“สวีเดนเตรียมเปิดใช้ระบบจ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์ภายในปี 2026 — รับมือวิกฤตดิจิทัลด้วยความพร้อมระดับชาติ”
ในประเทศที่แทบจะไร้เงินสดอย่างสวีเดน การพึ่งพาระบบดิจิทัลในการชำระเงินกลายเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ระบบอินเทอร์เน็ตล่มหรือการโจมตีไซเบอร์ ความสามารถในการจ่ายเงินอาจกลายเป็นปัญหาระดับชาติ ล่าสุดธนาคารกลางสวีเดน (Riksbank) ได้ประกาศความร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดการชำระเงิน เพื่อผลักดันให้ระบบ “จ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์” ใช้งานได้จริงภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026
ระบบนี้จะช่วยให้ประชาชนสามารถใช้บัตรเดบิตหรือเครดิตในการซื้อสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และน้ำมัน แม้ในกรณีที่ระบบสื่อสารข้อมูลล่ม โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมความมั่นคงของระบบการเงินและความพร้อมรับมือภัยพิบัติ
การดำเนินงานนี้ครอบคลุมทั้งผู้ออกบัตร, เครือข่ายบัตร, ผู้รับชำระเงิน, ผู้ค้าปลีก และ Riksbank โดยจะมีการปรับปรุงกฎระเบียบและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น การตั้งค่าข้อมูลล่วงหน้าในบัตร, การใช้ PIN แบบออฟไลน์ และการตรวจสอบยอดเงินแบบ local cache
ผู้ว่าการธนาคารกลาง Erik Thedéen กล่าวว่าการที่หลายฝ่ายร่วมมือกันแม้ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับโดยตรง ถือเป็นสัญญาณบวกของความรับผิดชอบร่วมกันเพื่อความมั่นคงของประเทศ และหลังจากวันที่ 1 กรกฎาคม 2026 Riksbank จะขยายการรองรับไปยังช่องทางการชำระเงินอื่น ๆ เช่น e-wallet และ mobile payments
ข้อมูลสำคัญจากข่าว
Riksbank ประกาศให้ระบบจ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์ใช้งานได้ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026
ระบบนี้ช่วยให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้าจำเป็นแม้ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
ครอบคลุมสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และน้ำมัน
ผู้มีส่วนร่วม ได้แก่ ผู้ออกบัตร, เครือข่ายบัตร, ผู้รับชำระเงิน, ผู้ค้าปลีก และ Riksbank
มีการปรับปรุงกฎระเบียบและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น PIN ออฟไลน์ และ local cache
Riksbank จะขยายการรองรับไปยังช่องทางอื่นหลังปี 2026 เช่น e-wallet และ mobile payments
ผู้ว่าการธนาคารกลางชื่นชมความร่วมมือของภาคเอกชนแม้ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับ
ข้อมูลเสริมจากภายนอก
ระบบออฟไลน์สามารถใช้เทคโนโลยี EMV ที่ตั้งค่าข้อมูลล่วงหน้าในบัตร
บัตรบางประเภทสามารถเก็บยอดเงินล่วงหน้าเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน
ประเทศอื่น เช่น เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์ กำลังทดลองระบบจ่ายเงินออฟไลน์ในระดับเมือง
การจ่ายเงินแบบออฟไลน์ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีไซเบอร์หรือการล่มของระบบคลาวด์
การเตรียมความพร้อมด้านการเงินถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติในยุโรป
คำเตือนและข้อจำกัด
ระบบออฟไลน์อาจมีข้อจำกัดด้านจำนวนธุรกรรมต่อวันหรือยอดเงินสูงสุด
หากไม่มีการอัปเดตข้อมูลบัตรอย่างสม่ำเสมอ อาจเกิดปัญหาในการตรวจสอบยอดเงิน
การใช้ระบบออฟไลน์ต้องมีการฝึกอบรมพนักงานร้านค้าและการปรับระบบ POS
ความปลอดภัยของข้อมูลในระบบออฟไลน์อาจต่ำกว่าระบบออนไลน์ หากไม่มีการเข้ารหัสที่ดี
การพึ่งพาบัตรมากเกินไปอาจทำให้กลุ่มที่ไม่มีบัตรหรือไม่ใช้ดิจิทัลถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
https://www.riksbank.se/en-gb/press-and-published/notices-and-press-releases/press-releases/2025/offline-card-payments-should-be-possible-no-later-than-1-july-2026/
ในประเทศที่แทบจะไร้เงินสดอย่างสวีเดน การพึ่งพาระบบดิจิทัลในการชำระเงินกลายเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ระบบอินเทอร์เน็ตล่มหรือการโจมตีไซเบอร์ ความสามารถในการจ่ายเงินอาจกลายเป็นปัญหาระดับชาติ ล่าสุดธนาคารกลางสวีเดน (Riksbank) ได้ประกาศความร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดการชำระเงิน เพื่อผลักดันให้ระบบ “จ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์” ใช้งานได้จริงภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026
ระบบนี้จะช่วยให้ประชาชนสามารถใช้บัตรเดบิตหรือเครดิตในการซื้อสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และน้ำมัน แม้ในกรณีที่ระบบสื่อสารข้อมูลล่ม โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมความมั่นคงของระบบการเงินและความพร้อมรับมือภัยพิบัติ
การดำเนินงานนี้ครอบคลุมทั้งผู้ออกบัตร, เครือข่ายบัตร, ผู้รับชำระเงิน, ผู้ค้าปลีก และ Riksbank โดยจะมีการปรับปรุงกฎระเบียบและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น การตั้งค่าข้อมูลล่วงหน้าในบัตร, การใช้ PIN แบบออฟไลน์ และการตรวจสอบยอดเงินแบบ local cache
ผู้ว่าการธนาคารกลาง Erik Thedéen กล่าวว่าการที่หลายฝ่ายร่วมมือกันแม้ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับโดยตรง ถือเป็นสัญญาณบวกของความรับผิดชอบร่วมกันเพื่อความมั่นคงของประเทศ และหลังจากวันที่ 1 กรกฎาคม 2026 Riksbank จะขยายการรองรับไปยังช่องทางการชำระเงินอื่น ๆ เช่น e-wallet และ mobile payments
ข้อมูลสำคัญจากข่าว
Riksbank ประกาศให้ระบบจ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์ใช้งานได้ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026
ระบบนี้ช่วยให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้าจำเป็นแม้ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
ครอบคลุมสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และน้ำมัน
ผู้มีส่วนร่วม ได้แก่ ผู้ออกบัตร, เครือข่ายบัตร, ผู้รับชำระเงิน, ผู้ค้าปลีก และ Riksbank
มีการปรับปรุงกฎระเบียบและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น PIN ออฟไลน์ และ local cache
Riksbank จะขยายการรองรับไปยังช่องทางอื่นหลังปี 2026 เช่น e-wallet และ mobile payments
ผู้ว่าการธนาคารกลางชื่นชมความร่วมมือของภาคเอกชนแม้ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับ
ข้อมูลเสริมจากภายนอก
ระบบออฟไลน์สามารถใช้เทคโนโลยี EMV ที่ตั้งค่าข้อมูลล่วงหน้าในบัตร
บัตรบางประเภทสามารถเก็บยอดเงินล่วงหน้าเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน
ประเทศอื่น เช่น เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์ กำลังทดลองระบบจ่ายเงินออฟไลน์ในระดับเมือง
การจ่ายเงินแบบออฟไลน์ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีไซเบอร์หรือการล่มของระบบคลาวด์
การเตรียมความพร้อมด้านการเงินถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติในยุโรป
คำเตือนและข้อจำกัด
ระบบออฟไลน์อาจมีข้อจำกัดด้านจำนวนธุรกรรมต่อวันหรือยอดเงินสูงสุด
หากไม่มีการอัปเดตข้อมูลบัตรอย่างสม่ำเสมอ อาจเกิดปัญหาในการตรวจสอบยอดเงิน
การใช้ระบบออฟไลน์ต้องมีการฝึกอบรมพนักงานร้านค้าและการปรับระบบ POS
ความปลอดภัยของข้อมูลในระบบออฟไลน์อาจต่ำกว่าระบบออนไลน์ หากไม่มีการเข้ารหัสที่ดี
การพึ่งพาบัตรมากเกินไปอาจทำให้กลุ่มที่ไม่มีบัตรหรือไม่ใช้ดิจิทัลถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
https://www.riksbank.se/en-gb/press-and-published/notices-and-press-releases/press-releases/2025/offline-card-payments-should-be-possible-no-later-than-1-july-2026/
💳 “สวีเดนเตรียมเปิดใช้ระบบจ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์ภายในปี 2026 — รับมือวิกฤตดิจิทัลด้วยความพร้อมระดับชาติ”
ในประเทศที่แทบจะไร้เงินสดอย่างสวีเดน การพึ่งพาระบบดิจิทัลในการชำระเงินกลายเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ระบบอินเทอร์เน็ตล่มหรือการโจมตีไซเบอร์ ความสามารถในการจ่ายเงินอาจกลายเป็นปัญหาระดับชาติ ล่าสุดธนาคารกลางสวีเดน (Riksbank) ได้ประกาศความร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดการชำระเงิน เพื่อผลักดันให้ระบบ “จ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์” ใช้งานได้จริงภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026
ระบบนี้จะช่วยให้ประชาชนสามารถใช้บัตรเดบิตหรือเครดิตในการซื้อสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และน้ำมัน แม้ในกรณีที่ระบบสื่อสารข้อมูลล่ม โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมความมั่นคงของระบบการเงินและความพร้อมรับมือภัยพิบัติ
การดำเนินงานนี้ครอบคลุมทั้งผู้ออกบัตร, เครือข่ายบัตร, ผู้รับชำระเงิน, ผู้ค้าปลีก และ Riksbank โดยจะมีการปรับปรุงกฎระเบียบและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น การตั้งค่าข้อมูลล่วงหน้าในบัตร, การใช้ PIN แบบออฟไลน์ และการตรวจสอบยอดเงินแบบ local cache
ผู้ว่าการธนาคารกลาง Erik Thedéen กล่าวว่าการที่หลายฝ่ายร่วมมือกันแม้ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับโดยตรง ถือเป็นสัญญาณบวกของความรับผิดชอบร่วมกันเพื่อความมั่นคงของประเทศ และหลังจากวันที่ 1 กรกฎาคม 2026 Riksbank จะขยายการรองรับไปยังช่องทางการชำระเงินอื่น ๆ เช่น e-wallet และ mobile payments
✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว
➡️ Riksbank ประกาศให้ระบบจ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์ใช้งานได้ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026
➡️ ระบบนี้ช่วยให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้าจำเป็นแม้ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
➡️ ครอบคลุมสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และน้ำมัน
➡️ ผู้มีส่วนร่วม ได้แก่ ผู้ออกบัตร, เครือข่ายบัตร, ผู้รับชำระเงิน, ผู้ค้าปลีก และ Riksbank
➡️ มีการปรับปรุงกฎระเบียบและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น PIN ออฟไลน์ และ local cache
➡️ Riksbank จะขยายการรองรับไปยังช่องทางอื่นหลังปี 2026 เช่น e-wallet และ mobile payments
➡️ ผู้ว่าการธนาคารกลางชื่นชมความร่วมมือของภาคเอกชนแม้ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับ
✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก
➡️ ระบบออฟไลน์สามารถใช้เทคโนโลยี EMV ที่ตั้งค่าข้อมูลล่วงหน้าในบัตร
➡️ บัตรบางประเภทสามารถเก็บยอดเงินล่วงหน้าเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน
➡️ ประเทศอื่น เช่น เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์ กำลังทดลองระบบจ่ายเงินออฟไลน์ในระดับเมือง
➡️ การจ่ายเงินแบบออฟไลน์ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีไซเบอร์หรือการล่มของระบบคลาวด์
➡️ การเตรียมความพร้อมด้านการเงินถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติในยุโรป
‼️ คำเตือนและข้อจำกัด
⛔ ระบบออฟไลน์อาจมีข้อจำกัดด้านจำนวนธุรกรรมต่อวันหรือยอดเงินสูงสุด
⛔ หากไม่มีการอัปเดตข้อมูลบัตรอย่างสม่ำเสมอ อาจเกิดปัญหาในการตรวจสอบยอดเงิน
⛔ การใช้ระบบออฟไลน์ต้องมีการฝึกอบรมพนักงานร้านค้าและการปรับระบบ POS
⛔ ความปลอดภัยของข้อมูลในระบบออฟไลน์อาจต่ำกว่าระบบออนไลน์ หากไม่มีการเข้ารหัสที่ดี
⛔ การพึ่งพาบัตรมากเกินไปอาจทำให้กลุ่มที่ไม่มีบัตรหรือไม่ใช้ดิจิทัลถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
https://www.riksbank.se/en-gb/press-and-published/notices-and-press-releases/press-releases/2025/offline-card-payments-should-be-possible-no-later-than-1-july-2026/
0 Comments
0 Shares
0 Views
0 Reviews