• โลกนี้มันบัดสบจริงๆ,อันตรายมากก็ด้วยหากเดินทางไปผิดที่,บางทีก็น่าค.ว.ย.นะของเผ่าพันธุ์แปลกๆพวกนี้,อันตรายต่อคนต่างเผ่านั่นเอง,และอันตรายเสียเองในเผ่าตน,สมควรถูกกวาดล้างและกำจัดทิ้งทั้งหมดก็ว่าหากไม่ต้องพิจารณาอะไรให้มากมายนักคือถ้าดูแล้วเป็นภัยต่อชาวโลกเราปกติทั่วไปก็ทำลายทิ้งเถอะ,โลกต้องการอัพเลเวล ชาวโลกเราต้องปลอดภัยในชีวิตทุกๆคน เจตจำนงเสรีในการมีชีวิตต้องถูกปกป้องและเดินทางไปไหนๆสำหรับคนดีชาวโลกเราต้องปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินทุกๆคน บนโลกใบนี้จะติดบนเกาะก็ค้นหานำพานำทางเอากลับบ้านคนๆนั้นได้,นี้ก็ป่าเถื่อนเกินไป,ยุคเราควรจบแล้ว,พวกนี้ไม่ต่างจากยุคไดโนเสาร์ เขาเขตแดนมัน มีโอกาสตายทันทีโน้น.โลกเราต้องปลอดภัย คนพวกนี้อยากจะอัพระดับจิตวิญญาณได้,ต้องให้ยานแม่ดูดคนพวกนี้ไปอยู่ดาวดวงอื่นที่มีเลเวลเดียวกันหากไม่กำจัดและทำลาย,โลกต้องเปลี่ยนแปลงแบบคนไทยประเทศไทยที่พื้นฐานมีจิตใจดีงามเกือบทั้งประเทศ,หากพวกมนุษย์กินคนนี้หรือพวกผิดปกติหลุดมาในสังคมโลกปกติมีแต่หายนะแน่,แดกคนไทยทางลับแน่นอน,ติมอร์ยังไม่อาจวางใจได้ก็อันเดียวกัน,โซนแดกมนุษย์เลยนะพวกพื้นที่ตามวงแหวนแห่งไฟนี้อันตรายมากๆ,จึงไม่แปลกใจที่พวกฝรั่งมันขึ้นเกาะใด มันฆ่าหมดยึดพื้นที่ยึดวัตถุดิบด้วยไปในตัวโดยเฉพาะพวกทวีปแอฟริกาก็ว่า,ตามคลิปนี้ก็อันตรายมาก,เรามิอาจมาโลกสวยใดๆได้,พวกนี้หลุดมานะดูไม่จืดเลยล่ะ,แปลกมา ประเทศต่างๆเหล่านี้กลับอนุรักษ์เผ่าพันธุ์นี้ไว้ด้วย,พวกยิงธนูใส่โดรนใส่เครื่องบินลาดตะเวนยิ่งน่าอันตราย.,แมร่งฆ่าชาวโลกเราได้ทันทีหากเครื่องบินไปตกที่พื้นที่มัน,แดกพวกผู้โดยสารเครื่องบินจนอิ่มสบายเลยก็ว่า.

    ..ยุคคัดกรองมนุษย์แล้วจะเอาเผ่าพวกนี้ไปด้วยหรือเปล่านะ,บรรลัยเลยล่ะถ้าเราชาวโลกไม่จัดการอย่างจริงจัง จับพวกนี้มาขัดเกลาจริงๆ,ขัดไม่ได้ก็ฆ่าทิ้งเลย,ดูเหมือนโหดร้ายแต่นี้คือการจัดระเบียบโลกใหม่ของอีลิท,เรา..ไม่ทำ พวกอีลิทนี้ก็ทำ.,ไม่เอาหรอกถ้าจะมาหลากหลายทางวัฒนธรรมแบบนี้,พวกนี้น่าจะซาตานนั้นล่ะสั่งสอนเขามาผิดๆจนสืบทอดมาถึงปัจจุบันในหลายๆเผ่าที่แปลกตาเแผลกใจ
    ..สั่งและสอนไม่ได้เกิน3ครั้งก็ต้องกำจัดทิ้งจริงๆ,
    ..ส่วนพวกผีบ้ารักแบบไม่มีเงื่อนไขก็ตามสบายเถอะ.

    https://youtube.com/watch?v=uqmFSv-Y-bs&si=YAJfgQ7DNNFAEy1V
    โลกนี้มันบัดสบจริงๆ,อันตรายมากก็ด้วยหากเดินทางไปผิดที่,บางทีก็น่าค.ว.ย.นะของเผ่าพันธุ์แปลกๆพวกนี้,อันตรายต่อคนต่างเผ่านั่นเอง,และอันตรายเสียเองในเผ่าตน,สมควรถูกกวาดล้างและกำจัดทิ้งทั้งหมดก็ว่าหากไม่ต้องพิจารณาอะไรให้มากมายนักคือถ้าดูแล้วเป็นภัยต่อชาวโลกเราปกติทั่วไปก็ทำลายทิ้งเถอะ,โลกต้องการอัพเลเวล ชาวโลกเราต้องปลอดภัยในชีวิตทุกๆคน เจตจำนงเสรีในการมีชีวิตต้องถูกปกป้องและเดินทางไปไหนๆสำหรับคนดีชาวโลกเราต้องปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินทุกๆคน บนโลกใบนี้จะติดบนเกาะก็ค้นหานำพานำทางเอากลับบ้านคนๆนั้นได้,นี้ก็ป่าเถื่อนเกินไป,ยุคเราควรจบแล้ว,พวกนี้ไม่ต่างจากยุคไดโนเสาร์ เขาเขตแดนมัน มีโอกาสตายทันทีโน้น.โลกเราต้องปลอดภัย คนพวกนี้อยากจะอัพระดับจิตวิญญาณได้,ต้องให้ยานแม่ดูดคนพวกนี้ไปอยู่ดาวดวงอื่นที่มีเลเวลเดียวกันหากไม่กำจัดและทำลาย,โลกต้องเปลี่ยนแปลงแบบคนไทยประเทศไทยที่พื้นฐานมีจิตใจดีงามเกือบทั้งประเทศ,หากพวกมนุษย์กินคนนี้หรือพวกผิดปกติหลุดมาในสังคมโลกปกติมีแต่หายนะแน่,แดกคนไทยทางลับแน่นอน,ติมอร์ยังไม่อาจวางใจได้ก็อันเดียวกัน,โซนแดกมนุษย์เลยนะพวกพื้นที่ตามวงแหวนแห่งไฟนี้อันตรายมากๆ,จึงไม่แปลกใจที่พวกฝรั่งมันขึ้นเกาะใด มันฆ่าหมดยึดพื้นที่ยึดวัตถุดิบด้วยไปในตัวโดยเฉพาะพวกทวีปแอฟริกาก็ว่า,ตามคลิปนี้ก็อันตรายมาก,เรามิอาจมาโลกสวยใดๆได้,พวกนี้หลุดมานะดูไม่จืดเลยล่ะ,แปลกมา ประเทศต่างๆเหล่านี้กลับอนุรักษ์เผ่าพันธุ์นี้ไว้ด้วย,พวกยิงธนูใส่โดรนใส่เครื่องบินลาดตะเวนยิ่งน่าอันตราย.,แมร่งฆ่าชาวโลกเราได้ทันทีหากเครื่องบินไปตกที่พื้นที่มัน,แดกพวกผู้โดยสารเครื่องบินจนอิ่มสบายเลยก็ว่า. ..ยุคคัดกรองมนุษย์แล้วจะเอาเผ่าพวกนี้ไปด้วยหรือเปล่านะ,บรรลัยเลยล่ะถ้าเราชาวโลกไม่จัดการอย่างจริงจัง จับพวกนี้มาขัดเกลาจริงๆ,ขัดไม่ได้ก็ฆ่าทิ้งเลย,ดูเหมือนโหดร้ายแต่นี้คือการจัดระเบียบโลกใหม่ของอีลิท,เรา..ไม่ทำ พวกอีลิทนี้ก็ทำ.,ไม่เอาหรอกถ้าจะมาหลากหลายทางวัฒนธรรมแบบนี้,พวกนี้น่าจะซาตานนั้นล่ะสั่งสอนเขามาผิดๆจนสืบทอดมาถึงปัจจุบันในหลายๆเผ่าที่แปลกตาเแผลกใจ ..สั่งและสอนไม่ได้เกิน3ครั้งก็ต้องกำจัดทิ้งจริงๆ, ..ส่วนพวกผีบ้ารักแบบไม่มีเงื่อนไขก็ตามสบายเถอะ. https://youtube.com/watch?v=uqmFSv-Y-bs&si=YAJfgQ7DNNFAEy1V
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 2 – อิรัก 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 2”
    อิรัก 2
ในที่สุดชาวอิรัก ก็ทนเห็นประเทศตัวเอง เป็นหุ่นเชิดของอังกฤษต่อไปอีกไม่ไหว จึงเริ่มบีบกษัตริย์ Faisal ให้เจรจากับอังกฤษ ลดอำนาจการปกครองอังกฤษในอิรักลงบ้าง อย่าให้มันออกหน้าออกตาขนาดนี้เลย การเจรจาใช้เวลาอยู่หลายปี ในที่สุด Anglo – Iraqi Treaty ก็คลอดในปี ค.ศ. 1930 Faisal ไม่ได้เป็นคนมาลงนามในสัญญานี้ ส่งใบลาป่วย อ้างว่าไส้ติ่งอักเสบกระทันหัน
    Treaty นี้ ก็ยังให้สิทธิพิเศษแก่คนอังกฤษ ที่เป็นตัวแทนรัฐบาลอังกฤษ และลูกจ้างรัฐบาลอังกฤษ ที่อังกฤษส่งมาทำงานในอิรักเหมือนเดิม ที่ดูเหมือนเปลี่ยนไป คือ ข้อตกลงนี้ระบุว่างานบริหารภายในประเทศ ให้เป็นความรับผิดชอบของกษัตริย์ Faisal ส่วนอังกฤษจะรับผิดชอบ ดูแลปกป้องอิรัก จากการจู่โจมภายนอก (แหม ! มันคลับคล้ายเหมือนสัญญาอะไรหนอ ที่สมันน้อยไปทำไว้กับใครเขาทำนองนี้ เมื่อ 60 กว่าปีก่อน)
    และเพื่อให้อังกฤษสามารถปกป้องอิรักได้เต็มที่ อิรักก็จะต้องให้อังกฤษเช่าสนามบิน โดยไม่คิดค่าเช่า สัญญานี้มีอายุ 25 ปี และจะมีผลต่อเมื่ออิรัก ได้เข้าไปเป็นสมาชิกของสันนิบาตชาติ League of Nations ในฐานะประเทศเอกราช
    อิรักขมักเขม้นทำการบ้าน โดยความหวังที่จะเป็นเอกราช ปลดแอกอังกฤษออกจากบ่า ค.ศ. 1932 สันนิบาตชาติ ซึ่งคุมโดยขาใหญ่ที่ชนะสงครามโลกครั้งที่ 1 (ก็อังกฤษกับฝรั่งเศสนั่นแหละ !) ก็รับอิรักเข้าเป็นสมาชิก คงใช้เวลานานหน่อยกว่าอิรักจะรู้ตัวว่า เขาแค่เปลี่ยนยี่ห้อหม้อต้มเหยื่อเท่านั้นเอง จะหม้อต้มยี่ห้อไหน ก็ผลิตมาจากโรงงานเดียวกัน
    แต่อิรักไม่ใช่ชาติที่จะยอม งอมืออยู่อย่างนั้น พวกเขาเดินหน้า หาทางหักกับอังกฤษต่อไป รัฐบาลอิรักพยายามแข็งข้อกับอังกฤษอยู่หลายรอบ ครั้งสำคัญคือ ค.ศ. 1941 สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มมาใกล้ตัว สภาอิรักลงมติไม่สนับสนุนอังกฤษ ในการประกาศสงครามกับเยอรมัน !
    อังกฤษเหมือนโดนตีแซกหน้า! ยกทัพเต็มอัตรามาเต็มเมืองอิรัก แล้วปลดรัฐบาลอิรักที่มาจากการ เลือกตั้ง เอานักการเมืองที่ฝักฝ่าย อังกฤษเข้ามาเป็นรัฐบาลแทน กษัตริย์ Faisal ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนอีก ตอนที่เซ็นสัญญา Anglo-Iraq : Treaty ก็ส่งใบลาป่วยว่าใส้ติ่งอักเสบส่งตัวแทนมา คราวนี้ไม่รู้อะไรอักเสบ
    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบ ความสงบในอิรักยิ่งหายาก ชาวอิรักต้องการเป็นอิสระจากแอกของอังกฤษ พวกเขาผลัดเปลี่ยนกันต่อต้านและต่อสู้ แต่กำลังอาวุธมันต่างกัน และที่สำคัญหนอนบ่อนไส้ ที่เป็นชาวอิรัก ที่อังกฤษชุบเลี้ยงไว้ให้ทำงาน ยังมีอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญๆ
    แต่ในที่สุดราชวงศ์ Hashemite ที่น่าสงสาร ถูกหลอก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็ถูกโค่นในปี ค.ศ. 1958 อังกฤษปล่อยมือจากการชักหุ่น หุ่นไม่มีเชือกชัก ตกพลั่กลงพื้น กษัตริย์ และราชวงศ์ Hashemite ถูกจับติดคุก และถูกตัดสินประหารชีวิตในที่สุด โดยอังกฤษไม่ยื่นมือ ไม่เหลียวมามอง ได้แต่เก็บของ รีบกลับเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ของตนอย่างรีบด่วน อย่างเดียว
    แต่ฉากสุดท้ายนี้ มันน่าคิด อยู่ดี ๆ กษัตริย์ Hussein แห่งจอร์แดน ซึ่งเป็นญาติสนิทของ Faisal และเป็นหุ่นเชิดของอังกฤษเช่นเดียวกัน เกิดประสาทว่าพวกที่ลุกฮือ ไล่ฝรั่งตะวันตกที่เลบานอน จะเลยเถิดเข้ามาถึงจอร์แดนด้วย ขอแรงอิรักส่งกองทัพมาช่วยไล่หน่อยเถิด บรรดาทหารหาญของอิรัก จึงจัดแจงแต่งเครื่องแบบติดอาวุธกองทัพ มุ่งหน้าจะไปจอร์แดน
    แต่แล้วท่านนายพลคนหนึ่ง Colonel Abd as Salaam Arif ก็สั่งให้กองทัพเลี้ยวกลับมาสู่แบกแดด ส่องปืนใหญ่มาที่วังของ Hashemite เป็นการปฏิวัติของทหารอิรักชนิดไม่เสียเลือดเนื้อ ไม่มีผู้ต่อต้าน และไม่มีผู้รู้ตัว ขุนนางอิรัก Nuri as Said ที่เป็นขุนคอยพยักให้อังกฤษถูกจับก่อนเพื่อน ระหว่างที่พยายามจะหนี โดยปลอมตัวเป็นผู้หญิง หลังจากนั้นพวกกษัตริย์และราชวงศ์ก็โดนรวบตัว ชาวอิรักต่างไปชุมนุมอยู่หน้าสถานทูตอังกฤษ ด่าทอ ขว้างปา พวกเขามองว่า อังกฤษกับ Hashemite เป็นตัวแทนของกันและกัน
    เป็นการจบฉากของชาวเกาะผู้ยิ่งใหญ่ในอิรัก ที่ไม่สวยงามตั้งแต่เริ่มต้นวันแรก จนถึงวันสุดท้าย
    ผมจะไม่แปลกใจเลย ถ้าเหตุการณ์รุนแรง ที่กำลังดำเนินอยู่ในอิรักขณะนี้ โดยเฉพาะที่ Mosul ถึงขนาดที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มายืนแถลงเมื่อไม่นานมานี้ เลื่อนอันดับภัยจากผู้ก่อการร้าย ในอังกฤษขึ้นสูงถึงระดับรุนแรง (Severe) เนื่องจากเหตุการณ์ในอิรักและซีเรีย มันจะมีรากยาวฝั่งลึก ย้อนไปได้ถึง 100 ปี
    แม้อังกฤษจะเก็บของกลับเกาะไปแล้ว แต่อังกฤษได้ทิ้งพิษร้ายค้างอยู่ในอิรัก มันมาจากแผนการต้ม การเคี้ยวเหยื่อ ตั้งแต่ต้น มันเป็นแผนที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง เผ่าพันธ์และธรรมเนียมประเพณีทางศาสนา อย่างน่าสงสารของเหยื่อ
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 2 – อิรัก 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 2” อิรัก 2
ในที่สุดชาวอิรัก ก็ทนเห็นประเทศตัวเอง เป็นหุ่นเชิดของอังกฤษต่อไปอีกไม่ไหว จึงเริ่มบีบกษัตริย์ Faisal ให้เจรจากับอังกฤษ ลดอำนาจการปกครองอังกฤษในอิรักลงบ้าง อย่าให้มันออกหน้าออกตาขนาดนี้เลย การเจรจาใช้เวลาอยู่หลายปี ในที่สุด Anglo – Iraqi Treaty ก็คลอดในปี ค.ศ. 1930 Faisal ไม่ได้เป็นคนมาลงนามในสัญญานี้ ส่งใบลาป่วย อ้างว่าไส้ติ่งอักเสบกระทันหัน Treaty นี้ ก็ยังให้สิทธิพิเศษแก่คนอังกฤษ ที่เป็นตัวแทนรัฐบาลอังกฤษ และลูกจ้างรัฐบาลอังกฤษ ที่อังกฤษส่งมาทำงานในอิรักเหมือนเดิม ที่ดูเหมือนเปลี่ยนไป คือ ข้อตกลงนี้ระบุว่างานบริหารภายในประเทศ ให้เป็นความรับผิดชอบของกษัตริย์ Faisal ส่วนอังกฤษจะรับผิดชอบ ดูแลปกป้องอิรัก จากการจู่โจมภายนอก (แหม ! มันคลับคล้ายเหมือนสัญญาอะไรหนอ ที่สมันน้อยไปทำไว้กับใครเขาทำนองนี้ เมื่อ 60 กว่าปีก่อน) และเพื่อให้อังกฤษสามารถปกป้องอิรักได้เต็มที่ อิรักก็จะต้องให้อังกฤษเช่าสนามบิน โดยไม่คิดค่าเช่า สัญญานี้มีอายุ 25 ปี และจะมีผลต่อเมื่ออิรัก ได้เข้าไปเป็นสมาชิกของสันนิบาตชาติ League of Nations ในฐานะประเทศเอกราช อิรักขมักเขม้นทำการบ้าน โดยความหวังที่จะเป็นเอกราช ปลดแอกอังกฤษออกจากบ่า ค.ศ. 1932 สันนิบาตชาติ ซึ่งคุมโดยขาใหญ่ที่ชนะสงครามโลกครั้งที่ 1 (ก็อังกฤษกับฝรั่งเศสนั่นแหละ !) ก็รับอิรักเข้าเป็นสมาชิก คงใช้เวลานานหน่อยกว่าอิรักจะรู้ตัวว่า เขาแค่เปลี่ยนยี่ห้อหม้อต้มเหยื่อเท่านั้นเอง จะหม้อต้มยี่ห้อไหน ก็ผลิตมาจากโรงงานเดียวกัน แต่อิรักไม่ใช่ชาติที่จะยอม งอมืออยู่อย่างนั้น พวกเขาเดินหน้า หาทางหักกับอังกฤษต่อไป รัฐบาลอิรักพยายามแข็งข้อกับอังกฤษอยู่หลายรอบ ครั้งสำคัญคือ ค.ศ. 1941 สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มมาใกล้ตัว สภาอิรักลงมติไม่สนับสนุนอังกฤษ ในการประกาศสงครามกับเยอรมัน ! อังกฤษเหมือนโดนตีแซกหน้า! ยกทัพเต็มอัตรามาเต็มเมืองอิรัก แล้วปลดรัฐบาลอิรักที่มาจากการ เลือกตั้ง เอานักการเมืองที่ฝักฝ่าย อังกฤษเข้ามาเป็นรัฐบาลแทน กษัตริย์ Faisal ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนอีก ตอนที่เซ็นสัญญา Anglo-Iraq : Treaty ก็ส่งใบลาป่วยว่าใส้ติ่งอักเสบส่งตัวแทนมา คราวนี้ไม่รู้อะไรอักเสบ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบ ความสงบในอิรักยิ่งหายาก ชาวอิรักต้องการเป็นอิสระจากแอกของอังกฤษ พวกเขาผลัดเปลี่ยนกันต่อต้านและต่อสู้ แต่กำลังอาวุธมันต่างกัน และที่สำคัญหนอนบ่อนไส้ ที่เป็นชาวอิรัก ที่อังกฤษชุบเลี้ยงไว้ให้ทำงาน ยังมีอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญๆ แต่ในที่สุดราชวงศ์ Hashemite ที่น่าสงสาร ถูกหลอก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็ถูกโค่นในปี ค.ศ. 1958 อังกฤษปล่อยมือจากการชักหุ่น หุ่นไม่มีเชือกชัก ตกพลั่กลงพื้น กษัตริย์ และราชวงศ์ Hashemite ถูกจับติดคุก และถูกตัดสินประหารชีวิตในที่สุด โดยอังกฤษไม่ยื่นมือ ไม่เหลียวมามอง ได้แต่เก็บของ รีบกลับเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ของตนอย่างรีบด่วน อย่างเดียว แต่ฉากสุดท้ายนี้ มันน่าคิด อยู่ดี ๆ กษัตริย์ Hussein แห่งจอร์แดน ซึ่งเป็นญาติสนิทของ Faisal และเป็นหุ่นเชิดของอังกฤษเช่นเดียวกัน เกิดประสาทว่าพวกที่ลุกฮือ ไล่ฝรั่งตะวันตกที่เลบานอน จะเลยเถิดเข้ามาถึงจอร์แดนด้วย ขอแรงอิรักส่งกองทัพมาช่วยไล่หน่อยเถิด บรรดาทหารหาญของอิรัก จึงจัดแจงแต่งเครื่องแบบติดอาวุธกองทัพ มุ่งหน้าจะไปจอร์แดน แต่แล้วท่านนายพลคนหนึ่ง Colonel Abd as Salaam Arif ก็สั่งให้กองทัพเลี้ยวกลับมาสู่แบกแดด ส่องปืนใหญ่มาที่วังของ Hashemite เป็นการปฏิวัติของทหารอิรักชนิดไม่เสียเลือดเนื้อ ไม่มีผู้ต่อต้าน และไม่มีผู้รู้ตัว ขุนนางอิรัก Nuri as Said ที่เป็นขุนคอยพยักให้อังกฤษถูกจับก่อนเพื่อน ระหว่างที่พยายามจะหนี โดยปลอมตัวเป็นผู้หญิง หลังจากนั้นพวกกษัตริย์และราชวงศ์ก็โดนรวบตัว ชาวอิรักต่างไปชุมนุมอยู่หน้าสถานทูตอังกฤษ ด่าทอ ขว้างปา พวกเขามองว่า อังกฤษกับ Hashemite เป็นตัวแทนของกันและกัน เป็นการจบฉากของชาวเกาะผู้ยิ่งใหญ่ในอิรัก ที่ไม่สวยงามตั้งแต่เริ่มต้นวันแรก จนถึงวันสุดท้าย ผมจะไม่แปลกใจเลย ถ้าเหตุการณ์รุนแรง ที่กำลังดำเนินอยู่ในอิรักขณะนี้ โดยเฉพาะที่ Mosul ถึงขนาดที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มายืนแถลงเมื่อไม่นานมานี้ เลื่อนอันดับภัยจากผู้ก่อการร้าย ในอังกฤษขึ้นสูงถึงระดับรุนแรง (Severe) เนื่องจากเหตุการณ์ในอิรักและซีเรีย มันจะมีรากยาวฝั่งลึก ย้อนไปได้ถึง 100 ปี แม้อังกฤษจะเก็บของกลับเกาะไปแล้ว แต่อังกฤษได้ทิ้งพิษร้ายค้างอยู่ในอิรัก มันมาจากแผนการต้ม การเคี้ยวเหยื่อ ตั้งแต่ต้น มันเป็นแผนที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง เผ่าพันธ์และธรรมเนียมประเพณีทางศาสนา อย่างน่าสงสารของเหยื่อ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 2 – อิรัก 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 2”
    อิรัก 1
ระหว่างที่ฝรั่งตะวันตกผู้ชนะสงคราม กำลังวุ่นอยู่กับการแบ่งสมบัติที่ไปได้ มาจากการหลอกต้มเหยื่อ เหยื่อก็นั่งเหม่อ มึนงง สับสน ตกลงพวกเราจะได้เป็นเจ้าของดินแดนไหมหนอ อย่าว่าจะเป็นเจ้าของเลย จะมีที่ให้หย่อนก้น ปักหลักตั้งกระโจม ตรงไหนก็ยังไม่รู้เล้ย
    ข้อตกลงที่ปารีส Paris Conference และโดยสันนิบาตชาติ ที่ตกลงจะแบ่งดินแดนของเหยื่อ ระหว่างผู้ล่า ทำท่าจะล่ม
    ข้อตกลงที่ตุรกี จะยอมตัดทิ้งดินแดนหลายส่วน ซึ่งลงนามโดยซากของรัฐบาลออตโตมาน ในที่สุด ก็ไม่ได้รับการยินยอมจากพวกยังเตอร์ก ที่เริ่มก่อการและปฏิวัติแยกตุรกีออกมาเป็นรัฐอิสระหลังจากสงครามโลกจบลง
    แต่อังกฤษกับฝรั่งเศสก็ยังเดินหน้าแบ่งสมบัติกันต่อ อย่างไม่ลงตัว ฝรั่งเศสบอก อังกฤษตกลงอะไรแล้วเบี้ยวตลอด ก็คงจะจริง นาน ๆ ผมจะเห็นด้วยกับฝรั่งเศสเสียที เห็นด้วย แต่ไม่ได้เห็นใจนะครับ
    ในที่สุดอังกฤษก็ตัดใจ บอกให้ฝรั่งเศสเอาซีเรียกับเลบานอนไปก็แล้วกัน
    แต่ขณะนั้น Faisal ลูกชายของ Sharif Hussein ยังปักหลักผู้ที่เมืองดามัสกัส หลังจากอุตส่าห์ไปยึดเมืองมาให้เขาเบี้ยว อังกฤษบอกอยู่ไปเถอะ พวกท่านออกแรงนี่หนา เป็นรางวัลปลอบใจอย่างจอมปลอม หลังจากโกหกตอแหล ไม่หาอาณาจักรอาหรับให้ Sharif Hussein
    อังกฤษปล่อยให้ Faisal ตั้งกระโจม อยู่กลางเมืองดามัสกัส เหมือนอังกฤษจะรู้ว่า ต่อไปดามัสกัสจะเป็นของใคร ยืมมือคนอื่นฆ่ามิตร เป็นอีกสันดานที่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ถนัดทำ !
    แล้วมันก็เป็นไปตามแผนของชาวเกาะ เมื่อฝรั่งเศสเข้าไปในดามัสกัส สิ่งแรกที่ฝรั่งเศสทำคือ บอกไม่รับรู้ เรื่องการตั้งกระโจมอยู่กลางดามัสกัสของ Faisal นั่นมันเป็นเรื่องของอังกฤษ เราไม่เคยไปตกลงอะไรกับท่านฝรั่งเศสไม่เคยเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นจงรีบขนของขึ้นอูฐย้ายออกไป ด่วน !
    Faisal หน้าตก อพยพหอบลูกจูงหลาน บริวารอีกหลายร้อย แถวยาวไปตามเนินทราย มุ่งหน้าไปปาเลสไตน์ที่อังกฤษดูแลอยู่ หวังจะให้อังกฤษช่วย
    อึ่ม ! เข้าทาง ! อิรัก กำลังวุ่นวาย อังกฤษจะออกหน้าก็กระไรอยู่ เดี๋ยวจะหาว่ามาล่าอาณานิคมอีก แค่เอาบ่อน้ำมันเขาไป ชาวบ้านก็นินทาจมหูแล้ว อังกฤษบอก Faisal เอางี้ เดี๋ยวเราจะจัดการให้ท่านเป็นกษัตริย์ ปกครองอิรักแล้วกัน โอ้ ! ในที่สุดเพื่อนก็ไม่ทิ้งเรา Faisal รำพึงเสียงเครือ
    อิรักต้องมีคนปกครอง แต่ถ้าเป็นชาวอิรัก อำนาจอังกฤษในอิรักอาจจะน้อยล ง จะไว้ใจได้แค่ไหน สู้เอาคนต่างถิ่น ต่างเผ่ามาปกครองดีกว่า Faisal น่าจะเหมาะสม แม้จะเป็นอาหรับด้วยกัน แต่ต่างเผ่าพันธ์กัน ชาวอิรักก็มอง Faisal เหมือนคนต่างชาติ ที่แย่กว่านั้น ชาวอิรักมอง Faisal ว่าเป็นหุ่น เป็นขี้ข้าฝรั่ง ยิ่งรังเกียจ Faisal หนักขึ้น และนั่นแหละ Faisal จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในสายตาของอังกฤษ เพราะ Faisal จะปกครองอิรักโดยลำพังไม่ได้ ต้องพึ่งอังกฤษตลอดไป คนอิรักก็ไม่รับ Faisal และ Faisal ก็ใช้คนอิรักไม่ได้เต็มที่ ที่ปรึกษาชาวอังกฤษจึงเต็มอิรักไปหมด
    เมื่อทุกอย่างเข้าทางตามแผน อังกฤษก็อพยพเหมือนกัน แต่เป็นการอพยพ เอากลุ่มที่ปรึกษาชาวอังกฤษ เข้าไปเต็มเมืองอิรัก จริง ๆ ก็คือการเข้าไปปกครองอิรัก เหมือนอิรักเป็นอาณานิคม รูปแบบใหม่นั่นแหละ แต่คราวนี้ แม้อิรักจะไม่ได้เป็นกล่องดวง ใจ แบบอินเดีย แต่ก็มีของมีค่ามหาศาล ยังไม่รู้ว่า มหาศาลขนาดไหน ฝั่งตัวอยู่ใต้ดิน เผลอๆ อาจจะมีค่ามากกว่า อินเดีย กล่องดวงใจเสียอีก อังกฤษจำเป็นต้องอยู่ในอิรักให้นานที่สุด และมั่นคงที่สุด กว่ายักษ์ใต้ดินจะเติบโตใช้สอยดังใจหวัง
    ราชวงศ์ Hashemite ของ Faisal จึงเป็นเหมือนหุ่นเชิดของอังกฤษ แม้จะบอกว่าเป็นประเทศเอกราช แต่ผู้เชี่ยวชาญอังกฤษ ที่ปรึกษาอังกฤษ เป็นผู้ปกครองอิรักโดยพฤตินัย คนอังกฤษไปอยู่อิรัก ขนทั้งคนและระบบอังกฤษติดตัวตามไปหมด ตั้งแต่ตั้งโรงเรียนแบบอังกฤษ บ้านช่องการเป็นอยู่อย่างอังกฤษ เด็ก ๆ ลูกที่ปรึกษา ก็ต้องมีพี่เลี้ยง (nanny) แบบลูกผู้ดีที่เกาะอังกฤษเขาทำกัน nanny ชาวพื้นเมืองหน้าดำ ใส่เอี้ยม คลุมหัว คอยเดินตามเช็ดมือเช็ดเท้าให้คุณหนูผมทอง ฯลฯ
    นอกเหนือจากการบริหารประเทศแล้ว อังกฤษยังตั้งฐานทัพ และสนามบินไว้ที่อิรัก ทั้งหมดเป็นการอำนวยความสดวก และการป้องกัน ให้การขุดเจาะน้ำมันของ The Turkish Petroleum Company ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Iraqi Petroleum Company ซึ่งถือหุ้นโดย Anglo – Persian Oil Company ที่อังกฤษมอบหมายให้หน้าที่เสมือนเป็นข้าหลวงใหญ่ของอังกฤษประจำอิรักอีกด้วย เดินไปอย่างราบรื่นไม่มีสดุด ไม่มีติดขัด
    Turkish Petroleum ทำเงินให้อังกฤษมากมาย รวมทั้งรัฐบาลอิรักด้วย แต่แทนที่รัฐบาลอิรัก จะนำไปปรับปรุงประเทศ กลับนำไปใช้ในการซื้ออาวุธให้กองทัพของอิรัก ซึ่งอยู่ในความดูแลของกองทหารอังกฤษ ประชาชนชาวอิรักก็หน้าแห้ง ท้องกิ่ว เหมือนเดิม
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 2 – อิรัก 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 2” อิรัก 1
ระหว่างที่ฝรั่งตะวันตกผู้ชนะสงคราม กำลังวุ่นอยู่กับการแบ่งสมบัติที่ไปได้ มาจากการหลอกต้มเหยื่อ เหยื่อก็นั่งเหม่อ มึนงง สับสน ตกลงพวกเราจะได้เป็นเจ้าของดินแดนไหมหนอ อย่าว่าจะเป็นเจ้าของเลย จะมีที่ให้หย่อนก้น ปักหลักตั้งกระโจม ตรงไหนก็ยังไม่รู้เล้ย ข้อตกลงที่ปารีส Paris Conference และโดยสันนิบาตชาติ ที่ตกลงจะแบ่งดินแดนของเหยื่อ ระหว่างผู้ล่า ทำท่าจะล่ม ข้อตกลงที่ตุรกี จะยอมตัดทิ้งดินแดนหลายส่วน ซึ่งลงนามโดยซากของรัฐบาลออตโตมาน ในที่สุด ก็ไม่ได้รับการยินยอมจากพวกยังเตอร์ก ที่เริ่มก่อการและปฏิวัติแยกตุรกีออกมาเป็นรัฐอิสระหลังจากสงครามโลกจบลง แต่อังกฤษกับฝรั่งเศสก็ยังเดินหน้าแบ่งสมบัติกันต่อ อย่างไม่ลงตัว ฝรั่งเศสบอก อังกฤษตกลงอะไรแล้วเบี้ยวตลอด ก็คงจะจริง นาน ๆ ผมจะเห็นด้วยกับฝรั่งเศสเสียที เห็นด้วย แต่ไม่ได้เห็นใจนะครับ ในที่สุดอังกฤษก็ตัดใจ บอกให้ฝรั่งเศสเอาซีเรียกับเลบานอนไปก็แล้วกัน แต่ขณะนั้น Faisal ลูกชายของ Sharif Hussein ยังปักหลักผู้ที่เมืองดามัสกัส หลังจากอุตส่าห์ไปยึดเมืองมาให้เขาเบี้ยว อังกฤษบอกอยู่ไปเถอะ พวกท่านออกแรงนี่หนา เป็นรางวัลปลอบใจอย่างจอมปลอม หลังจากโกหกตอแหล ไม่หาอาณาจักรอาหรับให้ Sharif Hussein อังกฤษปล่อยให้ Faisal ตั้งกระโจม อยู่กลางเมืองดามัสกัส เหมือนอังกฤษจะรู้ว่า ต่อไปดามัสกัสจะเป็นของใคร ยืมมือคนอื่นฆ่ามิตร เป็นอีกสันดานที่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ถนัดทำ ! แล้วมันก็เป็นไปตามแผนของชาวเกาะ เมื่อฝรั่งเศสเข้าไปในดามัสกัส สิ่งแรกที่ฝรั่งเศสทำคือ บอกไม่รับรู้ เรื่องการตั้งกระโจมอยู่กลางดามัสกัสของ Faisal นั่นมันเป็นเรื่องของอังกฤษ เราไม่เคยไปตกลงอะไรกับท่านฝรั่งเศสไม่เคยเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นจงรีบขนของขึ้นอูฐย้ายออกไป ด่วน ! Faisal หน้าตก อพยพหอบลูกจูงหลาน บริวารอีกหลายร้อย แถวยาวไปตามเนินทราย มุ่งหน้าไปปาเลสไตน์ที่อังกฤษดูแลอยู่ หวังจะให้อังกฤษช่วย อึ่ม ! เข้าทาง ! อิรัก กำลังวุ่นวาย อังกฤษจะออกหน้าก็กระไรอยู่ เดี๋ยวจะหาว่ามาล่าอาณานิคมอีก แค่เอาบ่อน้ำมันเขาไป ชาวบ้านก็นินทาจมหูแล้ว อังกฤษบอก Faisal เอางี้ เดี๋ยวเราจะจัดการให้ท่านเป็นกษัตริย์ ปกครองอิรักแล้วกัน โอ้ ! ในที่สุดเพื่อนก็ไม่ทิ้งเรา Faisal รำพึงเสียงเครือ อิรักต้องมีคนปกครอง แต่ถ้าเป็นชาวอิรัก อำนาจอังกฤษในอิรักอาจจะน้อยล ง จะไว้ใจได้แค่ไหน สู้เอาคนต่างถิ่น ต่างเผ่ามาปกครองดีกว่า Faisal น่าจะเหมาะสม แม้จะเป็นอาหรับด้วยกัน แต่ต่างเผ่าพันธ์กัน ชาวอิรักก็มอง Faisal เหมือนคนต่างชาติ ที่แย่กว่านั้น ชาวอิรักมอง Faisal ว่าเป็นหุ่น เป็นขี้ข้าฝรั่ง ยิ่งรังเกียจ Faisal หนักขึ้น และนั่นแหละ Faisal จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในสายตาของอังกฤษ เพราะ Faisal จะปกครองอิรักโดยลำพังไม่ได้ ต้องพึ่งอังกฤษตลอดไป คนอิรักก็ไม่รับ Faisal และ Faisal ก็ใช้คนอิรักไม่ได้เต็มที่ ที่ปรึกษาชาวอังกฤษจึงเต็มอิรักไปหมด เมื่อทุกอย่างเข้าทางตามแผน อังกฤษก็อพยพเหมือนกัน แต่เป็นการอพยพ เอากลุ่มที่ปรึกษาชาวอังกฤษ เข้าไปเต็มเมืองอิรัก จริง ๆ ก็คือการเข้าไปปกครองอิรัก เหมือนอิรักเป็นอาณานิคม รูปแบบใหม่นั่นแหละ แต่คราวนี้ แม้อิรักจะไม่ได้เป็นกล่องดวง ใจ แบบอินเดีย แต่ก็มีของมีค่ามหาศาล ยังไม่รู้ว่า มหาศาลขนาดไหน ฝั่งตัวอยู่ใต้ดิน เผลอๆ อาจจะมีค่ามากกว่า อินเดีย กล่องดวงใจเสียอีก อังกฤษจำเป็นต้องอยู่ในอิรักให้นานที่สุด และมั่นคงที่สุด กว่ายักษ์ใต้ดินจะเติบโตใช้สอยดังใจหวัง ราชวงศ์ Hashemite ของ Faisal จึงเป็นเหมือนหุ่นเชิดของอังกฤษ แม้จะบอกว่าเป็นประเทศเอกราช แต่ผู้เชี่ยวชาญอังกฤษ ที่ปรึกษาอังกฤษ เป็นผู้ปกครองอิรักโดยพฤตินัย คนอังกฤษไปอยู่อิรัก ขนทั้งคนและระบบอังกฤษติดตัวตามไปหมด ตั้งแต่ตั้งโรงเรียนแบบอังกฤษ บ้านช่องการเป็นอยู่อย่างอังกฤษ เด็ก ๆ ลูกที่ปรึกษา ก็ต้องมีพี่เลี้ยง (nanny) แบบลูกผู้ดีที่เกาะอังกฤษเขาทำกัน nanny ชาวพื้นเมืองหน้าดำ ใส่เอี้ยม คลุมหัว คอยเดินตามเช็ดมือเช็ดเท้าให้คุณหนูผมทอง ฯลฯ นอกเหนือจากการบริหารประเทศแล้ว อังกฤษยังตั้งฐานทัพ และสนามบินไว้ที่อิรัก ทั้งหมดเป็นการอำนวยความสดวก และการป้องกัน ให้การขุดเจาะน้ำมันของ The Turkish Petroleum Company ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Iraqi Petroleum Company ซึ่งถือหุ้นโดย Anglo – Persian Oil Company ที่อังกฤษมอบหมายให้หน้าที่เสมือนเป็นข้าหลวงใหญ่ของอังกฤษประจำอิรักอีกด้วย เดินไปอย่างราบรื่นไม่มีสดุด ไม่มีติดขัด Turkish Petroleum ทำเงินให้อังกฤษมากมาย รวมทั้งรัฐบาลอิรักด้วย แต่แทนที่รัฐบาลอิรัก จะนำไปปรับปรุงประเทศ กลับนำไปใช้ในการซื้ออาวุธให้กองทัพของอิรัก ซึ่งอยู่ในความดูแลของกองทหารอังกฤษ ประชาชนชาวอิรักก็หน้าแห้ง ท้องกิ่ว เหมือนเดิม สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 1”
    การแบ่งเค้กตะวันออกกลาง ระหว่างประเทศผู้ชนะสงคราม ดูเหมือนจะยังไม่ลงตัว เดือนเมษายน ค.ศ. 1920 รัฐมนตรีต่างประเทศที่ชนะสงคราม แอบจัดประชุมกันอีกที่ San Remo ประเทศอิตาลี โดยไม่มีผู้แทนของอเมริกาได้รับเชิญให้เข้าประชุมด้วย !

ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ หัวเรือใหญ่บอก อเมริกามาที่หลัง ไม่เกี่ยวกับเรื่องการแบ่งเค้กที่ได้มาจากการทะลายออตโตมานนี่นา เขามาเกี่ยวตรงไหน เราเป็นคนคิดริเริ่มนะ (เอะ ! พูดแบบนี้ เดี๋ยวสวยแน่ อเมริกาเพิ่งเขี้ยวงอกก็จริง แต่เป็นเขี้ยวเล็กและแหลมคม อย่าได้ประมาทเชียว) การประชุมที่ San Remo จึงเป็นการกำหนดและการกำกับ โดย นายกรัฐมนตรีอังกฤษ Lloyd George และประธานาธิบดีฝรั่งเศส Alexander Millerand ซึ่งไว้ใจกันเองมาก ถึงขนาดเดินประกบกันทุกฝีก้าว เข้าใจว่าใครไปเข้าห้องน้ำ อีกคนคงต้องตามไปด้วย
    เพื่อเป็นการปิดปากฝรั่งเศส อังกฤษตัดใจประกาศอย่างเป็นทางการ ต่อหน้าที่ประชุม เรา อังกฤษ ยินดียกหุ้นในบริษัทที่ได้สัมปทานน้ำมันในเมโสโปเตเมีย ให้แก่ฝรั่งเศส มิตรรักร่วมรบ เอาไปเลย 25% ของบริษัท เป็นของขวัญจากเรา แต่เมโสโปเตเมีย ต้องอยู่ในความดูแลของเราอังกฤษ ตกลงตามนี้นะ
    มันเป็นหุ้น 25% ของ Turkish Petroleum Gesellshaft ที่ Deutsche Bank ตั้งขึ้นภายหลังที่ออตโตมานให้ สิทธิ 20 กิโลเมตร 2 ข้างทางรถไฟ (Right of way) ของเส้นทาง Berlin Bagdad ส่วนอีก 75% แน่นอน ชาวเกาะบอก ต้องเป็นของเรา โดยมอบให้ Anglo Persian Oil ที่ไปหลอกต้มมาจาก นาย D’Arcy ผู้น่าสมเพชนั่นแหละ เป็นผู้รับโอนไป
    นี่มันทั้งขยี้เขา แล้วยังขโมยของในบ้านเขาต่ออีกด้วย สันดานแบบนี้ เป็นคนก็คบไม่ได้เลย
    San Remo Agreement เป็นฝีมือวางแผนของคน ที่ได้ชื่อต่อมาว่า เป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ในสมัยนั้น เขาคือ Sir Henry Deterding
    นาย Deterding เป็นชาวดัชท์ เขาเป็นอีกคนหนึ่ง นอกเหนือจากกัปตัน Fisher ที่เห็นคุณค่า และอานุภาพของน้ำมัน ว่าจะเป็นทรัพยากรที่จะเป็นอาวุธสำคัญ ในการเปลี่ยนแปลงโลกนี้ !
    นาย Deterding ทำงานให้รัฐบาลดัชท์ ในบริษัท Dutch East Indies ที่เกาะสุมาตรา ซึ่งเป็นอาณานิคมของดัชท์ขณะนั้น สุมาตราก็มีน้ำมันตะเกียง นาย Deterding จึงตั้งบริษัทผลิตน้ำมันตะเกียง จากน้ำมันอินโดนีเซีย ชื่อบริษัท Royal Dutch Oil Company
    เมื่อธุรกิจนำมันของเขาก้าวหน้า มากขึ้น ค.ศ. 1897 นาย Deterding ตัดสินใจควบบริษัท Royal Dutch Oil Company เข้ากับบริษัท Shell Transport & Trading Company ของนาย Marcus Samuel (ซึ่งต่อมาได้เป็น Lord Bearsted) ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการเรือขนส่งสินค้า และเป็นผู้ริเริ่มสร้างแท้งค์บรรจุน้ำมัน การควบรวมบริษัทนี้ ทำให้เกิดเป็นบริษัท Royal Dutch Shell Company ยักษ์ใหญ่ในวงการน้ำมันของอังกฤษ และทำให้อังกฤษผงาดขึ้นมาเป็นผู้ค้าน้ำมันระดับโลก และในที่สุด เป็นคู่แข่งแบบเผ็ดร้อนกับ Standard Oil Group ของตระกูล Rockefeller ในอเมริกา
    ความสำเร็จของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ในกิจการน้ำมัน มาจากการวางแผนและสนับสนุนเกินร้อยของรัฐบาลอังกฤษ ภายใต้แผนการใช้ตัวแทน ให้เข้าไปดำเนินการฝังตัวตามที่ต่าง ๆ เพื่อหาข่าวกรอง และปฎิบัติการลับไปเกือบทุกแห่งในโลก นาย Deterding เองนั้น ภายหลังก็มีข่าวหลุดมาว่า แท้จริงแล้ว เขาสังกัดอยู่ในหน่วยราชการลับของอังกฤษตั้งแต่ต้น ถูกส่งให้ไปทำงานตั้งแต่ที่เกาะสุมาตรา ไม่งั้นมันจะไปควบรวม บริษัทใหญ่อย่างนั้นได้ ง่าย ๆ อย่างไร
    ค.ศ. 1912 ก่อนเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษมีส่วนแบ่งในตลาดน้ำมันโลก เพียง 12 % หลังสงครามโลก ภายหลังจากการล่าเหยื่อ หลอกเหยื่อ ขยี้เหยื่อ จนเหลือแต่ซากแล้ว ค.ศ. 1925 อังกฤษกลายเป็นขาใหญ่ในวงการน้ำมันโลก ที่กำลังจะมาแรง
    ปฎิบัติการ San Remo นาย Deterding ทำงานร่วมกับ Sir John Cadman ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลอังกฤษ เข้าไปดูแล Anglo Persian Oil Company ทั้ง 2 คน เดินสายนอกรอบ ทั้งหว่าน ทั้งล้อมฝรั่งเศส ให้ฝรั่งเศสรับ 25% ของหุ้นใน Turkish Petroleum ไป แทนการเอาเมือง Mosul ฝรั่งเศส เหมือนเด็กได้อมยิ้มไป 1 กล่องในวันเดียว ดีใจเกือบตาย แทนที่จะได้ทั้งกล่องทุกวันไปตลอดชีวิต
    และด้วยอมยิ้ม 1 กล่อง ฝรั่งเศสใจป้ำ ตกลงว่าถ้าขุดน้ำมันเจอจริง และจะต้องวางท่อส่งน้ำมัน ผ่านมาทางซีเรีย ซึ่งฝรั่งเศสได้สิทธิปกครอง ฝรั่งเศสบอกเรายินดีนะ และภาษีอะไรที่ต้องมีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝรั่งเศสยกเว้นให้หมด เป็นการตอบแทน เอ้อ ! เซ่อได้สมใจ เคี้ยวนุ่มอร่อยนาน
    อังกฤษมองไกล ต่อไปนี้ ตะวันออกกลาง เค้กทั้งก้อน ไม่ใช่แค่ชิ้นเดียว ต้องไม่พ้นมือเรา
    San Remo Agreement ยังใส่เงื่อนไขไว้ในสัญญาด้วยอีกว่า ต่างชาติอื่นนอกเหนือไปจากนี้ ไม่มีสิทธิมาขุดเจาะ เสาะหาน้ำมันในอาณาบริเวณเมโส โปเตเมีย เขียนแบบนี้ แปลว่า อเมริกาอย่ามาแหยม ! ไม่เชิญเขามาร่วมประชุม ก็หน้าด้านมากพอ แต่นี่ถึงขนาดตัดขาด จากการงานกินเค้ก ในอนาคตด้วยนี่ มันชักส่ออาการตระกรามมากไป
    นอกจากกันอเมริกาออกไปแล้ว San Remo Agreement ยังระบุด้วยว่า ในเรื่องน้ำมันที่โรมาเนีย และที่รัสเซีย ฝรั่งเศสจะต้องให้ความร่วมมือกับอังกฤษ ตามที่อังกฤษจูงอีกด้วย ข้อตกลงแบบนี้เหมือนการปฏิวัติเงียบ เกี่ยวกับน้ำมันในเมโสโปเตเมีย โดยชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย ฯ เลยทีเดียว
    เมื่อกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา รู้เรื่องการวางไม้ขวางของอังกฤษ จึงทำหนังสือประท้วงการตัดสิทธิของ American Standard Oil ออกไปจากสัมปทานในเมโสโปเตเมีย รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ขณะนั้น Lord Curzon ทำหนังสือลงวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 1921 แจ้งไปยังทูตอังกฤษที่ประจำอยู่ในวอชิตัน ให้ไปแจ้งต่ออเมริกาว่า อังกฤษเสียใจจริง ๆ ที่ไม่สามารถจะจัดการให้บริษัทน้ำมันอเมริกัน ได้รับสัมปทานในตะวันออกกลางได้
    เด็ดขาดจริงลูกพี่ ! เขียนได้เด็ด ! แต่จะขาดกันแค่ไหน เห็นจะต้องดูกันต่อไป นั่นมันเรื่อง 100 ปีมาแล้ว
    San Remo Agreement น่าจะเป็นหัวเชื้อ ในการทำสงครามชิงน้ำมัน ในตะวันออกกลางระหว่างอังกฤษกับอเมริกา ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยเหยื่อที่เป็นเจ้าของน้ำมันตัวจริง ในตะวันออกกลางคงยังกำลังงง ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรกับพวกตน และดินแดนของพวกตน และไม่รู้ว่าบัดนี้ยังจะเข้าใจกันมากน้อยแค่ไหน ! ?
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
11 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 1” การแบ่งเค้กตะวันออกกลาง ระหว่างประเทศผู้ชนะสงคราม ดูเหมือนจะยังไม่ลงตัว เดือนเมษายน ค.ศ. 1920 รัฐมนตรีต่างประเทศที่ชนะสงคราม แอบจัดประชุมกันอีกที่ San Remo ประเทศอิตาลี โดยไม่มีผู้แทนของอเมริกาได้รับเชิญให้เข้าประชุมด้วย !

ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ หัวเรือใหญ่บอก อเมริกามาที่หลัง ไม่เกี่ยวกับเรื่องการแบ่งเค้กที่ได้มาจากการทะลายออตโตมานนี่นา เขามาเกี่ยวตรงไหน เราเป็นคนคิดริเริ่มนะ (เอะ ! พูดแบบนี้ เดี๋ยวสวยแน่ อเมริกาเพิ่งเขี้ยวงอกก็จริง แต่เป็นเขี้ยวเล็กและแหลมคม อย่าได้ประมาทเชียว) การประชุมที่ San Remo จึงเป็นการกำหนดและการกำกับ โดย นายกรัฐมนตรีอังกฤษ Lloyd George และประธานาธิบดีฝรั่งเศส Alexander Millerand ซึ่งไว้ใจกันเองมาก ถึงขนาดเดินประกบกันทุกฝีก้าว เข้าใจว่าใครไปเข้าห้องน้ำ อีกคนคงต้องตามไปด้วย เพื่อเป็นการปิดปากฝรั่งเศส อังกฤษตัดใจประกาศอย่างเป็นทางการ ต่อหน้าที่ประชุม เรา อังกฤษ ยินดียกหุ้นในบริษัทที่ได้สัมปทานน้ำมันในเมโสโปเตเมีย ให้แก่ฝรั่งเศส มิตรรักร่วมรบ เอาไปเลย 25% ของบริษัท เป็นของขวัญจากเรา แต่เมโสโปเตเมีย ต้องอยู่ในความดูแลของเราอังกฤษ ตกลงตามนี้นะ มันเป็นหุ้น 25% ของ Turkish Petroleum Gesellshaft ที่ Deutsche Bank ตั้งขึ้นภายหลังที่ออตโตมานให้ สิทธิ 20 กิโลเมตร 2 ข้างทางรถไฟ (Right of way) ของเส้นทาง Berlin Bagdad ส่วนอีก 75% แน่นอน ชาวเกาะบอก ต้องเป็นของเรา โดยมอบให้ Anglo Persian Oil ที่ไปหลอกต้มมาจาก นาย D’Arcy ผู้น่าสมเพชนั่นแหละ เป็นผู้รับโอนไป นี่มันทั้งขยี้เขา แล้วยังขโมยของในบ้านเขาต่ออีกด้วย สันดานแบบนี้ เป็นคนก็คบไม่ได้เลย San Remo Agreement เป็นฝีมือวางแผนของคน ที่ได้ชื่อต่อมาว่า เป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ในสมัยนั้น เขาคือ Sir Henry Deterding นาย Deterding เป็นชาวดัชท์ เขาเป็นอีกคนหนึ่ง นอกเหนือจากกัปตัน Fisher ที่เห็นคุณค่า และอานุภาพของน้ำมัน ว่าจะเป็นทรัพยากรที่จะเป็นอาวุธสำคัญ ในการเปลี่ยนแปลงโลกนี้ ! นาย Deterding ทำงานให้รัฐบาลดัชท์ ในบริษัท Dutch East Indies ที่เกาะสุมาตรา ซึ่งเป็นอาณานิคมของดัชท์ขณะนั้น สุมาตราก็มีน้ำมันตะเกียง นาย Deterding จึงตั้งบริษัทผลิตน้ำมันตะเกียง จากน้ำมันอินโดนีเซีย ชื่อบริษัท Royal Dutch Oil Company เมื่อธุรกิจนำมันของเขาก้าวหน้า มากขึ้น ค.ศ. 1897 นาย Deterding ตัดสินใจควบบริษัท Royal Dutch Oil Company เข้ากับบริษัท Shell Transport & Trading Company ของนาย Marcus Samuel (ซึ่งต่อมาได้เป็น Lord Bearsted) ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการเรือขนส่งสินค้า และเป็นผู้ริเริ่มสร้างแท้งค์บรรจุน้ำมัน การควบรวมบริษัทนี้ ทำให้เกิดเป็นบริษัท Royal Dutch Shell Company ยักษ์ใหญ่ในวงการน้ำมันของอังกฤษ และทำให้อังกฤษผงาดขึ้นมาเป็นผู้ค้าน้ำมันระดับโลก และในที่สุด เป็นคู่แข่งแบบเผ็ดร้อนกับ Standard Oil Group ของตระกูล Rockefeller ในอเมริกา ความสำเร็จของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ในกิจการน้ำมัน มาจากการวางแผนและสนับสนุนเกินร้อยของรัฐบาลอังกฤษ ภายใต้แผนการใช้ตัวแทน ให้เข้าไปดำเนินการฝังตัวตามที่ต่าง ๆ เพื่อหาข่าวกรอง และปฎิบัติการลับไปเกือบทุกแห่งในโลก นาย Deterding เองนั้น ภายหลังก็มีข่าวหลุดมาว่า แท้จริงแล้ว เขาสังกัดอยู่ในหน่วยราชการลับของอังกฤษตั้งแต่ต้น ถูกส่งให้ไปทำงานตั้งแต่ที่เกาะสุมาตรา ไม่งั้นมันจะไปควบรวม บริษัทใหญ่อย่างนั้นได้ ง่าย ๆ อย่างไร ค.ศ. 1912 ก่อนเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษมีส่วนแบ่งในตลาดน้ำมันโลก เพียง 12 % หลังสงครามโลก ภายหลังจากการล่าเหยื่อ หลอกเหยื่อ ขยี้เหยื่อ จนเหลือแต่ซากแล้ว ค.ศ. 1925 อังกฤษกลายเป็นขาใหญ่ในวงการน้ำมันโลก ที่กำลังจะมาแรง ปฎิบัติการ San Remo นาย Deterding ทำงานร่วมกับ Sir John Cadman ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลอังกฤษ เข้าไปดูแล Anglo Persian Oil Company ทั้ง 2 คน เดินสายนอกรอบ ทั้งหว่าน ทั้งล้อมฝรั่งเศส ให้ฝรั่งเศสรับ 25% ของหุ้นใน Turkish Petroleum ไป แทนการเอาเมือง Mosul ฝรั่งเศส เหมือนเด็กได้อมยิ้มไป 1 กล่องในวันเดียว ดีใจเกือบตาย แทนที่จะได้ทั้งกล่องทุกวันไปตลอดชีวิต และด้วยอมยิ้ม 1 กล่อง ฝรั่งเศสใจป้ำ ตกลงว่าถ้าขุดน้ำมันเจอจริง และจะต้องวางท่อส่งน้ำมัน ผ่านมาทางซีเรีย ซึ่งฝรั่งเศสได้สิทธิปกครอง ฝรั่งเศสบอกเรายินดีนะ และภาษีอะไรที่ต้องมีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝรั่งเศสยกเว้นให้หมด เป็นการตอบแทน เอ้อ ! เซ่อได้สมใจ เคี้ยวนุ่มอร่อยนาน อังกฤษมองไกล ต่อไปนี้ ตะวันออกกลาง เค้กทั้งก้อน ไม่ใช่แค่ชิ้นเดียว ต้องไม่พ้นมือเรา San Remo Agreement ยังใส่เงื่อนไขไว้ในสัญญาด้วยอีกว่า ต่างชาติอื่นนอกเหนือไปจากนี้ ไม่มีสิทธิมาขุดเจาะ เสาะหาน้ำมันในอาณาบริเวณเมโส โปเตเมีย เขียนแบบนี้ แปลว่า อเมริกาอย่ามาแหยม ! ไม่เชิญเขามาร่วมประชุม ก็หน้าด้านมากพอ แต่นี่ถึงขนาดตัดขาด จากการงานกินเค้ก ในอนาคตด้วยนี่ มันชักส่ออาการตระกรามมากไป นอกจากกันอเมริกาออกไปแล้ว San Remo Agreement ยังระบุด้วยว่า ในเรื่องน้ำมันที่โรมาเนีย และที่รัสเซีย ฝรั่งเศสจะต้องให้ความร่วมมือกับอังกฤษ ตามที่อังกฤษจูงอีกด้วย ข้อตกลงแบบนี้เหมือนการปฏิวัติเงียบ เกี่ยวกับน้ำมันในเมโสโปเตเมีย โดยชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย ฯ เลยทีเดียว เมื่อกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา รู้เรื่องการวางไม้ขวางของอังกฤษ จึงทำหนังสือประท้วงการตัดสิทธิของ American Standard Oil ออกไปจากสัมปทานในเมโสโปเตเมีย รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ขณะนั้น Lord Curzon ทำหนังสือลงวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 1921 แจ้งไปยังทูตอังกฤษที่ประจำอยู่ในวอชิตัน ให้ไปแจ้งต่ออเมริกาว่า อังกฤษเสียใจจริง ๆ ที่ไม่สามารถจะจัดการให้บริษัทน้ำมันอเมริกัน ได้รับสัมปทานในตะวันออกกลางได้ เด็ดขาดจริงลูกพี่ ! เขียนได้เด็ด ! แต่จะขาดกันแค่ไหน เห็นจะต้องดูกันต่อไป นั่นมันเรื่อง 100 ปีมาแล้ว San Remo Agreement น่าจะเป็นหัวเชื้อ ในการทำสงครามชิงน้ำมัน ในตะวันออกกลางระหว่างอังกฤษกับอเมริกา ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยเหยื่อที่เป็นเจ้าของน้ำมันตัวจริง ในตะวันออกกลางคงยังกำลังงง ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรกับพวกตน และดินแดนของพวกตน และไม่รู้ว่าบัดนี้ยังจะเข้าใจกันมากน้อยแค่ไหน ! ? สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
11 ก.ย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี
    พระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม เนื้อผงพุทธคุณ ( พบเห็นน้อยมาก) วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี // พระเกจิอาจารย์ยุคเก่าเป็นที่เลื่อมใสศรัทธามาก “หลวงปู่ยิ้ม จันทโชติ” ได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 5 ชุดเบญจภาคีพระปิดตาของไทย //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ** พุทธคุณเมตตา มหาลาภ โชคลาภ เงินทองคล่องมือ และ แคล้วคลาด ป้องกันภยันตรายช่วยให้การเงินคล่องมือ ซื้อง่ายขายคล่อง คงกระพันชาตรี ป้องกันภัยจากภยันตรายทั้งปวง >>

    ** พระปิดตาเนื้อผง หลวงปู่ยิ้ม จันทโชติ หรือ “หลวงพ่อเฒ่ายิ้ม” อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองบัว พระเกจิชื่อดังแห่งจังหวัดกาญจนบุรี ผู้ทรงคุณวิเศษและมีวิทยาคมแก่กล้าต้นตำรับตะกรุดโลกธาตุอันลือเลื่อง และผู้สร้างพระปิดตา ที่ได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 5 ชุดเบญจภาคีพระปิดตาของไทย ว่ากันว่า มีดหมอประจำพระองค์กรมหลวงชุมพรฯ ก็เป็นของท่านด้วย พระปิดตาหลวงปู่ยิ้มนั้นท่านสร้างจากผงวิเศษที่ท่านทำเอง โดยใช้เวลารวบรวมมวลสารถึง 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2439-2441 ส่วนผสมต้องตรงตามสูตร การสร้างพระปิดตาแบบโบราณอย่างเคร่งครัด ซึ่งโดยส่วนใหญ่ได้จากธรรมชาติ ได้แก่ ผงอิทธิเจ ปถมัง มหาราช ตรีนิสิงเห ว่าน 108 ดอกไม้บูชาพระ ไคลโบสถ์ ขี้ผึ้งจากรังผึ้ง ฯลฯ จากนั้นปลุกเสกจนถึงปี พ.ศ.2445 จึงนำออกมาแจกจ่าย มีทั้ง เนื้อเหลือง เนื้อขาว เนื้อผงเทา >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    พระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี พระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม เนื้อผงพุทธคุณ ( พบเห็นน้อยมาก) วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี // พระเกจิอาจารย์ยุคเก่าเป็นที่เลื่อมใสศรัทธามาก “หลวงปู่ยิ้ม จันทโชติ” ได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 5 ชุดเบญจภาคีพระปิดตาของไทย //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ** พุทธคุณเมตตา มหาลาภ โชคลาภ เงินทองคล่องมือ และ แคล้วคลาด ป้องกันภยันตรายช่วยให้การเงินคล่องมือ ซื้อง่ายขายคล่อง คงกระพันชาตรี ป้องกันภัยจากภยันตรายทั้งปวง >> ** พระปิดตาเนื้อผง หลวงปู่ยิ้ม จันทโชติ หรือ “หลวงพ่อเฒ่ายิ้ม” อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองบัว พระเกจิชื่อดังแห่งจังหวัดกาญจนบุรี ผู้ทรงคุณวิเศษและมีวิทยาคมแก่กล้าต้นตำรับตะกรุดโลกธาตุอันลือเลื่อง และผู้สร้างพระปิดตา ที่ได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 5 ชุดเบญจภาคีพระปิดตาของไทย ว่ากันว่า มีดหมอประจำพระองค์กรมหลวงชุมพรฯ ก็เป็นของท่านด้วย พระปิดตาหลวงปู่ยิ้มนั้นท่านสร้างจากผงวิเศษที่ท่านทำเอง โดยใช้เวลารวบรวมมวลสารถึง 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2439-2441 ส่วนผสมต้องตรงตามสูตร การสร้างพระปิดตาแบบโบราณอย่างเคร่งครัด ซึ่งโดยส่วนใหญ่ได้จากธรรมชาติ ได้แก่ ผงอิทธิเจ ปถมัง มหาราช ตรีนิสิงเห ว่าน 108 ดอกไม้บูชาพระ ไคลโบสถ์ ขี้ผึ้งจากรังผึ้ง ฯลฯ จากนั้นปลุกเสกจนถึงปี พ.ศ.2445 จึงนำออกมาแจกจ่าย มีทั้ง เนื้อเหลือง เนื้อขาว เนื้อผงเทา >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน จ.ยะลา
    เนื้อว่านหลวงปู่ทวด พิมพ์พระรอด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา //พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกโดยมีพระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อทวดหลายท่าน และ ฤาษีสมพิศ ณาณโสภี จ.ปทุมธานี และฤาษีเกศแก้ว แห่งบ้านโคกกุง จ.หนองบัวลำภู ได้มาร่วมพิธีปลุกเสกที่วัด พิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้น ปลุกเสก 19-27 ส.ค 2553 //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //


    ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ทั้งคงกระพันชาตรี เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ประสบการณ์มากมาย รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน จ.ยะลา พระดี พิธีใหญ่ โดยมีเกจิอาจารย์ดังนั่งปรกอธิฐานจิต ได้แก่ หลวงพ่อหวาน วัดสะบ้าย้อย พ่อท่านพล วัดนาประดู่ พระอาจารย์แดง วัดไร่บางตาวา และ พระสุนทรปริยัติภิธาน เจ้าอาวาสวัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี นอกจากนั้น ได้มี ฤาษีสมพิศ ณาณโสภี จ.ปทุมธานี และฤาษีเกศแก้ว แห่งบ้านโคกกุง จ.หนองบัวลำภู ได้มาร่วมในพิธีปลุกเสกที่วัด พร้อมกันนี้ได้มอบเครื่องรางของขลัง ให้กับประชาชนที่มาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก โดยพิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้น ปลุกเสก 19-27 ส.ค 2553 >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน จ.ยะลา เนื้อว่านหลวงปู่ทวด พิมพ์พระรอด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา //พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกโดยมีพระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อทวดหลายท่าน และ ฤาษีสมพิศ ณาณโสภี จ.ปทุมธานี และฤาษีเกศแก้ว แห่งบ้านโคกกุง จ.หนองบัวลำภู ได้มาร่วมพิธีปลุกเสกที่วัด พิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้น ปลุกเสก 19-27 ส.ค 2553 //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ทั้งคงกระพันชาตรี เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ประสบการณ์มากมาย รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน จ.ยะลา พระดี พิธีใหญ่ โดยมีเกจิอาจารย์ดังนั่งปรกอธิฐานจิต ได้แก่ หลวงพ่อหวาน วัดสะบ้าย้อย พ่อท่านพล วัดนาประดู่ พระอาจารย์แดง วัดไร่บางตาวา และ พระสุนทรปริยัติภิธาน เจ้าอาวาสวัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี นอกจากนั้น ได้มี ฤาษีสมพิศ ณาณโสภี จ.ปทุมธานี และฤาษีเกศแก้ว แห่งบ้านโคกกุง จ.หนองบัวลำภู ได้มาร่วมในพิธีปลุกเสกที่วัด พร้อมกันนี้ได้มอบเครื่องรางของขลัง ให้กับประชาชนที่มาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก โดยพิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้น ปลุกเสก 19-27 ส.ค 2553 >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญหลวงพ่อขอมหลังสมเด็จพุทธโคดม วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี
    เหรียญลงยาเคลือบหลวงพ่อขอมหลังสมเด็จพุทธโคดม วัดไผ่โรงวัว อำเภอสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี // พระดีพิธีขลัง !! //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระดูง่าย หายากกครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณด้านเมตตา มหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย รอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งปวง คงกระพันชาตรี และโชคลาภ ประสบความสำเร็จในด้านการค้าและการเงิน >>

    ** หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว พระนักพัฒนารูปสำคัญ แห่งวัดไผ่โรงวัว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี พระพุทธโคดม เป็นพระพุทธรูปโลหะสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๒ ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง ๑๗ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงยกพระเกตุมาลา เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๒ >>

    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระดูง่าย หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อขอมหลังสมเด็จพุทธโคดม วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี เหรียญลงยาเคลือบหลวงพ่อขอมหลังสมเด็จพุทธโคดม วัดไผ่โรงวัว อำเภอสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี // พระดีพิธีขลัง !! //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระดูง่าย หายากกครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณด้านเมตตา มหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย รอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งปวง คงกระพันชาตรี และโชคลาภ ประสบความสำเร็จในด้านการค้าและการเงิน >> ** หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว พระนักพัฒนารูปสำคัญ แห่งวัดไผ่โรงวัว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี พระพุทธโคดม เป็นพระพุทธรูปโลหะสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๒ ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง ๑๗ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงยกพระเกตุมาลา เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๒ >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระดูง่าย หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • กุนเชียงหมูสูตรโบราณ! หอม หวาน มันนิด ๆ เคี้ยวนุ่ม ไม่แข็ง ไม่แห้ง
    ทอดแล้วหอมฟุ้งทั้งบ้าน กินกับข้าวสวยร้อน ๆ คือฟินสุดดด
    ทำจากหมูเน้น ๆ ไม่ผสมแป้ง ไม่ใส่สารกันบูด ปลอดภัยทุกคำ
    ใครได้ลองก็ติดใจ สั่งรอบหน้าทีไรต้องเพิ่มโล
    มีทั้งแบบแพ็กเล็ก–แพ็กใหญ่ ส่งไวทั่วไทย คลิกสั่งเลยจ้าาา

    สินค้าขายดีที่ร้านตลอดกาล ดูคอมเม้นต์ลูกค้าได้เลยค่ะ ลูกค้าสั่งไปทาน ติดใจทุกราย
    หากเจอคลิปนี้แล้วฝากกดติดตามร้านด้วยนะคะ ร้านกินจุ๊บจิ๊บ….ของใหม่ ส่งไว ได้คุณภาพค่ะ

    กดสั่งซื้อในตะกร้าด้านล่างได้เลยค่ะ

    ⭕️

    กุนเชียงหมู ใน TikTok
    https://vt.tiktok.com/ZSMYbDdHr/

    กุนเชียงหมู ใน Shopee
    https://th.shp.ee/icytTqn

    กุนเชียงปลา ใน TikTok
    https://vt.tiktok.com/ZSMYgRyc2/

    กุนเชียงปลา ใน Shopee
    https://th.shp.ee/UP94YQL

    เลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง
    1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop
    2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_

    เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ

    #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาเกล็ดขาว #กุนเชียงหมู #กุนเชียงปลา #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาซิว #หมึกกะตอยแห้ง


    #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #กุนเชียง #กิมสั่วงา #ปลาไล้กอตากแห้ง
    กุนเชียงหมูสูตรโบราณ! 🐷 หอม หวาน มันนิด ๆ เคี้ยวนุ่ม ไม่แข็ง ไม่แห้ง ทอดแล้วหอมฟุ้งทั้งบ้าน กินกับข้าวสวยร้อน ๆ คือฟินสุดดด 🍚🔥 ทำจากหมูเน้น ๆ ไม่ผสมแป้ง ไม่ใส่สารกันบูด ปลอดภัยทุกคำ ใครได้ลองก็ติดใจ สั่งรอบหน้าทีไรต้องเพิ่มโล 😋 มีทั้งแบบแพ็กเล็ก–แพ็กใหญ่ ส่งไวทั่วไทย คลิกสั่งเลยจ้าาา 📦💥 สินค้าขายดีที่ร้านตลอดกาล ดูคอมเม้นต์ลูกค้าได้เลยค่ะ ลูกค้าสั่งไปทาน ติดใจทุกราย 📦💥 หากเจอคลิปนี้แล้วฝากกดติดตามร้านด้วยนะคะ ร้านกินจุ๊บจิ๊บ….ของใหม่ ส่งไว ได้คุณภาพค่ะ กดสั่งซื้อในตะกร้าด้านล่างได้เลยค่ะ 🌶️♨️⭕️ กุนเชียงหมู 🙂 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMYbDdHr/ กุนเชียงหมู 🙂 ใน Shopee https://th.shp.ee/icytTqn กุนเชียงปลา 🐟🐠 🙂 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMYgRyc2/ กุนเชียงปลา 🐠🐟 🙂 ใน Shopee https://th.shp.ee/UP94YQL เลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง 1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop 2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_ เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาเกล็ดขาว #กุนเชียงหมู #กุนเชียงปลา #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาซิว #หมึกกะตอยแห้ง #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #กุนเชียง #กิมสั่วงา #ปลาไล้กอตากแห้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ดาวเหินจรคู่ผสมระหว่างปีและเดือน ประจำเดือนตุลาคม 2568

    ตั้งแต่วันพุธที่ 8 เดือนตุลาคม ไปจนถึง วันพฤหัสบดีที่ 6 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2568 เป็นเดือนจอไฟ丙戌 (เปียสุก) ธาตุดิน มีกระแสพลังดาวธาตุไม้ 三碧 (ซาเพ็ก) ดาวแห่งการฟ้องร้อง ต่อสู้ แย่งชิง ทะเลาะวิวาท เสียทรัพย์ ทำร้ายกระแสพลังดาว二黑 (หยี่เฮก) ธาตุดิน ดาวป่วยไข้ ดาวแห่งโรคภัย ดาวแห่ง ความเสื่อม ถดถอย ประจำอยู่ที่ปีจรมะเส็งไม้ 乙巳 (อิกจี๋) ธาตุไฟ

    ส่งผลให้บ้านเมืองจะพบอุปสรรคปัญหาจากกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่ยังคงคอยแสวงหาโอกาสเพื่อช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์เข้าพวกตัวเอง ด้วยการสร้างสถานการณ์ให้ไม่สงบบั่นทอนความเชื่อมั่นให้ไม่มั่นใจต่อความเรียบร้อยปลอดภัย พยายามปลุกปั่นกระแสมวลชนให้เกิดความขัดแย้งทะเลาะเบาะแว้งให้ไม่ปรองดองต่อกัน ฝ่ายคุมอำนาจจำเป็นต้องใช้อำนาจทางกฎหมายเข้าควบคุมจัดการบริหารตามสถานการณ์อย่างจริงจังเพื่อป้องปรามให้ไม่เกิดประเด็นบานปลายให้วุ่นวาย ประเทศชาติจะได้ไม่ต้องอมทุกข์เสมือนผู้ป่วยไข้ที่นอนรอรับการรักษา ทั้งเศรษฐกิจและสังคมที่คงอยู่ทุกวันนี้จะได้หลุดพ้นจากหล่มขึ้นจากโคลนตม ส่วนการเดินทางควรตรวจสอบสภาพภูมิอากาศก่อนทุกครั้งเพื่อระมัดระวังอุบัติเหตุเภทภัยทางอากาศ ทางน้ำ หรือแม้แต่ทางรถยนต์ก็ตาม

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ดาวเหินจรคู่ผสมระหว่างปีและเดือน ประจำเดือนตุลาคม 2568 ตั้งแต่วันพุธที่ 8 เดือนตุลาคม ไปจนถึง วันพฤหัสบดีที่ 6 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2568 เป็นเดือนจอไฟ丙戌 (เปียสุก) ธาตุดิน มีกระแสพลังดาวธาตุไม้ 三碧 (ซาเพ็ก) ดาวแห่งการฟ้องร้อง ต่อสู้ แย่งชิง ทะเลาะวิวาท เสียทรัพย์ ทำร้ายกระแสพลังดาว二黑 (หยี่เฮก) ธาตุดิน ดาวป่วยไข้ ดาวแห่งโรคภัย ดาวแห่ง ความเสื่อม ถดถอย ประจำอยู่ที่ปีจรมะเส็งไม้ 乙巳 (อิกจี๋) ธาตุไฟ ส่งผลให้บ้านเมืองจะพบอุปสรรคปัญหาจากกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่ยังคงคอยแสวงหาโอกาสเพื่อช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์เข้าพวกตัวเอง ด้วยการสร้างสถานการณ์ให้ไม่สงบบั่นทอนความเชื่อมั่นให้ไม่มั่นใจต่อความเรียบร้อยปลอดภัย พยายามปลุกปั่นกระแสมวลชนให้เกิดความขัดแย้งทะเลาะเบาะแว้งให้ไม่ปรองดองต่อกัน ฝ่ายคุมอำนาจจำเป็นต้องใช้อำนาจทางกฎหมายเข้าควบคุมจัดการบริหารตามสถานการณ์อย่างจริงจังเพื่อป้องปรามให้ไม่เกิดประเด็นบานปลายให้วุ่นวาย ประเทศชาติจะได้ไม่ต้องอมทุกข์เสมือนผู้ป่วยไข้ที่นอนรอรับการรักษา ทั้งเศรษฐกิจและสังคมที่คงอยู่ทุกวันนี้จะได้หลุดพ้นจากหล่มขึ้นจากโคลนตม ส่วนการเดินทางควรตรวจสอบสภาพภูมิอากาศก่อนทุกครั้งเพื่อระมัดระวังอุบัติเหตุเภทภัยทางอากาศ ทางน้ำ หรือแม้แต่ทางรถยนต์ก็ตาม ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • “DetourDog: มัลแวร์ DNS ที่แอบเปลี่ยนเส้นทางกว่า 30,000 เว็บไซต์ — แพร่ Strela Stealer โดยไม่ให้เหยื่อรู้ตัว”

    นักวิจัยจาก Infoblox ได้เปิดเผยแคมเปญมัลแวร์ขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า “DetourDog” ซึ่งสามารถแอบเปลี่ยนเส้นทางเว็บไซต์กว่า 30,000 แห่ง โดยใช้เทคนิคการโจมตีผ่าน DNS ที่ซับซ้อนและยากต่อการตรวจจับ จุดเด่นของแคมเปญนี้คือการใช้ DNS redirection จากฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ไม่ใช่จากฝั่งผู้ใช้ ทำให้เหยื่อไม่รู้ตัวเลยว่าถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์ที่ฝังมัลแวร์

    เมื่อผู้ใช้เข้าเว็บไซต์ที่ถูกติดมัลแวร์ DetourDog จะเปลี่ยนเส้นทางไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์ Strela Stealer ซึ่งเป็นมัลแวร์แบบ modular ที่สามารถขโมยข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น อีเมล Microsoft Outlook, Thunderbird และเบราว์เซอร์ต่าง ๆ โดยใช้เทคนิค drive-by download หรือการโจมตีผ่านช่องโหว่ของเบราว์เซอร์

    DetourDog ยังใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อน เช่น registrar ที่ถูกแฮก DNS provider ที่ถูกควบคุม และโดเมนที่ตั้งค่าผิด เพื่อกระจายมัลแวร์ให้กว้างขึ้น Strela Stealer เองก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022 และตอนนี้สามารถสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมเพื่ออัปเดตตัวเองและส่งข้อมูลที่ขโมยไปได้แบบ persistent

    แม้จะยังไม่สามารถระบุได้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่คำว่า “strela” แปลว่า “ลูกศร” ในภาษารัสเซียและสลาฟอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นเบาะแสถึงต้นทางของแคมเปญนี้ ขณะนี้ Infoblox ได้แจ้งเตือนเจ้าของโดเมนที่ได้รับผลกระทบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ขอบเขตของความเสียหายยังไม่ชัดเจน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    DetourDog เป็นแคมเปญมัลแวร์ที่ใช้ DNS redirection เพื่อเปลี่ยนเส้นทางเว็บไซต์กว่า 30,000 แห่ง
    DNS requests ถูกส่งจากฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ทำให้เหยื่อไม่รู้ตัว
    เหยื่อถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์ที่โฮสต์ Strela Stealer
    Strela Stealer เป็นมัลแวร์แบบ modular ที่ขโมยข้อมูลจากอีเมลและเบราว์เซอร์
    ใช้เทคนิค drive-by download และ browser exploit เพื่อแพร่กระจาย
    โครงสร้างมัลแวร์ใช้ registrar, DNS provider และโดเมนที่ถูกควบคุม
    Strela Stealer สามารถสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมเพื่ออัปเดตและส่งข้อมูล
    Infoblox แจ้งเตือนเจ้าของโดเมนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
    คำว่า “strela” แปลว่า “ลูกศร” ในภาษารัสเซีย อาจเป็นเบาะแสถึงต้นทาง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DNS redirection เป็นเทคนิคที่ใช้เปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้โดยไม่ต้องแก้ไขเนื้อหาเว็บ
    Infostealer เป็นมัลแวร์ที่เน้นขโมยข้อมูล credential และ session
    Drive-by download คือการติดมัลแวร์โดยไม่ต้องคลิกหรือดาวน์โหลดไฟล์
    การโจมตีผ่าน DNS ทำให้ระบบตรวจจับทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้
    Strela Stealer มีความสามารถในการปรับตัวและหลบเลี่ยงการตรวจจับ

    https://www.techradar.com/pro/security/dangerous-dns-malware-infects-over-30-000-websites-so-be-on-your-guard
    🕵️‍♂️ “DetourDog: มัลแวร์ DNS ที่แอบเปลี่ยนเส้นทางกว่า 30,000 เว็บไซต์ — แพร่ Strela Stealer โดยไม่ให้เหยื่อรู้ตัว” นักวิจัยจาก Infoblox ได้เปิดเผยแคมเปญมัลแวร์ขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า “DetourDog” ซึ่งสามารถแอบเปลี่ยนเส้นทางเว็บไซต์กว่า 30,000 แห่ง โดยใช้เทคนิคการโจมตีผ่าน DNS ที่ซับซ้อนและยากต่อการตรวจจับ จุดเด่นของแคมเปญนี้คือการใช้ DNS redirection จากฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ไม่ใช่จากฝั่งผู้ใช้ ทำให้เหยื่อไม่รู้ตัวเลยว่าถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์ที่ฝังมัลแวร์ เมื่อผู้ใช้เข้าเว็บไซต์ที่ถูกติดมัลแวร์ DetourDog จะเปลี่ยนเส้นทางไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์ Strela Stealer ซึ่งเป็นมัลแวร์แบบ modular ที่สามารถขโมยข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น อีเมล Microsoft Outlook, Thunderbird และเบราว์เซอร์ต่าง ๆ โดยใช้เทคนิค drive-by download หรือการโจมตีผ่านช่องโหว่ของเบราว์เซอร์ DetourDog ยังใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อน เช่น registrar ที่ถูกแฮก DNS provider ที่ถูกควบคุม และโดเมนที่ตั้งค่าผิด เพื่อกระจายมัลแวร์ให้กว้างขึ้น Strela Stealer เองก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022 และตอนนี้สามารถสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมเพื่ออัปเดตตัวเองและส่งข้อมูลที่ขโมยไปได้แบบ persistent แม้จะยังไม่สามารถระบุได้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่คำว่า “strela” แปลว่า “ลูกศร” ในภาษารัสเซียและสลาฟอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นเบาะแสถึงต้นทางของแคมเปญนี้ ขณะนี้ Infoblox ได้แจ้งเตือนเจ้าของโดเมนที่ได้รับผลกระทบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ขอบเขตของความเสียหายยังไม่ชัดเจน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ DetourDog เป็นแคมเปญมัลแวร์ที่ใช้ DNS redirection เพื่อเปลี่ยนเส้นทางเว็บไซต์กว่า 30,000 แห่ง ➡️ DNS requests ถูกส่งจากฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ทำให้เหยื่อไม่รู้ตัว ➡️ เหยื่อถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์ที่โฮสต์ Strela Stealer ➡️ Strela Stealer เป็นมัลแวร์แบบ modular ที่ขโมยข้อมูลจากอีเมลและเบราว์เซอร์ ➡️ ใช้เทคนิค drive-by download และ browser exploit เพื่อแพร่กระจาย ➡️ โครงสร้างมัลแวร์ใช้ registrar, DNS provider และโดเมนที่ถูกควบคุม ➡️ Strela Stealer สามารถสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมเพื่ออัปเดตและส่งข้อมูล ➡️ Infoblox แจ้งเตือนเจ้าของโดเมนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ➡️ คำว่า “strela” แปลว่า “ลูกศร” ในภาษารัสเซีย อาจเป็นเบาะแสถึงต้นทาง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DNS redirection เป็นเทคนิคที่ใช้เปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้โดยไม่ต้องแก้ไขเนื้อหาเว็บ ➡️ Infostealer เป็นมัลแวร์ที่เน้นขโมยข้อมูล credential และ session ➡️ Drive-by download คือการติดมัลแวร์โดยไม่ต้องคลิกหรือดาวน์โหลดไฟล์ ➡️ การโจมตีผ่าน DNS ทำให้ระบบตรวจจับทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้ ➡️ Strela Stealer มีความสามารถในการปรับตัวและหลบเลี่ยงการตรวจจับ https://www.techradar.com/pro/security/dangerous-dns-malware-infects-over-30-000-websites-so-be-on-your-guard
    WWW.TECHRADAR.COM
    Dangerous DNS malware infects over 30,000 websites - so be on your guard
    DetourDog is using compromised sites to deliver infostealers, experts warn
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จีนเปิดตัวศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรก — ใช้พลังงานลดลง 90% พร้อมพลังงานหมุนเวียน 95%”

    ในยุคที่ AI และคลาวด์ต้องการพลังงานมหาศาล ศูนย์ข้อมูลกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่กินไฟมากที่สุดแห่งหนึ่ง ล่าสุดบริษัท Highlander จากจีนได้เปิดตัวโครงการศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลก บริเวณชายฝั่งเซี่ยงไฮ้ โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนตุลาคม 2025

    แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ — Microsoft เคยทดลองวางเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำที่สกอตแลนด์ในปี 2018 แต่ไม่ได้นำมาใช้เชิงพาณิชย์ ส่วนจีนเริ่มโครงการแรกที่เกาะไหหลำในปี 2022 และยังดำเนินการอยู่จนถึงปัจจุบัน

    ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำของ Highlander ใช้แคปซูลเหล็กเคลือบเกล็ดแก้วเพื่อป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำทะเล และเชื่อมต่อกับโครงสร้างเหนือผิวน้ำผ่านลิฟต์สำหรับการบำรุงรักษา โดยใช้พลังงานจากฟาร์มกังหันลมใกล้ชายฝั่ง ทำให้กว่า 95% ของพลังงานทั้งหมดมาจากแหล่งหมุนเวียน

    ข้อได้เปรียบหลักคือการใช้กระแสน้ำทะเลในการระบายความร้อน ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานสำหรับระบบทำความเย็นได้ถึง 90% เมื่อเทียบกับศูนย์ข้อมูลบนบกที่ต้องใช้ระบบปรับอากาศหรือการระเหยน้ำ

    ลูกค้ารายแรกของโครงการนี้คือ China Telecom และบริษัทคอมพิวติ้ง AI ของรัฐ โดยรัฐบาลจีนสนับสนุนโครงการนี้ผ่านเงินอุดหนุนกว่า 40 ล้านหยวนในโครงการที่ไหหลำ และมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “East Data, West Computing” เพื่อกระจายการประมวลผลทั่วประเทศ

    อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลเตือนว่า การปล่อยความร้อนจากเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำอาจส่งผลต่อระบบนิเวศ เช่น ดึงดูดหรือผลักไสสัตว์น้ำบางชนิด และยังมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การโจมตีด้วยคลื่นเสียงผ่านน้ำ ซึ่งยังไม่มีการศึกษาครอบคลุมในระดับมหภาค

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Highlander เปิดตัวศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลกที่เซี่ยงไฮ้
    ใช้แคปซูลเหล็กเคลือบเกล็ดแก้วเพื่อป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำทะเล
    เชื่อมต่อกับโครงสร้างเหนือผิวน้ำผ่านลิฟต์สำหรับการบำรุงรักษา
    ใช้พลังงานจากฟาร์มกังหันลมใกล้ชายฝั่ง โดยกว่า 95% มาจากแหล่งหมุนเวียน
    ลดการใช้พลังงานสำหรับระบบทำความเย็นได้ถึง 90%
    ลูกค้ารายแรกคือ China Telecom และบริษัท AI ของรัฐ
    โครงการได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีนกว่า 40 ล้านหยวน
    เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “East Data, West Computing”
    Microsoft เคยทดลองแนวคิดนี้ในปี 2018 แต่ไม่ได้นำมาใช้เชิงพาณิชย์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำช่วยลดการใช้พื้นที่บนบกและมีความเสถียรด้านอุณหภูมิ
    การใช้พลังงานหมุนเวียนช่วยลดคาร์บอนฟุตพรินต์ของอุตสาหกรรมดิจิทัล
    การวางเซิร์ฟเวอร์ใกล้ชายฝั่งช่วยลด latency ในการให้บริการ
    Microsoft พบว่าเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำมีอัตราความเสียหายน้อยกว่าบนบก
    การออกแบบแคปซูลต้องคำนึงถึงแรงดันน้ำ ความเค็ม และการสั่นสะเทือน

    https://www.tomshardware.com/desktops/servers/china-to-launch-commercial-underwater-data-center-facility-expected-to-consume-90-percent-less-power-for-cooling
    🌊 “จีนเปิดตัวศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรก — ใช้พลังงานลดลง 90% พร้อมพลังงานหมุนเวียน 95%” ในยุคที่ AI และคลาวด์ต้องการพลังงานมหาศาล ศูนย์ข้อมูลกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่กินไฟมากที่สุดแห่งหนึ่ง ล่าสุดบริษัท Highlander จากจีนได้เปิดตัวโครงการศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลก บริเวณชายฝั่งเซี่ยงไฮ้ โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนตุลาคม 2025 แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ — Microsoft เคยทดลองวางเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำที่สกอตแลนด์ในปี 2018 แต่ไม่ได้นำมาใช้เชิงพาณิชย์ ส่วนจีนเริ่มโครงการแรกที่เกาะไหหลำในปี 2022 และยังดำเนินการอยู่จนถึงปัจจุบัน ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำของ Highlander ใช้แคปซูลเหล็กเคลือบเกล็ดแก้วเพื่อป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำทะเล และเชื่อมต่อกับโครงสร้างเหนือผิวน้ำผ่านลิฟต์สำหรับการบำรุงรักษา โดยใช้พลังงานจากฟาร์มกังหันลมใกล้ชายฝั่ง ทำให้กว่า 95% ของพลังงานทั้งหมดมาจากแหล่งหมุนเวียน ข้อได้เปรียบหลักคือการใช้กระแสน้ำทะเลในการระบายความร้อน ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานสำหรับระบบทำความเย็นได้ถึง 90% เมื่อเทียบกับศูนย์ข้อมูลบนบกที่ต้องใช้ระบบปรับอากาศหรือการระเหยน้ำ ลูกค้ารายแรกของโครงการนี้คือ China Telecom และบริษัทคอมพิวติ้ง AI ของรัฐ โดยรัฐบาลจีนสนับสนุนโครงการนี้ผ่านเงินอุดหนุนกว่า 40 ล้านหยวนในโครงการที่ไหหลำ และมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “East Data, West Computing” เพื่อกระจายการประมวลผลทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลเตือนว่า การปล่อยความร้อนจากเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำอาจส่งผลต่อระบบนิเวศ เช่น ดึงดูดหรือผลักไสสัตว์น้ำบางชนิด และยังมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การโจมตีด้วยคลื่นเสียงผ่านน้ำ ซึ่งยังไม่มีการศึกษาครอบคลุมในระดับมหภาค ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Highlander เปิดตัวศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลกที่เซี่ยงไฮ้ ➡️ ใช้แคปซูลเหล็กเคลือบเกล็ดแก้วเพื่อป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำทะเล ➡️ เชื่อมต่อกับโครงสร้างเหนือผิวน้ำผ่านลิฟต์สำหรับการบำรุงรักษา ➡️ ใช้พลังงานจากฟาร์มกังหันลมใกล้ชายฝั่ง โดยกว่า 95% มาจากแหล่งหมุนเวียน ➡️ ลดการใช้พลังงานสำหรับระบบทำความเย็นได้ถึง 90% ➡️ ลูกค้ารายแรกคือ China Telecom และบริษัท AI ของรัฐ ➡️ โครงการได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีนกว่า 40 ล้านหยวน ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “East Data, West Computing” ➡️ Microsoft เคยทดลองแนวคิดนี้ในปี 2018 แต่ไม่ได้นำมาใช้เชิงพาณิชย์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำช่วยลดการใช้พื้นที่บนบกและมีความเสถียรด้านอุณหภูมิ ➡️ การใช้พลังงานหมุนเวียนช่วยลดคาร์บอนฟุตพรินต์ของอุตสาหกรรมดิจิทัล ➡️ การวางเซิร์ฟเวอร์ใกล้ชายฝั่งช่วยลด latency ในการให้บริการ ➡️ Microsoft พบว่าเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำมีอัตราความเสียหายน้อยกว่าบนบก ➡️ การออกแบบแคปซูลต้องคำนึงถึงแรงดันน้ำ ความเค็ม และการสั่นสะเทือน https://www.tomshardware.com/desktops/servers/china-to-launch-commercial-underwater-data-center-facility-expected-to-consume-90-percent-less-power-for-cooling
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • “BlackRock ทุ่ม $40 พันล้าน ซื้อกิจการศูนย์ข้อมูล Aligned — ขยายพอร์ต AI Infrastructure สู่ 5GW ทั่วอเมริกา”

    ในยุคที่ AI กลายเป็นหัวใจของเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลก็พุ่งทะยานตาม ล่าสุด BlackRock ผ่านบริษัทลูก Global Infrastructure Partners (GIP) ได้ประกาศดีลมูลค่า $40 พันล้านเพื่อเข้าซื้อกิจการ Aligned Data Centers ซึ่งมีศูนย์ข้อมูลรวม 78 แห่ง ครอบคลุม 50 แคมปัสในสหรัฐฯ และอเมริกาใต้ รวมกำลังประมวลผลกว่า 5 กิกะวัตต์

    Aligned เป็นผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลที่เน้นรองรับงาน AI โดยเฉพาะ มีลูกค้าระดับ hyperscale และบริษัท AI อย่าง Lambda และเคยได้รับเงินลงทุนกว่า $12 พันล้านในต้นปีนี้จาก Macquarie Asset Management เพื่อเร่งขยายกิจการ

    ดีลนี้ยังมีผู้ร่วมวงอย่าง MGX บริษัทลงทุนด้าน AI ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Mubadala Investment Co. ซึ่งแสดงความสนใจลงทุนใน Aligned แบบแยกต่างหาก โดย MGX ยังมีบทบาทในโครงการ Stargate — ซูเปอร์คอมพิวเตอร์มูลค่า $500 พันล้านที่ได้รับการสนับสนุนจาก OpenAI, Oracle และ SoftBank

    การเข้าซื้อ Aligned จะทำให้ GIP มีพอร์ตศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ขึ้น โดยก่อนหน้านี้เคยซื้อกิจการ CyrusOne มูลค่า $15 พันล้านในปี 2021 และยังมีแผนซื้อกิจการบริษัทพลังงาน AES Corp. เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากการใช้งาน AI

    แม้ดีลยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ถือเป็นหนึ่งในดีลใหญ่ที่สุดของปีนี้ และสะท้อนถึงกระแสการลงทุนที่หลั่งไหลเข้าสู่โครงสร้างพื้นฐาน AI อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็มีความกังวลจากนักวิเคราะห์บางส่วนว่า หากเทคโนโลยี AI ยังไม่สามารถสร้างรายได้ตามที่ตลาดคาดหวัง อาจเกิดฟองสบู่ในภาคโครงสร้างพื้นฐานได้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    BlackRock ผ่าน GIP เตรียมซื้อกิจการ Aligned Data Centers มูลค่า $40 พันล้าน
    Aligned มีศูนย์ข้อมูล 78 แห่งใน 50 แคมปัส รวมกำลังประมวลผลกว่า 5GW
    ลูกค้าหลักของ Aligned ได้แก่ hyperscale cloud และบริษัท AI เช่น Lambda
    Aligned เคยได้รับเงินลงทุน $12 พันล้านจาก Macquarie ในต้นปีนี้
    MGX บริษัทลงทุนด้าน AI จาก Mubadala สนใจลงทุนใน Aligned แบบแยก
    MGX มีบทบาทในโครงการ Stargate ซูเปอร์คอมพิวเตอร์มูลค่า $500 พันล้าน
    GIP เคยซื้อ CyrusOne มูลค่า $15 พันล้านในปี 2021
    GIP กำลังพิจารณาซื้อกิจการ AES Corp. เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าจาก AI
    ดีลนี้ถือเป็นหนึ่งในดีลโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดของปี 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ความต้องการศูนย์ข้อมูล AI เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการเติบโตของโมเดล LLM และการใช้งาน edge AI
    การใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล AI สูงกว่าศูนย์ข้อมูลทั่วไปหลายเท่า
    โครงการ Stargate มีเป้าหมายสร้างระบบที่รองรับชิป AI กว่า 2 ล้านตัว
    ตลาดโครงสร้างพื้นฐาน AI คาดว่าจะมีมูลค่ารวมกว่า $6.7 ล้านล้านภายในปี 2030
    BlackRock มีมูลค่าตลาดรวมกว่า $189 พันล้าน และถือเป็นผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/blackrock-subsidiary-buys-up-78-data-centers-totaling-5-gigawatts-in-usd40-billion-deal-ai-vendor-aligned-added-to-companys-portfolio
    🏢 “BlackRock ทุ่ม $40 พันล้าน ซื้อกิจการศูนย์ข้อมูล Aligned — ขยายพอร์ต AI Infrastructure สู่ 5GW ทั่วอเมริกา” ในยุคที่ AI กลายเป็นหัวใจของเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลก็พุ่งทะยานตาม ล่าสุด BlackRock ผ่านบริษัทลูก Global Infrastructure Partners (GIP) ได้ประกาศดีลมูลค่า $40 พันล้านเพื่อเข้าซื้อกิจการ Aligned Data Centers ซึ่งมีศูนย์ข้อมูลรวม 78 แห่ง ครอบคลุม 50 แคมปัสในสหรัฐฯ และอเมริกาใต้ รวมกำลังประมวลผลกว่า 5 กิกะวัตต์ Aligned เป็นผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลที่เน้นรองรับงาน AI โดยเฉพาะ มีลูกค้าระดับ hyperscale และบริษัท AI อย่าง Lambda และเคยได้รับเงินลงทุนกว่า $12 พันล้านในต้นปีนี้จาก Macquarie Asset Management เพื่อเร่งขยายกิจการ ดีลนี้ยังมีผู้ร่วมวงอย่าง MGX บริษัทลงทุนด้าน AI ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Mubadala Investment Co. ซึ่งแสดงความสนใจลงทุนใน Aligned แบบแยกต่างหาก โดย MGX ยังมีบทบาทในโครงการ Stargate — ซูเปอร์คอมพิวเตอร์มูลค่า $500 พันล้านที่ได้รับการสนับสนุนจาก OpenAI, Oracle และ SoftBank การเข้าซื้อ Aligned จะทำให้ GIP มีพอร์ตศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ขึ้น โดยก่อนหน้านี้เคยซื้อกิจการ CyrusOne มูลค่า $15 พันล้านในปี 2021 และยังมีแผนซื้อกิจการบริษัทพลังงาน AES Corp. เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากการใช้งาน AI แม้ดีลยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ถือเป็นหนึ่งในดีลใหญ่ที่สุดของปีนี้ และสะท้อนถึงกระแสการลงทุนที่หลั่งไหลเข้าสู่โครงสร้างพื้นฐาน AI อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็มีความกังวลจากนักวิเคราะห์บางส่วนว่า หากเทคโนโลยี AI ยังไม่สามารถสร้างรายได้ตามที่ตลาดคาดหวัง อาจเกิดฟองสบู่ในภาคโครงสร้างพื้นฐานได้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ BlackRock ผ่าน GIP เตรียมซื้อกิจการ Aligned Data Centers มูลค่า $40 พันล้าน ➡️ Aligned มีศูนย์ข้อมูล 78 แห่งใน 50 แคมปัส รวมกำลังประมวลผลกว่า 5GW ➡️ ลูกค้าหลักของ Aligned ได้แก่ hyperscale cloud และบริษัท AI เช่น Lambda ➡️ Aligned เคยได้รับเงินลงทุน $12 พันล้านจาก Macquarie ในต้นปีนี้ ➡️ MGX บริษัทลงทุนด้าน AI จาก Mubadala สนใจลงทุนใน Aligned แบบแยก ➡️ MGX มีบทบาทในโครงการ Stargate ซูเปอร์คอมพิวเตอร์มูลค่า $500 พันล้าน ➡️ GIP เคยซื้อ CyrusOne มูลค่า $15 พันล้านในปี 2021 ➡️ GIP กำลังพิจารณาซื้อกิจการ AES Corp. เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าจาก AI ➡️ ดีลนี้ถือเป็นหนึ่งในดีลโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดของปี 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ความต้องการศูนย์ข้อมูล AI เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการเติบโตของโมเดล LLM และการใช้งาน edge AI ➡️ การใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล AI สูงกว่าศูนย์ข้อมูลทั่วไปหลายเท่า ➡️ โครงการ Stargate มีเป้าหมายสร้างระบบที่รองรับชิป AI กว่า 2 ล้านตัว ➡️ ตลาดโครงสร้างพื้นฐาน AI คาดว่าจะมีมูลค่ารวมกว่า $6.7 ล้านล้านภายในปี 2030 ➡️ BlackRock มีมูลค่าตลาดรวมกว่า $189 พันล้าน และถือเป็นผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/blackrock-subsidiary-buys-up-78-data-centers-totaling-5-gigawatts-in-usd40-billion-deal-ai-vendor-aligned-added-to-companys-portfolio
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • โครงสร้างสังคมยุคใหม่ 2-10-68 …ภายใต้ระบอบพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข
    2/10/68
     ภาระหน้าที่ของรัฐ : หนุนช่วยภาคประชาชนและสร้างอาชีพให้กับประชาชน หมดปัญหาความเหลื่อมล้ำ - หมดปัญหาคนยากไร้
     ทั้งนี้เพื่อไม่เกิดปัญหาสังคมที่ครอบครัวแย่งชิงทรัพย์สมบัติกันเมื่อลูกหลานเติบโตขึ้น สายใยความรักแห่งครอบครัวและเครือญาติก็จะมั่นคงยั่งยืนและสุขใจ
     ปัญหาความขัดแย้งลูกจ้าง-นายจ้างก็จะหมดไป
     ปัญหาความโลภความเห็นแก่ตัวของนักการเมืองและส.ส.ก็จะสลายไป
     การเรียน เรียนที่ใจชอบ ที่ไม่ชอบไม่ต้องเสียเวลาเรียน จบแล้วให้อาชีพทำเลย (มีระบบทดสอบความชอบตั้งแต่เตรียมอนุบาล รู้ชัดแล้วแววชอบและทักษะไปทางใหนก็เสริมวิชาไปทางนั้น จัดให้เลย)
     การค้ายาเสบติด และ คอร์รัปชั่น โทษติดคุกและถึงขั้นประหารชีวิต ต้องเฉียบขาด

    1. ก่อนอื่น ลดค่าครองชีพประชาชน สร้างกำลังซื้อ สร้างภาวะหมุนเวียน
    - บ้านพักฟรี สถานที่ประกอบอาชีพฟรี การศึกษาฟรี
    - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เป็นรายบุคคล
    - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เครื่องมือพัฒนาจัดให้เลย เป็นคณะ นำโดยผู้นำ กรณีเกษตร ควรเป็นคณะ-ควรเป็นชุมชน ที่ดินจะได้ผืนใหญ่ ง่ายต่อเครื่องจักรใหญ่ การเป็นชุมชนการแปรพืชผลเกตรได้หลากหลาย (อาจต้องเสริมผู้จบหลักสูตรทำอาหารและชนม) ซึ่งนำโดยผู้นำและผู้บริหาร
    -สนองเครื่องเทคโนโลยี-ไฮเทค หุ้นส่วน+ภาครัฐ นำโดยผู้นำและผู้บริหาร

     ภาคประชาชน หนุนช่วยรัฐ :
    1.เมื่อปัจจัยพื้นฐานต่างๆในการประกอบอาชีพ ภาครัฐนั้นสนองให้ทั้งหมดแล้ว
    ส่วนภาคประชาชน การหนุนช่วยต่อภาครัฐ นั้น คือ ภาระหน้าที่ เสียภาษีแก่รัฐ (เพื่อรัฐจะได้ช่วยด้านต่างๆได้มากขึ้น) กิจการเล็ก-ใหญ่ล้วนต้องเสียภาษีตามรายได้-ตามยอดขาย โดยผ่านระบบคิวอาร์โค้ต เพื่อให้เงินภาษีไหลเวียนสู่การคลังได้ทันที เพื่อให้ภาครัฐมีกำลังเงินคล่องตัวหมุนเวียน
    # อุทิศเพื่อสังคม : หนุนช่วยภาครัฐในด้านต่างๆ
    # สนับสนุนหนุนช่วยต่อชนรุ่นใหม่ อาชีพเกิดใหม่
    *คำขวัญ คือ ช่วยชาติ ช่วยรัฐ ช่วยคนรุ่นใหม่- สิ่งเกิดใหม่!

    2.ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” จะต้องไม่ให้มี ในประเทศไทย (อย่าเหมือนจีนที่ประสพปัญหาเช่น วิกฤติอสังหาฯ และการศึกษาเอกชน(การเรียนแข่งกันสูงและแพง) เป็นภาระค่าใช้จ่ายสูงมาก ทำให้คนหนุ่มสาวไม่ยอมแต่งงาน ถ้าจะแต่งก็ไม่ยอมมีลูก เป็นผลให้ประชากรประเทศลดลง (ไม่สน ที่รัฐบาลมี นโยบายให้มีลูกสามคน – จากหนึ่งคน)

    *ประเทศไทย ต้องไม่มี ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” เช่น
    - ธุรกิจอสังหาฯ
    - ธุรกิจซื้อขายที่ดิน
    -ธุรกิจตลาดหลักทรัพย์
    -ธุรกิจปล่อยกู้
    -ธุรกิจการธนาคารเอกชน (ยกเว้นภาครัฐ่)
    -ธุรกิจการศึกษาเอกชนทั้งปวง
    • นับตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมหาวิทยาลัยเอกชน อีกทั้ง มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ: รวมทั้งสอนพิเศษ (เป็นหน้าที่โดยรัฐ่เท่านั้น)
    2.1 ธุรกิจอสังหา ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจปล่อยกู้
    พักหนี้ทั้งหมด 3 ปี ภาครัฐจะชดเชยให้แทน

    หมายเหตุ โครงสร้างสังคมยุคใหม่ ที่เขียนมานี้ เป็นเพียง ”รูปแบบโครงสร้างสังคมตัวอย่าง” จึงต้อง ช่วยกันคิด ช่วยกันเขียนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อเป็นเข็มทิศรูปธรรมแก่สังคม เป็นเป้าหมายให้มุ่งไป
    - ซึ่งการเคลื่อนไหวนั้น
    - ต้องมีเข็มทิศรูปธรรมเพื่อเป็นเป้าหมายนำพา และเป็นเป้าหมายของการตั้งพรรคของเราด้วย
    - คือต้อง “มีสามสิ่งนี้พร้อม!” ประเทศไทยเปลี่ยน!
    - 1.พลังของประชาชน (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร=ต่างมีความพร้อม) สิ่งที่1นี้พร้อม
    - 2.เข็มทิศเป้าหมายรูปธรรม (รูปแบบโครงสร้างสังคมยุคใหม่ที่ตกผลึกกันแล้ว) สิ่งที่2นี้พร้อม
    - 3. โฉมหน้า “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่นี้” ตั้งพรรคสำเร็จ คือ สิ่งที่3นี้พร้อม
    -
    อาวุธวิเศษสามสิ่งนี้ จะขาด จะหย่อนสิ่งใดไม่ได้

    การเลือกตั้งปี70ครั้งนี้(ช่วง28มิย.2570}
    ต้องตั้ง “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่”เกิดขึ้นและ ชนะเลือกตั้ง ให้มีทุกจังหวัด ทุกอำเภอ

    A---------------------------------------------
    (คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ : ที่สำคัญ “การเลือกตั้ง”เป็นกระบวนการสำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตยทางผู้แทน เพื่อกำหนดว่าใครจะเป็นผู้เข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อใช้อำนาจอธิปไตยแทนประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตย อาจกล่าวได้ว่าหากการปกครองใดไม่มีการเลือกตั้งย่อมไม่ใช่การปกครองระบอบประชาธิปไตย
    ประเทศไทยจึงเกิดภาวการณ์ ส.ส.และ นักการเมืองใช้หลากกลวิธีสกปรกแย่งชิงกันเพื่อเอาชนะเลือกตั้ง เพื่อมีสิทธิ์เข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อยึดอำนาจอธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตยของบ้านเมือง
    เพื่อยึดอำนาจ เพื่อเข้ากอบโกย

    จึงเป็นกติกาประเทศ ผู้ใดพรรคใดชนะเลือกตั้งก็มีสิทธ์มีอำนาจปกครองประเทศแทนประชาชน
    เจ้าของประเทศ

    a--------------------------------------
    พอดีช่วง28มิย.2570 จะมีการเลือกตั้ง
    จึงเป็นช่วงจังหวะที่ดีที่กระแสเหล่าพรรคการเมืองตกต่ำ
    จึงเป็นโอกาสตั้งพรรคการเมืองของเรา ซึ่งไม่ใช่ความต้องการส่วนตัว “อยากดัง” เลิกมองแบบนี้ได้เลย คำๆนี้ เป็นคำ”บอนไซ อนาคตประเทศ”
    เราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ ต้องมีพรรค “เป็นกองหน้า” พรรคหนึ่งชื่อว่า พรรคการเมืองใหม่หรือพรรคการเมืองยุคใหม่ โดยมีนโยบายรูปธรรมเป็นเป้าหมาย
    การลงสมัครพรรคการเมือง (จึงมีสิทธิ์ลงเลือกตั้ง)
    การลงเลือกตั้ง(จีงจะมีสิทธิคว้าอำนาจทางการเมืองมันเป็นกติกาของบ้านเมือง) ความคิดจึงจะเป็นจริง

    การเคลื่อนไหว “ (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร )สร้างความตื่นตัวของประชาชน
    คือ รูปการที่1 ส่วน (การตั้งพรรคการเมือง) เพื่อมุ่งสู่ยึดอำนาจรัฐ ด้วยรูปแบบตามกติกา “เลือกตั้ง”คือรูปการที่2 ทั้งสองรูปการต้องเดินคู่ขนานกันไป



    a------------------------------------

    ประเทศเนปาล ปัญหาเปราะบางของเขา คือ มีความเหลื่อมล้ำสูง จากการคอรัปชั่นของนักการเมือง คือการลงถนน 20 กว่าปี ของเขาต้องการเปลี่ยนแปลง อันดับแรกก็คือ “กษัตริย์” ที่ปกครองอยู่ ลงถนนกดดันขับไล่ จนกษัตริย์ลาออก ฝูงชนดีใจร้องรำทำเพลงกันเต็มท้องถนนที่จะได้ “ระบอบประชาธิปไตย”กันแล้ว จึงได้ “นักการเมือง -ส.ส.” มา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าครองอำนาจ ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย ก็แก้ความเหลื่อมล้ำไม่ได้ ด้วยเนปาลพื้นที่ทำเกษตรเป็นป่าเขาเยอะจึงดึงพรรคคอมมิวนิสต์เข้ามา ทั้งเหมาอีดส์ และมาร์กซ์ ทำสงครามรบ ร่วม10ปี มีตายและบาดเจ็บ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นลงจับมือกับหัวหน้าพรรคฯออกกฎหมาย “พรรคคอมมิวต์ถูกต้องตามกฎหมาย สมัครเป็นพรรคการเมืองได้ จึงทำให้ประชาชนพากันผิดหวังกันไป ซึ่งปัญหาความเหลื่อมล้ำก็ไม่ได้รับการแก้ไข ขณะเดียวกันก็อัญเชิญกษัตรย์องค์เดิมมาปกครองต่อ อีกทั้งเห็นลูกหลานนักการเมืองใช้ชีวิตหรูหราใส่ชุดแบนด์หรู ออกสื่อโชว์ความสุขสำราญของพวกเขา ประจวบกับเหล่านักการเมืองในสภาผ่านเพิ่มเงินเดือนให้กันเอง ออกภาพสื่อร้องรำเต้นด้วยความดีใจกัน มีการคุมวัยเจนชีไม่ให้เข้าถึง แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เท่านั้นแหละ การเคลื่อนไหวลงถนนลุกลามไปใหญ่ ถึงแม้ ประกดาศยกเลิกการห้ามดูเน็ตก็เอาไม่อยู่ มีการเผาสภา เผาสถานที่ราชการ เผาบ้านนายกรัฐมนตรี ต่างๆ ไล่ทำร้ายรัฐมนตรีคลัง หนีลงน้ำยังถูกตามไล่ทำร้าย จนทหารออกมาระงับสถานการณ์ แต่เอาไม่อยู่ จนนายพลทับบกต้องออกมาเอง ขอคุยกับผู้นำกลุ่มเจนซี
    ตกลงจะมอบให้“สุศิลา คาร์กี”อดีตประธานศาลฎีกาเนปาล เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการของเนปาล
    จัดให้การเลือกตั้งภายใน 6 เดือน (หลังเลือกตั้งเนปาลก็ยังคงเหมือนเดิม) พรรคการเมืองใหญ่8พรรคยังคงอยู่ : พรรคการเมืองหลัก 8 พรรคของเนปาล รวมถึง พรรคคองเกรสเนปาล (Nepali Congress) พรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (รวมลัทธิมาร์กซ์-เลนินิสต์) (CPN-UML) และพรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (ลัทธิเหมา) เนปาลจะไม่มีทางเปลี่ยนโฉมได้เลย
    สาเหตุเพราะ ขาดพรรคนำ ขาดเข็มทิศโครงสร้างสังคมเป็นเป้าหมาย ขาดพลังมวลชนที่ตื่นตัวทางทฤษฎี










    โครงสร้างสังคมยุคใหม่ 2-10-68 …ภายใต้ระบอบพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข 2/10/68  ภาระหน้าที่ของรัฐ : หนุนช่วยภาคประชาชนและสร้างอาชีพให้กับประชาชน หมดปัญหาความเหลื่อมล้ำ - หมดปัญหาคนยากไร้  ทั้งนี้เพื่อไม่เกิดปัญหาสังคมที่ครอบครัวแย่งชิงทรัพย์สมบัติกันเมื่อลูกหลานเติบโตขึ้น สายใยความรักแห่งครอบครัวและเครือญาติก็จะมั่นคงยั่งยืนและสุขใจ  ปัญหาความขัดแย้งลูกจ้าง-นายจ้างก็จะหมดไป  ปัญหาความโลภความเห็นแก่ตัวของนักการเมืองและส.ส.ก็จะสลายไป  การเรียน เรียนที่ใจชอบ ที่ไม่ชอบไม่ต้องเสียเวลาเรียน จบแล้วให้อาชีพทำเลย (มีระบบทดสอบความชอบตั้งแต่เตรียมอนุบาล รู้ชัดแล้วแววชอบและทักษะไปทางใหนก็เสริมวิชาไปทางนั้น จัดให้เลย)  การค้ายาเสบติด และ คอร์รัปชั่น โทษติดคุกและถึงขั้นประหารชีวิต ต้องเฉียบขาด 1. ก่อนอื่น ลดค่าครองชีพประชาชน สร้างกำลังซื้อ สร้างภาวะหมุนเวียน - บ้านพักฟรี สถานที่ประกอบอาชีพฟรี การศึกษาฟรี - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เป็นรายบุคคล - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เครื่องมือพัฒนาจัดให้เลย เป็นคณะ นำโดยผู้นำ กรณีเกษตร ควรเป็นคณะ-ควรเป็นชุมชน ที่ดินจะได้ผืนใหญ่ ง่ายต่อเครื่องจักรใหญ่ การเป็นชุมชนการแปรพืชผลเกตรได้หลากหลาย (อาจต้องเสริมผู้จบหลักสูตรทำอาหารและชนม) ซึ่งนำโดยผู้นำและผู้บริหาร -สนองเครื่องเทคโนโลยี-ไฮเทค หุ้นส่วน+ภาครัฐ นำโดยผู้นำและผู้บริหาร  ภาคประชาชน หนุนช่วยรัฐ : 1.เมื่อปัจจัยพื้นฐานต่างๆในการประกอบอาชีพ ภาครัฐนั้นสนองให้ทั้งหมดแล้ว ส่วนภาคประชาชน การหนุนช่วยต่อภาครัฐ นั้น คือ ภาระหน้าที่ เสียภาษีแก่รัฐ (เพื่อรัฐจะได้ช่วยด้านต่างๆได้มากขึ้น) กิจการเล็ก-ใหญ่ล้วนต้องเสียภาษีตามรายได้-ตามยอดขาย โดยผ่านระบบคิวอาร์โค้ต เพื่อให้เงินภาษีไหลเวียนสู่การคลังได้ทันที เพื่อให้ภาครัฐมีกำลังเงินคล่องตัวหมุนเวียน # อุทิศเพื่อสังคม : หนุนช่วยภาครัฐในด้านต่างๆ # สนับสนุนหนุนช่วยต่อชนรุ่นใหม่ อาชีพเกิดใหม่ *คำขวัญ คือ ช่วยชาติ ช่วยรัฐ ช่วยคนรุ่นใหม่- สิ่งเกิดใหม่! 2.ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” จะต้องไม่ให้มี ในประเทศไทย (อย่าเหมือนจีนที่ประสพปัญหาเช่น วิกฤติอสังหาฯ และการศึกษาเอกชน(การเรียนแข่งกันสูงและแพง) เป็นภาระค่าใช้จ่ายสูงมาก ทำให้คนหนุ่มสาวไม่ยอมแต่งงาน ถ้าจะแต่งก็ไม่ยอมมีลูก เป็นผลให้ประชากรประเทศลดลง (ไม่สน ที่รัฐบาลมี นโยบายให้มีลูกสามคน – จากหนึ่งคน) *ประเทศไทย ต้องไม่มี ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” เช่น - ธุรกิจอสังหาฯ - ธุรกิจซื้อขายที่ดิน -ธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ -ธุรกิจปล่อยกู้ -ธุรกิจการธนาคารเอกชน (ยกเว้นภาครัฐ่) -ธุรกิจการศึกษาเอกชนทั้งปวง • นับตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมหาวิทยาลัยเอกชน อีกทั้ง มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ: รวมทั้งสอนพิเศษ (เป็นหน้าที่โดยรัฐ่เท่านั้น) 2.1 ธุรกิจอสังหา ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจปล่อยกู้ พักหนี้ทั้งหมด 3 ปี ภาครัฐจะชดเชยให้แทน หมายเหตุ โครงสร้างสังคมยุคใหม่ ที่เขียนมานี้ เป็นเพียง ”รูปแบบโครงสร้างสังคมตัวอย่าง” จึงต้อง ช่วยกันคิด ช่วยกันเขียนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อเป็นเข็มทิศรูปธรรมแก่สังคม เป็นเป้าหมายให้มุ่งไป - ซึ่งการเคลื่อนไหวนั้น - ต้องมีเข็มทิศรูปธรรมเพื่อเป็นเป้าหมายนำพา และเป็นเป้าหมายของการตั้งพรรคของเราด้วย - คือต้อง “มีสามสิ่งนี้พร้อม!” ประเทศไทยเปลี่ยน! - 1.พลังของประชาชน (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร=ต่างมีความพร้อม) สิ่งที่1นี้พร้อม - 2.เข็มทิศเป้าหมายรูปธรรม (รูปแบบโครงสร้างสังคมยุคใหม่ที่ตกผลึกกันแล้ว) สิ่งที่2นี้พร้อม - 3. โฉมหน้า “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่นี้” ตั้งพรรคสำเร็จ คือ สิ่งที่3นี้พร้อม - อาวุธวิเศษสามสิ่งนี้ จะขาด จะหย่อนสิ่งใดไม่ได้ – การเลือกตั้งปี70ครั้งนี้(ช่วง28มิย.2570} ต้องตั้ง “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่”เกิดขึ้นและ ชนะเลือกตั้ง ให้มีทุกจังหวัด ทุกอำเภอ A--------------------------------------------- (คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ : ที่สำคัญ “การเลือกตั้ง”เป็นกระบวนการสำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตยทางผู้แทน เพื่อกำหนดว่าใครจะเป็นผู้เข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อใช้อำนาจอธิปไตยแทนประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตย อาจกล่าวได้ว่าหากการปกครองใดไม่มีการเลือกตั้งย่อมไม่ใช่การปกครองระบอบประชาธิปไตย ประเทศไทยจึงเกิดภาวการณ์ ส.ส.และ นักการเมืองใช้หลากกลวิธีสกปรกแย่งชิงกันเพื่อเอาชนะเลือกตั้ง เพื่อมีสิทธิ์เข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อยึดอำนาจอธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตยของบ้านเมือง เพื่อยึดอำนาจ เพื่อเข้ากอบโกย จึงเป็นกติกาประเทศ ผู้ใดพรรคใดชนะเลือกตั้งก็มีสิทธ์มีอำนาจปกครองประเทศแทนประชาชน เจ้าของประเทศ a-------------------------------------- พอดีช่วง28มิย.2570 จะมีการเลือกตั้ง จึงเป็นช่วงจังหวะที่ดีที่กระแสเหล่าพรรคการเมืองตกต่ำ จึงเป็นโอกาสตั้งพรรคการเมืองของเรา ซึ่งไม่ใช่ความต้องการส่วนตัว “อยากดัง” เลิกมองแบบนี้ได้เลย คำๆนี้ เป็นคำ”บอนไซ อนาคตประเทศ” เราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ ต้องมีพรรค “เป็นกองหน้า” พรรคหนึ่งชื่อว่า พรรคการเมืองใหม่หรือพรรคการเมืองยุคใหม่ โดยมีนโยบายรูปธรรมเป็นเป้าหมาย การลงสมัครพรรคการเมือง (จึงมีสิทธิ์ลงเลือกตั้ง) การลงเลือกตั้ง(จีงจะมีสิทธิคว้าอำนาจทางการเมืองมันเป็นกติกาของบ้านเมือง) ความคิดจึงจะเป็นจริง การเคลื่อนไหว “ (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร )สร้างความตื่นตัวของประชาชน คือ รูปการที่1 ส่วน (การตั้งพรรคการเมือง) เพื่อมุ่งสู่ยึดอำนาจรัฐ ด้วยรูปแบบตามกติกา “เลือกตั้ง”คือรูปการที่2 ทั้งสองรูปการต้องเดินคู่ขนานกันไป a------------------------------------ ประเทศเนปาล ปัญหาเปราะบางของเขา คือ มีความเหลื่อมล้ำสูง จากการคอรัปชั่นของนักการเมือง คือการลงถนน 20 กว่าปี ของเขาต้องการเปลี่ยนแปลง อันดับแรกก็คือ “กษัตริย์” ที่ปกครองอยู่ ลงถนนกดดันขับไล่ จนกษัตริย์ลาออก ฝูงชนดีใจร้องรำทำเพลงกันเต็มท้องถนนที่จะได้ “ระบอบประชาธิปไตย”กันแล้ว จึงได้ “นักการเมือง -ส.ส.” มา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าครองอำนาจ ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย ก็แก้ความเหลื่อมล้ำไม่ได้ ด้วยเนปาลพื้นที่ทำเกษตรเป็นป่าเขาเยอะจึงดึงพรรคคอมมิวนิสต์เข้ามา ทั้งเหมาอีดส์ และมาร์กซ์ ทำสงครามรบ ร่วม10ปี มีตายและบาดเจ็บ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นลงจับมือกับหัวหน้าพรรคฯออกกฎหมาย “พรรคคอมมิวต์ถูกต้องตามกฎหมาย สมัครเป็นพรรคการเมืองได้ จึงทำให้ประชาชนพากันผิดหวังกันไป ซึ่งปัญหาความเหลื่อมล้ำก็ไม่ได้รับการแก้ไข ขณะเดียวกันก็อัญเชิญกษัตรย์องค์เดิมมาปกครองต่อ อีกทั้งเห็นลูกหลานนักการเมืองใช้ชีวิตหรูหราใส่ชุดแบนด์หรู ออกสื่อโชว์ความสุขสำราญของพวกเขา ประจวบกับเหล่านักการเมืองในสภาผ่านเพิ่มเงินเดือนให้กันเอง ออกภาพสื่อร้องรำเต้นด้วยความดีใจกัน มีการคุมวัยเจนชีไม่ให้เข้าถึง แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เท่านั้นแหละ การเคลื่อนไหวลงถนนลุกลามไปใหญ่ ถึงแม้ ประกดาศยกเลิกการห้ามดูเน็ตก็เอาไม่อยู่ มีการเผาสภา เผาสถานที่ราชการ เผาบ้านนายกรัฐมนตรี ต่างๆ ไล่ทำร้ายรัฐมนตรีคลัง หนีลงน้ำยังถูกตามไล่ทำร้าย จนทหารออกมาระงับสถานการณ์ แต่เอาไม่อยู่ จนนายพลทับบกต้องออกมาเอง ขอคุยกับผู้นำกลุ่มเจนซี ตกลงจะมอบให้“สุศิลา คาร์กี”อดีตประธานศาลฎีกาเนปาล เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการของเนปาล จัดให้การเลือกตั้งภายใน 6 เดือน (หลังเลือกตั้งเนปาลก็ยังคงเหมือนเดิม) พรรคการเมืองใหญ่8พรรคยังคงอยู่ : พรรคการเมืองหลัก 8 พรรคของเนปาล รวมถึง พรรคคองเกรสเนปาล (Nepali Congress) พรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (รวมลัทธิมาร์กซ์-เลนินิสต์) (CPN-UML) และพรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (ลัทธิเหมา) เนปาลจะไม่มีทางเปลี่ยนโฉมได้เลย สาเหตุเพราะ ขาดพรรคนำ ขาดเข็มทิศโครงสร้างสังคมเป็นเป้าหมาย ขาดพลังมวลชนที่ตื่นตัวทางทฤษฎี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Eric Raymond จุดชนวนถกเถียงในวงการโอเพ่นซอร์ส — เสนอให้ลบ ‘Code of Conduct’ ทิ้งทั้งหมด เพราะสร้างปัญหามากกว่าปกป้อง”

    ในโลกของโอเพ่นซอร์สที่เคยขับเคลื่อนด้วยอุดมการณ์เสรีภาพและความร่วมมือ ล่าสุด Eric S. Raymond ผู้เขียนบทความระดับตำนาน “The Cathedral and the Bazaar” และหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Open Source Initiative ได้ออกมาแสดงจุดยืนที่แรงและชัดเจนว่า “Code of Conduct” หรือแนวปฏิบัติด้านพฤติกรรมในชุมชนโอเพ่นซอร์ส ควรถูกยกเลิกทั้งหมด

    Raymond ระบุว่า Code of Conduct ไม่ได้ช่วยสร้างความร่วมมืออย่างที่ตั้งใจไว้ แต่กลับกลายเป็นเครื่องมือให้ “ผู้ก่อกวน” ใช้เพื่อสร้างดราม่า การเมือง และความขัดแย้งในชุมชน เขาเรียกสิ่งนี้ว่า “โรคทางสังคมที่แพร่กระจาย” และเสนอให้ทุกโปรเจกต์ที่ยังไม่มี Code อย่าไปเริ่ม ส่วนโปรเจกต์ที่มีอยู่แล้ว — “ลบทิ้งซะ”

    เขาเสนอทางเลือกสำหรับโปรเจกต์ที่จำเป็นต้องมี Code ด้วยเหตุผลทางระบบราชการว่า ควรใช้เพียงประโยคเดียวแทนกฎยาวเหยียด: “ถ้าคุณน่ารำคาญเกินกว่าที่ผลงานของคุณจะคุ้มค่า คุณจะถูกไล่ออก”

    Raymond เตือนว่าการเขียนกฎให้ละเอียดเกินไปจะกลายเป็นช่องโหว่ให้คนใช้กฎเป็นอาวุธโจมตีผู้อื่น โดยเฉพาะในกรณีที่คำว่า “Be kind!” ถูกบิดเบือนให้กลายเป็นเครื่องมือกดดันคนในชุมชน เขายอมรับว่าความเมตตาควรมี แต่ต้องเด็ดขาดกับคนที่ใช้ความเมตตาเป็นข้ออ้างในการควบคุมผู้อื่น

    แม้แนวคิดของ Raymond จะได้รับเสียงสนับสนุนจากบางกลุ่มที่เบื่อกับความซับซ้อนของกฎเกณฑ์ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าการไม่มี Code อาจเปิดช่องให้เกิดการละเมิดโดยไม่มีระบบจัดการ และอาจทำให้ชุมชนโอเพ่นซอร์สกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยสำหรับผู้ร่วมงานหลากหลายกลุ่ม

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Eric S. Raymond เสนอให้ยกเลิก Code of Conduct ในโปรเจกต์โอเพ่นซอร์สทั้งหมด
    เขาเรียก Code ว่า “โรคทางสังคม” ที่สร้างดราม่าและการเมืองในชุมชน
    เสนอให้ใช้เพียงประโยคเดียวแทนกฎทั้งหมด: “ถ้าคุณน่ารำคาญเกินกว่าที่ผลงานของคุณจะคุ้มค่า คุณจะถูกไล่ออก”
    เตือนว่าการเขียนกฎละเอียดเกินไปจะกลายเป็นช่องโหว่ให้คนใช้โจมตีผู้อื่น
    ยอมรับว่าความเมตตาควรมี แต่ต้องเด็ดขาดกับคนที่ใช้มันเป็นอาวุธ
    ชุมชนโอเพ่นซอร์สหลายแห่ง เช่น Linux, Fedora, Debian, Python มี Code of Conduct อยู่แล้ว
    Raymond เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานแนวคิดโอเพ่นซอร์สตั้งแต่ยุคแรก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Code of Conduct ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความปลอดภัยและความเท่าเทียมในชุมชนเทคโนโลยี
    หลายองค์กรใช้ CoC เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานจากกลุ่มที่ถูกกีดกันเข้ามามีส่วนร่วม
    การไม่มี CoC อาจทำให้เกิดการล่วงละเมิดโดยไม่มีระบบจัดการหรือรายงาน
    แนวคิด “Be kind!” ถูกใช้ในหลายชุมชนเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมที่เป็นมิตร
    การจัดการความขัดแย้งในชุมชนโอเพ่นซอร์สต้องอาศัยทั้งกฎและความเข้าใจมนุษย์

    https://news.itsfoss.com/codes-of-conduct-debate/
    ⚖️ “Eric Raymond จุดชนวนถกเถียงในวงการโอเพ่นซอร์ส — เสนอให้ลบ ‘Code of Conduct’ ทิ้งทั้งหมด เพราะสร้างปัญหามากกว่าปกป้อง” ในโลกของโอเพ่นซอร์สที่เคยขับเคลื่อนด้วยอุดมการณ์เสรีภาพและความร่วมมือ ล่าสุด Eric S. Raymond ผู้เขียนบทความระดับตำนาน “The Cathedral and the Bazaar” และหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Open Source Initiative ได้ออกมาแสดงจุดยืนที่แรงและชัดเจนว่า “Code of Conduct” หรือแนวปฏิบัติด้านพฤติกรรมในชุมชนโอเพ่นซอร์ส ควรถูกยกเลิกทั้งหมด Raymond ระบุว่า Code of Conduct ไม่ได้ช่วยสร้างความร่วมมืออย่างที่ตั้งใจไว้ แต่กลับกลายเป็นเครื่องมือให้ “ผู้ก่อกวน” ใช้เพื่อสร้างดราม่า การเมือง และความขัดแย้งในชุมชน เขาเรียกสิ่งนี้ว่า “โรคทางสังคมที่แพร่กระจาย” และเสนอให้ทุกโปรเจกต์ที่ยังไม่มี Code อย่าไปเริ่ม ส่วนโปรเจกต์ที่มีอยู่แล้ว — “ลบทิ้งซะ” เขาเสนอทางเลือกสำหรับโปรเจกต์ที่จำเป็นต้องมี Code ด้วยเหตุผลทางระบบราชการว่า ควรใช้เพียงประโยคเดียวแทนกฎยาวเหยียด: “ถ้าคุณน่ารำคาญเกินกว่าที่ผลงานของคุณจะคุ้มค่า คุณจะถูกไล่ออก” Raymond เตือนว่าการเขียนกฎให้ละเอียดเกินไปจะกลายเป็นช่องโหว่ให้คนใช้กฎเป็นอาวุธโจมตีผู้อื่น โดยเฉพาะในกรณีที่คำว่า “Be kind!” ถูกบิดเบือนให้กลายเป็นเครื่องมือกดดันคนในชุมชน เขายอมรับว่าความเมตตาควรมี แต่ต้องเด็ดขาดกับคนที่ใช้ความเมตตาเป็นข้ออ้างในการควบคุมผู้อื่น แม้แนวคิดของ Raymond จะได้รับเสียงสนับสนุนจากบางกลุ่มที่เบื่อกับความซับซ้อนของกฎเกณฑ์ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าการไม่มี Code อาจเปิดช่องให้เกิดการละเมิดโดยไม่มีระบบจัดการ และอาจทำให้ชุมชนโอเพ่นซอร์สกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยสำหรับผู้ร่วมงานหลากหลายกลุ่ม ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Eric S. Raymond เสนอให้ยกเลิก Code of Conduct ในโปรเจกต์โอเพ่นซอร์สทั้งหมด ➡️ เขาเรียก Code ว่า “โรคทางสังคม” ที่สร้างดราม่าและการเมืองในชุมชน ➡️ เสนอให้ใช้เพียงประโยคเดียวแทนกฎทั้งหมด: “ถ้าคุณน่ารำคาญเกินกว่าที่ผลงานของคุณจะคุ้มค่า คุณจะถูกไล่ออก” ➡️ เตือนว่าการเขียนกฎละเอียดเกินไปจะกลายเป็นช่องโหว่ให้คนใช้โจมตีผู้อื่น ➡️ ยอมรับว่าความเมตตาควรมี แต่ต้องเด็ดขาดกับคนที่ใช้มันเป็นอาวุธ ➡️ ชุมชนโอเพ่นซอร์สหลายแห่ง เช่น Linux, Fedora, Debian, Python มี Code of Conduct อยู่แล้ว ➡️ Raymond เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานแนวคิดโอเพ่นซอร์สตั้งแต่ยุคแรก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Code of Conduct ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความปลอดภัยและความเท่าเทียมในชุมชนเทคโนโลยี ➡️ หลายองค์กรใช้ CoC เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานจากกลุ่มที่ถูกกีดกันเข้ามามีส่วนร่วม ➡️ การไม่มี CoC อาจทำให้เกิดการล่วงละเมิดโดยไม่มีระบบจัดการหรือรายงาน ➡️ แนวคิด “Be kind!” ถูกใช้ในหลายชุมชนเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมที่เป็นมิตร ➡️ การจัดการความขัดแย้งในชุมชนโอเพ่นซอร์สต้องอาศัยทั้งกฎและความเข้าใจมนุษย์ https://news.itsfoss.com/codes-of-conduct-debate/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    The Man Who Started Open Source Initiative Advocates for Abolishing Codes of Conduct
    Between Anarchy and Bureaucracy: The Code of Conduct Debate Ignited by Eric Raymond.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.141 : สมรภูมิเดือดรถ EV จีน อนาคตจะเหลือสักกี่แบรนด์ ?
    .
    จากแบรนด์รถยนต์จีนที่ผลิตกันเกลื่อนกลาดกว่า 100 แบรนด์ เมื่อเดือนกันยายน 68 ที่ผ่านมาที่มหกรรมรถยนต์ที่ประเทศเยอรมนี นางสเตลลา หลี่ หรือ หลี่ เคอ รองประธานบริหารหญิงเก่งของ BYD ได้กล่าวถึงว่า การแข่งขันที่ดุเดือดในตอนนี้ว่า จะทำให้แบรนด์รถยนต์จีนจะลดลงเหลือน้อยกว่านี้มาก โดยสุดท้ายอาจจะเหลือแค่ 15-20 บริษัทเท่านั้นที่สามารถจะอยู่รอดได้
    .
    ข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศจีน ก็ระบุว่าผู้ผลิตรถยนต์ 3 รายใหญ่ครองตลาดรถ EV มากกว่า 50% โดยเบอร์หนึ่งในวงการ ก็คือ BYD ก็ยึดตลาดไปแล้วเกือบ 30% ... ในวันนี้ เราจะเล่าถึง อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยจะสำรวจค่ายรถยนต์จีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของโลก มีรถยนต์มากกว่า 100 ยี่ห้อ ว่าจะมีรายไหนที่อยู่รอดได้ในระยะยาว
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=QWy9mFJwnJY
    .
    #บูรพาไมแพ้ #รถยนต์ไฟฟ้า #รถอีวี #EV #จีน
    บูรพาไม่แพ้ Ep.141 : สมรภูมิเดือดรถ EV จีน อนาคตจะเหลือสักกี่แบรนด์ ? . จากแบรนด์รถยนต์จีนที่ผลิตกันเกลื่อนกลาดกว่า 100 แบรนด์ เมื่อเดือนกันยายน 68 ที่ผ่านมาที่มหกรรมรถยนต์ที่ประเทศเยอรมนี นางสเตลลา หลี่ หรือ หลี่ เคอ รองประธานบริหารหญิงเก่งของ BYD ได้กล่าวถึงว่า การแข่งขันที่ดุเดือดในตอนนี้ว่า จะทำให้แบรนด์รถยนต์จีนจะลดลงเหลือน้อยกว่านี้มาก โดยสุดท้ายอาจจะเหลือแค่ 15-20 บริษัทเท่านั้นที่สามารถจะอยู่รอดได้ . ข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศจีน ก็ระบุว่าผู้ผลิตรถยนต์ 3 รายใหญ่ครองตลาดรถ EV มากกว่า 50% โดยเบอร์หนึ่งในวงการ ก็คือ BYD ก็ยึดตลาดไปแล้วเกือบ 30% ... ในวันนี้ เราจะเล่าถึง อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยจะสำรวจค่ายรถยนต์จีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของโลก มีรถยนต์มากกว่า 100 ยี่ห้อ ว่าจะมีรายไหนที่อยู่รอดได้ในระยะยาว . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=QWy9mFJwnJY . #บูรพาไมแพ้ #รถยนต์ไฟฟ้า #รถอีวี #EV #จีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ภาควิชาสรีรวิทยา #คณะแพทยศษสตร์ศิริราชพยาบาล #มหาวิทยาลัยมหิดล
    น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขของไทย เนื่องใน “วันมหิดล” 24 กันยายน
    เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568
    #ภาควิชาสรีรวิทยา #คณะแพทยศษสตร์ศิริราชพยาบาล #มหาวิทยาลัยมหิดล น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขของไทย เนื่องใน “วันมหิดล” 24 กันยายน เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝรั่งหัวใจไทยบินไกลสู่ชายแดน มอบโซล่าเซลล์ อาหารแห้ง ให้ตำรวจตระเวนชายแดนจังหวัดตราด
    https://www.thai-tai.tv/news/21747/
    .
    #ตำรวจตระเวนชายแดน #โซล่าเซลล์ #ชายแดนตราด #MarkShelley #ปกป้องอธิปไตย #ขาดแคลนไฟฟ้า #ตชด116
    ฝรั่งหัวใจไทยบินไกลสู่ชายแดน มอบโซล่าเซลล์ อาหารแห้ง ให้ตำรวจตระเวนชายแดนจังหวัดตราด https://www.thai-tai.tv/news/21747/ . #ตำรวจตระเวนชายแดน #โซล่าเซลล์ #ชายแดนตราด #MarkShelley #ปกป้องอธิปไตย #ขาดแคลนไฟฟ้า #ตชด116
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • “SiPearl เปิดตัว Athena1 — โปรเซสเซอร์อธิปไตยยุโรป 80 คอร์ สำหรับงานพลเรือนและกลาโหม พร้อมวางจำหน่ายปี 2027”

    ในยุคที่ความมั่นคงทางไซเบอร์และอธิปไตยด้านเทคโนโลยีกลายเป็นประเด็นระดับชาติ SiPearl บริษัทออกแบบโปรเซสเซอร์จากฝรั่งเศสที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสหภาพยุโรป ได้เปิดตัว Athena1 โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานทั้งพลเรือนและกลาโหม โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยีของยุโรป

    Athena1 พัฒนาต่อยอดจาก Rhea1 ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์รุ่นแรกของบริษัทที่ใช้ในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับ exascale โดย Athena1 จะมีจำนวนคอร์ตั้งแต่ 16 ถึง 80 คอร์ บนสถาปัตยกรรม Arm Neoverse V1 และมาพร้อมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการเข้ารหัสขั้นสูง รองรับงานที่ต้องการความมั่นคง เช่น การสื่อสารลับ, การวิเคราะห์ข่าวกรอง, การประมวลผลในยานพาหนะทางทหาร และเครือข่ายยุทธวิธี

    แม้จะไม่มีหน่วยความจำ HBM2E เหมือน Rhea1 เนื่องจาก Athena1 ไม่เน้นงาน AI หรือ HPC แต่ยังคงใช้เทคโนโลยี DDR5 และ PCIe 5.0 เพื่อรองรับแบนด์วิดธ์ที่สูงพอสำหรับงานด้านกลาโหมและการประมวลผลภาคสนาม โดยมีจำนวนทรานซิสเตอร์มากถึง 61 พันล้านตัว

    การผลิตชิปจะดำเนินโดย TSMC ในไต้หวัน และมีแผนย้ายขั้นตอนการบรรจุชิปกลับมายังยุโรปในอนาคต เพื่อสร้างระบบอุตสาหกรรมภายในภูมิภาคให้แข็งแรงยิ่งขึ้น โดย Athena1 มีกำหนดวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2027

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    SiPearl เปิดตัว Athena1 โปรเซสเซอร์อธิปไตยยุโรปสำหรับงานพลเรือนและกลาโหม
    ใช้สถาปัตยกรรม Arm Neoverse V1 พร้อมตัวเลือกคอร์ตั้งแต่ 16 ถึง 80 คอร์
    พัฒนาต่อยอดจาก Rhea1 ที่ใช้ในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ JUPITER
    รองรับงานด้านความมั่นคง เช่น การเข้ารหัส, ข่าวกรอง, การประมวลผลในยานพาหนะ
    ไม่มี HBM2E แต่ใช้ DDR5 และ PCIe 5.0 เพื่อรองรับแบนด์วิดธ์สูง
    มีจำนวนทรานซิสเตอร์ 61 พันล้านตัว ผลิตโดย TSMC
    ขั้นตอนการบรรจุชิปจะย้ายกลับมาในยุโรปเพื่อเสริมอุตสาหกรรมภายใน
    วางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในครึ่งหลังของปี 2027
    เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุโรปในการสร้างอธิปไตยด้านเทคโนโลยี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Arm Neoverse V1 เปิดตัวในปี 2020 และใช้ในงานเซิร์ฟเวอร์และ edge computing
    Rhea1 ใช้ใน JUPITER ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ exascale แห่งแรกของยุโรป
    HBM2E เหมาะกับงาน HPC และ AI แต่ไม่จำเป็นสำหรับงานด้านกลาโหม
    การใช้ PCIe 5.0 ช่วยให้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
    การผลิตโดย TSMC ช่วยให้มั่นใจในคุณภาพ แต่ยังต้องพึ่งพา supply chain ต่างประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/sipearl-unveils-europes-first-dual-use-sovereign-processor-with-80-cores-expected-in-2027-for-government-aerospace-and-defense-applications
    🛡️ “SiPearl เปิดตัว Athena1 — โปรเซสเซอร์อธิปไตยยุโรป 80 คอร์ สำหรับงานพลเรือนและกลาโหม พร้อมวางจำหน่ายปี 2027” ในยุคที่ความมั่นคงทางไซเบอร์และอธิปไตยด้านเทคโนโลยีกลายเป็นประเด็นระดับชาติ SiPearl บริษัทออกแบบโปรเซสเซอร์จากฝรั่งเศสที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสหภาพยุโรป ได้เปิดตัว Athena1 โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานทั้งพลเรือนและกลาโหม โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยีของยุโรป Athena1 พัฒนาต่อยอดจาก Rhea1 ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์รุ่นแรกของบริษัทที่ใช้ในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับ exascale โดย Athena1 จะมีจำนวนคอร์ตั้งแต่ 16 ถึง 80 คอร์ บนสถาปัตยกรรม Arm Neoverse V1 และมาพร้อมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการเข้ารหัสขั้นสูง รองรับงานที่ต้องการความมั่นคง เช่น การสื่อสารลับ, การวิเคราะห์ข่าวกรอง, การประมวลผลในยานพาหนะทางทหาร และเครือข่ายยุทธวิธี แม้จะไม่มีหน่วยความจำ HBM2E เหมือน Rhea1 เนื่องจาก Athena1 ไม่เน้นงาน AI หรือ HPC แต่ยังคงใช้เทคโนโลยี DDR5 และ PCIe 5.0 เพื่อรองรับแบนด์วิดธ์ที่สูงพอสำหรับงานด้านกลาโหมและการประมวลผลภาคสนาม โดยมีจำนวนทรานซิสเตอร์มากถึง 61 พันล้านตัว การผลิตชิปจะดำเนินโดย TSMC ในไต้หวัน และมีแผนย้ายขั้นตอนการบรรจุชิปกลับมายังยุโรปในอนาคต เพื่อสร้างระบบอุตสาหกรรมภายในภูมิภาคให้แข็งแรงยิ่งขึ้น โดย Athena1 มีกำหนดวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2027 ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ SiPearl เปิดตัว Athena1 โปรเซสเซอร์อธิปไตยยุโรปสำหรับงานพลเรือนและกลาโหม ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Arm Neoverse V1 พร้อมตัวเลือกคอร์ตั้งแต่ 16 ถึง 80 คอร์ ➡️ พัฒนาต่อยอดจาก Rhea1 ที่ใช้ในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ JUPITER ➡️ รองรับงานด้านความมั่นคง เช่น การเข้ารหัส, ข่าวกรอง, การประมวลผลในยานพาหนะ ➡️ ไม่มี HBM2E แต่ใช้ DDR5 และ PCIe 5.0 เพื่อรองรับแบนด์วิดธ์สูง ➡️ มีจำนวนทรานซิสเตอร์ 61 พันล้านตัว ผลิตโดย TSMC ➡️ ขั้นตอนการบรรจุชิปจะย้ายกลับมาในยุโรปเพื่อเสริมอุตสาหกรรมภายใน ➡️ วางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในครึ่งหลังของปี 2027 ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุโรปในการสร้างอธิปไตยด้านเทคโนโลยี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Arm Neoverse V1 เปิดตัวในปี 2020 และใช้ในงานเซิร์ฟเวอร์และ edge computing ➡️ Rhea1 ใช้ใน JUPITER ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ exascale แห่งแรกของยุโรป ➡️ HBM2E เหมาะกับงาน HPC และ AI แต่ไม่จำเป็นสำหรับงานด้านกลาโหม ➡️ การใช้ PCIe 5.0 ช่วยให้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ➡️ การผลิตโดย TSMC ช่วยให้มั่นใจในคุณภาพ แต่ยังต้องพึ่งพา supply chain ต่างประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/sipearl-unveils-europes-first-dual-use-sovereign-processor-with-80-cores-expected-in-2027-for-government-aerospace-and-defense-applications
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว


  • ..จริงๆสส.สมควรมีแค่เงินเดือนก็พอนะ.ฤ
    ..ข้าราชการทั่วประเทศก็สมควรมีแค่เงินเดือนแค่นั้นเช่นกัน.
    ..การรักษาพยาบาลทั้งหมดต้องเข้าใช้สิทธิ30บาทรักษาทุกๆโรค ทุกๆที่เสมอกัน,ชัตดาวน์และปิดสวิตช์ไปเลยในสวัสดิการต่างๆสิ้นเปลืองมากเช่นเบี้ยนั้นเบี้ยนี้ เบี้ยประชุมสส.ซึ่งต้องประชุมนั้นมันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว.
    ..สิทธิประโยชน์สส.ทั้งหมดจึงสมควรทำตนเองเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนข้าราชการทั่วไทยที่ฝ่ายนักการเมืองเองต้องบริหารคนข้าราชการในนามรัฐบาลอยู่แล้วด้วยจึงสมควรยุบทิ้งสิทธิประโยชน์เหล่านี้ให้หมด ทำตนเองมาหัดใช้แบบประชาชนตนที่ขันอาสาลงสมัครรับเลือกตั้งไปเป็นตัวแทนของประชาชนด้วย,ไปสร้างสมดุลที่เงินเดือนฝ่ายเดียวดีกว่า เช่น สส.คาดว่าใช้วันละ1,000ก็คงเพียงพอ 30วันก็30,000บาทต่อเดือนอาจคูณ3เท่าครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนเกินอื่นๆที่จำเป็นและเลอะเทอะบ้างก็90,000บาทต่อเดือน,ตีให้เป็นตัวเลขกลมๆให้แก่เกียรติสส.ก็100,000บาทต่อคนต่อเดือนก็เพียงพอแล้ว,เลิกคนรับใช้ลูกน้องสส.ทั้งหมด

    ..

    #สวัสดิการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)
    ..ในระหว่างการดำรงตำแหน่ง ครอบคลุมถึงการรักษาพยาบาล การเดินทาง การศึกษาบุตร และเบี้ยประชุม โดย สส. สามารถเบิกค่าใช้จ่ายจริงตามอัตราที่กำหนดไว้ในด้านการรักษาพยาบาล การเดินทาง และมีผู้ช่วยในการทำงานพร้อมค่าตอบแทน นอกจากนี้ สส. ที่พ้นจากตำแหน่งแล้ว อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิตตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง และมีเงินช่วยเหลือกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ. นอกจากสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาล

    สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท
    เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง


    ทีมงาน: สส. สามารถแต่งตั้งทีมงานได้ 8 คน โดยมีผู้เชี่ยวชาญ 1 คน (เงินเดือน 24,000 บาท), ผู้ชำนาญการ 2 คน (เงินเดือน 15,000 บาท), และผู้ช่วยดำเนินงาน 5 คน (เงินเดือน 15,000 บาท).

    ค่าเดินทาง: เบิกค่าเดินทางไปประชุมรัฐสภาตามระยะทางและค่าพาหนะอื่นๆ เช่น รถไฟ, รถยนต์ประจำทาง, เครื่องบิน ได้ตามจริง.

    เบี้ยเลี้ยงและค่าที่พัก: ได้รับเบี้ยเลี้ยงสำหรับเดินทางไปราชการทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเบิกค่าเช่าที่พักตามจริงหรืออัตราเหมาจ่าย.

    เบี้ยประชุม: ได้รับเบี้ยประชุมสำหรับการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการ.
    สวัสดิการหลังพ้นจากตำแหน่ง

    เงินทุนเลี้ยงชีพ: ผู้ที่เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิต ตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง.

    เงินช่วยเหลือ: กรณีถึงแก่กรรม จะได้รับเงินช่วยเหลือ 100,000 บาท และค่าพวงหรีด 1,000 บาท ส่วนกรณีทุพพลภาพ จะได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 5,000 บาท

    ...........................................................................

    เป็น ส.ส.ได้เงินเดือน-สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง
    การเมือง
    20 มิ.ย. 66

    หลัง กกต. ประกาศรับรอง ส.ส. ให้ทั้ง 500 คนเรียบร้อยแล้ว กำหนดการเปิดประชุมสภาฯ คาดการณ์จะมีขึ้นกลางเดือน ก.ค. และหลังจากนั้น ส.ส.แต่ละคนจะเริ่มปฏิบัติงานกันตามที่เคยหาเสียงไว้ เปิดรายได้ ส.ส. ได้เงินเดือนและสวัสดิการคุ้มค่ากับเสียงที่เลือกมาหรือไม่
    รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้บัญญัติการจ่ายเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา ดังนี้
    เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีซึ่งต้องกำหนดให้จ่ายได้ไม่ก่อนวันเข้ารับหน้าที่ (มาตรา 196)
    ก่อนเข้ารับหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องปฏิญาณตนในที่ประชุมแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก (มาตรา 123)
    ต่อมาในปี 2555 ได้มีพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของ ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. และกรรมาธิการ พ.ศ. 2555 กำหนดให้ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. ได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มเป็นรายเดือนนับแต่วันเข้ารับหน้าที่ ดังนี้


    ประธานสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 75,590 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 50,000 บาท รวมเป็นเดือนละ 125,590 บาท

    รองประธานสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,250 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท

    ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,240 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท

    สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท
    เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง

    ...........................................................................


    ตำแหน่งข้าราชการการเมืองที่สำคัญ
    นายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 125,590 บาท
    รองนายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 119,920 บาท
    รัฐมนตรีว่าการกระทรวง หรือ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รายรับรวมเดือนละ 115,740 บาท
    รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง รายรับรวมเดือนละ 113,560 บาท

    หมายเหตุ : ส.ส. ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย เมื่อได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งในฐานะรัฐมนตรีแล้ว ไม่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่ง ส.ส. อีก

    ...........................................................................

    คณะทำงานทางการเมือง
    คณะทำงานทางการเมืองจะประกอบด้วย ที่ปรึกษา นักวิชาการ และเลขานุการ เพื่อทำหน้าที่ตามความประสงค์ของปธ.สภาฯ, รอง ปธ.สภาฯ และผู้นำฝ่ายค้าน แล้วแต่กรณี โดยที่แต่ละตำแหน่งจะมีจำนวนบุคคลในคณะทำงานทางการเมืองแตกต่างกันออกไป ดังนี้

    ปธ.สภาฯ มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย
    ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท
    นักวิชาการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท
    เลขานุการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท

    รอง ปธ.สภาฯ 1 คน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 7 คน ประกอบด้วย
    ที่ปรึกษา 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท
    นักวิชาการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท
    เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท

    ผู้นำฝ่ายค้าน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย
    ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท
    นักวิชาการ 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท
    เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท

    ...........................................................................


    ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
    ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา จะได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่ มายังจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา เฉพาะการเดินทางครั้งแรกเพื่อมาเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และเมื่อสมาชิกภาพของ ส.ส. สิ้นสุดลง ให้ ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา ได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภากลับไปยังจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่เดิม โดยให้ได้รับสิทธิในอัตราเดียวกับข้าราชการ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ ระดับกระทรวง
    จ่ายให้เมื่อเข้ารัฐสภาในวันแรกของการรับตำแหน่ง ส.ส.
    และจ่ายให้อีกครั้ง เมื่อสิ้นสุดสภาพความเป็น ส.ส.
    ซึ่งการเดินทางนั้นครอบคลุม รถไฟ รถยนต์ประจำทาง และเครื่องบิน โดยจะให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ จัดใบเบิกทางโดยสารตามจริงให้ และอนุญาตให้มีผู้ติดตามได้ 1 คน ในชั้นเดียวกัน


    เงินสวัสดิการรักษาพยาบาลของ ส.ส.
    พ.ร.ฎ.เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา พ.ศ.2550 กำหนดให้ ส.ส. ได้รับเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลตามจำนวนที่จ่ายจริงและต้องไม่เกินอัตราที่กำหนด

    ผู้ป่วยใน
    ค่าห้องและค่าอาหาร (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 4,000 บาท/วัน
    ค่าห้อง ICU/CCU (สูงสุดไม่เกิน 7 วัน/ครั้ง) 10,000 บาท/วัน
    ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 100,000 บาท/ครั้ง
    ค่ารถพยาบาล 1,000 บาท/ครั้ง
    ค่าแพทย์ผ่าตัด 120,000 บาท/ครั้ง
    ค่าแพทย์เยี่ยมไข้ (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 1,000 บาท/วัน
    ค่าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค 4,000 บาท/ครั้ง
    การรักษาทันตกรรม 5,000 บาท/ปี
    การคลอดบุตร :
    คลอดธรรมชาติ 20,000 บาท
    คลอดโดยการผ่าตัด 40,000 บาท
    สวัสดิการอื่น ๆ

    ...........................................................................

    ผู้ป่วยนอก
    ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 90,000 บาท/ปี
    อุบัติเหตุฉุกเฉิน 20,000 บาท/ครั้ง
    การตรวจสุขภาพประจำปี 7,000 บาท/ปี
    เบี้ยประชุมกรรมาธิการ และอนุกรรมาธิการ
    ...........................................................................

    เบี้ยประชุมกรรมาธิการ
    ให้กรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 1,500 บาท กรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่กรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง

    เบี้ยประชุมอนุกรรมาธิการ
    ให้อนุกรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 800 บาท อนุกรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่อนุกรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะอนุกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง

    ที่มา : สิทธิประโยชน์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2556

    ...........................................................................


    https://youtube.com/shorts/2qe_HnXNIOU?si=ZquKZfAl3RBSL_Wo



    ..จริงๆสส.สมควรมีแค่เงินเดือนก็พอนะ.ฤ ..ข้าราชการทั่วประเทศก็สมควรมีแค่เงินเดือนแค่นั้นเช่นกัน. ..การรักษาพยาบาลทั้งหมดต้องเข้าใช้สิทธิ30บาทรักษาทุกๆโรค ทุกๆที่เสมอกัน,ชัตดาวน์และปิดสวิตช์ไปเลยในสวัสดิการต่างๆสิ้นเปลืองมากเช่นเบี้ยนั้นเบี้ยนี้ เบี้ยประชุมสส.ซึ่งต้องประชุมนั้นมันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว. ..สิทธิประโยชน์สส.ทั้งหมดจึงสมควรทำตนเองเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนข้าราชการทั่วไทยที่ฝ่ายนักการเมืองเองต้องบริหารคนข้าราชการในนามรัฐบาลอยู่แล้วด้วยจึงสมควรยุบทิ้งสิทธิประโยชน์เหล่านี้ให้หมด ทำตนเองมาหัดใช้แบบประชาชนตนที่ขันอาสาลงสมัครรับเลือกตั้งไปเป็นตัวแทนของประชาชนด้วย,ไปสร้างสมดุลที่เงินเดือนฝ่ายเดียวดีกว่า เช่น สส.คาดว่าใช้วันละ1,000ก็คงเพียงพอ 30วันก็30,000บาทต่อเดือนอาจคูณ3เท่าครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนเกินอื่นๆที่จำเป็นและเลอะเทอะบ้างก็90,000บาทต่อเดือน,ตีให้เป็นตัวเลขกลมๆให้แก่เกียรติสส.ก็100,000บาทต่อคนต่อเดือนก็เพียงพอแล้ว,เลิกคนรับใช้ลูกน้องสส.ทั้งหมด .. #สวัสดิการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ..ในระหว่างการดำรงตำแหน่ง ครอบคลุมถึงการรักษาพยาบาล การเดินทาง การศึกษาบุตร และเบี้ยประชุม โดย สส. สามารถเบิกค่าใช้จ่ายจริงตามอัตราที่กำหนดไว้ในด้านการรักษาพยาบาล การเดินทาง และมีผู้ช่วยในการทำงานพร้อมค่าตอบแทน นอกจากนี้ สส. ที่พ้นจากตำแหน่งแล้ว อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิตตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง และมีเงินช่วยเหลือกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ. นอกจากสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง ทีมงาน: สส. สามารถแต่งตั้งทีมงานได้ 8 คน โดยมีผู้เชี่ยวชาญ 1 คน (เงินเดือน 24,000 บาท), ผู้ชำนาญการ 2 คน (เงินเดือน 15,000 บาท), และผู้ช่วยดำเนินงาน 5 คน (เงินเดือน 15,000 บาท). ค่าเดินทาง: เบิกค่าเดินทางไปประชุมรัฐสภาตามระยะทางและค่าพาหนะอื่นๆ เช่น รถไฟ, รถยนต์ประจำทาง, เครื่องบิน ได้ตามจริง. เบี้ยเลี้ยงและค่าที่พัก: ได้รับเบี้ยเลี้ยงสำหรับเดินทางไปราชการทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเบิกค่าเช่าที่พักตามจริงหรืออัตราเหมาจ่าย. เบี้ยประชุม: ได้รับเบี้ยประชุมสำหรับการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการ. สวัสดิการหลังพ้นจากตำแหน่ง เงินทุนเลี้ยงชีพ: ผู้ที่เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิต ตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง. เงินช่วยเหลือ: กรณีถึงแก่กรรม จะได้รับเงินช่วยเหลือ 100,000 บาท และค่าพวงหรีด 1,000 บาท ส่วนกรณีทุพพลภาพ จะได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 5,000 บาท ........................................................................... เป็น ส.ส.ได้เงินเดือน-สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง การเมือง 20 มิ.ย. 66 หลัง กกต. ประกาศรับรอง ส.ส. ให้ทั้ง 500 คนเรียบร้อยแล้ว กำหนดการเปิดประชุมสภาฯ คาดการณ์จะมีขึ้นกลางเดือน ก.ค. และหลังจากนั้น ส.ส.แต่ละคนจะเริ่มปฏิบัติงานกันตามที่เคยหาเสียงไว้ เปิดรายได้ ส.ส. ได้เงินเดือนและสวัสดิการคุ้มค่ากับเสียงที่เลือกมาหรือไม่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้บัญญัติการจ่ายเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา ดังนี้ เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีซึ่งต้องกำหนดให้จ่ายได้ไม่ก่อนวันเข้ารับหน้าที่ (มาตรา 196) ก่อนเข้ารับหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องปฏิญาณตนในที่ประชุมแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก (มาตรา 123) ต่อมาในปี 2555 ได้มีพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของ ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. และกรรมาธิการ พ.ศ. 2555 กำหนดให้ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. ได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มเป็นรายเดือนนับแต่วันเข้ารับหน้าที่ ดังนี้ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 75,590 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 50,000 บาท รวมเป็นเดือนละ 125,590 บาท รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,250 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,240 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง ........................................................................... ตำแหน่งข้าราชการการเมืองที่สำคัญ นายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 125,590 บาท รองนายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 119,920 บาท รัฐมนตรีว่าการกระทรวง หรือ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รายรับรวมเดือนละ 115,740 บาท รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง รายรับรวมเดือนละ 113,560 บาท หมายเหตุ : ส.ส. ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย เมื่อได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งในฐานะรัฐมนตรีแล้ว ไม่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่ง ส.ส. อีก ........................................................................... คณะทำงานทางการเมือง คณะทำงานทางการเมืองจะประกอบด้วย ที่ปรึกษา นักวิชาการ และเลขานุการ เพื่อทำหน้าที่ตามความประสงค์ของปธ.สภาฯ, รอง ปธ.สภาฯ และผู้นำฝ่ายค้าน แล้วแต่กรณี โดยที่แต่ละตำแหน่งจะมีจำนวนบุคคลในคณะทำงานทางการเมืองแตกต่างกันออกไป ดังนี้ ปธ.สภาฯ มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท นักวิชาการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท เลขานุการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท รอง ปธ.สภาฯ 1 คน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 7 คน ประกอบด้วย ที่ปรึกษา 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท นักวิชาการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท ผู้นำฝ่ายค้าน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท นักวิชาการ 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท ........................................................................... ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา จะได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่ มายังจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา เฉพาะการเดินทางครั้งแรกเพื่อมาเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และเมื่อสมาชิกภาพของ ส.ส. สิ้นสุดลง ให้ ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา ได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภากลับไปยังจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่เดิม โดยให้ได้รับสิทธิในอัตราเดียวกับข้าราชการ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ ระดับกระทรวง จ่ายให้เมื่อเข้ารัฐสภาในวันแรกของการรับตำแหน่ง ส.ส. และจ่ายให้อีกครั้ง เมื่อสิ้นสุดสภาพความเป็น ส.ส. ซึ่งการเดินทางนั้นครอบคลุม รถไฟ รถยนต์ประจำทาง และเครื่องบิน โดยจะให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ จัดใบเบิกทางโดยสารตามจริงให้ และอนุญาตให้มีผู้ติดตามได้ 1 คน ในชั้นเดียวกัน เงินสวัสดิการรักษาพยาบาลของ ส.ส. พ.ร.ฎ.เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา พ.ศ.2550 กำหนดให้ ส.ส. ได้รับเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลตามจำนวนที่จ่ายจริงและต้องไม่เกินอัตราที่กำหนด ผู้ป่วยใน ค่าห้องและค่าอาหาร (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 4,000 บาท/วัน ค่าห้อง ICU/CCU (สูงสุดไม่เกิน 7 วัน/ครั้ง) 10,000 บาท/วัน ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 100,000 บาท/ครั้ง ค่ารถพยาบาล 1,000 บาท/ครั้ง ค่าแพทย์ผ่าตัด 120,000 บาท/ครั้ง ค่าแพทย์เยี่ยมไข้ (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 1,000 บาท/วัน ค่าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค 4,000 บาท/ครั้ง การรักษาทันตกรรม 5,000 บาท/ปี การคลอดบุตร : คลอดธรรมชาติ 20,000 บาท คลอดโดยการผ่าตัด 40,000 บาท สวัสดิการอื่น ๆ ........................................................................... ผู้ป่วยนอก ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 90,000 บาท/ปี อุบัติเหตุฉุกเฉิน 20,000 บาท/ครั้ง การตรวจสุขภาพประจำปี 7,000 บาท/ปี เบี้ยประชุมกรรมาธิการ และอนุกรรมาธิการ ........................................................................... เบี้ยประชุมกรรมาธิการ ให้กรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 1,500 บาท กรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่กรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง เบี้ยประชุมอนุกรรมาธิการ ให้อนุกรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 800 บาท อนุกรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่อนุกรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะอนุกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง ที่มา : สิทธิประโยชน์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2556 ........................................................................... https://youtube.com/shorts/2qe_HnXNIOU?si=ZquKZfAl3RBSL_Wo
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • กุนเชียงปลาอร่อยมากนะ…รู้ยัง… กุนเชียงปลาแบบแท่งยาว ทอดทานอร่อยอร่อยกับข้าวสวยร้อนร้อน หรือลูกค้าจะทานกับข้าวเหนียว ข้าวต้ม บอกเลยข้าวหมดจานแน่นอน … เป็นสินค้าขายดีที่อยากแนะนำค่ะ ถ้าไม่เคยลองกดสั่งด่วนเลย

    ฝากกดติดตามร้านด้วยนะคะ ร้านกินจุ๊บจิ๊บค่ะ ส่งเร็วส่งไวของใหม่อร่อยทุกอย่างเลย

    กดสั่งซื้อในตะกร้าด้านล่างได้เลยค่ะ

    ⭕️

    กุนเชียงหมู ใน TikTok
    https://vt.tiktok.com/ZSMYbDdHr/

    กุนเชียงหมู ใน Shopee
    https://th.shp.ee/icytTqn

    กุนเชียงปลา ใน TikTok
    https://vt.tiktok.com/ZSMYgRyc2/

    กุนเชียงปลา ใน Shopee
    https://th.shp.ee/UP94YQL

    เลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง
    1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop
    2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_

    เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ

    #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาเกล็ดขาว #กุนเชียงหมู #กุนเชียงปลา #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาซิว #หมึกกะตอยแห้ง


    #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #กุนเชียง #กิมสั่วงา #ปลาไล้กอตากแห้ง
    กุนเชียงปลาอร่อยมากนะ…รู้ยัง… กุนเชียงปลาแบบแท่งยาว ทอดทานอร่อยอร่อยกับข้าวสวยร้อนร้อน หรือลูกค้าจะทานกับข้าวเหนียว ข้าวต้ม บอกเลยข้าวหมดจานแน่นอน … เป็นสินค้าขายดีที่อยากแนะนำค่ะ ถ้าไม่เคยลองกดสั่งด่วนเลย ฝากกดติดตามร้านด้วยนะคะ ร้านกินจุ๊บจิ๊บค่ะ ส่งเร็วส่งไวของใหม่อร่อยทุกอย่างเลย กดสั่งซื้อในตะกร้าด้านล่างได้เลยค่ะ 🌶️♨️⭕️ กุนเชียงหมู 🙂 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMYbDdHr/ กุนเชียงหมู 🙂 ใน Shopee https://th.shp.ee/icytTqn กุนเชียงปลา 🐟🐠 🙂 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMYgRyc2/ กุนเชียงปลา 🐠🐟 🙂 ใน Shopee https://th.shp.ee/UP94YQL เลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง 1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop 2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_ เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาเกล็ดขาว #กุนเชียงหมู #กุนเชียงปลา #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาซิว #หมึกกะตอยแห้ง #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #กุนเชียง #กิมสั่วงา #ปลาไล้กอตากแห้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เหรียญพระสีวลี พระอุปคุต พระสังกัจจายณ์ วัดแสนคันธา จ.เชียงใหม่ ปี2556
    เหรียญพระสีวลี พระอุปคุต พระสังกัจจายณ์ (หลังตอก2โค็ด) วัดแสนคันธา อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ปี2556 // พระดีพิธีใหญ่ 3 พระอรหันต์แห่งโชคลาภ ได้แก่ พระสีวลี (ผู้ให้มหาโชคลาภ) พระสังกัจจายน์ (ผู้ให้ความอุดมสมบูรณ์ ร่ำรวย และปัญญา) และ พระอุปคุต (ผู้ให้ความสำเร็จ ขจัดอุปสรรค) // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //

    ** พุทธคุณเน้น มหาโชคลาภ ความอุดมสมบูรณ์ ความสุข และความสำเร็จ ผู้บูชาจะพบความร่ำรวย ความสุข และมีปัญญาธรรม อุปสรรคขัดข้องจะมลายหายไป เสริมความเป็นสิริมงคลและโชคลาภ >>

    ** เหรียญไตรภาคีมหาลาโภ คือ การสร้างเหรียญที่รวมรูป พระสีวลี พระสังกัจจายน์ และพระอุปคุต ซึ่งเป็นพระอรหันต์ 3 องค์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เลิศด้านโชคลาภ ความอุดมสมบูรณ์ และความสำเร็จ เชื่อว่าการบูชาเหรียญนี้จะช่วยให้เกิดโชคลาภ อุปสรรคต่างๆ มลายหายไป และพบแต่ความสุขความเจริญในชีวิต

    - พระอรหันต์สิวลี
    ผู้ใดได้บูชาหรือมีติดบ้าน สถานที่ประกอบการค้าที่ทำงาน จะบังเกิดมหาโชคลาภ

    - พระอรหันต์สังกัจจายน์
    ผู้ใดได้บูชาหรือมีติดบ้านสถานที่ประกอบการค้าที่ทำงาน จะพบแต่ความอุดมสมบูรณ์ ร่ำรวยทั้งชีวิตมีแต่รอยยิ้ม ความสุขและมีปัญญาธรรมในชีวิตทุกคน

    - พระอรหันต์อุปคุต
    ผู้ใดได้บูชาหรือมีติดบ้าน สถานที่ประกอบการค้า ที่ทำงาน จะพบแต่ความสำเร็จ อุปสรรคความขัดข้อง ความไม่มีต่างๆ จะมลายหายไป

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    เหรียญพระสีวลี พระอุปคุต พระสังกัจจายณ์ วัดแสนคันธา จ.เชียงใหม่ ปี2556 เหรียญพระสีวลี พระอุปคุต พระสังกัจจายณ์ (หลังตอก2โค็ด) วัดแสนคันธา อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ปี2556 // พระดีพิธีใหญ่ 3 พระอรหันต์แห่งโชคลาภ ได้แก่ พระสีวลี (ผู้ให้มหาโชคลาภ) พระสังกัจจายน์ (ผู้ให้ความอุดมสมบูรณ์ ร่ำรวย และปัญญา) และ พระอุปคุต (ผู้ให้ความสำเร็จ ขจัดอุปสรรค) // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณเน้น มหาโชคลาภ ความอุดมสมบูรณ์ ความสุข และความสำเร็จ ผู้บูชาจะพบความร่ำรวย ความสุข และมีปัญญาธรรม อุปสรรคขัดข้องจะมลายหายไป เสริมความเป็นสิริมงคลและโชคลาภ >> ** เหรียญไตรภาคีมหาลาโภ คือ การสร้างเหรียญที่รวมรูป พระสีวลี พระสังกัจจายน์ และพระอุปคุต ซึ่งเป็นพระอรหันต์ 3 องค์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เลิศด้านโชคลาภ ความอุดมสมบูรณ์ และความสำเร็จ เชื่อว่าการบูชาเหรียญนี้จะช่วยให้เกิดโชคลาภ อุปสรรคต่างๆ มลายหายไป และพบแต่ความสุขความเจริญในชีวิต - พระอรหันต์สิวลี ผู้ใดได้บูชาหรือมีติดบ้าน สถานที่ประกอบการค้าที่ทำงาน จะบังเกิดมหาโชคลาภ - พระอรหันต์สังกัจจายน์ ผู้ใดได้บูชาหรือมีติดบ้านสถานที่ประกอบการค้าที่ทำงาน จะพบแต่ความอุดมสมบูรณ์ ร่ำรวยทั้งชีวิตมีแต่รอยยิ้ม ความสุขและมีปัญญาธรรมในชีวิตทุกคน - พระอรหันต์อุปคุต ผู้ใดได้บูชาหรือมีติดบ้าน สถานที่ประกอบการค้า ที่ทำงาน จะพบแต่ความสำเร็จ อุปสรรคความขัดข้อง ความไม่มีต่างๆ จะมลายหายไป ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปูตินถูกนักข่าวถามว่า "เหตุใดสหรัฐฯถึงสามารถซื้อแร่ยูเรเนียมจากรัสเซียได้ แต่สหรัฐกลับห้ามประเทศอื่นซื้อพลังงานจากรัสเซีย"

    ปูตินตอบกลับว่า "สิ่งที่จูปิเตอร์ทำได้ วัวจะทำไม่ได้" (Что позволено Юпитеру, то не позволено быку) ซึ่งเป็นคำพูดเปรียบเปรยที่มาจากภาษาละตินว่า ("Quod licet Iovi, non licet bovi")
    .
    หากแปลคำพูดของปูติน เขากำลังเสียดสีสหรัฐว่ามี "สองมาตรฐาน"
    "Quod licet Iovi" (สิ่งที่จูปิเตอร์ทำได้) = สหรัฐ โดยที่ "จูปิเตอร์" หมายถึงดาวพฤหัสที่ยิ่งใหญ่ หรือผู้มีอำนาจ หรือ เทพเจ้าสูงสุดแห่งโรมัน (เทียบเท่ากับซุสของกรีก) ในที่นี้ก็คือ สหรัฐ ซึ่งเป็นมหาอำนาจบนเวทีโลก สามารถ "ยกเว้นตนเอง" ออกจากกฎเกณฑ์ที่ตนเองตั้งขึ้นมาได้ (เช่น กฎการคว่ำบาตรพลังงานรัสเซีย) เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ที่การพึ่งพายูเรเนียมของรัสเซียมีความสำคัญอย่างยิ่ง

    ในขณะที่ "non licet bovi" (วัวทำไม่ได้/ห้ามทำ) ในที่นี้คือ ประเทศ อื่นๆ ซึ่งถูกสหรัฐฯกดดันและห้ามปรามไม่ให้ซื้อน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย
    ปูตินถูกนักข่าวถามว่า "เหตุใดสหรัฐฯถึงสามารถซื้อแร่ยูเรเนียมจากรัสเซียได้ แต่สหรัฐกลับห้ามประเทศอื่นซื้อพลังงานจากรัสเซีย" ปูตินตอบกลับว่า "สิ่งที่จูปิเตอร์ทำได้ วัวจะทำไม่ได้" (Что позволено Юпитеру, то не позволено быку) ซึ่งเป็นคำพูดเปรียบเปรยที่มาจากภาษาละตินว่า ("Quod licet Iovi, non licet bovi") . หากแปลคำพูดของปูติน เขากำลังเสียดสีสหรัฐว่ามี "สองมาตรฐาน" 👉"Quod licet Iovi" (สิ่งที่จูปิเตอร์ทำได้) = สหรัฐ โดยที่ "จูปิเตอร์" หมายถึงดาวพฤหัสที่ยิ่งใหญ่ หรือผู้มีอำนาจ หรือ เทพเจ้าสูงสุดแห่งโรมัน (เทียบเท่ากับซุสของกรีก) ในที่นี้ก็คือ สหรัฐ ซึ่งเป็นมหาอำนาจบนเวทีโลก สามารถ "ยกเว้นตนเอง" ออกจากกฎเกณฑ์ที่ตนเองตั้งขึ้นมาได้ (เช่น กฎการคว่ำบาตรพลังงานรัสเซีย) เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ที่การพึ่งพายูเรเนียมของรัสเซียมีความสำคัญอย่างยิ่ง 👉ในขณะที่ "non licet bovi" (วัวทำไม่ได้/ห้ามทำ) ในที่นี้คือ ประเทศ อื่นๆ ซึ่งถูกสหรัฐฯกดดันและห้ามปรามไม่ให้ซื้อน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “Shadow AI ระบาดในองค์กร — ผู้บริหารใช้เครื่องมือ AI ที่ไม่ได้รับอนุญาตมากที่สุด พร้อมแชร์ข้อมูลลับโดยไม่รู้ตัว”

    ผลสำรวจล่าสุดจาก Cybernews เผยให้เห็นภาพที่น่ากังวลของการใช้ AI ในที่ทำงาน โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือที่ไม่ได้รับอนุญาตจากองค์กร หรือที่เรียกว่า “Shadow AI” ซึ่งกำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ในหลายบริษัททั่วโลก

    กว่า 59% ของพนักงานยอมรับว่าใช้เครื่องมือ AI ที่องค์กรไม่ได้อนุมัติ และที่น่าตกใจคือ 75% ของคนกลุ่มนี้เคยแชร์ข้อมูลที่เป็นความลับ เช่น ข้อมูลลูกค้า เอกสารภายใน รหัสโปรแกรม หรือแม้แต่ข้อมูลด้านกฎหมายและการเงิน โดยไม่รู้ว่าข้อมูลเหล่านั้นอาจถูกเก็บไว้โดยระบบ AI ที่ไม่มีการควบคุม

    ที่น่าประหลาดใจคือ ผู้บริหารระดับสูงกลับเป็นกลุ่มที่ใช้ Shadow AI มากที่สุดถึง 93% ตามมาด้วยผู้จัดการ 73% และพนักงานทั่วไป 62% ซึ่งสะท้อนว่าปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากการขาดความรู้เท่านั้น แต่ยังเกิดจากการขาดเครื่องมือที่ตอบโจทย์จริง ๆ เพราะแม้จะมีองค์กรถึง 52% ที่จัดหาเครื่องมือ AI ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ แต่มีเพียง 1 ใน 3 ของพนักงานที่รู้สึกว่าเครื่องมือเหล่านั้นตอบโจทย์การทำงาน

    ข้อมูลที่ถูกแชร์ผ่าน Shadow AI มีตั้งแต่ข้อมูลพนักงาน (35%) ข้อมูลลูกค้า (32%) เอกสารภายใน (27%) ไปจนถึงโค้ดและอัลกอริธึมเฉพาะของบริษัท (20%) ทั้งที่ 89% ของพนักงานรู้ว่า AI มีความเสี่ยง และ 64% ยอมรับว่าการใช้ Shadow AI อาจนำไปสู่การรั่วไหลของข้อมูล

    แม้หลายคนจะบอกว่าจะหยุดใช้ทันทีหากเกิดเหตุรั่วไหล แต่ในความเป็นจริง มีเพียงไม่กี่องค์กรที่มีนโยบายควบคุมการใช้ AI อย่างจริงจัง โดย 23% ยังไม่มีนโยบาย AI เลย และอีกหลายแห่งยังไม่สามารถให้เครื่องมือที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเพียงพอ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    59% ของพนักงานใช้เครื่องมือ AI ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากองค์กร
    75% ของผู้ใช้ Shadow AI เคยแชร์ข้อมูลที่เป็นความลับ
    ผู้บริหารระดับสูงใช้ Shadow AI มากที่สุดถึง 93%
    ข้อมูลที่ถูกแชร์มีทั้งข้อมูลพนักงาน ลูกค้า เอกสารภายใน และโค้ดเฉพาะ
    89% ของพนักงานรู้ว่า AI มีความเสี่ยง และ 64% ยอมรับว่าอาจเกิดการรั่วไหล
    57% บอกว่าจะหยุดใช้หากเกิดเหตุรั่วไหล แต่ยังไม่มีมาตรการป้องกัน
    23% ขององค์กรยังไม่มีนโยบาย AI อย่างเป็นทางการ
    มีเพียง 1 ใน 3 ของพนักงานที่รู้สึกว่าเครื่องมือ AI ที่องค์กรจัดให้ตอบโจทย์การทำงาน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Shadow AI คือการใช้เครื่องมือ AI โดยไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่าย IT หรือฝ่ายความปลอดภัย
    เครื่องมือที่นิยมใช้ ได้แก่ ChatGPT, Claude, Grammarly, Jasper และ Perplexity
    การใช้ AI ในงานเขียน วิเคราะห์ข้อมูล และการวิจัยเป็นที่นิยมมากที่สุด
    ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงเครื่องมือ AI ทำให้พนักงานบางกลุ่มต้องหาทางใช้เอง
    การใช้ AI โดยไม่มีการควบคุมอาจนำไปสู่การละเมิดลิขสิทธิ์และความเสี่ยงด้านความมั่นคง

    https://www.techradar.com/pro/many-workers-are-using-unapproved-ai-tools-at-work-and-sharing-a-lot-of-private-data-they-really-shouldnt
    🕵️‍♀️ “Shadow AI ระบาดในองค์กร — ผู้บริหารใช้เครื่องมือ AI ที่ไม่ได้รับอนุญาตมากที่สุด พร้อมแชร์ข้อมูลลับโดยไม่รู้ตัว” ผลสำรวจล่าสุดจาก Cybernews เผยให้เห็นภาพที่น่ากังวลของการใช้ AI ในที่ทำงาน โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือที่ไม่ได้รับอนุญาตจากองค์กร หรือที่เรียกว่า “Shadow AI” ซึ่งกำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ในหลายบริษัททั่วโลก กว่า 59% ของพนักงานยอมรับว่าใช้เครื่องมือ AI ที่องค์กรไม่ได้อนุมัติ และที่น่าตกใจคือ 75% ของคนกลุ่มนี้เคยแชร์ข้อมูลที่เป็นความลับ เช่น ข้อมูลลูกค้า เอกสารภายใน รหัสโปรแกรม หรือแม้แต่ข้อมูลด้านกฎหมายและการเงิน โดยไม่รู้ว่าข้อมูลเหล่านั้นอาจถูกเก็บไว้โดยระบบ AI ที่ไม่มีการควบคุม ที่น่าประหลาดใจคือ ผู้บริหารระดับสูงกลับเป็นกลุ่มที่ใช้ Shadow AI มากที่สุดถึง 93% ตามมาด้วยผู้จัดการ 73% และพนักงานทั่วไป 62% ซึ่งสะท้อนว่าปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากการขาดความรู้เท่านั้น แต่ยังเกิดจากการขาดเครื่องมือที่ตอบโจทย์จริง ๆ เพราะแม้จะมีองค์กรถึง 52% ที่จัดหาเครื่องมือ AI ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ แต่มีเพียง 1 ใน 3 ของพนักงานที่รู้สึกว่าเครื่องมือเหล่านั้นตอบโจทย์การทำงาน ข้อมูลที่ถูกแชร์ผ่าน Shadow AI มีตั้งแต่ข้อมูลพนักงาน (35%) ข้อมูลลูกค้า (32%) เอกสารภายใน (27%) ไปจนถึงโค้ดและอัลกอริธึมเฉพาะของบริษัท (20%) ทั้งที่ 89% ของพนักงานรู้ว่า AI มีความเสี่ยง และ 64% ยอมรับว่าการใช้ Shadow AI อาจนำไปสู่การรั่วไหลของข้อมูล แม้หลายคนจะบอกว่าจะหยุดใช้ทันทีหากเกิดเหตุรั่วไหล แต่ในความเป็นจริง มีเพียงไม่กี่องค์กรที่มีนโยบายควบคุมการใช้ AI อย่างจริงจัง โดย 23% ยังไม่มีนโยบาย AI เลย และอีกหลายแห่งยังไม่สามารถให้เครื่องมือที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเพียงพอ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ 59% ของพนักงานใช้เครื่องมือ AI ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากองค์กร ➡️ 75% ของผู้ใช้ Shadow AI เคยแชร์ข้อมูลที่เป็นความลับ ➡️ ผู้บริหารระดับสูงใช้ Shadow AI มากที่สุดถึง 93% ➡️ ข้อมูลที่ถูกแชร์มีทั้งข้อมูลพนักงาน ลูกค้า เอกสารภายใน และโค้ดเฉพาะ ➡️ 89% ของพนักงานรู้ว่า AI มีความเสี่ยง และ 64% ยอมรับว่าอาจเกิดการรั่วไหล ➡️ 57% บอกว่าจะหยุดใช้หากเกิดเหตุรั่วไหล แต่ยังไม่มีมาตรการป้องกัน ➡️ 23% ขององค์กรยังไม่มีนโยบาย AI อย่างเป็นทางการ ➡️ มีเพียง 1 ใน 3 ของพนักงานที่รู้สึกว่าเครื่องมือ AI ที่องค์กรจัดให้ตอบโจทย์การทำงาน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Shadow AI คือการใช้เครื่องมือ AI โดยไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่าย IT หรือฝ่ายความปลอดภัย ➡️ เครื่องมือที่นิยมใช้ ได้แก่ ChatGPT, Claude, Grammarly, Jasper และ Perplexity ➡️ การใช้ AI ในงานเขียน วิเคราะห์ข้อมูล และการวิจัยเป็นที่นิยมมากที่สุด ➡️ ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงเครื่องมือ AI ทำให้พนักงานบางกลุ่มต้องหาทางใช้เอง ➡️ การใช้ AI โดยไม่มีการควบคุมอาจนำไปสู่การละเมิดลิขสิทธิ์และความเสี่ยงด้านความมั่นคง https://www.techradar.com/pro/many-workers-are-using-unapproved-ai-tools-at-work-and-sharing-a-lot-of-private-data-they-really-shouldnt
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI สหรัฐฯ ทิ้งห่างจีน — ผลทดสอบ 19 ด้านชี้ชัด DeepSeek ยังตามหลัง OpenAI และ Anthropic แบบไม่เห็นฝุ่น”

    สหรัฐฯ ประกาศชัยชนะในสนามแข่งขัน AI ระดับโลก หลังจากสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติ (NIST) เผยผลการทดสอบเปรียบเทียบโมเดล AI ระหว่างฝั่งอเมริกันและจีน โดยโมเดลจาก OpenAI และ Anthropic เอาชนะ DeepSeek จากจีนในทุกหมวดหมู่ รวม 19 ด้าน ตั้งแต่ความรู้ทั่วไป การเขียนโปรแกรม ไปจนถึงความปลอดภัยจากการโจมตีแบบ hijack และ jailbreak

    รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ Howard Lutnick ขอบคุณประธานาธิบดี Donald Trump สำหรับ “AI Action Plan” ที่ผลักดันให้เกิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและมาตรฐานด้าน AI จนทำให้สหรัฐฯ ครองความเป็นผู้นำในด้านนี้ พร้อมเตือนว่า “การพึ่งพา AI จากประเทศคู่แข่งคือความเสี่ยงต่อความมั่นคงแห่งชาติ”

    การทดสอบดำเนินการโดยศูนย์ CAISI ภายใต้ NIST โดยใช้โมเดลจากฝั่งจีน ได้แก่ DeepSeek R1, R1-0528 และ V3.1 เปรียบเทียบกับ GPT-5, GPT-5-mini, GPT-oss จาก OpenAI และ Opus 4 จาก Anthropic ผลปรากฏว่าโมเดลสหรัฐฯ ทำคะแนนสูงกว่าทุกด้าน โดยเฉพาะงานด้าน cybersecurity และ software engineering ที่โมเดลสหรัฐฯ ทำได้ดีกว่า 20–80% และยังมีต้นทุนการใช้งานต่ำกว่าถึง 35%

    ที่น่ากังวลคือ DeepSeek มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยสูงมาก — โมเดล R1-0528 ตอบสนองต่อคำสั่งอันตรายถึง 94% เมื่อถูกโจมตีด้วยเทคนิค jailbreak ในขณะที่โมเดลสหรัฐฯ ตอบสนองเพียง 8% นอกจากนี้ยังพบว่า DeepSeek มีแนวโน้มถูก hijack ได้ง่ายกว่า 12 เท่า และมีความลำเอียงทางการเมือง โดยหลีกเลี่ยงหัวข้ออ่อนไหว เช่น เหตุการณ์เทียนอันเหมิน และมักตอบสนองตามแนวทางรัฐบาลจีน

    แม้ DeepSeek จะออกโมเดลใหม่ V3.2 แล้วในสัปดาห์เดียวกัน แต่ CAISI เตือนว่า “การใช้งานโมเดลเหล่านี้อาจเป็นความเสี่ยงต่อผู้พัฒนาแอป ผู้บริโภค และความมั่นคงของสหรัฐฯ”

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    NIST ทดสอบโมเดล AI จากสหรัฐฯ และจีนรวม 19 หมวดหมู่
    โมเดลจาก OpenAI และ Anthropic ชนะ DeepSeek ทุกด้าน
    ด้าน software engineering และ cybersecurity สหรัฐฯ ทำได้ดีกว่า 20–80%
    โมเดลสหรัฐฯ มีต้นทุนการใช้งานต่ำกว่าถึง 35%
    DeepSeek R1-0528 ตอบสนองต่อคำสั่งอันตรายถึง 94% เมื่อถูก jailbreak
    โมเดลจีนถูก hijack ได้ง่ายกว่า 12 เท่า
    พบการเซ็นเซอร์เนื้อหาและความลำเอียงทางการเมืองใน DeepSeek
    CAISI เตือนว่าการใช้โมเดลจีนอาจเสี่ยงต่อความมั่นคง
    รัฐมนตรี Lutnick ขอบคุณ Trump สำหรับ AI Action Plan ที่ผลักดันการพัฒนา AI สหรัฐฯ
    DeepSeek มีการดาวน์โหลดเพิ่มขึ้น 1,000% ตั้งแต่ต้นปี 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    jailbreak คือเทคนิคที่ใช้หลอกให้ AI ทำสิ่งที่ขัดกับข้อจำกัดด้านความปลอดภัย
    hijack agent คือการควบคุม AI ให้ทำงานผิดวัตถุประสงค์ เช่น สร้างมัลแวร์หรือขโมยข้อมูล
    CAISI เป็นหน่วยงานใหม่ภายใต้ NIST ที่ดูแลมาตรฐานและความปลอดภัยของ AI
    GPT-5 และ Opus 4 เป็นโมเดลระดับสูงที่ใช้ในงานวิจัยและองค์กรขนาดใหญ่
    การเซ็นเซอร์ใน AI อาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสของระบบ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/u-s-commerce-sec-lutnick-says-american-ai-dominates-deepseek-thanks-trump-for-ai-action-plan-openai-and-anthropic-beat-chinese-models-across-19-different-benchmarks
    🇺🇸🤖 “AI สหรัฐฯ ทิ้งห่างจีน — ผลทดสอบ 19 ด้านชี้ชัด DeepSeek ยังตามหลัง OpenAI และ Anthropic แบบไม่เห็นฝุ่น” สหรัฐฯ ประกาศชัยชนะในสนามแข่งขัน AI ระดับโลก หลังจากสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติ (NIST) เผยผลการทดสอบเปรียบเทียบโมเดล AI ระหว่างฝั่งอเมริกันและจีน โดยโมเดลจาก OpenAI และ Anthropic เอาชนะ DeepSeek จากจีนในทุกหมวดหมู่ รวม 19 ด้าน ตั้งแต่ความรู้ทั่วไป การเขียนโปรแกรม ไปจนถึงความปลอดภัยจากการโจมตีแบบ hijack และ jailbreak รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ Howard Lutnick ขอบคุณประธานาธิบดี Donald Trump สำหรับ “AI Action Plan” ที่ผลักดันให้เกิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและมาตรฐานด้าน AI จนทำให้สหรัฐฯ ครองความเป็นผู้นำในด้านนี้ พร้อมเตือนว่า “การพึ่งพา AI จากประเทศคู่แข่งคือความเสี่ยงต่อความมั่นคงแห่งชาติ” การทดสอบดำเนินการโดยศูนย์ CAISI ภายใต้ NIST โดยใช้โมเดลจากฝั่งจีน ได้แก่ DeepSeek R1, R1-0528 และ V3.1 เปรียบเทียบกับ GPT-5, GPT-5-mini, GPT-oss จาก OpenAI และ Opus 4 จาก Anthropic ผลปรากฏว่าโมเดลสหรัฐฯ ทำคะแนนสูงกว่าทุกด้าน โดยเฉพาะงานด้าน cybersecurity และ software engineering ที่โมเดลสหรัฐฯ ทำได้ดีกว่า 20–80% และยังมีต้นทุนการใช้งานต่ำกว่าถึง 35% ที่น่ากังวลคือ DeepSeek มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยสูงมาก — โมเดล R1-0528 ตอบสนองต่อคำสั่งอันตรายถึง 94% เมื่อถูกโจมตีด้วยเทคนิค jailbreak ในขณะที่โมเดลสหรัฐฯ ตอบสนองเพียง 8% นอกจากนี้ยังพบว่า DeepSeek มีแนวโน้มถูก hijack ได้ง่ายกว่า 12 เท่า และมีความลำเอียงทางการเมือง โดยหลีกเลี่ยงหัวข้ออ่อนไหว เช่น เหตุการณ์เทียนอันเหมิน และมักตอบสนองตามแนวทางรัฐบาลจีน แม้ DeepSeek จะออกโมเดลใหม่ V3.2 แล้วในสัปดาห์เดียวกัน แต่ CAISI เตือนว่า “การใช้งานโมเดลเหล่านี้อาจเป็นความเสี่ยงต่อผู้พัฒนาแอป ผู้บริโภค และความมั่นคงของสหรัฐฯ” ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ NIST ทดสอบโมเดล AI จากสหรัฐฯ และจีนรวม 19 หมวดหมู่ ➡️ โมเดลจาก OpenAI และ Anthropic ชนะ DeepSeek ทุกด้าน ➡️ ด้าน software engineering และ cybersecurity สหรัฐฯ ทำได้ดีกว่า 20–80% ➡️ โมเดลสหรัฐฯ มีต้นทุนการใช้งานต่ำกว่าถึง 35% ➡️ DeepSeek R1-0528 ตอบสนองต่อคำสั่งอันตรายถึง 94% เมื่อถูก jailbreak ➡️ โมเดลจีนถูก hijack ได้ง่ายกว่า 12 เท่า ➡️ พบการเซ็นเซอร์เนื้อหาและความลำเอียงทางการเมืองใน DeepSeek ➡️ CAISI เตือนว่าการใช้โมเดลจีนอาจเสี่ยงต่อความมั่นคง ➡️ รัฐมนตรี Lutnick ขอบคุณ Trump สำหรับ AI Action Plan ที่ผลักดันการพัฒนา AI สหรัฐฯ ➡️ DeepSeek มีการดาวน์โหลดเพิ่มขึ้น 1,000% ตั้งแต่ต้นปี 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ jailbreak คือเทคนิคที่ใช้หลอกให้ AI ทำสิ่งที่ขัดกับข้อจำกัดด้านความปลอดภัย ➡️ hijack agent คือการควบคุม AI ให้ทำงานผิดวัตถุประสงค์ เช่น สร้างมัลแวร์หรือขโมยข้อมูล ➡️ CAISI เป็นหน่วยงานใหม่ภายใต้ NIST ที่ดูแลมาตรฐานและความปลอดภัยของ AI ➡️ GPT-5 และ Opus 4 เป็นโมเดลระดับสูงที่ใช้ในงานวิจัยและองค์กรขนาดใหญ่ ➡️ การเซ็นเซอร์ใน AI อาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสของระบบ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/u-s-commerce-sec-lutnick-says-american-ai-dominates-deepseek-thanks-trump-for-ai-action-plan-openai-and-anthropic-beat-chinese-models-across-19-different-benchmarks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Oracle ถูกขู่เรียกค่าไถ่จากแฮกเกอร์ — ข้อมูลลูกค้า E-Business Suite อาจถูกเจาะผ่านช่องโหว่เดิม”

    Oracle กำลังเผชิญกับการโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ เมื่อกลุ่มแฮกเกอร์ที่เชื่อมโยงกับ Cl0p ransomware ได้ส่งอีเมลขู่เรียกค่าไถ่ไปยังผู้บริหารขององค์กรต่าง ๆ ที่ใช้ระบบ Oracle E-Business Suite โดยอ้างว่าขโมยข้อมูลสำคัญไปแล้ว และเรียกร้องเงินสูงสุดถึง 50 ล้านดอลลาร์เพื่อไม่ให้เปิดเผยข้อมูลเหล่านั้น

    การโจมตีเริ่มต้นเมื่อปลายเดือนกันยายน 2025 โดยแฮกเกอร์ใช้บัญชีอีเมลที่ถูกเจาะจำนวนมาก ส่งอีเมลไปยังผู้บริหารระดับสูง พร้อมแนบหลักฐาน เช่น ภาพหน้าจอและโครงสร้างไฟล์ เพื่อแสดงว่าพวกเขาเข้าถึงระบบได้จริง แม้ว่า Google และ Mandiant จะยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าข้อมูลถูกขโมยจริงหรือไม่ แต่ก็พบว่ามีการใช้บัญชีที่เคยเกี่ยวข้องกับกลุ่ม Cl0p และ FIN11 ซึ่งเป็นกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ที่มีประวัติการโจมตีองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก

    ช่องทางที่แฮกเกอร์ใช้คือการเจาะบัญชีผู้ใช้และใช้ฟีเจอร์รีเซ็ตรหัสผ่านในหน้า AppsLocalLogin.jsp ซึ่งมักไม่อยู่ภายใต้ระบบ SSO และไม่มีการเปิดใช้ MFA ทำให้สามารถเข้าถึงระบบได้โดยง่าย โดย Oracle ยอมรับว่าการโจมตีอาจใช้ช่องโหว่ที่เคยถูกระบุไว้ก่อนหน้านี้ และแนะนำให้ลูกค้าอัปเดตแพตช์ล่าสุดทันที

    แม้จะยังไม่มีการยืนยันว่าข้อมูลถูกขโมยจริง แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าแค่อีเมลขู่ก็สามารถสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นขององค์กรได้แล้ว และแนะนำให้ทุกองค์กรที่ใช้ Oracle EBS ตรวจสอบระบบอย่างละเอียดเพื่อหาหลักฐานการเจาะระบบหรือการเข้าถึงที่ผิดปกติ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Oracle ยืนยันว่าลูกค้าได้รับอีเมลขู่เรียกค่าไถ่จากแฮกเกอร์
    กลุ่มที่เกี่ยวข้องคือ Cl0p และ FIN11 ซึ่งมีประวัติการโจมตีองค์กรขนาดใหญ่
    อีเมลขู่มีหลักฐาน เช่น ภาพหน้าจอและโครงสร้างไฟล์ เพื่อเพิ่มแรงกดดัน
    เริ่มต้นเมื่อปลายเดือนกันยายน 2025 และยังดำเนินอยู่
    ใช้ช่องทางรีเซ็ตรหัสผ่านผ่านหน้า AppsLocalLogin.jsp ที่ไม่มี MFA
    Oracle แนะนำให้ลูกค้าอัปเดตแพตช์ล่าสุดเพื่อปิดช่องโหว่
    มีการเรียกร้องเงินสูงสุดถึง 50 ล้านดอลลาร์ในบางกรณี
    อีเมลถูกส่งจากบัญชีที่เคยเกี่ยวข้องกับ Cl0p และปรากฏบนเว็บ data leak ของกลุ่ม
    Google และ Mandiant ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าข้อมูลถูกขโมยจริง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Oracle E-Business Suite เป็นระบบ ERP ที่ใช้จัดการการเงิน, HR, CRM และซัพพลายเชน
    Cl0p เคยโจมตี MOVEit Transfer ในปี 2023 ทำให้ข้อมูลรั่วไหลจากองค์กรกว่า 2,700 แห่ง
    FIN11 เป็นกลุ่มที่ใช้ Cl0p ransomware และมีประวัติการโจมตีแบบ phishing และ credential abuse
    การไม่มี MFA ในระบบ login ภายในองค์กรเป็นช่องโหว่ที่พบได้บ่อย
    การรีเซ็ตรหัสผ่านผ่านหน้าเว็บที่เปิดสาธารณะเป็นจุดเสี่ยงสูง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/03/oracle-says-hackers-are-trying-to-extort-its-customers
    🕵️‍♂️ “Oracle ถูกขู่เรียกค่าไถ่จากแฮกเกอร์ — ข้อมูลลูกค้า E-Business Suite อาจถูกเจาะผ่านช่องโหว่เดิม” Oracle กำลังเผชิญกับการโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ เมื่อกลุ่มแฮกเกอร์ที่เชื่อมโยงกับ Cl0p ransomware ได้ส่งอีเมลขู่เรียกค่าไถ่ไปยังผู้บริหารขององค์กรต่าง ๆ ที่ใช้ระบบ Oracle E-Business Suite โดยอ้างว่าขโมยข้อมูลสำคัญไปแล้ว และเรียกร้องเงินสูงสุดถึง 50 ล้านดอลลาร์เพื่อไม่ให้เปิดเผยข้อมูลเหล่านั้น การโจมตีเริ่มต้นเมื่อปลายเดือนกันยายน 2025 โดยแฮกเกอร์ใช้บัญชีอีเมลที่ถูกเจาะจำนวนมาก ส่งอีเมลไปยังผู้บริหารระดับสูง พร้อมแนบหลักฐาน เช่น ภาพหน้าจอและโครงสร้างไฟล์ เพื่อแสดงว่าพวกเขาเข้าถึงระบบได้จริง แม้ว่า Google และ Mandiant จะยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าข้อมูลถูกขโมยจริงหรือไม่ แต่ก็พบว่ามีการใช้บัญชีที่เคยเกี่ยวข้องกับกลุ่ม Cl0p และ FIN11 ซึ่งเป็นกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ที่มีประวัติการโจมตีองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก ช่องทางที่แฮกเกอร์ใช้คือการเจาะบัญชีผู้ใช้และใช้ฟีเจอร์รีเซ็ตรหัสผ่านในหน้า AppsLocalLogin.jsp ซึ่งมักไม่อยู่ภายใต้ระบบ SSO และไม่มีการเปิดใช้ MFA ทำให้สามารถเข้าถึงระบบได้โดยง่าย โดย Oracle ยอมรับว่าการโจมตีอาจใช้ช่องโหว่ที่เคยถูกระบุไว้ก่อนหน้านี้ และแนะนำให้ลูกค้าอัปเดตแพตช์ล่าสุดทันที แม้จะยังไม่มีการยืนยันว่าข้อมูลถูกขโมยจริง แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าแค่อีเมลขู่ก็สามารถสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นขององค์กรได้แล้ว และแนะนำให้ทุกองค์กรที่ใช้ Oracle EBS ตรวจสอบระบบอย่างละเอียดเพื่อหาหลักฐานการเจาะระบบหรือการเข้าถึงที่ผิดปกติ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Oracle ยืนยันว่าลูกค้าได้รับอีเมลขู่เรียกค่าไถ่จากแฮกเกอร์ ➡️ กลุ่มที่เกี่ยวข้องคือ Cl0p และ FIN11 ซึ่งมีประวัติการโจมตีองค์กรขนาดใหญ่ ➡️ อีเมลขู่มีหลักฐาน เช่น ภาพหน้าจอและโครงสร้างไฟล์ เพื่อเพิ่มแรงกดดัน ➡️ เริ่มต้นเมื่อปลายเดือนกันยายน 2025 และยังดำเนินอยู่ ➡️ ใช้ช่องทางรีเซ็ตรหัสผ่านผ่านหน้า AppsLocalLogin.jsp ที่ไม่มี MFA ➡️ Oracle แนะนำให้ลูกค้าอัปเดตแพตช์ล่าสุดเพื่อปิดช่องโหว่ ➡️ มีการเรียกร้องเงินสูงสุดถึง 50 ล้านดอลลาร์ในบางกรณี ➡️ อีเมลถูกส่งจากบัญชีที่เคยเกี่ยวข้องกับ Cl0p และปรากฏบนเว็บ data leak ของกลุ่ม ➡️ Google และ Mandiant ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าข้อมูลถูกขโมยจริง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Oracle E-Business Suite เป็นระบบ ERP ที่ใช้จัดการการเงิน, HR, CRM และซัพพลายเชน ➡️ Cl0p เคยโจมตี MOVEit Transfer ในปี 2023 ทำให้ข้อมูลรั่วไหลจากองค์กรกว่า 2,700 แห่ง ➡️ FIN11 เป็นกลุ่มที่ใช้ Cl0p ransomware และมีประวัติการโจมตีแบบ phishing และ credential abuse ➡️ การไม่มี MFA ในระบบ login ภายในองค์กรเป็นช่องโหว่ที่พบได้บ่อย ➡️ การรีเซ็ตรหัสผ่านผ่านหน้าเว็บที่เปิดสาธารณะเป็นจุดเสี่ยงสูง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/03/oracle-says-hackers-are-trying-to-extort-its-customers
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Oracle says hackers are trying to extort its customers
    WASHINGTON (Reuters) -Oracle said on Thursday that customers of its E-Business Suite of products "have received extortion emails," confirming a warning first issued on Wednesday by Alphabet's Google.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts