• ข่าวนี้พูดถึงประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน AI Chatbots โดยเฉพาะ Google Gemini ซึ่งถูกระบุว่าเป็นแพลตฟอร์มที่มีการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้มากที่สุดในกลุ่ม AI Chatbots ยอดนิยม โดยมีข้อมูลประเภทต่าง ๆ ที่เก็บสูงถึง 22 ประเภท เช่น ตำแหน่งที่ตั้งแบบละเอียด ข้อมูลเนื้อหาผู้ใช้ และประวัติการใช้งานเบราว์เซอร์

    สิ่งที่น่าสังเกตคือ แอปแชทบ็อตยอดนิยมหลายตัวมีการเก็บข้อมูลผู้ใช้และแบ่งปันข้อมูลให้กับบุคคลที่สาม เช่น บริษัทโฆษณาหรือผู้ค้าในตลาดข้อมูล ซึ่งเป็นที่มาของโฆษณาที่ตรงเป้าหมายหรือแม้กระทั่งการเพิ่มปริมาณสายโทรศัพท์สแปม

    https://www.techradar.com/computing/cyber-security/worried-about-deepseek-well-google-gemini-collects-even-more-of-your-personal-data
    ข่าวนี้พูดถึงประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน AI Chatbots โดยเฉพาะ Google Gemini ซึ่งถูกระบุว่าเป็นแพลตฟอร์มที่มีการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้มากที่สุดในกลุ่ม AI Chatbots ยอดนิยม โดยมีข้อมูลประเภทต่าง ๆ ที่เก็บสูงถึง 22 ประเภท เช่น ตำแหน่งที่ตั้งแบบละเอียด ข้อมูลเนื้อหาผู้ใช้ และประวัติการใช้งานเบราว์เซอร์ สิ่งที่น่าสังเกตคือ แอปแชทบ็อตยอดนิยมหลายตัวมีการเก็บข้อมูลผู้ใช้และแบ่งปันข้อมูลให้กับบุคคลที่สาม เช่น บริษัทโฆษณาหรือผู้ค้าในตลาดข้อมูล ซึ่งเป็นที่มาของโฆษณาที่ตรงเป้าหมายหรือแม้กระทั่งการเพิ่มปริมาณสายโทรศัพท์สแปม https://www.techradar.com/computing/cyber-security/worried-about-deepseek-well-google-gemini-collects-even-more-of-your-personal-data
    WWW.TECHRADAR.COM
    Worried about DeepSeek? Well, Google Gemini collects even more of your personal data
    Three out of the ten most popular AI chatbots also share your data with third parties
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ Google ในเรื่อง "fingerprinting" ซึ่งเป็นวิธีการที่สามารถเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้โดยไม่ต้องใช้คุกกี้ และผู้ใช้แทบไม่สามารถควบคุมข้อมูลที่ถูกเก็บไปให้กับผู้โฆษณาได้

    เทคนิค "fingerprinting" นี้สามารถติดตามข้อมูลต่างๆ เช่น ที่อยู่ IP ความละเอียดหน้าจอ ระบบปฏิบัติการ และแม้กระทั่งระดับแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ การเปลี่ยนแปลงนี้ของ Google ทำให้ผู้ใช้อาจรู้สึกว่าขาดความเป็นส่วนตัวและไม่มีสิทธิ์ควบคุมข้อมูลของตนเอง แม้ว่าก่อนหน้านี้ Google เองจะเคยประณามวิธีการนี้ในปี 2019 โดยระบุว่าเป็นการล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

    แม้ว่าผู้ใช้สามารถปิดการใช้งานคุกกี้หรือใช้เบราว์เซอร์ส่วนตัวและ VPN ที่ดีที่สุด แต่ก็ยังสามารถถูกติดตามได้ผ่าน "fingerprinting" การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกวิจารณ์โดยผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัวอย่างมาก เนื่องจากการเก็บข้อมูลในลักษณะนี้ทำให้ผู้ใช้มีทางเลือกและการควบคุมข้อมูลน้อยลง

    แม้ว่าเบราว์เซอร์บางตัว เช่น Firefox และ Brave จะมีฟีเจอร์ป้องกันการติดตามด้วย "fingerprinting" แต่ก็ยังยากที่จะหลีกเลี่ยงการติดตามทั้งหมดได้ ทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ใช้อาจเป็นการใช้เบราว์เซอร์ที่มีฟีเจอร์ป้องกันการติดตามแบบครบวงจร และการใช้ส่วนขยายเช่น Canvas Blocker บน Google Chrome ที่สามารถช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ได้

    สุดท้าย ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการป้องกันตัวเองจากการติดตามด้วย "fingerprinting" ผ่านแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ซึ่งจะช่วยให้รู้จักวิธีการป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่ได้รับความยินยอม

    https://www.techradar.com/pro/security/profit-over-privacy-google-gives-advertisers-more-personal-info-in-major-fingerprinting-u-turn
    ข่าวนี้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ Google ในเรื่อง "fingerprinting" ซึ่งเป็นวิธีการที่สามารถเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้โดยไม่ต้องใช้คุกกี้ และผู้ใช้แทบไม่สามารถควบคุมข้อมูลที่ถูกเก็บไปให้กับผู้โฆษณาได้ เทคนิค "fingerprinting" นี้สามารถติดตามข้อมูลต่างๆ เช่น ที่อยู่ IP ความละเอียดหน้าจอ ระบบปฏิบัติการ และแม้กระทั่งระดับแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ การเปลี่ยนแปลงนี้ของ Google ทำให้ผู้ใช้อาจรู้สึกว่าขาดความเป็นส่วนตัวและไม่มีสิทธิ์ควบคุมข้อมูลของตนเอง แม้ว่าก่อนหน้านี้ Google เองจะเคยประณามวิธีการนี้ในปี 2019 โดยระบุว่าเป็นการล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แม้ว่าผู้ใช้สามารถปิดการใช้งานคุกกี้หรือใช้เบราว์เซอร์ส่วนตัวและ VPN ที่ดีที่สุด แต่ก็ยังสามารถถูกติดตามได้ผ่าน "fingerprinting" การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกวิจารณ์โดยผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัวอย่างมาก เนื่องจากการเก็บข้อมูลในลักษณะนี้ทำให้ผู้ใช้มีทางเลือกและการควบคุมข้อมูลน้อยลง แม้ว่าเบราว์เซอร์บางตัว เช่น Firefox และ Brave จะมีฟีเจอร์ป้องกันการติดตามด้วย "fingerprinting" แต่ก็ยังยากที่จะหลีกเลี่ยงการติดตามทั้งหมดได้ ทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ใช้อาจเป็นการใช้เบราว์เซอร์ที่มีฟีเจอร์ป้องกันการติดตามแบบครบวงจร และการใช้ส่วนขยายเช่น Canvas Blocker บน Google Chrome ที่สามารถช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ได้ สุดท้าย ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการป้องกันตัวเองจากการติดตามด้วย "fingerprinting" ผ่านแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ซึ่งจะช่วยให้รู้จักวิธีการป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่ได้รับความยินยอม https://www.techradar.com/pro/security/profit-over-privacy-google-gives-advertisers-more-personal-info-in-major-fingerprinting-u-turn
    0 Comments 0 Shares 178 Views 0 Reviews
  • 'ทรัมป์' ยื่นขอศาลสูงสุดสหรัฐฯ ระงับแบน TikTok ชั่วคราว!

    28 ธันวาคม 2567 #โดนัลด์ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลสูงสุดของสหรัฐฯ เพื่อขอให้ "ระงับการบังคับใช้กฎหมาย" ที่ห้าม #แอปพลิเคชัน #TikTok ในสหรัฐฯ กรณีที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้มาตรการที่อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมของบริษัทแม่ของ TikTok, ByteDance
    .
    การขอระงับมาตรการดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจาก การตัดสินของศาลล่างที่ให้ความเห็นว่า #TikTok อาจเป็น #ภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ ด้วยความกังวลเกี่ยวกับการ #เก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัย ถึงการเชื่อมโยงกับ #รัฐบาลจีน
    .
    ทรัมป์และทีมกฎหมาย ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยุค ปธน.โจ ไบเดน แบน TikTok อาจสร้างผลกระทบที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้ใช้งานและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึง #กระทบต่อเสรีภาพทางดิจิทัล และการเข้าถึงข้อมูลในโลกออนไลน์
    .
    ซึ่งทรัมป์ มีบัญชี Tiktok ในชื่อ realdonaldtrump
    President Donald J Trump
    .
    รัฐบาลโจ ไบเดน แบน TikTok เพราะกังวลถึงความมั่นคงแห่งชาติ โดยเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ในสหรัฐฯ ที่อาจตกอยู่ในมือของรัฐบาลจีน
    .
    .
    #Thaitribune

    ขณะนี้ ศาลสูงสุดสหรัฐฯ กำลังพิจารณาคำขอของทรัมป์ เพื่อจะตัดสินว่าจะระงับคำสั่งแบน TikTok ชั่วคราวหรือไม่ ซึ่งจะมีผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินกิจการของแอปพลิเคชันดังกล่าวในสหรัฐฯ.

    ที่มา: https://www.facebook.com/share/p/14mSLz1Xvb6/?mibextid=wwXIfr
    'ทรัมป์' ยื่นขอศาลสูงสุดสหรัฐฯ ระงับแบน TikTok ชั่วคราว! 28 ธันวาคม 2567 #โดนัลด์ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลสูงสุดของสหรัฐฯ เพื่อขอให้ "ระงับการบังคับใช้กฎหมาย" ที่ห้าม #แอปพลิเคชัน #TikTok ในสหรัฐฯ กรณีที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้มาตรการที่อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมของบริษัทแม่ของ TikTok, ByteDance . การขอระงับมาตรการดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจาก การตัดสินของศาลล่างที่ให้ความเห็นว่า #TikTok อาจเป็น #ภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ ด้วยความกังวลเกี่ยวกับการ #เก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัย ถึงการเชื่อมโยงกับ #รัฐบาลจีน . ทรัมป์และทีมกฎหมาย ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยุค ปธน.โจ ไบเดน แบน TikTok อาจสร้างผลกระทบที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้ใช้งานและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึง #กระทบต่อเสรีภาพทางดิจิทัล และการเข้าถึงข้อมูลในโลกออนไลน์ . ซึ่งทรัมป์ มีบัญชี Tiktok ในชื่อ realdonaldtrump President Donald J Trump . รัฐบาลโจ ไบเดน แบน TikTok เพราะกังวลถึงความมั่นคงแห่งชาติ โดยเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ในสหรัฐฯ ที่อาจตกอยู่ในมือของรัฐบาลจีน . . #Thaitribune ขณะนี้ ศาลสูงสุดสหรัฐฯ กำลังพิจารณาคำขอของทรัมป์ เพื่อจะตัดสินว่าจะระงับคำสั่งแบน TikTok ชั่วคราวหรือไม่ ซึ่งจะมีผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินกิจการของแอปพลิเคชันดังกล่าวในสหรัฐฯ. ที่มา: https://www.facebook.com/share/p/14mSLz1Xvb6/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 522 Views 0 Reviews