• Western Digital และ Microsoft ได้ร่วมมือกันเปิดตัวโครงการ Advanced Recycling and Rare Earth Material Capture Program ซึ่งเป็นโครงการรีไซเคิลฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ขนาดใหญ่ โดยมีเป้าหมายเพื่อกู้คืนแร่หายากจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ โครงการนี้ช่วยลดการสูญเสียวัสดุสำคัญที่มักถูกทำลายเมื่อ HDD จากศูนย์ข้อมูลหมดอายุการใช้งาน

    ✅ โครงการนี้สามารถกู้คืนแร่หายากได้ถึง 90%
    - ใช้เทคโนโลยีรีไซเคิลแบบ acid-free dissolution ซึ่งช่วยสกัดแร่หายาก เช่น dysprosium, neodymium และ praseodymium
    - ลดการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายและช่วยรักษาคุณภาพของวัสดุ

    ✅ Microsoft เป็นผู้จัดหา HDD ที่หมดอายุการใช้งานจากศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ
    - HDD ที่หมดอายุจะถูกส่งไปยัง PedalPoint Recycling เพื่อแยกวัสดุ
    - แม่เหล็กและเหล็กที่สกัดได้จะถูกส่งไปยัง Critical Materials Recycling เพื่อรีไซเคิล

    ✅ โครงการนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 95%
    - เมื่อเทียบกับการทำเหมืองแร่แบบดั้งเดิม การรีไซเคิลช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยสำคัญ
    - ลดการพึ่งพาการนำเข้าแร่หายากจากจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลักของโลก

    ✅ โครงการนำร่องสามารถรีไซเคิล HDD ได้กว่า 47,000 ปอนด์
    - รวมถึง SSD และอุปกรณ์ติดตั้ง HDD ที่ถูกนำออกจากศูนย์ข้อมูล

    https://www.techspot.com/news/107615-western-digital-microsoft-launch-hdd-recycling-program-recover.html
    Western Digital และ Microsoft ได้ร่วมมือกันเปิดตัวโครงการ Advanced Recycling and Rare Earth Material Capture Program ซึ่งเป็นโครงการรีไซเคิลฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ขนาดใหญ่ โดยมีเป้าหมายเพื่อกู้คืนแร่หายากจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ โครงการนี้ช่วยลดการสูญเสียวัสดุสำคัญที่มักถูกทำลายเมื่อ HDD จากศูนย์ข้อมูลหมดอายุการใช้งาน ✅ โครงการนี้สามารถกู้คืนแร่หายากได้ถึง 90% - ใช้เทคโนโลยีรีไซเคิลแบบ acid-free dissolution ซึ่งช่วยสกัดแร่หายาก เช่น dysprosium, neodymium และ praseodymium - ลดการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายและช่วยรักษาคุณภาพของวัสดุ ✅ Microsoft เป็นผู้จัดหา HDD ที่หมดอายุการใช้งานจากศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ - HDD ที่หมดอายุจะถูกส่งไปยัง PedalPoint Recycling เพื่อแยกวัสดุ - แม่เหล็กและเหล็กที่สกัดได้จะถูกส่งไปยัง Critical Materials Recycling เพื่อรีไซเคิล ✅ โครงการนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 95% - เมื่อเทียบกับการทำเหมืองแร่แบบดั้งเดิม การรีไซเคิลช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยสำคัญ - ลดการพึ่งพาการนำเข้าแร่หายากจากจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลักของโลก ✅ โครงการนำร่องสามารถรีไซเคิล HDD ได้กว่า 47,000 ปอนด์ - รวมถึง SSD และอุปกรณ์ติดตั้ง HDD ที่ถูกนำออกจากศูนย์ข้อมูล https://www.techspot.com/news/107615-western-digital-microsoft-launch-hdd-recycling-program-recover.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Western Digital and Microsoft launch HDD recycling program to recover rare earths from e-waste
    Although solid-state drives have become the standard for personal computers, mechanical hard drives remain the backbone of data centers worldwide. When these drives are retired, they are...
    0 Comments 0 Shares 76 Views 0 Reviews
  • Western Digital (WD) ได้เปิดตัว โครงการรีไซเคิลฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ที่สามารถ ดึงแร่ธาตุหายาก (Rare Earth Elements - REE) กลับมาใช้ใหม่ได้ โดยโครงการนี้ร่วมมือกับ Microsoft และพันธมิตรในอุตสาหกรรมรีไซเคิล เช่น CMR และ PedalPoint Recycling ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 95%

    ✅ โครงการนี้ช่วยดึงแร่ธาตุหายากกลับมาใช้ใหม่
    - WD สามารถดึง REE เช่น dysprosium, neodymium และ praseodymium จาก HDD
    - นอกจากนี้ยังดึงวัสดุอื่นๆ เช่น อลูมิเนียม, เหล็ก, ทองคำ, พัลลาเดียม และทองแดง

    ✅ กระบวนการรีไซเคิลใช้เทคโนโลยี ADR ของ CMR
    - ใช้สารละลายเกลือทองแดงเพื่อดึง REE ที่มีความบริสุทธิ์ถึง 99.5%
    - กระบวนการนี้หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย

    ✅ โครงการนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 95%
    - เมื่อเทียบกับการทำเหมืองแร่ใหม่ กระบวนการรีไซเคิลนี้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า

    ✅ WD วางแผนขยายโครงการไปยังลูกค้ารายใหญ่เพิ่มเติม
    - โครงการนี้เริ่มต้นในปี 2023 และกำลังขยายไปยังลูกค้ารายใหญ่ในอุตสาหกรรม hyperscale

    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรีไซเคิล
    - หากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ อาจช่วยลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ในระดับโลก

    ℹ️ ความท้าทายในการขยายโครงการ
    - WD ต้องเผชิญกับความท้าทายในการ เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนของกระบวนการรีไซเคิล

    ℹ️ แนวโน้มของการพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลในอนาคต
    - หากโครงการนี้ได้รับการสนับสนุน อาจมีการพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลที่ล้ำหน้ากว่าในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/wd-launches-hdd-recycling-process-that-reclaims-rare-earth-elements-cuts-out-china
    Western Digital (WD) ได้เปิดตัว โครงการรีไซเคิลฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ที่สามารถ ดึงแร่ธาตุหายาก (Rare Earth Elements - REE) กลับมาใช้ใหม่ได้ โดยโครงการนี้ร่วมมือกับ Microsoft และพันธมิตรในอุตสาหกรรมรีไซเคิล เช่น CMR และ PedalPoint Recycling ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 95% ✅ โครงการนี้ช่วยดึงแร่ธาตุหายากกลับมาใช้ใหม่ - WD สามารถดึง REE เช่น dysprosium, neodymium และ praseodymium จาก HDD - นอกจากนี้ยังดึงวัสดุอื่นๆ เช่น อลูมิเนียม, เหล็ก, ทองคำ, พัลลาเดียม และทองแดง ✅ กระบวนการรีไซเคิลใช้เทคโนโลยี ADR ของ CMR - ใช้สารละลายเกลือทองแดงเพื่อดึง REE ที่มีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% - กระบวนการนี้หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย ✅ โครงการนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 95% - เมื่อเทียบกับการทำเหมืองแร่ใหม่ กระบวนการรีไซเคิลนี้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า ✅ WD วางแผนขยายโครงการไปยังลูกค้ารายใหญ่เพิ่มเติม - โครงการนี้เริ่มต้นในปี 2023 และกำลังขยายไปยังลูกค้ารายใหญ่ในอุตสาหกรรม hyperscale ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรีไซเคิล - หากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ อาจช่วยลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ในระดับโลก ℹ️ ความท้าทายในการขยายโครงการ - WD ต้องเผชิญกับความท้าทายในการ เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนของกระบวนการรีไซเคิล ℹ️ แนวโน้มของการพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลในอนาคต - หากโครงการนี้ได้รับการสนับสนุน อาจมีการพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลที่ล้ำหน้ากว่าในอนาคต https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/wd-launches-hdd-recycling-process-that-reclaims-rare-earth-elements-cuts-out-china
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    This HDD recycling process could make U.S. less dependent on China.
    WD has found a way to recapture rare earth elements from old hard drives.
    0 Comments 0 Shares 135 Views 0 Reviews
  • จีนได้ระงับการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัสดุสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี การบิน และการป้องกันประเทศ การตัดสินใจนี้ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก โดยเฉพาะบริษัทในสหรัฐอเมริกา ที่อาจประสบกับการขาดแคลนวัตถุดิบสำคัญ

    ✅ จีนระงับการส่งออกแร่หายากและแม่เหล็ก
    - การส่งออกถูกจำกัดตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน 2025
    - จีนกำลังร่างกรอบกฎหมายใหม่ในการออกใบอนุญาตส่งออก
    - มาตรการนี้มีผลกระทบต่อบริษัทในหลายอุตสาหกรรม

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการป้องกันประเทศ
    - แร่หายากใช้ในการผลิตมอเตอร์ไฟฟ้า โดรน หุ่นยนต์ และขีปนาวุธ
    - การขาดแคลนส่งผลต่ออุตสาหกรรมอเมริกัน โดยเฉพาะผู้รับเหมาด้านกลาโหม

    ✅ การตอบสนองของบริษัทต่างประเทศ
    - บางบริษัทเตรียมรับมือกับปัญหานี้โดยสะสมสต็อกแร่ไว้ล่วงหน้า
    - การผลิตแร่หายากนอกประเทศจีน เช่น ในสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเยอรมนี ยังไม่สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้

    ✅ จีนครองตลาดแร่หายากของโลก
    - จีนผลิตแร่หายากหนัก 99% ของปริมาณทั้งหมดในปี 2023
    - กระบวนการสกัดมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง

    ⚠️ ข้อมูลเสริมที่ควรระวัง
    ℹ️ ผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
    - การขาดแคลนแร่หายากอาจทำให้ต้นทุนผลิตภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้น
    - บริษัทที่พึ่งพาวัสดุจากจีนต้องหาทางเลือกใหม่ เช่น หันไปใช้วัสดุทดแทน

    ℹ️ ข้อกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์
    - การระงับส่งออกครั้งนี้อาจเป็นยุทธศาสตร์ตอบโต้ทางการค้ากับสหรัฐฯ
    - อาจเกิดความตึงเครียดระหว่างประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคแร่หายาก

    ℹ️ อนาคตของอุตสาหกรรมแร่หายาก
    - อาจมีการพัฒนาเทคโนโลยีการรีไซเคิลแม่เหล็กหายากมากขึ้น
    - ประเทศอื่นอาจเร่งพัฒนากำลังการผลิตเพื่อกระจายความเสี่ยง

    https://www.techspot.com/news/107534-china-halts-exports-rare-earth-exports-sparking-fears.html
    จีนได้ระงับการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัสดุสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี การบิน และการป้องกันประเทศ การตัดสินใจนี้ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก โดยเฉพาะบริษัทในสหรัฐอเมริกา ที่อาจประสบกับการขาดแคลนวัตถุดิบสำคัญ ✅ จีนระงับการส่งออกแร่หายากและแม่เหล็ก - การส่งออกถูกจำกัดตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน 2025 - จีนกำลังร่างกรอบกฎหมายใหม่ในการออกใบอนุญาตส่งออก - มาตรการนี้มีผลกระทบต่อบริษัทในหลายอุตสาหกรรม ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการป้องกันประเทศ - แร่หายากใช้ในการผลิตมอเตอร์ไฟฟ้า โดรน หุ่นยนต์ และขีปนาวุธ - การขาดแคลนส่งผลต่ออุตสาหกรรมอเมริกัน โดยเฉพาะผู้รับเหมาด้านกลาโหม ✅ การตอบสนองของบริษัทต่างประเทศ - บางบริษัทเตรียมรับมือกับปัญหานี้โดยสะสมสต็อกแร่ไว้ล่วงหน้า - การผลิตแร่หายากนอกประเทศจีน เช่น ในสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเยอรมนี ยังไม่สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้ ✅ จีนครองตลาดแร่หายากของโลก - จีนผลิตแร่หายากหนัก 99% ของปริมาณทั้งหมดในปี 2023 - กระบวนการสกัดมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง ⚠️ ข้อมูลเสริมที่ควรระวัง ℹ️ ผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก - การขาดแคลนแร่หายากอาจทำให้ต้นทุนผลิตภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้น - บริษัทที่พึ่งพาวัสดุจากจีนต้องหาทางเลือกใหม่ เช่น หันไปใช้วัสดุทดแทน ℹ️ ข้อกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์ - การระงับส่งออกครั้งนี้อาจเป็นยุทธศาสตร์ตอบโต้ทางการค้ากับสหรัฐฯ - อาจเกิดความตึงเครียดระหว่างประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคแร่หายาก ℹ️ อนาคตของอุตสาหกรรมแร่หายาก - อาจมีการพัฒนาเทคโนโลยีการรีไซเคิลแม่เหล็กหายากมากขึ้น - ประเทศอื่นอาจเร่งพัฒนากำลังการผลิตเพื่อกระจายความเสี่ยง https://www.techspot.com/news/107534-china-halts-exports-rare-earth-exports-sparking-fears.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    China halts rare earth exports, sparking fears of shortages in critical industries
    The suspension comes as Beijing drafts a new regulatory framework for issuing export licenses, a process expected to restrict access to these vital materials for specific companies,...
    0 Comments 0 Shares 209 Views 0 Reviews
  • Intel กำลังปรับนโยบายซัพพลายเออร์เพื่อรับมือกับภาษี 25% สำหรับอลูมิเนียมและสแตนเลส ซัพพลายเออร์จำเป็นต้องให้ข้อมูลวัสดุอย่างละเอียด เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติตามกฎระเบียบการนำเข้า นี่คือความท้าทายครั้งใหม่ของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในการรักษาเสถียรภาพของซัพพลายเชน

    == การเปลี่ยนแปลงในนโยบาย Intel ==
    ✅ รายละเอียดวัสดุที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติตามกฎ:
    - ซัพพลายเออร์ต้องรายงานน้ำหนักและมูลค่าของอลูมิเนียมและสแตนเลส รวมถึงประเทศต้นทางที่วัสดุถูกผลิตและหลอม
    - หากวัสดุเป็น อลูมิเนียมรีไซเคิล ซัพพลายเออร์ต้องระบุที่มาของวัสดุที่นำเข้าก่อนกระบวนการหล่อ

    ✅ การยื่นเอกสาร:
    - Intel ได้จัดเตรียมแบบฟอร์มคำให้การ (affidavit form) ที่ซัพพลายเออร์ต้องกรอกและส่งเพื่อสนับสนุนการดำเนินการด้านศุลกากร

    ✅ แนวทางสำหรับซัพพลายเออร์ในตลาดท้องถิ่น:
    - แม้แต่ชิ้นส่วนที่ซื้อจากตลาดท้องถิ่นหรือผลิตโดยผู้ผลิตรายย่อย ซัพพลายเออร์ยังคงต้องติดตามและรายงานข้อมูลต้นทางของวัสดุ

    == ผลกระทบและความสำคัญ ==
    💡 การใช้วัสดุในเซมิคอนดักเตอร์:
    - อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ใช้วัสดุโลหะ เช่น สแตนเลสและอลูมิเนียมในชิ้นส่วนสำคัญ เช่น กรอบ CPU, ระบบระบายความร้อน และ ชุดยึดฮาร์ดแวร์

    💡 การป้องกันความล่าช้าในกระบวนการนำเข้า:
    - การปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัดช่วยลดโอกาสเกิดการล่าช้าและค่าปรับระหว่างการนำเข้าสินค้า

    💡 การส่งเสริมความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน:
    - Intel เน้นการทำงานร่วมกับซัพพลายเชนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าขั้นตอนทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-enforces-strict-tariff-compliance-for-steel-and-aluminum-shipments-amid-new-u-s-trade-rules
    Intel กำลังปรับนโยบายซัพพลายเออร์เพื่อรับมือกับภาษี 25% สำหรับอลูมิเนียมและสแตนเลส ซัพพลายเออร์จำเป็นต้องให้ข้อมูลวัสดุอย่างละเอียด เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติตามกฎระเบียบการนำเข้า นี่คือความท้าทายครั้งใหม่ของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในการรักษาเสถียรภาพของซัพพลายเชน == การเปลี่ยนแปลงในนโยบาย Intel == ✅ รายละเอียดวัสดุที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติตามกฎ: - ซัพพลายเออร์ต้องรายงานน้ำหนักและมูลค่าของอลูมิเนียมและสแตนเลส รวมถึงประเทศต้นทางที่วัสดุถูกผลิตและหลอม - หากวัสดุเป็น อลูมิเนียมรีไซเคิล ซัพพลายเออร์ต้องระบุที่มาของวัสดุที่นำเข้าก่อนกระบวนการหล่อ ✅ การยื่นเอกสาร: - Intel ได้จัดเตรียมแบบฟอร์มคำให้การ (affidavit form) ที่ซัพพลายเออร์ต้องกรอกและส่งเพื่อสนับสนุนการดำเนินการด้านศุลกากร ✅ แนวทางสำหรับซัพพลายเออร์ในตลาดท้องถิ่น: - แม้แต่ชิ้นส่วนที่ซื้อจากตลาดท้องถิ่นหรือผลิตโดยผู้ผลิตรายย่อย ซัพพลายเออร์ยังคงต้องติดตามและรายงานข้อมูลต้นทางของวัสดุ == ผลกระทบและความสำคัญ == 💡 การใช้วัสดุในเซมิคอนดักเตอร์: - อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ใช้วัสดุโลหะ เช่น สแตนเลสและอลูมิเนียมในชิ้นส่วนสำคัญ เช่น กรอบ CPU, ระบบระบายความร้อน และ ชุดยึดฮาร์ดแวร์ 💡 การป้องกันความล่าช้าในกระบวนการนำเข้า: - การปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัดช่วยลดโอกาสเกิดการล่าช้าและค่าปรับระหว่างการนำเข้าสินค้า 💡 การส่งเสริมความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน: - Intel เน้นการทำงานร่วมกับซัพพลายเชนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าขั้นตอนทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-enforces-strict-tariff-compliance-for-steel-and-aluminum-shipments-amid-new-u-s-trade-rules
    0 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • ปัญหา ไฟไหม้ขยะและศูนย์รีไซเคิล เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะจากแบตเตอรี่ ลิเธียมไอออน ในบุหรี่ไฟฟ้า ล่าสุด Fire Rover ซึ่งเป็นบริษัทด้านระบบดับเพลิงอัตโนมัติ รายงานว่าจำนวนไฟไหม้ขยะในปี 2024 พุ่งขึ้น 60% จากปี 2023 และสูงขึ้นกว่า 100% เมื่อเทียบกับปี 2022

    ✅ ตัวเลขไฟไหม้ขยะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    - ในปี 2024 มีเหตุไฟไหม้ขยะ 2,910 ครั้ง เพิ่มขึ้นจาก 1,809 ครั้งในปี 2023
    - ศูนย์รีไซเคิลต้องเรียกทีมดับเพลิง 398 ครั้ง ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดตั้งแต่ Fire Rover เริ่มบันทึกข้อมูลในปี 2016

    ✅ บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสาเหตุหลัก เนื่องจากการกำจัดที่ผิดวิธี
    - ผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่ทิ้งบุหรี่ไฟฟ้าในขยะทั่วไป แต่ใช้ ถังรีไซเคิล ซึ่งก็ไม่ปลอดภัยเช่นกัน
    - แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสามารถติดไฟได้หลายวิธี เช่น แรงกดทับ, การเจาะ, ไฟฟ้าลัดวงจร และความสั่นสะเทือน จากกระบวนการในโรงงาน

    ✅ ค่าเสียหายสูงถึง $2.5 พันล้านในปี 2024
    - Fire Rover ประเมินว่า 50% ของเหตุไฟไหม้ขยะมาจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน
    - ศูนย์กำจัดขยะต้องรับภาระค่าเสียหายจำนวนมาก เนื่องจากไม่มีระบบรีไซเคิลแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพ

    ✅ อุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้าถูกตั้งคำถามเรื่องความรับผิดชอบ
    - รายงานของ Fire Rover วิจารณ์ว่า อุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ลงทุนเพียงพอ ในระบบกำจัดแบตเตอรี่
    - 1.2 พันล้านชิ้น ของบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งเข้าสู่ขยะและรีไซเคิลทุกปี แต่ไม่มีมาตรการชัดเจนในการจัดการ

    ✅ การแก้ปัญหาในอนาคต
    - Fire Rover เสนอให้ มีโครงสร้างพื้นฐานรีไซเคิลแบตเตอรี่ที่เข้มงวดขึ้น
    - ศูนย์กำจัดขยะควร เพิ่มมาตรการตรวจสอบและแยกแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนออกจากขยะทั่วไป

    https://www.techspot.com/news/107379-waste-fires-rise-largely-thanks-lithium-ion-batteries.html
    ปัญหา ไฟไหม้ขยะและศูนย์รีไซเคิล เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะจากแบตเตอรี่ ลิเธียมไอออน ในบุหรี่ไฟฟ้า ล่าสุด Fire Rover ซึ่งเป็นบริษัทด้านระบบดับเพลิงอัตโนมัติ รายงานว่าจำนวนไฟไหม้ขยะในปี 2024 พุ่งขึ้น 60% จากปี 2023 และสูงขึ้นกว่า 100% เมื่อเทียบกับปี 2022 ✅ ตัวเลขไฟไหม้ขยะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว - ในปี 2024 มีเหตุไฟไหม้ขยะ 2,910 ครั้ง เพิ่มขึ้นจาก 1,809 ครั้งในปี 2023 - ศูนย์รีไซเคิลต้องเรียกทีมดับเพลิง 398 ครั้ง ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดตั้งแต่ Fire Rover เริ่มบันทึกข้อมูลในปี 2016 ✅ บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสาเหตุหลัก เนื่องจากการกำจัดที่ผิดวิธี - ผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่ทิ้งบุหรี่ไฟฟ้าในขยะทั่วไป แต่ใช้ ถังรีไซเคิล ซึ่งก็ไม่ปลอดภัยเช่นกัน - แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสามารถติดไฟได้หลายวิธี เช่น แรงกดทับ, การเจาะ, ไฟฟ้าลัดวงจร และความสั่นสะเทือน จากกระบวนการในโรงงาน ✅ ค่าเสียหายสูงถึง $2.5 พันล้านในปี 2024 - Fire Rover ประเมินว่า 50% ของเหตุไฟไหม้ขยะมาจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน - ศูนย์กำจัดขยะต้องรับภาระค่าเสียหายจำนวนมาก เนื่องจากไม่มีระบบรีไซเคิลแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพ ✅ อุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้าถูกตั้งคำถามเรื่องความรับผิดชอบ - รายงานของ Fire Rover วิจารณ์ว่า อุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ลงทุนเพียงพอ ในระบบกำจัดแบตเตอรี่ - 1.2 พันล้านชิ้น ของบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งเข้าสู่ขยะและรีไซเคิลทุกปี แต่ไม่มีมาตรการชัดเจนในการจัดการ ✅ การแก้ปัญหาในอนาคต - Fire Rover เสนอให้ มีโครงสร้างพื้นฐานรีไซเคิลแบตเตอรี่ที่เข้มงวดขึ้น - ศูนย์กำจัดขยะควร เพิ่มมาตรการตรวจสอบและแยกแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนออกจากขยะทั่วไป https://www.techspot.com/news/107379-waste-fires-rise-largely-thanks-lithium-ion-batteries.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Waste fires are on the rise largely thanks to the lithium-ion batteries in vape pens
    Fire Rover, a company that specializes in automated and semi-automated fire suppression systems, released its annual report noting that waste and recycling fires are steadily rising. In...
    0 Comments 0 Shares 192 Views 0 Reviews
  • ทีมนักวิจัยเกาหลีใต้กำลังพัฒนาแบตเตอรี่พลังงานนิวเคลียร์ที่ใช้ Radiocarbon วัสดุที่มีครึ่งชีวิตยาวนานถึงหลายพันปี แบตเตอรี่ต้นแบบช่วยแปลงรังสีเบตาเป็นพลังงานไฟฟ้า เหมาะสำหรับอุปกรณ์ระยะยาว เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจและดาวเทียม โดยมีเป้าหมายสร้างเทคโนโลยีที่ยั่งยืนและช่วยลดข้อจำกัดของแบตเตอรี่ Li-ion

    ข้อดีของ Radiocarbon:
    - Radiocarbon เป็นวัสดุที่ได้จากผลพลอยได้ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ราคาถูก และสามารถรีไซเคิลได้ง่าย อีกทั้งยังปลอดภัยต่อการใช้งานในแบตเตอรี่เนื่องจากปล่อยรังสีเบตาซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยแผ่นอะลูมิเนียมบาง ๆ.

    การออกแบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ:
    - แบตเตอรี่ต้นแบบใช้วัสดุ Titanium Dioxide ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการแปลงรังสีเบตาเป็นพลังงานไฟฟ้า และมีการออกแบบอิเล็กโทรดที่วาง Radiocarbon ทั้งในส่วน Cathode และ Anode เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างพลังงาน.

    แอปพลิเคชันที่หลากหลาย:
    - แบตเตอรี่ชนิดนี้เหมาะสำหรับอุปกรณ์ที่ต้องการพลังงานในระยะยาว เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจที่ไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ ดาวเทียม เซ็นเซอร์ในพื้นที่ห่างไกล หรือแม้กระทั่งยานพาหนะไร้คนขับ.

    ความท้าทายและอนาคต:
    - แม้ประสิทธิภาพในการแปลงพลังงานยังต่ำกว่าแบตเตอรี่ Li-ion แต่ทีมวิจัยกำลังทำงานเพื่อปรับปรุงรูปร่างของวัสดุปล่อยรังสีเบตาและผู้ดูดซับพลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://www.techspot.com/news/107339-nuclear-powered-battery-could-eliminate-need-recharging.html
    ทีมนักวิจัยเกาหลีใต้กำลังพัฒนาแบตเตอรี่พลังงานนิวเคลียร์ที่ใช้ Radiocarbon วัสดุที่มีครึ่งชีวิตยาวนานถึงหลายพันปี แบตเตอรี่ต้นแบบช่วยแปลงรังสีเบตาเป็นพลังงานไฟฟ้า เหมาะสำหรับอุปกรณ์ระยะยาว เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจและดาวเทียม โดยมีเป้าหมายสร้างเทคโนโลยีที่ยั่งยืนและช่วยลดข้อจำกัดของแบตเตอรี่ Li-ion ข้อดีของ Radiocarbon: - Radiocarbon เป็นวัสดุที่ได้จากผลพลอยได้ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ราคาถูก และสามารถรีไซเคิลได้ง่าย อีกทั้งยังปลอดภัยต่อการใช้งานในแบตเตอรี่เนื่องจากปล่อยรังสีเบตาซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยแผ่นอะลูมิเนียมบาง ๆ. การออกแบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ: - แบตเตอรี่ต้นแบบใช้วัสดุ Titanium Dioxide ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการแปลงรังสีเบตาเป็นพลังงานไฟฟ้า และมีการออกแบบอิเล็กโทรดที่วาง Radiocarbon ทั้งในส่วน Cathode และ Anode เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างพลังงาน. แอปพลิเคชันที่หลากหลาย: - แบตเตอรี่ชนิดนี้เหมาะสำหรับอุปกรณ์ที่ต้องการพลังงานในระยะยาว เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจที่ไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ ดาวเทียม เซ็นเซอร์ในพื้นที่ห่างไกล หรือแม้กระทั่งยานพาหนะไร้คนขับ. ความท้าทายและอนาคต: - แม้ประสิทธิภาพในการแปลงพลังงานยังต่ำกว่าแบตเตอรี่ Li-ion แต่ทีมวิจัยกำลังทำงานเพื่อปรับปรุงรูปร่างของวัสดุปล่อยรังสีเบตาและผู้ดูดซับพลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.techspot.com/news/107339-nuclear-powered-battery-could-eliminate-need-recharging.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Nuclear-powered battery could eliminate need for recharging
    A team led by Su-Il In, a professor at South Korea's Daegu Gyeongbuk Institute of Science and Technology, is developing an innovative solution: radiocarbon-powered nuclear batteries that...
    0 Comments 0 Shares 327 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้พูดถึงปัญหาและตัวเลือกสำคัญเกี่ยวกับอนาคตของคอมพิวเตอร์ที่ไม่สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้ เมื่อ Microsoft เตรียมจะหยุดการสนับสนุนอัปเดตความปลอดภัยสำหรับ Windows 10 ในเดือนตุลาคมนี้ นั่นหมายความว่ามีคอมพิวเตอร์ราว 240 ล้านเครื่อง ที่อาจต้องเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบาก

    ปัญหาหลักคืออะไร? Windows 11 มีข้อกำหนดฮาร์ดแวร์ที่สูง เช่น ซีพียูต้องเป็น Intel 8th Gen หรือ Ryzen 2000 ขึ้นไป ทำให้คอมพิวเตอร์หลายรุ่นที่ยังใช้งานได้ดี ไม่สามารถอัปเกรดได้ หลายองค์กรการกุศลที่มีหน้าที่จัดหาคอมพิวเตอร์ให้ผู้ขาดแคลนจึงต้องเผชิญกับคำถามสำคัญว่า ควรแจกจ่ายคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง Windows 10 ต่อไป, เปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติการ Linux, หรือส่งเครื่องที่ไม่ผ่านมาตรฐานไปรีไซเคิล

    ตัวเลือกที่เป็นไปได้:
    1) ติดตั้ง Linux แทน Windows 10: Linux เช่น Mint รุ่นใหม่ได้รับการสนับสนุนจนถึงปี 2029 และมีความปลอดภัยสูง แต่มีปัญหาในเรื่องความคุ้นเคยของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะผู้สูงอายุและนักเรียนที่คุ้นกับ Windows
    2) ใช้ Windows 10 ต่อไป: แม้จะใช้งานง่าย แต่ Windows 10 จะกลายเป็นระบบที่ไม่ปลอดภัยเพราะไม่มีการอัปเดตความปลอดภัย
    3) รีไซเคิลเครื่องเก่า: อาจช่วยลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่ปัจจุบันในสหรัฐฯ มีเพียง 14-40% ของขยะ e-waste ที่ได้รับการรีไซเคิล

    องค์กรอย่าง PCs for People ได้ตัดสินใจเลิกใช้ Windows 10 ล่วงหน้าหนึ่งปีโดยหันมาแจกจ่ายเครื่องที่ติดตั้ง Linux ให้กับผู้ที่ต้องการแทน และเน้นให้คอมพิวเตอร์ที่ยังรองรับ Windows 11 ได้รับการใช้งานต่อ ขณะเดียวกัน การใช้ระบบ Linux อย่างกว้างขวางในองค์กรการกุศลสะท้อนให้เห็นว่าหลายคนเริ่มยอมรับ OS ทางเลือกนี้มากขึ้นในฐานะ “หน้าต่างสู่โลกอินเทอร์เน็ต”

    คุณคิดว่าการเลือกใช้ Linux หรือการรีไซเคิลเครื่องจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตของเครื่องเก่าเหล่านี้ หรือองค์กรควรรอให้ Microsoft ปรับเปลี่ยนแนวทางเพื่อสนับสนุนอุปกรณ์รุ่นเก่ามากขึ้น?

    https://www.tomshardware.com/software/operating-systems/linux-or-landfill-end-of-windows-10-leaves-pc-charities-with-tough-choice
    ข่าวนี้พูดถึงปัญหาและตัวเลือกสำคัญเกี่ยวกับอนาคตของคอมพิวเตอร์ที่ไม่สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้ เมื่อ Microsoft เตรียมจะหยุดการสนับสนุนอัปเดตความปลอดภัยสำหรับ Windows 10 ในเดือนตุลาคมนี้ นั่นหมายความว่ามีคอมพิวเตอร์ราว 240 ล้านเครื่อง ที่อาจต้องเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบาก ปัญหาหลักคืออะไร? Windows 11 มีข้อกำหนดฮาร์ดแวร์ที่สูง เช่น ซีพียูต้องเป็น Intel 8th Gen หรือ Ryzen 2000 ขึ้นไป ทำให้คอมพิวเตอร์หลายรุ่นที่ยังใช้งานได้ดี ไม่สามารถอัปเกรดได้ หลายองค์กรการกุศลที่มีหน้าที่จัดหาคอมพิวเตอร์ให้ผู้ขาดแคลนจึงต้องเผชิญกับคำถามสำคัญว่า ควรแจกจ่ายคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง Windows 10 ต่อไป, เปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติการ Linux, หรือส่งเครื่องที่ไม่ผ่านมาตรฐานไปรีไซเคิล ตัวเลือกที่เป็นไปได้: 1) ติดตั้ง Linux แทน Windows 10: Linux เช่น Mint รุ่นใหม่ได้รับการสนับสนุนจนถึงปี 2029 และมีความปลอดภัยสูง แต่มีปัญหาในเรื่องความคุ้นเคยของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะผู้สูงอายุและนักเรียนที่คุ้นกับ Windows 2) ใช้ Windows 10 ต่อไป: แม้จะใช้งานง่าย แต่ Windows 10 จะกลายเป็นระบบที่ไม่ปลอดภัยเพราะไม่มีการอัปเดตความปลอดภัย 3) รีไซเคิลเครื่องเก่า: อาจช่วยลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่ปัจจุบันในสหรัฐฯ มีเพียง 14-40% ของขยะ e-waste ที่ได้รับการรีไซเคิล องค์กรอย่าง PCs for People ได้ตัดสินใจเลิกใช้ Windows 10 ล่วงหน้าหนึ่งปีโดยหันมาแจกจ่ายเครื่องที่ติดตั้ง Linux ให้กับผู้ที่ต้องการแทน และเน้นให้คอมพิวเตอร์ที่ยังรองรับ Windows 11 ได้รับการใช้งานต่อ ขณะเดียวกัน การใช้ระบบ Linux อย่างกว้างขวางในองค์กรการกุศลสะท้อนให้เห็นว่าหลายคนเริ่มยอมรับ OS ทางเลือกนี้มากขึ้นในฐานะ “หน้าต่างสู่โลกอินเทอร์เน็ต” คุณคิดว่าการเลือกใช้ Linux หรือการรีไซเคิลเครื่องจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตของเครื่องเก่าเหล่านี้ หรือองค์กรควรรอให้ Microsoft ปรับเปลี่ยนแนวทางเพื่อสนับสนุนอุปกรณ์รุ่นเก่ามากขึ้น? https://www.tomshardware.com/software/operating-systems/linux-or-landfill-end-of-windows-10-leaves-pc-charities-with-tough-choice
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Microsoft delivers gut punch to PC charities with end of Windows 10
    Many donateable PCs can’t run Windows 11. Should non-profits still be giving them away? Should they install Linux instead?
    0 Comments 0 Shares 271 Views 0 Reviews
  • ความสมดุลระหว่างเทคโนโลยีกับสิ่งมีชีวิตบนโลกเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของมนุษย์ สิ่งมีชีวิตบนโลก รวมทั้งมนุษย์ พึ่งพาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการดำรงชีวิต ในขณะที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิต แต่ก็อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศได้หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม

    ### ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับความสมดุลนี้ ได้แก่:
    1. **การใช้นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม**
    - เทคโนโลยีสามารถช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การพัฒนาพลังงานสะอาด (พลังงานแสงอาทิตย์ ลม) การใช้ยานพาหนะไฟฟ้า และการรีไซเคิลขยะ
    - เทคโนโลยีช่วยในการตรวจสอบและจัดการสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้ดาวเทียมเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

    2. **ผลกระทบเชิงลบของเทคโนโลยี**
    - การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมากเพื่อผลิตเทคโนโลยี เช่น การขุดแร่หายากสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
    - มลพิษจากกระบวนการผลิตและขยะอิเล็กทรอนิกส์
    - การรบกวนระบบนิเวศจากการขยายตัวของเมืองและอุตสาหกรรม

    3. **การปรับตัวของสิ่งมีชีวิต**
    - สิ่งมีชีวิตหลายชนิดต้องปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมที่เกิดจากเทคโนโลยี เช่น มลพิษทางอากาศและน้ำ
    - การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพเนื่องจากที่อยู่อาศัยถูกทำลาย

    4. **บทบาทของมนุษย์ในการสร้างสมดุล**
    - มนุษย์ต้องรับผิดชอบในการใช้เทคโนโลยีอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
    - การส่งเสริมการบริโภคอย่างยั่งยืนและการลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น
    - การสนับสนุนนโยบายและกฎหมายที่ส่งเสริมการปกป้องสิ่งแวดล้อม

    ### สรุป:
    ความสมดุลระหว่างเทคโนโลยีกับสิ่งมีชีวิตบนโลกเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยการจัดการอย่างรอบคอบ มนุษย์ในฐานะผู้ใช้เทคโนโลยีต้องตระหนักถึงผลกระทบและพยายามลดการทำลายสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ทั้งเทคโนโลยีและสิ่งมีชีวิตสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน
    ความสมดุลระหว่างเทคโนโลยีกับสิ่งมีชีวิตบนโลกเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของมนุษย์ สิ่งมีชีวิตบนโลก รวมทั้งมนุษย์ พึ่งพาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการดำรงชีวิต ในขณะที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิต แต่ก็อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศได้หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม ### ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับความสมดุลนี้ ได้แก่: 1. **การใช้นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม** - เทคโนโลยีสามารถช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การพัฒนาพลังงานสะอาด (พลังงานแสงอาทิตย์ ลม) การใช้ยานพาหนะไฟฟ้า และการรีไซเคิลขยะ - เทคโนโลยีช่วยในการตรวจสอบและจัดการสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้ดาวเทียมเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 2. **ผลกระทบเชิงลบของเทคโนโลยี** - การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมากเพื่อผลิตเทคโนโลยี เช่น การขุดแร่หายากสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ - มลพิษจากกระบวนการผลิตและขยะอิเล็กทรอนิกส์ - การรบกวนระบบนิเวศจากการขยายตัวของเมืองและอุตสาหกรรม 3. **การปรับตัวของสิ่งมีชีวิต** - สิ่งมีชีวิตหลายชนิดต้องปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมที่เกิดจากเทคโนโลยี เช่น มลพิษทางอากาศและน้ำ - การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพเนื่องจากที่อยู่อาศัยถูกทำลาย 4. **บทบาทของมนุษย์ในการสร้างสมดุล** - มนุษย์ต้องรับผิดชอบในการใช้เทคโนโลยีอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม - การส่งเสริมการบริโภคอย่างยั่งยืนและการลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น - การสนับสนุนนโยบายและกฎหมายที่ส่งเสริมการปกป้องสิ่งแวดล้อม ### สรุป: ความสมดุลระหว่างเทคโนโลยีกับสิ่งมีชีวิตบนโลกเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยการจัดการอย่างรอบคอบ มนุษย์ในฐานะผู้ใช้เทคโนโลยีต้องตระหนักถึงผลกระทบและพยายามลดการทำลายสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ทั้งเทคโนโลยีและสิ่งมีชีวิตสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน
    0 Comments 0 Shares 477 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับการติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 95 ที่ต้องใช้วิธีการติดตั้งแบบข้อความซึ่งไม่มีกราฟิกเลย เรื่องนี้เกิดจากข้อจำกัดทางเทคโนโลยีในสมัยนั้น

    ตอนที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์พยายามติดตั้ง Windows 95 ครั้งแรก พวกเขาจะพบกับอินเทอร์เฟซข้อความที่ดูธรรมดาและไม่มีกราฟิกใดๆ เลย ถึงแม้ว่า MS-DOS สามารถแสดงผลกราฟิกได้ แต่ทีมพัฒนา Windows 95 เลือกใช้วิธีการที่ชาญฉลาดโดยนำโค้ดที่มีอยู่แล้วมาใช้ใหม่

    Raymond Chen พนักงานของ Microsoft ที่มีส่วนร่วมในพัฒนาการของ Windows มากกว่า 30 ปี เล่าให้ฟังว่า การติดตั้ง Windows 95 นั้นเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนมาก ซึ่งต้องใช้ระบบปฏิบัติการสามแบบเพื่อรองรับการใช้งานในคอมพิวเตอร์ของลูกค้า ทีมงานสามารถพัฒนาโปรแกรมติดตั้งที่มีกราฟิกได้ แต่การทำกราฟิกใน MS-DOS นั้นใช้เวลามากและมีความซับซ้อนสูงมาก MS-DOS ไม่มีฟังก์ชันกราฟิกพื้นฐานเลย นอกเสียจากการเรียก BIOS เพื่อแสดงพิกเซลเดียวเท่านั้น

    การพัฒนาขึ้นมาใหม่จะต้องใช้เวลามาก และต้องเขียนโค้ดใหม่สำหรับการจัดการกับวินโดว์ต่างๆ รองรับตัวอักษรเช่น ภาษาญี่ปุ่นและภาษาจีน รวมถึงการจัดการแอนิเมชันง่ายๆ ทีมพัฒนาจึงใช้โค้ดจาก Windows 3.1 ที่มีระบบกราฟิกอยู่แล้วมาใช้เป็นพื้นฐานของการติดตั้ง Windows 95 แทน

    เรื่องนี้ทำให้เราเห็นถึงความสำคัญของการรีไซเคิลโค้ดเก่า ซึ่งยังคงใช้ใน Windows รุ่นปัจจุบันเพื่อบูตและซ่อมแซมระบบปฏิบัติการ Windows

    https://www.techspot.com/news/106813-windows-95-setup-text-based-good-reason-microsoft.html
    ข่าวนี้เกี่ยวกับการติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 95 ที่ต้องใช้วิธีการติดตั้งแบบข้อความซึ่งไม่มีกราฟิกเลย เรื่องนี้เกิดจากข้อจำกัดทางเทคโนโลยีในสมัยนั้น ตอนที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์พยายามติดตั้ง Windows 95 ครั้งแรก พวกเขาจะพบกับอินเทอร์เฟซข้อความที่ดูธรรมดาและไม่มีกราฟิกใดๆ เลย ถึงแม้ว่า MS-DOS สามารถแสดงผลกราฟิกได้ แต่ทีมพัฒนา Windows 95 เลือกใช้วิธีการที่ชาญฉลาดโดยนำโค้ดที่มีอยู่แล้วมาใช้ใหม่ Raymond Chen พนักงานของ Microsoft ที่มีส่วนร่วมในพัฒนาการของ Windows มากกว่า 30 ปี เล่าให้ฟังว่า การติดตั้ง Windows 95 นั้นเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนมาก ซึ่งต้องใช้ระบบปฏิบัติการสามแบบเพื่อรองรับการใช้งานในคอมพิวเตอร์ของลูกค้า ทีมงานสามารถพัฒนาโปรแกรมติดตั้งที่มีกราฟิกได้ แต่การทำกราฟิกใน MS-DOS นั้นใช้เวลามากและมีความซับซ้อนสูงมาก MS-DOS ไม่มีฟังก์ชันกราฟิกพื้นฐานเลย นอกเสียจากการเรียก BIOS เพื่อแสดงพิกเซลเดียวเท่านั้น การพัฒนาขึ้นมาใหม่จะต้องใช้เวลามาก และต้องเขียนโค้ดใหม่สำหรับการจัดการกับวินโดว์ต่างๆ รองรับตัวอักษรเช่น ภาษาญี่ปุ่นและภาษาจีน รวมถึงการจัดการแอนิเมชันง่ายๆ ทีมพัฒนาจึงใช้โค้ดจาก Windows 3.1 ที่มีระบบกราฟิกอยู่แล้วมาใช้เป็นพื้นฐานของการติดตั้ง Windows 95 แทน เรื่องนี้ทำให้เราเห็นถึงความสำคัญของการรีไซเคิลโค้ดเก่า ซึ่งยังคงใช้ใน Windows รุ่นปัจจุบันเพื่อบูตและซ่อมแซมระบบปฏิบัติการ Windows https://www.techspot.com/news/106813-windows-95-setup-text-based-good-reason-microsoft.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    The Windows 95 setup was text-based for a good reason, Microsoft employee reveals
    Raymond Chen, a Microsoft employee who took part in the Windows evolution for more than 30 years, is back with a new post on his well-known "Old...
    0 Comments 0 Shares 293 Views 0 Reviews
  • Sabri Cheriha วิศวกรชาวตูนีเซียที่ก้าวมาเป็นนักสังคมสงเคราะห์ โดยเขาได้ก่อตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพที่ชื่อว่า Wefix ในชานเมืองของเมืองตูนิส เพื่อจัดการกับปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้นในประเทศตูนีเซีย

    ในตูนีเซียมีอุปกรณ์ไฟฟ้าในครัวเรือนประมาณแปดล้านชิ้นและโทรศัพท์มือถือเก้าล้านเครื่องที่ใช้งานอยู่ แต่เมื่ออุปกรณ์เหล่านี้เสียหายหรือถูกทดแทน ไม่มีการบริการใด ๆ ที่จะจัดการกับขยะเหล่านี้อย่างถูกต้อง

    จุดที่น่าสนใจคือการแก้ปัญหานี้เป็นเรื่องที่ท้าทายและจำเป็น เนื่องจากขยะอิเล็กทรอนิกส์มักมีสารอันตรายที่สามารถทำลายสิ่งแวดล้อมได้ถ้าไม่จัดการอย่างถูกวิธี นอกจากนี้การนำขยะอิเล็กทรอนิกส์มารีไซเคิลยังช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอีกด้วย

    โครงการแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ แต่ยังสร้างงานให้กับชุมชนและส่งเสริมให้คนรู้จักการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นับว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนค่ะ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/17/tunisian-startup-takes-on-ewaste-challenge
    Sabri Cheriha วิศวกรชาวตูนีเซียที่ก้าวมาเป็นนักสังคมสงเคราะห์ โดยเขาได้ก่อตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพที่ชื่อว่า Wefix ในชานเมืองของเมืองตูนิส เพื่อจัดการกับปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้นในประเทศตูนีเซีย ในตูนีเซียมีอุปกรณ์ไฟฟ้าในครัวเรือนประมาณแปดล้านชิ้นและโทรศัพท์มือถือเก้าล้านเครื่องที่ใช้งานอยู่ แต่เมื่ออุปกรณ์เหล่านี้เสียหายหรือถูกทดแทน ไม่มีการบริการใด ๆ ที่จะจัดการกับขยะเหล่านี้อย่างถูกต้อง จุดที่น่าสนใจคือการแก้ปัญหานี้เป็นเรื่องที่ท้าทายและจำเป็น เนื่องจากขยะอิเล็กทรอนิกส์มักมีสารอันตรายที่สามารถทำลายสิ่งแวดล้อมได้ถ้าไม่จัดการอย่างถูกวิธี นอกจากนี้การนำขยะอิเล็กทรอนิกส์มารีไซเคิลยังช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอีกด้วย โครงการแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ แต่ยังสร้างงานให้กับชุมชนและส่งเสริมให้คนรู้จักการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นับว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนค่ะ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/17/tunisian-startup-takes-on-ewaste-challenge
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Tunisian startup takes on ewaste challenge
    Engineer turned social entrepreneur Sabri Cheriha hunches over a washing machine at a small depot in a suburb of Tunisia's capital, the unassuming home of a startup he launched to tackle the country's mounting electronic waste problem.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 342 Views 0 Reviews
  • มนุษย์เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและโลกของเรา กิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล การตัดไม้ทำลายป่า การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเกินขีดจำกัด และการสร้างมลพิษทางน้ำและอากาศ ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และการเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ

    อย่างไรก็ตาม มนุษย์ก็มีศักยภาพที่จะช่วยฟื้นฟูและปกป้องโลกได้เช่นกัน โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การลดการใช้พลังงาน การรีไซเคิล การใช้พลังงานสะอาด การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการสนับสนุนนโยบายที่ยั่งยืน การร่วมมือกันในระดับโลกและระดับท้องถิ่นจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับโลกของเราได้
    มนุษย์เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและโลกของเรา กิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล การตัดไม้ทำลายป่า การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเกินขีดจำกัด และการสร้างมลพิษทางน้ำและอากาศ ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และการเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ อย่างไรก็ตาม มนุษย์ก็มีศักยภาพที่จะช่วยฟื้นฟูและปกป้องโลกได้เช่นกัน โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การลดการใช้พลังงาน การรีไซเคิล การใช้พลังงานสะอาด การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการสนับสนุนนโยบายที่ยั่งยืน การร่วมมือกันในระดับโลกและระดับท้องถิ่นจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับโลกของเราได้
    0 Comments 0 Shares 312 Views 0 Reviews
  • นักวิจัยได้พัฒนายางมะตอยที่สามารถซ่อมแซมรอยแตกและป้องกันการเกิดหลุมบ่อได้ด้วยตัวเอง ผลิตภัณฑ์นี้มีแรงบันดาลใจจากความสามารถในการฟื้นฟูของต้นไม้และสัตว์บางชนิด การวิจัยครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาหลุมบ่อในสหราชอาณาจักรที่ต้องการการซ่อมแซมมูลค่าหลายล้านปอนด์ในแต่ละปี

    รอยแตกในยางมะตอยมักเกิดจากการแข็งตัวของบิทูเมนเนื่องจากออกซิเดชัน ทางนักวิทยาศาสตร์จาก King's College London และ Swansea University ได้ร่วมมือกับนักวิจัยในประเทศชิลีเพื่อหาวิธีการย้อนกระบวนการนี้

    ยางมะตอยซ่อมแซมตนเองนี้ได้ถูกพัฒนาโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ โดยนำความสามารถของ Google Cloud AI มาใช้ในการพัฒนาวัสดุศาสตร์และเทคนิคการจำลองที่ทันสมัย ในห้องปฏิบัติการพบว่าวัสดุยางมะตอยใหม่นี้สามารถซ่อมแซมรอยแตกขนาดเล็กในเวลาน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง โดยผสมสปอร์พืชขนาดเล็กที่บรรจุน้ำมันรีไซเคิล ซึ่งจะปล่อยน้ำมันออกมาเมื่อยางมะตอยแตก ทำให้บิทูเมนสามารถไหลกลับมารวมกันได้

    นักวิจัยยังได้ใช้แมชชีนเลิร์นนิงในการวิเคราะห์โมเลกุลอินทรีย์ในบิทูเมนเพื่อเข้าใจโครงสร้างและพฤติกรรมของวัสดุยางมะตอย รวมถึงค้นหาคุณสมบัติทางเคมีที่ช่วยในการซ่อมแซมตนเอง

    ผลิตภัณฑ์นี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา แต่มีศักยภาพในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและส่งเสริมความยั่งยืนทั่วโลก

    https://www.techspot.com/news/106684-researchers-develop-self-healing-asphalt-repairs-cracks-stops.html
    นักวิจัยได้พัฒนายางมะตอยที่สามารถซ่อมแซมรอยแตกและป้องกันการเกิดหลุมบ่อได้ด้วยตัวเอง ผลิตภัณฑ์นี้มีแรงบันดาลใจจากความสามารถในการฟื้นฟูของต้นไม้และสัตว์บางชนิด การวิจัยครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาหลุมบ่อในสหราชอาณาจักรที่ต้องการการซ่อมแซมมูลค่าหลายล้านปอนด์ในแต่ละปี รอยแตกในยางมะตอยมักเกิดจากการแข็งตัวของบิทูเมนเนื่องจากออกซิเดชัน ทางนักวิทยาศาสตร์จาก King's College London และ Swansea University ได้ร่วมมือกับนักวิจัยในประเทศชิลีเพื่อหาวิธีการย้อนกระบวนการนี้ ยางมะตอยซ่อมแซมตนเองนี้ได้ถูกพัฒนาโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ โดยนำความสามารถของ Google Cloud AI มาใช้ในการพัฒนาวัสดุศาสตร์และเทคนิคการจำลองที่ทันสมัย ในห้องปฏิบัติการพบว่าวัสดุยางมะตอยใหม่นี้สามารถซ่อมแซมรอยแตกขนาดเล็กในเวลาน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง โดยผสมสปอร์พืชขนาดเล็กที่บรรจุน้ำมันรีไซเคิล ซึ่งจะปล่อยน้ำมันออกมาเมื่อยางมะตอยแตก ทำให้บิทูเมนสามารถไหลกลับมารวมกันได้ นักวิจัยยังได้ใช้แมชชีนเลิร์นนิงในการวิเคราะห์โมเลกุลอินทรีย์ในบิทูเมนเพื่อเข้าใจโครงสร้างและพฤติกรรมของวัสดุยางมะตอย รวมถึงค้นหาคุณสมบัติทางเคมีที่ช่วยในการซ่อมแซมตนเอง ผลิตภัณฑ์นี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา แต่มีศักยภาพในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและส่งเสริมความยั่งยืนทั่วโลก https://www.techspot.com/news/106684-researchers-develop-self-healing-asphalt-repairs-cracks-stops.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Researchers develop self-healing asphalt that repairs cracks, stops potholes from forming
    The exact mechanisms of crack formation in asphalt are not fully understood, but they often originate from the hardening of bitumen due to oxidation. To tackle this...
    0 Comments 0 Shares 269 Views 0 Reviews
  • การรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความสนใจมากขึ้น มีการเปิดตัวโรงงานต้นแบบสำหรับการรีไซเคิลแบตเตอรี่ใน Trappes ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีเป้าหมายที่จะดึงโลหะมีค่าจากแบตเตอรี่ที่ใช้แล้ว เพื่อนำกลับมาใช้ในกระบวนการผลิตใหม่ งานวิจัยจาก IDTechEx ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการใช้แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในชีวิตที่สอง (Second-life) ตั้งแต่ปี 2025 ถึง 2035 โดยคาดว่าตลาดนี้อาจมีมูลค่าสูงถึง 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 18.66 พันล้านบาท) ภายในปี 2035

    แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้งานในรถยนต์ไฟฟ้าสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ในงานที่ต้องการพลังงานต่ำกว่า เช่น การเก็บพลังงานในสถานีไฟฟ้าหรือการใช้งานในรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าและจักรยานไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน แม้ว่าทางทฤษฎีนี้จะเป็นที่น่าสนใจ แต่ยังคงมีความท้าทายทั้งทางเทคนิคและเศรษฐกิจ

    ประเทศจีนเป็นผู้นำในด้านการนำแบตเตอรี่กลับมาใช้ใหม่ โดยเฉพาะในการใช้งานเป็นพลังงานสำรอง ขณะที่ยุโรปและสหรัฐอเมริกายังคงอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาระบบการเก็บพลังงาน การรีไซเคิลโลหะหายากเป็นเรื่องท้าทายที่มีมิติทั้งทางสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ โดยภายใน 10 ปีข้างหน้า ลิเธียมที่รีไซเคิลในยุโรปอาจช่วยผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้มากกว่า 2 ล้านคัน

    นักวิจัยจาก University of Edinburgh กำลังทำงานเพื่อใช้แบคทีเรียในการดึงโลหะจากแบตเตอรี่ที่ใช้แล้ว แนวคิดนี้คือการใช้แบคทีเรียเพื่อรีไซเคิลวัสดุเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและกังหันลม

    ในภาพรวม การรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเป็นเรื่องสำคัญที่มีความท้าทายหลากหลาย แต่ก็มีศักยภาพในการลดการขุดโลหะหายากและลดขยะสะสม หวังว่าข้อมูลนี้จะทำให้คุณได้มองเห็นภาพรวมของการพัฒนาและนวัตกรรมในวงการรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้ชัดเจนขึ้นนะครับ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/05/finding-ways-to-better-recycle-electric-car-batteries-in-the-future
    การรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความสนใจมากขึ้น มีการเปิดตัวโรงงานต้นแบบสำหรับการรีไซเคิลแบตเตอรี่ใน Trappes ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีเป้าหมายที่จะดึงโลหะมีค่าจากแบตเตอรี่ที่ใช้แล้ว เพื่อนำกลับมาใช้ในกระบวนการผลิตใหม่ งานวิจัยจาก IDTechEx ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการใช้แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในชีวิตที่สอง (Second-life) ตั้งแต่ปี 2025 ถึง 2035 โดยคาดว่าตลาดนี้อาจมีมูลค่าสูงถึง 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 18.66 พันล้านบาท) ภายในปี 2035 แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้งานในรถยนต์ไฟฟ้าสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ในงานที่ต้องการพลังงานต่ำกว่า เช่น การเก็บพลังงานในสถานีไฟฟ้าหรือการใช้งานในรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าและจักรยานไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน แม้ว่าทางทฤษฎีนี้จะเป็นที่น่าสนใจ แต่ยังคงมีความท้าทายทั้งทางเทคนิคและเศรษฐกิจ ประเทศจีนเป็นผู้นำในด้านการนำแบตเตอรี่กลับมาใช้ใหม่ โดยเฉพาะในการใช้งานเป็นพลังงานสำรอง ขณะที่ยุโรปและสหรัฐอเมริกายังคงอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาระบบการเก็บพลังงาน การรีไซเคิลโลหะหายากเป็นเรื่องท้าทายที่มีมิติทั้งทางสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ โดยภายใน 10 ปีข้างหน้า ลิเธียมที่รีไซเคิลในยุโรปอาจช่วยผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้มากกว่า 2 ล้านคัน นักวิจัยจาก University of Edinburgh กำลังทำงานเพื่อใช้แบคทีเรียในการดึงโลหะจากแบตเตอรี่ที่ใช้แล้ว แนวคิดนี้คือการใช้แบคทีเรียเพื่อรีไซเคิลวัสดุเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและกังหันลม ในภาพรวม การรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเป็นเรื่องสำคัญที่มีความท้าทายหลากหลาย แต่ก็มีศักยภาพในการลดการขุดโลหะหายากและลดขยะสะสม หวังว่าข้อมูลนี้จะทำให้คุณได้มองเห็นภาพรวมของการพัฒนาและนวัตกรรมในวงการรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้ชัดเจนขึ้นนะครับ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/05/finding-ways-to-better-recycle-electric-car-batteries-in-the-future
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Finding ways to better recycle electric car batteries in the future
    The future recycling of electric car batteries raises a number of challenges, from the recovery of raw materials to their reuse. A study published by IDTechEx provides some answers.
    0 Comments 0 Shares 294 Views 0 Reviews
  • Samsung ได้ประกาศกระบวนการรีไซเคิลโคบอลต์ใหม่สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่น Galaxy S25 ในงาน Galaxy Unpacked 2025. Samsung ได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ยั่งยืนและการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

    Samsung ได้เริ่มใช้โคบอลต์รีไซเคิลในสมาร์ทโฟนรุ่น Galaxy S24 เมื่อปีที่แล้ว และในปีนี้พวกเขาได้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการนำโคบอลต์จากแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ Galaxy ที่ใช้แล้วและแบตเตอรี่ที่ถูกทิ้งในกระบวนการผลิตมาใช้ใหม่ กระบวนการนี้เริ่มต้นด้วยการรวบรวมแบตเตอรี่จากอุปกรณ์ที่ถูกส่งคืนผ่านโปรแกรมการแลกเปลี่ยนหรือเป็นส่วนหนึ่งของขยะจากการผลิต จากนั้นแบตเตอรี่จะถูกถอดแยกชิ้นส่วนเพื่อตรวจสอบความเสียหายหรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้น

    แบตเตอรี่ที่ถูกถอดแยกชิ้นส่วนจะถูกปล่อยประจุเพื่อความปลอดภัย จากนั้นจะถูกบดเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการแยกส่วน ชิ้นส่วนแบตเตอรี่จะถูกแปรรูปเป็นมวลสีดำซึ่งจะผ่านกระบวนการทางเคมีเพื่อให้สามารถนำกลับมาใช้ในอุปกรณ์ใหม่ได้

    การรีไซเคิลหลายขั้นตอนนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงวิธีการที่สร้างสรรค์ของ Samsung แต่ยังช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างภาพลักษณ์ที่ดีและรักษาความภักดีของลูกค้า

    https://wccftech.com/samsung-continues-its-commitment-to-sustainability-with-a-new-cobalt-recycling-process-for-the-galaxy-s25-series/
    Samsung ได้ประกาศกระบวนการรีไซเคิลโคบอลต์ใหม่สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่น Galaxy S25 ในงาน Galaxy Unpacked 2025. Samsung ได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ยั่งยืนและการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ Samsung ได้เริ่มใช้โคบอลต์รีไซเคิลในสมาร์ทโฟนรุ่น Galaxy S24 เมื่อปีที่แล้ว และในปีนี้พวกเขาได้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการนำโคบอลต์จากแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ Galaxy ที่ใช้แล้วและแบตเตอรี่ที่ถูกทิ้งในกระบวนการผลิตมาใช้ใหม่ กระบวนการนี้เริ่มต้นด้วยการรวบรวมแบตเตอรี่จากอุปกรณ์ที่ถูกส่งคืนผ่านโปรแกรมการแลกเปลี่ยนหรือเป็นส่วนหนึ่งของขยะจากการผลิต จากนั้นแบตเตอรี่จะถูกถอดแยกชิ้นส่วนเพื่อตรวจสอบความเสียหายหรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้น แบตเตอรี่ที่ถูกถอดแยกชิ้นส่วนจะถูกปล่อยประจุเพื่อความปลอดภัย จากนั้นจะถูกบดเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการแยกส่วน ชิ้นส่วนแบตเตอรี่จะถูกแปรรูปเป็นมวลสีดำซึ่งจะผ่านกระบวนการทางเคมีเพื่อให้สามารถนำกลับมาใช้ในอุปกรณ์ใหม่ได้ การรีไซเคิลหลายขั้นตอนนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงวิธีการที่สร้างสรรค์ของ Samsung แต่ยังช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างภาพลักษณ์ที่ดีและรักษาความภักดีของลูกค้า https://wccftech.com/samsung-continues-its-commitment-to-sustainability-with-a-new-cobalt-recycling-process-for-the-galaxy-s25-series/
    WCCFTECH.COM
    Samsung Continues Its Commitment To Sustainability With A New Cobalt Recycling Process For The Galaxy S25 Series
    Samsung is continuing its commitment towards sustainability.with a new cobalt recycling process for its Galaxy S25 series
    0 Comments 0 Shares 220 Views 0 Reviews
  • MAXSUN ได้กลับมาผลิตการ์ดจอ NVIDIA GT 730 อีกครั้ง! การ์ดจอรุ่นนี้เคยเป็นที่นิยมในปี 2014 และตอนนี้พวกเขาได้เปิดตัวรุ่นใหม่สองรุ่นในประเทศจีน คือ MS-GT730 PH 4 GB และ MS-GT730 PH 2 GB ซึ่งมีราคาประมาณ 49 ดอลลาร์สหรัฐและ 45 ดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ

    การ์ดจอเหล่านี้ใช้เทคโนโลยีเก่าอย่าง GPU "Kepler 2.0" ของ NVIDIA ซึ่งไม่ได้รับการอัปเดตไดรเวอร์ใหม่ตั้งแต่ปี 2021 และการอัปเดตความปลอดภัยล่าสุดคือไดรเวอร์ 473.47 WHQL MAXSUN ได้รีไซเคิลการออกแบบการ์ดจอรุ่นเก่าเพื่อเปิดตัวในตลาดปี 2025 เนื่องจากความต้องการจากการจัดการห่วงโซ่อุปทานภายใน

    นอกจากนี้ การ์ดจอรุ่นใหม่เหล่านี้ยังมีประสิทธิภาพที่สอดคล้องกับรุ่นเก่า ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจ การกลับมาของการ์ดจอรุ่นเก่านี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจและน่าติดตามมากเลยทีเดียว!

    https://www.techpowerup.com/331356/maxsun-dips-back-into-nvidia-gt-730-gpu-pool
    MAXSUN ได้กลับมาผลิตการ์ดจอ NVIDIA GT 730 อีกครั้ง! การ์ดจอรุ่นนี้เคยเป็นที่นิยมในปี 2014 และตอนนี้พวกเขาได้เปิดตัวรุ่นใหม่สองรุ่นในประเทศจีน คือ MS-GT730 PH 4 GB และ MS-GT730 PH 2 GB ซึ่งมีราคาประมาณ 49 ดอลลาร์สหรัฐและ 45 ดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ การ์ดจอเหล่านี้ใช้เทคโนโลยีเก่าอย่าง GPU "Kepler 2.0" ของ NVIDIA ซึ่งไม่ได้รับการอัปเดตไดรเวอร์ใหม่ตั้งแต่ปี 2021 และการอัปเดตความปลอดภัยล่าสุดคือไดรเวอร์ 473.47 WHQL MAXSUN ได้รีไซเคิลการออกแบบการ์ดจอรุ่นเก่าเพื่อเปิดตัวในตลาดปี 2025 เนื่องจากความต้องการจากการจัดการห่วงโซ่อุปทานภายใน นอกจากนี้ การ์ดจอรุ่นใหม่เหล่านี้ยังมีประสิทธิภาพที่สอดคล้องกับรุ่นเก่า ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจ การกลับมาของการ์ดจอรุ่นเก่านี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจและน่าติดตามมากเลยทีเดียว! https://www.techpowerup.com/331356/maxsun-dips-back-into-nvidia-gt-730-gpu-pool
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    MAXSUN Dips Back into NVIDIA GT 730 GPU Pool
    Recent MAXSUN activities have been very Intel Arc "Battlemage" B-series GPU-focused—most notably, a leaked design that leverages dual M.2 slots. Earlier today, ITHome reported on the fresh retail release of two sort-of-new MAXSUN graphics cards in China (on JD.com)—MS-GT730 PH 4 GB (¥359/~US$49) and...
    0 Comments 0 Shares 130 Views 0 Reviews
  • 04-04-62/14 : หมี CNN / ระบอบกษัตริย์ชาติอื่นเป็นยังไง? กูไม่รู้ กูไม่สนใจ? แต่ระบบกษัตริย์ไทย หล่อมว๊าก! หัวใจล้วนๆ เทใจให้ราษฎรแบบที่ไหนในโลกก็ไม่มี? อย่าคิดว่าเหี้ยโปรยเศษเงินมาให้ แล้วพวกมรึงคิดจะล้มล้างสถาบัน ตราบใดที่ยังมีคนไทยหัวใจหล่อมว๊ากอยู่อีกมหาศาลเกลื่อนแผ่นดิน?

    พ่อสู้เรื่องระบบน้ำชลประทาน ให้น้ำหมุนเวียนไปทั่ว
    พ่อสู้เรื่องเขื่อน เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามแล้ง ยามท่วม
    พ่อสู้เรื่องฝนเทียม ให้ชาวนา ชาวไร่ มีน้ำใช้ยามแล้งหนัก
    พ่อสู้เรื่องความยากจน กระจายรายได้ โครงการท้องถิ่น
    พ่อสู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พึ่งพาตนเอง สอนช่วยตัวเอง
    พ่อสู้เรื่องความช่วยเหลือ อุทกภัย วาตภัย แผ่นดินไหว
    พ่อสู้เรื่องการเกษตร การใช้พื้นที่ การพัฒนายั่งยืน
    พ่อสู้เรื่องความเท่าเทียม แบ่งปัน และยกระดับการศึกษา
    พ่อสู้เรื่องการดนตรี ศิลปะ รากเหง้า อนุรักษ์ประเพณีไทย
    พ่อสู้เรื่องแนวคิด ปรัชญา สติ ปัญญา เหตุและผล สั่งสอน
    พ่อสู้เรื่องความประหยัด อดออมคุ้มค่า รีไซเคิล กลับมาใช้
    พ่อสู้เรื่องป่าไม้ สัตว์ป่า สมดุลธรรมชาติ พันธุ์ไทย ปลูกป่า
    พ่อสู้เรื่องสินค้าไทย แปรรูป อาหาร ทะเล ผ้าไหม ผ้าฝ้าย
    พ่อสู้เรื่องความสามัคคี ปองครอง ยุติความขัดแย้งภายใน
    พ่อสู้เรื่องความเป็นชาตินิยม ภูมิใจความเป็นไทย ชื่อเสียง
    พ่อปกป้องแผ่นดินไทย การรุกรานจากต่างชาติ และมั่นคง
    พ่อเสียสละตนเอง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย
    พ่อเตือนสติ ให้ปัญญา พระบรมราโชวาททุกปี ตื่นคิด มีสติ
    พ่อแบ่งปันความรัก ความรู้ ไปยังเพื่อนบ้านรอบข้างด้วย
    พ่อสร้างมิตร เป็นที่รักชื่นชอบของทุกราชวงศ์ทั่วโลก
    พ่อไม่เคยโอ้อวดตนเอง และไม่ใช้อำนาจที่มี เพื่อแสดง
    พ่อทำนุบำรุงทุกศาสนาในชาติ อยู่ร่วมกันอย่างสันติได้
    พ่อเยี่ยมเยียนชาวบ้านทุกพื้นที่ทั้งแผ่นดิน ไปเยี่ยมเสมอ
    พ่อยึดถือทศพิษราชธรรมได้อย่างสมบูรณ์ จนวันสุดท้าย
    พ่อรู้ทุกอย่าง เข้าใจ เข้าถึง แก้ปัญหา พระบารมีเปี่ยมล้น

    มีอีกมากมายมหาศาล จนระลึกถึงน้ำพระคุณได้ไม่หมดสิ้น เป็นบุญของปวงชนชาวไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ที่หัวใจหล่อมว๊ากที่สุดใน 3 โลก ไม่มีพ่อ ก็คงไม่มีวันนี้ ไม่มีบรรพกษัตริย์ไทย ก็คงไม่มีวันนี้เช่นกัน "ราชวงศ์จักรี" จงเจริญยิ่งยืนนาน ตราบชั่วฟ้าดินสลาย!

    หมี CNN(ด้วยจิตสำนึกรักพ่อ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์)
    04 เม.ย. 62
    16.53 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    Jeerachart Jongsomchai / “ปฏิวัติฝรั่งเศส ของใคร โดยใคร เพื่อใคร ?”

    ... “สาเหตุของการปฏิวัติฝรั่งเศส” มีหลายแนวคิดหลักๆคือ

    ... มูลเหตุของการปฏิวัติมีความซับซ้อนและยังเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ เช่นปัจจัยภายในต่าง ๆ ของระบอบเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจัยทางเศรษฐกิจรวมถึงความหิวโหยและทุพโภชนาการในประชากรกลุ่มที่ยากแค้นที่สุด ซึ่งบางส่วนเกิดจากสภาพอากาศผิดปกติจาก “สภาพอากาศ” ความหนาวเย็นผิดฤดู ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากกิจกรรมของภูเขาไฟที่ลากีและกริมสวอทน์

    ... ใน ค.ศ. 1783-1784 ประกอบกับ “ราคาอาหารที่สูงขึ้น” และ “ระบบการขนส่งที่ไม่เพียงพอ” ซึ่งขัดขวาง “การส่งสินค้าอาหารปริมาณมากจากพื้นที่ชนบทไปยังศูนย์กลางประชากรขนาดใหญ่” ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนทำให้สังคมฝรั่งเศสขาดเสถียรภาพในช่วงก่อนการปฏิวัติอย่างยิ่ง

    ... สาเหตุอีกประการหนึ่งคือ “ภาวะใกล้จะล้มละลายของรัฐบาลจากค่าใช้จ่ายในสงครามที่ฝรั่งเศสเข้าร่วมรบจำนวนมหาศาล” โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามเจ็ดปี (1756 จนถึง 1763 หรือ “สงครามโลกครั้งที่ศูนย์” โดยเกี่ยวข้องกับทุกประเทศมหาอำนาจในยุโรป มีการสู้รบเกิดขึ้นในห้าทวีป สงครามเจ็ดปีเป็นสงครามระหว่างสองข้างด้วยกัน ข้างหนึ่งนำโดยบริเตนใหญ่ พร้อมด้วยปรัสเซียและกลุ่มนครรัฐเล็กในเยอรมัน กับอีกข้างหนึ่งที่นำด้วยฝรั่งเศส พร้อมด้วยออสเตรีย, รัสเซีย, สวีเดน และซัคเซิน โดยรัสเซียเปลี่ยนข้างอยู่ระยะหนึ่งในช่วงปลายของสงคราม ) และ “สงครามปฏิวัติอเมริกา” สงครามใหญ่เหล่านี้ก่อหนี้จำนวนมหาศาลให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงจากการสูญเสียการครอบครองพื้นที่อาณานิคมของฝรั่งเศสในทวีปอเมริกาเหนือ และการครอบงำทางพาณิชย์ของ “บริเตนใหญ่”ที่เพิ่มขึ้น ทั้ง “ระบบการเงิน” ที่ไม่มีประสิทธิภาพและล้าสมัยของฝรั่งเศสก็ไม่สามารถจัดการกับหนี้สาธารณะได้ ทางรัฐบาลพยายามจะแก้ไขสถานการณ์ทางการเงินด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม

    … การที่ฝรั่งเศส ช่วย “อเมริกา” รบกับ “อังกฤษ” นั้น ไม่ได้ต้องการให้เอกราช กับอเมริกาแต่เพราะต้องการตัดกำลังของอังกฤษคู่แข่งอาณานิคมของตัวเอง ( เหมือนตอนที่ อเมริกา หลังได้เอกราช ก็ได้ช่วย “ฟิลิปปินส์” กับ “คิวบา” เป็นเอกราชจากสเปนนั้น ไม่ได้ต้องการให้ทั้งสองชาติสัมผัสกับอิสรภาพ หรือตัวเองซาบซึ้งกับระบอบปประชาธิปไตย แต่ต้องการจะเป็นเจ้าอาณานิคมแทนเจ้าเดิม )

    ... หลังการปฏิวัติมีการ ยกเลิกระบบศักดินา ยุบมณฑลต่าง ๆ แบ่งประเทศออกเป็น 83 จังหวัด มีการพยายาม “รวมศูนย์อำนาจ” เข้าสู่ศูนย์เดียวที่ปารีส ไม่ยินยอมให้เป็นเอกเทศ จึงมีการต่อต้านขัดขืน

    ... กระแสความตื่นตัวและอารมณ์ของประชาชนได้เปลี่ยนทิศทางของการปฏิวัติจนลึกลงไปถึงรากฐาน ซึ่งปูทางให้กับการขึ้นสู่อำนาจของ “มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์” ที่เป็นนักกฎหมาย นักการเมือง และ “กลุ่มฌากอแบ็ง” และกลายมาเป็น “เผด็จการโดยแท้” ภายใต้ “สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว” ในระหว่างปี ค.ศ. 1793 ถึง 1794 มีผู้ต่อต้านพวกเขาถูกสังหารถึงระหว่าง 16,000 ถึง 40,000 คน ( ในตอนนั้นมันคือการเปลี่ยนจาก “ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช” ไปสู่ระบอบ “เผด็จการ” )

    ... สโมสรฌากอแบ็ง Club des Jacobins เป็นสโมสรทางการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ก่อตั้งในช่วงการประชุมสภาฐานันดร ค.ศ. 1789 จากการรวมกลุ่มของ “พวกผู้แทน” จากแคว้น “ดัชชีเบรอตาญ” ที่เป็นแคว้นศักดินาแห่งหนึ่งนัฝรั่งเศส ที่เน้นการ “ต่อต้านราชวงศ์” หรือ “ล้มเจ้า” อันเป็นพวกต่อต้านระบอบกษัตริย์ เริ่มแรกมีสมาชิกไม่กี่คนและเป็นการรวมตัวอย่างลับ ๆ ก่อนที่ต่อมาได้พัฒนากลายเป็นขบวนการระดับชาติที่เคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้จัดตั้งสาธารณรัฐซึ่งมีสมาชิกมากกว่าครึ่งล้านคน อย่างไรก็ตาม หลังจากโค่นล้มระบบกษัตริย์สำเร็จและจัดตั&#3657
    04-04-62/14 : หมี CNN / ระบอบกษัตริย์ชาติอื่นเป็นยังไง? กูไม่รู้ กูไม่สนใจ? แต่ระบบกษัตริย์ไทย หล่อมว๊าก! หัวใจล้วนๆ เทใจให้ราษฎรแบบที่ไหนในโลกก็ไม่มี? อย่าคิดว่าเหี้ยโปรยเศษเงินมาให้ แล้วพวกมรึงคิดจะล้มล้างสถาบัน ตราบใดที่ยังมีคนไทยหัวใจหล่อมว๊ากอยู่อีกมหาศาลเกลื่อนแผ่นดิน? พ่อสู้เรื่องระบบน้ำชลประทาน ให้น้ำหมุนเวียนไปทั่ว พ่อสู้เรื่องเขื่อน เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามแล้ง ยามท่วม พ่อสู้เรื่องฝนเทียม ให้ชาวนา ชาวไร่ มีน้ำใช้ยามแล้งหนัก พ่อสู้เรื่องความยากจน กระจายรายได้ โครงการท้องถิ่น พ่อสู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พึ่งพาตนเอง สอนช่วยตัวเอง พ่อสู้เรื่องความช่วยเหลือ อุทกภัย วาตภัย แผ่นดินไหว พ่อสู้เรื่องการเกษตร การใช้พื้นที่ การพัฒนายั่งยืน พ่อสู้เรื่องความเท่าเทียม แบ่งปัน และยกระดับการศึกษา พ่อสู้เรื่องการดนตรี ศิลปะ รากเหง้า อนุรักษ์ประเพณีไทย พ่อสู้เรื่องแนวคิด ปรัชญา สติ ปัญญา เหตุและผล สั่งสอน พ่อสู้เรื่องความประหยัด อดออมคุ้มค่า รีไซเคิล กลับมาใช้ พ่อสู้เรื่องป่าไม้ สัตว์ป่า สมดุลธรรมชาติ พันธุ์ไทย ปลูกป่า พ่อสู้เรื่องสินค้าไทย แปรรูป อาหาร ทะเล ผ้าไหม ผ้าฝ้าย พ่อสู้เรื่องความสามัคคี ปองครอง ยุติความขัดแย้งภายใน พ่อสู้เรื่องความเป็นชาตินิยม ภูมิใจความเป็นไทย ชื่อเสียง พ่อปกป้องแผ่นดินไทย การรุกรานจากต่างชาติ และมั่นคง พ่อเสียสละตนเอง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย พ่อเตือนสติ ให้ปัญญา พระบรมราโชวาททุกปี ตื่นคิด มีสติ พ่อแบ่งปันความรัก ความรู้ ไปยังเพื่อนบ้านรอบข้างด้วย พ่อสร้างมิตร เป็นที่รักชื่นชอบของทุกราชวงศ์ทั่วโลก พ่อไม่เคยโอ้อวดตนเอง และไม่ใช้อำนาจที่มี เพื่อแสดง พ่อทำนุบำรุงทุกศาสนาในชาติ อยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ พ่อเยี่ยมเยียนชาวบ้านทุกพื้นที่ทั้งแผ่นดิน ไปเยี่ยมเสมอ พ่อยึดถือทศพิษราชธรรมได้อย่างสมบูรณ์ จนวันสุดท้าย พ่อรู้ทุกอย่าง เข้าใจ เข้าถึง แก้ปัญหา พระบารมีเปี่ยมล้น มีอีกมากมายมหาศาล จนระลึกถึงน้ำพระคุณได้ไม่หมดสิ้น เป็นบุญของปวงชนชาวไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ที่หัวใจหล่อมว๊ากที่สุดใน 3 โลก ไม่มีพ่อ ก็คงไม่มีวันนี้ ไม่มีบรรพกษัตริย์ไทย ก็คงไม่มีวันนี้เช่นกัน "ราชวงศ์จักรี" จงเจริญยิ่งยืนนาน ตราบชั่วฟ้าดินสลาย! หมี CNN(ด้วยจิตสำนึกรักพ่อ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์) 04 เม.ย. 62 16.53 น. ------------------------------------------------------------------------— Jeerachart Jongsomchai / “ปฏิวัติฝรั่งเศส ของใคร โดยใคร เพื่อใคร ?” ... “สาเหตุของการปฏิวัติฝรั่งเศส” มีหลายแนวคิดหลักๆคือ ... มูลเหตุของการปฏิวัติมีความซับซ้อนและยังเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ เช่นปัจจัยภายในต่าง ๆ ของระบอบเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจัยทางเศรษฐกิจรวมถึงความหิวโหยและทุพโภชนาการในประชากรกลุ่มที่ยากแค้นที่สุด ซึ่งบางส่วนเกิดจากสภาพอากาศผิดปกติจาก “สภาพอากาศ” ความหนาวเย็นผิดฤดู ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากกิจกรรมของภูเขาไฟที่ลากีและกริมสวอทน์ ... ใน ค.ศ. 1783-1784 ประกอบกับ “ราคาอาหารที่สูงขึ้น” และ “ระบบการขนส่งที่ไม่เพียงพอ” ซึ่งขัดขวาง “การส่งสินค้าอาหารปริมาณมากจากพื้นที่ชนบทไปยังศูนย์กลางประชากรขนาดใหญ่” ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนทำให้สังคมฝรั่งเศสขาดเสถียรภาพในช่วงก่อนการปฏิวัติอย่างยิ่ง ... สาเหตุอีกประการหนึ่งคือ “ภาวะใกล้จะล้มละลายของรัฐบาลจากค่าใช้จ่ายในสงครามที่ฝรั่งเศสเข้าร่วมรบจำนวนมหาศาล” โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามเจ็ดปี (1756 จนถึง 1763 หรือ “สงครามโลกครั้งที่ศูนย์” โดยเกี่ยวข้องกับทุกประเทศมหาอำนาจในยุโรป มีการสู้รบเกิดขึ้นในห้าทวีป สงครามเจ็ดปีเป็นสงครามระหว่างสองข้างด้วยกัน ข้างหนึ่งนำโดยบริเตนใหญ่ พร้อมด้วยปรัสเซียและกลุ่มนครรัฐเล็กในเยอรมัน กับอีกข้างหนึ่งที่นำด้วยฝรั่งเศส พร้อมด้วยออสเตรีย, รัสเซีย, สวีเดน และซัคเซิน โดยรัสเซียเปลี่ยนข้างอยู่ระยะหนึ่งในช่วงปลายของสงคราม ) และ “สงครามปฏิวัติอเมริกา” สงครามใหญ่เหล่านี้ก่อหนี้จำนวนมหาศาลให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงจากการสูญเสียการครอบครองพื้นที่อาณานิคมของฝรั่งเศสในทวีปอเมริกาเหนือ และการครอบงำทางพาณิชย์ของ “บริเตนใหญ่”ที่เพิ่มขึ้น ทั้ง “ระบบการเงิน” ที่ไม่มีประสิทธิภาพและล้าสมัยของฝรั่งเศสก็ไม่สามารถจัดการกับหนี้สาธารณะได้ ทางรัฐบาลพยายามจะแก้ไขสถานการณ์ทางการเงินด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม … การที่ฝรั่งเศส ช่วย “อเมริกา” รบกับ “อังกฤษ” นั้น ไม่ได้ต้องการให้เอกราช กับอเมริกาแต่เพราะต้องการตัดกำลังของอังกฤษคู่แข่งอาณานิคมของตัวเอง ( เหมือนตอนที่ อเมริกา หลังได้เอกราช ก็ได้ช่วย “ฟิลิปปินส์” กับ “คิวบา” เป็นเอกราชจากสเปนนั้น ไม่ได้ต้องการให้ทั้งสองชาติสัมผัสกับอิสรภาพ หรือตัวเองซาบซึ้งกับระบอบปประชาธิปไตย แต่ต้องการจะเป็นเจ้าอาณานิคมแทนเจ้าเดิม ) ... หลังการปฏิวัติมีการ ยกเลิกระบบศักดินา ยุบมณฑลต่าง ๆ แบ่งประเทศออกเป็น 83 จังหวัด มีการพยายาม “รวมศูนย์อำนาจ” เข้าสู่ศูนย์เดียวที่ปารีส ไม่ยินยอมให้เป็นเอกเทศ จึงมีการต่อต้านขัดขืน ... กระแสความตื่นตัวและอารมณ์ของประชาชนได้เปลี่ยนทิศทางของการปฏิวัติจนลึกลงไปถึงรากฐาน ซึ่งปูทางให้กับการขึ้นสู่อำนาจของ “มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์” ที่เป็นนักกฎหมาย นักการเมือง และ “กลุ่มฌากอแบ็ง” และกลายมาเป็น “เผด็จการโดยแท้” ภายใต้ “สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว” ในระหว่างปี ค.ศ. 1793 ถึง 1794 มีผู้ต่อต้านพวกเขาถูกสังหารถึงระหว่าง 16,000 ถึง 40,000 คน ( ในตอนนั้นมันคือการเปลี่ยนจาก “ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช” ไปสู่ระบอบ “เผด็จการ” ) ... สโมสรฌากอแบ็ง Club des Jacobins เป็นสโมสรทางการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ก่อตั้งในช่วงการประชุมสภาฐานันดร ค.ศ. 1789 จากการรวมกลุ่มของ “พวกผู้แทน” จากแคว้น “ดัชชีเบรอตาญ” ที่เป็นแคว้นศักดินาแห่งหนึ่งนัฝรั่งเศส ที่เน้นการ “ต่อต้านราชวงศ์” หรือ “ล้มเจ้า” อันเป็นพวกต่อต้านระบอบกษัตริย์ เริ่มแรกมีสมาชิกไม่กี่คนและเป็นการรวมตัวอย่างลับ ๆ ก่อนที่ต่อมาได้พัฒนากลายเป็นขบวนการระดับชาติที่เคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้จัดตั้งสาธารณรัฐซึ่งมีสมาชิกมากกว่าครึ่งล้านคน อย่างไรก็ตาม หลังจากโค่นล้มระบบกษัตริย์สำเร็จและจัดตั&#3657
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 1494 Views 0 Reviews
  • 17/1/68

    ‼️กลางปีนี้ บ้านไหนไม่แยกขยะ🏠กทม.จะ #ขึ้นค่าเก็บขยะ เป็น 60 บาทต่อเดือนแล้วนะ‼️

    🏠ใครอยากจ่ายเท่าเดิม 20 บาท 👉 รีบ Save คู่มือ "ฮาวทูทิ้ง" ฉบับกทม. 🚮 แล้วมาเริ่มแยกขยะง่าย ๆ

    ด้วยการระบุข้อความบนถุงขยะ เพื่อความสะดวกในการคัดแยก 🗑️✨

    ++++++++++++
    ประเภทขยะที่ควรรู้
    ++++++++++++

    👉🏼 ขยะทั่วไป เช่น

    ถุงพลาสติกเปื้อนอาหาร 🍟
    ซองบะหมี่ 🍜
    ถุงขนม 🍬
    กล่องโฟม 📦
    ผ้าอ้อมสำเร็จรูป 🍼

    .
    👉🏼 ขยะเศษอาหาร เช่น

    เศษผักผลไม้ 🍎
    เศษอาหาร 🍲
    เศษเนื้อสัตว์ 🍖

    .
    👉🏼 ขยะรีไซเคิล เช่น

    กระดาษ 📄
    พลาสติก ♻️
    แก้ว 🍶
    โลหะ ⚙️

    .
    👉🏼 ขยะอันตราย เช่น

    หลอดไฟ 💡
    แบตเตอรี่ 🔋
    ถ่านไฟฉาย 🔦
    ยาหมดอายุ 💊
    กระป๋องสเปรย์ 🧴
    ขวดน้ำยาล้างห้องน้ำ 🧼
    .
    +++++++++++++++
    คำถามยอดฮิต ❓
    แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าใครแยก/ไม่แยกขยะ ⁉️
    +++++++++++++++

    กทม.จะเปิดให้บ้านที่แยกขยะ ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ #บ้านนี้ไม่เทรวม เพื่อจ่ายค่าขยะลดเหลือ 20 บาทเท่าเดิม 💰

    โดยช่วงกลางเดือน ม.ค.นี้ จะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน BKK Waste Pay 📲

    หรือเข้าไปติดต่อที่ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ สำนักงานเขตที่มีทะเบียนบ้านอยู่ 📋 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนในระบบ

    🛠️ โดยกทม.จะมีการตรวจสอบเพื่อยืนยันว่ามีการคัดแยกขยะจริง ✅

    +++++++++++++++
    ทำไมต้องปรับค่าเก็บขยะเพิ่ม?
    +++++++++++++++

    🌿 การปรับค่าธรรมเนียมใหม่จะใช้เฉพาะบ้านที่ไม่คัดแยกขยะเท่านั้น
    เพื่อส่งเสริมการแยกขยะ ลดปริมาณขยะในกรุงเทพฯ และช่วยลดการสร้างก๊าซเรือนกระจก 🌏

    ปัจจุบัน กทม. ต้องรับภาระจัดการขยะในแต่ละวันะเฉลี่ยเกือบหมื่นตัน

    ซึ่งมีใช้ค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะอยู่ที่ประมาณ 2,300 บาท/ตัน

    เมื่อปริมาณขยะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การแยกขยะจึงเป็นอีกแนวทางสำคัญที่จะช่วยลดภาระในด้านการจัดการขยะ

    โดยข้อบัญญัติฯ ค่าธรรมเนียมขยะฉบับใหม่ จะมีผลบังคับใช้ในอีก 180 วัน หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งคาดว่าประมาณเดือนมิ.ย. 2568

    .
    📌ค่าธรรมเนียมขยะใหม่ สำหรับบ้านพักอาศัยที่มีขยะไม่เกิน 20 ลิตร/วัน หรือไม่เกิน 4 กก./วัน

    1️⃣ บ้านที่ไม่คัดแยกขยะ
    ค่าธรรมเนียม 60 บาท/เดือน (ค่าเก็บขน 30 บาท + ค่ากำจัด 30 บาท)
    .
    2️⃣ บ้านที่คัดแยกขยะ
    ค่าธรรมเนียม 20 บาท/เดือน (ค่าเก็บขน 10 บาท + ค่ากำจัด 10 บาท)

    +++++++++++++++

    ประโยชน์ของการปรับอัตราค่าขยะ

    ✔️ ลดปริมาณขยะในพื้นที่กรุงเทพฯ
    ✔️ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการขยะ
    ✔️ พัฒนาคุณภาพชีวิตคนกรุงเทพฯ
    ✔️ ลดการสร้างก๊าซเรือนกระจก

    เริ่มต้นแยกขยะวันนี้ นอกจากไม่ต้องค่าขยะเพิ่มแล้ว
    ยังช่วยโลก ช่วยสิ่งแวดล้อม ได้เยอะเลย ✨🌱
    17/1/68 ‼️กลางปีนี้ บ้านไหนไม่แยกขยะ🏠กทม.จะ #ขึ้นค่าเก็บขยะ เป็น 60 บาทต่อเดือนแล้วนะ‼️ 🏠ใครอยากจ่ายเท่าเดิม 20 บาท 👉 รีบ Save คู่มือ "ฮาวทูทิ้ง" ฉบับกทม. 🚮 แล้วมาเริ่มแยกขยะง่าย ๆ ด้วยการระบุข้อความบนถุงขยะ เพื่อความสะดวกในการคัดแยก 🗑️✨ ++++++++++++ ประเภทขยะที่ควรรู้ ++++++++++++ 👉🏼 ขยะทั่วไป เช่น ถุงพลาสติกเปื้อนอาหาร 🍟 ซองบะหมี่ 🍜 ถุงขนม 🍬 กล่องโฟม 📦 ผ้าอ้อมสำเร็จรูป 🍼 . 👉🏼 ขยะเศษอาหาร เช่น เศษผักผลไม้ 🍎 เศษอาหาร 🍲 เศษเนื้อสัตว์ 🍖 . 👉🏼 ขยะรีไซเคิล เช่น กระดาษ 📄 พลาสติก ♻️ แก้ว 🍶 โลหะ ⚙️ . 👉🏼 ขยะอันตราย เช่น หลอดไฟ 💡 แบตเตอรี่ 🔋 ถ่านไฟฉาย 🔦 ยาหมดอายุ 💊 กระป๋องสเปรย์ 🧴 ขวดน้ำยาล้างห้องน้ำ 🧼 . +++++++++++++++ คำถามยอดฮิต ❓ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าใครแยก/ไม่แยกขยะ ⁉️ +++++++++++++++ กทม.จะเปิดให้บ้านที่แยกขยะ ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ #บ้านนี้ไม่เทรวม เพื่อจ่ายค่าขยะลดเหลือ 20 บาทเท่าเดิม 💰 โดยช่วงกลางเดือน ม.ค.นี้ จะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน BKK Waste Pay 📲 หรือเข้าไปติดต่อที่ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ สำนักงานเขตที่มีทะเบียนบ้านอยู่ 📋 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนในระบบ 🛠️ โดยกทม.จะมีการตรวจสอบเพื่อยืนยันว่ามีการคัดแยกขยะจริง ✅ +++++++++++++++ ทำไมต้องปรับค่าเก็บขยะเพิ่ม? +++++++++++++++ 🌿 การปรับค่าธรรมเนียมใหม่จะใช้เฉพาะบ้านที่ไม่คัดแยกขยะเท่านั้น เพื่อส่งเสริมการแยกขยะ ลดปริมาณขยะในกรุงเทพฯ และช่วยลดการสร้างก๊าซเรือนกระจก 🌏 ปัจจุบัน กทม. ต้องรับภาระจัดการขยะในแต่ละวันะเฉลี่ยเกือบหมื่นตัน ซึ่งมีใช้ค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะอยู่ที่ประมาณ 2,300 บาท/ตัน เมื่อปริมาณขยะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การแยกขยะจึงเป็นอีกแนวทางสำคัญที่จะช่วยลดภาระในด้านการจัดการขยะ โดยข้อบัญญัติฯ ค่าธรรมเนียมขยะฉบับใหม่ จะมีผลบังคับใช้ในอีก 180 วัน หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งคาดว่าประมาณเดือนมิ.ย. 2568 . 📌ค่าธรรมเนียมขยะใหม่ สำหรับบ้านพักอาศัยที่มีขยะไม่เกิน 20 ลิตร/วัน หรือไม่เกิน 4 กก./วัน 1️⃣ บ้านที่ไม่คัดแยกขยะ ค่าธรรมเนียม 60 บาท/เดือน (ค่าเก็บขน 30 บาท + ค่ากำจัด 30 บาท) . 2️⃣ บ้านที่คัดแยกขยะ ค่าธรรมเนียม 20 บาท/เดือน (ค่าเก็บขน 10 บาท + ค่ากำจัด 10 บาท) +++++++++++++++ ประโยชน์ของการปรับอัตราค่าขยะ ✔️ ลดปริมาณขยะในพื้นที่กรุงเทพฯ ✔️ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการขยะ ✔️ พัฒนาคุณภาพชีวิตคนกรุงเทพฯ ✔️ ลดการสร้างก๊าซเรือนกระจก เริ่มต้นแยกขยะวันนี้ นอกจากไม่ต้องค่าขยะเพิ่มแล้ว ยังช่วยโลก ช่วยสิ่งแวดล้อม ได้เยอะเลย ✨🌱
    0 Comments 0 Shares 723 Views 0 Reviews
  • 13/12/67

    เปลี่ยนด่วน! ผลวิจัยชี้ ใช้เครื่องครัวทำจากพลาสติกสีดำเสี่ยงเป็นมะเร็ง...

    ผลจากการศึกษาวิจัยโดยนักวิจัยจากสถาบันวิจัยท็อกซิก-ฟรี ฟิวเจอร์และสถาบันเพื่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมแห่งอัมสเตอร์ดัม มหาวิทยาลัยเสรีอัมสเตอร์ดัม ซึ่งได้ทำการทดสอบผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน 203 รายการที่ผลิตด้วยพลาสติกสีดำ พบว่า 85% ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ มีสารหน่วงการติดไฟผสมอยู่ในปริมาณสูง 

    งานวิจัยดังกล่าวเพิ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารคีโมสเฟียร์ มีเมแกน หลิว ผู้จัดการด้านวิทยาศาสตร์และนโยบาย เป็นผู้ร่วมดูแลโครงการวิจัย เธออธิบายว่า สารหน่วงการติดไฟหรือ Retardant คือสารชนิดเดียวกันกับสารที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เช่น เครื่องรับโทรทัศน์, โทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์

    สารชนิดนี้จะพบในอุปกรณ์ที่ผลิตด้วยพลาสติกสีดำเท่านั้น ไม่มีในพลาสติกสีอื่น เนื่องจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้และเคลือบสารหน่วงการติดไฟเหล่านี้มักจะมีสีดำ

    หลิวชี้ว่า ความจริงแล้วก็ไม่ควรใช้สารเคมีที่ก่อมะเร็งได้ในการผลิตอยู่แล้ว และระบบการรีไซเคิลก็ทำให้สารนี้เข้าสู่สิ่งแวดล้อมและเข้าสู่บ้านเรือนประชาชนในหลาย ๆ ทาง และจากการตรวจสอบก็พบสารนี้อยู่ในปริมาณที่น่ากังวลใจ

    ผลการศึกษาพบว่า พลาสติกที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้อาจถูกนำไปรีไซเคิลและกลายเป็นวัสดุผลิตอุปกรณ์เครื่องครัวซึ่งไม่ได้ต้องการคุณสมบัติการหน่วงการติดไฟเท่าไหร่นัก และกลับกลายเป็นว่า ทำให้เรามีโอกาสสัมผัสสารอันตรายนี้โดยไม่จำเป็น ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับเด็กและสตรีในวัยเจริญพันธุ์

    นักวิจัยระบุว่า ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสสารนี้ ได้แก่ การก่อโรคมะเร็ง, รบกวนการทำงานต่อมไร้ท่อ, เป็นพิษต่อระบบประสาทและระบบสืบพันธุ์ รวมทั้งเป็นพิษต่อตัวอ่อนในครรภ์

    แม้จะไม่ได้เปิดเผยชื่อยี่ห้อหรือผู้ผลิต แต่ทีมวิจัยพบสารหน่วงการติดไฟในระดับสูงสุดในเครื่องใช้ประเภทไม้พาย, ถาดซูชิที่เป็นบรรจุภัณฑ์วางขายตามร้านค้า และสร้อยคอลูกปัดพลาสติก

    หนึ่งในสารเคมีอันตรายที่ตรวจพบในภาชนะคือสารต้องห้ามที่เรียกว่า decaBDE ซึ่งใช้ทำชิ้นส่วนด้านนอกของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การศึกษายังเผยให้เห็นว่าสารดังกล่าวแทรกซึมเข้าสู่บ้านของเราผ่านทางวัสดุพลาสติกรีไซเคิล เช่น การนำวัสดุของตู้เครื่องรับโทรทัศน์ไปรีไซเคิลเป็นภาชนะจัดเก็บอาหาร

    เฮเทอร์ สเตเปิลตัน ศาสตราจารย์ดีเด่นจากสถาบันโรนี-ริเชล การ์เซีย-จอห์นสันแห่งมหาวิทยาลัยดุ๊ก กล่าวแนะนำว่า ควรพยายามกำจัดเครื่องใช้ในครัวที่เป็นพลาสติกสีดำทิ้งไป หรือค่อยๆ ปรับเปลี่ยนการใช้อุปกรณ์เหล่านี้ให้น้อยลง 

    หากว่ายังไม่สามารถเปลี่ยนเครื่องใช้เสี่ยงอันตรายเหล่านี้ได้ในทันที ก็ควรหลีกเลี่ยงการนำไปใช้หรือสัมผัสของของร้อนเป็นเวลานาน ๆ อย่างไรก็ตาม ควรเปลี่ยนเครื่องใช้นั้นทิ้งไปในทันทีหากมันละลายหรือเสียรูปเนื่องจากความร้อน

    สำหรับตัวเลือกภาชนะหรือเครื่องใช้ในครัวที่ดีกว่าพลาสติกสีดำคือเครื่องใช้ที่ทำจากโลหะ ไม้และเซรามิก แต่ก็ต้องทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคอย่างสม่ำเสมอ
    cr:Dailynews
    13/12/67 เปลี่ยนด่วน! ผลวิจัยชี้ ใช้เครื่องครัวทำจากพลาสติกสีดำเสี่ยงเป็นมะเร็ง... ผลจากการศึกษาวิจัยโดยนักวิจัยจากสถาบันวิจัยท็อกซิก-ฟรี ฟิวเจอร์และสถาบันเพื่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมแห่งอัมสเตอร์ดัม มหาวิทยาลัยเสรีอัมสเตอร์ดัม ซึ่งได้ทำการทดสอบผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน 203 รายการที่ผลิตด้วยพลาสติกสีดำ พบว่า 85% ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ มีสารหน่วงการติดไฟผสมอยู่ในปริมาณสูง  งานวิจัยดังกล่าวเพิ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารคีโมสเฟียร์ มีเมแกน หลิว ผู้จัดการด้านวิทยาศาสตร์และนโยบาย เป็นผู้ร่วมดูแลโครงการวิจัย เธออธิบายว่า สารหน่วงการติดไฟหรือ Retardant คือสารชนิดเดียวกันกับสารที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เช่น เครื่องรับโทรทัศน์, โทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์ สารชนิดนี้จะพบในอุปกรณ์ที่ผลิตด้วยพลาสติกสีดำเท่านั้น ไม่มีในพลาสติกสีอื่น เนื่องจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้และเคลือบสารหน่วงการติดไฟเหล่านี้มักจะมีสีดำ หลิวชี้ว่า ความจริงแล้วก็ไม่ควรใช้สารเคมีที่ก่อมะเร็งได้ในการผลิตอยู่แล้ว และระบบการรีไซเคิลก็ทำให้สารนี้เข้าสู่สิ่งแวดล้อมและเข้าสู่บ้านเรือนประชาชนในหลาย ๆ ทาง และจากการตรวจสอบก็พบสารนี้อยู่ในปริมาณที่น่ากังวลใจ ผลการศึกษาพบว่า พลาสติกที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้อาจถูกนำไปรีไซเคิลและกลายเป็นวัสดุผลิตอุปกรณ์เครื่องครัวซึ่งไม่ได้ต้องการคุณสมบัติการหน่วงการติดไฟเท่าไหร่นัก และกลับกลายเป็นว่า ทำให้เรามีโอกาสสัมผัสสารอันตรายนี้โดยไม่จำเป็น ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับเด็กและสตรีในวัยเจริญพันธุ์ นักวิจัยระบุว่า ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสสารนี้ ได้แก่ การก่อโรคมะเร็ง, รบกวนการทำงานต่อมไร้ท่อ, เป็นพิษต่อระบบประสาทและระบบสืบพันธุ์ รวมทั้งเป็นพิษต่อตัวอ่อนในครรภ์ แม้จะไม่ได้เปิดเผยชื่อยี่ห้อหรือผู้ผลิต แต่ทีมวิจัยพบสารหน่วงการติดไฟในระดับสูงสุดในเครื่องใช้ประเภทไม้พาย, ถาดซูชิที่เป็นบรรจุภัณฑ์วางขายตามร้านค้า และสร้อยคอลูกปัดพลาสติก หนึ่งในสารเคมีอันตรายที่ตรวจพบในภาชนะคือสารต้องห้ามที่เรียกว่า decaBDE ซึ่งใช้ทำชิ้นส่วนด้านนอกของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การศึกษายังเผยให้เห็นว่าสารดังกล่าวแทรกซึมเข้าสู่บ้านของเราผ่านทางวัสดุพลาสติกรีไซเคิล เช่น การนำวัสดุของตู้เครื่องรับโทรทัศน์ไปรีไซเคิลเป็นภาชนะจัดเก็บอาหาร เฮเทอร์ สเตเปิลตัน ศาสตราจารย์ดีเด่นจากสถาบันโรนี-ริเชล การ์เซีย-จอห์นสันแห่งมหาวิทยาลัยดุ๊ก กล่าวแนะนำว่า ควรพยายามกำจัดเครื่องใช้ในครัวที่เป็นพลาสติกสีดำทิ้งไป หรือค่อยๆ ปรับเปลี่ยนการใช้อุปกรณ์เหล่านี้ให้น้อยลง  หากว่ายังไม่สามารถเปลี่ยนเครื่องใช้เสี่ยงอันตรายเหล่านี้ได้ในทันที ก็ควรหลีกเลี่ยงการนำไปใช้หรือสัมผัสของของร้อนเป็นเวลานาน ๆ อย่างไรก็ตาม ควรเปลี่ยนเครื่องใช้นั้นทิ้งไปในทันทีหากมันละลายหรือเสียรูปเนื่องจากความร้อน สำหรับตัวเลือกภาชนะหรือเครื่องใช้ในครัวที่ดีกว่าพลาสติกสีดำคือเครื่องใช้ที่ทำจากโลหะ ไม้และเซรามิก แต่ก็ต้องทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคอย่างสม่ำเสมอ cr:Dailynews
    0 Comments 0 Shares 708 Views 0 Reviews
  • กลไกแรงขับเคลื่อนที่สำคัญสู่การพัฒนาสร้างสรรค์เศรษฐกิจผสมผสานในประเทศเศรษฐกิจผสมผสาน (Integrated Economy) เป็นแนวคิดที่มุ่งเน้นการผสานความแข็งแกร่งจากหลายภาคส่วน ทั้งเกษตรกรรม อุตสาหกรรม บริการ และเทคโนโลยี เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและสามารถแข่งขันในระดับโลกได้ ประเทศไทยในฐานะประเทศที่มีความหลากหลายด้านทรัพยากรและวัฒนธรรม สามารถใช้ประโยชน์จากกลไกแรงขับเคลื่อนเหล่านี้เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนานี้ได้---1. การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความสามารถในการแข่งขันการวิจัยและพัฒนา (R&D): สนับสนุนการวิจัยในสถาบันการศึกษาและเอกชนเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าเพิ่มการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้: ส่งเสริมการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI), IoT และ Big Data ในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และบริการการพัฒนาสตาร์ทอัพ: ส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่สามารถสร้างแนวคิดธุรกิจที่เชื่อมโยงทรัพยากรในประเทศเข้ากับตลาดโลก---2. การสร้างเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Economy)เศรษฐกิจที่ยั่งยืนไม่สามารถมองข้ามความสำคัญของสิ่งแวดล้อมได้การพัฒนาพลังงานหมุนเวียน: สนับสนุนการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ลม และชีวมวลการจัดการขยะและทรัพยากรหมุนเวียน: ส่งเสริมการรีไซเคิลและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าการสร้างผลิตภัณฑ์สีเขียว: พัฒนาสินค้าที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและกระบวนการผลิตที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก---3. การส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy)เศรษฐกิจสร้างสรรค์ช่วยเพิ่มมูลค่าผ่านความคิดสร้างสรรค์และวัฒนธรรมศิลปะและวัฒนธรรม: นำมรดกวัฒนธรรมไทย เช่น ผ้าไหม งานหัตถกรรม และอาหาร มาปรับใช้ในตลาดสมัยใหม่การออกแบบและสื่อดิจิทัล: ส่งเสริมการพัฒนาภาพยนตร์ ดนตรี และเกมที่สะท้อนเอกลักษณ์ไทยการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น: พัฒนาผลิตภัณฑ์จากชุมชนเพื่อการส่งออก---4. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทรัพยากรมนุษย์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจผสมผสานประสบความสำเร็จการศึกษาและการฝึกอบรม: ปรับปรุงระบบการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในศตวรรษที่ 21การส่งเสริมทักษะที่หลากหลาย: เช่น ทักษะด้านดิจิทัล การแก้ปัญหา และความคิดสร้างสรรค์การสนับสนุนแรงงานในภาคเกษตรและอุตสาหกรรม: เพิ่มโอกาสให้แรงงานได้รับความรู้ใหม่และเทคโนโลยี---5. การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างภาคส่วนการผสานความร่วมมือระหว่างเกษตร อุตสาหกรรม และบริการช่วยสร้างระบบเศรษฐกิจที่ครอบคลุมเกษตรกรรมอัจฉริยะ: ใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเพื่อเพิ่มผลผลิตอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป: พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่การท่องเที่ยวแบบครบวงจร: ผสมผสานวัฒนธรรม ธรรมชาติ และสุขภาพในการสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยว---6. การสนับสนุนนโยบายและโครงสร้างพื้นฐานการสนับสนุนจากรัฐบาลและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ดีเป็นสิ่งจำเป็นการจัดทำนโยบายที่ยั่งยืน: เช่น การลดภาษีสำหรับธุรกิจสีเขียวและสร้างสรรค์การพัฒนาโครงข่ายโลจิสติกส์: สร้างเครือข่ายการขนส่งที่ช่วยลดต้นทุนและเวลาการเข้าถึงแหล่งเงินทุน: สนับสนุน SMEs และสตาร์ทอัพผ่านกองทุนพัฒนาเศรษฐกิจ---สรุปการพัฒนาสร้างสรรค์เศรษฐกิจผสมผสานในประเทศต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วน ทั้งรัฐบาล ภาคเอกชน ชุมชน และประชาชน หากประเทศไทยสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมทั้งปรับตัวตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ก็จะสามารถสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและแข็งแกร่งได้ในระยะยาว
    กลไกแรงขับเคลื่อนที่สำคัญสู่การพัฒนาสร้างสรรค์เศรษฐกิจผสมผสานในประเทศเศรษฐกิจผสมผสาน (Integrated Economy) เป็นแนวคิดที่มุ่งเน้นการผสานความแข็งแกร่งจากหลายภาคส่วน ทั้งเกษตรกรรม อุตสาหกรรม บริการ และเทคโนโลยี เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและสามารถแข่งขันในระดับโลกได้ ประเทศไทยในฐานะประเทศที่มีความหลากหลายด้านทรัพยากรและวัฒนธรรม สามารถใช้ประโยชน์จากกลไกแรงขับเคลื่อนเหล่านี้เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนานี้ได้---1. การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความสามารถในการแข่งขันการวิจัยและพัฒนา (R&D): สนับสนุนการวิจัยในสถาบันการศึกษาและเอกชนเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าเพิ่มการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้: ส่งเสริมการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI), IoT และ Big Data ในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และบริการการพัฒนาสตาร์ทอัพ: ส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่สามารถสร้างแนวคิดธุรกิจที่เชื่อมโยงทรัพยากรในประเทศเข้ากับตลาดโลก---2. การสร้างเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Economy)เศรษฐกิจที่ยั่งยืนไม่สามารถมองข้ามความสำคัญของสิ่งแวดล้อมได้การพัฒนาพลังงานหมุนเวียน: สนับสนุนการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ลม และชีวมวลการจัดการขยะและทรัพยากรหมุนเวียน: ส่งเสริมการรีไซเคิลและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าการสร้างผลิตภัณฑ์สีเขียว: พัฒนาสินค้าที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและกระบวนการผลิตที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก---3. การส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy)เศรษฐกิจสร้างสรรค์ช่วยเพิ่มมูลค่าผ่านความคิดสร้างสรรค์และวัฒนธรรมศิลปะและวัฒนธรรม: นำมรดกวัฒนธรรมไทย เช่น ผ้าไหม งานหัตถกรรม และอาหาร มาปรับใช้ในตลาดสมัยใหม่การออกแบบและสื่อดิจิทัล: ส่งเสริมการพัฒนาภาพยนตร์ ดนตรี และเกมที่สะท้อนเอกลักษณ์ไทยการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น: พัฒนาผลิตภัณฑ์จากชุมชนเพื่อการส่งออก---4. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทรัพยากรมนุษย์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจผสมผสานประสบความสำเร็จการศึกษาและการฝึกอบรม: ปรับปรุงระบบการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในศตวรรษที่ 21การส่งเสริมทักษะที่หลากหลาย: เช่น ทักษะด้านดิจิทัล การแก้ปัญหา และความคิดสร้างสรรค์การสนับสนุนแรงงานในภาคเกษตรและอุตสาหกรรม: เพิ่มโอกาสให้แรงงานได้รับความรู้ใหม่และเทคโนโลยี---5. การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างภาคส่วนการผสานความร่วมมือระหว่างเกษตร อุตสาหกรรม และบริการช่วยสร้างระบบเศรษฐกิจที่ครอบคลุมเกษตรกรรมอัจฉริยะ: ใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเพื่อเพิ่มผลผลิตอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป: พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่การท่องเที่ยวแบบครบวงจร: ผสมผสานวัฒนธรรม ธรรมชาติ และสุขภาพในการสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยว---6. การสนับสนุนนโยบายและโครงสร้างพื้นฐานการสนับสนุนจากรัฐบาลและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ดีเป็นสิ่งจำเป็นการจัดทำนโยบายที่ยั่งยืน: เช่น การลดภาษีสำหรับธุรกิจสีเขียวและสร้างสรรค์การพัฒนาโครงข่ายโลจิสติกส์: สร้างเครือข่ายการขนส่งที่ช่วยลดต้นทุนและเวลาการเข้าถึงแหล่งเงินทุน: สนับสนุน SMEs และสตาร์ทอัพผ่านกองทุนพัฒนาเศรษฐกิจ---สรุปการพัฒนาสร้างสรรค์เศรษฐกิจผสมผสานในประเทศต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วน ทั้งรัฐบาล ภาคเอกชน ชุมชน และประชาชน หากประเทศไทยสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมทั้งปรับตัวตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ก็จะสามารถสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและแข็งแกร่งได้ในระยะยาว
    0 Comments 0 Shares 859 Views 0 Reviews
  • "อุตสาหกรรมที่ชี้เป็นชี้ตาย" หมายถึงกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญมากต่อเศรษฐกิจของประเทศหรือโลก และหากเกิดปัญหาในอุตสาหกรรมเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยปกติจะหมายถึงอุตสาหกรรมหลัก เช่น:1. อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ2. อุตสาหกรรมพลังงาน3. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ4. อุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร5. อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์6. อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์7. อุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์8. อุตสาหกรรมการก่อสร้าง9. อุตสาหกรรมโทรคมนาคม10. อุตสาหกรรมการธนาคารและการเงิน11. อุตสาหกรรมเหมืองแร่12. อุตสาหกรรมเหล็กและโลหะ13. อุตสาหกรรมปิโตรเคมี14. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร15. อุตสาหกรรมป้องกันประเทศและอาวุธ16. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์17. อุตสาหกรรมการผลิตหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ18. อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ19. อุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอ20. อุตสาหกรรมบันเทิงและสื่อ21. อุตสาหกรรมการศึกษาและการฝึกอบรม22. อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน (พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม)23. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ24. อุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์25. อุตสาหกรรมสื่อดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์26. อุตสาหกรรมเกมและการพัฒนาแอปพลิเคชัน27. อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์พิเศษ28. อุตสาหกรรมการขนส่งสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานนี่คืออุตสาหกรรมเพิ่มเติมที่มีความสำคัญ:29. อุตสาหกรรมการรีไซเคิลและการจัดการของเสีย30. อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ31. อุตสาหกรรมการประมงและผลิตภัณฑ์จากทะเล32. อุตสาหกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้าง33. อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์34. อุตสาหกรรมอุปกรณ์กีฬา35. อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว36. อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และการออกแบบตกแต่งภายใน37. อุตสาหกรรมการศึกษาออนไลน์และการเรียนรู้ดิจิทัล38. อุตสาหกรรมการค้าปลีก (ทั้งแบบดั้งเดิมและออนไลน์)39. อุตสาหกรรมการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ (เช่น ข้าวสาลี, ข้าวโพด, อ้อย)40. อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ41. อุตสาหกรรมการพัฒนาและขายซอฟต์แวร์42. อุตสาหกรรมดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง43. อุตสาหกรรมบริการด้านการเงิน (เช่น บริษัทประกันภัย)44. อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์45. อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการผลิตแบตเตอรี่46. อุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์47. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร (เช่น พืชดัดแปลงพันธุกรรม)48. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ49. อุตสาหกรรมการพิมพ์สามมิติ (3D Printing)50. อุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (Data Centers)51. อุตสาหกรรมการออกแบบสถาปัตยกรรมและการวางผังเมือง52. อุตสาหกรรมการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)53. อุตสาหกรรมการวิเคราะห์และวิจัยตลาด54. อุตสาหกรรมการทดสอบและควบคุมคุณภาพ55. อุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์56. อุตสาหกรรมอุปกรณ์การแพทย์57. อุตสาหกรรมการแพทย์ทางเลือกและการรักษาสุขภาพแบบองค์รวม58. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการจัดการโครงข่ายพลังงาน (Smart Grid)59. อุตสาหกรรมการพัฒนาเทคโนโลยีรถไร้คนขับ60. อุตสาหกรรมโลจิสติกส์อัจฉริยะและห่วงโซ่อุปทาน61. อุตสาหกรรมการออกแบบและการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรูหรา62. อุตสาหกรรมการผลิตวัคซีนและยาชีววัตถุ63. อุตสาหกรรมการส่งเสริมและสนับสนุนเทคโนโลยีสีเขียว64. อุตสาหกรรมระบบการเกษตรแบบยั่งยืนและเทคโนโลยีเกษตร (AgriTech)65. อุตสาหกรรมที่พักอาศัยและการบริการ (Hospitality)66. อุตสาหกรรมสถาบันทางการเงินระหว่างประเทศ67. อุตสาหกรรมการจัดการและบำบัดน้ำ
    "อุตสาหกรรมที่ชี้เป็นชี้ตาย" หมายถึงกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญมากต่อเศรษฐกิจของประเทศหรือโลก และหากเกิดปัญหาในอุตสาหกรรมเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยปกติจะหมายถึงอุตสาหกรรมหลัก เช่น:1. อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ2. อุตสาหกรรมพลังงาน3. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ4. อุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร5. อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์6. อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์7. อุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์8. อุตสาหกรรมการก่อสร้าง9. อุตสาหกรรมโทรคมนาคม10. อุตสาหกรรมการธนาคารและการเงิน11. อุตสาหกรรมเหมืองแร่12. อุตสาหกรรมเหล็กและโลหะ13. อุตสาหกรรมปิโตรเคมี14. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร15. อุตสาหกรรมป้องกันประเทศและอาวุธ16. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์17. อุตสาหกรรมการผลิตหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ18. อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ19. อุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอ20. อุตสาหกรรมบันเทิงและสื่อ21. อุตสาหกรรมการศึกษาและการฝึกอบรม22. อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน (พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม)23. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ24. อุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์25. อุตสาหกรรมสื่อดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์26. อุตสาหกรรมเกมและการพัฒนาแอปพลิเคชัน27. อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์พิเศษ28. อุตสาหกรรมการขนส่งสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานนี่คืออุตสาหกรรมเพิ่มเติมที่มีความสำคัญ:29. อุตสาหกรรมการรีไซเคิลและการจัดการของเสีย30. อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ31. อุตสาหกรรมการประมงและผลิตภัณฑ์จากทะเล32. อุตสาหกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้าง33. อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์34. อุตสาหกรรมอุปกรณ์กีฬา35. อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว36. อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และการออกแบบตกแต่งภายใน37. อุตสาหกรรมการศึกษาออนไลน์และการเรียนรู้ดิจิทัล38. อุตสาหกรรมการค้าปลีก (ทั้งแบบดั้งเดิมและออนไลน์)39. อุตสาหกรรมการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ (เช่น ข้าวสาลี, ข้าวโพด, อ้อย)40. อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ41. อุตสาหกรรมการพัฒนาและขายซอฟต์แวร์42. อุตสาหกรรมดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง43. อุตสาหกรรมบริการด้านการเงิน (เช่น บริษัทประกันภัย)44. อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์45. อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการผลิตแบตเตอรี่46. อุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์47. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร (เช่น พืชดัดแปลงพันธุกรรม)48. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ49. อุตสาหกรรมการพิมพ์สามมิติ (3D Printing)50. อุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (Data Centers)51. อุตสาหกรรมการออกแบบสถาปัตยกรรมและการวางผังเมือง52. อุตสาหกรรมการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)53. อุตสาหกรรมการวิเคราะห์และวิจัยตลาด54. อุตสาหกรรมการทดสอบและควบคุมคุณภาพ55. อุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์56. อุตสาหกรรมอุปกรณ์การแพทย์57. อุตสาหกรรมการแพทย์ทางเลือกและการรักษาสุขภาพแบบองค์รวม58. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการจัดการโครงข่ายพลังงาน (Smart Grid)59. อุตสาหกรรมการพัฒนาเทคโนโลยีรถไร้คนขับ60. อุตสาหกรรมโลจิสติกส์อัจฉริยะและห่วงโซ่อุปทาน61. อุตสาหกรรมการออกแบบและการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรูหรา62. อุตสาหกรรมการผลิตวัคซีนและยาชีววัตถุ63. อุตสาหกรรมการส่งเสริมและสนับสนุนเทคโนโลยีสีเขียว64. อุตสาหกรรมระบบการเกษตรแบบยั่งยืนและเทคโนโลยีเกษตร (AgriTech)65. อุตสาหกรรมที่พักอาศัยและการบริการ (Hospitality)66. อุตสาหกรรมสถาบันทางการเงินระหว่างประเทศ67. อุตสาหกรรมการจัดการและบำบัดน้ำ
    0 Comments 0 Shares 1135 Views 0 Reviews
  • ภาพล่าสุดของโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี่ลิเธียมในรัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกาหลังจากเกิดการระเบิด
    โรงงานแห่งนี้เป็นหนึ่งในโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาและในโลก การระเบิดเกิดขึ้นเป็นลูกโซ่ต่อเนื่องและรุนแรงทำให้โรงงานทั้งหมดถูกทำลายไป

    คลิปเหตุการณ์ช่วงเพลิงไหม้
    https://vk.com/wall-217774945_1300
    ภาพล่าสุดของโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี่ลิเธียมในรัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกาหลังจากเกิดการระเบิด โรงงานแห่งนี้เป็นหนึ่งในโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาและในโลก การระเบิดเกิดขึ้นเป็นลูกโซ่ต่อเนื่องและรุนแรงทำให้โรงงานทั้งหมดถูกทำลายไป คลิปเหตุการณ์ช่วงเพลิงไหม้ https://vk.com/wall-217774945_1300
    0 Comments 0 Shares 153 Views 0 Reviews
  • 🗑️♻️ แอปรับซื้อของเก่า “Recycoex” มีบริการถึงหน้าบ้าน มีหลายประเภท พร้อมบอกราคาขาย!

    💭 ใครเป็นสายชอบรีไซเคิลขยะพลาสติกเหมือนแอดบ้าง มา ๆ วันนี้แอดมาแจกพิกัดตัวช่วยแล้ว แอดไปเจอแอปสำหรับขายของเก่ามา แถมเราไม่ต้องขนของออกไปขายข้างนอกด้วย เพราะเขามีบริการถึงหน้าบ้านเลย ที่สำคัญคือเราสามารถเช็กราคาซื้อขายในแอปได้เลย ยังไงไปลองเล่นกันดูนะ

    📍ดาวน์โหลดได้ทั้ง iOS และ Android

    #ShobPro #ชอบโปร #รีไซเคิล
    🗑️♻️ แอปรับซื้อของเก่า “Recycoex” มีบริการถึงหน้าบ้าน มีหลายประเภท พร้อมบอกราคาขาย! 💭 ใครเป็นสายชอบรีไซเคิลขยะพลาสติกเหมือนแอดบ้าง มา ๆ วันนี้แอดมาแจกพิกัดตัวช่วยแล้ว แอดไปเจอแอปสำหรับขายของเก่ามา แถมเราไม่ต้องขนของออกไปขายข้างนอกด้วย เพราะเขามีบริการถึงหน้าบ้านเลย ที่สำคัญคือเราสามารถเช็กราคาซื้อขายในแอปได้เลย ยังไงไปลองเล่นกันดูนะ 📍ดาวน์โหลดได้ทั้ง iOS และ Android #ShobPro #ชอบโปร #รีไซเคิล
    0 Comments 0 Shares 365 Views 0 Reviews
  • มาเลเซียเอาบ้าง งดแจกถุงพลาสติก

    ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2567 เป็นต้นไป ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา และร้านเพื่อสุขภาพและความงามในประเทศมาเลเซียกว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศ จะงดแจกถุงพลาสติดแบบใช้ครั้งเดียว (Single-use plastic bags) อย่างเป็นทางการ หากลูกค้าไม่ได้นำถุงพลาสติกมาเอง สามารถหาซื้อถุงรีไซเคิลได้ที่ร้านค้า ตามแคมเปญ "Say No to Single-Use Plastics" ของกระทรวงการเคหะและการปกครองส่วนท้องถิ่น

    นายหงา กอร์ มิง รมว.การเคหะและการปกครองส่วนท้องถิ่น กล่าวว่า เครือข่ายร้านค้าปลีกชั้นนำบางแห่งได้เริ่มงดแจกถุงพลาสติกแล้ว แต่บัดนี้พวกเขาได้ลงนามความร่วมมือครั้งใหญ่ โดยจะเริ่มในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะช่วยลดการใช้ถุงพลาสติกได้ปีละ 200 ล้านใบ ลดปริมาณขยะที่ต้องกำจัด และยืดอายุการใช้งานหลุมฝังกลบขยะที่มีอยู่

    ที่ผ่านมารัฐบาลมาเลเซียต้องแบกรับต้นทุนการจัดการขยะมูลฝอยและการทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ สูงกว่า 2,000 ล้านริงกิตต่อปี และกำลังดำเนินการเพื่อลดการพึ่งพาหลุมฝังกลบ ซึ่งปัจจุบันประเทศมาเลเซียมีหลุมฝังกลบขยะที่ไม่ถูกสุขอนามัย 114 แห่ง มีเพียง 22 แห่งที่ถูกสุขอนามัย ซึ่งการเปิดหลุมฝังกลบขยะและการปรับปรุงหลุมฝังกลบขยะเดิมต้องใช้ต้นทุนสูงมาก

    นอกจากนี้ ทางกระทรวงฯ กำลังจัดทำร่างกฎหมายจัดการผู้ที่ทิ้งขยะโดยขาดความรับผิดชอบ และจะนำเสนอต่อรัฐสภาในปี 2568 เพื่อแก้ปัญหาขยะล้นเมืองอย่างจริงจัง และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศ เนื่องจากยุคนี้เป็นยุคของโซเชียลมีเดีย หากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเที่ยวที่นี่ แล้วถ่ายคลิปลงติ๊กต็อก ชื่อเสียงของประเทศจะได้รับผลกระทบ ที่ผ่านมามีการบังคับใช้กฎหมายและประสบความสำเร็จในประเทศที่พัฒนาแล้วหลายแห่ง การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

    ร้านค้าปลีกในมาเลเซียที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย 99 Speedmart 2,533 สาขา 7-Eleven 2,400 สาขา KK Mart 808 สาขา Watsons 733 สาขา Guardian 602 สาขา emart24 65 สาขา ส่วนห้างสรรพสินค้า อาทิ กลุ่ม GCH Retail (Giant / Cold Storage / Mercato) 93 สาขา AEON 35 สาขา AEON Big 21 สาขา Mydin 78 สาขา Lotus's 68 สาขา The Store 50 สาขา TF Value Mart 45 สาขา Econsave 33 สาขา NSK Trade City 32 สาขา Lulu 5 สาขา เป็นต้น

    สำหรับประเทศไทย ภาครัฐได้ผลักดันนโยบายงดแจกถุงพลาสติกตามห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก และร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 เป็นต้นมา แต่ก็เป็นที่วิจารณ์ว่าการจำหน่ายถุงพลาสติกแทนการแจก เป็นการผลักภาระให้ผู้บริโภค

    #Newskit #งดแจกถุงพลาสติก #มาเลเซีย
    มาเลเซียเอาบ้าง งดแจกถุงพลาสติก ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2567 เป็นต้นไป ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา และร้านเพื่อสุขภาพและความงามในประเทศมาเลเซียกว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศ จะงดแจกถุงพลาสติดแบบใช้ครั้งเดียว (Single-use plastic bags) อย่างเป็นทางการ หากลูกค้าไม่ได้นำถุงพลาสติกมาเอง สามารถหาซื้อถุงรีไซเคิลได้ที่ร้านค้า ตามแคมเปญ "Say No to Single-Use Plastics" ของกระทรวงการเคหะและการปกครองส่วนท้องถิ่น นายหงา กอร์ มิง รมว.การเคหะและการปกครองส่วนท้องถิ่น กล่าวว่า เครือข่ายร้านค้าปลีกชั้นนำบางแห่งได้เริ่มงดแจกถุงพลาสติกแล้ว แต่บัดนี้พวกเขาได้ลงนามความร่วมมือครั้งใหญ่ โดยจะเริ่มในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะช่วยลดการใช้ถุงพลาสติกได้ปีละ 200 ล้านใบ ลดปริมาณขยะที่ต้องกำจัด และยืดอายุการใช้งานหลุมฝังกลบขยะที่มีอยู่ ที่ผ่านมารัฐบาลมาเลเซียต้องแบกรับต้นทุนการจัดการขยะมูลฝอยและการทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ สูงกว่า 2,000 ล้านริงกิตต่อปี และกำลังดำเนินการเพื่อลดการพึ่งพาหลุมฝังกลบ ซึ่งปัจจุบันประเทศมาเลเซียมีหลุมฝังกลบขยะที่ไม่ถูกสุขอนามัย 114 แห่ง มีเพียง 22 แห่งที่ถูกสุขอนามัย ซึ่งการเปิดหลุมฝังกลบขยะและการปรับปรุงหลุมฝังกลบขยะเดิมต้องใช้ต้นทุนสูงมาก นอกจากนี้ ทางกระทรวงฯ กำลังจัดทำร่างกฎหมายจัดการผู้ที่ทิ้งขยะโดยขาดความรับผิดชอบ และจะนำเสนอต่อรัฐสภาในปี 2568 เพื่อแก้ปัญหาขยะล้นเมืองอย่างจริงจัง และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศ เนื่องจากยุคนี้เป็นยุคของโซเชียลมีเดีย หากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเที่ยวที่นี่ แล้วถ่ายคลิปลงติ๊กต็อก ชื่อเสียงของประเทศจะได้รับผลกระทบ ที่ผ่านมามีการบังคับใช้กฎหมายและประสบความสำเร็จในประเทศที่พัฒนาแล้วหลายแห่ง การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ร้านค้าปลีกในมาเลเซียที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย 99 Speedmart 2,533 สาขา 7-Eleven 2,400 สาขา KK Mart 808 สาขา Watsons 733 สาขา Guardian 602 สาขา emart24 65 สาขา ส่วนห้างสรรพสินค้า อาทิ กลุ่ม GCH Retail (Giant / Cold Storage / Mercato) 93 สาขา AEON 35 สาขา AEON Big 21 สาขา Mydin 78 สาขา Lotus's 68 สาขา The Store 50 สาขา TF Value Mart 45 สาขา Econsave 33 สาขา NSK Trade City 32 สาขา Lulu 5 สาขา เป็นต้น สำหรับประเทศไทย ภาครัฐได้ผลักดันนโยบายงดแจกถุงพลาสติกตามห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก และร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 เป็นต้นมา แต่ก็เป็นที่วิจารณ์ว่าการจำหน่ายถุงพลาสติกแทนการแจก เป็นการผลักภาระให้ผู้บริโภค #Newskit #งดแจกถุงพลาสติก #มาเลเซีย
    Like
    8
    0 Comments 1 Shares 1272 Views 0 Reviews
  • ไทยเป็นปลายทางขยะโลก!? (ตอน 2: ข้อมูลชี้...การนำเข้าขยะพุ่งและมีมากมายหลายชนิด)
    .
    จากกรณีพบขยะเทศบาลในตู้คอนเทนเนอร์สินค้าที่บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยที่มีการสำแดงว่าเป็นเศษกระดาษ เรื่องดังกล่าว กรมศุลกากรไม่ได้เปิดเผยสู่สาธารณะ แต่ด้วยข้อมูลที่เล็ดลอดออกมา ทำให้มีสื่อมวลชนบางสำนักหยิบมานำเสนอ เหตุการณ์ที่มีลักษณะเป็นการลักลอบนี้จึงได้เผยตัวสู่สาธารณะ
    .
    ในทางลึกมีข้อมูลว่า เฉพาะในรอบปีนี้ ซึ่งนับตามจำนวนเวลาก็คือประมาณ 7 เดือน มีการตรวจพบปัญหาลักษณะเดียวกันของผู้นำเข้ารายนี้มาแล้วถึง 3 ครั้ง
    .
    สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นมิติของการลักลอบ ซึ่งมักไม่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาอย่างชัดเจน ส่วนในมิติที่มีข้อมูลสถิติเป็นทางการ เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ ได้นำเสนอผ่านการแถลงข่าวร่วมกับกรรณิการ์ กิจติเวชกุล รองประธานกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) ในหัวข้อ “เมื่อขยะโลกหลั่งไหลเข้าไทย เราจะรอดพ้นจากสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างไร” เมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา ระบุว่า
    .
    “จากการติดตามปัญหาการส่งออกขยะในหมู่ประเทศสมาชิกของอียู (สหภาพยุโรป) ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ได้มีการส่งขยะกลุ่มนี้เข้ามายังประเทศไทยสูงทีเดียว ประเทศไทยกลายเป็นปลายทางของการส่งออกขยะกระดาษและกระดาษแข็ง เป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคนี้ รองจากอินโดนีเซียและเวียดนาม นอกจากนี้ไทยยังเป็นปลายทางอันดับ 4 ของขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป รองมาจากอินโดนีเซีย เวียดนาม และมาเลเซีย”
    .
    ตามสถิติของกรมศุลกากรที่เพ็ญโฉมค้นมานำเสนอ ไม่มีการแสดงปริมาณการนำเข้าของเสียเหล่านั้น แต่ได้แสดงเป็นมูลค่า ซึ่งในส่วนของเศษกระดาษมีมูลค่าสูงถึงระดับมากกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่ประเภทส่วนประกอบทางไฟฟ้าของเครื่องจักรและอุปกรณ์ ที่เพ็ญโฉมบอกว่าเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์นั้น มูลค่าในแต่ละปีสูงประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท
    .
    “เราจะเห็นว่าการนำเข้าขยะกระดาษและขยะอิล็กทรอนิกส์ ซึ่งแม้ว่าประเทศไทยจะมีกฎหมายห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์แล้ว แต่ยังมีพิกัดหนึ่งที่เป็นตัวรวมของขยะอิเล็กทรอนิกส์หลายประเภทและเศษโลหะที่นำเข้ามา เศษพลาสติกบางอย่างที่ปนเข้ามาในพิกัด 8548 จะเห็นว่า ถ้าดูจากกราฟ สหรัฐอเมริกาคือประเทศที่ส่งออกขยะกลุ่มนี้มายังประเทศไทยสูงที่สุด ถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ”
    .
    ไม่เพียงพิกัด 8548 แต่พิกัด 4704 ที่เป็นรายการเศษกระดาษ คิดจากมูลค่าการนำเข้าสูงสุดก็มีต้นทางมาจากประเทศสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน ส่วนลำดับรองลงมาได้แก่สหราชอาณาจักรและญี่ปุ่น ในขณะที่ประเทศลำดับรองที่ส่งออกขยะพิกัด 8548 มาไทยในมูลค่าที่สูงรองจากสหรัฐฯ ได้แก่จีนและญี่ปุ่น
    .
    นอกจากนั้น เพ็ญโฉมยังเปิดเผยข้อมูลในส่วนของขยะหรือกากของเสียอุตสาหกรรม โดยยกสถิติเกี่ยวกับเศษอะลูมิเนียมมานำเสนอด้วย
    .
    “อะลูมิเนียมดรอส ยกตัวอย่างปี 2560 - 2567 ประเทศไทยมีการนำเข้าอะลูมิเนียม ซึ่งตัวที่เป็นปัญหา ไม่ว่าจะกรณีที่พบที่วินโพรเสส นครปฐม และอีกหลายที่ เราจะเรียกว่า อะลูมิเนียมดรอส ซึ่งคือกากอะลูมิเนียม แต่เวลาแสดงพิกัดการนำเข้า จะเรียกว่าเป็นผงอะลูมีเนียม หรือเป็นเศษชิ้นส่วนอะลูมิเนียม พวกนี้สามารถนำเข้ามาได้ และมีการนำเข้าเยอะทีเดียว จากปี 2560 – 2567 เป็นปริมาณหลายล้านตัน
    .
    “อย่างการนำเข้ากาก/เศษอะลูมิเนียม ปี 67 จากมกราคม - มิถุนายน ครึ่งปี มีการนำเข้ามาถึง 335 ล้านกิโลกรัม หรืออย่างตัวผงและเกล็ดอะลูมิเนียม เพียงครึ่งปีนี้ก็นำเข้ามากว่า 580,000 กิโลกรัม แต่บางปีก็มีการนำเข้ามากกว่านั้น ซึ่งเราคิดว่า การนำเข้าผงอะลูมิเนียมจากปี 60-67 แนวโน้มมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คำถามว่า นำเข้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะอะไร อันนี้เราคิดว่าต้องย้อนมาดูนโยบายเรื่องการส่งเสริมกิจการรีไซเคิลและเศรษฐกิจหมุนเวียน”
    .
    อย่างไรก็ตาม สำหรับประเด็นมิตินโยบาย เราจะนำเสนอในตอนต่อๆ ไป
    ...
    ...
    เรียบเรียงโดย ปานรักษ์ วัฒกะวงศ์ มูลนิธิบูรณะนิเวศ

    อ่านตอนที่ 1 ไทยเป็นปลายทางขยะโลก!? (ตอน 1: ทวงถามความรับผิดชอบ กรณีนำเข้าเศษกระดาษ แต่มี “ขยะเทศบาล” ปนมาด้วย)
    https://shorturl.asia/k2SJG

    #Thaitimes
    ไทยเป็นปลายทางขยะโลก!? (ตอน 2: ข้อมูลชี้...การนำเข้าขยะพุ่งและมีมากมายหลายชนิด) . จากกรณีพบขยะเทศบาลในตู้คอนเทนเนอร์สินค้าที่บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยที่มีการสำแดงว่าเป็นเศษกระดาษ เรื่องดังกล่าว กรมศุลกากรไม่ได้เปิดเผยสู่สาธารณะ แต่ด้วยข้อมูลที่เล็ดลอดออกมา ทำให้มีสื่อมวลชนบางสำนักหยิบมานำเสนอ เหตุการณ์ที่มีลักษณะเป็นการลักลอบนี้จึงได้เผยตัวสู่สาธารณะ . ในทางลึกมีข้อมูลว่า เฉพาะในรอบปีนี้ ซึ่งนับตามจำนวนเวลาก็คือประมาณ 7 เดือน มีการตรวจพบปัญหาลักษณะเดียวกันของผู้นำเข้ารายนี้มาแล้วถึง 3 ครั้ง . สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นมิติของการลักลอบ ซึ่งมักไม่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาอย่างชัดเจน ส่วนในมิติที่มีข้อมูลสถิติเป็นทางการ เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ ได้นำเสนอผ่านการแถลงข่าวร่วมกับกรรณิการ์ กิจติเวชกุล รองประธานกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) ในหัวข้อ “เมื่อขยะโลกหลั่งไหลเข้าไทย เราจะรอดพ้นจากสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างไร” เมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา ระบุว่า . “จากการติดตามปัญหาการส่งออกขยะในหมู่ประเทศสมาชิกของอียู (สหภาพยุโรป) ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ได้มีการส่งขยะกลุ่มนี้เข้ามายังประเทศไทยสูงทีเดียว ประเทศไทยกลายเป็นปลายทางของการส่งออกขยะกระดาษและกระดาษแข็ง เป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคนี้ รองจากอินโดนีเซียและเวียดนาม นอกจากนี้ไทยยังเป็นปลายทางอันดับ 4 ของขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป รองมาจากอินโดนีเซีย เวียดนาม และมาเลเซีย” . ตามสถิติของกรมศุลกากรที่เพ็ญโฉมค้นมานำเสนอ ไม่มีการแสดงปริมาณการนำเข้าของเสียเหล่านั้น แต่ได้แสดงเป็นมูลค่า ซึ่งในส่วนของเศษกระดาษมีมูลค่าสูงถึงระดับมากกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่ประเภทส่วนประกอบทางไฟฟ้าของเครื่องจักรและอุปกรณ์ ที่เพ็ญโฉมบอกว่าเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์นั้น มูลค่าในแต่ละปีสูงประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท . “เราจะเห็นว่าการนำเข้าขยะกระดาษและขยะอิล็กทรอนิกส์ ซึ่งแม้ว่าประเทศไทยจะมีกฎหมายห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์แล้ว แต่ยังมีพิกัดหนึ่งที่เป็นตัวรวมของขยะอิเล็กทรอนิกส์หลายประเภทและเศษโลหะที่นำเข้ามา เศษพลาสติกบางอย่างที่ปนเข้ามาในพิกัด 8548 จะเห็นว่า ถ้าดูจากกราฟ สหรัฐอเมริกาคือประเทศที่ส่งออกขยะกลุ่มนี้มายังประเทศไทยสูงที่สุด ถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ” . ไม่เพียงพิกัด 8548 แต่พิกัด 4704 ที่เป็นรายการเศษกระดาษ คิดจากมูลค่าการนำเข้าสูงสุดก็มีต้นทางมาจากประเทศสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน ส่วนลำดับรองลงมาได้แก่สหราชอาณาจักรและญี่ปุ่น ในขณะที่ประเทศลำดับรองที่ส่งออกขยะพิกัด 8548 มาไทยในมูลค่าที่สูงรองจากสหรัฐฯ ได้แก่จีนและญี่ปุ่น . นอกจากนั้น เพ็ญโฉมยังเปิดเผยข้อมูลในส่วนของขยะหรือกากของเสียอุตสาหกรรม โดยยกสถิติเกี่ยวกับเศษอะลูมิเนียมมานำเสนอด้วย . “อะลูมิเนียมดรอส ยกตัวอย่างปี 2560 - 2567 ประเทศไทยมีการนำเข้าอะลูมิเนียม ซึ่งตัวที่เป็นปัญหา ไม่ว่าจะกรณีที่พบที่วินโพรเสส นครปฐม และอีกหลายที่ เราจะเรียกว่า อะลูมิเนียมดรอส ซึ่งคือกากอะลูมิเนียม แต่เวลาแสดงพิกัดการนำเข้า จะเรียกว่าเป็นผงอะลูมีเนียม หรือเป็นเศษชิ้นส่วนอะลูมิเนียม พวกนี้สามารถนำเข้ามาได้ และมีการนำเข้าเยอะทีเดียว จากปี 2560 – 2567 เป็นปริมาณหลายล้านตัน . “อย่างการนำเข้ากาก/เศษอะลูมิเนียม ปี 67 จากมกราคม - มิถุนายน ครึ่งปี มีการนำเข้ามาถึง 335 ล้านกิโลกรัม หรืออย่างตัวผงและเกล็ดอะลูมิเนียม เพียงครึ่งปีนี้ก็นำเข้ามากว่า 580,000 กิโลกรัม แต่บางปีก็มีการนำเข้ามากกว่านั้น ซึ่งเราคิดว่า การนำเข้าผงอะลูมิเนียมจากปี 60-67 แนวโน้มมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คำถามว่า นำเข้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะอะไร อันนี้เราคิดว่าต้องย้อนมาดูนโยบายเรื่องการส่งเสริมกิจการรีไซเคิลและเศรษฐกิจหมุนเวียน” . อย่างไรก็ตาม สำหรับประเด็นมิตินโยบาย เราจะนำเสนอในตอนต่อๆ ไป ... ... เรียบเรียงโดย ปานรักษ์ วัฒกะวงศ์ มูลนิธิบูรณะนิเวศ อ่านตอนที่ 1 ไทยเป็นปลายทางขยะโลก!? (ตอน 1: ทวงถามความรับผิดชอบ กรณีนำเข้าเศษกระดาษ แต่มี “ขยะเทศบาล” ปนมาด้วย) https://shorturl.asia/k2SJG #Thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 813 Views 0 Reviews
  • บันทึกไว้เมื่อ 22 ก.ย. 2018 วันนี้เมื่อหกปีก่อน

    เมื่อวานไปธุระบางกะปิ หิวข้าวแต่ยังต้องไปที่อื่นต่อ เลยหาซื้อไวตามิลค์เจแบบขวดวันทูโกกินรองท้อง ขณะยืนดื่มอยู่หน้าถังขยะ ชายอาการเหมือนคนเป็นโรคประสาทอย่างแรง มีผ้าปิดคาดปากเดินหิ้วถุงพลาสติกขนาดใหญ่หลายถุง ตรงรี่มาเปิดฝาถัง นัยว่าจะหาขยะที่รีไซเคิลได้ไปขาย ปากเขาก็พูดเพ้อพร่ำอะไรอยู่คนเดียวไม่หยุด เหมือนกำลังทะเลาะกับใครเรื่องการเมือง

    ความจริงข้าพเจ้าคุ้นหน้าเขามาก เหมือนเคยเห็นแถวละแวกใกล้เคียงสันติอโศกบ่อยๆ แต่คนนั้นเขาไม่มีอาการเหมือนคนนี้ที่พูดเสียงดังคนเดียว หรือคือคนหน้าคล้าย

    ก่อนหน้าเขาจะมาหาขยะในถังตรงจุดที่ข้าพเจ้ายืนอยู่ เราก็เจอกันแล้วรอบหนึ่ง ที่ฝั่งตรงข้ามถนน แสดงว่ามีวาสนาต่อกัน พอดีข้าพเจ้าดื่มหมดขวด แรกทีเดียวตั้งใจใส่ลงถัง เพราะจะแบกไปด้วยก็หนัก แต่ก็รู้สึกไม่ดีนัก เพราะไปปะปนกับขยะอื่นทั้งที่ควรแยกขายได้

    พอดีอะไรเช่นนี้ ชายผู้มีความไม่ปกติทางจิต มาช่วยได้อย่างเหมาะเจาะ เหมาะใจยิ่งนัก ข้าพเจ้าจึงยื่นขวดเปล่าให้เขาด้วยไมตรี ซึ่งเขาก็เข้าใจ รับหมับทันที ขณะที่ปากยังคงพูดเพ้อไม่หยุดเสียงลั่นจนคนที่รอรถและเดินผ่านไปมาแถวนั้นพากันมองมาด้วยอาการอันหลากหลาย คงคละเคล้าปะปนกันระหว่างปลงสังเวช กับกริ่งเกรงไม่ไว้ใจ

    แต่ข้าพเจ้าสบายตัว สบายใจแล้ว ขยะในมือได้อยู่ถูกที่กับคนที่ต้องการและจะนำไปแลกเป็นรายได้เลี้ยงตัว ไม่ได้ทำให้เกิดขยะส่วนรวมเพิ่ม นับเป็นเรื่องน่ายินดี จึงจากกันด้วยประการฉะนี้เอง

    #บันทึก
    #thaitimes
    #รีไซเคิล
    #ขยะ
    #ขวดแก้ว
    #อาการทางจิต
    #ข้อคิด
    #ความทรงจำ
    บันทึกไว้เมื่อ 22 ก.ย. 2018 วันนี้เมื่อหกปีก่อน เมื่อวานไปธุระบางกะปิ หิวข้าวแต่ยังต้องไปที่อื่นต่อ เลยหาซื้อไวตามิลค์เจแบบขวดวันทูโกกินรองท้อง ขณะยืนดื่มอยู่หน้าถังขยะ ชายอาการเหมือนคนเป็นโรคประสาทอย่างแรง มีผ้าปิดคาดปากเดินหิ้วถุงพลาสติกขนาดใหญ่หลายถุง ตรงรี่มาเปิดฝาถัง นัยว่าจะหาขยะที่รีไซเคิลได้ไปขาย ปากเขาก็พูดเพ้อพร่ำอะไรอยู่คนเดียวไม่หยุด เหมือนกำลังทะเลาะกับใครเรื่องการเมือง ความจริงข้าพเจ้าคุ้นหน้าเขามาก เหมือนเคยเห็นแถวละแวกใกล้เคียงสันติอโศกบ่อยๆ แต่คนนั้นเขาไม่มีอาการเหมือนคนนี้ที่พูดเสียงดังคนเดียว หรือคือคนหน้าคล้าย ก่อนหน้าเขาจะมาหาขยะในถังตรงจุดที่ข้าพเจ้ายืนอยู่ เราก็เจอกันแล้วรอบหนึ่ง ที่ฝั่งตรงข้ามถนน แสดงว่ามีวาสนาต่อกัน พอดีข้าพเจ้าดื่มหมดขวด แรกทีเดียวตั้งใจใส่ลงถัง เพราะจะแบกไปด้วยก็หนัก แต่ก็รู้สึกไม่ดีนัก เพราะไปปะปนกับขยะอื่นทั้งที่ควรแยกขายได้ พอดีอะไรเช่นนี้ ชายผู้มีความไม่ปกติทางจิต มาช่วยได้อย่างเหมาะเจาะ เหมาะใจยิ่งนัก ข้าพเจ้าจึงยื่นขวดเปล่าให้เขาด้วยไมตรี ซึ่งเขาก็เข้าใจ รับหมับทันที ขณะที่ปากยังคงพูดเพ้อไม่หยุดเสียงลั่นจนคนที่รอรถและเดินผ่านไปมาแถวนั้นพากันมองมาด้วยอาการอันหลากหลาย คงคละเคล้าปะปนกันระหว่างปลงสังเวช กับกริ่งเกรงไม่ไว้ใจ แต่ข้าพเจ้าสบายตัว สบายใจแล้ว ขยะในมือได้อยู่ถูกที่กับคนที่ต้องการและจะนำไปแลกเป็นรายได้เลี้ยงตัว ไม่ได้ทำให้เกิดขยะส่วนรวมเพิ่ม นับเป็นเรื่องน่ายินดี จึงจากกันด้วยประการฉะนี้เอง #บันทึก #thaitimes #รีไซเคิล #ขยะ #ขวดแก้ว #อาการทางจิต #ข้อคิด #ความทรงจำ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1266 Views 0 Reviews
More Results