• “OpenAI รายได้พุ่ง $4.3B ในครึ่งปีแรก 2025 — แต่ขาดทุนทะลุ $13.5B จากต้นทุนวิจัยและดีลกับ Microsoft”

    แม้จะเป็นผู้นำในวงการ AI ระดับโลก แต่รายงานทางการเงินล่าสุดของ OpenAI กลับเผยให้เห็นภาพที่ซับซ้อนกว่าที่หลายคนคาดไว้ โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 บริษัทสร้างรายได้กว่า $4.3 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16% จากปี 2024 โดยส่วนใหญ่เป็นรายได้จาก ChatGPT และ API สำหรับองค์กร

    แต่ในขณะเดียวกัน OpenAI ก็รายงานผลขาดทุนสุทธิสูงถึง $13.5 พันล้านดอลลาร์ โดยมากกว่าครึ่งของตัวเลขนี้มาจากการปรับมูลค่าผลประโยชน์จากหุ้นแปลงสภาพ (convertible interest rights) ซึ่งเป็นรายการทางบัญชีที่ไม่ใช่เงินสดโดยตรง

    ค่าใช้จ่ายด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) ยังคงเป็นภาระหลัก โดยสูงถึง $6.7 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งปีแรก ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านการขายและโฆษณาเพิ่มขึ้นเป็น $2 พันล้านดอลลาร์ และค่าตอบแทนแบบหุ้น (stock-based compensation) ก็พุ่งขึ้นเป็น $2.5 พันล้านดอลลาร์

    OpenAI ยังจ่ายเงินให้ Microsoft เป็นสัดส่วน 20% ของรายได้ทั้งหมด ตามข้อตกลงที่มีอยู่ ซึ่งกลายเป็นประเด็นที่นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าและความยั่งยืนของโมเดลธุรกิจนี้

    แม้จะเผาเงินไปกว่า $2.5 พันล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งปีแรก แต่บริษัทก็ยังถือเงินสดและหลักทรัพย์รวมกว่า $17.5 พันล้านดอลลาร์ โดยได้รับเงินทุนใหม่ $10 พันล้านดอลลาร์ และกำลังเจรจาเพื่อระดมทุนเพิ่มอีก $30 พันล้านดอลลาร์

    ขณะเดียวกัน มีการเสนอขายหุ้นให้พนักงาน (tender offer) ที่ประเมินมูลค่าบริษัทไว้สูงถึง $500 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในอนาคตของ OpenAI แม้จะยังไม่สามารถทำกำไรได้ในระยะสั้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    รายได้ครึ่งปีแรก 2025 ของ OpenAI อยู่ที่ $4.3 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16% จากปี 2024
    ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ $13.5 พันล้านดอลลาร์ โดยมากกว่าครึ่งมาจากการปรับมูลค่าหุ้นแปลงสภาพ
    ค่าใช้จ่ายด้าน R&D สูงถึง $6.7 พันล้านดอลลาร์
    ค่าใช้จ่ายด้านการขายและโฆษณาอยู่ที่ $2 พันล้านดอลลาร์
    ค่าตอบแทนแบบหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น $2.5 พันล้านดอลลาร์
    จ่ายรายได้ 20% ให้ Microsoft ตามข้อตกลงที่มีอยู่
    เผาเงินสดไป $2.5 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งปีแรก
    ถือเงินสดและหลักทรัพย์รวม $17.5 พันล้านดอลลาร์
    กำลังเจรจาระดมทุนเพิ่มอีก $30 พันล้านดอลลาร์
    Tender offer ประเมินมูลค่าบริษัทไว้ที่ $500 พันล้านดอลลาร์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    รายได้หลักของ OpenAI มาจาก ChatGPT Plus และ API สำหรับองค์กร
    ค่าใช้จ่ายด้าน compute สำหรับฝึกโมเดล GPT อาจแตะ $14 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025
    การจ่ายรายได้ให้ Microsoft เป็นผลจากข้อตกลงที่ Microsoft ลงทุนใน OpenAI
    การประเมินมูลค่าบริษัทที่ $500 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ OpenAI กลายเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงที่สุด
    นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึงความยั่งยืนของโมเดลธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนมหาศาลเพื่อขยายฐานผู้ใช้

    https://www.techinasia.com/news/openais-revenue-rises-16-to-4-3b-in-h1-2025
    💸 “OpenAI รายได้พุ่ง $4.3B ในครึ่งปีแรก 2025 — แต่ขาดทุนทะลุ $13.5B จากต้นทุนวิจัยและดีลกับ Microsoft” แม้จะเป็นผู้นำในวงการ AI ระดับโลก แต่รายงานทางการเงินล่าสุดของ OpenAI กลับเผยให้เห็นภาพที่ซับซ้อนกว่าที่หลายคนคาดไว้ โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 บริษัทสร้างรายได้กว่า $4.3 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16% จากปี 2024 โดยส่วนใหญ่เป็นรายได้จาก ChatGPT และ API สำหรับองค์กร แต่ในขณะเดียวกัน OpenAI ก็รายงานผลขาดทุนสุทธิสูงถึง $13.5 พันล้านดอลลาร์ โดยมากกว่าครึ่งของตัวเลขนี้มาจากการปรับมูลค่าผลประโยชน์จากหุ้นแปลงสภาพ (convertible interest rights) ซึ่งเป็นรายการทางบัญชีที่ไม่ใช่เงินสดโดยตรง ค่าใช้จ่ายด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) ยังคงเป็นภาระหลัก โดยสูงถึง $6.7 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งปีแรก ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านการขายและโฆษณาเพิ่มขึ้นเป็น $2 พันล้านดอลลาร์ และค่าตอบแทนแบบหุ้น (stock-based compensation) ก็พุ่งขึ้นเป็น $2.5 พันล้านดอลลาร์ OpenAI ยังจ่ายเงินให้ Microsoft เป็นสัดส่วน 20% ของรายได้ทั้งหมด ตามข้อตกลงที่มีอยู่ ซึ่งกลายเป็นประเด็นที่นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าและความยั่งยืนของโมเดลธุรกิจนี้ แม้จะเผาเงินไปกว่า $2.5 พันล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งปีแรก แต่บริษัทก็ยังถือเงินสดและหลักทรัพย์รวมกว่า $17.5 พันล้านดอลลาร์ โดยได้รับเงินทุนใหม่ $10 พันล้านดอลลาร์ และกำลังเจรจาเพื่อระดมทุนเพิ่มอีก $30 พันล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน มีการเสนอขายหุ้นให้พนักงาน (tender offer) ที่ประเมินมูลค่าบริษัทไว้สูงถึง $500 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในอนาคตของ OpenAI แม้จะยังไม่สามารถทำกำไรได้ในระยะสั้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ รายได้ครึ่งปีแรก 2025 ของ OpenAI อยู่ที่ $4.3 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16% จากปี 2024 ➡️ ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ $13.5 พันล้านดอลลาร์ โดยมากกว่าครึ่งมาจากการปรับมูลค่าหุ้นแปลงสภาพ ➡️ ค่าใช้จ่ายด้าน R&D สูงถึง $6.7 พันล้านดอลลาร์ ➡️ ค่าใช้จ่ายด้านการขายและโฆษณาอยู่ที่ $2 พันล้านดอลลาร์ ➡️ ค่าตอบแทนแบบหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น $2.5 พันล้านดอลลาร์ ➡️ จ่ายรายได้ 20% ให้ Microsoft ตามข้อตกลงที่มีอยู่ ➡️ เผาเงินสดไป $2.5 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งปีแรก ➡️ ถือเงินสดและหลักทรัพย์รวม $17.5 พันล้านดอลลาร์ ➡️ กำลังเจรจาระดมทุนเพิ่มอีก $30 พันล้านดอลลาร์ ➡️ Tender offer ประเมินมูลค่าบริษัทไว้ที่ $500 พันล้านดอลลาร์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ รายได้หลักของ OpenAI มาจาก ChatGPT Plus และ API สำหรับองค์กร ➡️ ค่าใช้จ่ายด้าน compute สำหรับฝึกโมเดล GPT อาจแตะ $14 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 ➡️ การจ่ายรายได้ให้ Microsoft เป็นผลจากข้อตกลงที่ Microsoft ลงทุนใน OpenAI ➡️ การประเมินมูลค่าบริษัทที่ $500 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ OpenAI กลายเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงที่สุด ➡️ นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึงความยั่งยืนของโมเดลธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนมหาศาลเพื่อขยายฐานผู้ใช้ https://www.techinasia.com/news/openais-revenue-rises-16-to-4-3b-in-h1-2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • โครงสร้างสังคมยุคใหม่ 2-10-68 …ภายใต้ระบอบพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข
    2/10/68
     ภาระหน้าที่ของรัฐ : หนุนช่วยภาคประชาชนและสร้างอาชีพให้กับประชาชน หมดปัญหาความเหลื่อมล้ำ - หมดปัญหาคนยากไร้
     ทั้งนี้เพื่อไม่เกิดปัญหาสังคมที่ครอบครัวแย่งชิงทรัพย์สมบัติกันเมื่อลูกหลานเติบโตขึ้น สายใยความรักแห่งครอบครัวและเครือญาติก็จะมั่นคงยั่งยืนและสุขใจ
     ปัญหาความขัดแย้งลูกจ้าง-นายจ้างก็จะหมดไป
     ปัญหาความโลภความเห็นแก่ตัวของนักการเมืองและส.ส.ก็จะสลายไป
     การเรียน เรียนที่ใจชอบ ที่ไม่ชอบไม่ต้องเสียเวลาเรียน จบแล้วให้อาชีพทำเลย (มีระบบทดสอบความชอบตั้งแต่เตรียมอนุบาล รู้ชัดแล้วแววชอบและทักษะไปทางใหนก็เสริมวิชาไปทางนั้น จัดให้เลย)
     การค้ายาเสบติด และ คอร์รัปชั่น โทษติดคุกและถึงขั้นประหารชีวิต ต้องเฉียบขาด

    1. ก่อนอื่น ลดค่าครองชีพประชาชน สร้างกำลังซื้อ สร้างภาวะหมุนเวียน
    - บ้านพักฟรี สถานที่ประกอบอาชีพฟรี การศึกษาฟรี
    - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เป็นรายบุคคล
    - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เครื่องมือพัฒนาจัดให้เลย เป็นคณะ นำโดยผู้นำ กรณีเกษตร ควรเป็นคณะ-ควรเป็นชุมชน ที่ดินจะได้ผืนใหญ่ ง่ายต่อเครื่องจักรใหญ่ การเป็นชุมชนการแปรพืชผลเกตรได้หลากหลาย (อาจต้องเสริมผู้จบหลักสูตรทำอาหารและชนม) ซึ่งนำโดยผู้นำและผู้บริหาร
    -สนองเครื่องเทคโนโลยี-ไฮเทค หุ้นส่วน+ภาครัฐ นำโดยผู้นำและผู้บริหาร

     ภาคประชาชน หนุนช่วยรัฐ :
    1.เมื่อปัจจัยพื้นฐานต่างๆในการประกอบอาชีพ ภาครัฐนั้นสนองให้ทั้งหมดแล้ว
    ส่วนภาคประชาชน การหนุนช่วยต่อภาครัฐ นั้น คือ ภาระหน้าที่ เสียภาษีแก่รัฐ (เพื่อรัฐจะได้ช่วยด้านต่างๆได้มากขึ้น) กิจการเล็ก-ใหญ่ล้วนต้องเสียภาษีตามรายได้-ตามยอดขาย โดยผ่านระบบคิวอาร์โค้ต เพื่อให้เงินภาษีไหลเวียนสู่การคลังได้ทันที เพื่อให้ภาครัฐมีกำลังเงินคล่องตัวหมุนเวียน
    # อุทิศเพื่อสังคม : หนุนช่วยภาครัฐในด้านต่างๆ
    # สนับสนุนหนุนช่วยต่อชนรุ่นใหม่ อาชีพเกิดใหม่
    *คำขวัญ คือ ช่วยชาติ ช่วยรัฐ ช่วยคนรุ่นใหม่- สิ่งเกิดใหม่!

    2.ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” จะต้องไม่ให้มี ในประเทศไทย (อย่าเหมือนจีนที่ประสพปัญหาเช่น วิกฤติอสังหาฯ และการศึกษาเอกชน(การเรียนแข่งกันสูงและแพง) เป็นภาระค่าใช้จ่ายสูงมาก ทำให้คนหนุ่มสาวไม่ยอมแต่งงาน ถ้าจะแต่งก็ไม่ยอมมีลูก เป็นผลให้ประชากรประเทศลดลง (ไม่สน ที่รัฐบาลมี นโยบายให้มีลูกสามคน – จากหนึ่งคน)

    *ประเทศไทย ต้องไม่มี ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” เช่น
    - ธุรกิจอสังหาฯ
    - ธุรกิจซื้อขายที่ดิน
    -ธุรกิจตลาดหลักทรัพย์
    -ธุรกิจปล่อยกู้
    -ธุรกิจการธนาคารเอกชน (ยกเว้นภาครัฐ่)
    -ธุรกิจการศึกษาเอกชนทั้งปวง
    • นับตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมหาวิทยาลัยเอกชน อีกทั้ง มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ: รวมทั้งสอนพิเศษ (เป็นหน้าที่โดยรัฐ่เท่านั้น)
    2.1 ธุรกิจอสังหา ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจปล่อยกู้
    พักหนี้ทั้งหมด 3 ปี ภาครัฐจะชดเชยให้แทน

    หมายเหตุ โครงสร้างสังคมยุคใหม่ ที่เขียนมานี้ เป็นเพียง ”รูปแบบโครงสร้างสังคมตัวอย่าง” จึงต้อง ช่วยกันคิด ช่วยกันเขียนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อเป็นเข็มทิศรูปธรรมแก่สังคม เป็นเป้าหมายให้มุ่งไป
    - ซึ่งการเคลื่อนไหวนั้น
    - ต้องมีเข็มทิศรูปธรรมเพื่อเป็นเป้าหมายนำพา และเป็นเป้าหมายของการตั้งพรรคของเราด้วย
    - คือต้อง “มีสามสิ่งนี้พร้อม!” ประเทศไทยเปลี่ยน!
    - 1.พลังของประชาชน (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร=ต่างมีความพร้อม) สิ่งที่1นี้พร้อม
    - 2.เข็มทิศเป้าหมายรูปธรรม (รูปแบบโครงสร้างสังคมยุคใหม่ที่ตกผลึกกันแล้ว) สิ่งที่2นี้พร้อม
    - 3. โฉมหน้า “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่นี้” ตั้งพรรคสำเร็จ คือ สิ่งที่3นี้พร้อม
    -
    อาวุธวิเศษสามสิ่งนี้ จะขาด จะหย่อนสิ่งใดไม่ได้

    การเลือกตั้งปี70ครั้งนี้(ช่วง28มิย.2570}
    ต้องตั้ง “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่”เกิดขึ้นและ ชนะเลือกตั้ง ให้มีทุกจังหวัด ทุกอำเภอ

    A---------------------------------------------
    (คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ : ที่สำคัญ “การเลือกตั้ง”เป็นกระบวนการสำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตยทางผู้แทน เพื่อกำหนดว่าใครจะเป็นผู้เข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อใช้อำนาจอธิปไตยแทนประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตย อาจกล่าวได้ว่าหากการปกครองใดไม่มีการเลือกตั้งย่อมไม่ใช่การปกครองระบอบประชาธิปไตย
    ประเทศไทยจึงเกิดภาวการณ์ ส.ส.และ นักการเมืองใช้หลากกลวิธีสกปรกแย่งชิงกันเพื่อเอาชนะเลือกตั้ง เพื่อมีสิทธิ์เข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อยึดอำนาจอธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตยของบ้านเมือง
    เพื่อยึดอำนาจ เพื่อเข้ากอบโกย

    จึงเป็นกติกาประเทศ ผู้ใดพรรคใดชนะเลือกตั้งก็มีสิทธ์มีอำนาจปกครองประเทศแทนประชาชน
    เจ้าของประเทศ

    a--------------------------------------
    พอดีช่วง28มิย.2570 จะมีการเลือกตั้ง
    จึงเป็นช่วงจังหวะที่ดีที่กระแสเหล่าพรรคการเมืองตกต่ำ
    จึงเป็นโอกาสตั้งพรรคการเมืองของเรา ซึ่งไม่ใช่ความต้องการส่วนตัว “อยากดัง” เลิกมองแบบนี้ได้เลย คำๆนี้ เป็นคำ”บอนไซ อนาคตประเทศ”
    เราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ ต้องมีพรรค “เป็นกองหน้า” พรรคหนึ่งชื่อว่า พรรคการเมืองใหม่หรือพรรคการเมืองยุคใหม่ โดยมีนโยบายรูปธรรมเป็นเป้าหมาย
    การลงสมัครพรรคการเมือง (จึงมีสิทธิ์ลงเลือกตั้ง)
    การลงเลือกตั้ง(จีงจะมีสิทธิคว้าอำนาจทางการเมืองมันเป็นกติกาของบ้านเมือง) ความคิดจึงจะเป็นจริง

    การเคลื่อนไหว “ (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร )สร้างความตื่นตัวของประชาชน
    คือ รูปการที่1 ส่วน (การตั้งพรรคการเมือง) เพื่อมุ่งสู่ยึดอำนาจรัฐ ด้วยรูปแบบตามกติกา “เลือกตั้ง”คือรูปการที่2 ทั้งสองรูปการต้องเดินคู่ขนานกันไป



    a------------------------------------

    ประเทศเนปาล ปัญหาเปราะบางของเขา คือ มีความเหลื่อมล้ำสูง จากการคอรัปชั่นของนักการเมือง คือการลงถนน 20 กว่าปี ของเขาต้องการเปลี่ยนแปลง อันดับแรกก็คือ “กษัตริย์” ที่ปกครองอยู่ ลงถนนกดดันขับไล่ จนกษัตริย์ลาออก ฝูงชนดีใจร้องรำทำเพลงกันเต็มท้องถนนที่จะได้ “ระบอบประชาธิปไตย”กันแล้ว จึงได้ “นักการเมือง -ส.ส.” มา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าครองอำนาจ ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย ก็แก้ความเหลื่อมล้ำไม่ได้ ด้วยเนปาลพื้นที่ทำเกษตรเป็นป่าเขาเยอะจึงดึงพรรคคอมมิวนิสต์เข้ามา ทั้งเหมาอีดส์ และมาร์กซ์ ทำสงครามรบ ร่วม10ปี มีตายและบาดเจ็บ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นลงจับมือกับหัวหน้าพรรคฯออกกฎหมาย “พรรคคอมมิวต์ถูกต้องตามกฎหมาย สมัครเป็นพรรคการเมืองได้ จึงทำให้ประชาชนพากันผิดหวังกันไป ซึ่งปัญหาความเหลื่อมล้ำก็ไม่ได้รับการแก้ไข ขณะเดียวกันก็อัญเชิญกษัตรย์องค์เดิมมาปกครองต่อ อีกทั้งเห็นลูกหลานนักการเมืองใช้ชีวิตหรูหราใส่ชุดแบนด์หรู ออกสื่อโชว์ความสุขสำราญของพวกเขา ประจวบกับเหล่านักการเมืองในสภาผ่านเพิ่มเงินเดือนให้กันเอง ออกภาพสื่อร้องรำเต้นด้วยความดีใจกัน มีการคุมวัยเจนชีไม่ให้เข้าถึง แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เท่านั้นแหละ การเคลื่อนไหวลงถนนลุกลามไปใหญ่ ถึงแม้ ประกดาศยกเลิกการห้ามดูเน็ตก็เอาไม่อยู่ มีการเผาสภา เผาสถานที่ราชการ เผาบ้านนายกรัฐมนตรี ต่างๆ ไล่ทำร้ายรัฐมนตรีคลัง หนีลงน้ำยังถูกตามไล่ทำร้าย จนทหารออกมาระงับสถานการณ์ แต่เอาไม่อยู่ จนนายพลทับบกต้องออกมาเอง ขอคุยกับผู้นำกลุ่มเจนซี
    ตกลงจะมอบให้“สุศิลา คาร์กี”อดีตประธานศาลฎีกาเนปาล เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการของเนปาล
    จัดให้การเลือกตั้งภายใน 6 เดือน (หลังเลือกตั้งเนปาลก็ยังคงเหมือนเดิม) พรรคการเมืองใหญ่8พรรคยังคงอยู่ : พรรคการเมืองหลัก 8 พรรคของเนปาล รวมถึง พรรคคองเกรสเนปาล (Nepali Congress) พรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (รวมลัทธิมาร์กซ์-เลนินิสต์) (CPN-UML) และพรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (ลัทธิเหมา) เนปาลจะไม่มีทางเปลี่ยนโฉมได้เลย
    สาเหตุเพราะ ขาดพรรคนำ ขาดเข็มทิศโครงสร้างสังคมเป็นเป้าหมาย ขาดพลังมวลชนที่ตื่นตัวทางทฤษฎี










    โครงสร้างสังคมยุคใหม่ 2-10-68 …ภายใต้ระบอบพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข 2/10/68  ภาระหน้าที่ของรัฐ : หนุนช่วยภาคประชาชนและสร้างอาชีพให้กับประชาชน หมดปัญหาความเหลื่อมล้ำ - หมดปัญหาคนยากไร้  ทั้งนี้เพื่อไม่เกิดปัญหาสังคมที่ครอบครัวแย่งชิงทรัพย์สมบัติกันเมื่อลูกหลานเติบโตขึ้น สายใยความรักแห่งครอบครัวและเครือญาติก็จะมั่นคงยั่งยืนและสุขใจ  ปัญหาความขัดแย้งลูกจ้าง-นายจ้างก็จะหมดไป  ปัญหาความโลภความเห็นแก่ตัวของนักการเมืองและส.ส.ก็จะสลายไป  การเรียน เรียนที่ใจชอบ ที่ไม่ชอบไม่ต้องเสียเวลาเรียน จบแล้วให้อาชีพทำเลย (มีระบบทดสอบความชอบตั้งแต่เตรียมอนุบาล รู้ชัดแล้วแววชอบและทักษะไปทางใหนก็เสริมวิชาไปทางนั้น จัดให้เลย)  การค้ายาเสบติด และ คอร์รัปชั่น โทษติดคุกและถึงขั้นประหารชีวิต ต้องเฉียบขาด 1. ก่อนอื่น ลดค่าครองชีพประชาชน สร้างกำลังซื้อ สร้างภาวะหมุนเวียน - บ้านพักฟรี สถานที่ประกอบอาชีพฟรี การศึกษาฟรี - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เป็นรายบุคคล - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เครื่องมือพัฒนาจัดให้เลย เป็นคณะ นำโดยผู้นำ กรณีเกษตร ควรเป็นคณะ-ควรเป็นชุมชน ที่ดินจะได้ผืนใหญ่ ง่ายต่อเครื่องจักรใหญ่ การเป็นชุมชนการแปรพืชผลเกตรได้หลากหลาย (อาจต้องเสริมผู้จบหลักสูตรทำอาหารและชนม) ซึ่งนำโดยผู้นำและผู้บริหาร -สนองเครื่องเทคโนโลยี-ไฮเทค หุ้นส่วน+ภาครัฐ นำโดยผู้นำและผู้บริหาร  ภาคประชาชน หนุนช่วยรัฐ : 1.เมื่อปัจจัยพื้นฐานต่างๆในการประกอบอาชีพ ภาครัฐนั้นสนองให้ทั้งหมดแล้ว ส่วนภาคประชาชน การหนุนช่วยต่อภาครัฐ นั้น คือ ภาระหน้าที่ เสียภาษีแก่รัฐ (เพื่อรัฐจะได้ช่วยด้านต่างๆได้มากขึ้น) กิจการเล็ก-ใหญ่ล้วนต้องเสียภาษีตามรายได้-ตามยอดขาย โดยผ่านระบบคิวอาร์โค้ต เพื่อให้เงินภาษีไหลเวียนสู่การคลังได้ทันที เพื่อให้ภาครัฐมีกำลังเงินคล่องตัวหมุนเวียน # อุทิศเพื่อสังคม : หนุนช่วยภาครัฐในด้านต่างๆ # สนับสนุนหนุนช่วยต่อชนรุ่นใหม่ อาชีพเกิดใหม่ *คำขวัญ คือ ช่วยชาติ ช่วยรัฐ ช่วยคนรุ่นใหม่- สิ่งเกิดใหม่! 2.ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” จะต้องไม่ให้มี ในประเทศไทย (อย่าเหมือนจีนที่ประสพปัญหาเช่น วิกฤติอสังหาฯ และการศึกษาเอกชน(การเรียนแข่งกันสูงและแพง) เป็นภาระค่าใช้จ่ายสูงมาก ทำให้คนหนุ่มสาวไม่ยอมแต่งงาน ถ้าจะแต่งก็ไม่ยอมมีลูก เป็นผลให้ประชากรประเทศลดลง (ไม่สน ที่รัฐบาลมี นโยบายให้มีลูกสามคน – จากหนึ่งคน) *ประเทศไทย ต้องไม่มี ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” เช่น - ธุรกิจอสังหาฯ - ธุรกิจซื้อขายที่ดิน -ธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ -ธุรกิจปล่อยกู้ -ธุรกิจการธนาคารเอกชน (ยกเว้นภาครัฐ่) -ธุรกิจการศึกษาเอกชนทั้งปวง • นับตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมหาวิทยาลัยเอกชน อีกทั้ง มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ: รวมทั้งสอนพิเศษ (เป็นหน้าที่โดยรัฐ่เท่านั้น) 2.1 ธุรกิจอสังหา ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจปล่อยกู้ พักหนี้ทั้งหมด 3 ปี ภาครัฐจะชดเชยให้แทน หมายเหตุ โครงสร้างสังคมยุคใหม่ ที่เขียนมานี้ เป็นเพียง ”รูปแบบโครงสร้างสังคมตัวอย่าง” จึงต้อง ช่วยกันคิด ช่วยกันเขียนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อเป็นเข็มทิศรูปธรรมแก่สังคม เป็นเป้าหมายให้มุ่งไป - ซึ่งการเคลื่อนไหวนั้น - ต้องมีเข็มทิศรูปธรรมเพื่อเป็นเป้าหมายนำพา และเป็นเป้าหมายของการตั้งพรรคของเราด้วย - คือต้อง “มีสามสิ่งนี้พร้อม!” ประเทศไทยเปลี่ยน! - 1.พลังของประชาชน (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร=ต่างมีความพร้อม) สิ่งที่1นี้พร้อม - 2.เข็มทิศเป้าหมายรูปธรรม (รูปแบบโครงสร้างสังคมยุคใหม่ที่ตกผลึกกันแล้ว) สิ่งที่2นี้พร้อม - 3. โฉมหน้า “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่นี้” ตั้งพรรคสำเร็จ คือ สิ่งที่3นี้พร้อม - อาวุธวิเศษสามสิ่งนี้ จะขาด จะหย่อนสิ่งใดไม่ได้ – การเลือกตั้งปี70ครั้งนี้(ช่วง28มิย.2570} ต้องตั้ง “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่”เกิดขึ้นและ ชนะเลือกตั้ง ให้มีทุกจังหวัด ทุกอำเภอ A--------------------------------------------- (คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ : ที่สำคัญ “การเลือกตั้ง”เป็นกระบวนการสำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตยทางผู้แทน เพื่อกำหนดว่าใครจะเป็นผู้เข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อใช้อำนาจอธิปไตยแทนประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตย อาจกล่าวได้ว่าหากการปกครองใดไม่มีการเลือกตั้งย่อมไม่ใช่การปกครองระบอบประชาธิปไตย ประเทศไทยจึงเกิดภาวการณ์ ส.ส.และ นักการเมืองใช้หลากกลวิธีสกปรกแย่งชิงกันเพื่อเอาชนะเลือกตั้ง เพื่อมีสิทธิ์เข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อยึดอำนาจอธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตยของบ้านเมือง เพื่อยึดอำนาจ เพื่อเข้ากอบโกย จึงเป็นกติกาประเทศ ผู้ใดพรรคใดชนะเลือกตั้งก็มีสิทธ์มีอำนาจปกครองประเทศแทนประชาชน เจ้าของประเทศ a-------------------------------------- พอดีช่วง28มิย.2570 จะมีการเลือกตั้ง จึงเป็นช่วงจังหวะที่ดีที่กระแสเหล่าพรรคการเมืองตกต่ำ จึงเป็นโอกาสตั้งพรรคการเมืองของเรา ซึ่งไม่ใช่ความต้องการส่วนตัว “อยากดัง” เลิกมองแบบนี้ได้เลย คำๆนี้ เป็นคำ”บอนไซ อนาคตประเทศ” เราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ ต้องมีพรรค “เป็นกองหน้า” พรรคหนึ่งชื่อว่า พรรคการเมืองใหม่หรือพรรคการเมืองยุคใหม่ โดยมีนโยบายรูปธรรมเป็นเป้าหมาย การลงสมัครพรรคการเมือง (จึงมีสิทธิ์ลงเลือกตั้ง) การลงเลือกตั้ง(จีงจะมีสิทธิคว้าอำนาจทางการเมืองมันเป็นกติกาของบ้านเมือง) ความคิดจึงจะเป็นจริง การเคลื่อนไหว “ (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร )สร้างความตื่นตัวของประชาชน คือ รูปการที่1 ส่วน (การตั้งพรรคการเมือง) เพื่อมุ่งสู่ยึดอำนาจรัฐ ด้วยรูปแบบตามกติกา “เลือกตั้ง”คือรูปการที่2 ทั้งสองรูปการต้องเดินคู่ขนานกันไป a------------------------------------ ประเทศเนปาล ปัญหาเปราะบางของเขา คือ มีความเหลื่อมล้ำสูง จากการคอรัปชั่นของนักการเมือง คือการลงถนน 20 กว่าปี ของเขาต้องการเปลี่ยนแปลง อันดับแรกก็คือ “กษัตริย์” ที่ปกครองอยู่ ลงถนนกดดันขับไล่ จนกษัตริย์ลาออก ฝูงชนดีใจร้องรำทำเพลงกันเต็มท้องถนนที่จะได้ “ระบอบประชาธิปไตย”กันแล้ว จึงได้ “นักการเมือง -ส.ส.” มา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าครองอำนาจ ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย ก็แก้ความเหลื่อมล้ำไม่ได้ ด้วยเนปาลพื้นที่ทำเกษตรเป็นป่าเขาเยอะจึงดึงพรรคคอมมิวนิสต์เข้ามา ทั้งเหมาอีดส์ และมาร์กซ์ ทำสงครามรบ ร่วม10ปี มีตายและบาดเจ็บ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นลงจับมือกับหัวหน้าพรรคฯออกกฎหมาย “พรรคคอมมิวต์ถูกต้องตามกฎหมาย สมัครเป็นพรรคการเมืองได้ จึงทำให้ประชาชนพากันผิดหวังกันไป ซึ่งปัญหาความเหลื่อมล้ำก็ไม่ได้รับการแก้ไข ขณะเดียวกันก็อัญเชิญกษัตรย์องค์เดิมมาปกครองต่อ อีกทั้งเห็นลูกหลานนักการเมืองใช้ชีวิตหรูหราใส่ชุดแบนด์หรู ออกสื่อโชว์ความสุขสำราญของพวกเขา ประจวบกับเหล่านักการเมืองในสภาผ่านเพิ่มเงินเดือนให้กันเอง ออกภาพสื่อร้องรำเต้นด้วยความดีใจกัน มีการคุมวัยเจนชีไม่ให้เข้าถึง แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เท่านั้นแหละ การเคลื่อนไหวลงถนนลุกลามไปใหญ่ ถึงแม้ ประกดาศยกเลิกการห้ามดูเน็ตก็เอาไม่อยู่ มีการเผาสภา เผาสถานที่ราชการ เผาบ้านนายกรัฐมนตรี ต่างๆ ไล่ทำร้ายรัฐมนตรีคลัง หนีลงน้ำยังถูกตามไล่ทำร้าย จนทหารออกมาระงับสถานการณ์ แต่เอาไม่อยู่ จนนายพลทับบกต้องออกมาเอง ขอคุยกับผู้นำกลุ่มเจนซี ตกลงจะมอบให้“สุศิลา คาร์กี”อดีตประธานศาลฎีกาเนปาล เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการของเนปาล จัดให้การเลือกตั้งภายใน 6 เดือน (หลังเลือกตั้งเนปาลก็ยังคงเหมือนเดิม) พรรคการเมืองใหญ่8พรรคยังคงอยู่ : พรรคการเมืองหลัก 8 พรรคของเนปาล รวมถึง พรรคคองเกรสเนปาล (Nepali Congress) พรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (รวมลัทธิมาร์กซ์-เลนินิสต์) (CPN-UML) และพรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (ลัทธิเหมา) เนปาลจะไม่มีทางเปลี่ยนโฉมได้เลย สาเหตุเพราะ ขาดพรรคนำ ขาดเข็มทิศโครงสร้างสังคมเป็นเป้าหมาย ขาดพลังมวลชนที่ตื่นตัวทางทฤษฎี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ไทยก้าวใหม่' ตั้งเป้าปราบโกง ใช้ AI สร้างราชการโปร่งใส ปลูกฝังค่านิยมซื่อสัตย์ตั้งแต่เด็ก มุ่งมั่นสร้างคุณภาพชีวิต แก้ปัญหาน้ำท่วม-แล้งอย่างยั่งยืน
    https://www.thai-tai.tv/news/21746/
    .
    #พรรคไทยก้าวใหม่ #ก้าวใหม่ให้ไทยสตรอง #ธนู4ดอก #การศึกษาคือทางรอด #เศรษฐกิจชาตินิยมใหม่ #AIปราบโกง #อาชีวะอินเตอร์ #ลดเหลื่อมล้ำ
    'ไทยก้าวใหม่' ตั้งเป้าปราบโกง ใช้ AI สร้างราชการโปร่งใส ปลูกฝังค่านิยมซื่อสัตย์ตั้งแต่เด็ก มุ่งมั่นสร้างคุณภาพชีวิต แก้ปัญหาน้ำท่วม-แล้งอย่างยั่งยืน https://www.thai-tai.tv/news/21746/ . #พรรคไทยก้าวใหม่ #ก้าวใหม่ให้ไทยสตรอง #ธนู4ดอก #การศึกษาคือทางรอด #เศรษฐกิจชาตินิยมใหม่ #AIปราบโกง #อาชีวะอินเตอร์ #ลดเหลื่อมล้ำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • “400 ล้านเครื่องกำลังถูกทิ้ง — ธุรกิจทั่วโลกร้องขอให้ Microsoft ยืดอายุ Windows 10 ฟรี เพื่อหยุดหายนะขยะอิเล็กทรอนิกส์”

    ใกล้ถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดการสนับสนุนฟรีของ Windows 10 หลายองค์กรทั่วโลกเริ่มแสดงความกังวลอย่างหนัก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจซ่อมคอมพิวเตอร์, ห้องสมุด, โรงเรียน, นักการเมืองท้องถิ่น และองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมกว่า 500 แห่ง ได้ร่วมลงนามในจดหมายเปิดผนึกถึง Microsoft เพื่อขอให้ขยายการสนับสนุนฟรีของ Windows 10 ออกไปอีก

    เหตุผลหลักคือมีคอมพิวเตอร์กว่า 400 ล้านเครื่องทั่วโลกที่ไม่สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ เช่น TPM 2.0 หรือ CPU รุ่นเก่า ซึ่งทำให้ผู้ใช้ต้องเลือกระหว่าง “ซื้อเครื่องใหม่” หรือ “ใช้งานระบบที่ไม่มีการอัปเดตความปลอดภัย” ซึ่งทั้งสองทางเลือกมีต้นทุนสูงและเสี่ยงต่อความปลอดภัย

    องค์กร PIRG (Public Interest Research Group) ซึ่งเป็นผู้จัดแคมเปญนี้ ระบุว่า การหยุดสนับสนุน Windows 10 จะทำให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์มากถึง 1.6 พันล้านปอนด์ และยังเปิดช่องให้แฮกเกอร์โจมตีระบบที่ไม่ได้รับการอัปเดต โดยเฉพาะในธุรกิจขนาดเล็ก โรงพยาบาล และหน่วยงานราชการที่ยังใช้ Windows 10 เป็นหลัก

    แม้ Microsoft จะเสนอทางเลือกให้ซื้อการสนับสนุนต่อในราคาประมาณ $30 ต่อปี หรือมีโปรแกรมราคาพิเศษสำหรับโรงเรียนในยุโรป แต่กลุ่มผู้เรียกร้องมองว่า “การคิดเงินเพื่อความปลอดภัยพื้นฐาน” เป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผล และขัดกับพันธกิจด้านความยั่งยืนของ Microsoft เอง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Windows 10 จะสิ้นสุดการสนับสนุนฟรีในวันที่ 14 ตุลาคม 2025
    มีคอมพิวเตอร์กว่า 400 ล้านเครื่องที่ไม่สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้
    กลุ่ม PIRG และองค์กรกว่า 500 แห่งร่วมลงนามเรียกร้องให้ Microsoft ขยายการสนับสนุนฟรี
    การหยุดสนับสนุนจะสร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์มากถึง 1.6 พันล้านปอนด์
    Microsoft เสนอการสนับสนุนแบบเสียเงินเริ่มต้นที่ $30 ต่อปี
    โรงเรียนในยุโรปได้รับสิทธิ์สนับสนุนฟรีเพิ่มอีก 1 ปี
    Windows 10 ยังมีส่วนแบ่งตลาดถึง 40.5% ณ เดือนกันยายน 2025
    ผู้ใช้งานหลายกลุ่มยังไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้ Windows 11 ได้เพราะข้อจำกัดฮาร์ดแวร์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Windows 11 ต้องการ TPM 2.0 และ CPU รุ่นใหม่ ทำให้หลายเครื่องไม่สามารถอัปเกรดได้
    Microsoft เคยสนับสนุน Windows XP นานถึง 13 ปี ก่อนจะหยุดในปี 2014
    การอัปเดตความปลอดภัยเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการป้องกัน ransomware และมัลแวร์
    การเปลี่ยนระบบปฏิบัติการในองค์กรขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาและงบประมาณจำนวนมาก
    Linux ถูกเสนอเป็นทางเลือกสำหรับเครื่องที่ไม่สามารถใช้ Windows 11 ได้

    https://www.techradar.com/pro/hundreds-of-businesses-beg-microsoft-not-to-kill-off-free-windows-10-updates
    🖥️ “400 ล้านเครื่องกำลังถูกทิ้ง — ธุรกิจทั่วโลกร้องขอให้ Microsoft ยืดอายุ Windows 10 ฟรี เพื่อหยุดหายนะขยะอิเล็กทรอนิกส์” ใกล้ถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดการสนับสนุนฟรีของ Windows 10 หลายองค์กรทั่วโลกเริ่มแสดงความกังวลอย่างหนัก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจซ่อมคอมพิวเตอร์, ห้องสมุด, โรงเรียน, นักการเมืองท้องถิ่น และองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมกว่า 500 แห่ง ได้ร่วมลงนามในจดหมายเปิดผนึกถึง Microsoft เพื่อขอให้ขยายการสนับสนุนฟรีของ Windows 10 ออกไปอีก เหตุผลหลักคือมีคอมพิวเตอร์กว่า 400 ล้านเครื่องทั่วโลกที่ไม่สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ เช่น TPM 2.0 หรือ CPU รุ่นเก่า ซึ่งทำให้ผู้ใช้ต้องเลือกระหว่าง “ซื้อเครื่องใหม่” หรือ “ใช้งานระบบที่ไม่มีการอัปเดตความปลอดภัย” ซึ่งทั้งสองทางเลือกมีต้นทุนสูงและเสี่ยงต่อความปลอดภัย องค์กร PIRG (Public Interest Research Group) ซึ่งเป็นผู้จัดแคมเปญนี้ ระบุว่า การหยุดสนับสนุน Windows 10 จะทำให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์มากถึง 1.6 พันล้านปอนด์ และยังเปิดช่องให้แฮกเกอร์โจมตีระบบที่ไม่ได้รับการอัปเดต โดยเฉพาะในธุรกิจขนาดเล็ก โรงพยาบาล และหน่วยงานราชการที่ยังใช้ Windows 10 เป็นหลัก แม้ Microsoft จะเสนอทางเลือกให้ซื้อการสนับสนุนต่อในราคาประมาณ $30 ต่อปี หรือมีโปรแกรมราคาพิเศษสำหรับโรงเรียนในยุโรป แต่กลุ่มผู้เรียกร้องมองว่า “การคิดเงินเพื่อความปลอดภัยพื้นฐาน” เป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผล และขัดกับพันธกิจด้านความยั่งยืนของ Microsoft เอง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Windows 10 จะสิ้นสุดการสนับสนุนฟรีในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ➡️ มีคอมพิวเตอร์กว่า 400 ล้านเครื่องที่ไม่สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้ ➡️ กลุ่ม PIRG และองค์กรกว่า 500 แห่งร่วมลงนามเรียกร้องให้ Microsoft ขยายการสนับสนุนฟรี ➡️ การหยุดสนับสนุนจะสร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์มากถึง 1.6 พันล้านปอนด์ ➡️ Microsoft เสนอการสนับสนุนแบบเสียเงินเริ่มต้นที่ $30 ต่อปี ➡️ โรงเรียนในยุโรปได้รับสิทธิ์สนับสนุนฟรีเพิ่มอีก 1 ปี ➡️ Windows 10 ยังมีส่วนแบ่งตลาดถึง 40.5% ณ เดือนกันยายน 2025 ➡️ ผู้ใช้งานหลายกลุ่มยังไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้ Windows 11 ได้เพราะข้อจำกัดฮาร์ดแวร์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Windows 11 ต้องการ TPM 2.0 และ CPU รุ่นใหม่ ทำให้หลายเครื่องไม่สามารถอัปเกรดได้ ➡️ Microsoft เคยสนับสนุน Windows XP นานถึง 13 ปี ก่อนจะหยุดในปี 2014 ➡️ การอัปเดตความปลอดภัยเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการป้องกัน ransomware และมัลแวร์ ➡️ การเปลี่ยนระบบปฏิบัติการในองค์กรขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาและงบประมาณจำนวนมาก ➡️ Linux ถูกเสนอเป็นทางเลือกสำหรับเครื่องที่ไม่สามารถใช้ Windows 11 ได้ https://www.techradar.com/pro/hundreds-of-businesses-beg-microsoft-not-to-kill-off-free-windows-10-updates
    WWW.TECHRADAR.COM
    Hundreds of businesses beg Microsoft not to kill off free Windows 10 updates
    533 signatories ask Microsoft to reconsider Windows 10’s EOL
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • “รีเซ็ตระบบความปลอดภัยองค์กร — บทเรียนจาก Marriott และแนวทางใหม่สำหรับ CISO ยุค AI”

    หลังจากเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับ Marriott ซึ่งส่งผลกระทบต่อข้อมูลส่วนตัวของแขกกว่า 344 ล้านรายตั้งแต่ปี 2014 จนถึง 2020 หน่วยงาน FTC ของสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งให้บริษัทปรับโครงสร้างระบบความปลอดภัยใหม่ทั้งหมด โดยเน้นการควบคุมสิทธิ์เข้าถึง การตรวจสอบผู้ให้บริการ และการทดสอบระบบอย่างต่อเนื่อง

    บทเรียนสำคัญคือ: อย่ารอให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงหรือคำสั่งจากภาครัฐก่อนจะปรับปรุงระบบความปลอดภัย เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจเกินเยียวยา ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยแนะนำว่า CISO ควรตั้งคำถามง่าย ๆ ว่า “ระบบความปลอดภัยของเรามีประสิทธิภาพจริงหรือไม่” และคำตอบที่ว่า “ยังไม่เคยโดนเจาะ” ไม่ใช่คำตอบที่ดีพอ

    สัญญาณเตือนล่วงหน้าที่ควรจับตา ได้แก่ การโจมตีที่สำเร็จมากขึ้น, ความเหนื่อยล้าจากเครื่องมือที่มากเกินไป, ความล้มเหลวด้านกฎระเบียบ และความรู้สึกในองค์กรว่าทีมความปลอดภัยเป็น “ตัวขัดขวาง” มากกว่าพันธมิตร

    เมื่อองค์กรต้องเปลี่ยน CISO หลังเหตุการณ์ร้ายแรง สิ่งสำคัญคือการฟื้นฟูความไว้วางใจ การรีวิวระบบแบบครบวงจรโดยบุคคลที่สาม และการประเมินว่าผู้นำระดับสูงเคยสนับสนุนทีมความปลอดภัยจริงหรือไม่ เพราะปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่คน แต่ที่วัฒนธรรมองค์กร

    CISO ใหม่ควรเริ่มต้นด้วยการ “ฟัง” — ไม่ใช่แค่ทีมความปลอดภัย แต่รวมถึง IT, ฝ่ายพัฒนา, และผู้บริหาร เพื่อเข้าใจว่าปัญหาอยู่ตรงไหน และจะสร้างความร่วมมือได้อย่างไร จากนั้นจึงค่อยหาชัยชนะเล็ก ๆ ที่เห็นผลเร็ว เพื่อสร้างแรงผลักดันให้การเปลี่ยนแปลงใหญ่เกิดขึ้นได้จริง

    การปรับโครงสร้างควรทำเป็นระยะ เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วมาก โดยเฉพาะเมื่อ AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้น การใช้เครื่องมือที่เหมาะสม การลดจำนวนเครื่องมือที่ซ้ำซ้อน และการลงทุนในทีมงานที่มีความสามารถในการปรับตัว คือหัวใจของระบบความปลอดภัยที่ยั่งยืน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Marriott ถูก FTC สั่งปรับโครงสร้างระบบความปลอดภัยหลังข้อมูลรั่วไหลหลายครั้ง
    ข้อมูลส่วนตัวของแขกกว่า 344 ล้านรายถูกเปิดเผยระหว่างปี 2014–2020
    การรอให้เกิดเหตุการณ์หรือคำสั่งจากภาครัฐก่อนปรับปรุงระบบเป็นความเสี่ยงสูง
    สัญญาณเตือนล่วงหน้าคือการโจมตีที่เพิ่มขึ้น, ความเหนื่อยล้าจากเครื่องมือ, และความรู้สึกว่า “ความปลอดภัยคืออุปสรรค”
    CISO ใหม่ควรรีวิวระบบแบบครบวงจร และประเมินการสนับสนุนจากผู้บริหาร
    การฟังทีมงานทุกฝ่ายช่วยสร้างความไว้วางใจและเปิดเผยปัญหาเชิงระบบ
    ควรเริ่มจากชัยชนะเล็ก ๆ ที่เห็นผลเร็วเพื่อสร้างแรงผลักดัน
    การปรับโครงสร้างควรทำเป็นระยะตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
    การลดจำนวนเครื่องมือและใช้ AI อย่างเหมาะสมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
    การลงทุนในทีมงานและการฝึกอบรมคือหัวใจของระบบที่ปรับตัวได้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    FTC สั่งให้ Marriott ลบข้อมูลส่วนตัวที่ไม่จำเป็น และปรับปรุงระบบรีวิวบัญชีลูกค้า
    การใช้ AI ในระบบความปลอดภัยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 10 เท่า
    Soft skills เช่น การเจรจาและการสร้างความร่วมมือ เป็นทักษะสำคัญของ CISO ยุคใหม่
    การจ้างคนจากหลากหลายพื้นหลัง เช่น startup หรือภาครัฐ ช่วยเพิ่มมุมมองใหม่
    การใช้ cloud-native infrastructure และการ outsource บางส่วนช่วยลดภาระทีมงาน

    https://www.csoonline.com/article/4063708/how-to-restructure-a-security-program.html
    🛡️ “รีเซ็ตระบบความปลอดภัยองค์กร — บทเรียนจาก Marriott และแนวทางใหม่สำหรับ CISO ยุค AI” หลังจากเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับ Marriott ซึ่งส่งผลกระทบต่อข้อมูลส่วนตัวของแขกกว่า 344 ล้านรายตั้งแต่ปี 2014 จนถึง 2020 หน่วยงาน FTC ของสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งให้บริษัทปรับโครงสร้างระบบความปลอดภัยใหม่ทั้งหมด โดยเน้นการควบคุมสิทธิ์เข้าถึง การตรวจสอบผู้ให้บริการ และการทดสอบระบบอย่างต่อเนื่อง บทเรียนสำคัญคือ: อย่ารอให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงหรือคำสั่งจากภาครัฐก่อนจะปรับปรุงระบบความปลอดภัย เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจเกินเยียวยา ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยแนะนำว่า CISO ควรตั้งคำถามง่าย ๆ ว่า “ระบบความปลอดภัยของเรามีประสิทธิภาพจริงหรือไม่” และคำตอบที่ว่า “ยังไม่เคยโดนเจาะ” ไม่ใช่คำตอบที่ดีพอ สัญญาณเตือนล่วงหน้าที่ควรจับตา ได้แก่ การโจมตีที่สำเร็จมากขึ้น, ความเหนื่อยล้าจากเครื่องมือที่มากเกินไป, ความล้มเหลวด้านกฎระเบียบ และความรู้สึกในองค์กรว่าทีมความปลอดภัยเป็น “ตัวขัดขวาง” มากกว่าพันธมิตร เมื่อองค์กรต้องเปลี่ยน CISO หลังเหตุการณ์ร้ายแรง สิ่งสำคัญคือการฟื้นฟูความไว้วางใจ การรีวิวระบบแบบครบวงจรโดยบุคคลที่สาม และการประเมินว่าผู้นำระดับสูงเคยสนับสนุนทีมความปลอดภัยจริงหรือไม่ เพราะปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่คน แต่ที่วัฒนธรรมองค์กร CISO ใหม่ควรเริ่มต้นด้วยการ “ฟัง” — ไม่ใช่แค่ทีมความปลอดภัย แต่รวมถึง IT, ฝ่ายพัฒนา, และผู้บริหาร เพื่อเข้าใจว่าปัญหาอยู่ตรงไหน และจะสร้างความร่วมมือได้อย่างไร จากนั้นจึงค่อยหาชัยชนะเล็ก ๆ ที่เห็นผลเร็ว เพื่อสร้างแรงผลักดันให้การเปลี่ยนแปลงใหญ่เกิดขึ้นได้จริง การปรับโครงสร้างควรทำเป็นระยะ เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วมาก โดยเฉพาะเมื่อ AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้น การใช้เครื่องมือที่เหมาะสม การลดจำนวนเครื่องมือที่ซ้ำซ้อน และการลงทุนในทีมงานที่มีความสามารถในการปรับตัว คือหัวใจของระบบความปลอดภัยที่ยั่งยืน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Marriott ถูก FTC สั่งปรับโครงสร้างระบบความปลอดภัยหลังข้อมูลรั่วไหลหลายครั้ง ➡️ ข้อมูลส่วนตัวของแขกกว่า 344 ล้านรายถูกเปิดเผยระหว่างปี 2014–2020 ➡️ การรอให้เกิดเหตุการณ์หรือคำสั่งจากภาครัฐก่อนปรับปรุงระบบเป็นความเสี่ยงสูง ➡️ สัญญาณเตือนล่วงหน้าคือการโจมตีที่เพิ่มขึ้น, ความเหนื่อยล้าจากเครื่องมือ, และความรู้สึกว่า “ความปลอดภัยคืออุปสรรค” ➡️ CISO ใหม่ควรรีวิวระบบแบบครบวงจร และประเมินการสนับสนุนจากผู้บริหาร ➡️ การฟังทีมงานทุกฝ่ายช่วยสร้างความไว้วางใจและเปิดเผยปัญหาเชิงระบบ ➡️ ควรเริ่มจากชัยชนะเล็ก ๆ ที่เห็นผลเร็วเพื่อสร้างแรงผลักดัน ➡️ การปรับโครงสร้างควรทำเป็นระยะตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ➡️ การลดจำนวนเครื่องมือและใช้ AI อย่างเหมาะสมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ การลงทุนในทีมงานและการฝึกอบรมคือหัวใจของระบบที่ปรับตัวได้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ FTC สั่งให้ Marriott ลบข้อมูลส่วนตัวที่ไม่จำเป็น และปรับปรุงระบบรีวิวบัญชีลูกค้า ➡️ การใช้ AI ในระบบความปลอดภัยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 10 เท่า ➡️ Soft skills เช่น การเจรจาและการสร้างความร่วมมือ เป็นทักษะสำคัญของ CISO ยุคใหม่ ➡️ การจ้างคนจากหลากหลายพื้นหลัง เช่น startup หรือภาครัฐ ช่วยเพิ่มมุมมองใหม่ ➡️ การใช้ cloud-native infrastructure และการ outsource บางส่วนช่วยลดภาระทีมงาน https://www.csoonline.com/article/4063708/how-to-restructure-a-security-program.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    How to restructure your security program to modernize defense
    Every so often, the security program needs a revamp. Success hinges on establishing clear priorities, avoiding common mistakes, and keeping the personal toll in check.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • “California ออกกฎหมาย SB 53 คุม Frontier AI — เมื่อรัฐกลายเป็นผู้วางกรอบความปลอดภัยให้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเกินจะปล่อยไว้เฉย ๆ”

    เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2025 ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย Gavin Newsom ได้ลงนามในกฎหมาย SB 53 หรือ Transparency in Frontier Artificial Intelligence Act (TFAIA) ซึ่งถือเป็นกฎหมายแรกของสหรัฐฯ ที่ควบคุมการพัฒนา AI ระดับ “frontier” หรือโมเดลขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพสูงและความเสี่ยงร้ายแรงหากใช้งานผิดวัตถุประสงค์

    กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้าง “ความโปร่งใส ความปลอดภัย และความรับผิดชอบ” โดยไม่ขัดขวางนวัตกรรม โดยเฉพาะในรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งเป็นศูนย์กลางของบริษัท AI ชั้นนำ เช่น Google, Apple, Nvidia, Meta และ Anthropic ซึ่งล้วนมีส่วนร่วมในการผลักดันกฎหมายนี้

    SB 53 กำหนดให้บริษัทที่พัฒนาโมเดล AI ขนาดใหญ่ต้องเผยแพร่กรอบการทำงานด้านความปลอดภัยบนเว็บไซต์ของตน โดยต้องอธิบายว่าใช้มาตรฐานระดับชาติและนานาชาติอย่างไร รวมถึงวิธีประเมินความเสี่ยงร้ายแรง เช่น ความสามารถในการสร้างอาวุธชีวภาพหรือการโจมตีไซเบอร์ที่อาจทำให้เกิดความเสียหายมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หรือคร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 50 ราย

    นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้ง “CalCompute” ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือด้านการวิจัยและโครงสร้างพื้นฐาน AI ของรัฐ เพื่อสนับสนุนการพัฒนา AI ที่ปลอดภัยและยั่งยืน พร้อมเปิดช่องให้ประชาชนและบริษัทสามารถรายงานเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยต่อสำนักงานฉุกเฉินของรัฐได้โดยตรง

    กฎหมายยังให้ความคุ้มครองแก่ผู้แจ้งเบาะแส (whistleblower) ที่เปิดเผยความเสี่ยงด้านสุขภาพหรือความปลอดภัยจากโมเดล AI และให้อำนาจอัยการสูงสุดในการลงโทษบริษัทที่ไม่ปฏิบัติตาม

    แม้หลายฝ่ายชื่นชมว่า SB 53 เป็น “โมเดลต้นแบบ” สำหรับการออกกฎหมาย AI ในระดับประเทศ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากบางกลุ่มในอุตสาหกรรมว่าอาจเป็นการเปิดเผยข้อมูลภายในมากเกินไป และเสี่ยงต่อการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    SB 53 เป็นกฎหมายแรกในสหรัฐฯ ที่ควบคุมการพัฒนา AI ระดับ frontier
    Frontier AI หมายถึงโมเดลขนาดใหญ่ที่ใช้พลังคำนวณมากกว่า 10²⁶ FLOPs และมีรายได้เกิน 100 ล้านดอลลาร์ต่อปี
    บริษัทต้องเผยแพร่กรอบความปลอดภัยที่ใช้มาตรฐานระดับชาติและนานาชาติ
    ต้องอธิบายวิธีประเมินความเสี่ยงร้ายแรง เช่น การสร้างอาวุธชีวภาพหรือการโจมตีไซเบอร์
    จัดตั้ง CalCompute เพื่อสนับสนุนการวิจัยและโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ปลอดภัย
    เปิดช่องให้รายงานเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยต่อสำนักงานฉุกเฉินของรัฐ
    ให้ความคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสที่เปิดเผยความเสี่ยงจากโมเดล AI
    อัยการสูงสุดสามารถลงโทษบริษัทที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
    กฎหมายนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทใหญ่ เช่น Anthropic และ Meta

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SB 53 เป็นฉบับปรับปรุงจาก SB 1047 ที่ถูก veto ในปี 2024 เพราะเข้มงวดเกินไป
    กฎหมายนี้เน้น “trust but verify” คือให้บริษัทสร้างนวัตกรรมได้ แต่ต้องมีกรอบตรวจสอบ
    Frontier AI เช่น ChatGPT, Claude, Gemini เป็นโมเดลที่มีความสามารถกว้างและใช้ dataset ขนาดใหญ่
    FLOPs (Floating Point Operations) เป็นหน่วยวัดพลังคำนวณในการฝึกโมเดล
    กฎหมายนี้อาจเป็นต้นแบบให้รัฐอื่นในสหรัฐฯ และอาจผลักดันให้เกิดกฎหมายระดับชาติ

    https://www.gov.ca.gov/2025/09/29/governor-newsom-signs-sb-53-advancing-californias-world-leading-artificial-intelligence-industry/
    ⚖️ “California ออกกฎหมาย SB 53 คุม Frontier AI — เมื่อรัฐกลายเป็นผู้วางกรอบความปลอดภัยให้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเกินจะปล่อยไว้เฉย ๆ” เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2025 ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย Gavin Newsom ได้ลงนามในกฎหมาย SB 53 หรือ Transparency in Frontier Artificial Intelligence Act (TFAIA) ซึ่งถือเป็นกฎหมายแรกของสหรัฐฯ ที่ควบคุมการพัฒนา AI ระดับ “frontier” หรือโมเดลขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพสูงและความเสี่ยงร้ายแรงหากใช้งานผิดวัตถุประสงค์ กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้าง “ความโปร่งใส ความปลอดภัย และความรับผิดชอบ” โดยไม่ขัดขวางนวัตกรรม โดยเฉพาะในรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งเป็นศูนย์กลางของบริษัท AI ชั้นนำ เช่น Google, Apple, Nvidia, Meta และ Anthropic ซึ่งล้วนมีส่วนร่วมในการผลักดันกฎหมายนี้ SB 53 กำหนดให้บริษัทที่พัฒนาโมเดล AI ขนาดใหญ่ต้องเผยแพร่กรอบการทำงานด้านความปลอดภัยบนเว็บไซต์ของตน โดยต้องอธิบายว่าใช้มาตรฐานระดับชาติและนานาชาติอย่างไร รวมถึงวิธีประเมินความเสี่ยงร้ายแรง เช่น ความสามารถในการสร้างอาวุธชีวภาพหรือการโจมตีไซเบอร์ที่อาจทำให้เกิดความเสียหายมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หรือคร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 50 ราย นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้ง “CalCompute” ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือด้านการวิจัยและโครงสร้างพื้นฐาน AI ของรัฐ เพื่อสนับสนุนการพัฒนา AI ที่ปลอดภัยและยั่งยืน พร้อมเปิดช่องให้ประชาชนและบริษัทสามารถรายงานเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยต่อสำนักงานฉุกเฉินของรัฐได้โดยตรง กฎหมายยังให้ความคุ้มครองแก่ผู้แจ้งเบาะแส (whistleblower) ที่เปิดเผยความเสี่ยงด้านสุขภาพหรือความปลอดภัยจากโมเดล AI และให้อำนาจอัยการสูงสุดในการลงโทษบริษัทที่ไม่ปฏิบัติตาม แม้หลายฝ่ายชื่นชมว่า SB 53 เป็น “โมเดลต้นแบบ” สำหรับการออกกฎหมาย AI ในระดับประเทศ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากบางกลุ่มในอุตสาหกรรมว่าอาจเป็นการเปิดเผยข้อมูลภายในมากเกินไป และเสี่ยงต่อการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ SB 53 เป็นกฎหมายแรกในสหรัฐฯ ที่ควบคุมการพัฒนา AI ระดับ frontier ➡️ Frontier AI หมายถึงโมเดลขนาดใหญ่ที่ใช้พลังคำนวณมากกว่า 10²⁶ FLOPs และมีรายได้เกิน 100 ล้านดอลลาร์ต่อปี ➡️ บริษัทต้องเผยแพร่กรอบความปลอดภัยที่ใช้มาตรฐานระดับชาติและนานาชาติ ➡️ ต้องอธิบายวิธีประเมินความเสี่ยงร้ายแรง เช่น การสร้างอาวุธชีวภาพหรือการโจมตีไซเบอร์ ➡️ จัดตั้ง CalCompute เพื่อสนับสนุนการวิจัยและโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ปลอดภัย ➡️ เปิดช่องให้รายงานเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยต่อสำนักงานฉุกเฉินของรัฐ ➡️ ให้ความคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสที่เปิดเผยความเสี่ยงจากโมเดล AI ➡️ อัยการสูงสุดสามารถลงโทษบริษัทที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ➡️ กฎหมายนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทใหญ่ เช่น Anthropic และ Meta ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SB 53 เป็นฉบับปรับปรุงจาก SB 1047 ที่ถูก veto ในปี 2024 เพราะเข้มงวดเกินไป ➡️ กฎหมายนี้เน้น “trust but verify” คือให้บริษัทสร้างนวัตกรรมได้ แต่ต้องมีกรอบตรวจสอบ ➡️ Frontier AI เช่น ChatGPT, Claude, Gemini เป็นโมเดลที่มีความสามารถกว้างและใช้ dataset ขนาดใหญ่ ➡️ FLOPs (Floating Point Operations) เป็นหน่วยวัดพลังคำนวณในการฝึกโมเดล ➡️ กฎหมายนี้อาจเป็นต้นแบบให้รัฐอื่นในสหรัฐฯ และอาจผลักดันให้เกิดกฎหมายระดับชาติ https://www.gov.ca.gov/2025/09/29/governor-newsom-signs-sb-53-advancing-californias-world-leading-artificial-intelligence-industry/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • “VPS หรือ Dedicated Server? ผลสำรวจ 1,000 ผู้บริหาร IT ชี้ชัด ปี 2025 โครงสร้างโฮสติ้งไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่คือกลยุทธ์ธุรกิจ”

    ในยุคที่ AI และความเร็วของระบบกลายเป็นหัวใจของธุรกิจ ผลสำรวจจาก Liquid Web ที่สอบถามผู้บริหาร IT กว่า 1,000 คน เผยให้เห็นภาพชัดเจนว่า การเลือกใช้ VPS หรือ Dedicated Server ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความยืดหยุ่นด้านต้นทุน การสนับสนุนทางเทคนิค และความยั่งยืนในระยะยาว

    ผลสำรวจพบว่า 36% ของผู้ตอบแบบสอบถามให้ “ประสิทธิภาพ” เป็นปัจจัยอันดับหนึ่งในการเลือกโฮสติ้ง ขณะที่ 35% ให้ความสำคัญกับ “ต้นทุน” ซึ่งสะท้อนว่าทั้งสองปัจจัยมีน้ำหนักใกล้เคียงกันอย่างมาก

    VPS (Virtual Private Server) ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับทีมขนาดเล็กที่ต้องการความยืดหยุ่นและประหยัดงบประมาณ โดย 71% ของผู้ใช้ VPS คาดว่าจะต้องขยายระบบในอนาคต เทียบกับ 64% ของผู้ใช้ Dedicated Server ส่วน Dedicated Server ได้รับความนิยมในกลุ่มที่ต้องการความมั่นคง ความปลอดภัย และการควบคุมสูง เช่น ธุรกิจอีคอมเมิร์ซหรือฐานข้อมูลขนาดใหญ่

    สิ่งที่น่าสนใจคือ “การสนับสนุนทางเทคนิค” กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจ โดยเกือบ 80% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าการมีทีมสนับสนุน 24/7 เป็นสิ่งจำเป็น และมากกว่าหนึ่งในสามเคยประสบปัญหาธุรกิจหยุดชะงักจากการสนับสนุนที่ล่าช้าหรือไม่เพียงพอ

    นอกจากนี้ ความยั่งยืนและการปฏิบัติตามข้อกำหนด (compliance) ก็เริ่มมีบทบาทมากขึ้น โดย 39% ให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และ 75% ยินดีจ่ายเพิ่มเพื่อใช้บริการที่มีการรับรองว่าเป็น low-carbon hosting

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ผลสำรวจจาก Liquid Web สอบถามผู้บริหาร IT 1,000 คนเกี่ยวกับการเลือก VPS และ Dedicated Server
    36% ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพ ขณะที่ 35% เน้นต้นทุน
    VPS เหมาะกับทีมขนาดเล็กที่ต้องการความยืดหยุ่นและประหยัดงบ
    71% ของผู้ใช้ VPS คาดว่าจะต้องขยายระบบ เทียบกับ 64% ของผู้ใช้ Dedicated Server
    Dedicated Server ได้รับความนิยมในงานที่ต้องการความมั่นคงและความปลอดภัย เช่น ฐานข้อมูลและอีคอมเมิร์ซ
    80% ของผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญกับการสนับสนุนทางเทคนิค 24/7
    มากกว่าหนึ่งในสามเคยประสบปัญหาธุรกิจหยุดชะงักจากการสนับสนุนที่ล่าช้า
    39% ให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และ 75% ยินดีจ่ายเพิ่มเพื่อ low-carbon hosting
    85% เห็นว่าการปฏิบัติตามข้อกำหนด (compliance) เป็นสิ่งจำเป็น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    VPS ใช้เทคโนโลยี virtualization เพื่อแบ่งทรัพยากรจากเซิร์ฟเวอร์จริงให้หลายผู้ใช้
    Dedicated Server ให้ทรัพยากรทั้งหมดแก่ผู้ใช้คนเดียว ทำให้มีความเสถียรและปลอดภัยสูง
    VPS เหมาะกับงานที่มีความต้องการเปลี่ยนแปลงบ่อย เช่น dev/test หรือเว็บแอป
    Dedicated Server เหมาะกับงานที่ต้องการ uptime สูงและการควบคุมระดับลึก
    การสนับสนุนแบบ live chat และโทรศัพท์ยังเป็นช่องทางที่ผู้ใช้ไว้วางใจมากกว่า AI chatbot

    https://www.techradar.com/pro/vps-vs-dedicated-hosting-in-2025-cost-performance-and-support-priorities-revealed
    🖥️ “VPS หรือ Dedicated Server? ผลสำรวจ 1,000 ผู้บริหาร IT ชี้ชัด ปี 2025 โครงสร้างโฮสติ้งไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่คือกลยุทธ์ธุรกิจ” ในยุคที่ AI และความเร็วของระบบกลายเป็นหัวใจของธุรกิจ ผลสำรวจจาก Liquid Web ที่สอบถามผู้บริหาร IT กว่า 1,000 คน เผยให้เห็นภาพชัดเจนว่า การเลือกใช้ VPS หรือ Dedicated Server ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความยืดหยุ่นด้านต้นทุน การสนับสนุนทางเทคนิค และความยั่งยืนในระยะยาว ผลสำรวจพบว่า 36% ของผู้ตอบแบบสอบถามให้ “ประสิทธิภาพ” เป็นปัจจัยอันดับหนึ่งในการเลือกโฮสติ้ง ขณะที่ 35% ให้ความสำคัญกับ “ต้นทุน” ซึ่งสะท้อนว่าทั้งสองปัจจัยมีน้ำหนักใกล้เคียงกันอย่างมาก VPS (Virtual Private Server) ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับทีมขนาดเล็กที่ต้องการความยืดหยุ่นและประหยัดงบประมาณ โดย 71% ของผู้ใช้ VPS คาดว่าจะต้องขยายระบบในอนาคต เทียบกับ 64% ของผู้ใช้ Dedicated Server ส่วน Dedicated Server ได้รับความนิยมในกลุ่มที่ต้องการความมั่นคง ความปลอดภัย และการควบคุมสูง เช่น ธุรกิจอีคอมเมิร์ซหรือฐานข้อมูลขนาดใหญ่ สิ่งที่น่าสนใจคือ “การสนับสนุนทางเทคนิค” กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจ โดยเกือบ 80% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าการมีทีมสนับสนุน 24/7 เป็นสิ่งจำเป็น และมากกว่าหนึ่งในสามเคยประสบปัญหาธุรกิจหยุดชะงักจากการสนับสนุนที่ล่าช้าหรือไม่เพียงพอ นอกจากนี้ ความยั่งยืนและการปฏิบัติตามข้อกำหนด (compliance) ก็เริ่มมีบทบาทมากขึ้น โดย 39% ให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และ 75% ยินดีจ่ายเพิ่มเพื่อใช้บริการที่มีการรับรองว่าเป็น low-carbon hosting ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ผลสำรวจจาก Liquid Web สอบถามผู้บริหาร IT 1,000 คนเกี่ยวกับการเลือก VPS และ Dedicated Server ➡️ 36% ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพ ขณะที่ 35% เน้นต้นทุน ➡️ VPS เหมาะกับทีมขนาดเล็กที่ต้องการความยืดหยุ่นและประหยัดงบ ➡️ 71% ของผู้ใช้ VPS คาดว่าจะต้องขยายระบบ เทียบกับ 64% ของผู้ใช้ Dedicated Server ➡️ Dedicated Server ได้รับความนิยมในงานที่ต้องการความมั่นคงและความปลอดภัย เช่น ฐานข้อมูลและอีคอมเมิร์ซ ➡️ 80% ของผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญกับการสนับสนุนทางเทคนิค 24/7 ➡️ มากกว่าหนึ่งในสามเคยประสบปัญหาธุรกิจหยุดชะงักจากการสนับสนุนที่ล่าช้า ➡️ 39% ให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และ 75% ยินดีจ่ายเพิ่มเพื่อ low-carbon hosting ➡️ 85% เห็นว่าการปฏิบัติตามข้อกำหนด (compliance) เป็นสิ่งจำเป็น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ VPS ใช้เทคโนโลยี virtualization เพื่อแบ่งทรัพยากรจากเซิร์ฟเวอร์จริงให้หลายผู้ใช้ ➡️ Dedicated Server ให้ทรัพยากรทั้งหมดแก่ผู้ใช้คนเดียว ทำให้มีความเสถียรและปลอดภัยสูง ➡️ VPS เหมาะกับงานที่มีความต้องการเปลี่ยนแปลงบ่อย เช่น dev/test หรือเว็บแอป ➡️ Dedicated Server เหมาะกับงานที่ต้องการ uptime สูงและการควบคุมระดับลึก ➡️ การสนับสนุนแบบ live chat และโทรศัพท์ยังเป็นช่องทางที่ผู้ใช้ไว้วางใจมากกว่า AI chatbot https://www.techradar.com/pro/vps-vs-dedicated-hosting-in-2025-cost-performance-and-support-priorities-revealed
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • Green Civil

    งานดีไซน์ เทคโนโลยีล้ำสมัย สินค้าชุมชน และ สินค้าเกษตรสำหรับชีวิตคนเมือง บอกเลยว่า เดินช้อปเพลินๆ ได้ทั้งวัน

    และเขายังมีนิทรรศการและร่วมเคลื่อนสังคมให้ ดีขึ้นและอยู่รอดไปด้วยกันในวิกฤตโลกรวน ด้วย อยู่ที่โซน BETTER COMMUNITY ในงานจะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย !

    2,427

    ...

    SX MARKETPLACE ชั้น LG ฮอลล์ 7

    25

    BETTER COMMUNITY ชั้น G

    ที่งาน Sustainability Expo 2025 ณ ศูนย์ การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) วันที่ 26 กันยายน – 5 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00-20.00 น

    476

    #SX2025 #SustainabilityExpo2025

    202

    #พอเพียงยั่งยืนเพื่อโลก
    Green Civil งานดีไซน์ เทคโนโลยีล้ำสมัย สินค้าชุมชน และ สินค้าเกษตรสำหรับชีวิตคนเมือง บอกเลยว่า เดินช้อปเพลินๆ ได้ทั้งวัน และเขายังมีนิทรรศการและร่วมเคลื่อนสังคมให้ ดีขึ้นและอยู่รอดไปด้วยกันในวิกฤตโลกรวน ด้วย อยู่ที่โซน BETTER COMMUNITY ในงานจะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย ! 2,427 ... SX MARKETPLACE ชั้น LG ฮอลล์ 7 25 BETTER COMMUNITY ชั้น G ที่งาน Sustainability Expo 2025 ณ ศูนย์ การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) วันที่ 26 กันยายน – 5 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00-20.00 น 476 #SX2025 #SustainabilityExpo2025 202 #พอเพียงยั่งยืนเพื่อโลก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “Chrysalis: ยานอวกาศยาว 36 ไมล์ที่จะพามนุษย์สู่ดาวอื่น — แต่ไม่มีวันกลับบ้าน”

    ลองจินตนาการถึงการเดินทางที่ไม่มีวันย้อนกลับ — นั่นคือแนวคิดของ “Chrysalis” ยานอวกาศขนาดมหึมายาว 36 ไมล์ที่ออกแบบมาเพื่อพามนุษย์ 2,400 คนเดินทางข้ามจักรวาลไปยังดาว Proxima Centauri b ซึ่งอยู่ห่างจากโลกถึง 4.25 ปีแสง หรือประมาณ 25 ล้านล้านไมล์

    Chrysalis ไม่ใช่แค่ยานอวกาศ แต่เป็น “เมืองลอยฟ้า” ที่มีโครงสร้างแบบ nested layers คล้ายตุ๊กตารัสเซีย โดยแต่ละชั้นมีหน้าที่เฉพาะ — ชั้นในสุดเป็นฟาร์มและระบบชีวภาพจำลองของโลก เช่น ป่าร้อนและป่าเย็น ถัดออกมาเป็นพื้นที่สาธารณะ เช่น สวน ห้องสมุด และบ้านที่พิมพ์ด้วย 3D ส่วนชั้นนอกสุดเป็นโกดังเก็บทรัพยากรและอุปกรณ์ ซึ่งอาจควบคุมโดยหุ่นยนต์ทั้งหมด

    เพื่อแก้ปัญหาการไม่มีแรงโน้มถ่วง ยานจะหมุนช้า ๆ เพื่อสร้างแรงโน้มถ่วงเทียม และมี “Cosmos Dome” เป็นจุดชมวิวจักรวาลในสภาพไร้น้ำหนัก

    การเดินทางจะกินเวลาราว 400 ปี — หมายความว่าผู้โดยสารรุ่นแรกจะไม่มีวันเห็นจุดหมายปลายทาง ลูกหลานของพวกเขาจะเกิด เติบโต และตายบนยานนี้ โดยมีระบบการจัดการประชากรอย่างเข้มงวด เช่น จำกัดช่วงอายุในการมีบุตรไว้ที่ 28–31 ปี และอนุญาตให้มีลูกได้ไม่เกินสองคน

    เพื่อเตรียมความพร้อม ทีมออกแบบเสนอให้ผู้โดยสารรุ่นแรกใช้ชีวิตในแอนตาร์กติกาเป็นเวลา 70–80 ปี เพื่อฝึกความอดทนต่อสภาพแวดล้อมที่โดดเดี่ยวและรุนแรง ก่อนขึ้นยานจริง

    แม้ Chrysalis จะยังเป็นแนวคิดในโครงการประกวด Project Hyperion แต่ก็ถือเป็นแบบจำลองที่จริงจังที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยใช้เทคโนโลยีที่ใกล้ความเป็นจริง เช่น nuclear fusion drive, ระบบ AI ร่วมบริหาร และโครงสร้างแบบ closed-loop ecosystem

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Chrysalis เป็นยานอวกาศแนวคิดที่ยาว 36 ไมล์ ออกแบบเพื่อเดินทางไปยัง Proxima Centauri b
    รองรับผู้โดยสารได้ถึง 2,400 คน บนการเดินทางที่กินเวลาราว 400 ปี
    โครงสร้างแบบ concentric layers มีฟาร์ม, พื้นที่สาธารณะ, ที่อยู่อาศัย, อุตสาหกรรม และโกดัง
    ใช้การหมุนเพื่อสร้างแรงโน้มถ่วงเทียม และมี Cosmos Dome เป็นจุดชมวิวจักรวาล
    ระบบประชากรจำกัดช่วงอายุในการมีบุตร และจำนวนลูกต่อคน
    เตรียมผู้โดยสารรุ่นแรกด้วยการใช้ชีวิตในแอนตาร์กติกา 70–80 ปี
    ใช้ nuclear fusion drive เป็นแหล่งพลังงานและแรงขับเคลื่อน
    มีระบบบริหารร่วมระหว่างมนุษย์และ AI เพื่อรักษาเสถียรภาพทางสังคม
    เป็นแนวคิดที่ชนะการประกวด Project Hyperion Design Competition

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Proxima Centauri b เป็นดาวเคราะห์ที่อาจมีสภาพเหมาะสมต่อการอยู่อาศัย
    Nuclear fusion drive ยังอยู่ในขั้นทดลอง เช่น Direct Fusion Drive ที่ใช้ helium-3 และ deuterium
    การสร้างยานขนาด 2.4 พันล้านตันต้องใช้จุดสมดุลแรงโน้มถ่วงระหว่างโลกกับดวงจันทร์
    การใช้ชีวิตแบบ multigenerational บนยานต้องมีระบบการศึกษาและสังคมที่ยั่งยืน
    โครงการนี้ช่วยเปิดมุมมองใหม่ในการออกแบบระบบปิดสำหรับการอยู่รอดในสภาพแวดล้อมสุดขั้ว

    https://www.slashgear.com/1979060/chrysalis-spacecraft-concept-details/
    🚀 “Chrysalis: ยานอวกาศยาว 36 ไมล์ที่จะพามนุษย์สู่ดาวอื่น — แต่ไม่มีวันกลับบ้าน” ลองจินตนาการถึงการเดินทางที่ไม่มีวันย้อนกลับ — นั่นคือแนวคิดของ “Chrysalis” ยานอวกาศขนาดมหึมายาว 36 ไมล์ที่ออกแบบมาเพื่อพามนุษย์ 2,400 คนเดินทางข้ามจักรวาลไปยังดาว Proxima Centauri b ซึ่งอยู่ห่างจากโลกถึง 4.25 ปีแสง หรือประมาณ 25 ล้านล้านไมล์ Chrysalis ไม่ใช่แค่ยานอวกาศ แต่เป็น “เมืองลอยฟ้า” ที่มีโครงสร้างแบบ nested layers คล้ายตุ๊กตารัสเซีย โดยแต่ละชั้นมีหน้าที่เฉพาะ — ชั้นในสุดเป็นฟาร์มและระบบชีวภาพจำลองของโลก เช่น ป่าร้อนและป่าเย็น ถัดออกมาเป็นพื้นที่สาธารณะ เช่น สวน ห้องสมุด และบ้านที่พิมพ์ด้วย 3D ส่วนชั้นนอกสุดเป็นโกดังเก็บทรัพยากรและอุปกรณ์ ซึ่งอาจควบคุมโดยหุ่นยนต์ทั้งหมด เพื่อแก้ปัญหาการไม่มีแรงโน้มถ่วง ยานจะหมุนช้า ๆ เพื่อสร้างแรงโน้มถ่วงเทียม และมี “Cosmos Dome” เป็นจุดชมวิวจักรวาลในสภาพไร้น้ำหนัก การเดินทางจะกินเวลาราว 400 ปี — หมายความว่าผู้โดยสารรุ่นแรกจะไม่มีวันเห็นจุดหมายปลายทาง ลูกหลานของพวกเขาจะเกิด เติบโต และตายบนยานนี้ โดยมีระบบการจัดการประชากรอย่างเข้มงวด เช่น จำกัดช่วงอายุในการมีบุตรไว้ที่ 28–31 ปี และอนุญาตให้มีลูกได้ไม่เกินสองคน เพื่อเตรียมความพร้อม ทีมออกแบบเสนอให้ผู้โดยสารรุ่นแรกใช้ชีวิตในแอนตาร์กติกาเป็นเวลา 70–80 ปี เพื่อฝึกความอดทนต่อสภาพแวดล้อมที่โดดเดี่ยวและรุนแรง ก่อนขึ้นยานจริง แม้ Chrysalis จะยังเป็นแนวคิดในโครงการประกวด Project Hyperion แต่ก็ถือเป็นแบบจำลองที่จริงจังที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยใช้เทคโนโลยีที่ใกล้ความเป็นจริง เช่น nuclear fusion drive, ระบบ AI ร่วมบริหาร และโครงสร้างแบบ closed-loop ecosystem ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Chrysalis เป็นยานอวกาศแนวคิดที่ยาว 36 ไมล์ ออกแบบเพื่อเดินทางไปยัง Proxima Centauri b ➡️ รองรับผู้โดยสารได้ถึง 2,400 คน บนการเดินทางที่กินเวลาราว 400 ปี ➡️ โครงสร้างแบบ concentric layers มีฟาร์ม, พื้นที่สาธารณะ, ที่อยู่อาศัย, อุตสาหกรรม และโกดัง ➡️ ใช้การหมุนเพื่อสร้างแรงโน้มถ่วงเทียม และมี Cosmos Dome เป็นจุดชมวิวจักรวาล ➡️ ระบบประชากรจำกัดช่วงอายุในการมีบุตร และจำนวนลูกต่อคน ➡️ เตรียมผู้โดยสารรุ่นแรกด้วยการใช้ชีวิตในแอนตาร์กติกา 70–80 ปี ➡️ ใช้ nuclear fusion drive เป็นแหล่งพลังงานและแรงขับเคลื่อน ➡️ มีระบบบริหารร่วมระหว่างมนุษย์และ AI เพื่อรักษาเสถียรภาพทางสังคม ➡️ เป็นแนวคิดที่ชนะการประกวด Project Hyperion Design Competition ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Proxima Centauri b เป็นดาวเคราะห์ที่อาจมีสภาพเหมาะสมต่อการอยู่อาศัย ➡️ Nuclear fusion drive ยังอยู่ในขั้นทดลอง เช่น Direct Fusion Drive ที่ใช้ helium-3 และ deuterium ➡️ การสร้างยานขนาด 2.4 พันล้านตันต้องใช้จุดสมดุลแรงโน้มถ่วงระหว่างโลกกับดวงจันทร์ ➡️ การใช้ชีวิตแบบ multigenerational บนยานต้องมีระบบการศึกษาและสังคมที่ยั่งยืน ➡️ โครงการนี้ช่วยเปิดมุมมองใหม่ในการออกแบบระบบปิดสำหรับการอยู่รอดในสภาพแวดล้อมสุดขั้ว https://www.slashgear.com/1979060/chrysalis-spacecraft-concept-details/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This 36-Mile Spacecraft Would Take Humanity To The Stars – With No Way Back - SlashGear
    While it's unlikely to come to fruition, designs for the 2.4-billion-ton Chrysalis could see humanity embark on a four-century journey to a new star.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ผู้ใช้แอปสนใจแค่ 20% — แต่ละคนเลือกส่วนที่ต่างกัน และนั่นคือโอกาสทองของนักพัฒนา”

    Ibrahim Diallo เล่าเรื่องราวส่วนตัวที่เริ่มจากการลบไฟล์ .ini ตอนเด็กจนทำให้คอมพัง และต้องติดตั้ง Windows ใหม่ทุกครั้ง ซึ่งทำให้เขาเรียนรู้ว่า แม้โปรแกรมจะมีฟีเจอร์มากมาย แต่ผู้ใช้แต่ละคนกลับใช้แค่บางส่วนเท่านั้น เช่น เขาเคยใช้ Excel แค่เพื่อสร้างตารางแล้วก็อปไปใส่ Word เพราะไม่รู้วิธีสร้างตารางใน Word โดยตรง

    จากประสบการณ์นี้ เขาเสนอแนวคิดว่า “ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะใช้แค่ 20% ของฟีเจอร์ในแอปพลิเคชัน” แต่ที่สำคัญคือ “แต่ละคนใช้ 20% ที่ต่างกัน” เช่น คนหนึ่งใช้ Excel เพื่อทำบัญชีส่วนตัว อีกคนใช้เพื่อทำ pivot table และอีกคนใช้แค่เพื่อวางตารางใน Word

    เมื่อแอปมีฟีเจอร์มากขึ้น ผู้ใช้บางกลุ่มกลับรู้สึกว่าแอป “บวม” และทำงานช้าลง เพราะฟีเจอร์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนเองกลายเป็นสิ่งรบกวน workflow เดิม นี่คือจุดที่ผู้ใช้เริ่มมองหาแอปทางเลือกที่ตอบโจทย์เฉพาะของตนได้ดีกว่า

    เขายกตัวอย่าง Kagi ซึ่งเป็น search engine แบบเสียเงินที่เกิดขึ้นจากความไม่พอใจของผู้ใช้ Google ที่ต้องการผลลัพธ์แบบตรงคำมากกว่า “คำที่เกี่ยวข้อง” แม้จะเป็นแค่ 1% ของผู้ใช้ แต่ก็ยังเป็นตลาดที่ใหญ่มาก และ Kagi เลือกที่จะเป็น “20% ที่ดีที่สุด” สำหรับกลุ่มนั้น

    แนวคิดนี้ยังใช้ได้กับแอปอื่น ๆ เช่น Figma ที่ไม่ต้องแข่งกับ Adobe ทั้งชุด แต่แค่ทำ collaborative design ได้ดีกว่า หรือ Notion ที่ไม่ต้องเป็น word processor หรือ database ที่ดีที่สุด แต่เป็นเครื่องมือลูกผสมที่ตอบโจทย์ทีมงานได้ดี

    สุดท้าย เขาเสนอว่า นักพัฒนาไม่ควรพยายามทำแอปที่ “ทำทุกอย่างให้ทุกคน” แต่ควรสร้างระบบที่ให้ผู้ใช้ปรับแต่งได้เอง เช่น VS Code ที่เริ่มจาก text editor ธรรมดา แล้วให้ผู้ใช้ติดตั้ง extension เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับตนเอง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ผู้ใช้ส่วนใหญ่ใช้แค่ 20% ของฟีเจอร์ในแอปพลิเคชัน
    แต่ละคนใช้ 20% ที่ต่างกัน เช่น Excel เพื่อบัญชี, pivot table, หรือแค่สร้างตาราง
    แอปที่มีฟีเจอร์มากเกินไปอาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าแอป “บวม” และช้าลง
    Kagi เป็น search engine ที่เกิดจากกลุ่มผู้ใช้ที่ไม่พอใจ Google Search
    Kagi เลือกเป็น “20% ที่ดีที่สุด” สำหรับกลุ่ม power user
    Figma และ Notion เป็นตัวอย่างของแอปที่เน้นเฉพาะกลุ่ม ไม่ต้องแข่งแบบครอบคลุม
    VS Code ให้ผู้ใช้ปรับแต่งผ่าน extension เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมเฉพาะตัว
    แนวคิดนี้ช่วยให้นักพัฒนาไม่ต้องทำทุกอย่าง แต่ทำให้แต่ละฟีเจอร์ “ดีจริง” สำหรับกลุ่มเป้าหมาย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    หลักการ 80/20 หรือ Pareto Principle ถูกใช้ในหลายวงการ เช่น ธุรกิจ, การตลาด, และ UX
    แอปที่เน้น modular design เช่น Obsidian หรือ Slack ก็ใช้แนวคิดนี้ในการพัฒนา
    Open-source software เช่น Blender หรือ FFmpeg มักถูกปรับแต่งให้เหมาะกับ workflow เฉพาะ
    การให้ผู้ใช้ปรับแต่งเองช่วยลดแรงต้านจากฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น
    การสร้าง “core ที่เบา” แล้วให้ผู้ใช้เสริมเอง เป็นแนวทางที่ยั่งยืนและขยายได้ง่าย

    https://idiallo.com/blog/users-only-care-about-20-percent
    🧩 “ผู้ใช้แอปสนใจแค่ 20% — แต่ละคนเลือกส่วนที่ต่างกัน และนั่นคือโอกาสทองของนักพัฒนา” Ibrahim Diallo เล่าเรื่องราวส่วนตัวที่เริ่มจากการลบไฟล์ .ini ตอนเด็กจนทำให้คอมพัง และต้องติดตั้ง Windows ใหม่ทุกครั้ง ซึ่งทำให้เขาเรียนรู้ว่า แม้โปรแกรมจะมีฟีเจอร์มากมาย แต่ผู้ใช้แต่ละคนกลับใช้แค่บางส่วนเท่านั้น เช่น เขาเคยใช้ Excel แค่เพื่อสร้างตารางแล้วก็อปไปใส่ Word เพราะไม่รู้วิธีสร้างตารางใน Word โดยตรง จากประสบการณ์นี้ เขาเสนอแนวคิดว่า “ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะใช้แค่ 20% ของฟีเจอร์ในแอปพลิเคชัน” แต่ที่สำคัญคือ “แต่ละคนใช้ 20% ที่ต่างกัน” เช่น คนหนึ่งใช้ Excel เพื่อทำบัญชีส่วนตัว อีกคนใช้เพื่อทำ pivot table และอีกคนใช้แค่เพื่อวางตารางใน Word เมื่อแอปมีฟีเจอร์มากขึ้น ผู้ใช้บางกลุ่มกลับรู้สึกว่าแอป “บวม” และทำงานช้าลง เพราะฟีเจอร์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนเองกลายเป็นสิ่งรบกวน workflow เดิม นี่คือจุดที่ผู้ใช้เริ่มมองหาแอปทางเลือกที่ตอบโจทย์เฉพาะของตนได้ดีกว่า เขายกตัวอย่าง Kagi ซึ่งเป็น search engine แบบเสียเงินที่เกิดขึ้นจากความไม่พอใจของผู้ใช้ Google ที่ต้องการผลลัพธ์แบบตรงคำมากกว่า “คำที่เกี่ยวข้อง” แม้จะเป็นแค่ 1% ของผู้ใช้ แต่ก็ยังเป็นตลาดที่ใหญ่มาก และ Kagi เลือกที่จะเป็น “20% ที่ดีที่สุด” สำหรับกลุ่มนั้น แนวคิดนี้ยังใช้ได้กับแอปอื่น ๆ เช่น Figma ที่ไม่ต้องแข่งกับ Adobe ทั้งชุด แต่แค่ทำ collaborative design ได้ดีกว่า หรือ Notion ที่ไม่ต้องเป็น word processor หรือ database ที่ดีที่สุด แต่เป็นเครื่องมือลูกผสมที่ตอบโจทย์ทีมงานได้ดี สุดท้าย เขาเสนอว่า นักพัฒนาไม่ควรพยายามทำแอปที่ “ทำทุกอย่างให้ทุกคน” แต่ควรสร้างระบบที่ให้ผู้ใช้ปรับแต่งได้เอง เช่น VS Code ที่เริ่มจาก text editor ธรรมดา แล้วให้ผู้ใช้ติดตั้ง extension เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับตนเอง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ผู้ใช้ส่วนใหญ่ใช้แค่ 20% ของฟีเจอร์ในแอปพลิเคชัน ➡️ แต่ละคนใช้ 20% ที่ต่างกัน เช่น Excel เพื่อบัญชี, pivot table, หรือแค่สร้างตาราง ➡️ แอปที่มีฟีเจอร์มากเกินไปอาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าแอป “บวม” และช้าลง ➡️ Kagi เป็น search engine ที่เกิดจากกลุ่มผู้ใช้ที่ไม่พอใจ Google Search ➡️ Kagi เลือกเป็น “20% ที่ดีที่สุด” สำหรับกลุ่ม power user ➡️ Figma และ Notion เป็นตัวอย่างของแอปที่เน้นเฉพาะกลุ่ม ไม่ต้องแข่งแบบครอบคลุม ➡️ VS Code ให้ผู้ใช้ปรับแต่งผ่าน extension เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมเฉพาะตัว ➡️ แนวคิดนี้ช่วยให้นักพัฒนาไม่ต้องทำทุกอย่าง แต่ทำให้แต่ละฟีเจอร์ “ดีจริง” สำหรับกลุ่มเป้าหมาย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ หลักการ 80/20 หรือ Pareto Principle ถูกใช้ในหลายวงการ เช่น ธุรกิจ, การตลาด, และ UX ➡️ แอปที่เน้น modular design เช่น Obsidian หรือ Slack ก็ใช้แนวคิดนี้ในการพัฒนา ➡️ Open-source software เช่น Blender หรือ FFmpeg มักถูกปรับแต่งให้เหมาะกับ workflow เฉพาะ ➡️ การให้ผู้ใช้ปรับแต่งเองช่วยลดแรงต้านจากฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น ➡️ การสร้าง “core ที่เบา” แล้วให้ผู้ใช้เสริมเอง เป็นแนวทางที่ยั่งยืนและขยายได้ง่าย https://idiallo.com/blog/users-only-care-about-20-percent
    IDIALLO.COM
    Users Only Care About 20% of Your Application
    I often destroyed our home computer when I was a kid. Armed with only 2GB of storage, I'd constantly hunt for files to delete to save space. But I learned the hard way that .ini files are actually imp
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนแถมของนิทาน เรื่องลูกครึ่งหรือนกสองหัว ตอนที่ 1
    ตอนแถมของนิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว”

    ตอนที่ 1/3

    นิทานเรื่อง ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว จบไปพักใหญ่แล้ว เข้าใจว่าท่านผู้อ่าน หลายๆท่านยังคงคาใจ ว่าตกลง ตุรกี เป็นอย่างไหนกันแน่ ลูกครึ่ง ครึ่งลูก เต็มใบ หรือ นกสองหัว แล้วเด็กชายสยาม กับ เด็กชายตุรกี ที่มีคุณครูผู้ปกครองคนเดียวกัน ชีวิตภายใต้เชือกจูงดูเหมือนไม่ต่างกัน แล้วต่อไปจะเดินตามเชือกที่จูงเหมือนกันไหม

    แล้วนิทานก็จบไปดื้อๆ ไหนว่าจะเขียนขยาย นอกจากไม่เขียนแล้ว ลุงนิทานยังหายหัว ไม่บอกกล่าว ไม่รายงานตัว แฟนๆบอกนี่ ถ้า ไม่สงสารว่าเป็นคนแก่ช่างเล่านิทาน ฉันจะเลิกตามอ่านแล้วนะ ทำเอาฉันเกิดอารมณ์ค้าง เหมือนดูหนังจวนจะจบแล้ว พระเอกต่อยผู้ร้ายพุ่งถลา หน้ากำลังจะทิ่มดิน แต่ หนังดันขาด เขาเปิดไฟสว่างทั้งโรง ไล่คนดูกลับบ้าน บอกวันหลังมาดูต่อ ทางโรงหนังบอก วันนี้คนแป๊ะสก๊อตเทปต่อหนังคงไม่กลับมาแล้วครับ ลาไปงานบวชต้ังกะก่อนเพล นี่ตะวันตกดินแล้ว ยังไม่กลับมาเลย

    ชาวบ้านบ่นกันพรึม เอะ แล้วตกลงพระเอกชนะแน่หรือเปล่า เออ วันหลังมาดูต่อแล้วกัน บางคนบอก ไม่มาหรอกเสียเวลา วันไหนจะฉายต่อก็ไม่รู้ ขี้เกียจคอย พระเอกต่อยผู้รายจนคว่ำขนาดนั้น มันคงชนะน่า ไม่พลิกหรอก บางคนบอก ไม่แน่นะ บางทีพระเอกดันใจอ่อนกับผู้ร้าย ยอมให้หนี ตัวอย่างมีนี่นา เราไปดูยี่เกเรื่องใหม่ดีกว่า เขาว่าสนุกออก เล่นเก่งทั้งนางเอก ทั้งพระเอก หลอกกันไปมา ไม่รู้ใครจะได้รอยรักฝังใจ หรือ พวงมาลัยมากกว่ากัน

    ลุงนิทาน ขออภัยครับ ที่เขียนเรื่องนกสองหัวเหมือนไม่สุด คิดเอาเองว่า 9 ตอน ที่เขียนไป แนะนำคุณตุรกีเขาพอควรแล้ว ทันการสำหรับการเมืองโลกตอนนี้ ครั้นจะเพิ่มตรงนั้น ต่อตรงนี้ เกรงเรื่องจะยาวเกิน แล้วอาจจะกลายเป็นเรื่องนกทั้งฝูงไป แต่หลังจากมาอ่านความเห็นของท่านผู้อ่าน ที่มีต่อคุณตุรกีอีกรอบแล้ว ผมคิดว่า โอ้ คนนิทานของผมไม่ธรรมดา มีวิธีคิดวิเคราะห์กันน่าสนใจมาก น่าจะต้องเขียนต่ออีกสักหน่อย เผื่อจะเป็นแว่นทำให้ท่านผู้อ่านมองภาพขัดขึ้น
    กำลังจะเริ่มเขียน ก็ล้มลุกคลุกคลาน อาการคนวัยอาวุโสถามหา ลุงนิทานต้องรีบพาตัวเองไปเข้าอู่ คุณหมอแสนน่ารัก เก็บเครื่องมือเล่านิทานของผมไปเกลี้ยง บังคับให้นอนบ้องแบ้วอยู่หลายวัน นี่ขอต่อรองกัน ขอเขียนเรื่องค้างคาถึงบรรดาแฟนๆ สักหน่อย หลังจากนั้นคงต้องส่งใบลาไปซ่อมเครื่อง สักพักจะกลับมานะครับ ต้องขออภัยอีกครั้ง ที่เขียนตอนต่อช้าไป มาช้าดีกว่า มาไม่ได้เลยนะครับ

    วนสนามหลวงเสียรอบใหญ่ กว่าจะกลับมาเล่าเรื่องคุณตุรกีต่อ

    ตุรกีเป็นชาติที่เหมือนต้นไม้ใหญ่ มีรากยาว ไม่ใช่พวกเพิ่งเพาะเมล็ด หรือต้นใหญ่ แบบต่อตา ตุรกีมีความสืบทอด ทั้งทางวัฒนธรรม ความเจริญใหญ่โต ระดับจักรวรรดิมาก่อน อาณาจักรออตโตมาน มีเรื่องราวให้ศึกษามากมาย ที่สำคัญคือ สถานที่ต้ังของตุรกี อยู่ในที่ ที่ทำให้ตัวเอง สามารถสร้างความสำคัญ และสามารถสร้างความซวยให้กับตัวเอง ได้อย่างเหลือเชื่อเช่นกัน

    เรื่องนี้เป็นกรณีน่าศึกษาสำหรับสมันน้อยเป็นอย่างยิ่ง

    การประคองตัวของตุรกีให้ผ่านคลื่น ลม แต่ละยุค แต่ละสมัย จึงไม่ง่าย มีบางท่านแหลมคม เปรียบตุรกีเหมือนจราจร อยู่สี่แยกไฟแดง ก็ใช่อยู่ในหลายช่วง แต่ผมว่าบางช่วง ตุรกีน่าระทึกใจกว่าเป็นจราจร เพราะแถบที่ตุรกีอยู่นี่ มันเป็นโรงละครสัตว์ circus of empires ชัดๆ การดำเนินชีวิตแถบนั้น จึงเหมือนเป็นนักไต่ลวดในโรงละครสัตว์มากกว่า ต้องประคองตัวเดินไต่ลวดทุกวัน วันไหนเกิดเสียหลัก ศูนย์ถ่วงเสีย หล่นพลั่กลงมาที่พื้น แถมไม่มีตาข่ายกางรับ ก็จบ เหลือเป็นตำนานเท่าน้ันเอง และตุรกีก็เกือบเป็นอย่างน้ันอยู่หลายครั้ง

    ตุรกี เคยใหญ่โต รุ่งเรืองอย่างยิ่ง เมื่อยังเป็นอาณาจักรออตโตมาน ช่วงประมาณ คศ 1500 กว่า ถึง ประมาณ คศ 1900 ในช่วงที่รุ่งเรือง อาณาจักรออตโตมาน ขยายบ้านเมืองยาวไปรอบด้าน กรุงคอนแสตนติโนเปิล เมืองหลวงของอาณาจักรออตโตมาน จึงเป็นศูนย์กลางการค้า และวัฒนธรรม เชื่อมยุโรป และตะวันออกกลางไว้ด้วยกัน แต่ ทุกอย่างมันก็ไม่มีอะไรยั่งยืนถาวรหมดหรอก ให้ใหญ่ยังไง ก็มีวันล้ม วันล่มสลายได้ ไอ้ที่ชอบทำตัวเป็นอึ่งอ่าง ลงท้ายก็ไปอย่างเขียดแทบทั้งนั้น

    สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ โดยฉเพาะ ประวัติศาสตร์ที่ฝรั่งอังกฤษบันทึกไว้ ระบุว่า จักรภพอังกฤษ กับอาณาจักรออตโตมาน มีสัมพันธ์ฉันท์มิตร รักกันหนามายาวนานร่วมศตวรรษ ก่อนสงครามโลกคร้ังที่ 1จะเกิด
    แต่ความเป็นจริง อังกฤษไม่ได้รักหนักหนาอะไรกับตุรกีหรอก อังกฤษแค่เอาตุรกีมาเป็นตัวเชิด เอามาเป็นก้างวางไว้กลางทาง กันไม่ให้ใครเดินมาตามทาง ที่จะทำให้มาใหญ่กว่าอังกฤษได้เท่าน้ัน ตามสันดานขี้อิจฉาของอังกฤษ บังเอิญตอนนั้นมีจักรวรรดิรัสเซีย ซึ่งนอกจากจะมีอาณาจักรกว้างใหญ่ไพศาล โอ่อ่า หรูหรา แล้วยังมีกองกำลัง ที่ดูน่าเกรงขามอีกด้วย แน่นอนย่อมเป็นที่หมั่นไส้สุดขีดของอังกฤษ ดีว่าอยู่ไกลเกินจะไปยืนท้าหน้าบ้าน

    ช่วง ศตวรรษ ที่ 19 อังกฤษมองตัวเองว่า เป็น หมายเลขหนึ่งของโลก เป็นจ้าวทางทะเล ส่วนรัสเซีย เป็นจ้าวทางพื้นดิน ด้วยภูมิประเทศของรัสเซีย ก็หาเซียนมาปราบยาก นโปเลียนว่ารบเก่ง พยายามเดินทัพอยู่นานเพื่อไปบุกรัสเซีย รัสเซียแค่ดึงเกมให้ถึงหน้าหนาว หลังจากน้ันให้ธรรมชาติจัดการ กองทัพอันเกรียงไกรของนโปเลียน เจอหิมะรัสเซียกัดหู กัดเท้าร่วงเกือบหมด นโปเลียนก็ต้องตัดสินใจ เก็บความยะโสใส่ห่อ หันทัพเดินรุ่งริ่งกลับบ้าน ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นของนโปเลียน ทำให้ใครที่คิดจะปราบรัสเซีย คิดหนัก อังกฤษ จึงได้แต่หมั่นไส้อยู่ห่างๆ

    ตุรกี หรืออาณาจักรออตโตมาน ขณะนั้น อยู่ครึ่งทาง ระหว่างอังกฤษ กับ รัสเซีย นอกจากนี้ตุรกี ยังอยู่ใกล้อินเดีย เพชรยอดมงกุฏ ของรักของหวงของอังกฤษ อังกฤษไม่มีปัญญาเดินทัพทางบก มาดูแลอินเดียได้บ่อยๆ เพราะฉนั้น อังกฤษ ใช้วิธีเดินเกมแทน สนับสนุนอาณาจักรออตโตมาน ให้ดูใหญ่ แบบกำลังพอดี พอให้รัสเซีย ไม่กล้าแหยมและให้ทำหน้าที่เสมือนพี่เลี้ยงอินเดียกลายๆ เป็นการสร้างภาพข่มรัสเซียไว้ เผื่อรัสเซียคิดอยากกินโรตีเมื่อไหร่ ภาพจักรภพอังกฤษ กอดคอจับมือแน่นกับ จักรวรรดิออตโตมาน จะได้หลอนรัสเซียไว้

    คนอังกฤษเขียนไว้เองว่า อังกฤษ เป็น”นักเขียนประวัติศาสตร์” ไม่ใช่ นักประวัติศาสตร์ แต่ละเรื่องที่อังกฤษเขียน จึงต้องดูหูหาหัวให้ครบ!

    การสนับสนุนอาณาจักรออตโตมานของอังกฤษ เป็นตัวอย่างให้เห็นชัด ถึงความจอมปลอมของอังกฤษ และก็เป็นตัวอย่างให้เห็นความซวย จากสถานที่ต้ัง หรือ ชัยภูมิ ของอาณาจักรออตโตมาน
    อังกฤษ สนับสนุนกองทัพออตโตมาน โดยส่งอาวุธไปให้ แต่ขอโทษ เป็นอาวุธเก่าเสียส่วนมาก ถ้าเป็นอาวุธใหม่ ก็ให้ไปแต่อาวุธ กระสุนยังไม่ส่งตามไป หรือตามไปทีละน้อยทีละนิด ฝ่ายออตโตมาน มีอังกฤษมาคอยดูแล ครึ่งหนึ่งที่เป็นลูกครึ่งฝรั่ง ก็ชื่นใจ คิดว่าทางฝรั่งเขารับตัวเองเป็นพวก ทำให้สุลต่านและพวก ก็เชื่องโดยไม่ต้องมีเชือกจูง อังกฤษให้ทำอะไรก็ทำตาม แล้วออตโตมานก็เริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ ถึงขนาด ถูกรัสเซียต้ังชื่อให้ว่าเป็น the Sickman of Europe เจ็บนัก

    แล้วนึกว่ารัสเซีย ซื่อมากนักหรือ หลังจากต้ังชื่อให้ตุรกีเป็นคนป่วย แดกอังกฤษแล้ว รัสเซียก็ออกข่าวว่า อย่างนี้ให้รัสเซียมาดูแลคนป่วย กรุงคอนแสตนติโนเปิล ของออตโตมาน แทนอังกฤษดีกว่าไหม ตุรกี ทั้งปลื้ม ทั้งงง ตกลงใครจะมาอุ้มตูกันแน่ ว่าแล้วสุลต่านเจ้าผู้ครองนครขณะนั้น ก็เดินกลับเข้าฮาเร็ม ปล่อยให้พวกข้าราชการเล่นกันไปเอง ส่วนดีของเรื่องนี้ ก็คือ ทำให้เกิดกลุ่มยังค์เตอร์กในตุรกี ( ไม่ใช่ยังค์เตอร์ก เมษาฮาวายของคุณพี่ มนูญกฤต นะครับ ) แต่เป็นยังค์เตอร์กตัวจริง คือ กลุ่มของนายพันตรี เคมาล อาตาร์เตอร์ก ทหารหนุ่มกลุ่มนี้ อันที่จริงก็ปลื้มอังกฤษ เพราะส่วนใหญ่ก็่เรียนจบจากอังกฤษ ฝรั่งเศษทั้งน้ัน ก็เล่นบทเป็นเพื่อนรัก ต้มกันมาเกือบร้อยปี อิทธิพลทั้งตรงทางอ้อมของอังกฤษ ก็ย่อมครอบงำตุรกีอย่างช่วยไม่ได้ (อย่างนี้พวกที่ถูกต้ม มา 60 ปีจะต่างกันไหมหนอ?!)

    อังกฤษ เจอลูกแดกของรัสเซียเข้า ควันออกหู สั่งเตรียมกองกำลัง กะว่าถ้ารัสเซียเอาจริง จะมาเป็นคุณหมอรักษาตุรกีคนป่วย อังกฤษก็ต้องทำทุกอย่าง ที่จะกันไม่ให้คุณหมอรัสเซียเข้ามายึด กรุงคอนแสตนติโนเปิล เพราะจะทำให้ อินเดีย เพชรยอดมงกุฏ ตกอยู่ในความเสี่ยงเป็นอันดับต่อไปแน่

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    2 สค. 2557
    ตอนแถมของนิทาน เรื่องลูกครึ่งหรือนกสองหัว ตอนที่ 1 ตอนแถมของนิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว” ตอนที่ 1/3 นิทานเรื่อง ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว จบไปพักใหญ่แล้ว เข้าใจว่าท่านผู้อ่าน หลายๆท่านยังคงคาใจ ว่าตกลง ตุรกี เป็นอย่างไหนกันแน่ ลูกครึ่ง ครึ่งลูก เต็มใบ หรือ นกสองหัว แล้วเด็กชายสยาม กับ เด็กชายตุรกี ที่มีคุณครูผู้ปกครองคนเดียวกัน ชีวิตภายใต้เชือกจูงดูเหมือนไม่ต่างกัน แล้วต่อไปจะเดินตามเชือกที่จูงเหมือนกันไหม แล้วนิทานก็จบไปดื้อๆ ไหนว่าจะเขียนขยาย นอกจากไม่เขียนแล้ว ลุงนิทานยังหายหัว ไม่บอกกล่าว ไม่รายงานตัว แฟนๆบอกนี่ ถ้า ไม่สงสารว่าเป็นคนแก่ช่างเล่านิทาน ฉันจะเลิกตามอ่านแล้วนะ ทำเอาฉันเกิดอารมณ์ค้าง เหมือนดูหนังจวนจะจบแล้ว พระเอกต่อยผู้ร้ายพุ่งถลา หน้ากำลังจะทิ่มดิน แต่ หนังดันขาด เขาเปิดไฟสว่างทั้งโรง ไล่คนดูกลับบ้าน บอกวันหลังมาดูต่อ ทางโรงหนังบอก วันนี้คนแป๊ะสก๊อตเทปต่อหนังคงไม่กลับมาแล้วครับ ลาไปงานบวชต้ังกะก่อนเพล นี่ตะวันตกดินแล้ว ยังไม่กลับมาเลย ชาวบ้านบ่นกันพรึม เอะ แล้วตกลงพระเอกชนะแน่หรือเปล่า เออ วันหลังมาดูต่อแล้วกัน บางคนบอก ไม่มาหรอกเสียเวลา วันไหนจะฉายต่อก็ไม่รู้ ขี้เกียจคอย พระเอกต่อยผู้รายจนคว่ำขนาดนั้น มันคงชนะน่า ไม่พลิกหรอก บางคนบอก ไม่แน่นะ บางทีพระเอกดันใจอ่อนกับผู้ร้าย ยอมให้หนี ตัวอย่างมีนี่นา เราไปดูยี่เกเรื่องใหม่ดีกว่า เขาว่าสนุกออก เล่นเก่งทั้งนางเอก ทั้งพระเอก หลอกกันไปมา ไม่รู้ใครจะได้รอยรักฝังใจ หรือ พวงมาลัยมากกว่ากัน ลุงนิทาน ขออภัยครับ ที่เขียนเรื่องนกสองหัวเหมือนไม่สุด คิดเอาเองว่า 9 ตอน ที่เขียนไป แนะนำคุณตุรกีเขาพอควรแล้ว ทันการสำหรับการเมืองโลกตอนนี้ ครั้นจะเพิ่มตรงนั้น ต่อตรงนี้ เกรงเรื่องจะยาวเกิน แล้วอาจจะกลายเป็นเรื่องนกทั้งฝูงไป แต่หลังจากมาอ่านความเห็นของท่านผู้อ่าน ที่มีต่อคุณตุรกีอีกรอบแล้ว ผมคิดว่า โอ้ คนนิทานของผมไม่ธรรมดา มีวิธีคิดวิเคราะห์กันน่าสนใจมาก น่าจะต้องเขียนต่ออีกสักหน่อย เผื่อจะเป็นแว่นทำให้ท่านผู้อ่านมองภาพขัดขึ้น กำลังจะเริ่มเขียน ก็ล้มลุกคลุกคลาน อาการคนวัยอาวุโสถามหา ลุงนิทานต้องรีบพาตัวเองไปเข้าอู่ คุณหมอแสนน่ารัก เก็บเครื่องมือเล่านิทานของผมไปเกลี้ยง บังคับให้นอนบ้องแบ้วอยู่หลายวัน นี่ขอต่อรองกัน ขอเขียนเรื่องค้างคาถึงบรรดาแฟนๆ สักหน่อย หลังจากนั้นคงต้องส่งใบลาไปซ่อมเครื่อง สักพักจะกลับมานะครับ ต้องขออภัยอีกครั้ง ที่เขียนตอนต่อช้าไป มาช้าดีกว่า มาไม่ได้เลยนะครับ วนสนามหลวงเสียรอบใหญ่ กว่าจะกลับมาเล่าเรื่องคุณตุรกีต่อ ตุรกีเป็นชาติที่เหมือนต้นไม้ใหญ่ มีรากยาว ไม่ใช่พวกเพิ่งเพาะเมล็ด หรือต้นใหญ่ แบบต่อตา ตุรกีมีความสืบทอด ทั้งทางวัฒนธรรม ความเจริญใหญ่โต ระดับจักรวรรดิมาก่อน อาณาจักรออตโตมาน มีเรื่องราวให้ศึกษามากมาย ที่สำคัญคือ สถานที่ต้ังของตุรกี อยู่ในที่ ที่ทำให้ตัวเอง สามารถสร้างความสำคัญ และสามารถสร้างความซวยให้กับตัวเอง ได้อย่างเหลือเชื่อเช่นกัน เรื่องนี้เป็นกรณีน่าศึกษาสำหรับสมันน้อยเป็นอย่างยิ่ง การประคองตัวของตุรกีให้ผ่านคลื่น ลม แต่ละยุค แต่ละสมัย จึงไม่ง่าย มีบางท่านแหลมคม เปรียบตุรกีเหมือนจราจร อยู่สี่แยกไฟแดง ก็ใช่อยู่ในหลายช่วง แต่ผมว่าบางช่วง ตุรกีน่าระทึกใจกว่าเป็นจราจร เพราะแถบที่ตุรกีอยู่นี่ มันเป็นโรงละครสัตว์ circus of empires ชัดๆ การดำเนินชีวิตแถบนั้น จึงเหมือนเป็นนักไต่ลวดในโรงละครสัตว์มากกว่า ต้องประคองตัวเดินไต่ลวดทุกวัน วันไหนเกิดเสียหลัก ศูนย์ถ่วงเสีย หล่นพลั่กลงมาที่พื้น แถมไม่มีตาข่ายกางรับ ก็จบ เหลือเป็นตำนานเท่าน้ันเอง และตุรกีก็เกือบเป็นอย่างน้ันอยู่หลายครั้ง ตุรกี เคยใหญ่โต รุ่งเรืองอย่างยิ่ง เมื่อยังเป็นอาณาจักรออตโตมาน ช่วงประมาณ คศ 1500 กว่า ถึง ประมาณ คศ 1900 ในช่วงที่รุ่งเรือง อาณาจักรออตโตมาน ขยายบ้านเมืองยาวไปรอบด้าน กรุงคอนแสตนติโนเปิล เมืองหลวงของอาณาจักรออตโตมาน จึงเป็นศูนย์กลางการค้า และวัฒนธรรม เชื่อมยุโรป และตะวันออกกลางไว้ด้วยกัน แต่ ทุกอย่างมันก็ไม่มีอะไรยั่งยืนถาวรหมดหรอก ให้ใหญ่ยังไง ก็มีวันล้ม วันล่มสลายได้ ไอ้ที่ชอบทำตัวเป็นอึ่งอ่าง ลงท้ายก็ไปอย่างเขียดแทบทั้งนั้น สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ โดยฉเพาะ ประวัติศาสตร์ที่ฝรั่งอังกฤษบันทึกไว้ ระบุว่า จักรภพอังกฤษ กับอาณาจักรออตโตมาน มีสัมพันธ์ฉันท์มิตร รักกันหนามายาวนานร่วมศตวรรษ ก่อนสงครามโลกคร้ังที่ 1จะเกิด แต่ความเป็นจริง อังกฤษไม่ได้รักหนักหนาอะไรกับตุรกีหรอก อังกฤษแค่เอาตุรกีมาเป็นตัวเชิด เอามาเป็นก้างวางไว้กลางทาง กันไม่ให้ใครเดินมาตามทาง ที่จะทำให้มาใหญ่กว่าอังกฤษได้เท่าน้ัน ตามสันดานขี้อิจฉาของอังกฤษ บังเอิญตอนนั้นมีจักรวรรดิรัสเซีย ซึ่งนอกจากจะมีอาณาจักรกว้างใหญ่ไพศาล โอ่อ่า หรูหรา แล้วยังมีกองกำลัง ที่ดูน่าเกรงขามอีกด้วย แน่นอนย่อมเป็นที่หมั่นไส้สุดขีดของอังกฤษ ดีว่าอยู่ไกลเกินจะไปยืนท้าหน้าบ้าน ช่วง ศตวรรษ ที่ 19 อังกฤษมองตัวเองว่า เป็น หมายเลขหนึ่งของโลก เป็นจ้าวทางทะเล ส่วนรัสเซีย เป็นจ้าวทางพื้นดิน ด้วยภูมิประเทศของรัสเซีย ก็หาเซียนมาปราบยาก นโปเลียนว่ารบเก่ง พยายามเดินทัพอยู่นานเพื่อไปบุกรัสเซีย รัสเซียแค่ดึงเกมให้ถึงหน้าหนาว หลังจากน้ันให้ธรรมชาติจัดการ กองทัพอันเกรียงไกรของนโปเลียน เจอหิมะรัสเซียกัดหู กัดเท้าร่วงเกือบหมด นโปเลียนก็ต้องตัดสินใจ เก็บความยะโสใส่ห่อ หันทัพเดินรุ่งริ่งกลับบ้าน ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นของนโปเลียน ทำให้ใครที่คิดจะปราบรัสเซีย คิดหนัก อังกฤษ จึงได้แต่หมั่นไส้อยู่ห่างๆ ตุรกี หรืออาณาจักรออตโตมาน ขณะนั้น อยู่ครึ่งทาง ระหว่างอังกฤษ กับ รัสเซีย นอกจากนี้ตุรกี ยังอยู่ใกล้อินเดีย เพชรยอดมงกุฏ ของรักของหวงของอังกฤษ อังกฤษไม่มีปัญญาเดินทัพทางบก มาดูแลอินเดียได้บ่อยๆ เพราะฉนั้น อังกฤษ ใช้วิธีเดินเกมแทน สนับสนุนอาณาจักรออตโตมาน ให้ดูใหญ่ แบบกำลังพอดี พอให้รัสเซีย ไม่กล้าแหยมและให้ทำหน้าที่เสมือนพี่เลี้ยงอินเดียกลายๆ เป็นการสร้างภาพข่มรัสเซียไว้ เผื่อรัสเซียคิดอยากกินโรตีเมื่อไหร่ ภาพจักรภพอังกฤษ กอดคอจับมือแน่นกับ จักรวรรดิออตโตมาน จะได้หลอนรัสเซียไว้ คนอังกฤษเขียนไว้เองว่า อังกฤษ เป็น”นักเขียนประวัติศาสตร์” ไม่ใช่ นักประวัติศาสตร์ แต่ละเรื่องที่อังกฤษเขียน จึงต้องดูหูหาหัวให้ครบ! การสนับสนุนอาณาจักรออตโตมานของอังกฤษ เป็นตัวอย่างให้เห็นชัด ถึงความจอมปลอมของอังกฤษ และก็เป็นตัวอย่างให้เห็นความซวย จากสถานที่ต้ัง หรือ ชัยภูมิ ของอาณาจักรออตโตมาน อังกฤษ สนับสนุนกองทัพออตโตมาน โดยส่งอาวุธไปให้ แต่ขอโทษ เป็นอาวุธเก่าเสียส่วนมาก ถ้าเป็นอาวุธใหม่ ก็ให้ไปแต่อาวุธ กระสุนยังไม่ส่งตามไป หรือตามไปทีละน้อยทีละนิด ฝ่ายออตโตมาน มีอังกฤษมาคอยดูแล ครึ่งหนึ่งที่เป็นลูกครึ่งฝรั่ง ก็ชื่นใจ คิดว่าทางฝรั่งเขารับตัวเองเป็นพวก ทำให้สุลต่านและพวก ก็เชื่องโดยไม่ต้องมีเชือกจูง อังกฤษให้ทำอะไรก็ทำตาม แล้วออตโตมานก็เริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ ถึงขนาด ถูกรัสเซียต้ังชื่อให้ว่าเป็น the Sickman of Europe เจ็บนัก แล้วนึกว่ารัสเซีย ซื่อมากนักหรือ หลังจากต้ังชื่อให้ตุรกีเป็นคนป่วย แดกอังกฤษแล้ว รัสเซียก็ออกข่าวว่า อย่างนี้ให้รัสเซียมาดูแลคนป่วย กรุงคอนแสตนติโนเปิล ของออตโตมาน แทนอังกฤษดีกว่าไหม ตุรกี ทั้งปลื้ม ทั้งงง ตกลงใครจะมาอุ้มตูกันแน่ ว่าแล้วสุลต่านเจ้าผู้ครองนครขณะนั้น ก็เดินกลับเข้าฮาเร็ม ปล่อยให้พวกข้าราชการเล่นกันไปเอง ส่วนดีของเรื่องนี้ ก็คือ ทำให้เกิดกลุ่มยังค์เตอร์กในตุรกี ( ไม่ใช่ยังค์เตอร์ก เมษาฮาวายของคุณพี่ มนูญกฤต นะครับ ) แต่เป็นยังค์เตอร์กตัวจริง คือ กลุ่มของนายพันตรี เคมาล อาตาร์เตอร์ก ทหารหนุ่มกลุ่มนี้ อันที่จริงก็ปลื้มอังกฤษ เพราะส่วนใหญ่ก็่เรียนจบจากอังกฤษ ฝรั่งเศษทั้งน้ัน ก็เล่นบทเป็นเพื่อนรัก ต้มกันมาเกือบร้อยปี อิทธิพลทั้งตรงทางอ้อมของอังกฤษ ก็ย่อมครอบงำตุรกีอย่างช่วยไม่ได้ (อย่างนี้พวกที่ถูกต้ม มา 60 ปีจะต่างกันไหมหนอ?!) อังกฤษ เจอลูกแดกของรัสเซียเข้า ควันออกหู สั่งเตรียมกองกำลัง กะว่าถ้ารัสเซียเอาจริง จะมาเป็นคุณหมอรักษาตุรกีคนป่วย อังกฤษก็ต้องทำทุกอย่าง ที่จะกันไม่ให้คุณหมอรัสเซียเข้ามายึด กรุงคอนแสตนติโนเปิล เพราะจะทำให้ อินเดีย เพชรยอดมงกุฏ ตกอยู่ในความเสี่ยงเป็นอันดับต่อไปแน่ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 2 สค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เสียงผู้ใช้เปลี่ยนเกม: NordVPN ยกเลิกแผนปิด Meshnet หลังเจอแรงต้าน — พร้อมเปิดโอเพ่นซอร์สให้ชุมชนร่วมพัฒนา”

    เดิมที NordVPN วางแผนจะปิดฟีเจอร์ Meshnet ในวันที่ 1 ธันวาคม 2025 เนื่องจากมีผู้ใช้งานเพียง 1% และทีมพัฒนาต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการดูแลระบบนี้ ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาเครื่องมือหลักอื่น ๆ เช่น Threat Protection Pro แต่เมื่อประกาศนี้ถูกเผยแพร่ในเดือนสิงหาคม ก็เกิดกระแสต่อต้านจากผู้ใช้ที่ใช้งาน Meshnet เป็นประจำ โดยหลายคนระบุว่า Meshnet คือเหตุผลหลักที่เลือกใช้ NordVPN ตั้งแต่แรก

    เสียงสะท้อนจากผู้ใช้ทำให้ทีมงานต้องกลับมาทบทวน และในที่สุด NordVPN ก็ประกาศอย่างเป็นทางการว่า “Meshnet จะยังคงอยู่” พร้อมสัญญาว่าจะหาทางลดความยุ่งยากในการพัฒนา และทำให้ฟีเจอร์นี้เข้าถึงผู้ใช้ทั่วไปมากขึ้น

    Meshnet เป็นระบบที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้สูงสุด 60 เครื่องผ่านเครือข่ายส่วนตัวแบบเข้ารหัส ใช้สำหรับแชร์ไฟล์ เล่นเกม หรือสร้างเครือข่ายภายในแบบปลอดภัย โดยไม่ต้องพึ่ง VPN server ล่าสุด NordVPN ยังประกาศว่าจะเปิด Meshnet เป็นโอเพ่นซอร์ส เพื่อให้ชุมชนสามารถร่วมพัฒนาและต่อยอดฟีเจอร์ได้ในอนาคต

    แม้ทีมงานยอมรับว่าการดูแล Meshnet ยังเป็นความท้าทาย แต่ก็เชื่อว่าคุณค่าของฟีเจอร์นี้เกินกว่าตัวเลขผู้ใช้งาน และการเปิดให้ชุมชนมีส่วนร่วมจะช่วยให้ Meshnet เติบโตอย่างยั่งยืน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    NordVPN ยกเลิกแผนปิด Meshnet ที่เดิมจะปิดในวันที่ 1 ธันวาคม 2025
    เหตุผลเดิมคือมีผู้ใช้งานเพียง 1% และใช้ทรัพยากรทีมพัฒนาสูง
    ผู้ใช้จำนวนมากแสดงความไม่พอใจและเรียกร้องให้เก็บ Meshnet ไว้
    Meshnet ช่วยเชื่อมต่ออุปกรณ์สูงสุด 60 เครื่องผ่านเครือข่ายส่วนตัวแบบเข้ารหัส
    ใช้สำหรับแชร์ไฟล์ เล่นเกม หรือสร้างเครือข่ายภายในโดยไม่ต้องผ่าน VPN server
    NordVPN จะเปิด Meshnet เป็นโอเพ่นซอร์สให้ชุมชนร่วมพัฒนา
    ทีมงานจะหาทางลดความยุ่งยากในการพัฒนาและเพิ่มความน่าสนใจให้ผู้ใช้ทั่วไป
    Meshnet จะยังคงเปิดให้ใช้งานและได้รับการสนับสนุนต่อไป

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Meshnet คล้ายกับการสร้าง LAN เสมือนที่ปลอดภัยผ่านอินเทอร์เน็ต
    ไม่มี VPN เจ้าอื่นที่มีฟีเจอร์แบบ Meshnet ในระดับเดียวกัน
    การเปิดโอเพ่นซอร์สช่วยให้เกิดการพัฒนาแบบกระจายและลดภาระของทีมหลัก
    ผู้ใช้สามารถใช้ Meshnet เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์จากหลายประเทศโดยไม่ต้องตั้งค่า VPN
    การเชื่อมต่อแบบ peer-to-peer ผ่าน Meshnet ลด latency ในการเล่นเกมและส่งไฟล์

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/its-official-nordvpns-meshnet-is-not-going-anywhere
    🔗 “เสียงผู้ใช้เปลี่ยนเกม: NordVPN ยกเลิกแผนปิด Meshnet หลังเจอแรงต้าน — พร้อมเปิดโอเพ่นซอร์สให้ชุมชนร่วมพัฒนา” เดิมที NordVPN วางแผนจะปิดฟีเจอร์ Meshnet ในวันที่ 1 ธันวาคม 2025 เนื่องจากมีผู้ใช้งานเพียง 1% และทีมพัฒนาต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการดูแลระบบนี้ ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาเครื่องมือหลักอื่น ๆ เช่น Threat Protection Pro แต่เมื่อประกาศนี้ถูกเผยแพร่ในเดือนสิงหาคม ก็เกิดกระแสต่อต้านจากผู้ใช้ที่ใช้งาน Meshnet เป็นประจำ โดยหลายคนระบุว่า Meshnet คือเหตุผลหลักที่เลือกใช้ NordVPN ตั้งแต่แรก เสียงสะท้อนจากผู้ใช้ทำให้ทีมงานต้องกลับมาทบทวน และในที่สุด NordVPN ก็ประกาศอย่างเป็นทางการว่า “Meshnet จะยังคงอยู่” พร้อมสัญญาว่าจะหาทางลดความยุ่งยากในการพัฒนา และทำให้ฟีเจอร์นี้เข้าถึงผู้ใช้ทั่วไปมากขึ้น Meshnet เป็นระบบที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้สูงสุด 60 เครื่องผ่านเครือข่ายส่วนตัวแบบเข้ารหัส ใช้สำหรับแชร์ไฟล์ เล่นเกม หรือสร้างเครือข่ายภายในแบบปลอดภัย โดยไม่ต้องพึ่ง VPN server ล่าสุด NordVPN ยังประกาศว่าจะเปิด Meshnet เป็นโอเพ่นซอร์ส เพื่อให้ชุมชนสามารถร่วมพัฒนาและต่อยอดฟีเจอร์ได้ในอนาคต แม้ทีมงานยอมรับว่าการดูแล Meshnet ยังเป็นความท้าทาย แต่ก็เชื่อว่าคุณค่าของฟีเจอร์นี้เกินกว่าตัวเลขผู้ใช้งาน และการเปิดให้ชุมชนมีส่วนร่วมจะช่วยให้ Meshnet เติบโตอย่างยั่งยืน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ NordVPN ยกเลิกแผนปิด Meshnet ที่เดิมจะปิดในวันที่ 1 ธันวาคม 2025 ➡️ เหตุผลเดิมคือมีผู้ใช้งานเพียง 1% และใช้ทรัพยากรทีมพัฒนาสูง ➡️ ผู้ใช้จำนวนมากแสดงความไม่พอใจและเรียกร้องให้เก็บ Meshnet ไว้ ➡️ Meshnet ช่วยเชื่อมต่ออุปกรณ์สูงสุด 60 เครื่องผ่านเครือข่ายส่วนตัวแบบเข้ารหัส ➡️ ใช้สำหรับแชร์ไฟล์ เล่นเกม หรือสร้างเครือข่ายภายในโดยไม่ต้องผ่าน VPN server ➡️ NordVPN จะเปิด Meshnet เป็นโอเพ่นซอร์สให้ชุมชนร่วมพัฒนา ➡️ ทีมงานจะหาทางลดความยุ่งยากในการพัฒนาและเพิ่มความน่าสนใจให้ผู้ใช้ทั่วไป ➡️ Meshnet จะยังคงเปิดให้ใช้งานและได้รับการสนับสนุนต่อไป ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Meshnet คล้ายกับการสร้าง LAN เสมือนที่ปลอดภัยผ่านอินเทอร์เน็ต ➡️ ไม่มี VPN เจ้าอื่นที่มีฟีเจอร์แบบ Meshnet ในระดับเดียวกัน ➡️ การเปิดโอเพ่นซอร์สช่วยให้เกิดการพัฒนาแบบกระจายและลดภาระของทีมหลัก ➡️ ผู้ใช้สามารถใช้ Meshnet เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์จากหลายประเทศโดยไม่ต้องตั้งค่า VPN ➡️ การเชื่อมต่อแบบ peer-to-peer ผ่าน Meshnet ลด latency ในการเล่นเกมและส่งไฟล์ https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/its-official-nordvpns-meshnet-is-not-going-anywhere
    WWW.TECHRADAR.COM
    NordVPN's Meshnet is "not going anywhere"
    NordVPN made a U-turn on its decision to disconnect Meshnet starting from December 1, 2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Ice River: ชิป AI ที่ใช้พลังงานซ้ำได้ — ก้าวแรกของการคำนวณแบบย้อนกลับเพื่อโลกที่ยั่งยืน”

    ในยุคที่ AI กลายเป็นผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ของโลก บริษัทสตาร์ทอัพจากลอนดอนชื่อ Vaire Computing ได้เปิดตัวชิปต้นแบบชื่อ “Ice River” ที่สามารถนำพลังงานกลับมาใช้ซ้ำได้บางส่วน ซึ่งถือเป็นการพิสูจน์แนวคิดของการคำนวณแบบย้อนกลับ (Reversible Computing) และการประมวลผลแบบอะเดียแบติก (Adiabatic Computing) ที่เคยเป็นเพียงทฤษฎี

    Ice River ถูกทดสอบในเดือนสิงหาคม 2025 และสามารถลดการใช้พลังงานลงได้ประมาณ 30% เมื่อเทียบกับชิปทั่วไปที่ทำงานแบบเดียวกัน โดยใช้หลักการ “ไม่ทิ้งพลังงาน” ผ่านการออกแบบวงจรที่ให้พลังงานไหลกลับไปกลับมาเหมือนลูกตุ้ม ไม่ใช่แบบ “ทุบแล้วทิ้ง” เหมือนวงจรทั่วไป

    ชิปนี้ใช้วงจรแบบ reversible logic gate ซึ่งต่างจาก logic gate ทั่วไปที่ใช้พลังงานเพียงครั้งเดียวแล้วปล่อยเป็นความร้อน ส่วน Ice River สามารถใช้พลังงานในสองทิศทาง ทำให้ลดการสูญเสียพลังงานอย่างมีนัยสำคัญ

    อีกหนึ่งเทคนิคคือ adiabatic computing ซึ่งเปลี่ยนแรงดันไฟฟ้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป แทนที่จะเปลี่ยนแบบฉับพลันเหมือนการตีด้วยค้อน ซึ่งช่วยลดความร้อนที่เกิดขึ้น และเปิดโอกาสให้ระบบนำพลังงานกลับมาใช้ในรอบถัดไป

    แม้จะเป็นเพียงการพิสูจน์แนวคิด แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการคอมพิวเตอร์ที่อาจนำไปสู่การออกแบบชิปที่ใช้พลังงานต่ำมากในอนาคต โดย Vaire ยังได้ดึงอดีตนักเทคโนโลยีจาก Arm และเข้าร่วมโครงการบ่มเพาะ Silicon Catalyst UK เพื่อเตรียมพัฒนาเชิงพาณิชย์

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Ice River เป็นชิปต้นแบบจาก Vaire Computing ที่ใช้พลังงานซ้ำได้
    ลดการใช้พลังงานลงประมาณ 30% เมื่อเทียบกับชิปทั่วไป
    ใช้หลักการ reversible logic gate ที่สามารถใช้พลังงานในสองทิศทาง
    ใช้เทคนิค adiabatic computing ที่เปลี่ยนแรงดันไฟฟ้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป
    การออกแบบช่วยลดความร้อนและนำพลังงานกลับมาใช้ในรอบถัดไป
    ทดสอบสำเร็จในเดือนสิงหาคม 2025 ถือเป็น proof of concept
    Vaire ดึงอดีตนักเทคโนโลยีจาก Arm และเข้าร่วม Silicon Catalyst UK
    ชิปนี้ใช้กระบวนการผลิต 22nm CMOS และมี resonator ที่ช่วยฟื้นพลังงาน
    ผลการทดลองแสดงค่า recovery factor สูงถึง 1.77 ในบางโครงสร้าง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Reversible computing เป็นแนวคิดที่มีมานาน แต่ยังไม่มีการใช้งานจริงมาก่อน
    Adiabatic computing เคยถูกใช้ในงานวิจัยควอนตัมและระบบ ultra-low power
    การลดพลังงานในชิป AI เป็นเป้าหมายสำคัญของอุตสาหกรรมในยุค hyperscale
    หากพัฒนาได้จริง อาจนำไปสู่เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้พลังงานต่ำมากและลดคาร์บอน
    Vaire อาจเป็นผู้บุกเบิกการออกแบบชิปแบบ thermodynamic silicon ในอนาคต

    https://www.techradar.com/pro/more-like-a-pendulum-than-a-hammer-the-ai-chip-that-can-reuse-its-own-energy-reaches-proof-of-concept-stage-but-i-dont-think-it-will-be-enough-to-convince-hyperscalers-to-invest
    🔋 “Ice River: ชิป AI ที่ใช้พลังงานซ้ำได้ — ก้าวแรกของการคำนวณแบบย้อนกลับเพื่อโลกที่ยั่งยืน” ในยุคที่ AI กลายเป็นผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ของโลก บริษัทสตาร์ทอัพจากลอนดอนชื่อ Vaire Computing ได้เปิดตัวชิปต้นแบบชื่อ “Ice River” ที่สามารถนำพลังงานกลับมาใช้ซ้ำได้บางส่วน ซึ่งถือเป็นการพิสูจน์แนวคิดของการคำนวณแบบย้อนกลับ (Reversible Computing) และการประมวลผลแบบอะเดียแบติก (Adiabatic Computing) ที่เคยเป็นเพียงทฤษฎี Ice River ถูกทดสอบในเดือนสิงหาคม 2025 และสามารถลดการใช้พลังงานลงได้ประมาณ 30% เมื่อเทียบกับชิปทั่วไปที่ทำงานแบบเดียวกัน โดยใช้หลักการ “ไม่ทิ้งพลังงาน” ผ่านการออกแบบวงจรที่ให้พลังงานไหลกลับไปกลับมาเหมือนลูกตุ้ม ไม่ใช่แบบ “ทุบแล้วทิ้ง” เหมือนวงจรทั่วไป ชิปนี้ใช้วงจรแบบ reversible logic gate ซึ่งต่างจาก logic gate ทั่วไปที่ใช้พลังงานเพียงครั้งเดียวแล้วปล่อยเป็นความร้อน ส่วน Ice River สามารถใช้พลังงานในสองทิศทาง ทำให้ลดการสูญเสียพลังงานอย่างมีนัยสำคัญ อีกหนึ่งเทคนิคคือ adiabatic computing ซึ่งเปลี่ยนแรงดันไฟฟ้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป แทนที่จะเปลี่ยนแบบฉับพลันเหมือนการตีด้วยค้อน ซึ่งช่วยลดความร้อนที่เกิดขึ้น และเปิดโอกาสให้ระบบนำพลังงานกลับมาใช้ในรอบถัดไป แม้จะเป็นเพียงการพิสูจน์แนวคิด แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการคอมพิวเตอร์ที่อาจนำไปสู่การออกแบบชิปที่ใช้พลังงานต่ำมากในอนาคต โดย Vaire ยังได้ดึงอดีตนักเทคโนโลยีจาก Arm และเข้าร่วมโครงการบ่มเพาะ Silicon Catalyst UK เพื่อเตรียมพัฒนาเชิงพาณิชย์ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Ice River เป็นชิปต้นแบบจาก Vaire Computing ที่ใช้พลังงานซ้ำได้ ➡️ ลดการใช้พลังงานลงประมาณ 30% เมื่อเทียบกับชิปทั่วไป ➡️ ใช้หลักการ reversible logic gate ที่สามารถใช้พลังงานในสองทิศทาง ➡️ ใช้เทคนิค adiabatic computing ที่เปลี่ยนแรงดันไฟฟ้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป ➡️ การออกแบบช่วยลดความร้อนและนำพลังงานกลับมาใช้ในรอบถัดไป ➡️ ทดสอบสำเร็จในเดือนสิงหาคม 2025 ถือเป็น proof of concept ➡️ Vaire ดึงอดีตนักเทคโนโลยีจาก Arm และเข้าร่วม Silicon Catalyst UK ➡️ ชิปนี้ใช้กระบวนการผลิต 22nm CMOS และมี resonator ที่ช่วยฟื้นพลังงาน ➡️ ผลการทดลองแสดงค่า recovery factor สูงถึง 1.77 ในบางโครงสร้าง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Reversible computing เป็นแนวคิดที่มีมานาน แต่ยังไม่มีการใช้งานจริงมาก่อน ➡️ Adiabatic computing เคยถูกใช้ในงานวิจัยควอนตัมและระบบ ultra-low power ➡️ การลดพลังงานในชิป AI เป็นเป้าหมายสำคัญของอุตสาหกรรมในยุค hyperscale ➡️ หากพัฒนาได้จริง อาจนำไปสู่เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้พลังงานต่ำมากและลดคาร์บอน ➡️ Vaire อาจเป็นผู้บุกเบิกการออกแบบชิปแบบ thermodynamic silicon ในอนาคต https://www.techradar.com/pro/more-like-a-pendulum-than-a-hammer-the-ai-chip-that-can-reuse-its-own-energy-reaches-proof-of-concept-stage-but-i-dont-think-it-will-be-enough-to-convince-hyperscalers-to-invest
    WWW.TECHRADAR.COM
    Vaire Computing’s Ice River chip shows pendulum-like energy reuse
    Vaire Computing's Ice River chip offers a solution to excessive AI power consumption
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดคำกล่าวถ้อยแถลงของ รมต.ต่างประเทศไทยฉบับเต็ม!
    .
    รมต.ต่างประเทศไทย 'ฟาด' เขมรเล่นบทเหยื่อ-บิดเบือนข้อเท็จจริงกลางเวที UN ลั่น! เหยื่อแท้จริงคือทหารไทย-พลเรือนผู้บริสุทธิ์ถูกจรวดเขมรโจมตี! ยืนหยัดปกป้องอธิปไตย - ผู้นำ-ทูตทั่วโลกปรบมือกึกก้อง!!!
    .
    เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติสมัยที่ 80 ว่า
    .
    ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และคณะผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ
    .
    - . ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีกับท่านประธาน ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 80
    .
    -. แม้ว่าข้าพเจ้าจะเข้ารับตำแหน่งเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่รัฐบาลของข้าพเจ้าได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการที่ข้าพเจ้ามาอยู่ที่นี่ในวันนี้ เพราะเราเชื่อว่าช่วงเวลานี้มีความสำคัญ วาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาตินี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหประชาชาติกำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญ
    .
    -. ข้าพเจ้าขอเริ่มต้นด้วยการย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของประเทศไทยต่อพหุภาคี
    .
    -. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโลกยังคงต้องการสหประชาชาติ และสหประชาชาติต้องการเราทุกคน แต่เพื่อให้สหประชาชาติบรรลุวัตถุประสงค์ เราต้องพัฒนาไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
    .
    -. ประเทศไทยก็กำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญเช่นกัน เผชิญกับความท้าทายเร่งด่วนภายในประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง แต่วิสัยทัศน์ของเราขยายออกไปนอกพรมแดน สู่โลกกว้าง เพราะเราเช่นเดียวกับทุกประเทศ ปรารถนาโลกที่สงบสุข ยุติธรรม และเปิดกว้าง
    .
    -. ด้วยจิตวิญญาณนี้เอง ประเทศไทยจึงพร้อมที่จะมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการจัดตั้งสหประชาชาติให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง นั่นคือการสร้างสันติภาพ การพัฒนา และสิทธิมนุษยชนให้กับทุกคน

    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. หัวข้อการอภิปรายทั่วไปในปีนี้ คือ “Better Together” ซึ่งเตือนใจเราว่าสหประชาชาติจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเราร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว
    .
    -. ประการแรก เราต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวในฐานะประชาคมเดียวกัน
    .
    -. แปดสิบปีที่แล้ว ประชาคมชาติของเราได้นำกฎบัตรสหประชาชาติมาใช้ด้วยความหวังที่จะเกิดสันติภาพ แต่ปัจจุบัน เรากลับเผชิญกับโลกที่แตกแยกมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากลัทธิกีดกันทางการค้า ความแตกแยก ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไม่เคยละเว้นแม้แต่ประเทศชาติ
    .
    -. สงครามในยูเครน ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ปีที่สามแล้ว ยังคงนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานและการทำลายล้างอย่างใหญ่หลวง ในทำนองเดียวกัน ความทุกข์ทรมานอันน่าสยดสยองในฉนวนกาซา ซึ่งพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กๆ กำลังเผชิญชะตากรรมอันหนักอึ้ง ล้วนเป็นภาระหนักอึ้งต่อจิตสำนึกส่วนรวมของเรา เป็นเครื่องเตือนใจอย่างชัดเจนว่าเมื่อสันติภาพถูกทำลาย ความเสียหายของมนุษย์ไม่เพียงแต่ตกอยู่กับประเทศชาติเท่านั้น แต่ยังตกอยู่กับประชาชนทั่วไปที่ชีวิตต้องแตกสลายอีกด้วย
    .
    -. ในฐานะประชาคมเดียวกัน ทุกประเทศต่างมีหน้าที่ร่วมกันในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของโลก
    .
    -. และความรับผิดชอบนี้ต้องครอบคลุมทุกฝ่าย พหุภาคีจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อผู้หญิงมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในการรักษาสันติภาพ การป้องกันความขัดแย้ง หรือการตอบสนองด้านมนุษยธรรม เสียงและความเป็นผู้นำของพวกเขาจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนของเราและทำให้สันติภาพยั่งยืนยิ่งขึ้น ดิฉันมั่นใจว่าการเลือกตั้งท่านประธานาธิบดีให้เป็นผู้นำสมัชชาครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนผลักดันวาระสตรีของสหประชาชาติด้วยความมุ่งมั่นที่มากขึ้น
    .
    -. ประเทศไทยตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของเรา กองกำลังรักษาสันติภาพของเรายังคงปฏิบัติหน้าที่ทั่วโลก ช่วยฟื้นฟูชีวิตที่แตกแยกจากความขัดแย้ง
    .
    -. ในประเทศ เราได้กวาดล้างพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล นี่ไม่ใช่แค่พันธกรณีตามสนธิสัญญาเท่านั้น แต่เป็นการคืนผืนดินที่ปลอดภัยให้ชุมชนที่พวกเขาสามารถอยู่อาศัยและเพาะปลูกได้ มันคือการปฏิบัติหน้าที่ของเราต่อประชาชน
    .
    -. การปกป้องประชาชนในประเทศเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจ เรายังต้องรับมือกับความท้าทายข้ามชาติ เช่น การอพยพย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากความขัดแย้งและภัยพิบัติ ซึ่งเป็นบททดสอบร่วมกันที่ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง
    .
    -. นี่คือภารกิจที่แท้จริงของประเทศไทย เป็นเวลากว่าทศวรรษที่เราได้ให้ที่พักพิงแก่ผู้พลัดถิ่นจากเมียนมา วันนี้ เรากำลังมอบโอกาสให้พวกเขาได้ทำงานนอกที่พักพิงชั่วคราวมากขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมีส่วนร่วมในสังคม ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายแห่งความมุ่งมั่นของเราในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม
    .
    -. ในทำนองเดียวกัน ประเทศไทยกำลังเร่งความพยายามในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการหลอกลวงทางออนไลน์ เนื่องจากผลกระทบเหล่านี้แผ่ขยายไปอย่างกว้างขวาง อาชญากรรมไร้พรมแดนต้องอาศัยความร่วมมือไร้พรมแดน
    .
    -. วิสัยทัศน์ของประชาคมหนึ่งเดียวต้องเริ่มต้นจากใกล้บ้าน ภูมิภาคต่างๆ คือรากฐานของประชาคมโลก ในภูมิภาคของเรา สันติภาพและเสถียรภาพยังเป็นหัวใจสำคัญของความพยายามสร้างประชาคมอาเซียน
    .
    -. กระนั้น แม้แต่ในเพื่อนบ้านของเราเอง สถานการณ์ในเมียนมาร์ยังคงเป็นข้อกังวลอย่างยิ่ง ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามแนวชายแดน และเรายังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเดินหน้าสู่การเจรจาและกระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืน นี่คือรากฐานของสันติภาพที่ยั่งยืนในเมียนมาร์
    .
    -. และแม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด ข้อพิพาทก็อาจเกิดขึ้นได้ ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันกับกัมพูชาไม่น่าพึงปรารถนาและไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย สันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของเราเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เราไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนเดียวกัน
    .
    -. เช้าวันนี้ ผมตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปและในเชิงบวก เพื่อสะท้อนถึงความหวังสำหรับอนาคต แต่ผมต้องเขียนคำปราศรัยใหม่ เนื่องจากคำพูดที่น่าเสียใจที่สุดของเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผม ที่น่าตกใจคือกัมพูชายังคงแสดงตนเป็นเหยื่ออยู่ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กัมพูชาได้นำเสนอข้อเท็จจริงในแบบฉบับของตนเอง ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นเพียงการบิดเบือนความจริง
    .
    -. เรารู้ว่าใครคือเหยื่อที่แท้จริง พวกเขาคือทหารไทยที่สูญเสียขาจากทุ่นระเบิด เด็กๆ ที่โรงเรียนถูกยิงถล่ม และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังซื้อของในวันนั้นที่ร้านขายของชำที่ถูกโจมตีจากจรวดของกัมพูชา
    .
    -. เมื่อวานนี้ ผมได้พบกับเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาที่ห้องประชุมสหประชาชาติ เราได้พูดคุยเกี่ยวกับสันติภาพ การพูดคุย ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และความเชื่อมั่น ซึ่งต่อมาได้มีการเน้นย้ำเรื่องนี้ในการปรึกษาหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่าง 4 ฝ่ายที่จัดโดยสหรัฐอเมริกา เราซาบซึ้งในความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อสันติภาพ
    .
    -. แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาพูดในวันนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่พูดในการประชุมเมื่อวานนี้ มันเผยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของกัมพูชา ข้อกล่าวหาเหล่านี้เกินจริงจนทำให้ความจริงดูตลกขบขัน
    .
    -. ตั้งแต่แรกเริ่ม กัมพูชาได้ริเริ่มความขัดแย้งโดยมีเจตนาที่จะขยายข้อพิพาทเรื่องพรมแดนให้กลายเป็นความขัดแย้งระดับชาติ และขยายขอบเขตไปสู่ระดับนานาชาติดังเช่นที่เกิดขึ้นอีกครั้งในเช้าวันนี้
    .
    - หมู่บ้านที่เพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผมกล่าวถึงก่อนหน้านี้อยู่ในดินแดนไทย จบประโยค ความจริงแล้ว หมู่บ้านเหล่านี้มีอยู่จริงเพราะประเทศไทยได้ตัดสินใจด้านมนุษยธรรมที่จะเปิดพรมแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หลบหนีสงครามกลางเมืองในประเทศของตนเข้ามาหลบภัยในประเทศไทย เราตัดสินใจเช่นนี้ด้วยความเห็นอกเห็นใจและหลักการด้านมนุษยธรรม ในฐานะนักการทูตรุ่นเยาว์ ผมเองก็เคยประสบเหตุการณ์นี้มาเช่นกัน
    .
    -. แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลงและศูนย์พักพิงจะถูกปิดลง แต่หมู่บ้านชาวกัมพูชาได้ขยายพื้นที่ออกไปตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแม้จะมีการประท้วงจากประเทศไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กัมพูชากลับเพิกเฉยต่อคำขอเหล่านั้นในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกนี้
    .
    -. และเมื่อสันติภาพกลับคืนสู่กัมพูชาหลังข้อตกลงสันติภาพปารีส พ.ศ. 2534 เราอยู่ที่นั่นเพื่อสร้างและฟื้นฟูประเทศกัมพูชาเพื่อรักษาสันติภาพ เราสร้างบ้าน ถนน และโรงพยาบาล เพราะสันติภาพในกัมพูชาเป็นผลประโยชน์ของประเทศไทย นี่คือสิ่งที่เพื่อนบ้านควรทำเพื่อกันและกัน
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. การหยุดยิงยังคงเปราะบาง เราต้องทำให้มันได้ผล ซึ่งต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการกระทำที่จริงใจจากทั้งสองฝ่าย
    .
    -. น่าเสียดายที่การยั่วยุอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา รวมถึงการระดมพลพลเรือนเข้าสู่ดินแดนไทยและการยิงปืนเข้าใส่ฝ่ายเราเมื่อเร็วๆ นี้ ได้บั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดน ข้าพเจ้ากำลังอ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ที่กองทัพกัมพูชายิงใส่กองทัพไทยที่ประจำการตามแนวชายแดน เหตุการณ์ล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ กองทัพไทยยังคงตรวจจับโดรนสอดแนมของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยบุกรุกเข้ามาในดินแดนไทยเป็นประจำทุกวัน การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุในการประชุมสมัยพิเศษที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย และได้ยืนยันอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทวิภาคี
    .
    -. และขอให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยยืนหยัดและจะยืนหยัดเพื่อสันติภาพเสมอมา และจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกอย่างสันติต่อปัญหาปัจจุบันกับกัมพูชา ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยจะยืนหยัดและแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเราเสมอ เราขอเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือกับเราในการแก้ไขความแตกต่างผ่านการเจรจาอย่างสันติและกลไกที่มีอยู่
    .
    -. วันนี้ ประเทศของเราทั้งสองกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ชัดเจน ในฐานะเพื่อนบ้านและมิตรสหาย เราต้องถามกัมพูชาว่าพวกเขาต้องการเลือกเส้นทางใด ระหว่างเส้นทางแห่งการเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือเส้นทางแห่งสันติภาพและความร่วมมือ
    .
    -. ประเทศไทยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ เพราะเราเชื่อว่าประชาชนของทั้งสองประเทศสมควรได้รับสิ่งเดียวกันนี้ แต่เราตั้งคำถามอย่างแท้จริงว่า กัมพูชามีเจตนาที่จะร่วมมือกับเราในการแสวงหาสันติภาพหรือไม่
    .
    -. สำหรับประเทศไทย การเจรจา ความไว้วางใจ และความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นหนทางสู่อนาคต เราจะยังคงยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ในการมีส่วนร่วมกับพันธมิตรทั้งในอาเซียนและประเทศอื่นๆ รวมถึงมหาอำนาจ เพื่อแสวงหาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างยั่งยืน
    .
    -. การกล่าวถึงประชาคมหนึ่งเดียว ท่านประธานาธิบดี คือการยืนยันว่าเราผูกพันตามหลักการร่วมกันที่ว่าทุกคนเกิดมามีอิสระและเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ
    .
    -. ในฐานะสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2568-2570 และประธานคณะกรรมการชุดที่สามของสมัชชาใหญ่ ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน
    .
    -. สำหรับเรา ไม่ใช่แค่การมีที่นั่งในที่ประชุมเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในชีวิตของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของผู้ที่ตกอยู่ภายใต้ความขัดแย้ง ผู้พิการ และผู้ที่มักถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
    .
    -. การส่งเสริมสิทธิสตรีและเด็กหญิงก็เป็นศูนย์กลางของความพยายามนี้เช่นกัน การมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมและการปราศจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติไม่ได้เป็นเพียงสิทธิมนุษยชน แต่เป็นรากฐานของสังคมที่ยุติธรรมและยืดหยุ่น
    .
    -. สุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานอีกประการหนึ่งที่ไม่อาจกล่าวเกินจริงได้ การสร้างหลักประกันการเข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่ได้เป็นเพียงการช่วยชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้โอกาสทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและความมั่นคง
    .
    -. นี่คือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนสิทธิในการมีสุขภาพที่ดี ทั้งที่บ้านและทั่วโลก หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านของเราให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรก เพื่อไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และทุกชุมชนจะได้รับเครื่องมือในการเติบโต
    .
    -. ประเทศไทยยังมีส่วนร่วมในความพยายามระดับโลกเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและการเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาด รวมถึงผ่านข้อตกลงการระบาดใหญ่ขององค์การอนามัยโลก เราไม่รู้ว่าโรคระบาดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด และมีเพียงการทำงานร่วมกันเท่านั้นที่ทำให้เราพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ได้
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. สันติภาพและสิทธิมนุษยชนไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ในปัจจุบัน การพัฒนากำลังถูกคุกคามจากลัทธิกีดกันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ภาษีศุลกากรและอุปสรรคทางการค้าอาจส่งผลดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วกลับส่งผลเสียต่อเราทุกคน และสร้างความแตกแยกเมื่อเราต้องการความสามัคคีมากที่สุด
    .
    -. ประเทศไทยเชื่อว่าความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริงไม่ได้สร้างขึ้นบนกำแพงภาษีศุลกากร แต่สร้างบนสะพานแห่งความไว้วางใจ
    .
    -. เส้นทางข้างหน้าของเราเปิดกว้างและการค้าที่เป็นธรรม โดยมีรากฐานมาจากการพัฒนาที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางและครอบคลุม แต่การพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงการเติบโตเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับคุณค่าและความสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและการอนุรักษ์
    .
    -. นี่คือเหตุผลที่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของประเทศไทย ซึ่งสร้างขึ้นบนความสมดุล ความยืดหยุ่น และความพอประมาณ ได้นำทางเส้นทางการพัฒนาของเรา ปรัชญานี้เตือนใจเราว่าความก้าวหน้าที่แท้จริงต้องเสริมพลังประชาชนควบคู่ไปกับการปกป้องโลก
    .
    -. เหลือเวลาอีกเพียงห้าปีในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เราต้องเสริมสร้างความร่วมมือในทุกระดับ และเผชิญหน้ากับความเหลื่อมล้ำและช่องว่างทางการเงินที่ยังคงเป็นอุปสรรคต่ออนาคตร่วมกันของเรา
    .
    -. ในขณะเดียวกัน เราต้องไม่ลืมว่าโลกคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญในยุคสมัยของเรา กำลังขยายช่องว่างระหว่างผู้มีอันจะกินและผู้ไม่มี หากปราศจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เราจะล้มเหลวทั้งต่อประชาชนและโลกของเรา
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. ในวาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาติ ภารกิจของเรานั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง นั่นคือ การรวมตัวกันภายใต้คำอุทิศตนเพียงหนึ่งเดียว
    .
    - เราทุกคนผูกพันกันด้วยอุดมการณ์ บรรทัดฐาน และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ แต่โลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การต่ออายุคำอุทิศตนของเราต่อลัทธิพหุภาคีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป
    .
    -. แต่ความจริงก็คือ ประวัติศาสตร์ของสหประชาชาติเต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แต่ไม่รักษาไว้ คำมั่นสัญญาที่ไม่ได้รับการปฏิบัติแต่ละครั้งจะบั่นทอนความน่าเชื่อถือและทำลายความไว้วางใจทั่วโลก หากสหประชาชาติจะยังคงเป็นศูนย์กลางของลัทธิพหุภาคี เราไม่สามารถปล่อยให้วัฏจักรนี้ซ้ำรอยได้
    .
    -. นั่นคือเหตุผลที่ข้อตกลงเพื่ออนาคต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อปีที่แล้ว จะต้องกลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับการดำเนินการ เพื่อสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมาย การดำเนินการระดับชาติของเราจะต้องสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาร่วมกันของเรา
    .
    -. แต่เพื่อให้สหประชาชาติสามารถดำเนินงานตามภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีทรัพยากรที่จำเป็น เราต้องแน่ใจว่าสหประชาชาติมีวิธีการที่จะบรรลุจุดหมายตามที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้สหประชาชาติยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อสันติภาพและการพัฒนา
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. ในขณะที่เรามุ่งมั่นที่จะสร้างใหม่ ฟื้นฟู และปฏิรูปสหประชาชาติ เราจำเป็นต้องยึดถือวิสัยทัศน์ One Future
    .
    -. เพื่อให้สหประชาชาตินำทางเราไปสู่อนาคต การปฏิรูปที่ครอบคลุม รวมถึงคณะมนตรีความมั่นคง จึงเป็นสิ่งจำเป็น สหประชาชาติต้องมีตัวแทนมากขึ้น โปร่งใส รับผิดชอบ และเหมาะสมกับอนาคต ปฏิบัติสอดคล้องกัน เข้าถึงประชาชน และปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง
    .
    -. นั่นคือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนโครงการริเริ่ม UN80 อย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่การปิดช่องว่างทางการเงิน แต่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะทำให้สหประชาชาติเชื่อมต่อกับประชาชนที่ตนรับใช้อีกครั้ง
    .
    -. แต่เมื่อเราเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสหประชาชาติ เราต้องตระหนักถึงข้อจำกัดของมัน สหประชาชาติไม่สามารถทำทุกอย่างได้ และลัทธิพหุภาคีก็ยิ่งใหญ่กว่าสหประชาชาติเพียงลำพัง สหประชาชาติจะเจริญรุ่งเรืองได้เมื่อมีรากฐานมาจากลัทธิภูมิภาคนิยมที่เข้มแข็ง สถาบันระดับภูมิภาคเป็นผู้ตอบสนองต่อวิกฤตการณ์เป็นลำดับแรก เป็นผู้สร้างความไว้วางใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างพันธกรณีระดับโลกกับความเป็นจริงในระดับท้องถิ่น
    .
    -. สำหรับประเทศไทย อาเซียนคือบ้านและศูนย์กลางของเรา การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 15 ที่จะถึงนี้ จะแสดงให้เห็นว่าหลักการร่วมกันกลายเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมได้อย่างไร ประเทศไทยมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะผลักดันความร่วมมือนี้ เพื่อให้เสียงของภูมิภาคได้รับการรับฟังอย่างเต็มที่ในการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาระดับโลก
    .
    -. การสร้างประชาคมโลกที่เข้มแข็งนั้นต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของคนรุ่นเรา นั่นคือเหตุผลที่เราต้องยอมรับพลังของเยาวชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของแผนปฏิบัติการระดับโลกเพื่อเยาวชน ประเทศไทยขอยืนยันความมุ่งมั่นในการลงทุนและเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชน และมอบโอกาสที่แท้จริงในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
    .
    -. ด้วยแนวคิดนี้ ประเทศไทยภูมิใจที่ได้ตัวแทนเยาวชนเข้าร่วมคณะผู้แทนระดับชาติของเราในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพื่อให้พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการกำหนดอนาคตที่พวกเขาวาดฝันไว้
    .
    -. เพราะท้ายที่สุดแล้ว อนาคตเป็นของพวกเขา จึงควรเป็นผู้สร้างโดยพวกเขาเอง
    .
    ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และท่านผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ
    .
    -. ในวาระครบรอบ 80 ปี สหประชาชาติต้องดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงอันดีงาม นั่นคือ ชาติที่ยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียว เรามารวมตัวกันที่นี่ไม่เพียงเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเพื่อมองไปข้างหน้าถึงสิ่งที่เราสามารถบรรลุร่วมกันได้มากกว่านี้อีกด้วย
    .
    -. บทเรียนจากแปดสิบปีนี้ชัดเจน: เราจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเรายืนหยัดเป็นประชาคมเดียว ผูกพันด้วยความทุ่มเทหนึ่งเดียว และร่วมแรงร่วมใจกันสร้างอนาคตอันเป็นหนึ่งเดียวสำหรับทุกคน นี่คือความหมายที่แท้จริงของ Better Together as One
    .
    -. ประเทศไทยให้คำมั่นที่จะทำหน้าที่ของเรา แต่ยิ่งไปกว่านั้น เราท้าทายตัวเราเองและมิตรสหายทุกท่านในวันนี้ ให้เปลี่ยนคำพูดให้เป็นการกระทำ นั่นคือวิธีที่เราจะทำให้แปดสิบปีข้างหน้าดีกว่าที่ผ่านมา
    .
    - ขอบคุณมาก ๆ ครับ
    เปิดคำกล่าวถ้อยแถลงของ รมต.ต่างประเทศไทยฉบับเต็ม! . รมต.ต่างประเทศไทย 'ฟาด' เขมรเล่นบทเหยื่อ-บิดเบือนข้อเท็จจริงกลางเวที UN ลั่น! เหยื่อแท้จริงคือทหารไทย-พลเรือนผู้บริสุทธิ์ถูกจรวดเขมรโจมตี! ยืนหยัดปกป้องอธิปไตย - ผู้นำ-ทูตทั่วโลกปรบมือกึกก้อง!!! . เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติสมัยที่ 80 ว่า . ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และคณะผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ . - . ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีกับท่านประธาน ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 80 . -. แม้ว่าข้าพเจ้าจะเข้ารับตำแหน่งเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่รัฐบาลของข้าพเจ้าได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการที่ข้าพเจ้ามาอยู่ที่นี่ในวันนี้ เพราะเราเชื่อว่าช่วงเวลานี้มีความสำคัญ วาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาตินี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหประชาชาติกำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญ . -. ข้าพเจ้าขอเริ่มต้นด้วยการย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของประเทศไทยต่อพหุภาคี . -. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโลกยังคงต้องการสหประชาชาติ และสหประชาชาติต้องการเราทุกคน แต่เพื่อให้สหประชาชาติบรรลุวัตถุประสงค์ เราต้องพัฒนาไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป . -. ประเทศไทยก็กำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญเช่นกัน เผชิญกับความท้าทายเร่งด่วนภายในประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง แต่วิสัยทัศน์ของเราขยายออกไปนอกพรมแดน สู่โลกกว้าง เพราะเราเช่นเดียวกับทุกประเทศ ปรารถนาโลกที่สงบสุข ยุติธรรม และเปิดกว้าง . -. ด้วยจิตวิญญาณนี้เอง ประเทศไทยจึงพร้อมที่จะมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการจัดตั้งสหประชาชาติให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง นั่นคือการสร้างสันติภาพ การพัฒนา และสิทธิมนุษยชนให้กับทุกคน ท่านประธาน ครับ . -. หัวข้อการอภิปรายทั่วไปในปีนี้ คือ “Better Together” ซึ่งเตือนใจเราว่าสหประชาชาติจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเราร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว . -. ประการแรก เราต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวในฐานะประชาคมเดียวกัน . -. แปดสิบปีที่แล้ว ประชาคมชาติของเราได้นำกฎบัตรสหประชาชาติมาใช้ด้วยความหวังที่จะเกิดสันติภาพ แต่ปัจจุบัน เรากลับเผชิญกับโลกที่แตกแยกมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากลัทธิกีดกันทางการค้า ความแตกแยก ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไม่เคยละเว้นแม้แต่ประเทศชาติ . -. สงครามในยูเครน ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ปีที่สามแล้ว ยังคงนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานและการทำลายล้างอย่างใหญ่หลวง ในทำนองเดียวกัน ความทุกข์ทรมานอันน่าสยดสยองในฉนวนกาซา ซึ่งพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กๆ กำลังเผชิญชะตากรรมอันหนักอึ้ง ล้วนเป็นภาระหนักอึ้งต่อจิตสำนึกส่วนรวมของเรา เป็นเครื่องเตือนใจอย่างชัดเจนว่าเมื่อสันติภาพถูกทำลาย ความเสียหายของมนุษย์ไม่เพียงแต่ตกอยู่กับประเทศชาติเท่านั้น แต่ยังตกอยู่กับประชาชนทั่วไปที่ชีวิตต้องแตกสลายอีกด้วย . -. ในฐานะประชาคมเดียวกัน ทุกประเทศต่างมีหน้าที่ร่วมกันในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของโลก . -. และความรับผิดชอบนี้ต้องครอบคลุมทุกฝ่าย พหุภาคีจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อผู้หญิงมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในการรักษาสันติภาพ การป้องกันความขัดแย้ง หรือการตอบสนองด้านมนุษยธรรม เสียงและความเป็นผู้นำของพวกเขาจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนของเราและทำให้สันติภาพยั่งยืนยิ่งขึ้น ดิฉันมั่นใจว่าการเลือกตั้งท่านประธานาธิบดีให้เป็นผู้นำสมัชชาครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนผลักดันวาระสตรีของสหประชาชาติด้วยความมุ่งมั่นที่มากขึ้น . -. ประเทศไทยตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของเรา กองกำลังรักษาสันติภาพของเรายังคงปฏิบัติหน้าที่ทั่วโลก ช่วยฟื้นฟูชีวิตที่แตกแยกจากความขัดแย้ง . -. ในประเทศ เราได้กวาดล้างพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล นี่ไม่ใช่แค่พันธกรณีตามสนธิสัญญาเท่านั้น แต่เป็นการคืนผืนดินที่ปลอดภัยให้ชุมชนที่พวกเขาสามารถอยู่อาศัยและเพาะปลูกได้ มันคือการปฏิบัติหน้าที่ของเราต่อประชาชน . -. การปกป้องประชาชนในประเทศเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจ เรายังต้องรับมือกับความท้าทายข้ามชาติ เช่น การอพยพย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากความขัดแย้งและภัยพิบัติ ซึ่งเป็นบททดสอบร่วมกันที่ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง . -. นี่คือภารกิจที่แท้จริงของประเทศไทย เป็นเวลากว่าทศวรรษที่เราได้ให้ที่พักพิงแก่ผู้พลัดถิ่นจากเมียนมา วันนี้ เรากำลังมอบโอกาสให้พวกเขาได้ทำงานนอกที่พักพิงชั่วคราวมากขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมีส่วนร่วมในสังคม ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายแห่งความมุ่งมั่นของเราในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม . -. ในทำนองเดียวกัน ประเทศไทยกำลังเร่งความพยายามในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการหลอกลวงทางออนไลน์ เนื่องจากผลกระทบเหล่านี้แผ่ขยายไปอย่างกว้างขวาง อาชญากรรมไร้พรมแดนต้องอาศัยความร่วมมือไร้พรมแดน . -. วิสัยทัศน์ของประชาคมหนึ่งเดียวต้องเริ่มต้นจากใกล้บ้าน ภูมิภาคต่างๆ คือรากฐานของประชาคมโลก ในภูมิภาคของเรา สันติภาพและเสถียรภาพยังเป็นหัวใจสำคัญของความพยายามสร้างประชาคมอาเซียน . -. กระนั้น แม้แต่ในเพื่อนบ้านของเราเอง สถานการณ์ในเมียนมาร์ยังคงเป็นข้อกังวลอย่างยิ่ง ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามแนวชายแดน และเรายังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเดินหน้าสู่การเจรจาและกระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืน นี่คือรากฐานของสันติภาพที่ยั่งยืนในเมียนมาร์ . -. และแม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด ข้อพิพาทก็อาจเกิดขึ้นได้ ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันกับกัมพูชาไม่น่าพึงปรารถนาและไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย สันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของเราเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เราไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนเดียวกัน . -. เช้าวันนี้ ผมตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปและในเชิงบวก เพื่อสะท้อนถึงความหวังสำหรับอนาคต แต่ผมต้องเขียนคำปราศรัยใหม่ เนื่องจากคำพูดที่น่าเสียใจที่สุดของเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผม ที่น่าตกใจคือกัมพูชายังคงแสดงตนเป็นเหยื่ออยู่ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กัมพูชาได้นำเสนอข้อเท็จจริงในแบบฉบับของตนเอง ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นเพียงการบิดเบือนความจริง . -. เรารู้ว่าใครคือเหยื่อที่แท้จริง พวกเขาคือทหารไทยที่สูญเสียขาจากทุ่นระเบิด เด็กๆ ที่โรงเรียนถูกยิงถล่ม และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังซื้อของในวันนั้นที่ร้านขายของชำที่ถูกโจมตีจากจรวดของกัมพูชา . -. เมื่อวานนี้ ผมได้พบกับเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาที่ห้องประชุมสหประชาชาติ เราได้พูดคุยเกี่ยวกับสันติภาพ การพูดคุย ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และความเชื่อมั่น ซึ่งต่อมาได้มีการเน้นย้ำเรื่องนี้ในการปรึกษาหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่าง 4 ฝ่ายที่จัดโดยสหรัฐอเมริกา เราซาบซึ้งในความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อสันติภาพ . -. แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาพูดในวันนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่พูดในการประชุมเมื่อวานนี้ มันเผยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของกัมพูชา ข้อกล่าวหาเหล่านี้เกินจริงจนทำให้ความจริงดูตลกขบขัน . -. ตั้งแต่แรกเริ่ม กัมพูชาได้ริเริ่มความขัดแย้งโดยมีเจตนาที่จะขยายข้อพิพาทเรื่องพรมแดนให้กลายเป็นความขัดแย้งระดับชาติ และขยายขอบเขตไปสู่ระดับนานาชาติดังเช่นที่เกิดขึ้นอีกครั้งในเช้าวันนี้ . - หมู่บ้านที่เพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผมกล่าวถึงก่อนหน้านี้อยู่ในดินแดนไทย จบประโยค ความจริงแล้ว หมู่บ้านเหล่านี้มีอยู่จริงเพราะประเทศไทยได้ตัดสินใจด้านมนุษยธรรมที่จะเปิดพรมแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หลบหนีสงครามกลางเมืองในประเทศของตนเข้ามาหลบภัยในประเทศไทย เราตัดสินใจเช่นนี้ด้วยความเห็นอกเห็นใจและหลักการด้านมนุษยธรรม ในฐานะนักการทูตรุ่นเยาว์ ผมเองก็เคยประสบเหตุการณ์นี้มาเช่นกัน . -. แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลงและศูนย์พักพิงจะถูกปิดลง แต่หมู่บ้านชาวกัมพูชาได้ขยายพื้นที่ออกไปตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแม้จะมีการประท้วงจากประเทศไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กัมพูชากลับเพิกเฉยต่อคำขอเหล่านั้นในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกนี้ . -. และเมื่อสันติภาพกลับคืนสู่กัมพูชาหลังข้อตกลงสันติภาพปารีส พ.ศ. 2534 เราอยู่ที่นั่นเพื่อสร้างและฟื้นฟูประเทศกัมพูชาเพื่อรักษาสันติภาพ เราสร้างบ้าน ถนน และโรงพยาบาล เพราะสันติภาพในกัมพูชาเป็นผลประโยชน์ของประเทศไทย นี่คือสิ่งที่เพื่อนบ้านควรทำเพื่อกันและกัน . ท่านประธาน ครับ . -. การหยุดยิงยังคงเปราะบาง เราต้องทำให้มันได้ผล ซึ่งต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการกระทำที่จริงใจจากทั้งสองฝ่าย . -. น่าเสียดายที่การยั่วยุอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา รวมถึงการระดมพลพลเรือนเข้าสู่ดินแดนไทยและการยิงปืนเข้าใส่ฝ่ายเราเมื่อเร็วๆ นี้ ได้บั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดน ข้าพเจ้ากำลังอ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ที่กองทัพกัมพูชายิงใส่กองทัพไทยที่ประจำการตามแนวชายแดน เหตุการณ์ล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ กองทัพไทยยังคงตรวจจับโดรนสอดแนมของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยบุกรุกเข้ามาในดินแดนไทยเป็นประจำทุกวัน การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุในการประชุมสมัยพิเศษที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย และได้ยืนยันอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทวิภาคี . -. และขอให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยยืนหยัดและจะยืนหยัดเพื่อสันติภาพเสมอมา และจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกอย่างสันติต่อปัญหาปัจจุบันกับกัมพูชา ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยจะยืนหยัดและแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเราเสมอ เราขอเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือกับเราในการแก้ไขความแตกต่างผ่านการเจรจาอย่างสันติและกลไกที่มีอยู่ . -. วันนี้ ประเทศของเราทั้งสองกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ชัดเจน ในฐานะเพื่อนบ้านและมิตรสหาย เราต้องถามกัมพูชาว่าพวกเขาต้องการเลือกเส้นทางใด ระหว่างเส้นทางแห่งการเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือเส้นทางแห่งสันติภาพและความร่วมมือ . -. ประเทศไทยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ เพราะเราเชื่อว่าประชาชนของทั้งสองประเทศสมควรได้รับสิ่งเดียวกันนี้ แต่เราตั้งคำถามอย่างแท้จริงว่า กัมพูชามีเจตนาที่จะร่วมมือกับเราในการแสวงหาสันติภาพหรือไม่ . -. สำหรับประเทศไทย การเจรจา ความไว้วางใจ และความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นหนทางสู่อนาคต เราจะยังคงยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ในการมีส่วนร่วมกับพันธมิตรทั้งในอาเซียนและประเทศอื่นๆ รวมถึงมหาอำนาจ เพื่อแสวงหาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างยั่งยืน . -. การกล่าวถึงประชาคมหนึ่งเดียว ท่านประธานาธิบดี คือการยืนยันว่าเราผูกพันตามหลักการร่วมกันที่ว่าทุกคนเกิดมามีอิสระและเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ . -. ในฐานะสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2568-2570 และประธานคณะกรรมการชุดที่สามของสมัชชาใหญ่ ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน . -. สำหรับเรา ไม่ใช่แค่การมีที่นั่งในที่ประชุมเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในชีวิตของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของผู้ที่ตกอยู่ภายใต้ความขัดแย้ง ผู้พิการ และผู้ที่มักถูกทิ้งไว้ข้างหลัง . -. การส่งเสริมสิทธิสตรีและเด็กหญิงก็เป็นศูนย์กลางของความพยายามนี้เช่นกัน การมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมและการปราศจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติไม่ได้เป็นเพียงสิทธิมนุษยชน แต่เป็นรากฐานของสังคมที่ยุติธรรมและยืดหยุ่น . -. สุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานอีกประการหนึ่งที่ไม่อาจกล่าวเกินจริงได้ การสร้างหลักประกันการเข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่ได้เป็นเพียงการช่วยชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้โอกาสทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและความมั่นคง . -. นี่คือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนสิทธิในการมีสุขภาพที่ดี ทั้งที่บ้านและทั่วโลก หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านของเราให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรก เพื่อไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และทุกชุมชนจะได้รับเครื่องมือในการเติบโต . -. ประเทศไทยยังมีส่วนร่วมในความพยายามระดับโลกเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและการเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาด รวมถึงผ่านข้อตกลงการระบาดใหญ่ขององค์การอนามัยโลก เราไม่รู้ว่าโรคระบาดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด และมีเพียงการทำงานร่วมกันเท่านั้นที่ทำให้เราพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ได้ . ท่านประธาน ครับ . -. สันติภาพและสิทธิมนุษยชนไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ในปัจจุบัน การพัฒนากำลังถูกคุกคามจากลัทธิกีดกันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ภาษีศุลกากรและอุปสรรคทางการค้าอาจส่งผลดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วกลับส่งผลเสียต่อเราทุกคน และสร้างความแตกแยกเมื่อเราต้องการความสามัคคีมากที่สุด . -. ประเทศไทยเชื่อว่าความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริงไม่ได้สร้างขึ้นบนกำแพงภาษีศุลกากร แต่สร้างบนสะพานแห่งความไว้วางใจ . -. เส้นทางข้างหน้าของเราเปิดกว้างและการค้าที่เป็นธรรม โดยมีรากฐานมาจากการพัฒนาที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางและครอบคลุม แต่การพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงการเติบโตเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับคุณค่าและความสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและการอนุรักษ์ . -. นี่คือเหตุผลที่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของประเทศไทย ซึ่งสร้างขึ้นบนความสมดุล ความยืดหยุ่น และความพอประมาณ ได้นำทางเส้นทางการพัฒนาของเรา ปรัชญานี้เตือนใจเราว่าความก้าวหน้าที่แท้จริงต้องเสริมพลังประชาชนควบคู่ไปกับการปกป้องโลก . -. เหลือเวลาอีกเพียงห้าปีในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เราต้องเสริมสร้างความร่วมมือในทุกระดับ และเผชิญหน้ากับความเหลื่อมล้ำและช่องว่างทางการเงินที่ยังคงเป็นอุปสรรคต่ออนาคตร่วมกันของเรา . -. ในขณะเดียวกัน เราต้องไม่ลืมว่าโลกคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญในยุคสมัยของเรา กำลังขยายช่องว่างระหว่างผู้มีอันจะกินและผู้ไม่มี หากปราศจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เราจะล้มเหลวทั้งต่อประชาชนและโลกของเรา . ท่านประธาน ครับ . -. ในวาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาติ ภารกิจของเรานั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง นั่นคือ การรวมตัวกันภายใต้คำอุทิศตนเพียงหนึ่งเดียว . - เราทุกคนผูกพันกันด้วยอุดมการณ์ บรรทัดฐาน และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ แต่โลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การต่ออายุคำอุทิศตนของเราต่อลัทธิพหุภาคีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป . -. แต่ความจริงก็คือ ประวัติศาสตร์ของสหประชาชาติเต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แต่ไม่รักษาไว้ คำมั่นสัญญาที่ไม่ได้รับการปฏิบัติแต่ละครั้งจะบั่นทอนความน่าเชื่อถือและทำลายความไว้วางใจทั่วโลก หากสหประชาชาติจะยังคงเป็นศูนย์กลางของลัทธิพหุภาคี เราไม่สามารถปล่อยให้วัฏจักรนี้ซ้ำรอยได้ . -. นั่นคือเหตุผลที่ข้อตกลงเพื่ออนาคต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อปีที่แล้ว จะต้องกลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับการดำเนินการ เพื่อสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมาย การดำเนินการระดับชาติของเราจะต้องสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาร่วมกันของเรา . -. แต่เพื่อให้สหประชาชาติสามารถดำเนินงานตามภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีทรัพยากรที่จำเป็น เราต้องแน่ใจว่าสหประชาชาติมีวิธีการที่จะบรรลุจุดหมายตามที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้สหประชาชาติยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อสันติภาพและการพัฒนา . ท่านประธาน ครับ . -. ในขณะที่เรามุ่งมั่นที่จะสร้างใหม่ ฟื้นฟู และปฏิรูปสหประชาชาติ เราจำเป็นต้องยึดถือวิสัยทัศน์ One Future . -. เพื่อให้สหประชาชาตินำทางเราไปสู่อนาคต การปฏิรูปที่ครอบคลุม รวมถึงคณะมนตรีความมั่นคง จึงเป็นสิ่งจำเป็น สหประชาชาติต้องมีตัวแทนมากขึ้น โปร่งใส รับผิดชอบ และเหมาะสมกับอนาคต ปฏิบัติสอดคล้องกัน เข้าถึงประชาชน และปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง . -. นั่นคือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนโครงการริเริ่ม UN80 อย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่การปิดช่องว่างทางการเงิน แต่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะทำให้สหประชาชาติเชื่อมต่อกับประชาชนที่ตนรับใช้อีกครั้ง . -. แต่เมื่อเราเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสหประชาชาติ เราต้องตระหนักถึงข้อจำกัดของมัน สหประชาชาติไม่สามารถทำทุกอย่างได้ และลัทธิพหุภาคีก็ยิ่งใหญ่กว่าสหประชาชาติเพียงลำพัง สหประชาชาติจะเจริญรุ่งเรืองได้เมื่อมีรากฐานมาจากลัทธิภูมิภาคนิยมที่เข้มแข็ง สถาบันระดับภูมิภาคเป็นผู้ตอบสนองต่อวิกฤตการณ์เป็นลำดับแรก เป็นผู้สร้างความไว้วางใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างพันธกรณีระดับโลกกับความเป็นจริงในระดับท้องถิ่น . -. สำหรับประเทศไทย อาเซียนคือบ้านและศูนย์กลางของเรา การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 15 ที่จะถึงนี้ จะแสดงให้เห็นว่าหลักการร่วมกันกลายเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมได้อย่างไร ประเทศไทยมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะผลักดันความร่วมมือนี้ เพื่อให้เสียงของภูมิภาคได้รับการรับฟังอย่างเต็มที่ในการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาระดับโลก . -. การสร้างประชาคมโลกที่เข้มแข็งนั้นต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของคนรุ่นเรา นั่นคือเหตุผลที่เราต้องยอมรับพลังของเยาวชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของแผนปฏิบัติการระดับโลกเพื่อเยาวชน ประเทศไทยขอยืนยันความมุ่งมั่นในการลงทุนและเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชน และมอบโอกาสที่แท้จริงในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง . -. ด้วยแนวคิดนี้ ประเทศไทยภูมิใจที่ได้ตัวแทนเยาวชนเข้าร่วมคณะผู้แทนระดับชาติของเราในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพื่อให้พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการกำหนดอนาคตที่พวกเขาวาดฝันไว้ . -. เพราะท้ายที่สุดแล้ว อนาคตเป็นของพวกเขา จึงควรเป็นผู้สร้างโดยพวกเขาเอง . ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และท่านผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ . -. ในวาระครบรอบ 80 ปี สหประชาชาติต้องดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงอันดีงาม นั่นคือ ชาติที่ยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียว เรามารวมตัวกันที่นี่ไม่เพียงเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเพื่อมองไปข้างหน้าถึงสิ่งที่เราสามารถบรรลุร่วมกันได้มากกว่านี้อีกด้วย . -. บทเรียนจากแปดสิบปีนี้ชัดเจน: เราจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเรายืนหยัดเป็นประชาคมเดียว ผูกพันด้วยความทุ่มเทหนึ่งเดียว และร่วมแรงร่วมใจกันสร้างอนาคตอันเป็นหนึ่งเดียวสำหรับทุกคน นี่คือความหมายที่แท้จริงของ Better Together as One . -. ประเทศไทยให้คำมั่นที่จะทำหน้าที่ของเรา แต่ยิ่งไปกว่านั้น เราท้าทายตัวเราเองและมิตรสหายทุกท่านในวันนี้ ให้เปลี่ยนคำพูดให้เป็นการกระทำ นั่นคือวิธีที่เราจะทำให้แปดสิบปีข้างหน้าดีกว่าที่ผ่านมา . - ขอบคุณมาก ๆ ครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 340 มุมมอง 0 รีวิว
  • “RubyGems ถูกยึดครอง? เมื่อความมั่นคงของซัพพลายเชนกลายเป็นข้ออ้างในการล้มล้างชุมชนโอเพ่นซอร์ส”

    ในเดือนกันยายน 2025 โลกของ Ruby ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่เขย่ารากฐานของชุมชนโอเพ่นซอร์สอย่างรุนแรง เมื่อ Ruby Central ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ดูแลโครงการสำคัญอย่าง RubyGems และ Bundler ได้ดำเนินการยึดอำนาจจากผู้ดูแลระบบเดิมโดยไม่แจ้งล่วงหน้า

    เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อ Hiroshi Shibata (HSBT) เปลี่ยนชื่อ GitHub enterprise จาก “RubyGems” เป็น “Ruby Central” และเพิ่ม Marty Haught เป็นเจ้าของใหม่ พร้อมถอดสิทธิ์ผู้ดูแลเดิมทั้งหมดโดยไม่ปรึกษาใครเลย2 ต่อมาในวันที่ 18 กันยายน Haught ได้ลบสิทธิ์แอดมินของทีม RubyGems และ Bundler ทั้งหมด รวมถึงปิดอีเมลและถอนสิทธิ์การเข้าถึง gem สำคัญจากผู้ดูแลที่เคยรับผิดชอบมานานหลายปี เช่น André Arko และ Ellen Dash

    Ruby Central อ้างว่าการยึดอำนาจครั้งนี้เป็นเรื่อง “จำเป็น” เพื่อความมั่นคงของซัพพลายเชน โดยอ้างถึงคำแนะนำจากที่ปรึกษากฎหมาย การตรวจสอบความปลอดภัย และแรงกดดันจากผู้สนับสนุนหลัก อย่าง Shopify ที่ขู่ว่าจะถอนเงินสนับสนุนหากไม่ดำเนินการตามแผน

    ในขณะที่ความไว้วางใจของชุมชนถูกสั่นคลอน กลุ่มผู้ดูแลเดิมได้รวมตัวกันตั้งองค์กรใหม่ชื่อว่า Spinel ซึ่งเป็นสหกรณ์แบบ worker-owned โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างเครื่องมือใหม่ชื่อ “rv” ที่รวมความสามารถของ rvm, rbenv, bundler, rubygems และอื่น ๆ เข้าไว้ในเครื่องมือเดียว เพื่อคืนอำนาจให้กับนักพัฒนา และหลีกเลี่ยงการพึ่งพาผู้สนับสนุนที่อาจเปลี่ยนใจได้ทุกเมื่อ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Ruby Central ยึดสิทธิ์การดูแล GitHub ของ RubyGems และ Bundler โดยไม่แจ้งล่วงหน้า
    Marty Haught ถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าของใหม่โดยไม่มีการเห็นชอบจากผู้ดูแลเดิม
    ผู้ดูแลเดิมถูกลบสิทธิ์แอดมิน ปิดอีเมล และถอนสิทธิ์การเข้าถึง gem สำคัญ
    Ruby Central อ้างว่าการยึดอำนาจเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อความปลอดภัยของซัพพลายเชน
    Shopify ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยขู่ว่าจะถอนเงินสนับสนุน
    ผู้ดูแลเดิมรวมตัวกันตั้ง Spinel ซึ่งเป็นสหกรณ์แบบ worker-owned
    Spinel เปิดตัวเครื่องมือใหม่ชื่อ “rv” ที่รวมความสามารถของเครื่องมือ Ruby หลายตัว
    rv สามารถติดตั้ง Ruby และ gem ได้ในไม่กี่วินาที โดยไม่ต้องคอมไพล์
    Spinel ใช้โมเดล retainer กับบริษัท เพื่อความยั่งยืนโดยไม่พึ่งผู้สนับสนุนรายใหญ่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    RubyGems เป็นระบบจัดการแพ็กเกจที่สำคัญที่สุดในระบบนิเวศของ Ruby
    การโจมตีซัพพลายเชนใน npm และ PyPI เคยสร้างความเสียหายระดับโลกมาแล้ว
    การควบคุมโครงการโอเพ่นซอร์สโดยองค์กรเดียวอาจนำไปสู่การผูกขาดและลดความโปร่งใส
    Spinel มีผู้ร่วมก่อตั้งที่เคยดูแล Bundler, RubyGems และเป็นสมาชิกทีม Rails core
    rv ได้รับแรงบันดาลใจจาก uv, Homebrew, Cargo และ npm เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับนักพัฒนา

    https://news.itsfoss.com/corporate-takeover-of-ruby/
    💎 “RubyGems ถูกยึดครอง? เมื่อความมั่นคงของซัพพลายเชนกลายเป็นข้ออ้างในการล้มล้างชุมชนโอเพ่นซอร์ส” ในเดือนกันยายน 2025 โลกของ Ruby ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่เขย่ารากฐานของชุมชนโอเพ่นซอร์สอย่างรุนแรง เมื่อ Ruby Central ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ดูแลโครงการสำคัญอย่าง RubyGems และ Bundler ได้ดำเนินการยึดอำนาจจากผู้ดูแลระบบเดิมโดยไม่แจ้งล่วงหน้า เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อ Hiroshi Shibata (HSBT) เปลี่ยนชื่อ GitHub enterprise จาก “RubyGems” เป็น “Ruby Central” และเพิ่ม Marty Haught เป็นเจ้าของใหม่ พร้อมถอดสิทธิ์ผู้ดูแลเดิมทั้งหมดโดยไม่ปรึกษาใครเลย2 ต่อมาในวันที่ 18 กันยายน Haught ได้ลบสิทธิ์แอดมินของทีม RubyGems และ Bundler ทั้งหมด รวมถึงปิดอีเมลและถอนสิทธิ์การเข้าถึง gem สำคัญจากผู้ดูแลที่เคยรับผิดชอบมานานหลายปี เช่น André Arko และ Ellen Dash Ruby Central อ้างว่าการยึดอำนาจครั้งนี้เป็นเรื่อง “จำเป็น” เพื่อความมั่นคงของซัพพลายเชน โดยอ้างถึงคำแนะนำจากที่ปรึกษากฎหมาย การตรวจสอบความปลอดภัย และแรงกดดันจากผู้สนับสนุนหลัก อย่าง Shopify ที่ขู่ว่าจะถอนเงินสนับสนุนหากไม่ดำเนินการตามแผน ในขณะที่ความไว้วางใจของชุมชนถูกสั่นคลอน กลุ่มผู้ดูแลเดิมได้รวมตัวกันตั้งองค์กรใหม่ชื่อว่า Spinel ซึ่งเป็นสหกรณ์แบบ worker-owned โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างเครื่องมือใหม่ชื่อ “rv” ที่รวมความสามารถของ rvm, rbenv, bundler, rubygems และอื่น ๆ เข้าไว้ในเครื่องมือเดียว เพื่อคืนอำนาจให้กับนักพัฒนา และหลีกเลี่ยงการพึ่งพาผู้สนับสนุนที่อาจเปลี่ยนใจได้ทุกเมื่อ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Ruby Central ยึดสิทธิ์การดูแล GitHub ของ RubyGems และ Bundler โดยไม่แจ้งล่วงหน้า ➡️ Marty Haught ถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าของใหม่โดยไม่มีการเห็นชอบจากผู้ดูแลเดิม ➡️ ผู้ดูแลเดิมถูกลบสิทธิ์แอดมิน ปิดอีเมล และถอนสิทธิ์การเข้าถึง gem สำคัญ ➡️ Ruby Central อ้างว่าการยึดอำนาจเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อความปลอดภัยของซัพพลายเชน ➡️ Shopify ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยขู่ว่าจะถอนเงินสนับสนุน ➡️ ผู้ดูแลเดิมรวมตัวกันตั้ง Spinel ซึ่งเป็นสหกรณ์แบบ worker-owned ➡️ Spinel เปิดตัวเครื่องมือใหม่ชื่อ “rv” ที่รวมความสามารถของเครื่องมือ Ruby หลายตัว ➡️ rv สามารถติดตั้ง Ruby และ gem ได้ในไม่กี่วินาที โดยไม่ต้องคอมไพล์ ➡️ Spinel ใช้โมเดล retainer กับบริษัท เพื่อความยั่งยืนโดยไม่พึ่งผู้สนับสนุนรายใหญ่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ RubyGems เป็นระบบจัดการแพ็กเกจที่สำคัญที่สุดในระบบนิเวศของ Ruby ➡️ การโจมตีซัพพลายเชนใน npm และ PyPI เคยสร้างความเสียหายระดับโลกมาแล้ว ➡️ การควบคุมโครงการโอเพ่นซอร์สโดยองค์กรเดียวอาจนำไปสู่การผูกขาดและลดความโปร่งใส ➡️ Spinel มีผู้ร่วมก่อตั้งที่เคยดูแล Bundler, RubyGems และเป็นสมาชิกทีม Rails core ➡️ rv ได้รับแรงบันดาลใจจาก uv, Homebrew, Cargo และ npm เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับนักพัฒนา https://news.itsfoss.com/corporate-takeover-of-ruby/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • โครงสร้างสังคมยุคใหม่ 26-9 ..
    26/9/68
     ภาระหน้าที่ของรัฐ : หนุนช่วยภาคประชาชนและสร้างอาชีพให้กับประชาชน หมดปัญหาความเหลื่อมล้ำ-หมดปัญหาคนยากไร้
     ทั้งนี้เพื่อไม่เกิดปัญหาสังคมที่ครอบครัวแย่งชิงทรัพย์สมบัติกันเมื่อลูกหลานเติบโตขึ้น สายใยความรักแห่งครอบครัวและเครือญาติก็จะมั่นคงยั่งยืนและสุขใจ
     ปัญหาความขัดแย้งลูกจ้าง-นายจ้างก็จะหมดไป
     ปัญหาความโลภความเห็นแก่ตัวของนักการเมืองและส.ส.ก็จะสลายไป
     การเรียน เรียนที่ใจชอบ ไม่ชอบไม่ต้องเสียเวลาเรียน จบแล้วได้อาชีพทำเลย (มีระบบทดสอบตั้งแต่เตรียมอนุบาล ส่วนโตแล้วตอนมีความพร้อมและชอบอะไร จัดให้เลย)
     การค้ายาเสบติด และ คอร์รัปชั่น โทษติดคุกและถึงขั้นประหารชีวิต ต้องเฉียบขาด
    1. ก่อนอื่น ลดค่าครองชีพประชาชน สร้างกำลังซื้อ เกิดภาวะหมุนเวียน
    - บ้านพักฟรี สถานที่ประกอบอาชีพฟรี การศึกษาฟรี
    - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เป็นรายบุคคล
    - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เครืองมือพัฒนาจัดให้เลย เป็นคณะ นำโดยผู้นำ
    -สนองเครื่องเทคโนโลยี หุ้นส่วน+ภาครัฐ นำโดยผู้นำและผู้บริหาร

     ภาคประชาชน หนุนช่วยรัฐ :
    1.เมื่อปัจจัยพื้นฐานต่างๆในการประกอบอาชีพ ภาครัฐนั้นสนองให้ทั้งหมด
    ส่วนภาคประชาชน การหนุนช่วยต่อภาครัฐ คือ หน้าที่ เสียภาษีแก่รัฐ กิจการเล็ก-ใหญ่ล้วนต้องเสียภาษีตามยอดขาย โดยผ่านระบบคิวอาร์โค้ต เพื่อให้เงินภาษีไหลสู่การคลังทันที เพื่อให้ภาครัฐมีกำลังเงินคล่องตัวหมุนเวียน
    # อุทิศเพื่อสังคม : หนุนช่วยภาครัฐในด้านต่างๆ
    # สนับสนุนหนุนช่วยต่อชนรุ่นใหม่ อาชีพเกิดใหม่

    2.ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” ไม่ให้มีในประเทศไทย เช่น
    - ธุรกิจอสังหา
    - ธุรกิจซื้อขายที่ดิน
    -ธุรกิจตลาดหลักทรัพย์
    -ธุรกิจปล่อยกู้
    -ธุรกิจการธนาคารเอกชน (ยกเว้นภาครัฐ่)
    -ธุรกิจการศึกษาเอกชนทั้งปวง
    • นับตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมหาวิทยาลัยเอกชน อีกทั้ง มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ: รวมทั้งสอนพิเศษ (เป็นหน้าที่โดยรัฐ่เท่านั้น)
    2.1 ธุรกิจอสังหา ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจปล่อยกู้
    พักหนี้ทั้งหมด 3 ปี ภาครัฐจะชดเชยให้แทน

    หมายเหตุ โครงสร้างสังคมยุคใหม่ ที่เขียนมานี้ เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ช่วยกันคิด ช่วยกันเขียนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
    - โครงสร้างฯเขียนยังไม่ใช่ หรือยังไม่สมบูรณ์
    - เขียนสร้างใหม่ได้เลย
    - การเคลื่อนไหวต้องมีเข็มทิศรูปธรรมเป็นเป้าหมาย และเป็นเป้าหมายของการตั้งพรรคของเราด้วย
    - เมื่อ “สามสิ่งนี้พร้อม!” ประเทศไทยเปลี่ยน!
    - พลังของประชาชน (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร=ต่างมีความพร้อม) 1สิ่งพร้อม เข็มทิศเป้าหมายรูปธรรม (โครงสร้างสังคมยุคใหม่ตกผลึกกันแล้ว) 2สิ่งพร้อม พรรคการเมืองยุคใหม่
    ตั้งสำเร็จ คือ สิ่งที่3พร้อม
    สามสิ่งนี้ จะขาด จะหย่อนสิ่งใดไม่ได้
    - การเลือกตั้งครั้งนี้ ควรตั้ง “พรรคการเมืองยุคใหม่” ตั้งให้มีทุกจังหวัด ทุกอำเภอ
    a----------------------------------------------
    พรรคการเมืองเก่านอกจากฟาดฟันกันเอง และบ้านใหญ่บ้านโตเป็นพลังหนุน มีกำลังจำกัด
    ส่วน “พลังของประชาชน” เรา มีมากกว่าเขา “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่” ชนะแน่นอน

    โครงสร้างสังคมยุคใหม่ 26-9 .. 26/9/68  ภาระหน้าที่ของรัฐ : หนุนช่วยภาคประชาชนและสร้างอาชีพให้กับประชาชน หมดปัญหาความเหลื่อมล้ำ-หมดปัญหาคนยากไร้  ทั้งนี้เพื่อไม่เกิดปัญหาสังคมที่ครอบครัวแย่งชิงทรัพย์สมบัติกันเมื่อลูกหลานเติบโตขึ้น สายใยความรักแห่งครอบครัวและเครือญาติก็จะมั่นคงยั่งยืนและสุขใจ  ปัญหาความขัดแย้งลูกจ้าง-นายจ้างก็จะหมดไป  ปัญหาความโลภความเห็นแก่ตัวของนักการเมืองและส.ส.ก็จะสลายไป  การเรียน เรียนที่ใจชอบ ไม่ชอบไม่ต้องเสียเวลาเรียน จบแล้วได้อาชีพทำเลย (มีระบบทดสอบตั้งแต่เตรียมอนุบาล ส่วนโตแล้วตอนมีความพร้อมและชอบอะไร จัดให้เลย)  การค้ายาเสบติด และ คอร์รัปชั่น โทษติดคุกและถึงขั้นประหารชีวิต ต้องเฉียบขาด 1. ก่อนอื่น ลดค่าครองชีพประชาชน สร้างกำลังซื้อ เกิดภาวะหมุนเวียน - บ้านพักฟรี สถานที่ประกอบอาชีพฟรี การศึกษาฟรี - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เป็นรายบุคคล - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เครืองมือพัฒนาจัดให้เลย เป็นคณะ นำโดยผู้นำ -สนองเครื่องเทคโนโลยี หุ้นส่วน+ภาครัฐ นำโดยผู้นำและผู้บริหาร  ภาคประชาชน หนุนช่วยรัฐ : 1.เมื่อปัจจัยพื้นฐานต่างๆในการประกอบอาชีพ ภาครัฐนั้นสนองให้ทั้งหมด ส่วนภาคประชาชน การหนุนช่วยต่อภาครัฐ คือ หน้าที่ เสียภาษีแก่รัฐ กิจการเล็ก-ใหญ่ล้วนต้องเสียภาษีตามยอดขาย โดยผ่านระบบคิวอาร์โค้ต เพื่อให้เงินภาษีไหลสู่การคลังทันที เพื่อให้ภาครัฐมีกำลังเงินคล่องตัวหมุนเวียน # อุทิศเพื่อสังคม : หนุนช่วยภาครัฐในด้านต่างๆ # สนับสนุนหนุนช่วยต่อชนรุ่นใหม่ อาชีพเกิดใหม่ 2.ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” ไม่ให้มีในประเทศไทย เช่น - ธุรกิจอสังหา - ธุรกิจซื้อขายที่ดิน -ธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ -ธุรกิจปล่อยกู้ -ธุรกิจการธนาคารเอกชน (ยกเว้นภาครัฐ่) -ธุรกิจการศึกษาเอกชนทั้งปวง • นับตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมหาวิทยาลัยเอกชน อีกทั้ง มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ: รวมทั้งสอนพิเศษ (เป็นหน้าที่โดยรัฐ่เท่านั้น) 2.1 ธุรกิจอสังหา ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจปล่อยกู้ พักหนี้ทั้งหมด 3 ปี ภาครัฐจะชดเชยให้แทน หมายเหตุ โครงสร้างสังคมยุคใหม่ ที่เขียนมานี้ เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ช่วยกันคิด ช่วยกันเขียนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น - โครงสร้างฯเขียนยังไม่ใช่ หรือยังไม่สมบูรณ์ - เขียนสร้างใหม่ได้เลย - การเคลื่อนไหวต้องมีเข็มทิศรูปธรรมเป็นเป้าหมาย และเป็นเป้าหมายของการตั้งพรรคของเราด้วย - เมื่อ “สามสิ่งนี้พร้อม!” ประเทศไทยเปลี่ยน! - พลังของประชาชน (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร=ต่างมีความพร้อม) 1สิ่งพร้อม เข็มทิศเป้าหมายรูปธรรม (โครงสร้างสังคมยุคใหม่ตกผลึกกันแล้ว) 2สิ่งพร้อม พรรคการเมืองยุคใหม่ ตั้งสำเร็จ คือ สิ่งที่3พร้อม สามสิ่งนี้ จะขาด จะหย่อนสิ่งใดไม่ได้ - การเลือกตั้งครั้งนี้ ควรตั้ง “พรรคการเมืองยุคใหม่” ตั้งให้มีทุกจังหวัด ทุกอำเภอ a---------------------------------------------- พรรคการเมืองเก่านอกจากฟาดฟันกันเอง และบ้านใหญ่บ้านโตเป็นพลังหนุน มีกำลังจำกัด ส่วน “พลังของประชาชน” เรา มีมากกว่าเขา “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่” ชนะแน่นอน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • โครงสร้างสังคมยุคใหม่ 26-9 ..
    26/9/68
     ภาระหน้าที่ของรัฐ : หนุนช่วยภาคประชาชนและสร้างอาชีพให้กับประชาชน หมดปัญหาความเหลื่อมล้ำ-หมดปัญหาคนยากไร้
     ทั้งนี้เพื่อไม่เกิดปัญหาสังคมที่ครอบครัวแย่งชิงทรัพย์สมบัติกันเมื่อลูกหลานเติบโตขึ้น สายใยความรักแห่งครอบครัวและเครือญาติก็จะมั่นคงยั่งยืนและสุขใจ
     ปัญหาความขัดแย้งลูกจ้าง-นายจ้างก็จะหมดไป
     ปัญหาความโลภความเห็นแก่ตัวของนักการเมืองและส.ส.ก็จะสลายไป
     การเรียน เรียนที่ใจชอบ ไม่ชอบไม่ต้องเสียเวลาเรียน จบแล้วได้อาชีพทำเลย (มีระบบทดสอบตั้งแต่เตรียมอนุบาล ส่วนโตแล้วตอนมีความพร้อมและชอบอะไร จัดให้เลย)
     การค้ายาเสบติด และ คอร์รัปชั่น โทษติดคุกและถึงขั้นประหารชีวิต ต้องเฉียบขาด
    1. ก่อนอื่น ลดค่าครองชีพประชาชน สร้างกำลังซื้อ เกิดภาวะหมุนเวียน
    - บ้านพักฟรี สถานที่ประกอบอาชีพฟรี การศึกษาฟรี
    - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เป็นรายบุคคล
    - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เครืองมือพัฒนาจัดให้เลย เป็นคณะ นำโดยผู้นำ
    -สนองเครื่องเทคโนโลยี หุ้นส่วน+ภาครัฐ นำโดยผู้นำและผู้บริหาร

     ภาคประชาชน หนุนช่วยรัฐ :
    1.เมื่อปัจจัยพื้นฐานต่างๆในการประกอบอาชีพ ภาครัฐนั้นสนองให้ทั้งหมด
    ส่วนภาคประชาชน การหนุนช่วยต่อภาครัฐ คือ หน้าที่ เสียภาษีแก่รัฐ กิจการเล็ก-ใหญ่ล้วนต้องเสียภาษีตามยอดขาย โดยผ่านระบบคิวอาร์โค้ต เพื่อให้เงินภาษีไหลสู่การคลังทันที เพื่อให้ภาครัฐมีกำลังเงินคล่องตัวหมุนเวียน
    # อุทิศเพื่อสังคม : หนุนช่วยภาครัฐในด้านต่างๆ
    # สนับสนุนหนุนช่วยต่อชนรุ่นใหม่ อาชีพเกิดใหม่

    2.ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” ไม่ให้มีในประเทศไทย เช่น
    - ธุรกิจอสังหา
    - ธุรกิจซื้อขายที่ดิน
    -ธุรกิจตลาดหลักทรัพย์
    -ธุรกิจปล่อยกู้
    -ธุรกิจการธนาคารเอกชน (ยกเว้นภาครัฐ่)
    -ธุรกิจการศึกษาเอกชนทั้งปวง
    • นับตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมหาวิทยาลัยเอกชน อีกทั้ง มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ: รวมทั้งสอนพิเศษ (เป็นหน้าที่โดยรัฐ่เท่านั้น)
    2.1 ธุรกิจอสังหา ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจปล่อยกู้
    พักหนี้ทั้งหมด 3 ปี ภาครัฐจะชดเชยให้แทน

    หมายเหตุ โครงสร้างสังคมยุคใหม่ ที่เขียนมานี้ เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ช่วยกันคิด ช่วยกันเขียนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
    - โครงสร้างฯเขียนยังไม่ใช่ หรือยังไม่สมบูรณ์
    - เขียนสร้างใหม่ได้เลย
    - การเคลื่อนไหวต้องมีเข็มทิศรูปธรรมเป็นเป้าหมาย และเป็นเป้าหมายของการตั้งพรรคของเราด้วย
    - เมื่อ “สามสิ่งนี้พร้อม!” ประเทศไทยเปลี่ยน!
    - พลังของประชาชน (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร=ต่างมีความพร้อม) 1สิ่งพร้อม เข็มทิศเป้าหมายรูปธรรม (โครงสร้างสังคมยุคใหม่ตกผลึกกันแล้ว) 2สิ่งพร้อม พรรคการเมืองยุคใหม่
    ตั้งสำเร็จ คือ สิ่งที่3พร้อม
    สามสิ่งนี้ จะขาด จะหย่อนสิ่งใดไม่ได้
    - การเลือกตั้งครั้งนี้ ควรตั้ง “พรรคการเมืองยุคใหม่” ตั้งให้มีทุกจังหวัด ทุกอำเภอ
    a----------------------------------------------
    พรรคการเมืองเก่านอกจากฟาดฟันกันเอง และบ้านใหญ่บ้านโตเป็นพลังหนุน มีกำลังจำกัด
    ส่วน “พลังของประชาชน” เรา มีมากกว่าเขา “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่” ชนะแน่นอน






    โครงสร้างสังคมยุคใหม่ 26-9 .. 26/9/68  ภาระหน้าที่ของรัฐ : หนุนช่วยภาคประชาชนและสร้างอาชีพให้กับประชาชน หมดปัญหาความเหลื่อมล้ำ-หมดปัญหาคนยากไร้  ทั้งนี้เพื่อไม่เกิดปัญหาสังคมที่ครอบครัวแย่งชิงทรัพย์สมบัติกันเมื่อลูกหลานเติบโตขึ้น สายใยความรักแห่งครอบครัวและเครือญาติก็จะมั่นคงยั่งยืนและสุขใจ  ปัญหาความขัดแย้งลูกจ้าง-นายจ้างก็จะหมดไป  ปัญหาความโลภความเห็นแก่ตัวของนักการเมืองและส.ส.ก็จะสลายไป  การเรียน เรียนที่ใจชอบ ไม่ชอบไม่ต้องเสียเวลาเรียน จบแล้วได้อาชีพทำเลย (มีระบบทดสอบตั้งแต่เตรียมอนุบาล ส่วนโตแล้วตอนมีความพร้อมและชอบอะไร จัดให้เลย)  การค้ายาเสบติด และ คอร์รัปชั่น โทษติดคุกและถึงขั้นประหารชีวิต ต้องเฉียบขาด 1. ก่อนอื่น ลดค่าครองชีพประชาชน สร้างกำลังซื้อ เกิดภาวะหมุนเวียน - บ้านพักฟรี สถานที่ประกอบอาชีพฟรี การศึกษาฟรี - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เป็นรายบุคคล - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เครืองมือพัฒนาจัดให้เลย เป็นคณะ นำโดยผู้นำ -สนองเครื่องเทคโนโลยี หุ้นส่วน+ภาครัฐ นำโดยผู้นำและผู้บริหาร  ภาคประชาชน หนุนช่วยรัฐ : 1.เมื่อปัจจัยพื้นฐานต่างๆในการประกอบอาชีพ ภาครัฐนั้นสนองให้ทั้งหมด ส่วนภาคประชาชน การหนุนช่วยต่อภาครัฐ คือ หน้าที่ เสียภาษีแก่รัฐ กิจการเล็ก-ใหญ่ล้วนต้องเสียภาษีตามยอดขาย โดยผ่านระบบคิวอาร์โค้ต เพื่อให้เงินภาษีไหลสู่การคลังทันที เพื่อให้ภาครัฐมีกำลังเงินคล่องตัวหมุนเวียน # อุทิศเพื่อสังคม : หนุนช่วยภาครัฐในด้านต่างๆ # สนับสนุนหนุนช่วยต่อชนรุ่นใหม่ อาชีพเกิดใหม่ 2.ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” ไม่ให้มีในประเทศไทย เช่น - ธุรกิจอสังหา - ธุรกิจซื้อขายที่ดิน -ธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ -ธุรกิจปล่อยกู้ -ธุรกิจการธนาคารเอกชน (ยกเว้นภาครัฐ่) -ธุรกิจการศึกษาเอกชนทั้งปวง • นับตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมหาวิทยาลัยเอกชน อีกทั้ง มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ: รวมทั้งสอนพิเศษ (เป็นหน้าที่โดยรัฐ่เท่านั้น) 2.1 ธุรกิจอสังหา ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจปล่อยกู้ พักหนี้ทั้งหมด 3 ปี ภาครัฐจะชดเชยให้แทน หมายเหตุ โครงสร้างสังคมยุคใหม่ ที่เขียนมานี้ เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ช่วยกันคิด ช่วยกันเขียนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น - โครงสร้างฯเขียนยังไม่ใช่ หรือยังไม่สมบูรณ์ - เขียนสร้างใหม่ได้เลย - การเคลื่อนไหวต้องมีเข็มทิศรูปธรรมเป็นเป้าหมาย และเป็นเป้าหมายของการตั้งพรรคของเราด้วย - เมื่อ “สามสิ่งนี้พร้อม!” ประเทศไทยเปลี่ยน! - พลังของประชาชน (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร=ต่างมีความพร้อม) 1สิ่งพร้อม เข็มทิศเป้าหมายรูปธรรม (โครงสร้างสังคมยุคใหม่ตกผลึกกันแล้ว) 2สิ่งพร้อม พรรคการเมืองยุคใหม่ ตั้งสำเร็จ คือ สิ่งที่3พร้อม สามสิ่งนี้ จะขาด จะหย่อนสิ่งใดไม่ได้ - การเลือกตั้งครั้งนี้ ควรตั้ง “พรรคการเมืองยุคใหม่” ตั้งให้มีทุกจังหวัด ทุกอำเภอ a---------------------------------------------- พรรคการเมืองเก่านอกจากฟาดฟันกันเอง และบ้านใหญ่บ้านโตเป็นพลังหนุน มีกำลังจำกัด ส่วน “พลังของประชาชน” เรา มีมากกว่าเขา “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่” ชนะแน่นอน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • “องอาจ วงษ์ประยูร“รมช.ศธ. คนใหม่ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนเริ่มงาน เผย พร้อมทำงานร่วมกับทุกฝ่าย

    วันที่ 25 กันยายน 2568 เวลา 09.00 น. นายองอาจ วงษ์ประยูร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) พร้อมด้วยนายสุธี พงษ์เพียรชอบ คณะทำงาน ได้เดินทางเข้ากระทรวงศึกษาธิการอย่างเป็นทางการ โดยได้เริ่มต้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยการเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อความเป็นสิริมงคล อาทิ พระพุทธรูปประจำกระทรวงศึกษาธิการ “พระพุทธบารมีศักดิ์สิทธิ์ สยามิศรจักรีสัฏฐีอนุสรณ์ ศึกษาทรรังสรรค์”, ศาลพระภูมิ, พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6, พระพุทธรูปหน้า สอศ. และศาลปู่เจียม

    จากนั้น นายองอาจและคณะ ได้เดินทางเข้าห้องทำงานรัฐมนตรี โดยมีนายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และคณะผู้บริหาร รวมทั้งข้าราชการและเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ

    โดย นายองอาจ กล่าวว่า การศึกษาคือ รากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ ตนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่าย เพื่อยกระดับการศึกษาไทยให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
    “องอาจ วงษ์ประยูร“รมช.ศธ. คนใหม่ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนเริ่มงาน เผย พร้อมทำงานร่วมกับทุกฝ่าย วันที่ 25 กันยายน 2568 เวลา 09.00 น. นายองอาจ วงษ์ประยูร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) พร้อมด้วยนายสุธี พงษ์เพียรชอบ คณะทำงาน ได้เดินทางเข้ากระทรวงศึกษาธิการอย่างเป็นทางการ โดยได้เริ่มต้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยการเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อความเป็นสิริมงคล อาทิ พระพุทธรูปประจำกระทรวงศึกษาธิการ “พระพุทธบารมีศักดิ์สิทธิ์ สยามิศรจักรีสัฏฐีอนุสรณ์ ศึกษาทรรังสรรค์”, ศาลพระภูมิ, พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6, พระพุทธรูปหน้า สอศ. และศาลปู่เจียม จากนั้น นายองอาจและคณะ ได้เดินทางเข้าห้องทำงานรัฐมนตรี โดยมีนายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และคณะผู้บริหาร รวมทั้งข้าราชการและเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ โดย นายองอาจ กล่าวว่า การศึกษาคือ รากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ ตนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่าย เพื่อยกระดับการศึกษาไทยให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Open Source Summit Korea 2025 — จุดตัดของโค้ด ชุมชน และอนาคตดิจิทัลโลก”

    วันที่ 4–5 พฤศจิกายน 2025 กรุงโซลจะกลายเป็นศูนย์กลางของโลกโอเพ่นซอร์สอีกครั้ง กับงาน Open Source Summit Korea 2025 ที่จัดโดย Linux Foundation ซึ่งปีนี้เน้นการรวมตัวของนักพัฒนา ผู้นำชุมชน และองค์กรเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อแลกเปลี่ยนไอเดีย ผลักดันนวัตกรรม และสร้างความร่วมมือใหม่ ๆ ในยุคที่โอเพ่นซอร์สไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของโลกดิจิทัล

    งานนี้มี 7 แทร็กหลักที่ครอบคลุมทุกมิติของเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์ส ตั้งแต่ Cloud & Containers, Embedded Linux, Linux Kernel, AI + Data, Open Source Leadership, Operations Management ไปจนถึง Safety-Critical Software ที่ใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง เช่น การบินและการแพทย์

    กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยเวิร์กช็อปแบบลงมือจริง, การบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญ, Showcase โซลูชันใหม่ ๆ และกิจกรรมสร้างเครือข่ายอย่าง Tux Trek ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้พบปะแลกเปลี่ยนกันอย่างไม่เป็นทางการ

    ผู้บรรยายในปีนี้มีทั้ง Linus Torvalds ผู้สร้าง Linux และ Git, Jung-Woo Ha เลขาธิการฝ่าย AI ของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และ Dirk Hohndel หัวหน้า Open Source Program Office ซึ่งจะร่วมกันสะท้อนภาพรวมของโอเพ่นซอร์สในระดับโลกและระดับประเทศ

    นอกจากเนื้อหาทางเทคนิคแล้ว งานนี้ยังเน้นการสร้างความเข้าใจเรื่องการนำโอเพ่นซอร์สไปใช้ในองค์กรอย่างยั่งยืน เช่น การจัดตั้ง OSPO (Open Source Program Office), การบริหารโครงการแบบกระจาย และการจัดการความปลอดภัยในซัพพลายเชนซอฟต์แวร์

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    งานจัดขึ้นวันที่ 4–5 พฤศจิกายน 2025 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
    เป็นเวทีรวมตัวของนักพัฒนา ผู้นำชุมชน และองค์กรเทคโนโลยีระดับโลก
    มี 7 แทร็กหลัก ได้แก่ Cloud, Embedded Linux, Linux, AI + Data, Leadership, Operations, Safety-Critical
    มีกิจกรรมเวิร์กช็อป, Showcase, Keynote และ Tux Trek สำหรับสร้างเครือข่าย
    ผู้บรรยายเด่น ได้แก่ Linus Torvalds, Jung-Woo Ha และ Dirk Hohndel
    เน้นการนำโอเพ่นซอร์สไปใช้ในองค์กรผ่าน OSPO และการจัดการความปลอดภัย
    โซลเป็นเมืองเทคโนโลยีที่เหมาะกับการจัดงานระดับโลก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    OSPO คือหน่วยงานภายในองค์กรที่ดูแลการใช้และสนับสนุนโอเพ่นซอร์สอย่างเป็นระบบ
    Linux Foundation เป็นองค์กรหลักที่ผลักดันโอเพ่นซอร์สในระดับโลก
    Tux Trek เป็นกิจกรรมสร้างเครือข่ายที่ได้รับความนิยมในงาน Summit ทั่วโลก
    Safety-Critical Software ถูกใช้ในระบบที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น รถยนต์ไร้คนขับและระบบทางการแพทย์
    AI + Open Source เป็นแนวโน้มสำคัญที่ผลักดันการพัฒนาโมเดลแบบโปร่งใสและตรวจสอบได้

    https://news.itsfoss.com/open-source-summit-korea-2025/
    🌐 “Open Source Summit Korea 2025 — จุดตัดของโค้ด ชุมชน และอนาคตดิจิทัลโลก” วันที่ 4–5 พฤศจิกายน 2025 กรุงโซลจะกลายเป็นศูนย์กลางของโลกโอเพ่นซอร์สอีกครั้ง กับงาน Open Source Summit Korea 2025 ที่จัดโดย Linux Foundation ซึ่งปีนี้เน้นการรวมตัวของนักพัฒนา ผู้นำชุมชน และองค์กรเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อแลกเปลี่ยนไอเดีย ผลักดันนวัตกรรม และสร้างความร่วมมือใหม่ ๆ ในยุคที่โอเพ่นซอร์สไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของโลกดิจิทัล งานนี้มี 7 แทร็กหลักที่ครอบคลุมทุกมิติของเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์ส ตั้งแต่ Cloud & Containers, Embedded Linux, Linux Kernel, AI + Data, Open Source Leadership, Operations Management ไปจนถึง Safety-Critical Software ที่ใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง เช่น การบินและการแพทย์ กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยเวิร์กช็อปแบบลงมือจริง, การบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญ, Showcase โซลูชันใหม่ ๆ และกิจกรรมสร้างเครือข่ายอย่าง Tux Trek ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้พบปะแลกเปลี่ยนกันอย่างไม่เป็นทางการ ผู้บรรยายในปีนี้มีทั้ง Linus Torvalds ผู้สร้าง Linux และ Git, Jung-Woo Ha เลขาธิการฝ่าย AI ของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และ Dirk Hohndel หัวหน้า Open Source Program Office ซึ่งจะร่วมกันสะท้อนภาพรวมของโอเพ่นซอร์สในระดับโลกและระดับประเทศ นอกจากเนื้อหาทางเทคนิคแล้ว งานนี้ยังเน้นการสร้างความเข้าใจเรื่องการนำโอเพ่นซอร์สไปใช้ในองค์กรอย่างยั่งยืน เช่น การจัดตั้ง OSPO (Open Source Program Office), การบริหารโครงการแบบกระจาย และการจัดการความปลอดภัยในซัพพลายเชนซอฟต์แวร์ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ งานจัดขึ้นวันที่ 4–5 พฤศจิกายน 2025 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ➡️ เป็นเวทีรวมตัวของนักพัฒนา ผู้นำชุมชน และองค์กรเทคโนโลยีระดับโลก ➡️ มี 7 แทร็กหลัก ได้แก่ Cloud, Embedded Linux, Linux, AI + Data, Leadership, Operations, Safety-Critical ➡️ มีกิจกรรมเวิร์กช็อป, Showcase, Keynote และ Tux Trek สำหรับสร้างเครือข่าย ➡️ ผู้บรรยายเด่น ได้แก่ Linus Torvalds, Jung-Woo Ha และ Dirk Hohndel ➡️ เน้นการนำโอเพ่นซอร์สไปใช้ในองค์กรผ่าน OSPO และการจัดการความปลอดภัย ➡️ โซลเป็นเมืองเทคโนโลยีที่เหมาะกับการจัดงานระดับโลก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ OSPO คือหน่วยงานภายในองค์กรที่ดูแลการใช้และสนับสนุนโอเพ่นซอร์สอย่างเป็นระบบ ➡️ Linux Foundation เป็นองค์กรหลักที่ผลักดันโอเพ่นซอร์สในระดับโลก ➡️ Tux Trek เป็นกิจกรรมสร้างเครือข่ายที่ได้รับความนิยมในงาน Summit ทั่วโลก ➡️ Safety-Critical Software ถูกใช้ในระบบที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น รถยนต์ไร้คนขับและระบบทางการแพทย์ ➡️ AI + Open Source เป็นแนวโน้มสำคัญที่ผลักดันการพัฒนาโมเดลแบบโปร่งใสและตรวจสอบได้ https://news.itsfoss.com/open-source-summit-korea-2025/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    Open Source Summit Korea
    Open Source Summit is a fundamental gathering place for exchanging ideas across projects and meeting all of the people who make open source communities work.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Microsoft เปิดตลาดซื้อขายคอนเทนต์ AI กับสื่อมวลชน — เปลี่ยนโมเดลจากการดึงฟรี สู่การจ่ายจริงเพื่อความยั่งยืน”

    ในยุคที่ AI ถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องการนำเนื้อหาจากเว็บไซต์และสื่อมวลชนไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต Microsoft ประกาศเปิดตัวโครงการนำร่องใหม่ที่พลิกแนวทางเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยจะจ่ายเงินให้กับผู้ผลิตเนื้อหาเพื่อแลกกับสิทธิ์ในการนำข้อมูลไปใช้ฝึกโมเดล AI และตอบคำถามผ่าน Copilot

    โครงการนี้จะเริ่มจากการเจรจากับสื่อในสหรัฐฯ เพื่อสร้าง “ตลาดสองฝั่ง” ที่ผู้ผลิตเนื้อหาสามารถขายสิทธิ์การใช้งานให้กับ Microsoft ได้โดยตรง โดย Copilot จะเป็นผู้ซื้อรายแรกในระบบนี้ ซึ่ง Microsoft มองว่าเป็นก้าวแรกสู่โมเดลธุรกิจ AI ที่ยั่งยืนและเป็นธรรม

    Microsoft ระบุว่า AI ไม่สามารถให้คำตอบที่แม่นยำและมีคุณภาพได้ หากไม่มีเนื้อหาต้นฉบับจากผู้ผลิตข่าวสาร และย้ำว่า “คุณสมควรได้รับค่าตอบแทนตามคุณภาพของทรัพย์สินทางปัญญา” พร้อมประกาศว่าจะร่วมพัฒนาเครื่องมือ นโยบาย และโมเดลราคาใหม่สำหรับการซื้อขายเนื้อหาในระบบ PCM (Publisher Content Monetization)

    แม้ยังไม่มีไทม์ไลน์เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ Microsoft ได้เริ่มทดลองภายในกับพันธมิตรบางราย และมีแผนขยายไปยังผลิตภัณฑ์ AI อื่น ๆ ในอนาคต โดยแนวทางนี้แตกต่างจากคู่แข่งอย่าง Google ที่ยังไม่มีข้อตกลงจ่ายเงินให้กับผู้ผลิตเนื้อหา แม้จะใช้ข้อมูลจากเว็บไซต์ในการสร้าง AI Overviews ซึ่งส่งผลให้หลายสื่อสูญเสียทราฟฟิกและรายได้โฆษณาอย่างหนัก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Microsoft เปิดโครงการนำร่องจ่ายเงินให้ผู้ผลิตเนื้อหาเพื่อใช้ใน AI
    เริ่มจากการเจรจากับสื่อในสหรัฐฯ เพื่อสร้างตลาดสองฝั่งระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้ AI
    Copilot จะเป็นผู้ซื้อรายแรกในระบบ Publisher Content Marketplace
    Microsoft จะร่วมพัฒนาเครื่องมือ นโยบาย และโมเดลราคาสำหรับ PCM
    เน้นความยั่งยืนของระบบ AI โดยให้ค่าตอบแทนแก่ผู้ผลิตเนื้อหา
    ยังไม่มีไทม์ไลน์เปิดตัว แต่เริ่มทดลองกับพันธมิตรบางรายแล้ว
    มีแผนขยายไปยังผลิตภัณฑ์ AI อื่น ๆ ของ Microsoft ในอนาคต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Cloudflare กำลังพัฒนาเครื่องมือให้เว็บไซต์บล็อก AI scrapers และเสนอโมเดลการจ่ายเงินเช่นกัน
    Google ยังไม่มีข้อตกลงจ่ายเงินให้สื่อ แต่ใช้เนื้อหาในการสร้าง AI Overviews
    สื่อหลายแห่งฟ้อง Google ฐานละเมิดลิขสิทธิ์และทำให้ทราฟฟิกลดลง
    การสร้างตลาดคอนเทนต์ AI อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรม
    Microsoft เคยเซ็นสัญญากับบางสื่อเพื่อเข้าถึงเนื้อหาอย่างถูกต้องมาแล้ว

    https://securityonline.info/microsoft-to-pay-publishers-for-ai-content-in-new-pilot-program/
    📰 “Microsoft เปิดตลาดซื้อขายคอนเทนต์ AI กับสื่อมวลชน — เปลี่ยนโมเดลจากการดึงฟรี สู่การจ่ายจริงเพื่อความยั่งยืน” ในยุคที่ AI ถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องการนำเนื้อหาจากเว็บไซต์และสื่อมวลชนไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต Microsoft ประกาศเปิดตัวโครงการนำร่องใหม่ที่พลิกแนวทางเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยจะจ่ายเงินให้กับผู้ผลิตเนื้อหาเพื่อแลกกับสิทธิ์ในการนำข้อมูลไปใช้ฝึกโมเดล AI และตอบคำถามผ่าน Copilot โครงการนี้จะเริ่มจากการเจรจากับสื่อในสหรัฐฯ เพื่อสร้าง “ตลาดสองฝั่ง” ที่ผู้ผลิตเนื้อหาสามารถขายสิทธิ์การใช้งานให้กับ Microsoft ได้โดยตรง โดย Copilot จะเป็นผู้ซื้อรายแรกในระบบนี้ ซึ่ง Microsoft มองว่าเป็นก้าวแรกสู่โมเดลธุรกิจ AI ที่ยั่งยืนและเป็นธรรม Microsoft ระบุว่า AI ไม่สามารถให้คำตอบที่แม่นยำและมีคุณภาพได้ หากไม่มีเนื้อหาต้นฉบับจากผู้ผลิตข่าวสาร และย้ำว่า “คุณสมควรได้รับค่าตอบแทนตามคุณภาพของทรัพย์สินทางปัญญา” พร้อมประกาศว่าจะร่วมพัฒนาเครื่องมือ นโยบาย และโมเดลราคาใหม่สำหรับการซื้อขายเนื้อหาในระบบ PCM (Publisher Content Monetization) แม้ยังไม่มีไทม์ไลน์เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ Microsoft ได้เริ่มทดลองภายในกับพันธมิตรบางราย และมีแผนขยายไปยังผลิตภัณฑ์ AI อื่น ๆ ในอนาคต โดยแนวทางนี้แตกต่างจากคู่แข่งอย่าง Google ที่ยังไม่มีข้อตกลงจ่ายเงินให้กับผู้ผลิตเนื้อหา แม้จะใช้ข้อมูลจากเว็บไซต์ในการสร้าง AI Overviews ซึ่งส่งผลให้หลายสื่อสูญเสียทราฟฟิกและรายได้โฆษณาอย่างหนัก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Microsoft เปิดโครงการนำร่องจ่ายเงินให้ผู้ผลิตเนื้อหาเพื่อใช้ใน AI ➡️ เริ่มจากการเจรจากับสื่อในสหรัฐฯ เพื่อสร้างตลาดสองฝั่งระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้ AI ➡️ Copilot จะเป็นผู้ซื้อรายแรกในระบบ Publisher Content Marketplace ➡️ Microsoft จะร่วมพัฒนาเครื่องมือ นโยบาย และโมเดลราคาสำหรับ PCM ➡️ เน้นความยั่งยืนของระบบ AI โดยให้ค่าตอบแทนแก่ผู้ผลิตเนื้อหา ➡️ ยังไม่มีไทม์ไลน์เปิดตัว แต่เริ่มทดลองกับพันธมิตรบางรายแล้ว ➡️ มีแผนขยายไปยังผลิตภัณฑ์ AI อื่น ๆ ของ Microsoft ในอนาคต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Cloudflare กำลังพัฒนาเครื่องมือให้เว็บไซต์บล็อก AI scrapers และเสนอโมเดลการจ่ายเงินเช่นกัน ➡️ Google ยังไม่มีข้อตกลงจ่ายเงินให้สื่อ แต่ใช้เนื้อหาในการสร้าง AI Overviews ➡️ สื่อหลายแห่งฟ้อง Google ฐานละเมิดลิขสิทธิ์และทำให้ทราฟฟิกลดลง ➡️ การสร้างตลาดคอนเทนต์ AI อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรม ➡️ Microsoft เคยเซ็นสัญญากับบางสื่อเพื่อเข้าถึงเนื้อหาอย่างถูกต้องมาแล้ว https://securityonline.info/microsoft-to-pay-publishers-for-ai-content-in-new-pilot-program/
    SECURITYONLINE.INFO
    Microsoft to Pay Publishers for AI Content in New Pilot Program
    Microsoft is reportedly building a pilot program to pay publishers when their content is used by its AI, signaling a new path for content monetization.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • “OpenSSF เตือนหนัก: โครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สไม่ใช่ของฟรี — ถึงเวลาที่องค์กรต้องจ่ายคืนให้ระบบที่พวกเขาพึ่งพา”

    Open Source Security Foundation (OpenSSF) พร้อมด้วยมูลนิธิซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สชั้นนำ เช่น Eclipse, Python, Rust, OpenJS และ Sonatype ได้ออกแถลงการณ์ร่วมในเดือนกันยายน 2025 เพื่อประกาศจุดยืนว่า “โอเพ่นซอร์สไม่ใช่บริการฟรี” และเตือนว่าโครงสร้างพื้นฐานที่ขับเคลื่อนซอฟต์แวร์ทั่วโลกกำลังเข้าสู่ภาวะไม่ยั่งยืน

    องค์กรเหล่านี้ต้องรับภาระการดาวน์โหลดแพ็กเกจระดับ “หลายล้านล้านครั้งต่อเดือน” โดยไม่มีรายได้ที่สอดคล้องกับการใช้งานจริง ส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาการบริจาค, เงินทุนจากผู้สนับสนุนไม่กี่ราย และแรงงานอาสาสมัคร ซึ่งไม่สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะจากระบบ CI/CD, container builds และ AI agents ที่สแกน repository แบบอัตโนมัติ

    OpenSSF ชี้ว่าโครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สไม่ใช่แค่ package registry แต่ยังรวมถึงระบบ build, test, deploy, CDN, cloud storage และระบบความปลอดภัยที่ต้องทำงานตลอดเวลา — ทั้งหมดนี้มีต้นทุนที่องค์กรผู้ใช้งานจำนวนมากไม่ได้แบกรับ

    เพื่อแก้ปัญหา OpenSSF เสนอแนวทางใหม่ เช่น การสร้างโมเดล “tiered access” ที่ให้บริการฟรีสำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่คิดค่าบริการสำหรับองค์กรขนาดใหญ่, การจับมือกับภาคธุรกิจเพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานตามสัดส่วนการใช้งาน, และการเพิ่มบริการเสริมเชิงพาณิชย์ เช่น analytics หรือ SLA ที่มีความน่าเชื่อถือสูง

    แม้สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ OpenSSF เตือนว่า หากไม่มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ระบบที่เป็นรากฐานของซอฟต์แวร์ทั่วโลกอาจล่มสลายได้ในอนาคตอันใกล้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    OpenSSF และมูลนิธิซอฟต์แวร์หลายแห่งออกแถลงการณ์ร่วมเตือนเรื่องความยั่งยืนของโอเพ่นซอร์ส
    โครงสร้างพื้นฐานรองรับการดาวน์โหลดหลายล้านล้านครั้งต่อเดือน แต่ยังพึ่งพาการบริจาค
    ระบบที่เกี่ยวข้องรวมถึง build, test, deploy, CDN, cloud และระบบความปลอดภัย
    ปริมาณการใช้งานจากระบบอัตโนมัติ เช่น CI/CD และ AI agents เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    OpenSSF เสนอโมเดล tiered access และความร่วมมือเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างรายได้
    มีการเสนอให้เพิ่มบริการเสริม เช่น analytics และ SLA สำหรับองค์กร
    แถลงการณ์ร่วมลงนามโดย Eclipse, Python, Rust, OpenJS, Sonatype และอื่น ๆ
    สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบโอเพ่นซอร์ส

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    GitHub เคยเสนอให้รัฐบาลมองโอเพ่นซอร์สเป็น “โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล” และสนับสนุนงบประมาณ
    EU เสนอ Sovereign Tech Fund มูลค่า €350 ล้านเพื่อสนับสนุนโอเพ่นซอร์ส
    โครงการ Asahi Linux เคยประสบปัญหาบุคลากรลาออกเพราะความเหนื่อยล้าและขาดทุนสนับสนุน
    Bruce Perens เสนอ “Post-Open Zero Cost License” เพื่อบังคับให้บริษัทที่ใช้โอเพ่นซอร์สต้องจ่าย
    โครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สมีบทบาทสำคัญในระบบความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ทั่วโลก

    https://securityonline.info/openssf-warns-open-source-software-is-not-a-free-service/
    🌍 “OpenSSF เตือนหนัก: โครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สไม่ใช่ของฟรี — ถึงเวลาที่องค์กรต้องจ่ายคืนให้ระบบที่พวกเขาพึ่งพา” Open Source Security Foundation (OpenSSF) พร้อมด้วยมูลนิธิซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สชั้นนำ เช่น Eclipse, Python, Rust, OpenJS และ Sonatype ได้ออกแถลงการณ์ร่วมในเดือนกันยายน 2025 เพื่อประกาศจุดยืนว่า “โอเพ่นซอร์สไม่ใช่บริการฟรี” และเตือนว่าโครงสร้างพื้นฐานที่ขับเคลื่อนซอฟต์แวร์ทั่วโลกกำลังเข้าสู่ภาวะไม่ยั่งยืน องค์กรเหล่านี้ต้องรับภาระการดาวน์โหลดแพ็กเกจระดับ “หลายล้านล้านครั้งต่อเดือน” โดยไม่มีรายได้ที่สอดคล้องกับการใช้งานจริง ส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาการบริจาค, เงินทุนจากผู้สนับสนุนไม่กี่ราย และแรงงานอาสาสมัคร ซึ่งไม่สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะจากระบบ CI/CD, container builds และ AI agents ที่สแกน repository แบบอัตโนมัติ OpenSSF ชี้ว่าโครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สไม่ใช่แค่ package registry แต่ยังรวมถึงระบบ build, test, deploy, CDN, cloud storage และระบบความปลอดภัยที่ต้องทำงานตลอดเวลา — ทั้งหมดนี้มีต้นทุนที่องค์กรผู้ใช้งานจำนวนมากไม่ได้แบกรับ เพื่อแก้ปัญหา OpenSSF เสนอแนวทางใหม่ เช่น การสร้างโมเดล “tiered access” ที่ให้บริการฟรีสำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่คิดค่าบริการสำหรับองค์กรขนาดใหญ่, การจับมือกับภาคธุรกิจเพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานตามสัดส่วนการใช้งาน, และการเพิ่มบริการเสริมเชิงพาณิชย์ เช่น analytics หรือ SLA ที่มีความน่าเชื่อถือสูง แม้สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ OpenSSF เตือนว่า หากไม่มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ระบบที่เป็นรากฐานของซอฟต์แวร์ทั่วโลกอาจล่มสลายได้ในอนาคตอันใกล้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ OpenSSF และมูลนิธิซอฟต์แวร์หลายแห่งออกแถลงการณ์ร่วมเตือนเรื่องความยั่งยืนของโอเพ่นซอร์ส ➡️ โครงสร้างพื้นฐานรองรับการดาวน์โหลดหลายล้านล้านครั้งต่อเดือน แต่ยังพึ่งพาการบริจาค ➡️ ระบบที่เกี่ยวข้องรวมถึง build, test, deploy, CDN, cloud และระบบความปลอดภัย ➡️ ปริมาณการใช้งานจากระบบอัตโนมัติ เช่น CI/CD และ AI agents เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ➡️ OpenSSF เสนอโมเดล tiered access และความร่วมมือเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างรายได้ ➡️ มีการเสนอให้เพิ่มบริการเสริม เช่น analytics และ SLA สำหรับองค์กร ➡️ แถลงการณ์ร่วมลงนามโดย Eclipse, Python, Rust, OpenJS, Sonatype และอื่น ๆ ➡️ สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบโอเพ่นซอร์ส ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ GitHub เคยเสนอให้รัฐบาลมองโอเพ่นซอร์สเป็น “โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล” และสนับสนุนงบประมาณ ➡️ EU เสนอ Sovereign Tech Fund มูลค่า €350 ล้านเพื่อสนับสนุนโอเพ่นซอร์ส ➡️ โครงการ Asahi Linux เคยประสบปัญหาบุคลากรลาออกเพราะความเหนื่อยล้าและขาดทุนสนับสนุน ➡️ Bruce Perens เสนอ “Post-Open Zero Cost License” เพื่อบังคับให้บริษัทที่ใช้โอเพ่นซอร์สต้องจ่าย ➡️ โครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สมีบทบาทสำคัญในระบบความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ทั่วโลก https://securityonline.info/openssf-warns-open-source-software-is-not-a-free-service/
    SECURITYONLINE.INFO
    OpenSSF Warns: Open Source Software Is Not a Free Service
    OpenSSF and other foundations warn that they can no longer be the unpaid gatekeepers of the software supply chain and that enterprises must contribute financially.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI โตเร็วเกินทุน — รายงานชี้ต้องมีรายได้ $2 ล้านล้านต่อปีถึงจะพอเลี้ยงระบบ แต่ยังขาดอีก $800 พันล้านทั่วโลก”

    รายงานล่าสุดจาก Bain & Company เปิดเผยว่าอุตสาหกรรม AI กำลังเติบโตเร็วกว่าที่โครงสร้างพื้นฐานจะรองรับได้ โดยเฉพาะในด้านพลังงานและฮาร์ดแวร์ รายงานระบุว่าเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการด้านการประมวลผล AI ได้อย่างยั่งยืนภายในปี 2030 โลกจะต้องมีรายได้จาก AI สูงถึง $2 ล้านล้านต่อปี แต่แม้จะมองในแง่ดี ก็ยังขาดอยู่ถึง $800 พันล้าน

    ความต้องการ compute สำหรับ AI ทั้งการฝึกโมเดลและการใช้งานจริง (inference) เติบโตเร็วกว่ากฎของ Moore’s Law ถึง 2 เท่า ทำให้ผู้ให้บริการ data center ต้องขยายระบบแบบ brute-force โดยไม่สามารถพึ่งพาประสิทธิภาพของชิปได้อีกต่อไป คาดว่าภายในปี 2030 ความต้องการพลังงานของ AI จะสูงถึง 200 กิกะวัตต์ โดยครึ่งหนึ่งอยู่ในสหรัฐฯ

    รายงานยังเตือนว่าการขาดแคลน GPU, หน่วยความจำ HBM, และเทคโนโลยี CoWoS จะยังคงเป็นปัญหาไปอีกหลายปี แม้บริษัทใหญ่จะลงทุนมหาศาล เช่น Microsoft ที่เพิ่มงบสร้าง data center ในรัฐวิสคอนซินเป็น $7 พันล้าน หรือ xAI ของ Elon Musk ที่ตั้งเป้าจะใช้ GPU เทียบเท่า H100 ถึง 50 ล้านตัวภายใน 5 ปี

    หากเงินทุนไม่พอ อุตสาหกรรมจะหันไปใช้ระบบที่ให้ผลตอบแทนต่อวัตต์และพื้นที่สูงที่สุด เช่น rack GPU ขนาดใหญ่ของ Nvidia และ AMD ซึ่งอาจทำให้ชิประดับ workstation หายากขึ้น และส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไป

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AI ต้องการรายได้ $2 ล้านล้านต่อปีเพื่อรองรับการเติบโตภายในปี 2030
    แม้มองในแง่ดี ยังขาดทุนอยู่ $800 พันล้าน
    ความต้องการ compute เติบโตเร็วกว่าประสิทธิภาพชิปถึง 2 เท่า
    คาดว่า AI จะใช้พลังงานถึง 200 กิกะวัตต์ โดยครึ่งหนึ่งอยู่ในสหรัฐฯ
    GPU, HBM, และ CoWoS ยังขาดแคลนต่อเนื่อง
    Microsoft ลงทุน $7 พันล้านใน data center ใหม่ในวิสคอนซิน
    xAI ตั้งเป้าใช้ GPU เทียบเท่า H100 ถึง 50 ล้านตัวภายใน 5 ปี
    ระบบ rack GPU เช่น GB200 NVL72 และ MI300X จะได้รับความสำคัญมากขึ้น
    การประมวลผลที่ edge เช่น laptop ที่มี NPU จะได้รับความนิยมมากขึ้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Moore’s Law คือหลักการที่ประสิทธิภาพของชิปจะเพิ่มขึ้นทุก 2 ปี แต่เริ่มชะลอตัวแล้ว
    HBM (High Bandwidth Memory) เป็นหน่วยความจำที่จำเป็นสำหรับงาน AI ขนาดใหญ่
    CoWoS (Chip-on-Wafer-on-Substrate) เป็นเทคโนโลยีเชื่อมต่อชิปที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
    Edge AI ช่วยลดค่าใช้จ่ายและ latency โดยไม่ต้องพึ่ง cloud
    Sovereign AI กลายเป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติในหลายประเทศ เช่น จีน สหรัฐฯ และ EU

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/bain-says-compute-demand-is-outpacing-capital
    ⚡ “AI โตเร็วเกินทุน — รายงานชี้ต้องมีรายได้ $2 ล้านล้านต่อปีถึงจะพอเลี้ยงระบบ แต่ยังขาดอีก $800 พันล้านทั่วโลก” รายงานล่าสุดจาก Bain & Company เปิดเผยว่าอุตสาหกรรม AI กำลังเติบโตเร็วกว่าที่โครงสร้างพื้นฐานจะรองรับได้ โดยเฉพาะในด้านพลังงานและฮาร์ดแวร์ รายงานระบุว่าเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการด้านการประมวลผล AI ได้อย่างยั่งยืนภายในปี 2030 โลกจะต้องมีรายได้จาก AI สูงถึง $2 ล้านล้านต่อปี แต่แม้จะมองในแง่ดี ก็ยังขาดอยู่ถึง $800 พันล้าน ความต้องการ compute สำหรับ AI ทั้งการฝึกโมเดลและการใช้งานจริง (inference) เติบโตเร็วกว่ากฎของ Moore’s Law ถึง 2 เท่า ทำให้ผู้ให้บริการ data center ต้องขยายระบบแบบ brute-force โดยไม่สามารถพึ่งพาประสิทธิภาพของชิปได้อีกต่อไป คาดว่าภายในปี 2030 ความต้องการพลังงานของ AI จะสูงถึง 200 กิกะวัตต์ โดยครึ่งหนึ่งอยู่ในสหรัฐฯ รายงานยังเตือนว่าการขาดแคลน GPU, หน่วยความจำ HBM, และเทคโนโลยี CoWoS จะยังคงเป็นปัญหาไปอีกหลายปี แม้บริษัทใหญ่จะลงทุนมหาศาล เช่น Microsoft ที่เพิ่มงบสร้าง data center ในรัฐวิสคอนซินเป็น $7 พันล้าน หรือ xAI ของ Elon Musk ที่ตั้งเป้าจะใช้ GPU เทียบเท่า H100 ถึง 50 ล้านตัวภายใน 5 ปี หากเงินทุนไม่พอ อุตสาหกรรมจะหันไปใช้ระบบที่ให้ผลตอบแทนต่อวัตต์และพื้นที่สูงที่สุด เช่น rack GPU ขนาดใหญ่ของ Nvidia และ AMD ซึ่งอาจทำให้ชิประดับ workstation หายากขึ้น และส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไป ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AI ต้องการรายได้ $2 ล้านล้านต่อปีเพื่อรองรับการเติบโตภายในปี 2030 ➡️ แม้มองในแง่ดี ยังขาดทุนอยู่ $800 พันล้าน ➡️ ความต้องการ compute เติบโตเร็วกว่าประสิทธิภาพชิปถึง 2 เท่า ➡️ คาดว่า AI จะใช้พลังงานถึง 200 กิกะวัตต์ โดยครึ่งหนึ่งอยู่ในสหรัฐฯ ➡️ GPU, HBM, และ CoWoS ยังขาดแคลนต่อเนื่อง ➡️ Microsoft ลงทุน $7 พันล้านใน data center ใหม่ในวิสคอนซิน ➡️ xAI ตั้งเป้าใช้ GPU เทียบเท่า H100 ถึง 50 ล้านตัวภายใน 5 ปี ➡️ ระบบ rack GPU เช่น GB200 NVL72 และ MI300X จะได้รับความสำคัญมากขึ้น ➡️ การประมวลผลที่ edge เช่น laptop ที่มี NPU จะได้รับความนิยมมากขึ้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Moore’s Law คือหลักการที่ประสิทธิภาพของชิปจะเพิ่มขึ้นทุก 2 ปี แต่เริ่มชะลอตัวแล้ว ➡️ HBM (High Bandwidth Memory) เป็นหน่วยความจำที่จำเป็นสำหรับงาน AI ขนาดใหญ่ ➡️ CoWoS (Chip-on-Wafer-on-Substrate) เป็นเทคโนโลยีเชื่อมต่อชิปที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ Edge AI ช่วยลดค่าใช้จ่ายและ latency โดยไม่ต้องพึ่ง cloud ➡️ Sovereign AI กลายเป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติในหลายประเทศ เช่น จีน สหรัฐฯ และ EU https://www.tomshardware.com/tech-industry/bain-says-compute-demand-is-outpacing-capital
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AI buildouts need $2 trillion in annual revenue to sustain growth, but massive cash shortfall looms — even generous forecasts highlight $800 billion black hole, says report
    A new Bain report says AI buildout will need $2 trillion in annual revenue just to sustain its growth, and the shortfall could keep GPUs scarce and energy grids strained through 2030.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Amazon ปิดร้าน Fresh ทั้งหมดในอังกฤษ — เทคโนโลยี ‘เดินออกได้เลย’ ไม่เวิร์กในโลกจริง พร้อมหันหน้าสู่ออนไลน์เต็มตัว”

    หลังจากเปิดตัวอย่างฮือฮาในปี 2021 ด้วยร้านค้าปลีกที่ไม่ต้องจ่ายเงินหน้าร้าน Amazon ประกาศปิดร้าน Amazon Fresh ทั้ง 19 แห่งในสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยจะเปลี่ยน 5 สาขาให้กลายเป็นร้าน Whole Foods Market และย้ายจุดโฟกัสไปที่การขายของชำผ่านช่องทางออนไลน์

    ร้าน Amazon Fresh เคยเป็นต้นแบบของ “Just Walk Out” — ระบบที่ใช้ AI, กล้อง และเซ็นเซอร์เพื่อตรวจจับสินค้าที่ลูกค้าหยิบ แล้วคิดเงินผ่านแอปโดยไม่ต้องผ่านแคชเชียร์ แต่ในทางปฏิบัติ ระบบกลับมีปัญหา เช่น การคิดเงินผิดเมื่อผู้ใช้วางสินค้ากลับบนชั้น หรือการเข้าร้านที่ต้องใช้สมาร์ตโฟน ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุหรือผู้ไม่มีแอปไม่สามารถเข้าใช้บริการได้

    Amazon ระบุว่าการตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากการประเมินธุรกิจอย่างรอบด้าน และพบว่าโอกาสเติบโตในตลาดออนไลน์ยังมีมหาศาล โดยเฉพาะการร่วมมือกับ Morrisons, Co-op, Iceland และ Gopuff รวมถึงแผนเปิดบริการส่งของสดแบบ same-day ผ่าน Amazon.co.uk ในปีหน้า

    แม้จะปิดร้าน แต่ Amazon ยืนยันว่าจะยังลงทุนในสหราชอาณาจักรต่อไป โดยมีแผนสร้างคลังสินค้าใหม่ใน Hull และ Northampton ซึ่งจะสร้างงานกว่า 2,000 ตำแหน่ง และเพิ่มจำนวนสมาชิก Prime ที่เข้าถึงบริการของชำให้มากขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Amazon ปิดร้าน Amazon Fresh ทั้ง 19 แห่งในสหราชอาณาจักร
    5 สาขาจะถูกเปลี่ยนเป็นร้าน Whole Foods Market
    ระบบ “Just Walk Out” ใช้ AI และกล้องในการคิดเงินโดยไม่ต้องผ่านแคชเชียร์
    ปัญหาหลักคือระบบคิดเงินผิด และการเข้าร้านที่ยุ่งยากสำหรับผู้ไม่มีสมาร์ตโฟน
    Amazon จะขยายบริการส่งของสดแบบ same-day ผ่าน Amazon.co.uk ในปีหน้า
    ร่วมมือกับ Morrisons, Co-op, Iceland และ Gopuff เพื่อเพิ่มช่องทางขายของชำ
    มีแผนสร้างคลังสินค้าใหม่ใน Hull และ Northampton สร้างงานกว่า 2,000 ตำแหน่ง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Amazon ซื้อกิจการ Whole Foods Market ในปี 2017 ด้วยมูลค่า $13.7 พันล้าน
    ร้าน Amazon Fresh ในอังกฤษเปิดตัวครั้งแรกใน Ealing ปี 2021
    เทคโนโลยี “Just Walk Out” เคยถูกใช้ในร้าน Amazon Go ในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2018
    Amazon มีพนักงานกว่า 75,000 คนในสหราชอาณาจักร และลงทุนเพิ่มอีก £40 พันล้านใน 3 ปี
    ผู้เชี่ยวชาญมองว่าร้าน Amazon Fresh เป็น “ความพยายามที่แปลกใหม่แต่ไม่ยั่งยืน”

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/23/amazoncom-to-close-all-of-its-amazon-fresh-uk-stores
    🏪 “Amazon ปิดร้าน Fresh ทั้งหมดในอังกฤษ — เทคโนโลยี ‘เดินออกได้เลย’ ไม่เวิร์กในโลกจริง พร้อมหันหน้าสู่ออนไลน์เต็มตัว” หลังจากเปิดตัวอย่างฮือฮาในปี 2021 ด้วยร้านค้าปลีกที่ไม่ต้องจ่ายเงินหน้าร้าน Amazon ประกาศปิดร้าน Amazon Fresh ทั้ง 19 แห่งในสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยจะเปลี่ยน 5 สาขาให้กลายเป็นร้าน Whole Foods Market และย้ายจุดโฟกัสไปที่การขายของชำผ่านช่องทางออนไลน์ ร้าน Amazon Fresh เคยเป็นต้นแบบของ “Just Walk Out” — ระบบที่ใช้ AI, กล้อง และเซ็นเซอร์เพื่อตรวจจับสินค้าที่ลูกค้าหยิบ แล้วคิดเงินผ่านแอปโดยไม่ต้องผ่านแคชเชียร์ แต่ในทางปฏิบัติ ระบบกลับมีปัญหา เช่น การคิดเงินผิดเมื่อผู้ใช้วางสินค้ากลับบนชั้น หรือการเข้าร้านที่ต้องใช้สมาร์ตโฟน ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุหรือผู้ไม่มีแอปไม่สามารถเข้าใช้บริการได้ Amazon ระบุว่าการตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากการประเมินธุรกิจอย่างรอบด้าน และพบว่าโอกาสเติบโตในตลาดออนไลน์ยังมีมหาศาล โดยเฉพาะการร่วมมือกับ Morrisons, Co-op, Iceland และ Gopuff รวมถึงแผนเปิดบริการส่งของสดแบบ same-day ผ่าน Amazon.co.uk ในปีหน้า แม้จะปิดร้าน แต่ Amazon ยืนยันว่าจะยังลงทุนในสหราชอาณาจักรต่อไป โดยมีแผนสร้างคลังสินค้าใหม่ใน Hull และ Northampton ซึ่งจะสร้างงานกว่า 2,000 ตำแหน่ง และเพิ่มจำนวนสมาชิก Prime ที่เข้าถึงบริการของชำให้มากขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Amazon ปิดร้าน Amazon Fresh ทั้ง 19 แห่งในสหราชอาณาจักร ➡️ 5 สาขาจะถูกเปลี่ยนเป็นร้าน Whole Foods Market ➡️ ระบบ “Just Walk Out” ใช้ AI และกล้องในการคิดเงินโดยไม่ต้องผ่านแคชเชียร์ ➡️ ปัญหาหลักคือระบบคิดเงินผิด และการเข้าร้านที่ยุ่งยากสำหรับผู้ไม่มีสมาร์ตโฟน ➡️ Amazon จะขยายบริการส่งของสดแบบ same-day ผ่าน Amazon.co.uk ในปีหน้า ➡️ ร่วมมือกับ Morrisons, Co-op, Iceland และ Gopuff เพื่อเพิ่มช่องทางขายของชำ ➡️ มีแผนสร้างคลังสินค้าใหม่ใน Hull และ Northampton สร้างงานกว่า 2,000 ตำแหน่ง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Amazon ซื้อกิจการ Whole Foods Market ในปี 2017 ด้วยมูลค่า $13.7 พันล้าน ➡️ ร้าน Amazon Fresh ในอังกฤษเปิดตัวครั้งแรกใน Ealing ปี 2021 ➡️ เทคโนโลยี “Just Walk Out” เคยถูกใช้ในร้าน Amazon Go ในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2018 ➡️ Amazon มีพนักงานกว่า 75,000 คนในสหราชอาณาจักร และลงทุนเพิ่มอีก £40 พันล้านใน 3 ปี ➡️ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าร้าน Amazon Fresh เป็น “ความพยายามที่แปลกใหม่แต่ไม่ยั่งยืน” https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/23/amazoncom-to-close-all-of-its-amazon-fresh-uk-stores
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Amazon.com to close all of its Amazon Fresh UK stores
    LONDON (Reuters) -Amazon.com said it planned to close all of its 19 Amazon Fresh UK convenience grocery stores, of which five would be converted to its Whole Foods Markets brand, less than five years after it entered the market.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เผยถึงการประชุม RBC ที่จะมีขึ้น เรื่องการถอนอาวุธยังไม่ได้คุยกัน ส่วนในกรอบ GBC ที่ให้ทั้งสองฝ่ายคุยกันภายใน 3 สัปดาห์ ต้องรอดูสถานการณ์และความจริงใจของกัมพูชา ส่วนสถานการณ์ที่บ้านหนองจาน และในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือจะส่งผลอะไรในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 หรือไม่นั้นเส้นเขตแดนประเทศเดียวกัน จะส่งผลทั้งแนว มอง การทำงานของกองทัพต่อจากนี้จะราบรื่นขึ้น นายกรัฐมนตรี สนับสนุนทหารและทหารก็ทำตามนโยบายรัฐบาลอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการเก็บกู้วัตถุระเบิดในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 เขาวางเองจะมาเก็บทำไม ยังเป็นภัยคุกคามทางทหาร กัมพูชาตระบัดสัตย์ต่อสนธิสัญญาว่าด้วยการใช้ทุ่นระเบิด ปฏิเสธเล่นการเมือง มองไม่ยั่งยืน ขอเป็นที่ปรึกษา เพื่อนๆ ในกองทัพ หลังถูกทาบทามนั่งตำแหน่งระดับสูง

    -นโยบายปกน้ำเงินเสร็จ 100%
    -อย่าหมกเม็ดเปิดบ่อน
    -คมนาคมมุ่งลดค่าครองชีพ
    -หางบดันคนละครึ่ง
    พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เผยถึงการประชุม RBC ที่จะมีขึ้น เรื่องการถอนอาวุธยังไม่ได้คุยกัน ส่วนในกรอบ GBC ที่ให้ทั้งสองฝ่ายคุยกันภายใน 3 สัปดาห์ ต้องรอดูสถานการณ์และความจริงใจของกัมพูชา ส่วนสถานการณ์ที่บ้านหนองจาน และในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือจะส่งผลอะไรในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 หรือไม่นั้นเส้นเขตแดนประเทศเดียวกัน จะส่งผลทั้งแนว มอง การทำงานของกองทัพต่อจากนี้จะราบรื่นขึ้น นายกรัฐมนตรี สนับสนุนทหารและทหารก็ทำตามนโยบายรัฐบาลอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการเก็บกู้วัตถุระเบิดในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 เขาวางเองจะมาเก็บทำไม ยังเป็นภัยคุกคามทางทหาร กัมพูชาตระบัดสัตย์ต่อสนธิสัญญาว่าด้วยการใช้ทุ่นระเบิด ปฏิเสธเล่นการเมือง มองไม่ยั่งยืน ขอเป็นที่ปรึกษา เพื่อนๆ ในกองทัพ หลังถูกทาบทามนั่งตำแหน่งระดับสูง -นโยบายปกน้ำเงินเสร็จ 100% -อย่าหมกเม็ดเปิดบ่อน -คมนาคมมุ่งลดค่าครองชีพ -หางบดันคนละครึ่ง
    Like
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 358 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • "แม่ทัพกุ้ง" เผยการเมืองทาบทามนั่งตำแหน่งระดับสูง แต่ปฏิเสธ มองไม่ยั่งยืน ขอเป็นที่ปรึกษาเพื่อนๆ ในกองทัพ ย้ำปะทะรอบ 2 ขึ้นอบู่กับสถานการณ์ มองเหตุการณ์พื้นที่สระแก้ว-กปจ.ชต.ส่งผลต่อกองทัพภาคที่ 2 เพราะเป็นเส้นเขตแดนเดียวกัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000090930

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    "แม่ทัพกุ้ง" เผยการเมืองทาบทามนั่งตำแหน่งระดับสูง แต่ปฏิเสธ มองไม่ยั่งยืน ขอเป็นที่ปรึกษาเพื่อนๆ ในกองทัพ ย้ำปะทะรอบ 2 ขึ้นอบู่กับสถานการณ์ มองเหตุการณ์พื้นที่สระแก้ว-กปจ.ชต.ส่งผลต่อกองทัพภาคที่ 2 เพราะเป็นเส้นเขตแดนเดียวกัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000090930 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 271 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts