วยชื่อผู้ใช้งานอีเมลและรหัสผ่านเดิมที่เคยสมัครไว้ หากพบปัญหาในการล็อกอิน ท่านสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line: @sondhitalk
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 912 มุมมอง 0 รีวิว
  • อินโดฯ:ไม่มีการลงทุน ก็ไม่ต้องมี iPhone16

    ชัดเจนแล้วว่าทางการอินโดนีเซียไม่ให้บริษัทแอปเปิ้ล (Apple Inc.) ของสหรัฐอเมริกา จำหน่ายโทรศัพท์มือถือไอโฟน 16 (iPhone 16) ในประเทศ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย แถลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 ต.ค.) หลังบริษัทท้องถิ่น พีที แอปเปิ้ล อินโดนีเซีย (PT Apple Indonesia) ไม่ปฎิบัติตามข้อกำหนดการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ (Local Content) ให้ได้ 40% แต่ผลิตภัณฑ์รุ่นเก่าของแอปเปิ้ลยังคงจำหน่ายในอินโดนีเซียได้

    ทั้งนี้ มีโทรศัพท์มือถือไอโฟน 16 นำเข้ามาในประเทศอินโดนีเซียแล้ว 9,000 เครื่อง ผ่านการซื้อจากต่างประเทศของผู้โดยสาร และลูกเรือบนเครื่องบิน หรือการส่งพัสดุระหว่างประเทศ แต่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานส่วนบุคคล (Personal Use) เท่านั้น ไม่สามารถซื้อขายแก่ผู้อื่นได้ และตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ทางการอินโดนีเซียได้กำหนดให้โทรศัพท์มือถือทุกรุ่นที่ซื้อจากต่างประเทศต้องลงทะเบียนกับรัฐบาล และเสียภาษีในอัตราที่สูง

    กรณีนี้กลายเป็นอุปสรรคที่ทำให้แอปเปิ้ล ไม่สามารถเจาะตลาดสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ แก่ประเทศอินโดนีเซีย ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานอยู่ประมาณ 350 ล้านเครื่อง มากกว่าจำนวนประชากรราว 270 ล้านคน ทั้งที่แอปเปิ้ลเปิดตัวผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2567 เป็นต้นมา ซึ่งในภูมิภาคอาเซียนวางจำหน่ายแล้วที่ สิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย เวียดนาม บรูไน ฟิลิปปินส์

    ตามข้อบังคับของกระทรวงอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย ปี 2017 กำหนดให้ผู้ประกอบการจะต้องขอใบรับรองผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในประเทศ เรียกว่า TKDN (Tingkat Komponen Domestik Negeri) หนึ่งในนั้นคือการกำหนด Local Content ในรูปแบบการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ การผลิตและการจ้างแรงงานในประเทศ การพัฒนาแอปพลิเคชัน หรือนวัตกรรมในประเทศ ที่ผ่านมาแอปเปิ้ลเลือกใช้โครงการพัฒนานวัตกรรม ก่อตั้งสถาบัน Apple Academies ที่เมืองทังเกอรัง เมืองซิโดอาร์โจ และเมืองบาตัม

    ปัญหาก็คือ เม็ดเงินลงทุนของแอปเปิ้ลในอินโดนีเซียอยู่ที่ 1.48 ล้านล้านรูเปียห์ ต่ำกว่ายอดการลงทุนทั้งหมดที่กำหนดไว้ 1.71 ล้านล้านรูเปียห์ ทำให้อินโดนีเซียขาดดุลทางการค้าคิดเป็นเงินไทยเกือบ 500 ล้านบาท แม้มองผิวเผินดูเหมือนว่าเป็นการกีดกันทางการค้า จำกัดเสรีภาพในการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ แต่อีกมุมหนึ่ง ถือเป็นการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ไม่ให้เกิดการขาดดุลทางการค้า ซึ่งที่ผ่านมา ซัมซุงและเสียวมี่ เลือกที่จะตั้งโรงงานในอินโดนีเซียเช่นกัน

    #Newskit #iPhone16 #Indonesia
    อินโดฯ:ไม่มีการลงทุน ก็ไม่ต้องมี iPhone16 ชัดเจนแล้วว่าทางการอินโดนีเซียไม่ให้บริษัทแอปเปิ้ล (Apple Inc.) ของสหรัฐอเมริกา จำหน่ายโทรศัพท์มือถือไอโฟน 16 (iPhone 16) ในประเทศ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย แถลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 ต.ค.) หลังบริษัทท้องถิ่น พีที แอปเปิ้ล อินโดนีเซีย (PT Apple Indonesia) ไม่ปฎิบัติตามข้อกำหนดการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ (Local Content) ให้ได้ 40% แต่ผลิตภัณฑ์รุ่นเก่าของแอปเปิ้ลยังคงจำหน่ายในอินโดนีเซียได้ ทั้งนี้ มีโทรศัพท์มือถือไอโฟน 16 นำเข้ามาในประเทศอินโดนีเซียแล้ว 9,000 เครื่อง ผ่านการซื้อจากต่างประเทศของผู้โดยสาร และลูกเรือบนเครื่องบิน หรือการส่งพัสดุระหว่างประเทศ แต่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานส่วนบุคคล (Personal Use) เท่านั้น ไม่สามารถซื้อขายแก่ผู้อื่นได้ และตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ทางการอินโดนีเซียได้กำหนดให้โทรศัพท์มือถือทุกรุ่นที่ซื้อจากต่างประเทศต้องลงทะเบียนกับรัฐบาล และเสียภาษีในอัตราที่สูง กรณีนี้กลายเป็นอุปสรรคที่ทำให้แอปเปิ้ล ไม่สามารถเจาะตลาดสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ แก่ประเทศอินโดนีเซีย ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานอยู่ประมาณ 350 ล้านเครื่อง มากกว่าจำนวนประชากรราว 270 ล้านคน ทั้งที่แอปเปิ้ลเปิดตัวผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2567 เป็นต้นมา ซึ่งในภูมิภาคอาเซียนวางจำหน่ายแล้วที่ สิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย เวียดนาม บรูไน ฟิลิปปินส์ ตามข้อบังคับของกระทรวงอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย ปี 2017 กำหนดให้ผู้ประกอบการจะต้องขอใบรับรองผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในประเทศ เรียกว่า TKDN (Tingkat Komponen Domestik Negeri) หนึ่งในนั้นคือการกำหนด Local Content ในรูปแบบการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ การผลิตและการจ้างแรงงานในประเทศ การพัฒนาแอปพลิเคชัน หรือนวัตกรรมในประเทศ ที่ผ่านมาแอปเปิ้ลเลือกใช้โครงการพัฒนานวัตกรรม ก่อตั้งสถาบัน Apple Academies ที่เมืองทังเกอรัง เมืองซิโดอาร์โจ และเมืองบาตัม ปัญหาก็คือ เม็ดเงินลงทุนของแอปเปิ้ลในอินโดนีเซียอยู่ที่ 1.48 ล้านล้านรูเปียห์ ต่ำกว่ายอดการลงทุนทั้งหมดที่กำหนดไว้ 1.71 ล้านล้านรูเปียห์ ทำให้อินโดนีเซียขาดดุลทางการค้าคิดเป็นเงินไทยเกือบ 500 ล้านบาท แม้มองผิวเผินดูเหมือนว่าเป็นการกีดกันทางการค้า จำกัดเสรีภาพในการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ แต่อีกมุมหนึ่ง ถือเป็นการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ไม่ให้เกิดการขาดดุลทางการค้า ซึ่งที่ผ่านมา ซัมซุงและเสียวมี่ เลือกที่จะตั้งโรงงานในอินโดนีเซียเช่นกัน #Newskit #iPhone16 #Indonesia
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 660 มุมมอง 0 รีวิว
  • รฟม. x กรุงไทย จะมีบัตร EMV ของตัวเอง

    การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยถึงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ครบรอบ 1 ปี พบว่าผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17.70% อยู่ที่ 66,000 คนต่อเที่ยวต่อวัน สถานีที่ผู้โดยสารใช้บริการเฉลี่ยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เตาปูน ตลาดบางใหญ่ ศูนย์ราชการนนทบุรี บางซ่อน คลองบางไผ่ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มปริมาณผู้โดยสารให้กับรถไฟฟ้าสายอื่น เช่น รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน เพิ่มขึ้น 11.92% อยู่ที่ 420,000 คนต่อเที่ยวต่อวัน

    ล่าสุด รฟม. ได้ร่วมมือกับ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) พัฒนาบัตรโดยสารชนิด EMV Contactless รองรับการให้ส่วนลดการเปลี่ยนถ่ายระบบครอบคลุมรถไฟฟ้าในความรับผิดชอบของ รฟม. ได้ทุกเส้นทาง สามารถเติมเงิน ตรวจสอบมูลค่าคงเหลือ และข้อมูลการเดินทางย้อนหลัง ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังได้ อีกทั้งยังใช้โดยสารระบบขนส่งอื่นที่รองรับบัตร EMV Contactless เช่น รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และรถโดยสารประจำทาง ขสมก. เป็นต้น เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจแก่ผู้ใช้บริการร่วมด้วย

    ก่อนหน้านี้ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ได้จำหน่ายบัตรโดยสาร MRT EMV Card ครบทุกประเภท เพื่อทดแทนบัตรรุ่นเก่า มาตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2567 ซี่งพัฒนาร่วมกับ บริษัท ทีทูพี จำกัด ผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ Deep Pocket มีค่าธรรมเนียมออกบัตร 250 บาท วงเงินในบัตร 100 บาท สามารถเติมเงิน ตรวจสอบมูลค่าคงเหลือ และข้อมูลการเดินทางย้อนหลัง ผ่านแอปพลิเคชัน Bangkok MRT

    ขณะที่ธนาคารกรุงไทย ได้ออกบัตรเดบิต Krungthai Tranxit สำหรับแตะจ่ายการเดินทางพ่วงประกันอุบัติเหตุ ความคุ้มครอง 30,000 บาท ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ 1,000 บาทต่อครั้ง และบัตรพรีเพด PaotangPay Play Card ผูกกับเงินอิเล็กทรอนิกส์เป๋าตังเปย์ บนแอปฯ เป๋าตัง เมื่อปี 2565 โดยมีภารกิจรับรางวัล สำหรับใช้จ่ายในหมวดการเดินทางสะสมตามที่กำหนด

    ต้องดูว่าบัตรโดยสาร MRT ของ รฟม. ที่ผูกกับแอปฯ เป๋าตัง ซึ่งเป็น Thailand Open Digital Platform ที่มีผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านราย หน้าตาจะเป็นอย่างไร แม้ว่าการออกบัตรโดยสารรถไฟฟ้ามีลักษณะต่างคนต่างทำ โดยที่ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม คณะกรรมการกฤษฎีกากำลังพิจารณาก็ตาม ขณะที่ผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะบางรายยังคงใช้ระบบของตัวเองเป็นหลัก เช่น Rabbit ของกลุ่มบีทีเอส, บัตรแอร์พอร์ตเรลลิงก์ และ Hop Card ของกลุ่มไทยสมายล์บัส เป็นต้น

    #Newskit #EMVContactless #MRTA
    รฟม. x กรุงไทย จะมีบัตร EMV ของตัวเอง การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยถึงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ครบรอบ 1 ปี พบว่าผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17.70% อยู่ที่ 66,000 คนต่อเที่ยวต่อวัน สถานีที่ผู้โดยสารใช้บริการเฉลี่ยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เตาปูน ตลาดบางใหญ่ ศูนย์ราชการนนทบุรี บางซ่อน คลองบางไผ่ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มปริมาณผู้โดยสารให้กับรถไฟฟ้าสายอื่น เช่น รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน เพิ่มขึ้น 11.92% อยู่ที่ 420,000 คนต่อเที่ยวต่อวัน ล่าสุด รฟม. ได้ร่วมมือกับ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) พัฒนาบัตรโดยสารชนิด EMV Contactless รองรับการให้ส่วนลดการเปลี่ยนถ่ายระบบครอบคลุมรถไฟฟ้าในความรับผิดชอบของ รฟม. ได้ทุกเส้นทาง สามารถเติมเงิน ตรวจสอบมูลค่าคงเหลือ และข้อมูลการเดินทางย้อนหลัง ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังได้ อีกทั้งยังใช้โดยสารระบบขนส่งอื่นที่รองรับบัตร EMV Contactless เช่น รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และรถโดยสารประจำทาง ขสมก. เป็นต้น เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจแก่ผู้ใช้บริการร่วมด้วย ก่อนหน้านี้ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ได้จำหน่ายบัตรโดยสาร MRT EMV Card ครบทุกประเภท เพื่อทดแทนบัตรรุ่นเก่า มาตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2567 ซี่งพัฒนาร่วมกับ บริษัท ทีทูพี จำกัด ผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ Deep Pocket มีค่าธรรมเนียมออกบัตร 250 บาท วงเงินในบัตร 100 บาท สามารถเติมเงิน ตรวจสอบมูลค่าคงเหลือ และข้อมูลการเดินทางย้อนหลัง ผ่านแอปพลิเคชัน Bangkok MRT ขณะที่ธนาคารกรุงไทย ได้ออกบัตรเดบิต Krungthai Tranxit สำหรับแตะจ่ายการเดินทางพ่วงประกันอุบัติเหตุ ความคุ้มครอง 30,000 บาท ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ 1,000 บาทต่อครั้ง และบัตรพรีเพด PaotangPay Play Card ผูกกับเงินอิเล็กทรอนิกส์เป๋าตังเปย์ บนแอปฯ เป๋าตัง เมื่อปี 2565 โดยมีภารกิจรับรางวัล สำหรับใช้จ่ายในหมวดการเดินทางสะสมตามที่กำหนด ต้องดูว่าบัตรโดยสาร MRT ของ รฟม. ที่ผูกกับแอปฯ เป๋าตัง ซึ่งเป็น Thailand Open Digital Platform ที่มีผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านราย หน้าตาจะเป็นอย่างไร แม้ว่าการออกบัตรโดยสารรถไฟฟ้ามีลักษณะต่างคนต่างทำ โดยที่ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม คณะกรรมการกฤษฎีกากำลังพิจารณาก็ตาม ขณะที่ผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะบางรายยังคงใช้ระบบของตัวเองเป็นหลัก เช่น Rabbit ของกลุ่มบีทีเอส, บัตรแอร์พอร์ตเรลลิงก์ และ Hop Card ของกลุ่มไทยสมายล์บัส เป็นต้น #Newskit #EMVContactless #MRTA
    Like
    Wow
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 598 มุมมอง 0 รีวิว
  • KTM Go Cashless รถไฟมาเลเซียไร้เงินสด

    การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย กำลังรณรงค์แคมเปญ Go Cashless หรือ Komuniti Tanpa Tunai (สังคมไร้เงินสด) ให้ผู้ใช้บริการรถไฟทุกประเภทซื้อตั๋วรถไฟ ชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสด ผ่านเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว ช่องทางออนไลน์ผ่านแอปฯ เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ และประตูอัตโนมัติ (ACG) ของทุกสถานี พร้อมกับออกบูธจัดกิจกรรมโรดโชว์ตามสถานีต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้แก่ผู้ใช้บริการ และจะงดรับเงินสดเต็มรูปแบบในระยะถัดไป

    • การซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์สถานี ทั้งรถไฟฟ้าชานเมือง KTM Komuter สาย Klang Valley และสาย Utara รถไฟทางไกล ETS และ KTM Intercity สามารถใช้บัตรเดบิต MyDebit ที่ออกโดยสถาบันการเงินในมาเลเซีย บัตร VISA และ Mastercard และ KTM Wallet ใน KTMB Mobile (KITS) ส่วนผู้ถือบัตร Komuter Link ใช้ได้เฉพาะรถไฟฟ้าชานเมือง KTM Komuter

    • การซื้อตั๋วล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์ แอปพลิเคชัน KTMB Mobile เลือกชำระได้ทั้ง KTM Wallet, บัตร VISA และ Mastercard, บัตรเดบิต MyDebit, Touch 'n Go eWallet, Boost Wallet และคิวอาร์โค้ด DuitNow

    • การซื้อตั๋วที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ (Ticket Kiosk) สามารถใช้บัตรเดบิต MyDebit, บัตร VISA และ Mastercard, คิวอาร์โค้ด DuitNow, อีวอลเล็ต Boost Wallet และ Touch 'n Go eWallet

    • การเข้าสู่ระบบรถไฟผ่านประตูอัตโนมัติ (ACG) รองรับทั้งบัตร Komuter Link, บัตรเดบิต MyDebit, บัตร VISA และ Mastercard, บัตร Touch 'n Go, Google Pay, Apple Pay และ Samsung Pay

    ทั้งนี้ ผู้ที่ใช้บัตร VISA และ Mastercard เข้าสู่ประตูอัตโนมัติ (ACG) ระบบจะกันวงเงินบัตรไว้ 30 ริงกิต (ประมาณ 231 บาท) และจะได้รับคืนภายหลัง ส่วนอีวอลเล็ต KTM Wallet ใน KTMB Mobile (KITS) รองรับเฉพาะรถไฟฟ้าชานเมือง KTM Komuter เท่านั้น

    สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย สามารถสมัครสมาชิก KTMB Mobile (KITS) เพื่อซื้อตั๋วล่วงหน้าได้ โดยใช้หนังสือเดินทางเป็นหลักฐาน ส่วนการซื้อตั๋วที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ และการเข้าสู่ระบบรถไฟผ่านประตูอัตโนมัติ (ACG) ด้วยบัตร VISA และ Mastercard ควรสอบถามธนาคารผู้ออกบัตรว่าใช้ที่ต่างประเทศได้หรือไม่

    หรือสมัครบัตรที่ไม่เสียค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน 2.5% มีทั้งบัตร Travel Card เช่น YouTrip, Planet SCB, Krungsri Boarding Card หรือบัตรเดบิต เช่น Chill D CIMB Thai, ttb all free, Krungthai Travel Mastercard Debit, KBank Journey Travel Card เป็นต้น

    #Newskit #KTMB #GoCashless
    KTM Go Cashless รถไฟมาเลเซียไร้เงินสด การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย กำลังรณรงค์แคมเปญ Go Cashless หรือ Komuniti Tanpa Tunai (สังคมไร้เงินสด) ให้ผู้ใช้บริการรถไฟทุกประเภทซื้อตั๋วรถไฟ ชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสด ผ่านเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว ช่องทางออนไลน์ผ่านแอปฯ เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ และประตูอัตโนมัติ (ACG) ของทุกสถานี พร้อมกับออกบูธจัดกิจกรรมโรดโชว์ตามสถานีต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้แก่ผู้ใช้บริการ และจะงดรับเงินสดเต็มรูปแบบในระยะถัดไป • การซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์สถานี ทั้งรถไฟฟ้าชานเมือง KTM Komuter สาย Klang Valley และสาย Utara รถไฟทางไกล ETS และ KTM Intercity สามารถใช้บัตรเดบิต MyDebit ที่ออกโดยสถาบันการเงินในมาเลเซีย บัตร VISA และ Mastercard และ KTM Wallet ใน KTMB Mobile (KITS) ส่วนผู้ถือบัตร Komuter Link ใช้ได้เฉพาะรถไฟฟ้าชานเมือง KTM Komuter • การซื้อตั๋วล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์ แอปพลิเคชัน KTMB Mobile เลือกชำระได้ทั้ง KTM Wallet, บัตร VISA และ Mastercard, บัตรเดบิต MyDebit, Touch 'n Go eWallet, Boost Wallet และคิวอาร์โค้ด DuitNow • การซื้อตั๋วที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ (Ticket Kiosk) สามารถใช้บัตรเดบิต MyDebit, บัตร VISA และ Mastercard, คิวอาร์โค้ด DuitNow, อีวอลเล็ต Boost Wallet และ Touch 'n Go eWallet • การเข้าสู่ระบบรถไฟผ่านประตูอัตโนมัติ (ACG) รองรับทั้งบัตร Komuter Link, บัตรเดบิต MyDebit, บัตร VISA และ Mastercard, บัตร Touch 'n Go, Google Pay, Apple Pay และ Samsung Pay ทั้งนี้ ผู้ที่ใช้บัตร VISA และ Mastercard เข้าสู่ประตูอัตโนมัติ (ACG) ระบบจะกันวงเงินบัตรไว้ 30 ริงกิต (ประมาณ 231 บาท) และจะได้รับคืนภายหลัง ส่วนอีวอลเล็ต KTM Wallet ใน KTMB Mobile (KITS) รองรับเฉพาะรถไฟฟ้าชานเมือง KTM Komuter เท่านั้น สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย สามารถสมัครสมาชิก KTMB Mobile (KITS) เพื่อซื้อตั๋วล่วงหน้าได้ โดยใช้หนังสือเดินทางเป็นหลักฐาน ส่วนการซื้อตั๋วที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ และการเข้าสู่ระบบรถไฟผ่านประตูอัตโนมัติ (ACG) ด้วยบัตร VISA และ Mastercard ควรสอบถามธนาคารผู้ออกบัตรว่าใช้ที่ต่างประเทศได้หรือไม่ หรือสมัครบัตรที่ไม่เสียค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน 2.5% มีทั้งบัตร Travel Card เช่น YouTrip, Planet SCB, Krungsri Boarding Card หรือบัตรเดบิต เช่น Chill D CIMB Thai, ttb all free, Krungthai Travel Mastercard Debit, KBank Journey Travel Card เป็นต้น #Newskit #KTMB #GoCashless
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 559 มุมมอง 0 รีวิว
  • สลาก N3 เดาใจเธอยากกว่าถูกหวย

    17 ต.ค. 2567 เป็นวันแรกที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ทดลองจำหน่ายสลากตัวเลข 3 หลัก หรือสลาก N3 ราคาใบละ 20 บาท ผ่านจุดจำหน่ายโครงการสลาก 80 ที่เข้าร่วมโครงการ 647 แห่งทั่วประเทศ ผู้ซื้อต้องมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป มีแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ของธนาคารกรุงไทย เพื่อใช้สแกนซื้อสลากฯ และชำระเงินผ่านทาง G-Wallet ที่เคยใช้สำหรับโครงการของรัฐ รวมไปถึงการซื้อสลากดิจิทัล

    ความแตกต่างระหว่างสลาก N3 กับสลากแบบ 2 ตัวและ 3 ตัว สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตรก็คือ สลากแบบ 2 ตัวและ 3 ตัว เป็นสลากแบบเขียน เคยถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาว่าเป็นสลากกินรวบ ผิดกฎหมาย เพราะไม่มีการบริหารความเสี่ยง ขาดทุน 7 งวดกว่า 1,600 ล้านบาท รายได้กว่า 80% พบว่าใช้เงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เงินนับแสนล้านบาทไม่ได้นำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน แต่คณะรัฐมนตรีกลับนำเงินไปใช้โดยไม่มีสิทธิ

    การออกสลาก N3 ครั้งนี้จึงมีการออกแบบอย่างรัดกุม แบ่งเป็นเงินรางวัล 60% เงินส่งเป็นรายได้แผ่นดิน 23% และค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน 17% ซึ่งเงินรางวัลจะถูกแบ่งรางวัลสามตัวตรง 30% รางวัลสามสลับหลัก 30% รางวัลสองตรง 39% และรางวัลพิเศษ 1% ผ่าน 3 หลักแรกจากเลขที่เลือก 9 หลักที่เหลือจากลำดับการซื้อสลากฯ ในระบบ หากตัวเลขนั้นมีสัดส่วนยอดขายมากเกินไป ระบบจะล็อกปิดการขายชั่วคราว

    เมื่อถูกรางวัลระบบจะแจ้งเตือนในแอปฯ เป๋าตัง กดรับเงินรางวัลได้ทันที หักค่าอากรแสตมป์ทุก 200 บาทหรือเศษของ 200 บาทเท่ากับ 1 บาท หากเลือกโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย ไม่เสียค่าธรรมเนียม

    Newskit ทดลองซื้อสลาก N3 ที่แผงค้าสี่แยกคอกวัว ถนนตะนาว กทม. พบว่าทางร้านจะนำโทรศัพท์มือถือของผู้ค้าที่ติดตั้งแอปฯ ของสำนักงานสลากฯ ยื่นให้ลูกค้ากดตัวเลขที่ต้องการ กดเลือกสลาก ตรวจสอบรายการสลาก แล้วกดสร้าง QR ซื้อ-ขายสลาก โดยมีเวลาทำรายการภายใน 10 นาที จากนั้นนำมือถือของลูกค้าเปิดแอปพลิเคชันเป๋าตัง เข้าเมนู "สลากตัวเลข 3 หลัก" กด "สแกนซื้อสลาก" ชำระเงินผ่าน G-Wallet ให้เรียบร้อย สามารถดูสลากที่ซื้อได้ที่เมนู "สลากของฉัน"

    สำหรับวันแรกที่จำหน่ายมีเสียงวิจารณ์ว่าหาซื้อยาก ต้องไปซื้อที่ร้านขายสลาก 80 ที่เข้าร่วมโครงการ แตกต่างจากสลากดิจิทัลผ่านแอปฯ เป๋าตัง อยู่ที่ไหนก็ซื้อได้ อีกทั้งพิกัดที่ระบุในแอปฯ ไม่ตรงกัน พอไปตามพิกัดแล้วไม่มีร้าน ซึ่งสำนักงานสลากฯ จะทดลองจำหน่ายเป็นเวลา 6 เดือนเพื่อศึกษาข้อมูลการจำหน่ายและผลกระทบต่างๆ ก่อนจำหน่ายเต็มรูปแบบในเดือน เม.ย. 2568

    #Newskit #GLO #สลากN3
    สลาก N3 เดาใจเธอยากกว่าถูกหวย 17 ต.ค. 2567 เป็นวันแรกที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ทดลองจำหน่ายสลากตัวเลข 3 หลัก หรือสลาก N3 ราคาใบละ 20 บาท ผ่านจุดจำหน่ายโครงการสลาก 80 ที่เข้าร่วมโครงการ 647 แห่งทั่วประเทศ ผู้ซื้อต้องมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป มีแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ของธนาคารกรุงไทย เพื่อใช้สแกนซื้อสลากฯ และชำระเงินผ่านทาง G-Wallet ที่เคยใช้สำหรับโครงการของรัฐ รวมไปถึงการซื้อสลากดิจิทัล ความแตกต่างระหว่างสลาก N3 กับสลากแบบ 2 ตัวและ 3 ตัว สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตรก็คือ สลากแบบ 2 ตัวและ 3 ตัว เป็นสลากแบบเขียน เคยถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาว่าเป็นสลากกินรวบ ผิดกฎหมาย เพราะไม่มีการบริหารความเสี่ยง ขาดทุน 7 งวดกว่า 1,600 ล้านบาท รายได้กว่า 80% พบว่าใช้เงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เงินนับแสนล้านบาทไม่ได้นำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน แต่คณะรัฐมนตรีกลับนำเงินไปใช้โดยไม่มีสิทธิ การออกสลาก N3 ครั้งนี้จึงมีการออกแบบอย่างรัดกุม แบ่งเป็นเงินรางวัล 60% เงินส่งเป็นรายได้แผ่นดิน 23% และค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน 17% ซึ่งเงินรางวัลจะถูกแบ่งรางวัลสามตัวตรง 30% รางวัลสามสลับหลัก 30% รางวัลสองตรง 39% และรางวัลพิเศษ 1% ผ่าน 3 หลักแรกจากเลขที่เลือก 9 หลักที่เหลือจากลำดับการซื้อสลากฯ ในระบบ หากตัวเลขนั้นมีสัดส่วนยอดขายมากเกินไป ระบบจะล็อกปิดการขายชั่วคราว เมื่อถูกรางวัลระบบจะแจ้งเตือนในแอปฯ เป๋าตัง กดรับเงินรางวัลได้ทันที หักค่าอากรแสตมป์ทุก 200 บาทหรือเศษของ 200 บาทเท่ากับ 1 บาท หากเลือกโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย ไม่เสียค่าธรรมเนียม Newskit ทดลองซื้อสลาก N3 ที่แผงค้าสี่แยกคอกวัว ถนนตะนาว กทม. พบว่าทางร้านจะนำโทรศัพท์มือถือของผู้ค้าที่ติดตั้งแอปฯ ของสำนักงานสลากฯ ยื่นให้ลูกค้ากดตัวเลขที่ต้องการ กดเลือกสลาก ตรวจสอบรายการสลาก แล้วกดสร้าง QR ซื้อ-ขายสลาก โดยมีเวลาทำรายการภายใน 10 นาที จากนั้นนำมือถือของลูกค้าเปิดแอปพลิเคชันเป๋าตัง เข้าเมนู "สลากตัวเลข 3 หลัก" กด "สแกนซื้อสลาก" ชำระเงินผ่าน G-Wallet ให้เรียบร้อย สามารถดูสลากที่ซื้อได้ที่เมนู "สลากของฉัน" สำหรับวันแรกที่จำหน่ายมีเสียงวิจารณ์ว่าหาซื้อยาก ต้องไปซื้อที่ร้านขายสลาก 80 ที่เข้าร่วมโครงการ แตกต่างจากสลากดิจิทัลผ่านแอปฯ เป๋าตัง อยู่ที่ไหนก็ซื้อได้ อีกทั้งพิกัดที่ระบุในแอปฯ ไม่ตรงกัน พอไปตามพิกัดแล้วไม่มีร้าน ซึ่งสำนักงานสลากฯ จะทดลองจำหน่ายเป็นเวลา 6 เดือนเพื่อศึกษาข้อมูลการจำหน่ายและผลกระทบต่างๆ ก่อนจำหน่ายเต็มรูปแบบในเดือน เม.ย. 2568 #Newskit #GLO #สลากN3
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 553 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอแชร์บทความที่คิดว่ามีประโยชน์
    จากเพื่อนผม นพ.จรูญ ปิรยะวราภรณ์ครับ

    _“ความปลอดภัย 🧯 และธุรกิจรถโรงเรียนในสหรัฐ 🚌”
    _ คู่มือการคัดเลือกรถโดยสารประจำทางของสสส
    “ และภาคีเครือข่าย

    ความปลอดภัย 🧯
    และ ธุรกิจรถโรงเรียนในสหรัฐ 🚌

    . . .

    หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า หนึ่งในธุรกิจที่มีกำแพงการแข่งขัน (Barrier of Entry) สูงที่สุดในสหรัฐ คือธุรกิจ “รถโรงเรียน”

    ปัจจุบันมีเด็กกว่า 26 ล้านคนในสหรัฐและแคนาดา ใช้รถโรงเรียนกว่า 5 แสนคัน แต่ส่วนใหญ่ ถูกบริหารโดย 3 บริษัทแค่นั้น (Oligopoly) คือ Blue Bird, Thomas และ IC

    เงินรายได้ส่วนหนึ่ง มาจากการสนับสนุนของภาครัฐ ซึ่งทำให้รถโรงเรียน ต้องผ่านข้อบังคับที่เข้มข้นมากมาย และต้องมีการออกแบบพิเศษ ที่ "ปลอดภัยสูงกว่า" รถโดยสารปกติ เช่น

    . . .

    1/ การออกแบบ

    - ตัวถังสีเหลืองเฉพาะ "National School Bus Glossy Yellow" เพื่อให้แยกแยะได้ชัดเจน มองเห็นได้ง่าย ในทุกสภาพอากาศ

    - มีแขนหยุดและไฟกระพริบ ใช้แจ้งให้ผู้ขับขี่อื่นๆหยุดรถ เมื่อเด็กๆ กำลังเดินขึ้นหรือลง

    - มีพนักพิงสูงและการแบ่งพื้นที่ ป้องกันเด็กในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เรียกว่า “Compartmentalization"

    - รถสมัยใหม่ มีระบบติดตาม GPS ผ่านแอปพลิเคชัน และแจ้งเตือนผู้ปกครอง เมื่อรถใกล้ถึงจุดรับส่ง

    - มีกล้อง เพื่อตรวจตราติดตามพฤติกรรม ของนักเรียนและคนขับ และช่วยสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    . . .

    2/ การป้องกันไฟไหม้ 🧯

    - ภายในใช้วัสดุกันไฟ เพื่อชะลอการแพร่กระจายของไฟ

    - มีระบบดับไฟอัตโนมัติ และระบบป้องกันการลุกไหม้ของถังน้ำมันเชื้อเพลิง

    - ติดตั้งทางออกฉุกเฉินหลายแห่ง เช่น ประตูหลัง ช่องหลังคา และหน้าต่างด้านข้าง เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถออกจากรถได้อย่างรวดเร็วในกรณีฉุกเฉิน

    . . .

    3/ ข้อบังคับ

    - มีมาตรฐานความปลอดภัยของยานยนต์ (FMVSS) ที่เฉพาะเจาะจง เช่น การป้องกันการชน มาตรฐานการเบรก และความแข็งแรงของโครงสร้าง ซึ่งเข้มงวดกว่า และถูกตรวจสอบบ่อยครั้งกว่ารถโดยสารปกติ

    - มีการฝึกอบรมคนขับอย่างละเอียด วิธีการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน การตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ต้องมีใบขับขี่เชิงพาณิชย์พิเศษ

    . . .

    4/ การใช้พลังงานสะอาด

    เพิ่งเริ่มสนับสนุนอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 2021 โดยรัฐบาลสนับสนุนงบถึง $5b ใน 5 ปี ในการทยอยเปลี่ยนรถโรงเรียนให้เป็น Zero-emission เพื่อลดการปล่อยมลพิษ ลดเสียงรบกวน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

    ซึ่งรถโรงเรียน ที่ส่วนมาก มีเวลาและเส้นทางการวิ่งที่แน่นอน และเวลาจอดพักนานกว่าปกติ จึงเหมาะกับการใช้งานรถไฟฟ้ามาก

    . . .

    ด้วยมาตราฐานสูง และการตรวจสอบที่เข้มงวดที่สุด ในรอบเกือบ 100 ปี ธุรกิจรถโรงเรียนในสหรัฐ จึงมีเพียงผู้เล่นเพียงไม่กี่ราย ที่ผ่านคุณสมบัติ

    ซึ่งไม่ว่ารายไหน สิ่งสำคัญที่สุดอันดับหนึ่ง คือ ความปลอดภัยของเด็กนักเรียนครับ

    “For school bus business, safety is always the number one priority”

    #MoneyDisruptor
    ขอแชร์บทความที่คิดว่ามีประโยชน์ จากเพื่อนผม นพ.จรูญ ปิรยะวราภรณ์ครับ _“ความปลอดภัย 🧯 และธุรกิจรถโรงเรียนในสหรัฐ 🚌” _ คู่มือการคัดเลือกรถโดยสารประจำทางของสสส “ และภาคีเครือข่าย ความปลอดภัย 🧯 และ ธุรกิจรถโรงเรียนในสหรัฐ 🚌 . . . หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า หนึ่งในธุรกิจที่มีกำแพงการแข่งขัน (Barrier of Entry) สูงที่สุดในสหรัฐ คือธุรกิจ “รถโรงเรียน” ปัจจุบันมีเด็กกว่า 26 ล้านคนในสหรัฐและแคนาดา ใช้รถโรงเรียนกว่า 5 แสนคัน แต่ส่วนใหญ่ ถูกบริหารโดย 3 บริษัทแค่นั้น (Oligopoly) คือ Blue Bird, Thomas และ IC เงินรายได้ส่วนหนึ่ง มาจากการสนับสนุนของภาครัฐ ซึ่งทำให้รถโรงเรียน ต้องผ่านข้อบังคับที่เข้มข้นมากมาย และต้องมีการออกแบบพิเศษ ที่ "ปลอดภัยสูงกว่า" รถโดยสารปกติ เช่น . . . 1/ การออกแบบ - ตัวถังสีเหลืองเฉพาะ "National School Bus Glossy Yellow" เพื่อให้แยกแยะได้ชัดเจน มองเห็นได้ง่าย ในทุกสภาพอากาศ - มีแขนหยุดและไฟกระพริบ ใช้แจ้งให้ผู้ขับขี่อื่นๆหยุดรถ เมื่อเด็กๆ กำลังเดินขึ้นหรือลง - มีพนักพิงสูงและการแบ่งพื้นที่ ป้องกันเด็กในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เรียกว่า “Compartmentalization" - รถสมัยใหม่ มีระบบติดตาม GPS ผ่านแอปพลิเคชัน และแจ้งเตือนผู้ปกครอง เมื่อรถใกล้ถึงจุดรับส่ง - มีกล้อง เพื่อตรวจตราติดตามพฤติกรรม ของนักเรียนและคนขับ และช่วยสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น . . . 2/ การป้องกันไฟไหม้ 🧯 - ภายในใช้วัสดุกันไฟ เพื่อชะลอการแพร่กระจายของไฟ - มีระบบดับไฟอัตโนมัติ และระบบป้องกันการลุกไหม้ของถังน้ำมันเชื้อเพลิง - ติดตั้งทางออกฉุกเฉินหลายแห่ง เช่น ประตูหลัง ช่องหลังคา และหน้าต่างด้านข้าง เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถออกจากรถได้อย่างรวดเร็วในกรณีฉุกเฉิน . . . 3/ ข้อบังคับ - มีมาตรฐานความปลอดภัยของยานยนต์ (FMVSS) ที่เฉพาะเจาะจง เช่น การป้องกันการชน มาตรฐานการเบรก และความแข็งแรงของโครงสร้าง ซึ่งเข้มงวดกว่า และถูกตรวจสอบบ่อยครั้งกว่ารถโดยสารปกติ - มีการฝึกอบรมคนขับอย่างละเอียด วิธีการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน การตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ต้องมีใบขับขี่เชิงพาณิชย์พิเศษ . . . 4/ การใช้พลังงานสะอาด เพิ่งเริ่มสนับสนุนอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 2021 โดยรัฐบาลสนับสนุนงบถึง $5b ใน 5 ปี ในการทยอยเปลี่ยนรถโรงเรียนให้เป็น Zero-emission เพื่อลดการปล่อยมลพิษ ลดเสียงรบกวน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งรถโรงเรียน ที่ส่วนมาก มีเวลาและเส้นทางการวิ่งที่แน่นอน และเวลาจอดพักนานกว่าปกติ จึงเหมาะกับการใช้งานรถไฟฟ้ามาก . . . ด้วยมาตราฐานสูง และการตรวจสอบที่เข้มงวดที่สุด ในรอบเกือบ 100 ปี ธุรกิจรถโรงเรียนในสหรัฐ จึงมีเพียงผู้เล่นเพียงไม่กี่ราย ที่ผ่านคุณสมบัติ ซึ่งไม่ว่ารายไหน สิ่งสำคัญที่สุดอันดับหนึ่ง คือ ความปลอดภัยของเด็กนักเรียนครับ “For school bus business, safety is always the number one priority” #MoneyDisruptor
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • @ศูนย์อำนวยการจิตอาสา

    สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเจริญอริยมรรค
    “สัมมาทิฏฐิ” ระลึกถึงพระรัตนตรัย ว่าเป็นสรณะที่พึ่งที่ยึดถือ อันเป็นทางเป็นธรรมที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้โดยชอบ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต และวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช วันที่ ๑ และวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๗ และเนื่องในวันนวมินทรมหาราช ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ ผ่านแอปพลิเคชัน “สมาธิเสบียงบุญ ระหว่างวันที่ ๑ – ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๗ ”

    #สัมมาทิฏฐิ
    #สมาธิเสบียงบุญ

    https://www.facebook.com/share/rV43oRMyWEtrdFHG/?mibextid=oFDknk
    @ศูนย์อำนวยการจิตอาสา สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเจริญอริยมรรค “สัมมาทิฏฐิ” ระลึกถึงพระรัตนตรัย ว่าเป็นสรณะที่พึ่งที่ยึดถือ อันเป็นทางเป็นธรรมที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้โดยชอบ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต และวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช วันที่ ๑ และวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๗ และเนื่องในวันนวมินทรมหาราช ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ ผ่านแอปพลิเคชัน “สมาธิเสบียงบุญ ระหว่างวันที่ ๑ – ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๗ ” #สัมมาทิฏฐิ #สมาธิเสบียงบุญ https://www.facebook.com/share/rV43oRMyWEtrdFHG/?mibextid=oFDknk
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • อักษรพิเศษที่มีฟอนต์เป็นตัวอักษรที่มีลักษณะหรือสัญลักษณ์เฉพาะแตกต่างจากตัวอักษรทั่วไป เช่น อักษรที่ใช้ในการตกแต่งหรือแสดงผลพิเศษในเอกสาร โซเชียลมีเดีย หรือเว็บไซต์ โดยฟอนต์เหล่านี้สามารถนำมาใช้ได้หลากหลายรูปแบบ สำหรับอักษรพิเศษที่มีฟอนต์ยอดนิยมที่คุณอาจพบได้บ่อย ได้แก่:

    ### 1. **Wingdings และ Webdings**
    - ฟอนต์เหล่านี้ประกอบด้วยอักษรพิเศษที่เป็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น ลูกศร, มือ, วงกลม, ดาว และรูปทรงต่าง ๆ ซึ่งเหมาะสำหรับการตกแต่งหรือการสร้างไอคอนในเอกสารหรือเว็บไซต์
    - ตัวอย่าง: ☺ ✈ ✉ ✿

    ### 2. **Segoe UI Symbol**
    - ฟอนต์นี้ประกอบด้วยอักษรพิเศษที่ครอบคลุมหลากหลายสัญลักษณ์ รวมถึงอิโมจิ, รูปเรขาคณิต, สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ และสัญลักษณ์อื่น ๆ
    - ตัวอย่าง: ✌ ☀ ♕ ⚽

    ### 3. **Arial Unicode MS**
    - ฟอนต์นี้เป็นหนึ่งในฟอนต์ที่สนับสนุนสัญลักษณ์และอักษรพิเศษจากหลายภาษา รวมถึงสัญลักษณ์ทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
    - ตัวอย่าง: √ ∞ ≠ ♥ ♣

    ### 4. **Times New Roman (with special characters)**
    - แม้ว่าจะเป็นฟอนต์พื้นฐาน แต่ Times New Roman มีสัญลักษณ์พิเศษที่สามารถใช้ได้ในหลายกรณี เช่น ตัวเลขตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวอักษรสำเนียง และสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์
    - ตัวอย่าง: © ® ™ ∑

    ### 5. **Lucida Sans Unicode**
    - ฟอนต์นี้ครอบคลุมอักขระ Unicode จำนวนมาก รวมถึงอักษรพิเศษต่าง ๆ ที่สามารถใช้ในเอกสารหรือเว็บไซต์ได้
    - ตัวอย่าง: ☎ ☑ ✂ ✦

    ### 6. **Courier New**
    - ฟอนต์นี้รองรับสัญลักษณ์พิเศษเช่นเดียวกับ Times New Roman และสามารถใช้สำหรับการพิมพ์ในรูปแบบโมโนสเปซ (ตัวอักษรขนาดเท่ากัน)
    - ตัวอย่าง: ☐ ☑ ☒ ♠ ♦ ♣

    ### 7. **Symbol**
    - ฟอนต์ Symbol ประกอบด้วยสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เช่น สัญลักษณ์พี, อักษรกรีก, และอื่น ๆ ที่ใช้งานในเอกสารทางวิชาการ
    - ตัวอย่าง: π Δ Ω µ

    ### 8. **Font Awesome**
    - เป็นฟอนต์ที่ถูกใช้ในเว็บไซต์และแอปพลิเคชันเพื่อแสดงไอคอนพิเศษ สามารถใช้สำหรับการออกแบบเว็บไซต์หรือแอปให้ดูสวยงามและมืออาชีพ
    - ตัวอย่าง:    

    ### 9. **Apple Color Emoji**
    - สำหรับผู้ใช้ Mac และ iOS ฟอนต์นี้รองรับอิโมจิที่มีสีสันสวยงาม ใช้สำหรับการสื่อสารผ่านข้อความหรือโซเชียลมีเดีย
    - ตัวอย่าง: 😀 🏆 🍎 🌟

    ### 10. **Noto Emoji**
    - ฟอนต์อีโมจิที่รองรับอักษรพิเศษและสัญลักษณ์มากมาย มีการอัปเดตอีโมจิใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อใช้งานใน Android และ Google
    - ตัวอย่าง: 😎 🚀 🍕 🌈

    อักษรพิเศษจากฟอนต์เหล่านี้สามารถนำมาใช้ในงานเอกสารหรือการออกแบบต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    อักษรพิเศษที่มีฟอนต์เป็นตัวอักษรที่มีลักษณะหรือสัญลักษณ์เฉพาะแตกต่างจากตัวอักษรทั่วไป เช่น อักษรที่ใช้ในการตกแต่งหรือแสดงผลพิเศษในเอกสาร โซเชียลมีเดีย หรือเว็บไซต์ โดยฟอนต์เหล่านี้สามารถนำมาใช้ได้หลากหลายรูปแบบ สำหรับอักษรพิเศษที่มีฟอนต์ยอดนิยมที่คุณอาจพบได้บ่อย ได้แก่: ### 1. **Wingdings และ Webdings** - ฟอนต์เหล่านี้ประกอบด้วยอักษรพิเศษที่เป็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น ลูกศร, มือ, วงกลม, ดาว และรูปทรงต่าง ๆ ซึ่งเหมาะสำหรับการตกแต่งหรือการสร้างไอคอนในเอกสารหรือเว็บไซต์ - ตัวอย่าง: ☺ ✈ ✉ ✿ ### 2. **Segoe UI Symbol** - ฟอนต์นี้ประกอบด้วยอักษรพิเศษที่ครอบคลุมหลากหลายสัญลักษณ์ รวมถึงอิโมจิ, รูปเรขาคณิต, สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ และสัญลักษณ์อื่น ๆ - ตัวอย่าง: ✌ ☀ ♕ ⚽ ### 3. **Arial Unicode MS** - ฟอนต์นี้เป็นหนึ่งในฟอนต์ที่สนับสนุนสัญลักษณ์และอักษรพิเศษจากหลายภาษา รวมถึงสัญลักษณ์ทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ - ตัวอย่าง: √ ∞ ≠ ♥ ♣ ### 4. **Times New Roman (with special characters)** - แม้ว่าจะเป็นฟอนต์พื้นฐาน แต่ Times New Roman มีสัญลักษณ์พิเศษที่สามารถใช้ได้ในหลายกรณี เช่น ตัวเลขตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวอักษรสำเนียง และสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ - ตัวอย่าง: © ® ™ ∑ ### 5. **Lucida Sans Unicode** - ฟอนต์นี้ครอบคลุมอักขระ Unicode จำนวนมาก รวมถึงอักษรพิเศษต่าง ๆ ที่สามารถใช้ในเอกสารหรือเว็บไซต์ได้ - ตัวอย่าง: ☎ ☑ ✂ ✦ ### 6. **Courier New** - ฟอนต์นี้รองรับสัญลักษณ์พิเศษเช่นเดียวกับ Times New Roman และสามารถใช้สำหรับการพิมพ์ในรูปแบบโมโนสเปซ (ตัวอักษรขนาดเท่ากัน) - ตัวอย่าง: ☐ ☑ ☒ ♠ ♦ ♣ ### 7. **Symbol** - ฟอนต์ Symbol ประกอบด้วยสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เช่น สัญลักษณ์พี, อักษรกรีก, และอื่น ๆ ที่ใช้งานในเอกสารทางวิชาการ - ตัวอย่าง: π Δ Ω µ ### 8. **Font Awesome** - เป็นฟอนต์ที่ถูกใช้ในเว็บไซต์และแอปพลิเคชันเพื่อแสดงไอคอนพิเศษ สามารถใช้สำหรับการออกแบบเว็บไซต์หรือแอปให้ดูสวยงามและมืออาชีพ - ตัวอย่าง:     ### 9. **Apple Color Emoji** - สำหรับผู้ใช้ Mac และ iOS ฟอนต์นี้รองรับอิโมจิที่มีสีสันสวยงาม ใช้สำหรับการสื่อสารผ่านข้อความหรือโซเชียลมีเดีย - ตัวอย่าง: 😀 🏆 🍎 🌟 ### 10. **Noto Emoji** - ฟอนต์อีโมจิที่รองรับอักษรพิเศษและสัญลักษณ์มากมาย มีการอัปเดตอีโมจิใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อใช้งานใน Android และ Google - ตัวอย่าง: 😎 🚀 🍕 🌈 อักษรพิเศษจากฟอนต์เหล่านี้สามารถนำมาใช้ในงานเอกสารหรือการออกแบบต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดตัว Thaitimes โซเชียลฯ สำหรับคนไทย

    นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ และผู้ดำเนินรายการ คุยทุกเรื่องกับสนธิ เปิดตัวแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ "ไทยไทมส์" (Thaitimes) อย่างเป็นทางการ ที่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 29 ก.ย. โดยได้แนะนำนายอาทิตย์ เซกาล และนายกฤษณะ ผู้อยู่เบื้องหลังในการพัฒนาแพลตฟอร์มดังกล่าวบนเวทีอีกด้วย คาดว่าภายในสิ้นปี 2567 จะมีผู้ใช้งานมากกว่า 5 หมื่นคน และปีหน้า (2568) จะมีสมาชิกหลักแสนคน

    นายสนธิ กล่าวว่า ได้เปิดทดลองใช้แอปพลิเคชัน Thaitimes เป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา ถึงปัจจุบันเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน มีผู้สมัครเข้าใช้แอปพลิเคชันนี้แล้วมากกว่า 2 หมื่นราย จุดเด่นของแอปพลิเคชันไทยไทมส์ คือ มีความเป็นสากลและความเป็นท้องถิ่นอยู่ในตัวเอง ซึ่งสิ่งโซเชียลมีเดียของต่างชาติขาดหายไป คือการใช้มาตรฐานเดียวกันหมดทั่วโลก ทั้งที่ทั่วโลกต้องการความหลากหลาย

    "สิ่งที่สำคัญคือ โซเชียลมีเดียต่างชาตินั้น รับงานรัฐบาลของตัวเองปิดกั้นข้อมูลข้อเท็จจริง ที่คนไทยหรือคนทั่วโลกควรรับรู้อย่างเช่น เรื่องโควิด-19 วัคซีน ผลกระทบของวัคซีน ซึ่งเป็นเรื่องความเป็นความตายของผู้คนทั่วโลก ... ทุกคนมั่นใจว่าแอปฯ นี้จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนไทย ในยุคที่แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ต่างประเทศเซ็นเซอร์ ปิดกั้นข้อมูลข้อเท็จจริง และแสวงหากำไรเกินควร" นายสนธิ ระบุ

    สำหรับแอปพลิเคชัน Thaitimes นอกจากจะมีหน้าโปร์ไฟล์สำหรับแบ่งปันเรื่องราวแล้ว ยังมีเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" จากรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ เพจ "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ถ่ายทอดสดงานความจริงมีหนึ่งเดียว เพจ "News1" ของสถานีข่าวนิวส์วัน เพจ "Thanong Fanclub" ของนายทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวต่างประเทศ เรื่องราวด้านสุขภาพจากเพจ "ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" ของ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และเพจ "Thiravat Hemachudha" ของ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นต้น

    ผู้ใช้งานสามารถสมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ที่ App Store และ Google Play Store หากพบปัญหาการใช้งาน หรือดูวิธีการสมัครต่างๆ แจ้งได้ที่เพจ Thaitimes Help Center หรือแจ้งปัญหาการใช้งานได้ที่ไลน์ @sondhitalk

    #Newskit #Thaitimes #ไทยไทมส์
    เปิดตัว Thaitimes โซเชียลฯ สำหรับคนไทย นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ และผู้ดำเนินรายการ คุยทุกเรื่องกับสนธิ เปิดตัวแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ "ไทยไทมส์" (Thaitimes) อย่างเป็นทางการ ที่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 29 ก.ย. โดยได้แนะนำนายอาทิตย์ เซกาล และนายกฤษณะ ผู้อยู่เบื้องหลังในการพัฒนาแพลตฟอร์มดังกล่าวบนเวทีอีกด้วย คาดว่าภายในสิ้นปี 2567 จะมีผู้ใช้งานมากกว่า 5 หมื่นคน และปีหน้า (2568) จะมีสมาชิกหลักแสนคน นายสนธิ กล่าวว่า ได้เปิดทดลองใช้แอปพลิเคชัน Thaitimes เป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา ถึงปัจจุบันเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน มีผู้สมัครเข้าใช้แอปพลิเคชันนี้แล้วมากกว่า 2 หมื่นราย จุดเด่นของแอปพลิเคชันไทยไทมส์ คือ มีความเป็นสากลและความเป็นท้องถิ่นอยู่ในตัวเอง ซึ่งสิ่งโซเชียลมีเดียของต่างชาติขาดหายไป คือการใช้มาตรฐานเดียวกันหมดทั่วโลก ทั้งที่ทั่วโลกต้องการความหลากหลาย "สิ่งที่สำคัญคือ โซเชียลมีเดียต่างชาตินั้น รับงานรัฐบาลของตัวเองปิดกั้นข้อมูลข้อเท็จจริง ที่คนไทยหรือคนทั่วโลกควรรับรู้อย่างเช่น เรื่องโควิด-19 วัคซีน ผลกระทบของวัคซีน ซึ่งเป็นเรื่องความเป็นความตายของผู้คนทั่วโลก ... ทุกคนมั่นใจว่าแอปฯ นี้จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนไทย ในยุคที่แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ต่างประเทศเซ็นเซอร์ ปิดกั้นข้อมูลข้อเท็จจริง และแสวงหากำไรเกินควร" นายสนธิ ระบุ สำหรับแอปพลิเคชัน Thaitimes นอกจากจะมีหน้าโปร์ไฟล์สำหรับแบ่งปันเรื่องราวแล้ว ยังมีเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" จากรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ เพจ "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ถ่ายทอดสดงานความจริงมีหนึ่งเดียว เพจ "News1" ของสถานีข่าวนิวส์วัน เพจ "Thanong Fanclub" ของนายทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวต่างประเทศ เรื่องราวด้านสุขภาพจากเพจ "ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" ของ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และเพจ "Thiravat Hemachudha" ของ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นต้น ผู้ใช้งานสามารถสมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ที่ App Store และ Google Play Store หากพบปัญหาการใช้งาน หรือดูวิธีการสมัครต่างๆ แจ้งได้ที่เพจ Thaitimes Help Center หรือแจ้งปัญหาการใช้งานได้ที่ไลน์ @sondhitalk #Newskit #Thaitimes #ไทยไทมส์
    Like
    Love
    Yay
    Haha
    161
    13 ความคิดเห็น 5 การแบ่งปัน 11625 มุมมอง 6 รีวิว
  • Thaitimes แอปฯ "โซเชียลมีเดีย" ของคนไทย เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
    .
    วันนี้ (29 ก.ย.) คุณสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวบนเวทีความจริงมีหนึ่งเดียว ณ หอประชุมเล็กมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ ว่า หลังการเปิดให้ทดลองใช้แอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ไทยไทม์ (Thaitimes) เป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ถึงปัจจุบันเป็นเวลาประมาณหนึ่งเดือนแล้ว มีผู้สมัครเข้าใช้แอปฯ นี้แล้วมากกว่า 2 หมื่นคน
    .
    "จุดเด่นของแอปพลิเคชันไทยไทม์คือมีความเป็นสากล และมีความเป็นท้องถิ่นอยู่ในตัวเอง ซึ่งโซเชียลมีเดียของต่างชาติขาดไป คือ ใช้มาตรฐานเดียวกันหมดทั่วโลก ทั้ง ๆ ที่ทั่วโลกต้งอการความหลากหลาย เหมือนกับแมคโดนัลด์หรือเคเอฟซี ที่เข้ามาในเมืองไทยก็มีเมนูกะเพราขาย" นายสนธิระบุ และระบุว่า สิ่งที่สำคัญคือ โซเชียลมีเดียต่างชาตินั้นรับงานรัฐบาลของตัวเองปิดกั้นข้อมูลข้อเท็จจริง ที่คนไทยหรือคนทั่วโลกควรรับรู้อย่างเช่น เรื่องโควิด-19 วัคซีน ผลกระทบของวัคซีน ซึ่งเป็นเรื่องความเป็นความตายของผู้คนทั่วโลก
    .
    ต่อมา คุณสนธิได้เชิญคุณอาทิตย์ เซกาล และคุณกฤษณะ ผู้อยู่เบื้องหลังในการพัฒนาแอปพลิเคชัน ขึ้นมาโชว์ตัวบนเวทีด้วย โดยทุกคนมั่นใจว่าแอปฯ นี้จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนไทยในยุคที่แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ต่างประเทศเซ็นเซอร์ ปิดกั้นข้อมูลข้อเท็จจริง และแสวงหากำไรเกินควร
    .
    ทั้งนี้คุณสนธิคาดการณ์ว่าหลังการเปิดตัวแล้ว แอปฯ Thaitimes ในวันนี้แล้ว ภายในสิ้นปี 2567 จะมีผู้ใช้มากกว่า 5 หมื่นคน ส่วนในปีหน้า 2568 จะแตะหลักแสนคน และอาจจะถึงหลักล้านคนก็เป็นได้
    .
    #Thaitimes
    Thaitimes แอปฯ "โซเชียลมีเดีย" ของคนไทย เปิดตัวอย่างเป็นทางการ . วันนี้ (29 ก.ย.) คุณสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวบนเวทีความจริงมีหนึ่งเดียว ณ หอประชุมเล็กมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ ว่า หลังการเปิดให้ทดลองใช้แอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ไทยไทม์ (Thaitimes) เป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ถึงปัจจุบันเป็นเวลาประมาณหนึ่งเดือนแล้ว มีผู้สมัครเข้าใช้แอปฯ นี้แล้วมากกว่า 2 หมื่นคน . "จุดเด่นของแอปพลิเคชันไทยไทม์คือมีความเป็นสากล และมีความเป็นท้องถิ่นอยู่ในตัวเอง ซึ่งโซเชียลมีเดียของต่างชาติขาดไป คือ ใช้มาตรฐานเดียวกันหมดทั่วโลก ทั้ง ๆ ที่ทั่วโลกต้งอการความหลากหลาย เหมือนกับแมคโดนัลด์หรือเคเอฟซี ที่เข้ามาในเมืองไทยก็มีเมนูกะเพราขาย" นายสนธิระบุ และระบุว่า สิ่งที่สำคัญคือ โซเชียลมีเดียต่างชาตินั้นรับงานรัฐบาลของตัวเองปิดกั้นข้อมูลข้อเท็จจริง ที่คนไทยหรือคนทั่วโลกควรรับรู้อย่างเช่น เรื่องโควิด-19 วัคซีน ผลกระทบของวัคซีน ซึ่งเป็นเรื่องความเป็นความตายของผู้คนทั่วโลก . ต่อมา คุณสนธิได้เชิญคุณอาทิตย์ เซกาล และคุณกฤษณะ ผู้อยู่เบื้องหลังในการพัฒนาแอปพลิเคชัน ขึ้นมาโชว์ตัวบนเวทีด้วย โดยทุกคนมั่นใจว่าแอปฯ นี้จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนไทยในยุคที่แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ต่างประเทศเซ็นเซอร์ ปิดกั้นข้อมูลข้อเท็จจริง และแสวงหากำไรเกินควร . ทั้งนี้คุณสนธิคาดการณ์ว่าหลังการเปิดตัวแล้ว แอปฯ Thaitimes ในวันนี้แล้ว ภายในสิ้นปี 2567 จะมีผู้ใช้มากกว่า 5 หมื่นคน ส่วนในปีหน้า 2568 จะแตะหลักแสนคน และอาจจะถึงหลักล้านคนก็เป็นได้ . #Thaitimes
    Like
    Love
    Yay
    97
    5 ความคิดเห็น 7 การแบ่งปัน 3953 มุมมอง 1 รีวิว
  • ปิดตำนาน 20 ปี บัตรสมาร์ทเพิร์ส

    ในขณะที่คนไทยกำลังตื่นเต้น ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น 480 สาขา สแกนจ่ายผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร ผ่านบริการมายพร้อมคิวอาร์ (MyPromptQR) เฉพาะบางธนาคาร แต่อีกด้านหนึ่ง บัตรเซเว่นการ์ด (7-Card) ซึ่งเป็นบัตรสมาร์ทเพิร์สรุ่นสุดท้าย จะยกเลิกให้บริการ โดยปิดระบบเติมเงินในวันที่ 1 ม.ค. 2568 และสมาชิกสามารถใช้เงินภายในบัตรได้ถึง 31 ม.ค. 2568

    หลังจากนั้นจะไม่สามารถใช้งานบัตรได้ สมาชิกต้องลงทะเบียนขอรับเงินคืน และนำบัตร 7-Card ที่ทำลายแล้วพร้อมสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาสมุดบัญชีส่งทางไปรษณีย์ หากไม่ดำเนินการในอีก 120 วันจะหักแต้ม และหักค่ารักษาบัญชีจนหมด

    บัตรสมาร์ทเพิร์ส เริ่มให้บริการเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2548 โดยใช้ชื่อว่า "บัตรเชื่อมรัก" ของเคาน์เตอร์เซอร์วิส ใช้สำหรับส่งและรับเงินระหว่างกันที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่เข้าร่วมโครงการ 1,000 สาขา ตลอด 24 ชั่วโมง คิดค่าบริการครั้งละ 20 บาท

    กระทั่งวันที่ 15 ธ.ค. 2548 จึงได้เริ่มให้บริการบัตรสมาร์ทเพิร์ส นำร่องร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 1,500 สาขา ก่อนทยอยเปิดครบทุกสาขาในปี 2549 โดยบัตรจำหน่ายราคาใบละ 250 บาท เติมเงินขั้นต่ำ 50 บาท สูงสุด 10,000 บาท ผ่านไปปีแรก ในปี 2549 มีผู้ถือบัตรมากถึง 1.1 ล้านใบ และร้านค้ารับบัตร 7,000 แห่ง

    นอกจากนี้ ยังมีบัตรโคแบรนด์ที่ออกร่วมกับภาคเอกชน ร้านค้า สถานศึกษา มากกว่า 100 องค์กร และยังมีบัตรที่ออกร่วมกับธนาคาร เช่น บัตรเอทีเอ็มซีไอเอ็มบีไทย สมาร์ทพอยต์ ร่วมกับธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย บัตรเค-เดบิต เซเว่นพอยต์ ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย แต่เป็นไปในลักษณะแยกกันคนละกระเป๋าเงิน ได้แก่ กระเป๋าเงินสมาร์ทเพิร์ส กับบัญชีธนาคาร

    กระทั่งเปิดตัวบัตรสมาชิก All Member ไปเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2562 จังหวะนั้นเอง บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ก็เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ไทยสมาร์ทคาร์ด จํากัด จากผู้ถือหุ้นอื่นทุกราย เพื่อย้ายฐานสมาชิกบัตร 7-Card ไปเป็น ALL Member

    อิทธิพลของดิจิทัลดิสรัปชัน โดยเฉพาะโมบายเพย์เมนต์ อีกทั้งร้านค้าต่างทยอยยกเลิกรับบัตรสมาร์ทเพิร์ส เหลือร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่ยังรับบัตรอยู่ ขณะนั้นมีฐานสมาชิกบัตรที่ยังไม่หมดอายุกว่า 3 ล้านใบ และมีบัตรที่ใช้งานต่อเนื่อง 1.5 ล้านใบต่อเดือน

    แต่ระหว่างนั้นเซเว่นอีเลฟเว่นหันมาทำการตลาดกับทรูมันนี่วอลเล็ต ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney และ 7-App แทน กระทั่งวันสุดท้ายของบัตรใบนี้ก็มาถึง

    นับเป็นการปิดตำนานบัตรที่ใช้จ่ายแทนเงินสดในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นอย่างถาวร หลังจากให้บริการมานาน 20 ปี

    #Newskit #SmartPurse #7Card
    ปิดตำนาน 20 ปี บัตรสมาร์ทเพิร์ส ในขณะที่คนไทยกำลังตื่นเต้น ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น 480 สาขา สแกนจ่ายผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร ผ่านบริการมายพร้อมคิวอาร์ (MyPromptQR) เฉพาะบางธนาคาร แต่อีกด้านหนึ่ง บัตรเซเว่นการ์ด (7-Card) ซึ่งเป็นบัตรสมาร์ทเพิร์สรุ่นสุดท้าย จะยกเลิกให้บริการ โดยปิดระบบเติมเงินในวันที่ 1 ม.ค. 2568 และสมาชิกสามารถใช้เงินภายในบัตรได้ถึง 31 ม.ค. 2568 หลังจากนั้นจะไม่สามารถใช้งานบัตรได้ สมาชิกต้องลงทะเบียนขอรับเงินคืน และนำบัตร 7-Card ที่ทำลายแล้วพร้อมสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาสมุดบัญชีส่งทางไปรษณีย์ หากไม่ดำเนินการในอีก 120 วันจะหักแต้ม และหักค่ารักษาบัญชีจนหมด บัตรสมาร์ทเพิร์ส เริ่มให้บริการเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2548 โดยใช้ชื่อว่า "บัตรเชื่อมรัก" ของเคาน์เตอร์เซอร์วิส ใช้สำหรับส่งและรับเงินระหว่างกันที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่เข้าร่วมโครงการ 1,000 สาขา ตลอด 24 ชั่วโมง คิดค่าบริการครั้งละ 20 บาท กระทั่งวันที่ 15 ธ.ค. 2548 จึงได้เริ่มให้บริการบัตรสมาร์ทเพิร์ส นำร่องร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 1,500 สาขา ก่อนทยอยเปิดครบทุกสาขาในปี 2549 โดยบัตรจำหน่ายราคาใบละ 250 บาท เติมเงินขั้นต่ำ 50 บาท สูงสุด 10,000 บาท ผ่านไปปีแรก ในปี 2549 มีผู้ถือบัตรมากถึง 1.1 ล้านใบ และร้านค้ารับบัตร 7,000 แห่ง นอกจากนี้ ยังมีบัตรโคแบรนด์ที่ออกร่วมกับภาคเอกชน ร้านค้า สถานศึกษา มากกว่า 100 องค์กร และยังมีบัตรที่ออกร่วมกับธนาคาร เช่น บัตรเอทีเอ็มซีไอเอ็มบีไทย สมาร์ทพอยต์ ร่วมกับธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย บัตรเค-เดบิต เซเว่นพอยต์ ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย แต่เป็นไปในลักษณะแยกกันคนละกระเป๋าเงิน ได้แก่ กระเป๋าเงินสมาร์ทเพิร์ส กับบัญชีธนาคาร กระทั่งเปิดตัวบัตรสมาชิก All Member ไปเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2562 จังหวะนั้นเอง บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ก็เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ไทยสมาร์ทคาร์ด จํากัด จากผู้ถือหุ้นอื่นทุกราย เพื่อย้ายฐานสมาชิกบัตร 7-Card ไปเป็น ALL Member อิทธิพลของดิจิทัลดิสรัปชัน โดยเฉพาะโมบายเพย์เมนต์ อีกทั้งร้านค้าต่างทยอยยกเลิกรับบัตรสมาร์ทเพิร์ส เหลือร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่ยังรับบัตรอยู่ ขณะนั้นมีฐานสมาชิกบัตรที่ยังไม่หมดอายุกว่า 3 ล้านใบ และมีบัตรที่ใช้งานต่อเนื่อง 1.5 ล้านใบต่อเดือน แต่ระหว่างนั้นเซเว่นอีเลฟเว่นหันมาทำการตลาดกับทรูมันนี่วอลเล็ต ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney และ 7-App แทน กระทั่งวันสุดท้ายของบัตรใบนี้ก็มาถึง นับเป็นการปิดตำนานบัตรที่ใช้จ่ายแทนเงินสดในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นอย่างถาวร หลังจากให้บริการมานาน 20 ปี #Newskit #SmartPurse #7Card
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 752 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ใหม่แต่แปลก เซเว่นฯ สแกนจ่ายได้

    การเปิดทดลองชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด My Prompt QR ผ่านร้านเซเว่นอีเลฟเว่น 480 สาขา หลังเฟซบุ๊ก "ผู้บริโภค" ทดสอบเมื่อเช้าวันที่ 27 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา กลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับผู้บริโภค เพราะทราบกันดีว่า ร้านสะดวกซื้อที่มีสาขาอันดับ 1 ในไทย ไม่รับสแกนจ่าย แตกต่างจากร้านสะดวกซื้อรายอื่น อาทิ โลตัสโกเฟรช บิ๊กซีมินิ ซีเจเอ็กซ์เพรส ท็อปส์เดลี่ ลอว์สัน 108 เทอร์เทิล และร้านถุงเงินที่ขายของชำ สแกนจ่ายผ่านแอปพลิเคชันธนาคารได้ตั้งนานแล้ว

    ถึงกระนั้น สาขาที่ใช้บริการได้ ห่างไกลจากจำนวนสาขารวม 14,854 แห่งทั่วประเทศ อีกทั้ง QR Code ที่สแกนจ่าย เป็นบริการ My Prompt QR ที่ให้ร้านค้าสแกนคิวอาร์โค้ดของลูกค้า รองรับเฉพาะแอปพลิเคชัน 5 ธนาคาร ได้แก่ K PLUS (ธนาคารกสิกรไทย) SCB Easy (ธนาคารไทยพาณิชย์) Krungthai NEXT (ธนาคารกรุงไทย) Bangkok Bank (ธนาคารกรุงเทพ) และ KMA (ธนาคารกรุงศรี) ซึ่งที่ผ่านมาได้นำมาใช้กับเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ 7-Eleven มาแล้ว

    น่าเสียดาย เมื่อสอบถามไปยังสำนักบริหารการสื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กลับได้รับคำตอบว่า รับทราบข้อมูล "เท่าที่เห็น" ในสื่อสังคมออนไลน์ขณะนี้ เพิ่งเปิดทดลองให้บริการเท่านั้น

    ปัจจุบัน ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นนอกจากรับชำระด้วยเงินสดแล้ว ยังมีแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet และ 7-App ทั้งรูปแบบเงินในวอลเล็ต ผูกกับบัตรเครดิต บัญชี My Saving รวมทั้งรับชำระผ่านบัตรเครดิต ขั้นต่ำ 200 บาท และอี-วอลเล็ทจากต่างประเทศ 13 แอปพลิเคชันในเครือข่าย Alipay+ แต่สำหรับบัตร 7-Card หรือบัตรสมาร์ทเพิร์ส ซึ่งใช้มาตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 2548 กำลังจะยกเลิกให้บริการ โดยสมาชิกบัตรสามารถใช้เงินภายในบัตรได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568

    ที่ผ่านมา เซเว่นอีเลฟเว่นเน้นทำการตลาดกับผู้ใช้งาน TrueMoney Wallet เป็นหลัก แต่ไม่มีสแกนจ่าย เมื่อเทียบกับร้านสะดวกซื้อรายอื่น โดยเฉพาะซีเจเอ็กซ์เพรส ของกลุ่มคาราบาวกรุ๊ป กว่า 1,000 สาขา พบว่ามีหลายสาขาเปิดแข่งกัน นอกจากสินค้าราคาถูกกว่าแล้ว ยังสแกนจ่ายได้ไม่มีขั้นต่ำ กลายเป็นข้อเปรียบเทียบกับเซเว่นอีเลฟเว่น ที่กลับไม่มีตรงนี้

    ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ในปี 2566 มีการโอนเงินและการชำระเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ 19,900 ล้านครั้ง และธุรกรรมการชำระเงินผ่าน QR payment 5,700 ล้านครั้ง ซึ่งโมบายแบงกิ้งมีเจ้าตลาดหลักอย่าง K PLUS ธนาคารกสิกรไทย พบว่าในปี 2566 มีลูกค้าใช้งานมากถึง 21.7 ล้านราย และมีจำนวนธุรกรรมมากกว่า 9,600 ล้านธุรกรรม

    #Newskit #เซเว่นอีเลฟเว่น #สแกนจ่าย
    ไม่ใหม่แต่แปลก เซเว่นฯ สแกนจ่ายได้ การเปิดทดลองชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด My Prompt QR ผ่านร้านเซเว่นอีเลฟเว่น 480 สาขา หลังเฟซบุ๊ก "ผู้บริโภค" ทดสอบเมื่อเช้าวันที่ 27 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา กลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับผู้บริโภค เพราะทราบกันดีว่า ร้านสะดวกซื้อที่มีสาขาอันดับ 1 ในไทย ไม่รับสแกนจ่าย แตกต่างจากร้านสะดวกซื้อรายอื่น อาทิ โลตัสโกเฟรช บิ๊กซีมินิ ซีเจเอ็กซ์เพรส ท็อปส์เดลี่ ลอว์สัน 108 เทอร์เทิล และร้านถุงเงินที่ขายของชำ สแกนจ่ายผ่านแอปพลิเคชันธนาคารได้ตั้งนานแล้ว ถึงกระนั้น สาขาที่ใช้บริการได้ ห่างไกลจากจำนวนสาขารวม 14,854 แห่งทั่วประเทศ อีกทั้ง QR Code ที่สแกนจ่าย เป็นบริการ My Prompt QR ที่ให้ร้านค้าสแกนคิวอาร์โค้ดของลูกค้า รองรับเฉพาะแอปพลิเคชัน 5 ธนาคาร ได้แก่ K PLUS (ธนาคารกสิกรไทย) SCB Easy (ธนาคารไทยพาณิชย์) Krungthai NEXT (ธนาคารกรุงไทย) Bangkok Bank (ธนาคารกรุงเทพ) และ KMA (ธนาคารกรุงศรี) ซึ่งที่ผ่านมาได้นำมาใช้กับเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ 7-Eleven มาแล้ว น่าเสียดาย เมื่อสอบถามไปยังสำนักบริหารการสื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กลับได้รับคำตอบว่า รับทราบข้อมูล "เท่าที่เห็น" ในสื่อสังคมออนไลน์ขณะนี้ เพิ่งเปิดทดลองให้บริการเท่านั้น ปัจจุบัน ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นนอกจากรับชำระด้วยเงินสดแล้ว ยังมีแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet และ 7-App ทั้งรูปแบบเงินในวอลเล็ต ผูกกับบัตรเครดิต บัญชี My Saving รวมทั้งรับชำระผ่านบัตรเครดิต ขั้นต่ำ 200 บาท และอี-วอลเล็ทจากต่างประเทศ 13 แอปพลิเคชันในเครือข่าย Alipay+ แต่สำหรับบัตร 7-Card หรือบัตรสมาร์ทเพิร์ส ซึ่งใช้มาตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 2548 กำลังจะยกเลิกให้บริการ โดยสมาชิกบัตรสามารถใช้เงินภายในบัตรได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 ที่ผ่านมา เซเว่นอีเลฟเว่นเน้นทำการตลาดกับผู้ใช้งาน TrueMoney Wallet เป็นหลัก แต่ไม่มีสแกนจ่าย เมื่อเทียบกับร้านสะดวกซื้อรายอื่น โดยเฉพาะซีเจเอ็กซ์เพรส ของกลุ่มคาราบาวกรุ๊ป กว่า 1,000 สาขา พบว่ามีหลายสาขาเปิดแข่งกัน นอกจากสินค้าราคาถูกกว่าแล้ว ยังสแกนจ่ายได้ไม่มีขั้นต่ำ กลายเป็นข้อเปรียบเทียบกับเซเว่นอีเลฟเว่น ที่กลับไม่มีตรงนี้ ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ในปี 2566 มีการโอนเงินและการชำระเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ 19,900 ล้านครั้ง และธุรกรรมการชำระเงินผ่าน QR payment 5,700 ล้านครั้ง ซึ่งโมบายแบงกิ้งมีเจ้าตลาดหลักอย่าง K PLUS ธนาคารกสิกรไทย พบว่าในปี 2566 มีลูกค้าใช้งานมากถึง 21.7 ล้านราย และมีจำนวนธุรกรรมมากกว่า 9,600 ล้านธุรกรรม #Newskit #เซเว่นอีเลฟเว่น #สแกนจ่าย
    Like
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 832 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเจริญอริยมรรค “สัมมาทิฏฐิ” ระลึกถึงพระรัตนตรัย ว่าเป็นสรณะที่พึ่งที่ยึดถือ อันเป็นทางเป็นธรรมที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้โดยชอบ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช และเนื่องในวันนวมินทรมหาราช ระหว่างวันที่ ๑ – ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๗ ผ่านแอปพลิเคชัน “สมาธิเสบียงบุญ”

    27 กันยายน 2467-รายงานข่าวจาก สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเจริญอริยมรรค “สัมมาทิฏฐิ” ระลึกถึงพระรัตนตรัย เป็นสรณะที่พึ่งที่ยึดถือ อันเป็นทางเป็นธรรมที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้โดยชอบ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช และเนื่องในวันนวมินทรมหาราชซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคต ในรัชกาลที่๙

    จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมทำสมาธิเจริญอริยมรรค "สัมมาทิฏฐิ"ระลึกถึงพระรัตนตรัย ด้วยบทว่า “พุทโธ เม นาโถ
    (พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า)
    ธัมโม เม นาโถ
    (พระธรรมเป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า)
    สังโฆ เม นาโถ
    (พระสงฆ์เป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า)”
    โดยให้ระลึกต่อเนี่องได้ในทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน ถวายเป็นพระราชกุศล ทุกท่านสามารถฝึกสมาธิ ไม่ว่าจะเริ่มต้น หรือ ฝึกปฏิบัติเป็นประจำอยู่แล้ว โดยดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “สมาธิเสบียงบุญ” เพื่อสะสมบุญบารมีให้กับชีวิต ให้จิตใจผ่องใสในบุญบารมีในการปฏิบัติสมาธิเจริญภาวนา โดยดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ที่ Google Play ในระบบ Android เวอร์ชั่น 10 และที่ App Storeในไอโฟนที่รองรับ iOS เวอร์ชั่น 11 ขึ้นไป

    ที่มา : https://meditate.royaloffice.th/

    #Thaitimes
    สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเจริญอริยมรรค “สัมมาทิฏฐิ” ระลึกถึงพระรัตนตรัย ว่าเป็นสรณะที่พึ่งที่ยึดถือ อันเป็นทางเป็นธรรมที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้โดยชอบ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช และเนื่องในวันนวมินทรมหาราช ระหว่างวันที่ ๑ – ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๗ ผ่านแอปพลิเคชัน “สมาธิเสบียงบุญ” 27 กันยายน 2467-รายงานข่าวจาก สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเจริญอริยมรรค “สัมมาทิฏฐิ” ระลึกถึงพระรัตนตรัย เป็นสรณะที่พึ่งที่ยึดถือ อันเป็นทางเป็นธรรมที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้โดยชอบ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช และเนื่องในวันนวมินทรมหาราชซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคต ในรัชกาลที่๙ จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมทำสมาธิเจริญอริยมรรค "สัมมาทิฏฐิ"ระลึกถึงพระรัตนตรัย ด้วยบทว่า “พุทโธ เม นาโถ (พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า) ธัมโม เม นาโถ (พระธรรมเป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า) สังโฆ เม นาโถ (พระสงฆ์เป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า)” โดยให้ระลึกต่อเนี่องได้ในทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน ถวายเป็นพระราชกุศล ทุกท่านสามารถฝึกสมาธิ ไม่ว่าจะเริ่มต้น หรือ ฝึกปฏิบัติเป็นประจำอยู่แล้ว โดยดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “สมาธิเสบียงบุญ” เพื่อสะสมบุญบารมีให้กับชีวิต ให้จิตใจผ่องใสในบุญบารมีในการปฏิบัติสมาธิเจริญภาวนา โดยดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ที่ Google Play ในระบบ Android เวอร์ชั่น 10 และที่ App Storeในไอโฟนที่รองรับ iOS เวอร์ชั่น 11 ขึ้นไป ที่มา : https://meditate.royaloffice.th/ #Thaitimes
    MEDITATE.ROYALOFFICE.TH
    ขอเชิญชวนประชาชนร่วม นั่งสมาธิเสบียงบุญ
    ขอเชิญชวนท่านที่ฝึกสมาธิ ไม่ว่าจะเริ่มต้น หรือ ฝึกปฏิบัติเป็นประจำอยู่แล้ว ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “สมาธิเสบียงบุญ” เพื่อสะสมบุญบารมีให้กับชีวิต ให้จิตใจผ่องใสในบุญบารมีในการปฏิบัติสมาธิเจริญภาวนา
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 959 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปัจจุบันช่องทางการชำระเงินในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น นอกจากรับชำระด้วยเงินสดแล้ว ยังมีแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet ทั้งรูปแบบเงินในวอลเล็ต ผูกกับบัตรเครดิต และบัญชี My Saving รวมทั้งรับชำระผ่านบัตรเครดิต ขั้นต่ำ 200 บาท และอี-วอลเล็ทจากต่างประเทศ 13 แอปพลิเคชัน ในเครือข่าย Alipay+

    https://sondhitalk.com/detail/9670000091007
    ปัจจุบันช่องทางการชำระเงินในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น นอกจากรับชำระด้วยเงินสดแล้ว ยังมีแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet ทั้งรูปแบบเงินในวอลเล็ต ผูกกับบัตรเครดิต และบัญชี My Saving รวมทั้งรับชำระผ่านบัตรเครดิต ขั้นต่ำ 200 บาท และอี-วอลเล็ทจากต่างประเทศ 13 แอปพลิเคชัน ในเครือข่าย Alipay+ https://sondhitalk.com/detail/9670000091007
    SONDHITALK.COM
    เซเว่นฯ ทดลองสแกนจ่าย QR Code ผ่านแอปฯ ธนาคาร ก่อนใช้ทั่วประเทศเร็วๆ นี้
    วันนี้ (27 ก.ย.) สืบเนื่องมาจากเฟซบุ๊ก ผู้บริโภค ได้โพสต์ภาพขณะที่กำลังเปิดหน้าจอ Thai QR Payment ในเมนู QR จ่ายเงิน) บนแอปพลิเคชันธนาคารแห่งหนึ่ง เพื่อให้แคชเชียร์ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ยิงคิวอาร์โค้ดเพื่อชำระเงิน พร้อมข้อความในภ
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 925 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระวังเฟซบุ๊กปลอม! "คุยทุกเรื่องกับสนธิ"
    ทักชวนบริจาคเงิน อย่าหลงเชื่อ
    .
    มิจฉาชีพปลอมเพจคุยทุกเรื่องกับสนธิ ทักชวนบริจาคเงิน เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ ยืนยันไม่เคยมีการทักข้อความไปทางไลน์ หรือ แอปฯ สนทนาใด ๆ พร้อมเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว
    .
    วันนี้ (26 ก.ย.) มีแฟนรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิได้แจ้งข่าวว่า มีมิจฉาชีพได้สร้าง เฟซบุ๊กปลอมของรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า "คุยทุกเรื่อง กับสนธิ" (มีเว้นวรรคตรงกลาง) โดยปัจจุบันมีเพื่อน (Friends) อยู่มากถึง 2,400 คน ทั้งนี้เฟซบุ๊กดังกล่าวมีพฤติกรรมในการทักข้อความไปหา "เพื่อน" เพื่อชักชวนร่วมทำบุญ โดยอ้างว่ามาจากเพจสนธิ ลิ้มทองกุล โดยล่อลวงให้ผู้หลงเชื่อ add LINE ผ่านการสแกนคิวอาร์โคด
    .
    ทีมงานรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ จึงแจ้งว่ารายการคุยทุกเรื่องกับสนธินั้นมีเฟซบุ๊กเพจ เพียงเพจเฟซบุ๊กเพียงเดียว โดยสังเกตเพจจริงได้ในหลายๆ จุดด้วยกันคือ
    • มีคนคลิก Like อยู่ 1.3 ล้านคน
    • มีคนติดตาม Followers อยู่มากกว่า 3.8 ล้านคน
    • ท้ายชื่อเพจมีเครื่องหมาย Verified สีน้ำเงิน (✔️) ซึ่งเป็นการรับรองว่าเป็นเพจจริงจากเฟซบุ๊ก
    .
    ทั้งนี้ ที่ผ่านมารายการคุยทุกเรื่องกับสนธิไม่เคยมีการทักข้อความไปทาง แอปพลิเคชัน LINE หรื แอปฯ สนทนาใด ๆ เพื่อชักชวนให้มีการบริจาคใด ๆ ทั้งสิ้น และในกรณีนี้ทางรายการฯ ได้ดำเนินการเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เพื่อหาผู้กระทำผิดต่อไป
    .
    คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9670000090441
    ......
    Sondhi X
    ระวังเฟซบุ๊กปลอม! "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ทักชวนบริจาคเงิน อย่าหลงเชื่อ . มิจฉาชีพปลอมเพจคุยทุกเรื่องกับสนธิ ทักชวนบริจาคเงิน เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ ยืนยันไม่เคยมีการทักข้อความไปทางไลน์ หรือ แอปฯ สนทนาใด ๆ พร้อมเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว . วันนี้ (26 ก.ย.) มีแฟนรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิได้แจ้งข่าวว่า มีมิจฉาชีพได้สร้าง เฟซบุ๊กปลอมของรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า "คุยทุกเรื่อง กับสนธิ" (มีเว้นวรรคตรงกลาง) โดยปัจจุบันมีเพื่อน (Friends) อยู่มากถึง 2,400 คน ทั้งนี้เฟซบุ๊กดังกล่าวมีพฤติกรรมในการทักข้อความไปหา "เพื่อน" เพื่อชักชวนร่วมทำบุญ โดยอ้างว่ามาจากเพจสนธิ ลิ้มทองกุล โดยล่อลวงให้ผู้หลงเชื่อ add LINE ผ่านการสแกนคิวอาร์โคด . ทีมงานรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ จึงแจ้งว่ารายการคุยทุกเรื่องกับสนธินั้นมีเฟซบุ๊กเพจ เพียงเพจเฟซบุ๊กเพียงเดียว โดยสังเกตเพจจริงได้ในหลายๆ จุดด้วยกันคือ • มีคนคลิก Like อยู่ 1.3 ล้านคน • มีคนติดตาม Followers อยู่มากกว่า 3.8 ล้านคน • ท้ายชื่อเพจมีเครื่องหมาย Verified สีน้ำเงิน (✔️) ซึ่งเป็นการรับรองว่าเป็นเพจจริงจากเฟซบุ๊ก . ทั้งนี้ ที่ผ่านมารายการคุยทุกเรื่องกับสนธิไม่เคยมีการทักข้อความไปทาง แอปพลิเคชัน LINE หรื แอปฯ สนทนาใด ๆ เพื่อชักชวนให้มีการบริจาคใด ๆ ทั้งสิ้น และในกรณีนี้ทางรายการฯ ได้ดำเนินการเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เพื่อหาผู้กระทำผิดต่อไป . คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9670000090441 ...... Sondhi X
    Like
    Angry
    23
    1 ความคิดเห็น 4 การแบ่งปัน 2690 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts