• 📣 ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี❓️มันยาวนะ แต่อ่านจบแล้วจะรู้คำตอบ

    👉ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี เป็นข้อความที่ยั่วยุให้คนไทยเปิดอ่านหนังสือชื่อนี้ ซึ่งฟังแปลกหูและแปลกใหม่

    คนญี่ปุ่นก็เป็นเช่นเดียวกันเพราะเป็นหนังสือยอดฮิตในประเทศนั้น โดยมีเนื้อหาปลุกเร้าให้เกิดพฤติกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและต่อกระเป๋า

    หนังสือ “ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี” แปลจากภาษาญี่ปุ่น ซึ่งผู้เขียนคือนายแพทย์โยะชิ โนะริ นะงุโม (Yoshinori Nagumo) ผู้แปลคือคุณพิมพ์รัก สุขสวัสดิ์ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์วีเลิร์น

    ปิยมิตรของผมคนหนึ่งคือ คุณอดิศร ธรรมาพฤทธิ นักธุรกิจใหญ่แนวหน้าของไทยในเรื่องการหล่อโลหะ ได้ซื้อหนังสือเล่มนี้เป็นร้อยเล่มเพื่อแจกเพื่อนๆ และยิ่งไปกว่านั้นยังได้เขียนสรุปเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้และโพสต์ออนไลน์เมื่อเร็วๆ นี้เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณชน ผมขอนำเอาสิ่งที่คุณอดิศรเขียนไว้มานำเสนอดังต่อไปนี้

    “ผู้เขียนเป็นนายแพทย์และเป็นผู้อำนวยการใหญ่ในโรงพยาบาลสี่แห่งในญี่ปุ่น เป็นนักเขียนชื่อดังในญี่ปุ่น และเป็นแขกประจำรายการทีวีหลายรายการ เป็นประธานกิตติมศักดิ์ของ Anti-Aging Medicine World Congress ผู้เขียนค้นพบวิธีการลดน้ำหนักด้วยการทานเหลือวันละมื้อ และพบว่าความหิวเป็นกระบวนการที่ทำให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอด้วยยีนที่ชื่อ เซอร์ทูอิน (Sirtuin) ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะผลิต Growth Hormone ออกมา

    คุณหมอบอกว่า “...สิ่งที่ผมมุ่งหวังคือการวางแผนสำหรับชีวิตที่มีอายุยืนถึงหนึ่งร้อยปี โดยยังมีหน้าท้องที่แบนราบและมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูอ่อนเยาว์ บางคนบอกว่าไม่อยากอายุยืนขนาดนั้น... แต่คนที่พูดแบบนั้นพอถึงคราวเจ็บป่วยก็รีบวิ่งโร่มาหาหมอทุกราย …เมื่อเข้าสู่วัยชรา ทุกวันจะมีแต่ความทุกข์ทรมาน ซึ่งเป็นผลจากการละเลยสุขภาพ.... …ผมว่าต้องเลือกแล้วละว่า จะใช้เวลานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแล้วทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน หรือจะมีสุขภาพดีร่างกายแข็งแรง มีกำลังวังชา รูปลักษณ์ภายนอกดูอ่อนเยาว์จนถึงวาระสุดท้าย แล้วจากไปอย่างสง่างาม…”

    ในบทนำมีการเกริ่นว่าผู้เขียนเริ่มทานอาหารเหลือวันละมื้อเมื่ออายุ 45 ปีเพราะปัญหาเรื่องสุขภาพ ผ่านไปสิบปีเมื่อเขาไปตรวจร่างกายพบว่าอายุหลอดเลือดของเขาเท่ากับคนอายุ 26 ปี

    เขาเล่าว่ามนุษย์ในอดีตไม่ได้มีกินอุดมสมบูรณ์โดยกินสามมื้อเหมือนปัจจุบันนี้ ในอดีตเรากินวันละมื้อก็บุญแล้ว ดังนั้น ร่างกายเราจึงมีภูมิคุ้มกันในตัวเอง เมื่อเราหิวไม่มีกินเราจะมียีนที่ชื่อ เซอร์ทูอิน (Sirtuin) ออกมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่างๆ ภายในร่างกาย ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะผลิต Growth Hormone ออกมา ซึ่งเจ้า Growth Hormone นี้ทำให้เรากลับเป็นหนุ่มสาวมากขึ้น ซึ่งเป็นกระบวนการเพื่อการอยู่รอด

    ปัญหาก็คือ เมื่อร่างกายอิ่ม กลไกนี้ไม่เกิด เราจึงแก่ไปเรื่อยๆ สรุปง่ายๆ ก็คือ การกินมากไปคือสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ และที่สำคัญร่างกายเราไม่ได้ถูกออกแบบให้กินอิ่ม เราจึงปรับตัวให้การกินอิ่มได้ไม่ดี ทำให้กระบวนการธรรมชาติของร่างกายเรารวนนั่นเอง

    ในเรื่องการกินวันละมื้อ ผู้เขียนได้แนะนำสิ่งที่เขาทำมาแล้วได้ผล เขาบอกว่าเขาเพลิดเพลินกับการที่ได้ยินเสียงท้องร้องจ๊อกๆ เพราะว่าเขารู้ว่าร่างกายเรากำลังซ่อมแซมและปรับตัวให้เยาว์วัยด้วยกระบวนการที่กล่าวถึงข้างต้น

    ในเชิงหลักการทางวิทยาศาสตร์เขาอธิบายดังนี้

    (1) ปากทางเข้าลำไส้เล็กจะมีเซนเซอร์เตรียมรอรับของกินอยู่ ถ้าไม่มีอาหารไหลลงมาเสียที ลำไส้เล็กก็จะรีบหลั่งฮอร์โมนสำหรับย่อยอาหาร โมลิติน (Molitin) ออกมา ทำให้กระเพาะอาหารบีบตัว เพื่อส่งของกินที่อาจจะตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหารเข้าไปในลำไส้เล็ก เรียกว่า “การบีบตัวเมื่อหิว” และเป็นตัวการที่แท้จริงของอาการท้องร้องจ๊อกๆ

    (2) เมื่อกระเพาะรู้ตัวว่าหิวจะหลั่งฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ออกมา เกรลินจะถูกหลั่งออกมาจากเยื่อบุกระเพาะอาหารซึ่งถูกกระตุ้นเพราะความหิว โดยจะออกฤทธิ์ที่สมองส่วนไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) ทำให้เกิดความอยากอาหาร ขณะเดียวกันก็จะออกฤทธิ์ที่ต่อมใต้สมอง ทำให้หลั่ง Growth Hormone ออกมา เจ้า Growth Hormone นี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ฮอร์โมนที่ทำให้กลับไปเป็น หนุ่มสาว” นั่นหมายความว่าตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆ เพราะหิว คุณจะค่อยๆ มีเสน่ห์ขึ้นจากฮอร์โมนที่ทำให้กลับเป็นหนุ่มสาว ถึงท้องจะร้องก็อย่าเพิ่งรีบกินอาหาร ให้มาลองเพลิดเพลินกับประสิทธิภาพของการกลับเป็นหนุ่มสาวที่ได้จาก Growth Hormone กันสักครู่หนึ่งก่อน

    (3) ตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆ นั้น ความสามารถในการอยู่รอดอันยอดเยี่ยมกำลังพลุ่งพล่านขึ้นมา นั่นก็คือ “ยีนเซอร์ทูอิน” ที่มีสมญาว่า “ยีนต่ออายุขัย” หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ยีนที่ทำให้อายุยืน” กำลังทำงาน จากการทดลองกับสัตว์หลายชนิดพบว่า เมื่อลดปริมาณอาหารลง 40% จะทำให้อายุยืนขึ้น 1.5 เท่า ทว่ายีนนี้จะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อมีเงื่อนไขบางประการ นั่นคือ “ความหิว” ตราบใดที่ท้องไม่ร้องจ๊อกเพราะหิว ยีนนี้ก็จะไม่ทำงาน ดังนั้นการกินอาหารทั้งที่ยังไม่หิวจึงหมายถึงการมีของดีอยู่กับตัวแต่ไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ มาทำให้ท้องร้องจ๊อกด้วยการกินอาหารวันละมื้อดีกว่า แล้วยีนเซอร์ทูอินนี้จะช่วยสแกนยีนในร่างกายอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งค่อยๆ ฟื้นฟูส่วนที่เสียหาย กล่าวกันว่าความแก่ชราและโรคมะเร็งก็มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของยีน ดังนั้นเราสามารถทำให้กลับเป็นหนุ่มสาวและป้องกันโรคมะเร็งด้วยการกินอาหารวันละมื้อ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหิวแล้วอาหารยังตกไม่ถึงท้อง ร่างกายจะนำไขมันที่สะสมไว้ในช่องท้องมาเปลี่ยนเป็นสารอาหาร ทำให้หน้าท้องแบนราบ

    นอกจากการกินวันละมื้อแล้ว ผู้เขียนมีข้อมูลใหม่เพิ่มเติมอีกว่าการนอนที่ดีคือนอนในช่วงร่างกายผลิต Growth Hormone ได้ดีที่สุดนั่นก็คือช่วงเวลาระหว่างสี่ทุ่มถึงตีสอง

    หลังอ่านจบผมมีความเห็นส่วนตัวว่าสิ่งที่จะทำคือ

    (1) รอให้ท้องร้องจ๊อกๆ บ่อยๆ เพื่อซ่อมแซมตัวเองและทำให้เยาว์วัยลง และ (2) ทานน้อยลง 60% ของแต่ละมื้อ.......”

    นอกจากที่คุณอดิศรเขียนแล้ว ผมไปค้นคว้าเพิ่มเติมและพบว่าเมื่อตอนคุณหมอ Nagumo มีอายุ 37 ปี เขาหนัก 77 กิโลกรัม และเมื่ออายุ 57 ปี หนัก 62 กิโลกรัม ความดันโลหิตเท่ากับคนอายุ 26 ปี อายุมวลกระดูกเท่ากับคนอายุ 28 ปี และสมองมีอายุเท่ากับคนอายุ 38 ปี จากที่ดูรูปในอินเทอร์เน็ตถึงแม้ขณะนี้คุณหมออายุ 59 ปี แต่หน้าตาเหมือนไม่ถึง 40 ปี ด้วยซ้ำ

    คุณหมอพูดในโทรทัศน์ว่าแค่เริ่มต้นไม่กี่วันก็จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพแล้ว กลิ่นตัวจะหายไป ผิวหนังจะเนียนขึ้น หน้าท้องจะเรียบขึ้น รูปลักษณ์ของคนผอมจะเริ่มปรากฏ และจิตใจคึกคักขึ้นกว่าเก่า

    คุณหมอแนะนำให้ทำติดต่อกัน 52 วัน โดยกินอาหารวันละหนึ่งมื้อคือมื้อกลางวัน ในมื้อนี้อยากกินอะไรก็ตามใจตัวเองได้ หากหิวมากก็อาจเสริมด้วยผลไม้และอาหารเบาๆ ก่อนอาหารเย็น

    การกินอาหารน้อยลงมีประโยชน์อย่างแน่นอนเพราะมนุษย์เราโดยทั่วไปก็กินกันเกินพอดีอยู่แล้ว การทำตามคำแนะนำของคุณหมอแค่กินอาหารน้อยลง กินหลังจากที่ท้องร้องนานพอควร และหากแถมด้วยการเดินและออกกำลังกายก็ย่อมดีต่อสุขภาพ

    ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ

    ที่มา: คอลัมน์ "อาหารสมอง" | กรุงเทพธุรกิจ | 20 ม.ค. 58

    Cr.FB: โต๊ะป้าศรี CH Table
    📣 ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี❓️มันยาวนะ แต่อ่านจบแล้วจะรู้คำตอบ 👉ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี เป็นข้อความที่ยั่วยุให้คนไทยเปิดอ่านหนังสือชื่อนี้ ซึ่งฟังแปลกหูและแปลกใหม่ คนญี่ปุ่นก็เป็นเช่นเดียวกันเพราะเป็นหนังสือยอดฮิตในประเทศนั้น โดยมีเนื้อหาปลุกเร้าให้เกิดพฤติกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและต่อกระเป๋า หนังสือ “ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี” แปลจากภาษาญี่ปุ่น ซึ่งผู้เขียนคือนายแพทย์โยะชิ โนะริ นะงุโม (Yoshinori Nagumo) ผู้แปลคือคุณพิมพ์รัก สุขสวัสดิ์ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์วีเลิร์น ปิยมิตรของผมคนหนึ่งคือ คุณอดิศร ธรรมาพฤทธิ นักธุรกิจใหญ่แนวหน้าของไทยในเรื่องการหล่อโลหะ ได้ซื้อหนังสือเล่มนี้เป็นร้อยเล่มเพื่อแจกเพื่อนๆ และยิ่งไปกว่านั้นยังได้เขียนสรุปเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้และโพสต์ออนไลน์เมื่อเร็วๆ นี้เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณชน ผมขอนำเอาสิ่งที่คุณอดิศรเขียนไว้มานำเสนอดังต่อไปนี้ “ผู้เขียนเป็นนายแพทย์และเป็นผู้อำนวยการใหญ่ในโรงพยาบาลสี่แห่งในญี่ปุ่น เป็นนักเขียนชื่อดังในญี่ปุ่น และเป็นแขกประจำรายการทีวีหลายรายการ เป็นประธานกิตติมศักดิ์ของ Anti-Aging Medicine World Congress ผู้เขียนค้นพบวิธีการลดน้ำหนักด้วยการทานเหลือวันละมื้อ และพบว่าความหิวเป็นกระบวนการที่ทำให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอด้วยยีนที่ชื่อ เซอร์ทูอิน (Sirtuin) ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะผลิต Growth Hormone ออกมา คุณหมอบอกว่า “...สิ่งที่ผมมุ่งหวังคือการวางแผนสำหรับชีวิตที่มีอายุยืนถึงหนึ่งร้อยปี โดยยังมีหน้าท้องที่แบนราบและมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูอ่อนเยาว์ บางคนบอกว่าไม่อยากอายุยืนขนาดนั้น... แต่คนที่พูดแบบนั้นพอถึงคราวเจ็บป่วยก็รีบวิ่งโร่มาหาหมอทุกราย …เมื่อเข้าสู่วัยชรา ทุกวันจะมีแต่ความทุกข์ทรมาน ซึ่งเป็นผลจากการละเลยสุขภาพ.... …ผมว่าต้องเลือกแล้วละว่า จะใช้เวลานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแล้วทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน หรือจะมีสุขภาพดีร่างกายแข็งแรง มีกำลังวังชา รูปลักษณ์ภายนอกดูอ่อนเยาว์จนถึงวาระสุดท้าย แล้วจากไปอย่างสง่างาม…” ในบทนำมีการเกริ่นว่าผู้เขียนเริ่มทานอาหารเหลือวันละมื้อเมื่ออายุ 45 ปีเพราะปัญหาเรื่องสุขภาพ ผ่านไปสิบปีเมื่อเขาไปตรวจร่างกายพบว่าอายุหลอดเลือดของเขาเท่ากับคนอายุ 26 ปี เขาเล่าว่ามนุษย์ในอดีตไม่ได้มีกินอุดมสมบูรณ์โดยกินสามมื้อเหมือนปัจจุบันนี้ ในอดีตเรากินวันละมื้อก็บุญแล้ว ดังนั้น ร่างกายเราจึงมีภูมิคุ้มกันในตัวเอง เมื่อเราหิวไม่มีกินเราจะมียีนที่ชื่อ เซอร์ทูอิน (Sirtuin) ออกมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่างๆ ภายในร่างกาย ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะผลิต Growth Hormone ออกมา ซึ่งเจ้า Growth Hormone นี้ทำให้เรากลับเป็นหนุ่มสาวมากขึ้น ซึ่งเป็นกระบวนการเพื่อการอยู่รอด ปัญหาก็คือ เมื่อร่างกายอิ่ม กลไกนี้ไม่เกิด เราจึงแก่ไปเรื่อยๆ สรุปง่ายๆ ก็คือ การกินมากไปคือสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ และที่สำคัญร่างกายเราไม่ได้ถูกออกแบบให้กินอิ่ม เราจึงปรับตัวให้การกินอิ่มได้ไม่ดี ทำให้กระบวนการธรรมชาติของร่างกายเรารวนนั่นเอง ในเรื่องการกินวันละมื้อ ผู้เขียนได้แนะนำสิ่งที่เขาทำมาแล้วได้ผล เขาบอกว่าเขาเพลิดเพลินกับการที่ได้ยินเสียงท้องร้องจ๊อกๆ เพราะว่าเขารู้ว่าร่างกายเรากำลังซ่อมแซมและปรับตัวให้เยาว์วัยด้วยกระบวนการที่กล่าวถึงข้างต้น ในเชิงหลักการทางวิทยาศาสตร์เขาอธิบายดังนี้ (1) ปากทางเข้าลำไส้เล็กจะมีเซนเซอร์เตรียมรอรับของกินอยู่ ถ้าไม่มีอาหารไหลลงมาเสียที ลำไส้เล็กก็จะรีบหลั่งฮอร์โมนสำหรับย่อยอาหาร โมลิติน (Molitin) ออกมา ทำให้กระเพาะอาหารบีบตัว เพื่อส่งของกินที่อาจจะตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหารเข้าไปในลำไส้เล็ก เรียกว่า “การบีบตัวเมื่อหิว” และเป็นตัวการที่แท้จริงของอาการท้องร้องจ๊อกๆ (2) เมื่อกระเพาะรู้ตัวว่าหิวจะหลั่งฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ออกมา เกรลินจะถูกหลั่งออกมาจากเยื่อบุกระเพาะอาหารซึ่งถูกกระตุ้นเพราะความหิว โดยจะออกฤทธิ์ที่สมองส่วนไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) ทำให้เกิดความอยากอาหาร ขณะเดียวกันก็จะออกฤทธิ์ที่ต่อมใต้สมอง ทำให้หลั่ง Growth Hormone ออกมา เจ้า Growth Hormone นี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ฮอร์โมนที่ทำให้กลับไปเป็น หนุ่มสาว” นั่นหมายความว่าตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆ เพราะหิว คุณจะค่อยๆ มีเสน่ห์ขึ้นจากฮอร์โมนที่ทำให้กลับเป็นหนุ่มสาว ถึงท้องจะร้องก็อย่าเพิ่งรีบกินอาหาร ให้มาลองเพลิดเพลินกับประสิทธิภาพของการกลับเป็นหนุ่มสาวที่ได้จาก Growth Hormone กันสักครู่หนึ่งก่อน (3) ตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆ นั้น ความสามารถในการอยู่รอดอันยอดเยี่ยมกำลังพลุ่งพล่านขึ้นมา นั่นก็คือ “ยีนเซอร์ทูอิน” ที่มีสมญาว่า “ยีนต่ออายุขัย” หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ยีนที่ทำให้อายุยืน” กำลังทำงาน จากการทดลองกับสัตว์หลายชนิดพบว่า เมื่อลดปริมาณอาหารลง 40% จะทำให้อายุยืนขึ้น 1.5 เท่า ทว่ายีนนี้จะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อมีเงื่อนไขบางประการ นั่นคือ “ความหิว” ตราบใดที่ท้องไม่ร้องจ๊อกเพราะหิว ยีนนี้ก็จะไม่ทำงาน ดังนั้นการกินอาหารทั้งที่ยังไม่หิวจึงหมายถึงการมีของดีอยู่กับตัวแต่ไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ มาทำให้ท้องร้องจ๊อกด้วยการกินอาหารวันละมื้อดีกว่า แล้วยีนเซอร์ทูอินนี้จะช่วยสแกนยีนในร่างกายอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งค่อยๆ ฟื้นฟูส่วนที่เสียหาย กล่าวกันว่าความแก่ชราและโรคมะเร็งก็มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของยีน ดังนั้นเราสามารถทำให้กลับเป็นหนุ่มสาวและป้องกันโรคมะเร็งด้วยการกินอาหารวันละมื้อ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหิวแล้วอาหารยังตกไม่ถึงท้อง ร่างกายจะนำไขมันที่สะสมไว้ในช่องท้องมาเปลี่ยนเป็นสารอาหาร ทำให้หน้าท้องแบนราบ นอกจากการกินวันละมื้อแล้ว ผู้เขียนมีข้อมูลใหม่เพิ่มเติมอีกว่าการนอนที่ดีคือนอนในช่วงร่างกายผลิต Growth Hormone ได้ดีที่สุดนั่นก็คือช่วงเวลาระหว่างสี่ทุ่มถึงตีสอง หลังอ่านจบผมมีความเห็นส่วนตัวว่าสิ่งที่จะทำคือ (1) รอให้ท้องร้องจ๊อกๆ บ่อยๆ เพื่อซ่อมแซมตัวเองและทำให้เยาว์วัยลง และ (2) ทานน้อยลง 60% ของแต่ละมื้อ.......” นอกจากที่คุณอดิศรเขียนแล้ว ผมไปค้นคว้าเพิ่มเติมและพบว่าเมื่อตอนคุณหมอ Nagumo มีอายุ 37 ปี เขาหนัก 77 กิโลกรัม และเมื่ออายุ 57 ปี หนัก 62 กิโลกรัม ความดันโลหิตเท่ากับคนอายุ 26 ปี อายุมวลกระดูกเท่ากับคนอายุ 28 ปี และสมองมีอายุเท่ากับคนอายุ 38 ปี จากที่ดูรูปในอินเทอร์เน็ตถึงแม้ขณะนี้คุณหมออายุ 59 ปี แต่หน้าตาเหมือนไม่ถึง 40 ปี ด้วยซ้ำ คุณหมอพูดในโทรทัศน์ว่าแค่เริ่มต้นไม่กี่วันก็จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพแล้ว กลิ่นตัวจะหายไป ผิวหนังจะเนียนขึ้น หน้าท้องจะเรียบขึ้น รูปลักษณ์ของคนผอมจะเริ่มปรากฏ และจิตใจคึกคักขึ้นกว่าเก่า คุณหมอแนะนำให้ทำติดต่อกัน 52 วัน โดยกินอาหารวันละหนึ่งมื้อคือมื้อกลางวัน ในมื้อนี้อยากกินอะไรก็ตามใจตัวเองได้ หากหิวมากก็อาจเสริมด้วยผลไม้และอาหารเบาๆ ก่อนอาหารเย็น การกินอาหารน้อยลงมีประโยชน์อย่างแน่นอนเพราะมนุษย์เราโดยทั่วไปก็กินกันเกินพอดีอยู่แล้ว การทำตามคำแนะนำของคุณหมอแค่กินอาหารน้อยลง กินหลังจากที่ท้องร้องนานพอควร และหากแถมด้วยการเดินและออกกำลังกายก็ย่อมดีต่อสุขภาพ ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ ที่มา: คอลัมน์ "อาหารสมอง" | กรุงเทพธุรกิจ | 20 ม.ค. 58 Cr.FB: โต๊ะป้าศรี CH Table
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 416 มุมมอง 0 รีวิว
  • .......📌#ว่าด้วยเรื่องหัวไชเท้า.........
    .........................................
    ใครที่ชอบ ทาน หัวไชเท้า เป็นชีวิตจิตใจ ได้โปรดอ่านให้ละเอียดเลย

    เมื่อทานผักผลไม้และสมุนไพรได้ อาหารเสริมจึงไม่ได้มีความจำเป็นอีกต่อไป เพราะอาหารเสริมก็สกัดมาจากพืชผัก ผลไม้และสมุนไพรเช่นเดียวกัน ตามคำนิยามที่ว่า ทานอาหารเป็นยานั่นเอง

    สำหรับหัวไชเท้านี้เป็นอาหารทางการแพทย์ที่มีมากเป็นอันดับสองของโลก เป็นผักตระกูลกระหล่ำ ความพิเศษและแตกต่างจากไม้ตระกูลกะหล่ำที่เหลือคือ หัวไชเท้ามีองค์ประกอบสองส่วน คือมีรากและหัวไชเท้าช่วยเติมเต็มระบบภูมิคุ้มกัน

    เมื่อเราทานเข้าไป กำมะถันที่มีอยู่ในหัวไชเท้าจะขับไล่เชื้อโรคทุกชนิดและทำหน้าที่เป็นมูลไส้เดือน มันจะช่วยฆ่าหนอนพยาธิในลำไส้และปรสิตอื่น ๆ ทั้งหมดได้อีกด้วย

    หัวไชเท้ามีส่วนประกอบของ ออร์กาโนซัลเฟอร์ช่วยให้หลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำสะอาดและสร้างเกราะป้องกันในตัวเพื่อป้องกันไม่ให้คราบจุลินทรีย์เกาะติดกับเยื่อบุ

    หัวไชเท้าช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยป้องกันโรคหัวใจและปัญหาหลอดเลือดหัวใจอื่น ๆ ได้ดี เพราะหัวไชเท้าช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอล ชนิดที่ดี และลดคอเลสเตอรอล ชนิดที่ไม่ดี

    หัวไชเท้าช่วยขับไล่มะเร็งได้เกือบทุกชนิด เพราะสามารถฟื้นฟูไต ตับ ตับอ่อน และม้ามได้เป็นอย่างดี

    ใบของหัวไชเท้าไม่ต้องทิ้งเพราะเป็นหนึ่งในอาหารรักษาร่างกาย ที่ดีมาก เช่นกัน เพราะใบไม้หัวไชเท้าเป็นพรีไบโอติกที่มีประสิทธิภาพมากเป็นอันดับสองรองจาก บลูเบอร์รี่ป่า เลยทีเดียว

    ทั้งหัวไชเท้าและใบและมีสารอาหารจำนวนมาก เช่น วิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ ไฟโตเคมิคอล และอัลคาลอยด์ ต้านมะเร็ง และมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส

    ช่วยซ่อมแซมลำไส้ใหญ่ และส่วนอื่น ๆ ของลำไส้ที่สูญเสียความสามารถในการดูดซึมสารอาหาร สารอาหารของมันนั้นถูกดูดซึมโดยระบบย่อยอาหารที่ทำงานผิดปกติมากที่สุด และดูดซึมได้ดีกว่าอาหารอื่น ๆ เนื่องจากมีเอนไซม์สูง

    จริง ๆ แล้ว ใบหัวไชเท้าเป็นอาหารป่า แม้ว่าจะปลูกในสวนหรือในฟาร์มก็ตาม ใบไม้เหล่านี้ช่วยกำจัดสารพิษทั้ง 4 อย่างออกจากร่างกาย คือ กำจัดดีดีที รังสี โลหะหนัก ไวรัส ทานได้ทั้งสดและต้มใส่ซุบน้ำก๋วยเตี๋ยวต้มจืดหรือแกงส้ม ส่วนทานสดโดยจิ้มน้ำพริกหรือทานกับชูชิ ปั่นดื่มจะดีมาก

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทำความสะอาดโลหะหนักในระดับที่รุนแรง และกำจัดสารปรอท ตะกั่ว สารหนู และอะลูมิเนียมออกจากร่างกาย มีพลังเกือบเท่าผักชี

    ใบและหัวไชเท้าช่วยป้องกันโรคทางระบบประสาทรวมถึงโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง เอแอลเอส ( ALS ) และโรคไลม์ ( Lyme ) ทางระบบประสาท หัวไชเท้าจึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผักใบที่ทรงพลังที่สุดสำหรับสุขภาพของผู้คนนั่นเอง

    Cr: Boos Day ❤️
    ด้วยความรักและปรารถนาดีจากแพทย์และทีมงานสถาบันสุขภาพครอบครัวองค์รวมดร.อรวรรณ
    .......📌#ว่าด้วยเรื่องหัวไชเท้า......... ......................................... ใครที่ชอบ ทาน หัวไชเท้า เป็นชีวิตจิตใจ ได้โปรดอ่านให้ละเอียดเลย เมื่อทานผักผลไม้และสมุนไพรได้ อาหารเสริมจึงไม่ได้มีความจำเป็นอีกต่อไป เพราะอาหารเสริมก็สกัดมาจากพืชผัก ผลไม้และสมุนไพรเช่นเดียวกัน ตามคำนิยามที่ว่า ทานอาหารเป็นยานั่นเอง สำหรับหัวไชเท้านี้เป็นอาหารทางการแพทย์ที่มีมากเป็นอันดับสองของโลก เป็นผักตระกูลกระหล่ำ ความพิเศษและแตกต่างจากไม้ตระกูลกะหล่ำที่เหลือคือ หัวไชเท้ามีองค์ประกอบสองส่วน คือมีรากและหัวไชเท้าช่วยเติมเต็มระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อเราทานเข้าไป กำมะถันที่มีอยู่ในหัวไชเท้าจะขับไล่เชื้อโรคทุกชนิดและทำหน้าที่เป็นมูลไส้เดือน มันจะช่วยฆ่าหนอนพยาธิในลำไส้และปรสิตอื่น ๆ ทั้งหมดได้อีกด้วย หัวไชเท้ามีส่วนประกอบของ ออร์กาโนซัลเฟอร์ช่วยให้หลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำสะอาดและสร้างเกราะป้องกันในตัวเพื่อป้องกันไม่ให้คราบจุลินทรีย์เกาะติดกับเยื่อบุ หัวไชเท้าช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยป้องกันโรคหัวใจและปัญหาหลอดเลือดหัวใจอื่น ๆ ได้ดี เพราะหัวไชเท้าช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอล ชนิดที่ดี และลดคอเลสเตอรอล ชนิดที่ไม่ดี หัวไชเท้าช่วยขับไล่มะเร็งได้เกือบทุกชนิด เพราะสามารถฟื้นฟูไต ตับ ตับอ่อน และม้ามได้เป็นอย่างดี ใบของหัวไชเท้าไม่ต้องทิ้งเพราะเป็นหนึ่งในอาหารรักษาร่างกาย ที่ดีมาก เช่นกัน เพราะใบไม้หัวไชเท้าเป็นพรีไบโอติกที่มีประสิทธิภาพมากเป็นอันดับสองรองจาก บลูเบอร์รี่ป่า เลยทีเดียว ทั้งหัวไชเท้าและใบและมีสารอาหารจำนวนมาก เช่น วิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ ไฟโตเคมิคอล และอัลคาลอยด์ ต้านมะเร็ง และมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ช่วยซ่อมแซมลำไส้ใหญ่ และส่วนอื่น ๆ ของลำไส้ที่สูญเสียความสามารถในการดูดซึมสารอาหาร สารอาหารของมันนั้นถูกดูดซึมโดยระบบย่อยอาหารที่ทำงานผิดปกติมากที่สุด และดูดซึมได้ดีกว่าอาหารอื่น ๆ เนื่องจากมีเอนไซม์สูง จริง ๆ แล้ว ใบหัวไชเท้าเป็นอาหารป่า แม้ว่าจะปลูกในสวนหรือในฟาร์มก็ตาม ใบไม้เหล่านี้ช่วยกำจัดสารพิษทั้ง 4 อย่างออกจากร่างกาย คือ กำจัดดีดีที รังสี โลหะหนัก ไวรัส ทานได้ทั้งสดและต้มใส่ซุบน้ำก๋วยเตี๋ยวต้มจืดหรือแกงส้ม ส่วนทานสดโดยจิ้มน้ำพริกหรือทานกับชูชิ ปั่นดื่มจะดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทำความสะอาดโลหะหนักในระดับที่รุนแรง และกำจัดสารปรอท ตะกั่ว สารหนู และอะลูมิเนียมออกจากร่างกาย มีพลังเกือบเท่าผักชี ใบและหัวไชเท้าช่วยป้องกันโรคทางระบบประสาทรวมถึงโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง เอแอลเอส ( ALS ) และโรคไลม์ ( Lyme ) ทางระบบประสาท หัวไชเท้าจึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผักใบที่ทรงพลังที่สุดสำหรับสุขภาพของผู้คนนั่นเอง Cr: Boos Day ❤️ ด้วยความรักและปรารถนาดีจากแพทย์และทีมงานสถาบันสุขภาพครอบครัวองค์รวมดร.อรวรรณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 385 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/3/68

    กินวิถีญี่ปุ่น 3 อาหาร "ต้านมะเร็ง" แถมยืดอายุยืน ไทยมีครบทุกอย่าง และราคาถูกกว่าด้วย!

    จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า อายุขัยเฉลี่ยของชาวญี่ปุ่นอยู่ที่ประมาณ 84.3 ปี ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก ไม่เพียงแต่ได้รับการสนับสนุนจากระบบการแพทย์ที่ทันสมัย และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น ต่ยังรวมถึงการรับประทานอาหารที่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง

    ในขณะเดียวกัน การศึกษาหลายชิ้นพบว่า มะเร็งเป็นโรคที่มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการรับประทานอาหาร ตามข้อมูลจากสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (AICR) ระบุว่า ประมาณ 30–50% ของเคสมะเร็ง สามารถป้องกันได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต รวมถึงการรับประทานอาหารที่มีสุขภาพดีขึ้น แล้วคนญี่ปุ่นมักกินอะไร เพื่อปกป้องสุขภาพและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง?

    3 เมนูต้านมะเร็ง ที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบ อุดมไปด้วยสารอาหาร!

    1.กระเทียม: ยารักษามะเร็งจากธรรมชาติ
    คนญี่ปุ่นมักใส่กระเทียมเข้าไปในอาหารประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการปรุงซุป ผัดผัก ไปจนถึงการทำน้ำจิ้ม ขณะเดียวกัน กระเทียมนั้นเป็นหนึ่งในอาหารต้านมะเร็งชั้นนำที่คนญี่ปุ่นบริโภคทุกวัน

    ตามการวิจัยของสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NCI) กระเทียมมีสารออร์แกโนซัลเฟอร์ ซึ่งสามารถกระตุ้นเอนไซม์กำจัดสารพิษในตับได้ จึงช่วยกำจัดสารก่อมะเร็งออกจากร่างกายได้

    นอกจากนี้ กระเทียมยังยับยั้งการสร้างไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่เกิดจากไนไตรต์ที่พบในอาหารแปรรูปอีกด้วย และยังมีอัลลิซิน ซึ่งเป็นสารต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยทำลายเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย โดยการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Nutrition แสดงให้เห็นว่าผู้ที่บริโภคกระเทียมเป็นประจำ มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารและลำไส้ลดลง 30–50% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ค่อยรับประทานกระเทียม

    2.ชาเขียว: เคล็ดลับอายุยืนของคนญี่ปุ่น
    ในญี่ปุ่น ชาเขียวไม่เพียงแต่เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมเท่านั้น แต่ยังถูกมองว่าเป็นยาสำหรับการปกป้องสุขภาพด้วย ตามการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Cancer Epidemiology, Biomarkers & Prevention ผู้ที่ดื่มชาเขียว 5 แก้วต่อวัน หรือมากกว่านั้น มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งน้อยกว่าผู้ที่ดื่มน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

    ชาเขียวมีสารคาเทชินและอีจีซีจี (Epigallocatechin gallate) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง
    โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก
    มะเร็งปอด
    และมะเร็งกระเพาะอาหาร,
    ป้องกันการสร้างเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงก้อนมะเร็ง ซึ่งช่วยยับยั้งการขยายตัวของมะเร็ง, ขับสารพิษและปกป้องตับ เนื่องจากความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายในร่างกาย

    ไม่เพียงเท่านั้น แอล-ธีอะนีน (L-theanine) ในชาเขียวยังช่วยลดความเครียดและปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้ ชาวญี่ปุ่นหลายคนจึงมีนิสัยดื่มชาเขียวทุกวัน และบางคนยังสร้างสรรค์มัทฉะ - ผงชาเขียวบริสุทธิ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าชาเขียวปกติหลายเท่า

    3.กล้วยที่มีจุดดำ:
    ซูเปอร์ฟู้ดเสริมภูมิคุ้มกัน
    ชาวญี่ปุ่นมีนิสัยที่ค่อนข้างพิเศษ คือพวกเขาชอบกินกล้วยที่มีจุดดำบนเปลือก แทนที่จะกินสุกสีเหลืองธรรมดาเหมือนประเทศอื่นๆ

    จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยโตเกียว พบว่ากล้วยที่สุกจนมีจุดดำจะมีสาร TNF (Tumor Necrosis Factor) ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้โจมตีเซลล์มะเร็ง

    ประโยชน์ของกล้วยที่มีจุดดำคือ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายสามารถระบุและทำลายเซลล์มะเร็งได้เร็วขึ้น,
    มีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก
    ปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ,
    ช่วยในการย่อยอาหาร
    ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ลดความเสี่ยงของการอักเสบและมะเร็งลำไส้ใหญ่ และจากการศึกษาของสถาบันเทคโนโลยีอาหารญี่ปุ่นยังพบว่า กล้วยที่มีจุดดำช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว เสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้มากกว่ากล้วยที่ยังไม่สุกถึง 8 เท่า

    ท้ายที่สุด วิธีการรับประทานอาหารของชาวญี่ปุ่นเป็นหลักฐานชัดเจนว่า อาหารสามารถมีบทบาทสำคัญในการป้องกันมะเร็งและยืดอายุขัย แทนที่จะไปมองหา "ซูเปอร์ฟู้ด" ที่มีราคาสูง พวกเขาเลือกอาหารที่ใกล้ตัวและให้คุณค่าทางสุขภาพสูง!
    cr:sanook
    2/3/68 กินวิถีญี่ปุ่น 3 อาหาร "ต้านมะเร็ง" แถมยืดอายุยืน ไทยมีครบทุกอย่าง และราคาถูกกว่าด้วย! จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า อายุขัยเฉลี่ยของชาวญี่ปุ่นอยู่ที่ประมาณ 84.3 ปี ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก ไม่เพียงแต่ได้รับการสนับสนุนจากระบบการแพทย์ที่ทันสมัย และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น ต่ยังรวมถึงการรับประทานอาหารที่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง ในขณะเดียวกัน การศึกษาหลายชิ้นพบว่า มะเร็งเป็นโรคที่มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการรับประทานอาหาร ตามข้อมูลจากสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (AICR) ระบุว่า ประมาณ 30–50% ของเคสมะเร็ง สามารถป้องกันได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต รวมถึงการรับประทานอาหารที่มีสุขภาพดีขึ้น แล้วคนญี่ปุ่นมักกินอะไร เพื่อปกป้องสุขภาพและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง? 3 เมนูต้านมะเร็ง ที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบ อุดมไปด้วยสารอาหาร! 1.กระเทียม: ยารักษามะเร็งจากธรรมชาติ คนญี่ปุ่นมักใส่กระเทียมเข้าไปในอาหารประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการปรุงซุป ผัดผัก ไปจนถึงการทำน้ำจิ้ม ขณะเดียวกัน กระเทียมนั้นเป็นหนึ่งในอาหารต้านมะเร็งชั้นนำที่คนญี่ปุ่นบริโภคทุกวัน ตามการวิจัยของสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NCI) กระเทียมมีสารออร์แกโนซัลเฟอร์ ซึ่งสามารถกระตุ้นเอนไซม์กำจัดสารพิษในตับได้ จึงช่วยกำจัดสารก่อมะเร็งออกจากร่างกายได้ นอกจากนี้ กระเทียมยังยับยั้งการสร้างไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่เกิดจากไนไตรต์ที่พบในอาหารแปรรูปอีกด้วย และยังมีอัลลิซิน ซึ่งเป็นสารต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยทำลายเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย โดยการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Nutrition แสดงให้เห็นว่าผู้ที่บริโภคกระเทียมเป็นประจำ มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารและลำไส้ลดลง 30–50% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ค่อยรับประทานกระเทียม 2.ชาเขียว: เคล็ดลับอายุยืนของคนญี่ปุ่น ในญี่ปุ่น ชาเขียวไม่เพียงแต่เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมเท่านั้น แต่ยังถูกมองว่าเป็นยาสำหรับการปกป้องสุขภาพด้วย ตามการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Cancer Epidemiology, Biomarkers & Prevention ผู้ที่ดื่มชาเขียว 5 แก้วต่อวัน หรือมากกว่านั้น มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งน้อยกว่าผู้ที่ดื่มน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ชาเขียวมีสารคาเทชินและอีจีซีจี (Epigallocatechin gallate) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะอาหาร, ป้องกันการสร้างเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงก้อนมะเร็ง ซึ่งช่วยยับยั้งการขยายตัวของมะเร็ง, ขับสารพิษและปกป้องตับ เนื่องจากความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายในร่างกาย ไม่เพียงเท่านั้น แอล-ธีอะนีน (L-theanine) ในชาเขียวยังช่วยลดความเครียดและปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้ ชาวญี่ปุ่นหลายคนจึงมีนิสัยดื่มชาเขียวทุกวัน และบางคนยังสร้างสรรค์มัทฉะ - ผงชาเขียวบริสุทธิ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าชาเขียวปกติหลายเท่า 3.กล้วยที่มีจุดดำ: ซูเปอร์ฟู้ดเสริมภูมิคุ้มกัน ชาวญี่ปุ่นมีนิสัยที่ค่อนข้างพิเศษ คือพวกเขาชอบกินกล้วยที่มีจุดดำบนเปลือก แทนที่จะกินสุกสีเหลืองธรรมดาเหมือนประเทศอื่นๆ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยโตเกียว พบว่ากล้วยที่สุกจนมีจุดดำจะมีสาร TNF (Tumor Necrosis Factor) ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้โจมตีเซลล์มะเร็ง ประโยชน์ของกล้วยที่มีจุดดำคือ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายสามารถระบุและทำลายเซลล์มะเร็งได้เร็วขึ้น, มีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก ปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ, ช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ลดความเสี่ยงของการอักเสบและมะเร็งลำไส้ใหญ่ และจากการศึกษาของสถาบันเทคโนโลยีอาหารญี่ปุ่นยังพบว่า กล้วยที่มีจุดดำช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว เสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้มากกว่ากล้วยที่ยังไม่สุกถึง 8 เท่า ท้ายที่สุด วิธีการรับประทานอาหารของชาวญี่ปุ่นเป็นหลักฐานชัดเจนว่า อาหารสามารถมีบทบาทสำคัญในการป้องกันมะเร็งและยืดอายุขัย แทนที่จะไปมองหา "ซูเปอร์ฟู้ด" ที่มีราคาสูง พวกเขาเลือกอาหารที่ใกล้ตัวและให้คุณค่าทางสุขภาพสูง! cr:sanook
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 448 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ไตรโคบิวพลัส สู้ฝนป้องกันโรคเชื้อราและแมลง
    #ไตรโคบิวพลัส สู้ฝนป้องกันโรคเชื้อราและแมลง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ✅️10 เหตุผลที่ Gen X และ Gen Y ควรดูแลสุขภาพและการเงินแบบ✅️ป้องกันดีกว่า❌️แก้ไข
    1. สุขภาพแข็งแรงระยะยาว – ป้องกันโรคเรื้อรัง ลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในอนาคต

    2. ลดภาระค่ารักษาพยาบาล – ค่ารักษาแพงขึ้นทุกปี การป้องกันช่วยประหยัดเงิน

    3. มีพลังทำงานต่อเนื่อง – สุขภาพดีช่วยให้ทำงานได้ยาวนานและมีประสิทธิภาพ

    4. ลดความเครียดทางการเงิน – การออมและลงทุนล่วงหน้าป้องกันปัญหาหนี้สิน

    5. เพิ่มคุณภาพชีวิตสูงวัย – สุขภาพดีและเงินพอใช้ทำให้ชีวิตบั้นปลายมีความสุข

    6. ลดความเสี่ยงโรคร้าย – การดูแลร่างกายช่วยลดโอกาสเกิดโรคหัวใจ เบาหวาน

    7. ใช้ชีวิตอิสระยาวนาน – มีเงินสำรองและสุขภาพดีช่วยให้ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น

    8. สร้างหลักประกันให้ครอบครัว – การวางแผนสุขภาพและการเงินช่วยลดภาระลูกหลาน

    9. เตรียมพร้อมสำหรับวิกฤติ – มีเงินสำรองและสุขภาพดีช่วยรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

    10. อายุยืนอย่างมีคุณภาพ – การดูแลสุขภาพและการเงินตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้ชีวิตสมดุล

    ✅️10 เหตุผลที่ Gen X และ Gen Y ควรดูแลสุขภาพและการเงินแบบ✅️ป้องกันดีกว่า❌️แก้ไข 1. สุขภาพแข็งแรงระยะยาว – ป้องกันโรคเรื้อรัง ลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในอนาคต 2. ลดภาระค่ารักษาพยาบาล – ค่ารักษาแพงขึ้นทุกปี การป้องกันช่วยประหยัดเงิน 3. มีพลังทำงานต่อเนื่อง – สุขภาพดีช่วยให้ทำงานได้ยาวนานและมีประสิทธิภาพ 4. ลดความเครียดทางการเงิน – การออมและลงทุนล่วงหน้าป้องกันปัญหาหนี้สิน 5. เพิ่มคุณภาพชีวิตสูงวัย – สุขภาพดีและเงินพอใช้ทำให้ชีวิตบั้นปลายมีความสุข 6. ลดความเสี่ยงโรคร้าย – การดูแลร่างกายช่วยลดโอกาสเกิดโรคหัวใจ เบาหวาน 7. ใช้ชีวิตอิสระยาวนาน – มีเงินสำรองและสุขภาพดีช่วยให้ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น 8. สร้างหลักประกันให้ครอบครัว – การวางแผนสุขภาพและการเงินช่วยลดภาระลูกหลาน 9. เตรียมพร้อมสำหรับวิกฤติ – มีเงินสำรองและสุขภาพดีช่วยรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน 10. อายุยืนอย่างมีคุณภาพ – การดูแลสุขภาพและการเงินตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้ชีวิตสมดุล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🍈 #เมล่อนสายพันธุ์ไหนปลูกง่าย ทนโรค หวานอร่อย? 🍈

    เพื่อนๆ หลายคนสอบถามกันมา วันนี้พามาชมเมล่อนจาก สวนอารยาเกษตรปลอดสารพิษ ที่อำเภอนบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช กันครับ

    ปลูก เมล่อนสายพันธุ์ #Alpha เนื้อส้มลายตาข่าย ผลกลม หวานกรอบ น้ำหนัก1.4-2.2กิโลกรัม ต้นสมบูรณ์หวาน 14-18บริกซ์

    ตอนนี้ติดผลอายุ 8 วันหลังผสมเกสร ผลโตสวยมาก กำลังอยู่ในช่วงขยายผล

    ต้นสมบูรณ์ ใบเขียวเข้ม ผลทรงสวย

    ปลูกในโรงเรือนขนาด 6 x 12 เมตร จำนวน 200 ต้น ตอนนี้ครบทุกต้น ไม่มีโรคและแมลงเข้าทำลายเลย

    เจ้าของฟาร์มดูแลดีมาก ใช้ #ไตรโคบิวพลัส ป้องกันโรคและแมลงสม่ำเสมอตามแผน

    สายพันธุ์ Alpha เป็นที่ Little Farm เลือกใช้ปลูกและแนะนำมานานแล้ว หากเพื่อนๆ สนใจเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย AB สำหรับเมล่อน และชีวภัณฑ์ป้องกันโรคแมลง สามารถสอบถามได้ที่ Inbox หรือโทร 093-696-2691 ครับ

    #LittleFarm #เมล่อนAlpha #ปลูกเมล่อนง่าย #ทนโรคหวานอร่อย #ไตรโคบิวพลัส
    🍈 #เมล่อนสายพันธุ์ไหนปลูกง่าย ทนโรค หวานอร่อย? 🍈 เพื่อนๆ หลายคนสอบถามกันมา วันนี้พามาชมเมล่อนจาก สวนอารยาเกษตรปลอดสารพิษ ที่อำเภอนบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช กันครับ ปลูก เมล่อนสายพันธุ์ #Alpha เนื้อส้มลายตาข่าย ผลกลม หวานกรอบ น้ำหนัก1.4-2.2กิโลกรัม ต้นสมบูรณ์หวาน 14-18บริกซ์ ตอนนี้ติดผลอายุ 8 วันหลังผสมเกสร ผลโตสวยมาก กำลังอยู่ในช่วงขยายผล ต้นสมบูรณ์ ใบเขียวเข้ม ผลทรงสวย ปลูกในโรงเรือนขนาด 6 x 12 เมตร จำนวน 200 ต้น ตอนนี้ครบทุกต้น ไม่มีโรคและแมลงเข้าทำลายเลย เจ้าของฟาร์มดูแลดีมาก ใช้ #ไตรโคบิวพลัส ป้องกันโรคและแมลงสม่ำเสมอตามแผน สายพันธุ์ Alpha เป็นที่ Little Farm เลือกใช้ปลูกและแนะนำมานานแล้ว หากเพื่อนๆ สนใจเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย AB สำหรับเมล่อน และชีวภัณฑ์ป้องกันโรคแมลง สามารถสอบถามได้ที่ Inbox หรือโทร 093-696-2691 ครับ #LittleFarm #เมล่อนAlpha #ปลูกเมล่อนง่าย #ทนโรคหวานอร่อย #ไตรโคบิวพลัส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 490 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • รัฐบาลย้ำข่าวไวรัสโคโรนาตัวใหม่ที่จีน เป็นข้อมูลวิจัยในแล็บ ยังไม่มีติดสู่คน ยืนยันประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวังและควบคุมป้องกันโรคระหว่างประเทศที่เข้มแข็ง ขอ ปชช.ไม่ต้องวิตก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000017904

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    รัฐบาลย้ำข่าวไวรัสโคโรนาตัวใหม่ที่จีน เป็นข้อมูลวิจัยในแล็บ ยังไม่มีติดสู่คน ยืนยันประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวังและควบคุมป้องกันโรคระหว่างประเทศที่เข้มแข็ง ขอ ปชช.ไม่ต้องวิตก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000017904 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Sad
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 810 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🍈 เมล่อนสายพันธุ์ไหนปลูกง่าย ทนโรค หวานอร่อย? 🍈

    เพื่อนๆ หลายคนสอบถามกันมา วันนี้พามาชมเมล่อนจาก สวนอารยาเกษตรปลอดสารพิษ ที่อำเภอนบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช กันครับ

    ปลูก เมล่อนสายพันธุ์ Alpha เนื้อส้ม

    ตอนนี้ติดผลอายุ 8 วันหลังผสมเกสร ผลโตสวยมาก กำลังอยู่ในช่วงขยายผล

    ต้นสมบูรณ์ ใบเขียวเข้ม ผลทรงสวย

    ปลูกในโรงเรือนขนาด 6 x 12 เมตร จำนวน 200 ต้น ตอนนี้ครบทุกต้น ไม่มีโรคและแมลงเข้าทำลายเลย

    เจ้าของฟาร์มดูแลดีมาก ใช้ ไตรโคบิวพลัส ป้องกันโรคและแมลงสม่ำเสมอตามแผน


    สายพันธุ์ Alpha เป็นที่ Little Farm เลือกใช้ปลูกและแนะนำมานานแล้ว หากเพื่อนๆ สนใจเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย AB สำหรับเมล่อน และชีวภัณฑ์ป้องกันโรคแมลง สามารถสอบถามได้ที่ Inbox หรือโทร 093-696-2691 ครับ

    #LittleFarm #เมล่อนAlpha #ปลูกเมล่อนง่าย #ทนโรคหวานอร่อย #ไตรโคบิวพลัส
    🍈 เมล่อนสายพันธุ์ไหนปลูกง่าย ทนโรค หวานอร่อย? 🍈 เพื่อนๆ หลายคนสอบถามกันมา วันนี้พามาชมเมล่อนจาก สวนอารยาเกษตรปลอดสารพิษ ที่อำเภอนบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช กันครับ ปลูก เมล่อนสายพันธุ์ Alpha เนื้อส้ม ตอนนี้ติดผลอายุ 8 วันหลังผสมเกสร ผลโตสวยมาก กำลังอยู่ในช่วงขยายผล ต้นสมบูรณ์ ใบเขียวเข้ม ผลทรงสวย ปลูกในโรงเรือนขนาด 6 x 12 เมตร จำนวน 200 ต้น ตอนนี้ครบทุกต้น ไม่มีโรคและแมลงเข้าทำลายเลย เจ้าของฟาร์มดูแลดีมาก ใช้ ไตรโคบิวพลัส ป้องกันโรคและแมลงสม่ำเสมอตามแผน สายพันธุ์ Alpha เป็นที่ Little Farm เลือกใช้ปลูกและแนะนำมานานแล้ว หากเพื่อนๆ สนใจเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย AB สำหรับเมล่อน และชีวภัณฑ์ป้องกันโรคแมลง สามารถสอบถามได้ที่ Inbox หรือโทร 093-696-2691 ครับ #LittleFarm #เมล่อนAlpha #ปลูกเมล่อนง่าย #ทนโรคหวานอร่อย #ไตรโคบิวพลัส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 398 มุมมอง 0 รีวิว
  • สธ.เฝ้าระวังโควิดพันธุ์ใหม่ ห่วงระบาดซ้ำรอย มั่นใจมาตรการที่มีเอาอยู่
    .
    เกิดความหวาดผวาไปทั่วโลกอีกครั้ง ภายหลังมีข่าวการค้นพบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในค้างคาวจากทีมนักวิจัยชาวจีน ซึ่งมีความสามารถในการติดต่อไปยังมนุษย์ได้คล้ายกับไวรัสโควิด-19 ทำให้หลายฝ่ายกังว่าจะเกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยหรือไม่
    .
    ทั้งนี้ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงถึงสถานการณ์ดังกล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวได้มาจากการวิจัยในห้องแล็บที่มีการเผยแพร่ต่อสาธารณะ โดยเป็นการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพในการตรวจทางห้องปฏิบัติการ สายพันธุ์ HKU5-CoV-2 ที่ค้นพบนี้ เป็นความหลากหลายทางพันธุกรรมในไวรัสสกุลมาร์เบโควีโรส (Merbecovirus) ซึ่งไม่ถือว่าเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่หรือไวรัสกลายพันธุ์ แต่เป็นไวรัสในตระกูลโคโรน่าไวรัสที่มีหลายสายพันธุ์ย่อย
    .
    “โดยนักวิจัยค้นพบว่ามีลักษณะการจับคู่ระหว่าง HKU5-CoV-2 กับ ACE2 ของมนุษย์ที่แตกต่างจากมาร์เบโควีโรสอื่นๆ ส่งผลให้เกิดข้อสันนิษฐานในทางการวิจัยว่าอาจมีความเสี่ยงต่อการติดต่อจากสัตว์ไปสู่คนและอาจส่งผลให้เกิดการระบาด” นพ.โอภาส กล่าว.
    .
    อย่างไรก็ตาม นพ.โอภาส ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการแพร่ระบาดหรือข้อมูลทางระบาดวิทยาที่เกี่ยวข้องกับสายพันธุ์ HKU5-CoV-2 ในคนแต่อย่างไร ประชาชนจึงไม่ต้องวิตกกังวลในขณะนี้ สำหรับประเทศไทย ได้มีระบบเฝ้าระวังและควบคุมป้องกันโรคระหว่างประเทศที่เข้มแข็ง และแม้จะยังไม่พบการระบาดของสายพันธุ์ HKU5-CoV-2 แต่มาตรการป้องกันจะไม่แตกต่างจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์อื่นๆ ที่ก่อโรคระบบทางเดินหายใจ ทั้งไข้หวัดใหญ่ โควิด 19 หรือ RSV คือ หลีกเลี่ยงการไปสถานที่แออัด หากจำเป็นต้องไปให้สวมหน้ากากอนามัย หรือสวมเมื่อป่วยมีอาการระบบทางเดินหายใจเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น ล้างมือเป็นประจำ โดยบุคคลที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและมีอาการรุนแรงสามารถเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคได้ ทั้งวัคซีนไข้หวัดใหญ่ หรือวัคซีนโควิด-19
    ............
    Sondhi X
    สธ.เฝ้าระวังโควิดพันธุ์ใหม่ ห่วงระบาดซ้ำรอย มั่นใจมาตรการที่มีเอาอยู่ . เกิดความหวาดผวาไปทั่วโลกอีกครั้ง ภายหลังมีข่าวการค้นพบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในค้างคาวจากทีมนักวิจัยชาวจีน ซึ่งมีความสามารถในการติดต่อไปยังมนุษย์ได้คล้ายกับไวรัสโควิด-19 ทำให้หลายฝ่ายกังว่าจะเกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยหรือไม่ . ทั้งนี้ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงถึงสถานการณ์ดังกล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวได้มาจากการวิจัยในห้องแล็บที่มีการเผยแพร่ต่อสาธารณะ โดยเป็นการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพในการตรวจทางห้องปฏิบัติการ สายพันธุ์ HKU5-CoV-2 ที่ค้นพบนี้ เป็นความหลากหลายทางพันธุกรรมในไวรัสสกุลมาร์เบโควีโรส (Merbecovirus) ซึ่งไม่ถือว่าเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่หรือไวรัสกลายพันธุ์ แต่เป็นไวรัสในตระกูลโคโรน่าไวรัสที่มีหลายสายพันธุ์ย่อย . “โดยนักวิจัยค้นพบว่ามีลักษณะการจับคู่ระหว่าง HKU5-CoV-2 กับ ACE2 ของมนุษย์ที่แตกต่างจากมาร์เบโควีโรสอื่นๆ ส่งผลให้เกิดข้อสันนิษฐานในทางการวิจัยว่าอาจมีความเสี่ยงต่อการติดต่อจากสัตว์ไปสู่คนและอาจส่งผลให้เกิดการระบาด” นพ.โอภาส กล่าว. . อย่างไรก็ตาม นพ.โอภาส ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการแพร่ระบาดหรือข้อมูลทางระบาดวิทยาที่เกี่ยวข้องกับสายพันธุ์ HKU5-CoV-2 ในคนแต่อย่างไร ประชาชนจึงไม่ต้องวิตกกังวลในขณะนี้ สำหรับประเทศไทย ได้มีระบบเฝ้าระวังและควบคุมป้องกันโรคระหว่างประเทศที่เข้มแข็ง และแม้จะยังไม่พบการระบาดของสายพันธุ์ HKU5-CoV-2 แต่มาตรการป้องกันจะไม่แตกต่างจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์อื่นๆ ที่ก่อโรคระบบทางเดินหายใจ ทั้งไข้หวัดใหญ่ โควิด 19 หรือ RSV คือ หลีกเลี่ยงการไปสถานที่แออัด หากจำเป็นต้องไปให้สวมหน้ากากอนามัย หรือสวมเมื่อป่วยมีอาการระบบทางเดินหายใจเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น ล้างมือเป็นประจำ โดยบุคคลที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและมีอาการรุนแรงสามารถเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคได้ ทั้งวัคซีนไข้หวัดใหญ่ หรือวัคซีนโควิด-19 ............ Sondhi X
    Like
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1557 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระเทียม ยาอายุวัฒนะจากธรรมชาติ ช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดในสมอง💪 ลดไขมันอุดตันในเส้นเลือด ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ 🧠

    พิกัด กระเทียม ลด 40 % 🛒 https://s.shopee.co.th/3LC6aQasB3

    #กระเทียมดีต่อใจ #สมุนไพรไทย #HealthyLife
    กระเทียม ยาอายุวัฒนะจากธรรมชาติ ช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดในสมอง💪 ลดไขมันอุดตันในเส้นเลือด ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ 🧠 พิกัด กระเทียม ลด 40 % 🛒 https://s.shopee.co.th/3LC6aQasB3 #กระเทียมดีต่อใจ #สมุนไพรไทย #HealthyLife
    Love
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 436 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • 🚨 รู้ไหม? กระเทียมคือยาอายุวัฒนะจากธรรมชาติที่ช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดในสมองได้! 🧄

    เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกพบบ่อยในผู้ชายวัย 40+ เพราะพฤติกรรมเสี่ยง ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ กินอาหารไม่ดี ส่งผลให้ไขมันอุดตันในเส้นเลือด เหมือนท่อน้ำที่มีสิ่งกีดขวาง 😱
    .
    แต่มีวิธีง่ายๆ เพื่อสุขภาพดี แค่ทานกระเทียมเป็นประจำ! เพราะกระเทียมช่วยสลายไขมันในเส้นเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด 💪
    .
    คุณล่ะ ทานกระเทียมวันละกี่กลีบ? แชร์เคล็ดลับกันหน่อย! 🤔
    .
    #สุขภาพดี #กระเทียมเพื่อสุขภาพ #อาหารเป็นยา #สมุนไพรไทย #รักษาสุขภาพ
    🚨 รู้ไหม? กระเทียมคือยาอายุวัฒนะจากธรรมชาติที่ช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดในสมองได้! 🧄 เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกพบบ่อยในผู้ชายวัย 40+ เพราะพฤติกรรมเสี่ยง ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ กินอาหารไม่ดี ส่งผลให้ไขมันอุดตันในเส้นเลือด เหมือนท่อน้ำที่มีสิ่งกีดขวาง 😱 . แต่มีวิธีง่ายๆ เพื่อสุขภาพดี แค่ทานกระเทียมเป็นประจำ! เพราะกระเทียมช่วยสลายไขมันในเส้นเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด 💪 . คุณล่ะ ทานกระเทียมวันละกี่กลีบ? แชร์เคล็ดลับกันหน่อย! 🤔 . #สุขภาพดี #กระเทียมเพื่อสุขภาพ #อาหารเป็นยา #สมุนไพรไทย #รักษาสุขภาพ
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 462 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • 🚨 รู้หรือไม่? ผู้ชายวัย 40+ มีความเสี่ยงสูงกว่าผู้หญิงถึง 2 เท่า ที่จะเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบหรือแตก! 🧠

    สวัสดีครับเพื่อนๆ ที่รักสุขภาพทุกคน 👋 วันนี้เรามาคุยกันเรื่องภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับต้นๆ กันดีกว่า
    .
    เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้ชายวัย 40 ขึ้นไป สาเหตุหลักๆ มาจากไลฟ์สไตล์ที่เสี่ยง ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ โดยเฉพาะพวกไขมันเลวที่สะสมในเส้นเลือด 😱
    .
    เปรียบให้เห็นภาพง่ายๆ ก็เหมือนท่อน้ำที่มีสิ่งอุดตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ แต่ไม่ต้องกลัวไป! เรามีวิธีป้องกันง่ายๆ แค่:
    - ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 💪
    - กินอาหารแบบพอดีๆ ไม่เผ็ด เค็ม หวาน มัน จนเกินไป
    - ทานกระเทียมเป็นตัวช่วยธรรมชาติ 🧄
    .
    เพื่อนๆ คิดว่าไง? มีใครเคยมีญาติหรือคนรู้จักเป็นโรคนี้บ้างไหม? แชร์ประสบการณ์กันหน่อย! 🤔
    .
    ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมกดไลค์ แชร์ และติดตามเพจเราด้วยนะคะ จะได้ไม่พลาดสาระดีๆ แบบนี้ 🙏
    .
    #สุขภาพดี #โรคหลอดเลือดสมอง #ความรู้สุขภาพ #รักษาสุขภาพ #ป้องกันโรค
    🚨 รู้หรือไม่? ผู้ชายวัย 40+ มีความเสี่ยงสูงกว่าผู้หญิงถึง 2 เท่า ที่จะเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบหรือแตก! 🧠 สวัสดีครับเพื่อนๆ ที่รักสุขภาพทุกคน 👋 วันนี้เรามาคุยกันเรื่องภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับต้นๆ กันดีกว่า . เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้ชายวัย 40 ขึ้นไป สาเหตุหลักๆ มาจากไลฟ์สไตล์ที่เสี่ยง ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ โดยเฉพาะพวกไขมันเลวที่สะสมในเส้นเลือด 😱 . เปรียบให้เห็นภาพง่ายๆ ก็เหมือนท่อน้ำที่มีสิ่งอุดตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ แต่ไม่ต้องกลัวไป! เรามีวิธีป้องกันง่ายๆ แค่: - ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 💪 - กินอาหารแบบพอดีๆ ไม่เผ็ด เค็ม หวาน มัน จนเกินไป - ทานกระเทียมเป็นตัวช่วยธรรมชาติ 🧄 . เพื่อนๆ คิดว่าไง? มีใครเคยมีญาติหรือคนรู้จักเป็นโรคนี้บ้างไหม? แชร์ประสบการณ์กันหน่อย! 🤔 . ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมกดไลค์ แชร์ และติดตามเพจเราด้วยนะคะ จะได้ไม่พลาดสาระดีๆ แบบนี้ 🙏 . #สุขภาพดี #โรคหลอดเลือดสมอง #ความรู้สุขภาพ #รักษาสุขภาพ #ป้องกันโรค
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 475 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อาหารเป็นยา" เป็นคำกล่าวที่สะท้อนถึงความสำคัญของอาหารที่มีต่อสุขภาพ โดยเน้นว่าอาหารไม่เพียงแต่ให้พลังงานและสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยป้องกันและรักษาโรคได้อีกด้วย แนวคิดนี้มีรากฐานมาจากทั้งภูมิปัญญาดั้งเดิมและวิทยาศาสตร์สมัยใหม่

    ### ตัวอย่างอาหารที่เป็นยา
    1. **กระเทียม**: ช่วยลดความดันโลหิตและคอเลสเตอรอล มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
    2. **ขิง**: ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้และอาเจียน ลดการอักเสบในร่างกาย
    3. **ขมิ้น**: มีสารเคอร์คูมินที่ช่วยต้านการอักเสบและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
    4. **ผักใบเขียว**: เช่น คะน้า ผักโขม อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพ
    5. **ผลไม้ตระกูลเบอร์รี**: เช่น บลูเบอร์รี สตรอเบอร์รี มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยชะลอวัยและป้องกันโรค

    ### หลักการบริโภคอาหารเป็นยา
    - **สมดุล**: บริโภคอาหารให้หลากหลายและครบ 5 หมู่
    - **ปริมาณที่เหมาะสม**: ไม่บริโภคมากหรือน้อยเกินไป
    - **คุณภาพ**: เลือกอาหารสด สะอาด และปราศจากสารเคมี
    - **การปรุงอย่างเหมาะสม**: หลีกเลี่ยงการทอดหรือใช้น้ำมันมากเกินไป

    ### ข้อควรระวัง
    แม้อาหารจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ก็ไม่ควรใช้แทนการรักษาทางการแพทย์เมื่อมีอาการป่วยรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนปรับเปลี่ยนการบริโภคอาหารเพื่อการรักษาโรคใดๆ

    การเลือกรับประทานอาหารอย่างถูกต้องและเหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพและป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือหัวใจของแนวคิด "อาหารเป็นยา"
    "อาหารเป็นยา" เป็นคำกล่าวที่สะท้อนถึงความสำคัญของอาหารที่มีต่อสุขภาพ โดยเน้นว่าอาหารไม่เพียงแต่ให้พลังงานและสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยป้องกันและรักษาโรคได้อีกด้วย แนวคิดนี้มีรากฐานมาจากทั้งภูมิปัญญาดั้งเดิมและวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ### ตัวอย่างอาหารที่เป็นยา 1. **กระเทียม**: ช่วยลดความดันโลหิตและคอเลสเตอรอล มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง 2. **ขิง**: ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้และอาเจียน ลดการอักเสบในร่างกาย 3. **ขมิ้น**: มีสารเคอร์คูมินที่ช่วยต้านการอักเสบและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน 4. **ผักใบเขียว**: เช่น คะน้า ผักโขม อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพ 5. **ผลไม้ตระกูลเบอร์รี**: เช่น บลูเบอร์รี สตรอเบอร์รี มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยชะลอวัยและป้องกันโรค ### หลักการบริโภคอาหารเป็นยา - **สมดุล**: บริโภคอาหารให้หลากหลายและครบ 5 หมู่ - **ปริมาณที่เหมาะสม**: ไม่บริโภคมากหรือน้อยเกินไป - **คุณภาพ**: เลือกอาหารสด สะอาด และปราศจากสารเคมี - **การปรุงอย่างเหมาะสม**: หลีกเลี่ยงการทอดหรือใช้น้ำมันมากเกินไป ### ข้อควรระวัง แม้อาหารจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ก็ไม่ควรใช้แทนการรักษาทางการแพทย์เมื่อมีอาการป่วยรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนปรับเปลี่ยนการบริโภคอาหารเพื่อการรักษาโรคใดๆ การเลือกรับประทานอาหารอย่างถูกต้องและเหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพและป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือหัวใจของแนวคิด "อาหารเป็นยา"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 507 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หลอดเลือดหัวใจตีบ

    ในความเป็นจริงมีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากมายและนี่ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานจากจีน

    การศึกษาวิจัยเชื่อมโยงกรดไหลย้อน(GERD)กับปัจจัยเสี่ยงหลอดเลือดหัวใจตีบ(Coronary artery disease)

    การศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Translational Internal Medicine ( https://doi.org/10.1515/jtim-2024-0017 ) เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับผลกระทบที่กว้างขึ้นของโรคกรดไหลย้อน (GERD) ต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด โดยใช้แนวทางการสุ่มแบบเมนเดเลียน (MR) แบบสองทิศทางที่เข้มงวด การวิจัยนี้ให้หลักฐานที่น่าเชื่อถือว่า GERD ซึ่งเป็นภาวะที่โดยทั่วไปถือว่าเป็นโรคของระบบย่อยอาหารซึ่งมีลักษณะคือกรดไหลย้อนและอาการเสียดท้อง อาจส่งผลต่อปัจจัยเสี่ยงต่อหลอดเลือดหัวใจที่สำคัญ เช่น ความดันโลหิต โปรไฟล์ไขมัน และความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ

    ผลการศึกษาที่ก้าวล้ำครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าผลกระทบของกรดไหลย้อนอาจขยายออกไปนอกระบบย่อยอาหาร และอาจมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพหลอดเลือดและหัวใจ "การวิจัยของเราเน้นย้ำว่ากรดไหลย้อนอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความเสี่ยงต่อหลอดเลือดและหัวใจ ทำให้มีมุมมองที่ครอบคลุมมากขึ้นเกี่ยวกับอิทธิพลของกรดไหลย้อน" Qiang Wu จากแผนกอาวุโสด้านโรคหัวใจที่ศูนย์การแพทย์ที่ 6 ของโรงพยาบาล PLA General Hospital ของจีนในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน กล่าว

    การใช้การสุ่มแบบเมนเดเลียนสองทิศทางให้ข้อได้เปรียบเหนือการศึกษาแบบเดิมในการควบคุมปัจจัยที่ทำให้เกิดความสับสนและจัดการกับความสัมพันธ์เชิงสาเหตุย้อนกลับ แนวทางนี้ซึ่งใช้ข้อมูลทางพันธุกรรมเพื่อทำการอนุมานเชิงสาเหตุนั้นให้พื้นฐานที่แข็งแกร่งขึ้นสำหรับการทำความเข้าใจว่ากรดไหลย้อนอาจส่งผลต่อผลลัพธ์ทางหลอดเลือดและหัวใจได้อย่างไร ตัวแปรทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับกรดไหลย้อนถูกใช้เป็นตัวแปรเครื่องมือ ทำให้นักวิจัยสามารถตรวจสอบบทบาทเชิงสาเหตุที่อาจเกิดขึ้นของกรดไหลย้อนในภาวะหลอดเลือดและหัวใจได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ตามที่ Qiang Su จากแผนกโรคหัวใจที่โรงพยาบาล Jiangbin ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงกล่าว การศึกษานี้ใช้แนวทาง MR สองตัวอย่าง โดยดึงข้อมูลจากการศึกษาความสัมพันธ์ทั่วทั้งจีโนม (GWAS) ที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 600,000 คน รวมถึงผู้ป่วยกรดไหลย้อนที่ได้รับการวินิจฉัย 129,000 ราย ในขณะที่ข้อมูลหลอดเลือดและหัวใจได้มาจากกลุ่มตัวอย่างในยุโรปที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 200,000 คน นักวิจัยเน้นที่ตัวชี้วัดความดันโลหิตที่สำคัญ เช่น ความดันโลหิตซิสโตลิก (SBP) ความดันโลหิตไดแอสโตลิก (DBP) ความดันชีพจร (PP) และความดันโลหิตแดงเฉลี่ย (MAP)

    การศึกษานี้ใช้เทคนิค MR ขั้นสูงหลายวิธี รวมถึงการวิเคราะห์ Inverse Variance Weighted (IVW) การถดถอย MR Egger และแนวทาง Weighted Median วิธีการเหล่านี้ควบคุมผลกระทบแบบ pleiotropic ซึ่งยีนหนึ่งมีผลต่อลักษณะหลายอย่าง จึงทำให้ผลลัพธ์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น แนวทางที่เข้มงวดนี้ทำให้ผู้วิจัยสรุปได้ว่า GERD อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อปัจจัยเสี่ยงต่อหลอดเลือดหัวใจ โดยเฉพาะความดันโลหิตและระดับไขมันในเลือด

    ผลการศึกษาวิจัยที่น่าสนใจที่สุดประการหนึ่งคือ GERD มีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนกับความดันโลหิตสูง นักวิจัยพบว่า GERD ที่คาดการณ์ไว้ทางพันธุกรรมมีความเชื่อมโยงกับความดันโลหิตซิสโตลิก (SBP) ที่สูงขึ้น (β = 0.053, P = 0.036) และความดันโลหิตไดแอสโตลิก (DBP) ที่สูงขึ้น (β = 0.100, P < 0.001) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า GERD อาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง

    จากการศึกษาพบว่ากรดไหลย้อนมีความสัมพันธ์กับระดับคอเลสเตอรอลไลโปโปรตีนความหนาแน่นต่ำ (LDL) ที่เพิ่มขึ้น (β = 0.093, P < 0.001) และไตรกลีเซอไรด์ (β = 0.153, P < 0.001) ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดที่สูงขึ้น ในทางกลับกัน กรดไหลย้อนมีความสัมพันธ์แบบผกผันกับคอเลสเตอรอลไลโปโปรตีนความหนาแน่นสูง (HDL) (β = -0.115, P = 0.002) ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นคอเลสเตอรอล "ดี" ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจ

    นอกจากนี้ งานวิจัยยังแสดงให้เห็นว่ากรดไหลย้อนเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (หัวใจวาย) และความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อัตราส่วนความน่าจะเป็นของกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันอยู่ที่ 1.272 (95% CI: 1.040 ถึง 1.557, P = 0.019) และสำหรับความดันโลหิตสูงอยู่ที่ 1.357 (95% CI: 1.222 ถึง 1.507, P < 0.001) อย่างไรก็ตาม ไม่พบความสัมพันธ์ที่สำคัญระหว่างกรดไหลย้อนและภาวะหัวใจล้มเหลว

    ผลการศึกษานี้บ่งชี้ว่ากรดไหลย้อนอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ การศึกษาของเราได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการวินิจฉัย แต่เนิ่นๆ และกลยุทธ์การป้องกันสำหรับโรคกรดไหลย้อนและโรคหลอดเลือดหัวใจ

    Cr. Santi Manadee
    #หลอดเลือดหัวใจตีบ ในความเป็นจริงมีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากมายและนี่ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานจากจีน การศึกษาวิจัยเชื่อมโยงกรดไหลย้อน(GERD)กับปัจจัยเสี่ยงหลอดเลือดหัวใจตีบ(Coronary artery disease) การศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Translational Internal Medicine ( https://doi.org/10.1515/jtim-2024-0017 ) เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับผลกระทบที่กว้างขึ้นของโรคกรดไหลย้อน (GERD) ต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด โดยใช้แนวทางการสุ่มแบบเมนเดเลียน (MR) แบบสองทิศทางที่เข้มงวด การวิจัยนี้ให้หลักฐานที่น่าเชื่อถือว่า GERD ซึ่งเป็นภาวะที่โดยทั่วไปถือว่าเป็นโรคของระบบย่อยอาหารซึ่งมีลักษณะคือกรดไหลย้อนและอาการเสียดท้อง อาจส่งผลต่อปัจจัยเสี่ยงต่อหลอดเลือดหัวใจที่สำคัญ เช่น ความดันโลหิต โปรไฟล์ไขมัน และความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ผลการศึกษาที่ก้าวล้ำครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าผลกระทบของกรดไหลย้อนอาจขยายออกไปนอกระบบย่อยอาหาร และอาจมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพหลอดเลือดและหัวใจ "การวิจัยของเราเน้นย้ำว่ากรดไหลย้อนอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความเสี่ยงต่อหลอดเลือดและหัวใจ ทำให้มีมุมมองที่ครอบคลุมมากขึ้นเกี่ยวกับอิทธิพลของกรดไหลย้อน" Qiang Wu จากแผนกอาวุโสด้านโรคหัวใจที่ศูนย์การแพทย์ที่ 6 ของโรงพยาบาล PLA General Hospital ของจีนในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน กล่าว การใช้การสุ่มแบบเมนเดเลียนสองทิศทางให้ข้อได้เปรียบเหนือการศึกษาแบบเดิมในการควบคุมปัจจัยที่ทำให้เกิดความสับสนและจัดการกับความสัมพันธ์เชิงสาเหตุย้อนกลับ แนวทางนี้ซึ่งใช้ข้อมูลทางพันธุกรรมเพื่อทำการอนุมานเชิงสาเหตุนั้นให้พื้นฐานที่แข็งแกร่งขึ้นสำหรับการทำความเข้าใจว่ากรดไหลย้อนอาจส่งผลต่อผลลัพธ์ทางหลอดเลือดและหัวใจได้อย่างไร ตัวแปรทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับกรดไหลย้อนถูกใช้เป็นตัวแปรเครื่องมือ ทำให้นักวิจัยสามารถตรวจสอบบทบาทเชิงสาเหตุที่อาจเกิดขึ้นของกรดไหลย้อนในภาวะหลอดเลือดและหัวใจได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ตามที่ Qiang Su จากแผนกโรคหัวใจที่โรงพยาบาล Jiangbin ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงกล่าว การศึกษานี้ใช้แนวทาง MR สองตัวอย่าง โดยดึงข้อมูลจากการศึกษาความสัมพันธ์ทั่วทั้งจีโนม (GWAS) ที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 600,000 คน รวมถึงผู้ป่วยกรดไหลย้อนที่ได้รับการวินิจฉัย 129,000 ราย ในขณะที่ข้อมูลหลอดเลือดและหัวใจได้มาจากกลุ่มตัวอย่างในยุโรปที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 200,000 คน นักวิจัยเน้นที่ตัวชี้วัดความดันโลหิตที่สำคัญ เช่น ความดันโลหิตซิสโตลิก (SBP) ความดันโลหิตไดแอสโตลิก (DBP) ความดันชีพจร (PP) และความดันโลหิตแดงเฉลี่ย (MAP) การศึกษานี้ใช้เทคนิค MR ขั้นสูงหลายวิธี รวมถึงการวิเคราะห์ Inverse Variance Weighted (IVW) การถดถอย MR Egger และแนวทาง Weighted Median วิธีการเหล่านี้ควบคุมผลกระทบแบบ pleiotropic ซึ่งยีนหนึ่งมีผลต่อลักษณะหลายอย่าง จึงทำให้ผลลัพธ์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น แนวทางที่เข้มงวดนี้ทำให้ผู้วิจัยสรุปได้ว่า GERD อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อปัจจัยเสี่ยงต่อหลอดเลือดหัวใจ โดยเฉพาะความดันโลหิตและระดับไขมันในเลือด ผลการศึกษาวิจัยที่น่าสนใจที่สุดประการหนึ่งคือ GERD มีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนกับความดันโลหิตสูง นักวิจัยพบว่า GERD ที่คาดการณ์ไว้ทางพันธุกรรมมีความเชื่อมโยงกับความดันโลหิตซิสโตลิก (SBP) ที่สูงขึ้น (β = 0.053, P = 0.036) และความดันโลหิตไดแอสโตลิก (DBP) ที่สูงขึ้น (β = 0.100, P < 0.001) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า GERD อาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง จากการศึกษาพบว่ากรดไหลย้อนมีความสัมพันธ์กับระดับคอเลสเตอรอลไลโปโปรตีนความหนาแน่นต่ำ (LDL) ที่เพิ่มขึ้น (β = 0.093, P < 0.001) และไตรกลีเซอไรด์ (β = 0.153, P < 0.001) ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดที่สูงขึ้น ในทางกลับกัน กรดไหลย้อนมีความสัมพันธ์แบบผกผันกับคอเลสเตอรอลไลโปโปรตีนความหนาแน่นสูง (HDL) (β = -0.115, P = 0.002) ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นคอเลสเตอรอล "ดี" ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจ นอกจากนี้ งานวิจัยยังแสดงให้เห็นว่ากรดไหลย้อนเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (หัวใจวาย) และความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อัตราส่วนความน่าจะเป็นของกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันอยู่ที่ 1.272 (95% CI: 1.040 ถึง 1.557, P = 0.019) และสำหรับความดันโลหิตสูงอยู่ที่ 1.357 (95% CI: 1.222 ถึง 1.507, P < 0.001) อย่างไรก็ตาม ไม่พบความสัมพันธ์ที่สำคัญระหว่างกรดไหลย้อนและภาวะหัวใจล้มเหลว ผลการศึกษานี้บ่งชี้ว่ากรดไหลย้อนอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ การศึกษาของเราได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการวินิจฉัย แต่เนิ่นๆ และกลยุทธ์การป้องกันสำหรับโรคกรดไหลย้อนและโรคหลอดเลือดหัวใจ Cr. Santi Manadee
    DOI.ORG
    Gastroesophageal reflux disease influences blood pressure components, lipid profile and cardiovascular diseases: Evidence from a Mendelian randomization study
    Background Gastroesophageal reflux disease (GERD) is a prevalent gastrointestinal disorder associated with a range of cardiovascular and metabolic complications. However, the relationship between GERD and blood pressure components, lipid profile, and cardiovascular diseases remains unclear. Methods Leveraging genetic variants associated with GERD as instrumental variables, we performed this Mendelian randomization (MR) analyses. Blood pressure components, lipid profile parameters, as well as cardiovascular diseases were considered as outcomes. Furthermore, we conducted reverse MR analysis to explore the association of these factors with the risk of GERD. Results Our MR analysis discovered a potential causal influence of GERD on blood pressure components, with genetically predicted GERD positively associated with systolic blood pressure (β = 0.053, P = 0.036), diastolic blood pressure (β = 0.100, P < 0.001), and mean arterial pressure (β = 0.106, P < 0.001). Additionally, genetically predicted GERD showed a significant impact on lipid profile, leading to increased genetically predicted levels of low-density lipoprotein (LDL) cholesterol (β = 0.093, P < 0.001), and triglycerides (β = 0.153, P < 0.001), while having a negative effect on high-density lipoprotein (HDL) cholesterol (β = -0.115, P = 0.002). Furthermore, our study indicated a noteworthy causal association between genetically predicted GERD and increased risk of myocardial infarction [odds ratio (OR) = 1.272, P = 0.019)] and hypertension (OR = 1.357, P < 0.001). No significant association was found between GERD and pulse pressure, total cholesterol, heart failure, and atrial fibrillation ( P > 0.05). Reverse MR analysis indicates that blood pressure components, lipid profile, and cardiovascular diseases do not lead to an increased risk of GERD (all P > 0.05). Furthermore, mediation MR analysis reveals that LDL cholesterol (proportion mediated: 19.99%, 95% CI: 4.49% to 35.50%), HDL cholesterol (proportion mediated: 11.71%, 95% CI: 5.23% to 18.19%), and hypertension (proportion mediated: 35.09%, 95% CI: 24.66% to 45.53%) mediated the effect of GERD on myocardial infarction, while other factors did not participate in this pathway. Conclusions This MR study provides evidence supporting a causal relationship between GERD and alterations in blood pressure components, lipid profile, and increased risk of cardiovascular diseases.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 522 มุมมอง 0 รีวิว
  • **สุขภาพดีด้วยกาแฟดำ: เครื่องดื่มมหัศจรรย์เพื่อคนรักสุขภาพ☕💪**

    เคยสงสัยไหมว่าทำไมกาแฟดำถึงเป็นเครื่องดื่มคู่ใจของสายสุขภาพ? 🧐 เพราะนอกจากจะช่วยให้ตื่นตัวแล้ว ยังมีประโยชน์ดีต่อสุขภาพแบบคาดไม่ถึง โดยเฉพาะสำหรับสาย *Intermittent Fasting* ที่ไม่อยากกินอาหารเช้า
    .
    รู้หรือไม่? มนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์ไม่เคยกินอาหารเช้า สมองดึกดำบรรพ์ของเราจึงไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารเช้าตามนาฬิกา แต่ถ้าคุณเป็นคนที่กินอาหารเช้าเป็นประจำและอยากลองปรับพฤติกรรม การใช้ "กาแฟดำ" เป็นตัวช่วย จะทำให้คุณผ่านช่วงเวลาหิวได้ง่ายขึ้น!
    .
    💥 *ประโยชน์สุดปังของกาแฟดำเพื่อสุขภาพดี:*
    ✅ ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดความอยากอาหาร
    ✅ กระตุ้นพลังงาน สร้างเอเนอร์จี้พร้อมลุยงาน
    ✅ ลดความเครียด ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น
    ✅ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
    ✅ ป้องกันโรคเกาต์ และช่วยลดโอกาสเกิดมะเร็ง
    .
    แล้วคุณล่ะ เคยใช้ "กาแฟดำ" เป็นตัวช่วยเพื่อสุขภาพดีไหม? หรือมีเคล็ดลับอะไรเด็ดๆ มาแชร์กันบ้าง ☕💬 มาร่วมพูดคุยกันใต้โพสต์เลย! 💖
    .
    ถ้าชอบบทความนี้ ฝากกดไลค์ ❤️ กดแชร์ 📲 และกดติดตามเพจเพื่อไม่พลาดสาระดีๆ นะจ๊ะ 🙏
    .
    #สุขภาพดี #กาแฟดำ #สายสุขภาพ #ลดน้ำหนัก #เคล็ดลับสุขภาพ
    **สุขภาพดีด้วยกาแฟดำ: เครื่องดื่มมหัศจรรย์เพื่อคนรักสุขภาพ☕💪** เคยสงสัยไหมว่าทำไมกาแฟดำถึงเป็นเครื่องดื่มคู่ใจของสายสุขภาพ? 🧐 เพราะนอกจากจะช่วยให้ตื่นตัวแล้ว ยังมีประโยชน์ดีต่อสุขภาพแบบคาดไม่ถึง โดยเฉพาะสำหรับสาย *Intermittent Fasting* ที่ไม่อยากกินอาหารเช้า . รู้หรือไม่? มนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์ไม่เคยกินอาหารเช้า สมองดึกดำบรรพ์ของเราจึงไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารเช้าตามนาฬิกา แต่ถ้าคุณเป็นคนที่กินอาหารเช้าเป็นประจำและอยากลองปรับพฤติกรรม การใช้ "กาแฟดำ" เป็นตัวช่วย จะทำให้คุณผ่านช่วงเวลาหิวได้ง่ายขึ้น! . 💥 *ประโยชน์สุดปังของกาแฟดำเพื่อสุขภาพดี:* ✅ ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดความอยากอาหาร ✅ กระตุ้นพลังงาน สร้างเอเนอร์จี้พร้อมลุยงาน ✅ ลดความเครียด ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น ✅ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ✅ ป้องกันโรคเกาต์ และช่วยลดโอกาสเกิดมะเร็ง . แล้วคุณล่ะ เคยใช้ "กาแฟดำ" เป็นตัวช่วยเพื่อสุขภาพดีไหม? หรือมีเคล็ดลับอะไรเด็ดๆ มาแชร์กันบ้าง ☕💬 มาร่วมพูดคุยกันใต้โพสต์เลย! 💖 . ถ้าชอบบทความนี้ ฝากกดไลค์ ❤️ กดแชร์ 📲 และกดติดตามเพจเพื่อไม่พลาดสาระดีๆ นะจ๊ะ 🙏 . #สุขภาพดี #กาแฟดำ #สายสุขภาพ #ลดน้ำหนัก #เคล็ดลับสุขภาพ
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 494 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระกลีบบัวอาจารย์ชุม ไชยคีรี วัดพระบรมธาตุ ปี2497

    พระกลีบบัวปางมารวิชัย อาจารย์ชุม ไชยคีรี วัดพระบรมธาตุ ปี2497 // พระดีพิธีใหญ่ จัดเป็นพิมพ์พิเศษที่สร้างในพิธี จำนวนสร้างน้อย หายากมาก // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณสูงแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เหนียว ฟันแทงไม่เข้า ได้โชค ได้ลาภ เสริมด้านเมตตา มหานิยม ด้านโภคทรัพย์และมีโชคมีลาภ >>

    ** มวลสารที่รวบรวมมามีพระกรุสุดยอดพระเครื่องจากทั่วประเทศ มาดำเนินการสร้างพระนี้ จากการรวบรวมปรากฎว่าได้พระกรุมากว่า 108 กรุ ว่านยาอีก 108 ชนิด รวมทั้งผงวิเศษ อาทิเช่น พระกรุนางตรา-ท่าเรือ, กรุท้าวโคตร, สมเด็จวัดระฆัง, สมเด็จบางขุนพรหม, พระผงสุพรรณ, ผงดำผงแดงหุ่นพยนต์, หลวงพ่อเกตุ วัดขวิด, ขุนแผนวัดพระรูปและวัดบ้านกร่าง, พระนางพญาวัดนางพญาและวัดต้นจันทร์ สุพรรณบุรี, พระกรุต่าง ๆ ในกำแพงเพชร, พระกรุต่าง ๆ ในสุโขทัย, หูยานลพบุรี, ท่ากระดานหูไห กาญจนบุรี, พระกรุวัดท่ามะปราง, พระวัดชินราช พิษณุโลก, พระหลวงพ่อจุก, พระจุฬามณี พิษณุโลก, พระรอด พระคง พระเปิม-ลำพูน, มหาว่านวัดเขาอ้อ-พัทลุง, และพระกรุศรีวิชัยฯลฯ พิธีปลุกเสกได้นิมนต์พระเถราจารย์ ผู้เรืองเวทวิทยาคม 108 รูป มาร่วมประกอบพิธี มีท่านเจ้าคุณภัทรมุขมุณี วัดพระบรมธาตุฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ สำหรับพระคณาจารย์ที่ปลุกเสกขอยกมาเป็นบางส่วน ได้แก่ หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน จันดี, หลวงพ่อโอภาสี บางมด ธนบุรี, หลวงพ่อเขียว วัดหรงบน, หลวงพ่อเมือง วัดท่าพญา, หลวงพ่อคง วัดคลองน้อย, หลวงพ่อมุ่ย วัดป่าระกำ ปากพนัง, หลวงพ่อแดง วัดโท ท่าศาลา, หลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง ร่อนพิบูลย์, หลวงพ่อแดง วัดเขาหลัก ทุ่งใหญ่, หลวงพ่อตุด วัดทุ่งกง กระบี่, หลวงพ่อวัน มะนะโส วัดประสิทธิชัย, หลวงพ่อแสง วัดคลองน้ำเจ็ด ตรัง, หลวงพ่อปาล วัดเขาอ้อ, หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน, หลวงพ่อดิษฐ์ วัดปากสระ. หลวงพ่อเจ็ก วัดเขาแดงตะวันตก, หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดง ตะวันออก พัทลุง, หลวงพ่อพัว วัดเขาราหู (วัดบางเดือน). หลวงพ่อแดง วัดคลองไทร, หลวงพ่อวิรัช วัดกะเปา คีรีรัฐนิคม สุราษฎร์ธานี, หลวงพ่อทอง วัดดอนสะท้อน, หลวงพ่อสงฆ์ วัดศาลาลอย, หลวงพ่อจีด วัดถ้ำเขาพลู, หลวงพ่อรุ่ง วัดบางแหวน ชุมพร, หลวงพ่อท้วม วัดเขาโบสถ์ บางสะพาน, หลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลัก ประจวบคีรีขันธ์, หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง เพชรบุรี, หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ เพชรบุรี, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม นครปฐม ฯลฯ อาจารย์ที่เป็นฆราวาสได้แก่ อ.ชุม ไชยคีรี, อ.นำ แก้วจันทร์, พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ ราชเดช การปลุกเสกเน้นเด่นเฉพาะทาง แบ่งออกเป็นช่วง ช่วงละ 7 วัน เช่น ปลุกเสกเน้นด้านคงกระพันชาตรี 7 วัน มหาอุด 7 วัน ป้องกันสัตว์ร้ายและโจรร้าย 7 วัน ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บและภูตผีปีศาจ 7 วัน เมตตามหานิยม 7 วัน >>

    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระกลีบบัวอาจารย์ชุม ไชยคีรี วัดพระบรมธาตุ ปี2497 พระกลีบบัวปางมารวิชัย อาจารย์ชุม ไชยคีรี วัดพระบรมธาตุ ปี2497 // พระดีพิธีใหญ่ จัดเป็นพิมพ์พิเศษที่สร้างในพิธี จำนวนสร้างน้อย หายากมาก // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณสูงแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เหนียว ฟันแทงไม่เข้า ได้โชค ได้ลาภ เสริมด้านเมตตา มหานิยม ด้านโภคทรัพย์และมีโชคมีลาภ >> ** มวลสารที่รวบรวมมามีพระกรุสุดยอดพระเครื่องจากทั่วประเทศ มาดำเนินการสร้างพระนี้ จากการรวบรวมปรากฎว่าได้พระกรุมากว่า 108 กรุ ว่านยาอีก 108 ชนิด รวมทั้งผงวิเศษ อาทิเช่น พระกรุนางตรา-ท่าเรือ, กรุท้าวโคตร, สมเด็จวัดระฆัง, สมเด็จบางขุนพรหม, พระผงสุพรรณ, ผงดำผงแดงหุ่นพยนต์, หลวงพ่อเกตุ วัดขวิด, ขุนแผนวัดพระรูปและวัดบ้านกร่าง, พระนางพญาวัดนางพญาและวัดต้นจันทร์ สุพรรณบุรี, พระกรุต่าง ๆ ในกำแพงเพชร, พระกรุต่าง ๆ ในสุโขทัย, หูยานลพบุรี, ท่ากระดานหูไห กาญจนบุรี, พระกรุวัดท่ามะปราง, พระวัดชินราช พิษณุโลก, พระหลวงพ่อจุก, พระจุฬามณี พิษณุโลก, พระรอด พระคง พระเปิม-ลำพูน, มหาว่านวัดเขาอ้อ-พัทลุง, และพระกรุศรีวิชัยฯลฯ พิธีปลุกเสกได้นิมนต์พระเถราจารย์ ผู้เรืองเวทวิทยาคม 108 รูป มาร่วมประกอบพิธี มีท่านเจ้าคุณภัทรมุขมุณี วัดพระบรมธาตุฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ สำหรับพระคณาจารย์ที่ปลุกเสกขอยกมาเป็นบางส่วน ได้แก่ หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน จันดี, หลวงพ่อโอภาสี บางมด ธนบุรี, หลวงพ่อเขียว วัดหรงบน, หลวงพ่อเมือง วัดท่าพญา, หลวงพ่อคง วัดคลองน้อย, หลวงพ่อมุ่ย วัดป่าระกำ ปากพนัง, หลวงพ่อแดง วัดโท ท่าศาลา, หลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง ร่อนพิบูลย์, หลวงพ่อแดง วัดเขาหลัก ทุ่งใหญ่, หลวงพ่อตุด วัดทุ่งกง กระบี่, หลวงพ่อวัน มะนะโส วัดประสิทธิชัย, หลวงพ่อแสง วัดคลองน้ำเจ็ด ตรัง, หลวงพ่อปาล วัดเขาอ้อ, หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน, หลวงพ่อดิษฐ์ วัดปากสระ. หลวงพ่อเจ็ก วัดเขาแดงตะวันตก, หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดง ตะวันออก พัทลุง, หลวงพ่อพัว วัดเขาราหู (วัดบางเดือน). หลวงพ่อแดง วัดคลองไทร, หลวงพ่อวิรัช วัดกะเปา คีรีรัฐนิคม สุราษฎร์ธานี, หลวงพ่อทอง วัดดอนสะท้อน, หลวงพ่อสงฆ์ วัดศาลาลอย, หลวงพ่อจีด วัดถ้ำเขาพลู, หลวงพ่อรุ่ง วัดบางแหวน ชุมพร, หลวงพ่อท้วม วัดเขาโบสถ์ บางสะพาน, หลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลัก ประจวบคีรีขันธ์, หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง เพชรบุรี, หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ เพชรบุรี, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม นครปฐม ฯลฯ อาจารย์ที่เป็นฆราวาสได้แก่ อ.ชุม ไชยคีรี, อ.นำ แก้วจันทร์, พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ ราชเดช การปลุกเสกเน้นเด่นเฉพาะทาง แบ่งออกเป็นช่วง ช่วงละ 7 วัน เช่น ปลุกเสกเน้นด้านคงกระพันชาตรี 7 วัน มหาอุด 7 วัน ป้องกันสัตว์ร้ายและโจรร้าย 7 วัน ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บและภูตผีปีศาจ 7 วัน เมตตามหานิยม 7 วัน >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 524 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🍈 #คัดลูกแต่งใบเมล่อนเสร็จแล้ว อย่าลืมป้องกันเชื้อรา! 🌱

    หลังจากคัดลูกและแต่งใบแล้ว อย่าลืมใช้เชื้อราไตรโคบิวพลัสป้ายแผล ✨ เพื่อป้องกันเชื้อราโรคพืชเข้าทำลายทางแผล ต้นเมล่อนจะเจริญเติบโตได้อย่างแข็งแรง 💪

    🔹 ข้อควรระวัง!
    ✅ ก่อนตัดแต่งใบ ต้องจุ่มแช่มีดหรือกรรไกรในน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อลดการแพร่เชื้อระหว่างต้น
    ✅ ตัดแต่งใบในช่วงเช้า เพื่อให้แผลแห้งเร็ว ลดโอกาสการติดเชื้อ

    🛒 ลิตเติ้ลฟาร์ม จำหน่าย
    🌿 ปุ๋ย AB คุณภาพสูง
    🌿 ธาตุอาหารรอง อาหารเสริม เพิ่มความแข็งแรง
    🌿 อุปกรณ์ปลูกเมล่อน ถุงปลูก ชีวภัณฑ์ป้องกันโรคแมลง
    📌 พร้อมให้คำปรึกษาตลอดการปลูก

    📩 สนใจติดต่อ Inbox หรือโทร 093-696-2691 📞
    #ไตรโคบิวพลัส ขนาด500กรัม ราคา430บาท ขนาด50กรัม3ซอง ราคา280บาท Shopee: https://s.shopee.co.th/3fmMLR6sWD TikTok Shop: https://vt.tiktok.com/ZSjAQxMd9/
    #ลิตเติ้ลฟาร์ม #เมล่อน #ปุ๋ยABคุณภาพ #ชีวภัณฑ์ป้องกันโรค #แต่งใบเมล่อน #เมล่อนแข็งแรง
    🍈 #คัดลูกแต่งใบเมล่อนเสร็จแล้ว อย่าลืมป้องกันเชื้อรา! 🌱 หลังจากคัดลูกและแต่งใบแล้ว อย่าลืมใช้เชื้อราไตรโคบิวพลัสป้ายแผล ✨ เพื่อป้องกันเชื้อราโรคพืชเข้าทำลายทางแผล ต้นเมล่อนจะเจริญเติบโตได้อย่างแข็งแรง 💪 🔹 ข้อควรระวัง! ✅ ก่อนตัดแต่งใบ ต้องจุ่มแช่มีดหรือกรรไกรในน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อลดการแพร่เชื้อระหว่างต้น ✅ ตัดแต่งใบในช่วงเช้า เพื่อให้แผลแห้งเร็ว ลดโอกาสการติดเชื้อ 🛒 ลิตเติ้ลฟาร์ม จำหน่าย 🌿 ปุ๋ย AB คุณภาพสูง 🌿 ธาตุอาหารรอง อาหารเสริม เพิ่มความแข็งแรง 🌿 อุปกรณ์ปลูกเมล่อน ถุงปลูก ชีวภัณฑ์ป้องกันโรคแมลง 📌 พร้อมให้คำปรึกษาตลอดการปลูก 📩 สนใจติดต่อ Inbox หรือโทร 093-696-2691 📞 #ไตรโคบิวพลัส ขนาด500กรัม ราคา430บาท ขนาด50กรัม3ซอง ราคา280บาท Shopee: https://s.shopee.co.th/3fmMLR6sWD TikTok Shop: https://vt.tiktok.com/ZSjAQxMd9/ #ลิตเติ้ลฟาร์ม #เมล่อน #ปุ๋ยABคุณภาพ #ชีวภัณฑ์ป้องกันโรค #แต่งใบเมล่อน #เมล่อนแข็งแรง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 400 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌20 วิธีดูแลสุขภาพกาย❤️และใจของ Gen X เพื่อเตรียมเข้าสู่ผู้สูงวัย

    1. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ – เดิน วิ่ง โยคะ หรือเวทเทรนนิ่งเพื่อเพิ่มความแข็งแรง


    2. รับประทานอาหารสมดุล – เน้นผัก ผลไม้ โปรตีนดี และลดน้ำตาล ไขมันทรานส์


    3. นอนหลับให้เพียงพอ – 7-9 ชั่วโมงต่อคืน ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง


    4. บริหารสมอง – อ่านหนังสือ เล่นหมากรุก ฝึกทักษะใหม่ป้องกันสมองเสื่อม


    5. จัดการความเครียด – ฝึกสมาธิ หายใจลึก ๆ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ


    6. ตรวจสุขภาพประจำปี – คัดกรองโรคเบาหวาน ความดัน มะเร็ง และกระดูกพรุน


    7. เลิกบุหรี่และแอลกอฮอล์ – ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ มะเร็ง และสมองเสื่อม


    8. ดูแลสุขภาพกระดูก – รับแคลเซียมและวิตามินดีเพียงพอ ป้องกันกระดูกพรุน


    9. เสริมภูมิคุ้มกัน – ฉีดวัคซีน เช่น ไข้หวัดใหญ่ งูสวัด และป้องกันปอดบวม


    10. ควบคุมน้ำหนัก – ป้องกันโรคเบาหวาน ความดัน และข้อเสื่อม


    11. ตรวจสายตาและการได้ยิน – ป้องกันอุบัติเหตุและการสูญเสียการสื่อสาร


    12. ดูแลสุขภาพช่องปาก – ลดฟันผุ เหงือกอักเสบ และโรคหัวใจ


    13. สร้างเครือข่ายสังคม – มีเพื่อน มีครอบครัว ลดความเสี่ยงภาวะซึมเศร้า


    14. ตั้งเป้าหมายชีวิต – มีแรงจูงใจ ฝึกพัฒนาตัวเองและใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย


    15. ใช้เทคโนโลยีให้เป็น – อัปเดตความรู้ สื่อสาร และทำธุรกรรมออนไลน์ได้


    16. ทำงานอดิเรก – เช่น ปลูกต้นไม้ วาดรูป เล่นดนตรี คลายเครียดและเพิ่มพลังใจ


    17. ฝึกฝนความยืดหยุ่นทางจิตใจ – ปรับตัวได้ดีต่อการเปลี่ยนแปลงในชีวิต


    18. บริหารการเงิน – วางแผนเกษียณ ประหยัด และลงทุนอย่างชาญฉลาด


    19. ลดการบริโภคโซเชียลมีเดียเกินจำเป็น – ลดภาวะวิตกกังวลและเสพข่าวลบ


    20. ทำบุญและจิตอาสา – สร้างความสุขภายในและเพิ่มคุณค่าให้สังคม



    ครบทั้งสุขภาพกายและใจ อ่านแล้วนำไปปรับใช้ได้ทันที!

    📌20 วิธีดูแลสุขภาพกาย❤️และใจของ Gen X เพื่อเตรียมเข้าสู่ผู้สูงวัย 1. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ – เดิน วิ่ง โยคะ หรือเวทเทรนนิ่งเพื่อเพิ่มความแข็งแรง 2. รับประทานอาหารสมดุล – เน้นผัก ผลไม้ โปรตีนดี และลดน้ำตาล ไขมันทรานส์ 3. นอนหลับให้เพียงพอ – 7-9 ชั่วโมงต่อคืน ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง 4. บริหารสมอง – อ่านหนังสือ เล่นหมากรุก ฝึกทักษะใหม่ป้องกันสมองเสื่อม 5. จัดการความเครียด – ฝึกสมาธิ หายใจลึก ๆ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ 6. ตรวจสุขภาพประจำปี – คัดกรองโรคเบาหวาน ความดัน มะเร็ง และกระดูกพรุน 7. เลิกบุหรี่และแอลกอฮอล์ – ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ มะเร็ง และสมองเสื่อม 8. ดูแลสุขภาพกระดูก – รับแคลเซียมและวิตามินดีเพียงพอ ป้องกันกระดูกพรุน 9. เสริมภูมิคุ้มกัน – ฉีดวัคซีน เช่น ไข้หวัดใหญ่ งูสวัด และป้องกันปอดบวม 10. ควบคุมน้ำหนัก – ป้องกันโรคเบาหวาน ความดัน และข้อเสื่อม 11. ตรวจสายตาและการได้ยิน – ป้องกันอุบัติเหตุและการสูญเสียการสื่อสาร 12. ดูแลสุขภาพช่องปาก – ลดฟันผุ เหงือกอักเสบ และโรคหัวใจ 13. สร้างเครือข่ายสังคม – มีเพื่อน มีครอบครัว ลดความเสี่ยงภาวะซึมเศร้า 14. ตั้งเป้าหมายชีวิต – มีแรงจูงใจ ฝึกพัฒนาตัวเองและใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย 15. ใช้เทคโนโลยีให้เป็น – อัปเดตความรู้ สื่อสาร และทำธุรกรรมออนไลน์ได้ 16. ทำงานอดิเรก – เช่น ปลูกต้นไม้ วาดรูป เล่นดนตรี คลายเครียดและเพิ่มพลังใจ 17. ฝึกฝนความยืดหยุ่นทางจิตใจ – ปรับตัวได้ดีต่อการเปลี่ยนแปลงในชีวิต 18. บริหารการเงิน – วางแผนเกษียณ ประหยัด และลงทุนอย่างชาญฉลาด 19. ลดการบริโภคโซเชียลมีเดียเกินจำเป็น – ลดภาวะวิตกกังวลและเสพข่าวลบ 20. ทำบุญและจิตอาสา – สร้างความสุขภายในและเพิ่มคุณค่าให้สังคม ครบทั้งสุขภาพกายและใจ อ่านแล้วนำไปปรับใช้ได้ทันที!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 703 มุมมอง 0 รีวิว
  • #น้ำ

    ร่างกายมีน้ำเป็นส่วนประกอบกว่าร้อยละ 70 และยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์ทุก ๆ เซลล์ในร่างกาย ช่วยในการนำของเสียออกจากร่างกาย ช่วยลำเลียงอาหารที่ย่อยแล้วไปยังส่วนต่าง ๆ และช่วยในการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย เพราะฉะนั้นการดื่มน้ำเป็นวิธีการสำคัญที่จำเป็นต้องทำ

    หน้าที่ของน้ำในร่างกาย

    • เป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ของเซลล์

    • เป็นส่วนประกอบของเลือด น้ำเหลือง น้ำดี น้ำย่อยอาหาร เหงื่อ ปัสสาวะ และน้ำต่าง ๆ ทั่วร่างกาย

    • ทำหน้าที่ละลายอาหารที่ย่อยแล้วและแพร่ผ่านผนังหลอดเลือดที่ลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือด

    • ทำหน้าที่เป็นตัวกลางนำอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ นำของเสียออกจากร่างกายผ่านทางอวัยวะต่าง ๆ เช่น ปอด ผิวหนัง ไต

    • ช่วยหล่อลื่นอวัยวะต่าง ๆ ให้มีการเคลื่อนไหวได้ดีและทำงานได้ตามปกติ เช่น น้ำในข้อต่อ ช่องท้อง ช่องปอด

    • ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ตลอดเวลา รวมทั้งทำให้ร่างกายสดชื่น

    ในแต่ละวันร่างกายต้องสูญเสียน้ำประมาณวันละ 2 ลิตร ซึ่งขับออกมาทางปัสสาวะ เหงื่อและลมหายใจ ซึ่งขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำ ช่วงอายุ และน้ำหนักของแต่ละบุคคล ดังนั้นเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไปทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร ร่างกายอาจมีการสูญเสียน้ำมากกว่าปกติได้หากมีการสูญเสียน้ำทางอื่น เช่น ท้องเสีย อากาศร้อนจัดจนมีการระเหยของน้ำทางลมหายใจและเสียเหงื่อมากขึ้น สำหรับผู้มีโรคประจำตัวบางชนิดอาจต้องมีการจำกัดน้ำ เนื่องจากร่างกายขับน้ำส่วนเกินได้น้อย เช่น กลุ่มผู้ป่วยโรคไต โรคหัวใจ ผู้มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับปริมาณการบริโภคน้ำที่เหมาะสมกับตนเอง หากดื่มมากหรือน้อยเกินไปก็จะส่งผลต่อร่างกายได้

    เมื่อร่างกายขาดน้ำ การทำงานของระบบอวัยวะต่าง ๆ จะติดขัด ในทางกลับกันถ้าร่างกายได้รับน้ำมากเกินไปจนเกิดภาวะน้ำเป็นพิษ จะเกิดการเสียสมดุลระหว่างน้ำในเซลล์และนอกเซลล์ ทำให้ความเข้มข้นของเลือดลดลง ร่างกายต้องขับแร่ธาตุบางชนิดออกจากเซลล์เพื่อปรับสมดุลของน้ำและทำให้ขาดความสมดุลของแร่ธาตุชนิดนั้นแทน ส่งผลให้เกิดความผิดปกติขึ้นในกระบวนการทำงานของเซลล์ ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้

    ควรดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป โดยมาตรฐานการดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว ก็เพียงพอต่อการทำงานของร่างกายของบุคคลทั่วไป แต่ความจริงแล้วยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น กิจกรรมที่เราทำในแต่ละวัน เพศ อายุ โรคประจำตัว ความร้อนในสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีส่วนกำหนดความเหมาะสมต่อการดื่มน้ำในแต่ละวันด้วยเช่นกัน

    นิ่วและน้ำ

    น้ำดื่มที่สะอาดจะช่วยลดการเกิดนิ่วชนิดออกซาเลตในไต บรรเทาการอักเสบของทางเดินปัสสาวะ ลดอาการท้องผูก น้ำสะอาดจะเร่งการขับสารพิษและของเสียออกไป เมื่อดื่มน้ำที่เพียงพอต่อร่างกายน้ำจะไปช่วยหล่อลื่นข้อกระดูกต่าง ๆ ลดอาการปวดข้อ ปวดหลัง และปวดเอว

    ดื่มน้ำมากๆ เพื่อรักษาความสะอาดช่องปาก ป้องกัน “นิ่วต่อมน้ำลาย”

    ของเหลวกับน้ำ

    เครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ เช่น น้ำอัดลม ชา กาแฟ เหล้า เบียร์ จะทำให้เกิดการขับน้ำออกจากร่างกายมากยิ่งขึ้น เพราะคาเฟอีนจะกระตุ้นการขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น น้ำตาลที่เป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นสาเหตุของระดับน้ำตาลในเลือดที่สูง อาจนำไปสู่โรคเบาหวานได้ และในผู้ป่วยเบาหวานที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากจะมีปัญหาการขับปัสสาวะมากกว่าปกติได้

    ผู้ป่วยด้วยภาวะต่างๆ เช่น ข้อเข่าเสื่อม กลั้นปัสสาวะไม่ได้ สมองเสื่อม มีความลำบากในการลุกเข้าห้องน้ำทำให้ไม่อยากดื่มน้ำ ผู้ป่วยกลุ่มนี้ควรดื่มน้ำตามปกติ โดยอาจจัดเวลาดื่มน้ำเน้นในช่วงเวลากลางวัน และจัดสถานที่ปัสสาวะให้สะดวกมากขึ้น

    ความรู้เรื่องน้ำดื่ม

    น้ำ RO

    น้ำ RO เป็นน้ำที่มีการกรองเอาเกลือแร่ส่วนเกินและแบคทีเรียออกไป ดังนั้นจึงนับว่าเป็นน้ำที่สะอาด

    น้ำด่าง

    น้ำด่างนอกจากไม่ช่วยในการป้องกันโรคมะเร็ง เนื่องจากเป็นน้ำที่เติมเกลือแร่บางอย่างเข้าไปทำให้ค่าความเป็นด่างสูงขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็นน้ำที่ไปทำให้กระเพาะอาหารมีค่าความเป็นกรดด่างเปลี่ยนไป จนนำไปสู่ปัญหาในระบบทางเดินอาหารและการย่อย

    น้ำมนต์

    น้ำมนต์บางที่อาจจะเป็นน้ำที่ทำความสะอาดและกรองมาแบบปกติ หรือน้ำดื่มบรรจุขวดมาตรฐานที่มีขายทั่วไป เพียงแค่นำมาตั้งและสวดมนต์ตามความเชื่อ สามารถดื่มได้ตามปกติ

    แต่ถ้าเป็นน้ำมนต์จากน้ำที่ผุดขึ้นมาจากบ่อดิน หรือมีการหยดสารอื่น ๆ ลงไป เช่น เทียน ธูป ทำให้น้ำมีสารปนเปื้อนสารเคมี ฝุ่นผง และเชื้อโรค เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรนำไปดื่ม

    • เหล็ก หากได้รับเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมาก จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพหลายทาง เช่น ระคายเคืองทางเดินอาหาร ในรายที่รุนแรงมีภาวะเลือดเป็นกรด หลอดเลือดขยายตัวทำให้ความดันเลือดลดลง การสะสมธาตุเหล็กเกินในระยะยาวส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บของตับได้

    • ปรอท เมื่อร่างกายมีปรอทสะสมอยู่ในปริมาณมากจะทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือส่งผลร้ายแรงต่อระบบประสาท เช่น ทำให้ตาพร่ามัว มองไม่ชัด ส่งผลต่อระบบประสาทด้านอารมณ์และความจำ มีภาวะสมองเสื่อมได้

    • แมงกานีส อาจปนเปื้อนมากับน้ำดื่มที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้มีอาการปวดศีรษะ ระคายเคืองทางเดินอาหารในระยะยาว ส่งผลต่อการบาดเจ็บของเซลล์สมองได้

    • ทองแดง หากร่างกายมีทองแดงสะสมเกินกว่า 100 มิลลิกรัม จะส่งผลให้ระคายเคืองทางเดินอาหาร อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาเจียน ในรายที่รุนแรงอาจมีเม็ดเลือดแดงแตกและส่งผลถึงการทำงานของตับ

    • เชื้อโรคที่ปนเปื้อนมากับน้ำไม่สะอาดโดยเฉพาะเชื้อโคลิฟอร์มแบคทีเรีย เช่น เชื้ออีโคไล ซิโตรแบคเตอร์ เคลบเซลล่า หากมีเชื้อโรคเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อ ทำให้มีไข้ ปวดท้อง ท้องเสีย

    • การฆ่าเชื้อโรคกลุ่มนี้สามารถทำได้โดยกระบวนการฆ่าเชื้อต่าง ๆ เช่น การต้มน้ำ กระบวนการพาสเจอไรซ์ หรือผ่านระบบกรองน้ำที่มีระบบฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพ

    น้ำแร่

    ในธรรมชาติแล้วน้ำแร่มักได้มาจากภูเขาสูงซึ่งมีค้างคาวอาศัยอยู่ ของเสียจากสัตว์เหล่านี้อาจจะมีสิ่งปนเปื้อนชนิดที่เรียกว่า สารหนู ซึ่งไม่มีสี ไม่มีรสและไม่มีกลิ่น แต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก

    ถ้าคิดจะดื่ม ต้องมั่นใจว่าผู้ผลิตได้ยืนยันการตรวจสอบปริมาณสารหนูเรียบร้อยแล้ว

    TIPS

    ในช่วง 5:00 น ถึง 7:00 น ลำไส้จะไม่มีการดูดซึมน้ำ แต่ร่างกายจะปล่อยน้ำส่วนใหญ่มาที่ลำไส้ใหญ่เพื่อการขับถ่าย ดังนั้นการดื่มน้ำในช่วงเวลานี้ในปริมาณมากจึงส่งผลดีต่อร่างกาย

    ก่อนรับประทานอาหาร ให้จิบน้ำแค่พอลื่นคอ
    ในขณะรับประทานอาหารไม่ควรดื่มน้ำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากจะไปรบกวนความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร และพึงระลึกไว้ว่าอาหารที่เรารับประทานส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำในตัวของพวกเขาอยู่แล้ว

    หลังรับประทานอาหารจิบน้ำเพียงเล็กน้อยแล้วให้รีบไปแปรงฟัน จากนั้นรอจนอาหารย่อยและสารอาหารถูกดูดซึมเข้าหลอดเลือด ในช่วงเวลานี้เลือดคุณจะข้นขึ้น เมื่อเลือดที่ข้นผ่านไปยังไต ไตก็จะสั่ง สัญญาณให้คุณรู้สึกคอแห้งเพื่อเติมน้ำเข้าระบบ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 40 นาที

    งดหรือหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำในปริมาณมากๆ ในคราวเดียว เนื่องจากจะทำให้กระเพาะอาหารขยายตัวอย่างรวดเร็ว จนไปทับเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของม้ามและไต ซึ่งนำไปสู่อาการปวดส้นเท้าหรือที่เรียกกันว่ารองช้ำได้

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

    Cr. Santi Manadee
    #น้ำ ร่างกายมีน้ำเป็นส่วนประกอบกว่าร้อยละ 70 และยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์ทุก ๆ เซลล์ในร่างกาย ช่วยในการนำของเสียออกจากร่างกาย ช่วยลำเลียงอาหารที่ย่อยแล้วไปยังส่วนต่าง ๆ และช่วยในการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย เพราะฉะนั้นการดื่มน้ำเป็นวิธีการสำคัญที่จำเป็นต้องทำ หน้าที่ของน้ำในร่างกาย • เป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ของเซลล์ • เป็นส่วนประกอบของเลือด น้ำเหลือง น้ำดี น้ำย่อยอาหาร เหงื่อ ปัสสาวะ และน้ำต่าง ๆ ทั่วร่างกาย • ทำหน้าที่ละลายอาหารที่ย่อยแล้วและแพร่ผ่านผนังหลอดเลือดที่ลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือด • ทำหน้าที่เป็นตัวกลางนำอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ นำของเสียออกจากร่างกายผ่านทางอวัยวะต่าง ๆ เช่น ปอด ผิวหนัง ไต • ช่วยหล่อลื่นอวัยวะต่าง ๆ ให้มีการเคลื่อนไหวได้ดีและทำงานได้ตามปกติ เช่น น้ำในข้อต่อ ช่องท้อง ช่องปอด • ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ตลอดเวลา รวมทั้งทำให้ร่างกายสดชื่น ในแต่ละวันร่างกายต้องสูญเสียน้ำประมาณวันละ 2 ลิตร ซึ่งขับออกมาทางปัสสาวะ เหงื่อและลมหายใจ ซึ่งขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำ ช่วงอายุ และน้ำหนักของแต่ละบุคคล ดังนั้นเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไปทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร ร่างกายอาจมีการสูญเสียน้ำมากกว่าปกติได้หากมีการสูญเสียน้ำทางอื่น เช่น ท้องเสีย อากาศร้อนจัดจนมีการระเหยของน้ำทางลมหายใจและเสียเหงื่อมากขึ้น สำหรับผู้มีโรคประจำตัวบางชนิดอาจต้องมีการจำกัดน้ำ เนื่องจากร่างกายขับน้ำส่วนเกินได้น้อย เช่น กลุ่มผู้ป่วยโรคไต โรคหัวใจ ผู้มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับปริมาณการบริโภคน้ำที่เหมาะสมกับตนเอง หากดื่มมากหรือน้อยเกินไปก็จะส่งผลต่อร่างกายได้ เมื่อร่างกายขาดน้ำ การทำงานของระบบอวัยวะต่าง ๆ จะติดขัด ในทางกลับกันถ้าร่างกายได้รับน้ำมากเกินไปจนเกิดภาวะน้ำเป็นพิษ จะเกิดการเสียสมดุลระหว่างน้ำในเซลล์และนอกเซลล์ ทำให้ความเข้มข้นของเลือดลดลง ร่างกายต้องขับแร่ธาตุบางชนิดออกจากเซลล์เพื่อปรับสมดุลของน้ำและทำให้ขาดความสมดุลของแร่ธาตุชนิดนั้นแทน ส่งผลให้เกิดความผิดปกติขึ้นในกระบวนการทำงานของเซลล์ ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ ควรดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป โดยมาตรฐานการดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว ก็เพียงพอต่อการทำงานของร่างกายของบุคคลทั่วไป แต่ความจริงแล้วยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น กิจกรรมที่เราทำในแต่ละวัน เพศ อายุ โรคประจำตัว ความร้อนในสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีส่วนกำหนดความเหมาะสมต่อการดื่มน้ำในแต่ละวันด้วยเช่นกัน นิ่วและน้ำ น้ำดื่มที่สะอาดจะช่วยลดการเกิดนิ่วชนิดออกซาเลตในไต บรรเทาการอักเสบของทางเดินปัสสาวะ ลดอาการท้องผูก น้ำสะอาดจะเร่งการขับสารพิษและของเสียออกไป เมื่อดื่มน้ำที่เพียงพอต่อร่างกายน้ำจะไปช่วยหล่อลื่นข้อกระดูกต่าง ๆ ลดอาการปวดข้อ ปวดหลัง และปวดเอว ดื่มน้ำมากๆ เพื่อรักษาความสะอาดช่องปาก ป้องกัน “นิ่วต่อมน้ำลาย” ของเหลวกับน้ำ เครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ เช่น น้ำอัดลม ชา กาแฟ เหล้า เบียร์ จะทำให้เกิดการขับน้ำออกจากร่างกายมากยิ่งขึ้น เพราะคาเฟอีนจะกระตุ้นการขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น น้ำตาลที่เป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นสาเหตุของระดับน้ำตาลในเลือดที่สูง อาจนำไปสู่โรคเบาหวานได้ และในผู้ป่วยเบาหวานที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากจะมีปัญหาการขับปัสสาวะมากกว่าปกติได้ ผู้ป่วยด้วยภาวะต่างๆ เช่น ข้อเข่าเสื่อม กลั้นปัสสาวะไม่ได้ สมองเสื่อม มีความลำบากในการลุกเข้าห้องน้ำทำให้ไม่อยากดื่มน้ำ ผู้ป่วยกลุ่มนี้ควรดื่มน้ำตามปกติ โดยอาจจัดเวลาดื่มน้ำเน้นในช่วงเวลากลางวัน และจัดสถานที่ปัสสาวะให้สะดวกมากขึ้น ความรู้เรื่องน้ำดื่ม น้ำ RO น้ำ RO เป็นน้ำที่มีการกรองเอาเกลือแร่ส่วนเกินและแบคทีเรียออกไป ดังนั้นจึงนับว่าเป็นน้ำที่สะอาด น้ำด่าง น้ำด่างนอกจากไม่ช่วยในการป้องกันโรคมะเร็ง เนื่องจากเป็นน้ำที่เติมเกลือแร่บางอย่างเข้าไปทำให้ค่าความเป็นด่างสูงขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็นน้ำที่ไปทำให้กระเพาะอาหารมีค่าความเป็นกรดด่างเปลี่ยนไป จนนำไปสู่ปัญหาในระบบทางเดินอาหารและการย่อย น้ำมนต์ น้ำมนต์บางที่อาจจะเป็นน้ำที่ทำความสะอาดและกรองมาแบบปกติ หรือน้ำดื่มบรรจุขวดมาตรฐานที่มีขายทั่วไป เพียงแค่นำมาตั้งและสวดมนต์ตามความเชื่อ สามารถดื่มได้ตามปกติ แต่ถ้าเป็นน้ำมนต์จากน้ำที่ผุดขึ้นมาจากบ่อดิน หรือมีการหยดสารอื่น ๆ ลงไป เช่น เทียน ธูป ทำให้น้ำมีสารปนเปื้อนสารเคมี ฝุ่นผง และเชื้อโรค เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรนำไปดื่ม • เหล็ก หากได้รับเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมาก จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพหลายทาง เช่น ระคายเคืองทางเดินอาหาร ในรายที่รุนแรงมีภาวะเลือดเป็นกรด หลอดเลือดขยายตัวทำให้ความดันเลือดลดลง การสะสมธาตุเหล็กเกินในระยะยาวส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บของตับได้ • ปรอท เมื่อร่างกายมีปรอทสะสมอยู่ในปริมาณมากจะทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือส่งผลร้ายแรงต่อระบบประสาท เช่น ทำให้ตาพร่ามัว มองไม่ชัด ส่งผลต่อระบบประสาทด้านอารมณ์และความจำ มีภาวะสมองเสื่อมได้ • แมงกานีส อาจปนเปื้อนมากับน้ำดื่มที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้มีอาการปวดศีรษะ ระคายเคืองทางเดินอาหารในระยะยาว ส่งผลต่อการบาดเจ็บของเซลล์สมองได้ • ทองแดง หากร่างกายมีทองแดงสะสมเกินกว่า 100 มิลลิกรัม จะส่งผลให้ระคายเคืองทางเดินอาหาร อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาเจียน ในรายที่รุนแรงอาจมีเม็ดเลือดแดงแตกและส่งผลถึงการทำงานของตับ • เชื้อโรคที่ปนเปื้อนมากับน้ำไม่สะอาดโดยเฉพาะเชื้อโคลิฟอร์มแบคทีเรีย เช่น เชื้ออีโคไล ซิโตรแบคเตอร์ เคลบเซลล่า หากมีเชื้อโรคเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อ ทำให้มีไข้ ปวดท้อง ท้องเสีย • การฆ่าเชื้อโรคกลุ่มนี้สามารถทำได้โดยกระบวนการฆ่าเชื้อต่าง ๆ เช่น การต้มน้ำ กระบวนการพาสเจอไรซ์ หรือผ่านระบบกรองน้ำที่มีระบบฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพ น้ำแร่ ในธรรมชาติแล้วน้ำแร่มักได้มาจากภูเขาสูงซึ่งมีค้างคาวอาศัยอยู่ ของเสียจากสัตว์เหล่านี้อาจจะมีสิ่งปนเปื้อนชนิดที่เรียกว่า สารหนู ซึ่งไม่มีสี ไม่มีรสและไม่มีกลิ่น แต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก ถ้าคิดจะดื่ม ต้องมั่นใจว่าผู้ผลิตได้ยืนยันการตรวจสอบปริมาณสารหนูเรียบร้อยแล้ว TIPS ในช่วง 5:00 น ถึง 7:00 น ลำไส้จะไม่มีการดูดซึมน้ำ แต่ร่างกายจะปล่อยน้ำส่วนใหญ่มาที่ลำไส้ใหญ่เพื่อการขับถ่าย ดังนั้นการดื่มน้ำในช่วงเวลานี้ในปริมาณมากจึงส่งผลดีต่อร่างกาย ก่อนรับประทานอาหาร ให้จิบน้ำแค่พอลื่นคอ ในขณะรับประทานอาหารไม่ควรดื่มน้ำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากจะไปรบกวนความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร และพึงระลึกไว้ว่าอาหารที่เรารับประทานส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำในตัวของพวกเขาอยู่แล้ว หลังรับประทานอาหารจิบน้ำเพียงเล็กน้อยแล้วให้รีบไปแปรงฟัน จากนั้นรอจนอาหารย่อยและสารอาหารถูกดูดซึมเข้าหลอดเลือด ในช่วงเวลานี้เลือดคุณจะข้นขึ้น เมื่อเลือดที่ข้นผ่านไปยังไต ไตก็จะสั่ง สัญญาณให้คุณรู้สึกคอแห้งเพื่อเติมน้ำเข้าระบบ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 40 นาที งดหรือหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำในปริมาณมากๆ ในคราวเดียว เนื่องจากจะทำให้กระเพาะอาหารขยายตัวอย่างรวดเร็ว จนไปทับเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของม้ามและไต ซึ่งนำไปสู่อาการปวดส้นเท้าหรือที่เรียกกันว่ารองช้ำได้ ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 804 มุมมอง 0 รีวิว
  • ### 📣ทำไมสูงวัยจึงต้องดูแลเกี่ยวกับสายตา❓️

    📌การดูแลสุขภาพสายตา มีความสำคัญอย่างยิ่งในวัยสูงอายุเนื่องจากการเสื่อมสภาพของสายตาเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย การมองเห็นที่ชัดเจนช่วยให้เราดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
    ✅️นี่คือเหตุผลสำคัญที่วัยสูงอายุต้องใส่ใจการดูแลสายตา:

    1. **การเสื่อมสภาพของจอประสาทตา (Age-related Macular Degeneration - AMD):** โรคนี้เป็นสาเหตุหลักของการสูญเสียการมองเห็นในวัยสูงอายุ การดูแลและบำรุงสายตาช่วยลดความเสี่ยง
    2. **ต้อกระจก (Cataracts):** การขุ่นของเลนส์ตาเป็นปัญหาที่พบบ่อยในวัยสูงอายุ การดูแลสายตาและการผ่าตัดสามารถช่วยแก้ไขได้
    3. **ต้อหิน (Glaucoma):** เป็นโรคที่เกิดจากความดันในลูกตาเพิ่มขึ้น ทำลายประสาทตาและนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็น
    4. **โรคเบาหวานขึ้นตา (Diabetic Retinopathy):** เป็นโรคแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานที่ทำลายเส้นเลือดในจอตา
    5. **ความเสี่ยงต่อการล้ม:** การมองเห็นที่ไม่ชัดเจนทำให้เสี่ยงต่อการล้มและเกิดอุบัติเหตุในบ้าน

    ### ผลิตภัณฑ์บำรุงสายตาที่นิยม

    1. **Blackmores Lutein-Vision Advanced**
    - **คุณสมบัติ:** มีส่วนผสมของลูทีนและซีแซนทีน ช่วยบำรุงสายตาและลดความเสี่ยงของการเกิดจอประสาทตาเสื่อม
    - **แหล่งผลิต:** ออสเตรเลีย

    2. **Vistra Vision**
    - **คุณสมบัติ:** มีส่วนผสมของสารสกัดจากบิลเบอร์รี่ ลูทีน และซีแซนทีน ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับจอตาและป้องกันการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม
    - **แหล่งผลิต:** ประเทศไทย

    3. **Nature’s Bounty Lutein**
    - **คุณสมบัติ:** ประกอบด้วยลูทีนเข้มข้น ช่วยกรองแสงสีฟ้าและลดความเสี่ยงของการเสื่อมสภาพของจอตา
    - **แหล่งผลิต:** สหรัฐอเมริกา

    4. **Mega We Care Nat C Yuzu**
    - **คุณสมบัติ:** มีวิตามินซีสูงจากผลยูกซู ช่วยเสริมสร้างสุขภาพตาและป้องกันโรคเบาหวานขึ้นตา
    - **แหล่งผลิต:** ประเทศไทย

    5. **VisiVite AREDS2 Formula**
    - **คุณสมบัติ:** เป็นสูตรที่ออกแบบตามการศึกษาของ AREDS2 ประกอบด้วยลูทีน ซีแซนทีน วิตามินซี วิตามินอี และสังกะสี ช่วยบำรุงและป้องกันจอประสาทตาเสื่อม
    - **แหล่งผลิต:** สหรัฐอเมริกา

    การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงสายตาควรทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของร่างกายและปลอดภัยสำหรับคุณ
    ### 📣ทำไมสูงวัยจึงต้องดูแลเกี่ยวกับสายตา❓️ 📌การดูแลสุขภาพสายตา มีความสำคัญอย่างยิ่งในวัยสูงอายุเนื่องจากการเสื่อมสภาพของสายตาเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย การมองเห็นที่ชัดเจนช่วยให้เราดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ✅️นี่คือเหตุผลสำคัญที่วัยสูงอายุต้องใส่ใจการดูแลสายตา: 1. **การเสื่อมสภาพของจอประสาทตา (Age-related Macular Degeneration - AMD):** โรคนี้เป็นสาเหตุหลักของการสูญเสียการมองเห็นในวัยสูงอายุ การดูแลและบำรุงสายตาช่วยลดความเสี่ยง 2. **ต้อกระจก (Cataracts):** การขุ่นของเลนส์ตาเป็นปัญหาที่พบบ่อยในวัยสูงอายุ การดูแลสายตาและการผ่าตัดสามารถช่วยแก้ไขได้ 3. **ต้อหิน (Glaucoma):** เป็นโรคที่เกิดจากความดันในลูกตาเพิ่มขึ้น ทำลายประสาทตาและนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็น 4. **โรคเบาหวานขึ้นตา (Diabetic Retinopathy):** เป็นโรคแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานที่ทำลายเส้นเลือดในจอตา 5. **ความเสี่ยงต่อการล้ม:** การมองเห็นที่ไม่ชัดเจนทำให้เสี่ยงต่อการล้มและเกิดอุบัติเหตุในบ้าน ### ผลิตภัณฑ์บำรุงสายตาที่นิยม 1. **Blackmores Lutein-Vision Advanced** - **คุณสมบัติ:** มีส่วนผสมของลูทีนและซีแซนทีน ช่วยบำรุงสายตาและลดความเสี่ยงของการเกิดจอประสาทตาเสื่อม - **แหล่งผลิต:** ออสเตรเลีย 2. **Vistra Vision** - **คุณสมบัติ:** มีส่วนผสมของสารสกัดจากบิลเบอร์รี่ ลูทีน และซีแซนทีน ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับจอตาและป้องกันการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม - **แหล่งผลิต:** ประเทศไทย 3. **Nature’s Bounty Lutein** - **คุณสมบัติ:** ประกอบด้วยลูทีนเข้มข้น ช่วยกรองแสงสีฟ้าและลดความเสี่ยงของการเสื่อมสภาพของจอตา - **แหล่งผลิต:** สหรัฐอเมริกา 4. **Mega We Care Nat C Yuzu** - **คุณสมบัติ:** มีวิตามินซีสูงจากผลยูกซู ช่วยเสริมสร้างสุขภาพตาและป้องกันโรคเบาหวานขึ้นตา - **แหล่งผลิต:** ประเทศไทย 5. **VisiVite AREDS2 Formula** - **คุณสมบัติ:** เป็นสูตรที่ออกแบบตามการศึกษาของ AREDS2 ประกอบด้วยลูทีน ซีแซนทีน วิตามินซี วิตามินอี และสังกะสี ช่วยบำรุงและป้องกันจอประสาทตาเสื่อม - **แหล่งผลิต:** สหรัฐอเมริกา การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงสายตาควรทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของร่างกายและปลอดภัยสำหรับคุณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 556 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณประโยชน์ จาก ผักกวางตุ้ง (ผักกาดจอ)
    1.ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
    2.ช่วยบำรุงและรักษาสายตา
    3.ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
    4.ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
    5.ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งกล้ามเนื้อเสื่อม
    6.ช่วยแก้อาการเป็นตะคริว เพราะเป็นผักที่มีแคลเซียมสูง
    7.การทานกวางตุ้งเป็นประจำทำให้ฟีโรโมนหลั่งออกมา จะทำให้กลิ่นตัวหอม
    8.เป็นผักที่มีเส้นใยมากและมีไขมันน้อย ทำให้อิ่มท้อง
    9.ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
    10.ช่วยป้องกันกล้ามเนื้อเสื่อม ช่วยเพิ่มความกระฉับกระเฉง
    11.ช่วยในการขับถ่าย ถ่ายสะดวก ป้องกันโรคท้องผูก
    12.มีฤทธิ์ในการบรรเทาอาการปวดตามข้อ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งกล้ามเนื้อเสื่อม
    13.อุดมไปด้วยแคลเซียม วิตามินเอ และวิตามินซีในปริมาณที่สูงมาก
    14.ผักกวางตุ้งช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง
    15.มีสรรพคุณช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ร่างกาย ระบายความร้อนได้ดี
    คุณประโยชน์ จาก ผักกวางตุ้ง (ผักกาดจอ) 1.ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย 2.ช่วยบำรุงและรักษาสายตา 3.ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง 4.ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน 5.ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งกล้ามเนื้อเสื่อม 6.ช่วยแก้อาการเป็นตะคริว เพราะเป็นผักที่มีแคลเซียมสูง 7.การทานกวางตุ้งเป็นประจำทำให้ฟีโรโมนหลั่งออกมา จะทำให้กลิ่นตัวหอม 8.เป็นผักที่มีเส้นใยมากและมีไขมันน้อย ทำให้อิ่มท้อง 9.ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ 10.ช่วยป้องกันกล้ามเนื้อเสื่อม ช่วยเพิ่มความกระฉับกระเฉง 11.ช่วยในการขับถ่าย ถ่ายสะดวก ป้องกันโรคท้องผูก 12.มีฤทธิ์ในการบรรเทาอาการปวดตามข้อ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งกล้ามเนื้อเสื่อม 13.อุดมไปด้วยแคลเซียม วิตามินเอ และวิตามินซีในปริมาณที่สูงมาก 14.ผักกวางตุ้งช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง 15.มีสรรพคุณช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ร่างกาย ระบายความร้อนได้ดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ปลูกเมล่อนในถุง vs #ปลูกลงดิน วิธีไหนดีกว่ากัน? 🍈🌱
    คำตอบคือ...ขึ้นอยู่กับการจัดการของคุณ!
    ไม่ว่าจะปลูกแบบไหนก็ได้ผลผลิตดีถ้า วางแผนการปลูก+ดูแลอย่างถูกต้อง✅

    🆚 เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย

    🌟 #ปลูกในถุง
    ✅ ข้อดี
    - ควบคุมวัสดุปลูก-ธาตุอาหารได้แม่นยำ
    - ระบายน้ำดี ลดปัญหารากเน่า 💧
    - จัดตำแหน่งรับแสงแดดง่าย ☀️
    - ใช้พื้นที่น้อย เหมาะกับสวนหลังบ้าน
    ❌ ข้อเสีย
    - ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูง (ถุงปลูก+วัสดุเพาะ)
    - ต้องรดน้ำ-ให้ปุ๋ยบ่อยกว่า
    - ย้ายถุงลำบาก ถ้าต้องการขยับตำแหน่ง

    🌟 #ปลูกลงดิน
    ✅ ข้อดี
    - ต้นทุนต่ำ ไม่ต้องซื้อถุงปลูก
    - ดินอุ้มน้ำ-ธาตุอาหารได้นาน 🌧️
    - เหมาะกับพื้นที่กว้าง ปลูกจำนวนมาก
    ❌ ข้อเสีย
    - ควบคุมคุณภาพดินยาก
    - เสี่ยงโรคสะสม-แมลงในดิน 🐛
    - ต้องปรับสภาพดินก่อนปลูก

    🌟 #เคล็ดลับเพิ่มประสิทธิภาพการปลูก
    - ถุงปลูก 7x13 นิ้ว (สีขาวนอก-ดำใน) 👉 แช่วัสดุปลูกก่อนเจาะรูระบายน้ำทีหลัง สะดวกในการเตรียมแช่วัสดุปลูก
    - ปุ๋ยAB Fertilizer + ธาตุอาหารรอง
    👉 สูตรเฉพาะเร่งโตทุกช่วงวัย
    - ไตรโคบิวพลัส 👉 ป้องกันโรคเชื้อรา-แมลงแบบชีวภาพ

    💡 #ทำไมถุงปลูกของเราถึงปัง?
    ✅ ขนาด 7x13 นิ้วกำลังดี ไม่เล็กไม่ใหญ่เกิน
    ✅ สีดำด้านใน ช่วยเก็บความชื้น + กระตุ้นราก
    ✅ ราคาใบละ 5 บาทคุ้มค่าสำหรับมือใหม่-มือโปร อายุใช้งานประมาณ 1 ปีเมื่อถุงเสื่อมสภาพขาด ให้เปลี่ยนวัสดุปลูกพร้อมถุงปลูกเลย

    ---
    **#ลิตเติ้ลฟาร์ม** พร้อมสนับสนุนทุกสไตล์การปลูก!
    ✅ ถุงปลูกคุณภาพ
    ✅ ปุ๋ย AB สูตรเข้มข้น
    ✅ ไตรโคบิวพลัส ปลอดภัย 100%
    ✅ เมล็ดพันธุ์เมล่อนญี่ปุ่นแท้

    📩 ปรึกษาฟรี!
    Inbox หรือโทร **093-696-2691** (คุณศักรพี)

    #ปลูกเมล่อน #เมล่อนในถุง #เกษตรเมืองร้อน #ลิตเติ้ลฟาร์ม
    ✨ "เลือกวิธีปลูกให้เหมาะกับพื้นที่...ผลผลิตดีมีอยู่จริง!" ✨

    (ภาพประกอบ: ตัวอย่างการปลูกเมล่อนในถุง 7x13 นิ้ว ที่อ.ฉวาง และอ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช)
    #ปลูกเมล่อนในถุง vs #ปลูกลงดิน วิธีไหนดีกว่ากัน? 🍈🌱 คำตอบคือ...ขึ้นอยู่กับการจัดการของคุณ! ไม่ว่าจะปลูกแบบไหนก็ได้ผลผลิตดีถ้า วางแผนการปลูก+ดูแลอย่างถูกต้อง✅ 🆚 เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย 🌟 #ปลูกในถุง ✅ ข้อดี - ควบคุมวัสดุปลูก-ธาตุอาหารได้แม่นยำ - ระบายน้ำดี ลดปัญหารากเน่า 💧 - จัดตำแหน่งรับแสงแดดง่าย ☀️ - ใช้พื้นที่น้อย เหมาะกับสวนหลังบ้าน ❌ ข้อเสีย - ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูง (ถุงปลูก+วัสดุเพาะ) - ต้องรดน้ำ-ให้ปุ๋ยบ่อยกว่า - ย้ายถุงลำบาก ถ้าต้องการขยับตำแหน่ง 🌟 #ปลูกลงดิน ✅ ข้อดี - ต้นทุนต่ำ ไม่ต้องซื้อถุงปลูก - ดินอุ้มน้ำ-ธาตุอาหารได้นาน 🌧️ - เหมาะกับพื้นที่กว้าง ปลูกจำนวนมาก ❌ ข้อเสีย - ควบคุมคุณภาพดินยาก - เสี่ยงโรคสะสม-แมลงในดิน 🐛 - ต้องปรับสภาพดินก่อนปลูก 🌟 #เคล็ดลับเพิ่มประสิทธิภาพการปลูก - ถุงปลูก 7x13 นิ้ว (สีขาวนอก-ดำใน) 👉 แช่วัสดุปลูกก่อนเจาะรูระบายน้ำทีหลัง สะดวกในการเตรียมแช่วัสดุปลูก - ปุ๋ยAB Fertilizer + ธาตุอาหารรอง 👉 สูตรเฉพาะเร่งโตทุกช่วงวัย - ไตรโคบิวพลัส 👉 ป้องกันโรคเชื้อรา-แมลงแบบชีวภาพ 💡 #ทำไมถุงปลูกของเราถึงปัง? ✅ ขนาด 7x13 นิ้วกำลังดี ไม่เล็กไม่ใหญ่เกิน ✅ สีดำด้านใน ช่วยเก็บความชื้น + กระตุ้นราก ✅ ราคาใบละ 5 บาทคุ้มค่าสำหรับมือใหม่-มือโปร อายุใช้งานประมาณ 1 ปีเมื่อถุงเสื่อมสภาพขาด ให้เปลี่ยนวัสดุปลูกพร้อมถุงปลูกเลย --- **#ลิตเติ้ลฟาร์ม** พร้อมสนับสนุนทุกสไตล์การปลูก! ✅ ถุงปลูกคุณภาพ ✅ ปุ๋ย AB สูตรเข้มข้น ✅ ไตรโคบิวพลัส ปลอดภัย 100% ✅ เมล็ดพันธุ์เมล่อนญี่ปุ่นแท้ 📩 ปรึกษาฟรี! Inbox หรือโทร **093-696-2691** (คุณศักรพี) #ปลูกเมล่อน #เมล่อนในถุง #เกษตรเมืองร้อน #ลิตเติ้ลฟาร์ม ✨ "เลือกวิธีปลูกให้เหมาะกับพื้นที่...ผลผลิตดีมีอยู่จริง!" ✨ (ภาพประกอบ: ตัวอย่างการปลูกเมล่อนในถุง 7x13 นิ้ว ที่อ.ฉวาง และอ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 644 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔴sold🔴
    🥛Kaya – ขวดน้ำทองแดงบริสุทธ์ - ใหม่
    • ทำจากทองแดงบริสุทธิ์คุณภาพดีที่สุดในโลก
    • ไม่มีรอยต่อ / ฝาเกรียว+ซิลิโคนกันซึม
    • ประโยชย์ต่อสุขภาพของภาชนะทองแดงบริสุทธ์
    o ช่วยคุมน้ำหนัก
    o กระตุ้นการทำงานของสมอง
    o ฆ่าแบคทีเรียในน้ำ
    o กระตุ้นระบบย่อยอาหาร
    o ป้องกันโรคเบาหวาน
    • วิธีทำความสะอาด- ล้างด้วยน้ำอุ่น+มะนาว+เกลือทั้งในและนอกก่อนจะล้างน้ำสะอาด
    • ขนาด 1 ล.
    🔴sold🔴

    🍶 พท.ห่างไกล+50บาท
    🗄 ไม่มีปลายทาง
    📦 โอนก่อนบ่าย 2 ส่งของภายในวันเดียวกัน/ร้านส่งปิดวันอาทิตย์
    🗒 บช.พ่อค้า 005-xxx - xx37
    * ถ่ายคลิปการแกะกล่องสค.ทุกครั้ง/ไม่มีคลิป พ่อค้าไม่สามารถรับเคลมได้
    FB: Lek's Kitchenware / IG : Lek's Choices
    🔴sold🔴 🥛Kaya – ขวดน้ำทองแดงบริสุทธ์ - ใหม่ • ทำจากทองแดงบริสุทธิ์คุณภาพดีที่สุดในโลก • ไม่มีรอยต่อ / ฝาเกรียว+ซิลิโคนกันซึม • ประโยชย์ต่อสุขภาพของภาชนะทองแดงบริสุทธ์ o ช่วยคุมน้ำหนัก o กระตุ้นการทำงานของสมอง o ฆ่าแบคทีเรียในน้ำ o กระตุ้นระบบย่อยอาหาร o ป้องกันโรคเบาหวาน • วิธีทำความสะอาด- ล้างด้วยน้ำอุ่น+มะนาว+เกลือทั้งในและนอกก่อนจะล้างน้ำสะอาด • ขนาด 1 ล. 🔴sold🔴 🍶 พท.ห่างไกล+50บาท 🗄 ไม่มีปลายทาง 📦 โอนก่อนบ่าย 2 ส่งของภายในวันเดียวกัน/ร้านส่งปิดวันอาทิตย์ 🗒 บช.พ่อค้า 005-xxx - xx37 * ถ่ายคลิปการแกะกล่องสค.ทุกครั้ง/ไม่มีคลิป พ่อค้าไม่สามารถรับเคลมได้ FB: Lek's Kitchenware / IG : Lek's Choices
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เคล็ดลับให้ปุ๋ยเมล่อนหลังย้ายกล้า ให้โตเร็ว-แข็งแรง 🌱🍈
    หลังย้ายต้นกล้าเมล่อนจากพีทมอส (ที่มีธาตุอาหารเพียง 7-10 วัน) ลงถุงปลูก ต้องรีบให้ปุ๋ย AB ทันที! พร้อมส่องเทคนิคขั้นตอนให้ปุ๋ยแบบมืออาชีพ 👇

    ### 3 ขั้นตอนให้ปุ๋ยหลังย้ายกล้า ⏳
    1️⃣ **วัน 1-3**: เริ่มด้วยปุ๋ย AB ความเข้มข้นอ่อนปรับตัวต้นกล้าไม่ช็อก
    2️⃣ **วัน 4 เป็นต้นไป**: เพิ่มความเข้มข้นปุ๋ยตามช่วงวัย
    3️⃣ **วัน 5+**: พ่น **ธาตุอาหารรอง-อาหารเสริมทางใบ** ช่วงเช้าตรู่ ☀️ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงสมบูรณ์

    ### 4 ข้อควรรู้สำหรับมือใหม่❗
    - 💧 **น้ำต้องพอดี** – อย่าให้แฉะหรือแห้งเกิน
    - ⏰ **เวลาพ่นทางใบ** – เช้าเร็วแดดอ่อน หลีกเลี่ยงแดดจัด
    - 📏 **อัตราปุ๋ย** – ใช้ตามคำแนะนำบนผลิตภัณฑ์
    - 🛡️ **ป้องกันเชื้อรา** – หลังเด็ดแขนง/ตัดใบ ต้องพ่น #ไตรโคบิวพลัส

    ### #ลิตเติ้ลฟาร์ม สนับสนุนเกษตรกรทุกรอบการปลูก 🌱
    ✅ ปุ๋ย AB สูตรเฉพาะเมล่อน (เร่งราก-ใบ-ผล)
    ✅ ธาตุอาหารรอง-อาหารเสริมทางใบ
    ✅ ไตรโคบิวพลัส ป้องกันโรค-แมลงแบบชีวภาพ
    ✅ เมล็ดพันธุ์คุณภาพสูง

    📞 **ปรึกษาปัญหาการปลูกฟรี!**
    Inbox หรือโทร **093-696-2691** (คุณศักรพี)

    #ปลูกเมล่อน #ปุ๋ยABเมล่อน #ไตรโคบิวพลัส #ลิตเติ้ลฟาร์ม
    ---
    **✨ ปลูกเมล่อนให้หวานกรอบ...ต้องเริ่มจากปุ๋ยดีและเทคนิคถูกวิธี ✨**
    #เคล็ดลับให้ปุ๋ยเมล่อนหลังย้ายกล้า ให้โตเร็ว-แข็งแรง 🌱🍈 หลังย้ายต้นกล้าเมล่อนจากพีทมอส (ที่มีธาตุอาหารเพียง 7-10 วัน) ลงถุงปลูก ต้องรีบให้ปุ๋ย AB ทันที! พร้อมส่องเทคนิคขั้นตอนให้ปุ๋ยแบบมืออาชีพ 👇 ### 3 ขั้นตอนให้ปุ๋ยหลังย้ายกล้า ⏳ 1️⃣ **วัน 1-3**: เริ่มด้วยปุ๋ย AB ความเข้มข้นอ่อนปรับตัวต้นกล้าไม่ช็อก 2️⃣ **วัน 4 เป็นต้นไป**: เพิ่มความเข้มข้นปุ๋ยตามช่วงวัย 3️⃣ **วัน 5+**: พ่น **ธาตุอาหารรอง-อาหารเสริมทางใบ** ช่วงเช้าตรู่ ☀️ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงสมบูรณ์ ### 4 ข้อควรรู้สำหรับมือใหม่❗ - 💧 **น้ำต้องพอดี** – อย่าให้แฉะหรือแห้งเกิน - ⏰ **เวลาพ่นทางใบ** – เช้าเร็วแดดอ่อน หลีกเลี่ยงแดดจัด - 📏 **อัตราปุ๋ย** – ใช้ตามคำแนะนำบนผลิตภัณฑ์ - 🛡️ **ป้องกันเชื้อรา** – หลังเด็ดแขนง/ตัดใบ ต้องพ่น #ไตรโคบิวพลัส ### #ลิตเติ้ลฟาร์ม สนับสนุนเกษตรกรทุกรอบการปลูก 🌱 ✅ ปุ๋ย AB สูตรเฉพาะเมล่อน (เร่งราก-ใบ-ผล) ✅ ธาตุอาหารรอง-อาหารเสริมทางใบ ✅ ไตรโคบิวพลัส ป้องกันโรค-แมลงแบบชีวภาพ ✅ เมล็ดพันธุ์คุณภาพสูง 📞 **ปรึกษาปัญหาการปลูกฟรี!** Inbox หรือโทร **093-696-2691** (คุณศักรพี) #ปลูกเมล่อน #ปุ๋ยABเมล่อน #ไตรโคบิวพลัส #ลิตเติ้ลฟาร์ม --- **✨ ปลูกเมล่อนให้หวานกรอบ...ต้องเริ่มจากปุ๋ยดีและเทคนิคถูกวิธี ✨**
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 406 มุมมอง 0 รีวิว
  • โกโก้ป๋า

    วัตถุประสงค์

    เพื่อปรับปรุงหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีอาหารจี๊ด ๆ ในหลอดเลือดและถูกบอกว่า...โรคนี้รักษาไม่หายต้องปล่อยไปตามยถากรรม แต่หลังจากให้ผู้ที่มีอาการไปหาซื้อกินเองจนอาการหายดี จึงคิดทำขึ้นเนื่องจากเห็นว่าที่ขายกันอยู่ราคาสูงเกินไปและมีเปอร์เซ็นต์ของโกโก้และฟลาโวนอลต่ำไป

    ส่วนผสมที่ตั้งใจจะคัดสรรมาให้

    ผงดาร์กโกโก้แท้ เกรดพรีเมี่ยมนำเข้าจากเบลเยี่ยม ปราศจากการแต่งกลิ่นเลียนแบบธรรมชาติ ไม่แต่งสีหรือปรุงรสชาติ ไม่ใส่ครีมเทียม ไม่ใส่นม

    ไบโอฟลาโวนอยจากแคนาดา ที่ตั้งใจจะใส่ลงไป และดีที่สุดในโลก เท่าที่จะหาได้

    ขนาดบรรจุ ซองละ 10 กรัม มี 30 ซองใน 1กล่อง ราคา 480 บาท

    BELIEVE THE TRUTH

    ตอน...โกโก้และหลอดเลือดที่เสียหายในผู้ป่วยโรคเบาหวาน

    Flavanols ในโกโก้ช่วยปรับปรุงสมรรถภาพของหลอดเลือดช่วยลดความเครียดในหัวใจ

    AMERICAN COLLEGE OF CARDIOLOGY

    หลังจากที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ดื่มโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเป็นเวลาหนึ่งเดือน หลอดเลือดที่ชำรุดทรุดโทรมก็ลับมาทำงานได้ตามปกติ
    นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าการปรับปรุงนี้มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับการออกกำลังกายและการใช้ยารักษาโรคเบาหวานที่พบบ่อย การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่าอาจถึงเวลาแล้วที่จะคิดว่า “ไม่ใช่แค่การคิดนอกกะลาแต่ภายในถ้วยโกโก้”เพื่อเป็นแนวทางในการปัดเป่าโรคหัวใจและหลอดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเสียชีวิตในผู้ป่วยโรคเบาหวาน

    “การรักษาด้วยยาเพียงลำพังไม่สามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดและโรคหัวใจและหลอดเลือดได้” กล่าวโดย นายแพทย์Malte Kelmศาสตราจารย์และประธานด้านโรคหัวใจ วิทยาปอด(pulmonology)และเวชศาสตร์หลอดเลือดที่โรงพยาบาลและมหาวิทยาลัย Aachen เยอรมนี "แพทย์ควรจะมองหาการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตและแนวทางใหม่ ๆ เพื่อช่วยในการจัดการกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน"

    ในการศึกษา Dr.Kelm และเพื่อนร่วมงานของเขาได้ทดสอบความเป็นไปได้ในการใช้โกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเพื่อปรับปรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดด้วยการสังเกตผลของโกโก้ที่มีปริมาณ flavanols ในหลอดเลือดแตกต่างกันในผู้ป่วย 10 รายที่มีเบาหวานชนิดที่ 2

    การศึกษาได้ทดสอบประสิทธิภาพของการบริโภคโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเป็นระยะเวลานานเทียบกับโกโก้ที่มีปริมาณฟลาโวนอลต่ำในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ผู้ป่วยได้รับการสุ่มเลือกให้ดื่มโกโก้ที่มี flavolsols 321 มิลลิกรัมและ 25 มิลลิกรัมต่อถ้วย 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 30 วัน ทั้งสองประเภทของโกโก้มีรสชาติและดูเหมือนกันแม้จะมีความแตกต่างของปริมาณฟลาโวนอล
    การทำงานของเส้นเลือดถูกทดสอบในวันแรกก่อนที่ผู้ป่วยจะบริโภคโกโก้ใด ๆ และอีกสองชั่วโมงหลังจากดื่มเครื่องดื่ม การทดสอบทำซ้ำก่อนและหลังการบริโภคโกโก้ในวันที่ 8 และวันที่ 30 ของการศึกษา

    เพื่อการวัดผลกระทบที่เกิดขึ้นของโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูง...นักวิจัยได้ใช้การทดสอบที่เรียกว่า "flow-mediated dilation" (FMD) ซึ่งประเมินความสามารถของหลอดเลือดในการขยายตัว เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับเลือด ออกซิเจนและสารอาหาร การทดสอบ FMD เกี่ยวข้องกับการวัดเส้นผ่าศูนย์กลางของหลอดเลือดแดงที่แขนด้านบนโดยใช้อัลตราซาวนด์ ในคนที่มีสุขภาพดีเยื่อบุชั้นในของหลอดเลือดแดงหรือ endothelium จะตรวจจับการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นและส่งสัญญาณทางเคมีเพื่อบอกให้หลอดเลือดแดงขยายตัว ในห้องปฏิบัติการของดร. เคลม์ การตอบสนองในคนที่มีสุขภาพดีในวัยเดียวกันที่เข้าร่วมในการศึกษามีการขยายตัวของเส้นผ่าศูนย์กลางหลอดเลือดเฉลี่ยที่ 5.2 เปอร์เซ็นต์
    นักวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 มีความทรุดโทรมของหลอดเลือดแดงอย่างรุนแรงในช่วงเริ่มต้นของการศึกษา ก่อนที่ผู้ป่วยจะบริโภคโกโก้ใด ๆ หลอดเลือดแดงที่แขนด้านบนจะขยายตัวเพียง 3.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น สองชั่วโมงหลังจากดื่มโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงการตอบสนองต่อ FMD เท่ากับ 4.8 เปอร์เซ็นต์

    เมื่อเวลาผ่านไปผลการวิจัยเหล่านั้นก็ดีขึ้น หลังจากที่ผู้ป่วยดื่มโกโก้ที่มีระดับฟลาโวนอลสูง 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 8 วัน อัตราการตอบสนองของ FMD เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 4.1 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเริ่มต้นและ5.7 เปอร์เซ็นต์ที่ 2 ชั่วโมงหลังจากรับประทานโกโก้

    ในวันที่ 30 การตอบสนองต่อ FMD ดีขึ้นเป็น 4.3 เปอร์เซ็นต์ที่ระดับพื้นฐานและ 5.8 เปอร์เซ็นต์หลังจากกินโกโก้...และการปรับปรุงทั้งหมดมีนัยสำคัญทางสถิติ

    ในหมู่ผู้ป่วยที่บริโภคโกโก้ที่มีฟลาโวนอลต่ำ ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในการตอบสนองของ FMD หลังการกินโกโก้ในวันที่ 8 และ 30
    การตรวจวัด FMD สามารถให้ข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดของบุคคล การศึกษาก่อนหน้านี้ได้แสดงให้เห็นว่าผู้ที่มีการตอบสนองต่อ FMD ไม่ดี มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายเพิ่มขึ้นและจำเป็นต้องผ่าตัดบายพาส
    หลอดเลือดหัวใจและแม้แต่ความตายจากโรคหัวใจ

    Dr.Kelm คาดการณ์ว่าฟลาโวนอลในโกโก้ช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อ FMD โดยการเพิ่มการผลิตไนตริกออกไซด์ซึ่งเป็นสัญญาณทางเคมีที่บอกให้หลอดเลือดแดงผ่อนคลายและขยายตัวเพื่อตอบสนองต่อการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้น การผ่อนคลายของหลอดเลือดแดงจะทำให้ความเครียดของหัวใจและหลอดเลือดลดลง

    การใช้โกโก้ที่มีปริมาณฟลาโวนอลสูงในการศึกษานี้ไม่ได้มีขายในซูเปอร์มาร์เก็ต Dr.Kelm เตือนว่า การศึกษานี้ไม่ได้หมายความว่าคนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ต้องกินโกโก้อย่างบ้าคลั่ง... แต่การที่มีฟลาโวนอลในอาหารถือว่าเป็นวิธีการป้องกันโรคหัวใจ ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 สามารถหาแนวทางในการกินช็อกโกแลตเพื่อให้มีสุขภาพดีได้ แต่การศึกษานี้ไม่เกี่ยวกับช็อกโกแลตและไม่ได้กระตุ้นให้ผู้ที่เป็นเบาหวานกินช็อกโกแลตให้มากขึ้น การวิจัยครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่อะไรที่เป็นหัวใจที่แท้จริงของ การอภิปรายเรื่อง cocoa flavanols : สารประกอบธรรมชาติที่เกิดขึ้นในโกโก้ เขากล่าวว่า "ในขณะที่การวิจัยเป็นสิ่งจำเป็น ผลของเราแสดงให้เห็นว่า flavanols ในอาหารอาจมีผลกระทบที่สำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของอาหารสุขภาพในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน "

    Umberto Campia, MD ผู้ร่วมเขียนบทวิจารณ์เกี่ยวกับการศึกษาใหม่ในฉบับเดียวกันของ JACC กล่าวว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานเป็นประชากรที่เหมาะสำหรับศึกษาผลของ flavanols ต่อการทำงานของเส้นเลือดแดงเนื่องจากน้ำตาลในเลือดสูงทำให้เกิดความเสียหายต่อ endothelium และเนื่องจากผู้ป่วยเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
    “การบำบัดใดๆที่ช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้นย่อมสำคัญเสมอ” Dr. Campia นักวิจัยจากสถาบันวิจัย MedStar ในกรุงวอชิงตันดีซีกล่าวว่า "เยื่อบุผนังหลอดเลือดเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของร่างกาย" เขากล่าว "มันรักษาสุขภาพของหลอดเลือดแดงและป้องกันการอุดตันที่อาจทำให้เกิดหัวใจวาย และอัมพาตย์"

    "การศึกษาครั้งนี้มีความสำคัญและกระตุ้นความคิด" เขากล่าว "ตอนนี้เรามีหลักฐานมากมายว่า flavanols ในโกโก้มีผลดีต่อสุขภาพของหลอดเลือดแดง นี่เป็นรากฐานที่เราต้องการสำหรับการทำการศึกษาในอนาคตที่มีขนาดใหญ่กว่าซึ่งจะพิจารณาถึงผลของ flavanols ใสโกโก้ ไม่ใช่แค่การทำงานของ endothelial เท่านั้นแต่ยังรวมถึง ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจและหลอดเลือดชนิดร้ายแรงอื่น ๆ "

    American College of Cardiology เป็นผู้นำในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดและการป้องกันโรคที่ดีที่สุด วิทยาลัยเป็นองค์กรด้านการแพทย์ที่ไม่หวังผลกำไรที่มีสมาชิก 34,000 คน ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาคมสามารถดูได้ทางออนไลน์ที่ www.acc.org

    และเพิ่งระลึกไว้ว่า

    เมื่อหลอดเลือดดี แปลว่าท่อลำเลียงสารอาหารและอากาศดี อวัยวะทุกส่วนในร่างกายก็จะดีไปด้วย

    Cr. Santi Manadee
    โกโก้ป๋า วัตถุประสงค์ เพื่อปรับปรุงหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีอาหารจี๊ด ๆ ในหลอดเลือดและถูกบอกว่า...โรคนี้รักษาไม่หายต้องปล่อยไปตามยถากรรม แต่หลังจากให้ผู้ที่มีอาการไปหาซื้อกินเองจนอาการหายดี จึงคิดทำขึ้นเนื่องจากเห็นว่าที่ขายกันอยู่ราคาสูงเกินไปและมีเปอร์เซ็นต์ของโกโก้และฟลาโวนอลต่ำไป ส่วนผสมที่ตั้งใจจะคัดสรรมาให้ ผงดาร์กโกโก้แท้ เกรดพรีเมี่ยมนำเข้าจากเบลเยี่ยม ปราศจากการแต่งกลิ่นเลียนแบบธรรมชาติ ไม่แต่งสีหรือปรุงรสชาติ ไม่ใส่ครีมเทียม ไม่ใส่นม ไบโอฟลาโวนอยจากแคนาดา ที่ตั้งใจจะใส่ลงไป และดีที่สุดในโลก เท่าที่จะหาได้ ขนาดบรรจุ ซองละ 10 กรัม มี 30 ซองใน 1กล่อง ราคา 480 บาท BELIEVE THE TRUTH ตอน...โกโก้และหลอดเลือดที่เสียหายในผู้ป่วยโรคเบาหวาน Flavanols ในโกโก้ช่วยปรับปรุงสมรรถภาพของหลอดเลือดช่วยลดความเครียดในหัวใจ AMERICAN COLLEGE OF CARDIOLOGY หลังจากที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ดื่มโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเป็นเวลาหนึ่งเดือน หลอดเลือดที่ชำรุดทรุดโทรมก็ลับมาทำงานได้ตามปกติ นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าการปรับปรุงนี้มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับการออกกำลังกายและการใช้ยารักษาโรคเบาหวานที่พบบ่อย การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่าอาจถึงเวลาแล้วที่จะคิดว่า “ไม่ใช่แค่การคิดนอกกะลาแต่ภายในถ้วยโกโก้”เพื่อเป็นแนวทางในการปัดเป่าโรคหัวใจและหลอดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเสียชีวิตในผู้ป่วยโรคเบาหวาน “การรักษาด้วยยาเพียงลำพังไม่สามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดและโรคหัวใจและหลอดเลือดได้” กล่าวโดย นายแพทย์Malte Kelmศาสตราจารย์และประธานด้านโรคหัวใจ วิทยาปอด(pulmonology)และเวชศาสตร์หลอดเลือดที่โรงพยาบาลและมหาวิทยาลัย Aachen เยอรมนี "แพทย์ควรจะมองหาการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตและแนวทางใหม่ ๆ เพื่อช่วยในการจัดการกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน" ในการศึกษา Dr.Kelm และเพื่อนร่วมงานของเขาได้ทดสอบความเป็นไปได้ในการใช้โกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเพื่อปรับปรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดด้วยการสังเกตผลของโกโก้ที่มีปริมาณ flavanols ในหลอดเลือดแตกต่างกันในผู้ป่วย 10 รายที่มีเบาหวานชนิดที่ 2 การศึกษาได้ทดสอบประสิทธิภาพของการบริโภคโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเป็นระยะเวลานานเทียบกับโกโก้ที่มีปริมาณฟลาโวนอลต่ำในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ผู้ป่วยได้รับการสุ่มเลือกให้ดื่มโกโก้ที่มี flavolsols 321 มิลลิกรัมและ 25 มิลลิกรัมต่อถ้วย 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 30 วัน ทั้งสองประเภทของโกโก้มีรสชาติและดูเหมือนกันแม้จะมีความแตกต่างของปริมาณฟลาโวนอล การทำงานของเส้นเลือดถูกทดสอบในวันแรกก่อนที่ผู้ป่วยจะบริโภคโกโก้ใด ๆ และอีกสองชั่วโมงหลังจากดื่มเครื่องดื่ม การทดสอบทำซ้ำก่อนและหลังการบริโภคโกโก้ในวันที่ 8 และวันที่ 30 ของการศึกษา เพื่อการวัดผลกระทบที่เกิดขึ้นของโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูง...นักวิจัยได้ใช้การทดสอบที่เรียกว่า "flow-mediated dilation" (FMD) ซึ่งประเมินความสามารถของหลอดเลือดในการขยายตัว เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับเลือด ออกซิเจนและสารอาหาร การทดสอบ FMD เกี่ยวข้องกับการวัดเส้นผ่าศูนย์กลางของหลอดเลือดแดงที่แขนด้านบนโดยใช้อัลตราซาวนด์ ในคนที่มีสุขภาพดีเยื่อบุชั้นในของหลอดเลือดแดงหรือ endothelium จะตรวจจับการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นและส่งสัญญาณทางเคมีเพื่อบอกให้หลอดเลือดแดงขยายตัว ในห้องปฏิบัติการของดร. เคลม์ การตอบสนองในคนที่มีสุขภาพดีในวัยเดียวกันที่เข้าร่วมในการศึกษามีการขยายตัวของเส้นผ่าศูนย์กลางหลอดเลือดเฉลี่ยที่ 5.2 เปอร์เซ็นต์ นักวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 มีความทรุดโทรมของหลอดเลือดแดงอย่างรุนแรงในช่วงเริ่มต้นของการศึกษา ก่อนที่ผู้ป่วยจะบริโภคโกโก้ใด ๆ หลอดเลือดแดงที่แขนด้านบนจะขยายตัวเพียง 3.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น สองชั่วโมงหลังจากดื่มโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงการตอบสนองต่อ FMD เท่ากับ 4.8 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเวลาผ่านไปผลการวิจัยเหล่านั้นก็ดีขึ้น หลังจากที่ผู้ป่วยดื่มโกโก้ที่มีระดับฟลาโวนอลสูง 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 8 วัน อัตราการตอบสนองของ FMD เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 4.1 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเริ่มต้นและ5.7 เปอร์เซ็นต์ที่ 2 ชั่วโมงหลังจากรับประทานโกโก้ ในวันที่ 30 การตอบสนองต่อ FMD ดีขึ้นเป็น 4.3 เปอร์เซ็นต์ที่ระดับพื้นฐานและ 5.8 เปอร์เซ็นต์หลังจากกินโกโก้...และการปรับปรุงทั้งหมดมีนัยสำคัญทางสถิติ ในหมู่ผู้ป่วยที่บริโภคโกโก้ที่มีฟลาโวนอลต่ำ ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในการตอบสนองของ FMD หลังการกินโกโก้ในวันที่ 8 และ 30 การตรวจวัด FMD สามารถให้ข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดของบุคคล การศึกษาก่อนหน้านี้ได้แสดงให้เห็นว่าผู้ที่มีการตอบสนองต่อ FMD ไม่ดี มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายเพิ่มขึ้นและจำเป็นต้องผ่าตัดบายพาส หลอดเลือดหัวใจและแม้แต่ความตายจากโรคหัวใจ Dr.Kelm คาดการณ์ว่าฟลาโวนอลในโกโก้ช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อ FMD โดยการเพิ่มการผลิตไนตริกออกไซด์ซึ่งเป็นสัญญาณทางเคมีที่บอกให้หลอดเลือดแดงผ่อนคลายและขยายตัวเพื่อตอบสนองต่อการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้น การผ่อนคลายของหลอดเลือดแดงจะทำให้ความเครียดของหัวใจและหลอดเลือดลดลง การใช้โกโก้ที่มีปริมาณฟลาโวนอลสูงในการศึกษานี้ไม่ได้มีขายในซูเปอร์มาร์เก็ต Dr.Kelm เตือนว่า การศึกษานี้ไม่ได้หมายความว่าคนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ต้องกินโกโก้อย่างบ้าคลั่ง... แต่การที่มีฟลาโวนอลในอาหารถือว่าเป็นวิธีการป้องกันโรคหัวใจ ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 สามารถหาแนวทางในการกินช็อกโกแลตเพื่อให้มีสุขภาพดีได้ แต่การศึกษานี้ไม่เกี่ยวกับช็อกโกแลตและไม่ได้กระตุ้นให้ผู้ที่เป็นเบาหวานกินช็อกโกแลตให้มากขึ้น การวิจัยครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่อะไรที่เป็นหัวใจที่แท้จริงของ การอภิปรายเรื่อง cocoa flavanols : สารประกอบธรรมชาติที่เกิดขึ้นในโกโก้ เขากล่าวว่า "ในขณะที่การวิจัยเป็นสิ่งจำเป็น ผลของเราแสดงให้เห็นว่า flavanols ในอาหารอาจมีผลกระทบที่สำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของอาหารสุขภาพในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน " Umberto Campia, MD ผู้ร่วมเขียนบทวิจารณ์เกี่ยวกับการศึกษาใหม่ในฉบับเดียวกันของ JACC กล่าวว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานเป็นประชากรที่เหมาะสำหรับศึกษาผลของ flavanols ต่อการทำงานของเส้นเลือดแดงเนื่องจากน้ำตาลในเลือดสูงทำให้เกิดความเสียหายต่อ endothelium และเนื่องจากผู้ป่วยเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด “การบำบัดใดๆที่ช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้นย่อมสำคัญเสมอ” Dr. Campia นักวิจัยจากสถาบันวิจัย MedStar ในกรุงวอชิงตันดีซีกล่าวว่า "เยื่อบุผนังหลอดเลือดเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของร่างกาย" เขากล่าว "มันรักษาสุขภาพของหลอดเลือดแดงและป้องกันการอุดตันที่อาจทำให้เกิดหัวใจวาย และอัมพาตย์" "การศึกษาครั้งนี้มีความสำคัญและกระตุ้นความคิด" เขากล่าว "ตอนนี้เรามีหลักฐานมากมายว่า flavanols ในโกโก้มีผลดีต่อสุขภาพของหลอดเลือดแดง นี่เป็นรากฐานที่เราต้องการสำหรับการทำการศึกษาในอนาคตที่มีขนาดใหญ่กว่าซึ่งจะพิจารณาถึงผลของ flavanols ใสโกโก้ ไม่ใช่แค่การทำงานของ endothelial เท่านั้นแต่ยังรวมถึง ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจและหลอดเลือดชนิดร้ายแรงอื่น ๆ " American College of Cardiology เป็นผู้นำในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดและการป้องกันโรคที่ดีที่สุด วิทยาลัยเป็นองค์กรด้านการแพทย์ที่ไม่หวังผลกำไรที่มีสมาชิก 34,000 คน ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาคมสามารถดูได้ทางออนไลน์ที่ www.acc.org และเพิ่งระลึกไว้ว่า เมื่อหลอดเลือดดี แปลว่าท่อลำเลียงสารอาหารและอากาศดี อวัยวะทุกส่วนในร่างกายก็จะดีไปด้วย Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 857 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts