• เมื่อหนุ่มน้อยอาสาเป็นตัวแทนคนไทย ส่งกำลังใจให้บิ๊กกุ้งวันเกษียณ (1/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #บิ๊กกุ้ง
    #วันเกษียณ
    #กองทัพไทย
    #หนุ่มน้อย
    เมื่อหนุ่มน้อยอาสาเป็นตัวแทนคนไทย ส่งกำลังใจให้บิ๊กกุ้งวันเกษียณ (1/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #บิ๊กกุ้ง #วันเกษียณ #กองทัพไทย #หนุ่มน้อย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • อุ๊ย! หนุ่มน้อยเบิกเนตรการเมือง ผู้ใหญ่ฟัง "ขนลุก" (30/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #หนุ่มน้อย
    #การเมืองไทย
    #เยาวชน
    อุ๊ย! หนุ่มน้อยเบิกเนตรการเมือง ผู้ใหญ่ฟัง "ขนลุก" (30/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #หนุ่มน้อย #การเมืองไทย #เยาวชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • น้องเพรส หนุ่มน้อยรักชาติพูดแบบนี้ ผู้ใหญ่ยังขนลุก (29/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #น้องเพรส
    #รักชาติ
    #เยาวชน
    น้องเพรส หนุ่มน้อยรักชาติพูดแบบนี้ ผู้ใหญ่ยังขนลุก (29/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #น้องเพรส #รักชาติ #เยาวชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • แหกคอก ตอนที่ 11 – ปฏิบัติการฟอกย้อม
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 11 : ปฏิบัติการฟอกย้อม
    ปี ค.ศ.1913 เกิดเหตุการณ์ที่เหมืองถ่านหินในรัฐ Colorado รู้จักกันในชื่อเหตุการณ์ฆ่าโหด Ludlow (Ludlow Massacre) กรรมกรในเหมืองถ่านหินประมาณหมื่นกว่าคน พร้อมใจกันประท้วงนายจ้าง เนื่องจากหัวหน้ากรรมกรถูกฆาตกรรม กรรมกรพวกนี้เป็นคนต่างชาติ เช่น พวกกรีก อิตาเลียน และเซิร์บ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกาในช่วงอุตสาหกรรมบูม การประท้วงลามไปถึง Colorado Fuel & Iron Corporation ซึ่งเป็นของตระกูล Rockefeller กรรมกรขอขึ้นค่าแรง เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่สุดห่วย แถมยังมีการกดขี่จากนายจ้าง และฝ่ายรัฐซึ่งเป็นเสมือนขี้ข้าของนายทุน (เพราะรับเงินส่วย !) ที่เป็นเจ้าของเหมือง นายทุนบอกโง่มาก คิดว่าเอากำลังคนมาขู่กำลังเงินจะสำเร็จหรือ ว่าแล้วก็ไล่กรรมกรและครอบครัวกระเจิงออกไปจากเหมือง กรรมกรคอตกไม่มีที่ไป จัดการกางเต็นท์ตั้งมันอยู่ที่นอกเมืองนั่นแหละ นายทุน Rockefeller บอกว่าเมื่อพูดด้วยปากไม่รู้เรื่อง ก็เอาปืนมาพูดแทนแล้วกัน แล้วเขาก็ไปจ้างพวกมือปืนรับจ้าง ซึ่งมีทั้งปืนกลและปืนไรเฟิล มายิ่งถล่มใส่เต้นท์กรรมกร
    ผู้ว่าการรัฐ Colorado รู้เรื่องเข้าก็บอก นายท่านจัดการเองแบบนี้ไม่ได้ เป็นหน้าที่ของกระผม แล้วขี้ข้าก็ไปรวบรวมเจ้าหน้าที่ ของรัฐ ซึ่งแน่นอน กินเงินเดือนของนายทุน Rockefeller มากวาดเต้นท์จนราบ ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1914 ประวัติศาสตร์ได้ บันทึกไว้ว่า กรรมกรที่รวมกลุ่มกันตั้งเต้นท์กลุ่มใหญ่ที่สุด มีคนรวมกันประมาณพันคน มีทั้งผู้หญิงผู้ชายและเด็ก ถูกปืนกลของเจ้าหน้าที่รัฐรัวใส่บาดเจ็บล้มตายระเนระนาดไปหมด และเมื่อกรรมกรยกธงขาวเดินเข้ามาขอเจรจาสงบศึก เขาก็ถูกปืนกลรัวใส่ตายคาที่เรียบร้อยอยู่บนพื้นถนน หลังจากนั้นปืนกลก็รัวต่อจนถึงค่ำ ตามต่อด้วยเจ้าหน้าที่จุดไฟเผาเต้นท์จนไม่เหลือ กรรมกรตายเรียบ ในจำนวนผู้ที่ถูกไฟเผามีทั้งผู้หญิงและเด็ก ชื่อของฆ่าโหด Ludlow ก็เป็นที่รู้จักดังไปทั่วตั้งแต่นั้นมา หนังสือพิมพ์ลงข่าวทุกวัน พร้อมคำด่ามาจากทุกสารทิศ
    นายทุน Rockefeller บอกว่าเรื่องแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ขอโทษอย่าเข้าใจผิดว่า เรื่องสาดปืนกลและเอาไฟเผาจะไม่เกิดขึ้นอีก เขาหมายความว่าการที่สื่อประโคมข่าวด่าแบบไม่เลิกนี้ จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่างหาก ดังนั้น Rockefeller Foundation จึงได้รับมอบหมายให้ทำการวิจัย เกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อ propaganda เพื่อหาวิธีปิดปากสังคมเกี่ยวกับความไม่สงบทางสังคม และการเมือง ไหนๆ จะวิเคราะห์วิจัยเกี่ยวกับเรื่องการบิดเบือนข้อเท็จจริงแล้ว มันก็ควรจะทำกันให้ครบถ้วนไปเลย โดยหาวิธีคิดหลักสูตรเพิ่มคือ เอาให้ถึงวิธีชี้นำสังคม ว่าความจริง truth เป็นอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญว่าจะทำให้สังคมคิดอย่างไรกับความจริงนั้นต่างหาก หาวิธีใส่ความคิดเข้าในหัวเรา !
    วิธีการนี้มาจากการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งได้มีการทดลองใช้ในช่วงสงคราม โลกครั้งที่ 1 มาแล้ว โดยประธานาธิบดี Woodrow Wilson ได้ตั้งหน่วยงาน US Committee on Public Information (CPI) เพื่อให้ประชาชนสนับสนุนการทำสงคราม ก่อนทำสงครามประชาชนทั่วไป
    โดยเฉพาะชนชั้นกรรมกร ไม่มีใครอยากให้ทำสงคราม เพราะมีแต่ความอดอยาก ชาวบ้านบอกว่าสงครามเป็นเรื่อง ของคนรวย แต่นาย Walter Lippman นักคิด นักเขียน จากมหาวิทยาลัย Harvard ผู้ซึ่งประธานาธิบดี Roosevelt ปลื้มมาก บอกว่าเป็นคนหนุ่มที่ฉลาดที่สุดในพวกวัยเดียวกับเขา (ตอนนั้นเขาอายุ 25 ปี) นาย Lippman บอกว่าที่ทำสงครามเพื่อทำให้ประชาธิปไตยเราปลอดภัย เป็นการพูดที่ฟังแล้วดูสวยหรู แต่เป็นตรรกะที่ห่วยมาก แต่คนก็พากันเชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไอ้หนุ่มน้อยนี้เป็นที่ชื่นชมของประธานาธิบดีหรือเปล่า ฝรั่งก็สอพลอเป็น
    นาย Lippman ยังมีความเห็นอีกว่า คนส่วนใหญ่จะมีความเห็นชอบหรือไม่ชอบ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ว่างั้นเถอะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุผล (ด้วยเหตุว่า) คนพวกนี้ไม่ค่อยมีความเฉลียวฉลาดมากนัก และไม่มีความคิดที่มั่นคง แถมเป็นพวกที่ไม่ชอบใช้ความคิด หรือไม่ใช้เวลามานั่งคิดว่าอะไรเกิดขึ้นในโลกนี้บ้าง คนพวกนี้คือคนส่วนใหญ่ของสังคม (พวกโลกสวย?!) เป็นมวลชน เป็นกลุ่มชน ที่ควรจะต้องมีการชี้นำ กำกับ โดยผู้นำ ซึ่งก็อาจจะชี้นำถูกหรือผิดก็ได้ ดังนั้นในความเห็นของนาย Lippman คือ ควรจะมีผู้เชี่ยวชาญ ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแนะนำ ให้แก่ผู้มีหน้าที่ตัดสินใจ
    ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ เป็นผู้ที่มีความคิดเฉลียวฉลาด มีปัญญามองอะไรทะลุปรุโปร่ง ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้บริหารชั้นสูง คนระดับสูงของประเทศ หรือผู้นำกลุ่มวิชาชีพ ซึ่งเขาเหล่านี้มักจะอยู่ในระดับสูงสุดของสังคม (นี่มันไม่ใช่ แค่แบ่งชนชั้นทางสังคมนะ เป็นการแบ่งชนชั้นทางปัญญาอีกด้วย !)
    นาย Rockefeller ถูกใจมาก เขาเห็นด้วยอย่างยิ่ง บอกใช่แล้วพ่อหนุ่ม เราควรนำมาใช้ในทุกเรื่องเลย โดยเฉพาะใช้ในการครองโลก รวมทั้งด้านธุรกิจสังคมและการเมือง เพื่อชี้นำประชาชน (ฟ้อกย้อมความคิดแบบสมบูรณ์) และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการคิดสร้างถังความคิด (Think Tank) CFR ซึ่งแน่นอนภายหลัง นาย Lippmann เป็นหนึ่งในนักคิดคนสำคัญของ CFR ด้วย
    วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ Propaganda พัฒนามาจนถึงปี ค.ศ.1928 Edward Bernays ซึ่งเป็นหลานของ Sigmund Freud และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้วางแผนโฆษณาชวนเชื่อให้กับประธานาธิบดี Woodrow Wilson ในสำนักงาน CPI เขียนหนังสือชื่อ Propaganda การโฆษณาชวนเชื่อ ถือเป็นตำราที่ผู้นำทั้งหลายนำไปใช้ ในการต้อนประชาชนเข้าคอก เขาบอกว่า ประชาชนสามารถถูกชี้นำได้โดยคนไม่กี่คน ที่เข้าใจขบวนการนึกคิดและรูปแบบของมวลชน คนไม่กี่คนนี้สามารถทำหน้าที่เป็นคนกระตุกเชือกในการคุมและชี้นำความคิดของมหาชน เหมือนเวลาจะต้อนสัตว์เข้าคอกนั่นแหละ
    วิธีการเช่นนี้ ปรากฎว่าได้ผลไปในทุกวงการและทั่วโลกและยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ เพียงแต่เขาเรียกเป็นภาษาสมัยใหม่ว่า engineering consent หรือ constructing consent กระบวนการจัดการให้ได้รับความยินยอมความเห็นชอบ ที่นักล่าเอาไว้ใช้ในการล่าเหยื่อ โดยไม่ต้องออกแรงใช้อาวุธ เพียงแค่หาวิธีย้อมความคิดเหยื่อ จนเหยื่อหลงเชื่อคล้อยตาม และเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวแบบสบายๆ 60 ปีมานี้สมันน้อยเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวอย่างสบายใจกันเกือบหมดแล้ว
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 11 – ปฏิบัติการฟอกย้อม นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 11 : ปฏิบัติการฟอกย้อม ปี ค.ศ.1913 เกิดเหตุการณ์ที่เหมืองถ่านหินในรัฐ Colorado รู้จักกันในชื่อเหตุการณ์ฆ่าโหด Ludlow (Ludlow Massacre) กรรมกรในเหมืองถ่านหินประมาณหมื่นกว่าคน พร้อมใจกันประท้วงนายจ้าง เนื่องจากหัวหน้ากรรมกรถูกฆาตกรรม กรรมกรพวกนี้เป็นคนต่างชาติ เช่น พวกกรีก อิตาเลียน และเซิร์บ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกาในช่วงอุตสาหกรรมบูม การประท้วงลามไปถึง Colorado Fuel & Iron Corporation ซึ่งเป็นของตระกูล Rockefeller กรรมกรขอขึ้นค่าแรง เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่สุดห่วย แถมยังมีการกดขี่จากนายจ้าง และฝ่ายรัฐซึ่งเป็นเสมือนขี้ข้าของนายทุน (เพราะรับเงินส่วย !) ที่เป็นเจ้าของเหมือง นายทุนบอกโง่มาก คิดว่าเอากำลังคนมาขู่กำลังเงินจะสำเร็จหรือ ว่าแล้วก็ไล่กรรมกรและครอบครัวกระเจิงออกไปจากเหมือง กรรมกรคอตกไม่มีที่ไป จัดการกางเต็นท์ตั้งมันอยู่ที่นอกเมืองนั่นแหละ นายทุน Rockefeller บอกว่าเมื่อพูดด้วยปากไม่รู้เรื่อง ก็เอาปืนมาพูดแทนแล้วกัน แล้วเขาก็ไปจ้างพวกมือปืนรับจ้าง ซึ่งมีทั้งปืนกลและปืนไรเฟิล มายิ่งถล่มใส่เต้นท์กรรมกร ผู้ว่าการรัฐ Colorado รู้เรื่องเข้าก็บอก นายท่านจัดการเองแบบนี้ไม่ได้ เป็นหน้าที่ของกระผม แล้วขี้ข้าก็ไปรวบรวมเจ้าหน้าที่ ของรัฐ ซึ่งแน่นอน กินเงินเดือนของนายทุน Rockefeller มากวาดเต้นท์จนราบ ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1914 ประวัติศาสตร์ได้ บันทึกไว้ว่า กรรมกรที่รวมกลุ่มกันตั้งเต้นท์กลุ่มใหญ่ที่สุด มีคนรวมกันประมาณพันคน มีทั้งผู้หญิงผู้ชายและเด็ก ถูกปืนกลของเจ้าหน้าที่รัฐรัวใส่บาดเจ็บล้มตายระเนระนาดไปหมด และเมื่อกรรมกรยกธงขาวเดินเข้ามาขอเจรจาสงบศึก เขาก็ถูกปืนกลรัวใส่ตายคาที่เรียบร้อยอยู่บนพื้นถนน หลังจากนั้นปืนกลก็รัวต่อจนถึงค่ำ ตามต่อด้วยเจ้าหน้าที่จุดไฟเผาเต้นท์จนไม่เหลือ กรรมกรตายเรียบ ในจำนวนผู้ที่ถูกไฟเผามีทั้งผู้หญิงและเด็ก ชื่อของฆ่าโหด Ludlow ก็เป็นที่รู้จักดังไปทั่วตั้งแต่นั้นมา หนังสือพิมพ์ลงข่าวทุกวัน พร้อมคำด่ามาจากทุกสารทิศ นายทุน Rockefeller บอกว่าเรื่องแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ขอโทษอย่าเข้าใจผิดว่า เรื่องสาดปืนกลและเอาไฟเผาจะไม่เกิดขึ้นอีก เขาหมายความว่าการที่สื่อประโคมข่าวด่าแบบไม่เลิกนี้ จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่างหาก ดังนั้น Rockefeller Foundation จึงได้รับมอบหมายให้ทำการวิจัย เกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อ propaganda เพื่อหาวิธีปิดปากสังคมเกี่ยวกับความไม่สงบทางสังคม และการเมือง ไหนๆ จะวิเคราะห์วิจัยเกี่ยวกับเรื่องการบิดเบือนข้อเท็จจริงแล้ว มันก็ควรจะทำกันให้ครบถ้วนไปเลย โดยหาวิธีคิดหลักสูตรเพิ่มคือ เอาให้ถึงวิธีชี้นำสังคม ว่าความจริง truth เป็นอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญว่าจะทำให้สังคมคิดอย่างไรกับความจริงนั้นต่างหาก หาวิธีใส่ความคิดเข้าในหัวเรา ! วิธีการนี้มาจากการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งได้มีการทดลองใช้ในช่วงสงคราม โลกครั้งที่ 1 มาแล้ว โดยประธานาธิบดี Woodrow Wilson ได้ตั้งหน่วยงาน US Committee on Public Information (CPI) เพื่อให้ประชาชนสนับสนุนการทำสงคราม ก่อนทำสงครามประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะชนชั้นกรรมกร ไม่มีใครอยากให้ทำสงคราม เพราะมีแต่ความอดอยาก ชาวบ้านบอกว่าสงครามเป็นเรื่อง ของคนรวย แต่นาย Walter Lippman นักคิด นักเขียน จากมหาวิทยาลัย Harvard ผู้ซึ่งประธานาธิบดี Roosevelt ปลื้มมาก บอกว่าเป็นคนหนุ่มที่ฉลาดที่สุดในพวกวัยเดียวกับเขา (ตอนนั้นเขาอายุ 25 ปี) นาย Lippman บอกว่าที่ทำสงครามเพื่อทำให้ประชาธิปไตยเราปลอดภัย เป็นการพูดที่ฟังแล้วดูสวยหรู แต่เป็นตรรกะที่ห่วยมาก แต่คนก็พากันเชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไอ้หนุ่มน้อยนี้เป็นที่ชื่นชมของประธานาธิบดีหรือเปล่า ฝรั่งก็สอพลอเป็น นาย Lippman ยังมีความเห็นอีกว่า คนส่วนใหญ่จะมีความเห็นชอบหรือไม่ชอบ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ว่างั้นเถอะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุผล (ด้วยเหตุว่า) คนพวกนี้ไม่ค่อยมีความเฉลียวฉลาดมากนัก และไม่มีความคิดที่มั่นคง แถมเป็นพวกที่ไม่ชอบใช้ความคิด หรือไม่ใช้เวลามานั่งคิดว่าอะไรเกิดขึ้นในโลกนี้บ้าง คนพวกนี้คือคนส่วนใหญ่ของสังคม (พวกโลกสวย?!) เป็นมวลชน เป็นกลุ่มชน ที่ควรจะต้องมีการชี้นำ กำกับ โดยผู้นำ ซึ่งก็อาจจะชี้นำถูกหรือผิดก็ได้ ดังนั้นในความเห็นของนาย Lippman คือ ควรจะมีผู้เชี่ยวชาญ ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแนะนำ ให้แก่ผู้มีหน้าที่ตัดสินใจ ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ เป็นผู้ที่มีความคิดเฉลียวฉลาด มีปัญญามองอะไรทะลุปรุโปร่ง ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้บริหารชั้นสูง คนระดับสูงของประเทศ หรือผู้นำกลุ่มวิชาชีพ ซึ่งเขาเหล่านี้มักจะอยู่ในระดับสูงสุดของสังคม (นี่มันไม่ใช่ แค่แบ่งชนชั้นทางสังคมนะ เป็นการแบ่งชนชั้นทางปัญญาอีกด้วย !) นาย Rockefeller ถูกใจมาก เขาเห็นด้วยอย่างยิ่ง บอกใช่แล้วพ่อหนุ่ม เราควรนำมาใช้ในทุกเรื่องเลย โดยเฉพาะใช้ในการครองโลก รวมทั้งด้านธุรกิจสังคมและการเมือง เพื่อชี้นำประชาชน (ฟ้อกย้อมความคิดแบบสมบูรณ์) และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการคิดสร้างถังความคิด (Think Tank) CFR ซึ่งแน่นอนภายหลัง นาย Lippmann เป็นหนึ่งในนักคิดคนสำคัญของ CFR ด้วย วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ Propaganda พัฒนามาจนถึงปี ค.ศ.1928 Edward Bernays ซึ่งเป็นหลานของ Sigmund Freud และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้วางแผนโฆษณาชวนเชื่อให้กับประธานาธิบดี Woodrow Wilson ในสำนักงาน CPI เขียนหนังสือชื่อ Propaganda การโฆษณาชวนเชื่อ ถือเป็นตำราที่ผู้นำทั้งหลายนำไปใช้ ในการต้อนประชาชนเข้าคอก เขาบอกว่า ประชาชนสามารถถูกชี้นำได้โดยคนไม่กี่คน ที่เข้าใจขบวนการนึกคิดและรูปแบบของมวลชน คนไม่กี่คนนี้สามารถทำหน้าที่เป็นคนกระตุกเชือกในการคุมและชี้นำความคิดของมหาชน เหมือนเวลาจะต้อนสัตว์เข้าคอกนั่นแหละ วิธีการเช่นนี้ ปรากฎว่าได้ผลไปในทุกวงการและทั่วโลกและยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ เพียงแต่เขาเรียกเป็นภาษาสมัยใหม่ว่า engineering consent หรือ constructing consent กระบวนการจัดการให้ได้รับความยินยอมความเห็นชอบ ที่นักล่าเอาไว้ใช้ในการล่าเหยื่อ โดยไม่ต้องออกแรงใช้อาวุธ เพียงแค่หาวิธีย้อมความคิดเหยื่อ จนเหยื่อหลงเชื่อคล้อยตาม และเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวแบบสบายๆ 60 ปีมานี้สมันน้อยเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวอย่างสบายใจกันเกือบหมดแล้ว คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 13
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 13
    นาย Kenneth จัดหลักสูตรปรับพื้นสนามล่า ให้การอบรมแก่เหล่าสมุนนักล่าอยู่ 2 ปี หลังจากนั้นก็มีคนอื่นมารับหน้าที่ปรับพื้นสนามต่อ ตัวเขาย้ายกลับไปอยู่กระทรวงต่าง ประเทศ เดินแกว่งไปมาอีกรอบ จน ค.ศ. 1966 Pentagon มีงานพิเศษ Advanced Research Project Agency (ARPA) ต้องการได้ข้อมูลแบบละเอียดเหมือนทำสารานุกรม เกี่ยวกับพื้นที่แถวอีสานเหนือของไทย ที่อเมริกามาสร้างสนามบินไว้หลายแห่ง เพื่อให้เครื่องบินรบของอเมริกา บินไปถล่มเวียตมินท์ เวียตนาม หรือกัมพูชา ข้อมูลที่ Pentagon ต้องการอยู่แถวอีสาณตอนบน แถบ นครพนม มุกดาหาร และเส้นทางตามแม่น้ำโขง นั้นแหละ ซึ่งอเมริกาอ้างว่าต้องการข้อมูล เพิ่ม หัวหน้าทีม ชื่อ Wilfred Smith ถูกตามตัวมาจากอียิปต์ ( ! ? ) เพื่อมาคุมทีม ทางPentagon ขอให้นาย Kenneth มาด้วย พร้อมกับนักธรณีวิทยา นักวิทยาศาสตร์ ผู้ชำนาญด้านเกษตรกรรม และสภาพอากาศ นาย Smith ตามประวัติบอกว่าเกิดและโตที่เมือง จีน พ่อแม่เป็นมิชชั่น นารี (อีกแล้ว!) ต่อมาเป็นทหารอเมริกัน และล่าสุดสังกัดหน่วย OSS สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นผู้ชำนาญด้านระบอบคอมมิวนิสต์ ชนิดติดตามแบบวันต่อวัน ประธานาธิบดี Kennedy ประทับใจมาก ให้ไปจิกตัวกลับมาจากอียิปต์ เพื่อมาคุมงานนี้ แต่เพื่อไม่ให้สมันน้อยตกใจจับไต๋ได้ แทนที่จะมาในนาม ARPA เขาใช้ชื่อบริษัท Philco บังหน้า จึงเรียก Phico Project
    บริษัท Philco นี้ เป็นคู่สัญญากับกองทัพอเมริกา รับงานสร้างและติดตั้งเครื่องมือสื่อสาร ตั้งแต่ชิ้นส่วนเล็กไปจนถึงสร้างสถานีส่งเรดาห์สัญญาณสื่อ สารและดาวเทียม เขามาทำอะไรมาสำรวจอะไร นาย Kenneth ไม่ได้โม้ให้ฟัง บอกว่ามาสำรวจอยู่กว่า 3 เดือน และเขาได้พบกับนายพจน์ สารสิน (อีกแล้ว ! ) ซึ่งตอนนั้นเป็นรัฐมนตรีด้านพัฒนาสังคมของเมืองไทย ซึ่งอำนวยความสะดวกให้คณะสำรวจอย่างดี
    ก็น่าสนใจการสำรวจคร้ังนี้ หัวหน้าทีมชำนาญด้าน คอมมิวนิสต์ มาสำรวจพื้นที่บ้านเรา แถบที่พวกเขามาสร้างสนามบินไว้ แต่หอบเอานักธรณีวิทยา นักวิทยาศาสตร์มาด้วย จะว่ามาสำรวจเพื่อสร้างสนามบินเพิ่ม มันก็จะมากไปหน่อย จะต้ังสนามบินแฝดหรือไง หรือว่ามีอะไรพิเศษที่นักล่าสนใจรู้เค้ามา แต่ไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะรู้เรื่องกับเขาหรือเปล่า
    ท่านผู้อ่านนิทานจะพอจำกันได้ไหม เครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง อันลือชื่อของไทยเรา ถูกค้นพบโดยนาย Stephen Young ลูกชายของฑูต Kenneth Young ประจำประเทศไทย เมื่อปี ค.ศ. 1966 ตอนนั้นนาย Stephen เพิ่งอายุประมาณ 15 – 16 ปี ยังเรียนหนังสืออยู่มัธยม มันเหลือเชื่อน่าสงสัยขนาดไหน ลองไปหาอ่านกันดู นาย Stephen Young ล่าสุดดำรงตำแหน่ง Global Exclusive Director ของ Caux Round Table
    และหวังว่ายังคงไม่ลืมค่ายรามสูร (ถ้าจำไม่ได้ ช่วยกลับไปอ่านจิกโก๋ปากซอยนะครับ) ที่นักล่าสร้างไว้ที่อุดร ใหญ่ชนิดมีสนามกอล์ฟและสระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิก มีพนักงาน 2,000 คน เอาไว้ดักฟังสัญญาณต่างๆ ได้ถึงดาวอังคาร เมื่อสงครามเวียตนามเลิก อเมริกาบอกปิดค่ายรามสูรอพยพกลับบ้าน แต่ข่าววงในบอกว่าอพยพแต่เจ้าหน้าที่ แต่เครื่องมือย้ายมาอยู่แถวบางเขน บ้างก็ว่าอยู่ทุ่งมหาเมฆ แต่สรุปว่า เอาแค่ป้ายชื่อค่ายรามสูรออก ขนคนทำงานประเภทเสมียนกลับอเมริกา ส่วนคนไทยก็ปลดออก แล้วย้ายเรดาห์ทั้งหมดมาอยู่ในที่กรุงเทพแทน! แหม! ดักฟังได้ชัดเจนกว่า นายกรัฐมนตรีคนไหนของไทยจะกระแอม จะคุยกับอาเฮีย หรือ จะเรียก 20 เรียก 30 กับมันได้ยินกันหมด แล้วมันจะไม่อยู่ในมือเขาหรือ แล้วไอ้เรื่อง Philco Project นั้นมันจะเกี่ยวข้องกับบ้านเชียงหรือเปล่า มันน่าอัศจรรย์เกินบรรยาย กรมศิลปากรทั้งกรมค้นหามาไม่รู้กี่สิบปีไม่เจอซักกะหม้อ แหม พอหนุ่มน้อยอายุ 15-16 ปี เดินเล่นชมนกชมไม้ (ไปตามที่เครื่องมือของ Philco Project มันทำทางไว้ ! ?) ดันเจอหม้อไหอายุ 5000 ปี เต็มไปหมด เด็กอะไรมันเก่งขนาดนั้น แล้วมันจะเกี่ยวกับน้ำมัน ที่ภายหลังต่างชาติ โดยเฉพาะ Chevron เขาสำรวจเจอน้ำมัน ได้สัมปทานช่วงปี 1970 ต้นๆ เพียบเลยหรือเปล่า
    นี่ยังไม่นับรวมแร่ธาตุและทองอีกเพียบ ที่สำรวจเจอ แต่ปิดปากกันเงียบรู้กันเฉพาะวงในสุดๆ เช่น โปแตส ซึ่งเป็นแร่สำคัญ เป็นสารต้ังต้นของอุตสาหกรรมเกือบทุกชนิด เป็นส่วนผสมของการทำระเบิดขนาดเล็กไปถึงขนาดปรมาณู มีมากอยู่แถวอีสาณเหนือนั้นแหละ ใครวิ่ง ใครได้สัมปทาน ก็ไปสืบกันดู และไอ้เจ้าโปแตสนี้ มีอยู่มากที่อาฟกานิสถาน นักล่าถึงยังเล่นรบอยู่แถวน้ัน ไม่เลิกเสียที ก็ลองคิดนอกกรอบกันดูบ้างแล้วกัน

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 13 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 13 นาย Kenneth จัดหลักสูตรปรับพื้นสนามล่า ให้การอบรมแก่เหล่าสมุนนักล่าอยู่ 2 ปี หลังจากนั้นก็มีคนอื่นมารับหน้าที่ปรับพื้นสนามต่อ ตัวเขาย้ายกลับไปอยู่กระทรวงต่าง ประเทศ เดินแกว่งไปมาอีกรอบ จน ค.ศ. 1966 Pentagon มีงานพิเศษ Advanced Research Project Agency (ARPA) ต้องการได้ข้อมูลแบบละเอียดเหมือนทำสารานุกรม เกี่ยวกับพื้นที่แถวอีสานเหนือของไทย ที่อเมริกามาสร้างสนามบินไว้หลายแห่ง เพื่อให้เครื่องบินรบของอเมริกา บินไปถล่มเวียตมินท์ เวียตนาม หรือกัมพูชา ข้อมูลที่ Pentagon ต้องการอยู่แถวอีสาณตอนบน แถบ นครพนม มุกดาหาร และเส้นทางตามแม่น้ำโขง นั้นแหละ ซึ่งอเมริกาอ้างว่าต้องการข้อมูล เพิ่ม หัวหน้าทีม ชื่อ Wilfred Smith ถูกตามตัวมาจากอียิปต์ ( ! ? ) เพื่อมาคุมทีม ทางPentagon ขอให้นาย Kenneth มาด้วย พร้อมกับนักธรณีวิทยา นักวิทยาศาสตร์ ผู้ชำนาญด้านเกษตรกรรม และสภาพอากาศ นาย Smith ตามประวัติบอกว่าเกิดและโตที่เมือง จีน พ่อแม่เป็นมิชชั่น นารี (อีกแล้ว!) ต่อมาเป็นทหารอเมริกัน และล่าสุดสังกัดหน่วย OSS สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นผู้ชำนาญด้านระบอบคอมมิวนิสต์ ชนิดติดตามแบบวันต่อวัน ประธานาธิบดี Kennedy ประทับใจมาก ให้ไปจิกตัวกลับมาจากอียิปต์ เพื่อมาคุมงานนี้ แต่เพื่อไม่ให้สมันน้อยตกใจจับไต๋ได้ แทนที่จะมาในนาม ARPA เขาใช้ชื่อบริษัท Philco บังหน้า จึงเรียก Phico Project บริษัท Philco นี้ เป็นคู่สัญญากับกองทัพอเมริกา รับงานสร้างและติดตั้งเครื่องมือสื่อสาร ตั้งแต่ชิ้นส่วนเล็กไปจนถึงสร้างสถานีส่งเรดาห์สัญญาณสื่อ สารและดาวเทียม เขามาทำอะไรมาสำรวจอะไร นาย Kenneth ไม่ได้โม้ให้ฟัง บอกว่ามาสำรวจอยู่กว่า 3 เดือน และเขาได้พบกับนายพจน์ สารสิน (อีกแล้ว ! ) ซึ่งตอนนั้นเป็นรัฐมนตรีด้านพัฒนาสังคมของเมืองไทย ซึ่งอำนวยความสะดวกให้คณะสำรวจอย่างดี ก็น่าสนใจการสำรวจคร้ังนี้ หัวหน้าทีมชำนาญด้าน คอมมิวนิสต์ มาสำรวจพื้นที่บ้านเรา แถบที่พวกเขามาสร้างสนามบินไว้ แต่หอบเอานักธรณีวิทยา นักวิทยาศาสตร์มาด้วย จะว่ามาสำรวจเพื่อสร้างสนามบินเพิ่ม มันก็จะมากไปหน่อย จะต้ังสนามบินแฝดหรือไง หรือว่ามีอะไรพิเศษที่นักล่าสนใจรู้เค้ามา แต่ไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะรู้เรื่องกับเขาหรือเปล่า ท่านผู้อ่านนิทานจะพอจำกันได้ไหม เครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง อันลือชื่อของไทยเรา ถูกค้นพบโดยนาย Stephen Young ลูกชายของฑูต Kenneth Young ประจำประเทศไทย เมื่อปี ค.ศ. 1966 ตอนนั้นนาย Stephen เพิ่งอายุประมาณ 15 – 16 ปี ยังเรียนหนังสืออยู่มัธยม มันเหลือเชื่อน่าสงสัยขนาดไหน ลองไปหาอ่านกันดู นาย Stephen Young ล่าสุดดำรงตำแหน่ง Global Exclusive Director ของ Caux Round Table และหวังว่ายังคงไม่ลืมค่ายรามสูร (ถ้าจำไม่ได้ ช่วยกลับไปอ่านจิกโก๋ปากซอยนะครับ) ที่นักล่าสร้างไว้ที่อุดร ใหญ่ชนิดมีสนามกอล์ฟและสระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิก มีพนักงาน 2,000 คน เอาไว้ดักฟังสัญญาณต่างๆ ได้ถึงดาวอังคาร เมื่อสงครามเวียตนามเลิก อเมริกาบอกปิดค่ายรามสูรอพยพกลับบ้าน แต่ข่าววงในบอกว่าอพยพแต่เจ้าหน้าที่ แต่เครื่องมือย้ายมาอยู่แถวบางเขน บ้างก็ว่าอยู่ทุ่งมหาเมฆ แต่สรุปว่า เอาแค่ป้ายชื่อค่ายรามสูรออก ขนคนทำงานประเภทเสมียนกลับอเมริกา ส่วนคนไทยก็ปลดออก แล้วย้ายเรดาห์ทั้งหมดมาอยู่ในที่กรุงเทพแทน! แหม! ดักฟังได้ชัดเจนกว่า นายกรัฐมนตรีคนไหนของไทยจะกระแอม จะคุยกับอาเฮีย หรือ จะเรียก 20 เรียก 30 กับมันได้ยินกันหมด แล้วมันจะไม่อยู่ในมือเขาหรือ แล้วไอ้เรื่อง Philco Project นั้นมันจะเกี่ยวข้องกับบ้านเชียงหรือเปล่า มันน่าอัศจรรย์เกินบรรยาย กรมศิลปากรทั้งกรมค้นหามาไม่รู้กี่สิบปีไม่เจอซักกะหม้อ แหม พอหนุ่มน้อยอายุ 15-16 ปี เดินเล่นชมนกชมไม้ (ไปตามที่เครื่องมือของ Philco Project มันทำทางไว้ ! ?) ดันเจอหม้อไหอายุ 5000 ปี เต็มไปหมด เด็กอะไรมันเก่งขนาดนั้น แล้วมันจะเกี่ยวกับน้ำมัน ที่ภายหลังต่างชาติ โดยเฉพาะ Chevron เขาสำรวจเจอน้ำมัน ได้สัมปทานช่วงปี 1970 ต้นๆ เพียบเลยหรือเปล่า นี่ยังไม่นับรวมแร่ธาตุและทองอีกเพียบ ที่สำรวจเจอ แต่ปิดปากกันเงียบรู้กันเฉพาะวงในสุดๆ เช่น โปแตส ซึ่งเป็นแร่สำคัญ เป็นสารต้ังต้นของอุตสาหกรรมเกือบทุกชนิด เป็นส่วนผสมของการทำระเบิดขนาดเล็กไปถึงขนาดปรมาณู มีมากอยู่แถวอีสาณเหนือนั้นแหละ ใครวิ่ง ใครได้สัมปทาน ก็ไปสืบกันดู และไอ้เจ้าโปแตสนี้ มีอยู่มากที่อาฟกานิสถาน นักล่าถึงยังเล่นรบอยู่แถวน้ัน ไม่เลิกเสียที ก็ลองคิดนอกกรอบกันดูบ้างแล้วกัน คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนุ่มน้อยโชว์เพลงอาเซียน ฟังจบร้องเอ๊ะ!! (14/8/68)
    #TruthFromThailand #อาเซียน #เพลงอาเซียน #news1 #thaitimes #shorts
    หนุ่มน้อยโชว์เพลงอาเซียน ฟังจบร้องเอ๊ะ!! (14/8/68) #TruthFromThailand #อาเซียน #เพลงอาเซียน #news1 #thaitimes #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • หนุ่มน้อยสู้ไม่ถอย สวนเขมรทุกดอก สะเทือนถึง “ฮุน” (5/8/68)
    #TruthFromThailand
    #scambodia
    #Hunsenfiredfirst
    #CambodiaNoCeasefire
    #กัมพูชายิงก่อน
    #ไทยรบเพื่อปกป้องแผ่นดิน
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #news1
    #thaitimes
    หนุ่มน้อยสู้ไม่ถอย สวนเขมรทุกดอก สะเทือนถึง “ฮุน” (5/8/68) #TruthFromThailand #scambodia #Hunsenfiredfirst #CambodiaNoCeasefire #กัมพูชายิงก่อน #ไทยรบเพื่อปกป้องแผ่นดิน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #news1 #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • นิยายไซไฟ Aurora
    ในปี 2999 ที่ดาวเคราะห์ศูนย์กลางอารยธรรมมนุษย์ชื่อ **"นิวสยาม"** อากาศภายนอกโดมเมืองเป็นพิษจนหายใจไม่ได้ ทว่าในย่านสูงสุดของ **"สกายซิตี้"** ที่ลอยอยู่เหนือเมฆหมอก นครแห่งแสงนีออนและยานพาหนะไร้คนขับนั้น มีเรื่องรักข้ามภพชั้นกำเนิดกำลังก่อตัว...

    **อร (Aurora) ลูกสาวแห่งตระกูล "วัชระ"**
    รัชทายาทแห่งอาณาจักรค้าทองคำจากอุกกาบาต **"ทองจักรราศี"** ที่พ่อของเธอ – **มหาเศรษฐีวรวัชร์** – ขุดพบในแถบดาวเคราะห์น้อย Kuiper Belt แร่ธาตุนี้เรืองแสงสีชมพูอมม่วงใต้แสงอัลตราไวโอเลต ถูกแปรรูปเป็นเครื่องประดับล้ำยุคสำหรับชนชั้นสูงสุด ทว่าความมั่งคั่งทั้งหมดมาจากการกดขี่แรงงานเหมืองดาวเคราะห์น้อย และการสมคบกับรัฐบาลเทคโนแครต

    **ธัช (Thad) นักศึกษาวิชาชีวภาพจักรวาลแห่งมหาวิทยาลัยใต้โดม**
    หนุ่มน้อยแถบสลัม "ดินแดง" ผู้ใช้ทักษะการตัดต่อพันธุกรรมสิ่งมีชีวิตต่างดาวเพื่อสร้างอาหารราคาถูกให้คนจน เขาคือแกนนำกลุ่ม **"ปฏิวัฒน์ชีวภาพ"** ที่ต่อต้านการผูกขาดเทคโนโลยีโดยบรรษัทข้ามดาว ฝันถึงจักรวาลที่มนุษย์อยู่ร่วมกับระบบนิเวศ ไม่ใช่ทำลายมัน

    ---

    ### จุดชนะใจกลางพายุฝุ่นดาวอังคาร
    คืนหนึ่งขณะธัชแฝงตัวขึ้นสกายซิตี้เพื่อปล่อยไวรัสดิจิทัลโจมตีเซิร์ฟเวอร์บริษัทวัชระ เขาต้องหลบหนีลงมาทางท่อขนส่งขยะ... และพบอรซึ่งกำลังหลบงานเลี้ยงหรูเพื่อตามห้าแมวไซบอร์กลักพาตัวของเธอในเขตทิ้งของเก่า แสงเรืองจากสร้อยคอทองจักรราศีของอรทำให้นาฬิกาจับพิกัดของธัชเสียหาย ทว่าแทนที่จะแจ้งความ...

    **"คุณรู้ไหมว่าทองเส้นนี้ทำให้คนงานตาบอด 3 คนเพราะรังสี?"** ธัชถามด้วยความโกรธ
    **"และคุณรู้ไหมว่ามันคือชิ้นส่วนเดียวที่เหลืออยู่จากดาวบ้านเกิดแม่ฉัน?"** อรตอบด้วยน้ำตา

    กลางกองขยะไฮเทคที่เต็มไปด้วยแบคทีเรียดัดแปลง ทั้งคู่พบว่าต่างถูกคุมขังโดยระบบชนชั้นเดียวกัน: อรคือหุ่นเชิดของตระกูล ส่วนธัชคือฟันเฟืองในเครื่องจักรปฏิวัติ

    ---

    ### 7 ดาวเคราะห์ที่รักบ่มเพาะ
    1. **ห้องทดลองลับใต้ดิน**
    ธัชพาอรไปเห็น "สวนสวรรค์ชีวภาพ" ที่เขาสร้างไว้ – ระบบนิเวศขนาดกระเป๋าเดินทางที่มีพืชจาก 7 ดาวเคราะห์ อรใช้ความรู้ด้านแร่วิทยาช่วยปรับสมดุลแร่ธาตุจนดอกไม้เหล็กจากเนปจูนผลิบาน

    2. **งานเต้นรำกลางดาวเคราะห์น้อย**
    อรพาธัชแฝงตัวขึ้นยานส่วนตัวไปยังแอสเทอรอยด์ VH-2982 ที่ตระกูลวัชระกำลังขุดเจาะ ทั้งคู่เต้นรำในสภาพไร้น้ำหนักใต้แสงดาวนับล้าน โดยมีหุ่นยนต์ขนทองเป็นสักขีพยาน

    3. **การทรยศของ "แสงชัย" หุ่น AI คู่ใจอร**
    เมื่อ AI ในสร้อยคอของอรแจ้งเรื่องความสัมพันธ์นี้ให้วรวัชร์ทราบ ธัชถูกตั้งค่าหัวโดยกองกำลังรักษาความปลอดภัยของบริษัท อรต้องตัดสินใจ: ใช้ระเบิดนาโนทำลายแสงชัย หรือปล่อยให้ธัชตาย...

    ---

    ### จุดแตกหักแห่งจักรวาล
    วรวัชร์เปิดเผยแผนชั่วร้าย: **"โครงการฟีนิกซ์"** ที่จะเผาทุกชุมชนใต้โดมเพื่อสร้างเหมืองทองใหม่ ความจริงที่น่าขนลุกคือ... **ทองจักรราศีคือสปอร์สิ่งมีชีวิตต่างดาว** ที่ค่อยๆ เปลี่ยนมนุษย์ให้เป็นทาสทางความคิดเมื่อสวมใส่เกิน 7 ปี!

    อรเห็นแม่แท้ๆ ของเธอ – ผู้สวมมงกุฎทองตลอดเวลา – ถูกควบคุมเป็นหุ่นเชิดโดยสิ่งมีชีวิตสีทองในตู้เลี้ยง ทางรอดเดียวคือไวรัสที่ธัชพัฒนาจากแบคทีเรียใน "สวนสวรรค์" ซึ่งฆ่าสปอร์ทองโดยไม่ทำร้ายมนุษย์

    ---

    ### รักสุดขอบฟ้า
    คืนสุดท้ายก่อนการปฏิวัติใหญ่ ธัชกับอรยืนอยู่บนดาดฟ้ายานอวกาศเก่า ด้านล่างคือชุมชนใต้โดมที่กำลังลุกเป็นไฟ

    **"ถ้าเราเผาทองทั้งหมด... ครอบครัวฉันจะล่มสลาย"**
    **"และถ้าไม่เผา... มนุษยชาติจะสูญสิ้น"**

    อรกดส่งรหัสทำลายคลังทองหลักของตระกูล ส่วนธัชปล่อยไวรัสสู่ระบบปรับอากาศสกายซิตี้ เมื่อแสงระเบิดสีชมพูอมม่วงวาบขึ้นบนท้องฟ้า ทั้งคู่จับมือกันกระโดดลงแคปซูลหนีภัย...

    **ทิ้งไว้เบื้องหลังเพียงคำถาม:**
    เมื่อทองคำอันเป็นตัวตนของเธอละลายไป
    เมื่อการปฏิวัติอันเป็นตัวตนของเขาชำระสำเร็จ
    รักข้ามดวงดาวนี้จะเหลืออะไรให้รักกัน?

    ---

    โลกปี 2999 ยังไม่มีคำตอบ
    มีเพียงดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่งที่กำลังผลิดอก
    จากเศษทองที่หลอมรวมกับแบคทีเรียแห่งความหวัง
    โดยไม่มีใครรู้ว่ามันจะเป็นสวนสวรรค์ใหม่...
    หรือไวรัสร้ายแบบใหม่กันแน่?
    นิยายไซไฟ Aurora ในปี 2999 ที่ดาวเคราะห์ศูนย์กลางอารยธรรมมนุษย์ชื่อ **"นิวสยาม"** อากาศภายนอกโดมเมืองเป็นพิษจนหายใจไม่ได้ ทว่าในย่านสูงสุดของ **"สกายซิตี้"** ที่ลอยอยู่เหนือเมฆหมอก นครแห่งแสงนีออนและยานพาหนะไร้คนขับนั้น มีเรื่องรักข้ามภพชั้นกำเนิดกำลังก่อตัว... **อร (Aurora) ลูกสาวแห่งตระกูล "วัชระ"** รัชทายาทแห่งอาณาจักรค้าทองคำจากอุกกาบาต **"ทองจักรราศี"** ที่พ่อของเธอ – **มหาเศรษฐีวรวัชร์** – ขุดพบในแถบดาวเคราะห์น้อย Kuiper Belt แร่ธาตุนี้เรืองแสงสีชมพูอมม่วงใต้แสงอัลตราไวโอเลต ถูกแปรรูปเป็นเครื่องประดับล้ำยุคสำหรับชนชั้นสูงสุด ทว่าความมั่งคั่งทั้งหมดมาจากการกดขี่แรงงานเหมืองดาวเคราะห์น้อย และการสมคบกับรัฐบาลเทคโนแครต **ธัช (Thad) นักศึกษาวิชาชีวภาพจักรวาลแห่งมหาวิทยาลัยใต้โดม** หนุ่มน้อยแถบสลัม "ดินแดง" ผู้ใช้ทักษะการตัดต่อพันธุกรรมสิ่งมีชีวิตต่างดาวเพื่อสร้างอาหารราคาถูกให้คนจน เขาคือแกนนำกลุ่ม **"ปฏิวัฒน์ชีวภาพ"** ที่ต่อต้านการผูกขาดเทคโนโลยีโดยบรรษัทข้ามดาว ฝันถึงจักรวาลที่มนุษย์อยู่ร่วมกับระบบนิเวศ ไม่ใช่ทำลายมัน --- ### จุดชนะใจกลางพายุฝุ่นดาวอังคาร คืนหนึ่งขณะธัชแฝงตัวขึ้นสกายซิตี้เพื่อปล่อยไวรัสดิจิทัลโจมตีเซิร์ฟเวอร์บริษัทวัชระ เขาต้องหลบหนีลงมาทางท่อขนส่งขยะ... และพบอรซึ่งกำลังหลบงานเลี้ยงหรูเพื่อตามห้าแมวไซบอร์กลักพาตัวของเธอในเขตทิ้งของเก่า แสงเรืองจากสร้อยคอทองจักรราศีของอรทำให้นาฬิกาจับพิกัดของธัชเสียหาย ทว่าแทนที่จะแจ้งความ... **"คุณรู้ไหมว่าทองเส้นนี้ทำให้คนงานตาบอด 3 คนเพราะรังสี?"** ธัชถามด้วยความโกรธ **"และคุณรู้ไหมว่ามันคือชิ้นส่วนเดียวที่เหลืออยู่จากดาวบ้านเกิดแม่ฉัน?"** อรตอบด้วยน้ำตา กลางกองขยะไฮเทคที่เต็มไปด้วยแบคทีเรียดัดแปลง ทั้งคู่พบว่าต่างถูกคุมขังโดยระบบชนชั้นเดียวกัน: อรคือหุ่นเชิดของตระกูล ส่วนธัชคือฟันเฟืองในเครื่องจักรปฏิวัติ --- ### 7 ดาวเคราะห์ที่รักบ่มเพาะ 1. **ห้องทดลองลับใต้ดิน** ธัชพาอรไปเห็น "สวนสวรรค์ชีวภาพ" ที่เขาสร้างไว้ – ระบบนิเวศขนาดกระเป๋าเดินทางที่มีพืชจาก 7 ดาวเคราะห์ อรใช้ความรู้ด้านแร่วิทยาช่วยปรับสมดุลแร่ธาตุจนดอกไม้เหล็กจากเนปจูนผลิบาน 2. **งานเต้นรำกลางดาวเคราะห์น้อย** อรพาธัชแฝงตัวขึ้นยานส่วนตัวไปยังแอสเทอรอยด์ VH-2982 ที่ตระกูลวัชระกำลังขุดเจาะ ทั้งคู่เต้นรำในสภาพไร้น้ำหนักใต้แสงดาวนับล้าน โดยมีหุ่นยนต์ขนทองเป็นสักขีพยาน 3. **การทรยศของ "แสงชัย" หุ่น AI คู่ใจอร** เมื่อ AI ในสร้อยคอของอรแจ้งเรื่องความสัมพันธ์นี้ให้วรวัชร์ทราบ ธัชถูกตั้งค่าหัวโดยกองกำลังรักษาความปลอดภัยของบริษัท อรต้องตัดสินใจ: ใช้ระเบิดนาโนทำลายแสงชัย หรือปล่อยให้ธัชตาย... --- ### จุดแตกหักแห่งจักรวาล วรวัชร์เปิดเผยแผนชั่วร้าย: **"โครงการฟีนิกซ์"** ที่จะเผาทุกชุมชนใต้โดมเพื่อสร้างเหมืองทองใหม่ ความจริงที่น่าขนลุกคือ... **ทองจักรราศีคือสปอร์สิ่งมีชีวิตต่างดาว** ที่ค่อยๆ เปลี่ยนมนุษย์ให้เป็นทาสทางความคิดเมื่อสวมใส่เกิน 7 ปี! อรเห็นแม่แท้ๆ ของเธอ – ผู้สวมมงกุฎทองตลอดเวลา – ถูกควบคุมเป็นหุ่นเชิดโดยสิ่งมีชีวิตสีทองในตู้เลี้ยง ทางรอดเดียวคือไวรัสที่ธัชพัฒนาจากแบคทีเรียใน "สวนสวรรค์" ซึ่งฆ่าสปอร์ทองโดยไม่ทำร้ายมนุษย์ --- ### รักสุดขอบฟ้า คืนสุดท้ายก่อนการปฏิวัติใหญ่ ธัชกับอรยืนอยู่บนดาดฟ้ายานอวกาศเก่า ด้านล่างคือชุมชนใต้โดมที่กำลังลุกเป็นไฟ **"ถ้าเราเผาทองทั้งหมด... ครอบครัวฉันจะล่มสลาย"** **"และถ้าไม่เผา... มนุษยชาติจะสูญสิ้น"** อรกดส่งรหัสทำลายคลังทองหลักของตระกูล ส่วนธัชปล่อยไวรัสสู่ระบบปรับอากาศสกายซิตี้ เมื่อแสงระเบิดสีชมพูอมม่วงวาบขึ้นบนท้องฟ้า ทั้งคู่จับมือกันกระโดดลงแคปซูลหนีภัย... **ทิ้งไว้เบื้องหลังเพียงคำถาม:** เมื่อทองคำอันเป็นตัวตนของเธอละลายไป เมื่อการปฏิวัติอันเป็นตัวตนของเขาชำระสำเร็จ รักข้ามดวงดาวนี้จะเหลืออะไรให้รักกัน? --- โลกปี 2999 ยังไม่มีคำตอบ มีเพียงดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่งที่กำลังผลิดอก จากเศษทองที่หลอมรวมกับแบคทีเรียแห่งความหวัง โดยไม่มีใครรู้ว่ามันจะเป็นสวนสวรรค์ใหม่... หรือไวรัสร้ายแบบใหม่กันแน่?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 612 มุมมอง 0 รีวิว
  • COAC(H)EOlogist ผสานศาสตร์ซึ่งเป็นความสำเร็จและความล้มเหลวของ CEO และวิธีการที่ CEO สร้างผลงานและผลลัพธ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นผ่านกระบวนการโค้ชหลากมิติแบบองค์รวม ถ่ายทอดผ่านเรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรงที่ถอดรหัสด้วยวิธีการ “INSIGTSHACK”

    วันนี้เราเริ่มต้นกันด้วยกรณีศึกษาที่น่าสนใจขององค์กรชั้นนำ
    ย้อนกลับไปในยุค 80s Michael Dell หนุ่มน้อยไฟแรง ได้ก่อตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ Dell จากห้องพักในหอพักมหาวิทยาลัย ด้วยวิสัยทัศน์อันเฉียบคมและกลยุทธ์ที่ไม่เหมือนใคร Dell เติบโตอย่างก้าวกระโดด สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการธุรกิจ
    แล้ววันหนึ่ง เมื่อ Michael Dell ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO Dell ก็เริ่มสูญเสียพลังแห่งการบุกเบิก บริษัทเติบโตเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ความคล่องตัวลดลง และเริ่มห่างเหินจากลูกค้า Michael Dell ตัดสินใจครั้งสำคัญ เขากลับมาบริหารงานอีกครั้ง และนำ Dell ออกจากตลาดหลักทรัพย์ เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กร เสริมสร้าง "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" และพา Dell กลับสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จอีกครั้ง

    ไม่เพียงแค่ Dell เท่านั้น บริษัทไอทีชั้นนำอย่าง HP และ Apple ก็เคยประสบปัญหาจากการสูญเสีย "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" เช่นกัน

    Meg Whitman CEO ของ HP ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการฟื้นฟู HP ด้วยการย้อนกลับไปสู่หลักการดั้งเดิมของผู้ก่อตั้ง ลดขนาดองค์กร และเพิ่มการลงทุนใน R&D

    ส่วน Apple ทุกคนคงทราบดีถึงเรื่องราวของ Steve Jobs ที่ออกจาก Apple แล้วบริษัทเริ่มมีปัญหา แต่เมื่อเขากลับมา Apple ก็กลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม

    เรื่องราวของ Dell, HP และ Apple สะท้อนให้เห็นว่า "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จขององค์กร

    คำถามที่น่าใจคือแล้ว "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" คืออะไร? องค์ประกอบสำคัญมีอะไรบ้าง? และองค์กรของคุณจะรักษาจิตวิญญาณนี้ไว้ได้อย่างไร?

    ตอนนี้…คำถามสำหรับองค์กรของคุณ:
    •คุณยังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งหรือไม่?
    •องค์กรของคุณมีความคล่องตัว รวดเร็ว และปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ดีหรือไม่?
    •พนักงานของคุณมีแรงบันดาลใจและรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรหรือไม่?
    .
    ประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาแนะนำกว่า 30 ปี ทำให้ได้รับโแกาส และความไว้วางใจจากผู้ก่อตั้งองค์กรก่อนส่งต่อยังรุ่นลูกรุ่นหลาน ได้แลกเปลี่ยนมุมมองกับบรรดาผู้ก่อตะ้งองค์กรหลายประเภท หลายขนาด ในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งต่างปรารถนาที่จะให้ “องค์กรที่ปลุกปั้นมากับมือเติบโต แข็งแกร่ง”
    บ้างก็สมตามเจตนาและความตั้งใจ บางแห่ง บางองค์กรรู้สึกอึดอัดใจ
    ในฐานะของผู้มีจิตวิญญาณของนักวินิจฉัย ที่ปรึกษาองค์กร โค้ชทางธุรกิจ และนักวิจัยองค์กรที่ศึกษาวิธีปฏิบัติที่ดีมามากมายย่อมต้องหาโซลูชั่นที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า
    คำถามบอกทิศ ... คำตอบบอกทาง ดังนั้นคำถามที่ดีมีชียไปกว่าครึ่ง “องค์กรในระดับโลกทำอย่างไร?”

    ในโลกธุรกิจ พลังขับเคลื่อนที่ทรงพลังที่สุดอย่างหนึ่งคือพลังงาน ความมุ่งมั่น และวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" นี้สามารถสร้างมูลค่ามหาศาลให้กับบริษัท แม้ผู้ก่อตั้งจะไม่ได้บริหารงานแล้วก็ตาม แต่หากสูญเสียจิตวิญญาณนี้ไป บริษัทก็อาจสูญเสียคุณค่าอย่างรวดเร็ว
    องค์กรชั้นนำ Dell, Hewlett-Packard และ Apple ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไป การเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร และการเติบโตขององค์กร ทำให้บริษัทเหล่านี้เริ่มสูญเสียจิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง จนประสบปัญหาต่างๆ
    •Dell
    หลัง Michael Dell ลาออกจากตำแหน่ง CEO Dell เริ่มชะลอตัว จนเขาต้องกลับมาบริหารงานอีกครั้ง และตัดสินใจนำบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์ (private) เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กร
    •HP
    Meg Whitman CEO ของ HP พยายามกอบกู้บริษัทด้วยการย้อนกลับไปสู่หลักการดั้งเดิมของผู้ก่อตั้ง แยก HP ออกเป็นสองบริษัท ลดจำนวนพนักงาน และเพิ่มการลงทุนใน R&D
    • Apple
    เรื่องราวของ Steve Jobs ที่ออกจาก Apple แล้วบริษัทเริ่มมีปัญหา แต่เมื่อเขากลับมา Apple ก็กลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม

    จากการวิจัยพบว่า "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก
    1.พันธกิจแห่งการบุกเบิก: สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงาน
    2.ความมุ่งมั่นในแนวหน้า: ให้ความสำคัญกับลูกค้าและพนักงานที่สัมผัสลูกค้าโดยตรง
    3.กรอบความคิดแบบเจ้าของ: รับผิดชอบต่อผลลัพธ์และเติบโตอย่างยั่งยืน
    .
    องค์กรที่รักษาจิตวิญญาณผู้ก่อตั้งไว้ได้ แม้เติบโตเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ก็ยังคงความคล่องตัว มีพลัง และดึงดูดคนเก่งได้
    .
    คำถามสำหรับองค์กรของคุณ:
    •คุณยังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งหรือไม่?
    •องค์กรของคุณมีความคล่องตัว รวดเร็ว และปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ดีหรือไม่?
    •พนักงานของคุณมีแรงบันดาลใจและรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรหรือไม่?
    หากคำตอบคือ ... "ไม่"
    ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องฟื้นฟู "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" เพื่อพาองค์กรกลับสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จอีกครั้ง

    Dell, HP และ Apple
    ค้นพบวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งอีกครั้ง
    และทำไมองค์กรคุณจึงควรทำเช่นเดียวกัน

    ค้นพบวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งและฟื้นคืนชีพองค์กรสู่วิสัยทัศน์ผู้ก่อตั้งกับบริการของเรา:
    เราช่วยองค์กรวิเคราะห์และฟื้นฟู "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" ผ่านกระบวนการที่เข้มข้น
    •สัมภาษณ์ผู้บริหาร: เพื่อทำความเข้าใจวิสัยทัศน์ ปัญหา และเป้าหมายขององค์กร
    •วิเคราะห์ข้อมูล: เพื่อประเมินสถานะ "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" ในองค์กร
    •จัด Workshop: เพื่อสร้างความเข้าใจและแรงบันดาลใจให้กับพนักงาน
    •พัฒนาแผนปฏิบัติการ: เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กรและขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จ
    ติดต่อเราวันนี้ เพื่อรับคำปรึกษาฟรี!

    เดชฤทธิ์ กรุ๊ป ผู้บริหารแบรนด์ “LIFE ALIGNMENTOR”, แบรนด์ “10X CONSULTING” ที่ปรึกษามืออาชีพแบรนด์เดียวในไทยที่มีประสบการณ์ตรงกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ - กลยุทธ์กว่า 3,000 โครงการ เรามีทีมงานมืออาชีพซึ่งมีประสบการณ์พัฒนาธุรกิจและองค์กรมานานกว่า 30 ปี พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์สร้างการเติบโตพร้อมกับคุณ

    เดชฤทธิ์ กรุ๊ป
    ผู้บริหารแบรนด์ 10X Consulting และ Life Alignmentor
    บริการครบเครื่องเรื่องพัฒนาศักยภาพ
    #เดชฤทธิ์กรุ๊ป
    #Dechritgroup
    #10Xconsulting
    #lifealignmentor
    พัฒนาองค์กรและผู้ประกอบการสร้างแบรนด์ไทยในระดับโลก
    https://10-xconsulting.com
    ปั้นคนให้เป็นแชมป์ด้วยพลังทวี
    “ผสานความดีxความเก่ง”
    https://lifealignmentor.com
    COAC(H)EOlogist ผสานศาสตร์ซึ่งเป็นความสำเร็จและความล้มเหลวของ CEO และวิธีการที่ CEO สร้างผลงานและผลลัพธ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นผ่านกระบวนการโค้ชหลากมิติแบบองค์รวม ถ่ายทอดผ่านเรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรงที่ถอดรหัสด้วยวิธีการ “INSIGTSHACK” วันนี้เราเริ่มต้นกันด้วยกรณีศึกษาที่น่าสนใจขององค์กรชั้นนำ ย้อนกลับไปในยุค 80s Michael Dell หนุ่มน้อยไฟแรง ได้ก่อตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ Dell จากห้องพักในหอพักมหาวิทยาลัย ด้วยวิสัยทัศน์อันเฉียบคมและกลยุทธ์ที่ไม่เหมือนใคร Dell เติบโตอย่างก้าวกระโดด สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการธุรกิจ แล้ววันหนึ่ง เมื่อ Michael Dell ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO Dell ก็เริ่มสูญเสียพลังแห่งการบุกเบิก บริษัทเติบโตเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ความคล่องตัวลดลง และเริ่มห่างเหินจากลูกค้า Michael Dell ตัดสินใจครั้งสำคัญ เขากลับมาบริหารงานอีกครั้ง และนำ Dell ออกจากตลาดหลักทรัพย์ เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กร เสริมสร้าง "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" และพา Dell กลับสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จอีกครั้ง ไม่เพียงแค่ Dell เท่านั้น บริษัทไอทีชั้นนำอย่าง HP และ Apple ก็เคยประสบปัญหาจากการสูญเสีย "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" เช่นกัน Meg Whitman CEO ของ HP ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการฟื้นฟู HP ด้วยการย้อนกลับไปสู่หลักการดั้งเดิมของผู้ก่อตั้ง ลดขนาดองค์กร และเพิ่มการลงทุนใน R&D ส่วน Apple ทุกคนคงทราบดีถึงเรื่องราวของ Steve Jobs ที่ออกจาก Apple แล้วบริษัทเริ่มมีปัญหา แต่เมื่อเขากลับมา Apple ก็กลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม เรื่องราวของ Dell, HP และ Apple สะท้อนให้เห็นว่า "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จขององค์กร คำถามที่น่าใจคือแล้ว "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" คืออะไร? องค์ประกอบสำคัญมีอะไรบ้าง? และองค์กรของคุณจะรักษาจิตวิญญาณนี้ไว้ได้อย่างไร? 🎯 ตอนนี้…คำถามสำหรับองค์กรของคุณ: •คุณยังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งหรือไม่? •องค์กรของคุณมีความคล่องตัว รวดเร็ว และปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ดีหรือไม่? •พนักงานของคุณมีแรงบันดาลใจและรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรหรือไม่? . ประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาแนะนำกว่า 30 ปี ทำให้ได้รับโแกาส และความไว้วางใจจากผู้ก่อตั้งองค์กรก่อนส่งต่อยังรุ่นลูกรุ่นหลาน ได้แลกเปลี่ยนมุมมองกับบรรดาผู้ก่อตะ้งองค์กรหลายประเภท หลายขนาด ในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งต่างปรารถนาที่จะให้ “องค์กรที่ปลุกปั้นมากับมือเติบโต แข็งแกร่ง” บ้างก็สมตามเจตนาและความตั้งใจ บางแห่ง บางองค์กรรู้สึกอึดอัดใจ ในฐานะของผู้มีจิตวิญญาณของนักวินิจฉัย ที่ปรึกษาองค์กร โค้ชทางธุรกิจ และนักวิจัยองค์กรที่ศึกษาวิธีปฏิบัติที่ดีมามากมายย่อมต้องหาโซลูชั่นที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า คำถามบอกทิศ ... คำตอบบอกทาง ดังนั้นคำถามที่ดีมีชียไปกว่าครึ่ง “องค์กรในระดับโลกทำอย่างไร?” ในโลกธุรกิจ พลังขับเคลื่อนที่ทรงพลังที่สุดอย่างหนึ่งคือพลังงาน ความมุ่งมั่น และวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" นี้สามารถสร้างมูลค่ามหาศาลให้กับบริษัท แม้ผู้ก่อตั้งจะไม่ได้บริหารงานแล้วก็ตาม แต่หากสูญเสียจิตวิญญาณนี้ไป บริษัทก็อาจสูญเสียคุณค่าอย่างรวดเร็ว องค์กรชั้นนำ Dell, Hewlett-Packard และ Apple ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไป การเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร และการเติบโตขององค์กร ทำให้บริษัทเหล่านี้เริ่มสูญเสียจิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง จนประสบปัญหาต่างๆ •Dell หลัง Michael Dell ลาออกจากตำแหน่ง CEO Dell เริ่มชะลอตัว จนเขาต้องกลับมาบริหารงานอีกครั้ง และตัดสินใจนำบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์ (private) เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กร •HP Meg Whitman CEO ของ HP พยายามกอบกู้บริษัทด้วยการย้อนกลับไปสู่หลักการดั้งเดิมของผู้ก่อตั้ง แยก HP ออกเป็นสองบริษัท ลดจำนวนพนักงาน และเพิ่มการลงทุนใน R&D • Apple เรื่องราวของ Steve Jobs ที่ออกจาก Apple แล้วบริษัทเริ่มมีปัญหา แต่เมื่อเขากลับมา Apple ก็กลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม จากการวิจัยพบว่า "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก 1.พันธกิจแห่งการบุกเบิก: สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงาน 2.ความมุ่งมั่นในแนวหน้า: ให้ความสำคัญกับลูกค้าและพนักงานที่สัมผัสลูกค้าโดยตรง 3.กรอบความคิดแบบเจ้าของ: รับผิดชอบต่อผลลัพธ์และเติบโตอย่างยั่งยืน . องค์กรที่รักษาจิตวิญญาณผู้ก่อตั้งไว้ได้ แม้เติบโตเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ก็ยังคงความคล่องตัว มีพลัง และดึงดูดคนเก่งได้ . คำถามสำหรับองค์กรของคุณ: •คุณยังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งหรือไม่? •องค์กรของคุณมีความคล่องตัว รวดเร็ว และปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ดีหรือไม่? •พนักงานของคุณมีแรงบันดาลใจและรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรหรือไม่? หากคำตอบคือ ... "ไม่" ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องฟื้นฟู "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" เพื่อพาองค์กรกลับสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จอีกครั้ง Dell, HP และ Apple ค้นพบวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งอีกครั้ง และทำไมองค์กรคุณจึงควรทำเช่นเดียวกัน ค้นพบวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งและฟื้นคืนชีพองค์กรสู่วิสัยทัศน์ผู้ก่อตั้งกับบริการของเรา: เราช่วยองค์กรวิเคราะห์และฟื้นฟู "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" ผ่านกระบวนการที่เข้มข้น •สัมภาษณ์ผู้บริหาร: เพื่อทำความเข้าใจวิสัยทัศน์ ปัญหา และเป้าหมายขององค์กร •วิเคราะห์ข้อมูล: เพื่อประเมินสถานะ "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" ในองค์กร •จัด Workshop: เพื่อสร้างความเข้าใจและแรงบันดาลใจให้กับพนักงาน •พัฒนาแผนปฏิบัติการ: เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กรและขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จ ติดต่อเราวันนี้ เพื่อรับคำปรึกษาฟรี! เดชฤทธิ์ กรุ๊ป ผู้บริหารแบรนด์ “LIFE ALIGNMENTOR”, แบรนด์ “10X CONSULTING” ที่ปรึกษามืออาชีพแบรนด์เดียวในไทยที่มีประสบการณ์ตรงกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ - กลยุทธ์กว่า 3,000 โครงการ เรามีทีมงานมืออาชีพซึ่งมีประสบการณ์พัฒนาธุรกิจและองค์กรมานานกว่า 30 ปี พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์สร้างการเติบโตพร้อมกับคุณ เดชฤทธิ์ กรุ๊ป ผู้บริหารแบรนด์ 10X Consulting และ Life Alignmentor บริการครบเครื่องเรื่องพัฒนาศักยภาพ #เดชฤทธิ์กรุ๊ป #Dechritgroup #10Xconsulting #lifealignmentor พัฒนาองค์กรและผู้ประกอบการสร้างแบรนด์ไทยในระดับโลก https://10-xconsulting.com ปั้นคนให้เป็นแชมป์ด้วยพลังทวี “ผสานความดีxความเก่ง” https://lifealignmentor.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1593 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## เล่ห์เหลี่ยม เขมร ที่นักการเมืองไทย มองไม่เห็น...??? ##
    ..
    ..
    "เขมร" เขา เล่นเล่ห์เหลี่ยม ทุกขณะจิต...!!!
    .
    ถามว่า สิ่งปลูกสร้าง ที่ยื่นออกมาในทะเล ตามแนวที่ เขมร ขีดเส้นผ่านเกาะกูด บนแผนที่...!!!
    .
    ที่ เขมร สร้างขึ้นใหม่นั่นหน่ะ สร้างขึ้นมาทำไม...???
    .
    ก็เพราะต้องการจะทำให้การ ระบุเขตแดนที่มีอยู่เดิม เป็นอันใช้ไม่ได้
    .
    เพราะเมื่อมองจากยอดสุดของเกาะกูด มองลงมา ไม่สามารถเห็นหมุดหลักเขต เพราะไอ้สิ่งปลูกสร้างนี้ มันบดบัง ทำให้มองไม่เห็น
    .
    แล้ว กฎหมาย UNCLOS 1982 ระบุสิ่งปลูกสร้างอันยึดติดเป็นการถาวรให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดิน...!!!
    .
    แต่ในขณะเดียวกัน เขมร ก็ไม่ยอมลงสัตยาบัน ใน UNCLOS 1982 เพราะ กฎหมาย UNCLOS ล่าสุดข้อนึง ระบุว่า...
    .
    โขดหิน ที่มนุษย์ไม่สามารถ อาศัยอยู่ได้ ไม่สามารถนับเป็นเขตแดน...!!!
    .
    แต่ เขมร มันนับเอา "โขดหินที่มนุษย์อาศัยอยู่ไม่ได้" มาวาดเป็นแผนที่ ที่แนบท้าย MOU44 กินเขตแดน และ ทะเลอาณาเขตของ ประเทศไทยเข้ามา เกินกว่ากฎหมายสากลระหว่างประเทศกำหนด
    .
    นี่ไง...!!!
    .
    เขายอมเป็น "หมา" พูดจา แสดงท่าที กลับกลอก ทางการเมืองระหว่างประเทศ
    .
    แต่...นักการเมืองไทย กลับทำ "ใสซื่อ"...!!!
    .
    ไม่รู้เลย ว่า เขมร มันแทงข้างหลังเราจนพรุนไปหมดแล้ว...
    .
    พ่อหนุ่มน้อย อายุ 14 ปี...???
    .
    ใสซื่อบริสุทธิ์ ไร้เดียงสาจริงๆ นะพ่อคุณ...!!!
    .
    "เขาพระวิหาร" โดน กฎหมายปิดปาก เพียงเพราะแค่ "ไม่เคยแสดงออกในการปฏิเสธ" เป็นตัวอย่างมาแล้ว...
    .
    วันนี้ นักการเมืองไทย ยังจะออกมาพูดจาแบบนี้อยู่อีก...
    .
    แผ่นดินไทย คนไทยไม่รัก ไม่หวงแหน...???
    .
    นักการเมืองไม่รักไม่หวงแหน...???
    .
    ทำไม ข้าราชการ และ นักการเมือง "เขมร" มันถึง รักชาติบ้านเมืองของเขาได้...!!!
    .
    แต่...
    .
    ข้าราชการ และ นักการเมือง "ไทย" ถึง รักชาติบ้านเมืองของเราบ้างไม่ได้...???
    ...
    ...
    หากยึดตาม "พระบรมราชโองการ ประกาศเขตไหล่ทวีป" ของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งยึดตามหลักกฎหมายสากลระหว่างประเทศ...!!!
    .
    แหล่งพลังงานทั้งหมดตรงนั้น จะเป็นของประเทศไทย ทั้งหมด...!!!
    .
    ไม่ต้องไปแบ่งครึ่งๆกับ เขมร เลย...!!!
    ## เล่ห์เหลี่ยม เขมร ที่นักการเมืองไทย มองไม่เห็น...??? ## .. .. "เขมร" เขา เล่นเล่ห์เหลี่ยม ทุกขณะจิต...!!! . ถามว่า สิ่งปลูกสร้าง ที่ยื่นออกมาในทะเล ตามแนวที่ เขมร ขีดเส้นผ่านเกาะกูด บนแผนที่...!!! . ที่ เขมร สร้างขึ้นใหม่นั่นหน่ะ สร้างขึ้นมาทำไม...??? . ก็เพราะต้องการจะทำให้การ ระบุเขตแดนที่มีอยู่เดิม เป็นอันใช้ไม่ได้ . เพราะเมื่อมองจากยอดสุดของเกาะกูด มองลงมา ไม่สามารถเห็นหมุดหลักเขต เพราะไอ้สิ่งปลูกสร้างนี้ มันบดบัง ทำให้มองไม่เห็น . แล้ว กฎหมาย UNCLOS 1982 ระบุสิ่งปลูกสร้างอันยึดติดเป็นการถาวรให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดิน...!!! . แต่ในขณะเดียวกัน เขมร ก็ไม่ยอมลงสัตยาบัน ใน UNCLOS 1982 เพราะ กฎหมาย UNCLOS ล่าสุดข้อนึง ระบุว่า... . โขดหิน ที่มนุษย์ไม่สามารถ อาศัยอยู่ได้ ไม่สามารถนับเป็นเขตแดน...!!! . แต่ เขมร มันนับเอา "โขดหินที่มนุษย์อาศัยอยู่ไม่ได้" มาวาดเป็นแผนที่ ที่แนบท้าย MOU44 กินเขตแดน และ ทะเลอาณาเขตของ ประเทศไทยเข้ามา เกินกว่ากฎหมายสากลระหว่างประเทศกำหนด . นี่ไง...!!! . เขายอมเป็น "หมา" พูดจา แสดงท่าที กลับกลอก ทางการเมืองระหว่างประเทศ . แต่...นักการเมืองไทย กลับทำ "ใสซื่อ"...!!! . ไม่รู้เลย ว่า เขมร มันแทงข้างหลังเราจนพรุนไปหมดแล้ว... . พ่อหนุ่มน้อย อายุ 14 ปี...??? . ใสซื่อบริสุทธิ์ ไร้เดียงสาจริงๆ นะพ่อคุณ...!!! . "เขาพระวิหาร" โดน กฎหมายปิดปาก เพียงเพราะแค่ "ไม่เคยแสดงออกในการปฏิเสธ" เป็นตัวอย่างมาแล้ว... . วันนี้ นักการเมืองไทย ยังจะออกมาพูดจาแบบนี้อยู่อีก... . แผ่นดินไทย คนไทยไม่รัก ไม่หวงแหน...??? . นักการเมืองไม่รักไม่หวงแหน...??? . ทำไม ข้าราชการ และ นักการเมือง "เขมร" มันถึง รักชาติบ้านเมืองของเขาได้...!!! . แต่... . ข้าราชการ และ นักการเมือง "ไทย" ถึง รักชาติบ้านเมืองของเราบ้างไม่ได้...??? ... ... หากยึดตาม "พระบรมราชโองการ ประกาศเขตไหล่ทวีป" ของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งยึดตามหลักกฎหมายสากลระหว่างประเทศ...!!! . แหล่งพลังงานทั้งหมดตรงนั้น จะเป็นของประเทศไทย ทั้งหมด...!!! . ไม่ต้องไปแบ่งครึ่งๆกับ เขมร เลย...!!!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 857 มุมมอง 0 รีวิว
  • เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋)

    นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving)
    เกิด: 16 สิงหาคม 2534 (อายุ 31 ปี), เซี่ยงไฮ, จีน
    ความสูง: 1.57 ม.
    ค่ายเพลง: Sony Music Entertainment (SME)
    พี่น้อง: อีเลน แทง

    เธอ เป็น นักร้องนักแต่งเพลงชาวฮ่องกง
    ที่ อพยพมาจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
    เธอ..เดบิวต์ในวงการเพลงฮ่องกง ในปี 2008
    หลังจากออกอัลบั้ม 3 อัลบั้มในฮ่องกง
    และการปรากฏตัวของเธอ(ชัดเจน)ในรายการแข่งขันร้องเพลงจีน I Am a Singer รุ่นปี 2014

    ดิฉัน..สะดุด เทหัวใจ(หมดทั้งหัวใจ) ให้เธอ ไปแล้ว...
    เพราะเธอมี DNA ของนักร้องในดวงใจทั้งสาม คือ Christina Aguilera, Beyoncé, และ Mariah Carey

    ตัวอย่าง ในเพลง hei fun nei 《喜欢你》
    https://www.youtube.com/watch?v=IQ1g8ShGaVU



    ----------------------------------------------
    รวมเพลงจีน-กวางตุ้ง
    1. เพลงจีนกวางตุ้ง 光辉岁月 อ่านว่า Gwong Fai Seui Yut
    แปลว่า "วันแห่งความรุ่งโรจน์" เป็นเพลงของวง Beyond ในยุค '90
    ที่มีความหมายดีๆ.. นำมาขับร้องใหม่ ไฉไล..,มันส์ มากกว่า-เดิม ค่ะ
    https://www.youtube.com/watch?v=Y98BJoztFwM
    เพลงแนว Canto-Pop 光辉岁月 Gwong Fai Seui Yuet
    ของ วง Beyond ต้นฉบับ(เดิม) พร้อมอักษรจีน-กวางตุ้ง
    ค่อยๆอ่าน+ร้องตาม สักวันหนึ่งที่มี "วันแห่งความรุ่งโรจน์"
    https://www.youtube.com/watch?v=PrGsAMbgUh4
    เพลง Glorious Years (光辉岁月)
    https://www.youtube.com/watch?v=4Sjqt37ipcU

    2. เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) ของ ศิลปิน BEYOND
    ขับร้องโดย สุดยอดนักร้องยอดนิยมของฮ่องกง
    ในเพลง 不再猶豫 อ่านว่า Bat joi yau yu แปลว่า ไม่ลังเล
    https://www.youtube.com/watch?v=RvDjCTqoLuw
    3. เพลงภาษาจีนกวางตุ้ง 一生中最爱 อ่านว่า (Yi Sheng Zhong Zui Ai)
    เปิดตัวครั้งแรกในปี 1991 และใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง
    "A Tale of Two Cities" ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของ
    เพื่อนรักสองคนที่ตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งในเวลาเดียวกัน
    แต่ให้กันและกันด้วยความเป็นพี่น้อง และทั้งสามคนต้องพบกับ
    บททดสอบมิตรภาพและความรัก เพลงนี้เลยดูเหมือนร้อง
    เกี่ยวกับระยะห่างระหว่างเพื่อนกับคนรัก
    https://www.youtube.com/watch?v=KbZLN2X_lFU
    สุดยอด..เพลงจีนกวางตุ้ง(ชาย) ต้องยกให้ ALAN TAM
    ในบทเพลง一生中最愛. Yat Saang Jung Jeui Ngoi
    คือ เพลงที่ดีที่สุด ครองตำแหน่งมาตั้งแต่ 1991- ปัจจุบัน
    https://www.youtube.com/watch?v=62ejBUq1J5o

    4. เพลงจีนกวางตุ้ง 明日話今天 หมายถึง คุยกันวันนี้..ไม่ต้องรอในวันพรุ่งนี้
    และเพลงที่ 2 奮鬥 หมายความถึง การต่อสู้
    ขับร้องโดย Jenny Tseng และ CoCo Lee จำกันได้ไหม..ล่ะ?
    https://www.youtube.com/watch?v=ZXAguTHqYnc

    5. 7 เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) ของ 容祖兒 - Joey Yung
    นำเสนอในแบบ Medley รวดเดียวในเพลง
    อ่านออกเสียงสำเนียงกวางตุ้ง 粤拼 ➔ jyut6ping3 ได้ว่า.....
    mat6jau5 / syun2jau5 / sam1gam1ming6dai2 / zou2jau5jyu6mau4 / zeoi6fui1 / ze3gwo3 / ngo5jaa5bat1
    密友 / 損友 / 心甘命抵 / 早有預謀 / 罪魁 / 借過 / 我也不想這樣
    https://www.youtube.com/watch?v=NpC07u2NMj0
    6. เพลงรัก..ภาษากวางตุ้ง ทั้ง 20 เพลง
    สรุปเป็นการขับร้องแนวเศร้าๆของหนุ่มมองเครื่องบิน
    ที่ไม่สามารถเด็ดดอกฟ้าลงมาเชยชมได้
    ถ้าได้..จะร้องแนวมันส์ๆ สนุกสนาน กระดี๊ กระด๊า รื่นเริง หลุดโลก..
    ช่าย หมาย..ล่ะ
    https://www.youtube.com/watch?v=x1z6as3uwMY
    7. ชาวกวางตุ้ง..เป็นชาวจีนที่อาศัยอยู่ติดทะเลทางตอนใต้ของจีน
    ตื่นเช้าขึ้นมา..จะพบกับ "ท้องฟ้า และ ทะเล"
    มักจะแหกปากขับร้องเพลง Hoi fut tin hung ของ Beyond
    海闊天空 ให้ดัง..ไกล ถึง ดาวพระอังคาร..ไปเลย
    ช่วยกัน "แหกปาก" ร้องดังๆ..นะ คะ
    https://www.youtube.com/watch?v=wk9TMnbx7fQ
    8. เพลงอมตะ..นิรันดร์กาล และ อยู่ในใจของชาวจีนกวางตุ้ง
    คือ เพลง Naan Dak Yau Ching Yan ( 难得有情人 )
    แปลเป็นภาษาอังกฤษ Happy Are Those in Love
    ขับร้องโดย Shirley Kwan (關淑怡)
    ฉันมีความสุขมากที่ได้ฟัง และร้องคลอเคลียตามไปด้วย
    ชาวกวางตุ้ง..ทุกคนสัมผัสความสุขนี้ได้ นะคะ
    https://www.youtube.com/watch?v=lhB9uMNveXI
    9. หนึ่งใน..เพลงที่ดีที่สุดของ Joey Yung 容祖兒
    มีหลายประเทศนำไปเลียนแบบใส่เนื้อร้องใหม่
    ในเพลง 習慣失戀 แปลไทย ว่า " อกหักจนเคยชิน"
    ไพเราะ..มาก ค่ะ " Always Heartbroken "
    https://www.youtube.com/watch?v=aQmieaqmLmU
    10. เพลง..ล้านคิวเพลง《千千阙歌》ในภาษาจีนกวางตุ้ง
    ที่ทำให้ 陈慧娴 Priscilla Chan ที่กำลังจะเกษียณอำลาวงการ
    กลับทำให้เธอ..ดังระเบิดแรงกว่า..ระเบิดปรมาณู ในปี 1983
    11. 朋友 ผั่งเหย่า..ภาษาจีน(กวางตุ้ง) แปลว่า เพื่อน
    เป็นเพลงที่ใช้ภาษาพูด ฟังได้ใจความอย่างง่ายๆ
    คิดถึงความสุข..สมัยที่ได้เรียนที่นี่ในวัยเด็ก

    12. เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋)
    นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving)
    เกิด: 16 สิงหาคม 2534 (อายุ 31 ปี), เซี่ยงไฮ, จีน
    ความสูง: 1.57 ม.
    ค่ายเพลง: Sony Music Entertainment (SME)
    พี่น้อง: อีเลน แทง
    เธอ เป็น นักร้องนักแต่งเพลงชาวฮ่องกง
    ที่ อพยพมาจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
    เธอ..เดบิวต์ในวงการเพลงฮ่องกง ในปี 2008
    หลังจากออกอัลบั้ม 3 อัลบั้มในฮ่องกง
    และการปรากฏตัวของเธอ(ชัดเจน)ในรายการแข่งขันร้องเพลงจีน I Am a Singer รุ่นปี 2014
    ดิฉัน..สะดุด เทหัวใจ(หมดทั้งหัวใจ) ให้เธอ ไปแล้ว...
    เพราะเธอมี DNA ของนักร้องในดวงใจทั้งสาม คือ Christina Aguilera, Beyoncé, และ Mariah Carey
    ตัวอย่าง ในเพลง hei fun nei 《喜欢你》
    https://www.youtube.com/watch?v=IQ1g8ShGaVU
    13. สุดยอดมหากาพย์ของเพลงจีนกวางตุ้ง..ต้องเพลงนี้
    《千千阙歌》หรือ แปลว่า "เพลงล้านคิว"
    "Song of a Thousand Thousand Que"
    ต้นฉบับของเพลงนี้คือ "Yuyakiけの歌" แต่งโดย Makaiye Yasuji
    โดยนักร้องชาวญี่ปุ่นMasahiko Kondo ในปี 1988
    หลังจากที่ Priscilla Chan ประกาศว่าจะเกษียณจากวงการเพลง
    PolyGram ได้ผลิตเพลง "อำลา" เพลงนี้แหละที่ประพันธ์เพลง
    ในภาษาจีนกวางตุ้ง โดย Lin Zhenqiang
    กลับทำให้ Priscilla Chan ยิ่งโด่งดังมากยิ่งขึ้น ด้วยฝีมือของ
    Anita Mui, Blue Jeans, Polygram, Huaxing Records,
    CBS/SonyและWingo Creative
    ด้วยเพลงนี้ พริสซิลลา ชาน ได้รับรางวัล
    " My Favorite Song Award in the Music World "
    ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 2,715 เสียง
    ใน พิธีมอบรางวัล Top Music Pop Awards ในปี 1989
    https://www.youtube.com/watch?v=P9kcwRnGk5w

    14. อัลบั๊มรวมเพลงจากสวรรค์ ของ 4 ราชาเพลงดังแห่งฮ่องกง
    ♛ Andy Lau ♛Jacky Cheung ♛Li Mingi ♛Aaron Kwok
    https://www.youtube.com/watch?v=a55w198tsLo

    15. Album รวม-เพลงกวางตุ้งที่ดีที่สุด ของ Alan Tam
    https://www.youtube.com/watch?v=w5QIjqHiSp4

    16. เธอ คือ 伍珂玥 หรือ Karrie Ng เป็นชาวเมืองไท่ซาน มณฑลกวางตุ้ง. เป็นนักร้องเพลงป๊อปชาวจีน
    เป็นนักศึกษาปี 2021 ของ Jinzhong Conservatory of Music of Shenzhen University
    และเป็นแชมป์รวมของ " The Voice of China 2021 "
    เธอ คือ สุดยอด..ความภาคภูมิใจ ของ ชาวกวางตุ้งทั่วโลก
    นี่คือ อัลบั๊ม เพลงอันแสนไพเราะ จากน้ำเสียงระดับโลกของเธอ
    https://www.youtube.com/watch?v=usKqLgvf6pI

    17. เพลงจีนกวางตุ้ง ชื่อเพลง《最爱》แปลว่า.. " รักที่ซู๊ดด ด.. "
    เรียบเรียงจากบทกวี เปรียบ ท้องฟ้า สายลม ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์
    น้ำขึ้น-น้ำลง เงา สายน้ำ จินตนาการกับความรักในฝัน.
    https://www.youtube.com/watch?v=IEwzbPWB3zg

    18. ชื่อภาษาจีน(ต้วย่อ) 刘德华 คนไทย รู้จักในชื่อ “หลิว เต๋อ หัว”
    สาวๆชาวจีนกวางตุ้ง...กรี๊ด สนั่น ในนาม “เหล่า ตั๊ก หวา” (Andy Lau)
    นี่แหละจักรพรรดิแห่ง..ดาราฮ่องกง เจ้าของผลงานภาพยนตร์ฮ่องกงแนวบู๊ ตีรันฟันแทง มากกว่าครึ่ง
    สูง ยาว หล่อ ล่ำ+เสียงดี ร้องเพลงยอดนิยมเพลงเดียว นานถึง 30 ปี คือ เพลง Yat Hei Jau Gwoh Dik Yat Ji
    《一起走过的日子》แปลเป็นอังกฤษ ว่าThe Days We Spent Together
    สาวกวางตุ้ง ต้องแหกปาก ร้องคลอ..ตามไปได้(ทุกคน)
    โดยเฉพาะท่อนแรก (ร้องดังๆ..นะ)
    如何面对 曾一起走过的日子
    jyu4 ho4 min6 deoi3 cang4 jat1 hei2 zau2 gwo3 dik1 jat6 zi2
    现在剩下我独行
    jin6 zoi6 sing6 haa6 ngo5 duk6 hang4
    如何用心声一一讲你知
    jyu4 ho4 jung6 sam1 sing1/seng1 jat1 jat1 gong2 nei5 zi1
    从来没人明白我
    cung4 loi4 mut6 jan4 ming4 baak6 ngo5
    唯一你给我好日子
    wai4 jat1 nei5 kap1 ngo5 hou2 jat6 zi2
    有你有我有情有生有死有义
    jau5 nei5 jau5 ngo5 jau5 cing4 jau5 sang1/saang1 jau5 sei2 jau5 ji6
    https://www.youtube.com/watch?v=VUZ4w2NN5fQ
    19. เพลงจีนกวางตุ้งคลาสสิก ขับร้องโดย : 張學友 / Jacky Cheung
    ชื่อเพลง : 『我留著你在身邊心仍然很遠』
    แปลไทย ได้ว่า "ฉันคอยเธอเคียงข้างใจยังห่างไกล"
    หรือ แปลเป็นอังกฤษ = Let me stay by your side
    https://www.youtube.com/watch?v=WHTfF5kIz80

    20. เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) Yue Ban Xiao Ye Qu
    คืนพระจันทร์เสี้ยว《月半小夜曲》
    ฝาหรั่งเรียกว่า "Half Moon Serenade"
    นักร้อง : Li Keqin, Wu Keyue และ He San
    นำมาขับร้อง แบบ Trio ในปลายปี 2021 ได้ไพเราะจับใจ(มาก)
    ความหมายของเพลง บรรยายถึง ความในใจทุกจุดของ..ชายหนุ่มที่นอนไม่หลับมองท้องฟ้าในค่ำคืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว รำพันถึงสาวในฝัน ที่น่าจะเป็นดวงดาวที่อยู่ไกลๆ เค้าเผชิญกับความจริงที่ยอมรับไม่ได้ ความรักของเค้าจะไม่เปลี่ยนไปตามลำดับ แต่ยิ่งกระตือรือร้น ยิ่งห่วงใยกันตลอดไป…”
    https://www.youtube.com/watch?v=MfDa59mTHes

    21. เพลงจีนกวางตุ้ง เศร้าๆ.. ขับร้องโดย 容祖兒 - Joey Yung
    ชื่อเพลง : 天窗 แปลว่า แสงจากท้องฟ้า
    ความหมายของเพลง : หญิง-ชาย ดื่มน้ำชา หลังจากอาหารมื่อหนึ่ง
    ซึ่ง ทั้งคู่นัดกันมาพบกันเพื่อบอกเลิกกัน
    ทั้งคู่ไม่ยอมเปิดเผยความจริง
    หรือ ไม่ยอม..เปิดแสงจากฟ้าให้เข้าใจกัน นั่นเอง.
    https://www.youtube.com/watch?v=YnW545U1KgU

    22. เพลงเก่า..ยอดนิยม ประมาณ 30 ปี
    ภาษาจีนกวางตุ้ง ของ Jacky Cheung (張學友 / Cheung Hok-yau)
    ชื่อเพลง : 只想一生跟你走 (Ji seung yat sang gan nie jau)
    แปลว่า : ชีวิตนี้ฉันต้องการไปกับเธอ
    ความหมายของเพลง....พระเอกของเราได้พบกับคนที่หลงรัก
    และค้นพบว่าไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากเธอคนนั้น
    สองคนนี้เลิกกัน โดยฝ่ายหญิงสะบัดกันหนีไป
    ปล่อยให้พระเอกของเรา นั่งร้องไห้เศร้าเสียใจ
    มโนว่า เธอคนนั้น..ไม่ได้จากไป
    และทุกอย่างเหมือนอยู่ในความฝัน
    (ยังเสือกถามว่า ฝ่ายหญิงทำไมไม่ฝันถึงเค้าบ้าง)
    ร้องไหัและขอให้เธออย่าลืมรักเก่าๆเงียบๆ
    เพียงลำพัง คิดว่าในชีวิตนี้ ไม่สามารถอยู่ได้
    โดยปราศจากเธอ
    ตรงกับชื่อเพลง
    "ชีวิตนี้ฉันต้องการไปกับเธอ 只想一生跟你走
    Only Want to Go with You in this Life
    https://www.youtube.com/watch?v=Ou3NHHS6f4c
    23. เพลงแนว Soft-Rock
    อมตะนิรันด์กาล ของ Beyond
    บทเพลงภาษาจีนกวางตุ้ง Hoi Fut Tin Hung - 海闊天空
    https://www.youtube.com/watch?v=wk9TMnbx7fQ
    24. เพลงในแนวศิลปินคู่ Duo ชาย-หญิง
    บนเวที่ Voice of China เพลงในภาษากวางตุ้ง
    ได้รับการยอมรับ จากชาวจีนทั่วทั้งประเทศ
    เพลง : คืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
    Yue Ban Xiao Ye Qu (月半小夜曲)
    ศิลปิน : 李克勤 และ 周深
    ความหมายของเพลง บรรยายถึง ความในใจทุกจุดของ..ชายหนุ่มที่นอนไม่หลับมองท้องฟ้าในค่ำคืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว รำพันถึงสาวในฝัน ที่น่าจะเป็นดวงดาวที่อยู่ไกลๆ เค้าเผชิญกับความจริงที่ยอมรับไม่ได้ ความรักของเค้าจะไม่เปลี่ยนไปตามลำดับ แต่ยิ่งกระตือรือร้น ยิ่งห่วงใยกันตลอดไป…”

    25. เพลงเศร้าๆ..ภาษากวางตุ้ง ชื่อเพลง 天窗 แปลว่า แสงปลายอุโมงค์
    เป็นการเล่าเรื่องราวของหนุ่มน้อยอกหัก นั่งในห้องมืดๆเพียงลำพัง
    โดยมีลำแสงเล็กๆลอดช่องหน้าต่างลงมาที่เขานั่ง คิดปลงตัวเอง
    รำพึง รำพัน อย่างน่าฉงฉาน..จุงเบย
    https://www.youtube.com/watch?v=YnW545U1KgU

    26. เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋)
    นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving)
    https://www.facebook.com/photo/?fbid=1121627308556329&set=a.108283646557372

    -《暗裡著迷》
    - Cantonese LOVE Song "Yat Saang Jung Jeui Ngoi" 一生中最愛 [Love Of A Lifetime] - Alan Tam 譚詠麟
    - เมโลดี้..หวานๆ ในเพลง 光輝歲月 -Gwong Fai Seui Yuet
    ของวง Beyond แน่นอน
    https://www.youtube.com/watch?v=SVBC35ByZUY
    - เมโลดี้..อันแสนไพเราะ ในเพลงจีนกวางตุ้ง(อมตะ)
    天若有情. tin yeuk yau ching ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ
    - เพลงจีนกวางตุ้งยอดนิยม(ตลอดกาล)ของ Beyond ทั้ง 2 เพลง
    1) "วันแห่งความรุ่งโรจน์" [ Gwong Fai Seui Yuet ] 光輝歲月
    2) "ทะเลและท้องฟ้า" [ Hoi Fut Tin Hung ] 海闊天空
    - เพลงสำหรับเทศกาลปีใหม่ Auld Lang Syne
    ใส่เนื้อร้องเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง
    กลายเป็นเพลง (เหย่ายี่หมานโส๋ย) 友誼萬歲 = มิตรภาพที่ยืนยาว
    ขับร้องโดย "หลีหลี่รุ่ย" 李麗蕊 Sara Lee
    ฟังง่าย -ชัดถ้อย-ชัดคำ(มาก) ค่ะ
    - ศิลป และ เทคนิคในการเขียนอักษรจีน โดยใช้ "แกนร่วม"
    เขียนว่า 身体健康 แปลว่า -ร่างกาย-สุขภาพดี
    ต้องหัดเขียน เพื่อนำไปอวยพรญาติผู้ใหญ่
    (ซึ่ง..เหลือน้อย แล้ว)
    https://www.youtube.com/shorts/th4bgNYZrsI
    - เพลงภาษาจีนกวางตุ้ง ประมาณว่า อกหัก..รักคุด
    ของ Joey Yuong 容祖兒
    แสนรันทดใจ ฟัง..ไป ร้องไห้..ไป
    สังเกตไหม คะ ว่า..คล้ายกับเพลงในละคอนไทย "สามีตีลังกา"
    ไม่ทราบว่า จีนลอกไทย หรือ ไทยลอกจีน
    - เพลงจีนกวางตุ้ง สำเนียง..ซ๊าม-ยับ-หวา
    แสนไพเราะ..เย็นๆ จาก #ฮัคเคน_ลี (李克勤) Hacken Lee
    เค้า..เป็นนักร้อง พิธีกรรายการโทรทัศน์ และนักแสดงชาวฮ่องกง มีผลงานตั้งแต่ปี 1980 จนถึงปี 2013 เพลง "House of Cards" ของ Lee กวาดหลายรางวัลในงานประกาศรางวัลของฮ่องกง รวมถึง "เพลงที่ดีที่สุดในโลก" และ "Broadcasting Index"
    ใน Metro's Awards ในปี 2013 เขาได้รับรางวัล "Outstanding Pop Singer Award" ในงาน "Top Ten Chinese Gold Songs Awards" ของ RTHK ถึง 14 ครั้ง และสร้างสถานะที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ในอุตสาหกรรมเพลงของฮ่องกงและเอเชีย.
    https://www.youtube.com/watch?v=RMH8Xv2siYM
    - สุดยอด..การประกวด 中国好声音 (Voice of China)
    เพลง(จีนกวางตุ้ง)Manjusaka= 蔓珠莎華 ของ Wu Keyue
    ไม่เพียงรักษาจิตวิญญาณแห่งการครอบงำของ Anita Mui
    แต่...ยังมีเสียงตอนจบที่คล้ายกับ Priscilla Chan มาก
    เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋) นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving) เกิด: 16 สิงหาคม 2534 (อายุ 31 ปี), เซี่ยงไฮ, จีน ความสูง: 1.57 ม. ค่ายเพลง: Sony Music Entertainment (SME) พี่น้อง: อีเลน แทง เธอ เป็น นักร้องนักแต่งเพลงชาวฮ่องกง ที่ อพยพมาจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เธอ..เดบิวต์ในวงการเพลงฮ่องกง ในปี 2008 หลังจากออกอัลบั้ม 3 อัลบั้มในฮ่องกง และการปรากฏตัวของเธอ(ชัดเจน)ในรายการแข่งขันร้องเพลงจีน I Am a Singer รุ่นปี 2014 ดิฉัน..สะดุด เทหัวใจ(หมดทั้งหัวใจ) ให้เธอ ไปแล้ว... เพราะเธอมี DNA ของนักร้องในดวงใจทั้งสาม คือ Christina Aguilera, Beyoncé, และ Mariah Carey ตัวอย่าง ในเพลง hei fun nei 《喜欢你》 https://www.youtube.com/watch?v=IQ1g8ShGaVU ---------------------------------------------- รวมเพลงจีน-กวางตุ้ง 1. เพลงจีนกวางตุ้ง 光辉岁月 อ่านว่า Gwong Fai Seui Yut แปลว่า "วันแห่งความรุ่งโรจน์" เป็นเพลงของวง Beyond ในยุค '90 ที่มีความหมายดีๆ.. นำมาขับร้องใหม่ ไฉไล..,มันส์ มากกว่า-เดิม ค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=Y98BJoztFwM เพลงแนว Canto-Pop 光辉岁月 Gwong Fai Seui Yuet ของ วง Beyond ต้นฉบับ(เดิม) พร้อมอักษรจีน-กวางตุ้ง ค่อยๆอ่าน+ร้องตาม สักวันหนึ่งที่มี "วันแห่งความรุ่งโรจน์" https://www.youtube.com/watch?v=PrGsAMbgUh4 เพลง Glorious Years (光辉岁月) https://www.youtube.com/watch?v=4Sjqt37ipcU 2. เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) ของ ศิลปิน BEYOND ขับร้องโดย สุดยอดนักร้องยอดนิยมของฮ่องกง ในเพลง 不再猶豫 อ่านว่า Bat joi yau yu แปลว่า ไม่ลังเล https://www.youtube.com/watch?v=RvDjCTqoLuw 3. เพลงภาษาจีนกวางตุ้ง 一生中最爱 อ่านว่า (Yi Sheng Zhong Zui Ai) เปิดตัวครั้งแรกในปี 1991 และใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง "A Tale of Two Cities" ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของ เพื่อนรักสองคนที่ตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งในเวลาเดียวกัน แต่ให้กันและกันด้วยความเป็นพี่น้อง และทั้งสามคนต้องพบกับ บททดสอบมิตรภาพและความรัก เพลงนี้เลยดูเหมือนร้อง เกี่ยวกับระยะห่างระหว่างเพื่อนกับคนรัก https://www.youtube.com/watch?v=KbZLN2X_lFU สุดยอด..เพลงจีนกวางตุ้ง(ชาย) ต้องยกให้ ALAN TAM ในบทเพลง一生中最愛. Yat Saang Jung Jeui Ngoi คือ เพลงที่ดีที่สุด ครองตำแหน่งมาตั้งแต่ 1991- ปัจจุบัน https://www.youtube.com/watch?v=62ejBUq1J5o 4. เพลงจีนกวางตุ้ง 明日話今天 หมายถึง คุยกันวันนี้..ไม่ต้องรอในวันพรุ่งนี้ และเพลงที่ 2 奮鬥 หมายความถึง การต่อสู้ ขับร้องโดย Jenny Tseng และ CoCo Lee จำกันได้ไหม..ล่ะ? https://www.youtube.com/watch?v=ZXAguTHqYnc 5. 7 เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) ของ 容祖兒 - Joey Yung นำเสนอในแบบ Medley รวดเดียวในเพลง อ่านออกเสียงสำเนียงกวางตุ้ง 粤拼 ➔ jyut6ping3 ได้ว่า..... mat6jau5 / syun2jau5 / sam1gam1ming6dai2 / zou2jau5jyu6mau4 / zeoi6fui1 / ze3gwo3 / ngo5jaa5bat1 密友 / 損友 / 心甘命抵 / 早有預謀 / 罪魁 / 借過 / 我也不想這樣 https://www.youtube.com/watch?v=NpC07u2NMj0 6. เพลงรัก..ภาษากวางตุ้ง ทั้ง 20 เพลง สรุปเป็นการขับร้องแนวเศร้าๆของหนุ่มมองเครื่องบิน ที่ไม่สามารถเด็ดดอกฟ้าลงมาเชยชมได้ ถ้าได้..จะร้องแนวมันส์ๆ สนุกสนาน กระดี๊ กระด๊า รื่นเริง หลุดโลก.. ช่าย หมาย..ล่ะ https://www.youtube.com/watch?v=x1z6as3uwMY 7. ชาวกวางตุ้ง..เป็นชาวจีนที่อาศัยอยู่ติดทะเลทางตอนใต้ของจีน ตื่นเช้าขึ้นมา..จะพบกับ "ท้องฟ้า และ ทะเล" มักจะแหกปากขับร้องเพลง Hoi fut tin hung ของ Beyond 海闊天空 ให้ดัง..ไกล ถึง ดาวพระอังคาร..ไปเลย ช่วยกัน "แหกปาก" ร้องดังๆ..นะ คะ https://www.youtube.com/watch?v=wk9TMnbx7fQ 8. เพลงอมตะ..นิรันดร์กาล และ อยู่ในใจของชาวจีนกวางตุ้ง คือ เพลง Naan Dak Yau Ching Yan ( 难得有情人 ) แปลเป็นภาษาอังกฤษ Happy Are Those in Love ขับร้องโดย Shirley Kwan (關淑怡) ฉันมีความสุขมากที่ได้ฟัง และร้องคลอเคลียตามไปด้วย ชาวกวางตุ้ง..ทุกคนสัมผัสความสุขนี้ได้ นะคะ https://www.youtube.com/watch?v=lhB9uMNveXI 9. หนึ่งใน..เพลงที่ดีที่สุดของ Joey Yung 容祖兒 มีหลายประเทศนำไปเลียนแบบใส่เนื้อร้องใหม่ ในเพลง 習慣失戀 แปลไทย ว่า " อกหักจนเคยชิน" ไพเราะ..มาก ค่ะ " Always Heartbroken " https://www.youtube.com/watch?v=aQmieaqmLmU 10. เพลง..ล้านคิวเพลง《千千阙歌》ในภาษาจีนกวางตุ้ง ที่ทำให้ 陈慧娴 Priscilla Chan ที่กำลังจะเกษียณอำลาวงการ กลับทำให้เธอ..ดังระเบิดแรงกว่า..ระเบิดปรมาณู ในปี 1983 11. 朋友 ผั่งเหย่า..ภาษาจีน(กวางตุ้ง) แปลว่า เพื่อน เป็นเพลงที่ใช้ภาษาพูด ฟังได้ใจความอย่างง่ายๆ คิดถึงความสุข..สมัยที่ได้เรียนที่นี่ในวัยเด็ก 12. เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋) นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving) เกิด: 16 สิงหาคม 2534 (อายุ 31 ปี), เซี่ยงไฮ, จีน ความสูง: 1.57 ม. ค่ายเพลง: Sony Music Entertainment (SME) พี่น้อง: อีเลน แทง เธอ เป็น นักร้องนักแต่งเพลงชาวฮ่องกง ที่ อพยพมาจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เธอ..เดบิวต์ในวงการเพลงฮ่องกง ในปี 2008 หลังจากออกอัลบั้ม 3 อัลบั้มในฮ่องกง และการปรากฏตัวของเธอ(ชัดเจน)ในรายการแข่งขันร้องเพลงจีน I Am a Singer รุ่นปี 2014 ดิฉัน..สะดุด เทหัวใจ(หมดทั้งหัวใจ) ให้เธอ ไปแล้ว... เพราะเธอมี DNA ของนักร้องในดวงใจทั้งสาม คือ Christina Aguilera, Beyoncé, และ Mariah Carey ตัวอย่าง ในเพลง hei fun nei 《喜欢你》 https://www.youtube.com/watch?v=IQ1g8ShGaVU 13. สุดยอดมหากาพย์ของเพลงจีนกวางตุ้ง..ต้องเพลงนี้ 《千千阙歌》หรือ แปลว่า "เพลงล้านคิว" "Song of a Thousand Thousand Que" ต้นฉบับของเพลงนี้คือ "Yuyakiけの歌" แต่งโดย Makaiye Yasuji โดยนักร้องชาวญี่ปุ่นMasahiko Kondo ในปี 1988 หลังจากที่ Priscilla Chan ประกาศว่าจะเกษียณจากวงการเพลง PolyGram ได้ผลิตเพลง "อำลา" เพลงนี้แหละที่ประพันธ์เพลง ในภาษาจีนกวางตุ้ง โดย Lin Zhenqiang กลับทำให้ Priscilla Chan ยิ่งโด่งดังมากยิ่งขึ้น ด้วยฝีมือของ Anita Mui, Blue Jeans, Polygram, Huaxing Records, CBS/SonyและWingo Creative ด้วยเพลงนี้ พริสซิลลา ชาน ได้รับรางวัล " My Favorite Song Award in the Music World " ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 2,715 เสียง ใน พิธีมอบรางวัล Top Music Pop Awards ในปี 1989 https://www.youtube.com/watch?v=P9kcwRnGk5w 14. อัลบั๊มรวมเพลงจากสวรรค์ ของ 4 ราชาเพลงดังแห่งฮ่องกง ♛ Andy Lau ♛Jacky Cheung ♛Li Mingi ♛Aaron Kwok https://www.youtube.com/watch?v=a55w198tsLo 15. Album รวม-เพลงกวางตุ้งที่ดีที่สุด ของ Alan Tam https://www.youtube.com/watch?v=w5QIjqHiSp4 16. เธอ คือ 伍珂玥 หรือ Karrie Ng เป็นชาวเมืองไท่ซาน มณฑลกวางตุ้ง. เป็นนักร้องเพลงป๊อปชาวจีน เป็นนักศึกษาปี 2021 ของ Jinzhong Conservatory of Music of Shenzhen University และเป็นแชมป์รวมของ " The Voice of China 2021 " เธอ คือ สุดยอด..ความภาคภูมิใจ ของ ชาวกวางตุ้งทั่วโลก นี่คือ อัลบั๊ม เพลงอันแสนไพเราะ จากน้ำเสียงระดับโลกของเธอ https://www.youtube.com/watch?v=usKqLgvf6pI 17. เพลงจีนกวางตุ้ง ชื่อเพลง《最爱》แปลว่า.. " รักที่ซู๊ดด ด.. " เรียบเรียงจากบทกวี เปรียบ ท้องฟ้า สายลม ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ น้ำขึ้น-น้ำลง เงา สายน้ำ จินตนาการกับความรักในฝัน. https://www.youtube.com/watch?v=IEwzbPWB3zg 18. ชื่อภาษาจีน(ต้วย่อ) 刘德华 คนไทย รู้จักในชื่อ “หลิว เต๋อ หัว” สาวๆชาวจีนกวางตุ้ง...กรี๊ด สนั่น ในนาม “เหล่า ตั๊ก หวา” (Andy Lau) นี่แหละจักรพรรดิแห่ง..ดาราฮ่องกง เจ้าของผลงานภาพยนตร์ฮ่องกงแนวบู๊ ตีรันฟันแทง มากกว่าครึ่ง สูง ยาว หล่อ ล่ำ+เสียงดี ร้องเพลงยอดนิยมเพลงเดียว นานถึง 30 ปี คือ เพลง Yat Hei Jau Gwoh Dik Yat Ji 《一起走过的日子》แปลเป็นอังกฤษ ว่าThe Days We Spent Together สาวกวางตุ้ง ต้องแหกปาก ร้องคลอ..ตามไปได้(ทุกคน) โดยเฉพาะท่อนแรก (ร้องดังๆ..นะ) 如何面对 曾一起走过的日子 jyu4 ho4 min6 deoi3 cang4 jat1 hei2 zau2 gwo3 dik1 jat6 zi2 现在剩下我独行 jin6 zoi6 sing6 haa6 ngo5 duk6 hang4 如何用心声一一讲你知 jyu4 ho4 jung6 sam1 sing1/seng1 jat1 jat1 gong2 nei5 zi1 从来没人明白我 cung4 loi4 mut6 jan4 ming4 baak6 ngo5 唯一你给我好日子 wai4 jat1 nei5 kap1 ngo5 hou2 jat6 zi2 有你有我有情有生有死有义 jau5 nei5 jau5 ngo5 jau5 cing4 jau5 sang1/saang1 jau5 sei2 jau5 ji6 https://www.youtube.com/watch?v=VUZ4w2NN5fQ 19. เพลงจีนกวางตุ้งคลาสสิก ขับร้องโดย : 張學友 / Jacky Cheung ชื่อเพลง : 『我留著你在身邊心仍然很遠』 แปลไทย ได้ว่า "ฉันคอยเธอเคียงข้างใจยังห่างไกล" หรือ แปลเป็นอังกฤษ = Let me stay by your side https://www.youtube.com/watch?v=WHTfF5kIz80 20. เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) Yue Ban Xiao Ye Qu คืนพระจันทร์เสี้ยว《月半小夜曲》 ฝาหรั่งเรียกว่า "Half Moon Serenade" นักร้อง : Li Keqin, Wu Keyue และ He San นำมาขับร้อง แบบ Trio ในปลายปี 2021 ได้ไพเราะจับใจ(มาก) ความหมายของเพลง บรรยายถึง ความในใจทุกจุดของ..ชายหนุ่มที่นอนไม่หลับมองท้องฟ้าในค่ำคืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว รำพันถึงสาวในฝัน ที่น่าจะเป็นดวงดาวที่อยู่ไกลๆ เค้าเผชิญกับความจริงที่ยอมรับไม่ได้ ความรักของเค้าจะไม่เปลี่ยนไปตามลำดับ แต่ยิ่งกระตือรือร้น ยิ่งห่วงใยกันตลอดไป…” https://www.youtube.com/watch?v=MfDa59mTHes 21. เพลงจีนกวางตุ้ง เศร้าๆ.. ขับร้องโดย 容祖兒 - Joey Yung ชื่อเพลง : 天窗 แปลว่า แสงจากท้องฟ้า ความหมายของเพลง : หญิง-ชาย ดื่มน้ำชา หลังจากอาหารมื่อหนึ่ง ซึ่ง ทั้งคู่นัดกันมาพบกันเพื่อบอกเลิกกัน ทั้งคู่ไม่ยอมเปิดเผยความจริง หรือ ไม่ยอม..เปิดแสงจากฟ้าให้เข้าใจกัน นั่นเอง. https://www.youtube.com/watch?v=YnW545U1KgU 22. เพลงเก่า..ยอดนิยม ประมาณ 30 ปี ภาษาจีนกวางตุ้ง ของ Jacky Cheung (張學友 / Cheung Hok-yau) ชื่อเพลง : 只想一生跟你走 (Ji seung yat sang gan nie jau) แปลว่า : ชีวิตนี้ฉันต้องการไปกับเธอ ความหมายของเพลง....พระเอกของเราได้พบกับคนที่หลงรัก และค้นพบว่าไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากเธอคนนั้น สองคนนี้เลิกกัน โดยฝ่ายหญิงสะบัดกันหนีไป ปล่อยให้พระเอกของเรา นั่งร้องไห้เศร้าเสียใจ มโนว่า เธอคนนั้น..ไม่ได้จากไป และทุกอย่างเหมือนอยู่ในความฝัน (ยังเสือกถามว่า ฝ่ายหญิงทำไมไม่ฝันถึงเค้าบ้าง) ร้องไหัและขอให้เธออย่าลืมรักเก่าๆเงียบๆ เพียงลำพัง คิดว่าในชีวิตนี้ ไม่สามารถอยู่ได้ โดยปราศจากเธอ ตรงกับชื่อเพลง "ชีวิตนี้ฉันต้องการไปกับเธอ 只想一生跟你走 Only Want to Go with You in this Life https://www.youtube.com/watch?v=Ou3NHHS6f4c 23. เพลงแนว Soft-Rock อมตะนิรันด์กาล ของ Beyond บทเพลงภาษาจีนกวางตุ้ง Hoi Fut Tin Hung - 海闊天空 https://www.youtube.com/watch?v=wk9TMnbx7fQ 24. เพลงในแนวศิลปินคู่ Duo ชาย-หญิง บนเวที่ Voice of China เพลงในภาษากวางตุ้ง ได้รับการยอมรับ จากชาวจีนทั่วทั้งประเทศ เพลง : คืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว Yue Ban Xiao Ye Qu (月半小夜曲) ศิลปิน : 李克勤 และ 周深 ความหมายของเพลง บรรยายถึง ความในใจทุกจุดของ..ชายหนุ่มที่นอนไม่หลับมองท้องฟ้าในค่ำคืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว รำพันถึงสาวในฝัน ที่น่าจะเป็นดวงดาวที่อยู่ไกลๆ เค้าเผชิญกับความจริงที่ยอมรับไม่ได้ ความรักของเค้าจะไม่เปลี่ยนไปตามลำดับ แต่ยิ่งกระตือรือร้น ยิ่งห่วงใยกันตลอดไป…” 25. เพลงเศร้าๆ..ภาษากวางตุ้ง ชื่อเพลง 天窗 แปลว่า แสงปลายอุโมงค์ เป็นการเล่าเรื่องราวของหนุ่มน้อยอกหัก นั่งในห้องมืดๆเพียงลำพัง โดยมีลำแสงเล็กๆลอดช่องหน้าต่างลงมาที่เขานั่ง คิดปลงตัวเอง รำพึง รำพัน อย่างน่าฉงฉาน..จุงเบย https://www.youtube.com/watch?v=YnW545U1KgU 26. เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋) นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving) https://www.facebook.com/photo/?fbid=1121627308556329&set=a.108283646557372 -《暗裡著迷》 - Cantonese LOVE Song "Yat Saang Jung Jeui Ngoi" 一生中最愛 [Love Of A Lifetime] - Alan Tam 譚詠麟 - เมโลดี้..หวานๆ ในเพลง 光輝歲月 -Gwong Fai Seui Yuet ของวง Beyond แน่นอน https://www.youtube.com/watch?v=SVBC35ByZUY - เมโลดี้..อันแสนไพเราะ ในเพลงจีนกวางตุ้ง(อมตะ) 天若有情. tin yeuk yau ching ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ - เพลงจีนกวางตุ้งยอดนิยม(ตลอดกาล)ของ Beyond ทั้ง 2 เพลง 1) "วันแห่งความรุ่งโรจน์" [ Gwong Fai Seui Yuet ] 光輝歲月 2) "ทะเลและท้องฟ้า" [ Hoi Fut Tin Hung ] 海闊天空 - เพลงสำหรับเทศกาลปีใหม่ Auld Lang Syne ใส่เนื้อร้องเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง กลายเป็นเพลง (เหย่ายี่หมานโส๋ย) 友誼萬歲 = มิตรภาพที่ยืนยาว ขับร้องโดย "หลีหลี่รุ่ย" 李麗蕊 Sara Lee ฟังง่าย -ชัดถ้อย-ชัดคำ(มาก) ค่ะ - ศิลป และ เทคนิคในการเขียนอักษรจีน โดยใช้ "แกนร่วม" เขียนว่า 身体健康 แปลว่า -ร่างกาย-สุขภาพดี ต้องหัดเขียน เพื่อนำไปอวยพรญาติผู้ใหญ่ (ซึ่ง..เหลือน้อย แล้ว) https://www.youtube.com/shorts/th4bgNYZrsI - เพลงภาษาจีนกวางตุ้ง ประมาณว่า อกหัก..รักคุด ของ Joey Yuong 容祖兒 แสนรันทดใจ ฟัง..ไป ร้องไห้..ไป สังเกตไหม คะ ว่า..คล้ายกับเพลงในละคอนไทย "สามีตีลังกา" ไม่ทราบว่า จีนลอกไทย หรือ ไทยลอกจีน - เพลงจีนกวางตุ้ง สำเนียง..ซ๊าม-ยับ-หวา แสนไพเราะ..เย็นๆ จาก #ฮัคเคน_ลี (李克勤) Hacken Lee เค้า..เป็นนักร้อง พิธีกรรายการโทรทัศน์ และนักแสดงชาวฮ่องกง มีผลงานตั้งแต่ปี 1980 จนถึงปี 2013 เพลง "House of Cards" ของ Lee กวาดหลายรางวัลในงานประกาศรางวัลของฮ่องกง รวมถึง "เพลงที่ดีที่สุดในโลก" และ "Broadcasting Index" ใน Metro's Awards ในปี 2013 เขาได้รับรางวัล "Outstanding Pop Singer Award" ในงาน "Top Ten Chinese Gold Songs Awards" ของ RTHK ถึง 14 ครั้ง และสร้างสถานะที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ในอุตสาหกรรมเพลงของฮ่องกงและเอเชีย. https://www.youtube.com/watch?v=RMH8Xv2siYM - สุดยอด..การประกวด 中国好声音 (Voice of China) เพลง(จีนกวางตุ้ง)Manjusaka= 蔓珠莎華 ของ Wu Keyue ไม่เพียงรักษาจิตวิญญาณแห่งการครอบงำของ Anita Mui แต่...ยังมีเสียงตอนจบที่คล้ายกับ Priscilla Chan มาก
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1890 มุมมอง 0 รีวิว
  • ติ่งพี่ปู……….เชิญทางนี้ค่าาาา……………!!!!

    ตอนสอง………นักศึกษาชั้นดี…ที่…เข้าตาแมวมอง KGB…!!!

    ชีวิตในมหาวิทยาลัยในระยะแรกๆของปูติน เขาค่อนข้างที่จะเป็นเด็กเรียน ไม่เน้นกิจกรรมอื่น นอกจากยังอยู่ในทีมยูโดที่ฝึกมาตั้งแต่เด็กๆ ทางมหาวิทยาลัยได้เสนอให้เขาเป็นหนึ่งในทีมของมหาวิทยาลัย แต่เขาปฏิเสธ เพราะความผูกพันที่มีกับโค้ชคนเก่า
    ความเป็นดาวยูโด ได้นำพาเขาเข้าสู่การแข่งขันในระดับแคว้น

    ในปี 1972 มาเรียโชคดี ได้ถูกรางวัลล๊อตเตอรี่ เป็นรถยนตร์ Zaporozhets คันกระทัดรัด ที่เธอสามารถขายต่อด้วยราคาถึง
    3,500 รูเบิ้ล แต่ความรักลูกมีเหนืออื่นใด เธอไม่ขาย…
    ยกให้กับปูตินเอาไว้ใช้……
    ในยุคนั้น……คนธรรมดาก็หายากที่จะมีรถยนตร์ใช้ แต่นักศึกษาหน้าใหม่ปูติน……ขับรถปร๋อไปปร๋อมา……
    จัดว่าโก้มาก…มีเพื่อนติดสอยห้อยตามไปโน่นมานี่
    และการขับนั้นก็ไม่ธรรมดา……ห้าวไปตามประสาหนุ่มวัยรุ่น
    หากแต่ความเป็นอยู่ยังเหมือนเดิม ในห้องชุดในอาคารสงเคราะห์ที่ต้องแบ่งครึ่งกับเพื่อนบ้าน
    เขาไม่เคยมีห้องนอนส่วนตัว นอกจากการกั้นม่านมุมหนึ่งของห้องเป็นพื้นที่ส่วนตัว

    ภายในปี 1973 เขาได้เดินทางไปแข่งยูโดที่ Moldova, Georgia, Komi และไปใช้ชีวิตช่วงปิดภาคในแค้มป์ที่ Abkhazia (Georgia)
    ในเวลาว่าง ก็ไปรับทำงานพิเศษรับจ้างตัดต้นไม้ เพื่อหาสตังค์ไปซื้อเสื้อกันหนาวอย่างดีที่สามารถใช้ได้นานถึงสิบปีอัฟ

    การใช้ชีวิตกับเพื่อนก็เป็นไปตามวัยที่อยากผจญโลก เขาและเพื่อนๆได้ไปล่องเรือมุ่งหน้าสู่ Odessa ด้วยเงินที่มีเพียงน้อยนิด กับอาหารกระป๋องจำนวนไม่มาก นอนตากแดดตากลม ล่องเรือดูดาวอยู่สองวันสองคืน

    สี่ปีในมหาวิทยาลัย ที่วันหนึ่งเขาได้รับโทรศัพท์จากผู้ที่เขาไม่รู้จักมาก่อน ไม่มีการแนะนำตัวเอง แต่บอกสั้นๆว่า
    “ถึงเวลาที่เราจะต้องคุยกับนายเรื่องงานที่จะต้องมอบหมายให้ทำแล้ว……ไปพบกับเราได้ที่ห้องรับรองที่คณะฯ”
    ปูตินไปตามนัด……เขารอประมาณยี่สิบนาที จนแทบจะแน่ใจว่าโดนหลอก เตรียมตัวกลับ
    จึงปรากฏร่างของชายผู้หนึ่ง…ที่มีท่าทางสุภาพ ขอโทษขอโพยในการล่าช้า ………
    สิ่งที่เขาได้คุยกันนั้น คือ เรื่อง”งาน” ที่ทางราชการได้เฝ้าดูพฤติกรรมของเขามาโดยตลอด และพร้อมที่จะมอบหมายให้
    แต่.…ขั้นตอนต่อไป คือการที่จะต้องไปสัมภาษณ์บิดา มารดา
    รวมทั้งสาวประวัติส่วนตัว ส่วนครอบครัวยาวขึ้นไปสามสี่ชั้น

    ในเดือนมกราคม 1975 เจ้าหน้าที่วัยกลางคน ชื่อว่า Dmitry Gantserov ได้พบกับ Vladimir และ Maria ที่บ้านเป็นการส่วนตัว
    ในการพูดคุย…สังเกตได้ว่า วลาดิเมียร์ผู้พ่อมีความปลาบปลื้มและภูมิใจในตัวบุตรชายมาก เพราะในครอบครัวไม่เคยมีใครได้ร่ำเรียนจนถึงระดับมหาวิทยาลัย
    เมื่อทั้งพ่อและแม่ได้รับการอธิบายถึงเนื้องานและหน้าที่ที่ปูตินน้อยจะได้รับ……
    ผู้พ่อ…ได้หลุดปากเอ่ยเอื้อนความในใจถึงความรักที่มีต่อบุตรชายให้เจ้าหน้าที่ได้รับรู้ว่า
    “ท่านครับ โวโลเดียร์ คือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผมและภรรยา เขาคือความหวังเดียวที่เรามี ท่านคงทราบแล้วว่า
    เราเคยมีบุตรชายมาก่อนสองคน ที่มาเสียชีวิตเมื่อายุเพียงไม่กี่ขวบ จากการปิดล้อมของเลนินกราด จนเมื่อหมดสงคราม เราได้พยายามมีลูกสืบทอด และ ก็ได้เขามา เราไม่มีความหวังอื่นใดในอนาคตของเราอีกแล้ว นอกจากจะฝากความหวังไว้
    ที่เขาคนเดียว……ผมขอฝากโวโลเดียร์ไว้ในความเมตตาของท่าน……”

    โวโลเดียร์ หรือ ปูตินน้อย ก็เหมือนจะเตรียมตัวกับงานของ KGB มาดี เพราะเขาไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบุหรี่ (เพราะวินัยของนักยูโด) และไม่ใช่อันธพาล (เพราะยังไม่มีโอกาส)
    ไม่เคยประวัติเสียใดๆมาก่อนทั้งในรัสเซีย หรือ นอกเขต(พ่อดุซะขนาดนั้น…)
    เขารู้ดีว่า หน้าที่การทำงานในหน่วยสืบราชการลับนั้น ไม่ใช่ว่ารายได้ดี แต่มันคือหน้าที่ของประชาชนผู้ที่ได้รับเลือกขึ้นมา
    เพื่อที่จะสร้างความปลอดภัยให้กับชาติ

    ในกลางฤดูร้อนของปี 1975 วลาดิเมียร์ ปูติน ได้เข้ารับปริญญา ในตอนนั้น ทางมหาวิทยาลัยได้ประกาศว่า เขาจะต้องไปสอบเอาตั๋วทนาย
    แต่มีเสียงขัดขึ้นมาจากชายคนหนึ่ง ว่า…… คนนี้ไม่ต้อง……
    เพราะมีงานอื่นให้ทำรออยู่แล้ว……

    นั่นคือคำประกาศิต……จากนั้นปูตินได้ก้าวเข้าไปเป็นข้าราชการในหน่วยของ KGB ตามที่สายลับประจำมหาวิทยาลัยได้ตามเฝ้าดูเขาอยู่นานแล้ว
    ปูตินดีใจสุดขีด……เขารีบไปสะกิดเพื่อนรัก Viktor Borisenko
    ให้รีบขึ้นรถ แล้วขับพาไปร้านอาหารเจ้าประจำ และสั่งเหล้าหวานมาจิบคนละแก้ว
    วิคเตอร์……รู้สึกประหลาดใจมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่เห็นปูตินดื่มเหล้า……
    และมารู้ทีหลัง หลังจากเวลาที่ผ่านไปนานมาก ว่า
    นั่นคือสิ่งที่ปูตินได้เลี้ยงฉลองให้กับหน้าที่การงานใหม่ ที่เพิ่งได้รับมอบหมาย…

    ในช่วงที่ปูตินได้เข้าไปเป็นเจ้าหน้าที่ฝึกงานนั้น KGB เป็นองค์กรใหญ่มาก เพราะมีทั้งสายใน-นอกประเทศ , หน่วยประจำเส้นชายแดน ศุลกากร, หน่วยรบพิเศษเพื่อรักษาความปลอดภัยให้ผู้นำ, สื่อสาร เจาะโค้ดลับ ดักฟังโทรศัพท์ แถมมีหน่วยสืบสายลับซ้อนสายลับกันเองอีกด้วย……
    หน้าที่แรกขอบเขาคือการทำหน้าที่เป็นเลขานุการให้กับหัวหน้าหน่วยฝ่ายบุคคล ประจำที่สำนักงานใหญ่ในเลนินกราด
    ที่เป็นที่เดียวกับที่เขาเคยเดินเบ๋อบ๋าเข้าไปสมัครเมื่อหลายปีก่อน

    แต่ในคราวนี้ ในวัยเพียง 23 ปี เขาคือหนุ่มน้อยเจ้าหน้าที่ KGB
    ตัวจริง ไม่ใช่ฝันลมๆแล้วๆอย่างแต่ก่อน
    และรายล้อมรอบตัวเขา คือ เหล่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เก่าแก่ขนาดจดจำเรื่องคุกที่ไซบีเรีย สมัยสตาลินได้นั่นแหละ
    หน้าที่จริงๆของปูติน คือ รับคำสั่ง และ ต้องหูไว ตาไว
    ในตึกหนึ่งของสำนักงาน ที่ติดกับคลอง Okhta ออกสู่แม่น้ำ Neva มีสภาพเป็นโรงเรียน “ยุทธการเรือดำน้ำ” ที่เหล่านักเรียนนายเรือจะต้องมาอยู่ประจำฝึกร่างกาย เรียนวิชาเฉพาะ นานถึงหกเดือนโดยไม่มีการติดต่อกับโลกภายนอกเลย

    สองปีผ่านไปในการทำงานด้านเอกสาร พ่อของเขาได้เกษียณจากงานประจำ (รถไฟ) และได้รับที่อยู่ใหม่ เป็นอาคารสงเคราะห์เช่นเดิม หากแต่ย้ายไปที่ Avtovo ที่อยู่ทางใต้ของเลนินกราด แต่คราวนี้ เป็นห้องที่ใหญ่กว่าเดิม และปูตินได้มีห้องเป็นส่วนตัวในครั้งแรกในชีวิต
    ในย่านที่อยู่อาศัย ค่อนข้างหนาแน่น แม้แต่เจ้าหน้าที่ KGB อย่างปูตินก็ไม่มีสิทธิพิเศษแต่อย่างใด
    สิทธิอย่างเดียวที่เขามี คือ สามารถต่อรอง ทอนอำนาจกับตำรวจได้ในแทบทุกกรณี……และทางองค์กรจะเข้ามาดูแลให้ทั้งหมด……

    เมื่อมีเวลา มีเงินเดือนใช้ ไปโน่นมานี่สะดวกเพราะมีรถใช้
    เพื่อนฝูงเยอะ พ่อไม่คุมเข้มอย่างแต่ก่อน
    งานปะทะกับจิ๊กโก๋ตามสี่แยกก็มีตามมา เช่นครั้งหนึ่งเขาไปกับเพื่อนรัก Sergei Roldugin**
    เหตุเกิดคือ การที่อันธพาลคนหนึ่งทำทีว่ามาไถเงินซื้อบุหรี่ ท่าท่าไม่ดี ปูตินเริ่มก่อน เข้าชาร์ทก่อนจับทุ่มลงไปนอนกลางถนน……
    ทั้งกลุ่มได้เข้ามาหมายรุม ……แต่ ปูตินชี้ไปที่รถ บอกว่า เพื่อนกูเป็นตำรวจ……!!
    ทั้งหมดจึงกระเจิงหายไป
    พอขึ้นรถได้…เซอร์เกปากคอสั่น……บอกว่า
    “เมริงง……กูเป็นนักดนตรีนะ ไม่ใช่ตำรวจ……”

    ตอนนั้นเซอร์เกเองก็ไม่เคยรู้ว่าเพื่อที่คบกันมานานนมนั้น ทำงานทำการอะไร แต่ท้าทายได้ในทุกองค์กร เช่นพาเขาเข้าไปในสถานที่ต้องห้ามต่างๆได้ เช่นชั้นในของในพระวิหารสำคัญ หรือ ที่ทำการรัฐบาลหลายแห่ง และทุกครั้งปูตินจะแนะนำว่าเขาเป็นหมอบ้าง ตำรวจบ้าง……
    จนในที่สุด ปูตินได้บอกกับเขาตามตรงว่า เขาเป็นเจ้าหน้าที่องค์กรหน่วยรักษาความปลอดภัยของประเทศ ที่เซอร์เกเองก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าเป็นงานอะไร
    ปูตินตอบว่า……ช่างเถอะ อย่าไปสนใจเลย เอาเป็นว่า เราเป็นผู้เชี่ยวชาญในการอ่านมนุษย์ก็แล้วกัน…แต่ถ้าไปอยู่ในภาวะที่เลี่ยงการปะทะไม่ได้……เราจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ไม่คอยให้เสียเวลา……”

    ปี 1979 ปูตินได้รับยศเป็นร้อยเอก และได้ถูกส่งไปยัง Felix Dzerzhinsky (เทียบเท่าโรงเรียนเสธ. KGB ) ที่กรุงมอสโคว์
    ที่จะฝึกให้เขาเป็น มนุษย์ผู้มี a warm heart, a cool head and clean hands (หมายถึง ใจแน่ว , สตินิ่ง, มือปฏิบัติการที่ไร้ร่องรอย…)
    พอจบจากหลักสูตรนี้ เขาถูกส่งตัวกลับไปยังเลนินกราด
    เพื่อรับหน้าที่ในด้านการต่างประเทศ คือ สืบหาสายลับที่มาจากต่างแดน เพราะโซเวียตได้เปิดฉากสงครามกับอัฟกานิสถานในตอนปลายปี ที่โซเวียตสนับสนุนรัฐบาลโปรคอมมิวนิสต์ในกรุง Kabul
    (หมายเหตุ รัสเซียได้เสียทหารไปเป็นจำนวนมากในสงครามครั้งนี้…)

    พอเริ่มปี 1980 ที่โรนัล รีแกน ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สงครามเย็นเริ่มตึงเครียด มีการพูดถึงระเบิดนิวเคลียร์
    โซเวียตมีการตรียมตัวกดปุ่ม ในโค้ดปฏิบัติการว่า RYAN
    ที่เหล่าสายลับทั้งหลายในโลก……ทุกฝ่ายต่างทำงานกันอย่างเต็มสตรีม……
    ปูตินเริ่มอึดอัด เพราะ เขามีอายุ 28 และยังเป็นโสด ซึ่งนับว่าเป็นอุปสรรคที่จะก้าวโตต่อไปในหน้าที่การงาน สำหรับการที่จะไปประจำอยู่ต่างประเทศ (ตามเจตนารมณ์ดั้งเดิม)
    เขาจัดว่าเป็นคนหน้าตาใช้ได้ ฉลาดเฉลียว แต่เรื่องผู้หญิง
    เขากลายเป็นคนไม่ประสีประสา จีบไม่เป็นบางครั้งเข้าขั้นพูดตะกุกตะกัก ติดอ่าง……
    ในช่วงท้ายๆในมหาวิทยาลัย เขามีเพื่อนหญิงคนหนึ่ง ชื่อว่า
    Ludmila Khmarina (คนละคนกับลุดมิลาภริยาที่แต่งงาน) ที่เป็นน้องสาวของเพื่อนรัก ที่เขาได้ขอหมั้น และถึงขั้นที่ไปยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรส
    ครอบครัวเจ้าสาวไปเตรียมตัดชุดแต่งงาน ตัดสูท เตรียมแหวน

    แต่ในที่สุด ปูตินขอยกเลิกงานทั้งหมด โดยเขาให้เหตุผลว่า
    “เลิกกันตอนนี้ดีกว่า ที่เราทั้งคู่จะต้องทนอยู่ด้วยกันไปในอนาคต..”

    ไม่มีใครทราบเหตุผลที่แท้จริง เพราะปูตินไม่เคยปริปากบอกใคร แต่……เชื่อว่าไม่ใช่ความผิดของฝ่ายชายเพราะเขายังเป็นเพื่อนสนิทกับพี่ชายของฝ่ายหญิงอย่างไม่เปลี่ยนแปลง..!!!!

    ** Sergei Roldugin เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของปูติน จนถึงทุกวันนี้ เขาเป็นทั้งเพื่อน พ่อสื่อ และพ่อทูนหัวให้กับธิดาของปูติน ฐานะของเขาจากนักดนตรีสีเซลโล่ ปัจจุบันคือ อภิมหาเศรษฐีเข้าขั้นพันล้านคนหนึ่ง

    Wiwanda W. Vichit
    ติ่งพี่ปู……….เชิญทางนี้ค่าาาา……………!!!! ตอนสอง………นักศึกษาชั้นดี…ที่…เข้าตาแมวมอง KGB…!!! ชีวิตในมหาวิทยาลัยในระยะแรกๆของปูติน เขาค่อนข้างที่จะเป็นเด็กเรียน ไม่เน้นกิจกรรมอื่น นอกจากยังอยู่ในทีมยูโดที่ฝึกมาตั้งแต่เด็กๆ ทางมหาวิทยาลัยได้เสนอให้เขาเป็นหนึ่งในทีมของมหาวิทยาลัย แต่เขาปฏิเสธ เพราะความผูกพันที่มีกับโค้ชคนเก่า ความเป็นดาวยูโด ได้นำพาเขาเข้าสู่การแข่งขันในระดับแคว้น ในปี 1972 มาเรียโชคดี ได้ถูกรางวัลล๊อตเตอรี่ เป็นรถยนตร์ Zaporozhets คันกระทัดรัด ที่เธอสามารถขายต่อด้วยราคาถึง 3,500 รูเบิ้ล แต่ความรักลูกมีเหนืออื่นใด เธอไม่ขาย… ยกให้กับปูตินเอาไว้ใช้…… ในยุคนั้น……คนธรรมดาก็หายากที่จะมีรถยนตร์ใช้ แต่นักศึกษาหน้าใหม่ปูติน……ขับรถปร๋อไปปร๋อมา…… จัดว่าโก้มาก…มีเพื่อนติดสอยห้อยตามไปโน่นมานี่ และการขับนั้นก็ไม่ธรรมดา……ห้าวไปตามประสาหนุ่มวัยรุ่น หากแต่ความเป็นอยู่ยังเหมือนเดิม ในห้องชุดในอาคารสงเคราะห์ที่ต้องแบ่งครึ่งกับเพื่อนบ้าน เขาไม่เคยมีห้องนอนส่วนตัว นอกจากการกั้นม่านมุมหนึ่งของห้องเป็นพื้นที่ส่วนตัว ภายในปี 1973 เขาได้เดินทางไปแข่งยูโดที่ Moldova, Georgia, Komi และไปใช้ชีวิตช่วงปิดภาคในแค้มป์ที่ Abkhazia (Georgia) ในเวลาว่าง ก็ไปรับทำงานพิเศษรับจ้างตัดต้นไม้ เพื่อหาสตังค์ไปซื้อเสื้อกันหนาวอย่างดีที่สามารถใช้ได้นานถึงสิบปีอัฟ การใช้ชีวิตกับเพื่อนก็เป็นไปตามวัยที่อยากผจญโลก เขาและเพื่อนๆได้ไปล่องเรือมุ่งหน้าสู่ Odessa ด้วยเงินที่มีเพียงน้อยนิด กับอาหารกระป๋องจำนวนไม่มาก นอนตากแดดตากลม ล่องเรือดูดาวอยู่สองวันสองคืน สี่ปีในมหาวิทยาลัย ที่วันหนึ่งเขาได้รับโทรศัพท์จากผู้ที่เขาไม่รู้จักมาก่อน ไม่มีการแนะนำตัวเอง แต่บอกสั้นๆว่า “ถึงเวลาที่เราจะต้องคุยกับนายเรื่องงานที่จะต้องมอบหมายให้ทำแล้ว……ไปพบกับเราได้ที่ห้องรับรองที่คณะฯ” ปูตินไปตามนัด……เขารอประมาณยี่สิบนาที จนแทบจะแน่ใจว่าโดนหลอก เตรียมตัวกลับ จึงปรากฏร่างของชายผู้หนึ่ง…ที่มีท่าทางสุภาพ ขอโทษขอโพยในการล่าช้า ……… สิ่งที่เขาได้คุยกันนั้น คือ เรื่อง”งาน” ที่ทางราชการได้เฝ้าดูพฤติกรรมของเขามาโดยตลอด และพร้อมที่จะมอบหมายให้ แต่.…ขั้นตอนต่อไป คือการที่จะต้องไปสัมภาษณ์บิดา มารดา รวมทั้งสาวประวัติส่วนตัว ส่วนครอบครัวยาวขึ้นไปสามสี่ชั้น ในเดือนมกราคม 1975 เจ้าหน้าที่วัยกลางคน ชื่อว่า Dmitry Gantserov ได้พบกับ Vladimir และ Maria ที่บ้านเป็นการส่วนตัว ในการพูดคุย…สังเกตได้ว่า วลาดิเมียร์ผู้พ่อมีความปลาบปลื้มและภูมิใจในตัวบุตรชายมาก เพราะในครอบครัวไม่เคยมีใครได้ร่ำเรียนจนถึงระดับมหาวิทยาลัย เมื่อทั้งพ่อและแม่ได้รับการอธิบายถึงเนื้องานและหน้าที่ที่ปูตินน้อยจะได้รับ…… ผู้พ่อ…ได้หลุดปากเอ่ยเอื้อนความในใจถึงความรักที่มีต่อบุตรชายให้เจ้าหน้าที่ได้รับรู้ว่า “ท่านครับ โวโลเดียร์ คือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผมและภรรยา เขาคือความหวังเดียวที่เรามี ท่านคงทราบแล้วว่า เราเคยมีบุตรชายมาก่อนสองคน ที่มาเสียชีวิตเมื่อายุเพียงไม่กี่ขวบ จากการปิดล้อมของเลนินกราด จนเมื่อหมดสงคราม เราได้พยายามมีลูกสืบทอด และ ก็ได้เขามา เราไม่มีความหวังอื่นใดในอนาคตของเราอีกแล้ว นอกจากจะฝากความหวังไว้ ที่เขาคนเดียว……ผมขอฝากโวโลเดียร์ไว้ในความเมตตาของท่าน……” โวโลเดียร์ หรือ ปูตินน้อย ก็เหมือนจะเตรียมตัวกับงานของ KGB มาดี เพราะเขาไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบุหรี่ (เพราะวินัยของนักยูโด) และไม่ใช่อันธพาล (เพราะยังไม่มีโอกาส) ไม่เคยประวัติเสียใดๆมาก่อนทั้งในรัสเซีย หรือ นอกเขต(พ่อดุซะขนาดนั้น…) เขารู้ดีว่า หน้าที่การทำงานในหน่วยสืบราชการลับนั้น ไม่ใช่ว่ารายได้ดี แต่มันคือหน้าที่ของประชาชนผู้ที่ได้รับเลือกขึ้นมา เพื่อที่จะสร้างความปลอดภัยให้กับชาติ ในกลางฤดูร้อนของปี 1975 วลาดิเมียร์ ปูติน ได้เข้ารับปริญญา ในตอนนั้น ทางมหาวิทยาลัยได้ประกาศว่า เขาจะต้องไปสอบเอาตั๋วทนาย แต่มีเสียงขัดขึ้นมาจากชายคนหนึ่ง ว่า…… คนนี้ไม่ต้อง…… เพราะมีงานอื่นให้ทำรออยู่แล้ว…… นั่นคือคำประกาศิต……จากนั้นปูตินได้ก้าวเข้าไปเป็นข้าราชการในหน่วยของ KGB ตามที่สายลับประจำมหาวิทยาลัยได้ตามเฝ้าดูเขาอยู่นานแล้ว ปูตินดีใจสุดขีด……เขารีบไปสะกิดเพื่อนรัก Viktor Borisenko ให้รีบขึ้นรถ แล้วขับพาไปร้านอาหารเจ้าประจำ และสั่งเหล้าหวานมาจิบคนละแก้ว วิคเตอร์……รู้สึกประหลาดใจมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่เห็นปูตินดื่มเหล้า…… และมารู้ทีหลัง หลังจากเวลาที่ผ่านไปนานมาก ว่า นั่นคือสิ่งที่ปูตินได้เลี้ยงฉลองให้กับหน้าที่การงานใหม่ ที่เพิ่งได้รับมอบหมาย… ในช่วงที่ปูตินได้เข้าไปเป็นเจ้าหน้าที่ฝึกงานนั้น KGB เป็นองค์กรใหญ่มาก เพราะมีทั้งสายใน-นอกประเทศ , หน่วยประจำเส้นชายแดน ศุลกากร, หน่วยรบพิเศษเพื่อรักษาความปลอดภัยให้ผู้นำ, สื่อสาร เจาะโค้ดลับ ดักฟังโทรศัพท์ แถมมีหน่วยสืบสายลับซ้อนสายลับกันเองอีกด้วย…… หน้าที่แรกขอบเขาคือการทำหน้าที่เป็นเลขานุการให้กับหัวหน้าหน่วยฝ่ายบุคคล ประจำที่สำนักงานใหญ่ในเลนินกราด ที่เป็นที่เดียวกับที่เขาเคยเดินเบ๋อบ๋าเข้าไปสมัครเมื่อหลายปีก่อน แต่ในคราวนี้ ในวัยเพียง 23 ปี เขาคือหนุ่มน้อยเจ้าหน้าที่ KGB ตัวจริง ไม่ใช่ฝันลมๆแล้วๆอย่างแต่ก่อน และรายล้อมรอบตัวเขา คือ เหล่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เก่าแก่ขนาดจดจำเรื่องคุกที่ไซบีเรีย สมัยสตาลินได้นั่นแหละ หน้าที่จริงๆของปูติน คือ รับคำสั่ง และ ต้องหูไว ตาไว ในตึกหนึ่งของสำนักงาน ที่ติดกับคลอง Okhta ออกสู่แม่น้ำ Neva มีสภาพเป็นโรงเรียน “ยุทธการเรือดำน้ำ” ที่เหล่านักเรียนนายเรือจะต้องมาอยู่ประจำฝึกร่างกาย เรียนวิชาเฉพาะ นานถึงหกเดือนโดยไม่มีการติดต่อกับโลกภายนอกเลย สองปีผ่านไปในการทำงานด้านเอกสาร พ่อของเขาได้เกษียณจากงานประจำ (รถไฟ) และได้รับที่อยู่ใหม่ เป็นอาคารสงเคราะห์เช่นเดิม หากแต่ย้ายไปที่ Avtovo ที่อยู่ทางใต้ของเลนินกราด แต่คราวนี้ เป็นห้องที่ใหญ่กว่าเดิม และปูตินได้มีห้องเป็นส่วนตัวในครั้งแรกในชีวิต ในย่านที่อยู่อาศัย ค่อนข้างหนาแน่น แม้แต่เจ้าหน้าที่ KGB อย่างปูตินก็ไม่มีสิทธิพิเศษแต่อย่างใด สิทธิอย่างเดียวที่เขามี คือ สามารถต่อรอง ทอนอำนาจกับตำรวจได้ในแทบทุกกรณี……และทางองค์กรจะเข้ามาดูแลให้ทั้งหมด…… เมื่อมีเวลา มีเงินเดือนใช้ ไปโน่นมานี่สะดวกเพราะมีรถใช้ เพื่อนฝูงเยอะ พ่อไม่คุมเข้มอย่างแต่ก่อน งานปะทะกับจิ๊กโก๋ตามสี่แยกก็มีตามมา เช่นครั้งหนึ่งเขาไปกับเพื่อนรัก Sergei Roldugin** เหตุเกิดคือ การที่อันธพาลคนหนึ่งทำทีว่ามาไถเงินซื้อบุหรี่ ท่าท่าไม่ดี ปูตินเริ่มก่อน เข้าชาร์ทก่อนจับทุ่มลงไปนอนกลางถนน…… ทั้งกลุ่มได้เข้ามาหมายรุม ……แต่ ปูตินชี้ไปที่รถ บอกว่า เพื่อนกูเป็นตำรวจ……!! ทั้งหมดจึงกระเจิงหายไป พอขึ้นรถได้…เซอร์เกปากคอสั่น……บอกว่า “เมริงง……กูเป็นนักดนตรีนะ ไม่ใช่ตำรวจ……” ตอนนั้นเซอร์เกเองก็ไม่เคยรู้ว่าเพื่อที่คบกันมานานนมนั้น ทำงานทำการอะไร แต่ท้าทายได้ในทุกองค์กร เช่นพาเขาเข้าไปในสถานที่ต้องห้ามต่างๆได้ เช่นชั้นในของในพระวิหารสำคัญ หรือ ที่ทำการรัฐบาลหลายแห่ง และทุกครั้งปูตินจะแนะนำว่าเขาเป็นหมอบ้าง ตำรวจบ้าง…… จนในที่สุด ปูตินได้บอกกับเขาตามตรงว่า เขาเป็นเจ้าหน้าที่องค์กรหน่วยรักษาความปลอดภัยของประเทศ ที่เซอร์เกเองก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าเป็นงานอะไร ปูตินตอบว่า……ช่างเถอะ อย่าไปสนใจเลย เอาเป็นว่า เราเป็นผู้เชี่ยวชาญในการอ่านมนุษย์ก็แล้วกัน…แต่ถ้าไปอยู่ในภาวะที่เลี่ยงการปะทะไม่ได้……เราจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ไม่คอยให้เสียเวลา……” ปี 1979 ปูตินได้รับยศเป็นร้อยเอก และได้ถูกส่งไปยัง Felix Dzerzhinsky (เทียบเท่าโรงเรียนเสธ. KGB ) ที่กรุงมอสโคว์ ที่จะฝึกให้เขาเป็น มนุษย์ผู้มี a warm heart, a cool head and clean hands (หมายถึง ใจแน่ว , สตินิ่ง, มือปฏิบัติการที่ไร้ร่องรอย…) พอจบจากหลักสูตรนี้ เขาถูกส่งตัวกลับไปยังเลนินกราด เพื่อรับหน้าที่ในด้านการต่างประเทศ คือ สืบหาสายลับที่มาจากต่างแดน เพราะโซเวียตได้เปิดฉากสงครามกับอัฟกานิสถานในตอนปลายปี ที่โซเวียตสนับสนุนรัฐบาลโปรคอมมิวนิสต์ในกรุง Kabul (หมายเหตุ รัสเซียได้เสียทหารไปเป็นจำนวนมากในสงครามครั้งนี้…) พอเริ่มปี 1980 ที่โรนัล รีแกน ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สงครามเย็นเริ่มตึงเครียด มีการพูดถึงระเบิดนิวเคลียร์ โซเวียตมีการตรียมตัวกดปุ่ม ในโค้ดปฏิบัติการว่า RYAN ที่เหล่าสายลับทั้งหลายในโลก……ทุกฝ่ายต่างทำงานกันอย่างเต็มสตรีม…… ปูตินเริ่มอึดอัด เพราะ เขามีอายุ 28 และยังเป็นโสด ซึ่งนับว่าเป็นอุปสรรคที่จะก้าวโตต่อไปในหน้าที่การงาน สำหรับการที่จะไปประจำอยู่ต่างประเทศ (ตามเจตนารมณ์ดั้งเดิม) เขาจัดว่าเป็นคนหน้าตาใช้ได้ ฉลาดเฉลียว แต่เรื่องผู้หญิง เขากลายเป็นคนไม่ประสีประสา จีบไม่เป็นบางครั้งเข้าขั้นพูดตะกุกตะกัก ติดอ่าง…… ในช่วงท้ายๆในมหาวิทยาลัย เขามีเพื่อนหญิงคนหนึ่ง ชื่อว่า Ludmila Khmarina (คนละคนกับลุดมิลาภริยาที่แต่งงาน) ที่เป็นน้องสาวของเพื่อนรัก ที่เขาได้ขอหมั้น และถึงขั้นที่ไปยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรส ครอบครัวเจ้าสาวไปเตรียมตัดชุดแต่งงาน ตัดสูท เตรียมแหวน แต่ในที่สุด ปูตินขอยกเลิกงานทั้งหมด โดยเขาให้เหตุผลว่า “เลิกกันตอนนี้ดีกว่า ที่เราทั้งคู่จะต้องทนอยู่ด้วยกันไปในอนาคต..” ไม่มีใครทราบเหตุผลที่แท้จริง เพราะปูตินไม่เคยปริปากบอกใคร แต่……เชื่อว่าไม่ใช่ความผิดของฝ่ายชายเพราะเขายังเป็นเพื่อนสนิทกับพี่ชายของฝ่ายหญิงอย่างไม่เปลี่ยนแปลง..!!!! ** Sergei Roldugin เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของปูติน จนถึงทุกวันนี้ เขาเป็นทั้งเพื่อน พ่อสื่อ และพ่อทูนหัวให้กับธิดาของปูติน ฐานะของเขาจากนักดนตรีสีเซลโล่ ปัจจุบันคือ อภิมหาเศรษฐีเข้าขั้นพันล้านคนหนึ่ง Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1016 มุมมอง 0 รีวิว