• นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว”
    ตอนที่ 3 “นกหัวเอียง”
    ตุรกีเหมือนเป็นลูกครึ่ง ครึ่งฝรั่ง ครึ่งอาหรับ อยู่ที่ว่าตุรกีจะเอียงหัวไปทางไหน เอียงหัวไปทางซ้าย ก็กลายเป็นพวกฝรั่ง เอียงหัวไปทางขวา ก็กลายเป็นพวกอาหรับ แต่อเมริกาบอกตุรกีอย่างเอียงหัวไปซ้ายที ขวาที บ่อยนัก อเมริกาเวียนหัว
    อเมริกาบอกว่า แม้ตุรกีจะเป็นเพื่อนสนิทมิตรใกล้ แต่ตุรกีมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก ซึ่งเหมือนเพื่อนบางคนของอเมริกาในยุโรป (ใครนะ ? )
    ในรายงานวิเคราะห์ของ Council on Foreign Relations Report No. 69 ซึ่งทำโดยคุณนาย Madeline K. Albright (อดีต รมว.ต่างประเทศอเมริกา สมัยนายบุช (ลูก) และพวก) อเมริกายอมรับว่า ความจริงแล้ว ตุรกีไม่เหมือนประเทศใดในโลก ! เป็นทั้งเพื่อนสนิทรู้ใจสาระพัดของอเมริกา ขณะเดียวกัน ก็ทำให้หัวอกอเมริกากลัดหนอง ได้อยู่หลายครั้งเช่นเดียวกัน และมันจะเป็นอยู่เช่นนี้ตลอดไป เพราะสาเหตุลึก ๆ ของความกลัดหนองนี้มาจาก ความไม่ไว้วางใจ ซึ่งกันและกันอย่างแท้จริงของทั้ง 2 ฝ่าย !
    แม้จะคบกันมา 60 ปีแล้ว ร่วมกิจการบนดินใต้ดินกันมาสาระพัด อเมริกาก็ยังอ่านตุรกีไม่ขาด ว่าตกลงตุรกีเป็นนกสองหัวหรือไม่ หรือตุรกีเป็นเพียงลูกครึ่ง ซึ่งมีทั้งความเป็นยุโรป และอาหรับอยู่ในตัว ในขณะที่อเมริกาไม่มีครึ่งไหนอยู่ในตัวเลย แล้วจะเข้าใจหัวอกของคนครึ่งลูกหรือเต็มใบได้อย่างไร
(ไม่เหมือนสมันน้อยนะ 60 ปีก่อน ว่านอนสอนง่าย ให้เดินต๊อก ๆ ตามยังไง เดี๋ยวนี้ก็ยังเดินตามเหมือนเดิม ไม่มีปากไม่มีเสียง น่ารักเสียไม่มี)
    สงครามเย็นจบไปแล้ว แต่หมากล้อมของอเมริกาดูเหมือนจะยังไม่จบ แล้วตุรกีเล่า ยังเป็นหมากให้อเมริกาเดินตามใจชอบเหมือนเดิม ๆ อยู่หรือเปล่า ตกลงหัวของตุรกีอยู่ทางไหนกันแน่ อเมริกาเริ่มแสดงอาการทวงบุญคุณ และตุรกีก็เริ่มแสดงอาการ บุญคุณใช้หมดแล้ว…หรือยังครับนายท่าน?
    ส่วนรายงาน CRS ฉบับวันที่ 27 มี.ค. 2014 บอกว่าตุรกี เริ่มมีการเปลี่ยนท่าที ลดการพึ่งพาอเมริกาลงไปหลายส่วน อาการแบบนี้แปลว่าอะไร เบื่อจะเล่นเป็นตัวประกอบแล้วหรือไง อยากเล่นเป็นตัวเอกบ้างละซิท่า
    อเมริกาตั้งความหวังไว้ว่า เมื่ออเมริกาประกาศ (ลวงโลกว่า) ถอนทหารจาก Iraq และ Afghanistan แล้ว ตุรกีจะต้องเป็นผู้รับไม้ไปทำการแทนต่อ หน้าฉากอเมริกาเล่นบทถอน แต่หลังฉาก ให้ตุรกีเล่นบทเข้าไปคุมพื้นที่แทน ! นายท่านมัวแต่ให้กระผมเล่นอยู่แต่หลังฉาก แล้วอย่างนี้ เมื่อไหร่ผมจะได้เป็นตัวเอกซะ ที เล่นหลังฉากมา 60 ปี แล้วนะขอรับ (โถ หัวอกเดียวกับสมันน้อยเลย ดีว่าสมันน้อย ไม่ต้องไปเก็บกวาดนอกบ้าน แค่เดินตามเขาชี้นิ้วในบ้านเราต๊อกๆ มา 60 ปี ประชาชี ก็ช้ำพอแล้ว พอหรือยัง พอหรือยัง)
    โดยภูมิประเทศที่ตั้ง ทำให้ตุรกีมีโอกาสติดต่อคบค้ากับ หลายประเทศ ไม่ว่าฝั่งยุโรป หรือฝั่งอาหรับ ประเทศที่ตุรกี คบค้ามานาน คือ อิหร่าน และรัสเซีย ทั้ง 3 ประเทศผูกพันธ์กัน ทั้งทางภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และมีส่วนผสมทางวัฒนธรรม การค้า ภาษา และศาสนาอีกด้วย แม้ว่าหลายครั้ง สัมพันธ์ 3 ประเทศ จะมีตกหลุม ตกรางไปบ้าง แต่ลึก ๆ แล้ว 3 ประเทศนี้ตัดกันไม่ง่าย ขายกันไม่ขาด ตุรกีไม่ปิดบัง มันมีมานานแล้วเพื่อนเก่าน่ะ เขาพวกมีประวัติศาสตร์ มีวัฒนธรรมยาวนาน เป็นอดีตจักรวรรดิด้วยกัน ทั้ง 3 ประเทศ ไม่ใช่ประเทศเกิดใหม่เพิ่งฉลองอิสรภาพ แต่เพื่อนใหม่อย่างอเมริกา ตุรกีก็คบ และดูเหมือนจะไม่สนใจว่า จะทำให้อเมริการู้สึกอย่างไร อเมริการู้สึกและไม่ใช่รู้สึกระดับธรรมดา อเมริกาจับตาส่องกล้องตามสัมพันธ์ของ 3 สหาย ตลอดทุกกระเบียดนิ้ว
    อเมริกายังจำได้ไม่มีวันลืม เมื่อปี ค.ศ. 2010 เกี่ยวกับเรื่อง Israel กับกองเรือที่ Gaza ที่ตุรกีโหวตสวนอเมริกา แต่เรื่องนี้ยังเล็ก สำหรับอเมริกา เมื่อเทียบกับอีกเรื่องในปีเดียวกัน เมื่อ UN Security Council ลงมติดให้สมาชิกคว่ำบาตรอิหร่าน แต่ตุรกี (และบราซิล พร้อมใจกัน) ลงมติสวนทางกับอเมริกา ทั้ง 2 เรื่อง เป็นประเด็นทางยุทธศาสตร์สำคัญของอเมริกาในภูมิภาคนี้
    เหตุการณ์วิกฤติที่ Crimea และ Ukraine ก็เป็นอีกกรณีที่ทำให้อเมริกาจับตาดูแบบไม่กระพริบว่าจะมีส่วนกระทบ หรือเปลี่ยนแปลงสัมพันธ์ระหว่างตุรกี กับรัสเซีย ในทางใดบ้างหรือไม่
    นอกจากนี้ในสายตาของอเมริกา การที่ตุรกีทำท่าออกหน้าเรื่อง Syria เหมือนจะยกทัพไปปราม รัฐบาล Asrad แต่เอาจริงก็แค่ส่งเสบียง ส่งกองกำลัง แบบตีปี๊บให้ดังมากกว่า เป็นไปได้ว่าตุรกีหวังจะให้อเมริกา และ NATO ออกหน้า (อย่าที่แอบคุยกันไว้) แต่เมื่อรัฐบาล Obama กลับลำถอยฉาก ออกมาจาก Syria ตุรกีก็เลยหยุดดูบ้าง ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้ว อเมริกาหวังจะให้ตุรกีเดินหน้าต่อไป
    ตุรกีหยุดเพราะอเมริกาถอย หรือตุรกีหยุด เพราะรัสเซียและอิหร่าน ไม่(เคย) เดินหน้าเข้าไปขยี้ Syria อเมริกาจึงยังจับตาดูตุรกีต่อไป
    อิหร่านและรัสเซีย เป็นคู่ค้าที่สำคัญของตุรกีในด้านพลังงาน เมื่ออเมริกาและสหภาพยุโรป ประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน ผู้ที่เดือดร้อนจนเหงื่อตกคือตุรกี ตุรกีพึ่งน้ำมันและแก๊ซจากอิหร่าน ห้ามค้าขายกับอิหร่านแล้วจะทำอย่างไร ตุรกีถาม อเมริกาบอก ก็ไม่ต้องซื้อ พูดง่ายนะ
    ตุรกีหน้ามืด หรือ อยากลองของกับอเมริกา หรือนี่คือ ตุรกี “ตัวจริง”
    แม้อเมริกาจะบอกให้ตุรกีเลิกคบกับอิหร่าน แต่ตุรกี โดยรัฐบาล AKP ของนาย Erdogan ยังเดินหน้า ซื้อขายน้ำมันและแก๊ซกับอิหร่านต่อไป ทำทั้งแบบเปิดเผยและปกปิด เพื่อเลี่ยงกฎเกณฑ์การคว่ำบาตรของอเมริกาและสหภาพยุโรป ส่วนหนึ่งที่ตุรกีทำคือ ทำผ่าน Halk Bankasi (People’s Bank) หรือที่เรียกว่า HalkBak ซึ่งเป็นของรัฐบาล อันเป็นต้นเหตุของการถูกกล่าวหาว่ารัฐบาลฉ้อโกง
    เมื่ออิหร่านขายน้ำมันและแก๊สให้ตุรกี ตุรกีจะจ่ายค่าซื้อขายผ่าน Halk Bank โดย Bank ซื้อทองคำ จ่ายเป็นค่าซื้อขายให้อิหร่านอีกต่อ แทนการจ่ายด้วยเงินตรา เพราะอิหร่านถูกห้ามการใช้เงินโอน ผ่านระบบเงินโอนระหว่างประเทศ swift International money system ตามการคว่ำบาตร ตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ. 2012 ตุรกีเชื่อว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดกฎการคว่ำบาตร เพราะไม่มีข้อห้ามไม่ให้ห้ามซื้อขาย แร่ธาตุมีค่ากับอิหร่าน
    ไม่นานหลังจากนั้นก็เริ่มมีข่าวว่า Halk Bank และรัฐบาลตุรกีร่วมกันฉ้อโกง ข่าวนี้เริ่มแพร่จากบุคคลในระดับสูงในสังคมตุรกี โดยผู้ที่มีส่วนในการบริหารประเทศตุรกีเองนั่นแหละ เรียกว่าเริ่มนินทากันในระดับสูงก่อนทำข่าวหลุดให้สื่อประโคม !
    เศรษฐกิจของตุรกี เริ่มมีผลกระทบจากการคว่ำบาตรอิหร่าน ทั้งหมดก็เพราะการเดินนโยบายโง่บริสุทธิ์ (หรือหนอนบ่อนไส้ !) ของรัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกี นาย Ahmet Davutoglu ที่แนะนำรัฐบาล AKP ให้ใช้นโยบาย Neo-Ottoman เราต้องเป็นตัวอย่างที่ดี เป็น Turkish model Neo-Ottoman ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากวอชิงตันและ NATO
    อันที่จริงตุรกีไม่ได้ใช้สิทธิในฐานะสมาชิก NATOคัดค้าน เมื่อ NATO มีแผนจะถล่ม Libya ซึ่งก็เป็นมิตรเก่าของตุรกีเช่นเดียวกัน จากนั้นก็ลามไปถึง Syria เมื่อตุรกีเดินเข้าไปถล่ม Syria ตุรกีรู้หรือไม่ว่ามันเป็นกับดัก ที่มีเหยื่อคอยอยู่แล้วหลายตัว เช่น Libya, Syria, Iraq และ Lebanon และจะทำให้ตุรกีเดินห่างจากมิตรเก่าแก่ เช่น อิหร่าน และรัสเซีย ที่ดูเหมือนจะผูกพันธ์กัน แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อย ๆ
    และตุรกีก็ดูเหมือนไม่ฉุกใจคิด เลยว่า ทำไมรัสเซีย อิหร่าน และจีน จึงรวมตัวกัน จับมือคัดค้าน การถล่ม Syria นอกจากไม่ฉุกใจคิดแล้ว ตุรกี ยังเดินนำหน้าสู่กับดักด้วยตนเอง ด้วยการสนับสนุนทั้งด้านอาวุธ การฝึก การเงิน ให้แก่กบฎซีเรียอีกด้วย นี่เป็นการคิดดอกเบี้ยทบต้นของอเมริกากับตุรกี สำหรับเงินที่ลงทุนไป
    หรือตุรกี กำลังเล่นอะไร?
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 กค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว” ตอนที่ 3 “นกหัวเอียง” ตุรกีเหมือนเป็นลูกครึ่ง ครึ่งฝรั่ง ครึ่งอาหรับ อยู่ที่ว่าตุรกีจะเอียงหัวไปทางไหน เอียงหัวไปทางซ้าย ก็กลายเป็นพวกฝรั่ง เอียงหัวไปทางขวา ก็กลายเป็นพวกอาหรับ แต่อเมริกาบอกตุรกีอย่างเอียงหัวไปซ้ายที ขวาที บ่อยนัก อเมริกาเวียนหัว อเมริกาบอกว่า แม้ตุรกีจะเป็นเพื่อนสนิทมิตรใกล้ แต่ตุรกีมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก ซึ่งเหมือนเพื่อนบางคนของอเมริกาในยุโรป (ใครนะ ? ) ในรายงานวิเคราะห์ของ Council on Foreign Relations Report No. 69 ซึ่งทำโดยคุณนาย Madeline K. Albright (อดีต รมว.ต่างประเทศอเมริกา สมัยนายบุช (ลูก) และพวก) อเมริกายอมรับว่า ความจริงแล้ว ตุรกีไม่เหมือนประเทศใดในโลก ! เป็นทั้งเพื่อนสนิทรู้ใจสาระพัดของอเมริกา ขณะเดียวกัน ก็ทำให้หัวอกอเมริกากลัดหนอง ได้อยู่หลายครั้งเช่นเดียวกัน และมันจะเป็นอยู่เช่นนี้ตลอดไป เพราะสาเหตุลึก ๆ ของความกลัดหนองนี้มาจาก ความไม่ไว้วางใจ ซึ่งกันและกันอย่างแท้จริงของทั้ง 2 ฝ่าย ! แม้จะคบกันมา 60 ปีแล้ว ร่วมกิจการบนดินใต้ดินกันมาสาระพัด อเมริกาก็ยังอ่านตุรกีไม่ขาด ว่าตกลงตุรกีเป็นนกสองหัวหรือไม่ หรือตุรกีเป็นเพียงลูกครึ่ง ซึ่งมีทั้งความเป็นยุโรป และอาหรับอยู่ในตัว ในขณะที่อเมริกาไม่มีครึ่งไหนอยู่ในตัวเลย แล้วจะเข้าใจหัวอกของคนครึ่งลูกหรือเต็มใบได้อย่างไร
(ไม่เหมือนสมันน้อยนะ 60 ปีก่อน ว่านอนสอนง่าย ให้เดินต๊อก ๆ ตามยังไง เดี๋ยวนี้ก็ยังเดินตามเหมือนเดิม ไม่มีปากไม่มีเสียง น่ารักเสียไม่มี) สงครามเย็นจบไปแล้ว แต่หมากล้อมของอเมริกาดูเหมือนจะยังไม่จบ แล้วตุรกีเล่า ยังเป็นหมากให้อเมริกาเดินตามใจชอบเหมือนเดิม ๆ อยู่หรือเปล่า ตกลงหัวของตุรกีอยู่ทางไหนกันแน่ อเมริกาเริ่มแสดงอาการทวงบุญคุณ และตุรกีก็เริ่มแสดงอาการ บุญคุณใช้หมดแล้ว…หรือยังครับนายท่าน? ส่วนรายงาน CRS ฉบับวันที่ 27 มี.ค. 2014 บอกว่าตุรกี เริ่มมีการเปลี่ยนท่าที ลดการพึ่งพาอเมริกาลงไปหลายส่วน อาการแบบนี้แปลว่าอะไร เบื่อจะเล่นเป็นตัวประกอบแล้วหรือไง อยากเล่นเป็นตัวเอกบ้างละซิท่า อเมริกาตั้งความหวังไว้ว่า เมื่ออเมริกาประกาศ (ลวงโลกว่า) ถอนทหารจาก Iraq และ Afghanistan แล้ว ตุรกีจะต้องเป็นผู้รับไม้ไปทำการแทนต่อ หน้าฉากอเมริกาเล่นบทถอน แต่หลังฉาก ให้ตุรกีเล่นบทเข้าไปคุมพื้นที่แทน ! นายท่านมัวแต่ให้กระผมเล่นอยู่แต่หลังฉาก แล้วอย่างนี้ เมื่อไหร่ผมจะได้เป็นตัวเอกซะ ที เล่นหลังฉากมา 60 ปี แล้วนะขอรับ (โถ หัวอกเดียวกับสมันน้อยเลย ดีว่าสมันน้อย ไม่ต้องไปเก็บกวาดนอกบ้าน แค่เดินตามเขาชี้นิ้วในบ้านเราต๊อกๆ มา 60 ปี ประชาชี ก็ช้ำพอแล้ว พอหรือยัง พอหรือยัง) โดยภูมิประเทศที่ตั้ง ทำให้ตุรกีมีโอกาสติดต่อคบค้ากับ หลายประเทศ ไม่ว่าฝั่งยุโรป หรือฝั่งอาหรับ ประเทศที่ตุรกี คบค้ามานาน คือ อิหร่าน และรัสเซีย ทั้ง 3 ประเทศผูกพันธ์กัน ทั้งทางภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และมีส่วนผสมทางวัฒนธรรม การค้า ภาษา และศาสนาอีกด้วย แม้ว่าหลายครั้ง สัมพันธ์ 3 ประเทศ จะมีตกหลุม ตกรางไปบ้าง แต่ลึก ๆ แล้ว 3 ประเทศนี้ตัดกันไม่ง่าย ขายกันไม่ขาด ตุรกีไม่ปิดบัง มันมีมานานแล้วเพื่อนเก่าน่ะ เขาพวกมีประวัติศาสตร์ มีวัฒนธรรมยาวนาน เป็นอดีตจักรวรรดิด้วยกัน ทั้ง 3 ประเทศ ไม่ใช่ประเทศเกิดใหม่เพิ่งฉลองอิสรภาพ แต่เพื่อนใหม่อย่างอเมริกา ตุรกีก็คบ และดูเหมือนจะไม่สนใจว่า จะทำให้อเมริการู้สึกอย่างไร อเมริการู้สึกและไม่ใช่รู้สึกระดับธรรมดา อเมริกาจับตาส่องกล้องตามสัมพันธ์ของ 3 สหาย ตลอดทุกกระเบียดนิ้ว อเมริกายังจำได้ไม่มีวันลืม เมื่อปี ค.ศ. 2010 เกี่ยวกับเรื่อง Israel กับกองเรือที่ Gaza ที่ตุรกีโหวตสวนอเมริกา แต่เรื่องนี้ยังเล็ก สำหรับอเมริกา เมื่อเทียบกับอีกเรื่องในปีเดียวกัน เมื่อ UN Security Council ลงมติดให้สมาชิกคว่ำบาตรอิหร่าน แต่ตุรกี (และบราซิล พร้อมใจกัน) ลงมติสวนทางกับอเมริกา ทั้ง 2 เรื่อง เป็นประเด็นทางยุทธศาสตร์สำคัญของอเมริกาในภูมิภาคนี้ เหตุการณ์วิกฤติที่ Crimea และ Ukraine ก็เป็นอีกกรณีที่ทำให้อเมริกาจับตาดูแบบไม่กระพริบว่าจะมีส่วนกระทบ หรือเปลี่ยนแปลงสัมพันธ์ระหว่างตุรกี กับรัสเซีย ในทางใดบ้างหรือไม่ นอกจากนี้ในสายตาของอเมริกา การที่ตุรกีทำท่าออกหน้าเรื่อง Syria เหมือนจะยกทัพไปปราม รัฐบาล Asrad แต่เอาจริงก็แค่ส่งเสบียง ส่งกองกำลัง แบบตีปี๊บให้ดังมากกว่า เป็นไปได้ว่าตุรกีหวังจะให้อเมริกา และ NATO ออกหน้า (อย่าที่แอบคุยกันไว้) แต่เมื่อรัฐบาล Obama กลับลำถอยฉาก ออกมาจาก Syria ตุรกีก็เลยหยุดดูบ้าง ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้ว อเมริกาหวังจะให้ตุรกีเดินหน้าต่อไป ตุรกีหยุดเพราะอเมริกาถอย หรือตุรกีหยุด เพราะรัสเซียและอิหร่าน ไม่(เคย) เดินหน้าเข้าไปขยี้ Syria อเมริกาจึงยังจับตาดูตุรกีต่อไป อิหร่านและรัสเซีย เป็นคู่ค้าที่สำคัญของตุรกีในด้านพลังงาน เมื่ออเมริกาและสหภาพยุโรป ประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน ผู้ที่เดือดร้อนจนเหงื่อตกคือตุรกี ตุรกีพึ่งน้ำมันและแก๊ซจากอิหร่าน ห้ามค้าขายกับอิหร่านแล้วจะทำอย่างไร ตุรกีถาม อเมริกาบอก ก็ไม่ต้องซื้อ พูดง่ายนะ ตุรกีหน้ามืด หรือ อยากลองของกับอเมริกา หรือนี่คือ ตุรกี “ตัวจริง” แม้อเมริกาจะบอกให้ตุรกีเลิกคบกับอิหร่าน แต่ตุรกี โดยรัฐบาล AKP ของนาย Erdogan ยังเดินหน้า ซื้อขายน้ำมันและแก๊ซกับอิหร่านต่อไป ทำทั้งแบบเปิดเผยและปกปิด เพื่อเลี่ยงกฎเกณฑ์การคว่ำบาตรของอเมริกาและสหภาพยุโรป ส่วนหนึ่งที่ตุรกีทำคือ ทำผ่าน Halk Bankasi (People’s Bank) หรือที่เรียกว่า HalkBak ซึ่งเป็นของรัฐบาล อันเป็นต้นเหตุของการถูกกล่าวหาว่ารัฐบาลฉ้อโกง เมื่ออิหร่านขายน้ำมันและแก๊สให้ตุรกี ตุรกีจะจ่ายค่าซื้อขายผ่าน Halk Bank โดย Bank ซื้อทองคำ จ่ายเป็นค่าซื้อขายให้อิหร่านอีกต่อ แทนการจ่ายด้วยเงินตรา เพราะอิหร่านถูกห้ามการใช้เงินโอน ผ่านระบบเงินโอนระหว่างประเทศ swift International money system ตามการคว่ำบาตร ตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ. 2012 ตุรกีเชื่อว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดกฎการคว่ำบาตร เพราะไม่มีข้อห้ามไม่ให้ห้ามซื้อขาย แร่ธาตุมีค่ากับอิหร่าน ไม่นานหลังจากนั้นก็เริ่มมีข่าวว่า Halk Bank และรัฐบาลตุรกีร่วมกันฉ้อโกง ข่าวนี้เริ่มแพร่จากบุคคลในระดับสูงในสังคมตุรกี โดยผู้ที่มีส่วนในการบริหารประเทศตุรกีเองนั่นแหละ เรียกว่าเริ่มนินทากันในระดับสูงก่อนทำข่าวหลุดให้สื่อประโคม ! เศรษฐกิจของตุรกี เริ่มมีผลกระทบจากการคว่ำบาตรอิหร่าน ทั้งหมดก็เพราะการเดินนโยบายโง่บริสุทธิ์ (หรือหนอนบ่อนไส้ !) ของรัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกี นาย Ahmet Davutoglu ที่แนะนำรัฐบาล AKP ให้ใช้นโยบาย Neo-Ottoman เราต้องเป็นตัวอย่างที่ดี เป็น Turkish model Neo-Ottoman ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากวอชิงตันและ NATO อันที่จริงตุรกีไม่ได้ใช้สิทธิในฐานะสมาชิก NATOคัดค้าน เมื่อ NATO มีแผนจะถล่ม Libya ซึ่งก็เป็นมิตรเก่าของตุรกีเช่นเดียวกัน จากนั้นก็ลามไปถึง Syria เมื่อตุรกีเดินเข้าไปถล่ม Syria ตุรกีรู้หรือไม่ว่ามันเป็นกับดัก ที่มีเหยื่อคอยอยู่แล้วหลายตัว เช่น Libya, Syria, Iraq และ Lebanon และจะทำให้ตุรกีเดินห่างจากมิตรเก่าแก่ เช่น อิหร่าน และรัสเซีย ที่ดูเหมือนจะผูกพันธ์กัน แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อย ๆ และตุรกีก็ดูเหมือนไม่ฉุกใจคิด เลยว่า ทำไมรัสเซีย อิหร่าน และจีน จึงรวมตัวกัน จับมือคัดค้าน การถล่ม Syria นอกจากไม่ฉุกใจคิดแล้ว ตุรกี ยังเดินนำหน้าสู่กับดักด้วยตนเอง ด้วยการสนับสนุนทั้งด้านอาวุธ การฝึก การเงิน ให้แก่กบฎซีเรียอีกด้วย นี่เป็นการคิดดอกเบี้ยทบต้นของอเมริกากับตุรกี สำหรับเงินที่ลงทุนไป หรือตุรกี กำลังเล่นอะไร? สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 กค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว”
    ตอนที่ 2 “เด็กในอุปถัมภ์”
    ตุรกีกับอเมริกาผูกสัมพันธ์แน่นหนา ในฐานะพันธมิตรมาประมาณ 60 ปีแล้ว
เริ่มมาตั้งแต่ ค.ศ. 1947 ตาม Truman Doctrine ซึ่งต้องการจะปิดล้อมสหภาพโซเวียต ก่อนหน้านั้น ตุรกีอยู่ในอุปถัมภ์ของอังกฤษในด้านการทหาร หลังสงครามครั้งที่ 2 จบ อังกฤษบอกอย่าว่าแต่จะดูแลตุรกีต่อเลย ตูเองก็จะไปไม่รอด อเมริกายี่ต๊อกดูแล้วน่าจะเกินคุ้มทุน เลยรับโอบอุ้มตุรกีแทน อเมริกาให้การฟูมฟักสนับสนุนดูแลตุรกีทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่จัดการให้เป็นเด็กเส้นยัดเข้าไปอยู่ใน NATO ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1952 พร้อมทั้งให้การสนับสนุนด้านความมั่นคง ด้านการทหาร และด้านเศรษฐกิจ แบบเต็มอัตรา
    ช่วงนั้นบรรดานายพลของตุรกี และหน่วยงานต่าง ๆ เดินเข้าออกในวอชิงตันเหมือนเป็นบ้านตัวเอง อเมริกาลงทุนกับตุรกีมากมาย และตุรกีก็รับใช้อเมริกามากมาย เช่นเดียวกัน
    สัมพันธ์ตุรกี อเมริกาแน่นหนามากอยู่แล้ว แต่ NATOทำให้แน่นมากขึ้น เพราะเหตุว่าตุรกีตั้งอยู่ในอาณาบริเวณ ซึ่งเป็นจุดร้อนระอุอยู่เสมอ ตั้งแต่ก่อนและหลังสงครามเย็น NATO จึงใช้ตุรกีเป็นสถานีขนส่ง อาวุธยุทโธปกรณ์ สินค้า รวมทั้งหน่วยปฎิบัติการต่าง ๆ สำหรับทั้งอเมริกาและ NATO ศูนย์บัญชาการทางอากาศของ NATO ซึ่งตั้งอยู่ที่ Izmir ของตุรกี มีความสำคัญมากสำหรับชาว NATO
    ในปี ค.ศ. 2011 ตุรกีตกลงทำสัญญากับอเมริกา ยินยอมให้อเมริกา ติดตั้งเรดาร์จับสัญญาณของ NATO Active Layered Theatre Ballistic Missile Defense (ALTBMD) สำหรับบริเวณยุโรป การที่ตุรกียินยอมให้ติดตั้งเครื่อง ALTBMD ในบ้านตัว เหมือนเป็นการแสดงความเห็นพ้องแนวเดียวกันกับอเมริกา ยุโรป และ NATO เกี่ยวกับประเด็นเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน
    อเมริกาสร้างฐานทัพไว้ในตุรกีหลายแห่ง ฐานใหญ่ที่สุด อยู่ที่ Incirlik เป็นฐานทัพอากาศอยู่ทางใต้ของเมือง Adana มีทหารอเมริกันประจำการอยู่ประมาณ 1,500 คน รวมกับที่ตุรกีจ้างไว้อีก 3,500 คน นับตั้งแต่สงครามเย็นเลิก Incirlik ได้ใช้เป็นฐานสำหรับการปฎิบัติภาระกิจที่ Iraq, Bosnia – Herzegovina, Kosovo และ Afghanistan ที่ Incirlik นี้ มีเครื่องบินรบของอเมริกาประจำการณ์อยู่ประมาณ 60-70 ลำ และมีเครื่องบินบรรทุก B61 สำหรับบรรทุกระเบิดนิวเคลียร์ ภายใต้การอุปถัมภ์ของ NATO อีกด้วย
    ตุรกีมีสิทธิที่จะยกเลิกการให้อเมริกาเข้าใช้ฐานทัพที่Incirlik นี้ โดยการบอกล่วงหน้า 3 วัน
    ตั้งแต่ คศ 1948 จนถึงปัจจุบัน อเมริกาให้การสนับสนุนด้านการทหารแก่ตุรกี คิดเป็นเงินประมาณ 13.8 พันล้านเหรียญ นี่ยังไม่นับรวมงบ ทางการศึกษาและอบรม ที่อเมริกาให้เป็นรายปีอีกต่างหาก
    คุณนาย Condoleezza Rice เคยพูดไว้เมื่อ ค.ศ. 2008 ว่า ตุรกีเป็นหุ้นส่วนที่จำเป็นและสำคัญยิ่งสำหรับอเมริกา นาย Paul Wolfowitz พูดย้ำอยู่บ่อย ๆ ว่า ตุรกีเป็นหุ้นส่วนที่เราขาดไม่ได้และหาแทนกันไม่ได้ รัฐมนตรีต่างประเทศของอเมริกา เมื่อได้รับตำแหน่งใหม่ ในการเดินสายเที่ยวแรก เพื่อไปจับมือแนะนำตัว กับมิตรประเทศ เกรด เอ จะต้องมีตุรกีเป็นหนึ่งในประเทศที่ “ต้อง” ไปเยี่ยมเสมอ
    สำหรับโลกใต้ดิน ตุรกีไม่เพียงแต่เป็นหุ้นส่วน ที่อเมริกาขาดไม่ได้เท่านั้น ตุรกี คือ CIA สาขา 2 หรืออาจจะเท่าเทียมกับสำนักงานใหญ่ที่ Langley ก็ได้ งานใต้ดินเกือบทั้งหมดในโลกฝั่งยุโรป อาฟริกา ตะวันออก เอเซียเหนือ เอเซียกลาง และแม้แต่เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ พูดยาวไปทำไม เอาว่างานใต้ดินเกือบทั้งหมด เริ่มต้นที่ตุรกี ใช้หน้าฉากของตุรกี ใช้ทีมที่ตุรกีจัดหา ใช้ตุรกีเป็นเส้นทางผ่านทาง บนดิน ใต้ดิน บนฟ้า และที่สำคัญใช้ตุรกีเป็นฐานใหญ่ สถานฑูตอเมริกาที่อียิปต์อาจจะใหญ่จริง แต่การปฎิบัติการใต้ดินผ่านตุรกีใหญ่กว่าและแยะกว่า ทั้งในด้านจำนวนคน อาวุธ และงบประมาณ รวมทั้งเครื่องมือในการจารกรรม
    ในรายงานของฝ่ายวิเคราะห์ของสภาสูงอเมริกา Congressional Research Service (CRS) สมุดพกรายงานความประพฤติของเด็กชายตุรกี ฉบับล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 2014 อเมริกาบอกว่า ความสำคัญของตุรกีต่ออเมริกา เป็นเช่นเดียวกับ อินเดีย บราซิล และอินโดนีเซีย คือ เป็นประเทศที่มีน้ำหนัก “มากทั้งด้านอาณาเขต พลเมือง และเศรษฐกิจ” อเมริกาเรียกประเทศพวกนี้ว่า “global swing state” ประเทศพวกนี้เข้ากับฝ่ายไหน แน่นอนฝ่ายนั้นมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นทันที นี่ถ้าเข้าข้างไหนพร้อมกัน ซัก 2,3 ประเทศ ตาชั่งอาจคว่ำ ฮา !
    แค่คิดว่า ใครจะเหวี่ยงน้ำหนักไปอยู่ข้างไหน มันก็เป็นเรื่องหนักใจสำหรับอเมริกาแล้ว แต่สำหรับตุรกีจะเอียงไปข้างไหน มันยิ่งกว่าเป็นเรื่องหนักใจ มันเป็นการกระทบยุทธศาตร์ของอเมริกา ในภูมิภาคนั้นอย่างสำคัญยิ่ง เพราะตำแหน่งที่ตั้งของตุรกีคือจุดที่ได้เปรียบ นักวิเคราะห์การเมืองบอกว่า ตุรกีเป็นศูนย์กลางของบริเวณที่กำลังวิกฤติที่สุดของในโลก ในขณะนี้ (Turkey is at the centre of one of the most critical regions of the world)
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 กค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว” ตอนที่ 2 “เด็กในอุปถัมภ์” ตุรกีกับอเมริกาผูกสัมพันธ์แน่นหนา ในฐานะพันธมิตรมาประมาณ 60 ปีแล้ว
เริ่มมาตั้งแต่ ค.ศ. 1947 ตาม Truman Doctrine ซึ่งต้องการจะปิดล้อมสหภาพโซเวียต ก่อนหน้านั้น ตุรกีอยู่ในอุปถัมภ์ของอังกฤษในด้านการทหาร หลังสงครามครั้งที่ 2 จบ อังกฤษบอกอย่าว่าแต่จะดูแลตุรกีต่อเลย ตูเองก็จะไปไม่รอด อเมริกายี่ต๊อกดูแล้วน่าจะเกินคุ้มทุน เลยรับโอบอุ้มตุรกีแทน อเมริกาให้การฟูมฟักสนับสนุนดูแลตุรกีทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่จัดการให้เป็นเด็กเส้นยัดเข้าไปอยู่ใน NATO ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1952 พร้อมทั้งให้การสนับสนุนด้านความมั่นคง ด้านการทหาร และด้านเศรษฐกิจ แบบเต็มอัตรา ช่วงนั้นบรรดานายพลของตุรกี และหน่วยงานต่าง ๆ เดินเข้าออกในวอชิงตันเหมือนเป็นบ้านตัวเอง อเมริกาลงทุนกับตุรกีมากมาย และตุรกีก็รับใช้อเมริกามากมาย เช่นเดียวกัน สัมพันธ์ตุรกี อเมริกาแน่นหนามากอยู่แล้ว แต่ NATOทำให้แน่นมากขึ้น เพราะเหตุว่าตุรกีตั้งอยู่ในอาณาบริเวณ ซึ่งเป็นจุดร้อนระอุอยู่เสมอ ตั้งแต่ก่อนและหลังสงครามเย็น NATO จึงใช้ตุรกีเป็นสถานีขนส่ง อาวุธยุทโธปกรณ์ สินค้า รวมทั้งหน่วยปฎิบัติการต่าง ๆ สำหรับทั้งอเมริกาและ NATO ศูนย์บัญชาการทางอากาศของ NATO ซึ่งตั้งอยู่ที่ Izmir ของตุรกี มีความสำคัญมากสำหรับชาว NATO ในปี ค.ศ. 2011 ตุรกีตกลงทำสัญญากับอเมริกา ยินยอมให้อเมริกา ติดตั้งเรดาร์จับสัญญาณของ NATO Active Layered Theatre Ballistic Missile Defense (ALTBMD) สำหรับบริเวณยุโรป การที่ตุรกียินยอมให้ติดตั้งเครื่อง ALTBMD ในบ้านตัว เหมือนเป็นการแสดงความเห็นพ้องแนวเดียวกันกับอเมริกา ยุโรป และ NATO เกี่ยวกับประเด็นเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน อเมริกาสร้างฐานทัพไว้ในตุรกีหลายแห่ง ฐานใหญ่ที่สุด อยู่ที่ Incirlik เป็นฐานทัพอากาศอยู่ทางใต้ของเมือง Adana มีทหารอเมริกันประจำการอยู่ประมาณ 1,500 คน รวมกับที่ตุรกีจ้างไว้อีก 3,500 คน นับตั้งแต่สงครามเย็นเลิก Incirlik ได้ใช้เป็นฐานสำหรับการปฎิบัติภาระกิจที่ Iraq, Bosnia – Herzegovina, Kosovo และ Afghanistan ที่ Incirlik นี้ มีเครื่องบินรบของอเมริกาประจำการณ์อยู่ประมาณ 60-70 ลำ และมีเครื่องบินบรรทุก B61 สำหรับบรรทุกระเบิดนิวเคลียร์ ภายใต้การอุปถัมภ์ของ NATO อีกด้วย ตุรกีมีสิทธิที่จะยกเลิกการให้อเมริกาเข้าใช้ฐานทัพที่Incirlik นี้ โดยการบอกล่วงหน้า 3 วัน ตั้งแต่ คศ 1948 จนถึงปัจจุบัน อเมริกาให้การสนับสนุนด้านการทหารแก่ตุรกี คิดเป็นเงินประมาณ 13.8 พันล้านเหรียญ นี่ยังไม่นับรวมงบ ทางการศึกษาและอบรม ที่อเมริกาให้เป็นรายปีอีกต่างหาก คุณนาย Condoleezza Rice เคยพูดไว้เมื่อ ค.ศ. 2008 ว่า ตุรกีเป็นหุ้นส่วนที่จำเป็นและสำคัญยิ่งสำหรับอเมริกา นาย Paul Wolfowitz พูดย้ำอยู่บ่อย ๆ ว่า ตุรกีเป็นหุ้นส่วนที่เราขาดไม่ได้และหาแทนกันไม่ได้ รัฐมนตรีต่างประเทศของอเมริกา เมื่อได้รับตำแหน่งใหม่ ในการเดินสายเที่ยวแรก เพื่อไปจับมือแนะนำตัว กับมิตรประเทศ เกรด เอ จะต้องมีตุรกีเป็นหนึ่งในประเทศที่ “ต้อง” ไปเยี่ยมเสมอ สำหรับโลกใต้ดิน ตุรกีไม่เพียงแต่เป็นหุ้นส่วน ที่อเมริกาขาดไม่ได้เท่านั้น ตุรกี คือ CIA สาขา 2 หรืออาจจะเท่าเทียมกับสำนักงานใหญ่ที่ Langley ก็ได้ งานใต้ดินเกือบทั้งหมดในโลกฝั่งยุโรป อาฟริกา ตะวันออก เอเซียเหนือ เอเซียกลาง และแม้แต่เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ พูดยาวไปทำไม เอาว่างานใต้ดินเกือบทั้งหมด เริ่มต้นที่ตุรกี ใช้หน้าฉากของตุรกี ใช้ทีมที่ตุรกีจัดหา ใช้ตุรกีเป็นเส้นทางผ่านทาง บนดิน ใต้ดิน บนฟ้า และที่สำคัญใช้ตุรกีเป็นฐานใหญ่ สถานฑูตอเมริกาที่อียิปต์อาจจะใหญ่จริง แต่การปฎิบัติการใต้ดินผ่านตุรกีใหญ่กว่าและแยะกว่า ทั้งในด้านจำนวนคน อาวุธ และงบประมาณ รวมทั้งเครื่องมือในการจารกรรม ในรายงานของฝ่ายวิเคราะห์ของสภาสูงอเมริกา Congressional Research Service (CRS) สมุดพกรายงานความประพฤติของเด็กชายตุรกี ฉบับล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 2014 อเมริกาบอกว่า ความสำคัญของตุรกีต่ออเมริกา เป็นเช่นเดียวกับ อินเดีย บราซิล และอินโดนีเซีย คือ เป็นประเทศที่มีน้ำหนัก “มากทั้งด้านอาณาเขต พลเมือง และเศรษฐกิจ” อเมริกาเรียกประเทศพวกนี้ว่า “global swing state” ประเทศพวกนี้เข้ากับฝ่ายไหน แน่นอนฝ่ายนั้นมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นทันที นี่ถ้าเข้าข้างไหนพร้อมกัน ซัก 2,3 ประเทศ ตาชั่งอาจคว่ำ ฮา ! แค่คิดว่า ใครจะเหวี่ยงน้ำหนักไปอยู่ข้างไหน มันก็เป็นเรื่องหนักใจสำหรับอเมริกาแล้ว แต่สำหรับตุรกีจะเอียงไปข้างไหน มันยิ่งกว่าเป็นเรื่องหนักใจ มันเป็นการกระทบยุทธศาตร์ของอเมริกา ในภูมิภาคนั้นอย่างสำคัญยิ่ง เพราะตำแหน่งที่ตั้งของตุรกีคือจุดที่ได้เปรียบ นักวิเคราะห์การเมืองบอกว่า ตุรกีเป็นศูนย์กลางของบริเวณที่กำลังวิกฤติที่สุดของในโลก ในขณะนี้ (Turkey is at the centre of one of the most critical regions of the world) สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 กค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Alibaba จับมือ NVIDIA สวนกระแสคำสั่งปักกิ่ง — เดินเกม AI ระดับโลก แม้ถูกห้ามซื้อชิป”

    แม้รัฐบาลจีนจะออกคำสั่งห้ามบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Alibaba และ ByteDance ซื้อชิป AI จาก NVIDIA โดยเฉพาะรุ่น H20 และ RTX Pro 6000D ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาดจีน แต่ Alibaba กลับประกาศความร่วมมือกับ NVIDIA เพื่อขยายศูนย์ข้อมูลและพัฒนาแพลตฟอร์ม AI ระดับโลกอย่างเต็มตัว

    ความร่วมมือครั้งนี้เน้นการใช้ซอฟต์แวร์ NVIDIA Physical AI stack บนแพลตฟอร์ม PAI (Platform for AI) ของ Alibaba Cloud ซึ่งอาจไม่เข้าข่ายละเมิดคำสั่งห้ามซื้อฮาร์ดแวร์โดยตรง เพราะเป็นการใช้ซอฟต์แวร์ ไม่ใช่การซื้อชิปโดยตรง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันว่า Alibaba จะใช้ GPU ของ NVIDIA ในโครงการใหม่หรือไม่

    Alibaba ยังเปิดเผยแผนการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ในหลายประเทศ เช่น บราซิล ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เม็กซิโก เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และดูไบ ภายในปีหน้า เพื่อรองรับความต้องการด้าน AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดย CEO Eddie Wu ระบุว่า “ความเร็วของการเติบโตในอุตสาหกรรม AI เกินความคาดหมายของเราไปมาก”

    แม้ Alibaba จะมีชิป AI ของตัวเอง และพัฒนาเทคโนโลยีเครือข่ายประสิทธิภาพสูงที่ไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี interconnect ของ NVIDIA แต่การจับมือกันครั้งนี้สะท้อนว่า Alibaba ยังเห็นคุณค่าในซอฟต์แวร์และระบบของ NVIDIA ที่สามารถเร่งการพัฒนา AI ได้ในระดับโลก

    นักวิเคราะห์มองว่า หากดีลนี้เดินหน้าได้โดยไม่มีการแทรกแซงจากรัฐบาลจีนหรือสหรัฐฯ จะเป็นการเปิดทางให้ NVIDIA ยังคงมีบทบาทในตลาดจีนผ่านช่องทางซอฟต์แวร์ และช่วยให้ Alibaba ขยายอิทธิพลด้าน AI ไปทั่วโลก แม้จะถูกจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ภายในประเทศ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Alibaba ประกาศความร่วมมือกับ NVIDIA เพื่อขยายศูนย์ข้อมูลและพัฒนาแพลตฟอร์ม AI
    ใช้ NVIDIA Physical AI stack บนแพลตฟอร์ม PAI ของ Alibaba Cloud
    ยังไม่มีการยืนยันว่าจะใช้ GPU ของ NVIDIA ในโครงการใหม่หรือไม่
    รัฐบาลจีนห้ามบริษัทเทคโนโลยีซื้อชิป H20 และ RTX Pro 6000D จาก NVIDIA
    Alibaba มีชิป AI ของตัวเอง และระบบเครือข่ายที่ไม่พึ่งพาเทคโนโลยีของ NVIDIA
    แผนสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ใน 8 ประเทศภายในปีหน้า
    CEO Eddie Wu ระบุว่าอุตสาหกรรม AI เติบโตเร็วกว่าที่คาด
    ความร่วมมือครั้งนี้อาจช่วยให้ NVIDIA ยังคงมีบทบาทในตลาดจีนผ่านซอฟต์แวร์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    คำสั่งห้ามของจีนออกโดย Cyberspace Administration of China เพื่อผลักดันการใช้ชิปภายในประเทศ
    NVIDIA เคยออกแบบชิปรุ่นพิเศษสำหรับจีนเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดจากสหรัฐฯ
    Alibaba และ Baidu มีการพัฒนาชิป AI ภายในองค์กร เช่น Hanguang และ Kunlun
    การใช้ซอฟต์แวร์ของ NVIDIA ยังเป็นจุดแข็งที่คู่แข่งในจีนยังตามไม่ทัน
    การขยายศูนย์ข้อมูลในต่างประเทศช่วยลดความเสี่ยงจากข้อจำกัดภายในประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/alibaba-announces-partnership-with-nvidia-despite-beijings-bans-chinese-e-commerce-giant-is-prioritizing-ai-with-plans-for-global-expansion
    🌏 “Alibaba จับมือ NVIDIA สวนกระแสคำสั่งปักกิ่ง — เดินเกม AI ระดับโลก แม้ถูกห้ามซื้อชิป” แม้รัฐบาลจีนจะออกคำสั่งห้ามบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Alibaba และ ByteDance ซื้อชิป AI จาก NVIDIA โดยเฉพาะรุ่น H20 และ RTX Pro 6000D ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาดจีน แต่ Alibaba กลับประกาศความร่วมมือกับ NVIDIA เพื่อขยายศูนย์ข้อมูลและพัฒนาแพลตฟอร์ม AI ระดับโลกอย่างเต็มตัว ความร่วมมือครั้งนี้เน้นการใช้ซอฟต์แวร์ NVIDIA Physical AI stack บนแพลตฟอร์ม PAI (Platform for AI) ของ Alibaba Cloud ซึ่งอาจไม่เข้าข่ายละเมิดคำสั่งห้ามซื้อฮาร์ดแวร์โดยตรง เพราะเป็นการใช้ซอฟต์แวร์ ไม่ใช่การซื้อชิปโดยตรง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันว่า Alibaba จะใช้ GPU ของ NVIDIA ในโครงการใหม่หรือไม่ Alibaba ยังเปิดเผยแผนการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ในหลายประเทศ เช่น บราซิล ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เม็กซิโก เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และดูไบ ภายในปีหน้า เพื่อรองรับความต้องการด้าน AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดย CEO Eddie Wu ระบุว่า “ความเร็วของการเติบโตในอุตสาหกรรม AI เกินความคาดหมายของเราไปมาก” แม้ Alibaba จะมีชิป AI ของตัวเอง และพัฒนาเทคโนโลยีเครือข่ายประสิทธิภาพสูงที่ไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี interconnect ของ NVIDIA แต่การจับมือกันครั้งนี้สะท้อนว่า Alibaba ยังเห็นคุณค่าในซอฟต์แวร์และระบบของ NVIDIA ที่สามารถเร่งการพัฒนา AI ได้ในระดับโลก นักวิเคราะห์มองว่า หากดีลนี้เดินหน้าได้โดยไม่มีการแทรกแซงจากรัฐบาลจีนหรือสหรัฐฯ จะเป็นการเปิดทางให้ NVIDIA ยังคงมีบทบาทในตลาดจีนผ่านช่องทางซอฟต์แวร์ และช่วยให้ Alibaba ขยายอิทธิพลด้าน AI ไปทั่วโลก แม้จะถูกจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ภายในประเทศ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Alibaba ประกาศความร่วมมือกับ NVIDIA เพื่อขยายศูนย์ข้อมูลและพัฒนาแพลตฟอร์ม AI ➡️ ใช้ NVIDIA Physical AI stack บนแพลตฟอร์ม PAI ของ Alibaba Cloud ➡️ ยังไม่มีการยืนยันว่าจะใช้ GPU ของ NVIDIA ในโครงการใหม่หรือไม่ ➡️ รัฐบาลจีนห้ามบริษัทเทคโนโลยีซื้อชิป H20 และ RTX Pro 6000D จาก NVIDIA ➡️ Alibaba มีชิป AI ของตัวเอง และระบบเครือข่ายที่ไม่พึ่งพาเทคโนโลยีของ NVIDIA ➡️ แผนสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ใน 8 ประเทศภายในปีหน้า ➡️ CEO Eddie Wu ระบุว่าอุตสาหกรรม AI เติบโตเร็วกว่าที่คาด ➡️ ความร่วมมือครั้งนี้อาจช่วยให้ NVIDIA ยังคงมีบทบาทในตลาดจีนผ่านซอฟต์แวร์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ คำสั่งห้ามของจีนออกโดย Cyberspace Administration of China เพื่อผลักดันการใช้ชิปภายในประเทศ ➡️ NVIDIA เคยออกแบบชิปรุ่นพิเศษสำหรับจีนเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดจากสหรัฐฯ ➡️ Alibaba และ Baidu มีการพัฒนาชิป AI ภายในองค์กร เช่น Hanguang และ Kunlun ➡️ การใช้ซอฟต์แวร์ของ NVIDIA ยังเป็นจุดแข็งที่คู่แข่งในจีนยังตามไม่ทัน ➡️ การขยายศูนย์ข้อมูลในต่างประเทศช่วยลดความเสี่ยงจากข้อจำกัดภายในประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/alibaba-announces-partnership-with-nvidia-despite-beijings-bans-chinese-e-commerce-giant-is-prioritizing-ai-with-plans-for-global-expansion
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ฮุนเซนฮุนมาเนตคืออาชญากรสงครามชาติใดก็สามารถฟ้องดำเนินคดีมันได้จึงสมควรที่สุด.

    ..ศาลอาญาระหว่างประเทศ

    ศาลซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2545 เพื่อดำเนินคดีบุคคลในข้อหาอาชญากรรมร้ายแรงที่สุดภายใต้ธรรมนูญกรุงโรม มีประเทศสมาชิก 125 ประเทศที่ให้สัตยาบันสนธิสัญญาดังกล่าว ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568

    ศาลอาญาระหว่างประเทศ (อังกฤษ: International Criminal Court; ย่อ: ICC) เป็นศาลระหว่างประเทศซึ่งมีที่ทำการอยู่ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีเขตอำนาจดำเนินคดีผู้กระทำความผิดอาญาระหว่างประเทศ 4 ฐาน คือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมอันเป็นการรุกราน ก่อตั้งขึ้นโดยประสงค์จะให้เป็นส่วนเสริมของระบบยุติธรรมที่แต่ละประเทศมีอยู่ จึงมีเขตอำนาจเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขเท่านั้น เช่น เมื่อศาลระดับประเทศไม่สามารถหรือไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแล้ว หรือเมื่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือรัฐหนึ่ง ๆ เสนอคดีมาให้พิจารณา ศาลนี้เริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 อันเป็นวันที่ธรรมนูญกรุงโรมเริ่มใช้บังคับ ธรรมนูญดังกล่าวเป็นสนธิสัญญาพหุภาคีซึ่งวางรากฐานและกำหนดการบริหารจัดการของศาล รัฐที่เข้าเป็นภาคีแห่งธรรมนูญจะนับเป็นรัฐสมาชิกของศาล ปัจจุบันมีรัฐภาคี 125 รัฐ

    องค์กรหลักของศาลมี 4 องค์กร คือ คณะประธาน แผนกตุลาการ สำนักงานอัยการ และสำนักงานทะเบียน ประธานศาลเป็นตุลาการที่ได้รับเลือกมาจากตุลาการคนอื่นในแผนกตุลาการ สำนักงานอัยการมีอัยการเป็นหัวหน้า ทำหน้าที่สืบสวนคดีและส่งฟ้องต่อแผนกตุลาการ ส่วนสำนักงานทะเบียนมีนายทะเบียนเป็นหัวหน้า รับผิดชอบงานธุรการทั้งปวงของศาล ซึ่งรวมถึงการบริหารสำนักงานใหญ่ของศาล หน่วยขัง และสำนักงานทนายจำเลย


    ประเทศที่เป็นสมาชิกของ ICC

    ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 มีประเทศต่างๆ 137 ประเทศลงนามในธรรมนูญกรุงโรม ซึ่งแสดงถึงเจตนาที่จะเข้าร่วม ในขณะที่ 125 ประเทศได้ให้สัตยาบันอย่างเป็นทางการ และกลายเป็นรัฐสมาชิกเต็มตัวของ ICC

    ประเทศต่างๆ ที่ได้ลงนามหรือให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมแสดงอยู่ในแผนที่ด้านล่าง


    ปี1999
    ฟิจิ กานา อิตาลี ซานมารีโน เซเนกัล ตรินิแดดและโตเบโก

    2000
    ออสเตรีย เบลเยียม บอตสวานา แคนาดา ฝรั่งเศส กาบอง เยอรมนี ไอซ์แลนด์ เลโซโท ลักเซมเบิร์ก มาลี หมู่เกาะมาร์แชลล์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ เซียร์ราลีโอน แอฟริกาใต้ สเปน ทาจิกิสถาน เวเนซุเอลา

    2001
    อันดอร์รา แอนติกาและบาร์บูดา อาร์เจนตินา สาธารณรัฐแอฟริกากลาง คอสตาริกา โครเอเชีย เดนมาร์ก โดมินิกา ฮังการี ลิกเตนสไตน์ เนเธอร์แลนด์ ไนจีเรีย ปารากวัย เปรู โปแลนด์ เซอร์เบีย สโลวีเนีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร

    2002
    บาร์เบโดส, เบนิน, โบลิเวีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, บราซิล, บัลแกเรีย, กัมพูชา, โคลอมเบีย, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, จิบูตี, เอกวาดอร์, เอสโตเนีย, แกมเบีย, กรีซ, ฮอนดูรัส, ไอร์แลนด์, จอร์แดน, ลัตเวีย, มาลาวี, มอลตา, มอริเชียส, มองโกเลีย, นามิเบีย, ไนเจอร์, มาซิโดเนียเหนือ, ปานามา, โปรตุเกส, สาธารณรัฐเกาหลี, โรมาเนีย, เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์, ซามัว, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย, แทนซาเนีย, ติมอร์-เลสเต, ยูกันดา, อุรุกวัย, แซมเบีย

    2003
    อัฟกานิสถาน, แอลเบเนีย, จอร์เจีย, กินี, ลิทัวเนีย

    2004
    บูร์กินาฟาโซ กายอานา ไลบีเรีย สาธารณรัฐคองโก

    2005
    สาธารณรัฐโดมินิกัน เคนยา เม็กซิโก

    ปี 2549
    คอโมโรส มอนเตเนโกร เซนต์คิตส์และเนวิส

    2007
    ชาด ประเทศญี่ปุ่น

    2008
    หมู่เกาะคุก มาดากัสการ์ ซูรินาม

    ปี 2009
    ชิลี สาธารณรัฐเช็ก

    2010
    บังกลาเทศ มอลโดวา เซนต์ลูเซีย เซเชลส์

    ปี 2011
    กาบูเวร์ดี, เกรเนดา, มัลดีฟส์, ตูนิเซีย

    2012
    กัวเตมาลา วานูอาตู

    ปี 2013
    ไอวอรีโคสต์

    ปี 2558
    ปาเลสไตน์

    ปี 2559
    เอลซัลวาดอร์

    ปี 2019
    คิริบาติ

    2023
    อาร์เมเนีย

    2024
    ยูเครน




    #ฮุนเซนฮุนมาเนตคืออาชญากรสงครามชาติใดก็สามารถฟ้องดำเนินคดีมันได้จึงสมควรที่สุด. ..ศาลอาญาระหว่างประเทศ ศาลซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2545 เพื่อดำเนินคดีบุคคลในข้อหาอาชญากรรมร้ายแรงที่สุดภายใต้ธรรมนูญกรุงโรม มีประเทศสมาชิก 125 ประเทศที่ให้สัตยาบันสนธิสัญญาดังกล่าว ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 ศาลอาญาระหว่างประเทศ (อังกฤษ: International Criminal Court; ย่อ: ICC) เป็นศาลระหว่างประเทศซึ่งมีที่ทำการอยู่ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีเขตอำนาจดำเนินคดีผู้กระทำความผิดอาญาระหว่างประเทศ 4 ฐาน คือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมอันเป็นการรุกราน ก่อตั้งขึ้นโดยประสงค์จะให้เป็นส่วนเสริมของระบบยุติธรรมที่แต่ละประเทศมีอยู่ จึงมีเขตอำนาจเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขเท่านั้น เช่น เมื่อศาลระดับประเทศไม่สามารถหรือไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแล้ว หรือเมื่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือรัฐหนึ่ง ๆ เสนอคดีมาให้พิจารณา ศาลนี้เริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 อันเป็นวันที่ธรรมนูญกรุงโรมเริ่มใช้บังคับ ธรรมนูญดังกล่าวเป็นสนธิสัญญาพหุภาคีซึ่งวางรากฐานและกำหนดการบริหารจัดการของศาล รัฐที่เข้าเป็นภาคีแห่งธรรมนูญจะนับเป็นรัฐสมาชิกของศาล ปัจจุบันมีรัฐภาคี 125 รัฐ องค์กรหลักของศาลมี 4 องค์กร คือ คณะประธาน แผนกตุลาการ สำนักงานอัยการ และสำนักงานทะเบียน ประธานศาลเป็นตุลาการที่ได้รับเลือกมาจากตุลาการคนอื่นในแผนกตุลาการ สำนักงานอัยการมีอัยการเป็นหัวหน้า ทำหน้าที่สืบสวนคดีและส่งฟ้องต่อแผนกตุลาการ ส่วนสำนักงานทะเบียนมีนายทะเบียนเป็นหัวหน้า รับผิดชอบงานธุรการทั้งปวงของศาล ซึ่งรวมถึงการบริหารสำนักงานใหญ่ของศาล หน่วยขัง และสำนักงานทนายจำเลย ประเทศที่เป็นสมาชิกของ ICC ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 มีประเทศต่างๆ 137 ประเทศลงนามในธรรมนูญกรุงโรม ซึ่งแสดงถึงเจตนาที่จะเข้าร่วม ในขณะที่ 125 ประเทศได้ให้สัตยาบันอย่างเป็นทางการ และกลายเป็นรัฐสมาชิกเต็มตัวของ ICC ประเทศต่างๆ ที่ได้ลงนามหรือให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมแสดงอยู่ในแผนที่ด้านล่าง ปี1999 ฟิจิ กานา อิตาลี ซานมารีโน เซเนกัล ตรินิแดดและโตเบโก 2000 ออสเตรีย เบลเยียม บอตสวานา แคนาดา ฝรั่งเศส กาบอง เยอรมนี ไอซ์แลนด์ เลโซโท ลักเซมเบิร์ก มาลี หมู่เกาะมาร์แชลล์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ เซียร์ราลีโอน แอฟริกาใต้ สเปน ทาจิกิสถาน เวเนซุเอลา 2001 อันดอร์รา แอนติกาและบาร์บูดา อาร์เจนตินา สาธารณรัฐแอฟริกากลาง คอสตาริกา โครเอเชีย เดนมาร์ก โดมินิกา ฮังการี ลิกเตนสไตน์ เนเธอร์แลนด์ ไนจีเรีย ปารากวัย เปรู โปแลนด์ เซอร์เบีย สโลวีเนีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร 2002 บาร์เบโดส, เบนิน, โบลิเวีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, บราซิล, บัลแกเรีย, กัมพูชา, โคลอมเบีย, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, จิบูตี, เอกวาดอร์, เอสโตเนีย, แกมเบีย, กรีซ, ฮอนดูรัส, ไอร์แลนด์, จอร์แดน, ลัตเวีย, มาลาวี, มอลตา, มอริเชียส, มองโกเลีย, นามิเบีย, ไนเจอร์, มาซิโดเนียเหนือ, ปานามา, โปรตุเกส, สาธารณรัฐเกาหลี, โรมาเนีย, เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์, ซามัว, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย, แทนซาเนีย, ติมอร์-เลสเต, ยูกันดา, อุรุกวัย, แซมเบีย 2003 อัฟกานิสถาน, แอลเบเนีย, จอร์เจีย, กินี, ลิทัวเนีย 2004 บูร์กินาฟาโซ กายอานา ไลบีเรีย สาธารณรัฐคองโก 2005 สาธารณรัฐโดมินิกัน เคนยา เม็กซิโก ปี 2549 คอโมโรส มอนเตเนโกร เซนต์คิตส์และเนวิส 2007 ชาด ประเทศญี่ปุ่น 2008 หมู่เกาะคุก มาดากัสการ์ ซูรินาม ปี 2009 ชิลี สาธารณรัฐเช็ก 2010 บังกลาเทศ มอลโดวา เซนต์ลูเซีย เซเชลส์ ปี 2011 กาบูเวร์ดี, เกรเนดา, มัลดีฟส์, ตูนิเซีย 2012 กัวเตมาลา วานูอาตู ปี 2013 ไอวอรีโคสต์ ปี 2558 ปาเลสไตน์ ปี 2559 เอลซัลวาดอร์ ปี 2019 คิริบาติ 2023 อาร์เมเนีย 2024 ยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • 18-09-68/04​ : หมี CNN / หมาโบโซ หมารับใช้ขี้ข้าวอชิงตัน สุดท้ายนอนคุก 27 ปี ขี้ข้าเหี้ยชะตากรรมเดียวกันหมด ไม่ตายอนาถ ก็คาคุก ตอนมีอำนาจ รับใช้เหี้ยวอชิงตันแบบสุดขั้ว กลัวเค้าไม่รู้ว่าตราขี้ข้าเหี้ยยิวขึ้นที่หน้าผาก วางแผนปฎิวัติ หลังแพ้ยับเลือกตั้ง หมายังรู้ มรึงอยู่ต่อ อีแซมบ้าชะตากรรมเดียวกับอีเมสซี่แลนด์แน่ มีแต่หนี้กับหนี้ เพราะเหี้ยมันเลี้ยงเชื้อ ไม่ให้มรึงตายทันที แต่จะตายไปอย่างช้าๆ เพราะยังต้องส่งส่วยให้มันไปตลอดกาล เดาไม่ยาก พอเรื่องเงียบ มรึงก็โดนสั่งเก็บในคุก มาตามท้องเรื่อง จุดจบขี้ข้าขายชาติ เป็นอย่างงี้หมด ที่มาว่าทำไม ชาวแซมบ้าถึงอยากจะได้ปลดแอกอิทธิพลเหี้ย ลงมติเป็นเอกฉันท์ ได้ผู้นำคนใหม่ฝักใฝ่ขั้วใหม่เต็มตรีน ไม่เอาเหี้ยอีกต่อไปแล้ว ใครจะมาก็เหี้ยไม่แพ้กัน? เลยเอาขวาสุดขอบจักรวาลมาแม่งซะเลย แล้วได้สมใจนึกวังบูรพา เทดอลล่าร์ มุ่งหาเอเซีย จับตาดูเมื่อแซมบ้าเปลี่ยนได้ หลายชาติลาตินถึงเปลี่ยนตาม จับกลุ่มพลังงานของเวเนฯ คิวบา นิการากัว โบลิเวีย โคลอมเบีย(กลายร่าง) แต่ยังมีไอ้โง่ที่ดักดานไม่เลิกคืออีเมสซี่แลนด์ เผ้าพันธุ์ชาตินี้ อยากอยู่ใต้กระโปกเหี้ยยิวไปจนวันตาย สุดท้ายล่มสลาย อาร์เจนติน่าโชคร้ายที่สุดในโลก คือมีนักการเมืองขายชาติมากจนเกินไป ไม่มีใครคิดเรื่องส่วนรวม คิดแค่วันนี้ กูจะเอาอะไรยัดห่า ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป แตกแน่ แยกย่อย นี่คือสภาพของชาติที่ไร้ความมั่นคง ผู้โง่ไม่พอ ประชาชนโคตรโง่ ชาติยิ่งฉิบหาย มรึงเห็นเต็มตาแล้วรึยัง? การมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงเมตตา มันช่วยรวมคนเป็นหนึ่งเดียวได้ เรามี แต่ชาติอื่นไม่มี เราโชคดีกว่าเค้าแค่ไหน แล้วอยู่ดีดี มันจะมาล้มเจ้าเพื่ออะไร? หวังแตกประเทศไทยไงล่ะ หมายังรู้? แซมบ้าวันนี้ไม่เหมือนก่อนแล้ว เดินหน้าเต็มสูบกับกลุ่ม BRICS ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังส้นตรีนทันที ลาตินตอนนี้ ดื้อแพ่งแล้ว อิทธิพลอเมริกา ยิว อังกฤษ แทบไม่มีเหลือ หมายังไม่กลัวเลย? โลกเปลี่ยนมือ เพราะคนจริง กล้าจริง

    Brazil’s Bolsonaro sentenced to over 27 years for coup plot โบลโซนาโรถูกตัดสินจำคุก 27 ปีจากแผนการรัฐประหาร

    ------------------------------------------------------------------------—
    RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : โบลโซนาโรถูกตัดสินจำคุก 27 ปีจากแผนการรัฐประหาร

    อดีตประธานาธิบดีบราซิล ฌาอีร์ โบลโซนาโรถูกตัดสินใจจำคุก 27 ปี 3 เดือนหลังได้รับการตัดสินว่าเป็นผู้วางแผนเพื่อให้ยังอยู่ในอำนาจหลังความพ่ายแพ้จากการเลือกตั้งในปี 2022

    คำตัดสินจากศาลสูงสุดในบราซิลเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีถูกตัดสินใจว่าเป็นผู้ทำลายประชาธิปไตยในประเทศ

    คณะผู้พิพากษาตัดสินใจว่าโบลโซนาโรมีความผิดจากการเข้าร่วมองค์กรอาชญากรรมที่ติดอาวุธซึ่งพยายามโค่นประชาธิปไตยจากกองกำลัง การวางแผนรัฐประหาร และการทำลายทรัพย์สินของรัฐ ผู้พิพากษา 4 คนลงความเห็นว่าเขามีความผิดขณะที่อีกคนตั้งคำถามเรื่องอำนาจตุลาการ

    คำตัดสินยิ่งทำให้โบลโซนาโรมีปัญหาทางกฎหมายมากขึ้น เมื่อปี 2023 ศาลการเลือกตั้งบราซิลห้ามไม่ให้เขาลงเลือกตั้งจนถึงปี 2030 หลังตัดสินว่า เขาเผยแพร่เรื่องที่ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกของประเทศ ทนายของเขาอธิบายว่าการตัดสินล่าสุด “เกินไปมาก” และยืนยันว่าจะยื่นอุทธรณ์

    โบลซานาโรอดีตผู้บัญชาการที่มักชื่นชมระบอบเผด็จการปี 1964-1985 ของบราซิลเริ่มอาชีพที่ยาวนานในสภาคองเกรสจนถึงการเป็นประธานาธิบดีในปี 2018 วาระของเขาเกิดจากความขัดแย้งกับสถาบันต่างๆ ซึ่งเป็นการรับมือเรื่องโรคระบาดที่มีความขัดแย้งกันรวมถึงข้อพิพาทเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าอเมซอน เขาออกจากตำแหน่งในเดือนมกราคม ปี 2023 หลังพ่ายแพ้ให้ประธานาธิบดีลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา

    การตัดสินใจว่ากระทำความผิดขยายไปมากกว่าโบลโซนาโร พันธมิตรของเขา 7 คนรวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารล้วนถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการประณามความพยายามที่จะใช้กองกำลังติดอาวุธเพื่อท้าทายหลักการพลเรือน

    ประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์พันธมิตรที่ใกล้ชิดกับโบลโซนาโรกล่าวว่า การตัดสินเป็น “เรื่องที่ไม่ดี” และระบุว่า “แย่มากสำหรับบราซิล”

    รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐมาร์โก รูบิโอสนับสนุนท่าทีของทรัมป์ซึ่งระบุผ่านเอ็กซ์ (X) ว่า ศาล “ตัดสินอย่างไม่ยุติธรรม” และเรียกการพิจารณาคดีว่าเป็น “การล่าแม่มด” เขาเตือนให้สหรัฐ “ตอบโต้ในแบบเดียวกัน”

    รัฐบาลสหรัฐใช้มาตรการต่อต้านคณะผู้พิพากษาบราซิล กระทรวงต่างประเทศคว่ำบาตรผู้พิพากษาสูงสุด อเล็กซานเดอร์ เดอ โมราเรสที่กล่าวหาเขาว่าใช้เรื่องการเมืองมาตัดสินเดอ โมราเรสและผู้เกี่ยวข้องนิรนามรวมถึงญาติของเขาถูกห้ามเรื่องวีซ่าและทรัพย์สินในสหรัฐอาจจะถูกยึด

    ทรัมป์สร้างความตึงเครียดทางการค้าอย่างมากด้วยการประกาศอัตราภาษี 50% ต่อการนำเข้าสินค้าบราซิลในเดือนสิงหาคม เขาอ้างถึงการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับ “การโจมตีต่อการโจมตีอย่างอิสระ” ในบราซิล แม้ข้อมูลจากทางการแสดงให้เห็นว่า สหรัฐได้เงินจากการค้ากับบราซิลถึง 28.6 พันล้านดอลลาร์

    ประธานาธิบดีลูลาประณามอัตราภาษีว่า “เผด็จการ” แต่ไม่ได้แก้แค้น นักวิเคราะห์ระบุว่า มาตรการดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่ผิดปกติจากสหรัฐที่จะกดดันกระบวนการศาลภายในประเทศบราซิลที่สร้างความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ

    https://www.presstv.ir/Detail/2025/09/12/754841/Brazil-Bolsonaro-Sentenced-to-Over-27-Years-for-Coup-Plot

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    18-09-68/04​ : หมี CNN / หมาโบโซ หมารับใช้ขี้ข้าวอชิงตัน สุดท้ายนอนคุก 27 ปี ขี้ข้าเหี้ยชะตากรรมเดียวกันหมด ไม่ตายอนาถ ก็คาคุก ตอนมีอำนาจ รับใช้เหี้ยวอชิงตันแบบสุดขั้ว กลัวเค้าไม่รู้ว่าตราขี้ข้าเหี้ยยิวขึ้นที่หน้าผาก วางแผนปฎิวัติ หลังแพ้ยับเลือกตั้ง หมายังรู้ มรึงอยู่ต่อ อีแซมบ้าชะตากรรมเดียวกับอีเมสซี่แลนด์แน่ มีแต่หนี้กับหนี้ เพราะเหี้ยมันเลี้ยงเชื้อ ไม่ให้มรึงตายทันที แต่จะตายไปอย่างช้าๆ เพราะยังต้องส่งส่วยให้มันไปตลอดกาล เดาไม่ยาก พอเรื่องเงียบ มรึงก็โดนสั่งเก็บในคุก มาตามท้องเรื่อง จุดจบขี้ข้าขายชาติ เป็นอย่างงี้หมด ที่มาว่าทำไม ชาวแซมบ้าถึงอยากจะได้ปลดแอกอิทธิพลเหี้ย ลงมติเป็นเอกฉันท์ ได้ผู้นำคนใหม่ฝักใฝ่ขั้วใหม่เต็มตรีน ไม่เอาเหี้ยอีกต่อไปแล้ว ใครจะมาก็เหี้ยไม่แพ้กัน? เลยเอาขวาสุดขอบจักรวาลมาแม่งซะเลย แล้วได้สมใจนึกวังบูรพา เทดอลล่าร์ มุ่งหาเอเซีย จับตาดูเมื่อแซมบ้าเปลี่ยนได้ หลายชาติลาตินถึงเปลี่ยนตาม จับกลุ่มพลังงานของเวเนฯ คิวบา นิการากัว โบลิเวีย โคลอมเบีย(กลายร่าง) แต่ยังมีไอ้โง่ที่ดักดานไม่เลิกคืออีเมสซี่แลนด์ เผ้าพันธุ์ชาตินี้ อยากอยู่ใต้กระโปกเหี้ยยิวไปจนวันตาย สุดท้ายล่มสลาย อาร์เจนติน่าโชคร้ายที่สุดในโลก คือมีนักการเมืองขายชาติมากจนเกินไป ไม่มีใครคิดเรื่องส่วนรวม คิดแค่วันนี้ กูจะเอาอะไรยัดห่า ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป แตกแน่ แยกย่อย นี่คือสภาพของชาติที่ไร้ความมั่นคง ผู้โง่ไม่พอ ประชาชนโคตรโง่ ชาติยิ่งฉิบหาย มรึงเห็นเต็มตาแล้วรึยัง? การมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงเมตตา มันช่วยรวมคนเป็นหนึ่งเดียวได้ เรามี แต่ชาติอื่นไม่มี เราโชคดีกว่าเค้าแค่ไหน แล้วอยู่ดีดี มันจะมาล้มเจ้าเพื่ออะไร? หวังแตกประเทศไทยไงล่ะ หมายังรู้? แซมบ้าวันนี้ไม่เหมือนก่อนแล้ว เดินหน้าเต็มสูบกับกลุ่ม BRICS ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังส้นตรีนทันที ลาตินตอนนี้ ดื้อแพ่งแล้ว อิทธิพลอเมริกา ยิว อังกฤษ แทบไม่มีเหลือ หมายังไม่กลัวเลย? โลกเปลี่ยนมือ เพราะคนจริง กล้าจริง Brazil’s Bolsonaro sentenced to over 27 years for coup plot โบลโซนาโรถูกตัดสินจำคุก 27 ปีจากแผนการรัฐประหาร ------------------------------------------------------------------------— RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : โบลโซนาโรถูกตัดสินจำคุก 27 ปีจากแผนการรัฐประหาร อดีตประธานาธิบดีบราซิล ฌาอีร์ โบลโซนาโรถูกตัดสินใจจำคุก 27 ปี 3 เดือนหลังได้รับการตัดสินว่าเป็นผู้วางแผนเพื่อให้ยังอยู่ในอำนาจหลังความพ่ายแพ้จากการเลือกตั้งในปี 2022 คำตัดสินจากศาลสูงสุดในบราซิลเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีถูกตัดสินใจว่าเป็นผู้ทำลายประชาธิปไตยในประเทศ คณะผู้พิพากษาตัดสินใจว่าโบลโซนาโรมีความผิดจากการเข้าร่วมองค์กรอาชญากรรมที่ติดอาวุธซึ่งพยายามโค่นประชาธิปไตยจากกองกำลัง การวางแผนรัฐประหาร และการทำลายทรัพย์สินของรัฐ ผู้พิพากษา 4 คนลงความเห็นว่าเขามีความผิดขณะที่อีกคนตั้งคำถามเรื่องอำนาจตุลาการ คำตัดสินยิ่งทำให้โบลโซนาโรมีปัญหาทางกฎหมายมากขึ้น เมื่อปี 2023 ศาลการเลือกตั้งบราซิลห้ามไม่ให้เขาลงเลือกตั้งจนถึงปี 2030 หลังตัดสินว่า เขาเผยแพร่เรื่องที่ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกของประเทศ ทนายของเขาอธิบายว่าการตัดสินล่าสุด “เกินไปมาก” และยืนยันว่าจะยื่นอุทธรณ์ โบลซานาโรอดีตผู้บัญชาการที่มักชื่นชมระบอบเผด็จการปี 1964-1985 ของบราซิลเริ่มอาชีพที่ยาวนานในสภาคองเกรสจนถึงการเป็นประธานาธิบดีในปี 2018 วาระของเขาเกิดจากความขัดแย้งกับสถาบันต่างๆ ซึ่งเป็นการรับมือเรื่องโรคระบาดที่มีความขัดแย้งกันรวมถึงข้อพิพาทเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าอเมซอน เขาออกจากตำแหน่งในเดือนมกราคม ปี 2023 หลังพ่ายแพ้ให้ประธานาธิบดีลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา การตัดสินใจว่ากระทำความผิดขยายไปมากกว่าโบลโซนาโร พันธมิตรของเขา 7 คนรวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารล้วนถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการประณามความพยายามที่จะใช้กองกำลังติดอาวุธเพื่อท้าทายหลักการพลเรือน ประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์พันธมิตรที่ใกล้ชิดกับโบลโซนาโรกล่าวว่า การตัดสินเป็น “เรื่องที่ไม่ดี” และระบุว่า “แย่มากสำหรับบราซิล” รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐมาร์โก รูบิโอสนับสนุนท่าทีของทรัมป์ซึ่งระบุผ่านเอ็กซ์ (X) ว่า ศาล “ตัดสินอย่างไม่ยุติธรรม” และเรียกการพิจารณาคดีว่าเป็น “การล่าแม่มด” เขาเตือนให้สหรัฐ “ตอบโต้ในแบบเดียวกัน” รัฐบาลสหรัฐใช้มาตรการต่อต้านคณะผู้พิพากษาบราซิล กระทรวงต่างประเทศคว่ำบาตรผู้พิพากษาสูงสุด อเล็กซานเดอร์ เดอ โมราเรสที่กล่าวหาเขาว่าใช้เรื่องการเมืองมาตัดสินเดอ โมราเรสและผู้เกี่ยวข้องนิรนามรวมถึงญาติของเขาถูกห้ามเรื่องวีซ่าและทรัพย์สินในสหรัฐอาจจะถูกยึด ทรัมป์สร้างความตึงเครียดทางการค้าอย่างมากด้วยการประกาศอัตราภาษี 50% ต่อการนำเข้าสินค้าบราซิลในเดือนสิงหาคม เขาอ้างถึงการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับ “การโจมตีต่อการโจมตีอย่างอิสระ” ในบราซิล แม้ข้อมูลจากทางการแสดงให้เห็นว่า สหรัฐได้เงินจากการค้ากับบราซิลถึง 28.6 พันล้านดอลลาร์ ประธานาธิบดีลูลาประณามอัตราภาษีว่า “เผด็จการ” แต่ไม่ได้แก้แค้น นักวิเคราะห์ระบุว่า มาตรการดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่ผิดปกติจากสหรัฐที่จะกดดันกระบวนการศาลภายในประเทศบราซิลที่สร้างความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ https://www.presstv.ir/Detail/2025/09/12/754841/Brazil-Bolsonaro-Sentenced-to-Over-27-Years-for-Coup-Plot ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    WWW.PRESSTV.IR
    Brazil’s Bolsonaro sentenced to over 27 years for coup plot
    The Supreme Court ruling marks the first time a former president has been convicted for undermining democracy in Brazil.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ร่วมมือ HUMAN สกัดขบวนการโกงโฆษณา SlopAds — แอป Android กว่า 224 ตัวถูกถอดออกจาก Play Store

    เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การลบแอปธรรมดา แต่เป็นการเปิดโปงขบวนการโกงโฆษณาขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในแอป Android กว่า 224 ตัว ซึ่งถูกดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 38 ล้านครั้งทั่วโลก โดยขบวนการนี้มีชื่อว่า “SlopAds” และถูกเปิดโปงโดยทีม Satori Threat Intelligence ของบริษัท HUMAN ร่วมกับ Google

    SlopAds ใช้เทคนิคซับซ้อน เช่น steganography (การซ่อนข้อมูลในไฟล์ภาพ), การสร้าง WebView ล่องหนในแอป, และการตรวจสอบว่าแอปถูกติดตั้งจากโฆษณาหรือไม่ เพื่อเริ่มต้นการโกงคลิกโฆษณาแบบลับๆ โดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว

    เมื่อแอปถูกติดตั้งผ่านโฆษณา มันจะดาวน์โหลดโมดูลชื่อ FatModule ซึ่งซ่อนอยู่ในไฟล์ PNG และเมื่อถูกถอดรหัส มันจะสร้าง WebView ที่โหลดเว็บไซต์ของผู้โจมตี เช่น เกม HTML5 หรือเว็บข่าวปลอม เพื่อจำลองการคลิกโฆษณาและสร้างรายได้แบบผิดกฎหมาย

    ที่น่าตกใจคือ ขบวนการนี้สามารถสร้าง bid request ได้ถึง 2.3 พันล้านครั้งต่อวัน และมีการกระจายตัวในกว่า 228 ประเทศ โดยมีสัดส่วนการใช้งานมากที่สุดในสหรัฐฯ (30%) อินเดีย (10%) และบราซิล (7%)

    แม้ Google จะลบแอปทั้งหมดออกจาก Play Store และแจ้งเตือนผู้ใช้แล้ว แต่ HUMAN เตือนว่า ขบวนการนี้มีความซับซ้อนและอาจกลับมาในรูปแบบใหม่อีกครั้งในอนาคต

    ขบวนการโกงโฆษณา SlopAds ถูกเปิดโปงและสกัดโดย HUMAN และ Google
    ใช้แอป Android กว่า 224 ตัวที่เน้นธีม AI เช่น StableDiffusion, ChatGLM
    แอปถูกดาวน์โหลดมากกว่า 38 ล้านครั้งทั่วโลก
    สร้าง bid request ได้สูงถึง 2.3 พันล้านครั้งต่อวัน

    เทคนิคที่ใช้ในการโกงโฆษณา
    ใช้ steganography ซ่อนโมดูล FatModule ในไฟล์ PNG
    สร้าง WebView ล่องหนเพื่อโหลดเว็บไซต์ของผู้โจมตี
    ตรวจสอบว่าผู้ใช้ติดตั้งแอปจากโฆษณาหรือไม่ ก่อนเริ่มการโกง

    Google ดำเนินการลบแอปและแจ้งเตือนผู้ใช้
    แอปทั้งหมดถูกถอดออกจาก Play Store
    ผู้ใช้ที่ติดตั้งแอปได้รับการแจ้งเตือนให้ลบออกทันที

    HUMAN เตือนถึงความซับซ้อนของ SlopAds
    ใช้การตรวจจับแบบ conditional execution เพื่อหลบเลี่ยงนักวิจัย
    มีการใช้ระบบวัดผลโฆษณาเพื่อสร้างข้อมูลปลอมที่ดูเหมือนจริง

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน Android
    แอปที่ดูเหมือนปลอดภัยอาจมีพฤติกรรมลับซ่อนอยู่
    การติดตั้งแอปจากโฆษณาอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตี
    ขบวนการโกงโฆษณาอาจกลับมาในรูปแบบใหม่ที่ซับซ้อนกว่าเดิม

    https://www.techradar.com/pro/security/google-dismantles-huge-android-ad-fraud-network-distributing-malware-through-224-apps
    📰 Google ร่วมมือ HUMAN สกัดขบวนการโกงโฆษณา SlopAds — แอป Android กว่า 224 ตัวถูกถอดออกจาก Play Store เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การลบแอปธรรมดา แต่เป็นการเปิดโปงขบวนการโกงโฆษณาขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในแอป Android กว่า 224 ตัว ซึ่งถูกดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 38 ล้านครั้งทั่วโลก โดยขบวนการนี้มีชื่อว่า “SlopAds” และถูกเปิดโปงโดยทีม Satori Threat Intelligence ของบริษัท HUMAN ร่วมกับ Google SlopAds ใช้เทคนิคซับซ้อน เช่น steganography (การซ่อนข้อมูลในไฟล์ภาพ), การสร้าง WebView ล่องหนในแอป, และการตรวจสอบว่าแอปถูกติดตั้งจากโฆษณาหรือไม่ เพื่อเริ่มต้นการโกงคลิกโฆษณาแบบลับๆ โดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว เมื่อแอปถูกติดตั้งผ่านโฆษณา มันจะดาวน์โหลดโมดูลชื่อ FatModule ซึ่งซ่อนอยู่ในไฟล์ PNG และเมื่อถูกถอดรหัส มันจะสร้าง WebView ที่โหลดเว็บไซต์ของผู้โจมตี เช่น เกม HTML5 หรือเว็บข่าวปลอม เพื่อจำลองการคลิกโฆษณาและสร้างรายได้แบบผิดกฎหมาย ที่น่าตกใจคือ ขบวนการนี้สามารถสร้าง bid request ได้ถึง 2.3 พันล้านครั้งต่อวัน และมีการกระจายตัวในกว่า 228 ประเทศ โดยมีสัดส่วนการใช้งานมากที่สุดในสหรัฐฯ (30%) อินเดีย (10%) และบราซิล (7%) แม้ Google จะลบแอปทั้งหมดออกจาก Play Store และแจ้งเตือนผู้ใช้แล้ว แต่ HUMAN เตือนว่า ขบวนการนี้มีความซับซ้อนและอาจกลับมาในรูปแบบใหม่อีกครั้งในอนาคต ✅ ขบวนการโกงโฆษณา SlopAds ถูกเปิดโปงและสกัดโดย HUMAN และ Google ➡️ ใช้แอป Android กว่า 224 ตัวที่เน้นธีม AI เช่น StableDiffusion, ChatGLM ➡️ แอปถูกดาวน์โหลดมากกว่า 38 ล้านครั้งทั่วโลก ➡️ สร้าง bid request ได้สูงถึง 2.3 พันล้านครั้งต่อวัน ✅ เทคนิคที่ใช้ในการโกงโฆษณา ➡️ ใช้ steganography ซ่อนโมดูล FatModule ในไฟล์ PNG ➡️ สร้าง WebView ล่องหนเพื่อโหลดเว็บไซต์ของผู้โจมตี ➡️ ตรวจสอบว่าผู้ใช้ติดตั้งแอปจากโฆษณาหรือไม่ ก่อนเริ่มการโกง ✅ Google ดำเนินการลบแอปและแจ้งเตือนผู้ใช้ ➡️ แอปทั้งหมดถูกถอดออกจาก Play Store ➡️ ผู้ใช้ที่ติดตั้งแอปได้รับการแจ้งเตือนให้ลบออกทันที ✅ HUMAN เตือนถึงความซับซ้อนของ SlopAds ➡️ ใช้การตรวจจับแบบ conditional execution เพื่อหลบเลี่ยงนักวิจัย ➡️ มีการใช้ระบบวัดผลโฆษณาเพื่อสร้างข้อมูลปลอมที่ดูเหมือนจริง ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน Android ⛔ แอปที่ดูเหมือนปลอดภัยอาจมีพฤติกรรมลับซ่อนอยู่ ⛔ การติดตั้งแอปจากโฆษณาอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ⛔ ขบวนการโกงโฆษณาอาจกลับมาในรูปแบบใหม่ที่ซับซ้อนกว่าเดิม https://www.techradar.com/pro/security/google-dismantles-huge-android-ad-fraud-network-distributing-malware-through-224-apps
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไมครอน คาโดโซ่ เด็กบราซิลหัวใจไทย (16/09/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #TikTokการกีฬา #ฟุตบอล #บราซิลหัวใจไทย
    ไมครอน คาโดโซ่ เด็กบราซิลหัวใจไทย (16/09/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #TikTokการกีฬา #ฟุตบอล #บราซิลหัวใจไทย
    Like
    Wow
    3
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก AirPods Pro 3 ถึง GDPR: เมื่อฟีเจอร์แปลภาษาถูกกฎหมายยุโรปขวางไว้ก่อนเปิดใช้งาน

    Apple เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า “Live Translation” สำหรับ AirPods Pro 3 และรุ่นเก่าบางรุ่น เช่น AirPods Pro 2 และ AirPods 4 ที่มี Active Noise Cancellation โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสนทนาแบบข้ามภาษาได้ทันทีผ่านหูฟัง โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแปลเอง

    เมื่อผู้ใช้พูดผ่าน AirPods ระบบจะประมวลผลเสียงและแสดงคำแปลแบบเรียลไทม์บนหน้าจอ iPhone หรือส่งเสียงแปลกลับผ่านหูฟังอีกข้าง หากทั้งสองฝ่ายใช้ AirPods ที่รองรับ ฟีเจอร์จะทำงานได้เต็มรูปแบบ พร้อมลดเสียงรบกวนจากคู่สนทนาเพื่อให้ผู้ใช้โฟกัสกับเสียงแปลได้ชัดเจน

    แต่สิ่งที่ทำให้ชุมชนผู้ใช้ในยุโรปต้องสะดุดคือ Apple ประกาศว่า Live Translation จะ “ไม่สามารถใช้งานได้” หากผู้ใช้มีบัญชี Apple ที่ตั้งภูมิภาคเป็น EU และอยู่ใน EU จริง ๆ โดยไม่มีการให้เหตุผลอย่างเป็นทางการ

    นักวิเคราะห์คาดว่าเหตุผลหลักมาจากกฎหมายของ EU เช่น GDPR และ AI Act ที่กำหนดให้บริการแปลภาษาต้องมีการจัดการข้อมูลเสียง, ความยินยอม, การไหลของข้อมูล และสิทธิของผู้ใช้อย่างเข้มงวด ซึ่ง Apple อาจยังไม่พร้อมเปิดเผยรายละเอียดการทำงานของระบบ AI ที่อยู่เบื้องหลังฟีเจอร์นี้

    นอกจากนี้ Apple ยังเคยถูกปรับจาก EU หลายครั้งในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทอาจเลือก “บล็อกฟีเจอร์ไว้ก่อน” เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านกฎหมายและการถูกปรับซ้ำ

    ฟีเจอร์ Live Translation บน AirPods
    รองรับ AirPods Pro 3, AirPods Pro 2 และ AirPods 4 ที่มี ANC
    แปลภาษาแบบเรียลไทม์ผ่านเสียงและข้อความบน iPhone
    ใช้งานเต็มรูปแบบเมื่อทั้งสองฝ่ายใช้ AirPods ที่รองรับ

    เงื่อนไขการใช้งาน
    ต้องใช้ iPhone ที่รองรับ Apple Intelligence และ iOS 26 ขึ้นไป
    ต้องอัปเดต firmware ของ AirPods ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
    รองรับภาษาอังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, โปรตุเกส (บราซิล), และสเปน
    จะเพิ่มภาษาอิตาลี, ญี่ปุ่น, เกาหลี และจีนในภายหลัง

    ข้อจำกัดสำหรับผู้ใช้ใน EU
    ฟีเจอร์จะถูกบล็อกหากผู้ใช้มีบัญชี Apple ที่ตั้งภูมิภาคเป็น EU และอยู่ใน EU
    Apple ไม่ได้ให้เหตุผลอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าเป็นผลจากกฎหมาย GDPR และ AI Act
    ยังไม่มีกำหนดว่าจะปลดล็อกฟีเจอร์เมื่อใด

    https://www.macrumors.com/2025/09/11/airpods-live-translation-eu-restricted/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก AirPods Pro 3 ถึง GDPR: เมื่อฟีเจอร์แปลภาษาถูกกฎหมายยุโรปขวางไว้ก่อนเปิดใช้งาน Apple เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า “Live Translation” สำหรับ AirPods Pro 3 และรุ่นเก่าบางรุ่น เช่น AirPods Pro 2 และ AirPods 4 ที่มี Active Noise Cancellation โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสนทนาแบบข้ามภาษาได้ทันทีผ่านหูฟัง โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแปลเอง เมื่อผู้ใช้พูดผ่าน AirPods ระบบจะประมวลผลเสียงและแสดงคำแปลแบบเรียลไทม์บนหน้าจอ iPhone หรือส่งเสียงแปลกลับผ่านหูฟังอีกข้าง หากทั้งสองฝ่ายใช้ AirPods ที่รองรับ ฟีเจอร์จะทำงานได้เต็มรูปแบบ พร้อมลดเสียงรบกวนจากคู่สนทนาเพื่อให้ผู้ใช้โฟกัสกับเสียงแปลได้ชัดเจน แต่สิ่งที่ทำให้ชุมชนผู้ใช้ในยุโรปต้องสะดุดคือ Apple ประกาศว่า Live Translation จะ “ไม่สามารถใช้งานได้” หากผู้ใช้มีบัญชี Apple ที่ตั้งภูมิภาคเป็น EU และอยู่ใน EU จริง ๆ โดยไม่มีการให้เหตุผลอย่างเป็นทางการ นักวิเคราะห์คาดว่าเหตุผลหลักมาจากกฎหมายของ EU เช่น GDPR และ AI Act ที่กำหนดให้บริการแปลภาษาต้องมีการจัดการข้อมูลเสียง, ความยินยอม, การไหลของข้อมูล และสิทธิของผู้ใช้อย่างเข้มงวด ซึ่ง Apple อาจยังไม่พร้อมเปิดเผยรายละเอียดการทำงานของระบบ AI ที่อยู่เบื้องหลังฟีเจอร์นี้ นอกจากนี้ Apple ยังเคยถูกปรับจาก EU หลายครั้งในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทอาจเลือก “บล็อกฟีเจอร์ไว้ก่อน” เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านกฎหมายและการถูกปรับซ้ำ ✅ ฟีเจอร์ Live Translation บน AirPods ➡️ รองรับ AirPods Pro 3, AirPods Pro 2 และ AirPods 4 ที่มี ANC ➡️ แปลภาษาแบบเรียลไทม์ผ่านเสียงและข้อความบน iPhone ➡️ ใช้งานเต็มรูปแบบเมื่อทั้งสองฝ่ายใช้ AirPods ที่รองรับ ✅ เงื่อนไขการใช้งาน ➡️ ต้องใช้ iPhone ที่รองรับ Apple Intelligence และ iOS 26 ขึ้นไป ➡️ ต้องอัปเดต firmware ของ AirPods ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด ➡️ รองรับภาษาอังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, โปรตุเกส (บราซิล), และสเปน ➡️ จะเพิ่มภาษาอิตาลี, ญี่ปุ่น, เกาหลี และจีนในภายหลัง ✅ ข้อจำกัดสำหรับผู้ใช้ใน EU ➡️ ฟีเจอร์จะถูกบล็อกหากผู้ใช้มีบัญชี Apple ที่ตั้งภูมิภาคเป็น EU และอยู่ใน EU ➡️ Apple ไม่ได้ให้เหตุผลอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าเป็นผลจากกฎหมาย GDPR และ AI Act ➡️ ยังไม่มีกำหนดว่าจะปลดล็อกฟีเจอร์เมื่อใด https://www.macrumors.com/2025/09/11/airpods-live-translation-eu-restricted/
    WWW.MACRUMORS.COM
    AirPods Live Translation Blocked for EU Users With EU Apple Accounts
    Apple's new Live Translation feature for AirPods will be off-limits to millions of European users when it arrives next week, with strict EU...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Influencer ที่ไม่มีวันแก่: เมื่อ AI กลายเป็นคนดังที่แบรนด์รักและ FTC เริ่มไม่ไว้ใจ

    Lil Miquela เปิดตัวในปี 2016 ในฐานะ “วัยรุ่นบราซิล-อเมริกันจากแคลิฟอร์เนีย” ที่มีชีวิตอยู่บน Instagram เท่านั้น แต่เธอกลับกลายเป็นคนดังที่มีผู้ติดตามกว่า 2.4 ล้านคน ปรากฏตัวบนปกนิตยสาร, ร่วมแคมเปญกับ Calvin Klein และ Prada, และแม้แต่ถ่ายเซลฟี่กับ Nancy Pelosi ที่งานดนตรีในซานฟรานซิสโกเมื่อเดือนก่อน

    แต่เบื้องหลังของ Lil Miquela คือโมเดล AI ที่สร้างโดยบริษัท Dapper Labs ซึ่งใช้เทคนิคการเรนเดอร์ภาพและการเขียนบทสนทนาให้เหมือนมนุษย์จริง ๆ จนผู้ติดตามหลายคนไม่รู้ว่าเธอไม่ใช่คนจริง

    การเติบโตของ “AI influencer” ไม่ได้หยุดแค่ Miquela—ยังมี Shudu, Milla Sofia และอีกหลายคนที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนแบรนด์โดยเฉพาะ และนั่นทำให้ FTC (คณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ) ต้องออกกฎใหม่ในปี 2023 โดยระบุว่า virtual influencer ที่ “ดูเหมือนคนจริง” และ “พูดในลักษณะที่ผู้บริโภคอาจเข้าใจว่าเป็นประสบการณ์ส่วนตัว” จะต้องปฏิบัติตามกฎการโฆษณาเหมือน influencer จริงทุกประการ3

    นั่นหมายความว่า AI influencer ต้องเปิดเผยความเกี่ยวข้องกับแบรนด์, ห้ามพูดราวกับเคยใช้สินค้าจริง, และแบรนด์ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ AI พูด—แม้จะเป็นโมเดลที่ไม่มีความรู้สึกหรือประสบการณ์จริงก็ตาม

    การเติบโตของ AI influencer
    Lil Miquela เปิดตัวในปี 2016 และมีผู้ติดตามกว่า 2.4 ล้านคน
    ปรากฏตัวในแคมเปญของแบรนด์ใหญ่ เช่น Calvin Klein และ Prada
    มีการโต้ตอบกับบุคคลจริง เช่น Nancy Pelosi ในงานดนตรี

    การกำกับดูแลจาก FTC
    FTC อัปเดต Endorsement Guide ให้ครอบคลุม virtual influencer
    ต้องเปิดเผยความเกี่ยวข้องกับแบรนด์อย่างชัดเจน
    ห้ามพูดราวกับมีประสบการณ์ส่วนตัวกับสินค้า

    ตัวอย่าง virtual influencer ที่มีอิทธิพล
    Shudu, Milla Sofia, Lu do Magalu เป็นตัวอย่างของ AI ที่มีผู้ติดตามหลักล้าน
    ถูกใช้เป็นตัวแทนแบรนด์ในหลายประเทศ
    บางรายถูกสร้างโดยแบรนด์เองเพื่อควบคุมภาพลักษณ์และข้อความ

    แนวโน้มของตลาดและเทคโนโลยี
    AI influencer ช่วยลดต้นทุนการตลาดและควบคุมเนื้อหาได้เต็มที่
    ใช้เทคโนโลยีเรนเดอร์ภาพและ NLP เพื่อสร้างบทสนทนาเหมือนจริง
    แบรนด์ขนาดเล็กสามารถสร้าง content ระดับสตูดิโอได้ด้วยงบจำกัด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/04/theyre-famous-theyre-everywhere-and-theyre-fake
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Influencer ที่ไม่มีวันแก่: เมื่อ AI กลายเป็นคนดังที่แบรนด์รักและ FTC เริ่มไม่ไว้ใจ Lil Miquela เปิดตัวในปี 2016 ในฐานะ “วัยรุ่นบราซิล-อเมริกันจากแคลิฟอร์เนีย” ที่มีชีวิตอยู่บน Instagram เท่านั้น แต่เธอกลับกลายเป็นคนดังที่มีผู้ติดตามกว่า 2.4 ล้านคน ปรากฏตัวบนปกนิตยสาร, ร่วมแคมเปญกับ Calvin Klein และ Prada, และแม้แต่ถ่ายเซลฟี่กับ Nancy Pelosi ที่งานดนตรีในซานฟรานซิสโกเมื่อเดือนก่อน แต่เบื้องหลังของ Lil Miquela คือโมเดล AI ที่สร้างโดยบริษัท Dapper Labs ซึ่งใช้เทคนิคการเรนเดอร์ภาพและการเขียนบทสนทนาให้เหมือนมนุษย์จริง ๆ จนผู้ติดตามหลายคนไม่รู้ว่าเธอไม่ใช่คนจริง การเติบโตของ “AI influencer” ไม่ได้หยุดแค่ Miquela—ยังมี Shudu, Milla Sofia และอีกหลายคนที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนแบรนด์โดยเฉพาะ และนั่นทำให้ FTC (คณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ) ต้องออกกฎใหม่ในปี 2023 โดยระบุว่า virtual influencer ที่ “ดูเหมือนคนจริง” และ “พูดในลักษณะที่ผู้บริโภคอาจเข้าใจว่าเป็นประสบการณ์ส่วนตัว” จะต้องปฏิบัติตามกฎการโฆษณาเหมือน influencer จริงทุกประการ3 นั่นหมายความว่า AI influencer ต้องเปิดเผยความเกี่ยวข้องกับแบรนด์, ห้ามพูดราวกับเคยใช้สินค้าจริง, และแบรนด์ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ AI พูด—แม้จะเป็นโมเดลที่ไม่มีความรู้สึกหรือประสบการณ์จริงก็ตาม ✅ การเติบโตของ AI influencer ➡️ Lil Miquela เปิดตัวในปี 2016 และมีผู้ติดตามกว่า 2.4 ล้านคน ➡️ ปรากฏตัวในแคมเปญของแบรนด์ใหญ่ เช่น Calvin Klein และ Prada ➡️ มีการโต้ตอบกับบุคคลจริง เช่น Nancy Pelosi ในงานดนตรี ✅ การกำกับดูแลจาก FTC ➡️ FTC อัปเดต Endorsement Guide ให้ครอบคลุม virtual influencer ➡️ ต้องเปิดเผยความเกี่ยวข้องกับแบรนด์อย่างชัดเจน ➡️ ห้ามพูดราวกับมีประสบการณ์ส่วนตัวกับสินค้า ✅ ตัวอย่าง virtual influencer ที่มีอิทธิพล ➡️ Shudu, Milla Sofia, Lu do Magalu เป็นตัวอย่างของ AI ที่มีผู้ติดตามหลักล้าน ➡️ ถูกใช้เป็นตัวแทนแบรนด์ในหลายประเทศ ➡️ บางรายถูกสร้างโดยแบรนด์เองเพื่อควบคุมภาพลักษณ์และข้อความ ✅ แนวโน้มของตลาดและเทคโนโลยี ➡️ AI influencer ช่วยลดต้นทุนการตลาดและควบคุมเนื้อหาได้เต็มที่ ➡️ ใช้เทคโนโลยีเรนเดอร์ภาพและ NLP เพื่อสร้างบทสนทนาเหมือนจริง ➡️ แบรนด์ขนาดเล็กสามารถสร้าง content ระดับสตูดิโอได้ด้วยงบจำกัด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/04/theyre-famous-theyre-everywhere-and-theyre-fake
    WWW.THESTAR.COM.MY
    They're famous. They're everywhere. And they're fake.
    Influencers like Lil' Miquela and Mia Zelu have millions of followers and generate serious income, despite being created with artificial intelligence.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเรือที่จ่ายไฟ: เมื่อ Karpowership เปลี่ยนทะเลให้กลายเป็นแหล่งพลังงานฉุกเฉิน

    Powership คือเรือที่ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดยสามารถใช้เชื้อเพลิงหลากหลาย เช่น น้ำมันเตา, ก๊าซธรรมชาติ, หรือแม้แต่เชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อผลิตไฟฟ้าและส่งเข้าสู่โครงข่ายบนฝั่งผ่านสายไฟแรงสูง โดยไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าบนบกเลยแม้แต่นิดเดียว

    บริษัทที่เป็นเจ้าของและผู้ให้บริการหลักคือ Karpowership จากตุรกี ซึ่งมีเรือกว่า 50 ลำในปัจจุบัน และกำลังขยายกำลังผลิตจาก 10,000 MW เป็น 21,000 MW ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า เรือแต่ละลำสามารถผลิตไฟฟ้าได้ตั้งแต่ 30 MW ไปจนถึง 500 MW โดยใช้เทคโนโลยีแบบ plug-and-play ที่สามารถติดตั้งและเริ่มจ่ายไฟได้ภายใน 30 วัน

    เรือรุ่นใหญ่ที่สุดคือ Khan Class เช่น Osman Khan ที่มีความยาวถึง 300 เมตร และบรรทุกเชื้อเพลิงได้ถึง 38,000 ตัน ใช้เครื่องยนต์แบบ dual-fuel ที่สามารถสลับเชื้อเพลิงตามความพร้อมในพื้นที่ เช่น ก๊าซธรรมชาติในบราซิล หรือดีเซลในโมซัมบิก

    นอกจากความเร็วในการติดตั้งแล้ว Powership ยังช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้า, ลดการปล่อยคาร์บอนเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าเก่า และไม่ต้องใช้พื้นที่บนบก—เหมาะกับประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานจำกัด เช่น อินโดนีเซีย, เซเนกัล, เลบานอน, อิรัก และคิวบา

    ล่าสุด Karpowership ยังร่วมมือกับ Seatrium เพื่อพัฒนาเรือรุ่นใหม่ที่ติดตั้งระบบดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCUS) เพื่อรองรับเป้าหมายด้านพลังงานสะอาดในอนาคต

    ความสามารถของ Powership
    ผลิตไฟฟ้าได้ตั้งแต่ 30 MW ถึง 500 MW ต่อเรือ
    ใช้เชื้อเพลิงหลากหลาย เช่น น้ำมันเตา, ก๊าซธรรมชาติ, เชื้อเพลิงชีวภาพ
    ติดตั้งและเริ่มจ่ายไฟได้ภายใน 30 วัน

    บริษัท Karpowership และการขยายตัว
    มีเรือกว่า 50 ลำ รวมกำลังผลิตกว่า 10,000 MW
    เป้าหมายคือขยายเป็น 21,000 MW ภายในไม่กี่ปี
    ให้บริการในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก

    เทคโนโลยีและความยืดหยุ่น
    ใช้เครื่องยนต์ dual-fuel ที่ปรับตามเชื้อเพลิงในพื้นที่
    ไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าบนบก ลดความเสี่ยงด้าน EPC
    มีระบบ CCUS และเทอร์ไบน์ในเรือรุ่นใหม่เพื่อรองรับพลังงานสะอาด

    ตัวอย่างการใช้งานจริง
    อินโดนีเซียใช้ Powership จ่ายไฟให้ 4 เกาะ รวมถึง 80% ของความต้องการ
    บราซิลและเซเนกัลใช้เรือ LNGTS เพื่อจ่ายไฟจากทะเลสู่ฝั่ง
    โมซัมบิกและอิรักใช้เพื่อเสริมโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหาย

    https://www.slashgear.com/1955619/what-is-a-power-ship-and-why-do-some-countries-need-them/
    🎙️ เรื่องเล่าจากเรือที่จ่ายไฟ: เมื่อ Karpowership เปลี่ยนทะเลให้กลายเป็นแหล่งพลังงานฉุกเฉิน Powership คือเรือที่ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดยสามารถใช้เชื้อเพลิงหลากหลาย เช่น น้ำมันเตา, ก๊าซธรรมชาติ, หรือแม้แต่เชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อผลิตไฟฟ้าและส่งเข้าสู่โครงข่ายบนฝั่งผ่านสายไฟแรงสูง โดยไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าบนบกเลยแม้แต่นิดเดียว บริษัทที่เป็นเจ้าของและผู้ให้บริการหลักคือ Karpowership จากตุรกี ซึ่งมีเรือกว่า 50 ลำในปัจจุบัน และกำลังขยายกำลังผลิตจาก 10,000 MW เป็น 21,000 MW ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า เรือแต่ละลำสามารถผลิตไฟฟ้าได้ตั้งแต่ 30 MW ไปจนถึง 500 MW โดยใช้เทคโนโลยีแบบ plug-and-play ที่สามารถติดตั้งและเริ่มจ่ายไฟได้ภายใน 30 วัน เรือรุ่นใหญ่ที่สุดคือ Khan Class เช่น Osman Khan ที่มีความยาวถึง 300 เมตร และบรรทุกเชื้อเพลิงได้ถึง 38,000 ตัน ใช้เครื่องยนต์แบบ dual-fuel ที่สามารถสลับเชื้อเพลิงตามความพร้อมในพื้นที่ เช่น ก๊าซธรรมชาติในบราซิล หรือดีเซลในโมซัมบิก นอกจากความเร็วในการติดตั้งแล้ว Powership ยังช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้า, ลดการปล่อยคาร์บอนเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าเก่า และไม่ต้องใช้พื้นที่บนบก—เหมาะกับประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานจำกัด เช่น อินโดนีเซีย, เซเนกัล, เลบานอน, อิรัก และคิวบา ล่าสุด Karpowership ยังร่วมมือกับ Seatrium เพื่อพัฒนาเรือรุ่นใหม่ที่ติดตั้งระบบดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCUS) เพื่อรองรับเป้าหมายด้านพลังงานสะอาดในอนาคต ✅ ความสามารถของ Powership ➡️ ผลิตไฟฟ้าได้ตั้งแต่ 30 MW ถึง 500 MW ต่อเรือ ➡️ ใช้เชื้อเพลิงหลากหลาย เช่น น้ำมันเตา, ก๊าซธรรมชาติ, เชื้อเพลิงชีวภาพ ➡️ ติดตั้งและเริ่มจ่ายไฟได้ภายใน 30 วัน ✅ บริษัท Karpowership และการขยายตัว ➡️ มีเรือกว่า 50 ลำ รวมกำลังผลิตกว่า 10,000 MW ➡️ เป้าหมายคือขยายเป็น 21,000 MW ภายในไม่กี่ปี ➡️ ให้บริการในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก ✅ เทคโนโลยีและความยืดหยุ่น ➡️ ใช้เครื่องยนต์ dual-fuel ที่ปรับตามเชื้อเพลิงในพื้นที่ ➡️ ไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าบนบก ลดความเสี่ยงด้าน EPC ➡️ มีระบบ CCUS และเทอร์ไบน์ในเรือรุ่นใหม่เพื่อรองรับพลังงานสะอาด ✅ ตัวอย่างการใช้งานจริง ➡️ อินโดนีเซียใช้ Powership จ่ายไฟให้ 4 เกาะ รวมถึง 80% ของความต้องการ ➡️ บราซิลและเซเนกัลใช้เรือ LNGTS เพื่อจ่ายไฟจากทะเลสู่ฝั่ง ➡️ โมซัมบิกและอิรักใช้เพื่อเสริมโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหาย https://www.slashgear.com/1955619/what-is-a-power-ship-and-why-do-some-countries-need-them/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    What Is A Powership And Why Do Some Countries Need Them? - SlashGear
    Powerships are essentially floating power stations that can anchor offshore and plug in to produce electricity to supplement the local power grid.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 258 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเปรูได้หารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F รุ่นล่าสุดจาก Saab ผู้ผลิตสัญชาติสวีเดน ระหว่างการเยือนกรุงสตอกโฮล์มอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา

    "พาล จอนสัน" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน กล่าวว่า สต็อกโฮล์มมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับ “ความร่วมมือที่กว้างขวางยิ่งขึ้นในด้านต่างๆ เช่น การป้องกันประเทศและนวัตกรรม นอกจากนี้ เรายังยินดีที่กริพเพนเป็นหนึ่งในเครื่องบินที่ได้รับการพิจารณาเป็นทางเลือกใหม่ก่อนที่เปรูจะจัดซื้อเครื่องบินรบที่กำลังจะมาถึง”

    ขณะนี้ รัฐบาลเปรูกำลังเสริมเขี้ยวเล็บทางอากาศ ด้วยการพิจารณาเครื่องบินรบ 24 ลำ เข้าประจำการ และกำลังมองไปที่กริพเพน E/F, ราฟาล เอฟ4 ของฝรั่งเศส และเครื่องบิน F-16 บล็อก 70/72 รุ่นล่าสุดของอเมริกา

    กริพเพน อี/เอฟ เป็นเครื่องบินขับไล่รุ่นล่าสุดของซาบ ซึ่งถูกเรียกว่าเป็นเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 4.5 ซึ่งมีสัญญาณบ่งชี้ว่ากำลังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

    เมื่อเร็วๆ นี้ ประเทศไทยได้ลงนามในสัญญามูลค่า 524 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อกริพเพน อี จำนวน 3 ลำ และกริพเพน เอฟ จำนวน 1 ลำ ซึ่งถือเป็นการซื้อเครื่องบินครั้งแรกจากแผนเดิมจำนวน 12 ลำ

    บราซิลเป็นอีกหนึ่งประเศที่ใช้บริการกริพเพน อี/เอฟ โดยมีคำสั่งซื้อมากถึง 72 ลำ (ในประเทศเรียกว่า F-39E) โดย 8 ลำ เข้าประจำการแล้ว และที่เหลือ บริษัทเอ็มบราเออร์ ผู้ผลิตเครื่องบินสัญชาติบราซิล กำลังประกอบกริพเพนภายในประเทศภายใต้ความร่วมมือกับ Saab

    นอกจากนี้ Saab ยังพิจารณาการขายที่เป็นไปได้ไปยังฟิลิปปินส์และออสเตรีย รวมถึงโอกาสในการขยายอายุการใช้งานและการบำรุงรักษาเครื่องบินกริพเพนแบบ C/D รุ่นเก่า ให้กับ สาธารณรัฐเช็ก ฮังการี และแอฟริกาใต้ อีกด้วย


    ที่มา: flightglobal
    เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเปรูได้หารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F รุ่นล่าสุดจาก Saab ผู้ผลิตสัญชาติสวีเดน ระหว่างการเยือนกรุงสตอกโฮล์มอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา "พาล จอนสัน" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน กล่าวว่า สต็อกโฮล์มมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับ “ความร่วมมือที่กว้างขวางยิ่งขึ้นในด้านต่างๆ เช่น การป้องกันประเทศและนวัตกรรม นอกจากนี้ เรายังยินดีที่กริพเพนเป็นหนึ่งในเครื่องบินที่ได้รับการพิจารณาเป็นทางเลือกใหม่ก่อนที่เปรูจะจัดซื้อเครื่องบินรบที่กำลังจะมาถึง” ขณะนี้ รัฐบาลเปรูกำลังเสริมเขี้ยวเล็บทางอากาศ ด้วยการพิจารณาเครื่องบินรบ 24 ลำ เข้าประจำการ และกำลังมองไปที่กริพเพน E/F, ราฟาล เอฟ4 ของฝรั่งเศส และเครื่องบิน F-16 บล็อก 70/72 รุ่นล่าสุดของอเมริกา กริพเพน อี/เอฟ เป็นเครื่องบินขับไล่รุ่นล่าสุดของซาบ ซึ่งถูกเรียกว่าเป็นเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 4.5 ซึ่งมีสัญญาณบ่งชี้ว่ากำลังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อเร็วๆ นี้ ประเทศไทยได้ลงนามในสัญญามูลค่า 524 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อกริพเพน อี จำนวน 3 ลำ และกริพเพน เอฟ จำนวน 1 ลำ ซึ่งถือเป็นการซื้อเครื่องบินครั้งแรกจากแผนเดิมจำนวน 12 ลำ บราซิลเป็นอีกหนึ่งประเศที่ใช้บริการกริพเพน อี/เอฟ โดยมีคำสั่งซื้อมากถึง 72 ลำ (ในประเทศเรียกว่า F-39E) โดย 8 ลำ เข้าประจำการแล้ว และที่เหลือ บริษัทเอ็มบราเออร์ ผู้ผลิตเครื่องบินสัญชาติบราซิล กำลังประกอบกริพเพนภายในประเทศภายใต้ความร่วมมือกับ Saab นอกจากนี้ Saab ยังพิจารณาการขายที่เป็นไปได้ไปยังฟิลิปปินส์และออสเตรีย รวมถึงโอกาสในการขยายอายุการใช้งานและการบำรุงรักษาเครื่องบินกริพเพนแบบ C/D รุ่นเก่า ให้กับ สาธารณรัฐเช็ก ฮังการี และแอฟริกาใต้ อีกด้วย ที่มา: flightglobal
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 359 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google จะไม่ให้ใครติดตั้งแอปอีกต่อไป ถ้าไม่รู้ว่า “คุณเป็นใคร”

    ในปี 2026 การติดตั้งแอปบน Android จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะ Google ประกาศว่า ตั้งแต่เดือนกันยายนปีนั้นเป็นต้นไป แอปใดก็ตามที่ติดตั้งบนอุปกรณ์ Android ที่ผ่านการรับรอง (เช่น Pixel หรือ Samsung ที่มี Play Protect) จะต้องมาจากนักพัฒนาที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วเท่านั้น

    ไม่ว่าจะเป็นแอปจาก Play Store, จากร้านแอปภายนอก หรือแม้แต่ไฟล์ APK ที่ดาวน์โหลดมาเอง — ถ้านักพัฒนาไม่ผ่านการยืนยัน แอปจะไม่สามารถติดตั้งได้เลย

    Google เปรียบเทียบว่าเหมือนการตรวจบัตรประชาชนที่สนามบิน: ไม่ได้ตรวจเนื้อหาของกระเป๋า แต่ตรวจว่า “คุณเป็นใคร” โดยหวังว่าจะลดจำนวนแอปปลอมและป้องกันไม่ให้ผู้ไม่หวังดีกลับมาเผยแพร่แอปใหม่หลังถูกแบน

    นักพัฒนาจะต้องลงทะเบียนผ่าน Android Developer Console ใหม่ ซึ่งแยกจาก Play Console สำหรับผู้ที่ไม่เผยแพร่ผ่าน Play Store โดยต้องยืนยันตัวตนด้วยชื่อจริง, ที่อยู่, เบอร์โทร, อีเมล และอาจต้องใช้เอกสารราชการหรือ D-U-N-S number หากเป็นองค์กร

    สำหรับนักเรียนและนักพัฒนาสมัครเล่น Google จะมี workflow แยกต่างหากที่ไม่เข้มงวดเท่ากับนักพัฒนาเชิงพาณิชย์

    นโยบายนี้จะเริ่มใช้ใน 4 ประเทศก่อน: บราซิล, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์ และไทย ในเดือนกันยายน 2026 ก่อนจะขยายทั่วโลกในปี 2027

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Google จะบังคับให้นักพัฒนาทุกคนต้องผ่านการยืนยันตัวตนก่อนเผยแพร่แอปบน Android
    ครอบคลุมทั้งแอปจาก Play Store, ร้านแอปภายนอก และ sideload (ไฟล์ APK)
    ใช้ระบบ Android Developer Console ใหม่สำหรับนักพัฒนานอก Play Store
    นักพัฒนาต้องยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลส่วนตัวและเอกสารราชการ
    นักเรียนและนักพัฒนาสมัครเล่นจะมี workflow แยกต่างหาก
    เริ่มใช้ใน 4 ประเทศ: บราซิล, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์ และไทย ใน ก.ย. 2026
    ขยายทั่วโลกในปี 2027 สำหรับอุปกรณ์ Android ที่ผ่านการรับรอง
    Google อ้างว่า sideload มีมัลแวร์มากกว่าแอปใน Play Store ถึง 50 เท่า
    หน่วยงานรัฐในหลายประเทศสนับสนุนนโยบายนี้ เช่น กสทช.ไทย และกระทรวงดิจิทัลอินโดนีเซีย
    นักพัฒนาที่เผยแพร่ผ่าน Play Store อาจผ่านการยืนยันแล้วโดยอัตโนมัติ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    D-U-N-S number เป็นรหัสองค์กรที่ใช้ในการตรวจสอบธุรกิจระดับสากล
    Android Developer Console ใหม่จะเปิดให้เข้าถึงแบบ early access ใน ต.ค. 2025
    การยืนยันตัวตนช่วยให้ Google ติดตามและแบนผู้เผยแพร่มัลแวร์ได้ง่ายขึ้น
    Apple ใช้นโยบายคล้ายกันในการควบคุมแอปบน iOS มานานแล้ว
    นักพัฒนาสามารถลงทะเบียนแอปที่เผยแพร่ภายนอกได้ด้วยการระบุ package name และ signing key

    https://9to5google.com/2025/08/25/android-apps-developer-verification/
    🎙️ Google จะไม่ให้ใครติดตั้งแอปอีกต่อไป ถ้าไม่รู้ว่า “คุณเป็นใคร” ในปี 2026 การติดตั้งแอปบน Android จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะ Google ประกาศว่า ตั้งแต่เดือนกันยายนปีนั้นเป็นต้นไป แอปใดก็ตามที่ติดตั้งบนอุปกรณ์ Android ที่ผ่านการรับรอง (เช่น Pixel หรือ Samsung ที่มี Play Protect) จะต้องมาจากนักพัฒนาที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นแอปจาก Play Store, จากร้านแอปภายนอก หรือแม้แต่ไฟล์ APK ที่ดาวน์โหลดมาเอง — ถ้านักพัฒนาไม่ผ่านการยืนยัน แอปจะไม่สามารถติดตั้งได้เลย Google เปรียบเทียบว่าเหมือนการตรวจบัตรประชาชนที่สนามบิน: ไม่ได้ตรวจเนื้อหาของกระเป๋า แต่ตรวจว่า “คุณเป็นใคร” โดยหวังว่าจะลดจำนวนแอปปลอมและป้องกันไม่ให้ผู้ไม่หวังดีกลับมาเผยแพร่แอปใหม่หลังถูกแบน นักพัฒนาจะต้องลงทะเบียนผ่าน Android Developer Console ใหม่ ซึ่งแยกจาก Play Console สำหรับผู้ที่ไม่เผยแพร่ผ่าน Play Store โดยต้องยืนยันตัวตนด้วยชื่อจริง, ที่อยู่, เบอร์โทร, อีเมล และอาจต้องใช้เอกสารราชการหรือ D-U-N-S number หากเป็นองค์กร สำหรับนักเรียนและนักพัฒนาสมัครเล่น Google จะมี workflow แยกต่างหากที่ไม่เข้มงวดเท่ากับนักพัฒนาเชิงพาณิชย์ นโยบายนี้จะเริ่มใช้ใน 4 ประเทศก่อน: บราซิล, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์ และไทย ในเดือนกันยายน 2026 ก่อนจะขยายทั่วโลกในปี 2027 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Google จะบังคับให้นักพัฒนาทุกคนต้องผ่านการยืนยันตัวตนก่อนเผยแพร่แอปบน Android ➡️ ครอบคลุมทั้งแอปจาก Play Store, ร้านแอปภายนอก และ sideload (ไฟล์ APK) ➡️ ใช้ระบบ Android Developer Console ใหม่สำหรับนักพัฒนานอก Play Store ➡️ นักพัฒนาต้องยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลส่วนตัวและเอกสารราชการ ➡️ นักเรียนและนักพัฒนาสมัครเล่นจะมี workflow แยกต่างหาก ➡️ เริ่มใช้ใน 4 ประเทศ: บราซิล, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์ และไทย ใน ก.ย. 2026 ➡️ ขยายทั่วโลกในปี 2027 สำหรับอุปกรณ์ Android ที่ผ่านการรับรอง ➡️ Google อ้างว่า sideload มีมัลแวร์มากกว่าแอปใน Play Store ถึง 50 เท่า ➡️ หน่วยงานรัฐในหลายประเทศสนับสนุนนโยบายนี้ เช่น กสทช.ไทย และกระทรวงดิจิทัลอินโดนีเซีย ➡️ นักพัฒนาที่เผยแพร่ผ่าน Play Store อาจผ่านการยืนยันแล้วโดยอัตโนมัติ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ D-U-N-S number เป็นรหัสองค์กรที่ใช้ในการตรวจสอบธุรกิจระดับสากล ➡️ Android Developer Console ใหม่จะเปิดให้เข้าถึงแบบ early access ใน ต.ค. 2025 ➡️ การยืนยันตัวตนช่วยให้ Google ติดตามและแบนผู้เผยแพร่มัลแวร์ได้ง่ายขึ้น ➡️ Apple ใช้นโยบายคล้ายกันในการควบคุมแอปบน iOS มานานแล้ว ➡️ นักพัฒนาสามารถลงทะเบียนแอปที่เผยแพร่ภายนอกได้ด้วยการระบุ package name และ signing key https://9to5google.com/2025/08/25/android-apps-developer-verification/
    9TO5GOOGLE.COM
    Google will require developer verification to install Android apps, including sideloading
    Google has announced that only apps from developers that have undergone verification can be installed on certified Android devices in 2026...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน สมยอมหรือขืนใจ

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ”
    ตอนที่ 10 : สมยอมหรือขืนใจ
    ย้อนไปในปี 1950 นาย John D. Rockefeller ได้ใช้เปอริโตริโก้ เป็นแหล่งทดลองการลดจำนวนพลเมืองลง ผลปรากฎว่าในปี ค.ศ.1965 ประมาณร้อยละ 35 ของหญิงชาวเปอริโตริกัน ที่อยู่ในวัยเจริญพันธ์ได้ถูกทำหมัน
    หญิงยากจนเหล่านั้นถูกแนะนำให้ไปคลอดบุตรที่รพ.สร้างใหม่ของอเมริกา โดยหมอที่ทำการคลอดจะได้รับคำสั่งให้ทำหมันให้บรรดาคุณแม่เหล่านั้น โดยการผูกท่อรังไข่ โดยที่พวกคุณแม่เหล่านั้นไม่รู้เรื่องและไม่ได้ให้ความยินยอม
    ในปี ค.ศ.1965 เปอริโตริโก้ได้ตำแหน่งที่ 1 ในการมีผู้หญิงทำหมันสูงสุดในโลก
    นาย David Rockefeller กล่าวสุนทรพจน์ เมื่อปี ค.ศ.1961 ที่ UN Food and Agriculture Organization ว่า
    “ในความเห็นของข้าพเจ้า การที่อัตราประชากรโลกเพิ่มขึ้นสูง เป็นปัญหาที่น่ากลัว รองลงมาจากการควบคุมระเบิด Atomic ”
    เป็นประโยคเดียวกับที่นาย Robert Mcnamara นำมาพูด เมื่อนาย Kissinger เสนอนโยบายตามแผน NSSM 200 ในปี ค.ศ.1975 แต่คงไม่แปลกใจเท่าไหร่ ถ้ารู้กันว่านาย Robert Mcnamara ก็เป็นสมาชิก สมาคม Trilateral Commission รุ่นก่อตั้ง
    แล้วของไทยล่ะ เรามีสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย (สวท) ที่คุณมีชัย สายรุ้ง ตั้งขึ้น เมื่อ พ.ศ.2517 (ค.ศ.1974)
    สวท เป็นองค์กรที่เป็นสมาชิกของสหพันธ์วางแผนครอบครัวระหว่างประเทศ (The International Planned Parenthood Federation) หรือ IPPF
    ซึ่งแต่ละปี IPPF จะเป็นผู้ให้การสนับสนุนงบประมาณและอุปกรณ์ในการดำเนินงานของ สวท. สายรุ้งจะรู้ไหมหนอ ว่าถูกเขาหลอกให้ทำอะไร
    13 ประเทศเป้าหมายตาม NSSM 200 เช่น อินเดีย ฟิลิปปินส์ บราซิล และประเทศไทย ต่างได้รับของขวัญ แบบต่างๆ จากนักมายากล เราคิดว่าของขวัญมีเท่านี้หรือ กลับไปดู หนังสือของนาย Kissinger ลงวันที่ 24 เมษายน ค.ศ.1974 (ที่เล่าไว้ในตอนที่ 2) อีกที นักมายากลยังมีวิธีการใหม่ๆ มาเล่นกลหลอกเราอีก มันเล่นกันหลายชั้น กำไรหลายเด้ง !


    คนเล่านิทาน
    มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน สมยอมหรือขืนใจ นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ” ตอนที่ 10 : สมยอมหรือขืนใจ ย้อนไปในปี 1950 นาย John D. Rockefeller ได้ใช้เปอริโตริโก้ เป็นแหล่งทดลองการลดจำนวนพลเมืองลง ผลปรากฎว่าในปี ค.ศ.1965 ประมาณร้อยละ 35 ของหญิงชาวเปอริโตริกัน ที่อยู่ในวัยเจริญพันธ์ได้ถูกทำหมัน หญิงยากจนเหล่านั้นถูกแนะนำให้ไปคลอดบุตรที่รพ.สร้างใหม่ของอเมริกา โดยหมอที่ทำการคลอดจะได้รับคำสั่งให้ทำหมันให้บรรดาคุณแม่เหล่านั้น โดยการผูกท่อรังไข่ โดยที่พวกคุณแม่เหล่านั้นไม่รู้เรื่องและไม่ได้ให้ความยินยอม ในปี ค.ศ.1965 เปอริโตริโก้ได้ตำแหน่งที่ 1 ในการมีผู้หญิงทำหมันสูงสุดในโลก นาย David Rockefeller กล่าวสุนทรพจน์ เมื่อปี ค.ศ.1961 ที่ UN Food and Agriculture Organization ว่า “ในความเห็นของข้าพเจ้า การที่อัตราประชากรโลกเพิ่มขึ้นสูง เป็นปัญหาที่น่ากลัว รองลงมาจากการควบคุมระเบิด Atomic ” เป็นประโยคเดียวกับที่นาย Robert Mcnamara นำมาพูด เมื่อนาย Kissinger เสนอนโยบายตามแผน NSSM 200 ในปี ค.ศ.1975 แต่คงไม่แปลกใจเท่าไหร่ ถ้ารู้กันว่านาย Robert Mcnamara ก็เป็นสมาชิก สมาคม Trilateral Commission รุ่นก่อตั้ง แล้วของไทยล่ะ เรามีสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย (สวท) ที่คุณมีชัย สายรุ้ง ตั้งขึ้น เมื่อ พ.ศ.2517 (ค.ศ.1974) สวท เป็นองค์กรที่เป็นสมาชิกของสหพันธ์วางแผนครอบครัวระหว่างประเทศ (The International Planned Parenthood Federation) หรือ IPPF ซึ่งแต่ละปี IPPF จะเป็นผู้ให้การสนับสนุนงบประมาณและอุปกรณ์ในการดำเนินงานของ สวท. สายรุ้งจะรู้ไหมหนอ ว่าถูกเขาหลอกให้ทำอะไร 13 ประเทศเป้าหมายตาม NSSM 200 เช่น อินเดีย ฟิลิปปินส์ บราซิล และประเทศไทย ต่างได้รับของขวัญ แบบต่างๆ จากนักมายากล เราคิดว่าของขวัญมีเท่านี้หรือ กลับไปดู หนังสือของนาย Kissinger ลงวันที่ 24 เมษายน ค.ศ.1974 (ที่เล่าไว้ในตอนที่ 2) อีกที นักมายากลยังมีวิธีการใหม่ๆ มาเล่นกลหลอกเราอีก มันเล่นกันหลายชั้น กำไรหลายเด้ง ! คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 0 รีวิว
  • มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน ขจัดพันธ์ด้อย

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ”
    ตอนที่ 9 : ขจัดพันธ์ด้อย
    หลังจากที่รัฐบาล Nixon เริ่มขบวนการทำลายเกษตรในครอบครัว ในประเทศที่กำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนา ด้วยการส่งเมล็ดพันธ์พืช GMO มาให้แล้ว รัฐบาล Nixon ยังให้ทำการศึกษาเกี่ยวกับการขยายตัวของประชากรโลกอีกด้วย ว่าจะมีผลกระทบต่อความมั่งคง และผลประโยชน์ของอเมริกาในต่างประเทศหรือไม่ โดยถือว่าเป็นนโยบายที่มีความสำคัญสูงสุด ทั้งนี้ก็เป็นการเดินตามแผนลับของตระกูล Rockefeller นั่นเอง
    ผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตยบอกว่าเรา (คืออเมริกา) เราต้องกำหนดเป็นเงื่อนไข ของการได้รับเงินช่วยเหลือประเทศด้อยพัฒนาว่า การคุมกำเนิดควรเป็นเงื่อนไข อย่างหนึ่งของการได้รับเงินช่วยเหลือ
    ขนาดเราอัดมันด้วยพืช GMO ไอ้พวกพันธ์ด้อย มันยังอยู่ดี มีลูกหัวปีท้ายปี ดังนั้นเราก็ควรหาทางกำจัด การเจริญเติบโตพวกมันเสียด้วย การออกนโยบาย National Security Study Memorandum 200 หรือ NSSM 200 ซะให้หมดเรื่อง ไม่งั้นเราจะครอบครองวัตถุดิบ ทรัพยากรธรรมชาติของพวกมันในราคาถูกได้ยังไง ถ้ามันยังอยู่กันล้นโลกอย่างงี้!
    นาย Kissinger จึงต้องใช้ลิ้นนักการฑูต ตอแหลเพื่อชาติ จนทำให้ UN รับเป็นโครงการของ UN ช่วยประชาชน
    เป็นครั้งแรก ที่การจำกัดการเจริญเติบโตของจำนวนพลเมือง ในประเทศที่กำลังพัฒนา หรือด้อยพัฒนา เป็นยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงของอเมริกา และเป็นยุทธศาสตร์ที่ต้องทำเป็นการด่วนและลับสุดยอด
    แต่ที่ซ่อนไว้ลึกอีกชั้นหนึ่ง จนคนดูมองไม่ออกคือ NSSM 200 นี้ ได้แอบสอดไส้แผนการกำจัดสายพันธ์ุด้อย เพื่อรักษาสายพันธ์ุเด่น โดยใช้การวางแผนครอบครัวบังหน้า เชื่อว่า 13 ประเทศ เป้าหมายจนถึงบัดนี้ ก็อาจยังไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับประเทศตน แผนการมันแสนจะทุเรศ ตามแบบของผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตย จริง ๆ นะ
    บราซิลเป็นตัวอย่างที่เห็นชัด หลังจากที่ได้มีการปฏิบัติการ NSSM 200 กับบราซิล มา 14 ปี กระทรวงสาธารณะสุขของบราซิล เพิ่งตื่นขึ้นมาทำการสำรวจถึงจำนวนผู้หญิงบราซิลที่เป็นหมัน
    รัฐบาลบราซิล ถึงกับช็อครับประทาน เมื่อรายงานบอกว่า 44% ของผู้หญิงบราซิลทั้งหมดที่อายุ ระหว่าง 14 ถึง 55 ปี เป็นหมันอย่างถาวร ปรากฎข้อเท็จจริงว่าพวกที่มีอายุมากกว่านั้น ได้เข้าไปทำหมันด้วยการความสมัครใจ ตามโครงการที่เริ่มเมื่อ ค.ศ.1970 กว่าๆ
    ที่น่าสนใจกว่านั้น คือ ร้อยละ 90 ของผู้หญิงบราซิลที่มีเชื้อสายอาฟริกัน ถูกทำหมัน (อันนี้รายงานไม่ได้บอกว่าสมัครใจหรือไม่) แต่น่าสนใจนะ! และการทำหมันดังกล่าว ทำโดยองค์กรต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งเป็นสัญชาติบราซิล และองค์การ International Planned Parenthood Federation (IPPF), US Pathfinder Fund, Family Health International
    ทั้งหมดอยู่ภายใต้การแนะนำของ US Agency for International Development (USAID) ยิ่งน่าสนใจใหญ่! ที่มันทำในบ้านเขาแบบนี้ มันพัฒนาตรงไหนนะ!?

    คนเล่านิทาน
    มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน ขจัดพันธ์ด้อย นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ” ตอนที่ 9 : ขจัดพันธ์ด้อย หลังจากที่รัฐบาล Nixon เริ่มขบวนการทำลายเกษตรในครอบครัว ในประเทศที่กำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนา ด้วยการส่งเมล็ดพันธ์พืช GMO มาให้แล้ว รัฐบาล Nixon ยังให้ทำการศึกษาเกี่ยวกับการขยายตัวของประชากรโลกอีกด้วย ว่าจะมีผลกระทบต่อความมั่งคง และผลประโยชน์ของอเมริกาในต่างประเทศหรือไม่ โดยถือว่าเป็นนโยบายที่มีความสำคัญสูงสุด ทั้งนี้ก็เป็นการเดินตามแผนลับของตระกูล Rockefeller นั่นเอง ผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตยบอกว่าเรา (คืออเมริกา) เราต้องกำหนดเป็นเงื่อนไข ของการได้รับเงินช่วยเหลือประเทศด้อยพัฒนาว่า การคุมกำเนิดควรเป็นเงื่อนไข อย่างหนึ่งของการได้รับเงินช่วยเหลือ ขนาดเราอัดมันด้วยพืช GMO ไอ้พวกพันธ์ด้อย มันยังอยู่ดี มีลูกหัวปีท้ายปี ดังนั้นเราก็ควรหาทางกำจัด การเจริญเติบโตพวกมันเสียด้วย การออกนโยบาย National Security Study Memorandum 200 หรือ NSSM 200 ซะให้หมดเรื่อง ไม่งั้นเราจะครอบครองวัตถุดิบ ทรัพยากรธรรมชาติของพวกมันในราคาถูกได้ยังไง ถ้ามันยังอยู่กันล้นโลกอย่างงี้! นาย Kissinger จึงต้องใช้ลิ้นนักการฑูต ตอแหลเพื่อชาติ จนทำให้ UN รับเป็นโครงการของ UN ช่วยประชาชน เป็นครั้งแรก ที่การจำกัดการเจริญเติบโตของจำนวนพลเมือง ในประเทศที่กำลังพัฒนา หรือด้อยพัฒนา เป็นยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงของอเมริกา และเป็นยุทธศาสตร์ที่ต้องทำเป็นการด่วนและลับสุดยอด แต่ที่ซ่อนไว้ลึกอีกชั้นหนึ่ง จนคนดูมองไม่ออกคือ NSSM 200 นี้ ได้แอบสอดไส้แผนการกำจัดสายพันธ์ุด้อย เพื่อรักษาสายพันธ์ุเด่น โดยใช้การวางแผนครอบครัวบังหน้า เชื่อว่า 13 ประเทศ เป้าหมายจนถึงบัดนี้ ก็อาจยังไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับประเทศตน แผนการมันแสนจะทุเรศ ตามแบบของผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตย จริง ๆ นะ บราซิลเป็นตัวอย่างที่เห็นชัด หลังจากที่ได้มีการปฏิบัติการ NSSM 200 กับบราซิล มา 14 ปี กระทรวงสาธารณะสุขของบราซิล เพิ่งตื่นขึ้นมาทำการสำรวจถึงจำนวนผู้หญิงบราซิลที่เป็นหมัน รัฐบาลบราซิล ถึงกับช็อครับประทาน เมื่อรายงานบอกว่า 44% ของผู้หญิงบราซิลทั้งหมดที่อายุ ระหว่าง 14 ถึง 55 ปี เป็นหมันอย่างถาวร ปรากฎข้อเท็จจริงว่าพวกที่มีอายุมากกว่านั้น ได้เข้าไปทำหมันด้วยการความสมัครใจ ตามโครงการที่เริ่มเมื่อ ค.ศ.1970 กว่าๆ ที่น่าสนใจกว่านั้น คือ ร้อยละ 90 ของผู้หญิงบราซิลที่มีเชื้อสายอาฟริกัน ถูกทำหมัน (อันนี้รายงานไม่ได้บอกว่าสมัครใจหรือไม่) แต่น่าสนใจนะ! และการทำหมันดังกล่าว ทำโดยองค์กรต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งเป็นสัญชาติบราซิล และองค์การ International Planned Parenthood Federation (IPPF), US Pathfinder Fund, Family Health International ทั้งหมดอยู่ภายใต้การแนะนำของ US Agency for International Development (USAID) ยิ่งน่าสนใจใหญ่! ที่มันทำในบ้านเขาแบบนี้ มันพัฒนาตรงไหนนะ!? คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 331 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่ิองจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ”
    ตอนที่ 2 : NSSM 200 เอกสารลับซุกลึก (1)
    เมื่อวันที่ 24 เมษายน ค.ศ.1974 นาย Henry Kissinger ได้มีหนังสือแจ้งไปยัง รมว.กลาโหม รมว. การเกษตร ผอ. สำนักงานข่าวกรอง (CIA) ผช.รมว. กลาโหม และผู้บริหารหน่วยงานพัฒนาด้านต่างประเทศ (AID) เกี่ยวกับผลกระทบต่อความมั่นคง และผลประโยชน์ของอเมริกาในต่างประเทศ เนื่องมาจากการเจริญเติบโตของประชากรโลก
    หนังสือดังกล่าวแจ้งว่า ประธานาธิบดี Nixon สั่งให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำการศึกษาเรื่องดังกล่าว โดยใช้วิธีการประมาณการหลายๆ แบบ ในแต่ละแบบจะต้องมีการประเมินถึงอัตราการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะของประเทศที่ยากจน ความต้องการของอเมริกาเกี่ยวกับ การส่งออกสินค้าประเภทอาหาร ปัญหาเกี่ยวกับการค้า ที่อเมริกาอาจจะต้องเผชิญ เนื่องจากการแข่งขันด้านทรัพยากร และความเป็นไปได้ที่การเจริญเติบโตของประชากรดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคกับ นโยบายต่างประเทศ และความไม่มั่นคงระหว่างประเทศ
    การศึกษาดังกล่าวจะต้องเสนอวิธีดำเนินการที่เป็นไปได้ สำหรับอเมริกาในการจัดการปัญหาเรื่องการเจริญเติบโตของประชากรโลก โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนา โดยต้องให้ความสำคัญ ในประเด็นต่อไปนี้ด้วย
    – อเมริกาจำเป็นต้องคิดวิธีการใหม่ ๆ หรือไม่ ในการจัดการกับปัญหาดังกล่าว
    – เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่คิดขึ้นมา เพื่อลดการเจริญเติบโต จะต้องได้ผลดีกว่าสภาพที่เป็นอยู่
    – อเมริกาจะให้ความช่วยเหลือในด้านนี้ ผ่านหน่วยงานใด และควรจะเป็นสนธิสัญญาแบบใด คู่สัญญา 2 ฝ่าย หลายฝ่าย หรือแบบลับเฉพาะ
    เขียนมาซะยาว สรุปสั้น ๆ ว่า อเมริกาเป็นห่วงว่า การที่ประเทศจนๆ จะมีอัตราการขยายตัวของพลเมืองเพิ่มสูงเกินไป จะมีผลกระทบกับทรัพยากรของประเทศนั้น และทำให้เป็นปัญหากับความไม่มั่นคงของอเมริกา
    เอะ! เรื่องมันก็ดูธรรมดาๆ ไม่เห็นมีอะไรน่าตื่นเต้นเลย แล้วจะมาเล่าให้เมื่อยมือคนเขียน เมื่อยตาคนอ่านทำไม
    เมื่อได้รับคำสั่งจากนาย Kissinger สภาความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา (United States National Security) ก็รีบทำการศึกษาวิจัย กว่าจะเสร็จก็เป็นเวลาที่ประธานาธิบดี Nixon หลุดจากตำแหน่ง เพราะคดี Watergate ไปเสียแล้ว นาย Gerald Ford ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแทน มาถึงก็รีบรับไม้ต่อ เอาข้อเสนอตาม บันทึกลับ NSSM 200 ไปประกาศใช้เป็นนโยบายความมั่นคงของประเทศในปี ค.ศ. 1975 และให้อยู่ใต้การกำกับดูแลของนาย Kissinger ซึ่งก็ยังทำหน้าที่เป็น ครมว.ตปท. อยู่เหมือนเดิมร่วมกับนาย Brent Scowcroft (ซึ่งภายหลังได้มาเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประเทศแทนนาย Kissinger) และมี ผอ. CIA ชื่อ นาย George Bush (ตัวพ่อ) เป็นผู้ร่วมทีมกำกับการแสดงกับ รมว.การคลังรมว.กลาโหม และ รมว.การเกษตร
    ประเทศเป้าหมาย ที่อยู่ภายใต้การดำเนินการของ NSSM 200 มี 13 ประเทศ คือ อินเดีย บังคลาเทศ ปากีสถาน อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ ตุรกี ไนจีเรีย อียิปต์ เอธิโอเปีย เมกซิโก โคลัมเบีย และบราซิล (ไง! เริ่มตาลุกขึ้นมาหน่อยละซี พอเห็นชื่อไทยแลนด์ สมันน้อยตื่นเร็ว!)
    อะไรทำให้นาย Kissinger คิดเรื่องนี้ เสนอนโยบายนี้ และในภายหลังได้กลายเป็นนโยบายระดับประเทศด้านความมั่นคงของอเมริกา อย่างปิดลับถึง 15 ปี และทำไมสมันน้อยถึงได้เข้ารอบไปอยู่ใน 13 ประเทศ กับเขาด้วย อ่านต่อไปน่าพี่น้อง ขืนบอกกันง่ายๆ เดี๋ยวคนอ่านหายหมด เดี๋ยวนี้กว่าจะได้คนอ่านนิทานไม่ง่ายนะ เขาไปร่วมไล่โจรกับลุงกำนันกันหมดแล้ว

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่ิองจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ” ตอนที่ 2 : NSSM 200 เอกสารลับซุกลึก (1) เมื่อวันที่ 24 เมษายน ค.ศ.1974 นาย Henry Kissinger ได้มีหนังสือแจ้งไปยัง รมว.กลาโหม รมว. การเกษตร ผอ. สำนักงานข่าวกรอง (CIA) ผช.รมว. กลาโหม และผู้บริหารหน่วยงานพัฒนาด้านต่างประเทศ (AID) เกี่ยวกับผลกระทบต่อความมั่นคง และผลประโยชน์ของอเมริกาในต่างประเทศ เนื่องมาจากการเจริญเติบโตของประชากรโลก หนังสือดังกล่าวแจ้งว่า ประธานาธิบดี Nixon สั่งให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำการศึกษาเรื่องดังกล่าว โดยใช้วิธีการประมาณการหลายๆ แบบ ในแต่ละแบบจะต้องมีการประเมินถึงอัตราการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะของประเทศที่ยากจน ความต้องการของอเมริกาเกี่ยวกับ การส่งออกสินค้าประเภทอาหาร ปัญหาเกี่ยวกับการค้า ที่อเมริกาอาจจะต้องเผชิญ เนื่องจากการแข่งขันด้านทรัพยากร และความเป็นไปได้ที่การเจริญเติบโตของประชากรดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคกับ นโยบายต่างประเทศ และความไม่มั่นคงระหว่างประเทศ การศึกษาดังกล่าวจะต้องเสนอวิธีดำเนินการที่เป็นไปได้ สำหรับอเมริกาในการจัดการปัญหาเรื่องการเจริญเติบโตของประชากรโลก โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนา โดยต้องให้ความสำคัญ ในประเด็นต่อไปนี้ด้วย – อเมริกาจำเป็นต้องคิดวิธีการใหม่ ๆ หรือไม่ ในการจัดการกับปัญหาดังกล่าว – เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่คิดขึ้นมา เพื่อลดการเจริญเติบโต จะต้องได้ผลดีกว่าสภาพที่เป็นอยู่ – อเมริกาจะให้ความช่วยเหลือในด้านนี้ ผ่านหน่วยงานใด และควรจะเป็นสนธิสัญญาแบบใด คู่สัญญา 2 ฝ่าย หลายฝ่าย หรือแบบลับเฉพาะ เขียนมาซะยาว สรุปสั้น ๆ ว่า อเมริกาเป็นห่วงว่า การที่ประเทศจนๆ จะมีอัตราการขยายตัวของพลเมืองเพิ่มสูงเกินไป จะมีผลกระทบกับทรัพยากรของประเทศนั้น และทำให้เป็นปัญหากับความไม่มั่นคงของอเมริกา เอะ! เรื่องมันก็ดูธรรมดาๆ ไม่เห็นมีอะไรน่าตื่นเต้นเลย แล้วจะมาเล่าให้เมื่อยมือคนเขียน เมื่อยตาคนอ่านทำไม เมื่อได้รับคำสั่งจากนาย Kissinger สภาความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา (United States National Security) ก็รีบทำการศึกษาวิจัย กว่าจะเสร็จก็เป็นเวลาที่ประธานาธิบดี Nixon หลุดจากตำแหน่ง เพราะคดี Watergate ไปเสียแล้ว นาย Gerald Ford ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแทน มาถึงก็รีบรับไม้ต่อ เอาข้อเสนอตาม บันทึกลับ NSSM 200 ไปประกาศใช้เป็นนโยบายความมั่นคงของประเทศในปี ค.ศ. 1975 และให้อยู่ใต้การกำกับดูแลของนาย Kissinger ซึ่งก็ยังทำหน้าที่เป็น ครมว.ตปท. อยู่เหมือนเดิมร่วมกับนาย Brent Scowcroft (ซึ่งภายหลังได้มาเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประเทศแทนนาย Kissinger) และมี ผอ. CIA ชื่อ นาย George Bush (ตัวพ่อ) เป็นผู้ร่วมทีมกำกับการแสดงกับ รมว.การคลังรมว.กลาโหม และ รมว.การเกษตร ประเทศเป้าหมาย ที่อยู่ภายใต้การดำเนินการของ NSSM 200 มี 13 ประเทศ คือ อินเดีย บังคลาเทศ ปากีสถาน อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ ตุรกี ไนจีเรีย อียิปต์ เอธิโอเปีย เมกซิโก โคลัมเบีย และบราซิล (ไง! เริ่มตาลุกขึ้นมาหน่อยละซี พอเห็นชื่อไทยแลนด์ สมันน้อยตื่นเร็ว!) อะไรทำให้นาย Kissinger คิดเรื่องนี้ เสนอนโยบายนี้ และในภายหลังได้กลายเป็นนโยบายระดับประเทศด้านความมั่นคงของอเมริกา อย่างปิดลับถึง 15 ปี และทำไมสมันน้อยถึงได้เข้ารอบไปอยู่ใน 13 ประเทศ กับเขาด้วย อ่านต่อไปน่าพี่น้อง ขืนบอกกันง่ายๆ เดี๋ยวคนอ่านหายหมด เดี๋ยวนี้กว่าจะได้คนอ่านนิทานไม่ง่ายนะ เขาไปร่วมไล่โจรกับลุงกำนันกันหมดแล้ว คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 404 มุมมอง 0 รีวิว

  • ตอน 18
    อเมริกาคิดจะทำอะไร ต้องแน่ใจว่าคุมสถานการณ์ คุมเกมได้เบ็ดเสร็จ เมื่อได้เลือกไทยแลนด์แดนสวรรค์ เป็นแหล่งประทับทรง เพื่อเอาไว้จับจ้อง เตรียมต่อกรกับจีน ถึงจะไม่เป็นงานช้างแบบสู้กับคอมมี่ ตรงไปตรงมา แต่สู้กับอาเฮียตาตี่ที่ กำลังเนื้อหอม แถมจิ๊กโก๋๋ก็ทิ้งสาวไทยไปนาน จะกลับเข้ามาก็ต้องดูดีๆ เสียเชิงอาเฮียนี่มันรับไม่ได้จริงๆ นะ
    และโปรดอย่าลืมสันดานเดิมของจิ๊กโก๋๋นักเลงนักล้วง อเมริกาไม่เคยตีตั๋วใบเดียว ไม่เคยเล่นไพ่หน้าเดียว
    จากรายงานของซีไอเอ ที่เดินสายกันให้ควักไขว้ ออกอาการว่า จิ๊กโก๋๋คิดหนัก จะเลือกใครเป็นร่างทรงดี สมัยสู้คอมมี่ จอมพลคนแปลกเป็นนายก อเมริกาก็สนับสนุน 2 นายพล เอาไว้เป็นตัวเลือกคือ นายพลเผ่า กับ นายพลสฤษดิ์ ทั้งฟูมทั้งฟัก ทั้ง 2 นายพล อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทั้งคู่ รอดูจนแน่ใจแล้วก็เคาะโป๊ก หวยออกที่นายพลสฤษดิ์ ให้เป็นผู้นำคนต่อไปของประเทศไทยแลนด์ ภายใต้การชักใยของสหรัฐ
    คราวนี้ก็เหมือนกัน อเมริกามีตัวเลือกแยะขึ้น แต่ยากขึ้น
    มองด้านความแน่นอน สัมพันธ์เก่ามีมาต่อเนื่องกว่า 50 ปี ก็มีกลุ่มนักวิ่งผลัด แต่สมัยนี้จะไปชักใย ให้ขยับขาซ้ายย้ายขาขวา อย่างเมื่อก่อนมันไม่ได้แล้วนะ ก็ดันไปตั้ง Doctrine ของตัวเองสนับสนุนประชาธิปไตยให้บานแฉ่ง แล้วถ้าเอาพี่ทหารนักวิ่งผลัดมา ป.ว. เป็นร่างทรงน่ะ ชาวบ้านเขามินินทาเอาหรือจ๊ะ ว่า ปากว่าตาขยิบ
    จะเป็นตัวเลือกหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่เพื่อให่แน่ใจว่านักวิ่งพลัดไม่นอกใจ ปลายปี พ.ศ. 2555/ค.ศ.2012 พี่เบิ้มก็ส่งนายลีออน เพนเนตต้า (Leon Pennetta) รมว กลาโหม มานั่งจับเข่า คุณพี่สุกำพล รมว กลาโหมของไทยตอนนั้น
    อย่าลืมนะ สมันน้อย เราอุ้มเจ้าลงเปลเห่กล่อมมากว่า 50 ปีแล้ว สมันน้อยจะไปเห็นคนอื่นดีกว่าเราได้ยังไง ว่าแล้วจากจับเข่า ก็เปลี่ยนเป็นจับมือสมันน้อย แปะโป้งทำสัญญา ซึ่งแปลงเขียนเป็นแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม (แหม! อีลูกช่างตะแบง กลัวจะเป็นหนังสือสัญญา ตามมาตรา ม190 ของรัฐธรรมนูญไง) ว่า ด้วยการเป็นหุ้นส่วนร่วมด้านความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 ฮั่นแน่ โจ๋งครึ่มจริงๆ
    ไอ้นี่ มันเป็นการส่งสารข้าม(หัว) ไปถึงอาเฮียนี่หว่า ว่านี่เด็กของข้า ลื้ออย่ามาแหยม!
    หลังจากกำชับนักวิ่งพลัดไม่ให้แตกแถวแล้ว คราวนี้ก็ต้องมาดูนักการเมือง ที่จะใช้บริการ ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่ 2 พรรคใหญ่ ระหว่างพรรคแมลงสาบกับพรรคของเหลี่ยมร้าย เอาไงดีล่ะ จิ๊กโก๋๋คิดไม่ตก
    พรรคแมลงสาบนี่ จิ๊กโก๋๋รู้จักดี ตั้งกะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปู่เสนีย์เป็นหัวหน้าเสรีไทยฝ่ายสหรัฐ พรรคนี้เคยคิดอย่างไร ทำอย่างไร ตั้งแต่สมัยสงครามโลก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น สมเป็นพรรคแมลงสาปจริง ๆ หัวสมองอยู่ในกระป๋องสี่เหลี่ยม แก้ไม่หาย อุตส่าห์ปั๊ดตะนา เปลี่ยนหัวหน้าพรรคมาจนเดี๋ยวนี้ได้ good boyหน้าหล่อสายอังกฤษ
    แต่มันก็คิดเป็น ทำเป็น แบบจวนสอบได้ ซะเกือบทุกเรื่อง ขนาดแม่ยกยังลุ้นซะจนจะ ล.ด หลายตลบแล้วจิ๊กโก๋๋จะรับไหวเหร๊อ แต่มันก็ว่าง่ายดีนะ ดูตอนกู้เงิน IMF แล้วกัน 5 5 5 พวกไอรวยมาแยะนะ อ้ายน้อย
    ไม่เอาแมลงสาบแล้วจะเอาใคร
    ก็พรรคของเหลี่ยมร้ายไง เหลี่ยมร้ายไม่สนใจอาณาเขต เหลี่ยมร้ายไม่สนใจพรมแดน เหลี่ยมร้ายไม่สนใจขนบธรรมเนียมประเพณี เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักความดีงาม เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักคุณค่าของ สถาบัน เหลี่ยมร้ายรู้จักแต่อำนาจ การโกหก การโกงทุกรูปแบบ และทุน ทุน ทุน ไม่ว่าจะเป็น ทุนนิยมเสรี ทุนในชาติ ทุนข้ามชาติ ประชานิยม ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องที่เหลี่ยมรัก เหลี่ยมโปรดทั้งนั้น อืม! น่าสนใจ ความคิดคล้ายๆ กับผู้ใดหนอ
    แถม เหลี่ยมก็เคยปลาบปลื้ม จนลืมตน วิ่งไปเชิญ วิ่งไปซบคุณพ่อจิ๊กโก๋๋ มาหลายหน คุณจิ๊กโก๋๋ตัวลูก จอมกร่าง ยิ่งแล้วใหญ่ เหลี่ยมนับเป็นเพื่อนเลยนะ ลองไปหา cable ทูตอเมริกา (ที่วิกิลีกส์ Wikileaks ขวัญใจผม อภินันทนาการแก่ชาวโลก)
    มันรายงานออกมาจ้อยๆ ว่า เหลี่ยมร้าย ปลื้มจิ๊กโก๋๋ขนาดไหน โดนดุ โดนเตือนก็ไปฟ้องคุณพ่ออเมริกันทุกครั้ง แหม ตัวอยู่ไทย แต่ใจเป็นของคุณพ่อจิ๊กโก๋๋หมดแล้ว แบบนี้ไม่เลือกเป็นร่างทรงก็ใจจืดไปหน่อยนะ…
    แต่จิ๊กโก๋๋ไม่โง่ จะใช้คนอย่างเหลี่ยมร้าย มันต้องป้อนด้วย อำนาจและเงินไปตลอด แล้วมันเกิดทำใหญ่คับเกินฟ้า ชาวประชารับไม่ได้ (ก็กำลังชุมนุมขับไล่โค่นล้มอยู่นี่ไง) จิ๊กโก๋๋ จะควบคุมไหวหรือ เอ๊ะ หรือจะเข้าทาง!
    ดูประธานาธิบดีมากอส พระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน มูบารักของอียิปต์ ฯลฯ เป็นตัวอย่างแล้วกัน เด็กสร้างของ จิ๊กโก๋๋ทั้งนั้น ถึงจุดหนึ่งหมดประโยชน์หรือคุมไม่ได้ จิ๊กโก๋๋ก็จัดการเก็บฉาก ให้กลับบ้านเก่ากันแทบไม่ทัน บางคนแทบไม่มีเวลาแต่งศพให้สวย
    ถ้าเหลี่ยมร้ายบังเอิญโชคดี ได้อ่านนิทานเรื่องนี้ ก็อ่านตอนนี้หลายๆ เที่ยวหน่อยนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกัน ยังไงก็คนเคยเห็นหน้า (ทางจอทีวี ฮา) มาหลายหน แต่หนหลังๆ นี้ บอกกันไม่อ้อมค้อมนะ ดูทุเรศ จริงๆ
    บอกได้เลยว่า การประทับทรงไทยแลนด์ของจิ๊กโก๋๋ครั้งนี้ ไม่ง่ายสะดวกโยธินเหมือนสมัยสงคราม เวียต นาม คราวนั้นบ้านเรายังไม่มีกีฬาสี และสถานการณ์ก็สร้างไว้ชัดเจน ถูกเขาขู่ว่า ถ้าไม่สู้คอมมี่ พวกยูก็อาจไม่มีแผ่น ดินเหลือให้นั่งชนไก่
    แต่ตอนนี้กะตอนนู้น มันไม่เหมือนกันนะ คราวนี้ถ้าขู่ว่าจะให้เลือก ระหว่างจิ๊กโก๋๋ผมทอง กับอาเฮียตาตี่ มันก็ไม่ง่ายนะพี่เบิ้ม ระวังมันจะพลิกล็อก
    คนไทยน่ะ นับดีๆ เผลอๆ มีกว่าครึ่งประเทศ ที่มีเชื้อสายจีนปนอยู่ ถึงแม้เขาจะไปฟอกผิวขาวทำตาโต แต่เชื้อไขข้างใน มันก็ยังเชื้อสายจีนปน ถึงเวลาตรุษจีน ก็เอาเป็ดเอาไก่ไปไหว้เจ้าปิดถนนฉลองกัน แล้วใจคอยูจะให้เขาตัดขาดจากอาม้า อาก๋ง เขาง่าย ๆ หรือ จิ๊กโก๋๋คิดให้ดีๆ
    คราวนี้ถ้าจิ๊กโก๋๋คิดว่า ซอยนี้ต้องเป็นของกูคนเดียว ไม่ให้ใครเข้ามายุ่งด้วย บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อย เหนื่อยทั้งจิ๊กโก๋๋ และเหนื่อยทั้งสมันน้อย อเมริกาเหนื่อยอย่างไร สมัยต่อสู้กับระบอบคอมมิวนิสต์ มันขู่ให้เรากลัวว่า ระบอบคอมมิวนิสต์เป็นภัยต่อประชาธิปไตย ประชาชนไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ทุกอย่างตกเป็นของรัฐ แค่นี้นายทุนเศรษฐีบ้านเราก็หน้าตก หูตูบกันหมดแล้ว ทุกคนต้องทำงานให้คอมมูน เพื่อความเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ คนไทยเคยอยู่สบายๆ เช้าอยากลุกก็ลุก ไม่อยากก็นอนจนตะวันตรงท้ายทอย แล้วค่อยขยับก้นย้ายออกมา ก็ไม่มีใครว่า แล้วถ้าเป็นคอมมูน มันจะมาทำท่านอนบิดขี้เกียจอย่างนี้ได้เหรอ
    ขู่แบบนี้เข้าไปทุกวัน พออเมริกาบอกว่า ไอจะกำจัดระบอบนี้ให้ออกไปจากภูมิภาคนี้ ชาวเราก็มองเขาเหมือนเทวดามาโปรด
    แต่ตอนนี้ไม่มีผีคอมมี่ให้สร้างแล้ว ของจริงที่ไทยแลนด์ควรมองคือ อาเฮียตาตี่ ไม่ได้เดินย้ายพุงมาคนเดียว แต่เกี่ยวแขนมากับเพื่อนอีกหลายพันล้านคน ในนามของ BRICS จำได้ไหม บราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) จีน (China) และแอฟริกาใต้ (South Africa) รวมทั้งหมด เกือบ สามพันล้านคน ตลาดใหญ่นะ
    แถมตอนนี้อาเฮียฟิตจัด ตั้งกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization) หรือ SCO กับพี่ใหญ่รัสเซียและประเทศแถบรัสเซีย ที่จีนมีอาณาเขตติดต่อกันอยู่ แปลว่าถ้าอเมริกาจะมองว่าจีนเป็นศัตรู ต้องรวมเพื่อนของศัตรู เข้าไปด้วย เข้าใจไหม
    แต่ของจริงอเมริกา มองจีนอย่างไร มีระบุไว้ในเอกสาร The National Strategy Forum Review ปี ค.ศ.2011 ว่า สัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ ในศตวรรษที่ 21 นับว่าเป็นสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งสืบเนื่องมาจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของจีน และการเสื่อมถอยจากการเป็นผู้นำสุดยอด ของสหรัฐในต่างประเทศ ประกอบกับการที่จีน กำลังพยายามขยายบทบาทในเอเชียแปซิฟิก โดยใช่ว่าจะเห็นพ้องกับนโยบายของสหรัฐเสมอไป ที่สำคัญดูเหมือนว่ากระแสความไม่ไว้ใจและไม่เข้าใจระหว่างประเทศทั้ง 2 จะสูงขึ้นเป็นลำดับอ่านแล้วเป็นงง
    พูดภาษาจิ๊กโก๋๋ ให้เข้าใจง่ายๆดีกว่า สรุปว่า ไอ้จิ๊กโก๋๋มันแสดงอาการหวงรางหญ้า หวงกระดูก

    คนเล่านิทาน
     ตอน 18 อเมริกาคิดจะทำอะไร ต้องแน่ใจว่าคุมสถานการณ์ คุมเกมได้เบ็ดเสร็จ เมื่อได้เลือกไทยแลนด์แดนสวรรค์ เป็นแหล่งประทับทรง เพื่อเอาไว้จับจ้อง เตรียมต่อกรกับจีน ถึงจะไม่เป็นงานช้างแบบสู้กับคอมมี่ ตรงไปตรงมา แต่สู้กับอาเฮียตาตี่ที่ กำลังเนื้อหอม แถมจิ๊กโก๋๋ก็ทิ้งสาวไทยไปนาน จะกลับเข้ามาก็ต้องดูดีๆ เสียเชิงอาเฮียนี่มันรับไม่ได้จริงๆ นะ และโปรดอย่าลืมสันดานเดิมของจิ๊กโก๋๋นักเลงนักล้วง อเมริกาไม่เคยตีตั๋วใบเดียว ไม่เคยเล่นไพ่หน้าเดียว จากรายงานของซีไอเอ ที่เดินสายกันให้ควักไขว้ ออกอาการว่า จิ๊กโก๋๋คิดหนัก จะเลือกใครเป็นร่างทรงดี สมัยสู้คอมมี่ จอมพลคนแปลกเป็นนายก อเมริกาก็สนับสนุน 2 นายพล เอาไว้เป็นตัวเลือกคือ นายพลเผ่า กับ นายพลสฤษดิ์ ทั้งฟูมทั้งฟัก ทั้ง 2 นายพล อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทั้งคู่ รอดูจนแน่ใจแล้วก็เคาะโป๊ก หวยออกที่นายพลสฤษดิ์ ให้เป็นผู้นำคนต่อไปของประเทศไทยแลนด์ ภายใต้การชักใยของสหรัฐ คราวนี้ก็เหมือนกัน อเมริกามีตัวเลือกแยะขึ้น แต่ยากขึ้น มองด้านความแน่นอน สัมพันธ์เก่ามีมาต่อเนื่องกว่า 50 ปี ก็มีกลุ่มนักวิ่งผลัด แต่สมัยนี้จะไปชักใย ให้ขยับขาซ้ายย้ายขาขวา อย่างเมื่อก่อนมันไม่ได้แล้วนะ ก็ดันไปตั้ง Doctrine ของตัวเองสนับสนุนประชาธิปไตยให้บานแฉ่ง แล้วถ้าเอาพี่ทหารนักวิ่งผลัดมา ป.ว. เป็นร่างทรงน่ะ ชาวบ้านเขามินินทาเอาหรือจ๊ะ ว่า ปากว่าตาขยิบ จะเป็นตัวเลือกหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่เพื่อให่แน่ใจว่านักวิ่งพลัดไม่นอกใจ ปลายปี พ.ศ. 2555/ค.ศ.2012 พี่เบิ้มก็ส่งนายลีออน เพนเนตต้า (Leon Pennetta) รมว กลาโหม มานั่งจับเข่า คุณพี่สุกำพล รมว กลาโหมของไทยตอนนั้น อย่าลืมนะ สมันน้อย เราอุ้มเจ้าลงเปลเห่กล่อมมากว่า 50 ปีแล้ว สมันน้อยจะไปเห็นคนอื่นดีกว่าเราได้ยังไง ว่าแล้วจากจับเข่า ก็เปลี่ยนเป็นจับมือสมันน้อย แปะโป้งทำสัญญา ซึ่งแปลงเขียนเป็นแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม (แหม! อีลูกช่างตะแบง กลัวจะเป็นหนังสือสัญญา ตามมาตรา ม190 ของรัฐธรรมนูญไง) ว่า ด้วยการเป็นหุ้นส่วนร่วมด้านความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 ฮั่นแน่ โจ๋งครึ่มจริงๆ ไอ้นี่ มันเป็นการส่งสารข้าม(หัว) ไปถึงอาเฮียนี่หว่า ว่านี่เด็กของข้า ลื้ออย่ามาแหยม! หลังจากกำชับนักวิ่งพลัดไม่ให้แตกแถวแล้ว คราวนี้ก็ต้องมาดูนักการเมือง ที่จะใช้บริการ ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่ 2 พรรคใหญ่ ระหว่างพรรคแมลงสาบกับพรรคของเหลี่ยมร้าย เอาไงดีล่ะ จิ๊กโก๋๋คิดไม่ตก พรรคแมลงสาบนี่ จิ๊กโก๋๋รู้จักดี ตั้งกะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปู่เสนีย์เป็นหัวหน้าเสรีไทยฝ่ายสหรัฐ พรรคนี้เคยคิดอย่างไร ทำอย่างไร ตั้งแต่สมัยสงครามโลก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น สมเป็นพรรคแมลงสาปจริง ๆ หัวสมองอยู่ในกระป๋องสี่เหลี่ยม แก้ไม่หาย อุตส่าห์ปั๊ดตะนา เปลี่ยนหัวหน้าพรรคมาจนเดี๋ยวนี้ได้ good boyหน้าหล่อสายอังกฤษ แต่มันก็คิดเป็น ทำเป็น แบบจวนสอบได้ ซะเกือบทุกเรื่อง ขนาดแม่ยกยังลุ้นซะจนจะ ล.ด หลายตลบแล้วจิ๊กโก๋๋จะรับไหวเหร๊อ แต่มันก็ว่าง่ายดีนะ ดูตอนกู้เงิน IMF แล้วกัน 5 5 5 พวกไอรวยมาแยะนะ อ้ายน้อย ไม่เอาแมลงสาบแล้วจะเอาใคร ก็พรรคของเหลี่ยมร้ายไง เหลี่ยมร้ายไม่สนใจอาณาเขต เหลี่ยมร้ายไม่สนใจพรมแดน เหลี่ยมร้ายไม่สนใจขนบธรรมเนียมประเพณี เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักความดีงาม เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักคุณค่าของ สถาบัน เหลี่ยมร้ายรู้จักแต่อำนาจ การโกหก การโกงทุกรูปแบบ และทุน ทุน ทุน ไม่ว่าจะเป็น ทุนนิยมเสรี ทุนในชาติ ทุนข้ามชาติ ประชานิยม ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องที่เหลี่ยมรัก เหลี่ยมโปรดทั้งนั้น อืม! น่าสนใจ ความคิดคล้ายๆ กับผู้ใดหนอ แถม เหลี่ยมก็เคยปลาบปลื้ม จนลืมตน วิ่งไปเชิญ วิ่งไปซบคุณพ่อจิ๊กโก๋๋ มาหลายหน คุณจิ๊กโก๋๋ตัวลูก จอมกร่าง ยิ่งแล้วใหญ่ เหลี่ยมนับเป็นเพื่อนเลยนะ ลองไปหา cable ทูตอเมริกา (ที่วิกิลีกส์ Wikileaks ขวัญใจผม อภินันทนาการแก่ชาวโลก) มันรายงานออกมาจ้อยๆ ว่า เหลี่ยมร้าย ปลื้มจิ๊กโก๋๋ขนาดไหน โดนดุ โดนเตือนก็ไปฟ้องคุณพ่ออเมริกันทุกครั้ง แหม ตัวอยู่ไทย แต่ใจเป็นของคุณพ่อจิ๊กโก๋๋หมดแล้ว แบบนี้ไม่เลือกเป็นร่างทรงก็ใจจืดไปหน่อยนะ… แต่จิ๊กโก๋๋ไม่โง่ จะใช้คนอย่างเหลี่ยมร้าย มันต้องป้อนด้วย อำนาจและเงินไปตลอด แล้วมันเกิดทำใหญ่คับเกินฟ้า ชาวประชารับไม่ได้ (ก็กำลังชุมนุมขับไล่โค่นล้มอยู่นี่ไง) จิ๊กโก๋๋ จะควบคุมไหวหรือ เอ๊ะ หรือจะเข้าทาง! ดูประธานาธิบดีมากอส พระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน มูบารักของอียิปต์ ฯลฯ เป็นตัวอย่างแล้วกัน เด็กสร้างของ จิ๊กโก๋๋ทั้งนั้น ถึงจุดหนึ่งหมดประโยชน์หรือคุมไม่ได้ จิ๊กโก๋๋ก็จัดการเก็บฉาก ให้กลับบ้านเก่ากันแทบไม่ทัน บางคนแทบไม่มีเวลาแต่งศพให้สวย ถ้าเหลี่ยมร้ายบังเอิญโชคดี ได้อ่านนิทานเรื่องนี้ ก็อ่านตอนนี้หลายๆ เที่ยวหน่อยนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกัน ยังไงก็คนเคยเห็นหน้า (ทางจอทีวี ฮา) มาหลายหน แต่หนหลังๆ นี้ บอกกันไม่อ้อมค้อมนะ ดูทุเรศ จริงๆ บอกได้เลยว่า การประทับทรงไทยแลนด์ของจิ๊กโก๋๋ครั้งนี้ ไม่ง่ายสะดวกโยธินเหมือนสมัยสงคราม เวียต นาม คราวนั้นบ้านเรายังไม่มีกีฬาสี และสถานการณ์ก็สร้างไว้ชัดเจน ถูกเขาขู่ว่า ถ้าไม่สู้คอมมี่ พวกยูก็อาจไม่มีแผ่น ดินเหลือให้นั่งชนไก่ แต่ตอนนี้กะตอนนู้น มันไม่เหมือนกันนะ คราวนี้ถ้าขู่ว่าจะให้เลือก ระหว่างจิ๊กโก๋๋ผมทอง กับอาเฮียตาตี่ มันก็ไม่ง่ายนะพี่เบิ้ม ระวังมันจะพลิกล็อก คนไทยน่ะ นับดีๆ เผลอๆ มีกว่าครึ่งประเทศ ที่มีเชื้อสายจีนปนอยู่ ถึงแม้เขาจะไปฟอกผิวขาวทำตาโต แต่เชื้อไขข้างใน มันก็ยังเชื้อสายจีนปน ถึงเวลาตรุษจีน ก็เอาเป็ดเอาไก่ไปไหว้เจ้าปิดถนนฉลองกัน แล้วใจคอยูจะให้เขาตัดขาดจากอาม้า อาก๋ง เขาง่าย ๆ หรือ จิ๊กโก๋๋คิดให้ดีๆ คราวนี้ถ้าจิ๊กโก๋๋คิดว่า ซอยนี้ต้องเป็นของกูคนเดียว ไม่ให้ใครเข้ามายุ่งด้วย บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อย เหนื่อยทั้งจิ๊กโก๋๋ และเหนื่อยทั้งสมันน้อย อเมริกาเหนื่อยอย่างไร สมัยต่อสู้กับระบอบคอมมิวนิสต์ มันขู่ให้เรากลัวว่า ระบอบคอมมิวนิสต์เป็นภัยต่อประชาธิปไตย ประชาชนไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ทุกอย่างตกเป็นของรัฐ แค่นี้นายทุนเศรษฐีบ้านเราก็หน้าตก หูตูบกันหมดแล้ว ทุกคนต้องทำงานให้คอมมูน เพื่อความเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ คนไทยเคยอยู่สบายๆ เช้าอยากลุกก็ลุก ไม่อยากก็นอนจนตะวันตรงท้ายทอย แล้วค่อยขยับก้นย้ายออกมา ก็ไม่มีใครว่า แล้วถ้าเป็นคอมมูน มันจะมาทำท่านอนบิดขี้เกียจอย่างนี้ได้เหรอ ขู่แบบนี้เข้าไปทุกวัน พออเมริกาบอกว่า ไอจะกำจัดระบอบนี้ให้ออกไปจากภูมิภาคนี้ ชาวเราก็มองเขาเหมือนเทวดามาโปรด แต่ตอนนี้ไม่มีผีคอมมี่ให้สร้างแล้ว ของจริงที่ไทยแลนด์ควรมองคือ อาเฮียตาตี่ ไม่ได้เดินย้ายพุงมาคนเดียว แต่เกี่ยวแขนมากับเพื่อนอีกหลายพันล้านคน ในนามของ BRICS จำได้ไหม บราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) จีน (China) และแอฟริกาใต้ (South Africa) รวมทั้งหมด เกือบ สามพันล้านคน ตลาดใหญ่นะ แถมตอนนี้อาเฮียฟิตจัด ตั้งกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization) หรือ SCO กับพี่ใหญ่รัสเซียและประเทศแถบรัสเซีย ที่จีนมีอาณาเขตติดต่อกันอยู่ แปลว่าถ้าอเมริกาจะมองว่าจีนเป็นศัตรู ต้องรวมเพื่อนของศัตรู เข้าไปด้วย เข้าใจไหม แต่ของจริงอเมริกา มองจีนอย่างไร มีระบุไว้ในเอกสาร The National Strategy Forum Review ปี ค.ศ.2011 ว่า สัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ ในศตวรรษที่ 21 นับว่าเป็นสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งสืบเนื่องมาจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของจีน และการเสื่อมถอยจากการเป็นผู้นำสุดยอด ของสหรัฐในต่างประเทศ ประกอบกับการที่จีน กำลังพยายามขยายบทบาทในเอเชียแปซิฟิก โดยใช่ว่าจะเห็นพ้องกับนโยบายของสหรัฐเสมอไป ที่สำคัญดูเหมือนว่ากระแสความไม่ไว้ใจและไม่เข้าใจระหว่างประเทศทั้ง 2 จะสูงขึ้นเป็นลำดับอ่านแล้วเป็นงง พูดภาษาจิ๊กโก๋๋ ให้เข้าใจง่ายๆดีกว่า สรุปว่า ไอ้จิ๊กโก๋๋มันแสดงอาการหวงรางหญ้า หวงกระดูก คนเล่านิทาน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 532 มุมมอง 0 รีวิว
  • เล่าให้ฟังใหม่: Kindle Petit Color — อีรีดเดอร์จอสีรุ่นเล็กจาก Amazon ที่อาจมาเปลี่ยนประสบการณ์การอ่าน

    มีข่าวลือว่า Amazon กำลังทดสอบ Kindle Petit Color ซึ่งเป็นอีรีดเดอร์จอสีรุ่นเล็กที่อาจเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยมีภาพหลุดจากผู้ใช้ Reddit ในบราซิลที่อ้างว่าได้ทดลองใช้งานจริง

    Kindle Petit Color มีขนาดใกล้เคียงกับ Kindle รุ่นพื้นฐานปี 2024 แต่เพิ่มจอ E Ink สีที่สามารถปรับความอิ่มตัวของสีแต่ละสีได้ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ไม่เคยมีใน Kindle รุ่นใดมาก่อน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ “progressive colors” ที่เปลี่ยนสีข้อความตามความคืบหน้าในการอ่าน เช่น เปลี่ยนสีทุก 25% ของหนังสือ

    อีกหนึ่งจุดเด่นคือขอบจอ (bezel) ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ โดยมีสีให้เลือกหลากหลาย เช่น “mermaid” ที่เปลี่ยนสีตามมุมมอง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ Kindle มีการออกแบบในลักษณะนี้

    อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสงสัยหลายประการ เช่น ความละเอียดจอที่อาจใช้ E Ink Kaleido 3 ซึ่งมีข้อจำกัดด้านความคมชัด และความเป็นไปได้ที่ Amazon จะเปิดตัว Kindle รุ่นใหม่เร็วเกินไปเมื่อเทียบกับรอบการอัปเดตที่ผ่านมา

    Amazon อาจเปิดตัว Kindle Petit Color ในเดือนพฤศจิกายน
    เป็นอีรีดเดอร์จอสีขนาดเล็กที่มีฟีเจอร์ใหม่

    จอ E Ink สีสามารถปรับความอิ่มตัวของแต่ละสีได้
    แตกต่างจากรุ่นอื่นที่ปรับได้แค่ระดับรวม

    มีฟีเจอร์ “progressive colors” เปลี่ยนสีข้อความตามความคืบหน้าในการอ่าน
    เพิ่มความมีชีวิตชีวาในการอ่านหนังสือ

    ขอบจอสามารถถอดเปลี่ยนได้ มีสีให้เลือกหลายแบบ
    รวมถึงรุ่นพิเศษที่เปลี่ยนสีตามมุมมอง

    ขนาดใกล้เคียงกับ Kindle รุ่นพื้นฐานปี 2024
    แต่เพิ่มฟีเจอร์จอสีและ UI ที่ปรับแต่งได้

    อาจใช้จอ E Ink Kaleido 3 ที่มีความละเอียด 150ppi สำหรับสี
    ช่วยให้ข้อความดูคมขึ้นบนหน้าจอขนาดเล็ก

    https://www.techradar.com/tablets/ereaders/amazon-is-reportedly-testing-a-smaller-version-of-the-kindle-colorsoft-for-a-november-release-but-im-not-entirely-convinced-by-the-leaks
    📚✨ เล่าให้ฟังใหม่: Kindle Petit Color — อีรีดเดอร์จอสีรุ่นเล็กจาก Amazon ที่อาจมาเปลี่ยนประสบการณ์การอ่าน มีข่าวลือว่า Amazon กำลังทดสอบ Kindle Petit Color ซึ่งเป็นอีรีดเดอร์จอสีรุ่นเล็กที่อาจเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยมีภาพหลุดจากผู้ใช้ Reddit ในบราซิลที่อ้างว่าได้ทดลองใช้งานจริง Kindle Petit Color มีขนาดใกล้เคียงกับ Kindle รุ่นพื้นฐานปี 2024 แต่เพิ่มจอ E Ink สีที่สามารถปรับความอิ่มตัวของสีแต่ละสีได้ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ไม่เคยมีใน Kindle รุ่นใดมาก่อน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ “progressive colors” ที่เปลี่ยนสีข้อความตามความคืบหน้าในการอ่าน เช่น เปลี่ยนสีทุก 25% ของหนังสือ อีกหนึ่งจุดเด่นคือขอบจอ (bezel) ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ โดยมีสีให้เลือกหลากหลาย เช่น “mermaid” ที่เปลี่ยนสีตามมุมมอง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ Kindle มีการออกแบบในลักษณะนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสงสัยหลายประการ เช่น ความละเอียดจอที่อาจใช้ E Ink Kaleido 3 ซึ่งมีข้อจำกัดด้านความคมชัด และความเป็นไปได้ที่ Amazon จะเปิดตัว Kindle รุ่นใหม่เร็วเกินไปเมื่อเทียบกับรอบการอัปเดตที่ผ่านมา ✅ Amazon อาจเปิดตัว Kindle Petit Color ในเดือนพฤศจิกายน ➡️ เป็นอีรีดเดอร์จอสีขนาดเล็กที่มีฟีเจอร์ใหม่ ✅ จอ E Ink สีสามารถปรับความอิ่มตัวของแต่ละสีได้ ➡️ แตกต่างจากรุ่นอื่นที่ปรับได้แค่ระดับรวม ✅ มีฟีเจอร์ “progressive colors” เปลี่ยนสีข้อความตามความคืบหน้าในการอ่าน ➡️ เพิ่มความมีชีวิตชีวาในการอ่านหนังสือ ✅ ขอบจอสามารถถอดเปลี่ยนได้ มีสีให้เลือกหลายแบบ ➡️ รวมถึงรุ่นพิเศษที่เปลี่ยนสีตามมุมมอง ✅ ขนาดใกล้เคียงกับ Kindle รุ่นพื้นฐานปี 2024 ➡️ แต่เพิ่มฟีเจอร์จอสีและ UI ที่ปรับแต่งได้ ✅ อาจใช้จอ E Ink Kaleido 3 ที่มีความละเอียด 150ppi สำหรับสี ➡️ ช่วยให้ข้อความดูคมขึ้นบนหน้าจอขนาดเล็ก https://www.techradar.com/tablets/ereaders/amazon-is-reportedly-testing-a-smaller-version-of-the-kindle-colorsoft-for-a-november-release-but-im-not-entirely-convinced-by-the-leaks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 0 รีวิว
  • เล่าให้ฟังใหม่: การโจมตีแบบ Brute-Force ครั้งใหญ่ต่อ Fortinet SSL VPN – สัญญาณเตือนภัยไซเบอร์ที่ไม่ควรมองข้าม

    เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2025 นักวิจัยจาก GreyNoise ตรวจพบการโจมตีแบบ brute-force จำนวนมหาศาลต่อ Fortinet SSL VPN โดยมี IP ที่ไม่ซ้ำกันกว่า 780 รายการในวันเดียว ซึ่งเป็นปริมาณสูงสุดในรอบหลายเดือน การโจมตีนี้ไม่ใช่การสุ่มทั่วไป แต่เป็นการโจมตีแบบมีเป้าหมายชัดเจน โดยเริ่มจาก FortiOS และเปลี่ยนเป้าหมายไปยัง FortiManager ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการอุปกรณ์ Fortinet หลายตัวพร้อมกัน

    สิ่งที่น่าสนใจคือ มีเบาะแสว่าเครื่องมือโจมตีอาจถูกปล่อยจากเครือข่ายบ้านหรือใช้ residential proxy เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ และมีการพบลักษณะการโจมตีคล้ายกันในเดือนมิถุนายน ซึ่งเชื่อมโยงกับการเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ในภายหลัง

    GreyNoise พบว่า 80% ของการโจมตีลักษณะนี้มักนำไปสู่การเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ภายใน 6 สัปดาห์ โดยเฉพาะในระบบ edge เช่น VPN และ firewall ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของกลุ่มผู้โจมตีขั้นสูง

    พบการโจมตีแบบ brute-force ต่อ Fortinet SSL VPN จากกว่า 780 IP ภายในวันเดียว
    เป็นปริมาณสูงสุดในรอบหลายเดือน

    การโจมตีมีเป้าหมายชัดเจน ไม่ใช่การสุ่ม
    เริ่มจาก FortiOS แล้วเปลี่ยนไปยัง FortiManager

    FortiManager เป็นเครื่องมือจัดการอุปกรณ์ Fortinet หลายตัว
    การโจมตีตรงนี้อาจทำให้ระบบทั้งเครือข่ายถูกควบคุม

    พบว่าการโจมตีอาจมาจากเครือข่ายบ้านหรือใช้ residential proxy
    เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับจากระบบป้องกัน

    ประเทศเป้าหมายหลักคือ ฮ่องกงและบราซิล
    แต่ยังพบการโจมตีในสหรัฐฯ แคนาดา รัสเซีย และญี่ปุ่น

    GreyNoise พบว่าการโจมตีแบบนี้มักนำไปสู่การเปิดเผยช่องโหว่ใหม่
    โดยเฉลี่ยภายใน 6 สัปดาห์หลังจากการโจมตีเริ่มต้น

    Fortinet แนะนำให้ลูกค้าใช้เครื่องมือของ GreyNoise เพื่อบล็อก IP ที่เป็นอันตราย
    และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

    https://hackread.com/brute-force-campaign-fortinet-ssl-vpn-coordinated-attack/
    🕵️‍♂️🔐 เล่าให้ฟังใหม่: การโจมตีแบบ Brute-Force ครั้งใหญ่ต่อ Fortinet SSL VPN – สัญญาณเตือนภัยไซเบอร์ที่ไม่ควรมองข้าม เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2025 นักวิจัยจาก GreyNoise ตรวจพบการโจมตีแบบ brute-force จำนวนมหาศาลต่อ Fortinet SSL VPN โดยมี IP ที่ไม่ซ้ำกันกว่า 780 รายการในวันเดียว ซึ่งเป็นปริมาณสูงสุดในรอบหลายเดือน การโจมตีนี้ไม่ใช่การสุ่มทั่วไป แต่เป็นการโจมตีแบบมีเป้าหมายชัดเจน โดยเริ่มจาก FortiOS และเปลี่ยนเป้าหมายไปยัง FortiManager ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการอุปกรณ์ Fortinet หลายตัวพร้อมกัน สิ่งที่น่าสนใจคือ มีเบาะแสว่าเครื่องมือโจมตีอาจถูกปล่อยจากเครือข่ายบ้านหรือใช้ residential proxy เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ และมีการพบลักษณะการโจมตีคล้ายกันในเดือนมิถุนายน ซึ่งเชื่อมโยงกับการเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ในภายหลัง GreyNoise พบว่า 80% ของการโจมตีลักษณะนี้มักนำไปสู่การเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ภายใน 6 สัปดาห์ โดยเฉพาะในระบบ edge เช่น VPN และ firewall ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของกลุ่มผู้โจมตีขั้นสูง ✅ พบการโจมตีแบบ brute-force ต่อ Fortinet SSL VPN จากกว่า 780 IP ภายในวันเดียว ➡️ เป็นปริมาณสูงสุดในรอบหลายเดือน ✅ การโจมตีมีเป้าหมายชัดเจน ไม่ใช่การสุ่ม ➡️ เริ่มจาก FortiOS แล้วเปลี่ยนไปยัง FortiManager ✅ FortiManager เป็นเครื่องมือจัดการอุปกรณ์ Fortinet หลายตัว ➡️ การโจมตีตรงนี้อาจทำให้ระบบทั้งเครือข่ายถูกควบคุม ✅ พบว่าการโจมตีอาจมาจากเครือข่ายบ้านหรือใช้ residential proxy ➡️ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับจากระบบป้องกัน ✅ ประเทศเป้าหมายหลักคือ ฮ่องกงและบราซิล ➡️ แต่ยังพบการโจมตีในสหรัฐฯ แคนาดา รัสเซีย และญี่ปุ่น ✅ GreyNoise พบว่าการโจมตีแบบนี้มักนำไปสู่การเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ ➡️ โดยเฉลี่ยภายใน 6 สัปดาห์หลังจากการโจมตีเริ่มต้น ✅ Fortinet แนะนำให้ลูกค้าใช้เครื่องมือของ GreyNoise เพื่อบล็อก IP ที่เป็นอันตราย ➡️ และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด https://hackread.com/brute-force-campaign-fortinet-ssl-vpn-coordinated-attack/
    HACKREAD.COM
    New Brute-Force Campaign Hits Fortinet SSL VPN in Coordinated Attack
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน บอกกับผู้นำบราซิล ทั้ง 2 ชาติสามารถเป็นต้นแบบของ "การพึ่งพาตนเอง" สำหรับมหาอำนาจเศรษฐกิจเกิดใหม่ ท่ามกลางความท้าทายด้านการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นหลังจาก ทรัมป์ เลื่อนรีดภาษีปักกิ่งออกไป 90 วัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000076630

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire

    สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน บอกกับผู้นำบราซิล ทั้ง 2 ชาติสามารถเป็นต้นแบบของ "การพึ่งพาตนเอง" สำหรับมหาอำนาจเศรษฐกิจเกิดใหม่ ท่ามกลางความท้าทายด้านการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นหลังจาก ทรัมป์ เลื่อนรีดภาษีปักกิ่งออกไป 90 วัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000076630 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 798 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอน 16
    จิ๊กโก๋๋ประกบติดไทยแลนด์สยามเมืองยิ้ม ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงสงครามเวียตนามเลิก (ค.ศ.1950 – 1976) เพราะแผนของจิ๊กโก๋๋ ฉากหน้า กูเป็นจิ๊กโก๋๋ใหญ่ ปกป้องชาวซอย ที่ถูกจิ๊กโก๋๋ตาตี่หน้าเหลือง คือ ระบอบคอมมิวนิสต์ แผ่ขยายมากลืนกินประชาชาติแถบนี้
    แต่ฉากของจริง คือ ไอ้จิ๊กโก๋๋ผมทอง มันกลัวว่า ไอ้ตาตี่มันจะมาชิงลูกค้าเราไป เราจะยอมมันได้ไง หมดสงครามเวียตนาม ความต้องการใช้ไทยแลนด์ แดนสยามก็หยุดลงชั่วคราว
    จิ๊กโก๋๋จำเป็นต้องไปหากินซอยอื่น เพราะว่า การใช้น้ำมันทั่วโลกกำลังพุ่งแรงจากการขยายตัวของอุตสาหกรรม หรือพูดให้ชัดจากทุนนิยมที่เร่งขยายตัว
    จิ๊กโก๋๋ก็ต้องหาทางเอาน้ำมัน มาเป็นของตนเองให้มากที่สุด ก็เลยไปขุดเผือกขุดน้ำมันแถวบ้านคุณอาที่มีน้ำมัน จำได้ไหม แล้วก็เผ่นไปยุ่งถึงอเมริกาใต้ เกิดเรื่องอิหร่าน คอนทร้า (Iran Contra) จนวุ่นไปหมด
    มันไปหมดทุกแห่งที่จะล้วงกระเป๋าเขาได้ มาจนถึงปี ค.ศ.1997 จิ๊กโก๋๋เองขนาดล้วงกระเป๋าเขามา 50 ปี ก็จนเป็นเหมือนกัน เกิดภาวะเศรษฐกิจตกสะเก็ด การเพ่นพ่านของจิ๊กโก๋๋ ก็สงบลงเล็กน้อย เพราะมัวแต่จัดระเบียบบ้านตัวเอง
    ขณะเดียวกันประเทศที่ได้เอกราชใหม่ๆ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่น อินเดีย หรือประเทศที่เปลี่ยน แปลงวิธีบริหารประเทศของตัวเอง เช่น ประเทศจีน ก็ก้มหน้าก้มตาพัฒนาประเทศตัวเอง อย่างเร่งรีบ แต่เงียบเชียบ
    อเมริกาไม่เคยเห็นคนอื่นอยู่ในสายตา จับมืออยู่กันแต่ในกลุ่มหัว 3 เกลอหัวแข็งเท่านั้น บวกเอาญาติโยม และพวกฝ่ายผมทองเข้าไปด้วยเฉพาะที่ เห็นว่าพอจะคุยกันรู้เรื่อง ถึงได้เกิด EU สหภาพยุโรป G7, G8 อะไรนู่น เอาญี่ปุ่นตาตี่ไปรวมด้วย (เพราะเป็นภาระของสหรัฐโดยตรง ก็ทะลึ่งไปบอมบ์เขานี่นะ ก็เลยต้องพ่วงเป็นลูก บุญธรรมไปด้วยตลอดเวลา) ที่เหลือมันเหยื่อนักล่านักล้วงทั้งนั้นแหละ
    อเมริกาเมินภูมิภาคแถบนี้ไปนาน เพราะคิดว่าเหลือแต่ซากหลังสงครามเวียตนาม เหมือนแถบยุโรปตะวันออกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
    หันมาอีกที ต๊กกะใจ ว้าย ตาเถร ไอ้ตาตี่ทำไมมันโตเร็วกลายเป็น อาเฮียพุงพลุ้ยเดินโปรยเงินไปทั่ว จีนโตเร็วและทำท่าจะโตไปเรื่อยๆ บวกกับอินเดียและที่รวมตัวกันเรียกว่า กลุ่มประเทศที่เกิดใหม่ทางเศรษฐกิจ คือ กลุ่ม BRICS บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน อาฟริกาใต้
    คิดง่ายๆ แค่จีนกับอินเดียรวมกันมีประชากร 3 พันกว่าล้านคน ทั้งโลกนี้มีประชากร 7 พันกว่าล้านคน แค่ 2 ประเทศ ก็เกือบครึ่งโลกแล้ว กำลังซื้อมันจะขนาดไหน แค่นัดกระทืบเท้าพร้อมกัน โลกก็เอียงแล้ว (น่าลองดูนะ ซ่ามากๆ ก็ถล่มมันชะเลย)
    จิ๊กโก๋๋คิดแล้วก็หัวหมุนกลับ หันมาไทยแลนด์แดนสยามอีกครั้ง ในปี พ.ศ.2542 /ค.ศ.1999 ตรงกับปีที่เศรษฐกิจจีนเริ่มโตอย่างชัดเจน
    แล้วทำไงดีล่ะ ตัวทิ้งเค้าไปตั้งนาน อยู่ๆ จะกลับมา จ้ะๆ จ๋าๆ เหมือนเดิมกันง่ายๆ แบบนั้น เค้าไม่ใช่ หญิงคนชั่วเร่ขายชาตินะยะ แล้วตัวจำได้มั้ย ตอนเค้าตูดขาดเหลือแต่คลัง เงินไม่มีให้คงไว้น่ะ เพราะรัฐบาลน้าจิ๋ว กะรัฐบาลปี๋ชวนทำซะบักโกรกน่ะ เขาส่งอ้ายน้อยไปหาตัว ตัวทำอะไรกับเขา เขาจำได้นะ ให้ไอ้ IMF มันโหดกะเค้ายังไง ไปถามพวกเจ้าของธนาคาร หวั่งหลี ล่ำซำ หรือคุณป๋าประชัยแห่ง TPI หรือเฮียหวัดเจ้าของวลี ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ดูก็แล้วกันว่าหายช้ำหรือยัง
    อเมริกาจะกลับมาภูมิภาคนี้ใหม่ ก็ต้องกลับมาแบบไม่ให้เสียเชิง ไม่เสียฟอร์มนักทฤษฎี นักสร้างฉาก ลองทายดูซิ จิ๊กโก๋๋จะกลับมาแบบไหน กลับมาแบบเท่ห์ๆ น่ะ ฮา
    ช่วงสงครามเวียตนาม อเมริกาคบกับทหารไทย นักวิ่งผลัดจนรู้เช่นเห็นชาติ ว่าชอบกินอาหารจานด่วนแบบไหน หลอกล่อ ต่อรอง เห่กล่อม อย่างไร ถึงจะไม่งอแง พอเลิกใช้บริการนักวิ่งผลัด พี่เบิ้มก็ไปใช้พวกเด็กในคาถา good boy technocrat
    ดังนั้นเวลาหวนกลับ มันก็ไม่พ้นประตู 2 ช่องนี่แหละ จะพูดกับใครรู้เรื่องไปกว่าพวกที่เคยมือ รู้ใจกัน
    ว่าแล้วจิ๊กโก๋๋ก็เรียก good boy มาสัมภาษณ์ทีละคน โดยทำเป็นเชิญมาทานข้าวบ้าง ดื่มน้ำชาบ้าง ไล่ไปตั้งกะใหญ่โต ระดับองคมนตรี ข้าราชการ นักวิชาการ นักการเมืองทุกค่าย นักธุรกิจ จนถึงสื่อ
    ถามทุกเรื่องลับแบบเจาะลึก ท่านต่างๆ ก็ช่างตอบกันดีนัก อย่างกะขึ้นสังกัดกับเขา บางเรื่องเป็นเรื่องในบ้านเราแท้ๆ ไม่เห็นเกี่ยวกับคนนอกเลย ก็ตอบเขาเอา ตอบเอา (ขอขอบคุณ อภินันทนาการ เอกสารรั่ววิกิลีกส์ ทำให้รู้ว่า ใครช่างจ้อ ขนาดไหน)
    นอกจากนี้ก็ให้พวกซี ในคราบเจ้าหน้าที่สถานทูต เดินไปตามงานเลี้ยงไฮโซต่างๆ เก็บข่าวทุกวัน ใครกำลังขึ้น ใครกำลังลง พระราชวงศ์จะเป็นอย่างไร ใบไม้ใบไหนกำลังออกใหม่ ใบไหนกำลังจะร่วง ถามมันไปหมดทุกเรื่องนะแหละ
    เขาเล่ากันว่าสถานทูตสหรัฐในไทยนะใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก อันดับ 1 อยู่ที่อียิปต์ ที่ประเทศไทยนี้มีพนักงานประจำการอยู่กว่า 2 พันคน และที่ไม่ประจำอีกกว่า 2 พันคน โว้ย! มันเอามาทำไรแยะขนาดนี้ กะจะนับใบไม้ทุกใบหรือไงวะ ก็คงตกค้างตั้งกะสมัยรบสงครามเวียตนามน่ะนะ ตอนนั้นใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์ กลางบัญชาการรบ ก็จะให้พวกพี่เขาไปอยู่ที่ไหนล่ะ แถบนี้ ใครมันจะเจริญ แถมแสงสีเสียงครบแบบไทยแลนด์ล่ะ
    หลังจากทั้งซัก ทั้งฟอก เด็กในคาถา เดินสำรวจตามงานหรู ไม่ว่าของราชการ ไฮโซ สปอร์ตคลับฯลฯ หลายรอบ พี่เบิ้มก็ถอนใจ
    อู้ย จากไปไม่เท่าไหร่ ไม่คุมเอง ทำไม ไทยแลนด์ มันไม่ใช่แดนสยามเมืองยิ้ม อย่างเมื่อก่อนนะ นี่มันดันกลายเป็นสนามประลองกีฬาสีนี่นา แต่กีฬาสีนี้มันหนักน่ะ ใครจะอยู่ใครจะไป ไอยังไม่แน่ใจ
    อย่ากระนั้นเลย เอาที่แน่ๆ กลับไปที่นักกีฬาวิ่งผลัดดีกว่า เออ! เพิ่งนึกออก บ้านเรานี่มันนักกีฬาแยะนะ ไม่วิ่งผลัด ก็กีฬาสี 5 5 5
    อเมริกาส่งแม่ทัพเรือภาคที่ 7 ที่ประจำอยู่ที่โอกินาวาของลูกกะเป๋ง มาเยี่ยมไทยแลนด์ ทบทวนความ สัมพันธ์ที่มีมานานกว่า 50 ปี เรียกว่าเป็นมิตรรักระดับเดียวกับ พวกนาโต (NATO) ร่วมซ้อมรบด้วยกัน ทุกปีในนามของคอบบร้า โกลด์ (Cobra Gold) ขึ้นบกทีไร น้องหนูแถวพัทยา ภูเก็ตก็แฮ้ปปี้กระดี้กระด้า นอกจากนั้นในช่วงเกิดเหตุการณ์ ซึนามิ ไทยแลนด์ก็ใจดีให้ใช้อู่ตะเภาเป็นสนามบินที่ใช้ในการช่วยบรรเทาทุก แต่ข่าวที่ไม่เปิดเผยคือ ช่วงรัฐบาลทักษิณ ไทยเราอนุญาตให้เครื่องบินอเมริกัน บินขึ้นลงจากอู่ตะเภาเพื่อไปปฏิบัติการรบในอิรักและอาฟกานิสถานด้วยนะ (สมันน้อยไม่เข็ด!)
    แล้วอเมริกาทำไมถึงอยากกลับมายุ่งในภูมิภาคนี้ใหม่ โดยเฉพาะเข้ามาเดินกร่างในไทยแลนด์เหมือน เดิม แค่เรื่องอาเฮีย จากนั่งแทะเม็ดกวยจี๋ กลายเป็นเจ้าสัวกระเป๋าหนัก มันเกี่ยวอะไรกะสมันน้อยด้วยล่ะ

    คนเล่านิทาน
    ตอน 16 จิ๊กโก๋๋ประกบติดไทยแลนด์สยามเมืองยิ้ม ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงสงครามเวียตนามเลิก (ค.ศ.1950 – 1976) เพราะแผนของจิ๊กโก๋๋ ฉากหน้า กูเป็นจิ๊กโก๋๋ใหญ่ ปกป้องชาวซอย ที่ถูกจิ๊กโก๋๋ตาตี่หน้าเหลือง คือ ระบอบคอมมิวนิสต์ แผ่ขยายมากลืนกินประชาชาติแถบนี้ แต่ฉากของจริง คือ ไอ้จิ๊กโก๋๋ผมทอง มันกลัวว่า ไอ้ตาตี่มันจะมาชิงลูกค้าเราไป เราจะยอมมันได้ไง หมดสงครามเวียตนาม ความต้องการใช้ไทยแลนด์ แดนสยามก็หยุดลงชั่วคราว จิ๊กโก๋๋จำเป็นต้องไปหากินซอยอื่น เพราะว่า การใช้น้ำมันทั่วโลกกำลังพุ่งแรงจากการขยายตัวของอุตสาหกรรม หรือพูดให้ชัดจากทุนนิยมที่เร่งขยายตัว จิ๊กโก๋๋ก็ต้องหาทางเอาน้ำมัน มาเป็นของตนเองให้มากที่สุด ก็เลยไปขุดเผือกขุดน้ำมันแถวบ้านคุณอาที่มีน้ำมัน จำได้ไหม แล้วก็เผ่นไปยุ่งถึงอเมริกาใต้ เกิดเรื่องอิหร่าน คอนทร้า (Iran Contra) จนวุ่นไปหมด มันไปหมดทุกแห่งที่จะล้วงกระเป๋าเขาได้ มาจนถึงปี ค.ศ.1997 จิ๊กโก๋๋เองขนาดล้วงกระเป๋าเขามา 50 ปี ก็จนเป็นเหมือนกัน เกิดภาวะเศรษฐกิจตกสะเก็ด การเพ่นพ่านของจิ๊กโก๋๋ ก็สงบลงเล็กน้อย เพราะมัวแต่จัดระเบียบบ้านตัวเอง ขณะเดียวกันประเทศที่ได้เอกราชใหม่ๆ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่น อินเดีย หรือประเทศที่เปลี่ยน แปลงวิธีบริหารประเทศของตัวเอง เช่น ประเทศจีน ก็ก้มหน้าก้มตาพัฒนาประเทศตัวเอง อย่างเร่งรีบ แต่เงียบเชียบ อเมริกาไม่เคยเห็นคนอื่นอยู่ในสายตา จับมืออยู่กันแต่ในกลุ่มหัว 3 เกลอหัวแข็งเท่านั้น บวกเอาญาติโยม และพวกฝ่ายผมทองเข้าไปด้วยเฉพาะที่ เห็นว่าพอจะคุยกันรู้เรื่อง ถึงได้เกิด EU สหภาพยุโรป G7, G8 อะไรนู่น เอาญี่ปุ่นตาตี่ไปรวมด้วย (เพราะเป็นภาระของสหรัฐโดยตรง ก็ทะลึ่งไปบอมบ์เขานี่นะ ก็เลยต้องพ่วงเป็นลูก บุญธรรมไปด้วยตลอดเวลา) ที่เหลือมันเหยื่อนักล่านักล้วงทั้งนั้นแหละ อเมริกาเมินภูมิภาคแถบนี้ไปนาน เพราะคิดว่าเหลือแต่ซากหลังสงครามเวียตนาม เหมือนแถบยุโรปตะวันออกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หันมาอีกที ต๊กกะใจ ว้าย ตาเถร ไอ้ตาตี่ทำไมมันโตเร็วกลายเป็น อาเฮียพุงพลุ้ยเดินโปรยเงินไปทั่ว จีนโตเร็วและทำท่าจะโตไปเรื่อยๆ บวกกับอินเดียและที่รวมตัวกันเรียกว่า กลุ่มประเทศที่เกิดใหม่ทางเศรษฐกิจ คือ กลุ่ม BRICS บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน อาฟริกาใต้ คิดง่ายๆ แค่จีนกับอินเดียรวมกันมีประชากร 3 พันกว่าล้านคน ทั้งโลกนี้มีประชากร 7 พันกว่าล้านคน แค่ 2 ประเทศ ก็เกือบครึ่งโลกแล้ว กำลังซื้อมันจะขนาดไหน แค่นัดกระทืบเท้าพร้อมกัน โลกก็เอียงแล้ว (น่าลองดูนะ ซ่ามากๆ ก็ถล่มมันชะเลย) จิ๊กโก๋๋คิดแล้วก็หัวหมุนกลับ หันมาไทยแลนด์แดนสยามอีกครั้ง ในปี พ.ศ.2542 /ค.ศ.1999 ตรงกับปีที่เศรษฐกิจจีนเริ่มโตอย่างชัดเจน แล้วทำไงดีล่ะ ตัวทิ้งเค้าไปตั้งนาน อยู่ๆ จะกลับมา จ้ะๆ จ๋าๆ เหมือนเดิมกันง่ายๆ แบบนั้น เค้าไม่ใช่ หญิงคนชั่วเร่ขายชาตินะยะ แล้วตัวจำได้มั้ย ตอนเค้าตูดขาดเหลือแต่คลัง เงินไม่มีให้คงไว้น่ะ เพราะรัฐบาลน้าจิ๋ว กะรัฐบาลปี๋ชวนทำซะบักโกรกน่ะ เขาส่งอ้ายน้อยไปหาตัว ตัวทำอะไรกับเขา เขาจำได้นะ ให้ไอ้ IMF มันโหดกะเค้ายังไง ไปถามพวกเจ้าของธนาคาร หวั่งหลี ล่ำซำ หรือคุณป๋าประชัยแห่ง TPI หรือเฮียหวัดเจ้าของวลี ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ดูก็แล้วกันว่าหายช้ำหรือยัง อเมริกาจะกลับมาภูมิภาคนี้ใหม่ ก็ต้องกลับมาแบบไม่ให้เสียเชิง ไม่เสียฟอร์มนักทฤษฎี นักสร้างฉาก ลองทายดูซิ จิ๊กโก๋๋จะกลับมาแบบไหน กลับมาแบบเท่ห์ๆ น่ะ ฮา ช่วงสงครามเวียตนาม อเมริกาคบกับทหารไทย นักวิ่งผลัดจนรู้เช่นเห็นชาติ ว่าชอบกินอาหารจานด่วนแบบไหน หลอกล่อ ต่อรอง เห่กล่อม อย่างไร ถึงจะไม่งอแง พอเลิกใช้บริการนักวิ่งผลัด พี่เบิ้มก็ไปใช้พวกเด็กในคาถา good boy technocrat ดังนั้นเวลาหวนกลับ มันก็ไม่พ้นประตู 2 ช่องนี่แหละ จะพูดกับใครรู้เรื่องไปกว่าพวกที่เคยมือ รู้ใจกัน ว่าแล้วจิ๊กโก๋๋ก็เรียก good boy มาสัมภาษณ์ทีละคน โดยทำเป็นเชิญมาทานข้าวบ้าง ดื่มน้ำชาบ้าง ไล่ไปตั้งกะใหญ่โต ระดับองคมนตรี ข้าราชการ นักวิชาการ นักการเมืองทุกค่าย นักธุรกิจ จนถึงสื่อ ถามทุกเรื่องลับแบบเจาะลึก ท่านต่างๆ ก็ช่างตอบกันดีนัก อย่างกะขึ้นสังกัดกับเขา บางเรื่องเป็นเรื่องในบ้านเราแท้ๆ ไม่เห็นเกี่ยวกับคนนอกเลย ก็ตอบเขาเอา ตอบเอา (ขอขอบคุณ อภินันทนาการ เอกสารรั่ววิกิลีกส์ ทำให้รู้ว่า ใครช่างจ้อ ขนาดไหน) นอกจากนี้ก็ให้พวกซี ในคราบเจ้าหน้าที่สถานทูต เดินไปตามงานเลี้ยงไฮโซต่างๆ เก็บข่าวทุกวัน ใครกำลังขึ้น ใครกำลังลง พระราชวงศ์จะเป็นอย่างไร ใบไม้ใบไหนกำลังออกใหม่ ใบไหนกำลังจะร่วง ถามมันไปหมดทุกเรื่องนะแหละ เขาเล่ากันว่าสถานทูตสหรัฐในไทยนะใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก อันดับ 1 อยู่ที่อียิปต์ ที่ประเทศไทยนี้มีพนักงานประจำการอยู่กว่า 2 พันคน และที่ไม่ประจำอีกกว่า 2 พันคน โว้ย! มันเอามาทำไรแยะขนาดนี้ กะจะนับใบไม้ทุกใบหรือไงวะ ก็คงตกค้างตั้งกะสมัยรบสงครามเวียตนามน่ะนะ ตอนนั้นใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์ กลางบัญชาการรบ ก็จะให้พวกพี่เขาไปอยู่ที่ไหนล่ะ แถบนี้ ใครมันจะเจริญ แถมแสงสีเสียงครบแบบไทยแลนด์ล่ะ หลังจากทั้งซัก ทั้งฟอก เด็กในคาถา เดินสำรวจตามงานหรู ไม่ว่าของราชการ ไฮโซ สปอร์ตคลับฯลฯ หลายรอบ พี่เบิ้มก็ถอนใจ อู้ย จากไปไม่เท่าไหร่ ไม่คุมเอง ทำไม ไทยแลนด์ มันไม่ใช่แดนสยามเมืองยิ้ม อย่างเมื่อก่อนนะ นี่มันดันกลายเป็นสนามประลองกีฬาสีนี่นา แต่กีฬาสีนี้มันหนักน่ะ ใครจะอยู่ใครจะไป ไอยังไม่แน่ใจ อย่ากระนั้นเลย เอาที่แน่ๆ กลับไปที่นักกีฬาวิ่งผลัดดีกว่า เออ! เพิ่งนึกออก บ้านเรานี่มันนักกีฬาแยะนะ ไม่วิ่งผลัด ก็กีฬาสี 5 5 5 อเมริกาส่งแม่ทัพเรือภาคที่ 7 ที่ประจำอยู่ที่โอกินาวาของลูกกะเป๋ง มาเยี่ยมไทยแลนด์ ทบทวนความ สัมพันธ์ที่มีมานานกว่า 50 ปี เรียกว่าเป็นมิตรรักระดับเดียวกับ พวกนาโต (NATO) ร่วมซ้อมรบด้วยกัน ทุกปีในนามของคอบบร้า โกลด์ (Cobra Gold) ขึ้นบกทีไร น้องหนูแถวพัทยา ภูเก็ตก็แฮ้ปปี้กระดี้กระด้า นอกจากนั้นในช่วงเกิดเหตุการณ์ ซึนามิ ไทยแลนด์ก็ใจดีให้ใช้อู่ตะเภาเป็นสนามบินที่ใช้ในการช่วยบรรเทาทุก แต่ข่าวที่ไม่เปิดเผยคือ ช่วงรัฐบาลทักษิณ ไทยเราอนุญาตให้เครื่องบินอเมริกัน บินขึ้นลงจากอู่ตะเภาเพื่อไปปฏิบัติการรบในอิรักและอาฟกานิสถานด้วยนะ (สมันน้อยไม่เข็ด!) แล้วอเมริกาทำไมถึงอยากกลับมายุ่งในภูมิภาคนี้ใหม่ โดยเฉพาะเข้ามาเดินกร่างในไทยแลนด์เหมือน เดิม แค่เรื่องอาเฮีย จากนั่งแทะเม็ดกวยจี๋ กลายเป็นเจ้าสัวกระเป๋าหนัก มันเกี่ยวอะไรกะสมันน้อยด้วยล่ะ คนเล่านิทาน
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 504 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากห้องแล็บสู่โลกออนไลน์: เมื่อเครื่องมือแพทย์กลายเป็นช่องโหว่ให้ข้อมูลหลุด

    ลองจินตนาการว่า MRI หรือ X-ray ที่คุณเพิ่งตรวจ ถูกเก็บไว้ในระบบที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยไม่มีรหัสผ่าน หรือใช้รหัสง่าย ๆ อย่าง “123456” แล้วข้อมูลนั้น—รวมถึงชื่อ เบอร์โทร และผลตรวจ—หลุดออกไปให้ใครก็ได้เห็น

    นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตอนนี้ จากการค้นพบของนักวิจัยจาก Modat ที่สแกนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั่วโลก และพบว่ามีมากกว่า 1.2 ล้านเครื่องที่ตั้งค่าผิดพลาด ทำให้ข้อมูลหลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ

    ข้อมูลที่หลุดไม่ใช่แค่ภาพสแกนสมองหรือผลเลือด แต่ยังรวมถึงข้อมูลส่วนตัวที่สามารถนำไปใช้หลอกลวง หรือแม้แต่แบล็กเมล์ผู้ป่วยได้ เช่น ขู่จะเปิดเผยโรคที่เป็นให้ครอบครัวรู้ หากไม่จ่ายเงิน

    ที่น่าตกใจคือ อุปกรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ตั้งค่าให้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตั้งแต่โรงงาน โดยไม่มีความจำเป็นทางคลินิก และโรงพยาบาลจำนวนมากไม่เคยเปลี่ยนรหัสผ่านเริ่มต้น หรืออัปเดตระบบเลย

    นอกจากการขโมยข้อมูล ยังมีความเสี่ยงที่แฮกเกอร์จะ “แก้ไข” ข้อมูล เช่น เปลี่ยนผลตรวจ หรือเพิ่มขนาดยาที่สั่งจ่าย ซึ่งอาจส่งผลต่อชีวิตผู้ป่วยโดยตรง

    พบอุปกรณ์ทางการแพทย์กว่า 1.2 ล้านเครื่องที่ตั้งค่าผิดพลาด
    ทำให้ข้อมูลหลุดออกสู่สาธารณะโดยไม่ตั้งใจ

    ข้อมูลที่หลุดรวมถึง MRI, X-ray, ผลเลือด และข้อมูลส่วนตัว
    เช่น ชื่อ เบอร์โทร และหมายเลขผู้ป่วย

    บางอุปกรณ์ไม่มีรหัสผ่าน หรือใช้รหัสง่าย ๆ เช่น “admin” หรือ “123456”
    ทำให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย

    ข้อมูลที่หลุดอาจถูกใช้แบล็กเมล์หรือหลอกลวงผู้ป่วย
    เช่น ส่งอีเมลปลอมจากโรงพยาบาลเพื่อขโมยข้อมูลเพิ่มเติม

    ประเทศที่มีอุปกรณ์หลุดมากที่สุดคือสหรัฐฯ, แอฟริกาใต้, ออสเตรเลีย, บราซิล และเยอรมนี
    รวมกันมากกว่า 600,000 เครื่อง

    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้แนวทาง proactive security
    เช่น ตรวจสอบอุปกรณ์ทั้งหมดและจัดการช่องโหว่ล่วงหน้า

    https://www.techradar.com/pro/security/mri-scans-x-rays-and-more-leaked-online-in-major-breach-over-a-million-healthcare-devices-affected-heres-what-we-know
    🧠💥 เรื่องเล่าจากห้องแล็บสู่โลกออนไลน์: เมื่อเครื่องมือแพทย์กลายเป็นช่องโหว่ให้ข้อมูลหลุด ลองจินตนาการว่า MRI หรือ X-ray ที่คุณเพิ่งตรวจ ถูกเก็บไว้ในระบบที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยไม่มีรหัสผ่าน หรือใช้รหัสง่าย ๆ อย่าง “123456” แล้วข้อมูลนั้น—รวมถึงชื่อ เบอร์โทร และผลตรวจ—หลุดออกไปให้ใครก็ได้เห็น นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตอนนี้ จากการค้นพบของนักวิจัยจาก Modat ที่สแกนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั่วโลก และพบว่ามีมากกว่า 1.2 ล้านเครื่องที่ตั้งค่าผิดพลาด ทำให้ข้อมูลหลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ ข้อมูลที่หลุดไม่ใช่แค่ภาพสแกนสมองหรือผลเลือด แต่ยังรวมถึงข้อมูลส่วนตัวที่สามารถนำไปใช้หลอกลวง หรือแม้แต่แบล็กเมล์ผู้ป่วยได้ เช่น ขู่จะเปิดเผยโรคที่เป็นให้ครอบครัวรู้ หากไม่จ่ายเงิน ที่น่าตกใจคือ อุปกรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ตั้งค่าให้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตั้งแต่โรงงาน โดยไม่มีความจำเป็นทางคลินิก และโรงพยาบาลจำนวนมากไม่เคยเปลี่ยนรหัสผ่านเริ่มต้น หรืออัปเดตระบบเลย นอกจากการขโมยข้อมูล ยังมีความเสี่ยงที่แฮกเกอร์จะ “แก้ไข” ข้อมูล เช่น เปลี่ยนผลตรวจ หรือเพิ่มขนาดยาที่สั่งจ่าย ซึ่งอาจส่งผลต่อชีวิตผู้ป่วยโดยตรง ✅ พบอุปกรณ์ทางการแพทย์กว่า 1.2 ล้านเครื่องที่ตั้งค่าผิดพลาด ➡️ ทำให้ข้อมูลหลุดออกสู่สาธารณะโดยไม่ตั้งใจ ✅ ข้อมูลที่หลุดรวมถึง MRI, X-ray, ผลเลือด และข้อมูลส่วนตัว ➡️ เช่น ชื่อ เบอร์โทร และหมายเลขผู้ป่วย ✅ บางอุปกรณ์ไม่มีรหัสผ่าน หรือใช้รหัสง่าย ๆ เช่น “admin” หรือ “123456” ➡️ ทำให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ✅ ข้อมูลที่หลุดอาจถูกใช้แบล็กเมล์หรือหลอกลวงผู้ป่วย ➡️ เช่น ส่งอีเมลปลอมจากโรงพยาบาลเพื่อขโมยข้อมูลเพิ่มเติม ✅ ประเทศที่มีอุปกรณ์หลุดมากที่สุดคือสหรัฐฯ, แอฟริกาใต้, ออสเตรเลีย, บราซิล และเยอรมนี ➡️ รวมกันมากกว่า 600,000 เครื่อง ✅ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้แนวทาง proactive security ➡️ เช่น ตรวจสอบอุปกรณ์ทั้งหมดและจัดการช่องโหว่ล่วงหน้า https://www.techradar.com/pro/security/mri-scans-x-rays-and-more-leaked-online-in-major-breach-over-a-million-healthcare-devices-affected-heres-what-we-know
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 330 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกปลอมที่เหมือนจริง: เมื่อ AI ถูกใช้สร้างเว็บรัฐบาลปลอมเพื่อหลอกประชาชน

    ในบราซิล นักวิจัยจาก ThreatLabz พบว่ามีการใช้ Generative AI สร้างเว็บไซต์ปลอมที่เลียนแบบเว็บของหน่วยงานรัฐบาลอย่างแนบเนียน โดยเฉพาะเว็บไซต์ของกรมการขนส่งและกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งถูกใช้เพื่อหลอกขโมยข้อมูลส่วนตัวและเงินจากประชาชน

    เว็บไซต์ปลอมเหล่านี้มีหน้าตาเหมือนของจริงแทบทุกจุด ยกเว้นแค่ URL ที่เปลี่ยนเล็กน้อย เช่น “govbrs[.]com” แทนที่จะเป็น “gov.br” และยังใช้เทคนิค SEO poisoning เพื่อดันอันดับใน Google ให้ขึ้นมาอยู่บนสุด ทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าเป็นเว็บจริง

    เมื่อเหยื่อเข้าเว็บ พวกเขาจะถูกขอให้กรอกหมายเลข CPF (คล้ายเลขบัตรประชาชน) และข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ ก่อนจะถูกหลอกให้จ่ายเงินผ่านระบบ Pix ซึ่งเงินจะถูกส่งตรงไปยังบัญชีของแฮกเกอร์

    ที่น่าตกใจคือ โค้ดของเว็บไซต์ปลอมเหล่านี้มีลักษณะเหมือนถูกสร้างโดย AI เช่น Deepsite AI โดยมีการใช้ TailwindCSS และคำอธิบายโค้ดที่เป็น template ซึ่งบ่งชี้ว่าแฮกเกอร์ใช้ prompt เพื่อสั่งให้ AI “สร้างเว็บที่เหมือนของจริง”

    แฮกเกอร์ใช้ Generative AI สร้างเว็บไซต์ปลอมเลียนแบบเว็บรัฐบาลบราซิล
    เช่น เว็บกรมการขนส่งและกระทรวงศึกษาธิการ

    ใช้ URL ปลอมที่คล้ายของจริง เช่น govbrs[.]com
    ทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าเป็นเว็บทางการ

    ใช้เทคนิค SEO poisoning เพื่อดันเว็บปลอมขึ้นอันดับต้น ๆ
    เพิ่มความน่าเชื่อถือและโอกาสในการหลอกเหยื่อ

    เหยื่อต้องกรอกหมายเลข CPF และข้อมูลส่วนตัว
    ก่อนถูกหลอกให้จ่ายเงินผ่านระบบ Pix

    โค้ดของเว็บปลอมมีลักษณะเหมือนถูกสร้างโดย AI เช่น Deepsite
    มีการใช้ TailwindCSS และคำอธิบายโค้ดแบบ template

    นักวิจัยเตือนว่าแม้ตอนนี้จะขโมยเงินไม่มาก แต่มีศักยภาพในการสร้างความเสียหายมหาศาล
    แนะนำให้ใช้ Zero Trust architecture และ best practices เพื่อป้องกัน

    https://www.techradar.com/pro/security/hackers-are-now-mimicking-government-websites-using-ai-everything-you-need-to-know-to-stay-safe
    🌐🕵️‍♂️ เรื่องเล่าจากโลกปลอมที่เหมือนจริง: เมื่อ AI ถูกใช้สร้างเว็บรัฐบาลปลอมเพื่อหลอกประชาชน ในบราซิล นักวิจัยจาก ThreatLabz พบว่ามีการใช้ Generative AI สร้างเว็บไซต์ปลอมที่เลียนแบบเว็บของหน่วยงานรัฐบาลอย่างแนบเนียน โดยเฉพาะเว็บไซต์ของกรมการขนส่งและกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งถูกใช้เพื่อหลอกขโมยข้อมูลส่วนตัวและเงินจากประชาชน เว็บไซต์ปลอมเหล่านี้มีหน้าตาเหมือนของจริงแทบทุกจุด ยกเว้นแค่ URL ที่เปลี่ยนเล็กน้อย เช่น “govbrs[.]com” แทนที่จะเป็น “gov.br” และยังใช้เทคนิค SEO poisoning เพื่อดันอันดับใน Google ให้ขึ้นมาอยู่บนสุด ทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าเป็นเว็บจริง เมื่อเหยื่อเข้าเว็บ พวกเขาจะถูกขอให้กรอกหมายเลข CPF (คล้ายเลขบัตรประชาชน) และข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ ก่อนจะถูกหลอกให้จ่ายเงินผ่านระบบ Pix ซึ่งเงินจะถูกส่งตรงไปยังบัญชีของแฮกเกอร์ ที่น่าตกใจคือ โค้ดของเว็บไซต์ปลอมเหล่านี้มีลักษณะเหมือนถูกสร้างโดย AI เช่น Deepsite AI โดยมีการใช้ TailwindCSS และคำอธิบายโค้ดที่เป็น template ซึ่งบ่งชี้ว่าแฮกเกอร์ใช้ prompt เพื่อสั่งให้ AI “สร้างเว็บที่เหมือนของจริง” ✅ แฮกเกอร์ใช้ Generative AI สร้างเว็บไซต์ปลอมเลียนแบบเว็บรัฐบาลบราซิล ➡️ เช่น เว็บกรมการขนส่งและกระทรวงศึกษาธิการ ✅ ใช้ URL ปลอมที่คล้ายของจริง เช่น govbrs[.]com ➡️ ทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าเป็นเว็บทางการ ✅ ใช้เทคนิค SEO poisoning เพื่อดันเว็บปลอมขึ้นอันดับต้น ๆ ➡️ เพิ่มความน่าเชื่อถือและโอกาสในการหลอกเหยื่อ ✅ เหยื่อต้องกรอกหมายเลข CPF และข้อมูลส่วนตัว ➡️ ก่อนถูกหลอกให้จ่ายเงินผ่านระบบ Pix ✅ โค้ดของเว็บปลอมมีลักษณะเหมือนถูกสร้างโดย AI เช่น Deepsite ➡️ มีการใช้ TailwindCSS และคำอธิบายโค้ดแบบ template ✅ นักวิจัยเตือนว่าแม้ตอนนี้จะขโมยเงินไม่มาก แต่มีศักยภาพในการสร้างความเสียหายมหาศาล ➡️ แนะนำให้ใช้ Zero Trust architecture และ best practices เพื่อป้องกัน https://www.techradar.com/pro/security/hackers-are-now-mimicking-government-websites-using-ai-everything-you-need-to-know-to-stay-safe
    WWW.TECHRADAR.COM
    Hackers are now mimicking government websites using AI - everything you need to know to stay safe
    Multiple Brazilian government sites were cloned, and more could be on the way
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกโอเพ่นซอร์ส: OpenFreeMap ถูกถล่มด้วย 100,000 คำขอต่อวินาทีจากเว็บวาดภาพ Wplace.live

    Zsolt Ero ผู้สร้าง OpenFreeMap ซึ่งเป็นบริการแผนที่โอเพ่นซอร์สที่ให้ใช้งานฟรีโดยไม่จำกัดจำนวนคำขอ กำลังจะโพสต์ฉลองความสำเร็จในรอบ 10 เดือน แต่กลับต้องรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด—มีคำขอเข้าเซิร์ฟเวอร์มากถึง 3 พันล้านครั้งใน 24 ชั่วโมง หรือเฉลี่ย 100,000 คำขอต่อวินาที!

    สาเหตุเกิดจากเว็บไซต์ใหม่ชื่อ Wplace.live ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวาดภาพร่วมกันแบบ pixel art โดยจำกัดให้ผู้ใช้วางได้ 1 พิกเซลทุก 30 วินาที แต่ดูเหมือนว่าผู้ใช้จำนวนมากใช้สคริปต์อัตโนมัติ เช่น Puppeteer หรือ Chromium เพื่อเปิดเบราว์เซอร์ใหม่ คลิกพิกเซล แล้วปิดทันที ทำให้เกิดคำขอจำนวนมหาศาลไปยัง OpenFreeMap ซึ่งใช้เป็นแหล่งข้อมูลแผนที่พื้นหลัง

    แม้ระบบจะยังทำงานได้ดีถึง 96% แต่ก็มีบางไฟล์แผนที่โหลดไม่ขึ้นเพราะ nginx เจอข้อจำกัด “Too many open files” และผู้สร้างต้องสร้างกฎพิเศษใน Cloudflare เพื่อบล็อกคำขอจาก Wplace.live เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของโครงการ

    OpenFreeMap ถูกถล่มด้วยคำขอ 3 พันล้านครั้งใน 24 ชั่วโมง
    เฉลี่ย 100,000 คำขอต่อวินาทีจากไฟล์ขนาดเล็กเพียง 70KB

    สาเหตุเกิดจากเว็บไซต์ Wplace.live ที่ใช้ OpenFreeMap เป็นพื้นหลัง
    เป็นเว็บวาดภาพร่วมกันแบบ pixel art ที่จำกัด 1 พิกเซลต่อ 30 วินาที

    ผู้ใช้ Wplace.live ใช้สคริปต์อัตโนมัติเพื่อวางพิกเซลอย่างต่อเนื่อง
    เช่น Puppeteer/Chromium พร้อมการหมุน IP address

    nginx พบข้อผิดพลาด “Too many open files” จากการโหลด tile map
    ทำให้บางไฟล์ไม่สามารถเปิดได้ทันเวลา

    Cloudflare ช่วยรับภาระ bandwidth และ cache ไฟล์ไว้บางส่วน
    ทำให้ระบบยังคงให้บริการได้ถึง 96% เป็น 200 OK

    ผู้สร้างต้องสร้างกฎบล็อกคำขอจาก Wplace.live เป็นครั้งแรก
    เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้รายเดียวทำให้ระบบล่ม

    OpenFreeMap เป็นบริการแผนที่โอเพ่นซอร์สที่ใช้ข้อมูลจาก OpenStreetMap
    ไม่มีการจำกัดคำขอ ไม่มี API key และไม่มีการเก็บข้อมูลผู้ใช้

    Wplace.live ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วใน Reddit และโซเชียลมีเดีย
    มีภาพวาดจากผู้ใช้ทั่วโลก เช่น เสือดาวกัดจระเข้ในบราซิล

    โครงการ OpenFreeMap ได้รับการสนับสนุนจาก Cloudflare และ Hetzner
    เพื่อให้บริการฟรีแก่ผู้ใช้ทั่วไปและนักพัฒนา

    Neal.fun เคยติดต่อผู้สร้างก่อนเปิดตัว Internet Roadtrip เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา
    และยังสนับสนุนค่า bandwidth ให้กับ OpenFreeMap

    https://blog.hyperknot.com/p/openfreemap-survived-100000-requests
    🗺️🔥 เรื่องเล่าจากโลกโอเพ่นซอร์ส: OpenFreeMap ถูกถล่มด้วย 100,000 คำขอต่อวินาทีจากเว็บวาดภาพ Wplace.live Zsolt Ero ผู้สร้าง OpenFreeMap ซึ่งเป็นบริการแผนที่โอเพ่นซอร์สที่ให้ใช้งานฟรีโดยไม่จำกัดจำนวนคำขอ กำลังจะโพสต์ฉลองความสำเร็จในรอบ 10 เดือน แต่กลับต้องรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด—มีคำขอเข้าเซิร์ฟเวอร์มากถึง 3 พันล้านครั้งใน 24 ชั่วโมง หรือเฉลี่ย 100,000 คำขอต่อวินาที! สาเหตุเกิดจากเว็บไซต์ใหม่ชื่อ Wplace.live ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวาดภาพร่วมกันแบบ pixel art โดยจำกัดให้ผู้ใช้วางได้ 1 พิกเซลทุก 30 วินาที แต่ดูเหมือนว่าผู้ใช้จำนวนมากใช้สคริปต์อัตโนมัติ เช่น Puppeteer หรือ Chromium เพื่อเปิดเบราว์เซอร์ใหม่ คลิกพิกเซล แล้วปิดทันที ทำให้เกิดคำขอจำนวนมหาศาลไปยัง OpenFreeMap ซึ่งใช้เป็นแหล่งข้อมูลแผนที่พื้นหลัง แม้ระบบจะยังทำงานได้ดีถึง 96% แต่ก็มีบางไฟล์แผนที่โหลดไม่ขึ้นเพราะ nginx เจอข้อจำกัด “Too many open files” และผู้สร้างต้องสร้างกฎพิเศษใน Cloudflare เพื่อบล็อกคำขอจาก Wplace.live เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของโครงการ ✅ OpenFreeMap ถูกถล่มด้วยคำขอ 3 พันล้านครั้งใน 24 ชั่วโมง ➡️ เฉลี่ย 100,000 คำขอต่อวินาทีจากไฟล์ขนาดเล็กเพียง 70KB ✅ สาเหตุเกิดจากเว็บไซต์ Wplace.live ที่ใช้ OpenFreeMap เป็นพื้นหลัง ➡️ เป็นเว็บวาดภาพร่วมกันแบบ pixel art ที่จำกัด 1 พิกเซลต่อ 30 วินาที ✅ ผู้ใช้ Wplace.live ใช้สคริปต์อัตโนมัติเพื่อวางพิกเซลอย่างต่อเนื่อง ➡️ เช่น Puppeteer/Chromium พร้อมการหมุน IP address ✅ nginx พบข้อผิดพลาด “Too many open files” จากการโหลด tile map ➡️ ทำให้บางไฟล์ไม่สามารถเปิดได้ทันเวลา ✅ Cloudflare ช่วยรับภาระ bandwidth และ cache ไฟล์ไว้บางส่วน ➡️ ทำให้ระบบยังคงให้บริการได้ถึง 96% เป็น 200 OK ✅ ผู้สร้างต้องสร้างกฎบล็อกคำขอจาก Wplace.live เป็นครั้งแรก ➡️ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้รายเดียวทำให้ระบบล่ม ✅ OpenFreeMap เป็นบริการแผนที่โอเพ่นซอร์สที่ใช้ข้อมูลจาก OpenStreetMap ➡️ ไม่มีการจำกัดคำขอ ไม่มี API key และไม่มีการเก็บข้อมูลผู้ใช้ ✅ Wplace.live ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วใน Reddit และโซเชียลมีเดีย ➡️ มีภาพวาดจากผู้ใช้ทั่วโลก เช่น เสือดาวกัดจระเข้ในบราซิล ✅ โครงการ OpenFreeMap ได้รับการสนับสนุนจาก Cloudflare และ Hetzner ➡️ เพื่อให้บริการฟรีแก่ผู้ใช้ทั่วไปและนักพัฒนา ✅ Neal.fun เคยติดต่อผู้สร้างก่อนเปิดตัว Internet Roadtrip เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ➡️ และยังสนับสนุนค่า bandwidth ให้กับ OpenFreeMap https://blog.hyperknot.com/p/openfreemap-survived-100000-requests
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไมต้อง "Gripen"

    เครื่องบิน JAS Gripen ได้รับการรีวิวจริงไปแล้วครั้งแรกในโลกโดยประเทศไทยของเรานี่เอง รีวิวใส่กัมพูชาชนิดที่ว่า โลกเห็นแล้วต้องชื่นชมในศักยภาพ

    หลายคนรู้จัก F-16 ได้ยินชื่อนี้มานานหลายสิบปี แต่เพิ่งมาได้ยินชื่อ Gripen เมื่อไม่นานมานี้ และทำไมเราถึงใช้ Gripen ในภารกิจนี้ และวางแผนจะนำมาทดแทน F-16 มันดีกว่ายังไง?
    .
    ประวัติของ Gripen
    ประเทศสวีเดนคือผู้ให้กำเนิด Gripen ซึ่งถูกพัฒนามาจากปลายยุค 1970 หลังจากกองทัพอากาศสวีเดินเล็งเห็นว่า เครื่องบินรบรุ่นเก่าของสวีเดินเริ่มล้าสมัย สวีเดินจึงคิดผลิตเครื่องบินรุ่นใหม่ "ขึ้นมาเอง" เพราะไม่อยากพึ่งพาประเทศอื่นมากเกินไป ด้วยการก่อตั้งโครงการ "JAS" ในปี 1979
    โครงการ JAS มาจากคำว่า J = (Jakt) ยัคต์ แปลว่า ขับไล่ A= (Attack) แอทแทค แปลว่าโจมตี และ S = Spaning (สแปนนิ่ง) แปลว่า ลาดตระเวน คือแนวคิดที่จะพัฒนาเครื่องบินรบล้ำสมัยล้ำยุค ที่ใช้เครื่องบินเพียง 1 ลำ แต่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ทั้ง 3 แบบในลำเดียว เที่ยวเดียวได้

    ปี 1982 บริษัท SAAB ได้รับหน้าที่พัฒนาโครางการนี้ แต่เนื่องจากโปรเจคนี้ใหญ่มา และต้องการความเป็น "ที่สุด" จึงได้ระดมสมองร่วมกับอีกหลายบริษัท เข้ามาดูแลความเป็นที่สุดในด้านต่างๆ ได้แก่ บริษัท Ericsson เข้ามาช่วยพัฒนาระบบเรดาห์และการบิน บริษัท Volvo Aero เข้ามาช่วยปรับแต่งเครื่องยนตร์ และบริษัท FFV มาดูเรื่องระบบอาวุธและอุปกรณ์ทางการทหาร
    ปี 1988 เครื่องต้นแบบลำแรกสำเร็จ แต่เมื่อบินทดสอบกลับไม่สำเร็จจนพังไป หลังจากทดลองจนเสร็จสมบูรณ์แบบ Gripen ลำแรกก็พร้อมประจำการได้ในปี 1996
    .
    ความสามารถอันเป็นที่สุดของ Gripen
    ทำหน้าที่ได้ถึง 3 หน้าที่ใน 1 ลำ
    1. เป็นเครื่องบินขับไล่ - ต่อสู้เครื่องบินศัตรูจากกลางอากาศได้
    2. เป็นเครื่องบินโจมตี - โจมตีภาคพื้นดิน ฐานทัพ บังเกอร์ รถถัง
    3. เป็นเครื่องบินลาดตระเวณ สอดแนม - บินไปถ่ยาภาพและสอดแนมตำแหน่งศัตรูได้
    .
    * ปกติเครื่องบินรบ 1 หน้าที่จะแยกเป็น 1 ลำไป แต่ Gripen สามารถปฏิบัติภารกิจได้ต่อเนื่อง เป็น Swing-Role อย่างเช่น ลาดตระเวณอยู่ แต่เจอศัตรู ก็เปลี่ยนเป็นโหมดต่อสู้ทางอากาศได้ และสลับไปสอดแนมต่อก็ยังได้ในการบินเที่ยวเดียว หรือจะสลับทำทั้ง 3 หน้าที่คือไปสอดแนม โจมตีศัตรูบนอากาศ และพื้นดินก็ยังได้
    .
    มีระบบ "TIDLS" อันทันสมัย สามารถเชื่อมต่อข้อมูลกัน ทุกลำเหมือนมี "ตาเดียวกัน" ทำให้ทุกลำโจมตีได้ร่วมกัน เช่น ลำนี้ตรวจเจอศัตรูแต่มุมยิงไม่ได้ ก็ให้อีกลำยิงแทน และตรวจจับศัตรูได้หลากหลายเป้าหมาย แม้ในสภาพอากาศไม่เป็นใจเช่นมีหมอก มีพายุ มีฝุ่น
    .
    มีระบบ EW คือระบบป้องกันตัวเอง สามารถรู้ได้ว่าเรดาห์ศัตรูตรวจเจอก็จะแจ้งเตือน หรือเมื่อถูกโจมตีด้วยมิซไซล์ ก็จะแจ้งเตือน มีการยิงเป้าหลอก แท่งความร้อนหลอกมิซไซล์ รวมถึงมีระบบส่งคลื่นสัญญาณรบกวน ทั้งหมดนี้ ยังสามารถเชื่อมระบบการโจมตีร่วมกับกองทัพเรือและกองทัพบกได้ด้วย
    .
    มีระบบ AI ช่วยการตัดสินใจให้นักบิน เพราะเวลารบ นักบินต้องตัดสินใจรวดเร็วมากในขณะที่ยังต้องควบคุมการบินและวิเคราะห์การรบ แต่ Gripen มี Mission Computer ที่จะรวบรวมระบบจากทุกลำมาตัดสินใจการรบแทนให้ มันวิเคราะห์สถานการณ์แบบ Realime ได้ เช่น จะเลือกล็อคเป้าเป้าหมายที่เหมาะสมที่สุดให้โจมตีก่อน มีหน้าจอขนาดใหญ่ แสดงถึงการโจมตี เส้นทางการหลบหนี ตำแหน่งของเพื่อนร่วมฝูง ทำให้นักบินเข้าใจได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลาคิดอะไรมาก Gripen คิดให้หมดและคิดเป็นทีม
    .
    Gripen มีความยืดหยุ่นที่จะ Upgrade เครื่องได้หลากหลาย ทำให้ไม่ตกยุค สามารถปรับแต่งระบบต่างๆ ได้ตลอด เช่น อัพเกรดให้เชื่อมต่อกับเรือรบในระบบอื่นได้ มีระบบฝึกการบินภายในตัวเครื่องเองโดยไม่ต้องบินขึ้น ไม่ต้องไปซื้อระบบจำลองการบินเพิ่ม สแกนตัวเอง ดูแลสุขภาพตัวเองได้ อะไรมีปัญหา อะไหล่ชิ้นไหนใกล้เสื่อม จึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
    .
    Gripen มีความพร้อมรบ ต้องการพื้นที่ลงจอดได้แม้แต่ถนนยาวไม่ถึ่งกิโล สามารถออกรบซ้ำได้ภายใน 10 นาที เพราะเติมเชื้อเพลิง-ติดอาวุธได้แบบสั้นๆ (ใช้คนติดตั้งได้แค่ 5 คน) ต้นทุนการบินต่อชั่วโมงก็ต่ำ เทียบกับ F-16 แล้ว ถูกกว่าเกือบครึ่ง
    .
    ณ ปัจจุบัน Gripen มีอยู่ที่ประเทศสวีเดนผู้ให้กำเนิด ทั้งหมด 156 ลำ รองมาคือบราซิล 36 ลำ แอฟริกาใต้ 26 ลำ ฮังการีและเช็ค 14 ลำ และต่อไป เราจะมีเป็นลำดับที่ 5 คือ 12 ลำ และเราคือประเทศแรกของโลกที่ได้นำออกไปใช้ในสถานการณ์จริง!
    .
    Gripen ของกองทัพอากาศไทย ปี 2008-2010 เราจัดซื้อ Gripen ทั้งหมดแล้ว 12 ลำ แต่เราได้ดีลจากบริษัท SAAB ด้วยการเสนอการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ และจะจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและอากาศยานให้ ซึ่งมีมูลค่าสูงมาก อีกทั้งยังจะมาลงทุนผลิตอะไหล่เพื่อขายให้กับประเทศอื่นได้ด้วย เราจึงได้ทั้งการลงทุน ความรู้ การจ้างงาน ซึ่งนับเป็นมูลค่าหลายแสนล้านบาท
    .
    ปี 2025 เราได้ทำการจัดซื้อล็อตใหม่ ซึ่งจะทยอยซื้อ ทยอยส่งมอบ เสร็จสิ้นในปี 2034 ทำให้ในปีนั้น เราจะมีฝูงบิน Gripen ถึง 24 ลำด้วยกัน!!!

    .
    CR:กองทัพอากาศไทยเครื่องบินขับไล่ Jas-39 Saab Gripen ทำการลงจอดและบินขึ้นจากถนนทางหลวงหมายเลข 4287 จังหวัดสงขลา 27 กุมภาพันธ์ 2568
    #RTAF
    🇹🇭ทำไมต้อง "Gripen" 🇸🇪 เครื่องบิน JAS Gripen ได้รับการรีวิวจริงไปแล้วครั้งแรกในโลกโดยประเทศไทยของเรานี่เอง รีวิวใส่กัมพูชาชนิดที่ว่า โลกเห็นแล้วต้องชื่นชมในศักยภาพ หลายคนรู้จัก F-16 ได้ยินชื่อนี้มานานหลายสิบปี แต่เพิ่งมาได้ยินชื่อ Gripen เมื่อไม่นานมานี้ และทำไมเราถึงใช้ Gripen ในภารกิจนี้ และวางแผนจะนำมาทดแทน F-16 มันดีกว่ายังไง? . 🇸🇪 🇸🇪 🇸🇪 ประวัติของ Gripen ประเทศสวีเดนคือผู้ให้กำเนิด Gripen ซึ่งถูกพัฒนามาจากปลายยุค 1970 หลังจากกองทัพอากาศสวีเดินเล็งเห็นว่า เครื่องบินรบรุ่นเก่าของสวีเดินเริ่มล้าสมัย สวีเดินจึงคิดผลิตเครื่องบินรุ่นใหม่ "ขึ้นมาเอง" เพราะไม่อยากพึ่งพาประเทศอื่นมากเกินไป ด้วยการก่อตั้งโครงการ "JAS" ในปี 1979 โครงการ JAS มาจากคำว่า J = (Jakt) ยัคต์ แปลว่า ขับไล่ A= (Attack) แอทแทค แปลว่าโจมตี และ S = Spaning (สแปนนิ่ง) แปลว่า ลาดตระเวน คือแนวคิดที่จะพัฒนาเครื่องบินรบล้ำสมัยล้ำยุค ที่ใช้เครื่องบินเพียง 1 ลำ แต่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ทั้ง 3 แบบในลำเดียว เที่ยวเดียวได้ ปี 1982 บริษัท SAAB ได้รับหน้าที่พัฒนาโครางการนี้ แต่เนื่องจากโปรเจคนี้ใหญ่มา และต้องการความเป็น "ที่สุด" จึงได้ระดมสมองร่วมกับอีกหลายบริษัท เข้ามาดูแลความเป็นที่สุดในด้านต่างๆ ได้แก่ บริษัท Ericsson เข้ามาช่วยพัฒนาระบบเรดาห์และการบิน บริษัท Volvo Aero เข้ามาช่วยปรับแต่งเครื่องยนตร์ และบริษัท FFV มาดูเรื่องระบบอาวุธและอุปกรณ์ทางการทหาร ปี 1988 เครื่องต้นแบบลำแรกสำเร็จ แต่เมื่อบินทดสอบกลับไม่สำเร็จจนพังไป หลังจากทดลองจนเสร็จสมบูรณ์แบบ Gripen ลำแรกก็พร้อมประจำการได้ในปี 1996 . 🇸🇪 🇸🇪 🇸🇪 ความสามารถอันเป็นที่สุดของ Gripen 🇸🇪 🇸🇪 🇸🇪 🇸🇪 ทำหน้าที่ได้ถึง 3 หน้าที่ใน 1 ลำ 1. เป็นเครื่องบินขับไล่ - ต่อสู้เครื่องบินศัตรูจากกลางอากาศได้ 2. เป็นเครื่องบินโจมตี - โจมตีภาคพื้นดิน ฐานทัพ บังเกอร์ รถถัง 3. เป็นเครื่องบินลาดตระเวณ สอดแนม - บินไปถ่ยาภาพและสอดแนมตำแหน่งศัตรูได้ . * ปกติเครื่องบินรบ 1 หน้าที่จะแยกเป็น 1 ลำไป แต่ Gripen สามารถปฏิบัติภารกิจได้ต่อเนื่อง เป็น Swing-Role อย่างเช่น ลาดตระเวณอยู่ แต่เจอศัตรู ก็เปลี่ยนเป็นโหมดต่อสู้ทางอากาศได้ และสลับไปสอดแนมต่อก็ยังได้ในการบินเที่ยวเดียว หรือจะสลับทำทั้ง 3 หน้าที่คือไปสอดแนม โจมตีศัตรูบนอากาศ และพื้นดินก็ยังได้ . 🇸🇪 มีระบบ "TIDLS" อันทันสมัย สามารถเชื่อมต่อข้อมูลกัน ทุกลำเหมือนมี "ตาเดียวกัน" ทำให้ทุกลำโจมตีได้ร่วมกัน เช่น ลำนี้ตรวจเจอศัตรูแต่มุมยิงไม่ได้ ก็ให้อีกลำยิงแทน และตรวจจับศัตรูได้หลากหลายเป้าหมาย แม้ในสภาพอากาศไม่เป็นใจเช่นมีหมอก มีพายุ มีฝุ่น . 🇸🇪 มีระบบ EW คือระบบป้องกันตัวเอง สามารถรู้ได้ว่าเรดาห์ศัตรูตรวจเจอก็จะแจ้งเตือน หรือเมื่อถูกโจมตีด้วยมิซไซล์ ก็จะแจ้งเตือน มีการยิงเป้าหลอก แท่งความร้อนหลอกมิซไซล์ รวมถึงมีระบบส่งคลื่นสัญญาณรบกวน ทั้งหมดนี้ ยังสามารถเชื่อมระบบการโจมตีร่วมกับกองทัพเรือและกองทัพบกได้ด้วย . 🇸🇪 มีระบบ AI ช่วยการตัดสินใจให้นักบิน เพราะเวลารบ นักบินต้องตัดสินใจรวดเร็วมากในขณะที่ยังต้องควบคุมการบินและวิเคราะห์การรบ แต่ Gripen มี Mission Computer ที่จะรวบรวมระบบจากทุกลำมาตัดสินใจการรบแทนให้ มันวิเคราะห์สถานการณ์แบบ Realime ได้ เช่น จะเลือกล็อคเป้าเป้าหมายที่เหมาะสมที่สุดให้โจมตีก่อน มีหน้าจอขนาดใหญ่ แสดงถึงการโจมตี เส้นทางการหลบหนี ตำแหน่งของเพื่อนร่วมฝูง ทำให้นักบินเข้าใจได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลาคิดอะไรมาก Gripen คิดให้หมดและคิดเป็นทีม . 🇸🇪 Gripen มีความยืดหยุ่นที่จะ Upgrade เครื่องได้หลากหลาย ทำให้ไม่ตกยุค สามารถปรับแต่งระบบต่างๆ ได้ตลอด เช่น อัพเกรดให้เชื่อมต่อกับเรือรบในระบบอื่นได้ มีระบบฝึกการบินภายในตัวเครื่องเองโดยไม่ต้องบินขึ้น ไม่ต้องไปซื้อระบบจำลองการบินเพิ่ม สแกนตัวเอง ดูแลสุขภาพตัวเองได้ อะไรมีปัญหา อะไหล่ชิ้นไหนใกล้เสื่อม จึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน . 🇸🇪 Gripen มีความพร้อมรบ ต้องการพื้นที่ลงจอดได้แม้แต่ถนนยาวไม่ถึ่งกิโล สามารถออกรบซ้ำได้ภายใน 10 นาที เพราะเติมเชื้อเพลิง-ติดอาวุธได้แบบสั้นๆ (ใช้คนติดตั้งได้แค่ 5 คน) ต้นทุนการบินต่อชั่วโมงก็ต่ำ เทียบกับ F-16 แล้ว ถูกกว่าเกือบครึ่ง . 🇸🇪 ณ ปัจจุบัน Gripen มีอยู่ที่ประเทศสวีเดนผู้ให้กำเนิด ทั้งหมด 156 ลำ รองมาคือบราซิล 36 ลำ แอฟริกาใต้ 26 ลำ ฮังการีและเช็ค 14 ลำ และต่อไป เราจะมีเป็นลำดับที่ 5 คือ 12 ลำ และเราคือประเทศแรกของโลกที่ได้นำออกไปใช้ในสถานการณ์จริง! . 🇸🇪 Gripen ของกองทัพอากาศไทย ปี 2008-2010 เราจัดซื้อ Gripen ทั้งหมดแล้ว 12 ลำ แต่เราได้ดีลจากบริษัท SAAB ด้วยการเสนอการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ และจะจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและอากาศยานให้ ซึ่งมีมูลค่าสูงมาก อีกทั้งยังจะมาลงทุนผลิตอะไหล่เพื่อขายให้กับประเทศอื่นได้ด้วย เราจึงได้ทั้งการลงทุน ความรู้ การจ้างงาน ซึ่งนับเป็นมูลค่าหลายแสนล้านบาท . 🇸🇪 ปี 2025 เราได้ทำการจัดซื้อล็อตใหม่ ซึ่งจะทยอยซื้อ ทยอยส่งมอบ เสร็จสิ้นในปี 2034 ทำให้ในปีนั้น เราจะมีฝูงบิน Gripen ถึง 24 ลำด้วยกัน!!! . CR:กองทัพอากาศไทยเครื่องบินขับไล่ Jas-39 Saab Gripen ทำการลงจอดและบินขึ้นจากถนนทางหลวงหมายเลข 4287 จังหวัดสงขลา 27 กุมภาพันธ์ 2568 #RTAF
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 620 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กำหนดเพดานภาษีสูงลิ่วกับคู่หูการค้าหลายสิบชาติ ก่อนหน้าเส้นตายเจรจาการค้าที่กำหนดไว้ในวันศุกร์(1ส.ค.) ในนั้นรวมถึงแคนาดา 50%, บราซิล 25%, อินเดีย 20%, ไต้หวันกับสวิตเซอร์แลนด์ 39% ขณะที่ ไทย และ กัมพูชา 2 ชาติที่ถูกขู่ไม่เจรจาการค้าหากไม่ยุติการสู้รบ ได้รับการปรับลดเพดานภาษีเหลือ 19% เท่ากัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000072685

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กำหนดเพดานภาษีสูงลิ่วกับคู่หูการค้าหลายสิบชาติ ก่อนหน้าเส้นตายเจรจาการค้าที่กำหนดไว้ในวันศุกร์(1ส.ค.) ในนั้นรวมถึงแคนาดา 50%, บราซิล 25%, อินเดีย 20%, ไต้หวันกับสวิตเซอร์แลนด์ 39% ขณะที่ ไทย และ กัมพูชา 2 ชาติที่ถูกขู่ไม่เจรจาการค้าหากไม่ยุติการสู้รบ ได้รับการปรับลดเพดานภาษีเหลือ 19% เท่ากัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000072685 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 483 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts