• แกะรอยเก่า ตอนที่ 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
    ตอนที่ 2
    นาย Kenneth Perry Landon เป็นมิชชั่นนารี หมอสอนศาสนา แต่ไม่ใช่มิชชั่นนารีประเภทเดินหน้าเซียวเที่ยวเคาะประตูบ้าน เหมือนคนขายหนังสือพจนานุกรมสมัยก่อน แต่เขาเป็นนักสอนศาสนามีดีกรี จบปริญญาตรีทางเทววิทยา Theological Seminary จากมหาวิทยาลัย Princeton (วิชานี้เขาว่านักบวชสมัยก่อนที่เดินทางมาเผยแพร่ศาสนา แถวเอเซีย ลาตินอเมริกา ล้วนจบวิชานี้ทั้งนั้น นอกเหนือจากเรียนหลายภาษาแล้ว หนึ่งในหลักสูตรเขาว่าต้องเรียนฟันดาบและต่อสู้ป้องกันตัวด้วย)หลังจากนั้นนาย Kenneth ก็เรียนต่อจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัย Chicago เขาเดินทางมาเมืองไทย พร้อมภรรยา เมื่อประมาณ ค.ศ. 1927 (อย่าเพิ่งโว้ย ว่าเล่านิทานโบราณจัง ตอนนี้ใครๆ เขาเขียนเรื่องเรือบินหายหรือสงครามโลกครั้งที่ 3 กันทั้งนั้น ใจเย็น อ่านต่อไปก่อนน่า เดี๋ยวมันก็อธิบายมาถึงปัจจุบันได้เองแหละ)
    เขากับนาง Margaret เดินทางมาทางเรือจากด้านตะวันออกของอเมริกา ผ่านมหาสมุทรแปซิฟิก มาโผล่เอาที่สิงคโปร์ ตลอดทางที่เรือแวะจอดท่าต่างๆ เขานั่งเบิ่งตา หูตั้ง มองทุกอย่าง ฟังทุกเรื่อง จัดเก็บข้อมูลเรียงแน่นอยู่ในหัว (ใบสั่งมันคงระบุชัดเจนดี) จนเมื่อเรือแล่นจากสิงคโปร์ขึ้นมาบางกอก เมียก็ถามเขาว่า นี่เธอรู้จักเมืองไทยดีแค่ไหนนะเนี่ย เขาตอบว่า ฉันรู้แต่ว่าคนไทยส่วนมากเป็นฝาแฝดตัวติดกัน แล้วก็มีช้างเผือกแยะมาก และที่เมืองไทยฝนน่าจะตกชุก เพราะฉันเห็นรูปถ่ายพระเจ้าแผ่นดินของไทย นั่งอยู่ใต้ร่มอันใหญ่มาก หน้าตาเหมือนน้ำพุ 9 ชั้น (อืม ! ชั้นเชิงใช้ได้ ตอบเมียตัวเองได้แบบนี้อนาคตไกล)
    นาย Kenneth กับนาง Margaret เมื่อแรกมาถึงเมืองไทยก็พักอยู่ที่เมืองบางกอกก่อน อยู่ประมาณ 1 ปี ตลอดเวลา 1 ปี เขาถูกพาไปป้วนเปี้ยนวนเวียนอยู่ในสังคมฝรั่งที่มีทั้งพวกมิชชั่นนารี พวกฑูต และพ่อค้าฝรั่ง แล้วฝรั่งพวกนี้ก็พาเขาเข้าสังคมคนไทยชั้นสูง ทำให้เขามีโอกาสรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ของเมืองไทย รวมทั้งเชื้อพระวงศ์ระดับสูง เช่น กรมพระยาดำรงเดชานุภาพ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ เป็นต้น (อย่าลืมว่าเมื่อนาย Kenneth มาถึงเมืองไทย ช่วงนั้นยังเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อยู่ น่าสนใจวิธีการนำตัวเข้าสังคมของนักสอนศาสนารายนี้จริงๆ) นาย Kenneth ไม่ได้ใช้เวลาเดินเล่นอยู่ในวงสังคมชั้นสูงอย่างเดียว อีกอย่างที่เขาทำอย่างเอาจริงเอาจัง และไม่ให้ใครรู้ คือ เขาตั้งใจเรียนภาษาไทย เขาจ้างครูมาสอน เขาและภรรยาเรียนภาษาไทยกับครูทุกวันๆ ละ 3 ชั่วโมง และทำการบ้านเตรียมตัวอีกวันละ 3 ชั่วโมง สำหรับการเรียนในวันรุ่งขึ้น เป็นการเรียนแบบหลักสูตรเร่งรัดเลยละ (มันทำไมต้องเร่งรัดกันขนาดนี้นะ ?) เขาฝึกบทเรียนภาษาไทยที่เขาเรียน ด้วยการออกไปเดินเที่ยวเล่นในตลาด ไปเดินซื้อของและถามแม่ค้า เป็นภาษาไทยว่า “เท่าไหร่” และไม่ว่าแม่ค้าจะตอบว่าอะไร และไม่ว่าเขาจะฟังรู้เรื่องหรือไม่ เขาก็จะตอบกลับเป็นภาษาไทยว่า “แพงไป” แล้วก็เดินไปหาแม่ค้าเจ้าอื่นต่อไป (เห็นลีลาสายลับรุ่นโบราณไหมครับ สมัยนี้ก็ยังทำแบบนี้ แต่แทนที่จะเดินเล่นตามตลาด เขาไปเดินเล่นตามห้าง ตามงานสังคมชั้นสูง ตามที่มั่วสุมของคนชั้นสูง เช่นที่สปอร์ตคลับ และตามบ้านคนใหญ่คนโตทั้งหลาย ฯลฯ เสร็จแล้วพวกเขาก็ไปรายงานข้อมูลที่ได้ยินมาจากที่ไปเดินเล่น ตามที่ตัวเองเข้าใจ แบบ งูๆ ปลาๆ ต่อนายเหนือ เรื่องมันถึงได้วุ่น !)
    จากการเรียนภาษาไทยอย่างตั้งอกตั้งใจ ทำให้เขาเข้าใจว่า ภาษาไทยเป็นภาษาที่ลึกซึ้ง แสดงถึงความละเอียดอ่อนของความเป็นคนไทย เขายกตัวอย่างคำว่า ฉัน ภาษาอังกฤษ ใช้ I หรือ me แค่ 2 คำ แต่ภาษาไทยมีให้เลือกใช้ถึง 15 คำ แต่ละคำแสดงถึงสถานะทางสังคมของ ผู้พูด ความสัมพันธ์ระหว่างผู้พูดและยังแยกเพศได้อีก สิ่งเหล่านี้ไม่มีในภาษาอังกฤษ นอกจากนั้นคำเดียวกันนั้น ถ้าใช้คู่กับอีกคำ ระหว่างบุรุษที่ 1 กับบุรุษที่ 2 ยังแสดงถึงอารมณ์ ความสนิทสนมของผู้ใช้อีกด้วย รวมทั้งแสดงได้ถึงฐานะที่สูงต่ำกว่ากัน เช่นคำว่า “มึง” และ “กู” ดังนั้นจึงเป็นการยากที่ชาวต่างชาติจะเข้าใจคนไทย และสังคมไทยถ้าไม่เข้าใจภาษาไทยให้แตกฉานเสียก่อน (อยากรู้ว่าไอ้พวก app รุ่นใหม่ที่ไปเดินเล่นตามสังคมนั้น มันจะเข้าใจความละเอียดอ่อนของคนไทยได้แค่ไหนกัน)
    นอกจากนี้จากการเรียนภาษาไทย ทำให้เขาเข้าใจว่า กว่าครึ่งของภาษาไทยมีรากมาจากภาษาสันสกฤตและบาลี ซึ่งเป็นภาษาโบราณของอินเดีย และเกี่ยวพันกับพุทธศาสนา ซึ่งเป็นทั้งศาสนาและวัฒนธรรมของคนไทย เขาบอกกับตัวเองว่าถ้าจะเข้าใจคนไทยให้ลึกซึ้ง ต้องเข้าใจภาษาไทย และควรจะศึกษาเกี่ยวกับอินเดียด้วย เพื่อเข้าใจที่มาที่ไปของคนไทย ประเพณี และวิธีการคิดของคนไทย ซึ่งภายหลังเขาได้กลับไปเรียนต่อปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัย Chicago เขาเรียนภาษาสันสกฤต บาลีรวมทั้งเรียนวิชาเกี่ยวกับอินเดียด้วย (เขาหาอุปกรณ์เสริมได้เก่ง ต้องยอมรับ นักสอนศาสนาคนนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ)
    เขาเรียนภาษาไทยแตกฉานได้อย่างรวดเร็ว ระหว่างที่อยู่บางกอก เขาทดสอบความแตกฉานของตัวเองด้วยการ เริ่มเทศน์เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ เป็นภาษาไทย ช่วงแรกๆ เวลาเขาเทศน์ เมื่อพูดถึงพระเยซูถูกตรึง “กางเขน” เขาออกเสียงภาษาไทย เป็นพระเยซูถูกตรึง “กางเกง” และนั่นทำให้เขาเป็นที่ชอบใจของคนไทย ว่าเขาเทศน์ได้ตลกดี และทำให้มีคนมาฟังเขาแยะ แม้จะไม่รู้จักพระเยซูและศาสนาคริสเตียนเลยแม้แต่น้อย แต่ก็พากันมาดูฝรั่งแทศน์เป็นภาษาไทย แบบดูการแสดงตลก โดยไม่คิดอะไรมาก

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า” ตอนที่ 2 นาย Kenneth Perry Landon เป็นมิชชั่นนารี หมอสอนศาสนา แต่ไม่ใช่มิชชั่นนารีประเภทเดินหน้าเซียวเที่ยวเคาะประตูบ้าน เหมือนคนขายหนังสือพจนานุกรมสมัยก่อน แต่เขาเป็นนักสอนศาสนามีดีกรี จบปริญญาตรีทางเทววิทยา Theological Seminary จากมหาวิทยาลัย Princeton (วิชานี้เขาว่านักบวชสมัยก่อนที่เดินทางมาเผยแพร่ศาสนา แถวเอเซีย ลาตินอเมริกา ล้วนจบวิชานี้ทั้งนั้น นอกเหนือจากเรียนหลายภาษาแล้ว หนึ่งในหลักสูตรเขาว่าต้องเรียนฟันดาบและต่อสู้ป้องกันตัวด้วย)หลังจากนั้นนาย Kenneth ก็เรียนต่อจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัย Chicago เขาเดินทางมาเมืองไทย พร้อมภรรยา เมื่อประมาณ ค.ศ. 1927 (อย่าเพิ่งโว้ย ว่าเล่านิทานโบราณจัง ตอนนี้ใครๆ เขาเขียนเรื่องเรือบินหายหรือสงครามโลกครั้งที่ 3 กันทั้งนั้น ใจเย็น อ่านต่อไปก่อนน่า เดี๋ยวมันก็อธิบายมาถึงปัจจุบันได้เองแหละ) เขากับนาง Margaret เดินทางมาทางเรือจากด้านตะวันออกของอเมริกา ผ่านมหาสมุทรแปซิฟิก มาโผล่เอาที่สิงคโปร์ ตลอดทางที่เรือแวะจอดท่าต่างๆ เขานั่งเบิ่งตา หูตั้ง มองทุกอย่าง ฟังทุกเรื่อง จัดเก็บข้อมูลเรียงแน่นอยู่ในหัว (ใบสั่งมันคงระบุชัดเจนดี) จนเมื่อเรือแล่นจากสิงคโปร์ขึ้นมาบางกอก เมียก็ถามเขาว่า นี่เธอรู้จักเมืองไทยดีแค่ไหนนะเนี่ย เขาตอบว่า ฉันรู้แต่ว่าคนไทยส่วนมากเป็นฝาแฝดตัวติดกัน แล้วก็มีช้างเผือกแยะมาก และที่เมืองไทยฝนน่าจะตกชุก เพราะฉันเห็นรูปถ่ายพระเจ้าแผ่นดินของไทย นั่งอยู่ใต้ร่มอันใหญ่มาก หน้าตาเหมือนน้ำพุ 9 ชั้น (อืม ! ชั้นเชิงใช้ได้ ตอบเมียตัวเองได้แบบนี้อนาคตไกล) นาย Kenneth กับนาง Margaret เมื่อแรกมาถึงเมืองไทยก็พักอยู่ที่เมืองบางกอกก่อน อยู่ประมาณ 1 ปี ตลอดเวลา 1 ปี เขาถูกพาไปป้วนเปี้ยนวนเวียนอยู่ในสังคมฝรั่งที่มีทั้งพวกมิชชั่นนารี พวกฑูต และพ่อค้าฝรั่ง แล้วฝรั่งพวกนี้ก็พาเขาเข้าสังคมคนไทยชั้นสูง ทำให้เขามีโอกาสรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ของเมืองไทย รวมทั้งเชื้อพระวงศ์ระดับสูง เช่น กรมพระยาดำรงเดชานุภาพ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ เป็นต้น (อย่าลืมว่าเมื่อนาย Kenneth มาถึงเมืองไทย ช่วงนั้นยังเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อยู่ น่าสนใจวิธีการนำตัวเข้าสังคมของนักสอนศาสนารายนี้จริงๆ) นาย Kenneth ไม่ได้ใช้เวลาเดินเล่นอยู่ในวงสังคมชั้นสูงอย่างเดียว อีกอย่างที่เขาทำอย่างเอาจริงเอาจัง และไม่ให้ใครรู้ คือ เขาตั้งใจเรียนภาษาไทย เขาจ้างครูมาสอน เขาและภรรยาเรียนภาษาไทยกับครูทุกวันๆ ละ 3 ชั่วโมง และทำการบ้านเตรียมตัวอีกวันละ 3 ชั่วโมง สำหรับการเรียนในวันรุ่งขึ้น เป็นการเรียนแบบหลักสูตรเร่งรัดเลยละ (มันทำไมต้องเร่งรัดกันขนาดนี้นะ ?) เขาฝึกบทเรียนภาษาไทยที่เขาเรียน ด้วยการออกไปเดินเที่ยวเล่นในตลาด ไปเดินซื้อของและถามแม่ค้า เป็นภาษาไทยว่า “เท่าไหร่” และไม่ว่าแม่ค้าจะตอบว่าอะไร และไม่ว่าเขาจะฟังรู้เรื่องหรือไม่ เขาก็จะตอบกลับเป็นภาษาไทยว่า “แพงไป” แล้วก็เดินไปหาแม่ค้าเจ้าอื่นต่อไป (เห็นลีลาสายลับรุ่นโบราณไหมครับ สมัยนี้ก็ยังทำแบบนี้ แต่แทนที่จะเดินเล่นตามตลาด เขาไปเดินเล่นตามห้าง ตามงานสังคมชั้นสูง ตามที่มั่วสุมของคนชั้นสูง เช่นที่สปอร์ตคลับ และตามบ้านคนใหญ่คนโตทั้งหลาย ฯลฯ เสร็จแล้วพวกเขาก็ไปรายงานข้อมูลที่ได้ยินมาจากที่ไปเดินเล่น ตามที่ตัวเองเข้าใจ แบบ งูๆ ปลาๆ ต่อนายเหนือ เรื่องมันถึงได้วุ่น !) จากการเรียนภาษาไทยอย่างตั้งอกตั้งใจ ทำให้เขาเข้าใจว่า ภาษาไทยเป็นภาษาที่ลึกซึ้ง แสดงถึงความละเอียดอ่อนของความเป็นคนไทย เขายกตัวอย่างคำว่า ฉัน ภาษาอังกฤษ ใช้ I หรือ me แค่ 2 คำ แต่ภาษาไทยมีให้เลือกใช้ถึง 15 คำ แต่ละคำแสดงถึงสถานะทางสังคมของ ผู้พูด ความสัมพันธ์ระหว่างผู้พูดและยังแยกเพศได้อีก สิ่งเหล่านี้ไม่มีในภาษาอังกฤษ นอกจากนั้นคำเดียวกันนั้น ถ้าใช้คู่กับอีกคำ ระหว่างบุรุษที่ 1 กับบุรุษที่ 2 ยังแสดงถึงอารมณ์ ความสนิทสนมของผู้ใช้อีกด้วย รวมทั้งแสดงได้ถึงฐานะที่สูงต่ำกว่ากัน เช่นคำว่า “มึง” และ “กู” ดังนั้นจึงเป็นการยากที่ชาวต่างชาติจะเข้าใจคนไทย และสังคมไทยถ้าไม่เข้าใจภาษาไทยให้แตกฉานเสียก่อน (อยากรู้ว่าไอ้พวก app รุ่นใหม่ที่ไปเดินเล่นตามสังคมนั้น มันจะเข้าใจความละเอียดอ่อนของคนไทยได้แค่ไหนกัน) นอกจากนี้จากการเรียนภาษาไทย ทำให้เขาเข้าใจว่า กว่าครึ่งของภาษาไทยมีรากมาจากภาษาสันสกฤตและบาลี ซึ่งเป็นภาษาโบราณของอินเดีย และเกี่ยวพันกับพุทธศาสนา ซึ่งเป็นทั้งศาสนาและวัฒนธรรมของคนไทย เขาบอกกับตัวเองว่าถ้าจะเข้าใจคนไทยให้ลึกซึ้ง ต้องเข้าใจภาษาไทย และควรจะศึกษาเกี่ยวกับอินเดียด้วย เพื่อเข้าใจที่มาที่ไปของคนไทย ประเพณี และวิธีการคิดของคนไทย ซึ่งภายหลังเขาได้กลับไปเรียนต่อปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัย Chicago เขาเรียนภาษาสันสกฤต บาลีรวมทั้งเรียนวิชาเกี่ยวกับอินเดียด้วย (เขาหาอุปกรณ์เสริมได้เก่ง ต้องยอมรับ นักสอนศาสนาคนนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ) เขาเรียนภาษาไทยแตกฉานได้อย่างรวดเร็ว ระหว่างที่อยู่บางกอก เขาทดสอบความแตกฉานของตัวเองด้วยการ เริ่มเทศน์เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ เป็นภาษาไทย ช่วงแรกๆ เวลาเขาเทศน์ เมื่อพูดถึงพระเยซูถูกตรึง “กางเขน” เขาออกเสียงภาษาไทย เป็นพระเยซูถูกตรึง “กางเกง” และนั่นทำให้เขาเป็นที่ชอบใจของคนไทย ว่าเขาเทศน์ได้ตลกดี และทำให้มีคนมาฟังเขาแยะ แม้จะไม่รู้จักพระเยซูและศาสนาคริสเตียนเลยแม้แต่น้อย แต่ก็พากันมาดูฝรั่งแทศน์เป็นภาษาไทย แบบดูการแสดงตลก โดยไม่คิดอะไรมาก คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อุปกิต” มอบพระพุทธรูปโบราณกว่า 300 ปีคืน สปป.ลาว พร้อมรูปหล่อครูบาเจ้าศรีวิชัย หนุนโครงการเสนอชื่อบุคคลสำคัญยูเนสโก
    https://www.thai-tai.tv/news/20083/
    .
    #อุปกิตปาจรียางกูร #พระพุทธรูปโบราณ #คืนสมบัติชาติ #สปปลาว #วัดองค์ตื้อมหาวิหาร #ครูบาเจ้าศรีวิชัย #ยูเนสโก #ความสัมพันธ์ไทยลาว #มรดกทางวัฒนธรรม #ศาสนาและวัฒนธรรม
    “อุปกิต” มอบพระพุทธรูปโบราณกว่า 300 ปีคืน สปป.ลาว พร้อมรูปหล่อครูบาเจ้าศรีวิชัย หนุนโครงการเสนอชื่อบุคคลสำคัญยูเนสโก https://www.thai-tai.tv/news/20083/ . #อุปกิตปาจรียางกูร #พระพุทธรูปโบราณ #คืนสมบัติชาติ #สปปลาว #วัดองค์ตื้อมหาวิหาร #ครูบาเจ้าศรีวิชัย #ยูเนสโก #ความสัมพันธ์ไทยลาว #มรดกทางวัฒนธรรม #ศาสนาและวัฒนธรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • #โคราช ผนึกกำลังนักเรียน-ครู-กรรมการ 8,952 คนมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียน อบจ.เมืองย่าโม 58 แห่งประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียน
    .
    วันนี้ (10 มิถุนายน 2568) ที่ห้องโคราชฮอลล์ 1-2 ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานเปิดโครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 โดยมี ดร.พงษ์พิมล คำลอย ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม , นางสาวกมลวรรณ กลั่นเกลี้ยง. รองศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา , ผศ.ดร.สิรินาถ จงกลกลาง ผู้ช่วยอธิการบดี ม.ราชภัฎนครราชสีมา และ น.ส.นิสา ชาภู่พวง ผจก.ทั่วไปศูนย์การค้าฯ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ สถานศึกษา มหาวิทยาลัย ครู อาจารย์ บุคลากร นักเรียน ทั้ง 58 โรงเรียนในสังกัดร่วมกิจกรรมรวมกว่า 500 คน
    .
    ทั้งนี้โครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษา โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 ได้กำหนดให้มีการจัดการแข่งขันใน ระหว่างวันที่ 10 -12 มิถุนายน พ.ศ. 2568 รวม 3 วัน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช จังหวัดนครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา และวัดพายัพ พระอารามหลวง โดยมีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อจัดประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งครอบคลุมทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และจัดกิจกรรมการแสดงบนเวทีของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา , 2. เพื่อคัดเลือกตัวแทนครู นักเรียน บุคลากรทางการศึกษา เข้าร่วม แข่งขันทักษะทางวิชาการงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ตะวันออกเฉียงเหนือระดับภาค , 3. เพื่อส่งเสริมความเป็นเลิศด้านวิชาการของครู นักเรียนและบุคลากร ทางการศึกษา โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา และนักเรียนโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา และ 4. เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ศักยภาพ และความเป็นเลิศด้านการจัดการศึกษาของโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ต่อสาธารณะ และประชาชนทั่วไป
    .
    สำหรับการดำเนินโครงการฯมีกิจกรรมการ แข่งขันทั้งสิ้น 133 กิจกรรม ประกอบด้วยการแข่งขันทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ 2 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งในปีนี้มีกิจกรรมที่เพิ่มเติม 29 กิจกรรม และมีผู้เข้าร่วมโครงการฯ นักเรียน จำนวน 5,043 คน , ครูผู้ฝึกสอน จำนวน 3,363 คน , กรรมการ จำนวน 564 คน รวมผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด จำนวน 8,952 คน
    #โคราช ผนึกกำลังนักเรียน-ครู-กรรมการ 8,952 คนมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียน อบจ.เมืองย่าโม 58 แห่งประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียน . วันนี้ (10 มิถุนายน 2568) ที่ห้องโคราชฮอลล์ 1-2 ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานเปิดโครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 โดยมี ดร.พงษ์พิมล คำลอย ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม , นางสาวกมลวรรณ กลั่นเกลี้ยง. รองศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา , ผศ.ดร.สิรินาถ จงกลกลาง ผู้ช่วยอธิการบดี ม.ราชภัฎนครราชสีมา และ น.ส.นิสา ชาภู่พวง ผจก.ทั่วไปศูนย์การค้าฯ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ สถานศึกษา มหาวิทยาลัย ครู อาจารย์ บุคลากร นักเรียน ทั้ง 58 โรงเรียนในสังกัดร่วมกิจกรรมรวมกว่า 500 คน . ทั้งนี้โครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษา โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 ได้กำหนดให้มีการจัดการแข่งขันใน ระหว่างวันที่ 10 -12 มิถุนายน พ.ศ. 2568 รวม 3 วัน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช จังหวัดนครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา และวัดพายัพ พระอารามหลวง โดยมีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อจัดประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งครอบคลุมทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และจัดกิจกรรมการแสดงบนเวทีของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา , 2. เพื่อคัดเลือกตัวแทนครู นักเรียน บุคลากรทางการศึกษา เข้าร่วม แข่งขันทักษะทางวิชาการงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ตะวันออกเฉียงเหนือระดับภาค , 3. เพื่อส่งเสริมความเป็นเลิศด้านวิชาการของครู นักเรียนและบุคลากร ทางการศึกษา โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา และนักเรียนโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา และ 4. เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ศักยภาพ และความเป็นเลิศด้านการจัดการศึกษาของโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ต่อสาธารณะ และประชาชนทั่วไป . สำหรับการดำเนินโครงการฯมีกิจกรรมการ แข่งขันทั้งสิ้น 133 กิจกรรม ประกอบด้วยการแข่งขันทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ 2 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งในปีนี้มีกิจกรรมที่เพิ่มเติม 29 กิจกรรม และมีผู้เข้าร่วมโครงการฯ นักเรียน จำนวน 5,043 คน , ครูผู้ฝึกสอน จำนวน 3,363 คน , กรรมการ จำนวน 564 คน รวมผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด จำนวน 8,952 คน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว
  • #โคราช ผนึกกำลังนักเรียน-ครู-กรรมการ 8,952 คนมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียน อบจ.เมืองย่าโม 58 แห่งประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียน
    .
    วันนี้ (10 มิถุนายน 2568) ที่ห้องโคราชฮอลล์ 1-2 ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานเปิดโครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 โดยมี ดร.พงษ์พิมล คำลอย ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม , นางสาวกมลวรรณ กลั่นเกลี้ยง. รองศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา , ผศ.ดร.สิรินาถ จงกลกลาง ผู้ช่วยอธิการบดี ม.ราชภัฎนครราชสีมา และ น.ส.นิสา ชาภู่พวง ผจก.ทั่วไปศูนย์การค้าฯ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ สถานศึกษา มหาวิทยาลัย ครู อาจารย์ บุคลากร นักเรียน ทั้ง 58 โรงเรียนในสังกัดร่วมกิจกรรมรวมกว่า 500 คน
    .
    ทั้งนี้โครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษา โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 ได้กำหนดให้มีการจัดการแข่งขันใน ระหว่างวันที่ 10 -12 มิถุนายน พ.ศ. 2568 รวม 3 วัน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช จังหวัดนครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา และวัดพายัพ พระอารามหลวง โดยมีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อจัดประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งครอบคลุมทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และจัดกิจกรรมการแสดงบนเวทีของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา , 2. เพื่อคัดเลือกตัวแทนครู นักเรียน บุคลากรทางการศึกษา เข้าร่วม แข่งขันทักษะทางวิชาการงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ตะวันออกเฉียงเหนือระดับภาค , 3. เพื่อส่งเสริมความเป็นเลิศด้านวิชาการของครู นักเรียนและบุคลากร ทางการศึกษา โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา และนักเรียนโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา และ 4. เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ศักยภาพ และความเป็นเลิศด้านการจัดการศึกษาของโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ต่อสาธารณะ และประชาชนทั่วไป
    .
    สำหรับการดำเนินโครงการฯมีกิจกรรมการ แข่งขันทั้งสิ้น 133 กิจกรรม ประกอบด้วยการแข่งขันทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ 2 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งในปีนี้มีกิจกรรมที่เพิ่มเติม 29 กิจกรรม และมีผู้เข้าร่วมโครงการฯ นักเรียน จำนวน 5,043 คน , ครูผู้ฝึกสอน จำนวน 3,363 คน , กรรมการ จำนวน 564 คน รวมผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด จำนวน 8,952 คน
    #โคราช ผนึกกำลังนักเรียน-ครู-กรรมการ 8,952 คนมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียน อบจ.เมืองย่าโม 58 แห่งประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียน . วันนี้ (10 มิถุนายน 2568) ที่ห้องโคราชฮอลล์ 1-2 ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานเปิดโครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 โดยมี ดร.พงษ์พิมล คำลอย ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม , นางสาวกมลวรรณ กลั่นเกลี้ยง. รองศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา , ผศ.ดร.สิรินาถ จงกลกลาง ผู้ช่วยอธิการบดี ม.ราชภัฎนครราชสีมา และ น.ส.นิสา ชาภู่พวง ผจก.ทั่วไปศูนย์การค้าฯ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ สถานศึกษา มหาวิทยาลัย ครู อาจารย์ บุคลากร นักเรียน ทั้ง 58 โรงเรียนในสังกัดร่วมกิจกรรมรวมกว่า 500 คน . ทั้งนี้โครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษา โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 ได้กำหนดให้มีการจัดการแข่งขันใน ระหว่างวันที่ 10 -12 มิถุนายน พ.ศ. 2568 รวม 3 วัน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช จังหวัดนครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา และวัดพายัพ พระอารามหลวง โดยมีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อจัดประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งครอบคลุมทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และจัดกิจกรรมการแสดงบนเวทีของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา , 2. เพื่อคัดเลือกตัวแทนครู นักเรียน บุคลากรทางการศึกษา เข้าร่วม แข่งขันทักษะทางวิชาการงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ตะวันออกเฉียงเหนือระดับภาค , 3. เพื่อส่งเสริมความเป็นเลิศด้านวิชาการของครู นักเรียนและบุคลากร ทางการศึกษา โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา และนักเรียนโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา และ 4. เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ศักยภาพ และความเป็นเลิศด้านการจัดการศึกษาของโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ต่อสาธารณะ และประชาชนทั่วไป . สำหรับการดำเนินโครงการฯมีกิจกรรมการ แข่งขันทั้งสิ้น 133 กิจกรรม ประกอบด้วยการแข่งขันทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ 2 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งในปีนี้มีกิจกรรมที่เพิ่มเติม 29 กิจกรรม และมีผู้เข้าร่วมโครงการฯ นักเรียน จำนวน 5,043 คน , ครูผู้ฝึกสอน จำนวน 3,363 คน , กรรมการ จำนวน 564 คน รวมผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด จำนวน 8,952 คน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 395 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เรียนรู้ไม่มีสิ้นสุด พัฒนาไม่หยุดยั้ง ด้วยพลัง AI"
    .
    องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ สำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบจ.นม. ขอเชิญร่วมชมกิจกรรมการประกวดแข่งขันสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา
    - KORAT PAO Education & Innovation 2025 -
    ชิงเงินรางวัล รวมกว่า 2️⃣7️⃣0️⃣,0️⃣0️⃣0️⃣บาท
    ระหว่างวันที่ 28 - 29 พฤษภาคม 2568
    ณ ห้องโคราชฮอลล์ 1 (ชั้น 4) ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช
    ************************
    ...ภายในงานพบกับ...
    เปิดเวทีนำเสนอผลงานทางวิชาการให้กับบุคลากรทางการศึกษา
    การแสดงความสามารถของนักเรียน รร.สังกัด อบจ.นม.
    การประกวดแข่งขันสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา 15 กิจกรรม
    - ภาษาไทย
    - วิทยาศาสตร์
    - การงานอาชีพ
    - คณิตศาสตร์
    - สังคมศึกษาฯ
    - ศิลปะ
    - ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ & ภาษาจีน)
    - สุขศึกษาฯ
    - กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือฯ & แนะแนว)
    - งานห้องสมุด
    - งานวัดผลและประเมินผล
    - งานระบบดูแลช่วยเหลือ นร.
    - งานด้านเทคโนโลยี
    🌎🤖 "เรียนรู้ไม่มีสิ้นสุด พัฒนาไม่หยุดยั้ง ด้วยพลัง AI" 🤖🌎 . องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ สำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบจ.นม. ขอเชิญร่วมชมกิจกรรมการประกวดแข่งขันสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา - KORAT PAO Education & Innovation 2025 - ชิงเงินรางวัล รวมกว่า 2️⃣7️⃣0️⃣,0️⃣0️⃣0️⃣บาท ระหว่างวันที่ 28 - 29 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องโคราชฮอลล์ 1 (ชั้น 4) ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช ************************ ...ภายในงานพบกับ... 🤓 เปิดเวทีนำเสนอผลงานทางวิชาการให้กับบุคลากรทางการศึกษา 🤓 👧 การแสดงความสามารถของนักเรียน รร.สังกัด อบจ.นม. 👧 🏆 การประกวดแข่งขันสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา 15 กิจกรรม - ภาษาไทย - วิทยาศาสตร์ - การงานอาชีพ - คณิตศาสตร์ - สังคมศึกษาฯ - ศิลปะ - ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ & ภาษาจีน) - สุขศึกษาฯ - กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือฯ & แนะแนว) - งานห้องสมุด - งานวัดผลและประเมินผล - งานระบบดูแลช่วยเหลือ นร. - งานด้านเทคโนโลยี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 564 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เรียนรู้ไม่มีสิ้นสุด พัฒนาไม่หยุดยั้ง ด้วยพลัง AI"
    .
    องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ สำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบจ.นม. ขอเชิญร่วมชมกิจกรรมการประกวดแข่งขันสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา
    - KORAT PAO Education & Innovation 2025 -
    ชิงเงินรางวัล รวมกว่า 2️⃣7️⃣0️⃣,0️⃣0️⃣0️⃣บาท
    ระหว่างวันที่ 28 - 29 พฤษภาคม 2568
    ณ ห้องโคราชฮอลล์ 1 (ชั้น 4) ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช
    ************************
    ...ภายในงานพบกับ...
    เปิดเวทีนำเสนอผลงานทางวิชาการให้กับบุคลากรทางการศึกษา
    การแสดงความสามารถของนักเรียน รร.สังกัด อบจ.นม.
    การประกวดแข่งขันสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา 15 กิจกรรม
    - ภาษาไทย
    - วิทยาศาสตร์
    - การงานอาชีพ
    - คณิตศาสตร์
    - สังคมศึกษาฯ
    - ศิลปะ
    - ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ & ภาษาจีน)
    - สุขศึกษาฯ
    - กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือฯ & แนะแนว)
    - งานห้องสมุด
    - งานวัดผลและประเมินผล
    - งานระบบดูแลช่วยเหลือ นร.
    - งานด้านเทคโนโลยี
    🌎🤖 "เรียนรู้ไม่มีสิ้นสุด พัฒนาไม่หยุดยั้ง ด้วยพลัง AI" 🤖🌎 . องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ สำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบจ.นม. ขอเชิญร่วมชมกิจกรรมการประกวดแข่งขันสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา - KORAT PAO Education & Innovation 2025 - ชิงเงินรางวัล รวมกว่า 2️⃣7️⃣0️⃣,0️⃣0️⃣0️⃣บาท ระหว่างวันที่ 28 - 29 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องโคราชฮอลล์ 1 (ชั้น 4) ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช ************************ ...ภายในงานพบกับ... 🤓 เปิดเวทีนำเสนอผลงานทางวิชาการให้กับบุคลากรทางการศึกษา 🤓 👧 การแสดงความสามารถของนักเรียน รร.สังกัด อบจ.นม. 👧 🏆 การประกวดแข่งขันสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา 15 กิจกรรม - ภาษาไทย - วิทยาศาสตร์ - การงานอาชีพ - คณิตศาสตร์ - สังคมศึกษาฯ - ศิลปะ - ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ & ภาษาจีน) - สุขศึกษาฯ - กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือฯ & แนะแนว) - งานห้องสมุด - งานวัดผลและประเมินผล - งานระบบดูแลช่วยเหลือ นร. - งานด้านเทคโนโลยี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 458 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานจาก National Cyber Security Center (NCSC) ของสหราชอาณาจักร ร่วมกับหน่วยงานในออสเตรเลีย, แคนาดา, เยอรมนี, นิวซีแลนด์ และสหรัฐฯ เผยว่าแอปพลิเคชันที่ดูเหมือนเป็นแอปทางศาสนาและวัฒนธรรม เช่น Audio Quran และ TibetOne ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแฝงสปายแวร์เพื่อรวบรวมข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลจีน

    รายละเอียดของแอปพลิเคชันที่แฝงสปายแวร์:
    - การรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์: สปายแวร์ที่ชื่อ BADBAZAAR และ MOONSHINE สามารถเข้าถึงข้อมูลตำแหน่ง, เสียง, วิดีโอ, ไฟล์ในอุปกรณ์, ข้อความ SMS และบันทึกการโทร
    - การปลอมตัวเป็นแอปพลิเคชันทางศาสนาและวัฒนธรรม: แอปเหล่านี้ถูกออกแบบให้ดูเหมือนแอปที่มีประโยชน์ เช่น การแชร์ภาพและบทความเกี่ยวกับวัฒนธรรมทิเบต

    ผลกระทบต่อชุมชนและองค์กร:
    - การติดตามกิจกรรม: แอปพลิเคชันเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล แต่ยังใช้ในการติดตามกิจกรรมของกลุ่มองค์กรในสังคมพลเมือง
    - การแพร่กระจาย: แอปถูกแชร์ผ่านฟอรัมที่ชุมชนเป้าหมายใช้งาน และต้องติดตั้งผ่านไฟล์ .apk เนื่องจากไม่สามารถผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยของ Google Play Store

    https://www.techradar.com/pro/security/spyware-combing-for-data-of-use-to-china-hidden-inside-religious-and-cultural-apps
    รายงานจาก National Cyber Security Center (NCSC) ของสหราชอาณาจักร ร่วมกับหน่วยงานในออสเตรเลีย, แคนาดา, เยอรมนี, นิวซีแลนด์ และสหรัฐฯ เผยว่าแอปพลิเคชันที่ดูเหมือนเป็นแอปทางศาสนาและวัฒนธรรม เช่น Audio Quran และ TibetOne ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแฝงสปายแวร์เพื่อรวบรวมข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลจีน 🌐 รายละเอียดของแอปพลิเคชันที่แฝงสปายแวร์: - 📍 การรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์: สปายแวร์ที่ชื่อ BADBAZAAR และ MOONSHINE สามารถเข้าถึงข้อมูลตำแหน่ง, เสียง, วิดีโอ, ไฟล์ในอุปกรณ์, ข้อความ SMS และบันทึกการโทร - 📱 การปลอมตัวเป็นแอปพลิเคชันทางศาสนาและวัฒนธรรม: แอปเหล่านี้ถูกออกแบบให้ดูเหมือนแอปที่มีประโยชน์ เช่น การแชร์ภาพและบทความเกี่ยวกับวัฒนธรรมทิเบต ⚠️ ผลกระทบต่อชุมชนและองค์กร: - 🌏 การติดตามกิจกรรม: แอปพลิเคชันเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล แต่ยังใช้ในการติดตามกิจกรรมของกลุ่มองค์กรในสังคมพลเมือง - 🔒 การแพร่กระจาย: แอปถูกแชร์ผ่านฟอรัมที่ชุมชนเป้าหมายใช้งาน และต้องติดตั้งผ่านไฟล์ .apk เนื่องจากไม่สามารถผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยของ Google Play Store https://www.techradar.com/pro/security/spyware-combing-for-data-of-use-to-china-hidden-inside-religious-and-cultural-apps
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 488 มุมมอง 0 รีวิว
  • แถลงการณ์พรรคประชาชาติ

    เรื่อง จุดยืนต่อร่างพระราชบัญญัติเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กช์
    พรรคประชาชาติขอแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าไม่สามารถรับหลักการของร่างพระราชบัญญัติเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ได้เนื่องจากเนื้อหาของร่างกฎหมายดังกล่าวขัดต่อหลักคำสอนของศาสนาอิสลามและอาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อสังคม วัฒนธรรม และศีลธรรมของเยาวชนและประชาชนในพื้นที่

    ซึ่งล้วนเป็นมิติสำคัญที่พรรคประชาชาติให้ความสำคัญมาโดยตลอด
    พรรคประชาชาติขอยืนยันว่า ทุกการตัดสินใจของพรรคมุ่งยึดถือ
    ผลประโยชน์ของประเทศชาติ ความสงบสุขของสังคม และการอยู่ร่วมกันอย่างเคารพในความหลากหลายทางศาสนาและวัฒนธรรมอย่างเท่าเทียมกันเป็นสำคัญ

    พรรคประชาชาติ
    วันที่ 8 เมษายน 2568
    แถลงการณ์พรรคประชาชาติ เรื่อง จุดยืนต่อร่างพระราชบัญญัติเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กช์ พรรคประชาชาติขอแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าไม่สามารถรับหลักการของร่างพระราชบัญญัติเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ได้เนื่องจากเนื้อหาของร่างกฎหมายดังกล่าวขัดต่อหลักคำสอนของศาสนาอิสลามและอาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อสังคม วัฒนธรรม และศีลธรรมของเยาวชนและประชาชนในพื้นที่ ซึ่งล้วนเป็นมิติสำคัญที่พรรคประชาชาติให้ความสำคัญมาโดยตลอด พรรคประชาชาติขอยืนยันว่า ทุกการตัดสินใจของพรรคมุ่งยึดถือ ผลประโยชน์ของประเทศชาติ ความสงบสุขของสังคม และการอยู่ร่วมกันอย่างเคารพในความหลากหลายทางศาสนาและวัฒนธรรมอย่างเท่าเทียมกันเป็นสำคัญ พรรคประชาชาติ วันที่ 8 เมษายน 2568
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 368 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำว่า "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ไม่เคยมีอยู่ในกมลสันดาลของคนในสกุลชินทุกคนที่เข้ามาเป็นผู้นำประเทศ มีแต่มอมเมาคนโทยให้หลงทาง ให้มีความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ทำลายรากฐานศาสนาและวัฒนธรรม เช่น ส่งเสริมให้มีนิกายบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างชัดแจ้ง ส่งทั้งพระและฆารวาสเข้าแทรกแซงองค์กรพระพุทธศาสนา ส่งเสริมการพนันออนไลด์ อันเป็นหนทางแห่งความพินาศฉิบหายของชาติ

    ผู้นำประเทศในสกุลนี้ ทำร้ายชาติมามากแล้ว มากเกือบจะไม่มีรากแก้วให้ค้ำยันต้นไม้ของพ่อแล้ว ขืนปล่อยเวลาให้เนิ่นนานต่อไป ประเทศไทยล้มสลายแน่
    คำว่า "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ไม่เคยมีอยู่ในกมลสันดาลของคนในสกุลชินทุกคนที่เข้ามาเป็นผู้นำประเทศ มีแต่มอมเมาคนโทยให้หลงทาง ให้มีความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ทำลายรากฐานศาสนาและวัฒนธรรม เช่น ส่งเสริมให้มีนิกายบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างชัดแจ้ง ส่งทั้งพระและฆารวาสเข้าแทรกแซงองค์กรพระพุทธศาสนา ส่งเสริมการพนันออนไลด์ อันเป็นหนทางแห่งความพินาศฉิบหายของชาติ ผู้นำประเทศในสกุลนี้ ทำร้ายชาติมามากแล้ว มากเกือบจะไม่มีรากแก้วให้ค้ำยันต้นไม้ของพ่อแล้ว ขืนปล่อยเวลาให้เนิ่นนานต่อไป ประเทศไทยล้มสลายแน่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 524 มุมมอง 0 รีวิว
  • เทียบท่าที่ Valletta Cruise Port สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งมอลตา!

    Valletta Cruise Port จุดหมายปลายทางที่ต้องมาเยือน! เมืองหลวงแห่งมอลตา เมืองมรดกโลกที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม และประวัติศาสตร์อันเก่าแก่

    มหาวิหารเซนต์จอห์น (St. John’s Co-Cathedral) :
    โบสถ์ที่มีความสำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมในมอลตา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 โดยอัศวินแห่งเซนต์จอห์น ออกแบบในสไตล์บาโรก และภายในตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของศิลปะบาโรกในยุโรป

    สวนอัปเปอร์ บาร์รัคคา (Upper Barrakka Gardens) :
    สวนสาธารณะที่ตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดในเมืองวัลเลตตา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นพื้นที่พักผ่อนของอัศวินแห่งเซนต์จอห์น

    พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์ (Grandmaster’s Palace) :
    พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์สร้างขึ้นในปี 1571 เพื่อเป็นที่พำนักของ Grand Master แห่งอัศวินเซนต์จอห์น ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสำนักงานประธานาธิบดีและรัฐสภามอลตา

    พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติ (National Museum of Archaeology) :
    พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงโบราณวัตถุที่สำคัญจากยุคก่อนประวัติศาสตร์ของมอลตา รวมถึงเครื่องมือหิน รูปปั้นขนาดเล็ก และแท่นบูชาจากวัดโบราณ ซึ่งสะท้อนถึงอดีตและวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยโบราณที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะนี้

    สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที!
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #VallettaCruisePort #Malta #StJohnCoCathedral #UpperBarrakkaGardens #GrandmastersPalace #NationalMuseumofArchaeology #port #cruisedomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    🚢 เทียบท่าที่ Valletta Cruise Port สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งมอลตา! 🇲🇹 🌟 Valletta Cruise Port จุดหมายปลายทางที่ต้องมาเยือน! เมืองหลวงแห่งมอลตา เมืองมรดกโลกที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม และประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ ✅ มหาวิหารเซนต์จอห์น (St. John’s Co-Cathedral) : โบสถ์ที่มีความสำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมในมอลตา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 โดยอัศวินแห่งเซนต์จอห์น ออกแบบในสไตล์บาโรก และภายในตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของศิลปะบาโรกในยุโรป ✅ สวนอัปเปอร์ บาร์รัคคา (Upper Barrakka Gardens) : สวนสาธารณะที่ตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดในเมืองวัลเลตตา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นพื้นที่พักผ่อนของอัศวินแห่งเซนต์จอห์น ✅ พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์ (Grandmaster’s Palace) : พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์สร้างขึ้นในปี 1571 เพื่อเป็นที่พำนักของ Grand Master แห่งอัศวินเซนต์จอห์น ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสำนักงานประธานาธิบดีและรัฐสภามอลตา ✅ พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติ (National Museum of Archaeology) : พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงโบราณวัตถุที่สำคัญจากยุคก่อนประวัติศาสตร์ของมอลตา รวมถึงเครื่องมือหิน รูปปั้นขนาดเล็ก และแท่นบูชาจากวัดโบราณ ซึ่งสะท้อนถึงอดีตและวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยโบราณที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะนี้ 📩 สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที! https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #VallettaCruisePort #Malta #StJohnCoCathedral #UpperBarrakkaGardens #GrandmastersPalace #NationalMuseumofArchaeology #port #cruisedomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1228 มุมมอง 0 รีวิว
  • 6. **ความขัดแย้งทางศาสนาและวัฒนธรรม**
    - **ความขัดแย้งทางศาสนา**: ความขัดแย้งทางศาสนายังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงในระดับโลก
    - **การแบ่งแยกทางวัฒนธรรม**: การแบ่งแยกทางวัฒนธรรมอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างกลุ่มต่างๆ ในสังคม
    6. **ความขัดแย้งทางศาสนาและวัฒนธรรม** - **ความขัดแย้งทางศาสนา**: ความขัดแย้งทางศาสนายังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงในระดับโลก - **การแบ่งแยกทางวัฒนธรรม**: การแบ่งแยกทางวัฒนธรรมอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างกลุ่มต่างๆ ในสังคม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • Masjid Agung Al-Aqsa Klaten มัสยิดอากุงอัลอักซอ (Masjid Agung Al-Aqsa) ตั้งอยู่ในเมืองกลาตัน (Klaten) จังหวัดชวากลาง ประเทศอินโดนีเซีย เป็นหนึ่งในมัสยิดที่มีความสวยงามและสำคัญในภูมิภาคนี้ เนื่องจากมีลักษณะสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและมีบทบาทสำคัญในชุมชนชาวมุสลิมในพื้นที่https://maps.app.goo.gl/zFCMDhC97wgTFQyTA?g_st=com.google.maps.preview.copyประวัติโดยย่อ 1. การก่อสร้างมัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) เพื่อเป็นศูนย์กลางการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและกิจกรรมของชุมชนชาวมุสลิมในกลาตัน ตัวมัสยิดมีสถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก มัสยิดอัลอักซอในเยรูซาเล็ม โดยผสมผสานสไตล์อิสลามแบบดั้งเดิมกับองค์ประกอบสมัยใหม่ 2. สถาปัตยกรรม โดมหลักของมัสยิดมีขนาดใหญ่และโดดเด่น โดยมีสีทองและลวดลายที่วิจิตรบรรจง เสาสูงและการตกแต่งภายในสะท้อนถึงศิลปะแบบอิสลามที่ละเอียดอ่อน ภายในสามารถรองรับผู้มาละหมาดได้มากกว่า 2,000 คน 3. บทบาทในชุมชน เป็นศูนย์กลางของการเรียนการสอนเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมและงานเฉลิมฉลองสำคัญ เช่น วันฮารีรายอ 4. สถานที่ท่องเที่ยวและความสำคัญนอกจากจะเป็นศูนย์กลางทางศาสนาแล้ว มัสยิดอากุงอัลอักซอยังเป็นจุดสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมความงดงามของสถาปัตยกรรม และสัมผัสบรรยากาศทางศาสนาในภูมิภาคนี้มัสยิดอากุงอัลอักซอถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ชาวมุสลิมในอินโดนีเซียภูมิใจ และยังเป็นจุดเด่นที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางศาสนาและวัฒนธรรมในพื้นที่กลาตัน.
    Masjid Agung Al-Aqsa Klaten มัสยิดอากุงอัลอักซอ (Masjid Agung Al-Aqsa) ตั้งอยู่ในเมืองกลาตัน (Klaten) จังหวัดชวากลาง ประเทศอินโดนีเซีย เป็นหนึ่งในมัสยิดที่มีความสวยงามและสำคัญในภูมิภาคนี้ เนื่องจากมีลักษณะสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและมีบทบาทสำคัญในชุมชนชาวมุสลิมในพื้นที่https://maps.app.goo.gl/zFCMDhC97wgTFQyTA?g_st=com.google.maps.preview.copyประวัติโดยย่อ 1. การก่อสร้างมัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) เพื่อเป็นศูนย์กลางการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและกิจกรรมของชุมชนชาวมุสลิมในกลาตัน ตัวมัสยิดมีสถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก มัสยิดอัลอักซอในเยรูซาเล็ม โดยผสมผสานสไตล์อิสลามแบบดั้งเดิมกับองค์ประกอบสมัยใหม่ 2. สถาปัตยกรรม โดมหลักของมัสยิดมีขนาดใหญ่และโดดเด่น โดยมีสีทองและลวดลายที่วิจิตรบรรจง เสาสูงและการตกแต่งภายในสะท้อนถึงศิลปะแบบอิสลามที่ละเอียดอ่อน ภายในสามารถรองรับผู้มาละหมาดได้มากกว่า 2,000 คน 3. บทบาทในชุมชน เป็นศูนย์กลางของการเรียนการสอนเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมและงานเฉลิมฉลองสำคัญ เช่น วันฮารีรายอ 4. สถานที่ท่องเที่ยวและความสำคัญนอกจากจะเป็นศูนย์กลางทางศาสนาแล้ว มัสยิดอากุงอัลอักซอยังเป็นจุดสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมความงดงามของสถาปัตยกรรม และสัมผัสบรรยากาศทางศาสนาในภูมิภาคนี้มัสยิดอากุงอัลอักซอถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ชาวมุสลิมในอินโดนีเซียภูมิใจ และยังเป็นจุดเด่นที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางศาสนาและวัฒนธรรมในพื้นที่กลาตัน.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 662 มุมมอง 0 รีวิว
  • สลามเมืองไทย EP05 | หนึ่งเดียวในโลก มัสยิดทรงไทย

    ความงดงามแห่งศรัทธาและสถาปัตยกรรม มัสยิดทรงไทย หนึ่งเดียวในโลก

    กลางเมืองไทย มีมัสยิดที่แตกต่างจากที่อื่นในโลก "มัสยิดทรงไทย" ที่ผสมผสานศิลปะไทยเข้ากับศาสนาอิสลามได้อย่างงดงามและลงตัว โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึง วัฒนธรรม ความศรัทธา และความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างไทยและอิสลาม

    "หนึ่งเดียวในโลก"
    มัสยิดแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ประกอบศาสนกิจ แต่ยังเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บ่งบอกถึง การอยู่ร่วมกันของคนต่างศาสนาและวัฒนธรรม ได้อย่างสงบสุข

    #สลามเมืองไทย #EP05 #มัสยิดทรงไทย #หนึ่งเดียวในโลก #ThaiIslamicArchitecture #MuslimCommunity #IslamicHeritage #มัสยิดในไทย #ศิลปะไทยอิสลาม #ThaiTimes
    สลามเมืองไทย EP05 | หนึ่งเดียวในโลก มัสยิดทรงไทย ความงดงามแห่งศรัทธาและสถาปัตยกรรม มัสยิดทรงไทย หนึ่งเดียวในโลก กลางเมืองไทย มีมัสยิดที่แตกต่างจากที่อื่นในโลก "มัสยิดทรงไทย" ที่ผสมผสานศิลปะไทยเข้ากับศาสนาอิสลามได้อย่างงดงามและลงตัว โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึง วัฒนธรรม ความศรัทธา และความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างไทยและอิสลาม "หนึ่งเดียวในโลก" มัสยิดแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ประกอบศาสนกิจ แต่ยังเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บ่งบอกถึง การอยู่ร่วมกันของคนต่างศาสนาและวัฒนธรรม ได้อย่างสงบสุข #สลามเมืองไทย #EP05 #มัสยิดทรงไทย #หนึ่งเดียวในโลก #ThaiIslamicArchitecture #MuslimCommunity #IslamicHeritage #มัสยิดในไทย #ศิลปะไทยอิสลาม #ThaiTimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1074 มุมมอง 40 0 รีวิว