• “SK hynix เปิดตัว ZUFS 4.1 — หน่วยความจำมือถือที่เร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และพร้อมรองรับ AI บนเครื่องโดยตรง”

    SK hynix ผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่จากเกาหลีใต้ ประกาศเริ่มส่งมอบโซลูชัน NAND สำหรับมือถือรุ่นใหม่ในชื่อ ZUFS 4.1 ซึ่งถือเป็นการผลิตเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของเทคโนโลยีนี้ในโลก โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสมาร์ตโฟนที่ใช้ AI บนเครื่อง (on-device AI) และการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่

    ZUFS ย่อมาจาก Zoned Universal Flash Storage ซึ่งเป็นการต่อยอดจากมาตรฐาน UFS โดยนำแนวคิด Zoned Storage มาใช้ — คือการจัดเก็บข้อมูลในโซนต่าง ๆ ตามลักษณะการใช้งาน เพื่อเพิ่มความเร็วและลดการเสื่อมของประสิทธิภาพเมื่อใช้งานไปนาน ๆ

    ZUFS 4.1 สามารถลดเวลาเปิดแอปทั่วไปได้ถึง 45% และลดเวลาเปิดแอป AI ได้ถึง 47% เมื่อเทียบกับ UFS แบบเดิม โดยใช้วิธีเขียนข้อมูลแบบเรียงลำดับ (sequential write) แทนการเขียนทับแบบเดิม ซึ่งช่วยให้ข้อมูลถูกจัดเก็บอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    นอกจากนี้ SK hynix ยังปรับปรุงระบบตรวจจับข้อผิดพลาดให้แม่นยำขึ้น และสามารถสื่อสารกับ CPU ได้ดีขึ้น ทำให้ระบบสามารถฟื้นตัวจากข้อผิดพลาดได้เร็วขึ้นและเสถียรขึ้น โดย ZUFS 4.1 ผ่านการทดสอบร่วมกับลูกค้าในเดือนมิถุนายน และเริ่มผลิตจริงในเดือนกรกฎาคม 2025

    จุดเด่นของ ZUFS 4.1 จาก SK hynix
    เป็นโซลูชัน NAND สำหรับมือถือที่ใช้เทคโนโลยี Zoned Storage
    ลดเวลาเปิดแอปทั่วไปได้ 45% และแอป AI ได้ 47%
    เขียนข้อมูลแบบ sequential แทนการเขียนทับ — ช่วยลดการเสื่อมของประสิทธิภาพ
    ปรับปรุงระบบตรวจจับข้อผิดพลาดและการสื่อสารกับ CPU เพื่อเพิ่มความเสถียร

    การพัฒนาและการผลิต
    ผ่านการทดสอบร่วมกับลูกค้าในเดือนมิถุนายน 2025
    เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนกรกฎาคม และเริ่มส่งมอบในเดือนกันยายน
    เป็นโซลูชันแรกที่พัฒนาเพื่อปรับแต่งการทำงานร่วมกับ Android OS โดยเฉพาะ
    รองรับการใช้งานในสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่เน้น on-device AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Zoned Storage เคยใช้ในเซิร์ฟเวอร์และ SSD ระดับองค์กรมาก่อน
    UFS 4.1 เป็นมาตรฐานล่าสุดที่เปิดตัวในปี 2025 โดย JEDEC
    SK hynix กำลังแข่งขันกับ Samsung และ Kioxia ในตลาด NAND สำหรับมือถือ
    การจัดเก็บแบบ zoned ช่วยลดการเขียนซ้ำและยืดอายุการใช้งานของหน่วยความจำ

    https://www.techpowerup.com/340882/sk-hynix-begins-supplying-mobile-nand-solution-zufs-4-1
    📱 “SK hynix เปิดตัว ZUFS 4.1 — หน่วยความจำมือถือที่เร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และพร้อมรองรับ AI บนเครื่องโดยตรง” SK hynix ผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่จากเกาหลีใต้ ประกาศเริ่มส่งมอบโซลูชัน NAND สำหรับมือถือรุ่นใหม่ในชื่อ ZUFS 4.1 ซึ่งถือเป็นการผลิตเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของเทคโนโลยีนี้ในโลก โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสมาร์ตโฟนที่ใช้ AI บนเครื่อง (on-device AI) และการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ ZUFS ย่อมาจาก Zoned Universal Flash Storage ซึ่งเป็นการต่อยอดจากมาตรฐาน UFS โดยนำแนวคิด Zoned Storage มาใช้ — คือการจัดเก็บข้อมูลในโซนต่าง ๆ ตามลักษณะการใช้งาน เพื่อเพิ่มความเร็วและลดการเสื่อมของประสิทธิภาพเมื่อใช้งานไปนาน ๆ ZUFS 4.1 สามารถลดเวลาเปิดแอปทั่วไปได้ถึง 45% และลดเวลาเปิดแอป AI ได้ถึง 47% เมื่อเทียบกับ UFS แบบเดิม โดยใช้วิธีเขียนข้อมูลแบบเรียงลำดับ (sequential write) แทนการเขียนทับแบบเดิม ซึ่งช่วยให้ข้อมูลถูกจัดเก็บอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ SK hynix ยังปรับปรุงระบบตรวจจับข้อผิดพลาดให้แม่นยำขึ้น และสามารถสื่อสารกับ CPU ได้ดีขึ้น ทำให้ระบบสามารถฟื้นตัวจากข้อผิดพลาดได้เร็วขึ้นและเสถียรขึ้น โดย ZUFS 4.1 ผ่านการทดสอบร่วมกับลูกค้าในเดือนมิถุนายน และเริ่มผลิตจริงในเดือนกรกฎาคม 2025 ✅ จุดเด่นของ ZUFS 4.1 จาก SK hynix ➡️ เป็นโซลูชัน NAND สำหรับมือถือที่ใช้เทคโนโลยี Zoned Storage ➡️ ลดเวลาเปิดแอปทั่วไปได้ 45% และแอป AI ได้ 47% ➡️ เขียนข้อมูลแบบ sequential แทนการเขียนทับ — ช่วยลดการเสื่อมของประสิทธิภาพ ➡️ ปรับปรุงระบบตรวจจับข้อผิดพลาดและการสื่อสารกับ CPU เพื่อเพิ่มความเสถียร ✅ การพัฒนาและการผลิต ➡️ ผ่านการทดสอบร่วมกับลูกค้าในเดือนมิถุนายน 2025 ➡️ เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนกรกฎาคม และเริ่มส่งมอบในเดือนกันยายน ➡️ เป็นโซลูชันแรกที่พัฒนาเพื่อปรับแต่งการทำงานร่วมกับ Android OS โดยเฉพาะ ➡️ รองรับการใช้งานในสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่เน้น on-device AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Zoned Storage เคยใช้ในเซิร์ฟเวอร์และ SSD ระดับองค์กรมาก่อน ➡️ UFS 4.1 เป็นมาตรฐานล่าสุดที่เปิดตัวในปี 2025 โดย JEDEC ➡️ SK hynix กำลังแข่งขันกับ Samsung และ Kioxia ในตลาด NAND สำหรับมือถือ ➡️ การจัดเก็บแบบ zoned ช่วยลดการเขียนซ้ำและยืดอายุการใช้งานของหน่วยความจำ https://www.techpowerup.com/340882/sk-hynix-begins-supplying-mobile-nand-solution-zufs-4-1
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    SK hynix Begins Supplying Mobile NAND Solution ZUFS 4.1
    SK hynix Inc. announced today that it has begun supplying its high-performance mobile NAND solution ZUFS 4.1 to customers, marking the world's first mass production of this solution. The solution's adoption in the latest smartphones reinforces SK hynix's technological excellence in the global market...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..อ.ปานเทพ ทำถูกต้องมาก ต้องแบบนี้ แฉชื่อประเทศที่สามอย่างตรงไปตรงมา มันกล้าสั่งมันกล้ามาบีบมากดดัน ต้องกล้าถูกคนไทยทั้งประเทศมารับรู้การกระทำของมัน
    .. เลิกปกปิดเลิกปิดบังชื่อประเทศที่สามกันอีกต่อไป แฉความจริงแบบลักษณะนี้ออกมา เรา..ประชาชนก็สามารถร่วมแก้ไขต้นเหตุของปัญหาร่วมกันได้.
    ..ญี่ปุ่นเป็นประเทศสันดานหมามาแต่ใดมาตั้งแต่ก่อการอยากใหญ่ก่อสงครามโลก
    ..ญี่ปุ่นไม่ใช่ประเทศที่สามเจ้าเดียวแน่นอน แต่เมื่อแฉว่าญี่ปุ่นก็คือชาติญี่ปุ่น นักลงทุนญี่ปุ่นนี้นั้นเอง.
    ..ใจหมามาแทรกแซงอธิปไตยไทย เกาหลีเหนือสมควรยิงขีปนาวุธถล่มญี่ปุ่นเลย,เกาะผีบ้าจะจมทะเลทั้งประเทศเวลาไหนก็ไม่รู้ เกาะซาตานแรปทีเลียนเสพกามทั้งเกาะเอามันส์บ้ากามสารพัดตามสันดานแรปทีเลี่ยนสัตว์เลื้อยคลาน กษัตริย์มันในอดีตก่อนระเบิดสองเกาะนางากับฮิโรชิมันก็สัตว์เลื้อยคลานขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองจนมีกฎห้ามมองหน้ากษัตริย์เกิดขึ้นเพราะหน้าตากษัตริย์คือพวกสัตว์เลื้อยคลาน ประชาชนรับรู้จะล้มล้างมัน จึงฆ่าทุกๆคนที่ไปเห็นใบหน้าพวกมัน,ใต้เกาะญี่ปุ่นคืออุโมงค์ขนาดใหญ่ยักษ์เผ่าสัตว์เลื้อยคลานแดกมนุษย์เป็นอันมาก เพาะมนุษย์โคลนมนุษย์เป็นฟาร์มใต้ดินไว้แดกเป็นจำนวนมาก.ญี่ปุ่นคือตาอเมริกาตัวพ่อ ตัวกดขี่ไทยคือญี่ปุ่นนี้ล่ะ, ฝรั่งเศสก็ตาอเมริกา,อย่าแปลกใจทำไมเราเสียมลฑลบูรพาเราคือพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณเพราะญี่ปุ่นนี้คือฝ่ายพวกมันกับฝรั่งเศสอังกฤษอเมริกา ญี่ปุ่นคือไส้ศึกตัวพ่ออีกตัว,ตัวแทนอเมริกาเป็นceoตัวแทนฝรั่งมาปกครองดูแลสายพานผลประโยชน์ของฝรั่งทั้งประเทศไทย ดูตัวอย่างที่ชัดเจนคือการผลิตรถยนต์ มันกดขี่ห้ามคนไทยสามารถผลิตมาแข่งกับมันอิสระได้,ซื้อข้าราชการนักการเมืองขายชาติไว้ทำงานทุกๆวงการให้มัน,ชาติไทยเราจึงไม่เจริญไปไหน,แถมเสื่อมศีลธรรมคู่ขนานเจริญเพียงวัตถุแค่นั้น,ง่ายๆญี่ปุ่นไม่ใช่มิตรจริงอะไรหรอก,นอมินีอีลิทdeep stateแรปทีเลี่ยนดีๆนี้ล่ะ,สังเกตุมันใช้มุกแบบอเมริกาพิมพ์แบงค์ใช้เองได้สิ,อเมริกาก็พิมพ์แบงค์ใช้เองตามอำเภอใจ,ญี่ปุ่นขี้ข้ามือขวาในฝั่งเอเชียเลยก็ได้ สันดานเดียวกับอเมริกานั้นล่ะ,สันดานนี้ดูง่ายๆคือมวยไทยไปชกที่ญี่ปุ่น มันโกงคนไทยสารพัดรูปแบบเพื่อเอาชนะนักมวยไทยเรา ยุคล่าสุดคือบัวขวาK-1มันนั้นล่ะ,เราถูกสื่อในไทยเราที่มันซื้อสื่อหลักเราด้วยเงินได้มาล้างสมองคนไทยเราให้ชอบญี่ปุ่นแบบมัน,
    ..ธาตุแท้ญี่ปุ่นมันก็สันดานเดียวกับเขมรนั้นล่ะ,
    ..คนไทยเราจึงต้องช่วยเหลือกันเองเท่านั้น,สามัคคีเราคนไทยเท่านั้นจึงจะรอดในวิกฤติยุคนี้,เรามิอาจพึงใครนอกประเทศจริงจังเป็นหลักได้,พระเจ้าสอนให้เองพึงตนเองให้ได้ก่อนนั้นถูกต้องที่สุด,
    ..ญี่ปุ่นมาแทรกแซงภัยคุกคามรุกรานไทย,สันดานไม่ต่างจากอเมริการีบมาแทรกให้ต้องหยุดยิงนั้นล่ะ มุกเดียวกัน
    ..แต่ญี่ปุ่นมาแทรกมาแซงมาแทรกแซงขัดขวางในการจัดการเขมรด้วยการบีบไทยให้ต้องเปิดด่าน,บริบทพื้นฐานเพื่ออีลิทไม่ต้องการให้ไทยจัดการเขมรให้เด็ดขาดได้เพราะถ้าจัดการเขมรเด็ดขาดได้ ภูมิภาคนี้จะสงบสุขทันที ซึ่งอีลิทdeep stateยอมรับไม่ได้จะเสียแผนทั้งหมด,ต้องทำลายกลยุทธทางสงครามของไทยด้านการแทรกแซงบีบำทยต้องเปิดด่านให้ได้โดยส่งญี่ปุ่นกล้าตายมารับบทรับงานหน้างานครั้งนี้แทนมาเลย์อเมริกาที่เล่นไปแล้ว,กำกับงานละครโดยCIAประจำภูมิภาคนี้อีกล่ะ,งานสร้างความวุ่นวายไม่สงบสุขงานสร้างความโกลาหลแตกแยกต้องCIAยุยงปลุกปั่นเสมอ,มือที่สามตัวพ่อกำกับมือที่สามสำรองอีกที.
    ..ประเทศที่สามไม่น่าจะแค่ชาติญี่ปุ่น มีอเมริกา มีฝรั่งเศส ชาติอาหรับเลว ชาติยุโรปชั่วอีกตรึม งานหลักคือสร้างความไม่สงบสุขสันติในภูมิภาคนี้ ห้ามไทยจัดการเขมรให้เด็ดขาดได้ แหล่งอาหาร เนื้อมนุษย์ค้ามนุษย์ค้าอวัยวะมนุษย์จะหายไปทันที อาหารดีๆเนื้อคนเนื้อเด็กๆจะหายไปทันทีจะขาดตลาดทั่วโลกในลัทธิตาเดียวแดกมนุษย์นี้ ตลอดฮับฟอกเงิน ฮับอาชญากรรมสากลข้ามชาติทำเงินในเขมรจะหายไปด้วย สแกมเมอร์เดอะแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะหายไปทันที บ่อนคาสิโน ค้ายาเถื่อน ค้าอาวุธชีวภาพตัวพ่อด้วยที่แอบซ่อนไว้อีกตรึมไม่ต่างจากฝั่งยูเครนเลยล่ะ,ใต้ดินใต้อุโมงค์ในเขมรอีกขุดไว้ขนาดใหญ่เป็นฐานจะถูกทำลายทันที,ไม่ต่างจากพวกขายชาติที่ให้อเมริกาสร้างอุโมงค์ขนาดใหญ่ฐานขนาดใหญ่ที่เชียงใหม่แก่อเมริกานั้นล่ะ,ฮับรวบรวมเนื้อสดค้ามนุษย์จากฝั่งพม่าได้มากมายกันเลย ,ทะลุรถไฟฟ้าใต้เปลือกโลกใต้ดินวิ่งไปยุโรปอเมริกาความเร็วกว่า3,000กม.ถึง8,000กม.ต่อชม.อีก,
    ..สรุปญี่ปุ่นเหี้ยทำลายความมั่นคงสงบสุขในภูมิภาคเรานี้ก็ด้วย ในไทยยิ่งชัดเจน,ญี่ปุ่นใช้เวียดนามส่งสินค้าบรรทุกสินค้าไปค้าขายได้,เห็นว่าไทยปิดด่าน สามารถใช้ฐานลาว เวียดนามค้าขายแทนได้,ไม่จำเป็นใช้อ้างไทย หากมิตรสหายที่ดีจริงจะไม่ทำแบบนี้,เอาภัยรุกรานคุกคามอธิปไตยไทยที่เขมรกำลังโจมตีไทย ยิงระเบิดใส่ไทยก่อนใส่ประชาชนไทยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก่อน ใส่โรงพยาบาลไทยที่ไม่รู้ห่าอะไรด้วยเลยก่อน สายข่าวสืบทราบชัดเจนว่ามันล็อกวิถีระเยิดยิงตกของการตกได้ ความน่าจะเป็นจะถึงจะตกระเบิดได้หรือการตกถูกได้,ญี่ปุ่นทำในจังหวะนี้ผิดวิสัยผิดปกติด้วย.ไส้ศึกศัตรูคือญี่ปุ่นนี้ก็ด้วย.หากข่าวนี้จริง,ญี่ปุ่นถ้าไปตกลงเจรจาทางลับกับอเมริกากับฝรั่งเศสหากขนเสบียงอาวุธช่วยเขมรชนะไทย ญี่ปุ่นก็มีส่วนได้ทรัพยากรมีค่ามากมายกว่า20ล้านล้านบาทอาจถึง100ล้านล้านบาทในอ่าวไทยและตลอดแนวพรมแดนไทยกับเขมรด้วย,สถานะญี่ปุ่นกับไทยจึงดูเหมาะสมยุ่งเกี่ยวออกตัวไม่น่าเกียจแบบอเมริกาฝรั่งเศสมาเลย์เพราะอ้างการลงทุนในเขมรอ้างการค้าขายไม่ได้แบบใก้ไทยเช่นญี่ปุ่นกว่าก็ไม่ได้,ญี่ปุ่นจึงเป็นตัวเลือกการแทรกแซงหน้างานครั้งนี้ดีที่สุดเนียนๆที่สุดนิ่มนวลที่สุด,ไม่มีใครออกมากล้าแฉชื่อประเทศที่สามได้หรอก รัฐบาลนายกฯหนูปกปิดให้อย่างดีแน่นอน,สามารถแทรกแซงยุทธการยุทธวิธีการเด็ดศึกเขมรได้แน่นอน ขัดขวางทหารไทยทำลายศักยภาพทางสงครามทหารเขมรได้แน่นอน,การเปิดด่าน ชาติที่สนับสนุนเขมร ขายอาวุธให้เขมรได้ขายได้ค้าแน่นอนจากเงินมืดเงินบ่อนของเขมรจากเงินแก๊งสแกมเมอร์ในเขมรมันซื้ออาวุธซื้อเสบียงพร้อมส่งตรงเวลาตามไส้ศึกในไทยเปิดจุดผ่อนปรนเปิดด่านให้เราขนส่งกำลังพลช่วยทหารเขมรชนะไทยได้แน่นอน.,ต้องฝากประเทศที่สามแบบญี่ปุ่นแล้วนะ เราฝรั่งเศสจะล่มละลายแล้ว อเมริกาก็ด้วย ญี่ปุ่นแกก็อักเสบทางการเงินด้วยนี้,มาจัดการไทยปล้นไทยอย่างชอบธรรมแดกได้จริงไม่อับอายโลกแค่เชียร์เขมรยึด1:200,000,สั่งไส้ศึกในไทยจะเปลี่ยนใครก็กอดmou43,44,tor46ไว้ให้แน่นด้วย,รับรองว่ามือที่สามประเทศสร้างความแตกแยกวุ่นวายแทรกแซงชาตินั้นแทรกแซงชาตินี้แบบเราสบายแน่นอน.ตังมหาศาลจากไทยเลย.แกญี่ปุ่นบีบไทยเปิดด่านให้ได้ ส่งสินค้าอาวุธและเสบียงให้ทหารเขมรรบชนะไทยให้ได้ ตุนอาวุธตุนเสบียงก่อน ยอมๆตกลงรับปากลมๆใสกระดาษกับไทยก่อนนะเขมร,ชนะไทยแน่นอนจากไส้ศึกภายในประเทศไทยมันเองคนในกองทัพไทยมันเอง.

    https://youtube.com/shorts/8br86PtN-yg?si=OtkRfTsleWOCTPaP
    ..อ.ปานเทพ ทำถูกต้องมาก ต้องแบบนี้ แฉชื่อประเทศที่สามอย่างตรงไปตรงมา มันกล้าสั่งมันกล้ามาบีบมากดดัน ต้องกล้าถูกคนไทยทั้งประเทศมารับรู้การกระทำของมัน .. เลิกปกปิดเลิกปิดบังชื่อประเทศที่สามกันอีกต่อไป แฉความจริงแบบลักษณะนี้ออกมา เรา..ประชาชนก็สามารถร่วมแก้ไขต้นเหตุของปัญหาร่วมกันได้. ..ญี่ปุ่นเป็นประเทศสันดานหมามาแต่ใดมาตั้งแต่ก่อการอยากใหญ่ก่อสงครามโลก ..ญี่ปุ่นไม่ใช่ประเทศที่สามเจ้าเดียวแน่นอน แต่เมื่อแฉว่าญี่ปุ่นก็คือชาติญี่ปุ่น นักลงทุนญี่ปุ่นนี้นั้นเอง. ..ใจหมามาแทรกแซงอธิปไตยไทย เกาหลีเหนือสมควรยิงขีปนาวุธถล่มญี่ปุ่นเลย,เกาะผีบ้าจะจมทะเลทั้งประเทศเวลาไหนก็ไม่รู้ เกาะซาตานแรปทีเลียนเสพกามทั้งเกาะเอามันส์บ้ากามสารพัดตามสันดานแรปทีเลี่ยนสัตว์เลื้อยคลาน กษัตริย์มันในอดีตก่อนระเบิดสองเกาะนางากับฮิโรชิมันก็สัตว์เลื้อยคลานขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองจนมีกฎห้ามมองหน้ากษัตริย์เกิดขึ้นเพราะหน้าตากษัตริย์คือพวกสัตว์เลื้อยคลาน ประชาชนรับรู้จะล้มล้างมัน จึงฆ่าทุกๆคนที่ไปเห็นใบหน้าพวกมัน,ใต้เกาะญี่ปุ่นคืออุโมงค์ขนาดใหญ่ยักษ์เผ่าสัตว์เลื้อยคลานแดกมนุษย์เป็นอันมาก เพาะมนุษย์โคลนมนุษย์เป็นฟาร์มใต้ดินไว้แดกเป็นจำนวนมาก.ญี่ปุ่นคือตาอเมริกาตัวพ่อ ตัวกดขี่ไทยคือญี่ปุ่นนี้ล่ะ, ฝรั่งเศสก็ตาอเมริกา,อย่าแปลกใจทำไมเราเสียมลฑลบูรพาเราคือพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณเพราะญี่ปุ่นนี้คือฝ่ายพวกมันกับฝรั่งเศสอังกฤษอเมริกา ญี่ปุ่นคือไส้ศึกตัวพ่ออีกตัว,ตัวแทนอเมริกาเป็นceoตัวแทนฝรั่งมาปกครองดูแลสายพานผลประโยชน์ของฝรั่งทั้งประเทศไทย ดูตัวอย่างที่ชัดเจนคือการผลิตรถยนต์ มันกดขี่ห้ามคนไทยสามารถผลิตมาแข่งกับมันอิสระได้,ซื้อข้าราชการนักการเมืองขายชาติไว้ทำงานทุกๆวงการให้มัน,ชาติไทยเราจึงไม่เจริญไปไหน,แถมเสื่อมศีลธรรมคู่ขนานเจริญเพียงวัตถุแค่นั้น,ง่ายๆญี่ปุ่นไม่ใช่มิตรจริงอะไรหรอก,นอมินีอีลิทdeep stateแรปทีเลี่ยนดีๆนี้ล่ะ,สังเกตุมันใช้มุกแบบอเมริกาพิมพ์แบงค์ใช้เองได้สิ,อเมริกาก็พิมพ์แบงค์ใช้เองตามอำเภอใจ,ญี่ปุ่นขี้ข้ามือขวาในฝั่งเอเชียเลยก็ได้ สันดานเดียวกับอเมริกานั้นล่ะ,สันดานนี้ดูง่ายๆคือมวยไทยไปชกที่ญี่ปุ่น มันโกงคนไทยสารพัดรูปแบบเพื่อเอาชนะนักมวยไทยเรา ยุคล่าสุดคือบัวขวาK-1มันนั้นล่ะ,เราถูกสื่อในไทยเราที่มันซื้อสื่อหลักเราด้วยเงินได้มาล้างสมองคนไทยเราให้ชอบญี่ปุ่นแบบมัน, ..ธาตุแท้ญี่ปุ่นมันก็สันดานเดียวกับเขมรนั้นล่ะ, ..คนไทยเราจึงต้องช่วยเหลือกันเองเท่านั้น,สามัคคีเราคนไทยเท่านั้นจึงจะรอดในวิกฤติยุคนี้,เรามิอาจพึงใครนอกประเทศจริงจังเป็นหลักได้,พระเจ้าสอนให้เองพึงตนเองให้ได้ก่อนนั้นถูกต้องที่สุด, ..ญี่ปุ่นมาแทรกแซงภัยคุกคามรุกรานไทย,สันดานไม่ต่างจากอเมริการีบมาแทรกให้ต้องหยุดยิงนั้นล่ะ มุกเดียวกัน ..แต่ญี่ปุ่นมาแทรกมาแซงมาแทรกแซงขัดขวางในการจัดการเขมรด้วยการบีบไทยให้ต้องเปิดด่าน,บริบทพื้นฐานเพื่ออีลิทไม่ต้องการให้ไทยจัดการเขมรให้เด็ดขาดได้เพราะถ้าจัดการเขมรเด็ดขาดได้ ภูมิภาคนี้จะสงบสุขทันที ซึ่งอีลิทdeep stateยอมรับไม่ได้จะเสียแผนทั้งหมด,ต้องทำลายกลยุทธทางสงครามของไทยด้านการแทรกแซงบีบำทยต้องเปิดด่านให้ได้โดยส่งญี่ปุ่นกล้าตายมารับบทรับงานหน้างานครั้งนี้แทนมาเลย์อเมริกาที่เล่นไปแล้ว,กำกับงานละครโดยCIAประจำภูมิภาคนี้อีกล่ะ,งานสร้างความวุ่นวายไม่สงบสุขงานสร้างความโกลาหลแตกแยกต้องCIAยุยงปลุกปั่นเสมอ,มือที่สามตัวพ่อกำกับมือที่สามสำรองอีกที. ..ประเทศที่สามไม่น่าจะแค่ชาติญี่ปุ่น มีอเมริกา มีฝรั่งเศส ชาติอาหรับเลว ชาติยุโรปชั่วอีกตรึม งานหลักคือสร้างความไม่สงบสุขสันติในภูมิภาคนี้ ห้ามไทยจัดการเขมรให้เด็ดขาดได้ แหล่งอาหาร เนื้อมนุษย์ค้ามนุษย์ค้าอวัยวะมนุษย์จะหายไปทันที อาหารดีๆเนื้อคนเนื้อเด็กๆจะหายไปทันทีจะขาดตลาดทั่วโลกในลัทธิตาเดียวแดกมนุษย์นี้ ตลอดฮับฟอกเงิน ฮับอาชญากรรมสากลข้ามชาติทำเงินในเขมรจะหายไปด้วย สแกมเมอร์เดอะแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะหายไปทันที บ่อนคาสิโน ค้ายาเถื่อน ค้าอาวุธชีวภาพตัวพ่อด้วยที่แอบซ่อนไว้อีกตรึมไม่ต่างจากฝั่งยูเครนเลยล่ะ,ใต้ดินใต้อุโมงค์ในเขมรอีกขุดไว้ขนาดใหญ่เป็นฐานจะถูกทำลายทันที,ไม่ต่างจากพวกขายชาติที่ให้อเมริกาสร้างอุโมงค์ขนาดใหญ่ฐานขนาดใหญ่ที่เชียงใหม่แก่อเมริกานั้นล่ะ,ฮับรวบรวมเนื้อสดค้ามนุษย์จากฝั่งพม่าได้มากมายกันเลย ,ทะลุรถไฟฟ้าใต้เปลือกโลกใต้ดินวิ่งไปยุโรปอเมริกาความเร็วกว่า3,000กม.ถึง8,000กม.ต่อชม.อีก, ..สรุปญี่ปุ่นเหี้ยทำลายความมั่นคงสงบสุขในภูมิภาคเรานี้ก็ด้วย ในไทยยิ่งชัดเจน,ญี่ปุ่นใช้เวียดนามส่งสินค้าบรรทุกสินค้าไปค้าขายได้,เห็นว่าไทยปิดด่าน สามารถใช้ฐานลาว เวียดนามค้าขายแทนได้,ไม่จำเป็นใช้อ้างไทย หากมิตรสหายที่ดีจริงจะไม่ทำแบบนี้,เอาภัยรุกรานคุกคามอธิปไตยไทยที่เขมรกำลังโจมตีไทย ยิงระเบิดใส่ไทยก่อนใส่ประชาชนไทยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก่อน ใส่โรงพยาบาลไทยที่ไม่รู้ห่าอะไรด้วยเลยก่อน สายข่าวสืบทราบชัดเจนว่ามันล็อกวิถีระเยิดยิงตกของการตกได้ ความน่าจะเป็นจะถึงจะตกระเบิดได้หรือการตกถูกได้,ญี่ปุ่นทำในจังหวะนี้ผิดวิสัยผิดปกติด้วย.ไส้ศึกศัตรูคือญี่ปุ่นนี้ก็ด้วย.หากข่าวนี้จริง,ญี่ปุ่นถ้าไปตกลงเจรจาทางลับกับอเมริกากับฝรั่งเศสหากขนเสบียงอาวุธช่วยเขมรชนะไทย ญี่ปุ่นก็มีส่วนได้ทรัพยากรมีค่ามากมายกว่า20ล้านล้านบาทอาจถึง100ล้านล้านบาทในอ่าวไทยและตลอดแนวพรมแดนไทยกับเขมรด้วย,สถานะญี่ปุ่นกับไทยจึงดูเหมาะสมยุ่งเกี่ยวออกตัวไม่น่าเกียจแบบอเมริกาฝรั่งเศสมาเลย์เพราะอ้างการลงทุนในเขมรอ้างการค้าขายไม่ได้แบบใก้ไทยเช่นญี่ปุ่นกว่าก็ไม่ได้,ญี่ปุ่นจึงเป็นตัวเลือกการแทรกแซงหน้างานครั้งนี้ดีที่สุดเนียนๆที่สุดนิ่มนวลที่สุด,ไม่มีใครออกมากล้าแฉชื่อประเทศที่สามได้หรอก รัฐบาลนายกฯหนูปกปิดให้อย่างดีแน่นอน,สามารถแทรกแซงยุทธการยุทธวิธีการเด็ดศึกเขมรได้แน่นอน ขัดขวางทหารไทยทำลายศักยภาพทางสงครามทหารเขมรได้แน่นอน,การเปิดด่าน ชาติที่สนับสนุนเขมร ขายอาวุธให้เขมรได้ขายได้ค้าแน่นอนจากเงินมืดเงินบ่อนของเขมรจากเงินแก๊งสแกมเมอร์ในเขมรมันซื้ออาวุธซื้อเสบียงพร้อมส่งตรงเวลาตามไส้ศึกในไทยเปิดจุดผ่อนปรนเปิดด่านให้เราขนส่งกำลังพลช่วยทหารเขมรชนะไทยได้แน่นอน.,ต้องฝากประเทศที่สามแบบญี่ปุ่นแล้วนะ เราฝรั่งเศสจะล่มละลายแล้ว อเมริกาก็ด้วย ญี่ปุ่นแกก็อักเสบทางการเงินด้วยนี้,มาจัดการไทยปล้นไทยอย่างชอบธรรมแดกได้จริงไม่อับอายโลกแค่เชียร์เขมรยึด1:200,000,สั่งไส้ศึกในไทยจะเปลี่ยนใครก็กอดmou43,44,tor46ไว้ให้แน่นด้วย,รับรองว่ามือที่สามประเทศสร้างความแตกแยกวุ่นวายแทรกแซงชาตินั้นแทรกแซงชาตินี้แบบเราสบายแน่นอน.ตังมหาศาลจากไทยเลย.แกญี่ปุ่นบีบไทยเปิดด่านให้ได้ ส่งสินค้าอาวุธและเสบียงให้ทหารเขมรรบชนะไทยให้ได้ ตุนอาวุธตุนเสบียงก่อน ยอมๆตกลงรับปากลมๆใสกระดาษกับไทยก่อนนะเขมร,ชนะไทยแน่นอนจากไส้ศึกภายในประเทศไทยมันเองคนในกองทัพไทยมันเอง. https://youtube.com/shorts/8br86PtN-yg?si=OtkRfTsleWOCTPaP
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • BIG Story | เหลือบผ้าเหลือง

    ย้อนรอยคดีฉาว “เงินทอนวัด” ที่เขย่าวงการสงฆ์ไทย เมื่อพระผู้ใหญ่และเจ้าหน้าที่รัฐถูกพัวพันกับขบวนการทุจริตงบประมาณวัดทั่วประเทศ เบื้องหลังการหากินกับผ้าเหลืองที่โยงถึงสำนักงานพระพุทธศาสนา กลายเป็นบทสะท้อนความเสื่อมของศรัทธา ที่ยังคงเป็นคำถามในใจประชาชน

    ติดตามสารคดีเชิงข่าว BIG STORY: เหลือบผ้าเหลือง ได้ที่ Thaitimes App

    #BigStory #เงินทอนวัด #เหลือบผ้าเหลือง #คดีทุจริตวงการสงฆ์ #ศรัทธาที่ถูกบั่นทอน #ThaiTimes
    BIG Story | เหลือบผ้าเหลือง ย้อนรอยคดีฉาว “เงินทอนวัด” ที่เขย่าวงการสงฆ์ไทย เมื่อพระผู้ใหญ่และเจ้าหน้าที่รัฐถูกพัวพันกับขบวนการทุจริตงบประมาณวัดทั่วประเทศ เบื้องหลังการหากินกับผ้าเหลืองที่โยงถึงสำนักงานพระพุทธศาสนา กลายเป็นบทสะท้อนความเสื่อมของศรัทธา ที่ยังคงเป็นคำถามในใจประชาชน 📲 ติดตามสารคดีเชิงข่าว BIG STORY: เหลือบผ้าเหลือง ได้ที่ Thaitimes App #BigStory #เงินทอนวัด #เหลือบผ้าเหลือง #คดีทุจริตวงการสงฆ์ #ศรัทธาที่ถูกบั่นทอน #ThaiTimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • อ้างประเทศที่3,ทำไมไม่กล้าบอกชื่อประเทศที่3ควายนี้แก่ประชาชน,ประชาชนจะได้ไปถามฑูตประเทศที่3นี้,ถ้าเดือดร้อนขนาดนั้นมาค้ามาขายโคตรพ่อโคตรแมร่งมรึงทำไมในไทย,ใช้ไทยเป็นสถานที่อ้างเปิดด่านเปืดจุดผ่อนปรนวลีคำพ่อมรึงตายเหรอ,ไปใช้ลาวแทนสิ ไปเปิดบริษัทในลาวในเวียดนามโน้น,ใช้ด่านเวียดนามด่านลาวโน้น,ตรรกะส้นตีนมาก,รมต.ก็ไร้สมองไร้ความคิดความอ่าน คิดไม่เป็น,ไปเป็นรมต.มันสะ ลาออกจากรมต.เลย ,ไม่มีความสามารถยึดมั่นในยุทธการวิธีทางสงครามอะไร,เป็นผู้บัญชาการแบบไหน แต่ยึดฐานที่มั่นตนเองไม่ได้,ยึดครองฐานรบตนก็ไม่ได้,กากมาก,จะอ้างผ่อนปรนห่าเหวอะไรก็คือเปิดด่านให้สินค้าเข้าออกได้นั้นล่ะ สอดไส้อะไรก็ได้หมดในการขนไปเขมร ไอ้มือที่สามนี้ล่ะน่ากลัวส่งอาวุธก็ได้,เป็นถึง รมต.สมควรมีสมองมีวุฒิภาวะพื้นฐานว่าเวลานี้มันเส้นยาแดงชัดเจน ยังจะมีหน้าไปเปิดโอกาสทางเปิดด่านขนส่งรถบรรทุกสินค้าอีก เอกชนต่างชาติ ประเทศที่สามนี้สมควรประเทศมันมีแต่ศึกสงคราม ความไม่สงบภายในใหญ่โตบ้างนะ จนล่มสลายเลย อย่ามาใช้ไทยทำมาหาแดกเลย ไปทำมาหาแดกที่ประเทศอื่นเถอะถ้าจะตายขนาดนั้น,นี้คือข้ออ้างเพื่อช่วยเหลือเขมรเหมือนรีบเจรจาหยุดยิงนั่นเอง,ทหารพานิชย์บัดสบมาก สระแก้วก็เกินทนแล้ว ชาวบ้านเขาเห็นความชั่วเลวหมดล่ะ ปิดด่านยังลักลอบขนกันเข้าออกตรึม,
    ..ทหารภาคตะวันออกไว้ใจไม่ได้แล้วทั้งหมดหากเป็นเช่นนี้,รวมไปถึงรัฐบาลอนุทินนายกฯหนูด้วย เรา..ประชาชนกำลังลดเครดิตลงอาจติดลบแล้วตอนนี้ ไม่น่าไว้วางใจแล้ว หางงอก ลายออกชัดเจนแล้ว ,
    ..ไม่สมควรตัดสินใจแถลงบนเวทีแบบนั้น,ทรยศประชาชนคนไทยทั้งประเทศชัดเจน.รับไม่ได้ เหี้ยสันดานเขมรมันยิงคนไทยตายคา7/11นะ ตายเกือบหมดครอบครัว พวกเจรจานี้ทั้งหมดที่เป็นคนไทยพากันไปเจรจาทรยศประชาชนแบบนี้ สมควรให้ตายเกือบหมดครอบครัวทุกๆตัวแบบครอบครัวคนที่ถูกระเบิดเขมรยิงใส่7/11 โดยเฉพาะหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทยเรา,ไม่สำนึกสำเนียกอะไร ,น่าผิดหวังมาก ไม่สมควรเป็นคณะนำทีมเจรจาใดๆอีกต่อไป กากกระจอก ไร้ฝีมือ อ่อน ขลาดใจหมา แค่ประเทศที่3บอกก็ใจสัตว์หมาทำตามดากมัน,ไม่ยกประเทศให้มันเลย มันบอกอะไรเดี๋ยวจัดให้ เข้าข่ายอดีตนายกฯอุ๊งอิ๊งอีกคนแล้วทั้งคณะ ร่วมก่อการเป็นกระบวนการให้เสียยุทธการศึกปกป้องอธิปไตยความมั่นคงของชาติ ด้านความมั่นคงชัดเจนด้านเพราะปิดด่านไร้เปิดด่านทุกๆกรณีคือยุทธวิธีสงครามที่ชนะโดยไม่ต้องรบ,แต่ขี้หมาสมองหมาปัญญาควายทั้งคณะเจรจามีสมองไว้ตั้งบ่าใส่กระโหลกเฉยๆก็คิดอ่านเหมือนคนมีตำแหน่งใหญ่โตจริงก็ไม่ได้ สมองหมาและปัญญาอ่อนสุดๆทั้งคณะ เจตนาทำให้ศักยภาพทางทหารเขมรมีกำลังสู้รบชนะไทยชัดเจนจนอาจนำไปสู่ให้ทหารไทยเราแพ้สงคราม ทำให้สูญเสียดินแดนอธิปไตยด้วย ผิด ม.119 ให้เสียหานเสื่อมเสียได้,คาดผลได้ว่าคนเขมรมีกำลังใจเชียร์ทหารเขมรตน ส่งข้าวปลาอาหารจากตนที่ขนส่งจากด่านไทยเข้าไปส่งต่อให้ทหารเขมรได้ จะอาวุธที่ประกอบเสร็จแล้ว ยารักษาโรคขณะยิงกันบาดเจ็บ อาหารเสบียงสามารถส่งต่อจากมือประชาชนคนทหารเขมรก็ได้อีก,นี้คือพื้นๆที่คนทั่วไปก็อ่านขาดได้ แต่คณะเจรจากากมากๆ ,ทรยศกบฎต่อประชาชนคนไทยตนเองชัดเจน นายกฯหนู ต้องถูกยึดอำนาจหากยังปล่อยแบบนี้ อย่ามาลิเกกับประชาชน,ถือว่ายุบการเจรจาทั้งหมดทันที ไร้ประสิทธิภาพ ใช้การจริงอะไรไม่ได้ เจรจาผีบ้ามาหลายรอบแล้ว ถือว่ากระจอก,ยุบไปเถอะ,ปิดด่านถาวรเหมือนเดิม ให้ทหารภาค2ควบคุมด่านตลอดพรมแดนเถอะ,ผบ.ทบ. ผบ.สส.เหล่าทัพท่านต้องสร้างความไว้วางใจให้ประชาชนให้ได้ เรา..ประชาชนหากเสื่อมศรัทธาทหารโดยภาพรวมอีก ที่กระทำย่ำยีความรู้สึกประชาชนทุกๆครั้งแบบนี้ที่ประชุมผีบ้ากันออกมาแต่ละที,ทหารไทยเราอาจไม่มีประชาชนสนับสนุนอีกต่อไป,และเบื่อหน่ายมากกับหลายๆมาตราการที่ไม่เด็ดขาดกับเขมรในภาคตะวันออกนี้ เสมือนภาพที่ออกมาทหารภาค1,คือผู้ทรยศต่ออธิปไตยไทยตนเองดีๆนี้เอง.หรือทหารบูรพาพยัคฆ์คือต้นเหตุของปัญหาพรมแดนไทยกับเขมรทั้งหมดตั้งแต่แรก.ผู้ก่อความวุ่นวายโกลาหลเองต่อแผ่นดินไทยนี้.
    ..เพราะทหารภาค2 ไม่มีปัญหาแบบทหารภาค1,ชัดเจนหนักแน่นไม่ขี้คุย ใช่ปากสร้างข้ออ้างหาคะแนนกับประชาชนคนไทยทั้งประเทศแบบภาค1หรือคณะเจรจารีบเปิดแต่ด่าน เร่งรีบอ้างปากออกมาก็อยากแต่เปิดด่านตั้งแต่รัฐบาลอุ๊งอิ๊งแล้ว,สายข่าวทหารดี ถ้ามีหลักฐานพวกเหี้ยนี้ทำความชั่วก็ขอให้ท่านจัดการทหารเลวชั่วนี้แทนคนไทยเรา..ประชาชนจริงๆเสียที เก็บกวาดเสียที ท่านเก็บรักษาไว้เป็นอนุสาวรีย์ไว้เชิดชูเกียรติกองทัพไทยหรือไง.



    https://youtube.com/watch?v=iFYaOFFV3lU&si=9Ehz_xkDyLizQNVW
    อ้างประเทศที่3,ทำไมไม่กล้าบอกชื่อประเทศที่3ควายนี้แก่ประชาชน,ประชาชนจะได้ไปถามฑูตประเทศที่3นี้,ถ้าเดือดร้อนขนาดนั้นมาค้ามาขายโคตรพ่อโคตรแมร่งมรึงทำไมในไทย,ใช้ไทยเป็นสถานที่อ้างเปิดด่านเปืดจุดผ่อนปรนวลีคำพ่อมรึงตายเหรอ,ไปใช้ลาวแทนสิ ไปเปิดบริษัทในลาวในเวียดนามโน้น,ใช้ด่านเวียดนามด่านลาวโน้น,ตรรกะส้นตีนมาก,รมต.ก็ไร้สมองไร้ความคิดความอ่าน คิดไม่เป็น,ไปเป็นรมต.มันสะ ลาออกจากรมต.เลย ,ไม่มีความสามารถยึดมั่นในยุทธการวิธีทางสงครามอะไร,เป็นผู้บัญชาการแบบไหน แต่ยึดฐานที่มั่นตนเองไม่ได้,ยึดครองฐานรบตนก็ไม่ได้,กากมาก,จะอ้างผ่อนปรนห่าเหวอะไรก็คือเปิดด่านให้สินค้าเข้าออกได้นั้นล่ะ สอดไส้อะไรก็ได้หมดในการขนไปเขมร ไอ้มือที่สามนี้ล่ะน่ากลัวส่งอาวุธก็ได้,เป็นถึง รมต.สมควรมีสมองมีวุฒิภาวะพื้นฐานว่าเวลานี้มันเส้นยาแดงชัดเจน ยังจะมีหน้าไปเปิดโอกาสทางเปิดด่านขนส่งรถบรรทุกสินค้าอีก เอกชนต่างชาติ ประเทศที่สามนี้สมควรประเทศมันมีแต่ศึกสงคราม ความไม่สงบภายในใหญ่โตบ้างนะ จนล่มสลายเลย อย่ามาใช้ไทยทำมาหาแดกเลย ไปทำมาหาแดกที่ประเทศอื่นเถอะถ้าจะตายขนาดนั้น,นี้คือข้ออ้างเพื่อช่วยเหลือเขมรเหมือนรีบเจรจาหยุดยิงนั่นเอง,ทหารพานิชย์บัดสบมาก สระแก้วก็เกินทนแล้ว ชาวบ้านเขาเห็นความชั่วเลวหมดล่ะ ปิดด่านยังลักลอบขนกันเข้าออกตรึม, ..ทหารภาคตะวันออกไว้ใจไม่ได้แล้วทั้งหมดหากเป็นเช่นนี้,รวมไปถึงรัฐบาลอนุทินนายกฯหนูด้วย เรา..ประชาชนกำลังลดเครดิตลงอาจติดลบแล้วตอนนี้ ไม่น่าไว้วางใจแล้ว หางงอก ลายออกชัดเจนแล้ว , ..ไม่สมควรตัดสินใจแถลงบนเวทีแบบนั้น,ทรยศประชาชนคนไทยทั้งประเทศชัดเจน.รับไม่ได้ เหี้ยสันดานเขมรมันยิงคนไทยตายคา7/11นะ ตายเกือบหมดครอบครัว พวกเจรจานี้ทั้งหมดที่เป็นคนไทยพากันไปเจรจาทรยศประชาชนแบบนี้ สมควรให้ตายเกือบหมดครอบครัวทุกๆตัวแบบครอบครัวคนที่ถูกระเบิดเขมรยิงใส่7/11 โดยเฉพาะหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทยเรา,ไม่สำนึกสำเนียกอะไร ,น่าผิดหวังมาก ไม่สมควรเป็นคณะนำทีมเจรจาใดๆอีกต่อไป กากกระจอก ไร้ฝีมือ อ่อน ขลาดใจหมา แค่ประเทศที่3บอกก็ใจสัตว์หมาทำตามดากมัน,ไม่ยกประเทศให้มันเลย มันบอกอะไรเดี๋ยวจัดให้ เข้าข่ายอดีตนายกฯอุ๊งอิ๊งอีกคนแล้วทั้งคณะ ร่วมก่อการเป็นกระบวนการให้เสียยุทธการศึกปกป้องอธิปไตยความมั่นคงของชาติ ด้านความมั่นคงชัดเจนด้านเพราะปิดด่านไร้เปิดด่านทุกๆกรณีคือยุทธวิธีสงครามที่ชนะโดยไม่ต้องรบ,แต่ขี้หมาสมองหมาปัญญาควายทั้งคณะเจรจามีสมองไว้ตั้งบ่าใส่กระโหลกเฉยๆก็คิดอ่านเหมือนคนมีตำแหน่งใหญ่โตจริงก็ไม่ได้ สมองหมาและปัญญาอ่อนสุดๆทั้งคณะ เจตนาทำให้ศักยภาพทางทหารเขมรมีกำลังสู้รบชนะไทยชัดเจนจนอาจนำไปสู่ให้ทหารไทยเราแพ้สงคราม ทำให้สูญเสียดินแดนอธิปไตยด้วย ผิด ม.119 ให้เสียหานเสื่อมเสียได้,คาดผลได้ว่าคนเขมรมีกำลังใจเชียร์ทหารเขมรตน ส่งข้าวปลาอาหารจากตนที่ขนส่งจากด่านไทยเข้าไปส่งต่อให้ทหารเขมรได้ จะอาวุธที่ประกอบเสร็จแล้ว ยารักษาโรคขณะยิงกันบาดเจ็บ อาหารเสบียงสามารถส่งต่อจากมือประชาชนคนทหารเขมรก็ได้อีก,นี้คือพื้นๆที่คนทั่วไปก็อ่านขาดได้ แต่คณะเจรจากากมากๆ ,ทรยศกบฎต่อประชาชนคนไทยตนเองชัดเจน นายกฯหนู ต้องถูกยึดอำนาจหากยังปล่อยแบบนี้ อย่ามาลิเกกับประชาชน,ถือว่ายุบการเจรจาทั้งหมดทันที ไร้ประสิทธิภาพ ใช้การจริงอะไรไม่ได้ เจรจาผีบ้ามาหลายรอบแล้ว ถือว่ากระจอก,ยุบไปเถอะ,ปิดด่านถาวรเหมือนเดิม ให้ทหารภาค2ควบคุมด่านตลอดพรมแดนเถอะ,ผบ.ทบ. ผบ.สส.เหล่าทัพท่านต้องสร้างความไว้วางใจให้ประชาชนให้ได้ เรา..ประชาชนหากเสื่อมศรัทธาทหารโดยภาพรวมอีก ที่กระทำย่ำยีความรู้สึกประชาชนทุกๆครั้งแบบนี้ที่ประชุมผีบ้ากันออกมาแต่ละที,ทหารไทยเราอาจไม่มีประชาชนสนับสนุนอีกต่อไป,และเบื่อหน่ายมากกับหลายๆมาตราการที่ไม่เด็ดขาดกับเขมรในภาคตะวันออกนี้ เสมือนภาพที่ออกมาทหารภาค1,คือผู้ทรยศต่ออธิปไตยไทยตนเองดีๆนี้เอง.หรือทหารบูรพาพยัคฆ์คือต้นเหตุของปัญหาพรมแดนไทยกับเขมรทั้งหมดตั้งแต่แรก.ผู้ก่อความวุ่นวายโกลาหลเองต่อแผ่นดินไทยนี้. ..เพราะทหารภาค2 ไม่มีปัญหาแบบทหารภาค1,ชัดเจนหนักแน่นไม่ขี้คุย ใช่ปากสร้างข้ออ้างหาคะแนนกับประชาชนคนไทยทั้งประเทศแบบภาค1หรือคณะเจรจารีบเปิดแต่ด่าน เร่งรีบอ้างปากออกมาก็อยากแต่เปิดด่านตั้งแต่รัฐบาลอุ๊งอิ๊งแล้ว,สายข่าวทหารดี ถ้ามีหลักฐานพวกเหี้ยนี้ทำความชั่วก็ขอให้ท่านจัดการทหารเลวชั่วนี้แทนคนไทยเรา..ประชาชนจริงๆเสียที เก็บกวาดเสียที ท่านเก็บรักษาไว้เป็นอนุสาวรีย์ไว้เชิดชูเกียรติกองทัพไทยหรือไง. https://youtube.com/watch?v=iFYaOFFV3lU&si=9Ehz_xkDyLizQNVW
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราชทัณฑ์ ย้าย “ทักษิณ ชินวัตร” ออกจากเรือนจำกรุงเทพฯ คุมขังเรือนจำคลองเปรม ใส่เสื้อสีฟ้า นักโทษเด็ดขาด อมยิ้ม ไม่ตอบคำถามสื่อ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086404

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ราชทัณฑ์ ย้าย “ทักษิณ ชินวัตร” ออกจากเรือนจำกรุงเทพฯ คุมขังเรือนจำคลองเปรม ใส่เสื้อสีฟ้า นักโทษเด็ดขาด อมยิ้ม ไม่ตอบคำถามสื่อ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086404 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    Wow
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 รีวิว
  • เศร้ากับนักต่อสู้เราจริงๆ,ตอนนี้ประชาชนกำลังทำสงครามกับรัฐบาลในอดีตชัดเจน,สนามรบนี้คือสนามศาลภายใต้อำนาจรัฐบาลด้วย,หน่วยงานทั้งประเทศรัฐบาลเป็นเจ้าของ ตลอดถึงคนข้าราชการ กำลังพลราชการรัฐด้วย,เรา..ประชาชนทำไมต้องต่อสู้กับรัฐบาลในอดีตของตนเอง ทำผิดก็โทษเล็กน้อยหรือไม่ผิดเลย,ประชาชนขโมยของ,ปล้นชิงทองคำแค่1เส้นหรือสูงสุด100เส้นบวกให้อีก1,000เส้นๆละ10บาทๆละ50,000ก็เถอะ,รวมมูลค่าเสียหายสุดๆคือ500ล้านบาทเอง,นี้นักการเมืองเหี้ยขั้นต่ำคนละ1,000ล้านอัพ รอดคดีเกือบหมดแดกฉลาดด้วย,คือยกย่องวิธีการแดกและเอาตัวริดก็ว่าเนาะ,ทุจริตกว่า100,000ล้านอีกก็รอดแบบจำนำข้าว,ตามจริงๆไม่รอดหรอก,หันย้อนมาดูประชาชนบ้าง ปล้นชิงทองคำ ไม่กี่เส้น ปล้นธนาคาร ไม่กี่บาทกี่ล้านแมร่งติดคุกกันหลายปีเลย,แดกด้วยวิธีสัมปทานผูกขาดอีกตรึม.,มองดูดีๆประเทศเรามันเสื่อมทรามจริงๆนะ,ในอดีตตำรวจจับใบขับขี่จับหมวกกันน็อคนักเรียนนักศึกษาก็เหี้ยมากแล้วหรือประชาชนทั่วประเทศเรานั้นล่ะ โคตรช่องทางทำแดกที่ชั่วเลวผ่านตัวกฎหมายนี้บัดสบจริงๆ.
    เศร้ากับนักต่อสู้เราจริงๆ,ตอนนี้ประชาชนกำลังทำสงครามกับรัฐบาลในอดีตชัดเจน,สนามรบนี้คือสนามศาลภายใต้อำนาจรัฐบาลด้วย,หน่วยงานทั้งประเทศรัฐบาลเป็นเจ้าของ ตลอดถึงคนข้าราชการ กำลังพลราชการรัฐด้วย,เรา..ประชาชนทำไมต้องต่อสู้กับรัฐบาลในอดีตของตนเอง ทำผิดก็โทษเล็กน้อยหรือไม่ผิดเลย,ประชาชนขโมยของ,ปล้นชิงทองคำแค่1เส้นหรือสูงสุด100เส้นบวกให้อีก1,000เส้นๆละ10บาทๆละ50,000ก็เถอะ,รวมมูลค่าเสียหายสุดๆคือ500ล้านบาทเอง,นี้นักการเมืองเหี้ยขั้นต่ำคนละ1,000ล้านอัพ รอดคดีเกือบหมดแดกฉลาดด้วย,คือยกย่องวิธีการแดกและเอาตัวริดก็ว่าเนาะ,ทุจริตกว่า100,000ล้านอีกก็รอดแบบจำนำข้าว,ตามจริงๆไม่รอดหรอก,หันย้อนมาดูประชาชนบ้าง ปล้นชิงทองคำ ไม่กี่เส้น ปล้นธนาคาร ไม่กี่บาทกี่ล้านแมร่งติดคุกกันหลายปีเลย,แดกด้วยวิธีสัมปทานผูกขาดอีกตรึม.,มองดูดีๆประเทศเรามันเสื่อมทรามจริงๆนะ,ในอดีตตำรวจจับใบขับขี่จับหมวกกันน็อคนักเรียนนักศึกษาก็เหี้ยมากแล้วหรือประชาชนทั่วประเทศเรานั้นล่ะ โคตรช่องทางทำแดกที่ชั่วเลวผ่านตัวกฎหมายนี้บัดสบจริงๆ.
    ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.ปชป. ชี้ศาลชำแหละราชทัณฑ์ กระบวนการส่งตัวทักษิณไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ ป.ป.ช.รับไม้ต่อ ขอบคุณเจ้าตัวยอมมาฟังคำพิพากษา แต่ประเทศไทยไม่คุ้ม ติดคุกปีเดียวทั้งที่ความเสียหายเป็นแสนล้าน ด้านกลุ่ม คปท.นัดพฤหัสฯ นี้ จี้ ป.ป.ช.เดินหน้าเอาผิดข้าราชการที่ช่วยเหลือด้วย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000086266

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..เราไม่สนใจว่ารัฐบาลเก่าจะไปหรือรัฐบาลใหม่จะมา,สำคัญคือตอนนีั ภาระกิจเร่งด่วนที่ต้องทำคือ 1.ยกเลิกmou43และ44 ทันที ประกาศกำหนดอัตรา1:50,000อย่างเป็นทางการผ่านรัฐบาลปัจจุบัน
    2.โอนตังเต็มจำนวนทันทีเพื่อสร้างกำแพงรั้วลวดหนามกั้นเขมรตลอดแนวพรมแดนไทยกับเขมร,ตามเสาเขตแดน1:1ที่ทำเสร็จสมบูรณ์แล้วกว่า73-74เสาเขตแดนตามข้อตกลงสันปันน้ำกับฝรั่งเศสทีีได้พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณไปก่อนหน้านั้นแล้ว,ซึ่งตกลงกันชัดเจนจบแล้ว,เกิดก่อนmou43,44นี้อีก,เพราะหากอ้างสิทธิทวงคืนจริงๆเรายึดหมดทั้งเขมรได้เลย.
    ..รัฐบาลไทยอย่าปาหี่ เล่นละครลิงใดๆอีก,เรา..ประชาชนกำลังจับตามองรัฐบาลอยู่ ทหารไทยและประชาชนที่เสียชีวิตในครัังนี้จะไม่สูญเปล่า,หากมีการยึดอำนาจเกิดขึ้นจริงและยึดทรัพย์นักการเมืองทั้งหมดตลอดเครือญาติที่ร่วมมีส่วนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง เรา..ประชาชนจะยืนเคียงข้างทหารทันที,หมดเวลาแก้ตัวใดๆหรือโอกาสอ้างทำเพื่อชาติบ้านเมืองได้แล้ว,กับเพียงแค่เศษเงินที่แจกจ่ายประชาชนหรืออ้างคำสวยหรูกระตุ้นเศรษฐกิจจับจ่าย สุดท้ายคือเข้าประเป๋านายทุนเจ้าสัวและคนต่างชาติที่อยู่ในไทยทำกิจการในไทย.,แต่เม็ดเงินมหาศาลที่แท้จริงกลับไปไม่ถึงประชาชน ช่วยเหลือประชาชนจริง,ทหารไทยเราคงสิ้นความอดทนเช่นเดียวกับประชาชนเช่นกันแน่นอน.,และอาจเลวร้ายกว่าอินโดฯกว่าพฤษภามทิฬอีกหรือกว่าเสื้อแดงสั่งเผาศาลากลางอีก เผาเลย เผาเลยแบบนั้น.
    ..ประชาชนผู้บริสุทธิ์และทหารหาญเราต้องเสียสละตนไม่สูญเปล่า.,ตลอดรวมทั้งที่บาดเจ็บและพิการไม่น้อย.

    #นี้คือแผ่นดินไทย



    https://youtube.com/shorts/6cwuSmKFvvo?si=gedlAD5QeCvNIgDy
    ..เราไม่สนใจว่ารัฐบาลเก่าจะไปหรือรัฐบาลใหม่จะมา,สำคัญคือตอนนีั ภาระกิจเร่งด่วนที่ต้องทำคือ 1.ยกเลิกmou43และ44 ทันที ประกาศกำหนดอัตรา1:50,000อย่างเป็นทางการผ่านรัฐบาลปัจจุบัน 2.โอนตังเต็มจำนวนทันทีเพื่อสร้างกำแพงรั้วลวดหนามกั้นเขมรตลอดแนวพรมแดนไทยกับเขมร,ตามเสาเขตแดน1:1ที่ทำเสร็จสมบูรณ์แล้วกว่า73-74เสาเขตแดนตามข้อตกลงสันปันน้ำกับฝรั่งเศสทีีได้พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณไปก่อนหน้านั้นแล้ว,ซึ่งตกลงกันชัดเจนจบแล้ว,เกิดก่อนmou43,44นี้อีก,เพราะหากอ้างสิทธิทวงคืนจริงๆเรายึดหมดทั้งเขมรได้เลย. ..รัฐบาลไทยอย่าปาหี่ เล่นละครลิงใดๆอีก,เรา..ประชาชนกำลังจับตามองรัฐบาลอยู่ ทหารไทยและประชาชนที่เสียชีวิตในครัังนี้จะไม่สูญเปล่า,หากมีการยึดอำนาจเกิดขึ้นจริงและยึดทรัพย์นักการเมืองทั้งหมดตลอดเครือญาติที่ร่วมมีส่วนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง เรา..ประชาชนจะยืนเคียงข้างทหารทันที,หมดเวลาแก้ตัวใดๆหรือโอกาสอ้างทำเพื่อชาติบ้านเมืองได้แล้ว,กับเพียงแค่เศษเงินที่แจกจ่ายประชาชนหรืออ้างคำสวยหรูกระตุ้นเศรษฐกิจจับจ่าย สุดท้ายคือเข้าประเป๋านายทุนเจ้าสัวและคนต่างชาติที่อยู่ในไทยทำกิจการในไทย.,แต่เม็ดเงินมหาศาลที่แท้จริงกลับไปไม่ถึงประชาชน ช่วยเหลือประชาชนจริง,ทหารไทยเราคงสิ้นความอดทนเช่นเดียวกับประชาชนเช่นกันแน่นอน.,และอาจเลวร้ายกว่าอินโดฯกว่าพฤษภามทิฬอีกหรือกว่าเสื้อแดงสั่งเผาศาลากลางอีก เผาเลย เผาเลยแบบนั้น. ..ประชาชนผู้บริสุทธิ์และทหารหาญเราต้องเสียสละตนไม่สูญเปล่า.,ตลอดรวมทั้งที่บาดเจ็บและพิการไม่น้อย. #นี้คือแผ่นดินไทย https://youtube.com/shorts/6cwuSmKFvvo?si=gedlAD5QeCvNIgDy
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • อินฟลูฯ เขมร หลอกเอาเงินบริจาคได้มากกว่า 280,000 บาท มาผลิตเสื้อเกราะ DIY ไว้แจกทหารเขมร ใช้แผ่นยาง EVA และแผ่นตะกั่ว 13 มิล แต่ผลทดสอบการยิง ทะลุทั้ง 2 นัด จึงจะเพิ่มขนาดตะกั่วเป็น 15 มิล และขอบริจาคเพิ่ม หลอกกันเองแท้ๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    อินฟลูฯ เขมร หลอกเอาเงินบริจาคได้มากกว่า 280,000 บาท มาผลิตเสื้อเกราะ DIY ไว้แจกทหารเขมร ใช้แผ่นยาง EVA และแผ่นตะกั่ว 13 มิล แต่ผลทดสอบการยิง ทะลุทั้ง 2 นัด จึงจะเพิ่มขนาดตะกั่วเป็น 15 มิล และขอบริจาคเพิ่ม หลอกกันเองแท้ๆ #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • “GPU ใกล้พัง? สัญญาณเตือน 5 ข้อที่คุณไม่ควรมองข้าม ก่อนเครื่องดับกลางเกม!”

    ลองนึกภาพว่าคุณกำลังเล่นเกมโปรดอยู่ดีๆ แล้วภาพกระตุก เสียงพัดลมดังแปลกๆ หรือจู่ๆ เครื่องก็ดับไปเฉยๆ… นั่นอาจไม่ใช่แค่บั๊กธรรมดา แต่เป็นสัญญาณว่า “การ์ดจอของคุณกำลังจะลาโลก” แล้ว!

    GPU หรือการ์ดจอ เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดของคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะสำหรับสายเกมเมอร์ นักตัดต่อวิดีโอ หรือคนที่ใช้หลายจอพร้อมกัน เพราะทุกอย่างตั้งแต่ภาพพื้นหลัง Windows ไปจนถึงการเรนเดอร์ 3D ล้วนใช้ GPU ช่วยประมวลผลทั้งสิ้น

    บทความนี้ได้รวบรวม “5 สัญญาณเตือน” ที่บ่งบอกว่า GPU ของคุณอาจใกล้พัง พร้อมคำแนะนำในการตรวจสอบและแก้ไขเบื้องต้น ก่อนที่คุณจะต้องควักเงินซื้อใหม่แบบไม่ทันตั้งตัว

    สัญญาณที่บ่งบอกว่า GPU กำลังจะพัง
    1️⃣ ภาพผิดปกติ (Graphical Glitches): มีเส้น สีเพี้ยน หรือ texture หายระหว่างเล่นเกมหรือดูวิดีโอ
    2️⃣ เสียงแปลกๆ (Strange Noises): พัดลมมีเสียงผิดปกติ เช่น เสียงหอน เสียงเคาะ หรือเงียบผิดปกติ
    3️⃣ ประสิทธิภาพลดลง (Reduced Performance): FPS ตก, render ช้า, หรือ VRAM แสดงค่าเป็น 0 MB
    4️⃣ เครื่องค้างหรือดับ (Crashes/Freezes): เกิด BSOD, รีสตาร์ทเอง, หรือค้างระหว่างใช้งาน
    5️⃣ จอไม่ติด (No Display): เปิดเครื่องแล้วไม่มีภาพขึ้นจอ อาจเกิดจาก GPU ไม่ส่งสัญญาณภาพ

    วิธีตรวจสอบและแก้ไขเบื้องต้น
    ลองเปลี่ยนสาย HDMI/DisplayPort เพื่อเช็กว่าไม่ใช่ปัญหาสาย
    ใช้โปรแกรม GPU-Z หรือ Furmark ตรวจสอบสถานะ GPU
    ตรวจสอบการเชื่อมต่อของการ์ดจอกับเมนบอร์ดและ PSU
    ลองใช้กราฟิกออนบอร์ด (ถ้ามี) เพื่อแยกปัญหา
    อัปเดตหรือถอนการติดตั้งไดรเวอร์ GPU แล้วติดตั้งใหม่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    อุณหภูมิสูงเกินไปเป็นสาเหตุหลักของการ์ดจอพัง โดยเฉพาะในเครื่องที่ระบายอากาศไม่ดี
    การโอเวอร์คล็อก (Overclocking) โดยไม่ควบคุมความร้อนอาจเร่งการเสื่อมของ GPU
    พื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ภาคใต้ของไทย อาจทำให้วงจรเสื่อมเร็วขึ้น
    การ์ดจอที่มี coil whine (เสียงหอนจากขดลวด) ไม่ถือว่าเป็นปัญหา แม้จะน่ารำคาญ

    https://www.slashgear.com/1957629/warning-signs-gpu-dying-lifespan-length-examined/
    🔥 “GPU ใกล้พัง? สัญญาณเตือน 5 ข้อที่คุณไม่ควรมองข้าม ก่อนเครื่องดับกลางเกม!” ลองนึกภาพว่าคุณกำลังเล่นเกมโปรดอยู่ดีๆ แล้วภาพกระตุก เสียงพัดลมดังแปลกๆ หรือจู่ๆ เครื่องก็ดับไปเฉยๆ… นั่นอาจไม่ใช่แค่บั๊กธรรมดา แต่เป็นสัญญาณว่า “การ์ดจอของคุณกำลังจะลาโลก” แล้ว! GPU หรือการ์ดจอ เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดของคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะสำหรับสายเกมเมอร์ นักตัดต่อวิดีโอ หรือคนที่ใช้หลายจอพร้อมกัน เพราะทุกอย่างตั้งแต่ภาพพื้นหลัง Windows ไปจนถึงการเรนเดอร์ 3D ล้วนใช้ GPU ช่วยประมวลผลทั้งสิ้น บทความนี้ได้รวบรวม “5 สัญญาณเตือน” ที่บ่งบอกว่า GPU ของคุณอาจใกล้พัง พร้อมคำแนะนำในการตรวจสอบและแก้ไขเบื้องต้น ก่อนที่คุณจะต้องควักเงินซื้อใหม่แบบไม่ทันตั้งตัว ✅ สัญญาณที่บ่งบอกว่า GPU กำลังจะพัง 1️⃣ ภาพผิดปกติ (Graphical Glitches): มีเส้น สีเพี้ยน หรือ texture หายระหว่างเล่นเกมหรือดูวิดีโอ 2️⃣ เสียงแปลกๆ (Strange Noises): พัดลมมีเสียงผิดปกติ เช่น เสียงหอน เสียงเคาะ หรือเงียบผิดปกติ 3️⃣ ประสิทธิภาพลดลง (Reduced Performance): FPS ตก, render ช้า, หรือ VRAM แสดงค่าเป็น 0 MB 4️⃣ เครื่องค้างหรือดับ (Crashes/Freezes): เกิด BSOD, รีสตาร์ทเอง, หรือค้างระหว่างใช้งาน 5️⃣ จอไม่ติด (No Display): เปิดเครื่องแล้วไม่มีภาพขึ้นจอ อาจเกิดจาก GPU ไม่ส่งสัญญาณภาพ ✅ วิธีตรวจสอบและแก้ไขเบื้องต้น ➡️ ลองเปลี่ยนสาย HDMI/DisplayPort เพื่อเช็กว่าไม่ใช่ปัญหาสาย ➡️ ใช้โปรแกรม GPU-Z หรือ Furmark ตรวจสอบสถานะ GPU ➡️ ตรวจสอบการเชื่อมต่อของการ์ดจอกับเมนบอร์ดและ PSU ➡️ ลองใช้กราฟิกออนบอร์ด (ถ้ามี) เพื่อแยกปัญหา ➡️ อัปเดตหรือถอนการติดตั้งไดรเวอร์ GPU แล้วติดตั้งใหม่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ อุณหภูมิสูงเกินไปเป็นสาเหตุหลักของการ์ดจอพัง โดยเฉพาะในเครื่องที่ระบายอากาศไม่ดี ➡️ การโอเวอร์คล็อก (Overclocking) โดยไม่ควบคุมความร้อนอาจเร่งการเสื่อมของ GPU ➡️ พื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ภาคใต้ของไทย อาจทำให้วงจรเสื่อมเร็วขึ้น ➡️ การ์ดจอที่มี coil whine (เสียงหอนจากขดลวด) ไม่ถือว่าเป็นปัญหา แม้จะน่ารำคาญ https://www.slashgear.com/1957629/warning-signs-gpu-dying-lifespan-length-examined/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Warning Signs That Your GPU Is Dying - SlashGear
    Graphic cards are some of the most expensive components in desktop PCs, and recognizing when they're about to die can save you a lot of money.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 8
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 8
    ระหว่างการเดินทางมาอยู่เมืองไทย เพื่อช่วยเหลือไทยเจรจากับอังกฤษ นาย Kenneth ได้ถือโอกาสเดินทางสำรวจประเทศไทย พม่า ลาว เขมร เวียตนาม อย่างละเอียดละอออีกรอบ คุยกับรัฐบาลและประมุขของรัฐ ในฐานะตัวแทนอเมริกาผู้ชนะสงครามโลก แบบไม่มีฟกไม่มีช้ำ ใครๆ ก็ต้องเปิดประตูรับนาย Kenneth (เขามาสำรวจอะไร? สำรวจให้ใคร?)

เขาได้ไปขอพบลุงโฮจิมินท์ ซึ่งเขาทึ่งมากว่า ลุงโฮ เป็นบุคคลที่ฉลาดล้ำ นอกจากพูดภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว ลุงโฮยังพูดภาษารัสเซียได้ด้วย ลุงโฮพยายามที่ออกจากอ้อมอกและจักกะแร้เหม็นเขียวของฝรั่งเศส ได้ขอร้องให้อเมริกาช่วย มันก็เข้าทางอเมริกาอยู่แล้ว ค่อยๆ แซะไปทีละขั้น ลุงโฮรู้ด้วยว่าประธานาธิบดี Roosevelt ก็ไม่อยากให้ฝรั่งเศสมาเพ่นพ่านอยู่แถวนี้อีกต่อไป นาย Kenneth บอกลุงโฮไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมเดินเรื่องต่อให้ ระหว่างการสนทนาลุงโฮเล่าให้นาย Kenneth ฟังว่า ช่วงหนึ่งที่เขาหนีฝรั่งเศส เขาได้แอบเข้ามาอยู่ในประเทศไทยอยู่หลายปี โดยบวชเป็นพระอยู่แถวภูพานทางเหนือของอีสาน ! ช่วงที่เป็นขบวนการใต้ดินต่อสู้กับฝรั่งเศส ฝรั่งเศสได้กลิ่นว่าลุงโฮอยู่แถวนั้น ขนทหารมาเป็นกองทัพจะมาจับ ลุงโฮลงทุนถอดเสื้อผ้า เหลือแต่กางเกงใน เอารถเจ็กออกมาลาก แล้วเอาอาเจ้ตัวอ้วนที่ขายไก่อยู่แถวนั้น นั่งบนรถเจ็กและลากรถเจ็กที่มีอาเจ้และไก่ วิ่งผ่านทหารฝรั่งเศส ซึ่งมัวแต่ตะลึงมองความอวบของอาเจ้กับฝูงไก่ แล้วลุงโฮก็หลบมาได้ โดยไม่มีใครสงสัยมองคนลากรถตัวผอม ที่นุ่งแต่กางเกงในเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ลุงโฮชอบใจมาก เล่าไปหัวร่อไป ว่าต้มไอ้จักกะแร้เหม็นเขียวได้
    เมื่อเสร็จจากรายการสำรวจประเทศเพื่อนบ้าน นาย Kenneth กลับเข้ามาที่เมืองไทย และได้พบกับนายปรีดี ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้สำเร็จราชกา ร ได้เชิญเขาทานอาหารเย็น ระหว่างทานอาหาร นายปรีดีได้ถามว่า เอกสารแนบท้าย 2 ชิ้น ที่นาย Kenneth นำไปแนบท้ายหนังสือ Siam in Transition น่ะ ยูไปได้มาจากไหนนะ นาย Kenneth ไม่ยอมบอกแหล่งที่มา แต่บอกว่าเขาก็เขียนถึงปรีดีและนำเสนอเอกสารนั้นอย่างดีกับ นายปรีดีนะ ซึ่งนายปรีดีก็เห็นด้วย นาย Kenneth ตามนิสัยนักฉวยโอกาส (หรือตามหน้าที่ !?) บอกนายปรีดีว่า เขาอยากได้เอกสารที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 เขียนวิจารณ์เค้าโครงเศรษฐกิจของนายปรีดี แต่นายปรีดีปฏิเสธ บอกว่าคุณก็ไปหาตามวิธีที่คุณได้เอกสารของผม นั่นไง ซึ่งนาย Kenneth ก็ทำและหามาได้ (แสดงว่านาย Kenneth มีเพื่อนไทย หรือคนไทยที่อยากเอาใจฝรั่งอยู่รอบตัวแยะจริงๆ)
    แต่ถึงแม้นายปรีดีจะไม่ให้เอกสารเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ตามที่นาย Kenneth ขอ แต่นายปรีดีได้มอบหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทยเกือบ 700 เล่ม เมื่อนาย Kenneth ขอ นายปรีดีสั่งให้ห้องสมุดในกรุ งเทพฯ จัดหนังสือตามที่นาย Kenneth ต้องการ หนังสือทุกเล่มจัดเป็น 2 ชุด ชุดหนึ่งให้นำไปไว้ที่ Library of Congress ในวอชิงตัน เป็นของขวัญจากผู้สำเร็จราชการ ปรีดี พนมยงค์ มอบให้แก่รัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา และอีกชุดหนึ่งยกให้เป็นสมบัติส่วนตัวของนาย Kenneth อืม ! สมันน้อยยื่นตาข่ายดักให้นักล่าเอง นักล่าบอกแบบนี้สบายเรา อย่างนี้จะไม่ให้เรียกว่า Our boy Ruth ได้ยังไง !
    นอกจากเอกสารเกี่ยวกับประเทศไทยที่นาย Kenneth ได้จากนายปรีดีแล้ว ระหว่างที่เดินทางมาเมืองไทยเที่ยวนี้ เขาได้แวะที่ฝรั่งเศสและอังกฤษเพื่อซื้อหนังสือเกี่ยวกับสยามและประเทศไทย ที่มีคนต่างชาติและคนไทยเขียน เขาเล่าว่าทุกร้านหนังสือที่ฝรั่งเศสและอังกฤษที่เขาเข้าไป เขากวาดซื้อหนังสือที่เกี่ยวกับเมืองไทยและอินโดจีนจนหมดเกลี้ยงร้าน รวมแล้วเขาซื้อทั้งหมดประมาณ 1 พันเล่ม
    หนังสือทั้งหมดที่นาย Kenneth ได้ไป ไม่ว่าจะเป็นของขวัญจากใคร รวมทั้งที่เขาหาซื้อมา ภายหลังนาย Kenneth ได้นำไปใช้ในการตั้งหลักสูตรการศึกษาเกี่ยวกับเมืองไทย และเอเซียตะวันออกอย่างละเอียดถี่ยิบ เมืองสยามที่คนอเมริกันไม่เคยได้ยิน ก็ได้รู้จักกันคราวนี้ และรู้ว่าควรจะ “จัดการ” อย่างไรกับไทยแลนด์แดนสมันน้อย การออกแบบเครื่องมือการล่ารุ่นแรกสำเร็จได้เพราะเหตุนี้! จำกันไว้ให้ดี

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 8 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 8 ระหว่างการเดินทางมาอยู่เมืองไทย เพื่อช่วยเหลือไทยเจรจากับอังกฤษ นาย Kenneth ได้ถือโอกาสเดินทางสำรวจประเทศไทย พม่า ลาว เขมร เวียตนาม อย่างละเอียดละอออีกรอบ คุยกับรัฐบาลและประมุขของรัฐ ในฐานะตัวแทนอเมริกาผู้ชนะสงครามโลก แบบไม่มีฟกไม่มีช้ำ ใครๆ ก็ต้องเปิดประตูรับนาย Kenneth (เขามาสำรวจอะไร? สำรวจให้ใคร?)

เขาได้ไปขอพบลุงโฮจิมินท์ ซึ่งเขาทึ่งมากว่า ลุงโฮ เป็นบุคคลที่ฉลาดล้ำ นอกจากพูดภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว ลุงโฮยังพูดภาษารัสเซียได้ด้วย ลุงโฮพยายามที่ออกจากอ้อมอกและจักกะแร้เหม็นเขียวของฝรั่งเศส ได้ขอร้องให้อเมริกาช่วย มันก็เข้าทางอเมริกาอยู่แล้ว ค่อยๆ แซะไปทีละขั้น ลุงโฮรู้ด้วยว่าประธานาธิบดี Roosevelt ก็ไม่อยากให้ฝรั่งเศสมาเพ่นพ่านอยู่แถวนี้อีกต่อไป นาย Kenneth บอกลุงโฮไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมเดินเรื่องต่อให้ ระหว่างการสนทนาลุงโฮเล่าให้นาย Kenneth ฟังว่า ช่วงหนึ่งที่เขาหนีฝรั่งเศส เขาได้แอบเข้ามาอยู่ในประเทศไทยอยู่หลายปี โดยบวชเป็นพระอยู่แถวภูพานทางเหนือของอีสาน ! ช่วงที่เป็นขบวนการใต้ดินต่อสู้กับฝรั่งเศส ฝรั่งเศสได้กลิ่นว่าลุงโฮอยู่แถวนั้น ขนทหารมาเป็นกองทัพจะมาจับ ลุงโฮลงทุนถอดเสื้อผ้า เหลือแต่กางเกงใน เอารถเจ็กออกมาลาก แล้วเอาอาเจ้ตัวอ้วนที่ขายไก่อยู่แถวนั้น นั่งบนรถเจ็กและลากรถเจ็กที่มีอาเจ้และไก่ วิ่งผ่านทหารฝรั่งเศส ซึ่งมัวแต่ตะลึงมองความอวบของอาเจ้กับฝูงไก่ แล้วลุงโฮก็หลบมาได้ โดยไม่มีใครสงสัยมองคนลากรถตัวผอม ที่นุ่งแต่กางเกงในเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ลุงโฮชอบใจมาก เล่าไปหัวร่อไป ว่าต้มไอ้จักกะแร้เหม็นเขียวได้ เมื่อเสร็จจากรายการสำรวจประเทศเพื่อนบ้าน นาย Kenneth กลับเข้ามาที่เมืองไทย และได้พบกับนายปรีดี ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้สำเร็จราชกา ร ได้เชิญเขาทานอาหารเย็น ระหว่างทานอาหาร นายปรีดีได้ถามว่า เอกสารแนบท้าย 2 ชิ้น ที่นาย Kenneth นำไปแนบท้ายหนังสือ Siam in Transition น่ะ ยูไปได้มาจากไหนนะ นาย Kenneth ไม่ยอมบอกแหล่งที่มา แต่บอกว่าเขาก็เขียนถึงปรีดีและนำเสนอเอกสารนั้นอย่างดีกับ นายปรีดีนะ ซึ่งนายปรีดีก็เห็นด้วย นาย Kenneth ตามนิสัยนักฉวยโอกาส (หรือตามหน้าที่ !?) บอกนายปรีดีว่า เขาอยากได้เอกสารที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 เขียนวิจารณ์เค้าโครงเศรษฐกิจของนายปรีดี แต่นายปรีดีปฏิเสธ บอกว่าคุณก็ไปหาตามวิธีที่คุณได้เอกสารของผม นั่นไง ซึ่งนาย Kenneth ก็ทำและหามาได้ (แสดงว่านาย Kenneth มีเพื่อนไทย หรือคนไทยที่อยากเอาใจฝรั่งอยู่รอบตัวแยะจริงๆ) แต่ถึงแม้นายปรีดีจะไม่ให้เอกสารเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ตามที่นาย Kenneth ขอ แต่นายปรีดีได้มอบหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทยเกือบ 700 เล่ม เมื่อนาย Kenneth ขอ นายปรีดีสั่งให้ห้องสมุดในกรุ งเทพฯ จัดหนังสือตามที่นาย Kenneth ต้องการ หนังสือทุกเล่มจัดเป็น 2 ชุด ชุดหนึ่งให้นำไปไว้ที่ Library of Congress ในวอชิงตัน เป็นของขวัญจากผู้สำเร็จราชการ ปรีดี พนมยงค์ มอบให้แก่รัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา และอีกชุดหนึ่งยกให้เป็นสมบัติส่วนตัวของนาย Kenneth อืม ! สมันน้อยยื่นตาข่ายดักให้นักล่าเอง นักล่าบอกแบบนี้สบายเรา อย่างนี้จะไม่ให้เรียกว่า Our boy Ruth ได้ยังไง ! นอกจากเอกสารเกี่ยวกับประเทศไทยที่นาย Kenneth ได้จากนายปรีดีแล้ว ระหว่างที่เดินทางมาเมืองไทยเที่ยวนี้ เขาได้แวะที่ฝรั่งเศสและอังกฤษเพื่อซื้อหนังสือเกี่ยวกับสยามและประเทศไทย ที่มีคนต่างชาติและคนไทยเขียน เขาเล่าว่าทุกร้านหนังสือที่ฝรั่งเศสและอังกฤษที่เขาเข้าไป เขากวาดซื้อหนังสือที่เกี่ยวกับเมืองไทยและอินโดจีนจนหมดเกลี้ยงร้าน รวมแล้วเขาซื้อทั้งหมดประมาณ 1 พันเล่ม หนังสือทั้งหมดที่นาย Kenneth ได้ไป ไม่ว่าจะเป็นของขวัญจากใคร รวมทั้งที่เขาหาซื้อมา ภายหลังนาย Kenneth ได้นำไปใช้ในการตั้งหลักสูตรการศึกษาเกี่ยวกับเมืองไทย และเอเซียตะวันออกอย่างละเอียดถี่ยิบ เมืองสยามที่คนอเมริกันไม่เคยได้ยิน ก็ได้รู้จักกันคราวนี้ และรู้ว่าควรจะ “จัดการ” อย่างไรกับไทยแลนด์แดนสมันน้อย การออกแบบเครื่องมือการล่ารุ่นแรกสำเร็จได้เพราะเหตุนี้! จำกันไว้ให้ดี คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากฝุ่นถึงฟันเฟืองสมอง: เมื่ออากาศสกปรกกลายเป็นตัวเร่งโรคที่เราไม่เคยคาดคิด

    งานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ป่วยกว่า 56.5 ล้านคนในสหรัฐฯ และพบว่าการสัมผัสฝุ่น PM2.5 ในระยะยาวมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการเกิดภาวะสมองเสื่อมแบบ Lewy body และพาร์กินสันที่มีภาวะสมองเสื่อมร่วมด้วย โดยเฉพาะในผู้ที่มีพันธุกรรมที่โน้มเอียงต่อโรคเหล่านี้

    PM2.5 คือฝุ่นขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งสามารถแทรกซึมเข้าสู่ปอดและกระแสเลือดได้ง่าย และในงานวิจัยนี้ นักวิทยาศาสตร์พบว่าในหนูทดลองที่ได้รับ PM2.5 ผ่านทางจมูกเป็นเวลา 10 เดือน มีการสะสมของโปรตีน α-synuclein (αSyn) ในสมอง ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของโรค Lewy body dementia

    ที่น่าตกใจคือ หนูที่ได้รับ PM2.5 มีพฤติกรรมคล้ายภาวะสมองเสื่อม เช่น ความจำเสื่อมในการทดสอบเขาวงกต และการจำวัตถุใหม่ไม่ได้ นอกจากนี้ยังพบว่าเนื้อสมองบริเวณ medial temporal lobe ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างและเรียกคืนความทรงจำ มีการหดตัวอย่างชัดเจน

    ทีมวิจัยยังพบว่า αSyn ไม่ได้สะสมแค่ในสมอง แต่ยังพบในลำไส้และปอดของหนูที่ได้รับ PM2.5 ซึ่งชี้ว่าอาจมีการแพร่กระจายของโปรตีนผ่าน “gut–brain axis” หรือเส้นทางลำไส้สู่สมอง ซึ่งเป็นกลไกที่เชื่อมโยงกับการเกิดโรคอัลไซเมอร์และ Lewy body dementia

    เมื่อเปรียบเทียบกับหนูที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้ไม่มีโปรตีน αSyn พบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสมองเลย ซึ่งยืนยันว่าโปรตีนนี้เป็นตัวกลางสำคัญในการเกิดโรคจากฝุ่น PM2.5

    ความเชื่อมโยงระหว่าง PM2.5 กับภาวะสมองเสื่อม
    การสัมผัส PM2.5 ระยะยาวเพิ่มความเสี่ยงต่อ Lewy body dementia และพาร์กินสันที่มีภาวะสมองเสื่อม
    ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 12% สำหรับผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
    ผู้ที่มีพันธุกรรมโน้มเอียงจะได้รับผลกระทบชัดเจนมากกว่า

    กลไกของโรคที่พบในหนูทดลอง
    พบการสะสมของโปรตีน αSyn ในสมอง ลำไส้ และปอด
    หนูมีพฤติกรรมคล้ายภาวะสมองเสื่อม เช่น ความจำเสื่อม
    สมองบริเวณ medial temporal lobe หดตัวอย่างมีนัยสำคัญ

    การเปรียบเทียบกับหนูที่ไม่มีโปรตีน αSyn
    ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสมองหรือพฤติกรรม
    ยืนยันว่า αSyn เป็นตัวกลางสำคัญในการเกิดโรคจาก PM2.5

    การเปลี่ยนแปลงระดับยีนในสมอง
    พบการเปลี่ยนแปลงของการแสดงออกของยีนใน anterior cingulate cortex
    การเปลี่ยนแปลงนี้คล้ายกับที่พบในผู้ป่วย Lewy body dementia
    ไม่พบความคล้ายกันในผู้ป่วยพาร์กินสันที่ไม่มีภาวะสมองเสื่อม

    https://www.nature.com/articles/d41586-025-02844-9
    🎙️ เรื่องเล่าจากฝุ่นถึงฟันเฟืองสมอง: เมื่ออากาศสกปรกกลายเป็นตัวเร่งโรคที่เราไม่เคยคาดคิด งานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ป่วยกว่า 56.5 ล้านคนในสหรัฐฯ และพบว่าการสัมผัสฝุ่น PM2.5 ในระยะยาวมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการเกิดภาวะสมองเสื่อมแบบ Lewy body และพาร์กินสันที่มีภาวะสมองเสื่อมร่วมด้วย โดยเฉพาะในผู้ที่มีพันธุกรรมที่โน้มเอียงต่อโรคเหล่านี้ PM2.5 คือฝุ่นขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งสามารถแทรกซึมเข้าสู่ปอดและกระแสเลือดได้ง่าย และในงานวิจัยนี้ นักวิทยาศาสตร์พบว่าในหนูทดลองที่ได้รับ PM2.5 ผ่านทางจมูกเป็นเวลา 10 เดือน มีการสะสมของโปรตีน α-synuclein (αSyn) ในสมอง ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของโรค Lewy body dementia ที่น่าตกใจคือ หนูที่ได้รับ PM2.5 มีพฤติกรรมคล้ายภาวะสมองเสื่อม เช่น ความจำเสื่อมในการทดสอบเขาวงกต และการจำวัตถุใหม่ไม่ได้ นอกจากนี้ยังพบว่าเนื้อสมองบริเวณ medial temporal lobe ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างและเรียกคืนความทรงจำ มีการหดตัวอย่างชัดเจน ทีมวิจัยยังพบว่า αSyn ไม่ได้สะสมแค่ในสมอง แต่ยังพบในลำไส้และปอดของหนูที่ได้รับ PM2.5 ซึ่งชี้ว่าอาจมีการแพร่กระจายของโปรตีนผ่าน “gut–brain axis” หรือเส้นทางลำไส้สู่สมอง ซึ่งเป็นกลไกที่เชื่อมโยงกับการเกิดโรคอัลไซเมอร์และ Lewy body dementia เมื่อเปรียบเทียบกับหนูที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้ไม่มีโปรตีน αSyn พบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสมองเลย ซึ่งยืนยันว่าโปรตีนนี้เป็นตัวกลางสำคัญในการเกิดโรคจากฝุ่น PM2.5 ✅ ความเชื่อมโยงระหว่าง PM2.5 กับภาวะสมองเสื่อม ➡️ การสัมผัส PM2.5 ระยะยาวเพิ่มความเสี่ยงต่อ Lewy body dementia และพาร์กินสันที่มีภาวะสมองเสื่อม ➡️ ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 12% สำหรับผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ➡️ ผู้ที่มีพันธุกรรมโน้มเอียงจะได้รับผลกระทบชัดเจนมากกว่า ✅ กลไกของโรคที่พบในหนูทดลอง ➡️ พบการสะสมของโปรตีน αSyn ในสมอง ลำไส้ และปอด ➡️ หนูมีพฤติกรรมคล้ายภาวะสมองเสื่อม เช่น ความจำเสื่อม ➡️ สมองบริเวณ medial temporal lobe หดตัวอย่างมีนัยสำคัญ ✅ การเปรียบเทียบกับหนูที่ไม่มีโปรตีน αSyn ➡️ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสมองหรือพฤติกรรม ➡️ ยืนยันว่า αSyn เป็นตัวกลางสำคัญในการเกิดโรคจาก PM2.5 ✅ การเปลี่ยนแปลงระดับยีนในสมอง ➡️ พบการเปลี่ยนแปลงของการแสดงออกของยีนใน anterior cingulate cortex ➡️ การเปลี่ยนแปลงนี้คล้ายกับที่พบในผู้ป่วย Lewy body dementia ➡️ ไม่พบความคล้ายกันในผู้ป่วยพาร์กินสันที่ไม่มีภาวะสมองเสื่อม https://www.nature.com/articles/d41586-025-02844-9
    WWW.NATURE.COM
    Air pollution directly linked to increased dementia risk
    Long-term exposure accelerates the development of Lewy body dementia and Parkinson’s disease with dementia in people who are predisposed to the conditions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การเห็นกายและเวทนาในระดับแห่งผู้หลุดพ้น
    สัทธรรมลำดับที่ : 740
    ชื่อบทธรรม :- การเห็นกายและเวทนาในระดับแห่งผู้หลุดพ้น
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=740
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --การเห็นกายและเวทนาในระดับแห่งผู้หลุดพ้น
    --อัคคิเวสสนะ ! กายนี้ มีรูป
    ประกอบด้วยมหาภูตสี่ มีมารดาบิดา เป็นแดนเกิด
    เจริญขึ้นด้วยข้าวสุกและขนมสด
    ทั้งที่มีการขัดสีนวดฟั้นอยู่ก็ยังมีการแตกสลายกระจัดกระจาย
    เพราะความไม่เที่ยงนั่นเองเป็นธรรมดา

    อันบุคคลควรตามเห็นโดยความเป็นของไม่เที่ยง
    โดยความเป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นหัวฝี เป็นลูกศร เป็นความยากลำบาก เป็นอาพาธ
    เป็นดังผู้อื่น เป็นของแตกสลาย เป็นของว่าง เป็นของไม่ใช่ตน.

    เมื่อบุคคคลนั้น ตามเห็นอยู่ซึ่งกายนี้โดยความเป็นของไม่เที่ยง
    โดยความเป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นหัวฝี เป็นลูกศร เป็นความยากลำบาก เป็นอาพาธ
    เป็นดังผู้อื่น เป็นของแตกสลาย เป็นของว่าง เป็นของไม่ใช่ตน,

    ความพอใจในกาย ความสิเนหาในกาย ความตกอยู่ในอำนาจของกาย
    ที่มีอยู่ในกาย เขาย่อมละเสียได้.

    --อัคคิเวสสนะ ! เวทนาสามอย่าง เหล่านี้ มีอยู่ คือ
    สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา.
    -​-อัคคิเวสสนะ !
    สมัยใด บุคคลเสวยสุขเวทนา,
    สมัยนั้นไม่ได้เสวยทุกขเวทนา ไม่ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา,
    สมัยนั้นคงเสวยแต่สุขเวทนาเท่านั้น.
    --อัคคิเวสสนะ !
    สมัยใด บุคคลเสวยทุกขเวทนา,
    สมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา ไม่ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา,
    สมัยนั้นคงเสวยแต่ทุกขเวทนาเท่านั้น.
    --อัคคิเวสสนะ !
    สมัยใด บุคคลเสวยอทุกขมสุขเวทนา,
    สมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา ไม่ได้เสวยทุกขเวทนา,
    สมัยนั้นคงเสวยแต่อทุกขมสุขเวทนาเท่านั้น.
    --อัคคิเวสสนะ ! #สุขเวทนา
    เป็นของไม่เที่ยง (อนิจฺจา)
    เป็นของปรุงแต่ง (สงฺขตา)
    เป็นของอาศัยกันเกิดขึ้น (ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา)
    http://etipitaka.com/read/pali/13/267/?keywords=ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา
    มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา (ขยธมฺมา)
    มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา (วยธมฺมา)
    มีความจางคลายไปเป็นธรรมดา (วิราคธมฺมา)
    มีความดับไปเป็นธรรมดา (นิโรธธมฺมา).
    --อัคคิเวสสนะ ! แม้ #ทุกขเวทนา ก็
    เป็นของไม่เที่ยง เป็นของปรุงแต่ง เป็นของอาศัยกันเกิดขึ้น
    มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
    มีความจางคลายไปเป็นธรรมดา มีความดับไปเป็นธรรมดา.
    --อัคคิเวสสนะ ! แม้ #อทุกขมสุขเวทนา ก็
    เป็นของไม่เที่ยง เป็นของปรุงแต่ง เป็นของอาศัยกันเกิดขึ้น
    มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
    มีความจางคลายไปเป็นธรรมดา มีความดับไปเป็นธรรมดา.

    --อัคคิเวสสนะ ! อริยสาวกผู้มีการสดับ เมื่อเห็นอยู่อย่างนี้
    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสุขเวทนา แม้ในทุกขเวทนา แม้ในอทุกขมสุขเวทนา ;
    เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด ;
    เพราะคลายกำหนัด ย่อมหลุดพ้น ;
    เมื่อหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว.
    อริยสาวกนั้น ย่อมรู้ชัดว่า
    “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว
    กิจอย่างอื่นที่จะต้องทำ เพื่อความหลุดพ้นอย่างนี้ มิได้มีอีก”
    ดังนี้.
    --อัคคิเวสสนะ ! ภิกษุผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วอย่างนี้แล
    ย่อมไม่กล่าวคำประจบใครๆ ย่อมไม่กล่าวคำขัดแย้งใครๆ
    และโวหารใดที่เขากล่าวกันอยู่ในโลก เธอก็กล่าวโดยโวหารนั้น
    ไม่ยึดมั่นความหมายไรๆ อยู่.

    (เมื่อจบพระพุทธดำรัสนี้
    พระสารีบุตรผู้ถวายงานพัดอยู่เบื้องหลัง ได้ #บรรลุพระอรหันต์
    ).-
    http://etipitaka.com/read/pali/13/268/?keywords=สารีปุตฺตสฺส

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ม.ม. 13/206-207/272-273.
    http://etipitaka.com/read/thai/13/206/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%92
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ม.ม. ๑๓/๒๖๖-๒๖๗/๒๗๒-๒๗๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/13/266/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%92
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=740
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=56&id=740
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=56
    ลำดับสาธยายธรรม : 56 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_56.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การเห็นกายและเวทนาในระดับแห่งผู้หลุดพ้น สัทธรรมลำดับที่ : 740 ชื่อบทธรรม :- การเห็นกายและเวทนาในระดับแห่งผู้หลุดพ้น https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=740 เนื้อความทั้งหมด :- --การเห็นกายและเวทนาในระดับแห่งผู้หลุดพ้น --อัคคิเวสสนะ ! กายนี้ มีรูป ประกอบด้วยมหาภูตสี่ มีมารดาบิดา เป็นแดนเกิด เจริญขึ้นด้วยข้าวสุกและขนมสด ทั้งที่มีการขัดสีนวดฟั้นอยู่ก็ยังมีการแตกสลายกระจัดกระจาย เพราะความไม่เที่ยงนั่นเองเป็นธรรมดา อันบุคคลควรตามเห็นโดยความเป็นของไม่เที่ยง โดยความเป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นหัวฝี เป็นลูกศร เป็นความยากลำบาก เป็นอาพาธ เป็นดังผู้อื่น เป็นของแตกสลาย เป็นของว่าง เป็นของไม่ใช่ตน. เมื่อบุคคคลนั้น ตามเห็นอยู่ซึ่งกายนี้โดยความเป็นของไม่เที่ยง โดยความเป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นหัวฝี เป็นลูกศร เป็นความยากลำบาก เป็นอาพาธ เป็นดังผู้อื่น เป็นของแตกสลาย เป็นของว่าง เป็นของไม่ใช่ตน, ความพอใจในกาย ความสิเนหาในกาย ความตกอยู่ในอำนาจของกาย ที่มีอยู่ในกาย เขาย่อมละเสียได้. --อัคคิเวสสนะ ! เวทนาสามอย่าง เหล่านี้ มีอยู่ คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา. -​-อัคคิเวสสนะ ! สมัยใด บุคคลเสวยสุขเวทนา, สมัยนั้นไม่ได้เสวยทุกขเวทนา ไม่ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา, สมัยนั้นคงเสวยแต่สุขเวทนาเท่านั้น. --อัคคิเวสสนะ ! สมัยใด บุคคลเสวยทุกขเวทนา, สมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา ไม่ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา, สมัยนั้นคงเสวยแต่ทุกขเวทนาเท่านั้น. --อัคคิเวสสนะ ! สมัยใด บุคคลเสวยอทุกขมสุขเวทนา, สมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา ไม่ได้เสวยทุกขเวทนา, สมัยนั้นคงเสวยแต่อทุกขมสุขเวทนาเท่านั้น. --อัคคิเวสสนะ ! #สุขเวทนา เป็นของไม่เที่ยง (อนิจฺจา) เป็นของปรุงแต่ง (สงฺขตา) เป็นของอาศัยกันเกิดขึ้น (ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา) http://etipitaka.com/read/pali/13/267/?keywords=ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา (ขยธมฺมา) มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา (วยธมฺมา) มีความจางคลายไปเป็นธรรมดา (วิราคธมฺมา) มีความดับไปเป็นธรรมดา (นิโรธธมฺมา). --อัคคิเวสสนะ ! แม้ #ทุกขเวทนา ก็ เป็นของไม่เที่ยง เป็นของปรุงแต่ง เป็นของอาศัยกันเกิดขึ้น มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา มีความจางคลายไปเป็นธรรมดา มีความดับไปเป็นธรรมดา. --อัคคิเวสสนะ ! แม้ #อทุกขมสุขเวทนา ก็ เป็นของไม่เที่ยง เป็นของปรุงแต่ง เป็นของอาศัยกันเกิดขึ้น มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา มีความจางคลายไปเป็นธรรมดา มีความดับไปเป็นธรรมดา. --อัคคิเวสสนะ ! อริยสาวกผู้มีการสดับ เมื่อเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสุขเวทนา แม้ในทุกขเวทนา แม้ในอทุกขมสุขเวทนา ; เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด ; เพราะคลายกำหนัด ย่อมหลุดพ้น ; เมื่อหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว. อริยสาวกนั้น ย่อมรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอย่างอื่นที่จะต้องทำ เพื่อความหลุดพ้นอย่างนี้ มิได้มีอีก” ดังนี้. --อัคคิเวสสนะ ! ภิกษุผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วอย่างนี้แล ย่อมไม่กล่าวคำประจบใครๆ ย่อมไม่กล่าวคำขัดแย้งใครๆ และโวหารใดที่เขากล่าวกันอยู่ในโลก เธอก็กล่าวโดยโวหารนั้น ไม่ยึดมั่นความหมายไรๆ อยู่. (เมื่อจบพระพุทธดำรัสนี้ พระสารีบุตรผู้ถวายงานพัดอยู่เบื้องหลัง ได้ #บรรลุพระอรหันต์ ).- http://etipitaka.com/read/pali/13/268/?keywords=สารีปุตฺตสฺส #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ม.ม. 13/206-207/272-273. http://etipitaka.com/read/thai/13/206/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%92 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ม.ม. ๑๓/๒๖๖-๒๖๗/๒๗๒-๒๗๓. http://etipitaka.com/read/pali/13/266/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%92 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=740 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=56&id=740 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=56 ลำดับสาธยายธรรม : 56 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_56.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ในลักษณะที่เป็นทิฏฐิ คือเป็นเพียงความเห็น ไม่มีประจักษ์พยานที่เป็นวัตถุสิ่งของมาแสดงให้เห็นชัดได้ ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องสร้างทิฏฐิขึ้นมาในลักษณะที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขโดยส่วนเดียว
    -(สัมมาทิฏฐิแห่งพระบาลีนี้ ยังเป็นประเภท โลกิยสัมมาทิฏฐิ คือยังมีอาสวะ มีความยึดมั่นว่าสัตว์ว่าบุคคล มีความดีความชั่ว มีนรกสวรรค์ เป็นต้น ซึ่งแบ่งได้เป็นสองฝ่าย. เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ในลักษณะที่เป็นทิฏฐิ คือเป็นเพียงความเห็น ไม่มีประจักษ์พยานที่เป็นวัตถุสิ่งของมาแสดงให้เห็นชัดได้ ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องสร้างทิฏฐิขึ้นมาในลักษณะที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขโดยส่วนเดียว. ตัวอย่างปัญหาเกิดขึ้นมาว่า โลกอื่นมี หรือไม่มี เราจะต้องถือเอาข้างฝ่ายทิฏฐิที่ทำให้เกิดประโยชน์โดยส่วนเดียว ซึ่งในที่นี้ได้แก่ทิฏฐิที่ถือว่าโลกอื่นมี ซึ่งเป็นเหตุให้ขวนขวายบำเพ็ญประโยชน์อันเป็นไปเพื่อโลกอื่น และได้รับประโยชน์ สุขในโลกอื่น; ถ้าเผอิญโลกอื่นไม่มี ตนก็ไม่เสียประโยชน์อะไร การกระทำเพื่อประโยชน์โลกอื่นก็ไม่เสียเปล่า คือเป็นความดีที่ได้รับการสรรเสริญจากวิญญูชนในโลกนี้ และได้รับประโยชน์สุขในโลกนี้อย่างเต็มที่. ดังนั้นจึงสรุปว่า การมีทิฏฐิว่าโลกอื่นมี ย่อมถือเอาได้ซึ่งประโยชน์โดยส่วนสอง คือแม้โลกอื่นจะไม่มีก็ยังได้รับประโยชน์ ยิ่งโลกอื่นมีก็ยิ่งได้รับประโยชน์จึง เรียกทิฏฐิชนิดนี้ว่าเป็นอปัณณกธรรม คือธรรมที่ผิดไม่ได้ทั้งสองฝ่าย เป็นสัมมาทิฏฐิที่ตัดปัญหาออกไปเสียได้โดยประการทั้งปวง ในเมื่อเกิดปัญหาที่แย้งกันอย่างตรงข้ามเป็นสองฝ่าย ดังที่กล่าวไว้ในพระบาลีนี้. เราจึงถือว่า สัมมาทิฏฐิ ชนิดนี้ระงับผลร้ายเสียได้ในเมื่อเกิดการขัดแย้งในระหว่างลัทธิ. ในความขัดแย้งระหว่างทิฏฐิคู่อื่นๆ เช่นทิฏฐิว่า การกระทำไม่ชื่อว่าเป็นอันกระทำหรือการกระทำชื่อว่าเป็นอันกระทำ (ทำบุญทำบาปไม่ชื่อว่าเป็นอันกระทำ หรือทำบุญทำบาปชื่อว่าเป็นอันกระทำ) เกิดเป็นปัญหาขัดแย้งกันขึ้นมาแล้ว พึงเลือกถือเอาทิฏฐิข้างฝ่ายที่จะผิดไม่ได้อีกอย่างเดียวกัน คือทิฏฐิที่ว่า การกระทำชื่อว่าเป็นอันกระทำและเลือกกระทำแต่ฝ่ายข้างดี; แม้สมมุติว่าการกระทำนั้นจะไม่เป็นการกระทำ เขาก็ยังได้รับผลของการกระทำ คือเป็นที่สรรเสริญแห่งวิญญูชน และผู้นั้นก็ได้รับประโยชน์สุขอยู่นั่นเอง. นี้เป็น สัมมาทิฏฐิที่ควรมี หรือถือเป็นหลักในเมื่อเกิดการขัดแย้งขึ้นเกี่ยวกับลัทธิที่ต่างกันชนิดหนึ่ง. - ม. ม. ๑๓/๑๐๕-๑๑๐ /๑๑๐-๑๑๔. สำหรับทิฏฐิที่ว่ามีเหตุหรือไม่มีเหตุแห่งความเศร้าหมองหรือความบริสุทธิ์ของสัตว์ นั้น ก็มีหลักเกณฑ์ทำนองเดียวกัน คือถ้า ถือว่า มีเหตุ ก็จะเป็นความปลอดภัยกว่าการถือว่าไม่มีเหตุ. ผู้ที่ถือว่ามีเหตุ ย่อมกระทำการกระทำที่เป็นการสร้างเหตุดีเว้นเหตุชั่ว; สมมุติว่าสิ่งทั้งหลายจะเป็นสิ่งที่ไม่มีเหตุขึ้นมา การกระทำของเขาก็ยังเป็นความดีทั้งสองสถาน คือวิญญูชนสรรเสริญ และเขาก็ได้รับผลดีแห่งการกระทำของเขา คือเป็นสุขทั้งโลกนี้และโลกอื่น. แม้นี้ก็คือ สัมมาทิฏฐิที่ควรสร้างขึ้น เมื่อมีการขัดแย้งระหว่างลัทธิ ด้วยเหมือนกัน. - ม. ม. ๑๓/๑๑๑-๑๑๕/๑๑๕-๑๑๙. สำหรับทิฏฐิที่ว่า อารุปปธรรม (คุณสมบัติที่เป็นสภาวะไม่มีรูป) เป็นสิ่งที่ มีอยู่หรือไม่ได้มีอยู่ นั้น ิญญูชนจะเลือกถือเอาข้างที่ว่า มีอยู่ และปฏิบัติเพื่อให้ได้ซึ่งคุณธรรมประเภทที่ ไม่มีรูปนั้น เขาก็จะได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ; คือสมมุติว่าถ้าอารุปปธรรมเป็นสิ่งที่มิได้มีอยู่ เขาก็ยังได้รับประโยชน์ที่รองลงมา คือ รุปปธรรม (คุณสมบัติหรือคุณค่าที่มีรูป). ถ้าหากว่าอารุปปธรรมมีจริง เขาก็จะได้รับคุณค่าหรือประโยชน์ชั้นที่เป็นอารุปปธรรมนั้นตามความมุ่งหมาย. ดังนั้น การที่ถือว่า อารุปปธรรมเป็นสิ่งที่มีอยู่นั้น จัดเป็นสัมมาทิฏฐิที่ไม่อาจจะผิดได้ ในเมื่อเกิดการขัดแย้งกันขึ้นในระหว่างลัทธิ. อนึ่ง ถ้าอธิบายตามแบบเก่าๆ อย่างในอรรถกถา ก็คือให้ถือว่า อรูปพรหมมีอยู่ แล้วปฏิบัติเพื่ออรูปพรหมนั้น ถ้าสมมุติว่าอรูปพรหมไม่มี ก็ยังได้รับผลเป็นรูปพรหมที่รองลงมา แต่ถ้าอรูปพรหมมีก็จะได้รับผลเต็มตามความหมายของอรูปพรหม จึงถือว่าเป็นทิฏฐิที่ถูกต้อง. อีกอย่างหนึ่ง ถ้ากล่าวสำหรับผู้มีการศึกษาแห่งยุคปัจจุบัน ก็ต้องกล่าวว่า คุณค่าหรือคุณสมบัติชนิดที่ไม่ต้องมีสภาวะเป็นรูปธรรม (คือไม่เป็นวัตถุนิยม) นั้นก็มีอยู่และมีผลเป็นความสะดวกกว่า สบายกว่าเป็นสุขสงบกว่า ประเสริฐกว่า เพราะไม่ต้องมีการกระทบกระทั่งฝ่ายรูปธรรม เช่นการทะเลาะวิวาทหรือป่วยไข้ทางร่างกายเป็นต้น. - ม. ม. ๑๓/๑๑๕/๑๒๐. สำหรับทิฏฐิว่า ความดับแห่งภพโดยประการทั้งปวง เป็นสิ่งที่มีอยู่หรือไม่มี นั้น วิญญูชนจะถือเอาข้างฝ่ายที่ถือว่า มีความดับแห่งภพ แล้วก็ปฏิบัติเพื่อความดับแห่งภพ เขาก็จะได้รับผลเป็นปรินิพพานในทิฏฐธรรมนี้; ส่วนพวกที่ถือว่า ความดับแห่งภพโดยประการทั้งปวงไม่มีนั้น เขาก็จะไปติดตันตายด้านอยู่เพียงแค่อรูปภพอันเป็นภพสูงสุด. ดังนั้น การถือว่า ความดับแห่งภพโดยประการทั้งปวงมีอยู่ นั้นเป็นสัมมาทิฏฐิที่ไม่มีทางจะผิดได้ ในเมื่อมีการมีการทุ่มเถียงขัดแย้ง กันระหว่างลัทธิ. - ม.ม ๑๓/๑๑๗/๑๒๑. สรุปความว่า ปัญหาทางลัทธินั้น คือปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่อาจมองเห็นตัว หรือได้ยินเสียงโดยตรง จนถึงกับเรากล่าวว่ามันเป็นอย่างไรๆได้ ดังนั้น จึงต้องตั้งขึ้นเป็นลัทธิชนิดที่เป็นสัมมาทิฏฐิ คือทำให้ได้รับประโยชน์โดยส่วนเดียวเกี่ยวกับสิ่งที่เขามองไม่เห็นหรือฟังเสียงโดยตรงไม่ได้นั้นๆ เราจึงต้องจัดทำหรือต้องมีอย่างถูกต้องชนิดผิดไม่ได้ ดังที่กล่าวไว้ในหัวข้อธรรมะเหล่านี้). การเห็นกายและเวทนาในระดับแห่งผู้หลุดพ้น อัคคิเวสสนะ ! กายนี้ มีรูป ประกอบด้วยมหาภูตสี่ มีมารดาบิดา เป็นแดนเกิด เจริญขึ้นด้วยข้าวสุกและขนมสด ทั้งที่มีการขัดสีนวดฟั้นอยู่ก็ยังมีการแตกสลายกระจัดกระจายเพราะความไม่เที่ยงนั่นเองเป็นธรรมดา อันบุคคลควรตามเห็นโดยความเป็นของไม่เที่ยง โดยความเป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นหัวฝี เป็นลูกศร เป็นความยากลำบาก เป็นอาพาธ เป็นดังผู้อื่น เป็นของแตกสลาย เป็นของว่าง เป็นของไม่ใช่ตน. เมื่อบุคคคลนั้น ตามเห็นอยู่ซึ่งกายนี้โดยความเป็นของไม่เที่ยง โดยความเป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นหัวฝี เป็นลูกศร เป็นความยากลำบาก เป็นอาพาธ เป็นดังผู้อื่น เป็นของแตกสลาย เป็นของว่าง เป็นของไม่ใช่ตน, ความพอใจในกาย ความสิเนหาในกาย ความตกอยู่ในอำนาจของกาย ที่มีอยู่ในกาย เขาย่อมละเสียได้. อัคคิเวสสนะ ! เวทนาสามอย่าง เหล่านี้ มีอยู่ คือสุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา. อัคคิเวสสนะ ! สมัยใด บุคคลเสวยสุขเวทนา, สมัยนั้นไม่ได้เสวยทุกขเวทนา ไม่ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา, สมัยนั้นคงเสวยแต่สุขเวทนาเท่านั้น. อัคคิเวสสนะ ! สมัยใด บุคคลเสวยทุกขเวทนา, สมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา ไม่ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา, สมัยนั้นคงเสวยแต่ทุกขเวทนาเท่านั้น. อัคคิเวสสนะ ! สมัยใด บุคคลเสวยอทุกขมสุขเวทนา, สมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา ไม่ได้เสวยทุกขเวทนา, สมัยนั้นคงเสวยแต่อทุกขมสุขเวทนาเท่านั้น. อัคคิเวสสนะ ! สุขเวทนา เป็นของไม่เที่ยง (อนิจฺจา) เป็นของปรุงแต่ง (สงฺขตา) เป็นของอาศัยกันเกิดขึ้น (ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา) มีความสิ้นไป เป็นธรรมดา (ขยธมฺมา) มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา (วยธมฺมา) มีความจางคลายไปเป็นธรรมดา (วิราคธมฺมา) มีความดับไปเป็นธรรมดา (นิโรธธมฺมา). อัคคิเวสสนะ ! แม้ทุกขเวทนา ก็เป็นของไม่เที่ยง เป็นของปรุงแต่ง เป็นของอาศัยกันเกิดขึ้น มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา มีความจางคลายไปเป็นธรรมดา มีความดับไปเป็นธรรมดา. อัคคิเวสสนะ ! แม้อทุกขมสุขเวทนา ก็เป็นของไม่เที่ยง เป็นของปรุงแต่ง เป็นของอาศัยกันเกิดขึ้น มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา มีความจางคลายไปเป็นธรรมดา มีความดับไปเป็นธรรมดา. อัคคิเวสสนะ ! อริยสาวกผู้มีการสดับ เมื่อเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสุขเวทนา แม้ในทุกขเวทนา แม้ในอทุกขมสุขเวทนา ; เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด ; เพราะคลายกำหนัด ย่อมหลุดพ้น ; เมื่อหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว. อริยสาวกนั้น ย่อมรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอย่างอื่นที่จะต้องทำ เพื่อความหลุดพ้นอย่างนี้ มิได้มีอีก” ดังนี้. อัคคิเวสสนะ ! ภิกษุผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วอย่างนี้แล ย่อมไม่กล่าวคำประจบใครๆ ย่อมไม่กล่าวคำขัดแย้งใครๆ และโวหารใดที่เขากล่าวกันอยู่ในโลก เธอก็กล่าวโดยโวหารนั้น ไม่ยึดมั่นความหมายไรๆ อยู่. (เมื่อจบพระพุทธดำรัสนี้ พระสารีบุตรผู้ถวายงานพัดอยู่เบื้องหลัง ได้บรรลุพระอรหันต์).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • การต่อสู้ที่น่ารักมาก,สถานศึกษาเรามีปัญหาด้านการส่งต่อองค์รอบรู้แก่รุ่นลูกรุ่นหลานเรามาก,ตลอดทั้งฝรั่งแทรกแซงการศึกษาเราก็ด้วยหรือต่างชาติที่ไม่หวังดีต่างๆนั้นล่ะ,แทรกแซงสถานการเรียนการสอนของเราให้เยาวชนไทยเราด้อยคุณค่าการเล่าเรียน,ต้นทุนการเล่าเรียนปั่นให้สูงขึ้น,ราคาต้องจ่ายมากขึันต่อความอยากเล่าเรียน,สร้างโปรแกรมผีบ้ามากมายหลอกค่าเรียนค่าเทอมผู้ปกครอง,อยากเรียนต้องเป็นหนี้แบบกยศ. แต่ให้เรียนฟรีแก่เด็กเขมร เด็กพม่า เด็กอิสลาม เด็กยิวหรือเด็กต่างชาติสาระพัดวิธี,ซึ่งภาระที่แท้จริงคือรัฐบาลต้องส่งเสริมเยาวชนไทยตนเองเรียนรู้สาระพัดวิชาให้ทันโลกทันชาติอื่นเพื่อกลับมาเป็นพลังสำคัญขับเคลื่อนประเทศไทยตนปกป้องร่วมสร้างชาติไทยตนให้เข้มแข็งมั่นคงต่ออริชาติชั่วเลวต่างๆที่หมายมาไม่ดีต่อชาติไทยเรา,เช่นเขมร อเมริกา ฝรั่งเศสซึ่งพวกมันพยายามอย่างมากมิให้คนไทยเล่าเรียนประวัติศาสตร์ตนเองแบบฝรั่งเศสมาปล้นชิงดินแดนไทยกี่ครั้งที่ไหนอย่างไรบ้าง,อเมริกาปล้นประเทศปล้นบ่อน้ำมันไทยทั้งประเทศแบบใดจนคนทัังชาติต้องยากจนมั่นคงดักดานขนาดนี้,วิชาตังวิชาเศรษฐกิจทำตัง วิชารู้เล่ห์เหลี่ยมทางอาชีพทำตังต่างๆจะกิจการ บริษัทแบบใดๆต่างๆสร้างอาชีพจริงๆสถานศึกษาแบบระดับมัธยมต้องเริ่มสอนนักเรียนเยาวชนเราจริงจังแล้ว,หรือวิชาทำเงินทำทองจริงๆในสังคมประเทศตนเมื่อจบการศึกษาไปต้องเจอทุกๆคนแน่นอน เยาวชนต้องมีภูมิรู้ภูมิเข้าใจพื้นฐานเบื้องต้นทั้งระดับภายในประเทศและระดับตลาดค้าขายเศรษฐกิจระดับต่างประเทศ,
    ..โครงสร้างการศึกษาเราต้องเปลี่ยนทั้งหมดจริงๆสู่ยุคสมัยใหม่AIที่มาแน่นอน,แต่เรา..ประเทศไทยยังแบ่งชนชั้นกันอยู่ด้านการศึกษาชัดเจน,มาตราฐานเดียวกันต้องมีจริงๆ,รัฐต้องเข้ามากำกับดูแลทั่วประเทศ โปรแกรมค่าเทอมเป็น10,000เป็น100,000ต้องยกเลิกทั่วประเทศทันที สร้างภาระผู้ปกครองตลอดม.ต้น ม.ปลาย.หรือประถมกันเลย,นักเรียนไม่มีตังเป็นหมื่นๆก็เข้าเรียนห้องพิเศษนั้นไม่ได้,ม.ต้นก็จ่ายค่าเทอม ม.ปลายก็จ่ายค่าเทอม,ม.มหาลัย วิลัย ก็จ่ายค่าเทอม,โครงสร้างการศึกษาเราไม่เคยเปลี่ยนแปลงจริงๆไม่นอมลงทุนด้านการศึกษาจริงต่อเยาวชนไทย นัยยะแฝงมุ่งให้เยาวชนตนเป็นทาสแรงงานกิจการเอกชนบริษัทหรือรัฐฐะ,องค์ความรู้จึงพยายามไม่ผลักดันเต็มที่ใครอยากเรียนสูงต้องเป็นนี้ คือนัยยะการสร้างกำแพงดีๆนี้เอง,แบบกีดกันทางภาษีนั้นล่ะ,ชัดเจนหน่อยก็กีดกันตำแหน่งการงานแบบกำแพงสอบ กพ.นั้นล่ะ,เสมือนกลุ่มโซนชนชั้นใครมัน เด็กจบมอใครมันแบบเดียวกัน,รุ่นมรึงรุ่นกูแบบเดียวกัน,สีกูสีมรึงแบบเดียวกัน,จึงอันตรายมาก.
    ..โครงสร้างการศึกษาเปลี่ยนแปลงสู่ยุคAIไม่พอ,เด็กๆเยาวชนเราต้องมีสัมมาอาชีพมั่นคงดูแลตัวเองและครอบครัวได้ด้วย มีรายได้เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ยืนด้วยขาตนเองได้จริงในทุกๆเยาวชนไทยที่จบการเล่าเรียนออกไป มิใช่ทิ้งขวางเขาเธอเหล่านั้นในสังคมที่ดิ้นรนหาแดกใช้จ่ายจริงด้วยตังจากรายรับที่เข้ามาจริง จ่ายออกไปจริงในแต่ละวัน สถานศึกษาพยายามบิดงอบิดเบือนหักเหค่าจริงตรงจุดๆนี้ทั่วไทย,เพื่อสะท้อนว่าเด็กๆมิอาจมีภาระสำนึกคิดด้านนี้เมื่อเล่าเรียน ให้มุ่งแสวงหาความรู้ ,แต่ค่าจริงมิเป็นเช่นนั้น ค่าจริงคือมหาลัยผลิตคนตกงานเป็นจำนวนมากนั้นเอง,มหาลัย โรงเรียนตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยม ต่างมีห้องพิเศษเป็นว่าเล่น หรือนัยยะแบบมหาลัยคือมุ่งทำตังทำรายได้แล้วนั้นเอง นักศึกษาคือลูกค้าของมหาลัยวิลัยของโรงเรียน,ได้ทั้งจากรัฐช่วยเหลือค่าหัวเด็กๆและเก็บสาระพัดมุกเอาแต่มีเรี่ยไรสไตล์ใดโปรแกรมพิเศษไหนเกิดขึ้นเพื่อแสวงหารายรับรายได้เข้าสถาบัน ส่วนมรึงๆจบไปแล้วจะได้งานจะตกงานเป็นเรื่องของมรึงก็ว่า,เอกชนไทยนำเข้าเครื่องจักรเอย แรงงานต่างด้าวเอยจำนวนมากเข้ามาตลอดถึงปัจจุบัน,ด้อยค่าคนเยาวชนในชาติตนแต่เสือกมาตั้งโรงงาน เปิดบริษัท ย้ายฐานผลิตมาสร้างบนแผ่นดินไทยแต่รับต่างด้าวเข้าทำงานแทนคนไทยเป็นอันมาก สารพัดข้ออ้างกดคนไทยตน อ้างด้อยค่าคุณภาพคนไทยตน,บางกิจการนำเข้าคนของตนแบบจีนมาทำงานที่โรงงานไทยของทุนจีนกันเต็มโรงงานเลย, สถานศึกษาต้องประมาณการกำลังคนแรงงานกับกรมแรงงานให้ได้ ออกหลักสูตรอาชีพที่สามารถใกล้เคียงการเติบโตของเนื้องาน,บริหารคนงาน เด็กจบใหม่คนไทยตนก่อนเอาต่างด้าวมาทำ กระตุ้นองค์รู้ทั่วไทยทำไมเราต้องส่งเสริมเยาวชนไทยเราก่อนกับกิจการในบนแผ่นดินไทย,ทั้งของคนไทยเราเองและต่างชาติมาลงทุน,กำลังคนกรมแรงงานต้องประสานชัดเจนออนไลน์ได้,รวมๆต้องพลิกบทบาทบริหารจัดการครั้งใหญ่จริงๆจะมาเหี้ยแบบเดิมๆไม่ได้อีกแล้ว,แล้วเราคนไทยจะรอดจากสงครามตังสงครามจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันเรื่องปากท้องได้,ไม่ดักดานยากจนอีกแน่นอน,โครงสร้างการปกครองจึงต้องร่วมเปลี่ยนแปลงด้วย,ผู้นำต้องไม่กากๆนั้นเอง.หรือยิ่งเป็นผู้เหนือมนุษย์มากบารมียิ่งดี ยอมให้ขึ้นปกครองประเทศไทยร้อยปีพันปีก็ได้,หยั่งรู้อีกยิ่งเยี่ยม อ่านจิตอ่านใจคนออกยิ่งโหด,มรึงหนาวแน่ ใครคตใครโกงภายในสำนักนายกฯท่านๆเรียกไปคุยด้วยมีหนาว อาจประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิตก็ได้ ยึดทรัพย์กันอนาถ,เชื่อมจิตได้ด้วย มรึงคุยกับใครทำชั่วที่ไหนดิวอะไรไว้,เชื่อมโยงถึงตัวพ่อหมด,คำสั่งลงไป สั่งเด็ดหัวทั้งหมด,ประเทศไทยคือผู้นำจิตวิญญาณแน่นอนไม่ต้องสงสัย,มิใช่สื่อบางช่องผีบ้ากากๆผู้นำจิตวิญญาณโทนี่ไปดูไบพะนะหรือแบบเสื้อแดงพะนะ ทางความคิดแบบส้มชูสามนิ้วก็โน้น,นี้ใช้นิยมผู้นำแห่งจิตวิญญาณที่ผิด,ที่ถูกคือสไตล์ทางโลกแบบนั้น สร้างมิตรไมตรีจึงไม่ใช่เรื่องยาก ตลอดผู้นำทางสงครามก็ไม่ยาก แว๊บเดียวหายตัวยืนอยู่หน้าศัตรูเด็ดหัวเลยก็ได้,ศัตรูไม่เกรงกลัวย่อมไม่ได้,ตานแน่นอนนั้นเองหากยังไม่พยายามเป็นคนดี,เพราะผู้นำทางจิตวิญญาณถอดจิตท่องจักรวาลทั่วทุกๆดวงดาวได้จริง,เชื่อมมิติที่สูงกว่าได้ แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีล้ำๆจึงมิใช่เรื่องยากอะไร,เรา..ประเทศไทยคนเหนือมนุษย์มีมากไม่น้อย,แต่ไม่ออกมา,จริงๆถึงเวลาอันสมควรแล้วจะที่ไทยหรือทั่วโลก ยอดมนุษย์เหล่านี้ควรแก่เวลาต้องเปิดเผยตัวตนจริงๆได้แล้วเพื่ออัพเลเวลโลกนี้ขึ้นอีกระดับจริงๆร่วมกันทั่วโลก,อย่าทำตัวผีบ้าหลบซ่อนตัวตนอีกเลย.



    https://youtube.com/shorts/mw78-XhjAQw?si=C9z2vO_AOjZJECMx
    การต่อสู้ที่น่ารักมาก,สถานศึกษาเรามีปัญหาด้านการส่งต่อองค์รอบรู้แก่รุ่นลูกรุ่นหลานเรามาก,ตลอดทั้งฝรั่งแทรกแซงการศึกษาเราก็ด้วยหรือต่างชาติที่ไม่หวังดีต่างๆนั้นล่ะ,แทรกแซงสถานการเรียนการสอนของเราให้เยาวชนไทยเราด้อยคุณค่าการเล่าเรียน,ต้นทุนการเล่าเรียนปั่นให้สูงขึ้น,ราคาต้องจ่ายมากขึันต่อความอยากเล่าเรียน,สร้างโปรแกรมผีบ้ามากมายหลอกค่าเรียนค่าเทอมผู้ปกครอง,อยากเรียนต้องเป็นหนี้แบบกยศ. แต่ให้เรียนฟรีแก่เด็กเขมร เด็กพม่า เด็กอิสลาม เด็กยิวหรือเด็กต่างชาติสาระพัดวิธี,ซึ่งภาระที่แท้จริงคือรัฐบาลต้องส่งเสริมเยาวชนไทยตนเองเรียนรู้สาระพัดวิชาให้ทันโลกทันชาติอื่นเพื่อกลับมาเป็นพลังสำคัญขับเคลื่อนประเทศไทยตนปกป้องร่วมสร้างชาติไทยตนให้เข้มแข็งมั่นคงต่ออริชาติชั่วเลวต่างๆที่หมายมาไม่ดีต่อชาติไทยเรา,เช่นเขมร อเมริกา ฝรั่งเศสซึ่งพวกมันพยายามอย่างมากมิให้คนไทยเล่าเรียนประวัติศาสตร์ตนเองแบบฝรั่งเศสมาปล้นชิงดินแดนไทยกี่ครั้งที่ไหนอย่างไรบ้าง,อเมริกาปล้นประเทศปล้นบ่อน้ำมันไทยทั้งประเทศแบบใดจนคนทัังชาติต้องยากจนมั่นคงดักดานขนาดนี้,วิชาตังวิชาเศรษฐกิจทำตัง วิชารู้เล่ห์เหลี่ยมทางอาชีพทำตังต่างๆจะกิจการ บริษัทแบบใดๆต่างๆสร้างอาชีพจริงๆสถานศึกษาแบบระดับมัธยมต้องเริ่มสอนนักเรียนเยาวชนเราจริงจังแล้ว,หรือวิชาทำเงินทำทองจริงๆในสังคมประเทศตนเมื่อจบการศึกษาไปต้องเจอทุกๆคนแน่นอน เยาวชนต้องมีภูมิรู้ภูมิเข้าใจพื้นฐานเบื้องต้นทั้งระดับภายในประเทศและระดับตลาดค้าขายเศรษฐกิจระดับต่างประเทศ, ..โครงสร้างการศึกษาเราต้องเปลี่ยนทั้งหมดจริงๆสู่ยุคสมัยใหม่AIที่มาแน่นอน,แต่เรา..ประเทศไทยยังแบ่งชนชั้นกันอยู่ด้านการศึกษาชัดเจน,มาตราฐานเดียวกันต้องมีจริงๆ,รัฐต้องเข้ามากำกับดูแลทั่วประเทศ โปรแกรมค่าเทอมเป็น10,000เป็น100,000ต้องยกเลิกทั่วประเทศทันที สร้างภาระผู้ปกครองตลอดม.ต้น ม.ปลาย.หรือประถมกันเลย,นักเรียนไม่มีตังเป็นหมื่นๆก็เข้าเรียนห้องพิเศษนั้นไม่ได้,ม.ต้นก็จ่ายค่าเทอม ม.ปลายก็จ่ายค่าเทอม,ม.มหาลัย วิลัย ก็จ่ายค่าเทอม,โครงสร้างการศึกษาเราไม่เคยเปลี่ยนแปลงจริงๆไม่นอมลงทุนด้านการศึกษาจริงต่อเยาวชนไทย นัยยะแฝงมุ่งให้เยาวชนตนเป็นทาสแรงงานกิจการเอกชนบริษัทหรือรัฐฐะ,องค์ความรู้จึงพยายามไม่ผลักดันเต็มที่ใครอยากเรียนสูงต้องเป็นนี้ คือนัยยะการสร้างกำแพงดีๆนี้เอง,แบบกีดกันทางภาษีนั้นล่ะ,ชัดเจนหน่อยก็กีดกันตำแหน่งการงานแบบกำแพงสอบ กพ.นั้นล่ะ,เสมือนกลุ่มโซนชนชั้นใครมัน เด็กจบมอใครมันแบบเดียวกัน,รุ่นมรึงรุ่นกูแบบเดียวกัน,สีกูสีมรึงแบบเดียวกัน,จึงอันตรายมาก. ..โครงสร้างการศึกษาเปลี่ยนแปลงสู่ยุคAIไม่พอ,เด็กๆเยาวชนเราต้องมีสัมมาอาชีพมั่นคงดูแลตัวเองและครอบครัวได้ด้วย มีรายได้เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ยืนด้วยขาตนเองได้จริงในทุกๆเยาวชนไทยที่จบการเล่าเรียนออกไป มิใช่ทิ้งขวางเขาเธอเหล่านั้นในสังคมที่ดิ้นรนหาแดกใช้จ่ายจริงด้วยตังจากรายรับที่เข้ามาจริง จ่ายออกไปจริงในแต่ละวัน สถานศึกษาพยายามบิดงอบิดเบือนหักเหค่าจริงตรงจุดๆนี้ทั่วไทย,เพื่อสะท้อนว่าเด็กๆมิอาจมีภาระสำนึกคิดด้านนี้เมื่อเล่าเรียน ให้มุ่งแสวงหาความรู้ ,แต่ค่าจริงมิเป็นเช่นนั้น ค่าจริงคือมหาลัยผลิตคนตกงานเป็นจำนวนมากนั้นเอง,มหาลัย โรงเรียนตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยม ต่างมีห้องพิเศษเป็นว่าเล่น หรือนัยยะแบบมหาลัยคือมุ่งทำตังทำรายได้แล้วนั้นเอง นักศึกษาคือลูกค้าของมหาลัยวิลัยของโรงเรียน,ได้ทั้งจากรัฐช่วยเหลือค่าหัวเด็กๆและเก็บสาระพัดมุกเอาแต่มีเรี่ยไรสไตล์ใดโปรแกรมพิเศษไหนเกิดขึ้นเพื่อแสวงหารายรับรายได้เข้าสถาบัน ส่วนมรึงๆจบไปแล้วจะได้งานจะตกงานเป็นเรื่องของมรึงก็ว่า,เอกชนไทยนำเข้าเครื่องจักรเอย แรงงานต่างด้าวเอยจำนวนมากเข้ามาตลอดถึงปัจจุบัน,ด้อยค่าคนเยาวชนในชาติตนแต่เสือกมาตั้งโรงงาน เปิดบริษัท ย้ายฐานผลิตมาสร้างบนแผ่นดินไทยแต่รับต่างด้าวเข้าทำงานแทนคนไทยเป็นอันมาก สารพัดข้ออ้างกดคนไทยตน อ้างด้อยค่าคุณภาพคนไทยตน,บางกิจการนำเข้าคนของตนแบบจีนมาทำงานที่โรงงานไทยของทุนจีนกันเต็มโรงงานเลย, สถานศึกษาต้องประมาณการกำลังคนแรงงานกับกรมแรงงานให้ได้ ออกหลักสูตรอาชีพที่สามารถใกล้เคียงการเติบโตของเนื้องาน,บริหารคนงาน เด็กจบใหม่คนไทยตนก่อนเอาต่างด้าวมาทำ กระตุ้นองค์รู้ทั่วไทยทำไมเราต้องส่งเสริมเยาวชนไทยเราก่อนกับกิจการในบนแผ่นดินไทย,ทั้งของคนไทยเราเองและต่างชาติมาลงทุน,กำลังคนกรมแรงงานต้องประสานชัดเจนออนไลน์ได้,รวมๆต้องพลิกบทบาทบริหารจัดการครั้งใหญ่จริงๆจะมาเหี้ยแบบเดิมๆไม่ได้อีกแล้ว,แล้วเราคนไทยจะรอดจากสงครามตังสงครามจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันเรื่องปากท้องได้,ไม่ดักดานยากจนอีกแน่นอน,โครงสร้างการปกครองจึงต้องร่วมเปลี่ยนแปลงด้วย,ผู้นำต้องไม่กากๆนั้นเอง.หรือยิ่งเป็นผู้เหนือมนุษย์มากบารมียิ่งดี ยอมให้ขึ้นปกครองประเทศไทยร้อยปีพันปีก็ได้,หยั่งรู้อีกยิ่งเยี่ยม อ่านจิตอ่านใจคนออกยิ่งโหด,มรึงหนาวแน่ ใครคตใครโกงภายในสำนักนายกฯท่านๆเรียกไปคุยด้วยมีหนาว อาจประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิตก็ได้ ยึดทรัพย์กันอนาถ,เชื่อมจิตได้ด้วย มรึงคุยกับใครทำชั่วที่ไหนดิวอะไรไว้,เชื่อมโยงถึงตัวพ่อหมด,คำสั่งลงไป สั่งเด็ดหัวทั้งหมด,ประเทศไทยคือผู้นำจิตวิญญาณแน่นอนไม่ต้องสงสัย,มิใช่สื่อบางช่องผีบ้ากากๆผู้นำจิตวิญญาณโทนี่ไปดูไบพะนะหรือแบบเสื้อแดงพะนะ ทางความคิดแบบส้มชูสามนิ้วก็โน้น,นี้ใช้นิยมผู้นำแห่งจิตวิญญาณที่ผิด,ที่ถูกคือสไตล์ทางโลกแบบนั้น สร้างมิตรไมตรีจึงไม่ใช่เรื่องยาก ตลอดผู้นำทางสงครามก็ไม่ยาก แว๊บเดียวหายตัวยืนอยู่หน้าศัตรูเด็ดหัวเลยก็ได้,ศัตรูไม่เกรงกลัวย่อมไม่ได้,ตานแน่นอนนั้นเองหากยังไม่พยายามเป็นคนดี,เพราะผู้นำทางจิตวิญญาณถอดจิตท่องจักรวาลทั่วทุกๆดวงดาวได้จริง,เชื่อมมิติที่สูงกว่าได้ แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีล้ำๆจึงมิใช่เรื่องยากอะไร,เรา..ประเทศไทยคนเหนือมนุษย์มีมากไม่น้อย,แต่ไม่ออกมา,จริงๆถึงเวลาอันสมควรแล้วจะที่ไทยหรือทั่วโลก ยอดมนุษย์เหล่านี้ควรแก่เวลาต้องเปิดเผยตัวตนจริงๆได้แล้วเพื่ออัพเลเวลโลกนี้ขึ้นอีกระดับจริงๆร่วมกันทั่วโลก,อย่าทำตัวผีบ้าหลบซ่อนตัวตนอีกเลย. https://youtube.com/shorts/mw78-XhjAQw?si=C9z2vO_AOjZJECMx
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 4
    ระหว่างที่อยู่นครศรีธรรมราช นาย Kenneth อยู่กับสังคมชาวมิชชั่นนารี ซึ่งมีภาระกิจต่างๆ กัน ท่านสาธุคุณ E. P Dunlap ผู้ซึ่งชาวมิชชั่นนารีชื่นชมมากกว่าเป็นคนเดียวที่สามารถเข้าถึงกษัตริย์ไทย เพราะพระเจ้าอยู่หัวทรงรัชกาลที่ 7 ให้ความสนิทสนมด้วย ถึงกับทรงนับว่าเป็นเพื่อน นอกจากนี้ยังมีท่านสาธุคุณ Frank L. Snyder กับครอบครัว ซึ่งครอบครัวนี้เดิมอยู่บางกอก นาย Snyder ทำหน้าที่ดูแลการเงินของพวกมิชชั่นนารี ซึ่งแน่นอนคนคุมเงินยอมมีอำนาจ นาย Snyder เข้าไปร่วมวงกับพวกคนจีน และรวมกันตั้งโบสถ์คริสเตียนร่วมกับคนจีน ต่อมาก็สร้างตึกให้กับโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน วันหนึ่งนาย Snyder เขียนจดหมายไปถึงใครคนหนึ่งในอเมริกา ในจดหมายด่ารัฐบาลไทยเสียไม่เหลือ นาย Snyder คงไม่รู้ว่ารัฐบาลไทยก็ทำการตรวจสอบเป็นเหมือนกัน รัฐบาลไทยจึงมีคำสั่งให้นายSnyder เป็นบุคคลต้องห้าม Personna non grata และให้ออกนอกประเทศไป ต่อมาทางมิชชั่นนารีขอร้องรัฐบาลไทยยินยอมให้นาย Snyder กลับมาอยู่เมืองไทย แต่ไปอยู่ไกลหูไกลตา รัฐบาลไทยก็ยอม ทางคณะมิชชั่นนารีจึงส่งนาย Snyder มาประจำอยู่นครศรีธรรมราช สรุปว่า รัฐบาลไทยนี้ใจอ่อน มองแต่เสื้อคลุมเครื่องแบบไม่ไส่ใจเนื้อในของผู้ใส่ และนครศรีธรรมราชนี่น่าจะเป็นชุมทางสำคัญ !
    ระหว่างที่อยู่ที่นครศรีธรรมราช วันหนึ่งประมาณปี ค.ศ. 1929 หรือ 1930 นาง Margaret ไปเยี่ยมคุณหมอ Edwin Bruce Mcdaniel ซึ่งอยู่อีกฝากหนึ่งของนครศรีธรรมราช คุณหมอยื่นหนังสือเล่มหนึ่งให้ นาง Margaret ชื่อ “The English Governess at the Siamese Court” เขาบอกกับนาง Margaret ว่า หนังสือเล่มนี้ต้องห้ามนะ คนไทยไม่ชอบ แต่เอาไปอ่านเถอะ หนังสือเล่มนี้เขียนโดย Anna Leonowens เป็นสำนวนวิกตอเรียนในยุค ค.ศ. 1860 สำหรับหลายๆ คน อาจเป็นหนังสือที่น่าเบื่อ อ่านแล้วง่วง เหมือนกินยานอนหลับ แต่สำหรับนาง Margaret กลับตรงกันข้าม มันเหมือนนางกินยาอีเข้าไปแทน นางเพลิดเพลินกับหนังสือจนอ่านแบบรวดเดียวจบ ลืมวันเวลาไปเลย คงนึกว่าตัวเองเป็นนาง Anna ?!
    ต่อมาคุณหมอ Edwin ก็ยื่นหนังสือให้นาง Margaret อีกเล่ม ชื่อ Romance of the Harem (คุณหมอนี่ช่างสะสมหนังสือ “ต้องห้าม” เสียจริง พวกมิชชั่นนารีนี่ถ้าจะชอบการผจญ “ภัย”)หนังสือทั้ง 2 เล่มนี้ ติดอยูในใจของนาง Margaret มาตลอด จนเมื่อกลับมาที่อเมริกา นางตั้งใจจะหาหนังสือทั้ง 2 เล่มนี้ให้ได้ และตั้งใจจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับ Anna นาย Kenneth สาธยายชื่นชมเมียว่าเป็นคนช่างเขียน ช่างจดช่างจำ ละเอียดละออ เขียนอะไรก็ไพเราะไปหมด ไม่ว่าเขียนหนังสือธรรมดาหรือเขียนเป็นโคลง (น่าจะปลื้มเมียมากเอาการ) เขาพยายามหนุนให้เมียเขียนหนังสือ โดยเฉพาะเรื่อง Anna นี้อยู่ตลอดเวลา
    แล้ววันหนึ่งขณะที่เดินเข้าไป ในร้านหนังสือที่เมือง Chicago นาง Margaret ก็ไปเจอหนังสือชื่อ “English Governess” ในราคาถูกมาก หลังจากนั้นก็ไปเจอหนังสือ Harem อยู่ในกองหนังสือที่ขายแบบเลหลัง นาง Margaret บอกว่าแบบนี้แล้ว ฉันคงจะต้องเขียนหนังสือเรื่อง Anna แล้วละ ยังกับสวรรค์ประทาน ทำนองนั้น
    ระหว่างที่ประจำอยู่ที่ตรัง นาย Kenneth บอกว่าเขาต้องเดินทางตลอดเวลา เพื่อไปเยี่ยมและไปสอนศาสนาตามมิชชั่นนารีต่างๆ ที่มีอยู่หลายจังหวัดทางภาคใต้ วันหนึ่งเขาต้องเดินทางโดยเรือไปจากชุมพร แล่นเรือออกไปในเวลากลางคืน เรือแล่นไปสักพัก รู้สึกเรือแล่นได้ช้าลง และเครื่องยนต์ทำท่าจะไปไม่รอด ทะเลกลายเป็นสีดำ และเมื่อมองไปทางฝั่งและยอดคลื่น เขาเห็นแสงเรืองของฟอสฟอรัสสว่างไสวเต็มไปหมด มันเป็นภาพที่นาย Kenneth บอกว่าไม่มีวันจะลืม เรือแล่นไปบนทะเลสีดำ ด้านซ้ายมองเห็นประภาคารอยู่ไกลๆ ฟองน้ำแตกตามรอยเรือแล่น สว่างด้วยแสงฟอสฟอรัส และทั้งทะเลเหมือนประกายเพชรระยิบระยับ เขารู้สึกเหมือนเรือแล่นอยู่บนฟองน้ำมัน ทะเลทั้งผืนเหมือนเต็มไปด้วย น้ำมัน !
    ไม่กี่ปีต่อมา ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันในอ่าวไทย ก็เป็นข้อมูลที่อเมริกาให้ความสนใจยิ่ง ถึงขนาดเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เสร็จสิ้นลง ขณะที่อังกฤษกำลังฉวยโอกาส จากการที่ไทยประกาศสงครามกับอังกฤษและอเมริกาตามญี่ปุ่น อังกฤษกะเล่นงานไทยกลับอย่างเจ็บแสบ ด้วยการยื่นข้อเรียกร้อง 21 ข้อ อเมริกากลับบอกไม่ติดใจ และเข้ามาช่วยไทยเจรจาอังกฤษ เรียกว่าอ้าแขนมาปกป้องไทยแลนด์สมันน้อย อย่างพี่เบิ้มใจดี ดีจนเหลือเชื่อ ขณะเดียวกันก็เสนอความช่วยเหลือแก่ไทยหลังสงครามโลก สมัยจอมพล ป. คนใส่หมวกแล้วชาติเจริญ เป็นนายกรัฐมนตรี

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 4 ระหว่างที่อยู่นครศรีธรรมราช นาย Kenneth อยู่กับสังคมชาวมิชชั่นนารี ซึ่งมีภาระกิจต่างๆ กัน ท่านสาธุคุณ E. P Dunlap ผู้ซึ่งชาวมิชชั่นนารีชื่นชมมากกว่าเป็นคนเดียวที่สามารถเข้าถึงกษัตริย์ไทย เพราะพระเจ้าอยู่หัวทรงรัชกาลที่ 7 ให้ความสนิทสนมด้วย ถึงกับทรงนับว่าเป็นเพื่อน นอกจากนี้ยังมีท่านสาธุคุณ Frank L. Snyder กับครอบครัว ซึ่งครอบครัวนี้เดิมอยู่บางกอก นาย Snyder ทำหน้าที่ดูแลการเงินของพวกมิชชั่นนารี ซึ่งแน่นอนคนคุมเงินยอมมีอำนาจ นาย Snyder เข้าไปร่วมวงกับพวกคนจีน และรวมกันตั้งโบสถ์คริสเตียนร่วมกับคนจีน ต่อมาก็สร้างตึกให้กับโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน วันหนึ่งนาย Snyder เขียนจดหมายไปถึงใครคนหนึ่งในอเมริกา ในจดหมายด่ารัฐบาลไทยเสียไม่เหลือ นาย Snyder คงไม่รู้ว่ารัฐบาลไทยก็ทำการตรวจสอบเป็นเหมือนกัน รัฐบาลไทยจึงมีคำสั่งให้นายSnyder เป็นบุคคลต้องห้าม Personna non grata และให้ออกนอกประเทศไป ต่อมาทางมิชชั่นนารีขอร้องรัฐบาลไทยยินยอมให้นาย Snyder กลับมาอยู่เมืองไทย แต่ไปอยู่ไกลหูไกลตา รัฐบาลไทยก็ยอม ทางคณะมิชชั่นนารีจึงส่งนาย Snyder มาประจำอยู่นครศรีธรรมราช สรุปว่า รัฐบาลไทยนี้ใจอ่อน มองแต่เสื้อคลุมเครื่องแบบไม่ไส่ใจเนื้อในของผู้ใส่ และนครศรีธรรมราชนี่น่าจะเป็นชุมทางสำคัญ ! ระหว่างที่อยู่ที่นครศรีธรรมราช วันหนึ่งประมาณปี ค.ศ. 1929 หรือ 1930 นาง Margaret ไปเยี่ยมคุณหมอ Edwin Bruce Mcdaniel ซึ่งอยู่อีกฝากหนึ่งของนครศรีธรรมราช คุณหมอยื่นหนังสือเล่มหนึ่งให้ นาง Margaret ชื่อ “The English Governess at the Siamese Court” เขาบอกกับนาง Margaret ว่า หนังสือเล่มนี้ต้องห้ามนะ คนไทยไม่ชอบ แต่เอาไปอ่านเถอะ หนังสือเล่มนี้เขียนโดย Anna Leonowens เป็นสำนวนวิกตอเรียนในยุค ค.ศ. 1860 สำหรับหลายๆ คน อาจเป็นหนังสือที่น่าเบื่อ อ่านแล้วง่วง เหมือนกินยานอนหลับ แต่สำหรับนาง Margaret กลับตรงกันข้าม มันเหมือนนางกินยาอีเข้าไปแทน นางเพลิดเพลินกับหนังสือจนอ่านแบบรวดเดียวจบ ลืมวันเวลาไปเลย คงนึกว่าตัวเองเป็นนาง Anna ?! ต่อมาคุณหมอ Edwin ก็ยื่นหนังสือให้นาง Margaret อีกเล่ม ชื่อ Romance of the Harem (คุณหมอนี่ช่างสะสมหนังสือ “ต้องห้าม” เสียจริง พวกมิชชั่นนารีนี่ถ้าจะชอบการผจญ “ภัย”)หนังสือทั้ง 2 เล่มนี้ ติดอยูในใจของนาง Margaret มาตลอด จนเมื่อกลับมาที่อเมริกา นางตั้งใจจะหาหนังสือทั้ง 2 เล่มนี้ให้ได้ และตั้งใจจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับ Anna นาย Kenneth สาธยายชื่นชมเมียว่าเป็นคนช่างเขียน ช่างจดช่างจำ ละเอียดละออ เขียนอะไรก็ไพเราะไปหมด ไม่ว่าเขียนหนังสือธรรมดาหรือเขียนเป็นโคลง (น่าจะปลื้มเมียมากเอาการ) เขาพยายามหนุนให้เมียเขียนหนังสือ โดยเฉพาะเรื่อง Anna นี้อยู่ตลอดเวลา แล้ววันหนึ่งขณะที่เดินเข้าไป ในร้านหนังสือที่เมือง Chicago นาง Margaret ก็ไปเจอหนังสือชื่อ “English Governess” ในราคาถูกมาก หลังจากนั้นก็ไปเจอหนังสือ Harem อยู่ในกองหนังสือที่ขายแบบเลหลัง นาง Margaret บอกว่าแบบนี้แล้ว ฉันคงจะต้องเขียนหนังสือเรื่อง Anna แล้วละ ยังกับสวรรค์ประทาน ทำนองนั้น ระหว่างที่ประจำอยู่ที่ตรัง นาย Kenneth บอกว่าเขาต้องเดินทางตลอดเวลา เพื่อไปเยี่ยมและไปสอนศาสนาตามมิชชั่นนารีต่างๆ ที่มีอยู่หลายจังหวัดทางภาคใต้ วันหนึ่งเขาต้องเดินทางโดยเรือไปจากชุมพร แล่นเรือออกไปในเวลากลางคืน เรือแล่นไปสักพัก รู้สึกเรือแล่นได้ช้าลง และเครื่องยนต์ทำท่าจะไปไม่รอด ทะเลกลายเป็นสีดำ และเมื่อมองไปทางฝั่งและยอดคลื่น เขาเห็นแสงเรืองของฟอสฟอรัสสว่างไสวเต็มไปหมด มันเป็นภาพที่นาย Kenneth บอกว่าไม่มีวันจะลืม เรือแล่นไปบนทะเลสีดำ ด้านซ้ายมองเห็นประภาคารอยู่ไกลๆ ฟองน้ำแตกตามรอยเรือแล่น สว่างด้วยแสงฟอสฟอรัส และทั้งทะเลเหมือนประกายเพชรระยิบระยับ เขารู้สึกเหมือนเรือแล่นอยู่บนฟองน้ำมัน ทะเลทั้งผืนเหมือนเต็มไปด้วย น้ำมัน ! ไม่กี่ปีต่อมา ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันในอ่าวไทย ก็เป็นข้อมูลที่อเมริกาให้ความสนใจยิ่ง ถึงขนาดเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เสร็จสิ้นลง ขณะที่อังกฤษกำลังฉวยโอกาส จากการที่ไทยประกาศสงครามกับอังกฤษและอเมริกาตามญี่ปุ่น อังกฤษกะเล่นงานไทยกลับอย่างเจ็บแสบ ด้วยการยื่นข้อเรียกร้อง 21 ข้อ อเมริกากลับบอกไม่ติดใจ และเข้ามาช่วยไทยเจรจาอังกฤษ เรียกว่าอ้าแขนมาปกป้องไทยแลนด์สมันน้อย อย่างพี่เบิ้มใจดี ดีจนเหลือเชื่อ ขณะเดียวกันก็เสนอความช่วยเหลือแก่ไทยหลังสงครามโลก สมัยจอมพล ป. คนใส่หมวกแล้วชาติเจริญ เป็นนายกรัฐมนตรี คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยนักล่า ตอนที่ 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยนักล่า” (2)
    ขณะที่เขียนนิทานนี้ การขับไล่รัฐบาลนังมารร้าย ของมวลมหาประชาชนยังไม่สำเร็จ มะม่วงแม้จะขั้วเน่า จุดดำขึ้นเต็มลูก ก็ยังไม่ร่วงหล่น ลุงกำนันใช้ลมปากเท่าใดก็ไม่เป็นผล และแม้จะมีนักวิชาการดาหน้ากันมาบอกว่า การเป็นรัฐบาลรักษาการของรัฐบาลนังมารร้ายได้สิ้นสุดไปแล้ว ก็เหมือนพูดกับคนหูหนวก ไม่รู้เรื่อง แถมนังมารร้ายออกมาพูดจาเลอะเทอะ ทำน้ำตาคลอ ดูอาการเหมือนคนใกล้จะวิปลาส และแม้จะมีศาลจะออกมาชี้มูลความผิด หรือแม้ว่าจะมีคุณหมอคนใดจริงใจและใจถึงออกมาบอกว่า นังมารร้ายวิปลาสไปแล้ว หล่อนก็ยังคงไม่รู้ร้อนรู้หนาวเกาะเก้าอี้ห้อยต่องแต่งต่อไป จำเป็นจะต้องรอให้มีปัจจัยอื่น ที่จะมาปลิดมะม่วงให้หล่น
    ปัจจัยภายในคือคุณพี่ทหาร ซึ่งขณะนี้ได้แสดงท่าทีว่าจวนจะหาจุดยืนถูก “ที่” แล้ว รออีกสักหน่อย ตอนนี้ยังยุ่งกับการแต่งบังเกอร์ให้หวานแหววอยู่ ส่วนปัจจัยภายนอกคือนักล่า ซึ่งได้ปล่อยข่าวผ่านสำนักหมอ ดู CSIS (Centre for Strategic and International Studies) เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 ไปแล้วว่า มันควรต้องมีการประนีประนอมด้วยการเจรจา และตกลงตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลาง เลือกเอาจากที่ผู้คนยอมรับนับถือแบบนายอานันท์ ปันยารชุน
    แหม ! ข่าวแบบนี้เล่นเอาร้านตัดเสื้องานเข้า เขาว่ามีคนแอบไปตัดชุดขาวหลายคน (แอบลุ้นกันทั้งนั้น) บางคนก็เอาชุดเดิมไปแก้ เพราะว่าคอมันคับไป แก่แล้ว น้ำหนักมันขึ้น (ฮา)
    แม้เราจะยังไม่แน่ใจว่า นักล่าจะเล่นไพ่ใบไหน มันกะล่อนจะตาย จะเชื่อกันง่าย ๆ ก็ ฉ.ห. กันหมด แต่เมื่อลองไปแกะรอย ตามดูว่านักล่าเดินไปทางไหน มันก็พอจะบอกอะไรเพิ่มเติมได้บ้าง
    อเมริกามีหน่วยงานหนึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบ ทำรายงานเกี่ยวกับความเป็นไปของแต่ละประเทศแต่ละเหตุการณ์ในโลก เพื่อส่งให้สภาสูง เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอเมริกา เหมือนคุณครูประจำชั้นเขียนสมุดพก ประจำตัวนักเรียนแต่ละคน รายงานผู้ปกครอง สมัยเราเรียนหนังสือนั่นละ หน่วยงานที่ออกสมุดพกพวกนี้เรียกว่า Congressional Research Services (CRS) คุณครูจะออกสมุดพกของแต่ละประเทศ เป็นรายปีในกรณีปกติ หรือมากกว่านั้น ขึ้นกับเหตุการณ์และความสำคัญ เช่นถ้าอเมริกากำลังวิ่งเล่นโยนระเบิดอยู่แถวอิรัค สมุดพกของอิรัคอาจออกเป็นรายชั่วโมง (ฮา) หรือของยูเครนตอนนี้คงออกเป็นรายครึ่งวัน เพราะลงทุนส่งสมุนไปปลุกเศกการปฏิวัติประชาชนซะจนประเทศเขากำลังจะแตกเป็นเสี่ยง
    สำหรับประเทศไทย ที่เปิดเผยคือสมุดพกออกเป็นราย ปี แต่ที่ปกปิด ตามรายงานของคุณนายฑูต อาจออกเป็นรายวัน ดูสมัยเสื้อแดงเผาเมือง ฑูตสมัยนั้นรายงานทุกวัน 3 เวลาหลังอาหาร (อ่านจาก Wikileaks ที่ได้อภินันทนาการแจกกันทั่วโลกครับ) สมุดพกที่ว่านี้ปรกติของนักเรียนไทยแต่ละปี จะออกช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน แต่สำหรับปีค.ศ. 2013 ที่ผ่านมา ผ่านไปครึ่งปีคุณครูคงยังไม่สามารถสรุป ความประพฤติของนักเรียนไทยได้ เพราะเริ่มมีอาการปวดหัว ตัวร้อน มีการโดดเรียน หรือเริ่มมั่วสุมนอกห้องเรียน เพราะหงุดหงิดจากพวกแก๊งขี้โกงเสนอร่างพรบ.นิรโทษกรรมเข้าไปพิจารณาในสภา คุณครู CRS เลยถ่วงเวลามาออกเอาเดือนสุดท้ายของปี คือออกรายงานเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2013
    รายงานคราวนี้ยาวกว่าปรกติ โดยเฉพาะเรื่องสถานการณ์ด้านการเมือง คุณครูรายงานถี่ยิบ ใส่ทุกเรื่องทุกฝ่าย
    รายงานส่วนที่สำคัญบอกว่า ไทยแลนด์เป็นพันธมิตรเก่าแก่ของอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ. 1954 (นานจัง) และได้รับการชื่นชมมาโดยตลอดว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จ ทั้งด้านเศรษฐกิจและการดำรงความเป็นประเทศในระบอบประชาธิปไตย (อ้าว ! ไหนประนามกันเรื่อยว่าไทยไม่เป็นประชาธิปไตย เดี๋ยวฟ้องคุณครูเลย ! ) สัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแน่นแฟ้นในช่วงสงครามเย็น และได้ขยายไปทั้งด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความมั่นคง ไทยเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของอเมริกา และการที่อเมริกาสามารถเข้าไปใช้บริการ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของกองทัพไทย (เช่น สนามบิน ! ) ทำให้ประเทศไทยเป็นส่วนสำคัญทางยุทธศาสตร์ของอเมริกาในการจะดำรงคงอยู่ในภูมิภาค Asia Pacific นี้ได้ (แหม ! จะหลอกใช้สนามบินของเค้าอีกแล้ว)
    คุณครูบอกว่าความมั่นคงและความเจริญเติบโตของประเทศไทย เริ่มสั่นคลอนหลังจากรัฐประหารในไทย เมื่อ ค.ศ. 2006 สร้างความแตกแยกในสังคมไทยอย่างร้าวลึกและยาวนาน และขณะนี้ได้ลุกลามไปจนกลายเป็น การประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และให้มีการปกครอง ที่มีบางส่วนอาจมองได้ว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองของประเทศ อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจของไทย ก็ยังเติบโตแม้จะมีวิกฤติการเมือง และยังเป็นประเทศที่รายได้ของชนชั้นกลาง ยังมีการขยายต่อได้อีก และยังเป็นพันธมิตรที่มั่นคงของอเมริกา (แปลว่าเรื่องกระเป๋าตังค์นี่ เป็นประเด็นที่นักล่าสนใจนะ)
    ประเทศไทยที่สงบและมีความมั่นคง มีนัยอย่างสำคัญทางยุทธศาสตร์ของอเมริกา เพราะประเทศไทยซึ่งมีสถานะเป็นพันธมิตรของอเมริกา ตั้งอยู่บนพื้นแผ่นดินในบริเวณที่เหมาะสมของภูมิภาคอาเซียอาคเณย์นี้ (จุดได้เปรียบของไทย จำกันไว้ให้ดี !)
    คุณครูรายงานต่อไปว่า สภาสูงของอเมริกากำลังลำบากใจที่ต้องเผชิญกับภาวะที่ดูไม่ประชาธิปไตยของไทย และจะมีปฏิกิริยาตอบรับอย่างไร กับประเด็นการดุลอำนาจระหว่างพลเรือนและทหารที่เป็นอยู่ในสังคมไทย (พูดง่าย ๆ ว่ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาพลเรือนนำทหาร หรือจะเอาทหารนำพลเรือนใช่ไหมคุณครู) นอกจากนี้ยังมีนักวิเคราะห์หลายรายบอกว่า การที่ไทยมัววุ่นอยู่กับปัญหาภายในประเทศของตนนานเกินไป ทำให้อิทธิพลของตนเองที่เคยมีอยู่ในภูมิภาคนี้ด้อยลงด้วย อย่างไรก็ตามแม้ในระดับการปฏิบัติการร่วมกัน ยังคงราบรื่นอยู่ แต่การริเริ่มใหม่ ๆ ดูเหมือนจะเฉื่อยชาไป (แหม ! นายท่านพวกกระผม กำลังวุ่นกับการไล่รัฐบาลโจร จะให้มัวไปเช็ดรองเท้าพวกท่านก็กรุณารอก่อนนะขอรับ ขอโทษครับ ขอเขียนแดกพวกขี้ข้าฝรั่งหน่อย อดไม่ได้)
    เมื่อรัฐบาล Obama ประกาศเปลี่ยนแปลงดุลยภาพของอเมริกา (Rebalancing) โดยให้ความสำคัญกับ Asia Pacific เป็นอันดับสำคัญ ซึ่งจำเป็นต้องมีการขับเคลื่อนร่วมมือจากประเทศที่เรียกว่าเป็นพันธมิตรในภูมิภาคนี้ด้วยนั้น เห็นชัดว่าอเมริกากับไทย ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ และประเทศไทยก็ไม่ได้ เข้าเป็นคู่สัญญาในการริเริ่มขบวนการตาม Trans Pacific Partnership (TPP) (ไทยตกรถไฟขบวน TPP น่าจะแปลว่าดีกับไทยนะ เพราะยังไม่เห็นประโยชน์อะไรกับไทยเลย !)
    แต่ประเด็นที่เป็นปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการเมืองไทย ที่อเมริกาเป็นห่วง คือโอกาสที่ทักษิณจะกลับมาอยู่ในประเทศไทย มีมากน้อยเพียงใด (แปลว่าไม่อยากได้ทักษิณใช่ไหม ทักษิณเป็นตัวปัญหาใช่ไหม คุณครู) เพราะทักษิณยังเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ และตัวทักษิณเองได้พูดไปทั่วว่า ตนเองยังได้รับการสนับสนุนจากคนไทยอยู่มาก และจะกลับบ้านในเร็ว ๆ นี้ ร่างกฎหมาย นิรโทษกรรมที่จะล้างผิดให้ทักษิณเป็นต้นเหตุ ให้เกิดการประท้วงใหญ่ ตั้งแต่ตุลาคม ค.ศ. 2013 เป็นต้นมา
    อีกประเด็นที่สำคัญคือคำถามเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระชนมายุ 86 แล้ว และมีรายงานว่าไม่ทรงแข็งแรง พระองค์ทรงเป็นที่เคารพอย่างสูงสุด ของประชาชนมาตลอด 60 ปี ที่ผ่านมา และสถาบันกษัตริย์เป็นที่ยอมรับว่า เป็นสถาบันที่มั่นคงที่สุดในไทย แต่ขณะนี้คำถามเกี่ยวกับการสืบสันตติวงศ์เริ่มใกล้เข้ามา ซึ่งทำให้ความมั่นคงของไทยในส่วนนี้ เป็นเรื่องที่ห่วงกันอยู่
    สาเหตุหลักที่อเมริกาจะต้องพยายามรักษาสัมพันธ์กับประเทศไทยไว้ คือ การแข่งขันในการมีอิทธิพลในอาเซียอาคเณย์ระหว่างอเมริกากับจีน (ฮั่นแน่ ! เรื่องสำคัญ มาแอบอยู่ตรงนี้เองแหละ) ไทยมีชื่อเสียงมานานในความสามารถรักษาสัมพันธ์กับทุกฝ่าย ไม่ว่าด้านธุรกิจ การเมือง และวัฒนธรรม ไทยสามารถจัดการได้ดีทั้งกับจีนและอเมริกา
    ประเทศไทยที่แข็งแรง และมองออกไปนอกตัวเองมากขึ้น จะช่วยให้ได้รับการสนับสนุน ในการเข้าร่วมกระบวนการ “Rebalancing” ของอเมริกา วิกฤตการเมืองของไทย ทำให้ไทยเสียโอกาสอย่างมาก เพราะเมื่อรัฐบาล Obama ประกาศนโยบายต่างประเทศ Rebalancing ของอเมริกามาทางเอเซีย ไทยไม่ได้รับบทบาทสำคัญ (ไม่ได้เป็นพระเอก) และวอชิงตันได้มองไปที่ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และคบหุ้นส่วนใหม่ เช่น อินโดนีเซีย และเวียตนาม (พวกตัวประกอบผักชีโรยหน้า)
    อย่างไรก็ตามฝ่ายกองทัพของสหรัฐ ยังอยากที่จะคบค้าสานสัมพันธ์กับกองทัพไทยต่อไป (Mil to Mil relationship) โดยเฉพาะการสามารถเข้าไปใช้เครื่องมือเครื่องใช้อำนวยความสะดวก รวมทั้งฐานทัพของไทย ในกรณีที่เกิดปัญหาความตึงเครียดในภูมิภาคนี้
    นักวิเคราะห์ระดับภูมิภาคประโลมใจว่า แม้ประเทศไทยจะไม่วิเศษสมบูรณ์ แต่พันธมิตรที่เป็นประชาธิปไตยในภูมิภาค มีความสำคัญยิ่งในการแสดงให้เห็นถึงความผูกพันธ์ของอเมริกาในภูมิภาคนี้ (คุณนายฑูตคริสตี้ ช่วยอ่านรายงานคุณครู CRS ตอนนี้ให้เข้าไปในหัวหน่อย และถ้าคุณนายซึ่งเป็นฑูตตัวแทนประเทศตัวเอง แล้วยังตั้งหน้าตอแหลบิดเบือนต่อไปอีก ครูใหญ่ Obama ช่วยเรียกตัวกลับไปกวาดพื้นโรงเรียนประถมในอเมริกา จะเหมาะสมกับคุณนายมากกว่า และอาจจะทำให้อเมริกาถูกรังเกียจน้อยลงไปบ้าง)
    ขณะเดียวกัน มีผู้ท้วงติงว่า การที่อเมริกาพยายามจะให้ไทยใช้วิธีการบริหารประเทศ โดยให้พลเรือนควบคุมกองทัพ ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล ดูจากเหตุการณ์ไม่กี่ปีที่ผ่านมา (แปลว่าอยากได้ทหารเป็นผู้บริหารประเทศ มากกว่าพลเรือนหรือไง ?) และแม้ว่าการจะใช้สนามบินของไทยเป็นเรื่องสำคัญสำหรับกองทัพอเมริกา ก็มีผู้สงสัยเช่นกันว่า ไทยจะยอมให้ใช้หรือไม่ หากมีความขัดแย้งกันเกิดขึ้น (เริ่มจะรู้ตัวแล้วหรือนักล่า ว่าสมันน้อยก็มีเขี้ยวเล็บเหมือนกัน)

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยนักล่า ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยนักล่า” (2) ขณะที่เขียนนิทานนี้ การขับไล่รัฐบาลนังมารร้าย ของมวลมหาประชาชนยังไม่สำเร็จ มะม่วงแม้จะขั้วเน่า จุดดำขึ้นเต็มลูก ก็ยังไม่ร่วงหล่น ลุงกำนันใช้ลมปากเท่าใดก็ไม่เป็นผล และแม้จะมีนักวิชาการดาหน้ากันมาบอกว่า การเป็นรัฐบาลรักษาการของรัฐบาลนังมารร้ายได้สิ้นสุดไปแล้ว ก็เหมือนพูดกับคนหูหนวก ไม่รู้เรื่อง แถมนังมารร้ายออกมาพูดจาเลอะเทอะ ทำน้ำตาคลอ ดูอาการเหมือนคนใกล้จะวิปลาส และแม้จะมีศาลจะออกมาชี้มูลความผิด หรือแม้ว่าจะมีคุณหมอคนใดจริงใจและใจถึงออกมาบอกว่า นังมารร้ายวิปลาสไปแล้ว หล่อนก็ยังคงไม่รู้ร้อนรู้หนาวเกาะเก้าอี้ห้อยต่องแต่งต่อไป จำเป็นจะต้องรอให้มีปัจจัยอื่น ที่จะมาปลิดมะม่วงให้หล่น ปัจจัยภายในคือคุณพี่ทหาร ซึ่งขณะนี้ได้แสดงท่าทีว่าจวนจะหาจุดยืนถูก “ที่” แล้ว รออีกสักหน่อย ตอนนี้ยังยุ่งกับการแต่งบังเกอร์ให้หวานแหววอยู่ ส่วนปัจจัยภายนอกคือนักล่า ซึ่งได้ปล่อยข่าวผ่านสำนักหมอ ดู CSIS (Centre for Strategic and International Studies) เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 ไปแล้วว่า มันควรต้องมีการประนีประนอมด้วยการเจรจา และตกลงตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลาง เลือกเอาจากที่ผู้คนยอมรับนับถือแบบนายอานันท์ ปันยารชุน แหม ! ข่าวแบบนี้เล่นเอาร้านตัดเสื้องานเข้า เขาว่ามีคนแอบไปตัดชุดขาวหลายคน (แอบลุ้นกันทั้งนั้น) บางคนก็เอาชุดเดิมไปแก้ เพราะว่าคอมันคับไป แก่แล้ว น้ำหนักมันขึ้น (ฮา) แม้เราจะยังไม่แน่ใจว่า นักล่าจะเล่นไพ่ใบไหน มันกะล่อนจะตาย จะเชื่อกันง่าย ๆ ก็ ฉ.ห. กันหมด แต่เมื่อลองไปแกะรอย ตามดูว่านักล่าเดินไปทางไหน มันก็พอจะบอกอะไรเพิ่มเติมได้บ้าง อเมริกามีหน่วยงานหนึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบ ทำรายงานเกี่ยวกับความเป็นไปของแต่ละประเทศแต่ละเหตุการณ์ในโลก เพื่อส่งให้สภาสูง เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอเมริกา เหมือนคุณครูประจำชั้นเขียนสมุดพก ประจำตัวนักเรียนแต่ละคน รายงานผู้ปกครอง สมัยเราเรียนหนังสือนั่นละ หน่วยงานที่ออกสมุดพกพวกนี้เรียกว่า Congressional Research Services (CRS) คุณครูจะออกสมุดพกของแต่ละประเทศ เป็นรายปีในกรณีปกติ หรือมากกว่านั้น ขึ้นกับเหตุการณ์และความสำคัญ เช่นถ้าอเมริกากำลังวิ่งเล่นโยนระเบิดอยู่แถวอิรัค สมุดพกของอิรัคอาจออกเป็นรายชั่วโมง (ฮา) หรือของยูเครนตอนนี้คงออกเป็นรายครึ่งวัน เพราะลงทุนส่งสมุนไปปลุกเศกการปฏิวัติประชาชนซะจนประเทศเขากำลังจะแตกเป็นเสี่ยง สำหรับประเทศไทย ที่เปิดเผยคือสมุดพกออกเป็นราย ปี แต่ที่ปกปิด ตามรายงานของคุณนายฑูต อาจออกเป็นรายวัน ดูสมัยเสื้อแดงเผาเมือง ฑูตสมัยนั้นรายงานทุกวัน 3 เวลาหลังอาหาร (อ่านจาก Wikileaks ที่ได้อภินันทนาการแจกกันทั่วโลกครับ) สมุดพกที่ว่านี้ปรกติของนักเรียนไทยแต่ละปี จะออกช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน แต่สำหรับปีค.ศ. 2013 ที่ผ่านมา ผ่านไปครึ่งปีคุณครูคงยังไม่สามารถสรุป ความประพฤติของนักเรียนไทยได้ เพราะเริ่มมีอาการปวดหัว ตัวร้อน มีการโดดเรียน หรือเริ่มมั่วสุมนอกห้องเรียน เพราะหงุดหงิดจากพวกแก๊งขี้โกงเสนอร่างพรบ.นิรโทษกรรมเข้าไปพิจารณาในสภา คุณครู CRS เลยถ่วงเวลามาออกเอาเดือนสุดท้ายของปี คือออกรายงานเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2013 รายงานคราวนี้ยาวกว่าปรกติ โดยเฉพาะเรื่องสถานการณ์ด้านการเมือง คุณครูรายงานถี่ยิบ ใส่ทุกเรื่องทุกฝ่าย รายงานส่วนที่สำคัญบอกว่า ไทยแลนด์เป็นพันธมิตรเก่าแก่ของอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ. 1954 (นานจัง) และได้รับการชื่นชมมาโดยตลอดว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จ ทั้งด้านเศรษฐกิจและการดำรงความเป็นประเทศในระบอบประชาธิปไตย (อ้าว ! ไหนประนามกันเรื่อยว่าไทยไม่เป็นประชาธิปไตย เดี๋ยวฟ้องคุณครูเลย ! ) สัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแน่นแฟ้นในช่วงสงครามเย็น และได้ขยายไปทั้งด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความมั่นคง ไทยเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของอเมริกา และการที่อเมริกาสามารถเข้าไปใช้บริการ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของกองทัพไทย (เช่น สนามบิน ! ) ทำให้ประเทศไทยเป็นส่วนสำคัญทางยุทธศาสตร์ของอเมริกาในการจะดำรงคงอยู่ในภูมิภาค Asia Pacific นี้ได้ (แหม ! จะหลอกใช้สนามบินของเค้าอีกแล้ว) คุณครูบอกว่าความมั่นคงและความเจริญเติบโตของประเทศไทย เริ่มสั่นคลอนหลังจากรัฐประหารในไทย เมื่อ ค.ศ. 2006 สร้างความแตกแยกในสังคมไทยอย่างร้าวลึกและยาวนาน และขณะนี้ได้ลุกลามไปจนกลายเป็น การประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และให้มีการปกครอง ที่มีบางส่วนอาจมองได้ว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองของประเทศ อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจของไทย ก็ยังเติบโตแม้จะมีวิกฤติการเมือง และยังเป็นประเทศที่รายได้ของชนชั้นกลาง ยังมีการขยายต่อได้อีก และยังเป็นพันธมิตรที่มั่นคงของอเมริกา (แปลว่าเรื่องกระเป๋าตังค์นี่ เป็นประเด็นที่นักล่าสนใจนะ) ประเทศไทยที่สงบและมีความมั่นคง มีนัยอย่างสำคัญทางยุทธศาสตร์ของอเมริกา เพราะประเทศไทยซึ่งมีสถานะเป็นพันธมิตรของอเมริกา ตั้งอยู่บนพื้นแผ่นดินในบริเวณที่เหมาะสมของภูมิภาคอาเซียอาคเณย์นี้ (จุดได้เปรียบของไทย จำกันไว้ให้ดี !) คุณครูรายงานต่อไปว่า สภาสูงของอเมริกากำลังลำบากใจที่ต้องเผชิญกับภาวะที่ดูไม่ประชาธิปไตยของไทย และจะมีปฏิกิริยาตอบรับอย่างไร กับประเด็นการดุลอำนาจระหว่างพลเรือนและทหารที่เป็นอยู่ในสังคมไทย (พูดง่าย ๆ ว่ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาพลเรือนนำทหาร หรือจะเอาทหารนำพลเรือนใช่ไหมคุณครู) นอกจากนี้ยังมีนักวิเคราะห์หลายรายบอกว่า การที่ไทยมัววุ่นอยู่กับปัญหาภายในประเทศของตนนานเกินไป ทำให้อิทธิพลของตนเองที่เคยมีอยู่ในภูมิภาคนี้ด้อยลงด้วย อย่างไรก็ตามแม้ในระดับการปฏิบัติการร่วมกัน ยังคงราบรื่นอยู่ แต่การริเริ่มใหม่ ๆ ดูเหมือนจะเฉื่อยชาไป (แหม ! นายท่านพวกกระผม กำลังวุ่นกับการไล่รัฐบาลโจร จะให้มัวไปเช็ดรองเท้าพวกท่านก็กรุณารอก่อนนะขอรับ ขอโทษครับ ขอเขียนแดกพวกขี้ข้าฝรั่งหน่อย อดไม่ได้) เมื่อรัฐบาล Obama ประกาศเปลี่ยนแปลงดุลยภาพของอเมริกา (Rebalancing) โดยให้ความสำคัญกับ Asia Pacific เป็นอันดับสำคัญ ซึ่งจำเป็นต้องมีการขับเคลื่อนร่วมมือจากประเทศที่เรียกว่าเป็นพันธมิตรในภูมิภาคนี้ด้วยนั้น เห็นชัดว่าอเมริกากับไทย ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ และประเทศไทยก็ไม่ได้ เข้าเป็นคู่สัญญาในการริเริ่มขบวนการตาม Trans Pacific Partnership (TPP) (ไทยตกรถไฟขบวน TPP น่าจะแปลว่าดีกับไทยนะ เพราะยังไม่เห็นประโยชน์อะไรกับไทยเลย !) แต่ประเด็นที่เป็นปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการเมืองไทย ที่อเมริกาเป็นห่วง คือโอกาสที่ทักษิณจะกลับมาอยู่ในประเทศไทย มีมากน้อยเพียงใด (แปลว่าไม่อยากได้ทักษิณใช่ไหม ทักษิณเป็นตัวปัญหาใช่ไหม คุณครู) เพราะทักษิณยังเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ และตัวทักษิณเองได้พูดไปทั่วว่า ตนเองยังได้รับการสนับสนุนจากคนไทยอยู่มาก และจะกลับบ้านในเร็ว ๆ นี้ ร่างกฎหมาย นิรโทษกรรมที่จะล้างผิดให้ทักษิณเป็นต้นเหตุ ให้เกิดการประท้วงใหญ่ ตั้งแต่ตุลาคม ค.ศ. 2013 เป็นต้นมา อีกประเด็นที่สำคัญคือคำถามเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระชนมายุ 86 แล้ว และมีรายงานว่าไม่ทรงแข็งแรง พระองค์ทรงเป็นที่เคารพอย่างสูงสุด ของประชาชนมาตลอด 60 ปี ที่ผ่านมา และสถาบันกษัตริย์เป็นที่ยอมรับว่า เป็นสถาบันที่มั่นคงที่สุดในไทย แต่ขณะนี้คำถามเกี่ยวกับการสืบสันตติวงศ์เริ่มใกล้เข้ามา ซึ่งทำให้ความมั่นคงของไทยในส่วนนี้ เป็นเรื่องที่ห่วงกันอยู่ สาเหตุหลักที่อเมริกาจะต้องพยายามรักษาสัมพันธ์กับประเทศไทยไว้ คือ การแข่งขันในการมีอิทธิพลในอาเซียอาคเณย์ระหว่างอเมริกากับจีน (ฮั่นแน่ ! เรื่องสำคัญ มาแอบอยู่ตรงนี้เองแหละ) ไทยมีชื่อเสียงมานานในความสามารถรักษาสัมพันธ์กับทุกฝ่าย ไม่ว่าด้านธุรกิจ การเมือง และวัฒนธรรม ไทยสามารถจัดการได้ดีทั้งกับจีนและอเมริกา ประเทศไทยที่แข็งแรง และมองออกไปนอกตัวเองมากขึ้น จะช่วยให้ได้รับการสนับสนุน ในการเข้าร่วมกระบวนการ “Rebalancing” ของอเมริกา วิกฤตการเมืองของไทย ทำให้ไทยเสียโอกาสอย่างมาก เพราะเมื่อรัฐบาล Obama ประกาศนโยบายต่างประเทศ Rebalancing ของอเมริกามาทางเอเซีย ไทยไม่ได้รับบทบาทสำคัญ (ไม่ได้เป็นพระเอก) และวอชิงตันได้มองไปที่ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และคบหุ้นส่วนใหม่ เช่น อินโดนีเซีย และเวียตนาม (พวกตัวประกอบผักชีโรยหน้า) อย่างไรก็ตามฝ่ายกองทัพของสหรัฐ ยังอยากที่จะคบค้าสานสัมพันธ์กับกองทัพไทยต่อไป (Mil to Mil relationship) โดยเฉพาะการสามารถเข้าไปใช้เครื่องมือเครื่องใช้อำนวยความสะดวก รวมทั้งฐานทัพของไทย ในกรณีที่เกิดปัญหาความตึงเครียดในภูมิภาคนี้ นักวิเคราะห์ระดับภูมิภาคประโลมใจว่า แม้ประเทศไทยจะไม่วิเศษสมบูรณ์ แต่พันธมิตรที่เป็นประชาธิปไตยในภูมิภาค มีความสำคัญยิ่งในการแสดงให้เห็นถึงความผูกพันธ์ของอเมริกาในภูมิภาคนี้ (คุณนายฑูตคริสตี้ ช่วยอ่านรายงานคุณครู CRS ตอนนี้ให้เข้าไปในหัวหน่อย และถ้าคุณนายซึ่งเป็นฑูตตัวแทนประเทศตัวเอง แล้วยังตั้งหน้าตอแหลบิดเบือนต่อไปอีก ครูใหญ่ Obama ช่วยเรียกตัวกลับไปกวาดพื้นโรงเรียนประถมในอเมริกา จะเหมาะสมกับคุณนายมากกว่า และอาจจะทำให้อเมริกาถูกรังเกียจน้อยลงไปบ้าง) ขณะเดียวกัน มีผู้ท้วงติงว่า การที่อเมริกาพยายามจะให้ไทยใช้วิธีการบริหารประเทศ โดยให้พลเรือนควบคุมกองทัพ ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล ดูจากเหตุการณ์ไม่กี่ปีที่ผ่านมา (แปลว่าอยากได้ทหารเป็นผู้บริหารประเทศ มากกว่าพลเรือนหรือไง ?) และแม้ว่าการจะใช้สนามบินของไทยเป็นเรื่องสำคัญสำหรับกองทัพอเมริกา ก็มีผู้สงสัยเช่นกันว่า ไทยจะยอมให้ใช้หรือไม่ หากมีความขัดแย้งกันเกิดขึ้น (เริ่มจะรู้ตัวแล้วหรือนักล่า ว่าสมันน้อยก็มีเขี้ยวเล็บเหมือนกัน) คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความจริงที่ประชาชนคนไทยดีๆช่วยกันตีแผ่,แต่นักการเมืองและข้าราชการไทยในพื้นที่พยายามฝังกลบ,เรามีทหารและตำรวจในภาคตะวันออกนี้ไว้ทำไม?,คนทำอาชีพสุจริตโดยรังแกชัดเจนจากคนทำอาชีพไม่สุจริต,บ้านเมืองเสื่อมมาก,คนบ้านหนองจานและลักษณะแบบจ.สระแก้วเป็นโซนต้องรักษาหนักสุด คนไข้icuสุดๆติดหาตังจากวิถีเถื่อนๆเต็มพื้นที่ไปหมด,ขาดคือลงแดงทันที,วันไหนไม่ได้ทำกิจกรรมลักษณะนี้จะลงแดงตายแน่นอน,ไม่สามารถกลับไปทำสัมมาอาชีพใดๆได้อีก ปลูกข้าวปลูกยางปลูกมันฯปลูกอ้อย ไม่สามารถทำรายได้และเม็ดเงินเป็นกอบเป็นกำได้ขนาดนี้และใช้ระยะเวลาอันสั้นด้วย,ไม่แปลกใจคนแถวนี้มีตังมีเงินทองมากมายโดยรอบเสียเหลือเกิน,ธนาคารแถวนี้รับฝากเงินสกปรกนี้เป็นอันมากจากนั้นจึงโอนตังกันได้,ฟอกตังสาระพัดอีก,นอกจากฟอกตังมุกอื่นๆ นอกจากขนตังสดๆข้ามชายแดนไปมาด้วย ขนให้ลูกน้องนายใหญ่เพื่อเก็บซ่อนให้นายใหญ่ใช้ในวัยชราใกล้ตายหรือออกจากราชการไทยไปแล้วนั้นเอง.,ใครๆจึงอยากเป็นใหญ่เป็นราชการชั้นปกครองกันมันสามารถอยู่ในอำนาจและเหนืออำนาจควบคุมคนใต้อำนาจได้ ทั้งทำการใดๆผิดบ้างชั่วบ้างก็จะเป็นที่ยอมรับเหมือนเดิมตราบที่ตนยังมีอำนาจในราชการไทยและมีโอกาสทำลักษณะนี้แบบในบ้านหนองจานทั่วไทยได้โล่งทางด้วย,สั่งเก็บใครก็ได้ที่ขัดขวางในสาระพัดวิธีการ ทั้งเก็บสั่งฆ่าตรงๆหรือเล่นทางข้อบทกฎหมาย,เพราะตนใหญ่สุดสั่งทั่วไทยได้มีความสัมพันธ์รอบไทยทั่ว,ชาวบ้านแบบหนองจานจึงน่าสงสารมากๆ,ยุคสมัยใดๆกฎหมายว่าล้ำขนาดไหนก็เอาพวกนี้ไม่ลง จบไม่ได้ ยืนหนึ่งสร้างการค้าขายการตลาดนี้ล่ำไป,การปกครองเราเสื่อมค่าจริงๆ ทหารแม่ทัพภาค1เจ้าของพื้นที่แท้ๆยังปล่อยปละละเลยเป็นอันมากจริงๆตำรวจพื้นที่ก็ด้วย อบต.อบจ. นายอำเภอ ผู้ว่า เป็นไปด้วยกันหมด, สรรพากร พานิชย์จังหวัด กรมที่ดิน หอการค้า สมาคมนักธุรกิจ รวมความเป็นไปด้วยกันหมด,และจริงๆตำรวจกับทหารชายแดนทหารภาคคือหน้าที่ตรงของตนเต็มๆต้องจัดการแต่ก็ไม่ทำ ,บ้านเมืองเราเน่าจริงๆเน่าหลายพื้นที่ เน่าเต็มๆฝั่งภาค1อีกและตำรวจภาคพื้นที่นี้ด้วย,อ.วีระ และทนายแผ่นดินสมควรรวมตัวกันทำเพื่อประเทศ อัยการศาลจังหวัดสระแก้วต้องยื่นฟ้องข้าราชการรัฐในพื้นที่นี้ทั้งหมด.ข้อหา ม.157เลย,ตลอด ม.119ด้วยที่ทำให้อธิปไตยถูกยึดครองสูญเสียไปและบนส่วนในแผ่นดินไทย เขตแดนเข้ามาฝั่งไทยด้วย,และที่น่าเสียใจคือแม่ทัพภาค1ยังติดโผทหารรอขึ้น ผบ.ทบ.อีก,ตลอด มทภ.1รุ่นก่อนๆที่ปกครองพื้นที่ดูแลสระแก้วตลอดแนวพรมแดนก่อนมทภ1.ปัจจุบันรับตำแหน่งก็ต้องโดน ม.157 ม.119ด้วยที่สามารถส่งไม้ต่อจนไม่ปราบปรามถีบเขมรออกจากแผ่นดินไทยอะไรเลย,แถมส่งให้มทภ.1อีก,มทภ1.ก็นิ่งเฉยไม่ถีบเขมรอะไรแม้เคสกรณีอีสานใต้บังเกิดขึ้นเป็นจังหวะอันดีงามแต่ก็นำพาดำเนินการ,ใครที่เกี่ยวข้องสั่งมทภ.1ไม่ออกปฏิบัติการถีบเขมร ยับยั้งมทภ.1ไว้ก็เข้าข่าย ม.119,ไม่ต่างจากคลิปเสียงนายกฯอดีตนายกฯไม่ซื่อสัตย์ผิดจรรยธรรมร้านแรงนั้นด้วยเลย.,ต้องเอามาลงโทษให้ได้ แฉสิ่งที่คุยกัน มีคลิปเสียงคุยกันยิ่งดี,กสทช.ต้องมีบันทึกแน่ ทหารสายลับสามารถดักเสียงได้แน่นอน.,อย่าพากันเก็บทหารเลวไว้หนักกองทัพไทยเลย,สมควรกำจัดเถอะ.

    https://youtube.com/watch?v=ai3k6kgSSDo&si=S_-95UU8YWerUPcZ
    ความจริงที่ประชาชนคนไทยดีๆช่วยกันตีแผ่,แต่นักการเมืองและข้าราชการไทยในพื้นที่พยายามฝังกลบ,เรามีทหารและตำรวจในภาคตะวันออกนี้ไว้ทำไม?,คนทำอาชีพสุจริตโดยรังแกชัดเจนจากคนทำอาชีพไม่สุจริต,บ้านเมืองเสื่อมมาก,คนบ้านหนองจานและลักษณะแบบจ.สระแก้วเป็นโซนต้องรักษาหนักสุด คนไข้icuสุดๆติดหาตังจากวิถีเถื่อนๆเต็มพื้นที่ไปหมด,ขาดคือลงแดงทันที,วันไหนไม่ได้ทำกิจกรรมลักษณะนี้จะลงแดงตายแน่นอน,ไม่สามารถกลับไปทำสัมมาอาชีพใดๆได้อีก ปลูกข้าวปลูกยางปลูกมันฯปลูกอ้อย ไม่สามารถทำรายได้และเม็ดเงินเป็นกอบเป็นกำได้ขนาดนี้และใช้ระยะเวลาอันสั้นด้วย,ไม่แปลกใจคนแถวนี้มีตังมีเงินทองมากมายโดยรอบเสียเหลือเกิน,ธนาคารแถวนี้รับฝากเงินสกปรกนี้เป็นอันมากจากนั้นจึงโอนตังกันได้,ฟอกตังสาระพัดอีก,นอกจากฟอกตังมุกอื่นๆ นอกจากขนตังสดๆข้ามชายแดนไปมาด้วย ขนให้ลูกน้องนายใหญ่เพื่อเก็บซ่อนให้นายใหญ่ใช้ในวัยชราใกล้ตายหรือออกจากราชการไทยไปแล้วนั้นเอง.,ใครๆจึงอยากเป็นใหญ่เป็นราชการชั้นปกครองกันมันสามารถอยู่ในอำนาจและเหนืออำนาจควบคุมคนใต้อำนาจได้ ทั้งทำการใดๆผิดบ้างชั่วบ้างก็จะเป็นที่ยอมรับเหมือนเดิมตราบที่ตนยังมีอำนาจในราชการไทยและมีโอกาสทำลักษณะนี้แบบในบ้านหนองจานทั่วไทยได้โล่งทางด้วย,สั่งเก็บใครก็ได้ที่ขัดขวางในสาระพัดวิธีการ ทั้งเก็บสั่งฆ่าตรงๆหรือเล่นทางข้อบทกฎหมาย,เพราะตนใหญ่สุดสั่งทั่วไทยได้มีความสัมพันธ์รอบไทยทั่ว,ชาวบ้านแบบหนองจานจึงน่าสงสารมากๆ,ยุคสมัยใดๆกฎหมายว่าล้ำขนาดไหนก็เอาพวกนี้ไม่ลง จบไม่ได้ ยืนหนึ่งสร้างการค้าขายการตลาดนี้ล่ำไป,การปกครองเราเสื่อมค่าจริงๆ ทหารแม่ทัพภาค1เจ้าของพื้นที่แท้ๆยังปล่อยปละละเลยเป็นอันมากจริงๆตำรวจพื้นที่ก็ด้วย อบต.อบจ. นายอำเภอ ผู้ว่า เป็นไปด้วยกันหมด, สรรพากร พานิชย์จังหวัด กรมที่ดิน หอการค้า สมาคมนักธุรกิจ รวมความเป็นไปด้วยกันหมด,และจริงๆตำรวจกับทหารชายแดนทหารภาคคือหน้าที่ตรงของตนเต็มๆต้องจัดการแต่ก็ไม่ทำ ,บ้านเมืองเราเน่าจริงๆเน่าหลายพื้นที่ เน่าเต็มๆฝั่งภาค1อีกและตำรวจภาคพื้นที่นี้ด้วย,อ.วีระ และทนายแผ่นดินสมควรรวมตัวกันทำเพื่อประเทศ อัยการศาลจังหวัดสระแก้วต้องยื่นฟ้องข้าราชการรัฐในพื้นที่นี้ทั้งหมด.ข้อหา ม.157เลย,ตลอด ม.119ด้วยที่ทำให้อธิปไตยถูกยึดครองสูญเสียไปและบนส่วนในแผ่นดินไทย เขตแดนเข้ามาฝั่งไทยด้วย,และที่น่าเสียใจคือแม่ทัพภาค1ยังติดโผทหารรอขึ้น ผบ.ทบ.อีก,ตลอด มทภ.1รุ่นก่อนๆที่ปกครองพื้นที่ดูแลสระแก้วตลอดแนวพรมแดนก่อนมทภ1.ปัจจุบันรับตำแหน่งก็ต้องโดน ม.157 ม.119ด้วยที่สามารถส่งไม้ต่อจนไม่ปราบปรามถีบเขมรออกจากแผ่นดินไทยอะไรเลย,แถมส่งให้มทภ.1อีก,มทภ1.ก็นิ่งเฉยไม่ถีบเขมรอะไรแม้เคสกรณีอีสานใต้บังเกิดขึ้นเป็นจังหวะอันดีงามแต่ก็นำพาดำเนินการ,ใครที่เกี่ยวข้องสั่งมทภ.1ไม่ออกปฏิบัติการถีบเขมร ยับยั้งมทภ.1ไว้ก็เข้าข่าย ม.119,ไม่ต่างจากคลิปเสียงนายกฯอดีตนายกฯไม่ซื่อสัตย์ผิดจรรยธรรมร้านแรงนั้นด้วยเลย.,ต้องเอามาลงโทษให้ได้ แฉสิ่งที่คุยกัน มีคลิปเสียงคุยกันยิ่งดี,กสทช.ต้องมีบันทึกแน่ ทหารสายลับสามารถดักเสียงได้แน่นอน.,อย่าพากันเก็บทหารเลวไว้หนักกองทัพไทยเลย,สมควรกำจัดเถอะ. https://youtube.com/watch?v=ai3k6kgSSDo&si=S_-95UU8YWerUPcZ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดาวเหินจรคู่ผสมระหว่างปีและเดือน ประจำเดือนกันยายน 2568

    ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 7 เดือนกันยายน ไปจนถึง วันอังคารที่ 7 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2568 เป็นเดือนระกาไม้ 乙酉 (อิ๊กอิ้ว) ธาตุน้ำ มีกระแสพลังดาวคู่ผสมสี่เขียว四綠 (ซี๊เล็ก) ธาตุไม้ ดาวแห่งวิชาการความรู้ และดาวจอหงวนและดาวสองดำ 二黑 (หยี่เฮก) ธาตุดิน ดาวป่วยไข้ ดาวแห่งโรคภัย ดาวแห่ง ความเสื่อมถดถอย ประจำอยู่ใน ปีจรมะเส็งไม้ 乙巳 (อิกจี๋) ธาตุไฟ

    ส่งกระแสพลังความขัดแย้งต่อกันทำให้เกิดผลกระทบต่อแนวความคิดที่เป็นจุดจบบทสรุปของบ้านของเมืองให้เบ็ดเสร็จเป็นที่ยอมรับได้ยาก จะเกิดความขัดแย้ง แตกแยก ไม่เข้าใจต่อกัน ถึงแม้จะมีความพยายามมอบความสงบสุขให้แก่ประเทศชาติมากเพียงไรก็ตาม แต่ยังคงมีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่ไม่คิดเอาผลประโยชน์ของชาติเป็นตัวตั้ง หวังแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก ประเทศชาติก็ยังคงต้องอมทุกข์เมื่อผู้ป่วยไข้ที่นอนรอรับการรักษาต่อไปเฉกเช่นเศรษฐกิจและสังคมที่ดำรงคงอยู่ในปัจจุบันทุกวันนี้ ดังนั้นควรครองตนบนพื้นฐานแห่งความไม่ประมาท แม้นการเดินทางจะขึ้นเหนือหรือล่องใต้ จะโดยสารเครื่องบิน เรือยนต์ หรือรถยนต์ ก็ควรตรวจสอบสภาพภูมิอากาศก่อนการเดินทางทุกครั้งเพื่อระมัดระวังอุบัติเหตุเภทภัย

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ดาวเหินจรคู่ผสมระหว่างปีและเดือน ประจำเดือนกันยายน 2568 ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 7 เดือนกันยายน ไปจนถึง วันอังคารที่ 7 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2568 เป็นเดือนระกาไม้ 乙酉 (อิ๊กอิ้ว) ธาตุน้ำ มีกระแสพลังดาวคู่ผสมสี่เขียว四綠 (ซี๊เล็ก) ธาตุไม้ ดาวแห่งวิชาการความรู้ และดาวจอหงวนและดาวสองดำ 二黑 (หยี่เฮก) ธาตุดิน ดาวป่วยไข้ ดาวแห่งโรคภัย ดาวแห่ง ความเสื่อมถดถอย ประจำอยู่ใน ปีจรมะเส็งไม้ 乙巳 (อิกจี๋) ธาตุไฟ ส่งกระแสพลังความขัดแย้งต่อกันทำให้เกิดผลกระทบต่อแนวความคิดที่เป็นจุดจบบทสรุปของบ้านของเมืองให้เบ็ดเสร็จเป็นที่ยอมรับได้ยาก จะเกิดความขัดแย้ง แตกแยก ไม่เข้าใจต่อกัน ถึงแม้จะมีความพยายามมอบความสงบสุขให้แก่ประเทศชาติมากเพียงไรก็ตาม แต่ยังคงมีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่ไม่คิดเอาผลประโยชน์ของชาติเป็นตัวตั้ง หวังแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก ประเทศชาติก็ยังคงต้องอมทุกข์เมื่อผู้ป่วยไข้ที่นอนรอรับการรักษาต่อไปเฉกเช่นเศรษฐกิจและสังคมที่ดำรงคงอยู่ในปัจจุบันทุกวันนี้ ดังนั้นควรครองตนบนพื้นฐานแห่งความไม่ประมาท แม้นการเดินทางจะขึ้นเหนือหรือล่องใต้ จะโดยสารเครื่องบิน เรือยนต์ หรือรถยนต์ ก็ควรตรวจสอบสภาพภูมิอากาศก่อนการเดินทางทุกครั้งเพื่อระมัดระวังอุบัติเหตุเภทภัย ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเครื่องปั่นไฟ: เมื่อการเลือกระหว่างเบนซินกับโพรเพนไม่ใช่แค่เรื่องราคา แต่คือการวางแผนชีวิตในวันที่ไฟดับ

    ในบทความจาก TrendlyNews ได้หยิบยกคำถามที่หลายคนสงสัย—ระหว่างเครื่องปั่นไฟที่ใช้เบนซินกับโพรเพน แบบไหนถูกกว่าและคุ้มค่ากว่าในระยะยาว โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือการใช้งานนอกระบบ (off-grid)

    เบนซินมีพลังงานต่อแกลลอนสูงกว่า (ประมาณ 33.7 kWh) เมื่อเทียบกับโพรเพน (ประมาณ 27 kWh) ทำให้เครื่องเบนซินให้กำลังไฟมากกว่าในปริมาณเชื้อเพลิงเท่ากัน แต่โพรเพนกลับมีข้อได้เปรียบด้านความสะอาดและการเก็บรักษา—ไม่เสื่อมสภาพง่าย, ไม่เกิดคราบคาร์บอนในเครื่อง และปลอดภัยกว่าในการจัดเก็บระยะยาว

    แม้ราคาต่อแกลลอนของโพรเพนจะต่ำกว่าเบนซิน (โพรเพน ~$2–3, เบนซิน ~$3.5–4) แต่เนื่องจากพลังงานต่ำกว่า จึงต้องใช้โพรเพนมากขึ้นเพื่อให้ได้กำลังไฟเท่ากัน ทำให้ต้นทุนจริงใกล้เคียงกันในหลายกรณี

    ในด้านการบำรุงรักษา เครื่องเบนซินต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและทำความสะอาดบ่อยกว่า เพราะเชื้อเพลิงมีสิ่งสกปรกมากกว่า ขณะที่โพรเพนเผาไหม้สะอาดกว่าและไม่ทำให้เครื่องสึกหรอเร็ว

    ความแตกต่างด้านพลังงานและต้นทุน
    เบนซินมีพลังงานต่อแกลลอนสูงกว่า (~33.7 kWh)
    โพรเพนมีพลังงานต่ำกว่า (~27 kWh) แต่ราคาต่อแกลลอนถูกกว่า
    ต้องใช้โพรเพนมากขึ้นเพื่อให้ได้กำลังไฟเท่ากับเบนซิน

    ด้านการบำรุงรักษาและความสะอาด
    เครื่องเบนซินต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและทำความสะอาดบ่อย
    โพรเพนเผาไหม้สะอาดกว่า ไม่เกิดคราบคาร์บอน
    โพรเพนไม่เสื่อมสภาพเมื่อเก็บไว้นาน ต่างจากเบนซินที่มี shelf life ~3–6 เดือน

    ด้านความปลอดภัยและการจัดเก็บ
    เบนซินติดไฟง่าย ต้องเก็บในภาชนะเฉพาะและห่างจากแหล่งความร้อน
    โพรเพนเก็บในถังแรงดัน มี shelf life ยาวและปลอดภัยกว่าในการจัดเก็บ
    โพรเพนไม่เกิดการรั่วไหลง่ายเหมือนของเหลว

    การใช้งานในสถานการณ์ฉุกเฉิน
    โพรเพนเหมาะกับการใช้งานระยะยาว เช่นในบ้านพักตากอากาศหรือระบบ off-grid
    เบนซินเหมาะกับการใช้งานชั่วคราวหรือในพื้นที่ที่มีการเติมเชื้อเพลิงสะดวก
    การเลือกขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้งานและความพร้อมด้านโลจิสติกส์

    https://www.trendlynews.in/2025/09/gasoline-vs-propane-generators-which-is.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากเครื่องปั่นไฟ: เมื่อการเลือกระหว่างเบนซินกับโพรเพนไม่ใช่แค่เรื่องราคา แต่คือการวางแผนชีวิตในวันที่ไฟดับ ในบทความจาก TrendlyNews ได้หยิบยกคำถามที่หลายคนสงสัย—ระหว่างเครื่องปั่นไฟที่ใช้เบนซินกับโพรเพน แบบไหนถูกกว่าและคุ้มค่ากว่าในระยะยาว โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือการใช้งานนอกระบบ (off-grid) เบนซินมีพลังงานต่อแกลลอนสูงกว่า (ประมาณ 33.7 kWh) เมื่อเทียบกับโพรเพน (ประมาณ 27 kWh) ทำให้เครื่องเบนซินให้กำลังไฟมากกว่าในปริมาณเชื้อเพลิงเท่ากัน แต่โพรเพนกลับมีข้อได้เปรียบด้านความสะอาดและการเก็บรักษา—ไม่เสื่อมสภาพง่าย, ไม่เกิดคราบคาร์บอนในเครื่อง และปลอดภัยกว่าในการจัดเก็บระยะยาว แม้ราคาต่อแกลลอนของโพรเพนจะต่ำกว่าเบนซิน (โพรเพน ~$2–3, เบนซิน ~$3.5–4) แต่เนื่องจากพลังงานต่ำกว่า จึงต้องใช้โพรเพนมากขึ้นเพื่อให้ได้กำลังไฟเท่ากัน ทำให้ต้นทุนจริงใกล้เคียงกันในหลายกรณี ในด้านการบำรุงรักษา เครื่องเบนซินต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและทำความสะอาดบ่อยกว่า เพราะเชื้อเพลิงมีสิ่งสกปรกมากกว่า ขณะที่โพรเพนเผาไหม้สะอาดกว่าและไม่ทำให้เครื่องสึกหรอเร็ว ✅ ความแตกต่างด้านพลังงานและต้นทุน ➡️ เบนซินมีพลังงานต่อแกลลอนสูงกว่า (~33.7 kWh) ➡️ โพรเพนมีพลังงานต่ำกว่า (~27 kWh) แต่ราคาต่อแกลลอนถูกกว่า ➡️ ต้องใช้โพรเพนมากขึ้นเพื่อให้ได้กำลังไฟเท่ากับเบนซิน ✅ ด้านการบำรุงรักษาและความสะอาด ➡️ เครื่องเบนซินต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและทำความสะอาดบ่อย ➡️ โพรเพนเผาไหม้สะอาดกว่า ไม่เกิดคราบคาร์บอน ➡️ โพรเพนไม่เสื่อมสภาพเมื่อเก็บไว้นาน ต่างจากเบนซินที่มี shelf life ~3–6 เดือน ✅ ด้านความปลอดภัยและการจัดเก็บ ➡️ เบนซินติดไฟง่าย ต้องเก็บในภาชนะเฉพาะและห่างจากแหล่งความร้อน ➡️ โพรเพนเก็บในถังแรงดัน มี shelf life ยาวและปลอดภัยกว่าในการจัดเก็บ ➡️ โพรเพนไม่เกิดการรั่วไหลง่ายเหมือนของเหลว ✅ การใช้งานในสถานการณ์ฉุกเฉิน ➡️ โพรเพนเหมาะกับการใช้งานระยะยาว เช่นในบ้านพักตากอากาศหรือระบบ off-grid ➡️ เบนซินเหมาะกับการใช้งานชั่วคราวหรือในพื้นที่ที่มีการเติมเชื้อเพลิงสะดวก ➡️ การเลือกขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้งานและความพร้อมด้านโลจิสติกส์ https://www.trendlynews.in/2025/09/gasoline-vs-propane-generators-which-is.html
    WWW.TRENDLYNEWS.IN
    Gasoline Vs. Propane Generators: Which Is The Cheaper Option?
    Trending News, Listen News, Top Trending Topics, Videos, Popular News #love #photooftheday #instagood #picoftheday #bestoftheday #giveaway #crypto #ai
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื้อว่านพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดธาตุน้อย ปี2549
    เนื้อว่านพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ พิมพ์ยันต์เกราะเพชร วัดธาตุน้อย คณะสงฆ์อำเภอจุฬาภรณ์ ปี2549 // พระดีพิธีใหญ่ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //

    ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม โชคลาภค้าขาย เลื่อนยศตำแหน่ง ความเจริญรุ่นเรืองก้าวหน้า พลิกชะตาร้ายให้กลายเป็นดี หนุนดวงเสริมชะตาให้เจริญรุ่งเรือง กันภูติผีปีศาจ มหาอุด พลิกชะตาร้ายให้กลายเป็นดี >>

    ** วัดธาตุน้อย หรือ วัดพระธาตุน้อย หรือเรียกกันว่า วัดพ่อท่านคล้าย ของ พ่อท่านคล้าย นั่นเอง ตั้งขึ้นมาโดยความประสงค์ของ พ่อท่านคล้าย พระเกจิอาจารย์ที่ชาวใต้เลื่อมใสศรัทธาอย่างมากนั่นเอง ซึ่งเหล่าศิษย์แลชาวบ้านที่เคารพนับถือท่านนั้น เชื่อถือถึงความศักดิ์สิทธิ์ของวาจาท่าน ว่าถ้าท่านพูดอย่างไรเป็นอย่างนั้น โดยท่านมักจะให้พรกับทุกคน เลยได้ชื่อว่าเป็นเทวดาเมืองคอน เทพเจ้าแห่งแดนใต้ ที่ชาวเมืองคอนเสื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เนื้อว่านพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดธาตุน้อย ปี2549 เนื้อว่านพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ พิมพ์ยันต์เกราะเพชร วัดธาตุน้อย คณะสงฆ์อำเภอจุฬาภรณ์ ปี2549 // พระดีพิธีใหญ่ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม โชคลาภค้าขาย เลื่อนยศตำแหน่ง ความเจริญรุ่นเรืองก้าวหน้า พลิกชะตาร้ายให้กลายเป็นดี หนุนดวงเสริมชะตาให้เจริญรุ่งเรือง กันภูติผีปีศาจ มหาอุด พลิกชะตาร้ายให้กลายเป็นดี >> ** วัดธาตุน้อย หรือ วัดพระธาตุน้อย หรือเรียกกันว่า วัดพ่อท่านคล้าย ของ พ่อท่านคล้าย นั่นเอง ตั้งขึ้นมาโดยความประสงค์ของ พ่อท่านคล้าย พระเกจิอาจารย์ที่ชาวใต้เลื่อมใสศรัทธาอย่างมากนั่นเอง ซึ่งเหล่าศิษย์แลชาวบ้านที่เคารพนับถือท่านนั้น เชื่อถือถึงความศักดิ์สิทธิ์ของวาจาท่าน ว่าถ้าท่านพูดอย่างไรเป็นอย่างนั้น โดยท่านมักจะให้พรกับทุกคน เลยได้ชื่อว่าเป็นเทวดาเมืองคอน เทพเจ้าแห่งแดนใต้ ที่ชาวเมืองคอนเสื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • 555,ภูมะเขือที่เขมรทำใจไม่ได้.ลานมหาศพทหารแห่งตีนภูมะเขือ.
    ..ทหารไทยเราสุดยอดมาก,นี้คือความสามัคคีโคตรๆแห่งทุกๆเหล่าๆทัพของทหารไทยเราเพื่อยึดยอดภูมะเขือคืนมาจากเขมร,สันปันน้ำแท้ๆและมันเป็นฝั่งของดินแดนไทยเสือกอยากจะได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของตน.
    ..คนไทยเราก็ทั้งน่ารักและร่วมแรงใจสามัคคีแด่คนแนวหน้าร่วมกันตรึม น้ำใจอันงดงามมากล้นแม้ทหารกล้าเราจะพลีชีพเสียสละและจากไป.

    ..ทหารดีไทยเราต้องอย่าลืมภาระกิจเก็บกวาดทหารไม่ดีด้วยซึ่งมากมายจริงๆจนถึงระดับนายพลเต็มประเทศหรือใครที่ทำให้วงการทหารไทยเราเสื่อมเสียเกียรติด้วยทำกิจกรรมชั่วเลวใช้ชุดทหารทำชั่วพวกนี้ต้องถูกเด็ดหัวไล่ล่าจริงจังทุกๆตัว,ทหารดีๆไทย นายพลทหารดีๆของไทยเรา ต้องร่วมกันกำจัดจริงๆเถอะ สั่งเด็ดหัวทางลับก็ต้องทำ เพื่อกำจัดคนชั่วทหารเลวออกจากระบบกองทัพเราที่ปะปนมาสร้างโกลาหลชั่วให้ภาพลักษณ์ทหารไทยโดยรวมเราเสื่อมเสียเกียรติของกองทัพทหารไทยเรา,ประชาชนเยาวชนไทยเราจะร่วมเกณฑ์ทหารอย่างเต็มใจและภาคภูมิใจในตัวตนเขาเองด้วย ว่าครั้งหนึ่งเคยร่วมรับราชการทหารเป็นพลทหารรับใช้ชาติตนเองอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี,และเยาวชนไทยเราเหล่านีั,ใครจะรู้ว่าอนาคตคือผู้นำประเทศไทยที่เป็นโคตรผู้นำระดับโลกในอนาคตก็ได้.

    https://youtube.com/watch?v=Dnf2qFCdU6E&si=PKXwNJPDX0zQ8mLd
    555,ภูมะเขือที่เขมรทำใจไม่ได้.ลานมหาศพทหารแห่งตีนภูมะเขือ. ..ทหารไทยเราสุดยอดมาก,นี้คือความสามัคคีโคตรๆแห่งทุกๆเหล่าๆทัพของทหารไทยเราเพื่อยึดยอดภูมะเขือคืนมาจากเขมร,สันปันน้ำแท้ๆและมันเป็นฝั่งของดินแดนไทยเสือกอยากจะได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของตน. ..คนไทยเราก็ทั้งน่ารักและร่วมแรงใจสามัคคีแด่คนแนวหน้าร่วมกันตรึม น้ำใจอันงดงามมากล้นแม้ทหารกล้าเราจะพลีชีพเสียสละและจากไป. ..ทหารดีไทยเราต้องอย่าลืมภาระกิจเก็บกวาดทหารไม่ดีด้วยซึ่งมากมายจริงๆจนถึงระดับนายพลเต็มประเทศหรือใครที่ทำให้วงการทหารไทยเราเสื่อมเสียเกียรติด้วยทำกิจกรรมชั่วเลวใช้ชุดทหารทำชั่วพวกนี้ต้องถูกเด็ดหัวไล่ล่าจริงจังทุกๆตัว,ทหารดีๆไทย นายพลทหารดีๆของไทยเรา ต้องร่วมกันกำจัดจริงๆเถอะ สั่งเด็ดหัวทางลับก็ต้องทำ เพื่อกำจัดคนชั่วทหารเลวออกจากระบบกองทัพเราที่ปะปนมาสร้างโกลาหลชั่วให้ภาพลักษณ์ทหารไทยโดยรวมเราเสื่อมเสียเกียรติของกองทัพทหารไทยเรา,ประชาชนเยาวชนไทยเราจะร่วมเกณฑ์ทหารอย่างเต็มใจและภาคภูมิใจในตัวตนเขาเองด้วย ว่าครั้งหนึ่งเคยร่วมรับราชการทหารเป็นพลทหารรับใช้ชาติตนเองอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี,และเยาวชนไทยเราเหล่านีั,ใครจะรู้ว่าอนาคตคือผู้นำประเทศไทยที่เป็นโคตรผู้นำระดับโลกในอนาคตก็ได้. https://youtube.com/watch?v=Dnf2qFCdU6E&si=PKXwNJPDX0zQ8mLd
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง ”
    ตอนที่ 5 (ตอนสุดท้าย)
    นักล่า คิดหลายมิติ เล่นไพ่ทีละหลายใบ เดินหมากทีละหลายตัว แล้วเราจะวิเคราะห์แบบมิติเดียวเช่นนั้นหรือ
    ขบวนการไล่โจรร้ายเกมชิงเมือง ที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ ใครกำลังได้ ใครกำลังเสีย แน่นอน นักล่าอยากเคี้ยวไทยแลนด์แดนสมันน้อยเต็มแก่ พวกเขาหลอกใช้หมาไนเป็นเหยื่อล่อ หมาไนหลงคิดว่าตนเองได้เปรียบ มีสิงห์โตอยู่ข้างหลัง หมาไนผงาดพองขน เอาโลกมาล้อมประเทศ ชะล่าใจทำการใหญ่จะไปให้สุดซอย คาบกระดูกเนื้อติดมันไปหลายชิ้น คือพรบ.นิรโทษกรรม ที่ชาวเรามองเห็นกันชัด แต่ที่มันพ่วงไปด้วย โดยชาวเราอาจไม่ทันสนใจ คือ การแก้ไข รธน. ม.190
    ม. 190 ใคร ๆ ก็อยากให้แก้ ยกเว้นคนไทยตาดำ ๆ หมาไนบอก ถ้าแก้ได้ต่อไปนี้ จะทำอะไรไม่ต้องเห็นหัวใคร ไม่ต้องควักกระเป๋าเวลาลงคะแนน ประหยัดกระเป๋าไปโข นักล่าผมทอก็ชอบ จะเอาอะไรล่ะ ย้ายฐานทัพมาตั้งให้ทั่วราชอาณาจักรไทย ใครจะมาขวาง จะขุดทรัพยากรเอาไปเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ นักล่าหน้าใหม่ผมดำตาตี่ บอกอย่างนี้อาเฮียอยากแลกข้าวกับรถไฟ ไม่น่ามีปัญหา
    เกมชิงเมือง ใครจะเลือกเดินทางใด ลองคิดกันดู
    – นักล่า ดูท่าทางคงจะคุยกับรัฐบาลน้องสาวแสนโง่ไปไม่ได้อีกนาน แม้จะได้เปรียบ และได้ประโยชน์ แต่การพูดกับคนโง่มาก ๆ นี่มันเหนื่อยนะ แล้วถ้ากำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม เอาไข่มุกทุกเม็ดในยูเรเซียมาร้อยเป็นสร้อยงามน่ะ ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่อง สายสร้อยอาจขาดง่าย ๆ ยอมหรือ
    การเจรจาให้เปลี่ยนตัว จึงน่าจะมี หมาไนโจรร้าย จึงจำเป็นต้องเล่นให้สุดซอย เพื่อกลับมาบงการเอง เอง! หรือว่าจะมี “การปฏิบัติการอื่น” เปลี่ยนไพ่ใบใหม่ เดินหมากตัวใหม่ ก็น่าสนใจ แล้วจะเอาไพ่ใบไหนมาเล่น เอาหมากตัวไหนมาเดินล่ะ คุณทหารหวานใจเก่า หรือเหล่าดาราอินเตอร์ที่ CFR ส่งเข้ามาประกวด
    – หมาไนโจรร้าย ทางเลือกมีอยู่ 2 ทาง ถอยดีกว่า กลับไปตั้งหลักก่อน หรือจะใช้คติประจำใจหมาไน ข้าไม่ได้กิน พวกเอ็งก็อย่าหวัง เซียนแถวสำนักงานของชาติแห่งหนึ่ง ที่เพิ่งถูกมือดีปลดป้ายทิ้ง โทษฐานไม่เป็นสำนักงานของชาติ แต่เป็นของตระกูล กระซิบบอกมาว่า หมาไนครับลุง หมาไนไม่เคยเปลี่ยนสันดาน เอ้ย นิสัย ! (เดี๋ยวจะว่าหยาบคาย)
    – คุณทหาร โดนสื่อฟอกย้อม โยกซะศูนย์เสีย เดินเซอยู่นาน ไม่รู้ตอนนี้ศูนย์จะเข้าที่หรือยัง แต่ทหารก็มีหลายหน่วย หลายระดับ ทหารใหญ่บางคนที่คิดผิด เขาว่าไม่มีโอกาสคิดใหม่นะ แถมโอกาสจะอยู่บ้านเดิมอาจจะไม่มี ต้องหาที่เร่ร่อนเหมือนกัน (เวรกรรมมีจริง ! ) แต่เติบใหญ่มาจนบัดนี้ ปฎิญาณตนภายใต้ธงชัยเฉลิมพลมาหลายรอบ ไม่รู้ที่ยืน ตั้งศูนย์ไม่ตรง ก็ไปขายเต้าฮวยดีกว่า (ถ้ายังมีโอกาส) นะครับ
    – นางสาวแสนโง่ ไม่เขียนถึงเดี๋ยวจะน้อยใจ ทางเลือกหนูไม่มีมากหรอก อย่าไปเชื่อพวกพี่เลี้ยงใจร้ายเลยหนู ร่อนเร่ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวหน้าเหี่ยวพุงโตหมดนะ หนุ่ม ๆ เขาฝากติงมา อยู่ในคุกมันไม่สนุกนะคะ เสื้อผ้าหน้าผม ใครจะไปตบแต่งให้เช้งกะเด๊ะได้ทั้งวัน ไอ้นั่นมันคุกในหนังนะคะ คิดให้ดีนะหนู
    – เอ้า ! หมดแล้วหรือยัง ตัวเอกของเกมชิงเมือง แล้วกันลืมลุงกำนัน ลืมได้ยังไง เดินซะหน้ามะเมื่อมขนาดนั้น ไม่ต้องห่วงหรอก ดูการปราศัยของลุงกำนันแล้ว แกเอาตัวรอดทุกรายการหรอกน่า พูดงี้จับใจคนไปหมด ทั้งหนุ่ม ทั้งสาวจริง สาวปลอม แย่งกันกอด เฮอ! มวลมหาประชาชนนี่น่ารักจริง ๆ ขอให้รอดปลอดภัยแล้วกันนะลุงกำนัน ตัดสินใจเดินทางนี้แล้ว ต้องให้กำลังใจกันหน่อย อย่าตกร่องระหว่างทาง อย่าติดลมบนจนลงไม่เป็นก็แล้วกัน
    – แต่ในเกมชิงเมือง ตัวเอกสำคัญ ตัวเอก ที่ขาดไม่ได้คือมวลมหาประชาชน โปรดกลับไปอ่านบทความ มวลมหาประชาชนอีกรอบนะครับ อ่านซ้ำ ๆ ให้รู้จักมวลมหาประชาชน จริง ๆ ถ้าเราไม่มีมวลมหาประชาชน จำนวนมหาศาล เช่นนี้ มีจิตใจและการแสดงออกเช่นนี้ ในทุกเวที เรามาไม่ถึงตรงนี้นะครับ มวลมหาประชาชนมีเอกลักษณ์ และเป็นปัจจัยสำคัญในสงครามชิงเมือง ซึ่งทำให้ทั้งนักล่า หมาไน และยายแสนโง่ นั่นมันไปไม่เป็นเดินเซกันเป็นแถว
    ขณะที่เขียนนี้ ยังไม่รู้ว่าใครจะเลือกเล่นบทไหน จะจบอย่างไร แต่ไม่ว่าบทไหน และจะจบอย่างไร มันแค่จบ season แรกเท่านั้นเอง มวลมหาประชาชนยังจะต้องเดินทางอีกไกล สู่การปฏิวัติประชาชน ปฏิรูปบ้านเมืองอย่างแท้จริง จะต้องไม่เพียงมีความกล้าหาญอดทน ออกมาขับไล่โจรร้ายเท่านั้น season ต่อไปมันจะหนักขึ้น ต้องเตรียมตัวทำความเข้าใจกับสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ในบ้านเราและบ้านเขา อย่างชัดเจน มีเวลาก็หาหนังสือพระราชนิพนธ์ พระมหาชนกมาอ่านกันนะครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 มค 57
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง ” ตอนที่ 5 (ตอนสุดท้าย) นักล่า คิดหลายมิติ เล่นไพ่ทีละหลายใบ เดินหมากทีละหลายตัว แล้วเราจะวิเคราะห์แบบมิติเดียวเช่นนั้นหรือ ขบวนการไล่โจรร้ายเกมชิงเมือง ที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ ใครกำลังได้ ใครกำลังเสีย แน่นอน นักล่าอยากเคี้ยวไทยแลนด์แดนสมันน้อยเต็มแก่ พวกเขาหลอกใช้หมาไนเป็นเหยื่อล่อ หมาไนหลงคิดว่าตนเองได้เปรียบ มีสิงห์โตอยู่ข้างหลัง หมาไนผงาดพองขน เอาโลกมาล้อมประเทศ ชะล่าใจทำการใหญ่จะไปให้สุดซอย คาบกระดูกเนื้อติดมันไปหลายชิ้น คือพรบ.นิรโทษกรรม ที่ชาวเรามองเห็นกันชัด แต่ที่มันพ่วงไปด้วย โดยชาวเราอาจไม่ทันสนใจ คือ การแก้ไข รธน. ม.190 ม. 190 ใคร ๆ ก็อยากให้แก้ ยกเว้นคนไทยตาดำ ๆ หมาไนบอก ถ้าแก้ได้ต่อไปนี้ จะทำอะไรไม่ต้องเห็นหัวใคร ไม่ต้องควักกระเป๋าเวลาลงคะแนน ประหยัดกระเป๋าไปโข นักล่าผมทอก็ชอบ จะเอาอะไรล่ะ ย้ายฐานทัพมาตั้งให้ทั่วราชอาณาจักรไทย ใครจะมาขวาง จะขุดทรัพยากรเอาไปเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ นักล่าหน้าใหม่ผมดำตาตี่ บอกอย่างนี้อาเฮียอยากแลกข้าวกับรถไฟ ไม่น่ามีปัญหา เกมชิงเมือง ใครจะเลือกเดินทางใด ลองคิดกันดู – นักล่า ดูท่าทางคงจะคุยกับรัฐบาลน้องสาวแสนโง่ไปไม่ได้อีกนาน แม้จะได้เปรียบ และได้ประโยชน์ แต่การพูดกับคนโง่มาก ๆ นี่มันเหนื่อยนะ แล้วถ้ากำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม เอาไข่มุกทุกเม็ดในยูเรเซียมาร้อยเป็นสร้อยงามน่ะ ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่อง สายสร้อยอาจขาดง่าย ๆ ยอมหรือ การเจรจาให้เปลี่ยนตัว จึงน่าจะมี หมาไนโจรร้าย จึงจำเป็นต้องเล่นให้สุดซอย เพื่อกลับมาบงการเอง เอง! หรือว่าจะมี “การปฏิบัติการอื่น” เปลี่ยนไพ่ใบใหม่ เดินหมากตัวใหม่ ก็น่าสนใจ แล้วจะเอาไพ่ใบไหนมาเล่น เอาหมากตัวไหนมาเดินล่ะ คุณทหารหวานใจเก่า หรือเหล่าดาราอินเตอร์ที่ CFR ส่งเข้ามาประกวด – หมาไนโจรร้าย ทางเลือกมีอยู่ 2 ทาง ถอยดีกว่า กลับไปตั้งหลักก่อน หรือจะใช้คติประจำใจหมาไน ข้าไม่ได้กิน พวกเอ็งก็อย่าหวัง เซียนแถวสำนักงานของชาติแห่งหนึ่ง ที่เพิ่งถูกมือดีปลดป้ายทิ้ง โทษฐานไม่เป็นสำนักงานของชาติ แต่เป็นของตระกูล กระซิบบอกมาว่า หมาไนครับลุง หมาไนไม่เคยเปลี่ยนสันดาน เอ้ย นิสัย ! (เดี๋ยวจะว่าหยาบคาย) – คุณทหาร โดนสื่อฟอกย้อม โยกซะศูนย์เสีย เดินเซอยู่นาน ไม่รู้ตอนนี้ศูนย์จะเข้าที่หรือยัง แต่ทหารก็มีหลายหน่วย หลายระดับ ทหารใหญ่บางคนที่คิดผิด เขาว่าไม่มีโอกาสคิดใหม่นะ แถมโอกาสจะอยู่บ้านเดิมอาจจะไม่มี ต้องหาที่เร่ร่อนเหมือนกัน (เวรกรรมมีจริง ! ) แต่เติบใหญ่มาจนบัดนี้ ปฎิญาณตนภายใต้ธงชัยเฉลิมพลมาหลายรอบ ไม่รู้ที่ยืน ตั้งศูนย์ไม่ตรง ก็ไปขายเต้าฮวยดีกว่า (ถ้ายังมีโอกาส) นะครับ – นางสาวแสนโง่ ไม่เขียนถึงเดี๋ยวจะน้อยใจ ทางเลือกหนูไม่มีมากหรอก อย่าไปเชื่อพวกพี่เลี้ยงใจร้ายเลยหนู ร่อนเร่ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวหน้าเหี่ยวพุงโตหมดนะ หนุ่ม ๆ เขาฝากติงมา อยู่ในคุกมันไม่สนุกนะคะ เสื้อผ้าหน้าผม ใครจะไปตบแต่งให้เช้งกะเด๊ะได้ทั้งวัน ไอ้นั่นมันคุกในหนังนะคะ คิดให้ดีนะหนู – เอ้า ! หมดแล้วหรือยัง ตัวเอกของเกมชิงเมือง แล้วกันลืมลุงกำนัน ลืมได้ยังไง เดินซะหน้ามะเมื่อมขนาดนั้น ไม่ต้องห่วงหรอก ดูการปราศัยของลุงกำนันแล้ว แกเอาตัวรอดทุกรายการหรอกน่า พูดงี้จับใจคนไปหมด ทั้งหนุ่ม ทั้งสาวจริง สาวปลอม แย่งกันกอด เฮอ! มวลมหาประชาชนนี่น่ารักจริง ๆ ขอให้รอดปลอดภัยแล้วกันนะลุงกำนัน ตัดสินใจเดินทางนี้แล้ว ต้องให้กำลังใจกันหน่อย อย่าตกร่องระหว่างทาง อย่าติดลมบนจนลงไม่เป็นก็แล้วกัน – แต่ในเกมชิงเมือง ตัวเอกสำคัญ ตัวเอก ที่ขาดไม่ได้คือมวลมหาประชาชน โปรดกลับไปอ่านบทความ มวลมหาประชาชนอีกรอบนะครับ อ่านซ้ำ ๆ ให้รู้จักมวลมหาประชาชน จริง ๆ ถ้าเราไม่มีมวลมหาประชาชน จำนวนมหาศาล เช่นนี้ มีจิตใจและการแสดงออกเช่นนี้ ในทุกเวที เรามาไม่ถึงตรงนี้นะครับ มวลมหาประชาชนมีเอกลักษณ์ และเป็นปัจจัยสำคัญในสงครามชิงเมือง ซึ่งทำให้ทั้งนักล่า หมาไน และยายแสนโง่ นั่นมันไปไม่เป็นเดินเซกันเป็นแถว ขณะที่เขียนนี้ ยังไม่รู้ว่าใครจะเลือกเล่นบทไหน จะจบอย่างไร แต่ไม่ว่าบทไหน และจะจบอย่างไร มันแค่จบ season แรกเท่านั้นเอง มวลมหาประชาชนยังจะต้องเดินทางอีกไกล สู่การปฏิวัติประชาชน ปฏิรูปบ้านเมืองอย่างแท้จริง จะต้องไม่เพียงมีความกล้าหาญอดทน ออกมาขับไล่โจรร้ายเท่านั้น season ต่อไปมันจะหนักขึ้น ต้องเตรียมตัวทำความเข้าใจกับสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ในบ้านเราและบ้านเขา อย่างชัดเจน มีเวลาก็หาหนังสือพระราชนิพนธ์ พระมหาชนกมาอ่านกันนะครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 มค 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทสรุปคดีแพทองธาร ขาดความรอบคอบ เสื่อมเกียรติภูมิชาติ

    วันศุกร์แห่งชาติ 29 ส.ค.2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 ให้ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลง ฐานฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีคลิปเสียงสนทนากับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา

    เริ่มต้นที่ข้อกล่าวหาไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ศาลเห็นว่ายังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เพราะไม่ได้ตอบรับข้อเสนอจากนายฮุน เซน ไม่มีการเปลี่ยนตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 และไม่เปิดด่านชายแดน จึงแสดงออกว่าไม่นิ่งเฉย รักษาผลประโยชน์ชาติและความสงบสุขของประเทศ

    แต่ข้อกล่าวหาฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ศาลเห็นว่านายกฯ เป็นหัวหน้ารัฐบาล มี 2 สถานะ คือ ประชาชนที่มีเสรีภาพ และการเป็นนายกฯ ที่ถูกจำกัดเสรีภาพ โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคง ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศเหนือประโยชน์ส่วนตน รวมถึงศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิประเทศ แม้จะสนทนากันส่วนตัว แต่เรื่องการเปิดด่านเป็นความมั่นคงประเทศ จึงไม่ใช่เรื่องส่วนตัว

    ส่วนที่กล่าวถึง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลบ) อ้างว่าใช้เทคนิคการเจรจา แก้ปัญหาออกจากตัวบุคคลเพื่อลดความตึงเครียด ศาลเห็นว่าเป็นการแสดงความอ่อนแอทางการเมือง เป็นช่องให้กัมพูชาแทรกแซงกิจการภายในประเทศ แม้จะใช้เทคนิคใดก็ต้องปฏิบัติตามกรอบรัฐธรรมนูญ และใช้อำนาจด้วยความรอบคอบ คำนึงกรอบจริยธรรม ไม่ใช่เจรจาตามอำเภอใจ ยิ่งเมื่อเลือกใช้วิธีนี้ต้องใช้ความรับผิดชอบและความรอบคอบ

    ส่วนถ้อยคำที่ขอความเห็นใจจากนายฮุน เซน (เห็นใจหลานหน่อย จะเอาอะไรขอให้บอก) ศาลเห็นว่าเป็นไปเพื่อลดการวิพากษ์วิจารณ์ มุ่งหวังเพียงคะแนนนิยมโดยไม่ได้ดูสถานการณ์ความมั่นคง ทำให้เกิดความสงสัยว่าจะทำตามที่กัมพูชาร้องขอเพราะรู้จักกันเป็นการส่วนตัว แม้จะเรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ชุดเล็กภายหลัง แต่ไม่ได้ชี้แจงเรื่องคลิปเสียง จึงเห็นว่าไม่ใช่เทคนิคการเจรจาแต่ขาดความรอบคอบไม่ระมัดระวัง

    แม้ น.ส.แพทองธารจะระบุว่าเป็นการเจรจาส่วนตัว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง แต่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์นายกฯ ทำให้สาธารณชนเคลือบแคลงสงสัยว่าจะเอื้อประโยชน์ให้กัมพูชาหรือไม่ เกิดความเสียหายร้ายแรง เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ต่อการดำรงตำแหน่งนายกฯ ไม่ยึดความถูกต้องชอบธรรม ดังนั้น จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ทำให้ขาดคุณสมบัติ ความเป็นรัฐมนตรีจึงสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ (1 ก.ค.) คณะรัฐมนตรีจะต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ แต่ให้อยู่รักษาการจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่

    #Newskit
    บทสรุปคดีแพทองธาร ขาดความรอบคอบ เสื่อมเกียรติภูมิชาติ วันศุกร์แห่งชาติ 29 ส.ค.2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 ให้ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลง ฐานฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีคลิปเสียงสนทนากับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เริ่มต้นที่ข้อกล่าวหาไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ศาลเห็นว่ายังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เพราะไม่ได้ตอบรับข้อเสนอจากนายฮุน เซน ไม่มีการเปลี่ยนตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 และไม่เปิดด่านชายแดน จึงแสดงออกว่าไม่นิ่งเฉย รักษาผลประโยชน์ชาติและความสงบสุขของประเทศ แต่ข้อกล่าวหาฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ศาลเห็นว่านายกฯ เป็นหัวหน้ารัฐบาล มี 2 สถานะ คือ ประชาชนที่มีเสรีภาพ และการเป็นนายกฯ ที่ถูกจำกัดเสรีภาพ โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคง ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศเหนือประโยชน์ส่วนตน รวมถึงศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิประเทศ แม้จะสนทนากันส่วนตัว แต่เรื่องการเปิดด่านเป็นความมั่นคงประเทศ จึงไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ส่วนที่กล่าวถึง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลบ) อ้างว่าใช้เทคนิคการเจรจา แก้ปัญหาออกจากตัวบุคคลเพื่อลดความตึงเครียด ศาลเห็นว่าเป็นการแสดงความอ่อนแอทางการเมือง เป็นช่องให้กัมพูชาแทรกแซงกิจการภายในประเทศ แม้จะใช้เทคนิคใดก็ต้องปฏิบัติตามกรอบรัฐธรรมนูญ และใช้อำนาจด้วยความรอบคอบ คำนึงกรอบจริยธรรม ไม่ใช่เจรจาตามอำเภอใจ ยิ่งเมื่อเลือกใช้วิธีนี้ต้องใช้ความรับผิดชอบและความรอบคอบ ส่วนถ้อยคำที่ขอความเห็นใจจากนายฮุน เซน (เห็นใจหลานหน่อย จะเอาอะไรขอให้บอก) ศาลเห็นว่าเป็นไปเพื่อลดการวิพากษ์วิจารณ์ มุ่งหวังเพียงคะแนนนิยมโดยไม่ได้ดูสถานการณ์ความมั่นคง ทำให้เกิดความสงสัยว่าจะทำตามที่กัมพูชาร้องขอเพราะรู้จักกันเป็นการส่วนตัว แม้จะเรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ชุดเล็กภายหลัง แต่ไม่ได้ชี้แจงเรื่องคลิปเสียง จึงเห็นว่าไม่ใช่เทคนิคการเจรจาแต่ขาดความรอบคอบไม่ระมัดระวัง แม้ น.ส.แพทองธารจะระบุว่าเป็นการเจรจาส่วนตัว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง แต่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์นายกฯ ทำให้สาธารณชนเคลือบแคลงสงสัยว่าจะเอื้อประโยชน์ให้กัมพูชาหรือไม่ เกิดความเสียหายร้ายแรง เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ต่อการดำรงตำแหน่งนายกฯ ไม่ยึดความถูกต้องชอบธรรม ดังนั้น จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ทำให้ขาดคุณสมบัติ ความเป็นรัฐมนตรีจึงสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ (1 ก.ค.) คณะรัฐมนตรีจะต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ แต่ให้อยู่รักษาการจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประชาชนเขมรกับเสื้อส้ม เสื้อแดงไทยหรือหลายๆสีเสื้อก็ไม่ต่างกัน,ประชาชนที่ไม่มีปัญญามันว่า!!!,เหตุผลเป็นสารตั้งต้นสู่การลดประชากรโลกอีกตัว,สงครามหมายลดประชากรจึงอยู่ในการกำกับสร้างในแผนด้วย,ไทยกับเขมรหนังในภูมิภาคนี้.

    ...'สงครามเงียบ (โดยอาวุธเงียบ) ได้มีการประกาศโดยกลุ่มอีลีท (Bilderberg Group) ในการประชุมปี 1954 …..
    …… แม้จะมีการพูดถึงประเด็นของจรรยาบรรณ ในมุมมองของธรรมชาติคัดสรร ก็ได้มีการตกลงว่า ชาติ หรือ โลก ที่ประชากรไม่รู้จักใช้ปัญญา ก็ไม่ได้ดีอะไรไปกว่าสัตว์ที่ไม่มีปัญญา คนเช่นนี้เป็นสัตว์ที่ใช้บรรทุกสัมภาระ หรือเนื้อสเต๊คบนโต๊ะอาหาร โดยการเลือกและยินยอมเอง'

    จากหนังสือ Behold a Pale Horse 1991
    โดย Bill Cooper อดีต United States Naval Intelligence Briefing Team member
    ที่บอกว่าจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ในสหรัฐ ซึ่งจะโทษ Bin Laden สองเดือนก่อนเกิด 9/11 จริง.
    ประชาชนเขมรกับเสื้อส้ม เสื้อแดงไทยหรือหลายๆสีเสื้อก็ไม่ต่างกัน,ประชาชนที่ไม่มีปัญญามันว่า!!!,เหตุผลเป็นสารตั้งต้นสู่การลดประชากรโลกอีกตัว,สงครามหมายลดประชากรจึงอยู่ในการกำกับสร้างในแผนด้วย,ไทยกับเขมรหนังในภูมิภาคนี้. ...'สงครามเงียบ (โดยอาวุธเงียบ) ได้มีการประกาศโดยกลุ่มอีลีท (Bilderberg Group) ในการประชุมปี 1954 ….. …… แม้จะมีการพูดถึงประเด็นของจรรยาบรรณ ในมุมมองของธรรมชาติคัดสรร ก็ได้มีการตกลงว่า ชาติ หรือ โลก ที่ประชากรไม่รู้จักใช้ปัญญา ก็ไม่ได้ดีอะไรไปกว่าสัตว์ที่ไม่มีปัญญา คนเช่นนี้เป็นสัตว์ที่ใช้บรรทุกสัมภาระ หรือเนื้อสเต๊คบนโต๊ะอาหาร โดยการเลือกและยินยอมเอง' จากหนังสือ Behold a Pale Horse 1991 โดย Bill Cooper อดีต United States Naval Intelligence Briefing Team member ที่บอกว่าจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ในสหรัฐ ซึ่งจะโทษ Bin Laden สองเดือนก่อนเกิด 9/11 จริง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง ”
    ตอนที่ 3
    กลับมาที่ ICG อย่าเข้าใจผิดว่ารับหน้าที่เป็นเพียงนัก lobby ให้แก่หมาไนเท่านั้น แต่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการ สำหรับการล่าเหยื่อให้กับกลุ่มทุนอิทธิพล นักล่าอาณานิคมยุคใหม่ (CFR) ในขณะเดียวกันด้วย ทั้งนี้จับความจากคำบอกเล่าของนาย Gareth Evans ผู้เดินอยู่ในถนนการเมืองของแดนจิงโจ้มากกว่า 20 ปี และระหว่างนั้นก็ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีเสียหลายสมัย เมื่อพ้นจากการเป็นรัฐมนตรี ก็เปลี่ยนแนวเข้ามาสู่วงการที่น่าจะทำให้ชีวิตตื่นเต้นไปกว่าเดิม จากการเป็นรัฐมนตรีอยู่ประเทศเดียว มันคงจะไม่มันเท่ากุมชะตาและชักใยหลายประเทศ คุณ Evans
    จึงไปนั่งในตำแหน่งประธานกิติมศักดิ์ของ ICG เสียเกือบ 10 ปี ตั้งแต่ ค.ศ. 2000 – 2009
    จากการแสดงปาฐกถาของคุณ Evans เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2012 ซึ่งโฆษณาสรรพคุณ ICG และจากเอกสารขององค์กร ICG เอง ทำให้เข้าใจได้ว่า องค์กรนี้ ตั้งขึ้นมาเพื่อระงับความขัดแย้งอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นในแต่ละประเทศ โดยที่ผู้ขัดแย้งไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธเข้ามา เพื่อแก้ไขความขัดแย้ง (น่าเชื่อถือมาก !) แต่ใช้ วิธีการอื่น (มาแบบนี้อีกแล้ว !)
    ในการแก้ไขข้อขัดแย้งรุนแรงใด พวกเขาจะทำการวิเคราะห์หาสาเหตุ ทำความเข้าใจ อย่างถี่ถ้วนแล้ว และนำมาสร้างแผน แต่อย่าเข้าใจผิดว่าพวกเขาจะเล่นบทออกหน้า พวกเขาจะอยู่หลังฉาก ดังนั้นการทำงานของพวกเขา คือ การให้คำปรึกษา ดูแลช่วยเหลือ จัดฉาก ชักใย ตามแผนที่สร้างไว้อยู่เบื้องหลัง (behind the scene) ให้แก่ผู้มีบทบาทต้องเล่นหน้าฉาก โดยมีตัวประกอบเป็นนักการเมือง นักการทหาร นัก lobby นักสังคมฯ นักสิทธิมนุษยชน สื่อสารมวลชน นักวิชาการ นักจิตวิทยา และที่สำคัญคือประชาชนของทุกท้องที่ของความขัดแย้งนั่นเอง ดังนั้นข่าวของ ICG ที่เราจะเห็นออกมากับการทำงานของเขา มันคงจะดูยากอยู่ แต่คงไม่ยากเกินการทำความเข้าใจ
    คุณ Evans เป็นคนช่างเล่าจริง แกบอกว่า ICG สามารถจะอ้างความดีความชอบ ได้ใน หลาย ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ เช่น
    – การวิเคราะห์และวางแผน การแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ปากีสถาน, ที่คองโก, ที่ไฮติ
    – การแก้ไขเหตุการณ์ในเขมร, อาฟริกากลาง,บอลข่าน, อีรัคตอนเหนือ, ขบวนการเคลื่อนไหวของ Jemaah Islamiyah ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้, ที่ Darfur (ค.ศ. 2003 – 2004) ที่ Ethiopia (ค.ศ. 2007) ที่ Kenya (ค.ศ. 2008)
    นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่คุณ Evans คุยฟุ้งว่าอยู่ในแผนที่กำลังดำเนินการ เช่น แนวคิดที่จะผ่อนคลาย การคว่ำบาตรของอิหร่านและพม่า สำหรับรายการหลังนี้ แกเล่าแบบไม่เหนียมอายว่า โลกฝั่งตะวันตก พยายามอย่างยิ่งที่จะเข้าไปช่วย พม่าเปิดประตูเมือง ยกเลิกการคว่ำบาตร เพื่อแลกกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเมืองของพม่า (ต้มตุ๋น ของแท้ !)
    แล้วสำหรับไทยแลนด์ของสมันน้อยล่ะ สถาบัน ICG นักล่าคิดอย่างไรกับเรา ? เมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ เมื่อช่วงปี ค.ศ. 2010 ที่พี่น้องเสื้อแดงพากัน พกน้ำมันมาคนละขวดกับไม้ขีดไฟอย่างใจถึง ๆ มาตั้งแคมป์กลางเมืองน่ะ ICG ระบุในรายงานเมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 2010 ว่า การเมืองไทยล้มเหลว และไม่อยู่ในสภาพที่จะกู้กลับ สถานการณ์เลวร้าย จะนำไปสูสงครามกลางเมือง ถึงเวลาแล้วที่ Thailand จะต้องคิดขอความช่วยเหลือจากนานาอารยะประเทศ
    (มาแล้วไง!) สิ่งที่ Thailand ควรทำด่วน คือ ตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจประกอบด้วย บุคคลจากนานาชาติ ที่มีความสามารถและมีประสบการณ์เกี่ยวกับประเทศไทย มาทำหน้าที่เป็นคนกลาง ระหว่างรัฐบาล (ปชป) กับกลุ่มเสื้อแดง เพื่อป้องกันเหตุรุนแรง เช่น ยุติการปฏิบัติงานของทหาร การประท้วงควรเหลือเพียงการทำในเชิงสัญลักษณ์ คณะบุคคลนานาชาตินี้ จะทำหน้าที่จัดการให้มีรัฐบาลชั่วคราวเพื่อเตรียมการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด ผู้นำรัฐบาลควรมาจากรัฐสภา และควรจะประกอบด้วย ผู้ที่เป็นกลางและได้รับความนับถือจากสังคม (ใครหนอ?) และจะต้องมีการสอบสวนถึงกรณีปฏิบัติการ 10 เม.ย ระหว่างทหารกับกลุ่มเสื้อแดงที่มาประท้วงแถวบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
    และเมื่อทุกอย่างเริ่มเข้ารูปแล้ว สิ่งที่ควรจะรีบดำเนินการ คือแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเดิม ซึ่งร่างขึ้นโดยอิทธิพลของทหาร
    ท่านผู้อ่านที่มีญาติเป็นทหาร ช่วยเอาไปให้อ่านตอนนี้หน่อยนะครับ เพื่อจะเข้าใจอะไรมากขึ้น และโปรดพิจารณากันเองแล้วกันว่า ข้อเสนอของ ICG มันน่าสรรเสริญเพียงใด และมีฝ่ายใดดำเนินการตามบ้าง มันคงมีการเข้าใจกันผิด ว่าราชอาณาจักรไทยของเรา ตกอยู่ในอาณัติของผู้ใดไปแล้ว !


    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง ” ตอนที่ 3 กลับมาที่ ICG อย่าเข้าใจผิดว่ารับหน้าที่เป็นเพียงนัก lobby ให้แก่หมาไนเท่านั้น แต่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการ สำหรับการล่าเหยื่อให้กับกลุ่มทุนอิทธิพล นักล่าอาณานิคมยุคใหม่ (CFR) ในขณะเดียวกันด้วย ทั้งนี้จับความจากคำบอกเล่าของนาย Gareth Evans ผู้เดินอยู่ในถนนการเมืองของแดนจิงโจ้มากกว่า 20 ปี และระหว่างนั้นก็ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีเสียหลายสมัย เมื่อพ้นจากการเป็นรัฐมนตรี ก็เปลี่ยนแนวเข้ามาสู่วงการที่น่าจะทำให้ชีวิตตื่นเต้นไปกว่าเดิม จากการเป็นรัฐมนตรีอยู่ประเทศเดียว มันคงจะไม่มันเท่ากุมชะตาและชักใยหลายประเทศ คุณ Evans จึงไปนั่งในตำแหน่งประธานกิติมศักดิ์ของ ICG เสียเกือบ 10 ปี ตั้งแต่ ค.ศ. 2000 – 2009 จากการแสดงปาฐกถาของคุณ Evans เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2012 ซึ่งโฆษณาสรรพคุณ ICG และจากเอกสารขององค์กร ICG เอง ทำให้เข้าใจได้ว่า องค์กรนี้ ตั้งขึ้นมาเพื่อระงับความขัดแย้งอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นในแต่ละประเทศ โดยที่ผู้ขัดแย้งไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธเข้ามา เพื่อแก้ไขความขัดแย้ง (น่าเชื่อถือมาก !) แต่ใช้ วิธีการอื่น (มาแบบนี้อีกแล้ว !) ในการแก้ไขข้อขัดแย้งรุนแรงใด พวกเขาจะทำการวิเคราะห์หาสาเหตุ ทำความเข้าใจ อย่างถี่ถ้วนแล้ว และนำมาสร้างแผน แต่อย่าเข้าใจผิดว่าพวกเขาจะเล่นบทออกหน้า พวกเขาจะอยู่หลังฉาก ดังนั้นการทำงานของพวกเขา คือ การให้คำปรึกษา ดูแลช่วยเหลือ จัดฉาก ชักใย ตามแผนที่สร้างไว้อยู่เบื้องหลัง (behind the scene) ให้แก่ผู้มีบทบาทต้องเล่นหน้าฉาก โดยมีตัวประกอบเป็นนักการเมือง นักการทหาร นัก lobby นักสังคมฯ นักสิทธิมนุษยชน สื่อสารมวลชน นักวิชาการ นักจิตวิทยา และที่สำคัญคือประชาชนของทุกท้องที่ของความขัดแย้งนั่นเอง ดังนั้นข่าวของ ICG ที่เราจะเห็นออกมากับการทำงานของเขา มันคงจะดูยากอยู่ แต่คงไม่ยากเกินการทำความเข้าใจ คุณ Evans เป็นคนช่างเล่าจริง แกบอกว่า ICG สามารถจะอ้างความดีความชอบ ได้ใน หลาย ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ เช่น – การวิเคราะห์และวางแผน การแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ปากีสถาน, ที่คองโก, ที่ไฮติ – การแก้ไขเหตุการณ์ในเขมร, อาฟริกากลาง,บอลข่าน, อีรัคตอนเหนือ, ขบวนการเคลื่อนไหวของ Jemaah Islamiyah ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้, ที่ Darfur (ค.ศ. 2003 – 2004) ที่ Ethiopia (ค.ศ. 2007) ที่ Kenya (ค.ศ. 2008) นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่คุณ Evans คุยฟุ้งว่าอยู่ในแผนที่กำลังดำเนินการ เช่น แนวคิดที่จะผ่อนคลาย การคว่ำบาตรของอิหร่านและพม่า สำหรับรายการหลังนี้ แกเล่าแบบไม่เหนียมอายว่า โลกฝั่งตะวันตก พยายามอย่างยิ่งที่จะเข้าไปช่วย พม่าเปิดประตูเมือง ยกเลิกการคว่ำบาตร เพื่อแลกกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเมืองของพม่า (ต้มตุ๋น ของแท้ !) แล้วสำหรับไทยแลนด์ของสมันน้อยล่ะ สถาบัน ICG นักล่าคิดอย่างไรกับเรา ? เมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ เมื่อช่วงปี ค.ศ. 2010 ที่พี่น้องเสื้อแดงพากัน พกน้ำมันมาคนละขวดกับไม้ขีดไฟอย่างใจถึง ๆ มาตั้งแคมป์กลางเมืองน่ะ ICG ระบุในรายงานเมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 2010 ว่า การเมืองไทยล้มเหลว และไม่อยู่ในสภาพที่จะกู้กลับ สถานการณ์เลวร้าย จะนำไปสูสงครามกลางเมือง ถึงเวลาแล้วที่ Thailand จะต้องคิดขอความช่วยเหลือจากนานาอารยะประเทศ (มาแล้วไง!) สิ่งที่ Thailand ควรทำด่วน คือ ตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจประกอบด้วย บุคคลจากนานาชาติ ที่มีความสามารถและมีประสบการณ์เกี่ยวกับประเทศไทย มาทำหน้าที่เป็นคนกลาง ระหว่างรัฐบาล (ปชป) กับกลุ่มเสื้อแดง เพื่อป้องกันเหตุรุนแรง เช่น ยุติการปฏิบัติงานของทหาร การประท้วงควรเหลือเพียงการทำในเชิงสัญลักษณ์ คณะบุคคลนานาชาตินี้ จะทำหน้าที่จัดการให้มีรัฐบาลชั่วคราวเพื่อเตรียมการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด ผู้นำรัฐบาลควรมาจากรัฐสภา และควรจะประกอบด้วย ผู้ที่เป็นกลางและได้รับความนับถือจากสังคม (ใครหนอ?) และจะต้องมีการสอบสวนถึงกรณีปฏิบัติการ 10 เม.ย ระหว่างทหารกับกลุ่มเสื้อแดงที่มาประท้วงแถวบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และเมื่อทุกอย่างเริ่มเข้ารูปแล้ว สิ่งที่ควรจะรีบดำเนินการ คือแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเดิม ซึ่งร่างขึ้นโดยอิทธิพลของทหาร ท่านผู้อ่านที่มีญาติเป็นทหาร ช่วยเอาไปให้อ่านตอนนี้หน่อยนะครับ เพื่อจะเข้าใจอะไรมากขึ้น และโปรดพิจารณากันเองแล้วกันว่า ข้อเสนอของ ICG มันน่าสรรเสริญเพียงใด และมีฝ่ายใดดำเนินการตามบ้าง มันคงมีการเข้าใจกันผิด ว่าราชอาณาจักรไทยของเรา ตกอยู่ในอาณัติของผู้ใดไปแล้ว ! คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิกฤตการณ์การล่มสลายของโมเดล AI: วงจรป้อนกลับของข้อมูลสังเคราะห์

    ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์เชิงกำเนิด (Generative AI) กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ปรากฏการณ์ "การล่มสลายของโมเดล" (Model Collapse) ได้กลายเป็นความเสี่ยงเชิงระบบที่สำคัญยิ่ง เปรียบเสมือน "งูกินหางตัวเอง" หรือการถ่ายสำเนาภาพซ้ำๆ ที่ทำให้คุณภาพเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ ปัญหานี้เกิดขึ้นเมื่อโมเดล AI ถูกฝึกซ้ำด้วยเนื้อหาที่สร้างโดย AI รุ่นก่อนหน้า ส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านความหลากหลาย ความแม่นยำ และความละเอียดอ่อนของข้อมูล การสูญเสียข้อมูลส่วนหางหรือข้อมูลที่มีความถี่ต่ำอย่างเป็นระบบนี้ไม่เพียงกระทบทางเทคนิค แต่ยังขยายไปสู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น การปนเปื้อนระบบนิเวศดิจิทัล การลดลงของความรู้มนุษย์ และการเกิด "อคติแบบ AI-ต่อ-AI" อย่างไรก็ตาม ด้วยแนวทางแก้ไขแบบหลายชั้น เราสามารถบรรเทาปัญหานี้ได้ผ่านการตรวจสอบที่มาของข้อมูล การมีส่วนร่วมของมนุษย์ และการกำกับดูแลเชิงนโยบาย

    จุดกำเนิดของปัญหานี้คือวงจรป้อนกลับแบบงูกินหาง (Ouroboros) ที่ข้อมูลสังเคราะห์จาก AI เพิ่มขึ้นและปนเปื้อนข้อมูลออนไลน์ ทำให้โมเดลรุ่นใหม่ต้องใช้ข้อมูลที่เสื่อมโทรมนี้ในการฝึก สร้างภัยคุกคามเชิงระบบต่ออุตสาหกรรม AI ทั้งหมด โดยเฉพาะผู้เล่นรายใหม่ที่ยากจะเข้าถึงข้อมูลมนุษย์แท้จริง เปรียบเทียบกับการถ่ายสำเนาภาพซ้ำๆ คุณภาพข้อมูลดั้งเดิมจะลดลงจนเหลือผลลัพธ์ที่พร่ามัวและไร้ประโยชน์ แก่นปัญหาอยู่ที่วงจรป้อนกลับแบบพึ่งพาตนเอง (Autoregressive Feedback Loop) ซึ่งขยายข้อผิดพลาดจากรุ่นก่อนสะสมเรื่อยๆ กลไกการเสื่อมถอยมาจากการสุ่มเลือกข้อมูลถี่สูงและมองข้ามข้อมูลส่วนหาง เช่น ในตัวอย่างคนใส่หมวกสีน้ำเงิน 99% และสีแดง 1% โมเดลอาจสรุปว่าทุกคนใส่หมวกสีน้ำเงินเท่านั้น ทำให้ข้อมูลสีแดงหายไปในที่สุด ความผิดพลาดแบ่งเป็นสามประเภท: การประมาณค่าทางสถิติ การแสดงฟังก์ชัน และการเรียนรู้ ส่งผลให้ข้อมูลเป็นเนื้อเดียวกัน สร้าง "ห้องสะท้อนเสียงทางแนวคิด" และนำไปสู่ความรู้ลดลงในสังคม

    การล่มสลายแบ่งเป็นสองระยะ: ระยะเริ่มต้นที่สูญเสียข้อมูลส่วนหางอย่างไม่ชัดเจน แม้ประสิทธิภาพโดยรวมดูดีขึ้น แต่ความสามารถจัดการข้อมูลพิเศษลดลง และระยะสุดท้ายที่ประสิทธิภาพหายไปอย่างชัดเจน ผลลัพธ์กลายเป็นข้อความหรือภาพซ้ำซากไร้ความหมาย ปรากฏในโดเมนต่างๆ เช่น ในโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) สูญเสียหัวข้อเฉพาะกลุ่มในระยะแรก และกลายเป็นข้อความไม่เกี่ยวข้องในระยะหลัง สำหรับโมเดลสร้างภาพ ความหลากหลายลดลงอย่างละเอียดอ่อนจนกลายเป็นภาพเหมือนกันและคุณภาพต่ำ ในโมเดลอื่นๆ เช่น GMMs/VAEs สูญเสียข้อมูลส่วนหางจนสับสนในแนวคิด

    ผลกระทบขยายสู่เศรษฐกิจและสังคม โดยนำไปสู่การตัดสินใจผิดพลาดที่ก่อความเสียหายสูง เช่น เครื่องมือแพทย์พลาดวินิจฉัยโรคหายาก หรือธุรกิจสูญเสียลูกค้าจากคำแนะนำซ้ำซาก ในมิติสังคม ข้อมูลสังเคราะห์ที่แยกไม่ออกจากมนุษย์เพิ่มต้นทุนตรวจสอบความถูกต้อง สร้างความเหลื่อมล้ำดิจิทัลที่คนรวยได้เปรียบ ยิ่งกว่านั้น "อคติแบบ AI-ต่อ-AI" ทำให้ AI ชอบเนื้อหาจาก AI ด้วยกัน สร้าง "ภาษีเข้าประตู" ในงานคัดเลือกบุคลากรหรือทุนวิจัย บังคับให้มนุษย์ปรับงานให้ "ดูเหมือน AI" เพื่ออยู่รอด

    เพื่อแก้ไข ต้องกลับสู่แหล่งข้อมูลมนุษย์แท้จริงและผสมข้อมูลสังเคราะห์อย่างระมัดระวัง โดยใช้เครื่องมืออย่างการตรวจสอบที่มา (Provenance) การฝังลายน้ำ (Watermarking) และลายเซ็นดิจิทัลเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง มนุษย์ต้องเป็นหลักยึดผ่านระบบมนุษย์ร่วมวงจร (Human-in-the-Loop) และ Active Learning เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดและยึดโยงกับความจริง นอกจากนี้ ต้องมีกฎระเบียบอย่างกฎหมาย AI ของสหภาพยุโรป และธรรมาภิบาลภายในองค์กรเพื่อตรวจจับความเบี่ยงเบน โดยสรุปแนวทางองค์รวม: การตรวจสอบที่มาสร้างความโปร่งใสแต่ขาดมาตรฐานร่วม การผสมข้อมูลรักษาความหลากหลายแต่ต้องควบคุมสัดส่วน มนุษย์ร่วมวงจรป้องกันข้อผิดพลาดแต่ใช้ทรัพยากรสูง และธรรมาภิบาล AI บรรเทาความเสี่ยงแต่ต้องการความเข้าใจลึกซึ้ง

    สรุปแล้ว การล่มสลายของโมเดลคือจุดตัดระหว่างความสำเร็จและล้มเหลวเชิงระบบ แต่ด้วยแนวทางที่ผสมนวัตกรรม การกำกับดูแลมนุษย์ และกฎระเบียบ เราสามารถเปลี่ยนวงจรทำลายล้างนี้ให้เป็นกลไกการเรียนรู้ที่ยั่งยืน โดยมอง AI เป็นผู้สร้างร่วมที่มนุษย์ยังคงเป็นแกนหลักในการรักษาความเป็นจริง ความหลากหลาย และความสมบูรณ์ของโลกดิจิทัล

    #ลุงเขียนหลานอ่าน
    วิกฤตการณ์การล่มสลายของโมเดล AI: วงจรป้อนกลับของข้อมูลสังเคราะห์ 🧠 ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์เชิงกำเนิด (Generative AI) กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ปรากฏการณ์ "การล่มสลายของโมเดล" (Model Collapse) ได้กลายเป็นความเสี่ยงเชิงระบบที่สำคัญยิ่ง เปรียบเสมือน "งูกินหางตัวเอง" หรือการถ่ายสำเนาภาพซ้ำๆ ที่ทำให้คุณภาพเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ ปัญหานี้เกิดขึ้นเมื่อโมเดล AI ถูกฝึกซ้ำด้วยเนื้อหาที่สร้างโดย AI รุ่นก่อนหน้า ส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านความหลากหลาย ความแม่นยำ และความละเอียดอ่อนของข้อมูล การสูญเสียข้อมูลส่วนหางหรือข้อมูลที่มีความถี่ต่ำอย่างเป็นระบบนี้ไม่เพียงกระทบทางเทคนิค แต่ยังขยายไปสู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น การปนเปื้อนระบบนิเวศดิจิทัล การลดลงของความรู้มนุษย์ และการเกิด "อคติแบบ AI-ต่อ-AI" อย่างไรก็ตาม ด้วยแนวทางแก้ไขแบบหลายชั้น เราสามารถบรรเทาปัญหานี้ได้ผ่านการตรวจสอบที่มาของข้อมูล การมีส่วนร่วมของมนุษย์ และการกำกับดูแลเชิงนโยบาย 🐍 จุดกำเนิดของปัญหานี้คือวงจรป้อนกลับแบบงูกินหาง (Ouroboros) ที่ข้อมูลสังเคราะห์จาก AI เพิ่มขึ้นและปนเปื้อนข้อมูลออนไลน์ ทำให้โมเดลรุ่นใหม่ต้องใช้ข้อมูลที่เสื่อมโทรมนี้ในการฝึก สร้างภัยคุกคามเชิงระบบต่ออุตสาหกรรม AI ทั้งหมด โดยเฉพาะผู้เล่นรายใหม่ที่ยากจะเข้าถึงข้อมูลมนุษย์แท้จริง 📸 เปรียบเทียบกับการถ่ายสำเนาภาพซ้ำๆ คุณภาพข้อมูลดั้งเดิมจะลดลงจนเหลือผลลัพธ์ที่พร่ามัวและไร้ประโยชน์ แก่นปัญหาอยู่ที่วงจรป้อนกลับแบบพึ่งพาตนเอง (Autoregressive Feedback Loop) ซึ่งขยายข้อผิดพลาดจากรุ่นก่อนสะสมเรื่อยๆ 📉 กลไกการเสื่อมถอยมาจากการสุ่มเลือกข้อมูลถี่สูงและมองข้ามข้อมูลส่วนหาง เช่น ในตัวอย่างคนใส่หมวกสีน้ำเงิน 99% และสีแดง 1% โมเดลอาจสรุปว่าทุกคนใส่หมวกสีน้ำเงินเท่านั้น ทำให้ข้อมูลสีแดงหายไปในที่สุด ความผิดพลาดแบ่งเป็นสามประเภท: การประมาณค่าทางสถิติ การแสดงฟังก์ชัน และการเรียนรู้ ส่งผลให้ข้อมูลเป็นเนื้อเดียวกัน สร้าง "ห้องสะท้อนเสียงทางแนวคิด" และนำไปสู่ความรู้ลดลงในสังคม 📈 การล่มสลายแบ่งเป็นสองระยะ: ระยะเริ่มต้นที่สูญเสียข้อมูลส่วนหางอย่างไม่ชัดเจน แม้ประสิทธิภาพโดยรวมดูดีขึ้น แต่ความสามารถจัดการข้อมูลพิเศษลดลง และระยะสุดท้ายที่ประสิทธิภาพหายไปอย่างชัดเจน ผลลัพธ์กลายเป็นข้อความหรือภาพซ้ำซากไร้ความหมาย ปรากฏในโดเมนต่างๆ เช่น ในโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) สูญเสียหัวข้อเฉพาะกลุ่มในระยะแรก และกลายเป็นข้อความไม่เกี่ยวข้องในระยะหลัง สำหรับโมเดลสร้างภาพ ความหลากหลายลดลงอย่างละเอียดอ่อนจนกลายเป็นภาพเหมือนกันและคุณภาพต่ำ ในโมเดลอื่นๆ เช่น GMMs/VAEs สูญเสียข้อมูลส่วนหางจนสับสนในแนวคิด 💼 ผลกระทบขยายสู่เศรษฐกิจและสังคม โดยนำไปสู่การตัดสินใจผิดพลาดที่ก่อความเสียหายสูง เช่น เครื่องมือแพทย์พลาดวินิจฉัยโรคหายาก หรือธุรกิจสูญเสียลูกค้าจากคำแนะนำซ้ำซาก 🌍 ในมิติสังคม ข้อมูลสังเคราะห์ที่แยกไม่ออกจากมนุษย์เพิ่มต้นทุนตรวจสอบความถูกต้อง สร้างความเหลื่อมล้ำดิจิทัลที่คนรวยได้เปรียบ ยิ่งกว่านั้น "อคติแบบ AI-ต่อ-AI" ทำให้ AI ชอบเนื้อหาจาก AI ด้วยกัน สร้าง "ภาษีเข้าประตู" ในงานคัดเลือกบุคลากรหรือทุนวิจัย บังคับให้มนุษย์ปรับงานให้ "ดูเหมือน AI" เพื่ออยู่รอด 🔍 เพื่อแก้ไข ต้องกลับสู่แหล่งข้อมูลมนุษย์แท้จริงและผสมข้อมูลสังเคราะห์อย่างระมัดระวัง โดยใช้เครื่องมืออย่างการตรวจสอบที่มา (Provenance) การฝังลายน้ำ (Watermarking) และลายเซ็นดิจิทัลเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง 🤝 มนุษย์ต้องเป็นหลักยึดผ่านระบบมนุษย์ร่วมวงจร (Human-in-the-Loop) และ Active Learning เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดและยึดโยงกับความจริง ⚖️ นอกจากนี้ ต้องมีกฎระเบียบอย่างกฎหมาย AI ของสหภาพยุโรป และธรรมาภิบาลภายในองค์กรเพื่อตรวจจับความเบี่ยงเบน โดยสรุปแนวทางองค์รวม: การตรวจสอบที่มาสร้างความโปร่งใสแต่ขาดมาตรฐานร่วม การผสมข้อมูลรักษาความหลากหลายแต่ต้องควบคุมสัดส่วน มนุษย์ร่วมวงจรป้องกันข้อผิดพลาดแต่ใช้ทรัพยากรสูง และธรรมาภิบาล AI บรรเทาความเสี่ยงแต่ต้องการความเข้าใจลึกซึ้ง 🚀 สรุปแล้ว การล่มสลายของโมเดลคือจุดตัดระหว่างความสำเร็จและล้มเหลวเชิงระบบ แต่ด้วยแนวทางที่ผสมนวัตกรรม การกำกับดูแลมนุษย์ และกฎระเบียบ เราสามารถเปลี่ยนวงจรทำลายล้างนี้ให้เป็นกลไกการเรียนรู้ที่ยั่งยืน โดยมอง AI เป็นผู้สร้างร่วมที่มนุษย์ยังคงเป็นแกนหลักในการรักษาความเป็นจริง ความหลากหลาย และความสมบูรณ์ของโลกดิจิทัล #ลุงเขียนหลานอ่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts