อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าวิธีพิจารณา เพื่อ “หมดปัญหา” เกี่ยวกับอาหารสี่ประการ
สัทธรรมลำดับที่ : 750
ชื่อบทธรรม :- วิธีพิจารณา เพื่อ “หมดปัญหา” เกี่ยวกับอาหาร
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=750
เนื้อความทั้งหมด :-
--วิธีพิจารณา เพื่อ “หมดปัญหา” เกี่ยวกับอาหาร
--ภิกษุ ท. ! #กวฬีการาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลควรเห็นอย่างไร ?
http://etipitaka.com/read/pali/16/119/?keywords=กวฬีกาโร+อาหาโร
+--ภิกษุ ท. ! ปรียบเหมือนภรรยาสามีสองคน
ถือเอาสะเบียงสำหรับเดินทางเล็กน้อย เดินไปสู่หนทางอันกันดาร.
สองภรรยาสามีนั้น มีบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักน่าเอ็นดูอยู่คนหนึ่ง.
เมื่อขณะเขาทั้งสองกำลังเดินไปตามทางอันกันดารอยู่นั้น
สะเบียงสำหรับเดินทางที่เขามีอยู่เพียงเล็กน้อยนั้น
ได้หมดสิ้นไปหนทางอันกันดารนั้นยังเหลืออยู่
เขาทั้งสองนั้นยังไม่เดินข้ามหนทางอันกันดารนั้นไปได้.
ครั้งนั้นแล สองภรรยาสามีนั้นได้คิดกันว่า
“เสบียงสำหรับเดินทางของเราทั้งสองที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยนี้ ได้หมดสิ้นลงแล้ว
หนทางอันกันดารนี้ยังเหลืออยู่ ทั้งเราก็ยังไม่เดินข้ามหนทางอันกันดารนั้นไปได้;
อย่ากระนั้นเลยเราทั้งสองพึงฆ่าบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักน่าเอ็นดูนี้เสีย
แล้วทำให้เป็นเนื้อเค็มและเนื้อย่าง บริโภคเนื้อบุตรนี้แหละ
เดินข้ามหนทางอันกันดารที่ยังเหลืออยู่นี้กันเถิด
เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้น พวกเราทั้งสามคนจะต้องพากันพินาศหมดแน่”
ดังนี้.
ครั้งนั้นแล ภรรยาสามีทั้งสองนั้น จึงฆ่าบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักน่าเอ็นดูนั้น
แล้วทำให้เป็นเนื้อเค็มและเนื้อย่าง บริโภคเนื้อบุตรนั้นเทียวเดินข้ามหนทางอันกันดารที่ยังเหลืออยู่นั้น.
สองภรรยาสามีนั้น บริโภคเนื้อบุตรไปพลางพร้อมกับข้อนอกไปพลาง
รำพันว่า “บุตรน้อยคนเดียวของเราไปไหนเสีย บุตรน้อยคนเดียวของเราไปไหนเสีย”
ดังนี้.
+--ภิกษุ ท. ! เธอจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร :
สองภรรยาสามีนั้นจะพึงบริโภคเนื้อบุตรเป็นอาหาร
เพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานบ้าง
เพื่อความมัวเมาบ้าง
เพื่อความประดับประดาบ้าง หรือ
เพื่อตบแต่ง (ร่างกาย) บ้าง, หรือหนอ ?
”ข้อนั้นหาเป็นเช่นนั้นไม่ พระเจ้าข้า !”
ถ้าอย่างนั้น สองภรรยาสามีนั้นจะพึงบริโภคเนื้อบุตรเป็นอาหาร
เพียงเพื่อ (อาศัย) เดินข้ามหนทางอันกันดารเท่านั้น ใช่ไหม ?
“ใช่ พระเจ้าข้า !”
ถ้าอย่างนั้น ภิกษุ ท. ! ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ;
เรากล่าวว่า กวฬีการาหาร อันอริยสาวกควรเห็น (ว่ามีอุปมาเหมือนเนื้อบุตร)
http://etipitaka.com/read/pali/16/119/?keywords=กวฬีกาโร+อาหาโร
ฉันนั้น.
+--ภิกษุ ท. ! กพฬีการาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว ;
ราคะ (ความกำหนัด) ที่มีเบญจกามคุณเป็นแดนเกิด
ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย.
เมื่อ ราคะที่มีเบญจกามคุณ เป็นแดนเกิด เป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้ว,
สังโยชน์ชนิดที่อริยสาวกประกอบเข้าแล้ว จะพึงเป็นเหตุให้มาสู่โลกนี้ได้อีกย่อมไม่มี.
--ภิกษุ ท. ! #ผัสสาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลควรเห็นอย่างไร ?
http://etipitaka.com/read/pali/16/120/?keywords=ผสฺสาหาโร
+--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนแม่โคนมที่ปราศจากหนังห่อหุ้ม :
ถ้าแม่โคนมนั้นพึงยืนพิงฝาอยู่ไซร้,
มันก็จะพึงถูกพวกตัวสัตว์ที่อาศัยฝาเจาะกิน ;
ถ้าแม่โคนมนั้นพึงยืนพิงต้นไม้อยู่ไซร้,
มันก็จะพึงถูกพวกสัตว์ชนิดอาศัยต้นไม้ไชกิน;
ถ้าหากแม่โคนมนั้นพึงลงไปแช่น้ำอยู่ไซร้,
มันก็จะพึงถูกพวกสัตว์ที่อาศัยน้ำตอดกันกิน;
ถ้าหากแม่โคนมนั้นจะพึงยืนอาศัยอยู่ในที่โล่งแจ้งไซร้,
มันก็จะพึงถูกพวกสัตว์ที่อาศัยอยู่ในอากาศเกาะกัดจิกกิน.
+--ภิกษุ ท. ! แม่โคนมที่ปราศจากหนังห่อหุ้มจะพึงอาศัยอยู่สถานที่ใดๆ ก็ตาม
มันก็จะพึงถูกจำพวกสัตว์ที่อาศัยอยู่ในสถานที่นั้นๆ กัดกินอยู่ร่ำไป, ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ;
+--ภิกษุ ท. ! เราย่อมกล่าวว่า ผัสสาหาร อันอริยสาวกควรเห็น (ว่ามีอุปมาเหมือนแม่โคนมที่ปราศจากหนังห่อหุ้ม)
ฉันนั้น.
+--ภิกษุ ท. ! เมื่อผัสสาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว
เวทนาทั้งสาม ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย,
เมื่อ เวทนาทั้งสาม เป็นสิ่งที่อริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว
เราย่อมกล่าวว่า “สิ่งไรๆ ที่ควรกระทำให้ ยิ่งขึ้นไป (กว่านี้) ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น”
ดังนี้.
--ภิกษุ ท. ! #มโนสัญเจตนาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลควรเห็นอย่างไร ?
http://etipitaka.com/read/pali/16/120/?keywords=มโนสญฺเจตนาหาโร
ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนหลุมถ่านเพลิง ลึกเกินกว่าชั่วบุรุษหนึ่ง
เต็มด้วยถ่านเพลิงที่ปราศจากเปลวและปราศจากควัน มีอยู่.
ครั้งนั้น บรุษผู้หนึ่งผู้ต้องการเป็นอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ มาสู่ที่นั้น.
และมีบุรุษที่มีกำลังกล้าแข็งอีกสองคน จับบุรุษนั้นที่แขนแต่ละข้าง
แล้วฉุดคร่าไปยังหลุมถ่านเพลิงนั้น.
+--ภิกษุ ท. ! ครั้งนั้นแล บุรุษนั้นมีความคิด ความปรารถนา ความตั้งใจ
ที่จะให้ห่างไกลหลุมถ่านเพลิงนั้น.
ข้อนั้นเพราะเหตุใดเล่า ?
+--ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่าบุรุษนั้นย่อมรู้ว่า
“ถ้าเราจะตกลงไปยังหลุมถ่านเพลิงไซร้ เราพึงถึงความตาย
หรือได้รับทุกข์เจียนตาย เพราะข้อนั้นเป็นเหตุ”
ดังนี้,
ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ;
+--ภิกษุ ท. ! เราย่อมกล่าวว่า มโนสัญเจตนาหาร อันอริยสาวกควรเห็น
(ว่ามีอุปมาเหมือนหลุมถ่านเพลิง) ฉันนั้น.
+--ภิกษุ ท. ! เมื่อมโนสัญเจตนาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว,
ตัณหาทั้งสาม ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย ;
เมื่อ ตัณหาทั้งสาม เป็นสิ่งที่อริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว,
เราย่อมกล่าวว่า “สิ่งไร ๆ ที่ควรกระทำให้ยิ่งขึ้นไป (กว่านี้) ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น“
ดังนี้.
--ภิกษุ ท. ! #วิญญาณาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลเห็นอย่างไร ?
http://etipitaka.com/read/pali/16/121/?keywords=วิญฺญาณาหาโร
+--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนพวกเจ้าหน้าที่จับโจรผู้ประพฤติชั่วช้าได้แล้ว
แสดงแก่พระราชาว่า
“ข้าแต่สมมติเทพ ! บุรุษนี้เป็นโจรประพฤติหยาบช้าต่อใต้ฝ่าพระบาท
ขอใต้ฝ่าพระบาทจงโปรดให้ลงโทษโจรผู้นี้ตามประสงค์เถิด พระเจ้าข้า !“
พระราชามีกระแสรับสั่งอย่างนี้ว่า
“ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! ท่านทั้งหลายจงไปประหารบุรุษนั้น ด้วยหอกร้อยเล่มในเวลาเช้านี้” เจ้าหน้าที่เหล่านั้นจึงประหารนักโทษนั้นด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเช้า.
ต่อมา ในเวลาเที่ยงวัน พระราชาทรงซักถามพวกเจ้าหน้าที่นั้นว่า
“ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! บุรุษนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ?”.
พวกเขากราบทูลว่า “ข้าแต่สมมติเทพ ! นักโทษนั้นยังมีชีวิตอยู่ พระเจ้าข้า !”.
พระราชาทรงมีพระกระแสรับสั่งอย่างนี้ว่า
“ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! ท่านทั้งหลายจงไปประหารบุรุษนั้น ด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเที่ยง”.
พวกเจ้าหน้าที่เหล่านั้น จึงประหารนักโทษนั้นด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเที่ยง.
ต่อมา ในเวลาเย็น พระราชาทรงซักถามเจ้าหน้าที่เหล่านั้นอีกว่า
“ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! บุรุษนั้น เป็นอย่างไรบ้าง ?”.
พวกเขากราบทูลว่า “ยังมีชีวิตอยู่ พระเจ้าข้า !”.
พระราชาทรงมีพระกระแสรับสั่งอีกว่า
“ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! ท่านทั้งหลายจงไปประหารบุรุษนั้น ด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเย็น” ดังนี้.
พวกเจ้าหน้าที่เหล่านั้น จึงประหารนักโทษนั้นด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเย็น.
+--ภิกษุ ท. ! พวกเธอจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร
: บุรุษนักโทษ นั้นถูกเจ้าหน้าที่ประหารอยู่ด้วยหอกสามร้อยเล่ม ตลอดทั้งวัน เขาจะพึงเสวยแต่ทุกขโทมนัสที่มีข้อนั้นเป็นเหตุ มิใช่หรือ ?
+--ภิกษุ ท. ! บุรุษนักโทษนั้น ถูกพวกเจ้าหน้าที่ประหารด้วยหอกเพียงเล่มเดียว
ก็พึงเสวยทุกขโทมนัสที่มีข้อนั้นเป็นเหตุ (มากอยู่แล้ว)
ก็จะกล่าวไปไยถึงการที่บุรุษนักโทษนั้นถูกประหารด้วยหอกสามร้อยเล่มเล่า,
ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ;
+--ภิกษุ ท. ! เราย่อมกล่าวว่า วิญญาณาหาร อันอริยสาวกควรเห็น
(ว่ามีอุปมาเหมือนนักโทษถูกประหารนั้น) ฉันนั้น.
+--ภิกษุ ท. ! เมื่อวิญญาณาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว,
นามรูป ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย;
เมื่อ นามรูป เป็นสิ่งที่อริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว,
เราย่อมกล่าวว่า “สิ่งไร ๆ ที่ควรกระทำให้ยิ่งขึ้นไป (กว่านี้) ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น”,
ดังนี้แล.-
(คำข้าว เรียกว่าอาหาร เพราะหล่อเลี้ยงร่างกาย;
ผัสสะเรียกว่าอาหาร เพราะทำให้ เกิดเวทนา ;
มโนสัญเจตนา เรียกว่าอาหาร เพราะทำให้ เกิดกรรม;
วิญญาณ เรียกว่าอาหาร เพราะทำให้ เกิดนามรูป.
ถ้าบุคคลพิจารณาเห็นโทษแห่งอาหารแต่ละอย่างๆ
ดังที่ตรัสไว้โดยอุปมาในข้อความหมายนั้นๆได้,
จะดับทุกข์ได้ถึงขั้นเป็นพระอรหันต์
http://etipitaka.com/read/pali/16/123/?keywords=สอุปายาสนฺติ
).
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. 16/97-99/241 - 244.
http://etipitaka.com/read/thai/16/97/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%91
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. ๑๖/๑๑๙-๑๒๑/๒๔๑ - ๒๔๔.
http://etipitaka.com/read/pali/16/119/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%91
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=750
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=750
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57
ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3
สัทธรรมลำดับที่ : 750
ชื่อบทธรรม :- วิธีพิจารณา เพื่อ “หมดปัญหา” เกี่ยวกับอาหาร
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=750
เนื้อความทั้งหมด :-
--วิธีพิจารณา เพื่อ “หมดปัญหา” เกี่ยวกับอาหาร
--ภิกษุ ท. ! #กวฬีการาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลควรเห็นอย่างไร ?
http://etipitaka.com/read/pali/16/119/?keywords=กวฬีกาโร+อาหาโร
+--ภิกษุ ท. ! ปรียบเหมือนภรรยาสามีสองคน
ถือเอาสะเบียงสำหรับเดินทางเล็กน้อย เดินไปสู่หนทางอันกันดาร.
สองภรรยาสามีนั้น มีบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักน่าเอ็นดูอยู่คนหนึ่ง.
เมื่อขณะเขาทั้งสองกำลังเดินไปตามทางอันกันดารอยู่นั้น
สะเบียงสำหรับเดินทางที่เขามีอยู่เพียงเล็กน้อยนั้น
ได้หมดสิ้นไปหนทางอันกันดารนั้นยังเหลืออยู่
เขาทั้งสองนั้นยังไม่เดินข้ามหนทางอันกันดารนั้นไปได้.
ครั้งนั้นแล สองภรรยาสามีนั้นได้คิดกันว่า
“เสบียงสำหรับเดินทางของเราทั้งสองที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยนี้ ได้หมดสิ้นลงแล้ว
หนทางอันกันดารนี้ยังเหลืออยู่ ทั้งเราก็ยังไม่เดินข้ามหนทางอันกันดารนั้นไปได้;
อย่ากระนั้นเลยเราทั้งสองพึงฆ่าบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักน่าเอ็นดูนี้เสีย
แล้วทำให้เป็นเนื้อเค็มและเนื้อย่าง บริโภคเนื้อบุตรนี้แหละ
เดินข้ามหนทางอันกันดารที่ยังเหลืออยู่นี้กันเถิด
เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้น พวกเราทั้งสามคนจะต้องพากันพินาศหมดแน่”
ดังนี้.
ครั้งนั้นแล ภรรยาสามีทั้งสองนั้น จึงฆ่าบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักน่าเอ็นดูนั้น
แล้วทำให้เป็นเนื้อเค็มและเนื้อย่าง บริโภคเนื้อบุตรนั้นเทียวเดินข้ามหนทางอันกันดารที่ยังเหลืออยู่นั้น.
สองภรรยาสามีนั้น บริโภคเนื้อบุตรไปพลางพร้อมกับข้อนอกไปพลาง
รำพันว่า “บุตรน้อยคนเดียวของเราไปไหนเสีย บุตรน้อยคนเดียวของเราไปไหนเสีย”
ดังนี้.
+--ภิกษุ ท. ! เธอจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร :
สองภรรยาสามีนั้นจะพึงบริโภคเนื้อบุตรเป็นอาหาร
เพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานบ้าง
เพื่อความมัวเมาบ้าง
เพื่อความประดับประดาบ้าง หรือ
เพื่อตบแต่ง (ร่างกาย) บ้าง, หรือหนอ ?
”ข้อนั้นหาเป็นเช่นนั้นไม่ พระเจ้าข้า !”
ถ้าอย่างนั้น สองภรรยาสามีนั้นจะพึงบริโภคเนื้อบุตรเป็นอาหาร
เพียงเพื่อ (อาศัย) เดินข้ามหนทางอันกันดารเท่านั้น ใช่ไหม ?
“ใช่ พระเจ้าข้า !”
ถ้าอย่างนั้น ภิกษุ ท. ! ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ;
เรากล่าวว่า กวฬีการาหาร อันอริยสาวกควรเห็น (ว่ามีอุปมาเหมือนเนื้อบุตร)
http://etipitaka.com/read/pali/16/119/?keywords=กวฬีกาโร+อาหาโร
ฉันนั้น.
+--ภิกษุ ท. ! กพฬีการาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว ;
ราคะ (ความกำหนัด) ที่มีเบญจกามคุณเป็นแดนเกิด
ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย.
เมื่อ ราคะที่มีเบญจกามคุณ เป็นแดนเกิด เป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้ว,
สังโยชน์ชนิดที่อริยสาวกประกอบเข้าแล้ว จะพึงเป็นเหตุให้มาสู่โลกนี้ได้อีกย่อมไม่มี.
--ภิกษุ ท. ! #ผัสสาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลควรเห็นอย่างไร ?
http://etipitaka.com/read/pali/16/120/?keywords=ผสฺสาหาโร
+--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนแม่โคนมที่ปราศจากหนังห่อหุ้ม :
ถ้าแม่โคนมนั้นพึงยืนพิงฝาอยู่ไซร้,
มันก็จะพึงถูกพวกตัวสัตว์ที่อาศัยฝาเจาะกิน ;
ถ้าแม่โคนมนั้นพึงยืนพิงต้นไม้อยู่ไซร้,
มันก็จะพึงถูกพวกสัตว์ชนิดอาศัยต้นไม้ไชกิน;
ถ้าหากแม่โคนมนั้นพึงลงไปแช่น้ำอยู่ไซร้,
มันก็จะพึงถูกพวกสัตว์ที่อาศัยน้ำตอดกันกิน;
ถ้าหากแม่โคนมนั้นจะพึงยืนอาศัยอยู่ในที่โล่งแจ้งไซร้,
มันก็จะพึงถูกพวกสัตว์ที่อาศัยอยู่ในอากาศเกาะกัดจิกกิน.
+--ภิกษุ ท. ! แม่โคนมที่ปราศจากหนังห่อหุ้มจะพึงอาศัยอยู่สถานที่ใดๆ ก็ตาม
มันก็จะพึงถูกจำพวกสัตว์ที่อาศัยอยู่ในสถานที่นั้นๆ กัดกินอยู่ร่ำไป, ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ;
+--ภิกษุ ท. ! เราย่อมกล่าวว่า ผัสสาหาร อันอริยสาวกควรเห็น (ว่ามีอุปมาเหมือนแม่โคนมที่ปราศจากหนังห่อหุ้ม)
ฉันนั้น.
+--ภิกษุ ท. ! เมื่อผัสสาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว
เวทนาทั้งสาม ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย,
เมื่อ เวทนาทั้งสาม เป็นสิ่งที่อริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว
เราย่อมกล่าวว่า “สิ่งไรๆ ที่ควรกระทำให้ ยิ่งขึ้นไป (กว่านี้) ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น”
ดังนี้.
--ภิกษุ ท. ! #มโนสัญเจตนาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลควรเห็นอย่างไร ?
http://etipitaka.com/read/pali/16/120/?keywords=มโนสญฺเจตนาหาโร
ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนหลุมถ่านเพลิง ลึกเกินกว่าชั่วบุรุษหนึ่ง
เต็มด้วยถ่านเพลิงที่ปราศจากเปลวและปราศจากควัน มีอยู่.
ครั้งนั้น บรุษผู้หนึ่งผู้ต้องการเป็นอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ มาสู่ที่นั้น.
และมีบุรุษที่มีกำลังกล้าแข็งอีกสองคน จับบุรุษนั้นที่แขนแต่ละข้าง
แล้วฉุดคร่าไปยังหลุมถ่านเพลิงนั้น.
+--ภิกษุ ท. ! ครั้งนั้นแล บุรุษนั้นมีความคิด ความปรารถนา ความตั้งใจ
ที่จะให้ห่างไกลหลุมถ่านเพลิงนั้น.
ข้อนั้นเพราะเหตุใดเล่า ?
+--ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่าบุรุษนั้นย่อมรู้ว่า
“ถ้าเราจะตกลงไปยังหลุมถ่านเพลิงไซร้ เราพึงถึงความตาย
หรือได้รับทุกข์เจียนตาย เพราะข้อนั้นเป็นเหตุ”
ดังนี้,
ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ;
+--ภิกษุ ท. ! เราย่อมกล่าวว่า มโนสัญเจตนาหาร อันอริยสาวกควรเห็น
(ว่ามีอุปมาเหมือนหลุมถ่านเพลิง) ฉันนั้น.
+--ภิกษุ ท. ! เมื่อมโนสัญเจตนาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว,
ตัณหาทั้งสาม ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย ;
เมื่อ ตัณหาทั้งสาม เป็นสิ่งที่อริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว,
เราย่อมกล่าวว่า “สิ่งไร ๆ ที่ควรกระทำให้ยิ่งขึ้นไป (กว่านี้) ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น“
ดังนี้.
--ภิกษุ ท. ! #วิญญาณาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลเห็นอย่างไร ?
http://etipitaka.com/read/pali/16/121/?keywords=วิญฺญาณาหาโร
+--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนพวกเจ้าหน้าที่จับโจรผู้ประพฤติชั่วช้าได้แล้ว
แสดงแก่พระราชาว่า
“ข้าแต่สมมติเทพ ! บุรุษนี้เป็นโจรประพฤติหยาบช้าต่อใต้ฝ่าพระบาท
ขอใต้ฝ่าพระบาทจงโปรดให้ลงโทษโจรผู้นี้ตามประสงค์เถิด พระเจ้าข้า !“
พระราชามีกระแสรับสั่งอย่างนี้ว่า
“ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! ท่านทั้งหลายจงไปประหารบุรุษนั้น ด้วยหอกร้อยเล่มในเวลาเช้านี้” เจ้าหน้าที่เหล่านั้นจึงประหารนักโทษนั้นด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเช้า.
ต่อมา ในเวลาเที่ยงวัน พระราชาทรงซักถามพวกเจ้าหน้าที่นั้นว่า
“ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! บุรุษนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ?”.
พวกเขากราบทูลว่า “ข้าแต่สมมติเทพ ! นักโทษนั้นยังมีชีวิตอยู่ พระเจ้าข้า !”.
พระราชาทรงมีพระกระแสรับสั่งอย่างนี้ว่า
“ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! ท่านทั้งหลายจงไปประหารบุรุษนั้น ด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเที่ยง”.
พวกเจ้าหน้าที่เหล่านั้น จึงประหารนักโทษนั้นด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเที่ยง.
ต่อมา ในเวลาเย็น พระราชาทรงซักถามเจ้าหน้าที่เหล่านั้นอีกว่า
“ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! บุรุษนั้น เป็นอย่างไรบ้าง ?”.
พวกเขากราบทูลว่า “ยังมีชีวิตอยู่ พระเจ้าข้า !”.
พระราชาทรงมีพระกระแสรับสั่งอีกว่า
“ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! ท่านทั้งหลายจงไปประหารบุรุษนั้น ด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเย็น” ดังนี้.
พวกเจ้าหน้าที่เหล่านั้น จึงประหารนักโทษนั้นด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเย็น.
+--ภิกษุ ท. ! พวกเธอจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร
: บุรุษนักโทษ นั้นถูกเจ้าหน้าที่ประหารอยู่ด้วยหอกสามร้อยเล่ม ตลอดทั้งวัน เขาจะพึงเสวยแต่ทุกขโทมนัสที่มีข้อนั้นเป็นเหตุ มิใช่หรือ ?
+--ภิกษุ ท. ! บุรุษนักโทษนั้น ถูกพวกเจ้าหน้าที่ประหารด้วยหอกเพียงเล่มเดียว
ก็พึงเสวยทุกขโทมนัสที่มีข้อนั้นเป็นเหตุ (มากอยู่แล้ว)
ก็จะกล่าวไปไยถึงการที่บุรุษนักโทษนั้นถูกประหารด้วยหอกสามร้อยเล่มเล่า,
ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ;
+--ภิกษุ ท. ! เราย่อมกล่าวว่า วิญญาณาหาร อันอริยสาวกควรเห็น
(ว่ามีอุปมาเหมือนนักโทษถูกประหารนั้น) ฉันนั้น.
+--ภิกษุ ท. ! เมื่อวิญญาณาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว,
นามรูป ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย;
เมื่อ นามรูป เป็นสิ่งที่อริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว,
เราย่อมกล่าวว่า “สิ่งไร ๆ ที่ควรกระทำให้ยิ่งขึ้นไป (กว่านี้) ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น”,
ดังนี้แล.-
(คำข้าว เรียกว่าอาหาร เพราะหล่อเลี้ยงร่างกาย;
ผัสสะเรียกว่าอาหาร เพราะทำให้ เกิดเวทนา ;
มโนสัญเจตนา เรียกว่าอาหาร เพราะทำให้ เกิดกรรม;
วิญญาณ เรียกว่าอาหาร เพราะทำให้ เกิดนามรูป.
ถ้าบุคคลพิจารณาเห็นโทษแห่งอาหารแต่ละอย่างๆ
ดังที่ตรัสไว้โดยอุปมาในข้อความหมายนั้นๆได้,
จะดับทุกข์ได้ถึงขั้นเป็นพระอรหันต์
http://etipitaka.com/read/pali/16/123/?keywords=สอุปายาสนฺติ
).
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. 16/97-99/241 - 244.
http://etipitaka.com/read/thai/16/97/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%91
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. ๑๖/๑๑๙-๑๒๑/๒๔๑ - ๒๔๔.
http://etipitaka.com/read/pali/16/119/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%91
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=750
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=750
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57
ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3
อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าวิธีพิจารณา เพื่อ “หมดปัญหา” เกี่ยวกับอาหารสี่ประการ
สัทธรรมลำดับที่ : 750
ชื่อบทธรรม :- วิธีพิจารณา เพื่อ “หมดปัญหา” เกี่ยวกับอาหาร
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=750
เนื้อความทั้งหมด :-
--วิธีพิจารณา เพื่อ “หมดปัญหา” เกี่ยวกับอาหาร
--ภิกษุ ท. ! #กวฬีการาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลควรเห็นอย่างไร ?
http://etipitaka.com/read/pali/16/119/?keywords=กวฬีกาโร+อาหาโร
+--ภิกษุ ท. ! ปรียบเหมือนภรรยาสามีสองคน
ถือเอาสะเบียงสำหรับเดินทางเล็กน้อย เดินไปสู่หนทางอันกันดาร.
สองภรรยาสามีนั้น มีบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักน่าเอ็นดูอยู่คนหนึ่ง.
เมื่อขณะเขาทั้งสองกำลังเดินไปตามทางอันกันดารอยู่นั้น
สะเบียงสำหรับเดินทางที่เขามีอยู่เพียงเล็กน้อยนั้น
ได้หมดสิ้นไปหนทางอันกันดารนั้นยังเหลืออยู่
เขาทั้งสองนั้นยังไม่เดินข้ามหนทางอันกันดารนั้นไปได้.
ครั้งนั้นแล สองภรรยาสามีนั้นได้คิดกันว่า
“เสบียงสำหรับเดินทางของเราทั้งสองที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยนี้ ได้หมดสิ้นลงแล้ว
หนทางอันกันดารนี้ยังเหลืออยู่ ทั้งเราก็ยังไม่เดินข้ามหนทางอันกันดารนั้นไปได้;
อย่ากระนั้นเลยเราทั้งสองพึงฆ่าบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักน่าเอ็นดูนี้เสีย
แล้วทำให้เป็นเนื้อเค็มและเนื้อย่าง บริโภคเนื้อบุตรนี้แหละ
เดินข้ามหนทางอันกันดารที่ยังเหลืออยู่นี้กันเถิด
เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้น พวกเราทั้งสามคนจะต้องพากันพินาศหมดแน่”
ดังนี้.
ครั้งนั้นแล ภรรยาสามีทั้งสองนั้น จึงฆ่าบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักน่าเอ็นดูนั้น
แล้วทำให้เป็นเนื้อเค็มและเนื้อย่าง บริโภคเนื้อบุตรนั้นเทียวเดินข้ามหนทางอันกันดารที่ยังเหลืออยู่นั้น.
สองภรรยาสามีนั้น บริโภคเนื้อบุตรไปพลางพร้อมกับข้อนอกไปพลาง
รำพันว่า “บุตรน้อยคนเดียวของเราไปไหนเสีย บุตรน้อยคนเดียวของเราไปไหนเสีย”
ดังนี้.
+--ภิกษุ ท. ! เธอจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร :
สองภรรยาสามีนั้นจะพึงบริโภคเนื้อบุตรเป็นอาหาร
เพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานบ้าง
เพื่อความมัวเมาบ้าง
เพื่อความประดับประดาบ้าง หรือ
เพื่อตบแต่ง (ร่างกาย) บ้าง, หรือหนอ ?
”ข้อนั้นหาเป็นเช่นนั้นไม่ พระเจ้าข้า !”
ถ้าอย่างนั้น สองภรรยาสามีนั้นจะพึงบริโภคเนื้อบุตรเป็นอาหาร
เพียงเพื่อ (อาศัย) เดินข้ามหนทางอันกันดารเท่านั้น ใช่ไหม ?
“ใช่ พระเจ้าข้า !”
ถ้าอย่างนั้น ภิกษุ ท. ! ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ;
เรากล่าวว่า กวฬีการาหาร อันอริยสาวกควรเห็น (ว่ามีอุปมาเหมือนเนื้อบุตร)
http://etipitaka.com/read/pali/16/119/?keywords=กวฬีกาโร+อาหาโร
ฉันนั้น.
+--ภิกษุ ท. ! กพฬีการาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว ;
ราคะ (ความกำหนัด) ที่มีเบญจกามคุณเป็นแดนเกิด
ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย.
เมื่อ ราคะที่มีเบญจกามคุณ เป็นแดนเกิด เป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้ว,
สังโยชน์ชนิดที่อริยสาวกประกอบเข้าแล้ว จะพึงเป็นเหตุให้มาสู่โลกนี้ได้อีกย่อมไม่มี.
--ภิกษุ ท. ! #ผัสสาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลควรเห็นอย่างไร ?
http://etipitaka.com/read/pali/16/120/?keywords=ผสฺสาหาโร
+--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนแม่โคนมที่ปราศจากหนังห่อหุ้ม :
ถ้าแม่โคนมนั้นพึงยืนพิงฝาอยู่ไซร้,
มันก็จะพึงถูกพวกตัวสัตว์ที่อาศัยฝาเจาะกิน ;
ถ้าแม่โคนมนั้นพึงยืนพิงต้นไม้อยู่ไซร้,
มันก็จะพึงถูกพวกสัตว์ชนิดอาศัยต้นไม้ไชกิน;
ถ้าหากแม่โคนมนั้นพึงลงไปแช่น้ำอยู่ไซร้,
มันก็จะพึงถูกพวกสัตว์ที่อาศัยน้ำตอดกันกิน;
ถ้าหากแม่โคนมนั้นจะพึงยืนอาศัยอยู่ในที่โล่งแจ้งไซร้,
มันก็จะพึงถูกพวกสัตว์ที่อาศัยอยู่ในอากาศเกาะกัดจิกกิน.
+--ภิกษุ ท. ! แม่โคนมที่ปราศจากหนังห่อหุ้มจะพึงอาศัยอยู่สถานที่ใดๆ ก็ตาม
มันก็จะพึงถูกจำพวกสัตว์ที่อาศัยอยู่ในสถานที่นั้นๆ กัดกินอยู่ร่ำไป, ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ;
+--ภิกษุ ท. ! เราย่อมกล่าวว่า ผัสสาหาร อันอริยสาวกควรเห็น (ว่ามีอุปมาเหมือนแม่โคนมที่ปราศจากหนังห่อหุ้ม)
ฉันนั้น.
+--ภิกษุ ท. ! เมื่อผัสสาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว
เวทนาทั้งสาม ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย,
เมื่อ เวทนาทั้งสาม เป็นสิ่งที่อริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว
เราย่อมกล่าวว่า “สิ่งไรๆ ที่ควรกระทำให้ ยิ่งขึ้นไป (กว่านี้) ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น”
ดังนี้.
--ภิกษุ ท. ! #มโนสัญเจตนาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลควรเห็นอย่างไร ?
http://etipitaka.com/read/pali/16/120/?keywords=มโนสญฺเจตนาหาโร
ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนหลุมถ่านเพลิง ลึกเกินกว่าชั่วบุรุษหนึ่ง
เต็มด้วยถ่านเพลิงที่ปราศจากเปลวและปราศจากควัน มีอยู่.
ครั้งนั้น บรุษผู้หนึ่งผู้ต้องการเป็นอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ มาสู่ที่นั้น.
และมีบุรุษที่มีกำลังกล้าแข็งอีกสองคน จับบุรุษนั้นที่แขนแต่ละข้าง
แล้วฉุดคร่าไปยังหลุมถ่านเพลิงนั้น.
+--ภิกษุ ท. ! ครั้งนั้นแล บุรุษนั้นมีความคิด ความปรารถนา ความตั้งใจ
ที่จะให้ห่างไกลหลุมถ่านเพลิงนั้น.
ข้อนั้นเพราะเหตุใดเล่า ?
+--ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่าบุรุษนั้นย่อมรู้ว่า
“ถ้าเราจะตกลงไปยังหลุมถ่านเพลิงไซร้ เราพึงถึงความตาย
หรือได้รับทุกข์เจียนตาย เพราะข้อนั้นเป็นเหตุ”
ดังนี้,
ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ;
+--ภิกษุ ท. ! เราย่อมกล่าวว่า มโนสัญเจตนาหาร อันอริยสาวกควรเห็น
(ว่ามีอุปมาเหมือนหลุมถ่านเพลิง) ฉันนั้น.
+--ภิกษุ ท. ! เมื่อมโนสัญเจตนาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว,
ตัณหาทั้งสาม ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย ;
เมื่อ ตัณหาทั้งสาม เป็นสิ่งที่อริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว,
เราย่อมกล่าวว่า “สิ่งไร ๆ ที่ควรกระทำให้ยิ่งขึ้นไป (กว่านี้) ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น“
ดังนี้.
--ภิกษุ ท. ! #วิญญาณาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลเห็นอย่างไร ?
http://etipitaka.com/read/pali/16/121/?keywords=วิญฺญาณาหาโร
+--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนพวกเจ้าหน้าที่จับโจรผู้ประพฤติชั่วช้าได้แล้ว
แสดงแก่พระราชาว่า
“ข้าแต่สมมติเทพ ! บุรุษนี้เป็นโจรประพฤติหยาบช้าต่อใต้ฝ่าพระบาท
ขอใต้ฝ่าพระบาทจงโปรดให้ลงโทษโจรผู้นี้ตามประสงค์เถิด พระเจ้าข้า !“
พระราชามีกระแสรับสั่งอย่างนี้ว่า
“ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! ท่านทั้งหลายจงไปประหารบุรุษนั้น ด้วยหอกร้อยเล่มในเวลาเช้านี้” เจ้าหน้าที่เหล่านั้นจึงประหารนักโทษนั้นด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเช้า.
ต่อมา ในเวลาเที่ยงวัน พระราชาทรงซักถามพวกเจ้าหน้าที่นั้นว่า
“ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! บุรุษนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ?”.
พวกเขากราบทูลว่า “ข้าแต่สมมติเทพ ! นักโทษนั้นยังมีชีวิตอยู่ พระเจ้าข้า !”.
พระราชาทรงมีพระกระแสรับสั่งอย่างนี้ว่า
“ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! ท่านทั้งหลายจงไปประหารบุรุษนั้น ด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเที่ยง”.
พวกเจ้าหน้าที่เหล่านั้น จึงประหารนักโทษนั้นด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเที่ยง.
ต่อมา ในเวลาเย็น พระราชาทรงซักถามเจ้าหน้าที่เหล่านั้นอีกว่า
“ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! บุรุษนั้น เป็นอย่างไรบ้าง ?”.
พวกเขากราบทูลว่า “ยังมีชีวิตอยู่ พระเจ้าข้า !”.
พระราชาทรงมีพระกระแสรับสั่งอีกว่า
“ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! ท่านทั้งหลายจงไปประหารบุรุษนั้น ด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเย็น” ดังนี้.
พวกเจ้าหน้าที่เหล่านั้น จึงประหารนักโทษนั้นด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเย็น.
+--ภิกษุ ท. ! พวกเธอจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร
: บุรุษนักโทษ นั้นถูกเจ้าหน้าที่ประหารอยู่ด้วยหอกสามร้อยเล่ม ตลอดทั้งวัน เขาจะพึงเสวยแต่ทุกขโทมนัสที่มีข้อนั้นเป็นเหตุ มิใช่หรือ ?
+--ภิกษุ ท. ! บุรุษนักโทษนั้น ถูกพวกเจ้าหน้าที่ประหารด้วยหอกเพียงเล่มเดียว
ก็พึงเสวยทุกขโทมนัสที่มีข้อนั้นเป็นเหตุ (มากอยู่แล้ว)
ก็จะกล่าวไปไยถึงการที่บุรุษนักโทษนั้นถูกประหารด้วยหอกสามร้อยเล่มเล่า,
ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ;
+--ภิกษุ ท. ! เราย่อมกล่าวว่า วิญญาณาหาร อันอริยสาวกควรเห็น
(ว่ามีอุปมาเหมือนนักโทษถูกประหารนั้น) ฉันนั้น.
+--ภิกษุ ท. ! เมื่อวิญญาณาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว,
นามรูป ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย;
เมื่อ นามรูป เป็นสิ่งที่อริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว,
เราย่อมกล่าวว่า “สิ่งไร ๆ ที่ควรกระทำให้ยิ่งขึ้นไป (กว่านี้) ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น”,
ดังนี้แล.-
(คำข้าว เรียกว่าอาหาร เพราะหล่อเลี้ยงร่างกาย;
ผัสสะเรียกว่าอาหาร เพราะทำให้ เกิดเวทนา ;
มโนสัญเจตนา เรียกว่าอาหาร เพราะทำให้ เกิดกรรม;
วิญญาณ เรียกว่าอาหาร เพราะทำให้ เกิดนามรูป.
ถ้าบุคคลพิจารณาเห็นโทษแห่งอาหารแต่ละอย่างๆ
ดังที่ตรัสไว้โดยอุปมาในข้อความหมายนั้นๆได้,
จะดับทุกข์ได้ถึงขั้นเป็นพระอรหันต์
http://etipitaka.com/read/pali/16/123/?keywords=สอุปายาสนฺติ
).
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. 16/97-99/241 - 244.
http://etipitaka.com/read/thai/16/97/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%91
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. ๑๖/๑๑๙-๑๒๑/๒๔๑ - ๒๔๔.
http://etipitaka.com/read/pali/16/119/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%91
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=750
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=750
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57
ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
71 มุมมอง
0 รีวิว