• ทรัมป์ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรซีเรียทั้งหมด เพื่อช่วยให้ซีเรียวางโครงสร้างพื้นฐานใหม่ในการต่อต้านอิหร่าน และยังกล่าวสนับสนุนผู้ปกครองคนใหม่ของซีเรียว่า “เป็นหัวหน้าองค์กรที่เข้มแข็งบางองค์กร เขาเป็นคนเข้มแข็งมาก และเขาเป็นคนดี”

    คงจำกันได้ว่าโจลานี คือบุคคลที่สหรัฐ "เสแสร้ง" ประกาศให้เป็นผู้ก่อการร้าย และมีรางวัลนำจับ เพื่อที่เขาจะได้ "ทำงานสกปรก" แทนสหรัฐ ในการโค่นล้มผู้นำซีเรียที่มาจากการเลือกตั้งและเป็นประชาธิปไตย โดยใช้ "สำนักข่าว" เป็นผู้กระจายข่าวใส่ร้าย สร้างภาพให้น่ากลัวต่ออดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด
    ทรัมป์ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรซีเรียทั้งหมด เพื่อช่วยให้ซีเรียวางโครงสร้างพื้นฐานใหม่ในการต่อต้านอิหร่าน และยังกล่าวสนับสนุนผู้ปกครองคนใหม่ของซีเรียว่า “เป็นหัวหน้าองค์กรที่เข้มแข็งบางองค์กร เขาเป็นคนเข้มแข็งมาก และเขาเป็นคนดี” คงจำกันได้ว่าโจลานี คือบุคคลที่สหรัฐ "เสแสร้ง" ประกาศให้เป็นผู้ก่อการร้าย และมีรางวัลนำจับ เพื่อที่เขาจะได้ "ทำงานสกปรก" แทนสหรัฐ ในการโค่นล้มผู้นำซีเรียที่มาจากการเลือกตั้งและเป็นประชาธิปไตย โดยใช้ "สำนักข่าว" เป็นผู้กระจายข่าวใส่ร้าย สร้างภาพให้น่ากลัวต่ออดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • Vassily Nebenzia (วาซิลี เนเบนเซีย) ผู้แทนถาวรรัสเซียประจำสหประชาชาติ กล่าวในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ:

    เป็นเรื่องแปลกมากสำหรับเราที่ "อิสราเอล" นั่งอยู่ที่นี่ โดยที่พวกเขา ไม่ได้ลงนามใน NPT ทำไมพวกเขาถึงอยู่ที่นี่ นี่เป็นความเสแสร้งอย่างแท้จริง ถึงเวลาที่อิสราเอลต้องลงนามใน NPT อย่างแท้จริง

    .

    NPT (Treaty on the Non-Proliferation of Nuclear Weapons) หรือ สนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ เป็นสนธิสัญญาที่มุ่งเน้นการป้องกันการแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์, ส่งเสริมการใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ, และผลักดันการลดอาวุธนิวเคลียร์. สนธิสัญญานี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 1970 และมีรัฐภาคี 188 ประเทศ. 
    Vassily Nebenzia (วาซิลี เนเบนเซีย) ผู้แทนถาวรรัสเซียประจำสหประชาชาติ กล่าวในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ: เป็นเรื่องแปลกมากสำหรับเราที่ "อิสราเอล" นั่งอยู่ที่นี่ โดยที่พวกเขา ไม่ได้ลงนามใน NPT ทำไมพวกเขาถึงอยู่ที่นี่ นี่เป็นความเสแสร้งอย่างแท้จริง ถึงเวลาที่อิสราเอลต้องลงนามใน NPT อย่างแท้จริง . NPT (Treaty on the Non-Proliferation of Nuclear Weapons) หรือ สนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ เป็นสนธิสัญญาที่มุ่งเน้นการป้องกันการแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์, ส่งเสริมการใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ, และผลักดันการลดอาวุธนิวเคลียร์. สนธิสัญญานี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 1970 และมีรัฐภาคี 188 ประเทศ. 
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจอคนขี้เสี้ยม…จะวางใจอย่างไรไม่ให้ถูกเผาไปด้วย?

    คำพูดที่เสี้ยมให้คนแตกแยกกัน
    ฟังดูเหมือนลม
    แต่เป็นลมที่พัดไฟในใจให้โหมแรง
    ให้เขาตีกัน
    ให้เราว้าวุ่น
    ให้ทั้งวงแตก!

    คนที่ชอบยุแยง ไม่ได้มีความสุขจริงหรอก
    ต่อให้สะใจที่ทำให้คนแตกกันได้สำเร็จ
    แต่ในใจจริง จะเต็มไปด้วย

    ความร้อนรุ่ม

    ความกระวนกระวาย

    ความฟุ้งซ่าน

    ความคิดพุ่งพล่านไม่หยุด
    ไม่มีความสงบ ไม่มีความเย็นอยู่เลย

    แต่จะทำอย่างไร ถ้าเราไม่อยากถูกลากเข้าไปในไฟนั้น?

    พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจน
    "เมื่อเขาร้ายมา เราให้ดีตอบเป็นขั้วตรงข้าม"

    เขาโกหก → เราพูดความจริง

    เขานินทา → เราสรรเสริญในสิ่งที่ควรสรรเสริญ

    เขายุแยงให้แตก → เราเป็นตัวอย่างของความสมานฉันท์

    ไม่ต้องไปต่อล้อต่อเถียง
    แต่ใช้พลังแห่ง “ของจริง”
    ให้เขาเห็นว่า
    ยังมีมนุษย์ที่คิดดี พูดดี และปรารถนาดี…โดยไม่แฝงมีดในรอยยิ้ม

    ความมืดแพ้แสงเสมอ
    แม้ไฟฉายเล็กๆ ยังชนะห้องมืดได้
    แม้แสงดาวที่อยู่ไกลเป็นล้านปีแสง
    ยังส่องมาถึงใจเราได้…แม้ต้องใช้เวลานาน

    ดังนั้น
    แม้เราจะเปลี่ยนเขาไม่ได้ทันที
    แต่ขอเพียงเรา “เป็นของจริง”
    “ดีจริง” และ “นานพอ”
    กุศลย่อมมีกำลังมากกว่าอกุศลเสมอ

    ที่สำคัญที่สุด…
    ผลลัพธ์ไม่ได้เกิดกับเขาคนเดียว
    แต่เกิดกับ “ใจของเรา” ทันที
    ใจเราจะไม่ร้อน
    ไม่ขุ่น
    ไม่ตกเป็นเหยื่อของคำพูดลวงโลก

    เราจะได้ "ให้อภัยเป็นทาน"
    และ “ปลดปล่อยใจ” พ้นจากพิษภัยได้ก่อนใคร

    บางครั้ง…คนที่ยุให้เราตีกัน อาจไม่ใช่ศัตรูที่แท้จริง
    แต่เป็นบททดสอบว่า ใจเราเย็นได้แค่ไหน ต่างหาก

    #ธรรมะเข้าใจง่ายแต่ลึก
    #ความดีคือของจริง
    #เจอคนเสี้ยมอย่าตอบโต้ด้วยไฟ
    #กุศลชนะอกุศล
    #จิตเย็นคือชัยชนะที่แท้จริง
    #สายกลางไม่เสแสร้ง
    🌪️ เจอคนขี้เสี้ยม…จะวางใจอย่างไรไม่ให้ถูกเผาไปด้วย? คำพูดที่เสี้ยมให้คนแตกแยกกัน ฟังดูเหมือนลม แต่เป็นลมที่พัดไฟในใจให้โหมแรง ให้เขาตีกัน ให้เราว้าวุ่น ให้ทั้งวงแตก! 😈 คนที่ชอบยุแยง ไม่ได้มีความสุขจริงหรอก ต่อให้สะใจที่ทำให้คนแตกกันได้สำเร็จ แต่ในใจจริง จะเต็มไปด้วย ความร้อนรุ่ม ความกระวนกระวาย ความฟุ้งซ่าน ความคิดพุ่งพล่านไม่หยุด ไม่มีความสงบ ไม่มีความเย็นอยู่เลย 🪶 แต่จะทำอย่างไร ถ้าเราไม่อยากถูกลากเข้าไปในไฟนั้น? พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจน 💡 "เมื่อเขาร้ายมา เราให้ดีตอบเป็นขั้วตรงข้าม" เขาโกหก → เราพูดความจริง เขานินทา → เราสรรเสริญในสิ่งที่ควรสรรเสริญ เขายุแยงให้แตก → เราเป็นตัวอย่างของความสมานฉันท์ ไม่ต้องไปต่อล้อต่อเถียง แต่ใช้พลังแห่ง “ของจริง” ให้เขาเห็นว่า ยังมีมนุษย์ที่คิดดี พูดดี และปรารถนาดี…โดยไม่แฝงมีดในรอยยิ้ม 🕯️ ความมืดแพ้แสงเสมอ แม้ไฟฉายเล็กๆ ยังชนะห้องมืดได้ แม้แสงดาวที่อยู่ไกลเป็นล้านปีแสง ยังส่องมาถึงใจเราได้…แม้ต้องใช้เวลานาน ดังนั้น แม้เราจะเปลี่ยนเขาไม่ได้ทันที แต่ขอเพียงเรา “เป็นของจริง” “ดีจริง” และ “นานพอ” กุศลย่อมมีกำลังมากกว่าอกุศลเสมอ ☀️ ที่สำคัญที่สุด… ผลลัพธ์ไม่ได้เกิดกับเขาคนเดียว แต่เกิดกับ “ใจของเรา” ทันที ใจเราจะไม่ร้อน ไม่ขุ่น ไม่ตกเป็นเหยื่อของคำพูดลวงโลก เราจะได้ "ให้อภัยเป็นทาน" และ “ปลดปล่อยใจ” พ้นจากพิษภัยได้ก่อนใคร บางครั้ง…คนที่ยุให้เราตีกัน อาจไม่ใช่ศัตรูที่แท้จริง แต่เป็นบททดสอบว่า ใจเราเย็นได้แค่ไหน ต่างหาก #ธรรมะเข้าใจง่ายแต่ลึก #ความดีคือของจริง #เจอคนเสี้ยมอย่าตอบโต้ด้วยไฟ #กุศลชนะอกุศล #จิตเย็นคือชัยชนะที่แท้จริง #สายกลางไม่เสแสร้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขออภัยที่หายไปหนึ่งอาทิตย์ค่ะ วันนี้ Storyฯ เห็นว่าเรากำลังอยู่ในบรรยากาศการเลือกคนดีคนเก่งมาบริหารบ้านเมือง เลยลองมาคุยกันเรื่องปรัชญาจีนโบราณ (แม้ว่า Storyฯ จะไม่สันทัดเรื่องปรัชญาก็ตาม)

    เพื่อนเพจที่เคยอ่านนิยายของกิมย้งหรือดูหนังเรื่อง <กระบี่เย้ยยุทธจักร> ต้องคุ้นหูกับคำว่า ‘วิญญูชนจอมปลอม’ ซึ่งในภาษาจีนเรียกว่า ‘เหว่ยจวินจื่อ’ (伪君子) โดยคำว่า ‘จวินจื่อ’ นี้ปัจจุบันมักใช้คำแปลว่า ‘สุภาพชน’ (gentleman)

    แน่นอนว่าคำว่า ‘วิญญูชน’ และ ‘สุภาพชน’ มีนัยแตกต่าง คำถามที่ตามมาก็คือ: ‘จวินจื่อ’ (君子) คืออะไร? นี่เป็นคำถามในข้อสอบยอดฮิตในสมัยจีนโบราณ

    Storyฯ ขอยกตัวอย่างมาจากละครเรื่อง <ดุจฝันบันดาลใจ> ซึ่งมีฉากที่นางเอกต้องร่วมสอบและได้ต่อว่าคนที่กลั่นแกล้งนางและดูถูกพ่อของนางไว้ว่า “วิญญูชนไม่คิดอกุศล ข้าเดินได้อย่างผึ่งผาย นั่งได้อย่างหลังตรง มิเคยต้องกังวลลมปากของผู้ใด... วิญญูชนไม่แบ่งแยกสูงต่ำด้วยชาติกำเนิด” (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า)

    ประโยคที่ว่า ‘วิญญูชนไม่คิดอกุศล’ หรือ ‘จวินจื่อซืออู๋เสีย’ (君子思无邪) นี้ เป็นการรวมสองปรัชญาจากคัมภีร์หลุนอวี่ (论语) เข้ามาด้วยกันในประโยคเดียว

    ปรัชญาแรกว่าด้วยเรื่องของ ‘จวินจื่อ’ ซึ่งมีรากศัพท์มาจาก ‘จวิน’ ที่หมายถึงผู้เป็นประมุขหรือผู้มียศศักดิ์ และ ‘จื่อ’ ที่แปลว่าบุตรชาย ดังนั้นความหมายดั้งเดิมคือหมายถึง ‘Nobleman’ หรืออาจแปลเป็นไทยได้ว่าราชนิกุลหรือลูกหลานชนชั้นศักดินา ต่อมาหมายถึงผู้ที่มีศีลธรรมและคุณสมบัติสูงส่งอันเป็นแบบอย่างให้แก่ผู้อื่นได้ (‘A man of noble character’) เป็นส่วนประกอบสำคัญของปรัชญาขงจื๊อในการสร้างมาตรฐานสังคม โดยขงจื๊อมักใช้การเปรียบเทียบระหว่าง ‘จวินจื่อ’ กับ ‘เสี่ยวเหริน’ (小人 / ทุรชน) เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า ‘จวินจื่อ’ ควรมีคุณสมบัติอย่างไร Storyฯ สรุปมาไม่ได้หมด เลยยกตัวอย่างมาให้เห็นภาพดังนี้:

    – จวินจื่อคำนึงถึงความเที่ยงธรรม (义) แต่เสี่ยวเหรินคำนึงถึงผลประโยชน์
    – จวินจื่ออยู่ร่วมได้ด้วยความต่าง แต่เสี่ยวเหรินแม้ไม่ต่างแต่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ --- ประเด็นนี้ Storyฯ อาจแปลได้ไม่ดี ขอขยายความว่า จวินจื่อเมื่อเรียนรู้และตระหนักถึงสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าอาจมีแก่นความคิดที่แตกต่างกันไป แต่เพราะมีความเข้าใจในเนื้อแท้ของคนและเคารพยอมรับซึ่งกันและกันได้ ก็สามารถส่งเสริมเกื้อกูลหล่อหลอมเข้าด้วยกันได้ แต่ในทางกลับกัน เสี่ยวเหรินมีความเสแสร้งพยายามให้ดูกลมกลืน แต่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง สุดท้ายแม้อยู่ร่วมกันแต่ไม่สามารถหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกันได้
    – จวินจื่อเปิดเผยผึ่งผาย จึงไม่ต้องกังวลถึงความเห็นคนอื่น แต่เสี่ยวเหรินทำอะไรก็พะวงหน้าพะวงหลังกลัวคนมากลั่นแกล้ง
    – จวินจื่อพึ่งพาตนเอง แต่เสี่ยวเหรินพึ่งพาผู้อื่น
    – จวินจื่อส่งเสริมผู้อื่นในเรื่องที่ดีและไม่สนับสนุนในเรื่องที่ไม่ดี แต่เสี่ยวเหรินขัดผู้อื่นในเรื่องที่ดีและส่งเสริมในเรื่องที่ไม่ดี
    – จวินจื่อเปรียบเสมือนลม เสี่ยวเหรินเป็นเหมือนหญ้าที่ต้องเอนไหวศิโรราบให้เมื่อลมพัดผ่าน เป็นการอุปมาอุปไมยว่าคุณธรรมของจวินจื่อ สามารถเอาชนะความไม่ดีของเสี่ยวเหรินได้

    ปรัชญาที่สอง ‘ไม่คิดอกุศล’ (ซืออู๋เสีย/思无邪) โดยปรัชญานี้ขงจื๊อเคยใช้ในสองบริบท บริบทแรกในการวิจารณ์งานประพันธ์โดยหมายถึงว่า สิ่งที่นักประพันธ์สื่อผ่านตัวอักษรออกมานั้น ควรบ่งบอกจิตวิญญาณและความคิดที่แท้จริง พูดง่ายๆ คือซื่อตรงต่อตัวเอง ส่วนอีกบริบทหนึ่งนั้นคือเป็นการกล่าวถึงคุณสมบัติของคน โดยหมายถึงว่า อันความคิดที่ดี ย่อมไม่กลัวที่จะเปิดเผยให้ผู้ใดรับรู้

    คำว่า ‘จวินจื่อ’ ปรากฏอยู่บนงานประพันธ์และสำนวนจีนมากมาย และปรัชญาของขงจื๊อถูกศึกษามาหลายพันปีโดยนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญหลากหลายแขนงวิชาจำนวนนับไม่ถ้วน Storyฯ ไม่หาญกล้ามาเสวนามากมายในปรัชญาเหล่านี้ เพียงแต่เมื่อวันเลือกตั้งใกล้เข้ามา คำว่า ‘จวินจื่อ’ หรือ ‘วิญญูชน’ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ในสังคมทุกวันนี้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นวิญญูชน และใครเป็นวิญญูชนจอมปลอม

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.sohu.com/a/467496758_120871225
    https://www.sohu.com/a/433221328_99929216
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/思无邪/5080
    https://guoxue.ifeng.com/c/7jUG4KBpiZC
    https://baike.baidu.com/item/君子/1389

    #ดุจฝันบันดาลใจ #จวินจื่อ #วิญญูชน #ขงจื๊อ
    ขออภัยที่หายไปหนึ่งอาทิตย์ค่ะ วันนี้ Storyฯ เห็นว่าเรากำลังอยู่ในบรรยากาศการเลือกคนดีคนเก่งมาบริหารบ้านเมือง เลยลองมาคุยกันเรื่องปรัชญาจีนโบราณ (แม้ว่า Storyฯ จะไม่สันทัดเรื่องปรัชญาก็ตาม) เพื่อนเพจที่เคยอ่านนิยายของกิมย้งหรือดูหนังเรื่อง <กระบี่เย้ยยุทธจักร> ต้องคุ้นหูกับคำว่า ‘วิญญูชนจอมปลอม’ ซึ่งในภาษาจีนเรียกว่า ‘เหว่ยจวินจื่อ’ (伪君子) โดยคำว่า ‘จวินจื่อ’ นี้ปัจจุบันมักใช้คำแปลว่า ‘สุภาพชน’ (gentleman) แน่นอนว่าคำว่า ‘วิญญูชน’ และ ‘สุภาพชน’ มีนัยแตกต่าง คำถามที่ตามมาก็คือ: ‘จวินจื่อ’ (君子) คืออะไร? นี่เป็นคำถามในข้อสอบยอดฮิตในสมัยจีนโบราณ Storyฯ ขอยกตัวอย่างมาจากละครเรื่อง <ดุจฝันบันดาลใจ> ซึ่งมีฉากที่นางเอกต้องร่วมสอบและได้ต่อว่าคนที่กลั่นแกล้งนางและดูถูกพ่อของนางไว้ว่า “วิญญูชนไม่คิดอกุศล ข้าเดินได้อย่างผึ่งผาย นั่งได้อย่างหลังตรง มิเคยต้องกังวลลมปากของผู้ใด... วิญญูชนไม่แบ่งแยกสูงต่ำด้วยชาติกำเนิด” (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า) ประโยคที่ว่า ‘วิญญูชนไม่คิดอกุศล’ หรือ ‘จวินจื่อซืออู๋เสีย’ (君子思无邪) นี้ เป็นการรวมสองปรัชญาจากคัมภีร์หลุนอวี่ (论语) เข้ามาด้วยกันในประโยคเดียว ปรัชญาแรกว่าด้วยเรื่องของ ‘จวินจื่อ’ ซึ่งมีรากศัพท์มาจาก ‘จวิน’ ที่หมายถึงผู้เป็นประมุขหรือผู้มียศศักดิ์ และ ‘จื่อ’ ที่แปลว่าบุตรชาย ดังนั้นความหมายดั้งเดิมคือหมายถึง ‘Nobleman’ หรืออาจแปลเป็นไทยได้ว่าราชนิกุลหรือลูกหลานชนชั้นศักดินา ต่อมาหมายถึงผู้ที่มีศีลธรรมและคุณสมบัติสูงส่งอันเป็นแบบอย่างให้แก่ผู้อื่นได้ (‘A man of noble character’) เป็นส่วนประกอบสำคัญของปรัชญาขงจื๊อในการสร้างมาตรฐานสังคม โดยขงจื๊อมักใช้การเปรียบเทียบระหว่าง ‘จวินจื่อ’ กับ ‘เสี่ยวเหริน’ (小人 / ทุรชน) เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า ‘จวินจื่อ’ ควรมีคุณสมบัติอย่างไร Storyฯ สรุปมาไม่ได้หมด เลยยกตัวอย่างมาให้เห็นภาพดังนี้: – จวินจื่อคำนึงถึงความเที่ยงธรรม (义) แต่เสี่ยวเหรินคำนึงถึงผลประโยชน์ – จวินจื่ออยู่ร่วมได้ด้วยความต่าง แต่เสี่ยวเหรินแม้ไม่ต่างแต่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ --- ประเด็นนี้ Storyฯ อาจแปลได้ไม่ดี ขอขยายความว่า จวินจื่อเมื่อเรียนรู้และตระหนักถึงสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าอาจมีแก่นความคิดที่แตกต่างกันไป แต่เพราะมีความเข้าใจในเนื้อแท้ของคนและเคารพยอมรับซึ่งกันและกันได้ ก็สามารถส่งเสริมเกื้อกูลหล่อหลอมเข้าด้วยกันได้ แต่ในทางกลับกัน เสี่ยวเหรินมีความเสแสร้งพยายามให้ดูกลมกลืน แต่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง สุดท้ายแม้อยู่ร่วมกันแต่ไม่สามารถหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ – จวินจื่อเปิดเผยผึ่งผาย จึงไม่ต้องกังวลถึงความเห็นคนอื่น แต่เสี่ยวเหรินทำอะไรก็พะวงหน้าพะวงหลังกลัวคนมากลั่นแกล้ง – จวินจื่อพึ่งพาตนเอง แต่เสี่ยวเหรินพึ่งพาผู้อื่น – จวินจื่อส่งเสริมผู้อื่นในเรื่องที่ดีและไม่สนับสนุนในเรื่องที่ไม่ดี แต่เสี่ยวเหรินขัดผู้อื่นในเรื่องที่ดีและส่งเสริมในเรื่องที่ไม่ดี – จวินจื่อเปรียบเสมือนลม เสี่ยวเหรินเป็นเหมือนหญ้าที่ต้องเอนไหวศิโรราบให้เมื่อลมพัดผ่าน เป็นการอุปมาอุปไมยว่าคุณธรรมของจวินจื่อ สามารถเอาชนะความไม่ดีของเสี่ยวเหรินได้ ปรัชญาที่สอง ‘ไม่คิดอกุศล’ (ซืออู๋เสีย/思无邪) โดยปรัชญานี้ขงจื๊อเคยใช้ในสองบริบท บริบทแรกในการวิจารณ์งานประพันธ์โดยหมายถึงว่า สิ่งที่นักประพันธ์สื่อผ่านตัวอักษรออกมานั้น ควรบ่งบอกจิตวิญญาณและความคิดที่แท้จริง พูดง่ายๆ คือซื่อตรงต่อตัวเอง ส่วนอีกบริบทหนึ่งนั้นคือเป็นการกล่าวถึงคุณสมบัติของคน โดยหมายถึงว่า อันความคิดที่ดี ย่อมไม่กลัวที่จะเปิดเผยให้ผู้ใดรับรู้ คำว่า ‘จวินจื่อ’ ปรากฏอยู่บนงานประพันธ์และสำนวนจีนมากมาย และปรัชญาของขงจื๊อถูกศึกษามาหลายพันปีโดยนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญหลากหลายแขนงวิชาจำนวนนับไม่ถ้วน Storyฯ ไม่หาญกล้ามาเสวนามากมายในปรัชญาเหล่านี้ เพียงแต่เมื่อวันเลือกตั้งใกล้เข้ามา คำว่า ‘จวินจื่อ’ หรือ ‘วิญญูชน’ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ในสังคมทุกวันนี้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นวิญญูชน และใครเป็นวิญญูชนจอมปลอม (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.sohu.com/a/467496758_120871225 https://www.sohu.com/a/433221328_99929216 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/思无邪/5080 https://guoxue.ifeng.com/c/7jUG4KBpiZC https://baike.baidu.com/item/君子/1389 #ดุจฝันบันดาลใจ #จวินจื่อ #วิญญูชน #ขงจื๊อ
    WWW.SOHU.COM
    《雁归西窗月》是根据小说改编的吗 《雁归西窗月》结局是什么_赵孝
    《雁归西窗月》讲述了霸道郡王赵孝谦与率真少女谢小满的乌龙甜怼恋,两人从开始的欢喜冤家到逐渐相知相守,携手历经坎坷,冲破重重阻碍,最终收获了一段浪漫的爱情故事。 这部剧是先婚后爱的戏码,女主谢小满…
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 638 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขออภัยที่หายไปหนึ่งอาทิตย์ค่ะ วันนี้ Storyฯ เห็นว่าเรากำลังอยู่ในบรรยากาศการเลือกคนดีคนเก่งมาบริหารบ้านเมือง เลยลองมาคุยกันเรื่องปรัชญาจีนโบราณ (แม้ว่า Storyฯ จะไม่สันทัดเรื่องปรัชญาก็ตาม)

    เพื่อนเพจที่เคยอ่านนิยายของกิมย้งหรือดูหนังเรื่อง <กระบี่เย้ยยุทธจักร> ต้องคุ้นหูกับคำว่า ‘วิญญูชนจอมปลอม’ ซึ่งในภาษาจีนเรียกว่า ‘เหว่ยจวินจื่อ’ (伪君子) โดยคำว่า ‘จวินจื่อ’ นี้ปัจจุบันมักใช้คำแปลว่า ‘สุภาพชน’ (gentleman)

    แน่นอนว่าคำว่า ‘วิญญูชน’ และ ‘สุภาพชน’ มีนัยแตกต่าง คำถามที่ตามมาก็คือ: ‘จวินจื่อ’ (君子) คืออะไร? นี่เป็นคำถามในข้อสอบยอดฮิตในสมัยจีนโบราณ

    Storyฯ ขอยกตัวอย่างมาจากละครเรื่อง <ดุจฝันบันดาลใจ> ซึ่งมีฉากที่นางเอกต้องร่วมสอบและได้ต่อว่าคนที่กลั่นแกล้งนางและดูถูกพ่อของนางไว้ว่า “วิญญูชนไม่คิดอกุศล ข้าเดินได้อย่างผึ่งผาย นั่งได้อย่างหลังตรง มิเคยต้องกังวลลมปากของผู้ใด... วิญญูชนไม่แบ่งแยกสูงต่ำด้วยชาติกำเนิด” (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า)

    ประโยคที่ว่า ‘วิญญูชนไม่คิดอกุศล’ หรือ ‘จวินจื่อซืออู๋เสีย’ (君子思无邪) นี้ เป็นการรวมสองปรัชญาจากคัมภีร์หลุนอวี่ (论语) เข้ามาด้วยกันในประโยคเดียว

    ปรัชญาแรกว่าด้วยเรื่องของ ‘จวินจื่อ’ ซึ่งมีรากศัพท์มาจาก ‘จวิน’ ที่หมายถึงผู้เป็นประมุขหรือผู้มียศศักดิ์ และ ‘จื่อ’ ที่แปลว่าบุตรชาย ดังนั้นความหมายดั้งเดิมคือหมายถึง ‘Nobleman’ หรืออาจแปลเป็นไทยได้ว่าราชนิกุลหรือลูกหลานชนชั้นศักดินา ต่อมาหมายถึงผู้ที่มีศีลธรรมและคุณสมบัติสูงส่งอันเป็นแบบอย่างให้แก่ผู้อื่นได้ (‘A man of noble character’) เป็นส่วนประกอบสำคัญของปรัชญาขงจื๊อในการสร้างมาตรฐานสังคม โดยขงจื๊อมักใช้การเปรียบเทียบระหว่าง ‘จวินจื่อ’ กับ ‘เสี่ยวเหริน’ (小人 / ทุรชน) เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า ‘จวินจื่อ’ ควรมีคุณสมบัติอย่างไร Storyฯ สรุปมาไม่ได้หมด เลยยกตัวอย่างมาให้เห็นภาพดังนี้:

    – จวินจื่อคำนึงถึงความเที่ยงธรรม (义) แต่เสี่ยวเหรินคำนึงถึงผลประโยชน์
    – จวินจื่ออยู่ร่วมได้ด้วยความต่าง แต่เสี่ยวเหรินแม้ไม่ต่างแต่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ --- ประเด็นนี้ Storyฯ อาจแปลได้ไม่ดี ขอขยายความว่า จวินจื่อเมื่อเรียนรู้และตระหนักถึงสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าอาจมีแก่นความคิดที่แตกต่างกันไป แต่เพราะมีความเข้าใจในเนื้อแท้ของคนและเคารพยอมรับซึ่งกันและกันได้ ก็สามารถส่งเสริมเกื้อกูลหล่อหลอมเข้าด้วยกันได้ แต่ในทางกลับกัน เสี่ยวเหรินมีความเสแสร้งพยายามให้ดูกลมกลืน แต่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง สุดท้ายแม้อยู่ร่วมกันแต่ไม่สามารถหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกันได้
    – จวินจื่อเปิดเผยผึ่งผาย จึงไม่ต้องกังวลถึงความเห็นคนอื่น แต่เสี่ยวเหรินทำอะไรก็พะวงหน้าพะวงหลังกลัวคนมากลั่นแกล้ง
    – จวินจื่อพึ่งพาตนเอง แต่เสี่ยวเหรินพึ่งพาผู้อื่น
    – จวินจื่อส่งเสริมผู้อื่นในเรื่องที่ดีและไม่สนับสนุนในเรื่องที่ไม่ดี แต่เสี่ยวเหรินขัดผู้อื่นในเรื่องที่ดีและส่งเสริมในเรื่องที่ไม่ดี
    – จวินจื่อเปรียบเสมือนลม เสี่ยวเหรินเป็นเหมือนหญ้าที่ต้องเอนไหวศิโรราบให้เมื่อลมพัดผ่าน เป็นการอุปมาอุปไมยว่าคุณธรรมของจวินจื่อ สามารถเอาชนะความไม่ดีของเสี่ยวเหรินได้

    ปรัชญาที่สอง ‘ไม่คิดอกุศล’ (ซืออู๋เสีย/思无邪) โดยปรัชญานี้ขงจื๊อเคยใช้ในสองบริบท บริบทแรกในการวิจารณ์งานประพันธ์โดยหมายถึงว่า สิ่งที่นักประพันธ์สื่อผ่านตัวอักษรออกมานั้น ควรบ่งบอกจิตวิญญาณและความคิดที่แท้จริง พูดง่ายๆ คือซื่อตรงต่อตัวเอง ส่วนอีกบริบทหนึ่งนั้นคือเป็นการกล่าวถึงคุณสมบัติของคน โดยหมายถึงว่า อันความคิดที่ดี ย่อมไม่กลัวที่จะเปิดเผยให้ผู้ใดรับรู้

    คำว่า ‘จวินจื่อ’ ปรากฏอยู่บนงานประพันธ์และสำนวนจีนมากมาย และปรัชญาของขงจื๊อถูกศึกษามาหลายพันปีโดยนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญหลากหลายแขนงวิชาจำนวนนับไม่ถ้วน Storyฯ ไม่หาญกล้ามาเสวนามากมายในปรัชญาเหล่านี้ เพียงแต่เมื่อวันเลือกตั้งใกล้เข้ามา คำว่า ‘จวินจื่อ’ หรือ ‘วิญญูชน’ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ในสังคมทุกวันนี้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นวิญญูชน และใครเป็นวิญญูชนจอมปลอม

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.sohu.com/a/467496758_120871225
    https://www.sohu.com/a/433221328_99929216
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/思无邪/5080
    https://guoxue.ifeng.com/c/7jUG4KBpiZC
    https://baike.baidu.com/item/君子/1389

    #ดุจฝันบันดาลใจ #จวินจื่อ #วิญญูชน #ขงจื๊อ
    ขออภัยที่หายไปหนึ่งอาทิตย์ค่ะ วันนี้ Storyฯ เห็นว่าเรากำลังอยู่ในบรรยากาศการเลือกคนดีคนเก่งมาบริหารบ้านเมือง เลยลองมาคุยกันเรื่องปรัชญาจีนโบราณ (แม้ว่า Storyฯ จะไม่สันทัดเรื่องปรัชญาก็ตาม) เพื่อนเพจที่เคยอ่านนิยายของกิมย้งหรือดูหนังเรื่อง <กระบี่เย้ยยุทธจักร> ต้องคุ้นหูกับคำว่า ‘วิญญูชนจอมปลอม’ ซึ่งในภาษาจีนเรียกว่า ‘เหว่ยจวินจื่อ’ (伪君子) โดยคำว่า ‘จวินจื่อ’ นี้ปัจจุบันมักใช้คำแปลว่า ‘สุภาพชน’ (gentleman) แน่นอนว่าคำว่า ‘วิญญูชน’ และ ‘สุภาพชน’ มีนัยแตกต่าง คำถามที่ตามมาก็คือ: ‘จวินจื่อ’ (君子) คืออะไร? นี่เป็นคำถามในข้อสอบยอดฮิตในสมัยจีนโบราณ Storyฯ ขอยกตัวอย่างมาจากละครเรื่อง <ดุจฝันบันดาลใจ> ซึ่งมีฉากที่นางเอกต้องร่วมสอบและได้ต่อว่าคนที่กลั่นแกล้งนางและดูถูกพ่อของนางไว้ว่า “วิญญูชนไม่คิดอกุศล ข้าเดินได้อย่างผึ่งผาย นั่งได้อย่างหลังตรง มิเคยต้องกังวลลมปากของผู้ใด... วิญญูชนไม่แบ่งแยกสูงต่ำด้วยชาติกำเนิด” (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า) ประโยคที่ว่า ‘วิญญูชนไม่คิดอกุศล’ หรือ ‘จวินจื่อซืออู๋เสีย’ (君子思无邪) นี้ เป็นการรวมสองปรัชญาจากคัมภีร์หลุนอวี่ (论语) เข้ามาด้วยกันในประโยคเดียว ปรัชญาแรกว่าด้วยเรื่องของ ‘จวินจื่อ’ ซึ่งมีรากศัพท์มาจาก ‘จวิน’ ที่หมายถึงผู้เป็นประมุขหรือผู้มียศศักดิ์ และ ‘จื่อ’ ที่แปลว่าบุตรชาย ดังนั้นความหมายดั้งเดิมคือหมายถึง ‘Nobleman’ หรืออาจแปลเป็นไทยได้ว่าราชนิกุลหรือลูกหลานชนชั้นศักดินา ต่อมาหมายถึงผู้ที่มีศีลธรรมและคุณสมบัติสูงส่งอันเป็นแบบอย่างให้แก่ผู้อื่นได้ (‘A man of noble character’) เป็นส่วนประกอบสำคัญของปรัชญาขงจื๊อในการสร้างมาตรฐานสังคม โดยขงจื๊อมักใช้การเปรียบเทียบระหว่าง ‘จวินจื่อ’ กับ ‘เสี่ยวเหริน’ (小人 / ทุรชน) เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า ‘จวินจื่อ’ ควรมีคุณสมบัติอย่างไร Storyฯ สรุปมาไม่ได้หมด เลยยกตัวอย่างมาให้เห็นภาพดังนี้: – จวินจื่อคำนึงถึงความเที่ยงธรรม (义) แต่เสี่ยวเหรินคำนึงถึงผลประโยชน์ – จวินจื่ออยู่ร่วมได้ด้วยความต่าง แต่เสี่ยวเหรินแม้ไม่ต่างแต่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ --- ประเด็นนี้ Storyฯ อาจแปลได้ไม่ดี ขอขยายความว่า จวินจื่อเมื่อเรียนรู้และตระหนักถึงสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าอาจมีแก่นความคิดที่แตกต่างกันไป แต่เพราะมีความเข้าใจในเนื้อแท้ของคนและเคารพยอมรับซึ่งกันและกันได้ ก็สามารถส่งเสริมเกื้อกูลหล่อหลอมเข้าด้วยกันได้ แต่ในทางกลับกัน เสี่ยวเหรินมีความเสแสร้งพยายามให้ดูกลมกลืน แต่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง สุดท้ายแม้อยู่ร่วมกันแต่ไม่สามารถหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ – จวินจื่อเปิดเผยผึ่งผาย จึงไม่ต้องกังวลถึงความเห็นคนอื่น แต่เสี่ยวเหรินทำอะไรก็พะวงหน้าพะวงหลังกลัวคนมากลั่นแกล้ง – จวินจื่อพึ่งพาตนเอง แต่เสี่ยวเหรินพึ่งพาผู้อื่น – จวินจื่อส่งเสริมผู้อื่นในเรื่องที่ดีและไม่สนับสนุนในเรื่องที่ไม่ดี แต่เสี่ยวเหรินขัดผู้อื่นในเรื่องที่ดีและส่งเสริมในเรื่องที่ไม่ดี – จวินจื่อเปรียบเสมือนลม เสี่ยวเหรินเป็นเหมือนหญ้าที่ต้องเอนไหวศิโรราบให้เมื่อลมพัดผ่าน เป็นการอุปมาอุปไมยว่าคุณธรรมของจวินจื่อ สามารถเอาชนะความไม่ดีของเสี่ยวเหรินได้ ปรัชญาที่สอง ‘ไม่คิดอกุศล’ (ซืออู๋เสีย/思无邪) โดยปรัชญานี้ขงจื๊อเคยใช้ในสองบริบท บริบทแรกในการวิจารณ์งานประพันธ์โดยหมายถึงว่า สิ่งที่นักประพันธ์สื่อผ่านตัวอักษรออกมานั้น ควรบ่งบอกจิตวิญญาณและความคิดที่แท้จริง พูดง่ายๆ คือซื่อตรงต่อตัวเอง ส่วนอีกบริบทหนึ่งนั้นคือเป็นการกล่าวถึงคุณสมบัติของคน โดยหมายถึงว่า อันความคิดที่ดี ย่อมไม่กลัวที่จะเปิดเผยให้ผู้ใดรับรู้ คำว่า ‘จวินจื่อ’ ปรากฏอยู่บนงานประพันธ์และสำนวนจีนมากมาย และปรัชญาของขงจื๊อถูกศึกษามาหลายพันปีโดยนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญหลากหลายแขนงวิชาจำนวนนับไม่ถ้วน Storyฯ ไม่หาญกล้ามาเสวนามากมายในปรัชญาเหล่านี้ เพียงแต่เมื่อวันเลือกตั้งใกล้เข้ามา คำว่า ‘จวินจื่อ’ หรือ ‘วิญญูชน’ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ในสังคมทุกวันนี้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นวิญญูชน และใครเป็นวิญญูชนจอมปลอม (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.sohu.com/a/467496758_120871225 https://www.sohu.com/a/433221328_99929216 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/思无邪/5080 https://guoxue.ifeng.com/c/7jUG4KBpiZC https://baike.baidu.com/item/君子/1389 #ดุจฝันบันดาลใจ #จวินจื่อ #วิญญูชน #ขงจื๊อ
    WWW.SOHU.COM
    《雁归西窗月》是根据小说改编的吗 《雁归西窗月》结局是什么_赵孝
    《雁归西窗月》讲述了霸道郡王赵孝谦与率真少女谢小满的乌龙甜怼恋,两人从开始的欢喜冤家到逐渐相知相守,携手历经坎坷,冲破重重阻碍,最终收获了一段浪漫的爱情故事。 这部剧是先婚后爱的戏码,女主谢小满…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 959 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุกสมรักษ์ 2 ปี 13 เดือน อนาจารสาว 17 ศาลชี้มีรอยแผลไม่ใช่สมยอม

    ศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาจำคุก "สมรักษ์ คำสิงห์" อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก 4 ปี 8 เดือน อนาจารสาววัย 17 ปี หลังเที่ยวผับเมื่อปี 66 แต่ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 13 เดือน ชดใช้สินไหมรวม 1.7 แสนบาท ชี้ผลชันสูตรพบร่องรอยความรุนแรง

    วันนี้ (23 ม.ค.) ศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาจำคุกนายสมรักษ์ คำสิงห์ อายุ 52 ปี อดีตนักกีฬามวยสากลสมัครเล่น รางวัลเหรียญทองโอลิมปิก จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 4 ปี 8 เดือน แต่ได้รับการลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน และชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท ส่วนนายพิเชษฐ์ ชิเนหันทา หรือเป๊กโก้ อายุ 49 ปี เพื่อนนายสมรักษ์ จำเลยที่ 2 พิพากษายกฟ้อง ในคดีพนักงานอัยการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในข้อหาร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย, ร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม, พยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยการใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ กรณีที่หญิงวัย 17 ปี เข้าแจ้งความดำเนินคดีว่านายสมรักษ์กระทำอนาจาร หลังไปเที่ยวที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในตัวเมืองขอนแก่น เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2566

    โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า ผู้เสียหายเบิกความตามข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะเบิกความเชื่อมโยงกัน หากไม่ประสบเหตุจริง ที่เป็นเรื่องน่าอับอาย เชื่อว่า ไม่มีจริตเสแสร้ง เอาความเท็จมาแจ้ง ซึ่งอาจถูกดำเนินการเอาผิดในภายหลัง สอดคล้องผลการชันสูตรบาดแผล ร่องรอยความรุนแรงที่พบบริเวณเต้านม จากการใช้แรงกดทับ ไม่ใช่การจับธรรมดา รวมทั้งมุมปากช่องคลอดด้านล่าง ที่ผู้เสียหายให้การว่า จำเลยที่ 1 พยายามข่มขืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย แต่ไม่บรรลุผล เพราะดิ้นขัดขืน ประกอบกับอวัยวะเพศจำเลยที่ 1 ไม่แข็งตัว จึงพยายามถูไถด้านนอก

    ข้อต่อสู้จำเลยว่าผู้เสียหายยินยอม ขัดกับคำเบิกความ พยานแวดล้อม รวมทั้งบาดแผลย่อมไม่เกิดขึ้น หากผู้เสียหายยินยอม การที่ผู้เสียหายเดินตามไป ไม่ได้หมายความว่าจะยินยอมมีเพศสัมพันธ์ และไม่ได้มีการพูดถึงการค้าประเวณี อย่างไรก็ตาม การนำสืบยังไม่พบว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง และหักล้างพยานโจทก์ได้ จึงพิพากษาจำคุกรวม 4 ปี 8 เดือน แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ญาติ 50,000 บาท และผู้เสียหาย 120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ตั้งแต่กระทำละเมิด ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000007109
    .........
    Sondhi X
    คุกสมรักษ์ 2 ปี 13 เดือน อนาจารสาว 17 ศาลชี้มีรอยแผลไม่ใช่สมยอม ศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาจำคุก "สมรักษ์ คำสิงห์" อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก 4 ปี 8 เดือน อนาจารสาววัย 17 ปี หลังเที่ยวผับเมื่อปี 66 แต่ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 13 เดือน ชดใช้สินไหมรวม 1.7 แสนบาท ชี้ผลชันสูตรพบร่องรอยความรุนแรง วันนี้ (23 ม.ค.) ศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาจำคุกนายสมรักษ์ คำสิงห์ อายุ 52 ปี อดีตนักกีฬามวยสากลสมัครเล่น รางวัลเหรียญทองโอลิมปิก จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 4 ปี 8 เดือน แต่ได้รับการลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน และชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท ส่วนนายพิเชษฐ์ ชิเนหันทา หรือเป๊กโก้ อายุ 49 ปี เพื่อนนายสมรักษ์ จำเลยที่ 2 พิพากษายกฟ้อง ในคดีพนักงานอัยการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในข้อหาร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย, ร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม, พยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยการใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ กรณีที่หญิงวัย 17 ปี เข้าแจ้งความดำเนินคดีว่านายสมรักษ์กระทำอนาจาร หลังไปเที่ยวที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในตัวเมืองขอนแก่น เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2566 โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า ผู้เสียหายเบิกความตามข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะเบิกความเชื่อมโยงกัน หากไม่ประสบเหตุจริง ที่เป็นเรื่องน่าอับอาย เชื่อว่า ไม่มีจริตเสแสร้ง เอาความเท็จมาแจ้ง ซึ่งอาจถูกดำเนินการเอาผิดในภายหลัง สอดคล้องผลการชันสูตรบาดแผล ร่องรอยความรุนแรงที่พบบริเวณเต้านม จากการใช้แรงกดทับ ไม่ใช่การจับธรรมดา รวมทั้งมุมปากช่องคลอดด้านล่าง ที่ผู้เสียหายให้การว่า จำเลยที่ 1 พยายามข่มขืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย แต่ไม่บรรลุผล เพราะดิ้นขัดขืน ประกอบกับอวัยวะเพศจำเลยที่ 1 ไม่แข็งตัว จึงพยายามถูไถด้านนอก ข้อต่อสู้จำเลยว่าผู้เสียหายยินยอม ขัดกับคำเบิกความ พยานแวดล้อม รวมทั้งบาดแผลย่อมไม่เกิดขึ้น หากผู้เสียหายยินยอม การที่ผู้เสียหายเดินตามไป ไม่ได้หมายความว่าจะยินยอมมีเพศสัมพันธ์ และไม่ได้มีการพูดถึงการค้าประเวณี อย่างไรก็ตาม การนำสืบยังไม่พบว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง และหักล้างพยานโจทก์ได้ จึงพิพากษาจำคุกรวม 4 ปี 8 เดือน แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ญาติ 50,000 บาท และผู้เสียหาย 120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ตั้งแต่กระทำละเมิด ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000007109 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2240 มุมมอง 0 รีวิว

  • สำนักข่าว AP รายงานว่า อิสราเอลโจมตีสถานที่ต้องสงสัยว่าเป็นคลังอาวุธเคมีในซีเรีย

    หลังจากที่อัสซาดลี้ภัยไปยังรัสเซีย อิสราเอลได้โจมตีสถานที่ต้องสงสัยว่าเป็นอาวุธเคมีและจรวดพิสัยไกลในซีเรียเพื่อไม่ให้ตกอยู่ในมือของกลุ่มหัวรุนแรง

    อาวุธเคมีทำลายด้วยการทิ้งระเบิด!!??!!!! แล้วผลกระทบต่อพลเมืองแถวนั้น และสิ่งแวดล้อมล่ะ
    หรือว่าแท้จริงแล้วมันไม่เคยมีอยู่จริง เลยต้องเสแสร้งว่าโจมตีเพื่อยืนยันถึงการมีอยู่ของอาวุธเคมี
    🤔🤔🤔 สำนักข่าว AP รายงานว่า อิสราเอลโจมตีสถานที่ต้องสงสัยว่าเป็นคลังอาวุธเคมีในซีเรีย หลังจากที่อัสซาดลี้ภัยไปยังรัสเซีย อิสราเอลได้โจมตีสถานที่ต้องสงสัยว่าเป็นอาวุธเคมีและจรวดพิสัยไกลในซีเรียเพื่อไม่ให้ตกอยู่ในมือของกลุ่มหัวรุนแรง 🤔🤔🤔 อาวุธเคมีทำลายด้วยการทิ้งระเบิด!!??!!!! แล้วผลกระทบต่อพลเมืองแถวนั้น และสิ่งแวดล้อมล่ะ หรือว่าแท้จริงแล้วมันไม่เคยมีอยู่จริง เลยต้องเสแสร้งว่าโจมตีเพื่อยืนยันถึงการมีอยู่ของอาวุธเคมี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 15 0 รีวิว
  • เปลี่ยนความเกลียดให้เป็นแสงสว่างในจิตความเกลียดไม่ใช่อุปสรรคจากภายนอก แต่เป็นเงามืดในใจเราเองความเกลียดไม่ใช่เมฆหมอกที่ลอยมาปกคลุมเราโดยไม่มีที่มา แต่มันเป็นหลุมดำที่ก่อตัวจากกลางใจเรา และคอยดูดกลืนความสุขของเราไป การจัดการความเกลียดจึงไม่ใช่การพยายามกำจัดสิ่งนอกตัว แต่เป็นการแปรเปลี่ยนหลุมดำในใจให้กลายเป็นแสงสว่างของความกุศล---คนส่วนใหญ่และคนส่วนน้อยคนส่วนใหญ่ไม่พยายามจัดการกับความเกลียด พวกเขาปล่อยให้ความเกลียดครอบงำ จนทำให้ชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ ไม่ว่ามากหรือน้อยคนส่วนน้อยเลือกที่จะฝึกจัดการกับความเกลียด แม้จะไม่สามารถละทุกข์ได้ทั้งหมด แต่พวกเขาก็มีพื้นที่แห่งความสงบสุขในใจมุมมองแบบพุทธ มองว่าการเอาชนะความเกลียด คือการสร้างจิตที่เป็นกุศล จิตที่สงบ เยือกเย็น และตั้งมั่นในความสว่าง---จิตที่พ้นจากความเกลียดจิตที่ไม่ถูกความเกลียดครอบงำไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญมันต้องอาศัยกระบวนการฝึกฝนและการเรียนรู้จากความเกลียดนั้นเอง:1. เริ่มต้นจากการยอมรับความเกลียดเมื่อรู้สึกเกลียด อย่าปฏิเสธหรือกดมันไว้ ยอมรับว่าเราเกลียดและมองมันด้วยสติตระหนักว่าความเกลียดคือเงามืดที่ไม่จีรัง และจะจางลงได้เองในลมหายใจถัดไป2. สังเกตการไปมาของความมืดในใจหากเราไม่ตรึกตรองถึงศัตรู ความมืดในใจจะค่อยๆ จางลงแต่ถ้ากลับมาคิดถึงศัตรู ความมืดก็จะกลับมาอีกเมื่อเห็นความจริงนี้บ่อยครั้ง เราจะเริ่มเข้าใจว่าความมืดไม่ใช่ตัวเรา3. แยกตัวเองออกจากความมืดสักวันหนึ่ง ปัญญาจะเกิดขึ้น และเราจะรู้สึกว่า "เรา" เป็นสิ่งที่ต่างจากความเกลียดจิตจะเริ่มแยกจากความมืด และตั้งอยู่ในความสว่างได้ง่ายขึ้น---ชีวิตที่พ้นจากความเกลียดเมื่อจิตตั้งมั่นในความสว่าง ความเกลียดจะกลายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ ไม่คุ้มค่ากับพลังงานที่เสียไปความโปร่งเบาและกุศลจิตจะกลายเป็นที่พึ่งให้ใจของเราเมื่อถึงจุดนี้ คุณอาจเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตรได้ โดยไม่ต้องเสแสร้ง เพียงด้วยความจริงใจที่เปล่งประกายออกมาจากจิตที่สว่าง---ความสุขที่ไม่ได้มาโดยบังเอิญหากคุณสามารถหลุดพ้นจากเส้นทางแห่งความเกลียดชัง และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมากกว่าคนส่วนใหญ่ในโลก นั่นไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เพราะคุณเลือกที่จะฝึกฝนจิตใจ และสร้างเส้นทางใหม่ให้ตัวเองจงหมั่นฝึกฝน พาตัวเองออกจากเส้นทางแห่งความเกลียดชังในใจ และคุณจะพบความสว่างที่แท้จริงในชีวิต!
    เปลี่ยนความเกลียดให้เป็นแสงสว่างในจิตความเกลียดไม่ใช่อุปสรรคจากภายนอก แต่เป็นเงามืดในใจเราเองความเกลียดไม่ใช่เมฆหมอกที่ลอยมาปกคลุมเราโดยไม่มีที่มา แต่มันเป็นหลุมดำที่ก่อตัวจากกลางใจเรา และคอยดูดกลืนความสุขของเราไป การจัดการความเกลียดจึงไม่ใช่การพยายามกำจัดสิ่งนอกตัว แต่เป็นการแปรเปลี่ยนหลุมดำในใจให้กลายเป็นแสงสว่างของความกุศล---คนส่วนใหญ่และคนส่วนน้อยคนส่วนใหญ่ไม่พยายามจัดการกับความเกลียด พวกเขาปล่อยให้ความเกลียดครอบงำ จนทำให้ชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ ไม่ว่ามากหรือน้อยคนส่วนน้อยเลือกที่จะฝึกจัดการกับความเกลียด แม้จะไม่สามารถละทุกข์ได้ทั้งหมด แต่พวกเขาก็มีพื้นที่แห่งความสงบสุขในใจมุมมองแบบพุทธ มองว่าการเอาชนะความเกลียด คือการสร้างจิตที่เป็นกุศล จิตที่สงบ เยือกเย็น และตั้งมั่นในความสว่าง---จิตที่พ้นจากความเกลียดจิตที่ไม่ถูกความเกลียดครอบงำไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญมันต้องอาศัยกระบวนการฝึกฝนและการเรียนรู้จากความเกลียดนั้นเอง:1. เริ่มต้นจากการยอมรับความเกลียดเมื่อรู้สึกเกลียด อย่าปฏิเสธหรือกดมันไว้ ยอมรับว่าเราเกลียดและมองมันด้วยสติตระหนักว่าความเกลียดคือเงามืดที่ไม่จีรัง และจะจางลงได้เองในลมหายใจถัดไป2. สังเกตการไปมาของความมืดในใจหากเราไม่ตรึกตรองถึงศัตรู ความมืดในใจจะค่อยๆ จางลงแต่ถ้ากลับมาคิดถึงศัตรู ความมืดก็จะกลับมาอีกเมื่อเห็นความจริงนี้บ่อยครั้ง เราจะเริ่มเข้าใจว่าความมืดไม่ใช่ตัวเรา3. แยกตัวเองออกจากความมืดสักวันหนึ่ง ปัญญาจะเกิดขึ้น และเราจะรู้สึกว่า "เรา" เป็นสิ่งที่ต่างจากความเกลียดจิตจะเริ่มแยกจากความมืด และตั้งอยู่ในความสว่างได้ง่ายขึ้น---ชีวิตที่พ้นจากความเกลียดเมื่อจิตตั้งมั่นในความสว่าง ความเกลียดจะกลายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ ไม่คุ้มค่ากับพลังงานที่เสียไปความโปร่งเบาและกุศลจิตจะกลายเป็นที่พึ่งให้ใจของเราเมื่อถึงจุดนี้ คุณอาจเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตรได้ โดยไม่ต้องเสแสร้ง เพียงด้วยความจริงใจที่เปล่งประกายออกมาจากจิตที่สว่าง---ความสุขที่ไม่ได้มาโดยบังเอิญหากคุณสามารถหลุดพ้นจากเส้นทางแห่งความเกลียดชัง และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมากกว่าคนส่วนใหญ่ในโลก นั่นไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เพราะคุณเลือกที่จะฝึกฝนจิตใจ และสร้างเส้นทางใหม่ให้ตัวเองจงหมั่นฝึกฝน พาตัวเองออกจากเส้นทางแห่งความเกลียดชังในใจ และคุณจะพบความสว่างที่แท้จริงในชีวิต!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 401 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลโจมตีทางอากาศใส่กรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย โดยอ้างว่าต้องการทำลายสมาชิกของกลุ่ม Hezbollah

    เป็นเรื่องบังเอิญอย่างเหลือเชื่อที่ขณะนี้ทั้งกลุ่มกบฎซีเรีย กลุ่มก่อการร้ายเคิร์ด สหรัฐอเมริกา รวมทั้งอิสราเอล กำลังรุมถล่มซีเรียในเวลาเดียวกัน "หรือว่าทั้งหมดนี้แท้จริงแล้วคือกลุ่มเดียวกันที่คอยสร้างความขัดแย้งในตะวันออกกลางมาตลอดหลายสิบปี"

    สร้างความขัดแย้ง --> เสแสร้งอาสาเข้ามาแก้ไข --> สร้างความขัดแย้งใหม่ --> เสแสร้งอาสาเข้ามาแก้ไข
    อิสราเอลโจมตีทางอากาศใส่กรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย โดยอ้างว่าต้องการทำลายสมาชิกของกลุ่ม Hezbollah เป็นเรื่องบังเอิญอย่างเหลือเชื่อที่ขณะนี้ทั้งกลุ่มกบฎซีเรีย กลุ่มก่อการร้ายเคิร์ด สหรัฐอเมริกา รวมทั้งอิสราเอล กำลังรุมถล่มซีเรียในเวลาเดียวกัน "หรือว่าทั้งหมดนี้แท้จริงแล้วคือกลุ่มเดียวกันที่คอยสร้างความขัดแย้งในตะวันออกกลางมาตลอดหลายสิบปี" สร้างความขัดแย้ง --> เสแสร้งอาสาเข้ามาแก้ไข --> สร้างความขัดแย้งใหม่ --> เสแสร้งอาสาเข้ามาแก้ไข
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 366 มุมมอง 0 รีวิว
  • "คำพูดรื่นหู: สร้างความสุข สร้างกำลังใจ และสร้างอนาคต"---คำพูดรื่นหู คือถ้อยคำที่เมื่อได้ยินแล้วทำให้ใจสงบ อบอุ่น และเบิกบาน เป็นคำที่ไม่ระคายหู ฟังแล้วกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกเชิงบวก สร้างมโนภาพด้านสว่าง แม้ในสถานการณ์ที่คนฟังอาจอยู่ในภาวะจิตใจหม่นหมอง คำพูดเหล่านี้ก็สามารถปลุกกำลังใจ และเปลี่ยนจิตอกุศลให้เป็นมหากุศลได้---ลักษณะของคำพูดรื่นหู1. ไม่โกหกหรือเสแสร้งคำพูดที่รื่นหูต้องมีความจริงใจ ไม่แฝงเลศนัยหรือความหลอกลวง คนฟังสัมผัสได้ถึงความจริงใจในคำพูด ทำให้เกิดความไว้วางใจ2. ไม่หยาบคายหรือด่าทอคำพูดที่ใช้คำหยาบคายหรือว่าร้าย จะสร้างความระคายเคืองและก่อให้เกิดอกุศลในใจผู้ฟัง3. ไม่เรื่อยเปื่อยฟุ้งซ่านคำพูดที่ไม่มีสาระหรือทำให้ผู้ฟังรู้สึกว้าวุ่น ย่อมไม่ถือเป็นคำพูดรื่นหู เพราะไม่สร้างประโยชน์และความสุขใจ4. สะท้อนความหวังดีแม้น้ำเสียงอาจดูเข้มแข็งหรือกระด้าง แต่ถ้าคำพูดนั้นเต็มไปด้วยความหวังดีและห่วงใย ย่อมสร้างความสบายใจได้มากกว่าคำพูดที่ฟังดูอ่อนหวานแต่เสแสร้ง---คุณค่าของคำพูดรื่นหู1. เปลี่ยนจิตใจคนฟังคำพูดรื่นหูสามารถเปลี่ยนจิตใจที่หม่นหมอง ให้กลายเป็นจิตใจที่สดใส เปลี่ยนความท้อแท้ให้กลายเป็นกำลังใจ2. สร้างสัมพันธ์ที่ดีผู้ที่พูดรื่นหูมักได้รับความรักและเคารพจากคนรอบข้าง เพราะคำพูดที่ดีนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดี3. สร้างโลกด้านสว่างการพูดด้วยมหากุศลจิตทำให้ผู้พูดสร้างผลกระทบด้านบวกให้กับผู้ฟัง สร้างโลกที่สว่างและอบอุ่นกว่าเดิม---ผลของคำพูดรื่นหูในทางกรรมวิบากในทางกรรม ผู้ที่มีวาจาสุจริตและพูดด้วยมหากุศลตลอดชีวิต ย่อมได้รับผลแห่งกรรมดีในรูปของ:1. เสียงไพเราะจับใจผู้มีวาจาดีจะเกิดใหม่พร้อมกังวานเสียงที่ไพเราะ สามารถดึงดูดให้คนสนใจฟัง แม้พูดเรื่องธรรมดา2. รูปลักษณ์งดงามรูปปากของผู้พูดรื่นหูจะงดงาม สมกับเพศและสถานะของตน---บทสรุปคำพูดรื่นหูไม่ใช่เพียงคำพูดที่สวยหรู แต่ต้องเป็นคำที่มาจากจิตใจที่ปรารถนาดีและจริงใจต่อผู้อื่น ผู้ที่ฝึกพูดรื่นหูจะไม่เพียงสร้างความสุขให้แก่ผู้อื่น แต่ยังสะสมผลบุญที่ส่งผลดีต่อชีวิตทั้งในปัจจุบันและอนาคต ดังนั้น ทุกคำพูดจึงควรเป็นคำที่สร้างสรรค์ ไม่เพียงเพื่อผู้ฟัง แต่เพื่อจิตใจที่งดงามของเราเอง!
    "คำพูดรื่นหู: สร้างความสุข สร้างกำลังใจ และสร้างอนาคต"---คำพูดรื่นหู คือถ้อยคำที่เมื่อได้ยินแล้วทำให้ใจสงบ อบอุ่น และเบิกบาน เป็นคำที่ไม่ระคายหู ฟังแล้วกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกเชิงบวก สร้างมโนภาพด้านสว่าง แม้ในสถานการณ์ที่คนฟังอาจอยู่ในภาวะจิตใจหม่นหมอง คำพูดเหล่านี้ก็สามารถปลุกกำลังใจ และเปลี่ยนจิตอกุศลให้เป็นมหากุศลได้---ลักษณะของคำพูดรื่นหู1. ไม่โกหกหรือเสแสร้งคำพูดที่รื่นหูต้องมีความจริงใจ ไม่แฝงเลศนัยหรือความหลอกลวง คนฟังสัมผัสได้ถึงความจริงใจในคำพูด ทำให้เกิดความไว้วางใจ2. ไม่หยาบคายหรือด่าทอคำพูดที่ใช้คำหยาบคายหรือว่าร้าย จะสร้างความระคายเคืองและก่อให้เกิดอกุศลในใจผู้ฟัง3. ไม่เรื่อยเปื่อยฟุ้งซ่านคำพูดที่ไม่มีสาระหรือทำให้ผู้ฟังรู้สึกว้าวุ่น ย่อมไม่ถือเป็นคำพูดรื่นหู เพราะไม่สร้างประโยชน์และความสุขใจ4. สะท้อนความหวังดีแม้น้ำเสียงอาจดูเข้มแข็งหรือกระด้าง แต่ถ้าคำพูดนั้นเต็มไปด้วยความหวังดีและห่วงใย ย่อมสร้างความสบายใจได้มากกว่าคำพูดที่ฟังดูอ่อนหวานแต่เสแสร้ง---คุณค่าของคำพูดรื่นหู1. เปลี่ยนจิตใจคนฟังคำพูดรื่นหูสามารถเปลี่ยนจิตใจที่หม่นหมอง ให้กลายเป็นจิตใจที่สดใส เปลี่ยนความท้อแท้ให้กลายเป็นกำลังใจ2. สร้างสัมพันธ์ที่ดีผู้ที่พูดรื่นหูมักได้รับความรักและเคารพจากคนรอบข้าง เพราะคำพูดที่ดีนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดี3. สร้างโลกด้านสว่างการพูดด้วยมหากุศลจิตทำให้ผู้พูดสร้างผลกระทบด้านบวกให้กับผู้ฟัง สร้างโลกที่สว่างและอบอุ่นกว่าเดิม---ผลของคำพูดรื่นหูในทางกรรมวิบากในทางกรรม ผู้ที่มีวาจาสุจริตและพูดด้วยมหากุศลตลอดชีวิต ย่อมได้รับผลแห่งกรรมดีในรูปของ:1. เสียงไพเราะจับใจผู้มีวาจาดีจะเกิดใหม่พร้อมกังวานเสียงที่ไพเราะ สามารถดึงดูดให้คนสนใจฟัง แม้พูดเรื่องธรรมดา2. รูปลักษณ์งดงามรูปปากของผู้พูดรื่นหูจะงดงาม สมกับเพศและสถานะของตน---บทสรุปคำพูดรื่นหูไม่ใช่เพียงคำพูดที่สวยหรู แต่ต้องเป็นคำที่มาจากจิตใจที่ปรารถนาดีและจริงใจต่อผู้อื่น ผู้ที่ฝึกพูดรื่นหูจะไม่เพียงสร้างความสุขให้แก่ผู้อื่น แต่ยังสะสมผลบุญที่ส่งผลดีต่อชีวิตทั้งในปัจจุบันและอนาคต ดังนั้น ทุกคำพูดจึงควรเป็นคำที่สร้างสรรค์ ไม่เพียงเพื่อผู้ฟัง แต่เพื่อจิตใจที่งดงามของเราเอง!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 408 มุมมอง 0 รีวิว
  • วาทกรรมเก่ายังไม่หาย ก็สร้างวาทกรรมใหม่มาอีก เสแสร้งถวายบังคมเพื่อจะมาล้มล้าง
    #7ดอกจิก
    ♣️ วาทกรรมเก่ายังไม่หาย ก็สร้างวาทกรรมใหม่มาอีก เสแสร้งถวายบังคมเพื่อจะมาล้มล้าง #7ดอกจิก
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 361 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณค่าของนพเก้าหรือนพรัตน์

    เพชรยิ่งใหญ่ไพรีไม่มีกล้ำ
    ทับทิมนำอายุยืนเพิ่มพูนผล

    อุดมลาภยศศักดิ์ประจักษ์ดล มรกตกันภัยพ้นผองเล็บงา

    บุษราคัมฉาบเสน่ห์ไม่เสแสร้ง โกเมนแจ้งแคล้วพาลภัยใจสุขา

    ไพลินย้ำความร่ำรวยช่วยนำพา มุกดาหารเสน่หาน่าเมียงมอง

    อันเพทายช่วยกันโทษที่โฉดเขลา ไพฑูรย์เล่ากันฟอนไฟภัยทั้งผอง

    ดลบันดาลให้เทวามาคุ้มครอง
    สบสนองคุณค่าแจ้งแห่งนพรัตน์
    คุณค่าของนพเก้าหรือนพรัตน์ เพชรยิ่งใหญ่ไพรีไม่มีกล้ำ ทับทิมนำอายุยืนเพิ่มพูนผล อุดมลาภยศศักดิ์ประจักษ์ดล มรกตกันภัยพ้นผองเล็บงา บุษราคัมฉาบเสน่ห์ไม่เสแสร้ง โกเมนแจ้งแคล้วพาลภัยใจสุขา ไพลินย้ำความร่ำรวยช่วยนำพา มุกดาหารเสน่หาน่าเมียงมอง อันเพทายช่วยกันโทษที่โฉดเขลา ไพฑูรย์เล่ากันฟอนไฟภัยทั้งผอง ดลบันดาลให้เทวามาคุ้มครอง สบสนองคุณค่าแจ้งแห่งนพรัตน์
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 368 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ได้รีโพสต์หลังดูโหนกระแส "ที่มาของ น้ำตาจระเข้ ตามหลักวิทยาศาสตร์"

    คำว่า "น้ำตาจระเข้" หรือที่แปลมาจากวลีในภาษาอังกฤษว่า “crocodile tears” นั้น มาจากการที่พบว่า เมื่อจระเข้งับเหยื่อ มันจะมีน้ำตาไหลออกมาด้วย ทำให้คนเข้าใจผิด คิดว่าจระเข้กำลังสงสารเหยื่อ แต่มันจำใจต้องกินเหยื่อนั้น เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด

    ถึงแม้ว่า จระเข้จะมีต่อมน้ำตา (lachrymal glands) ที่ทำหน้าที่สร้างน้ำตา ออกมาหล่อลื่นดวงตา เหมือนกับของคน แต่การที่มันมีน้ำตาออกมาระหว่างที่งับเหยื่อนั้น ไม่ใช่เพราะความสงสาร แต่เกิดจากกระดูกขากรรไกรไปบีบต่อมน้ำตาของมัน ทำให้น้ำตาไหลออกมาอย่างอัตโนมัตินั่นเอง

    หากเปรียบเทียบกับการกระทำของคนแล้ว ก็เหมือนคนที่กำลังทำความผิด แล้วแกล้งเสแสร้งร้องไห้ออกมา มิได้รู้สึกเศร้าเสียใจจริงๆ การร้องไห้เป็นเพียงเพื่อกลบเกลื่อนเบี่ยงเบนความสนใจจากการกระทำผิดนั้น เท่านั้นเอง...

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/RjyoXPfY2rDiwCFQ/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ได้รีโพสต์หลังดูโหนกระแส "ที่มาของ น้ำตาจระเข้ 🐊 ตามหลักวิทยาศาสตร์" คำว่า "น้ำตาจระเข้" หรือที่แปลมาจากวลีในภาษาอังกฤษว่า “crocodile tears” นั้น มาจากการที่พบว่า เมื่อจระเข้งับเหยื่อ มันจะมีน้ำตาไหลออกมาด้วย ทำให้คนเข้าใจผิด คิดว่าจระเข้กำลังสงสารเหยื่อ แต่มันจำใจต้องกินเหยื่อนั้น เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด 😲 ถึงแม้ว่า จระเข้จะมีต่อมน้ำตา (lachrymal glands) ที่ทำหน้าที่สร้างน้ำตา ออกมาหล่อลื่นดวงตา เหมือนกับของคน แต่การที่มันมีน้ำตาออกมาระหว่างที่งับเหยื่อนั้น ไม่ใช่เพราะความสงสาร แต่เกิดจากกระดูกขากรรไกรไปบีบต่อมน้ำตาของมัน ทำให้น้ำตาไหลออกมาอย่างอัตโนมัตินั่นเอง 🤔 หากเปรียบเทียบกับการกระทำของคนแล้ว ก็เหมือนคนที่กำลังทำความผิด แล้วแกล้งเสแสร้งร้องไห้ออกมา มิได้รู้สึกเศร้าเสียใจจริงๆ การร้องไห้เป็นเพียงเพื่อกลบเกลื่อนเบี่ยงเบนความสนใจจากการกระทำผิดนั้น เท่านั้นเอง... 😅 ที่มา : https://www.facebook.com/share/RjyoXPfY2rDiwCFQ/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Angry
    6
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 680 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## Fake News ข่าวปั่นจาก พลพรรคสีส้มอีกแล้ว... ##
    ..
    ..
    ไม่หยุดไม่หย่อนจริงๆ สำหรับ พลพรรคสีส้ม ด้อมส้ม หรือ คอนด้อมส้ม แล้วแต่จะเรียก...
    .
    ย่อสุดกำลังคือ...
    .
    มีคนไปปั่นว่า น้องไปทำงาน ไม่ผ่านโปร เหตุเพราะ ชอบใส่เสื้อสีส้ม เป็นด้อมส้ม และ ชอบพูดภาษาอีสาน
    .
    คือ จะปั่นว่า พวกที่รัก สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นพวกไร้เหตุผล เป็นพวกคลั่งแบบไม่ลืมหูลืมตา
    .
    โดยพล็อตนี้วางให้ HR เป็นพวกคลั่งเจ้า จนใช้อำนาจที่มีอยู่ในมือ ทำเรื่องกดขี่ข่มเหง "คนตัวเล็กๆ" แต่คิดต่าง ซึ่งเป็น "ด้อมส้มผู้ใสซื่อตาดำๆ"
    .
    โดย คนที่รับสมอ้างเป็น HR นี้ ยังแอ๊บแอ้ ไปโพสตามกลุ่มต่างๆ ว่าตนรักสถาบันพระมหากษัตริย์
    .
    แต่ พยายามไปปั่น ให้คนรังเกียจพฤติกรรม แย่ๆของตัวเอง ที่ "เสแสร้งว่ารัก สถาบันพระมหากษัตริย์"
    .
    จนคนที่พบเห็น พลอยรู้สึกไม่ดีกับ กลุ่มคนที่รักสถาบันพระมหากษัตริย์ ไปด้วย
    .
    อันนี้คือ เจตนาชัดมาก "เซาะกร่อนบ่อนทำลาย ความศรัทธา ของ ประชาชน ที่มีต่อ สถาบันพระมหากษัตริย์"
    .
    มีสื่อในโซเชียลมีเดีย หรือ เพจต่างๆ เอาไปเล่นกันหนักมากในช่วงก่อนหน้านี้ด้วย
    .
    ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นเครือข่าย ของพลพรรคสีส้ม ที่คอยยุยงปลุกปั่นหรือไม่
    .
    แต่ มักจะมีความเคลื่อนไหว ในโซเชียลมีเดีย ในทิศทางเดียวกัน บางทีก็ ข้อความเดียวกัน เช่นนี้เป็นระยะ
    ..
    ..
    ที่มา เพจเฟสบุ๊ค "วันนี้พรรคส้มโกหกอะไร"
    ## Fake News ข่าวปั่นจาก พลพรรคสีส้มอีกแล้ว... ## .. .. ไม่หยุดไม่หย่อนจริงๆ สำหรับ พลพรรคสีส้ม ด้อมส้ม หรือ คอนด้อมส้ม แล้วแต่จะเรียก... . ย่อสุดกำลังคือ... . มีคนไปปั่นว่า น้องไปทำงาน ไม่ผ่านโปร เหตุเพราะ ชอบใส่เสื้อสีส้ม เป็นด้อมส้ม และ ชอบพูดภาษาอีสาน . คือ จะปั่นว่า พวกที่รัก สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นพวกไร้เหตุผล เป็นพวกคลั่งแบบไม่ลืมหูลืมตา . โดยพล็อตนี้วางให้ HR เป็นพวกคลั่งเจ้า จนใช้อำนาจที่มีอยู่ในมือ ทำเรื่องกดขี่ข่มเหง "คนตัวเล็กๆ" แต่คิดต่าง ซึ่งเป็น "ด้อมส้มผู้ใสซื่อตาดำๆ" . โดย คนที่รับสมอ้างเป็น HR นี้ ยังแอ๊บแอ้ ไปโพสตามกลุ่มต่างๆ ว่าตนรักสถาบันพระมหากษัตริย์ . แต่ พยายามไปปั่น ให้คนรังเกียจพฤติกรรม แย่ๆของตัวเอง ที่ "เสแสร้งว่ารัก สถาบันพระมหากษัตริย์" . จนคนที่พบเห็น พลอยรู้สึกไม่ดีกับ กลุ่มคนที่รักสถาบันพระมหากษัตริย์ ไปด้วย . อันนี้คือ เจตนาชัดมาก "เซาะกร่อนบ่อนทำลาย ความศรัทธา ของ ประชาชน ที่มีต่อ สถาบันพระมหากษัตริย์" . มีสื่อในโซเชียลมีเดีย หรือ เพจต่างๆ เอาไปเล่นกันหนักมากในช่วงก่อนหน้านี้ด้วย . ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นเครือข่าย ของพลพรรคสีส้ม ที่คอยยุยงปลุกปั่นหรือไม่ . แต่ มักจะมีความเคลื่อนไหว ในโซเชียลมีเดีย ในทิศทางเดียวกัน บางทีก็ ข้อความเดียวกัน เช่นนี้เป็นระยะ .. .. ที่มา เพจเฟสบุ๊ค "วันนี้พรรคส้มโกหกอะไร"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 515 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียพร้อมถล่มนาโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ทุกเมื่อ:

    วันก่อน กองทัพยูเครนยิงโดรนถล่มคลังแสงของรัสเซียที่เมืองตเวียร์ เพลิงลุกโชติช่วงชัชวาล ตอนนี้ รัสเซียได้ข้อมูลชัดเจนแล้วว่าจักรวรรดิ์นิยมอเมริกาเสแสร้งบอกว่าจะไม่สนับสนุนให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลยิงใส่รัสเซีย แต่ลับหลังกลับใช้ดาวเทียมคอยระบุพิกัดเมืองต่างๆ ของรัสเซียให้ยูเครนยิงถล่มใส่

    กองทัพรัสเซียจึงยิงถล่มสำนักงานใหญ่ค่ายทหารของยูเครนที่กรุงเคียฟ ซึ่งเป็นสำนักงานที่เสนาธิการทหารนาโต้จำนวนมากไปอยู่ช่วยวางแผนให้ยูเครนรบกับรัสเซีย ผลก็คือเสนาธิการทหารของนาโต้เสียชีวิตจำนวนมาก

    พร้อมกันนั้น รัสเซียก็กำลังทดลองเอาขีปนาวุธซึ่งจะนำหัวรบนิวเคลียร์ไปปล่อยมาทดสอบความพร้อมอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ส่งเรือดำน้ำติดอาวุธนิวเคลียร์จำนวนหนึ่งเข้าประจำที่มหาสมุทรอาร์กติกด้วย

    เครือข่ายยิวไซออนิสต์จะต้องถูกถล่มให้เดี๊ยงในอเมริกาและยุโรป และหมดพิษสงในตะวันออกกลาง โลกนี้จึงจะสงบลงครับ


    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    รัสเซียพร้อมถล่มนาโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ทุกเมื่อ: วันก่อน กองทัพยูเครนยิงโดรนถล่มคลังแสงของรัสเซียที่เมืองตเวียร์ เพลิงลุกโชติช่วงชัชวาล ตอนนี้ รัสเซียได้ข้อมูลชัดเจนแล้วว่าจักรวรรดิ์นิยมอเมริกาเสแสร้งบอกว่าจะไม่สนับสนุนให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลยิงใส่รัสเซีย แต่ลับหลังกลับใช้ดาวเทียมคอยระบุพิกัดเมืองต่างๆ ของรัสเซียให้ยูเครนยิงถล่มใส่ กองทัพรัสเซียจึงยิงถล่มสำนักงานใหญ่ค่ายทหารของยูเครนที่กรุงเคียฟ ซึ่งเป็นสำนักงานที่เสนาธิการทหารนาโต้จำนวนมากไปอยู่ช่วยวางแผนให้ยูเครนรบกับรัสเซีย ผลก็คือเสนาธิการทหารของนาโต้เสียชีวิตจำนวนมาก พร้อมกันนั้น รัสเซียก็กำลังทดลองเอาขีปนาวุธซึ่งจะนำหัวรบนิวเคลียร์ไปปล่อยมาทดสอบความพร้อมอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ส่งเรือดำน้ำติดอาวุธนิวเคลียร์จำนวนหนึ่งเข้าประจำที่มหาสมุทรอาร์กติกด้วย เครือข่ายยิวไซออนิสต์จะต้องถูกถล่มให้เดี๊ยงในอเมริกาและยุโรป และหมดพิษสงในตะวันออกกลาง โลกนี้จึงจะสงบลงครับ ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 468 มุมมอง 0 รีวิว
  • #สารสำคัญกับคนตื่นรู้สู่การขอโทษน้องแน๊กชาลี
    วันนี้พี่คิงส์ดีใจ ที่มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ตื่นรู้
    นำข้อมูลอีกด้านไปสู่การพินิจพิจารณา โดยใช้เหตุใช้ผล
    และสุดท้าย กลับมาสู่อ้อมกอดคนไทยด้วยกัน
    โดยโพสนี้ มีข้อความดังนี้ ที่อยากจะสื่อสารให้ถึงน้องแน๊กชาลี
    "ต้องขอโทษชาลีจริงยอมรับคราม่ากี่ครั้งก็คอยเอาแต่ปกป้องนาง
    นายพูดอะไรมาทำให้เกิดดราม่าก็เอาแต่ด่-าท-อ
    -เพราะเมื่อก่อนแค่รู้สึกสงสารผู้หญิงตัวเล็กๆคน1 เมื่อก่อนเราเอียงไปทาง ผญ หนักมากถึงกับป้องป้องนางตลอด
    -ถึงกับต้องเถียงแทนปกป้องแทน
    -พอมา 3 วันอตร. เราก็ด่-า-น-า-ย ด่-า-แ-ร-งมากโดยที่ไม่รับฟังนายรึ
    คนเห็นต่างที่โต้แย้งเลย
    -แต่กาลเวลาผ่านมามันมีความรู้สึกที่แปลกก็เลยลองถอยออกมา2ก้าว ฟังข้อมูลหลายๆฝ่าย และเอามาเทียบกันจริงๆที่พูดมามัเหตุผลไหม มีเหตุผลแค่ไหน
    -แต่พอมาได้ยิน ชาลีพูดว่า
    (ผมทำไม่ได้ห-ล-อ-กที่ต้องมาแสดงรีเสแสร้งว่ารักกัน รีอะไรก็ตาม)
    มันทำให้ผมฉุดคิดได้เลยว่า หูย!!
    สรุป Wเราโดนห-ล-อ-ก" จริงๆใช่ไหม? เราเป็น "ควาย"
    แบบที่ fc ชาลี ด่-าผ-มต-อ-น-ที่ปกป้องนางจริงๆใช่ไหม
    -เราโลกสวยเกินไปใช่ไหม คิดแต่ในแง่ดี
    เกินไปเลยไม่เอะใจสักอย่างผมมันคนนอกไม่รู้เรื่องราวของ2คน
    หากจะต้องทำตัวให้เป็นกลางมันทำไม่ได้หรอก
    -แค่ตั้งคำถามแต่ก็ โดนfcนางถ-ล่-ม มันเป็นคำถามที่เราสงสัย ก็โดนถ-ล่-มทำให้เข้าใจเลยว่าเราควรจะเข้าใจใครมากกว่ากัน
    -ALL 2 ถึงจะเปยแค่ "หลักหมื่น"
    แต่นั้นกะคือเงินที่ให้ด้วยความรักความชอบ อยาก
    ซัพพอร์ต แม้มันจะเป็นจำนวนเงินที่น้อย แต่มันคือจำนวนความรัก
    ที่จริงใจกับนางจริงๆ
    #ขอไม่อยู่ตรงกลางนะครับ
    #ขออยู่ฝั่งคนที่เราเคยด่-า
    #เคยเข้าใจนายผิด เราขออยู่กับนายนะ
    #ขอโทษที่เคยใช้คำพูดที่รุนแรงกับนาย人人人人"
    ซึ่งเชื่อว่ามีหลายๆคนที่เคยอยู่ในกลุ่มที่โจกล่อมทุกวัน
    เมื่อได้เห็นข้อมูลอีกด้าน ต่างก็เอ๊ะ
    แล้วพอเริ่มตั้งคำถาม ก็จะกระทำในแบบเดียวกันนี้
    นั่นก็เพราะเค้ามีก-อ-ง-กำ-ลั-ง ในการวางแผนแบบฟูลทาร์ม
    เพื่อให้โจ คิดวางเกมส์ต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ตัวเอง
    โดยเป้าหมายสำคัญคือ "การเล่นงานแน๊กชาลี"
    หากต้องการข้อมูลที่ลึกกว่านี้ จะแปะไว้ใต้โพส
    ยาวนะ ถ้ารับได้ ไปอ่านแล้วจะตาสว่างวาบครับ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #สารสำคัญกับคนตื่นรู้สู่การขอโทษน้องแน๊กชาลี วันนี้พี่คิงส์ดีใจ ที่มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ตื่นรู้ นำข้อมูลอีกด้านไปสู่การพินิจพิจารณา โดยใช้เหตุใช้ผล และสุดท้าย กลับมาสู่อ้อมกอดคนไทยด้วยกัน โดยโพสนี้ มีข้อความดังนี้ ที่อยากจะสื่อสารให้ถึงน้องแน๊กชาลี "ต้องขอโทษชาลีจริงยอมรับคราม่ากี่ครั้งก็คอยเอาแต่ปกป้องนาง นายพูดอะไรมาทำให้เกิดดราม่าก็เอาแต่ด่-าท-อ -เพราะเมื่อก่อนแค่รู้สึกสงสารผู้หญิงตัวเล็กๆคน1 เมื่อก่อนเราเอียงไปทาง ผญ หนักมากถึงกับป้องป้องนางตลอด -ถึงกับต้องเถียงแทนปกป้องแทน -พอมา 3 วันอตร. เราก็ด่-า-น-า-ย ด่-า-แ-ร-งมากโดยที่ไม่รับฟังนายรึ คนเห็นต่างที่โต้แย้งเลย -แต่กาลเวลาผ่านมามันมีความรู้สึกที่แปลกก็เลยลองถอยออกมา2ก้าว ฟังข้อมูลหลายๆฝ่าย และเอามาเทียบกันจริงๆที่พูดมามัเหตุผลไหม มีเหตุผลแค่ไหน -แต่พอมาได้ยิน ชาลีพูดว่า (ผมทำไม่ได้ห-ล-อ-กที่ต้องมาแสดงรีเสแสร้งว่ารักกัน รีอะไรก็ตาม) มันทำให้ผมฉุดคิดได้เลยว่า หูย!! สรุป Wเราโดนห-ล-อ-ก" จริงๆใช่ไหม? เราเป็น "ควาย" แบบที่ fc ชาลี ด่-าผ-มต-อ-น-ที่ปกป้องนางจริงๆใช่ไหม -เราโลกสวยเกินไปใช่ไหม คิดแต่ในแง่ดี เกินไปเลยไม่เอะใจสักอย่างผมมันคนนอกไม่รู้เรื่องราวของ2คน หากจะต้องทำตัวให้เป็นกลางมันทำไม่ได้หรอก -แค่ตั้งคำถามแต่ก็ โดนfcนางถ-ล่-ม มันเป็นคำถามที่เราสงสัย ก็โดนถ-ล่-มทำให้เข้าใจเลยว่าเราควรจะเข้าใจใครมากกว่ากัน -ALL 2 ถึงจะเปยแค่ "หลักหมื่น" แต่นั้นกะคือเงินที่ให้ด้วยความรักความชอบ อยาก ซัพพอร์ต แม้มันจะเป็นจำนวนเงินที่น้อย แต่มันคือจำนวนความรัก ที่จริงใจกับนางจริงๆ #ขอไม่อยู่ตรงกลางนะครับ #ขออยู่ฝั่งคนที่เราเคยด่-า #เคยเข้าใจนายผิด เราขออยู่กับนายนะ #ขอโทษที่เคยใช้คำพูดที่รุนแรงกับนาย人人人人" ซึ่งเชื่อว่ามีหลายๆคนที่เคยอยู่ในกลุ่มที่โจกล่อมทุกวัน เมื่อได้เห็นข้อมูลอีกด้าน ต่างก็เอ๊ะ แล้วพอเริ่มตั้งคำถาม ก็จะกระทำในแบบเดียวกันนี้ นั่นก็เพราะเค้ามีก-อ-ง-กำ-ลั-ง ในการวางแผนแบบฟูลทาร์ม เพื่อให้โจ คิดวางเกมส์ต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ตัวเอง โดยเป้าหมายสำคัญคือ "การเล่นงานแน๊กชาลี" หากต้องการข้อมูลที่ลึกกว่านี้ จะแปะไว้ใต้โพส ยาวนะ ถ้ารับได้ ไปอ่านแล้วจะตาสว่างวาบครับ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1313 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่อง “Château Christophe”
    ตอนที่ 3
    เมื่อ Stevens และ Nathan Tek ขึ้นบกที่ Benghazi ในเดือนเมษายน 2011 เขาได้รับการต้อนรับโดยผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศซึ่งอยู่ฝ่ายกบฏ ทุกวันในช่วงหลายเดือนนั้น ทั้ง 2 คน ไปพบบุคคลที่เขาสามารถจะขอพบได้ เช่น หัวหน้าของ Transitional National Council (รัฐบาลฝ่ายกบฏ) เจ้าของร้านขายของ ครู หมอ ทหาร ที่อยู่ตามแนวรบ พวกเขาพูดเหมือนตามบทที่เขียนให้ Tek บอก เขาพูดกับเราว่า “เขาต้องการประเทศลิเบียใหม่ ที่เป็นอย่างที่ประชาชนต้องการ” ในความรู้สึกของเขา (คนอเมริกัน) ดูเหมือนมันจะเป็นการปฏิวัติที่ได้รับการนิยมชมชอบอย่างมาก
    มันเป็นข้อความที่สำคัญมากสำหรับ Stevens ที่จะถ่ายทอดไปถึงเจ้านายของเขา งานของ Stevens ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ฑูตทุกคนจะต้องทำ คือให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ โดยผ่านการวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแล้วให้แก่วอซิงตันเพื่อวางนโยบาย แม้ว่าอเมริกาจะได้เลือกข้างแล้ว โดยเลือกข้างที่ทำการปฏิวัติ แต่การจะเป็นปฏิปักษ์ต่อ Qaddafi ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่จะมองผ่านไปอย่างง่ายๆ ( Qaddafi แม้จะเป็นคนระห่ำสุดแสบ แต่ก็เคยมีส่วนช่วยอเมริกาในการต่อต้านผู้ก่อการร้าย และที่สำคัญลิเบียมีน้ำมันและก๊าซที่ได้รับการตรวจสอบแล้วว่ามีปริมาณมากที่สุดในอาฟริกา !) ถ้าฝ่ายกบฏน่าเชื่อถือน้อยกว่าที่ประเมิน เช่น นำเอาประเทศเข้าไปสู่การต่อสู้แบบนองเลือดเป็นเวลาหลาย ๆ ปี สูตรการคิดคำนวณ (นโยบาย) คงจะต้องเปลี่ยนอย่างมาก
    ความเห็นของ Chris จึงมีความหมายอย่างยิ่ง Jeffery D. Feltman ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีด้าน Near Eastern บอกว่า ไม่ใช่ว่าจะมีความเห็นของ Chris คนเดียว และไม่ใช่ว่าเราจะทำตามที่เขาบอกทั้งหมดแต่ความเห็นของเขาคนนี้แหละ เป็นความเห็นที่สำคัญที่สุด
    อะไรทำให้ Stevens ทำงานของเขาได้ดีและทำให้ผู้คนเชื่อถือเขา มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเสแสร้งกันได้ มันเป็นไปได้ที่คุณจะทำให้คนเชื่อใจคุณบ้างในบางครั้ง แต่ไม่ใช่เสมอไปและตลอดไป โดยเฉพาะในต่างแดน Tek บอกว่า Stevens แสดงออกถึงความเข้าใจอย่างจริงใจ เขาเกลียดรูปแบบนักการฑูตอเมริกันที่แสดงออกแบบยะโสโอหังและความไม่ตระหนักรู้ (ซื่อบื้อ) Stevens เป็นคนตรงไปตรงมาและมีความเป็นมนุษย์
    Tek บอกสำหรับผม Stevens เป็นตัวอย่างของการเป็นนักการฑูตที่ผมอยากจะเป็น เขามองว่าอเมริกาควรมีอิทธิพลจากการที่คนอื่นให้ความนับถือ ไม่ใช่จากการที่อเมริกาเหยียดหยามและทำกร่างใส่
    คนเล่านิทาน
    7 มิย. 57
    นิทานเรื่อง “Château Christophe” ตอนที่ 3 เมื่อ Stevens และ Nathan Tek ขึ้นบกที่ Benghazi ในเดือนเมษายน 2011 เขาได้รับการต้อนรับโดยผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศซึ่งอยู่ฝ่ายกบฏ ทุกวันในช่วงหลายเดือนนั้น ทั้ง 2 คน ไปพบบุคคลที่เขาสามารถจะขอพบได้ เช่น หัวหน้าของ Transitional National Council (รัฐบาลฝ่ายกบฏ) เจ้าของร้านขายของ ครู หมอ ทหาร ที่อยู่ตามแนวรบ พวกเขาพูดเหมือนตามบทที่เขียนให้ Tek บอก เขาพูดกับเราว่า “เขาต้องการประเทศลิเบียใหม่ ที่เป็นอย่างที่ประชาชนต้องการ” ในความรู้สึกของเขา (คนอเมริกัน) ดูเหมือนมันจะเป็นการปฏิวัติที่ได้รับการนิยมชมชอบอย่างมาก มันเป็นข้อความที่สำคัญมากสำหรับ Stevens ที่จะถ่ายทอดไปถึงเจ้านายของเขา งานของ Stevens ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ฑูตทุกคนจะต้องทำ คือให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ โดยผ่านการวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแล้วให้แก่วอซิงตันเพื่อวางนโยบาย แม้ว่าอเมริกาจะได้เลือกข้างแล้ว โดยเลือกข้างที่ทำการปฏิวัติ แต่การจะเป็นปฏิปักษ์ต่อ Qaddafi ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่จะมองผ่านไปอย่างง่ายๆ ( Qaddafi แม้จะเป็นคนระห่ำสุดแสบ แต่ก็เคยมีส่วนช่วยอเมริกาในการต่อต้านผู้ก่อการร้าย และที่สำคัญลิเบียมีน้ำมันและก๊าซที่ได้รับการตรวจสอบแล้วว่ามีปริมาณมากที่สุดในอาฟริกา !) ถ้าฝ่ายกบฏน่าเชื่อถือน้อยกว่าที่ประเมิน เช่น นำเอาประเทศเข้าไปสู่การต่อสู้แบบนองเลือดเป็นเวลาหลาย ๆ ปี สูตรการคิดคำนวณ (นโยบาย) คงจะต้องเปลี่ยนอย่างมาก ความเห็นของ Chris จึงมีความหมายอย่างยิ่ง Jeffery D. Feltman ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีด้าน Near Eastern บอกว่า ไม่ใช่ว่าจะมีความเห็นของ Chris คนเดียว และไม่ใช่ว่าเราจะทำตามที่เขาบอกทั้งหมดแต่ความเห็นของเขาคนนี้แหละ เป็นความเห็นที่สำคัญที่สุด อะไรทำให้ Stevens ทำงานของเขาได้ดีและทำให้ผู้คนเชื่อถือเขา มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเสแสร้งกันได้ มันเป็นไปได้ที่คุณจะทำให้คนเชื่อใจคุณบ้างในบางครั้ง แต่ไม่ใช่เสมอไปและตลอดไป โดยเฉพาะในต่างแดน Tek บอกว่า Stevens แสดงออกถึงความเข้าใจอย่างจริงใจ เขาเกลียดรูปแบบนักการฑูตอเมริกันที่แสดงออกแบบยะโสโอหังและความไม่ตระหนักรู้ (ซื่อบื้อ) Stevens เป็นคนตรงไปตรงมาและมีความเป็นมนุษย์ Tek บอกสำหรับผม Stevens เป็นตัวอย่างของการเป็นนักการฑูตที่ผมอยากจะเป็น เขามองว่าอเมริกาควรมีอิทธิพลจากการที่คนอื่นให้ความนับถือ ไม่ใช่จากการที่อเมริกาเหยียดหยามและทำกร่างใส่ คนเล่านิทาน 7 มิย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 427 มุมมอง 0 รีวิว
  • การให้ร้ายพระมหากษัตริย์ มิใช่การแสดงความเห็นทางการเมือง เสแสร้งจงรักภักดี แต่ให้ท้ายคนละเมิด112
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ทนวยอานนท์
    #เจี๊ยบอมรัตน์
    #เจี๊ยบอมเกียร์
    การให้ร้ายพระมหากษัตริย์ มิใช่การแสดงความเห็นทางการเมือง เสแสร้งจงรักภักดี แต่ให้ท้ายคนละเมิด112 #คิงส์โพธิ์แดง #ทนวยอานนท์ #เจี๊ยบอมรัตน์ #เจี๊ยบอมเกียร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 879 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันก่อนบอกการไม่มีลูกเป็นเรื่องของเขา พอวันอภิปรายเxือกบอกเป็นวิกฤต
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #เสแสร้ง
    วันก่อนบอกการไม่มีลูกเป็นเรื่องของเขา พอวันอภิปรายเxือกบอกเป็นวิกฤต #คิงส์โพธิ์แดง #เสแสร้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว