• 塵緣โลกมายา作詞:娃娃作曲:徐日勤ทำนอง : หวาวาเนื้อร้อง : สวียื่อฉวิน塵緣如夢 幾番起伏總不平โลกดุจความฝัน ผันผวนปรวนแปรแต่ไหนมา到如今都成煙雲บัดนี้เป็นเพียงหมอกเมฆา情也成空 宛如揮手袖底風รักหายลับตา ดุจลมมือโบกปัดไปมา幽幽一縷香 飄在深深舊夢中หอมหวนสุคนธา ลอยสู่ฝันเก่าแต่นานมา繁花落盡 一身憔悴在風裡มาลีร่วงลา เหนื่อยล้ากลางสายลมเอกา回頭時無晴也無雨เหลียวมองไปไร้สุขไร้โศกา明月小樓 孤獨無人訴情衷เรือนใต้จันทรา ไร้คนฟังคำเปลี่ยวเหว่ว้า人間有我殘夢未醒มีเพียงฉันไม่ตื่นฝันมายา漫漫長路起伏不能由我ยาวไกลมรรคา ลุ่มดอนเกินแรงไขว่คว้า人海漂泊 嚐盡人情淡泊คลื่นคนลอยวน ลองสิ้นน้ำใจเฉยชา熱情熱心 換冷淡冷漠ไออุ่นกลับได้ ความเย็นชาแลกมา任多少深情獨向寂寞แม้รักเท่าไหร่ก็หันสู่เอกา人隨風過 自在花開花又落คนไหลตามลม ดุจมาลาบานแล้วโรยรา不管世間滄桑如何ช่างโลกที่ผกผันอนาถา一城風絮 滿腹相思都沉默ดอกหญ้าลอยมา แรงคนึงกลายเป็นเฉยชา只有桂花香暗飄過มีเพียงหมื่นลี้หอมพัดผ่านมาcr. https://www.youtube.com/results?search_query=%E9%99%B3%E6%95%8F
    塵緣โลกมายา作詞:娃娃作曲:徐日勤ทำนอง : หวาวาเนื้อร้อง : สวียื่อฉวิน塵緣如夢 幾番起伏總不平โลกดุจความฝัน ผันผวนปรวนแปรแต่ไหนมา到如今都成煙雲บัดนี้เป็นเพียงหมอกเมฆา情也成空 宛如揮手袖底風รักหายลับตา ดุจลมมือโบกปัดไปมา幽幽一縷香 飄在深深舊夢中หอมหวนสุคนธา ลอยสู่ฝันเก่าแต่นานมา繁花落盡 一身憔悴在風裡มาลีร่วงลา เหนื่อยล้ากลางสายลมเอกา回頭時無晴也無雨เหลียวมองไปไร้สุขไร้โศกา明月小樓 孤獨無人訴情衷เรือนใต้จันทรา ไร้คนฟังคำเปลี่ยวเหว่ว้า人間有我殘夢未醒มีเพียงฉันไม่ตื่นฝันมายา漫漫長路起伏不能由我ยาวไกลมรรคา ลุ่มดอนเกินแรงไขว่คว้า人海漂泊 嚐盡人情淡泊คลื่นคนลอยวน ลองสิ้นน้ำใจเฉยชา熱情熱心 換冷淡冷漠ไออุ่นกลับได้ ความเย็นชาแลกมา任多少深情獨向寂寞แม้รักเท่าไหร่ก็หันสู่เอกา人隨風過 自在花開花又落คนไหลตามลม ดุจมาลาบานแล้วโรยรา不管世間滄桑如何ช่างโลกที่ผกผันอนาถา一城風絮 滿腹相思都沉默ดอกหญ้าลอยมา แรงคนึงกลายเป็นเฉยชา只有桂花香暗飄過มีเพียงหมื่นลี้หอมพัดผ่านมาcr. https://www.youtube.com/results?search_query=%E9%99%B3%E6%95%8F
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูดาวรุ่ง...พยุงดาวร่วง
    สำหรับท่านที่เกิดปีจอ

    เพื่อเป็นการบั่นทอนอิทธิพลกระแสพลังของดาวร้าย暴敗(ป่าวไป่) และดาวร้าย亡神(บ่วงซิ้ง) จึงควรนอบน้อมยอมรับต่อพลังดาวเทพมงคลที่จรมาประทับชะตาชีวิตในปีนี้ โดยการเซ่นสรวงและกราบสักการะบูชาต่อองค์เทพเจ้าดาวฤกษ์ “紫微大帝 (จี๋มุ้ยไต่ตี่)” หลังวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 22:10 น.นี้ เป็นต้นไป ณ ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่พระองค์ท่านสถิตประจำอยู่ เพื่อขอพรบารมีจากพระองค์ท่านได้รับรู้และเมตตา ช่วยคุ้มครองบันดาลสุขให้กระแสพลังดาวร้ายผ่อนคลายลงจากหนักให้เป็นเบาและปกป้องให้แคล้วคลาดไป พบแต่ความร่มเย็นราบรื่นตลอดทั้งปี 2568 นี้

    อีกทั้งควรน้อมอัญเชิญองค์เทพเจ้าดาวฤกษ์ “紫微大帝 (จี๋มุ้ยไต่ตี่)” มาสักการะเทิดทูนบูชาด้วยการพกพาหรือโหลดภาพเก็บไว้หน้าแรกของโทรศัพท์ติดตัวไว้ตลอดเวลา เพื่อแสดงออกพร้อมน้อมระลึกถึงพลังบารมีของพระองค์ท่านช่วยคุ้มครองปกปักและรักษาให้คลาดแคล้วผ่านพ้นความอัปมงคลใดๆทั้งปวง อีกทั้งยังช่วยสลายพลังร้ายของดาวร้ายที่หม่นหมองให้ผ่อนคลายสลายไป เพื่อกระตุ้นผลักดันพลังที่ดีเสริมบารมีมงคลให้บังเกิดขึ้นต่อดวงชะตาได้อย่างเต็มที่ จักได้พบแต่ความ สำเร็จเจริญก้าวหน้าให้สมดังปรารถนาที่ตั้งใจไว้ ด้วยน้ำพระเมตตาบารมีอันสุดแสนประมาณแผ่รัศมีปกป้อง ตลอดทั้งปี 2568 นี้
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    มูดาวรุ่ง...พยุงดาวร่วง สำหรับท่านที่เกิดปีจอ เพื่อเป็นการบั่นทอนอิทธิพลกระแสพลังของดาวร้าย暴敗(ป่าวไป่) และดาวร้าย亡神(บ่วงซิ้ง) จึงควรนอบน้อมยอมรับต่อพลังดาวเทพมงคลที่จรมาประทับชะตาชีวิตในปีนี้ โดยการเซ่นสรวงและกราบสักการะบูชาต่อองค์เทพเจ้าดาวฤกษ์ “紫微大帝 (จี๋มุ้ยไต่ตี่)” หลังวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 22:10 น.นี้ เป็นต้นไป ณ ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่พระองค์ท่านสถิตประจำอยู่ เพื่อขอพรบารมีจากพระองค์ท่านได้รับรู้และเมตตา ช่วยคุ้มครองบันดาลสุขให้กระแสพลังดาวร้ายผ่อนคลายลงจากหนักให้เป็นเบาและปกป้องให้แคล้วคลาดไป พบแต่ความร่มเย็นราบรื่นตลอดทั้งปี 2568 นี้ อีกทั้งควรน้อมอัญเชิญองค์เทพเจ้าดาวฤกษ์ “紫微大帝 (จี๋มุ้ยไต่ตี่)” มาสักการะเทิดทูนบูชาด้วยการพกพาหรือโหลดภาพเก็บไว้หน้าแรกของโทรศัพท์ติดตัวไว้ตลอดเวลา เพื่อแสดงออกพร้อมน้อมระลึกถึงพลังบารมีของพระองค์ท่านช่วยคุ้มครองปกปักและรักษาให้คลาดแคล้วผ่านพ้นความอัปมงคลใดๆทั้งปวง อีกทั้งยังช่วยสลายพลังร้ายของดาวร้ายที่หม่นหมองให้ผ่อนคลายสลายไป เพื่อกระตุ้นผลักดันพลังที่ดีเสริมบารมีมงคลให้บังเกิดขึ้นต่อดวงชะตาได้อย่างเต็มที่ จักได้พบแต่ความ สำเร็จเจริญก้าวหน้าให้สมดังปรารถนาที่ตั้งใจไว้ ด้วยน้ำพระเมตตาบารมีอันสุดแสนประมาณแผ่รัศมีปกป้อง ตลอดทั้งปี 2568 นี้ ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • อารมณ์จะกลายเป็นยาพิษ
    ถ้าคุณซ่อนไว้
    และเป็นยารักษาใจ
    ถ้าคุณยอมรับมัน

    จากหนังสือ |อย่าเก็บอารมณ์ไว้ให้ใจเจ็บปวด

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #อย่าเก็บอารมณ์ไว้ให้ใจเจ็บปวด
    อารมณ์จะกลายเป็นยาพิษ ถ้าคุณซ่อนไว้ และเป็นยารักษาใจ ถ้าคุณยอมรับมัน จากหนังสือ |อย่าเก็บอารมณ์ไว้ให้ใจเจ็บปวด #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #อย่าเก็บอารมณ์ไว้ให้ใจเจ็บปวด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • อารมณ์
    เป็นกุญแจสำคัญ
    ในการรักษา

    จากหนังสือ |อย่าเก็บอารมณ์ไว้ให้ใจเจ็บปวด

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #อย่าเก็บอารมณ์ไว้ให้ใจเจ็บปวด
    อารมณ์ เป็นกุญแจสำคัญ ในการรักษา จากหนังสือ |อย่าเก็บอารมณ์ไว้ให้ใจเจ็บปวด #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #อย่าเก็บอารมณ์ไว้ให้ใจเจ็บปวด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักพรางตัวปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยการพัฒนาของโหมดไม่ระบุตัวตน (Incognito mode) ใน Google Chrome ที่ถูกปรับปรุงให้มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นใน Windows 11 ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันระหว่าง Microsoft และ Google

    Microsoft ได้ทำการอัปเดตใน Windows 11 และ Windows 10 เพื่อให้ Google Chrome ไม่เก็บประวัติการคัดลอกข้อมูลในโหมดไม่ระบุตัวตน (Incognito mode) ของ Cloud Clipboard ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ใช้สามารถคัดลอกข้อมูลไปยัง Cloud Clipboard ซึ่งทำให้สามารถวางข้อมูลข้ามอุปกรณ์ที่ใช้บัญชี Google เดียวกันได้ แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้โหมดไม่ระบุตัวตนมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการรักษาความเป็นส่วนตัว

    นอกจากนี้ การอัปเดตนี้ยังป้องกันไม่ให้ Chrome แสดงพรีวิวสื่อ (media preview) เมื่อปรับระดับเสียงจากคีย์บอร์ด ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปรับระดับเสียงจะมีการแสดงเนื้อหาของสื่อที่กำลังดูพร้อมกับชื่อเรื่อง แต่ตอนนี้จะแสดงเป็นข้อความว่า "a site is playing media" แทน ทำให้การดูสื่อในโหมดไม่ระบุตัวตนมีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น

    https://www.techradar.com/computing/windows/google-chromes-incognito-mode-is-now-more-private-in-windows-11-and-its-all-thanks-to-microsoft
    นักพรางตัวปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยการพัฒนาของโหมดไม่ระบุตัวตน (Incognito mode) ใน Google Chrome ที่ถูกปรับปรุงให้มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นใน Windows 11 ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันระหว่าง Microsoft และ Google Microsoft ได้ทำการอัปเดตใน Windows 11 และ Windows 10 เพื่อให้ Google Chrome ไม่เก็บประวัติการคัดลอกข้อมูลในโหมดไม่ระบุตัวตน (Incognito mode) ของ Cloud Clipboard ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ใช้สามารถคัดลอกข้อมูลไปยัง Cloud Clipboard ซึ่งทำให้สามารถวางข้อมูลข้ามอุปกรณ์ที่ใช้บัญชี Google เดียวกันได้ แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้โหมดไม่ระบุตัวตนมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการรักษาความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ การอัปเดตนี้ยังป้องกันไม่ให้ Chrome แสดงพรีวิวสื่อ (media preview) เมื่อปรับระดับเสียงจากคีย์บอร์ด ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปรับระดับเสียงจะมีการแสดงเนื้อหาของสื่อที่กำลังดูพร้อมกับชื่อเรื่อง แต่ตอนนี้จะแสดงเป็นข้อความว่า "a site is playing media" แทน ทำให้การดูสื่อในโหมดไม่ระบุตัวตนมีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น https://www.techradar.com/computing/windows/google-chromes-incognito-mode-is-now-more-private-in-windows-11-and-its-all-thanks-to-microsoft
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • Bill Gates ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบริษัท Intel โดยเขากล่าวว่า Intel ได้สูญเสียทิศทางและตามหลังในเรื่องการออกแบบและผลิตชิป

    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Intel เผชิญกับปัญหาต่าง ๆ เช่น ความล่าช้าในการพัฒนาจากกระบวนการผลิต 14nm ไปยัง 10nm และต่อมาก็มีความล่าช้าในกระบวนการผลิต 7nm นอกจากนี้ Intel ยังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับ AMD และมีปัญหากับเรื่องความปลอดภัยและการพัฒนาชิป Raptor Lake ในที่สุด CEO ของบริษัท Pat Gelsinger ก็ถูกปลดออกเมื่อปีที่แล้ว

    Bill Gates กล่าวว่าตนเองรู้สึกตกใจที่ Intel ได้สูญเสียทิศทาง โดยอดีตผู้ก่อตั้ง Intel, Gordon Moore เคยรักษามาตรฐานของ Intel ให้อยู่ในระดับที่ทันสมัย แต่ปัจจุบันนั้น Intel กลับตามหลังในเรื่องการออกแบบและผลิตชิป นอกจากนี้ Intel ยังพลาดโอกาสในยุคของชิป AI ซึ่งบริษัทอื่น ๆ เช่น Nvidia, TSMC และ Qualcomm ต่างก้าวหน้าไปไกลแล้ว

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Bill Gates ยกย่องอดีต CEO ของ Intel, Pat Gelsinger ที่พยายามแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และมีความกล้าหาญในการดำเนินงาน แต่ก็ต้องยอมรับว่าการฟื้นตัวของ Intel อาจเป็นเรื่องยากในขณะนี้

    https://www.techspot.com/news/106674-bill-gates-intel-has-lost-way-falling-behind.html
    Bill Gates ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบริษัท Intel โดยเขากล่าวว่า Intel ได้สูญเสียทิศทางและตามหลังในเรื่องการออกแบบและผลิตชิป ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Intel เผชิญกับปัญหาต่าง ๆ เช่น ความล่าช้าในการพัฒนาจากกระบวนการผลิต 14nm ไปยัง 10nm และต่อมาก็มีความล่าช้าในกระบวนการผลิต 7nm นอกจากนี้ Intel ยังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับ AMD และมีปัญหากับเรื่องความปลอดภัยและการพัฒนาชิป Raptor Lake ในที่สุด CEO ของบริษัท Pat Gelsinger ก็ถูกปลดออกเมื่อปีที่แล้ว Bill Gates กล่าวว่าตนเองรู้สึกตกใจที่ Intel ได้สูญเสียทิศทาง โดยอดีตผู้ก่อตั้ง Intel, Gordon Moore เคยรักษามาตรฐานของ Intel ให้อยู่ในระดับที่ทันสมัย แต่ปัจจุบันนั้น Intel กลับตามหลังในเรื่องการออกแบบและผลิตชิป นอกจากนี้ Intel ยังพลาดโอกาสในยุคของชิป AI ซึ่งบริษัทอื่น ๆ เช่น Nvidia, TSMC และ Qualcomm ต่างก้าวหน้าไปไกลแล้ว สิ่งที่น่าสนใจคือ Bill Gates ยกย่องอดีต CEO ของ Intel, Pat Gelsinger ที่พยายามแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และมีความกล้าหาญในการดำเนินงาน แต่ก็ต้องยอมรับว่าการฟื้นตัวของ Intel อาจเป็นเรื่องยากในขณะนี้ https://www.techspot.com/news/106674-bill-gates-intel-has-lost-way-falling-behind.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Bill Gates says Intel has lost its way, fallen behind in chip design and fabrication
    An interview with Gates by the Associated Press notes how the billionaire has a soft spot for Intel. The publication suggesting that his career might have gone...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครที่เป็นผู้บริหาร หรือจะก้าวมาเป็นผู้บริหารควรอ่านบทความนี้ครับ!!

    สิ่งที่ผู้นำและผู้บริหารเทคโนโลยีควรเรียนรู้ในปี 2025 จะต้องมีการผสมผสานระหว่างการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กับการส่งเสริมสัญชาตญาณและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ Carrie Rasmussen ผู้บริหารระดับสูงและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ดิจิทัลของบริษัท Dayforce ได้ให้คำแนะนำว่า ผู้นำด้านเทคโนโลยีในยุคนี้จะต้องรักษาสมดุลระหว่างการใช้ AI และความสามารถของมนุษย์ นอกจากนี้ยังต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะที่มุ่งเน้นมนุษย์ เช่น การคิดเชิงวิเคราะห์และการสร้างสรรค์

    สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการทำงาน แต่ก็ต้องระวังไม่ให้หลงลืมทักษะพื้นฐานอย่างการเขียนโปรแกรม เพราะถ้าทุกอย่างถูกทำโดย AI เราอาจสูญเสียการคิดสร้างสรรค์และการวิเคราะห์ที่สำคัญ นอกจากนี้ AI ยังมีค่าใช้จ่ายสูงในการเรียนรู้และการนำไปใช้ ดังนั้นผู้นำด้านเทคโนโลยีจะต้องมีการควบคุมและดูแลอย่างใกล้ชิด

    อีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญคือการจัดการข้อมูล การบริหารข้อมูลที่เข้ามาจาก AI จะต้องมีการตรวจสอบและควบคุมอย่างดี เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่ได้รับมาถูกต้องและมีประโยชน์

    Carrie ยังกล่าวถึงความสำคัญของการทดสอบและนำ AI ไปใช้ในพื้นที่ที่มีมูลค่า เช่น การพัฒนารหัส การค้นหาข้อมูลที่สร้างสรรค์ และการแปลภาษา ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้ผู้นำด้านเทคโนโลยีสามารถเห็นภาพรวมของการใช้งาน AI ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

    ขอเพิ่มเติมอีกนิดว่า หากผู้นำด้านเทคโนโลยีต้องการให้ทีมงานมีประสิทธิภาพ การเปิดกว้างในการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้จะเป็นกุญแจสำคัญ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมความสำคัญของการจัดการและการควบคุมข้อมูลอย่างเข้มงวดเพื่อให้การใช้งาน AI เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

    https://www.zdnet.com/article/looking-to-lead-technology-teams-in-2025-follow-this-cdos-advice/
    ใครที่เป็นผู้บริหาร หรือจะก้าวมาเป็นผู้บริหารควรอ่านบทความนี้ครับ!! สิ่งที่ผู้นำและผู้บริหารเทคโนโลยีควรเรียนรู้ในปี 2025 จะต้องมีการผสมผสานระหว่างการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กับการส่งเสริมสัญชาตญาณและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ Carrie Rasmussen ผู้บริหารระดับสูงและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ดิจิทัลของบริษัท Dayforce ได้ให้คำแนะนำว่า ผู้นำด้านเทคโนโลยีในยุคนี้จะต้องรักษาสมดุลระหว่างการใช้ AI และความสามารถของมนุษย์ นอกจากนี้ยังต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะที่มุ่งเน้นมนุษย์ เช่น การคิดเชิงวิเคราะห์และการสร้างสรรค์ สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการทำงาน แต่ก็ต้องระวังไม่ให้หลงลืมทักษะพื้นฐานอย่างการเขียนโปรแกรม เพราะถ้าทุกอย่างถูกทำโดย AI เราอาจสูญเสียการคิดสร้างสรรค์และการวิเคราะห์ที่สำคัญ นอกจากนี้ AI ยังมีค่าใช้จ่ายสูงในการเรียนรู้และการนำไปใช้ ดังนั้นผู้นำด้านเทคโนโลยีจะต้องมีการควบคุมและดูแลอย่างใกล้ชิด อีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญคือการจัดการข้อมูล การบริหารข้อมูลที่เข้ามาจาก AI จะต้องมีการตรวจสอบและควบคุมอย่างดี เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่ได้รับมาถูกต้องและมีประโยชน์ Carrie ยังกล่าวถึงความสำคัญของการทดสอบและนำ AI ไปใช้ในพื้นที่ที่มีมูลค่า เช่น การพัฒนารหัส การค้นหาข้อมูลที่สร้างสรรค์ และการแปลภาษา ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้ผู้นำด้านเทคโนโลยีสามารถเห็นภาพรวมของการใช้งาน AI ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ขอเพิ่มเติมอีกนิดว่า หากผู้นำด้านเทคโนโลยีต้องการให้ทีมงานมีประสิทธิภาพ การเปิดกว้างในการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้จะเป็นกุญแจสำคัญ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมความสำคัญของการจัดการและการควบคุมข้อมูลอย่างเข้มงวดเพื่อให้การใช้งาน AI เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย https://www.zdnet.com/article/looking-to-lead-technology-teams-in-2025-follow-this-cdos-advice/
    WWW.ZDNET.COM
    Looking to lead technology teams in 2025? Follow this CDO's advice
    There's a temptation to automate as much work as possible, but AI has some shortcomings - and not for the reasons many think.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • 😽😽#แมวงัยใครก็รัก #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    😽😽#แมวงัยใครก็รัก #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 309 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 📌 วิธีปล่อยวางความรัก 10 ปี เลือกทางไหนดีที่สุด?

    หากเคยชินกับการ ยึดติดความสัมพันธ์มา 10 ปี
    ตอนนี้มี 4 ทางเลือก ที่จะช่วยให้ใจคลี่คลายจากอดีต

    ---

    🎯 ทางเลือกที่ 1: ปล่อยเลยตามเลย (จมอยู่กับอดีต)

    > "จะเสียเวลากับความเศร้าไปกี่สิบปีก็ช่างมัน"
    "จมกับอดีตต่อไปแบบไม่ต้องทำอะไรเลย"

    ❌ ผลลัพธ์:

    ความคิดแบบนี้เป็น บ่อเกิดของโรคย้ำคิดย้ำทำ

    มีแต่จะ วนเวียนจมอยู่กับอดีตไปเรื่อยๆ

    เวลา 10 ปีที่ผ่านมา กลายเป็นกำแพงขังใจ

    ทุกข์ไม่มีวันจบ เพราะ ไม่มีความพยายามปล่อยวางเลย

    👉 สรุป: ทางเลือกที่แย่ที่สุด!

    ---

    🎯 ทางเลือกที่ 2: ใช้เวลา 10 ปีสร้างความเคยชินใหม่

    > "ใช้เวลา 10 ปีสร้างนิสัยใหม่"
    "ค่อยๆ ฝึกคิดว่า เขาไม่เคยเป็นของเรา"
    "เวลาจะค่อยๆ ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง"

    ✅ ผลลัพธ์:

    ค่อยๆ ปรับจิตให้ ยอมรับความจริง ว่าเขาไม่ใช่ของเรา

    ทำให้ ใช้ชีวิตโดยไม่มีเขาได้ง่ายขึ้น

    อาจต้องใช้เวลานาน แต่ในที่สุดจะทำใจได้

    ❌ ข้อเสีย:

    ใช้เวลานาน กว่าจิตจะคุ้นชิน

    หากยัง "คิดถึงเขาทุกวัน" จะวนอยู่ในอดีตไปอีก 10 ปี

    👉 สรุป: ทางเลือกแบบทั่วไปที่คนส่วนใหญ่ใช้ (แต่ช้า)

    ---

    🎯 ทางเลือกที่ 3: ใช้เวลา 10 เดือนฝึกจิตให้สงบ

    > "ใช้เวลา 10 เดือนสวดมนต์ นั่งสมาธิ"
    "ฝึกให้จิตมีความสุขกับความวิเวก"
    "เปลี่ยนจากความสุขแบบพึ่งพา → เป็นสุขที่อยู่กับตัวเอง"

    ✅ ผลลัพธ์:

    ช่วยให้ใจสงบเร็วขึ้น กว่าการรอให้เวลาเยียวยา

    สร้าง ความสุขจากข้างใน ไม่ต้องพึ่งพาความรักจากคนอื่น

    ทำให้ ปล่อยวางเร็วขึ้น และมี ความสงบเป็นที่พึ่ง

    ❌ ข้อเสีย:

    อาจมีบางช่วงที่ จิตยังเผลอกลับไปคิดถึงเขา

    ต้อง มีวินัยในการปฏิบัติธรรม (หากทำๆ หยุดๆ จะไม่เห็นผล)

    👉 สรุป: ทางเลือกที่ดีมาก หากฝึกอย่างต่อเนื่อง

    ---

    🎯 ทางเลือกที่ 4: ใช้เวลา 10 วันฝึก "สติรู้ทันความยึดติด" (เร็วที่สุด!)

    > "ฝึกสังเกตอารมณ์ตัวเองวันละลมหายใจ"
    "เห็นว่าความเศร้าไม่คงที่ แปรเปลี่ยนตลอดเวลา"
    "เมื่อจิตเห็นความจริงของอารมณ์ ความยึดมั่นจะหายไปเอง"

    ✅ ผลลัพธ์:

    ช่วยปล่อยวางได้เร็วที่สุด

    ทำให้ เข้าใจธรรมชาติของอารมณ์ และเห็นว่ามันไม่เที่ยง

    ลดความยึดมั่นว่า "ฉันเป็นเจ้าของเขา" → "เขาไม่ใช่ของฉัน"

    ❌ ข้อเสีย:

    ต้องใช้ สติสูงมาก และต้อง ฝึกอย่างจริงจัง

    ต้องยอมรับว่า "เราควบคุมความคิดไม่ได้ แต่เราดูมันได้"

    👉 สรุป: ทางเลือกที่เร็วและมีประสิทธิภาพที่สุด

    ---

    🎯 สรุป: อยากพ้นทุกข์เร็ว ควรเลือกทางไหน?

    ✅ ถ้าอยากพ้นทุกข์เร็ว → เลือกทางที่ 4 (ฝึกสติรู้ทัน)
    ✅ ถ้าอยากใช้เวลาปรับตัวให้คุ้นชิน → เลือกทางที่ 2 (ใช้เวลา 10 ปี)
    ✅ ถ้าอยากให้จิตสงบเป็นสุข → เลือกทางที่ 3 (ฝึกสมาธิ 10 เดือน)
    ❌ ห้ามเลือกทางที่ 1 เด็ดขาด เพราะมันจะทำให้จมอยู่กับอดีตไปเรื่อยๆ

    ---

    💡 วิธีฝึก "สติรู้ทัน" เพื่อปล่อยวางเร็วที่สุด

    1️⃣ หายใจเข้า-ออกช้าๆ แล้วดูว่า "อารมณ์เปลี่ยนแปลงทุกลมหายใจ"
    2️⃣ สังเกตว่า "ความเศร้าแปรเปลี่ยนตลอดเวลา" มันไม่ได้อยู่คงที่
    3️⃣ บอกตัวเองว่า "ฉันไม่ใช่ความเศร้า ความเศร้าก็ไม่ใช่ฉัน"
    4️⃣ เมื่อเห็นว่า "อารมณ์ไม่เที่ยง" ใจก็จะคลายจากการยึดติดไปเอง

    📌 "เมื่อจิตเห็นความจริงของอารมณ์ ใจก็เป็นอิสระจากอดีต" 🔥
    📌 วิธีปล่อยวางความรัก 10 ปี เลือกทางไหนดีที่สุด? หากเคยชินกับการ ยึดติดความสัมพันธ์มา 10 ปี ตอนนี้มี 4 ทางเลือก ที่จะช่วยให้ใจคลี่คลายจากอดีต --- 🎯 ทางเลือกที่ 1: ปล่อยเลยตามเลย (จมอยู่กับอดีต) > "จะเสียเวลากับความเศร้าไปกี่สิบปีก็ช่างมัน" "จมกับอดีตต่อไปแบบไม่ต้องทำอะไรเลย" ❌ ผลลัพธ์: ความคิดแบบนี้เป็น บ่อเกิดของโรคย้ำคิดย้ำทำ มีแต่จะ วนเวียนจมอยู่กับอดีตไปเรื่อยๆ เวลา 10 ปีที่ผ่านมา กลายเป็นกำแพงขังใจ ทุกข์ไม่มีวันจบ เพราะ ไม่มีความพยายามปล่อยวางเลย 👉 สรุป: ทางเลือกที่แย่ที่สุด! --- 🎯 ทางเลือกที่ 2: ใช้เวลา 10 ปีสร้างความเคยชินใหม่ > "ใช้เวลา 10 ปีสร้างนิสัยใหม่" "ค่อยๆ ฝึกคิดว่า เขาไม่เคยเป็นของเรา" "เวลาจะค่อยๆ ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง" ✅ ผลลัพธ์: ค่อยๆ ปรับจิตให้ ยอมรับความจริง ว่าเขาไม่ใช่ของเรา ทำให้ ใช้ชีวิตโดยไม่มีเขาได้ง่ายขึ้น อาจต้องใช้เวลานาน แต่ในที่สุดจะทำใจได้ ❌ ข้อเสีย: ใช้เวลานาน กว่าจิตจะคุ้นชิน หากยัง "คิดถึงเขาทุกวัน" จะวนอยู่ในอดีตไปอีก 10 ปี 👉 สรุป: ทางเลือกแบบทั่วไปที่คนส่วนใหญ่ใช้ (แต่ช้า) --- 🎯 ทางเลือกที่ 3: ใช้เวลา 10 เดือนฝึกจิตให้สงบ > "ใช้เวลา 10 เดือนสวดมนต์ นั่งสมาธิ" "ฝึกให้จิตมีความสุขกับความวิเวก" "เปลี่ยนจากความสุขแบบพึ่งพา → เป็นสุขที่อยู่กับตัวเอง" ✅ ผลลัพธ์: ช่วยให้ใจสงบเร็วขึ้น กว่าการรอให้เวลาเยียวยา สร้าง ความสุขจากข้างใน ไม่ต้องพึ่งพาความรักจากคนอื่น ทำให้ ปล่อยวางเร็วขึ้น และมี ความสงบเป็นที่พึ่ง ❌ ข้อเสีย: อาจมีบางช่วงที่ จิตยังเผลอกลับไปคิดถึงเขา ต้อง มีวินัยในการปฏิบัติธรรม (หากทำๆ หยุดๆ จะไม่เห็นผล) 👉 สรุป: ทางเลือกที่ดีมาก หากฝึกอย่างต่อเนื่อง --- 🎯 ทางเลือกที่ 4: ใช้เวลา 10 วันฝึก "สติรู้ทันความยึดติด" (เร็วที่สุด!) > "ฝึกสังเกตอารมณ์ตัวเองวันละลมหายใจ" "เห็นว่าความเศร้าไม่คงที่ แปรเปลี่ยนตลอดเวลา" "เมื่อจิตเห็นความจริงของอารมณ์ ความยึดมั่นจะหายไปเอง" ✅ ผลลัพธ์: ช่วยปล่อยวางได้เร็วที่สุด ทำให้ เข้าใจธรรมชาติของอารมณ์ และเห็นว่ามันไม่เที่ยง ลดความยึดมั่นว่า "ฉันเป็นเจ้าของเขา" → "เขาไม่ใช่ของฉัน" ❌ ข้อเสีย: ต้องใช้ สติสูงมาก และต้อง ฝึกอย่างจริงจัง ต้องยอมรับว่า "เราควบคุมความคิดไม่ได้ แต่เราดูมันได้" 👉 สรุป: ทางเลือกที่เร็วและมีประสิทธิภาพที่สุด --- 🎯 สรุป: อยากพ้นทุกข์เร็ว ควรเลือกทางไหน? ✅ ถ้าอยากพ้นทุกข์เร็ว → เลือกทางที่ 4 (ฝึกสติรู้ทัน) ✅ ถ้าอยากใช้เวลาปรับตัวให้คุ้นชิน → เลือกทางที่ 2 (ใช้เวลา 10 ปี) ✅ ถ้าอยากให้จิตสงบเป็นสุข → เลือกทางที่ 3 (ฝึกสมาธิ 10 เดือน) ❌ ห้ามเลือกทางที่ 1 เด็ดขาด เพราะมันจะทำให้จมอยู่กับอดีตไปเรื่อยๆ --- 💡 วิธีฝึก "สติรู้ทัน" เพื่อปล่อยวางเร็วที่สุด 1️⃣ หายใจเข้า-ออกช้าๆ แล้วดูว่า "อารมณ์เปลี่ยนแปลงทุกลมหายใจ" 2️⃣ สังเกตว่า "ความเศร้าแปรเปลี่ยนตลอดเวลา" มันไม่ได้อยู่คงที่ 3️⃣ บอกตัวเองว่า "ฉันไม่ใช่ความเศร้า ความเศร้าก็ไม่ใช่ฉัน" 4️⃣ เมื่อเห็นว่า "อารมณ์ไม่เที่ยง" ใจก็จะคลายจากการยึดติดไปเอง 📌 "เมื่อจิตเห็นความจริงของอารมณ์ ใจก็เป็นอิสระจากอดีต" 🔥
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • การควบคุมมนุษย์ด้วย AI เป็นหัวข้อที่ซับซ้อนและมีประเด็นทางจริยธรรมมากมาย ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้งานทั้งในทางที่ดีและไม่ดี ต่อไปนี้เป็นแนวคิดบางส่วนเกี่ยวกับรูปแบบการควบคุมมนุษย์ด้วย AI:

    ### 1. **การควบคุมผ่านข้อมูล (Data Control)**
    - **การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล:** AI สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น พฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดีย, สุขภาพ, หรือการเงิน เพื่อสร้างแบบแผนพฤติกรรมของแต่ละบุคคล
    - **การโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมาย:** ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและโฆษณาสินค้าหรือบริการที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค

    ### 2. **การควบคุมผ่านการตัดสินใจ (Decision Control)**
    - **ระบบแนะนำ (Recommendation Systems):** AI สามารถแนะนำทางเลือกให้กับผู้ใช้ เช่น วิดีโอที่ควรดู, สินค้าที่ควรซื้อ, หรือแม้แต่เส้นทางที่ควรเดินทาง ซึ่งอาจส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ใช้
    - **ระบบอัตโนมัติ:** AI สามารถควบคุมระบบอัตโนมัติ เช่น รถยนต์ไร้คนขับ, ระบบจัดการพลังงานในบ้าน, หรือแม้แต่ระบบการเงินส่วนบุคคล

    ### 3. **การควบคุมผ่านการสื่อสาร (Communication Control)**
    - **แชทบอทและผู้ช่วยเสมือน:** AI สามารถใช้ในการสื่อสารกับมนุษย์ผ่านแชทบอทหรือผู้ช่วยเสมือน ซึ่งอาจถูกใช้เพื่อโน้มน้าวหรือชี้นำความคิดเห็นของผู้ใช้
    - **Deepfake และการปลอมแปลงข้อมูล:** AI สามารถสร้างเนื้อหาปลอม เช่น วิดีโอหรือเสียง ที่ดูเหมือนจริง เพื่อโน้มน้าวหรือหลอกลวงผู้คน

    ### 4. **การควบคุมผ่านการเฝ้าระวัง (Surveillance Control)**
    - **การเฝ้าระวังด้วยกล้อง:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามพฤติกรรมของบุคคล
    - **การวิเคราะห์เสียง:** AI สามารถวิเคราะห์เสียงเพื่อตรวจจับอารมณ์หรือความตั้งใจของบุคคล

    ### 5. **การควบคุมผ่านการชี้นำทางสังคม (Social Influence Control)**
    - **โซเชียลมีเดีย:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์และชี้นำกระแสสังคมบนโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างความนิยมหรือลดทอนความน่าเชื่อถือของข้อมูลบางอย่าง
    - **การสร้างเนื้อหา:** AI สามารถสร้างเนื้อหาที่มีอิทธิพลต่อความคิดเห็นของสาธารณชน เช่น ข่าวปลอมหรือบทความโน้มน้าวใจ

    ### 6. **การควบคุมผ่านระบบกฎหมายและกฎระเบียบ (Legal and Regulatory Control)**
    - **การบังคับใช้กฎหมาย:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อบังคับใช้กฎหมาย เช่น การตรวจจับการทุจริตหรือการละเมิดกฎหมาย
    - **การตัดสินใจทางกฎหมาย:** AI อาจถูกใช้ในการช่วยตัดสินใจทางกฎหมาย เช่น การพิจารณาคดีหรือการให้คำแนะนำทางกฎหมาย

    ### 7. **การควบคุมผ่านการชี้นำทางจิตวิทยา (Psychological Influence Control)**
    - **การวิเคราะห์อารมณ์:** AI สามารถวิเคราะห์อารมณ์ของบุคคลผ่านการวิเคราะห์ข้อความ, เสียง, หรือภาพ เพื่อชี้นำหรือโน้มน้าวใจ
    - **การบำบัดด้วย AI:** AI สามารถใช้ในการบำบัดทางจิตวิทยา ซึ่งอาจส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรมของผู้ป่วย

    ### 8. **การควบคุมผ่านระบบการศึกษา (Educational Control)**
    - **ระบบการเรียนรู้แบบปรับตัว:** AI สามารถปรับเนื้อหาการเรียนรู้ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ซึ่งอาจส่งผลต่อความรู้และทักษะที่ผู้เรียนได้รับ
    - **การประเมินผล:** AI สามารถใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้และให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ

    ### 9. **การควบคุมผ่านระบบสุขภาพ (Health Control)**
    - **การวินิจฉัยโรค:** AI สามารถใช้ในการวินิจฉัยโรคและแนะนำการรักษา ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของบุคคล
    - **การติดตามสุขภาพ:** AI สามารถติดตามสุขภาพของบุคคลผ่านอุปกรณ์ wearable devices และให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงสุขภาพ

    ### 10. **การควบคุมผ่านระบบการเงิน (Financial Control)**
    - **การวิเคราะห์การเงิน:** AI สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้เงินและให้คำแนะนำทางการเงิน ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจทางการเงินของบุคคล
    - **การจัดการพอร์ตโฟลิโอ:** AI สามารถใช้ในการจัดการพอร์ตโฟลิโอการลงทุน ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่งคั่งของบุคคล

    ### จริยธรรมและความเสี่ยง
    การควบคุมมนุษย์ด้วย AI มีความเสี่ยงทางจริยธรรมมากมาย เช่น การละเมิดความเป็นส่วนตัว, การบังคับใช้อำนาจ, และการสร้างความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ดังนั้น การออกแบบและใช้งาน AI ควรคำนึงถึงหลักจริยธรรมและกฎหมายเพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด

    ### สรุป
    AI มีศักยภาพในการควบคุมมนุษย์ผ่านหลายช่องทาง ทั้งทางตรงและทางอ้อม การใช้งาน AI ควรคำนึงถึงผลกระทบทางสังคมและจริยธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยงต่อมนุษย์และสังคม
    การควบคุมมนุษย์ด้วย AI เป็นหัวข้อที่ซับซ้อนและมีประเด็นทางจริยธรรมมากมาย ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้งานทั้งในทางที่ดีและไม่ดี ต่อไปนี้เป็นแนวคิดบางส่วนเกี่ยวกับรูปแบบการควบคุมมนุษย์ด้วย AI: ### 1. **การควบคุมผ่านข้อมูล (Data Control)** - **การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล:** AI สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น พฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดีย, สุขภาพ, หรือการเงิน เพื่อสร้างแบบแผนพฤติกรรมของแต่ละบุคคล - **การโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมาย:** ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและโฆษณาสินค้าหรือบริการที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค ### 2. **การควบคุมผ่านการตัดสินใจ (Decision Control)** - **ระบบแนะนำ (Recommendation Systems):** AI สามารถแนะนำทางเลือกให้กับผู้ใช้ เช่น วิดีโอที่ควรดู, สินค้าที่ควรซื้อ, หรือแม้แต่เส้นทางที่ควรเดินทาง ซึ่งอาจส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ใช้ - **ระบบอัตโนมัติ:** AI สามารถควบคุมระบบอัตโนมัติ เช่น รถยนต์ไร้คนขับ, ระบบจัดการพลังงานในบ้าน, หรือแม้แต่ระบบการเงินส่วนบุคคล ### 3. **การควบคุมผ่านการสื่อสาร (Communication Control)** - **แชทบอทและผู้ช่วยเสมือน:** AI สามารถใช้ในการสื่อสารกับมนุษย์ผ่านแชทบอทหรือผู้ช่วยเสมือน ซึ่งอาจถูกใช้เพื่อโน้มน้าวหรือชี้นำความคิดเห็นของผู้ใช้ - **Deepfake และการปลอมแปลงข้อมูล:** AI สามารถสร้างเนื้อหาปลอม เช่น วิดีโอหรือเสียง ที่ดูเหมือนจริง เพื่อโน้มน้าวหรือหลอกลวงผู้คน ### 4. **การควบคุมผ่านการเฝ้าระวัง (Surveillance Control)** - **การเฝ้าระวังด้วยกล้อง:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามพฤติกรรมของบุคคล - **การวิเคราะห์เสียง:** AI สามารถวิเคราะห์เสียงเพื่อตรวจจับอารมณ์หรือความตั้งใจของบุคคล ### 5. **การควบคุมผ่านการชี้นำทางสังคม (Social Influence Control)** - **โซเชียลมีเดีย:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์และชี้นำกระแสสังคมบนโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างความนิยมหรือลดทอนความน่าเชื่อถือของข้อมูลบางอย่าง - **การสร้างเนื้อหา:** AI สามารถสร้างเนื้อหาที่มีอิทธิพลต่อความคิดเห็นของสาธารณชน เช่น ข่าวปลอมหรือบทความโน้มน้าวใจ ### 6. **การควบคุมผ่านระบบกฎหมายและกฎระเบียบ (Legal and Regulatory Control)** - **การบังคับใช้กฎหมาย:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อบังคับใช้กฎหมาย เช่น การตรวจจับการทุจริตหรือการละเมิดกฎหมาย - **การตัดสินใจทางกฎหมาย:** AI อาจถูกใช้ในการช่วยตัดสินใจทางกฎหมาย เช่น การพิจารณาคดีหรือการให้คำแนะนำทางกฎหมาย ### 7. **การควบคุมผ่านการชี้นำทางจิตวิทยา (Psychological Influence Control)** - **การวิเคราะห์อารมณ์:** AI สามารถวิเคราะห์อารมณ์ของบุคคลผ่านการวิเคราะห์ข้อความ, เสียง, หรือภาพ เพื่อชี้นำหรือโน้มน้าวใจ - **การบำบัดด้วย AI:** AI สามารถใช้ในการบำบัดทางจิตวิทยา ซึ่งอาจส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรมของผู้ป่วย ### 8. **การควบคุมผ่านระบบการศึกษา (Educational Control)** - **ระบบการเรียนรู้แบบปรับตัว:** AI สามารถปรับเนื้อหาการเรียนรู้ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ซึ่งอาจส่งผลต่อความรู้และทักษะที่ผู้เรียนได้รับ - **การประเมินผล:** AI สามารถใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้และให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ### 9. **การควบคุมผ่านระบบสุขภาพ (Health Control)** - **การวินิจฉัยโรค:** AI สามารถใช้ในการวินิจฉัยโรคและแนะนำการรักษา ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของบุคคล - **การติดตามสุขภาพ:** AI สามารถติดตามสุขภาพของบุคคลผ่านอุปกรณ์ wearable devices และให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงสุขภาพ ### 10. **การควบคุมผ่านระบบการเงิน (Financial Control)** - **การวิเคราะห์การเงิน:** AI สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้เงินและให้คำแนะนำทางการเงิน ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจทางการเงินของบุคคล - **การจัดการพอร์ตโฟลิโอ:** AI สามารถใช้ในการจัดการพอร์ตโฟลิโอการลงทุน ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่งคั่งของบุคคล ### จริยธรรมและความเสี่ยง การควบคุมมนุษย์ด้วย AI มีความเสี่ยงทางจริยธรรมมากมาย เช่น การละเมิดความเป็นส่วนตัว, การบังคับใช้อำนาจ, และการสร้างความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ดังนั้น การออกแบบและใช้งาน AI ควรคำนึงถึงหลักจริยธรรมและกฎหมายเพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด ### สรุป AI มีศักยภาพในการควบคุมมนุษย์ผ่านหลายช่องทาง ทั้งทางตรงและทางอ้อม การใช้งาน AI ควรคำนึงถึงผลกระทบทางสังคมและจริยธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยงต่อมนุษย์และสังคม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลู่วิ่งในร่มเปิดถึง 4 ทุ่ม ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ

    บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ขยายเวลาเปิดให้บริการลู่วิ่ง Sky Running ที่ชั้น 4 อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ ออกไปอีก 2 ชั่วโมง เป็นตั้งแต่ 06.00 น. ถึง 22.00 น. ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพื่อต้องการดูแลสุขภาพให้แก่ประชาชน และผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายในสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 โดยลู่วิ่งมีระยะทาง 412 เมตรต่อรอบ พร้อมระบบนับรอบวิ่ง ปัจจุบันมีผู้มาใช้บริการเฉลี่ยวันละ 200 คน ทั้งพนักงาน ข้าราชการ และประชาชนใกล้เคียง

    ดร.นาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ กล่าวว่า จุดประสงค์ของการพัฒนาลู่วิ่ง เพื่อต้องการให้ผู้ที่ทำงานในศูนย์ราชการฯ ได้มีพื้นที่ออกกำลังกายระหว่างรอกลับบ้านหลังเลิกจากงาน ช่วยลดความแออัดของการจราจรในช่วงเย็น และยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ นอกจากนี้ ยังมีบริการสันทนาการอื่นๆ สำหรับผู้ที่ทำงานในศูนย์ราชการฯ ได้ผ่อนคลายและออกกำลังกายในช่วงเย็น เช่น ห้องแดนซ์สตูดิโอ ห้องปิงปอง ห้องโยคะ ช่วยยกคุณภาพชีวิตของผู้ที่ทำงานได้เป็นอย่างดี

    อาคาร B ออกแบบเป็นอาคารประหยัดพลังงาน ติดตั้งเครื่องปรับอากาศและระบบกรองอากาศขนาดใหญ่ ตัวอาคารเป็นระบบปิดสนิททำให้อากาศภายในอาคารมีปริมาณฝุ่น PM 2.5 ที่น้อย จึงเหมาะแก่การออกกำลังกาย นอกจากนี้ ยังมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และติดตั้งเครื่อง AED ไว้ให้บริการกรณีฉุกเฉิน ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถวิ่งออกกำลังกายในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ช่วยให้การออกกำลังกายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

    สำหรับลู่วิ่ง Sky Running เปิดเมื่อเดือน ก.ค. 2561 ตั้งอยู่ที่ชั้น 4 อาคาร B มีล็อกเกอร์สำหรับเก็บของที่ชั้น 5 รวม 96 ช่อง เครื่องออกกำลังกายแบบยืดเหยียด และห้องอาบน้ำบริเวณห้องน้ำ E3 ชั้น 4 และชั้น 5 แบ่งเป็นห้องอาบน้ำชาย 2 ห้อง ห้องอาบน้ำหญิง 2 ห้อง ส่วนบริเวณชั้น B ยังมีร้านสะดวกซื้อ ร้านค้า ศูนย์อาหาร สาขาธนาคาร และมีที่จอดรถสำหรับประชาชนผู้มาติดต่อราชการ ชั้น 1 รวม 150 คัน ชั้น 3 และ 4 รวม 1,500 คัน และชั้น 5 รวม 350 คัน

    การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ ใช้รถไฟฟ้าสายสีชมพู ลงที่สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ทางออก 3 ต่อด้วย Skywalk ไปยังอาคารจอดรถ D ต่อด้วยรถ EV Shuttle Bus เส้นทางที่ 1 ไปยังอาคาร B ให้บริการตั้งแต่เวลา 05.30-19.00 น. หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ส่วนรถประจำทางสายที่เข้าอาคาร B ได้แก่ ขสมก. สาย 66 (2-12) สาย 166 (ศูนย์ราชการ) สาย 2-36 ไทยสมายล์บัส สาย 126 (1-13) สาย 513E (3-23E) และสาย 1-31

    #Newskit
    ลู่วิ่งในร่มเปิดถึง 4 ทุ่ม ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ขยายเวลาเปิดให้บริการลู่วิ่ง Sky Running ที่ชั้น 4 อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ ออกไปอีก 2 ชั่วโมง เป็นตั้งแต่ 06.00 น. ถึง 22.00 น. ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพื่อต้องการดูแลสุขภาพให้แก่ประชาชน และผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายในสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 โดยลู่วิ่งมีระยะทาง 412 เมตรต่อรอบ พร้อมระบบนับรอบวิ่ง ปัจจุบันมีผู้มาใช้บริการเฉลี่ยวันละ 200 คน ทั้งพนักงาน ข้าราชการ และประชาชนใกล้เคียง ดร.นาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ กล่าวว่า จุดประสงค์ของการพัฒนาลู่วิ่ง เพื่อต้องการให้ผู้ที่ทำงานในศูนย์ราชการฯ ได้มีพื้นที่ออกกำลังกายระหว่างรอกลับบ้านหลังเลิกจากงาน ช่วยลดความแออัดของการจราจรในช่วงเย็น และยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ นอกจากนี้ ยังมีบริการสันทนาการอื่นๆ สำหรับผู้ที่ทำงานในศูนย์ราชการฯ ได้ผ่อนคลายและออกกำลังกายในช่วงเย็น เช่น ห้องแดนซ์สตูดิโอ ห้องปิงปอง ห้องโยคะ ช่วยยกคุณภาพชีวิตของผู้ที่ทำงานได้เป็นอย่างดี อาคาร B ออกแบบเป็นอาคารประหยัดพลังงาน ติดตั้งเครื่องปรับอากาศและระบบกรองอากาศขนาดใหญ่ ตัวอาคารเป็นระบบปิดสนิททำให้อากาศภายในอาคารมีปริมาณฝุ่น PM 2.5 ที่น้อย จึงเหมาะแก่การออกกำลังกาย นอกจากนี้ ยังมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และติดตั้งเครื่อง AED ไว้ให้บริการกรณีฉุกเฉิน ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถวิ่งออกกำลังกายในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ช่วยให้การออกกำลังกายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับลู่วิ่ง Sky Running เปิดเมื่อเดือน ก.ค. 2561 ตั้งอยู่ที่ชั้น 4 อาคาร B มีล็อกเกอร์สำหรับเก็บของที่ชั้น 5 รวม 96 ช่อง เครื่องออกกำลังกายแบบยืดเหยียด และห้องอาบน้ำบริเวณห้องน้ำ E3 ชั้น 4 และชั้น 5 แบ่งเป็นห้องอาบน้ำชาย 2 ห้อง ห้องอาบน้ำหญิง 2 ห้อง ส่วนบริเวณชั้น B ยังมีร้านสะดวกซื้อ ร้านค้า ศูนย์อาหาร สาขาธนาคาร และมีที่จอดรถสำหรับประชาชนผู้มาติดต่อราชการ ชั้น 1 รวม 150 คัน ชั้น 3 และ 4 รวม 1,500 คัน และชั้น 5 รวม 350 คัน การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ ใช้รถไฟฟ้าสายสีชมพู ลงที่สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ทางออก 3 ต่อด้วย Skywalk ไปยังอาคารจอดรถ D ต่อด้วยรถ EV Shuttle Bus เส้นทางที่ 1 ไปยังอาคาร B ให้บริการตั้งแต่เวลา 05.30-19.00 น. หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ส่วนรถประจำทางสายที่เข้าอาคาร B ได้แก่ ขสมก. สาย 66 (2-12) สาย 166 (ศูนย์ราชการ) สาย 2-36 ไทยสมายล์บัส สาย 126 (1-13) สาย 513E (3-23E) และสาย 1-31 #Newskit
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้ำตาแห่งมิวนิค

    เสียงเครื่องยนต์ขาดช่วงกลางสายลม ไฟลุกโหมกลางหิมะขาวพร่างพราว รอยยิ้มแห่งชัยชนะเมื่อคราว กลับกลายเป็นเถ้าถ่าน ล่องลอยไป

    เหล่าปีศาจแดงสิ้นแสงกลางฟ้า ความฝันล่องลอยไปกลางสายตา บอกลาฟุตบอลที่รัก ตลอดมา เสียงเชียร์เคยก้องฟ้า กลับเงียบงัน

    * น้ำตาหลั่งริน มิวนิคคืนนี้�ชีวิตที่มี ดับลงทันใด นักรบสนามหญ้า จากไป แต่หัวใจ…ยังคงอยู่ที่เดิม

    ใครกันที่ต้องรับผิดชอบ โยนความผิดลงบนบ่าคนเดียว กัปตันเจมส์ แบกรับความเปล่าเปลี่ยว ทั้งที่เขา…คือผู้พยายาม

    ** โลกจารึกชื่อพวกเขาตลอดไป ร่างดับไปแต่ตำนานยังหายใจ แมนเชสเตอร์ ยังคงก้าวต่อไป เพื่อพวกเค้า ที่จากไปในวันนั้น

    ซ้ำ *, **

    เสียงตะโกนดังก้องขึ้นอีกครา "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่สิ้น" แม้ฟ้าแยกดินสะเทือนทั่วทั้งถิ่น ตำนานยังโบยบิน อยู่เหนือกาลเวลา

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 062314 ก.พ. 2568

    #MunichAirDisaster #แมนยูไนเต็ด #TearsOfMunich #BusbyBabes #ManchesterUnited #NeverForget #MUFC #FootballLegends #RedDevils #EternalGlory
    น้ำตาแห่งมิวนิค เสียงเครื่องยนต์ขาดช่วงกลางสายลม ไฟลุกโหมกลางหิมะขาวพร่างพราว รอยยิ้มแห่งชัยชนะเมื่อคราว กลับกลายเป็นเถ้าถ่าน ล่องลอยไป เหล่าปีศาจแดงสิ้นแสงกลางฟ้า ความฝันล่องลอยไปกลางสายตา บอกลาฟุตบอลที่รัก ตลอดมา เสียงเชียร์เคยก้องฟ้า กลับเงียบงัน * น้ำตาหลั่งริน มิวนิคคืนนี้�ชีวิตที่มี ดับลงทันใด นักรบสนามหญ้า จากไป แต่หัวใจ…ยังคงอยู่ที่เดิม ใครกันที่ต้องรับผิดชอบ โยนความผิดลงบนบ่าคนเดียว กัปตันเจมส์ แบกรับความเปล่าเปลี่ยว ทั้งที่เขา…คือผู้พยายาม ** โลกจารึกชื่อพวกเขาตลอดไป ร่างดับไปแต่ตำนานยังหายใจ แมนเชสเตอร์ ยังคงก้าวต่อไป เพื่อพวกเค้า ที่จากไปในวันนั้น ซ้ำ *, ** เสียงตะโกนดังก้องขึ้นอีกครา "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่สิ้น" แม้ฟ้าแยกดินสะเทือนทั่วทั้งถิ่น ตำนานยังโบยบิน อยู่เหนือกาลเวลา ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 062314 ก.พ. 2568 #MunichAirDisaster #แมนยูไนเต็ด #TearsOfMunich #BusbyBabes #ManchesterUnited #NeverForget #MUFC #FootballLegends #RedDevils #EternalGlory
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 11 0 รีวิว
  • [Exclusive on Sondhi Talk]
    "บังแจ็ค" ไว้ใจ DSI ไขคดี
    แย้มมือถือแตงโมมี 4 หมื่นภาพ
    แถมข้อมูลนักการเมือง-นักธุรกิจดัง
    .
    บังแจ็คเปิดใจส่งมอบมือถือแตงโม นิดา ให้หมอธวัชชัยนำมาให้ดีเอสไอคลี่คลายคดี ระบุกู้ข้อมูลมีภาพกว่า 4 หมื่นภาพ แชตบางส่วนคุยกับนักการเมืองดัง และมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่มีอิทธิพลสูง นักธุรกิจระดับประเทศเกี่ยวข้องด้วย เผยมีคนขอซื้อมือถือจริงแต่ไม่ถึง 15 ล้าน ลั่นยังไงก็ไม่ขาย
    .
    วันนี้ (6 ก.พ.) นายซาคาเนียน ราชา ไฮเดอร์ หรือบังแจ็ค ให้สัมภาษณ์ทางเฟซบุ๊ก และยูทูป "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" (คลิกชมย้อนหลัง >> https://www.youtube.com/watch?v=58nPhAE2uZo) ถึงโทรศัพท์มือถือของ แตงโม นิดา หรือ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาวที่เสียชีวิตจากเรือสปีดโบ้ท เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ซึ่งได้ส่งมอบให้ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ และเตรียมนำมาส่งมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำมาใช้เพื่อคลี่คลายการเสียชีวิตของแตงโม ระบุว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนที่รู้จักกับนางพนิดา ศิริยุทธโยธิน มารดาของแตงโม นางพนิดาได้รับโทรศัพท์มือถือของแตงโมจากตำรวจ แต่ไม่พบข้อมูลใดๆ ในเครื่อง ตนจึงแนะนำให้นำไปที่ศูนย์บริการของแอปเปิลช่วยดูว่ายังมีข้อมูลในเครื่องหรือไม่ นางพนิดาไปที่ศูนย์แอปเปิลฯ แต่ไม่ไว้ใจ จึงให้โทรศัพท์มือถือแก่ตน ซึ่งเป็นความครอบครองโดยถูกต้อง
    .
    การตัดสินใจส่งมอบโทรศัพท์มือถือเป็นไปตามที่ตนได้ประกาศไว้ว่าจะมอบให้เฉพาะบุคคล 3 ราย ได้แก่ นพ.ธวัชชัย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เพราะทั้งสามคนไว้วางใจที่สุดแล้ว เพราะมีข้อมูลบางส่วนที่ไม่อยากให้ผู้ที่กระทำความผิด หรือคนที่จะนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี โดยข้อมูลในโทรศัพท์มือถือบางอย่างเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนไปแล้ว เช่น มีคนดังโทร.เข้ามาในเวลาผิดปกติ ซึ่งนายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ เปิดเผยว่าได้โทร.หาจริง ยังเหลืออีก 2-3 คนที่ยังไม่ได้ออกมาพูด รวมทั้ง น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม โทร.มาหาเมื่อเวลา 20.40 น. ของวันเกิดเหตุ ทั้งๆ ที่อยู่บนเรือลำเดียวกัน และอีกหลายข้อมูลทั้งคลิป รูปภาพ การลบข้อความ และการลบบัญชีทั้งบัญชี
    .
    ตนจำได้ว่ามดดำได้โทร.หาแตงโม แต่ได้รับข่าวจากแอนนา วรินทร วัตรสังข์ เพื่อนของแตงโมว่า แตงโมตกน้ำ แอนนาพยายามทักไลน์ โทร.ทั้งไลน์และมือถือแต่ไม่ติด เมื่อ 3 ปีที่แล้วพอเข้าไปดูบัญชีแอนนาไม่มีเลย ลบทิ้ง บัญชีฮิปโป (ผู้จัดการส่วนตัวให้ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนที่แตงโมเสียชีวิต) ก็ลบทิ้ง บัญชีโม อมีนา พินิจ ก็ลบทิ้ง บัญชีพุดเดิล ยุพดี ก็ลบทิ้ง และอีกหลายคน ส่วนข้อความที่กระติกนำมาเปิดเผยในรายการโหนกระแสว่าได้คุยกับแตงโม ตนก็เข้าไปดู ไม่พบข้อความที่กระติกนำมาแสดง มีถึงแค่วันที่ 17-18 ก.พ. 2565 เท่านั้น แสดงว่ามีข้อมูลที่ถูกลบและข้อมูลที่แต่งขึ้นมา
    .
    บังแจ็ค กล่าวว่า ตนกู้ข้อมูลเฉพาะรูปภาพกว่า 40,000 ภาพ ยังดูไม่หมด ดูเฉพาะเกี่ยวข้องกับคดี เช่น บัญชีธนาคารไม่มีเงินสักบาทในบัญชี ทั้งที่อย่างน้อยเป็นดาราต้องมีเงินติดบัญชีสัก 4-5 พันบาท แต่ยอดเงินกลับเป็น 0 บาท บันทึกบางส่วนถูกลบออกไป แชตบางส่วนที่คุยกับนักการเมืองดัง ที่ขู่จะให้ส่งภาพลับที่ไม่เหมาะสมและเรียกให้มาหาก็มี ตนสงสารที่แตงโมต้องเจออะไรแบบนั้น ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายคดีเมื่ออยู่ในมือของดีเอสไอ
    .
    ส่วนเรื่องความน่าเชื่อถือของตนที่ทำให้พยานหลักฐานถูกด้อยค่านั้น ถามว่าใครทำร้ายเครดิตตน คนที่เสียประโยชน์ก็พยายามใช้สื่อที่เข้าข้างมาดิสเครดิตตน หนึ่งในนั้นคือทนายความที่ท้าให้ดื่มปัสสาวะ 70 แก้ว พาทั้งพิธีกรชื่อดังไปแจ้งความว่าตนขู่ฆ่าและใช้สื่อโจมตี ทั้งๆ ที่พิธีกรชื่อดังเข้าใจกันแล้ว และจะร่วมมือจำหน่ายสินค้าที่ต่างประเทศ ส่วนเรื่องที่โพสต์ภาพปืนเป็นเรื่องนานมาแล้ว ไม่เกี่ยวกับคดีแตงโม และได้เคลียร์จบแล้ว ตนมีหลักฐานทั้งหมดส่งให้ นพ.ธวัชชัย เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าได้คุยกัน จับมือขออภัยกันจริง
    .
    ส่วนคดีเบนซ์ เรซซิ่ง หรือนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช ส่วนตัวมาเมืองไทยถูกต้อง เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ซื้อรถจักรยานยนต์จากเบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี เวลานั้นตนอยู่โคราช ตนถูกหลอกเพราะไม่มีเอกสารและทะเบียน ตนเป็นชาวต่างชาติไม่รู้กฎหมาย เจอด่านก็โดนยึด พอกลับไปหาเจ้าตัวก็ไม่รับผิดชอบเพราะไม่มีหลักฐาน พอเกิดคดีนายไซซะนะ แก้วพิมพา เจ้าพ่อยาเสพติด ตนออกมาวิจารณ์เบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เข้าข้างและไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมของเขา ตนซื้อรถด้วยน้ำพักน้ำแรงแล้วทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง แต่ด้วยความที่ตนใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง เวลานั้นไม่รู้จะอธิบายให้ใครฟังเพราะโดนโจมตี น้ำหนักน้อยลง พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อเพราะเป็นคนต่างชาติ ถูกด้อยค่าตลอดเวลา จึงเลือกที่จะไม่ตอบโต้
    .
    ส่วนที่ไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ถึงปี 2569 เพราะเป็นบุคคลที่เชื่อได้ว่าเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยนั้น บังแจ็ค กล่าวว่า สมมติเป็นบุคคลอันตรายจริงก็ไม่น่าจะมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้ 6-7 ปี ไม่ใช่โรงเรียนเอกชน แต่เป็นโรงเรียนรัฐบาล และออกเอกสารถูกต้อง มีใบอนุญาตทำงาน เมื่อ 2 ปีก่อนมีรายการโทรทัศน์ไปตรวจสอบแล้วไม่พบบัญชีดำในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตอนนี้สามารถเข้าประเทศไทยได้ ส่วนคดีที่เจอระยะหลังๆ คือคดีแตงโม ถูกใส่ไข่เยอะเพราะอีกฝ่ายหรืออีกสื่อหนึ่งมีเอฟซี มีอิทธิพลเยอะ แถมเมื่อตนไปสัมภาษณ์รายการหนึ่ง 5 ครั้ง ภายหลังไลฟ์รายการลบทิ้ง หมายความว่าอย่างไร ตนถามตรงๆ ไปว่าลบทิ้งทำไม เขาไม่มีคำตอบ เปลี่ยนประเด็น
    .
    ตนมองว่าต้องมีคนสั่งให้ลบ เพราะมือถืออยู่ในมือตนเอง จึงต้องดิสเครดิตให้ไม่มีความน่าเชื่อถือ พยายามด้อยค่าหลักฐานจากโทรศัพท์มือถือที่ปล่อยออกมา 1-2 คลิปที่ อ.ปานเทพเปิดเผย ตนเคยลงในเพจมานานมากแล้ว แต่มีคนทักมาถามว่าสถานที่ตรงนี้ตรงนั้นหรือเปล่า ซึ่งตนไม่รู้เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว พอไปดูก็มีการแต่งเพิ่มมา อ.ปานเทพถามตนว่าคลิปนี้ได้มาจากตนหรือเปล่า ตนตอบว่าไม่ใช่ คลิปที่ได้จากตนมีแค่นี้ เขาใช้วิธีเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน คือ เอามาแต่งเติม เอามาตัด และโจมตีว่าไม่ใช่ข้อมูลจริง หิวแสง ตนเพิ่งรู้จัก อ.ปานเทพ และ นพ.ธวัชชัยไม่ถึง 2 เดือน ข้อมูล GPS ที่เคยส่งให้ทีวีช่องหนึ่งเมื่อ 3 ปีก่อนก็ถูกด้อยค่าว่าไปตรวจมาแล้วไม่มีอะไรเลย ด้อยค่าแล้วก็ลบตัดทิ้งเลย
    .
    พอรับฟีดแบ็คกลับมาตนก็มีความรู้สึก แฟนของตนก็ไม่สบายใจ ให้หยุดไม่ต้องทำเพราะไม่มีใครเชื่อ แต่ตนเชื่อว่าเวรกรรมมีจริง คดีนี้ต้องกลับมาแน่ เพราะข้อพิรุธหลายอย่าง ตนเก็บข้อมูลไว้ เบอร์แต่ละคนหาไม่ยาก อยู่บนเรือด้วยกันโทร.หากันทำไม แล้วบรรดาคนดังโทร.หาแตงโมเวลา 21.58 น. 22.04 น. หรือ 22.07 น.ของวันเกิดเหตุ ไม่ใช่แค่คืนนั้นคืนเดียว โทร.มาตอนเช้าด้วย โทร.ในระหว่างนั้นด้วย ทั้งๆ ที่ตำรวจแถลงข่าวแตงโมตกน้ำ 22.37-22.38 น. แสดงว่าคนรู้แล้วว่าแตงโมตกน้ำ แต่ไม่มีการกดรับสายเพราะปิดเครื่อง แต่มีระบบรับฝากข้อความและมีข้อความเข้ามา
    .
    เมื่อถามว่า ขบวนการดิสเครดิตบังแจ็คทำไปเพื่ออะไร เกี่ยวกับการเสียชีวิตของแตงโมอย่างไร บังแจ็ค กล่าวว่า มีคนใหญ่อยู่เบื้องหลัง แต่พอคดีแตงโมเปิดขึ้นมาเขาได้รับความเสียหายมาก จึงไม่ยอมให้ทำแบบนี้ ที่ไปคุยที่ปั๊มน้ำมันนั้น ได้ให้ที่ปรึกษากฎหมายของเขาสอนให้พูดแบบนี้ แล้วมีอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่แนะนำว่าต้องไปในทิศทางนี้ เท่าที่ตนทราบไม่นานมีโทรทัศน์ 3 ช่อง ช่องแรกไม่ดัง อีก 2 ช่องดัง ใช้ทนายความคนบนเรือคนเดียวกันออกโทรทัศน์ บางสื่อต้องกลัวตำรวจหรือเกรงใจตำรวจเพราะจะไม่มีข่าวเล่น ตนรู้พิรุธมานานแล้วว่าตอนสัมภาษณ์เขาก็ตัดออก อย่างทีวีช่องหนึ่งสัมภาษณ์นานมาก แต่ตัดบางส่วนออก เหลือเฉพาะตอนที่เปิดช่องให้ถูกโจมตี ภายหลังพบว่าใช้ทนายความคนเดียวกันออกทีวี
    .
    เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีคนเสนอเงิน 15 ล้านบาทเพื่อยุติเรื่องดังกล่าวจริงหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ไม่ถึง 15 ล้านบาท แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ นพ.ธวัชชัยจะมารับเครื่อง ก็พยายามที่จะถามว่าจะให้โทรศัพท์มือถือจริงหรือเปล่า แล้วเชื่อหรือเปล่าว่าจะนำมาใช้ในทางที่ถูกต้อง แต่ถ้าคิดจะขายจะขายในราคาเท่าไหร่ ตนตอบว่าไม่ขาย ถามว่า 2 ล้านบาทขายไหม ตนตอบว่าไม่ขาย ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านบาท เงินที่เสนอมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในเดือนหนึ่งก็หมดแล้ว เพราะตนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา มีบริษัท จ่ายค่ารถ จ่ายค่าบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆ หมดแล้ว ตนหาได้เองไม่ต้องเสนอ อีกฝ่ายก็เสนอเป็น 5 ล้านบาท แต่ไม่ต้องให้เครื่องแก่ นพ.ธวัชชัย ตนกล่าวว่าให้เท่าไหร่ก็ไม่ขาย อยากจะยกให้เขา อีกฝ่ายกล่าวว่า ต้องคิดให้ดีๆ ก่อน เพราะ 1 ใน 5 คนบนเรือกล่าวว่า ได้เครื่องนี้ไปก็คือจบเลย เพราะมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลสูง เป็นนักธุรกิจระดับประเทศมาเกี่ยวข้องด้วย ไม่อยากให้มือถือนี้ไปอยู่ที่เมืองไทย
    .
    เมื่อถามว่า ที่โดนดักตีหัวสงสัยว่าจัดฉากหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ตอนที่โดนตีหัว นพ.ธวัชชัยคุยกับตนอยู่ เวลาโดนตีหัวแฟนถามว่าเรียกรถพยาบาลหรือเปล่า เพราะที่สหรัฐฯ มีค่าใช้จ่าย 3,500-4,000 เหรียญสหรัฐฯ แต่พอจับดูเลือดไหล จึงให้ นพ.ธวัชชัยดูแผล ก็แนะนำว่าให้ไปเย็บแผลก่อน แต่เย็บไม่เยอะ 2 เข็ม และให้กลับไปรักษาที่บ้าน ส่วนที่โดนตีหัวคิดว่าวันนั้นเป็นวันหยุดของคนผิวสี ตำรวจไม่ค่อยมี เป็นเหตุบังเอิญที่โจรขโมยของ นพ.ธวัชชัยอยู่ในสาย ก็เลยเป็นห่วงจึงเป็นข่าวขึ้นมา ส่วนขบวนการดิสเครดิตที่เกิดขึ้น นพ.ธวัชชัย อ.ปานเทพ และนายอัจฉริยะต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ บังแจ็ค กล่าวว่า ทั้งสามคนต้องระวังอย่างสูง เพราะเท่าที่เจอข้อมูลในเครื่องมีแต่คนใหญ่คนโต ทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจชื่อดัง มีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง จากที่แถลงข่าวยังมีเยอะกว่านี้
    .
    ถามถึงแนวทางคลี่คลายคดีเพื่อคืนความยุติธรรมให้แตงโม บังแจ็คกล่าวว่า ลองไว้ใจทีมดีเอสไอ และดูว่าจะมีคนเข้ามาสกัดหรือข่มขู่หรือเปล่าก็ต้องคอยดู แต่ถ้าทั้งสามคนสบายใจและมั่นใจในทีมนี้ก็ตามนั้น สิ่งที่ทำได้ก็คือฟิงเกอร์ครอส (ยกนิ้วไขว้เพื่ออวยพรขอให้โชคดี) เมื่อถามว่า ตอนนี้บังแจ็คทำอะไรอยู่ ตนต้องขอบคุณเน็ตไอดอลที่สร้างภาพให้ตนเป็นแบบนั้นว่าเขาทำสำเร็จ ตนมีร้านอาหาร 2 แห่ง มีบริษัทที่มีรถยนต์กันกระสุน 5 คัน รับคุ้มกันดาราระดับโลก นักฟุตบอลชื่อดัง และนักการเมือง ยืนยันว่าเป็นโทรศัพท์มือถือแตงโมจริง ให้ นพ.ธวัชชัชตรวจอีมี่ (IMEI) และตรวจเครื่องให้เรียบร้อย ถ้าสมมติถ้าตนหิวเงินหรือหิวแสงคงไม่เก็บไว้นานถึง 3 ปี ภาพหรือคลิปที่ตนเจอป่านนี้ได้เงินเป็นร้อยล้านแล้ว ตนนับถือศาสนาอิสลาม เป็นเงินบาป ทำแบบนี้ไม่ได้ เราไม่ไปยุ่งและไม่เปิดเผย ไม่ทำให้แตงโมเสียหายเพราะน่าสงสารที่สุดแล้ว
    .
    คลิกอ่านต้นฉบับ >> https://sondhitalk.com/detail/9680000012224
    ......
    Sondhi X
    [Exclusive on Sondhi Talk] "บังแจ็ค" ไว้ใจ DSI ไขคดี แย้มมือถือแตงโมมี 4 หมื่นภาพ แถมข้อมูลนักการเมือง-นักธุรกิจดัง . บังแจ็คเปิดใจส่งมอบมือถือแตงโม นิดา ให้หมอธวัชชัยนำมาให้ดีเอสไอคลี่คลายคดี ระบุกู้ข้อมูลมีภาพกว่า 4 หมื่นภาพ แชตบางส่วนคุยกับนักการเมืองดัง และมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่มีอิทธิพลสูง นักธุรกิจระดับประเทศเกี่ยวข้องด้วย เผยมีคนขอซื้อมือถือจริงแต่ไม่ถึง 15 ล้าน ลั่นยังไงก็ไม่ขาย . วันนี้ (6 ก.พ.) นายซาคาเนียน ราชา ไฮเดอร์ หรือบังแจ็ค ให้สัมภาษณ์ทางเฟซบุ๊ก และยูทูป "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" (คลิกชมย้อนหลัง >> https://www.youtube.com/watch?v=58nPhAE2uZo) ถึงโทรศัพท์มือถือของ แตงโม นิดา หรือ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาวที่เสียชีวิตจากเรือสปีดโบ้ท เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ซึ่งได้ส่งมอบให้ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ และเตรียมนำมาส่งมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำมาใช้เพื่อคลี่คลายการเสียชีวิตของแตงโม ระบุว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนที่รู้จักกับนางพนิดา ศิริยุทธโยธิน มารดาของแตงโม นางพนิดาได้รับโทรศัพท์มือถือของแตงโมจากตำรวจ แต่ไม่พบข้อมูลใดๆ ในเครื่อง ตนจึงแนะนำให้นำไปที่ศูนย์บริการของแอปเปิลช่วยดูว่ายังมีข้อมูลในเครื่องหรือไม่ นางพนิดาไปที่ศูนย์แอปเปิลฯ แต่ไม่ไว้ใจ จึงให้โทรศัพท์มือถือแก่ตน ซึ่งเป็นความครอบครองโดยถูกต้อง . การตัดสินใจส่งมอบโทรศัพท์มือถือเป็นไปตามที่ตนได้ประกาศไว้ว่าจะมอบให้เฉพาะบุคคล 3 ราย ได้แก่ นพ.ธวัชชัย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เพราะทั้งสามคนไว้วางใจที่สุดแล้ว เพราะมีข้อมูลบางส่วนที่ไม่อยากให้ผู้ที่กระทำความผิด หรือคนที่จะนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี โดยข้อมูลในโทรศัพท์มือถือบางอย่างเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนไปแล้ว เช่น มีคนดังโทร.เข้ามาในเวลาผิดปกติ ซึ่งนายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ เปิดเผยว่าได้โทร.หาจริง ยังเหลืออีก 2-3 คนที่ยังไม่ได้ออกมาพูด รวมทั้ง น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม โทร.มาหาเมื่อเวลา 20.40 น. ของวันเกิดเหตุ ทั้งๆ ที่อยู่บนเรือลำเดียวกัน และอีกหลายข้อมูลทั้งคลิป รูปภาพ การลบข้อความ และการลบบัญชีทั้งบัญชี . ตนจำได้ว่ามดดำได้โทร.หาแตงโม แต่ได้รับข่าวจากแอนนา วรินทร วัตรสังข์ เพื่อนของแตงโมว่า แตงโมตกน้ำ แอนนาพยายามทักไลน์ โทร.ทั้งไลน์และมือถือแต่ไม่ติด เมื่อ 3 ปีที่แล้วพอเข้าไปดูบัญชีแอนนาไม่มีเลย ลบทิ้ง บัญชีฮิปโป (ผู้จัดการส่วนตัวให้ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนที่แตงโมเสียชีวิต) ก็ลบทิ้ง บัญชีโม อมีนา พินิจ ก็ลบทิ้ง บัญชีพุดเดิล ยุพดี ก็ลบทิ้ง และอีกหลายคน ส่วนข้อความที่กระติกนำมาเปิดเผยในรายการโหนกระแสว่าได้คุยกับแตงโม ตนก็เข้าไปดู ไม่พบข้อความที่กระติกนำมาแสดง มีถึงแค่วันที่ 17-18 ก.พ. 2565 เท่านั้น แสดงว่ามีข้อมูลที่ถูกลบและข้อมูลที่แต่งขึ้นมา . บังแจ็ค กล่าวว่า ตนกู้ข้อมูลเฉพาะรูปภาพกว่า 40,000 ภาพ ยังดูไม่หมด ดูเฉพาะเกี่ยวข้องกับคดี เช่น บัญชีธนาคารไม่มีเงินสักบาทในบัญชี ทั้งที่อย่างน้อยเป็นดาราต้องมีเงินติดบัญชีสัก 4-5 พันบาท แต่ยอดเงินกลับเป็น 0 บาท บันทึกบางส่วนถูกลบออกไป แชตบางส่วนที่คุยกับนักการเมืองดัง ที่ขู่จะให้ส่งภาพลับที่ไม่เหมาะสมและเรียกให้มาหาก็มี ตนสงสารที่แตงโมต้องเจออะไรแบบนั้น ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายคดีเมื่ออยู่ในมือของดีเอสไอ . ส่วนเรื่องความน่าเชื่อถือของตนที่ทำให้พยานหลักฐานถูกด้อยค่านั้น ถามว่าใครทำร้ายเครดิตตน คนที่เสียประโยชน์ก็พยายามใช้สื่อที่เข้าข้างมาดิสเครดิตตน หนึ่งในนั้นคือทนายความที่ท้าให้ดื่มปัสสาวะ 70 แก้ว พาทั้งพิธีกรชื่อดังไปแจ้งความว่าตนขู่ฆ่าและใช้สื่อโจมตี ทั้งๆ ที่พิธีกรชื่อดังเข้าใจกันแล้ว และจะร่วมมือจำหน่ายสินค้าที่ต่างประเทศ ส่วนเรื่องที่โพสต์ภาพปืนเป็นเรื่องนานมาแล้ว ไม่เกี่ยวกับคดีแตงโม และได้เคลียร์จบแล้ว ตนมีหลักฐานทั้งหมดส่งให้ นพ.ธวัชชัย เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าได้คุยกัน จับมือขออภัยกันจริง . ส่วนคดีเบนซ์ เรซซิ่ง หรือนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช ส่วนตัวมาเมืองไทยถูกต้อง เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ซื้อรถจักรยานยนต์จากเบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี เวลานั้นตนอยู่โคราช ตนถูกหลอกเพราะไม่มีเอกสารและทะเบียน ตนเป็นชาวต่างชาติไม่รู้กฎหมาย เจอด่านก็โดนยึด พอกลับไปหาเจ้าตัวก็ไม่รับผิดชอบเพราะไม่มีหลักฐาน พอเกิดคดีนายไซซะนะ แก้วพิมพา เจ้าพ่อยาเสพติด ตนออกมาวิจารณ์เบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เข้าข้างและไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมของเขา ตนซื้อรถด้วยน้ำพักน้ำแรงแล้วทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง แต่ด้วยความที่ตนใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง เวลานั้นไม่รู้จะอธิบายให้ใครฟังเพราะโดนโจมตี น้ำหนักน้อยลง พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อเพราะเป็นคนต่างชาติ ถูกด้อยค่าตลอดเวลา จึงเลือกที่จะไม่ตอบโต้ . ส่วนที่ไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ถึงปี 2569 เพราะเป็นบุคคลที่เชื่อได้ว่าเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยนั้น บังแจ็ค กล่าวว่า สมมติเป็นบุคคลอันตรายจริงก็ไม่น่าจะมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้ 6-7 ปี ไม่ใช่โรงเรียนเอกชน แต่เป็นโรงเรียนรัฐบาล และออกเอกสารถูกต้อง มีใบอนุญาตทำงาน เมื่อ 2 ปีก่อนมีรายการโทรทัศน์ไปตรวจสอบแล้วไม่พบบัญชีดำในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตอนนี้สามารถเข้าประเทศไทยได้ ส่วนคดีที่เจอระยะหลังๆ คือคดีแตงโม ถูกใส่ไข่เยอะเพราะอีกฝ่ายหรืออีกสื่อหนึ่งมีเอฟซี มีอิทธิพลเยอะ แถมเมื่อตนไปสัมภาษณ์รายการหนึ่ง 5 ครั้ง ภายหลังไลฟ์รายการลบทิ้ง หมายความว่าอย่างไร ตนถามตรงๆ ไปว่าลบทิ้งทำไม เขาไม่มีคำตอบ เปลี่ยนประเด็น . ตนมองว่าต้องมีคนสั่งให้ลบ เพราะมือถืออยู่ในมือตนเอง จึงต้องดิสเครดิตให้ไม่มีความน่าเชื่อถือ พยายามด้อยค่าหลักฐานจากโทรศัพท์มือถือที่ปล่อยออกมา 1-2 คลิปที่ อ.ปานเทพเปิดเผย ตนเคยลงในเพจมานานมากแล้ว แต่มีคนทักมาถามว่าสถานที่ตรงนี้ตรงนั้นหรือเปล่า ซึ่งตนไม่รู้เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว พอไปดูก็มีการแต่งเพิ่มมา อ.ปานเทพถามตนว่าคลิปนี้ได้มาจากตนหรือเปล่า ตนตอบว่าไม่ใช่ คลิปที่ได้จากตนมีแค่นี้ เขาใช้วิธีเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน คือ เอามาแต่งเติม เอามาตัด และโจมตีว่าไม่ใช่ข้อมูลจริง หิวแสง ตนเพิ่งรู้จัก อ.ปานเทพ และ นพ.ธวัชชัยไม่ถึง 2 เดือน ข้อมูล GPS ที่เคยส่งให้ทีวีช่องหนึ่งเมื่อ 3 ปีก่อนก็ถูกด้อยค่าว่าไปตรวจมาแล้วไม่มีอะไรเลย ด้อยค่าแล้วก็ลบตัดทิ้งเลย . พอรับฟีดแบ็คกลับมาตนก็มีความรู้สึก แฟนของตนก็ไม่สบายใจ ให้หยุดไม่ต้องทำเพราะไม่มีใครเชื่อ แต่ตนเชื่อว่าเวรกรรมมีจริง คดีนี้ต้องกลับมาแน่ เพราะข้อพิรุธหลายอย่าง ตนเก็บข้อมูลไว้ เบอร์แต่ละคนหาไม่ยาก อยู่บนเรือด้วยกันโทร.หากันทำไม แล้วบรรดาคนดังโทร.หาแตงโมเวลา 21.58 น. 22.04 น. หรือ 22.07 น.ของวันเกิดเหตุ ไม่ใช่แค่คืนนั้นคืนเดียว โทร.มาตอนเช้าด้วย โทร.ในระหว่างนั้นด้วย ทั้งๆ ที่ตำรวจแถลงข่าวแตงโมตกน้ำ 22.37-22.38 น. แสดงว่าคนรู้แล้วว่าแตงโมตกน้ำ แต่ไม่มีการกดรับสายเพราะปิดเครื่อง แต่มีระบบรับฝากข้อความและมีข้อความเข้ามา . เมื่อถามว่า ขบวนการดิสเครดิตบังแจ็คทำไปเพื่ออะไร เกี่ยวกับการเสียชีวิตของแตงโมอย่างไร บังแจ็ค กล่าวว่า มีคนใหญ่อยู่เบื้องหลัง แต่พอคดีแตงโมเปิดขึ้นมาเขาได้รับความเสียหายมาก จึงไม่ยอมให้ทำแบบนี้ ที่ไปคุยที่ปั๊มน้ำมันนั้น ได้ให้ที่ปรึกษากฎหมายของเขาสอนให้พูดแบบนี้ แล้วมีอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่แนะนำว่าต้องไปในทิศทางนี้ เท่าที่ตนทราบไม่นานมีโทรทัศน์ 3 ช่อง ช่องแรกไม่ดัง อีก 2 ช่องดัง ใช้ทนายความคนบนเรือคนเดียวกันออกโทรทัศน์ บางสื่อต้องกลัวตำรวจหรือเกรงใจตำรวจเพราะจะไม่มีข่าวเล่น ตนรู้พิรุธมานานแล้วว่าตอนสัมภาษณ์เขาก็ตัดออก อย่างทีวีช่องหนึ่งสัมภาษณ์นานมาก แต่ตัดบางส่วนออก เหลือเฉพาะตอนที่เปิดช่องให้ถูกโจมตี ภายหลังพบว่าใช้ทนายความคนเดียวกันออกทีวี . เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีคนเสนอเงิน 15 ล้านบาทเพื่อยุติเรื่องดังกล่าวจริงหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ไม่ถึง 15 ล้านบาท แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ นพ.ธวัชชัยจะมารับเครื่อง ก็พยายามที่จะถามว่าจะให้โทรศัพท์มือถือจริงหรือเปล่า แล้วเชื่อหรือเปล่าว่าจะนำมาใช้ในทางที่ถูกต้อง แต่ถ้าคิดจะขายจะขายในราคาเท่าไหร่ ตนตอบว่าไม่ขาย ถามว่า 2 ล้านบาทขายไหม ตนตอบว่าไม่ขาย ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านบาท เงินที่เสนอมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในเดือนหนึ่งก็หมดแล้ว เพราะตนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา มีบริษัท จ่ายค่ารถ จ่ายค่าบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆ หมดแล้ว ตนหาได้เองไม่ต้องเสนอ อีกฝ่ายก็เสนอเป็น 5 ล้านบาท แต่ไม่ต้องให้เครื่องแก่ นพ.ธวัชชัย ตนกล่าวว่าให้เท่าไหร่ก็ไม่ขาย อยากจะยกให้เขา อีกฝ่ายกล่าวว่า ต้องคิดให้ดีๆ ก่อน เพราะ 1 ใน 5 คนบนเรือกล่าวว่า ได้เครื่องนี้ไปก็คือจบเลย เพราะมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลสูง เป็นนักธุรกิจระดับประเทศมาเกี่ยวข้องด้วย ไม่อยากให้มือถือนี้ไปอยู่ที่เมืองไทย . เมื่อถามว่า ที่โดนดักตีหัวสงสัยว่าจัดฉากหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ตอนที่โดนตีหัว นพ.ธวัชชัยคุยกับตนอยู่ เวลาโดนตีหัวแฟนถามว่าเรียกรถพยาบาลหรือเปล่า เพราะที่สหรัฐฯ มีค่าใช้จ่าย 3,500-4,000 เหรียญสหรัฐฯ แต่พอจับดูเลือดไหล จึงให้ นพ.ธวัชชัยดูแผล ก็แนะนำว่าให้ไปเย็บแผลก่อน แต่เย็บไม่เยอะ 2 เข็ม และให้กลับไปรักษาที่บ้าน ส่วนที่โดนตีหัวคิดว่าวันนั้นเป็นวันหยุดของคนผิวสี ตำรวจไม่ค่อยมี เป็นเหตุบังเอิญที่โจรขโมยของ นพ.ธวัชชัยอยู่ในสาย ก็เลยเป็นห่วงจึงเป็นข่าวขึ้นมา ส่วนขบวนการดิสเครดิตที่เกิดขึ้น นพ.ธวัชชัย อ.ปานเทพ และนายอัจฉริยะต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ บังแจ็ค กล่าวว่า ทั้งสามคนต้องระวังอย่างสูง เพราะเท่าที่เจอข้อมูลในเครื่องมีแต่คนใหญ่คนโต ทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจชื่อดัง มีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง จากที่แถลงข่าวยังมีเยอะกว่านี้ . ถามถึงแนวทางคลี่คลายคดีเพื่อคืนความยุติธรรมให้แตงโม บังแจ็คกล่าวว่า ลองไว้ใจทีมดีเอสไอ และดูว่าจะมีคนเข้ามาสกัดหรือข่มขู่หรือเปล่าก็ต้องคอยดู แต่ถ้าทั้งสามคนสบายใจและมั่นใจในทีมนี้ก็ตามนั้น สิ่งที่ทำได้ก็คือฟิงเกอร์ครอส (ยกนิ้วไขว้เพื่ออวยพรขอให้โชคดี) เมื่อถามว่า ตอนนี้บังแจ็คทำอะไรอยู่ ตนต้องขอบคุณเน็ตไอดอลที่สร้างภาพให้ตนเป็นแบบนั้นว่าเขาทำสำเร็จ ตนมีร้านอาหาร 2 แห่ง มีบริษัทที่มีรถยนต์กันกระสุน 5 คัน รับคุ้มกันดาราระดับโลก นักฟุตบอลชื่อดัง และนักการเมือง ยืนยันว่าเป็นโทรศัพท์มือถือแตงโมจริง ให้ นพ.ธวัชชัชตรวจอีมี่ (IMEI) และตรวจเครื่องให้เรียบร้อย ถ้าสมมติถ้าตนหิวเงินหรือหิวแสงคงไม่เก็บไว้นานถึง 3 ปี ภาพหรือคลิปที่ตนเจอป่านนี้ได้เงินเป็นร้อยล้านแล้ว ตนนับถือศาสนาอิสลาม เป็นเงินบาป ทำแบบนี้ไม่ได้ เราไม่ไปยุ่งและไม่เปิดเผย ไม่ทำให้แตงโมเสียหายเพราะน่าสงสารที่สุดแล้ว . คลิกอ่านต้นฉบับ >> https://sondhitalk.com/detail/9680000012224 ...... Sondhi X
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวเน็ตวิจารณ์ยับ นักท่องเที่ยวอินเดียกว่า 100 ชีวิตยึดพื้นที่ชายหาดพัทยาเป็นที่นอน ซ้ำนั่งดื่มแอลกอฮอล์ทิ้งขยะเกลื่อนสร้างความเดือดร้อนรำคาญ จี้หน่วยงานพื้นที่จัดงาน ด้านนายกเมือง แม้เป็นพื้นที่สาธารณะแต่ต้องไม่ทำผิดกฎหมาย รักษาภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012287

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ชาวเน็ตวิจารณ์ยับ นักท่องเที่ยวอินเดียกว่า 100 ชีวิตยึดพื้นที่ชายหาดพัทยาเป็นที่นอน ซ้ำนั่งดื่มแอลกอฮอล์ทิ้งขยะเกลื่อนสร้างความเดือดร้อนรำคาญ จี้หน่วยงานพื้นที่จัดงาน ด้านนายกเมือง แม้เป็นพื้นที่สาธารณะแต่ต้องไม่ทำผิดกฎหมาย รักษาภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012287 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Angry
    Haha
    20
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 762 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌นักปรัชญาและนักทฤษฎีชาวรัสเซียที่มีชื่อเสียง วิเคราะห์ : จุดจบของอำนาจครอบงำของอเมริกา !!

    Alexander Dugin นักปรัชญาและนักทฤษฎีชาวรัสเซียที่มีชื่อเสียง เชื่อว่าโลกกำลังเปลี่ยนจากโครงสร้างขั้วเดียวไปเป็นโครงสร้างหลายขั้ว และผู้มีบทบาทต่างๆ เช่น อิหร่านและรัสเซียจะต้องเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์นี้

    Alexander Dugin นักปรัชญาและนักทฤษฎีชื่อดังชาวรัสเซีย ได้วิเคราะห์ถึงการพัฒนาทางภูมิรัฐศาสตร์ในโลก การกลับมามีอำนาจของทรัมป์ ตำแหน่งของอิหร่านและรัสเซียในระเบียบโลกใหม่ และการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในนโยบายต่างประเทศของอเมริกา ในบทสัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Sahab Broadcasting Network ของรัสเซีย

    ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ Alexander Dugin วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในกลยุทธ์ของอเมริกาและเชื่อว่ายุคที่วอชิงตันสร้างอำนาจเหนือบนพื้นฐานของอุดมการณ์เสรีนิยมและโลกาภิวัตน์นั้นสิ้นสุดลงแล้ว โมเดลนี้ซึ่งมีพื้นฐานมาจากอิทธิพลทางวัฒนธรรม การบ่อนทำลายอำนาจอธิปไตยของรัฐเอกราช และการออกแบบการปฏิวัติสี ปัจจุบันได้หลีกทางให้กับลัทธิชาตินิยมจักรวรรดินิยม ซึ่งอเมริกาพยายามที่จะรักษาผลประโยชน์ของตนเอง ไม่ใช่ในฐานะผู้นำโลก แต่เป็นจักรวรรดิที่เป็นอิสระ

    Alexander Dugin เน้นย้ำว่า ทรัมป์พยายามที่จะกำหนดระเบียบโลกใหม่โดยให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และละทิ้งนโยบายโลกาภิวัตน์ การเปลี่ยนแปลงนี้หมายถึงการลดการพึ่งพาพันธมิตรแบบดั้งเดิมและมุ่งเน้นไปที่การฉายอำนาจโดยตรงของอเมริกาในภูมิภาคเชิงยุทธศาสตร์ ในขณะเดียวกัน รัสเซียและอิหร่านซึ่งเป็นสองมหาอำนาจอิสระที่ได้รับผลกระทบจากรูปแบบเดิมของการครอบงำของชาติตะวันตก สามารถได้รับประโยชน์จากโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงนี้

    ในส่วนอื่นของการสัมภาษณ์ เขากล่าวถึงนโยบายของทรัมป์ต่ออิหร่าน ตามที่ Alexander Dugin กล่าว แม้ว่าทรัมป์จะยังคงดำเนินนโยบายต่อต้านอิหร่านต่อไป แต่แนวทางที่เขามีต่อเตหะรานก็จะแตกต่างจากของไบเดน ต่างจากฝ่ายบริหารพรรคเดโมแครตซึ่งใช้ยุทธศาสตร์ "การกัดเซาะอย่างค่อยเป็นค่อยไป" ทรัมป์จะพยายามสร้างแรงกดดันโดยตรงและรวดเร็ว

    Alexander Dugin ยังอ้างถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และอิสราเอล โดยอธิบายว่าทรัมป์จะทำให้อิสราเอลเป็นนโยบายต่างประเทศลำดับแรกของเขา นั่นหมายความว่าแรงกดดันของวอชิงตันต่อแกนต่อต้านและอิหร่านจะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าภายในกระแสฝ่ายขวาที่สนับสนุนทรัมป์ ก็ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการสนับสนุนอิสราเอลอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกด้วย

    เขาชี้ถึงความสำคัญของพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ระหว่างอิหร่านและรัสเซีย และถือว่าข้อตกลงทางยุทธศาสตร์ระหว่างทั้งสองประเทศเป็นหนึ่งในพัฒนาการทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข้อตกลงนี้อาจนำไปสู่ความร่วมมือที่กว้างขวางยิ่งขึ้นในด้านการทหารและเศรษฐกิจ

    Alexander Dugin เสนอว่าอิหร่านควรได้รับการจัดให้อยู่ภายใต้การควบคุมทางนิวเคลียร์ของรัสเซีย และในทางกลับกัน รัสเซียควรใช้ประโยชน์จากศักยภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ของอิหร่านในภูมิภาค ซึ่งรวมถึงในอ่าวเปอร์เซียและเอเชียใต้ เขาเห็นพันธมิตรนี้ไม่เพียงแต่เป็นสิ่งจำเป็นเชิงยุทธศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงอารยธรรมที่สามารถต้านทานแรงกดดันจากชาติตะวันตกได้อีกด้วย

    เขาชี้ถึงสงครามฉนวนกาซาและการพัฒนาต่างๆ ที่เกิดขึ้นล่าสุดในปาเลสไตน์ โดยเน้นย้ำว่าความขัดแย้งครั้งนี้ได้นำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ของอิสราเอลในความคิดเห็นสาธารณะทั่วโลกมากกว่าที่เคยเป็นมา ตามที่เขากล่าว อิสราเอลประสบความสำเร็จในการสร้างภาพตัวเองให้เป็นประเทศเหยื่อในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่การโจมตีอย่างโหดร้ายในฉนวนกาซาและการสังหารพลเรือนได้ท้าทายเรื่องเล่านี้และปลุกระดมความคิดเห็นสาธารณะทั่วโลกให้ต่อต้านระบอบการปกครอง

    เขาเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงในมุมมองของโลกเกี่ยวกับอิสราเอลคือความล้มเหลวทางยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ที่สุดของระบอบการปกครองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และยังทำให้การสนับสนุนแบบเดิมของอเมริกาต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ อีกด้วย

    Alexander Dugin ได้นำเสนอภาพที่ชัดเจนของอนาคตของระเบียบโลก ซึ่งในความเชื่อของเขา ยุคแห่งการครอบงำโลกอย่างไม่มีข้อโต้แย้งของอเมริกาสิ้นสุดลงแล้ว และประเทศต่างๆ เช่น จีน รัสเซีย อิหร่าน และอินเดีย จะมีบทบาทมากขึ้นในทางการเมืองระหว่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงทางอารยธรรมด้วย ซึ่งจะรวมถึงการฟื้นคืนค่านิยมดั้งเดิม การเผชิญหน้ากับเสรีนิยมโลก และการก่อตั้งขั้วอำนาจอิสระ

    Alexander Dugin เน้นย้ำว่า อิหร่านและรัสเซียควรคว้าโอกาสทางประวัติศาสตร์นี้และเสริมสร้างพันธมิตรของพวกเขา เขาถือว่าความร่วมมือนี้อยู่เหนือข้อตกลงทางการทูตและถือเป็นรากฐานสำหรับการสร้างระเบียบโลกใหม่ คำสั่งที่ฝ่ายตะวันตกจะไม่เป็นผู้มีบทบาทครอบงำแต่ผู้เดียวอีกต่อไป
    📌นักปรัชญาและนักทฤษฎีชาวรัสเซียที่มีชื่อเสียง วิเคราะห์ : จุดจบของอำนาจครอบงำของอเมริกา !! Alexander Dugin นักปรัชญาและนักทฤษฎีชาวรัสเซียที่มีชื่อเสียง เชื่อว่าโลกกำลังเปลี่ยนจากโครงสร้างขั้วเดียวไปเป็นโครงสร้างหลายขั้ว และผู้มีบทบาทต่างๆ เช่น อิหร่านและรัสเซียจะต้องเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์นี้ Alexander Dugin นักปรัชญาและนักทฤษฎีชื่อดังชาวรัสเซีย ได้วิเคราะห์ถึงการพัฒนาทางภูมิรัฐศาสตร์ในโลก การกลับมามีอำนาจของทรัมป์ ตำแหน่งของอิหร่านและรัสเซียในระเบียบโลกใหม่ และการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในนโยบายต่างประเทศของอเมริกา ในบทสัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Sahab Broadcasting Network ของรัสเซีย ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ Alexander Dugin วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในกลยุทธ์ของอเมริกาและเชื่อว่ายุคที่วอชิงตันสร้างอำนาจเหนือบนพื้นฐานของอุดมการณ์เสรีนิยมและโลกาภิวัตน์นั้นสิ้นสุดลงแล้ว โมเดลนี้ซึ่งมีพื้นฐานมาจากอิทธิพลทางวัฒนธรรม การบ่อนทำลายอำนาจอธิปไตยของรัฐเอกราช และการออกแบบการปฏิวัติสี ปัจจุบันได้หลีกทางให้กับลัทธิชาตินิยมจักรวรรดินิยม ซึ่งอเมริกาพยายามที่จะรักษาผลประโยชน์ของตนเอง ไม่ใช่ในฐานะผู้นำโลก แต่เป็นจักรวรรดิที่เป็นอิสระ Alexander Dugin เน้นย้ำว่า ทรัมป์พยายามที่จะกำหนดระเบียบโลกใหม่โดยให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และละทิ้งนโยบายโลกาภิวัตน์ การเปลี่ยนแปลงนี้หมายถึงการลดการพึ่งพาพันธมิตรแบบดั้งเดิมและมุ่งเน้นไปที่การฉายอำนาจโดยตรงของอเมริกาในภูมิภาคเชิงยุทธศาสตร์ ในขณะเดียวกัน รัสเซียและอิหร่านซึ่งเป็นสองมหาอำนาจอิสระที่ได้รับผลกระทบจากรูปแบบเดิมของการครอบงำของชาติตะวันตก สามารถได้รับประโยชน์จากโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงนี้ ในส่วนอื่นของการสัมภาษณ์ เขากล่าวถึงนโยบายของทรัมป์ต่ออิหร่าน ตามที่ Alexander Dugin กล่าว แม้ว่าทรัมป์จะยังคงดำเนินนโยบายต่อต้านอิหร่านต่อไป แต่แนวทางที่เขามีต่อเตหะรานก็จะแตกต่างจากของไบเดน ต่างจากฝ่ายบริหารพรรคเดโมแครตซึ่งใช้ยุทธศาสตร์ "การกัดเซาะอย่างค่อยเป็นค่อยไป" ทรัมป์จะพยายามสร้างแรงกดดันโดยตรงและรวดเร็ว Alexander Dugin ยังอ้างถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และอิสราเอล โดยอธิบายว่าทรัมป์จะทำให้อิสราเอลเป็นนโยบายต่างประเทศลำดับแรกของเขา นั่นหมายความว่าแรงกดดันของวอชิงตันต่อแกนต่อต้านและอิหร่านจะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าภายในกระแสฝ่ายขวาที่สนับสนุนทรัมป์ ก็ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการสนับสนุนอิสราเอลอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกด้วย เขาชี้ถึงความสำคัญของพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ระหว่างอิหร่านและรัสเซีย และถือว่าข้อตกลงทางยุทธศาสตร์ระหว่างทั้งสองประเทศเป็นหนึ่งในพัฒนาการทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข้อตกลงนี้อาจนำไปสู่ความร่วมมือที่กว้างขวางยิ่งขึ้นในด้านการทหารและเศรษฐกิจ Alexander Dugin เสนอว่าอิหร่านควรได้รับการจัดให้อยู่ภายใต้การควบคุมทางนิวเคลียร์ของรัสเซีย และในทางกลับกัน รัสเซียควรใช้ประโยชน์จากศักยภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ของอิหร่านในภูมิภาค ซึ่งรวมถึงในอ่าวเปอร์เซียและเอเชียใต้ เขาเห็นพันธมิตรนี้ไม่เพียงแต่เป็นสิ่งจำเป็นเชิงยุทธศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงอารยธรรมที่สามารถต้านทานแรงกดดันจากชาติตะวันตกได้อีกด้วย เขาชี้ถึงสงครามฉนวนกาซาและการพัฒนาต่างๆ ที่เกิดขึ้นล่าสุดในปาเลสไตน์ โดยเน้นย้ำว่าความขัดแย้งครั้งนี้ได้นำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ของอิสราเอลในความคิดเห็นสาธารณะทั่วโลกมากกว่าที่เคยเป็นมา ตามที่เขากล่าว อิสราเอลประสบความสำเร็จในการสร้างภาพตัวเองให้เป็นประเทศเหยื่อในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่การโจมตีอย่างโหดร้ายในฉนวนกาซาและการสังหารพลเรือนได้ท้าทายเรื่องเล่านี้และปลุกระดมความคิดเห็นสาธารณะทั่วโลกให้ต่อต้านระบอบการปกครอง เขาเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงในมุมมองของโลกเกี่ยวกับอิสราเอลคือความล้มเหลวทางยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ที่สุดของระบอบการปกครองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และยังทำให้การสนับสนุนแบบเดิมของอเมริกาต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ อีกด้วย Alexander Dugin ได้นำเสนอภาพที่ชัดเจนของอนาคตของระเบียบโลก ซึ่งในความเชื่อของเขา ยุคแห่งการครอบงำโลกอย่างไม่มีข้อโต้แย้งของอเมริกาสิ้นสุดลงแล้ว และประเทศต่างๆ เช่น จีน รัสเซีย อิหร่าน และอินเดีย จะมีบทบาทมากขึ้นในทางการเมืองระหว่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงทางอารยธรรมด้วย ซึ่งจะรวมถึงการฟื้นคืนค่านิยมดั้งเดิม การเผชิญหน้ากับเสรีนิยมโลก และการก่อตั้งขั้วอำนาจอิสระ Alexander Dugin เน้นย้ำว่า อิหร่านและรัสเซียควรคว้าโอกาสทางประวัติศาสตร์นี้และเสริมสร้างพันธมิตรของพวกเขา เขาถือว่าความร่วมมือนี้อยู่เหนือข้อตกลงทางการทูตและถือเป็นรากฐานสำหรับการสร้างระเบียบโลกใหม่ คำสั่งที่ฝ่ายตะวันตกจะไม่เป็นผู้มีบทบาทครอบงำแต่ผู้เดียวอีกต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตารางอันดับหนังทำเงินตลอดกาลในจีน แตกก !!!!!!
    "Nezha 2" ผงาดยึดอันดับหนึ่ง
    ล้มแชมป์ด้วยเวลาที่สั้นกว่า และอาจไปได้ไกลถึง 10,000 ล้านหยวน

    "Nezha 2" เข้าฉายมาตั้งแต่วันพุธที่ 29 มกราคม ในเทศกาลตรุษจีน ใช้เวลาเพียง 9 วัน สามารถทำเงินล้มแชมป์หนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลในจีน ที่เดิมเป็นของ The Battle at Lake Changjin หนังสงครามที่รวม 3 ผู้กำกับ ฉีเคอะ เฉินข่ายเกอ และ ดันเต้ แลม โดยตัวเลขที่ทำได้ ถึงวันนี้ (6 กุมภาพันธ์) ในครึ่งวันแรก อยู่ที่ 5800 ล้านหยวน (796 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

    มีบทวิเคราะห์ที่ว่ากันว่า นาจาภาคนี้ มีคนที่ดูแล้วชื่นชอบถึงขนาดต้องดูรอบสอง หรือบางคนมีถึงรอบที่สาม

    นาจา เป็นตัวละครพื้นฐานมาจากนวนิยายจีนสมัยศตวรรษที่ 17 ชื่อ (ห้องสิน-The Investiture of the Gods) ซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานวรรณกรรมสําคัญชิ้นแรกที่มี "เทพ" และ "ปีศาจ" ในลัทธิเต๋าและพุทธศาสนา

    Nezha 2 เป็นสัญลักษณ์ของการขบถ ภาพลักษณ์ของ "นาจา" ได้เปลี่ยนจากวีรบุรุษโศกนาฏกรรมแบบดั้งเดิม "กลับไปหาพ่อ" มาเป็นขบถสมัยใหม่ที่ "เปลี่ยนโชคชะตาที่ขัดต่อพระประสงค์ของพระเจ้า" ซึ่งสอดคล้องกับความทะเยอทะยานทางจิตวิญญาณของเยาวชนในปัจจุบัน ความมุ่งมั่นในการต่อต้านระบบและการแสวงหาเป้าหมาย การดัดแปลงนี้ทำลายมายาคติความศักดิ์สิทธิ์ของตัวละคร ให้สามารถสะท้อนและเข้าใกล้กับผู้ชมได้มากยิ่งขึ้น

    ภาพยนตร์เรื่องนี้ผสมผสานสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน โดยผสมผสานสไตล์พังก์ ภาษาพูดสมัยใหม่ มีม และองค์ประกอบอื่นๆ เช่น สำเนียง "ภาษาจีนกลางสไตล์เสฉวน" ของอาจารย์ไท่ยี่ ผู้เป็นครูของนาจา วิธีการนี้ผสมผสานสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมดั้งเดิมเข้ากับวัฒนธรรมป๊อปคัลเจอร์เพื่อให้ภาพยนตร์ดึงดูดผู้ชม ขณะเดียวกันก็ปลูกฝังอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์

    Nezha 2 เป็นนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ในด้านสุนทรียศาสตร์ทางภาพ ภาพยนตร์เรื่องนี้ขับเคลื่อนสิ่งต่างๆด้วย เทคโนโลยี 5G และเทคโนโลยีอัจฉริยะ พร้อมด้วยทิศทางศิลปะที่สร้างสรรค์อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะทิวทัศน์ที่มีหมอกหนา ซึ่งช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการที่ต้องชมในโรงภาพยนตร์ ตัวละคร นาจา ถูกสร้างขึ้นด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเห็นได้ชัดจากข้อเท็จจริงที่ว่าตัวละครบนหน้าจอยังคงอารมณ์ การแสดงออกในแบบตะวันออกเอาไว้ได้ แท้จริงแล้ว นาจา อาจกลายเป็นแบรนด์ทางวัฒนธรรมใหม่ของจีน

    ภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเฉพาะตัวเอกของเรื่อง แสดงให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจต่อ "ผู้ถูกละเลย" ประสบการณ์การถูกเลือกปฏิบัติของ นาจา เป็นคําอุปมาอุปมัยของสังคมร่วมสมัย ที่ปฏิเสธ "คนนอกรีต" และปลูกฝังจิตวิญญาณของ "การขจัดอคติ" ให้กับผู้คน

    หนังยังแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงจริยธรรมของครอบครัว ด้วยการเปลี่ยนบทบาทพ่อแม่ของนาจา จากคนที่เคร่งครัดตามขนบธรรมเนียมมาเป็น พ่อและแม่ ที่รักลูกและ "ฝ่าฝืนพระประสงค์ของพระเจ้าเพื่อปกป้องลูก" ผู้สร้างภาพยนตร์ได้สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวจีนขึ้นใหม่ สะท้อนถึงการแสวงหา "รากฐานของครอบครัว" ของคนรุ่นใหม่ และสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ระหว่างรุ่น

    ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางเทคโนโลยีของนักสร้างภาพเคลื่อนไหวชาวจีน ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นใจในวัฒนธรรมของผู้สร้างภาพยนตร์ชาวจีน นอกจากนี้ ทีมงานสร้างภาพยนตร์ยังได้เพิ่มจำนวนตัวละครขึ้นสามเท่าจากภาคก่อน ซึ่งดูเหมือนว่าจะสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้ ผู้ชมได้รับประสบการณ์ทางภาพที่งดงามตระการตา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเดินทางในภาพยนตร์ที่ดื่มด่ำและน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น

    ในภาคนี้ นาจา ถูกเปลี่ยนบุคลิกจากคนดื้อรั้น เป็นผู้แบกรับภาระหนัก พร้อมสาบานที่จะ "ทำลายสวรรค์และโลก" และ "ปกป้องช่องเขาเฉินถังกวน" อย่างไรก็ตาม จิตวิญญาณของปัจเจกชน ไม่ได้สูญหายไปอย่างสมบูรณ์ เพราะมันสะท้อนถึงจิตวิญญาณแบบดั้งเดิมของความกล้าหาญ และดึงดูดผู้คนจํานวนมากไปชมดูภาพยนตร์

    ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเกมระหว่างความเชื่อเรื่องโชคชะตา และเจตจำนงเสรี คำกล่าวของนาจาที่ว่า "ฉันคือเจ้านายของชะตากรรมตนเอง" ผสมผสานแนวคิดของลัทธิเต๋าที่ว่า "การเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตนเองโดยขัดต่อพระประสงค์ของพระเจ้า" ซึ่งสะท้อนถึงปรัชญาของลัทธิอัตถิภาวนิยม ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเติมความมีชีวิตชีวาในแบบสมัยใหม่ให้กับวัฒนธรรมดั้งเดิมอีกด้วย

    Nezha 2 ได้แสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของแอนิเมชั่นจีนที่ทันสมัย ​​การเล่าเรื่องทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และความเชื่อมั่นของชาติอีกครั้ง ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สร้างความหวังว่าภาพยนตร์แอนิเมชั่นจีนจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในอนาคตทั้งในประเทศและต่างประเทศ
    ตารางอันดับหนังทำเงินตลอดกาลในจีน แตกก !!!!!! "Nezha 2" ผงาดยึดอันดับหนึ่ง ล้มแชมป์ด้วยเวลาที่สั้นกว่า และอาจไปได้ไกลถึง 10,000 ล้านหยวน "Nezha 2" เข้าฉายมาตั้งแต่วันพุธที่ 29 มกราคม ในเทศกาลตรุษจีน ใช้เวลาเพียง 9 วัน สามารถทำเงินล้มแชมป์หนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลในจีน ที่เดิมเป็นของ The Battle at Lake Changjin หนังสงครามที่รวม 3 ผู้กำกับ ฉีเคอะ เฉินข่ายเกอ และ ดันเต้ แลม โดยตัวเลขที่ทำได้ ถึงวันนี้ (6 กุมภาพันธ์) ในครึ่งวันแรก อยู่ที่ 5800 ล้านหยวน (796 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) มีบทวิเคราะห์ที่ว่ากันว่า นาจาภาคนี้ มีคนที่ดูแล้วชื่นชอบถึงขนาดต้องดูรอบสอง หรือบางคนมีถึงรอบที่สาม นาจา เป็นตัวละครพื้นฐานมาจากนวนิยายจีนสมัยศตวรรษที่ 17 ชื่อ (ห้องสิน-The Investiture of the Gods) ซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานวรรณกรรมสําคัญชิ้นแรกที่มี "เทพ" และ "ปีศาจ" ในลัทธิเต๋าและพุทธศาสนา Nezha 2 เป็นสัญลักษณ์ของการขบถ ภาพลักษณ์ของ "นาจา" ได้เปลี่ยนจากวีรบุรุษโศกนาฏกรรมแบบดั้งเดิม "กลับไปหาพ่อ" มาเป็นขบถสมัยใหม่ที่ "เปลี่ยนโชคชะตาที่ขัดต่อพระประสงค์ของพระเจ้า" ซึ่งสอดคล้องกับความทะเยอทะยานทางจิตวิญญาณของเยาวชนในปัจจุบัน ความมุ่งมั่นในการต่อต้านระบบและการแสวงหาเป้าหมาย การดัดแปลงนี้ทำลายมายาคติความศักดิ์สิทธิ์ของตัวละคร ให้สามารถสะท้อนและเข้าใกล้กับผู้ชมได้มากยิ่งขึ้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ผสมผสานสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน โดยผสมผสานสไตล์พังก์ ภาษาพูดสมัยใหม่ มีม และองค์ประกอบอื่นๆ เช่น สำเนียง "ภาษาจีนกลางสไตล์เสฉวน" ของอาจารย์ไท่ยี่ ผู้เป็นครูของนาจา วิธีการนี้ผสมผสานสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมดั้งเดิมเข้ากับวัฒนธรรมป๊อปคัลเจอร์เพื่อให้ภาพยนตร์ดึงดูดผู้ชม ขณะเดียวกันก็ปลูกฝังอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ Nezha 2 เป็นนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ในด้านสุนทรียศาสตร์ทางภาพ ภาพยนตร์เรื่องนี้ขับเคลื่อนสิ่งต่างๆด้วย เทคโนโลยี 5G และเทคโนโลยีอัจฉริยะ พร้อมด้วยทิศทางศิลปะที่สร้างสรรค์อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะทิวทัศน์ที่มีหมอกหนา ซึ่งช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการที่ต้องชมในโรงภาพยนตร์ ตัวละคร นาจา ถูกสร้างขึ้นด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเห็นได้ชัดจากข้อเท็จจริงที่ว่าตัวละครบนหน้าจอยังคงอารมณ์ การแสดงออกในแบบตะวันออกเอาไว้ได้ แท้จริงแล้ว นาจา อาจกลายเป็นแบรนด์ทางวัฒนธรรมใหม่ของจีน ภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเฉพาะตัวเอกของเรื่อง แสดงให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจต่อ "ผู้ถูกละเลย" ประสบการณ์การถูกเลือกปฏิบัติของ นาจา เป็นคําอุปมาอุปมัยของสังคมร่วมสมัย ที่ปฏิเสธ "คนนอกรีต" และปลูกฝังจิตวิญญาณของ "การขจัดอคติ" ให้กับผู้คน หนังยังแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงจริยธรรมของครอบครัว ด้วยการเปลี่ยนบทบาทพ่อแม่ของนาจา จากคนที่เคร่งครัดตามขนบธรรมเนียมมาเป็น พ่อและแม่ ที่รักลูกและ "ฝ่าฝืนพระประสงค์ของพระเจ้าเพื่อปกป้องลูก" ผู้สร้างภาพยนตร์ได้สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวจีนขึ้นใหม่ สะท้อนถึงการแสวงหา "รากฐานของครอบครัว" ของคนรุ่นใหม่ และสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ระหว่างรุ่น ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางเทคโนโลยีของนักสร้างภาพเคลื่อนไหวชาวจีน ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นใจในวัฒนธรรมของผู้สร้างภาพยนตร์ชาวจีน นอกจากนี้ ทีมงานสร้างภาพยนตร์ยังได้เพิ่มจำนวนตัวละครขึ้นสามเท่าจากภาคก่อน ซึ่งดูเหมือนว่าจะสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้ ผู้ชมได้รับประสบการณ์ทางภาพที่งดงามตระการตา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเดินทางในภาพยนตร์ที่ดื่มด่ำและน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น ในภาคนี้ นาจา ถูกเปลี่ยนบุคลิกจากคนดื้อรั้น เป็นผู้แบกรับภาระหนัก พร้อมสาบานที่จะ "ทำลายสวรรค์และโลก" และ "ปกป้องช่องเขาเฉินถังกวน" อย่างไรก็ตาม จิตวิญญาณของปัจเจกชน ไม่ได้สูญหายไปอย่างสมบูรณ์ เพราะมันสะท้อนถึงจิตวิญญาณแบบดั้งเดิมของความกล้าหาญ และดึงดูดผู้คนจํานวนมากไปชมดูภาพยนตร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเกมระหว่างความเชื่อเรื่องโชคชะตา และเจตจำนงเสรี คำกล่าวของนาจาที่ว่า "ฉันคือเจ้านายของชะตากรรมตนเอง" ผสมผสานแนวคิดของลัทธิเต๋าที่ว่า "การเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตนเองโดยขัดต่อพระประสงค์ของพระเจ้า" ซึ่งสะท้อนถึงปรัชญาของลัทธิอัตถิภาวนิยม ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเติมความมีชีวิตชีวาในแบบสมัยใหม่ให้กับวัฒนธรรมดั้งเดิมอีกด้วย Nezha 2 ได้แสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของแอนิเมชั่นจีนที่ทันสมัย ​​การเล่าเรื่องทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และความเชื่อมั่นของชาติอีกครั้ง ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สร้างความหวังว่าภาพยนตร์แอนิเมชั่นจีนจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในอนาคตทั้งในประเทศและต่างประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากถูก ส.ว.ฝ่ายเดโมแครตซักฟอกแบบลอกคราบในการไต่สวน Senate Confirmation Hearing ในที่สุด Pam Bondi ก็ได้รับการโหวตอนุมัติจากสภาสูงสหรัฐด้วยคะแนน ชนะ 54:46 ให้เป็นอัยการใหญ่ของรัฐบาลกลาง Attorney -General ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่าเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงยุติธรรมยุคทรัมป์ 2.0 ประธานาธิบดีคนที่ 47 ในตำแหน่งครั้งที่สองของนาย โดนัลด์ เจ.ทรัมป์ คุณแพม ยอนดิ เป็นนักกฏหมายรัฐฟลอริด้า รัฐสีแดงของพรรคริพับลิกันมาตลอด เธอจงรักภักดีนายทรัมป์เสมอมา เธอเคยมีส่วนช่วยเป็นที่ปรึกษาด้านกฏหมายให้นายทรัมป์สมัยถูก Impeachment ครั้งที่สอง เธอใช้ความฉลาดในด้านกฏหมายฟาดฟันกับ ส.ส.และ ส.ว. พรรเดโมแครตในรัฐสภา แก้ต่างคดีให้นายทรัมป์จนรอดคดีในการถูกปลดออกจากตำแหน่งได้สำเร็จ วันนี้นายทรัมป์จึงมอบตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรมให้กับเธอเป็นการตอบแทน ในพิธีสาบานตนที่ทำเนียบขาว ผู้พิพากษาศาลฏีกานาย Clarence Thomas ที่พรรครีพับลิกันสมัยจอร์จ บุช(ผู้พ่อ)เป็นประธานาธิบดีแต่งตั้งให้เมื่อปี ค.ศ. 1991 เมื่อ 23 ปีที่แล้วเป็นผู้ทำพิธีสาบานตนให้กับเธอ
    หลังจากถูก ส.ว.ฝ่ายเดโมแครตซักฟอกแบบลอกคราบในการไต่สวน Senate Confirmation Hearing ในที่สุด Pam Bondi ก็ได้รับการโหวตอนุมัติจากสภาสูงสหรัฐด้วยคะแนน ชนะ 54:46 ให้เป็นอัยการใหญ่ของรัฐบาลกลาง Attorney -General ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่าเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงยุติธรรมยุคทรัมป์ 2.0 ประธานาธิบดีคนที่ 47 ในตำแหน่งครั้งที่สองของนาย โดนัลด์ เจ.ทรัมป์ คุณแพม ยอนดิ เป็นนักกฏหมายรัฐฟลอริด้า รัฐสีแดงของพรรคริพับลิกันมาตลอด เธอจงรักภักดีนายทรัมป์เสมอมา เธอเคยมีส่วนช่วยเป็นที่ปรึกษาด้านกฏหมายให้นายทรัมป์สมัยถูก Impeachment ครั้งที่สอง เธอใช้ความฉลาดในด้านกฏหมายฟาดฟันกับ ส.ส.และ ส.ว. พรรเดโมแครตในรัฐสภา แก้ต่างคดีให้นายทรัมป์จนรอดคดีในการถูกปลดออกจากตำแหน่งได้สำเร็จ วันนี้นายทรัมป์จึงมอบตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรมให้กับเธอเป็นการตอบแทน ในพิธีสาบานตนที่ทำเนียบขาว ผู้พิพากษาศาลฏีกานาย Clarence Thomas ที่พรรครีพับลิกันสมัยจอร์จ บุช(ผู้พ่อ)เป็นประธานาธิบดีแต่งตั้งให้เมื่อปี ค.ศ. 1991 เมื่อ 23 ปีที่แล้วเป็นผู้ทำพิธีสาบานตนให้กับเธอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • เด็กหญิงปิ่นมุกถามแม่ว่าทำไมเต่ามันต่อสู้กันทุกวันเลยแม่ แม่ก็ไม่รู้จะบอกลูกยังไงดี เลยตอบไปว่าเต่ามันว่างมันไม่มีอะไรทำ มันรักกันมันก็เลยขี่คอกันเล่นเฉยๆค่ะลูก🤣🤣🤣
    เด็กหญิงปิ่นมุกถามแม่ว่าทำไมเต่ามันต่อสู้กันทุกวันเลยแม่ แม่ก็ไม่รู้จะบอกลูกยังไงดี เลยตอบไปว่าเต่ามันว่างมันไม่มีอะไรทำ มันรักกันมันก็เลยขี่คอกันเล่นเฉยๆค่ะลูก🤣🤣🤣
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมตตากรุณา
    พาดับโกรธได้
    มุทิตาหมาย
    ได้ดับอิจฉา

    มีอุเบกขา
    พาวางได้น๊าาา
    คุณธรรมนำพา
    มารักษาใจ

    การงานพึงใจ
    ได้เพียรขวนขวาย
    พร้อมเอาใจใส่
    ให้ดีพอใจ

    ความดีมีสุข
    ทุกข์ดับชั่วไกล
    ยิ่งทำยิ่งได้
    ให้ถึงที่หมาย

    งานกายคลี่คลาย
    งานใจจบได้
    งานนอกงานใน
    ให้สำเร็จดี
    เมตตากรุณา พาดับโกรธได้ มุทิตาหมาย ได้ดับอิจฉา มีอุเบกขา พาวางได้น๊าาา คุณธรรมนำพา มารักษาใจ การงานพึงใจ ได้เพียรขวนขวาย พร้อมเอาใจใส่ ให้ดีพอใจ ความดีมีสุข ทุกข์ดับชั่วไกล ยิ่งทำยิ่งได้ ให้ถึงที่หมาย งานกายคลี่คลาย งานใจจบได้ งานนอกงานใน ให้สำเร็จดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากเพจ : เกร็ดประวัติศาสตร์ v 2

    ขุนรัตนา นายกองทะลวงฟันของพระองค์เจ้าขุนเณร
    ขุนรัตนาวุธ เป็นผู้นำการรบในสงคราม 9 ทัพ สมรภูมิรบทุ่งลาดหญ้าที่ไม่มีชื่อปรากฏในพงศาวดารหรือบันทึกลายลักษณ์อักษร แต่ปรากฏในตำนานเรื่องเล่าสืบทอดกันมาเท่านั้น ตามตำนานเล่าขานกันว่าขุนรัตนาวุธเป็นชาวจังหวัดกาญจนบุรี เป็นผู้นำกองทัพทะลวงฟันเข้าร่วมรบเป็นกองทัพเสริมกับกองทัพหลวงของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ร่วมกับทัพมอญอาสาที่นำโดยพระยาเจ่ง กษัตริย์มอญ ทว่าต่อมาขุนรัตนาวุธถูกอุบายของพม่าหลอกให้ไม่ออกไปรบช่วยเหลือกับกองทัพอาสามอญ ทำให้กองทัพอาสามอญต้องแตกพ่ายไป ด้วยความแค้น ขุนรัตนาวุธได้วางแผนแบ่งกองกำลังทะลวงฟัน และการรบแบบกองโจร ตัดการลำเลียงเสบียงของไพร่พลพม่าและชะลอการมาถึงของทัพอื่น ๆ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ช่วยให้กำลังพลพม่ามีจำนวนลดลงอันส่งผลต่อชัยชนะของสยามในสงครามเก้าทัพ ในสมรภูมิทุ่งลาดหญ้า ขุนรัตนวุธต่อสู้อย่างเต็มกำลังจนกระทั่งถูกฟันมือขวาขาดกระเด็นไปพร้อมดาบ (บางตำนานเล่าว่าเป็น "แขนขวา") ล้มลงกลางสมรภูมิ หลังขุนรัตนาวุธฟื้นขึ้นมาในค่ายหลวง ท่านได้ใช้นิ้วชี้ของมือซ้ายมาป้ายเลือดจากแขนขวา แล้วเขียนลงบนผืนผ้าใบ (บ้างว่าเป็น "ผ้าปูที่นอน" หรือ "กระโจม") ในค่ายว่า
    “จงรักษาลาดหญ้าไว้ด้วยชีวิต”
    ปัจจุบัน ขุนรัตนาวุธ เป็นที่เคารพสักการะของทหารและชาวจังหวัดกาญจนบุรี ท่านมีอนุสรณ์สถานเป็นรูปหล่อประดิษฐานอยู่ด้านหน้ากองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ใกล้กับค่ายฝึกเขาชนไก่

    อ้างอิง เกร็ดพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ลำจุล ฮวบเจริญ
    เรียบเรียงโดย เพจเกร็ดประวัติศาสตร์ v2
    จากเพจ : เกร็ดประวัติศาสตร์ v 2 ขุนรัตนา นายกองทะลวงฟันของพระองค์เจ้าขุนเณร ขุนรัตนาวุธ เป็นผู้นำการรบในสงคราม 9 ทัพ สมรภูมิรบทุ่งลาดหญ้าที่ไม่มีชื่อปรากฏในพงศาวดารหรือบันทึกลายลักษณ์อักษร แต่ปรากฏในตำนานเรื่องเล่าสืบทอดกันมาเท่านั้น ตามตำนานเล่าขานกันว่าขุนรัตนาวุธเป็นชาวจังหวัดกาญจนบุรี เป็นผู้นำกองทัพทะลวงฟันเข้าร่วมรบเป็นกองทัพเสริมกับกองทัพหลวงของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ร่วมกับทัพมอญอาสาที่นำโดยพระยาเจ่ง กษัตริย์มอญ ทว่าต่อมาขุนรัตนาวุธถูกอุบายของพม่าหลอกให้ไม่ออกไปรบช่วยเหลือกับกองทัพอาสามอญ ทำให้กองทัพอาสามอญต้องแตกพ่ายไป ด้วยความแค้น ขุนรัตนาวุธได้วางแผนแบ่งกองกำลังทะลวงฟัน และการรบแบบกองโจร ตัดการลำเลียงเสบียงของไพร่พลพม่าและชะลอการมาถึงของทัพอื่น ๆ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ช่วยให้กำลังพลพม่ามีจำนวนลดลงอันส่งผลต่อชัยชนะของสยามในสงครามเก้าทัพ ในสมรภูมิทุ่งลาดหญ้า ขุนรัตนวุธต่อสู้อย่างเต็มกำลังจนกระทั่งถูกฟันมือขวาขาดกระเด็นไปพร้อมดาบ (บางตำนานเล่าว่าเป็น "แขนขวา") ล้มลงกลางสมรภูมิ หลังขุนรัตนาวุธฟื้นขึ้นมาในค่ายหลวง ท่านได้ใช้นิ้วชี้ของมือซ้ายมาป้ายเลือดจากแขนขวา แล้วเขียนลงบนผืนผ้าใบ (บ้างว่าเป็น "ผ้าปูที่นอน" หรือ "กระโจม") ในค่ายว่า “จงรักษาลาดหญ้าไว้ด้วยชีวิต” ปัจจุบัน ขุนรัตนาวุธ เป็นที่เคารพสักการะของทหารและชาวจังหวัดกาญจนบุรี ท่านมีอนุสรณ์สถานเป็นรูปหล่อประดิษฐานอยู่ด้านหน้ากองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ใกล้กับค่ายฝึกเขาชนไก่ อ้างอิง เกร็ดพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ลำจุล ฮวบเจริญ เรียบเรียงโดย เพจเกร็ดประวัติศาสตร์ v2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • ห้องสมุดสาธารณะกำลังเผชิญกับปัญหาหนังสือที่สร้างจาก AI ซึ่งเต็มไปด้วยเนื้อหาคุณภาพต่ำและทำให้การตรวจสอบยากขึ้น ข่าวนี้เปิดเผยว่าหลายบริษัทที่ให้บริการหนังสือดิจิทัลแก่ห้องสมุด ไม่สามารถควบคุมปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    บริษัท OverDrive และ Hoopla ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการให้ยืมอีบุ๊ค กำลังประสบปัญหาในการกรองเนื้อหาคุณภาพต่ำที่สร้างจาก AI โดย OverDrive อนุญาตให้ห้องสมุดคัดเลือกหนังสือที่จะเสนอ ส่วน Hoopla ให้เข้าถึงแคตาล็อกทั้งหมดได้โดยไม่มีการกรอง ทำให้มีเนื้อหาปลอม (vendor slurry) มากมายเข้ามาในระบบ

    ตัวอย่างหนึ่งของปัญหานี้คือบริษัท IRB Media ที่มีหนังสือหลายร้อยเล่มบน Hoopla ซึ่งเป็นสรุปที่สร้างจาก AI ของหนังสือที่มีอยู่แล้ว การให้ยืมเนื้อหาที่ไม่มีคุณภาพนี้ทำให้ห้องสมุดต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ กลับมา

    สองปีที่แล้ว กลุ่ม Library Futures และ Library Freedom Project ได้เรียกร้องให้ Hoopla และ OverDrive แก้ไขปัญหาหนังสือคุณภาพต่ำ โดยเฉพาะหนังสือที่ปฏิเสธการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของชาวยิวหรือแสดงความเกลียดชังต่อชนกลุ่มน้อย Hoopla ได้ลบหนังสือที่มีปัญหาออก แต่ระบบอัตโนมัติและการตรวจสอบด้วยมนุษย์ยังไม่เพียงพอในการป้องกันปัญหานี้

    Luca Bartlomiejczyk บรรณารักษ์จากห้องสมุด Edith Wheeler Memorial ใน Monroe, Connecticut กล่าวว่าความรับผิดชอบในการควบคุมเนื้อหาจาก AI เป็นสิ่งสำคัญ และเนื้อหาดังกล่าวควรมีป้ายกำกับชัดเจนในแคตาล็อก เพื่อให้ผู้อ่านทราบว่าพวกเขากำลังดาวน์โหลดอะไรมาอ่าน

    สรุปแล้ว หนังสือที่สร้างจาก AI กำลังเกลื่อนห้องสมุดสาธารณะ และยังไม่มีวิธีการแก้ไขปัญหานี้ที่ง่ายหรือแน่ชัด การควบคุมและการตรวจสอบเนื้อหายังคงเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการต่อไปอย่างเร่งด่วน

    https://www.techspot.com/news/106656-ai-generated-books-have-overrun-public-libraries-no.html
    ห้องสมุดสาธารณะกำลังเผชิญกับปัญหาหนังสือที่สร้างจาก AI ซึ่งเต็มไปด้วยเนื้อหาคุณภาพต่ำและทำให้การตรวจสอบยากขึ้น ข่าวนี้เปิดเผยว่าหลายบริษัทที่ให้บริการหนังสือดิจิทัลแก่ห้องสมุด ไม่สามารถควบคุมปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท OverDrive และ Hoopla ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการให้ยืมอีบุ๊ค กำลังประสบปัญหาในการกรองเนื้อหาคุณภาพต่ำที่สร้างจาก AI โดย OverDrive อนุญาตให้ห้องสมุดคัดเลือกหนังสือที่จะเสนอ ส่วน Hoopla ให้เข้าถึงแคตาล็อกทั้งหมดได้โดยไม่มีการกรอง ทำให้มีเนื้อหาปลอม (vendor slurry) มากมายเข้ามาในระบบ ตัวอย่างหนึ่งของปัญหานี้คือบริษัท IRB Media ที่มีหนังสือหลายร้อยเล่มบน Hoopla ซึ่งเป็นสรุปที่สร้างจาก AI ของหนังสือที่มีอยู่แล้ว การให้ยืมเนื้อหาที่ไม่มีคุณภาพนี้ทำให้ห้องสมุดต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ กลับมา สองปีที่แล้ว กลุ่ม Library Futures และ Library Freedom Project ได้เรียกร้องให้ Hoopla และ OverDrive แก้ไขปัญหาหนังสือคุณภาพต่ำ โดยเฉพาะหนังสือที่ปฏิเสธการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของชาวยิวหรือแสดงความเกลียดชังต่อชนกลุ่มน้อย Hoopla ได้ลบหนังสือที่มีปัญหาออก แต่ระบบอัตโนมัติและการตรวจสอบด้วยมนุษย์ยังไม่เพียงพอในการป้องกันปัญหานี้ Luca Bartlomiejczyk บรรณารักษ์จากห้องสมุด Edith Wheeler Memorial ใน Monroe, Connecticut กล่าวว่าความรับผิดชอบในการควบคุมเนื้อหาจาก AI เป็นสิ่งสำคัญ และเนื้อหาดังกล่าวควรมีป้ายกำกับชัดเจนในแคตาล็อก เพื่อให้ผู้อ่านทราบว่าพวกเขากำลังดาวน์โหลดอะไรมาอ่าน สรุปแล้ว หนังสือที่สร้างจาก AI กำลังเกลื่อนห้องสมุดสาธารณะ และยังไม่มีวิธีการแก้ไขปัญหานี้ที่ง่ายหรือแน่ชัด การควบคุมและการตรวจสอบเนื้อหายังคงเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการต่อไปอย่างเร่งด่วน https://www.techspot.com/news/106656-ai-generated-books-have-overrun-public-libraries-no.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AI-generated books have overrun public libraries, with no easy solution in sight
    The internet is becoming a wasteland, devoid of human interaction, as bots consume global bandwidth with malicious and worthless traffic. According to those in the ebook lending...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Fortiguard (ส่วนหนึ่งของ Fortinet) ได้รายงานถึงการโจมตีทางไซเบอร์จากกลุ่มแฮกเกอร์ชื่อดังของจีนที่ชื่อว่า Evasive Panda หรือรู้จักกันอีกชื่อว่า Daggerfly หรือ BRONZE HIGHLAND กลุ่มนี้มีความเชี่ยวชาญในด้านการสอดแนมทางไซเบอร์และมักจะโจมตีบุคคลสำคัญ, หน่วยงานรัฐบาล, และองค์กรต่าง ๆ โดยในครั้งนี้ กลุ่มแฮกเกอร์ได้ใช้มัลแวร์ที่เรียกว่า "ELF/SShdinjector.A!tr" เพื่อเจาะระบบเครือข่ายขององค์กรเป้าหมาย

    การโจมตีนี้ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลระบบ, อ่านข้อมูลที่สำคัญของผู้ใช้, เข้าถึงบันทึกระบบ, อัพโหลดและดาวน์โหลดไฟล์, เปิดเซลล์ระยะไกล, รันคำสั่งจากระยะไกล และลบไฟล์เฉพาะจากระบบได้

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ Fortiguard ได้นำ AI มาใช้ในการวิเคราะห์มัลแวร์ การนำ AI มาใช้นั้นช่วยให้การวิเคราะห์ทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าจะมีปัญหาบางอย่าง เช่น การเกิด "hallucinations" หรือการละเว้นข้อมูลที่สำคัญ แต่ AI ก็ยังมีศักยภาพที่น่าสนใจในการช่วยตรวจจับและแก้ไขปัญหาทางไซเบอร์

    ในข่าวนี้ยังกล่าวถึงการโจมตีที่เคยเกิดขึ้นกับผู้ใช้ macOS โดยกลุ่ม Daggerfly โดยใช้มัลแวร์ที่ชื่อว่า Macma ซึ่งมีความสามารถในการเก็บข้อมูลอุปกรณ์, รันคำสั่ง, จับภาพหน้าจอ, บันทึกคีย์บอร์ด, บันทึกเสียง และอัพโหลด/ดาวน์โหลดไฟล์จากระบบที่ถูกโจมตี

    สรุปคือ กลุ่มแฮกเกอร์ Evasive Panda ได้พัฒนาเทคนิคใหม่ในการเจาะระบบเครือข่ายองค์กร ทำให้สามารถเข้าถึงและจัดการข้อมูลในระบบได้หลากหลาย ทำให้การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นเรื่องที่สำคัญมากขึ้นในยุคนี้

    https://www.techradar.com/pro/security/chinese-hackers-develop-effective-new-hacking-technique-to-go-after-business-networks
    บริษัท Fortiguard (ส่วนหนึ่งของ Fortinet) ได้รายงานถึงการโจมตีทางไซเบอร์จากกลุ่มแฮกเกอร์ชื่อดังของจีนที่ชื่อว่า Evasive Panda หรือรู้จักกันอีกชื่อว่า Daggerfly หรือ BRONZE HIGHLAND กลุ่มนี้มีความเชี่ยวชาญในด้านการสอดแนมทางไซเบอร์และมักจะโจมตีบุคคลสำคัญ, หน่วยงานรัฐบาล, และองค์กรต่าง ๆ โดยในครั้งนี้ กลุ่มแฮกเกอร์ได้ใช้มัลแวร์ที่เรียกว่า "ELF/SShdinjector.A!tr" เพื่อเจาะระบบเครือข่ายขององค์กรเป้าหมาย การโจมตีนี้ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลระบบ, อ่านข้อมูลที่สำคัญของผู้ใช้, เข้าถึงบันทึกระบบ, อัพโหลดและดาวน์โหลดไฟล์, เปิดเซลล์ระยะไกล, รันคำสั่งจากระยะไกล และลบไฟล์เฉพาะจากระบบได้ สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ Fortiguard ได้นำ AI มาใช้ในการวิเคราะห์มัลแวร์ การนำ AI มาใช้นั้นช่วยให้การวิเคราะห์ทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าจะมีปัญหาบางอย่าง เช่น การเกิด "hallucinations" หรือการละเว้นข้อมูลที่สำคัญ แต่ AI ก็ยังมีศักยภาพที่น่าสนใจในการช่วยตรวจจับและแก้ไขปัญหาทางไซเบอร์ ในข่าวนี้ยังกล่าวถึงการโจมตีที่เคยเกิดขึ้นกับผู้ใช้ macOS โดยกลุ่ม Daggerfly โดยใช้มัลแวร์ที่ชื่อว่า Macma ซึ่งมีความสามารถในการเก็บข้อมูลอุปกรณ์, รันคำสั่ง, จับภาพหน้าจอ, บันทึกคีย์บอร์ด, บันทึกเสียง และอัพโหลด/ดาวน์โหลดไฟล์จากระบบที่ถูกโจมตี สรุปคือ กลุ่มแฮกเกอร์ Evasive Panda ได้พัฒนาเทคนิคใหม่ในการเจาะระบบเครือข่ายองค์กร ทำให้สามารถเข้าถึงและจัดการข้อมูลในระบบได้หลากหลาย ทำให้การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นเรื่องที่สำคัญมากขึ้นในยุคนี้ https://www.techradar.com/pro/security/chinese-hackers-develop-effective-new-hacking-technique-to-go-after-business-networks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌 วิธีรักษา “โรคใจร้อน” ตามหลักพุทธ

    ใจร้อน เหมือนไฟเผาภายในตลอดเวลา

    คนที่ ชอบเร่งรีบ อยากได้อะไรด่วนๆ ทนรอไม่ได้

    เหมือนถูก ไฟเผาใจ จนไม่เป็นสุข

    ถ้าได้วิธีที่ถูกต้องมาเยียวยา จะเหมือนข้ามไปอีกโลกที่เย็นสบายขึ้น


    แต่ปัญหาคือ โรคใจร้อนรักษายาก

    ไม่เหมือนโรคทางกายที่ไปหาหมอแล้วหาย

    เป็นโรคที่ต้อง รู้เอง เห็นเอง เต็มใจรักษาเอง

    และที่สำคัญ ต้องใช้วิธีที่ถูกต้อง



    ---

    🎯 วิธีรักษา "ใจร้อน" ด้วยสติและลมหายใจ

    👉 ขั้นตอนที่ 1: สังเกตให้ได้ “ทุกครั้ง” ว่าเมื่อใจร้อนเกิดขึ้น...
    ✅ ลมหายใจจะ ห้วนและสั้น
    ✅ เนื้อตัวจะ เกร็ง
    ✅ ใบหน้าจะ ตึงเครียด

    👉 ขั้นตอนที่ 2: ใช้ลมหายใจเยียวยา
    ยาที่ใกล้ตัวที่สุด ง่ายที่สุด ฟรีที่สุด คือ "ลมหายใจช้าๆ"

    1️⃣ หายใจยาวๆ ช้าๆ นิ่มๆ ให้ได้ 3 ครั้ง
    2️⃣ แต่ละครั้ง ให้ช้ากว่าตอนใจร้อน "ครึ่งหนึ่ง"
    3️⃣ ตอนปล่อยลมหายใจออก ให้รู้สึกว่า "ลมเย็นลง" และใจนิ่งขึ้น
    4️⃣ สังเกตว่า ตอนหายใจยาว 3 ครั้งแล้ว อารมณ์ใจร้อนลดลงไหม?

    📌 ผลที่เกิดขึ้น:

    ถ้าทำถูก เพียง 3 ลมหายใจ จะรู้สึกถึงความแตกต่างทันที

    เหมือนออกจากห้องอบไอร้อน มาสู่อากาศเย็นสบายภายนอก

    ถ้าใช้บ่อย ใจจะเย็นขึ้นเร็วขึ้น โดยไม่ต้องพยายาม



    ---

    📍 วิธีป้องกันไม่ให้ใจร้อนกลับมาเร็ว

    หลังจากหายใจเย็นๆ แล้ว ต้อง “พอใจ” กับความสงบนั้น

    อย่าเผลอกลับไปเร่งรีบง่ายๆ

    ฝึกพอใจกับความเย็น นิ่ง สบาย

    ถ้าทำได้บ่อย คุณจะเกิดความเชื่อว่า “ตัวเองหายจากโรคใจร้อนได้”

    แค่ไม่ลืมใช้ยา (ลมหายใจ) ให้ต่อเนื่องเท่านั้น!



    ---

    💡 บทสรุป

    1️⃣ ใจร้อน = ใจถูกเผา ไม่เป็นสุข
    2️⃣ สังเกตตัวเองเมื่อใจร้อนขึ้น → ลมหายใจสั้น ตัวเกร็ง หน้าเครียด
    3️⃣ ใช้ลมหายใจเย็นๆ 3 ครั้ง → หายใจช้าๆ แล้วสังเกตว่าความร้อนลดลงไหม
    4️⃣ หลังจากสงบแล้ว ให้พอใจกับความเย็น → อย่ารีบกลับไปเร่งรีบอีก
    5️⃣ ทำบ่อยๆ จนเชื่อว่า “เรารักษาตัวเองได้”

    🎯 แค่ฝึก "3 ลมหายใจช้าๆ" ก็เริ่มเยียวยาใจร้อนได้แล้ว! 🔥➡❄

    📌 วิธีรักษา “โรคใจร้อน” ตามหลักพุทธ ใจร้อน เหมือนไฟเผาภายในตลอดเวลา คนที่ ชอบเร่งรีบ อยากได้อะไรด่วนๆ ทนรอไม่ได้ เหมือนถูก ไฟเผาใจ จนไม่เป็นสุข ถ้าได้วิธีที่ถูกต้องมาเยียวยา จะเหมือนข้ามไปอีกโลกที่เย็นสบายขึ้น แต่ปัญหาคือ โรคใจร้อนรักษายาก ไม่เหมือนโรคทางกายที่ไปหาหมอแล้วหาย เป็นโรคที่ต้อง รู้เอง เห็นเอง เต็มใจรักษาเอง และที่สำคัญ ต้องใช้วิธีที่ถูกต้อง --- 🎯 วิธีรักษา "ใจร้อน" ด้วยสติและลมหายใจ 👉 ขั้นตอนที่ 1: สังเกตให้ได้ “ทุกครั้ง” ว่าเมื่อใจร้อนเกิดขึ้น... ✅ ลมหายใจจะ ห้วนและสั้น ✅ เนื้อตัวจะ เกร็ง ✅ ใบหน้าจะ ตึงเครียด 👉 ขั้นตอนที่ 2: ใช้ลมหายใจเยียวยา ยาที่ใกล้ตัวที่สุด ง่ายที่สุด ฟรีที่สุด คือ "ลมหายใจช้าๆ" 1️⃣ หายใจยาวๆ ช้าๆ นิ่มๆ ให้ได้ 3 ครั้ง 2️⃣ แต่ละครั้ง ให้ช้ากว่าตอนใจร้อน "ครึ่งหนึ่ง" 3️⃣ ตอนปล่อยลมหายใจออก ให้รู้สึกว่า "ลมเย็นลง" และใจนิ่งขึ้น 4️⃣ สังเกตว่า ตอนหายใจยาว 3 ครั้งแล้ว อารมณ์ใจร้อนลดลงไหม? 📌 ผลที่เกิดขึ้น: ถ้าทำถูก เพียง 3 ลมหายใจ จะรู้สึกถึงความแตกต่างทันที เหมือนออกจากห้องอบไอร้อน มาสู่อากาศเย็นสบายภายนอก ถ้าใช้บ่อย ใจจะเย็นขึ้นเร็วขึ้น โดยไม่ต้องพยายาม --- 📍 วิธีป้องกันไม่ให้ใจร้อนกลับมาเร็ว หลังจากหายใจเย็นๆ แล้ว ต้อง “พอใจ” กับความสงบนั้น อย่าเผลอกลับไปเร่งรีบง่ายๆ ฝึกพอใจกับความเย็น นิ่ง สบาย ถ้าทำได้บ่อย คุณจะเกิดความเชื่อว่า “ตัวเองหายจากโรคใจร้อนได้” แค่ไม่ลืมใช้ยา (ลมหายใจ) ให้ต่อเนื่องเท่านั้น! --- 💡 บทสรุป 1️⃣ ใจร้อน = ใจถูกเผา ไม่เป็นสุข 2️⃣ สังเกตตัวเองเมื่อใจร้อนขึ้น → ลมหายใจสั้น ตัวเกร็ง หน้าเครียด 3️⃣ ใช้ลมหายใจเย็นๆ 3 ครั้ง → หายใจช้าๆ แล้วสังเกตว่าความร้อนลดลงไหม 4️⃣ หลังจากสงบแล้ว ให้พอใจกับความเย็น → อย่ารีบกลับไปเร่งรีบอีก 5️⃣ ทำบ่อยๆ จนเชื่อว่า “เรารักษาตัวเองได้” 🎯 แค่ฝึก "3 ลมหายใจช้าๆ" ก็เริ่มเยียวยาใจร้อนได้แล้ว! 🔥➡❄
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพและความรักระหว่างชาวอเมริกันและชาวอิสราเอลคงอยู่มาหลายชั่วอายุคน และไม่มีทางแตกหักได้อย่างแน่นอน”

    – ประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์
    “สายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพและความรักระหว่างชาวอเมริกันและชาวอิสราเอลคงอยู่มาหลายชั่วอายุคน และไม่มีทางแตกหักได้อย่างแน่นอน” – ประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัดไฟใส่กลอน แล้วเข้ามุ้งนอน คิดถึงเมียนมา

    เถียงกันอยู่ตั้งนาน พอทำจริงก็ไม่เห็นจะยาก สำหรับการงดจำหน่ายไฟฟ้า 5 จุดในประเทศเมียนมา ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) งดจำหน่ายไฟฟ้า กระทั่งวันที่ 5 ก.พ. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานคลิกเมาส์กดปุ่มงดจ่ายกระแสไฟฟ้า ที่ศูนย์ปฎิบัติการระบบไฟฟ้าสำนักงานใหญ่ กฟภ. ถนนงามวงศ์วาน กรุงเทพฯ ถูกวิจารณ์ด้วยความตลกขบขัน ราวกับมีพิธีเปิดงานกีฬาสีแล้วต้องเชิญประธานชักธงขึ้นสู่ยอดเสา

    การงดจำหน่ายไฟฟ้าไปยังประเทศเมียนมา เป็นที่ถกเถียงกันระหว่างนายอนุทิน กับรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หลังทางการจีนส่งนายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ มายังพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาด้านจังหวัดตากและเชียงราย เพื่อหารือแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยที่หนึ่งในนั้นมีข้อเรียกร้องให้ไทยตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่ถือเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยง

    ทั้งสองฝ่าย ต่างฝ่ายต่างโยนกันไปมา นายภูมิธรรมอ้างว่าเป็นดุลยพินิจของกระทรวงมหาดไทย เพราะถือเป็นหนึ่งในหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง แต่นายอนุทินอ้างว่า กฟภ. รัฐวิสาหกิจในสังกัด มท. ทำสัญญากับบริษัทที่ทางการเมียนมาและรัฐบาลไทยรับรอง ที่ตัดไฟไม่ได้เพราะไม่มีคู่เจรจา เป็นเรื่องของรัฐและสนธิสัญญาต่างๆ ที่ผ่านมา กฟภ. ทำหนังสือไปแล้ว คำตอบอยู่ในสายลม ขณะที่ กฟภ. อ้างว่าเคยส่งหนังสือไปหน่วยงานด้านความมั่นคงหลายหน่วยงานแล้ว แต่กลับไม่ได้คำตอบ

    เมื่อความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายมีทีท่าว่าจะบานปลาย ในที่สุดเมื่อวันที่ 4 ก.พ. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้นายภูมิธรรมเรียกประชุม สมช. ด่วน ระบุว่า หากพบความชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซนเตอร์ ก็สามารถตัดไฟได้เลย รวมถึงน้ำมันก็ไม่ต้องส่ง นำมาซึ่งการประชุม สมช. และมีมติออกมาตอนค่ำ ซึ่งวันต่อมานายอนุทินจึงได้ออกมาตัดไฟให้เห็น

    แม้ฝ่ายไทยจะตัดกระแสไฟฟ้าไปแล้ว แต่ฝั่งท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ได้ซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนไฟฟ้าน้ำทา สปป.ลาว ซึ่งเป็นของกลุ่มทุนจีน ข้ามแม่น้ำโขงไปแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อไทยตัดไฟฟ้าก็เพิ่มการซื้อไฟฟ้ามากขึ้น โดยกำลังเชื่อมต่อกับผู้ใช้ไฟบริเวณใกล้กับชายแดนไทย-เมียนมาภายใน 1-2 วัน ส่วนฝั่งเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง และฝั่งพญาตองซู รัฐมอญ ยังคงสว่างไสวเพราะใช้เครื่องปั่นไฟผลิตไฟฟ้าใช้ภายในอาคารต่างๆ แม้จะลดการใช้ไฟประดับตกแต่งอาคารก็ตาม

    หมายเหตุ : พาดหัวดัดแปลงมาจากเพลงฉันทนาที่รัก ของรักชาติ ศิริชัย

    #Newskit
    ตัดไฟใส่กลอน แล้วเข้ามุ้งนอน คิดถึงเมียนมา เถียงกันอยู่ตั้งนาน พอทำจริงก็ไม่เห็นจะยาก สำหรับการงดจำหน่ายไฟฟ้า 5 จุดในประเทศเมียนมา ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) งดจำหน่ายไฟฟ้า กระทั่งวันที่ 5 ก.พ. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานคลิกเมาส์กดปุ่มงดจ่ายกระแสไฟฟ้า ที่ศูนย์ปฎิบัติการระบบไฟฟ้าสำนักงานใหญ่ กฟภ. ถนนงามวงศ์วาน กรุงเทพฯ ถูกวิจารณ์ด้วยความตลกขบขัน ราวกับมีพิธีเปิดงานกีฬาสีแล้วต้องเชิญประธานชักธงขึ้นสู่ยอดเสา การงดจำหน่ายไฟฟ้าไปยังประเทศเมียนมา เป็นที่ถกเถียงกันระหว่างนายอนุทิน กับรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หลังทางการจีนส่งนายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ มายังพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาด้านจังหวัดตากและเชียงราย เพื่อหารือแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยที่หนึ่งในนั้นมีข้อเรียกร้องให้ไทยตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่ถือเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยง ทั้งสองฝ่าย ต่างฝ่ายต่างโยนกันไปมา นายภูมิธรรมอ้างว่าเป็นดุลยพินิจของกระทรวงมหาดไทย เพราะถือเป็นหนึ่งในหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง แต่นายอนุทินอ้างว่า กฟภ. รัฐวิสาหกิจในสังกัด มท. ทำสัญญากับบริษัทที่ทางการเมียนมาและรัฐบาลไทยรับรอง ที่ตัดไฟไม่ได้เพราะไม่มีคู่เจรจา เป็นเรื่องของรัฐและสนธิสัญญาต่างๆ ที่ผ่านมา กฟภ. ทำหนังสือไปแล้ว คำตอบอยู่ในสายลม ขณะที่ กฟภ. อ้างว่าเคยส่งหนังสือไปหน่วยงานด้านความมั่นคงหลายหน่วยงานแล้ว แต่กลับไม่ได้คำตอบ เมื่อความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายมีทีท่าว่าจะบานปลาย ในที่สุดเมื่อวันที่ 4 ก.พ. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้นายภูมิธรรมเรียกประชุม สมช. ด่วน ระบุว่า หากพบความชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซนเตอร์ ก็สามารถตัดไฟได้เลย รวมถึงน้ำมันก็ไม่ต้องส่ง นำมาซึ่งการประชุม สมช. และมีมติออกมาตอนค่ำ ซึ่งวันต่อมานายอนุทินจึงได้ออกมาตัดไฟให้เห็น แม้ฝ่ายไทยจะตัดกระแสไฟฟ้าไปแล้ว แต่ฝั่งท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ได้ซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนไฟฟ้าน้ำทา สปป.ลาว ซึ่งเป็นของกลุ่มทุนจีน ข้ามแม่น้ำโขงไปแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อไทยตัดไฟฟ้าก็เพิ่มการซื้อไฟฟ้ามากขึ้น โดยกำลังเชื่อมต่อกับผู้ใช้ไฟบริเวณใกล้กับชายแดนไทย-เมียนมาภายใน 1-2 วัน ส่วนฝั่งเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง และฝั่งพญาตองซู รัฐมอญ ยังคงสว่างไสวเพราะใช้เครื่องปั่นไฟผลิตไฟฟ้าใช้ภายในอาคารต่างๆ แม้จะลดการใช้ไฟประดับตกแต่งอาคารก็ตาม หมายเหตุ : พาดหัวดัดแปลงมาจากเพลงฉันทนาที่รัก ของรักชาติ ศิริชัย #Newskit
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts