• เปลี่ยนงาน "ซอย" ที่น่าเบื่อ ให้เป็นงาน "สร้างสรรค์" ในพริบตา!
    เหนื่อยไหมกับการนั่งซอยขิงทีละเส้น? เสียเวลา เสียพลังงาน แถมขนาดก็ไม่สม่ำเสมอ? ถึงเวลาให้ เครื่องหั่นมันฝรั่งรุ่น YPS-J310-606-Z-S เป็นสุดยอดผู้ช่วยมือโปรในครัวคุณ!

    ไม่ใช่แค่มันฝรั่ง... แต่คือ "เทพแห่งการซอยขิง" ตัวจริง!
    เครื่องนี้ถูกออกแบบมาเพื่อ โรงงาน, ภัตตาคาร, และร้านอาหารขนาดกลาง-ใหญ่ ที่เน้นเรื่องคุณภาพและความรวดเร็ว!

    พลังผลิตระดับอุตสาหกรรม: เร็ว แรง ทันใจ! ด้วยกำลังผลิตสูงถึง 100-300 กิโลกรัมต่อชั่วโมง (KG/H) เทียบเท่าแรงงานคนหลายสิบคน!

    มอเตอร์แรงเต็มที่: ใช้มอเตอร์ขนาด 1 แรงม้า ใช้ไฟบ้าน 220V ทำงานต่อเนื่องได้สบาย ไม่มีสะดุด

    สเตนเลสแท้ : ตัวเครื่องทำจากสเตนเลสสตีลคุณภาพสูง ทนทานต่อการกัดกร่อน ทำความสะอาดง่าย ถูกสุขอนามัยมาตรฐานโรงงานอาหาร

    ปรับได้ 3 สไตล์: เครื่องเดียวจบ ครบทุกเมนู! สามารถเปลี่ยนใบมีดเพื่อหั่นได้ทั้ง แผ่น, แท่ง, และเส้น ขนาดสม่ำเสมอ!

    ขนาดและน้ำหนัก: ขนาด 468 x 572 x 690 มม. และน้ำหนัก 43 กก.

    หยุดเสียเวลาซอย! เปลี่ยนมา "ลงทุน" กับความเร็วและคุณภาพในครัวคุณ!

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ย. ย่งฮะเฮง (Y. Yonghahheng)

    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    เวลาทำการ:
    จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.)
    เสาร์ (8.00-16.00 น.)
    ช่องทางติดต่อ:
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ สายด่วน 081-3189098
    แชท Inbox: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com

    #เครื่องหั่นขิง #เครื่องซอยขิง #เครื่องหั่นผัก #เครื่องสไลด์ผัก #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #เครื่องครัวร้านอาหาร #อุปกรณ์ร้านอาหาร #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #ขิงซอย #ขิง #โรงงานอาหาร #โรงงานแปรรูป #ร้านอาหาร #ภัตตาคาร #โรงแรม #ครัวมืออาชีพ #ประหยัดเวลา #เพิ่มประสิทธิภาพ #สเตนเลสสตีล
    📢💥 เปลี่ยนงาน "ซอย" ที่น่าเบื่อ ให้เป็นงาน "สร้างสรรค์" ในพริบตา! 💥📢 เหนื่อยไหมกับการนั่งซอยขิงทีละเส้น? 😭 เสียเวลา เสียพลังงาน แถมขนาดก็ไม่สม่ำเสมอ? ถึงเวลาให้ เครื่องหั่นมันฝรั่งรุ่น YPS-J310-606-Z-S เป็นสุดยอดผู้ช่วยมือโปรในครัวคุณ! 🧑‍🍳🔪 🌶️✨ ไม่ใช่แค่มันฝรั่ง... แต่คือ "เทพแห่งการซอยขิง" ตัวจริง! ✨🌶️ เครื่องนี้ถูกออกแบบมาเพื่อ โรงงาน, ภัตตาคาร, และร้านอาหารขนาดกลาง-ใหญ่ ที่เน้นเรื่องคุณภาพและความรวดเร็ว! ⚡ พลังผลิตระดับอุตสาหกรรม: เร็ว แรง ทันใจ! ด้วยกำลังผลิตสูงถึง 100-300 กิโลกรัมต่อชั่วโมง (KG/H) เทียบเท่าแรงงานคนหลายสิบคน! ⚙️ มอเตอร์แรงเต็มที่: ใช้มอเตอร์ขนาด 1 แรงม้า ใช้ไฟบ้าน 220V ทำงานต่อเนื่องได้สบาย ไม่มีสะดุด ✨ สเตนเลสแท้ 💯: ตัวเครื่องทำจากสเตนเลสสตีลคุณภาพสูง ทนทานต่อการกัดกร่อน ทำความสะอาดง่าย ถูกสุขอนามัยมาตรฐานโรงงานอาหาร 📏 ปรับได้ 3 สไตล์: เครื่องเดียวจบ ครบทุกเมนู! สามารถเปลี่ยนใบมีดเพื่อหั่นได้ทั้ง แผ่น, แท่ง, และเส้น ขนาดสม่ำเสมอ! 📐 ขนาดและน้ำหนัก: ขนาด 468 x 572 x 690 มม. และน้ำหนัก 43 กก. 👉 หยุดเสียเวลาซอย! เปลี่ยนมา "ลงทุน" กับความเร็วและคุณภาพในครัวคุณ! 📍 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ย. ย่งฮะเฮง (Y. Yonghahheng) ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.) เสาร์ (8.00-16.00 น.) ช่องทางติดต่อ: 📞 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ สายด่วน 081-3189098 💬 แชท Inbox: m.me/yonghahheng 📲 LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 📧 อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com #เครื่องหั่นขิง #เครื่องซอยขิง #เครื่องหั่นผัก #เครื่องสไลด์ผัก #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #เครื่องครัวร้านอาหาร #อุปกรณ์ร้านอาหาร #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #ขิงซอย #ขิง #โรงงานอาหาร #โรงงานแปรรูป #ร้านอาหาร #ภัตตาคาร #โรงแรม #ครัวมืออาชีพ #ประหยัดเวลา #เพิ่มประสิทธิภาพ #สเตนเลสสตีล
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 0 Reviews
  • 555,พวกนี้จริงๆนะ, มันพูดภาษาผสมเกิน!!!, กัน จอมพลัง ยังงง.,ภาษาไทยเราดีๆเอามาผสมจนวิบัติ,ใช้นิดๆหน่อยๆก็พอ.

    https://youtube.com/shorts/3ytie33tbAA?si=HiyWYL0B3nZvcHY4
    555,พวกนี้จริงๆนะ, มันพูดภาษาผสมเกิน!!!, กัน จอมพลัง ยังงง.,ภาษาไทยเราดีๆเอามาผสมจนวิบัติ,ใช้นิดๆหน่อยๆก็พอ. https://youtube.com/shorts/3ytie33tbAA?si=HiyWYL0B3nZvcHY4
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • “สหรัฐ–ญี่ปุ่นจับมือสลายอิทธิพลจีนในตลาดแร่หายาก พร้อมเร่งพลังงานนิวเคลียร์รับยุค AI”

    ในวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือด้านแร่หายากและพลังงานนิวเคลียร์ ณ กรุงโตเกียว โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการลดการพึ่งพาจีน ซึ่งครองตลาดการกลั่นและผลิตแม่เหล็กจากแร่หายากกว่า 85% ของโลก แม้จีนจะมีเพียงครึ่งหนึ่งของปริมาณแร่หายากดิบทั่วโลก แต่กลับควบคุมกระบวนการผลิตที่สำคัญเกือบทั้งหมด

    ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นก่อนการพบกันระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งสะท้อนถึงการเคลื่อนไหวเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐในการสร้างเส้นทางใหม่ด้านทรัพยากรและพลังงาน โดยเฉพาะแร่ neodymium และ praseodymium ที่จำเป็นต่อการผลิตแม่เหล็กถาวรในมอเตอร์ EV และฮาร์ดไดรฟ์

    นอกจากแร่หายากแล้ว ข้อตกลงยังรวมถึงความร่วมมือในการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) โดยเฉพาะแบบ BWRX-300 ที่พัฒนาโดย GE Vernova และ Hitachi ซึ่งได้รับอนุมัติให้สร้างในอเมริกาเหนือแล้ว และกำลังเป็นที่สนใจของบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Google, Amazon และ Microsoft ที่ต้องการพลังงานมหาศาลเพื่อรองรับการประมวลผล AI

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    สหรัฐและญี่ปุ่นลงนามข้อตกลงด้านแร่หายากและพลังงานนิวเคลียร์
    เป้าหมายคือลดการพึ่งพาจีนที่ครองตลาดการกลั่นแร่หายากกว่า 85%
    เน้นแร่ neodymium และ praseodymium สำหรับแม่เหล็กถาวร
    ข้อตกลงเกิดก่อนการประชุมระหว่างทรัมป์และสี จิ้นผิง

    ความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์
    เน้นการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR)
    แบบ BWRX-300 ได้รับอนุมัติแล้วในอเมริกาเหนือ
    บริษัทเทคโนโลยีใหญ่กำลังลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์เพื่อรองรับ AI

    ความเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    OpenAI, xAI และ TSMC Arizona ต้องการพลังงานเฉพาะสำหรับศูนย์ข้อมูล
    พลังงานนิวเคลียร์กลายเป็น “ปัจจัยด้านฮาร์ดแวร์” สำหรับการสร้าง GPU และเซิร์ฟเวอร์ AI

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/us-and-japan-move-to-pry-rare-earths-from-chinas-grip
    🌏 “สหรัฐ–ญี่ปุ่นจับมือสลายอิทธิพลจีนในตลาดแร่หายาก พร้อมเร่งพลังงานนิวเคลียร์รับยุค AI” ในวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือด้านแร่หายากและพลังงานนิวเคลียร์ ณ กรุงโตเกียว โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการลดการพึ่งพาจีน ซึ่งครองตลาดการกลั่นและผลิตแม่เหล็กจากแร่หายากกว่า 85% ของโลก แม้จีนจะมีเพียงครึ่งหนึ่งของปริมาณแร่หายากดิบทั่วโลก แต่กลับควบคุมกระบวนการผลิตที่สำคัญเกือบทั้งหมด ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นก่อนการพบกันระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งสะท้อนถึงการเคลื่อนไหวเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐในการสร้างเส้นทางใหม่ด้านทรัพยากรและพลังงาน โดยเฉพาะแร่ neodymium และ praseodymium ที่จำเป็นต่อการผลิตแม่เหล็กถาวรในมอเตอร์ EV และฮาร์ดไดรฟ์ นอกจากแร่หายากแล้ว ข้อตกลงยังรวมถึงความร่วมมือในการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) โดยเฉพาะแบบ BWRX-300 ที่พัฒนาโดย GE Vernova และ Hitachi ซึ่งได้รับอนุมัติให้สร้างในอเมริกาเหนือแล้ว และกำลังเป็นที่สนใจของบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Google, Amazon และ Microsoft ที่ต้องการพลังงานมหาศาลเพื่อรองรับการประมวลผล AI ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ สหรัฐและญี่ปุ่นลงนามข้อตกลงด้านแร่หายากและพลังงานนิวเคลียร์ ➡️ เป้าหมายคือลดการพึ่งพาจีนที่ครองตลาดการกลั่นแร่หายากกว่า 85% ➡️ เน้นแร่ neodymium และ praseodymium สำหรับแม่เหล็กถาวร ➡️ ข้อตกลงเกิดก่อนการประชุมระหว่างทรัมป์และสี จิ้นผิง ✅ ความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์ ➡️ เน้นการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) ➡️ แบบ BWRX-300 ได้รับอนุมัติแล้วในอเมริกาเหนือ ➡️ บริษัทเทคโนโลยีใหญ่กำลังลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์เพื่อรองรับ AI ✅ ความเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ➡️ OpenAI, xAI และ TSMC Arizona ต้องการพลังงานเฉพาะสำหรับศูนย์ข้อมูล ➡️ พลังงานนิวเคลียร์กลายเป็น “ปัจจัยด้านฮาร์ดแวร์” สำหรับการสร้าง GPU และเซิร์ฟเวอร์ AI https://www.tomshardware.com/tech-industry/us-and-japan-move-to-pry-rare-earths-from-chinas-grip
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    US and Japan move to loosen China’s rare earths grip — nations partner to build alternative pathways to power, resource independence
    Tokyo pact pairs magnet supply chain resilience with new nuclear cooperation, days before Trump meets Xi.
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • “Nvidia ผนึกกำลัง Oracle สร้าง 7 ซูเปอร์คอม AI ให้รัฐบาลสหรัฐ – รวมพลังทะลุ 2,200 ExaFLOPS ด้วย Blackwell กว่าแสนตัว!”

    Nvidia ประกาศความร่วมมือครั้งใหญ่กับ Oracle และกระทรวงพลังงานสหรัฐ (DOE) เพื่อสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI จำนวน 7 ระบบ โดยเฉพาะที่ Argonne National Laboratory ซึ่งจะเป็นที่ตั้งของ “Equinox” และ “Solstice” สองระบบหลักที่ใช้ GPU Blackwell รวมกันกว่า 100,000 ตัว ให้พลังประมวลผลรวมสูงถึง 2,200 ExaFLOPS สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ

    Equinox จะเริ่มใช้งานในปี 2026 โดยใช้ GPU Blackwell จำนวน 10,000 ตัว ส่วน Solstice จะเป็นระบบขนาด 200 เมกะวัตต์ ที่ใช้ GPU Blackwell มากกว่า 100,000 ตัว และเมื่อเชื่อมต่อกับ Equinox จะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ใหญ่ที่สุดของ DOE

    ระบบเหล่านี้จะถูกใช้ในการสร้างโมเดล AI ขนาด 3 ล้านล้านพารามิเตอร์ และพัฒนา “agentic scientists” หรือ AI ที่สามารถค้นคว้าและตั้งสมมติฐานทางวิทยาศาสตร์ได้ด้วยตนเอง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Nvidia และ Oracle สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI 7 ระบบให้รัฐบาลสหรัฐ
    ใช้ GPU Blackwell รวมกว่า 100,000 ตัว
    พลังประมวลผลรวม 2,200 ExaFLOPS (FP4 สำหรับ AI)
    ระบบหลักคือ Equinox (10,000 GPU) และ Solstice (100,000+ GPU)
    Equinox จะเริ่มใช้งานในปี 2026

    จุดประสงค์ของโครงการ
    สนับสนุนการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และความมั่นคง
    พัฒนาโมเดล AI ขนาด 3 ล้านล้านพารามิเตอร์
    สร้าง “agentic AI” ที่สามารถตั้งสมมติฐานและทดลองได้เอง
    ขับเคลื่อนการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ด้วย AI

    ความร่วมมือและการลงทุน
    ใช้โมเดล public-private partnership ระหว่าง Nvidia, Oracle และ DOE
    Oracle เป็นผู้สร้างระบบ Equinox และ Solstice
    ระบบจะใช้ซอฟต์แวร์ของ Nvidia เช่น Megatron-Core และ TensorRT

    ระบบอื่นในโครงการ
    Argonne ยังจะได้ระบบใหม่อีก 3 ตัว: Tara, Minerva และ Janus
    ทั้งหมดจะอยู่ภายใต้ Argonne Leadership Computing Facility

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/nvidia-and-partners-to-build-seven-ai-supercomputers-for-the-u-s-govt-with-over-100-000-blackwell-gpus-combined-performance-of-2-200-exaflops-of-compute
    🚀 “Nvidia ผนึกกำลัง Oracle สร้าง 7 ซูเปอร์คอม AI ให้รัฐบาลสหรัฐ – รวมพลังทะลุ 2,200 ExaFLOPS ด้วย Blackwell กว่าแสนตัว!” Nvidia ประกาศความร่วมมือครั้งใหญ่กับ Oracle และกระทรวงพลังงานสหรัฐ (DOE) เพื่อสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI จำนวน 7 ระบบ โดยเฉพาะที่ Argonne National Laboratory ซึ่งจะเป็นที่ตั้งของ “Equinox” และ “Solstice” สองระบบหลักที่ใช้ GPU Blackwell รวมกันกว่า 100,000 ตัว ให้พลังประมวลผลรวมสูงถึง 2,200 ExaFLOPS สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ Equinox จะเริ่มใช้งานในปี 2026 โดยใช้ GPU Blackwell จำนวน 10,000 ตัว ส่วน Solstice จะเป็นระบบขนาด 200 เมกะวัตต์ ที่ใช้ GPU Blackwell มากกว่า 100,000 ตัว และเมื่อเชื่อมต่อกับ Equinox จะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ใหญ่ที่สุดของ DOE ระบบเหล่านี้จะถูกใช้ในการสร้างโมเดล AI ขนาด 3 ล้านล้านพารามิเตอร์ และพัฒนา “agentic scientists” หรือ AI ที่สามารถค้นคว้าและตั้งสมมติฐานทางวิทยาศาสตร์ได้ด้วยตนเอง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Nvidia และ Oracle สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI 7 ระบบให้รัฐบาลสหรัฐ ➡️ ใช้ GPU Blackwell รวมกว่า 100,000 ตัว ➡️ พลังประมวลผลรวม 2,200 ExaFLOPS (FP4 สำหรับ AI) ➡️ ระบบหลักคือ Equinox (10,000 GPU) และ Solstice (100,000+ GPU) ➡️ Equinox จะเริ่มใช้งานในปี 2026 ✅ จุดประสงค์ของโครงการ ➡️ สนับสนุนการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และความมั่นคง ➡️ พัฒนาโมเดล AI ขนาด 3 ล้านล้านพารามิเตอร์ ➡️ สร้าง “agentic AI” ที่สามารถตั้งสมมติฐานและทดลองได้เอง ➡️ ขับเคลื่อนการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ด้วย AI ✅ ความร่วมมือและการลงทุน ➡️ ใช้โมเดล public-private partnership ระหว่าง Nvidia, Oracle และ DOE ➡️ Oracle เป็นผู้สร้างระบบ Equinox และ Solstice ➡️ ระบบจะใช้ซอฟต์แวร์ของ Nvidia เช่น Megatron-Core และ TensorRT ✅ ระบบอื่นในโครงการ ➡️ Argonne ยังจะได้ระบบใหม่อีก 3 ตัว: Tara, Minerva และ Janus ➡️ ทั้งหมดจะอยู่ภายใต้ Argonne Leadership Computing Facility https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/nvidia-and-partners-to-build-seven-ai-supercomputers-for-the-u-s-govt-with-over-100-000-blackwell-gpus-combined-performance-of-2-200-exaflops-of-compute
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • สร้างมาตรฐานแคปหมู! ด้วยพลัง 1.5 แรงม้า!
    ถึงเวลาเลิกเหนื่อยกับการหั่นหนังหมูแบบเดิม ๆ แล้วหันมาใช้เครื่องจักรคุณภาพ! "เครื่องหั่นอาหารแท่งคู่ เบอร์ 3" (FOOD CUTTER) คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้แคปหมูและหมูกระจกของคุณ กรอบ ฟู เท่ากันทุกชิ้น!

    เครื่องนี้ไม่ได้มีดีแค่หั่นได้ แต่มาพร้อมสเปคที่รองรับงานหนัก!

    สเปคเครื่องหั่นเบอร์ 3 ที่มืออาชีพวางใจ:
    รุ่น: YDS-3TF98-3-T-S
    มอเตอร์: 1.5 แรงม้า (พลังแรง ตัดขาดได้ต่อเนื่อง)
    กำลังการผลิต: 200-300 กก./ชม. (รับออร์เดอร์เยอะแค่ไหนก็เอาอยู่)
    กระแสไฟฟ้า: ใช้ไฟบ้าน 220 โวลต์
    วัสดุ: ตัวเครื่องและใบมีดทำจาก สแตนเลส คุณภาพสูง
    ขนาดเครื่อง: 38.5 x 68 x 81 ซม.
    น้ำหนัก 65 กิโลกรัม

    คุณสมบัติเด่น: มีการ์ดกั้นป้องกัน (Safety) และมีล้อเลื่อนสำหรับเคลื่อนย้าย

    เครื่องนี้สำหรับผู้ผลิตแคปหมูโดยเฉพาะ: เน้นการหั่น หนังหมู/เนื้อสัตว์สด (รวมถึงต้มสุก) เท่านั้น! ห้าม! ใช้กับวัตถุดิบที่แช่แข็ง มีกระดูก หรือพืชผักอื่น ๆ

    ลงทุนเพื่อประสิทธิภาพ! ให้ทุกชิ้นส่วนของแคปหมู/หมูกระจกของคุณได้ขนาดมาตรฐาน สร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ได้ทันที!

    สั่งซื้อหรือสนใจดูสินค้าจริง ติดต่อ:
    ย.ย่งฮะเฮง (Yor Yong Hah Heng)
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) กรุงเทพฯ 10330
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/3sE9Xc1YBrZKEFWLA
    เวลาทำการ: จันทร์ - ศุกร์: 8.30-17.00 น. เสาร์: 9.00-16.00 น.
    ช่องทางการติดต่อ: โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    แชท Messenger: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9

    www.yoryonghahheng.com

    #แคปหมู #หมูกระจก #เครื่องหั่น #เครื่องหั่นหนังหมู #FoodCutter #เครื่องหั่นเบอร์3 #มอเตอร์1จุด5แรงม้า #สแตนเลส304 #กำลังการผลิตสูง #ทำแคปหมูขาย #โรงงานขนาดเล็ก #ธุรกิจอาหาร #แปรรูปเนื้อสัตว์ #SME #สร้างอาชีพ #ลงทุนธุรกิจ #ลดต้นทุนแรงงาน #วัตถุดิบหนังหมู #หนังหมู #เครื่องครัวเชิงพาณิชย์ #ยงฮะเฮง #YoryongHahHeng #เครื่องจักร #หั่นเนื้อสด #หมูทอด #แคปหมูติดมัน #แคปหมูไร้มัน #220V #มาตรฐานGMP #เลือกคุณภาพ
    🐷✂️ สร้างมาตรฐานแคปหมู! ด้วยพลัง 1.5 แรงม้า! ✂️🐷 ถึงเวลาเลิกเหนื่อยกับการหั่นหนังหมูแบบเดิม ๆ แล้วหันมาใช้เครื่องจักรคุณภาพ! "เครื่องหั่นอาหารแท่งคู่ เบอร์ 3" (FOOD CUTTER) คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้แคปหมูและหมูกระจกของคุณ กรอบ ฟู เท่ากันทุกชิ้น! เครื่องนี้ไม่ได้มีดีแค่หั่นได้ แต่มาพร้อมสเปคที่รองรับงานหนัก! ✨ สเปคเครื่องหั่นเบอร์ 3 ที่มืออาชีพวางใจ: รุ่น: YDS-3TF98-3-T-S มอเตอร์: 1.5 แรงม้า (พลังแรง ตัดขาดได้ต่อเนื่อง) กำลังการผลิต: 200-300 กก./ชม. (รับออร์เดอร์เยอะแค่ไหนก็เอาอยู่) กระแสไฟฟ้า: ใช้ไฟบ้าน 220 โวลต์ วัสดุ: ตัวเครื่องและใบมีดทำจาก สแตนเลส คุณภาพสูง ขนาดเครื่อง: 38.5 x 68 x 81 ซม. น้ำหนัก 65 กิโลกรัม คุณสมบัติเด่น: มีการ์ดกั้นป้องกัน (Safety) และมีล้อเลื่อนสำหรับเคลื่อนย้าย ⚠️ เครื่องนี้สำหรับผู้ผลิตแคปหมูโดยเฉพาะ: เน้นการหั่น หนังหมู/เนื้อสัตว์สด (รวมถึงต้มสุก) เท่านั้น! ห้าม! ใช้กับวัตถุดิบที่แช่แข็ง มีกระดูก หรือพืชผักอื่น ๆ ลงทุนเพื่อประสิทธิภาพ! ให้ทุกชิ้นส่วนของแคปหมู/หมูกระจกของคุณได้ขนาดมาตรฐาน สร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ได้ทันที! 📍 สั่งซื้อหรือสนใจดูสินค้าจริง ติดต่อ: ย.ย่งฮะเฮง (Yor Yong Hah Heng) ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) กรุงเทพฯ 10330 แผนที่: https://maps.app.goo.gl/3sE9Xc1YBrZKEFWLA เวลาทำการ: จันทร์ - ศุกร์: 8.30-17.00 น. เสาร์: 9.00-16.00 น. ช่องทางการติดต่อ: โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 แชท Messenger: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 www.yoryonghahheng.com #แคปหมู #หมูกระจก #เครื่องหั่น #เครื่องหั่นหนังหมู #FoodCutter #เครื่องหั่นเบอร์3 #มอเตอร์1จุด5แรงม้า #สแตนเลส304 #กำลังการผลิตสูง #ทำแคปหมูขาย #โรงงานขนาดเล็ก #ธุรกิจอาหาร #แปรรูปเนื้อสัตว์ #SME #สร้างอาชีพ #ลงทุนธุรกิจ #ลดต้นทุนแรงงาน #วัตถุดิบหนังหมู #หนังหมู #เครื่องครัวเชิงพาณิชย์ #ยงฮะเฮง #YoryongHahHeng #เครื่องจักร #หั่นเนื้อสด #หมูทอด #แคปหมูติดมัน #แคปหมูไร้มัน #220V #มาตรฐานGMP #เลือกคุณภาพ
    0 Comments 0 Shares 49 Views 0 Reviews
  • “Nvidia เปิดตัว Omniverse DSX – พิมพ์เขียวสร้างโรงงาน AI ขนาดกิกะวัตต์ ใช้พลังงานเท่ากับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์!”

    ในงาน GTC 2025 Nvidia ได้เปิดตัว “Omniverse DSX Blueprint” พิมพ์เขียวสำหรับการสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดมหึมา ที่เรียกว่า “AI Factory” ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 100 เมกะวัตต์ไปจนถึงหลายกิกะวัตต์ โดยแต่ละแห่งต้องใช้พลังงานเทียบเท่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หนึ่งโรง! จุดเด่นของ DSX คือการใช้ “Digital Twin” จำลองทุกองค์ประกอบของศูนย์ข้อมูล ตั้งแต่ระบบไฟฟ้า การระบายความร้อน ไปจนถึงการจัดวางเซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้สามารถออกแบบและปรับแต่งได้อย่างแม่นยำก่อนลงมือสร้างจริง

    DSX ยังมีสองโหมดการใช้งานหลักคือ “DSX Boost” ที่เน้นการจัดการพลังงานภายในศูนย์ข้อมูลให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และ “DSX Flex” ที่เชื่อมต่อกับโครงข่ายพลังงานภายนอกเพื่อดึงพลังงานหมุนเวียนที่ยังไม่ได้ใช้งานกว่า 100 GW เข้ามาใช้ได้อย่างชาญฉลาด

    การออกแบบนี้ถูกทดสอบจริงที่ศูนย์วิจัย AI Factory ของ Nvidia ในรัฐเวอร์จิเนีย และถูกนำไปใช้ในโครงการจริง เช่น Switch site ขนาด 2 GW ในจอร์เจีย และ Stargate facility ขนาด 1.2 GW ในเท็กซัส

    นอกจากนั้น DSX ยังรองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่อย่าง Blackwell และ Vera Rubin ที่จะมาในอนาคต โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บริษัทหน้าใหม่สามารถสร้างโรงงาน AI ได้โดยไม่ต้องมีประสบการณ์ด้านโครงสร้างพื้นฐานมาก่อน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Omniverse DSX เป็นพิมพ์เขียวสำหรับศูนย์ข้อมูล AI ขนาด 100 MW ถึงหลาย GW
    ใช้ Digital Twin จำลองการออกแบบก่อนสร้างจริง
    ทดสอบแล้วที่ศูนย์วิจัย AI Factory ในเวอร์จิเนีย
    ถูกนำไปใช้ใน Switch site (2 GW) และ Stargate facility (1.2 GW)

    โหมดการทำงานของ DSX
    DSX Boost: เพิ่มประสิทธิภาพภายใน ลดการใช้พลังงานลง 30% หรือเพิ่มความหนาแน่นของ GPU ได้ 30%
    DSX Flex: เชื่อมต่อกับโครงข่ายพลังงานภายนอก ดึงพลังงานหมุนเวียนที่ยังไม่ได้ใช้งานกว่า 100 GW

    ความสามารถในการรองรับฮาร์ดแวร์
    รองรับ Blackwell generation และ Vera Rubin ในอนาคต
    ออกแบบให้สามารถใช้งานร่วมกับระบบระบายความร้อนและเครือข่ายได้ทันที

    จุดเด่นด้านการออกแบบและการใช้งาน
    ใช้ Omniverse framework ในการจำลองและควบคุม
    ช่วยให้บริษัทหน้าใหม่สามารถสร้างโรงงาน AI ได้ง่ายขึ้น
    ลดเวลาในการออกแบบและก่อสร้างด้วยโมดูลสำเร็จรูป

    คำเตือนและข้อจำกัด
    การใช้พลังงานระดับกิกะวัตต์อาจกระทบต่อโครงข่ายไฟฟ้าในพื้นที่
    ต้องมีการวางแผนร่วมกับหน่วยงานพลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างรอบคอบ
    การสร้างโรงงาน AI ขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากทั้งด้านที่ดิน น้ำ และระบบระบายความร้อน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-announces-reference-design-for-gargantuan-gigawatt-scale-omniverse-dsx-data-centers-single-data-center-requires-a-nuclear-reactors-worth-of-power-generation
    🧱 “Nvidia เปิดตัว Omniverse DSX – พิมพ์เขียวสร้างโรงงาน AI ขนาดกิกะวัตต์ ใช้พลังงานเท่ากับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์!” ในงาน GTC 2025 Nvidia ได้เปิดตัว “Omniverse DSX Blueprint” พิมพ์เขียวสำหรับการสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดมหึมา ที่เรียกว่า “AI Factory” ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 100 เมกะวัตต์ไปจนถึงหลายกิกะวัตต์ โดยแต่ละแห่งต้องใช้พลังงานเทียบเท่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หนึ่งโรง! จุดเด่นของ DSX คือการใช้ “Digital Twin” จำลองทุกองค์ประกอบของศูนย์ข้อมูล ตั้งแต่ระบบไฟฟ้า การระบายความร้อน ไปจนถึงการจัดวางเซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้สามารถออกแบบและปรับแต่งได้อย่างแม่นยำก่อนลงมือสร้างจริง DSX ยังมีสองโหมดการใช้งานหลักคือ “DSX Boost” ที่เน้นการจัดการพลังงานภายในศูนย์ข้อมูลให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และ “DSX Flex” ที่เชื่อมต่อกับโครงข่ายพลังงานภายนอกเพื่อดึงพลังงานหมุนเวียนที่ยังไม่ได้ใช้งานกว่า 100 GW เข้ามาใช้ได้อย่างชาญฉลาด การออกแบบนี้ถูกทดสอบจริงที่ศูนย์วิจัย AI Factory ของ Nvidia ในรัฐเวอร์จิเนีย และถูกนำไปใช้ในโครงการจริง เช่น Switch site ขนาด 2 GW ในจอร์เจีย และ Stargate facility ขนาด 1.2 GW ในเท็กซัส นอกจากนั้น DSX ยังรองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่อย่าง Blackwell และ Vera Rubin ที่จะมาในอนาคต โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บริษัทหน้าใหม่สามารถสร้างโรงงาน AI ได้โดยไม่ต้องมีประสบการณ์ด้านโครงสร้างพื้นฐานมาก่อน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Omniverse DSX เป็นพิมพ์เขียวสำหรับศูนย์ข้อมูล AI ขนาด 100 MW ถึงหลาย GW ➡️ ใช้ Digital Twin จำลองการออกแบบก่อนสร้างจริง ➡️ ทดสอบแล้วที่ศูนย์วิจัย AI Factory ในเวอร์จิเนีย ➡️ ถูกนำไปใช้ใน Switch site (2 GW) และ Stargate facility (1.2 GW) ✅ โหมดการทำงานของ DSX ➡️ DSX Boost: เพิ่มประสิทธิภาพภายใน ลดการใช้พลังงานลง 30% หรือเพิ่มความหนาแน่นของ GPU ได้ 30% ➡️ DSX Flex: เชื่อมต่อกับโครงข่ายพลังงานภายนอก ดึงพลังงานหมุนเวียนที่ยังไม่ได้ใช้งานกว่า 100 GW ✅ ความสามารถในการรองรับฮาร์ดแวร์ ➡️ รองรับ Blackwell generation และ Vera Rubin ในอนาคต ➡️ ออกแบบให้สามารถใช้งานร่วมกับระบบระบายความร้อนและเครือข่ายได้ทันที ✅ จุดเด่นด้านการออกแบบและการใช้งาน ➡️ ใช้ Omniverse framework ในการจำลองและควบคุม ➡️ ช่วยให้บริษัทหน้าใหม่สามารถสร้างโรงงาน AI ได้ง่ายขึ้น ➡️ ลดเวลาในการออกแบบและก่อสร้างด้วยโมดูลสำเร็จรูป ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ การใช้พลังงานระดับกิกะวัตต์อาจกระทบต่อโครงข่ายไฟฟ้าในพื้นที่ ⛔ ต้องมีการวางแผนร่วมกับหน่วยงานพลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างรอบคอบ ⛔ การสร้างโรงงาน AI ขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากทั้งด้านที่ดิน น้ำ และระบบระบายความร้อน https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-announces-reference-design-for-gargantuan-gigawatt-scale-omniverse-dsx-data-centers-single-data-center-requires-a-nuclear-reactors-worth-of-power-generation
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • “Nvidia เปิดตัวซูเปอร์คอม Vera Rubin สำหรับห้องแล็บ Los Alamos – ชิงพื้นที่จาก AMD ในสนามวิจัย AI และความมั่นคง”

    Nvidia ประกาศความร่วมมือกับ HPE ในการสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ใหม่ 2 เครื่องให้กับ Los Alamos National Laboratory (LANL) โดยใช้แพลตฟอร์ม Vera Rubin ซึ่งประกอบด้วย CPU Vera รุ่นใหม่และ GPU Rubin ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานวิจัยด้าน AI และความมั่นคงระดับชาติ

    สองระบบนี้มีชื่อว่า “Mission” และ “Vision” โดย Mission จะถูกใช้โดย National Nuclear Security Administration เพื่อจำลองและตรวจสอบความปลอดภัยของคลังอาวุธนิวเคลียร์โดยไม่ต้องทดสอบจริง ส่วน Vision จะรองรับงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์เปิดและ AI โดยต่อยอดจากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Venado ที่เคยติดอันดับ 19 ของโลก

    ระบบ Vera Rubin จะใช้เทคโนโลยี NVLink Gen6 สำหรับการเชื่อมต่อภายใน และ QuantumX 800 InfiniBand สำหรับการเชื่อมต่อภายนอก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลแบบขนานและการสื่อสารระหว่างโหนด

    แม้ Nvidia ยังไม่เปิดเผยตัวเลขประสิทธิภาพของ Mission และ Vision แต่จากการเปรียบเทียบกับ Venado ที่มีพลัง FP64 ถึง 98.51 PFLOPS คาดว่า Vision จะมีพลังประมวลผลมากกว่า 2 เท่า และยังคงเน้นการรองรับ HPC แบบ FP64 ควบคู่กับ AI แบบ low-precision

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Nvidia ร่วมกับ HPE สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ “Mission” และ “Vision” ให้กับ LANL
    ใช้แพลตฟอร์ม Vera Rubin: CPU Vera + GPU Rubin
    ใช้ NVLink Gen6 และ QuantumX 800 InfiniBand สำหรับการเชื่อมต่อ
    Mission ใช้ในงานด้านความมั่นคงนิวเคลียร์ (NNSA)
    Vision ใช้ในงานวิจัยวิทยาศาสตร์เปิดและ AI

    ความสามารถที่คาดการณ์ได้
    Vision จะต่อยอดจาก Venado ที่มีพลัง FP64 98.51 PFLOPS
    คาดว่าจะมีพลังประมวลผลมากกว่า 2 เท่า
    รองรับทั้ง HPC แบบ FP64 และ AI แบบ FP4/FP8

    ความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์
    Mission เป็นระบบที่ 5 ในโครงการ AI ด้านความมั่นคงของ LANL
    Vision จะช่วยผลักดันงานวิจัย AI และวิทยาศาสตร์แบบเปิด
    เป็นการลงทุนสำคัญของสหรัฐในด้านความมั่นคงและวิทยาศาสตร์

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    Nvidia ยังไม่เปิดเผยสเปกละเอียดหรือตัวเลขประสิทธิภาพจริง
    การพัฒนาและติดตั้งระบบจะใช้เวลาหลายปี – Mission คาดว่าจะใช้งานได้ในปี 2027
    การแข่งขันกับ AMD ยังดำเนินต่อ โดย AMD เพิ่งประกาศชัยชนะในโครงการซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของกระทรวงพลังงาน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/nvidia-unveils-vera-rubin-supercomputers-for-los-alamos-national-laboratory-announcement-comes-on-heels-of-amds-recent-supercomputer-wins
    🧠 “Nvidia เปิดตัวซูเปอร์คอม Vera Rubin สำหรับห้องแล็บ Los Alamos – ชิงพื้นที่จาก AMD ในสนามวิจัย AI และความมั่นคง” Nvidia ประกาศความร่วมมือกับ HPE ในการสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ใหม่ 2 เครื่องให้กับ Los Alamos National Laboratory (LANL) โดยใช้แพลตฟอร์ม Vera Rubin ซึ่งประกอบด้วย CPU Vera รุ่นใหม่และ GPU Rubin ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานวิจัยด้าน AI และความมั่นคงระดับชาติ สองระบบนี้มีชื่อว่า “Mission” และ “Vision” โดย Mission จะถูกใช้โดย National Nuclear Security Administration เพื่อจำลองและตรวจสอบความปลอดภัยของคลังอาวุธนิวเคลียร์โดยไม่ต้องทดสอบจริง ส่วน Vision จะรองรับงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์เปิดและ AI โดยต่อยอดจากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Venado ที่เคยติดอันดับ 19 ของโลก ระบบ Vera Rubin จะใช้เทคโนโลยี NVLink Gen6 สำหรับการเชื่อมต่อภายใน และ QuantumX 800 InfiniBand สำหรับการเชื่อมต่อภายนอก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลแบบขนานและการสื่อสารระหว่างโหนด แม้ Nvidia ยังไม่เปิดเผยตัวเลขประสิทธิภาพของ Mission และ Vision แต่จากการเปรียบเทียบกับ Venado ที่มีพลัง FP64 ถึง 98.51 PFLOPS คาดว่า Vision จะมีพลังประมวลผลมากกว่า 2 เท่า และยังคงเน้นการรองรับ HPC แบบ FP64 ควบคู่กับ AI แบบ low-precision ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Nvidia ร่วมกับ HPE สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ “Mission” และ “Vision” ให้กับ LANL ➡️ ใช้แพลตฟอร์ม Vera Rubin: CPU Vera + GPU Rubin ➡️ ใช้ NVLink Gen6 และ QuantumX 800 InfiniBand สำหรับการเชื่อมต่อ ➡️ Mission ใช้ในงานด้านความมั่นคงนิวเคลียร์ (NNSA) ➡️ Vision ใช้ในงานวิจัยวิทยาศาสตร์เปิดและ AI ✅ ความสามารถที่คาดการณ์ได้ ➡️ Vision จะต่อยอดจาก Venado ที่มีพลัง FP64 98.51 PFLOPS ➡️ คาดว่าจะมีพลังประมวลผลมากกว่า 2 เท่า ➡️ รองรับทั้ง HPC แบบ FP64 และ AI แบบ FP4/FP8 ✅ ความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ ➡️ Mission เป็นระบบที่ 5 ในโครงการ AI ด้านความมั่นคงของ LANL ➡️ Vision จะช่วยผลักดันงานวิจัย AI และวิทยาศาสตร์แบบเปิด ➡️ เป็นการลงทุนสำคัญของสหรัฐในด้านความมั่นคงและวิทยาศาสตร์ ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ Nvidia ยังไม่เปิดเผยสเปกละเอียดหรือตัวเลขประสิทธิภาพจริง ⛔ การพัฒนาและติดตั้งระบบจะใช้เวลาหลายปี – Mission คาดว่าจะใช้งานได้ในปี 2027 ⛔ การแข่งขันกับ AMD ยังดำเนินต่อ โดย AMD เพิ่งประกาศชัยชนะในโครงการซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของกระทรวงพลังงาน https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/nvidia-unveils-vera-rubin-supercomputers-for-los-alamos-national-laboratory-announcement-comes-on-heels-of-amds-recent-supercomputer-wins
    0 Comments 0 Shares 49 Views 0 Reviews
  • “DGX Spark ของ Nvidia เจอแรงกดดัน – John Carmack ชี้ประสิทธิภาพไม่ถึงเป้า ร้อนจัด แถมรีบูตเอง!”

    Nvidia กำลังเผชิญแรงวิจารณ์หนัก หลังเปิดตัว DGX Spark ชุดพัฒนา AI ขนาดเล็กมูลค่า $4,000 ที่ใช้ชิป Grace Blackwell GB10 โดยอดีต CTO ของ Oculus VR อย่าง John Carmack ออกมาเปิดเผยว่าอุปกรณ์นี้ไม่สามารถดึงพลังงานได้ถึงระดับที่โฆษณาไว้ และมีปัญหารีบูตตัวเองเมื่อใช้งานหนัก

    แม้จะโฆษณาว่า DGX Spark รองรับการประมวลผล FP4 แบบ sparse ได้ถึง 1 petaflop และรองรับการใช้พลังงานสูงสุด 240W แต่ Carmack พบว่าเครื่องของเขาดึงไฟได้เพียง 100W และให้ประสิทธิภาพต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมาก นอกจากนี้ยังมีรายงานจากผู้ใช้หลายรายในฟอรัมของ Nvidia ว่าเครื่องมีปัญหารีบูตและความร้อนสูง

    การทดสอบจากเว็บไซต์ ServeTheHome ก็ยืนยันว่า DGX Spark ไม่สามารถดึงไฟได้ถึง 240W แม้จะใช้ CPU และ GPU พร้อมกัน โดยดึงได้เพียง 200W เท่านั้น

    AMD และ Framework ไม่รอช้า รีบเสนอทางเลือกใหม่ให้ Carmack ทดลองใช้ Strix Halo ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่อาจตอบโจทย์ด้านประสิทธิภาพและความเสถียรได้ดีกว่า

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    DGX Spark ราคา $4,000 ใช้ชิป Grace Blackwell GB10
    โฆษณาว่ารองรับ 1 PF FP4 (sparse) และใช้ไฟได้สูงสุด 240W
    John Carmack พบว่าเครื่องดึงไฟได้แค่ 100W และรีบูตตัวเอง
    ServeTheHome ยืนยันว่าเครื่องดึงไฟได้ไม่ถึง 240W แม้ใช้งานเต็มที่
    AMD และ Framework เสนอ Strix Halo ให้ Carmack ทดลองแทน

    จุดเด่นของ DGX Spark (ตามสเปก)
    128GB LPDDR5X RAM แบบ unified memory
    273GB/s memory bandwidth
    ใช้โครงสร้าง Grace CPU 20 คอร์ Arm + Blackwell GPU
    ออกแบบให้รันโมเดลขนาด 20B พารามิเตอร์ในเครื่องเดียว

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/users-question-dgx-spark-performance
    🔥 “DGX Spark ของ Nvidia เจอแรงกดดัน – John Carmack ชี้ประสิทธิภาพไม่ถึงเป้า ร้อนจัด แถมรีบูตเอง!” Nvidia กำลังเผชิญแรงวิจารณ์หนัก หลังเปิดตัว DGX Spark ชุดพัฒนา AI ขนาดเล็กมูลค่า $4,000 ที่ใช้ชิป Grace Blackwell GB10 โดยอดีต CTO ของ Oculus VR อย่าง John Carmack ออกมาเปิดเผยว่าอุปกรณ์นี้ไม่สามารถดึงพลังงานได้ถึงระดับที่โฆษณาไว้ และมีปัญหารีบูตตัวเองเมื่อใช้งานหนัก แม้จะโฆษณาว่า DGX Spark รองรับการประมวลผล FP4 แบบ sparse ได้ถึง 1 petaflop และรองรับการใช้พลังงานสูงสุด 240W แต่ Carmack พบว่าเครื่องของเขาดึงไฟได้เพียง 100W และให้ประสิทธิภาพต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมาก นอกจากนี้ยังมีรายงานจากผู้ใช้หลายรายในฟอรัมของ Nvidia ว่าเครื่องมีปัญหารีบูตและความร้อนสูง การทดสอบจากเว็บไซต์ ServeTheHome ก็ยืนยันว่า DGX Spark ไม่สามารถดึงไฟได้ถึง 240W แม้จะใช้ CPU และ GPU พร้อมกัน โดยดึงได้เพียง 200W เท่านั้น AMD และ Framework ไม่รอช้า รีบเสนอทางเลือกใหม่ให้ Carmack ทดลองใช้ Strix Halo ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่อาจตอบโจทย์ด้านประสิทธิภาพและความเสถียรได้ดีกว่า ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ DGX Spark ราคา $4,000 ใช้ชิป Grace Blackwell GB10 ➡️ โฆษณาว่ารองรับ 1 PF FP4 (sparse) และใช้ไฟได้สูงสุด 240W ➡️ John Carmack พบว่าเครื่องดึงไฟได้แค่ 100W และรีบูตตัวเอง ➡️ ServeTheHome ยืนยันว่าเครื่องดึงไฟได้ไม่ถึง 240W แม้ใช้งานเต็มที่ ➡️ AMD และ Framework เสนอ Strix Halo ให้ Carmack ทดลองแทน ✅ จุดเด่นของ DGX Spark (ตามสเปก) ➡️ 128GB LPDDR5X RAM แบบ unified memory ➡️ 273GB/s memory bandwidth ➡️ ใช้โครงสร้าง Grace CPU 20 คอร์ Arm + Blackwell GPU ➡️ ออกแบบให้รันโมเดลขนาด 20B พารามิเตอร์ในเครื่องเดียว https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/users-question-dgx-spark-performance
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD swoops in to help as John Carmack slams Nvidia's $4,000 DGX Spark, says it doesn't hit performance claims, overheats, and maxes out at 100W power draw — developer forums inundated with crashing and shutdown reports
    The $4,000 Grace Blackwell dev kit is rated for 240W and 1 PF of sparse FP4 compute, but early users report 100W ceilings and reboot issues under sustained load.
    0 Comments 0 Shares 45 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: “TSMC นำทีมร้องรัฐบาลไต้หวันเร่งพลังงานสะอาด – โรงงานผลิตชิปเสี่ยงสะดุดเพราะไฟฟ้าไม่พอ”

    ในขณะที่โลกกำลังเร่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวันกลับต้องเผชิญกับวิกฤตพลังงานอย่างหนัก Taiwan Semiconductor Industry Association (TSIA) ซึ่งนำโดย TSMC ได้ออกแถลงการณ์กดดันรัฐบาลให้เร่งแก้ปัญหาความไม่มั่นคงด้านไฟฟ้า พร้อมเรียกร้องให้เพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนอย่างจริงจัง

    ปัจจุบันโรงงานผลิตชิปในไต้หวันใช้พลังงานหมุนเวียนเพียง 14.1% ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐาน RE100 ที่ตั้งเป้าไว้ 60% ภายในปี 2030 และ 100% ภายในปี 2050 หากไม่สามารถเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าได้ทันเวลา อุตสาหกรรมอาจต้องย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นที่มีเสถียรภาพด้านพลังงานมากกว่า

    ความท้าทายของไต้หวันคือพื้นที่จำกัด ทำให้การสร้างฟาร์มโซลาร์หรือกังหันลมเป็นเรื่องยาก อีกทั้งยังมีปัญหาข้อพิพาทด้านที่ดินและการประสานงานในท้องถิ่น ส่งผลให้โครงการพลังงานสะอาดต้องใช้เวลานานถึง 4 ปีจึงจะเริ่มผลิตไฟฟ้าได้ ซึ่งช้าเกินไปสำหรับความต้องการของโรงงานชิปที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    TSIA นำโดย TSMC เรียกร้องรัฐบาลไต้หวันให้เร่งแก้ปัญหาพลังงาน
    พลังงานหมุนเวียนในโรงงานชิปอยู่ที่ 14.1% (ปี 2024)
    เป้าหมาย RE100 คือ 60% ภายในปี 2030 และ 100% ภายในปี 2050
    หากถึงเป้าหมาย 60% ในปี 2030 อุตสาหกรรมชิปจะใช้ไฟฟ้าถึง 35–40% ของกำลังผลิตทั้งประเทศ

    ความท้าทายด้านพลังงานของไต้หวัน
    พื้นที่จำกัด ไม่เหมาะกับฟาร์มโซลาร์หรือกังหันลมขนาดใหญ่
    โครงการพลังงานสะอาดใช้เวลานานถึง 4 ปีในการเริ่มผลิต
    ปัญหาด้านการประสานงานในท้องถิ่นและข้อพิพาทที่ดิน

    ความเสี่ยงต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    โรงงานผลิตชิปต้องการไฟฟ้าเสถียรและสะอาด
    ความผันผวนของแรงดันไฟฟ้าอาจทำให้เวเฟอร์เสียหายทั้งชุด
    หากไม่มีไฟฟ้าพอ อาจต้องย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/tmsc-led-semiconductor-association-begs-taiwan-government-for-clean-green-energy-as-demand-skyrockets-fabs-are-struggling-to-keep-up-with-power-needs
    🌱 หัวข้อข่าว: “TSMC นำทีมร้องรัฐบาลไต้หวันเร่งพลังงานสะอาด – โรงงานผลิตชิปเสี่ยงสะดุดเพราะไฟฟ้าไม่พอ” ในขณะที่โลกกำลังเร่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวันกลับต้องเผชิญกับวิกฤตพลังงานอย่างหนัก Taiwan Semiconductor Industry Association (TSIA) ซึ่งนำโดย TSMC ได้ออกแถลงการณ์กดดันรัฐบาลให้เร่งแก้ปัญหาความไม่มั่นคงด้านไฟฟ้า พร้อมเรียกร้องให้เพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนอย่างจริงจัง ปัจจุบันโรงงานผลิตชิปในไต้หวันใช้พลังงานหมุนเวียนเพียง 14.1% ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐาน RE100 ที่ตั้งเป้าไว้ 60% ภายในปี 2030 และ 100% ภายในปี 2050 หากไม่สามารถเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าได้ทันเวลา อุตสาหกรรมอาจต้องย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นที่มีเสถียรภาพด้านพลังงานมากกว่า ความท้าทายของไต้หวันคือพื้นที่จำกัด ทำให้การสร้างฟาร์มโซลาร์หรือกังหันลมเป็นเรื่องยาก อีกทั้งยังมีปัญหาข้อพิพาทด้านที่ดินและการประสานงานในท้องถิ่น ส่งผลให้โครงการพลังงานสะอาดต้องใช้เวลานานถึง 4 ปีจึงจะเริ่มผลิตไฟฟ้าได้ ซึ่งช้าเกินไปสำหรับความต้องการของโรงงานชิปที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ TSIA นำโดย TSMC เรียกร้องรัฐบาลไต้หวันให้เร่งแก้ปัญหาพลังงาน ➡️ พลังงานหมุนเวียนในโรงงานชิปอยู่ที่ 14.1% (ปี 2024) ➡️ เป้าหมาย RE100 คือ 60% ภายในปี 2030 และ 100% ภายในปี 2050 ➡️ หากถึงเป้าหมาย 60% ในปี 2030 อุตสาหกรรมชิปจะใช้ไฟฟ้าถึง 35–40% ของกำลังผลิตทั้งประเทศ ✅ ความท้าทายด้านพลังงานของไต้หวัน ➡️ พื้นที่จำกัด ไม่เหมาะกับฟาร์มโซลาร์หรือกังหันลมขนาดใหญ่ ➡️ โครงการพลังงานสะอาดใช้เวลานานถึง 4 ปีในการเริ่มผลิต ➡️ ปัญหาด้านการประสานงานในท้องถิ่นและข้อพิพาทที่ดิน ✅ ความเสี่ยงต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ➡️ โรงงานผลิตชิปต้องการไฟฟ้าเสถียรและสะอาด ➡️ ความผันผวนของแรงดันไฟฟ้าอาจทำให้เวเฟอร์เสียหายทั้งชุด ➡️ หากไม่มีไฟฟ้าพอ อาจต้องย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น https://www.tomshardware.com/tech-industry/tmsc-led-semiconductor-association-begs-taiwan-government-for-clean-green-energy-as-demand-skyrockets-fabs-are-struggling-to-keep-up-with-power-needs
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: “OpenAI เรียกร้องให้สหรัฐสร้างไฟฟ้าเพิ่ม 100 GW ต่อปี – ชี้พลังงานคืออาวุธลับในสงคราม AI กับจีน”

    OpenAI ได้ออกแถลงการณ์ล่าสุดผ่านบล็อก “Seizing the AI Opportunity” พร้อมยื่นข้อเสนอถึงทำเนียบขาว เรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาเร่งสร้างกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 100 กิกะวัตต์ต่อปี เพื่อรับมือกับการแข่งขันด้าน AI กับจีน โดยระบุว่า “ไฟฟ้าไม่ใช่แค่สาธารณูปโภค แต่คือทรัพย์สินเชิงยุทธศาสตร์” ที่จะกำหนดผู้นำเทคโนโลยีแห่งอนาคต

    OpenAI เตือนว่า “ช่องว่างพลังงาน” หรือ “electron gap” กำลังขยายตัวอย่างน่ากังวล โดยในปี 2024 จีนเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ถึง 429 GW ขณะที่สหรัฐเพิ่มเพียง 51 GW ซึ่งอาจทำให้สหรัฐเสียเปรียบในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล

    นอกจากการเรียกร้องให้สร้างโรงไฟฟ้าใหม่ OpenAI ยังเสนอให้เร่งกระบวนการอนุมัติโครงการพลังงานโดยใช้ AI ช่วยตรวจสอบเอกสารและลดขั้นตอนราชการ พร้อมเสนอให้ใช้ “อำนาจฉุกเฉิน” เพื่อเร่งการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะโครงการที่ตั้งอยู่บนที่ดินของรัฐบาลกลาง

    OpenAI ยังเสนอให้จัดตั้ง “คลังสำรองวัตถุดิบ” สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI เช่น ทองแดง อะลูมิเนียม และแร่หายาก เพื่อป้องกันการพึ่งพาจีนในด้านวัตถุดิบที่สำคัญ

    ข้อเสนอหลักจาก OpenAI
    สร้างกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่ม 100 GW ต่อปี
    ใช้ AI ช่วยเร่งกระบวนการอนุมัติโครงการพลังงาน
    ปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อ “ปลดล็อก” การลงทุนด้านพลังงาน
    ใช้อำนาจฉุกเฉินเพื่อเร่งการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม

    เหตุผลที่ต้องเร่งสร้างพลังงาน
    จีนเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้า 429 GW ในปีเดียว
    สหรัฐเพิ่มเพียง 51 GW – เกิด “ช่องว่างพลังงาน” ที่อาจทำให้เสียเปรียบ
    โครงสร้างพื้นฐาน AI เช่นศูนย์ข้อมูล ต้องใช้ไฟฟ้าปริมาณมหาศาล

    ข้อเสนอเสริมเพื่อความมั่นคงด้าน AI
    จัดตั้งคลังสำรองวัตถุดิบ เช่น ทองแดง แร่หายาก
    ลดการพึ่งพาจีนในด้านวัตถุดิบสำคัญ
    สร้างโอกาสงานใหม่ในสายอาชีพช่าง เช่น ช่างไฟ ช่างกล ช่างเชื่อม

    สั้นๆ สำหรับลุง คุณแซมคนนี้ไม่ใช่คนดีแน่ๆ ..

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-calls-on-u-s-to-build-100-gigawatts-of-additional-power-generating-capacity-per-year-says-electricity-is-a-strategic-asset-in-ai-race-against-china
    ⚡ หัวข้อข่าว: “OpenAI เรียกร้องให้สหรัฐสร้างไฟฟ้าเพิ่ม 100 GW ต่อปี – ชี้พลังงานคืออาวุธลับในสงคราม AI กับจีน” OpenAI ได้ออกแถลงการณ์ล่าสุดผ่านบล็อก “Seizing the AI Opportunity” พร้อมยื่นข้อเสนอถึงทำเนียบขาว เรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาเร่งสร้างกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 100 กิกะวัตต์ต่อปี เพื่อรับมือกับการแข่งขันด้าน AI กับจีน โดยระบุว่า “ไฟฟ้าไม่ใช่แค่สาธารณูปโภค แต่คือทรัพย์สินเชิงยุทธศาสตร์” ที่จะกำหนดผู้นำเทคโนโลยีแห่งอนาคต OpenAI เตือนว่า “ช่องว่างพลังงาน” หรือ “electron gap” กำลังขยายตัวอย่างน่ากังวล โดยในปี 2024 จีนเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ถึง 429 GW ขณะที่สหรัฐเพิ่มเพียง 51 GW ซึ่งอาจทำให้สหรัฐเสียเปรียบในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล นอกจากการเรียกร้องให้สร้างโรงไฟฟ้าใหม่ OpenAI ยังเสนอให้เร่งกระบวนการอนุมัติโครงการพลังงานโดยใช้ AI ช่วยตรวจสอบเอกสารและลดขั้นตอนราชการ พร้อมเสนอให้ใช้ “อำนาจฉุกเฉิน” เพื่อเร่งการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะโครงการที่ตั้งอยู่บนที่ดินของรัฐบาลกลาง OpenAI ยังเสนอให้จัดตั้ง “คลังสำรองวัตถุดิบ” สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI เช่น ทองแดง อะลูมิเนียม และแร่หายาก เพื่อป้องกันการพึ่งพาจีนในด้านวัตถุดิบที่สำคัญ ✅ ข้อเสนอหลักจาก OpenAI ➡️ สร้างกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่ม 100 GW ต่อปี ➡️ ใช้ AI ช่วยเร่งกระบวนการอนุมัติโครงการพลังงาน ➡️ ปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อ “ปลดล็อก” การลงทุนด้านพลังงาน ➡️ ใช้อำนาจฉุกเฉินเพื่อเร่งการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม ✅ เหตุผลที่ต้องเร่งสร้างพลังงาน ➡️ จีนเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้า 429 GW ในปีเดียว ➡️ สหรัฐเพิ่มเพียง 51 GW – เกิด “ช่องว่างพลังงาน” ที่อาจทำให้เสียเปรียบ ➡️ โครงสร้างพื้นฐาน AI เช่นศูนย์ข้อมูล ต้องใช้ไฟฟ้าปริมาณมหาศาล ✅ ข้อเสนอเสริมเพื่อความมั่นคงด้าน AI ➡️ จัดตั้งคลังสำรองวัตถุดิบ เช่น ทองแดง แร่หายาก ➡️ ลดการพึ่งพาจีนในด้านวัตถุดิบสำคัญ ➡️ สร้างโอกาสงานใหม่ในสายอาชีพช่าง เช่น ช่างไฟ ช่างกล ช่างเชื่อม สั้นๆ สำหรับลุง คุณแซมคนนี้ไม่ใช่คนดีแน่ๆ .. https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-calls-on-u-s-to-build-100-gigawatts-of-additional-power-generating-capacity-per-year-says-electricity-is-a-strategic-asset-in-ai-race-against-china
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: “แฮกพลัง RTX 4090 โน้ตบุ๊กด้วยชุนต์ม็อด ดันทะลุขีดจำกัด แซงหน้า RTX 5090!”

    วันนี้มีเรื่องเล่าจากโลกของเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ ที่ไม่ยอมให้ข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์มาขวางความแรง! ผู้ใช้ Reddit นามว่า “u/thatavidreadertrue” ได้ทำการ “ชุนต์ม็อด” กับโน้ตบุ๊ก ASUS ROG Zephyrus M16 ที่ใช้ GPU RTX 4090 เพื่อปลดล็อกพลังที่ซ่อนอยู่ และผลลัพธ์คือ…แรงทะลุเพดาน แซง RTX 5090 ไปแบบไม่เกรงใจ!

    ชุนต์ม็อดคือการปรับแต่งวงจรไฟฟ้า โดยการเพิ่มตัวต้านทานขนาดเล็ก (1 mΩ) เข้าไปคู่ขนานกับตัวเดิม (5 mΩ) ทำให้ GPU เข้าใจผิดว่าตัวเองใช้ไฟน้อยลง ทั้งที่จริงแล้วมันดูดไฟถึง 240W จากเดิมที่จำกัดไว้แค่ 150W! ผลคือ GPU สามารถเร่งความเร็วได้มากขึ้นโดยไม่ถูกจำกัดจากเฟิร์มแวร์

    แม้จะไม่มีการทดสอบเกมจริง แต่ผล Benchmark ก็ชัดเจนว่า RTX 4090 ที่ผ่านการม็อดสามารถแซง RTX 5090 ได้ในหลายการทดสอบ เช่น Solar Bay Extreme ที่ได้คะแนนสูงกว่าถึง 7.6% และเหนือกว่า RTX 4090 รุ่นเดิมถึง 35.5%

    เพื่อรับมือกับความร้อนที่เพิ่มขึ้น เจ้าของเครื่องได้เปลี่ยนวัสดุระบายความร้อนเป็น PTM7950 และ Upsiren UX Pro Ultra พร้อมกับ undervolt GPU ให้ใช้ไฟต่ำลงเพื่อความปลอดภัย

    ที่น่าสนใจคือ โน้ตบุ๊กเครื่องนี้ซื้อจากตลาดมือสองในราคาแค่ $1600! เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้ ถือว่าเป็น “ดีลเทพ” สำหรับสายโมดิฟาย

    การม็อดชุนต์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ GPU
    ลดค่าความต้านทานจาก 5 mΩ เหลือ 0.83 mΩ
    GPU เข้าใจผิดว่าตัวเองใช้ไฟน้อยลง ทำให้เร่งความเร็วได้มากขึ้น
    จาก 150W TGP กลายเป็นการใช้ไฟจริงถึง 240W

    ผล Benchmark แสดงให้เห็นถึงความแรงที่เพิ่มขึ้น
    Solar Bay Extreme สูงกว่า RTX 5090 ถึง 7.6%
    สูงกว่า RTX 4090 รุ่นเดิมถึง 35.5%
    คะแนนเฉลี่ยสูงขึ้นเกือบ 20% เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม

    การจัดการความร้อนหลังม็อด
    ใช้ PTM7950 และ Upsiren UX Pro Ultra แทนของเดิม
    GPU อยู่ที่ 80–84°C โดยไม่ throttle
    CPU ร้อนถึง 90°C แต่ยังควบคุมได้

    การ undervolt เพื่อความปลอดภัย
    จำกัดแรงดันไฟฟ้าไว้ที่ 800mV ขณะเล่นเกม
    ลดความเสี่ยงจากการเร่งความเร็วเกินขีดจำกัด

    ความคุ้มค่าด้านราคา
    ซื้อเครื่องมือสองในราคา $1600
    หลังม็อดแล้วแรงกว่า RTX 5090 ที่ราคาสูงกว่า

    การม็อดชุนต์มีความเสี่ยงสูง
    อาจทำให้เครื่องเสียหายถาวร หากทำไม่ถูกต้อง
    อุปกรณ์ไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้ไฟเกินขีดจำกัด

    ความร้อนที่เพิ่มขึ้นต้องจัดการอย่างเหมาะสม
    หากระบายความร้อนไม่ดี อาจเกิดการ throttle หรือ shutdown
    อุณหภูมิ CPU ที่สูงอาจส่งผลต่ออายุการใช้งาน

    การ undervolt ต้องทำอย่างระมัดระวัง
    หากตั้งค่าผิด อาจทำให้ระบบไม่เสถียรหรือค้าง

    https://www.tomshardware.com/laptops/gaming-laptops/rtx-4090-laptop-gpu-gets-20-percent-performance-boost-after-shunt-mod-consuming-up-to-240w-reduced-resistance-means-it-also-beats-the-mobile-rtx-5090-on-average
    🛠️ หัวข้อข่าว: “แฮกพลัง RTX 4090 โน้ตบุ๊กด้วยชุนต์ม็อด ดันทะลุขีดจำกัด แซงหน้า RTX 5090!” วันนี้มีเรื่องเล่าจากโลกของเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ ที่ไม่ยอมให้ข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์มาขวางความแรง! ผู้ใช้ Reddit นามว่า “u/thatavidreadertrue” ได้ทำการ “ชุนต์ม็อด” กับโน้ตบุ๊ก ASUS ROG Zephyrus M16 ที่ใช้ GPU RTX 4090 เพื่อปลดล็อกพลังที่ซ่อนอยู่ และผลลัพธ์คือ…แรงทะลุเพดาน แซง RTX 5090 ไปแบบไม่เกรงใจ! ชุนต์ม็อดคือการปรับแต่งวงจรไฟฟ้า โดยการเพิ่มตัวต้านทานขนาดเล็ก (1 mΩ) เข้าไปคู่ขนานกับตัวเดิม (5 mΩ) ทำให้ GPU เข้าใจผิดว่าตัวเองใช้ไฟน้อยลง ทั้งที่จริงแล้วมันดูดไฟถึง 240W จากเดิมที่จำกัดไว้แค่ 150W! ผลคือ GPU สามารถเร่งความเร็วได้มากขึ้นโดยไม่ถูกจำกัดจากเฟิร์มแวร์ แม้จะไม่มีการทดสอบเกมจริง แต่ผล Benchmark ก็ชัดเจนว่า RTX 4090 ที่ผ่านการม็อดสามารถแซง RTX 5090 ได้ในหลายการทดสอบ เช่น Solar Bay Extreme ที่ได้คะแนนสูงกว่าถึง 7.6% และเหนือกว่า RTX 4090 รุ่นเดิมถึง 35.5% เพื่อรับมือกับความร้อนที่เพิ่มขึ้น เจ้าของเครื่องได้เปลี่ยนวัสดุระบายความร้อนเป็น PTM7950 และ Upsiren UX Pro Ultra พร้อมกับ undervolt GPU ให้ใช้ไฟต่ำลงเพื่อความปลอดภัย ที่น่าสนใจคือ โน้ตบุ๊กเครื่องนี้ซื้อจากตลาดมือสองในราคาแค่ $1600! เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้ ถือว่าเป็น “ดีลเทพ” สำหรับสายโมดิฟาย ✅ การม็อดชุนต์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ GPU ➡️ ลดค่าความต้านทานจาก 5 mΩ เหลือ 0.83 mΩ ➡️ GPU เข้าใจผิดว่าตัวเองใช้ไฟน้อยลง ทำให้เร่งความเร็วได้มากขึ้น ➡️ จาก 150W TGP กลายเป็นการใช้ไฟจริงถึง 240W ✅ ผล Benchmark แสดงให้เห็นถึงความแรงที่เพิ่มขึ้น ➡️ Solar Bay Extreme สูงกว่า RTX 5090 ถึง 7.6% ➡️ สูงกว่า RTX 4090 รุ่นเดิมถึง 35.5% ➡️ คะแนนเฉลี่ยสูงขึ้นเกือบ 20% เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม ✅ การจัดการความร้อนหลังม็อด ➡️ ใช้ PTM7950 และ Upsiren UX Pro Ultra แทนของเดิม ➡️ GPU อยู่ที่ 80–84°C โดยไม่ throttle ➡️ CPU ร้อนถึง 90°C แต่ยังควบคุมได้ ✅ การ undervolt เพื่อความปลอดภัย ➡️ จำกัดแรงดันไฟฟ้าไว้ที่ 800mV ขณะเล่นเกม ➡️ ลดความเสี่ยงจากการเร่งความเร็วเกินขีดจำกัด ✅ ความคุ้มค่าด้านราคา ➡️ ซื้อเครื่องมือสองในราคา $1600 ➡️ หลังม็อดแล้วแรงกว่า RTX 5090 ที่ราคาสูงกว่า ‼️ การม็อดชุนต์มีความเสี่ยงสูง ⛔ อาจทำให้เครื่องเสียหายถาวร หากทำไม่ถูกต้อง ⛔ อุปกรณ์ไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้ไฟเกินขีดจำกัด ‼️ ความร้อนที่เพิ่มขึ้นต้องจัดการอย่างเหมาะสม ⛔ หากระบายความร้อนไม่ดี อาจเกิดการ throttle หรือ shutdown ⛔ อุณหภูมิ CPU ที่สูงอาจส่งผลต่ออายุการใช้งาน ‼️ การ undervolt ต้องทำอย่างระมัดระวัง ⛔ หากตั้งค่าผิด อาจทำให้ระบบไม่เสถียรหรือค้าง https://www.tomshardware.com/laptops/gaming-laptops/rtx-4090-laptop-gpu-gets-20-percent-performance-boost-after-shunt-mod-consuming-up-to-240w-reduced-resistance-means-it-also-beats-the-mobile-rtx-5090-on-average
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • “คลิปเดียวเปลี่ยนชีวิต: โลกใหม่ของการตลาดไวรัลยุค MrBeast”

    ใครจะคิดว่าเบื้องหลังความสำเร็จของ MrBeast ยูทูบเบอร์อันดับหนึ่งของโลกที่มีผู้ติดตามกว่า 448 ล้านคน จะมีกองทัพ “คลิปเปอร์” หรือผู้ตัดต่อวิดีโอสั้นกว่า 23,000 คน คอยสร้างคลิปไวรัลจากวิดีโอยาวของเขา แล้วปล่อยลง TikTok, Instagram และ YouTube Shorts เพื่อดึงผู้ชมกลับไปยังช่องหลัก

    บริษัท Clipping ที่ก่อตั้งโดย Anthony Fujiwara วัย 23 ปี คือผู้อยู่เบื้องหลังกลยุทธ์นี้ โดยจ่ายเงินให้คลิปเปอร์ตั้งแต่ 50 ดอลลาร์ต่อ 100,000 วิว ไปจนถึง 1,500 ดอลลาร์ต่อ 1 ล้านวิว พร้อมเก็บค่าสมาชิกจากลูกค้ารายเดือนสูงสุดถึง 10,000 ดอลลาร์

    คลิปเปอร์เหล่านี้ไม่ใช่แค่ตัดต่อวิดีโอธรรมดา แต่ต้อง “จับจังหวะไวรัล” ภายใน 1-2 วินาทีแรกของคลิป เช่น การใส่คำโปรยตลก หรือจับช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดของวิดีโอมาใช้

    สาระเพิ่มเติม: กลยุทธ์นี้คล้ายกับการซื้อโฆษณาในยุคก่อน แต่เปลี่ยนจากทีวีหรือวิทยุ มาเป็น “พื้นที่บนหน้าจอมือถือ” ของผู้ใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งมีพลังในการเข้าถึงผู้ชมได้อย่างรวดเร็วและตรงกลุ่มเป้าหมาย

    MrBeast ใช้คลิปเปอร์กว่า 23,000 คนช่วยโปรโมตวิดีโอ
    คลิปเปอร์ตัดวิดีโอสั้นจากคลิปหลักแล้วโพสต์ลงโซเชียล
    ได้ค่าตอบแทนตามยอดวิว เช่น 50 ดอลลาร์ต่อ 100,000 วิว

    บริษัท Clipping คือผู้ให้บริการเบื้องหลัง
    ก่อตั้งโดย Anthony Fujiwara วัย 23 ปี
    มีลูกค้าระดับศิลปินดัง เช่น Offset, Ice Spice, Jake Paul

    กลยุทธ์ “Clipping” คือการตลาดยุคใหม่
    เปลี่ยนจากโฆษณาแบบเดิมเป็นการซื้อพื้นที่ในฟีดโซเชียล
    ใช้คลิปไวรัลเพื่อดึงผู้ชมไปยังแพลตฟอร์มหลัก เช่น YouTube, Spotify

    รายได้ของ Clipping ปีนี้สูงถึง 7.7 ล้านดอลลาร์
    ส่วนใหญ่รับเป็นคริปโต
    มีแผนขยายบริการไปยังเพลงเก่าและศิลปินหน้าใหม่ในปี 2026

    ความท้าทายของการตลาดแบบ Clipping
    ความเสี่ยงด้านคุณภาพของเนื้อหาเมื่อใช้แรงงานจำนวนมาก
    การควบคุมเนื้อหาที่อาจผิดจริยธรรมหรือสร้างความเข้าใจผิด
    ความอิ่มตัวของผู้ชมต่อคลิปไวรัลที่ซ้ำซาก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/29/paid-armies-of-clippers-boost-internet-stars-like-mrbeast
    🎬📱 “คลิปเดียวเปลี่ยนชีวิต: โลกใหม่ของการตลาดไวรัลยุค MrBeast” ใครจะคิดว่าเบื้องหลังความสำเร็จของ MrBeast ยูทูบเบอร์อันดับหนึ่งของโลกที่มีผู้ติดตามกว่า 448 ล้านคน จะมีกองทัพ “คลิปเปอร์” หรือผู้ตัดต่อวิดีโอสั้นกว่า 23,000 คน คอยสร้างคลิปไวรัลจากวิดีโอยาวของเขา แล้วปล่อยลง TikTok, Instagram และ YouTube Shorts เพื่อดึงผู้ชมกลับไปยังช่องหลัก บริษัท Clipping ที่ก่อตั้งโดย Anthony Fujiwara วัย 23 ปี คือผู้อยู่เบื้องหลังกลยุทธ์นี้ โดยจ่ายเงินให้คลิปเปอร์ตั้งแต่ 50 ดอลลาร์ต่อ 100,000 วิว ไปจนถึง 1,500 ดอลลาร์ต่อ 1 ล้านวิว พร้อมเก็บค่าสมาชิกจากลูกค้ารายเดือนสูงสุดถึง 10,000 ดอลลาร์ คลิปเปอร์เหล่านี้ไม่ใช่แค่ตัดต่อวิดีโอธรรมดา แต่ต้อง “จับจังหวะไวรัล” ภายใน 1-2 วินาทีแรกของคลิป เช่น การใส่คำโปรยตลก หรือจับช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดของวิดีโอมาใช้ 💡 สาระเพิ่มเติม: กลยุทธ์นี้คล้ายกับการซื้อโฆษณาในยุคก่อน แต่เปลี่ยนจากทีวีหรือวิทยุ มาเป็น “พื้นที่บนหน้าจอมือถือ” ของผู้ใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งมีพลังในการเข้าถึงผู้ชมได้อย่างรวดเร็วและตรงกลุ่มเป้าหมาย ✅ MrBeast ใช้คลิปเปอร์กว่า 23,000 คนช่วยโปรโมตวิดีโอ ➡️ คลิปเปอร์ตัดวิดีโอสั้นจากคลิปหลักแล้วโพสต์ลงโซเชียล ➡️ ได้ค่าตอบแทนตามยอดวิว เช่น 50 ดอลลาร์ต่อ 100,000 วิว ✅ บริษัท Clipping คือผู้ให้บริการเบื้องหลัง ➡️ ก่อตั้งโดย Anthony Fujiwara วัย 23 ปี ➡️ มีลูกค้าระดับศิลปินดัง เช่น Offset, Ice Spice, Jake Paul ✅ กลยุทธ์ “Clipping” คือการตลาดยุคใหม่ ➡️ เปลี่ยนจากโฆษณาแบบเดิมเป็นการซื้อพื้นที่ในฟีดโซเชียล ➡️ ใช้คลิปไวรัลเพื่อดึงผู้ชมไปยังแพลตฟอร์มหลัก เช่น YouTube, Spotify ✅ รายได้ของ Clipping ปีนี้สูงถึง 7.7 ล้านดอลลาร์ ➡️ ส่วนใหญ่รับเป็นคริปโต ➡️ มีแผนขยายบริการไปยังเพลงเก่าและศิลปินหน้าใหม่ในปี 2026 ‼️ ความท้าทายของการตลาดแบบ Clipping ⛔ ความเสี่ยงด้านคุณภาพของเนื้อหาเมื่อใช้แรงงานจำนวนมาก ⛔ การควบคุมเนื้อหาที่อาจผิดจริยธรรมหรือสร้างความเข้าใจผิด ⛔ ความอิ่มตัวของผู้ชมต่อคลิปไวรัลที่ซ้ำซาก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/29/paid-armies-of-clippers-boost-internet-stars-like-mrbeast
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Paid armies of 'clippers' boost Internet stars like MrBeast
    It's hard to imagine that MrBeast, the most popular YouTuber, needs help getting and keeping fans.
    0 Comments 0 Shares 62 Views 0 Reviews
  • “เมื่อการคาดการณ์กลายเป็นธุรกิจ: Truth Predict กำลังจะมา!”

    Trump Media and Technology Group ประกาศเปิดตัว “Truth Predict” — ตลาดทำนายเหตุการณ์ (Prediction Markets) บนแพลตฟอร์ม Truth Social โดยร่วมมือกับ Crypto.com เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถลงทุนจากการคาดการณ์เหตุการณ์ต่างๆ เช่น กีฬา การเมือง บันเทิง และเศรษฐกิจ

    ระบบนี้จะเริ่มทดลองใช้งาน (Beta) เร็วๆ นี้ ก่อนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในสหรัฐฯ และมีแผนขยายสู่ระดับโลกในอนาคต โดยใช้แพลตฟอร์ม Truth+ สำหรับสตรีมมิ่ง และ Truth.Fi สำหรับบริการด้านการเงิน

    Prediction Markets เป็นตลาดที่ให้ผู้คนซื้อขาย “สัญญา” ตามผลลัพธ์ของเหตุการณ์ในอนาคต เช่น การเลือกตั้ง หรือผลการแข่งขันกีฬา ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2024 และถูกมองว่าอาจแม่นยำกว่าการสำรวจความคิดเห็นแบบดั้งเดิมในบางกรณี

    Devin Nunes ซีอีโอของ Trump Media กล่าวว่า “Truth Predict จะเปลี่ยนเสรีภาพในการพูดให้กลายเป็นพลังแห่งการคาดการณ์” โดยเน้นการกระจายอำนาจจากกลุ่มทุนใหญ่สู่ประชาชนทั่วไป

    สาระเพิ่มเติม: ตลาดทำนายเหตุการณ์มีความคล้ายคลึงกับการลงทุนในหุ้น แต่แทนที่จะลงทุนในบริษัท นักลงทุนจะลงทุนใน “ความน่าจะเป็น” ของเหตุการณ์ เช่น “ใครจะชนะเลือกตั้ง” หรือ “ราคาน้ำมันจะเกิน $100 ในเดือนหน้า”

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/29/trump-media-to-enter-prediction-markets-business
    📊🔮 “เมื่อการคาดการณ์กลายเป็นธุรกิจ: Truth Predict กำลังจะมา!” Trump Media and Technology Group ประกาศเปิดตัว “Truth Predict” — ตลาดทำนายเหตุการณ์ (Prediction Markets) บนแพลตฟอร์ม Truth Social โดยร่วมมือกับ Crypto.com เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถลงทุนจากการคาดการณ์เหตุการณ์ต่างๆ เช่น กีฬา การเมือง บันเทิง และเศรษฐกิจ ระบบนี้จะเริ่มทดลองใช้งาน (Beta) เร็วๆ นี้ ก่อนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในสหรัฐฯ และมีแผนขยายสู่ระดับโลกในอนาคต โดยใช้แพลตฟอร์ม Truth+ สำหรับสตรีมมิ่ง และ Truth.Fi สำหรับบริการด้านการเงิน Prediction Markets เป็นตลาดที่ให้ผู้คนซื้อขาย “สัญญา” ตามผลลัพธ์ของเหตุการณ์ในอนาคต เช่น การเลือกตั้ง หรือผลการแข่งขันกีฬา ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2024 และถูกมองว่าอาจแม่นยำกว่าการสำรวจความคิดเห็นแบบดั้งเดิมในบางกรณี Devin Nunes ซีอีโอของ Trump Media กล่าวว่า “Truth Predict จะเปลี่ยนเสรีภาพในการพูดให้กลายเป็นพลังแห่งการคาดการณ์” โดยเน้นการกระจายอำนาจจากกลุ่มทุนใหญ่สู่ประชาชนทั่วไป 💡 สาระเพิ่มเติม: ตลาดทำนายเหตุการณ์มีความคล้ายคลึงกับการลงทุนในหุ้น แต่แทนที่จะลงทุนในบริษัท นักลงทุนจะลงทุนใน “ความน่าจะเป็น” ของเหตุการณ์ เช่น “ใครจะชนะเลือกตั้ง” หรือ “ราคาน้ำมันจะเกิน $100 ในเดือนหน้า” https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/29/trump-media-to-enter-prediction-markets-business
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Trump Media to enter prediction markets business
    (Reuters) -Trump Media and Technology Group said on Tuesday it will introduce prediction markets on its social media platform Truth Social through a partnership with Crypto.com, as event-driven markets continue to make inroads into mainstream finance.
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • ออสเตรียเดินหน้าสู่อธิปไตยดิจิทัล: กระทรวงเศรษฐกิจฯ ย้ายจาก Microsoft ไปใช้ Nextcloud ภายใน 4 เดือน

    รัฐบาลออสเตรียประกาศความสำเร็จในการย้ายระบบของกระทรวงเศรษฐกิจ พลังงาน และการท่องเที่ยว (BMWET) จาก Microsoft ไปใช้ Nextcloud เพื่อจัดการข้อมูลภายในและการทำงานร่วมกัน โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ควบคุมได้ภายในประเทศ — ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในเวลาเพียง 4 เดือน.

    ความเคลื่อนไหวสำคัญของ BMWET

    ย้ายพนักงาน 1,200 คนไปใช้ Nextcloud
    ใช้สำหรับการทำงานร่วมกันภายในและจัดเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัย
    ดำเนินการบนโครงสร้างพื้นฐานที่ควบคุมโดยออสเตรียเอง

    ดำเนินการร่วมกับ Atos Austria และทีม Nextcloud
    ปรับแต่งระบบให้ตรงตามข้อกำหนดด้านกฎหมายและเทคนิค
    ใช้แนวทาง hybrid โดยยังคง Microsoft Teams สำหรับการประชุมภายนอก

    รวมระบบ Outlook ผ่าน Sendent เพื่อไม่ให้กระทบ workflow เดิม
    พนักงานยังสามารถใช้อีเมลและปฏิทินแบบเดิมได้
    ลดแรงต้านจากการเปลี่ยนระบบใหม่

    เหตุผลหลักคือความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและ GDPR
    การวิเคราะห์ความเสี่ยงพบว่า cloud จากต่างประเทศไม่ผ่านข้อกำหนด
    เตรียมรับมือกับกฎใหม่ NIS2 ที่เน้นความมั่นคงของข้อมูล

    การเตรียมพนักงานคือหัวใจของความสำเร็จ
    มีการจัดอบรม, วิดีโอสอน, และ wiki ภายใน
    พนักงานตอบรับดีและไม่เกิดการหยุดชะงักในการทำงาน

    การย้ายระบบต้องมีการวางแผนและสนับสนุนจากผู้บริหาร
    หากไม่มีการเตรียมพนักงาน อาจเกิดความขัดแย้งและประสิทธิภาพลดลง
    การเปลี่ยนระบบโดยไม่ค่อยอธิบายเหตุผลอาจทำให้เกิดแรงต้าน

    การใช้ cloud จากต่างประเทศอาจขัดกับกฎหมายความเป็นส่วนตัวในยุโรป
    ข้อมูลของประชาชนและองค์กรรัฐต้องอยู่ภายใต้การควบคุมที่ชัดเจน
    การพึ่งพาบริษัทนอกยุโรปอาจเสี่ยงต่อการละเมิด GDPR และ NIS2

    https://news.itsfoss.com/austrian-ministry-kicks-out-microsoft/
    🇦🇹☁️ ออสเตรียเดินหน้าสู่อธิปไตยดิจิทัล: กระทรวงเศรษฐกิจฯ ย้ายจาก Microsoft ไปใช้ Nextcloud ภายใน 4 เดือน รัฐบาลออสเตรียประกาศความสำเร็จในการย้ายระบบของกระทรวงเศรษฐกิจ พลังงาน และการท่องเที่ยว (BMWET) จาก Microsoft ไปใช้ Nextcloud เพื่อจัดการข้อมูลภายในและการทำงานร่วมกัน โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ควบคุมได้ภายในประเทศ — ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในเวลาเพียง 4 เดือน. ✅ ความเคลื่อนไหวสำคัญของ BMWET ✅ ย้ายพนักงาน 1,200 คนไปใช้ Nextcloud ➡️ ใช้สำหรับการทำงานร่วมกันภายในและจัดเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัย ➡️ ดำเนินการบนโครงสร้างพื้นฐานที่ควบคุมโดยออสเตรียเอง ✅ ดำเนินการร่วมกับ Atos Austria และทีม Nextcloud ➡️ ปรับแต่งระบบให้ตรงตามข้อกำหนดด้านกฎหมายและเทคนิค ➡️ ใช้แนวทาง hybrid โดยยังคง Microsoft Teams สำหรับการประชุมภายนอก ✅ รวมระบบ Outlook ผ่าน Sendent เพื่อไม่ให้กระทบ workflow เดิม ➡️ พนักงานยังสามารถใช้อีเมลและปฏิทินแบบเดิมได้ ➡️ ลดแรงต้านจากการเปลี่ยนระบบใหม่ ✅ เหตุผลหลักคือความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและ GDPR ➡️ การวิเคราะห์ความเสี่ยงพบว่า cloud จากต่างประเทศไม่ผ่านข้อกำหนด ➡️ เตรียมรับมือกับกฎใหม่ NIS2 ที่เน้นความมั่นคงของข้อมูล ✅ การเตรียมพนักงานคือหัวใจของความสำเร็จ ➡️ มีการจัดอบรม, วิดีโอสอน, และ wiki ภายใน ➡️ พนักงานตอบรับดีและไม่เกิดการหยุดชะงักในการทำงาน ‼️ การย้ายระบบต้องมีการวางแผนและสนับสนุนจากผู้บริหาร ⛔ หากไม่มีการเตรียมพนักงาน อาจเกิดความขัดแย้งและประสิทธิภาพลดลง ⛔ การเปลี่ยนระบบโดยไม่ค่อยอธิบายเหตุผลอาจทำให้เกิดแรงต้าน ‼️ การใช้ cloud จากต่างประเทศอาจขัดกับกฎหมายความเป็นส่วนตัวในยุโรป ⛔ ข้อมูลของประชาชนและองค์กรรัฐต้องอยู่ภายใต้การควบคุมที่ชัดเจน ⛔ การพึ่งพาบริษัทนอกยุโรปอาจเสี่ยงต่อการละเมิด GDPR และ NIS2 https://news.itsfoss.com/austrian-ministry-kicks-out-microsoft/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    Good News! Austrian Ministry Kicks Out Microsoft in Favor of Nextcloud
    The BMWET migrates 1,200 employees to sovereign cloud in just four months.
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • Apple เตรียมใช้เทคโนโลยีเก่าในการผลิตโมเด็ม 5G C2 สำหรับ iPhone 18 แม้มีสิทธิ์เข้าถึงเทคโนโลยี 2nm ก็ตาม

    Apple กำลังจะเปิดตัวโมเด็ม 5G รุ่นใหม่ชื่อว่า “C2” สำหรับ iPhone 18 ในปี 2026 โดยเลือกใช้กระบวนการผลิตแบบ 4nm ‘N4’ ของ TSMC แทนที่จะใช้เทคโนโลยีล่าสุดอย่าง 2nm แม้จะมีสิทธิ์เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ก็ตาม

    จุดเด่นและเหตุผลเบื้องหลังการเลือกใช้เทคโนโลยีเก่า
    โมเด็ม C2 จะมาแทนที่ Qualcomm ใน iPhone 18 ทั้งซีรีส์ ซึ่งรวมถึงรุ่นพับได้ของ Apple
    แม้ Apple ได้สิทธิ์มากกว่า 50% ของการผลิต 2nm ของ TSMC แต่เลือกใช้ 4nm N4 สำหรับโมเด็ม C2
    นักวิเคราะห์ Ming-Chi Kuo ระบุว่า โมเด็มไม่ใช่ส่วนที่กินพลังงานมาก และการใช้เทคโนโลยีใหม่ไม่ได้เพิ่มความเร็วอย่างมีนัยสำคัญ
    C2 จะรองรับทั้ง mmWave และ sub-6GHz ซึ่งเป็นการอัปเกรดจาก C1 และ C1X ที่ใช้ใน iPhone 16e

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Apple จะใช้โมเด็ม C2 ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 4nm N4 ของ TSMC
    iPhone 18 จะเป็นรุ่นแรกที่ใช้โมเด็ม C2 แทน Qualcomm
    แม้มีสิทธิ์ใช้ 2nm แต่ Apple เลือกใช้เทคโนโลยีเก่าเพื่อประหยัดต้นทุนและความเหมาะสมทางเทคนิค
    C2 รองรับ mmWave และ sub-6GHz ซึ่งเป็นการอัปเกรดจาก C1
    TSMC N4 มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 5% และความหนาแน่นทรานซิสเตอร์เพิ่มขึ้น 6% จาก N5

    เหตุผลที่ไม่ใช้เทคโนโลยีใหม่
    โมเด็มไม่ใช่ส่วนที่กินพลังงานสูง
    การใช้เทคโนโลยีใหม่ไม่ได้เพิ่มความเร็วอย่างมีนัยสำคัญ
    ผลตอบแทนจากการลงทุนในการพัฒนาโมเด็มไม่สูง

    https://wccftech.com/apple-c2-to-be-mass-produced-on-older-tsmc-process-says-report/
    📶🔧 Apple เตรียมใช้เทคโนโลยีเก่าในการผลิตโมเด็ม 5G C2 สำหรับ iPhone 18 แม้มีสิทธิ์เข้าถึงเทคโนโลยี 2nm ก็ตาม Apple กำลังจะเปิดตัวโมเด็ม 5G รุ่นใหม่ชื่อว่า “C2” สำหรับ iPhone 18 ในปี 2026 โดยเลือกใช้กระบวนการผลิตแบบ 4nm ‘N4’ ของ TSMC แทนที่จะใช้เทคโนโลยีล่าสุดอย่าง 2nm แม้จะมีสิทธิ์เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ก็ตาม 📱 จุดเด่นและเหตุผลเบื้องหลังการเลือกใช้เทคโนโลยีเก่า 💠 โมเด็ม C2 จะมาแทนที่ Qualcomm ใน iPhone 18 ทั้งซีรีส์ ซึ่งรวมถึงรุ่นพับได้ของ Apple 💠 แม้ Apple ได้สิทธิ์มากกว่า 50% ของการผลิต 2nm ของ TSMC แต่เลือกใช้ 4nm N4 สำหรับโมเด็ม C2 💠 นักวิเคราะห์ Ming-Chi Kuo ระบุว่า โมเด็มไม่ใช่ส่วนที่กินพลังงานมาก และการใช้เทคโนโลยีใหม่ไม่ได้เพิ่มความเร็วอย่างมีนัยสำคัญ 💠 C2 จะรองรับทั้ง mmWave และ sub-6GHz ซึ่งเป็นการอัปเกรดจาก C1 และ C1X ที่ใช้ใน iPhone 16e ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Apple จะใช้โมเด็ม C2 ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 4nm N4 ของ TSMC ➡️ iPhone 18 จะเป็นรุ่นแรกที่ใช้โมเด็ม C2 แทน Qualcomm ➡️ แม้มีสิทธิ์ใช้ 2nm แต่ Apple เลือกใช้เทคโนโลยีเก่าเพื่อประหยัดต้นทุนและความเหมาะสมทางเทคนิค ➡️ C2 รองรับ mmWave และ sub-6GHz ซึ่งเป็นการอัปเกรดจาก C1 ➡️ TSMC N4 มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 5% และความหนาแน่นทรานซิสเตอร์เพิ่มขึ้น 6% จาก N5 ✅ เหตุผลที่ไม่ใช้เทคโนโลยีใหม่ ➡️ โมเด็มไม่ใช่ส่วนที่กินพลังงานสูง ➡️ การใช้เทคโนโลยีใหม่ไม่ได้เพิ่มความเร็วอย่างมีนัยสำคัญ ➡️ ผลตอบแทนจากการลงทุนในการพัฒนาโมเด็มไม่สูง https://wccftech.com/apple-c2-to-be-mass-produced-on-older-tsmc-process-says-report/
    WCCFTECH.COM
    Apple’s Next In-House 5G Modem, The C2, Will Use An Older Manufacturing Process From TSMC Next Year, Unlike The A20 & A20 Pro
    The iPhone 18 series will use A20 and A20 Pro chipsets made on TSMC’s 2nm process, but the C2 5G modem will leverage an older technology
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 59 Views 0 Reviews
  • Windows 10 ใกล้หมดอายุ ส่งผลให้ยอดขาย Mac พุ่งแรงทั่วโลก

    การสิ้นสุดการสนับสนุนของ Windows 10 ในเดือนตุลาคม 2025 กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากหันไปใช้ Mac แทนการอัปเกรดเป็น Windows 11 โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจและผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความมั่นคงและปลอดภัยมากขึ้น

    เหตุผลที่ Mac ขายดีขึ้นหลัง Windows 10 หมดอายุ

    จากรายงานของ Counterpoint Research พบว่า ยอดขาย Mac ทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 14.9% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีปัจจัยหลักคือ:
    ความนิยมของ MacBook รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป Apple Silicon ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน
    การยอมรับในระดับองค์กร โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการระบบปลอดภัยแต่ไม่ซับซ้อน
    ความไม่แน่นอนของการอัปเกรดเป็น Windows 11 ทั้งในด้านฮาร์ดแวร์และความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์

    Apple ยังเน้นจุดแข็งด้านความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสข้อมูลและการควบคุมความเป็นส่วนตัวในระดับระบบ ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญสำหรับองค์กรที่ไม่มีทีม IT ประจำ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Windows 10 หมดอายุในเดือนตุลาคม 2025 ทำให้ผู้ใช้ต้องหาทางเลือกใหม่
    Mac มียอดขายเพิ่มขึ้น 14.9% ในไตรมาสเดียวกัน
    ธุรกิจขนาดเล็กหันมาใช้ Mac เพราะระบบปลอดภัยและใช้งานง่าย
    Apple Silicon ช่วยให้ Mac มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน
    ผู้ใช้ iPhone มีแนวโน้มเลือก Mac เพื่อความต่อเนื่องในการทำงาน

    ปัจจัยที่ทำให้ผู้ใช้ลังเลอัปเกรด Windows
    Windows 11 ต้องการฮาร์ดแวร์ใหม่ เช่น TPM 2.0 และ UEFI Secure Boot
    ความไม่แน่นอนด้านความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์เก่า
    ค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดอุปกรณ์และระบบ

    https://www.techradar.com/computing/macbooks/never-mind-linux-windows-10s-end-of-life-is-driving-up-apple-mac-sales
    🍏💻 Windows 10 ใกล้หมดอายุ ส่งผลให้ยอดขาย Mac พุ่งแรงทั่วโลก การสิ้นสุดการสนับสนุนของ Windows 10 ในเดือนตุลาคม 2025 กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากหันไปใช้ Mac แทนการอัปเกรดเป็น Windows 11 โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจและผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความมั่นคงและปลอดภัยมากขึ้น 📈 เหตุผลที่ Mac ขายดีขึ้นหลัง Windows 10 หมดอายุ จากรายงานของ Counterpoint Research พบว่า ยอดขาย Mac ทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 14.9% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีปัจจัยหลักคือ: 💠 ความนิยมของ MacBook รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป Apple Silicon ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน 💠 การยอมรับในระดับองค์กร โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการระบบปลอดภัยแต่ไม่ซับซ้อน 💠 ความไม่แน่นอนของการอัปเกรดเป็น Windows 11 ทั้งในด้านฮาร์ดแวร์และความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์ Apple ยังเน้นจุดแข็งด้านความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสข้อมูลและการควบคุมความเป็นส่วนตัวในระดับระบบ ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญสำหรับองค์กรที่ไม่มีทีม IT ประจำ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Windows 10 หมดอายุในเดือนตุลาคม 2025 ทำให้ผู้ใช้ต้องหาทางเลือกใหม่ ➡️ Mac มียอดขายเพิ่มขึ้น 14.9% ในไตรมาสเดียวกัน ➡️ ธุรกิจขนาดเล็กหันมาใช้ Mac เพราะระบบปลอดภัยและใช้งานง่าย ➡️ Apple Silicon ช่วยให้ Mac มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน ➡️ ผู้ใช้ iPhone มีแนวโน้มเลือก Mac เพื่อความต่อเนื่องในการทำงาน ✅ ปัจจัยที่ทำให้ผู้ใช้ลังเลอัปเกรด Windows ➡️ Windows 11 ต้องการฮาร์ดแวร์ใหม่ เช่น TPM 2.0 และ UEFI Secure Boot ➡️ ความไม่แน่นอนด้านความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์เก่า ➡️ ค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดอุปกรณ์และระบบ https://www.techradar.com/computing/macbooks/never-mind-linux-windows-10s-end-of-life-is-driving-up-apple-mac-sales
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • จีนเปิดตัว BIE-1 ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เลียนแบบสมอง ขนาดเท่าตู้เย็น ใช้ไฟบ้านธรรมดา!

    นักวิทยาศาสตร์จีนจาก Guangdong Institute of Intelligent Science and Technology ได้เปิดตัว “BI Explorer 1” หรือ BIE-1 ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ AI แบบ neuromorphic ที่เลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ โดยมีขนาดเท่าตู้เย็นเล็ก แต่ประสิทธิภาพระดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ พร้อมใช้ไฟบ้านทั่วไป

    จุดเด่นของ BIE-1
    ขนาดกะทัดรัด: เทียบเท่าตู้เย็นขนาดเล็ก แต่สามารถทำงานได้เทียบเท่าระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดห้อง
    ประหยัดพลังงาน: ใช้พลังงานน้อยกว่าระบบทั่วไปถึง 90% และยังคงอุณหภูมิ CPU ไม่เกิน 70°C แม้ใช้งานหนัก
    ประสิทธิภาพสูง: มี 1,152 CPU cores, RAM 4.8TB DDR5 และพื้นที่จัดเก็บ 204TB
    ใช้เทคโนโลยีเลียนแบบสมอง: ประมวลผลแบบ neural network ที่สามารถเรียนรู้และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    รองรับการใช้งานหลากหลาย: เหมาะสำหรับบ้าน, สำนักงาน, หรือแม้แต่การใช้งานแบบเคลื่อนที่ เช่น รถพยาบาลหรือห้องเรียนเคลื่อนที่

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    BIE-1 เป็นเซิร์ฟเวอร์ AI แบบ neuromorphic ที่เลียนแบบสมอง
    ขนาดเท่าตู้เย็น ใช้ไฟบ้านทั่วไป
    มี 1,152 CPU cores, RAM 4.8TB และพื้นที่จัดเก็บ 204TB
    ใช้พลังงานน้อยกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั่วไปถึง 90%
    อุณหภูมิ CPU ไม่เกิน 70°C แม้ใช้งานเต็มที่
    เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้าน, สำนักงาน, หรือพื้นที่เคลื่อนที่

    เทคโนโลยีเลียนแบบสมอง
    ใช้ neural network ที่สามารถเรียนรู้และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    รองรับการประมวลผลแบบ multimodal เช่น ข้อความ, ภาพ, และเสียง
    เหมาะสำหรับงานด้านสุขภาพ, การศึกษา, และผู้ช่วย AI ส่วนบุคคล

    ความเปรียบเทียบกับระบบเดิม
    เทียบกับ Intel Hala Point และ SpiNNaker 2 ที่ใช้พื้นที่ขนาดใหญ่
    BIE-1 เป็นระบบแบบ standalone ที่ไม่ต้องใช้ SSD, HDD หรือ GPU
    ใช้พลังงานน้อยกว่า “ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดห้อง” ถึง 90%

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    คำว่า “ซูเปอร์คอมพิวเตอร์” ยังไม่มีนิยามที่ชัดเจน ทำให้การเปรียบเทียบอาจคลุมเครือ
    ยังไม่มีข้อมูลราคาหรือวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
    ข้อมูลจากแหล่งตะวันตกยังมีจำกัด อาจต้องรอการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพจริง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/china-builds-neuromorphic-ai-server-the-size-of-a-mini-fridge-bi-explorer-1-runs-on-a-household-socket-and-contains-1-152-cpu-cores
    🧠🧊 จีนเปิดตัว BIE-1 ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เลียนแบบสมอง ขนาดเท่าตู้เย็น ใช้ไฟบ้านธรรมดา! นักวิทยาศาสตร์จีนจาก Guangdong Institute of Intelligent Science and Technology ได้เปิดตัว “BI Explorer 1” หรือ BIE-1 ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ AI แบบ neuromorphic ที่เลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ โดยมีขนาดเท่าตู้เย็นเล็ก แต่ประสิทธิภาพระดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ พร้อมใช้ไฟบ้านทั่วไป 📦 จุดเด่นของ BIE-1 💠 ขนาดกะทัดรัด: เทียบเท่าตู้เย็นขนาดเล็ก แต่สามารถทำงานได้เทียบเท่าระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดห้อง 💠 ประหยัดพลังงาน: ใช้พลังงานน้อยกว่าระบบทั่วไปถึง 90% และยังคงอุณหภูมิ CPU ไม่เกิน 70°C แม้ใช้งานหนัก 💠 ประสิทธิภาพสูง: มี 1,152 CPU cores, RAM 4.8TB DDR5 และพื้นที่จัดเก็บ 204TB 💠 ใช้เทคโนโลยีเลียนแบบสมอง: ประมวลผลแบบ neural network ที่สามารถเรียนรู้และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ 💠 รองรับการใช้งานหลากหลาย: เหมาะสำหรับบ้าน, สำนักงาน, หรือแม้แต่การใช้งานแบบเคลื่อนที่ เช่น รถพยาบาลหรือห้องเรียนเคลื่อนที่ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ BIE-1 เป็นเซิร์ฟเวอร์ AI แบบ neuromorphic ที่เลียนแบบสมอง ➡️ ขนาดเท่าตู้เย็น ใช้ไฟบ้านทั่วไป ➡️ มี 1,152 CPU cores, RAM 4.8TB และพื้นที่จัดเก็บ 204TB ➡️ ใช้พลังงานน้อยกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั่วไปถึง 90% ➡️ อุณหภูมิ CPU ไม่เกิน 70°C แม้ใช้งานเต็มที่ ➡️ เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้าน, สำนักงาน, หรือพื้นที่เคลื่อนที่ ✅ เทคโนโลยีเลียนแบบสมอง ➡️ ใช้ neural network ที่สามารถเรียนรู้และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ รองรับการประมวลผลแบบ multimodal เช่น ข้อความ, ภาพ, และเสียง ➡️ เหมาะสำหรับงานด้านสุขภาพ, การศึกษา, และผู้ช่วย AI ส่วนบุคคล ✅ ความเปรียบเทียบกับระบบเดิม ➡️ เทียบกับ Intel Hala Point และ SpiNNaker 2 ที่ใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ ➡️ BIE-1 เป็นระบบแบบ standalone ที่ไม่ต้องใช้ SSD, HDD หรือ GPU ➡️ ใช้พลังงานน้อยกว่า “ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดห้อง” ถึง 90% ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ คำว่า “ซูเปอร์คอมพิวเตอร์” ยังไม่มีนิยามที่ชัดเจน ทำให้การเปรียบเทียบอาจคลุมเครือ ⛔ ยังไม่มีข้อมูลราคาหรือวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ⛔ ข้อมูลจากแหล่งตะวันตกยังมีจำกัด อาจต้องรอการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพจริง https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/china-builds-neuromorphic-ai-server-the-size-of-a-mini-fridge-bi-explorer-1-runs-on-a-household-socket-and-contains-1-152-cpu-cores
    0 Comments 0 Shares 61 Views 0 Reviews
  • นักวิทยาศาสตร์เผย: มนุษย์แทบแยกไม่ออกระหว่าง 1440p กับ 8K หากดูจากระยะ 10 ฟุต!

    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ร่วมกับ Meta Reality Labs ได้ทำการศึกษาขีดจำกัดการมองเห็นของมนุษย์ต่อความละเอียดหน้าจอ พบว่า ที่ระยะห่าง 10 ฟุตจากหน้าจอขนาด 50 นิ้ว ความแตกต่างระหว่าง 1440p, 4K และ 8K แทบไม่สามารถแยกออกได้ด้วยสายตา

    รายละเอียดการศึกษา

    นักวิจัยได้พัฒนาเครื่องมือวัด “Pixels Per Degree” (PPD) เพื่อประเมินว่ามนุษย์สามารถแยกแยะพิกเซลได้มากแค่ไหนในแต่ละสีและระยะห่าง โดยใช้จอภาพที่สามารถปรับความละเอียดได้อย่างต่อเนื่อง และวัดการรับรู้ของผู้ทดลองในหลายเงื่อนไข เช่น สี ความสว่าง และมุมมอง

    ผลลัพธ์ที่ได้:
    สีขาวดำ: มนุษย์สามารถแยกแยะได้สูงสุดถึง 94 PPD
    สีแดงและเขียว: 89 PPD
    สีเหลืองและม่วง: ต่ำสุดที่ 53 PPD

    นักวิจัยยังสร้างเครื่องคำนวณออนไลน์ให้ผู้ใช้กรอกขนาดหน้าจอ ระยะห่าง และความละเอียด เพื่อดูว่าความละเอียดที่สูงขึ้นจะมีผลต่อการรับรู้จริงหรือไม่

    ข้อมูลสำคัญจากการศึกษา
    ระยะห่าง 10 ฟุตจากหน้าจอ 50 นิ้ว: 1440p, 4K และ 8K แทบไม่ต่างกันในสายตามนุษย์
    1% เท่านั้นที่สามารถแยกแยะภาพ 1440p กับภาพสมบูรณ์แบบได้
    ที่ 4K และ 8K ตัวเลขนั้นลดลงเหลือ 0% — หมายความว่าไม่มีใครแยกออกได้
    การเพิ่มความละเอียดเกินขีดจำกัดสายตาอาจเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า

    ขีดจำกัดการมองเห็นของมนุษย์
    สีขาวดำ: สูงสุด 94 PPD
    สีแดง/เขียว: สูงสุด 89 PPD
    สีเหลือง/ม่วง: ต่ำสุด 53 PPD
    ความสามารถในการแยกแยะลดลงเมื่อมองจากมุมเฉียงหรือในสภาพแสงต่างกัน

    เครื่องมือช่วยผู้บริโภค
    นักวิจัยพัฒนาเครื่องคำนวณออนไลน์เพื่อช่วยเลือกหน้าจอที่เหมาะสม
    ช่วยลดการซื้อหน้าจอที่มีความละเอียดเกินความจำเป็น

    คำเตือนสำหรับผู้บริโภค
    การซื้อหน้าจอ 8K อาจไม่ให้คุณภาพภาพที่ต่างจาก 1440p หากดูจากระยะไกล
    ความละเอียดสูงขึ้นหมายถึงต้นทุนที่สูงขึ้นและใช้พลังงานมากขึ้น
    ผู้ผลิตอาจโฆษณาความละเอียดเกินความจำเป็นเพื่อกระตุ้นยอดขาย

    https://www.tomshardware.com/monitors/scientists-claim-you-cant-see-the-difference-between-1440p-and-8k-at-10-feet-in-new-study-on-the-limits-of-the-human-eye-would-still-be-an-improvement-on-the-previously-touted-upper-limit-of-60-pixels-per-degree
    🧠👁️ นักวิทยาศาสตร์เผย: มนุษย์แทบแยกไม่ออกระหว่าง 1440p กับ 8K หากดูจากระยะ 10 ฟุต! นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ร่วมกับ Meta Reality Labs ได้ทำการศึกษาขีดจำกัดการมองเห็นของมนุษย์ต่อความละเอียดหน้าจอ พบว่า ที่ระยะห่าง 10 ฟุตจากหน้าจอขนาด 50 นิ้ว ความแตกต่างระหว่าง 1440p, 4K และ 8K แทบไม่สามารถแยกออกได้ด้วยสายตา 📺 รายละเอียดการศึกษา นักวิจัยได้พัฒนาเครื่องมือวัด “Pixels Per Degree” (PPD) เพื่อประเมินว่ามนุษย์สามารถแยกแยะพิกเซลได้มากแค่ไหนในแต่ละสีและระยะห่าง โดยใช้จอภาพที่สามารถปรับความละเอียดได้อย่างต่อเนื่อง และวัดการรับรู้ของผู้ทดลองในหลายเงื่อนไข เช่น สี ความสว่าง และมุมมอง 💠 ผลลัพธ์ที่ได้: 👁️ สีขาวดำ: มนุษย์สามารถแยกแยะได้สูงสุดถึง 94 PPD 👁️ สีแดงและเขียว: 89 PPD 👁️ สีเหลืองและม่วง: ต่ำสุดที่ 53 PPD นักวิจัยยังสร้างเครื่องคำนวณออนไลน์ให้ผู้ใช้กรอกขนาดหน้าจอ ระยะห่าง และความละเอียด เพื่อดูว่าความละเอียดที่สูงขึ้นจะมีผลต่อการรับรู้จริงหรือไม่ ✅ ข้อมูลสำคัญจากการศึกษา ➡️ ระยะห่าง 10 ฟุตจากหน้าจอ 50 นิ้ว: 1440p, 4K และ 8K แทบไม่ต่างกันในสายตามนุษย์ ➡️ 1% เท่านั้นที่สามารถแยกแยะภาพ 1440p กับภาพสมบูรณ์แบบได้ ➡️ ที่ 4K และ 8K ตัวเลขนั้นลดลงเหลือ 0% — หมายความว่าไม่มีใครแยกออกได้ ➡️ การเพิ่มความละเอียดเกินขีดจำกัดสายตาอาจเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า ✅ ขีดจำกัดการมองเห็นของมนุษย์ ➡️ สีขาวดำ: สูงสุด 94 PPD ➡️ สีแดง/เขียว: สูงสุด 89 PPD ➡️ สีเหลือง/ม่วง: ต่ำสุด 53 PPD ➡️ ความสามารถในการแยกแยะลดลงเมื่อมองจากมุมเฉียงหรือในสภาพแสงต่างกัน ✅ เครื่องมือช่วยผู้บริโภค ➡️ นักวิจัยพัฒนาเครื่องคำนวณออนไลน์เพื่อช่วยเลือกหน้าจอที่เหมาะสม ➡️ ช่วยลดการซื้อหน้าจอที่มีความละเอียดเกินความจำเป็น ‼️ คำเตือนสำหรับผู้บริโภค ⛔ การซื้อหน้าจอ 8K อาจไม่ให้คุณภาพภาพที่ต่างจาก 1440p หากดูจากระยะไกล ⛔ ความละเอียดสูงขึ้นหมายถึงต้นทุนที่สูงขึ้นและใช้พลังงานมากขึ้น ⛔ ผู้ผลิตอาจโฆษณาความละเอียดเกินความจำเป็นเพื่อกระตุ้นยอดขาย https://www.tomshardware.com/monitors/scientists-claim-you-cant-see-the-difference-between-1440p-and-8k-at-10-feet-in-new-study-on-the-limits-of-the-human-eye-would-still-be-an-improvement-on-the-previously-touted-upper-limit-of-60-pixels-per-degree
    0 Comments 0 Shares 50 Views 0 Reviews
  • สร้อยไหม 7 สีตะกรุดปลอกลูกปืน พระอาจารย์แดง วัดไร่บางตาวา จ.ปัตตานี
    สร้อยไหม 7 สีตะกรุดปลอกลูกปืน (กระสุนปืนลูกซอง) พระอาจารย์แดง วัดไร่บางตาวา จ.ปัตตานี // พระดีพิธีขลัง !! พระมีประสบการณ์มาก หายาก แทบไม่มีของหมุนเวียน (สร้อยไหม 7 สีตะกรุดปลอกลูกปืน สามารถปรับขนาดให้ยาวขึ้นได้.จะแขวนคอก็ได้ จะคาดเอวก็ได้ แล้วแต่สะดวก. ) // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //

    ** พุทธคุณคงกระพันชาตรี มหาอุด แคล้วคลาดปลอดภัย ป้องกันศาสตราวุธต่างๆ และมีชื่อเสียงด้านเมตตามหานิยม การเจรจา การค้าขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ทหารและตำรวจในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ มหาอำนาจ ช่วยเสริมสร้างอำนาจบารมีและเดชะ และการป้องกันอันตรายต่างๆ **

    ** “พระอาจารย์แดง โอภาโส” วัตถุมงคล ของ พระอาจารย์แดง วัดไร่ มีอยู่หลายรุ่น แต่ที่โดดเด่นมากที่สุด คือ “ตะกรุดลูกปืน” ที่มีประสบการณ์มากมาย ทั้งแคล้วคลาด คงกระพัน เมตตามหานิยม ป้องกันสัตว์มีพิษ ป้องกันคุณไสยมนต์ดำและอันตรายต่างๆ สำหรับตะกรุดลูกปืนนั้น พระอาจารย์แดงได้เคยบอกไว้ว่า มีอานุภาพอันเข้มขลัง ด้วยเพราะผ่านการประจุพลังกฤติยาคม ตามหลักธาตุทั้ง ๔ “ดิน น้ำ ลม ไฟ” จึงทำให้เกิดพุทธคุณสูง **

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    สร้อยไหม 7 สีตะกรุดปลอกลูกปืน พระอาจารย์แดง วัดไร่บางตาวา จ.ปัตตานี สร้อยไหม 7 สีตะกรุดปลอกลูกปืน (กระสุนปืนลูกซอง) พระอาจารย์แดง วัดไร่บางตาวา จ.ปัตตานี // พระดีพิธีขลัง !! พระมีประสบการณ์มาก หายาก แทบไม่มีของหมุนเวียน (สร้อยไหม 7 สีตะกรุดปลอกลูกปืน สามารถปรับขนาดให้ยาวขึ้นได้.จะแขวนคอก็ได้ จะคาดเอวก็ได้ แล้วแต่สะดวก. ) // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณคงกระพันชาตรี มหาอุด แคล้วคลาดปลอดภัย ป้องกันศาสตราวุธต่างๆ และมีชื่อเสียงด้านเมตตามหานิยม การเจรจา การค้าขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ทหารและตำรวจในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ มหาอำนาจ ช่วยเสริมสร้างอำนาจบารมีและเดชะ และการป้องกันอันตรายต่างๆ ** ** “พระอาจารย์แดง โอภาโส” วัตถุมงคล ของ พระอาจารย์แดง วัดไร่ มีอยู่หลายรุ่น แต่ที่โดดเด่นมากที่สุด คือ “ตะกรุดลูกปืน” ที่มีประสบการณ์มากมาย ทั้งแคล้วคลาด คงกระพัน เมตตามหานิยม ป้องกันสัตว์มีพิษ ป้องกันคุณไสยมนต์ดำและอันตรายต่างๆ สำหรับตะกรุดลูกปืนนั้น พระอาจารย์แดงได้เคยบอกไว้ว่า มีอานุภาพอันเข้มขลัง ด้วยเพราะผ่านการประจุพลังกฤติยาคม ตามหลักธาตุทั้ง ๔ “ดิน น้ำ ลม ไฟ” จึงทำให้เกิดพุทธคุณสูง ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 Comments 0 Shares 49 Views 0 Reviews
  • เศรษฐกิจไทยหรือวิกฤติในไทยปัจจุบันแค่เริ่มบังคับลดราคาน้ำมันลงวันละ1บาทต่อลิตรจนเหลือลิตร2-3บาทแบบอิหร่าน เราฟื้นตัวได้ทันทีไม่เกิน1ปีแน่นอน.,ติดที่ไทยยกบ่อน้ำมันบนอธิปไตยไทยให้เอกชนต่างชาติไปหมดแล้ว ไม่ต่างจากแร่เอิร์ธนั้นล่ะในปัจจุบันนี้ ไร้ปัญญาใดๆเป็นเจ้าของเนื้อน้ำมันเนื้อปิโตรเลียมจริง,ยังกระแดะอยากใช้ระบอบปกครองฝรั่งที่ส่งออกมีลิขสิทธิ์เอาเปรียบอีกมาใช้ปกครองในประเทศไทยตนเองที่คณะกบฎ2475ร่วมกับอเมริกาและชาติยุโรปต่างๆแบบฝรั่งเศสออกหน้าเป็นฐานประชุมสุมหัวก่อการก็ว่ามาบีบบังคับไทยเราใช้ปกครองเราจนถึงปัจจุบันผลคือทรัพยากรวัตถุดิบสร้างชาติพัฒนาชาติไทยเราล้วนถูกปล้นชิงถ่ายโอนเอารัดเอาเปรียบตลอดเวลาไปสู่ชาติชั่วเลวฝรั่งตะวันตกพวกนี้.
    ..และปัจจุบันมันและพวกมันพยายามตลอดเวลามิให้ชาติไทยเราบ้านเมืองเราสงบสุขร่มเย็นถึงปัจจุบัน วุ่นวายโกลาหลสร้างพลังงานลบมากมายให้มันได้แดกดื่มด้วย.


    https://vm.tiktok.com/ZSHvTYhCwD7ny-YFnmO/
    เศรษฐกิจไทยหรือวิกฤติในไทยปัจจุบันแค่เริ่มบังคับลดราคาน้ำมันลงวันละ1บาทต่อลิตรจนเหลือลิตร2-3บาทแบบอิหร่าน เราฟื้นตัวได้ทันทีไม่เกิน1ปีแน่นอน.,ติดที่ไทยยกบ่อน้ำมันบนอธิปไตยไทยให้เอกชนต่างชาติไปหมดแล้ว ไม่ต่างจากแร่เอิร์ธนั้นล่ะในปัจจุบันนี้ ไร้ปัญญาใดๆเป็นเจ้าของเนื้อน้ำมันเนื้อปิโตรเลียมจริง,ยังกระแดะอยากใช้ระบอบปกครองฝรั่งที่ส่งออกมีลิขสิทธิ์เอาเปรียบอีกมาใช้ปกครองในประเทศไทยตนเองที่คณะกบฎ2475ร่วมกับอเมริกาและชาติยุโรปต่างๆแบบฝรั่งเศสออกหน้าเป็นฐานประชุมสุมหัวก่อการก็ว่ามาบีบบังคับไทยเราใช้ปกครองเราจนถึงปัจจุบันผลคือทรัพยากรวัตถุดิบสร้างชาติพัฒนาชาติไทยเราล้วนถูกปล้นชิงถ่ายโอนเอารัดเอาเปรียบตลอดเวลาไปสู่ชาติชั่วเลวฝรั่งตะวันตกพวกนี้. ..และปัจจุบันมันและพวกมันพยายามตลอดเวลามิให้ชาติไทยเราบ้านเมืองเราสงบสุขร่มเย็นถึงปัจจุบัน วุ่นวายโกลาหลสร้างพลังงานลบมากมายให้มันได้แดกดื่มด้วย. https://vm.tiktok.com/ZSHvTYhCwD7ny-YFnmO/
    @ac_st0ry

    ที่นี่น้ำมันถูกกว่าน้ำ! น้ำมันถูกกว่าน้ำ เรื่องจริงสุดพีค เกร็ดความรู้ อิหร่าน คลังน้ำมันใต้ดิน น้ำมันดีเซล

    ♬ เสียงต้นฉบับ - พี่เสือชอบเล่า - พี่เสือชอบเล่า
    0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews
  • บทความกฎหมาย EP.12

    กฎหมายเป็นมากกว่าชุดข้อบังคับ เป็นเสาหลักที่ค้ำจุนสังคมให้ดำรงอยู่ได้อย่างสงบและเป็นธรรม หลักเกณฑ์และบรรทัดฐานเหล่านี้ได้ถูกบัญญัติขึ้นเพื่อกำหนดทิศทางของพฤติกรรมทั้งของปัจเจกบุคคลและกลุ่มองค์กรในสังคม การมีอยู่ของกฎหมายมิได้มีเพียงเพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพ แต่เพื่อสร้างขอบเขตที่ชัดเจนให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้ความคาดหวังร่วมกันว่าความประพฤติใดคือสิ่งที่ยอมรับได้ และพฤติกรรมใดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ส่วนรวม เมื่อใดก็ตามที่ความขัดแย้งเกิดขึ้นหรือความสงบเรียบร้อยถูกคุกคาม กฎหมายจะเข้ามาทำหน้าที่เป็นกลไกในการตัดสินและแก้ไขข้อพิพาท เพื่อธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมอันเป็นหัวใจสำคัญของการอยู่ร่วมกันในฐานะพลเมือง

    กลไกอันทรงพลังที่ขับเคลื่อนกฎหมายให้มีผลบังคับใช้ได้อย่างแท้จริงคืออำนาจของรัฐ รัฐในฐานะผู้มีอำนาจอธิปไตยจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเหล่านั้นอย่างเคร่งครัดและเป็นกลาง การบังคับใช้มิได้จำกัดอยู่แค่การลงโทษผู้กระทำผิด แต่รวมถึงการให้ความคุ้มครองสิทธิของพลเมือง การจัดระเบียบโครงสร้างทางสังคมและเศรษฐกิจ ตลอดจนการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาประเทศ การที่กฎหมายมีผลบังคับใช้โดยรัฐทำให้หลักเกณฑ์ต่างๆ มีน้ำหนักและมีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เพียงแค่ข้อเสนอแนะที่ใครจะเลือกปฏิบัติตามหรือไม่ก็ได้ ความแน่นอนและเด็ดขาดในการบังคับใช้นี่เองที่เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าทุกการกระทำย่อมมีผลตามมาและไม่มีใครอยู่เหนือกฎเกณฑ์

    ดังนั้น กฎหมายจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาสมดุลระหว่างเสรีภาพของบุคคลกับผลประโยชน์ของส่วนรวม เป็นเกราะป้องกันความวุ่นวายและเป็นเส้นทางสู่ความเป็นธรรม กฎหมายสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมและความมุ่งหวังของสังคมในแต่ละยุคสมัย ในฐานะพลเมือง การเรียนรู้และเคารพในกฎหมายจึงไม่ใช่เพียงหน้าที่ แต่คือการมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์และรักษาสังคมที่เราต้องการให้อยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน การทำความเข้าใจในเจตนารมณ์ของกฎหมายจะนำมาซึ่งการยอมรับและปฏิบัติตามด้วยความสมัครใจ อันเป็นรากฐานที่มั่นคงของรัฐที่สงบสุขและยุติธรรมอย่างแท้จริง
    บทความกฎหมาย EP.12 กฎหมายเป็นมากกว่าชุดข้อบังคับ เป็นเสาหลักที่ค้ำจุนสังคมให้ดำรงอยู่ได้อย่างสงบและเป็นธรรม หลักเกณฑ์และบรรทัดฐานเหล่านี้ได้ถูกบัญญัติขึ้นเพื่อกำหนดทิศทางของพฤติกรรมทั้งของปัจเจกบุคคลและกลุ่มองค์กรในสังคม การมีอยู่ของกฎหมายมิได้มีเพียงเพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพ แต่เพื่อสร้างขอบเขตที่ชัดเจนให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้ความคาดหวังร่วมกันว่าความประพฤติใดคือสิ่งที่ยอมรับได้ และพฤติกรรมใดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ส่วนรวม เมื่อใดก็ตามที่ความขัดแย้งเกิดขึ้นหรือความสงบเรียบร้อยถูกคุกคาม กฎหมายจะเข้ามาทำหน้าที่เป็นกลไกในการตัดสินและแก้ไขข้อพิพาท เพื่อธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมอันเป็นหัวใจสำคัญของการอยู่ร่วมกันในฐานะพลเมือง กลไกอันทรงพลังที่ขับเคลื่อนกฎหมายให้มีผลบังคับใช้ได้อย่างแท้จริงคืออำนาจของรัฐ รัฐในฐานะผู้มีอำนาจอธิปไตยจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเหล่านั้นอย่างเคร่งครัดและเป็นกลาง การบังคับใช้มิได้จำกัดอยู่แค่การลงโทษผู้กระทำผิด แต่รวมถึงการให้ความคุ้มครองสิทธิของพลเมือง การจัดระเบียบโครงสร้างทางสังคมและเศรษฐกิจ ตลอดจนการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาประเทศ การที่กฎหมายมีผลบังคับใช้โดยรัฐทำให้หลักเกณฑ์ต่างๆ มีน้ำหนักและมีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เพียงแค่ข้อเสนอแนะที่ใครจะเลือกปฏิบัติตามหรือไม่ก็ได้ ความแน่นอนและเด็ดขาดในการบังคับใช้นี่เองที่เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าทุกการกระทำย่อมมีผลตามมาและไม่มีใครอยู่เหนือกฎเกณฑ์ ดังนั้น กฎหมายจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาสมดุลระหว่างเสรีภาพของบุคคลกับผลประโยชน์ของส่วนรวม เป็นเกราะป้องกันความวุ่นวายและเป็นเส้นทางสู่ความเป็นธรรม กฎหมายสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมและความมุ่งหวังของสังคมในแต่ละยุคสมัย ในฐานะพลเมือง การเรียนรู้และเคารพในกฎหมายจึงไม่ใช่เพียงหน้าที่ แต่คือการมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์และรักษาสังคมที่เราต้องการให้อยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน การทำความเข้าใจในเจตนารมณ์ของกฎหมายจะนำมาซึ่งการยอมรับและปฏิบัติตามด้วยความสมัครใจ อันเป็นรากฐานที่มั่นคงของรัฐที่สงบสุขและยุติธรรมอย่างแท้จริง
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • บทความกฎหมาย EP.10

    ลายมือชื่อนั้นมิได้จำกัดอยู่เพียงแค่การขีดเขียนตัวอักษรเพื่อยืนยันตัวตนเท่านั้น หากแต่ในทางกฎหมายและในทางปฏิบัติที่กว้างขวางยิ่งกว่า ลายมือชื่อกินความหมายรวมไปถึงการแสดงเจตจำนงด้วยรูปแบบอื่นใดที่บุคคลนั้นได้ตั้งใจทำขึ้นแทนการลงลายมือของตนเอง การลงลายพิมพ์นิ้วมือจึงเป็นที่ยอมรับอย่างเป็นสากลว่าเป็นวิธีการหนึ่งของการให้ลายมือชื่ออันทรงพลังไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่บุคคลนั้นอาจไม่สะดวกในการเขียนหรือเพื่อความแม่นยำในการระบุตัวตนที่ชัดเจนยิ่งขึ้น หรือแม้กระทั่งเครื่องหมายอื่นใดที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดยเฉพาะเจาะจงและเป็นที่รับรู้กันในวงจำกัดว่าแทนเจตจำนงของผู้นั้นอย่างแท้จริง สิ่งเหล่านี้ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและการเปิดกว้างของนิยาม "ลายมือชื่อ" ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีก้าวหน้า และความต้องการทางกฎหมายที่ต้องครอบคลุมทุกรูปแบบของการแสดงเจตนาอันศักดิ์สิทธิ์ของบุคคล ความเข้าใจที่ว่าลายมือชื่อไม่ใช่เพียงแค่การเขียน แต่คือการแสดงออกซึ่งความยินยอมหรือการรับรองที่หลากหลายรูปแบบนี้เอง เป็นพื้นฐานสำคัญที่เราทุกคนควรตระหนักถึงเพื่อการทำธุรกรรมหรือการดำเนินการทางกฎหมายใดๆ ก็ตามอย่างถูกต้องและรัดกุมที่สุด

    ดังนั้น เมื่อกล่าวถึงการลงลายมือชื่อ เราจึงต้องเข้าใจในความหมายที่ครอบคลุมและลึกซึ้งยิ่งกว่าแค่เพียงรอยหมึกบนกระดาษ เพราะมันหมายถึงทั้งลายพิมพ์นิ้วมืออันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรือแม้แต่เครื่องหมายเฉพาะกิจที่สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการยืนยันตัวตนของบุคคลนั้นๆ อย่างไม่มีข้อสงสัย การตีความที่กว้างขวางนี้ช่วยให้การแสดงเจตนาเป็นไปได้อย่างราบรื่นและเป็นธรรมกับบุคคลทุกคนในสังคม ไม่ว่าจะมีข้อจำกัดทางกายภาพหรือความสามารถในการเขียนหรือไม่ก็ตาม

    การลงลายมือชื่อในทุกรูปแบบจึงเป็นหัวใจสำคัญของการยืนยันเจตนาและผูกพันทางกฎหมาย แสดงให้เห็นว่าการยอมรับตัวตนนั้นสามารถทำได้หลายช่องทาง ตราบใดที่แสดงถึงความตั้งใจจริงของบุคคลนั้นอย่างชัดเจนและเป็นที่ยอมรับตามกรอบของกฎหมายและหลักการปฏิบัติสากล
    บทความกฎหมาย EP.10 ลายมือชื่อนั้นมิได้จำกัดอยู่เพียงแค่การขีดเขียนตัวอักษรเพื่อยืนยันตัวตนเท่านั้น หากแต่ในทางกฎหมายและในทางปฏิบัติที่กว้างขวางยิ่งกว่า ลายมือชื่อกินความหมายรวมไปถึงการแสดงเจตจำนงด้วยรูปแบบอื่นใดที่บุคคลนั้นได้ตั้งใจทำขึ้นแทนการลงลายมือของตนเอง การลงลายพิมพ์นิ้วมือจึงเป็นที่ยอมรับอย่างเป็นสากลว่าเป็นวิธีการหนึ่งของการให้ลายมือชื่ออันทรงพลังไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่บุคคลนั้นอาจไม่สะดวกในการเขียนหรือเพื่อความแม่นยำในการระบุตัวตนที่ชัดเจนยิ่งขึ้น หรือแม้กระทั่งเครื่องหมายอื่นใดที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดยเฉพาะเจาะจงและเป็นที่รับรู้กันในวงจำกัดว่าแทนเจตจำนงของผู้นั้นอย่างแท้จริง สิ่งเหล่านี้ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและการเปิดกว้างของนิยาม "ลายมือชื่อ" ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีก้าวหน้า และความต้องการทางกฎหมายที่ต้องครอบคลุมทุกรูปแบบของการแสดงเจตนาอันศักดิ์สิทธิ์ของบุคคล ความเข้าใจที่ว่าลายมือชื่อไม่ใช่เพียงแค่การเขียน แต่คือการแสดงออกซึ่งความยินยอมหรือการรับรองที่หลากหลายรูปแบบนี้เอง เป็นพื้นฐานสำคัญที่เราทุกคนควรตระหนักถึงเพื่อการทำธุรกรรมหรือการดำเนินการทางกฎหมายใดๆ ก็ตามอย่างถูกต้องและรัดกุมที่สุด ดังนั้น เมื่อกล่าวถึงการลงลายมือชื่อ เราจึงต้องเข้าใจในความหมายที่ครอบคลุมและลึกซึ้งยิ่งกว่าแค่เพียงรอยหมึกบนกระดาษ เพราะมันหมายถึงทั้งลายพิมพ์นิ้วมืออันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรือแม้แต่เครื่องหมายเฉพาะกิจที่สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการยืนยันตัวตนของบุคคลนั้นๆ อย่างไม่มีข้อสงสัย การตีความที่กว้างขวางนี้ช่วยให้การแสดงเจตนาเป็นไปได้อย่างราบรื่นและเป็นธรรมกับบุคคลทุกคนในสังคม ไม่ว่าจะมีข้อจำกัดทางกายภาพหรือความสามารถในการเขียนหรือไม่ก็ตาม การลงลายมือชื่อในทุกรูปแบบจึงเป็นหัวใจสำคัญของการยืนยันเจตนาและผูกพันทางกฎหมาย แสดงให้เห็นว่าการยอมรับตัวตนนั้นสามารถทำได้หลายช่องทาง ตราบใดที่แสดงถึงความตั้งใจจริงของบุคคลนั้นอย่างชัดเจนและเป็นที่ยอมรับตามกรอบของกฎหมายและหลักการปฏิบัติสากล
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews
  • บทความกฎหมาย EP.7

    เอกสารทางกฎหมายเปรียบเสมือนหัวใจของการทำนิติกรรมทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสัญญาซื้อขาย สัญญากู้ยืมเงิน หรือแม้แต่พินัยกรรม ความสำคัญของมันไม่ได้อยู่ที่จำนวนหน้ากระดาษ แต่อยู่ที่ถ้อยคำที่ถูกบรรจงเขียนลงไป ทุกตัวอักษรมีความหมายและมีผลผูกพันตามกฎหมาย การร่างเอกสารอย่างรอบคอบและถูกต้องตามหลักเกณฑ์จึงเป็นปราการด่านแรกในการปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์ของเรา การละเลยความละเอียดรอบคอบในการตรวจสอบหรือจัดทำเอกสารอาจนำมาซึ่งข้อพิพาททางกฎหมายที่ซับซ้อนและใช้เวลานานในการแก้ไข การทำความเข้าใจในเนื้อหาสาระและผลทางกฎหมายของเอกสารที่เราลงนามจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรประมาทเป็นอันขาด เพราะเอกสารที่ดีคือการลงทุนเพื่อความมั่นคงทางกฎหมายในอนาคต

    ดังนั้น การให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในเอกสารกฎหมายจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบชื่อคู่สัญญา ความชัดเจนของข้อตกลง เงื่อนไขการชำระเงิน หรือระยะเวลาที่กำหนด สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อความสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ของเอกสาร การขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายก่อนการลงนามในเอกสารสำคัญจึงเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด เพื่อให้มั่นใจว่าเอกสารนั้นถูกต้องตามเจตนารมณ์และปกป้องผลประโยชน์ของเราได้อย่างสมบูรณ์ การจัดการเอกสารอย่างเป็นระบบและเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัยก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะในยามจำเป็น เอกสารเหล่านี้คือหลักฐานสำคัญที่สุดที่จะช่วยยืนยันความชอบธรรมของเรา

    สรุปได้ว่า เอกสารทางกฎหมายไม่ใช่เพียงแค่กระดาษ แต่เป็นเครื่องมือที่มีอานุภาพในการกำหนดสิทธิและหน้าที่ของเรา การทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ การจัดทำอย่างพิถีพิถัน และการเก็บรักษาอย่างดีเยี่ยม จึงเป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินชีวิตภายใต้กรอบของกฎหมายอย่างราบรื่นและปลอดภัย อย่ามองข้ามพลังของลายลักษณ์อักษร เพราะความมั่นคงทางกฎหมายของเราเริ่มต้นจากความใส่ใจในเอกสารเพียงฉบับเดียว

    #กฎหมาย #ทนายความ
    #จันทศิษฐ์ทนายความV2
    บทความกฎหมาย EP.7 เอกสารทางกฎหมายเปรียบเสมือนหัวใจของการทำนิติกรรมทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสัญญาซื้อขาย สัญญากู้ยืมเงิน หรือแม้แต่พินัยกรรม ความสำคัญของมันไม่ได้อยู่ที่จำนวนหน้ากระดาษ แต่อยู่ที่ถ้อยคำที่ถูกบรรจงเขียนลงไป ทุกตัวอักษรมีความหมายและมีผลผูกพันตามกฎหมาย การร่างเอกสารอย่างรอบคอบและถูกต้องตามหลักเกณฑ์จึงเป็นปราการด่านแรกในการปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์ของเรา การละเลยความละเอียดรอบคอบในการตรวจสอบหรือจัดทำเอกสารอาจนำมาซึ่งข้อพิพาททางกฎหมายที่ซับซ้อนและใช้เวลานานในการแก้ไข การทำความเข้าใจในเนื้อหาสาระและผลทางกฎหมายของเอกสารที่เราลงนามจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรประมาทเป็นอันขาด เพราะเอกสารที่ดีคือการลงทุนเพื่อความมั่นคงทางกฎหมายในอนาคต ดังนั้น การให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในเอกสารกฎหมายจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบชื่อคู่สัญญา ความชัดเจนของข้อตกลง เงื่อนไขการชำระเงิน หรือระยะเวลาที่กำหนด สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อความสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ของเอกสาร การขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายก่อนการลงนามในเอกสารสำคัญจึงเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด เพื่อให้มั่นใจว่าเอกสารนั้นถูกต้องตามเจตนารมณ์และปกป้องผลประโยชน์ของเราได้อย่างสมบูรณ์ การจัดการเอกสารอย่างเป็นระบบและเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัยก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะในยามจำเป็น เอกสารเหล่านี้คือหลักฐานสำคัญที่สุดที่จะช่วยยืนยันความชอบธรรมของเรา สรุปได้ว่า เอกสารทางกฎหมายไม่ใช่เพียงแค่กระดาษ แต่เป็นเครื่องมือที่มีอานุภาพในการกำหนดสิทธิและหน้าที่ของเรา การทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ การจัดทำอย่างพิถีพิถัน และการเก็บรักษาอย่างดีเยี่ยม จึงเป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินชีวิตภายใต้กรอบของกฎหมายอย่างราบรื่นและปลอดภัย อย่ามองข้ามพลังของลายลักษณ์อักษร เพราะความมั่นคงทางกฎหมายของเราเริ่มต้นจากความใส่ใจในเอกสารเพียงฉบับเดียว #กฎหมาย #ทนายความ #จันทศิษฐ์ทนายความV2
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • Phononic เผยเทคโนโลยีระบายความร้อนแบบใหม่ ช่วยเพิ่มพลัง AI GPU ของ NVIDIA คืนทุนได้ในไม่กี่เดือน

    Phononic บริษัทเทคโนโลยีด้านการระบายความร้อน เปิดเผยว่าเทคโนโลยี thermoelectric cooling (TEC) ของตนสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของ GPU สำหรับงาน AI ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะกับชิป NVIDIA H100 และ Blackwell รุ่นล่าสุด ซึ่งมีความร้อนสูงมากจากการประมวลผล LLM และ GenAI ที่ซับซ้อน การควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำช่วยให้ GPU ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ลดการ throttling และเพิ่ม throughput ได้อย่างชัดเจน

    Larry Yang, Chief Product Officer ของ Phononic อธิบายว่า GPU สมัยใหม่มีข้อจำกัดด้านความร้อน โดยเฉพาะชิป HBM (High Bandwidth Memory) ที่อยู่ติดกับ GPU ซึ่งมักเป็นจุดร้อนที่สุด หากสามารถลดอุณหภูมิของ HBM ได้ ก็จะช่วยให้ GPU ทำงานได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มจำนวน GPU ส่งผลให้ต้นทุนรวมลดลง และสามารถคืนทุนจากการลงทุนในระบบ AI ได้ภายใน “หลักเดือนเดียว”

    Phononic ใช้เทคโนโลยี solid-state cooling ที่ไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหว ตอบสนองเร็วระดับมิลลิวินาที และสามารถควบคุมอุณหภูมิแบบเฉพาะจุด (localized cooling) ได้อย่างแม่นยำ โดยติดตั้ง TEC ไว้บน HBM แต่ละตัว พร้อมระบบควบคุมอัจฉริยะที่ปรับระดับความเย็นตามโหลดงานจริง

    นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึงการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับ AI ASICs และชิปเครือข่าย เช่น optical transceivers และ switch ASICs ซึ่งมีปัญหาความร้อนคล้ายกัน

    เทคโนโลยี thermoelectric cooling (TEC) ของ Phononic
    ใช้หลักการ solid-state ไม่มีพัดลมหรือของเหลว
    ตอบสนองเร็วระดับมิลลิวินาที ควบคุมอุณหภูมิแบบเฉพาะจุด
    ติดตั้งบน HBM เพื่อป้องกันการ throttling และเพิ่ม performance

    ผลลัพธ์จากการใช้งานกับ GPU NVIDIA
    เพิ่ม throughput ของ H100 และ Blackwell ได้อย่างชัดเจน
    ลดจำนวน GPU ที่ต้องใช้ในระบบ AI
    คืนทุนจากการลงทุนได้ภายใน “single-digit months”

    ปัญหาความร้อนใน AI GPU
    HBM เป็นจุดร้อนหลักในแพ็กเกจ GPU
    ความร้อนสูงทำให้ต้องลดความเร็วการทำงานของ GPU
    การระบายความร้อนที่ดีช่วยให้ใช้ศักยภาพของ GPU ได้เต็มที่

    การขยายไปยังชิปอื่น ๆ
    ใช้กับ optical transceivers และ switch ASICs ได้
    รองรับการใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่
    มีระบบควบคุมผ่าน API และซอฟต์แวร์ orchestration

    https://wccftech.com/nvidias-ai-gpu-performance-can-be-increased-to-bring-payback-to-the-order-of-single-digit-months-says-phononic-chief-product-officer/
    🧊 Phononic เผยเทคโนโลยีระบายความร้อนแบบใหม่ ช่วยเพิ่มพลัง AI GPU ของ NVIDIA คืนทุนได้ในไม่กี่เดือน Phononic บริษัทเทคโนโลยีด้านการระบายความร้อน เปิดเผยว่าเทคโนโลยี thermoelectric cooling (TEC) ของตนสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของ GPU สำหรับงาน AI ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะกับชิป NVIDIA H100 และ Blackwell รุ่นล่าสุด ซึ่งมีความร้อนสูงมากจากการประมวลผล LLM และ GenAI ที่ซับซ้อน การควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำช่วยให้ GPU ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ลดการ throttling และเพิ่ม throughput ได้อย่างชัดเจน Larry Yang, Chief Product Officer ของ Phononic อธิบายว่า GPU สมัยใหม่มีข้อจำกัดด้านความร้อน โดยเฉพาะชิป HBM (High Bandwidth Memory) ที่อยู่ติดกับ GPU ซึ่งมักเป็นจุดร้อนที่สุด หากสามารถลดอุณหภูมิของ HBM ได้ ก็จะช่วยให้ GPU ทำงานได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มจำนวน GPU ส่งผลให้ต้นทุนรวมลดลง และสามารถคืนทุนจากการลงทุนในระบบ AI ได้ภายใน “หลักเดือนเดียว” Phononic ใช้เทคโนโลยี solid-state cooling ที่ไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหว ตอบสนองเร็วระดับมิลลิวินาที และสามารถควบคุมอุณหภูมิแบบเฉพาะจุด (localized cooling) ได้อย่างแม่นยำ โดยติดตั้ง TEC ไว้บน HBM แต่ละตัว พร้อมระบบควบคุมอัจฉริยะที่ปรับระดับความเย็นตามโหลดงานจริง นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึงการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับ AI ASICs และชิปเครือข่าย เช่น optical transceivers และ switch ASICs ซึ่งมีปัญหาความร้อนคล้ายกัน ✅ เทคโนโลยี thermoelectric cooling (TEC) ของ Phononic ➡️ ใช้หลักการ solid-state ไม่มีพัดลมหรือของเหลว ➡️ ตอบสนองเร็วระดับมิลลิวินาที ควบคุมอุณหภูมิแบบเฉพาะจุด ➡️ ติดตั้งบน HBM เพื่อป้องกันการ throttling และเพิ่ม performance ✅ ผลลัพธ์จากการใช้งานกับ GPU NVIDIA ➡️ เพิ่ม throughput ของ H100 และ Blackwell ได้อย่างชัดเจน ➡️ ลดจำนวน GPU ที่ต้องใช้ในระบบ AI ➡️ คืนทุนจากการลงทุนได้ภายใน “single-digit months” ✅ ปัญหาความร้อนใน AI GPU ➡️ HBM เป็นจุดร้อนหลักในแพ็กเกจ GPU ➡️ ความร้อนสูงทำให้ต้องลดความเร็วการทำงานของ GPU ➡️ การระบายความร้อนที่ดีช่วยให้ใช้ศักยภาพของ GPU ได้เต็มที่ ✅ การขยายไปยังชิปอื่น ๆ ➡️ ใช้กับ optical transceivers และ switch ASICs ได้ ➡️ รองรับการใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ ➡️ มีระบบควบคุมผ่าน API และซอฟต์แวร์ orchestration https://wccftech.com/nvidias-ai-gpu-performance-can-be-increased-to-bring-payback-to-the-order-of-single-digit-months-says-phononic-chief-product-officer/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA's AI GPU Performance Can Be Increased To Bring Payback To The Order Of "Single Digit Months," Says Phononic Chief Product Officer
    After NVIDIA launched its Rubin AI GPUs last month, we decided to interview Larry Yang, the chief product officer at Phononic. We were wondering about the new chips' cooling requirements given that energy constraints are closely related to AI rollout. Larry is an industry veteran with more than 30 years of experience under his belt. He has previously worked at Google, IBM, Microsoft and Cisco. Our conversation revolved around the cooling requirements for NVIDIA's and other AI chips. It also covered AI ASICs, commonly known as custom AI processors. Related Story NVIDIA’s Latest Rubin AI GPUs Don’t Have To Be […]
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • Lenovo Legion บน Linux เตรียมได้โหมด Extreme ที่แท้จริง — แก้ปัญหาพลังงานผิดพลาด พร้อมระบบอนุญาตเฉพาะรุ่นที่รองรับ

    บทความจาก Tom’s Hardware รายงานว่า Lenovo Legion ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Linux กำลังจะได้รับการอัปเดตใหม่ที่เพิ่มโหมด “Extreme” สำหรับการใช้งานประสิทธิภาพสูง โดยจะมีการตรวจสอบรุ่นก่อนอนุญาตให้ใช้งาน เพื่อป้องกันปัญหาความร้อนและการใช้พลังงานเกินขีดจำกัด

    ก่อนหน้านี้ Legion บน Linux มีปัญหาเรื่อง power profile ที่ไม่ตรงกับความสามารถของเครื่อง เช่น โหมด Extreme ถูกเปิดใช้งานในรุ่นที่ไม่รองรับ ทำให้เกิดความไม่เสถียรและอาจทำให้แบตเตอรี่เสียหาย

    นักพัฒนาอิสระ Derek Clark ได้เสนอ patch ใหม่ให้กับ Lenovo WMI GameZone driver ซึ่งเป็นตัวควบคุมโหมดพลังงานบน Linux โดยเปลี่ยนจากระบบ “deny list” เป็น “allow list” หมายความว่า เฉพาะรุ่นที่ผ่านการตรวจสอบแล้วเท่านั้นที่จะสามารถเปิดใช้งานโหมด Extreme ได้

    โหมดนี้จะตั้งค่า PPT/SPL สูงสุด ทำให้ CPU ใช้พลังงานเต็มที่ เหมาะสำหรับการใช้งานขณะเสียบปลั๊กเท่านั้น เพราะอาจกินพลังงานเกินที่แบตเตอรี่จะรับไหว

    ปัญหาเดิมบน Linux
    โหมด Extreme เปิดใช้งานในรุ่นที่ไม่รองรับ
    ทำให้ระบบไม่เสถียรและแบตเตอรี่เสียหาย

    การแก้ไขด้วย patch ใหม่
    เปลี่ยนจาก deny list เป็น allow list
    เฉพาะรุ่นที่ผ่านการตรวจสอบเท่านั้นที่เปิด Extreme ได้
    ใช้กับ Lenovo WMI GameZone driver บน Linux

    ข้อควรระวังในการใช้งาน
    โหมด Extreme ใช้พลังงานสูงมาก
    เหมาะกับการใช้งานแบบเสียบปลั๊กเท่านั้น
    ยังไม่มีรุ่นใดที่ผ่านการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Linux บน Legion
    อย่าเปิดโหมด Extreme หากเครื่องยังไม่อยู่ใน allow list
    ตรวจสอบ patch และรุ่นที่รองรับก่อนใช้งาน
    ใช้โหมดนี้เฉพาะเมื่อต้องการประสิทธิภาพสูงสุดและมีระบบระบายความร้อนเพียงพอ

    https://www.tomshardware.com/software/linux/lenovo-legion-devices-running-linux-set-to-get-new-extreme-mode-that-fixes-previously-broken-power-limits-only-approved-devices-will-be-able-to-run-the-maximum-performance-mode
    ⚡ Lenovo Legion บน Linux เตรียมได้โหมด Extreme ที่แท้จริง — แก้ปัญหาพลังงานผิดพลาด พร้อมระบบอนุญาตเฉพาะรุ่นที่รองรับ บทความจาก Tom’s Hardware รายงานว่า Lenovo Legion ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Linux กำลังจะได้รับการอัปเดตใหม่ที่เพิ่มโหมด “Extreme” สำหรับการใช้งานประสิทธิภาพสูง โดยจะมีการตรวจสอบรุ่นก่อนอนุญาตให้ใช้งาน เพื่อป้องกันปัญหาความร้อนและการใช้พลังงานเกินขีดจำกัด ก่อนหน้านี้ Legion บน Linux มีปัญหาเรื่อง power profile ที่ไม่ตรงกับความสามารถของเครื่อง เช่น โหมด Extreme ถูกเปิดใช้งานในรุ่นที่ไม่รองรับ ทำให้เกิดความไม่เสถียรและอาจทำให้แบตเตอรี่เสียหาย นักพัฒนาอิสระ Derek Clark ได้เสนอ patch ใหม่ให้กับ Lenovo WMI GameZone driver ซึ่งเป็นตัวควบคุมโหมดพลังงานบน Linux โดยเปลี่ยนจากระบบ “deny list” เป็น “allow list” หมายความว่า เฉพาะรุ่นที่ผ่านการตรวจสอบแล้วเท่านั้นที่จะสามารถเปิดใช้งานโหมด Extreme ได้ โหมดนี้จะตั้งค่า PPT/SPL สูงสุด ทำให้ CPU ใช้พลังงานเต็มที่ เหมาะสำหรับการใช้งานขณะเสียบปลั๊กเท่านั้น เพราะอาจกินพลังงานเกินที่แบตเตอรี่จะรับไหว ✅ ปัญหาเดิมบน Linux ➡️ โหมด Extreme เปิดใช้งานในรุ่นที่ไม่รองรับ ➡️ ทำให้ระบบไม่เสถียรและแบตเตอรี่เสียหาย ✅ การแก้ไขด้วย patch ใหม่ ➡️ เปลี่ยนจาก deny list เป็น allow list ➡️ เฉพาะรุ่นที่ผ่านการตรวจสอบเท่านั้นที่เปิด Extreme ได้ ➡️ ใช้กับ Lenovo WMI GameZone driver บน Linux ✅ ข้อควรระวังในการใช้งาน ➡️ โหมด Extreme ใช้พลังงานสูงมาก ➡️ เหมาะกับการใช้งานแบบเสียบปลั๊กเท่านั้น ➡️ ยังไม่มีรุ่นใดที่ผ่านการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Linux บน Legion ⛔ อย่าเปิดโหมด Extreme หากเครื่องยังไม่อยู่ใน allow list ⛔ ตรวจสอบ patch และรุ่นที่รองรับก่อนใช้งาน ⛔ ใช้โหมดนี้เฉพาะเมื่อต้องการประสิทธิภาพสูงสุดและมีระบบระบายความร้อนเพียงพอ https://www.tomshardware.com/software/linux/lenovo-legion-devices-running-linux-set-to-get-new-extreme-mode-that-fixes-previously-broken-power-limits-only-approved-devices-will-be-able-to-run-the-maximum-performance-mode
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
More Results