• ทางการอิหร่านประกาศสามารถควบคุมเพลิงไหม้จากเหตุระเบิดที่ท่าเรือบันดาร์อับบาสได้แล้วตั้งแต่เมื่อคืนนี้

    จนถึงขณะนี้ ยืนยันผู้เสียชีวิตแล้ว 28 ราย บาดเจ็บกว่า 800 ราย

    ทางด้านซาอุดีอาระเบียและรัสเซียประกาศพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็ที่
    ทางการอิหร่านประกาศสามารถควบคุมเพลิงไหม้จากเหตุระเบิดที่ท่าเรือบันดาร์อับบาสได้แล้วตั้งแต่เมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ ยืนยันผู้เสียชีวิตแล้ว 28 ราย บาดเจ็บกว่า 800 ราย ทางด้านซาอุดีอาระเบียและรัสเซียประกาศพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็ที่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • ดูเหมือนเซเลนสกีจะวุ่นวายอยู่กับเรื่องของตนเอง ขณะเข้าร่วมพิธีศพของของสมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิส ในกรุงโรม

    ล่าสุดเขาโพสต์วิดีโอการพบปะกับผู้นำอังกฤษ เคียร์ สตาร์มเมอร์ พร้อมข้อความ:

    "เราได้สรุปผลลัพธ์ของการประชุมระหว่างตัวแทนของยูเครน สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และเยอรมนีในปารีสและลอนดอน เราจะดำเนินงานต่อไปภายในกลุ่มพันธมิตรแห่งความเต็มใจ

    การหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไขจะต้องบรรลุผลสำเร็จทั้งในอากาศ ในทะเล และบนบก และจะต้องเป็นขั้นตอนแรกในการสร้างสันติภาพที่ยุติธรรมพร้อมหลักประกันด้านความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ หลักประกันที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะสามารถรับประกันสันติภาพที่ยั่งยืนและปกป้องชีวิตของประชาชนได้"
    ดูเหมือนเซเลนสกีจะวุ่นวายอยู่กับเรื่องของตนเอง ขณะเข้าร่วมพิธีศพของของสมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิส ในกรุงโรม ล่าสุดเขาโพสต์วิดีโอการพบปะกับผู้นำอังกฤษ เคียร์ สตาร์มเมอร์ พร้อมข้อความ: "เราได้สรุปผลลัพธ์ของการประชุมระหว่างตัวแทนของยูเครน สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และเยอรมนีในปารีสและลอนดอน เราจะดำเนินงานต่อไปภายในกลุ่มพันธมิตรแห่งความเต็มใจ การหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไขจะต้องบรรลุผลสำเร็จทั้งในอากาศ ในทะเล และบนบก และจะต้องเป็นขั้นตอนแรกในการสร้างสันติภาพที่ยุติธรรมพร้อมหลักประกันด้านความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ หลักประกันที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะสามารถรับประกันสันติภาพที่ยั่งยืนและปกป้องชีวิตของประชาชนได้"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • อย่าเพิ่งเบื่อกันนะกับเรื่องภาพวาดจีนโบราณในละคร <สามบุปผาลิขิตฝัน> สืบเนื่องจากมีเพื่อนเพจถามมาว่า ‘ภาพวาดงานเลี้ยง’ มีจริงหรือไม่

    ภาพวาดงานเลี้ยงที่พูดถึงนี้ในละครเรียกว่า ‘เยี่ยเยี่ยนถู’ แปลตรงตัวว่าภาพวาดงานเลี้ยงราตรี บรรยายว่าวาดโดยหวางไอ่ มีเนื้อหาเกี่ยวกับงานเลี้ยงของจ่วนอวิ้นสื่อแห่งซีชวน (ตำแหน่งนี้มีอำนาจสูงสุดดูแลการขนส่ง) ที่มีการร้องรำทำเพลงโดยหญิงคณิกา เป็นภาพวาดที่ใช้ดำเนินเรื่องราวของละครเรื่องนี้ เพราะเป็นภาพที่พระเอกต้องสืบหาและมีความลับสำคัญซ่อนอยู่ในภาพซึ่งก็คือชื่อของคนที่มาร่วมงานเลี้ยงถูกแอบเขียนเข้าไปในภาพด้วย

    ถามว่าในความเป็นจริงมีภาพที่ละครกล่าวถึงนี้หรือไม่? คำตอบคือไม่มี แต่... มีเกร็ดข้อมูลจริงคลุกอยู่ในนี้ Storyฯ สรุปเป็นประเด็นดังนี้

    ประเด็นแรกคือจิตรกร ‘หวางไอ่’ เขาผู้นี้เป็นจิตรกรชาวซ่งเหนือที่มีอยู่จริงและภาพที่ขึ้นชื่อของเขาคือภาพเหมือนในท่านั่งขององค์ปฐมกษัตริย์ซ่งไท่จู่แห่งราชวงศ์ซ่ง (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์) แต่เขาไม่เคยวาดภาพงานเลี้ยง

    ประเด็นที่สองก็คือภาพวาดงานเลี้ยงราตรี หากเพื่อนเพจลองค้นหาคำว่า 夜宴图 (เยี่ยเยี่ยนถู) จะมีภาพหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมาทันที มันเป็นหนึ่งในสิบของภาพโบราณที่มีค่าที่สุดของจีน มีชื่อเต็มว่า ‘หานซีจ่ายเยี่ยเยี่ยนถู’ (韩熙载夜宴图 / ภาพวาดงานเลี้ยงราตรีของหานซีจ่าย)

    ‘หานซีจ่ายเยี่ยเยี่ยนถู’ เป็นภาพวาดสมัยปลายถัง-ห้าราชวงศ์ซึ่งมีปูมหลังเรื่องการเมือง ผู้วาดคือกู้หงจงซึ่งถูกส่งไปสอดส่องพฤติกรรมของหานซีจ่ายที่ไม่ยอมรับตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีในรัชสมัยขององค์หลี่อวี้ ภาพงานเลี้ยงนี้สะท้อนให้เห็นว่า หานซีจ่ายลุ่มหลงมัวเมาไปวันๆ กับสตรีและดนตรี ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อราชสำนักอีกต่อไป และแขกที่มาร่วมงานในภาพล้วนเป็นบุคคลจริงในแวดวงเพื่อนฝูงของเขา

    ภาพนี้มีความยาว 335.5 ซม. เรื่องราวแบ่งเป็นห้าตอนโดยแต่ละตอนถูก ‘คั่น’ ด้วยการวาดฉากกั้นห้องหรือเตียง (ดูรูปประกอบ1 เรียงจากขวามาซ้าย ดูซิว่าเห็นการแบ่งฉากไหม) ฉากแรกคือการบรรเลงผีผา ต่อมาเป็นการชมฟ้อนรำตามจังหวะกลอง จากนั้นเป็นภาพการนอนพักเหนื่อยบนเตียงรายล้อมด้วยสาวงาม ตามมาด้วยฉากที่หานซีจ่ายใส่ชุดชั้นในนั่งฟังบรรเลงดนตรี แล้วสุดท้ายเป็นการส่งแขก

    ปัจจุบันภาพนี้เก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้าม มีคุณค่าทางศิลปะและประวัติศาสตร์เพราะเป็นอีกหนึ่งภาพเขียนที่มีเทคนิคการวาดที่ละเอียด ไม่ว่าจะท่วงท่าและสีหน้าสีตาของคน หรือส่วนประกอบอื่นของภาพ อีกทั้งยังใช้สีจากหินแร่ทำให้สีสดและดูมีพลัง ว่ากันว่าละคร <สามบุปผาลิขิตฝัน> ได้อ้างอิงรายละเอียดหลายอย่างจากภาพนี้ เช่น ท่านั่งและชุด รวมถึงการถือผีผาในแนวนอนของตัวละครซ่งอิ่นจาง ซึ่งเป็นวิธีถือในสมัยถัง-ซ่ง (ไม่ใช่แนวตั้งแบบที่เห็นในปัจจุบัน)

    ประเด็นสุดท้ายคือเรื่องการเขียนชื่อบุคคลซ่อนเข้าไปในภาพ เทคนิคการลงชื่อตัวเองแบบเนียนๆ แทนการเขียนชื่อลงท้ายกำกับภาพนั้นมีอยู่จริงในสมัยซ่ง เทคนิคนี้เรียกว่า ‘อิ๋นข่วน’ (隐款 แปลตรงตัวว่าสไตล์แบบแอบซ่อน) โดยมีตัวอย่างจากนักวาดชื่อดัง ‘ฟ่านควน’ ซึ่ง Storyฯ กล่าวถึงผลงานของเขาไปในสัปดาห์ที่แล้วคือภาพ ‘ซีซันหลี่ว์สิง’ (溪山行旅图) มีการซุกชื่อเข้าไปในลายภาพวาด (ดูรูปประกอบ 2) ซึ่งกว่าจะมีคนพบเจอก็ปาเข้าไปปีค.ศ. 1958 แล้ว!

    เป็นอย่างไรคะ? เรื่องภาพวาดในละครกับเกร็ดข้อเท็จจริงที่เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายคนต้องคาดไม่ถึง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กดติดตามกันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจาก:
    https://ent.sina.cn/tv/tv/2022-06-20/detail-imizirau9589687.d.html
    https://lujuba.cc/709629.html
    http://www.sxsshw.com/xinshang/huihuazuopin/292.html
    https://baike.baidu.com/item/韩熙载夜宴图/1161531
    https://www.52lishi.com/article/47277.html
    http://collection.sina.com.cn/jczs/2017-12-09/doc-ifypnqvn1974112.shtml
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/33235693

    #สามบุปผาลิขิตฝัน #เยี่ยเยี่ยนถู #ภาพงานเลี้ยงกลางคืน #ภาพงานเลี้ยงราตรี #หานซีจ่าย #หวางไอ่ #อิ๋นข่วน #ภาพวาดสมัยซ่ง
    อย่าเพิ่งเบื่อกันนะกับเรื่องภาพวาดจีนโบราณในละคร <สามบุปผาลิขิตฝัน> สืบเนื่องจากมีเพื่อนเพจถามมาว่า ‘ภาพวาดงานเลี้ยง’ มีจริงหรือไม่ ภาพวาดงานเลี้ยงที่พูดถึงนี้ในละครเรียกว่า ‘เยี่ยเยี่ยนถู’ แปลตรงตัวว่าภาพวาดงานเลี้ยงราตรี บรรยายว่าวาดโดยหวางไอ่ มีเนื้อหาเกี่ยวกับงานเลี้ยงของจ่วนอวิ้นสื่อแห่งซีชวน (ตำแหน่งนี้มีอำนาจสูงสุดดูแลการขนส่ง) ที่มีการร้องรำทำเพลงโดยหญิงคณิกา เป็นภาพวาดที่ใช้ดำเนินเรื่องราวของละครเรื่องนี้ เพราะเป็นภาพที่พระเอกต้องสืบหาและมีความลับสำคัญซ่อนอยู่ในภาพซึ่งก็คือชื่อของคนที่มาร่วมงานเลี้ยงถูกแอบเขียนเข้าไปในภาพด้วย ถามว่าในความเป็นจริงมีภาพที่ละครกล่าวถึงนี้หรือไม่? คำตอบคือไม่มี แต่... มีเกร็ดข้อมูลจริงคลุกอยู่ในนี้ Storyฯ สรุปเป็นประเด็นดังนี้ ประเด็นแรกคือจิตรกร ‘หวางไอ่’ เขาผู้นี้เป็นจิตรกรชาวซ่งเหนือที่มีอยู่จริงและภาพที่ขึ้นชื่อของเขาคือภาพเหมือนในท่านั่งขององค์ปฐมกษัตริย์ซ่งไท่จู่แห่งราชวงศ์ซ่ง (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์) แต่เขาไม่เคยวาดภาพงานเลี้ยง ประเด็นที่สองก็คือภาพวาดงานเลี้ยงราตรี หากเพื่อนเพจลองค้นหาคำว่า 夜宴图 (เยี่ยเยี่ยนถู) จะมีภาพหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมาทันที มันเป็นหนึ่งในสิบของภาพโบราณที่มีค่าที่สุดของจีน มีชื่อเต็มว่า ‘หานซีจ่ายเยี่ยเยี่ยนถู’ (韩熙载夜宴图 / ภาพวาดงานเลี้ยงราตรีของหานซีจ่าย) ‘หานซีจ่ายเยี่ยเยี่ยนถู’ เป็นภาพวาดสมัยปลายถัง-ห้าราชวงศ์ซึ่งมีปูมหลังเรื่องการเมือง ผู้วาดคือกู้หงจงซึ่งถูกส่งไปสอดส่องพฤติกรรมของหานซีจ่ายที่ไม่ยอมรับตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีในรัชสมัยขององค์หลี่อวี้ ภาพงานเลี้ยงนี้สะท้อนให้เห็นว่า หานซีจ่ายลุ่มหลงมัวเมาไปวันๆ กับสตรีและดนตรี ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อราชสำนักอีกต่อไป และแขกที่มาร่วมงานในภาพล้วนเป็นบุคคลจริงในแวดวงเพื่อนฝูงของเขา ภาพนี้มีความยาว 335.5 ซม. เรื่องราวแบ่งเป็นห้าตอนโดยแต่ละตอนถูก ‘คั่น’ ด้วยการวาดฉากกั้นห้องหรือเตียง (ดูรูปประกอบ1 เรียงจากขวามาซ้าย ดูซิว่าเห็นการแบ่งฉากไหม) ฉากแรกคือการบรรเลงผีผา ต่อมาเป็นการชมฟ้อนรำตามจังหวะกลอง จากนั้นเป็นภาพการนอนพักเหนื่อยบนเตียงรายล้อมด้วยสาวงาม ตามมาด้วยฉากที่หานซีจ่ายใส่ชุดชั้นในนั่งฟังบรรเลงดนตรี แล้วสุดท้ายเป็นการส่งแขก ปัจจุบันภาพนี้เก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้าม มีคุณค่าทางศิลปะและประวัติศาสตร์เพราะเป็นอีกหนึ่งภาพเขียนที่มีเทคนิคการวาดที่ละเอียด ไม่ว่าจะท่วงท่าและสีหน้าสีตาของคน หรือส่วนประกอบอื่นของภาพ อีกทั้งยังใช้สีจากหินแร่ทำให้สีสดและดูมีพลัง ว่ากันว่าละคร <สามบุปผาลิขิตฝัน> ได้อ้างอิงรายละเอียดหลายอย่างจากภาพนี้ เช่น ท่านั่งและชุด รวมถึงการถือผีผาในแนวนอนของตัวละครซ่งอิ่นจาง ซึ่งเป็นวิธีถือในสมัยถัง-ซ่ง (ไม่ใช่แนวตั้งแบบที่เห็นในปัจจุบัน) ประเด็นสุดท้ายคือเรื่องการเขียนชื่อบุคคลซ่อนเข้าไปในภาพ เทคนิคการลงชื่อตัวเองแบบเนียนๆ แทนการเขียนชื่อลงท้ายกำกับภาพนั้นมีอยู่จริงในสมัยซ่ง เทคนิคนี้เรียกว่า ‘อิ๋นข่วน’ (隐款 แปลตรงตัวว่าสไตล์แบบแอบซ่อน) โดยมีตัวอย่างจากนักวาดชื่อดัง ‘ฟ่านควน’ ซึ่ง Storyฯ กล่าวถึงผลงานของเขาไปในสัปดาห์ที่แล้วคือภาพ ‘ซีซันหลี่ว์สิง’ (溪山行旅图) มีการซุกชื่อเข้าไปในลายภาพวาด (ดูรูปประกอบ 2) ซึ่งกว่าจะมีคนพบเจอก็ปาเข้าไปปีค.ศ. 1958 แล้ว! เป็นอย่างไรคะ? เรื่องภาพวาดในละครกับเกร็ดข้อเท็จจริงที่เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายคนต้องคาดไม่ถึง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กดติดตามกันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจาก: https://ent.sina.cn/tv/tv/2022-06-20/detail-imizirau9589687.d.html https://lujuba.cc/709629.html http://www.sxsshw.com/xinshang/huihuazuopin/292.html https://baike.baidu.com/item/韩熙载夜宴图/1161531 https://www.52lishi.com/article/47277.html http://collection.sina.com.cn/jczs/2017-12-09/doc-ifypnqvn1974112.shtml https://zhuanlan.zhihu.com/p/33235693 #สามบุปผาลิขิตฝัน #เยี่ยเยี่ยนถู #ภาพงานเลี้ยงกลางคืน #ภาพงานเลี้ยงราตรี #หานซีจ่าย #หวางไอ่ #อิ๋นข่วน #ภาพวาดสมัยซ่ง
    ENT.SINA.CN
    《梦华录》导演杨阳专访:不走套路,不做行活
    《梦华录》导演杨阳专访:不走套路,不做行活
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้มีสมาธิเต็มหัวใจแล้ว อยู่ที่ไหนก็สบายหมด
    ผู้มีสมาธิเต็มหัวใจแล้ว อยู่ที่ไหนก็สบายหมด
    Love
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 1 รีวิว
  • YKK บริษัทผู้ผลิตซิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปิดตัวต้นแบบซิปอัตโนมัติที่สามารถรูดขึ้นและลงได้เองด้วยมอเตอร์และรีโมตควบคุมแบบมีสาย โดยซิปนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในงานอุตสาหกรรมที่ต้องการการเชื่อมต่อวัสดุในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก เช่น การเชื่อมผ้าหรือวัสดุอื่นๆ ในระดับความสูงที่อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัย

    ต้นแบบซิปอัตโนมัตินี้สามารถรูดซิปขึ้นไปได้สูงถึง 5 เมตร ภายในเวลาเพียง 40 วินาที และยังสามารถเชื่อมต่อเต็นท์ที่มีความสูง 2.5 เมตร และกว้าง 4 เมตร ได้ในเวลาเพียง 50 วินาที อย่างไรก็ตาม ซิปนี้ยังคงมีขนาดใหญ่และต้องใช้พลังงานจากตัวควบคุมที่มีสาย ทำให้ยังไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในตลาดผู้บริโภคทั่วไป

    YKK ยังได้พัฒนานวัตกรรมอื่นๆ เช่น ซิปแม่เหล็กที่สามารถเชื่อมต่อและถอดออกได้ง่าย รวมถึงคลิปแม่เหล็กที่ใช้แทนกระดุมในกางเกง ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม

    ✅ การออกแบบและการใช้งาน
    - ซิปอัตโนมัติสามารถรูดขึ้นไปได้สูงถึง 5 เมตรในเวลา 40 วินาที
    - ใช้รีโมตควบคุมแบบมีสายและมอเตอร์ในการทำงาน

    ✅ การใช้งานในอุตสาหกรรม
    - เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อวัสดุในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก
    - ช่วยลดความเสี่ยงในงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง

    ✅ นวัตกรรมอื่นๆ ของ YKK
    - ซิปแม่เหล็กที่เชื่อมต่อและถอดออกได้ง่าย
    - คลิปแม่เหล็กที่ใช้แทนกระดุมในกางเกง

    ✅ เป้าหมายของ YKK
    - มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการในหลากหลายอุตสาหกรรม

    https://www.techspot.com/news/107692-self-propelled-zippers-have-arrived-but-theyre-not.html
    YKK บริษัทผู้ผลิตซิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปิดตัวต้นแบบซิปอัตโนมัติที่สามารถรูดขึ้นและลงได้เองด้วยมอเตอร์และรีโมตควบคุมแบบมีสาย โดยซิปนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในงานอุตสาหกรรมที่ต้องการการเชื่อมต่อวัสดุในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก เช่น การเชื่อมผ้าหรือวัสดุอื่นๆ ในระดับความสูงที่อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัย ต้นแบบซิปอัตโนมัตินี้สามารถรูดซิปขึ้นไปได้สูงถึง 5 เมตร ภายในเวลาเพียง 40 วินาที และยังสามารถเชื่อมต่อเต็นท์ที่มีความสูง 2.5 เมตร และกว้าง 4 เมตร ได้ในเวลาเพียง 50 วินาที อย่างไรก็ตาม ซิปนี้ยังคงมีขนาดใหญ่และต้องใช้พลังงานจากตัวควบคุมที่มีสาย ทำให้ยังไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในตลาดผู้บริโภคทั่วไป YKK ยังได้พัฒนานวัตกรรมอื่นๆ เช่น ซิปแม่เหล็กที่สามารถเชื่อมต่อและถอดออกได้ง่าย รวมถึงคลิปแม่เหล็กที่ใช้แทนกระดุมในกางเกง ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม ✅ การออกแบบและการใช้งาน - ซิปอัตโนมัติสามารถรูดขึ้นไปได้สูงถึง 5 เมตรในเวลา 40 วินาที - ใช้รีโมตควบคุมแบบมีสายและมอเตอร์ในการทำงาน ✅ การใช้งานในอุตสาหกรรม - เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อวัสดุในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก - ช่วยลดความเสี่ยงในงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง ✅ นวัตกรรมอื่นๆ ของ YKK - ซิปแม่เหล็กที่เชื่อมต่อและถอดออกได้ง่าย - คลิปแม่เหล็กที่ใช้แทนกระดุมในกางเกง ✅ เป้าหมายของ YKK - มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการในหลากหลายอุตสาหกรรม https://www.techspot.com/news/107692-self-propelled-zippers-have-arrived-but-theyre-not.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    World's largest zipper maker YKK shows off self-fastening zippers powered by motors and remote controls
    Japanese manufacturer YKK recently announced successful testing results for a prototype automatic zipper. The company suggests that it could help people fasten objects in difficult-to-reach areas.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดูเหมือนเซเลนสกีเดินทางไปอิตาลี โดยมีเป้าหมายเพียงเพื่อความต้องการของตนเอง มากกว่าการเข้าร่วมพิธีศพของสมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิสอย่างจริงใจ

    เซเลนสกีโพสต์ข้อความลงโซเชียล หลังการพบกับมาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส โดยเรียกร้องขอขีปนาวุธป้เองกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม:

    "เราได้หารือกันถึงแนวทางที่จะนำไปสู่การหยุดยิงอย่างเต็มรูปแบบและไม่มีเงื่อนไข และความจำเป็นในการกดดันรัสเซียเพื่อให้เกิดการหยุดยิงดังกล่าว

    ผมได้สรุปผลที่ตามมาของการโจมตีของรัสเซียที่ครีวีรีห์(Kryvyi Rih) ซูมี (Sumy) และเคียฟ เพื่อปกป้องชีวิตของชาวยูเครน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเสริมสร้างการป้องกันทางอากาศของเรา เราหวังพึ่งการสนับสนุนจากพันธมิตรของเรา

    ผมขอขอบคุณเอ็มมานูเอลสำหรับการสนับสนุนยูเครนอย่างมั่นคง และสำหรับความพยายามทั้งหมดที่ช่วยให้ประชาชนของเราคงอยู่และนำสันติภาพมาใกล้ชิดยิ่งขึ้น"
    ดูเหมือนเซเลนสกีเดินทางไปอิตาลี โดยมีเป้าหมายเพียงเพื่อความต้องการของตนเอง มากกว่าการเข้าร่วมพิธีศพของสมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิสอย่างจริงใจ เซเลนสกีโพสต์ข้อความลงโซเชียล หลังการพบกับมาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส โดยเรียกร้องขอขีปนาวุธป้เองกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม: "เราได้หารือกันถึงแนวทางที่จะนำไปสู่การหยุดยิงอย่างเต็มรูปแบบและไม่มีเงื่อนไข และความจำเป็นในการกดดันรัสเซียเพื่อให้เกิดการหยุดยิงดังกล่าว ผมได้สรุปผลที่ตามมาของการโจมตีของรัสเซียที่ครีวีรีห์(Kryvyi Rih) ซูมี (Sumy) และเคียฟ เพื่อปกป้องชีวิตของชาวยูเครน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเสริมสร้างการป้องกันทางอากาศของเรา เราหวังพึ่งการสนับสนุนจากพันธมิตรของเรา ผมขอขอบคุณเอ็มมานูเอลสำหรับการสนับสนุนยูเครนอย่างมั่นคง และสำหรับความพยายามทั้งหมดที่ช่วยให้ประชาชนของเราคงอยู่และนำสันติภาพมาใกล้ชิดยิ่งขึ้น"
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 11 0 รีวิว
  • ความอร่อยที่ลงตัว "สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล" เส้นสปาเก็ตตี้สุกกำลังดี ผัดด้วยเครื่องสมุนไพรรสชาติเข้มข้น พร้อมกุ้งและปลาหมึกชิ้นโต มาเติมเต็มความสุข กันที่ 𝐀𝐨 𝐋𝐮𝐞𝐤 𝐎𝐜𝐞𝐚𝐧 𝐕𝐢𝐞𝐰 𝐂𝐚𝐟𝐞' & 𝐄𝐚𝐭𝐞𝐫𝐲 ⛱️

    𝐍𝐨𝐭𝐡𝐢𝐧𝐠 𝐛𝐞𝐚𝐭𝐬 𝐚 𝐩𝐥𝐚𝐭𝐞 𝐨𝐟 𝐬𝐩𝐢𝐜𝐲 𝐬𝐞𝐚𝐟𝐨𝐨𝐝 𝐬𝐩𝐚𝐠𝐡𝐞𝐭𝐭𝐢 𝐚𝐧𝐝 𝐚 𝐬𝐭𝐮𝐧𝐧𝐢𝐧𝐠 𝐯𝐢𝐞𝐰. 𝐆𝐨𝐨𝐝 𝐟𝐨𝐨𝐝, 𝐠𝐨𝐨𝐝 𝐦𝐨𝐨𝐝! 🍝

    📍ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 09:30-19:30 น.
    • Call: 065-081-0581
    🚗 รถยนต์ส่วนตัวสามารถขึ้นมาได้
    ...................................
    #AoLuekOceanViewKrabi #AoLuekOceanView #aoluek #krabi #view #food #cake #cafekrabi #sunset #อ่าวลึกโอเชี่ยนวิว #อ่าวลึก #โอเชี่ยนวิว #coffeetime #coffeeaddict #cafe #คาเฟ่ #panoramaview #ไทยแลนด์ #AmazingThailand #Thailand #VisitThailand #Travel #Vacation #Travelphotography #Traveladdict #อย่าปิดการมองเห็น #อย่าปิดกั้นการมองเห็น #sunsetlover #skylove
    ความอร่อยที่ลงตัว "สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล" เส้นสปาเก็ตตี้สุกกำลังดี ผัดด้วยเครื่องสมุนไพรรสชาติเข้มข้น พร้อมกุ้งและปลาหมึกชิ้นโต มาเติมเต็มความสุข กันที่ 𝐀𝐨 𝐋𝐮𝐞𝐤 𝐎𝐜𝐞𝐚𝐧 𝐕𝐢𝐞𝐰 𝐂𝐚𝐟𝐞' & 𝐄𝐚𝐭𝐞𝐫𝐲 ⛱️ 𝐍𝐨𝐭𝐡𝐢𝐧𝐠 𝐛𝐞𝐚𝐭𝐬 𝐚 𝐩𝐥𝐚𝐭𝐞 𝐨𝐟 𝐬𝐩𝐢𝐜𝐲 𝐬𝐞𝐚𝐟𝐨𝐨𝐝 𝐬𝐩𝐚𝐠𝐡𝐞𝐭𝐭𝐢 𝐚𝐧𝐝 𝐚 𝐬𝐭𝐮𝐧𝐧𝐢𝐧𝐠 𝐯𝐢𝐞𝐰. 𝐆𝐨𝐨𝐝 𝐟𝐨𝐨𝐝, 𝐠𝐨𝐨𝐝 𝐦𝐨𝐨𝐝! 🍝 📍ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 09:30-19:30 น. • Call: 065-081-0581 🚗 รถยนต์ส่วนตัวสามารถขึ้นมาได้ ................................... #AoLuekOceanViewKrabi #AoLuekOceanView #aoluek #krabi #view #food #cake #cafekrabi #sunset #อ่าวลึกโอเชี่ยนวิว #อ่าวลึก #โอเชี่ยนวิว #coffeetime #coffeeaddict #cafe #คาเฟ่ #panoramaview #ไทยแลนด์ #AmazingThailand #Thailand #VisitThailand #Travel #Vacation #Travelphotography #Traveladdict #อย่าปิดการมองเห็น #อย่าปิดกั้นการมองเห็น #sunsetlover #skylove
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทราย สก๊อต"ไปเหยียบตีนใคร ที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ในทะเลไทย
    .
    “ทราย สก๊อต” หรือ สิรณัฐ ภิรมย์ภักดี อินฟลูเอนเซอร์หนุ่มลูกครึ่งไทย-สกอตต์แลนด์ ทายาทสิงห์รุ่น 4 หลานชายของคุณจำนงค์ ภิรมย์ภักดี อดีตประธานบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ทรายเรียนจบการศึกษาปริญญาตรีทางด้านแอนิเมชันจากสหรัฐอเมริกาและเจ้าของสถิติว่ายน้ำทะเล 30 กม.ได้รับฉายาเป็น“อควาแมนเมืองไทย” ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯนายอรรถพล เจริญชันษา เมื่อต้นปี 2567 ด้วยภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ รักษ์ทะเล จริงจังเรื่องสิ่งแวดล้อม และสื่อสารเก่งผ่านโซเชียล
    .
    เขาทำงานเชิงรุกในภาคสนามอย่างเข้มข้น ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ผ่อนปรน ยอมหักไม่ยอมงอ ทั้งเตือนนักท่องเที่ยว ใช้กฎหมายจัดการผู้ละเมิดกฎอุทยาน ไม่เว้นแม้แต่บริษัทเรือหรือไกด์ทัวร์ที่ให้อาหารสัตว์ทะเลหรือเหยียบปะการัง จนเกิดความไม่พอใจจากบางกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจเกินขอบเขต ทำคอนเทนต์เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และพูดจาเหยียดหยามเจ้าหน้าที่
    .
    เหตุการณ์เริ่มต้นจากคลิป “หนีห่าว” ที่ทรายเข้าไปตักเตือนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พูดจาเหยียดคนไทย ตามด้วยคดีฟ้องหมิ่นประมาทจากบริษัทเรือ ก่อกระแสโต้กลับหนักบนโซเชียลและในวงราชการ กระทั่งวันที่ 21 เม.ย. 2568 อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาตินายอรรถพล เจริญชันษา มีคำสั่งปลดทรายออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่า “มีความประพฤติไม่เหมาะสม เตือนแล้วก็ไม่แก้ไขปรับปรุง ทำงานร่วมกับใครไม่ได้”
    .
    สังคมออนไลน์กลับมองต่าง ช่วยกันติดแฮชแท็ก #Saveทราย #คืนทรายให้ทะเล พร้อมตั้งคำถามว่า “เขาไปเหยียบตีนใครหรือเปล่า?” เพราะสิ่งที่ทรายพูดอาจเป็นการสะกิดรอยรั่วของระบบอุทยานฯ โดยเฉพาะพื้นที่ “ทำเงิน”ในอุทยานทางทะเล 4 แห่งคืออุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี จังหวัดภูเก็ต, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดกระบี่, อุทยานแห่งชาติแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง, อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา ก็ฟาดไปกว่าปีละ 500 ล้านบาท
    .
    ทรายยืนยันว่า “ไม่ได้ล้ำเส้น แค่ใช้กฎให้ถูกต้อง” พร้อมเปรยว่า “ผมเห็นเยอะเกินไป” เป็นประโยคที่หลายคนตีความว่า เขาอาจสัมผัสปัญหาหรือความหย่อนยานเชิงโครงสร้างในระบบราชการที่ไม่มีใครกล้าพูด
    .
    ขบวนการผลประโยชน์ที่ "ทราย สก๊อต" มองเห็นอยู่ ย่อมไม่มีผลดีต่อพวกที่คิดชั่ว ทำชั่วระบบเวียนตั๋ว-อุปถัมภ์-ผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่ใช่แค่โกงตั๋ว ยังมีการจัดซื้อจัดจ้าง ส่อแววเอื้อพวกพ้อง ทั้งที่รายได้จากอุทยานทั่วประเทศปี 2567 พุ่งถึง 2,200 ล้านบาท แต่สวัสดิการพื้นฐานของเจ้าหน้าที่อุทยาน เช่น ประกันภัยยังแทบไม่มี “ทราย สก๊อต” เคยเสนอแนวคิดใช้เงินตรงนี้ดูแลคนทำงานจริง กลับถูกต้านจากระบบ เป็นไปได้หรือไม่ว่าตัวจริงเป็น "ไอ้โม่ง" ที่อยู่ข้างหลัง คือตัวเบิ้มๆ ที่คอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
    .
    นี่ล่ะ คือเบื้องหน้าเบื้องหลังของกรณี "หนีห่าว" ของ "ทราย สก๊อต" ที่ไม่ได้จบแค่เรื่องการเหยียดคนไทยของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาเชิงระบบ ปัญหาเรื่องผลประโยชน์นับพันล้านของกรมอุทยานแห่งชาติฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในเงื้อมมือของข้าราชการและนักการเมืองที่ตัดไม่ได้ขายไม่ออกด้วย
    .
    สำหรับคุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน นั้น ท่านก็เคยมีวีรกรรมของท่านมากมายเหลือเกินสมัยที่ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ แล้วก็มีเรื่องนี้ที่เกิดขึ้น ผมไม่รู้ว่าการสั่งซื้อเรือราคาหลายร้อยล้านบาทนั้น มันออกมาจากคนไหน ท่านรัฐมนตรีฯ เฉลิมชัย เป็นคนกระซิบคุณอริยะ เชื้อชม ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติหรือเปล่า ผมไม่ทราบ ผมรู้แต่ว่า คุณเฉลิมชัย อยู่ที่ไหน ที่นั่นไม่ค่อยจะสงบสุขเลย
    "ทราย สก๊อต"ไปเหยียบตีนใคร ที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ในทะเลไทย . “ทราย สก๊อต” หรือ สิรณัฐ ภิรมย์ภักดี อินฟลูเอนเซอร์หนุ่มลูกครึ่งไทย-สกอตต์แลนด์ ทายาทสิงห์รุ่น 4 หลานชายของคุณจำนงค์ ภิรมย์ภักดี อดีตประธานบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ทรายเรียนจบการศึกษาปริญญาตรีทางด้านแอนิเมชันจากสหรัฐอเมริกาและเจ้าของสถิติว่ายน้ำทะเล 30 กม.ได้รับฉายาเป็น“อควาแมนเมืองไทย” ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯนายอรรถพล เจริญชันษา เมื่อต้นปี 2567 ด้วยภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ รักษ์ทะเล จริงจังเรื่องสิ่งแวดล้อม และสื่อสารเก่งผ่านโซเชียล . เขาทำงานเชิงรุกในภาคสนามอย่างเข้มข้น ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ผ่อนปรน ยอมหักไม่ยอมงอ ทั้งเตือนนักท่องเที่ยว ใช้กฎหมายจัดการผู้ละเมิดกฎอุทยาน ไม่เว้นแม้แต่บริษัทเรือหรือไกด์ทัวร์ที่ให้อาหารสัตว์ทะเลหรือเหยียบปะการัง จนเกิดความไม่พอใจจากบางกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจเกินขอบเขต ทำคอนเทนต์เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และพูดจาเหยียดหยามเจ้าหน้าที่ . เหตุการณ์เริ่มต้นจากคลิป “หนีห่าว” ที่ทรายเข้าไปตักเตือนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พูดจาเหยียดคนไทย ตามด้วยคดีฟ้องหมิ่นประมาทจากบริษัทเรือ ก่อกระแสโต้กลับหนักบนโซเชียลและในวงราชการ กระทั่งวันที่ 21 เม.ย. 2568 อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาตินายอรรถพล เจริญชันษา มีคำสั่งปลดทรายออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่า “มีความประพฤติไม่เหมาะสม เตือนแล้วก็ไม่แก้ไขปรับปรุง ทำงานร่วมกับใครไม่ได้” . สังคมออนไลน์กลับมองต่าง ช่วยกันติดแฮชแท็ก #Saveทราย #คืนทรายให้ทะเล พร้อมตั้งคำถามว่า “เขาไปเหยียบตีนใครหรือเปล่า?” เพราะสิ่งที่ทรายพูดอาจเป็นการสะกิดรอยรั่วของระบบอุทยานฯ โดยเฉพาะพื้นที่ “ทำเงิน”ในอุทยานทางทะเล 4 แห่งคืออุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี จังหวัดภูเก็ต, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดกระบี่, อุทยานแห่งชาติแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง, อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา ก็ฟาดไปกว่าปีละ 500 ล้านบาท . ทรายยืนยันว่า “ไม่ได้ล้ำเส้น แค่ใช้กฎให้ถูกต้อง” พร้อมเปรยว่า “ผมเห็นเยอะเกินไป” เป็นประโยคที่หลายคนตีความว่า เขาอาจสัมผัสปัญหาหรือความหย่อนยานเชิงโครงสร้างในระบบราชการที่ไม่มีใครกล้าพูด . ขบวนการผลประโยชน์ที่ "ทราย สก๊อต" มองเห็นอยู่ ย่อมไม่มีผลดีต่อพวกที่คิดชั่ว ทำชั่วระบบเวียนตั๋ว-อุปถัมภ์-ผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่ใช่แค่โกงตั๋ว ยังมีการจัดซื้อจัดจ้าง ส่อแววเอื้อพวกพ้อง ทั้งที่รายได้จากอุทยานทั่วประเทศปี 2567 พุ่งถึง 2,200 ล้านบาท แต่สวัสดิการพื้นฐานของเจ้าหน้าที่อุทยาน เช่น ประกันภัยยังแทบไม่มี “ทราย สก๊อต” เคยเสนอแนวคิดใช้เงินตรงนี้ดูแลคนทำงานจริง กลับถูกต้านจากระบบ เป็นไปได้หรือไม่ว่าตัวจริงเป็น "ไอ้โม่ง" ที่อยู่ข้างหลัง คือตัวเบิ้มๆ ที่คอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ . นี่ล่ะ คือเบื้องหน้าเบื้องหลังของกรณี "หนีห่าว" ของ "ทราย สก๊อต" ที่ไม่ได้จบแค่เรื่องการเหยียดคนไทยของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาเชิงระบบ ปัญหาเรื่องผลประโยชน์นับพันล้านของกรมอุทยานแห่งชาติฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในเงื้อมมือของข้าราชการและนักการเมืองที่ตัดไม่ได้ขายไม่ออกด้วย . สำหรับคุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน นั้น ท่านก็เคยมีวีรกรรมของท่านมากมายเหลือเกินสมัยที่ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ แล้วก็มีเรื่องนี้ที่เกิดขึ้น ผมไม่รู้ว่าการสั่งซื้อเรือราคาหลายร้อยล้านบาทนั้น มันออกมาจากคนไหน ท่านรัฐมนตรีฯ เฉลิมชัย เป็นคนกระซิบคุณอริยะ เชื้อชม ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติหรือเปล่า ผมไม่ทราบ ผมรู้แต่ว่า คุณเฉลิมชัย อยู่ที่ไหน ที่นั่นไม่ค่อยจะสงบสุขเลย
    Like
    Love
    14
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 457 มุมมอง 0 รีวิว
  • “กัน จอมพลัง” พาลูกสาวและลูกชายของตากับยายกระบะคู่กรณี “พีช” รับมอบรถกระบะมือสอง มูลค่ากว่า 6 แสนบาท พร้อมมอเตอร์ไซค์ จาก “บิ๊ก สระแก้ว” รวมถึงเงินช่วยเหลือจากมูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่า และแฟนคลับ รวม 5 แสนบาท

    วันนี้ (26 เม.ย.) ที่ร้าน Davin Cafe นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง พร้อมด้วยลูกสาวและลูกชาย ของตากับยาย ที่ได้รับบาดเจ็บจากกรณีนายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือพีช บุตรชายของ นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือนายกเบี้ยวอดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี ขับรถ BMW กระแทกรถกระบะของตากับยายบนทางด่วน ได้เดินทางมารับรถกะบะ อีซูซุ แค็บ Calendar ปี 2022 สีบรอนซ์ ราคา 600,000 บาท มอเตอร์ไซค์ ฮอนด้าเวฟ 110i 2025 สีน้ำ-ขาว ราคา 47,000 บาท รวมถึงอาหารทั้งหมูยอ ข้าวสารจากทางครอบครัวของนายอรรถวัฒน์ ตังคะประเสริฐ หรือบิ๊ก สระแก้ว และนายสุรพล ตังคะประเสริฐ ประธานบริษัท ดีที่สุดคาร์แอนเซอวิส ฮอนด้าประสิทธิ์ระแก้ว(2554) ปตท. เฮียพลสั่งลุยซ้อน้องจัดเต็ม มั่งมีศรีสุข

    กัน จอมพลัง เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการประกาศตามหาซื้อรถให้กับทางคุณตาคุณยาย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีหลายคนเสนอเข้ามา ซึ่งทางคุณบิ๊กมีการเสนอรถฟอร์จูนเนอร์มาให้กับครอบครัวคุณตาคุณยายด้วย ยอมรับว่า ตนเองตกใจเป็นอย่างมากเพราะฟอร์จูนเนอร์ออกใหม่ราคา 1 ล้านกว่าบาท จึงได้มีการไปปรึกษาคุณตาคุณยาย แต่ทั้งสองคนไม่กล้ารับ เพราะอยากจะได้รถที่เป็นกระบะแคปเหมือนเดิม และไม่ได้หวังว่าจะต้องได้รถมือหนึ่ง ซึ่งคุณตาคุณยายทำให้ตนรู้สึกดีเป็นอย่างมากที่ไม่ได้ช่วยโอกาสอยากจะได้อะไรเป็นสุรต่านร่ำรวย กลับทำให้รู้สึกสงสารคุณตาคุณยายมากกว่าเดิม

    จึงจำเป็นที่จะต้องหาดูรถ ให้คุณตาคุณยายใหม่ จนคุณบิ๊กเสนอรถเข้ามาดูใหม่ เป็นรถกระบะแคปปี 2022 เลขกิโลนั้นไม่ได้เยอะมาก ซึ่งทางคุณบิ๊กนั้นต้องการที่จะช่วยจริงๆ ได้มีการลากจากจังหวัดสระแก้วมาที่กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งมอบให้กับคุณตาคุณยาย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000039217

    #MGROnline #กันจอมพลัง
    “กัน จอมพลัง” พาลูกสาวและลูกชายของตากับยายกระบะคู่กรณี “พีช” รับมอบรถกระบะมือสอง มูลค่ากว่า 6 แสนบาท พร้อมมอเตอร์ไซค์ จาก “บิ๊ก สระแก้ว” รวมถึงเงินช่วยเหลือจากมูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่า และแฟนคลับ รวม 5 แสนบาท • วันนี้ (26 เม.ย.) ที่ร้าน Davin Cafe นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง พร้อมด้วยลูกสาวและลูกชาย ของตากับยาย ที่ได้รับบาดเจ็บจากกรณีนายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือพีช บุตรชายของ นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือนายกเบี้ยวอดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี ขับรถ BMW กระแทกรถกระบะของตากับยายบนทางด่วน ได้เดินทางมารับรถกะบะ อีซูซุ แค็บ Calendar ปี 2022 สีบรอนซ์ ราคา 600,000 บาท มอเตอร์ไซค์ ฮอนด้าเวฟ 110i 2025 สีน้ำ-ขาว ราคา 47,000 บาท รวมถึงอาหารทั้งหมูยอ ข้าวสารจากทางครอบครัวของนายอรรถวัฒน์ ตังคะประเสริฐ หรือบิ๊ก สระแก้ว และนายสุรพล ตังคะประเสริฐ ประธานบริษัท ดีที่สุดคาร์แอนเซอวิส ฮอนด้าประสิทธิ์ระแก้ว(2554) ปตท. เฮียพลสั่งลุยซ้อน้องจัดเต็ม มั่งมีศรีสุข • กัน จอมพลัง เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการประกาศตามหาซื้อรถให้กับทางคุณตาคุณยาย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีหลายคนเสนอเข้ามา ซึ่งทางคุณบิ๊กมีการเสนอรถฟอร์จูนเนอร์มาให้กับครอบครัวคุณตาคุณยายด้วย ยอมรับว่า ตนเองตกใจเป็นอย่างมากเพราะฟอร์จูนเนอร์ออกใหม่ราคา 1 ล้านกว่าบาท จึงได้มีการไปปรึกษาคุณตาคุณยาย แต่ทั้งสองคนไม่กล้ารับ เพราะอยากจะได้รถที่เป็นกระบะแคปเหมือนเดิม และไม่ได้หวังว่าจะต้องได้รถมือหนึ่ง ซึ่งคุณตาคุณยายทำให้ตนรู้สึกดีเป็นอย่างมากที่ไม่ได้ช่วยโอกาสอยากจะได้อะไรเป็นสุรต่านร่ำรวย กลับทำให้รู้สึกสงสารคุณตาคุณยายมากกว่าเดิม • จึงจำเป็นที่จะต้องหาดูรถ ให้คุณตาคุณยายใหม่ จนคุณบิ๊กเสนอรถเข้ามาดูใหม่ เป็นรถกระบะแคปปี 2022 เลขกิโลนั้นไม่ได้เยอะมาก ซึ่งทางคุณบิ๊กนั้นต้องการที่จะช่วยจริงๆ ได้มีการลากจากจังหวัดสระแก้วมาที่กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งมอบให้กับคุณตาคุณยาย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000039217 • #MGROnline #กันจอมพลัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..คนยุคน้ำหมากเราก็เหนื่อยเป็นนะ,จะมั่วแต่มาออกมาไล่มาชุมนุมประกาศความชั่วเลวเป็นตัวแทนความดีเหี้ยนี้ไม่นานหรอก,มันบ่งบอกถึงระบบมันชั่วเลวชัดเจนจึงควบคุมคนชั่วเลวไม่ได้จริง,ระบบปกครองล้มเหลวจนเดือดร้อนประชาชนตนดำๆทั่วประเทศต้องมาทวงคืนความเป็นธรรมแทนคนไทยร่วมกันแทน,ในขณะตัวแทนพวกกาเลทอกตั้งอวดอวยตนกราบไหว้ก่อนกาเลือกบอกว่าจะเป็นตัวแทนที่ดีเสือกกระทำชั่ว,คนในระบบแบบคนข้าราชการก็ไม่ทำอะไรสร้างดุลความยุติธรรม,มองตาปริบๆในวงราชการตนเองนั่งคาตำแหน่งอำนาจกระจายเต็มแผ่นดินไทยตั้งแต่ระดับผู้ว่า,นายอำเภอคนราชการท้องถิ่นซึ่งชัดเจนว่าอยุติธรรมเต็มแผ่นดินเพียงใดในปัญหาประจำท้องถิ่นตนแต่ล่ะที่ พบเจอค่าจริงมากมาย แต่หดเป็นเต่าไม่บอกความจริงประชาชนเลยก็คนราชการนี้ล่ะ,บ่อน้ำมันบ่อทองคำมากมายเต็มประเทศระดับผู้ว่านายอำเภออบต.อบจ.รับรู้หมดล่ะ,อะไรไม่ดีก็ไม่คิดอ่านส่งเสริมให้ดี,อะไรดีก็ตัดตอนทำให้แย่,มันคือการปกครองแบบใด,บ่อนพนันเลวๆรู้ว่าชั่ว มีผู้ว่านายอำเภออบต.อบจ.กี่คนออกมาประกาศจุดยืนปกป้องประเทศให้พ้นอบายมุขในสิ่งชั่ว,นึกเล่นๆสิผู้ว่านายอำเภออบต.อบจ.ร่วมกันตีแผ่บอกค่าจริงที่เลวชั่วสาระพัดร่วมกัน ใครประชาชนที่ไหนจะมืดบอดอีก ตนในฐานะพ่อเมืองพ่อบ้านที่อวดอวยอ้างนักกลับไม่ออกมาสู้ อ้างผิดวิถีคนใต้ปกครองพะนะ ถ้าวิถีปกครองเหี้ยๆนี้ปิดปากให้อบายมุขสิ่งเลวชั่วเจริญรุ่งเรืองก็อย่ามีวิถีปกครองแบบนำพาประชาชนให้มืดบอดเลย บรรลุรู้เองพะนะ คงไม่จำเป็นต้องมีผู้ว่านายเภออบต.อบจ.ประดับแผ่นดินไทยสิ้นเปลืองงบประมาณประเทศที่แม้ความชั่วเลวก็ออกมาสู้รบกับข้าศึกชั่วเลวนี้แบบเปิดเผยชี้บอกเลวชั่วต่อทหารตนไม่ได้ว่ารบกับข้าศึกทำไม สู้เพื่ออะไรในนานแม่ทัพนำหน้ารบ,เสือกหลบมืดใต้ดินที่เกรงกลัวข้าศึกศัตรูแต่พอเงินเดือนออกสวัสดิโบนัสมารีบเร่งเบิกเร่งรับโอนเต็มๆ มันใช้ไม่ได้นะ,เราต้องล้างทุบทำลายวิถีปกครองที่ส่งเสริมความชั่วเลวเถอะ,ตนถูกปล้นก็ไม่สู้กลับเอาคืน,ตนถูกหลอกก็ไม่บอกความจริงให้หายโง่ไม่พาคนตามโง่ไปด้วย ฉีกความโง่ทิ้ง,แบบฉีกสัญญาทาสฉีกกฎหมายเลวชั่วที่ปล้นบ่อน้ำมันเราไปแบบฉีกรัฐธรรมนูญที่ทหารยึดอำนาจแล้วทำเสียของมาก,ไม่เป็นประโยชน์จริงอะไรต่อการสร้างชาติ นึกว่าจะเอาวัตถุดิบสร้างชาติคืนทั้งหมดได้เช่นสมบัติทรัพยากรมีค่ามากมายทีีเอกชนต่างชาติผูกขาดไปและคนทรยศเอกชนไทยเองยึดเอาผูกขาดเอาไปก็ด้วยให้ตกเป็นของกลางสร้างชาติจริงในอนาคตต่อยอดสิ่งต่างๆมากมายต่อไป,กาก&กระจอกมาก,ฝีมือไม่ถึง,เสียเวลาและเสียของจนก่อปัญหาไม่จบสิ้นถึงปัจจุบัน,ปัญหาทั้งหมดคือพวกปกครองพวกได้อำนาจไปปกครองที่ไร้ฝีมือ นำพาประเทศสู่ความฉิบหายทั่วประเทศ เจริญแบบเป็นทาสขี้ข้าวัตถุต่างชาติ เขาทุบทำลายตนเมื่อใดก็ไร้ความเจริญเพราะเจริญแบบปลอมๆ,ไม่สร้างรากฐานความเจริญที่แท้จริงจากคนของแผ่นดินไทยตนก่อน,ทุกๆคนไทยเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้ ยืนด้วยขาตนเองจริง ร่ำรวยทางวัตถุแม้ไม่มากแต่ความว่าสิ้นชาติไทยจะไม่มีบนแผ่นดินไทยต่อคนไทยเราทุกๆคนและพลิกสู่เจริญวัตถุธาตุร่ำรวยทั้งทางกายและจิตวิญญาณที่ดีงามฝ่ายเดียวด้วยคู่ขนานโลกยุคล้ำๆต่างๆปรับเข้าลงตัวต่อโลกได้อย่างสบาย.
    ..ปัจจุบันสมควรจบจริง ภาคนักการเมืองแบบนี้และแบบภาคก่อนคณะกบฎ2475ก็คงรับการปกครองแบบนั้นไม่ได้ในสไตล์ศักดินาขี้ข้าทาสไพร่รับใช้แบบนั้น,วิถีปกครองเราต้องธรรมาธิปไตยสไตล์ธรรมะฝ่ายกุศลธรรมนำหน้าจริงๆจึงพอก้าวต่อไปได้,ทุกๆคนไทยจะมีธรรมดีปกครองในใจใครมันบนจริตสันดานปรับปรุงตนให้ดีขึ้นเรื่อยๆร่วมกันได้,ตรงข้ามทุกๆคนไทยขาดธรรมดี วุ่นวายทั้งชุมชนสังคมแบบในปัจจุบันนี้แน่นอน ทำร้ายกันแบบไร้สติคิดอ่านล่ะ,จึงต้องเคลียร์พื้นที่อย่างรวดเร็ว,ใครที่ไม่ใช่คนไทยสัญชาติไทยต้องถีบออกจากประเทศไทยทั้งหมดทันที ความโกลาหลจากคนต่างบ้านต่างเมืองจะหมดไปจะเหลือแค่จัดการกันเองภายในล้วนๆ, นโยบายเร่งด่วนคือใครที่ไม่ใช่คนไทยสัญชาติไทยกรุณาบินกลับประเทศตนเองทั้งหมดทันที,สนับสนุนส่งไปเกาะใดๆพักคนพวกนี้ได้,หรือติดต่อประเทศที่สามรับไปดูแลแทนแบบพวกสงครามพม่า,ไม่ใช่ภาระเราต้องแบกรับปัญหาที่บ้านเมืองมันเองก่อการกันเอง.แล้วมาสร้างความไม่สงบสุขแก่คนของแผ่นดินไทยในบ้านเมืองไทยเราด้วย,กิจการไหนเสียดายต่างด้าวกรุณาย้ายฐานการผลิตไปตั้งโรงงานที่ประเทศต่างด้าวนั้นเลยบวกตัดเครดิตในภาครัฐทั้งหมดที่รัฐส่งเสริมสนับสนุนทิ้งทั้งหมด ข้อหาส่งเสริมต่างด้าวสร้างภัยความมั่นคงไม่สงบต่อชุมชนสังคมรอบกิจการโรงงานและคนไทยร่วมทั้งประเทศ,
    ..แม้ฝรั่งหรือคนต่างชาติใดๆจะอาศัยต่างด้าวสร้างเป็นมือที่สามหรือใดๆจะก่อการลำบากหรือยากหรือไม่ได้เป็นเพียงอาศัยคนทรยศคนไทยอย่างเดียวแล้วแค่นั้นหรือมันก่อการเองของต่างชาตินั้นๆ.ตัดตอนปัญหาสาระพัดเลยล่ะหรือหมอพยาบาลที่ดูแลต่างด้าวมากกว่าคนไทย งบมากมาย ทรัพยากรจำกัดหลากหลายที่ต่างชาติต่างด้าวนี้มาแย่งชิงการใช้ขณะดำรงชีวิตไม่ให้ตายในไทยจะลดลงมหาศาลเป็นจำนวนมากทันที,ฝ่ายการเมืองเลวชั่วจะใช้ต่างด้าวมาปั่นป่วนใดๆก็จบเกมส์ด้วย,ความสงบสุขมากมายที่ผิดปกติไปเพราะต่างชาติต่างด้าวนี้ล่ะคือตัวปัญหาซึ่งคนชั่วสามารถวางสนุ็คใช้ในแผนการต่างๆมันได้,กิจการที่อาศัยทาสแรงงานต่างด้าวค้ากำไรจะตายลงไป,คนกิจการจริงจะอาศัยสัมมาครอบครัวใครมันทำการค้าขายแต่พอดีตามกำลังแรงตนใครมันไม่เอาเปรียบกันก็ว่า,สัมมาอาชีพมากมายจะค้าขายกันพอดีกำลังไม่กอบโกยรวบเอามากองแต่หน้าตักตนเอง,แรงตนกับคนในครอบครัวปกติทำรายได้10-100ล้าน โลภอยากได้มากๆตัดสัมมาอาชีพคนอื่นที่สามารถทำได้ไปยึดผูกขาดทำเองหมดจนตังกว่าแสนล้านหรือล้านล้านบาทจากแรงงานต่างด้าวนำเข้าหรือใครคนอื่นแบบนี้ก็ใช้ไม่ได้,ตนครอบครัวใครมันทำได้เท่าไรก็เอาแต่พอดี ปล่อยคนอื่นๆร่ำรวยมีสุขบ้างในแต่ละท้องที่ จรรโจงชุมชนสังคมทั่วไทย ยืนร่วมกันด้วยขาตนเองร่วมกันในสัมมาอาชีพต่างๆบนแผ่นดินไทยตน,ซึ่งปัจจุบันเหี้ยภายในไม่พอ ไปเชิญชวนต่างชาติมายึดครองแผ่นดินไทยตนด้วย,แล้วฉลาดอวดโง่ว่านำพานักลงทุนมาลงแดกเต็มประเทศไทยได้.,วิถีปกครองนี้เลวชั่วและคือภัยความมั่นคงของประเทศไทยเราอย่างชัดเจน.

    https://m.youtube.com/watch?v=9krnTyEP7pQ
    ..คนยุคน้ำหมากเราก็เหนื่อยเป็นนะ,จะมั่วแต่มาออกมาไล่มาชุมนุมประกาศความชั่วเลวเป็นตัวแทนความดีเหี้ยนี้ไม่นานหรอก,มันบ่งบอกถึงระบบมันชั่วเลวชัดเจนจึงควบคุมคนชั่วเลวไม่ได้จริง,ระบบปกครองล้มเหลวจนเดือดร้อนประชาชนตนดำๆทั่วประเทศต้องมาทวงคืนความเป็นธรรมแทนคนไทยร่วมกันแทน,ในขณะตัวแทนพวกกาเลทอกตั้งอวดอวยตนกราบไหว้ก่อนกาเลือกบอกว่าจะเป็นตัวแทนที่ดีเสือกกระทำชั่ว,คนในระบบแบบคนข้าราชการก็ไม่ทำอะไรสร้างดุลความยุติธรรม,มองตาปริบๆในวงราชการตนเองนั่งคาตำแหน่งอำนาจกระจายเต็มแผ่นดินไทยตั้งแต่ระดับผู้ว่า,นายอำเภอคนราชการท้องถิ่นซึ่งชัดเจนว่าอยุติธรรมเต็มแผ่นดินเพียงใดในปัญหาประจำท้องถิ่นตนแต่ล่ะที่ พบเจอค่าจริงมากมาย แต่หดเป็นเต่าไม่บอกความจริงประชาชนเลยก็คนราชการนี้ล่ะ,บ่อน้ำมันบ่อทองคำมากมายเต็มประเทศระดับผู้ว่านายอำเภออบต.อบจ.รับรู้หมดล่ะ,อะไรไม่ดีก็ไม่คิดอ่านส่งเสริมให้ดี,อะไรดีก็ตัดตอนทำให้แย่,มันคือการปกครองแบบใด,บ่อนพนันเลวๆรู้ว่าชั่ว มีผู้ว่านายอำเภออบต.อบจ.กี่คนออกมาประกาศจุดยืนปกป้องประเทศให้พ้นอบายมุขในสิ่งชั่ว,นึกเล่นๆสิผู้ว่านายอำเภออบต.อบจ.ร่วมกันตีแผ่บอกค่าจริงที่เลวชั่วสาระพัดร่วมกัน ใครประชาชนที่ไหนจะมืดบอดอีก ตนในฐานะพ่อเมืองพ่อบ้านที่อวดอวยอ้างนักกลับไม่ออกมาสู้ อ้างผิดวิถีคนใต้ปกครองพะนะ ถ้าวิถีปกครองเหี้ยๆนี้ปิดปากให้อบายมุขสิ่งเลวชั่วเจริญรุ่งเรืองก็อย่ามีวิถีปกครองแบบนำพาประชาชนให้มืดบอดเลย บรรลุรู้เองพะนะ คงไม่จำเป็นต้องมีผู้ว่านายเภออบต.อบจ.ประดับแผ่นดินไทยสิ้นเปลืองงบประมาณประเทศที่แม้ความชั่วเลวก็ออกมาสู้รบกับข้าศึกชั่วเลวนี้แบบเปิดเผยชี้บอกเลวชั่วต่อทหารตนไม่ได้ว่ารบกับข้าศึกทำไม สู้เพื่ออะไรในนานแม่ทัพนำหน้ารบ,เสือกหลบมืดใต้ดินที่เกรงกลัวข้าศึกศัตรูแต่พอเงินเดือนออกสวัสดิโบนัสมารีบเร่งเบิกเร่งรับโอนเต็มๆ มันใช้ไม่ได้นะ,เราต้องล้างทุบทำลายวิถีปกครองที่ส่งเสริมความชั่วเลวเถอะ,ตนถูกปล้นก็ไม่สู้กลับเอาคืน,ตนถูกหลอกก็ไม่บอกความจริงให้หายโง่ไม่พาคนตามโง่ไปด้วย ฉีกความโง่ทิ้ง,แบบฉีกสัญญาทาสฉีกกฎหมายเลวชั่วที่ปล้นบ่อน้ำมันเราไปแบบฉีกรัฐธรรมนูญที่ทหารยึดอำนาจแล้วทำเสียของมาก,ไม่เป็นประโยชน์จริงอะไรต่อการสร้างชาติ นึกว่าจะเอาวัตถุดิบสร้างชาติคืนทั้งหมดได้เช่นสมบัติทรัพยากรมีค่ามากมายทีีเอกชนต่างชาติผูกขาดไปและคนทรยศเอกชนไทยเองยึดเอาผูกขาดเอาไปก็ด้วยให้ตกเป็นของกลางสร้างชาติจริงในอนาคตต่อยอดสิ่งต่างๆมากมายต่อไป,กาก&กระจอกมาก,ฝีมือไม่ถึง,เสียเวลาและเสียของจนก่อปัญหาไม่จบสิ้นถึงปัจจุบัน,ปัญหาทั้งหมดคือพวกปกครองพวกได้อำนาจไปปกครองที่ไร้ฝีมือ นำพาประเทศสู่ความฉิบหายทั่วประเทศ เจริญแบบเป็นทาสขี้ข้าวัตถุต่างชาติ เขาทุบทำลายตนเมื่อใดก็ไร้ความเจริญเพราะเจริญแบบปลอมๆ,ไม่สร้างรากฐานความเจริญที่แท้จริงจากคนของแผ่นดินไทยตนก่อน,ทุกๆคนไทยเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้ ยืนด้วยขาตนเองจริง ร่ำรวยทางวัตถุแม้ไม่มากแต่ความว่าสิ้นชาติไทยจะไม่มีบนแผ่นดินไทยต่อคนไทยเราทุกๆคนและพลิกสู่เจริญวัตถุธาตุร่ำรวยทั้งทางกายและจิตวิญญาณที่ดีงามฝ่ายเดียวด้วยคู่ขนานโลกยุคล้ำๆต่างๆปรับเข้าลงตัวต่อโลกได้อย่างสบาย. ..ปัจจุบันสมควรจบจริง ภาคนักการเมืองแบบนี้และแบบภาคก่อนคณะกบฎ2475ก็คงรับการปกครองแบบนั้นไม่ได้ในสไตล์ศักดินาขี้ข้าทาสไพร่รับใช้แบบนั้น,วิถีปกครองเราต้องธรรมาธิปไตยสไตล์ธรรมะฝ่ายกุศลธรรมนำหน้าจริงๆจึงพอก้าวต่อไปได้,ทุกๆคนไทยจะมีธรรมดีปกครองในใจใครมันบนจริตสันดานปรับปรุงตนให้ดีขึ้นเรื่อยๆร่วมกันได้,ตรงข้ามทุกๆคนไทยขาดธรรมดี วุ่นวายทั้งชุมชนสังคมแบบในปัจจุบันนี้แน่นอน ทำร้ายกันแบบไร้สติคิดอ่านล่ะ,จึงต้องเคลียร์พื้นที่อย่างรวดเร็ว,ใครที่ไม่ใช่คนไทยสัญชาติไทยต้องถีบออกจากประเทศไทยทั้งหมดทันที ความโกลาหลจากคนต่างบ้านต่างเมืองจะหมดไปจะเหลือแค่จัดการกันเองภายในล้วนๆ, นโยบายเร่งด่วนคือใครที่ไม่ใช่คนไทยสัญชาติไทยกรุณาบินกลับประเทศตนเองทั้งหมดทันที,สนับสนุนส่งไปเกาะใดๆพักคนพวกนี้ได้,หรือติดต่อประเทศที่สามรับไปดูแลแทนแบบพวกสงครามพม่า,ไม่ใช่ภาระเราต้องแบกรับปัญหาที่บ้านเมืองมันเองก่อการกันเอง.แล้วมาสร้างความไม่สงบสุขแก่คนของแผ่นดินไทยในบ้านเมืองไทยเราด้วย,กิจการไหนเสียดายต่างด้าวกรุณาย้ายฐานการผลิตไปตั้งโรงงานที่ประเทศต่างด้าวนั้นเลยบวกตัดเครดิตในภาครัฐทั้งหมดที่รัฐส่งเสริมสนับสนุนทิ้งทั้งหมด ข้อหาส่งเสริมต่างด้าวสร้างภัยความมั่นคงไม่สงบต่อชุมชนสังคมรอบกิจการโรงงานและคนไทยร่วมทั้งประเทศ, ..แม้ฝรั่งหรือคนต่างชาติใดๆจะอาศัยต่างด้าวสร้างเป็นมือที่สามหรือใดๆจะก่อการลำบากหรือยากหรือไม่ได้เป็นเพียงอาศัยคนทรยศคนไทยอย่างเดียวแล้วแค่นั้นหรือมันก่อการเองของต่างชาตินั้นๆ.ตัดตอนปัญหาสาระพัดเลยล่ะหรือหมอพยาบาลที่ดูแลต่างด้าวมากกว่าคนไทย งบมากมาย ทรัพยากรจำกัดหลากหลายที่ต่างชาติต่างด้าวนี้มาแย่งชิงการใช้ขณะดำรงชีวิตไม่ให้ตายในไทยจะลดลงมหาศาลเป็นจำนวนมากทันที,ฝ่ายการเมืองเลวชั่วจะใช้ต่างด้าวมาปั่นป่วนใดๆก็จบเกมส์ด้วย,ความสงบสุขมากมายที่ผิดปกติไปเพราะต่างชาติต่างด้าวนี้ล่ะคือตัวปัญหาซึ่งคนชั่วสามารถวางสนุ็คใช้ในแผนการต่างๆมันได้,กิจการที่อาศัยทาสแรงงานต่างด้าวค้ากำไรจะตายลงไป,คนกิจการจริงจะอาศัยสัมมาครอบครัวใครมันทำการค้าขายแต่พอดีตามกำลังแรงตนใครมันไม่เอาเปรียบกันก็ว่า,สัมมาอาชีพมากมายจะค้าขายกันพอดีกำลังไม่กอบโกยรวบเอามากองแต่หน้าตักตนเอง,แรงตนกับคนในครอบครัวปกติทำรายได้10-100ล้าน โลภอยากได้มากๆตัดสัมมาอาชีพคนอื่นที่สามารถทำได้ไปยึดผูกขาดทำเองหมดจนตังกว่าแสนล้านหรือล้านล้านบาทจากแรงงานต่างด้าวนำเข้าหรือใครคนอื่นแบบนี้ก็ใช้ไม่ได้,ตนครอบครัวใครมันทำได้เท่าไรก็เอาแต่พอดี ปล่อยคนอื่นๆร่ำรวยมีสุขบ้างในแต่ละท้องที่ จรรโจงชุมชนสังคมทั่วไทย ยืนร่วมกันด้วยขาตนเองร่วมกันในสัมมาอาชีพต่างๆบนแผ่นดินไทยตน,ซึ่งปัจจุบันเหี้ยภายในไม่พอ ไปเชิญชวนต่างชาติมายึดครองแผ่นดินไทยตนด้วย,แล้วฉลาดอวดโง่ว่านำพานักลงทุนมาลงแดกเต็มประเทศไทยได้.,วิถีปกครองนี้เลวชั่วและคือภัยความมั่นคงของประเทศไทยเราอย่างชัดเจน. https://m.youtube.com/watch?v=9krnTyEP7pQ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟิก(มะเดื่อฝรั่ง)พันธุ์ราสเบอรี่ลาเต้น #ฟิก #มะเดื่อฝรั่ง #ราสเบอรี่ลาเต้
    ฟิก(มะเดื่อฝรั่ง)พันธุ์ราสเบอรี่ลาเต้น #ฟิก #มะเดื่อฝรั่ง #ราสเบอรี่ลาเต้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ..พรรคร่วมทั้งหมดจริงๆต้องโดนด้วยอัตโนมัติมิใช่แค่ภาพตัวบุคคลคือแค่ตัวสส. ในนามภาพจริงคือมากันทั้งพรรค ร่วมจัดตั้งรัฐบาลทั้งพรรค,ส่งใครมาเป็นนั้นนี้ในรัฐบาลในหน่วยงานควบคนระบบราชการก็กระทำโดยใส่หัวโขนพรรคตนๆเองด้วย,พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลทั้งหมดต้องโดนหมด.,ตัดสิทธใดๆทั้งพรรคด้วย,พรรคเห็นด้วยจึงอนุญาตอนุมัติให้คนของตนกระทำการผ่านคณะครม.หรือยกมือสนับสนุนทัังสภาในฝ่ายรัฐบาลตนที่พากันร่วมก่อการใดๆ,อดีตไม่เคยมีการลงโทษสั่งสอนไปถึงพรรคให้สำนึกในการตั้งพรรคการเมืองเพื่อชาติตน&ประชาชนให้เป็นไปอย่างซื่อสัตย์สุจริตและซื่อตรง,ชาติบ้านเมืองจึงบริหารปกครองที่เป็นไปด้วยความทุจริตเต็มประเทศเพราะพรรคการเมืองตัวแม่งานของปัญหาตัวจริงไม่เคยถูกจัดการไปด้วย เพาะเชื้อเลวชั่วออกมาตลอดในนามพรรคชื่อนั้นๆ.เป็นตัวชูตัวเล่นเกมส์ปั่นป่วนบ้านเมืองโกลาหลไม่หยุดสงบสักที,จึงถึงเวลาตัดตอนทั้งพรรคด้วยจริงๆมิใช่แค่ตัวบุคคล,

    https://m.youtube.com/watch?v=hZ9wUH0Y9WA
    ..พรรคร่วมทั้งหมดจริงๆต้องโดนด้วยอัตโนมัติมิใช่แค่ภาพตัวบุคคลคือแค่ตัวสส. ในนามภาพจริงคือมากันทั้งพรรค ร่วมจัดตั้งรัฐบาลทั้งพรรค,ส่งใครมาเป็นนั้นนี้ในรัฐบาลในหน่วยงานควบคนระบบราชการก็กระทำโดยใส่หัวโขนพรรคตนๆเองด้วย,พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลทั้งหมดต้องโดนหมด.,ตัดสิทธใดๆทั้งพรรคด้วย,พรรคเห็นด้วยจึงอนุญาตอนุมัติให้คนของตนกระทำการผ่านคณะครม.หรือยกมือสนับสนุนทัังสภาในฝ่ายรัฐบาลตนที่พากันร่วมก่อการใดๆ,อดีตไม่เคยมีการลงโทษสั่งสอนไปถึงพรรคให้สำนึกในการตั้งพรรคการเมืองเพื่อชาติตน&ประชาชนให้เป็นไปอย่างซื่อสัตย์สุจริตและซื่อตรง,ชาติบ้านเมืองจึงบริหารปกครองที่เป็นไปด้วยความทุจริตเต็มประเทศเพราะพรรคการเมืองตัวแม่งานของปัญหาตัวจริงไม่เคยถูกจัดการไปด้วย เพาะเชื้อเลวชั่วออกมาตลอดในนามพรรคชื่อนั้นๆ.เป็นตัวชูตัวเล่นเกมส์ปั่นป่วนบ้านเมืองโกลาหลไม่หยุดสงบสักที,จึงถึงเวลาตัดตอนทั้งพรรคด้วยจริงๆมิใช่แค่ตัวบุคคล, https://m.youtube.com/watch?v=hZ9wUH0Y9WA
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • เสือไม่กัดกับหมา แม้ชนะมา ก็มิน่า...ภาคภูมิใจ ศิลปะประเมินคู่ขัดแย้ง ปัญญาชน หรือปัญญาอ่อน? รู้จักหลักคิดจาก "เสือกับหมาบ้า" เลือกสู้ให้เป็น เพื่อชีวิตที่สงบสุขกว่าเดิม 🐅🐶

    เรียนรู้บทเรียนชีวิตจากนิทาน "เสือกับหมาบ้า" พร้อมเทคนิคการประเมินคู่ขัดแย้ง อย่างผู้มีปัญญา เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้ ที่ไม่จำเป็น ✨

    เจาะลึกบทเรียนจาก "เสือกับหมาบ้า" พร้อมเทคนิคการประเมินคู่ขัดแย้ง เพื่อใช้ชีวิตด้วยสติ เลือกศึกอย่างชาญฉลาด และรักษาพลังชีวิตไว้ เพื่อเป้าหมายที่แท้จริง 🌟

    โลกแห่งความขัดแย้ง และบทเรียนที่เราต้องเลือกสู้ให้เป็น 🎯 ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การเอาชนะ และความตึงเครียดสะสม 🌀 หลายคนถูกปลุกเร้า ให้ตอบโต้ทุกความขัดแย้งที่พบเจอ โดยลืมไปว่า "ไม่ใช่ทุกศึกที่ควรลงแรง"

    บทเรียนจากนิทาน "เสือกับหมาบ้า" ถ่ายทอดผ่านเรื่องราวที่เรียบง่าย แต่สอดแทรกหลักคิดลึกซึ้ง ไว้ชัดเจนว่า...

    "ไม่ใช่ทุกการต่อสู้ จะคุ้มค่ากับเวลาและพลังงานที่เราจะเสียไป"

    แล้วทำไมเราต้องรู้จักเลือกสู้? แล้วอะไรคือศิลปะของการประเมินคู่ขัดแย้ง? มาค้นหาคำตอบด้วยกัน ✨

    "เสือกับหมาบ้า" นิทานสั้นที่สอนบทเรียนยิ่งใหญ่ 🐅🐕 เสือตัวหนึ่งเดินอยู่ในป่า 🍃 เห็นหมาบ้าตัวหนึ่งวิ่งเข้ามา เสือเลือกที่จะเบี่ยงทางเลี่ยง โดยไม่สู้ ทั้ง ๆ ที่เสือสามารถกำราบหมาบ้า ได้อย่างง่ายดาย

    ลูกเสือที่เห็นเหตุการณ์เกิดความสงสัย จึงถามพ่อเสือว่า... "เจอสัตว์ใหญ่ พ่อยังกล้าสู้ได้ แต่ทำไมเจอแค่หมาบ้าตัวเดียว ถึงต้องหลีกเลี่ยง? น่าอายจริง ๆ!"

    พ่อเสือยิ้มอย่างอารมณ์ดี และตอบว่า...

    "ลูกเอ๋ย... การเอาชนะหมาบ้า มันมีเกียรตินักหรือ? หากพลาดพลั้งโดนกัด อาจติดเชื้อจนเสียชีวิต เสียแรงโดยใช่เหตุ"

    ลูกเสือพยักหน้าด้วยความเข้าใจ 🙏

    ไม่ใช่ทุกการชนะ คือชัยชนะที่แท้จริง การหลีกเลี่ยงศึกที่ไม่จำเป็น คือการปกป้องตัวเองอย่างฉลาด

    การควบคุมอารมณ์ และประเมินสถานการณ์ คือสัญลักษณ์ของผู้มีปัญญา

    "ผู้มีปัญญา" จะไม่สู้กับ "คนที่หัวใจเต็มไปด้วยขยะ" 🧠🚫 สังคมทุกวันนี้เต็มไปด้วยความตึงเครียด 🔥 ความเครียดสะสมในจิตใจมนุษย์ ถูกเปรียบได้กับ "ขยะทางอารมณ์" ที่รอวันระเบิด

    หลายคนเลือกปล่อยขยะเหล่านี้ ใส่คนรอบข้างในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การประชดประชัน พูดจาทำร้ายจิตใจ หรือแม้แต่การหาเรื่องทะเลาะ

    หากเราไปตอบโต้ ก็เท่ากับเรา... รับเอาขยะของเขาเข้ามาในตัวเอง ลดค่าศักดิ์ศรีของตนเอง เสียเวลาและพลังงานโดยไม่จำเป็น

    ผู้มีปัญญาจึงเลือก... ยิ้มให้แล้วเดินจากไป 😌 โฟกัสเป้าหมายชีวิต ไม่เสียเวลากับการพิสูจน์ตัวเอง กับคนที่ไม่คู่ควร

    ✨"อย่าปล่อยให้ความโกรธชั่ววูบ ทำลายอนาคตที่คุณสร้างมา"✨

    ศิลปะแห่งการประเมินคู่ขัดแย้ง 🎨⚖️ หลักการประเมินคู่ขัดแย้ง ก่อนที่เราจะตอบโต้ใคร ลองถามตัวเอง ด้วยคำถามเหล่านี้...

    คู่กรณีของเรา "มีสติปัญญา" หรือ "ขาดสติ"?

    การทะเลาะครั้งนี้ "ให้ประโยชน์อะไร" กับชีวิตเราบ้าง?

    ถ้าชนะ จะได้อะไร? ถ้าแพ้ จะเสียอะไร?

    พลังงานที่ต้องเสียไป "คุ้มค่า" หรือไม่?

    เรา "อยากลดตัว" ลงไปสู้กับเขาจริงหรือ?

    ถ้าคำตอบส่วนใหญ่คือ "ไม่" แสดงว่า "ไม่สู้" คือคำตอบที่ฉลาดกว่า 🎯

    วิธีหลีกเลี่ยงการรับขยะทางอารมณ์จากผู้อื่น 🛡️🧘‍♂️

    รักษาสติให้มั่นคงก่อนตอบสนองต่อคำพูด หรือการกระทำแย่ ๆ ให้หยุดคิดเสี้ยววินาที 🌬️ แล้วถามตัวเองว่า "จำเป็นต้องโต้ตอบไหม?"

    อย่าเอาขยะคนอื่นมาใส่หัวตัวเอง นึกไว้เสมอว่า "คำพูดลบ" เปรียบเสมือนขยะ อย่าเก็บมาแบกไว้

    ใช้รอยยิ้มเป็นโล่กำบัง ยิ้มอย่างจริงใจ เป็นอาวุธที่มีพลังที่สุด ในการดับเพลิงแห่งความโกรธ 😄

    เดินจากไปอย่างสง่างาม ไม่มีอะไรน่าอาย ในการหลีกเลี่ยงการโต้เถียงที่ไร้สาระ 🚶‍♀️

    โฟกัสเป้าหมายในชีวิต เมื่อมีเป้าหมายที่ใหญ่พอ เรื่องเล็กน้อยจะดูไร้ความหมายในทันที 🎯

    ชีวิตเรามีพลังงานจำกัด เลือกใช้ให้คุ้มค่า 🔥 พลังงานชีวิตของเรามีจำกัดในแต่ละวัน 🌞 จะดีกว่าไหม ถ้าเราจะเก็บพลังงานนั้น ไว้สำหรับสิ่งที่สำคัญจริง ๆ เช่น...

    ความฝัน เป้าหมายชีวิต คนที่เรารัก การพัฒนาตัวเอง การสร้างคุณค่าให้สังคม

    อย่าเสียเวลาทะเลาะกับคนที่ "ไม่ได้มีบทบาทอะไร ในชีวิตระยะยาวของเราเลย"

    ป็นเสือ ไม่ต้องกัดกับหมา 🐯🚫🐕 "เสือ" เลือกศึกอย่างมีสติ ไม่หลงไปกับการพิสูจน์ศักดิ์ศรีกับหมาบ้า

    ชีวิตจริงก็เช่นกัน การเลือกไม่สู้ในศึกที่ไม่คู่ควร ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่มันคือเครื่องหมายของ "ผู้มีปัญญา" และ "ผู้มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่"

    พร้อมหรือยัง ที่จะเลือกชีวิตอย่างมีสติ? จงจำไว้ว่า... "ไม่ใช่ทุกการชนะ คือชัยชนะที่แท้จริง" เลือกศึกให้เป็น แล้วใช้พลังชีวิตกับสิ่งที่คู่ควรเถอะนะ ✨

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 261545 เม.ย. 2568

    #เสือกับหมาบ้า #ชีวิตอย่างมีสติ #ศิลปะการประเมินคู่ขัดแย้ง #บทเรียนชีวิต #ไม่ทะเลาะไม่ใช่อ่อนแอ #เลือกศึกให้เป็น #พลังงานชีวิต #การควบคุมอารมณ์ #นิทานสอนใจ #พัฒนาตนเอง
    เสือไม่กัดกับหมา แม้ชนะมา ก็มิน่า...ภาคภูมิใจ ศิลปะประเมินคู่ขัดแย้ง ปัญญาชน หรือปัญญาอ่อน? รู้จักหลักคิดจาก "เสือกับหมาบ้า" เลือกสู้ให้เป็น เพื่อชีวิตที่สงบสุขกว่าเดิม 🐅🐶 เรียนรู้บทเรียนชีวิตจากนิทาน "เสือกับหมาบ้า" พร้อมเทคนิคการประเมินคู่ขัดแย้ง อย่างผู้มีปัญญา เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้ ที่ไม่จำเป็น ✨ เจาะลึกบทเรียนจาก "เสือกับหมาบ้า" พร้อมเทคนิคการประเมินคู่ขัดแย้ง เพื่อใช้ชีวิตด้วยสติ เลือกศึกอย่างชาญฉลาด และรักษาพลังชีวิตไว้ เพื่อเป้าหมายที่แท้จริง 🌟 โลกแห่งความขัดแย้ง และบทเรียนที่เราต้องเลือกสู้ให้เป็น 🎯 ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การเอาชนะ และความตึงเครียดสะสม 🌀 หลายคนถูกปลุกเร้า ให้ตอบโต้ทุกความขัดแย้งที่พบเจอ โดยลืมไปว่า "ไม่ใช่ทุกศึกที่ควรลงแรง" บทเรียนจากนิทาน "เสือกับหมาบ้า" ถ่ายทอดผ่านเรื่องราวที่เรียบง่าย แต่สอดแทรกหลักคิดลึกซึ้ง ไว้ชัดเจนว่า... "ไม่ใช่ทุกการต่อสู้ จะคุ้มค่ากับเวลาและพลังงานที่เราจะเสียไป" แล้วทำไมเราต้องรู้จักเลือกสู้? แล้วอะไรคือศิลปะของการประเมินคู่ขัดแย้ง? มาค้นหาคำตอบด้วยกัน ✨ "เสือกับหมาบ้า" นิทานสั้นที่สอนบทเรียนยิ่งใหญ่ 🐅🐕 เสือตัวหนึ่งเดินอยู่ในป่า 🍃 เห็นหมาบ้าตัวหนึ่งวิ่งเข้ามา เสือเลือกที่จะเบี่ยงทางเลี่ยง โดยไม่สู้ ทั้ง ๆ ที่เสือสามารถกำราบหมาบ้า ได้อย่างง่ายดาย ลูกเสือที่เห็นเหตุการณ์เกิดความสงสัย จึงถามพ่อเสือว่า... "เจอสัตว์ใหญ่ พ่อยังกล้าสู้ได้ แต่ทำไมเจอแค่หมาบ้าตัวเดียว ถึงต้องหลีกเลี่ยง? น่าอายจริง ๆ!" พ่อเสือยิ้มอย่างอารมณ์ดี และตอบว่า... "ลูกเอ๋ย... การเอาชนะหมาบ้า มันมีเกียรตินักหรือ? หากพลาดพลั้งโดนกัด อาจติดเชื้อจนเสียชีวิต เสียแรงโดยใช่เหตุ" ลูกเสือพยักหน้าด้วยความเข้าใจ 🙏 ไม่ใช่ทุกการชนะ คือชัยชนะที่แท้จริง การหลีกเลี่ยงศึกที่ไม่จำเป็น คือการปกป้องตัวเองอย่างฉลาด การควบคุมอารมณ์ และประเมินสถานการณ์ คือสัญลักษณ์ของผู้มีปัญญา "ผู้มีปัญญา" จะไม่สู้กับ "คนที่หัวใจเต็มไปด้วยขยะ" 🧠🚫 สังคมทุกวันนี้เต็มไปด้วยความตึงเครียด 🔥 ความเครียดสะสมในจิตใจมนุษย์ ถูกเปรียบได้กับ "ขยะทางอารมณ์" ที่รอวันระเบิด หลายคนเลือกปล่อยขยะเหล่านี้ ใส่คนรอบข้างในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การประชดประชัน พูดจาทำร้ายจิตใจ หรือแม้แต่การหาเรื่องทะเลาะ หากเราไปตอบโต้ ก็เท่ากับเรา... รับเอาขยะของเขาเข้ามาในตัวเอง ลดค่าศักดิ์ศรีของตนเอง เสียเวลาและพลังงานโดยไม่จำเป็น ผู้มีปัญญาจึงเลือก... ยิ้มให้แล้วเดินจากไป 😌 โฟกัสเป้าหมายชีวิต ไม่เสียเวลากับการพิสูจน์ตัวเอง กับคนที่ไม่คู่ควร ✨"อย่าปล่อยให้ความโกรธชั่ววูบ ทำลายอนาคตที่คุณสร้างมา"✨ ศิลปะแห่งการประเมินคู่ขัดแย้ง 🎨⚖️ หลักการประเมินคู่ขัดแย้ง ก่อนที่เราจะตอบโต้ใคร ลองถามตัวเอง ด้วยคำถามเหล่านี้... คู่กรณีของเรา "มีสติปัญญา" หรือ "ขาดสติ"? การทะเลาะครั้งนี้ "ให้ประโยชน์อะไร" กับชีวิตเราบ้าง? ถ้าชนะ จะได้อะไร? ถ้าแพ้ จะเสียอะไร? พลังงานที่ต้องเสียไป "คุ้มค่า" หรือไม่? เรา "อยากลดตัว" ลงไปสู้กับเขาจริงหรือ? ถ้าคำตอบส่วนใหญ่คือ "ไม่" แสดงว่า "ไม่สู้" คือคำตอบที่ฉลาดกว่า 🎯 วิธีหลีกเลี่ยงการรับขยะทางอารมณ์จากผู้อื่น 🛡️🧘‍♂️ รักษาสติให้มั่นคงก่อนตอบสนองต่อคำพูด หรือการกระทำแย่ ๆ ให้หยุดคิดเสี้ยววินาที 🌬️ แล้วถามตัวเองว่า "จำเป็นต้องโต้ตอบไหม?" อย่าเอาขยะคนอื่นมาใส่หัวตัวเอง นึกไว้เสมอว่า "คำพูดลบ" เปรียบเสมือนขยะ อย่าเก็บมาแบกไว้ ใช้รอยยิ้มเป็นโล่กำบัง ยิ้มอย่างจริงใจ เป็นอาวุธที่มีพลังที่สุด ในการดับเพลิงแห่งความโกรธ 😄 เดินจากไปอย่างสง่างาม ไม่มีอะไรน่าอาย ในการหลีกเลี่ยงการโต้เถียงที่ไร้สาระ 🚶‍♀️ โฟกัสเป้าหมายในชีวิต เมื่อมีเป้าหมายที่ใหญ่พอ เรื่องเล็กน้อยจะดูไร้ความหมายในทันที 🎯 ชีวิตเรามีพลังงานจำกัด เลือกใช้ให้คุ้มค่า 🔥 พลังงานชีวิตของเรามีจำกัดในแต่ละวัน 🌞 จะดีกว่าไหม ถ้าเราจะเก็บพลังงานนั้น ไว้สำหรับสิ่งที่สำคัญจริง ๆ เช่น... ความฝัน เป้าหมายชีวิต คนที่เรารัก การพัฒนาตัวเอง การสร้างคุณค่าให้สังคม อย่าเสียเวลาทะเลาะกับคนที่ "ไม่ได้มีบทบาทอะไร ในชีวิตระยะยาวของเราเลย" ป็นเสือ ไม่ต้องกัดกับหมา 🐯🚫🐕 "เสือ" เลือกศึกอย่างมีสติ ไม่หลงไปกับการพิสูจน์ศักดิ์ศรีกับหมาบ้า ชีวิตจริงก็เช่นกัน การเลือกไม่สู้ในศึกที่ไม่คู่ควร ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่มันคือเครื่องหมายของ "ผู้มีปัญญา" และ "ผู้มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่" พร้อมหรือยัง ที่จะเลือกชีวิตอย่างมีสติ? จงจำไว้ว่า... "ไม่ใช่ทุกการชนะ คือชัยชนะที่แท้จริง" เลือกศึกให้เป็น แล้วใช้พลังชีวิตกับสิ่งที่คู่ควรเถอะนะ ✨ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 261545 เม.ย. 2568 #เสือกับหมาบ้า #ชีวิตอย่างมีสติ #ศิลปะการประเมินคู่ขัดแย้ง #บทเรียนชีวิต #ไม่ทะเลาะไม่ใช่อ่อนแอ #เลือกศึกให้เป็น #พลังงานชีวิต #การควบคุมอารมณ์ #นิทานสอนใจ #พัฒนาตนเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อตกลงสันติภาพที่ยุโรปร่วมกับยูเครนเห็นตรงกัน จากการหารือที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยที่ข้อเสนอของพวกเขาคือ "ยูเครนจะได้คืนทุกอย่างทันที" และรัสเซีย "อาจได้บางอย่างในภายหลัง" หากยูเครนยอมลดตัวตัดสินใจร่วมมือ

    ข้อตกลงบางส่วนที่น่าสนใจ:
    👉รัสเซียต้องคืนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporizhia (ZNPP) รวมทั้งเขื่อน Kakhovka ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (Kakhovka Hydroelectric Power Plant) ในภูมิภาคเคอร์ซอน (Kherson)

    👉ยูเครนมีสิทธิอย่างเต็มที่ของแม่น้ำ Dnieper ได้โดยไม่ติดขัด รวมถึงการเข้าถึงและควบคุม Kinburn Spit ได้

    👉รัสเซียต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการจ่ายเงินทุนสนับสนุนการฟื้นฟูยูเครนด้วยทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัด

    👉จะต้องไม่มีข้อจำกัดใดๆ ต่อกองทัพยูเครน ซึ่งสามารถสร้างกองทัพโดยอิสระ

    👉ยูเครนต้องได้รับการรับประกันความปลอดภัยตามมาตรา 5 ของนาโต้

    👉ยูเครน "สัญญา" ว่าจะเจรจาเรื่องเขตแดนที่มีข้อพิพาทกันในอนาคต

    👉ยุโรปให้ "สัญญา" ว่าจะผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรในอนาคต หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี

    แล้วรัสเซียได้อะไรจากเรื่องนี้กันแน่?
    ข้อตกลงสันติภาพที่ยุโรปร่วมกับยูเครนเห็นตรงกัน จากการหารือที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยที่ข้อเสนอของพวกเขาคือ "ยูเครนจะได้คืนทุกอย่างทันที" และรัสเซีย "อาจได้บางอย่างในภายหลัง" หากยูเครนยอมลดตัวตัดสินใจร่วมมือ ข้อตกลงบางส่วนที่น่าสนใจ: 👉รัสเซียต้องคืนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporizhia (ZNPP) รวมทั้งเขื่อน Kakhovka ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (Kakhovka Hydroelectric Power Plant) ในภูมิภาคเคอร์ซอน (Kherson) 👉ยูเครนมีสิทธิอย่างเต็มที่ของแม่น้ำ Dnieper ได้โดยไม่ติดขัด รวมถึงการเข้าถึงและควบคุม Kinburn Spit ได้ 👉รัสเซียต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการจ่ายเงินทุนสนับสนุนการฟื้นฟูยูเครนด้วยทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัด 👉จะต้องไม่มีข้อจำกัดใดๆ ต่อกองทัพยูเครน ซึ่งสามารถสร้างกองทัพโดยอิสระ 👉ยูเครนต้องได้รับการรับประกันความปลอดภัยตามมาตรา 5 ของนาโต้ 👉ยูเครน "สัญญา" ว่าจะเจรจาเรื่องเขตแดนที่มีข้อพิพาทกันในอนาคต 👉ยุโรปให้ "สัญญา" ว่าจะผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรในอนาคต หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แล้วรัสเซียได้อะไรจากเรื่องนี้กันแน่?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • 28 ปี คดีโหด “ศักดิ์ ปากรอ” ฆ่ายกครัว 5 ศพ ตระกูลบุญทวี นายหน้าค้าที่ดินแห่งสิงหนคร

    เรื่องจริงสุดสยอง คดีฆ่ายกครัว 5 ศพ ตระกูลบุญทวี สะเทือนขวัญสังคมไทยไม่เสื่อมคลาย แม้ผ่านมา 28 ปี! 🔥

    ✨ ย้อนกลับไปในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2540 ณ บ้านเลขที่ 162 หมู่ที่ 8 บ้านบ่อสระ ตำบลชิงโค อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เกิดเหตุสะเทือนขวัญ ที่ทำให้ทั้งประเทศต้องตกตะลึง เมื่อครอบครัวบุญทวี ถูกฆ่ายกครัวถึง 5 ศพ ❗ เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่เพียงแต่โหดเหี้ยม แต่ยังเต็มไปด้วยเงื่อนงำ ที่ทำให้ผู้คนขวัญผวานานนับสิบปี...

    เหตุการณ์สลดที่ไม่มีใครคาดคิด 🧓 นางกิ้มอิ้น บุญทวี อายุ 71 ปี ตื่นขึ้นมาในเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ พร้อมกับความหวังว่าจะได้พบหลานๆ ทั้ง 3 คนตามปกติ แต่เช้าวันนั้นกลับผิดสังเกต ไม่มีหลานคนไหนโผล่มาเลย...

    เมื่อเดินไปที่บ้านของนายประภาส บุญทวี ลูกชาย ซึ่งอยู่ห่าง 150 เมตร เธอก็พบว่าประตูบ้านไม่ได้ล็อก ❗ และเมื่อเปิดเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้เธอแทบเป็นลม...

    ภายในบ้าน มีศพแขวนเรียงรายอยู่ที่ราวบันได นายประภาส บุญทวี อายุ 42 ปี, ด.ช.กัมปนาท บุญทวี อายุ 13 ปี, ด.ช.ปราบ บุญทวี อายุ 12 ปี และ ด.ช.ชัชวาลย์ บุญทวี อายุ 10 ปี

    ในห้องนอนชั้นสอง ยังพบศพของ นางเจียมจิต บุญทวี ภรรยาของประภาส ถูกมัดมือเท้า ปิดปาก และรัดคอด้วยเนกไท 🧣

    เจ้าหน้าที่ชันสูตรพบว่า เหยื่อทั้ง 5 ราย ถูกทำร้ายร่างกายก่อนเสียชีวิต และ ไม่พบสารพิษหรือยานอนหลับ ในกระเพาะอาหารเลย...

    จุดเริ่มต้นการสืบสวน 🔎 เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งเดินทางมายังที่เกิดเหตุ และพบว่าภายในบ้านมีร่องรอยการรื้อค้น 📦 และทรัพย์สินหลายอย่างหายไป เช่น พระเครื่องจำนวนมาก ทรัพย์สินมีค่า ทองคำ

    จากการสอบปากคำญาติและเพื่อนบ้าน พบว่า นายประภาสเป็นคนมีฐานะดี จากการเป็นนายหน้าค้าที่ดิน มีทรัพย์สินจำนวนมาก 🏡💵 สมมติฐานแรก คือ คดีนี้น่าจะเป็นฆ่าชิงทรัพย์ แต่ทำไมต้องโหดเหี้ยมถึงขนาดนี้?

    🕵️ หลังจากการสืบสวนกว่า 23 วัน ตำรวจพบเบาะแสสำคัญ จากการขายพระเครื่อง ที่หายไปจากบ้านเหยื่อ ❗ ผู้ขายพระเครื่องให้ข้อมูลว่า ได้รับมาจาก "เรืองศักดิ์ ทองกุล" หรือ "ศักดิ์ ปากรอ" ชายวัย 22 ปี ชาวปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา 🧢

    ต่อมา วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2540 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว "ศักดิ์ ปากรอ" ได้ที่จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมของกลาง ได้แก่ พลอยแดง 9 เม็ด นิล 5 เม็ด เข็มกลัดสัญลักษณ์กระทรวงสาธารณสุข

    การสารภาพอันเลือดเย็น 😈 ศักดิ์ให้การรับสารภาพ อย่างไม่สะทกสะท้าน พร้อมกับยิ้มบางๆ 😐 ว่าวางแผนฆ่าครั้งนี้มาแล้วถึง 2 ครั้ง โดยมีผู้สมรู้ร่วมคิดคือ "สงกรานต์ แก้วอุบล" หรือ "จ้อง" เพื่อนซึ่งทำหน้าที่ดูต้นทาง

    วิธีการก่อเหตุ เย็นวันศุกร์ ศักดิ์ขับรถจักรยานยนต์มาซุ่ม เมื่อเห็นในบ้านมีเฉพาะเด็ก ๆ แค่ 3 คน จึงทำทีขอน้ำดื่ม แล้วใช้ปืนขู่ลูกๆ ของประภาส จับมัดมือ มัดเท้า ขังไว้ในห้อง รอจนพ่อแม่เด็กกลับมา แล้วจับตัวทั้งหมด

    ศักดิ์พยายามใช้ไฟฟ้าช็อตเหยื่อ แต่ไม่สำเร็จเพราะบ้านมีอุปกรณ์ตัดไฟเซฟทีคัท จึงเปลี่ยนแผนมาใช้ เชือกแขวนคอทีละคน บริเวณราวบันได นางเจียมจิตถูกฆ่าอย่างทารุณ หลังจากขัดขืนการล่วงละเมิดทางเพศ สาเหตุที่ต้องฆ่าเหยื่อทั้งหมด เพราะ “จำหน้าได้” ‼️

    คดีความ โทษที่ได้รับ ⚖️ ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตศักดิ์ และจำคุกตลอดชีวิตจ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน แต่ศาลฎีกาลดโทษศักดิ์ เหลือจำคุกตลอดชีวิต เพราะให้การเป็นประโยชน์

    ศักดิ์ติดคุก 13 ปี ก่อนพ้นโทษในปี พ.ศ. 2553 หลังออกจากคุก ศักดิ์ชุบตัวใหม่ เปลี่ยนชื่อและนามสกุลเป็น "เนติราษฎร์ นพวงศ์" และเข้าไปพัวพันกับซุ้มมือปืนรับจ้าง 🏴‍☠️

    จุดจบของ "ศักดิ์ ปากรอ" 🚫 วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เนติราษฎร์ถูกลอบยิงเสียชีวิต ที่หน้าบ้านพักในอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ขณะกำลังจะขึ้นรถจักรยานยนต์ 🏍️ คนร้ายใช้รถเก๋งสีขาวเข้ามาจอด และยิงใส่หลัง 2 นัด ก่อนหลบหนีไป ❗

    แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสงสัยว่า เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่ แต่จนถึงปัจจุบัน ก็ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้

    อาวุธลับที่เชื่อมโยงศักดิ์กับคดีใหญ่ 🌪️ หลังการเสียชีวิตของศักดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงตามสืบคดีต่างๆ ที่เชื่อมโยงถึง 🚨

    วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านของ "พิมล ทองกุล" พี่ชายของศักดิ์ ที่ตำบลปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา และพบอาวุธสงครามจำนวนมาก เช่น ปืนอาก้า 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด 5.56 มม. และ 7.62 มม. ปืนยาวติดกล้อง .22 แม็กกาซีน และซองกระสุน

    🛡️ "เพิ่มศีล" ผู้เป็นพี่ชายให้การว่า อาวุธทั้งหมดเป็นของศักดิ์ ไม่ใช่ของตนเอง

    อาวุธปืนที่เกี่ยวข้องกับอีกหนึ่งคดีฆ่า 🔥 การตรวจสอบพบว่า อาวุธปืนอาก้าที่ยึดมาได้ ตรงกับปืนที่ใช้ยิง "พงศกร หวานแก้ว" รองนายกเทศมนตรีตำบลนาสีทอง เสียชีวิตบนรถจี๊ปเชอโรกี ในปี พ.ศ. 2555 ❗

    ทำให้ตำรวจเริ่มสงสัยว่า ศักดิ์อาจมีเอี่ยวกับคดีฆาตกรรมรายนี้ด้วย แต่จนถึงวันนี้... 🕵️‍♂️ ตัวคนร้ายในคดียิงพงศกร ก็ยังคงลอยนวล

    🧠 หากพูดถึงคดีฆ่ายกครัวที่โหดเหี้ยมที่สุดในไทย คงไม่มีใครลืม "ศักดิ์ ปากรอ" ได้ ❗ ฆ่าเด็ก 3 คน ด้วยการแขวนคอ ฆ่าพ่อแม่ของเด็กอย่างทารุณ จิตใจแข็งกระด้าง ไม่สะทกสะท้านแม้ในวันทำแผน

    แม้จะผ่านไปเกือบ 3 ทศวรรษ ความโหดร้ายในวันนั้น ยังคงเป็นฝันร้ายของผู้ที่ได้ยินข่าวนี้อยู่เสมอ...

    สังคมไทยกับคดี "ฆ่ายกครัว" สะเทือนขวัญ 🩸 นอกจากคดี "ศักดิ์ ปากรอ" ไทยเรายังเคยมีคดีฆ่ายกครัว สะเทือนใจอื่นๆ เช่น

    คดีฆ่ายกครัวอ่าวลึก จ.กระบี่ ปี 2560 ตายหมู่ 8 ศพ

    คดีฆ่าโหด 5 ศพ ร้านอาหารไวท์เฮาส์ จ.สระบุรี ปี 2552

    คดีฆ่ายกครัว "หอมชง" ย่านบางแค กทม. ปี 2557

    แต่คดีของศักดิ์ โหดเหี้ยมแบบที่ใช้ "การแขวนคอ" เป็นวิธีฆ่าอย่างช้าๆ และทรมานที่สุด ซึ่งนับว่าเป็น 1 ในคดีสะเทือนขวัญที่สุดของประเทศไทย 🇹🇭

    🛑 เรื่องราวนี้สะท้อนให้เห็นว่า... ความโลภ ความโกรธ ความหลง สามารถผลักดันคนธรรมดา ให้กลายเป็นปีศาจ ในคราบมนุษย์ได้จริงๆ 🩸😈

    แม้ศักดิ์จะจบชีวิตไปแล้ว แต่บาดแผลในใจของผู้ที่สูญเสีย ยังคงอยู่ และเป็นบทเรียนราคาแพง ที่สังคมไทยไม่มีวันลืม...

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 260900 เม.ย. 2568

    📢 #ศักดิ์ปากรอ #ฆ่ายกครัว #ตระกูลบุญทวี #คดีฆ่ายกครัว #ฆ่าหมู่5ศพ #สิงหนคร #สงขลา #คดีโหด #ฆ่าแขวนคอ #เรื่องจริงไม่อิงนิยาย
    28 ปี คดีโหด “ศักดิ์ ปากรอ” ฆ่ายกครัว 5 ศพ ตระกูลบุญทวี นายหน้าค้าที่ดินแห่งสิงหนคร เรื่องจริงสุดสยอง คดีฆ่ายกครัว 5 ศพ ตระกูลบุญทวี สะเทือนขวัญสังคมไทยไม่เสื่อมคลาย แม้ผ่านมา 28 ปี! 🔥 ✨ ย้อนกลับไปในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2540 ณ บ้านเลขที่ 162 หมู่ที่ 8 บ้านบ่อสระ ตำบลชิงโค อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เกิดเหตุสะเทือนขวัญ ที่ทำให้ทั้งประเทศต้องตกตะลึง เมื่อครอบครัวบุญทวี ถูกฆ่ายกครัวถึง 5 ศพ ❗ เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่เพียงแต่โหดเหี้ยม แต่ยังเต็มไปด้วยเงื่อนงำ ที่ทำให้ผู้คนขวัญผวานานนับสิบปี... เหตุการณ์สลดที่ไม่มีใครคาดคิด 🧓 นางกิ้มอิ้น บุญทวี อายุ 71 ปี ตื่นขึ้นมาในเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ พร้อมกับความหวังว่าจะได้พบหลานๆ ทั้ง 3 คนตามปกติ แต่เช้าวันนั้นกลับผิดสังเกต ไม่มีหลานคนไหนโผล่มาเลย... เมื่อเดินไปที่บ้านของนายประภาส บุญทวี ลูกชาย ซึ่งอยู่ห่าง 150 เมตร เธอก็พบว่าประตูบ้านไม่ได้ล็อก ❗ และเมื่อเปิดเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้เธอแทบเป็นลม... ภายในบ้าน มีศพแขวนเรียงรายอยู่ที่ราวบันได นายประภาส บุญทวี อายุ 42 ปี, ด.ช.กัมปนาท บุญทวี อายุ 13 ปี, ด.ช.ปราบ บุญทวี อายุ 12 ปี และ ด.ช.ชัชวาลย์ บุญทวี อายุ 10 ปี ในห้องนอนชั้นสอง ยังพบศพของ นางเจียมจิต บุญทวี ภรรยาของประภาส ถูกมัดมือเท้า ปิดปาก และรัดคอด้วยเนกไท 🧣 เจ้าหน้าที่ชันสูตรพบว่า เหยื่อทั้ง 5 ราย ถูกทำร้ายร่างกายก่อนเสียชีวิต และ ไม่พบสารพิษหรือยานอนหลับ ในกระเพาะอาหารเลย... จุดเริ่มต้นการสืบสวน 🔎 เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งเดินทางมายังที่เกิดเหตุ และพบว่าภายในบ้านมีร่องรอยการรื้อค้น 📦 และทรัพย์สินหลายอย่างหายไป เช่น พระเครื่องจำนวนมาก ทรัพย์สินมีค่า ทองคำ จากการสอบปากคำญาติและเพื่อนบ้าน พบว่า นายประภาสเป็นคนมีฐานะดี จากการเป็นนายหน้าค้าที่ดิน มีทรัพย์สินจำนวนมาก 🏡💵 สมมติฐานแรก คือ คดีนี้น่าจะเป็นฆ่าชิงทรัพย์ แต่ทำไมต้องโหดเหี้ยมถึงขนาดนี้? 🕵️ หลังจากการสืบสวนกว่า 23 วัน ตำรวจพบเบาะแสสำคัญ จากการขายพระเครื่อง ที่หายไปจากบ้านเหยื่อ ❗ ผู้ขายพระเครื่องให้ข้อมูลว่า ได้รับมาจาก "เรืองศักดิ์ ทองกุล" หรือ "ศักดิ์ ปากรอ" ชายวัย 22 ปี ชาวปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา 🧢 ต่อมา วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2540 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว "ศักดิ์ ปากรอ" ได้ที่จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมของกลาง ได้แก่ พลอยแดง 9 เม็ด นิล 5 เม็ด เข็มกลัดสัญลักษณ์กระทรวงสาธารณสุข การสารภาพอันเลือดเย็น 😈 ศักดิ์ให้การรับสารภาพ อย่างไม่สะทกสะท้าน พร้อมกับยิ้มบางๆ 😐 ว่าวางแผนฆ่าครั้งนี้มาแล้วถึง 2 ครั้ง โดยมีผู้สมรู้ร่วมคิดคือ "สงกรานต์ แก้วอุบล" หรือ "จ้อง" เพื่อนซึ่งทำหน้าที่ดูต้นทาง วิธีการก่อเหตุ เย็นวันศุกร์ ศักดิ์ขับรถจักรยานยนต์มาซุ่ม เมื่อเห็นในบ้านมีเฉพาะเด็ก ๆ แค่ 3 คน จึงทำทีขอน้ำดื่ม แล้วใช้ปืนขู่ลูกๆ ของประภาส จับมัดมือ มัดเท้า ขังไว้ในห้อง รอจนพ่อแม่เด็กกลับมา แล้วจับตัวทั้งหมด ศักดิ์พยายามใช้ไฟฟ้าช็อตเหยื่อ แต่ไม่สำเร็จเพราะบ้านมีอุปกรณ์ตัดไฟเซฟทีคัท จึงเปลี่ยนแผนมาใช้ เชือกแขวนคอทีละคน บริเวณราวบันได นางเจียมจิตถูกฆ่าอย่างทารุณ หลังจากขัดขืนการล่วงละเมิดทางเพศ สาเหตุที่ต้องฆ่าเหยื่อทั้งหมด เพราะ “จำหน้าได้” ‼️ คดีความ โทษที่ได้รับ ⚖️ ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตศักดิ์ และจำคุกตลอดชีวิตจ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน แต่ศาลฎีกาลดโทษศักดิ์ เหลือจำคุกตลอดชีวิต เพราะให้การเป็นประโยชน์ ศักดิ์ติดคุก 13 ปี ก่อนพ้นโทษในปี พ.ศ. 2553 หลังออกจากคุก ศักดิ์ชุบตัวใหม่ เปลี่ยนชื่อและนามสกุลเป็น "เนติราษฎร์ นพวงศ์" และเข้าไปพัวพันกับซุ้มมือปืนรับจ้าง 🏴‍☠️ จุดจบของ "ศักดิ์ ปากรอ" 🚫 วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เนติราษฎร์ถูกลอบยิงเสียชีวิต ที่หน้าบ้านพักในอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ขณะกำลังจะขึ้นรถจักรยานยนต์ 🏍️ คนร้ายใช้รถเก๋งสีขาวเข้ามาจอด และยิงใส่หลัง 2 นัด ก่อนหลบหนีไป ❗ แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสงสัยว่า เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่ แต่จนถึงปัจจุบัน ก็ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ อาวุธลับที่เชื่อมโยงศักดิ์กับคดีใหญ่ 🌪️ หลังการเสียชีวิตของศักดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงตามสืบคดีต่างๆ ที่เชื่อมโยงถึง 🚨 วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านของ "พิมล ทองกุล" พี่ชายของศักดิ์ ที่ตำบลปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา และพบอาวุธสงครามจำนวนมาก เช่น ปืนอาก้า 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด 5.56 มม. และ 7.62 มม. ปืนยาวติดกล้อง .22 แม็กกาซีน และซองกระสุน 🛡️ "เพิ่มศีล" ผู้เป็นพี่ชายให้การว่า อาวุธทั้งหมดเป็นของศักดิ์ ไม่ใช่ของตนเอง อาวุธปืนที่เกี่ยวข้องกับอีกหนึ่งคดีฆ่า 🔥 การตรวจสอบพบว่า อาวุธปืนอาก้าที่ยึดมาได้ ตรงกับปืนที่ใช้ยิง "พงศกร หวานแก้ว" รองนายกเทศมนตรีตำบลนาสีทอง เสียชีวิตบนรถจี๊ปเชอโรกี ในปี พ.ศ. 2555 ❗ ทำให้ตำรวจเริ่มสงสัยว่า ศักดิ์อาจมีเอี่ยวกับคดีฆาตกรรมรายนี้ด้วย แต่จนถึงวันนี้... 🕵️‍♂️ ตัวคนร้ายในคดียิงพงศกร ก็ยังคงลอยนวล 🧠 หากพูดถึงคดีฆ่ายกครัวที่โหดเหี้ยมที่สุดในไทย คงไม่มีใครลืม "ศักดิ์ ปากรอ" ได้ ❗ ฆ่าเด็ก 3 คน ด้วยการแขวนคอ ฆ่าพ่อแม่ของเด็กอย่างทารุณ จิตใจแข็งกระด้าง ไม่สะทกสะท้านแม้ในวันทำแผน แม้จะผ่านไปเกือบ 3 ทศวรรษ ความโหดร้ายในวันนั้น ยังคงเป็นฝันร้ายของผู้ที่ได้ยินข่าวนี้อยู่เสมอ... สังคมไทยกับคดี "ฆ่ายกครัว" สะเทือนขวัญ 🩸 นอกจากคดี "ศักดิ์ ปากรอ" ไทยเรายังเคยมีคดีฆ่ายกครัว สะเทือนใจอื่นๆ เช่น คดีฆ่ายกครัวอ่าวลึก จ.กระบี่ ปี 2560 ตายหมู่ 8 ศพ คดีฆ่าโหด 5 ศพ ร้านอาหารไวท์เฮาส์ จ.สระบุรี ปี 2552 คดีฆ่ายกครัว "หอมชง" ย่านบางแค กทม. ปี 2557 แต่คดีของศักดิ์ โหดเหี้ยมแบบที่ใช้ "การแขวนคอ" เป็นวิธีฆ่าอย่างช้าๆ และทรมานที่สุด ซึ่งนับว่าเป็น 1 ในคดีสะเทือนขวัญที่สุดของประเทศไทย 🇹🇭 🛑 เรื่องราวนี้สะท้อนให้เห็นว่า... ความโลภ ความโกรธ ความหลง สามารถผลักดันคนธรรมดา ให้กลายเป็นปีศาจ ในคราบมนุษย์ได้จริงๆ 🩸😈 แม้ศักดิ์จะจบชีวิตไปแล้ว แต่บาดแผลในใจของผู้ที่สูญเสีย ยังคงอยู่ และเป็นบทเรียนราคาแพง ที่สังคมไทยไม่มีวันลืม... ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 260900 เม.ย. 2568 📢 #ศักดิ์ปากรอ #ฆ่ายกครัว #ตระกูลบุญทวี #คดีฆ่ายกครัว #ฆ่าหมู่5ศพ #สิงหนคร #สงขลา #คดีโหด #ฆ่าแขวนคอ #เรื่องจริงไม่อิงนิยาย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาวะไร้ราคา เมื่อรู้สึกว่าไม่มีคุณค่าในสายตาใคร แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงินถึงจะมีคนสนใจ 💸🧍‍♂️

    💡 เข้าใจลึกถึงภาวะ "ไร้คุณค่า" ในมุมที่หลายคนอาจเคยสัมผัส แต่ไม่กล้าพูดถึง ตั้งแต่ความเจ็บที่ซ่อนในความเงียบ ไปจนถึงพฤติกรรมที่ดูแรง แต่เต็มไปด้วยคำขอความเข้าใจ พร้อมแนวทางรับมืออย่างเข้าใจ ทั้งใจเราและใจเขา

    📝 ภาวะไร้ราคาในใจคน ความเงียบที่เจ็บปวด และวิธีรับมือด้วยความเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องเปล่งเสียงดัง เพื่อให้ใครได้ยิน 🌐

    🔍 เสียงของความเงียบที่ไม่มีใครฟัง “แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงิน ถึงจะมีคนสนใจ” ประโยคนี้อาจฟังดูประชดประชัน แต่มันสะท้อนความจริงเจ็บลึก ของคนจำนวนมาก ในยุคที่โลกออนไลน์ กลายเป็นเวทีให้คนตะโกนหา ‘ตัวตน’

    ในสังคมที่ทุกอย่างวัดค่าจากยอดไลก์ 💬 ความสนใจ 🧠 หรือจำนวนผู้ติดตาม คนที่รู้สึกว่าไม่มีใครฟัง ไม่มีใครแคร์ อาจเริ่มตั้งคำถามว่า “เรายังมีตัวตนอยู่จริงไหม?”

    ความเงียบไม่ใช่สิ่งเลวร้าย… แต่เมื่อความเงียบนั้นไม่ใช่ ‘พื้นที่พักใจ’ แต่คือ ‘กำแพงที่กั้นไม่ให้ใครเห็นเรา’ มันกลายเป็นความเจ็บที่ไม่พูดก็ไม่เข้าใจ

    🔍 "ภาวะไร้ราคา" หรือ "Worthlessness" คือความรู้สึกที่ว่า… เราไม่มีคุณค่า ไม่มีความหมาย ไม่มีใครสนใจ หรือแม้แต่สังเกตเห็นว่าเรามีตัวตน

    📌 ความรู้สึกนี้มักเกิดขึ้นจากปัจจัยทางจิตใจ สังคม หรือการเปรียบเทียบกับผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเรารู้สึกว่า "ความรู้สึกของเราไม่ถูกฟัง ไม่ถูกเห็น"

    ตัวอย่างของภาวะนี้... โพสต์อะไรแล้วไม่มีใครสนใจ 📉 พูดสิ่งที่รู้สึก แต่ไม่มีใครใส่ใจฟัง 🧏‍♀️ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีบทบาทในกลุ่ม หรือในครอบครัว

    🧠 ซึ่งภาวะนี้หากปล่อยไว้ ไม่จัดการ อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า, การแยกตัวทางสังคม หรือแม้กระทั่งความคิดอยากทำร้ายตัวเอง

    🔍 ยุคนี้มีรู้สึก "ไร้คุณค่า" มากขึ้น เพราะวัฒนธรรมเปรียบเทียบ ทุกคนโพสต์แต่สิ่งที่ดีที่สุด 📷 เราเห็นแต่ภาพ “สำเร็จ” ของคนอื่น แต่ไม่เห็นความล้มเหลว ทำให้เรารู้สึกว่า “เรายังไม่ดีพอ”

    การนิยามตัวตนจากความสนใจภายนอก หากโพสต์ไม่มีคนกดไลก์ 🖱️ หรือเรื่องที่เราพูดไม่มีใครสนใจ เราอาจรู้สึกว่า “เสียงของเราไม่มีความหมาย”

    พฤติกรรมของคนรอบข้าง เช่น คนในครอบครัว เพิกเฉยต่อสิ่งที่เราพูด เพื่อนร่วมงานไม่ฟังความเห็น หรือการถูกมองข้ามซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ความเหนื่อยล้าจากการ "สร้างภาพ" การต้อง "ดูดี" ตลอดเวลา เหมือนการใส่หน้ากาก ที่ไม่สามารถถอดได้ แม้แต่ตอนอยู่คนเดียว

    🔍 เมื่อเสียงที่ถูกเพิกเฉย กลายเป็นคำพูดที่รุนแรง คนที่ “ตะโกน” ออกมา อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่อาจเป็นคนที่อยากให้ “ใครบางคน” ได้ยิน

    หลายครั้งที่การด่าทอ 🗣️ การประชดชีวิต หรือการแสดงพฤติกรรมแรง ๆ ไม่ได้เกิดจาก “ความเกลียด” แต่เกิดจากความพยายาม “ส่งเสียง” ครั้งสุดท้าย

    เขาอาจพยายามพูดดี ๆ แล้ว อาจเคยแสดงออกด้วยวิธีที่นุ่มนวลกว่า แต่เมื่อไม่มีใครฟัง… ก็เลย “พูดให้ดังขึ้น” แม้มันจะมาในรูปแบบของ “คำพูดที่เจ็บ” ก็ตาม

    🪧 ยอมเสียเงินทำป้าย เพื่อให้คนสนใจ ความเจ็บที่กลายเป็นข้อความ "เมื่อโพสต์ไม่มีใครกดไลก์ เมื่อพูดแล้วไม่มีใครฟัง… บางคนเลือก ‘จ่ายเงิน’ เพื่อให้ความรู้สึกของตัวเองได้มีคนเห็น"

    การยอมลงทุนทำป้ายติดหน้าบ้าน ไม่ใช่แค่เพราะอยากประชดชีวิต แต่มันคือการพยายาม ‘ปล่อยเสียงออกมาให้ดังพอ’ ที่จะทะลุผ่านกำแพงความเงียบ ของสังคมในยุคนี้

    😢 ความเจ็บที่อยู่เบื้องหลังข้อความบนป้าย หลายคนอาจหัวเราะ เมื่อเห็นใครทำป้ายที่มีข้อความแรง ๆ ติดไว้หน้าบ้าน แต่ถ้าลองหยุดและคิดดี ๆ... คนที่เลือกวิธีนี้ อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่คือคนที่ “กำลังร้องไห้เงียบ ๆ อยู่ข้างใน”

    เพราะอาจเคยพูดแล้ว เคยขอความช่วยเหลือแล้ว แต่ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครเห็น…

    สุดท้ายเลยต้อง “เปลี่ยนความรู้สึกเป็นตัวหนังสือ” แล้วแปะไว้ให้โลกรู้ แม้จะต้อง “เสียเงิน” เพื่อให้ข้อความนี้ มีพื้นที่อยู่บ้างก็ตาม

    💬 ข้อความที่คนไม่กล้าพูด แต่กล้าเขียน ข้อความเหล่านี้ มักไม่ใช่ถ้อยคำสุภาพ แต่มันคือ ความรู้สึกดิบๆ จากคนที่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร

    บางข้อความอาจดู “แรง” บางข้อความอาจดู “ตลกร้าย” แต่เกือบทุกข้อความ…แฝง “ความเจ็บปวด” เสมอ เช่น...

    "ทำไมเงียบกันจังวะ? หรือเราตายไปแล้ว?"

    "ใครสักคน สนใจหน่อยไม่ได้เหรอ?"

    "ถึงต้องซื้อป้าย ถึงจะมีคนอ่านใจเรา"

    "ฉันรังเกียจโน่น นี่ นั่น..."

    เสียงพวกนี้ บางทีก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนสนใจ แต่อยากให้ “ใครบางคน” เห็น…

    📌 ความจริงที่น่ากลัวกว่า "ความรุนแรง" คือ "ความเงียบ" ความรุนแรงของถ้อยคำ อาจดูน่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ความเงียบที่ทำให้คนรู้สึกว่า ‘ไม่มีตัวตน’

    ในยุคที่เราทุกคนต่างยุ่งกับหน้าจอ บางคนกำลัง “จมหาย” อยู่ข้างหลังประตูบ้าน และบางที… แค่มีใครสักคนหยุดดูป้ายนั้น ก็อาจช่วยชีวิตเขาไว้ได้

    🎯 บทเรียนจาก “ป้าย” ที่ควรเห็นใจ ไม่ใช่ตัดสิน ถ้าเห็นใครทำแบบนี้ อย่าเพิ่งรีบหัวเราะ อย่าเพิ่งรีบด่า เพราะเบื้องหลังนั้น… อาจคือคนที่ “เจ็บจนเงียบไม่ไหวแล้วจริง ๆ”

    ลองคิดในมุมกลับ… ถ้ารู้สึกแย่มาก จนต้องเสียเงินเพื่อให้คนฟัง แสดงว่ากำลังขาดการเชื่อมโยง ที่ลึกมากในชีวิต

    ❤️ เราควรฟังให้มากขึ้น โดยไม่ตัดสิน สังเกตคนรอบตัว ที่อาจกำลังส่งสัญญาณว่าเขา “หมดแรงแล้ว” เปิดใจคุย แบบจริงใจ แม้เพียงไม่กี่คำ ก็อาจช่วยเขาได้มาก สร้างพื้นที่ให้คนได้ระบาย โดยไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ

    เพราะบางครั้ง... “ข้อความบนป้าย” ก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนเข้าใจ แต่อยากให้ “ใครบางคนที่เขาหวัง” เข้าใจแค่นั้น 🪧💔
    และคุณ...อาจเป็น “คนนั้น” ที่เขารอให้เห็นอยู่ก็ได้ 🫂

    🔍 วิธีรับมือคนที่รู้สึกไร้คุณค่า โดยไม่ทำให้เขาเจ็บเพิ่ม ฟังอย่างจริงใจ ไม่ต้องรีบตัดสิน บางทีเขาไม่ได้ต้องการ “คำตอบ” แค่ต้องการ “พื้นที่ให้พูด”

    อย่าโต้กลับด้วยความรุนแรง ความสงบของคุณ อาจเป็นพื้นที่ปลอดภัยเดียวที่เขามีในวันนั้น เว้นระยะอย่างมีเมตตา เข้าใจ ≠ ต้องทน คุณมีสิทธิ์ดูแลตัวเอง ไม่ต้องรับพลังลบเข้าใส่ทุกวัน

    ถ้ารุนแรงมาก ให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหากพฤติกรรมของเขา อาจเป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง

    🔍 ความลวงบนโลกโซเชียล เมื่อ "สร้างภาพว่าขายดี" กลายเป็นดาบสองคม 🧾 ปัญหาที่ตามมาคือ หลอกตัวเอง จนหลุดจากปัญหาจริง เหนื่อยกับการแสดง มากกว่าทำธุรกิจ สูญเสียความน่าเชื่อถือในระยะยาว เครียดสะสมแบบไม่รู้ตัว เสียโอกาสในการพัฒนา พังทั้งระบบ เมื่อแบกรับไม่ไหว สร้างมาตรฐานปลอมให้คนทั้งวงการ

    ✅ วิธีแก้คือ พูดความจริงอย่างมีพลัง ✨ เล่าความเปลี่ยนแปลงจากใจจริง ยอมรับว่ายังไม่ดีพอ แล้วค่อยๆ ปรับ

    🔍 ภาระของคนที่ "เคยรวย" แล้วจมไม่ลง 💼💔 ผลเสียที่ตามมาคือ ภาระหนี้เกินตัว ถูกตัดน้ำ ตัดไฟ รถต้องจอดจำนำ ความสัมพันธ์พังเพราะโกหก ความเครียดสะสมเพราะต้องแสดง ไม่ยอมพัฒนา เพราะไม่ยอมรับความจริง โอกาสหาย เพราะไม่มีใครรู้ว่ากำลังล้ม เสียเวลาไปกับ “เปลือก” แทนที่จะสร้างแก่น เปรียบเทียบตัวเองกับอดีต ไม่มีใครเข้าใจ เพราะไม่กล้าพูดความจริง

    🔍 คุณมีค่าเสมอ แม้ไม่มีใครบอก 🧡 ไม่จำเป็นต้องเสียงดัง ไม่ต้อง “ดูดี” ตลอดเวลา ไม่ต้องมีไลก์เยอะ เพื่อยืนยันการมีอยู่ของตัวเอง

    การยอมรับว่า “ฉันกำลังเจ็บ” ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือ ก้าวแรกของความเข้มแข็ง ที่แท้จริง

    หากเจอใครที่กำลังรู้สึกไร้ค่า ขอให้คุณเป็นคนหนึ่ง… ที่ “ฟัง” ก่อนจะ “ตัดสิน” เพราะความเข้าใจจากใจคนหนึ่ง อาจเปลี่ยนอีกคนทั้งชีวิต 🌱

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251519 เม.ย. 2568

    📲 #ภาวะไร้ค่า #ไม่มีใครฟัง #สังคมสร้างภาพ #ความรู้สึกที่ไม่มีใครเห็น #ฟังด้วยใจ #ความจริงสำคัญที่สุด #ฟังเถอะก่อนจะสาย #ความเจ็บจากความเงียบ #รักษาใจไม่ใช่ภาพลักษณ์ #อย่าตัดสินแค่สิ่งที่เห็น
    ภาวะไร้ราคา เมื่อรู้สึกว่าไม่มีคุณค่าในสายตาใคร แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงินถึงจะมีคนสนใจ 💸🧍‍♂️ 💡 เข้าใจลึกถึงภาวะ "ไร้คุณค่า" ในมุมที่หลายคนอาจเคยสัมผัส แต่ไม่กล้าพูดถึง ตั้งแต่ความเจ็บที่ซ่อนในความเงียบ ไปจนถึงพฤติกรรมที่ดูแรง แต่เต็มไปด้วยคำขอความเข้าใจ พร้อมแนวทางรับมืออย่างเข้าใจ ทั้งใจเราและใจเขา 📝 ภาวะไร้ราคาในใจคน ความเงียบที่เจ็บปวด และวิธีรับมือด้วยความเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องเปล่งเสียงดัง เพื่อให้ใครได้ยิน 🌐 🔍 เสียงของความเงียบที่ไม่มีใครฟัง “แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงิน ถึงจะมีคนสนใจ” ประโยคนี้อาจฟังดูประชดประชัน แต่มันสะท้อนความจริงเจ็บลึก ของคนจำนวนมาก ในยุคที่โลกออนไลน์ กลายเป็นเวทีให้คนตะโกนหา ‘ตัวตน’ ในสังคมที่ทุกอย่างวัดค่าจากยอดไลก์ 💬 ความสนใจ 🧠 หรือจำนวนผู้ติดตาม คนที่รู้สึกว่าไม่มีใครฟัง ไม่มีใครแคร์ อาจเริ่มตั้งคำถามว่า “เรายังมีตัวตนอยู่จริงไหม?” ความเงียบไม่ใช่สิ่งเลวร้าย… แต่เมื่อความเงียบนั้นไม่ใช่ ‘พื้นที่พักใจ’ แต่คือ ‘กำแพงที่กั้นไม่ให้ใครเห็นเรา’ มันกลายเป็นความเจ็บที่ไม่พูดก็ไม่เข้าใจ 🔍 "ภาวะไร้ราคา" หรือ "Worthlessness" คือความรู้สึกที่ว่า… เราไม่มีคุณค่า ไม่มีความหมาย ไม่มีใครสนใจ หรือแม้แต่สังเกตเห็นว่าเรามีตัวตน 📌 ความรู้สึกนี้มักเกิดขึ้นจากปัจจัยทางจิตใจ สังคม หรือการเปรียบเทียบกับผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเรารู้สึกว่า "ความรู้สึกของเราไม่ถูกฟัง ไม่ถูกเห็น" ตัวอย่างของภาวะนี้... โพสต์อะไรแล้วไม่มีใครสนใจ 📉 พูดสิ่งที่รู้สึก แต่ไม่มีใครใส่ใจฟัง 🧏‍♀️ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีบทบาทในกลุ่ม หรือในครอบครัว 🧠 ซึ่งภาวะนี้หากปล่อยไว้ ไม่จัดการ อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า, การแยกตัวทางสังคม หรือแม้กระทั่งความคิดอยากทำร้ายตัวเอง 🔍 ยุคนี้มีรู้สึก "ไร้คุณค่า" มากขึ้น เพราะวัฒนธรรมเปรียบเทียบ ทุกคนโพสต์แต่สิ่งที่ดีที่สุด 📷 เราเห็นแต่ภาพ “สำเร็จ” ของคนอื่น แต่ไม่เห็นความล้มเหลว ทำให้เรารู้สึกว่า “เรายังไม่ดีพอ” การนิยามตัวตนจากความสนใจภายนอก หากโพสต์ไม่มีคนกดไลก์ 🖱️ หรือเรื่องที่เราพูดไม่มีใครสนใจ เราอาจรู้สึกว่า “เสียงของเราไม่มีความหมาย” พฤติกรรมของคนรอบข้าง เช่น คนในครอบครัว เพิกเฉยต่อสิ่งที่เราพูด เพื่อนร่วมงานไม่ฟังความเห็น หรือการถูกมองข้ามซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความเหนื่อยล้าจากการ "สร้างภาพ" การต้อง "ดูดี" ตลอดเวลา เหมือนการใส่หน้ากาก ที่ไม่สามารถถอดได้ แม้แต่ตอนอยู่คนเดียว 🔍 เมื่อเสียงที่ถูกเพิกเฉย กลายเป็นคำพูดที่รุนแรง คนที่ “ตะโกน” ออกมา อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่อาจเป็นคนที่อยากให้ “ใครบางคน” ได้ยิน หลายครั้งที่การด่าทอ 🗣️ การประชดชีวิต หรือการแสดงพฤติกรรมแรง ๆ ไม่ได้เกิดจาก “ความเกลียด” แต่เกิดจากความพยายาม “ส่งเสียง” ครั้งสุดท้าย เขาอาจพยายามพูดดี ๆ แล้ว อาจเคยแสดงออกด้วยวิธีที่นุ่มนวลกว่า แต่เมื่อไม่มีใครฟัง… ก็เลย “พูดให้ดังขึ้น” แม้มันจะมาในรูปแบบของ “คำพูดที่เจ็บ” ก็ตาม 🪧 ยอมเสียเงินทำป้าย เพื่อให้คนสนใจ ความเจ็บที่กลายเป็นข้อความ "เมื่อโพสต์ไม่มีใครกดไลก์ เมื่อพูดแล้วไม่มีใครฟัง… บางคนเลือก ‘จ่ายเงิน’ เพื่อให้ความรู้สึกของตัวเองได้มีคนเห็น" การยอมลงทุนทำป้ายติดหน้าบ้าน ไม่ใช่แค่เพราะอยากประชดชีวิต แต่มันคือการพยายาม ‘ปล่อยเสียงออกมาให้ดังพอ’ ที่จะทะลุผ่านกำแพงความเงียบ ของสังคมในยุคนี้ 😢 ความเจ็บที่อยู่เบื้องหลังข้อความบนป้าย หลายคนอาจหัวเราะ เมื่อเห็นใครทำป้ายที่มีข้อความแรง ๆ ติดไว้หน้าบ้าน แต่ถ้าลองหยุดและคิดดี ๆ... คนที่เลือกวิธีนี้ อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่คือคนที่ “กำลังร้องไห้เงียบ ๆ อยู่ข้างใน” เพราะอาจเคยพูดแล้ว เคยขอความช่วยเหลือแล้ว แต่ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครเห็น… สุดท้ายเลยต้อง “เปลี่ยนความรู้สึกเป็นตัวหนังสือ” แล้วแปะไว้ให้โลกรู้ แม้จะต้อง “เสียเงิน” เพื่อให้ข้อความนี้ มีพื้นที่อยู่บ้างก็ตาม 💬 ข้อความที่คนไม่กล้าพูด แต่กล้าเขียน ข้อความเหล่านี้ มักไม่ใช่ถ้อยคำสุภาพ แต่มันคือ ความรู้สึกดิบๆ จากคนที่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร บางข้อความอาจดู “แรง” บางข้อความอาจดู “ตลกร้าย” แต่เกือบทุกข้อความ…แฝง “ความเจ็บปวด” เสมอ เช่น... "ทำไมเงียบกันจังวะ? หรือเราตายไปแล้ว?" "ใครสักคน สนใจหน่อยไม่ได้เหรอ?" "ถึงต้องซื้อป้าย ถึงจะมีคนอ่านใจเรา" "ฉันรังเกียจโน่น นี่ นั่น..." เสียงพวกนี้ บางทีก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนสนใจ แต่อยากให้ “ใครบางคน” เห็น… 📌 ความจริงที่น่ากลัวกว่า "ความรุนแรง" คือ "ความเงียบ" ความรุนแรงของถ้อยคำ อาจดูน่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ความเงียบที่ทำให้คนรู้สึกว่า ‘ไม่มีตัวตน’ ในยุคที่เราทุกคนต่างยุ่งกับหน้าจอ บางคนกำลัง “จมหาย” อยู่ข้างหลังประตูบ้าน และบางที… แค่มีใครสักคนหยุดดูป้ายนั้น ก็อาจช่วยชีวิตเขาไว้ได้ 🎯 บทเรียนจาก “ป้าย” ที่ควรเห็นใจ ไม่ใช่ตัดสิน ถ้าเห็นใครทำแบบนี้ อย่าเพิ่งรีบหัวเราะ อย่าเพิ่งรีบด่า เพราะเบื้องหลังนั้น… อาจคือคนที่ “เจ็บจนเงียบไม่ไหวแล้วจริง ๆ” ลองคิดในมุมกลับ… ถ้ารู้สึกแย่มาก จนต้องเสียเงินเพื่อให้คนฟัง แสดงว่ากำลังขาดการเชื่อมโยง ที่ลึกมากในชีวิต ❤️ เราควรฟังให้มากขึ้น โดยไม่ตัดสิน สังเกตคนรอบตัว ที่อาจกำลังส่งสัญญาณว่าเขา “หมดแรงแล้ว” เปิดใจคุย แบบจริงใจ แม้เพียงไม่กี่คำ ก็อาจช่วยเขาได้มาก สร้างพื้นที่ให้คนได้ระบาย โดยไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ เพราะบางครั้ง... “ข้อความบนป้าย” ก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนเข้าใจ แต่อยากให้ “ใครบางคนที่เขาหวัง” เข้าใจแค่นั้น 🪧💔 และคุณ...อาจเป็น “คนนั้น” ที่เขารอให้เห็นอยู่ก็ได้ 🫂 🔍 วิธีรับมือคนที่รู้สึกไร้คุณค่า โดยไม่ทำให้เขาเจ็บเพิ่ม ฟังอย่างจริงใจ ไม่ต้องรีบตัดสิน บางทีเขาไม่ได้ต้องการ “คำตอบ” แค่ต้องการ “พื้นที่ให้พูด” อย่าโต้กลับด้วยความรุนแรง ความสงบของคุณ อาจเป็นพื้นที่ปลอดภัยเดียวที่เขามีในวันนั้น เว้นระยะอย่างมีเมตตา เข้าใจ ≠ ต้องทน คุณมีสิทธิ์ดูแลตัวเอง ไม่ต้องรับพลังลบเข้าใส่ทุกวัน ถ้ารุนแรงมาก ให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหากพฤติกรรมของเขา อาจเป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง 🔍 ความลวงบนโลกโซเชียล เมื่อ "สร้างภาพว่าขายดี" กลายเป็นดาบสองคม 🧾 ปัญหาที่ตามมาคือ หลอกตัวเอง จนหลุดจากปัญหาจริง เหนื่อยกับการแสดง มากกว่าทำธุรกิจ สูญเสียความน่าเชื่อถือในระยะยาว เครียดสะสมแบบไม่รู้ตัว เสียโอกาสในการพัฒนา พังทั้งระบบ เมื่อแบกรับไม่ไหว สร้างมาตรฐานปลอมให้คนทั้งวงการ ✅ วิธีแก้คือ พูดความจริงอย่างมีพลัง ✨ เล่าความเปลี่ยนแปลงจากใจจริง ยอมรับว่ายังไม่ดีพอ แล้วค่อยๆ ปรับ 🔍 ภาระของคนที่ "เคยรวย" แล้วจมไม่ลง 💼💔 ผลเสียที่ตามมาคือ ภาระหนี้เกินตัว ถูกตัดน้ำ ตัดไฟ รถต้องจอดจำนำ ความสัมพันธ์พังเพราะโกหก ความเครียดสะสมเพราะต้องแสดง ไม่ยอมพัฒนา เพราะไม่ยอมรับความจริง โอกาสหาย เพราะไม่มีใครรู้ว่ากำลังล้ม เสียเวลาไปกับ “เปลือก” แทนที่จะสร้างแก่น เปรียบเทียบตัวเองกับอดีต ไม่มีใครเข้าใจ เพราะไม่กล้าพูดความจริง 🔍 คุณมีค่าเสมอ แม้ไม่มีใครบอก 🧡 ไม่จำเป็นต้องเสียงดัง ไม่ต้อง “ดูดี” ตลอดเวลา ไม่ต้องมีไลก์เยอะ เพื่อยืนยันการมีอยู่ของตัวเอง การยอมรับว่า “ฉันกำลังเจ็บ” ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือ ก้าวแรกของความเข้มแข็ง ที่แท้จริง หากเจอใครที่กำลังรู้สึกไร้ค่า ขอให้คุณเป็นคนหนึ่ง… ที่ “ฟัง” ก่อนจะ “ตัดสิน” เพราะความเข้าใจจากใจคนหนึ่ง อาจเปลี่ยนอีกคนทั้งชีวิต 🌱 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251519 เม.ย. 2568 📲 #ภาวะไร้ค่า #ไม่มีใครฟัง #สังคมสร้างภาพ #ความรู้สึกที่ไม่มีใครเห็น #ฟังด้วยใจ #ความจริงสำคัญที่สุด #ฟังเถอะก่อนจะสาย #ความเจ็บจากความเงียบ #รักษาใจไม่ใช่ภาพลักษณ์ #อย่าตัดสินแค่สิ่งที่เห็น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องหั่นมันฝรั่ง FRUIT CUTTER #หั่นมันม่วง #หั่นหน่อไม้ #มันม่วง
    - สามารถหั่นแบบบาง หรือ เป็นแท่งสำหรับทำเฟรนฟราย
    - สามารถปรับความหนาบางได้
    - ตัวเครื่องผลิตจากสแตนเลสมาตราฐานสากล
    - เหมาะกับการที่ใช้งานที่หลากหลาย ทั้งในครัวเรือน และโรงงานอุตสาหกรรม
    - มีความปลอดภัยในการใช้
    📌 กำลังการผลิต 50-100 กิโลกรัม/ชั่วโมง
    📌 มอเตอร์ 1 แรงม้า
    📌 ไฟบ้าน 220V
    📌 รับประกันสินค้า 1 ปี
    ราคา 35,000 บาท
    จากปกติ 43,000 บาท จ้า
    สามารถเข้ามาดูสินค้าจริงที่หน้าร้านได้เลยนะคะ
    เวลาเปิดทำการ :
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00
    และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00
    แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY
    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    m.me/yonghahheng 👈👈 แชทเลย
    LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า)
    หรือ https://lin.ee/HV4lSKp
    02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    www.yoryonghahheng.com
    E-mail : sales@yoryonghahheng.com
    yonghahheng@gmail.com
    #หั่นมันฝรั่ง #หั่นหน่อไม้เป็นเส้น #หั่นฟัก #สไลซ์พูทุเรียนดิบ #ขอดเกล็ดปลา #ลอกหนังปลา #ผ่าซีกปลา #เครื่องทำน้ำจิ้ม #ทำเครื่องปรุงรส #ทำเครื่องสำอาง #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องย่อย #เครื่องซอยขิง #ย่อยกากอาหาร #ทำเครื่องสำอาง #น้ำจิ้มข้าวมันไก่
    #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องทำลาย #เครื่องบดไม้ #เครื่องบดกิ่งไม้ #เครื่องบดผง #บดพริกไทย #ขนมไข่เต่า
    เครื่องหั่นมันฝรั่ง FRUIT CUTTER #หั่นมันม่วง #หั่นหน่อไม้ #มันม่วง - สามารถหั่นแบบบาง หรือ เป็นแท่งสำหรับทำเฟรนฟราย - สามารถปรับความหนาบางได้ - ตัวเครื่องผลิตจากสแตนเลสมาตราฐานสากล - เหมาะกับการที่ใช้งานที่หลากหลาย ทั้งในครัวเรือน และโรงงานอุตสาหกรรม - มีความปลอดภัยในการใช้ 📌 กำลังการผลิต 50-100 กิโลกรัม/ชั่วโมง 📌 มอเตอร์ 1 แรงม้า 📌 ไฟบ้าน 220V 📌 รับประกันสินค้า 1 ปี ราคา 35,000 บาท จากปกติ 43,000 บาท จ้า สามารถเข้ามาดูสินค้าจริงที่หน้าร้านได้เลยนะคะ เวลาเปิดทำการ : จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน m.me/yonghahheng 👈👈 แชทเลย LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/HV4lSKp 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 www.yoryonghahheng.com E-mail : sales@yoryonghahheng.com yonghahheng@gmail.com #หั่นมันฝรั่ง #หั่นหน่อไม้เป็นเส้น #หั่นฟัก #สไลซ์พูทุเรียนดิบ #ขอดเกล็ดปลา #ลอกหนังปลา #ผ่าซีกปลา #เครื่องทำน้ำจิ้ม #ทำเครื่องปรุงรส #ทำเครื่องสำอาง #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องย่อย #เครื่องซอยขิง #ย่อยกากอาหาร #ทำเครื่องสำอาง #น้ำจิ้มข้าวมันไก่ #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องทำลาย #เครื่องบดไม้ #เครื่องบดกิ่งไม้ #เครื่องบดผง #บดพริกไทย #ขนมไข่เต่า
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • 78 ปี วิสามัญ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ จากผู้ใหญ่บ้าน สู่ขุนโจรผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อตำรวจน่ากลัวกว่าเสือ จึงถูกหลอกซ้ำซาก ล่อติดคุก-ลวงยิงทิ้ง 🐅

    เมื่อผู้ใหญ่บ้าน กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่รัฐกลัวที่สุด ย้อนตำนาน “เสือฝ้าย” จอมโจรผู้เลื่องชื่อแห่งเมืองสุพรรณ กับบทสรุปที่กลายเป็นปริศนา เสือจริงหรือตำรวจคือภัยร้ายกว่า?

    เรื่องราวของ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้กล้าท้าทายอำนาจรัฐ ด้วยเหตุแห่งความอยุติธรรม กลายเป็นตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ ที่ชาวบ้านรัก และตำรวจหวาดกลัว 🕵️‍♂️🔥

    เมื่อความอยุติธรรม สร้างตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ หากพูดถึง "เสือ" ในตำนานไทย หลายคนอาจนึกถึง “เสือใบ”, “เสือดำ” หรือ “เสือมเหศวร” แต่มีอีกหนึ่งชื่อ ที่ไม่อาจมองข้ามได้เลยคือ “เสือฝ้าย” 🐯 จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้ที่ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นโจร แต่กลับกลายเป็นตำนาน ด้วยความเจ็บแค้นที่ถูกระบบรังแก

    "เสือฝ้าย" หรือ "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลเดิมบาง เป็นนักรบเสรีไทย และเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่อยากทำดีเพื่อบ้านเกิด แต่เมื่อความดี ถูกตอบแทนด้วยความอยุติธรรม จึงเลือกหนทางของ "เสือ"

    “เมื่อรัฐเล่นตลกกับข้า ข้าก็จะสร้างเสียงหัวเราะให้พวกมัน!” เสือฝ้าย กล่าวไว้ หลังพ้นโทษจำคุก 8 ปี

    😇👉😈 "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เกิดเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2431 ที่ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นลูกของชาวนา ครอบครัวมีพี่น้อง 8 คน เติบโตมาอย่างเรียบง่าย กระทั่งช่วงวัย 20 ต้น ๆ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ผู้ใหญ่บ้านบ้านท่าใหญ่ หมู่ที่ 5”

    ระหว่างสงครามโลก ครั้งที่สอง เสือฝ้ายมีบทบาทสำคัญใน “ขบวนการเสรีไทย” ต่อต้านทหารญี่ปุ่น และได้รับฉายา “จอมพลฝ้าย” จากประชาชน

    แต่เรื่องราวกลับเปลี่ยนไป เมื่อถูกใส่ร้ายจากหลานเขย ผู้มีสายสัมพันธ์กับตำรวจ ถูกตัดสินให้ติดคุกถึง 8 ปี ทั้งที่ไม่มีความผิด นี่คือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง 🧨

    ✊ เสือฝ้ายผู้รักความยุติธรรม แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็น “โจร” แต่เสือฝ้ายไม่เหมือนโจรทั่วไป

    สิ่งที่ “ปล้น” ไม่ใช่เพื่อความร่ำรวยส่วนตัว เสือฝ้ายตั้งเป้าเล่นงานเฉพาะ “ผู้มีอำนาจที่ฉ้อโกง” ไม่ปล้นคนจน ไม่แตะต้องชาวบ้าน แจกจ่ายทรัพย์สินที่ปล้นมา ให้กับผู้ยากไร้ในชุมชน

    🔥 ชาวบ้านจึงเปรียบเสือฝ้ายเสมือน “ฮีโร่” มากกว่า “ผู้ร้าย” ❤️

    “ชาวบ้านรักเสือฝ้าย เพราะไม่เคยทำร้ายใครที่ไม่มีอำนาจ”

    🏴‍☠️ ชุมโจรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เสือฝ้ายไม่ใช่โจรเดี่ยว นำกองกำลังชุมโจรที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่ไทยเคยมี สมุนไม่ต่ำกว่า 100-200 คน เทียบกับกลุ่มโจรทั่วไปในยุคนั้น ที่มีเพียง 10-20 คน

    เสือฝ้ายใช้เส้นทางป่าในเขตเดิมบางนางบวช ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าทึบ เป็นที่หลบซ่อนและตั้งฐานปฏิบัติการ

    “บางคนว่าทั้งสุพรรณบุรี คือบ้านของเสือฝ้าย เพราะทุกคนต่างพร้อมใจ ให้การช่วยเหลือ”

    🌆 เมืองสุพรรณยุคโจรครองเมือง 🧧 ย้อนกลับไปในยุคต้นรัชกาลที่ 6 เมืองสุพรรณฯ เต็มไปด้วยข่าวปล้น คนจีนอพยพมาตั้งตลาด หอดูโจรถูกสร้างไว้ทั่วเมือง

    จนมีคำพูดติดปากว่า “ใครไปรับราชการที่สุพรรณฯ ต้องเตรียมหม้อใส่กระดูกกลับบ้าน”

    สุพรรณกลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในแง่ลบ แต่ก็เป็นบ้านของวีรบุรุษนอกกฎหมาย ที่ชาวบ้านศรัทธา

    📜 การลวงฆ่าเสือฝ้าย ความจริงที่ไม่เคยเปิดเผยอย่างเป็นทางการ 🔫 วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2490 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก...

    ตำรวจกองปราบหลอกเสือฝ้ายว่า จะพาไปรับรางวัลที่กรุงเทพฯ แล้วนำตัวไปพักที่โรงแรมศรีธงชัย ปัจจุบันคือธนาคารกรุงศรีฯ แต่รุ่งเช้ากลับมีข่าวว่า เสือฝ้ายถูกยิงตายที่ป่าช้าบ้านบางกะโพ้น ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง โดยอ้างว่า “กระโดดน้ำหนี” ❌

    แต่ชาวบ้านไม่เชื่อ เพราะ “ไม่มีทางที่เสือฝ้ายจะหนี ทั้งที่เชื่อว่ากำลังจะได้รางวัล”

    😰 ปากคำชาวบ้าน ตำรวจน่ากลัวกว่าโจร

    “ตำรวจกองปราบน่ากลัวกว่าเสือเสียอีก พวกเขาอำพรางข่าว หลอกลวง และฆ่าคนบริสุทธิ์” ยายเกียด ทรัพย์จีน กล่าวไว้

    เธอเผยว่าเคยต้องปลอมตัว เอาโคลนทาทั่วตัว เพื่อส่งเสบียงให้ชุมโจรแบบลับ ๆ

    🧘‍♂️ เสือฝ้ายกับขุนพันธ์ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ยอมรับสินบน ⚖️ เสือฝ้ายเคยพยายามติดสินบน “ขุนพันธ์” นายตำรวจผู้ปราบโจรในตำนาน แต่ขุนพันธ์ปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่า "ไม่ใช่พื้นที่รับผิดชอบ" และไม่ยอมลดศักดิ์ศรีของตำรวจ ด้วยการรับสินบนจากโจร

    🐯 เสือฝ้ายในโลกภาพยนตร์ 🎬 เสือฝ้ายยังเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยเฉพาะในภาพยนตร์ "ขุนพันธ์ ภาค 2" แสดงโดย ผู้พันเบิร์ด "พันโทวันชนะ สวัสดี" เพิ่มความเหนือธรรมชาติ เช่น วิชานะจังงัง, รอยสักยันต์ช้างเอราวัณ และยันต์ท้าวเวสสุวรรณ

    🔥 ความตายที่กลายเป็นตำนาน แม้เสือฝ้ายจะถูกฆ่าตาย แต่ตำนานของเขายังอยู่...

    เสือฝ้ายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ถูกระบบกดขี่ แล้วลุกขึ้นมาต่อสู้ เป็นเสียงของผู้ไร้เสียง และเป็นเสือที่ถูกฆ่าโดย “สัตว์ที่ร้ายกว่า”

    คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ ❓

    ใครสั่งวิสามัญเสือฝ้ายจริง ๆ?

    ตำรวจเพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือมีเจตนาแอบแฝง?

    ทำไมข่าวถูกกลบอย่างรวดเร็ว?

    🐾 เสือที่ยังคงคำรามในประวัติศาสตร์ 📚 เรื่องราวของเสือฝ้าย ไม่ใช่เพียงเรื่องของโจร หรือเรื่องของตำรวจ
    แต่คือ “ภาพสะท้อนของสังคม” ที่ยังคงเป็นจริงแม้ผ่านไป 78 ปี

    เสือฝ้ายคือผู้ที่ระบบผลักให้กลายเป็นโจร แต่ชาวบ้านกลับยกย่องว่า “วีรบุรุษ” และตราบใดที่ความอยุติธรรมยังมีอยู่ เสียงคำรามของ “เสือฝ้าย” ก็ยังดังก้องในใจของคนรุ่นหลัง ✊

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251009 เม.ย. 2568

    📢 #เสือฝ้าย #ตำนานเสือสุพรรณ #จอมโจรไทย #ประวัติศาสตร์โจร #ขุนพันธ์ #เสรีไทย #วิสามัญฆาตกรรม #สุพรรณบุรี #วีรบุรุษโจร #เสือฝ้ายผู้ยิ่งใหญ่
    78 ปี วิสามัญ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ จากผู้ใหญ่บ้าน สู่ขุนโจรผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อตำรวจน่ากลัวกว่าเสือ จึงถูกหลอกซ้ำซาก ล่อติดคุก-ลวงยิงทิ้ง 🐅 เมื่อผู้ใหญ่บ้าน กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่รัฐกลัวที่สุด ย้อนตำนาน “เสือฝ้าย” จอมโจรผู้เลื่องชื่อแห่งเมืองสุพรรณ กับบทสรุปที่กลายเป็นปริศนา เสือจริงหรือตำรวจคือภัยร้ายกว่า? เรื่องราวของ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้กล้าท้าทายอำนาจรัฐ ด้วยเหตุแห่งความอยุติธรรม กลายเป็นตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ ที่ชาวบ้านรัก และตำรวจหวาดกลัว 🕵️‍♂️🔥 เมื่อความอยุติธรรม สร้างตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ หากพูดถึง "เสือ" ในตำนานไทย หลายคนอาจนึกถึง “เสือใบ”, “เสือดำ” หรือ “เสือมเหศวร” แต่มีอีกหนึ่งชื่อ ที่ไม่อาจมองข้ามได้เลยคือ “เสือฝ้าย” 🐯 จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้ที่ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นโจร แต่กลับกลายเป็นตำนาน ด้วยความเจ็บแค้นที่ถูกระบบรังแก "เสือฝ้าย" หรือ "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลเดิมบาง เป็นนักรบเสรีไทย และเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่อยากทำดีเพื่อบ้านเกิด แต่เมื่อความดี ถูกตอบแทนด้วยความอยุติธรรม จึงเลือกหนทางของ "เสือ" “เมื่อรัฐเล่นตลกกับข้า ข้าก็จะสร้างเสียงหัวเราะให้พวกมัน!” เสือฝ้าย กล่าวไว้ หลังพ้นโทษจำคุก 8 ปี 😇👉😈 "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เกิดเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2431 ที่ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นลูกของชาวนา ครอบครัวมีพี่น้อง 8 คน เติบโตมาอย่างเรียบง่าย กระทั่งช่วงวัย 20 ต้น ๆ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ผู้ใหญ่บ้านบ้านท่าใหญ่ หมู่ที่ 5” ระหว่างสงครามโลก ครั้งที่สอง เสือฝ้ายมีบทบาทสำคัญใน “ขบวนการเสรีไทย” ต่อต้านทหารญี่ปุ่น และได้รับฉายา “จอมพลฝ้าย” จากประชาชน แต่เรื่องราวกลับเปลี่ยนไป เมื่อถูกใส่ร้ายจากหลานเขย ผู้มีสายสัมพันธ์กับตำรวจ ถูกตัดสินให้ติดคุกถึง 8 ปี ทั้งที่ไม่มีความผิด นี่คือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง 🧨 ✊ เสือฝ้ายผู้รักความยุติธรรม แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็น “โจร” แต่เสือฝ้ายไม่เหมือนโจรทั่วไป สิ่งที่ “ปล้น” ไม่ใช่เพื่อความร่ำรวยส่วนตัว เสือฝ้ายตั้งเป้าเล่นงานเฉพาะ “ผู้มีอำนาจที่ฉ้อโกง” ไม่ปล้นคนจน ไม่แตะต้องชาวบ้าน แจกจ่ายทรัพย์สินที่ปล้นมา ให้กับผู้ยากไร้ในชุมชน 🔥 ชาวบ้านจึงเปรียบเสือฝ้ายเสมือน “ฮีโร่” มากกว่า “ผู้ร้าย” ❤️ “ชาวบ้านรักเสือฝ้าย เพราะไม่เคยทำร้ายใครที่ไม่มีอำนาจ” 🏴‍☠️ ชุมโจรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เสือฝ้ายไม่ใช่โจรเดี่ยว นำกองกำลังชุมโจรที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่ไทยเคยมี สมุนไม่ต่ำกว่า 100-200 คน เทียบกับกลุ่มโจรทั่วไปในยุคนั้น ที่มีเพียง 10-20 คน เสือฝ้ายใช้เส้นทางป่าในเขตเดิมบางนางบวช ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าทึบ เป็นที่หลบซ่อนและตั้งฐานปฏิบัติการ “บางคนว่าทั้งสุพรรณบุรี คือบ้านของเสือฝ้าย เพราะทุกคนต่างพร้อมใจ ให้การช่วยเหลือ” 🌆 เมืองสุพรรณยุคโจรครองเมือง 🧧 ย้อนกลับไปในยุคต้นรัชกาลที่ 6 เมืองสุพรรณฯ เต็มไปด้วยข่าวปล้น คนจีนอพยพมาตั้งตลาด หอดูโจรถูกสร้างไว้ทั่วเมือง จนมีคำพูดติดปากว่า “ใครไปรับราชการที่สุพรรณฯ ต้องเตรียมหม้อใส่กระดูกกลับบ้าน” สุพรรณกลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในแง่ลบ แต่ก็เป็นบ้านของวีรบุรุษนอกกฎหมาย ที่ชาวบ้านศรัทธา 📜 การลวงฆ่าเสือฝ้าย ความจริงที่ไม่เคยเปิดเผยอย่างเป็นทางการ 🔫 วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2490 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก... ตำรวจกองปราบหลอกเสือฝ้ายว่า จะพาไปรับรางวัลที่กรุงเทพฯ แล้วนำตัวไปพักที่โรงแรมศรีธงชัย ปัจจุบันคือธนาคารกรุงศรีฯ แต่รุ่งเช้ากลับมีข่าวว่า เสือฝ้ายถูกยิงตายที่ป่าช้าบ้านบางกะโพ้น ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง โดยอ้างว่า “กระโดดน้ำหนี” ❌ แต่ชาวบ้านไม่เชื่อ เพราะ “ไม่มีทางที่เสือฝ้ายจะหนี ทั้งที่เชื่อว่ากำลังจะได้รางวัล” 😰 ปากคำชาวบ้าน ตำรวจน่ากลัวกว่าโจร “ตำรวจกองปราบน่ากลัวกว่าเสือเสียอีก พวกเขาอำพรางข่าว หลอกลวง และฆ่าคนบริสุทธิ์” ยายเกียด ทรัพย์จีน กล่าวไว้ เธอเผยว่าเคยต้องปลอมตัว เอาโคลนทาทั่วตัว เพื่อส่งเสบียงให้ชุมโจรแบบลับ ๆ 🧘‍♂️ เสือฝ้ายกับขุนพันธ์ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ยอมรับสินบน ⚖️ เสือฝ้ายเคยพยายามติดสินบน “ขุนพันธ์” นายตำรวจผู้ปราบโจรในตำนาน แต่ขุนพันธ์ปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่า "ไม่ใช่พื้นที่รับผิดชอบ" และไม่ยอมลดศักดิ์ศรีของตำรวจ ด้วยการรับสินบนจากโจร 🐯 เสือฝ้ายในโลกภาพยนตร์ 🎬 เสือฝ้ายยังเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยเฉพาะในภาพยนตร์ "ขุนพันธ์ ภาค 2" แสดงโดย ผู้พันเบิร์ด "พันโทวันชนะ สวัสดี" เพิ่มความเหนือธรรมชาติ เช่น วิชานะจังงัง, รอยสักยันต์ช้างเอราวัณ และยันต์ท้าวเวสสุวรรณ 🔥 ความตายที่กลายเป็นตำนาน แม้เสือฝ้ายจะถูกฆ่าตาย แต่ตำนานของเขายังอยู่... เสือฝ้ายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ถูกระบบกดขี่ แล้วลุกขึ้นมาต่อสู้ เป็นเสียงของผู้ไร้เสียง และเป็นเสือที่ถูกฆ่าโดย “สัตว์ที่ร้ายกว่า” คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ ❓ ใครสั่งวิสามัญเสือฝ้ายจริง ๆ? ตำรวจเพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือมีเจตนาแอบแฝง? ทำไมข่าวถูกกลบอย่างรวดเร็ว? 🐾 เสือที่ยังคงคำรามในประวัติศาสตร์ 📚 เรื่องราวของเสือฝ้าย ไม่ใช่เพียงเรื่องของโจร หรือเรื่องของตำรวจ แต่คือ “ภาพสะท้อนของสังคม” ที่ยังคงเป็นจริงแม้ผ่านไป 78 ปี เสือฝ้ายคือผู้ที่ระบบผลักให้กลายเป็นโจร แต่ชาวบ้านกลับยกย่องว่า “วีรบุรุษ” และตราบใดที่ความอยุติธรรมยังมีอยู่ เสียงคำรามของ “เสือฝ้าย” ก็ยังดังก้องในใจของคนรุ่นหลัง ✊ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251009 เม.ย. 2568 📢 #เสือฝ้าย #ตำนานเสือสุพรรณ #จอมโจรไทย #ประวัติศาสตร์โจร #ขุนพันธ์ #เสรีไทย #วิสามัญฆาตกรรม #สุพรรณบุรี #วีรบุรุษโจร #เสือฝ้ายผู้ยิ่งใหญ่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรีระยะนี้ถือว่ามีความดุเดือดพอสมควร เพราะเริ่มมีการปล่อยโผรายชื่อตัวเต็งที่ได้ตำแหน่งและตัวเต็งที่จะโดนปรับมาแล้ว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000038695

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรีระยะนี้ถือว่ามีความดุเดือดพอสมควร เพราะเริ่มมีการปล่อยโผรายชื่อตัวเต็งที่ได้ตำแหน่งและตัวเต็งที่จะโดนปรับมาแล้ว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000038695 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 582 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🙏✨เล่งเบ๊ กิเลน นำโชค คุ้มภัย #หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ ปี 2538 ตามตำนานของจีน กิเลนถือเป็นสัตว์มงคล เช่นเดียวกับ มังกร หงส์ และ เต่า มีหัวเป็นมังกร มีเขาและร่างกายแบบกวาง แต่ผิวปกคลุมไปด้วยเกล็ด หางเหมือนวัว และ มีกีบเหมือนม้า เชื่อกันว่า หากใครมีไว้บูชาเล่งเบ๊จะนำโชคและคุ้มครองภัยให้แก่ตัวเองดีนักแล
    🙏✨เล่งเบ๊ กิเลน นำโชค คุ้มภัย #หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ ปี 2538 ตามตำนานของจีน กิเลนถือเป็นสัตว์มงคล เช่นเดียวกับ มังกร หงส์ และ เต่า มีหัวเป็นมังกร มีเขาและร่างกายแบบกวาง แต่ผิวปกคลุมไปด้วยเกล็ด หางเหมือนวัว และ มีกีบเหมือนม้า เชื่อกันว่า หากใครมีไว้บูชาเล่งเบ๊จะนำโชคและคุ้มครองภัยให้แก่ตัวเองดีนักแล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • ..5Gอันตรายจริงๆนะ ยิ่งใครฉีดวัคซีนโควิดมา เสี่ยงรับนาโนบอทและกราฟีนมาเต็มๆซึ่งควบคุมจากคลื่น5Gได้,ตลอดซอมบี้ก็สามารถกระตุ้นให้คนฉีดแสดงสถานะซอมบี้แบบควบคุมทิศทางได้ด้วย.,เรา&ประเทศไทยต้องวัดฝีมือภาวะผู้นำจริงๆล่ะ.
    ..5Gอันตรายจริงๆนะ ยิ่งใครฉีดวัคซีนโควิดมา เสี่ยงรับนาโนบอทและกราฟีนมาเต็มๆซึ่งควบคุมจากคลื่น5Gได้,ตลอดซอมบี้ก็สามารถกระตุ้นให้คนฉีดแสดงสถานะซอมบี้แบบควบคุมทิศทางได้ด้วย.,เรา&ประเทศไทยต้องวัดฝีมือภาวะผู้นำจริงๆล่ะ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • คลิปต้นๆช่วงเริ่มๆเล่นthaitimeเราลงไว้ในบ้านuserเราเอง เราทำไมจึงย้อนหลังดูไม่ได้นะ,มีใครทำได้บ้างครับ,หรือแอปthaitimeลบอัตโนมัติเพื่อบริหารพื้นที่นะ,เช่นคลิปในรูปนั้นโพสต์เกิน90วันระบบAIของแอปthaitimeจะลบให้เองอัตโนมัติ,เช่นนั้นสมาชิกในสถานะใดๆเพื่อนๆใครจะไม่สามารถดูคลิป&รูปภาพนั้นๆย้อนหลังได้หรือไม่สามารถค้นคว้าสืบค้นหาข้อความข้อมูลเรียนรู้ข้อเท็จจริงใดๆนั้นๆย้อนหลังเพื่อประมวลผลค.ว.ย.คิดวิเคราะห์แยกแยะใดๆร่วมประกอบข้อมูลรอบด้านในแอปthaitimeที่ใครมันแต่ละบ้านแต่ละคนเสนอใช่มั้ย.,หรือดาต้าสิทธิในลงคลิปลงรูปกำจัดเนื้อที่ก็ว่า,แอปthaitimeบริหารจัดการแบบไหนเราก็มิทราบอีก,แต่แพลตฟอร์มนี้มิใช่แบบสาธารณะ ใครจะมาเห็นง่ายๆก็ใช่ว่าทำได้สะดวก,ต้องล็อคอินเข้าใช้งาน,จึงเสมือนกลุ่มลับ,กลุ่มสิทธิอิสระภาพเสรีเจตจำนงใครมันจะดำเนินการอะไรๆก็ได้ ภายในชุมชนนีั,มิใช่ชุมชนสาธารณะถนนสาธารณะ&ที่สาธารณะใครจะทำเหี้ยอะไรๆก็ได้.,คือบ้านใครบ้านมันนั้นเองภายในบ้านthaitimeเองอีกก็ว่า,นั้นคือห้องส่วนตัวใครมัน จะแบบเปิดประตูให้ใครอ่านเห็นดูก็ได้,จะปิดประตูห้อง ให้เฉพาะเพื่อนๆเข้าออกอ่านเห็นดูใดๆก็ได้ก็ว่า.,จึงเข้าใจว่าแพลตฟอร์มthaitimeคือทางเลือกอิสระเสรีช่องทางข่าวสารเตือนภัยปลุกตื่นรู้เรื่องใดมันช่วยเหลือกระจายองค์รู้ใดๆอิสระเสรีได้หรือสร้างกองทัพภาคมหาประชาชนรู้ความจริงอย่างมีสติเท่าทันบวกส่งเสริมปัญญากันและกันที่พร่องขาดหายไปได้&เติมเต็มในส่วนที่ขาดของแต่ละคนกลุ่มคนใครมันได้,สุดท้ายประโยชน์ทั้งหมดคือประชาชนคนไทยเราเองจะได้รับและประเทศชาติเราด้วยเช่นกัน.
    ..thaitimeถ้าเบื้องต้นทำได้แบบtelegramด้านนำเสนอค่าจริงใดๆอิสระเสรีได้จะดีมากๆ,ลงกระจาย โพสต์กระจายเลย จริงหรือเท็จ คนในชุมชนจะควบคุมกันเอง,ใครนำเสนอไม่จริงก็จะเข้าใจตรงกันหาให้จริงได้,ใครเสนอจริงก็ติดตามค่าจริงอย่างค.ว.ย.อย่างมีสติปัญญาอัพเรเวลเรื่อยได้อีกก็ว่า,กูรูจะมาร่วมนำเสนอตรึมล่ะ.เล่นในthaitimeตรึม.
    คลิปต้นๆช่วงเริ่มๆเล่นthaitimeเราลงไว้ในบ้านuserเราเอง เราทำไมจึงย้อนหลังดูไม่ได้นะ,มีใครทำได้บ้างครับ,หรือแอปthaitimeลบอัตโนมัติเพื่อบริหารพื้นที่นะ,เช่นคลิปในรูปนั้นโพสต์เกิน90วันระบบAIของแอปthaitimeจะลบให้เองอัตโนมัติ,เช่นนั้นสมาชิกในสถานะใดๆเพื่อนๆใครจะไม่สามารถดูคลิป&รูปภาพนั้นๆย้อนหลังได้หรือไม่สามารถค้นคว้าสืบค้นหาข้อความข้อมูลเรียนรู้ข้อเท็จจริงใดๆนั้นๆย้อนหลังเพื่อประมวลผลค.ว.ย.คิดวิเคราะห์แยกแยะใดๆร่วมประกอบข้อมูลรอบด้านในแอปthaitimeที่ใครมันแต่ละบ้านแต่ละคนเสนอใช่มั้ย.,หรือดาต้าสิทธิในลงคลิปลงรูปกำจัดเนื้อที่ก็ว่า,แอปthaitimeบริหารจัดการแบบไหนเราก็มิทราบอีก,แต่แพลตฟอร์มนี้มิใช่แบบสาธารณะ ใครจะมาเห็นง่ายๆก็ใช่ว่าทำได้สะดวก,ต้องล็อคอินเข้าใช้งาน,จึงเสมือนกลุ่มลับ,กลุ่มสิทธิอิสระภาพเสรีเจตจำนงใครมันจะดำเนินการอะไรๆก็ได้ ภายในชุมชนนีั,มิใช่ชุมชนสาธารณะถนนสาธารณะ&ที่สาธารณะใครจะทำเหี้ยอะไรๆก็ได้.,คือบ้านใครบ้านมันนั้นเองภายในบ้านthaitimeเองอีกก็ว่า,นั้นคือห้องส่วนตัวใครมัน จะแบบเปิดประตูให้ใครอ่านเห็นดูก็ได้,จะปิดประตูห้อง ให้เฉพาะเพื่อนๆเข้าออกอ่านเห็นดูใดๆก็ได้ก็ว่า.,จึงเข้าใจว่าแพลตฟอร์มthaitimeคือทางเลือกอิสระเสรีช่องทางข่าวสารเตือนภัยปลุกตื่นรู้เรื่องใดมันช่วยเหลือกระจายองค์รู้ใดๆอิสระเสรีได้หรือสร้างกองทัพภาคมหาประชาชนรู้ความจริงอย่างมีสติเท่าทันบวกส่งเสริมปัญญากันและกันที่พร่องขาดหายไปได้&เติมเต็มในส่วนที่ขาดของแต่ละคนกลุ่มคนใครมันได้,สุดท้ายประโยชน์ทั้งหมดคือประชาชนคนไทยเราเองจะได้รับและประเทศชาติเราด้วยเช่นกัน. ..thaitimeถ้าเบื้องต้นทำได้แบบtelegramด้านนำเสนอค่าจริงใดๆอิสระเสรีได้จะดีมากๆ,ลงกระจาย โพสต์กระจายเลย จริงหรือเท็จ คนในชุมชนจะควบคุมกันเอง,ใครนำเสนอไม่จริงก็จะเข้าใจตรงกันหาให้จริงได้,ใครเสนอจริงก็ติดตามค่าจริงอย่างค.ว.ย.อย่างมีสติปัญญาอัพเรเวลเรื่อยได้อีกก็ว่า,กูรูจะมาร่วมนำเสนอตรึมล่ะ.เล่นในthaitimeตรึม.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัปดาห์ที่แล้วคุยเรื่องการลอยสุรามาตามน้ำหรือ ‘ชวีสุ่ยหลิวช่าง’ วันนี้มาคุยต่อว่าด้วยเรื่องการลอยอาหารมาตามน้ำ เชื่อว่าเพื่อนเพจที่ได้ดูละคร <ตำนานหมิงหลัน> หรือ <ตำนานลั่วหยาง> ต้องเคยผ่านตาฉากงานเลี้ยงที่มีการวางจานอาหารให้ลอยมาตามน้ำผ่านหน้าแขกผู้มาร่วมงาน (ดูรูปประกอบ1)

    การจัดให้จานอาหารลอยมาตามน้ำในงานเลี้ยงนั้น ในประวัติศาสตร์มีอยู่จริง เรียกว่า ‘หลิวสุ่ยสี’ (流水席) เป็นลักษณะการจัดวางอาหารให้ลอยไปตามสายธารจำลองบนโต๊ะ นิยมใช้ในงานเลี้ยงมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์สุย-ถัง

    แต่รู้หรือไม่... ‘หลิวสุ่ยสี’ เกิดจากงานวัด?

    วัดดังกล่าวคือวัดจิ้งเจวี๋ย (ต่อมาในสมัยชิง เฉียนหลงฮ่องเต้ทรงพระราชทานนามใหม่ว่าวัดไท่หนิง) ตั้งอยู่มณฑลเหอเป่ย มีทิวทัศน์งดงาม ว่ากันว่าในวันสำคัญจะมีผู้คนมาไหว้พระรับประทานอาหารเจเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในวันที่สามเดือนสามของปฏิทินจันทรคติ (หรือก็คือวันซ่างซึ 上巳节 ที่ Storyฯ เคยกล่าวถึงสัปดาห์ที่แล้ว) จะมีคนจำนวนมาก แออัดชุลมุนจนดูแลไม่ไหว ทางวัดเลยคิดสร้างเป็นคลอง/ลำธารจำลองทะลุออกไปยังด้านนอกวัด คดเคี้ยวไปตามเนินหิน จัดวางโต๊ะหินตามรายทาง แล้วส่งอาหารด้วยการลอยถาดไปตามน้ำโดยอาศัยแรงดันของน้ำพุและลำธารธรรมชาติ ชาวบ้านที่มาไหว้พระเสร็จแล้วก็สามารถเรียงคิวนั่งหยิบอาหารเจทานได้จากด้านนอก ไม่ต้องเข้ามาแออัดกันอยู่ในวัด เกิดเป็นการเรียกกันอย่างง่ายว่า ‘อาหารที่ลอยมาตามน้ำ’ หรือ ‘หลิวสุ่ยสี’ นั่นเอง

    ต่อมาได้รับความนิยมแพร่หลาย และรูปแบบ ‘หลิวสุ่ยสี’ ถูกนำมาใช้กันในงานเลี้ยงของคนที่มีฐานะหรือมียศศักดิ์อย่างที่เห็นในตัวอย่างละครที่กล่าวมา

    รูปแบบ ‘หลิวสุ่ยสี’ แปรเปลี่ยนไปเมื่อใดไม่ชัดเจน แต่ปัจจุบัน ‘หลิวสุ่ยสี’ เป็นการเสิร์ฟอาหารแบบโต๊ะจีนที่เราคุ้นเคย โดยมีสองคำอธิบาย

    คำอธิบายแรกก็คือ ‘หลิวสุ่ยสี’ นั้นหมายถึง ‘ลั่วหยางหลิวสุ่ยสี’ (หมายเหตุ เมืองลั่วหยางในสมัยราชวงศ์ถังมีศักดิ์เป็นเมืองหลวงรองทางทิศบูรพา หรือ Eastern Capital) เพราะเผยแพร่มาจากลั่วหยางและมีตำนานเกี่ยวโยงถึงจักรพรรดินีบูเช็กเทียน เพราะว่าโหรหลวงทำนายได้ว่าอีก 24 ปี นางอู่เม่ยเหนียง (ชื่อเดิมขององค์บูเช็กเทียน) จะได้ขึ้นครองราชย์ ในงานเลี้ยงที่จัดขึ้นจึงมีอาหาร 24 อย่าง และเอกลักษณ์ของ ‘ลั่วหยางหลิวสุ่ยสี’ ก็คือเมนูอาหารจะประกอบด้วยอาหารจานเย็น 8 อย่าง ตามด้วยจานร้อนอีก 16 อย่าง รวมเป็น 24 อย่าง โดยทุกจานต้องเป็นอาหารที่มีน้ำแกง/น้ำซุป ตามวัฒนธรรมอาหารพื้นบ้านของลั่วหยาง (ดูรูปประกอบ2)

    ส่วนอีกคำอธิบายนั้นก็คือว่า ‘หลิวสุ่ยสี’ เป็นการจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีนโดยจัดเสิร์ฟอาหารทีละจาน รับประทานจานหนึ่งเสร็จแล้วค่อยเสิร์ฟจานใหม่ ทำอย่างนี้ต่อเนื่องดุจสายน้ำที่ไหลไม่หยุด เป็นสัญลักษณ์ของความราบรื่น ดังนั้น หากเพื่อนเพจได้ยินคำเรียกว่า ‘หลิวสุ่ยสี’ แต่หน้าตาอาหารไม่เน้นน้ำแกงและไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากโต๊ะจีนที่พวกเราคุ้นเคยก็อย่าได้แปลกใจนะคะ เขาเรียกชื่อเอาเคล็ดว่าอาหารการกินไม่ขาดสาย สมบูรณ์และราบรื่นค่ะ

    (ป.ล. อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.sohu.com/a/292070252_100132268
    https://www.jiuzyoung.com/entertain/watch/fengqiluoyang/
    https://inf.news/zh-hans/travel/1bb8077672e35d14d648ed2a929afc92.html
    https://kknews.cc/food/pnborxz.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/流水席/1930803
    https://baike.baidu.com/item/洛阳水席 /81269
    https://k.sina.cn/article_6270609874_175c1e9d200101ikw3.html
    https://kknews.cc/food/pnborxz.html
    https://kknews.cc/culture/xmnqp89.html
    https://inf.news/zh-hans/travel/1bb8077672e35d14d648ed2a929afc92.html
    #หลิวสุ่ยสี #ลั่วหยางหลิวสุ่ยสี #โต๊ะจีน
    สัปดาห์ที่แล้วคุยเรื่องการลอยสุรามาตามน้ำหรือ ‘ชวีสุ่ยหลิวช่าง’ วันนี้มาคุยต่อว่าด้วยเรื่องการลอยอาหารมาตามน้ำ เชื่อว่าเพื่อนเพจที่ได้ดูละคร <ตำนานหมิงหลัน> หรือ <ตำนานลั่วหยาง> ต้องเคยผ่านตาฉากงานเลี้ยงที่มีการวางจานอาหารให้ลอยมาตามน้ำผ่านหน้าแขกผู้มาร่วมงาน (ดูรูปประกอบ1) การจัดให้จานอาหารลอยมาตามน้ำในงานเลี้ยงนั้น ในประวัติศาสตร์มีอยู่จริง เรียกว่า ‘หลิวสุ่ยสี’ (流水席) เป็นลักษณะการจัดวางอาหารให้ลอยไปตามสายธารจำลองบนโต๊ะ นิยมใช้ในงานเลี้ยงมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์สุย-ถัง แต่รู้หรือไม่... ‘หลิวสุ่ยสี’ เกิดจากงานวัด? วัดดังกล่าวคือวัดจิ้งเจวี๋ย (ต่อมาในสมัยชิง เฉียนหลงฮ่องเต้ทรงพระราชทานนามใหม่ว่าวัดไท่หนิง) ตั้งอยู่มณฑลเหอเป่ย มีทิวทัศน์งดงาม ว่ากันว่าในวันสำคัญจะมีผู้คนมาไหว้พระรับประทานอาหารเจเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในวันที่สามเดือนสามของปฏิทินจันทรคติ (หรือก็คือวันซ่างซึ 上巳节 ที่ Storyฯ เคยกล่าวถึงสัปดาห์ที่แล้ว) จะมีคนจำนวนมาก แออัดชุลมุนจนดูแลไม่ไหว ทางวัดเลยคิดสร้างเป็นคลอง/ลำธารจำลองทะลุออกไปยังด้านนอกวัด คดเคี้ยวไปตามเนินหิน จัดวางโต๊ะหินตามรายทาง แล้วส่งอาหารด้วยการลอยถาดไปตามน้ำโดยอาศัยแรงดันของน้ำพุและลำธารธรรมชาติ ชาวบ้านที่มาไหว้พระเสร็จแล้วก็สามารถเรียงคิวนั่งหยิบอาหารเจทานได้จากด้านนอก ไม่ต้องเข้ามาแออัดกันอยู่ในวัด เกิดเป็นการเรียกกันอย่างง่ายว่า ‘อาหารที่ลอยมาตามน้ำ’ หรือ ‘หลิวสุ่ยสี’ นั่นเอง ต่อมาได้รับความนิยมแพร่หลาย และรูปแบบ ‘หลิวสุ่ยสี’ ถูกนำมาใช้กันในงานเลี้ยงของคนที่มีฐานะหรือมียศศักดิ์อย่างที่เห็นในตัวอย่างละครที่กล่าวมา รูปแบบ ‘หลิวสุ่ยสี’ แปรเปลี่ยนไปเมื่อใดไม่ชัดเจน แต่ปัจจุบัน ‘หลิวสุ่ยสี’ เป็นการเสิร์ฟอาหารแบบโต๊ะจีนที่เราคุ้นเคย โดยมีสองคำอธิบาย คำอธิบายแรกก็คือ ‘หลิวสุ่ยสี’ นั้นหมายถึง ‘ลั่วหยางหลิวสุ่ยสี’ (หมายเหตุ เมืองลั่วหยางในสมัยราชวงศ์ถังมีศักดิ์เป็นเมืองหลวงรองทางทิศบูรพา หรือ Eastern Capital) เพราะเผยแพร่มาจากลั่วหยางและมีตำนานเกี่ยวโยงถึงจักรพรรดินีบูเช็กเทียน เพราะว่าโหรหลวงทำนายได้ว่าอีก 24 ปี นางอู่เม่ยเหนียง (ชื่อเดิมขององค์บูเช็กเทียน) จะได้ขึ้นครองราชย์ ในงานเลี้ยงที่จัดขึ้นจึงมีอาหาร 24 อย่าง และเอกลักษณ์ของ ‘ลั่วหยางหลิวสุ่ยสี’ ก็คือเมนูอาหารจะประกอบด้วยอาหารจานเย็น 8 อย่าง ตามด้วยจานร้อนอีก 16 อย่าง รวมเป็น 24 อย่าง โดยทุกจานต้องเป็นอาหารที่มีน้ำแกง/น้ำซุป ตามวัฒนธรรมอาหารพื้นบ้านของลั่วหยาง (ดูรูปประกอบ2) ส่วนอีกคำอธิบายนั้นก็คือว่า ‘หลิวสุ่ยสี’ เป็นการจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีนโดยจัดเสิร์ฟอาหารทีละจาน รับประทานจานหนึ่งเสร็จแล้วค่อยเสิร์ฟจานใหม่ ทำอย่างนี้ต่อเนื่องดุจสายน้ำที่ไหลไม่หยุด เป็นสัญลักษณ์ของความราบรื่น ดังนั้น หากเพื่อนเพจได้ยินคำเรียกว่า ‘หลิวสุ่ยสี’ แต่หน้าตาอาหารไม่เน้นน้ำแกงและไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากโต๊ะจีนที่พวกเราคุ้นเคยก็อย่าได้แปลกใจนะคะ เขาเรียกชื่อเอาเคล็ดว่าอาหารการกินไม่ขาดสาย สมบูรณ์และราบรื่นค่ะ (ป.ล. อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.sohu.com/a/292070252_100132268 https://www.jiuzyoung.com/entertain/watch/fengqiluoyang/ https://inf.news/zh-hans/travel/1bb8077672e35d14d648ed2a929afc92.html https://kknews.cc/food/pnborxz.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/流水席/1930803 https://baike.baidu.com/item/洛阳水席 /81269 https://k.sina.cn/article_6270609874_175c1e9d200101ikw3.html https://kknews.cc/food/pnborxz.html https://kknews.cc/culture/xmnqp89.html https://inf.news/zh-hans/travel/1bb8077672e35d14d648ed2a929afc92.html #หลิวสุ่ยสี #ลั่วหยางหลิวสุ่ยสี #โต๊ะจีน
    明兰、二郎、小公爷,《知否》三大主角艰难原生家庭描绘三种人生_顾廷烨
    而元若哥哥呢,在母亲掌控一切的情况中顺从听话,老妈说要读书,那就读书;老妈说要事业,那就考公民,如果说这辈子唯一有点主见的,那就是遇到明兰,争取扑腾起的小浪花。 于是,借着嘉成县主逼迫齐衡也就从了家…
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • เต้ พระราม 7 ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคสีฟ้า รับงานโปรโมทขายที่ดินสีเขียว สำหรับเกษตรกรรมและการอนุรักษ์ แต่กลับมีการอนุมัติให้สร้างโรงงานเต็มไปหมด โดยเฉพาะกลุ่มทุนจีน สร้างผลกระทบสิ่งแวดล้อม ชุมชน ไม่มีใครกล้าไปตรวจสอบ เพราะกลัวอิทธิพล กลัวเต้พระราม
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เต้พระราม7
    เต้ พระราม 7 ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคสีฟ้า รับงานโปรโมทขายที่ดินสีเขียว สำหรับเกษตรกรรมและการอนุรักษ์ แต่กลับมีการอนุมัติให้สร้างโรงงานเต็มไปหมด โดยเฉพาะกลุ่มทุนจีน สร้างผลกระทบสิ่งแวดล้อม ชุมชน ไม่มีใครกล้าไปตรวจสอบ เพราะกลัวอิทธิพล กลัวเต้พระราม #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #เต้พระราม7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • อินเดียประกาศมาตรการตอบโต้ต่อปากีสถานหลังเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายต่อนักท่องเที่ยวชาวฮินดู จนมีผู้เสียชีวิต 26 ราย บาดเจ็บ 17 ราย โดยผู้ก่อการร้ายเชื่อมโยงกับปากีสถาน:

    1. ยกเลิกวีซ่าสำหรับชาวปากีสถานทุกคน
    2. ระงับสนธิสัญญาอินดัสวอเทอร์ ( Indus Waters Treaty 1960)
    3. ปิดจุดผ่านแดนวากาห์ (Wagah border)

    เมื่อวันอังคารที่ 22 เม.ย. เกิดเหตุกราดยิงนักท่องเที่ยวเสียชีวิต 26 ราย บาดเจ็บอีก 17 ราย ในแคว้นแคชเมียร์ ซึ่งถือเป็นเหตุโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับอินเดียในรอบเกือบ 20 ปี โดยผู้เสียชีวิตเป็นชาวอินเดีย 25 คน และชาวเนปาลอีก 1 คน

    กลุ่มต่อต้านแห่งแคชเมียร์ (Kashmir Resistance) ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีครั้งนี้ผ่านทางโซเชียลมีเดีย โดยมีสาเหตุการโจมตีมาจากความไม่พอใจที่มีผู้คนต่างเชื้อชาติกว่า 85,000 คน อพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานในจัมมูและแคชเมียร์ จนทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางค่านิยมเดิยของท้องถิ่น

    หน่วยงานความมั่นคงอินเดียระบุว่ากลุ่มก่อการร้าย Kashmir Resistance เป็นกองกำลังในสังกัดขององค์กรติดอาวุธในปากีสถานอย่าง Lashkar-e-Taiba และ Hizbul Mujahideen

    ทางด้านรัฐบาลปากีสถานไม่ได้ออกมาปฏิเสธอย่างเต็มตัว โดยพวกเขาอ้างว่าถึงความสัมพันธ์กับกลุ่มก่อการร้าย มีเพียงทางกาทูตเท่านั้น ไม่ได้มีการสนับสนุนด้านอาวุธแต่อย่างใด

    สำหรับสนธิสัญญาอินดัสวอเทอร์ ปากีสถานเคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่า การยุติสนธิสัญญาอินดัสวอเทอร์ (IWT) อาจเท่ากับการประกาศสงคราม

    สนธิสัญญาฉบับนี้ มีธนาคารโลกเป็นตัวกลางในการจัดสรรน้ำจากแม่น้ำ 6 สายหลักในลุ่มแม่น้ำสินธุ

    อินเดียควบคุมแม่น้ำสายตะวันออก (Sutlej, Beas, Ravi) โดยไม่มีข้อจำกัด ในขณะที่ปากีสถานมีสิทธิ์หลักเหนือแม่น้ำสายตะวันตก (Indus, Jhelum, Chenab) แม้ว่าอินเดียจะใช้แม่น้ำเหล่านี้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่ใช่การบริโภค เช่น พลังงานน้ำก็ตาม

    หากอินเดียเริ่มปิดกั้นการเข้าถึงน้ำจากแม่น้ำทั้ง 6 สาย ปากีสถานจะประสบกับวิกฤตขาดแคลนน้ำและเศรษฐกิจจะประสบปัญหาใหญ่เนื่องจากความต้องการน้ำของปากีสถาน 70% มาจากแม่น้ำเหล่านี้
    อินเดียประกาศมาตรการตอบโต้ต่อปากีสถานหลังเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายต่อนักท่องเที่ยวชาวฮินดู จนมีผู้เสียชีวิต 26 ราย บาดเจ็บ 17 ราย โดยผู้ก่อการร้ายเชื่อมโยงกับปากีสถาน: 1. ยกเลิกวีซ่าสำหรับชาวปากีสถานทุกคน 2. ระงับสนธิสัญญาอินดัสวอเทอร์ ( Indus Waters Treaty 1960) 3. ปิดจุดผ่านแดนวากาห์ (Wagah border) เมื่อวันอังคารที่ 22 เม.ย. เกิดเหตุกราดยิงนักท่องเที่ยวเสียชีวิต 26 ราย บาดเจ็บอีก 17 ราย ในแคว้นแคชเมียร์ ซึ่งถือเป็นเหตุโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับอินเดียในรอบเกือบ 20 ปี โดยผู้เสียชีวิตเป็นชาวอินเดีย 25 คน และชาวเนปาลอีก 1 คน กลุ่มต่อต้านแห่งแคชเมียร์ (Kashmir Resistance) ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีครั้งนี้ผ่านทางโซเชียลมีเดีย โดยมีสาเหตุการโจมตีมาจากความไม่พอใจที่มีผู้คนต่างเชื้อชาติกว่า 85,000 คน อพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานในจัมมูและแคชเมียร์ จนทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางค่านิยมเดิยของท้องถิ่น หน่วยงานความมั่นคงอินเดียระบุว่ากลุ่มก่อการร้าย Kashmir Resistance เป็นกองกำลังในสังกัดขององค์กรติดอาวุธในปากีสถานอย่าง Lashkar-e-Taiba และ Hizbul Mujahideen ทางด้านรัฐบาลปากีสถานไม่ได้ออกมาปฏิเสธอย่างเต็มตัว โดยพวกเขาอ้างว่าถึงความสัมพันธ์กับกลุ่มก่อการร้าย มีเพียงทางกาทูตเท่านั้น ไม่ได้มีการสนับสนุนด้านอาวุธแต่อย่างใด สำหรับสนธิสัญญาอินดัสวอเทอร์ ปากีสถานเคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่า การยุติสนธิสัญญาอินดัสวอเทอร์ (IWT) อาจเท่ากับการประกาศสงคราม สนธิสัญญาฉบับนี้ มีธนาคารโลกเป็นตัวกลางในการจัดสรรน้ำจากแม่น้ำ 6 สายหลักในลุ่มแม่น้ำสินธุ อินเดียควบคุมแม่น้ำสายตะวันออก (Sutlej, Beas, Ravi) โดยไม่มีข้อจำกัด ในขณะที่ปากีสถานมีสิทธิ์หลักเหนือแม่น้ำสายตะวันตก (Indus, Jhelum, Chenab) แม้ว่าอินเดียจะใช้แม่น้ำเหล่านี้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่ใช่การบริโภค เช่น พลังงานน้ำก็ตาม หากอินเดียเริ่มปิดกั้นการเข้าถึงน้ำจากแม่น้ำทั้ง 6 สาย ปากีสถานจะประสบกับวิกฤตขาดแคลนน้ำและเศรษฐกิจจะประสบปัญหาใหญ่เนื่องจากความต้องการน้ำของปากีสถาน 70% มาจากแม่น้ำเหล่านี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts