• 'ธรรมนัส' เดือด! โต้ 'รังสิมันต์ โรม' กลางวงสื่อ ยันไม่ยุ่งสแกมเมอร์ ลั่นฟ้องนักการเมืองร้อยกว่าคดี
    https://www.thai-tai.tv/news/21735/
    .
    #ธรรมนัสพรหมเผ่า #รังสิมันต์โรม #สแกมเมอร์ #ฟ้องร้องคดี #ธุรกิจสีเทา #การเมืองดุเดือด #รองนายกฯ #พะเยา #สภาผู้แทนราษฎร
    'ธรรมนัส' เดือด! โต้ 'รังสิมันต์ โรม' กลางวงสื่อ ยันไม่ยุ่งสแกมเมอร์ ลั่นฟ้องนักการเมืองร้อยกว่าคดี https://www.thai-tai.tv/news/21735/ . #ธรรมนัสพรหมเผ่า #รังสิมันต์โรม #สแกมเมอร์ #ฟ้องร้องคดี #ธุรกิจสีเทา #การเมืองดุเดือด #รองนายกฯ #พะเยา #สภาผู้แทนราษฎร
    0 Comments 0 Shares 87 Views 0 Reviews
  • ฟ้องอาญา-แพ่งกัมพูชา รุกรานอธิปไตยไทย : [NEWS UPDATE]
    นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี สั่งดำเนินคดีกรณีกัมพูชาใช้กำลังทหารและอาวุธรุกรานอธิปไตยไทย จนเกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กำลังพลและทางราชการจำนวนมาก ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทั้งทางอาญาและแพ่ง จนถึงระดับโลก โดยดำเนินคดีกับผู้สั่งการและผู้เกี่ยวข้องเร็วที่สุด มอบหมายให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เป็นหน่วยงานหลัก หารือกับหน่วยงานที่ได้รับความเสียหาย เช่น กองทัพบก กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งฟ้องร้องคดีอาญาเรียกค่าเสียหายจากผู้สั่งการ และให้เก็บกู้วัตถุระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามา ซึ่งยังมีเหลือในชุมชน เผย พบโดรนบินเข้ามามากผิดปกติ ขอให้เร่งบังคับใช้กฎหมายกับผู้ทำผิดทันที


    เฟกนิวส์ไทยวางแผนสังหาร

    รับไม่ได้น่าเกลียดมาก

    เครือข่ายสู้สงครามการค้า

    เร่งสำรวจผลกระทบภาษี
    ฟ้องอาญา-แพ่งกัมพูชา รุกรานอธิปไตยไทย : [NEWS UPDATE] นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี สั่งดำเนินคดีกรณีกัมพูชาใช้กำลังทหารและอาวุธรุกรานอธิปไตยไทย จนเกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กำลังพลและทางราชการจำนวนมาก ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทั้งทางอาญาและแพ่ง จนถึงระดับโลก โดยดำเนินคดีกับผู้สั่งการและผู้เกี่ยวข้องเร็วที่สุด มอบหมายให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เป็นหน่วยงานหลัก หารือกับหน่วยงานที่ได้รับความเสียหาย เช่น กองทัพบก กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งฟ้องร้องคดีอาญาเรียกค่าเสียหายจากผู้สั่งการ และให้เก็บกู้วัตถุระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามา ซึ่งยังมีเหลือในชุมชน เผย พบโดรนบินเข้ามามากผิดปกติ ขอให้เร่งบังคับใช้กฎหมายกับผู้ทำผิดทันที เฟกนิวส์ไทยวางแผนสังหาร รับไม่ได้น่าเกลียดมาก เครือข่ายสู้สงครามการค้า เร่งสำรวจผลกระทบภาษี
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 600 Views 0 0 Reviews
  • มีรายงานเกี่ยวกับความพยายามในการเข้าซื้อกิจการของ Intel โดยบริษัทใหญ่อย่าง TSMC และ Broadcom ที่สนใจจะแยกส่วนธุรกิจของ Intel โดย Broadcom สนใจในส่วนการออกแบบและการตลาดของชิป ในขณะที่ TSMC สนใจในโรงงานผลิตชิปของ Intel

    อย่างไรก็ตาม มีอุปสรรคหลายประการที่ต้องพิจารณา หนึ่งในนั้นคือ ข้อตกลงการให้สิทธิบัตรข้ามกันระหว่าง Intel และ AMD ซึ่งมีเงื่อนไขว่า หากบริษัทใดถูกซื้อกิจการหรือควบรวม บริษัทอื่นมีสิทธิ์ยกเลิกข้อตกลงและต้องเจรจาใหม่ ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นเมื่อ 16 ปีที่แล้วเมื่อ AMD และ Intel ยุติข้อพิพาททางกฎหมายที่เกี่ยวกับสถาปัตยกรรม x86 ซึ่งทำให้ทั้งสองบริษัทสามารถใช้สิทธิบัตรของกันและกันได้ และหลีกเลี่ยงการฟ้องร้องคดีละเมิดสิทธิบัตรที่ไม่ตั้งใจ

    ตอนนี้ข้อตกลงนี้กลับมาเป็นประเด็นสำคัญอีกครั้งเมื่อ Intel อาจถูกซื้อกิจการ การที่ Broadcom จะซื้อ Intel อาจทำให้เกิดสถานการณ์ที่น่าสนใจ เนื่องจาก Broadcom ต้องเจรจากับ AMD ใหม่ ซึ่งอาจทำให้ Broadcom มีความท้าทายมากขึ้นในการสร้างความเข้าใจและความร่วมมือกับ AMD

    https://www.techradar.com/pro/what-an-irony-amd-could-potentially-block-intel-deal-by-invoking-agreement-put-in-place-to-prevent-sale-of-amd
    มีรายงานเกี่ยวกับความพยายามในการเข้าซื้อกิจการของ Intel โดยบริษัทใหญ่อย่าง TSMC และ Broadcom ที่สนใจจะแยกส่วนธุรกิจของ Intel โดย Broadcom สนใจในส่วนการออกแบบและการตลาดของชิป ในขณะที่ TSMC สนใจในโรงงานผลิตชิปของ Intel อย่างไรก็ตาม มีอุปสรรคหลายประการที่ต้องพิจารณา หนึ่งในนั้นคือ ข้อตกลงการให้สิทธิบัตรข้ามกันระหว่าง Intel และ AMD ซึ่งมีเงื่อนไขว่า หากบริษัทใดถูกซื้อกิจการหรือควบรวม บริษัทอื่นมีสิทธิ์ยกเลิกข้อตกลงและต้องเจรจาใหม่ ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นเมื่อ 16 ปีที่แล้วเมื่อ AMD และ Intel ยุติข้อพิพาททางกฎหมายที่เกี่ยวกับสถาปัตยกรรม x86 ซึ่งทำให้ทั้งสองบริษัทสามารถใช้สิทธิบัตรของกันและกันได้ และหลีกเลี่ยงการฟ้องร้องคดีละเมิดสิทธิบัตรที่ไม่ตั้งใจ ตอนนี้ข้อตกลงนี้กลับมาเป็นประเด็นสำคัญอีกครั้งเมื่อ Intel อาจถูกซื้อกิจการ การที่ Broadcom จะซื้อ Intel อาจทำให้เกิดสถานการณ์ที่น่าสนใจ เนื่องจาก Broadcom ต้องเจรจากับ AMD ใหม่ ซึ่งอาจทำให้ Broadcom มีความท้าทายมากขึ้นในการสร้างความเข้าใจและความร่วมมือกับ AMD https://www.techradar.com/pro/what-an-irony-amd-could-potentially-block-intel-deal-by-invoking-agreement-put-in-place-to-prevent-sale-of-amd
    WWW.TECHRADAR.COM
    AMD may block any Intel acquisition to prevent trillion dollar tech company from becoming even more powerful
    If Broadcom wants to acquire Team Blue it will have to negotiate a new contract with Team Red
    0 Comments 0 Shares 246 Views 0 Reviews
  • ครอบครัวศรีวัฒนประภา ยื่นฟ้องบริษัทผลิตเฮลิคอปเตอร์ เรียกค่าเสียหายกว่า 9.1 หมื่นล้านบาท ปมเจ้าสัววิชัย ฮ.ตกเสียชีวิต เมื่อปี 2561

    เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 ม.ค. 2568 ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหราชอาณาจักร ครอบครัวของนายวิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตประธานกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อเดือนตุลาคมปี 2561 ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลอังกฤษ เรียกค่าเสียหายจากการเสียชีวิตของนายวิชัย จาก เลโอนาร์โด เอส.พี.เอ. (Leonardo S.p.A) บริษัทผู้ผลิตเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 2,148 ล้านปอนด์ (ประมาณ 91,402,340,400 บาท)

    ครอบครัวของนายวิชัย อ้างถึงรายงานการสอบสวนของสำนักงานสอบสวนอุบัติเหตุทางอากาศ (Air Accident Investigation Branch-AAIB) ของประเทศอังกฤษ ความยาว 209 หน้า ซึ่งตีพิมพ์เมื่อเดือนกันยายน 2566 ที่ได้แสดงถึงปัญหาของระบบความปลอดภัยของเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวภายหลังการเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ของนายวิชัย ตกที่บริเวณลานจอดรถสนามฟุตบอลคิง เพาเวอร์ เมืองเลสเตอร์

    รายงานการสอบสวนของ AAIB สรุปสาเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในครั้งนั้นว่า มาจากความล้มเหลวของลูกปืนคู่ และระบบควบคุมใบพัดหาง ซึ่งทำให้เสียการควบคุมและตกลงมาสู่พื้นดินก่อนเกิดไฟลุกไหม้ในที่สุด

    ครอบครัวของนายวิชัย ยังชี้ว่า บริษัทผู้ผลิตมีความบกพร่องในการออกแบบ และละเลยการวางแผนป้องกันความเสียหายจากการสูญเสียการควบคุมเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้

    สำหรับนายวิชัย ศรีวัฒนประภา เป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ซึ่งเริ่มต้นมาจากกิจการร้านค้าปลอดอากรในเมืองและสนามบิน ก่อนที่จะขยายธุรกิจอื่นๆ มากมายทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ในประเทศอังกฤษ และสโมสรฟุตบอลโอเอช ลูเวิน ในประเทศเบลเยียม

    ด้าน “ต๊อบ” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ลูกชายของนายวิชัย ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ให้ความเห็นว่า “ครอบครัวของผมยังรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ความเสียใจของเราต่อการสูญเสียคุณพ่อไม่เคยลดน้อยลงเลย ผมเสียใจมากที่ลูก ๆ ของผมและหลาน ๆ ไม่เคยได้เจอคุณปู่”

    นายอัยยวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ตนได้อ่านรายงานของ AAIB หลายรอบ และน่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันคืออุบัติเหตุที่รอเวลาเกิดขึ้นเท่านั้น คุณพ่อซื้อเฮลิคอปเตอร์ลำนี้มาเพราะเชื่อมั่นในเลโอนาร์โด นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุด พร้อมย้ำว่า “เลโอนาร์โดต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของคุณพ่อ”
    ทั้งนี้ ครอบครัวของนายวิชัย ได้ว่าจ้างสำนักงานกฎหมายชั้นนำ Stewarts และทนายความผู้เชี่ยวชาญ ฟิลิป เชพเพิร์ด และ แฮร์รี่ สเตนเบิร์ก เพื่อฟ้องร้องคดีต่อเลโอนาร์โด

    ด้านปีเตอร์ นีแนน ทนายความแห่งสำนักงานกฎหมาย Stewarts ให้ความเห็นว่า เราอ้างอิงรายงาน AAIB ในการฟ้องเลโอนาร์โด โดยรายงานดังกล่าวมีเนื้อหาเกี่ยวกับความปลอดภัยและไม่ใช่เพื่อการโยนความผิด เนื้อหาที่สะเทือนใจที่สุดเท่าที่ตนเคยอ่านมา คดีนี้ต้องผ่านการวิเคราะห์โดยละเอียดรอบคอบเป็นอย่างมากในการตรวจสอบการละเมิดที่เกิดขึ้นจากความบกพร่องและความประมาททั้งหมดในขั้นตอนการออกแบบ

    “คดีนี้เป็นบทเรียนสำคัญที่ลูกค้าทุกคนของเลโอนาร์โดรวมถึงกองทัพทหารของประเทศ รถพยาบาล และหน่วยปฏิบัติการเบื้องต้นอื่นๆ ทั่วโลกพึงตระหนักอย่างยิ่ง เพราะลูกค้าหรือเจ้าของเฮลิคอปเตอร์ทุกราย ต่างก็ให้ความไว้วางใจ และเชื่อมั่นในเฮลิคอปเตอร์แบรนด์นี้ว่าจะมีคุณภาพเพียงพอ” ทนายความ ระบุ

    ที่มา ข่าวสด
    ครอบครัวศรีวัฒนประภา ยื่นฟ้องบริษัทผลิตเฮลิคอปเตอร์ เรียกค่าเสียหายกว่า 9.1 หมื่นล้านบาท ปมเจ้าสัววิชัย ฮ.ตกเสียชีวิต เมื่อปี 2561 เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 ม.ค. 2568 ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหราชอาณาจักร ครอบครัวของนายวิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตประธานกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อเดือนตุลาคมปี 2561 ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลอังกฤษ เรียกค่าเสียหายจากการเสียชีวิตของนายวิชัย จาก เลโอนาร์โด เอส.พี.เอ. (Leonardo S.p.A) บริษัทผู้ผลิตเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 2,148 ล้านปอนด์ (ประมาณ 91,402,340,400 บาท) ครอบครัวของนายวิชัย อ้างถึงรายงานการสอบสวนของสำนักงานสอบสวนอุบัติเหตุทางอากาศ (Air Accident Investigation Branch-AAIB) ของประเทศอังกฤษ ความยาว 209 หน้า ซึ่งตีพิมพ์เมื่อเดือนกันยายน 2566 ที่ได้แสดงถึงปัญหาของระบบความปลอดภัยของเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวภายหลังการเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ของนายวิชัย ตกที่บริเวณลานจอดรถสนามฟุตบอลคิง เพาเวอร์ เมืองเลสเตอร์ รายงานการสอบสวนของ AAIB สรุปสาเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในครั้งนั้นว่า มาจากความล้มเหลวของลูกปืนคู่ และระบบควบคุมใบพัดหาง ซึ่งทำให้เสียการควบคุมและตกลงมาสู่พื้นดินก่อนเกิดไฟลุกไหม้ในที่สุด ครอบครัวของนายวิชัย ยังชี้ว่า บริษัทผู้ผลิตมีความบกพร่องในการออกแบบ และละเลยการวางแผนป้องกันความเสียหายจากการสูญเสียการควบคุมเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ สำหรับนายวิชัย ศรีวัฒนประภา เป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ซึ่งเริ่มต้นมาจากกิจการร้านค้าปลอดอากรในเมืองและสนามบิน ก่อนที่จะขยายธุรกิจอื่นๆ มากมายทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ในประเทศอังกฤษ และสโมสรฟุตบอลโอเอช ลูเวิน ในประเทศเบลเยียม ด้าน “ต๊อบ” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ลูกชายของนายวิชัย ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ให้ความเห็นว่า “ครอบครัวของผมยังรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ความเสียใจของเราต่อการสูญเสียคุณพ่อไม่เคยลดน้อยลงเลย ผมเสียใจมากที่ลูก ๆ ของผมและหลาน ๆ ไม่เคยได้เจอคุณปู่” นายอัยยวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ตนได้อ่านรายงานของ AAIB หลายรอบ และน่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันคืออุบัติเหตุที่รอเวลาเกิดขึ้นเท่านั้น คุณพ่อซื้อเฮลิคอปเตอร์ลำนี้มาเพราะเชื่อมั่นในเลโอนาร์โด นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุด พร้อมย้ำว่า “เลโอนาร์โดต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของคุณพ่อ” ทั้งนี้ ครอบครัวของนายวิชัย ได้ว่าจ้างสำนักงานกฎหมายชั้นนำ Stewarts และทนายความผู้เชี่ยวชาญ ฟิลิป เชพเพิร์ด และ แฮร์รี่ สเตนเบิร์ก เพื่อฟ้องร้องคดีต่อเลโอนาร์โด ด้านปีเตอร์ นีแนน ทนายความแห่งสำนักงานกฎหมาย Stewarts ให้ความเห็นว่า เราอ้างอิงรายงาน AAIB ในการฟ้องเลโอนาร์โด โดยรายงานดังกล่าวมีเนื้อหาเกี่ยวกับความปลอดภัยและไม่ใช่เพื่อการโยนความผิด เนื้อหาที่สะเทือนใจที่สุดเท่าที่ตนเคยอ่านมา คดีนี้ต้องผ่านการวิเคราะห์โดยละเอียดรอบคอบเป็นอย่างมากในการตรวจสอบการละเมิดที่เกิดขึ้นจากความบกพร่องและความประมาททั้งหมดในขั้นตอนการออกแบบ “คดีนี้เป็นบทเรียนสำคัญที่ลูกค้าทุกคนของเลโอนาร์โดรวมถึงกองทัพทหารของประเทศ รถพยาบาล และหน่วยปฏิบัติการเบื้องต้นอื่นๆ ทั่วโลกพึงตระหนักอย่างยิ่ง เพราะลูกค้าหรือเจ้าของเฮลิคอปเตอร์ทุกราย ต่างก็ให้ความไว้วางใจ และเชื่อมั่นในเฮลิคอปเตอร์แบรนด์นี้ว่าจะมีคุณภาพเพียงพอ” ทนายความ ระบุ ที่มา ข่าวสด
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 782 Views 0 Reviews
  • โดนัลด์ ทรัมป์ กำชัยชนะเหนือ กมลา แฮร์ริส อย่างง่ายดายและเด็ดขาดเกินคาดหมายในวันพุธ (6 พ.ย.) หลังกวาดคะแนนจากรัฐสมรภูมิสำคัญ และได้กลับสู่ทำเนียบขาวสมัยที่สองที่มีแนวโน้มสร้างแรงกระเพื่อมทั่วโลก นอกจากนั้น พรรครีพับลิกันของเขายังสามารถชิงอำนาจการควบคุมวุฒิสภาจากเดโมแครตได้สำเร็จ
    .
    ถึงแม้ผลสำรวจจากหลายสำนักก่อนหน้าการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นในวันอังคาร (5) ต่างระบุว่า การแข่งขันครั้งนี้จะคู่คี่สูสีกันมากและอาจต้องรอนานหลายวันกว่าจะรู้ผล แต่กลายเป็นว่า พวกสื่อยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ สามารถประกาศอย่างเป็นเสียงเอกฉันท์ชนิดไม่มีเจ้าไหนแตกแถวตั้งแต่ในวันพุธ (6) ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ปี เป็นผู้ชนะ หลังจากอดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้สามารถกวาดคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) เกิน 270 คะแนนซึ่งเป็นเกณฑ์สำหรับผู้ชนะ และได้เป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47
    .
    วิสคอนซิน ซึ่งเป็น 1 ใน 7 รัฐสมรภูมิที่ผู้ออกเสียงไม่ได้แสดงความนิยมในผู้สมัครคนไหนหรือพรรคใหญ่พรรคใดอย่างชัดเจน จึงถูกมองว่าจะเป็นตัวชี้ขาดผู้มีชัยในการเลือกตั้งคราวนี้ ได้กลายเป็นรัฐตัดสินไปจริงๆ โดยหลังจากฟ็อกซ์นิวส์ เป็นสื่อยักษ์ใหญ่เจ้าแรกที่คาดการณ์ว่าทรัมป์ชนะในรัฐนี้ แล้วจึงประกาศว่าเขาได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 เสียงและเป็นผู้ชนะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปแล้ว ถัดจากนั้นอีกหลายชั่วโมงต่อมา สื่อยักษ์ใหญ่อื่นๆ ได้แก่ เอบีซี ซีบีเอส เอ็นบีซี ซีเอ็นเอ็น เอพี ก็เดินมาในรอยทางเดียวกัน กล่าวคือ ทยอยประกาศคาดการณ์ว่าทรัมป์ได้วิสคอนซินซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 10 เสียงไป และทำให้เป็นผู้ชนะโดยรวม ถึงแม้ในทางเป็นจริงแล้วยังมีอีกหลายรัฐที่นับคะแนนยังไม่ทันเสร็จสิ้นก็ตามที
    .
    ไม่เพียงชนะด้วยเสียงคณะผู้เลือกตั้ง ในครั้งนี้ทรัมป์ยังได้คะแนนป็อปปูลาร์โหวต หรือเสียงโหวตจากผู้ออกเสียงทั่วประเทศ นำหน้าแฮร์ริสถึงประมาณ 5 ล้านคะแนน แตกต่างจากตอนที่เขาชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสมัยแรกในปี 2016 ซึ่งเขามีชัยด้านเสียงคณะผู้เลือกตั้ง แต่แพ้ป็อปปูลาร์โหวตให้แก่คู่แข่งคือ ฮิลลารี คลินตัน เกือบ 3 ล้านคะแนน
    .
    นอกจากนั้นแล้ว พรรครีพับลิกันของทรัมป์ ยังเข้ายึดวุฒิสภามาจากเดโมแครตได้สำเร็จ โดยชิงที่นั่งซึ่งเดิมเป็นของเดโมแครตมาได้ 2 ที่นั่ง ทำให้พวกเขาเวลานี้เป็นฝ่ายที่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ขณะที่ในสภาผู้แทนราษฎรที่ชุดที่แล้วรีพับลิกันครองเสียงข้างมากเกินครึ่งเพียงเล็กน้อยนั้น ยังไม่มีพรรคใดทำท่าชนะอย่างแน่นอนชัดเจน และต้องรอผลการนับคะแนนอย่างละเอียดถี่ถ้วนกว่านี้
    .
    แฮร์ริสที่ถูกเปลี่ยนตัวเข้าแทนที่ โจ ไบเดน และมีเวลาในการรณรงค์หาเสียงเพียง 15 สัปดาห์เท่านั้น ทำไม่สำเร็จในการระดมเสียงสนับสนุนให้มากพอเพื่อยับยั้งทรัมป์ โดยเฉพาะในการคลายความกังวลของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งที่สำคัญที่สุดคือภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาผู้อพยพ มิหนำซ้ำผู้ออกเสียงส่วนใหญ่ยังไม่สนใจคำเตือนของแคนดิเดตจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ที่ว่า ทรัมป์ต้องการอำนาจแบบไม่มีการตรวจสอบและเป็นตัวอันตรายสำหรับประชาธิปไตย ทำให้ประเด็นหลักในการหาเสียงของแฮร์ริสคือ การสร้างความเป็นเอกภาพและสนับสนุนสิทธิในการทำแท้ง สุดท้ายยังไม่เพียงพอให้เธอสามารถสร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ อีกทั้งเป็นหญิงผิวดำและเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกด้วย
    .
    จากโพลสำเร็จของรอยเตอร์/อิปซอสส์ บ่งชี้ว่าพวกผู้มีสิทธิเลือกตั้งมองว่า เรื่องงานและเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของอเมริกา โดยคนอเมริกันจำนวนมากไม่พอใจปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น ถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจด้านอื่นๆ อยู่ในอาการที่ดี ไม่ว่าจะเป็นราคาหุ้นพุ่งทำสถิติ ค่าแรงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอัตราว่างงานต่ำ ทั้งนี้นอกจากคนเหล่านั้นมองว่า เรื่องเงินเฟ้อเป็นความผิดของคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ยังบอกว่า ไว้ใจทรัมป์มากกว่าแฮร์ริสในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
    .
    กลุ่มฮิสปานิกหรือกลุ่มคนพูดภาษาสเปน ที่เดิมทีเป็นฐานเสียงของเดโมแครต รวมทั้งครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อรุนแรงที่สุด กลายเป็นตัวช่วยส่งให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ นอกเหนือจากฐานเสียงที่จงรักภักดีเหนียวแน่นกับพวกเขาซึ่งได้แก่กลุ่มคนผิวขาวที่เรียนไม่ถึงระดับมหาวิทยาลัย
    .
    ชัยชนะครั้งนี้เกิดขึ้นมา ถึงแม้ว่า ทรัมป์มีคะแนนนิยมต่ำต่อเนื่อง เคยผ่านกระบวนการถูกพิจารณาถอดถอนถึง 2 ครั้ง ถูกอดีตหัวหน้าคณะทำงานในทำเนียบขาวของตนเองระบุว่าเป็น “ฟาสซิสต์” ถูกฟ้องร้องคดีอาญา 4 คดี และถูกตัดสินว่าผิดในคดีแพ่งจากการล่วงละเมิดทางเพศและการหมิ่นประมาท ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเขาถูกคณะลูกขุนในนิวยอร์กตัดสินว่า กระทำผิดในการปลอมแปลงข้อมูลธุรกิจเพื่อปกปิดการจ่ายเงินปิดปากดาราหนังปลุกใจเสือป่า
    .
    ด้วยวัย 78 ปี ทรัมป์กำลังจะสร้างสถิติใหม่ในการเป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุด
    .
    ชัยชนะของทรัมป์ยังมีนัยสำคัญต่อนโยบายการค้า ผู้อพยพ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของอเมริกา และสงครามในยูเครน
    .
    นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า ข้อเสนอขึ้นภาษีศุลกากรอย่างแรงของทรัมป์มีแนวโน้มจุดชนวนสงครามการค้ารุนแรงขึ้นกับจีน ตลอดจนกับพวกประเทศพันธมิตรของอเมริกา นอกจากนั้นเขายังให้สัญญาเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายครั้งใหญ่
    .
    ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของผู้สนับสนุนที่ไปรวมตัวติดตามดูการนับคะแนนอยู่ที่รัฐฟลอริดา ทรัมป์ขึ้นเวทีพร้อมเมลาเนีย ภรรยา และลูกๆ และประกาศว่า นี่คือชัยชนะอันงดงามสำหรับคนอเมริกัน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ตนทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
    .
    เขายังกล่าวถึงการรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารสองครั้งระหว่างช่วงหาเสียงว่า หลายคนบอกว่าพระเจ้าปกป้องเขา
    .
    นอกจากครอบครัวทรัมป์ วุฒิสมาชิก เจดี. แวนซ์ คู่หูในตำแหน่งรองประธานาธิบดี และบรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันแล้ว งานนี้ยังมี อีลอน มัสก์ นักธุรกิจและมหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลกที่อัดฉีดแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ราว 120 ล้านดอลลาร์ เข้าร่วมฉลองด้วย โดยทรัมป์ยกย่องนายใหญ่เอ็กซ์และเทสลาผู้นี้เป็น “ดาวดวงใหม่” และก่อนหน้านี้ยังประกาศว่า จะแต่งตั้งมัสก์เป็นประธานคณะกรรมาธิการตรวจสอบประสิทธิภาพของรัฐบาล
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107148
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ กำชัยชนะเหนือ กมลา แฮร์ริส อย่างง่ายดายและเด็ดขาดเกินคาดหมายในวันพุธ (6 พ.ย.) หลังกวาดคะแนนจากรัฐสมรภูมิสำคัญ และได้กลับสู่ทำเนียบขาวสมัยที่สองที่มีแนวโน้มสร้างแรงกระเพื่อมทั่วโลก นอกจากนั้น พรรครีพับลิกันของเขายังสามารถชิงอำนาจการควบคุมวุฒิสภาจากเดโมแครตได้สำเร็จ . ถึงแม้ผลสำรวจจากหลายสำนักก่อนหน้าการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นในวันอังคาร (5) ต่างระบุว่า การแข่งขันครั้งนี้จะคู่คี่สูสีกันมากและอาจต้องรอนานหลายวันกว่าจะรู้ผล แต่กลายเป็นว่า พวกสื่อยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ สามารถประกาศอย่างเป็นเสียงเอกฉันท์ชนิดไม่มีเจ้าไหนแตกแถวตั้งแต่ในวันพุธ (6) ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ปี เป็นผู้ชนะ หลังจากอดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้สามารถกวาดคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) เกิน 270 คะแนนซึ่งเป็นเกณฑ์สำหรับผู้ชนะ และได้เป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 . วิสคอนซิน ซึ่งเป็น 1 ใน 7 รัฐสมรภูมิที่ผู้ออกเสียงไม่ได้แสดงความนิยมในผู้สมัครคนไหนหรือพรรคใหญ่พรรคใดอย่างชัดเจน จึงถูกมองว่าจะเป็นตัวชี้ขาดผู้มีชัยในการเลือกตั้งคราวนี้ ได้กลายเป็นรัฐตัดสินไปจริงๆ โดยหลังจากฟ็อกซ์นิวส์ เป็นสื่อยักษ์ใหญ่เจ้าแรกที่คาดการณ์ว่าทรัมป์ชนะในรัฐนี้ แล้วจึงประกาศว่าเขาได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 เสียงและเป็นผู้ชนะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปแล้ว ถัดจากนั้นอีกหลายชั่วโมงต่อมา สื่อยักษ์ใหญ่อื่นๆ ได้แก่ เอบีซี ซีบีเอส เอ็นบีซี ซีเอ็นเอ็น เอพี ก็เดินมาในรอยทางเดียวกัน กล่าวคือ ทยอยประกาศคาดการณ์ว่าทรัมป์ได้วิสคอนซินซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 10 เสียงไป และทำให้เป็นผู้ชนะโดยรวม ถึงแม้ในทางเป็นจริงแล้วยังมีอีกหลายรัฐที่นับคะแนนยังไม่ทันเสร็จสิ้นก็ตามที . ไม่เพียงชนะด้วยเสียงคณะผู้เลือกตั้ง ในครั้งนี้ทรัมป์ยังได้คะแนนป็อปปูลาร์โหวต หรือเสียงโหวตจากผู้ออกเสียงทั่วประเทศ นำหน้าแฮร์ริสถึงประมาณ 5 ล้านคะแนน แตกต่างจากตอนที่เขาชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสมัยแรกในปี 2016 ซึ่งเขามีชัยด้านเสียงคณะผู้เลือกตั้ง แต่แพ้ป็อปปูลาร์โหวตให้แก่คู่แข่งคือ ฮิลลารี คลินตัน เกือบ 3 ล้านคะแนน . นอกจากนั้นแล้ว พรรครีพับลิกันของทรัมป์ ยังเข้ายึดวุฒิสภามาจากเดโมแครตได้สำเร็จ โดยชิงที่นั่งซึ่งเดิมเป็นของเดโมแครตมาได้ 2 ที่นั่ง ทำให้พวกเขาเวลานี้เป็นฝ่ายที่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ขณะที่ในสภาผู้แทนราษฎรที่ชุดที่แล้วรีพับลิกันครองเสียงข้างมากเกินครึ่งเพียงเล็กน้อยนั้น ยังไม่มีพรรคใดทำท่าชนะอย่างแน่นอนชัดเจน และต้องรอผลการนับคะแนนอย่างละเอียดถี่ถ้วนกว่านี้ . แฮร์ริสที่ถูกเปลี่ยนตัวเข้าแทนที่ โจ ไบเดน และมีเวลาในการรณรงค์หาเสียงเพียง 15 สัปดาห์เท่านั้น ทำไม่สำเร็จในการระดมเสียงสนับสนุนให้มากพอเพื่อยับยั้งทรัมป์ โดยเฉพาะในการคลายความกังวลของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งที่สำคัญที่สุดคือภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาผู้อพยพ มิหนำซ้ำผู้ออกเสียงส่วนใหญ่ยังไม่สนใจคำเตือนของแคนดิเดตจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ที่ว่า ทรัมป์ต้องการอำนาจแบบไม่มีการตรวจสอบและเป็นตัวอันตรายสำหรับประชาธิปไตย ทำให้ประเด็นหลักในการหาเสียงของแฮร์ริสคือ การสร้างความเป็นเอกภาพและสนับสนุนสิทธิในการทำแท้ง สุดท้ายยังไม่เพียงพอให้เธอสามารถสร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ อีกทั้งเป็นหญิงผิวดำและเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกด้วย . จากโพลสำเร็จของรอยเตอร์/อิปซอสส์ บ่งชี้ว่าพวกผู้มีสิทธิเลือกตั้งมองว่า เรื่องงานและเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของอเมริกา โดยคนอเมริกันจำนวนมากไม่พอใจปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น ถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจด้านอื่นๆ อยู่ในอาการที่ดี ไม่ว่าจะเป็นราคาหุ้นพุ่งทำสถิติ ค่าแรงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอัตราว่างงานต่ำ ทั้งนี้นอกจากคนเหล่านั้นมองว่า เรื่องเงินเฟ้อเป็นความผิดของคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ยังบอกว่า ไว้ใจทรัมป์มากกว่าแฮร์ริสในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ . กลุ่มฮิสปานิกหรือกลุ่มคนพูดภาษาสเปน ที่เดิมทีเป็นฐานเสียงของเดโมแครต รวมทั้งครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อรุนแรงที่สุด กลายเป็นตัวช่วยส่งให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ นอกเหนือจากฐานเสียงที่จงรักภักดีเหนียวแน่นกับพวกเขาซึ่งได้แก่กลุ่มคนผิวขาวที่เรียนไม่ถึงระดับมหาวิทยาลัย . ชัยชนะครั้งนี้เกิดขึ้นมา ถึงแม้ว่า ทรัมป์มีคะแนนนิยมต่ำต่อเนื่อง เคยผ่านกระบวนการถูกพิจารณาถอดถอนถึง 2 ครั้ง ถูกอดีตหัวหน้าคณะทำงานในทำเนียบขาวของตนเองระบุว่าเป็น “ฟาสซิสต์” ถูกฟ้องร้องคดีอาญา 4 คดี และถูกตัดสินว่าผิดในคดีแพ่งจากการล่วงละเมิดทางเพศและการหมิ่นประมาท ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเขาถูกคณะลูกขุนในนิวยอร์กตัดสินว่า กระทำผิดในการปลอมแปลงข้อมูลธุรกิจเพื่อปกปิดการจ่ายเงินปิดปากดาราหนังปลุกใจเสือป่า . ด้วยวัย 78 ปี ทรัมป์กำลังจะสร้างสถิติใหม่ในการเป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุด . ชัยชนะของทรัมป์ยังมีนัยสำคัญต่อนโยบายการค้า ผู้อพยพ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของอเมริกา และสงครามในยูเครน . นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า ข้อเสนอขึ้นภาษีศุลกากรอย่างแรงของทรัมป์มีแนวโน้มจุดชนวนสงครามการค้ารุนแรงขึ้นกับจีน ตลอดจนกับพวกประเทศพันธมิตรของอเมริกา นอกจากนั้นเขายังให้สัญญาเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายครั้งใหญ่ . ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของผู้สนับสนุนที่ไปรวมตัวติดตามดูการนับคะแนนอยู่ที่รัฐฟลอริดา ทรัมป์ขึ้นเวทีพร้อมเมลาเนีย ภรรยา และลูกๆ และประกาศว่า นี่คือชัยชนะอันงดงามสำหรับคนอเมริกัน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ตนทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง . เขายังกล่าวถึงการรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารสองครั้งระหว่างช่วงหาเสียงว่า หลายคนบอกว่าพระเจ้าปกป้องเขา . นอกจากครอบครัวทรัมป์ วุฒิสมาชิก เจดี. แวนซ์ คู่หูในตำแหน่งรองประธานาธิบดี และบรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันแล้ว งานนี้ยังมี อีลอน มัสก์ นักธุรกิจและมหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลกที่อัดฉีดแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ราว 120 ล้านดอลลาร์ เข้าร่วมฉลองด้วย โดยทรัมป์ยกย่องนายใหญ่เอ็กซ์และเทสลาผู้นี้เป็น “ดาวดวงใหม่” และก่อนหน้านี้ยังประกาศว่า จะแต่งตั้งมัสก์เป็นประธานคณะกรรมาธิการตรวจสอบประสิทธิภาพของรัฐบาล . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107148 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 Comments 0 Shares 2129 Views 0 Reviews
  • คดีขโมยทรัพย์หักสวาทกับกลิ่นตุๆ 10 ปมพิรุธ ปกปิดทรัพย์สินเมียบิ๊กตำรวจ
    .
    22 ตุลาคมนี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ คุณธนัฎฐา ยอดเยี่ยม หรือ หนิง อายุ 50 ปี อาชีพเป็นถึงอาจารย์พิเศษ อยู่ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน นครปฐมไปออกรายการ ถกไม่เถียง มีคุณทิน โชคกมลกิจ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ผู้หญิงคนนี้มาแฉว่าเมียบิ๊กตำรวจมาเล่นชู้กับสามีตัวเองที่เป็นตำรวจเช่นกัน ในคอนโดฯ ที่ตัวเองเป็นเจ้าของ มิหนำซ้ำยังขโมยทรัพย์สินเป็นทองคำกว่า 120 บาท และเงินสดอีก 6 แสนบาท มูลค่ารวม 5 ล้านกว่าบาท
    .
    ผมอยากให้ท่านผู้ชมเห็นพิรุธของคนทั้งสามคนนี้ คือในเรื่องขโมยทรัพย์หักสวาทเรื่องนี้มันมีกลิ่นตุๆ ซุกซ่อนอยู่ในนี้หลายประเด็น
    .
    หนึ่ง เท่าที่ผมรู้ ดร.ศิรินัดดา ขจัดพาล ให้การกับตำรวจขณะมามอบตัวว่ามีการเช่าคอนโดฯ ห้องที่เกิดเหตุกับพ.ต.อ.ภีมพจน์ น้อมชอบพิทักษ์ สามีคุณหนิงตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2567ต้นปี ตกลงเช่ากันไว้ 1 ปี ในราคาเดือนละ 10,000 บาท แต่ได้จ่ายค่าเช่าเป็นเงิน 120,000 บาท แสดงว่าการเช่าสิ้นสุดลงในเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า (2568) เพราะฉะนั้นแล้วการเอากระสอบสีรุ้ง 5 ใบ ก็สามารถเก็บไว้ได้ตามอายุสัญญาเช่า ไม่จำเป็นต้องเอาออกไปแต่อย่างใด
    .
    สอง ตามคำให้การของคุณหนิง พบว่าคุณหนิงกับสามี พ.ต.อ.ภีมพจน์ มีการเข้าห้องที่เกิดเหตุตั้งหลายครั้ง ทำไม ดร.ศิรินัดดา ไม่มีการแจ้งความในข้อหาบุกรุกกับสองคนผัวเมีย
    .
    สาม ถ้ามีการเช่า ทำไมไม่เปลี่ยนกุญแจคีย์การ์ดล็อกได้อีกชั้น ถ้าไม่ต้องการให้ใครเข้ามาวุ่นวายในห้องนี้
    .
    สี่ ในซอยสุขุมวิท 101 ซอยย่อย 47 ดร.ศิรินัดดา มีคอนโดฯอีก 3 ห้อง ซึ่งใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุอยู่ซอย 21 ทำไมถึงไม่เอาเงินทอง 5 ถุงไปเก็บไว้ที่มีตำรวจตัวเอง
    .
    ห้า ข้อมูลเชิงลึก ดร.ศิรินัดดาหรือมาดามกุ๊กคบหารู้จักสามีคุณหนิงตั้งแต่เป็นสารวัตร รับราชการที่จังหวัดสงขลา จนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง
    .
    หก เรื่องซื้อขายทองตามปรากฏ post-it ในถุงสีรุ้ง ดันไปตรงกับข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ของ พ.ต.ท.คริษฐ์ ที่ พ.ต.ต.ชานนท์ รายงานการซื้อขายทอง ตรงกับหลักฐานที่ ปปง. มีอยู่ จึงเชื่อได้ว่าทองคำที่คุณหนิงอ้างว่าถูกมาดามกุ๊กขโมยไปนั้น ไม่น่าจะเป็นทองของคุณหนิง แต่เป็นทองของสุรเชชษฐ์ กับมาดามกุ๊กมากกว่า แต่ทำไมคุณหนิงแต่งเรื่องเพื่อแบล็กเมล ใช่หรือเปล่า
    .
    เจ็ด ตัวคุณหนิงเองก็เคยมีประวัติถูกแจ้งความดำเนินคดี ถูกฟ้องร้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์เกือบสิบคดี และเบื้องหลังคุณหนิงกับสามีก็ขาดสภาพคล่องทางการเงิน จะเอาทองคำ 120 บาท กับเงิน 6 แสนบาท มาจากไหนครับและหลักฐานที่จะแสดงถึงว่าคุณซื้อทองยังไม่มีเลย
    .
    แปด ตรรกะง่ายๆ เมียที่ไหนจับได้ว่าผู้หญิงเอาผัวตัวไปทำชู้พร้อมหลักฐานชัดเจน แต่ไม่อาละวาด เคลียร์กันเงียบๆ แล้วแยกย้ายจากกัน ดูเป็นแม่พระเหลือเกิน ต่างกับตอนมาออกรายการโหนกระแส ธาตุแท้ยิ่งกว่าตลาด บุคลากรแบบนี้หรือที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจนำมาสั่งสอนนักเรียนนายร้อยตำรวจ ดีแล้วที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจไม่ให้คุณทำการสอนต่อ
    .
    เก้า คุณหนิงกับสามีรับลูกกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยในรายการ “โหนกระแส” ทั้งๆ ที่มันเป็นความผิดร้ายแรงของระบบราชการที่มีการคบซ้อนเชิงชู้สาว ร้ายแรงถึงออกจากราชการ แต่ทั้งคู่ไม่ได้แคร์ เหมือนกับรู้ว่าจะได้ลาภก้อนใหญ่จนกระทั่งไม่สนชีวิตราชการ แม้กระทั่งเงินบำเหน็จบำนาญ
    .
    สิบ ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ มันขมวดถึงข้อพิรุธและความน่าสงสัยของการพยายามปกปิดทรัพย์สิน ร่ำรวยเกินกว่าเหตุของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล และ ดร.ศิรินัดดา รวมถึงเส้นทางทางการเงินที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายเว็บพนันทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายมินนี่ หรือ BNK Master เรื่องคดีพวกนี้ของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ผมก็ยังงงกับหน่วยงานที่ไปตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. หรือ ปปง. ที่ยังเชื่องช้าเหมือนเด็กหัดเดิน ทำอะไร พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ไม่ได้เต็มข้อเสียที ทั้งๆ ที่ตำรวจขนหลักฐานไปให้ไม่รู้เท่าไร พวกคุณรออะไรกันอยู่ หรือจะรอให้มันโยกเงินโยกทองหนีออกนอกประเทศไปก่อน
    .
    เรื่องคดีอาญาที่ ปปง. ดำเนินการ ไปถึงไหนแล้ว บทเรียนมีไม่ใช่หรือ ว่ามันโยกเงินแม้กระทั่งจากกรมธรรม์ประกันชีวิต มันก็ทำไปแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือข้อสังเกตของผม ท่านผู้ชมเห็นด้วยกับผมไหมว่าเรื่องนี้มันทะแม่งๆ น่าสนใจมาก
    คดีขโมยทรัพย์หักสวาทกับกลิ่นตุๆ 10 ปมพิรุธ ปกปิดทรัพย์สินเมียบิ๊กตำรวจ . 22 ตุลาคมนี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ คุณธนัฎฐา ยอดเยี่ยม หรือ หนิง อายุ 50 ปี อาชีพเป็นถึงอาจารย์พิเศษ อยู่ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน นครปฐมไปออกรายการ ถกไม่เถียง มีคุณทิน โชคกมลกิจ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ผู้หญิงคนนี้มาแฉว่าเมียบิ๊กตำรวจมาเล่นชู้กับสามีตัวเองที่เป็นตำรวจเช่นกัน ในคอนโดฯ ที่ตัวเองเป็นเจ้าของ มิหนำซ้ำยังขโมยทรัพย์สินเป็นทองคำกว่า 120 บาท และเงินสดอีก 6 แสนบาท มูลค่ารวม 5 ล้านกว่าบาท . ผมอยากให้ท่านผู้ชมเห็นพิรุธของคนทั้งสามคนนี้ คือในเรื่องขโมยทรัพย์หักสวาทเรื่องนี้มันมีกลิ่นตุๆ ซุกซ่อนอยู่ในนี้หลายประเด็น . หนึ่ง เท่าที่ผมรู้ ดร.ศิรินัดดา ขจัดพาล ให้การกับตำรวจขณะมามอบตัวว่ามีการเช่าคอนโดฯ ห้องที่เกิดเหตุกับพ.ต.อ.ภีมพจน์ น้อมชอบพิทักษ์ สามีคุณหนิงตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2567ต้นปี ตกลงเช่ากันไว้ 1 ปี ในราคาเดือนละ 10,000 บาท แต่ได้จ่ายค่าเช่าเป็นเงิน 120,000 บาท แสดงว่าการเช่าสิ้นสุดลงในเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า (2568) เพราะฉะนั้นแล้วการเอากระสอบสีรุ้ง 5 ใบ ก็สามารถเก็บไว้ได้ตามอายุสัญญาเช่า ไม่จำเป็นต้องเอาออกไปแต่อย่างใด . สอง ตามคำให้การของคุณหนิง พบว่าคุณหนิงกับสามี พ.ต.อ.ภีมพจน์ มีการเข้าห้องที่เกิดเหตุตั้งหลายครั้ง ทำไม ดร.ศิรินัดดา ไม่มีการแจ้งความในข้อหาบุกรุกกับสองคนผัวเมีย . สาม ถ้ามีการเช่า ทำไมไม่เปลี่ยนกุญแจคีย์การ์ดล็อกได้อีกชั้น ถ้าไม่ต้องการให้ใครเข้ามาวุ่นวายในห้องนี้ . สี่ ในซอยสุขุมวิท 101 ซอยย่อย 47 ดร.ศิรินัดดา มีคอนโดฯอีก 3 ห้อง ซึ่งใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุอยู่ซอย 21 ทำไมถึงไม่เอาเงินทอง 5 ถุงไปเก็บไว้ที่มีตำรวจตัวเอง . ห้า ข้อมูลเชิงลึก ดร.ศิรินัดดาหรือมาดามกุ๊กคบหารู้จักสามีคุณหนิงตั้งแต่เป็นสารวัตร รับราชการที่จังหวัดสงขลา จนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง . หก เรื่องซื้อขายทองตามปรากฏ post-it ในถุงสีรุ้ง ดันไปตรงกับข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ของ พ.ต.ท.คริษฐ์ ที่ พ.ต.ต.ชานนท์ รายงานการซื้อขายทอง ตรงกับหลักฐานที่ ปปง. มีอยู่ จึงเชื่อได้ว่าทองคำที่คุณหนิงอ้างว่าถูกมาดามกุ๊กขโมยไปนั้น ไม่น่าจะเป็นทองของคุณหนิง แต่เป็นทองของสุรเชชษฐ์ กับมาดามกุ๊กมากกว่า แต่ทำไมคุณหนิงแต่งเรื่องเพื่อแบล็กเมล ใช่หรือเปล่า . เจ็ด ตัวคุณหนิงเองก็เคยมีประวัติถูกแจ้งความดำเนินคดี ถูกฟ้องร้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์เกือบสิบคดี และเบื้องหลังคุณหนิงกับสามีก็ขาดสภาพคล่องทางการเงิน จะเอาทองคำ 120 บาท กับเงิน 6 แสนบาท มาจากไหนครับและหลักฐานที่จะแสดงถึงว่าคุณซื้อทองยังไม่มีเลย . แปด ตรรกะง่ายๆ เมียที่ไหนจับได้ว่าผู้หญิงเอาผัวตัวไปทำชู้พร้อมหลักฐานชัดเจน แต่ไม่อาละวาด เคลียร์กันเงียบๆ แล้วแยกย้ายจากกัน ดูเป็นแม่พระเหลือเกิน ต่างกับตอนมาออกรายการโหนกระแส ธาตุแท้ยิ่งกว่าตลาด บุคลากรแบบนี้หรือที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจนำมาสั่งสอนนักเรียนนายร้อยตำรวจ ดีแล้วที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจไม่ให้คุณทำการสอนต่อ . เก้า คุณหนิงกับสามีรับลูกกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยในรายการ “โหนกระแส” ทั้งๆ ที่มันเป็นความผิดร้ายแรงของระบบราชการที่มีการคบซ้อนเชิงชู้สาว ร้ายแรงถึงออกจากราชการ แต่ทั้งคู่ไม่ได้แคร์ เหมือนกับรู้ว่าจะได้ลาภก้อนใหญ่จนกระทั่งไม่สนชีวิตราชการ แม้กระทั่งเงินบำเหน็จบำนาญ . สิบ ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ มันขมวดถึงข้อพิรุธและความน่าสงสัยของการพยายามปกปิดทรัพย์สิน ร่ำรวยเกินกว่าเหตุของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล และ ดร.ศิรินัดดา รวมถึงเส้นทางทางการเงินที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายเว็บพนันทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายมินนี่ หรือ BNK Master เรื่องคดีพวกนี้ของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ผมก็ยังงงกับหน่วยงานที่ไปตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. หรือ ปปง. ที่ยังเชื่องช้าเหมือนเด็กหัดเดิน ทำอะไร พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ไม่ได้เต็มข้อเสียที ทั้งๆ ที่ตำรวจขนหลักฐานไปให้ไม่รู้เท่าไร พวกคุณรออะไรกันอยู่ หรือจะรอให้มันโยกเงินโยกทองหนีออกนอกประเทศไปก่อน . เรื่องคดีอาญาที่ ปปง. ดำเนินการ ไปถึงไหนแล้ว บทเรียนมีไม่ใช่หรือ ว่ามันโยกเงินแม้กระทั่งจากกรมธรรม์ประกันชีวิต มันก็ทำไปแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือข้อสังเกตของผม ท่านผู้ชมเห็นด้วยกับผมไหมว่าเรื่องนี้มันทะแม่งๆ น่าสนใจมาก
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1796 Views 0 Reviews
  • "GGC" แจงคืบหน้าคดีอาญาอดีตผู้บริหาร-คู่ค้าทำสต็อกลมเสียหายกว่า 2 พันล้าน หลังเกิดเหตุการณ์วัตถุดิบคงคลังสูญหายช่วงมิถุนายน 2561 ชี้ลงบันทึกในระบบบัญชีของบริษัทได้รับวัตถุดิบครบถ้วน

    18 ตุลาคม 2567-รายงานข่าวฐานเศรษฐกิจระบุว่า นายกฤษฎา ประเสริฐสุโข กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC เปิดเผยความคืบหน้าด้านคดีความอันเนื่องมาจากเหตุการณ์วัตถุดิบคงคลังสูญหาย ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงมิถุนายน 2561 ตามที่ GGC ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหาร พนักงานและ คู่ค้าที่เกี่ยวข้อง

    ซึ่งต่อมาสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ได้ กล่าวโทษอดีตผู้บริหาร GGC 2 ราย และบริษัทคู่ค้า อีก 9 ราย ซึ่งเป็นผู้ขายวัตถุดิบ กรณีร่วมกันดำเนินการให้บริษัทซื้อวัตถุดิบและจ่ายชำระเงินค่าซื้อเต็มจำนวนให้แก่ผู้ขายโดยไม่ได้รับวัตถุดิบทั้งหมดหรือได้รับเพียงบางส่วน

    แต่กลับลงบันทึกในระบบบัญชีของบริษัทว่าได้รับวัตถุดิบครบถ้วนแล้ว รวมทั้งกรณีส่งมอบวัตถุดิบไปกลั่นโดยไม่ได้มีการกลั่นจริง ทำให้ GGC ได้รับความเสียหาย คิดเป็นมูลค่ารวม 2,157 ล้านบาท

    ทั้งนี้ GGC ได้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ทั้งทางแพ่ง และอาญา ร่วมกับ ก.ล.ต. มาอย่างต่อเนื่อง โดยคดีมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก และมีคดีถึงที่สุดแล้วหลายคดี ดังนี้

    ในส่วนคดีแพ่ง GGC มีการฟ้องร้องคดีแพ่ง 5 คดี และศาลตัดสินแล้วทั้งหมด โดย GGC ชนะทุกคดี และคดีถึงที่สุดแล้ว 4 คดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการบังคับคดีตามคำสั่งศาลมูลค่ารวมกว่า 800 ล้านบาท

    ด้านคดีที่ GGC ถูกฟ้องเป็นจำเลยมี 6 คดี ศาลตัดสินแล้ว 4 คดี โดย GGC ชนะ 3 คดี และอีก 2 คดีอยู่ระหว่างการสืบพยาน

    ขณะที่คดีอาญา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้กล่าวโทษอดีตผู้บริหารของ GGC และบริษัทคู่ค้า และ GGC ได้แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญากับอดีตผู้บริหารและบริษัทคู่ค้ารวมทั้งสิ้น 8 คดี โดยมีคดีอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน 4 คดี อยู่ในชั้นพนักงานอัยการ 1 คดี และอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอีก 3 คดี ซึ่งมีการตัดสินแล้ว 2 คดี

    คดีแรก ในปี 2566 ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 โดยลงโทษจำคุกอดีตผู้บริหาร 2 ปี และกรรมการของคู่ค้า 1 ปี 4 เดือน และให้อดีตผู้บริหารชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ GGC จำนวนประมาณ 328.87 ล้านบาท ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์

    คดีที่สอง ตัดสินเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ศาลพิพากษายกฟ้อง อย่างไรก็ตาม คำพิพากษาดังกล่าวเป็นคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเท่านั้น คดียังไม่ถึงที่สุด และ GGC จะสามารถใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์ได้ โดยคดีดังกล่าว มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 72.88 ล้านบาท ซึ่ง GGC ได้ยื่นขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายของบริษัทคู่ค้าไว้แล้ว

    "GGC ขอยืนยันว่า บริษัทจะดำเนินคดีตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงผ่านกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง เพื่อปกป้องสิทธิและรักษาผลประโยชน์ของ GGC และผู้ถือหุ้นทุกคน"

    ที่มา https://www.thansettakij.com/sustainable/energy/609697

    #Thaitimes
    "GGC" แจงคืบหน้าคดีอาญาอดีตผู้บริหาร-คู่ค้าทำสต็อกลมเสียหายกว่า 2 พันล้าน หลังเกิดเหตุการณ์วัตถุดิบคงคลังสูญหายช่วงมิถุนายน 2561 ชี้ลงบันทึกในระบบบัญชีของบริษัทได้รับวัตถุดิบครบถ้วน 18 ตุลาคม 2567-รายงานข่าวฐานเศรษฐกิจระบุว่า นายกฤษฎา ประเสริฐสุโข กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC เปิดเผยความคืบหน้าด้านคดีความอันเนื่องมาจากเหตุการณ์วัตถุดิบคงคลังสูญหาย ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงมิถุนายน 2561 ตามที่ GGC ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหาร พนักงานและ คู่ค้าที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต่อมาสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ได้ กล่าวโทษอดีตผู้บริหาร GGC 2 ราย และบริษัทคู่ค้า อีก 9 ราย ซึ่งเป็นผู้ขายวัตถุดิบ กรณีร่วมกันดำเนินการให้บริษัทซื้อวัตถุดิบและจ่ายชำระเงินค่าซื้อเต็มจำนวนให้แก่ผู้ขายโดยไม่ได้รับวัตถุดิบทั้งหมดหรือได้รับเพียงบางส่วน แต่กลับลงบันทึกในระบบบัญชีของบริษัทว่าได้รับวัตถุดิบครบถ้วนแล้ว รวมทั้งกรณีส่งมอบวัตถุดิบไปกลั่นโดยไม่ได้มีการกลั่นจริง ทำให้ GGC ได้รับความเสียหาย คิดเป็นมูลค่ารวม 2,157 ล้านบาท ทั้งนี้ GGC ได้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ทั้งทางแพ่ง และอาญา ร่วมกับ ก.ล.ต. มาอย่างต่อเนื่อง โดยคดีมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก และมีคดีถึงที่สุดแล้วหลายคดี ดังนี้ ในส่วนคดีแพ่ง GGC มีการฟ้องร้องคดีแพ่ง 5 คดี และศาลตัดสินแล้วทั้งหมด โดย GGC ชนะทุกคดี และคดีถึงที่สุดแล้ว 4 คดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการบังคับคดีตามคำสั่งศาลมูลค่ารวมกว่า 800 ล้านบาท ด้านคดีที่ GGC ถูกฟ้องเป็นจำเลยมี 6 คดี ศาลตัดสินแล้ว 4 คดี โดย GGC ชนะ 3 คดี และอีก 2 คดีอยู่ระหว่างการสืบพยาน ขณะที่คดีอาญา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้กล่าวโทษอดีตผู้บริหารของ GGC และบริษัทคู่ค้า และ GGC ได้แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญากับอดีตผู้บริหารและบริษัทคู่ค้ารวมทั้งสิ้น 8 คดี โดยมีคดีอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน 4 คดี อยู่ในชั้นพนักงานอัยการ 1 คดี และอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอีก 3 คดี ซึ่งมีการตัดสินแล้ว 2 คดี คดีแรก ในปี 2566 ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 โดยลงโทษจำคุกอดีตผู้บริหาร 2 ปี และกรรมการของคู่ค้า 1 ปี 4 เดือน และให้อดีตผู้บริหารชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ GGC จำนวนประมาณ 328.87 ล้านบาท ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ คดีที่สอง ตัดสินเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ศาลพิพากษายกฟ้อง อย่างไรก็ตาม คำพิพากษาดังกล่าวเป็นคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเท่านั้น คดียังไม่ถึงที่สุด และ GGC จะสามารถใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์ได้ โดยคดีดังกล่าว มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 72.88 ล้านบาท ซึ่ง GGC ได้ยื่นขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายของบริษัทคู่ค้าไว้แล้ว "GGC ขอยืนยันว่า บริษัทจะดำเนินคดีตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงผ่านกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง เพื่อปกป้องสิทธิและรักษาผลประโยชน์ของ GGC และผู้ถือหุ้นทุกคน" ที่มา https://www.thansettakij.com/sustainable/energy/609697 #Thaitimes
    WWW.THANSETTAKIJ.COM
    "GGC" แจงคืบหน้าคดีอาญาอดีตผู้บริหาร-คู่ค้าทำสต็อกลมเสียหายกว่า 2 พันล้าน
    "GGC" แจงคืบหน้าคดีอาญาอดีตผู้บริหาร-คู่ค้าทำสต็อกลมเสียหายกว่า 2 พันล้าน หลังเกิดเหตุการณ์วัตถุดิบคงคลังสูญหายช่วงมิถุนายน 2561 ชี้ลงบันทึกในระบบบัญชีของบริษัทได้รับวัตถุดิบครบถ้วน
    0 Comments 0 Shares 786 Views 0 Reviews