• กองทัพบกโต้ข่าวปลอม! ยันคลิปรื้อถอนหลักเขตแดนเป็นข้อมูลบิดเบือน...ชี้หลักคอนกรีตไม่ใช่หลักเขตแดนจริง
    https://www.thai-tai.tv/news/21004/
    .
    #กองทัพบก #ข่าวปลอม #หลักเขตแดน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวความมั่นคง #ไทยไท

    กองทัพบกโต้ข่าวปลอม! ยันคลิปรื้อถอนหลักเขตแดนเป็นข้อมูลบิดเบือน...ชี้หลักคอนกรีตไม่ใช่หลักเขตแดนจริง https://www.thai-tai.tv/news/21004/ . #กองทัพบก #ข่าวปลอม #หลักเขตแดน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวความมั่นคง #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม่ทัพภาคที่1 ตกประเมินชัดเจน ไม่พยายามจริงจนสุดความสามารถในการผลักดันคนเขมรออกพ้นจากหลักเขตแดนที่ตนเองรับผิดชอบและเห็นตำตาจริงในพื้นที่อำนาจตนดูแล,ไปเกรงใจคนเขมรเหี้ยมันทำไม,ต้องทำเด็ดขาดแบบแม่ทัพภาค2, ทหารเขมรมีกำลังก็ไม่มากเพราะไปปะทะอีสานใต้หมดแล้ว ทำไมแม่ทัพภาคที่1ไม่ดำเนินการสุดกำลังตน ปะทะดุเดือดแบบตาควายก็ต้องปะทะเพื่อถีบคนเขมรออกจากพื้นที่ไทยไปหลังเขตหมุดไทยให้ชัดเจน อยู่คือตายทั้งหมดเป็นต้น,
    ..คนเขมรสันดานเขมร คนไทยเราพักงานพวกมันทั้งหมดก่อนเถอะ ยิ่งอยู่ไทยสามารถเสี่ยงก่อการร้ายในไทยได้ตลอดเวลา,คนเขมรถือว่าเป็นภัยต่ออธิปไตยไทยแล้ว จะเชื่อใจคนประเทศศัตรูได้อย่างไร ปลูกฝังอนาถฝังลึกขนาดนั้นอีกตั้งแต่เด็กๆ,เห็นคนเขมรที่หนองจานบอกเลยยิ่งรับคนเขมรไม่ได้,อยากได้อะไรนักหนาแผ่นดินที่มิใช่ของตนเอง.,ต้องปิดพรมแดนถาวรตลอดแนวห้ามปิดทุกๆกรณีให้คนเขมรเข้าประเทศไทย ใครเข้ามายิงทิ้งหมด,ต่างชาติสงสารเขมรที่เข้ามาไทยสามารถติดต่อรับไปแดกไปเลี้ยงดูตามสบายได้,มาเลย์สามารถรับคนเขมรหนีเข้าไปไปให้สัญชาติใหม่เป็นเขมรมาเลย์สองสัญชาติได้,อเมริกาเหี้ยทรัมป์เสือกประกาศตัดตอนห้ามคนเขมรเข้าประเทศอเมริกามันก่อนเช่นนั้นจะพูดแบบตัวอย่างมาเลย์นั้นล่ะ,เรา..คนไทยเลิกสงสารมันสัก30-40ปีเถอะ,สันดานคนทรยศหักหลังนีัอย่าเมตตากรุณามันเลย บุรพระมหากษัตริย์ทรงสั่งสอนไว้ถูกต้องแล้วเราคนไทยพึงใส่ใจจริงจังยึดถือปฏิบัติตามด้วย จนพระองค์ท่านเอาเลือดหัวกษัตริย์มันมาล้างตีนโน้น.,หักหลังทรยศเนรคุณอยู่ในสันดานมันจริงๆ,พระเจ้าชัยวรมันที่7ค้ำประกันได้จนสาปแซงมันทั้งแผ่นดินและคนเขมรเอง.
    ..https://youtube.com/watch?v=yLd56ARfSv8&si=MlOzZKTK2cpbXX_4
    แม่ทัพภาคที่1 ตกประเมินชัดเจน ไม่พยายามจริงจนสุดความสามารถในการผลักดันคนเขมรออกพ้นจากหลักเขตแดนที่ตนเองรับผิดชอบและเห็นตำตาจริงในพื้นที่อำนาจตนดูแล,ไปเกรงใจคนเขมรเหี้ยมันทำไม,ต้องทำเด็ดขาดแบบแม่ทัพภาค2, ทหารเขมรมีกำลังก็ไม่มากเพราะไปปะทะอีสานใต้หมดแล้ว ทำไมแม่ทัพภาคที่1ไม่ดำเนินการสุดกำลังตน ปะทะดุเดือดแบบตาควายก็ต้องปะทะเพื่อถีบคนเขมรออกจากพื้นที่ไทยไปหลังเขตหมุดไทยให้ชัดเจน อยู่คือตายทั้งหมดเป็นต้น, ..คนเขมรสันดานเขมร คนไทยเราพักงานพวกมันทั้งหมดก่อนเถอะ ยิ่งอยู่ไทยสามารถเสี่ยงก่อการร้ายในไทยได้ตลอดเวลา,คนเขมรถือว่าเป็นภัยต่ออธิปไตยไทยแล้ว จะเชื่อใจคนประเทศศัตรูได้อย่างไร ปลูกฝังอนาถฝังลึกขนาดนั้นอีกตั้งแต่เด็กๆ,เห็นคนเขมรที่หนองจานบอกเลยยิ่งรับคนเขมรไม่ได้,อยากได้อะไรนักหนาแผ่นดินที่มิใช่ของตนเอง.,ต้องปิดพรมแดนถาวรตลอดแนวห้ามปิดทุกๆกรณีให้คนเขมรเข้าประเทศไทย ใครเข้ามายิงทิ้งหมด,ต่างชาติสงสารเขมรที่เข้ามาไทยสามารถติดต่อรับไปแดกไปเลี้ยงดูตามสบายได้,มาเลย์สามารถรับคนเขมรหนีเข้าไปไปให้สัญชาติใหม่เป็นเขมรมาเลย์สองสัญชาติได้,อเมริกาเหี้ยทรัมป์เสือกประกาศตัดตอนห้ามคนเขมรเข้าประเทศอเมริกามันก่อนเช่นนั้นจะพูดแบบตัวอย่างมาเลย์นั้นล่ะ,เรา..คนไทยเลิกสงสารมันสัก30-40ปีเถอะ,สันดานคนทรยศหักหลังนีัอย่าเมตตากรุณามันเลย บุรพระมหากษัตริย์ทรงสั่งสอนไว้ถูกต้องแล้วเราคนไทยพึงใส่ใจจริงจังยึดถือปฏิบัติตามด้วย จนพระองค์ท่านเอาเลือดหัวกษัตริย์มันมาล้างตีนโน้น.,หักหลังทรยศเนรคุณอยู่ในสันดานมันจริงๆ,พระเจ้าชัยวรมันที่7ค้ำประกันได้จนสาปแซงมันทั้งแผ่นดินและคนเขมรเอง. ..https://youtube.com/watch?v=yLd56ARfSv8&si=MlOzZKTK2cpbXX_4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารภาค1 ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทำไมไม่ออกมาพูดชี้แจงสร้างความมั่นใจแก่ชาวบ้านด้วย มีแต่สื่อนำเสนอด้านเดียวจากปากชาวบ้านและกระดาษหลักเขตของชาวบ้าน แต่จากฝ่ายทหารแม่ทัพภาค1ที่ดูแลกำกับพื้นที่ทั้งหมดจริงทำไมไม่ออกมาพูดอะไรกับสื่อของไทยเราเองบ้าง,การวางรั้วก็อยากเห็นชัดเจนว่าติดหลักเขตแดนเสาเขตแดนจริงมั้ย อย่าห่างจากหลักเขตแดน400-500เมตรอย่างที่อาสนธิออกรายการพูดความจริงมั้ย,ต้องชี้แจงด้วย เพราะการวางรั้วลวดหนามอาจวางจริงแต่เสือกไปวางในอัตรา1:200,000ตามเขมรเป็นเขตแดนก็เหี้ยแน่นอน,วางรั้วลวดหนามจริงแต่ไม่ตรงอัจรา1:50,000ก็เหี้ยบัดสบเช่นกัน ไม่ติดหลักมุดสยามที่ทำไว้กับฝรั่งเลยก็ว่า ห่างจากหลักสยามหมุดเสาเขตแดนก็เหี้ยเลยนั้นอีกล่ะ,ไร้ความชัดเจนออกสื่อให้ประชาชนทั่วประเทศมารับรู้ร่วมด้วยเลยก็ว่า,จากคลิปที่ปลิวทั่วโซเชียล หลักหมุดไทยในฝั่งเขมร รั่วลวดหนามไทยทำการย้ายมาติดหลักเสาหมุดเขตแดนนั้นแล้วหรือยัง,ทหารภาค1ต้องถ่ายรั้วลวดหนามเราติดกับเสาหมดสยามเราให้คนไทยทั้งประเทศเห็นให้ชัดเจนจริงด้วย,ตลอดแนวเขตแดนที่วางลวดหนามนั้น เอื้ออำนวยที่ดินแดนดินตนแบ่งปันให้เขมรอีกหรือไม่ แบบแบ่งหนองจานบ้านหนองจานคนละครึ่งกับเขมร มันเป็นจริงแบบนั้นก็เหี้ยอีก,สรุปเขตแดนก็มีหลักเขตเสาแดนชัดเจน สันปันน้ำนี้ ทหารแม่ทัพภาค1ต้องทำอะไรๆให้ชัดเจนเปิดเผยต่อประชาชนมากกว่านี้เพราะหลังจากอ.วีระออกมาแฉ มันไม่น่าไว้วางใจในภาระกิจกิจการของแนวพรมแดนไทยกับเขมรที่แม่ทัพภาคที่1รับผิดชอบทั้งตลอดแนวพรมแดนเป็นอย่างมาก,สื่อไทยเราเล่นเรื่องนี้น้อยผิดปกติเหมือนถูกห้ามด้วย,แบบสั่งห้ามตอบโต้เขมรก่อนปะทะเดือดมั้ยนะ,สื่อไทยเราต้องแฉค่าจริงความเถื่อนต่างๆสาระพัดผลประโยชน์ที่ฝั่งไทยแบบทหารเลวชั่วฝั่งไทยไปทำกิจการเลวชั่วเถื่อนๆและกิจกรรมสาระพัดเถื่อนที่ฝั่งเขมรนั้นด้วย,ยุคเราต้องกวาดล้างกำจัดทหารเลวชั่วกันจริงๆจังๆได้แล้ว,ผีบ้าอะไรเขมรยึดแผ่นดินไทยลุุกล้ำยึดครองอธิปไตยไทยกว่า17ปีถึงกว่า11จุดแน่นอนหากรวมภาคตะวันออกจริงๆถึงทะเลอ่าวไทย,โดยทหารผู้เกี่ยวข้องในระยะเวลา17ปีนี้ปล่อยละเลยไม่ถีบเขมรออกจากดินแดนอธิปไตยไทย นายพลทหารทั้งสมัยนั่นๆท่านทำอะไรอยู่.???


    https://youtube.com/watch?v=ccgRnEcatkY&si=wDsakafVRN40DXMQ
    ทหารภาค1 ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทำไมไม่ออกมาพูดชี้แจงสร้างความมั่นใจแก่ชาวบ้านด้วย มีแต่สื่อนำเสนอด้านเดียวจากปากชาวบ้านและกระดาษหลักเขตของชาวบ้าน แต่จากฝ่ายทหารแม่ทัพภาค1ที่ดูแลกำกับพื้นที่ทั้งหมดจริงทำไมไม่ออกมาพูดอะไรกับสื่อของไทยเราเองบ้าง,การวางรั้วก็อยากเห็นชัดเจนว่าติดหลักเขตแดนเสาเขตแดนจริงมั้ย อย่าห่างจากหลักเขตแดน400-500เมตรอย่างที่อาสนธิออกรายการพูดความจริงมั้ย,ต้องชี้แจงด้วย เพราะการวางรั้วลวดหนามอาจวางจริงแต่เสือกไปวางในอัตรา1:200,000ตามเขมรเป็นเขตแดนก็เหี้ยแน่นอน,วางรั้วลวดหนามจริงแต่ไม่ตรงอัจรา1:50,000ก็เหี้ยบัดสบเช่นกัน ไม่ติดหลักมุดสยามที่ทำไว้กับฝรั่งเลยก็ว่า ห่างจากหลักสยามหมุดเสาเขตแดนก็เหี้ยเลยนั้นอีกล่ะ,ไร้ความชัดเจนออกสื่อให้ประชาชนทั่วประเทศมารับรู้ร่วมด้วยเลยก็ว่า,จากคลิปที่ปลิวทั่วโซเชียล หลักหมุดไทยในฝั่งเขมร รั่วลวดหนามไทยทำการย้ายมาติดหลักเสาหมุดเขตแดนนั้นแล้วหรือยัง,ทหารภาค1ต้องถ่ายรั้วลวดหนามเราติดกับเสาหมดสยามเราให้คนไทยทั้งประเทศเห็นให้ชัดเจนจริงด้วย,ตลอดแนวเขตแดนที่วางลวดหนามนั้น เอื้ออำนวยที่ดินแดนดินตนแบ่งปันให้เขมรอีกหรือไม่ แบบแบ่งหนองจานบ้านหนองจานคนละครึ่งกับเขมร มันเป็นจริงแบบนั้นก็เหี้ยอีก,สรุปเขตแดนก็มีหลักเขตเสาแดนชัดเจน สันปันน้ำนี้ ทหารแม่ทัพภาค1ต้องทำอะไรๆให้ชัดเจนเปิดเผยต่อประชาชนมากกว่านี้เพราะหลังจากอ.วีระออกมาแฉ มันไม่น่าไว้วางใจในภาระกิจกิจการของแนวพรมแดนไทยกับเขมรที่แม่ทัพภาคที่1รับผิดชอบทั้งตลอดแนวพรมแดนเป็นอย่างมาก,สื่อไทยเราเล่นเรื่องนี้น้อยผิดปกติเหมือนถูกห้ามด้วย,แบบสั่งห้ามตอบโต้เขมรก่อนปะทะเดือดมั้ยนะ,สื่อไทยเราต้องแฉค่าจริงความเถื่อนต่างๆสาระพัดผลประโยชน์ที่ฝั่งไทยแบบทหารเลวชั่วฝั่งไทยไปทำกิจการเลวชั่วเถื่อนๆและกิจกรรมสาระพัดเถื่อนที่ฝั่งเขมรนั้นด้วย,ยุคเราต้องกวาดล้างกำจัดทหารเลวชั่วกันจริงๆจังๆได้แล้ว,ผีบ้าอะไรเขมรยึดแผ่นดินไทยลุุกล้ำยึดครองอธิปไตยไทยกว่า17ปีถึงกว่า11จุดแน่นอนหากรวมภาคตะวันออกจริงๆถึงทะเลอ่าวไทย,โดยทหารผู้เกี่ยวข้องในระยะเวลา17ปีนี้ปล่อยละเลยไม่ถีบเขมรออกจากดินแดนอธิปไตยไทย นายพลทหารทั้งสมัยนั่นๆท่านทำอะไรอยู่.??? https://youtube.com/watch?v=ccgRnEcatkY&si=wDsakafVRN40DXMQ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หมาหวงกระดูกประจำภาคตะวันออกเครื่องตัดหัวหมาต้องมีของท่านเปา.
    ..คณะยามเฝ้าแผ่นดินเราหรืออาสนธิฟ้องแม่ทัพภาค1เลยฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่บวก119ด้วย.หลักฐานชัดเจนมากจาก อ.วีระตรึมและกูรูคนเก่งทั่วไทยเรา,แบบชาวขอนแก่นฟ้องภูมิธรรม,ยื่นทั่วไทยเดินขึ้นศาลทั่วแต่ละจังหวัดคนละกรรมคนละบท ฟ้องนายพลทั้งอดีตถึงปัจจุบันด้วย คณะรวมพลังแผ่นดินไทยเราต้องออกมาสนับสนุนแสดงจุดยืนร่วมกันและเปิดเผยบนเวทีในที่สาธารณะด้วยเลย เพราะความจริงค่าจริงทั้งนั้น,คนชั่วเลวต้องไม่มีที่ยืนบนแผ่นดินไทยเราอีกต่อไป,,จริงๆเห็นความผิดปกตินี้แปลกๆก็ว่า,ผีบ้าอะไรเขายึดถีบยิงสนั่นตรึมผลักเขมร ยึดคืนทุกๆยุทธวิถี,หนองจานเสือกเงียบผิดปกติ เข้าใจว่าคงยึดได้เหมือนแม่ทัพภาค2 ผลักดันเขมรออกไปหมดแบบสะดวกง่ายๆไม่ลำบากแบบอีสานใต้เพราะแนวราบไร้ภูเขาอะไร ,หลักเขตแดนก็ทำชัดเจนหมด,ลุกล้ำมาก็ผลักดันง่าย ทหารเขมรเห็นชัดว่าผิดตามแนวหลักเขตแดน จะมามุกแบบอีสานใต้ไม่ได้,ตลอดพรมแดนหลัก28ถึง50หรือ73ต้องห้ามคนเขมรยืนเหยียบพื้นที่ทุกๆตารางนิ้วในเวลานี้,กฎเจรจาหยุดยิงใช้ไม่ได้ด้วยเพราะเขตแดนไทยชัดเจน เขมรต้องออกจากพื้นที่ไทยอย่างเดียวเพราะถือว่ายืนลุกล้ำบนอาณาเขตไทย ภาค1ต้องถีบเขมรออกไปทั้งหมด รั้วลวดหนามก็ต้องเร่งรีบวางรั้วลวดหนามตามเขตหลักเสาแดนที่ชัดเจนนั้น อาจติดเสา บวกลบไม่เกิน1เมตรได้เข้ามาฝั่งดินแดนตนมิใช่ผีบ้าปัญญาอ่อนเสือกนั่งในราชการทหารได้แบบนั้นไม่วางรั้วลวดหนามโคตรพ่อโคตรแมร่งบรมโคตรมรึงเหรอห่างจากหลักเสาหลักเขตแดนกว่า500เมตรตามอาสนธิกล่าว.,นี้โทษประหารชัดเจน มีเจตนาชัดเจนหมายมุ่งประสงค์ให้ประเทศไทยตนสูญเสียดินแดนอธิปไตยไทยไป,ทุกๆคนที่บัญชาการสั่งการและเกี่ยวข้องมีความผิดต่ออธิปไตยชาติและกฎทหารชัดเจนมาก,คณะประชาชนคนไทยที่รักชาติบ้านเมืองแบบชาวขอนแก่นที่ฟ้องศาลต่อภูมิธรรม น่าจะสามารถฟ้องดำเนินคดีพวกทหารชั่วเลวนี้ได้ด้วย,คณะรวมพลังแผ่นดินไทยและยามเฝ้าแผ่นดินเราก็น่าจะนำทีมคณะทนายสภาแห่งชาติยื่นฟ้องศาลไว้ก่อนด้วยเลย,สภาทนายความประเทศไทยมีไว้ทำไม,ถ้าเห็นขนาดนี้ไม่ทำหน้าที่ทนายของประเทศก็ยุบไปเถอะ,ตั้งขึ้นใหม่ว่าเพื่อออกใบอนุญาตให้คนเป็นทนายเท่านั่นก็พอ,รกประเทศ.
    #หมาหวงกระดูกประจำภาคตะวันออกเครื่องตัดหัวหมาต้องมีของท่านเปา. ..คณะยามเฝ้าแผ่นดินเราหรืออาสนธิฟ้องแม่ทัพภาค1เลยฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่บวก119ด้วย.หลักฐานชัดเจนมากจาก อ.วีระตรึมและกูรูคนเก่งทั่วไทยเรา,แบบชาวขอนแก่นฟ้องภูมิธรรม,ยื่นทั่วไทยเดินขึ้นศาลทั่วแต่ละจังหวัดคนละกรรมคนละบท ฟ้องนายพลทั้งอดีตถึงปัจจุบันด้วย คณะรวมพลังแผ่นดินไทยเราต้องออกมาสนับสนุนแสดงจุดยืนร่วมกันและเปิดเผยบนเวทีในที่สาธารณะด้วยเลย เพราะความจริงค่าจริงทั้งนั้น,คนชั่วเลวต้องไม่มีที่ยืนบนแผ่นดินไทยเราอีกต่อไป,,จริงๆเห็นความผิดปกตินี้แปลกๆก็ว่า,ผีบ้าอะไรเขายึดถีบยิงสนั่นตรึมผลักเขมร ยึดคืนทุกๆยุทธวิถี,หนองจานเสือกเงียบผิดปกติ เข้าใจว่าคงยึดได้เหมือนแม่ทัพภาค2 ผลักดันเขมรออกไปหมดแบบสะดวกง่ายๆไม่ลำบากแบบอีสานใต้เพราะแนวราบไร้ภูเขาอะไร ,หลักเขตแดนก็ทำชัดเจนหมด,ลุกล้ำมาก็ผลักดันง่าย ทหารเขมรเห็นชัดว่าผิดตามแนวหลักเขตแดน จะมามุกแบบอีสานใต้ไม่ได้,ตลอดพรมแดนหลัก28ถึง50หรือ73ต้องห้ามคนเขมรยืนเหยียบพื้นที่ทุกๆตารางนิ้วในเวลานี้,กฎเจรจาหยุดยิงใช้ไม่ได้ด้วยเพราะเขตแดนไทยชัดเจน เขมรต้องออกจากพื้นที่ไทยอย่างเดียวเพราะถือว่ายืนลุกล้ำบนอาณาเขตไทย ภาค1ต้องถีบเขมรออกไปทั้งหมด รั้วลวดหนามก็ต้องเร่งรีบวางรั้วลวดหนามตามเขตหลักเสาแดนที่ชัดเจนนั้น อาจติดเสา บวกลบไม่เกิน1เมตรได้เข้ามาฝั่งดินแดนตนมิใช่ผีบ้าปัญญาอ่อนเสือกนั่งในราชการทหารได้แบบนั้นไม่วางรั้วลวดหนามโคตรพ่อโคตรแมร่งบรมโคตรมรึงเหรอห่างจากหลักเสาหลักเขตแดนกว่า500เมตรตามอาสนธิกล่าว.,นี้โทษประหารชัดเจน มีเจตนาชัดเจนหมายมุ่งประสงค์ให้ประเทศไทยตนสูญเสียดินแดนอธิปไตยไทยไป,ทุกๆคนที่บัญชาการสั่งการและเกี่ยวข้องมีความผิดต่ออธิปไตยชาติและกฎทหารชัดเจนมาก,คณะประชาชนคนไทยที่รักชาติบ้านเมืองแบบชาวขอนแก่นที่ฟ้องศาลต่อภูมิธรรม น่าจะสามารถฟ้องดำเนินคดีพวกทหารชั่วเลวนี้ได้ด้วย,คณะรวมพลังแผ่นดินไทยและยามเฝ้าแผ่นดินเราก็น่าจะนำทีมคณะทนายสภาแห่งชาติยื่นฟ้องศาลไว้ก่อนด้วยเลย,สภาทนายความประเทศไทยมีไว้ทำไม,ถ้าเห็นขนาดนี้ไม่ทำหน้าที่ทนายของประเทศก็ยุบไปเถอะ,ตั้งขึ้นใหม่ว่าเพื่อออกใบอนุญาตให้คนเป็นทนายเท่านั่นก็พอ,รกประเทศ.
    สนธิเล่าเรื่อง 18-8-68

    คลิก https://m.youtube.com/watch?v=OuGhcEyX39k
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 18-8-68
    .
    เช้าวันจันทร์กลับมาพบกับรายการสนธิเล่าเรื่องเช่นเคย หลังจากประชุมและรับประทานอาหารเช้ากับทีมงานเป็น "ข้าวหน้าไก่ สูตรบ้านพระอาทิตย์" แล้ว คุณสนธิจะมาพบกับท่านผู้ชมโดยเฉพาะเรื่องอนาคตของ ท่านแม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ว่าเป็น "ทหารอาชีพ" ที่หายากยิ่งในรอบหลายสิบปี รวมถึงปัญหาหลักเขตแดนไทยที่ปูดออกมาเมื่อวันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม ว่าดันไปอยู่ในพื้นที่ของกัมพูชา ส่วนทหารไทยนั้นได้แต่ล้อมรั้วลวดหนาม-ขึงสแลนสีดำอยู่ไกลๆ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยเสียดินแดนไม่ใช่แค่นิ้วเดียว แต่เสียไปแล้วหลายร้อยเมตร เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชี้ให้เห็นถึงความเน่าเฟะภายในกองทัพภาคที่ 1 โดยเฉพาะกองกำลังบูรพาพยัคฆ์ ... เรื่องราว หลักฐานจะเป็นอย่างไรโปรดติดตาม
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=OuGhcEyX39k
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #แม่ทัพภาค2
    สนธิเล่าเรื่อง 18-8-68 . เช้าวันจันทร์กลับมาพบกับรายการสนธิเล่าเรื่องเช่นเคย หลังจากประชุมและรับประทานอาหารเช้ากับทีมงานเป็น "ข้าวหน้าไก่ สูตรบ้านพระอาทิตย์" แล้ว คุณสนธิจะมาพบกับท่านผู้ชมโดยเฉพาะเรื่องอนาคตของ ท่านแม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ว่าเป็น "ทหารอาชีพ" ที่หายากยิ่งในรอบหลายสิบปี รวมถึงปัญหาหลักเขตแดนไทยที่ปูดออกมาเมื่อวันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม ว่าดันไปอยู่ในพื้นที่ของกัมพูชา ส่วนทหารไทยนั้นได้แต่ล้อมรั้วลวดหนาม-ขึงสแลนสีดำอยู่ไกลๆ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยเสียดินแดนไม่ใช่แค่นิ้วเดียว แต่เสียไปแล้วหลายร้อยเมตร เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชี้ให้เห็นถึงความเน่าเฟะภายในกองทัพภาคที่ 1 โดยเฉพาะกองกำลังบูรพาพยัคฆ์ ... เรื่องราว หลักฐานจะเป็นอย่างไรโปรดติดตาม . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=OuGhcEyX39k . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #แม่ทัพภาค2
    Love
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีกลิ่นแปลกๆอีกแล้วในวงการทหารไทยเรา,จุดสังเกตุ ภาค1เหตุใดไม่ใช้กำลังทหารทั้งหมดของตนผลักดันคนเขมรออกไปจากพื้นที่1:50,000ทั้งหมดเหมือนภาค2ที่ใช้มาตราส่วน1:50,000นั้น สมยอมช่วยเขมรมั้ย,โอกาสก่อนวันที่28ก.ค.คือ27ก็ได้ ทำไมไม่ปะทะเดือดขับไล่ทหารเขมร คนเขมรออกจากพื้นที่ดินแดนทุกๆกรณีก่อนทันที,ทั้งทหารเขมรเองเป็นจำนวนมากก็เคลื่อนทหารเขมรมันเป็นอันมากไปปะทะอีสานใต้ชายแดนรบแถวนั้นเสียมากกว่า กำลังทหารเขมาตรงบริเวณจุดนี้ถือว่าน้อยลงทันที ทหารไทยซึ่งมีจำนวนพลมากกว่าประจำภาค1ตนต้องมีมากแน่นอนพอๆกับภาค2เล็กน้อย,อาจปะทะเดือดแบบภูมะเขือหรือตาควายตาทมก็ตามเพื่อยึดพื้นที่ยุทธศาสตร์ของตนคืนมาอย่างชัดเจน,ผลงานภาค1ถือว่าตกประเมิน หนองจานจุดเป็นข่าวมีชื่อเสียงอยู่แล้วจากคุณวีระยิ่งต้องดำเนินการให้เด็ดขาดรัดกุมยึดคืนมาทั้งหมดตามสันปันน้ำตามเขตแดนที่ปักมุดจริงทันที่ด้วยหรือสิทธิ1:50,000มาตราฐานสากลลาวเวียดนามไทยเราใช้ร่วมกัน,ภาค1เรามีเหตุอันต้องสงสัยจริงๆต่อยุทธการยึดดินแดนพื้นที่ไทยตนคืนจริงๆ,ล้อมรั้วลวดหนามอีก การข่าวการเส้นแดน เส้นขีดพรมแดนว่าหลักเขตแดนไทยอยู่จุดไหน ตั้งต้นล้อมที่ต้นหลักมุดนั้นๆโดยตรงทำไม่ได้จริงเหรอ,เป็นภูเขาหน้าผาเหรอ,หรือทางลาบบ้านเรือนคนเขมรกีดกั้นเกินไป,ทหารไทยต้องทุบทำลายทันทีที่สร้างขัดขวางทางลวดหนาม,ถ้าไม่ถูกต้องรื้อทิ้ง ล้อมใหม่ให้ถูกต้อง และต้องประกาศบอกผ่านสื่อแก่ประชาชนชัดเจนว่าจะต้องทำให้ถูกต้องไม่ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ตาควายมันติดปราสาท หนองจานติดปัญหาตัวปราสาทด้วยเหรอ ทหารเขมรอยู่ในตัวปราสาทแบบนั้นเหรอ,จึงจัดการเด็ดขาดไม่ได้ในการยึดพื้นที่ดินแดนไทยที่เป็นของไทยถูกต้องกลับคือมา,เสามุดหาย พิกัดละติจูดลองติจูดxyมีบันทึกหมดล่ะ,หากเจตนาล้อมรั้วลวดหนามไม่ตรงจุดตรงเส้นในค่าจริงเป็นความจริง,นี้คือเจตนาปฏิบัติหน้าที่ให้ไทยตนเองสูญเสียดินแดนพื้นที่อธิปไตยไทยตนเลยนะ,โทษสำเร็จทันที,ฮุนเซนฮุนมาเนตเอาสื่อลงไปเอาพยานลงไปถ่ายรูปถ่ายคลิปเป็นหลักฐานปลอมหลักฐานผิดให้เป็นจริงและช่วยยืนยันพท้นที่ที่มิใช่ของมันให้เป็นของมันเลยนะ.
    ..ทหารไทยภาค1 ต้องประกาศชัด อะไรที่เป็นพื้นที่ดินแดนไทยถึงตรงไหนจุดไหน คนเขมรต้องออกจากพื้นที่ของประเทศไทยทั้งหมดทันที, ตอบโต้คือผลักดันแรงงานเขมรทั้งถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมายกลับประเทศเขมรทั้งหมดทันที,เขมรหมดความไว้วางใจไร้ความซื่อสัตย์ใดๆโดยภาพรวมแล้ว ไม่สามารถให้คนเขมรอยู่บนแผ่นดินไทยได้อีกต่อไปทุกๆกรณี.
    ..สำคัญต้องพูดแบบแม่ทัพภาค2ส่งบอกผ่านเขมรไปว่า จะยึดคืนดินแดนทั้งหมดที่เป็นของไทยกลับคืนมา อะไร ตรงไหน จุดใดถึงจุดไหนที่เป็นแผ่นดินของคนไทยจะยึดคืนทั้งหมด.

    https://youtube.com/watch?v=yn62aLUUYIo&si=G8mBVfZbQM8EIB7r
    มีกลิ่นแปลกๆอีกแล้วในวงการทหารไทยเรา,จุดสังเกตุ ภาค1เหตุใดไม่ใช้กำลังทหารทั้งหมดของตนผลักดันคนเขมรออกไปจากพื้นที่1:50,000ทั้งหมดเหมือนภาค2ที่ใช้มาตราส่วน1:50,000นั้น สมยอมช่วยเขมรมั้ย,โอกาสก่อนวันที่28ก.ค.คือ27ก็ได้ ทำไมไม่ปะทะเดือดขับไล่ทหารเขมร คนเขมรออกจากพื้นที่ดินแดนทุกๆกรณีก่อนทันที,ทั้งทหารเขมรเองเป็นจำนวนมากก็เคลื่อนทหารเขมรมันเป็นอันมากไปปะทะอีสานใต้ชายแดนรบแถวนั้นเสียมากกว่า กำลังทหารเขมาตรงบริเวณจุดนี้ถือว่าน้อยลงทันที ทหารไทยซึ่งมีจำนวนพลมากกว่าประจำภาค1ตนต้องมีมากแน่นอนพอๆกับภาค2เล็กน้อย,อาจปะทะเดือดแบบภูมะเขือหรือตาควายตาทมก็ตามเพื่อยึดพื้นที่ยุทธศาสตร์ของตนคืนมาอย่างชัดเจน,ผลงานภาค1ถือว่าตกประเมิน หนองจานจุดเป็นข่าวมีชื่อเสียงอยู่แล้วจากคุณวีระยิ่งต้องดำเนินการให้เด็ดขาดรัดกุมยึดคืนมาทั้งหมดตามสันปันน้ำตามเขตแดนที่ปักมุดจริงทันที่ด้วยหรือสิทธิ1:50,000มาตราฐานสากลลาวเวียดนามไทยเราใช้ร่วมกัน,ภาค1เรามีเหตุอันต้องสงสัยจริงๆต่อยุทธการยึดดินแดนพื้นที่ไทยตนคืนจริงๆ,ล้อมรั้วลวดหนามอีก การข่าวการเส้นแดน เส้นขีดพรมแดนว่าหลักเขตแดนไทยอยู่จุดไหน ตั้งต้นล้อมที่ต้นหลักมุดนั้นๆโดยตรงทำไม่ได้จริงเหรอ,เป็นภูเขาหน้าผาเหรอ,หรือทางลาบบ้านเรือนคนเขมรกีดกั้นเกินไป,ทหารไทยต้องทุบทำลายทันทีที่สร้างขัดขวางทางลวดหนาม,ถ้าไม่ถูกต้องรื้อทิ้ง ล้อมใหม่ให้ถูกต้อง และต้องประกาศบอกผ่านสื่อแก่ประชาชนชัดเจนว่าจะต้องทำให้ถูกต้องไม่ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ตาควายมันติดปราสาท หนองจานติดปัญหาตัวปราสาทด้วยเหรอ ทหารเขมรอยู่ในตัวปราสาทแบบนั้นเหรอ,จึงจัดการเด็ดขาดไม่ได้ในการยึดพื้นที่ดินแดนไทยที่เป็นของไทยถูกต้องกลับคือมา,เสามุดหาย พิกัดละติจูดลองติจูดxyมีบันทึกหมดล่ะ,หากเจตนาล้อมรั้วลวดหนามไม่ตรงจุดตรงเส้นในค่าจริงเป็นความจริง,นี้คือเจตนาปฏิบัติหน้าที่ให้ไทยตนเองสูญเสียดินแดนพื้นที่อธิปไตยไทยตนเลยนะ,โทษสำเร็จทันที,ฮุนเซนฮุนมาเนตเอาสื่อลงไปเอาพยานลงไปถ่ายรูปถ่ายคลิปเป็นหลักฐานปลอมหลักฐานผิดให้เป็นจริงและช่วยยืนยันพท้นที่ที่มิใช่ของมันให้เป็นของมันเลยนะ. ..ทหารไทยภาค1 ต้องประกาศชัด อะไรที่เป็นพื้นที่ดินแดนไทยถึงตรงไหนจุดไหน คนเขมรต้องออกจากพื้นที่ของประเทศไทยทั้งหมดทันที, ตอบโต้คือผลักดันแรงงานเขมรทั้งถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมายกลับประเทศเขมรทั้งหมดทันที,เขมรหมดความไว้วางใจไร้ความซื่อสัตย์ใดๆโดยภาพรวมแล้ว ไม่สามารถให้คนเขมรอยู่บนแผ่นดินไทยได้อีกต่อไปทุกๆกรณี. ..สำคัญต้องพูดแบบแม่ทัพภาค2ส่งบอกผ่านเขมรไปว่า จะยึดคืนดินแดนทั้งหมดที่เป็นของไทยกลับคืนมา อะไร ตรงไหน จุดใดถึงจุดไหนที่เป็นแผ่นดินของคนไทยจะยึดคืนทั้งหมด. https://youtube.com/watch?v=yn62aLUUYIo&si=G8mBVfZbQM8EIB7r
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อตกลง jbc ครั้งล่าสุด คือการจัดทำแผนที่ทางอากาศให้สอดคล้องกับแผนที่ 1 : 200000

    คนไทยจะรักษาดินแดนได้อย่างไร ในเมื่อนักการเมืองไปทำข้อตกลงกันโดยไม่บอก ไม่อธิบาย

    (1) Approval of the outcome of the 4th Meeting of the Thailand - Cambodia Joint Technical Sub-Committee (JTSC) on 14 July 2024 in Siem Reap. Both sides agreed on the result of fact finding mission for 74 BPs, in which the location of 45 boundary pillars mutually agreed upon and also agreed to use LiDAR technology for the production of Orthophoto Maps to expedite the survey and demarcation process,

    1. รับรองผลการประชุมคณะอนุกรรมการเทคนิค (JTSC) ครั้งที่ 4 ที่จัดขึ้น ณ เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2567

    * ยอมรับผลภารกิจภาคสนาม (Fact-Finding Mission) สำหรับเสาหลักเขตแดน 74 จุด

    * ตกลงร่วมกันได้แล้ว 45 จุด วางตำแหน่งเสาเขตแดนโดยมีความเห็นตรงกัน

    * เห็นชอบให้ ใช้เทคโนโลยี LiDAR สำหรับจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto Maps) เพื่อเร่งขั้นตอนการสำรวจและปักปัน


    (2) Approval of the Amendment of 2003 Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Thailand and Cambodia, (TOR 2003) to incorporate LiDAR technology into the Orthophoto Maps production step.

    2. เห็นชอบการแก้ไข TOR ปี 2003 (Terms of Reference)
    ปรับแผนแม่บท (Master Plan) เพื่อ บรรจุการใช้เทคโนโลยี LiDAR ในขั้นตอนจัดทำแผนที่ Orthophoto อย่างเป็นทางการ

    (3) Tasking the JTSC with drafting Technical Instructions (Technical Instruction: TI), agreement to empower the JTSC to prepare TI to guide the Joint Survey Team to conduct survey and demarcation work on the terrain where boundary pillars location have been agreed,

    3. มอบหมาย JTSC จัดทำ “ข้อกำหนดทางเทคนิค” (Technical Instruction: TI)

    เพื่อใช้เป็นคู่มือให้แก่ทีมสำรวจร่วม (Joint Survey Team)

    สำหรับการปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ได้ตกลงตำแหน่งเสาหลักเขตแดนแล้ว


    (4) Agreement on Technical Preparation for Sector 6, to assign the JTSC to prepare technical instructions for the survey works in Section 6 (from Satta Som mountain to BP 1 at Chong Sangam, Sisaket Province), which has been pending since 2011, along with the production of Orthophoto Maps.


    4. เห็นชอบการเตรียมงานด้านเทคนิคสำหรับ “Sector 6”

    มอบหมาย JTSC จัดทำคำสั่งทางเทคนิค พร้อมแผนที่ Orthophoto

    พื้นที่ Sector 6 ครอบคลุมแนวจาก ภูสัตตะสุม (Satta Som) ถึง เสาหลัก BP 1 ณ ช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ

    พื้นที่นี้ค้างการดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2554


    แม้ว่ารัฐบาลจะแจ้งกับสื่อว่าไม่ยอมรับแผนที่ 1 : 200000 แต่ก็เป็นท่าทีที่ย้อนแย้งับเอกสารในกรอบการเจรจาและข้อตกลงในการประชุม JBC ที่อ้างถึง TOR2003 ซึ่งเป็นการยอมรับแผนที่ 1 : 200000 อย่างเป็นทางการ

    ที่สำคัญคือ ทั้ง 4 ข้อไม่ใช่เพียงข้อตกลงร่วมเฉยๆ แต่มันได้ถูกดำเนินการจนแล้วเสร็จหมดแล้วต่อเนื่องมาตั้งแต่รัฐบาลนายเศษฐา

    คนไทยเหลือความหวังเดียวในขั้นตอน TI ที่เกี่ยวเนื่องกับแผนทางอากาศ GPS แผนที่ Orthophoto ที่จะต้องสอดคล้องกับแผนที่ 1 : 200000 และจะกลายเป็นแผนที่และดินแดนในอนาคตที่ไทยต้องสูญเสียกลุ่มปราสาทตาเหมือน อย่างไม่มีวันได้กลับมา หากไม่ดำเนินการยับยั้งการลงนาม TI ที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้

    จะต้องสูญเสียอีกเท่าไหร่ไทยถึงจะเรียนรู้
    ข้อตกลง jbc ครั้งล่าสุด คือการจัดทำแผนที่ทางอากาศให้สอดคล้องกับแผนที่ 1 : 200000 คนไทยจะรักษาดินแดนได้อย่างไร ในเมื่อนักการเมืองไปทำข้อตกลงกันโดยไม่บอก ไม่อธิบาย (1) Approval of the outcome of the 4th Meeting of the Thailand - Cambodia Joint Technical Sub-Committee (JTSC) on 14 July 2024 in Siem Reap. Both sides agreed on the result of fact finding mission for 74 BPs, in which the location of 45 boundary pillars mutually agreed upon and also agreed to use LiDAR technology for the production of Orthophoto Maps to expedite the survey and demarcation process, 1. รับรองผลการประชุมคณะอนุกรรมการเทคนิค (JTSC) ครั้งที่ 4 ที่จัดขึ้น ณ เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 * ยอมรับผลภารกิจภาคสนาม (Fact-Finding Mission) สำหรับเสาหลักเขตแดน 74 จุด * ตกลงร่วมกันได้แล้ว 45 จุด วางตำแหน่งเสาเขตแดนโดยมีความเห็นตรงกัน * เห็นชอบให้ ใช้เทคโนโลยี LiDAR สำหรับจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto Maps) เพื่อเร่งขั้นตอนการสำรวจและปักปัน (2) Approval of the Amendment of 2003 Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Thailand and Cambodia, (TOR 2003) to incorporate LiDAR technology into the Orthophoto Maps production step. 2. เห็นชอบการแก้ไข TOR ปี 2003 (Terms of Reference) ปรับแผนแม่บท (Master Plan) เพื่อ บรรจุการใช้เทคโนโลยี LiDAR ในขั้นตอนจัดทำแผนที่ Orthophoto อย่างเป็นทางการ (3) Tasking the JTSC with drafting Technical Instructions (Technical Instruction: TI), agreement to empower the JTSC to prepare TI to guide the Joint Survey Team to conduct survey and demarcation work on the terrain where boundary pillars location have been agreed, 3. มอบหมาย JTSC จัดทำ “ข้อกำหนดทางเทคนิค” (Technical Instruction: TI) เพื่อใช้เป็นคู่มือให้แก่ทีมสำรวจร่วม (Joint Survey Team) สำหรับการปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ได้ตกลงตำแหน่งเสาหลักเขตแดนแล้ว (4) Agreement on Technical Preparation for Sector 6, to assign the JTSC to prepare technical instructions for the survey works in Section 6 (from Satta Som mountain to BP 1 at Chong Sangam, Sisaket Province), which has been pending since 2011, along with the production of Orthophoto Maps. 4. เห็นชอบการเตรียมงานด้านเทคนิคสำหรับ “Sector 6” มอบหมาย JTSC จัดทำคำสั่งทางเทคนิค พร้อมแผนที่ Orthophoto พื้นที่ Sector 6 ครอบคลุมแนวจาก ภูสัตตะสุม (Satta Som) ถึง เสาหลัก BP 1 ณ ช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ พื้นที่นี้ค้างการดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2554 แม้ว่ารัฐบาลจะแจ้งกับสื่อว่าไม่ยอมรับแผนที่ 1 : 200000 แต่ก็เป็นท่าทีที่ย้อนแย้งับเอกสารในกรอบการเจรจาและข้อตกลงในการประชุม JBC ที่อ้างถึง TOR2003 ซึ่งเป็นการยอมรับแผนที่ 1 : 200000 อย่างเป็นทางการ ที่สำคัญคือ ทั้ง 4 ข้อไม่ใช่เพียงข้อตกลงร่วมเฉยๆ แต่มันได้ถูกดำเนินการจนแล้วเสร็จหมดแล้วต่อเนื่องมาตั้งแต่รัฐบาลนายเศษฐา คนไทยเหลือความหวังเดียวในขั้นตอน TI ที่เกี่ยวเนื่องกับแผนทางอากาศ GPS แผนที่ Orthophoto ที่จะต้องสอดคล้องกับแผนที่ 1 : 200000 และจะกลายเป็นแผนที่และดินแดนในอนาคตที่ไทยต้องสูญเสียกลุ่มปราสาทตาเหมือน อย่างไม่มีวันได้กลับมา หากไม่ดำเนินการยับยั้งการลงนาม TI ที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ จะต้องสูญเสียอีกเท่าไหร่ไทยถึงจะเรียนรู้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 433 มุมมอง 0 รีวิว
  • การใช้คำสั่งทางเทคนิค หรือ TI
    TI ย่อมาจาก “Technical Instructions” (ข้อกำหนดทางเทคนิค)
    เป็นเอกสารที่ คณะอนุกรรมาธิการเทคนิคร่วมไทย–กัมพูชา (JTSC) ใช้ร่างขึ้นเพื่อกำหนดรายละเอียดวิธีปฏิบัติของ “ชุดสำรวจร่วม” ในการวัดพิกัด เส้นเขตแดน และการจัดทำแผนที่ในแต่ละพื้นที่


    ---

    ทำไม TI สำคัญ?

    เพราะ TI คือ “คู่มือภาคสนาม” ที่ระบุอย่างชัดเจนว่า:

    จะใช้ พิกัดจากระบบใด (GPS / Lidar / Orthophoto)

    จะวางแนวเขตตาม เส้นตรง, ลำน้ำ, หรือ แผนที่ฝรั่งเศส 1:200,000 ตาม TOR 2003

    จะให้ตำแหน่งของหลักเขตอยู่ที่ใด

    จะยอมรับ “ภาพถ่ายจากมุมสูง” หรือ “การตีเส้นแนวใหม่” อย่างไร

    และหากไม่มี ข้อสงวนสิทธิของไทย — จะกลายเป็นหลักฐานที่ “อาจใช้ฟ้องไทยในเวทีโลก” ได้



    ---

    ความเสี่ยงของ TI ถ้าคนไทยไม่รู้

    ประเด็น ความเสี่ยง

    TI ยึดแนวแผนที่ 1:200,000 (ฝรั่งเศสทำ) อาจยอมรับแนวเขตที่ “กินเข้ามาในฝั่งไทย” โดยไม่รู้ตัว
    หาก TI ไม่มีข้อสงวน จะถูกตีความว่า “ไทยยอมรับแนวเขตนั้น” โดยสมัครใจ
    TI ไม่ผ่านรัฐสภา ขัด ม.178 → แต่ ยังมีผลจริงในภาคสนาม หาก JTSC ลงนามและ JBC รับรอง
    ประชาชนไม่รู้ ทำให้ เกิดการเสียสิทธิโดยเงียบ ไม่สามารถทักท้วงได้ทันเวลา



    ---

    คนไทยควรรู้อะไรเกี่ยวกับ TI?

    1. TI กำหนดอนาคตของพรมแดนไทยแบบเงียบ ๆ


    2. TI ที่ไม่ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ = เสี่ยงต่อการตัดสินใจแบบไม่โปร่งใส


    3. หากประชาชนไม่จับตา → ไทยอาจถูกลดเขตแดนทีละส่วน โดยไม่มีเสียงคัดค้าน




    ---

    บทสรุป:

    > “TI ไม่ใช่แค่เอกสารทางเทคนิค — แต่มันคือแผนที่อนาคตของชาติ”
    หากร่างโดยยอมรับแผนที่ที่ไม่เป็นธรรม = เรากำลังยอมมอบแผ่นดินให้โดยไม่รู้ตัว


    45 จุดที่ผ่านความเห็นชอบร่วมกันระหว่างไทย–กัมพูชาแล้วในการประชุม JTSC ครั้งที่ 4 (14 กรกฎาคม 2567) และได้รับ การรับรองใน JBC ครั้งที่ 6 (14 มิถุนายน 2568) ถือเป็น "จุดเปลี่ยนสำคัญ" ที่คนไทย ต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพราะ:


    ---

    45 จุดนั้นคืออะไร?

    คือ จุดหลักเขตแดน (Boundary Pillars หรือ BPs) ที่คณะเทคนิคไทย–กัมพูชาได้ “ลงสำรวจภาคสนามร่วมกัน”

    ใช้ Orthophoto (ภาพถ่ายทางอากาศ) ผสานกับ LiDAR + GPS → แล้ว "ตีพิกัดร่วม"

    จุดที่เห็นพ้อง = ถือเป็นจุดที่อ้างอิงเขตแดนได้ในทางปฏิบัติ



    ---

    ความเสี่ยงจาก 45 จุดนี้

    ประเด็น ความเสี่ยง

    รับรองพิกัด หมายถึง ไทย–กัมพูชา ยอมรับร่วมกันแล้วว่า จุดนี้คือ “เขตแดน”
    ผูกพันตาม TI หาก TI ถูกเขียนทีหลัง โดยอิงกับ TOR2003 (แผนที่ 1:200,000) → จุดเหล่านี้จะผูกกับแนวเขตที่ อาจเข้าข้างแผนที่ฝรั่งเศส
    ไม่ผ่านรัฐสภา หากรับรองใน JBC แล้ว แต่ ไม่เข้าสภาตาม ม.178 → อาจผิดรัฐธรรมนูญ
    ไม่เผยแพร่แผนที่จริง ประชาชนยังไม่เห็นว่า “ทั้ง 45 จุดอยู่ตรงไหน” → เสี่ยงที่เราจะ “เสียทีละจุด” โดยไม่รู้ตัว
    บางจุดอยู่ในพื้นที่พิพาท เช่น บริเวณปราสาทตาเมือนธม / ปราสาทตาควาย / เขาสัตตะโสม ฯลฯ → หากตีพิกัดผิด = อธิปไตยอาจหลุดมือ



    ---

    ข้อเท็จจริงที่คุณต้องรู้

    การเห็นพ้องใน 45 จุด ไม่ได้หมายถึง “ตกลงเส้นเขตแดนทั้งเส้น”

    แต่ “หากมีการเขียน TI ต่อ” โดยไม่มี ข้อสงวน หรือ การนำเข้าสภา → 45 จุดนี้จะกลายเป็น “แนวเขตถาวรโดยพฤตินัย”



    ---

    คุณจะทำอะไรได้ตอนนี้?

    1. เรียกร้องให้เปิดเผยแผนที่ 45 จุดบนเว็บไซต์ของรัฐ


    2. ขอดู TI ที่กำลังร่าง จาก JTSC → ต้องเปิดเผยก่อนเข้าสู่ JBC ครั้งหน้า


    3. ยื่นผ่าน ส.ส. ให้ตั้ง กมธ.ตรวจสอบ


    4. ส่งต่อข้อมูลนี้ให้คนไทยรู้ ว่า “เราอาจยอมรับแนวเขต 45 จุด โดยไม่รู้ตัว”




    ---

    > “จุดที่เราไม่ทันระวัง คือจุดที่เราจะเสียแผ่นดิน”
    — นี่คือเหตุผลที่คุณตื่นรู้แล้วต้องไม่หยุดเคลื่อนไหว


    การใช้คำสั่งทางเทคนิค หรือ TI TI ย่อมาจาก “Technical Instructions” (ข้อกำหนดทางเทคนิค) เป็นเอกสารที่ คณะอนุกรรมาธิการเทคนิคร่วมไทย–กัมพูชา (JTSC) ใช้ร่างขึ้นเพื่อกำหนดรายละเอียดวิธีปฏิบัติของ “ชุดสำรวจร่วม” ในการวัดพิกัด เส้นเขตแดน และการจัดทำแผนที่ในแต่ละพื้นที่ --- 📌 ทำไม TI สำคัญ? เพราะ TI คือ “คู่มือภาคสนาม” ที่ระบุอย่างชัดเจนว่า: ✅ จะใช้ พิกัดจากระบบใด (GPS / Lidar / Orthophoto) ✅ จะวางแนวเขตตาม เส้นตรง, ลำน้ำ, หรือ แผนที่ฝรั่งเศส 1:200,000 ตาม TOR 2003 ✅ จะให้ตำแหน่งของหลักเขตอยู่ที่ใด ✅ จะยอมรับ “ภาพถ่ายจากมุมสูง” หรือ “การตีเส้นแนวใหม่” อย่างไร ❌ และหากไม่มี ข้อสงวนสิทธิของไทย — จะกลายเป็นหลักฐานที่ “อาจใช้ฟ้องไทยในเวทีโลก” ได้ --- ⚠️ ความเสี่ยงของ TI ถ้าคนไทยไม่รู้ ประเด็น ความเสี่ยง TI ยึดแนวแผนที่ 1:200,000 (ฝรั่งเศสทำ) อาจยอมรับแนวเขตที่ “กินเข้ามาในฝั่งไทย” โดยไม่รู้ตัว หาก TI ไม่มีข้อสงวน จะถูกตีความว่า “ไทยยอมรับแนวเขตนั้น” โดยสมัครใจ TI ไม่ผ่านรัฐสภา ขัด ม.178 → แต่ ยังมีผลจริงในภาคสนาม หาก JTSC ลงนามและ JBC รับรอง ประชาชนไม่รู้ ทำให้ เกิดการเสียสิทธิโดยเงียบ ไม่สามารถทักท้วงได้ทันเวลา --- 🎯 คนไทยควรรู้อะไรเกี่ยวกับ TI? 1. TI กำหนดอนาคตของพรมแดนไทยแบบเงียบ ๆ 2. TI ที่ไม่ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ = เสี่ยงต่อการตัดสินใจแบบไม่โปร่งใส 3. หากประชาชนไม่จับตา → ไทยอาจถูกลดเขตแดนทีละส่วน โดยไม่มีเสียงคัดค้าน --- 📣 บทสรุป: > “TI ไม่ใช่แค่เอกสารทางเทคนิค — แต่มันคือแผนที่อนาคตของชาติ” หากร่างโดยยอมรับแผนที่ที่ไม่เป็นธรรม = เรากำลังยอมมอบแผ่นดินให้โดยไม่รู้ตัว 45 จุดที่ผ่านความเห็นชอบร่วมกันระหว่างไทย–กัมพูชาแล้วในการประชุม JTSC ครั้งที่ 4 (14 กรกฎาคม 2567) และได้รับ การรับรองใน JBC ครั้งที่ 6 (14 มิถุนายน 2568) ถือเป็น "จุดเปลี่ยนสำคัญ" ที่คนไทย ต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพราะ: --- 📌 45 จุดนั้นคืออะไร? คือ จุดหลักเขตแดน (Boundary Pillars หรือ BPs) ที่คณะเทคนิคไทย–กัมพูชาได้ “ลงสำรวจภาคสนามร่วมกัน” ใช้ Orthophoto (ภาพถ่ายทางอากาศ) ผสานกับ LiDAR + GPS → แล้ว "ตีพิกัดร่วม" จุดที่เห็นพ้อง = ถือเป็นจุดที่อ้างอิงเขตแดนได้ในทางปฏิบัติ --- ⚠️ ความเสี่ยงจาก 45 จุดนี้ ประเด็น ความเสี่ยง ✅ รับรองพิกัด หมายถึง ไทย–กัมพูชา ยอมรับร่วมกันแล้วว่า จุดนี้คือ “เขตแดน” ❗ ผูกพันตาม TI หาก TI ถูกเขียนทีหลัง โดยอิงกับ TOR2003 (แผนที่ 1:200,000) → จุดเหล่านี้จะผูกกับแนวเขตที่ อาจเข้าข้างแผนที่ฝรั่งเศส ❗ ไม่ผ่านรัฐสภา หากรับรองใน JBC แล้ว แต่ ไม่เข้าสภาตาม ม.178 → อาจผิดรัฐธรรมนูญ ❗ ไม่เผยแพร่แผนที่จริง ประชาชนยังไม่เห็นว่า “ทั้ง 45 จุดอยู่ตรงไหน” → เสี่ยงที่เราจะ “เสียทีละจุด” โดยไม่รู้ตัว ❗ บางจุดอยู่ในพื้นที่พิพาท เช่น บริเวณปราสาทตาเมือนธม / ปราสาทตาควาย / เขาสัตตะโสม ฯลฯ → หากตีพิกัดผิด = อธิปไตยอาจหลุดมือ --- 🛑 ข้อเท็จจริงที่คุณต้องรู้ การเห็นพ้องใน 45 จุด ไม่ได้หมายถึง “ตกลงเส้นเขตแดนทั้งเส้น” แต่ “หากมีการเขียน TI ต่อ” โดยไม่มี ข้อสงวน หรือ การนำเข้าสภา → 45 จุดนี้จะกลายเป็น “แนวเขตถาวรโดยพฤตินัย” --- ✊ คุณจะทำอะไรได้ตอนนี้? 1. เรียกร้องให้เปิดเผยแผนที่ 45 จุดบนเว็บไซต์ของรัฐ 2. ขอดู TI ที่กำลังร่าง จาก JTSC → ต้องเปิดเผยก่อนเข้าสู่ JBC ครั้งหน้า 3. ยื่นผ่าน ส.ส. ให้ตั้ง กมธ.ตรวจสอบ 4. ส่งต่อข้อมูลนี้ให้คนไทยรู้ ว่า “เราอาจยอมรับแนวเขต 45 จุด โดยไม่รู้ตัว” --- > 📣 “จุดที่เราไม่ทันระวัง คือจุดที่เราจะเสียแผ่นดิน” — นี่คือเหตุผลที่คุณตื่นรู้แล้วต้องไม่หยุดเคลื่อนไหว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 412 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผิดหวังกัมพูชาไม่จริงใจ ปล่อยข่าวแผนที่ลวง : [NEWS UPDATE]
    เพจเฟซบุ๊กกระทรวงการต่างประเทศ โพสต์ผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ระบุ
    การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ จัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา 800 กิโลเมตร ช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน
    ยืนยัน ไม่ได้หารือใช้แผนที่ 1:200,000 ตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้าง
    โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษในเดือน กันยายน นี้


    ปรังปรุงพื้นที่ช่องบก

    ริบรถเมาแล้วขับ

    เศรษฐกิจสามล้อ

    ตั้งศูนย์ช่วยคนไทย
    ผิดหวังกัมพูชาไม่จริงใจ ปล่อยข่าวแผนที่ลวง : [NEWS UPDATE] เพจเฟซบุ๊กกระทรวงการต่างประเทศ โพสต์ผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ระบุ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ จัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา 800 กิโลเมตร ช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ยืนยัน ไม่ได้หารือใช้แผนที่ 1:200,000 ตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้าง โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษในเดือน กันยายน นี้ ปรังปรุงพื้นที่ช่องบก ริบรถเมาแล้วขับ เศรษฐกิจสามล้อ ตั้งศูนย์ช่วยคนไทย
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 584 มุมมอง 23 0 รีวิว
  • ปฐมบท ไทยเสียดินแดน?

    7 โมงเช้า 15 มิ.ย. พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศส่งจดหมายอย่างเป็นทางการถึงศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือศาลโลก เพื่อขอแก้ไขข้อพิพาทชายแดนในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และสามเหลี่ยมมรกต อาศัยวันที่ศาลโลกตัดสินให้กัมพูชาชนะคดีปราสาทพระวิหารเมื่อ 63 ปีก่อน อ้างว่าต้องการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนซึ่งเสี่ยงที่จะปะทะด้วยอาวุธ กลไกทวิภาคีไม่สามารถแก้ไขได้ และอ้างว่าขอความยุติธรรม ความเป็นธรรม และความชัดเจนในการกำหนดเขตแดนและขอบเขตกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อที่คนรุ่นหลังจะไม่มีปัญหากันอีกต่อไป

    ขณะที่ผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) นอกจากจะอนุมัติวาระการประชุม 4 หัวข้อแล้ว นายลัม เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักเลขาธิการกิจการชายแดน และประธานคณะกรรมาธิการชายแดนร่วมกัมพูชา ยังกล่าวว่า กัมพูชาจะนำข้อพิพาทชายแดนทั้ง 4 พื้นที่ขึ้นสู่ศาลโลก แม้ไทยจะไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกก็ตาม โดยจะไม่นำมาเป็นหัวข้อในการหารือภายใต้กรอบ JBC อีกต่อไป อีกทั้งนโยบายรัฐบาลกัมพูชายังยึดถือ MOU 2543 โดยใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ 1907 และไม่ยอมรับแผนที่ฝ่ายไทยวาดขึ้นเพียงฝ่ายเดียว

    ส่วนกระทรวงการต่างประเทศของไทย อ้างว่ามิได้มีการหารือในประเด็นที่กัมพูชาจะนำพื้นที่ 4 จุด เข้าสู่การพิจารณาของศาลโลก โดยมิได้มีการหารือประเด็นแผนที่ 1:200,000 คณะกรรมการปักปันสยาม-อินโดจีน ตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างแต่อย่างใด

    พรมแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชามีระยะทาง 798 กิโลเมตร ปักปันเขตแดนแล้ว 603 กิโลเมตร ตั้งแต่ช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ถึงบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด รวม 73 หลัก แต่ยังไม่ปักปันเขตแดน 195 กิโลเมตร ตั้งแต่ช่องสะงำ ถึงช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กำหนดให้เป็นไปตามสันปันน้ำของเทือกเขาพนมดงรัก แต่ไทยและกัมพูชาถือแผนที่คนละฉบับ กัมพูชาใช้แผนที่ 1:200,000 ที่มีมาตราส่วนหยาบ คลาดเคลื่อนจากเส้นสันปันน้ำจริงหลายจุด คลาดเคลื่อนหลักเขตแดนมากถึง 200 เมตร ขณะที่ไทยถือแผนที่มาตราส่วน 1:50,000 ที่จัดทำโดยกรมแผนที่ทหาร มีความละเอียดของเส้นแบ่งเขตแดนที่ชัดเจน เห็นแนวสันเขา ร่องน้ำที่เกี่ยวข้องกับหลักฐานทางภูมิศาสตร์

    ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาทำสงครามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง แต่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร กลับไม่มีท่าทีใดๆ ออกมาชัดเจน ท่ามกลางสังคมเคลือบแคลงสงสัยถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างตระกูลชินวัตรกับตระกูลฮุนของกัมพูชา และความไม่ไว้วางใจของประชาชนชาวไทย ที่ประเทศไทยกำลังจะเสียดินแดนอีกครั้งต่อจากเขาพระวิหาร

    #Newskit
    ปฐมบท ไทยเสียดินแดน? 7 โมงเช้า 15 มิ.ย. พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศส่งจดหมายอย่างเป็นทางการถึงศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือศาลโลก เพื่อขอแก้ไขข้อพิพาทชายแดนในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และสามเหลี่ยมมรกต อาศัยวันที่ศาลโลกตัดสินให้กัมพูชาชนะคดีปราสาทพระวิหารเมื่อ 63 ปีก่อน อ้างว่าต้องการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนซึ่งเสี่ยงที่จะปะทะด้วยอาวุธ กลไกทวิภาคีไม่สามารถแก้ไขได้ และอ้างว่าขอความยุติธรรม ความเป็นธรรม และความชัดเจนในการกำหนดเขตแดนและขอบเขตกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อที่คนรุ่นหลังจะไม่มีปัญหากันอีกต่อไป ขณะที่ผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) นอกจากจะอนุมัติวาระการประชุม 4 หัวข้อแล้ว นายลัม เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักเลขาธิการกิจการชายแดน และประธานคณะกรรมาธิการชายแดนร่วมกัมพูชา ยังกล่าวว่า กัมพูชาจะนำข้อพิพาทชายแดนทั้ง 4 พื้นที่ขึ้นสู่ศาลโลก แม้ไทยจะไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกก็ตาม โดยจะไม่นำมาเป็นหัวข้อในการหารือภายใต้กรอบ JBC อีกต่อไป อีกทั้งนโยบายรัฐบาลกัมพูชายังยึดถือ MOU 2543 โดยใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ 1907 และไม่ยอมรับแผนที่ฝ่ายไทยวาดขึ้นเพียงฝ่ายเดียว ส่วนกระทรวงการต่างประเทศของไทย อ้างว่ามิได้มีการหารือในประเด็นที่กัมพูชาจะนำพื้นที่ 4 จุด เข้าสู่การพิจารณาของศาลโลก โดยมิได้มีการหารือประเด็นแผนที่ 1:200,000 คณะกรรมการปักปันสยาม-อินโดจีน ตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างแต่อย่างใด พรมแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชามีระยะทาง 798 กิโลเมตร ปักปันเขตแดนแล้ว 603 กิโลเมตร ตั้งแต่ช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ถึงบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด รวม 73 หลัก แต่ยังไม่ปักปันเขตแดน 195 กิโลเมตร ตั้งแต่ช่องสะงำ ถึงช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กำหนดให้เป็นไปตามสันปันน้ำของเทือกเขาพนมดงรัก แต่ไทยและกัมพูชาถือแผนที่คนละฉบับ กัมพูชาใช้แผนที่ 1:200,000 ที่มีมาตราส่วนหยาบ คลาดเคลื่อนจากเส้นสันปันน้ำจริงหลายจุด คลาดเคลื่อนหลักเขตแดนมากถึง 200 เมตร ขณะที่ไทยถือแผนที่มาตราส่วน 1:50,000 ที่จัดทำโดยกรมแผนที่ทหาร มีความละเอียดของเส้นแบ่งเขตแดนที่ชัดเจน เห็นแนวสันเขา ร่องน้ำที่เกี่ยวข้องกับหลักฐานทางภูมิศาสตร์ ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาทำสงครามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง แต่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร กลับไม่มีท่าทีใดๆ ออกมาชัดเจน ท่ามกลางสังคมเคลือบแคลงสงสัยถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างตระกูลชินวัตรกับตระกูลฮุนของกัมพูชา และความไม่ไว้วางใจของประชาชนชาวไทย ที่ประเทศไทยกำลังจะเสียดินแดนอีกครั้งต่อจากเขาพระวิหาร #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 641 มุมมอง 0 รีวิว
  • กต. แถลงผลเจรจา JBC ไทย-กัมพูชา จัดทำหลักเขตแดนยาว 800 กม. ช่วยลดตรึงเครียด
    https://www.thai-tai.tv/news/19439/
    กต. แถลงผลเจรจา JBC ไทย-กัมพูชา จัดทำหลักเขตแดนยาว 800 กม. ช่วยลดตรึงเครียด https://www.thai-tai.tv/news/19439/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้อนสถิติ "ชายแดนไทย-กัมพูชา" เขมรละเมิดเอ็มโอยู 651 ครั้ง ลำดับเหตุการณ์ก่อนเหตุปะทะช่องบก ร้องเพลงชาติบนปราสาทตาเมือนธม จุดเริ่มเผาศาลาตรีมุข ขุดคูเรด สู่การปะทะก่อนปรับกำลังอยู่จุดเดิมปึ 2567 เตรียมขึ้นโต๊ะเจรจา 14 มิ.ย.นี้

    วันนี้(10 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชาที่บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น มีสาเหตุสำคัญมาจากการละเมิดบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการระหว่าง ไทย - กัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 หรือ MOU 43 โดยฝ่ายกัมพูชามาอย่างต่อเนื่อง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000054410

    #MGROnline #Thaitimes #ชายแดนไทย #กัมพูชา
    ย้อนสถิติ "ชายแดนไทย-กัมพูชา" เขมรละเมิดเอ็มโอยู 651 ครั้ง ลำดับเหตุการณ์ก่อนเหตุปะทะช่องบก ร้องเพลงชาติบนปราสาทตาเมือนธม จุดเริ่มเผาศาลาตรีมุข ขุดคูเรด สู่การปะทะก่อนปรับกำลังอยู่จุดเดิมปึ 2567 เตรียมขึ้นโต๊ะเจรจา 14 มิ.ย.นี้ • วันนี้(10 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชาที่บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น มีสาเหตุสำคัญมาจากการละเมิดบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการระหว่าง ไทย - กัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 หรือ MOU 43 โดยฝ่ายกัมพูชามาอย่างต่อเนื่อง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000054410 • #MGROnline #Thaitimes #ชายแดนไทย #กัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 335 มุมมอง 0 รีวิว
  • EP1 #วีระสมความคิด ยอมติดคุก #เขมร #ยืนยัน #อธิปไตยไทย : ปฐมบท #พิสูจน์ #อธิปไตย #แผ่นดินไทย #ดินแดนไทย #บ้านหนองจาน #สระแก้ว #หลักเขตแดน46 #ทหาร #ทหารไทย #กองทัพไทย #กองทัพบก #กองทัพเรือ #กองทัพอากาศ #MOU2543
    https://youtu.be/tI3IxRCy5lI

    EP1 #วีระสมความคิด ยอมติดคุก #เขมร #ยืนยัน #อธิปไตยไทย : ปฐมบท #พิสูจน์ #อธิปไตย #แผ่นดินไทย #ดินแดนไทย #บ้านหนองจาน #สระแก้ว #หลักเขตแดน46 #ทหาร #ทหารไทย #กองทัพไทย #กองทัพบก #กองทัพเรือ #กองทัพอากาศ #MOU2543 https://youtu.be/tI3IxRCy5lI
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 346 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร.สุรเกียรติ์ยิ่งก่อข้อสงสัยรูป 1-2 มีเอกสารวิชาการเขียนโดย ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เกี่ยวกับ MOU44 เผยแพร่ในปี 2554 จุลสารความมั่นคงศึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีข้อมูลสำคัญที่ผมไม่รู้มาก่อนแต่ข้อมูลใหม่เหล่านี้ ยิ่งก่อข้อสงสัยในเจตนารมณ์ที่รัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณไปจัดทำ MOU44 🫡 ข้อสงสัยที่หนึ่ง กัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดจริงหรือ?รูป 3-6 คือพระราชกฤษฎีกาของกัมพูชา ผมเข้าใจมาตลอดว่า กัมพูชาขีดเส้นพาดผ่านเกาะกูด แต่ในเอกสารหน้า 6-9 ดร.สุรเกียรติ์วิเคราะห์ว่ากัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดแผนที่รูป 6 ขยายไปเป็นรูป 7 ท่านเขียนว่าเส้นของกัมพูชาลากจากจุด A บนชายฝั่งมาจนถึงชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วไปเริ่มเส้นต่อไปจากชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันตก ประกอบกับท่านเห็นว่า ในแผนที่มีการระบุชื่อเกาะกูดว่า Koh Kut (Siam) ซึ่งท่านอนุมาน'เป็นการบ่งบอกว่าเกาะกูดเป็นของประเทศไทย' ท่านจึงตีความว่า "ดังนั้น กัมพูชาไม่เคยอ้างอธิปไตยเหนือเกาะกูด" ผมโต้แย้ง:- ในรูป 3 พระราชกฤษฎีกา กัมพูชาระบุตั้งใจลากเส้นโดยอ้างอิงสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส คศ 1907 เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากในสนธิสัญญาฯ มีข้อความ "ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูด" ดังนั้น ถึงแม้ในรูป 7 ท่านตีความว่ากัมพูชาแสดงเจตนาไม่ต้องการให้เส้นผ่านเกาะกูด แต่อาจเป็นการตีความเข้าข้างตัวเอง ข้อสงสัย:- ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้แน่นอนว่า วันหน้ากัมพูชาจะไม่อ้างว่าไทยรับรู้ใน MOU44 แล้วว่า โดยสภาพความเป็นจริง เส้นนี้ย่อมมีเจตนาผ่านเกาะกูด เพราะ (ก) พระราชกฤษฎีกามีการอ้างอิงตำแหน่งแห่งหนที่ตั้งอยู่เฉพาะบนเกาะกูด และ(ข) ตรรกแห่งการตีเส้นเขตไหล่ทวีปที่ขาดแหว่งเป็นเส้นประ ไม่อยู่ในข้อใดในอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป มีแต่เส้นต่อเนื่องทั้งนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สอง กัมพูชายอมรับว่าเกาะกูดเป็นอธิปไตยของไทยจริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35-36 ท่านเขียนว่า "ถึงแม้ว่าบันทึกความเข้าใจนี้จะไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดของการเจรจามีผลผูกพันทั้งสองประเทศเกี่ยวกับเส้นเขตทางทะเล แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการที่รัฐบาลกัมพูชาในปัจจุบันได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด" และ"ภายหลังจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้วนั้น ฝ่ายไทยก็ได้มอบหมายให้ผู้เขียนพยายามที่จะเจรจาในระดับรัฐมตรีเพื่อไม่ไม่ให้เส้นเขตแดนล้อมรอบเกาะกูดถูกกำหนดเป็นรูปตัว "U" ซึ่งผู้เขียนจำได้ว่าเคยหารือกับนาย ซก อาน รัฐมนตรีอาวุโสของกัมพูชา (ตำแหน่งในขณะนั้น) ว่าเหตุใดเส้นเขตแดนจึงมีโค้งเป็นเบ้าขนมครก เหตุใดจึงไม่เป็นเส้นตรง ซึ่งหมายความว่าจากหลักเขตแดนที่ 73 นั้น เส้นเขตทางทะเลควรจะลากจากลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นเส้นตรง และต้องไม่ลากผ่านเกาะกูด มิใช่ลากเส้นมาถึงเกาะกูดแล้ว จึงเกิดส่วนเว้าหลบอ้อมเกาะกูดไป ซึ่งในแง่ของไทยแล้วการลากเส้นเขตแดนเป็นเส้นตรงโดยไม่ผ่านกึ่งกลางของเกาะกูดจะมีผลทำให้อธิปไตยของเกาะกูดมีความชัดเจนมากขึ้น และทำให้อาณาเขตรวมของพื้นที่ทับช้อนทางทะเลมีขนาดเล็กลง ดังรูป 10 (เป็นเส้นประที่ลูกศรขี้ซึ่งแสดงอยู่ในรูป 8 )ซึ่งในเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการที่ฝ่ายกัมพูชาจะขอความเห็นชอบจากผู้นำสูงสุดของกัมพูชา แต่ผู้เขียนได้พ้นหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคไปเสียก่อน" ผมโต้แย้ง:- กัมพูชาไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด เพราะ(ก) ไม่มีข้อความเช่นนั้นแม้แต่คำเดียวปรากฏใน MOU44 กลับเป็นการตีความของท่านฝ่ายเดียว(ข) ถ้ากัมพูชายอมรับเช่นนั้นจริง เส้นจะต้องไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด แต่จะต้องเอียงลงตะวันตกเฉียงใต้ ดังที่ท่านเองก็ยอมรับในบทความ ข้อสงสัย:- ในขณะที่ลงนามใน MOU44 ท่านทราบหรือไม่ว่า เส้นที่ถูกต้องคือไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด? ถ้าทราบ ท่านไปลงนามทำไม?🫡 ข้อสงสัยที่สาม:- ฝ่ายไทยควรพอใจแผนผังแนบท้าย MOU44 จริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35 ท่านเขียนว่า"ดังนั้น แผนผังแนบท้ายบันทึกความเข้าใจนี้จึงเป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยพอใจเพราะแสดงถึงความคืบหน้าในการเจรจาจุดเริ่มต้นของการลงเส้นเขตทางทะเลจากหลักเขตแดนทางบกที่ตรงกับจุดยืนของไทย และเส้นที่ลากนั้นได้ยอมรับอธิปไตยของไทยเหนือเกาะกูด และยังยอมรับอธิบไตยของไทยเหนือทะเลอาณาเขตรอบๆ" ผมโต้แย้ง:- ไม่มีเหตุผลใดที่ไทยควรจะพอใจกับการแสดงแผนที่ซึ่งเป็นแผนผังแนบท้าย MOU44 เพราะแสดงเส้นของสองประเทศที่ไม่เท่าเทียมกัน คือเส้นของไทยประกาศตามอนุสัญญาเจนีวา ในขณะที่เส้นของกัมพูชาไม่เป็นเช่นนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สี่:- ท่านรู้ว่า MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้น หรือไม่?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"(5) บันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้ลงนามโดยผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลของทั้งสองประเทศ จึงมีสถานะเป็นสนธิสัญญาตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969" ผมโต้แย้ง:- ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะท่านในฐานะผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลไทย ไปลงนามในสนธิสัญญา ..ทั้งที่มิได้มีการทูลเกล้าฯ และมีได้มีการนำเสนอรัฐสภาเสียก่อน เป็นการกระทำเกินอำนาจ ultra vires จึงไม่ผูกพันรัฐบาลไทย และทำให้ MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้นผมเห็นว่าไม่มีเอกสารหลักฐานชิ้นไหน ที่มีความสำคัญเท่าชิ้นนี้อีกแล้ว🫡 ข้อสงสัยที่ห้า:- ทำไมท่านไม่แจ้งรัฐบาลว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ ผิด?ในเอกสารหน้า 11-12 ท่านวิเคราะห์ว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ เข้าข้างตัวเองว่าเป็นการแบ่งเขตทางทะเล แต่เจตนารมณ์เป็นเพียงเพื่อกำหนดเส้นแบ่งเขตทางบก ซึ่งตรงกับของผม ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นของกัมพูชาไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ท่านควรจะแจ้งให้รัฐบาลของท่านนายกทักษิณทราบ และกต.น่าจะแจ้งให้รัฐบาลต่างๆ ทราบ 🫡 ข้อสงสัยที่หก:- ท่านรู้หรือไม่ว่าเส้นของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป?ข้อ 6 ในอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ไม่ได้อนุญาตการลากเส้นที่อ้างอิงสิทธิทางประวัติศาสตร์ดังเช่นกรณีขอทะเลอาณาเขต แต่กัมพูชากลับไปอ้างอิงสนธิสัญญาฯ เป็นสิทธิทางประวัติศาสตร์ ทั้งที่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ และขัดกับอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปอย่างสิ้นเชิง ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป ทำไมท่านไม่โต้แย้งกัมพูชาเป็นลายลักษณ์อักษร?🫡 ข้อสงสัยที่เจ็ด:- ทำไมท่านไม่ดำเนินการตามขั้นตอนของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"ภายหลังจากที่ผู้เขียนได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ก็ได้รับทราบถึงผลการเจรจาร่วมกันในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2543 และได้มีความเห็นตรงกันว่าควรมีการเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลกัมพูชาเนื่องจากเป็นประเทศเดียวที่ไทยยังไม่เคยเจรจาอย่างจริงจังเพื่อแสวงพาผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งๆ ที่ได้มีการเจรจากับรัฐบาลมาเลเซียและเวียดนามจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้ว ดังนั้น จึงได้มีการเริ่มเปิดการเจรจากับกัมพูชาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเขตพื้นที่ที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับช้อนกัน และการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกันในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย จนสามารถกำหนดแนวทางการเจรจาและการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของทั้งสองประเทศที่เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2544 และนำไปสู่การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ" ผมโต้แย้ง:- ประชาชนมีข้อสงสัยดังนี้(ก) ในลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เริ่มต้นจากการเจรจาเส้นเขตแดนของทั้งสองประเทศให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะได้อาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย เป็นขั้นตอน ใช้ม้าลากรถแต่ลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-กัมพูชา เริ่มต้นจากการกำหนดอาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมขึ้นมาเอง เป็นการรีบร้อนลัดขั้นตอน ใช้รถลากม้า(ข) การเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซีย ใช้เวลาหลายปี ท่านใช้เวลาเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาเพียงสองสามเดือนส่อเจตนาชัดเจนว่าให้ความสำคัญลำดับหนึ่งแก่การแสวงหาประโยชน์ปิโตรเลียม จนมีความเสี่ยงเรื่องเขตแดนเกิดขึ้นการเร่งรีบเช่นนี้ ทำให้ประชาชนกังวลว่า มีวาระซ่อนเร้นแฝงอยู่ในการเจรจาหรือไม่ ผมขอย้ำว่า เขียนบทความนี้ด้วยความเคารพ และหวังจะให้ประโยชน์แก่รัฐมนตรีพรรคร่วมอย่างเต็มที่เป็นสำคัญวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    ดร.สุรเกียรติ์ยิ่งก่อข้อสงสัยรูป 1-2 มีเอกสารวิชาการเขียนโดย ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เกี่ยวกับ MOU44 เผยแพร่ในปี 2554 จุลสารความมั่นคงศึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีข้อมูลสำคัญที่ผมไม่รู้มาก่อนแต่ข้อมูลใหม่เหล่านี้ ยิ่งก่อข้อสงสัยในเจตนารมณ์ที่รัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณไปจัดทำ MOU44 🫡 ข้อสงสัยที่หนึ่ง กัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดจริงหรือ?รูป 3-6 คือพระราชกฤษฎีกาของกัมพูชา ผมเข้าใจมาตลอดว่า กัมพูชาขีดเส้นพาดผ่านเกาะกูด แต่ในเอกสารหน้า 6-9 ดร.สุรเกียรติ์วิเคราะห์ว่ากัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดแผนที่รูป 6 ขยายไปเป็นรูป 7 ท่านเขียนว่าเส้นของกัมพูชาลากจากจุด A บนชายฝั่งมาจนถึงชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วไปเริ่มเส้นต่อไปจากชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันตก ประกอบกับท่านเห็นว่า ในแผนที่มีการระบุชื่อเกาะกูดว่า Koh Kut (Siam) ซึ่งท่านอนุมาน'เป็นการบ่งบอกว่าเกาะกูดเป็นของประเทศไทย' ท่านจึงตีความว่า "ดังนั้น กัมพูชาไม่เคยอ้างอธิปไตยเหนือเกาะกูด"🧐 ผมโต้แย้ง:- ในรูป 3 พระราชกฤษฎีกา กัมพูชาระบุตั้งใจลากเส้นโดยอ้างอิงสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส คศ 1907 เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากในสนธิสัญญาฯ มีข้อความ "ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูด" ดังนั้น ถึงแม้ในรูป 7 ท่านตีความว่ากัมพูชาแสดงเจตนาไม่ต้องการให้เส้นผ่านเกาะกูด แต่อาจเป็นการตีความเข้าข้างตัวเอง🥶 ข้อสงสัย:- ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้แน่นอนว่า วันหน้ากัมพูชาจะไม่อ้างว่าไทยรับรู้ใน MOU44 แล้วว่า โดยสภาพความเป็นจริง เส้นนี้ย่อมมีเจตนาผ่านเกาะกูด เพราะ (ก) พระราชกฤษฎีกามีการอ้างอิงตำแหน่งแห่งหนที่ตั้งอยู่เฉพาะบนเกาะกูด และ(ข) ตรรกแห่งการตีเส้นเขตไหล่ทวีปที่ขาดแหว่งเป็นเส้นประ ไม่อยู่ในข้อใดในอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป มีแต่เส้นต่อเนื่องทั้งนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สอง กัมพูชายอมรับว่าเกาะกูดเป็นอธิปไตยของไทยจริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35-36 ท่านเขียนว่า "ถึงแม้ว่าบันทึกความเข้าใจนี้จะไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดของการเจรจามีผลผูกพันทั้งสองประเทศเกี่ยวกับเส้นเขตทางทะเล แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการที่รัฐบาลกัมพูชาในปัจจุบันได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด" และ"ภายหลังจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้วนั้น ฝ่ายไทยก็ได้มอบหมายให้ผู้เขียนพยายามที่จะเจรจาในระดับรัฐมตรีเพื่อไม่ไม่ให้เส้นเขตแดนล้อมรอบเกาะกูดถูกกำหนดเป็นรูปตัว "U" ซึ่งผู้เขียนจำได้ว่าเคยหารือกับนาย ซก อาน รัฐมนตรีอาวุโสของกัมพูชา (ตำแหน่งในขณะนั้น) ว่าเหตุใดเส้นเขตแดนจึงมีโค้งเป็นเบ้าขนมครก เหตุใดจึงไม่เป็นเส้นตรง ซึ่งหมายความว่าจากหลักเขตแดนที่ 73 นั้น เส้นเขตทางทะเลควรจะลากจากลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นเส้นตรง และต้องไม่ลากผ่านเกาะกูด มิใช่ลากเส้นมาถึงเกาะกูดแล้ว จึงเกิดส่วนเว้าหลบอ้อมเกาะกูดไป ซึ่งในแง่ของไทยแล้วการลากเส้นเขตแดนเป็นเส้นตรงโดยไม่ผ่านกึ่งกลางของเกาะกูดจะมีผลทำให้อธิปไตยของเกาะกูดมีความชัดเจนมากขึ้น และทำให้อาณาเขตรวมของพื้นที่ทับช้อนทางทะเลมีขนาดเล็กลง ดังรูป 10 (เป็นเส้นประที่ลูกศรขี้ซึ่งแสดงอยู่ในรูป 8 )ซึ่งในเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการที่ฝ่ายกัมพูชาจะขอความเห็นชอบจากผู้นำสูงสุดของกัมพูชา แต่ผู้เขียนได้พ้นหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคไปเสียก่อน"🧐 ผมโต้แย้ง:- กัมพูชาไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด เพราะ(ก) ไม่มีข้อความเช่นนั้นแม้แต่คำเดียวปรากฏใน MOU44 กลับเป็นการตีความของท่านฝ่ายเดียว(ข) ถ้ากัมพูชายอมรับเช่นนั้นจริง เส้นจะต้องไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด แต่จะต้องเอียงลงตะวันตกเฉียงใต้ ดังที่ท่านเองก็ยอมรับในบทความ🥶 ข้อสงสัย:- ในขณะที่ลงนามใน MOU44 ท่านทราบหรือไม่ว่า เส้นที่ถูกต้องคือไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด? ถ้าทราบ ท่านไปลงนามทำไม?🫡 ข้อสงสัยที่สาม:- ฝ่ายไทยควรพอใจแผนผังแนบท้าย MOU44 จริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35 ท่านเขียนว่า"ดังนั้น แผนผังแนบท้ายบันทึกความเข้าใจนี้จึงเป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยพอใจเพราะแสดงถึงความคืบหน้าในการเจรจาจุดเริ่มต้นของการลงเส้นเขตทางทะเลจากหลักเขตแดนทางบกที่ตรงกับจุดยืนของไทย และเส้นที่ลากนั้นได้ยอมรับอธิปไตยของไทยเหนือเกาะกูด และยังยอมรับอธิบไตยของไทยเหนือทะเลอาณาเขตรอบๆ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ไม่มีเหตุผลใดที่ไทยควรจะพอใจกับการแสดงแผนที่ซึ่งเป็นแผนผังแนบท้าย MOU44 เพราะแสดงเส้นของสองประเทศที่ไม่เท่าเทียมกัน คือเส้นของไทยประกาศตามอนุสัญญาเจนีวา ในขณะที่เส้นของกัมพูชาไม่เป็นเช่นนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สี่:- ท่านรู้ว่า MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้น หรือไม่?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"(5) บันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้ลงนามโดยผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลของทั้งสองประเทศ จึงมีสถานะเป็นสนธิสัญญาตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969"🧐 ผมโต้แย้ง:- ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะท่านในฐานะผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลไทย ไปลงนามในสนธิสัญญา ..ทั้งที่มิได้มีการทูลเกล้าฯ และมีได้มีการนำเสนอรัฐสภาเสียก่อน เป็นการกระทำเกินอำนาจ ultra vires จึงไม่ผูกพันรัฐบาลไทย และทำให้ MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้นผมเห็นว่าไม่มีเอกสารหลักฐานชิ้นไหน ที่มีความสำคัญเท่าชิ้นนี้อีกแล้ว🫡 ข้อสงสัยที่ห้า:- ทำไมท่านไม่แจ้งรัฐบาลว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ ผิด?ในเอกสารหน้า 11-12 ท่านวิเคราะห์ว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ เข้าข้างตัวเองว่าเป็นการแบ่งเขตทางทะเล แต่เจตนารมณ์เป็นเพียงเพื่อกำหนดเส้นแบ่งเขตทางบก ซึ่งตรงกับของผม 🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นของกัมพูชาไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ท่านควรจะแจ้งให้รัฐบาลของท่านนายกทักษิณทราบ และกต.น่าจะแจ้งให้รัฐบาลต่างๆ ทราบ 🫡 ข้อสงสัยที่หก:- ท่านรู้หรือไม่ว่าเส้นของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป?ข้อ 6 ในอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ไม่ได้อนุญาตการลากเส้นที่อ้างอิงสิทธิทางประวัติศาสตร์ดังเช่นกรณีขอทะเลอาณาเขต แต่กัมพูชากลับไปอ้างอิงสนธิสัญญาฯ เป็นสิทธิทางประวัติศาสตร์ ทั้งที่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ และขัดกับอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปอย่างสิ้นเชิง🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป ทำไมท่านไม่โต้แย้งกัมพูชาเป็นลายลักษณ์อักษร?🫡 ข้อสงสัยที่เจ็ด:- ทำไมท่านไม่ดำเนินการตามขั้นตอนของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"ภายหลังจากที่ผู้เขียนได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ก็ได้รับทราบถึงผลการเจรจาร่วมกันในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2543 และได้มีความเห็นตรงกันว่าควรมีการเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลกัมพูชาเนื่องจากเป็นประเทศเดียวที่ไทยยังไม่เคยเจรจาอย่างจริงจังเพื่อแสวงพาผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งๆ ที่ได้มีการเจรจากับรัฐบาลมาเลเซียและเวียดนามจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้ว ดังนั้น จึงได้มีการเริ่มเปิดการเจรจากับกัมพูชาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเขตพื้นที่ที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับช้อนกัน และการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกันในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย จนสามารถกำหนดแนวทางการเจรจาและการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของทั้งสองประเทศที่เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2544 และนำไปสู่การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ประชาชนมีข้อสงสัยดังนี้(ก) ในลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เริ่มต้นจากการเจรจาเส้นเขตแดนของทั้งสองประเทศให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะได้อาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย เป็นขั้นตอน ใช้ม้าลากรถแต่ลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-กัมพูชา เริ่มต้นจากการกำหนดอาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมขึ้นมาเอง เป็นการรีบร้อนลัดขั้นตอน ใช้รถลากม้า(ข) การเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซีย ใช้เวลาหลายปี ท่านใช้เวลาเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาเพียงสองสามเดือนส่อเจตนาชัดเจนว่าให้ความสำคัญลำดับหนึ่งแก่การแสวงหาประโยชน์ปิโตรเลียม จนมีความเสี่ยงเรื่องเขตแดนเกิดขึ้นการเร่งรีบเช่นนี้ ทำให้ประชาชนกังวลว่า มีวาระซ่อนเร้นแฝงอยู่ในการเจรจาหรือไม่🧐 ผมขอย้ำว่า เขียนบทความนี้ด้วยความเคารพ และหวังจะให้ประโยชน์แก่รัฐมนตรีพรรคร่วมอย่างเต็มที่เป็นสำคัญวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1461 มุมมอง 0 รีวิว