อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าทุกข์โทษที่เกิดจากกาม
สัทธรรมลำดับที่ : 311
ชื่อบทธรรม :- ทุกข์โทษที่เกิดจากกาม
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=311
เนื้อความทั้งหมด :-
--ทุกข์โทษที่เกิดจากกาม
--ภิกษุ ท. ! โทษของกามทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า ?
--ภิกษุ ท. ! กุลบุตรในโลกนี้ สำเร็จการเลี้ยงชีวิตด้วยอาชีพศิลปะใด ๆ เช่น
ศิลปะแห่งการใช้สัญญาด้วยมือ,
ศิลปะแห่งการคำนวณ,
ศิลปะแห่งการพยากรณ์,
การทำกสิกรรม พาณิชยกรรม และโครักขกรรม,
ศิลปะแห่งศัสตราวุธ,
และการทำราชการ และศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง ;
เพราะการประกอบอาชีพนั้น ๆ เขาต้องเผชิญหน้าต่อความหนาว ความร้อน
เผชิญหน้าด้วย เหลือบ ยุง ลม แดด และสัมผัสด้วยสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย
ซูบผอมอยู่ หิวระหายอยู่ เพราะการไม่ได้บริโภคตามเวลา.
--ภิกษุ ท. ! นี้ เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
+--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
--ภิกษุ ท. ! เมื่อกุลบุตรนั้น พากเพียร ขวนขวาย พยายามอยู่อย่างนี้,
โภคทรัพย์ ก็ยังไม่สำเร็จแก่เขา,
เขา ย่อมโศกเศร้า ระทมใจ คร่ำครวญ ตีอก ร่ำไห้ ถึงความมืดมัวอยู่ ว่า
“ความขยันของเรา เป็นหมันหนอ,
ความพยายามของเราไร้ผลหนอ”
ดังนี้.
--ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
+--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
--ภิกษุ ท. ! เมื่อกุลบุตรนั้น พากเพียร ขวนขวาย พยายาม อยู่อย่างนี้,
โภคทรัพย์ ก็สำเร็จแก่เขาด้วย เขา ก็จะต้องเสวยทุกข์ โทมนัส
เพราะการอารักขาโภคทรัพย์เหล่านั้นเป็นต้นเหตุ ด้วยหวังอยู่ ว่า
“พระราชาจะไม่ริบทรัพย์เหล่านั้นไป,
โจร จะไม่ปล้นทรัพย์เหล่านั้นไป,
ไฟ จะไม่ไหม้ทรัพย์เหล่านั้น,
น้ำ จะไม่ท่วมทำลายทรัพย์เหล่านั้น ;
ทายาทที่ไม่พอใจ จะไม่ยื้อแย่งทรัพย์เหล่านั้นไป”
ดังนี้.
เมื่อกุลบุตรนั้น ทำการอารักขาคุ้มครองอยู่อย่างนี้
พระราชา ริบเอาทรัพย์เหล่านั้นไปเสียก็ตาม,
โจร ปล้นเอาทรัพย์เหล่านั้นไปเสียก็ตาม,
ไฟ ไหม้ทรัพย์เหล่านั้นเสียก็ตาม,
น้ำ ท่วมทำลายทรัพย์เหล่านั้นเสียก็ตาม,
หรือทายาทที่ไม่พอใจ ยื้อแย่งเอาทรัพย์เหล่านั้นไปได้ก็ตาม,
เขา ย่อมโศกเศร้า ระทมใจ คร่ำครวญ ตีอกร่ำไห้ ถึงความมืดมัวรำพันอยู่ ว่า
“ ทรัพย์ใดได้มีแล้วแก่เรา ทรัพย์นั้นไม่มีเสียแล้ว”
ดังนี้.
--ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย
เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
+--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
--ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
: เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ
เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
:พระราชา ย่อมวิวาทกับพระราชาบ้าง,
กษัตริย์ย่อมวิวาทกับกษัตริย์บ้าง,
พราหมณ์ย่อมวิวาทกับพราหมณ์บ้าง,
คฤหบดีย่อมวิวาทกับคฤหบดีบ้าง,
มารดาย่อมวิวาทกับบุตรบ้าง,
บุตรย่อมวิวาทกับมารดาบ้าง,
บิดาย่อมวิวาทกับบุตรบ้าง,
บุตรย่อมวิวาทกับบิดาบ้าง,
พี่น้องชายย่อมวิวาทกับพี่น้องชายบ้าง,
พี่น้องชายย่อมวิวาทกับพี่น้องหญิงบ้าง,
พี่น้องหญิงย่อมวิวาทกับพี่น้องชายบ้าง,
สหายย่อมวิวาทกับสหายบ้าง ;
คนเหล่านั้น ทำการทะเลาะ วิวาท บาดหมางกันแล้ว
ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยมือบ้าง,
ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยก้อนดินบ้าง,
ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยท่อนไม้บ้าง,
ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยศัสตราบ้าง, อยู่ในที่นั้นๆ.
เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ.
--ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
+--เป็นเหตุ เพราะกามนั่นเทียว.
--ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
: เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ
เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
: คนทั้งหลาย ถือดาบและโล่ ผูกสอดธนูและแล่งศร แบ่งกันเป็นสองกองทัพ
พุ่งเข้าทำสงครามกัน.
เมื่อลูกศรถูกปล่อยไป, เมื่อหอกถูกซัดไป, เมื่อดาบถูกกวัดแกว่งอยู่,
คนเหล่านั้น ยิงกันด้วยลูกศรบ้าง, แทงกันด้วยหอกบ้าง, ตัดศีรษะกันด้วยดาบบ้าง,
ในสงครามนั้น ๆ, เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตายหรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ.
--ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษ ของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
--ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
: เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ
เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
: คนทั้งหลาย ถือดาบและโล่ ผูกสอดธนูและแล่งศร วิ่งขึ้นปีนเชิงเทิน (เพื่อปล้นเอาเมือง), เมื่อลูกศรถูกปล่อยไป, เมื่อหอกถูกซัดไป, เมื่อดาบถูกกวัดแกว่งอยู่,
คนเหล่านั้น ยิงกันด้วยลูกศรบ้าง, แทงกันด้วยหอกบ้าง,
ราดกันด้วยเถ้าถ่านโคมัยอันร้อนบ้าง.
ปล่อยของหนักให้ตกลงทับทีเดียวตายทั้งหมู่บ้าง, ตัดศีรษะกันด้วยดาบบ้าง,
ในสงครามนั้น ๆ, เขาเหล่านั้นย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ.
--ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
--ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
: เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ
+--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
: คนทั้งหลาย ย่อมตัดช่อง ย่องเบา ปล้นสะดมในเรือนหลังเดียว
คอยดักทำร้ายในที่เปลี่ยว และล่วงภรรยาผู้อื่น.
พระราชา จับคนเหล่านั้นมาแล้ว ให้ลงกรรมกรณ์หลายวิธีด้วยกัน
เช่นเฆี่ยนด้วยหวายบ้าง, หวดด้วยเชือกหนังบ้าง, ทุบด้วยท่อนไม้บ้าง, ตัดมือเสียบ้าง,
ตัดเท้าเสียบ้าง, ตัดเสียทั้งมือและเท้าบ้าง, ตัดหูบ้าง, ตัดจมูกบ้าง, ตัดเสียทั้งหูและจมูกบ้าง,
ยอมทำโทษโดยวิธี หม้อเคี่ยวน้ำส้ม-๑ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี ขอดสังข์๒ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี ปากราหู-๓ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี มาลัยไฟ-๔ บ้าง.
ย่อมทำโทษ โดยวิธี คบมือ-๕ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี ริ้วส่าย-๖ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี นุ่งเปลือกไม้-๗ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี ยืนกวาง-๘ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี เกี่ยวเหยื่อเบ็ด-๙ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี เหรียญกษปณ์-๑๐ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี ทาเกลือบ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี แปรงแสบ-๑๑ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี กางเกวียน-๑๒ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี ตั่งฟาง๑๓ บ้าง,
ย่อมราดด้วยน้ำมันร้อนๆ บ้าง,
ย่อมปล่อยให้สุนัขทึ้ง-๑๔ บ้าง,
ย่อมให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็น ๆ บ้าง,
ย่อมตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง.
เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ.
--ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย
เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
+--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
--ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
: เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ
เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
: คนทั้งหลาย ย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ.
ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจแล้ว,
เขาเหล่านั้น ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เบื้องหน้าแต่การตาย
เพราะการแตกสลายแห่งกาย.
--ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย
เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เองมีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
+--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว,.
ดังนี้แล.-
! --
©หมายเหตุ ตามนัยอรรถกถาและพระไตรปิฎกแปลของ ม.อำไพจริต.
-๑. หม้อเคี่ยวน้ำส้ม คือต่อยหัวขมองแยกออก แล้วใช้คีมคีบก้อนเหล็กที่ลุกแดงใส่ลงไปให้มันสมองเดือดพลุ่งขึ้น เหมือนน้ำส้มเดือดล้นหม้อ.-
-๒. ขอดสังข์ คือตัดหนังควั่นไปให้รอบจอนหูทั้งสองข้าง และหลุมคอ แล้วรวบผมทั้งหมดขมวดไว้ ใช้ไม้สอดหมุ ยกขึ้น ให้หนังหลุดติดขึ้นมาพร้อมกับผมแล้วใช้ทรายหยาบขัดกระโหลกศีรษะล้างให้ขาว ดั่งสังข์.-
-๓. ปากราหู คือใช้ขอเหล็กง้างปากให้อ้าแล้วจุดไฟในปาก. อีกอย่างหนึ่ง ใช้สิ่วตอกเจาะตั้งแต่จอนหูเข้าไปจนถึงปาก ให้โลหิตไหลออกมาเต็มปาก ดูปากอ้า ดั่งปากราหู.-
-๔. มาลัยไฟ คือใช้ผ้าชุบน้ำมันพันจนทั่วตัวแล้วจุดไฟ-
-๕. คบมือ คือใช้ผ้าชุบน้ำมันพันมือทั่วสองข้างจนทั่ว แล้วจุดไฟ.-
-๖. ริ้วส่าย คือเชือดหนังลอกออกเป็นริ้วๆ ตั้งแต่ใต้คอไปจนถึงข้อเท้า แล้วเอาเชือกผูกฉุดคร่าไป นักโทษเดินเหยียบริ้วหนังของตัวล้มลุกคลุกคลานไปกว่าจะตาย-
-๗. นุ่งเปลือกไม้ คือเชือดหนังเป็นริ้ว ๆ อย่างบทก่อน แต่ทำเป็นสองตอน ตั้งแต่ใต้คอจนถึงเอวตอนหนึ่ง ตั้งแต่เอวจนถึงข้อเท้าตอนหนึ่ง ริ้วหนังตอนบนห้อยคลุมลงมาปิดกายตอนล่าง ดูดั่งนุ่งเปลือกไม้-
-๘. ยืนกวาง คือใช้ห่วงเหล็กรัดศอกทั้งสอง และเข่าทั้งสอง ตรึงติดไว้กับหลักเหล็กสี่หลักบนพื้นดิน ดูดั่ง กวางถูกตรึง แล้วก่อไฟล้อมลนไปกว่าจะตาย.-
-๙. เกี่ยวเหยื่อเบ็ด คือใช้เบ็ดมีเงี่ยงสองข้าง เกี่ยวตัวดึงเอาหนังเนื้อและเอ็นออกมาให้หมด.-
-๑๐. เหรียญกษาปณ์ คือใช้มีดคมเชือดเนื้อออกเป็นแว่นๆ ขนาดเท่าเงินเหรียญจนกว่าจะตาย.-
-๑๑. แปรงแสบ คือฟันสับเสียให้ยับทั่วกาย แล้วใช้แปรงชุบน้ำแสบ (มีน้ำเกลือเป็นต้น) ถูครูดสีไปมาให้หนังเนื้อเอ็น ขาดหลุดออกมาหมด เหลือแต่กระดูก.-
-๑๒. กางเกวียน คือให้นอนตะแคง แล้วใช้หลาวเหล็กตอกเข้าช่องหูให้ทะลุ ลงไปตรึงแน่นอยู่กับดิน แล้วจับเท้าทั้งสองยกเดินเวียน.-
-๑๓. ตั่งฟาง คือใช้ลูกหินบดทับตัว บดให้กระดูกแตกละเอียด แต่ไม่ให้หนังขาด แล้วจับผมรวบขึ้นเขย่าๆ ให้เนื้อรวมเข้าเป็นกอง แล้วใช้ผมนั่นแหละพันตะล่อมวางไว้ เหมือนดั่งที่ทำด้วยฟางสำหรับเช็ดเท้า.-
-๑๔. ให้สุนัขทึ้ง คือขังฝูงสุนัขให้อดหิวโซหลายวัน แล้วปล่อยให้ออกมารุมทึ้ง พักเดียวเหลือแต่กระดูก.
---!
#ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/116/198.
http://etipitaka.com/read/thai/12/116/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%98
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๑๖๙/๑๙๘.
http://etipitaka.com/read/pali/12/169/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%98
ศึกษาเพิ่มเติม..
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=311
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21&id=311
หรือ
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21
ลำดับสาธยายธรรม : 21 ฟังเสียง...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_21.mp3
สัทธรรมลำดับที่ : 311
ชื่อบทธรรม :- ทุกข์โทษที่เกิดจากกาม
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=311
เนื้อความทั้งหมด :-
--ทุกข์โทษที่เกิดจากกาม
--ภิกษุ ท. ! โทษของกามทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า ?
--ภิกษุ ท. ! กุลบุตรในโลกนี้ สำเร็จการเลี้ยงชีวิตด้วยอาชีพศิลปะใด ๆ เช่น
ศิลปะแห่งการใช้สัญญาด้วยมือ,
ศิลปะแห่งการคำนวณ,
ศิลปะแห่งการพยากรณ์,
การทำกสิกรรม พาณิชยกรรม และโครักขกรรม,
ศิลปะแห่งศัสตราวุธ,
และการทำราชการ และศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง ;
เพราะการประกอบอาชีพนั้น ๆ เขาต้องเผชิญหน้าต่อความหนาว ความร้อน
เผชิญหน้าด้วย เหลือบ ยุง ลม แดด และสัมผัสด้วยสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย
ซูบผอมอยู่ หิวระหายอยู่ เพราะการไม่ได้บริโภคตามเวลา.
--ภิกษุ ท. ! นี้ เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
+--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
--ภิกษุ ท. ! เมื่อกุลบุตรนั้น พากเพียร ขวนขวาย พยายามอยู่อย่างนี้,
โภคทรัพย์ ก็ยังไม่สำเร็จแก่เขา,
เขา ย่อมโศกเศร้า ระทมใจ คร่ำครวญ ตีอก ร่ำไห้ ถึงความมืดมัวอยู่ ว่า
“ความขยันของเรา เป็นหมันหนอ,
ความพยายามของเราไร้ผลหนอ”
ดังนี้.
--ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
+--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
--ภิกษุ ท. ! เมื่อกุลบุตรนั้น พากเพียร ขวนขวาย พยายาม อยู่อย่างนี้,
โภคทรัพย์ ก็สำเร็จแก่เขาด้วย เขา ก็จะต้องเสวยทุกข์ โทมนัส
เพราะการอารักขาโภคทรัพย์เหล่านั้นเป็นต้นเหตุ ด้วยหวังอยู่ ว่า
“พระราชาจะไม่ริบทรัพย์เหล่านั้นไป,
โจร จะไม่ปล้นทรัพย์เหล่านั้นไป,
ไฟ จะไม่ไหม้ทรัพย์เหล่านั้น,
น้ำ จะไม่ท่วมทำลายทรัพย์เหล่านั้น ;
ทายาทที่ไม่พอใจ จะไม่ยื้อแย่งทรัพย์เหล่านั้นไป”
ดังนี้.
เมื่อกุลบุตรนั้น ทำการอารักขาคุ้มครองอยู่อย่างนี้
พระราชา ริบเอาทรัพย์เหล่านั้นไปเสียก็ตาม,
โจร ปล้นเอาทรัพย์เหล่านั้นไปเสียก็ตาม,
ไฟ ไหม้ทรัพย์เหล่านั้นเสียก็ตาม,
น้ำ ท่วมทำลายทรัพย์เหล่านั้นเสียก็ตาม,
หรือทายาทที่ไม่พอใจ ยื้อแย่งเอาทรัพย์เหล่านั้นไปได้ก็ตาม,
เขา ย่อมโศกเศร้า ระทมใจ คร่ำครวญ ตีอกร่ำไห้ ถึงความมืดมัวรำพันอยู่ ว่า
“ ทรัพย์ใดได้มีแล้วแก่เรา ทรัพย์นั้นไม่มีเสียแล้ว”
ดังนี้.
--ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย
เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
+--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
--ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
: เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ
เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
:พระราชา ย่อมวิวาทกับพระราชาบ้าง,
กษัตริย์ย่อมวิวาทกับกษัตริย์บ้าง,
พราหมณ์ย่อมวิวาทกับพราหมณ์บ้าง,
คฤหบดีย่อมวิวาทกับคฤหบดีบ้าง,
มารดาย่อมวิวาทกับบุตรบ้าง,
บุตรย่อมวิวาทกับมารดาบ้าง,
บิดาย่อมวิวาทกับบุตรบ้าง,
บุตรย่อมวิวาทกับบิดาบ้าง,
พี่น้องชายย่อมวิวาทกับพี่น้องชายบ้าง,
พี่น้องชายย่อมวิวาทกับพี่น้องหญิงบ้าง,
พี่น้องหญิงย่อมวิวาทกับพี่น้องชายบ้าง,
สหายย่อมวิวาทกับสหายบ้าง ;
คนเหล่านั้น ทำการทะเลาะ วิวาท บาดหมางกันแล้ว
ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยมือบ้าง,
ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยก้อนดินบ้าง,
ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยท่อนไม้บ้าง,
ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยศัสตราบ้าง, อยู่ในที่นั้นๆ.
เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ.
--ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
+--เป็นเหตุ เพราะกามนั่นเทียว.
--ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
: เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ
เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
: คนทั้งหลาย ถือดาบและโล่ ผูกสอดธนูและแล่งศร แบ่งกันเป็นสองกองทัพ
พุ่งเข้าทำสงครามกัน.
เมื่อลูกศรถูกปล่อยไป, เมื่อหอกถูกซัดไป, เมื่อดาบถูกกวัดแกว่งอยู่,
คนเหล่านั้น ยิงกันด้วยลูกศรบ้าง, แทงกันด้วยหอกบ้าง, ตัดศีรษะกันด้วยดาบบ้าง,
ในสงครามนั้น ๆ, เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตายหรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ.
--ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษ ของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
--ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
: เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ
เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
: คนทั้งหลาย ถือดาบและโล่ ผูกสอดธนูและแล่งศร วิ่งขึ้นปีนเชิงเทิน (เพื่อปล้นเอาเมือง), เมื่อลูกศรถูกปล่อยไป, เมื่อหอกถูกซัดไป, เมื่อดาบถูกกวัดแกว่งอยู่,
คนเหล่านั้น ยิงกันด้วยลูกศรบ้าง, แทงกันด้วยหอกบ้าง,
ราดกันด้วยเถ้าถ่านโคมัยอันร้อนบ้าง.
ปล่อยของหนักให้ตกลงทับทีเดียวตายทั้งหมู่บ้าง, ตัดศีรษะกันด้วยดาบบ้าง,
ในสงครามนั้น ๆ, เขาเหล่านั้นย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ.
--ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
--ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
: เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ
+--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
: คนทั้งหลาย ย่อมตัดช่อง ย่องเบา ปล้นสะดมในเรือนหลังเดียว
คอยดักทำร้ายในที่เปลี่ยว และล่วงภรรยาผู้อื่น.
พระราชา จับคนเหล่านั้นมาแล้ว ให้ลงกรรมกรณ์หลายวิธีด้วยกัน
เช่นเฆี่ยนด้วยหวายบ้าง, หวดด้วยเชือกหนังบ้าง, ทุบด้วยท่อนไม้บ้าง, ตัดมือเสียบ้าง,
ตัดเท้าเสียบ้าง, ตัดเสียทั้งมือและเท้าบ้าง, ตัดหูบ้าง, ตัดจมูกบ้าง, ตัดเสียทั้งหูและจมูกบ้าง,
ยอมทำโทษโดยวิธี หม้อเคี่ยวน้ำส้ม-๑ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี ขอดสังข์๒ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี ปากราหู-๓ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี มาลัยไฟ-๔ บ้าง.
ย่อมทำโทษ โดยวิธี คบมือ-๕ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี ริ้วส่าย-๖ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี นุ่งเปลือกไม้-๗ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี ยืนกวาง-๘ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี เกี่ยวเหยื่อเบ็ด-๙ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี เหรียญกษปณ์-๑๐ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี ทาเกลือบ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี แปรงแสบ-๑๑ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี กางเกวียน-๑๒ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี ตั่งฟาง๑๓ บ้าง,
ย่อมราดด้วยน้ำมันร้อนๆ บ้าง,
ย่อมปล่อยให้สุนัขทึ้ง-๑๔ บ้าง,
ย่อมให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็น ๆ บ้าง,
ย่อมตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง.
เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ.
--ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย
เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
+--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
--ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
: เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ
เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
: คนทั้งหลาย ย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ.
ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจแล้ว,
เขาเหล่านั้น ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เบื้องหน้าแต่การตาย
เพราะการแตกสลายแห่งกาย.
--ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย
เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เองมีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
+--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว,.
ดังนี้แล.-
! --
©หมายเหตุ ตามนัยอรรถกถาและพระไตรปิฎกแปลของ ม.อำไพจริต.
-๑. หม้อเคี่ยวน้ำส้ม คือต่อยหัวขมองแยกออก แล้วใช้คีมคีบก้อนเหล็กที่ลุกแดงใส่ลงไปให้มันสมองเดือดพลุ่งขึ้น เหมือนน้ำส้มเดือดล้นหม้อ.-
-๒. ขอดสังข์ คือตัดหนังควั่นไปให้รอบจอนหูทั้งสองข้าง และหลุมคอ แล้วรวบผมทั้งหมดขมวดไว้ ใช้ไม้สอดหมุ ยกขึ้น ให้หนังหลุดติดขึ้นมาพร้อมกับผมแล้วใช้ทรายหยาบขัดกระโหลกศีรษะล้างให้ขาว ดั่งสังข์.-
-๓. ปากราหู คือใช้ขอเหล็กง้างปากให้อ้าแล้วจุดไฟในปาก. อีกอย่างหนึ่ง ใช้สิ่วตอกเจาะตั้งแต่จอนหูเข้าไปจนถึงปาก ให้โลหิตไหลออกมาเต็มปาก ดูปากอ้า ดั่งปากราหู.-
-๔. มาลัยไฟ คือใช้ผ้าชุบน้ำมันพันจนทั่วตัวแล้วจุดไฟ-
-๕. คบมือ คือใช้ผ้าชุบน้ำมันพันมือทั่วสองข้างจนทั่ว แล้วจุดไฟ.-
-๖. ริ้วส่าย คือเชือดหนังลอกออกเป็นริ้วๆ ตั้งแต่ใต้คอไปจนถึงข้อเท้า แล้วเอาเชือกผูกฉุดคร่าไป นักโทษเดินเหยียบริ้วหนังของตัวล้มลุกคลุกคลานไปกว่าจะตาย-
-๗. นุ่งเปลือกไม้ คือเชือดหนังเป็นริ้ว ๆ อย่างบทก่อน แต่ทำเป็นสองตอน ตั้งแต่ใต้คอจนถึงเอวตอนหนึ่ง ตั้งแต่เอวจนถึงข้อเท้าตอนหนึ่ง ริ้วหนังตอนบนห้อยคลุมลงมาปิดกายตอนล่าง ดูดั่งนุ่งเปลือกไม้-
-๘. ยืนกวาง คือใช้ห่วงเหล็กรัดศอกทั้งสอง และเข่าทั้งสอง ตรึงติดไว้กับหลักเหล็กสี่หลักบนพื้นดิน ดูดั่ง กวางถูกตรึง แล้วก่อไฟล้อมลนไปกว่าจะตาย.-
-๙. เกี่ยวเหยื่อเบ็ด คือใช้เบ็ดมีเงี่ยงสองข้าง เกี่ยวตัวดึงเอาหนังเนื้อและเอ็นออกมาให้หมด.-
-๑๐. เหรียญกษาปณ์ คือใช้มีดคมเชือดเนื้อออกเป็นแว่นๆ ขนาดเท่าเงินเหรียญจนกว่าจะตาย.-
-๑๑. แปรงแสบ คือฟันสับเสียให้ยับทั่วกาย แล้วใช้แปรงชุบน้ำแสบ (มีน้ำเกลือเป็นต้น) ถูครูดสีไปมาให้หนังเนื้อเอ็น ขาดหลุดออกมาหมด เหลือแต่กระดูก.-
-๑๒. กางเกวียน คือให้นอนตะแคง แล้วใช้หลาวเหล็กตอกเข้าช่องหูให้ทะลุ ลงไปตรึงแน่นอยู่กับดิน แล้วจับเท้าทั้งสองยกเดินเวียน.-
-๑๓. ตั่งฟาง คือใช้ลูกหินบดทับตัว บดให้กระดูกแตกละเอียด แต่ไม่ให้หนังขาด แล้วจับผมรวบขึ้นเขย่าๆ ให้เนื้อรวมเข้าเป็นกอง แล้วใช้ผมนั่นแหละพันตะล่อมวางไว้ เหมือนดั่งที่ทำด้วยฟางสำหรับเช็ดเท้า.-
-๑๔. ให้สุนัขทึ้ง คือขังฝูงสุนัขให้อดหิวโซหลายวัน แล้วปล่อยให้ออกมารุมทึ้ง พักเดียวเหลือแต่กระดูก.
---!
#ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/116/198.
http://etipitaka.com/read/thai/12/116/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%98
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๑๖๙/๑๙๘.
http://etipitaka.com/read/pali/12/169/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%98
ศึกษาเพิ่มเติม..
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=311
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21&id=311
หรือ
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21
ลำดับสาธยายธรรม : 21 ฟังเสียง...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_21.mp3
อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าทุกข์โทษที่เกิดจากกาม
สัทธรรมลำดับที่ : 311
ชื่อบทธรรม :- ทุกข์โทษที่เกิดจากกาม
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=311
เนื้อความทั้งหมด :-
--ทุกข์โทษที่เกิดจากกาม
--ภิกษุ ท. ! โทษของกามทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า ?
--ภิกษุ ท. ! กุลบุตรในโลกนี้ สำเร็จการเลี้ยงชีวิตด้วยอาชีพศิลปะใด ๆ เช่น
ศิลปะแห่งการใช้สัญญาด้วยมือ,
ศิลปะแห่งการคำนวณ,
ศิลปะแห่งการพยากรณ์,
การทำกสิกรรม พาณิชยกรรม และโครักขกรรม,
ศิลปะแห่งศัสตราวุธ,
และการทำราชการ และศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง ;
เพราะการประกอบอาชีพนั้น ๆ เขาต้องเผชิญหน้าต่อความหนาว ความร้อน
เผชิญหน้าด้วย เหลือบ ยุง ลม แดด และสัมผัสด้วยสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย
ซูบผอมอยู่ หิวระหายอยู่ เพราะการไม่ได้บริโภคตามเวลา.
--ภิกษุ ท. ! นี้ เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
+--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
--ภิกษุ ท. ! เมื่อกุลบุตรนั้น พากเพียร ขวนขวาย พยายามอยู่อย่างนี้,
โภคทรัพย์ ก็ยังไม่สำเร็จแก่เขา,
เขา ย่อมโศกเศร้า ระทมใจ คร่ำครวญ ตีอก ร่ำไห้ ถึงความมืดมัวอยู่ ว่า
“ความขยันของเรา เป็นหมันหนอ,
ความพยายามของเราไร้ผลหนอ”
ดังนี้.
--ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
+--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
--ภิกษุ ท. ! เมื่อกุลบุตรนั้น พากเพียร ขวนขวาย พยายาม อยู่อย่างนี้,
โภคทรัพย์ ก็สำเร็จแก่เขาด้วย เขา ก็จะต้องเสวยทุกข์ โทมนัส
เพราะการอารักขาโภคทรัพย์เหล่านั้นเป็นต้นเหตุ ด้วยหวังอยู่ ว่า
“พระราชาจะไม่ริบทรัพย์เหล่านั้นไป,
โจร จะไม่ปล้นทรัพย์เหล่านั้นไป,
ไฟ จะไม่ไหม้ทรัพย์เหล่านั้น,
น้ำ จะไม่ท่วมทำลายทรัพย์เหล่านั้น ;
ทายาทที่ไม่พอใจ จะไม่ยื้อแย่งทรัพย์เหล่านั้นไป”
ดังนี้.
เมื่อกุลบุตรนั้น ทำการอารักขาคุ้มครองอยู่อย่างนี้
พระราชา ริบเอาทรัพย์เหล่านั้นไปเสียก็ตาม,
โจร ปล้นเอาทรัพย์เหล่านั้นไปเสียก็ตาม,
ไฟ ไหม้ทรัพย์เหล่านั้นเสียก็ตาม,
น้ำ ท่วมทำลายทรัพย์เหล่านั้นเสียก็ตาม,
หรือทายาทที่ไม่พอใจ ยื้อแย่งเอาทรัพย์เหล่านั้นไปได้ก็ตาม,
เขา ย่อมโศกเศร้า ระทมใจ คร่ำครวญ ตีอกร่ำไห้ ถึงความมืดมัวรำพันอยู่ ว่า
“ ทรัพย์ใดได้มีแล้วแก่เรา ทรัพย์นั้นไม่มีเสียแล้ว”
ดังนี้.
--ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย
เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
+--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
--ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
: เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ
เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
:พระราชา ย่อมวิวาทกับพระราชาบ้าง,
กษัตริย์ย่อมวิวาทกับกษัตริย์บ้าง,
พราหมณ์ย่อมวิวาทกับพราหมณ์บ้าง,
คฤหบดีย่อมวิวาทกับคฤหบดีบ้าง,
มารดาย่อมวิวาทกับบุตรบ้าง,
บุตรย่อมวิวาทกับมารดาบ้าง,
บิดาย่อมวิวาทกับบุตรบ้าง,
บุตรย่อมวิวาทกับบิดาบ้าง,
พี่น้องชายย่อมวิวาทกับพี่น้องชายบ้าง,
พี่น้องชายย่อมวิวาทกับพี่น้องหญิงบ้าง,
พี่น้องหญิงย่อมวิวาทกับพี่น้องชายบ้าง,
สหายย่อมวิวาทกับสหายบ้าง ;
คนเหล่านั้น ทำการทะเลาะ วิวาท บาดหมางกันแล้ว
ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยมือบ้าง,
ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยก้อนดินบ้าง,
ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยท่อนไม้บ้าง,
ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยศัสตราบ้าง, อยู่ในที่นั้นๆ.
เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ.
--ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
+--เป็นเหตุ เพราะกามนั่นเทียว.
--ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
: เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ
เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
: คนทั้งหลาย ถือดาบและโล่ ผูกสอดธนูและแล่งศร แบ่งกันเป็นสองกองทัพ
พุ่งเข้าทำสงครามกัน.
เมื่อลูกศรถูกปล่อยไป, เมื่อหอกถูกซัดไป, เมื่อดาบถูกกวัดแกว่งอยู่,
คนเหล่านั้น ยิงกันด้วยลูกศรบ้าง, แทงกันด้วยหอกบ้าง, ตัดศีรษะกันด้วยดาบบ้าง,
ในสงครามนั้น ๆ, เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตายหรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ.
--ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษ ของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
--ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
: เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ
เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
: คนทั้งหลาย ถือดาบและโล่ ผูกสอดธนูและแล่งศร วิ่งขึ้นปีนเชิงเทิน (เพื่อปล้นเอาเมือง), เมื่อลูกศรถูกปล่อยไป, เมื่อหอกถูกซัดไป, เมื่อดาบถูกกวัดแกว่งอยู่,
คนเหล่านั้น ยิงกันด้วยลูกศรบ้าง, แทงกันด้วยหอกบ้าง,
ราดกันด้วยเถ้าถ่านโคมัยอันร้อนบ้าง.
ปล่อยของหนักให้ตกลงทับทีเดียวตายทั้งหมู่บ้าง, ตัดศีรษะกันด้วยดาบบ้าง,
ในสงครามนั้น ๆ, เขาเหล่านั้นย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ.
--ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
--ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
: เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ
+--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
: คนทั้งหลาย ย่อมตัดช่อง ย่องเบา ปล้นสะดมในเรือนหลังเดียว
คอยดักทำร้ายในที่เปลี่ยว และล่วงภรรยาผู้อื่น.
พระราชา จับคนเหล่านั้นมาแล้ว ให้ลงกรรมกรณ์หลายวิธีด้วยกัน
เช่นเฆี่ยนด้วยหวายบ้าง, หวดด้วยเชือกหนังบ้าง, ทุบด้วยท่อนไม้บ้าง, ตัดมือเสียบ้าง,
ตัดเท้าเสียบ้าง, ตัดเสียทั้งมือและเท้าบ้าง, ตัดหูบ้าง, ตัดจมูกบ้าง, ตัดเสียทั้งหูและจมูกบ้าง,
ยอมทำโทษโดยวิธี หม้อเคี่ยวน้ำส้ม-๑ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี ขอดสังข์๒ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี ปากราหู-๓ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี มาลัยไฟ-๔ บ้าง.
ย่อมทำโทษ โดยวิธี คบมือ-๕ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี ริ้วส่าย-๖ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี นุ่งเปลือกไม้-๗ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี ยืนกวาง-๘ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี เกี่ยวเหยื่อเบ็ด-๙ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี เหรียญกษปณ์-๑๐ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี ทาเกลือบ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี แปรงแสบ-๑๑ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี กางเกวียน-๑๒ บ้าง,
ย่อมทำโทษโดยวิธี ตั่งฟาง๑๓ บ้าง,
ย่อมราดด้วยน้ำมันร้อนๆ บ้าง,
ย่อมปล่อยให้สุนัขทึ้ง-๑๔ บ้าง,
ย่อมให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็น ๆ บ้าง,
ย่อมตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง.
เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ.
--ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย
เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
+--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
--ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
: เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ
เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
: คนทั้งหลาย ย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ.
ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจแล้ว,
เขาเหล่านั้น ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เบื้องหน้าแต่การตาย
เพราะการแตกสลายแห่งกาย.
--ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย
เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เองมีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
+--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว,.
ดังนี้แล.-
! --
©หมายเหตุ ตามนัยอรรถกถาและพระไตรปิฎกแปลของ ม.อำไพจริต.
-๑. หม้อเคี่ยวน้ำส้ม คือต่อยหัวขมองแยกออก แล้วใช้คีมคีบก้อนเหล็กที่ลุกแดงใส่ลงไปให้มันสมองเดือดพลุ่งขึ้น เหมือนน้ำส้มเดือดล้นหม้อ.-
-๒. ขอดสังข์ คือตัดหนังควั่นไปให้รอบจอนหูทั้งสองข้าง และหลุมคอ แล้วรวบผมทั้งหมดขมวดไว้ ใช้ไม้สอดหมุ ยกขึ้น ให้หนังหลุดติดขึ้นมาพร้อมกับผมแล้วใช้ทรายหยาบขัดกระโหลกศีรษะล้างให้ขาว ดั่งสังข์.-
-๓. ปากราหู คือใช้ขอเหล็กง้างปากให้อ้าแล้วจุดไฟในปาก. อีกอย่างหนึ่ง ใช้สิ่วตอกเจาะตั้งแต่จอนหูเข้าไปจนถึงปาก ให้โลหิตไหลออกมาเต็มปาก ดูปากอ้า ดั่งปากราหู.-
-๔. มาลัยไฟ คือใช้ผ้าชุบน้ำมันพันจนทั่วตัวแล้วจุดไฟ-
-๕. คบมือ คือใช้ผ้าชุบน้ำมันพันมือทั่วสองข้างจนทั่ว แล้วจุดไฟ.-
-๖. ริ้วส่าย คือเชือดหนังลอกออกเป็นริ้วๆ ตั้งแต่ใต้คอไปจนถึงข้อเท้า แล้วเอาเชือกผูกฉุดคร่าไป นักโทษเดินเหยียบริ้วหนังของตัวล้มลุกคลุกคลานไปกว่าจะตาย-
-๗. นุ่งเปลือกไม้ คือเชือดหนังเป็นริ้ว ๆ อย่างบทก่อน แต่ทำเป็นสองตอน ตั้งแต่ใต้คอจนถึงเอวตอนหนึ่ง ตั้งแต่เอวจนถึงข้อเท้าตอนหนึ่ง ริ้วหนังตอนบนห้อยคลุมลงมาปิดกายตอนล่าง ดูดั่งนุ่งเปลือกไม้-
-๘. ยืนกวาง คือใช้ห่วงเหล็กรัดศอกทั้งสอง และเข่าทั้งสอง ตรึงติดไว้กับหลักเหล็กสี่หลักบนพื้นดิน ดูดั่ง กวางถูกตรึง แล้วก่อไฟล้อมลนไปกว่าจะตาย.-
-๙. เกี่ยวเหยื่อเบ็ด คือใช้เบ็ดมีเงี่ยงสองข้าง เกี่ยวตัวดึงเอาหนังเนื้อและเอ็นออกมาให้หมด.-
-๑๐. เหรียญกษาปณ์ คือใช้มีดคมเชือดเนื้อออกเป็นแว่นๆ ขนาดเท่าเงินเหรียญจนกว่าจะตาย.-
-๑๑. แปรงแสบ คือฟันสับเสียให้ยับทั่วกาย แล้วใช้แปรงชุบน้ำแสบ (มีน้ำเกลือเป็นต้น) ถูครูดสีไปมาให้หนังเนื้อเอ็น ขาดหลุดออกมาหมด เหลือแต่กระดูก.-
-๑๒. กางเกวียน คือให้นอนตะแคง แล้วใช้หลาวเหล็กตอกเข้าช่องหูให้ทะลุ ลงไปตรึงแน่นอยู่กับดิน แล้วจับเท้าทั้งสองยกเดินเวียน.-
-๑๓. ตั่งฟาง คือใช้ลูกหินบดทับตัว บดให้กระดูกแตกละเอียด แต่ไม่ให้หนังขาด แล้วจับผมรวบขึ้นเขย่าๆ ให้เนื้อรวมเข้าเป็นกอง แล้วใช้ผมนั่นแหละพันตะล่อมวางไว้ เหมือนดั่งที่ทำด้วยฟางสำหรับเช็ดเท้า.-
-๑๔. ให้สุนัขทึ้ง คือขังฝูงสุนัขให้อดหิวโซหลายวัน แล้วปล่อยให้ออกมารุมทึ้ง พักเดียวเหลือแต่กระดูก.
---!
#ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/116/198.
http://etipitaka.com/read/thai/12/116/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%98
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๑๖๙/๑๙๘.
http://etipitaka.com/read/pali/12/169/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%98
ศึกษาเพิ่มเติม..
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=311
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21&id=311
หรือ
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21
ลำดับสาธยายธรรม : 21 ฟังเสียง...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_21.mp3
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
118 มุมมอง
0 รีวิว