• SadServers: แพลตฟอร์มฝึกทักษะ Linux และ DevOps ผ่านสถานการณ์จริงในระบบออนไลน์

    SadServers คือเว็บไซต์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ดูแลระบบ Linux และสายงาน DevOps ได้ฝึกฝนทักษะผ่านการแก้ปัญหาจริงในเซิร์ฟเวอร์ที่ “กำลังมีปัญหา” โดยไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่ม ไม่ต้องมีเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง แค่คลิก “Run” ก็เริ่มทดสอบได้ทันที

    ลักษณะการใช้งานของ SadServers

    ผู้ใช้จะได้รับเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกตั้งค่าล่วงหน้าให้มีปัญหาเฉพาะ
    ต้องเข้าไปแก้ไขผ่าน terminal ที่เปิดได้จากเว็บเบราว์เซอร์
    มีโจทย์ให้เลือกหลายระดับ: ง่าย, ปานกลาง, ยาก
    มี 3 ประเภทโจทย์:
    - Fix: แก้ปัญหาเซิร์ฟเวอร์ให้กลับมาทำงานได้
    - Hack: ทดสอบความปลอดภัยของระบบ
    - Do: ทำงานตามคำสั่งใน command line
    ระบบจะตรวจคำตอบโดยอัตโนมัติเมื่อส่งงาน
    มีโจทย์ฟรีให้เล่นโดยไม่ต้องสมัครสมาชิก เช่น การหาว่าโปรแกรมใดกำลังเขียน log file แล้วหยุดมัน

    จุดเด่นของ SadServers
    ฝึกทักษะ Linux และ DevOps ผ่านสถานการณ์จริง
    ไม่ต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเซิร์ฟเวอร์เอง
    มีระบบตรวจคำตอบอัตโนมัติ
    รองรับการใช้งานผ่านเบราว์เซอร์
    มีโจทย์ฟรีให้ทดลองก่อนสมัคร

    สิทธิพิเศษในเวอร์ชัน Pro
    เข้าถึงโจทย์ทั้งหมด
    เวลาทำโจทย์นานขึ้น
    ลองทำซ้ำได้ไม่จำกัด
    เข้าถึง VM ผ่าน SSH โดยตรง
    มีระบบบันทึกคำสั่งและหน้าแสดงความสำเร็จ

    เบื้องหลังการพัฒนา
    สร้างโดย Fernando ผู้เชี่ยวชาญด้าน DevOps
    เน้นการใช้งานจริงมากกว่าความสวยงามของเว็บไซต์
    เหมาะสำหรับผู้ที่เบื่อทฤษฎีและต้องการฝึกแบบลงมือจริง

    https://news.itsfoss.com/sadservers/
    🧠💻 SadServers: แพลตฟอร์มฝึกทักษะ Linux และ DevOps ผ่านสถานการณ์จริงในระบบออนไลน์ SadServers คือเว็บไซต์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ดูแลระบบ Linux และสายงาน DevOps ได้ฝึกฝนทักษะผ่านการแก้ปัญหาจริงในเซิร์ฟเวอร์ที่ “กำลังมีปัญหา” โดยไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่ม ไม่ต้องมีเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง แค่คลิก “Run” ก็เริ่มทดสอบได้ทันที 🔧 ลักษณะการใช้งานของ SadServers 💠 ผู้ใช้จะได้รับเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกตั้งค่าล่วงหน้าให้มีปัญหาเฉพาะ 💠 ต้องเข้าไปแก้ไขผ่าน terminal ที่เปิดได้จากเว็บเบราว์เซอร์ 💠 มีโจทย์ให้เลือกหลายระดับ: ง่าย, ปานกลาง, ยาก 💠 มี 3 ประเภทโจทย์: - Fix: แก้ปัญหาเซิร์ฟเวอร์ให้กลับมาทำงานได้ - Hack: ทดสอบความปลอดภัยของระบบ - Do: ทำงานตามคำสั่งใน command line 💠 ระบบจะตรวจคำตอบโดยอัตโนมัติเมื่อส่งงาน 💠 มีโจทย์ฟรีให้เล่นโดยไม่ต้องสมัครสมาชิก เช่น การหาว่าโปรแกรมใดกำลังเขียน log file แล้วหยุดมัน ✅ จุดเด่นของ SadServers ➡️ ฝึกทักษะ Linux และ DevOps ผ่านสถานการณ์จริง ➡️ ไม่ต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเซิร์ฟเวอร์เอง ➡️ มีระบบตรวจคำตอบอัตโนมัติ ➡️ รองรับการใช้งานผ่านเบราว์เซอร์ ➡️ มีโจทย์ฟรีให้ทดลองก่อนสมัคร ✅ สิทธิพิเศษในเวอร์ชัน Pro ➡️ เข้าถึงโจทย์ทั้งหมด ➡️ เวลาทำโจทย์นานขึ้น ➡️ ลองทำซ้ำได้ไม่จำกัด ➡️ เข้าถึง VM ผ่าน SSH โดยตรง ➡️ มีระบบบันทึกคำสั่งและหน้าแสดงความสำเร็จ ✅ เบื้องหลังการพัฒนา ➡️ สร้างโดย Fernando ผู้เชี่ยวชาญด้าน DevOps ➡️ เน้นการใช้งานจริงมากกว่าความสวยงามของเว็บไซต์ ➡️ เหมาะสำหรับผู้ที่เบื่อทฤษฎีและต้องการฝึกแบบลงมือจริง https://news.itsfoss.com/sadservers/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    What LeetCode? I Found This Platform to Practice Linux Troubleshooting Skills
    Move over theory and practice your Linux and DevOps skills by solving various challenges on this innovative platform. A good way to prepare for job interviews.
    0 Comments 0 Shares 17 Views 0 Reviews
  • Lenovo Legion บน Linux เตรียมได้โหมด Extreme ที่แท้จริง — แก้ปัญหาพลังงานผิดพลาด พร้อมระบบอนุญาตเฉพาะรุ่นที่รองรับ

    บทความจาก Tom’s Hardware รายงานว่า Lenovo Legion ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Linux กำลังจะได้รับการอัปเดตใหม่ที่เพิ่มโหมด “Extreme” สำหรับการใช้งานประสิทธิภาพสูง โดยจะมีการตรวจสอบรุ่นก่อนอนุญาตให้ใช้งาน เพื่อป้องกันปัญหาความร้อนและการใช้พลังงานเกินขีดจำกัด

    ก่อนหน้านี้ Legion บน Linux มีปัญหาเรื่อง power profile ที่ไม่ตรงกับความสามารถของเครื่อง เช่น โหมด Extreme ถูกเปิดใช้งานในรุ่นที่ไม่รองรับ ทำให้เกิดความไม่เสถียรและอาจทำให้แบตเตอรี่เสียหาย

    นักพัฒนาอิสระ Derek Clark ได้เสนอ patch ใหม่ให้กับ Lenovo WMI GameZone driver ซึ่งเป็นตัวควบคุมโหมดพลังงานบน Linux โดยเปลี่ยนจากระบบ “deny list” เป็น “allow list” หมายความว่า เฉพาะรุ่นที่ผ่านการตรวจสอบแล้วเท่านั้นที่จะสามารถเปิดใช้งานโหมด Extreme ได้

    โหมดนี้จะตั้งค่า PPT/SPL สูงสุด ทำให้ CPU ใช้พลังงานเต็มที่ เหมาะสำหรับการใช้งานขณะเสียบปลั๊กเท่านั้น เพราะอาจกินพลังงานเกินที่แบตเตอรี่จะรับไหว

    ปัญหาเดิมบน Linux
    โหมด Extreme เปิดใช้งานในรุ่นที่ไม่รองรับ
    ทำให้ระบบไม่เสถียรและแบตเตอรี่เสียหาย

    การแก้ไขด้วย patch ใหม่
    เปลี่ยนจาก deny list เป็น allow list
    เฉพาะรุ่นที่ผ่านการตรวจสอบเท่านั้นที่เปิด Extreme ได้
    ใช้กับ Lenovo WMI GameZone driver บน Linux

    ข้อควรระวังในการใช้งาน
    โหมด Extreme ใช้พลังงานสูงมาก
    เหมาะกับการใช้งานแบบเสียบปลั๊กเท่านั้น
    ยังไม่มีรุ่นใดที่ผ่านการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Linux บน Legion
    อย่าเปิดโหมด Extreme หากเครื่องยังไม่อยู่ใน allow list
    ตรวจสอบ patch และรุ่นที่รองรับก่อนใช้งาน
    ใช้โหมดนี้เฉพาะเมื่อต้องการประสิทธิภาพสูงสุดและมีระบบระบายความร้อนเพียงพอ

    https://www.tomshardware.com/software/linux/lenovo-legion-devices-running-linux-set-to-get-new-extreme-mode-that-fixes-previously-broken-power-limits-only-approved-devices-will-be-able-to-run-the-maximum-performance-mode
    ⚡ Lenovo Legion บน Linux เตรียมได้โหมด Extreme ที่แท้จริง — แก้ปัญหาพลังงานผิดพลาด พร้อมระบบอนุญาตเฉพาะรุ่นที่รองรับ บทความจาก Tom’s Hardware รายงานว่า Lenovo Legion ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Linux กำลังจะได้รับการอัปเดตใหม่ที่เพิ่มโหมด “Extreme” สำหรับการใช้งานประสิทธิภาพสูง โดยจะมีการตรวจสอบรุ่นก่อนอนุญาตให้ใช้งาน เพื่อป้องกันปัญหาความร้อนและการใช้พลังงานเกินขีดจำกัด ก่อนหน้านี้ Legion บน Linux มีปัญหาเรื่อง power profile ที่ไม่ตรงกับความสามารถของเครื่อง เช่น โหมด Extreme ถูกเปิดใช้งานในรุ่นที่ไม่รองรับ ทำให้เกิดความไม่เสถียรและอาจทำให้แบตเตอรี่เสียหาย นักพัฒนาอิสระ Derek Clark ได้เสนอ patch ใหม่ให้กับ Lenovo WMI GameZone driver ซึ่งเป็นตัวควบคุมโหมดพลังงานบน Linux โดยเปลี่ยนจากระบบ “deny list” เป็น “allow list” หมายความว่า เฉพาะรุ่นที่ผ่านการตรวจสอบแล้วเท่านั้นที่จะสามารถเปิดใช้งานโหมด Extreme ได้ โหมดนี้จะตั้งค่า PPT/SPL สูงสุด ทำให้ CPU ใช้พลังงานเต็มที่ เหมาะสำหรับการใช้งานขณะเสียบปลั๊กเท่านั้น เพราะอาจกินพลังงานเกินที่แบตเตอรี่จะรับไหว ✅ ปัญหาเดิมบน Linux ➡️ โหมด Extreme เปิดใช้งานในรุ่นที่ไม่รองรับ ➡️ ทำให้ระบบไม่เสถียรและแบตเตอรี่เสียหาย ✅ การแก้ไขด้วย patch ใหม่ ➡️ เปลี่ยนจาก deny list เป็น allow list ➡️ เฉพาะรุ่นที่ผ่านการตรวจสอบเท่านั้นที่เปิด Extreme ได้ ➡️ ใช้กับ Lenovo WMI GameZone driver บน Linux ✅ ข้อควรระวังในการใช้งาน ➡️ โหมด Extreme ใช้พลังงานสูงมาก ➡️ เหมาะกับการใช้งานแบบเสียบปลั๊กเท่านั้น ➡️ ยังไม่มีรุ่นใดที่ผ่านการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Linux บน Legion ⛔ อย่าเปิดโหมด Extreme หากเครื่องยังไม่อยู่ใน allow list ⛔ ตรวจสอบ patch และรุ่นที่รองรับก่อนใช้งาน ⛔ ใช้โหมดนี้เฉพาะเมื่อต้องการประสิทธิภาพสูงสุดและมีระบบระบายความร้อนเพียงพอ https://www.tomshardware.com/software/linux/lenovo-legion-devices-running-linux-set-to-get-new-extreme-mode-that-fixes-previously-broken-power-limits-only-approved-devices-will-be-able-to-run-the-maximum-performance-mode
    0 Comments 0 Shares 25 Views 0 Reviews
  • Amazon เปิดตัวหุ่นยนต์ Blue Jay และ AI Eluna พลิกโฉมโลจิสติกส์ เพิ่มประสิทธิภาพ ลดภาระพนักงาน

    Amazon เผยโฉมนวัตกรรมใหม่ในระบบโลจิสติกส์ ได้แก่ “Blue Jay” หุ่นยนต์แขนกลอัจฉริยะ และ “Project Eluna” ผู้ช่วย AI สำหรับผู้จัดการคลังสินค้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลดงานซ้ำซ้อน และยกระดับประสิทธิภาพการจัดส่ง

    Amazon กำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการทำงานในคลังสินค้า โดยเปิดตัว 2 เทคโนโลยีใหม่ ได้แก่:

    1️⃣ Blue Jay – หุ่นยนต์แขนกลหลายแขนที่สามารถทำงานร่วมกับพนักงานได้อย่างคล่องตัว เช่น หยิบของ เก็บของ และจัดเรียงสินค้าในพื้นที่เดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เปรียบเสมือน “นักเล่นกลที่ไม่เคยทำของตก” และ “วาทยกร” ที่ควบคุมการเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำ โดยใช้พื้นที่น้อยลงแต่ทำงานได้มากขึ้น ปัจจุบันกำลังทดสอบในศูนย์ของ Amazon ที่เซาท์แคโรไลนา และสามารถจัดการสินค้ากว่า 75% ของคลังได้แล้ว

    2️⃣ Project Eluna – ผู้ช่วย AI สำหรับผู้จัดการคลังสินค้า ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเรียลไทม์และประวัติการทำงาน เพื่อแนะนำการตัดสินใจ เช่น การจัดสรรพนักงานเพื่อหลีกเลี่ยงคอขวดในระบบ โดยผู้จัดการสามารถถามคำถามเชิงกลยุทธ์ เช่น “ควรย้ายพนักงานไปตรงไหนเพื่อป้องกันความล่าช้า?” แล้ว Eluna จะให้คำตอบที่มีข้อมูลรองรับ

    ทั้งสองเทคโนโลยีนี้มีเป้าหมายร่วมกันคือ ลดภาระงานซ้ำซ้อน เพิ่มความปลอดภัยทางกายภาพ และเปิดโอกาสให้พนักงานได้พัฒนาทักษะในงานที่มีคุณค่ามากขึ้น

    หุ่นยนต์ Blue Jay
    เป็นระบบแขนกลหลายแขนที่ทำงานร่วมกับพนักงาน
    รวม 3 สถานีงาน (หยิบ-เก็บ-รวมสินค้า) ไว้ในจุดเดียว
    ใช้พื้นที่น้อยลงแต่ทำงานได้มากขึ้น
    ทดสอบแล้วในศูนย์ Amazon ที่เซาท์แคโรไลนา

    AI ผู้ช่วย Project Eluna
    วิเคราะห์ข้อมูลเรียลไทม์และประวัติการทำงาน
    แนะนำการจัดสรรทรัพยากรเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา
    ช่วยให้ผู้จัดการวางแผนเชิงรุก แทนการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

    เป้าหมายของเทคโนโลยี
    ลดงานซ้ำซ้อน เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน
    สนับสนุนการเติบโตของพนักงานในบทบาทที่มีคุณค่ามากขึ้น

    คำเตือนเกี่ยวกับการใช้ AI และหุ่นยนต์ในที่ทำงาน
    ควรมีการฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจการทำงานร่วมกับ AI
    ต้องมีมาตรการป้องกันการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป
    ควรติดตามผลกระทบต่อแรงงานในระยะยาวอย่างใกล้ชิด

    https://securityonline.info/future-of-logistics-amazon-unveils-blue-jay-robot-and-eluna-ai-assistant/
    🤖 Amazon เปิดตัวหุ่นยนต์ Blue Jay และ AI Eluna พลิกโฉมโลจิสติกส์ เพิ่มประสิทธิภาพ ลดภาระพนักงาน Amazon เผยโฉมนวัตกรรมใหม่ในระบบโลจิสติกส์ ได้แก่ “Blue Jay” หุ่นยนต์แขนกลอัจฉริยะ และ “Project Eluna” ผู้ช่วย AI สำหรับผู้จัดการคลังสินค้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลดงานซ้ำซ้อน และยกระดับประสิทธิภาพการจัดส่ง Amazon กำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการทำงานในคลังสินค้า โดยเปิดตัว 2 เทคโนโลยีใหม่ ได้แก่: 1️⃣ Blue Jay – หุ่นยนต์แขนกลหลายแขนที่สามารถทำงานร่วมกับพนักงานได้อย่างคล่องตัว เช่น หยิบของ เก็บของ และจัดเรียงสินค้าในพื้นที่เดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เปรียบเสมือน “นักเล่นกลที่ไม่เคยทำของตก” และ “วาทยกร” ที่ควบคุมการเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำ โดยใช้พื้นที่น้อยลงแต่ทำงานได้มากขึ้น ปัจจุบันกำลังทดสอบในศูนย์ของ Amazon ที่เซาท์แคโรไลนา และสามารถจัดการสินค้ากว่า 75% ของคลังได้แล้ว 2️⃣ Project Eluna – ผู้ช่วย AI สำหรับผู้จัดการคลังสินค้า ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเรียลไทม์และประวัติการทำงาน เพื่อแนะนำการตัดสินใจ เช่น การจัดสรรพนักงานเพื่อหลีกเลี่ยงคอขวดในระบบ โดยผู้จัดการสามารถถามคำถามเชิงกลยุทธ์ เช่น “ควรย้ายพนักงานไปตรงไหนเพื่อป้องกันความล่าช้า?” แล้ว Eluna จะให้คำตอบที่มีข้อมูลรองรับ ทั้งสองเทคโนโลยีนี้มีเป้าหมายร่วมกันคือ ลดภาระงานซ้ำซ้อน เพิ่มความปลอดภัยทางกายภาพ และเปิดโอกาสให้พนักงานได้พัฒนาทักษะในงานที่มีคุณค่ามากขึ้น ✅ หุ่นยนต์ Blue Jay ➡️ เป็นระบบแขนกลหลายแขนที่ทำงานร่วมกับพนักงาน ➡️ รวม 3 สถานีงาน (หยิบ-เก็บ-รวมสินค้า) ไว้ในจุดเดียว ➡️ ใช้พื้นที่น้อยลงแต่ทำงานได้มากขึ้น ➡️ ทดสอบแล้วในศูนย์ Amazon ที่เซาท์แคโรไลนา ✅ AI ผู้ช่วย Project Eluna ➡️ วิเคราะห์ข้อมูลเรียลไทม์และประวัติการทำงาน ➡️ แนะนำการจัดสรรทรัพยากรเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ➡️ ช่วยให้ผู้จัดการวางแผนเชิงรุก แทนการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ✅ เป้าหมายของเทคโนโลยี ➡️ ลดงานซ้ำซ้อน เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน ➡️ สนับสนุนการเติบโตของพนักงานในบทบาทที่มีคุณค่ามากขึ้น ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้ AI และหุ่นยนต์ในที่ทำงาน ⛔ ควรมีการฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจการทำงานร่วมกับ AI ⛔ ต้องมีมาตรการป้องกันการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป ⛔ ควรติดตามผลกระทบต่อแรงงานในระยะยาวอย่างใกล้ชิด https://securityonline.info/future-of-logistics-amazon-unveils-blue-jay-robot-and-eluna-ai-assistant/
    SECURITYONLINE.INFO
    Future of Logistics: Amazon Unveils Blue Jay Robot and Eluna AI Assistant
    Amazon introduced Blue Jay, a multi-arm robot for packing, and Project Eluna, an AI assistant for managers, promising safer, faster operations.
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เผยถึงการกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 26 และการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม ประเทศไทยยืนยันให้ความร่วมมือแก้ปัญหา โดยเฉพาะปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ สแกมเมอร์ โดยไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเพื่อหาพลังของภูมิภาคในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้เป็นรูปธรรมและจริงจัง เป็นการร่วมมือระดับนานาชาติ โดยพูดคุยกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ถึงวิธีการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งมอบหมายกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแล้ว

    -ประชาชนควรได้รู้
    -ยังไม่เปิดจุดผ่านแดน
    -MOU 43 เสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ
    -ตลาดใหม่หนุนส่งออก
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เผยถึงการกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 26 และการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม ประเทศไทยยืนยันให้ความร่วมมือแก้ปัญหา โดยเฉพาะปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ สแกมเมอร์ โดยไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเพื่อหาพลังของภูมิภาคในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้เป็นรูปธรรมและจริงจัง เป็นการร่วมมือระดับนานาชาติ โดยพูดคุยกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ถึงวิธีการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งมอบหมายกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแล้ว -ประชาชนควรได้รู้ -ยังไม่เปิดจุดผ่านแดน -MOU 43 เสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ -ตลาดใหม่หนุนส่งออก
    Like
    Haha
    2
    1 Comments 0 Shares 167 Views 0 0 Reviews
  • CXMT ส่งตัวอย่าง HBM3 ให้ Huawei – จีนใกล้ปลดล็อกคอขวดชิป AI

    จีนกำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนหน่วยความจำ HBM (High Bandwidth Memory) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของชิป AI ที่ใช้ในการประมวลผลขนาดใหญ่ เช่นในระบบปัญญาประดิษฐ์และเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูง

    ที่ผ่านมา Huawei และบริษัทอื่นๆ ต้องพึ่งพาสต็อก HBM ที่มีอยู่ก่อนการควบคุมการส่งออกจากต่างประเทศ แต่ตอนนี้ CXMT ได้พัฒนาตัวอย่าง HBM3 ได้สำเร็จ และส่งให้ Huawei ทดสอบแล้ว ซึ่งถือเป็น “จุดเริ่มต้น” ของการผลิตในประเทศ

    แม้ CXMT ยังล้าหลังบริษัทระดับโลกอย่าง SK hynix อยู่ประมาณ 3–4 ปี แต่ก็มีความสามารถในการผลิต DRAM เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะผลิตได้ถึง 280,000 แผ่นเวเฟอร์ต่อเดือนภายในปีนี้

    นอกจากนี้ CXMT ยังเริ่มผลิต DDR5 สำหรับผู้บริโภคทั่วไป และเตรียมเปิด IPO ในไตรมาสแรกของปี 2026 เพื่อระดมทุนขยายกำลังการผลิต

    CXMT ส่งตัวอย่าง HBM3 ให้ Huawei
    เป็นก้าวสำคัญในการแก้ปัญหาคอขวดด้านชิป AI
    อาจนำไปสู่การผลิตในระดับอุตสาหกรรมภายในปีนี้

    ความสามารถในการผลิตของ CXMT
    มีสายการผลิต DRAM ที่กำลังขยายตัว
    คาดว่าจะผลิตได้ 230,000–280,000 เวเฟอร์ต่อเดือน
    เริ่มผลิต DDR5 สำหรับผู้บริโภคทั่วไปแล้ว

    ความเคลื่อนไหวของบริษัทหน่วยความจำจีน
    YMTC เริ่มเข้าสู่ธุรกิจ DRAM เพื่อช่วยลดการพึ่งพาต่างประเทศ
    CXMT เตรียมเปิด IPO ในไตรมาสแรกปี 2026

    ความล้าหลังด้านเทคโนโลยี
    CXMT ยังตามหลัง SK hynix ประมาณ 3–4 ปี
    HBM3E จะเข้าสู่จีนในปี 2027 ขณะที่ HBM4 จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่

    https://wccftech.com/china-cxmt-ships-out-pivotal-hbm3-samples-to-huawei/
    🇨🇳 CXMT ส่งตัวอย่าง HBM3 ให้ Huawei – จีนใกล้ปลดล็อกคอขวดชิป AI จีนกำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนหน่วยความจำ HBM (High Bandwidth Memory) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของชิป AI ที่ใช้ในการประมวลผลขนาดใหญ่ เช่นในระบบปัญญาประดิษฐ์และเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูง ที่ผ่านมา Huawei และบริษัทอื่นๆ ต้องพึ่งพาสต็อก HBM ที่มีอยู่ก่อนการควบคุมการส่งออกจากต่างประเทศ แต่ตอนนี้ CXMT ได้พัฒนาตัวอย่าง HBM3 ได้สำเร็จ และส่งให้ Huawei ทดสอบแล้ว ซึ่งถือเป็น “จุดเริ่มต้น” ของการผลิตในประเทศ แม้ CXMT ยังล้าหลังบริษัทระดับโลกอย่าง SK hynix อยู่ประมาณ 3–4 ปี แต่ก็มีความสามารถในการผลิต DRAM เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะผลิตได้ถึง 280,000 แผ่นเวเฟอร์ต่อเดือนภายในปีนี้ นอกจากนี้ CXMT ยังเริ่มผลิต DDR5 สำหรับผู้บริโภคทั่วไป และเตรียมเปิด IPO ในไตรมาสแรกของปี 2026 เพื่อระดมทุนขยายกำลังการผลิต ✅ CXMT ส่งตัวอย่าง HBM3 ให้ Huawei ➡️ เป็นก้าวสำคัญในการแก้ปัญหาคอขวดด้านชิป AI ➡️ อาจนำไปสู่การผลิตในระดับอุตสาหกรรมภายในปีนี้ ✅ ความสามารถในการผลิตของ CXMT ➡️ มีสายการผลิต DRAM ที่กำลังขยายตัว ➡️ คาดว่าจะผลิตได้ 230,000–280,000 เวเฟอร์ต่อเดือน ➡️ เริ่มผลิต DDR5 สำหรับผู้บริโภคทั่วไปแล้ว ✅ ความเคลื่อนไหวของบริษัทหน่วยความจำจีน ➡️ YMTC เริ่มเข้าสู่ธุรกิจ DRAM เพื่อช่วยลดการพึ่งพาต่างประเทศ ➡️ CXMT เตรียมเปิด IPO ในไตรมาสแรกปี 2026 ‼️ ความล้าหลังด้านเทคโนโลยี ⛔ CXMT ยังตามหลัง SK hynix ประมาณ 3–4 ปี ⛔ HBM3E จะเข้าสู่จีนในปี 2027 ขณะที่ HBM4 จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ https://wccftech.com/china-cxmt-ships-out-pivotal-hbm3-samples-to-huawei/
    WCCFTECH.COM
    China's CXMT Ships Out HBM3 Samples to Huawei, Potentially Sorting Out a Massive Bottleneck in the Domestic AI Supply Chain
    China's CXMT has reportedly achieved a significant breakthrough by shipping HBM3 samples to domestic AI giants.
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • “บั๊กเดียวเปลี่ยนชีวิต! เมื่อ PyTorch สอนมากกว่าหลายปีที่ใช้งาน”

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังเทรนโมเดล deep learning บน MacBook ด้วย PyTorch แล้วอยู่ดีๆ loss ก็หยุดนิ่งไม่ขยับ ทั้งที่คุณมั่นใจว่าโค้ดไม่มีปัญหา… นี่คือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยของ Elana Simon นักวิจัยจาก Stanford ที่ค้นพบว่าไม่ใช่แค่ hyperparameter ที่ผิด แต่เป็นบั๊กลึกใน PyTorch ที่ซ่อนอยู่ในระดับ kernel บน Apple Silicon GPU!

    เธอเริ่มจากการสงสัยตัวเอง ลองปรับทุกอย่างที่คิดได้ ตั้งแต่ learning rate ไปจนถึง auxiliary loss แต่ encoder weights กลับไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งที่ decoder weights กลับอัปเดตตามปกติ สุดท้ายเธอพบว่า optimizer Adam บน MPS (Metal Performance Shaders) มีปัญหากับ tensor ที่ไม่ contiguous ซึ่งทำให้บาง operation อย่าง addcmul_() และ addcdiv_() ไม่อัปเดตค่าเลยแม้จะคำนวณเสร็จแล้ว!

    การแก้ปัญหานี้ไม่ใช่แค่การเรียก .contiguous() แต่ยังต้องเข้าใจการทำงานของ kernel, memory layout, และ dispatch system ของ PyTorch อย่างลึกซึ้ง ซึ่งเธอได้เรียนรู้ทั้งหมดจากการไล่ debug ทีละขั้นตอน และสุดท้ายก็สามารถแก้บั๊กได้เอง พร้อมส่ง pull request ไปยัง PyTorch repo!

    นอกจากนั้น เธอยังพบว่า operation อื่นๆ เช่น random_() ก็มีบั๊กแบบเดียวกัน และทั้งหมดนี้เกิดจาก abstraction ที่ “รั่ว” ของ Placeholder ที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจัดการกับ output tensor หรือ input tensor

    เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การแก้บั๊ก แต่เป็นบทเรียนสำคัญในการเข้าใจระบบที่เราใช้งานอยู่ และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนกล้าลงลึกเพื่อเข้าใจสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง framework ที่เราใช้ทุกวัน

    ปัญหาเริ่มต้นจาก loss ที่ไม่ลดลง
    เกิดขึ้นกับ encoder weights ที่ไม่อัปเดตเลย

    การตรวจสอบพบว่า gradients มีอยู่จริง
    encoder มี gradient ขนาดใหญ่และไม่เป็น NaN

    Optimizer Adam เป็นต้นเหตุ
    encoder weights ไม่อัปเดตเมื่อใช้ Adam แต่ทำงานปกติเมื่อใช้ SGD

    การตรวจสอบ state ของ Adam พบว่า exp_avg_sq เป็นศูนย์
    ทั้งที่ควรมีค่าเพราะ gradients ไม่เป็นศูนย์

    การเปลี่ยนไปใช้ float64 ทำให้ปัญหาหายไป
    แต่จริงๆ แล้วเป็นเพราะเปลี่ยนจาก MPS ไปใช้ CPU โดยไม่ตั้งใจ

    ปัญหาเกิดจาก device-specific kernel บน MPS
    บาง operation ไม่สามารถเขียนค่าลงใน non-contiguous tensor ได้

    การแก้ไขคือการทำ tensor ให้ contiguous ก่อนใช้งาน
    โดยเรียก .contiguous() ก่อน optimizer step

    การตรวจสอบ source code พบว่า operation บางตัวไม่เช็ค contiguity
    เช่น addcmul_() และ addcdiv_() บน MPS ไม่ทำ copy-back

    การแก้ไขใน PyTorch v2.4 ได้แก้ปัญหานี้แล้ว
    โดยเพิ่มขั้นตอน copy-back สำหรับ non-contiguous output

    macOS 15 รองรับ non-contiguous tensor โดยตรง
    ลดความจำเป็นในการ workaround ด้วยการ copy

    https://elanapearl.github.io/blog/2025/the-bug-that-taught-me-pytorch/
    🧠 “บั๊กเดียวเปลี่ยนชีวิต! เมื่อ PyTorch สอนมากกว่าหลายปีที่ใช้งาน” ลองจินตนาการว่าคุณกำลังเทรนโมเดล deep learning บน MacBook ด้วย PyTorch แล้วอยู่ดีๆ loss ก็หยุดนิ่งไม่ขยับ ทั้งที่คุณมั่นใจว่าโค้ดไม่มีปัญหา… นี่คือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยของ Elana Simon นักวิจัยจาก Stanford ที่ค้นพบว่าไม่ใช่แค่ hyperparameter ที่ผิด แต่เป็นบั๊กลึกใน PyTorch ที่ซ่อนอยู่ในระดับ kernel บน Apple Silicon GPU! เธอเริ่มจากการสงสัยตัวเอง ลองปรับทุกอย่างที่คิดได้ ตั้งแต่ learning rate ไปจนถึง auxiliary loss แต่ encoder weights กลับไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งที่ decoder weights กลับอัปเดตตามปกติ สุดท้ายเธอพบว่า optimizer Adam บน MPS (Metal Performance Shaders) มีปัญหากับ tensor ที่ไม่ contiguous ซึ่งทำให้บาง operation อย่าง addcmul_() และ addcdiv_() ไม่อัปเดตค่าเลยแม้จะคำนวณเสร็จแล้ว! การแก้ปัญหานี้ไม่ใช่แค่การเรียก .contiguous() แต่ยังต้องเข้าใจการทำงานของ kernel, memory layout, และ dispatch system ของ PyTorch อย่างลึกซึ้ง ซึ่งเธอได้เรียนรู้ทั้งหมดจากการไล่ debug ทีละขั้นตอน และสุดท้ายก็สามารถแก้บั๊กได้เอง พร้อมส่ง pull request ไปยัง PyTorch repo! นอกจากนั้น เธอยังพบว่า operation อื่นๆ เช่น random_() ก็มีบั๊กแบบเดียวกัน และทั้งหมดนี้เกิดจาก abstraction ที่ “รั่ว” ของ Placeholder ที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจัดการกับ output tensor หรือ input tensor เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การแก้บั๊ก แต่เป็นบทเรียนสำคัญในการเข้าใจระบบที่เราใช้งานอยู่ และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนกล้าลงลึกเพื่อเข้าใจสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง framework ที่เราใช้ทุกวัน ✅ ปัญหาเริ่มต้นจาก loss ที่ไม่ลดลง ➡️ เกิดขึ้นกับ encoder weights ที่ไม่อัปเดตเลย ✅ การตรวจสอบพบว่า gradients มีอยู่จริง ➡️ encoder มี gradient ขนาดใหญ่และไม่เป็น NaN ✅ Optimizer Adam เป็นต้นเหตุ ➡️ encoder weights ไม่อัปเดตเมื่อใช้ Adam แต่ทำงานปกติเมื่อใช้ SGD ✅ การตรวจสอบ state ของ Adam พบว่า exp_avg_sq เป็นศูนย์ ➡️ ทั้งที่ควรมีค่าเพราะ gradients ไม่เป็นศูนย์ ✅ การเปลี่ยนไปใช้ float64 ทำให้ปัญหาหายไป ➡️ แต่จริงๆ แล้วเป็นเพราะเปลี่ยนจาก MPS ไปใช้ CPU โดยไม่ตั้งใจ ✅ ปัญหาเกิดจาก device-specific kernel บน MPS ➡️ บาง operation ไม่สามารถเขียนค่าลงใน non-contiguous tensor ได้ ✅ การแก้ไขคือการทำ tensor ให้ contiguous ก่อนใช้งาน ➡️ โดยเรียก .contiguous() ก่อน optimizer step ✅ การตรวจสอบ source code พบว่า operation บางตัวไม่เช็ค contiguity ➡️ เช่น addcmul_() และ addcdiv_() บน MPS ไม่ทำ copy-back ✅ การแก้ไขใน PyTorch v2.4 ได้แก้ปัญหานี้แล้ว ➡️ โดยเพิ่มขั้นตอน copy-back สำหรับ non-contiguous output ✅ macOS 15 รองรับ non-contiguous tensor โดยตรง ➡️ ลดความจำเป็นในการ workaround ด้วยการ copy https://elanapearl.github.io/blog/2025/the-bug-that-taught-me-pytorch/
    ELANAPEARL.GITHUB.IO
    the bug that taught me more about PyTorch than years of using it
    a loss plateau that looked like my mistake turned out to be a PyTorch bug. tracking it down meant peeling back every layer of abstraction, from optimizer internals to GPU kernels.
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • สหรัฐฯ ลงนามข้อตกลงการค้าและแร่ธาตุสำคัญกับ 4 ชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในวันอาทิตย์ (26) ในความพยายามท่ีจะแก้ปัญหาความไม่สมดุลทางการค้าและกระจายห่วงโซ่อุปทานท่ามกลางการควบคุมการส่งออกแร่ธาตุหายากที่เข้มงวดขึ้นของจีน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000102309

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    สหรัฐฯ ลงนามข้อตกลงการค้าและแร่ธาตุสำคัญกับ 4 ชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในวันอาทิตย์ (26) ในความพยายามท่ีจะแก้ปัญหาความไม่สมดุลทางการค้าและกระจายห่วงโซ่อุปทานท่ามกลางการควบคุมการส่งออกแร่ธาตุหายากที่เข้มงวดขึ้นของจีน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000102309 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 169 Views 0 Reviews
  • เรื่อง ฉากใหม่
    “ฉากใหม่”

    (1)

    เมื่อต้นอาทิตย์ (7,8 เม.ย) เราได้เห็นรูปถ่าย และข่าว ที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงฉากการเมืองระหว่างประเทศของไทยที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

    เป็นรูปของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย กำลังยิ้ม อย่างที่เขาเรียกว่า ไม่ใช่ยิ้มแค่ปาก กับ นาย Dmitry Medvedev นายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนหน้าเฉย ตานิ่ง แต่คราวนี้ คุณหน้าเฉย ยิ้มออก คงเป็นยิ้ม ที่นานๆ จะหลุดมาให้เห็น จึงเป็นรูปที่น่าจะสร้างอารมณ์หลากหลายแก่ผู้ที่เห็น

    ผู้นำของรัสเซีย มาเป็นแขกของรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการ เป็นครั้งแรก หลังจากทิ้งช่วงห่างนานถึง 25 ปี หลังสงครามเย็น ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ ก็เย็นตามอุณหภูมิ ที่กลุ่มผู้นำโลกฝั่งตะวันตกต้ังไว้ให้ สมันน้อยว่าง่าย เชื่อฟังลูกพี่ใหญ่เสมอ ไม่เคยคัดค้าน ขัดขืน หรือเปลี่ยนแปลง ปรอทแสดงอุณหภูมิความสัมพันธ์กับรัสเซีย ที่อเมริกาเป็นผู้มาติดต้ังและกำกับไว้ จึงเย็นยะเยือกค้างเป็นทางการ อยู่อย่างนั้น

    มาถึงเดือนเมษายน ปีนี้ ขณะที่บ้านเรากำลังอยู่กลางฤดูร้อน อุณหภูมิความร้อนของเดือนเมษายน ในไทย ร้อนแรงจนแสบตัว และอาจจะแสบไปทั้งหลัง และหัวใจของใครหลายคน แต่ระหว่างไทยรัสเซีย อุณหภูมิความสัมพันธ์ กลับเริ่มอุ่นกำลังดี ความเย็นชาค่อยๆจางออกไป การเปลี่ยนแปลงของอุณภูมิระดับนี้ น่าจะเป็นข่าวใหญ่ไม่น้อย เพราะมันเกิดขึ้นนอกเหนือคำสั่งของลูกพี่ใหญ่ ปรอทจำกัดอุณภูมิ ที่ตั้งไว้ ใช้การไม่ได้เสียแล้ว แต่จะถาวร หรือชั่วคราว คงต้องติดตามดูกันต่อไป

    น่าสนใจ ที่สำนักข่าวใหญ่ๆ เกือบทั้งหมด หลีกเลี่ยงที่จะให้ความสนใจ ให้ราคากับข่าวปรอทเสียนี้ แม้ว่ามันอาจมีผลกระทบไม่น้อย กับการเมืองในภูมิภาคนี้ และอาจจะกระทบไปถึงการเมืองระดับโลกด้วย

    นายกรัฐมนตรีรัสเซีย บอกว่า ประเทศไทย เป็นเพื่อนเก่าแก่ที่สุดของรัส เซียในเอเซียแปซิฟิก อีก 2 ปี เราจะได้ฉลองครบ 120 ปี ของความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแล้วนะ เราทั้ง 2 ประเทศ มาถึงตรงนี้ เพราะเรามีความเข้าใจในวัฒนธรรม ความเป็นเพื่อน และมีความเคารพให้แก่กัน คุณนายกหน้าเฉยเข้าใจพูด

    นอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนคำสนทนาฉันท์มิตร ที่มีมารยาทแล้ว ไทยกับรัสเซีย ยังลงนามในบันทึกความเข้าใจ เกี่ยวกับการร่วมมือ ด้านการค้า การพลังงาน การลงทุน การท่องเที่ยว วัฒนธรรม และกฏหมาย อีกด้วย

    จากการสัมภาษณ์ คุณหน้าเฉย นาย Dmitry Medvedev นายกรัฐมนตรีรัสเซีย โดยนายสุทธิชัย หยุ่น สื่อใหญ่ ซึ่งบอกว่า ไทยนับว่ารัสเซียเป็นเพื่อนแท้ เมื่อเทียบกับสัมพันธ์ระหว่างไทย กับเพื่อนตะวันตก ที่ตอนนี้กำลังออกรสเปรี้ยว หลังจากที่มีการปฏิวัติ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร คุณหน้าเฉยตอบว่า เราให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในไทยนะ แต่เราให้ความสนใจอย่างเคารพ we do it with respect … เราแสดงออกอย่างผู้ที่เจริญแล้ว ….ประเทศที่เป็นเอกราช ก็ต้องแก้ปัญหาภายในประเทศของตน ด้วยตนเอง

    อืม คุณหน้าเฉย นี่แกแสนสุภาพ แต่ คำที่พูดลอยฝากไปถึงใครนี่ เจ็บไม่เบา
    ส่วนนาย ฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อ ยู เอส เอ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการมาของนายกรัฐมนตรีรัสเซียว่า เป็นการมาช่วยรักษาหน้าให้กับ พลเอก ประยุทธ ได้ไม่น้อย แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้น เนื่องจากไทยกำลังปกครองโดยรัฐบาลทหาร ที่มาจากการปฏิวัติ และรัสเซียก็เป็นตัวแทนของขั้วอำนาจคนละฝั่ง กับพวกตะวันตก ที่กำลังไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลของ พลเอก ประยุทธ์ นายฐิตินันท์ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ (การเข้าไปซบจีน กับรัสเซีย) ได้ผลแค่ระยะสั้น ในการคานการแสดงออกของฝั่งตะวันตก แต่มันอาจจะมีผลกระทบในระยะใกลได้ ในฐานะเป็นมิตรเก่าแก่ที่สุดของอเมริกาในภูมิภาคนี้ เครื่องถ่ายเอกสาร ยังทำงานได้ดี สมยี่ห้อ

    สำหรับคนทั่วไปบ้านเรา อาจมีบางคน มองด้วยความหงุดหงิดว่า ลุงตู่กำลังทำอะไร เราจะเปลี่ยนไปคบกับรัสเซีย ไม่เอาอเมริกาเพื่อนเก่าแก่แล้วหรือ ลุงตู่ทำได้ไง ไว้ใจได้ที่ไหน รัสเซียน่ะมาเฟียโหดทั้งนั้นนะ ไปดูแถวพัทยา ภูเก็ต สิ เห็นแล้วสยอง จนขนลุกไปหมด

    แต่บางคนก็อาจถูกใจ บอก เออ หัดคบเพื่อนใหม่เสียบ้าง มัวแต่เชื่อไอ้ก๊วนปีกเหี่ยวใบตองแห้งอยู่ได้ ถูกมันต้มเปื่อยมา 60 กว่าปีแล้ว น่าจะเปลี่ยนนโยบายมานานแล้ว เผื่อเพื่อนเก่าจะได้รู้จักปรับปรุงตัว

    และก็อาจมีพวกที่ยังหลงยุค ตกข่าว มองด้วยความไม่สบอารมณ์ นี่เราไปคบกับรัสเซียได้ไง เขาเป็นคอมมูนิสต์นะ เดี๋ยวพวกอยากเปลี่ยนการปกครองไม่เอาสถาบัน ก็ตีปีกดีใจ นึกว่ามีพวกมาสนับสนุน แถมรัฐบาลยังไปต้อนรับยิ้มหวานกับเขาเสียอีก

    แต่ก็ยังคงมีอีกหลายคน ที่ไม่สนใจ ไม่รับรู้ว่า ลุงตู่กับคุณหน้าเฉย เขากำลังทำอะไรกัน ดี หรือไม่ดี กับประเทศของตัวอย่างไร เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่แต่กับเรื่องส่วนตัว หรือมัวแต่สนใจว่านางเอกสาวคนนั้น ตกลงเธอมีกิ๊กอยู่เมืองนอก หรือเมืองไทยกันแน่… เหล่านี้ เป็นเรื่องธรรมดาของ ผู้คนในแดนสมันน้อย

    และที่เราน่าจะสนใจกันบ้าง เพราะมันย่อมมีผลกระทบถึงบ้านเรา แน่นอน คือปฏิกิริยา ของเพื่อนเก่า นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ที่น่าจะกำลังเครียดจัด เพราะว่า เหยื่อ ที่อยู่ในกำมือมานาน และมีเค้าว่าจะต้องรับใช้งานสำคัญ อาจกำลังจะหลุดมือไป ข่าวลือว่า นักล่า ถึงกับส่งทีมมาหาข่าวหลายทีม หลายวงการ ยิ่งแถวโรงแรมใหญ่กลางเมือง ที่อยู่ใกล้ๆกัน 2 โรง ทีมหาข่าวแทบจะเดินชนกันตาย เดินแถวนั้น มันจะได้ข่าวอะไร แถวนั้นมันมีแต่ก๊อสสิบโฮโส ข่าวที่ได้มันถึงได้หยำเฟอะ เลอะเทอะ พาเอานักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ได้ข่าวไขว้เขวไปหมด

    (2)

    มีอีกาคาบข่าว ไปบอกนักล่าใบตองแห้งมาพักใหญ่แล้วว่า สมันน้อยอาจไม่คิดอยู่ใต้ปีกเหี่ยวๆของนักล่าใบตองแห้ง แบบเป็นสมาชิกตลอดชีพอีกแล้ว สมันน้อยกำลังมองหาเพื่อนคนอื่นในป่าอันกว้างใหญ่นี้เหมือนกัน

    มันเป็นไปได้ยังไง นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ไม่เชื่อข่าวอีกา ก็เราครอบสมันน้อยจนอยู่หมัด ประกบทุกพรรค ทุกพวก ทุกกลุ่ม ทุกกระทรวง ทุกกองทัพ ไม่มีหลุด แล้วมันจะหลุดมือ ไปได้ยังไง (โว้ย) นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้งปลอบใจตัวเอง ว่ามันคงเป็นแค่ข่าวลือ

    แต่พอรูปยิ้มหวาน ระหว่างคุณแก้มยุ้ย กับคุณหน้าเฉย ออกกระจายเต็มหน้าสื่อ เขาว่าวันนั้น อุณหภูมิแถวถนนวิทยุ ขึ้นสูงกว่าเขตอื่น ขนาดเอาน้ำใส่แก้ววางหน้าสถานทูต ไม่ต้องเสียเวลาต้ม แล้วนี่เราจะรายงานไปทางวอชิงตันว่าไง เราไปหาใคร ทุกคนก็บอกว่า เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เรารักกัน เราไม่ทิ้งกัน แล้วรูปแบบนี้มันออกมาได้ไง

    มันเป็นการบังเอิญหรือไร เราเพิ่งบีบสมันน้อยจนเกือบจะ เละคามือ ให้เลิกกฏอัยการศึก สมันน้อยทำหน้าใสซื่อ บอกจะพิจารณาด่วน แล้วก็ยกเลิกจริง แต่ดันออก ม 44 ซึ่งร้อน และแรงกว่า กฏอัยการศึกอีก สมันน้อยไม่รู้เรื่อง หรือสมันน้อยย้อนเกล็ดเรา แล้วยังเอาไอ้หน้าเฉย มาบอกว่า เราเคารพการแก้ปัญหาภายในบ้านของผู้อื่น นี่มันเลิกกฏไม่ถึง 10 วัน มันเชิญคนมาแดกเราได้ มันเตี้ยมกันใช่ไหม
    ประมาณ 15 ปี ที่ผ่านมา นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง แม้จะซื้อไพ่ไว้ทุกใบตามสันดาน แต่เพราะเลือกใช้นโยบาย ยุให้แยก แยงจนแตก แล้วเข้าครอง นักล่าจึงให้ราคาไพ่บางใบ เกินราคาอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะดันไปประเมินว่า เป็นไพ่ที่จะทำให้ แดนสมันน้อยแตก และนักล่า จะได้เข้าครอบครองแดนสมันน้อยอ ย่างเบ็ดเสร็จ (เสียที) แต่ นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง คำนวณพลาด นอกจากให้ราคาเกิน จนขาดทุนย่อยยับแล้ว การพยายามเอาทุนคืนของนักล่าใบตองแห้ง ด้วยการเข้ามาเสือก มาวุ่นวายในบ้านเมืองของสมันน้อย อย่างไม่เห็นแก่หน้า และศักดิ์ศรีของเจ้าของบ้าน ยิ่งทำให้แผนเขมือบเมืองของนักล่า ทำท่าว่า จะไปไม่รอด

    ผ่านไปหลายวัน จนถึงวันนี้ ยังไม่มีข่าวว่า นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จะแก้เกม ที่เสียแต้มอย่างหมดรูปคราวนี้อย่างไร รัสเซียมาเร็ว ด่า(ฝาก)เร็ว กลับเร็ว สมันน้อยซึ่งเคยอ้อยสร้อย คราวนี้กลับยกฉาก มาเปลี่ยนอย่างฉับไวเช่นเดียวกัน นานๆ จะทำให้นักล่า มึนรับประทานถึงกับยังไปไม่เป็น ยืนเซ่อ อยู่กลางสี่แยก

    แม้นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จะยังยืนคาสี่แยก ยังไม่รู้จะหยิบบทไหนมาเล่นต่อ แต่ไม่ต้องห่วง นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง มีเครื่องถ่ายเอกสารให้ใช้แยะ ให้มันออกมาเสี้ยมขัดตาทัพไปก่อน

    ลองอ่านการสัมภาษณ์ของ Deutsche Welle (DW) เมื่อวันที่ 8 เมษายน ออกมาเร็วทันใจ โดยผู้ตอบคือ นาย Zachary Abuza นักค้นคว้าอิสระ และเป็นนักเขียน เรื่องการก่อความไม่สงบทางภาคใต้ของไทย “The Insurgency in Southern Thailand” ซึ่งจัดพิมพ์โดย United States Institute of Peace

    นาย Abuza บอกว่า ขณะที่ หลายประเทศทางตะวันตก กระอักกระอ่วนใจอย่างยิ่ง ที่จะทำธุรกิจกับรัฐบาลทหารของไทย รัฐบาลไทย ก็เลยต้องเบนเข็มไปทางรัสเซียและจีน ซึ่งทั้ง 2 ประเทศก็ฉวยโอกาสนี้ หาประโยชน์ให้ตัวเสียด้วย

    เขาว่า การมาของรัสเซีย ไม่มีอะไรทางเนื้อหาสาระหรอก มันเป็นเชิงสัญลักษญ์เสียมากกว่า กรุงเทพฯ กำลังส่งสัญญานไปทางวอชิงตัน ซึ่งเป็นพันธมิตรตามสนธิสัญญา
    ( treaty ally) ว่าตนเองก็มีทางเลือกนะ เท่านั้นเอง นอกจากนี้ สัมพันธ์ระหว่างฝ่ายทหารของไทยกับจีนที่กำลังงอกงาม เพราะไทยกำลังจะซื้ออาวุธจากจีน และจีน ก็กำลังจีบไทยเพื่อจะเข้ามาใช้ฐานทัพที่สัตตหีบ (อู่ตะเภา) ของไทย โดยจีนจะเป็นผู้ออกเงินปรับปรุงฐานทัพให้

    นาย Abuza สาธยายต่อไปว่า เศรษฐกิจไทยก็กำลังแย่ เพราะนักลงทุนจากตะวันตก และญี่ปุ่น ต่างเปลี่ยนทิศ มุ่งหน้า ไปเวียตนาม ฟิลิปปีนส์ และอินโดนีเซียแทน
    ส่วนเป้าหมายของรัสเซีย ก็คือต้องการส่งสัญญานไปถึงวอชิงตันว่า อำนาจของรัสเซีย ก็มีไปทั่วโลก แม้แต่ในภูมิภาค ที่อเมริกาคิดว่ามีแต่เพื่อนของตน และขณะที่สัมพันธ์ของอเมริกา/เวียตนาม กำลังดีวันดีคืน รัสเซียก็จะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ด้วยค่าใช้จ่ายที่รัสเซียให้กับเวียตนาม มันก็เช่นเดียวกัน เหมือนกับที่รัสเซียกำลังสนุกสนาน กับการอ้าแขนรับของไทย ซึ่งเป็นมิตรกับอเมริกามายาวนาน ด้วยค่าใช้จ่ายของอเมริกา

    เป็นไงครับ บททวงบุญุคุญรายการนี้ไม่เบาเลย พูดซะผมเกือบเคลิ้ม ถ้าไม่พล่ามจนมั่วเรื่องนักลงทุนหนีไทย ไปใช้ฟิลิปปินส์ ผมคงเชื่อหมดจนตกเก้าอี้ สร้างโรงงานสู้ใต้ฝุ่น สนุก ฉ.ห. เลย อย่าลืมเอาอุปกรณ์ช่วยชีวิตแจกคนงานไว้ล่วงหน้าด้วยแล้วกัน

    (3)

    น่าสนใจ การเดินหมากของฝ่ายอเมริกา กับ จีน/รัส เซีย ในภูมิภาคแปซิฟิก อเมริกาประกาศว่า เราเป็นเจ้าแห่ง แปซิฟิก และจะเป็นอยู่ตลอดไป เราไม่เคยหายไปไหน ขนาดไม่หายไปไหน แต่เพียงแค่อาทิตย์เดียวที่ผ่านมา เจ้าแห่งแปซิฟิก ดูเหมือนจะถูกอีกฝ่ายเดินเกม ลูบคมเสียหน้าม้าน เสียไปหลายหมาก ยังแก้ไม่ได้ จากนี้ไป ไม่รู้ว่าแปซิฟิกจะร้อนตามตะวันออกกลางหรือไม่

    ก่อนมาเมืองไทย คุณหน้าเฉยแวะไปเยี่ยมเวียตนามก่อน ไปจับมือเวียตนาม ที่เขาลือว่าเลือกซบปีกเหี่ยวๆของนักล่าใบตองแห้งเรียบร้อย แล้ว ข่าวว่าคุณหน้าเฉย ทำหน้าเฉยถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ตกลงฐานทัพที่ Cam Rahn Bay น่ะ จะให้อเมริกามาใช้ หรือ จะให้รัสเซียใช้ เวียตนามบอกว่า ไม่น่าต้องถาม ใครถล่มเราจนราบไปทั้งเมือง และใครช่วยเรา เราแยกแยะได้ยามจำเป็น และยามจำเป็นน่าจะใกล้มาถึงแล้ว ประโยคหลังนี่ ผมเดาเอาจากสีหน้า ของพณะนายกรัฐมนตรีเวียตนาม ที่ยากจะบรรยาย

    และวันเดียวกันกับที่ คุณหน้าเฉยเดินทางออกจากเวียตนาม มาเมืองไทย คุณหน้าเซียว นายAsh Carter รัฐมนตรีกลาโหม คนใหม่ของอเมริกา เพิ่งแกะออกจากกล่องหมาดๆ ก็มีรายการเดินสายเข้ามาเยี่ยมแปซิฟิก คร้ังแรกในฐานะพณะท่านเหมือนกัน พณะหน้าเซียว แวะเยี่ยมลูกเลี้ยงทั้ง 2 แห่ง วันอังคารที่ 7 เมษา เยี่ยมญี่ปุ่น วันพฤหัสที่ 9 เมษา เยี่ยมเกาหลีใต้

    ก่อนมาถึงเกาหลีใต้ พณะหน้าเซียว ได้รับการต้อนรับอย่างน่าประทับใจ น้องคิมของผมส่งของขวัญไปให้ จากเกาหลีเหนือ เป็นการทดลองยิงจรวดระยะใกล้ ข้ามมาลงกลางทะเลใกล้เกาหลีใต้ วันอังคาร น้องคิมส่งให้ 2 ลูก น้องคิมไม่แน่ใจ เกรงว่าของขวัญจะน้อยไป วันศุกร์เลยเพิ่มจำนวน ส่งไป 4 ลูก เล่นเอา พณะรัฐมนตรีเพิ่งออกจากกล่อง ถึงกับรำพึงว่า ถ้าไอ้ที่เขายิงทดลองมานี่ เป็นการต้อนรับผม ผมก็เป็นปลื้มนะ ปลื้มจนหน้าเซียวเพิ่มระดับ
    เรื่อง ฉากใหม่ “ฉากใหม่” (1) เมื่อต้นอาทิตย์ (7,8 เม.ย) เราได้เห็นรูปถ่าย และข่าว ที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงฉากการเมืองระหว่างประเทศของไทยที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เป็นรูปของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย กำลังยิ้ม อย่างที่เขาเรียกว่า ไม่ใช่ยิ้มแค่ปาก กับ นาย Dmitry Medvedev นายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนหน้าเฉย ตานิ่ง แต่คราวนี้ คุณหน้าเฉย ยิ้มออก คงเป็นยิ้ม ที่นานๆ จะหลุดมาให้เห็น จึงเป็นรูปที่น่าจะสร้างอารมณ์หลากหลายแก่ผู้ที่เห็น ผู้นำของรัสเซีย มาเป็นแขกของรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการ เป็นครั้งแรก หลังจากทิ้งช่วงห่างนานถึง 25 ปี หลังสงครามเย็น ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ ก็เย็นตามอุณหภูมิ ที่กลุ่มผู้นำโลกฝั่งตะวันตกต้ังไว้ให้ สมันน้อยว่าง่าย เชื่อฟังลูกพี่ใหญ่เสมอ ไม่เคยคัดค้าน ขัดขืน หรือเปลี่ยนแปลง ปรอทแสดงอุณหภูมิความสัมพันธ์กับรัสเซีย ที่อเมริกาเป็นผู้มาติดต้ังและกำกับไว้ จึงเย็นยะเยือกค้างเป็นทางการ อยู่อย่างนั้น มาถึงเดือนเมษายน ปีนี้ ขณะที่บ้านเรากำลังอยู่กลางฤดูร้อน อุณหภูมิความร้อนของเดือนเมษายน ในไทย ร้อนแรงจนแสบตัว และอาจจะแสบไปทั้งหลัง และหัวใจของใครหลายคน แต่ระหว่างไทยรัสเซีย อุณหภูมิความสัมพันธ์ กลับเริ่มอุ่นกำลังดี ความเย็นชาค่อยๆจางออกไป การเปลี่ยนแปลงของอุณภูมิระดับนี้ น่าจะเป็นข่าวใหญ่ไม่น้อย เพราะมันเกิดขึ้นนอกเหนือคำสั่งของลูกพี่ใหญ่ ปรอทจำกัดอุณภูมิ ที่ตั้งไว้ ใช้การไม่ได้เสียแล้ว แต่จะถาวร หรือชั่วคราว คงต้องติดตามดูกันต่อไป น่าสนใจ ที่สำนักข่าวใหญ่ๆ เกือบทั้งหมด หลีกเลี่ยงที่จะให้ความสนใจ ให้ราคากับข่าวปรอทเสียนี้ แม้ว่ามันอาจมีผลกระทบไม่น้อย กับการเมืองในภูมิภาคนี้ และอาจจะกระทบไปถึงการเมืองระดับโลกด้วย นายกรัฐมนตรีรัสเซีย บอกว่า ประเทศไทย เป็นเพื่อนเก่าแก่ที่สุดของรัส เซียในเอเซียแปซิฟิก อีก 2 ปี เราจะได้ฉลองครบ 120 ปี ของความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแล้วนะ เราทั้ง 2 ประเทศ มาถึงตรงนี้ เพราะเรามีความเข้าใจในวัฒนธรรม ความเป็นเพื่อน และมีความเคารพให้แก่กัน คุณนายกหน้าเฉยเข้าใจพูด นอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนคำสนทนาฉันท์มิตร ที่มีมารยาทแล้ว ไทยกับรัสเซีย ยังลงนามในบันทึกความเข้าใจ เกี่ยวกับการร่วมมือ ด้านการค้า การพลังงาน การลงทุน การท่องเที่ยว วัฒนธรรม และกฏหมาย อีกด้วย จากการสัมภาษณ์ คุณหน้าเฉย นาย Dmitry Medvedev นายกรัฐมนตรีรัสเซีย โดยนายสุทธิชัย หยุ่น สื่อใหญ่ ซึ่งบอกว่า ไทยนับว่ารัสเซียเป็นเพื่อนแท้ เมื่อเทียบกับสัมพันธ์ระหว่างไทย กับเพื่อนตะวันตก ที่ตอนนี้กำลังออกรสเปรี้ยว หลังจากที่มีการปฏิวัติ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร คุณหน้าเฉยตอบว่า เราให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในไทยนะ แต่เราให้ความสนใจอย่างเคารพ we do it with respect … เราแสดงออกอย่างผู้ที่เจริญแล้ว ….ประเทศที่เป็นเอกราช ก็ต้องแก้ปัญหาภายในประเทศของตน ด้วยตนเอง อืม คุณหน้าเฉย นี่แกแสนสุภาพ แต่ คำที่พูดลอยฝากไปถึงใครนี่ เจ็บไม่เบา ส่วนนาย ฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อ ยู เอส เอ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการมาของนายกรัฐมนตรีรัสเซียว่า เป็นการมาช่วยรักษาหน้าให้กับ พลเอก ประยุทธ ได้ไม่น้อย แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้น เนื่องจากไทยกำลังปกครองโดยรัฐบาลทหาร ที่มาจากการปฏิวัติ และรัสเซียก็เป็นตัวแทนของขั้วอำนาจคนละฝั่ง กับพวกตะวันตก ที่กำลังไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลของ พลเอก ประยุทธ์ นายฐิตินันท์ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ (การเข้าไปซบจีน กับรัสเซีย) ได้ผลแค่ระยะสั้น ในการคานการแสดงออกของฝั่งตะวันตก แต่มันอาจจะมีผลกระทบในระยะใกลได้ ในฐานะเป็นมิตรเก่าแก่ที่สุดของอเมริกาในภูมิภาคนี้ เครื่องถ่ายเอกสาร ยังทำงานได้ดี สมยี่ห้อ สำหรับคนทั่วไปบ้านเรา อาจมีบางคน มองด้วยความหงุดหงิดว่า ลุงตู่กำลังทำอะไร เราจะเปลี่ยนไปคบกับรัสเซีย ไม่เอาอเมริกาเพื่อนเก่าแก่แล้วหรือ ลุงตู่ทำได้ไง ไว้ใจได้ที่ไหน รัสเซียน่ะมาเฟียโหดทั้งนั้นนะ ไปดูแถวพัทยา ภูเก็ต สิ เห็นแล้วสยอง จนขนลุกไปหมด แต่บางคนก็อาจถูกใจ บอก เออ หัดคบเพื่อนใหม่เสียบ้าง มัวแต่เชื่อไอ้ก๊วนปีกเหี่ยวใบตองแห้งอยู่ได้ ถูกมันต้มเปื่อยมา 60 กว่าปีแล้ว น่าจะเปลี่ยนนโยบายมานานแล้ว เผื่อเพื่อนเก่าจะได้รู้จักปรับปรุงตัว และก็อาจมีพวกที่ยังหลงยุค ตกข่าว มองด้วยความไม่สบอารมณ์ นี่เราไปคบกับรัสเซียได้ไง เขาเป็นคอมมูนิสต์นะ เดี๋ยวพวกอยากเปลี่ยนการปกครองไม่เอาสถาบัน ก็ตีปีกดีใจ นึกว่ามีพวกมาสนับสนุน แถมรัฐบาลยังไปต้อนรับยิ้มหวานกับเขาเสียอีก แต่ก็ยังคงมีอีกหลายคน ที่ไม่สนใจ ไม่รับรู้ว่า ลุงตู่กับคุณหน้าเฉย เขากำลังทำอะไรกัน ดี หรือไม่ดี กับประเทศของตัวอย่างไร เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่แต่กับเรื่องส่วนตัว หรือมัวแต่สนใจว่านางเอกสาวคนนั้น ตกลงเธอมีกิ๊กอยู่เมืองนอก หรือเมืองไทยกันแน่… เหล่านี้ เป็นเรื่องธรรมดาของ ผู้คนในแดนสมันน้อย และที่เราน่าจะสนใจกันบ้าง เพราะมันย่อมมีผลกระทบถึงบ้านเรา แน่นอน คือปฏิกิริยา ของเพื่อนเก่า นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ที่น่าจะกำลังเครียดจัด เพราะว่า เหยื่อ ที่อยู่ในกำมือมานาน และมีเค้าว่าจะต้องรับใช้งานสำคัญ อาจกำลังจะหลุดมือไป ข่าวลือว่า นักล่า ถึงกับส่งทีมมาหาข่าวหลายทีม หลายวงการ ยิ่งแถวโรงแรมใหญ่กลางเมือง ที่อยู่ใกล้ๆกัน 2 โรง ทีมหาข่าวแทบจะเดินชนกันตาย เดินแถวนั้น มันจะได้ข่าวอะไร แถวนั้นมันมีแต่ก๊อสสิบโฮโส ข่าวที่ได้มันถึงได้หยำเฟอะ เลอะเทอะ พาเอานักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ได้ข่าวไขว้เขวไปหมด (2) มีอีกาคาบข่าว ไปบอกนักล่าใบตองแห้งมาพักใหญ่แล้วว่า สมันน้อยอาจไม่คิดอยู่ใต้ปีกเหี่ยวๆของนักล่าใบตองแห้ง แบบเป็นสมาชิกตลอดชีพอีกแล้ว สมันน้อยกำลังมองหาเพื่อนคนอื่นในป่าอันกว้างใหญ่นี้เหมือนกัน มันเป็นไปได้ยังไง นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ไม่เชื่อข่าวอีกา ก็เราครอบสมันน้อยจนอยู่หมัด ประกบทุกพรรค ทุกพวก ทุกกลุ่ม ทุกกระทรวง ทุกกองทัพ ไม่มีหลุด แล้วมันจะหลุดมือ ไปได้ยังไง (โว้ย) นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้งปลอบใจตัวเอง ว่ามันคงเป็นแค่ข่าวลือ แต่พอรูปยิ้มหวาน ระหว่างคุณแก้มยุ้ย กับคุณหน้าเฉย ออกกระจายเต็มหน้าสื่อ เขาว่าวันนั้น อุณหภูมิแถวถนนวิทยุ ขึ้นสูงกว่าเขตอื่น ขนาดเอาน้ำใส่แก้ววางหน้าสถานทูต ไม่ต้องเสียเวลาต้ม แล้วนี่เราจะรายงานไปทางวอชิงตันว่าไง เราไปหาใคร ทุกคนก็บอกว่า เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เรารักกัน เราไม่ทิ้งกัน แล้วรูปแบบนี้มันออกมาได้ไง มันเป็นการบังเอิญหรือไร เราเพิ่งบีบสมันน้อยจนเกือบจะ เละคามือ ให้เลิกกฏอัยการศึก สมันน้อยทำหน้าใสซื่อ บอกจะพิจารณาด่วน แล้วก็ยกเลิกจริง แต่ดันออก ม 44 ซึ่งร้อน และแรงกว่า กฏอัยการศึกอีก สมันน้อยไม่รู้เรื่อง หรือสมันน้อยย้อนเกล็ดเรา แล้วยังเอาไอ้หน้าเฉย มาบอกว่า เราเคารพการแก้ปัญหาภายในบ้านของผู้อื่น นี่มันเลิกกฏไม่ถึง 10 วัน มันเชิญคนมาแดกเราได้ มันเตี้ยมกันใช่ไหม ประมาณ 15 ปี ที่ผ่านมา นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง แม้จะซื้อไพ่ไว้ทุกใบตามสันดาน แต่เพราะเลือกใช้นโยบาย ยุให้แยก แยงจนแตก แล้วเข้าครอง นักล่าจึงให้ราคาไพ่บางใบ เกินราคาอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะดันไปประเมินว่า เป็นไพ่ที่จะทำให้ แดนสมันน้อยแตก และนักล่า จะได้เข้าครอบครองแดนสมันน้อยอ ย่างเบ็ดเสร็จ (เสียที) แต่ นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง คำนวณพลาด นอกจากให้ราคาเกิน จนขาดทุนย่อยยับแล้ว การพยายามเอาทุนคืนของนักล่าใบตองแห้ง ด้วยการเข้ามาเสือก มาวุ่นวายในบ้านเมืองของสมันน้อย อย่างไม่เห็นแก่หน้า และศักดิ์ศรีของเจ้าของบ้าน ยิ่งทำให้แผนเขมือบเมืองของนักล่า ทำท่าว่า จะไปไม่รอด ผ่านไปหลายวัน จนถึงวันนี้ ยังไม่มีข่าวว่า นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จะแก้เกม ที่เสียแต้มอย่างหมดรูปคราวนี้อย่างไร รัสเซียมาเร็ว ด่า(ฝาก)เร็ว กลับเร็ว สมันน้อยซึ่งเคยอ้อยสร้อย คราวนี้กลับยกฉาก มาเปลี่ยนอย่างฉับไวเช่นเดียวกัน นานๆ จะทำให้นักล่า มึนรับประทานถึงกับยังไปไม่เป็น ยืนเซ่อ อยู่กลางสี่แยก แม้นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จะยังยืนคาสี่แยก ยังไม่รู้จะหยิบบทไหนมาเล่นต่อ แต่ไม่ต้องห่วง นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง มีเครื่องถ่ายเอกสารให้ใช้แยะ ให้มันออกมาเสี้ยมขัดตาทัพไปก่อน ลองอ่านการสัมภาษณ์ของ Deutsche Welle (DW) เมื่อวันที่ 8 เมษายน ออกมาเร็วทันใจ โดยผู้ตอบคือ นาย Zachary Abuza นักค้นคว้าอิสระ และเป็นนักเขียน เรื่องการก่อความไม่สงบทางภาคใต้ของไทย “The Insurgency in Southern Thailand” ซึ่งจัดพิมพ์โดย United States Institute of Peace นาย Abuza บอกว่า ขณะที่ หลายประเทศทางตะวันตก กระอักกระอ่วนใจอย่างยิ่ง ที่จะทำธุรกิจกับรัฐบาลทหารของไทย รัฐบาลไทย ก็เลยต้องเบนเข็มไปทางรัสเซียและจีน ซึ่งทั้ง 2 ประเทศก็ฉวยโอกาสนี้ หาประโยชน์ให้ตัวเสียด้วย เขาว่า การมาของรัสเซีย ไม่มีอะไรทางเนื้อหาสาระหรอก มันเป็นเชิงสัญลักษญ์เสียมากกว่า กรุงเทพฯ กำลังส่งสัญญานไปทางวอชิงตัน ซึ่งเป็นพันธมิตรตามสนธิสัญญา ( treaty ally) ว่าตนเองก็มีทางเลือกนะ เท่านั้นเอง นอกจากนี้ สัมพันธ์ระหว่างฝ่ายทหารของไทยกับจีนที่กำลังงอกงาม เพราะไทยกำลังจะซื้ออาวุธจากจีน และจีน ก็กำลังจีบไทยเพื่อจะเข้ามาใช้ฐานทัพที่สัตตหีบ (อู่ตะเภา) ของไทย โดยจีนจะเป็นผู้ออกเงินปรับปรุงฐานทัพให้ นาย Abuza สาธยายต่อไปว่า เศรษฐกิจไทยก็กำลังแย่ เพราะนักลงทุนจากตะวันตก และญี่ปุ่น ต่างเปลี่ยนทิศ มุ่งหน้า ไปเวียตนาม ฟิลิปปีนส์ และอินโดนีเซียแทน ส่วนเป้าหมายของรัสเซีย ก็คือต้องการส่งสัญญานไปถึงวอชิงตันว่า อำนาจของรัสเซีย ก็มีไปทั่วโลก แม้แต่ในภูมิภาค ที่อเมริกาคิดว่ามีแต่เพื่อนของตน และขณะที่สัมพันธ์ของอเมริกา/เวียตนาม กำลังดีวันดีคืน รัสเซียก็จะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ด้วยค่าใช้จ่ายที่รัสเซียให้กับเวียตนาม มันก็เช่นเดียวกัน เหมือนกับที่รัสเซียกำลังสนุกสนาน กับการอ้าแขนรับของไทย ซึ่งเป็นมิตรกับอเมริกามายาวนาน ด้วยค่าใช้จ่ายของอเมริกา เป็นไงครับ บททวงบุญุคุญรายการนี้ไม่เบาเลย พูดซะผมเกือบเคลิ้ม ถ้าไม่พล่ามจนมั่วเรื่องนักลงทุนหนีไทย ไปใช้ฟิลิปปินส์ ผมคงเชื่อหมดจนตกเก้าอี้ สร้างโรงงานสู้ใต้ฝุ่น สนุก ฉ.ห. เลย อย่าลืมเอาอุปกรณ์ช่วยชีวิตแจกคนงานไว้ล่วงหน้าด้วยแล้วกัน (3) น่าสนใจ การเดินหมากของฝ่ายอเมริกา กับ จีน/รัส เซีย ในภูมิภาคแปซิฟิก อเมริกาประกาศว่า เราเป็นเจ้าแห่ง แปซิฟิก และจะเป็นอยู่ตลอดไป เราไม่เคยหายไปไหน ขนาดไม่หายไปไหน แต่เพียงแค่อาทิตย์เดียวที่ผ่านมา เจ้าแห่งแปซิฟิก ดูเหมือนจะถูกอีกฝ่ายเดินเกม ลูบคมเสียหน้าม้าน เสียไปหลายหมาก ยังแก้ไม่ได้ จากนี้ไป ไม่รู้ว่าแปซิฟิกจะร้อนตามตะวันออกกลางหรือไม่ ก่อนมาเมืองไทย คุณหน้าเฉยแวะไปเยี่ยมเวียตนามก่อน ไปจับมือเวียตนาม ที่เขาลือว่าเลือกซบปีกเหี่ยวๆของนักล่าใบตองแห้งเรียบร้อย แล้ว ข่าวว่าคุณหน้าเฉย ทำหน้าเฉยถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ตกลงฐานทัพที่ Cam Rahn Bay น่ะ จะให้อเมริกามาใช้ หรือ จะให้รัสเซียใช้ เวียตนามบอกว่า ไม่น่าต้องถาม ใครถล่มเราจนราบไปทั้งเมือง และใครช่วยเรา เราแยกแยะได้ยามจำเป็น และยามจำเป็นน่าจะใกล้มาถึงแล้ว ประโยคหลังนี่ ผมเดาเอาจากสีหน้า ของพณะนายกรัฐมนตรีเวียตนาม ที่ยากจะบรรยาย และวันเดียวกันกับที่ คุณหน้าเฉยเดินทางออกจากเวียตนาม มาเมืองไทย คุณหน้าเซียว นายAsh Carter รัฐมนตรีกลาโหม คนใหม่ของอเมริกา เพิ่งแกะออกจากกล่องหมาดๆ ก็มีรายการเดินสายเข้ามาเยี่ยมแปซิฟิก คร้ังแรกในฐานะพณะท่านเหมือนกัน พณะหน้าเซียว แวะเยี่ยมลูกเลี้ยงทั้ง 2 แห่ง วันอังคารที่ 7 เมษา เยี่ยมญี่ปุ่น วันพฤหัสที่ 9 เมษา เยี่ยมเกาหลีใต้ ก่อนมาถึงเกาหลีใต้ พณะหน้าเซียว ได้รับการต้อนรับอย่างน่าประทับใจ น้องคิมของผมส่งของขวัญไปให้ จากเกาหลีเหนือ เป็นการทดลองยิงจรวดระยะใกล้ ข้ามมาลงกลางทะเลใกล้เกาหลีใต้ วันอังคาร น้องคิมส่งให้ 2 ลูก น้องคิมไม่แน่ใจ เกรงว่าของขวัญจะน้อยไป วันศุกร์เลยเพิ่มจำนวน ส่งไป 4 ลูก เล่นเอา พณะรัฐมนตรีเพิ่งออกจากกล่อง ถึงกับรำพึงว่า ถ้าไอ้ที่เขายิงทดลองมานี่ เป็นการต้อนรับผม ผมก็เป็นปลื้มนะ ปลื้มจนหน้าเซียวเพิ่มระดับ
    0 Comments 0 Shares 147 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ วันอาทิตย์(26 ต.ค)ว่า แถลงยืนยันก่อนพิธีลงนามข้อตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชาที่เริ่มมาตั้งแต่กรกฎาคมว่า สหประชาชาติสมควรทำในสิ่งนี้แต่คนเหล่านั้นไม่ยอมทำ พร้อมเปิดเผยว่า ตัวเองนั้นมีควาสามารถในด้านเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยเพื่อนำไปสู่ข้อตกลงสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชาและเป็นคนที่ชอบในการเป็นแชมเปียนสันติภาพ พร้อมเผยกำลังเตรียมลงนามข้อตกลงแร่ธาตุสำคัญร่วมกับไทยเพื่อแก้ปัญหาการผูกขาดแร่ธาตุจากคู่ปรับจีน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000102152

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ วันอาทิตย์(26 ต.ค)ว่า แถลงยืนยันก่อนพิธีลงนามข้อตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชาที่เริ่มมาตั้งแต่กรกฎาคมว่า สหประชาชาติสมควรทำในสิ่งนี้แต่คนเหล่านั้นไม่ยอมทำ พร้อมเปิดเผยว่า ตัวเองนั้นมีควาสามารถในด้านเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยเพื่อนำไปสู่ข้อตกลงสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชาและเป็นคนที่ชอบในการเป็นแชมเปียนสันติภาพ พร้อมเผยกำลังเตรียมลงนามข้อตกลงแร่ธาตุสำคัญร่วมกับไทยเพื่อแก้ปัญหาการผูกขาดแร่ธาตุจากคู่ปรับจีน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000102152 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    Love
    Sad
    4
    1 Comments 1 Shares 248 Views 0 Reviews
  • "ไทยก้าวใหม่" ชู "AI English Camp" แก้ปัญหาครูสอนน่าเบื่อ ชี้ AI ช่วยสร้างสื่อ-แผนการสอน ดึงดูดนักเรียนใน 5 นาที
    https://www.thai-tai.tv/news/22049/
    .
    #ไทยไท #วรวิชกำภู #ไทยก้าวใหม่ #AIEnglishCamp #การศึกษา #เทคโนโลยีAI

    "ไทยก้าวใหม่" ชู "AI English Camp" แก้ปัญหาครูสอนน่าเบื่อ ชี้ AI ช่วยสร้างสื่อ-แผนการสอน ดึงดูดนักเรียนใน 5 นาที https://www.thai-tai.tv/news/22049/ . #ไทยไท #วรวิชกำภู #ไทยก้าวใหม่ #AIEnglishCamp #การศึกษา #เทคโนโลยีAI
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 Reviews
  • “จ่ายค่าไถ่แล้วก็ไม่รอด: 40% ของเหยื่อแรนซัมแวร์ยังคงสูญเสียข้อมูล”

    รู้หรือเปล่าว่า แม้จะยอมจ่ายค่าไถ่ให้แฮกเกอร์ไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ข้อมูลคืนเสมอไปนะ! จากรายงานล่าสุดของ Hiscox พบว่า 2 ใน 5 บริษัทที่จ่ายค่าไถ่กลับไม่ได้ข้อมูลคืนเลย หรือได้คืนแค่บางส่วนเท่านั้น

    ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ แฮกเกอร์บางกลุ่มถึงขั้นใช้เครื่องมือถอดรหัสที่มีบั๊ก หรือบางทีก็หายตัวไปดื้อ ๆ หลังได้เงินแล้ว แถมบางครั้งตัวถอดรหัสยังทำให้ไฟล์เสียหายยิ่งกว่าเดิมอีกต่างหาก

    และที่สำคัญ—การจ่ายเงินไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทั้งหมด เพราะแฮกเกอร์ยุคนี้ไม่ได้แค่ล็อกไฟล์ แต่ยังขู่จะปล่อยข้อมูลหรือโจมตีซ้ำด้วย DDoS แม้จะได้เงินไปแล้วก็ตาม

    องค์กรที่เคยโดนโจมตีอย่างบริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น ถึงกับต้องกู้เงินจากธนาคารเพื่อฟื้นฟูระบบ เพราะแม้จะมีประกันไซเบอร์ แต่ก็ต้องรอขั้นตอนการเคลมที่ใช้เวลานาน

    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า อย่ารอให้โดนก่อนค่อยหาทางแก้ ควรเตรียมแผนรับมือไว้ล่วงหน้า เช่น มีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉิน มีระบบสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย และที่สำคัญ—อย่าคิดว่าการจ่ายเงินคือทางออกที่ดีที่สุด

    สถิติจากรายงาน Hiscox Cyber Readiness Report
    40% ของเหยื่อที่จ่ายค่าไถ่ไม่ได้ข้อมูลคืนเลย
    27% ของธุรกิจถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ในปีที่ผ่านมา
    80% ของเหยื่อยอมจ่ายค่าไถ่เพื่อพยายามกู้ข้อมูล

    ปัญหาที่เกิดขึ้นแม้จะจ่ายค่าไถ่แล้ว
    เครื่องมือถอดรหัสที่ได้รับอาจมีบั๊กหรือทำให้ไฟล์เสียหาย
    แฮกเกอร์บางกลุ่มไม่มีความน่าเชื่อถือ อาจไม่ส่งคีย์ถอดรหัส
    การถอดรหัสในระบบขนาดใหญ่ใช้เวลานานและอาจล้มเหลว

    ภัยคุกคามที่มากกว่าแค่การเข้ารหัสข้อมูล
    แฮกเกอร์ใช้วิธี “ขู่เปิดเผยข้อมูล” หรือ DDoS แม้จะได้เงินแล้ว
    การจ่ายเงินไม่ช่วยแก้ปัญหาการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

    กรณีศึกษา: บริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น
    ไม่จ่ายค่าไถ่ แต่ต้องกู้เงินเพื่อฟื้นฟูระบบ
    แม้มีประกันไซเบอร์ แต่ต้องรอขั้นตอนการเคลม

    คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
    ควรมีแผนรับมือเหตุการณ์ล่วงหน้า เช่น การสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย
    ควรมีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉินไว้ล่วงหน้า
    การมีประกันไซเบอร์ช่วยลดผลกระทบและให้การสนับสนุนด้านกฎหมาย

    คำเตือนเกี่ยวกับการจ่ายค่าไถ่
    ไม่มีหลักประกันว่าจะได้ข้อมูลคืน
    อาจละเมิดกฎหมายหากจ่ายเงินให้กลุ่มที่ถูกคว่ำบาตร
    การจ่ายเงินอาจกระตุ้นให้เกิดอาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มขึ้น
    อาจทำให้ข้อมูลเสียหายมากขึ้นจากการถอดรหัสที่ผิดพลาด

    https://www.csoonline.com/article/4077484/ransomware-recovery-perils-40-of-paying-victims-still-lose-their-data.html
    💸 “จ่ายค่าไถ่แล้วก็ไม่รอด: 40% ของเหยื่อแรนซัมแวร์ยังคงสูญเสียข้อมูล” รู้หรือเปล่าว่า แม้จะยอมจ่ายค่าไถ่ให้แฮกเกอร์ไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ข้อมูลคืนเสมอไปนะ! จากรายงานล่าสุดของ Hiscox พบว่า 2 ใน 5 บริษัทที่จ่ายค่าไถ่กลับไม่ได้ข้อมูลคืนเลย หรือได้คืนแค่บางส่วนเท่านั้น ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ แฮกเกอร์บางกลุ่มถึงขั้นใช้เครื่องมือถอดรหัสที่มีบั๊ก หรือบางทีก็หายตัวไปดื้อ ๆ หลังได้เงินแล้ว แถมบางครั้งตัวถอดรหัสยังทำให้ไฟล์เสียหายยิ่งกว่าเดิมอีกต่างหาก และที่สำคัญ—การจ่ายเงินไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทั้งหมด เพราะแฮกเกอร์ยุคนี้ไม่ได้แค่ล็อกไฟล์ แต่ยังขู่จะปล่อยข้อมูลหรือโจมตีซ้ำด้วย DDoS แม้จะได้เงินไปแล้วก็ตาม องค์กรที่เคยโดนโจมตีอย่างบริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น ถึงกับต้องกู้เงินจากธนาคารเพื่อฟื้นฟูระบบ เพราะแม้จะมีประกันไซเบอร์ แต่ก็ต้องรอขั้นตอนการเคลมที่ใช้เวลานาน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า อย่ารอให้โดนก่อนค่อยหาทางแก้ ควรเตรียมแผนรับมือไว้ล่วงหน้า เช่น มีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉิน มีระบบสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย และที่สำคัญ—อย่าคิดว่าการจ่ายเงินคือทางออกที่ดีที่สุด ✅ สถิติจากรายงาน Hiscox Cyber Readiness Report ➡️ 40% ของเหยื่อที่จ่ายค่าไถ่ไม่ได้ข้อมูลคืนเลย ➡️ 27% ของธุรกิจถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ในปีที่ผ่านมา ➡️ 80% ของเหยื่อยอมจ่ายค่าไถ่เพื่อพยายามกู้ข้อมูล ✅ ปัญหาที่เกิดขึ้นแม้จะจ่ายค่าไถ่แล้ว ➡️ เครื่องมือถอดรหัสที่ได้รับอาจมีบั๊กหรือทำให้ไฟล์เสียหาย ➡️ แฮกเกอร์บางกลุ่มไม่มีความน่าเชื่อถือ อาจไม่ส่งคีย์ถอดรหัส ➡️ การถอดรหัสในระบบขนาดใหญ่ใช้เวลานานและอาจล้มเหลว ✅ ภัยคุกคามที่มากกว่าแค่การเข้ารหัสข้อมูล ➡️ แฮกเกอร์ใช้วิธี “ขู่เปิดเผยข้อมูล” หรือ DDoS แม้จะได้เงินแล้ว ➡️ การจ่ายเงินไม่ช่วยแก้ปัญหาการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ✅ กรณีศึกษา: บริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น ➡️ ไม่จ่ายค่าไถ่ แต่ต้องกู้เงินเพื่อฟื้นฟูระบบ ➡️ แม้มีประกันไซเบอร์ แต่ต้องรอขั้นตอนการเคลม ✅ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ ควรมีแผนรับมือเหตุการณ์ล่วงหน้า เช่น การสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย ➡️ ควรมีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉินไว้ล่วงหน้า ➡️ การมีประกันไซเบอร์ช่วยลดผลกระทบและให้การสนับสนุนด้านกฎหมาย ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการจ่ายค่าไถ่ ⛔ ไม่มีหลักประกันว่าจะได้ข้อมูลคืน ⛔ อาจละเมิดกฎหมายหากจ่ายเงินให้กลุ่มที่ถูกคว่ำบาตร ⛔ การจ่ายเงินอาจกระตุ้นให้เกิดอาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มขึ้น ⛔ อาจทำให้ข้อมูลเสียหายมากขึ้นจากการถอดรหัสที่ผิดพลาด https://www.csoonline.com/article/4077484/ransomware-recovery-perils-40-of-paying-victims-still-lose-their-data.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Ransomware recovery perils: 40% of paying victims still lose their data
    Paying the ransom is no guarantee of a smooth or even successful recovery of data. But that isn’t even the only issue security leaders will face under fire. Preparation is key.
    0 Comments 0 Shares 99 Views 0 Reviews
  • ฟีเจอร์ลับบน Android: “App Archiving” ตัวช่วยจัดระเบียบมือถือโดยไม่ต้องลบแอป

    หลายคนมีแอปในมือถือมากมาย ทั้งที่ใช้ทุกวันและแอปที่โหลดมาแล้วแทบไม่ได้แตะ เช่น แอปจองโรงแรม, สแกน QR, หรือแปลภาษา ซึ่งแม้จะไม่ได้ใช้บ่อย แต่ก็ยังจำเป็นในบางช่วงเวลา ปัญหาคือแอปเหล่านี้กินพื้นที่เก็บข้อมูลโดยไม่จำเป็น และการลบออกก็ยุ่งยากเมื่อต้องติดตั้งใหม่

    Android จึงเปิดตัวฟีเจอร์ “App Archiving” ที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างชาญฉลาด โดยจะลบเฉพาะส่วนที่ไม่จำเป็นของแอป เช่น ไฟล์ชั่วคราว, สิทธิ์การเข้าถึง และตัวซอฟต์แวร์หลัก แต่ยังเก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้ครบ ทำให้สามารถเรียกคืนแอปได้ทันทีเมื่อจำเป็น โดยไม่ต้องตั้งค่าใหม่

    สรุปฟีเจอร์ App Archiving บน Android

    1️⃣ วิธีการทำงานของ App Archiving
    หลักการของฟีเจอร์
    ลบเฉพาะส่วนที่ไม่จำเป็นของแอป เช่น ไฟล์ชั่วคราวและตัวซอฟต์แวร์
    เก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้ในเครื่อง เช่น การตั้งค่าและบัญชี
    แอปจะไม่สามารถใช้งานได้ แต่สามารถเรียกคืนได้ทันที

    คำเตือน
    แอปที่ถูก archive จะไม่สามารถเปิดใช้งานได้จนกว่าจะ restore
    หากพื้นที่เก็บข้อมูลเต็ม การ restore จะไม่สำเร็จ

    2️⃣ วิธีเปิดใช้งานแบบอัตโนมัติผ่าน Google Play Store
    ขั้นตอนการตั้งค่า
    เปิด Google Play Store
    แตะไอคอนโปรไฟล์ > Settings
    ขยายแท็บ General แล้วเปิด “Automatically archive apps”
    ระบบจะ archive แอปที่ไม่ค่อยใช้เมื่อพื้นที่ใกล้เต็ม

    คำเตือน
    แอปจะถูก archive โดยอัตโนมัติเมื่อพื้นที่เริ่มเต็ม
    หากไม่ต้องการให้แอปบางตัวถูก archive ต้องตั้งค่าแยก

    3️⃣ วิธี archive แอปแบบแมนนวลผ่าน Settings
    ขั้นตอนการ archive ด้วยตนเอง
    เปิด Settings > Apps
    เลือกแอปที่ต้องการ archive
    กด “Archive” ที่ด้านล่าง
    แอปจะถูกทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ และแสดงเป็นไอคอนจางพร้อมลูกศร

    คำเตือน
    ต้อง archive ทีละแอป ไม่สามารถเลือกหลายแอปพร้อมกันได้
    แอปที่ archive แล้วจะไม่สามารถตั้งค่าหรือเข้าถึงได้จนกว่าจะ restore

    4️⃣ วิธี restore แอปที่ถูก archive
    ขั้นตอนการเรียกคืนแอป
    แตะไอคอนแอปใน app drawer เพื่อ restore
    หรือไปที่ Settings > Apps > [ชื่อแอป] > Restore
    แอปจะถูกดาวน์โหลดใหม่จาก Play Store

    คำเตือน
    ต้องมีอินเทอร์เน็ตเพื่อดาวน์โหลดแอปกลับมา
    หากพื้นที่เต็ม จะไม่สามารถติดตั้งแอปได้

    5️⃣ วิธีปิดการ archive อัตโนมัติสำหรับแอปบางตัว
    ขั้นตอนการยกเว้นแอป
    ไปที่ Settings > Apps
    เลือกแอปที่ต้องการยกเว้น
    ปิด “Manage app if unused”

    คำเตือน
    แอปที่ถูกยกเว้นจะไม่ถูก archive แม้จะไม่ใช้งานนาน
    อาจทำให้พื้นที่เก็บข้อมูลเต็มเร็วขึ้น

    https://www.slashgear.com/2001308/hidden-android-apps-archive-feature-how-use/
    📱 ฟีเจอร์ลับบน Android: “App Archiving” ตัวช่วยจัดระเบียบมือถือโดยไม่ต้องลบแอป หลายคนมีแอปในมือถือมากมาย ทั้งที่ใช้ทุกวันและแอปที่โหลดมาแล้วแทบไม่ได้แตะ เช่น แอปจองโรงแรม, สแกน QR, หรือแปลภาษา ซึ่งแม้จะไม่ได้ใช้บ่อย แต่ก็ยังจำเป็นในบางช่วงเวลา ปัญหาคือแอปเหล่านี้กินพื้นที่เก็บข้อมูลโดยไม่จำเป็น และการลบออกก็ยุ่งยากเมื่อต้องติดตั้งใหม่ Android จึงเปิดตัวฟีเจอร์ “App Archiving” ที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างชาญฉลาด โดยจะลบเฉพาะส่วนที่ไม่จำเป็นของแอป เช่น ไฟล์ชั่วคราว, สิทธิ์การเข้าถึง และตัวซอฟต์แวร์หลัก แต่ยังเก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้ครบ ทำให้สามารถเรียกคืนแอปได้ทันทีเมื่อจำเป็น โดยไม่ต้องตั้งค่าใหม่ 🔍 สรุปฟีเจอร์ App Archiving บน Android 1️⃣ วิธีการทำงานของ App Archiving ✅ หลักการของฟีเจอร์ ➡️ ลบเฉพาะส่วนที่ไม่จำเป็นของแอป เช่น ไฟล์ชั่วคราวและตัวซอฟต์แวร์ ➡️ เก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้ในเครื่อง เช่น การตั้งค่าและบัญชี ➡️ แอปจะไม่สามารถใช้งานได้ แต่สามารถเรียกคืนได้ทันที ‼️ คำเตือน ⛔ แอปที่ถูก archive จะไม่สามารถเปิดใช้งานได้จนกว่าจะ restore ⛔ หากพื้นที่เก็บข้อมูลเต็ม การ restore จะไม่สำเร็จ 2️⃣ วิธีเปิดใช้งานแบบอัตโนมัติผ่าน Google Play Store ✅ ขั้นตอนการตั้งค่า ➡️ เปิด Google Play Store ➡️ แตะไอคอนโปรไฟล์ > Settings ➡️ ขยายแท็บ General แล้วเปิด “Automatically archive apps” ➡️ ระบบจะ archive แอปที่ไม่ค่อยใช้เมื่อพื้นที่ใกล้เต็ม ‼️ คำเตือน ⛔ แอปจะถูก archive โดยอัตโนมัติเมื่อพื้นที่เริ่มเต็ม ⛔ หากไม่ต้องการให้แอปบางตัวถูก archive ต้องตั้งค่าแยก 3️⃣ วิธี archive แอปแบบแมนนวลผ่าน Settings ✅ ขั้นตอนการ archive ด้วยตนเอง ➡️ เปิด Settings > Apps ➡️ เลือกแอปที่ต้องการ archive ➡️ กด “Archive” ที่ด้านล่าง ➡️ แอปจะถูกทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ และแสดงเป็นไอคอนจางพร้อมลูกศร ‼️ คำเตือน ⛔ ต้อง archive ทีละแอป ไม่สามารถเลือกหลายแอปพร้อมกันได้ ⛔ แอปที่ archive แล้วจะไม่สามารถตั้งค่าหรือเข้าถึงได้จนกว่าจะ restore 4️⃣ วิธี restore แอปที่ถูก archive ✅ ขั้นตอนการเรียกคืนแอป ➡️ แตะไอคอนแอปใน app drawer เพื่อ restore ➡️ หรือไปที่ Settings > Apps > [ชื่อแอป] > Restore ➡️ แอปจะถูกดาวน์โหลดใหม่จาก Play Store ‼️ คำเตือน ⛔ ต้องมีอินเทอร์เน็ตเพื่อดาวน์โหลดแอปกลับมา ⛔ หากพื้นที่เต็ม จะไม่สามารถติดตั้งแอปได้ 5️⃣ วิธีปิดการ archive อัตโนมัติสำหรับแอปบางตัว ✅ ขั้นตอนการยกเว้นแอป ➡️ ไปที่ Settings > Apps ➡️ เลือกแอปที่ต้องการยกเว้น ➡️ ปิด “Manage app if unused” ‼️ คำเตือน ⛔ แอปที่ถูกยกเว้นจะไม่ถูก archive แม้จะไม่ใช้งานนาน ⛔ อาจทำให้พื้นที่เก็บข้อมูลเต็มเร็วขึ้น https://www.slashgear.com/2001308/hidden-android-apps-archive-feature-how-use/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Hidden Android Setting Makes Managing Apps Easier And Quicker - SlashGear
    Android’s app archiving feature automatically removes unused apps while keeping data safe, freeing storage and decluttering your phone.
    0 Comments 0 Shares 118 Views 0 Reviews
  • “Microsoft ใช้เกมของคุณฝึก AI – Gaming Copilot แอบเก็บข้อมูลโดยเปิดไว้เป็นค่าเริ่มต้น!”

    Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า Gaming Copilot AI บน Windows 11 ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยผู้เล่นเกม เช่น แนะนำกลยุทธ์หรือช่วยแก้ปัญหาในเกม แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ AI ตัวนี้ ฝึกตัวเองจากการเล่นเกมของคุณ โดยอัตโนมัติ — และเปิดใช้งานไว้ตั้งแต่แรก!

    ผู้ใช้ในฟอรั่ม ResetEra พบว่า Gaming Copilot ส่ง ภาพหน้าจอและข้อมูลการเล่นเกม กลับไปยัง Microsoft เพื่อใช้ฝึกโมเดล AI โดยไม่แจ้งเตือนชัดเจน และ Wccftech ก็ยืนยันว่าใน Game Bar → Settings → Privacy Settings มีตัวเลือกชื่อว่า “Model training on text” ที่ถูกเปิดไว้ตั้งแต่ต้น

    นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกให้ AI ฝึกจาก เสียงสนทนาในเกม, ข้อมูล personalization และ memory รวมถึงบทสนทนาที่คุณเคยคุยกับ Gaming Copilot ด้วย แม้บางตัวเลือกจะไม่ได้เปิดไว้ตั้งแต่แรก แต่ก็สามารถเปิดได้โดยไม่รู้ตัว

    Microsoft ระบุว่าผู้ใช้สามารถปิดฟีเจอร์เหล่านี้ได้ โดยเข้าไปที่ Game Bar → Gaming Copilot → Settings → Privacy Settings แล้วปิดทุกตัวเลือกที่เกี่ยวกับการฝึกโมเดล

    ข่าวนี้ออกมาในช่วงที่ Microsoft ถูกวิจารณ์หนักจากหลายเรื่อง เช่น ขึ้นราคาคอนโซล Xbox และ Game Pass, ปิดโปรแกรม reward และปลดพนักงานกว่า 9,000 คน เพื่อเน้นการลงทุนใน AI — ทำให้หลายคนรู้สึกว่า Microsoft กำลัง “เดิมพันทุกอย่างกับ AI” โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้ใช้

    ฟีเจอร์ Gaming Copilot AI
    ช่วยผู้เล่นเกมด้วยคำแนะนำและการวิเคราะห์
    ฝึกโมเดลจากข้อมูลการเล่นเกมของผู้ใช้
    ส่งภาพหน้าจอและข้อมูลกลับไปยัง Microsoft
    เปิดใช้งานไว้เป็นค่าเริ่มต้นโดยไม่แจ้งชัดเจน

    ข้อมูลที่ถูกใช้ในการฝึก AI
    ภาพหน้าจอและการเล่นเกม
    ข้อความและเสียงสนทนาในเกม
    ข้อมูล personalization และ memory
    บทสนทนากับ Gaming Copilot

    วิธีปิดการฝึกโมเดล
    เข้า Game Bar → Gaming Copilot → Settings → Privacy Settings
    ปิด “Model training on text” และตัวเลือกอื่น ๆ
    ตรวจสอบทุกครั้งหลังอัปเดต Windows

    บริบทของ Microsoft ในช่วงนี้
    ขึ้นราคาคอนโซล Xbox และ Game Pass
    ปิดโปรแกรม reward และส่วนลด
    ปลดพนักงานกว่า 9,000 คน
    เน้นลงทุนใน AI เป็นหลัก

    ข้อควรระวังและคำเตือน
    หากไม่ปิดฟีเจอร์ อาจถูกเก็บข้อมูลโดยไม่รู้ตัว
    การฝึก AI จากข้อมูลส่วนตัวอาจละเมิดความเป็นส่วนตัว
    ผู้ใช้บางคนอาจไม่รู้ว่าฟีเจอร์นี้เปิดอยู่
    การส่งข้อมูลกลับไปยัง Microsoft อาจเสี่ยงต่อการรั่วไหล
    ควรตรวจสอบการตั้งค่าหลังอัปเดต Windows ทุกครั้ง

    https://wccftech.com/microsoft-training-gaming-copilot-ai-watching-you-play-games-unless-you-turn-it-off/
    🎮 “Microsoft ใช้เกมของคุณฝึก AI – Gaming Copilot แอบเก็บข้อมูลโดยเปิดไว้เป็นค่าเริ่มต้น!” Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า Gaming Copilot AI บน Windows 11 ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยผู้เล่นเกม เช่น แนะนำกลยุทธ์หรือช่วยแก้ปัญหาในเกม แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ AI ตัวนี้ ฝึกตัวเองจากการเล่นเกมของคุณ โดยอัตโนมัติ — และเปิดใช้งานไว้ตั้งแต่แรก! ผู้ใช้ในฟอรั่ม ResetEra พบว่า Gaming Copilot ส่ง ภาพหน้าจอและข้อมูลการเล่นเกม กลับไปยัง Microsoft เพื่อใช้ฝึกโมเดล AI โดยไม่แจ้งเตือนชัดเจน และ Wccftech ก็ยืนยันว่าใน Game Bar → Settings → Privacy Settings มีตัวเลือกชื่อว่า “Model training on text” ที่ถูกเปิดไว้ตั้งแต่ต้น นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกให้ AI ฝึกจาก เสียงสนทนาในเกม, ข้อมูล personalization และ memory รวมถึงบทสนทนาที่คุณเคยคุยกับ Gaming Copilot ด้วย แม้บางตัวเลือกจะไม่ได้เปิดไว้ตั้งแต่แรก แต่ก็สามารถเปิดได้โดยไม่รู้ตัว Microsoft ระบุว่าผู้ใช้สามารถปิดฟีเจอร์เหล่านี้ได้ โดยเข้าไปที่ Game Bar → Gaming Copilot → Settings → Privacy Settings แล้วปิดทุกตัวเลือกที่เกี่ยวกับการฝึกโมเดล ข่าวนี้ออกมาในช่วงที่ Microsoft ถูกวิจารณ์หนักจากหลายเรื่อง เช่น ขึ้นราคาคอนโซล Xbox และ Game Pass, ปิดโปรแกรม reward และปลดพนักงานกว่า 9,000 คน เพื่อเน้นการลงทุนใน AI — ทำให้หลายคนรู้สึกว่า Microsoft กำลัง “เดิมพันทุกอย่างกับ AI” โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้ใช้ ✅ ฟีเจอร์ Gaming Copilot AI ➡️ ช่วยผู้เล่นเกมด้วยคำแนะนำและการวิเคราะห์ ➡️ ฝึกโมเดลจากข้อมูลการเล่นเกมของผู้ใช้ ➡️ ส่งภาพหน้าจอและข้อมูลกลับไปยัง Microsoft ➡️ เปิดใช้งานไว้เป็นค่าเริ่มต้นโดยไม่แจ้งชัดเจน ✅ ข้อมูลที่ถูกใช้ในการฝึก AI ➡️ ภาพหน้าจอและการเล่นเกม ➡️ ข้อความและเสียงสนทนาในเกม ➡️ ข้อมูล personalization และ memory ➡️ บทสนทนากับ Gaming Copilot ✅ วิธีปิดการฝึกโมเดล ➡️ เข้า Game Bar → Gaming Copilot → Settings → Privacy Settings ➡️ ปิด “Model training on text” และตัวเลือกอื่น ๆ ➡️ ตรวจสอบทุกครั้งหลังอัปเดต Windows ✅ บริบทของ Microsoft ในช่วงนี้ ➡️ ขึ้นราคาคอนโซล Xbox และ Game Pass ➡️ ปิดโปรแกรม reward และส่วนลด ➡️ ปลดพนักงานกว่า 9,000 คน ➡️ เน้นลงทุนใน AI เป็นหลัก ‼️ ข้อควรระวังและคำเตือน ⛔ หากไม่ปิดฟีเจอร์ อาจถูกเก็บข้อมูลโดยไม่รู้ตัว ⛔ การฝึก AI จากข้อมูลส่วนตัวอาจละเมิดความเป็นส่วนตัว ⛔ ผู้ใช้บางคนอาจไม่รู้ว่าฟีเจอร์นี้เปิดอยู่ ⛔ การส่งข้อมูลกลับไปยัง Microsoft อาจเสี่ยงต่อการรั่วไหล ⛔ ควรตรวจสอบการตั้งค่าหลังอัปเดต Windows ทุกครั้ง https://wccftech.com/microsoft-training-gaming-copilot-ai-watching-you-play-games-unless-you-turn-it-off/
    WCCFTECH.COM
    Gaming Copilot Is Watching You Play Games and Training Off Your Gameplay, Unless You Turn It Off
    Microsoft is training its Gaming Copilot AI on your gameplay by default, unless you dig into the settings and turn it off.
    0 Comments 0 Shares 160 Views 0 Reviews
  • “Cooler Master แนะลูกค้า ‘รื้อสายไฟ’ เพื่อเสียบการ์ดจอ – แต่คำแนะนำอาจไม่ช่วย แถมเสี่ยงไฟไหม้!”

    เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้ Asus RTX 5070 Ti พบว่าไม่สามารถเสียบสายไฟ 12V-2x6 จาก PSU ของ Cooler Master รุ่น MWE Gold V2 1250W ได้ เพราะหัวสายแบบงอ (right-angled) ไม่พอดีกับพอร์ตบนการ์ดจอ ซึ่งมีการออกแบบตำแหน่งพอร์ตไฟเบี้ยวเล็กน้อย

    ลูกค้าจึงติดต่อฝ่ายบริการของ Cooler Master เพื่อขอสายแบบตรง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือคำแนะนำให้ “รื้อสายไฟ” โดยการถอดคลิปล็อกด้านข้างของหัวสาย เพื่อให้สามารถเสียบเข้าไปได้ — ซึ่งเท่ากับเปลี่ยนสายงอให้กลายเป็นสายตรงแบบ DIY

    โชคดีที่ลูกค้าไม่ทำตาม และเลือกซื้อสายจาก Cablemod แทน เพราะการรื้อสายแบบนั้นไม่เพียงแต่ไม่ช่วยแก้ปัญหา แต่ยังเสี่ยงต่อการเสียหายของหัวสาย และอาจเพิ่มความต้านทานไฟฟ้า จนเกิดความร้อนสะสมและไฟไหม้ได้

    Igor’s Lab ซึ่งเป็นแหล่งข่าวต้นเรื่อง ได้ทดสอบสาย Cooler Master กับการ์ดจอ MSI RTX 5090 Suprim และพบว่าแม้จะถอดคลิปล็อกแล้ว ก็ยังเสียบไม่สุด เพราะ housing ภายในของสาย Cooler Master สั้นกว่ามาตรฐานของ Nvidia ถึง 3.2 มม. ทำให้ชนกับฮีตซิงก์ของการ์ดจอ

    นอกจากนี้ยังเตือนว่า สาย 12V-2x6 เป็นสายที่เปราะบางมาก การงอหรือดัดสายอาจทำให้ขั้วภายในเคลื่อน ส่งผลให้เกิดความร้อนและไฟไหม้ได้ง่าย ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งกับสาย 16-pin ในอดีต

    ปัญหาที่พบ
    สายไฟ 12V-2x6 แบบงอของ Cooler Master เสียบไม่พอดีกับ Asus RTX 5070 Ti
    พอร์ตไฟบนการ์ดจอมีตำแหน่งเบี้ยว ทำให้สายชนกับฮีตซิงก์
    Housing ภายในของสาย Cooler Master สั้นกว่ามาตรฐาน Nvidia 3.2 มม.
    แม้ถอดคลิปล็อกแล้วก็ยังเสียบไม่สุด

    คำแนะนำจากฝ่ายบริการ
    แนะนำให้ลูกค้ารื้อสายโดยถอดคลิปล็อกด้านข้าง
    เปลี่ยนสายงอให้กลายเป็นสายตรงแบบ DIY
    ลูกค้าเลือกไม่ทำตาม และซื้อสายจาก Cablemod แทน
    Igor’s Lab ยืนยันว่าคำแนะนำนี้ไม่ช่วยแก้ปัญหา

    ความเสี่ยงจากการแก้ไขสายไฟ
    การดัดสายอาจทำให้ขั้วภายในเคลื่อน
    เพิ่มความต้านทานไฟฟ้า → ความร้อนสะสม → เสี่ยงไฟไหม้
    สาย 12V-2x6 มีประวัติเสียหายจากการใช้งานผิดวิธี
    การใช้สายที่ไม่ตรงมาตรฐานอาจทำให้การ์ดจอเสียหาย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/cooler-master-tells-customer-to-dismantle-12v2x6-connector-to-fit-asus-rtx-5070-ti-customer-service-offers-dubious-advice-that-might-not-even-fix-issue
    ⚠️ “Cooler Master แนะลูกค้า ‘รื้อสายไฟ’ เพื่อเสียบการ์ดจอ – แต่คำแนะนำอาจไม่ช่วย แถมเสี่ยงไฟไหม้!” เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้ Asus RTX 5070 Ti พบว่าไม่สามารถเสียบสายไฟ 12V-2x6 จาก PSU ของ Cooler Master รุ่น MWE Gold V2 1250W ได้ เพราะหัวสายแบบงอ (right-angled) ไม่พอดีกับพอร์ตบนการ์ดจอ ซึ่งมีการออกแบบตำแหน่งพอร์ตไฟเบี้ยวเล็กน้อย ลูกค้าจึงติดต่อฝ่ายบริการของ Cooler Master เพื่อขอสายแบบตรง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือคำแนะนำให้ “รื้อสายไฟ” โดยการถอดคลิปล็อกด้านข้างของหัวสาย เพื่อให้สามารถเสียบเข้าไปได้ — ซึ่งเท่ากับเปลี่ยนสายงอให้กลายเป็นสายตรงแบบ DIY โชคดีที่ลูกค้าไม่ทำตาม และเลือกซื้อสายจาก Cablemod แทน เพราะการรื้อสายแบบนั้นไม่เพียงแต่ไม่ช่วยแก้ปัญหา แต่ยังเสี่ยงต่อการเสียหายของหัวสาย และอาจเพิ่มความต้านทานไฟฟ้า จนเกิดความร้อนสะสมและไฟไหม้ได้ Igor’s Lab ซึ่งเป็นแหล่งข่าวต้นเรื่อง ได้ทดสอบสาย Cooler Master กับการ์ดจอ MSI RTX 5090 Suprim และพบว่าแม้จะถอดคลิปล็อกแล้ว ก็ยังเสียบไม่สุด เพราะ housing ภายในของสาย Cooler Master สั้นกว่ามาตรฐานของ Nvidia ถึง 3.2 มม. ทำให้ชนกับฮีตซิงก์ของการ์ดจอ นอกจากนี้ยังเตือนว่า สาย 12V-2x6 เป็นสายที่เปราะบางมาก การงอหรือดัดสายอาจทำให้ขั้วภายในเคลื่อน ส่งผลให้เกิดความร้อนและไฟไหม้ได้ง่าย ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งกับสาย 16-pin ในอดีต ✅ ปัญหาที่พบ ➡️ สายไฟ 12V-2x6 แบบงอของ Cooler Master เสียบไม่พอดีกับ Asus RTX 5070 Ti ➡️ พอร์ตไฟบนการ์ดจอมีตำแหน่งเบี้ยว ทำให้สายชนกับฮีตซิงก์ ➡️ Housing ภายในของสาย Cooler Master สั้นกว่ามาตรฐาน Nvidia 3.2 มม. ➡️ แม้ถอดคลิปล็อกแล้วก็ยังเสียบไม่สุด ✅ คำแนะนำจากฝ่ายบริการ ➡️ แนะนำให้ลูกค้ารื้อสายโดยถอดคลิปล็อกด้านข้าง ➡️ เปลี่ยนสายงอให้กลายเป็นสายตรงแบบ DIY ➡️ ลูกค้าเลือกไม่ทำตาม และซื้อสายจาก Cablemod แทน ➡️ Igor’s Lab ยืนยันว่าคำแนะนำนี้ไม่ช่วยแก้ปัญหา ✅ ความเสี่ยงจากการแก้ไขสายไฟ ➡️ การดัดสายอาจทำให้ขั้วภายในเคลื่อน ➡️ เพิ่มความต้านทานไฟฟ้า → ความร้อนสะสม → เสี่ยงไฟไหม้ ➡️ สาย 12V-2x6 มีประวัติเสียหายจากการใช้งานผิดวิธี ➡️ การใช้สายที่ไม่ตรงมาตรฐานอาจทำให้การ์ดจอเสียหาย https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/cooler-master-tells-customer-to-dismantle-12v2x6-connector-to-fit-asus-rtx-5070-ti-customer-service-offers-dubious-advice-that-might-not-even-fix-issue
    0 Comments 0 Shares 179 Views 0 Reviews
  • “VirtualBox 7.2.4 มาแล้ว! รองรับ Linux Kernel 6.18 พร้อมอัปเดตเสถียรภาพหลายจุด”

    Oracle ได้ปล่อยอัปเดตใหม่สำหรับ VirtualBox เวอร์ชัน 7.2.4 ซึ่งเป็น maintenance release ตัวที่สองในซีรีส์ 7.2 โดยมีจุดเด่นคือการรองรับ Linux Kernel 6.18 ทั้งในฝั่ง host และ guest ทำให้สามารถใช้งาน VirtualBox บนระบบที่ใช้ kernel ใหม่ล่าสุดได้ทันที

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงหลายจุดเพื่อเพิ่มความเสถียร เช่น แก้ปัญหา crash ของ VirtualBox VM Manager เมื่อ resume เครื่องจาก sleep, ปรับปรุงการทำงานของ NAT เมื่อมีการตั้งค่า port forwarding หลายรายการ และแก้บั๊กใน Guest Additions สำหรับ Red Hat Enterprise Linux 9.6 และ 9.7

    ฝั่ง Windows ก็มีการอัปเดต Guest Additions เช่นกัน โดยแก้ปัญหาการติดตั้งบน Windows XP SP2 ที่เคยล้มเหลว และเพิ่มการรองรับภาษาท้องถิ่น เช่น จีนดั้งเดิม, กรีก, สวีเดน, ฮังการี และอินโดนีเซีย

    VirtualBox 7.2.4 เปิดให้ดาวน์โหลดทั้งแบบ universal binary สำหรับ GNU/Linux และแบบเฉพาะสำหรับ Ubuntu, Debian, Fedora, openSUSE และ Oracle Linux

    การรองรับ Linux Kernel 6.18
    ใช้งานได้ทั้งใน host และ guest
    รองรับการติดตั้ง VirtualBox บนระบบที่ใช้ kernel ใหม่ล่าสุด
    รองรับการจำลองระบบที่ใช้ kernel 6.18

    การปรับปรุงด้านเสถียรภาพ
    แก้ crash เมื่อ resume เครื่องจาก sleep
    ปรับปรุง NAT เมื่อมีหลาย port forwarding rules
    แก้บั๊กใน Guest Additions สำหรับ RHEL 9.6 และ 9.7

    การอัปเดตฝั่ง Windows
    แก้ปัญหาการติดตั้งบน Windows XP SP2
    เพิ่มการรองรับภาษาท้องถิ่นหลายภาษา
    ปรับปรุงการทำงานของ Guest Additions

    การดาวน์โหลดและใช้งาน
    มีทั้ง universal binary และ binary เฉพาะ distro
    รองรับ Ubuntu, Debian, Fedora, openSUSE และ Oracle Linux
    ดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ทางการของ VirtualBox

    https://9to5linux.com/virtualbox-7-2-4-released-with-initial-support-for-linux-kernel-6-18
    🖥️ “VirtualBox 7.2.4 มาแล้ว! รองรับ Linux Kernel 6.18 พร้อมอัปเดตเสถียรภาพหลายจุด” Oracle ได้ปล่อยอัปเดตใหม่สำหรับ VirtualBox เวอร์ชัน 7.2.4 ซึ่งเป็น maintenance release ตัวที่สองในซีรีส์ 7.2 โดยมีจุดเด่นคือการรองรับ Linux Kernel 6.18 ทั้งในฝั่ง host และ guest ทำให้สามารถใช้งาน VirtualBox บนระบบที่ใช้ kernel ใหม่ล่าสุดได้ทันที นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงหลายจุดเพื่อเพิ่มความเสถียร เช่น แก้ปัญหา crash ของ VirtualBox VM Manager เมื่อ resume เครื่องจาก sleep, ปรับปรุงการทำงานของ NAT เมื่อมีการตั้งค่า port forwarding หลายรายการ และแก้บั๊กใน Guest Additions สำหรับ Red Hat Enterprise Linux 9.6 และ 9.7 ฝั่ง Windows ก็มีการอัปเดต Guest Additions เช่นกัน โดยแก้ปัญหาการติดตั้งบน Windows XP SP2 ที่เคยล้มเหลว และเพิ่มการรองรับภาษาท้องถิ่น เช่น จีนดั้งเดิม, กรีก, สวีเดน, ฮังการี และอินโดนีเซีย VirtualBox 7.2.4 เปิดให้ดาวน์โหลดทั้งแบบ universal binary สำหรับ GNU/Linux และแบบเฉพาะสำหรับ Ubuntu, Debian, Fedora, openSUSE และ Oracle Linux ✅ การรองรับ Linux Kernel 6.18 ➡️ ใช้งานได้ทั้งใน host และ guest ➡️ รองรับการติดตั้ง VirtualBox บนระบบที่ใช้ kernel ใหม่ล่าสุด ➡️ รองรับการจำลองระบบที่ใช้ kernel 6.18 ✅ การปรับปรุงด้านเสถียรภาพ ➡️ แก้ crash เมื่อ resume เครื่องจาก sleep ➡️ ปรับปรุง NAT เมื่อมีหลาย port forwarding rules ➡️ แก้บั๊กใน Guest Additions สำหรับ RHEL 9.6 และ 9.7 ✅ การอัปเดตฝั่ง Windows ➡️ แก้ปัญหาการติดตั้งบน Windows XP SP2 ➡️ เพิ่มการรองรับภาษาท้องถิ่นหลายภาษา ➡️ ปรับปรุงการทำงานของ Guest Additions ✅ การดาวน์โหลดและใช้งาน ➡️ มีทั้ง universal binary และ binary เฉพาะ distro ➡️ รองรับ Ubuntu, Debian, Fedora, openSUSE และ Oracle Linux ➡️ ดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ทางการของ VirtualBox https://9to5linux.com/virtualbox-7-2-4-released-with-initial-support-for-linux-kernel-6-18
    9TO5LINUX.COM
    VirtualBox 7.2.4 Released with Initial Support for Linux Kernel 6.18 - 9to5Linux
    VirtualBox 7.2.4 open-source virtualization software is now available for download with initial support for Linux kernel 6.18.
    0 Comments 0 Shares 103 Views 0 Reviews
  • “Valkey 9.0 เปิดตัว – รองรับหลายฐานข้อมูลในคลัสเตอร์เดียว พร้อมทะลุ 1 พันล้านคำขอต่อวินาที!”

    Valkey ซึ่งเป็นฐานข้อมูล key-value แบบ in-memory ที่พัฒนาโดยชุมชนโอเพ่นซอร์สภายใต้ Linux Foundation ได้เปิดตัวเวอร์ชันใหม่ Valkey 9.0 ที่มาพร้อมฟีเจอร์เด็ด 3 อย่างที่แก้ปัญหาใหญ่ในระบบฐานข้อมูลแบบกระจาย (distributed database)

    ฟีเจอร์แรกคือ Atomic Slot Migration ที่ช่วยให้การย้ายข้อมูลระหว่างเซิร์ฟเวอร์ในคลัสเตอร์ทำได้แบบไม่มี downtime โดยใช้ snapshot และย้ายข้อมูลเบื้องหลังแบบเรียลไทม์

    ฟีเจอร์ที่สองคือ Hash Field Expiration ที่ให้ผู้ใช้สามารถตั้งเวลาให้ field ใน hash หมดอายุได้แบบแยก field ซึ่งช่วยลดการใช้หน่วยความจำและไม่ต้องลบข้อมูลด้วยตัวเองอีกต่อไป

    ฟีเจอร์สุดท้ายคือ Multiple Databases in Cluster Mode ที่ให้รันหลายฐานข้อมูลแยกกันในคลัสเตอร์เดียว เช่น staging กับ production โดยไม่ต้องตั้งโครงสร้างใหม่

    ด้านประสิทธิภาพ Valkey 9.0 เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 40% และบางคำสั่งเร็วขึ้นถึง 200% โดยสามารถรองรับได้มากกว่า 1 พันล้านคำขอต่อวินาที บนคลัสเตอร์ 2,000 โหนด

    Madelyn Olson ผู้ดูแลโครงการเผยว่า Valkey 9.0 เปิดตัวช้ากว่ากำหนดเพราะมีข้อเสนอจากชุมชนจำนวนมาก แต่ทีมงานก็พยายามปรับปรุงกระบวนการให้ตอบสนองได้เร็วขึ้นในอนาคต พร้อมย้ำว่าโค้ดของ Valkey จะยังคงเปิดให้ทุกคนเข้าถึงได้เสมอ

    ฟีเจอร์ใหม่ใน Valkey 9.0
    Atomic Slot Migration – ย้ายข้อมูลระหว่างเซิร์ฟเวอร์แบบไม่มี downtime
    Hash Field Expiration – ตั้งเวลาให้ field หมดอายุได้แบบแยก field
    Multiple Databases in Cluster Mode – รันหลายฐานข้อมูลในคลัสเตอร์เดียว

    ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น
    เร็วขึ้นกว่า Valkey 8.1 ถึง 40%
    บางคำสั่งเร็วขึ้นถึง 200%
    รองรับมากกว่า 1 พันล้านคำขอ/วินาที บนคลัสเตอร์ 2,000 โหนด

    ความเห็นจากผู้ดูแลโครงการ
    เปิดตัวช้ากว่ากำหนดเพราะมีข้อเสนอจากชุมชนจำนวนมาก
    ทีมงานปรับปรุงกระบวนการเพื่อรองรับการพัฒนาในอนาคต
    ยืนยันว่า Valkey จะยังคงเป็นโอเพ่นซอร์สภายใต้ Linux Foundation
    การเปิดโค้ดช่วยให้ผู้ใช้ไม่ถูกล็อกด้วยเครื่องมือ proprietary

    ความเคลื่อนไหวในวงการ
    Redis 8 กลับมาเปิดซอร์สอีกครั้งภายใต้ AGPL
    Valkey ย้ำจุดยืนเรื่องความโปร่งใสและการเติบโตจากชุมชน
    การเปิดตัว Valkey 9.0 สะท้อนพลังของการพัฒนาแบบโอเพ่นซอร์ส

    https://news.itsfoss.com/valkey-9-release/
    🚀 “Valkey 9.0 เปิดตัว – รองรับหลายฐานข้อมูลในคลัสเตอร์เดียว พร้อมทะลุ 1 พันล้านคำขอต่อวินาที!” Valkey ซึ่งเป็นฐานข้อมูล key-value แบบ in-memory ที่พัฒนาโดยชุมชนโอเพ่นซอร์สภายใต้ Linux Foundation ได้เปิดตัวเวอร์ชันใหม่ Valkey 9.0 ที่มาพร้อมฟีเจอร์เด็ด 3 อย่างที่แก้ปัญหาใหญ่ในระบบฐานข้อมูลแบบกระจาย (distributed database) ฟีเจอร์แรกคือ Atomic Slot Migration ที่ช่วยให้การย้ายข้อมูลระหว่างเซิร์ฟเวอร์ในคลัสเตอร์ทำได้แบบไม่มี downtime โดยใช้ snapshot และย้ายข้อมูลเบื้องหลังแบบเรียลไทม์ ฟีเจอร์ที่สองคือ Hash Field Expiration ที่ให้ผู้ใช้สามารถตั้งเวลาให้ field ใน hash หมดอายุได้แบบแยก field ซึ่งช่วยลดการใช้หน่วยความจำและไม่ต้องลบข้อมูลด้วยตัวเองอีกต่อไป ฟีเจอร์สุดท้ายคือ Multiple Databases in Cluster Mode ที่ให้รันหลายฐานข้อมูลแยกกันในคลัสเตอร์เดียว เช่น staging กับ production โดยไม่ต้องตั้งโครงสร้างใหม่ ด้านประสิทธิภาพ Valkey 9.0 เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 40% และบางคำสั่งเร็วขึ้นถึง 200% โดยสามารถรองรับได้มากกว่า 1 พันล้านคำขอต่อวินาที บนคลัสเตอร์ 2,000 โหนด Madelyn Olson ผู้ดูแลโครงการเผยว่า Valkey 9.0 เปิดตัวช้ากว่ากำหนดเพราะมีข้อเสนอจากชุมชนจำนวนมาก แต่ทีมงานก็พยายามปรับปรุงกระบวนการให้ตอบสนองได้เร็วขึ้นในอนาคต พร้อมย้ำว่าโค้ดของ Valkey จะยังคงเปิดให้ทุกคนเข้าถึงได้เสมอ ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Valkey 9.0 ➡️ Atomic Slot Migration – ย้ายข้อมูลระหว่างเซิร์ฟเวอร์แบบไม่มี downtime ➡️ Hash Field Expiration – ตั้งเวลาให้ field หมดอายุได้แบบแยก field ➡️ Multiple Databases in Cluster Mode – รันหลายฐานข้อมูลในคลัสเตอร์เดียว ✅ ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น ➡️ เร็วขึ้นกว่า Valkey 8.1 ถึง 40% ➡️ บางคำสั่งเร็วขึ้นถึง 200% ➡️ รองรับมากกว่า 1 พันล้านคำขอ/วินาที บนคลัสเตอร์ 2,000 โหนด ✅ ความเห็นจากผู้ดูแลโครงการ ➡️ เปิดตัวช้ากว่ากำหนดเพราะมีข้อเสนอจากชุมชนจำนวนมาก ➡️ ทีมงานปรับปรุงกระบวนการเพื่อรองรับการพัฒนาในอนาคต ➡️ ยืนยันว่า Valkey จะยังคงเป็นโอเพ่นซอร์สภายใต้ Linux Foundation ➡️ การเปิดโค้ดช่วยให้ผู้ใช้ไม่ถูกล็อกด้วยเครื่องมือ proprietary ✅ ความเคลื่อนไหวในวงการ ➡️ Redis 8 กลับมาเปิดซอร์สอีกครั้งภายใต้ AGPL ➡️ Valkey ย้ำจุดยืนเรื่องความโปร่งใสและการเติบโตจากชุมชน ➡️ การเปิดตัว Valkey 9.0 สะท้อนพลังของการพัฒนาแบบโอเพ่นซอร์ส https://news.itsfoss.com/valkey-9-release/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    Valkey 9.0 Adds Multi-Database Clusters, Supports 1 Billion Requests Per Second
    New release brings 40% throughput increase and seamless zero-downtime resharding.
    0 Comments 0 Shares 136 Views 0 Reviews
  • “จากปฏิเสธสู่การยอมรับ – ทำไมธนาคารใหญ่หันมาใช้ Blockchain จริงจังในปี 2025?”

    เมื่อก่อนธนาคารมอง Blockchain ว่าเป็นเทคโนโลยีเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับคริปโตและความผันผวน แต่ในปี 2025 ทุกอย่างเปลี่ยนไป ธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง JPMorgan, HSBC และ Citi ไม่ได้แค่ทดลองใช้ Blockchain อีกต่อไป พวกเขากำลัง “สร้างระบบใหม่” บนเทคโนโลยีนี้จริงจัง

    เหตุผลหลักคือ Blockchain ช่วยแก้ปัญหาเก่า ๆ ที่ธนาคารเจอมานาน เช่น การโอนเงินข้ามประเทศที่ใช้เวลาหลายวัน, ค่าธรรมเนียมสูง, และระบบหลังบ้านที่ซับซ้อนและเปลืองทรัพยากร

    ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ JPMorgan ใช้แพลตฟอร์ม Kinexys (ชื่อเดิม Onyx) ที่ประมวลผลธุรกรรมกว่า $1.5 ล้านล้านดอลลาร์ และมีการใช้งานเฉลี่ยวันละ $2 พันล้าน โดยใช้ JPM Coin เพื่อให้ลูกค้าธุรกิจโอนเงินแบบ real-time

    นอกจากเรื่องความเร็ว ยังมีเรื่องต้นทุนและความร่วมมือระหว่างธนาคาร เช่น SWIFT กำลังทดลองระบบ settlement ด้วย Blockchain ร่วมกับกว่า 30 สถาบัน และเครือข่าย Canton Network ที่มี Deutsche Bank และ Goldman Sachs ก็เปิดให้ธนาคารแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ tokenized ได้โดยตรง

    ธนาคารยังหันมาใช้ Blockchain ในการจัดการข้อมูลลูกค้า เช่น KYC และการตรวจสอบการฉ้อโกง เพราะระบบนี้มีความโปร่งใสสูง ทุกธุรกรรมมี timestamp และสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ง่าย

    แม้จะยังไม่ใช่ทุกธนาคารที่ใช้ Blockchain เต็มรูปแบบ แต่แนวโน้มชัดเจนว่าเทคโนโลยีนี้กำลังกลายเป็น “โครงสร้างพื้นฐานใหม่” ของโลกการเงิน

    เหตุผลที่ธนาคารหันมาใช้ Blockchain
    ลดเวลาในการโอนเงินข้ามประเทศ
    ลดค่าธรรมเนียมและความผิดพลาด
    เพิ่มความโปร่งใสในการตรวจสอบธุรกรรม
    ใช้กับการจัดการข้อมูลลูกค้า เช่น KYC และ fraud detection
    รองรับการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ tokenized แบบ real-time

    ตัวอย่างการใช้งานจริง
    JPMorgan ใช้ Kinexys และ JPM Coin โอนเงินแบบทันที
    SWIFT ทดลองระบบ settlement ด้วย Blockchain
    Deutsche Bank และ BNP Paribas ใช้ Partior และ Canton Network
    HSBC เปิดบริการ tokenized deposit ในฮ่องกง
    Citi ใช้ smart contract เพื่อเร่งการโอนเงินและ trade finance

    ปัจจัยที่ทำให้ Blockchain น่าใช้มากขึ้น
    ระบบ permissioned ที่ใช้พลังงานต่ำ
    กฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้นใน EU และสิงคโปร์
    Stablecoin และ digital token ที่มีเงินสดหนุนหลัง
    ธนาคารกลางกว่า 90% กำลังทดลอง CBDC
    เครื่องมือตรวจสอบ smart contract เพื่อความปลอดภัย

    https://hackread.com/why-banks-embrace-blockchain-once-rejected/
    🏦 “จากปฏิเสธสู่การยอมรับ – ทำไมธนาคารใหญ่หันมาใช้ Blockchain จริงจังในปี 2025?” เมื่อก่อนธนาคารมอง Blockchain ว่าเป็นเทคโนโลยีเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับคริปโตและความผันผวน แต่ในปี 2025 ทุกอย่างเปลี่ยนไป ธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง JPMorgan, HSBC และ Citi ไม่ได้แค่ทดลองใช้ Blockchain อีกต่อไป พวกเขากำลัง “สร้างระบบใหม่” บนเทคโนโลยีนี้จริงจัง เหตุผลหลักคือ Blockchain ช่วยแก้ปัญหาเก่า ๆ ที่ธนาคารเจอมานาน เช่น การโอนเงินข้ามประเทศที่ใช้เวลาหลายวัน, ค่าธรรมเนียมสูง, และระบบหลังบ้านที่ซับซ้อนและเปลืองทรัพยากร ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ JPMorgan ใช้แพลตฟอร์ม Kinexys (ชื่อเดิม Onyx) ที่ประมวลผลธุรกรรมกว่า $1.5 ล้านล้านดอลลาร์ และมีการใช้งานเฉลี่ยวันละ $2 พันล้าน โดยใช้ JPM Coin เพื่อให้ลูกค้าธุรกิจโอนเงินแบบ real-time นอกจากเรื่องความเร็ว ยังมีเรื่องต้นทุนและความร่วมมือระหว่างธนาคาร เช่น SWIFT กำลังทดลองระบบ settlement ด้วย Blockchain ร่วมกับกว่า 30 สถาบัน และเครือข่าย Canton Network ที่มี Deutsche Bank และ Goldman Sachs ก็เปิดให้ธนาคารแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ tokenized ได้โดยตรง ธนาคารยังหันมาใช้ Blockchain ในการจัดการข้อมูลลูกค้า เช่น KYC และการตรวจสอบการฉ้อโกง เพราะระบบนี้มีความโปร่งใสสูง ทุกธุรกรรมมี timestamp และสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ง่าย แม้จะยังไม่ใช่ทุกธนาคารที่ใช้ Blockchain เต็มรูปแบบ แต่แนวโน้มชัดเจนว่าเทคโนโลยีนี้กำลังกลายเป็น “โครงสร้างพื้นฐานใหม่” ของโลกการเงิน ✅ เหตุผลที่ธนาคารหันมาใช้ Blockchain ➡️ ลดเวลาในการโอนเงินข้ามประเทศ ➡️ ลดค่าธรรมเนียมและความผิดพลาด ➡️ เพิ่มความโปร่งใสในการตรวจสอบธุรกรรม ➡️ ใช้กับการจัดการข้อมูลลูกค้า เช่น KYC และ fraud detection ➡️ รองรับการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ tokenized แบบ real-time ✅ ตัวอย่างการใช้งานจริง ➡️ JPMorgan ใช้ Kinexys และ JPM Coin โอนเงินแบบทันที ➡️ SWIFT ทดลองระบบ settlement ด้วย Blockchain ➡️ Deutsche Bank และ BNP Paribas ใช้ Partior และ Canton Network ➡️ HSBC เปิดบริการ tokenized deposit ในฮ่องกง ➡️ Citi ใช้ smart contract เพื่อเร่งการโอนเงินและ trade finance ✅ ปัจจัยที่ทำให้ Blockchain น่าใช้มากขึ้น ➡️ ระบบ permissioned ที่ใช้พลังงานต่ำ ➡️ กฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้นใน EU และสิงคโปร์ ➡️ Stablecoin และ digital token ที่มีเงินสดหนุนหลัง ➡️ ธนาคารกลางกว่า 90% กำลังทดลอง CBDC ➡️ เครื่องมือตรวจสอบ smart contract เพื่อความปลอดภัย https://hackread.com/why-banks-embrace-blockchain-once-rejected/
    HACKREAD.COM
    Why Banks Are Embracing Blockchain They Once Rejected
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 245 Views 0 Reviews
  • “สร้างฐานข้อมูลของคุณเอง! คู่มือสร้าง Key-Value Database ตั้งแต่ศูนย์ – เข้าใจง่าย พร้อมแนวคิดระดับมืออาชีพ”

    บทความนี้จาก nan.fyi พาเราย้อนกลับไปตั้งคำถามว่า “ถ้าเราไม่รู้จักฐานข้อมูลเลย แล้วต้องสร้างมันขึ้นมาเอง จะเริ่มยังไง?” คำตอบคือเริ่มจากสิ่งที่เรียบง่ายที่สุด: ไฟล์ และแนวคิดของ key-value pair เหมือน object ใน JavaScript

    เริ่มต้นจากการเขียนข้อมูลลงไฟล์แบบง่าย ๆ เช่น db set 'hello' 'world' แล้วค้นหาด้วย db get 'hello' ซึ่งจะคืนค่า 'world' กลับมา แต่เมื่อข้อมูลมากขึ้น การอัปเดตและลบข้อมูลในไฟล์จะเริ่มช้า เพราะต้องเลื่อนข้อมูลทั้งหมดตาม byte ที่เปลี่ยน

    เพื่อแก้ปัญหานี้ บทความเสนอให้ใช้ ไฟล์แบบ append-only คือไม่แก้ไขข้อมูลเดิม แต่เพิ่มข้อมูลใหม่ลงท้ายไฟล์เสมอ และใช้ “tombstone” เพื่อระบุว่าข้อมูลถูกลบแล้ว เช่น db set 7 null

    แต่ไฟล์จะโตขึ้นเรื่อย ๆ จึงต้องมีระบบ compaction คือแบ่งไฟล์เป็น segment และค่อย ๆ ล้างข้อมูลที่ไม่จำเป็นออก แล้วรวมไฟล์ใหม่ให้เล็กลง

    ต่อมาเพื่อให้ค้นหาข้อมูลเร็วขึ้น ก็ต้องมี index โดยเก็บ offset ของแต่ละ key เพื่อชี้ตำแหน่งในไฟล์ ซึ่งช่วยให้ค้นหาเร็วขึ้นมาก แต่ก็แลกกับการเขียนข้อมูลที่ช้าลง

    สุดท้าย บทความแนะนำให้ใช้ Sorted String Tables (SST) และ LSM Trees ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ใช้จริงในฐานข้อมูลระดับโลก เช่น LevelDB และ DynamoDB โดยใช้การจัดเรียงข้อมูลใน memory ก่อน แล้วค่อยเขียนลง disk พร้อม index เพื่อให้ค้นหาเร็วและเขียนได้ต่อเนื่อง

    แนวคิดพื้นฐานของ Key-Value Database
    ใช้ไฟล์เก็บข้อมูลแบบ key-value
    ค้นหาด้วยการวนลูปหา key ที่ตรง
    อัปเดตและลบข้อมูลทำได้ แต่ช้าเมื่อข้อมูลเยอะ

    การปรับปรุงด้วยไฟล์แบบ append-only
    เพิ่มข้อมูลใหม่ลงท้ายไฟล์เสมอ
    ใช้ tombstone เพื่อระบุการลบ
    ค้นหาค่าล่าสุดของ key แทนค่าตัวแรก

    การจัดการขนาดไฟล์ด้วย compaction
    แบ่งไฟล์เป็น segment
    ล้างข้อมูลที่ล้าสมัยหรือถูกลบ
    รวมไฟล์ใหม่ให้เล็กลงและมีข้อมูลล่าสุดเท่านั้น

    การเพิ่มประสิทธิภาพด้วย index
    เก็บ offset ของ key เพื่อค้นหาเร็วขึ้น
    ใช้ hash table ใน memory สำหรับ index
    แลกกับการเขียนข้อมูลที่ช้าลง

    การจัดเรียงข้อมูลด้วย SST และ LSM Tree
    จัดเรียงข้อมูลใน memory ก่อนเขียนลง disk
    ใช้ skip list หรือ binary search tree สำหรับการจัดเรียง
    เขียนลงไฟล์แบบ append-only พร้อม backup
    ใช้ index เพื่อค้นหาในไฟล์ที่ถูกจัดเรียงแล้ว
    เป็นโครงสร้างที่ใช้ใน LevelDB และ DynamoDB

    https://www.nan.fyi/database
    🗃️ “สร้างฐานข้อมูลของคุณเอง! คู่มือสร้าง Key-Value Database ตั้งแต่ศูนย์ – เข้าใจง่าย พร้อมแนวคิดระดับมืออาชีพ” บทความนี้จาก nan.fyi พาเราย้อนกลับไปตั้งคำถามว่า “ถ้าเราไม่รู้จักฐานข้อมูลเลย แล้วต้องสร้างมันขึ้นมาเอง จะเริ่มยังไง?” คำตอบคือเริ่มจากสิ่งที่เรียบง่ายที่สุด: ไฟล์ และแนวคิดของ key-value pair เหมือน object ใน JavaScript เริ่มต้นจากการเขียนข้อมูลลงไฟล์แบบง่าย ๆ เช่น db set 'hello' 'world' แล้วค้นหาด้วย db get 'hello' ซึ่งจะคืนค่า 'world' กลับมา แต่เมื่อข้อมูลมากขึ้น การอัปเดตและลบข้อมูลในไฟล์จะเริ่มช้า เพราะต้องเลื่อนข้อมูลทั้งหมดตาม byte ที่เปลี่ยน เพื่อแก้ปัญหานี้ บทความเสนอให้ใช้ ไฟล์แบบ append-only คือไม่แก้ไขข้อมูลเดิม แต่เพิ่มข้อมูลใหม่ลงท้ายไฟล์เสมอ และใช้ “tombstone” เพื่อระบุว่าข้อมูลถูกลบแล้ว เช่น db set 7 null แต่ไฟล์จะโตขึ้นเรื่อย ๆ จึงต้องมีระบบ compaction คือแบ่งไฟล์เป็น segment และค่อย ๆ ล้างข้อมูลที่ไม่จำเป็นออก แล้วรวมไฟล์ใหม่ให้เล็กลง ต่อมาเพื่อให้ค้นหาข้อมูลเร็วขึ้น ก็ต้องมี index โดยเก็บ offset ของแต่ละ key เพื่อชี้ตำแหน่งในไฟล์ ซึ่งช่วยให้ค้นหาเร็วขึ้นมาก แต่ก็แลกกับการเขียนข้อมูลที่ช้าลง สุดท้าย บทความแนะนำให้ใช้ Sorted String Tables (SST) และ LSM Trees ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ใช้จริงในฐานข้อมูลระดับโลก เช่น LevelDB และ DynamoDB โดยใช้การจัดเรียงข้อมูลใน memory ก่อน แล้วค่อยเขียนลง disk พร้อม index เพื่อให้ค้นหาเร็วและเขียนได้ต่อเนื่อง ✅ แนวคิดพื้นฐานของ Key-Value Database ➡️ ใช้ไฟล์เก็บข้อมูลแบบ key-value ➡️ ค้นหาด้วยการวนลูปหา key ที่ตรง ➡️ อัปเดตและลบข้อมูลทำได้ แต่ช้าเมื่อข้อมูลเยอะ ✅ การปรับปรุงด้วยไฟล์แบบ append-only ➡️ เพิ่มข้อมูลใหม่ลงท้ายไฟล์เสมอ ➡️ ใช้ tombstone เพื่อระบุการลบ ➡️ ค้นหาค่าล่าสุดของ key แทนค่าตัวแรก ✅ การจัดการขนาดไฟล์ด้วย compaction ➡️ แบ่งไฟล์เป็น segment ➡️ ล้างข้อมูลที่ล้าสมัยหรือถูกลบ ➡️ รวมไฟล์ใหม่ให้เล็กลงและมีข้อมูลล่าสุดเท่านั้น ✅ การเพิ่มประสิทธิภาพด้วย index ➡️ เก็บ offset ของ key เพื่อค้นหาเร็วขึ้น ➡️ ใช้ hash table ใน memory สำหรับ index ➡️ แลกกับการเขียนข้อมูลที่ช้าลง ✅ การจัดเรียงข้อมูลด้วย SST และ LSM Tree ➡️ จัดเรียงข้อมูลใน memory ก่อนเขียนลง disk ➡️ ใช้ skip list หรือ binary search tree สำหรับการจัดเรียง ➡️ เขียนลงไฟล์แบบ append-only พร้อม backup ➡️ ใช้ index เพื่อค้นหาในไฟล์ที่ถูกจัดเรียงแล้ว ➡️ เป็นโครงสร้างที่ใช้ใน LevelDB และ DynamoDB https://www.nan.fyi/database
    WWW.NAN.FYI
    Build Your Own Database
    A step-by-step guide to building a key-value database from scratch.
    0 Comments 0 Shares 150 Views 0 Reviews
  • “Microsoft รีบปล่อยแพตช์ฉุกเฉิน KB5070773 หลังอัปเดตพัง WinRE – คีย์บอร์ดและเมาส์ USB ใช้ไม่ได้ในโหมดกู้คืน”

    Microsoft ต้องรีบออกแพตช์ฉุกเฉิน KB5070773 เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดจากอัปเดต KB5066835 ซึ่งปล่อยออกมาเมื่อ 14 ตุลาคม 2025 โดยอัปเดตนั้นทำให้ระบบ Windows Recovery Environment (WinRE) บน Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 และ 25H2 ไม่สามารถใช้งานคีย์บอร์ดและเมาส์แบบ USB ได้เลย

    ปัญหานี้ร้ายแรงกว่าที่คิด เพราะ WinRE คือเครื่องมือหลักในการกู้คืนระบบ เช่น Startup Repair หรือ Reset This PC ถ้าอุปกรณ์อินพุตใช้ไม่ได้ ก็เท่ากับว่าผู้ใช้ไม่สามารถกู้ระบบได้เลย โดยเฉพาะในกรณีที่เครื่องบูตไม่ขึ้น

    สำหรับผู้ที่ยังสามารถเข้าสู่ระบบ Windows ได้ แค่ติดตั้งแพตช์ KB5070773 ผ่าน Windows Update แล้วรีบูตเครื่องก็จะใช้งานได้ตามปกติ แต่ถ้าระบบเข้าไม่ได้เลย Microsoft แนะนำให้ใช้หน้าจอสัมผัส, พอร์ต PS/2 (ถ้ามี), หรือ USB recovery drive แทน

    นี่เป็นครั้งที่สองในรอบไม่กี่เดือนที่ WinRE มีปัญหาใหญ่ เพราะในเดือนสิงหาคมก็เคยมีอัปเดตด้านความปลอดภัยที่ทำให้ฟีเจอร์ Reset This PC ใช้งานไม่ได้เช่นกัน ซึ่งทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามถึงคุณภาพของการทดสอบก่อนปล่อยอัปเดตของ Microsoft

    รายละเอียดแพตช์ KB5070773
    แก้ปัญหา USB keyboard และ mouse ใช้ไม่ได้ใน WinRE
    ส่งผลกระทบกับ Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 และ 25H2
    ปัญหาเกิดจากอัปเดต KB5066835 เมื่อ 14 ตุลาคม 2025
    แพตช์ใหม่สามารถติดตั้งผ่าน Windows Update ได้ทันที
    แก้ไขรวมอยู่ใน rollup ถัดไปสำหรับผู้ที่พลาดแพตช์ฉุกเฉิน

    ผลกระทบและคำแนะนำ
    ผู้ใช้ที่เข้า Windows ได้ควรติดตั้งแพตช์ทันที
    ผู้ที่ติดอยู่ใน recovery loop ต้องใช้ touchscreen, PS/2 หรือ USB recovery drive
    องค์กรสามารถใช้ Preboot Execution Environment (PXE) ผ่าน Configuration Manager

    บริบทและความน่ากังวล
    เป็นปัญหา WinRE ครั้งที่สองในรอบ 2 เดือน
    ครั้งก่อนในเดือนสิงหาคมทำให้ Reset This PC ใช้งานไม่ได้
    สะท้อนความเปราะบางของระบบอัปเดต Windows
    Microsoft ยังไม่อธิบายว่าบั๊กนี้หลุดจากการทดสอบได้อย่างไร

    https://www.tomshardware.com/software/windows/microsoft-rushes-out-emergency-windows-11-patch
    🛠️ “Microsoft รีบปล่อยแพตช์ฉุกเฉิน KB5070773 หลังอัปเดตพัง WinRE – คีย์บอร์ดและเมาส์ USB ใช้ไม่ได้ในโหมดกู้คืน” Microsoft ต้องรีบออกแพตช์ฉุกเฉิน KB5070773 เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดจากอัปเดต KB5066835 ซึ่งปล่อยออกมาเมื่อ 14 ตุลาคม 2025 โดยอัปเดตนั้นทำให้ระบบ Windows Recovery Environment (WinRE) บน Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 และ 25H2 ไม่สามารถใช้งานคีย์บอร์ดและเมาส์แบบ USB ได้เลย ปัญหานี้ร้ายแรงกว่าที่คิด เพราะ WinRE คือเครื่องมือหลักในการกู้คืนระบบ เช่น Startup Repair หรือ Reset This PC ถ้าอุปกรณ์อินพุตใช้ไม่ได้ ก็เท่ากับว่าผู้ใช้ไม่สามารถกู้ระบบได้เลย โดยเฉพาะในกรณีที่เครื่องบูตไม่ขึ้น สำหรับผู้ที่ยังสามารถเข้าสู่ระบบ Windows ได้ แค่ติดตั้งแพตช์ KB5070773 ผ่าน Windows Update แล้วรีบูตเครื่องก็จะใช้งานได้ตามปกติ แต่ถ้าระบบเข้าไม่ได้เลย Microsoft แนะนำให้ใช้หน้าจอสัมผัส, พอร์ต PS/2 (ถ้ามี), หรือ USB recovery drive แทน นี่เป็นครั้งที่สองในรอบไม่กี่เดือนที่ WinRE มีปัญหาใหญ่ เพราะในเดือนสิงหาคมก็เคยมีอัปเดตด้านความปลอดภัยที่ทำให้ฟีเจอร์ Reset This PC ใช้งานไม่ได้เช่นกัน ซึ่งทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามถึงคุณภาพของการทดสอบก่อนปล่อยอัปเดตของ Microsoft ✅ รายละเอียดแพตช์ KB5070773 ➡️ แก้ปัญหา USB keyboard และ mouse ใช้ไม่ได้ใน WinRE ➡️ ส่งผลกระทบกับ Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 และ 25H2 ➡️ ปัญหาเกิดจากอัปเดต KB5066835 เมื่อ 14 ตุลาคม 2025 ➡️ แพตช์ใหม่สามารถติดตั้งผ่าน Windows Update ได้ทันที ➡️ แก้ไขรวมอยู่ใน rollup ถัดไปสำหรับผู้ที่พลาดแพตช์ฉุกเฉิน ✅ ผลกระทบและคำแนะนำ ➡️ ผู้ใช้ที่เข้า Windows ได้ควรติดตั้งแพตช์ทันที ➡️ ผู้ที่ติดอยู่ใน recovery loop ต้องใช้ touchscreen, PS/2 หรือ USB recovery drive ➡️ องค์กรสามารถใช้ Preboot Execution Environment (PXE) ผ่าน Configuration Manager ✅ บริบทและความน่ากังวล ➡️ เป็นปัญหา WinRE ครั้งที่สองในรอบ 2 เดือน ➡️ ครั้งก่อนในเดือนสิงหาคมทำให้ Reset This PC ใช้งานไม่ได้ ➡️ สะท้อนความเปราะบางของระบบอัปเดต Windows ➡️ Microsoft ยังไม่อธิบายว่าบั๊กนี้หลุดจากการทดสอบได้อย่างไร https://www.tomshardware.com/software/windows/microsoft-rushes-out-emergency-windows-11-patch
    0 Comments 0 Shares 119 Views 0 Reviews
  • ขึงขังถ้าเขมรไม่ร่วมมือ ไทยไม่ใช้แค่สันติวิธี : [NEWS UPDATE]
    พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ยื่นคำขาดกัมพูชา หากไม่ให้ความร่วมมือแก้ปัญหาชายแดน การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา(จีบีซี) รอบนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย โดยจะกำหนดไทม์ไลน์ 4 ประเด็นหลัก เพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติ ไทยทำตามขั้นตอน ทำเต็มที่ตามหลักสากล ให้โอกาสหลายครั้งแล้ว ถ้าเขาไม่ให้ความร่วมมือ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด นโยบายของรัฐบาลไม่ได้หมายถึงการใช้สันติวิธีอย่างเดียว นี่คือเรื่องอธิปไตยของไทย เราทำดีที่สุดตามสันติวิธี ส่วนกรณีบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทยที่ถูกรุกล้ำ พื้นที่นอกเหนือจากเขตอ้างสิทธิ์เป็นดินแดนของไทย ต้องเร่งคืนพื้นที่ ถ้าคุยกันไม่ได้ต้องยึดเส้นอ้างสิทธิ์ของเราไว้


    เชื่อเจรจาจีบีซีได้ผล

    เขมรฟ้องโลกสื่อไทยรังแก

    รวยมาก่อนเล่นการเมือง

    ลดราคาครั้งใหญ่ทั่วไทย
    ขึงขังถ้าเขมรไม่ร่วมมือ ไทยไม่ใช้แค่สันติวิธี : [NEWS UPDATE] พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ยื่นคำขาดกัมพูชา หากไม่ให้ความร่วมมือแก้ปัญหาชายแดน การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา(จีบีซี) รอบนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย โดยจะกำหนดไทม์ไลน์ 4 ประเด็นหลัก เพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติ ไทยทำตามขั้นตอน ทำเต็มที่ตามหลักสากล ให้โอกาสหลายครั้งแล้ว ถ้าเขาไม่ให้ความร่วมมือ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด นโยบายของรัฐบาลไม่ได้หมายถึงการใช้สันติวิธีอย่างเดียว นี่คือเรื่องอธิปไตยของไทย เราทำดีที่สุดตามสันติวิธี ส่วนกรณีบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทยที่ถูกรุกล้ำ พื้นที่นอกเหนือจากเขตอ้างสิทธิ์เป็นดินแดนของไทย ต้องเร่งคืนพื้นที่ ถ้าคุยกันไม่ได้ต้องยึดเส้นอ้างสิทธิ์ของเราไว้ เชื่อเจรจาจีบีซีได้ผล เขมรฟ้องโลกสื่อไทยรังแก รวยมาก่อนเล่นการเมือง ลดราคาครั้งใหญ่ทั่วไทย
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 288 Views 0 0 Reviews
  • "ไทยก้าวใหม่" ลงพื้นที่ต้นน้ำน่าน ชี้ปัญหาตลิ่งพัง-น้ำท่วมซ้ำซาก ประกาศจุดยืนชัดเจน ขอโอกาสประชาชน แก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง-น้ำทะเลหนุน
    https://www.thai-tai.tv/news/21985/
    .
    #ไทยไท #สุชัชวีร์ #ต้นน้ำน่าน #ฝายแกนดินซีเมนต์ #ปัญหาน้ำท่วม #ไทยก้าวใหม่ #วิศวกรรมแก้ปัญหา

    "ไทยก้าวใหม่" ลงพื้นที่ต้นน้ำน่าน ชี้ปัญหาตลิ่งพัง-น้ำท่วมซ้ำซาก ประกาศจุดยืนชัดเจน ขอโอกาสประชาชน แก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง-น้ำทะเลหนุน https://www.thai-tai.tv/news/21985/ . #ไทยไท #สุชัชวีร์ #ต้นน้ำน่าน #ฝายแกนดินซีเมนต์ #ปัญหาน้ำท่วม #ไทยก้าวใหม่ #วิศวกรรมแก้ปัญหา
    0 Comments 0 Shares 108 Views 0 Reviews
  • ไทยเดินหน้าประชุม JBC กับกัมพูชา มั่นใจแก้ปัญหาเขตแดนด้วยสันติวิธี ยึดประโยชน์ชาติและอธิปไตย รัฐบาลย้ำเดินหน้าเจรจาทวิภาคี แม้ถูกกดดันจากกระแสคัดค้าน คาดได้ข้อสรุปร่วมกันในเวทีจันทบุรี 21–22 ต.ค.

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000100372

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    ไทยเดินหน้าประชุม JBC กับกัมพูชา มั่นใจแก้ปัญหาเขตแดนด้วยสันติวิธี ยึดประโยชน์ชาติและอธิปไตย รัฐบาลย้ำเดินหน้าเจรจาทวิภาคี แม้ถูกกดดันจากกระแสคัดค้าน คาดได้ข้อสรุปร่วมกันในเวทีจันทบุรี 21–22 ต.ค. อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000100372 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Haha
    Sad
    2
    1 Comments 0 Shares 260 Views 0 Reviews
  • ไทยเดินหน้าประชุม JBC กับกัมพูชา มั่นใจแก้ปัญหาเขตแดนด้วยสันติวิธี ยึดประโยชน์ชาติและอธิปไตย รัฐบาลย้ำเดินหน้าเจรจาทวิภาคี แม้ถูกกดดันจากกระแสคัดค้าน คาดได้ข้อสรุปร่วมกันในเวทีจันทบุรี 21–22 ต.ค.
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000100343

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ไทยเดินหน้าประชุม JBC กับกัมพูชา มั่นใจแก้ปัญหาเขตแดนด้วยสันติวิธี ยึดประโยชน์ชาติและอธิปไตย รัฐบาลย้ำเดินหน้าเจรจาทวิภาคี แม้ถูกกดดันจากกระแสคัดค้าน คาดได้ข้อสรุปร่วมกันในเวทีจันทบุรี 21–22 ต.ค. . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000100343 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 348 Views 0 Reviews
  • “Energy Vampires: 5 เครื่องใช้ไฟฟ้าที่แอบกินไฟแม้ไม่ได้ใช้งาน — ทำบิลพุ่งไม่รู้ตัว” — เมื่อทีวี, เครื่องเกม, และเครื่องครัวกลายเป็นตัวดูดพลังงานเงียบ ๆ ในบ้านคุณ

    บทความจาก SlashGear โดย Daniel Feininger เปิดเผยว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดยังคงใช้พลังงานแม้จะถูกปิดแล้ว — ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “Energy Vampire” หรือ “ผีดูดไฟ” ซึ่งสามารถเพิ่มค่าไฟบ้านได้ถึง 10% ต่อปี หรือประมาณ $100 โดยเฉลี่ย

    แม้บางคนจะมีแผงโซลาร์หรือขายไฟกลับให้บริษัทไฟฟ้าได้ แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาการใช้ไฟฟ้าแบบแอบแฝงนี้ได้ หากไม่จัดการกับอุปกรณ์ที่กินไฟในโหมด standby หรือ sleep

    บทความแนะนำให้ “ถอดปลั๊ก” หรือใช้ปลั๊กพ่วงที่มีสวิตช์ปิด เพื่อหยุดการใช้พลังงานโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะกับ 5 อุปกรณ์หลักที่เป็นตัวดูดไฟเงียบ ๆ ได้แก่:

    ทีวี โดยเฉพาะ Smart TV
    ใช้พลังงานแม้ในโหมด standby สูงถึง 20% ของการใช้งานทั้งหมด
    ใน UK อาจเพิ่มค่าไฟปีละ £4.94–£14.54 ขึ้นอยู่กับขนาดและรุ่น
    แนะนำให้ใช้ปลั๊กพ่วงที่มีสวิตช์ปิดแทนการถอดปลั๊ก

    เครื่องเกมคอนโซล เช่น Xbox และ PlayStation
    Xbox Series S ใช้ไฟใน rest mode สูงถึง £22.60 ต่อปี
    แม้ปิดเครื่องแล้วก็ยังใช้ไฟ 0.2W หากไม่ถอดปลั๊ก
    ควรใช้ dongle สตรีมมิ่งแทนคอนโซลเพื่อดู Netflix — ประหยัดไฟกว่า 35 เท่า

    เครื่องพิมพ์ (Printer)
    ปล่อยให้ standby อาจเพิ่มค่าไฟปีละ £3.81
    Laser printer ใช้ไฟมากกว่า inkjet โดยเฉพาะในโหมด standby
    ถ้าไม่ใช้งานบ่อย ควรถอดปลั๊กระหว่างวัน

    กล่องรับสัญญาณ, DVD/Blu-ray player
    กล่องเคเบิลอาจใช้ไฟถึง $50 ต่อปีหากเสียบปลั๊กไว้ตลอด
    อุปกรณ์เหล่านี้มักถูกละเลยเพราะอยู่ใต้ทีวี
    ควรถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งาน หรือใช้ปลั๊กพ่วงแบบมีสวิตช์

    เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว เช่น ไมโครเวฟ, เครื่องชงกาแฟ, กาต้มน้ำไฟฟ้า
    แม้จะดูเล็ก แต่รวมกันแล้วอาจเพิ่มค่าไฟ $10–$20 ต่อปี
    อุปกรณ์ที่มีหน้าจอแสดงผล เช่น นาฬิกาบนไมโครเวฟ จะใช้ไฟตลอดเวลา
    ถ้าไม่ได้ใช้งานบ่อย ควรถอดปลั๊กหรือใช้ปลั๊กพ่วงแบบควบคุม

    https://www.slashgear.com/1999279/energy-vampire-appliances-running-up-electric-bills/
    🔌 “Energy Vampires: 5 เครื่องใช้ไฟฟ้าที่แอบกินไฟแม้ไม่ได้ใช้งาน — ทำบิลพุ่งไม่รู้ตัว” — เมื่อทีวี, เครื่องเกม, และเครื่องครัวกลายเป็นตัวดูดพลังงานเงียบ ๆ ในบ้านคุณ บทความจาก SlashGear โดย Daniel Feininger เปิดเผยว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดยังคงใช้พลังงานแม้จะถูกปิดแล้ว — ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “Energy Vampire” หรือ “ผีดูดไฟ” ซึ่งสามารถเพิ่มค่าไฟบ้านได้ถึง 10% ต่อปี หรือประมาณ $100 โดยเฉลี่ย แม้บางคนจะมีแผงโซลาร์หรือขายไฟกลับให้บริษัทไฟฟ้าได้ แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาการใช้ไฟฟ้าแบบแอบแฝงนี้ได้ หากไม่จัดการกับอุปกรณ์ที่กินไฟในโหมด standby หรือ sleep บทความแนะนำให้ “ถอดปลั๊ก” หรือใช้ปลั๊กพ่วงที่มีสวิตช์ปิด เพื่อหยุดการใช้พลังงานโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะกับ 5 อุปกรณ์หลักที่เป็นตัวดูดไฟเงียบ ๆ ได้แก่: ✅ ทีวี โดยเฉพาะ Smart TV ➡️ ใช้พลังงานแม้ในโหมด standby สูงถึง 20% ของการใช้งานทั้งหมด ➡️ ใน UK อาจเพิ่มค่าไฟปีละ £4.94–£14.54 ขึ้นอยู่กับขนาดและรุ่น ➡️ แนะนำให้ใช้ปลั๊กพ่วงที่มีสวิตช์ปิดแทนการถอดปลั๊ก ✅ เครื่องเกมคอนโซล เช่น Xbox และ PlayStation ➡️ Xbox Series S ใช้ไฟใน rest mode สูงถึง £22.60 ต่อปี ➡️ แม้ปิดเครื่องแล้วก็ยังใช้ไฟ 0.2W หากไม่ถอดปลั๊ก ➡️ ควรใช้ dongle สตรีมมิ่งแทนคอนโซลเพื่อดู Netflix — ประหยัดไฟกว่า 35 เท่า ✅ เครื่องพิมพ์ (Printer) ➡️ ปล่อยให้ standby อาจเพิ่มค่าไฟปีละ £3.81 ➡️ Laser printer ใช้ไฟมากกว่า inkjet โดยเฉพาะในโหมด standby ➡️ ถ้าไม่ใช้งานบ่อย ควรถอดปลั๊กระหว่างวัน ✅ กล่องรับสัญญาณ, DVD/Blu-ray player ➡️ กล่องเคเบิลอาจใช้ไฟถึง $50 ต่อปีหากเสียบปลั๊กไว้ตลอด ➡️ อุปกรณ์เหล่านี้มักถูกละเลยเพราะอยู่ใต้ทีวี ➡️ ควรถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งาน หรือใช้ปลั๊กพ่วงแบบมีสวิตช์ ✅ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว เช่น ไมโครเวฟ, เครื่องชงกาแฟ, กาต้มน้ำไฟฟ้า ➡️ แม้จะดูเล็ก แต่รวมกันแล้วอาจเพิ่มค่าไฟ $10–$20 ต่อปี ➡️ อุปกรณ์ที่มีหน้าจอแสดงผล เช่น นาฬิกาบนไมโครเวฟ จะใช้ไฟตลอดเวลา ➡️ ถ้าไม่ได้ใช้งานบ่อย ควรถอดปลั๊กหรือใช้ปลั๊กพ่วงแบบควบคุม https://www.slashgear.com/1999279/energy-vampire-appliances-running-up-electric-bills/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Energy Vampires: 5 Appliances That Are Running Up Your Electric Bills - SlashGear
    Rising electricity prices make waste-cutting an inviting proposition. However, every home appliance is different, and not all are energy-hungry vampires.
    0 Comments 0 Shares 108 Views 0 Reviews
  • นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ครั้งที่ 1/2569 โดยเน้นย้ำการให้ความสำคัญและยกระดับกลไกการป้องกันสแกมเมอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ให้ทุกภาคส่วนทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบแผนขับเคลื่อนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 4 แผน ดังนี้ 1.เสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2568-2570 2.แผนปฏิบัติการความมั่นคงรองรับพื้นที่บังคับใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 3.โครงสร้างการจัดกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ภาค 4 ส่วนหน้า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 และ 4.อัตราเฉพาะกิจ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ภาค 4 ส่วนหน้า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569

    -หวั่นกัมพูชารู้ข้อมูลไทย
    -ลุ้นคนละครึ่งพลัส เฟส 2
    -พปชร.ตั้งเป้าร่วมรัฐบาล
    -กู้อุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ครั้งที่ 1/2569 โดยเน้นย้ำการให้ความสำคัญและยกระดับกลไกการป้องกันสแกมเมอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ให้ทุกภาคส่วนทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบแผนขับเคลื่อนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 4 แผน ดังนี้ 1.เสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2568-2570 2.แผนปฏิบัติการความมั่นคงรองรับพื้นที่บังคับใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 3.โครงสร้างการจัดกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ภาค 4 ส่วนหน้า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 และ 4.อัตราเฉพาะกิจ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ภาค 4 ส่วนหน้า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 -หวั่นกัมพูชารู้ข้อมูลไทย -ลุ้นคนละครึ่งพลัส เฟส 2 -พปชร.ตั้งเป้าร่วมรัฐบาล -กู้อุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 297 Views 0 0 Reviews
More Results