• ♣ ประเทศที่ชอบอ้างประชาธิปไตย เสรีภาพ ความเท่าเทียม แต่กลับมีความเหลื่อมล้ำ ความรุนแรง การใช้อาวุธ การเหยียดเชื้อชาติ และมีนายทุนนวัตกรรมอู้ฟู่ผงาดครองโลก
    #7ดอกจิก
    ♣ ประเทศที่ชอบอ้างประชาธิปไตย เสรีภาพ ความเท่าเทียม แต่กลับมีความเหลื่อมล้ำ ความรุนแรง การใช้อาวุธ การเหยียดเชื้อชาติ และมีนายทุนนวัตกรรมอู้ฟู่ผงาดครองโลก #7ดอกจิก
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฮามาสแถลงว่าพวกเขาจะหยุดปล่อยตัวประกันอิสราเอลจนกว่าจะแจ้งให้ทราบเพิ่มเติม ในสิ่งที่พวกนักรบปาเลสไตน์กลุ่มนี้กล่าวหาว่าอิสราเอลละเมิดข้อตกลงหยุดยิงในกาซา เพิ่มความเสี่ยงที่ความขัดแย้งจะโหมกระพือขึ้นมาใหม่
    .
    ถ้อยแถลงที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดหมาย มีขึ้นในขณะที่ข้อตกลงหยุดยิงนั้นเปราะบางอยู่ก่อนแล้ว แม้อีกด้านหนึ่งทางครอบครัวของตัวประกันอิสราเอลเรียกร้องให้ทางรัฐบาลยึดมั่นในข้อตกลงและชาวกาซากำลังหาทางเริ่มต้นฟื้นฟูวิถีชีวิตในฉนวนที่ถูกทำลายล้างแห่งนี้ หลังต้องอยู่ท่ามกลางภาวะสงครามมานานกว่า 15 เดือน
    .
    ฮามาส มีกำหนดปล่อยตัวประกันอิสราเอลเพิ่มเติมในวันเสาร์หน้า(15ก.พ.) แลกกับนักโทษปาเลสไตน์และชาวปาเลสไตน์คนอื่นๆที่ถูกควบคุมตัวในอิสราเอล แบบเดียวกับที่เกิดขึ้นในช่วง 3 สัปดาห์หลังสุด
    .
    อาบู อูไบดา โฆษกปีกติดอาวุธของฮามาส กล่าวหาว่าอิสราเอลละเมิดข้อตกลงต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงการเตะถ่วงชาวปาเลสไตน์จากการกลับสู่ทางเหนือของกาซา ยิงปืนใหญ่และสาดกระสุนเข้าใส่ชาวปาเลสไตน์ รวมถึงสกัดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไม่ให้เข้าสู่ฉนวนแห่งนี้
    .
    ข้อตกลงหยุดยิงส่วนใหญ่แล้วยังคงได้รับการยึดถือนับตั้งแต่เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา แม้มีเหตุการณ์บางอย่างที่ชาวปาเลสไตน์ถูกสังหารโดยกองกำลังอิสราเอล และฮามาสเลื่อนการให้ชื่อตัวประกันที่พวกเขามีแผนปล่อยตัว ขณะเดียวกันทางหน่วยงานความช่วยเหลือต่างๆ เผยว่าความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ป้อนเข้าสู่ฉนวนกาซา ได้เพิ่มจำนวนขึ้นนับตั้งแต่มีข้อตกลงหยุดยิง
    .
    อย่างไรก็ตาม อูไบดา ของฮามาส ระบุว่ากำหนดการปล่อยตัวประกันครั้งถัดไปในวันเสาร์(8ก.พ.) จะถูกเลื่อนออกไปจนกว่าอิสราเอลจะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงและชดเชยในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
    .
    กระนั้นทาง อิสราเอล คาทซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิสราเอล ระบุว่าถ้อยแถลงของฮามาสเองเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และเผยว่าได้ออกคำสั่งให้กองทัพอยู่ในระดับความพร้อมขั้นสูงสุดในกาซา และสำหรับป้องกันตนเองภายใน
    .
    แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของอียิปต์ 2 ราย บอกกับรอยเตอร์ในวันจันทร์(10ก.พ.) ว่าบรรดาคนกลางการเจรจา ประกอบด้วยกาตาร์และอียิปต์ รวมไปถึงสหรัฐฯ มีความกังวลเกี่ยวกับการพังครืนของข้อตกลงหยุดยิง
    .
    กลุ่มที่เป็นตัวแทนครอบครัวตัวประกัน เรียกร้องให้บรรดาคนกลางหาทางค้ำยันข้อตกลงหยุดยิง ส่วนอีกกลุ่มที่เป็นตัวแทนของทหารผ่านศึกอิสราเอล กล่วหารัฐบาลตั้งใจบ่อนทำลายข้อตกลงหยุดยิงกับฮามาส
    .
    จนถึงตอนนี้มีตัวประกัน 16 คน จากทั้งหมด 33 คน ที่ได้รับการปล่อยตัวออกมาในเฟสแรก 42 วันของข้อตกลงหยุดยิง เช่นเดียวกับตัวประกันไทย 5 คน ที่เป็นอิสระในการปล่อยตัวที่ไม่มีในกำหนดการ
    .
    ในทางกลับกัน อิสราเอลปล่อยตัวนักโทษและผู้ถูกคมขังชาวปาเลสไตน์ไปแล้วหลายร้อยคน ในนั้นรวมถึงผู้ต้องขังที่ถูกลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ในฐานความผิดโจมตีนองเลือดต่างๆนานา และชาวปาเลสไตน์ที่ถูกจับและควบคุมตัวระหว่างสงคราม โดยปราศจากการตั้งข้อหาใดๆ
    .
    แต่ทาง ฮามาส กล่าวหาอิสราเอล เตะถ่วงการปล่อยให้ความช่วยเหลือเข้าสู่กาซา หนึ่งในหลายเงื่อนไขของเฟสแรกในข้อตกลงหยุดยิง ข้อกล่าวหาที่ทางอิสราเอลปฏิเสธ โดยบอกว่าไม่เป็นความจริง
    .
    ขณะเดียวกัน อิสราเอล ได้กล่าวหา ฮามาส กลับไปว่า ไม่เคารพต่อข้อตกลง ที่ต้องมีการปล่อยตัวประกัน และอยู่เบื้องหลังการแสดงออกที่ดูหมิ่นเหยียดหยามต่อหน้าฝูงชนจำนวนมาก ครั้งที่มีการส่งมอบตัวประกันเหล่านั้นแก่สภากาชาด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..
    ..............
    Sondhi X
    ฮามาสแถลงว่าพวกเขาจะหยุดปล่อยตัวประกันอิสราเอลจนกว่าจะแจ้งให้ทราบเพิ่มเติม ในสิ่งที่พวกนักรบปาเลสไตน์กลุ่มนี้กล่าวหาว่าอิสราเอลละเมิดข้อตกลงหยุดยิงในกาซา เพิ่มความเสี่ยงที่ความขัดแย้งจะโหมกระพือขึ้นมาใหม่ . ถ้อยแถลงที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดหมาย มีขึ้นในขณะที่ข้อตกลงหยุดยิงนั้นเปราะบางอยู่ก่อนแล้ว แม้อีกด้านหนึ่งทางครอบครัวของตัวประกันอิสราเอลเรียกร้องให้ทางรัฐบาลยึดมั่นในข้อตกลงและชาวกาซากำลังหาทางเริ่มต้นฟื้นฟูวิถีชีวิตในฉนวนที่ถูกทำลายล้างแห่งนี้ หลังต้องอยู่ท่ามกลางภาวะสงครามมานานกว่า 15 เดือน . ฮามาส มีกำหนดปล่อยตัวประกันอิสราเอลเพิ่มเติมในวันเสาร์หน้า(15ก.พ.) แลกกับนักโทษปาเลสไตน์และชาวปาเลสไตน์คนอื่นๆที่ถูกควบคุมตัวในอิสราเอล แบบเดียวกับที่เกิดขึ้นในช่วง 3 สัปดาห์หลังสุด . อาบู อูไบดา โฆษกปีกติดอาวุธของฮามาส กล่าวหาว่าอิสราเอลละเมิดข้อตกลงต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงการเตะถ่วงชาวปาเลสไตน์จากการกลับสู่ทางเหนือของกาซา ยิงปืนใหญ่และสาดกระสุนเข้าใส่ชาวปาเลสไตน์ รวมถึงสกัดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไม่ให้เข้าสู่ฉนวนแห่งนี้ . ข้อตกลงหยุดยิงส่วนใหญ่แล้วยังคงได้รับการยึดถือนับตั้งแต่เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา แม้มีเหตุการณ์บางอย่างที่ชาวปาเลสไตน์ถูกสังหารโดยกองกำลังอิสราเอล และฮามาสเลื่อนการให้ชื่อตัวประกันที่พวกเขามีแผนปล่อยตัว ขณะเดียวกันทางหน่วยงานความช่วยเหลือต่างๆ เผยว่าความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ป้อนเข้าสู่ฉนวนกาซา ได้เพิ่มจำนวนขึ้นนับตั้งแต่มีข้อตกลงหยุดยิง . อย่างไรก็ตาม อูไบดา ของฮามาส ระบุว่ากำหนดการปล่อยตัวประกันครั้งถัดไปในวันเสาร์(8ก.พ.) จะถูกเลื่อนออกไปจนกว่าอิสราเอลจะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงและชดเชยในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา . กระนั้นทาง อิสราเอล คาทซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิสราเอล ระบุว่าถ้อยแถลงของฮามาสเองเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และเผยว่าได้ออกคำสั่งให้กองทัพอยู่ในระดับความพร้อมขั้นสูงสุดในกาซา และสำหรับป้องกันตนเองภายใน . แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของอียิปต์ 2 ราย บอกกับรอยเตอร์ในวันจันทร์(10ก.พ.) ว่าบรรดาคนกลางการเจรจา ประกอบด้วยกาตาร์และอียิปต์ รวมไปถึงสหรัฐฯ มีความกังวลเกี่ยวกับการพังครืนของข้อตกลงหยุดยิง . กลุ่มที่เป็นตัวแทนครอบครัวตัวประกัน เรียกร้องให้บรรดาคนกลางหาทางค้ำยันข้อตกลงหยุดยิง ส่วนอีกกลุ่มที่เป็นตัวแทนของทหารผ่านศึกอิสราเอล กล่วหารัฐบาลตั้งใจบ่อนทำลายข้อตกลงหยุดยิงกับฮามาส . จนถึงตอนนี้มีตัวประกัน 16 คน จากทั้งหมด 33 คน ที่ได้รับการปล่อยตัวออกมาในเฟสแรก 42 วันของข้อตกลงหยุดยิง เช่นเดียวกับตัวประกันไทย 5 คน ที่เป็นอิสระในการปล่อยตัวที่ไม่มีในกำหนดการ . ในทางกลับกัน อิสราเอลปล่อยตัวนักโทษและผู้ถูกคมขังชาวปาเลสไตน์ไปแล้วหลายร้อยคน ในนั้นรวมถึงผู้ต้องขังที่ถูกลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ในฐานความผิดโจมตีนองเลือดต่างๆนานา และชาวปาเลสไตน์ที่ถูกจับและควบคุมตัวระหว่างสงคราม โดยปราศจากการตั้งข้อหาใดๆ . แต่ทาง ฮามาส กล่าวหาอิสราเอล เตะถ่วงการปล่อยให้ความช่วยเหลือเข้าสู่กาซา หนึ่งในหลายเงื่อนไขของเฟสแรกในข้อตกลงหยุดยิง ข้อกล่าวหาที่ทางอิสราเอลปฏิเสธ โดยบอกว่าไม่เป็นความจริง . ขณะเดียวกัน อิสราเอล ได้กล่าวหา ฮามาส กลับไปว่า ไม่เคารพต่อข้อตกลง ที่ต้องมีการปล่อยตัวประกัน และอยู่เบื้องหลังการแสดงออกที่ดูหมิ่นเหยียดหยามต่อหน้าฝูงชนจำนวนมาก ครั้งที่มีการส่งมอบตัวประกันเหล่านั้นแก่สภากาชาด . อ่านเพิ่มเติม.. .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    Sad
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1612 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลู่วิ่งในร่มเปิดถึง 4 ทุ่ม ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ

    บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ขยายเวลาเปิดให้บริการลู่วิ่ง Sky Running ที่ชั้น 4 อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ ออกไปอีก 2 ชั่วโมง เป็นตั้งแต่ 06.00 น. ถึง 22.00 น. ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพื่อต้องการดูแลสุขภาพให้แก่ประชาชน และผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายในสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 โดยลู่วิ่งมีระยะทาง 412 เมตรต่อรอบ พร้อมระบบนับรอบวิ่ง ปัจจุบันมีผู้มาใช้บริการเฉลี่ยวันละ 200 คน ทั้งพนักงาน ข้าราชการ และประชาชนใกล้เคียง

    ดร.นาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ กล่าวว่า จุดประสงค์ของการพัฒนาลู่วิ่ง เพื่อต้องการให้ผู้ที่ทำงานในศูนย์ราชการฯ ได้มีพื้นที่ออกกำลังกายระหว่างรอกลับบ้านหลังเลิกจากงาน ช่วยลดความแออัดของการจราจรในช่วงเย็น และยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ นอกจากนี้ ยังมีบริการสันทนาการอื่นๆ สำหรับผู้ที่ทำงานในศูนย์ราชการฯ ได้ผ่อนคลายและออกกำลังกายในช่วงเย็น เช่น ห้องแดนซ์สตูดิโอ ห้องปิงปอง ห้องโยคะ ช่วยยกคุณภาพชีวิตของผู้ที่ทำงานได้เป็นอย่างดี

    อาคาร B ออกแบบเป็นอาคารประหยัดพลังงาน ติดตั้งเครื่องปรับอากาศและระบบกรองอากาศขนาดใหญ่ ตัวอาคารเป็นระบบปิดสนิททำให้อากาศภายในอาคารมีปริมาณฝุ่น PM 2.5 ที่น้อย จึงเหมาะแก่การออกกำลังกาย นอกจากนี้ ยังมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และติดตั้งเครื่อง AED ไว้ให้บริการกรณีฉุกเฉิน ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถวิ่งออกกำลังกายในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ช่วยให้การออกกำลังกายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

    สำหรับลู่วิ่ง Sky Running เปิดเมื่อเดือน ก.ค. 2561 ตั้งอยู่ที่ชั้น 4 อาคาร B มีล็อกเกอร์สำหรับเก็บของที่ชั้น 5 รวม 96 ช่อง เครื่องออกกำลังกายแบบยืดเหยียด และห้องอาบน้ำบริเวณห้องน้ำ E3 ชั้น 4 และชั้น 5 แบ่งเป็นห้องอาบน้ำชาย 2 ห้อง ห้องอาบน้ำหญิง 2 ห้อง ส่วนบริเวณชั้น B ยังมีร้านสะดวกซื้อ ร้านค้า ศูนย์อาหาร สาขาธนาคาร และมีที่จอดรถสำหรับประชาชนผู้มาติดต่อราชการ ชั้น 1 รวม 150 คัน ชั้น 3 และ 4 รวม 1,500 คัน และชั้น 5 รวม 350 คัน

    การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ ใช้รถไฟฟ้าสายสีชมพู ลงที่สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ทางออก 3 ต่อด้วย Skywalk ไปยังอาคารจอดรถ D ต่อด้วยรถ EV Shuttle Bus เส้นทางที่ 1 ไปยังอาคาร B ให้บริการตั้งแต่เวลา 05.30-19.00 น. หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ส่วนรถประจำทางสายที่เข้าอาคาร B ได้แก่ ขสมก. สาย 66 (2-12) สาย 166 (ศูนย์ราชการ) สาย 2-36 ไทยสมายล์บัส สาย 126 (1-13) สาย 513E (3-23E) และสาย 1-31

    #Newskit
    ลู่วิ่งในร่มเปิดถึง 4 ทุ่ม ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ขยายเวลาเปิดให้บริการลู่วิ่ง Sky Running ที่ชั้น 4 อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ ออกไปอีก 2 ชั่วโมง เป็นตั้งแต่ 06.00 น. ถึง 22.00 น. ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพื่อต้องการดูแลสุขภาพให้แก่ประชาชน และผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายในสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 โดยลู่วิ่งมีระยะทาง 412 เมตรต่อรอบ พร้อมระบบนับรอบวิ่ง ปัจจุบันมีผู้มาใช้บริการเฉลี่ยวันละ 200 คน ทั้งพนักงาน ข้าราชการ และประชาชนใกล้เคียง ดร.นาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ กล่าวว่า จุดประสงค์ของการพัฒนาลู่วิ่ง เพื่อต้องการให้ผู้ที่ทำงานในศูนย์ราชการฯ ได้มีพื้นที่ออกกำลังกายระหว่างรอกลับบ้านหลังเลิกจากงาน ช่วยลดความแออัดของการจราจรในช่วงเย็น และยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ นอกจากนี้ ยังมีบริการสันทนาการอื่นๆ สำหรับผู้ที่ทำงานในศูนย์ราชการฯ ได้ผ่อนคลายและออกกำลังกายในช่วงเย็น เช่น ห้องแดนซ์สตูดิโอ ห้องปิงปอง ห้องโยคะ ช่วยยกคุณภาพชีวิตของผู้ที่ทำงานได้เป็นอย่างดี อาคาร B ออกแบบเป็นอาคารประหยัดพลังงาน ติดตั้งเครื่องปรับอากาศและระบบกรองอากาศขนาดใหญ่ ตัวอาคารเป็นระบบปิดสนิททำให้อากาศภายในอาคารมีปริมาณฝุ่น PM 2.5 ที่น้อย จึงเหมาะแก่การออกกำลังกาย นอกจากนี้ ยังมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และติดตั้งเครื่อง AED ไว้ให้บริการกรณีฉุกเฉิน ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถวิ่งออกกำลังกายในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ช่วยให้การออกกำลังกายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับลู่วิ่ง Sky Running เปิดเมื่อเดือน ก.ค. 2561 ตั้งอยู่ที่ชั้น 4 อาคาร B มีล็อกเกอร์สำหรับเก็บของที่ชั้น 5 รวม 96 ช่อง เครื่องออกกำลังกายแบบยืดเหยียด และห้องอาบน้ำบริเวณห้องน้ำ E3 ชั้น 4 และชั้น 5 แบ่งเป็นห้องอาบน้ำชาย 2 ห้อง ห้องอาบน้ำหญิง 2 ห้อง ส่วนบริเวณชั้น B ยังมีร้านสะดวกซื้อ ร้านค้า ศูนย์อาหาร สาขาธนาคาร และมีที่จอดรถสำหรับประชาชนผู้มาติดต่อราชการ ชั้น 1 รวม 150 คัน ชั้น 3 และ 4 รวม 1,500 คัน และชั้น 5 รวม 350 คัน การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ ใช้รถไฟฟ้าสายสีชมพู ลงที่สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ทางออก 3 ต่อด้วย Skywalk ไปยังอาคารจอดรถ D ต่อด้วยรถ EV Shuttle Bus เส้นทางที่ 1 ไปยังอาคาร B ให้บริการตั้งแต่เวลา 05.30-19.00 น. หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ส่วนรถประจำทางสายที่เข้าอาคาร B ได้แก่ ขสมก. สาย 66 (2-12) สาย 166 (ศูนย์ราชการ) สาย 2-36 ไทยสมายล์บัส สาย 126 (1-13) สาย 513E (3-23E) และสาย 1-31 #Newskit
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 457 มุมมอง 0 รีวิว
  • Paragon Solutions บริษัทผู้ผลิตสปายแวร์ชื่อดังของอิสราเอล ได้ยืนยันว่ารัฐบาลสหรัฐอเมริกาเป็นลูกค้าของพวกเขา โดยประธานบริหารของ Paragon กล่าวว่า พวกเขาให้บริการเทคโนโลยีนี้กับกลุ่มประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก โดยหลัก ๆ คือ สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรของพวกเขา

    อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้ออกมาเพียงไม่กี่วันหลังจาก WhatsApp เปิดเผยว่า Paragon ได้พยายามติดตั้งสปายแวร์ในอุปกรณ์ของนักข่าวและสมาชิกในสังคมสูงสุดถึง 90 คน ผ่านการโจมตีแบบไม่ต้องคลิก Paragon อ้างว่าพวกเขามีนโยบายที่ชัดเจนในการห้ามการโจมตีนักข่าวและผู้คนในสังคม แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถปฏิบัติตามนโยบายได้อย่างเต็มที่

    ในข่าวนี้ยังพูดถึงกรณีของนักข่าวชาวอิตาลี Francesco Cancellato และนักเคลื่อนไหวชาวลิเบีย Husam El Gomati ที่ได้ถูก Paragon ติดตั้งสปายแวร์ในอุปกรณ์ของพวกเขา Francesco เคยเผยแพร่วิดีโอเกี่ยวกับการกล่าวทำนองเหยียดเชื้อชาติและสรรเสริญนาซีของกลุ่มเยาวชนในพรรคการเมืองของอิตาลี ในขณะที่ Husam ได้วิจารณ์ความพยายามในการหยุดยั้งผู้อพยพจากลิเบียเข้าสู่ยุโรป

    เรื่องราวนี้เป็นการย้ำถึงความซับซ้อนและความอันตรายของการใช้เทคโนโลยีสปายแวร์ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะเมื่อมันถูกใช้ไปในทางที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของผู้คน

    https://www.techradar.com/pro/security/israeli-spyware-company-confirms-us-government-and-friends-are-customers
    Paragon Solutions บริษัทผู้ผลิตสปายแวร์ชื่อดังของอิสราเอล ได้ยืนยันว่ารัฐบาลสหรัฐอเมริกาเป็นลูกค้าของพวกเขา โดยประธานบริหารของ Paragon กล่าวว่า พวกเขาให้บริการเทคโนโลยีนี้กับกลุ่มประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก โดยหลัก ๆ คือ สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้ออกมาเพียงไม่กี่วันหลังจาก WhatsApp เปิดเผยว่า Paragon ได้พยายามติดตั้งสปายแวร์ในอุปกรณ์ของนักข่าวและสมาชิกในสังคมสูงสุดถึง 90 คน ผ่านการโจมตีแบบไม่ต้องคลิก Paragon อ้างว่าพวกเขามีนโยบายที่ชัดเจนในการห้ามการโจมตีนักข่าวและผู้คนในสังคม แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถปฏิบัติตามนโยบายได้อย่างเต็มที่ ในข่าวนี้ยังพูดถึงกรณีของนักข่าวชาวอิตาลี Francesco Cancellato และนักเคลื่อนไหวชาวลิเบีย Husam El Gomati ที่ได้ถูก Paragon ติดตั้งสปายแวร์ในอุปกรณ์ของพวกเขา Francesco เคยเผยแพร่วิดีโอเกี่ยวกับการกล่าวทำนองเหยียดเชื้อชาติและสรรเสริญนาซีของกลุ่มเยาวชนในพรรคการเมืองของอิตาลี ในขณะที่ Husam ได้วิจารณ์ความพยายามในการหยุดยั้งผู้อพยพจากลิเบียเข้าสู่ยุโรป เรื่องราวนี้เป็นการย้ำถึงความซับซ้อนและความอันตรายของการใช้เทคโนโลยีสปายแวร์ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะเมื่อมันถูกใช้ไปในทางที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของผู้คน https://www.techradar.com/pro/security/israeli-spyware-company-confirms-us-government-and-friends-are-customers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่อกลับลำข้อเสนอของเขาเกี่ยวกับการเข้ายึดฉนวนกาซา หลังมันโหมกระพือเสียงโวยวายจากทั่วโลก ในนั้นรวมถึงเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติที่เตือนเกี่ยวกับการ "ล้างเผ่าพันธุ์" ในฉนวนปาเลสไตน์
    .
    หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นชุดๆ จากทั้งชาวปาเลสไตน์ บรรดารัฐบาลอาหรับและพวกผู้นำโลก ทาง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่าการย้ายชาวกาซาใดๆ จะเป็นเพียงชั่วคราว ในขณะที่ทำเนียบขาวยืนยันว่ายังไม่มีการรับปากว่าจะส่งทหารอเมริกาเข้าไปยังฉนวนแห่งนี้
    .
    อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ยืนยันว่า "ทุกคนชอบแผนนี้" ซึ่งเขาเปิดเผยในเรื่องดังกล่าวระหว่างแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว ร่วมกับผู้มาเยือนอย่าง เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมตรีอิสราเอล
    .
    ในถ้อยแถลงดังกล่าว ทรัมป์ ให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับแนวทางที่สหรัฐฯ จะโยกย้ายชาวปาเลสไตน์กว่า 2 ล้านคนออกจากฉนวนกาซาหรือแนวทางเข้าควบคุมดินแดนที่ถูกสงครามฉีกเป็นชิ้นๆ แห่งนี้ โดยเขาเพียงประกาศในวันอังคาร (4 ก.พ.) ว่า "สหรัฐฯ จะยึดฉนวนกาซาและเราจะทำอะไรบางอย่างกับมันด้วย เราจะเป็นเจ้าของมัน"
    .
    รูบิโอ ชี้แจงว่าความคิดดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาเป็นปรปักษ์ ให้คำจำกัดความว่ามันเป็นความเคลื่อนไหวใจกว้าง เสนอมอบการฟื้นฟูและรับหน้าที่ของการฟื้นฟู
    .
    ในเวลาต่อมา คาโรไลน์ เลวิตต์ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว แถลงว่าวอชิงตันจะไม่ออกทุนฟื้นฟูกาซา ตามหลังดินแดนแห่งนี้ต้องเผชิญกับสงครามระหว่างอิสราเอล พันธมิตรของสหรัฐฯ และกลุ่มนักรบปาเลสไตน์ฮามาส ที่ลากยาวมานานกว่า 15 เดือน "ความเกี่ยวข้องของอเมริกาไม่ได้หมายถึงการส่งกองกำลังไปยังภาคพื้นหรือใช้เงินผู้เสียภาษีสหรัฐฯ เป็นทุนสำหรับความพยายามดังกล่าว"
    .
    คำชี้แจงของทำเนียบขาวมีขึ้นหลังจาก อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ชี้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง "รูปแบบของการล้างเผ่าพันธุ์ใดๆ" ส่วนสเตฟาน ดูจาร์ริช โฆษก อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเห็นของเลขาธิการใหญ่รายนี้ ในเวลาต่อมาในวันพุธ (5 ก.พ.) บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "การบีบบังคับผู้คนโยกย้ายถิ่นฐาน เทียบเท่ากับเป็นการกวาดล้างเผ่าพันธุ์"
    .
    ในเวลาต่อมา เลวิตต์ บอกว่า ทรัมป์ เพียงต้องการให้ชาวปาเลสไตน์แค่ย้ายออกจากกาซาเป็นการชั่วคราว "เวลานี้มันกลายเป็นสถานที่ที่ถูกทำลายล้าง มันไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย"
    .
    เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ พวกผู้นำโลกอาหรับและกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายออกมาประณามความคิดเห็นของทรัมป์อย่างรวดเร็ว ส่วน ฮามาส ที่ยึดครองควบคุมกาซาในปี 2007 ปฏิเสธข้อเสนอนี้ ตราหน้ามันว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติ รุกรานและซ้ำเติมสถานการณ์
    .
    สงครามที่โหมกระพือขึ้นจากการที่พวกฮามาสบุกโจมตีเล่นงานอิสราเอลแบบสายฟ้าแลบเมื่อเดือนตุลาคม 2023 ทำลายล้างพื้นที่ส่วนใหญ่ของฉนวนกาซา ในขณะที่ ทรัมป์ อ้างกล่าวความดีความชอบซ้ำๆ สำหรับการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนที่แล้ว
    .
    เนทันยาฮู ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนวอชิงตัน สำหรับพูดคุยเกี่ยวกับขั้นที่ 2 ของข้อตกลงหยุดยิง ขานรับด้วยความยินดีต่อความคิดของทรัมป์ บอกว่ามันจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์และควรค่าได้รับความสนใจ
    .
    ทรัมป์ ซึ่งบ่งชี้ด้วยว่าเขาอาจเดินทางเยือนกาซา ดูเหมือนจะพูดเป็นนัยว่าการฟื้นฟูฉนวนแห่งนี้ จะไม่ใช่สำหรับชาวปาเลสไตน์ แต่ทาง เลวิตต์ ชี้แจงว่า "ประธานาธิบดีมีความชัดเจนมากๆ ต่อกรณีคาดหมายว่าบรรดาพันธมิตรของเราในภูมิภาค โดยเฉพาะอียิปต์และจอร์แดน จะอ้าแขนรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์เป็นการชั่วคราว เพื่อเราจะสามารถบูรณะฟื้นฟูบ้านของพวกเขา"
    .
    อย่างไรก็ตาม มาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ปฏิเสธข้อเสนอนี้ เรียกมันว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และยืนกรานว่าสิทธิที่ชอบธรรมตามกฎหมายของชาวปาเลสไตน์ไม่อาจต่อรองได้
    .
    ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ทรัมป์ ชี้แนะให้ชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซา โดยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้กล่าวอ้างถึงอียิปต์และจอร์แดน ในฐานะดินแดนจุดหมายปลายทางที่เป็นไปได้ แต่ประชาชนชาวปาเลสไตน์ ประกาศกร้าวว่าพวกเขาจะไม่ออกจากฉนวนกาซา
    .
    ขณะเดียวกัน อียิปต์ และ จอร์แดน ก็ปฏิเสธอนุญาตให้มีการตั้งรกรากใดๆ ของชาวกาซา โดย บาดร์ อับเดลลัตตี รัฐมนตรีต่างประเทศอียิปต์ เรียกร้องฟื้นฟูฉนวนแห่งนี้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องให้ชาวปาเลสไตน์อพยพออกมา ส่วนกษัตริย์อับดุลลาห์ที่สองแห่งจอร์แดน ตรัสหลังจากพบปะกับอับบาส ปฏิเสธความพยายามใดๆ ในการควบคุมดินแดนของปาเลสไตน์และโยกย้านถิ่นฐานผู้คน
    .
    ในวอชิงตัน เนทันยาฮู ยกย่อง ทรัมป์ ว่าเป็นพันธมิตรยอดเยี่ยมที่สุดของอิสราเอล และยกย่องผู้นำสหรัฐฯ เกี่ยวกับการคิดนอกกรอบ นอกจากนี้ เขายังแสดงความมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับซาอุดีอาระเบีย ในการคืนความสัมพันธ์กันเป็นปกติระหว่างกัน
    .
    อย่างไรก็ตาม ริยาด บอกว่าพวกเขาจะไม่มีความสัมพันธ์อันเป็นปกติกับอิสราเอล หากปราศจากความเป็นรัฐของปาเลสไตน์ และปฏิเสธความพยายามใดๆ ที่จะโยกย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากแผ่นดินของพวกเขา
    .
    สหภาพยุโรปเน้นย้ำว่ากาซาเป็นส่วนสำคัญสำหรับรัฐปาเลสไตน์หนึ่งๆ ในอนาคต ในขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปฏิเสธความพยายามโยกย้ายถิ่นฐานใดๆ โดยบอกว่าเสถียรภาพในภูมิภาคจะบรรลุได้ผ่านทางออก 2 รัฐคู่ขนานเท่านั้น ส่วนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน บอกว่า "เราคัดค้านการบีบบังคับโยกย้ายพลเมืองของกาซา" ขณะที่สันนิบาตอาหรับ เรียกข้อเสนอของทรัมป์ว่าเป็น "สูตรแห่งความไร้เสถียรภาพ"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011933
    ..............
    Sondhi X
    รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่อกลับลำข้อเสนอของเขาเกี่ยวกับการเข้ายึดฉนวนกาซา หลังมันโหมกระพือเสียงโวยวายจากทั่วโลก ในนั้นรวมถึงเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติที่เตือนเกี่ยวกับการ "ล้างเผ่าพันธุ์" ในฉนวนปาเลสไตน์ . หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นชุดๆ จากทั้งชาวปาเลสไตน์ บรรดารัฐบาลอาหรับและพวกผู้นำโลก ทาง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่าการย้ายชาวกาซาใดๆ จะเป็นเพียงชั่วคราว ในขณะที่ทำเนียบขาวยืนยันว่ายังไม่มีการรับปากว่าจะส่งทหารอเมริกาเข้าไปยังฉนวนแห่งนี้ . อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ยืนยันว่า "ทุกคนชอบแผนนี้" ซึ่งเขาเปิดเผยในเรื่องดังกล่าวระหว่างแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว ร่วมกับผู้มาเยือนอย่าง เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมตรีอิสราเอล . ในถ้อยแถลงดังกล่าว ทรัมป์ ให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับแนวทางที่สหรัฐฯ จะโยกย้ายชาวปาเลสไตน์กว่า 2 ล้านคนออกจากฉนวนกาซาหรือแนวทางเข้าควบคุมดินแดนที่ถูกสงครามฉีกเป็นชิ้นๆ แห่งนี้ โดยเขาเพียงประกาศในวันอังคาร (4 ก.พ.) ว่า "สหรัฐฯ จะยึดฉนวนกาซาและเราจะทำอะไรบางอย่างกับมันด้วย เราจะเป็นเจ้าของมัน" . รูบิโอ ชี้แจงว่าความคิดดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาเป็นปรปักษ์ ให้คำจำกัดความว่ามันเป็นความเคลื่อนไหวใจกว้าง เสนอมอบการฟื้นฟูและรับหน้าที่ของการฟื้นฟู . ในเวลาต่อมา คาโรไลน์ เลวิตต์ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว แถลงว่าวอชิงตันจะไม่ออกทุนฟื้นฟูกาซา ตามหลังดินแดนแห่งนี้ต้องเผชิญกับสงครามระหว่างอิสราเอล พันธมิตรของสหรัฐฯ และกลุ่มนักรบปาเลสไตน์ฮามาส ที่ลากยาวมานานกว่า 15 เดือน "ความเกี่ยวข้องของอเมริกาไม่ได้หมายถึงการส่งกองกำลังไปยังภาคพื้นหรือใช้เงินผู้เสียภาษีสหรัฐฯ เป็นทุนสำหรับความพยายามดังกล่าว" . คำชี้แจงของทำเนียบขาวมีขึ้นหลังจาก อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ชี้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง "รูปแบบของการล้างเผ่าพันธุ์ใดๆ" ส่วนสเตฟาน ดูจาร์ริช โฆษก อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเห็นของเลขาธิการใหญ่รายนี้ ในเวลาต่อมาในวันพุธ (5 ก.พ.) บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "การบีบบังคับผู้คนโยกย้ายถิ่นฐาน เทียบเท่ากับเป็นการกวาดล้างเผ่าพันธุ์" . ในเวลาต่อมา เลวิตต์ บอกว่า ทรัมป์ เพียงต้องการให้ชาวปาเลสไตน์แค่ย้ายออกจากกาซาเป็นการชั่วคราว "เวลานี้มันกลายเป็นสถานที่ที่ถูกทำลายล้าง มันไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย" . เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ พวกผู้นำโลกอาหรับและกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายออกมาประณามความคิดเห็นของทรัมป์อย่างรวดเร็ว ส่วน ฮามาส ที่ยึดครองควบคุมกาซาในปี 2007 ปฏิเสธข้อเสนอนี้ ตราหน้ามันว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติ รุกรานและซ้ำเติมสถานการณ์ . สงครามที่โหมกระพือขึ้นจากการที่พวกฮามาสบุกโจมตีเล่นงานอิสราเอลแบบสายฟ้าแลบเมื่อเดือนตุลาคม 2023 ทำลายล้างพื้นที่ส่วนใหญ่ของฉนวนกาซา ในขณะที่ ทรัมป์ อ้างกล่าวความดีความชอบซ้ำๆ สำหรับการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนที่แล้ว . เนทันยาฮู ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนวอชิงตัน สำหรับพูดคุยเกี่ยวกับขั้นที่ 2 ของข้อตกลงหยุดยิง ขานรับด้วยความยินดีต่อความคิดของทรัมป์ บอกว่ามันจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์และควรค่าได้รับความสนใจ . ทรัมป์ ซึ่งบ่งชี้ด้วยว่าเขาอาจเดินทางเยือนกาซา ดูเหมือนจะพูดเป็นนัยว่าการฟื้นฟูฉนวนแห่งนี้ จะไม่ใช่สำหรับชาวปาเลสไตน์ แต่ทาง เลวิตต์ ชี้แจงว่า "ประธานาธิบดีมีความชัดเจนมากๆ ต่อกรณีคาดหมายว่าบรรดาพันธมิตรของเราในภูมิภาค โดยเฉพาะอียิปต์และจอร์แดน จะอ้าแขนรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์เป็นการชั่วคราว เพื่อเราจะสามารถบูรณะฟื้นฟูบ้านของพวกเขา" . อย่างไรก็ตาม มาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ปฏิเสธข้อเสนอนี้ เรียกมันว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และยืนกรานว่าสิทธิที่ชอบธรรมตามกฎหมายของชาวปาเลสไตน์ไม่อาจต่อรองได้ . ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ทรัมป์ ชี้แนะให้ชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซา โดยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้กล่าวอ้างถึงอียิปต์และจอร์แดน ในฐานะดินแดนจุดหมายปลายทางที่เป็นไปได้ แต่ประชาชนชาวปาเลสไตน์ ประกาศกร้าวว่าพวกเขาจะไม่ออกจากฉนวนกาซา . ขณะเดียวกัน อียิปต์ และ จอร์แดน ก็ปฏิเสธอนุญาตให้มีการตั้งรกรากใดๆ ของชาวกาซา โดย บาดร์ อับเดลลัตตี รัฐมนตรีต่างประเทศอียิปต์ เรียกร้องฟื้นฟูฉนวนแห่งนี้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องให้ชาวปาเลสไตน์อพยพออกมา ส่วนกษัตริย์อับดุลลาห์ที่สองแห่งจอร์แดน ตรัสหลังจากพบปะกับอับบาส ปฏิเสธความพยายามใดๆ ในการควบคุมดินแดนของปาเลสไตน์และโยกย้านถิ่นฐานผู้คน . ในวอชิงตัน เนทันยาฮู ยกย่อง ทรัมป์ ว่าเป็นพันธมิตรยอดเยี่ยมที่สุดของอิสราเอล และยกย่องผู้นำสหรัฐฯ เกี่ยวกับการคิดนอกกรอบ นอกจากนี้ เขายังแสดงความมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับซาอุดีอาระเบีย ในการคืนความสัมพันธ์กันเป็นปกติระหว่างกัน . อย่างไรก็ตาม ริยาด บอกว่าพวกเขาจะไม่มีความสัมพันธ์อันเป็นปกติกับอิสราเอล หากปราศจากความเป็นรัฐของปาเลสไตน์ และปฏิเสธความพยายามใดๆ ที่จะโยกย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากแผ่นดินของพวกเขา . สหภาพยุโรปเน้นย้ำว่ากาซาเป็นส่วนสำคัญสำหรับรัฐปาเลสไตน์หนึ่งๆ ในอนาคต ในขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปฏิเสธความพยายามโยกย้ายถิ่นฐานใดๆ โดยบอกว่าเสถียรภาพในภูมิภาคจะบรรลุได้ผ่านทางออก 2 รัฐคู่ขนานเท่านั้น ส่วนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน บอกว่า "เราคัดค้านการบีบบังคับโยกย้ายพลเมืองของกาซา" ขณะที่สันนิบาตอาหรับ เรียกข้อเสนอของทรัมป์ว่าเป็น "สูตรแห่งความไร้เสถียรภาพ" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011933 .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    Sad
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2112 มุมมอง 0 รีวิว
  • อายุยืน..ด้วย การยืดเหยียด
    อายุยืน..ด้วย การยืดเหยียด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • 77 ปี ลอบสังหาร “มหาตมา คานธี” นักต่อสู้ผู้ไร้อาวุธ ผู้บุกเบิกแนวคิด “สัตยาเคราะห์”

    “ตาต่อตาฟันต่อฟัน จะทำให้ทั้งโลกมืดบอด” มหาตมา คานธี

    ย้อนไปเมื่อ 77 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2491 นับเป็นวันที่โลกต้องจารึก เมื่อ "มหาตมา คานธี" ผู้นำทางจิตวิญญาณ และนักต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดีย ถูกลอบสังหารขณะอายุ 78 ปี ภายในบริเวณบ้านพิรลา ในกรุงนิวเดลี เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิต บุคคลผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ของประวัติศาสตร์อินเดีย และขบวนการเคลื่อนไหว เพื่อสิทธิพลเมืองทั่วโลก

    โศกนาฏกรรมแห่งสันติ วันสุดท้ายของมหาตมา คานธี
    ช่วงเย็นของวันที่ 30 มกราคม 2491 "มหาตมา คานธี" เดินไปยังสวนหลังบ้านพิรลา ซึ่งเป็นสถานที่ ที่เขาใช้จัดการสวดภาวนา เป็นประจำทุกเย็น ท่ามกลางฝูงชน ที่มารอฟังคำสอนของเขา "นถูราม โคฑเส" ชายวัย 30 ปี ผู้เป็นสมาชิกกลุ่มชาตินิยมฮินดู ได้แฝงตัวเข้ามาในฝูงชน และเมื่อคานธี เดินลงจากปะรำพิธี โคฑเสก็ฉวยโอกาส ก้าวออกมากั้นทาง แล้วลั่นไกปืน สามนัดยิงเข้าที่อก และท้องของคานธีระยะเผาขน

    เสียงปืนนั้น เปรียบเสมือนเสียงสะเทือน แห่งประวัติศาสตร์...
    "มหาตมา คานธี" ทรุดลงกับพื้น และกล่าวเพียงว่า "เฮ ราม" (โอ้ พระเจ้า!) ก่อนหมดสติ และจากไปในที่สุด

    เหตุใดโคฑเส จึงลอบสังหารคานธี?
    "นถูราม โคฑเส" เป็นนักชาตินิยมฮินดู และเป็นสมาชิกของ ราษฏรียสวยัมเสวักสงฆ์ (RSS) กลุ่มขวาจัด ที่สนับสนุนการปกครองโดยชาวฮินดู โคฑเสเชื่อว่า คานธีให้ความช่วยเหลือชาวมุสลิม มากเกินไป และมีบทบาทสำคัญ ในการสนับสนุน การแยกดินแดนอินเดีย และปากีสถาน

    เขาเห็นว่าคานธีเป็นอุปสรรค ต่อความเป็นเอกภาพ ของชาวฮินดูในอินเดีย และการที่คานธี เรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียส่งเงิน 550 ล้านรูปี ให้กับปากีสถาน ยิ่งทำให้เขาโกรธแค้น

    หลังการสังหาร โคฑเสถูกจับกุมทันที และถูกนำตัวขึ้นศาล พร้อมกับผู้สมรู้ร่วมคิดอีกหลายคน ในที่สุด เขาถูกตัดสินประหารชีวิต และถูกแขวนคอ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2492

    บุรุษผู้เปลี่ยนแปลงโลกด้วยสันติวิธี ต้นกำเนิดของนักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่
    "มหาตมา คานธี" หรือ "โมหนทาส กรมจันท์ คานธี" เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2412 ที่รัฐคุชราต ประเทศอินเดีย เติบโตมาในครอบครัวชาวฮินดู และเดินทางไปศึกษากฎหมายที่ อินเนอร์เทมเพิล ลอนดอน ก่อนกลับมาอินเดีย

    ค้นพบ “สัตยาเคราะห์” บนแผ่นดินแอฟริกาใต้
    ขณะที่คานธีทำงานเป็นทนาย ในแอฟริกาใต้ เขาประสบเหตุการณ์เหยียดเชื้อชาติ เมื่อเขาถูกไล่ออกจากตู้รถไฟชั้นหนึ่ง เพียงเพราะเป็นชาวอินเดีย เหตุการณ์นี้ ทำให้คานธี ตระหนักถึงความอยุติธรรม และจุดประกายให้เขาต่อสู้ เพื่อสิทธิพลเมือง

    คานธีพัฒนาแนวคิด “สัตยาเคราะห์” (Satyagraha) ซึ่งหมายถึง “การยึดมั่นในสัจจะ” หรือ “การต่อต้านโดยสันติวิธี” โดยมุ่งเน้นการใช้ความจริง ความรัก และความไม่รุนแรง เป็นอาวุธหลัก

    สัตยาเคราะห์ พลังแห่งสัจจะและสันติ
    สัตยาเคราะห์เป็นหัวใจสำคัญ ในการต่อสู้ของคานธี เพื่อปลดแอกอินเดียจากอังกฤษ โดยมีหลักการสำคัญ ได้แก่

    1. อหิงสา (Ahimsa) การไม่ใช้ความรุนแรง
    คานธีเชื่อว่า ความรุนแรงก่อให้เกิดความเกลียดชัง และการแก้แค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด

    2. สัจจะ (Satya) ความจริง
    เขาเชื่อว่าความจริงคือสิ่งสูงสุด และคนที่ยึดมั่นในความจริง จะได้รับชัยชนะเสมอ

    3. ตบะ (Tapasya) ความอดทนและเสียสละ
    คานธีอดอาหารประท้วงหลายครั้ง เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม ให้กับคนทุกศาสนา

    ขบวนการอิสระของอินเดีย จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์
    เดินขบวนเกลือ (Salt March) ปี 2473
    คานธีนำประชาชนเดินเท้า เป็นระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร เพื่อประท้วงกฎหมายภาษีเกลือ ของอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในขบวนการต่อต้าน ที่ทรงพลังที่สุด

    ขบวนการ “ออกจากอินเดีย” (Quit India Movement) ปี 2485
    คานธีเรียกร้องให้อังกฤษ ถอนตัวจากอินเดีย โดยไม่มีเงื่อนไข ทำให้อังกฤษจับกุมเขา และผู้สนับสนุนจำนวนมาก

    ในที่สุด วันที่ 15 สิงหาคม 2490 อินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษ แต่ต้องแลกมา ด้วยการแบ่งประเทศเป็นอินเดีย และปากีสถาน ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้ง และการอพยพครั้งใหญ่

    มรดกของมหาตมา คานธี อิทธิพลต่อโลก
    แม้จะถูกลอบสังหาร แต่แนวคิดของคานธี ได้เป็นแรงบันดาลใจ ให้ขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมือง ทั่วโลก เช่น

    ✅ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ขบวนการสิทธิพลเมือง ของคนผิวดำในอเมริกา
    ✅ เนลสัน แมนเดลา การต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว ในแอฟริกาใต้
    ✅ ดาไลลามะ การต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ ของทิเบต

    คานธี กับบทเรียนแห่งสันติ
    การลอบสังหารมหาตมา คานธี เป็นโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ แต่แนวคิดของเขายังคงอยู่ และเป็นแรงบันดาลใจ ให้ผู้คนทั่วโลก

    🌏 ความจริงและสันติวิธี เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในการเปลี่ยนแปลงโลก
    🙏 อหิงสา ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือความกล้าหาญ ในการให้อภัย
    💡 สัตยาเคราะห์ เป็นเครื่องมือแห่งการต่อสู้ เพื่อความยุติธรรม

    77 ปี ผ่านไป... ชื่อของคานธี ยังคงเป็นสัญลักษณ์ แห่งสันติภาพ 🕊️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 300857 ม.ค. 2568

    #MahatmaGandhi #Gandhi77Years #Satyagraha #อหิงสา #สันติวิธี #IndiaIndependence #PeaceMovement #QuitIndia #GandhiPhilosophy #GandhiLegacy
    77 ปี ลอบสังหาร “มหาตมา คานธี” นักต่อสู้ผู้ไร้อาวุธ ผู้บุกเบิกแนวคิด “สัตยาเคราะห์” “ตาต่อตาฟันต่อฟัน จะทำให้ทั้งโลกมืดบอด” มหาตมา คานธี ย้อนไปเมื่อ 77 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2491 นับเป็นวันที่โลกต้องจารึก เมื่อ "มหาตมา คานธี" ผู้นำทางจิตวิญญาณ และนักต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดีย ถูกลอบสังหารขณะอายุ 78 ปี ภายในบริเวณบ้านพิรลา ในกรุงนิวเดลี เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิต บุคคลผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ของประวัติศาสตร์อินเดีย และขบวนการเคลื่อนไหว เพื่อสิทธิพลเมืองทั่วโลก โศกนาฏกรรมแห่งสันติ วันสุดท้ายของมหาตมา คานธี ช่วงเย็นของวันที่ 30 มกราคม 2491 "มหาตมา คานธี" เดินไปยังสวนหลังบ้านพิรลา ซึ่งเป็นสถานที่ ที่เขาใช้จัดการสวดภาวนา เป็นประจำทุกเย็น ท่ามกลางฝูงชน ที่มารอฟังคำสอนของเขา "นถูราม โคฑเส" ชายวัย 30 ปี ผู้เป็นสมาชิกกลุ่มชาตินิยมฮินดู ได้แฝงตัวเข้ามาในฝูงชน และเมื่อคานธี เดินลงจากปะรำพิธี โคฑเสก็ฉวยโอกาส ก้าวออกมากั้นทาง แล้วลั่นไกปืน สามนัดยิงเข้าที่อก และท้องของคานธีระยะเผาขน เสียงปืนนั้น เปรียบเสมือนเสียงสะเทือน แห่งประวัติศาสตร์... "มหาตมา คานธี" ทรุดลงกับพื้น และกล่าวเพียงว่า "เฮ ราม" (โอ้ พระเจ้า!) ก่อนหมดสติ และจากไปในที่สุด เหตุใดโคฑเส จึงลอบสังหารคานธี? "นถูราม โคฑเส" เป็นนักชาตินิยมฮินดู และเป็นสมาชิกของ ราษฏรียสวยัมเสวักสงฆ์ (RSS) กลุ่มขวาจัด ที่สนับสนุนการปกครองโดยชาวฮินดู โคฑเสเชื่อว่า คานธีให้ความช่วยเหลือชาวมุสลิม มากเกินไป และมีบทบาทสำคัญ ในการสนับสนุน การแยกดินแดนอินเดีย และปากีสถาน เขาเห็นว่าคานธีเป็นอุปสรรค ต่อความเป็นเอกภาพ ของชาวฮินดูในอินเดีย และการที่คานธี เรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียส่งเงิน 550 ล้านรูปี ให้กับปากีสถาน ยิ่งทำให้เขาโกรธแค้น หลังการสังหาร โคฑเสถูกจับกุมทันที และถูกนำตัวขึ้นศาล พร้อมกับผู้สมรู้ร่วมคิดอีกหลายคน ในที่สุด เขาถูกตัดสินประหารชีวิต และถูกแขวนคอ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2492 บุรุษผู้เปลี่ยนแปลงโลกด้วยสันติวิธี ต้นกำเนิดของนักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่ "มหาตมา คานธี" หรือ "โมหนทาส กรมจันท์ คานธี" เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2412 ที่รัฐคุชราต ประเทศอินเดีย เติบโตมาในครอบครัวชาวฮินดู และเดินทางไปศึกษากฎหมายที่ อินเนอร์เทมเพิล ลอนดอน ก่อนกลับมาอินเดีย ค้นพบ “สัตยาเคราะห์” บนแผ่นดินแอฟริกาใต้ ขณะที่คานธีทำงานเป็นทนาย ในแอฟริกาใต้ เขาประสบเหตุการณ์เหยียดเชื้อชาติ เมื่อเขาถูกไล่ออกจากตู้รถไฟชั้นหนึ่ง เพียงเพราะเป็นชาวอินเดีย เหตุการณ์นี้ ทำให้คานธี ตระหนักถึงความอยุติธรรม และจุดประกายให้เขาต่อสู้ เพื่อสิทธิพลเมือง คานธีพัฒนาแนวคิด “สัตยาเคราะห์” (Satyagraha) ซึ่งหมายถึง “การยึดมั่นในสัจจะ” หรือ “การต่อต้านโดยสันติวิธี” โดยมุ่งเน้นการใช้ความจริง ความรัก และความไม่รุนแรง เป็นอาวุธหลัก สัตยาเคราะห์ พลังแห่งสัจจะและสันติ สัตยาเคราะห์เป็นหัวใจสำคัญ ในการต่อสู้ของคานธี เพื่อปลดแอกอินเดียจากอังกฤษ โดยมีหลักการสำคัญ ได้แก่ 1. อหิงสา (Ahimsa) การไม่ใช้ความรุนแรง คานธีเชื่อว่า ความรุนแรงก่อให้เกิดความเกลียดชัง และการแก้แค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด 2. สัจจะ (Satya) ความจริง เขาเชื่อว่าความจริงคือสิ่งสูงสุด และคนที่ยึดมั่นในความจริง จะได้รับชัยชนะเสมอ 3. ตบะ (Tapasya) ความอดทนและเสียสละ คานธีอดอาหารประท้วงหลายครั้ง เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม ให้กับคนทุกศาสนา ขบวนการอิสระของอินเดีย จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ เดินขบวนเกลือ (Salt March) ปี 2473 คานธีนำประชาชนเดินเท้า เป็นระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร เพื่อประท้วงกฎหมายภาษีเกลือ ของอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในขบวนการต่อต้าน ที่ทรงพลังที่สุด ขบวนการ “ออกจากอินเดีย” (Quit India Movement) ปี 2485 คานธีเรียกร้องให้อังกฤษ ถอนตัวจากอินเดีย โดยไม่มีเงื่อนไข ทำให้อังกฤษจับกุมเขา และผู้สนับสนุนจำนวนมาก ในที่สุด วันที่ 15 สิงหาคม 2490 อินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษ แต่ต้องแลกมา ด้วยการแบ่งประเทศเป็นอินเดีย และปากีสถาน ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้ง และการอพยพครั้งใหญ่ มรดกของมหาตมา คานธี อิทธิพลต่อโลก แม้จะถูกลอบสังหาร แต่แนวคิดของคานธี ได้เป็นแรงบันดาลใจ ให้ขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมือง ทั่วโลก เช่น ✅ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ขบวนการสิทธิพลเมือง ของคนผิวดำในอเมริกา ✅ เนลสัน แมนเดลา การต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว ในแอฟริกาใต้ ✅ ดาไลลามะ การต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ ของทิเบต คานธี กับบทเรียนแห่งสันติ การลอบสังหารมหาตมา คานธี เป็นโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ แต่แนวคิดของเขายังคงอยู่ และเป็นแรงบันดาลใจ ให้ผู้คนทั่วโลก 🌏 ความจริงและสันติวิธี เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในการเปลี่ยนแปลงโลก 🙏 อหิงสา ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือความกล้าหาญ ในการให้อภัย 💡 สัตยาเคราะห์ เป็นเครื่องมือแห่งการต่อสู้ เพื่อความยุติธรรม 77 ปี ผ่านไป... ชื่อของคานธี ยังคงเป็นสัญลักษณ์ แห่งสันติภาพ 🕊️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 300857 ม.ค. 2568 #MahatmaGandhi #Gandhi77Years #Satyagraha #อหิงสา #สันติวิธี #IndiaIndependence #PeaceMovement #QuitIndia #GandhiPhilosophy #GandhiLegacy
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 772 มุมมอง 0 รีวิว
  • 29/1/68

    จาก เฟสบุ๊คของ Akhom Makaranond (อาคม มกรานนท์)
    ..
    เพื่อนพ้องน้องพี่ที่รักครับ

    เวลานี้บ้านเมืองเรากำลังเจอกับฝุ่นพิษ พี.เอ็ม.๒.๕ อย่างหนัก การเดินทางไปไหนมาไหน ก็เหมือนเดินทางฝ่าหมอก รถราติดกันยาวเหยียด ชาวบ้านเจอพิษร้ายคราวนี้ เล่นเอาแย่ไปตามๆกัน หายใจหายคอลำบาก บางรายถึงกับเลือดกำเดาไหล

    รัฐบาลประกาศให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ฟรี ๗ วัน ที่จริงไม่ได้ฟรีตามที่รัฐบาลบอกหรอกนะ เพราะเอางบประมาณมาใช้ชดเชยงานนี้ถึง ๑๔๐ ล้านบาท จะเรียกว่าฟรีได้ยังไง มันเป็นเงินของประชาชนนั่นเอง แถมยังมีคำกล่าวของนายกฯแถมมาให้อีกด้วย
    "เราไม่สามารถดีดนิ้วให้ฝุ่นหายไปได้"
    เป็นคำกล่าวที่น่ารักมากของนายกฯหญิงคนนี้

    เลยขอฝากถึงนายกฯด้วยว่า"เราก็ไม่สามารถเอานิ้วไปดีดปากที่ท่านพูดออกมาได้ แต่เราขอใช้ปากเชิญท่านและพ่องท่านได้ ใช่ไหม? ส่วนจะเชิญไปไหนคิดเอาเอง ไม่ใช่ให้ไปสวรรค์ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าแช่งกัน

    ถ้าความยุติธรรมในโลกนี้ยังมีอยู่ คนชั่วอย่างคนๆนี้ จะมีทางเลือกแค่"หนีคดีความ และ เข้าไปอยู่ในคุก"เท่านั้น คนชั่วไม่มีสิทธิ์มาลอยนวลอยู่อย่างนี้หรอก

    ว่าแต่ไปทำอะไรเข้า สส.เขียงใหม่ พรรคของตัวเอง "จักรพล ตั้งสุทธิธรรม" ถึงออกมาเล่นงานหัวหน้าพรรคฯตัวเอง ในฐานะนายกฯ หนีการตอบกระทู้ในสภาฯ ทุกวันพฤหัศบดี แม้แต่กระทู้เรื่องฝุ่นพิษที่กำลังระบาดอยู่ในเวลานี้ ก็เลี่ยงไม่มาตอบ

    ท่าน สส.เชียงใหม่ นายกฯจะไปทำไม? ไม่มีอะไรจะตอบ เพราะตอบไม่ได้ ไงล่ะ!

    เรื่องนี้สำคัญกว่า อยานึกว่าเขาไม่รู้ ทางการจีนเขามีคนของเขา ส่งข่าวไปให้รัฐบาลของเขาทราบ เขารู้มานานแล้วว่า ข้าราชการไทย และนักการเมืองพรรคใหญ่ มีเอี่ยวกับพวกจีนเทา

    ข่าวดังกล่าวบ่งชี้ว่า รัฐบาลและข้าราชการไทย เจ้าหน้าที่รัฐ บกพร่อง อ่อนแอ มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับขบวนการสีเทา ยิ่งบริเวณชายแดนไทย-พม่า พวกว้าแดงที่เป็นชนกลุ่มน้อย กองกำลังติดอาวุธ ขบวนการผลิตยาเสพติด มันไม่มีความเกรงกลัวอะไรเลย เพราะนายกฯและ รมต.กลาโหมไทย มันอ่อนเสียจนเขาไม่เกรงกลัวเลย น่าอายจัง

    ถึงเวลาหรือยัง? หยุดตระกูลโกงชาติ ก่อนที่บ้านเมืองจะพังพินาศจนไม่เหลืออะไรเลย

    นี่ก็อีกคน ไม่ทราบว่าเอาสมองส่วนไหนมาคิด "แก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการแจกมุ้งสู้ฝุ่น ๓ หมื่นกว่าหลัง สู้ฝุ่นหรือสู้ยุง

    รัฐบาลชุดนี้ชอบทำอะไรแปลกๆอยู่เสมอ อย่างเรื่องพม่าตัดสินจำคุกลูกเรือประมงไทยที่เกาะสอง

    สื่อเราถามนายกฯว่าจะมีมาตรการอะไรตอบโต้พม่าบ้าง มาตรการตอบโต้ของนายกฯไทย
    ๑. จับพม่าเถื่อนมาขึ้นทะเบียน โดยไม่มีการสอบประวัติอาชญากรรม
    ๒. ให้อยู่ในไทยไม่จำกัดเวลา จะอยู่นานเท่าไรก็ได้
    ๓. ลูกหลานพม่าเรียนฟรี เจ็บป่วยรักษาฟรี
    ส่วนลูกเรือประมงไทย แล้วแต่เวรแต่กรรม พวกพม่าได้ฟังแล้ว พากันกลัวเสียจนเยี่ยวราดกันเป็นแถว

    ประเทศเรา สมรสเท่าเทียมก็มีแล้ว เมื่อไหร่ถึงจะติดคุกเท่าเทียมคนอื่นเขาเสียที รัฐบาลช่วยคิดด้วยสิ

    เวลานี้รัฐบาลจีนกำลังไล่กำจัดพวกคอลเซนเตอร์ เพื่อปกป้องประเทศของเขา

    สหรัฐอเมริกากำลังขับพวกอพยพออกนอกประเทศ

    ประเทศไทย ไม่ได้ทำอะไรเพื่อคนไทย แต่ทำเพื่อคนพม่า

    มันผู้ใดที่ทำร้ายบ้านเมือง ขอให้มันจงฉิบหายทั้งตระกูล สาธุ

    เราจะช่วยกันด่าหรือจะช่วยกันชม ฟังนะ

    นางหนึ่งบอก เรื่องฝุ่น พี.เอ็ม.๒.๕ นี่นะ คิดมาตั้งแต่วันแรกที่มาเป็นนายกฯ และตามที่หาเสียงไว้"เพื่อไทยแก้ฝุ่นที่ต้นตอ"
    นายหนึ่ง (ที่จริงก็พวกเดียวกันนั่นแหละ)บอกว่า"ถ้าทำไม่ได้ ก็อย่าอาสามาเป็นผู้ว่าฯ ผมศึกษามานานถึง ๒ ปี
    พ่อของพรรคก็จ้อหลอกชาวบ้านว่า"ถ้าเพื่อไทยทำไม่ได้ ให้ชี้หน้าด่าได้เลย"

    รัฐบาลประยุทธ์ฯพยายามแก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน
    รัฐบาลเพื่อไทยแก้ปัญหาด้วยการ นั่งรถ ขสมก.- รถไฟฟ้าฟรี(ใช้งบ ๑๔๐ ล้านบาท)

    เห็นไหม"สติปัญญาของคนมันต่างกัน"เชื่อหรือยังล่ะ?

    วันนี้จบแค่นี้ก่อน เช่นเคย ขอฝากข้อคิดให้ไปคิดกัน การที่จะให้คนชั่วสูญพันธ์ ต้องใช้แบบนี้
    "คนที่ลืมรากเหง้าของ ตนเอง ทรยศต่อมาตุภูมิ และทำให้ชาติต้องแตกแยก มักจะเจอจุดจบที่ไม่ดี"

    อย่าลืมกันเสียล่ะ ช่วยดูๆกันด้วยนะ ถ้าหน้าแล้งปีนี้ ไม่มีน้ำ "ฝนหลวง"มีงบไม่พอ พี่น้องที่เลือก ๑๐ ล้านเสียง อย่าร้องเอะอะโวยวายนะ "ไอโอดิน" กินแล้วไม่โง่ สิบอกให้

    ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่เลือกพรรคนี้มาเป็นรัฐบาล แทนที่จะได้ฝน กลับได้ฝุ่นมาแทน

    ใครบอก คนตกงานต้องเดินเตะฝุ่น ตอนนี้คนมีงานก็ต้องเดินเตะฝุ่นกันเพียบเลย

    สวัสดี.
    29/1/68 จาก เฟสบุ๊คของ Akhom Makaranond (อาคม มกรานนท์) .. เพื่อนพ้องน้องพี่ที่รักครับ เวลานี้บ้านเมืองเรากำลังเจอกับฝุ่นพิษ พี.เอ็ม.๒.๕ อย่างหนัก การเดินทางไปไหนมาไหน ก็เหมือนเดินทางฝ่าหมอก รถราติดกันยาวเหยียด ชาวบ้านเจอพิษร้ายคราวนี้ เล่นเอาแย่ไปตามๆกัน หายใจหายคอลำบาก บางรายถึงกับเลือดกำเดาไหล รัฐบาลประกาศให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ฟรี ๗ วัน ที่จริงไม่ได้ฟรีตามที่รัฐบาลบอกหรอกนะ เพราะเอางบประมาณมาใช้ชดเชยงานนี้ถึง ๑๔๐ ล้านบาท จะเรียกว่าฟรีได้ยังไง มันเป็นเงินของประชาชนนั่นเอง แถมยังมีคำกล่าวของนายกฯแถมมาให้อีกด้วย "เราไม่สามารถดีดนิ้วให้ฝุ่นหายไปได้" เป็นคำกล่าวที่น่ารักมากของนายกฯหญิงคนนี้ เลยขอฝากถึงนายกฯด้วยว่า"เราก็ไม่สามารถเอานิ้วไปดีดปากที่ท่านพูดออกมาได้ แต่เราขอใช้ปากเชิญท่านและพ่องท่านได้ ใช่ไหม? ส่วนจะเชิญไปไหนคิดเอาเอง ไม่ใช่ให้ไปสวรรค์ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าแช่งกัน ถ้าความยุติธรรมในโลกนี้ยังมีอยู่ คนชั่วอย่างคนๆนี้ จะมีทางเลือกแค่"หนีคดีความ และ เข้าไปอยู่ในคุก"เท่านั้น คนชั่วไม่มีสิทธิ์มาลอยนวลอยู่อย่างนี้หรอก ว่าแต่ไปทำอะไรเข้า สส.เขียงใหม่ พรรคของตัวเอง "จักรพล ตั้งสุทธิธรรม" ถึงออกมาเล่นงานหัวหน้าพรรคฯตัวเอง ในฐานะนายกฯ หนีการตอบกระทู้ในสภาฯ ทุกวันพฤหัศบดี แม้แต่กระทู้เรื่องฝุ่นพิษที่กำลังระบาดอยู่ในเวลานี้ ก็เลี่ยงไม่มาตอบ ท่าน สส.เชียงใหม่ นายกฯจะไปทำไม? ไม่มีอะไรจะตอบ เพราะตอบไม่ได้ ไงล่ะ! เรื่องนี้สำคัญกว่า อยานึกว่าเขาไม่รู้ ทางการจีนเขามีคนของเขา ส่งข่าวไปให้รัฐบาลของเขาทราบ เขารู้มานานแล้วว่า ข้าราชการไทย และนักการเมืองพรรคใหญ่ มีเอี่ยวกับพวกจีนเทา ข่าวดังกล่าวบ่งชี้ว่า รัฐบาลและข้าราชการไทย เจ้าหน้าที่รัฐ บกพร่อง อ่อนแอ มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับขบวนการสีเทา ยิ่งบริเวณชายแดนไทย-พม่า พวกว้าแดงที่เป็นชนกลุ่มน้อย กองกำลังติดอาวุธ ขบวนการผลิตยาเสพติด มันไม่มีความเกรงกลัวอะไรเลย เพราะนายกฯและ รมต.กลาโหมไทย มันอ่อนเสียจนเขาไม่เกรงกลัวเลย น่าอายจัง ถึงเวลาหรือยัง? หยุดตระกูลโกงชาติ ก่อนที่บ้านเมืองจะพังพินาศจนไม่เหลืออะไรเลย นี่ก็อีกคน ไม่ทราบว่าเอาสมองส่วนไหนมาคิด "แก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการแจกมุ้งสู้ฝุ่น ๓ หมื่นกว่าหลัง สู้ฝุ่นหรือสู้ยุง รัฐบาลชุดนี้ชอบทำอะไรแปลกๆอยู่เสมอ อย่างเรื่องพม่าตัดสินจำคุกลูกเรือประมงไทยที่เกาะสอง สื่อเราถามนายกฯว่าจะมีมาตรการอะไรตอบโต้พม่าบ้าง มาตรการตอบโต้ของนายกฯไทย ๑. จับพม่าเถื่อนมาขึ้นทะเบียน โดยไม่มีการสอบประวัติอาชญากรรม ๒. ให้อยู่ในไทยไม่จำกัดเวลา จะอยู่นานเท่าไรก็ได้ ๓. ลูกหลานพม่าเรียนฟรี เจ็บป่วยรักษาฟรี ส่วนลูกเรือประมงไทย แล้วแต่เวรแต่กรรม พวกพม่าได้ฟังแล้ว พากันกลัวเสียจนเยี่ยวราดกันเป็นแถว ประเทศเรา สมรสเท่าเทียมก็มีแล้ว เมื่อไหร่ถึงจะติดคุกเท่าเทียมคนอื่นเขาเสียที รัฐบาลช่วยคิดด้วยสิ เวลานี้รัฐบาลจีนกำลังไล่กำจัดพวกคอลเซนเตอร์ เพื่อปกป้องประเทศของเขา สหรัฐอเมริกากำลังขับพวกอพยพออกนอกประเทศ ประเทศไทย ไม่ได้ทำอะไรเพื่อคนไทย แต่ทำเพื่อคนพม่า มันผู้ใดที่ทำร้ายบ้านเมือง ขอให้มันจงฉิบหายทั้งตระกูล สาธุ เราจะช่วยกันด่าหรือจะช่วยกันชม ฟังนะ นางหนึ่งบอก เรื่องฝุ่น พี.เอ็ม.๒.๕ นี่นะ คิดมาตั้งแต่วันแรกที่มาเป็นนายกฯ และตามที่หาเสียงไว้"เพื่อไทยแก้ฝุ่นที่ต้นตอ" นายหนึ่ง (ที่จริงก็พวกเดียวกันนั่นแหละ)บอกว่า"ถ้าทำไม่ได้ ก็อย่าอาสามาเป็นผู้ว่าฯ ผมศึกษามานานถึง ๒ ปี พ่อของพรรคก็จ้อหลอกชาวบ้านว่า"ถ้าเพื่อไทยทำไม่ได้ ให้ชี้หน้าด่าได้เลย" รัฐบาลประยุทธ์ฯพยายามแก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลเพื่อไทยแก้ปัญหาด้วยการ นั่งรถ ขสมก.- รถไฟฟ้าฟรี(ใช้งบ ๑๔๐ ล้านบาท) เห็นไหม"สติปัญญาของคนมันต่างกัน"เชื่อหรือยังล่ะ? วันนี้จบแค่นี้ก่อน เช่นเคย ขอฝากข้อคิดให้ไปคิดกัน การที่จะให้คนชั่วสูญพันธ์ ต้องใช้แบบนี้ "คนที่ลืมรากเหง้าของ ตนเอง ทรยศต่อมาตุภูมิ และทำให้ชาติต้องแตกแยก มักจะเจอจุดจบที่ไม่ดี" อย่าลืมกันเสียล่ะ ช่วยดูๆกันด้วยนะ ถ้าหน้าแล้งปีนี้ ไม่มีน้ำ "ฝนหลวง"มีงบไม่พอ พี่น้องที่เลือก ๑๐ ล้านเสียง อย่าร้องเอะอะโวยวายนะ "ไอโอดิน" กินแล้วไม่โง่ สิบอกให้ ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่เลือกพรรคนี้มาเป็นรัฐบาล แทนที่จะได้ฝน กลับได้ฝุ่นมาแทน ใครบอก คนตกงานต้องเดินเตะฝุ่น ตอนนี้คนมีงานก็ต้องเดินเตะฝุ่นกันเพียบเลย สวัสดี.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 770 มุมมอง 0 รีวิว
  • รบเถิดอรชุน

    นั่งดูข่าวสารบ้านเมืองแล้ว อยู่ๆผมก็นึกถึงเนื้อหาเล็กๆในตอนหนึ่งของ “ภควัทคีตา” ในมหากาพย์มหาภารตะครับ

    สำหรับท่านที่ไม่รู้จักภควัทคีตา ก็ขออธิบายสั้นๆว่าเป็นบทคำพูดโต้ตอบระหว่างเจ้าชายอรชุนกับกฤษณะในสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตร อันเป็นสงครามใหญ่ระหว่างกองทัพสองฝ่ายคือฝ่ายเการพและฝ่ายปาณฑพ

    และผู้นำนักรบของทั้งสองฝ่ายนั้นล้วนเป็นพี่น้องเครือญาติกันทั้งสิ้น

    เจ้าชายอรชุนนั้นเป็นนักรบที่มีฝีมือยิงธนูเป็นเลิศของฝ่ายปาณฑพ (อ่านว่า ปาน-ดบ)

    ส่วนกฤษณะนั้น คือ สารถีคนขับรถม้าให้อรชุนในสนามรบ ซึ่งอันที่จริงกฤษณะนั้นคือพระนารายณ์อวตารลงมาบนโลกมนุษย์อีกทีครับ

    เหตุที่สองคนนี้เขาต้องโต้เถียงพูดคุยกันยาวเหยียดนั้น ก็เพราะเจ้าชายอรชุนเกิดความเวทนาและหดหู่ใจที่เห็นญาติพี่น้องทั้งกษัตริย์และเจ้าชายทั้งหลายยกทัพมาเข่นฆ่ากันเองจนเลือดนองแผ่นดินเพื่อแย่งชิงอำนาจ

    อรชุนตัดสินใจผละออกจากการรบ กฤษณะจึงได้เข้าทัดทาน พร้อมกับยกหลักเหตุผลต่างๆนานาเพื่อให้อรชุนกลับเข้าสู่สนามรบ

    กฤษณะได้สอนอรชุนว่า “การหลีกเลี่ยงหน้าที่นั้นเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เกิดในวรรณะกษัตริย์และนักรบเช่นอรชุน“

    ”หากท่านละทิ้งการรบแล้ว นอกจากจะเสียชื่อเสื่อมเกียรติแล้ว ยังถือเป็นการทำผิดต่อหน้าที่ของตนเอง“

    ”เมื่อท่านกลับเข้าสนามรบ ก็ขอให้ทำหน้าที่นักรบโดยไม่ยึดติดกับความสำเร็จหรือความล้มเหลว จะแพ้หรือชนะนั้นไม่สำคัญ เพราะเมื่อท่านได้ทำหน้าที่นักรบของตนเองอย่างเต็มที่และไม่คิดถึงผลประโยชน์ส่วนตนแล้ว นั่นแหละคือหนทางสู่ความสงบอย่างแท้จริง“

    ผมชอบตรงที่พระกฤษณะบอกว่า ”ชนะก็ได้เป็นใหญ่ในปฐพี แต่ถ้าแพ้ก็ได้ขึ้นสวรรค์เพราะได้ทำหน้าที่ของตนแล้ว“

    ด้วยคำว่า “ธรรมะ” ของพระกฤษณะคือ “หน้าที่”

    เช่นเดียวกับหลักการบูชิโดของซามูไร ที่ยึดถือในคุณธรรมสองประการ คือ จิริกิ (ความยุติธรรม) และกิริ (ความรับผิดชอบในหน้าที่)

    คนเราต้องรู้จักหน้าที่

    เมื่อเกิดมาชาติหนึ่งแล้ว เมื่อได้อยู่ฐานะหรือตำแหน่งอะไร ก็ต้องทำหน้าที่ของตนเองให้สุดความสามารถ

    เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี

    เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ก็ต้องทำหน้าที่ผู้ว่าราชการจังหวัด

    อะไรที่ไม่ใช่หน้าที่ เช่น จัดสัมมนาหรือไปออกงานอีเว้นท์น่ะ ไม่ต้องไปทำ

    หวังว่าคงจะเตือนสติใครได้บ้าง เพราะถ้าท่านทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถแล้ว ชาวบ้านเขาจะรู้เองแหละ

    …รบเถิดอรชุน…


    นัทแนะ
    รบเถิดอรชุน นั่งดูข่าวสารบ้านเมืองแล้ว อยู่ๆผมก็นึกถึงเนื้อหาเล็กๆในตอนหนึ่งของ “ภควัทคีตา” ในมหากาพย์มหาภารตะครับ สำหรับท่านที่ไม่รู้จักภควัทคีตา ก็ขออธิบายสั้นๆว่าเป็นบทคำพูดโต้ตอบระหว่างเจ้าชายอรชุนกับกฤษณะในสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตร อันเป็นสงครามใหญ่ระหว่างกองทัพสองฝ่ายคือฝ่ายเการพและฝ่ายปาณฑพ และผู้นำนักรบของทั้งสองฝ่ายนั้นล้วนเป็นพี่น้องเครือญาติกันทั้งสิ้น เจ้าชายอรชุนนั้นเป็นนักรบที่มีฝีมือยิงธนูเป็นเลิศของฝ่ายปาณฑพ (อ่านว่า ปาน-ดบ) ส่วนกฤษณะนั้น คือ สารถีคนขับรถม้าให้อรชุนในสนามรบ ซึ่งอันที่จริงกฤษณะนั้นคือพระนารายณ์อวตารลงมาบนโลกมนุษย์อีกทีครับ เหตุที่สองคนนี้เขาต้องโต้เถียงพูดคุยกันยาวเหยียดนั้น ก็เพราะเจ้าชายอรชุนเกิดความเวทนาและหดหู่ใจที่เห็นญาติพี่น้องทั้งกษัตริย์และเจ้าชายทั้งหลายยกทัพมาเข่นฆ่ากันเองจนเลือดนองแผ่นดินเพื่อแย่งชิงอำนาจ อรชุนตัดสินใจผละออกจากการรบ กฤษณะจึงได้เข้าทัดทาน พร้อมกับยกหลักเหตุผลต่างๆนานาเพื่อให้อรชุนกลับเข้าสู่สนามรบ กฤษณะได้สอนอรชุนว่า “การหลีกเลี่ยงหน้าที่นั้นเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เกิดในวรรณะกษัตริย์และนักรบเช่นอรชุน“ ”หากท่านละทิ้งการรบแล้ว นอกจากจะเสียชื่อเสื่อมเกียรติแล้ว ยังถือเป็นการทำผิดต่อหน้าที่ของตนเอง“ ”เมื่อท่านกลับเข้าสนามรบ ก็ขอให้ทำหน้าที่นักรบโดยไม่ยึดติดกับความสำเร็จหรือความล้มเหลว จะแพ้หรือชนะนั้นไม่สำคัญ เพราะเมื่อท่านได้ทำหน้าที่นักรบของตนเองอย่างเต็มที่และไม่คิดถึงผลประโยชน์ส่วนตนแล้ว นั่นแหละคือหนทางสู่ความสงบอย่างแท้จริง“ ผมชอบตรงที่พระกฤษณะบอกว่า ”ชนะก็ได้เป็นใหญ่ในปฐพี แต่ถ้าแพ้ก็ได้ขึ้นสวรรค์เพราะได้ทำหน้าที่ของตนแล้ว“ ด้วยคำว่า “ธรรมะ” ของพระกฤษณะคือ “หน้าที่” เช่นเดียวกับหลักการบูชิโดของซามูไร ที่ยึดถือในคุณธรรมสองประการ คือ จิริกิ (ความยุติธรรม) และกิริ (ความรับผิดชอบในหน้าที่) คนเราต้องรู้จักหน้าที่ เมื่อเกิดมาชาติหนึ่งแล้ว เมื่อได้อยู่ฐานะหรือตำแหน่งอะไร ก็ต้องทำหน้าที่ของตนเองให้สุดความสามารถ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ก็ต้องทำหน้าที่ผู้ว่าราชการจังหวัด อะไรที่ไม่ใช่หน้าที่ เช่น จัดสัมมนาหรือไปออกงานอีเว้นท์น่ะ ไม่ต้องไปทำ หวังว่าคงจะเตือนสติใครได้บ้าง เพราะถ้าท่านทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถแล้ว ชาวบ้านเขาจะรู้เองแหละ …รบเถิดอรชุน… นัทแนะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวปาเลสไตน์พลัดถิ่นจำนวนเรือนหมื่นเรือนแสน หลั่งไหลกันเดินทางไปตามถนนสายหลัก เพื่อมุ่งหน้ากลับสู่ตอนเหนือของฉนวนกาซาแล้วเมื่อวันจันทร์ (27 ม.ค.) หลังจากกลุ่มฮามาสตกลงส่งมอบตัวประกันชาวอิสราเอลอีก 3 คนในช่วงต่อไปของสัปดาห์นี้ และกองทหารรัฐยิวก็เริ่มถอนกำลังออกจากการปิดกั้นช่องทางซึ่งสกัดไม่ให้ผู้พลัดถิ่นเหล่านี้ได้เดินทาง
    .
    ประชาชนจำนวนมากมาย บางคนอุ้มทารกเอาไว้ในอ้อมแขน หรือไม่แบกสมบัติข้าวของที่ยังเหลืออยู่เอาไว้บนบ่า มุ่งหน้าเดินเท้าขึ้นเหนือ ไปตามถนนสายที่ทอดยาวเลียบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
    .
    “มันเหมือนกับฉันเกิดใหม่ขึ้นครั้ง และเราได้รับชัยชนะอีกครั้ง” เป็นคำกล่าวของ อุมม์ โมฮัมเหม็ด อาลี คุณแม่ชาวปาเลสไตน์ ที่เป็นส่วนหนึ่งของฝูงชนซึ่งเดินตามกันไปอย่างช้าๆ เป็นแถวยาวเหยียดหลายกิโลเมตรบนถนนเลียบทะเลสายดังกล่าว
    .
    พวกผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ชาวบ้านคนแรกเดินมาถึงเมืองกาซาซิตี้ในตอนเช้าตรู่ หลังจากจุดข้ามจากตอนใต้ของกาซา เปิดขึ้นเมื่อเวลา 7 โมงเช้าตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเที่ยงวัน เวลาเมืองไทย) สำหรับจุดข้ามอีกจุดหนึ่งเปิดขึ้นในอีก 3 ชั่วโมงถัดมา โดยเป็นทางสำหรับยวดยานต่างๆ
    .
    “หัวใจผมกำลังเต้นแรง ผมคิดว่าผมจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว” เป็นคำพูดของ โอซามา วัย 50 ปี ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือนและเป็นคุณพ่อของลูก 5 คน ขณะที่เขาเดินทางถึงกาซาซิตี้ “ไม่ว่าการหยุดยิงนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ เราก็จะไม่ยอมออกจากกาซาซิตี้และทางตอนเหนือนี่อีกแล้ว ถึงแม้อิสราเอลจะส่งรถถังมาเล่นงานพวกเราแต่ละคนก็ตาม ไม่มีการพลัดถิ่นที่อยู่กันอีกแล้ว”
    .
    หลังจากถูกสั่งให้ออกจากที่พำนักชั่วคราวซ้ำแล้วซ้ำอีกตลอดระยะเวลา 15 เดือนของสงครามครั้งนี้ ก็มีเสียงเชียร์เสียงโห่ร้องยินดีปะทุขึ้นจากที่พักพิงหลบภัยและเต็นท์ค่ายพักต่างๆ เมื่อครอบครัวชาวปาเลสไตน์ได้ยินข่าวที่ว่าจุดข้ามจะเปิดให้เดินทางผ่านแล้ว
    .
    “นอนไม่หลับเลย ฉันเก็บข้าวของทุกอย่างและพร้อมเดินทางตั้งแต่แสงตะวันแรกของวันแล้ว” เป็นคำกล่าวของ กอดา คุณแม่ลูก 5 “อย่างน้อยที่สุดเราก็กำลังจะกลับบ้าน ตอนนี้ฉันพูดได้แล้วว่าสงครามยุติแล้ว และฉันหวังว่ามันจะอยู่ในความสงบต่อไปอีก” เธอบอกกับรอยเตอร์ผ่านแอปแชต
    .
    ทั้งพวกเจ้าหน้าที่ฮามาสและชาวกาซาที่เป็นประชาชนธรรมดา ต่างปฏิเสธไม่เอาด้วยกับคำแนะนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่เรียกร้องให้จอร์แดนและอียิปต์ รับชาวปาเลไสตน์จากดินแดนที่พินาศยับเยินจากสงครามแห่งนี้ อพยพเข้าไปพำนักอาศัยให้มากขึ้น มิหนำซ้ำยังเป็นการกระตุ้นความหวาดกลัวซึ่งมีมายาวนานของชาวปาเลสไตน์ที่ว่า พวกเขากำลังจะถูกผลักไสให้ออกจากบ้านของพวกเขาไปตลอดกาล
    .
    ตามเงื่อนไขของข้อตกลงหยุดยิงที่กระทำกันคราวนี้ ผู้ที่พำนักอาศัยในตอนเหนือกาซา จะได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับบ้านได้ตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ท่ผ่านมา ทว่าในวันอาทิตย์ (26 ) อิสราเอลขัดขวางเรื่องนี้ โดยกล่าวหาฮามาสละเมิดเงื่อนไขในข้อตกลง
    .
    อย่างไรก็ดี ถึงตอนค่ำวันเดียวกัน สำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลแถลงว่า สามารถตกลงกับฮามาสได้แล้ว โดยฮามาสจะปล่อย อาร์เบล เยฮุด ตัวประกันที่เป็นพลเรือนหญิงที่เดิมคาดว่า จะได้รับการปล่อยตัวตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา พร้อมกับตัวประกันอีก 3 คนในวันพฤหัสฯ (30) และปล่อยเพิ่มอีก 3 คนในวันเสาร์ (1 ก.พ.)
    .
    คำแถลงยังระบุว่า อิสราเอลจะอนุญาตให้ชาวปาเลสไตน์เดินทางได้ตั้งแต่เช้าวันจันทร์ ซึ่งฮามาสระบุว่าเป็น “ชัยชนะสำหรับชาวปาเลสไตน์ และสัญญาณความล้มเหลวของแผนการยึดครองและบังคับย้ายถิ่นฐาน”
    .
    สำหรับคำแนะนำของทรัมป์นั้น อยู่ในลักษณะของการที่เขาเสนอไอเดียกับพวกผู้สื่อข่าวระหว่างเดินทางบนเครื่องบินประจำตำแหน่งแอร์ฟอร์ซ วัน เมื่อวันเสาร์ (25) ว่า จอร์แดนและอียิปต์ ควรอ้าแขนรับชาวปาเลสไตน์ราว 2.4 ล้านคนจากกาซาที่พังพินาศจากสงครามที่ทำให้ประชาชนนับหมื่นเสียชีวิตและนำไปสู่วิกฤตมนุษยธรรมเลวร้าย
    .
    ประมุขทำเนียบขาวเสริมว่า จะดึงชาติอาหรับบางชาติเข้ามามีส่วนร่วม และสร้างที่พักอาศัยเพื่อให้ชาวปาเลสไตน์ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบ ก่อนสำทับว่า แนวทางนี้อาจเป็นได้ทั้งแนวทางชั่วคราวหรือถาวร
    .
    ปัจจุบัน จอร์แดนรองรับชาวปาเลสไตน์หลายล้านคนอยู่แล้ว ขณะที่มีชาวปาเลสไตน์อีกหลายหมื่นคนอาศัยอยู่ในอียิปต์ อย่างไรก็ดี ทั้งสองประเทศรวมถึงชาติอาหรับอื่นๆ ต่างปฏิเสธแนวคิดในการย้ายชาวปาเลสไตน์จากฉนวนกาซาไปยังประเทศอื่นๆ ขณะเดียวกันชาวปาเลสไตน์ก็ต้องการให้กาซาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐปาเลสไตน์ในอนาคต
    .
    ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ก็แสดงท่าทีคัดค้านแนวคิดดังกล่าว ทางด้าน เบซาเลล สโมทริช รัฐมนตรีคลังอิสราเอลที่สังกัดพรรคขวาจัด บอกว่า “การคิดนอกกรอบ” เท่านั้นที่จะทำให้เกิดสันติภาพได้จริง และกล่าวยกย่องข้อเสนอของทรัมป์เป็น “ไอเดียเยี่ยมยอด” ซึ่งจะทำให้ชาวปาเลสไตน์มีโอกาสสร้างชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นในประเทศอื่น พร้อมเสริมว่า จะวางแผนเพื่อดำเนินการตามข้อเสนอนี้
    .
    สำหรับ ฟรานเชสกา อัลบานีส ผู้รายงานพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า การกวาดล้างเผ่าพันธุ์ก็เป็นการคิดนอกกรอบ ซึ่งไม่ว่าจะด้วยรูปแบบไหนก็ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม และไร้ความรับผิดชอบ
    .
    บาเซม นาอิม สมาชิกกลุ่มการเมืองของฮามาส ยืนกรานว่า ชาวปาเลสไตน์ไม่มีวันยอมรับข้อเสนอของทรัมป์ที่ดูเหมือนเจตนาดีภายใต้ข้ออ้างในการฟื้นฟูกาซา ขณะที่ซามี อาบู ซูฮ์รี เจ้าหน้าที่อีกคน เรียกร้องทรัมป์ไม่ให้เสนอไอเดียผิดพลาดแบบที่อดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน เคยพยายามมาก่อน
    .
    สันนิบาตอาหรับคัดค้านไอเดียของทรัมป์เช่นเดียวกัน โดยเตือนว่า ความพยายามบังคับให้ชาวปาเลสไตน์อพยพออกจากถิ่นฐานเท่ากับเป็นการกวาดล้างเผ่าพันธุ์
    .
    อัยมาน ซาฟาดี รัฐมนตรีต่างประเทศจอร์แดน รวมทั้งกระทรวงต่างประเทศอียิปต์ ยืนยันจุดยืนในการต่อต้านการอพยพชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซาไม่ว่าระยะยาวหรือระยะสั้น
    .
    ประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาสของปาเลสไตน์ที่ได้รับการสนับสนุนจากตะวันตก ประณามไอเดียของทรัมป์ และประกาศว่า ชาวปาเลสไตน์จะไม่ยอมทิ้งบ้านเกิดอย่างแน่นอน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008688
    ..............
    Sondhi X
    ชาวปาเลสไตน์พลัดถิ่นจำนวนเรือนหมื่นเรือนแสน หลั่งไหลกันเดินทางไปตามถนนสายหลัก เพื่อมุ่งหน้ากลับสู่ตอนเหนือของฉนวนกาซาแล้วเมื่อวันจันทร์ (27 ม.ค.) หลังจากกลุ่มฮามาสตกลงส่งมอบตัวประกันชาวอิสราเอลอีก 3 คนในช่วงต่อไปของสัปดาห์นี้ และกองทหารรัฐยิวก็เริ่มถอนกำลังออกจากการปิดกั้นช่องทางซึ่งสกัดไม่ให้ผู้พลัดถิ่นเหล่านี้ได้เดินทาง . ประชาชนจำนวนมากมาย บางคนอุ้มทารกเอาไว้ในอ้อมแขน หรือไม่แบกสมบัติข้าวของที่ยังเหลืออยู่เอาไว้บนบ่า มุ่งหน้าเดินเท้าขึ้นเหนือ ไปตามถนนสายที่ทอดยาวเลียบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน . “มันเหมือนกับฉันเกิดใหม่ขึ้นครั้ง และเราได้รับชัยชนะอีกครั้ง” เป็นคำกล่าวของ อุมม์ โมฮัมเหม็ด อาลี คุณแม่ชาวปาเลสไตน์ ที่เป็นส่วนหนึ่งของฝูงชนซึ่งเดินตามกันไปอย่างช้าๆ เป็นแถวยาวเหยียดหลายกิโลเมตรบนถนนเลียบทะเลสายดังกล่าว . พวกผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ชาวบ้านคนแรกเดินมาถึงเมืองกาซาซิตี้ในตอนเช้าตรู่ หลังจากจุดข้ามจากตอนใต้ของกาซา เปิดขึ้นเมื่อเวลา 7 โมงเช้าตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเที่ยงวัน เวลาเมืองไทย) สำหรับจุดข้ามอีกจุดหนึ่งเปิดขึ้นในอีก 3 ชั่วโมงถัดมา โดยเป็นทางสำหรับยวดยานต่างๆ . “หัวใจผมกำลังเต้นแรง ผมคิดว่าผมจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว” เป็นคำพูดของ โอซามา วัย 50 ปี ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือนและเป็นคุณพ่อของลูก 5 คน ขณะที่เขาเดินทางถึงกาซาซิตี้ “ไม่ว่าการหยุดยิงนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ เราก็จะไม่ยอมออกจากกาซาซิตี้และทางตอนเหนือนี่อีกแล้ว ถึงแม้อิสราเอลจะส่งรถถังมาเล่นงานพวกเราแต่ละคนก็ตาม ไม่มีการพลัดถิ่นที่อยู่กันอีกแล้ว” . หลังจากถูกสั่งให้ออกจากที่พำนักชั่วคราวซ้ำแล้วซ้ำอีกตลอดระยะเวลา 15 เดือนของสงครามครั้งนี้ ก็มีเสียงเชียร์เสียงโห่ร้องยินดีปะทุขึ้นจากที่พักพิงหลบภัยและเต็นท์ค่ายพักต่างๆ เมื่อครอบครัวชาวปาเลสไตน์ได้ยินข่าวที่ว่าจุดข้ามจะเปิดให้เดินทางผ่านแล้ว . “นอนไม่หลับเลย ฉันเก็บข้าวของทุกอย่างและพร้อมเดินทางตั้งแต่แสงตะวันแรกของวันแล้ว” เป็นคำกล่าวของ กอดา คุณแม่ลูก 5 “อย่างน้อยที่สุดเราก็กำลังจะกลับบ้าน ตอนนี้ฉันพูดได้แล้วว่าสงครามยุติแล้ว และฉันหวังว่ามันจะอยู่ในความสงบต่อไปอีก” เธอบอกกับรอยเตอร์ผ่านแอปแชต . ทั้งพวกเจ้าหน้าที่ฮามาสและชาวกาซาที่เป็นประชาชนธรรมดา ต่างปฏิเสธไม่เอาด้วยกับคำแนะนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่เรียกร้องให้จอร์แดนและอียิปต์ รับชาวปาเลไสตน์จากดินแดนที่พินาศยับเยินจากสงครามแห่งนี้ อพยพเข้าไปพำนักอาศัยให้มากขึ้น มิหนำซ้ำยังเป็นการกระตุ้นความหวาดกลัวซึ่งมีมายาวนานของชาวปาเลสไตน์ที่ว่า พวกเขากำลังจะถูกผลักไสให้ออกจากบ้านของพวกเขาไปตลอดกาล . ตามเงื่อนไขของข้อตกลงหยุดยิงที่กระทำกันคราวนี้ ผู้ที่พำนักอาศัยในตอนเหนือกาซา จะได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับบ้านได้ตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ท่ผ่านมา ทว่าในวันอาทิตย์ (26 ) อิสราเอลขัดขวางเรื่องนี้ โดยกล่าวหาฮามาสละเมิดเงื่อนไขในข้อตกลง . อย่างไรก็ดี ถึงตอนค่ำวันเดียวกัน สำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลแถลงว่า สามารถตกลงกับฮามาสได้แล้ว โดยฮามาสจะปล่อย อาร์เบล เยฮุด ตัวประกันที่เป็นพลเรือนหญิงที่เดิมคาดว่า จะได้รับการปล่อยตัวตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา พร้อมกับตัวประกันอีก 3 คนในวันพฤหัสฯ (30) และปล่อยเพิ่มอีก 3 คนในวันเสาร์ (1 ก.พ.) . คำแถลงยังระบุว่า อิสราเอลจะอนุญาตให้ชาวปาเลสไตน์เดินทางได้ตั้งแต่เช้าวันจันทร์ ซึ่งฮามาสระบุว่าเป็น “ชัยชนะสำหรับชาวปาเลสไตน์ และสัญญาณความล้มเหลวของแผนการยึดครองและบังคับย้ายถิ่นฐาน” . สำหรับคำแนะนำของทรัมป์นั้น อยู่ในลักษณะของการที่เขาเสนอไอเดียกับพวกผู้สื่อข่าวระหว่างเดินทางบนเครื่องบินประจำตำแหน่งแอร์ฟอร์ซ วัน เมื่อวันเสาร์ (25) ว่า จอร์แดนและอียิปต์ ควรอ้าแขนรับชาวปาเลสไตน์ราว 2.4 ล้านคนจากกาซาที่พังพินาศจากสงครามที่ทำให้ประชาชนนับหมื่นเสียชีวิตและนำไปสู่วิกฤตมนุษยธรรมเลวร้าย . ประมุขทำเนียบขาวเสริมว่า จะดึงชาติอาหรับบางชาติเข้ามามีส่วนร่วม และสร้างที่พักอาศัยเพื่อให้ชาวปาเลสไตน์ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบ ก่อนสำทับว่า แนวทางนี้อาจเป็นได้ทั้งแนวทางชั่วคราวหรือถาวร . ปัจจุบัน จอร์แดนรองรับชาวปาเลสไตน์หลายล้านคนอยู่แล้ว ขณะที่มีชาวปาเลสไตน์อีกหลายหมื่นคนอาศัยอยู่ในอียิปต์ อย่างไรก็ดี ทั้งสองประเทศรวมถึงชาติอาหรับอื่นๆ ต่างปฏิเสธแนวคิดในการย้ายชาวปาเลสไตน์จากฉนวนกาซาไปยังประเทศอื่นๆ ขณะเดียวกันชาวปาเลสไตน์ก็ต้องการให้กาซาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐปาเลสไตน์ในอนาคต . ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ก็แสดงท่าทีคัดค้านแนวคิดดังกล่าว ทางด้าน เบซาเลล สโมทริช รัฐมนตรีคลังอิสราเอลที่สังกัดพรรคขวาจัด บอกว่า “การคิดนอกกรอบ” เท่านั้นที่จะทำให้เกิดสันติภาพได้จริง และกล่าวยกย่องข้อเสนอของทรัมป์เป็น “ไอเดียเยี่ยมยอด” ซึ่งจะทำให้ชาวปาเลสไตน์มีโอกาสสร้างชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นในประเทศอื่น พร้อมเสริมว่า จะวางแผนเพื่อดำเนินการตามข้อเสนอนี้ . สำหรับ ฟรานเชสกา อัลบานีส ผู้รายงานพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า การกวาดล้างเผ่าพันธุ์ก็เป็นการคิดนอกกรอบ ซึ่งไม่ว่าจะด้วยรูปแบบไหนก็ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม และไร้ความรับผิดชอบ . บาเซม นาอิม สมาชิกกลุ่มการเมืองของฮามาส ยืนกรานว่า ชาวปาเลสไตน์ไม่มีวันยอมรับข้อเสนอของทรัมป์ที่ดูเหมือนเจตนาดีภายใต้ข้ออ้างในการฟื้นฟูกาซา ขณะที่ซามี อาบู ซูฮ์รี เจ้าหน้าที่อีกคน เรียกร้องทรัมป์ไม่ให้เสนอไอเดียผิดพลาดแบบที่อดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน เคยพยายามมาก่อน . สันนิบาตอาหรับคัดค้านไอเดียของทรัมป์เช่นเดียวกัน โดยเตือนว่า ความพยายามบังคับให้ชาวปาเลสไตน์อพยพออกจากถิ่นฐานเท่ากับเป็นการกวาดล้างเผ่าพันธุ์ . อัยมาน ซาฟาดี รัฐมนตรีต่างประเทศจอร์แดน รวมทั้งกระทรวงต่างประเทศอียิปต์ ยืนยันจุดยืนในการต่อต้านการอพยพชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซาไม่ว่าระยะยาวหรือระยะสั้น . ประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาสของปาเลสไตน์ที่ได้รับการสนับสนุนจากตะวันตก ประณามไอเดียของทรัมป์ และประกาศว่า ชาวปาเลสไตน์จะไม่ยอมทิ้งบ้านเกิดอย่างแน่นอน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008688 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1371 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงการต่างประเทศบราซิลเตรียมร้องขอคำอธิบายจากรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับวิธีปฏิบัติที่ "ลดคุณค่าความเป็นมนุษย์" (degrading treatment) ของผู้อพยพบราซิล ซึ่งถูกขนขึ้นเที่ยวบินเนรเทศออกจากสหรัฐอเมริกาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    ก่อนหน้านั้นมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่บราซิลได้ขอให้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ถอดกุญแจมือผู้อพยพที่ถูกเนรเทศกลับมายังบราซิลเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (24) ขณะที่รัฐมนตรีอาวุโสคนหนึ่งในรัฐบาลประธานาธิบดี ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ก็ประณามการกระทำของฝ่ายอเมริกันว่าเป็นการ "ดูหมิ่นเหยียดหยามอย่างรุนแรง" ต่อสิทธิเพื่อนร่วมชาติของตน
    .
    เที่ยวบินดังกล่าวซึ่งมีผู้โดยสารชาวบราซิล 88 คน เจ้าหน้าความมั่งคงสหรัฐฯ 16 นาย และลูกเรืออีก 8 คน เดิมมีกำหนดลงจอดที่เมืองเบลูโอรีชองซีในรัฐมีนัสเชไรส์ทางตอนใต้ของบราซิล ทว่าต้องแวะจอดฉุกเฉินที่เมืองมาเนาช์ (Manaus) เนื่องจากเกิดปัญหาด้านเทคนิค ตามข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรมบราซิล
    .
    ณ สถานที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่บราซิลได้สั่งให้มีการถอดกุญแจมือผู้อพยพทั้งหมด และประธานาธิบดี ลูลา ได้สั่งการให้กองทัพอากาศบราซิลส่งเครื่องบินไปรับช่วงพาพลเมืองเหล่านั้นมาส่งยังที่หมาย "อย่างมีเกียรติและปลอดภัย"
    .
    เที่ยวบินดังกล่าวถือเป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้ที่สหรัฐฯ มีการเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายกลับมายังบราซิล และถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ตามข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมและตำรวจบราซิล
    .
    รัฐบาล ทรัมป์ ได้นำมาตรการปราบปรามผู้อพยพผิดกฎหมายมาใช้อย่างครอบคลุม โดย ทรัมป์ ประกาศชัดเจนว่าจะใช้วิธี "เนรเทศหมู่" เพื่อนำคนลักลอบเข้าเมืองเหล่านี้ออกไปจากแผ่นดินอเมริกา
    .
    อย่างไรก็ตาม การใส่กุญแจมือหรือผูกมัดด้วยวิธีอื่นๆ ต่อผู้อพยพที่โดนเนรเทศขึ้นเครื่องบินมาจากสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่ทางการบราซิลไม่พอใจมานานแล้ว และแม้แต่อดีตประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนารู ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นพันธมิตรทรัมป์ ก็ยังเคยขอให้สหรัฐฯ เลิกการกระทำเช่นนี้เสีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008328
    ..............
    Sondhi X
    กระทรวงการต่างประเทศบราซิลเตรียมร้องขอคำอธิบายจากรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับวิธีปฏิบัติที่ "ลดคุณค่าความเป็นมนุษย์" (degrading treatment) ของผู้อพยพบราซิล ซึ่งถูกขนขึ้นเที่ยวบินเนรเทศออกจากสหรัฐอเมริกาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . ก่อนหน้านั้นมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่บราซิลได้ขอให้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ถอดกุญแจมือผู้อพยพที่ถูกเนรเทศกลับมายังบราซิลเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (24) ขณะที่รัฐมนตรีอาวุโสคนหนึ่งในรัฐบาลประธานาธิบดี ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ก็ประณามการกระทำของฝ่ายอเมริกันว่าเป็นการ "ดูหมิ่นเหยียดหยามอย่างรุนแรง" ต่อสิทธิเพื่อนร่วมชาติของตน . เที่ยวบินดังกล่าวซึ่งมีผู้โดยสารชาวบราซิล 88 คน เจ้าหน้าความมั่งคงสหรัฐฯ 16 นาย และลูกเรืออีก 8 คน เดิมมีกำหนดลงจอดที่เมืองเบลูโอรีชองซีในรัฐมีนัสเชไรส์ทางตอนใต้ของบราซิล ทว่าต้องแวะจอดฉุกเฉินที่เมืองมาเนาช์ (Manaus) เนื่องจากเกิดปัญหาด้านเทคนิค ตามข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรมบราซิล . ณ สถานที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่บราซิลได้สั่งให้มีการถอดกุญแจมือผู้อพยพทั้งหมด และประธานาธิบดี ลูลา ได้สั่งการให้กองทัพอากาศบราซิลส่งเครื่องบินไปรับช่วงพาพลเมืองเหล่านั้นมาส่งยังที่หมาย "อย่างมีเกียรติและปลอดภัย" . เที่ยวบินดังกล่าวถือเป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้ที่สหรัฐฯ มีการเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายกลับมายังบราซิล และถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ตามข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมและตำรวจบราซิล . รัฐบาล ทรัมป์ ได้นำมาตรการปราบปรามผู้อพยพผิดกฎหมายมาใช้อย่างครอบคลุม โดย ทรัมป์ ประกาศชัดเจนว่าจะใช้วิธี "เนรเทศหมู่" เพื่อนำคนลักลอบเข้าเมืองเหล่านี้ออกไปจากแผ่นดินอเมริกา . อย่างไรก็ตาม การใส่กุญแจมือหรือผูกมัดด้วยวิธีอื่นๆ ต่อผู้อพยพที่โดนเนรเทศขึ้นเครื่องบินมาจากสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่ทางการบราซิลไม่พอใจมานานแล้ว และแม้แต่อดีตประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนารู ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นพันธมิตรทรัมป์ ก็ยังเคยขอให้สหรัฐฯ เลิกการกระทำเช่นนี้เสีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008328 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    Angry
    15
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1281 มุมมอง 0 รีวิว
  • #สนุกจังตังอยู่ครบ

    ความสนุกที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ กับแค่โครงเรื่องแนวคลาสสิกที่ให้คนกลุ่มหนึ่ง ติดอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่อาจติดต่อกับคนอื่นได้ แล้วมีการตายเกิดขึ้นทีละราย ทว่าเล่มนี้มีการรื้อโครงสร้างแนวเก่าออก แล้วก่อขึ้นใหม่โดยรูปแบบภายนอกยังคงคล้ายเดิม ทว่าภายในนั้นมีความดัดแปลงให้แตกต่างไป นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่น่าพอใจยิ่ง

    ผมกำลังพูดถึง #ฆาตกรรมปิดตายบนภูเขาหิมะ ผลงานของ ฮิงาชิโนะ เคโงะ ฝีมือแปลโดย สุรีรัตน์ งามสง่าพงษ์
    จัดพิมพ์โดย สนพ.ไดฟุกุ เมื่อกรกฎาคม 2566 ความหนา 240 หน้า ราคา 270 บาท ต้นฉบับพิมพ์ตั้งแต่ปี 2539 นับถึงปัจจุบันก็เฉียด 30 ปีเข้าแล้ว

    อ่านจบก่อนและค่อนข้างชอบ จึงลองไปอ่านความเห็นคนอื่นดูบ้าง รู้สึกเสียงแตกเป็นสองฝั่ง มีไม่น้อยค่อนไปในทางไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก ซึ่งก็แล้วแต่ความเห็นของคนอ่าน ในส่วนของผมเองมีเหตุผลที่ชอบซึ่งจะได้เขียนถึงต่อไป

    เบื้องต้นขอเล่าเนื้อหาโดยสรุปดังนี้

    ชายหนุ่มหญิงสาว 7 คน (แบ่งเป็นชาย4หญิง3) ที่ผ่านการออดิชันเพื่อจะรับบทแสดงนำในละครเวทีของคณะละครแห่งหนึ่ง ได้รับจดหมายจากผกก.ละครที่ส่งถึงทุกคนว่าให้มารวมตัวกันที่บ้านพักหลังหนึ่งบนภูเขาเป็นเวลา 4 วัน เพื่อฝึกซ้อมพิเศษตามวันเวลานัดที่ระบุ ถ้าใครไม่มาหรือมาช้าจะถูกตัดสิทธิ์ และห้ามบอกใครทั้งนั้น

    ที่บ้านพัก ทั้ง7คนได้พบกับเจ้าของบ้านที่รออธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ให้ทราบว่ามีห้องอะไรในเกสต์เฮาส์บ้าง มีวัตถุดิบทำอาหารไว้ให้พอสำหรับ 4 วัน แต่ผู้มาพักต้องทำอาหารเอง ไม่มีใครมาคอยดูแลให้ทั้งสิ้น ทั้ง7ต้องอยู่ตามลำพัง เป็นเงื่อนไขที่ทางคนกลางของ ผกก.ที่ติดต่อมาแจ้งไว้ ก่อนออกจากบ้านพักเขาทิ้งท้ายว่าหากมีเหตุฉุกเฉินให้โทรศัพท์ถึงเขาได้ เขาอยู่อีกที่หนึ่งซึ่งห่างไปไม่ไกลนัก

    ขณะทั้ง7กำลังไม่สบอารมณ์ในสิ่งที่เจ้าของบ้านพักแจ้ง และจับกลุ่มสนทนา ปรากฏว่ามีจดหมายจากผกก.มาส่ง แจ้งรายละเอียดว่าตลอด 4 วันนี้ ให้ทุกคนถือเสมือนหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์ที่มีหิมะตกหนัก ไม่สามารถออกไปไหนและสายสัญญาณโทรศัพท์ถูกหิมะหล่นทับไม่อาจติดต่อใคร และจะมีการฆาตกรรมเกิดขึ้น โดยให้แต่ละคนจำลองสถานการณ์เอาเองว่าจะทำอย่างไร ถ้ามีฆาตกรฆ่าคนตายไปทีละคน ทั้งหมดถือเป็นการฝึกซ้อมและทดสอบที่จะนำมาใช้ในการวัดผล โดยห้ามติดต่อหาใครทั้งนั้น ห้ามออกไปไหนจนกว่าจะครบกำหนด ใครฝ่าฝืนถือว่าสละสิทธิ์โดยปริยาย ด้วยเหตุนี้ยิ่งทำให้ทั้ง7คนทุ่มเถียงถึงคำสั่งแปลกพิสดารของผกก. แต่ในที่สุดก็จำต้องยอมรับและปฏิบัติตาม

    หลังเลือกห้องกันแล้วว่าใครจะพักห้องไหน มีทั้งห้องเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ มีห้องสันทนาการ ห้องนั่งเล่นรวม ห้องอาหาร ห้องครัว ห้องสุขาและอาบน้ำ และห้องอื่น ๆ ทุกคนใช้ชีวิตไปตามอัธยาศัย แล้วก็เกิดเหตุน่ากลัวขึ้นในคืนวันแรก สมาชิกในกลุ่มคนหนึ่งหายตัวไปในเช้าวันถัดมา และมีกระดาษที่เขียนคำอธิบายไว้ว่าบุคคลคนนั้นถูกฆ่าตายแล้วด้วยวิธีการใด และต้องหายตัวไปเหมือนถูกตัดออกจากการแข่งขัน สมาชิกที่เหลือจึงเริ่มตื่นตัวขึ้น แม้ไม่รู้ว่าเพื่อนคนดังกล่าวไปแอบอยู่ที่ใดระหว่างที่ยังไม่ครบ4วัน คนที่เหลือต้องพยายามหาทางคาดเดาตัวคนร้ายให้ได้

    ในระหว่างคนทั้ง6ที่เหลือ ก็มีความสัมพันธ์ส่วนตัวพัวพันกันอยู่ มีชายอย่างน้อยสามคนที่ชอบหญิงคนหนึ่งในกลุ่ม จึงมีการพูดจาเชิงข่มหรือดูถูกเหยียดหยาม ส่วนหญิงอีกคนดูจะมีใจให้กับชายอีกคนที่ชอบผู้หญิงอีกคน มันช่างยุ่งเหยิงดีแท้ และแล้วก็มีการตายเกิดขึ้นอีกในคืนวันถัดมาโดยไม่มีใครทราบจนล่วงเข้าวันใหม่ ยังคงมีกระดาษเขียนรายละเอียดที่ระบุว่าผู้ตายถูกฆ่าแบบไหน และคนในกลุ่มก็หายตัวไปอีกหนึ่ง เหลือเพียง 5 คน ทำให้เกิดการทุ่มเถียงกันมากขึ้น มีคนหนึ่งเริ่มเสนอแนวคิดที่น่ากลัวว่า คนที่หายตัวไปนั้นอาจไม่ใช่การซ้อมแสดงละคร แต่ได้ถูกฆ่าตายไปแล้วจริง ๆ

    ความจริงเบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดคืออะไรกันแน่ หาคำตอบได้ใน ฆาตกรรมปิดตายบนภูเขาหิมะครับ

    ..............

    ความจริงเล่มนี้ตัวละครไม่เยอะ มีกล่าวถึงคนอื่นที่เกี่ยวข้องบ้างเล็กน้อยคือผกก. ,เจ้าของบ้านพัก,และตัวละครอีกหนึ่งคนซึ่งจะถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังคนในกลุ่มได้เข้าพักในบ้านไปแล้วระยะหนึ่ง ดังนั้นสำหรับผม ถือว่าเรื่องนี้มีความง่ายกว่าเรื่องอื่น ๆ ที่เคยอ่านมาในการจดจำตัวละคร เรียกว่าพยายามท่องจำเอาตั้งแต่เริ่มเลย พร้อมกับดูผังบ้านชั้น1 และชั้น2ประกอบไปด้วย เพื่อจำว่าใครพักอยู่ห้องไหนบ้าง แม้รายละเอียดของผังบ้านที่ให้มาจะไม่ได้มีรายละเอียดมากนัก แค่วาดแบ่งเป็นขนาดให้เห็นอย่างหยาบ ๆ ว่าห้องไหนคือห้องอะไร มีเฟอร์นิเจอร์ใดตั้งอยู่บ้างเท่าที่จำเป็น ตำแหน่งของประตูหน้าต่างก็บอกเฉพาะบางตำแหน่งเท่านั้น ไม่ได้แสดงครบทุกห้อง และมองเห็นบางจุดที่รู้สึกติดใจตั้งแต่ทีแรกว่าตำแหน่งนั้นคืออะไร ทำไมไม่ระบุรายละเอียดให้ทราบ พออ่านจนใกล้จบจึงถึงบางอ้อ ที่แท้จุดที่เราสงสัยเป็นส่วนสำคัญของปริศนาแห่งคดีในเล่มนี้ด้วยสิ

    ขอกล่าวถึงเหตุผลที่ชอบนะครับ หลักเลยคือเห็นถึงความตั้งใจของผู้เขียน ที่อยากจะทำให้เกิดการเล่าเรื่องแนวใหม่ที่แตกต่างไปจากการเล่ารูปแบบเดิมที่เคยใช้กันมาในนิยายรุ่นเก่าของนักเขียนดังหลายคนทางฝากตะวันตก แม้จะสร้างสถานการณ์ให้มีคนมาอยู่รวมกันในที่ซึ่งเหมือนหนีไปไหนไม่ได้ แล้วตายไปทีละคนเช่นโครงเรื่องแนวคลาสสิก แต่ก็ใส่รายละเอียดที่ทำให้ต่างตรงที่คราวนี้ ทุกอย่างถูกกำหนดบังคับจากกฎกติกาที่ระบุในจม. ทำให้เหยื่อมีความสับสนระหว่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าคือความจริงหรือคือการแสดงละครตามสิ่งที่ผกก.ต้องการกันแน่

    ที่สร้างสรรค์อย่างมากคือใช้วิธีการเล่าสองรูปแบบสลับกันไปตลอดทั้งเรื่อง คือเล่าในมุมมองพระเจ้าที่เราเข้าใจเอาเองแต่แรกว่าคือมุมมองสายตาของนักเขียน ทว่าเฉลยตอนท้ายที่เข้าสู่ช่วงไขคดีว่าที่แท้เป็นมุมมองพระเจ้าก็จริง แต่ไม่ใช่สายตาผู้เขียน หากแต่เป็นใคร หากได้อ่านเองแล้วก็จะรู้ จุดนี้ผมถือว่ายอดเยี่ยมมาก ส่วนอีกมุมมองหนึ่งจะเป็นการเล่าผ่านสายตาและความคิดของตัวละครตัวหนึ่งที่อยู่ในกลุ่ม7คน คล้ายทำนองบันทึกการคุยกับตัวเองว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น มีใครทำอะไร ใครคุยว่าอย่างไรบ้าง โดยในส่วนนี้จะมีสอดแทรกความเห็นส่วนตัวของคนดังกล่าวทำให้คนอ่านทราบมุมมองของเขาอย่างใกล้ชิด และเป็นตัวละครสำคัญที่เหมือนเป็นตัวขับเคลื่อนให้เรื่องเดินหน้าต่อไป และตัวละครตัวนี้เองที่ภายหลัง ก็คล้ายจะสถาปนาตนเองเป็นผู้ทำหน้าที่แทนนักสืบในการคลี่คลายปริศนาทั้งหมดด้วย

    เรื่องจะถูกแบ่งเล่าเป็น 4 วัน ในแต่ละวันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างจนกระทั่งจบวัน จึงเริ่มต้นบทใหม่ในวันถัดไป ดังที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้คือ ตั้งใจท่องจำชื่อตัวละครทั้ง7และจำผังบ้านไว้ในหัวคร่าว ๆ ดังนั้นตอนอ่านที่ผู้เขียนบรรยายเล่าถึงช่วงที่ระบุถึงตัวละครกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนในห้องใด และการเล่าถึงสภาพภายในของบ้านพักว่ามีอะไรตั้งอยู่จุดไหนอย่างไร ผมจึงมองเห็นภาพเป็นสามมิติได้ไม่ยากนัก นับว่าผู้เขียนออกแบบและคิดผังบ้านหลังนี้มาได้ไม่เลว จึงสอดรับเข้ากันกับเหตุผลที่ประกอบในการกระทำของตัวละครต่าง ๆ อย่างกลมกลืน

    ด้วยความที่ส่วนตัวผมเคยผ่านการ try out จนได้รับเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของคนที่ได้รับการฝึกฝนเพื่อแสดงละครเวที รวมถึงเคยอยู่ในฐานะของผู้ที่ฝึกฝนการแสดงให้กับรุ่นน้องในคณะสมัยเรียนมาก่อน ดังนั้นจึงค่อนข้างเข้าใจในความรู้สึกของเหล่าตัวละครที่แสดงบทบาทลีลาในเรื่อง ว่าทำไมถึงคิดหรือพูดและทำอะไรลงไปดังที่ปรากฏนั้น ซึ่งไม่แปลกแต่ประการใด จึงถือว่าเล่มนี้เป็นอีกเล่มหนึ่งของผู้เขียน ที่มีมุมมองการเล่าเรื่องที่สร้างสรรค์ได้น่าสนใจไม่แพ้เรื่องตุ๊กตาปิเอโรในคฤหาสน์กางเขนเช่นกัน

    ด้านสำนวนการแปลอ่านได้เพลินไม่มีสะดุดติดขัด บางคำพูดของบทสนทนาก็ทำให้รู้สึกฮาเหมือนกัน เป็นเรื่องที่น่าจะเครียด แต่กลับอ่านแล้วผ่อนคลายสบาย ๆ และอยากรู้ว่าที่แท้แล้วเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่ ชอบบทสรุปของเรื่องในตอนท้ายที่ต่างไปจากนิยายแนวนี้ที่อ่านผ่านมาทั้งหมด นับว่าเป็นตอนจบที่ผมมีความสุขมากจริง ๆ ครับ โดยเฉพาะกลอุบายที่ใช้ ช่างน่าประทับใจยิ่ง

    #รีวิวหนังสือ
    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #บทความ
    #เรื่องแปล
    #ฃาตกรรม
    #สืบสวน
    #thaitimes
    #ละครเวที
    #ไขปริศนา
    #สนุกจังตังอยู่ครบ ความสนุกที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ กับแค่โครงเรื่องแนวคลาสสิกที่ให้คนกลุ่มหนึ่ง ติดอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่อาจติดต่อกับคนอื่นได้ แล้วมีการตายเกิดขึ้นทีละราย ทว่าเล่มนี้มีการรื้อโครงสร้างแนวเก่าออก แล้วก่อขึ้นใหม่โดยรูปแบบภายนอกยังคงคล้ายเดิม ทว่าภายในนั้นมีความดัดแปลงให้แตกต่างไป นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่น่าพอใจยิ่ง ผมกำลังพูดถึง #ฆาตกรรมปิดตายบนภูเขาหิมะ ผลงานของ ฮิงาชิโนะ เคโงะ ฝีมือแปลโดย สุรีรัตน์ งามสง่าพงษ์ จัดพิมพ์โดย สนพ.ไดฟุกุ เมื่อกรกฎาคม 2566 ความหนา 240 หน้า ราคา 270 บาท ต้นฉบับพิมพ์ตั้งแต่ปี 2539 นับถึงปัจจุบันก็เฉียด 30 ปีเข้าแล้ว อ่านจบก่อนและค่อนข้างชอบ จึงลองไปอ่านความเห็นคนอื่นดูบ้าง รู้สึกเสียงแตกเป็นสองฝั่ง มีไม่น้อยค่อนไปในทางไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก ซึ่งก็แล้วแต่ความเห็นของคนอ่าน ในส่วนของผมเองมีเหตุผลที่ชอบซึ่งจะได้เขียนถึงต่อไป เบื้องต้นขอเล่าเนื้อหาโดยสรุปดังนี้ ชายหนุ่มหญิงสาว 7 คน (แบ่งเป็นชาย4หญิง3) ที่ผ่านการออดิชันเพื่อจะรับบทแสดงนำในละครเวทีของคณะละครแห่งหนึ่ง ได้รับจดหมายจากผกก.ละครที่ส่งถึงทุกคนว่าให้มารวมตัวกันที่บ้านพักหลังหนึ่งบนภูเขาเป็นเวลา 4 วัน เพื่อฝึกซ้อมพิเศษตามวันเวลานัดที่ระบุ ถ้าใครไม่มาหรือมาช้าจะถูกตัดสิทธิ์ และห้ามบอกใครทั้งนั้น ที่บ้านพัก ทั้ง7คนได้พบกับเจ้าของบ้านที่รออธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ให้ทราบว่ามีห้องอะไรในเกสต์เฮาส์บ้าง มีวัตถุดิบทำอาหารไว้ให้พอสำหรับ 4 วัน แต่ผู้มาพักต้องทำอาหารเอง ไม่มีใครมาคอยดูแลให้ทั้งสิ้น ทั้ง7ต้องอยู่ตามลำพัง เป็นเงื่อนไขที่ทางคนกลางของ ผกก.ที่ติดต่อมาแจ้งไว้ ก่อนออกจากบ้านพักเขาทิ้งท้ายว่าหากมีเหตุฉุกเฉินให้โทรศัพท์ถึงเขาได้ เขาอยู่อีกที่หนึ่งซึ่งห่างไปไม่ไกลนัก ขณะทั้ง7กำลังไม่สบอารมณ์ในสิ่งที่เจ้าของบ้านพักแจ้ง และจับกลุ่มสนทนา ปรากฏว่ามีจดหมายจากผกก.มาส่ง แจ้งรายละเอียดว่าตลอด 4 วันนี้ ให้ทุกคนถือเสมือนหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์ที่มีหิมะตกหนัก ไม่สามารถออกไปไหนและสายสัญญาณโทรศัพท์ถูกหิมะหล่นทับไม่อาจติดต่อใคร และจะมีการฆาตกรรมเกิดขึ้น โดยให้แต่ละคนจำลองสถานการณ์เอาเองว่าจะทำอย่างไร ถ้ามีฆาตกรฆ่าคนตายไปทีละคน ทั้งหมดถือเป็นการฝึกซ้อมและทดสอบที่จะนำมาใช้ในการวัดผล โดยห้ามติดต่อหาใครทั้งนั้น ห้ามออกไปไหนจนกว่าจะครบกำหนด ใครฝ่าฝืนถือว่าสละสิทธิ์โดยปริยาย ด้วยเหตุนี้ยิ่งทำให้ทั้ง7คนทุ่มเถียงถึงคำสั่งแปลกพิสดารของผกก. แต่ในที่สุดก็จำต้องยอมรับและปฏิบัติตาม หลังเลือกห้องกันแล้วว่าใครจะพักห้องไหน มีทั้งห้องเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ มีห้องสันทนาการ ห้องนั่งเล่นรวม ห้องอาหาร ห้องครัว ห้องสุขาและอาบน้ำ และห้องอื่น ๆ ทุกคนใช้ชีวิตไปตามอัธยาศัย แล้วก็เกิดเหตุน่ากลัวขึ้นในคืนวันแรก สมาชิกในกลุ่มคนหนึ่งหายตัวไปในเช้าวันถัดมา และมีกระดาษที่เขียนคำอธิบายไว้ว่าบุคคลคนนั้นถูกฆ่าตายแล้วด้วยวิธีการใด และต้องหายตัวไปเหมือนถูกตัดออกจากการแข่งขัน สมาชิกที่เหลือจึงเริ่มตื่นตัวขึ้น แม้ไม่รู้ว่าเพื่อนคนดังกล่าวไปแอบอยู่ที่ใดระหว่างที่ยังไม่ครบ4วัน คนที่เหลือต้องพยายามหาทางคาดเดาตัวคนร้ายให้ได้ ในระหว่างคนทั้ง6ที่เหลือ ก็มีความสัมพันธ์ส่วนตัวพัวพันกันอยู่ มีชายอย่างน้อยสามคนที่ชอบหญิงคนหนึ่งในกลุ่ม จึงมีการพูดจาเชิงข่มหรือดูถูกเหยียดหยาม ส่วนหญิงอีกคนดูจะมีใจให้กับชายอีกคนที่ชอบผู้หญิงอีกคน มันช่างยุ่งเหยิงดีแท้ และแล้วก็มีการตายเกิดขึ้นอีกในคืนวันถัดมาโดยไม่มีใครทราบจนล่วงเข้าวันใหม่ ยังคงมีกระดาษเขียนรายละเอียดที่ระบุว่าผู้ตายถูกฆ่าแบบไหน และคนในกลุ่มก็หายตัวไปอีกหนึ่ง เหลือเพียง 5 คน ทำให้เกิดการทุ่มเถียงกันมากขึ้น มีคนหนึ่งเริ่มเสนอแนวคิดที่น่ากลัวว่า คนที่หายตัวไปนั้นอาจไม่ใช่การซ้อมแสดงละคร แต่ได้ถูกฆ่าตายไปแล้วจริง ๆ ความจริงเบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดคืออะไรกันแน่ หาคำตอบได้ใน ฆาตกรรมปิดตายบนภูเขาหิมะครับ .............. ความจริงเล่มนี้ตัวละครไม่เยอะ มีกล่าวถึงคนอื่นที่เกี่ยวข้องบ้างเล็กน้อยคือผกก. ,เจ้าของบ้านพัก,และตัวละครอีกหนึ่งคนซึ่งจะถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังคนในกลุ่มได้เข้าพักในบ้านไปแล้วระยะหนึ่ง ดังนั้นสำหรับผม ถือว่าเรื่องนี้มีความง่ายกว่าเรื่องอื่น ๆ ที่เคยอ่านมาในการจดจำตัวละคร เรียกว่าพยายามท่องจำเอาตั้งแต่เริ่มเลย พร้อมกับดูผังบ้านชั้น1 และชั้น2ประกอบไปด้วย เพื่อจำว่าใครพักอยู่ห้องไหนบ้าง แม้รายละเอียดของผังบ้านที่ให้มาจะไม่ได้มีรายละเอียดมากนัก แค่วาดแบ่งเป็นขนาดให้เห็นอย่างหยาบ ๆ ว่าห้องไหนคือห้องอะไร มีเฟอร์นิเจอร์ใดตั้งอยู่บ้างเท่าที่จำเป็น ตำแหน่งของประตูหน้าต่างก็บอกเฉพาะบางตำแหน่งเท่านั้น ไม่ได้แสดงครบทุกห้อง และมองเห็นบางจุดที่รู้สึกติดใจตั้งแต่ทีแรกว่าตำแหน่งนั้นคืออะไร ทำไมไม่ระบุรายละเอียดให้ทราบ พออ่านจนใกล้จบจึงถึงบางอ้อ ที่แท้จุดที่เราสงสัยเป็นส่วนสำคัญของปริศนาแห่งคดีในเล่มนี้ด้วยสิ ขอกล่าวถึงเหตุผลที่ชอบนะครับ หลักเลยคือเห็นถึงความตั้งใจของผู้เขียน ที่อยากจะทำให้เกิดการเล่าเรื่องแนวใหม่ที่แตกต่างไปจากการเล่ารูปแบบเดิมที่เคยใช้กันมาในนิยายรุ่นเก่าของนักเขียนดังหลายคนทางฝากตะวันตก แม้จะสร้างสถานการณ์ให้มีคนมาอยู่รวมกันในที่ซึ่งเหมือนหนีไปไหนไม่ได้ แล้วตายไปทีละคนเช่นโครงเรื่องแนวคลาสสิก แต่ก็ใส่รายละเอียดที่ทำให้ต่างตรงที่คราวนี้ ทุกอย่างถูกกำหนดบังคับจากกฎกติกาที่ระบุในจม. ทำให้เหยื่อมีความสับสนระหว่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าคือความจริงหรือคือการแสดงละครตามสิ่งที่ผกก.ต้องการกันแน่ ที่สร้างสรรค์อย่างมากคือใช้วิธีการเล่าสองรูปแบบสลับกันไปตลอดทั้งเรื่อง คือเล่าในมุมมองพระเจ้าที่เราเข้าใจเอาเองแต่แรกว่าคือมุมมองสายตาของนักเขียน ทว่าเฉลยตอนท้ายที่เข้าสู่ช่วงไขคดีว่าที่แท้เป็นมุมมองพระเจ้าก็จริง แต่ไม่ใช่สายตาผู้เขียน หากแต่เป็นใคร หากได้อ่านเองแล้วก็จะรู้ จุดนี้ผมถือว่ายอดเยี่ยมมาก ส่วนอีกมุมมองหนึ่งจะเป็นการเล่าผ่านสายตาและความคิดของตัวละครตัวหนึ่งที่อยู่ในกลุ่ม7คน คล้ายทำนองบันทึกการคุยกับตัวเองว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น มีใครทำอะไร ใครคุยว่าอย่างไรบ้าง โดยในส่วนนี้จะมีสอดแทรกความเห็นส่วนตัวของคนดังกล่าวทำให้คนอ่านทราบมุมมองของเขาอย่างใกล้ชิด และเป็นตัวละครสำคัญที่เหมือนเป็นตัวขับเคลื่อนให้เรื่องเดินหน้าต่อไป และตัวละครตัวนี้เองที่ภายหลัง ก็คล้ายจะสถาปนาตนเองเป็นผู้ทำหน้าที่แทนนักสืบในการคลี่คลายปริศนาทั้งหมดด้วย เรื่องจะถูกแบ่งเล่าเป็น 4 วัน ในแต่ละวันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างจนกระทั่งจบวัน จึงเริ่มต้นบทใหม่ในวันถัดไป ดังที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้คือ ตั้งใจท่องจำชื่อตัวละครทั้ง7และจำผังบ้านไว้ในหัวคร่าว ๆ ดังนั้นตอนอ่านที่ผู้เขียนบรรยายเล่าถึงช่วงที่ระบุถึงตัวละครกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนในห้องใด และการเล่าถึงสภาพภายในของบ้านพักว่ามีอะไรตั้งอยู่จุดไหนอย่างไร ผมจึงมองเห็นภาพเป็นสามมิติได้ไม่ยากนัก นับว่าผู้เขียนออกแบบและคิดผังบ้านหลังนี้มาได้ไม่เลว จึงสอดรับเข้ากันกับเหตุผลที่ประกอบในการกระทำของตัวละครต่าง ๆ อย่างกลมกลืน ด้วยความที่ส่วนตัวผมเคยผ่านการ try out จนได้รับเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของคนที่ได้รับการฝึกฝนเพื่อแสดงละครเวที รวมถึงเคยอยู่ในฐานะของผู้ที่ฝึกฝนการแสดงให้กับรุ่นน้องในคณะสมัยเรียนมาก่อน ดังนั้นจึงค่อนข้างเข้าใจในความรู้สึกของเหล่าตัวละครที่แสดงบทบาทลีลาในเรื่อง ว่าทำไมถึงคิดหรือพูดและทำอะไรลงไปดังที่ปรากฏนั้น ซึ่งไม่แปลกแต่ประการใด จึงถือว่าเล่มนี้เป็นอีกเล่มหนึ่งของผู้เขียน ที่มีมุมมองการเล่าเรื่องที่สร้างสรรค์ได้น่าสนใจไม่แพ้เรื่องตุ๊กตาปิเอโรในคฤหาสน์กางเขนเช่นกัน ด้านสำนวนการแปลอ่านได้เพลินไม่มีสะดุดติดขัด บางคำพูดของบทสนทนาก็ทำให้รู้สึกฮาเหมือนกัน เป็นเรื่องที่น่าจะเครียด แต่กลับอ่านแล้วผ่อนคลายสบาย ๆ และอยากรู้ว่าที่แท้แล้วเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่ ชอบบทสรุปของเรื่องในตอนท้ายที่ต่างไปจากนิยายแนวนี้ที่อ่านผ่านมาทั้งหมด นับว่าเป็นตอนจบที่ผมมีความสุขมากจริง ๆ ครับ โดยเฉพาะกลอุบายที่ใช้ ช่างน่าประทับใจยิ่ง #รีวิวหนังสือ #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #บทความ #เรื่องแปล #ฃาตกรรม #สืบสวน #thaitimes #ละครเวที #ไขปริศนา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 633 มุมมอง 0 รีวิว
  • เห็นการเคลื่อนไหว 4B หลังจากอเมริกาได้ปธน.ใหม่

    4B คืออะไร?

    B มาจาก บี Bi ในภาษาเกาหลีที่แปลว่าไม่ นั่นคือ 4B คือผู้หญิงจะไม่ทำ 4 อย่างกับผู้ชายที่ตัวเองไม่โอเค ประกอบด้วย ไม่คบ, ไม่ซั่ม, ไม่แต่ง, ไม่มีลูก

    อย่างที่รู้กันว่าการเหยียดเพศหญิงในสังคมเกาหลีรุนแรงมากจนไม่น่าเชื่อว่าสื่อที่ออกมาแทบจะไม่เห็นรุนแรงพวกนี้เลย สาวไทยเลยเอาแต่คลั่งโอปป้าสู้ถวายหัวสุดใจแต่ในกลุ่มที่เคยสัมผัสคนเกาหลีโดยเฉพาะผู้ชายเกาหลีจริงๆ ต่างจะร้องแย้...พร้อมกัน แม้กระทั่งผู้ชายเกาหลีแท้ๆ ด้วยกันก็มีหลายคนที่ส่ายหัวกับความคิดและพฤติกรรมผู้ชายเกาหลีในสังคม

    ก็เพราะว่าปัญหาที่สะสมมานานพวกนี้ทำให้ผู้หญิงในเกาหลีที่สามารถหางานมีเงินเลี้ยงตัวเองได้ ทำ 4B ทั้งแบบเปิดตัวและไม่เปิดตัว (เพราะหากเปิดตัวว่าทำ 4B หรือ สนใจมีแนวคิดเฟมินิสต์ ผู้หญิงคนนั้นจะเจอความรุนแรงรูปแบบต่างๆ ใส่ชีวิตถาโถมเลยมีผู้หญิงจำนวนมากที่เก็บความคิดความสนใจด้านเฟมินิสต์ของตนเอง)

    สังเกตมั้ยว่าหัวข้อนี้ คนที่ออกมาติเตียนให้ความเห็นเชิงลบกับผู้ทำ 4B มักจะเป็นผู้ชาย ทั้งที่การทำ 4B ของผู้หญิงนั้น "ผู้ชายที่ดีสำหรับผู้หญิง" ไม่เดือดร้อนเลย

    ถ้าคุณเป็นผู้ชายที่ดี ซื่อสัตย์กับคู่ของคุณ และดีในด้านอื่นๆ ตามแต่ที่ผู้หญิงคนนั้นๆ ต้องการด้านอะไร ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ปฏิเสธผู้ชายดีๆ ที่เข้ามาในชีวิตพวกเธอและไม่จำเป็นต้องทำ 4B แต่เพราะชีวิตจริงมันเจอผู้ชายที่เฮ... ทำไมผู้หญิงจะต้องทนอยู่กับผู้ชายเฮ... อ้าวถ้าต้องอยู่แล้วผู้หญิงต้องจำใจซั่มกับผู้ชายเฮ...อีกเหรอ แล้วยังต้องเลี้ยงลูกลำพังเพราะผู้ชายเฮ...มีกี่คนที่จะเลี้ยงลูกให้โตขึ้นมาเป็นคนดีได้เพราะขนาดตัวเองยังเฮ...

    ทำไมต้องมีผู้หญิงจำนวนมากในอเมริกาออกมาเคลื่อนไหว?

    เพราะผู้นำเป็นเช่นไรก็สะท้อนคนกลุ่มใหญ่ในสังคมออกมา ผู้หญิงในอเมริกาเลยต้องมาใช้การเคลื่อนไหวของกลุ่มเฟมินสต์ในเกาหลีใต้ทั้งที่อเมริกาเป็นประเทศที่ประกาศว่าตนเองเป็นผู้นำด้านเสริภาพความเท่าเทียม

    อ้างจาก

    https://edition.cnn.com/2024/11/09/us/4b-movement-trump-south-korea-wellness-cec/index.html
    https://thethaiger.com/th/news/1280834/
    https://www.msn.com/th-th/entertainment/celebrities/%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-4b-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81-4-%E0%B8%9B%E0%B8%B5-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87/ar-AA1tMLVW
    เห็นการเคลื่อนไหว 4B หลังจากอเมริกาได้ปธน.ใหม่ 4B คืออะไร? B มาจาก บี Bi ในภาษาเกาหลีที่แปลว่าไม่ นั่นคือ 4B คือผู้หญิงจะไม่ทำ 4 อย่างกับผู้ชายที่ตัวเองไม่โอเค ประกอบด้วย ไม่คบ, ไม่ซั่ม, ไม่แต่ง, ไม่มีลูก อย่างที่รู้กันว่าการเหยียดเพศหญิงในสังคมเกาหลีรุนแรงมากจนไม่น่าเชื่อว่าสื่อที่ออกมาแทบจะไม่เห็นรุนแรงพวกนี้เลย สาวไทยเลยเอาแต่คลั่งโอปป้าสู้ถวายหัวสุดใจแต่ในกลุ่มที่เคยสัมผัสคนเกาหลีโดยเฉพาะผู้ชายเกาหลีจริงๆ ต่างจะร้องแย้...พร้อมกัน แม้กระทั่งผู้ชายเกาหลีแท้ๆ ด้วยกันก็มีหลายคนที่ส่ายหัวกับความคิดและพฤติกรรมผู้ชายเกาหลีในสังคม ก็เพราะว่าปัญหาที่สะสมมานานพวกนี้ทำให้ผู้หญิงในเกาหลีที่สามารถหางานมีเงินเลี้ยงตัวเองได้ ทำ 4B ทั้งแบบเปิดตัวและไม่เปิดตัว (เพราะหากเปิดตัวว่าทำ 4B หรือ สนใจมีแนวคิดเฟมินิสต์ ผู้หญิงคนนั้นจะเจอความรุนแรงรูปแบบต่างๆ ใส่ชีวิตถาโถมเลยมีผู้หญิงจำนวนมากที่เก็บความคิดความสนใจด้านเฟมินิสต์ของตนเอง) สังเกตมั้ยว่าหัวข้อนี้ คนที่ออกมาติเตียนให้ความเห็นเชิงลบกับผู้ทำ 4B มักจะเป็นผู้ชาย ทั้งที่การทำ 4B ของผู้หญิงนั้น "ผู้ชายที่ดีสำหรับผู้หญิง" ไม่เดือดร้อนเลย ถ้าคุณเป็นผู้ชายที่ดี ซื่อสัตย์กับคู่ของคุณ และดีในด้านอื่นๆ ตามแต่ที่ผู้หญิงคนนั้นๆ ต้องการด้านอะไร ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ปฏิเสธผู้ชายดีๆ ที่เข้ามาในชีวิตพวกเธอและไม่จำเป็นต้องทำ 4B แต่เพราะชีวิตจริงมันเจอผู้ชายที่เฮ... ทำไมผู้หญิงจะต้องทนอยู่กับผู้ชายเฮ... อ้าวถ้าต้องอยู่แล้วผู้หญิงต้องจำใจซั่มกับผู้ชายเฮ...อีกเหรอ แล้วยังต้องเลี้ยงลูกลำพังเพราะผู้ชายเฮ...มีกี่คนที่จะเลี้ยงลูกให้โตขึ้นมาเป็นคนดีได้เพราะขนาดตัวเองยังเฮ... ทำไมต้องมีผู้หญิงจำนวนมากในอเมริกาออกมาเคลื่อนไหว? เพราะผู้นำเป็นเช่นไรก็สะท้อนคนกลุ่มใหญ่ในสังคมออกมา ผู้หญิงในอเมริกาเลยต้องมาใช้การเคลื่อนไหวของกลุ่มเฟมินสต์ในเกาหลีใต้ทั้งที่อเมริกาเป็นประเทศที่ประกาศว่าตนเองเป็นผู้นำด้านเสริภาพความเท่าเทียม อ้างจาก https://edition.cnn.com/2024/11/09/us/4b-movement-trump-south-korea-wellness-cec/index.html https://thethaiger.com/th/news/1280834/ https://www.msn.com/th-th/entertainment/celebrities/%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-4b-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81-4-%E0%B8%9B%E0%B8%B5-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87/ar-AA1tMLVW
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 388 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนรับ ต้องเดินเข้าจุดมาร์ก X แล้วโค้งคำนับแสดงความเคารพลุงตู่ประยุทธ์ 1 ครั้ง แล้วเดินเข้าไป

    ขณะรับ ต้องโน้มตัวไปด้านหน้า ยื่นมือเหยียดตรง รับจากลุงตู่ประยุทธ์ แล้วถอยหลังเข้าจุดมาร์ก X เพื่งโค้งคำนับลุงตู่ประยุทธ์อีก 1 ครั้ง
    ก่อนรับ ต้องเดินเข้าจุดมาร์ก X แล้วโค้งคำนับแสดงความเคารพลุงตู่ประยุทธ์ 1 ครั้ง แล้วเดินเข้าไป ขณะรับ ต้องโน้มตัวไปด้านหน้า ยื่นมือเหยียดตรง รับจากลุงตู่ประยุทธ์ แล้วถอยหลังเข้าจุดมาร์ก X เพื่งโค้งคำนับลุงตู่ประยุทธ์อีก 1 ครั้ง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า(ยุคพระศรีอารย์)
    นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าที่ผมจะเสนอทุกท่านนี้นั้นจะเป็นไปในแบบที่มีความสุขและเรียบง่ายมาก แต่ทุกคนนั้นมองข้ามในบางสิ่งที่สำคัญมากไป เอ้ามาเริ่มกันเลยเนาะ
    ครั้งหนึ่งมีเจ้ากระต่ายที่ทะนงตนเองอยู่ตัวหนึ่ง กับเจ้าเต่าน้อยที่อ่อนแออีกตัวหนึ่ง พร้อมทั้งเหล่าสหายผองเพื่อนสัตว์ป่าน้อยใหญ่ประเภทต่างๆอีกมากมายอาศัยอยู่ด้วยกันในป่าแห่งหนึ่ง
    ทุกวันนั้นเจ้ากระต่ายมักจะเห็นเจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารแต่น่ารำคาญในสายตาของเจ้ากระต่ายอยู่ทุกวันๆ และเจ้ากระต่ายก็มักจะดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามเจ้าเต่าน้อยอยู่ทุกวันๆว่า
    “เต่าอย่างนายมันดีแต่เดินชักช้าน่ารำคาญไม่ทันใครๆเค้าหรอก จะทำอะไรก็ชักช้าต้วมเตี้ยมๆ แล้วอย่างนี้จะไปทันเค้าเรอะ ฮ่าๆๆ”
    แล้วมีอยู่วันหนึ่งที่เจ้ากระต่ายได้ไปเห็นเจ้าเต่าน้อยที่น่ารำคาญเดินชักช้าต้วมเตี้ยมๆแล้วก็เกิดความคิดอยากที่จะกลั่นแกล้งเจ้าเต่าน้อยให้อับอายขายขี้หน้าประชาชีไปทั่วทั้งป่าให้สะใจตนเองจนถึงที่สุด เลยออกสาส์นท้ารบท้าทายเจ้าเต่าน้อย และอยากที่โอ้อวดตนเองที่มีร่างกายที่ดีกว่าเจ้าเต่าน้อยที่ดีแต่ชักช้าทำอะไรไม่ทันใครเค้าว่า
    “เรามาวิ่งแข่งกัน ถ้าชั้นชนะนาย นายจะต้องกลายมาเป็นเบ้ของชั้นตลอดไป หรือ นายจะต้องออกไปจากป่าแห่งนี้และไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก” “แต่ถ้าชั้นแพ้ นายจะได้รับการยอมรับจากชั้นว่านายไม่ใช่แค่เต่าที่ดีแต่เดินต้วมเตี้ยมๆไปวันๆที่ไม่มีอะไรดีเด่นในตัวเองเลย หรือ นายจะได้อยู่ในป่าแห่งนี้ต่อไป และได้รับการยอมรับจากชั้นว่านายก็มีดีเหมือนกัน และก็จะได้เป็นเจ้าป่าด้วย”
    เต่าน้อยลังเลใจอยู่พักใหญ่ แต่ด้วยความที่เต่าน้อยสุดที่จะอดทนอดกลั้นกับเจ้ากระต่ายที่แสนจะทะนงตนและโอ้อวดนั่นได้ เจ้าเต่าน้อยเลยทำการตกลงที่จะแข่งขันกับเจ้ากระต่าย เพื่อให้เจ้ากระต่ายได้รับรู้กันไปเลยว่า
    “ชั้นไม่ได้เป็นแค่เต่ากระจอกๆที่ใครๆก็จะมาดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามกันได้ง่ายๆ” อย่างที่เจ้ากระต่ายพูดไว้ “ชั้นก็มีดีในตัวเองเหมือนกัน”
    จากนั้นเจ้ากระต่ายก็ได้ประกาศบอกไปกับเหล่าเพื่อนพ้องสหายสัตว์น้อยใหญ่ที่อาศัยอยู่ในป่าเดียวกันให้ได้รับทราบและรับรู้โดยทั่วกันให้มาเป็นสักขีพยานในการที่เจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าน้อยจะทำการประลองวิ่งแข่งกัน โดยให้จัดเตรียมงานการแข่งขันกันในอีกสามวัน
    ครั้นพอถึงวันที่ได้กำหนดไว้แล้ว เจ้ากระต่ายก็มาก่อนเจ้าเต่า และได้เตรียมพร้อมที่จะทำการประลองแข่งขันในทันที แต่ครั้นพอถึงเวลาที่จะทำการแข่งขันแล้ว แต่เจ้าเต่ากลับยังไม่มาตามที่ได้นัดหมายเอาไว้ เจ้ากระต่ายจึงได้ประกาศเหยียดหยามดูถูกเจ้าเต่าว่า
    “ฮ่าๆๆ ป่านนี้แล้วเจ้าเต่ามันยังไม่โผล่หัวมาที่ลานประลองนี้อีก ดูท่าว่าเจ้าเต่ามันคงจะกลัวหัวหดอยู่ในกระดองหนีไปจากป่านี้แล้วล่ะมั้ง”
    แต่พอเจ้ากระต่ายพูดจบยังไม่ทันขาดคำ เจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารก็มาถึงที่ลานประลองในทันที เจ้ากระต่ายจึงได้พูดเกทับบอกเจ้าเต่าไปว่า
    “นายแน่มากที่มาประลองกับชั้นในวันนี้ทั้งๆที่รู้ว่าแพ้อยู่แล้ว ฮ่าๆๆ”
    เจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารก็เลยบอกกับเจ้ากระต่ายที่ทระนงตนเองว่า “เรายังไม่ทันได้แข่งกันเลย ใครจะไปรู้ว่าบางทีกระต่ายที่แสนรวดเร็วอย่างนายอาจจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในวันนี้ก็เป็นได้ หึๆๆ”
    พอได้เวลาที่จะแข่งขันแล้วเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ทั้งหลายก็มาเป็นสักขีพยานกันถ้วนหน้า และเชียร์ให้กำลังใจเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าที่มาแข่งขันกันอย่างเอิกเกริกเจี๊ยวจ๊าวเซ็งแซ่ไปทั่วทั้งป่า
    สัญญาณเริ่มการประลองเริ่มดังขึ้น เจ้ากระต่ายออกตัวได้อย่างรวดเร็วแซงหน้าเจ้าเต่าไปอย่างไม่เห็นฝุ่น ตามเส้นทางแข่งขันมีที่อุปสรรคขวากหนามต่างๆมากมาย เจ้ากระต่ายผ่านไปได้หมดได้อย่างง่ายดาย ส่วนเจ้าเต่ากลับทุลักทุเลผ่านไปแทบจะทุกๆด่าน แต่มีอุปสรรคหนึ่งที่เป็นหัวใจในการแข่งขันในครั้งนี้ที่เหล่าผองเพื่อนสัตว์ป่าน้อยใหญ่ได้ตกลงทำกันไว้และคอยลุ้นอยู่อย่างน่าตื่นเต้นเร้าใจที่สุด โดยมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้คิดขึ้นมาเพื่อท้าทายเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าเพื่อให้เห็นถึงคุณค่าของการสามัคคีกลมเกลียวรักกันและกัน เพื่อหวังว่าจะให้เจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าได้รับรู้ถึงมิตรภาพและความดีงามในการอยู่ร่วมกันในป่าแห่งนี้ว่า
    “จงเห็นคุณค่าของกันและกัน อย่าดูถูกกัน อย่าแตกสามัคคีกัน จงเห็นใจกันและกัน เข้าใจกันและกัน และยอมรับความแตกต่างซึ่งกันและกัน ทุกคนนั้นล้วนย่อมมีดีในตนเองด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครอยู่เหนือไปกว่ากัน แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็สามารถช่วยเหลือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดได้ ทุกคนย่อมมีดีอยู่ในตัวเองด้วยกันทั้งนั้น”
    ว่าแล้วก็หันไปทางที่เจ้ากระต่ายที่ทุลักทุเลไม่สามารถฝ่าด่านสุดท้ายของราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสหายสัตว์ป่าน้อยใหญ่ที่ได้ทำการทดสอบเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าได้ เจ้ากระต่ายหมดแรงหยุดอยู่ที่ด่านนั้น จนฝ่ายเจ้าเต่าน้อยผ่านมาถึงด่านเดียวกันในที่สุด ถึงแม้ว่าจะทุลักทุเลเกือบหมดสภาพดูไม่จืดก็ตามที
    ด่านสุดท้ายที่ว่านี้ก็คือ ด่านที่จะต้องใช้กำลังแรงของทั้งคู่ฟันฝ่าผ่านไปให้ได้เท่านั้น เพียงแค่กำลังสัตว์ตัวคนเดียวนั้นไม่สามารที่จะฟันฝ่าผ่านไปได้เลย
    ว่าแล้วเจ้าเต่าก็บอกกับเจ้ากระต่ายว่า “ไหนนายบอกว่านายแน่จริงไง ไหงนายยังฝ่าด่านนี้ไปไม่ได้” ส่วนฝ่ายเจ้ากระต่ายนั้นก็รู้สึกตัวว่าตนเองผิดที่ชอบดูถูกเจ้าเต่าอยู่เสมอๆ จึงยอมรับว่าตนเองนั้นฝ่าด่านนี้ไปไม่ได้แน่ถ้าไม่มีเจ้าเต่าคอยช่วยเหลือด้วยอีกแรงหนึ่ง และได้ร้องขออ้อนวอนขอโทษเจ้าเต่าอย่างสำนึกในความหลงผิดที่ตัวเองได้เคยทำไม่ดีกับเจ้าเต่าไว้ และขอให้เจ้าเต่าให้อภัยให้กับตน และจะไม่ทำไม่ดีแบบนี้กับเจ้าเต่าอีกต่อไป ส่วนเจ้าเต่าก็ได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเจ้ากระต่ายที่มีต่อตนเองนั้นเป็นของจริง จึงคิดถึงคำที่ราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าทั้งหลายที่ได้เคยสั่งสอนตนและเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ทั่วทั้งป่าไว้ในตอนที่มีเหล่าสัตว์ป่าสมาชิกใหม่ทุกตัวที่ถือกำเนิดเกิดมาในป่านี้นั้นต้องได้รับการปฏิญาณตนต่อหน้าเจ้าป่าราชสีห์และสัตว์ป่าตัวอื่นๆทุกตัวที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ว่าจะสืบทอดสานต่อเจตจำนงบรรพชนที่ตายไปที่เคยอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้และได้เฝ้าคอยดูแลรักษาป่าแห่งนี้ไว้ให้กับรุ่นลูกรุ่นหลานในรุ่นหลังว่า
    “พวกเราจะรักษาไว้ซึ่งความดีงามของบรรพชนที่ได้ส่งต่อมาสู่พวกเรารุ่นลูกรุ่นหลาน และเราจะส่งต่อซึ่งความดีงามนี้ไปให้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานข้างหน้าสืบต่อไป”
    ว่าแล้วเจ้าเต่าก็ได้บอกถึงเคล็ดลับวิธีที่จะฟันฝ่าผ่านด่านทดสอบของราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ให้กับเจ้ากระต่ายได้ฟัง เจ้ากระต่ายจึงได้รับรู้ถึงเจตจำนงบรรพชนที่ตนเองนั้นได้เคยหลงลืมละเลยไปนานเลยว่า ในตอนที่ตนเองนั้นได้ถือกำเนิดเกิดมาแล้วนั้น และได้อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้นั้น ตนเองได้เคยกระทำอะไรไปบ้างในตอนนั้น ทำให้เจ้ากระต่ายถึงกับร้องไห้น้ำตาไหลคลออาบแก้ม เพราะได้รับรู้ซึ้งซึ่งเจตจำนงของบรรพชนที่ได้ถ่ายทอดมาสู่รุ่นหลังที่ตนเองได้เคยทำการปฏิญาณตนไปนั่นเอง ดังนั้นแล้วเจ้ากระต่ายจึงได้ทำการร่วมมือกับเจ้าเต่าช่วยกันฟันฝ่าผ่านด่านสุดท้ายนี้ไปได้อย่างง่ายดาย
    เหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าทุกตัวล้วนต่างตั้งหน้าตั้งตามารอดูเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าทั้งคู่ที่ทางวิ่งเข้าเส้นชัย ที่ในท้ายที่สุดเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าก็ได้จับมือจูงกันไปจนถึงเส้นชัยไปได้ในที่สุด โดยที่ปลายทางนั้นมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้ให้กำลังใจปลอบโยนเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าที่รับรู้ได้ถึงหัวใจของการถูกทดสอบในครั้งนี้และตลอดไป
    สุดท้ายนี้ในท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครที่ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และไม่มีใครที่ได้เป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ เพราะเสมอด้วยกันทั้งคู่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไป คือ เหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ในป่าทุกตัวล้วนอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสงบ โดยมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้นำประมุขสูงสุดอยู่ในป่าแห่งนี้นั่นเอง
    จบบริบูรณ์
    ป.ล.ผมหวังว่าทุกท่านคงจะชอบนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าแบบฉบับนี้กันไม่มากก็น้อยนะครับ
    นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า(ยุคพระศรีอารย์) นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าที่ผมจะเสนอทุกท่านนี้นั้นจะเป็นไปในแบบที่มีความสุขและเรียบง่ายมาก แต่ทุกคนนั้นมองข้ามในบางสิ่งที่สำคัญมากไป เอ้ามาเริ่มกันเลยเนาะ ครั้งหนึ่งมีเจ้ากระต่ายที่ทะนงตนเองอยู่ตัวหนึ่ง กับเจ้าเต่าน้อยที่อ่อนแออีกตัวหนึ่ง พร้อมทั้งเหล่าสหายผองเพื่อนสัตว์ป่าน้อยใหญ่ประเภทต่างๆอีกมากมายอาศัยอยู่ด้วยกันในป่าแห่งหนึ่ง ทุกวันนั้นเจ้ากระต่ายมักจะเห็นเจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารแต่น่ารำคาญในสายตาของเจ้ากระต่ายอยู่ทุกวันๆ และเจ้ากระต่ายก็มักจะดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามเจ้าเต่าน้อยอยู่ทุกวันๆว่า “เต่าอย่างนายมันดีแต่เดินชักช้าน่ารำคาญไม่ทันใครๆเค้าหรอก จะทำอะไรก็ชักช้าต้วมเตี้ยมๆ แล้วอย่างนี้จะไปทันเค้าเรอะ ฮ่าๆๆ” แล้วมีอยู่วันหนึ่งที่เจ้ากระต่ายได้ไปเห็นเจ้าเต่าน้อยที่น่ารำคาญเดินชักช้าต้วมเตี้ยมๆแล้วก็เกิดความคิดอยากที่จะกลั่นแกล้งเจ้าเต่าน้อยให้อับอายขายขี้หน้าประชาชีไปทั่วทั้งป่าให้สะใจตนเองจนถึงที่สุด เลยออกสาส์นท้ารบท้าทายเจ้าเต่าน้อย และอยากที่โอ้อวดตนเองที่มีร่างกายที่ดีกว่าเจ้าเต่าน้อยที่ดีแต่ชักช้าทำอะไรไม่ทันใครเค้าว่า “เรามาวิ่งแข่งกัน ถ้าชั้นชนะนาย นายจะต้องกลายมาเป็นเบ้ของชั้นตลอดไป หรือ นายจะต้องออกไปจากป่าแห่งนี้และไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก” “แต่ถ้าชั้นแพ้ นายจะได้รับการยอมรับจากชั้นว่านายไม่ใช่แค่เต่าที่ดีแต่เดินต้วมเตี้ยมๆไปวันๆที่ไม่มีอะไรดีเด่นในตัวเองเลย หรือ นายจะได้อยู่ในป่าแห่งนี้ต่อไป และได้รับการยอมรับจากชั้นว่านายก็มีดีเหมือนกัน และก็จะได้เป็นเจ้าป่าด้วย” เต่าน้อยลังเลใจอยู่พักใหญ่ แต่ด้วยความที่เต่าน้อยสุดที่จะอดทนอดกลั้นกับเจ้ากระต่ายที่แสนจะทะนงตนและโอ้อวดนั่นได้ เจ้าเต่าน้อยเลยทำการตกลงที่จะแข่งขันกับเจ้ากระต่าย เพื่อให้เจ้ากระต่ายได้รับรู้กันไปเลยว่า “ชั้นไม่ได้เป็นแค่เต่ากระจอกๆที่ใครๆก็จะมาดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามกันได้ง่ายๆ” อย่างที่เจ้ากระต่ายพูดไว้ “ชั้นก็มีดีในตัวเองเหมือนกัน” จากนั้นเจ้ากระต่ายก็ได้ประกาศบอกไปกับเหล่าเพื่อนพ้องสหายสัตว์น้อยใหญ่ที่อาศัยอยู่ในป่าเดียวกันให้ได้รับทราบและรับรู้โดยทั่วกันให้มาเป็นสักขีพยานในการที่เจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าน้อยจะทำการประลองวิ่งแข่งกัน โดยให้จัดเตรียมงานการแข่งขันกันในอีกสามวัน ครั้นพอถึงวันที่ได้กำหนดไว้แล้ว เจ้ากระต่ายก็มาก่อนเจ้าเต่า และได้เตรียมพร้อมที่จะทำการประลองแข่งขันในทันที แต่ครั้นพอถึงเวลาที่จะทำการแข่งขันแล้ว แต่เจ้าเต่ากลับยังไม่มาตามที่ได้นัดหมายเอาไว้ เจ้ากระต่ายจึงได้ประกาศเหยียดหยามดูถูกเจ้าเต่าว่า “ฮ่าๆๆ ป่านนี้แล้วเจ้าเต่ามันยังไม่โผล่หัวมาที่ลานประลองนี้อีก ดูท่าว่าเจ้าเต่ามันคงจะกลัวหัวหดอยู่ในกระดองหนีไปจากป่านี้แล้วล่ะมั้ง” แต่พอเจ้ากระต่ายพูดจบยังไม่ทันขาดคำ เจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารก็มาถึงที่ลานประลองในทันที เจ้ากระต่ายจึงได้พูดเกทับบอกเจ้าเต่าไปว่า “นายแน่มากที่มาประลองกับชั้นในวันนี้ทั้งๆที่รู้ว่าแพ้อยู่แล้ว ฮ่าๆๆ” เจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารก็เลยบอกกับเจ้ากระต่ายที่ทระนงตนเองว่า “เรายังไม่ทันได้แข่งกันเลย ใครจะไปรู้ว่าบางทีกระต่ายที่แสนรวดเร็วอย่างนายอาจจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในวันนี้ก็เป็นได้ หึๆๆ” พอได้เวลาที่จะแข่งขันแล้วเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ทั้งหลายก็มาเป็นสักขีพยานกันถ้วนหน้า และเชียร์ให้กำลังใจเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าที่มาแข่งขันกันอย่างเอิกเกริกเจี๊ยวจ๊าวเซ็งแซ่ไปทั่วทั้งป่า สัญญาณเริ่มการประลองเริ่มดังขึ้น เจ้ากระต่ายออกตัวได้อย่างรวดเร็วแซงหน้าเจ้าเต่าไปอย่างไม่เห็นฝุ่น ตามเส้นทางแข่งขันมีที่อุปสรรคขวากหนามต่างๆมากมาย เจ้ากระต่ายผ่านไปได้หมดได้อย่างง่ายดาย ส่วนเจ้าเต่ากลับทุลักทุเลผ่านไปแทบจะทุกๆด่าน แต่มีอุปสรรคหนึ่งที่เป็นหัวใจในการแข่งขันในครั้งนี้ที่เหล่าผองเพื่อนสัตว์ป่าน้อยใหญ่ได้ตกลงทำกันไว้และคอยลุ้นอยู่อย่างน่าตื่นเต้นเร้าใจที่สุด โดยมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้คิดขึ้นมาเพื่อท้าทายเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าเพื่อให้เห็นถึงคุณค่าของการสามัคคีกลมเกลียวรักกันและกัน เพื่อหวังว่าจะให้เจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าได้รับรู้ถึงมิตรภาพและความดีงามในการอยู่ร่วมกันในป่าแห่งนี้ว่า “จงเห็นคุณค่าของกันและกัน อย่าดูถูกกัน อย่าแตกสามัคคีกัน จงเห็นใจกันและกัน เข้าใจกันและกัน และยอมรับความแตกต่างซึ่งกันและกัน ทุกคนนั้นล้วนย่อมมีดีในตนเองด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครอยู่เหนือไปกว่ากัน แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็สามารถช่วยเหลือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดได้ ทุกคนย่อมมีดีอยู่ในตัวเองด้วยกันทั้งนั้น” ว่าแล้วก็หันไปทางที่เจ้ากระต่ายที่ทุลักทุเลไม่สามารถฝ่าด่านสุดท้ายของราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสหายสัตว์ป่าน้อยใหญ่ที่ได้ทำการทดสอบเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าได้ เจ้ากระต่ายหมดแรงหยุดอยู่ที่ด่านนั้น จนฝ่ายเจ้าเต่าน้อยผ่านมาถึงด่านเดียวกันในที่สุด ถึงแม้ว่าจะทุลักทุเลเกือบหมดสภาพดูไม่จืดก็ตามที ด่านสุดท้ายที่ว่านี้ก็คือ ด่านที่จะต้องใช้กำลังแรงของทั้งคู่ฟันฝ่าผ่านไปให้ได้เท่านั้น เพียงแค่กำลังสัตว์ตัวคนเดียวนั้นไม่สามารที่จะฟันฝ่าผ่านไปได้เลย ว่าแล้วเจ้าเต่าก็บอกกับเจ้ากระต่ายว่า “ไหนนายบอกว่านายแน่จริงไง ไหงนายยังฝ่าด่านนี้ไปไม่ได้” ส่วนฝ่ายเจ้ากระต่ายนั้นก็รู้สึกตัวว่าตนเองผิดที่ชอบดูถูกเจ้าเต่าอยู่เสมอๆ จึงยอมรับว่าตนเองนั้นฝ่าด่านนี้ไปไม่ได้แน่ถ้าไม่มีเจ้าเต่าคอยช่วยเหลือด้วยอีกแรงหนึ่ง และได้ร้องขออ้อนวอนขอโทษเจ้าเต่าอย่างสำนึกในความหลงผิดที่ตัวเองได้เคยทำไม่ดีกับเจ้าเต่าไว้ และขอให้เจ้าเต่าให้อภัยให้กับตน และจะไม่ทำไม่ดีแบบนี้กับเจ้าเต่าอีกต่อไป ส่วนเจ้าเต่าก็ได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเจ้ากระต่ายที่มีต่อตนเองนั้นเป็นของจริง จึงคิดถึงคำที่ราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าทั้งหลายที่ได้เคยสั่งสอนตนและเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ทั่วทั้งป่าไว้ในตอนที่มีเหล่าสัตว์ป่าสมาชิกใหม่ทุกตัวที่ถือกำเนิดเกิดมาในป่านี้นั้นต้องได้รับการปฏิญาณตนต่อหน้าเจ้าป่าราชสีห์และสัตว์ป่าตัวอื่นๆทุกตัวที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ว่าจะสืบทอดสานต่อเจตจำนงบรรพชนที่ตายไปที่เคยอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้และได้เฝ้าคอยดูแลรักษาป่าแห่งนี้ไว้ให้กับรุ่นลูกรุ่นหลานในรุ่นหลังว่า “พวกเราจะรักษาไว้ซึ่งความดีงามของบรรพชนที่ได้ส่งต่อมาสู่พวกเรารุ่นลูกรุ่นหลาน และเราจะส่งต่อซึ่งความดีงามนี้ไปให้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานข้างหน้าสืบต่อไป” ว่าแล้วเจ้าเต่าก็ได้บอกถึงเคล็ดลับวิธีที่จะฟันฝ่าผ่านด่านทดสอบของราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ให้กับเจ้ากระต่ายได้ฟัง เจ้ากระต่ายจึงได้รับรู้ถึงเจตจำนงบรรพชนที่ตนเองนั้นได้เคยหลงลืมละเลยไปนานเลยว่า ในตอนที่ตนเองนั้นได้ถือกำเนิดเกิดมาแล้วนั้น และได้อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้นั้น ตนเองได้เคยกระทำอะไรไปบ้างในตอนนั้น ทำให้เจ้ากระต่ายถึงกับร้องไห้น้ำตาไหลคลออาบแก้ม เพราะได้รับรู้ซึ้งซึ่งเจตจำนงของบรรพชนที่ได้ถ่ายทอดมาสู่รุ่นหลังที่ตนเองได้เคยทำการปฏิญาณตนไปนั่นเอง ดังนั้นแล้วเจ้ากระต่ายจึงได้ทำการร่วมมือกับเจ้าเต่าช่วยกันฟันฝ่าผ่านด่านสุดท้ายนี้ไปได้อย่างง่ายดาย เหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าทุกตัวล้วนต่างตั้งหน้าตั้งตามารอดูเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าทั้งคู่ที่ทางวิ่งเข้าเส้นชัย ที่ในท้ายที่สุดเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าก็ได้จับมือจูงกันไปจนถึงเส้นชัยไปได้ในที่สุด โดยที่ปลายทางนั้นมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้ให้กำลังใจปลอบโยนเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าที่รับรู้ได้ถึงหัวใจของการถูกทดสอบในครั้งนี้และตลอดไป สุดท้ายนี้ในท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครที่ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และไม่มีใครที่ได้เป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ เพราะเสมอด้วยกันทั้งคู่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไป คือ เหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ในป่าทุกตัวล้วนอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสงบ โดยมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้นำประมุขสูงสุดอยู่ในป่าแห่งนี้นั่นเอง จบบริบูรณ์ ป.ล.ผมหวังว่าทุกท่านคงจะชอบนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าแบบฉบับนี้กันไม่มากก็น้อยนะครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวัสดีครับทุกท่าน ผมมีชื่อเล่นว่า "แดนเจอร์" นะครับ
    ผมเป็นผู้พิทักษ์แห่งความมืด 1 ใน 6 เสาหลักผู้พิทักษ์แห่งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ในองค์กรเพื่อนแท้ ดิ เอลเลเม้นท์(ใครอยากรู้ว่ามันคืออะไรให้ไปที่บันทึกของผมก็แล้วกัน ผมขี้เกียจนั่งอธิบายทีละคนนะครับ ซึ่งในบันทึกของผมนั้นจะมีคำตอบและตัวตนทั้งหมดของผมอยู่นั่นเอง)
    อุดมการณ์ของผม คือ พิทักษ์ชาติ,ศาสน์,กษัตริย์ สานต่อเจตจำนงบรรพชน ค้ำจุนคนดี กำราบคนชั่ว ทำให้ทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข บนผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้ ผืนแผ่นดินของในหลวง(รัชกาลที่๙)กับราชินี(ในรัชกาลที่๙) และบรรพชนของเรา ให้เป็นเอกราชสืบต่อไปจวบจนรุ่นลูกรุ่นหลานในภายภาคหน้า
    ป.ล.1 ผมรับเฉพาะเพื่อนคนพันธุ์พิเศษเท่านั้นนะครับ คนธรรมดาทั่วไปนั้นผมไม่รับเป็นเพื่อนด้วย(เพื่อนคนพันธุ์พิเศษ คือ พวกที่มีอะไรที่พิเศษในตัวเองที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร และมีจุดยืนของตัวเองที่มั่นคงชัดเจน ซึ่งก็คือมีอุดมการณ์ มีจิตวิญญาณ ไม่ใช่พวกหลักลอย หรือพวกผีดิบ)
    ซึ่งใครจะหาว่าผมว่าเป็นพวกหยิ่ง,ชั่วช้า,เลวทรามอย่างไรก็ช่าง เรื่องของพวกคุณ ผมไม่สนใจ เพราะผมไม่มีเวลามานั่งสนใจความรู้สึกของคนธรรมดาที่แสนชั่วช้าเลวทรามอย่างพวกคุณ สังคมเน่าๆอย่างนี้ผมไม่ขออยู่ร่วมด้วย ถ้ามีเพื่อนที่มันไม่เข้าใจเรา,ไม่รักเรา,ไม่รู้จักเราอย่างแท้จริงแล้วล่ะก็ สู้เราอดทนอยู่แม่งมันตัวคนเดียวเสียยังจะดีกว่าไปเกลือกกลั้วกลิ้งกับคนธรรมดาที่แสนชั่วช้าเลวทรามอย่างพวกคุณ
    ถ้าหากคุณอยากจะเป็นเพื่อนแท้กันก็เอาใจมาแลกใจ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ไม่มีอะไรซื้อผมได้นอกจากจิตใจที่ดีอย่างแท้จริงเท่านั้น
    ป.ล.2 ผมยินดีที่จะเป็นมิตรกับทุกคนที่รักความถูกต้องโดยชอบธรรม โดยมีธรรมะอยู่ในจิตใจ และรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นที่มีความเป็นธรรม โดยมีความเป็นกลางและไม่มีอวิชชาหรืออคติใดๆที่ไม่ชอบธรรม และพร้อมที่จะรับความผิดชอบเมื่อได้กระทำความผิดพลาด หรือพลั้งเผลอไปด้วยความยินดี ซึ่งทุกคนก็ล้วนเคยได้ทำผิดพลาดกันมาในชีวิตมาด้วยกันได้ทั้งนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดอะไรเลย เพียงแค่คุณยอมรับมันได้และเปิดใจของคุณเอง มันก็เป็นแค่เพียงเท่านั้นเอง
    ป.ล.3 ผมยินดีและพร้อมที่จะเป็นเพื่อนกับทุกท่านที่เป็นพันธมิตรฯที่แท้จริง ที่เป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกันทุกท่าน เพียงแค่คุณกล้าพอที่จะเป็นเพื่อนกับผม และรองรับอารมณ์ความโกรธเกรี้ยว พลังความมืดในด้านมืดของผมได้ และเข้าใจในตัวตนที่แท้จริงของผมอย่างลึกซึ้ง โดยไม่มีอารมณ์และอคติใดๆที่เป็นอารมณ์ด้านลบติดอยู่กับตัว เพราะนั่นคือ กิเลส หรือ มาร ที่จะมาคอยฉุดรั้งคุณเพื่อไม่ให้คุณได้กระทำความดีได้อย่างเต็มที่นั่นเอง(ซึ่งผมเองก็เคยเป็น และได้ประสบพบเจอมากับตัวผมเองมาแล้ว ผมจึงปรารถนาที่จะไม่ให้คุณต้องตกเป็นแบบเดียวกันกับผมเหมือนเมื่อก่อนอย่างในอดีตของผมนั่นเอง)
    ป.ล.4 ผมขออธิบายความหมายของคำว่าคนธรรมดากับคนพิเศษไว้ในที่นี้นะครับ เผื่อบางท่านอาจจะงง,สงสัย,เข้าใจผิดกันได้ คนธรรมดาสำหรับผมนั้นหมายถึง คนชั่ว ส่วนคนพิเศษสำหรับผมนั้นหมายถึง คนดี นั่นเองครับ(ผมขออภัยทุกท่านด้วยจริงๆนะครับ ที่ทำให้ทุกท่านเข้าใจในตัวผมผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปนะครับ)
    ป.ล.5 ผมไม่สนใจในคู่ชีวิต หรือ ผู้หญิงที่ดีแต่สวยที่รูปร่างหน้าตา เก่ง,สวย,รวย,ดีพร้อมไปหมดทุกอย่าง แต่ไร้ซึ่งคุณงามความดีหรอกนะ
    มันก็เป็นแค่เพียงภายนอกสำหรับผม ลองคิดดู อีกสัก 20 ปี หรือหลายปี เพียงแค่เวลาไม่นานมันก็ต้องหมดวัย พอแก่ตัวลงไปแล้วนั้นต่อให้ตายกลายเป็นผีก็ไม่มีวันที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรอกนะ
    เพราะฉะนั้นคนเราควรที่จะคบดูกันที่นิสัยใจคอ ซึ่งก็คือคุณงามความดีที่ได้เคยกระทำมา ต่อให้เค้าเป็นตัวประหลาดในสังคม แต่ถ้าเค้าเป็นคนที่มีจิตใจดีงาม ผมก็ยังคิดว่าเค้าก็ยังจะดีกว่าผู้หญิงที่ดีแต่รูปลักษณ์ภายนอก แต่จิตใจชั่วช้าเลวทรามยิ่งกว่าสัตว์นรกเสียอีก
    ทุกวันนี้คนเรามันชอบเอาหน้ากากใส่หน้ากากเอาหน้าด้านชั่วเข้าหากันและกัน ไม่เคยคิดที่จะจริงใจต่อกันและกันเลย ดีแต่จะคบดูคนกันที่ภายนอก แต่ไม่รู้จักภายในจิตใจนิสัยใจคอที่แท้จริงกันเสียเลย เมื่อพอตายไปกลายเป็นผีลงโลงไปแล้วก็ลงนรกกันแม่งทุกราย
    ถ้าอยากได้รักแท้ก็ควรที่จะกระทำตัวเป็นคนดีกันเอาไว้เสียบ้าง ไม่ใช่วันๆดีแต่ทำตัวเหมือน แรด,ชะนี ร้องเรียกหาผัว อยากกระสันที่จะมีคู่ครองจนตัวสั่น โดยที่ไม่นึกคิดที่จะทำตัวของตนเองให้มันดูดีมีคุณค่าในตัวเองกันบ้างเสียเลย โลกนี้มันก็คงจะไม่น่าอยู่กันอีกต่อไปแล้ว
    พูดแล้วก็ สาธุ ถ้าหากว่าต้องการอยากที่จะได้คนแบบไหนก็ควรที่จะทำตัวของตนเองให้ได้เหมือนกันกับคนที่เราอยากได้มาครอบครองแบบนั้นมาเป็นคู่ชีวิตของเราอย่างนั้นเช่นนั้นแล
    ป.ล.6 ทุกวันนี้คนเราในในสังคมเรานั้นมักจะชอบดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นกันง่ายดายเสียเหลือเกินกันจริงๆ ซึ่งตนเองนั้นก็มักจะชอบที่จะมองดูคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอกกันเสียก่อนอื่น(ซึ่งผมเองก็เข้าใจ)เช่นดูที่รูปลักษณ์รูปร่างหน้าตา,ท่าทางกิริยามารยาท,วาจาคำพูด,การกระทำ หรือแม้แต่เงินทองข้าวของ เครื่องใช้ไม้สอยต่างๆนาๆ แต่ไม่เคยคิดที่จะมองลงไปให้ลึกให้ถึงรายละเอียดภายในจิตใจกันเสียบ้างเสียเลย เปรียบเสมือนกับการที่เราดูหนังสือที่ดีมีความรู้มากมายแค่ที่ปกหนังสือเท่านั้น ซึ่งไม่เคยเลยแม้แต่จะคิดที่จะลองเปิดอ่านดูในเนื้อหาสาระข้างในหนังสือนั้นเลยแม้แต่น้อยเดียวว่า มันมีคุณค่าและสาระมากมายแค่ไหนเพียงไร ในทุกวันนี้คนเราในสังคมมันก็เป็นเสียซะอย่างนี้แหล่ะ ซึ่งผมเองก็คงจะไม่แปลกใจเลยจริงๆ ที่ในทุกวันนี้คนในสังคมของเรามันถึงได้วุ่นวายสับสนอลม่านน่าละอายแก่ใจเหนื่อยหน่ายใจกันสิ้นดีเลยจริงๆ
    ป.ล.7 คนเราทุกคนล้วนมีคุณค่าอยู่ในตัวของตนเองกันทั้งนั้น แม้แต่กระทั่งกับคนที่ชั่วช้าเลวทรามสามานย์ที่สุด ก็ยังมีคุณค่าอยู่ในตัวของตนเอง อย่างน้อยก็กับครอบครัวของตนเอง เพียงแต่แค่มีสตินึกรู้ได้ ไตร่ตรองเป็น และไม่กระทำตัวของตนเองให้กลับกลายเป็นคนชั่วที่ไร้คุณค่าไป คุณก็ได้ขึ้นชื่อว่าเกิดมาเป็นคนที่ดีมีคุณค่าในตัวของตนเองแล้วล่ะนะ เพียงแค่ตัวคุณไม่ทำตัวของตนเองให้เป็นคนที่ไร้คุณค่าเองก็เท่านั้นเองนั่นแหล่ะ

    จบแล้วครับทุกท่าน ขอบคุณที่กรุณาอ่านมาจนจบนะครับ และผมหวังเป็นอย่างยิ่งยวดว่าคุณคงจะเข้าใจในตัวตนของผมบ้างไม่มากก็น้อยเนาะ

    โย่ แม้น โย่ โย่ โย่ โย่
    สวัสดีครับทุกท่าน ผมมีชื่อเล่นว่า "แดนเจอร์" นะครับ ผมเป็นผู้พิทักษ์แห่งความมืด 1 ใน 6 เสาหลักผู้พิทักษ์แห่งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ในองค์กรเพื่อนแท้ ดิ เอลเลเม้นท์(ใครอยากรู้ว่ามันคืออะไรให้ไปที่บันทึกของผมก็แล้วกัน ผมขี้เกียจนั่งอธิบายทีละคนนะครับ ซึ่งในบันทึกของผมนั้นจะมีคำตอบและตัวตนทั้งหมดของผมอยู่นั่นเอง) อุดมการณ์ของผม คือ พิทักษ์ชาติ,ศาสน์,กษัตริย์ สานต่อเจตจำนงบรรพชน ค้ำจุนคนดี กำราบคนชั่ว ทำให้ทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข บนผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้ ผืนแผ่นดินของในหลวง(รัชกาลที่๙)กับราชินี(ในรัชกาลที่๙) และบรรพชนของเรา ให้เป็นเอกราชสืบต่อไปจวบจนรุ่นลูกรุ่นหลานในภายภาคหน้า ป.ล.1 ผมรับเฉพาะเพื่อนคนพันธุ์พิเศษเท่านั้นนะครับ คนธรรมดาทั่วไปนั้นผมไม่รับเป็นเพื่อนด้วย(เพื่อนคนพันธุ์พิเศษ คือ พวกที่มีอะไรที่พิเศษในตัวเองที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร และมีจุดยืนของตัวเองที่มั่นคงชัดเจน ซึ่งก็คือมีอุดมการณ์ มีจิตวิญญาณ ไม่ใช่พวกหลักลอย หรือพวกผีดิบ) ซึ่งใครจะหาว่าผมว่าเป็นพวกหยิ่ง,ชั่วช้า,เลวทรามอย่างไรก็ช่าง เรื่องของพวกคุณ ผมไม่สนใจ เพราะผมไม่มีเวลามานั่งสนใจความรู้สึกของคนธรรมดาที่แสนชั่วช้าเลวทรามอย่างพวกคุณ สังคมเน่าๆอย่างนี้ผมไม่ขออยู่ร่วมด้วย ถ้ามีเพื่อนที่มันไม่เข้าใจเรา,ไม่รักเรา,ไม่รู้จักเราอย่างแท้จริงแล้วล่ะก็ สู้เราอดทนอยู่แม่งมันตัวคนเดียวเสียยังจะดีกว่าไปเกลือกกลั้วกลิ้งกับคนธรรมดาที่แสนชั่วช้าเลวทรามอย่างพวกคุณ ถ้าหากคุณอยากจะเป็นเพื่อนแท้กันก็เอาใจมาแลกใจ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ไม่มีอะไรซื้อผมได้นอกจากจิตใจที่ดีอย่างแท้จริงเท่านั้น ป.ล.2 ผมยินดีที่จะเป็นมิตรกับทุกคนที่รักความถูกต้องโดยชอบธรรม โดยมีธรรมะอยู่ในจิตใจ และรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นที่มีความเป็นธรรม โดยมีความเป็นกลางและไม่มีอวิชชาหรืออคติใดๆที่ไม่ชอบธรรม และพร้อมที่จะรับความผิดชอบเมื่อได้กระทำความผิดพลาด หรือพลั้งเผลอไปด้วยความยินดี ซึ่งทุกคนก็ล้วนเคยได้ทำผิดพลาดกันมาในชีวิตมาด้วยกันได้ทั้งนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดอะไรเลย เพียงแค่คุณยอมรับมันได้และเปิดใจของคุณเอง มันก็เป็นแค่เพียงเท่านั้นเอง ป.ล.3 ผมยินดีและพร้อมที่จะเป็นเพื่อนกับทุกท่านที่เป็นพันธมิตรฯที่แท้จริง ที่เป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกันทุกท่าน เพียงแค่คุณกล้าพอที่จะเป็นเพื่อนกับผม และรองรับอารมณ์ความโกรธเกรี้ยว พลังความมืดในด้านมืดของผมได้ และเข้าใจในตัวตนที่แท้จริงของผมอย่างลึกซึ้ง โดยไม่มีอารมณ์และอคติใดๆที่เป็นอารมณ์ด้านลบติดอยู่กับตัว เพราะนั่นคือ กิเลส หรือ มาร ที่จะมาคอยฉุดรั้งคุณเพื่อไม่ให้คุณได้กระทำความดีได้อย่างเต็มที่นั่นเอง(ซึ่งผมเองก็เคยเป็น และได้ประสบพบเจอมากับตัวผมเองมาแล้ว ผมจึงปรารถนาที่จะไม่ให้คุณต้องตกเป็นแบบเดียวกันกับผมเหมือนเมื่อก่อนอย่างในอดีตของผมนั่นเอง) ป.ล.4 ผมขออธิบายความหมายของคำว่าคนธรรมดากับคนพิเศษไว้ในที่นี้นะครับ เผื่อบางท่านอาจจะงง,สงสัย,เข้าใจผิดกันได้ คนธรรมดาสำหรับผมนั้นหมายถึง คนชั่ว ส่วนคนพิเศษสำหรับผมนั้นหมายถึง คนดี นั่นเองครับ(ผมขออภัยทุกท่านด้วยจริงๆนะครับ ที่ทำให้ทุกท่านเข้าใจในตัวผมผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปนะครับ) ป.ล.5 ผมไม่สนใจในคู่ชีวิต หรือ ผู้หญิงที่ดีแต่สวยที่รูปร่างหน้าตา เก่ง,สวย,รวย,ดีพร้อมไปหมดทุกอย่าง แต่ไร้ซึ่งคุณงามความดีหรอกนะ มันก็เป็นแค่เพียงภายนอกสำหรับผม ลองคิดดู อีกสัก 20 ปี หรือหลายปี เพียงแค่เวลาไม่นานมันก็ต้องหมดวัย พอแก่ตัวลงไปแล้วนั้นต่อให้ตายกลายเป็นผีก็ไม่มีวันที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรอกนะ เพราะฉะนั้นคนเราควรที่จะคบดูกันที่นิสัยใจคอ ซึ่งก็คือคุณงามความดีที่ได้เคยกระทำมา ต่อให้เค้าเป็นตัวประหลาดในสังคม แต่ถ้าเค้าเป็นคนที่มีจิตใจดีงาม ผมก็ยังคิดว่าเค้าก็ยังจะดีกว่าผู้หญิงที่ดีแต่รูปลักษณ์ภายนอก แต่จิตใจชั่วช้าเลวทรามยิ่งกว่าสัตว์นรกเสียอีก ทุกวันนี้คนเรามันชอบเอาหน้ากากใส่หน้ากากเอาหน้าด้านชั่วเข้าหากันและกัน ไม่เคยคิดที่จะจริงใจต่อกันและกันเลย ดีแต่จะคบดูคนกันที่ภายนอก แต่ไม่รู้จักภายในจิตใจนิสัยใจคอที่แท้จริงกันเสียเลย เมื่อพอตายไปกลายเป็นผีลงโลงไปแล้วก็ลงนรกกันแม่งทุกราย ถ้าอยากได้รักแท้ก็ควรที่จะกระทำตัวเป็นคนดีกันเอาไว้เสียบ้าง ไม่ใช่วันๆดีแต่ทำตัวเหมือน แรด,ชะนี ร้องเรียกหาผัว อยากกระสันที่จะมีคู่ครองจนตัวสั่น โดยที่ไม่นึกคิดที่จะทำตัวของตนเองให้มันดูดีมีคุณค่าในตัวเองกันบ้างเสียเลย โลกนี้มันก็คงจะไม่น่าอยู่กันอีกต่อไปแล้ว พูดแล้วก็ สาธุ ถ้าหากว่าต้องการอยากที่จะได้คนแบบไหนก็ควรที่จะทำตัวของตนเองให้ได้เหมือนกันกับคนที่เราอยากได้มาครอบครองแบบนั้นมาเป็นคู่ชีวิตของเราอย่างนั้นเช่นนั้นแล ป.ล.6 ทุกวันนี้คนเราในในสังคมเรานั้นมักจะชอบดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นกันง่ายดายเสียเหลือเกินกันจริงๆ ซึ่งตนเองนั้นก็มักจะชอบที่จะมองดูคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอกกันเสียก่อนอื่น(ซึ่งผมเองก็เข้าใจ)เช่นดูที่รูปลักษณ์รูปร่างหน้าตา,ท่าทางกิริยามารยาท,วาจาคำพูด,การกระทำ หรือแม้แต่เงินทองข้าวของ เครื่องใช้ไม้สอยต่างๆนาๆ แต่ไม่เคยคิดที่จะมองลงไปให้ลึกให้ถึงรายละเอียดภายในจิตใจกันเสียบ้างเสียเลย เปรียบเสมือนกับการที่เราดูหนังสือที่ดีมีความรู้มากมายแค่ที่ปกหนังสือเท่านั้น ซึ่งไม่เคยเลยแม้แต่จะคิดที่จะลองเปิดอ่านดูในเนื้อหาสาระข้างในหนังสือนั้นเลยแม้แต่น้อยเดียวว่า มันมีคุณค่าและสาระมากมายแค่ไหนเพียงไร ในทุกวันนี้คนเราในสังคมมันก็เป็นเสียซะอย่างนี้แหล่ะ ซึ่งผมเองก็คงจะไม่แปลกใจเลยจริงๆ ที่ในทุกวันนี้คนในสังคมของเรามันถึงได้วุ่นวายสับสนอลม่านน่าละอายแก่ใจเหนื่อยหน่ายใจกันสิ้นดีเลยจริงๆ ป.ล.7 คนเราทุกคนล้วนมีคุณค่าอยู่ในตัวของตนเองกันทั้งนั้น แม้แต่กระทั่งกับคนที่ชั่วช้าเลวทรามสามานย์ที่สุด ก็ยังมีคุณค่าอยู่ในตัวของตนเอง อย่างน้อยก็กับครอบครัวของตนเอง เพียงแต่แค่มีสตินึกรู้ได้ ไตร่ตรองเป็น และไม่กระทำตัวของตนเองให้กลับกลายเป็นคนชั่วที่ไร้คุณค่าไป คุณก็ได้ขึ้นชื่อว่าเกิดมาเป็นคนที่ดีมีคุณค่าในตัวของตนเองแล้วล่ะนะ เพียงแค่ตัวคุณไม่ทำตัวของตนเองให้เป็นคนที่ไร้คุณค่าเองก็เท่านั้นเองนั่นแหล่ะ จบแล้วครับทุกท่าน ขอบคุณที่กรุณาอ่านมาจนจบนะครับ และผมหวังเป็นอย่างยิ่งยวดว่าคุณคงจะเข้าใจในตัวตนของผมบ้างไม่มากก็น้อยเนาะ โย่ แม้น โย่ โย่ โย่ โย่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 345 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สนธิ”กับ‘วันชัย สอนศิริ ’มาตรฐานต่างกัน
    ราว “พญาเหยี่ยว”กับ‘นกกระจอก’
    .
    เรื่องของผม สนธิ ลิ้มทองกุลกับคุณวันชัย สอนศิริ ผมกลับมานอนคิดสะระตะแล้ว เฮ้ย! ความผิดอยู่ที่เรานี่หว่า ผมพลาดไปเองที่ใช้มาตรฐานผมเป็นตัวตั้ง แล้วผมก็หวังว่าคุณคงจะมีมาตรฐานเหมือนผม นี่คือข้อผิดพลาดในชีวิตของผม ผมเพิ่งจะรู้ว่ามาตรฐานของคุณกับผมมันห่างกันเหลือเกินเป็นพันๆ ลี้ อุปมาอุปไมยผมเหมือนพญาเหยี่ยวที่บินอยู่บนท้องฟ้า แต่คุณคือนกกระจอก นกกระจิบ ที่บินอยู่ข้างล่าง หากินกับไส้เดือนบนพื้นดิน
    .
    มาตรฐานของผมคือ “อะไรที่ถูกต้อง ผมไม่ถอยเลยแม้แต่ก้าวเดียว” จนวันนี้ก็ยังไม่ถอย ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง จากวันนั้นถึงวันนี้ผมไม่เคยเปลี่ยน และผมยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
    .
    หลักการตรงนี้อยู่ติดตัวผมมานานแล้ว มาจนกระทั่งทุกวันนี้ที่ผมสนับสนุนและส่งเสริมให้อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ทำเรื่องน้องแตงโมนั้น ก็เพราะว่าหลักการของสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ ให้ประชาชนได้รับรู้อีกด้านหนึ่ง
    .
    คุณวันชัย คุณรู้หรือเปล่าว่าผมสู้มาตั้งแต่ปี 2548 ยี่สิบปีแล้วที่ผมออกมาสู้ มาถึงวันนี้ ฝนตก แดดออก พายุเข้า พอทุกอย่างฟ้าใสแจ้งจางปาง พระอาทิตย์ออก ประชาชนเห็นว่าผมยังคงยืนอยู่ที่เดิม ผมไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย แต่คุณวันชัยต้องยอมรับกับผมนะว่า ประเทศไทยมีคนอยู่ไม่น้อยเลยที่ยอมเสียหลักการของตัวเอง เพื่อเลียคนที่มีอำนาจเพื่อให้ตัวเองได้ผลประโยชน์ ผมไม่ทราบว่าคุณวันชัย เป็นหนึ่งในนั้นด้วยหรือเปล่า
    .
    ชีวิตผมอยู่ได้ด้วยความไม่กลัว ความกลัวคือความเสื่อม แล้วอีกอันหนึ่งที่ผมอยู่ได้เพราะ ธรรม พ่อแม่ครูอาจารย์ผมที่คุณดูถูก เยาะเย้ย เหยียดหยามหลวงตามหาบัว ท่านบอกว่า “สนธิ ธรรมชนะอธรรม ชนะอวิชชา ธรรมจะใช้เวลานิดหนึ่ง” เหมือนกับที่ผมต้องใช้เวลาถึง 17 ปี ผมและพันธมิตรฯ ทุกคนถึงได้รับการนิรโทษกรรมทางใจว่าพวกผมสู้มาไม่ผิด แต่ต้องรอตั้ง 17 ปี กว่า "ธรรม" ที่หลวงตามหาบัวสอนผมมาเป็นความจริง พิสูจน์ให้เห็นว่าการใช้ธรรมนำหน้าของผมที่ต่อสู้กับเจ้านายคุณ คือทักษิณ ชินวัตรนั้น เป็นความจริงที่เถียงไม่ออก เพราะนายคุณยอมรับสารภาพในราชกิจจานุเบกษาว่าได้ทำผิดจริง ได้ฉ้อราษฎร์บังหลวงจริง 1..2..3..4.. ถึงโดนโทษจำคุก 8 ปี แต่ไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว
    .
    ผมเป็นคนเชื่อในหลักนิติธรรม และผมเคารพในหลักนิติธรรม ไม่ยอมปฏิเสธ ไม่หลบหนี มาตรฐานของผมบอกว่า ขนาดผมยังยอมเดินเข้าคุก ไม่หนี ติดคุกอยู่ 2 ปี 11 เดือน 27 วัน แล้วได้รับพระราชทานอภัยโทษออกมา เนื่องในวาระของราชาภิเษก ให้รัชกาลที่ 10 ขึ้นมาเป็นกษัตริย์ตอนนั้น ของผมถูกต้องตามระเบียบทุกประการ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น คุณวันชัยครับ เผอิญว่านี่ก็คือมาตรฐานของผมอย่างหนึ่งเช่นกัน ยี่สิบปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยเรียกร้องตำแหน่ง ผมไม่เคยต้องไปเลียรองเท้าของนายพลต่างๆ เพื่อให้นายพลตั้งตัวเองเป็น สว. พอเริ่มรู้ว่าตัวเองจะหมดอำนาจแล้วตั้งแต่สิงหาคม ก็เริ่มเลียการเมือง ผมไม่ได้พูดถึงใครนะครับคุณวันชัย อย่าเดือดร้อน
    .
    เพราะฉะนั้นแล้ว คุณจะไปตกลงอะไรกับทักษิณ ชินวัตร คุณตอบผมสักคำได้ไหมว่า นายใหม่คุณ เจ้าของคอกหมา ซึ่งคุณเข้าไปในคอกนั้นเรียบร้อยแล้ว เขาได้ทำอะไรให้บ้างตั้งแต่เขากลับมา นอกจากสร้างความวุ่นวายในเรื่องหลักนิติธรรมให้วุ่นวายทั่วประเทศ วิสัยทัศน์เขามีอะไร นอกจากการพนัน ตั้งบ่อนกาสิโน นอกจากแจกเงิน แล้วคุณอุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ที่คุณบอกเป็นนารีกู้แผ่นดิน คุณวันชัยครับ ประชาชนเขาหัวเราะขำคำว่า "นารีกู้แผ่นดิน" ของคุณ
    .
    คุณวันชัย คุณเป็นทนาย คุณก็รู้ว่าในศาลเขาแพ้ชนะกันที่ประจักษ์พยานไม่ใช่หรือ แล้วคุณจะมาว่าผมสร้างความวุ่นวายได้อย่างไร ตัววุ่นวายคือนายคุณ ที่สร้างความวุ่นวาย แล้วคุณก็เป็นลูกคู่ที่เข้าไปช่วยทำให้ความวุ่นวายนั้นมันวุ่นวายมากขึ้น
    .
    มาตรฐานผม ผมไม่เคยถอย คุณบอกคุณเป็นนักเลง นักเลงกล้าได้กล้าเสีย แต่ผมเป็นนักเลงโบราณซึ่งนักเลงทั่วๆไปไม่มี คือผมเป็นคนที่มีสัจจะที่มีคนเชื่อผมเป็นแสนๆเป็นล้านคนทุกวันนี้ คุณไม่ต้องท้าผม ถึงเวลา ถ้าจำเป็น ผมจะลงถนนแน่นอน ผมจะลงถนนแน่นอน ถ้าการกระทำของรัฐบาลนี้ส่อให้เกิดการสูญเสียอธิปไตยของประเทศ ผมพร้อมเสมอ อย่ามาบอกว่าเดี๋ยวนี้ผมเรียกคนไม่ได้ คุณจะลองมั้ย ถึงวันนั้นแล้วคุณอย่าเสียใจนะว่าคุณปากไม่ดี พูดไม่ดี คุณวันชัย อยากจะพล่ามอะไรก็พล่าม เพราะคุณจำเป็นต้องพล่ามให้มากๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นายคุณ ว่าผมทำงานให้แล้วนะ ตำแหน่งโฆษกรัฐบาลถ้ามี ตั้งผมหน่อย
    .
    คุณจำไว้อย่างนะคุณวันชัย ผมไม่เคยเลียแข้งเลียขาใครเพื่อให้ตัวเองได้ตำแหน่ง อย่างเช่นเป็น สว. ไม่เคย ให้ตายสิ พอผมพูดถึงคุณแล้ว เขาหัวเราะกัน ประพันธ์ คูณมีบอกว่า พี่อย่าไปสนใจเลยไอ้คนประเภทนี้ คุณวันชัย เชิญคุณตามสบาย จะยั่วยุอย่างไร ยั่วยุไม่สำเร็จหรอก เพราะคุณกับผมมันคนละมาตรฐานกัน
    “สนธิ”กับ‘วันชัย สอนศิริ ’มาตรฐานต่างกัน ราว “พญาเหยี่ยว”กับ‘นกกระจอก’ . เรื่องของผม สนธิ ลิ้มทองกุลกับคุณวันชัย สอนศิริ ผมกลับมานอนคิดสะระตะแล้ว เฮ้ย! ความผิดอยู่ที่เรานี่หว่า ผมพลาดไปเองที่ใช้มาตรฐานผมเป็นตัวตั้ง แล้วผมก็หวังว่าคุณคงจะมีมาตรฐานเหมือนผม นี่คือข้อผิดพลาดในชีวิตของผม ผมเพิ่งจะรู้ว่ามาตรฐานของคุณกับผมมันห่างกันเหลือเกินเป็นพันๆ ลี้ อุปมาอุปไมยผมเหมือนพญาเหยี่ยวที่บินอยู่บนท้องฟ้า แต่คุณคือนกกระจอก นกกระจิบ ที่บินอยู่ข้างล่าง หากินกับไส้เดือนบนพื้นดิน . มาตรฐานของผมคือ “อะไรที่ถูกต้อง ผมไม่ถอยเลยแม้แต่ก้าวเดียว” จนวันนี้ก็ยังไม่ถอย ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง จากวันนั้นถึงวันนี้ผมไม่เคยเปลี่ยน และผมยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ . หลักการตรงนี้อยู่ติดตัวผมมานานแล้ว มาจนกระทั่งทุกวันนี้ที่ผมสนับสนุนและส่งเสริมให้อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ทำเรื่องน้องแตงโมนั้น ก็เพราะว่าหลักการของสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ ให้ประชาชนได้รับรู้อีกด้านหนึ่ง . คุณวันชัย คุณรู้หรือเปล่าว่าผมสู้มาตั้งแต่ปี 2548 ยี่สิบปีแล้วที่ผมออกมาสู้ มาถึงวันนี้ ฝนตก แดดออก พายุเข้า พอทุกอย่างฟ้าใสแจ้งจางปาง พระอาทิตย์ออก ประชาชนเห็นว่าผมยังคงยืนอยู่ที่เดิม ผมไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย แต่คุณวันชัยต้องยอมรับกับผมนะว่า ประเทศไทยมีคนอยู่ไม่น้อยเลยที่ยอมเสียหลักการของตัวเอง เพื่อเลียคนที่มีอำนาจเพื่อให้ตัวเองได้ผลประโยชน์ ผมไม่ทราบว่าคุณวันชัย เป็นหนึ่งในนั้นด้วยหรือเปล่า . ชีวิตผมอยู่ได้ด้วยความไม่กลัว ความกลัวคือความเสื่อม แล้วอีกอันหนึ่งที่ผมอยู่ได้เพราะ ธรรม พ่อแม่ครูอาจารย์ผมที่คุณดูถูก เยาะเย้ย เหยียดหยามหลวงตามหาบัว ท่านบอกว่า “สนธิ ธรรมชนะอธรรม ชนะอวิชชา ธรรมจะใช้เวลานิดหนึ่ง” เหมือนกับที่ผมต้องใช้เวลาถึง 17 ปี ผมและพันธมิตรฯ ทุกคนถึงได้รับการนิรโทษกรรมทางใจว่าพวกผมสู้มาไม่ผิด แต่ต้องรอตั้ง 17 ปี กว่า "ธรรม" ที่หลวงตามหาบัวสอนผมมาเป็นความจริง พิสูจน์ให้เห็นว่าการใช้ธรรมนำหน้าของผมที่ต่อสู้กับเจ้านายคุณ คือทักษิณ ชินวัตรนั้น เป็นความจริงที่เถียงไม่ออก เพราะนายคุณยอมรับสารภาพในราชกิจจานุเบกษาว่าได้ทำผิดจริง ได้ฉ้อราษฎร์บังหลวงจริง 1..2..3..4.. ถึงโดนโทษจำคุก 8 ปี แต่ไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว . ผมเป็นคนเชื่อในหลักนิติธรรม และผมเคารพในหลักนิติธรรม ไม่ยอมปฏิเสธ ไม่หลบหนี มาตรฐานของผมบอกว่า ขนาดผมยังยอมเดินเข้าคุก ไม่หนี ติดคุกอยู่ 2 ปี 11 เดือน 27 วัน แล้วได้รับพระราชทานอภัยโทษออกมา เนื่องในวาระของราชาภิเษก ให้รัชกาลที่ 10 ขึ้นมาเป็นกษัตริย์ตอนนั้น ของผมถูกต้องตามระเบียบทุกประการ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น คุณวันชัยครับ เผอิญว่านี่ก็คือมาตรฐานของผมอย่างหนึ่งเช่นกัน ยี่สิบปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยเรียกร้องตำแหน่ง ผมไม่เคยต้องไปเลียรองเท้าของนายพลต่างๆ เพื่อให้นายพลตั้งตัวเองเป็น สว. พอเริ่มรู้ว่าตัวเองจะหมดอำนาจแล้วตั้งแต่สิงหาคม ก็เริ่มเลียการเมือง ผมไม่ได้พูดถึงใครนะครับคุณวันชัย อย่าเดือดร้อน . เพราะฉะนั้นแล้ว คุณจะไปตกลงอะไรกับทักษิณ ชินวัตร คุณตอบผมสักคำได้ไหมว่า นายใหม่คุณ เจ้าของคอกหมา ซึ่งคุณเข้าไปในคอกนั้นเรียบร้อยแล้ว เขาได้ทำอะไรให้บ้างตั้งแต่เขากลับมา นอกจากสร้างความวุ่นวายในเรื่องหลักนิติธรรมให้วุ่นวายทั่วประเทศ วิสัยทัศน์เขามีอะไร นอกจากการพนัน ตั้งบ่อนกาสิโน นอกจากแจกเงิน แล้วคุณอุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ที่คุณบอกเป็นนารีกู้แผ่นดิน คุณวันชัยครับ ประชาชนเขาหัวเราะขำคำว่า "นารีกู้แผ่นดิน" ของคุณ . คุณวันชัย คุณเป็นทนาย คุณก็รู้ว่าในศาลเขาแพ้ชนะกันที่ประจักษ์พยานไม่ใช่หรือ แล้วคุณจะมาว่าผมสร้างความวุ่นวายได้อย่างไร ตัววุ่นวายคือนายคุณ ที่สร้างความวุ่นวาย แล้วคุณก็เป็นลูกคู่ที่เข้าไปช่วยทำให้ความวุ่นวายนั้นมันวุ่นวายมากขึ้น . มาตรฐานผม ผมไม่เคยถอย คุณบอกคุณเป็นนักเลง นักเลงกล้าได้กล้าเสีย แต่ผมเป็นนักเลงโบราณซึ่งนักเลงทั่วๆไปไม่มี คือผมเป็นคนที่มีสัจจะที่มีคนเชื่อผมเป็นแสนๆเป็นล้านคนทุกวันนี้ คุณไม่ต้องท้าผม ถึงเวลา ถ้าจำเป็น ผมจะลงถนนแน่นอน ผมจะลงถนนแน่นอน ถ้าการกระทำของรัฐบาลนี้ส่อให้เกิดการสูญเสียอธิปไตยของประเทศ ผมพร้อมเสมอ อย่ามาบอกว่าเดี๋ยวนี้ผมเรียกคนไม่ได้ คุณจะลองมั้ย ถึงวันนั้นแล้วคุณอย่าเสียใจนะว่าคุณปากไม่ดี พูดไม่ดี คุณวันชัย อยากจะพล่ามอะไรก็พล่าม เพราะคุณจำเป็นต้องพล่ามให้มากๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นายคุณ ว่าผมทำงานให้แล้วนะ ตำแหน่งโฆษกรัฐบาลถ้ามี ตั้งผมหน่อย . คุณจำไว้อย่างนะคุณวันชัย ผมไม่เคยเลียแข้งเลียขาใครเพื่อให้ตัวเองได้ตำแหน่ง อย่างเช่นเป็น สว. ไม่เคย ให้ตายสิ พอผมพูดถึงคุณแล้ว เขาหัวเราะกัน ประพันธ์ คูณมีบอกว่า พี่อย่าไปสนใจเลยไอ้คนประเภทนี้ คุณวันชัย เชิญคุณตามสบาย จะยั่วยุอย่างไร ยั่วยุไม่สำเร็จหรอก เพราะคุณกับผมมันคนละมาตรฐานกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 571 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เซลลูไลท์ คือการสะสมของไขมันที่เป็นของเหลวเเละสารพิษที่ติดค้างอยู่ในร่างกาย สะสมกันจนเป็นชั้นคลื่นอยู่ในเนื้อเยื่อที่เชื่อมต่ออยู่ใต้ผิวหนัง เซลลูไลท์จะเกิดขึ้นในชั้นผิวหนังของคนที่มีการระบายน้ำเหลืองไม่มีประสิทธิภาพ ร่างกายไม่สามารถขับไขมันและของเสียออกไปได้จนเกิดการสะสมของไขมันที่เป็นของเหลวและสารพิษ กลายเป็นผิวเซลลูไลท์ที่ดูน่าเกลียด ใหญ่เทอะทะผิวไม่เรียบคล้ายผิวส้ม ไขมันนี้จะพบได้ทั้งในคนผอมและคนอ้วน ร่างกายจะสามารถสะสมได้ที่บริเวณ ท้องแขน หน้าท้อง ต้นขา และสะโพกและมันก็เป็นเรื่องของผู้หญิงซะมากกว่า สาเหตุ- ร่างกายมีการเผาผลาญที่ผิดปกติ ทำให้ไม่สามารถเผาผลาญไขมันใต้ผิวหนังออกจากร่างกายได้หมด- กรรมพันธ์ แตกต่างจากกรรมพันธ์ในเรื่องของเล็บหรือลักษณะของผม ตรงที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพของเซลลูไลท์ได้- ดื่มน้ำน้อย เพราะน้ำช่วยในการทำงานของระบบขับของเสีย และช่วยขับพิษออกจากร่างกาย กำหนดว่าควรดื่มน้ำแปดแก้วต่อวันเป็นอย่างน้อย- แอลกอฮอล์ คาเฟอีน อาหารรสจัด ล้วนก่อให้เกิดเซลลูไลท์ได้ทั้งสิ้น เพราะพิษที่สารดังกล่าวขับออกมาจะถูกกักอยู่ในเนื้อเยื่อไขมัน- การลดความอ้วนแบบเร่งด่วน จะยิ่งไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเซลลูไลท์อย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจาก ร่างกายเกิดการตอบรับว่า ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอและต้องพยายามสะสมสารอาหารในร่างกายเพื่อความอยู่รอด- การสะสมอาหารและไขมัน ช่วยก่อเซลลูไลท์และกั้นเส้นเลือดจนติดหนึบอยู่ในเนื้อเยื่อ จึงทำให้ระบบกำจัดสารพิษและของเสียขาดประสิทธิภาพ- การสูบบุหรี่ ทำร้ายทั้งผิว ทั้งปอด ทำให้ผิวอ่อนแอ เส้นเลือดฝอยหดตัวและยังทำให้เนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อกันถูกทำลายอันเป็นผลให้เกิดคลื่นเซลลูไลท์- ความเครียด เป็นผลให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวหนัก เนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อกล้ามเนื้อก็ขมวดเกร็งตามไปด้วย ความตึงเครียดยังไปขวางเนื้อเยื่อไม่ให้กำจัดของเสียและล้างเลือดให้สะอาด- การใช้ยาลดความอ้วน ยานอนหลับ ยาขับปัสสาวะ จะเข้าไปรบกวนกระบวนการทำงานตามธรรมชาติของร่างกาย โดยเฉพาะระบบชำระเลือดอันนำไปสู่ปัญหาเซลลูไลท์- ยาคุมกำเนิด ประเภทรับประทานซึ่งไปเพิ่มฮอร์โมนเอสโตรเจน จะทำให้เซลล์ไขมันขยายตัวและเก็บน้ำจนบวม ร่างกายไม่มีน้ำพอที่จะขับของเสียออกจากร่างกาย สุดท้ายก็กลายเป็นเซลลูไลท์- เซลล์ของไขมันบวมเนื่องจากมีการสะสมไขมันไว้ในเซลล์เป็นปริมาณมาก- ผนังหลอดเลือดของเซลล์ไขมันรั่วทำให้มีน้ำซึมผ่านออกจากเซลล์ไขมันทำให้เกิดการคั่งของน้ำ- เซลล์ของไขมันจับกันเป็นกลุ่มโดยมี collagen ล้อมรอบซึ่งทำให้เลือดไหลเวียนผิดปกติ- เนื้อเยื่อเกี่ยวพันดึงผิวหนังตำแหน่งที่ยึดกับผิวหนังทำให้ผิวหนังเป็นลอนคล้ายริ้วคลื่นห้ามคิดว่าไม่มีโทษนะ มันร้ายแรงไม่มากในช่วงต้นๆ แต่เมื่อปล่อยไว้ระยะยาวแล้วระบบคุณรวนแน่ ๆ:1.ส่งผลต่อการไหลเวียนของระบบน้ำเหลือง2.ส่งผลต่อระบบขับของเสียในร่างกายจนเกิดความผิดปกติการแก้ไข ต้องดูสาเหตุเป็นรายคนไปแต่การผ่าตัดหรือดูดออกเป็นเรื่องไร้สาระเพราะ ร้อยทั้งร้อยกลับมาเหมือนเดิมเพราะไม่ได้แก้ที่สาเหตุ โภชนาการเพื่อการป้องกันและแก้ไข- ทานให้ครบหมู่และหลากหลายเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งไป เพียงแต่ลดสัดส่วนของอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล ไขมันและพยายามเน้นหนักที่ผักให้มาก เพราะกากใยจะช่วยขับล้างสารพิษตกค้างในร่างกาย อีกทั้งวิตามินซีและวิตามินอีมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ผิวหนังกระชับขึ้น - ควรเน้นอาหารกลุ่มที่มีกรดไขมัน ถั่ว น้ำมันปลา เมล็ดพืชที่ช่วยการไหลเวียนของโลหิตและกินอาหารโปรตีนไขมันต่ำเป็นประจำ เนื่องจากร่างกายใช้พลังงานในการย่อยอาหารพวกโปรตีนมากกว่าการย่อยไขมันหรือคาร์โบไฮเดรตถึงสองเท่า เรียกว่าอิ่มเท่ากันแต่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญมากกว่า นอกจากนี้สารแอลบูมินที่มีอยู่ในอาหารกลุ่มโปรตีนไขมันต่ำจำพวกถั่ว ยังสามารถช่วยลดระดับของเหลวที่สะสมในเซลล์ไขมันได้ ทำให้กระบวนการไหลเวียนของโลหิตกับน้ำเหลืองคล่องตัว และเพื่อให้ได้ผลควรลดอาหารเค็มควบคู่ไปด้วย- ลดการให้อาหารแก่เซลลูไลต์เพราะยิ่งกินเท่ากับสนับสนุนให้ร่างกายสะสมเซลลูไลต์และไขมันส่วนเกิน อาหารกลุ่มนี้ได้แก่•อาหารทั้งมันและหวาน อาหารที่ให้พลังงานสูง ๆ โดยเฉพาะอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล ซึ่งจะไปเพิ่มอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวหนังหย่อนยานลง เกิดริ้วรอย และเพิ่มแคลอรี่ให้กับร่างกายด้วย ถ้ากินมากไปร่างกายใช้ไม่หมดก็จะเกิดการสะสมเซลลูไลต์และไขมันส่วนเกินทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น•น้ำตาลแลคโตสในผลิตภัณฑ์นมวัว เพราะยิ่งอายุมากขึ้นความสามารถในการย่อยน้ำตาลชนิดนี้จะลดลง•กาเฟอีนจากชา กาแฟ เพราะจะไปกดสมดุลฮอร์โมน •อาหารที่ผ่านกระบวนการแปลงสภาพมากจนจำไม่ได้ว่าทำมาจากอะไร เช่น แฮม เบคอน ไส้กรอก แหนม หมูแผ่น หมูหย็อง ขนมปัง คุกกี้ เบเกอรี่ทุกชนิด เส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นสปาเกตตี อาหารแช่แข็ง อาหารสำเร็จรูป เพราะอาหารเหล่านี้มักมีสารปนเปื้อนและสารพิษที่จะไปตกค้างในร่างกายและเซลล์ไขมันได้•อาหารเค็มจัด เพราะจะยิ่งเพิ่มการคั่งของสารน้ำในเซลล์ไขมันมากขึ้น•แอลกอฮอล์ โดยเฉพาะในเบียร์และไวน์ เพราะหากดื่มมาก ๆ จะกลายเป็นสารพิษตกค้างอยู่ในร่างกายและเซลล์ไขมัน ซึ่งนั่นคือที่มาของเซลลูไลต์ กลุ่มนี้งดหรือเลิกขาดได้ก็เยี่ยมเลย- เน้นอาหารธรรมชาติปรุงแต่งให้น้อย แน่นอนว่าหลักการนี้จะคิดถึงอะไรไปไม่ได้ นอกจากผักสด ๆ โดยจะกินเป็นสลัด ตำ ยำ กับน้ำพริก ก็เลือกได้ตามชอบ หรือเมนูที่ผ่านความร้อนไม่เกิน 100 องศา ใช้เวลาปรุงไม่นาน ประโยชน์จากการกินอาหารแบบนี้คือ ช่วยฟื้นฟูพลังงานและผิวพรรณ ทั้งยังช่วยดูแลระบบย่อยอาหารและควบคุมน้ำหนักได้ แถมคุณค่ายังรับไปแบบเต็ม ๆ ตัดโอกาสการตกค้างของเสียได้อีกด้วย- ออกกำลังกายจะช่วยเผาผลาญและขับสารพิษออกทางเหงื่ออีกด้วย วิธีโดยรวมที่จะช่วยลดเซลลูไลท์- หมั่นขัดผิวขา การขัดผิวหรือ Exfoliating คือการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิวของเรา ซึ่งเป็นผิวชั้นนอกและเผยเซลล์ผิวรุ่นใหม่ที่แข็งแรงกว่ามาแทนที่ ทำให้ผิวของเราดูสดใสและมีชีวิตชีวา การขัดผิวนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะฟองน้ำ ครีม ใยบวม หินขัด หรือแม้กระทั่งผ้าเช็ดตัวก็สามารถนำมาใช้ได้ แต่การขัดผิวที่ดีนั่นควรทำอย่างนิ่มนวลและไม่ทำบ่อยจนเกินไป เพราะจำทำให้ผิวอ่อนไหว ไม่สามารถทนแดดและจะทำให้แห้งกร้านได้ง่าย ปกติผิวของคนเราจะมีการผลิตเซลล์ผิวทุก 2-4 สัปดาห์ แต่หากอายุเรามากกว่า 20 ปีขึ้นไปการผลัดเซลล์ผิวก็จะช้าลงไปเรื่อยๆ การขัดผิวจะช่วยในการผลัดเซลล์ผิวทำได้ดีขึ้น ทำให้ผิวขาวกระจ่างใส " การขัดผิวควรทำอยู่ที่สัปดาห์ละไม่กิน 2 ครั้ง ควรทำการขัดเป็นวงกลมเบาๆ หลังขัดควรหามอยส์เจอไรเซอร์มาเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว แค่นี้ก็มีผิวขาที่ขาวใสนวลเนียน "- การนวดก็เป็นอีกวิธีสำหรับการลดเซลลูไลท์ โดยให้นวดเป็นวงเบาๆ ไปให้ทั่วบริเวณขาหรือใต้แขนของคุณเป็นเวลา 10-20 นาทีทุกวัน - กระโดดเชือก การกระโดดเชือกติดต่อกัน 15 นาที เทียบเท่าได้กับการวิ่งจ๊อกกิ้งนานถึง 30 นาที ดาราฮอลลีวูดทั้งหลาย ที่รีบฟิตหุ่นให้ทันเปิดกล้องหนังเรื่องต่อไปใช้การกระโดดเชือกทุกเช้าและเย็น เพื่อเร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันและกระชับสัดส่วนแขนขาให้แน่นสวยไม่หย่อนยานการกระโดดเชือกด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง จะช่วยลดแรงกระแทกลงได้มาก ไม่เกิดอันตรายต่อเข่า หรือทำให้เข่าเสื่อม เข่าพัง อย่างที่หลายคนเคยได้ยินกันมา การกระโดดเชือกที่ถูกวิธี จะกระโดดเพียงแค่ต่ำๆ สูงจากพื้นไม่เกิน 1-2 นิ้ว โดยที่จะใช้ข้อเท้า กล้ามเนื้อน่อง รวมถึงการงอเข่าเล็กน้อย ช่วยในการดูดซับแรงกระแทกลงได้อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งแรงกระแทกที่เกิดขึ้นยังน้อยกว่าการวิ่งอีกด้วย การกระโดดแบบผิดๆ ด้วยการกระโดดสูงเกินไปต่างหาก ที่มีโอกาสทำให้เข่าพังได้ จากแรงกระแทกที่สูงเกินไป - การย่อเข่าการออกกำลังกายโดยการย่อเข่าไปข้างหน้า วิธีนี้สามารถช่วยในการกำจัดไขมันและช่วยกระชับกล้ามเนื้อต้นขาและลดต้นขาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากคล้ายๆ กับการออกกำลังกายลุกนั่งวิธีการคือ ยืนแยกขาออก ให้ระหว่างขากว้างระยะประมาณหัวไหล่ทั้งสองข้างของเรา แล้วก้าวไปข้างหน้าด้วยเท้าหนึ่งข้างแล้วโยกตัวย่อเข่าลงไปข้างหน้าประมาณ 90 องศา ย่อตัวลงให้หัวเข่าขาหลังอยู่ห่างจากพื้นประมาณ 1 นิ้วพยายามให้หลังและคอเหยียดตรงตลอดเวลา ทิ้งน้ำหนักไปข้างหน้าไปที่ส้นเท้าและหัวเข่า อาจใช้วิธียกลูกเหล็กขนาด 5-10 ปอนด์ตรงด้านข้างลำตัว ระหว่างออกกำลังกายในท่านี้ไปด้วยก็ได้ บริหารต้นขาทั้งสองข้างด้วยท่านี้ประมาณข้างละ 30 ครั้ง พักแล้วเริ่มทำใหม่- การเดิน ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีลดต้นขาและเซลลูไลท์ที่ดีอีกวิธีหนึ่ง เนื่องจากการทำงานของกล้ามเนื้อจากการเดินนั้นทำให้กล้ามเนื้อแข็งแกร่งขึ้น เมื่อกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นจึงทำให้ไขมันบริเวณนั้นถูกเผาผลาญได้อย่างดี จึงทำให้ต้นขาของเราเล็กลงเซลลูไลท์ก็ลดและดูสวยงามยิ่งขึ้น - ขึ้น-ลงบันไดลองสวมรองเท้าส้นสูงแล้วเดินขึ้นลงบันได นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการลดน่องโต ทำขาเรียวสวยเซ็กซี่ได้การขึ้นบันไดสามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 8-11 กิโลแคลอรี่ต่อนาทีซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับการออกกำลังกายทั่วไป ส่วนการลงบันไดจะใช้พลังงานประมาณ 1 ใน 3 ของการขึ้นบันได การเดินขึ้นบันได เป็นการออกกำลังกายขณะทำงานรูปแบบหนึ่ง เป็นที่นิยมมากในต่างประเทศถึงขนาดมีการแข่งขันการเดินขึ้นบันไดเป็นประจำทุกปี เป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้เป็นประจำทุกวัน ทำได้ง่าย สะดวกทุกที่ ทุกเวลา การเดินขึ้นบันไดเป็นการออกกำลังแบบ aerobic หัวใจจะแข็งแรง ทำให้กล้ามเนื้อต้นขา น่อง และก้นแข็งแรง กระชับ แถมอาการปวดข้อน้อยกว่าการวิ่ง ยังมีรายงานอีกด้วยว่า การขึ้นบันไดเฉลี่ยวันละ 2 ชั้นสามารถลดน้ำหนักได้ 2.7 กิโลกรัมในเวลา 1 ปี และมีหลักฐานยืนยันว่าการเดินขึ้นลงบันไดสามารถเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกได้ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน อีกทั้งสามารถลดปริมาณไขมันในร่างกาย และเพิ่มปริมาณ High-density lipoprotein (HDL) ซึ่งเป็นไขมันชนิดดีได้และนี่คือภาพรวม ส่วนใครทำตามนี้แล้วยังได้ผลไม่เป็นที่น่าพอใจก็ต้องวินิจฉัยเพิ่มเป็นราย ๆ ไปผลิตภัณฑ์และอาหารเสริมแนะนำPaa super h เพื่อเพิ่มไขมันดีGlube เพื่อเพิ่มความสามารถในการกำจัดของเสียPraow ใช้นวดเพื่อเร่งการกำจัดไขมันเลวPloy ใช้ทาผิวหลังจากการอาบน้ำด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr.Santi Manadee
    #เซลลูไลท์ คือการสะสมของไขมันที่เป็นของเหลวเเละสารพิษที่ติดค้างอยู่ในร่างกาย สะสมกันจนเป็นชั้นคลื่นอยู่ในเนื้อเยื่อที่เชื่อมต่ออยู่ใต้ผิวหนัง เซลลูไลท์จะเกิดขึ้นในชั้นผิวหนังของคนที่มีการระบายน้ำเหลืองไม่มีประสิทธิภาพ ร่างกายไม่สามารถขับไขมันและของเสียออกไปได้จนเกิดการสะสมของไขมันที่เป็นของเหลวและสารพิษ กลายเป็นผิวเซลลูไลท์ที่ดูน่าเกลียด ใหญ่เทอะทะผิวไม่เรียบคล้ายผิวส้ม ไขมันนี้จะพบได้ทั้งในคนผอมและคนอ้วน ร่างกายจะสามารถสะสมได้ที่บริเวณ ท้องแขน หน้าท้อง ต้นขา และสะโพกและมันก็เป็นเรื่องของผู้หญิงซะมากกว่า สาเหตุ- ร่างกายมีการเผาผลาญที่ผิดปกติ ทำให้ไม่สามารถเผาผลาญไขมันใต้ผิวหนังออกจากร่างกายได้หมด- กรรมพันธ์ แตกต่างจากกรรมพันธ์ในเรื่องของเล็บหรือลักษณะของผม ตรงที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพของเซลลูไลท์ได้- ดื่มน้ำน้อย เพราะน้ำช่วยในการทำงานของระบบขับของเสีย และช่วยขับพิษออกจากร่างกาย กำหนดว่าควรดื่มน้ำแปดแก้วต่อวันเป็นอย่างน้อย- แอลกอฮอล์ คาเฟอีน อาหารรสจัด ล้วนก่อให้เกิดเซลลูไลท์ได้ทั้งสิ้น เพราะพิษที่สารดังกล่าวขับออกมาจะถูกกักอยู่ในเนื้อเยื่อไขมัน- การลดความอ้วนแบบเร่งด่วน จะยิ่งไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเซลลูไลท์อย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจาก ร่างกายเกิดการตอบรับว่า ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอและต้องพยายามสะสมสารอาหารในร่างกายเพื่อความอยู่รอด- การสะสมอาหารและไขมัน ช่วยก่อเซลลูไลท์และกั้นเส้นเลือดจนติดหนึบอยู่ในเนื้อเยื่อ จึงทำให้ระบบกำจัดสารพิษและของเสียขาดประสิทธิภาพ- การสูบบุหรี่ ทำร้ายทั้งผิว ทั้งปอด ทำให้ผิวอ่อนแอ เส้นเลือดฝอยหดตัวและยังทำให้เนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อกันถูกทำลายอันเป็นผลให้เกิดคลื่นเซลลูไลท์- ความเครียด เป็นผลให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวหนัก เนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อกล้ามเนื้อก็ขมวดเกร็งตามไปด้วย ความตึงเครียดยังไปขวางเนื้อเยื่อไม่ให้กำจัดของเสียและล้างเลือดให้สะอาด- การใช้ยาลดความอ้วน ยานอนหลับ ยาขับปัสสาวะ จะเข้าไปรบกวนกระบวนการทำงานตามธรรมชาติของร่างกาย โดยเฉพาะระบบชำระเลือดอันนำไปสู่ปัญหาเซลลูไลท์- ยาคุมกำเนิด ประเภทรับประทานซึ่งไปเพิ่มฮอร์โมนเอสโตรเจน จะทำให้เซลล์ไขมันขยายตัวและเก็บน้ำจนบวม ร่างกายไม่มีน้ำพอที่จะขับของเสียออกจากร่างกาย สุดท้ายก็กลายเป็นเซลลูไลท์- เซลล์ของไขมันบวมเนื่องจากมีการสะสมไขมันไว้ในเซลล์เป็นปริมาณมาก- ผนังหลอดเลือดของเซลล์ไขมันรั่วทำให้มีน้ำซึมผ่านออกจากเซลล์ไขมันทำให้เกิดการคั่งของน้ำ- เซลล์ของไขมันจับกันเป็นกลุ่มโดยมี collagen ล้อมรอบซึ่งทำให้เลือดไหลเวียนผิดปกติ- เนื้อเยื่อเกี่ยวพันดึงผิวหนังตำแหน่งที่ยึดกับผิวหนังทำให้ผิวหนังเป็นลอนคล้ายริ้วคลื่นห้ามคิดว่าไม่มีโทษนะ มันร้ายแรงไม่มากในช่วงต้นๆ แต่เมื่อปล่อยไว้ระยะยาวแล้วระบบคุณรวนแน่ ๆ:1.ส่งผลต่อการไหลเวียนของระบบน้ำเหลือง2.ส่งผลต่อระบบขับของเสียในร่างกายจนเกิดความผิดปกติการแก้ไข ต้องดูสาเหตุเป็นรายคนไปแต่การผ่าตัดหรือดูดออกเป็นเรื่องไร้สาระเพราะ ร้อยทั้งร้อยกลับมาเหมือนเดิมเพราะไม่ได้แก้ที่สาเหตุ โภชนาการเพื่อการป้องกันและแก้ไข- ทานให้ครบหมู่และหลากหลายเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งไป เพียงแต่ลดสัดส่วนของอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล ไขมันและพยายามเน้นหนักที่ผักให้มาก เพราะกากใยจะช่วยขับล้างสารพิษตกค้างในร่างกาย อีกทั้งวิตามินซีและวิตามินอีมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ผิวหนังกระชับขึ้น - ควรเน้นอาหารกลุ่มที่มีกรดไขมัน ถั่ว น้ำมันปลา เมล็ดพืชที่ช่วยการไหลเวียนของโลหิตและกินอาหารโปรตีนไขมันต่ำเป็นประจำ เนื่องจากร่างกายใช้พลังงานในการย่อยอาหารพวกโปรตีนมากกว่าการย่อยไขมันหรือคาร์โบไฮเดรตถึงสองเท่า เรียกว่าอิ่มเท่ากันแต่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญมากกว่า นอกจากนี้สารแอลบูมินที่มีอยู่ในอาหารกลุ่มโปรตีนไขมันต่ำจำพวกถั่ว ยังสามารถช่วยลดระดับของเหลวที่สะสมในเซลล์ไขมันได้ ทำให้กระบวนการไหลเวียนของโลหิตกับน้ำเหลืองคล่องตัว และเพื่อให้ได้ผลควรลดอาหารเค็มควบคู่ไปด้วย- ลดการให้อาหารแก่เซลลูไลต์เพราะยิ่งกินเท่ากับสนับสนุนให้ร่างกายสะสมเซลลูไลต์และไขมันส่วนเกิน อาหารกลุ่มนี้ได้แก่•อาหารทั้งมันและหวาน อาหารที่ให้พลังงานสูง ๆ โดยเฉพาะอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล ซึ่งจะไปเพิ่มอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวหนังหย่อนยานลง เกิดริ้วรอย และเพิ่มแคลอรี่ให้กับร่างกายด้วย ถ้ากินมากไปร่างกายใช้ไม่หมดก็จะเกิดการสะสมเซลลูไลต์และไขมันส่วนเกินทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น•น้ำตาลแลคโตสในผลิตภัณฑ์นมวัว เพราะยิ่งอายุมากขึ้นความสามารถในการย่อยน้ำตาลชนิดนี้จะลดลง•กาเฟอีนจากชา กาแฟ เพราะจะไปกดสมดุลฮอร์โมน •อาหารที่ผ่านกระบวนการแปลงสภาพมากจนจำไม่ได้ว่าทำมาจากอะไร เช่น แฮม เบคอน ไส้กรอก แหนม หมูแผ่น หมูหย็อง ขนมปัง คุกกี้ เบเกอรี่ทุกชนิด เส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นสปาเกตตี อาหารแช่แข็ง อาหารสำเร็จรูป เพราะอาหารเหล่านี้มักมีสารปนเปื้อนและสารพิษที่จะไปตกค้างในร่างกายและเซลล์ไขมันได้•อาหารเค็มจัด เพราะจะยิ่งเพิ่มการคั่งของสารน้ำในเซลล์ไขมันมากขึ้น•แอลกอฮอล์ โดยเฉพาะในเบียร์และไวน์ เพราะหากดื่มมาก ๆ จะกลายเป็นสารพิษตกค้างอยู่ในร่างกายและเซลล์ไขมัน ซึ่งนั่นคือที่มาของเซลลูไลต์ กลุ่มนี้งดหรือเลิกขาดได้ก็เยี่ยมเลย- เน้นอาหารธรรมชาติปรุงแต่งให้น้อย แน่นอนว่าหลักการนี้จะคิดถึงอะไรไปไม่ได้ นอกจากผักสด ๆ โดยจะกินเป็นสลัด ตำ ยำ กับน้ำพริก ก็เลือกได้ตามชอบ หรือเมนูที่ผ่านความร้อนไม่เกิน 100 องศา ใช้เวลาปรุงไม่นาน ประโยชน์จากการกินอาหารแบบนี้คือ ช่วยฟื้นฟูพลังงานและผิวพรรณ ทั้งยังช่วยดูแลระบบย่อยอาหารและควบคุมน้ำหนักได้ แถมคุณค่ายังรับไปแบบเต็ม ๆ ตัดโอกาสการตกค้างของเสียได้อีกด้วย- ออกกำลังกายจะช่วยเผาผลาญและขับสารพิษออกทางเหงื่ออีกด้วย วิธีโดยรวมที่จะช่วยลดเซลลูไลท์- หมั่นขัดผิวขา การขัดผิวหรือ Exfoliating คือการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิวของเรา ซึ่งเป็นผิวชั้นนอกและเผยเซลล์ผิวรุ่นใหม่ที่แข็งแรงกว่ามาแทนที่ ทำให้ผิวของเราดูสดใสและมีชีวิตชีวา การขัดผิวนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะฟองน้ำ ครีม ใยบวม หินขัด หรือแม้กระทั่งผ้าเช็ดตัวก็สามารถนำมาใช้ได้ แต่การขัดผิวที่ดีนั่นควรทำอย่างนิ่มนวลและไม่ทำบ่อยจนเกินไป เพราะจำทำให้ผิวอ่อนไหว ไม่สามารถทนแดดและจะทำให้แห้งกร้านได้ง่าย ปกติผิวของคนเราจะมีการผลิตเซลล์ผิวทุก 2-4 สัปดาห์ แต่หากอายุเรามากกว่า 20 ปีขึ้นไปการผลัดเซลล์ผิวก็จะช้าลงไปเรื่อยๆ การขัดผิวจะช่วยในการผลัดเซลล์ผิวทำได้ดีขึ้น ทำให้ผิวขาวกระจ่างใส " การขัดผิวควรทำอยู่ที่สัปดาห์ละไม่กิน 2 ครั้ง ควรทำการขัดเป็นวงกลมเบาๆ หลังขัดควรหามอยส์เจอไรเซอร์มาเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว แค่นี้ก็มีผิวขาที่ขาวใสนวลเนียน "- การนวดก็เป็นอีกวิธีสำหรับการลดเซลลูไลท์ โดยให้นวดเป็นวงเบาๆ ไปให้ทั่วบริเวณขาหรือใต้แขนของคุณเป็นเวลา 10-20 นาทีทุกวัน - กระโดดเชือก การกระโดดเชือกติดต่อกัน 15 นาที เทียบเท่าได้กับการวิ่งจ๊อกกิ้งนานถึง 30 นาที ดาราฮอลลีวูดทั้งหลาย ที่รีบฟิตหุ่นให้ทันเปิดกล้องหนังเรื่องต่อไปใช้การกระโดดเชือกทุกเช้าและเย็น เพื่อเร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันและกระชับสัดส่วนแขนขาให้แน่นสวยไม่หย่อนยานการกระโดดเชือกด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง จะช่วยลดแรงกระแทกลงได้มาก ไม่เกิดอันตรายต่อเข่า หรือทำให้เข่าเสื่อม เข่าพัง อย่างที่หลายคนเคยได้ยินกันมา การกระโดดเชือกที่ถูกวิธี จะกระโดดเพียงแค่ต่ำๆ สูงจากพื้นไม่เกิน 1-2 นิ้ว โดยที่จะใช้ข้อเท้า กล้ามเนื้อน่อง รวมถึงการงอเข่าเล็กน้อย ช่วยในการดูดซับแรงกระแทกลงได้อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งแรงกระแทกที่เกิดขึ้นยังน้อยกว่าการวิ่งอีกด้วย การกระโดดแบบผิดๆ ด้วยการกระโดดสูงเกินไปต่างหาก ที่มีโอกาสทำให้เข่าพังได้ จากแรงกระแทกที่สูงเกินไป - การย่อเข่าการออกกำลังกายโดยการย่อเข่าไปข้างหน้า วิธีนี้สามารถช่วยในการกำจัดไขมันและช่วยกระชับกล้ามเนื้อต้นขาและลดต้นขาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากคล้ายๆ กับการออกกำลังกายลุกนั่งวิธีการคือ ยืนแยกขาออก ให้ระหว่างขากว้างระยะประมาณหัวไหล่ทั้งสองข้างของเรา แล้วก้าวไปข้างหน้าด้วยเท้าหนึ่งข้างแล้วโยกตัวย่อเข่าลงไปข้างหน้าประมาณ 90 องศา ย่อตัวลงให้หัวเข่าขาหลังอยู่ห่างจากพื้นประมาณ 1 นิ้วพยายามให้หลังและคอเหยียดตรงตลอดเวลา ทิ้งน้ำหนักไปข้างหน้าไปที่ส้นเท้าและหัวเข่า อาจใช้วิธียกลูกเหล็กขนาด 5-10 ปอนด์ตรงด้านข้างลำตัว ระหว่างออกกำลังกายในท่านี้ไปด้วยก็ได้ บริหารต้นขาทั้งสองข้างด้วยท่านี้ประมาณข้างละ 30 ครั้ง พักแล้วเริ่มทำใหม่- การเดิน ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีลดต้นขาและเซลลูไลท์ที่ดีอีกวิธีหนึ่ง เนื่องจากการทำงานของกล้ามเนื้อจากการเดินนั้นทำให้กล้ามเนื้อแข็งแกร่งขึ้น เมื่อกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นจึงทำให้ไขมันบริเวณนั้นถูกเผาผลาญได้อย่างดี จึงทำให้ต้นขาของเราเล็กลงเซลลูไลท์ก็ลดและดูสวยงามยิ่งขึ้น - ขึ้น-ลงบันไดลองสวมรองเท้าส้นสูงแล้วเดินขึ้นลงบันได นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการลดน่องโต ทำขาเรียวสวยเซ็กซี่ได้การขึ้นบันไดสามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 8-11 กิโลแคลอรี่ต่อนาทีซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับการออกกำลังกายทั่วไป ส่วนการลงบันไดจะใช้พลังงานประมาณ 1 ใน 3 ของการขึ้นบันได การเดินขึ้นบันได เป็นการออกกำลังกายขณะทำงานรูปแบบหนึ่ง เป็นที่นิยมมากในต่างประเทศถึงขนาดมีการแข่งขันการเดินขึ้นบันไดเป็นประจำทุกปี เป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้เป็นประจำทุกวัน ทำได้ง่าย สะดวกทุกที่ ทุกเวลา การเดินขึ้นบันไดเป็นการออกกำลังแบบ aerobic หัวใจจะแข็งแรง ทำให้กล้ามเนื้อต้นขา น่อง และก้นแข็งแรง กระชับ แถมอาการปวดข้อน้อยกว่าการวิ่ง ยังมีรายงานอีกด้วยว่า การขึ้นบันไดเฉลี่ยวันละ 2 ชั้นสามารถลดน้ำหนักได้ 2.7 กิโลกรัมในเวลา 1 ปี และมีหลักฐานยืนยันว่าการเดินขึ้นลงบันไดสามารถเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกได้ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน อีกทั้งสามารถลดปริมาณไขมันในร่างกาย และเพิ่มปริมาณ High-density lipoprotein (HDL) ซึ่งเป็นไขมันชนิดดีได้และนี่คือภาพรวม ส่วนใครทำตามนี้แล้วยังได้ผลไม่เป็นที่น่าพอใจก็ต้องวินิจฉัยเพิ่มเป็นราย ๆ ไปผลิตภัณฑ์และอาหารเสริมแนะนำPaa super h เพื่อเพิ่มไขมันดีGlube เพื่อเพิ่มความสามารถในการกำจัดของเสียPraow ใช้นวดเพื่อเร่งการกำจัดไขมันเลวPloy ใช้ทาผิวหลังจากการอาบน้ำด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr.Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 720 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้วเหยียดแอฟริกา แพอุ้มพ่อลงเหว : [คุยผ่าโลก worldtalk]
    แม้วเหยียดแอฟริกา แพอุ้มพ่อลงเหว : [คุยผ่าโลก worldtalk]
    Like
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 398 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • ตบปาก 'ทักษิณ' พูดพล่อยเหยียดคน หวังนายกฯเตือนพ่อบ้าง
    .
    ชั่วโมงนี้คงไม่มีใครปากแซ่บเท่ากับ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ภายหลังตระเวนปราศรัยช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียงเลือกท้องถิ่นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จังหวัดเชียงราย ถึงกับมีการพูดพาดพิงถึงคนแอฟริกันในลักษณะเหยียดเชื้อชาติ ทำให้หลายฝ่ายออกมาวิจารณ์ถึงความเหมาะสม
    .
    นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แสดงความคิดเห็นว่า นายทักษิณเคยเป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง หรือสนับสนุนพรรคใหญ่ และมีลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรี การที่พูดในลักษณะที่เป็นการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ สีผิว ถือเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ และกติการะหว่างประเทศ ที่ประเทศไทยเป็นภาคีอยู่
    .
    “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ในทางสิทธิมนุษยชน การเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งสีผิว หรือเชื้อชาติ ถือเป็นเรื่องใหญ่และเรื่องสำคัญมาก อยากให้คุณทักษิณออกมาขอโทษ ในสิ่งที่ได้พูดไป ในบ้านเราเองก็ไม่ได้มีคนที่มีสีผิวเหมือนกันหมด ตรงนี้เป็นหลักการขั้นพื้นฐานมากๆ หวังว่าท่านนายกรัฐมนตรีจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป และหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีก เพราะรัฐบาลไทยไปสมัครเป็นสมาชิกมนตรีสิทธิมนุษชนแห่งสหชาติ ได้ให้คำมั่นไว้เยอะมากโดยเฉพาะเรื่องของธรรมาภิบาลของสิทธิมนุษยชน เรื่องของการขจัดการเลือกปฏิบัติ" อังคณรา ระบุ
    .
    ด้าน ท่าทีของพรรคเพื่อไทยต่อเรื่องนี้ยังมองว่าการกระทำของนายทักษิณที่ผ่านมายังไม่มีลักษณะใดที่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ระบุว่า ส่วนตัว ไม่ได้ฟังว่าท่านทักษิณปราศรัยว่าอย่างไร แต่คิดว่าสามารถทำได้ในขอบเขตที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อนุมัติให้ทำในฐานะผู้ช่วยหาเสียง เป็นสิทธิของท่านที่จะไปพูดอะไร ไปทั้งทีก็ไปช่วยผู้สมัครนายก อบจ. หาเสียงอยู่แล้ว
    .
    “ไปแล้วไม่พูดหาเสียงแล้วจะไปทำไมครับ เป็นผู้ช่วยหาเสียงก็ต้องไปหาเสียงครับ ไม่มีอะไรแปลกหรอก ท่านไปมาหลายจังหวัดแล้ว ผมไม่ได้ฟังแต่เชื่อว่าจากที่ท่านไม่ได้เยี่ยมพี่น้องประชาชนมานาน ท่านอาจจะดีใจ พี่น้องประชาชนก็ไปต้อนรับท่าน ก็เป็นเรื่องปกติ คนไทยทั้งประเทศรอพบท่านอยู่ ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ไปพบกัน ได้เจรจา ได้พูดให้ความหวังกับพี่น้องประชาชนเห็นว่าอนาคตของประเทศชาติจะเป็นอย่างไร ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี” นายวิสุทธิ์ ระบุ
    .
    นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีระเบียบอะไรบอกว่าพูดอะไรได้แค่ไหน หาเสียงก็ต้องแจ้งว่าพรรคจะทำอะไร ผู้สมัครจะทำอะไร อันไหนที่เป็นประโยชน์ก็ต้องพูดกัน
    .
    ผู้สื่อข่าวถามว่า รอบนี้นายทักษิณดุดันขึ้น นายชูศักดิ์ ยิ้ม ก่อนกล่าวว่า “ไม่ได้ดุดันอะไรครับ เป็นเรื่องปกติธรรมดาของการหาเสียง”
    ...........
    Sondhi X
    ตบปาก 'ทักษิณ' พูดพล่อยเหยียดคน หวังนายกฯเตือนพ่อบ้าง . ชั่วโมงนี้คงไม่มีใครปากแซ่บเท่ากับ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ภายหลังตระเวนปราศรัยช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียงเลือกท้องถิ่นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จังหวัดเชียงราย ถึงกับมีการพูดพาดพิงถึงคนแอฟริกันในลักษณะเหยียดเชื้อชาติ ทำให้หลายฝ่ายออกมาวิจารณ์ถึงความเหมาะสม . นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แสดงความคิดเห็นว่า นายทักษิณเคยเป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง หรือสนับสนุนพรรคใหญ่ และมีลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรี การที่พูดในลักษณะที่เป็นการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ สีผิว ถือเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ และกติการะหว่างประเทศ ที่ประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ . “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ในทางสิทธิมนุษยชน การเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งสีผิว หรือเชื้อชาติ ถือเป็นเรื่องใหญ่และเรื่องสำคัญมาก อยากให้คุณทักษิณออกมาขอโทษ ในสิ่งที่ได้พูดไป ในบ้านเราเองก็ไม่ได้มีคนที่มีสีผิวเหมือนกันหมด ตรงนี้เป็นหลักการขั้นพื้นฐานมากๆ หวังว่าท่านนายกรัฐมนตรีจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป และหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีก เพราะรัฐบาลไทยไปสมัครเป็นสมาชิกมนตรีสิทธิมนุษชนแห่งสหชาติ ได้ให้คำมั่นไว้เยอะมากโดยเฉพาะเรื่องของธรรมาภิบาลของสิทธิมนุษยชน เรื่องของการขจัดการเลือกปฏิบัติ" อังคณรา ระบุ . ด้าน ท่าทีของพรรคเพื่อไทยต่อเรื่องนี้ยังมองว่าการกระทำของนายทักษิณที่ผ่านมายังไม่มีลักษณะใดที่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ระบุว่า ส่วนตัว ไม่ได้ฟังว่าท่านทักษิณปราศรัยว่าอย่างไร แต่คิดว่าสามารถทำได้ในขอบเขตที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อนุมัติให้ทำในฐานะผู้ช่วยหาเสียง เป็นสิทธิของท่านที่จะไปพูดอะไร ไปทั้งทีก็ไปช่วยผู้สมัครนายก อบจ. หาเสียงอยู่แล้ว . “ไปแล้วไม่พูดหาเสียงแล้วจะไปทำไมครับ เป็นผู้ช่วยหาเสียงก็ต้องไปหาเสียงครับ ไม่มีอะไรแปลกหรอก ท่านไปมาหลายจังหวัดแล้ว ผมไม่ได้ฟังแต่เชื่อว่าจากที่ท่านไม่ได้เยี่ยมพี่น้องประชาชนมานาน ท่านอาจจะดีใจ พี่น้องประชาชนก็ไปต้อนรับท่าน ก็เป็นเรื่องปกติ คนไทยทั้งประเทศรอพบท่านอยู่ ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ไปพบกัน ได้เจรจา ได้พูดให้ความหวังกับพี่น้องประชาชนเห็นว่าอนาคตของประเทศชาติจะเป็นอย่างไร ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี” นายวิสุทธิ์ ระบุ . นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีระเบียบอะไรบอกว่าพูดอะไรได้แค่ไหน หาเสียงก็ต้องแจ้งว่าพรรคจะทำอะไร ผู้สมัครจะทำอะไร อันไหนที่เป็นประโยชน์ก็ต้องพูดกัน . ผู้สื่อข่าวถามว่า รอบนี้นายทักษิณดุดันขึ้น นายชูศักดิ์ ยิ้ม ก่อนกล่าวว่า “ไม่ได้ดุดันอะไรครับ เป็นเรื่องปกติธรรมดาของการหาเสียง” ........... Sondhi X
    Like
    Angry
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1246 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงการให้บริการสิทธิประโยชน์ทันตกรรมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) โดย “หน่วยบริการนวัตกรรมคลินิกทันตกรรมเอกชน” ว่า จากข้อมูลการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการของ สปสช. ณ วันที่ 6 มกราคม 2568 มีคลินิกทันตกรรมที่ร่วมขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมแล้วจำนวน 1,394 แห่ง ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนในการใช้สิทธิบัตรทองเข้ารับบริการอย่างมาก โดยปีงบประมาณ 2567 - 2568 (6 ม.ค. 68) มีผู้เข้ารับบริการจำนวน 368,870 คน เป็นจำนวน 666,664 ครั้ง สะท้อนให้เห็นถึงการเข้าถึงบริการทันตกรรมในระบบบัตรทองที่เพิ่มขึ้น

    ทั้งนี้ เป็นผลมาจากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ มีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิบัตรทองได้โดยสะดวก รวดเร็ว และใกล้บ้านได้ ซึ่งแต่เดิมแม้ว่าภายใต้ระบบบัตรทองจะมีชุดสิทธิประโยชน์บริการทันตกรรมที่ครอบคลุมให้กับประชาชนแล้ว ทั้งการสร้างเสริมป้องกัน การรักษา และฟื้นฟูสุขภาพช่องปากและฟัน พร้อมจัดสรรงบประมาณรองรับเบิกจ่ายค่าบริการ แต่ที่ผ่านมาพบว่าการใช้บริการของประชาชนยังมีไม่มาก ด้วยข้อจำกัดที่มีเพียงแต่หน่วยบริการของรัฐเท่านั้นที่ให้บริการทันตกรรมกับผู้ใช้สิทธิบัตรทอง ทำให้มีคิวรอบริการยาวเหยียด บางแห่งต้องรอคิวข้ามปีกันเลยทีเดียว ขณะที่มีคลินิกทันตกรรมเอกชนกระจายอยู่ทั่วประเทศเกือบ 7,000 แห่ง สามารถให้บริการประชาชนได้เหมือนกัน โดยที่รัฐไม่ต้องลงทุนสร้าง รพ.เพิ่มเติมแต่อย่างใด

    ทพ.อรรถพร กล่าวว่า สปสช. จึงได้ร่วมมือกับทันตแพทยสภา เชิญชวนคลินิกทันตกรรมเอกชน มาร่วมให้บริการทันตกรรมตามแนวทางเน้นการรักษาดูแลต่อเนื่องแบบปฐมภูมิ ทั้งการรักษาและการสร้างเสริมสุขภาพช่องปากปีละ 3 ครั้ง โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากประชาชน ซึ่งตลอดระยะเวลาของการดำเนินการตามแผนขับเคลื่อน 30 บาทรักษาทุกที่ทั้ง 4 ระยะ ทันตแพทยสภาได้ร่วมกับ สปสช. ชี้แจงและทำความเข้าใจกับคลินิกทันตกรรมเอกชนต่างๆ เพื่อให้ความมั่นใจต่อการเข้าร่วมให้บริการในระบบ ทั้งรายการการให้บริการ การยืนยันตัวตนใช้สิทธิ การเบิกจ่าย และการจัดทำระบบและการเชอมต่อข้อมูลต่างๆ

    นอกจากนี้ยังได้ร่วมลงพื้นที่ไปยังคลินิกทันตกรรมในจังหวัดต่างๆ ที่เข้าร่วม อาทิ คลินิกทันตกรรมกู๊ด ฟ. ฟัน จ.เชียงใหม่ คลินิกทันตกรรม ซี สไมล์พลัส อ.เมือง จ.ลำพูน ไอสมายล์คลินิกทันตกรรม อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ และที่ คลินิกทันตกรรมทีสมายล์ จ.น่าน เป็นต้น ไม่เพียงแต่ติดตามการให้บริการผู้ใช้สิทธิบัตรทองตามคุณภาพและมาตรฐานแล้ว ยังได้รับทราบและแลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆ กับทางผู้ประกอบการคลินิกฯ ทันตแพทย์ และเจ้าหน้าที่คลินิกฯ ที่ให้บริการ รวมถึงการสอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้สิทธิบัตรทองที่มารับบริการ ก็ได้รับคำตอบว่ามีความพึงพอใจมาก เพราะได้ใช้สิทธิบัตรทองทำฟัน ใช้เวลาน้อย ไม่ต้องรอคิวนานที่โรงพยาบาลเหมือนแต่ก่อน และไม่เสียค่าใช้จ่าย ทำให้มีประชาชนใช้บริการแล้วจำนวนมาก

    ทั้งนี้ สิทธิประโยชน์บัตรทอง รายการบริการทันตกรรมที่คลินิกทันตกรรม มี 6 รายการ ดังนี้ 1.ตรวจสุขภาพช่องปาก 2.ขูดหินปูน 3.อุดฟัน 4.ถอนฟัน 5.เคลือบหลุมร่องฟัน และ 6.เคลือบฟลูออไรด์ โดยสามารถเข้ารับบริการได้คนละ 3 ครั้งต่อปี หากใช้สิทธิครบแล้วผู้ป่วยสามารถเข้ารับบริการเพิ่มเติมได้ที่โรงพยาบาลตามสิทธิได้ หรือกรณีที่มีภาวะรุนแรงและต้องรับการรักษาที่โรงพยาบาลก็ส่งต่อไปรับบริการต่อไป
    ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงการให้บริการสิทธิประโยชน์ทันตกรรมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) โดย “หน่วยบริการนวัตกรรมคลินิกทันตกรรมเอกชน” ว่า จากข้อมูลการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการของ สปสช. ณ วันที่ 6 มกราคม 2568 มีคลินิกทันตกรรมที่ร่วมขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมแล้วจำนวน 1,394 แห่ง ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนในการใช้สิทธิบัตรทองเข้ารับบริการอย่างมาก โดยปีงบประมาณ 2567 - 2568 (6 ม.ค. 68) มีผู้เข้ารับบริการจำนวน 368,870 คน เป็นจำนวน 666,664 ครั้ง สะท้อนให้เห็นถึงการเข้าถึงบริการทันตกรรมในระบบบัตรทองที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เป็นผลมาจากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ มีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิบัตรทองได้โดยสะดวก รวดเร็ว และใกล้บ้านได้ ซึ่งแต่เดิมแม้ว่าภายใต้ระบบบัตรทองจะมีชุดสิทธิประโยชน์บริการทันตกรรมที่ครอบคลุมให้กับประชาชนแล้ว ทั้งการสร้างเสริมป้องกัน การรักษา และฟื้นฟูสุขภาพช่องปากและฟัน พร้อมจัดสรรงบประมาณรองรับเบิกจ่ายค่าบริการ แต่ที่ผ่านมาพบว่าการใช้บริการของประชาชนยังมีไม่มาก ด้วยข้อจำกัดที่มีเพียงแต่หน่วยบริการของรัฐเท่านั้นที่ให้บริการทันตกรรมกับผู้ใช้สิทธิบัตรทอง ทำให้มีคิวรอบริการยาวเหยียด บางแห่งต้องรอคิวข้ามปีกันเลยทีเดียว ขณะที่มีคลินิกทันตกรรมเอกชนกระจายอยู่ทั่วประเทศเกือบ 7,000 แห่ง สามารถให้บริการประชาชนได้เหมือนกัน โดยที่รัฐไม่ต้องลงทุนสร้าง รพ.เพิ่มเติมแต่อย่างใด ทพ.อรรถพร กล่าวว่า สปสช. จึงได้ร่วมมือกับทันตแพทยสภา เชิญชวนคลินิกทันตกรรมเอกชน มาร่วมให้บริการทันตกรรมตามแนวทางเน้นการรักษาดูแลต่อเนื่องแบบปฐมภูมิ ทั้งการรักษาและการสร้างเสริมสุขภาพช่องปากปีละ 3 ครั้ง โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากประชาชน ซึ่งตลอดระยะเวลาของการดำเนินการตามแผนขับเคลื่อน 30 บาทรักษาทุกที่ทั้ง 4 ระยะ ทันตแพทยสภาได้ร่วมกับ สปสช. ชี้แจงและทำความเข้าใจกับคลินิกทันตกรรมเอกชนต่างๆ เพื่อให้ความมั่นใจต่อการเข้าร่วมให้บริการในระบบ ทั้งรายการการให้บริการ การยืนยันตัวตนใช้สิทธิ การเบิกจ่าย และการจัดทำระบบและการเชอมต่อข้อมูลต่างๆ นอกจากนี้ยังได้ร่วมลงพื้นที่ไปยังคลินิกทันตกรรมในจังหวัดต่างๆ ที่เข้าร่วม อาทิ คลินิกทันตกรรมกู๊ด ฟ. ฟัน จ.เชียงใหม่ คลินิกทันตกรรม ซี สไมล์พลัส อ.เมือง จ.ลำพูน ไอสมายล์คลินิกทันตกรรม อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ และที่ คลินิกทันตกรรมทีสมายล์ จ.น่าน เป็นต้น ไม่เพียงแต่ติดตามการให้บริการผู้ใช้สิทธิบัตรทองตามคุณภาพและมาตรฐานแล้ว ยังได้รับทราบและแลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆ กับทางผู้ประกอบการคลินิกฯ ทันตแพทย์ และเจ้าหน้าที่คลินิกฯ ที่ให้บริการ รวมถึงการสอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้สิทธิบัตรทองที่มารับบริการ ก็ได้รับคำตอบว่ามีความพึงพอใจมาก เพราะได้ใช้สิทธิบัตรทองทำฟัน ใช้เวลาน้อย ไม่ต้องรอคิวนานที่โรงพยาบาลเหมือนแต่ก่อน และไม่เสียค่าใช้จ่าย ทำให้มีประชาชนใช้บริการแล้วจำนวนมาก ทั้งนี้ สิทธิประโยชน์บัตรทอง รายการบริการทันตกรรมที่คลินิกทันตกรรม มี 6 รายการ ดังนี้ 1.ตรวจสุขภาพช่องปาก 2.ขูดหินปูน 3.อุดฟัน 4.ถอนฟัน 5.เคลือบหลุมร่องฟัน และ 6.เคลือบฟลูออไรด์ โดยสามารถเข้ารับบริการได้คนละ 3 ครั้งต่อปี หากใช้สิทธิครบแล้วผู้ป่วยสามารถเข้ารับบริการเพิ่มเติมได้ที่โรงพยาบาลตามสิทธิได้ หรือกรณีที่มีภาวะรุนแรงและต้องรับการรักษาที่โรงพยาบาลก็ส่งต่อไปรับบริการต่อไป
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • อังคณาจี้ทักษิณขอโทษปราศรัยเหยียดเชื้อชาติ-สีผิว (06/01/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ปราศรัยเหยียดเชื้อชาติ #ทักษิณกลับมาเลี้ยงหลานกี่โมง
    อังคณาจี้ทักษิณขอโทษปราศรัยเหยียดเชื้อชาติ-สีผิว (06/01/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ปราศรัยเหยียดเชื้อชาติ #ทักษิณกลับมาเลี้ยงหลานกี่โมง
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1231 มุมมอง 70 0 รีวิว
  • "โจ้ถุงดำแห่งอเมริกา"
    นี่คืออาชญากรรมที่ถูกเปิดเผยจากในเรือนจำของอเมริกา

    กล้องติดลำตัวแสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นพวกเหยียดผิวในเรือนจำ Marcy Correctional Facility กำลังทำร้ายชายผิวดำชื่อโรเบิร์ต บรู๊คส์ อย่างโหดร้ายขณะที่เขาถูกใส่กุญแจมือเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2024

    บรู๊คส์เสียชีวิตในวันถัดมา

    เหตุการณ์ดังกล่าวจุดชนวนให้เกิดความโกรธแค้นอย่างกว้างขวางและเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเหยื่อ

    จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการฟ้องร้องทางอาญากับเจ้าหน้าที่ผิวขาวที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้แต่อย่างใด
    "โจ้ถุงดำแห่งอเมริกา" นี่คืออาชญากรรมที่ถูกเปิดเผยจากในเรือนจำของอเมริกา กล้องติดลำตัวแสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นพวกเหยียดผิวในเรือนจำ Marcy Correctional Facility กำลังทำร้ายชายผิวดำชื่อโรเบิร์ต บรู๊คส์ อย่างโหดร้ายขณะที่เขาถูกใส่กุญแจมือเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2024 บรู๊คส์เสียชีวิตในวันถัดมา เหตุการณ์ดังกล่าวจุดชนวนให้เกิดความโกรธแค้นอย่างกว้างขวางและเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเหยื่อ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการฟ้องร้องทางอาญากับเจ้าหน้าที่ผิวขาวที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้แต่อย่างใด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 410 มุมมอง 12 0 รีวิว
  • ข่าวแบงค์ เลสเตอร์ ดูแล้วหดหู่มากนะ
    แต่ยกย่องจิตใจแบงค์ แข็งแกร่งมาก

    เราในฐานะที่เคยถูกคนใกล้ชิดดูถูกเหยีดหยาม
    ถูกกระทำเยี่ยงทาสหรือไม่ใช่คนมีหัวนอนปลายเท้า
    เหยียดว่าเราเป็นกะหรี่ ดูถูกครอบครัวเราสารพัด
    บังคับให้เราอยู่บ้านเขาในฐานะคนใช้
    ชนชั้นที่เราเป็นอยู่คือต่ำกว่าหมาแมวที่เขาเลี้ยง
    ล่วงละเมิดทางเพศ และบังคับให้มี พสพ แบบวิตรถาร
    ใช้งานเราสารพัดโดยไม่ให้ค่าจ้าง
    โยนเศษเงินลงพื้นให้เราเก็บ
    ข่มขู่คุกคามทำร้ายร่างกายเรา
    ทำแม้กระทั่งจ้างนักสืบ ตามสืบเรา

    จนเรารู้สึกว่ามันทำมากเกินไปแล้ว
    จึงได้ตอบโต้กลับไปอย่างคนมีการศึกษาที่ดี
    คือใช้กฎหมายโดยการแจ้งความ
    และบอกทางโน้นไป ถ้ายังไม่หยุด
    ได้เจอกันในชั้นศาลแน่ ... มันก็เลยเงียบไป

    และกฎแห่งกรรมก็ไม่ทำให้ผิดหวัง
    พวกมันก็กำลังเผชิญกับความทุกข์ทรมารทางกาย
    ที่เคยทำกับเราอยู่ทุกวันนี้
    เวลาผ่านไป เราให้อภัยนะ แต่ก็สมน้ำหน้า
    ชดใช้กรรมให้หมดในชาตินี้นะคะ อย่าเพิ่งตายไว




    ข่าวแบงค์ เลสเตอร์ ดูแล้วหดหู่มากนะ แต่ยกย่องจิตใจแบงค์ แข็งแกร่งมาก เราในฐานะที่เคยถูกคนใกล้ชิดดูถูกเหยีดหยาม ถูกกระทำเยี่ยงทาสหรือไม่ใช่คนมีหัวนอนปลายเท้า เหยียดว่าเราเป็นกะหรี่ ดูถูกครอบครัวเราสารพัด บังคับให้เราอยู่บ้านเขาในฐานะคนใช้ ชนชั้นที่เราเป็นอยู่คือต่ำกว่าหมาแมวที่เขาเลี้ยง ล่วงละเมิดทางเพศ และบังคับให้มี พสพ แบบวิตรถาร ใช้งานเราสารพัดโดยไม่ให้ค่าจ้าง โยนเศษเงินลงพื้นให้เราเก็บ ข่มขู่คุกคามทำร้ายร่างกายเรา ทำแม้กระทั่งจ้างนักสืบ ตามสืบเรา จนเรารู้สึกว่ามันทำมากเกินไปแล้ว จึงได้ตอบโต้กลับไปอย่างคนมีการศึกษาที่ดี คือใช้กฎหมายโดยการแจ้งความ และบอกทางโน้นไป ถ้ายังไม่หยุด ได้เจอกันในชั้นศาลแน่ ... มันก็เลยเงียบไป และกฎแห่งกรรมก็ไม่ทำให้ผิดหวัง พวกมันก็กำลังเผชิญกับความทุกข์ทรมารทางกาย ที่เคยทำกับเราอยู่ทุกวันนี้ เวลาผ่านไป เราให้อภัยนะ แต่ก็สมน้ำหน้า ชดใช้กรรมให้หมดในชาตินี้นะคะ อย่าเพิ่งตายไว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2024 THAILAND VIRAL CALENDAR

    วันคืนล่วงไป มีอะไรเข้ามาบ้าง Newskit ขอนำเสนอปฎิทินไวรัลในรอบปี 2567 สะท้อนเหตุการณ์ที่เป็นกระแสในช่วงที่ผ่านมา

    มกราคม - จับศรีสุวรรณ จรรยา นักเคลื่อนไหวดัง หลังอธิบดีกรมการข้าวร้องเรียนตำรวจว่าถูกเรียกรับเงิน 3 ล้านบาท ปิดตำนานนักร้องเรียนหลังออกจากคุกแทบไม่มีข่าวออกสื่อ

    กุมภาพันธ์ - เดวิดถีบหมอ ชาวต่างชาติพักวิลล่าหรูริมทะเลภูเก็ตเตะแพทย์สาวนั่งชมพระจันทร์กับเพื่อน แถมพูดจาเหยียดหยาม ทำชาวบ้านไม่พอใจขับไล่ ทวงคืนชายหาดสาธารณะ

    มีนาคม - วันกะเทยผ่านศึก กลุ่มกะเทยไทยปะทะฟิลิปปินส์ใจกลางสุขุมวิท เพราะฝ่ายปินส์ไปรุมเขาก่อน 20 รุม 2 กลายเป็นศึกศักดิ์ศรี ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด

    เมษายน - น้องไนซ์ปีนเกลียว เด็กอายุ 8 ขวบฉายาเชื่อมจิตพาดพิงพิธีกรดัง หนุ่ม กรรชัย แถมพ่วงด้วย แพรรี่ ไพรวัลย์ อดีตพระนักเทศน์ สุดท้ายกลายเป็นคดีความ

    พฤษภาคม - ข้าวเก่า 10 ปี ภูมิธรรม เวชยชัย ขณะเป็น รมว.พาณิชย์ พาสื่อชมโกดังจำนำข้าวที่สุรินทร์ โชว์กินข้าวสีออกเหลือง การันตีกินได้แบบสังคมน่ากังขา ก่อนเปิดประมูลข้าวเก่าล็อตสุดท้าย

    มิถุนายน - ลิซ่า ลลิลา เปิดตัวเอ็ม.วี. ROCKSTAR ในฐานะศิลปินเดี่ยว ใช้กรุงเทพฯ เป็นฉากล้วนๆ โดยเฉพาะเยาวราช กลายเป็นจุดเช็กอินตามรอยซูปตาร์ฯ สาวระดับโลก

    กรกฎาคม - นาย-ใบเฟิร์นเลิกเป็นแฟน ฝ่ายชายขอถอยกลับมาเป็นเพื่อน ส่วนฝ่ายหญิงเจ็บปวดน้ำตาคลอ ท่ามกลางข่าวสะพัดแม่ฝ่ายชายไม่ปลื้ม แต่แม่หมูส่งทนายยื่นโนติสทุกสื่ออย่าโยงมั่ว

    สิงหาคม - เทนนิส พาณิภัค นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย คว้าเหรียญทองโอลิมปิกปารีส 2024 เหรียญที่สองในชีวิต ก่อนอำลาทีมชาติ ขอรักษาอาการบาดเจ็บและเปิดยิมเล็กๆ ส่งต่อความรู้สู่เยาวชน

    กันยายน - หมูเด้ง ฮิปโปแคระสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ชลบุรี โด่งดังระดับโลก จากคลิปความน่ารักที่พี่เลี้ยงถ่ายลงโซเชียลฯ ทำชาวเน็ตติดงอมแงม แถมมีสินค้าลิขสิทธิ์ให้ซื้ออีกเพียบ

    ตุลาคม - ไฟไหม้รถบัส โศกเศร้าทั้งแผ่นดิน นักเรียนและครูจากอุทัยธานีมาทัศนศึกษา ออกมาไม่ได้ถูกไฟคลอกเสียชีวิต 23 ราย พบมาจากก๊าซเอ็นจีวีรั่ว แถมลักลอบติดถังก๊าซนับสิบลูกเกินกว่าที่ขนส่งกำหนด

    พฤศจิกายน - จับทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด และภรรยา หลังเศรษฐีนีแจ้งความ ถูกฉ้อโกงเงินทำแอปฯ หวย 71 ล้าน ทำไปทำมาคดีงอกทั้งเรื่องสแกมเมอร์ทิพย์ 39 ล้าน ออกแบบโรงแรม 9 ล้าน และส่วนต่างซื้อรถเบนซ์ 1.5 ล้าน

    ธันวาคม - แบงค์ เลสเตอร์ เสียชีวิตเพราะรับคำท้าดื่มสุรารวดเดียวหมดแบน แลกกับเงิน 30,000 บาท ในงานเปิดร้านสินค้าการเกษตร สลดใจกลายเป็นสวนสัตว์มนุษย์ของอินฟลูฯ ตลาดล่าง

    #Newskit
    2024 THAILAND VIRAL CALENDAR วันคืนล่วงไป มีอะไรเข้ามาบ้าง Newskit ขอนำเสนอปฎิทินไวรัลในรอบปี 2567 สะท้อนเหตุการณ์ที่เป็นกระแสในช่วงที่ผ่านมา มกราคม - จับศรีสุวรรณ จรรยา นักเคลื่อนไหวดัง หลังอธิบดีกรมการข้าวร้องเรียนตำรวจว่าถูกเรียกรับเงิน 3 ล้านบาท ปิดตำนานนักร้องเรียนหลังออกจากคุกแทบไม่มีข่าวออกสื่อ กุมภาพันธ์ - เดวิดถีบหมอ ชาวต่างชาติพักวิลล่าหรูริมทะเลภูเก็ตเตะแพทย์สาวนั่งชมพระจันทร์กับเพื่อน แถมพูดจาเหยียดหยาม ทำชาวบ้านไม่พอใจขับไล่ ทวงคืนชายหาดสาธารณะ มีนาคม - วันกะเทยผ่านศึก กลุ่มกะเทยไทยปะทะฟิลิปปินส์ใจกลางสุขุมวิท เพราะฝ่ายปินส์ไปรุมเขาก่อน 20 รุม 2 กลายเป็นศึกศักดิ์ศรี ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด เมษายน - น้องไนซ์ปีนเกลียว เด็กอายุ 8 ขวบฉายาเชื่อมจิตพาดพิงพิธีกรดัง หนุ่ม กรรชัย แถมพ่วงด้วย แพรรี่ ไพรวัลย์ อดีตพระนักเทศน์ สุดท้ายกลายเป็นคดีความ พฤษภาคม - ข้าวเก่า 10 ปี ภูมิธรรม เวชยชัย ขณะเป็น รมว.พาณิชย์ พาสื่อชมโกดังจำนำข้าวที่สุรินทร์ โชว์กินข้าวสีออกเหลือง การันตีกินได้แบบสังคมน่ากังขา ก่อนเปิดประมูลข้าวเก่าล็อตสุดท้าย มิถุนายน - ลิซ่า ลลิลา เปิดตัวเอ็ม.วี. ROCKSTAR ในฐานะศิลปินเดี่ยว ใช้กรุงเทพฯ เป็นฉากล้วนๆ โดยเฉพาะเยาวราช กลายเป็นจุดเช็กอินตามรอยซูปตาร์ฯ สาวระดับโลก กรกฎาคม - นาย-ใบเฟิร์นเลิกเป็นแฟน ฝ่ายชายขอถอยกลับมาเป็นเพื่อน ส่วนฝ่ายหญิงเจ็บปวดน้ำตาคลอ ท่ามกลางข่าวสะพัดแม่ฝ่ายชายไม่ปลื้ม แต่แม่หมูส่งทนายยื่นโนติสทุกสื่ออย่าโยงมั่ว สิงหาคม - เทนนิส พาณิภัค นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย คว้าเหรียญทองโอลิมปิกปารีส 2024 เหรียญที่สองในชีวิต ก่อนอำลาทีมชาติ ขอรักษาอาการบาดเจ็บและเปิดยิมเล็กๆ ส่งต่อความรู้สู่เยาวชน กันยายน - หมูเด้ง ฮิปโปแคระสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ชลบุรี โด่งดังระดับโลก จากคลิปความน่ารักที่พี่เลี้ยงถ่ายลงโซเชียลฯ ทำชาวเน็ตติดงอมแงม แถมมีสินค้าลิขสิทธิ์ให้ซื้ออีกเพียบ ตุลาคม - ไฟไหม้รถบัส โศกเศร้าทั้งแผ่นดิน นักเรียนและครูจากอุทัยธานีมาทัศนศึกษา ออกมาไม่ได้ถูกไฟคลอกเสียชีวิต 23 ราย พบมาจากก๊าซเอ็นจีวีรั่ว แถมลักลอบติดถังก๊าซนับสิบลูกเกินกว่าที่ขนส่งกำหนด พฤศจิกายน - จับทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด และภรรยา หลังเศรษฐีนีแจ้งความ ถูกฉ้อโกงเงินทำแอปฯ หวย 71 ล้าน ทำไปทำมาคดีงอกทั้งเรื่องสแกมเมอร์ทิพย์ 39 ล้าน ออกแบบโรงแรม 9 ล้าน และส่วนต่างซื้อรถเบนซ์ 1.5 ล้าน ธันวาคม - แบงค์ เลสเตอร์ เสียชีวิตเพราะรับคำท้าดื่มสุรารวดเดียวหมดแบน แลกกับเงิน 30,000 บาท ในงานเปิดร้านสินค้าการเกษตร สลดใจกลายเป็นสวนสัตว์มนุษย์ของอินฟลูฯ ตลาดล่าง #Newskit
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1389 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts