• Vodafone ได้ทำการโทรวิดีโอผ่านดาวเทียมครั้งแรกของโลกโดยใช้โทรศัพท์มือถือทั่วไปจากพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ การโทรนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ห่างไกลของเวลส์ และเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มการเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมให้กับเครือข่ายของ Vodafone ภายในสิ้นปีนี้ในสหราชอาณาจักรและทั่วยุโรปในปี 2025 และ 2026

    การเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมโดยตรงกับโทรศัพท์มือถือมีเป้าหมายเพื่อขจัด "จุดบอด" หรือพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ชนบทและทะเลกว้างใหญ่ Vodafone อ้างว่าประสบการณ์การใช้ดาวเทียมนี้จะเหมือนกับการใช้เครือข่าย 4G และ 5G ที่มีอยู่ แม้ว่าการโทรวิดีโอที่สาธิตจะมีหลักฐานของความล่าช้าและภาพความละเอียดต่ำ

    บริการนี้ได้รับการสนับสนุนโดยดาวเทียม BlueBird จากพันธมิตรของ Vodafone คือ AST SpaceMobile ซึ่งเป็นคู่แข่งของ SpaceX ระบบนี้ใช้ดาวเทียมห้าดวงและ Vodafone เรียกมันว่า "เครือข่ายบรอดแบนด์มือถือแรกและเดียวในอวกาศ" ที่ทำงานโดยตรงกับโทรศัพท์มือถือทั่วไป

    การเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมโดยตรงกับโทรศัพท์มือถืออาจช่วยขจัดปัญหาสัญญาณโทรศัพท์ที่ขาดหายไปในพื้นที่ชนบทและทะเลกว้างใหญ่ และอาจเป็นการเพิ่มทางเลือกในการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต

    https://www.techradar.com/phones/network-providers/vodafone-makes-worlds-first-satellite-video-call-with-a-standard-phone-heres-why-thats-a-big-deal
    Vodafone ได้ทำการโทรวิดีโอผ่านดาวเทียมครั้งแรกของโลกโดยใช้โทรศัพท์มือถือทั่วไปจากพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ การโทรนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ห่างไกลของเวลส์ และเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มการเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมให้กับเครือข่ายของ Vodafone ภายในสิ้นปีนี้ในสหราชอาณาจักรและทั่วยุโรปในปี 2025 และ 2026 การเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมโดยตรงกับโทรศัพท์มือถือมีเป้าหมายเพื่อขจัด "จุดบอด" หรือพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ชนบทและทะเลกว้างใหญ่ Vodafone อ้างว่าประสบการณ์การใช้ดาวเทียมนี้จะเหมือนกับการใช้เครือข่าย 4G และ 5G ที่มีอยู่ แม้ว่าการโทรวิดีโอที่สาธิตจะมีหลักฐานของความล่าช้าและภาพความละเอียดต่ำ บริการนี้ได้รับการสนับสนุนโดยดาวเทียม BlueBird จากพันธมิตรของ Vodafone คือ AST SpaceMobile ซึ่งเป็นคู่แข่งของ SpaceX ระบบนี้ใช้ดาวเทียมห้าดวงและ Vodafone เรียกมันว่า "เครือข่ายบรอดแบนด์มือถือแรกและเดียวในอวกาศ" ที่ทำงานโดยตรงกับโทรศัพท์มือถือทั่วไป การเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมโดยตรงกับโทรศัพท์มือถืออาจช่วยขจัดปัญหาสัญญาณโทรศัพท์ที่ขาดหายไปในพื้นที่ชนบทและทะเลกว้างใหญ่ และอาจเป็นการเพิ่มทางเลือกในการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต https://www.techradar.com/phones/network-providers/vodafone-makes-worlds-first-satellite-video-call-with-a-standard-phone-heres-why-thats-a-big-deal
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Aurora ของ Argonne National Laboratory ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้ถูกประกาศครั้งแรกในปี 2015 และเผชิญกับความล่าช้ามากมาย แต่ตอนนี้สามารถให้บริการได้มากกว่า 1 ExaFLOPS สำหรับการจำลองและ 11.6 ExaFLOPS สำหรับการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง

    Michael Papka ผู้อำนวยการ Argonne Leadership Computing Facility (ALCF) กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เปิดตัว Aurora สำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์" และเสริมว่า "ผู้ใช้เริ่มแรกได้แสดงให้เราเห็นถึงศักยภาพอันมหาศาลของ Aurora เรารอคอยที่จะเห็นว่าชุมชนวิทยาศาสตร์จะใช้ระบบนี้ในการเปลี่ยนแปลงการวิจัยของพวกเขาอย่างไร"

    การเปิดตัว Aurora สำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ถือเป็นการยอมรับระบบอย่างเป็นทางการโดย ARNL ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสำหรับเครื่องที่มีปัญหานี้ Aurora ถูกวางแผนไว้สำหรับปี 2018 แต่พลาดเป้าหมายเนื่องจากการตัดสินใจของ Intel ที่จะยกเลิกโปรเซสเซอร์ Xeon Phi หลังจากที่เครื่องถูกออกแบบใหม่ โครงการก็เผชิญกับความล่าช้าเพิ่มเติมเนื่องจากการล่าช้าของเทคโนโลยีการผลิต 7nm ของ Intel ทำให้วันที่เสร็จสมบูรณ์ถูกเลื่อนออกไปเป็นปี 2021 และอีกครั้งในปี 2023

    แม้ว่าอุปกรณ์จะถูกติดตั้งในเดือนมิถุนายน 2023 แต่ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าระบบจะสามารถทำงานได้เต็มที่และบรรลุประสิทธิภาพระดับ exascale ซึ่งในที่สุดก็สำเร็จในเดือนพฤษภาคม 2024 แต่ระบบนี้ยังคงเปิดให้บริการเฉพาะนักวิจัยบางกลุ่มเท่านั้นเป็นเวลานานกว่าครึ่งปี

    Aurora ไม่ใช่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดสำหรับการจำลอง เนื่องจากประสิทธิภาพ FP64 ของมันเพียงแค่เกิน 1 ExaFLOPS แต่เป็นระบบที่ทรงพลังที่สุดสำหรับ AI เนื่องจากสามารถบรรลุ 11.6 ExaFLOPS ตามการทดสอบ HPL-MxP

    Rick Stevens ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการ Argonne กล่าวว่า "เป้าหมายใหญ่ของ Aurora คือการฝึกอบรมโมเดลภาษาขนาดใหญ่สำหรับวิทยาศาสตร์" และเสริมว่า "ด้วยโครงการ AuroraGPT เรากำลังสร้างโมเดลพื้นฐานที่เน้นวิทยาศาสตร์ที่สามารถสกัดความรู้จากหลายโดเมน ตั้งแต่ชีววิทยาถึงเคมี หนึ่งในเป้าหมายของ Aurora คือการช่วยให้นักวิจัยสร้างเครื่องมือ AI ใหม่ที่ช่วยให้พวกเขาก้าวหน้าได้เร็วเท่าที่พวกเขาคิด ไม่ใช่แค่เร็วเท่าที่การคำนวณของพวกเขา"

    โครงการวิจัยแรกๆ ที่ใช้ Aurora รวมถึงการจำลองระบบที่ซับซ้อน เช่น ระบบหมุนเวียนเลือดของมนุษย์ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และการระเบิดของซูเปอร์โนวา ประสิทธิภาพที่ล้นหลามของเครื่องนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการประมวลผลข้อมูลจากศูนย์วิจัยใหญ่ๆ เช่น Argonne's Advanced Photon Source (APS) และ CERN's Large Hadron Collider

    Aurora ประกอบด้วย 166 แร็ค แต่ละแร็คมี 64 เบลด รวมทั้งหมด 10,624 เบลด แต่ละเบลดมีโปรเซสเซอร์ Xeon Max สองตัวพร้อมหน่วยความจำ HBM2E ขนาด 64 GB และ GPU Intel Data Center Max 'Ponte Vecchio' หกตัว ทั้งหมดนี้ถูกทำความเย็นด้วยระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวเฉพาะ

    Aurora มี CPU 21,248 ตัวพร้อมคอร์ x86 ประสิทธิภาพสูงกว่า 1.1 ล้านคอร์ หน่วยความจำ DDR5 ขนาด 19.9 PB และหน่วยความจำ HBM2E ขนาด 1.36 PB ที่เชื่อมต่อกับ CPU นอกจากนี้ยังมี GPU 63,744 ตัวที่ปรับแต่งสำหรับ AI และ HPC พร้อมหน่วยความจำ HBM2E ขนาด 8.16 PB Aurora ใช้โหนด 1,024 โหนดที่มีไดรฟ์โซลิดสเตตสำหรับการจัดเก็บข้อมูล รวมความจุทั้งหมด 220 PB และแบนด์วิดท์ 31 TB/s ระบบนี้ใช้สถาปัตยกรรมซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Shasta ของ HPE พร้อมการเชื่อมต่อ Slingshot

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/aurora-supercomputer-is-now-fully-operational-available-to-researchers
    ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Aurora ของ Argonne National Laboratory ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้ถูกประกาศครั้งแรกในปี 2015 และเผชิญกับความล่าช้ามากมาย แต่ตอนนี้สามารถให้บริการได้มากกว่า 1 ExaFLOPS สำหรับการจำลองและ 11.6 ExaFLOPS สำหรับการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง Michael Papka ผู้อำนวยการ Argonne Leadership Computing Facility (ALCF) กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เปิดตัว Aurora สำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์" และเสริมว่า "ผู้ใช้เริ่มแรกได้แสดงให้เราเห็นถึงศักยภาพอันมหาศาลของ Aurora เรารอคอยที่จะเห็นว่าชุมชนวิทยาศาสตร์จะใช้ระบบนี้ในการเปลี่ยนแปลงการวิจัยของพวกเขาอย่างไร" การเปิดตัว Aurora สำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ถือเป็นการยอมรับระบบอย่างเป็นทางการโดย ARNL ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสำหรับเครื่องที่มีปัญหานี้ Aurora ถูกวางแผนไว้สำหรับปี 2018 แต่พลาดเป้าหมายเนื่องจากการตัดสินใจของ Intel ที่จะยกเลิกโปรเซสเซอร์ Xeon Phi หลังจากที่เครื่องถูกออกแบบใหม่ โครงการก็เผชิญกับความล่าช้าเพิ่มเติมเนื่องจากการล่าช้าของเทคโนโลยีการผลิต 7nm ของ Intel ทำให้วันที่เสร็จสมบูรณ์ถูกเลื่อนออกไปเป็นปี 2021 และอีกครั้งในปี 2023 แม้ว่าอุปกรณ์จะถูกติดตั้งในเดือนมิถุนายน 2023 แต่ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าระบบจะสามารถทำงานได้เต็มที่และบรรลุประสิทธิภาพระดับ exascale ซึ่งในที่สุดก็สำเร็จในเดือนพฤษภาคม 2024 แต่ระบบนี้ยังคงเปิดให้บริการเฉพาะนักวิจัยบางกลุ่มเท่านั้นเป็นเวลานานกว่าครึ่งปี Aurora ไม่ใช่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดสำหรับการจำลอง เนื่องจากประสิทธิภาพ FP64 ของมันเพียงแค่เกิน 1 ExaFLOPS แต่เป็นระบบที่ทรงพลังที่สุดสำหรับ AI เนื่องจากสามารถบรรลุ 11.6 ExaFLOPS ตามการทดสอบ HPL-MxP Rick Stevens ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการ Argonne กล่าวว่า "เป้าหมายใหญ่ของ Aurora คือการฝึกอบรมโมเดลภาษาขนาดใหญ่สำหรับวิทยาศาสตร์" และเสริมว่า "ด้วยโครงการ AuroraGPT เรากำลังสร้างโมเดลพื้นฐานที่เน้นวิทยาศาสตร์ที่สามารถสกัดความรู้จากหลายโดเมน ตั้งแต่ชีววิทยาถึงเคมี หนึ่งในเป้าหมายของ Aurora คือการช่วยให้นักวิจัยสร้างเครื่องมือ AI ใหม่ที่ช่วยให้พวกเขาก้าวหน้าได้เร็วเท่าที่พวกเขาคิด ไม่ใช่แค่เร็วเท่าที่การคำนวณของพวกเขา" โครงการวิจัยแรกๆ ที่ใช้ Aurora รวมถึงการจำลองระบบที่ซับซ้อน เช่น ระบบหมุนเวียนเลือดของมนุษย์ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และการระเบิดของซูเปอร์โนวา ประสิทธิภาพที่ล้นหลามของเครื่องนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการประมวลผลข้อมูลจากศูนย์วิจัยใหญ่ๆ เช่น Argonne's Advanced Photon Source (APS) และ CERN's Large Hadron Collider Aurora ประกอบด้วย 166 แร็ค แต่ละแร็คมี 64 เบลด รวมทั้งหมด 10,624 เบลด แต่ละเบลดมีโปรเซสเซอร์ Xeon Max สองตัวพร้อมหน่วยความจำ HBM2E ขนาด 64 GB และ GPU Intel Data Center Max 'Ponte Vecchio' หกตัว ทั้งหมดนี้ถูกทำความเย็นด้วยระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวเฉพาะ Aurora มี CPU 21,248 ตัวพร้อมคอร์ x86 ประสิทธิภาพสูงกว่า 1.1 ล้านคอร์ หน่วยความจำ DDR5 ขนาด 19.9 PB และหน่วยความจำ HBM2E ขนาด 1.36 PB ที่เชื่อมต่อกับ CPU นอกจากนี้ยังมี GPU 63,744 ตัวที่ปรับแต่งสำหรับ AI และ HPC พร้อมหน่วยความจำ HBM2E ขนาด 8.16 PB Aurora ใช้โหนด 1,024 โหนดที่มีไดรฟ์โซลิดสเตตสำหรับการจัดเก็บข้อมูล รวมความจุทั้งหมด 220 PB และแบนด์วิดท์ 31 TB/s ระบบนี้ใช้สถาปัตยกรรมซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Shasta ของ HPE พร้อมการเชื่อมต่อ Slingshot https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/aurora-supercomputer-is-now-fully-operational-available-to-researchers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2025 OpenAI ได้เปิดตัว ChatGPT Gov ซึ่งเป็นเวอร์ชันของ ChatGPT ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ChatGPT Gov มีความสามารถในการช่วยงานต่างๆ เช่น การค้นหาเอกสารที่ซับซ้อน การทำงานร่วมกันในพื้นที่ทำงานของรัฐบาล การอัปโหลดไฟล์ข้อความและรูปภาพ และการเข้าถึง GPT-4o นอกจากนี้ยังมีคอนโซลสำหรับผู้บริหารด้านไอทีในการจัดการการใช้งาน

    การเปิดตัว ChatGPT Gov นี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อน เช่น การปรับปรุงสุขภาพของประชาชนและการเสริมสร้างความมั่นคงของชาติ โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการ "รับใช้ผลประโยชน์ของชาติและความดีของประชาชน"

    หน่วยงานรัฐบาลสามารถใช้บริการ OpenAI ของ Microsoft Azure เพื่อปรับใช้ ChatGPT Gov ในสภาพแวดล้อมของตนเอง ซึ่งช่วยให้หน่วยงานสามารถจัดการกับความต้องการด้านความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และการปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ง่ายขึ้น

    นอกจากนี้ ChatGPT Gov ยังมีนโยบายการใช้งานที่ห้ามการใช้งานที่เป็นอันตรายและมีการตั้งค่าการป้องกันเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน

    มีสาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมในบทความนี้คือ การที่หน่วยงานรัฐบาลมากกว่า 3,500 แห่งในสหรัฐฯ ได้เริ่มใช้ ChatGPT ในการทำงานประจำวันแล้ว โดยมีผู้ใช้งานมากกว่า 90,000 คนที่ส่งข้อความผ่าน ChatGPT มากกว่า 18 ล้านข้อความ

    https://www.zdnet.com/article/openai-tailored-chatgpt-gov-for-government-use-heres-what-that-means/
    เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2025 OpenAI ได้เปิดตัว ChatGPT Gov ซึ่งเป็นเวอร์ชันของ ChatGPT ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ChatGPT Gov มีความสามารถในการช่วยงานต่างๆ เช่น การค้นหาเอกสารที่ซับซ้อน การทำงานร่วมกันในพื้นที่ทำงานของรัฐบาล การอัปโหลดไฟล์ข้อความและรูปภาพ และการเข้าถึง GPT-4o นอกจากนี้ยังมีคอนโซลสำหรับผู้บริหารด้านไอทีในการจัดการการใช้งาน การเปิดตัว ChatGPT Gov นี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อน เช่น การปรับปรุงสุขภาพของประชาชนและการเสริมสร้างความมั่นคงของชาติ โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการ "รับใช้ผลประโยชน์ของชาติและความดีของประชาชน" หน่วยงานรัฐบาลสามารถใช้บริการ OpenAI ของ Microsoft Azure เพื่อปรับใช้ ChatGPT Gov ในสภาพแวดล้อมของตนเอง ซึ่งช่วยให้หน่วยงานสามารถจัดการกับความต้องการด้านความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และการปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ChatGPT Gov ยังมีนโยบายการใช้งานที่ห้ามการใช้งานที่เป็นอันตรายและมีการตั้งค่าการป้องกันเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน มีสาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมในบทความนี้คือ การที่หน่วยงานรัฐบาลมากกว่า 3,500 แห่งในสหรัฐฯ ได้เริ่มใช้ ChatGPT ในการทำงานประจำวันแล้ว โดยมีผู้ใช้งานมากกว่า 90,000 คนที่ส่งข้อความผ่าน ChatGPT มากกว่า 18 ล้านข้อความ https://www.zdnet.com/article/openai-tailored-chatgpt-gov-for-government-use-heres-what-that-means/
    WWW.ZDNET.COM
    OpenAI tailored ChatGPT Gov for government use - here's what that means
    ChatGPT will be making its way to federal, state, and local agencies. The new version comes with benefits - and concerns.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระราม 2 เจ็บแต่จบ? ปิดทางหลักเร็วขึ้น 1 ทุ่มตรง

    วันจันทร์ที่ 3 ก.พ.2568 คนที่บ้านอยู่โซนถนนพระรามที่ 2 ช่วงมหาชัยเมืองใหม่ ถึงทางแยกต่างระดับบ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร หากทำงานที่กรุงเทพฯ หลังเลิกงานคงต้องเดินทางกลับบ้านเร็วขึ้น หรือคนที่จะไปยังภาคใต้ คงต้องเผื่อเวลาในช่วงเย็นเป็นพิเศษ เพราะกรมทางหลวงจะปิดช่องทางหลักเร็วขึ้น จาก 2 ทุ่มเป็น 1 ทุ่มตรงทุกคืน เพื่อเร่งการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว จนกว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จ

    นับเป็นไพ่ใบสุดท้ายที่กรมทางหลวงตัดสินใจเจ็บแต่จบ ยอมรับเสียงตำหนิจากผู้ใช้รถใช้ถนนกว่า 256,000 คันต่อวัน เพื่อให้ผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธามีเวลาเพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายแล้วเสร็จภายในปลายปี 2568 ตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม หลังจากที่ผ่านมาพบว่าการก่อสร้างเป็นไปอย่างล่าช้า เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งต้องหยุดก่อสร้าง โดยเฉพาะเหตุการณ์คานสะพานถล่มลงมา บริเวณทางแยกต่างระดับเอกชัย มีผู้เสียชีวิต 6 ราย

    ย้อนกลับไปก่อนเทศกาลปีใหม่ 2567 แหล่งข่าวจากกรมทางหลวงเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาการก่อสร้างโดยปิดช่องทางหลัก ตั้งแต่เวลา 3 ทุ่มถึงตี 4 นั้นไม่เพียงพอ เพราะกว่าจะเตรียมการทั้งก่อนและหลังปิดถนนก็ใช้เวลานาน อีกทั้งระยะเวลาในการก่อสร้างก็มีเวลาให้น้อยมาก เพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน บางครั้งก็เกิดปัญหาทางเทคนิคระหว่างก่อสร้างก็มี ที่ผ่านมาเคยมีแนวคิดขยายเวลาปิดช่องทางหลัก แม้จะมีผลกระทบกับผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มขึ้น ซึ่งโดยปกติก็เจอแบบนี้อยู่แล้ว แต่ก็น้อมรับ

    กระทั่งวันที่ 1 เม.ย.2567 ได้ขยายเวลาเป็น 2 ทุ่มถึงตีห้าครึ่ง และในปี 2568 กำลังจะขยายเวลาเป็น 1 ทุ่มถึงตี 5 ครึ่ง

    โครงการมอเตอร์เวย์หมายเลข 82 เริ่มต้นก่อสร้างช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทาง 8.2 กิโลเมตร มาตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค. 2562 แบ่งเป็น 3 สัญญา ใช้งบประมาณแผ่นดิน 10,477.386 ล้านบาท ผ่านมาแล้วกว่า 5 ปีครึ่ง คืบหน้า 98.253% ส่วนช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ระยะทาง 16.4 กิโลเมตร ลงนามสัญญาเมื่อวันที่ 2 ก.พ.2565 แบ่งเป็น 10 สัญญา วงเงินก่อสร้าง 18,759 ล้านบาท ใช้เงินกองทุนมอเตอร์เวย์ ผ่านมาแล้ว 3 ปีเต็ม คืบหน้าเพียง 67.556%

    เดิมนายสุริยะประกาศว่าทั้งโครงการทางพิเศษสายพระราม 3–ดาวคะนอง–วงแหวนฯ ตะวันตก ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และมอเตอร์เวย์หมายเลข 82 ต้องแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือน มิ.ย.2568 แต่เมื่อเจออุบัติเหตุใหญ่ ประกอบกับช่วงเทศกาลปีใหม่ต้องหยุดก่อสร้าง จึงเลื่อนเป้าหมายภายในปลายปี 2568 ถึงกระนั้นตำนานถนนเจ็ดชั่วโคตร ถึงวันนี้ก็ไม่อาจหมดไป

    #Newskit
    -----
    [วันนี้วันสุดท้าย] ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9

    ประกาศรายชื่อผู้โชคดี 3 ก.พ. 2568 ที่เพจ Newskit ใน Thaitimes

    พระราม 2 เจ็บแต่จบ? ปิดทางหลักเร็วขึ้น 1 ทุ่มตรง วันจันทร์ที่ 3 ก.พ.2568 คนที่บ้านอยู่โซนถนนพระรามที่ 2 ช่วงมหาชัยเมืองใหม่ ถึงทางแยกต่างระดับบ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร หากทำงานที่กรุงเทพฯ หลังเลิกงานคงต้องเดินทางกลับบ้านเร็วขึ้น หรือคนที่จะไปยังภาคใต้ คงต้องเผื่อเวลาในช่วงเย็นเป็นพิเศษ เพราะกรมทางหลวงจะปิดช่องทางหลักเร็วขึ้น จาก 2 ทุ่มเป็น 1 ทุ่มตรงทุกคืน เพื่อเร่งการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว จนกว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จ นับเป็นไพ่ใบสุดท้ายที่กรมทางหลวงตัดสินใจเจ็บแต่จบ ยอมรับเสียงตำหนิจากผู้ใช้รถใช้ถนนกว่า 256,000 คันต่อวัน เพื่อให้ผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธามีเวลาเพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายแล้วเสร็จภายในปลายปี 2568 ตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม หลังจากที่ผ่านมาพบว่าการก่อสร้างเป็นไปอย่างล่าช้า เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งต้องหยุดก่อสร้าง โดยเฉพาะเหตุการณ์คานสะพานถล่มลงมา บริเวณทางแยกต่างระดับเอกชัย มีผู้เสียชีวิต 6 ราย ย้อนกลับไปก่อนเทศกาลปีใหม่ 2567 แหล่งข่าวจากกรมทางหลวงเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาการก่อสร้างโดยปิดช่องทางหลัก ตั้งแต่เวลา 3 ทุ่มถึงตี 4 นั้นไม่เพียงพอ เพราะกว่าจะเตรียมการทั้งก่อนและหลังปิดถนนก็ใช้เวลานาน อีกทั้งระยะเวลาในการก่อสร้างก็มีเวลาให้น้อยมาก เพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน บางครั้งก็เกิดปัญหาทางเทคนิคระหว่างก่อสร้างก็มี ที่ผ่านมาเคยมีแนวคิดขยายเวลาปิดช่องทางหลัก แม้จะมีผลกระทบกับผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มขึ้น ซึ่งโดยปกติก็เจอแบบนี้อยู่แล้ว แต่ก็น้อมรับ กระทั่งวันที่ 1 เม.ย.2567 ได้ขยายเวลาเป็น 2 ทุ่มถึงตีห้าครึ่ง และในปี 2568 กำลังจะขยายเวลาเป็น 1 ทุ่มถึงตี 5 ครึ่ง โครงการมอเตอร์เวย์หมายเลข 82 เริ่มต้นก่อสร้างช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทาง 8.2 กิโลเมตร มาตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค. 2562 แบ่งเป็น 3 สัญญา ใช้งบประมาณแผ่นดิน 10,477.386 ล้านบาท ผ่านมาแล้วกว่า 5 ปีครึ่ง คืบหน้า 98.253% ส่วนช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ระยะทาง 16.4 กิโลเมตร ลงนามสัญญาเมื่อวันที่ 2 ก.พ.2565 แบ่งเป็น 10 สัญญา วงเงินก่อสร้าง 18,759 ล้านบาท ใช้เงินกองทุนมอเตอร์เวย์ ผ่านมาแล้ว 3 ปีเต็ม คืบหน้าเพียง 67.556% เดิมนายสุริยะประกาศว่าทั้งโครงการทางพิเศษสายพระราม 3–ดาวคะนอง–วงแหวนฯ ตะวันตก ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และมอเตอร์เวย์หมายเลข 82 ต้องแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือน มิ.ย.2568 แต่เมื่อเจออุบัติเหตุใหญ่ ประกอบกับช่วงเทศกาลปีใหม่ต้องหยุดก่อสร้าง จึงเลื่อนเป้าหมายภายในปลายปี 2568 ถึงกระนั้นตำนานถนนเจ็ดชั่วโคตร ถึงวันนี้ก็ไม่อาจหมดไป #Newskit ----- [วันนี้วันสุดท้าย] ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9 ประกาศรายชื่อผู้โชคดี 3 ก.พ. 2568 ที่เพจ Newskit ใน Thaitimes
    Like
    Haha
    Yay
    6
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • การทำงานที่บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ดีอย่างไร มาฟังจากพนักงานโดยตรง ซึ่งตอกย้ำรางวัล ‘สุดยอดนายจ้างดีเด่นระดับโลกประจำปี 2567’ ที่ไฟเซอร์สำนักงานใหญ่ได้รับการจัดอันดับที่ #34 จากอุตสาหกรรมโดยรวม และอันดับ #1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมยาและเทคโนโลยีชีวภาพ Forbes World's Best Employers 2024 - Best Companies To Work For Worldwide ซึ่งถือเป็นรางวัลฉลองครบรอบ 175 ปีของไฟเซอร์ อิงค์ ในปีนี้ และครบรอบ 66 ปีในประเทศไทย ซึ่งพนักงานคือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอันยาวนาน
    .
    เมื่อไม่นานมานี้นิตยสาร Forbes ร่วมกับ Statista ประกาศรายชื่อนายจ้างยอดเยี่ยมระดับโลกประจำปี 2024 โดยไฟเซอร์ (Pfizer) ได้รับการจัดอันดับตอกย้ำความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นในการพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานที่สร้างบรรยากาศเชิงบวกและความเป็นเลิศ จากการสำรวจความคิดเห็นของพนักงานกว่า 300,000 คนจาก 50 ประเทศ ที่เข้าร่วมการสำรวจกับ Forbes ที่ทำงานในองค์กรข้ามชาติขนาดใหญ่ที่มีพนักงานมากกว่า 1,000 คน และดำเนินงานในภูมิภาคทวีปอย่างน้อย 2 แห่งจากทั้งหมด 6 แห่งของโลก ได้แก่ เอเชีย, ยุโรป, แอฟริกา, ลาตินอเมริกา, แคริบเบียน, อเมริกาเหนือ และโอเชียเนีย
    .
    ความสำเร็จของบริษัทแม่สะท้อนภาพลักษณ์องค์กรที่ดีของไฟเซอร์ (ประเทศไทย) องค์กรนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จมากว่า 6 ทศวรรษในประเทศไทย โดยมุ่งมั่นที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วย ความสำเร็จที่สานต่อเกิดจาก ‘ความสามารถของพนักงานและการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กร’ ที่ล้วนเป็นพื้นฐานแห่งความสำเร็จด้วยคุณลักษณะสำคัญคือ
    .
    1. ความรับผิดชอบ
    2. การให้ความร่วมมือและการทำงานเป็นทีม
    3. การนำเสนอแนวคิดและวิธีการใหม่ๆ
    .
    ‘สภาพแวดล้อมการทำงาน’ ที่เหมาะสมและหลากหลายคือกุญแจสำคัญ โดยให้พนักงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ไฟเซอร์จึงกลายเป็นสถานที่ที่พนักงานสามารถเติบโตได้
    ▪️วันเวลาทำงาน วันจันทร์-ศุกร์
    ▪️วันหยุดชดเชยกรณีต้องทำงานวันหยุด
    ▪️วันลา Caregiving Leave หรือสิทธิ์ลาดูแลสมาชิกครอบครัวรวมถึงสัตว์เลี้ยง 10 วัน (แยกออกจากวันลากิจ ลาป่วย ลาพักร้อนอื่นๆ)
    ▪️ออฟฟิศตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดงเชื่อมตรงกับอาคาร
    ▪️Mobile Office สามารถนั่งทำงานที่ไหนก็ได้
    ▪️มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ปลอดคนที่มีลักษณะเป็นพิษในองค์กร (Toxic People)
    .
    มาร์ค คาว (Mark Kuo) ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไฟเซอร์ปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรแบบ Accountability ซึ่งพนักงานทุกคนจะเข้าใจบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบ โดยทำหน้าที่ของตนให้เต็มที่เพื่อให้ได้รับผลสำเร็จตรงตามเป้าหมายของตนเองและบรรลุวัตถุประสงค์ที่องค์กรวางไว้ คือไม่ใช่สักแต่เพียงการทำงานให้เสร็จสิ้น แต่ต้องประสบผลความสำเร็จ และผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของไฟเซอร์คือพนักงานซึ่งเป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่า เราได้รับความไว้วางใจในประเทศไทยมายาวนานกว่า 6 ทศวรรษ ซึ่งสามารถยืนหยัดและเติบโตในประเทศไทยได้จนถึงทุกวันนี้ เป็นการสะท้อนถึงความไว้วางใจและการสนับสนุนจากชาวไทยอย่างแท้จริง ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) ยินดีต้อนรับทุกคนที่มีความรู้ความสามารถและมีคุณภาพสูงมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ในการทำหน้าที่นำเสนอนวัตกรรมเพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วย และมาร่วมกันสร้างความสำเร็จและการเติบโตเข้าสู่ปีที่ 67 ของการก่อตั้งในประเทศไทยและในปีต่อๆ ไป
    .
    สิทธิประโยชน์ของพนักงานไฟเซอร์คือ
    ▪️ให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี รวมถึงความปลอดภัยของพนักงานเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งจัดกิจกรรมเสริมสุขภาพกายใจ และให้ความรู้ด้านการเงินและการดำเนินชีวิตอย่างสมดุลทุกเดือน
    ▪️สวัสดิการยืดหยุ่น 16,000 บาทต่อปี ครอบคลุมสุขภาพ ความงาม ประกัน ดูแลครอบครัว สัตว์เลี้ยง เป็นต้น
    ▪️ตรวจสุขภาพประจำปี โบนัสการันตี 1 เดือน + โบนัสตามผลงาน
    ▪️กองทุนสำรองเลี้ยงชีพและสิทธิหุ้น Provident Fund อัตราแข่งขันได้ บางตำแหน่งมีสิทธิหุ้น
    ▪️สนับสนุนความหลากหลายและความเท่าเทียม (DEI) สิทธิคู่สมรสเท่าเทียมสำหรับคู่ชีวิตเพศเดียวกัน
    ▪️ประกันสุขภาพครอบคลุมคู่สมรสและบุตร รวมถึงคู่ชีวิต (Life Partner) เพศเดียวกันกับพนักงาน
    ▪️พัฒนาและเติบโตในสายอาชีพ อบรมผ่านระบบออนไลน์และชั้นเรียน เติบโตในองค์กรและเปิดโอกาสให้ได้ทำงานในระดับภูมิภาคและระดับโลก
    ▪️นโยบายปรึกษาหัวหน้างานโดยตรง (Speak Up) ผู้บริหารพร้อมรับฟังและแก้ปัญหาอย่างจริงใจ (Open Door)
    ▪️วัฒนธรรมเสมอภาค ยืดหยุ่น เน้นผลลัพธ์ สร้างบรรยากาศการทำงานที่สนุกและส่งเสริมความสุข
    ▪️องค์กรแห่งการเรียนรู้ สนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง
    ▪️ผู้นำที่ใส่ใจ เปิดรับความคิดเห็นและให้คำปรึกษาอย่างจริงใจ
    ▪️ผลตอบแทนและสวัสดิการที่ดี
    .
    ไฟเซอร์ไม่เพียงเป็นสถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยมที่ให้ผลตอบแทนและสวัสดิการที่ดี แต่ยังดูแลเอาใจใส่เรื่องสุขภาพ ส่งเสริมการเรียนรู้ และสนับสนุนให้พนักงานเติบโต จึงทำให้ไฟเซอร์เป็นอีกหนึ่งองค์กรในฝัน
    .
    มาร่วมค้นพบว่า ทำไมไฟเซอร์ (Pfizer) จึงเป็นที่ทำงานในฝันของใครหลายคน!
    .
    ติดตามข่าวสารของบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ที่ www.pfizer.co.th หรือ Facebook: Pfizer Thailand ที่ https://www.facebook.com/PfizerThailand
    #PfizerThailand #ไฟเซอร์
    #Forbes #worldbestemployers2024 #ไฟเซอร์
    [PR NEWS]
    การทำงานที่บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ดีอย่างไร มาฟังจากพนักงานโดยตรง ซึ่งตอกย้ำรางวัล ‘สุดยอดนายจ้างดีเด่นระดับโลกประจำปี 2567’ ที่ไฟเซอร์สำนักงานใหญ่ได้รับการจัดอันดับที่ #34 จากอุตสาหกรรมโดยรวม และอันดับ #1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมยาและเทคโนโลยีชีวภาพ Forbes World's Best Employers 2024 - Best Companies To Work For Worldwide ซึ่งถือเป็นรางวัลฉลองครบรอบ 175 ปีของไฟเซอร์ อิงค์ ในปีนี้ และครบรอบ 66 ปีในประเทศไทย ซึ่งพนักงานคือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอันยาวนาน . เมื่อไม่นานมานี้นิตยสาร Forbes ร่วมกับ Statista ประกาศรายชื่อนายจ้างยอดเยี่ยมระดับโลกประจำปี 2024 โดยไฟเซอร์ (Pfizer) ได้รับการจัดอันดับตอกย้ำความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นในการพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานที่สร้างบรรยากาศเชิงบวกและความเป็นเลิศ จากการสำรวจความคิดเห็นของพนักงานกว่า 300,000 คนจาก 50 ประเทศ ที่เข้าร่วมการสำรวจกับ Forbes ที่ทำงานในองค์กรข้ามชาติขนาดใหญ่ที่มีพนักงานมากกว่า 1,000 คน และดำเนินงานในภูมิภาคทวีปอย่างน้อย 2 แห่งจากทั้งหมด 6 แห่งของโลก ได้แก่ เอเชีย, ยุโรป, แอฟริกา, ลาตินอเมริกา, แคริบเบียน, อเมริกาเหนือ และโอเชียเนีย . ความสำเร็จของบริษัทแม่สะท้อนภาพลักษณ์องค์กรที่ดีของไฟเซอร์ (ประเทศไทย) องค์กรนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จมากว่า 6 ทศวรรษในประเทศไทย โดยมุ่งมั่นที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วย ความสำเร็จที่สานต่อเกิดจาก ‘ความสามารถของพนักงานและการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กร’ ที่ล้วนเป็นพื้นฐานแห่งความสำเร็จด้วยคุณลักษณะสำคัญคือ . 1. ความรับผิดชอบ 2. การให้ความร่วมมือและการทำงานเป็นทีม 3. การนำเสนอแนวคิดและวิธีการใหม่ๆ . ‘สภาพแวดล้อมการทำงาน’ ที่เหมาะสมและหลากหลายคือกุญแจสำคัญ โดยให้พนักงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ไฟเซอร์จึงกลายเป็นสถานที่ที่พนักงานสามารถเติบโตได้ ▪️วันเวลาทำงาน วันจันทร์-ศุกร์ ▪️วันหยุดชดเชยกรณีต้องทำงานวันหยุด ▪️วันลา Caregiving Leave หรือสิทธิ์ลาดูแลสมาชิกครอบครัวรวมถึงสัตว์เลี้ยง 10 วัน (แยกออกจากวันลากิจ ลาป่วย ลาพักร้อนอื่นๆ) ▪️ออฟฟิศตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดงเชื่อมตรงกับอาคาร ▪️Mobile Office สามารถนั่งทำงานที่ไหนก็ได้ ▪️มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ปลอดคนที่มีลักษณะเป็นพิษในองค์กร (Toxic People) . มาร์ค คาว (Mark Kuo) ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไฟเซอร์ปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรแบบ Accountability ซึ่งพนักงานทุกคนจะเข้าใจบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบ โดยทำหน้าที่ของตนให้เต็มที่เพื่อให้ได้รับผลสำเร็จตรงตามเป้าหมายของตนเองและบรรลุวัตถุประสงค์ที่องค์กรวางไว้ คือไม่ใช่สักแต่เพียงการทำงานให้เสร็จสิ้น แต่ต้องประสบผลความสำเร็จ และผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของไฟเซอร์คือพนักงานซึ่งเป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่า เราได้รับความไว้วางใจในประเทศไทยมายาวนานกว่า 6 ทศวรรษ ซึ่งสามารถยืนหยัดและเติบโตในประเทศไทยได้จนถึงทุกวันนี้ เป็นการสะท้อนถึงความไว้วางใจและการสนับสนุนจากชาวไทยอย่างแท้จริง ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) ยินดีต้อนรับทุกคนที่มีความรู้ความสามารถและมีคุณภาพสูงมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ในการทำหน้าที่นำเสนอนวัตกรรมเพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วย และมาร่วมกันสร้างความสำเร็จและการเติบโตเข้าสู่ปีที่ 67 ของการก่อตั้งในประเทศไทยและในปีต่อๆ ไป . สิทธิประโยชน์ของพนักงานไฟเซอร์คือ ▪️ให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี รวมถึงความปลอดภัยของพนักงานเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งจัดกิจกรรมเสริมสุขภาพกายใจ และให้ความรู้ด้านการเงินและการดำเนินชีวิตอย่างสมดุลทุกเดือน ▪️สวัสดิการยืดหยุ่น 16,000 บาทต่อปี ครอบคลุมสุขภาพ ความงาม ประกัน ดูแลครอบครัว สัตว์เลี้ยง เป็นต้น ▪️ตรวจสุขภาพประจำปี โบนัสการันตี 1 เดือน + โบนัสตามผลงาน ▪️กองทุนสำรองเลี้ยงชีพและสิทธิหุ้น Provident Fund อัตราแข่งขันได้ บางตำแหน่งมีสิทธิหุ้น ▪️สนับสนุนความหลากหลายและความเท่าเทียม (DEI) สิทธิคู่สมรสเท่าเทียมสำหรับคู่ชีวิตเพศเดียวกัน ▪️ประกันสุขภาพครอบคลุมคู่สมรสและบุตร รวมถึงคู่ชีวิต (Life Partner) เพศเดียวกันกับพนักงาน ▪️พัฒนาและเติบโตในสายอาชีพ อบรมผ่านระบบออนไลน์และชั้นเรียน เติบโตในองค์กรและเปิดโอกาสให้ได้ทำงานในระดับภูมิภาคและระดับโลก ▪️นโยบายปรึกษาหัวหน้างานโดยตรง (Speak Up) ผู้บริหารพร้อมรับฟังและแก้ปัญหาอย่างจริงใจ (Open Door) ▪️วัฒนธรรมเสมอภาค ยืดหยุ่น เน้นผลลัพธ์ สร้างบรรยากาศการทำงานที่สนุกและส่งเสริมความสุข ▪️องค์กรแห่งการเรียนรู้ สนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง ▪️ผู้นำที่ใส่ใจ เปิดรับความคิดเห็นและให้คำปรึกษาอย่างจริงใจ ▪️ผลตอบแทนและสวัสดิการที่ดี . ไฟเซอร์ไม่เพียงเป็นสถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยมที่ให้ผลตอบแทนและสวัสดิการที่ดี แต่ยังดูแลเอาใจใส่เรื่องสุขภาพ ส่งเสริมการเรียนรู้ และสนับสนุนให้พนักงานเติบโต จึงทำให้ไฟเซอร์เป็นอีกหนึ่งองค์กรในฝัน . มาร่วมค้นพบว่า ทำไมไฟเซอร์ (Pfizer) จึงเป็นที่ทำงานในฝันของใครหลายคน! . ติดตามข่าวสารของบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ที่ www.pfizer.co.th หรือ Facebook: Pfizer Thailand ที่ https://www.facebook.com/PfizerThailand #PfizerThailand #ไฟเซอร์ #Forbes #worldbestemployers2024 #ไฟเซอร์ [PR NEWS]
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 439 มุมมอง 34 0 รีวิว
  • หากเหนื่อยนัก หยุดพักบ้างก็ได้ แล้วก็มุ่งหน้าต่อไปจนถึงเป้าหมายที่ตั้งไหว
    หากเหนื่อยนัก หยุดพักบ้างก็ได้ แล้วก็มุ่งหน้าต่อไปจนถึงเป้าหมายที่ตั้งไหว
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • AI มาแรงอย่างปฏิเสธไม่ได้ Goldman Sachs ได้ว่าจ้าง Daniel Marcu จาก Amazon.comมาเป็นหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์ปัญญาประดิษฐ์ระดับโลก เพื่อช่วยพัฒนาและปรับปรุงแพลตฟอร์มและผลิตภัณฑ์ปัญญาประดิษฐ์ของบริษัท ก่อนหน้านี้ Marcu เคยดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายบริการเว็บและความรู้ใน Alexa Information และ Amazon Artificial General Intelligence

    การว่าจ้าง Marcu เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ Goldman Sachs ในการใช้โซลูชันปัญญาประดิษฐ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงเทคโนโลยีของบริษัท นอกจากนี้ Goldman Sachs ยังได้เปิดตัวผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ที่เรียกว่า GS AI assistant ให้กับพนักงานประมาณ 10,000 คน โดยมีเป้าหมายที่จะให้พนักงานทุกคนในบริษัทใช้ในปีนี้

    Marcu มีประสบการณ์มากกว่าสามทศวรรษในองค์กรวิจัยและพัฒนา รวมถึงตำแหน่งผู้นำในสถาบันการศึกษา สตาร์ทอัพ และบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติขนาดใหญ่ เขายังเคยทำงานที่ Information Sciences Institute และ University of Southern California กว่า 20 ปี

    การว่าจ้าง Marcu แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Goldman Sachs ในการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในตลาดการเงิน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/30/goldman-sachs-hires-amazon-exec-in-senior-ai-engineering-role
    AI มาแรงอย่างปฏิเสธไม่ได้ Goldman Sachs ได้ว่าจ้าง Daniel Marcu จาก Amazon.comมาเป็นหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์ปัญญาประดิษฐ์ระดับโลก เพื่อช่วยพัฒนาและปรับปรุงแพลตฟอร์มและผลิตภัณฑ์ปัญญาประดิษฐ์ของบริษัท ก่อนหน้านี้ Marcu เคยดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายบริการเว็บและความรู้ใน Alexa Information และ Amazon Artificial General Intelligence การว่าจ้าง Marcu เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ Goldman Sachs ในการใช้โซลูชันปัญญาประดิษฐ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงเทคโนโลยีของบริษัท นอกจากนี้ Goldman Sachs ยังได้เปิดตัวผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ที่เรียกว่า GS AI assistant ให้กับพนักงานประมาณ 10,000 คน โดยมีเป้าหมายที่จะให้พนักงานทุกคนในบริษัทใช้ในปีนี้ Marcu มีประสบการณ์มากกว่าสามทศวรรษในองค์กรวิจัยและพัฒนา รวมถึงตำแหน่งผู้นำในสถาบันการศึกษา สตาร์ทอัพ และบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติขนาดใหญ่ เขายังเคยทำงานที่ Information Sciences Institute และ University of Southern California กว่า 20 ปี การว่าจ้าง Marcu แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Goldman Sachs ในการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในตลาดการเงิน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/30/goldman-sachs-hires-amazon-exec-in-senior-ai-engineering-role
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Goldman Sachs hires Amazon exec in senior AI engineering role
    NEW YORK (Reuters) - Goldman Sachs has hired Daniel Marcu from Amazon.com as its global head of artificial intelligence engineering and science to help develop and refine artificial intelligence platforms and products, according to a memo seen by Reuters.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลับมาแสบคออีกครั้งภายใน 4 วัน
    .
    (นับจาก วันที่ทำฝนหลวง 26 มกราคม)
    .
    ชัดเจนว่า ฝนหลวง สามารถ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ แต่ไม่ถึง 5 วัน ฝุ่นพิษ ก็กลับมา...
    .
    เซี่ยงไฮ้ ใช้เวลา 3 ปี ทำให้วิกฤต ฝุ่นพิษ PM 2.5 หายไป อย่างยั่งยืน...
    .
    ถึงเวลาหรือยังที่ ประเทศไทย จะเริ่มคิดถึงนโยบายระยะยาวได้แล้ว...
    .
    เอา เซี่ยงไฮ้ โมเดล มาปรับใช้ ได้มั้ย...???
    .
    รัฐบาล ไปเจรจา กับเพื่อนบ้าน เพราะปัญหาฝุ่น PM 2.5 คงไม่ใช่ปัญหาแค่ในประเทศ...
    .
    ทั้งขู่ทั้งปลอบ อย่างมีชั้นเชิง เป้าหมายอยู่ไม่ไกลหรอกครับ...
    .
    เว้นแต่...
    .
    คนจะไร้น้ำยา...!!!
    กลับมาแสบคออีกครั้งภายใน 4 วัน . (นับจาก วันที่ทำฝนหลวง 26 มกราคม) . ชัดเจนว่า ฝนหลวง สามารถ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ แต่ไม่ถึง 5 วัน ฝุ่นพิษ ก็กลับมา... . เซี่ยงไฮ้ ใช้เวลา 3 ปี ทำให้วิกฤต ฝุ่นพิษ PM 2.5 หายไป อย่างยั่งยืน... . ถึงเวลาหรือยังที่ ประเทศไทย จะเริ่มคิดถึงนโยบายระยะยาวได้แล้ว... . เอา เซี่ยงไฮ้ โมเดล มาปรับใช้ ได้มั้ย...??? . รัฐบาล ไปเจรจา กับเพื่อนบ้าน เพราะปัญหาฝุ่น PM 2.5 คงไม่ใช่ปัญหาแค่ในประเทศ... . ทั้งขู่ทั้งปลอบ อย่างมีชั้นเชิง เป้าหมายอยู่ไม่ไกลหรอกครับ... . เว้นแต่... . คนจะไร้น้ำยา...!!!
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยแชมป์เที่ยวลาว-กัมพูชา เวียดนามมาไทย 3 เท่า

    กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาเยือน 35.54 ล้านคน สร้างรายได้ 1.67 ล้านล้านบาท โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนมากที่สุด 6,733,162 คน รองลงมาคือมาเลเซีย 4,952,078 คน อินเดีย 2,129,149 คน เกาหลีใต้ 1,868,945 คน และรัสเซีย 1,745,327 คน ส่วนประเทศอื่นๆ ได้แก่ ลาว ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์

    เมื่อสำรวจประเทศใกล้เคียง เริ่มจากประเทศลาว เมื่อวันที่ 29 ม.ค. กรมพัฒนาการท่องเที่ยว เปิดเผยสถิตินักท่องเที่ยวต่างประเทศปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งหมด 4,120,832 คน เพิ่มขึ้น 20.58% จากปี 2023 จำนวน 3,417,629 คน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวไทยมากที่สุด 1,215,553 คน รองลงมาคือจีน 1,054,204 คน เวียดนาม 1,048,034 คน เกาหลีใต้ 232,895 คน และสหรัฐอเมริกา 68,221 คน

    ประเทศกัมพูชา นายฮุน ดาวี ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัว เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ระบุว่า ในปี 2024 กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 22.9% เมื่อเทียบกับปี 2023 โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ ไทย เวียดนาม จีน ลาว และสหรัฐอเมริกา

    ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 7 ม.ค. สำนักงานสถิตแห่งชาติรายงานว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2024 มีจำนวน 17.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 39.5% จากปี 2023 และคิดเป็น 97.6% ของปี 2019 ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ประมาณ 18 ล้านคน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้มากที่สุด 4.57 ล้านคน รองลงมาคือจีน 3.74 ล้านคน ไต้หวัน 1.29 ล้านคน สหรัฐอเมริกา 7.8 แสนคน ญี่ปุ่น 7.11 แสนคน อินเดีย 5.01 แสนคน มาเลเซีย 4.95 แสนคน ออสเตรเลีย 4.9 แสนคน และกัมพูชา 4.74 แสนคน ส่วนชาวไทยมีจำนวน 418,054 คน แต่ชาวเวียดนามมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นสามเท่า รวม 1.03 ล้านคน

    ประเทศมาเลเซีย นายเตียง คิง ซิง รมว.ท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม (MOTAC) กล่าวกับสำนักข่าวคอสโม (Kosmo) เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2024 สูงถึง 38 ล้านคน แต่ตัวเลขอย่างเป็นทางการเฉพาะ 11 เดือนของปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวรวม 22,464,611 คน ส่วนคนที่เดินทางระยะสั้น (Excursionist) พบว่ามีจำนวน 11,691,568 คน

    รัฐบาลไทยกำลังริเริ่มนโยบาย 6 ประเทศ 1 เป้าหมายในอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา บรูไน ลาว มาเลเซีย เวียดนาม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการอำนวยความสะดวกและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างๆ และการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อ โดยเริ่มจากกัมพูชาเป็นประเทศแรก

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ไทยแชมป์เที่ยวลาว-กัมพูชา เวียดนามมาไทย 3 เท่า กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาเยือน 35.54 ล้านคน สร้างรายได้ 1.67 ล้านล้านบาท โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนมากที่สุด 6,733,162 คน รองลงมาคือมาเลเซีย 4,952,078 คน อินเดีย 2,129,149 คน เกาหลีใต้ 1,868,945 คน และรัสเซีย 1,745,327 คน ส่วนประเทศอื่นๆ ได้แก่ ลาว ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ เมื่อสำรวจประเทศใกล้เคียง เริ่มจากประเทศลาว เมื่อวันที่ 29 ม.ค. กรมพัฒนาการท่องเที่ยว เปิดเผยสถิตินักท่องเที่ยวต่างประเทศปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งหมด 4,120,832 คน เพิ่มขึ้น 20.58% จากปี 2023 จำนวน 3,417,629 คน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวไทยมากที่สุด 1,215,553 คน รองลงมาคือจีน 1,054,204 คน เวียดนาม 1,048,034 คน เกาหลีใต้ 232,895 คน และสหรัฐอเมริกา 68,221 คน ประเทศกัมพูชา นายฮุน ดาวี ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัว เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ระบุว่า ในปี 2024 กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 22.9% เมื่อเทียบกับปี 2023 โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ ไทย เวียดนาม จีน ลาว และสหรัฐอเมริกา ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 7 ม.ค. สำนักงานสถิตแห่งชาติรายงานว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2024 มีจำนวน 17.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 39.5% จากปี 2023 และคิดเป็น 97.6% ของปี 2019 ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ประมาณ 18 ล้านคน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้มากที่สุด 4.57 ล้านคน รองลงมาคือจีน 3.74 ล้านคน ไต้หวัน 1.29 ล้านคน สหรัฐอเมริกา 7.8 แสนคน ญี่ปุ่น 7.11 แสนคน อินเดีย 5.01 แสนคน มาเลเซีย 4.95 แสนคน ออสเตรเลีย 4.9 แสนคน และกัมพูชา 4.74 แสนคน ส่วนชาวไทยมีจำนวน 418,054 คน แต่ชาวเวียดนามมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นสามเท่า รวม 1.03 ล้านคน ประเทศมาเลเซีย นายเตียง คิง ซิง รมว.ท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม (MOTAC) กล่าวกับสำนักข่าวคอสโม (Kosmo) เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2024 สูงถึง 38 ล้านคน แต่ตัวเลขอย่างเป็นทางการเฉพาะ 11 เดือนของปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวรวม 22,464,611 คน ส่วนคนที่เดินทางระยะสั้น (Excursionist) พบว่ามีจำนวน 11,691,568 คน รัฐบาลไทยกำลังริเริ่มนโยบาย 6 ประเทศ 1 เป้าหมายในอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา บรูไน ลาว มาเลเซีย เวียดนาม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการอำนวยความสะดวกและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างๆ และการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อ โดยเริ่มจากกัมพูชาเป็นประเทศแรก #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ประกาศว่าจะยุติการใช้งานฟีเจอร์ Chrome Sync ในต้นปี 2025 สำหรับเวอร์ชันของ Chrome ที่มีอายุมากกว่าสี่ปี ฟีเจอร์ Chrome Sync ช่วยให้ผู้ใช้สามารถซิงค์ข้อมูลต่างๆ เช่น บุ๊กมาร์ก รหัสผ่าน ประวัติการเข้าชม แท็บที่เปิดอยู่ การตั้งค่า และข้อมูลการชำระเงินของ Google Pay ระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ที่ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google เดียวกัน

    การยุติการใช้งานนี้มีเป้าหมายเพื่อบังคับให้ผู้ใช้ที่ยังคงใช้เวอร์ชันเก่าของ Chrome ที่มีช่องโหว่และไม่ได้รับการอัปเดตด้านความปลอดภัยให้ทำการอัปเดตเบราว์เซอร์ของตนให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด Google ระบุว่า ผู้ใช้ที่ยังคงใช้เวอร์ชันเก่าของ Chrome จะเริ่มเห็นข้อความแสดงข้อผิดพลาดที่ระบุว่า "อัปเดต Chrome เพื่อเริ่มการซิงค์" หรือ "อัปเดต Chrome เพื่อใช้ข้อมูล Chrome ในบัญชี Google ของคุณต่อไป"

    ผู้ใช้ที่ต้องการใช้ฟีเจอร์ Chrome Sync ต่อไปจะต้องอัปเดตเบราว์เซอร์ของตนให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด หากไม่สามารถอัปเดตเบราว์เซอร์ได้ ผู้ใช้จะไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ Chrome Sync บนอุปกรณ์นั้นได้อีกต่อไป

    การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ Google ในการบังคับให้ผู้ใช้ที่ยังคงใช้เวอร์ชันเก่าของ Chrome ที่มีช่องโหว่และไม่ได้รับการอัปเดตด้านความปลอดภัยให้ทำการอัปเดตเบราว์เซอร์ของตนให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด

    https://www.bleepingcomputer.com/news/google/google-to-kill-chrome-sync-on-older-chrome-browser-versions/
    Google ประกาศว่าจะยุติการใช้งานฟีเจอร์ Chrome Sync ในต้นปี 2025 สำหรับเวอร์ชันของ Chrome ที่มีอายุมากกว่าสี่ปี ฟีเจอร์ Chrome Sync ช่วยให้ผู้ใช้สามารถซิงค์ข้อมูลต่างๆ เช่น บุ๊กมาร์ก รหัสผ่าน ประวัติการเข้าชม แท็บที่เปิดอยู่ การตั้งค่า และข้อมูลการชำระเงินของ Google Pay ระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ที่ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google เดียวกัน การยุติการใช้งานนี้มีเป้าหมายเพื่อบังคับให้ผู้ใช้ที่ยังคงใช้เวอร์ชันเก่าของ Chrome ที่มีช่องโหว่และไม่ได้รับการอัปเดตด้านความปลอดภัยให้ทำการอัปเดตเบราว์เซอร์ของตนให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด Google ระบุว่า ผู้ใช้ที่ยังคงใช้เวอร์ชันเก่าของ Chrome จะเริ่มเห็นข้อความแสดงข้อผิดพลาดที่ระบุว่า "อัปเดต Chrome เพื่อเริ่มการซิงค์" หรือ "อัปเดต Chrome เพื่อใช้ข้อมูล Chrome ในบัญชี Google ของคุณต่อไป" ผู้ใช้ที่ต้องการใช้ฟีเจอร์ Chrome Sync ต่อไปจะต้องอัปเดตเบราว์เซอร์ของตนให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด หากไม่สามารถอัปเดตเบราว์เซอร์ได้ ผู้ใช้จะไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ Chrome Sync บนอุปกรณ์นั้นได้อีกต่อไป การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ Google ในการบังคับให้ผู้ใช้ที่ยังคงใช้เวอร์ชันเก่าของ Chrome ที่มีช่องโหว่และไม่ได้รับการอัปเดตด้านความปลอดภัยให้ทำการอัปเดตเบราว์เซอร์ของตนให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด https://www.bleepingcomputer.com/news/google/google-to-kill-chrome-sync-on-older-chrome-browser-versions/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Google to kill Chrome Sync on older Chrome browser versions
    Google announced that the Chrome Sync feature will be discontinued in early 2025 for Chrome versions older than four years.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร์ค รุตต์ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) และ เมตเต เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีหญิงเดนมาร์ก เห็นพ้องระหว่างการพบปะประชุมกันว่าพันธมิตรแห่งนี้จำเป็นต้องมุ่งเน้นเสริมความเข้มแข็งแก่การป้องกันตนเองในอาร์กติก ท่ามกลางการแสดงออกอย่างชัดเจนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ปรารถนาอยากได้เกาะกรีนแลนด์ของเดนมาร์ก ไว้ในครอบครอง
    .
    แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการหารือ เปิดเผยหลังการประชุมระหว่าง รุตต์ กับ เฟรเดอริกเซน ว่า "ทั้ง 2 คน เห็นพ้องกันว่าในความพยายามนี้ พันธมิตรทั้งมวลต้องมีบทบาท"
    .
    การพบปะพูดคุยครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความสนใจมาตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัยในเดือนพฤศจิกายน ในการทำให้เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา
    .
    "เราหารือเกี่ยวกับแนวทางที่เราจะทำงานร่วมกันเพื่อเสริมความมั่นคงในทะเลบอลติก สนับสนุนยูคเรน และลงทุนเพิ่มเติมในด้านกลาโหม ในนั้นรวมถึงในแถบอาร์กติก" รุตต์เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์หลังเสร็จสิ้นการประชุม
    .
    ทรัมป์ บอกว่าเกาะกรีนแลนด์ มีความสำคัญต่อความมั่นคงของสหรัฐฯและเดนมาร์กควรยอมสละการควบคุมเกาะยุทธศาสตร์สำคัญในอาร์กติกแห่งนี้ ทั้งนี้ผู้นำอเมริกาไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารหรือพลังอำนาจทางเศรษฐกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
    .
    ที่ผ่านมา ทรัมป์ ก็อยู่ในความขัดแย้งกับบรรดาพันธมิตรนาโตและยุโรป เกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านกลาโหม และบอกว่าภายใต้การเป็นประธานาธิบดีของเขา สหรัฐฯจะทบทวนโดยพื้นฐานกี่ยวกับวัตถุประสงค์และภารกิจของนาโต
    .
    ในส่วนของเดนมาร์ก ได้แถลงเมื่อวันจันทร์(27ม.ค.) จะใช้จ่ายงบประมาณ 14,600 ล้านโครเนอเดนมาร์ก (ประมาณ 2,050 ล้านดอลลาร์ หรือ 69,000 ล้านบาท) เสริมประจำการทางทหารในอาร์กติก ดินแดนยุทธศาสตร์ใกล้กับทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย
    .
    "เราต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงที่ว่า มีความท้าทายร้ายแรงในเรื่องความมั่นคงและด้านการป้องกันตนเองในอาร์กติกและนอร์ทแอตแลนติก" โทรเอลส์ ลุนด์ โพลเซน รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุในถ้อยแถลง
    .
    เมตเต เฟรเดอริกเซน ยังได้พบปะกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และบอกว่าพวกผู้นำทางการเมืองในยุโรปและที่อื่นๆ ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่กับหลักการแห่งการธำรงไว้ซึ่งความเคารพเขตแดนระหว่างประเทศ
    .
    ผลสำรวจความคิดเห็นหนึ่งที่เผยแพร่ในวันอังคาร(28ม.ค.) พบว่ามีชาวกรีนแลนด์ถึง 85% ที่ไม่ปรารถนาให้เกาะแอตแลนติกแห่งนี้ ซึ่งเป็นดินแดนกึ่งปกครองตนเองของเดนมาร์ก เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ตามรายงานของ Berlingske หนังสือพิมพ์เดนมาร์ก
    .
    โพลที่จัดทำโดย Verian ตามที่ได้รับมอบหมายจาก Berlingske พบว่ามีชาวกรีนแลนด์แค่ 6% ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ส่วนที่เหลืออีก 9% บอกว่ายังไม่ตัดสินใจ
    .
    เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนที่มีขนาดใหญ่กว่าเม็กซิโก และมีประชากร 57,000 คน ได้รับอำนาจในการปกครองตนเองอย่างกว้างขวางในปี 2009 ในนั้นรวมถึงสิทธิในการประกาศเอกราชจากเดนมาร์กผ่านการทำประชามติ
    .
    มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งยกระดับผลักดันความเป็นเอกราช เน้นย้ำว่าเกาะแห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย และขึ้นอยู่กับประชาชนของเกาะที่จะตัดสินใจอนาคตของตนเอง
    .
    สำหรับกองทัพสหรัฐฯ พวกเขามีกำลังพลประจำการถาวรอยู่ ณ ฐานทัพอวกาศพิทัฟฟิก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ ตำแหน่งยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบแจ้งเตือนขีปนาวุธล่วงหน้า ในขณะที่จุดดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสำหรับเดินทางจากยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ ผ่านเกาะแห่งนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009085
    ..............
    Sondhi X
    มาร์ค รุตต์ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) และ เมตเต เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีหญิงเดนมาร์ก เห็นพ้องระหว่างการพบปะประชุมกันว่าพันธมิตรแห่งนี้จำเป็นต้องมุ่งเน้นเสริมความเข้มแข็งแก่การป้องกันตนเองในอาร์กติก ท่ามกลางการแสดงออกอย่างชัดเจนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ปรารถนาอยากได้เกาะกรีนแลนด์ของเดนมาร์ก ไว้ในครอบครอง . แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการหารือ เปิดเผยหลังการประชุมระหว่าง รุตต์ กับ เฟรเดอริกเซน ว่า "ทั้ง 2 คน เห็นพ้องกันว่าในความพยายามนี้ พันธมิตรทั้งมวลต้องมีบทบาท" . การพบปะพูดคุยครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความสนใจมาตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัยในเดือนพฤศจิกายน ในการทำให้เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา . "เราหารือเกี่ยวกับแนวทางที่เราจะทำงานร่วมกันเพื่อเสริมความมั่นคงในทะเลบอลติก สนับสนุนยูคเรน และลงทุนเพิ่มเติมในด้านกลาโหม ในนั้นรวมถึงในแถบอาร์กติก" รุตต์เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์หลังเสร็จสิ้นการประชุม . ทรัมป์ บอกว่าเกาะกรีนแลนด์ มีความสำคัญต่อความมั่นคงของสหรัฐฯและเดนมาร์กควรยอมสละการควบคุมเกาะยุทธศาสตร์สำคัญในอาร์กติกแห่งนี้ ทั้งนี้ผู้นำอเมริกาไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารหรือพลังอำนาจทางเศรษฐกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว . ที่ผ่านมา ทรัมป์ ก็อยู่ในความขัดแย้งกับบรรดาพันธมิตรนาโตและยุโรป เกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านกลาโหม และบอกว่าภายใต้การเป็นประธานาธิบดีของเขา สหรัฐฯจะทบทวนโดยพื้นฐานกี่ยวกับวัตถุประสงค์และภารกิจของนาโต . ในส่วนของเดนมาร์ก ได้แถลงเมื่อวันจันทร์(27ม.ค.) จะใช้จ่ายงบประมาณ 14,600 ล้านโครเนอเดนมาร์ก (ประมาณ 2,050 ล้านดอลลาร์ หรือ 69,000 ล้านบาท) เสริมประจำการทางทหารในอาร์กติก ดินแดนยุทธศาสตร์ใกล้กับทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย . "เราต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงที่ว่า มีความท้าทายร้ายแรงในเรื่องความมั่นคงและด้านการป้องกันตนเองในอาร์กติกและนอร์ทแอตแลนติก" โทรเอลส์ ลุนด์ โพลเซน รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุในถ้อยแถลง . เมตเต เฟรเดอริกเซน ยังได้พบปะกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และบอกว่าพวกผู้นำทางการเมืองในยุโรปและที่อื่นๆ ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่กับหลักการแห่งการธำรงไว้ซึ่งความเคารพเขตแดนระหว่างประเทศ . ผลสำรวจความคิดเห็นหนึ่งที่เผยแพร่ในวันอังคาร(28ม.ค.) พบว่ามีชาวกรีนแลนด์ถึง 85% ที่ไม่ปรารถนาให้เกาะแอตแลนติกแห่งนี้ ซึ่งเป็นดินแดนกึ่งปกครองตนเองของเดนมาร์ก เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ตามรายงานของ Berlingske หนังสือพิมพ์เดนมาร์ก . โพลที่จัดทำโดย Verian ตามที่ได้รับมอบหมายจาก Berlingske พบว่ามีชาวกรีนแลนด์แค่ 6% ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ส่วนที่เหลืออีก 9% บอกว่ายังไม่ตัดสินใจ . เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนที่มีขนาดใหญ่กว่าเม็กซิโก และมีประชากร 57,000 คน ได้รับอำนาจในการปกครองตนเองอย่างกว้างขวางในปี 2009 ในนั้นรวมถึงสิทธิในการประกาศเอกราชจากเดนมาร์กผ่านการทำประชามติ . มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งยกระดับผลักดันความเป็นเอกราช เน้นย้ำว่าเกาะแห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย และขึ้นอยู่กับประชาชนของเกาะที่จะตัดสินใจอนาคตของตนเอง . สำหรับกองทัพสหรัฐฯ พวกเขามีกำลังพลประจำการถาวรอยู่ ณ ฐานทัพอวกาศพิทัฟฟิก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ ตำแหน่งยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบแจ้งเตือนขีปนาวุธล่วงหน้า ในขณะที่จุดดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสำหรับเดินทางจากยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ ผ่านเกาะแห่งนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009085 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    12
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1199 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเปิดตัวโมเดลเอไอล่าสุดที่ดีปซีคคุยว่า ดีพอๆ กับ หรือดีกว่าโมเดลที่เป็นผู้นำในวงการอุตสาหกรรมนี้ของอเมริกา แถมใช้ต้นทุนแค่เศษเงินของบิ๊กเทคเหล่านั้นด้วย กำลังทำให้ระเบียบโลกเทคโนโลยีปั่นป่วนหนัก
    .
    สตาร์ทอัปจีนแห่งนี้ดึงดูดความสนใจในแวดวงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ทั่วโลก หลังจากเปิดเผยเมื่อเดือนที่แล้วว่า การเทรน ดีปซีค-วี3 ใช้พลังการคำนวณจากชิปเอช800 ของเอ็นวิเดีย มูลค่าไม่ถึง 6 ล้านดอลลาร์
    .
    ผู้ช่วยเอไอของดีปซีคที่ขับเคลื่อนโดยดีปซีค-วี3 สามารถแซงแชตจีพีทีขึ้นเป็นแอปฟรีที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดบนแอปสโตร์ของแอปเปิลในอเมริกาเมื่อวันจันทร์ (27 ม.ค.)
    .
    ข่าวนี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับเหตุผลที่บริษัทเทคโนโลยีบางแห่งของอเมริกาตัดสินใจทุ่มเงินหลักหมื่นล้านแสนล้านดอลลาร์ไปกับเอไอ และยังทำให้ราคาหุ้นบิ๊กเทคหลายแห่งที่รวมถึงเอ็นวิเดียร่วงหนัก
    .
    ต่อไปนี้คือข้อเท็จจริงบางอย่างเกี่ยวกับบริษัทที่กำลังเขย่าวงการเอไอทั่วโลกอยู่ในขณะนี้
    .
    สั่นสะเทือนวงการเอไอ
    .
    ย้อนกลับไปเมื่อปลายปี 2022 ที่โอเพ่นเอไอเปิดตัวแชตจีพีที ตอนนั้นบริษัทเทคโนโลยีจีนต่างร้อนรนสร้างแชตบอตที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอออกมาแข่ง แต่การเปิดตัวแชตบอตของยักษ์จีนอย่าง ไป่ตู้ กลับสร้างความผิดหวังอย่างกว้างขวาง เนื่องจากสะท้อนว่าศักยภาพด้านเอไอระหว่างบริษัทอเมริกันกับบริษัทจีน ยังแตกต่างห่างชั้นกันมาก
    .
    อย่างไรก็ตาม เวลานี้คุณภาพและประสิทธิภาพด้านต้นทุนของโมเดลเอไอของดีปซีคทำให้ความรู้สึกพลิกกลับตาลปัตร สตาร์ทอัปเอไอแห่งนี้ของจีนระบุว่า ดีปซีค-วี3 และดีปซีค-อาร์1 ที่ได้รับการยกย่องจากพวกผู้บริหารในซิลลิคอนแวลลีย์ รวมถึงวิศวกรในบริษัทไฮเทคอเมริกานั้น มีประสิทธิภาพเทียบเท่าโมเดลเอไอรุ่นที่ล้ำสมัยที่สุดของโอเพ่นเอไอและเมตา แถมต้นทุนถูกกว่าแบบเทียบกันไม่ได้
    .
    โพสต์ของดีปซีคบนวีแชตระบุว่า ดีปซีค-อาร์1 ที่เปิดตัวสัปดาห์ที่แล้วนั้น ต้นทุนถูกกว่าโอเพ่นเอไอ o1 ถึง 20-50 เท่า ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับงาน
    .
    ทว่า ยังมีบางคนแสดงความข้องใจอย่างเปิดเผยต่อเรื่องราวความสำเร็จของดีปซีค ตัวอย่างเช่น อเล็กซานเดอร์ หวัง ซีอีโอสเกล เอไอที่กล่าวโดยไม่ได้โชว์หลักฐานระหว่างให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซีเมื่อวันพฤหัสฯ (23) ที่แล้ว ว่า ดีปซีคมีการแอบใช้ชิปเอช100 ของเอ็นวิเดีย 50,000 ชิ้น แต่เปิดเผยไม่ได้เนื่องจากละเมิดมาตรการควบคุมการส่งออกของวอชิงตันที่แบนการขายชิปเอไอขั้นสูงให้บริษัทจีน
    .
    ต่อมาในวันจันทร์ นักวิเคราะห์ของเบิร์นสไตน์ย้ำในบันทึกการวิจัยว่า แม้ต้นทุนการเทรนเอไอวี3 ไม่เป็นที่รับรู้ แต่คิดว่า น่าจะมากกว่า 5.58 ล้านดอลลาร์ตามที่ดีปซีคบอก นอกจากนั้นยังไม่มีการเปิดเผยต้นทุนการเทรนอาร์1 อีกด้วย
    .
    เบื้องหลังดีปซีค
    .
    ดีปซีคเป็นบริษัทสตาร์ทอัปที่ตั้งสำนักงานอยู่ในเมืองหางโจว ทางภาคตะวันออกของจีน ผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิควบคุมบริษัทคือ เหลียง เหวินเฟิง ผู้ร่วมก่อตั้งกองทุนบริหารความเสี่ยงเชิงปริมาณ “ไฮ-ฟลายเออร์”
    .
    เดือนมีนาคม 2023 กองทุนของเหลียงประกาศผ่านวีแชตว่า กำลังทุ่มเททรัพยากรในการสร้างกลุ่มการวิจัยอิสระใหม่เพื่อสำรวจองค์ประกอบสำคัญของปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (Artificial General Intelligence) ที่โอเพ่นเอไอระบุว่า หมายถึงระบบอัตโนมัติที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ในงานที่มีมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์เกือบทั้งหมด และปลายปีนั้นดีปซีคก็ถือกำเนิดขึ้น
    .
    ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า ไฮ-ฟลายเออร์ลงทุนในดีปซีคเท่าไร แต่ออฟฟิศของกองทุนแห่งนี้อยู่ในตึกเดียวกับดีปซีค และยังเป็นเจ้าของสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับคลัสเตอร์ชิปที่ใช้ในการเทรนโมเดลเอไอ
    .
    ดีปซีคในสายตาปักกิ่ง
    .
    แวดวงนักการเมืองระดับสูงของจีนต่างรับรู้ถึงความสำเร็จของดีปซีค สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า วันจันทร์ (20) ที่ผ่านมา ซึ่งมีการเปิดตัวดีปซีค-อาร์1 เหลียงได้ไปเข้าร่วมการประชุมเชิงสัมมนาแบบปิด ร่วมกับนักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่ง โดยมีนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียงเป็นเจ้าภาพ
    .
    การที่เหลียงได้รับเชิญในวันนั้นเป็นสัญญาณว่า ความสำเร็จของดีปซีคน่าจะมีความสำคัญต่อเป้าหมายของปักกิ่งในการเอาชนะมาตรการควบคุมการส่งออกของวอชิงตัน และหาทางประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเองในอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์อย่างเอไอ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009081
    ..............
    Sondhi X
    การเปิดตัวโมเดลเอไอล่าสุดที่ดีปซีคคุยว่า ดีพอๆ กับ หรือดีกว่าโมเดลที่เป็นผู้นำในวงการอุตสาหกรรมนี้ของอเมริกา แถมใช้ต้นทุนแค่เศษเงินของบิ๊กเทคเหล่านั้นด้วย กำลังทำให้ระเบียบโลกเทคโนโลยีปั่นป่วนหนัก . สตาร์ทอัปจีนแห่งนี้ดึงดูดความสนใจในแวดวงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ทั่วโลก หลังจากเปิดเผยเมื่อเดือนที่แล้วว่า การเทรน ดีปซีค-วี3 ใช้พลังการคำนวณจากชิปเอช800 ของเอ็นวิเดีย มูลค่าไม่ถึง 6 ล้านดอลลาร์ . ผู้ช่วยเอไอของดีปซีคที่ขับเคลื่อนโดยดีปซีค-วี3 สามารถแซงแชตจีพีทีขึ้นเป็นแอปฟรีที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดบนแอปสโตร์ของแอปเปิลในอเมริกาเมื่อวันจันทร์ (27 ม.ค.) . ข่าวนี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับเหตุผลที่บริษัทเทคโนโลยีบางแห่งของอเมริกาตัดสินใจทุ่มเงินหลักหมื่นล้านแสนล้านดอลลาร์ไปกับเอไอ และยังทำให้ราคาหุ้นบิ๊กเทคหลายแห่งที่รวมถึงเอ็นวิเดียร่วงหนัก . ต่อไปนี้คือข้อเท็จจริงบางอย่างเกี่ยวกับบริษัทที่กำลังเขย่าวงการเอไอทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ . สั่นสะเทือนวงการเอไอ . ย้อนกลับไปเมื่อปลายปี 2022 ที่โอเพ่นเอไอเปิดตัวแชตจีพีที ตอนนั้นบริษัทเทคโนโลยีจีนต่างร้อนรนสร้างแชตบอตที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอออกมาแข่ง แต่การเปิดตัวแชตบอตของยักษ์จีนอย่าง ไป่ตู้ กลับสร้างความผิดหวังอย่างกว้างขวาง เนื่องจากสะท้อนว่าศักยภาพด้านเอไอระหว่างบริษัทอเมริกันกับบริษัทจีน ยังแตกต่างห่างชั้นกันมาก . อย่างไรก็ตาม เวลานี้คุณภาพและประสิทธิภาพด้านต้นทุนของโมเดลเอไอของดีปซีคทำให้ความรู้สึกพลิกกลับตาลปัตร สตาร์ทอัปเอไอแห่งนี้ของจีนระบุว่า ดีปซีค-วี3 และดีปซีค-อาร์1 ที่ได้รับการยกย่องจากพวกผู้บริหารในซิลลิคอนแวลลีย์ รวมถึงวิศวกรในบริษัทไฮเทคอเมริกานั้น มีประสิทธิภาพเทียบเท่าโมเดลเอไอรุ่นที่ล้ำสมัยที่สุดของโอเพ่นเอไอและเมตา แถมต้นทุนถูกกว่าแบบเทียบกันไม่ได้ . โพสต์ของดีปซีคบนวีแชตระบุว่า ดีปซีค-อาร์1 ที่เปิดตัวสัปดาห์ที่แล้วนั้น ต้นทุนถูกกว่าโอเพ่นเอไอ o1 ถึง 20-50 เท่า ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับงาน . ทว่า ยังมีบางคนแสดงความข้องใจอย่างเปิดเผยต่อเรื่องราวความสำเร็จของดีปซีค ตัวอย่างเช่น อเล็กซานเดอร์ หวัง ซีอีโอสเกล เอไอที่กล่าวโดยไม่ได้โชว์หลักฐานระหว่างให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซีเมื่อวันพฤหัสฯ (23) ที่แล้ว ว่า ดีปซีคมีการแอบใช้ชิปเอช100 ของเอ็นวิเดีย 50,000 ชิ้น แต่เปิดเผยไม่ได้เนื่องจากละเมิดมาตรการควบคุมการส่งออกของวอชิงตันที่แบนการขายชิปเอไอขั้นสูงให้บริษัทจีน . ต่อมาในวันจันทร์ นักวิเคราะห์ของเบิร์นสไตน์ย้ำในบันทึกการวิจัยว่า แม้ต้นทุนการเทรนเอไอวี3 ไม่เป็นที่รับรู้ แต่คิดว่า น่าจะมากกว่า 5.58 ล้านดอลลาร์ตามที่ดีปซีคบอก นอกจากนั้นยังไม่มีการเปิดเผยต้นทุนการเทรนอาร์1 อีกด้วย . เบื้องหลังดีปซีค . ดีปซีคเป็นบริษัทสตาร์ทอัปที่ตั้งสำนักงานอยู่ในเมืองหางโจว ทางภาคตะวันออกของจีน ผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิควบคุมบริษัทคือ เหลียง เหวินเฟิง ผู้ร่วมก่อตั้งกองทุนบริหารความเสี่ยงเชิงปริมาณ “ไฮ-ฟลายเออร์” . เดือนมีนาคม 2023 กองทุนของเหลียงประกาศผ่านวีแชตว่า กำลังทุ่มเททรัพยากรในการสร้างกลุ่มการวิจัยอิสระใหม่เพื่อสำรวจองค์ประกอบสำคัญของปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (Artificial General Intelligence) ที่โอเพ่นเอไอระบุว่า หมายถึงระบบอัตโนมัติที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ในงานที่มีมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์เกือบทั้งหมด และปลายปีนั้นดีปซีคก็ถือกำเนิดขึ้น . ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า ไฮ-ฟลายเออร์ลงทุนในดีปซีคเท่าไร แต่ออฟฟิศของกองทุนแห่งนี้อยู่ในตึกเดียวกับดีปซีค และยังเป็นเจ้าของสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับคลัสเตอร์ชิปที่ใช้ในการเทรนโมเดลเอไอ . ดีปซีคในสายตาปักกิ่ง . แวดวงนักการเมืองระดับสูงของจีนต่างรับรู้ถึงความสำเร็จของดีปซีค สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า วันจันทร์ (20) ที่ผ่านมา ซึ่งมีการเปิดตัวดีปซีค-อาร์1 เหลียงได้ไปเข้าร่วมการประชุมเชิงสัมมนาแบบปิด ร่วมกับนักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่ง โดยมีนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียงเป็นเจ้าภาพ . การที่เหลียงได้รับเชิญในวันนั้นเป็นสัญญาณว่า ความสำเร็จของดีปซีคน่าจะมีความสำคัญต่อเป้าหมายของปักกิ่งในการเอาชนะมาตรการควบคุมการส่งออกของวอชิงตัน และหาทางประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเองในอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์อย่างเอไอ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009081 .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1249 มุมมอง 0 รีวิว
  • แนวทางที่ถูกต้องในการรับรู้ความคิดขณะนั่งสมาธิ

    เมื่อคุณนั่งสมาธิและเกิดความคิดแทรกขึ้นมา มี 2 วิธีที่ใช้ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับสมาธิของคุณและเป้าหมายในการปฏิบัติ

    1. ถ้าคุณเป็นมือใหม่หรือฝึกสมาธิในช่วงแรก

    ให้ "รับรู้" ว่ากำลังคิด แต่ไม่ต้องตามความคิดนั้นไป

    เมื่อรู้ตัวว่าเผลอคิด ให้ใช้สติ "รู้ว่ากำลังคิด" แล้วค่อยๆ ดึงจิตกลับมาอยู่กับลมหายใจ

    ไม่ต้องกังวลว่าคิดเรื่องอะไร เพราะถ้าตามความคิดไป จะยิ่งฟุ้งซ่าน

    ใช้วิธีสังเกตว่า "ตอนนี้รู้สึกยังไง?" – ถ้ารู้สึกเครียดหรือฟุ้งซ่าน ให้ปรับลมหายใจให้ผ่อนคลาย


    ตัวอย่าง:

    เผลอคิดเรื่องงาน → รู้ทันว่า "คิดเรื่องงาน" → กลับมาที่ลมหายใจ

    เผลอคิดเรื่องอดีต → รู้ทันว่า "คิดถึงอดีต" → กลับมาที่ลมหายใจ


    2. ถ้าคุณมีสติและสมาธิมากขึ้นแล้ว

    สามารถ ตามดูความคิดอย่างเป็นกลาง เพื่อศึกษาว่าความคิดเกิดขึ้นและดับไปอย่างไร

    ไม่ใช่การ "คิดต่อ" แต่เป็นการ "สังเกต" ความคิด เหมือนเป็นคนนอกที่ดูความคิดเคลื่อนไหว

    ดูว่า ความคิดไม่เที่ยง มันมาแล้วก็ไปเอง

    ถ้าเห็นว่าความคิดนั้นเกี่ยวกับอารมณ์สุข ทุกข์ หรือเฉยๆ ให้สังเกตต่อว่าอารมณ์นั้นก็เปลี่ยนไป


    ตัวอย่าง:

    นึกถึงอดีตที่ทำให้ทุกข์ → สังเกตว่าความทุกข์เกิดขึ้นอย่างไร → เห็นว่ามันอยู่ไม่นานและจางไปเอง

    คิดเรื่องอนาคตแล้วตื่นเต้น → สังเกตว่าความตื่นเต้นมาแล้วหายไปเอง



    ---

    สรุปแนวปฏิบัติที่เหมาะสม:

    ✔ มือใหม่: เมื่อรู้ว่าคิด ให้รับรู้ แล้วกลับมาที่ลมหายใจทันที
    ✔ ระดับกลางขึ้นไป: ตามดูความคิดอย่างเป็นกลาง เพื่อเห็นว่ามันเกิดขึ้นและดับไปเอง
    ✔ ถ้าเริ่มฟุ้งมาก: ให้กลับมาสังเกตลมหายใจและความรู้สึก (สุข/ทุกข์)

    เป้าหมายสูงสุด:
    เห็นความคิดเป็นของไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวเรา แล้วจิตจะปล่อยวางได้ง่ายขึ้นเอง

    แนวทางที่ถูกต้องในการรับรู้ความคิดขณะนั่งสมาธิ เมื่อคุณนั่งสมาธิและเกิดความคิดแทรกขึ้นมา มี 2 วิธีที่ใช้ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับสมาธิของคุณและเป้าหมายในการปฏิบัติ 1. ถ้าคุณเป็นมือใหม่หรือฝึกสมาธิในช่วงแรก ให้ "รับรู้" ว่ากำลังคิด แต่ไม่ต้องตามความคิดนั้นไป เมื่อรู้ตัวว่าเผลอคิด ให้ใช้สติ "รู้ว่ากำลังคิด" แล้วค่อยๆ ดึงจิตกลับมาอยู่กับลมหายใจ ไม่ต้องกังวลว่าคิดเรื่องอะไร เพราะถ้าตามความคิดไป จะยิ่งฟุ้งซ่าน ใช้วิธีสังเกตว่า "ตอนนี้รู้สึกยังไง?" – ถ้ารู้สึกเครียดหรือฟุ้งซ่าน ให้ปรับลมหายใจให้ผ่อนคลาย ตัวอย่าง: เผลอคิดเรื่องงาน → รู้ทันว่า "คิดเรื่องงาน" → กลับมาที่ลมหายใจ เผลอคิดเรื่องอดีต → รู้ทันว่า "คิดถึงอดีต" → กลับมาที่ลมหายใจ 2. ถ้าคุณมีสติและสมาธิมากขึ้นแล้ว สามารถ ตามดูความคิดอย่างเป็นกลาง เพื่อศึกษาว่าความคิดเกิดขึ้นและดับไปอย่างไร ไม่ใช่การ "คิดต่อ" แต่เป็นการ "สังเกต" ความคิด เหมือนเป็นคนนอกที่ดูความคิดเคลื่อนไหว ดูว่า ความคิดไม่เที่ยง มันมาแล้วก็ไปเอง ถ้าเห็นว่าความคิดนั้นเกี่ยวกับอารมณ์สุข ทุกข์ หรือเฉยๆ ให้สังเกตต่อว่าอารมณ์นั้นก็เปลี่ยนไป ตัวอย่าง: นึกถึงอดีตที่ทำให้ทุกข์ → สังเกตว่าความทุกข์เกิดขึ้นอย่างไร → เห็นว่ามันอยู่ไม่นานและจางไปเอง คิดเรื่องอนาคตแล้วตื่นเต้น → สังเกตว่าความตื่นเต้นมาแล้วหายไปเอง --- สรุปแนวปฏิบัติที่เหมาะสม: ✔ มือใหม่: เมื่อรู้ว่าคิด ให้รับรู้ แล้วกลับมาที่ลมหายใจทันที ✔ ระดับกลางขึ้นไป: ตามดูความคิดอย่างเป็นกลาง เพื่อเห็นว่ามันเกิดขึ้นและดับไปเอง ✔ ถ้าเริ่มฟุ้งมาก: ให้กลับมาสังเกตลมหายใจและความรู้สึก (สุข/ทุกข์) เป้าหมายสูงสุด: เห็นความคิดเป็นของไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวเรา แล้วจิตจะปล่อยวางได้ง่ายขึ้นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • Happy Chinese new year
    春节快乐
    蛇年吉祥
    สุขสันต์วันตรุษจีนปีมะเส็ง
    มีโชคเล็งเป้าหมายได้ลาภผล
    เป็นปีทองฉลองชัยปีมงคล
    บันดลให้สมหวังดังตั้งใจ
    Happy Chinese new year 春节快乐 蛇年吉祥 สุขสันต์วันตรุษจีนปีมะเส็ง มีโชคเล็งเป้าหมายได้ลาภผล เป็นปีทองฉลองชัยปีมงคล บันดลให้สมหวังดังตั้งใจ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • Elon Musk ได้ก่อตั้งหน่วยงานใหม่ชื่อว่า Department of Government Efficiency (DOGE) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลสหรัฐฯ หน่วยงานนี้มีเป้าหมายในการลดการสูญเสียทรัพยากรและการทุจริตในหน่วยงานรัฐบาล โดยการใช้เทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ที่ทันสมัย

    DOGE ได้เปิดเว็บไซต์รับสมัครงานสำหรับตำแหน่งวิศวกรซอฟต์แวร์และบุคลากรด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ โดยผู้สมัครต้องเป็นพลเมืองสหรัฐฯ และทำงานเต็มเวลาในสำนักงานที่ Washington, DC ผู้สมัครต้องกรอกข้อมูลติดต่อ อัปโหลดประวัติย่อ และระบุความสามารถพิเศษของตน

    หน่วยงานนี้จะมีสำนักงานในอาคาร Eisenhower Executive Office Building ภายในทำเนียบขาว และจะมีทีมงาน DOGE อย่างน้อย 4 คนในแต่ละหน่วยงานรัฐบาลเพื่อดำเนินการตามโปรแกรม หน่วยงานนี้จะทำงานร่วมกับ White House Office of Management and Budget เพื่อระบุการลดค่าใช้จ่ายและเสนอแนะการปรับปรุงภายในวันที่ 4 กรกฎาคม 2026

    การก่อตั้ง DOGE ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากสหภาพแรงงานที่เป็นตัวแทนของพนักงานรัฐบาลหลายแสนคน โดยกล่าวหาว่า DOGE ละเมิดกฎหมายสหรัฐฯ ที่กำหนดให้มีการตรวจสอบความขัดแย้งทางผลประโยชน์และความโปร่งใส

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/27/now-hiring-elon-musks-department-of-government-efficiency-sets-up-job-site
    Elon Musk ได้ก่อตั้งหน่วยงานใหม่ชื่อว่า Department of Government Efficiency (DOGE) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลสหรัฐฯ หน่วยงานนี้มีเป้าหมายในการลดการสูญเสียทรัพยากรและการทุจริตในหน่วยงานรัฐบาล โดยการใช้เทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ที่ทันสมัย DOGE ได้เปิดเว็บไซต์รับสมัครงานสำหรับตำแหน่งวิศวกรซอฟต์แวร์และบุคลากรด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ โดยผู้สมัครต้องเป็นพลเมืองสหรัฐฯ และทำงานเต็มเวลาในสำนักงานที่ Washington, DC ผู้สมัครต้องกรอกข้อมูลติดต่อ อัปโหลดประวัติย่อ และระบุความสามารถพิเศษของตน หน่วยงานนี้จะมีสำนักงานในอาคาร Eisenhower Executive Office Building ภายในทำเนียบขาว และจะมีทีมงาน DOGE อย่างน้อย 4 คนในแต่ละหน่วยงานรัฐบาลเพื่อดำเนินการตามโปรแกรม หน่วยงานนี้จะทำงานร่วมกับ White House Office of Management and Budget เพื่อระบุการลดค่าใช้จ่ายและเสนอแนะการปรับปรุงภายในวันที่ 4 กรกฎาคม 2026 การก่อตั้ง DOGE ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากสหภาพแรงงานที่เป็นตัวแทนของพนักงานรัฐบาลหลายแสนคน โดยกล่าวหาว่า DOGE ละเมิดกฎหมายสหรัฐฯ ที่กำหนดให้มีการตรวจสอบความขัดแย้งทางผลประโยชน์และความโปร่งใส https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/27/now-hiring-elon-musks-department-of-government-efficiency-sets-up-job-site
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Now hiring: Elon Musk’s Department of Government Efficiency sets up job site
    Elon Musk’s Department of Government Efficiency has set up a new job site to recruit full-time, salaried positions for software engineers and other tech staffers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียอ้างยึดเมืองสำคัญทางยุทธศาสตร์ ในภาคตะวันออกของยูเครนได้อีกเมือง ขณะที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการสนับสนุนด้านการเงินของอเมริกาในยุคทรัมป์ 2.0 เริ่มส่งผล กลุ่มเอ็นจีโอในยูเครนโวยได้รับผลกระทบแล้ว บางแห่งจำเป็นต้องเปิดรับบริจาคเป็นครั้งแรก
    .
    กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (26 ม.ค.) ว่า สามารถเข้ายึดเมืองเวลิกา โนโวซิลกา แคว้นโดเนตสก์ ที่ในช่วงก่อนสงครามเคยมีประชากรราว 5,000 คน
    .
    อย่างไรก็ดี เอพีระบุว่า ไม่สามารถตรวจสอบยืนยันข่าวนี้ได้ ขณะที่กองพลน้อยยานยนต์ที่ 110 ส่วนแยกของยูเครนอ้างว่า แค่ถอนตัวทางยุทธศาสตร์จากบางพื้นที่ของเมืองดังกล่าวเพื่อไม่ให้ถูกปิดล้อมเท่านั้น พร้อมยืนยันว่า ยังคงมีการสู้รบภายในเมืองโดยมีเป้าหมายทำให้รัสเซียได้รับความเสียหายมากที่สุดด้วยการใช้ปืนใหญ่และโดรนโจมตี อีกทั้งยังมีแม่น้ำเป็นอุปสรรคขัดขวางการรุกคืบของรัสเซีย
    .
    นักวิเคราะห์คาดการณ์มานานแล้วว่า ท้ายที่สุดแล้วกองกำลังรัสเซียจะเข้ายึดเมืองเวลิกา โนโวซิลกา ที่อยู่ห่างจากแคว้นดนิโปรเปตรอฟสก์ ของยูเครนเพียง 15 กิโลเมตร และหากการกล่าวอ้างของรัสเซียได้รับการยืนยันว่าเป็นความจริง จะทำให้เวลิกา โนโวซิลกาเป็นเมืองสำคัญแห่งแรกในแคว้นโดเนตสก์ที่ถูกตีแตกในปี 2025 นี้
    .
    ปีที่แล้วรัสเซียเข้ายึดเมืองอัฟดิอิฟกาและวูฮ์เรดาร์ ในแคว้นโดเนตส์หลังจากสู้รบดุเดือดเป็นเวลานาน โดยเมืองเหล่านั้นถูกโจมตีอย่างหนักด้วยปืนใหญ่ ระเบิดติดอุปกรณ์นำวิถี และโดรนก่อนที่จะแตก
    .
    นอกจากนั้น รัสเซียยังใช้เวลานานหลายเดือนในการพยายามเข้ายึดเมืองโปครอฟสก์และชาซีฟ ยาร์ ซึ่งเป็นที่มั่นสำคัญในโดเนตสก์ ทว่ายังไม่สำเร็จ แม้สามารถรุกคืบใกล้เข้าไปเรื่อยๆ
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง พวกองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) ในยูเครนที่ให้ความช่วยเหลือทหารผ่านศึกและครอบครัว เปิดเผยว่า ต้องระงับการดำเนินงาน เนื่องจากขาดการสนับสนุนทางการเงินของอเมริกา ภายหลังจากที่ มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ของสหรัฐฯ ประกาศให้ระงับการให้ความช่วยเหลือแก่ต่างประเทศนาน 90 วัน โดยมีผลบังคับใช้ทั่วโลกตั้งแต่วันศุกร์ (24) เพื่อตรวจสอบว่า ความช่วยเหลือเหล่านั้นสอดคล้องกับนโยบายการต่างประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์หรือไม่
    .
    นอกจากนั้น เมื่อวันเสาร์ (25 ) เจ้าหน้าที่กว่า 10,000 คนขององค์การพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (ยูเสด) ยังได้รับแจ้งให้ต้องปฏิบัติหน้าที่โดยอิงกับนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินการทางวินัย
    .
    ทั้งนี้ สื่อรายงานว่า ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเอ็นจีโอของยูเครนที่ได้รับเงินสนับสนุนจากวอชิงตันเริ่มได้รับคำสั่งให้ “หยุดงาน” ซึ่งหมายถึงการระงับโครงการและการเดินทางที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
    .
    เวเทรัน ฮับ ซึ่งเป็นกลุ่มเอ็นจีโอที่ให้การสนับสนุนด้านกฎหมายและจิตวิทยาแก่ทหารผ่านศึกและครอบครัวในยูเครน เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า ถูกบีบให้ระงับการดำเนินการหน่วยบริการใหญ่ที่สุด 2 ใน 3 แห่ง และจำเป็นต้องเปิดรับบริจาคเป็นครั้งแรกนับจากปี 2018
    .
    อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ยืนยันว่า ความช่วยเหลือทางทหารที่อเมริกาให้แก่ยูเครนจะยังดำเนินต่อไป แต่ไม่ได้ชี้แจงว่า ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจะถูกระงับหรือไม่ โดยที่ผ่านมากองทัพยูเครนพึ่งพิงความช่วยเหลือจากอเมริกาถึง 40%
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008689
    ..............
    Sondhi X
    รัสเซียอ้างยึดเมืองสำคัญทางยุทธศาสตร์ ในภาคตะวันออกของยูเครนได้อีกเมือง ขณะที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการสนับสนุนด้านการเงินของอเมริกาในยุคทรัมป์ 2.0 เริ่มส่งผล กลุ่มเอ็นจีโอในยูเครนโวยได้รับผลกระทบแล้ว บางแห่งจำเป็นต้องเปิดรับบริจาคเป็นครั้งแรก . กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (26 ม.ค.) ว่า สามารถเข้ายึดเมืองเวลิกา โนโวซิลกา แคว้นโดเนตสก์ ที่ในช่วงก่อนสงครามเคยมีประชากรราว 5,000 คน . อย่างไรก็ดี เอพีระบุว่า ไม่สามารถตรวจสอบยืนยันข่าวนี้ได้ ขณะที่กองพลน้อยยานยนต์ที่ 110 ส่วนแยกของยูเครนอ้างว่า แค่ถอนตัวทางยุทธศาสตร์จากบางพื้นที่ของเมืองดังกล่าวเพื่อไม่ให้ถูกปิดล้อมเท่านั้น พร้อมยืนยันว่า ยังคงมีการสู้รบภายในเมืองโดยมีเป้าหมายทำให้รัสเซียได้รับความเสียหายมากที่สุดด้วยการใช้ปืนใหญ่และโดรนโจมตี อีกทั้งยังมีแม่น้ำเป็นอุปสรรคขัดขวางการรุกคืบของรัสเซีย . นักวิเคราะห์คาดการณ์มานานแล้วว่า ท้ายที่สุดแล้วกองกำลังรัสเซียจะเข้ายึดเมืองเวลิกา โนโวซิลกา ที่อยู่ห่างจากแคว้นดนิโปรเปตรอฟสก์ ของยูเครนเพียง 15 กิโลเมตร และหากการกล่าวอ้างของรัสเซียได้รับการยืนยันว่าเป็นความจริง จะทำให้เวลิกา โนโวซิลกาเป็นเมืองสำคัญแห่งแรกในแคว้นโดเนตสก์ที่ถูกตีแตกในปี 2025 นี้ . ปีที่แล้วรัสเซียเข้ายึดเมืองอัฟดิอิฟกาและวูฮ์เรดาร์ ในแคว้นโดเนตส์หลังจากสู้รบดุเดือดเป็นเวลานาน โดยเมืองเหล่านั้นถูกโจมตีอย่างหนักด้วยปืนใหญ่ ระเบิดติดอุปกรณ์นำวิถี และโดรนก่อนที่จะแตก . นอกจากนั้น รัสเซียยังใช้เวลานานหลายเดือนในการพยายามเข้ายึดเมืองโปครอฟสก์และชาซีฟ ยาร์ ซึ่งเป็นที่มั่นสำคัญในโดเนตสก์ ทว่ายังไม่สำเร็จ แม้สามารถรุกคืบใกล้เข้าไปเรื่อยๆ . ในอีกด้านหนึ่ง พวกองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) ในยูเครนที่ให้ความช่วยเหลือทหารผ่านศึกและครอบครัว เปิดเผยว่า ต้องระงับการดำเนินงาน เนื่องจากขาดการสนับสนุนทางการเงินของอเมริกา ภายหลังจากที่ มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ของสหรัฐฯ ประกาศให้ระงับการให้ความช่วยเหลือแก่ต่างประเทศนาน 90 วัน โดยมีผลบังคับใช้ทั่วโลกตั้งแต่วันศุกร์ (24) เพื่อตรวจสอบว่า ความช่วยเหลือเหล่านั้นสอดคล้องกับนโยบายการต่างประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์หรือไม่ . นอกจากนั้น เมื่อวันเสาร์ (25 ) เจ้าหน้าที่กว่า 10,000 คนขององค์การพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (ยูเสด) ยังได้รับแจ้งให้ต้องปฏิบัติหน้าที่โดยอิงกับนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินการทางวินัย . ทั้งนี้ สื่อรายงานว่า ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเอ็นจีโอของยูเครนที่ได้รับเงินสนับสนุนจากวอชิงตันเริ่มได้รับคำสั่งให้ “หยุดงาน” ซึ่งหมายถึงการระงับโครงการและการเดินทางที่เกี่ยวข้องทั้งหมด . เวเทรัน ฮับ ซึ่งเป็นกลุ่มเอ็นจีโอที่ให้การสนับสนุนด้านกฎหมายและจิตวิทยาแก่ทหารผ่านศึกและครอบครัวในยูเครน เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า ถูกบีบให้ระงับการดำเนินการหน่วยบริการใหญ่ที่สุด 2 ใน 3 แห่ง และจำเป็นต้องเปิดรับบริจาคเป็นครั้งแรกนับจากปี 2018 . อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ยืนยันว่า ความช่วยเหลือทางทหารที่อเมริกาให้แก่ยูเครนจะยังดำเนินต่อไป แต่ไม่ได้ชี้แจงว่า ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจะถูกระงับหรือไม่ โดยที่ผ่านมากองทัพยูเครนพึ่งพิงความช่วยเหลือจากอเมริกาถึง 40% . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008689 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    11
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 841 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมิชิแกนได้ผ่านกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้โรงเรียนมัธยมทุกแห่งในรัฐต้องเปิดสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์อย่างน้อยหนึ่งวิชาเริ่มตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มทักษะด้านเทคโนโลยีและเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนสำหรับงานในอนาคต

    กฎหมายนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ เช่น Amazon และ Microsoft รวมถึงกลุ่มไม่แสวงหาผลกำไรที่พวกเขาสนับสนุน เช่น Code.org นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากสมาคมครูวิทยาการคอมพิวเตอร์และกลุ่มล็อบบี้อุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น TechNet ซึ่งมีสมาชิกเป็นบริษัทใหญ่ๆ เช่น Apple, Google, Meta และอื่นๆ

    กฎหมายนี้กำหนดให้โรงเรียนมัธยมทุกแห่งในรัฐมิชิแกนต้องมีการสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ในรูปแบบการเรียนการสอนในห้องเรียนตามมาตรฐานที่กำหนดโดยคณะกรรมการการศึกษาของรัฐ หากไม่สามารถจัดการเรียนการสอนในห้องเรียนได้ สามารถใช้ตัวเลือกการเรียนการสอนแบบเสมือนจริงได้ ยกเว้นโรงเรียนที่เป็นออนไลน์ทั้งหมด

    นอกจากนี้ รัฐมิชิแกนยังได้ผ่านกฎหมายอีกฉบับที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับศูนย์ข้อมูลที่ตั้งอยู่ในรัฐ กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดการลงทุนและสร้างงานในรัฐมิชิแกน

    การที่รัฐมิชิแกนกำหนดให้มีการสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนมัธยมแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนสำหรับงานในอนาคตและการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐ

    https://www.techspot.com/news/106514-michigan-passes-law-mandating-computer-science-classes-high.html
    รัฐมิชิแกนได้ผ่านกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้โรงเรียนมัธยมทุกแห่งในรัฐต้องเปิดสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์อย่างน้อยหนึ่งวิชาเริ่มตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มทักษะด้านเทคโนโลยีและเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนสำหรับงานในอนาคต กฎหมายนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ เช่น Amazon และ Microsoft รวมถึงกลุ่มไม่แสวงหาผลกำไรที่พวกเขาสนับสนุน เช่น Code.org นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากสมาคมครูวิทยาการคอมพิวเตอร์และกลุ่มล็อบบี้อุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น TechNet ซึ่งมีสมาชิกเป็นบริษัทใหญ่ๆ เช่น Apple, Google, Meta และอื่นๆ กฎหมายนี้กำหนดให้โรงเรียนมัธยมทุกแห่งในรัฐมิชิแกนต้องมีการสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ในรูปแบบการเรียนการสอนในห้องเรียนตามมาตรฐานที่กำหนดโดยคณะกรรมการการศึกษาของรัฐ หากไม่สามารถจัดการเรียนการสอนในห้องเรียนได้ สามารถใช้ตัวเลือกการเรียนการสอนแบบเสมือนจริงได้ ยกเว้นโรงเรียนที่เป็นออนไลน์ทั้งหมด นอกจากนี้ รัฐมิชิแกนยังได้ผ่านกฎหมายอีกฉบับที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับศูนย์ข้อมูลที่ตั้งอยู่ในรัฐ กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดการลงทุนและสร้างงานในรัฐมิชิแกน การที่รัฐมิชิแกนกำหนดให้มีการสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนมัธยมแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนสำหรับงานในอนาคตและการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐ https://www.techspot.com/news/106514-michigan-passes-law-mandating-computer-science-classes-high.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Michigan new law mandates Computer Science classes in high schools
    The bipartisan bill, signed into law last week by Governor Gretchen Whitmer, aims to increase technological literacy across the state. It mandates that every Michigan high school...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • Dario Amoedi ซีอีโอของ Anthropic ได้กล่าวในงาน World Economic Forum 2025 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า AI อาจช่วยเพิ่มอายุขัยของมนุษย์เป็นสองเท่าในระยะเวลา 5 ถึง 10 ปี เขาเชื่อว่าเทคโนโลยี AI จะสามารถเร่งการพัฒนาในด้านชีววิทยาและการแพทย์ได้อย่างมาก

    Amoedi กล่าวว่าหากเราคิดถึงสิ่งที่มนุษย์อาจทำได้ในด้านชีววิทยาในระยะเวลา 100 ปี การเพิ่มอายุขัยของมนุษย์เป็นสองเท่าไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เขายังเสริมว่า AI อาจช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายนี้ได้ในระยะเวลาเพียง 5 ถึง 10 ปี

    นอกจากนี้ Amoedi ยังเชื่อว่าในปี 2026 หรือ 2027 เราจะมีระบบ AI ที่สามารถทำงานได้ดีกว่ามนุษย์ในเกือบทุกด้าน ความเชื่อนี้ไม่ได้เป็นของเขาเพียงคนเดียว ซีอีโอของ Nvidia และ SoftBank ก็มีความเชื่อเช่นเดียวกันว่า AI จะมีความสามารถเหนือกว่ามนุษย์ในอนาคตอันใกล้

    https://www.techspot.com/news/106515-anthropic-ceo-ai-could-double-human-lifespan-within.html
    Dario Amoedi ซีอีโอของ Anthropic ได้กล่าวในงาน World Economic Forum 2025 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า AI อาจช่วยเพิ่มอายุขัยของมนุษย์เป็นสองเท่าในระยะเวลา 5 ถึง 10 ปี เขาเชื่อว่าเทคโนโลยี AI จะสามารถเร่งการพัฒนาในด้านชีววิทยาและการแพทย์ได้อย่างมาก Amoedi กล่าวว่าหากเราคิดถึงสิ่งที่มนุษย์อาจทำได้ในด้านชีววิทยาในระยะเวลา 100 ปี การเพิ่มอายุขัยของมนุษย์เป็นสองเท่าไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เขายังเสริมว่า AI อาจช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายนี้ได้ในระยะเวลาเพียง 5 ถึง 10 ปี นอกจากนี้ Amoedi ยังเชื่อว่าในปี 2026 หรือ 2027 เราจะมีระบบ AI ที่สามารถทำงานได้ดีกว่ามนุษย์ในเกือบทุกด้าน ความเชื่อนี้ไม่ได้เป็นของเขาเพียงคนเดียว ซีอีโอของ Nvidia และ SoftBank ก็มีความเชื่อเช่นเดียวกันว่า AI จะมีความสามารถเหนือกว่ามนุษย์ในอนาคตอันใกล้ https://www.techspot.com/news/106515-anthropic-ceo-ai-could-double-human-lifespan-within.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Anthropic CEO says AI could double human lifespan within a decade
    Speaking during a panel titled "Technology in the World" at the 2025 World Economic Forum in Davos, Switzerland, Anthropic's Dario Amoedi said, "If you think about what...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • Humanity Protocol บริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนผ่านบล็อกเชน โดยใช้การสแกนฝ่ามือเพื่อยืนยันว่าบัญชีออนไลน์นั้นเป็นของบุคคลจริง เพิ่งได้รับการประเมินมูลค่าเต็มที่ถึง 1.1 พันล้านดอลลาร์ หลังจากระดมทุนได้ 20 ล้านดอลลาร์ในรอบการระดมทุนที่นำโดย Pantera Capital และ Jump Crypto

    Humanity Protocol มีเป้าหมายที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของตนในวงกว้างในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพิสูจน์ตัวตนได้โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับบอท บัญชีปลอม และการฉ้อโกงออนไลน์

    การยืนยันตัวตนดิจิทัลกำลังได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปัญญาประดิษฐ์ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับ deepfakes และการฉ้อโกงทางไซเบอร์ บริษัทสตาร์ทอัพด้านบล็อกเชนกำลังหันมาใช้ไบโอเมตริกส์เพื่อตอบสนองความต้องการนี้

    นอกจากนี้ Humanity Protocol ยังเตรียมเปิดตัวโทเค็นคริปโตของตนเอง โดยกำลังทำการเตรียมการขั้นสุดท้ายเพื่อให้การเปิดตัวเป็นไปอย่างราบรื่น การสนับสนุนจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กลับมาดำรงตำแหน่งในทำเนียบขาวอีกครั้ง ทำให้บริษัทสตาร์ทอัพด้านคริปโตและบล็อกเชนคาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนและการลงทุนมากขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/27/humanity-protocol-valued-at-11-billion-after-latest-fundraise
    Humanity Protocol บริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนผ่านบล็อกเชน โดยใช้การสแกนฝ่ามือเพื่อยืนยันว่าบัญชีออนไลน์นั้นเป็นของบุคคลจริง เพิ่งได้รับการประเมินมูลค่าเต็มที่ถึง 1.1 พันล้านดอลลาร์ หลังจากระดมทุนได้ 20 ล้านดอลลาร์ในรอบการระดมทุนที่นำโดย Pantera Capital และ Jump Crypto Humanity Protocol มีเป้าหมายที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของตนในวงกว้างในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพิสูจน์ตัวตนได้โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับบอท บัญชีปลอม และการฉ้อโกงออนไลน์ การยืนยันตัวตนดิจิทัลกำลังได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปัญญาประดิษฐ์ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับ deepfakes และการฉ้อโกงทางไซเบอร์ บริษัทสตาร์ทอัพด้านบล็อกเชนกำลังหันมาใช้ไบโอเมตริกส์เพื่อตอบสนองความต้องการนี้ นอกจากนี้ Humanity Protocol ยังเตรียมเปิดตัวโทเค็นคริปโตของตนเอง โดยกำลังทำการเตรียมการขั้นสุดท้ายเพื่อให้การเปิดตัวเป็นไปอย่างราบรื่น การสนับสนุนจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กลับมาดำรงตำแหน่งในทำเนียบขาวอีกครั้ง ทำให้บริษัทสตาร์ทอัพด้านคริปโตและบล็อกเชนคาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนและการลงทุนมากขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/27/humanity-protocol-valued-at-11-billion-after-latest-fundraise
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Humanity Protocol valued at $1.1 billion after latest fundraise
    (Reuters) - Humanity Protocol has secured a fully diluted valuation of $1.1 billion after raising $20 million in a funding round co-led by Pantera Capital and Jump Crypto, the identity verification blockchain firm said on Monday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • "DeepSeek สตาร์ทอัพ AI จีนท้าชน OpenAI คว้าอันดับ 1 แอปสหรัฐฯ ด้วยโมเดล R1 โอเพนซอร์ส ต้นทุนพัฒนาเพียง 1 ใน 20 ของคู่แข่ง!"

    ที่มาและความเป็นมาของ DeepSeek

    DeepSeek คือสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ก่อตั้งใน พฤษภาคม 2023 โดย เหลียง เวินเฟิง (Liang Wenfeng) นักลงทุนชื่อดังและผู้เชี่ยวชาญ AI อดีตผู้บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ทีมวิจัยหลักประกอบด้วยบัณฑิตจบใหม่และนักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน เช่น มหาวิทยาลัยปักกิ่ง และมหาวิทยาลัยชิงหวา

    จุดพลิกเกม
    DeepSeek เปิดตัว โมเดล R1 อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2025 หลังมีข่าวลือตั้งแต่พฤศจิกายน 2024 โดยโมเดลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ OpenAI o1 โดยตรง ด้วยจุดเด่น 3 ด้าน:
    1. ความสามารถเชิงวิเคราะห์: ให้ผลลัพธ์เหนือกว่าในงานคำนวณคณิตศาสตร์-เขียนโปรแกรม และการให้เหตุผลขั้นสูง
    2. ต้นทุนพัฒนาต่ำสุดวงการ: ใช้เงินเพียง 5.6 ล้านดอลลาร์ เทียบกับคู่แข่งที่ใช้งบหลายร้อยล้าน (ต่ำกว่า 18-20 เท่า)
    3. ระบบโอเพนซอร์สเต็มรูปแบบ: เปิดเผยโค้ดและโครงสร้างโมเดลทั้งหมด ต่างจาก OpenAI ที่ยังปิดบางส่วน

    แม้มีสำนักงานใหญ่ในจีน แต่โมเดล R1 กลับโด่งดังในตลาดสหรัฐฯ ด้วยการขึ้นเป็น แอปฯ อันดับ 1 บน App Store และ Google Play แซงหน้า ChatGPT ภายใน 2 สัปดาห์หลังเปิดตัว

    เบื้องหลังความสำเร็จ
    • เทคโนโลยี MLA + DeepSeekMoESparse: สถาปัตยกรรม AI ที่ลดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ได้ถึง 40%
    • กลยุทธ์ "วิจัยก่อนค้า": เปิด API ฟรีให้ชุมชนนักพัฒนาและวิจัย ทุ่มงบ 80% ของบริษัทเพื่อการวิจัยพื้นฐาน
    • แรงกดดันต่อตลาด: ก่อให้เกิด "สงครามราคา AI" ในจีน บีบให้ Alibaba, Tencent และ Baidu ต้องลดราคาโมเดลตัวเอง 30-50%

    สัญญาณเปลี่ยนสนาม AI โลก
    ความสำเร็จของ DeepSeek ถูกมองว่าเป็นหลักฐานว่า จีนสามารถท้าทายการผูกขาด AI ของสหรัฐฯ ได้ แม้ถูกจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง ดังที่ The Wall Street Journal วิเคราะห์ว่า
    "R1 คือตัวอย่างชัดเจนที่แสดงว่า มาตรการควบคุมชิปของสหรัฐฯ อาจส่งผลตรงข้าม – กระตุ้นให้จีนสร้างนวัตกรรมแบบ 'คิดนอกกรอบ'"
    ขณะที่ เหลียง เวินเฟิง ให้สัมภาษณ์ว่า
    "เราเชื่อว่า AGI (ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป) ต้องเกิดจากความร่วมมือของมวลมนุษยชาติ ไม่ใช่แค่บริษัทยักษ์ใหญ่ 2-3 แห่ง"

    อนาคตที่จับตาของ DeepSeek
    บริษัทประกาศแผนระยะยาว 3 ด้าน:
    1. พัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ (Large Language Model) รุ่นถัดไปภายในปี 2026
    2. ขยายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก
    3. ท้าทายเป้าหมายสูงสุด: สร้าง AGI ที่เข้าถึงได้ทุกคน
    ข้อเท็จจริงน่าสนใจ: หลังเปิดตัว R1 มีนักพัฒนาเกือบ 50,000 คน จาก 120 ประเทศ เข้ามาปรับใช้โมเดลนี้ในโครงการของตัวเองภายในเดือนแรก!

    ล่าสุด
    จีน: ประกาศแผนสนับสนุน AI ด้วยเงิน 1 ล้านล้านหยวน (137 พันล้านดอลลาร์)
    เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2025 ธนาคารแห่งประเทศจีน (Bank of China) ประกาศแผน "支持人工智能产业链发展行动方案" (แผนปฏิบัติการสนับสนุนห่วงโซ่อุตสาหกรรม AI) โดยจะจัดสรรเงินทุน 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 137 พันล้านดอลลาร์) ในระยะเวลา 5 ปี เพื่อสนับสนุนการพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรม AI ทั้งในด้านการวิจัยพื้นฐาน การประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจ และการสร้างระบบนิเวศ AI ที่แข็งแกร่ง

    ติดตามผู้ก่อตั้งได้ที่
    https://x.com/zizhpan
    https://x.com/deepseek_ai

    ใช้งานฟรีไม่จำกัดได้ที่ (สมัครสมาชิกฟรี):
    https://chat.deepseek.com/

    อ้างอิง: Spring News, Mekha News, https://x.com/kimmonismus
    "DeepSeek สตาร์ทอัพ AI จีนท้าชน OpenAI คว้าอันดับ 1 แอปสหรัฐฯ ด้วยโมเดล R1 โอเพนซอร์ส ต้นทุนพัฒนาเพียง 1 ใน 20 ของคู่แข่ง!" ที่มาและความเป็นมาของ DeepSeek DeepSeek คือสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ก่อตั้งใน พฤษภาคม 2023 โดย เหลียง เวินเฟิง (Liang Wenfeng) นักลงทุนชื่อดังและผู้เชี่ยวชาญ AI อดีตผู้บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ทีมวิจัยหลักประกอบด้วยบัณฑิตจบใหม่และนักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน เช่น มหาวิทยาลัยปักกิ่ง และมหาวิทยาลัยชิงหวา จุดพลิกเกม DeepSeek เปิดตัว โมเดล R1 อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2025 หลังมีข่าวลือตั้งแต่พฤศจิกายน 2024 โดยโมเดลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ OpenAI o1 โดยตรง ด้วยจุดเด่น 3 ด้าน: 1. ความสามารถเชิงวิเคราะห์: ให้ผลลัพธ์เหนือกว่าในงานคำนวณคณิตศาสตร์-เขียนโปรแกรม และการให้เหตุผลขั้นสูง 2. ต้นทุนพัฒนาต่ำสุดวงการ: ใช้เงินเพียง 5.6 ล้านดอลลาร์ เทียบกับคู่แข่งที่ใช้งบหลายร้อยล้าน (ต่ำกว่า 18-20 เท่า) 3. ระบบโอเพนซอร์สเต็มรูปแบบ: เปิดเผยโค้ดและโครงสร้างโมเดลทั้งหมด ต่างจาก OpenAI ที่ยังปิดบางส่วน แม้มีสำนักงานใหญ่ในจีน แต่โมเดล R1 กลับโด่งดังในตลาดสหรัฐฯ ด้วยการขึ้นเป็น แอปฯ อันดับ 1 บน App Store และ Google Play แซงหน้า ChatGPT ภายใน 2 สัปดาห์หลังเปิดตัว เบื้องหลังความสำเร็จ • เทคโนโลยี MLA + DeepSeekMoESparse: สถาปัตยกรรม AI ที่ลดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ได้ถึง 40% • กลยุทธ์ "วิจัยก่อนค้า": เปิด API ฟรีให้ชุมชนนักพัฒนาและวิจัย ทุ่มงบ 80% ของบริษัทเพื่อการวิจัยพื้นฐาน • แรงกดดันต่อตลาด: ก่อให้เกิด "สงครามราคา AI" ในจีน บีบให้ Alibaba, Tencent และ Baidu ต้องลดราคาโมเดลตัวเอง 30-50% สัญญาณเปลี่ยนสนาม AI โลก ความสำเร็จของ DeepSeek ถูกมองว่าเป็นหลักฐานว่า จีนสามารถท้าทายการผูกขาด AI ของสหรัฐฯ ได้ แม้ถูกจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง ดังที่ The Wall Street Journal วิเคราะห์ว่า "R1 คือตัวอย่างชัดเจนที่แสดงว่า มาตรการควบคุมชิปของสหรัฐฯ อาจส่งผลตรงข้าม – กระตุ้นให้จีนสร้างนวัตกรรมแบบ 'คิดนอกกรอบ'" ขณะที่ เหลียง เวินเฟิง ให้สัมภาษณ์ว่า "เราเชื่อว่า AGI (ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป) ต้องเกิดจากความร่วมมือของมวลมนุษยชาติ ไม่ใช่แค่บริษัทยักษ์ใหญ่ 2-3 แห่ง" อนาคตที่จับตาของ DeepSeek บริษัทประกาศแผนระยะยาว 3 ด้าน: 1. พัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ (Large Language Model) รุ่นถัดไปภายในปี 2026 2. ขยายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก 3. ท้าทายเป้าหมายสูงสุด: สร้าง AGI ที่เข้าถึงได้ทุกคน ข้อเท็จจริงน่าสนใจ: หลังเปิดตัว R1 มีนักพัฒนาเกือบ 50,000 คน จาก 120 ประเทศ เข้ามาปรับใช้โมเดลนี้ในโครงการของตัวเองภายในเดือนแรก! ล่าสุด จีน: ประกาศแผนสนับสนุน AI ด้วยเงิน 1 ล้านล้านหยวน (137 พันล้านดอลลาร์) เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2025 ธนาคารแห่งประเทศจีน (Bank of China) ประกาศแผน "支持人工智能产业链发展行动方案" (แผนปฏิบัติการสนับสนุนห่วงโซ่อุตสาหกรรม AI) โดยจะจัดสรรเงินทุน 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 137 พันล้านดอลลาร์) ในระยะเวลา 5 ปี เพื่อสนับสนุนการพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรม AI ทั้งในด้านการวิจัยพื้นฐาน การประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจ และการสร้างระบบนิเวศ AI ที่แข็งแกร่ง ติดตามผู้ก่อตั้งได้ที่ https://x.com/zizhpan https://x.com/deepseek_ai ใช้งานฟรีไม่จำกัดได้ที่ (สมัครสมาชิกฟรี): https://chat.deepseek.com/ อ้างอิง: Spring News, Mekha News, https://x.com/kimmonismus
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 312 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปธ.วิปรัฐบาล ชี้ “ทักษิณ” หาเสียงบอกผู้สูงอายุได้เงินหมื่นช่วงตรุษจีน ไม่ใช่สัญญา แต่เป็นเป้าหมายที่รบ.วางไว้นานแล้ว คนทร่บทั่วไปอยู่แล้วไม่ใช่นายใหญ่สั่ง ไม่หวั่นนักร้อง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000008493

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ปธ.วิปรัฐบาล ชี้ “ทักษิณ” หาเสียงบอกผู้สูงอายุได้เงินหมื่นช่วงตรุษจีน ไม่ใช่สัญญา แต่เป็นเป้าหมายที่รบ.วางไว้นานแล้ว คนทร่บทั่วไปอยู่แล้วไม่ใช่นายใหญ่สั่ง ไม่หวั่นนักร้อง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000008493 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Angry
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 642 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ร่างพรบ.กาสิโน ไม่กำหนดสัดส่วน แต่ยืนยันด้วยวาจาเหล่าคนเชื่อไม่ได้ คลิป7 ดอกจิกเย็นนี้จะแฉเป้าหมายที่แท้จริงให้ทราบ
    #7ดอกจิก
    ♣ ร่างพรบ.กาสิโน ไม่กำหนดสัดส่วน แต่ยืนยันด้วยวาจาเหล่าคนเชื่อไม่ได้ คลิป7 ดอกจิกเย็นนี้จะแฉเป้าหมายที่แท้จริงให้ทราบ #7ดอกจิก
    Like
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนกำลังเตรียมแผนการลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (AI) มูลค่า 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 138 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อแข่งขันกับโครงการ "Stargate Project" ของสหรัฐฯ ที่มีมูลค่า 500 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แผนการของจีนนี้มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ผ่านการขยายศูนย์ข้อมูลและการเพิ่มจำนวน AI accelerators

    โครงการนี้มีชื่อว่า "AI Industry Development Action Plan" ต่างจากโครงการ "Stargate" ของสหรัฐฯ ที่นำโดยภาคเอกชนและ OpenAI แผนการพัฒนาอุตสาหกรรม AI ของจีนเป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐทั้งหมด โดยจะให้ทุนแก่บริษัทต่างๆ เช่น Baidu, ByteDance, Alibaba และ DeepSeek เพื่อสร้างระบบ AI ที่ล้ำหน้ามากขึ้น

    ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา DeepSeek ซึ่งเป็นสาขาของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในจีน ได้เปิดเผยโมเดลการให้เหตุผล R1 และทำให้สามารถใช้งานได้ฟรีสำหรับทุกคน การกระทำนี้ได้ท้าทายคู่แข่งในตะวันตก เช่น OpenAI ซึ่งทำให้ CEO ของ OpenAI ต้องเสนอโมเดล O3-mini สำหรับการใช้งานสูงสุด 100 คำถามต่อวันสำหรับผู้ใช้ ChatGPT Plus

    การพัฒนา AI ในจีนนี้มีเป้าหมายเพื่อผลักดันผู้ผลิต AI ในประเทศให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น และอาจทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาโมเดลที่ล้ำหน้ากว่าคู่แข่งในตะวันตกได้ แน่นอนว่าการจัดหา GPU สำหรับโครงการเหล่านี้ยังคงเป็นงานที่ซับซ้อน แต่ด้วยการพัฒนา AI accelerators ในประเทศและการใช้ช่องโหว่ในการควบคุมการส่งออก การแข่งขันในด้าน AI กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก

    https://www.techpowerup.com/331636/the-empire-strikes-back-china-prepares-one-trillion-yuan-ai-plan-to-rival-usd-500-billion-us-stargate-project
    จีนกำลังเตรียมแผนการลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (AI) มูลค่า 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 138 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อแข่งขันกับโครงการ "Stargate Project" ของสหรัฐฯ ที่มีมูลค่า 500 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แผนการของจีนนี้มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ผ่านการขยายศูนย์ข้อมูลและการเพิ่มจำนวน AI accelerators โครงการนี้มีชื่อว่า "AI Industry Development Action Plan" ต่างจากโครงการ "Stargate" ของสหรัฐฯ ที่นำโดยภาคเอกชนและ OpenAI แผนการพัฒนาอุตสาหกรรม AI ของจีนเป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐทั้งหมด โดยจะให้ทุนแก่บริษัทต่างๆ เช่น Baidu, ByteDance, Alibaba และ DeepSeek เพื่อสร้างระบบ AI ที่ล้ำหน้ามากขึ้น ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา DeepSeek ซึ่งเป็นสาขาของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในจีน ได้เปิดเผยโมเดลการให้เหตุผล R1 และทำให้สามารถใช้งานได้ฟรีสำหรับทุกคน การกระทำนี้ได้ท้าทายคู่แข่งในตะวันตก เช่น OpenAI ซึ่งทำให้ CEO ของ OpenAI ต้องเสนอโมเดล O3-mini สำหรับการใช้งานสูงสุด 100 คำถามต่อวันสำหรับผู้ใช้ ChatGPT Plus การพัฒนา AI ในจีนนี้มีเป้าหมายเพื่อผลักดันผู้ผลิต AI ในประเทศให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น และอาจทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาโมเดลที่ล้ำหน้ากว่าคู่แข่งในตะวันตกได้ แน่นอนว่าการจัดหา GPU สำหรับโครงการเหล่านี้ยังคงเป็นงานที่ซับซ้อน แต่ด้วยการพัฒนา AI accelerators ในประเทศและการใช้ช่องโหว่ในการควบคุมการส่งออก การแข่งขันในด้าน AI กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก https://www.techpowerup.com/331636/the-empire-strikes-back-china-prepares-one-trillion-yuan-ai-plan-to-rival-usd-500-billion-us-stargate-project
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    The Empire Strikes Back: China Prepares One Trillion Yuan AI Plan to Rival $500 Billion US Stargate Project
    A few days ago, we reported on the US reading a massive 500 billion US Dollar package called "Stargate Project" to build AI infrastructure on American soil. However, China is also planning to stay close behind, or even overlap the US in some areas, with a one trillion Yuan "AI Industry Development A...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • Fujifilm Holdings วางแผนที่จะลงทุน 100 พันล้านเยน (ประมาณ 640.5 ล้านดอลลาร์) ภายในเดือนมีนาคม 2027 เพื่อเพิ่มการผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก การลงทุนนี้มีเป้าหมายเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากการสร้างโรงงานผลิตชิปใหม่ในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

    Fujifilm เป็นหนึ่งในผู้ผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการผลิต photoresists สำหรับการลิโทกราฟีอัลตราไวโอเลตขั้นสูง (EUV) การลิโทกราฟี EUV ใช้ความยาวคลื่นที่สั้นมาก (13.5 นาโนเมตร) ทำให้ photoresists ต้องมีคุณสมบัติที่เข้มงวดในด้านความไว ความละเอียด และความเข้ากันได้กับวัสดุ photomask ของ EUV

    การลงทุนนี้จะช่วยให้ Fujifilm สามารถขยายกำลังการผลิตในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เพื่อรองรับการผลิตชิปที่มีความซับซ้อนสูงสำหรับภาค AI และ HPC นอกจากนี้ Fujifilm ยังมีแผนที่จะเข้าสู่ตลาดอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่กำลังมุ่งเน้นการผลิตไมโครอิเล็กทรอนิกส์เช่นกัน

    การขยายการผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์นี้สอดคล้องกับตำแหน่งที่โดดเด่นของญี่ปุ่นในห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญนี้ โดยปัจจุบันญี่ปุ่นควบคุมครึ่งหนึ่งของตลาดวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่จำเป็น การวิจัยโดย Fuji Keizai คาดการณ์ว่าตลาดวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกจะขยายตัว 35% โดยมีมูลค่า 58.3 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2029

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/fujifilm-to-double-spending-on-chip-materials-as-u-s-japan-and-south-korea-up-chip-production
    Fujifilm Holdings วางแผนที่จะลงทุน 100 พันล้านเยน (ประมาณ 640.5 ล้านดอลลาร์) ภายในเดือนมีนาคม 2027 เพื่อเพิ่มการผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก การลงทุนนี้มีเป้าหมายเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากการสร้างโรงงานผลิตชิปใหม่ในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ Fujifilm เป็นหนึ่งในผู้ผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการผลิต photoresists สำหรับการลิโทกราฟีอัลตราไวโอเลตขั้นสูง (EUV) การลิโทกราฟี EUV ใช้ความยาวคลื่นที่สั้นมาก (13.5 นาโนเมตร) ทำให้ photoresists ต้องมีคุณสมบัติที่เข้มงวดในด้านความไว ความละเอียด และความเข้ากันได้กับวัสดุ photomask ของ EUV การลงทุนนี้จะช่วยให้ Fujifilm สามารถขยายกำลังการผลิตในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เพื่อรองรับการผลิตชิปที่มีความซับซ้อนสูงสำหรับภาค AI และ HPC นอกจากนี้ Fujifilm ยังมีแผนที่จะเข้าสู่ตลาดอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่กำลังมุ่งเน้นการผลิตไมโครอิเล็กทรอนิกส์เช่นกัน การขยายการผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์นี้สอดคล้องกับตำแหน่งที่โดดเด่นของญี่ปุ่นในห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญนี้ โดยปัจจุบันญี่ปุ่นควบคุมครึ่งหนึ่งของตลาดวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่จำเป็น การวิจัยโดย Fuji Keizai คาดการณ์ว่าตลาดวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกจะขยายตัว 35% โดยมีมูลค่า 58.3 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2029 https://www.tomshardware.com/tech-industry/fujifilm-to-double-spending-on-chip-materials-as-u-s-japan-and-south-korea-up-chip-production
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Fujifilm to double spending on chip materials as U.S., Japan and South Korea up chip production
    Fujifilm to invest $640 million in the preparation of raw materials for chip production.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google กำลังผลักดันแผนการระดับโลกเพื่อให้ความรู้แก่พนักงานและผู้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้าใจและการใช้งาน AI อย่างแพร่หลาย ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนานโยบาย AI ที่ดีขึ้นและเปิดโอกาสใหม่ๆ ในอนาคต

    Kent Walker ประธานฝ่ายกิจการทั่วโลกของ Alphabet กล่าวว่า การทำให้ผู้คนและองค์กร รวมถึงรัฐบาล คุ้นเคยกับ AI และการใช้เครื่องมือ AI จะช่วยให้เกิดนโยบาย AI ที่ดีขึ้นและเปิดโอกาสใหม่ๆ Google กำลังแข่งขันกับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อื่นๆ เช่น Microsoft-backed OpenAI และ Meta ในด้าน AI และต้องเผชิญกับการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากหน่วยงานกำกับดูแลในธุรกิจโฆษณาและการค้นหา

    ในสหภาพยุโรป Google ได้เสนอขายส่วนหนึ่งของธุรกิจโฆษณาเพื่อเอาใจหน่วยงานกำกับดูแล ในสหรัฐอเมริกา กระทรวงยุติธรรมกำลังพยายามบังคับให้แยกธุรกิจเบราว์เซอร์ Chrome ออกเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาการผูกขาด นอกจากนี้ รัฐบาลทั่วโลกกำลังร่างกฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจาก AI เช่น ลิขสิทธิ์และความเป็นส่วนตัว.

    Google ได้ประกาศลงทุน 120 ล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายนเพื่อสร้างโปรแกรมการศึกษา AI และกำลังขยายโปรแกรม Grow with Google ซึ่งเป็นโปรแกรมออนไลน์และในสถานที่ที่ให้เครื่องมือการฝึกอบรมสำหรับธุรกิจและสอนทักษะต่างๆ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลหรือการสนับสนุนด้านไอที โปรแกรมนี้มีเป้าหมายเพื่อขยายโอกาสในการทำงานในสาขาเทคนิค

    ในระยะยาว Walker คาดว่า AI จะเข้ามามีบทบาทในงานส่วนใหญ่ในบางรูปแบบ และ Google กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้โดยการจ้างนักเศรษฐศาสตร์ David Autor เป็นนักวิจัยเพื่อศึกษาผลกระทบของ AI ต่อแรงงาน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/26/google-pushes-global-agenda-to-educate-workers-lawmakers-on-ai
    Google กำลังผลักดันแผนการระดับโลกเพื่อให้ความรู้แก่พนักงานและผู้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้าใจและการใช้งาน AI อย่างแพร่หลาย ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนานโยบาย AI ที่ดีขึ้นและเปิดโอกาสใหม่ๆ ในอนาคต Kent Walker ประธานฝ่ายกิจการทั่วโลกของ Alphabet กล่าวว่า การทำให้ผู้คนและองค์กร รวมถึงรัฐบาล คุ้นเคยกับ AI และการใช้เครื่องมือ AI จะช่วยให้เกิดนโยบาย AI ที่ดีขึ้นและเปิดโอกาสใหม่ๆ Google กำลังแข่งขันกับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อื่นๆ เช่น Microsoft-backed OpenAI และ Meta ในด้าน AI และต้องเผชิญกับการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากหน่วยงานกำกับดูแลในธุรกิจโฆษณาและการค้นหา ในสหภาพยุโรป Google ได้เสนอขายส่วนหนึ่งของธุรกิจโฆษณาเพื่อเอาใจหน่วยงานกำกับดูแล ในสหรัฐอเมริกา กระทรวงยุติธรรมกำลังพยายามบังคับให้แยกธุรกิจเบราว์เซอร์ Chrome ออกเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาการผูกขาด นอกจากนี้ รัฐบาลทั่วโลกกำลังร่างกฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจาก AI เช่น ลิขสิทธิ์และความเป็นส่วนตัว. Google ได้ประกาศลงทุน 120 ล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายนเพื่อสร้างโปรแกรมการศึกษา AI และกำลังขยายโปรแกรม Grow with Google ซึ่งเป็นโปรแกรมออนไลน์และในสถานที่ที่ให้เครื่องมือการฝึกอบรมสำหรับธุรกิจและสอนทักษะต่างๆ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลหรือการสนับสนุนด้านไอที โปรแกรมนี้มีเป้าหมายเพื่อขยายโอกาสในการทำงานในสาขาเทคนิค ในระยะยาว Walker คาดว่า AI จะเข้ามามีบทบาทในงานส่วนใหญ่ในบางรูปแบบ และ Google กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้โดยการจ้างนักเศรษฐศาสตร์ David Autor เป็นนักวิจัยเพื่อศึกษาผลกระทบของ AI ต่อแรงงาน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/26/google-pushes-global-agenda-to-educate-workers-lawmakers-on-ai
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Google pushes global agenda to educate workers, lawmakers on AI
    SAN FRANCISCO -Alphabet’s Google, already facing an unprecedented regulatory onslaught, is looking to shape public perception and policies on artificial intelligence ahead of a global wave of AI regulation.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts