• เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 6 – ซาอุดิฯ 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 6”
    ซาอุดิ 2
ชาวเกาะใหญ่ฯ ใช้ชื่อ Anglo – Persian Oil Company (APOC) และ Turkish Petroleum Company (TPC) เป็นตัวแทนในการควบคุมแหล่งน้ำมันที่ตัวเองฮุบมาในอิหร่านและอิรัก
    ใน ส่วนของ Turkish Petroleum เอง อังกฤษใช้ชื่อ Anglo – Persian Oil Company ถือหุ้น 47.5% ที่เหลือเป็นของพวกดัชท์ 22.5% ฝรั่งเศส 25% และอาร์มาเนียน 5% เมื่อแบ่งให้อเมริกาไป 23.75% ส่วนของอังกฤษอย่างเป็นทางการจึงเหลือ 23.75% เท่ากับอเมริกา เหมือนนักล่าชาวเกาะใหญ่ฯจะใจดีกับอเมริกานักล่ารุ่นใหม่ เกินสันดาน
    อังกฤษ ไม่ได้แบ่งหุ้นให้อเมริกาด้วยความเสน่หา แต่เป็นการล่อให้อเมริกาเดินเข้า ไปติดกับดัก ที่วางเอาล่อไว้ ผู้ถือหุ้นใน Turkish Petroleum Company (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Iraqi Petroleum Company) ต้องเซ็นสัญญาเรียกว่า Red Line Agreement ห้ามผู้ถือหุ้นแข่งขันกันขุดน้ำมัน ในบริเวณต้องห้าม คือ ตุรกี อิรัก เลบานอน ซีเรีย จอร์แดน ปาเลสไตน์ และซาอุดิอารเบีย รายหลังนี่สำคัญ แหม! คุณพี่ชาวเกาะฯ แบบนี้มันก็เกือบหมดตะวันออกกลางไปแล้ว ถึงว่า เหมือนจะใจดีกับน้องใหม่ ที่ไหนได้ เขารักกันแบบนี้เอง !
    บังเอิญ Gulf Oil บริษัทน้ำมัน ไม่ใหญ่ไม่เล็กของอเมริกา เกิดไปได้สัมปทานจากบาห์เรน และคูเวต อังกฤษชาวเกาะใหญ่ฯ ก็คัดค้านอีก อ้าว ! ก็ไม่อยู่ในเขตเส้นแดงต้องห้ามนี่หว่า จะมาโวยวายได้ไง Gulf Oil ขอให้กระทรวงต่างประเทศของอเมริกา เข้ามาช่วยจัดการ
    ในที่สุด Gulf Oil ก็โอนสิทธิสัมปทานที่ได้มาจากบาห์เรน ให้แก่ Standard Oil of California (SOCAL) ที่ไม่อยู่ในสัญญา Red Line อังกฤษถึงกับอ้าปากค้าง พูดไม่ออก นี่ถ้ารู้ว่า Gulf Oil ก็คือหน้าม้าของ Standard Oil ที่ตั้งขึ้น เพื่อแอบยื่นเท้าเข้าไปในบาห์เรน ไม่ให้อังกฤษรู้ตัว อังกฤษคงถึงกับช้ำใน SOCAL ใส่เสื้อเกราะหลายชั้น ทั้งปลอมตัว ทั้งเลี่ยงกฏหมาย ตั้งบริษัท ใหม่ ชื่อ Bahrain Petroleum Company ตามกฏหมายของแคนาดา มารับสัมปทานจากบาห์เรนแทน ค.ศ.1932 Bahrain Petroleum Company ก็เริ่มขุดน้ำมันได้
    อเมริกาเร่งเครื่อง รุกต่อที่คูเวต ซึ่งขณะนั้นยังเป็นรัฐที่อยู่ในอาณัติปกครองของอังกฤษ อังกฤษเองกำลังปวดหัว กับการเริ่มลุกขึ้นมาแข็งข้อของ พวกอาหรับ คิดยี่ต๋อกแล้ว มีอเมริกามาเป็นพวก แถมมีโอกาสได้น้ำมันเพิ่ม น่าจะแสดงเดี่ยว ในที่สุด ค.ศ.1934 อเมริกา อังกฤษ ก็จับมือกันตั้ง Kuwait Oil Company ถือหุ้นฝ่ายละ 50 เท่ากัน
    น้ำมันในบาห์เรน ทำให้อเมริกานักล่าหน้าใหม่ถึงกับซูดปาก ฉวยโอกาสขณะที่อังกฤษกำลังโดนศอกจากเหยื่อ เอะ ! หรืออเมริกาช่วยสอนวิธีศอกกลับ ให้พวกเหยื่อของชาวเกาะใหญ่ด้วย Standard Oil of California (SOCAL) ไม่ได้ถูกล็อคคอทำสัญญาเขตเส้นแดง แอบไปคอยดักคำนับ สวัสดีกับ King Ibn Saud ของซาอุดิอารเบีย
    แม้ซาอุดิอารเบียจะตั้งเป็นรัฐเอกราชตั้งแต่ ค.ศ.1931 แต่อเมริกาก็ยังไม่เคยมีสัมพันธ์อย่างเป็นทางการด้วย อเมริกาถือว่าเป็นนักล่าหน้าใหม่ กำลังเรียนงาน เรียนวิธีล่าเหยื่อจากลูกพี่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ การเรียนวิธีการล่าเหยื่อของอเมริกาน่าสนใจ
    ขณะนั้นอเมริกาส่งนาย Bert Fish เข้าเป็นกงสุลอยู่ในอิยิปต์ มีหน้าที่สอดส่องกิจกรรมแถบตะวันออกกลาง คุณ Fish คงเคยอยู่แต่ในน้ำ มาว่ายแถวทะเลทรายเลยไม่คล่องตัว เขาเคยไปเยี่ยมเมือง Jidda ของซาอุดิอารเบีย 1 ครั้ง ได้มีโอกาสพบผู้ก่อตั้งและผู้นำรัฐ คือ กษัตริย์ Alb al-Aziz bin al-Rahman al-Saud หรือเรียกย่อๆว่า Ibn Saud แต่คุณปลามองผ่าน โดยไม่รู้ตัวว่าเดินไปสะดุดเอาเจ้าของแหล่งใหญ่ ของสิ่งมหัศจรรย์มีค่าของโลก คงนั่งรอให้น้ำขึ้นกลางทะเลทรายไปเรื่อยๆ
    แต่กลับกลายเป็น กษัตริย์ Ibn Saud เองที่เล็งเห็นอาวุธที่มองหามานาน
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
15 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 6 – ซาอุดิฯ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 6” ซาอุดิ 2
ชาวเกาะใหญ่ฯ ใช้ชื่อ Anglo – Persian Oil Company (APOC) และ Turkish Petroleum Company (TPC) เป็นตัวแทนในการควบคุมแหล่งน้ำมันที่ตัวเองฮุบมาในอิหร่านและอิรัก ใน ส่วนของ Turkish Petroleum เอง อังกฤษใช้ชื่อ Anglo – Persian Oil Company ถือหุ้น 47.5% ที่เหลือเป็นของพวกดัชท์ 22.5% ฝรั่งเศส 25% และอาร์มาเนียน 5% เมื่อแบ่งให้อเมริกาไป 23.75% ส่วนของอังกฤษอย่างเป็นทางการจึงเหลือ 23.75% เท่ากับอเมริกา เหมือนนักล่าชาวเกาะใหญ่ฯจะใจดีกับอเมริกานักล่ารุ่นใหม่ เกินสันดาน อังกฤษ ไม่ได้แบ่งหุ้นให้อเมริกาด้วยความเสน่หา แต่เป็นการล่อให้อเมริกาเดินเข้า ไปติดกับดัก ที่วางเอาล่อไว้ ผู้ถือหุ้นใน Turkish Petroleum Company (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Iraqi Petroleum Company) ต้องเซ็นสัญญาเรียกว่า Red Line Agreement ห้ามผู้ถือหุ้นแข่งขันกันขุดน้ำมัน ในบริเวณต้องห้าม คือ ตุรกี อิรัก เลบานอน ซีเรีย จอร์แดน ปาเลสไตน์ และซาอุดิอารเบีย รายหลังนี่สำคัญ แหม! คุณพี่ชาวเกาะฯ แบบนี้มันก็เกือบหมดตะวันออกกลางไปแล้ว ถึงว่า เหมือนจะใจดีกับน้องใหม่ ที่ไหนได้ เขารักกันแบบนี้เอง ! บังเอิญ Gulf Oil บริษัทน้ำมัน ไม่ใหญ่ไม่เล็กของอเมริกา เกิดไปได้สัมปทานจากบาห์เรน และคูเวต อังกฤษชาวเกาะใหญ่ฯ ก็คัดค้านอีก อ้าว ! ก็ไม่อยู่ในเขตเส้นแดงต้องห้ามนี่หว่า จะมาโวยวายได้ไง Gulf Oil ขอให้กระทรวงต่างประเทศของอเมริกา เข้ามาช่วยจัดการ ในที่สุด Gulf Oil ก็โอนสิทธิสัมปทานที่ได้มาจากบาห์เรน ให้แก่ Standard Oil of California (SOCAL) ที่ไม่อยู่ในสัญญา Red Line อังกฤษถึงกับอ้าปากค้าง พูดไม่ออก นี่ถ้ารู้ว่า Gulf Oil ก็คือหน้าม้าของ Standard Oil ที่ตั้งขึ้น เพื่อแอบยื่นเท้าเข้าไปในบาห์เรน ไม่ให้อังกฤษรู้ตัว อังกฤษคงถึงกับช้ำใน SOCAL ใส่เสื้อเกราะหลายชั้น ทั้งปลอมตัว ทั้งเลี่ยงกฏหมาย ตั้งบริษัท ใหม่ ชื่อ Bahrain Petroleum Company ตามกฏหมายของแคนาดา มารับสัมปทานจากบาห์เรนแทน ค.ศ.1932 Bahrain Petroleum Company ก็เริ่มขุดน้ำมันได้ อเมริกาเร่งเครื่อง รุกต่อที่คูเวต ซึ่งขณะนั้นยังเป็นรัฐที่อยู่ในอาณัติปกครองของอังกฤษ อังกฤษเองกำลังปวดหัว กับการเริ่มลุกขึ้นมาแข็งข้อของ พวกอาหรับ คิดยี่ต๋อกแล้ว มีอเมริกามาเป็นพวก แถมมีโอกาสได้น้ำมันเพิ่ม น่าจะแสดงเดี่ยว ในที่สุด ค.ศ.1934 อเมริกา อังกฤษ ก็จับมือกันตั้ง Kuwait Oil Company ถือหุ้นฝ่ายละ 50 เท่ากัน น้ำมันในบาห์เรน ทำให้อเมริกานักล่าหน้าใหม่ถึงกับซูดปาก ฉวยโอกาสขณะที่อังกฤษกำลังโดนศอกจากเหยื่อ เอะ ! หรืออเมริกาช่วยสอนวิธีศอกกลับ ให้พวกเหยื่อของชาวเกาะใหญ่ด้วย Standard Oil of California (SOCAL) ไม่ได้ถูกล็อคคอทำสัญญาเขตเส้นแดง แอบไปคอยดักคำนับ สวัสดีกับ King Ibn Saud ของซาอุดิอารเบีย แม้ซาอุดิอารเบียจะตั้งเป็นรัฐเอกราชตั้งแต่ ค.ศ.1931 แต่อเมริกาก็ยังไม่เคยมีสัมพันธ์อย่างเป็นทางการด้วย อเมริกาถือว่าเป็นนักล่าหน้าใหม่ กำลังเรียนงาน เรียนวิธีล่าเหยื่อจากลูกพี่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ การเรียนวิธีการล่าเหยื่อของอเมริกาน่าสนใจ ขณะนั้นอเมริกาส่งนาย Bert Fish เข้าเป็นกงสุลอยู่ในอิยิปต์ มีหน้าที่สอดส่องกิจกรรมแถบตะวันออกกลาง คุณ Fish คงเคยอยู่แต่ในน้ำ มาว่ายแถวทะเลทรายเลยไม่คล่องตัว เขาเคยไปเยี่ยมเมือง Jidda ของซาอุดิอารเบีย 1 ครั้ง ได้มีโอกาสพบผู้ก่อตั้งและผู้นำรัฐ คือ กษัตริย์ Alb al-Aziz bin al-Rahman al-Saud หรือเรียกย่อๆว่า Ibn Saud แต่คุณปลามองผ่าน โดยไม่รู้ตัวว่าเดินไปสะดุดเอาเจ้าของแหล่งใหญ่ ของสิ่งมหัศจรรย์มีค่าของโลก คงนั่งรอให้น้ำขึ้นกลางทะเลทรายไปเรื่อยๆ แต่กลับกลายเป็น กษัตริย์ Ibn Saud เองที่เล็งเห็นอาวุธที่มองหามานาน สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
15 ก.ย. 57
    0 Comments 0 Shares 89 Views 0 Reviews
  • “QNX ระบบปฏิบัติการที่ไม่เคยล้ม — จากไมโครเคอร์เนลสู่หัวใจของรถยนต์อัจฉริยะและหุ่นยนต์ผ่าตัด”

    QNX คือระบบปฏิบัติการแบบเรียลไทม์ (RTOS) ที่ถูกพัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี 1980 โดยสองนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยวอเตอร์ลู ประเทศแคนาดา ซึ่งมองเห็นช่องว่างในตลาดสำหรับระบบที่มีความแม่นยำสูงและไม่ล้มง่าย โดยเริ่มต้นจากชื่อ QUNIX ก่อนจะเปลี่ยนเป็น QNX เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางเครื่องหมายการค้า

    จุดเด่นของ QNX คือการออกแบบแบบ “ไมโครเคอร์เนล” ซึ่งหมายถึงการแยกบริการต่าง ๆ เช่น ไดรเวอร์ ระบบไฟล์ และโปรโตคอลเครือข่ายออกจากเคอร์เนลหลัก ทำให้ระบบมีความเสถียรสูง หากส่วนใดส่วนหนึ่งล้ม ก็ไม่กระทบกับระบบทั้งหมด

    ในช่วงปี 2000 QNX ได้พัฒนาเวอร์ชันใหม่ชื่อ “Neutrino” ที่รองรับการทำงานแบบ symmetric multiprocessing (SMP) และเข้ากับมาตรฐาน POSIX ได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้สามารถนำไปใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น ระบบควบคุมรถยนต์ หุ่นยนต์ผ่าตัด และระบบอุตสาหกรรม

    ล่าสุดในงาน CES 2025 QNX ได้เปิดตัวโฉมใหม่ภายใต้การรีแบรนด์จาก BlackBerry โดยเน้น 3 แนวทางหลัก:

    การสร้างชุมชนนักพัฒนา (QNX Everywhere)
    การออกแบบเพื่อระบบคลาวด์
    การลดความซับซ้อนของระบบที่มีความสำคัญระดับชีวิต

    QNX ยังประกาศเปิดให้ใช้งานซอฟต์แวร์พื้นฐานฟรีสำหรับการเรียนรู้และการทดลองแบบไม่เชิงพาณิชย์ พร้อมส่งทีมผู้เชี่ยวชาญเข้าไปมีส่วนร่วมใน GitHub, GitLab, Reddit และ Stack Overflow เพื่อสนับสนุนนักพัฒนาโดยตรง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    QNX เป็นระบบปฏิบัติการแบบเรียลไทม์ที่พัฒนาโดย Quantum Software Systems ในปี 1980
    ใช้สถาปัตยกรรมไมโครเคอร์เนลเพื่อเพิ่มความเสถียรและความปลอดภัย
    เวอร์ชัน Neutrino รองรับ SMP และ POSIX API อย่างสมบูรณ์
    ใช้ในระบบที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น รถยนต์อัจฉริยะและหุ่นยนต์ผ่าตัด
    CES 2025 เปิดตัวรีแบรนด์ QNX ภายใต้ BlackBerry
    เน้นการสร้างชุมชน QNX Everywhere และการสนับสนุนระบบคลาวด์
    เปิดให้ใช้งานซอฟต์แวร์พื้นฐานฟรีสำหรับการเรียนรู้แบบไม่เชิงพาณิชย์
    ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญเข้าไปสนับสนุนใน GitHub, GitLab, Reddit และ Stack Overflow

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    QNX เคยออกเดโมที่รัน GUI, TCP/IP, และเว็บเบราว์เซอร์บนแผ่นฟลอปปี้ขนาด 1.44MB
    ใช้ในระบบควบคุมรถไฟ, เครื่องมือแพทย์, และระบบอัตโนมัติในโรงงาน
    เป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งของ Eclipse IDE Consortium
    มี GUI ชื่อ Photon microGUI ที่ออกแบบมาให้ฝังในระบบได้ง่าย
    QNX ได้รับการยอมรับในวงการอุตสาหกรรมว่า “ไม่ล้ม” แม้ในสภาพแวดล้อมที่โหดที่สุด

    https://www.abortretry.fail/p/the-qnx-operating-system
    🧩 “QNX ระบบปฏิบัติการที่ไม่เคยล้ม — จากไมโครเคอร์เนลสู่หัวใจของรถยนต์อัจฉริยะและหุ่นยนต์ผ่าตัด” QNX คือระบบปฏิบัติการแบบเรียลไทม์ (RTOS) ที่ถูกพัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี 1980 โดยสองนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยวอเตอร์ลู ประเทศแคนาดา ซึ่งมองเห็นช่องว่างในตลาดสำหรับระบบที่มีความแม่นยำสูงและไม่ล้มง่าย โดยเริ่มต้นจากชื่อ QUNIX ก่อนจะเปลี่ยนเป็น QNX เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางเครื่องหมายการค้า จุดเด่นของ QNX คือการออกแบบแบบ “ไมโครเคอร์เนล” ซึ่งหมายถึงการแยกบริการต่าง ๆ เช่น ไดรเวอร์ ระบบไฟล์ และโปรโตคอลเครือข่ายออกจากเคอร์เนลหลัก ทำให้ระบบมีความเสถียรสูง หากส่วนใดส่วนหนึ่งล้ม ก็ไม่กระทบกับระบบทั้งหมด ในช่วงปี 2000 QNX ได้พัฒนาเวอร์ชันใหม่ชื่อ “Neutrino” ที่รองรับการทำงานแบบ symmetric multiprocessing (SMP) และเข้ากับมาตรฐาน POSIX ได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้สามารถนำไปใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น ระบบควบคุมรถยนต์ หุ่นยนต์ผ่าตัด และระบบอุตสาหกรรม ล่าสุดในงาน CES 2025 QNX ได้เปิดตัวโฉมใหม่ภายใต้การรีแบรนด์จาก BlackBerry โดยเน้น 3 แนวทางหลัก: 🔰 การสร้างชุมชนนักพัฒนา (QNX Everywhere) 🔰 การออกแบบเพื่อระบบคลาวด์ 🔰 การลดความซับซ้อนของระบบที่มีความสำคัญระดับชีวิต QNX ยังประกาศเปิดให้ใช้งานซอฟต์แวร์พื้นฐานฟรีสำหรับการเรียนรู้และการทดลองแบบไม่เชิงพาณิชย์ พร้อมส่งทีมผู้เชี่ยวชาญเข้าไปมีส่วนร่วมใน GitHub, GitLab, Reddit และ Stack Overflow เพื่อสนับสนุนนักพัฒนาโดยตรง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ QNX เป็นระบบปฏิบัติการแบบเรียลไทม์ที่พัฒนาโดย Quantum Software Systems ในปี 1980 ➡️ ใช้สถาปัตยกรรมไมโครเคอร์เนลเพื่อเพิ่มความเสถียรและความปลอดภัย ➡️ เวอร์ชัน Neutrino รองรับ SMP และ POSIX API อย่างสมบูรณ์ ➡️ ใช้ในระบบที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น รถยนต์อัจฉริยะและหุ่นยนต์ผ่าตัด ➡️ CES 2025 เปิดตัวรีแบรนด์ QNX ภายใต้ BlackBerry ➡️ เน้นการสร้างชุมชน QNX Everywhere และการสนับสนุนระบบคลาวด์ ➡️ เปิดให้ใช้งานซอฟต์แวร์พื้นฐานฟรีสำหรับการเรียนรู้แบบไม่เชิงพาณิชย์ ➡️ ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญเข้าไปสนับสนุนใน GitHub, GitLab, Reddit และ Stack Overflow ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ QNX เคยออกเดโมที่รัน GUI, TCP/IP, และเว็บเบราว์เซอร์บนแผ่นฟลอปปี้ขนาด 1.44MB ➡️ ใช้ในระบบควบคุมรถไฟ, เครื่องมือแพทย์, และระบบอัตโนมัติในโรงงาน ➡️ เป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งของ Eclipse IDE Consortium ➡️ มี GUI ชื่อ Photon microGUI ที่ออกแบบมาให้ฝังในระบบได้ง่าย ➡️ QNX ได้รับการยอมรับในวงการอุตสาหกรรมว่า “ไม่ล้ม” แม้ในสภาพแวดล้อมที่โหดที่สุด https://www.abortretry.fail/p/the-qnx-operating-system
    WWW.ABORTRETRY.FAIL
    The QNX Operating System
    Quantum Software and the microkernel UNIX
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • “AI สร้างคลิป ‘แซม อัลท์แมนขโมย GPU’ จากกล้องวงจรปิด — ขำก็ขำ แต่สะท้อนอนาคตที่แยกจริงกับปลอมไม่ออก”

    ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 โลกออนไลน์ได้เห็นคลิปวิดีโอสุดฮือฮา: ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ดูเหมือนจริงมาก แสดงให้เห็น Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI กำลัง “ขโมยการ์ดจอ” จากร้าน Target พร้อมพูดว่า “Please, I really need this for Sora inference.” คลิปนี้ไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์จริง แต่เป็นวิดีโอที่สร้างขึ้นด้วย Sora 2 — โมเดลสร้างวิดีโอด้วย AI รุ่นใหม่ของ OpenAI ที่เพิ่งเปิดตัว

    คลิปดังกล่าวถูกสร้างโดยผู้ใช้ชื่อ Gabriel Petersson ซึ่งเป็นนักพัฒนาในทีม Sora เอง และกลายเป็นคลิปยอดนิยมที่สุดในแอป Sora 2 ที่ตอนนี้เปิดให้ใช้งานแบบ invite-only ในสหรัฐฯ และแคนาดา โดยมีเป้าหมายเป็นแพลตฟอร์มแชร์วิดีโอคล้าย TikTok

    ความน่าสนใจคือ Altman ได้อนุญาตให้ใช้ใบหน้าและเสียงของเขาในระบบ Cameo ของ Sora 2 ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สร้างวิดีโอที่มีบุคคลจริงปรากฏอยู่ โดยผ่านการยืนยันตัวตนก่อนใช้งาน แต่เมื่อใบหน้า Altman ถูกใช้ในคลิปล้อเลียนหลายคลิป เช่น ขโมยงานของ Hayao Miyazaki หรือแปลงร่างเป็นแมว ก็เริ่มเกิดคำถามว่า “เราควรควบคุมการใช้ภาพบุคคลใน AI อย่างไร”

    คลิปนี้ยังสะท้อนถึงปัญหาในอดีตของ OpenAI ที่เคยขาดแคลน GPU จนต้องเลื่อนการเปิดตัว GPT-4.5 และปัจจุบันมีแผนจะจัดหาการ์ดจอมากกว่า 1 ล้านตัวภายในปี 2025 โดยมีเป้าหมายสูงสุดที่ 100 ล้านตัว ซึ่งทำให้มุก “ขโมย GPU” กลายเป็นเรื่องขำขันที่เจ็บจริง

    แต่ในอีกด้านหนึ่ง คลิปนี้ก็จุดประกายความกังวลเรื่อง deepfake และการใช้ AI สร้างวิดีโอปลอมที่เหมือนจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อใช้มุมกล้องแบบ CCTV และเสียงที่สมจริง จนอาจทำให้ผู้ชมทั่วไปเข้าใจผิดได้ง่าย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    คลิป AI แสดง Sam Altman ขโมย GPU จาก Target ถูกสร้างด้วย Sora 2
    คลิปถูกสร้างโดยนักพัฒนาในทีม Sora และกลายเป็นคลิปยอดนิยมในแอป
    Altman อนุญาตให้ใช้ใบหน้าและเสียงของเขาในระบบ Cameo ของ Sora 2
    Sora 2 เป็นแอปสร้างวิดีโอ AI ที่เปิดให้ใช้งานแบบ invite-only ในสหรัฐฯ และแคนาดา
    คลิปมีบทพูดว่า “Please, I really need this for Sora inference.”
    คลิปอื่น ๆ ยังล้อเลียน Altman เช่น ขโมยงานของ Miyazaki หรือแปลงร่างเป็นแมว
    OpenAI เคยขาดแคลน GPU และมีแผนจัดหากว่า 100 ล้านตัวภายในปี 2025
    คลิปสะท้อนความสามารถของ Sora 2 ที่สร้างวิดีโอสมจริงมากขึ้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Deepfake คือเทคโนโลยีที่ใช้ AI สร้างภาพหรือเสียงของบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต
    Sora 2 มีระบบ Cameo ที่ต้องยืนยันตัวตนก่อนใช้ใบหน้าบุคคลจริง
    การใช้มุมกล้องแบบ CCTV และเสียงสมจริงช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับคลิป
    OpenAI กำลังเปลี่ยนจากองค์กรไม่แสวงกำไรเป็นบริษัทเชิงพาณิชย์
    Nvidia ลงทุนกว่า $100 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI เพื่อสนับสนุนการจัดหา GPU

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-generated-security-camera-feed-shows-sam-altman-getting-busted-stealing-gpus-from-target-ironic-video-shows-openai-ceo-saying-he-needs-it-for-sora-inferencing
    🎥 “AI สร้างคลิป ‘แซม อัลท์แมนขโมย GPU’ จากกล้องวงจรปิด — ขำก็ขำ แต่สะท้อนอนาคตที่แยกจริงกับปลอมไม่ออก” ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 โลกออนไลน์ได้เห็นคลิปวิดีโอสุดฮือฮา: ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ดูเหมือนจริงมาก แสดงให้เห็น Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI กำลัง “ขโมยการ์ดจอ” จากร้าน Target พร้อมพูดว่า “Please, I really need this for Sora inference.” คลิปนี้ไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์จริง แต่เป็นวิดีโอที่สร้างขึ้นด้วย Sora 2 — โมเดลสร้างวิดีโอด้วย AI รุ่นใหม่ของ OpenAI ที่เพิ่งเปิดตัว คลิปดังกล่าวถูกสร้างโดยผู้ใช้ชื่อ Gabriel Petersson ซึ่งเป็นนักพัฒนาในทีม Sora เอง และกลายเป็นคลิปยอดนิยมที่สุดในแอป Sora 2 ที่ตอนนี้เปิดให้ใช้งานแบบ invite-only ในสหรัฐฯ และแคนาดา โดยมีเป้าหมายเป็นแพลตฟอร์มแชร์วิดีโอคล้าย TikTok ความน่าสนใจคือ Altman ได้อนุญาตให้ใช้ใบหน้าและเสียงของเขาในระบบ Cameo ของ Sora 2 ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สร้างวิดีโอที่มีบุคคลจริงปรากฏอยู่ โดยผ่านการยืนยันตัวตนก่อนใช้งาน แต่เมื่อใบหน้า Altman ถูกใช้ในคลิปล้อเลียนหลายคลิป เช่น ขโมยงานของ Hayao Miyazaki หรือแปลงร่างเป็นแมว ก็เริ่มเกิดคำถามว่า “เราควรควบคุมการใช้ภาพบุคคลใน AI อย่างไร” คลิปนี้ยังสะท้อนถึงปัญหาในอดีตของ OpenAI ที่เคยขาดแคลน GPU จนต้องเลื่อนการเปิดตัว GPT-4.5 และปัจจุบันมีแผนจะจัดหาการ์ดจอมากกว่า 1 ล้านตัวภายในปี 2025 โดยมีเป้าหมายสูงสุดที่ 100 ล้านตัว ซึ่งทำให้มุก “ขโมย GPU” กลายเป็นเรื่องขำขันที่เจ็บจริง แต่ในอีกด้านหนึ่ง คลิปนี้ก็จุดประกายความกังวลเรื่อง deepfake และการใช้ AI สร้างวิดีโอปลอมที่เหมือนจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อใช้มุมกล้องแบบ CCTV และเสียงที่สมจริง จนอาจทำให้ผู้ชมทั่วไปเข้าใจผิดได้ง่าย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ คลิป AI แสดง Sam Altman ขโมย GPU จาก Target ถูกสร้างด้วย Sora 2 ➡️ คลิปถูกสร้างโดยนักพัฒนาในทีม Sora และกลายเป็นคลิปยอดนิยมในแอป ➡️ Altman อนุญาตให้ใช้ใบหน้าและเสียงของเขาในระบบ Cameo ของ Sora 2 ➡️ Sora 2 เป็นแอปสร้างวิดีโอ AI ที่เปิดให้ใช้งานแบบ invite-only ในสหรัฐฯ และแคนาดา ➡️ คลิปมีบทพูดว่า “Please, I really need this for Sora inference.” ➡️ คลิปอื่น ๆ ยังล้อเลียน Altman เช่น ขโมยงานของ Miyazaki หรือแปลงร่างเป็นแมว ➡️ OpenAI เคยขาดแคลน GPU และมีแผนจัดหากว่า 100 ล้านตัวภายในปี 2025 ➡️ คลิปสะท้อนความสามารถของ Sora 2 ที่สร้างวิดีโอสมจริงมากขึ้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Deepfake คือเทคโนโลยีที่ใช้ AI สร้างภาพหรือเสียงของบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ➡️ Sora 2 มีระบบ Cameo ที่ต้องยืนยันตัวตนก่อนใช้ใบหน้าบุคคลจริง ➡️ การใช้มุมกล้องแบบ CCTV และเสียงสมจริงช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับคลิป ➡️ OpenAI กำลังเปลี่ยนจากองค์กรไม่แสวงกำไรเป็นบริษัทเชิงพาณิชย์ ➡️ Nvidia ลงทุนกว่า $100 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI เพื่อสนับสนุนการจัดหา GPU https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-generated-security-camera-feed-shows-sam-altman-getting-busted-stealing-gpus-from-target-ironic-video-shows-openai-ceo-saying-he-needs-it-for-sora-inferencing
    0 Comments 0 Shares 200 Views 0 Reviews
  • “ซื้อ iPhone รีเฟอร์บจาก Temu — ได้ของดีเกินคาด แต่ความเสี่ยงยังไม่หายไป”

    YouTuber ชื่อดังด้านซ่อมมือถือ “Phone Repair Guru” ได้ทดลองซื้อ iPhone 14 Pro แบบรีเฟอร์บ (refurbished) จาก Temu จำนวน 2 เครื่อง เพื่อพิสูจน์ว่าโทรศัพท์ที่ขายในแพลตฟอร์มจีนราคาประหยัดนี้ “คุ้มจริงหรือแค่หลอก” โดยเขาได้ทำการแกะกล่อง ตรวจสอบสภาพภายนอก และรื้อเครื่องเพื่อดูชิ้นส่วนภายในอย่างละเอียด

    ผลลัพธ์น่าประหลาดใจ: ทั้งสองเครื่องอยู่ในสภาพ “แทบสมบูรณ์” ไม่มีร่องรอยการซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ภายใน แม้จะมีฟิล์มกันรอยติดมา ซึ่งบางครั้งใช้เพื่อปกปิดรอยขีดข่วน แต่เมื่อแกะออกพบว่าเครื่องหนึ่งมีรอยเล็กน้อย ส่วนอีกเครื่องดูใหม่มาก

    เขายังตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่ พบว่าอยู่ที่ 80% และ 83% ซึ่งยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติตามมาตรฐานของ Apple และเมื่อรันระบบ Diagnostics ก็ไม่พบปัญหาใด ๆ ทั้งกล้อง, Face ID, Apple Pay และเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ทำงานได้ดี

    เมื่อรื้อเครื่อง เขาพบว่า seal กันน้ำยังไม่ถูกแกะ และสติกเกอร์ตรวจน้ำยังเป็นสีขาว หมายถึงไม่เคยโดนน้ำมาก่อน ชิ้นส่วนภายในทั้งหมดเป็นของแท้จาก Apple ไม่มีการเปลี่ยนหรือดัดแปลงใด ๆ

    อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่าแม้เครื่องที่ได้จะดี แต่ราคาที่จ่ายคือ 858 ดอลลาร์แคนาดาต่อเครื่อง (ประมาณ 615 ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งสูงกว่าราคามือสองทั่วไปถึงสองเท่า และ Temu ยังมีชื่อเสียงด้านการขายสินค้าปลอม โดยเขาแสดงภาพโฆษณา iPhone ปลอมที่พบในแอป Temu เพื่อเตือนผู้ชมว่า “โชคดีครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะโชคดีเหมือนกัน”

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    YouTuber Phone Repair Guru ซื้อ iPhone 14 Pro รีเฟอร์บจาก Temu จำนวน 2 เครื่อง
    เครื่องทั้งสองอยู่ในสภาพดีมาก ไม่มีการเปลี่ยนชิ้นส่วนภายใน
    ฟิล์มกันรอยอาจใช้เพื่อปกปิดรอย แต่เมื่อแกะออกพบว่ารอยมีน้อยมาก
    สุขภาพแบตเตอรี่อยู่ที่ 80% และ 83% ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ
    ระบบ Diagnostics ไม่พบปัญหาใด ๆ ทั้งกล้อง, Face ID, Apple Pay และเซ็นเซอร์
    seal กันน้ำยังอยู่ครบ และสติกเกอร์ตรวจน้ำยังเป็นสีขาว
    ชิ้นส่วนภายในเป็นของแท้จาก Apple ไม่มีการซ่อมหรือเปลี่ยน
    ราคาอยู่ที่ 858 ดอลลาร์แคนาดาต่อเครื่อง สูงกว่าราคามือสองทั่วไป
    ผู้ขายที่เขาเลือกได้รับคำชมว่าเชื่อถือได้

    https://www.slashgear.com/1981156/man-bought-temu-refurbished-iphone-here-is-what-he-found/
    📱 “ซื้อ iPhone รีเฟอร์บจาก Temu — ได้ของดีเกินคาด แต่ความเสี่ยงยังไม่หายไป” YouTuber ชื่อดังด้านซ่อมมือถือ “Phone Repair Guru” ได้ทดลองซื้อ iPhone 14 Pro แบบรีเฟอร์บ (refurbished) จาก Temu จำนวน 2 เครื่อง เพื่อพิสูจน์ว่าโทรศัพท์ที่ขายในแพลตฟอร์มจีนราคาประหยัดนี้ “คุ้มจริงหรือแค่หลอก” โดยเขาได้ทำการแกะกล่อง ตรวจสอบสภาพภายนอก และรื้อเครื่องเพื่อดูชิ้นส่วนภายในอย่างละเอียด ผลลัพธ์น่าประหลาดใจ: ทั้งสองเครื่องอยู่ในสภาพ “แทบสมบูรณ์” ไม่มีร่องรอยการซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ภายใน แม้จะมีฟิล์มกันรอยติดมา ซึ่งบางครั้งใช้เพื่อปกปิดรอยขีดข่วน แต่เมื่อแกะออกพบว่าเครื่องหนึ่งมีรอยเล็กน้อย ส่วนอีกเครื่องดูใหม่มาก เขายังตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่ พบว่าอยู่ที่ 80% และ 83% ซึ่งยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติตามมาตรฐานของ Apple และเมื่อรันระบบ Diagnostics ก็ไม่พบปัญหาใด ๆ ทั้งกล้อง, Face ID, Apple Pay และเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ทำงานได้ดี เมื่อรื้อเครื่อง เขาพบว่า seal กันน้ำยังไม่ถูกแกะ และสติกเกอร์ตรวจน้ำยังเป็นสีขาว หมายถึงไม่เคยโดนน้ำมาก่อน ชิ้นส่วนภายในทั้งหมดเป็นของแท้จาก Apple ไม่มีการเปลี่ยนหรือดัดแปลงใด ๆ อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่าแม้เครื่องที่ได้จะดี แต่ราคาที่จ่ายคือ 858 ดอลลาร์แคนาดาต่อเครื่อง (ประมาณ 615 ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งสูงกว่าราคามือสองทั่วไปถึงสองเท่า และ Temu ยังมีชื่อเสียงด้านการขายสินค้าปลอม โดยเขาแสดงภาพโฆษณา iPhone ปลอมที่พบในแอป Temu เพื่อเตือนผู้ชมว่า “โชคดีครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะโชคดีเหมือนกัน” ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ YouTuber Phone Repair Guru ซื้อ iPhone 14 Pro รีเฟอร์บจาก Temu จำนวน 2 เครื่อง ➡️ เครื่องทั้งสองอยู่ในสภาพดีมาก ไม่มีการเปลี่ยนชิ้นส่วนภายใน ➡️ ฟิล์มกันรอยอาจใช้เพื่อปกปิดรอย แต่เมื่อแกะออกพบว่ารอยมีน้อยมาก ➡️ สุขภาพแบตเตอรี่อยู่ที่ 80% และ 83% ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ ➡️ ระบบ Diagnostics ไม่พบปัญหาใด ๆ ทั้งกล้อง, Face ID, Apple Pay และเซ็นเซอร์ ➡️ seal กันน้ำยังอยู่ครบ และสติกเกอร์ตรวจน้ำยังเป็นสีขาว ➡️ ชิ้นส่วนภายในเป็นของแท้จาก Apple ไม่มีการซ่อมหรือเปลี่ยน ➡️ ราคาอยู่ที่ 858 ดอลลาร์แคนาดาต่อเครื่อง สูงกว่าราคามือสองทั่วไป ➡️ ผู้ขายที่เขาเลือกได้รับคำชมว่าเชื่อถือได้ https://www.slashgear.com/1981156/man-bought-temu-refurbished-iphone-here-is-what-he-found/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    A Man Bought Two Refurbished iPhones From Temu - Here's What He Found When He Opened Them - SlashGear
    A teardown of two refurbished iPhone 14 Pros from Temu revealed pristine OEM parts but raised questions about pricing and platform risks.
    0 Comments 0 Shares 193 Views 0 Reviews
  • “NASA กลับสู่ดวงจันทร์ในรอบ 50 ปี — Artemis II เตรียมส่งมนุษย์บินรอบดวงจันทร์ด้วยยาน ‘Integrity’ พร้อมภารกิจวิจัยสุขภาพในอวกาศลึก”

    หลังจากห่างหายไปนานกว่า 50 ปีนับจากยุค Apollo ล่าสุด NASA ได้ประกาศภารกิจ Artemis II ซึ่งจะเป็นการส่งมนุษย์บินรอบดวงจันทร์อีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2026 โดยใช้ยาน Orion ที่ได้รับการตั้งชื่อว่า “Integrity” เพื่อสะท้อนคุณค่าหลักของภารกิจ ได้แก่ ความไว้วางใจ ความเคารพ และความร่วมมือระหว่างประเทศ

    ภารกิจนี้จะมีนักบินอวกาศ 4 คน ได้แก่ Reid Wiseman, Victor Glover, Christina Koch จาก NASA และ Jeremy Hansen จาก Canadian Space Agency ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 10 วันในการทดสอบระบบของยาน Orion ในสภาพแวดล้อมอวกาศลึก โดยไม่มีการลงจอดบนดวงจันทร์ แต่จะบินรอบและกลับสู่โลกด้วยเส้นทางแบบ free-return trajectory เพื่อความปลอดภัย

    นอกจากการทดสอบระบบแล้ว Artemis II ยังมีภารกิจวิจัยด้านสุขภาพมนุษย์ในอวกาศลึกเป็นครั้งแรก เช่น การวัดผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกัน ความเครียด การนอนหลับ และการทำงานร่วมกันในพื้นที่จำกัด โดยใช้เทคโนโลยีใหม่อย่าง AVATAR (organ-on-a-chip) ที่จำลองสภาพไขกระดูกมนุษย์ในอุปกรณ์ขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ

    ข้อมูลจากภารกิจนี้จะถูกนำไปใช้ปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยและการออกแบบระบบสำหรับภารกิจถัดไป เช่น Artemis III ที่มีเป้าหมายในการลงจอดบนดวงจันทร์ และภารกิจในอนาคตสู่ดาวอังคาร

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Artemis II เป็นภารกิจแรกในรอบกว่า 50 ปีที่ส่งมนุษย์บินรอบดวงจันทร์
    ยาน Orion ได้รับการตั้งชื่อว่า “Integrity” เพื่อสะท้อนค่านิยมของภารกิจ
    นักบินอวกาศ 4 คนจากสหรัฐฯ และแคนาดาจะร่วมเดินทางในภารกิจนี้
    ใช้เส้นทาง free-return trajectory เพื่อความปลอดภัย หากระบบขับเคลื่อนไม่ทำงาน
    ภารกิจใช้เวลา 10 วัน โดยไม่มีการลงจอดบนดวงจันทร์
    ทดสอบระบบของยาน Orion ในสภาพแวดล้อมอวกาศลึก
    มีการวิจัยสุขภาพมนุษย์ เช่น ภูมิคุ้มกัน ความเครียด การนอน และการทำงานเป็นทีม
    ใช้เทคโนโลยี AVATAR เพื่อศึกษาผลกระทบของรังสีและแรงโน้มถ่วงต่ำต่อเซลล์มนุษย์
    ข้อมูลจากภารกิจจะนำไปใช้ปรับปรุงภารกิจ Artemis III และการเดินทางสู่ดาวอังคาร

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Artemis II เป็นขั้นตอนต่อจาก Artemis I ที่เป็นภารกิจไร้คนขับในปี 2022
    ยาน Orion มีระบบป้องกันรังสีที่เหนือกว่าบนสถานีอวกาศนานาชาติ
    AVATAR เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในงานวิจัยชีวการแพทย์บนโลกมาก่อน
    การวิจัยสุขภาพในอวกาศลึกช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับภารกิจระยะยาว
    Artemis เป็นโครงการที่มีความร่วมมือระหว่าง NASA, ESA, CSA, JAXA และ UAE

    https://www.slashgear.com/1981114/why-nasa-doing-lunar-mission-after-50-years/
    🌕 “NASA กลับสู่ดวงจันทร์ในรอบ 50 ปี — Artemis II เตรียมส่งมนุษย์บินรอบดวงจันทร์ด้วยยาน ‘Integrity’ พร้อมภารกิจวิจัยสุขภาพในอวกาศลึก” หลังจากห่างหายไปนานกว่า 50 ปีนับจากยุค Apollo ล่าสุด NASA ได้ประกาศภารกิจ Artemis II ซึ่งจะเป็นการส่งมนุษย์บินรอบดวงจันทร์อีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2026 โดยใช้ยาน Orion ที่ได้รับการตั้งชื่อว่า “Integrity” เพื่อสะท้อนคุณค่าหลักของภารกิจ ได้แก่ ความไว้วางใจ ความเคารพ และความร่วมมือระหว่างประเทศ ภารกิจนี้จะมีนักบินอวกาศ 4 คน ได้แก่ Reid Wiseman, Victor Glover, Christina Koch จาก NASA และ Jeremy Hansen จาก Canadian Space Agency ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 10 วันในการทดสอบระบบของยาน Orion ในสภาพแวดล้อมอวกาศลึก โดยไม่มีการลงจอดบนดวงจันทร์ แต่จะบินรอบและกลับสู่โลกด้วยเส้นทางแบบ free-return trajectory เพื่อความปลอดภัย นอกจากการทดสอบระบบแล้ว Artemis II ยังมีภารกิจวิจัยด้านสุขภาพมนุษย์ในอวกาศลึกเป็นครั้งแรก เช่น การวัดผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกัน ความเครียด การนอนหลับ และการทำงานร่วมกันในพื้นที่จำกัด โดยใช้เทคโนโลยีใหม่อย่าง AVATAR (organ-on-a-chip) ที่จำลองสภาพไขกระดูกมนุษย์ในอุปกรณ์ขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ ข้อมูลจากภารกิจนี้จะถูกนำไปใช้ปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยและการออกแบบระบบสำหรับภารกิจถัดไป เช่น Artemis III ที่มีเป้าหมายในการลงจอดบนดวงจันทร์ และภารกิจในอนาคตสู่ดาวอังคาร ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Artemis II เป็นภารกิจแรกในรอบกว่า 50 ปีที่ส่งมนุษย์บินรอบดวงจันทร์ ➡️ ยาน Orion ได้รับการตั้งชื่อว่า “Integrity” เพื่อสะท้อนค่านิยมของภารกิจ ➡️ นักบินอวกาศ 4 คนจากสหรัฐฯ และแคนาดาจะร่วมเดินทางในภารกิจนี้ ➡️ ใช้เส้นทาง free-return trajectory เพื่อความปลอดภัย หากระบบขับเคลื่อนไม่ทำงาน ➡️ ภารกิจใช้เวลา 10 วัน โดยไม่มีการลงจอดบนดวงจันทร์ ➡️ ทดสอบระบบของยาน Orion ในสภาพแวดล้อมอวกาศลึก ➡️ มีการวิจัยสุขภาพมนุษย์ เช่น ภูมิคุ้มกัน ความเครียด การนอน และการทำงานเป็นทีม ➡️ ใช้เทคโนโลยี AVATAR เพื่อศึกษาผลกระทบของรังสีและแรงโน้มถ่วงต่ำต่อเซลล์มนุษย์ ➡️ ข้อมูลจากภารกิจจะนำไปใช้ปรับปรุงภารกิจ Artemis III และการเดินทางสู่ดาวอังคาร ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Artemis II เป็นขั้นตอนต่อจาก Artemis I ที่เป็นภารกิจไร้คนขับในปี 2022 ➡️ ยาน Orion มีระบบป้องกันรังสีที่เหนือกว่าบนสถานีอวกาศนานาชาติ ➡️ AVATAR เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในงานวิจัยชีวการแพทย์บนโลกมาก่อน ➡️ การวิจัยสุขภาพในอวกาศลึกช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับภารกิจระยะยาว ➡️ Artemis เป็นโครงการที่มีความร่วมมือระหว่าง NASA, ESA, CSA, JAXA และ UAE https://www.slashgear.com/1981114/why-nasa-doing-lunar-mission-after-50-years/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    NASA Is Conducting A Lunar Mission Over 50 Years Since Its Last One (Here's Why) - SlashGear
    For the first time in five decades, NASA is planning to send humans around the Moon.
    0 Comments 0 Shares 197 Views 0 Reviews
  • “วัยรุ่นดัตช์ถูกจับฐานสอดแนมให้รัสเซีย — เมื่อ Telegram กลายเป็นช่องทางล่อลวง และ Wi-Fi sniffer กลายเป็นอาวุธเงียบ”

    ในเหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึงให้กับสังคมเนเธอร์แลนด์ ตำรวจได้จับกุมวัยรุ่นชายอายุ 17 ปีจำนวน 2 คน ฐานต้องสงสัยว่าถูกกลุ่มแฮกเกอร์ที่สนับสนุนโดยรัฐบาลรัสเซียล่อลวงให้ทำภารกิจสอดแนม โดยหนึ่งในนั้นถูกพบขณะเดินผ่านสถานที่สำคัญในกรุงเฮก เช่น สำนักงาน Europol, Eurojust และสถานทูตแคนาดา พร้อมถืออุปกรณ์ที่เรียกว่า “Wi-Fi sniffer” ซึ่งสามารถดักจับข้อมูลจากเครือข่ายไร้สายใกล้เคียงได้

    การจับกุมเกิดขึ้นหลังจากหน่วยข่าวกรอง AIVD ของเนเธอร์แลนด์ได้รับเบาะแส และนำไปสู่การบุกค้นบ้านของหนึ่งในผู้ต้องสงสัย ขณะเขากำลังทำการบ้านอยู่ โดยเจ้าหน้าที่สวมหน้ากากบุกเข้ามาพร้อมหมายค้น และยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายรายการ

    วัยรุ่นทั้งสองถูกกล่าวหาว่าได้รับการติดต่อผ่าน Telegram ซึ่งเป็นแอปที่นิยมในหมู่เยาวชน และมักถูกใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์หรือหน่วยข่าวกรองต่างชาติในการล่อลวงเหยื่อผ่าน “งานง่าย ๆ” เช่น การเดินส่งพัสดุหรือถ่ายภาพสถานที่ราชการ โดยไม่รู้ว่าตนเองกำลังมีส่วนร่วมในภารกิจสอดแนมหรือแม้แต่การก่อวินาศกรรม

    หนึ่งในผู้ต้องสงสัยถูกควบคุมตัวไว้ ส่วนอีกคนถูกปล่อยตัวภายใต้การควบคุมที่บ้าน พร้อมติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ Europol ยืนยันว่าไม่มีระบบใดถูกเจาะ แต่ยอมรับว่ากำลังร่วมมือกับทางการเนเธอร์แลนด์ในการสอบสวนอย่างใกล้ชิด

    กรณีนี้สะท้อนแนวโน้มที่น่ากังวลในยุโรป ซึ่งเยาวชนและบุคคลเปราะบางถูกใช้เป็น “ตัวแทนที่ใช้แล้วทิ้ง” โดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ เช่นในเยอรมนีและอังกฤษ ที่เคยมีการล่อลวงวัยรุ่นให้ส่งพัสดุที่ภายในมีระเบิดแอบแฝง โดยไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังกลายเป็นเครื่องมือของการก่อการร้าย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    วัยรุ่นชาย 2 คนอายุ 17 ปีถูกจับในเนเธอร์แลนด์ ฐานต้องสงสัยสอดแนมให้กลุ่มแฮกเกอร์รัสเซีย
    หนึ่งในนั้นถูกพบถือ Wi-Fi sniffer เดินผ่านสถานที่สำคัญในกรุงเฮก เช่น Europol และ Eurojust
    การจับกุมเกิดขึ้นหลังจาก AIVD ได้รับเบาะแส และนำไปสู่การบุกค้นบ้านพร้อมหมายค้น
    ผู้ต้องสงสัยถูกติดต่อผ่าน Telegram ซึ่งเป็นช่องทางที่นิยมในหมู่เยาวชน
    หนึ่งคนถูกควบคุมตัว อีกคนถูกปล่อยตัวภายใต้การควบคุมที่บ้าน พร้อมติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์
    Europol ยืนยันว่าไม่มีระบบถูกเจาะ และกำลังร่วมมือกับทางการเนเธอร์แลนด์ในการสอบสวน
    กรณีนี้ถือเป็นครั้งแรกในเนเธอร์แลนด์ที่เยาวชนถูกกล่าวหาว่าถูกล่อลวงโดยรัฐต่างชาติ
    ลักษณะการล่อลวงคล้ายกับกรณีในเยอรมนีและอังกฤษ ที่ใช้เยาวชนเป็น “ตัวแทนที่ใช้แล้วทิ้ง”

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Wi-Fi sniffer เป็นอุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์ที่ใช้ดักจับข้อมูลจากเครือข่ายไร้สาย
    Telegram ถูกใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์และหน่วยข่าวกรองเพราะมีระบบเข้ารหัสและไม่เปิดเผยตัวตน
    กลุ่ม APT28 ของรัสเซียเคยใช้เทคนิค “nearest neighbor attack” ผ่านเครือข่าย Wi-Fi ใกล้เป้าหมาย
    Europol เคยนำทีมปราบกลุ่ม NoName057 (16) ซึ่งมีสมาชิกกว่า 4,000 คนที่โจมตีระบบในยุโรป
    การล่อลวงผ่าน “งานง่าย ๆ” เช่น ส่งพัสดุหรือถ่ายภาพสถานที่ราชการ เป็นเทคนิคที่ใช้บ่อยในสงครามไซเบอร์

    https://hackread.com/dutch-teens-arrested-spying-pro-russian-hackers/
    🕵️‍♂️ “วัยรุ่นดัตช์ถูกจับฐานสอดแนมให้รัสเซีย — เมื่อ Telegram กลายเป็นช่องทางล่อลวง และ Wi-Fi sniffer กลายเป็นอาวุธเงียบ” ในเหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึงให้กับสังคมเนเธอร์แลนด์ ตำรวจได้จับกุมวัยรุ่นชายอายุ 17 ปีจำนวน 2 คน ฐานต้องสงสัยว่าถูกกลุ่มแฮกเกอร์ที่สนับสนุนโดยรัฐบาลรัสเซียล่อลวงให้ทำภารกิจสอดแนม โดยหนึ่งในนั้นถูกพบขณะเดินผ่านสถานที่สำคัญในกรุงเฮก เช่น สำนักงาน Europol, Eurojust และสถานทูตแคนาดา พร้อมถืออุปกรณ์ที่เรียกว่า “Wi-Fi sniffer” ซึ่งสามารถดักจับข้อมูลจากเครือข่ายไร้สายใกล้เคียงได้ การจับกุมเกิดขึ้นหลังจากหน่วยข่าวกรอง AIVD ของเนเธอร์แลนด์ได้รับเบาะแส และนำไปสู่การบุกค้นบ้านของหนึ่งในผู้ต้องสงสัย ขณะเขากำลังทำการบ้านอยู่ โดยเจ้าหน้าที่สวมหน้ากากบุกเข้ามาพร้อมหมายค้น และยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายรายการ วัยรุ่นทั้งสองถูกกล่าวหาว่าได้รับการติดต่อผ่าน Telegram ซึ่งเป็นแอปที่นิยมในหมู่เยาวชน และมักถูกใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์หรือหน่วยข่าวกรองต่างชาติในการล่อลวงเหยื่อผ่าน “งานง่าย ๆ” เช่น การเดินส่งพัสดุหรือถ่ายภาพสถานที่ราชการ โดยไม่รู้ว่าตนเองกำลังมีส่วนร่วมในภารกิจสอดแนมหรือแม้แต่การก่อวินาศกรรม หนึ่งในผู้ต้องสงสัยถูกควบคุมตัวไว้ ส่วนอีกคนถูกปล่อยตัวภายใต้การควบคุมที่บ้าน พร้อมติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ Europol ยืนยันว่าไม่มีระบบใดถูกเจาะ แต่ยอมรับว่ากำลังร่วมมือกับทางการเนเธอร์แลนด์ในการสอบสวนอย่างใกล้ชิด กรณีนี้สะท้อนแนวโน้มที่น่ากังวลในยุโรป ซึ่งเยาวชนและบุคคลเปราะบางถูกใช้เป็น “ตัวแทนที่ใช้แล้วทิ้ง” โดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ เช่นในเยอรมนีและอังกฤษ ที่เคยมีการล่อลวงวัยรุ่นให้ส่งพัสดุที่ภายในมีระเบิดแอบแฝง โดยไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังกลายเป็นเครื่องมือของการก่อการร้าย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ วัยรุ่นชาย 2 คนอายุ 17 ปีถูกจับในเนเธอร์แลนด์ ฐานต้องสงสัยสอดแนมให้กลุ่มแฮกเกอร์รัสเซีย ➡️ หนึ่งในนั้นถูกพบถือ Wi-Fi sniffer เดินผ่านสถานที่สำคัญในกรุงเฮก เช่น Europol และ Eurojust ➡️ การจับกุมเกิดขึ้นหลังจาก AIVD ได้รับเบาะแส และนำไปสู่การบุกค้นบ้านพร้อมหมายค้น ➡️ ผู้ต้องสงสัยถูกติดต่อผ่าน Telegram ซึ่งเป็นช่องทางที่นิยมในหมู่เยาวชน ➡️ หนึ่งคนถูกควบคุมตัว อีกคนถูกปล่อยตัวภายใต้การควบคุมที่บ้าน พร้อมติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ ➡️ Europol ยืนยันว่าไม่มีระบบถูกเจาะ และกำลังร่วมมือกับทางการเนเธอร์แลนด์ในการสอบสวน ➡️ กรณีนี้ถือเป็นครั้งแรกในเนเธอร์แลนด์ที่เยาวชนถูกกล่าวหาว่าถูกล่อลวงโดยรัฐต่างชาติ ➡️ ลักษณะการล่อลวงคล้ายกับกรณีในเยอรมนีและอังกฤษ ที่ใช้เยาวชนเป็น “ตัวแทนที่ใช้แล้วทิ้ง” ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Wi-Fi sniffer เป็นอุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์ที่ใช้ดักจับข้อมูลจากเครือข่ายไร้สาย ➡️ Telegram ถูกใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์และหน่วยข่าวกรองเพราะมีระบบเข้ารหัสและไม่เปิดเผยตัวตน ➡️ กลุ่ม APT28 ของรัสเซียเคยใช้เทคนิค “nearest neighbor attack” ผ่านเครือข่าย Wi-Fi ใกล้เป้าหมาย ➡️ Europol เคยนำทีมปราบกลุ่ม NoName057 (16) ซึ่งมีสมาชิกกว่า 4,000 คนที่โจมตีระบบในยุโรป ➡️ การล่อลวงผ่าน “งานง่าย ๆ” เช่น ส่งพัสดุหรือถ่ายภาพสถานที่ราชการ เป็นเทคนิคที่ใช้บ่อยในสงครามไซเบอร์ https://hackread.com/dutch-teens-arrested-spying-pro-russian-hackers/
    HACKREAD.COM
    Dutch Teens Arrested Over Alleged Spying for Pro-Russian Hackers
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 239 Views 0 Reviews
  • “AI กู้คืนเงินหลวงอังกฤษ 480 ล้านปอนด์ — Fraud Risk Assessment Accelerator กลายเป็นอาวุธใหม่ปราบโกงระดับโลก”

    รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ชื่อว่า “Fraud Risk Assessment Accelerator” ซึ่งสามารถช่วยกู้คืนเงินที่สูญเสียจากการทุจริตได้มากถึง 480 ล้านปอนด์ภายในเวลาเพียง 12 เดือน (เมษายน 2024 – เมษายน 2025) ถือเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ

    ระบบนี้ถูกนำมาใช้เพื่อจัดการกับการโกงในโครงการ Bounce Back Loan ที่เกิดขึ้นช่วงโควิด ซึ่งมีการอนุมัติเงินกู้สูงสุดถึง 50,000 ปอนด์ต่อบริษัทโดยไม่มีการตรวจสอบที่เข้มงวด ทำให้เกิดการโกงอย่างแพร่หลาย เช่น การสร้างบริษัทปลอม หรือการขอเงินกู้หลายครั้งโดยไม่สิทธิ์

    AI ตัวนี้ไม่เพียงแต่ช่วยตรวจสอบย้อนหลัง แต่ยังสามารถวิเคราะห์นโยบายใหม่ล่วงหน้าเพื่อหาช่องโหว่ก่อนที่ผู้ไม่หวังดีจะใช้ประโยชน์ได้ ถือเป็นการ “fraud-proof” นโยบายตั้งแต่ขั้นตอนออกแบบ ซึ่งช่วยป้องกันการสูญเสียในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    หลังจากประสบความสำเร็จในอังกฤษ รัฐบาลเตรียมขยายการใช้งานไปยังประเทศพันธมิตร เช่น สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในงานประชุมต่อต้านการทุจริตระดับนานาชาติที่จัดร่วมกับกลุ่ม Five Eyes

    อย่างไรก็ตาม กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้ AI ในการตรวจสอบสิทธิ์สวัสดิการ โดยระบุว่าอาจเกิดความลำเอียงและผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรม เช่น การเลือกปฏิบัติต่อผู้มีอายุ ความพิการ หรือเชื้อชาติ ซึ่งเป็นประเด็นที่รัฐบาลต้องรับมืออย่างรอบคอบในการขยายระบบนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    รัฐบาลอังกฤษใช้ AI Fraud Risk Assessment Accelerator กู้คืนเงินได้ 480 ล้านปอนด์ใน 12 เดือน
    186 ล้านปอนด์ในจำนวนนี้เกี่ยวข้องกับการโกงโครงการ Bounce Back Loan ช่วงโควิด
    ระบบสามารถวิเคราะห์นโยบายใหม่เพื่อหาช่องโหว่ก่อนถูกโกง
    ป้องกันบริษัทนับแสนที่พยายามยุบตัวเพื่อหลบเลี่ยงการคืนเงินกู้
    รัฐบาลเตรียมขยายการใช้งานไปยังสหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
    เงินที่กู้คืนจะนำไปใช้ในบริการสาธารณะ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และตำรวจ
    มีการประกาศผลในงานประชุมต่อต้านการทุจริตร่วมกับกลุ่ม Five Eyes
    ระบบนี้พัฒนาโดยนักวิจัยของรัฐบาลอังกฤษเอง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Bounce Back Loan เป็นโครงการช่วยเหลือธุรกิจช่วงโควิดที่ถูกวิจารณ์เรื่องการตรวจสอบไม่เข้มงวด
    การใช้ AI ในการวิเคราะห์นโยบายล่วงหน้าเป็นแนวทางใหม่ที่หลายประเทศเริ่มนำมาใช้
    Five Eyes เป็นพันธมิตรข่าวกรองระหว่างอังกฤษ สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
    การใช้ AI ในภาครัฐเริ่มแพร่หลาย เช่น การตรวจสอบภาษี การจัดสรรสวัสดิการ และการวิเคราะห์ความเสี่ยง
    การกู้คืนเงินจากการโกงช่วยลดภาระงบประมาณและเพิ่มความเชื่อมั่นในระบบราชการ

    https://www.techradar.com/pro/security/uk-government-says-a-new-ai-tool-helped-it-recover-almost-gbp500-million-in-fraud-losses-and-now-its-going-global
    💰 “AI กู้คืนเงินหลวงอังกฤษ 480 ล้านปอนด์ — Fraud Risk Assessment Accelerator กลายเป็นอาวุธใหม่ปราบโกงระดับโลก” รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ชื่อว่า “Fraud Risk Assessment Accelerator” ซึ่งสามารถช่วยกู้คืนเงินที่สูญเสียจากการทุจริตได้มากถึง 480 ล้านปอนด์ภายในเวลาเพียง 12 เดือน (เมษายน 2024 – เมษายน 2025) ถือเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ ระบบนี้ถูกนำมาใช้เพื่อจัดการกับการโกงในโครงการ Bounce Back Loan ที่เกิดขึ้นช่วงโควิด ซึ่งมีการอนุมัติเงินกู้สูงสุดถึง 50,000 ปอนด์ต่อบริษัทโดยไม่มีการตรวจสอบที่เข้มงวด ทำให้เกิดการโกงอย่างแพร่หลาย เช่น การสร้างบริษัทปลอม หรือการขอเงินกู้หลายครั้งโดยไม่สิทธิ์ AI ตัวนี้ไม่เพียงแต่ช่วยตรวจสอบย้อนหลัง แต่ยังสามารถวิเคราะห์นโยบายใหม่ล่วงหน้าเพื่อหาช่องโหว่ก่อนที่ผู้ไม่หวังดีจะใช้ประโยชน์ได้ ถือเป็นการ “fraud-proof” นโยบายตั้งแต่ขั้นตอนออกแบบ ซึ่งช่วยป้องกันการสูญเสียในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากประสบความสำเร็จในอังกฤษ รัฐบาลเตรียมขยายการใช้งานไปยังประเทศพันธมิตร เช่น สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในงานประชุมต่อต้านการทุจริตระดับนานาชาติที่จัดร่วมกับกลุ่ม Five Eyes อย่างไรก็ตาม กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้ AI ในการตรวจสอบสิทธิ์สวัสดิการ โดยระบุว่าอาจเกิดความลำเอียงและผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรม เช่น การเลือกปฏิบัติต่อผู้มีอายุ ความพิการ หรือเชื้อชาติ ซึ่งเป็นประเด็นที่รัฐบาลต้องรับมืออย่างรอบคอบในการขยายระบบนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ รัฐบาลอังกฤษใช้ AI Fraud Risk Assessment Accelerator กู้คืนเงินได้ 480 ล้านปอนด์ใน 12 เดือน ➡️ 186 ล้านปอนด์ในจำนวนนี้เกี่ยวข้องกับการโกงโครงการ Bounce Back Loan ช่วงโควิด ➡️ ระบบสามารถวิเคราะห์นโยบายใหม่เพื่อหาช่องโหว่ก่อนถูกโกง ➡️ ป้องกันบริษัทนับแสนที่พยายามยุบตัวเพื่อหลบเลี่ยงการคืนเงินกู้ ➡️ รัฐบาลเตรียมขยายการใช้งานไปยังสหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ➡️ เงินที่กู้คืนจะนำไปใช้ในบริการสาธารณะ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และตำรวจ ➡️ มีการประกาศผลในงานประชุมต่อต้านการทุจริตร่วมกับกลุ่ม Five Eyes ➡️ ระบบนี้พัฒนาโดยนักวิจัยของรัฐบาลอังกฤษเอง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Bounce Back Loan เป็นโครงการช่วยเหลือธุรกิจช่วงโควิดที่ถูกวิจารณ์เรื่องการตรวจสอบไม่เข้มงวด ➡️ การใช้ AI ในการวิเคราะห์นโยบายล่วงหน้าเป็นแนวทางใหม่ที่หลายประเทศเริ่มนำมาใช้ ➡️ Five Eyes เป็นพันธมิตรข่าวกรองระหว่างอังกฤษ สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ➡️ การใช้ AI ในภาครัฐเริ่มแพร่หลาย เช่น การตรวจสอบภาษี การจัดสรรสวัสดิการ และการวิเคราะห์ความเสี่ยง ➡️ การกู้คืนเงินจากการโกงช่วยลดภาระงบประมาณและเพิ่มความเชื่อมั่นในระบบราชการ https://www.techradar.com/pro/security/uk-government-says-a-new-ai-tool-helped-it-recover-almost-gbp500-million-in-fraud-losses-and-now-its-going-global
    WWW.TECHRADAR.COM
    UK’s fraud detection AI to be licensed abroad after recovering £480m in lost revenue
    The Fraud Risk Assessment Accelerator is now set to be licensed abroad
    0 Comments 0 Shares 270 Views 0 Reviews
  • “Oktane 2025: เมื่อ AI กลายเป็นผู้ใช้ — Okta และ Auth0 เปิดตัวระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับ Agentic AI แบบครบวงจร”

    ในงาน Oktane 2025 ที่ลาสเวกัส Okta และ Auth0 ได้เปิดตัวชุดเครื่องมือใหม่สำหรับการรักษาความปลอดภัยของ AI agents ซึ่งเป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อรองรับยุคใหม่ของ “Agentic AI” — ปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เองโดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์ตลอดเวลา

    Todd McKinnon ซีอีโอของ Okta เปิดเวทีด้วยแนวคิด “ถ้าคุณจะทำ AI ให้ถูก คุณต้องทำ Identity ให้ถูกก่อน” โดยเน้นว่า AI agents ไม่ใช่แค่ระบบอัตโนมัติ แต่เป็น “ผู้ใช้” ที่ต้องมีการจัดการสิทธิ์ การตรวจสอบ และการป้องกันภัยคุกคามเหมือนกับมนุษย์

    หนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ที่เปิดตัวคือ “Cross App Access” ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่ช่วยให้ AI agents สามารถเข้าถึงหลายแอปได้โดยไม่ต้องผ่านหน้าจอขออนุญาตซ้ำ ๆ อีกต่อไป โดยผู้ดูแลระบบสามารถควบคุมสิทธิ์ได้จากศูนย์กลาง และยกเลิกการเข้าถึงแบบถาวรได้ทันที

    Auth0 ก็ไม่น้อยหน้า โดยเปิดตัว “Auth0 for AI Agents” ที่จะเปิดให้ใช้งานทั่วไปในเดือนหน้า พร้อมระบบที่ครอบคลุม 4 ด้านหลัก ได้แก่ การยืนยันตัวตน, การเรียก API อย่างปลอดภัย, การตรวจสอบการทำงานแบบ asynchronous และการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลแบบละเอียด

    นอกจากนี้ Okta ยังประกาศขยายศูนย์ข้อมูลใหม่ในแคนาดาและอินเดีย เพื่อรองรับการใช้งานทั่วโลก และเปิดตัวระบบ “Identity Governance” ที่ใช้ AI ในการตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติระหว่างการยืนยันตัวตน เช่น bot attacks หรือการปลอมแปลง credential

    งานนี้ยังมีการพูดถึงเหตุการณ์แฮก AI agent ของ McDonald’s ที่ชื่อ McHire ซึ่งถูกโจมตีผ่านช่องโหว่ด้านรหัสผ่านและการตั้งค่าความปลอดภัยที่ไม่รัดกุม — เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า AI ที่ไม่มีการจัดการ Identity อย่างเหมาะสม อาจกลายเป็นจุดอ่อนขององค์กรได้ทันที

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Okta เปิดตัวระบบ Identity สำหรับ AI agents โดยเน้นความปลอดภัยตั้งแต่การออกแบบ
    ฟีเจอร์ Cross App Access ช่วยให้ AI agents เข้าถึงหลายแอปโดยไม่ต้องขออนุญาตซ้ำ
    ผู้ดูแลสามารถควบคุมสิทธิ์และยกเลิกการเข้าถึงได้จากศูนย์กลาง
    Auth0 เปิดตัว Auth0 for AI Agents พร้อมระบบ 4 ด้านหลักเพื่อความปลอดภัย
    Okta ขยายศูนย์ข้อมูลใหม่ในแคนาดาและอินเดีย
    เปิดตัวระบบ Identity Governance ที่ใช้ AI ตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติ
    มีการพูดถึงเหตุการณ์แฮก McHire เพื่อเน้นความสำคัญของการจัดการ Identity
    งาน Oktane 2025 มีการสาธิตระบบ audit trail สำหรับติดตามการทำงานของ AI agents

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Agentic AI คือระบบที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เองโดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์
    การจัดการ Identity สำหรับ AI agents ต้องครอบคลุมทั้งสิทธิ์, การตรวจสอบ และการควบคุม
    Cross App Access เป็นการต่อยอดจาก OAuth ที่ลดความซับซ้อนของการขอสิทธิ์
    การใช้ AI ใน Identity Governance ช่วยลด false positive และเพิ่มความแม่นยำ
    การขยายศูนย์ข้อมูลช่วยลด latency และเพิ่มความมั่นคงในการให้บริการระดับโลก

    https://www.techradar.com/pro/live/oktane-2025-all-the-news-and-updates-as-they-happen
    🔐 “Oktane 2025: เมื่อ AI กลายเป็นผู้ใช้ — Okta และ Auth0 เปิดตัวระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับ Agentic AI แบบครบวงจร” ในงาน Oktane 2025 ที่ลาสเวกัส Okta และ Auth0 ได้เปิดตัวชุดเครื่องมือใหม่สำหรับการรักษาความปลอดภัยของ AI agents ซึ่งเป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อรองรับยุคใหม่ของ “Agentic AI” — ปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เองโดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์ตลอดเวลา Todd McKinnon ซีอีโอของ Okta เปิดเวทีด้วยแนวคิด “ถ้าคุณจะทำ AI ให้ถูก คุณต้องทำ Identity ให้ถูกก่อน” โดยเน้นว่า AI agents ไม่ใช่แค่ระบบอัตโนมัติ แต่เป็น “ผู้ใช้” ที่ต้องมีการจัดการสิทธิ์ การตรวจสอบ และการป้องกันภัยคุกคามเหมือนกับมนุษย์ หนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ที่เปิดตัวคือ “Cross App Access” ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่ช่วยให้ AI agents สามารถเข้าถึงหลายแอปได้โดยไม่ต้องผ่านหน้าจอขออนุญาตซ้ำ ๆ อีกต่อไป โดยผู้ดูแลระบบสามารถควบคุมสิทธิ์ได้จากศูนย์กลาง และยกเลิกการเข้าถึงแบบถาวรได้ทันที Auth0 ก็ไม่น้อยหน้า โดยเปิดตัว “Auth0 for AI Agents” ที่จะเปิดให้ใช้งานทั่วไปในเดือนหน้า พร้อมระบบที่ครอบคลุม 4 ด้านหลัก ได้แก่ การยืนยันตัวตน, การเรียก API อย่างปลอดภัย, การตรวจสอบการทำงานแบบ asynchronous และการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลแบบละเอียด นอกจากนี้ Okta ยังประกาศขยายศูนย์ข้อมูลใหม่ในแคนาดาและอินเดีย เพื่อรองรับการใช้งานทั่วโลก และเปิดตัวระบบ “Identity Governance” ที่ใช้ AI ในการตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติระหว่างการยืนยันตัวตน เช่น bot attacks หรือการปลอมแปลง credential งานนี้ยังมีการพูดถึงเหตุการณ์แฮก AI agent ของ McDonald’s ที่ชื่อ McHire ซึ่งถูกโจมตีผ่านช่องโหว่ด้านรหัสผ่านและการตั้งค่าความปลอดภัยที่ไม่รัดกุม — เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า AI ที่ไม่มีการจัดการ Identity อย่างเหมาะสม อาจกลายเป็นจุดอ่อนขององค์กรได้ทันที ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Okta เปิดตัวระบบ Identity สำหรับ AI agents โดยเน้นความปลอดภัยตั้งแต่การออกแบบ ➡️ ฟีเจอร์ Cross App Access ช่วยให้ AI agents เข้าถึงหลายแอปโดยไม่ต้องขออนุญาตซ้ำ ➡️ ผู้ดูแลสามารถควบคุมสิทธิ์และยกเลิกการเข้าถึงได้จากศูนย์กลาง ➡️ Auth0 เปิดตัว Auth0 for AI Agents พร้อมระบบ 4 ด้านหลักเพื่อความปลอดภัย ➡️ Okta ขยายศูนย์ข้อมูลใหม่ในแคนาดาและอินเดีย ➡️ เปิดตัวระบบ Identity Governance ที่ใช้ AI ตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติ ➡️ มีการพูดถึงเหตุการณ์แฮก McHire เพื่อเน้นความสำคัญของการจัดการ Identity ➡️ งาน Oktane 2025 มีการสาธิตระบบ audit trail สำหรับติดตามการทำงานของ AI agents ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Agentic AI คือระบบที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เองโดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์ ➡️ การจัดการ Identity สำหรับ AI agents ต้องครอบคลุมทั้งสิทธิ์, การตรวจสอบ และการควบคุม ➡️ Cross App Access เป็นการต่อยอดจาก OAuth ที่ลดความซับซ้อนของการขอสิทธิ์ ➡️ การใช้ AI ใน Identity Governance ช่วยลด false positive และเพิ่มความแม่นยำ ➡️ การขยายศูนย์ข้อมูลช่วยลด latency และเพิ่มความมั่นคงในการให้บริการระดับโลก https://www.techradar.com/pro/live/oktane-2025-all-the-news-and-updates-as-they-happen
    0 Comments 0 Shares 189 Views 0 Reviews
  • “Meta เปิดใช้งาน Teen Accounts ทั่วโลก — ปรับโซเชียลให้ปลอดภัยขึ้นสำหรับวัยรุ่นยุคใหม่”

    Meta ประกาศเปิดใช้งานฟีเจอร์ “Teen Accounts” บน Facebook และ Messenger ทั่วโลกเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2025 หลังจากทดลองใช้ในกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เช่น สหรัฐฯ อังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลีย ฟีเจอร์นี้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้วัยรุ่นอายุ 13–17 ปี โดยมีการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวอัตโนมัติ การจำกัดเนื้อหา และระบบควบคุมโดยผู้ปกครอง

    Teen Accounts ถูกออกแบบให้ตอบโจทย์ความกังวลของผู้ปกครอง เช่น การจำกัดการส่งข้อความเฉพาะกับคนที่เคยติดต่อกันมาก่อน การตั้งค่าบัญชีเป็นแบบส่วนตัวโดยอัตโนมัติ และการจำกัดการมองเห็นเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ “Quiet Mode” ที่เปิดใช้งานในช่วงกลางคืน และระบบแจ้งเตือนให้หยุดใช้งานเมื่อครบ 60 นาทีต่อวัน

    สำหรับผู้ใช้ที่อายุต่ำกว่า 16 ปี การเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าความปลอดภัยจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อน เช่น การปิดระบบเบลอภาพที่อาจมีเนื้อหาไม่เหมาะสมในข้อความส่วนตัว หรือการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Live บน Instagram

    การเปิดใช้งาน Teen Accounts ทั่วโลกเกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากสังคมและหน่วยงานกำกับดูแลที่ต้องการให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียรับผิดชอบต่อผลกระทบที่มีต่อเยาวชน โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพจิต การเสพติดหน้าจอ และการถูกล่อลวงออนไลน์

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Meta เปิดใช้งาน Teen Accounts บน Facebook และ Messenger ทั่วโลก
    ฟีเจอร์นี้ออกแบบสำหรับผู้ใช้วัยรุ่นอายุ 13–17 ปี
    บัญชีจะถูกตั้งค่าเป็นแบบส่วนตัวโดยอัตโนมัติ
    จำกัดการส่งข้อความเฉพาะกับคนที่เคยติดต่อกันมาก่อน
    จำกัดการมองเห็นเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมและการโต้ตอบกับคนแปลกหน้า
    มีระบบแจ้งเตือนให้หยุดใช้งานเมื่อครบ 60 นาทีต่อวัน
    เปิดใช้งาน Quiet Mode ในช่วงกลางคืน
    ผู้ใช้ต่ำกว่า 16 ปีต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองในการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่า
    ฟีเจอร์นี้เคยเปิดใช้งานบน Instagram ก่อนขยายมายัง Facebook และ Messenger

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Facebook มีผู้ใช้วัยรุ่นลดลงจาก 71% ในปี 2014 เหลือเพียง 32% ในปี 2024
    วัยรุ่นนิยมใช้แพลตฟอร์มอื่น เช่น TikTok, YouTube และ Snapchat มากกว่า
    Teen Accounts เป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองต่อกฎหมาย Kids Online Safety Act (KOSA)
    Meta เผชิญคดีความหลายร้อยคดีเกี่ยวกับผลกระทบของโซเชียลมีเดียต่อเด็ก
    ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถดูรายชื่อเพื่อนและเวลาการใช้งานของลูกได้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/26/meta-activates-facebook-039teen-accounts039-worldwide
    🧒 “Meta เปิดใช้งาน Teen Accounts ทั่วโลก — ปรับโซเชียลให้ปลอดภัยขึ้นสำหรับวัยรุ่นยุคใหม่” Meta ประกาศเปิดใช้งานฟีเจอร์ “Teen Accounts” บน Facebook และ Messenger ทั่วโลกเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2025 หลังจากทดลองใช้ในกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เช่น สหรัฐฯ อังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลีย ฟีเจอร์นี้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้วัยรุ่นอายุ 13–17 ปี โดยมีการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวอัตโนมัติ การจำกัดเนื้อหา และระบบควบคุมโดยผู้ปกครอง Teen Accounts ถูกออกแบบให้ตอบโจทย์ความกังวลของผู้ปกครอง เช่น การจำกัดการส่งข้อความเฉพาะกับคนที่เคยติดต่อกันมาก่อน การตั้งค่าบัญชีเป็นแบบส่วนตัวโดยอัตโนมัติ และการจำกัดการมองเห็นเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ “Quiet Mode” ที่เปิดใช้งานในช่วงกลางคืน และระบบแจ้งเตือนให้หยุดใช้งานเมื่อครบ 60 นาทีต่อวัน สำหรับผู้ใช้ที่อายุต่ำกว่า 16 ปี การเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าความปลอดภัยจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อน เช่น การปิดระบบเบลอภาพที่อาจมีเนื้อหาไม่เหมาะสมในข้อความส่วนตัว หรือการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Live บน Instagram การเปิดใช้งาน Teen Accounts ทั่วโลกเกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากสังคมและหน่วยงานกำกับดูแลที่ต้องการให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียรับผิดชอบต่อผลกระทบที่มีต่อเยาวชน โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพจิต การเสพติดหน้าจอ และการถูกล่อลวงออนไลน์ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Meta เปิดใช้งาน Teen Accounts บน Facebook และ Messenger ทั่วโลก ➡️ ฟีเจอร์นี้ออกแบบสำหรับผู้ใช้วัยรุ่นอายุ 13–17 ปี ➡️ บัญชีจะถูกตั้งค่าเป็นแบบส่วนตัวโดยอัตโนมัติ ➡️ จำกัดการส่งข้อความเฉพาะกับคนที่เคยติดต่อกันมาก่อน ➡️ จำกัดการมองเห็นเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมและการโต้ตอบกับคนแปลกหน้า ➡️ มีระบบแจ้งเตือนให้หยุดใช้งานเมื่อครบ 60 นาทีต่อวัน ➡️ เปิดใช้งาน Quiet Mode ในช่วงกลางคืน ➡️ ผู้ใช้ต่ำกว่า 16 ปีต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองในการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่า ➡️ ฟีเจอร์นี้เคยเปิดใช้งานบน Instagram ก่อนขยายมายัง Facebook และ Messenger ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Facebook มีผู้ใช้วัยรุ่นลดลงจาก 71% ในปี 2014 เหลือเพียง 32% ในปี 2024 ➡️ วัยรุ่นนิยมใช้แพลตฟอร์มอื่น เช่น TikTok, YouTube และ Snapchat มากกว่า ➡️ Teen Accounts เป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองต่อกฎหมาย Kids Online Safety Act (KOSA) ➡️ Meta เผชิญคดีความหลายร้อยคดีเกี่ยวกับผลกระทบของโซเชียลมีเดียต่อเด็ก ➡️ ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถดูรายชื่อเพื่อนและเวลาการใช้งานของลูกได้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/26/meta-activates-facebook-039teen-accounts039-worldwide
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Meta activates Facebook 'teen accounts' worldwide
    Meta's teen accounts, which offer additional security settings, content restrictions and parental controls for users aged 13 to 17, were first introduced on Instagram last year.
    0 Comments 0 Shares 210 Views 0 Reviews
  • ลักเซมเบิร์ก เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ประกาศให้การรับรอง "รัฐปาเลสไตน์" อย่างเป็นทางการ

    นายกรัฐมนตรีลักเซมเบิร์ก ลุก ฟรีเดิน (Luc Frieden) ประกาศในที่ประชุมของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่มีผู้นำจากกว่า 140 ประเทศเข้าร่วม

    ในวันเดียวกันนี้ ยังมีอีกหลายประเทศที่โดดเดี่ยวอิสราเอล โดยการประกาศรับรอง "รัฐปาเลสไตน์" อย่างเป็นทางการ ประกอบด้วย ฝรั่งเศส แอนดอร์รา เบลเยียม มอลตา และโมนาโก

    ก่อนหน้านี้หนึ่งวันหลัง อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย และโปรตุเกส เพิ่งประกาศรับรอง "รัฐปาเลสไตน์"
    ลักเซมเบิร์ก เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ประกาศให้การรับรอง "รัฐปาเลสไตน์" อย่างเป็นทางการ นายกรัฐมนตรีลักเซมเบิร์ก ลุก ฟรีเดิน (Luc Frieden) ประกาศในที่ประชุมของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่มีผู้นำจากกว่า 140 ประเทศเข้าร่วม ในวันเดียวกันนี้ ยังมีอีกหลายประเทศที่โดดเดี่ยวอิสราเอล โดยการประกาศรับรอง "รัฐปาเลสไตน์" อย่างเป็นทางการ ประกอบด้วย ฝรั่งเศส แอนดอร์รา เบลเยียม มอลตา และโมนาโก ก่อนหน้านี้หนึ่งวันหลัง อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย และโปรตุเกส เพิ่งประกาศรับรอง "รัฐปาเลสไตน์"
    0 Comments 0 Shares 251 Views 0 0 Reviews
  • #ฮุนเซนฮุนมาเนตคืออาชญากรสงครามชาติใดก็สามารถฟ้องดำเนินคดีมันได้จึงสมควรที่สุด.

    ..ศาลอาญาระหว่างประเทศ

    ศาลซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2545 เพื่อดำเนินคดีบุคคลในข้อหาอาชญากรรมร้ายแรงที่สุดภายใต้ธรรมนูญกรุงโรม มีประเทศสมาชิก 125 ประเทศที่ให้สัตยาบันสนธิสัญญาดังกล่าว ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568

    ศาลอาญาระหว่างประเทศ (อังกฤษ: International Criminal Court; ย่อ: ICC) เป็นศาลระหว่างประเทศซึ่งมีที่ทำการอยู่ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีเขตอำนาจดำเนินคดีผู้กระทำความผิดอาญาระหว่างประเทศ 4 ฐาน คือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมอันเป็นการรุกราน ก่อตั้งขึ้นโดยประสงค์จะให้เป็นส่วนเสริมของระบบยุติธรรมที่แต่ละประเทศมีอยู่ จึงมีเขตอำนาจเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขเท่านั้น เช่น เมื่อศาลระดับประเทศไม่สามารถหรือไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแล้ว หรือเมื่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือรัฐหนึ่ง ๆ เสนอคดีมาให้พิจารณา ศาลนี้เริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 อันเป็นวันที่ธรรมนูญกรุงโรมเริ่มใช้บังคับ ธรรมนูญดังกล่าวเป็นสนธิสัญญาพหุภาคีซึ่งวางรากฐานและกำหนดการบริหารจัดการของศาล รัฐที่เข้าเป็นภาคีแห่งธรรมนูญจะนับเป็นรัฐสมาชิกของศาล ปัจจุบันมีรัฐภาคี 125 รัฐ

    องค์กรหลักของศาลมี 4 องค์กร คือ คณะประธาน แผนกตุลาการ สำนักงานอัยการ และสำนักงานทะเบียน ประธานศาลเป็นตุลาการที่ได้รับเลือกมาจากตุลาการคนอื่นในแผนกตุลาการ สำนักงานอัยการมีอัยการเป็นหัวหน้า ทำหน้าที่สืบสวนคดีและส่งฟ้องต่อแผนกตุลาการ ส่วนสำนักงานทะเบียนมีนายทะเบียนเป็นหัวหน้า รับผิดชอบงานธุรการทั้งปวงของศาล ซึ่งรวมถึงการบริหารสำนักงานใหญ่ของศาล หน่วยขัง และสำนักงานทนายจำเลย


    ประเทศที่เป็นสมาชิกของ ICC

    ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 มีประเทศต่างๆ 137 ประเทศลงนามในธรรมนูญกรุงโรม ซึ่งแสดงถึงเจตนาที่จะเข้าร่วม ในขณะที่ 125 ประเทศได้ให้สัตยาบันอย่างเป็นทางการ และกลายเป็นรัฐสมาชิกเต็มตัวของ ICC

    ประเทศต่างๆ ที่ได้ลงนามหรือให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมแสดงอยู่ในแผนที่ด้านล่าง


    ปี1999
    ฟิจิ กานา อิตาลี ซานมารีโน เซเนกัล ตรินิแดดและโตเบโก

    2000
    ออสเตรีย เบลเยียม บอตสวานา แคนาดา ฝรั่งเศส กาบอง เยอรมนี ไอซ์แลนด์ เลโซโท ลักเซมเบิร์ก มาลี หมู่เกาะมาร์แชลล์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ เซียร์ราลีโอน แอฟริกาใต้ สเปน ทาจิกิสถาน เวเนซุเอลา

    2001
    อันดอร์รา แอนติกาและบาร์บูดา อาร์เจนตินา สาธารณรัฐแอฟริกากลาง คอสตาริกา โครเอเชีย เดนมาร์ก โดมินิกา ฮังการี ลิกเตนสไตน์ เนเธอร์แลนด์ ไนจีเรีย ปารากวัย เปรู โปแลนด์ เซอร์เบีย สโลวีเนีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร

    2002
    บาร์เบโดส, เบนิน, โบลิเวีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, บราซิล, บัลแกเรีย, กัมพูชา, โคลอมเบีย, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, จิบูตี, เอกวาดอร์, เอสโตเนีย, แกมเบีย, กรีซ, ฮอนดูรัส, ไอร์แลนด์, จอร์แดน, ลัตเวีย, มาลาวี, มอลตา, มอริเชียส, มองโกเลีย, นามิเบีย, ไนเจอร์, มาซิโดเนียเหนือ, ปานามา, โปรตุเกส, สาธารณรัฐเกาหลี, โรมาเนีย, เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์, ซามัว, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย, แทนซาเนีย, ติมอร์-เลสเต, ยูกันดา, อุรุกวัย, แซมเบีย

    2003
    อัฟกานิสถาน, แอลเบเนีย, จอร์เจีย, กินี, ลิทัวเนีย

    2004
    บูร์กินาฟาโซ กายอานา ไลบีเรีย สาธารณรัฐคองโก

    2005
    สาธารณรัฐโดมินิกัน เคนยา เม็กซิโก

    ปี 2549
    คอโมโรส มอนเตเนโกร เซนต์คิตส์และเนวิส

    2007
    ชาด ประเทศญี่ปุ่น

    2008
    หมู่เกาะคุก มาดากัสการ์ ซูรินาม

    ปี 2009
    ชิลี สาธารณรัฐเช็ก

    2010
    บังกลาเทศ มอลโดวา เซนต์ลูเซีย เซเชลส์

    ปี 2011
    กาบูเวร์ดี, เกรเนดา, มัลดีฟส์, ตูนิเซีย

    2012
    กัวเตมาลา วานูอาตู

    ปี 2013
    ไอวอรีโคสต์

    ปี 2558
    ปาเลสไตน์

    ปี 2559
    เอลซัลวาดอร์

    ปี 2019
    คิริบาติ

    2023
    อาร์เมเนีย

    2024
    ยูเครน




    #ฮุนเซนฮุนมาเนตคืออาชญากรสงครามชาติใดก็สามารถฟ้องดำเนินคดีมันได้จึงสมควรที่สุด. ..ศาลอาญาระหว่างประเทศ ศาลซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2545 เพื่อดำเนินคดีบุคคลในข้อหาอาชญากรรมร้ายแรงที่สุดภายใต้ธรรมนูญกรุงโรม มีประเทศสมาชิก 125 ประเทศที่ให้สัตยาบันสนธิสัญญาดังกล่าว ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 ศาลอาญาระหว่างประเทศ (อังกฤษ: International Criminal Court; ย่อ: ICC) เป็นศาลระหว่างประเทศซึ่งมีที่ทำการอยู่ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีเขตอำนาจดำเนินคดีผู้กระทำความผิดอาญาระหว่างประเทศ 4 ฐาน คือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมอันเป็นการรุกราน ก่อตั้งขึ้นโดยประสงค์จะให้เป็นส่วนเสริมของระบบยุติธรรมที่แต่ละประเทศมีอยู่ จึงมีเขตอำนาจเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขเท่านั้น เช่น เมื่อศาลระดับประเทศไม่สามารถหรือไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแล้ว หรือเมื่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือรัฐหนึ่ง ๆ เสนอคดีมาให้พิจารณา ศาลนี้เริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 อันเป็นวันที่ธรรมนูญกรุงโรมเริ่มใช้บังคับ ธรรมนูญดังกล่าวเป็นสนธิสัญญาพหุภาคีซึ่งวางรากฐานและกำหนดการบริหารจัดการของศาล รัฐที่เข้าเป็นภาคีแห่งธรรมนูญจะนับเป็นรัฐสมาชิกของศาล ปัจจุบันมีรัฐภาคี 125 รัฐ องค์กรหลักของศาลมี 4 องค์กร คือ คณะประธาน แผนกตุลาการ สำนักงานอัยการ และสำนักงานทะเบียน ประธานศาลเป็นตุลาการที่ได้รับเลือกมาจากตุลาการคนอื่นในแผนกตุลาการ สำนักงานอัยการมีอัยการเป็นหัวหน้า ทำหน้าที่สืบสวนคดีและส่งฟ้องต่อแผนกตุลาการ ส่วนสำนักงานทะเบียนมีนายทะเบียนเป็นหัวหน้า รับผิดชอบงานธุรการทั้งปวงของศาล ซึ่งรวมถึงการบริหารสำนักงานใหญ่ของศาล หน่วยขัง และสำนักงานทนายจำเลย ประเทศที่เป็นสมาชิกของ ICC ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 มีประเทศต่างๆ 137 ประเทศลงนามในธรรมนูญกรุงโรม ซึ่งแสดงถึงเจตนาที่จะเข้าร่วม ในขณะที่ 125 ประเทศได้ให้สัตยาบันอย่างเป็นทางการ และกลายเป็นรัฐสมาชิกเต็มตัวของ ICC ประเทศต่างๆ ที่ได้ลงนามหรือให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมแสดงอยู่ในแผนที่ด้านล่าง ปี1999 ฟิจิ กานา อิตาลี ซานมารีโน เซเนกัล ตรินิแดดและโตเบโก 2000 ออสเตรีย เบลเยียม บอตสวานา แคนาดา ฝรั่งเศส กาบอง เยอรมนี ไอซ์แลนด์ เลโซโท ลักเซมเบิร์ก มาลี หมู่เกาะมาร์แชลล์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ เซียร์ราลีโอน แอฟริกาใต้ สเปน ทาจิกิสถาน เวเนซุเอลา 2001 อันดอร์รา แอนติกาและบาร์บูดา อาร์เจนตินา สาธารณรัฐแอฟริกากลาง คอสตาริกา โครเอเชีย เดนมาร์ก โดมินิกา ฮังการี ลิกเตนสไตน์ เนเธอร์แลนด์ ไนจีเรีย ปารากวัย เปรู โปแลนด์ เซอร์เบีย สโลวีเนีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร 2002 บาร์เบโดส, เบนิน, โบลิเวีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, บราซิล, บัลแกเรีย, กัมพูชา, โคลอมเบีย, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, จิบูตี, เอกวาดอร์, เอสโตเนีย, แกมเบีย, กรีซ, ฮอนดูรัส, ไอร์แลนด์, จอร์แดน, ลัตเวีย, มาลาวี, มอลตา, มอริเชียส, มองโกเลีย, นามิเบีย, ไนเจอร์, มาซิโดเนียเหนือ, ปานามา, โปรตุเกส, สาธารณรัฐเกาหลี, โรมาเนีย, เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์, ซามัว, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย, แทนซาเนีย, ติมอร์-เลสเต, ยูกันดา, อุรุกวัย, แซมเบีย 2003 อัฟกานิสถาน, แอลเบเนีย, จอร์เจีย, กินี, ลิทัวเนีย 2004 บูร์กินาฟาโซ กายอานา ไลบีเรีย สาธารณรัฐคองโก 2005 สาธารณรัฐโดมินิกัน เคนยา เม็กซิโก ปี 2549 คอโมโรส มอนเตเนโกร เซนต์คิตส์และเนวิส 2007 ชาด ประเทศญี่ปุ่น 2008 หมู่เกาะคุก มาดากัสการ์ ซูรินาม ปี 2009 ชิลี สาธารณรัฐเช็ก 2010 บังกลาเทศ มอลโดวา เซนต์ลูเซีย เซเชลส์ ปี 2011 กาบูเวร์ดี, เกรเนดา, มัลดีฟส์, ตูนิเซีย 2012 กัวเตมาลา วานูอาตู ปี 2013 ไอวอรีโคสต์ ปี 2558 ปาเลสไตน์ ปี 2559 เอลซัลวาดอร์ ปี 2019 คิริบาติ 2023 อาร์เมเนีย 2024 ยูเครน
    0 Comments 0 Shares 344 Views 0 Reviews
  • ฝรั่งเศสกับซาอุดีอาระเบีย ร่วมจัดประชุมผู้นำจากหลายสิบประเทศทั่วโลกในวันจันทร์ (22 ก.ย.) เพื่อระดมความสนับสนุนในการแก้ไขวิกฤตอิสราเอล-ปาเลสไตน์ด้วยแนวทางให้ 2 ฝ่ายต่างมีฐานะเป็นรัฐอยู่เคียงคู่กัน โดยเป็นที่คาดหมายกันว่าจะมีอีกหลายชาติใช้โอกาสหารือกันที่นิวยอร์กคราวนี้ประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์เพิ่มมากขึ้น หลังจากเมื่อวันอาทิตย์ (21) 4 ชาติตะวันตก ได้แก่ สหราชอาณาจักร, แคนาดา, ออสเตรเลีย, และโปรตุเกส นำร่องไปก่อนแล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000090833

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ฝรั่งเศสกับซาอุดีอาระเบีย ร่วมจัดประชุมผู้นำจากหลายสิบประเทศทั่วโลกในวันจันทร์ (22 ก.ย.) เพื่อระดมความสนับสนุนในการแก้ไขวิกฤตอิสราเอล-ปาเลสไตน์ด้วยแนวทางให้ 2 ฝ่ายต่างมีฐานะเป็นรัฐอยู่เคียงคู่กัน โดยเป็นที่คาดหมายกันว่าจะมีอีกหลายชาติใช้โอกาสหารือกันที่นิวยอร์กคราวนี้ประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์เพิ่มมากขึ้น หลังจากเมื่อวันอาทิตย์ (21) 4 ชาติตะวันตก ได้แก่ สหราชอาณาจักร, แคนาดา, ออสเตรเลีย, และโปรตุเกส นำร่องไปก่อนแล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000090833 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Sad
    3
    1 Comments 0 Shares 496 Views 0 Reviews
  • เนทันยาฮู ประกาศจะไม่มีรัฐปาเลสไตน์เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าใครจะประกาศรับรอง คำประกาศอย่างเด็ดขาดของเนทันยาฮูเกิดขึ้นหลังจากอังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลีย เป็นสามประเทศล่าสุดที่รับรองปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการ

    คาดว่าในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ที่นิวยอร์ก ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะมีประเทศอื่นๆรับรองปาเลสไตน์เพิ่มขึ้นอีก ซึ่งนำโดยฝรั่งเศส

    เนทันยาฮูยังประกาศอย่างชัดเจนถึงกาารเข้ายึดดินแดนปาเลสไตน์ว่า "เราได้เพิ่มจำนวนการตั้งถิ่นฐานของชาวยิวในยูเดียและซามาเรีย (เวสต์แบงก์ - ปาเลสไตน์) เป็นสองเท่า และเราจะยังคงเดินหน้าต่อไปบนเส้นทางนี้"
    เนทันยาฮู ประกาศจะไม่มีรัฐปาเลสไตน์เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าใครจะประกาศรับรอง คำประกาศอย่างเด็ดขาดของเนทันยาฮูเกิดขึ้นหลังจากอังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลีย เป็นสามประเทศล่าสุดที่รับรองปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการ คาดว่าในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ที่นิวยอร์ก ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะมีประเทศอื่นๆรับรองปาเลสไตน์เพิ่มขึ้นอีก ซึ่งนำโดยฝรั่งเศส เนทันยาฮูยังประกาศอย่างชัดเจนถึงกาารเข้ายึดดินแดนปาเลสไตน์ว่า "เราได้เพิ่มจำนวนการตั้งถิ่นฐานของชาวยิวในยูเดียและซามาเรีย (เวสต์แบงก์ - ปาเลสไตน์) เป็นสองเท่า และเราจะยังคงเดินหน้าต่อไปบนเส้นทางนี้"
    Angry
    1
    0 Comments 0 Shares 256 Views 0 0 Reviews
  • กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล ออกแถลงการณ์ตอบโต้อังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลีย ที่ประกาศยอมรับสถานะปาเลสไตน์เป็นรัฐอิสระอย่างเป็นทางการ:

    ในแถลงการณ์ระบุว่า อิสราเอลปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อการรับรองรัฐปาเลสไตน์จากประเทศตะวันตก โดยกล่าวว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าว "ไม่ได้ส่งเสริมสันติภาพและยิ่งทำให้ภูมิภาคสั่นคลอนมากขึ้น"
    กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล ออกแถลงการณ์ตอบโต้อังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลีย ที่ประกาศยอมรับสถานะปาเลสไตน์เป็นรัฐอิสระอย่างเป็นทางการ: ในแถลงการณ์ระบุว่า อิสราเอลปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อการรับรองรัฐปาเลสไตน์จากประเทศตะวันตก โดยกล่าวว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าว "ไม่ได้ส่งเสริมสันติภาพและยิ่งทำให้ภูมิภาคสั่นคลอนมากขึ้น"
    0 Comments 0 Shares 298 Views 0 Reviews
  • เบอร์ฮาเนตติน ดูรัน (Burhanettin Duran) หัวหน้าฝ่ายสื่อสารของรัฐบาลตุรกี กล่าวแสดงความยินดี ต่อการประกาศรับรองปาเลสไตน์ของ อังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลีย:
    - เรายินดีกับการตัดสินใจของสหราชอาณาจักร แคนาดา และออสเตรเลีย ที่ยอมรับปาเลสไตน์ในฐานะรัฐอิสระ
    - ประเทศที่ต่อต้านการโจมตีชาวปาเลสไตน์โดยอิสราเอลและยอมรับปาเลสไตน์เป็นรัฐ คือฝ่ายที่ถูกต้องในประวัติศาสตร์
    - เราขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศก้าวเดินตามรอยประวัติศาสตร์นี้ เพื่อสร้างสันติภาพและความยุติธรรม
    - ในฐานะตุรกี เราจะยังคงสนับสนุนการสถาปนารัฐปาเลสไตน์ที่เป็นอิสระ โดยมีเยรูซาเล็มตะวันออกเป็นเมืองหลวงในทุกเวที
    .
    ตุรกี (Türkiye) ประกาศรับรองปาเลสไตน์ อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1988 ซึ่งเป็นวันที่ องค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PLO) ภายใต้การนำของ ยัสเซอร์ อาราฟัต ประกาศจัดตั้ง รัฐปาเลสไตน์ (State of Palestine) อย่างเป็นทางการ ในการประชุมสภาแห่งชาติปาเลสไตน์ที่กรุงแอลเจียร์ ประเทศแอลจีเรีย
    เบอร์ฮาเนตติน ดูรัน (Burhanettin Duran) หัวหน้าฝ่ายสื่อสารของรัฐบาลตุรกี กล่าวแสดงความยินดี ต่อการประกาศรับรองปาเลสไตน์ของ อังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลีย: - เรายินดีกับการตัดสินใจของสหราชอาณาจักร แคนาดา และออสเตรเลีย ที่ยอมรับปาเลสไตน์ในฐานะรัฐอิสระ - ประเทศที่ต่อต้านการโจมตีชาวปาเลสไตน์โดยอิสราเอลและยอมรับปาเลสไตน์เป็นรัฐ คือฝ่ายที่ถูกต้องในประวัติศาสตร์ - เราขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศก้าวเดินตามรอยประวัติศาสตร์นี้ เพื่อสร้างสันติภาพและความยุติธรรม - ในฐานะตุรกี เราจะยังคงสนับสนุนการสถาปนารัฐปาเลสไตน์ที่เป็นอิสระ โดยมีเยรูซาเล็มตะวันออกเป็นเมืองหลวงในทุกเวที . 👉 ตุรกี (Türkiye) ประกาศรับรองปาเลสไตน์ อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1988 ซึ่งเป็นวันที่ องค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PLO) ภายใต้การนำของ ยัสเซอร์ อาราฟัต ประกาศจัดตั้ง รัฐปาเลสไตน์ (State of Palestine) อย่างเป็นทางการ ในการประชุมสภาแห่งชาติปาเลสไตน์ที่กรุงแอลเจียร์ ประเทศแอลจีเรีย
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 Reviews
  • แถลงการณ์จากนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย "แอนโทนี แอลบานีส" ประกาศรับรอง “ปาเลสไตน์” เป็นรัฐอิสระอย่างเป็นทางการ

    แคนาดา และ สหราชอาณาจักร กำลังรับรอง "ปาเลสไตน์" ด้วยเช่นกัน
    แถลงการณ์จากนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย "แอนโทนี แอลบานีส" ประกาศรับรอง “ปาเลสไตน์” เป็นรัฐอิสระอย่างเป็นทางการ แคนาดา และ สหราชอาณาจักร กำลังรับรอง "ปาเลสไตน์" ด้วยเช่นกัน
    0 Comments 0 Shares 217 Views 0 Reviews
  • มาร์ก คาร์นีย์ ( Mark Carney) นายกรัฐมนตรีของแคนาดา ลงนามในการรับรอง “ปาเลสไตน์” อย่างเป็นทางการแล้ว
    มาร์ก คาร์นีย์ ( Mark Carney) นายกรัฐมนตรีของแคนาดา ลงนามในการรับรอง “ปาเลสไตน์” อย่างเป็นทางการแล้ว
    0 Comments 0 Shares 163 Views 0 Reviews
  • สมาชิกรัฐสภา (สส.) และ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ(สว.) แถลงการณ์ถึงแคนาดา ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร โดยข่มขู่ว่าจะมี “มาตรการลงโทษ” หากประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์

    แถลงการณ์นี้ออกมาเมื่อวันที่ 20 กันยายน

    วันนี้วันที่ 21 กันยายน ทั้งออสเตรเลีย อังกฤษ แคนาดา ประกาศรับรอง "ปาเลสไตน์" เป็นรัฐอิสระเรียบร้อยไปแล้ว บ่งบอกว่าทั้งสามประเทศนี้ไม่ได้เกรงกลัวคำขู่ของสหรัฐแต่อย่างใด

    ขณะที่ฝรั่งเศส มีรายงานว่าจะประกาศรับรองปาเลสไตน์ ในวันพรุ่งนี้ คือวันจันทร์ที่ 22 กันยายน

    คำประกาศรับรองของ ออสเตรเลีย แคนาดา และอังกฤษ เกิดขึ้นหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางเยือนอังกฤษเพียงหนึ่งวันเท่านั้น!
    สมาชิกรัฐสภา (สส.) และ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ(สว.) แถลงการณ์ถึงแคนาดา ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร โดยข่มขู่ว่าจะมี “มาตรการลงโทษ” หากประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์ 👉แถลงการณ์นี้ออกมาเมื่อวันที่ 20 กันยายน 👉วันนี้วันที่ 21 กันยายน ทั้งออสเตรเลีย อังกฤษ แคนาดา ประกาศรับรอง "ปาเลสไตน์" เป็นรัฐอิสระเรียบร้อยไปแล้ว บ่งบอกว่าทั้งสามประเทศนี้ไม่ได้เกรงกลัวคำขู่ของสหรัฐแต่อย่างใด 👉ขณะที่ฝรั่งเศส มีรายงานว่าจะประกาศรับรองปาเลสไตน์ ในวันพรุ่งนี้ คือวันจันทร์ที่ 22 กันยายน 👉คำประกาศรับรองของ ออสเตรเลีย แคนาดา และอังกฤษ เกิดขึ้นหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางเยือนอังกฤษเพียงหนึ่งวันเท่านั้น!
    0 Comments 0 Shares 265 Views 0 Reviews
  • “ForgeCraft: เครือข่ายจีนขายบัตรประชาชนปลอมกว่า 6,500 ใบ — เมื่อเอกสารปลอมกลายเป็นอาวุธไซเบอร์ระดับโลก”

    การสืบสวนล่าสุดโดยบริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ CloudSEK ได้เปิดโปงเครือข่ายขนาดใหญ่ในจีนที่ดำเนินการขายบัตรประชาชนปลอมของสหรัฐฯ และแคนาดาอย่างเป็นระบบ โดยใช้ชื่อปฏิบัติการว่า “ForgeCraft” เครือข่ายนี้มีเว็บไซต์มากกว่า 83 แห่งในการขายเอกสารปลอมที่มีคุณภาพสูง ทั้งบัตรขับขี่และบัตรประกันสังคม พร้อมบาร์โค้ดที่สแกนได้ ฮอโลแกรม และรอย UV เหมือนของจริง

    จากรายงานพบว่า มีการขายบัตรปลอมไปแล้วกว่า 6,500 ใบให้กับผู้ซื้อกว่า 4,500 รายในอเมริกาเหนือ สร้างรายได้มากกว่า $785,000 โดยผู้ซื้อกว่า 60% มีอายุมากกว่า 25 ปี และมีกรณีศึกษาที่พบว่ามีการซื้อใบขับขี่เชิงพาณิชย์ปลอมถึง 42 ใบ เพื่อนำไปใช้ในบริษัทขนส่งที่มีประวัติปัญหาด้านกฎหมาย

    บัตรปลอมเหล่านี้ถูกใช้ในหลายกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอายุ การสร้างบัญชีโซเชียลมีเดีย การผ่านการยืนยันตัวตนกับธนาคาร การขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต และแม้แต่การหลอกลวงการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในรัฐที่เริ่มใช้ระบบตรวจสอบอายุแบบสหราชอาณาจักร

    เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ เครือข่ายนี้ใช้วิธี “บรรจุภัณฑ์ลับ” โดยซ่อนบัตรไว้ในสิ่งของทั่วไป เช่น กระเป๋า ของเล่น หรือกล่องกระดาษ และจัดส่งผ่าน FedEx หรือ USPS พร้อมวิดีโอสอนวิธีแกะกล่องเพื่อหาบัตรที่ซ่อนอยู่

    การชำระเงินทำผ่านช่องทางหลากหลาย ทั้ง PayPal, LianLian Pay และคริปโตเคอร์เรนซีอย่าง Bitcoin และ Ethereum โดย CloudSEK สามารถติดตามไปถึงผู้ดำเนินการหลักในเมืองเซียะเหมิน ประเทศจีน และจับภาพใบหน้าผ่านเว็บแคมได้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เครือข่าย ForgeCraft ขายบัตรประชาชนปลอมของสหรัฐฯ และแคนาดากว่า 6,500 ใบ
    ใช้เว็บไซต์กว่า 83 แห่งในการดำเนินการ พร้อมเทคนิคบรรจุภัณฑ์ลับเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ
    รายได้รวมกว่า $785,000 จากผู้ซื้อกว่า 4,500 ราย
    บัตรปลอมมีคุณภาพสูง มีบาร์โค้ด ฮอโลแกรม และรอย UV เหมือนของจริง

    การใช้งานและผลกระทบ
    ใช้ในการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอายุและการยืนยันตัวตนกับธนาคาร
    ใช้สร้างบัญชีโซเชียลมีเดียและเข้าถึงเว็บไซต์สำหรับผู้ใหญ่
    ใช้ขับรถเชิงพาณิชย์โดยไม่มีใบอนุญาตจริง
    อาจถูกใช้ในการหลอกลวงการเลือกตั้งและข้ามด่านตรวจคนเข้าเมือง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การปลอมแปลงเอกสารเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติและระบบการเงิน
    บัตรปลอมสามารถใช้ใน SIM swap และการเข้ายึดบัญชีออนไลน์
    การใช้คริปโตในการชำระเงินช่วยให้ผู้ขายไม่สามารถถูกติดตามได้ง่าย
    CloudSEK แนะนำให้หน่วยงานรัฐยึดโดเมนและให้บริษัทขนส่งตรวจสอบบรรจุภัณฑ์อย่างเข้มงวด

    https://hackread.com/chinese-network-ofake-us-canadian-ids/
    🕵️‍♂️ “ForgeCraft: เครือข่ายจีนขายบัตรประชาชนปลอมกว่า 6,500 ใบ — เมื่อเอกสารปลอมกลายเป็นอาวุธไซเบอร์ระดับโลก” การสืบสวนล่าสุดโดยบริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ CloudSEK ได้เปิดโปงเครือข่ายขนาดใหญ่ในจีนที่ดำเนินการขายบัตรประชาชนปลอมของสหรัฐฯ และแคนาดาอย่างเป็นระบบ โดยใช้ชื่อปฏิบัติการว่า “ForgeCraft” เครือข่ายนี้มีเว็บไซต์มากกว่า 83 แห่งในการขายเอกสารปลอมที่มีคุณภาพสูง ทั้งบัตรขับขี่และบัตรประกันสังคม พร้อมบาร์โค้ดที่สแกนได้ ฮอโลแกรม และรอย UV เหมือนของจริง จากรายงานพบว่า มีการขายบัตรปลอมไปแล้วกว่า 6,500 ใบให้กับผู้ซื้อกว่า 4,500 รายในอเมริกาเหนือ สร้างรายได้มากกว่า $785,000 โดยผู้ซื้อกว่า 60% มีอายุมากกว่า 25 ปี และมีกรณีศึกษาที่พบว่ามีการซื้อใบขับขี่เชิงพาณิชย์ปลอมถึง 42 ใบ เพื่อนำไปใช้ในบริษัทขนส่งที่มีประวัติปัญหาด้านกฎหมาย บัตรปลอมเหล่านี้ถูกใช้ในหลายกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอายุ การสร้างบัญชีโซเชียลมีเดีย การผ่านการยืนยันตัวตนกับธนาคาร การขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต และแม้แต่การหลอกลวงการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในรัฐที่เริ่มใช้ระบบตรวจสอบอายุแบบสหราชอาณาจักร เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ เครือข่ายนี้ใช้วิธี “บรรจุภัณฑ์ลับ” โดยซ่อนบัตรไว้ในสิ่งของทั่วไป เช่น กระเป๋า ของเล่น หรือกล่องกระดาษ และจัดส่งผ่าน FedEx หรือ USPS พร้อมวิดีโอสอนวิธีแกะกล่องเพื่อหาบัตรที่ซ่อนอยู่ การชำระเงินทำผ่านช่องทางหลากหลาย ทั้ง PayPal, LianLian Pay และคริปโตเคอร์เรนซีอย่าง Bitcoin และ Ethereum โดย CloudSEK สามารถติดตามไปถึงผู้ดำเนินการหลักในเมืองเซียะเหมิน ประเทศจีน และจับภาพใบหน้าผ่านเว็บแคมได้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เครือข่าย ForgeCraft ขายบัตรประชาชนปลอมของสหรัฐฯ และแคนาดากว่า 6,500 ใบ ➡️ ใช้เว็บไซต์กว่า 83 แห่งในการดำเนินการ พร้อมเทคนิคบรรจุภัณฑ์ลับเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ ➡️ รายได้รวมกว่า $785,000 จากผู้ซื้อกว่า 4,500 ราย ➡️ บัตรปลอมมีคุณภาพสูง มีบาร์โค้ด ฮอโลแกรม และรอย UV เหมือนของจริง ✅ การใช้งานและผลกระทบ ➡️ ใช้ในการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอายุและการยืนยันตัวตนกับธนาคาร ➡️ ใช้สร้างบัญชีโซเชียลมีเดียและเข้าถึงเว็บไซต์สำหรับผู้ใหญ่ ➡️ ใช้ขับรถเชิงพาณิชย์โดยไม่มีใบอนุญาตจริง ➡️ อาจถูกใช้ในการหลอกลวงการเลือกตั้งและข้ามด่านตรวจคนเข้าเมือง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การปลอมแปลงเอกสารเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติและระบบการเงิน ➡️ บัตรปลอมสามารถใช้ใน SIM swap และการเข้ายึดบัญชีออนไลน์ ➡️ การใช้คริปโตในการชำระเงินช่วยให้ผู้ขายไม่สามารถถูกติดตามได้ง่าย ➡️ CloudSEK แนะนำให้หน่วยงานรัฐยึดโดเมนและให้บริษัทขนส่งตรวจสอบบรรจุภัณฑ์อย่างเข้มงวด https://hackread.com/chinese-network-ofake-us-canadian-ids/
    HACKREAD.COM
    Chinese Network Selling Thousands of Fake US and Canadian IDs
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 273 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 11 หุ่นเชิดสีส้ม

    ระหว่างที่รัสเซียเดินหน้าวางท่อส่งไป ทั้งเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก เหมือนดอกว่านบาน 4 ทิศ อเมริกาก็ใช้ทุกแผน ทั้งบนฟ้า เหนือดินและใต้ดินเหมือนกัน ที่จะตัดทางเดินของท่อส่ง ทางหนึ่งที่ลงทุนไปแยะแล้ว และเป็นด่านสำคัญคือ Ukraine เรื่องเก่า จึงต้องเอามาเล่นใหม่

    ดูจากแผนที่ Ukraine มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ต่อทั้ง NATO และรัสเซีย ไม่ใช่แค่ด้านตะวันออกของ Ukraine อยู่ติดรัสเซียเท่านั้น แต่ Ukraine ยังเป็นทางออกของท่อส่งแก๊ซเส้น ใหญ่ของรัสเซีย ที่ส่งไปให้ยุโรปตะวันตก คิดเป็นประมาณ 80% ของรายได้ที่เป็นดอลล่าร์ จากการส่งออกแก๊ซ มันเป็นเส้นเลือดใหญ่ของรัสเซียเลยล่ะ

    ไม่ใช่แค่เรื่องท่อส่งแก๊ซที่ทำให้อเมริกาจุกอก Ukraine ยังทำสัญญาให้สิทธิรัสเซีย ใช้ท่าเรือของ Ukraine ที่ Stevastopol เพื่อเป็นฐานให้กองทัพเรือของรัสเซียจอดที่ทะเลดำ และที่ Odessa อีกด้วย สัญญานี้ยังมีอายุอยู่ถึงปี ค.ศ. 2017 ถ้าไม่ต่อออกไปอีก กองทัพเรือรัสเซียที่ทะเลดำนี้ ทำให้ NATO ต้องคิดหนักในการสยายปีกของตนเองเพื่อมาล้อมรัสเซีย

    เมื่อ Georgia ถูกชักใยในปี ค.ศ. 2008 นาย Yushchenko ประธานธิบดีของ Ukraine ถูกผู้ชักใยสั่งให้สวมรอยใช้โอกาสนี้ บอกเลิกสัญญาเช่าท่าเรือนี้ก่อนกำหนดไปด้วย แต่มันไม่ง่ายนักหรอก กองเรือรัสเซียอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1783 ตั้งแต่ Stevastopol ยังเป็นของรัสเซียอยู่
    ทางภาคตะวันออกของ Ukraine ซึ่งติดกับรัสเซีย เป็นถิ่นที่อยู่ของชาว Ukraine ประมาณ 15 ล้านคน ที่มีวัฒนธรรมเหมือนรัสเซีย และเป็นบริเวณที่มีผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก ปี ค.ศ. 2009 Ukraine เป็นอันดับ 3 ของโลก ในการส่งออกธัญพืช รองจากอเมริกาและสหภาพยุโรป แซงหน้ารัสเซียและแคนาดา chomozem ดินดำที่มีชื่อเสียงของ Ukraine เป็นดินที่มีปุ๋ยธรรมชาติมากที่สุดในโลก และดินดำนี้มีอยู่ทั่วประมาณ 2 ใน 3 ของดินแดน Ukraine

    บริเวณแม่น้ำ Dnieper และ Dniester เป็นที่เดียวในโลกอีกเช่นกัน ที่มีดินดำชนิดที่เรียกว่า “sweet black soil” ยาวไป 500 กิโลเมตร เป็นดินเหมาะสมสำหรับการทำเกษตรกรรมอย่างที่สุด และถือเป็นสมบัติมีค่าของประเทศ บรรษัทใหญ่ที่ทำเกษตรอุตสาหกรรม ของชาติตะวันตก เช่น Monsanto (จำได้ไหมครับ บริษัทนี้แสบอย่างไร เขาเป็นต้นคิดเมล็ดพืช พันธ์พิฆาต GMO) Cargill, ADM และ Kraft ต่างน้ำลายไหลยืด อยากจะมาครอบครองบริเวณนี้ของ Ukraine เพียงรอเวลา “เหมาะสม” อยู่เท่านั้น

    ส่วนบริเวณ Ukrainian Donetsk และ Donets Basin หรือ Donbas นั้น ซึ่งเป็นเขตฐานเสียงของ ประธานาธิบดีคนใหม่ คือ นาย YanuKovych เป็นดินแดน ที่เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมถ่านหินและเหล็ก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางวิทยาศาสตร์ และมหาวิทยาลัย Donbas มีถ่านหินประมาณ 109 billion ตัน รวมทั้งมีน้ำมันและแก๊ซธรรมชาติด้วย

    โดยรวม นับว่า Ukraine เป็นบริเวณที่รวยที่สุดของทวีปยุโรปในแง่ของทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งหินแกรนิต แกรฟไฟท์ และเกลือ มีแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการทำกระเบื้องเคลือบ อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมก่อสร้าง การยึด Ukraine ได้ในปี ค.ศ. 2004 ของอเมริกาจึงถือว่าได้รางวัลใหญ่ สมควรต้องตะโกนว่า We Won, We Won เราชนะ เราชนะ แล้วโว้ย ! แต่ใจเย็นก่อน มันแค่เกือบเท่านั้นเองนะ Emperor Bush !
    นาย Yushchenko “เกือบ” ทำให้แผนการสีส้มของอเมริกา ที่ลงทุนคนขน คนฉาก มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 สำเร็จสมเป้าหมาย ถ้าไม่บังเอิญเกิดอาการสดุดขากันเองก่อน ปี ค.ศ. 2008 ประธานาธิบดี Mikhail Saakaashvili ซึ่งรับใบสั่งลับอีกใบหนึ่งจากอเมริกา ทะเร่อทะร่ายกทัพไปบุก South Ossetia จนโดนกองทัพรัสเซียตีกลับแตกกระเจิง ใช้เวลาแค่ 5 วัน แค่นั้นยังไม่ ฉ.ห พอ บังเอิญช่วงนั้นคณะมนตรีของ NATO กำลังจะพิจารณาที่จะรับ Ukraine และ Georgia เป็นสมาชิกของ NATO (ตามคำสั่งของอเมริกา)อยู่ เยอรมันเลยยกมือประท้วง

    เดี๋ยวก่อน พวกเรา ถ้าเรารับไอ้ 2 ประเทศนี้เข้ามาอยู่ใน NATO น่ะนะ ตามกฎบัตรของ NATO เราต้องทำสงครามกับรัสเซียเพื่อปกป้อง ไอ้ 2 ประเทศ นี้ด้วยนะ

    บอกแล้วอย่าเพิ่งร้องว่า We Won ฝันเลยค้างเติ่งตั้งแต่ ค.ศ. 2008 เฮ้อ ! เหนื่อยวุ้ย ลงทุนใส่สีส้มมาตั้งหลายปี ตกลงใครหักหลังใครกันนะนี่ ? !

    ตอนจัดรายการปฏิวัติสีส้ม อเมริกาเปิดหน้า เปิดตัว ไม่ใช่แค่ประกาศส่งตัวนักแสดง เป็นหุ่น คือ นาย Viktor Yushchenko และคุณเมียชาว Chicago เท่านั้น อเมริกายังส่งนาย John Herbs มาเป็นฑูตอเมริกันประจำ Ukraine ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2008 อีกด้วย เขามาอยู่Ukraineไม่กี่เดือนก่อนละครเรื่องส้มสลายจะลงโรง นาย Herbs นี้ ก่อนหน้าที่จะมาประจำ Ukraine เขาเคยเป็นฑูตของอเมริกา อยู่ที่ Uzbekistan โดยมีหน้าที่ปฎิบัติภาระกิจสำคัญ ช่วยกำกับการแสดง Operation Enduring Freedom ใน Afkanistan มาแล้ว ภาระกิจแต่ละรายของนาย Herbs เหมาะกับหน้าที่ของคนเป็นทูตอเมริกันอย่างยิ่ง

    คุณหุ่น Yushchenko นี้ ถูกคัดมาแต่งตัวเตรียมเป็นประธานาธิบดี เพราะมีผลงานเข้าตากรรมการ เนื่องจากเป็นอดีตผุ้ว่าการธนาคารกลางของ Ukraine สมัย IMF ใช้โปรแกรม shock therapy

    ในช่วง ค.ศ. 1994 IMF บังคับให้ Ukraine ยกเลิกการควบคุมปริวรรติเงินตรา และลอยค่าเงิน ได้ผลดีมาก เงิน Ukraine ลอยลงสู่พื้น ราคาขนมปังขึ้นไป 300% ค่าไฟฟ้าขึ้นไป 600% ค่าเดินทางโดยบริการสาธารณะขึ้นไป 900% ในปี ค.ศ. 1998 ค่าแรงของชาว Ukraine หายไป 75% เมื่อเปรียบเทียบกับปี ค.ศ. 1991 ในวันที่เต้นรำฉลองชัยออกจากม่านเหล็กกัน

    วอชิงตันเลือกถูกคนจริง ๆ ดินแดนสมันน้อยก็เคยเจอใกล้เคียง หวังว่ายังคงจำกันได้ คงพอมองออกนะครับ เวลาเขาจะปล้นอะไร พวกนักการเงิน นักการธนาคาร ว่าง่าย ใช้คล่อง เข้าใจคำสั่ง และภาระกิจดี..
    เมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2004 มาถึง แม้ขบวนการสีส้มจะเต้นกันไปรอบ เมืองอย่างไร นาย Yushchenko ก็ดันแพ้การเลือกตั้งแก่ นาย Viktor Yanukovych ขบวนการสีส้มมึน เป็นไปได้ไง เราดัก เราหัก เราตีมันทุกทางแล้วนี่นา ลงทุนขนาดนี้ แพ้ได้ยังไงหึ !

    Pora Group ออกมาเดินเต็มถนนอีกรอบ คราวนี้ตะโกน “เลือกตั้งสกปรก เลือกตั้งสกปรก”
    CNN และ BBC ออกข่าวโหม กกต. Ukraine ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ในปี 2005 คราวนี้นาย Yushchenko ชนะแบบฉิวเฉียด เขารีบประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี

    ประธานาธิบดี Yushchenko ไม่รอช้า เดินหน้าทุกทางที่จะตัดเส้นเลือดของรัสเซีย โดยเฉพาะท่อส่งแก๊ซเส้นทางที่จะออกไปยังยุโรปตะวันตก วอชิงตันพยายามกล่อมสมาชิกสหภาพยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันว่า รัสเซียเป็นคู่สัญญาที่ไม่น่าเชื่อถือ

    หุ่นเชิด 2 ตัว Yushenchenko ของ Ukraine และ Saakashvili ของ Georgia ต่างทำงานหนัก แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล สหภาพยุโรปยังต้องอาศัยแก๊ซจากรัสเซียต่อไป ทางเลือกใหม่ยังไม่มี

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    30 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 11 หุ่นเชิดสีส้ม ระหว่างที่รัสเซียเดินหน้าวางท่อส่งไป ทั้งเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก เหมือนดอกว่านบาน 4 ทิศ อเมริกาก็ใช้ทุกแผน ทั้งบนฟ้า เหนือดินและใต้ดินเหมือนกัน ที่จะตัดทางเดินของท่อส่ง ทางหนึ่งที่ลงทุนไปแยะแล้ว และเป็นด่านสำคัญคือ Ukraine เรื่องเก่า จึงต้องเอามาเล่นใหม่ ดูจากแผนที่ Ukraine มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ต่อทั้ง NATO และรัสเซีย ไม่ใช่แค่ด้านตะวันออกของ Ukraine อยู่ติดรัสเซียเท่านั้น แต่ Ukraine ยังเป็นทางออกของท่อส่งแก๊ซเส้น ใหญ่ของรัสเซีย ที่ส่งไปให้ยุโรปตะวันตก คิดเป็นประมาณ 80% ของรายได้ที่เป็นดอลล่าร์ จากการส่งออกแก๊ซ มันเป็นเส้นเลือดใหญ่ของรัสเซียเลยล่ะ ไม่ใช่แค่เรื่องท่อส่งแก๊ซที่ทำให้อเมริกาจุกอก Ukraine ยังทำสัญญาให้สิทธิรัสเซีย ใช้ท่าเรือของ Ukraine ที่ Stevastopol เพื่อเป็นฐานให้กองทัพเรือของรัสเซียจอดที่ทะเลดำ และที่ Odessa อีกด้วย สัญญานี้ยังมีอายุอยู่ถึงปี ค.ศ. 2017 ถ้าไม่ต่อออกไปอีก กองทัพเรือรัสเซียที่ทะเลดำนี้ ทำให้ NATO ต้องคิดหนักในการสยายปีกของตนเองเพื่อมาล้อมรัสเซีย เมื่อ Georgia ถูกชักใยในปี ค.ศ. 2008 นาย Yushchenko ประธานธิบดีของ Ukraine ถูกผู้ชักใยสั่งให้สวมรอยใช้โอกาสนี้ บอกเลิกสัญญาเช่าท่าเรือนี้ก่อนกำหนดไปด้วย แต่มันไม่ง่ายนักหรอก กองเรือรัสเซียอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1783 ตั้งแต่ Stevastopol ยังเป็นของรัสเซียอยู่ ทางภาคตะวันออกของ Ukraine ซึ่งติดกับรัสเซีย เป็นถิ่นที่อยู่ของชาว Ukraine ประมาณ 15 ล้านคน ที่มีวัฒนธรรมเหมือนรัสเซีย และเป็นบริเวณที่มีผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก ปี ค.ศ. 2009 Ukraine เป็นอันดับ 3 ของโลก ในการส่งออกธัญพืช รองจากอเมริกาและสหภาพยุโรป แซงหน้ารัสเซียและแคนาดา chomozem ดินดำที่มีชื่อเสียงของ Ukraine เป็นดินที่มีปุ๋ยธรรมชาติมากที่สุดในโลก และดินดำนี้มีอยู่ทั่วประมาณ 2 ใน 3 ของดินแดน Ukraine บริเวณแม่น้ำ Dnieper และ Dniester เป็นที่เดียวในโลกอีกเช่นกัน ที่มีดินดำชนิดที่เรียกว่า “sweet black soil” ยาวไป 500 กิโลเมตร เป็นดินเหมาะสมสำหรับการทำเกษตรกรรมอย่างที่สุด และถือเป็นสมบัติมีค่าของประเทศ บรรษัทใหญ่ที่ทำเกษตรอุตสาหกรรม ของชาติตะวันตก เช่น Monsanto (จำได้ไหมครับ บริษัทนี้แสบอย่างไร เขาเป็นต้นคิดเมล็ดพืช พันธ์พิฆาต GMO) Cargill, ADM และ Kraft ต่างน้ำลายไหลยืด อยากจะมาครอบครองบริเวณนี้ของ Ukraine เพียงรอเวลา “เหมาะสม” อยู่เท่านั้น ส่วนบริเวณ Ukrainian Donetsk และ Donets Basin หรือ Donbas นั้น ซึ่งเป็นเขตฐานเสียงของ ประธานาธิบดีคนใหม่ คือ นาย YanuKovych เป็นดินแดน ที่เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมถ่านหินและเหล็ก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางวิทยาศาสตร์ และมหาวิทยาลัย Donbas มีถ่านหินประมาณ 109 billion ตัน รวมทั้งมีน้ำมันและแก๊ซธรรมชาติด้วย โดยรวม นับว่า Ukraine เป็นบริเวณที่รวยที่สุดของทวีปยุโรปในแง่ของทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งหินแกรนิต แกรฟไฟท์ และเกลือ มีแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการทำกระเบื้องเคลือบ อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมก่อสร้าง การยึด Ukraine ได้ในปี ค.ศ. 2004 ของอเมริกาจึงถือว่าได้รางวัลใหญ่ สมควรต้องตะโกนว่า We Won, We Won เราชนะ เราชนะ แล้วโว้ย ! แต่ใจเย็นก่อน มันแค่เกือบเท่านั้นเองนะ Emperor Bush ! นาย Yushchenko “เกือบ” ทำให้แผนการสีส้มของอเมริกา ที่ลงทุนคนขน คนฉาก มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 สำเร็จสมเป้าหมาย ถ้าไม่บังเอิญเกิดอาการสดุดขากันเองก่อน ปี ค.ศ. 2008 ประธานาธิบดี Mikhail Saakaashvili ซึ่งรับใบสั่งลับอีกใบหนึ่งจากอเมริกา ทะเร่อทะร่ายกทัพไปบุก South Ossetia จนโดนกองทัพรัสเซียตีกลับแตกกระเจิง ใช้เวลาแค่ 5 วัน แค่นั้นยังไม่ ฉ.ห พอ บังเอิญช่วงนั้นคณะมนตรีของ NATO กำลังจะพิจารณาที่จะรับ Ukraine และ Georgia เป็นสมาชิกของ NATO (ตามคำสั่งของอเมริกา)อยู่ เยอรมันเลยยกมือประท้วง เดี๋ยวก่อน พวกเรา ถ้าเรารับไอ้ 2 ประเทศนี้เข้ามาอยู่ใน NATO น่ะนะ ตามกฎบัตรของ NATO เราต้องทำสงครามกับรัสเซียเพื่อปกป้อง ไอ้ 2 ประเทศ นี้ด้วยนะ บอกแล้วอย่าเพิ่งร้องว่า We Won ฝันเลยค้างเติ่งตั้งแต่ ค.ศ. 2008 เฮ้อ ! เหนื่อยวุ้ย ลงทุนใส่สีส้มมาตั้งหลายปี ตกลงใครหักหลังใครกันนะนี่ ? ! ตอนจัดรายการปฏิวัติสีส้ม อเมริกาเปิดหน้า เปิดตัว ไม่ใช่แค่ประกาศส่งตัวนักแสดง เป็นหุ่น คือ นาย Viktor Yushchenko และคุณเมียชาว Chicago เท่านั้น อเมริกายังส่งนาย John Herbs มาเป็นฑูตอเมริกันประจำ Ukraine ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2008 อีกด้วย เขามาอยู่Ukraineไม่กี่เดือนก่อนละครเรื่องส้มสลายจะลงโรง นาย Herbs นี้ ก่อนหน้าที่จะมาประจำ Ukraine เขาเคยเป็นฑูตของอเมริกา อยู่ที่ Uzbekistan โดยมีหน้าที่ปฎิบัติภาระกิจสำคัญ ช่วยกำกับการแสดง Operation Enduring Freedom ใน Afkanistan มาแล้ว ภาระกิจแต่ละรายของนาย Herbs เหมาะกับหน้าที่ของคนเป็นทูตอเมริกันอย่างยิ่ง คุณหุ่น Yushchenko นี้ ถูกคัดมาแต่งตัวเตรียมเป็นประธานาธิบดี เพราะมีผลงานเข้าตากรรมการ เนื่องจากเป็นอดีตผุ้ว่าการธนาคารกลางของ Ukraine สมัย IMF ใช้โปรแกรม shock therapy ในช่วง ค.ศ. 1994 IMF บังคับให้ Ukraine ยกเลิกการควบคุมปริวรรติเงินตรา และลอยค่าเงิน ได้ผลดีมาก เงิน Ukraine ลอยลงสู่พื้น ราคาขนมปังขึ้นไป 300% ค่าไฟฟ้าขึ้นไป 600% ค่าเดินทางโดยบริการสาธารณะขึ้นไป 900% ในปี ค.ศ. 1998 ค่าแรงของชาว Ukraine หายไป 75% เมื่อเปรียบเทียบกับปี ค.ศ. 1991 ในวันที่เต้นรำฉลองชัยออกจากม่านเหล็กกัน วอชิงตันเลือกถูกคนจริง ๆ ดินแดนสมันน้อยก็เคยเจอใกล้เคียง หวังว่ายังคงจำกันได้ คงพอมองออกนะครับ เวลาเขาจะปล้นอะไร พวกนักการเงิน นักการธนาคาร ว่าง่าย ใช้คล่อง เข้าใจคำสั่ง และภาระกิจดี.. เมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2004 มาถึง แม้ขบวนการสีส้มจะเต้นกันไปรอบ เมืองอย่างไร นาย Yushchenko ก็ดันแพ้การเลือกตั้งแก่ นาย Viktor Yanukovych ขบวนการสีส้มมึน เป็นไปได้ไง เราดัก เราหัก เราตีมันทุกทางแล้วนี่นา ลงทุนขนาดนี้ แพ้ได้ยังไงหึ ! Pora Group ออกมาเดินเต็มถนนอีกรอบ คราวนี้ตะโกน “เลือกตั้งสกปรก เลือกตั้งสกปรก” CNN และ BBC ออกข่าวโหม กกต. Ukraine ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ในปี 2005 คราวนี้นาย Yushchenko ชนะแบบฉิวเฉียด เขารีบประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี ประธานาธิบดี Yushchenko ไม่รอช้า เดินหน้าทุกทางที่จะตัดเส้นเลือดของรัสเซีย โดยเฉพาะท่อส่งแก๊ซเส้นทางที่จะออกไปยังยุโรปตะวันตก วอชิงตันพยายามกล่อมสมาชิกสหภาพยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันว่า รัสเซียเป็นคู่สัญญาที่ไม่น่าเชื่อถือ หุ่นเชิด 2 ตัว Yushenchenko ของ Ukraine และ Saakashvili ของ Georgia ต่างทำงานหนัก แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล สหภาพยุโรปยังต้องอาศัยแก๊ซจากรัสเซียต่อไป ทางเลือกใหม่ยังไม่มี สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 30 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 360 Views 0 Reviews
  • ญี่ปุ่นกำลังส่งเครื่องบิน 8 ลำ ในนั้นรวมถึงเครื่องบินขับไล่ F-15 จำนวน 4 ลำ เข้าประจำการในสหรัฐฯ, แคนาดาและยุโรป ในภารกิจสนับสนุนองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000089265

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ญี่ปุ่นกำลังส่งเครื่องบิน 8 ลำ ในนั้นรวมถึงเครื่องบินขับไล่ F-15 จำนวน 4 ลำ เข้าประจำการในสหรัฐฯ, แคนาดาและยุโรป ในภารกิจสนับสนุนองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000089265 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 638 Views 0 Reviews
  • เป็นครั้งแรก!
    ญี่ปุ่นจะส่งเครื่องบินรบ F-15 ไปยังประเทศตะวันตก เพื่อเข้าร่วมกับอังกฤษ เยอรมนี และแคนาดา

    รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น ประกาศส่งเครื่องบินขับไล่แบบ F-15 ของกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศ จำนวน 4 ลำ พร้อมด้วยเครื่องบินแบบอื่นอีก 4 ลำ ไปยังยุโรป เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตรในยุโรป ที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองเดียวกัน

    การกระทำครั้งนี้เปรียบเหมือนกับญี่ปุ่น ในฐานะพันธมิตรนอกนาโต้ (เบี้ยของนาโต้) ตกลงใจเข้าร่วมกับนาโต้ในการทำสงคราม ท่ามกลางความขัดแย้งที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นกับรัสเซีย
    เป็นครั้งแรก! ญี่ปุ่นจะส่งเครื่องบินรบ F-15 ไปยังประเทศตะวันตก เพื่อเข้าร่วมกับอังกฤษ เยอรมนี และแคนาดา รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น ประกาศส่งเครื่องบินขับไล่แบบ F-15 ของกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศ จำนวน 4 ลำ พร้อมด้วยเครื่องบินแบบอื่นอีก 4 ลำ ไปยังยุโรป เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตรในยุโรป ที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองเดียวกัน การกระทำครั้งนี้เปรียบเหมือนกับญี่ปุ่น ในฐานะพันธมิตรนอกนาโต้ (เบี้ยของนาโต้) ตกลงใจเข้าร่วมกับนาโต้ในการทำสงคราม ท่ามกลางความขัดแย้งที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นกับรัสเซีย
    0 Comments 0 Shares 271 Views 0 Reviews
  • “EPA เตรียมถอยมาตรฐานน้ำดื่ม PFAS — เปิดช่องให้สารพิษ ‘อยู่ยาว’ ในชีวิตคนอเมริกัน”

    เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2025 สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐฯ (EPA) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลกลางเพื่อขอให้ยกเลิกมาตรฐานน้ำดื่มที่เคยออกมาเพื่อควบคุมสาร PFAS หรือที่เรียกกันว่า “สารเคมีอยู่ยาว” ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่พบได้ในผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น กระทะเคลือบสารกันติด โฟมดับเพลิง และบรรจุภัณฑ์อาหาร

    EPA ขอให้ศาลยกเลิกข้อกำหนดที่ควบคุมสาร PFAS 4 ชนิด ได้แก่ GenX, PFHxS, PFNA และ PFBS พร้อมทั้งขยายเวลาให้ระบบน้ำดื่มทั่วประเทศเลื่อนการปฏิบัติตามมาตรฐานของ PFOA และ PFOS ออกไปอีก 2 ปี จากปี 2029 เป็น 2031 ซึ่งหมายความว่าประชาชนกว่า 200 ล้านคนอาจยังคงได้รับน้ำดื่มที่ปนเปื้อนสารพิษเหล่านี้ต่อไป

    นักกฎหมายสิ่งแวดล้อมจาก Earthjustice และ NRDC ออกมาเตือนว่า การกระทำของ EPA ครั้งนี้เป็นการ “หลบเลี่ยง”ข้อห้ามตามกฎหมาย Safe Drinking Water Act ที่ไม่อนุญาตให้ลดมาตรฐานน้ำดื่มที่เคยตั้งไว้แล้ว โดยมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมเคมีและบริษัทน้ำมากกว่าความปลอดภัยของประชาชน

    PFAS เป็นสารที่ไม่สลายตัวในธรรมชาติและสามารถสะสมในร่างกายมนุษย์ได้ โดยมีผลกระทบต่อสุขภาพแม้ในระดับที่ต่ำมาก เช่น มะเร็งไตและอัณฑะ ความผิดปกติของฮอร์โมน ระบบสืบพันธุ์ และพัฒนาการของเด็ก EPA เองเคยประกาศในปี 2024 ว่า “ไม่มีระดับที่ปลอดภัย” สำหรับ PFOA และ PFOS แต่กลับเปลี่ยนท่าทีในปี 2025

    กลุ่มชุมชนจากหลายรัฐ เช่น North Carolina, New York และ Florida ได้ร่วมมือกับ Earthjustice เพื่อปกป้องมาตรฐานน้ำดื่มที่ออกมาในปี 2024 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการกำหนดค่ามาตรฐานสำหรับ PFAS อย่างเป็นทางการในระดับประเทศ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    EPA ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อยกเลิกมาตรฐานน้ำดื่มสำหรับ PFAS 4 ชนิด: GenX, PFHxS, PFNA, PFBS
    ขยายเวลาให้ระบบน้ำดื่มเลื่อนการปฏิบัติตามมาตรฐาน PFOA และ PFOS จากปี 2029 เป็น 2031
    PFAS ปนเปื้อนน้ำดื่มของประชาชนกว่า 200 ล้านคนทั่วสหรัฐฯ
    นักกฎหมายสิ่งแวดล้อมชี้ว่า EPA กำลังหลบเลี่ยงข้อห้ามตามกฎหมาย Safe Drinking Water Act

    ความเคลื่อนไหวจากภาคประชาชน
    Earthjustice และ NRDC ร่วมมือกับกลุ่มชุมชนในหลายรัฐเพื่อปกป้องมาตรฐานเดิม
    มาตรฐานปี 2024 เป็นครั้งแรกที่มีการกำหนดค่าควบคุม PFAS อย่างเป็นทางการ
    มาตรฐานเดิมครอบคลุม PFAS 6 ชนิด และกำหนดให้ระบบน้ำต้องตรวจสอบและรายงานผล
    EPA เคยประกาศว่าไม่มีระดับที่ปลอดภัยสำหรับ PFOA และ PFOS

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    PFAS เป็นสารที่ใช้กันแพร่หลายในอุตสาหกรรม และมีความทนทานต่อความร้อนและคราบ
    การสัมผัส PFAS แม้ในระดับต่ำสามารถก่อให้เกิดโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งและโรคหัวใจ
    เทคโนโลยีการกรอง PFAS มีอยู่แล้ว เช่น การใช้ activated carbon และ reverse osmosis
    การควบคุม PFAS เป็นประเด็นสำคัญในหลายประเทศ เช่น เยอรมนีและแคนาดา

    https://earthjustice.org/press/2025/epa-seeks-to-roll-back-pfas-drinking-water-rules-keeping-millions-exposed-to-toxic-forever-chemicals-in-tap-water
    🚱 “EPA เตรียมถอยมาตรฐานน้ำดื่ม PFAS — เปิดช่องให้สารพิษ ‘อยู่ยาว’ ในชีวิตคนอเมริกัน” เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2025 สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐฯ (EPA) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลกลางเพื่อขอให้ยกเลิกมาตรฐานน้ำดื่มที่เคยออกมาเพื่อควบคุมสาร PFAS หรือที่เรียกกันว่า “สารเคมีอยู่ยาว” ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่พบได้ในผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น กระทะเคลือบสารกันติด โฟมดับเพลิง และบรรจุภัณฑ์อาหาร EPA ขอให้ศาลยกเลิกข้อกำหนดที่ควบคุมสาร PFAS 4 ชนิด ได้แก่ GenX, PFHxS, PFNA และ PFBS พร้อมทั้งขยายเวลาให้ระบบน้ำดื่มทั่วประเทศเลื่อนการปฏิบัติตามมาตรฐานของ PFOA และ PFOS ออกไปอีก 2 ปี จากปี 2029 เป็น 2031 ซึ่งหมายความว่าประชาชนกว่า 200 ล้านคนอาจยังคงได้รับน้ำดื่มที่ปนเปื้อนสารพิษเหล่านี้ต่อไป นักกฎหมายสิ่งแวดล้อมจาก Earthjustice และ NRDC ออกมาเตือนว่า การกระทำของ EPA ครั้งนี้เป็นการ “หลบเลี่ยง”ข้อห้ามตามกฎหมาย Safe Drinking Water Act ที่ไม่อนุญาตให้ลดมาตรฐานน้ำดื่มที่เคยตั้งไว้แล้ว โดยมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมเคมีและบริษัทน้ำมากกว่าความปลอดภัยของประชาชน PFAS เป็นสารที่ไม่สลายตัวในธรรมชาติและสามารถสะสมในร่างกายมนุษย์ได้ โดยมีผลกระทบต่อสุขภาพแม้ในระดับที่ต่ำมาก เช่น มะเร็งไตและอัณฑะ ความผิดปกติของฮอร์โมน ระบบสืบพันธุ์ และพัฒนาการของเด็ก EPA เองเคยประกาศในปี 2024 ว่า “ไม่มีระดับที่ปลอดภัย” สำหรับ PFOA และ PFOS แต่กลับเปลี่ยนท่าทีในปี 2025 กลุ่มชุมชนจากหลายรัฐ เช่น North Carolina, New York และ Florida ได้ร่วมมือกับ Earthjustice เพื่อปกป้องมาตรฐานน้ำดื่มที่ออกมาในปี 2024 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการกำหนดค่ามาตรฐานสำหรับ PFAS อย่างเป็นทางการในระดับประเทศ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ EPA ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อยกเลิกมาตรฐานน้ำดื่มสำหรับ PFAS 4 ชนิด: GenX, PFHxS, PFNA, PFBS ➡️ ขยายเวลาให้ระบบน้ำดื่มเลื่อนการปฏิบัติตามมาตรฐาน PFOA และ PFOS จากปี 2029 เป็น 2031 ➡️ PFAS ปนเปื้อนน้ำดื่มของประชาชนกว่า 200 ล้านคนทั่วสหรัฐฯ ➡️ นักกฎหมายสิ่งแวดล้อมชี้ว่า EPA กำลังหลบเลี่ยงข้อห้ามตามกฎหมาย Safe Drinking Water Act ✅ ความเคลื่อนไหวจากภาคประชาชน ➡️ Earthjustice และ NRDC ร่วมมือกับกลุ่มชุมชนในหลายรัฐเพื่อปกป้องมาตรฐานเดิม ➡️ มาตรฐานปี 2024 เป็นครั้งแรกที่มีการกำหนดค่าควบคุม PFAS อย่างเป็นทางการ ➡️ มาตรฐานเดิมครอบคลุม PFAS 6 ชนิด และกำหนดให้ระบบน้ำต้องตรวจสอบและรายงานผล ➡️ EPA เคยประกาศว่าไม่มีระดับที่ปลอดภัยสำหรับ PFOA และ PFOS ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ PFAS เป็นสารที่ใช้กันแพร่หลายในอุตสาหกรรม และมีความทนทานต่อความร้อนและคราบ ➡️ การสัมผัส PFAS แม้ในระดับต่ำสามารถก่อให้เกิดโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งและโรคหัวใจ ➡️ เทคโนโลยีการกรอง PFAS มีอยู่แล้ว เช่น การใช้ activated carbon และ reverse osmosis ➡️ การควบคุม PFAS เป็นประเด็นสำคัญในหลายประเทศ เช่น เยอรมนีและแคนาดา https://earthjustice.org/press/2025/epa-seeks-to-roll-back-pfas-drinking-water-rules-keeping-millions-exposed-to-toxic-forever-chemicals-in-tap-water
    0 Comments 0 Shares 251 Views 0 Reviews
  • แหกคอก ตอนที่ 3 – ซ่อนรูป
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 3 : ซ่อนรูป
    ในปี ค.ศ.1940 หลวงพ่อ CFR ก็ทำการศึกษาวางแผนระยะยาวเพิ่มเติมอีก เกี่ยวกับเศรษฐกิจของอเมริการะหว่างการทำสงคราม ซึ่งจะต้องมีการดูแลจัดการเกี่ยวกับเรื่องปากท้อง เงินทอง เพื่อให้อเมริกา นักล่าเข้าไปทำสงครามแบบสบายใจ หลวงพ่อนี่ดูแลแบบ ไม่มีตกไม่หล่นเลย รอบคอบมาก พวกเขาสรุปว่า อเมริกาต้องหาทางทำให้เกิดรายได้เข้าประเทศ โดยหาหรือสร้างตลาดใหญ่ สำหรับรองรับการผลิตสินค้าของอเมริกา และเพื่อให้แน่ใจว่า อเมริกาจะเข้าไปถึงแหล่งวัตถุดิบในบริเวณที่ประทับตรา ควบคุม (ขโมย !) ได้อย่างสะดวกเสรี ปราศจากการปิดกั้น หรือต้องตีตั๋วผ่าน รวมทั้งดูแลส่วนที่เกี่ยวกับ การค้าขาย การลงทุน เพื่อให้การล่าราบรื่น ไม่มีสดุด ติดขัด อเมริกาจำเป็นต้องมีกองทัพอันแข็งแกร่ง Military Supremacy เพื่อการนี้ด้วย แม่เจ้าโว้ย ! ฟันน้ำนมยังไม่ขึ้น พี่เลี้ยงสั่งให้แยกเขี้ยวแล้ว
    เริ่มต้น Grand Area Project บอกว่าศึกษาเพื่อเตรียมให้อเมริกาเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 และดูแลเศรษฐกิจของอเมริการะหว่างรบ ไม่ใช่รบๆ ไปกระเป๋าฉีก กางเกงขาด มันคงทุลักทุเล ทุเรศน่าดู แต่นั่นแหละพี่เลี้ยงนักล่าระดับหลวงพ่อ CFR ทำอะไรจะให้มันเปิดเผยเหมือนยืนล่อนจ้อนอยู่หน้าจอได้ยังไง มันต้องซ่อนต้องซ้อนกันหน่อย แท้จริงแล้ว Grand Area Project ได้ถูกออกแบบตั้งแต่แรก เพื่อให้อเมริกาเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่งของโลกเป็นผู้ครองโลก คุมเศรษฐกิจโลกทั้งหมด หลังสงครามโลกสิ้นสุดลง และเพื่อจะควบคุมเศรษฐกิจตามเป้าหมาย ก็จะต้องมีการจัดตั้งองค์กรระหว่างประเทศขึ้นอีกเพียบ เพื่อมาจัดตั้งระบบวางกฎระเบียบ ที่เหมาะสมกับการค้า การลงทุน และระบบการเงินระหว่างประเทศ ให้ทุกอย่างอยู่ในระบบเดียวกับที่อเมริกาต้องการ เอาถึงขนาดนั้นเลยล่ะ และเพื่อจะให้ได้ผลเช่นนั้น อเมริกาจะต้องมีกองกำลังกล้ามใหญ่เอาไว้เบ่ง เวลาพูดจะได้มีคนฟัง ไม่ใช่ทำหูทวนลม แบบนี้เสียหน้ามาถึงหลวงพ่อCFR ด้วย
    น่าสนใจจริงๆ Grand Area Project นี้ ออกแบบไว้ล่วงหน้า โดยใช้ข้อสมมุติฐานว่า
1. อเมริกาต้องเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สอง
2. เยอรมันจะต้องเป็นผู้แพ้สงครามในตอบจบ
3. หลังจากสงครามโลกจบ อเมริกาจะก้าวขึ้นเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งขึ้นครองโลก หลวงพ่อ CFR ไม่ใช่ธรรมดา ไม่ได้ทำนายหรือศึกษาเหตุการณ์ แต่ดูเหมือนจะ สร้าง เหตุการณ์ได้ด้วย ! ?
    ภายหลังจากเหตุการณ์ Pearl Harbor เมื่อ ค.ศ.1941 อเมริกาประกาศตัวโดดเข้าเล่นสงครามโลกด้วยจริงๆ ทันทีที่อเมริกาประกาศ CFR รีบออกข่าวตามไปติดๆ สำทับว่าฝ่ายอักษะแพ้สงครามแน่นอน แค่ยังไม่ออกข่าวว่าจะแพ้วันไหน เท่านั้นเอง และพร้อมกันนั้น CFR ขอแก้ไข Grand Area ทุ่งใหญ่ ไม่ใช่มีแค่ 4 แหล่ง ตามที่ศึกษาไว้ตอนแรก แต่มันต้องหมายรวมถึงโลกทั้งใบนี้ด้วย โอ้โห ! หลวงพ่อ CFR หนุนนักล่าสุดตัวไปเต็มตีนเลย แนวความคิดการจัดระเบียบโลกใหม่ จึงเกิดขึ้น (New World Order !) เราจำเป็นต้องจัดระเบียบใหม่ เกี่ยวกับการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งต้องสอดคล้องกันกับแผนการ ที่จะให้อเมริกาเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่ง การรวมเป็นหนึ่งเดียวของประเทศทั้งหลายในโลก Unification จึงควรเป็นเป้าหมาย ตามแนวทางความคิดของ CFR พี่เลี้ยง/รัฐบาลอเมริกัน หรือควรจะเรียกว่าผู้กำกับหรือเจ้าของ ! ?
    แล้วเพื่อให้การดำเนินการเป็นไป ตามแผน พี่เลี้ยงบอกนักล่า จำเป็น ต้องเข้าไปมีส่วนร่วม ในกิจการภายในบ้าน (Internal Affairs) ของประเทศหลัก ที่นักล่าจะไป (หลอก) เอาวัตถุดิบที่อยู่ในบ้านเขามา ใช้ ต้องเข้าไปควบคุม ไปล้วงลูก ไปจัดการบ้านของพวกเขา ให้เป็นไปตามแผนเรา และต้องทำให้ประเทศนั้น นอกเหนือจาก ยินยอม ส่งวัถตุดิบให้เราแล้ว เราต้องทำให้เขารู้สึก อยาก ที่จะเป็นผู้บริโภคสินค้าที่เราผลิต (ด้วยวัตถุดิบของเขา) อีกด้วย นี่มันเดินหมากกิน 3 ต่อเลยนะ เพื่อให้นโยบายทั้งหมดสัมฤทธิผล เราจะต้องจัดตั้ง IMF และ IBRD (Bank For Reconstruction and Development ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น World Bank) มาเป็นส่วนสำคัญในการชักใย
    พี่เลี้ยง CFR บอกหน่วยงานพวกนี้ จำเป็นต้องมี เพื่อมาทำหน้าที่สร้างกลไกที่จะทำให้เงินสกุลของประเทศโลก ที่ 3 ที่เราจะไปลงทุน และค้าขายด้วย มีความมั่นคงมีเสถียรภาพ (ใช้ศัพท์วิชาการเลยนะลุง) แหม ! ถ้าเงินของไอ้พวกโลกที่ 3 มันขึ้นลงแบบลิฟท์เสีย ผู้ลงทุนสร้างนักล่าก็ล้มทั้งยืน ซิโยม แล้ว CFR ก็ลงมือร่างแผนการจัดตั้ง World Bank กับ IMF ตั้งแต่ ค.ศ.1941 ในที่สุดโดยการประชุมที่ Bretton Woods ค.ศ.1944 World Bank และ IMF ก็คลอด
    แต่ถึงยังงั้นก็เถอะ พี่เลี้ยง CFR ก็ยังเป็นห่วง พวกเขาดูแลนักล่าแบบพี่เลี้ยงมือโปร จะล่าเหยื่อกินแบบตะกรุมตะกรามให้ชาวบ้านเขาด่าได้ยังไง เรามันพวกครีม อยู่ชั้นบนของขนมเค้กเป็นชนชั้นสูงของสังคมมิใช่หรือ ฉะนั้นเราต้องเอาผ้าเช็ดปากมาปิดปาก เวลาจะอ้าปากเคี้ยว อำพรางตัวเองหน่อย ตั้งอะไรขึ้นมาบังหน้า แล้วเราคุมมันอีกต่อไม่ดีหรือ United Nations สหประชาชาติยังไงเล่า เพราะนายทุนกระเป๋าใหญ่ของ CFR อย่างมูลนิธิ Rockefeller และ Carnegie Corporation ต่างก็เคยฝัน อยากให้ประเทศต่างๆ รวมตัวกันเป็น League of Nations ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบใหม่ๆ แล้ว แต่ไม่ได้ประโยชน์อะไรหนักหนา ก็ได้แต่มารวมตัวกัน คุยกันหลวมๆ เหมือนมางานสังสรร ระดับ CFR จะคิดจะทำอะไรมันต้องหนักแน่นแม่นยำกว่านั้น มันต้องเป็นเครื่องมือของการล่าเหยื่อชนิดพิเศษ Informal Agenda Group จึงถูก CFR ตั้งขึ้นมาทำการบ้าน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1942 (ไอ้พวกนี้มันบ้าจัดตั้งหน่วยงานกันจริงนะ!) เพื่อสร้างฉาก จัดการ ให้มีหน่วยงานตามเป้าหมาย คือ องค์การสหประชาชาติ United Nations นั้นแหละ
    คณะสร้างฉากนี้มีสมาชิกทำงาน 6 คน รวมทั้งตัวนาย Cordell Hull รัฐมนตรีของ State Department คณะสร้างฉากนี้นอกเหนือจากตัวรัฐมนตรีแล้ว ที่เหลืออีก 5 คน เป็นสมาชิกของ CFR ทั้งสิ้น คณะสร้างฉาก ได้ข้อสรุปว่า เพื่อไม่ให้ชาวบ้านจับได้ไล่ทัน ว่าเราจะทำอะไร เราควรเอาตัวละครอื่นมาร่วมเข้า ฉากด้วย เป้ามันจะได้กระจาย เช่น สหภาพโซเวียต แคนาดา อังกฤษ ซึ่งประธานาธิบดี Roosevelt ก็ตกลง (คุณประธานาธิบดีนี่ เวลาหลวงพ่อ CFR เสนอ มีบ้างไหมที่แกไม่ตกลงชักสงสัย) ดังนั้นปี ค.ศ.1944 องค์กรสหประชาชาติก็ถูกจัดตั้งขึ้นเรียบร้อย มีกฎบัตร จัดร่างตีตราประทับอย่างถูกต้อง โดยลากเอาสมาชิก CFR ที่เป็นนักกฎหมายอีกเป็นกระบุง เข้ามาดูแล เข้ามาร่วมจัดร่างด้วย CFR ทำงานกันเป็นทีมแบบนี้ นายทุนกระเป๋าหนัก John D. Rockefeller หน้าบานยิ้มจนหุบปากไม่ลง ว่าแล้วก็ยกที่ดินกลางเมืองนิวยอร์ค ราคา 8.5 ล้านเหรียญ ให้เป็นของขวัญ (สมัยนั้น แปลว่าแยะนะครับ สมัยนี้ก็แยะ ถ้าเป็นเงินของเรา) เพื่อสร้างตึกสำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติ
    ตกลงนับตั้งแต่ ค.ศ.1939 เป็นต้นมา อเมริกานักล่าอยู่ภายใต้การกำกับชักใยอย่างเปิดเผย โดยกลุ่มพี่เลี้ยง CFR ตกลงหลวงพ่อ CFR เป็นเจ้าของนักล่า หรือแค่เป็นผู้จัดการ ยังมีใครอื่นที่กำกับหลวงพ่ออีกหรือเปล่า เรารู้กันแน่ไหมว่าใครเป็นคนสั่งให้โลกหมุน ใครเป็นคนกำหนดอนาคตของโลกใบนี้
    คนเล่านิทาน
29 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 3 – ซ่อนรูป นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 3 : ซ่อนรูป ในปี ค.ศ.1940 หลวงพ่อ CFR ก็ทำการศึกษาวางแผนระยะยาวเพิ่มเติมอีก เกี่ยวกับเศรษฐกิจของอเมริการะหว่างการทำสงคราม ซึ่งจะต้องมีการดูแลจัดการเกี่ยวกับเรื่องปากท้อง เงินทอง เพื่อให้อเมริกา นักล่าเข้าไปทำสงครามแบบสบายใจ หลวงพ่อนี่ดูแลแบบ ไม่มีตกไม่หล่นเลย รอบคอบมาก พวกเขาสรุปว่า อเมริกาต้องหาทางทำให้เกิดรายได้เข้าประเทศ โดยหาหรือสร้างตลาดใหญ่ สำหรับรองรับการผลิตสินค้าของอเมริกา และเพื่อให้แน่ใจว่า อเมริกาจะเข้าไปถึงแหล่งวัตถุดิบในบริเวณที่ประทับตรา ควบคุม (ขโมย !) ได้อย่างสะดวกเสรี ปราศจากการปิดกั้น หรือต้องตีตั๋วผ่าน รวมทั้งดูแลส่วนที่เกี่ยวกับ การค้าขาย การลงทุน เพื่อให้การล่าราบรื่น ไม่มีสดุด ติดขัด อเมริกาจำเป็นต้องมีกองทัพอันแข็งแกร่ง Military Supremacy เพื่อการนี้ด้วย แม่เจ้าโว้ย ! ฟันน้ำนมยังไม่ขึ้น พี่เลี้ยงสั่งให้แยกเขี้ยวแล้ว เริ่มต้น Grand Area Project บอกว่าศึกษาเพื่อเตรียมให้อเมริกาเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 และดูแลเศรษฐกิจของอเมริการะหว่างรบ ไม่ใช่รบๆ ไปกระเป๋าฉีก กางเกงขาด มันคงทุลักทุเล ทุเรศน่าดู แต่นั่นแหละพี่เลี้ยงนักล่าระดับหลวงพ่อ CFR ทำอะไรจะให้มันเปิดเผยเหมือนยืนล่อนจ้อนอยู่หน้าจอได้ยังไง มันต้องซ่อนต้องซ้อนกันหน่อย แท้จริงแล้ว Grand Area Project ได้ถูกออกแบบตั้งแต่แรก เพื่อให้อเมริกาเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่งของโลกเป็นผู้ครองโลก คุมเศรษฐกิจโลกทั้งหมด หลังสงครามโลกสิ้นสุดลง และเพื่อจะควบคุมเศรษฐกิจตามเป้าหมาย ก็จะต้องมีการจัดตั้งองค์กรระหว่างประเทศขึ้นอีกเพียบ เพื่อมาจัดตั้งระบบวางกฎระเบียบ ที่เหมาะสมกับการค้า การลงทุน และระบบการเงินระหว่างประเทศ ให้ทุกอย่างอยู่ในระบบเดียวกับที่อเมริกาต้องการ เอาถึงขนาดนั้นเลยล่ะ และเพื่อจะให้ได้ผลเช่นนั้น อเมริกาจะต้องมีกองกำลังกล้ามใหญ่เอาไว้เบ่ง เวลาพูดจะได้มีคนฟัง ไม่ใช่ทำหูทวนลม แบบนี้เสียหน้ามาถึงหลวงพ่อCFR ด้วย น่าสนใจจริงๆ Grand Area Project นี้ ออกแบบไว้ล่วงหน้า โดยใช้ข้อสมมุติฐานว่า
1. อเมริกาต้องเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สอง
2. เยอรมันจะต้องเป็นผู้แพ้สงครามในตอบจบ
3. หลังจากสงครามโลกจบ อเมริกาจะก้าวขึ้นเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งขึ้นครองโลก หลวงพ่อ CFR ไม่ใช่ธรรมดา ไม่ได้ทำนายหรือศึกษาเหตุการณ์ แต่ดูเหมือนจะ สร้าง เหตุการณ์ได้ด้วย ! ? ภายหลังจากเหตุการณ์ Pearl Harbor เมื่อ ค.ศ.1941 อเมริกาประกาศตัวโดดเข้าเล่นสงครามโลกด้วยจริงๆ ทันทีที่อเมริกาประกาศ CFR รีบออกข่าวตามไปติดๆ สำทับว่าฝ่ายอักษะแพ้สงครามแน่นอน แค่ยังไม่ออกข่าวว่าจะแพ้วันไหน เท่านั้นเอง และพร้อมกันนั้น CFR ขอแก้ไข Grand Area ทุ่งใหญ่ ไม่ใช่มีแค่ 4 แหล่ง ตามที่ศึกษาไว้ตอนแรก แต่มันต้องหมายรวมถึงโลกทั้งใบนี้ด้วย โอ้โห ! หลวงพ่อ CFR หนุนนักล่าสุดตัวไปเต็มตีนเลย แนวความคิดการจัดระเบียบโลกใหม่ จึงเกิดขึ้น (New World Order !) เราจำเป็นต้องจัดระเบียบใหม่ เกี่ยวกับการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งต้องสอดคล้องกันกับแผนการ ที่จะให้อเมริกาเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่ง การรวมเป็นหนึ่งเดียวของประเทศทั้งหลายในโลก Unification จึงควรเป็นเป้าหมาย ตามแนวทางความคิดของ CFR พี่เลี้ยง/รัฐบาลอเมริกัน หรือควรจะเรียกว่าผู้กำกับหรือเจ้าของ ! ? แล้วเพื่อให้การดำเนินการเป็นไป ตามแผน พี่เลี้ยงบอกนักล่า จำเป็น ต้องเข้าไปมีส่วนร่วม ในกิจการภายในบ้าน (Internal Affairs) ของประเทศหลัก ที่นักล่าจะไป (หลอก) เอาวัตถุดิบที่อยู่ในบ้านเขามา ใช้ ต้องเข้าไปควบคุม ไปล้วงลูก ไปจัดการบ้านของพวกเขา ให้เป็นไปตามแผนเรา และต้องทำให้ประเทศนั้น นอกเหนือจาก ยินยอม ส่งวัถตุดิบให้เราแล้ว เราต้องทำให้เขารู้สึก อยาก ที่จะเป็นผู้บริโภคสินค้าที่เราผลิต (ด้วยวัตถุดิบของเขา) อีกด้วย นี่มันเดินหมากกิน 3 ต่อเลยนะ เพื่อให้นโยบายทั้งหมดสัมฤทธิผล เราจะต้องจัดตั้ง IMF และ IBRD (Bank For Reconstruction and Development ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น World Bank) มาเป็นส่วนสำคัญในการชักใย พี่เลี้ยง CFR บอกหน่วยงานพวกนี้ จำเป็นต้องมี เพื่อมาทำหน้าที่สร้างกลไกที่จะทำให้เงินสกุลของประเทศโลก ที่ 3 ที่เราจะไปลงทุน และค้าขายด้วย มีความมั่นคงมีเสถียรภาพ (ใช้ศัพท์วิชาการเลยนะลุง) แหม ! ถ้าเงินของไอ้พวกโลกที่ 3 มันขึ้นลงแบบลิฟท์เสีย ผู้ลงทุนสร้างนักล่าก็ล้มทั้งยืน ซิโยม แล้ว CFR ก็ลงมือร่างแผนการจัดตั้ง World Bank กับ IMF ตั้งแต่ ค.ศ.1941 ในที่สุดโดยการประชุมที่ Bretton Woods ค.ศ.1944 World Bank และ IMF ก็คลอด แต่ถึงยังงั้นก็เถอะ พี่เลี้ยง CFR ก็ยังเป็นห่วง พวกเขาดูแลนักล่าแบบพี่เลี้ยงมือโปร จะล่าเหยื่อกินแบบตะกรุมตะกรามให้ชาวบ้านเขาด่าได้ยังไง เรามันพวกครีม อยู่ชั้นบนของขนมเค้กเป็นชนชั้นสูงของสังคมมิใช่หรือ ฉะนั้นเราต้องเอาผ้าเช็ดปากมาปิดปาก เวลาจะอ้าปากเคี้ยว อำพรางตัวเองหน่อย ตั้งอะไรขึ้นมาบังหน้า แล้วเราคุมมันอีกต่อไม่ดีหรือ United Nations สหประชาชาติยังไงเล่า เพราะนายทุนกระเป๋าใหญ่ของ CFR อย่างมูลนิธิ Rockefeller และ Carnegie Corporation ต่างก็เคยฝัน อยากให้ประเทศต่างๆ รวมตัวกันเป็น League of Nations ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบใหม่ๆ แล้ว แต่ไม่ได้ประโยชน์อะไรหนักหนา ก็ได้แต่มารวมตัวกัน คุยกันหลวมๆ เหมือนมางานสังสรร ระดับ CFR จะคิดจะทำอะไรมันต้องหนักแน่นแม่นยำกว่านั้น มันต้องเป็นเครื่องมือของการล่าเหยื่อชนิดพิเศษ Informal Agenda Group จึงถูก CFR ตั้งขึ้นมาทำการบ้าน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1942 (ไอ้พวกนี้มันบ้าจัดตั้งหน่วยงานกันจริงนะ!) เพื่อสร้างฉาก จัดการ ให้มีหน่วยงานตามเป้าหมาย คือ องค์การสหประชาชาติ United Nations นั้นแหละ คณะสร้างฉากนี้มีสมาชิกทำงาน 6 คน รวมทั้งตัวนาย Cordell Hull รัฐมนตรีของ State Department คณะสร้างฉากนี้นอกเหนือจากตัวรัฐมนตรีแล้ว ที่เหลืออีก 5 คน เป็นสมาชิกของ CFR ทั้งสิ้น คณะสร้างฉาก ได้ข้อสรุปว่า เพื่อไม่ให้ชาวบ้านจับได้ไล่ทัน ว่าเราจะทำอะไร เราควรเอาตัวละครอื่นมาร่วมเข้า ฉากด้วย เป้ามันจะได้กระจาย เช่น สหภาพโซเวียต แคนาดา อังกฤษ ซึ่งประธานาธิบดี Roosevelt ก็ตกลง (คุณประธานาธิบดีนี่ เวลาหลวงพ่อ CFR เสนอ มีบ้างไหมที่แกไม่ตกลงชักสงสัย) ดังนั้นปี ค.ศ.1944 องค์กรสหประชาชาติก็ถูกจัดตั้งขึ้นเรียบร้อย มีกฎบัตร จัดร่างตีตราประทับอย่างถูกต้อง โดยลากเอาสมาชิก CFR ที่เป็นนักกฎหมายอีกเป็นกระบุง เข้ามาดูแล เข้ามาร่วมจัดร่างด้วย CFR ทำงานกันเป็นทีมแบบนี้ นายทุนกระเป๋าหนัก John D. Rockefeller หน้าบานยิ้มจนหุบปากไม่ลง ว่าแล้วก็ยกที่ดินกลางเมืองนิวยอร์ค ราคา 8.5 ล้านเหรียญ ให้เป็นของขวัญ (สมัยนั้น แปลว่าแยะนะครับ สมัยนี้ก็แยะ ถ้าเป็นเงินของเรา) เพื่อสร้างตึกสำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติ ตกลงนับตั้งแต่ ค.ศ.1939 เป็นต้นมา อเมริกานักล่าอยู่ภายใต้การกำกับชักใยอย่างเปิดเผย โดยกลุ่มพี่เลี้ยง CFR ตกลงหลวงพ่อ CFR เป็นเจ้าของนักล่า หรือแค่เป็นผู้จัดการ ยังมีใครอื่นที่กำกับหลวงพ่ออีกหรือเปล่า เรารู้กันแน่ไหมว่าใครเป็นคนสั่งให้โลกหมุน ใครเป็นคนกำหนดอนาคตของโลกใบนี้ คนเล่านิทาน
29 พค. 57
    0 Comments 0 Shares 371 Views 0 Reviews
  • “Neuralink ผ่าน 2,000 วันใช้งานจริง! ผู้ป่วยควบคุมคอมพิวเตอร์ด้วยความคิด — ก้าวใหม่ของเทคโนโลยีเชื่อมสมองกับเครื่องจักร”

    ลองจินตนาการว่าคุณสามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ได้ด้วยความคิด โดยไม่ต้องขยับมือหรือพูดออกมา — นั่นคือสิ่งที่ Neuralink บริษัทของ Elon Musk กำลังทำให้เป็นจริง และล่าสุดได้ประกาศว่า มีผู้ป่วย 12 คนทั่วโลกที่ใช้อุปกรณ์ฝังสมองของบริษัทมาแล้วรวมกันกว่า 2,000 วัน หรือกว่า 15,000 ชั่วโมง

    หนึ่งในผู้ใช้ที่โด่งดังที่สุดคือ Noland Arbaugh ผู้ที่เป็นอัมพาตจากอุบัติเหตุทางน้ำในปี 2016 และได้รับการฝังชิป Neuralink ในปี 2024 หลังจากนั้นเขาสามารถเล่นวิดีโอเกม เรียนภาษา และควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยความคิดเพียงอย่างเดียว

    การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก Neuralink เริ่มการทดลองทางคลินิกนอกสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก โดยฝังชิปให้ผู้ป่วยอัมพาต 2 คนในแคนาดาเมื่อปลายเดือนสิงหาคมและต้นกันยายน 2025 ที่โรงพยาบาล Toronto Western Hospital ภายใต้โครงการ CAN-PRIME ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อศึกษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการควบคุมอุปกรณ์ด้วยความคิด

    ผู้ป่วยทั้งสองสามารถควบคุมเคอร์เซอร์บนหน้าจอได้ภายในไม่กี่นาทีหลังการผ่าตัด โดยใช้สัญญาณจากสมองที่ถูกถอดรหัสผ่าน AI และแปลงเป็นการเคลื่อนไหวบนหน้าจอ — เป็นการข้ามขั้นตอนการเคลื่อนไหวทางกายภาพโดยสิ้นเชิง

    นอกจากแคนาดา Neuralink ยังได้รับอนุมัติจากหน่วยงานในสหราชอาณาจักรเพื่อเริ่มการทดลองทางคลินิก GB-PRIME ซึ่งจะศึกษาการใช้งานชิปในผู้ป่วยอัมพาตเช่นกัน โดยมีเป้าหมายระยะยาวในการฟื้นฟูการพูด การมองเห็น และความสามารถในการสื่อสารของผู้ป่วย

    ความคืบหน้าของ Neuralink
    มีผู้ใช้ 12 คนทั่วโลก ใช้งานรวมกันกว่า 2,000 วัน และ 15,335 ชั่วโมง
    ผู้ใช้รายแรก Noland Arbaugh สามารถเล่นเกมและเรียนภาษาได้ด้วยความคิด
    การใช้งานจริงเริ่มตั้งแต่ปี 2024 หลังได้รับอนุมัติจาก FDA

    การทดลองทางคลินิกในแคนาดา
    ฝังชิปให้ผู้ป่วยอัมพาต 2 คนที่ Toronto Western Hospital
    ผู้ป่วยสามารถควบคุมเคอร์เซอร์ได้ภายในไม่กี่นาทีหลังผ่าตัด
    ใช้ AI ถอดรหัสสัญญาณสมองและแปลงเป็นการเคลื่อนไหว
    โครงการ CAN-PRIME มุ่งเน้นความปลอดภัยและความสามารถในการใช้งานจริง

    การขยายตัวระดับโลก
    ได้รับอนุมัติจากสหราชอาณาจักรเพื่อเริ่มโครงการ GB-PRIME
    เป้าหมายคือการฟื้นฟูการสื่อสาร การมองเห็น และการเคลื่อนไหว
    มีแผนลดต้นทุนการฝังชิปให้เหลือเพียงไม่กี่พันดอลลาร์ในอนาคต
    ใช้หุ่นยนต์ผ่าตัดเฉพาะทางในการฝังอุปกรณ์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ผู้ป่วยในแคนาดาอายุประมาณ 30 ปี มีอาการอัมพาตจากการบาดเจ็บไขสันหลัง
    อุปกรณ์ฝังในสมองส่วนควบคุมการเคลื่อนไหว (motor cortex)
    บริษัทอื่นเช่น Synchron ก็พัฒนาเทคโนโลยี BCI เช่นกัน
    ผู้ป่วยรายแรกเคยมีปัญหาชิปหลุดหลังผ่าตัด แต่กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง

    https://wccftech.com/elon-musks-brain-chip-firm-neuralink-says-its-12-patients-have-used-chips-for-2000-days/
    🧠 “Neuralink ผ่าน 2,000 วันใช้งานจริง! ผู้ป่วยควบคุมคอมพิวเตอร์ด้วยความคิด — ก้าวใหม่ของเทคโนโลยีเชื่อมสมองกับเครื่องจักร” ลองจินตนาการว่าคุณสามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ได้ด้วยความคิด โดยไม่ต้องขยับมือหรือพูดออกมา — นั่นคือสิ่งที่ Neuralink บริษัทของ Elon Musk กำลังทำให้เป็นจริง และล่าสุดได้ประกาศว่า มีผู้ป่วย 12 คนทั่วโลกที่ใช้อุปกรณ์ฝังสมองของบริษัทมาแล้วรวมกันกว่า 2,000 วัน หรือกว่า 15,000 ชั่วโมง หนึ่งในผู้ใช้ที่โด่งดังที่สุดคือ Noland Arbaugh ผู้ที่เป็นอัมพาตจากอุบัติเหตุทางน้ำในปี 2016 และได้รับการฝังชิป Neuralink ในปี 2024 หลังจากนั้นเขาสามารถเล่นวิดีโอเกม เรียนภาษา และควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยความคิดเพียงอย่างเดียว การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก Neuralink เริ่มการทดลองทางคลินิกนอกสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก โดยฝังชิปให้ผู้ป่วยอัมพาต 2 คนในแคนาดาเมื่อปลายเดือนสิงหาคมและต้นกันยายน 2025 ที่โรงพยาบาล Toronto Western Hospital ภายใต้โครงการ CAN-PRIME ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อศึกษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการควบคุมอุปกรณ์ด้วยความคิด ผู้ป่วยทั้งสองสามารถควบคุมเคอร์เซอร์บนหน้าจอได้ภายในไม่กี่นาทีหลังการผ่าตัด โดยใช้สัญญาณจากสมองที่ถูกถอดรหัสผ่าน AI และแปลงเป็นการเคลื่อนไหวบนหน้าจอ — เป็นการข้ามขั้นตอนการเคลื่อนไหวทางกายภาพโดยสิ้นเชิง นอกจากแคนาดา Neuralink ยังได้รับอนุมัติจากหน่วยงานในสหราชอาณาจักรเพื่อเริ่มการทดลองทางคลินิก GB-PRIME ซึ่งจะศึกษาการใช้งานชิปในผู้ป่วยอัมพาตเช่นกัน โดยมีเป้าหมายระยะยาวในการฟื้นฟูการพูด การมองเห็น และความสามารถในการสื่อสารของผู้ป่วย ✅ ความคืบหน้าของ Neuralink ➡️ มีผู้ใช้ 12 คนทั่วโลก ใช้งานรวมกันกว่า 2,000 วัน และ 15,335 ชั่วโมง ➡️ ผู้ใช้รายแรก Noland Arbaugh สามารถเล่นเกมและเรียนภาษาได้ด้วยความคิด ➡️ การใช้งานจริงเริ่มตั้งแต่ปี 2024 หลังได้รับอนุมัติจาก FDA ✅ การทดลองทางคลินิกในแคนาดา ➡️ ฝังชิปให้ผู้ป่วยอัมพาต 2 คนที่ Toronto Western Hospital ➡️ ผู้ป่วยสามารถควบคุมเคอร์เซอร์ได้ภายในไม่กี่นาทีหลังผ่าตัด ➡️ ใช้ AI ถอดรหัสสัญญาณสมองและแปลงเป็นการเคลื่อนไหว ➡️ โครงการ CAN-PRIME มุ่งเน้นความปลอดภัยและความสามารถในการใช้งานจริง ✅ การขยายตัวระดับโลก ➡️ ได้รับอนุมัติจากสหราชอาณาจักรเพื่อเริ่มโครงการ GB-PRIME ➡️ เป้าหมายคือการฟื้นฟูการสื่อสาร การมองเห็น และการเคลื่อนไหว ➡️ มีแผนลดต้นทุนการฝังชิปให้เหลือเพียงไม่กี่พันดอลลาร์ในอนาคต ➡️ ใช้หุ่นยนต์ผ่าตัดเฉพาะทางในการฝังอุปกรณ์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ผู้ป่วยในแคนาดาอายุประมาณ 30 ปี มีอาการอัมพาตจากการบาดเจ็บไขสันหลัง ➡️ อุปกรณ์ฝังในสมองส่วนควบคุมการเคลื่อนไหว (motor cortex) ➡️ บริษัทอื่นเช่น Synchron ก็พัฒนาเทคโนโลยี BCI เช่นกัน ➡️ ผู้ป่วยรายแรกเคยมีปัญหาชิปหลุดหลังผ่าตัด แต่กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง https://wccftech.com/elon-musks-brain-chip-firm-neuralink-says-its-12-patients-have-used-chips-for-2000-days/
    WCCFTECH.COM
    Elon Musk's Brain Chip Firm Neuralink Says Its 12 Patients Have Used Chips For 2,000 Days!
    Neuralink announces 12 patients using its Brain Computer Interfaces, with 15,335 hours of cumulative usage.
    0 Comments 0 Shares 278 Views 0 Reviews
More Results