• “สถาบันนิติวิทย์” ยันผลชันสูตร “ณัฐวุฒิ ปงลังกา” พบสารไซยาไนด์ในกระแสเลือด-กระเพาะอาหาร , ระบุระดับสารที่พบสามารถก่ออันตรายถึงชีวิต พร้อมส่งผลให้พนักงานสอบสวนใช้ดำเนินคดีตามขั้นตอน หลังเกิดกระแสตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตก่อนหน้านี้

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000116967

    #ณัฐวุฒิปงลังกา #นิติวิทยาศาสตร์ #ไซยาไนด์ #คดีอาชญากรรม #News1live #News1
    “สถาบันนิติวิทย์” ยันผลชันสูตร “ณัฐวุฒิ ปงลังกา” พบสารไซยาไนด์ในกระแสเลือด-กระเพาะอาหาร , ระบุระดับสารที่พบสามารถก่ออันตรายถึงชีวิต พร้อมส่งผลให้พนักงานสอบสวนใช้ดำเนินคดีตามขั้นตอน หลังเกิดกระแสตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตก่อนหน้านี้ • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000116967 • #ณัฐวุฒิปงลังกา #นิติวิทยาศาสตร์ #ไซยาไนด์ #คดีอาชญากรรม #News1live #News1
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    คดีเครื่องจักรสังหาร: ศึกตัดสินโดยไร้พ่อ

    การปรากฏตัวของหุ่นสังหาร

    เหตุการณ์ฆาตกรรมปริศนา

    เกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ไม่มีร่องรอยการบุกรุก
    เหยื่อทั้งหมดเป็นบุคคลสำคัญในวงการเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์

    ```mermaid
    graph TB
    A[นักวิทยาศาสตร์<br>ถูกฆาตกรรม] --> B[ไม่มีร่องรอย<br>การบุกรุก]
    C[นักธุรกิจ<br>ถูกฆาตกรรม] --> B
    D[นักวิจัย<br>ถูกฆาตกรรม] --> B
    B --> E[หนูดีต้อง<br>สืบสวนแทนพ่อ]
    ```

    ลักษณะคดีที่น่าสงสัย

    · ไม่มีลายนิ้วมือ: ไม่มีร่องรอยมนุษย์
    · ไม่มีการต่อสู้: เหยื่อเหมือนยอมให้ฆ่า
    · เวลาเกิดเหตุ: ตรงกันทุกครั้งคือ 03:33 น.

    การสืบสวนโดยไร้ประสบการณ์

    ความยากลำบากของหนูดี

    หนูดีต้องสืบสวนคดีครั้งแรกโดยไม่มีพ่อคอยแนะนำ:

    ```python
    class InvestigationChallenges:
    def __init__(self):
    self.lack_of_experience = [
    "ไม่รู้ขั้นตอนการสืบสวนที่ถูกต้อง",
    "ไม่มีความรู้ด้านนิติวิทยาศาสตร์",
    "ไม่เคยจัดการกับพยานหลักฐาน",
    "ไม่รู้วิธีเขียนรายงานการสืบสวน"
    ]

    self.emotional_struggles = [
    "คิดถึงพ่อในยามยาก",
    "ไม่มั่นใจในความสามารถตัวเอง",
    "กลัวที่จะล้มเหลว",
    "รู้สึกโดดเดี่ยวในการทำงาน"
    ]
    ```

    การขอความช่วยเหลือ

    หนูดีต้องหันไปหาผู้ช่วยใหม่:

    · ธรรมบาลเทพ: ให้คำแนะนำแต่ไม่สามารถช่วยโดยตรง
    · โอปปาติกะรุ่นพี่: ให้ข้อมูลแต่ขาดประสบการณ์สืบสวน
    · เพื่อนตำรวจของพ่อ: ช่วยเหลือแต่ไม่เข้าใจพลังพิเศษ

    การค้นพบที่น่าตกใจ

    หลักฐานทางเทคโนโลยี

    หนูดีค้นพบว่าเหยื่อทั้งหมดเกี่ยวข้องกับโครงการลับ:

    ```mermaid
    graph LR
    A[เหยื่อคนที่ 1<br>ผู้เชี่ยวชาญ AI] --> D[โครงการ<br>"จิตวิญญาณจักรกล"]
    B[เหยื่อคนที่ 2<br>นักวิทยหุ่นยนต์] --> D
    C[เหยื่อคนที่ 3<br>นักประสาทวิทยาศาสตร์] --> D
    ```

    การลักลอบใช้เทคโนโลยี

    โครงการ "จิตวิญญาณจักรกล" เกี่ยวข้องกับ:

    · การถ่ายโอนจิตสำนึก: สู่ร่างหุ่นยนต์
    · ฮิวแมนนอยด์ขั้นสูง: ที่แทบไม่ต่างจากมนุษย์
    · การสร้างหุ่นพยนต์: ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่

    ตัวตนของนักฆ่าจักรกล

    หุ่นพยนต์รุ่นใหม่

    นักฆ่าคือหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่ถูกจุติด้วยจิตวิญญาณมาร:

    ```python
    class MechanicalAssassin:
    def __init__(self):
    self.specifications = {
    "model": "Mara-X7",
    "appearance": "เหมือนมนุษย์ทุกประการ",
    "abilities": [
    "เปลี่ยนรูปลักษณ์ได้",
    "ลบร่องรอยดิจิตอล",
    "เคลื่อนไหวไร้เสียง",
    "ทนทานต่ออาวุธทั่วไป"
    ],
    "weakness": "ไวต่อพลังงานจิตบริสุทธิ์"
    }

    self.origin = {
    "creator": "กลุ่มนักวิทยาศาสตร์นอกระบบ",
    "purpose": "กำจัดผู้ที่รู้ความลับโครงการ",
    "soul_source": "จิตวิญญาณมารระดับสูง",
    "control_system": "AI ที่เรียนรู้ได้เอง"
    }
    ```

    วิธีการทำงาน

    หุ่นพยนต์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ:

    · สอดแนม: ผ่านระบบเครือข่าย
    · วางแผน: ด้วย AI ที่คำนวณความเสี่ยง
    · ปฏิบัติการ: อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
    · หลบหนี: โดยไม่ทิ้งร่องรอย

    การเผชิญหน้าที่เต็มไปด้วยความยุ่งยาก

    การต่อสู้ครั้งแรก

    หนูดีเผชิญหน้ากับหุ่นพยนต์แต่พบว่าตนเองไม่พร้อม:
    "ฉันทำไม่ได้...ฉันไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร"
    หนูดีรู้สึกหมดกำลังใจเมื่อนึกถึงพ่อ

    ความช่วยเหลือจากเทพคุ้มครอง

    ธรรมบาลเทพปรากฏตัวแต่ช่วยได้จำกัด:
    "เราสามารถให้คำแนะนำได้แต่เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะสู้ด้วยตัวเอง"

    การเรียนรู้อย่างเร่งด่วน

    หนูดีต้องเรียนรู้ทุกอย่างอย่างรวดเร็ว:

    ```mermaid
    graph TB
    A[หนูดี<br>ขาดประสบการณ์] --> B[เร่งเรียน<br>การสืบสวน]
    A --> C[ฝึกฝน<br>การต่อสู้]
    A --> D[เรียนรู้<br>เทคโนโลยี]
    B --> E[พัฒนาทักษะ<br>อย่างรวดเร็ว]
    C --> E
    D --> E
    ```

    การแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์

    การใช้พลังพิเศษ

    หนูดีค้นพบว่าหุ่นพยนต์มีจุดอ่อน:

    · พลังงานจิต: รบกวนระบบอิเล็กทรอนิกส์
    · อารมณ์มนุษย์: สิ่งที่ AI เข้าใจยาก
    · ความไม่แน่นอน: ที่การคำนวณทำนายไม่ได้

    การพัฒนายุทธวิธีใหม่

    หนูดีสร้างวิธีการต่อสู้อันซับซ้อน

    ```python
    class BattleStrategy:
    def __init__(self):
    self.psychological_warfare = [
    "ใช้ความไม่แน่นอนทำให้ AI สับสน",
    "สร้างสถานการณ์ที่คำนวณไม่ได้",
    "ใช้จิตวิทยากับจิตวิญญาณมาร",
    "สร้างความขัดแย้งในระบบ"
    ]

    self.technical_countermeasures = [
    "ใช้พลังงานจิตรบกวนเซ็นเซอร์",
    "สร้างสนามพลังยับยั้งการสื่อสาร",
    "ใช้คลื่นอารมณ์ทำลายเสถียรภาพ",
    "โจมตีจุดเชื่อมต่อพลังงาน"
    ]
    ```

    การต่อสู้ครั้งสำคัญ

    ศึกตัดสินที่โรงงานร้าง

    หนูดีตามหุ่นพยนต์ไปยังฐานลับ:
    หนูดี:"เจ้าคือเครื่องมือของความชั่ว!"
    หุ่นพยนต์:"เราเพียงทำตามโปรแกรม... เหมือนเจ้าที่ทำตามความทรงจำเกี่ยวกับพ่อ"

    การใช้บทเรียนจากพ่อ

    ในวินาทีสำคัญ หนูดีนึกถึงคำสอนของพ่อ:
    "พ่อเคยบอกว่า...การเป็นตำรวจที่ดีต้องการใช้เพียงประสบการณ์
    แต่คือการใช้หัวใจและสติปัญญา"

    การโจมตีจุดอ่อน

    หนูดีใช้ทั้งพลังและปัญญา:

    · สร้างความขัดแย้ง: ในจิตวิญญาณมาร
    · รบกวนระบบ: ด้วยพลังงานอารมณ์
    · โจมตีจิตใจ: ของผู้ควบคุมเบื้องหลัง

    ชัยชนะแห่งการเติบโต

    การก้าวข้ามความกลัว

    หนูดีพิสูจน์ว่าตนเองสามารถ:

    · สืบสวนคดี: ได้โดยไม่มีพ่อ
    · จัดการกับเทคโนโลยี: ที่ทันสมัย
    · ใช้พลัง: อย่างชาญฉลาด

    บทเรียนที่ได้รับ

    ```python
    class GrowthLessons:
    def __init__(self):
    self.personal_growth = [
    "เรียนรู้ที่จะ
    "เข้าใจว่าความกลัวคือโอกาสในการเติบโต",
    "พัฒนาความเป็นผู้นำจากการตัดสินใจ",
    "รู้จักขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น"
    ]

    self.professional_skills = [
    "การสืบสวนอย่างเป็นระบบ",
    "การวิเคราะห์พยานหลักฐาน",
    "การจัดการกับเทคโนโลยีสมัยใหม่",
    "การทำงานเป็นทีมกับผู้เชี่ยวชาญ"
    ]
    ```

    การพัฒนาสู่ผู้เชี่ยวชาญ

    การเป็นที่ปรึกษาอิสระ

    หลังคดีนี้ หนูดีได้รับการยอมรับในฐานะ:

    · ที่ปรึกษาด้านคดีพิเศษ: สำหรับหน่วยงานรัฐ
    · ผู้เชี่ยวชาญโอปปาติกะ: ด้านความมั่นคง
    · ครูสอนการควบคุมพลัง: สำหรับรุ่นน้อง

    เครือข่าย

    หนูดีสร้างความร่วมมือใหม่:

    · กับหน่วยงานไฮเทค: ด้านความปลอดภัย
    · กับนักวิทยาศาสตร์: ด้านเทคโนโลยีและจิตวิญญาณ
    · กับชุมชนโอปปาติกะ: ด้านการพัฒนาทักษะ

    บทสรุปแห่งการเติบโต

    คำคมจากหนูดี

    "ฉันเรียนรู้ว่า...
    การไม่มีพ่อไม่ใช่ข้ออ้างที่จะล้มเหลว
    แต่คือโอกาสที่จะพิสูจน์ตัวเอง

    และประสบการณ์ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาโดยง่าย
    แต่คือบทเรียนที่ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง"

    คำคมจากธรรมบาลเทพ

    "การเติบโตที่แท้จริง...
    เกิดขึ้นเมื่อเราก้าวเดินด้วยขาของตัวเอง
    แม้ทางนั้นจะยากลำบากและไม่แน่นอน

    และพ่อที่แท้จริง...
    คือผู้ที่สอนให้ลูกรู้จักยืนได้ด้วยตัวเอง"

    ---

    คำคมสุดท้ายจากคดี:
    "ในความมืดมิดแห่งการสูญเสีย...
    มีแสงสว่างแห่งการเติบโต

    และในความยุ่งยากแห่งการเดินทาง...
    มีบทเรียนแห่งความแข็งแกร่ง

    พ่ออาจจากไป...
    แต่สิ่งที่พ่อสอนจะคงอยู่ตลอดไป

    และฉัน...
    จะก้าวเดินต่อไปบนทางที่พ่อได้เริ่มไว้"

    บทเรียนแห่งความเป็นตำรวจ:
    "การเป็นนักสืบอาศัยหลักฐาน
    แต่คือการเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตนเอง

    และการคลี่คลายคดี...
    มักเริ่มต้นจากการเข้าใจตัวเอง"
    O.P.K. 🔪 คดีเครื่องจักรสังหาร: ศึกตัดสินโดยไร้พ่อ 🤖 การปรากฏตัวของหุ่นสังหาร 🚨 เหตุการณ์ฆาตกรรมปริศนา เกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ไม่มีร่องรอยการบุกรุก เหยื่อทั้งหมดเป็นบุคคลสำคัญในวงการเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ```mermaid graph TB A[นักวิทยาศาสตร์<br>ถูกฆาตกรรม] --> B[ไม่มีร่องรอย<br>การบุกรุก] C[นักธุรกิจ<br>ถูกฆาตกรรม] --> B D[นักวิจัย<br>ถูกฆาตกรรม] --> B B --> E[หนูดีต้อง<br>สืบสวนแทนพ่อ] ``` 🔍 ลักษณะคดีที่น่าสงสัย · ไม่มีลายนิ้วมือ: ไม่มีร่องรอยมนุษย์ · ไม่มีการต่อสู้: เหยื่อเหมือนยอมให้ฆ่า · เวลาเกิดเหตุ: ตรงกันทุกครั้งคือ 03:33 น. 🕵️ การสืบสวนโดยไร้ประสบการณ์ 💔 ความยากลำบากของหนูดี หนูดีต้องสืบสวนคดีครั้งแรกโดยไม่มีพ่อคอยแนะนำ: ```python class InvestigationChallenges: def __init__(self): self.lack_of_experience = [ "ไม่รู้ขั้นตอนการสืบสวนที่ถูกต้อง", "ไม่มีความรู้ด้านนิติวิทยาศาสตร์", "ไม่เคยจัดการกับพยานหลักฐาน", "ไม่รู้วิธีเขียนรายงานการสืบสวน" ] self.emotional_struggles = [ "คิดถึงพ่อในยามยาก", "ไม่มั่นใจในความสามารถตัวเอง", "กลัวที่จะล้มเหลว", "รู้สึกโดดเดี่ยวในการทำงาน" ] ``` 🆘 การขอความช่วยเหลือ หนูดีต้องหันไปหาผู้ช่วยใหม่: · ธรรมบาลเทพ: ให้คำแนะนำแต่ไม่สามารถช่วยโดยตรง · โอปปาติกะรุ่นพี่: ให้ข้อมูลแต่ขาดประสบการณ์สืบสวน · เพื่อนตำรวจของพ่อ: ช่วยเหลือแต่ไม่เข้าใจพลังพิเศษ 🤯 การค้นพบที่น่าตกใจ 🔬 หลักฐานทางเทคโนโลยี หนูดีค้นพบว่าเหยื่อทั้งหมดเกี่ยวข้องกับโครงการลับ: ```mermaid graph LR A[เหยื่อคนที่ 1<br>ผู้เชี่ยวชาญ AI] --> D[โครงการ<br>"จิตวิญญาณจักรกล"] B[เหยื่อคนที่ 2<br>นักวิทยหุ่นยนต์] --> D C[เหยื่อคนที่ 3<br>นักประสาทวิทยาศาสตร์] --> D ``` 👁️ การลักลอบใช้เทคโนโลยี โครงการ "จิตวิญญาณจักรกล" เกี่ยวข้องกับ: · การถ่ายโอนจิตสำนึก: สู่ร่างหุ่นยนต์ · ฮิวแมนนอยด์ขั้นสูง: ที่แทบไม่ต่างจากมนุษย์ · การสร้างหุ่นพยนต์: ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ 🦾 ตัวตนของนักฆ่าจักรกล 🤖 หุ่นพยนต์รุ่นใหม่ นักฆ่าคือหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่ถูกจุติด้วยจิตวิญญาณมาร: ```python class MechanicalAssassin: def __init__(self): self.specifications = { "model": "Mara-X7", "appearance": "เหมือนมนุษย์ทุกประการ", "abilities": [ "เปลี่ยนรูปลักษณ์ได้", "ลบร่องรอยดิจิตอล", "เคลื่อนไหวไร้เสียง", "ทนทานต่ออาวุธทั่วไป" ], "weakness": "ไวต่อพลังงานจิตบริสุทธิ์" } self.origin = { "creator": "กลุ่มนักวิทยาศาสตร์นอกระบบ", "purpose": "กำจัดผู้ที่รู้ความลับโครงการ", "soul_source": "จิตวิญญาณมารระดับสูง", "control_system": "AI ที่เรียนรู้ได้เอง" } ``` 🎯 วิธีการทำงาน หุ่นพยนต์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ: · สอดแนม: ผ่านระบบเครือข่าย · วางแผน: ด้วย AI ที่คำนวณความเสี่ยง · ปฏิบัติการ: อย่างรวดเร็วและแม่นยำ · หลบหนี: โดยไม่ทิ้งร่องรอย 💫 การเผชิญหน้าที่เต็มไปด้วยความยุ่งยาก ⚡ การต่อสู้ครั้งแรก หนูดีเผชิญหน้ากับหุ่นพยนต์แต่พบว่าตนเองไม่พร้อม: "ฉันทำไม่ได้...ฉันไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร" หนูดีรู้สึกหมดกำลังใจเมื่อนึกถึงพ่อ 🆘 ความช่วยเหลือจากเทพคุ้มครอง ธรรมบาลเทพปรากฏตัวแต่ช่วยได้จำกัด: "เราสามารถให้คำแนะนำได้แต่เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะสู้ด้วยตัวเอง" 📚 การเรียนรู้อย่างเร่งด่วน หนูดีต้องเรียนรู้ทุกอย่างอย่างรวดเร็ว: ```mermaid graph TB A[หนูดี<br>ขาดประสบการณ์] --> B[เร่งเรียน<br>การสืบสวน] A --> C[ฝึกฝน<br>การต่อสู้] A --> D[เรียนรู้<br>เทคโนโลยี] B --> E[พัฒนาทักษะ<br>อย่างรวดเร็ว] C --> E D --> E ``` 🔧 การแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ 💡 การใช้พลังพิเศษ หนูดีค้นพบว่าหุ่นพยนต์มีจุดอ่อน: · พลังงานจิต: รบกวนระบบอิเล็กทรอนิกส์ · อารมณ์มนุษย์: สิ่งที่ AI เข้าใจยาก · ความไม่แน่นอน: ที่การคำนวณทำนายไม่ได้ 🛠️ การพัฒนายุทธวิธีใหม่ หนูดีสร้างวิธีการต่อสู้อันซับซ้อน ```python class BattleStrategy: def __init__(self): self.psychological_warfare = [ "ใช้ความไม่แน่นอนทำให้ AI สับสน", "สร้างสถานการณ์ที่คำนวณไม่ได้", "ใช้จิตวิทยากับจิตวิญญาณมาร", "สร้างความขัดแย้งในระบบ" ] self.technical_countermeasures = [ "ใช้พลังงานจิตรบกวนเซ็นเซอร์", "สร้างสนามพลังยับยั้งการสื่อสาร", "ใช้คลื่นอารมณ์ทำลายเสถียรภาพ", "โจมตีจุดเชื่อมต่อพลังงาน" ] ``` 🌪️ การต่อสู้ครั้งสำคัญ ⚔️ ศึกตัดสินที่โรงงานร้าง หนูดีตามหุ่นพยนต์ไปยังฐานลับ: หนูดี:"เจ้าคือเครื่องมือของความชั่ว!" หุ่นพยนต์:"เราเพียงทำตามโปรแกรม... เหมือนเจ้าที่ทำตามความทรงจำเกี่ยวกับพ่อ" 💥 การใช้บทเรียนจากพ่อ ในวินาทีสำคัญ หนูดีนึกถึงคำสอนของพ่อ: "พ่อเคยบอกว่า...การเป็นตำรวจที่ดีต้องการใช้เพียงประสบการณ์ แต่คือการใช้หัวใจและสติปัญญา" 🎯 การโจมตีจุดอ่อน หนูดีใช้ทั้งพลังและปัญญา: · สร้างความขัดแย้ง: ในจิตวิญญาณมาร · รบกวนระบบ: ด้วยพลังงานอารมณ์ · โจมตีจิตใจ: ของผู้ควบคุมเบื้องหลัง 🏆 ชัยชนะแห่งการเติบโต 💪 การก้าวข้ามความกลัว หนูดีพิสูจน์ว่าตนเองสามารถ: · สืบสวนคดี: ได้โดยไม่มีพ่อ · จัดการกับเทคโนโลยี: ที่ทันสมัย · ใช้พลัง: อย่างชาญฉลาด 🌱 บทเรียนที่ได้รับ ```python class GrowthLessons: def __init__(self): self.personal_growth = [ "เรียนรู้ที่จะ "เข้าใจว่าความกลัวคือโอกาสในการเติบโต", "พัฒนาความเป็นผู้นำจากการตัดสินใจ", "รู้จักขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น" ] self.professional_skills = [ "การสืบสวนอย่างเป็นระบบ", "การวิเคราะห์พยานหลักฐาน", "การจัดการกับเทคโนโลยีสมัยใหม่", "การทำงานเป็นทีมกับผู้เชี่ยวชาญ" ] ``` 📈 การพัฒนาสู่ผู้เชี่ยวชาญ 🎓 การเป็นที่ปรึกษาอิสระ หลังคดีนี้ หนูดีได้รับการยอมรับในฐานะ: · ที่ปรึกษาด้านคดีพิเศษ: สำหรับหน่วยงานรัฐ · ผู้เชี่ยวชาญโอปปาติกะ: ด้านความมั่นคง · ครูสอนการควบคุมพลัง: สำหรับรุ่นน้อง 🤝 เครือข่าย หนูดีสร้างความร่วมมือใหม่: · กับหน่วยงานไฮเทค: ด้านความปลอดภัย · กับนักวิทยาศาสตร์: ด้านเทคโนโลยีและจิตวิญญาณ · กับชุมชนโอปปาติกะ: ด้านการพัฒนาทักษะ 💫 บทสรุปแห่งการเติบโต 🌟 คำคมจากหนูดี "ฉันเรียนรู้ว่า... การไม่มีพ่อไม่ใช่ข้ออ้างที่จะล้มเหลว แต่คือโอกาสที่จะพิสูจน์ตัวเอง และประสบการณ์ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาโดยง่าย แต่คือบทเรียนที่ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง" 🕊️ คำคมจากธรรมบาลเทพ "การเติบโตที่แท้จริง... เกิดขึ้นเมื่อเราก้าวเดินด้วยขาของตัวเอง แม้ทางนั้นจะยากลำบากและไม่แน่นอน และพ่อที่แท้จริง... คือผู้ที่สอนให้ลูกรู้จักยืนได้ด้วยตัวเอง" --- คำคมสุดท้ายจากคดี: "ในความมืดมิดแห่งการสูญเสีย... มีแสงสว่างแห่งการเติบโต และในความยุ่งยากแห่งการเดินทาง... มีบทเรียนแห่งความแข็งแกร่ง พ่ออาจจากไป... แต่สิ่งที่พ่อสอนจะคงอยู่ตลอดไป และฉัน... จะก้าวเดินต่อไปบนทางที่พ่อได้เริ่มไว้"🔪✨ บทเรียนแห่งความเป็นตำรวจ: "การเป็นนักสืบอาศัยหลักฐาน แต่คือการเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตนเอง และการคลี่คลายคดี... มักเริ่มต้นจากการเข้าใจตัวเอง"🦋
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 396 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.30

    อำนาจหน้าที่ของตำรวจในฐานะผู้รักษากฎหมายมิได้จำกัดอยู่เพียงการปรากฏกายในเครื่องแบบ แต่คือการเป็นกลไกสำคัญที่สุดในการบังคับใช้กฎหมายอาญาและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อธำรงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของสาธารณชน บทบาทหลักของตำรวจจึงครอบคลุมตั้งแต่การป้องกันการกระทำผิดทางอาญา การป้องปรามมิให้เกิดความวุ่นวาย ไปจนถึงภารกิจอันละเอียดอ่อนของการสืบสวนสอบสวนเพื่อแสวงหาพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด การใช้อำนาจของเจ้าพนักงานตำรวจทุกขั้นตอน นับตั้งแต่การเรียกตรวจสอบ การจับกุม หรือการควบคุมตัวชั่วคราว จึงต้องอยู่ภายใต้กรอบของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด การปฏิบัติหน้าที่อย่างชอบด้วยกฎหมายเท่านั้นที่จะทำให้อำนาจรัฐมีความชอบธรรมและได้รับการยอมรับจากประชาชน ในแง่ของการสืบสวน ตำรวจคือด่านแรกที่ต้องรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อเป็นรากฐานที่มั่นคงให้แก่การพิจารณาคดีในชั้นอัยการและศาล การตัดสินใจทุกครั้ง ตั้งแต่การลงบันทึกประจำวันไปจนถึงการสรุปสำนวนคดี ล้วนมีผลกระทบโดยตรงต่อเสรีภาพและสิทธิของบุคคล รวมถึงความยุติธรรมที่สังคมคาดหวัง การเป็นเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายจึงหมายถึงการรับผิดชอบต่อการรักษาหลักนิติรัฐและนิติธรรมอย่างแท้จริง

    ภารกิจในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมของตำรวจเป็นไปเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์พื้นฐานของรัฐและประชาชน การป้องกันอาชญากรรมมิใช่เพียงการลาดตระเวนหรือการตั้งจุดตรวจ แต่ยังรวมถึงการวิเคราะห์อาชญากรรมเชิงพื้นที่และเชิงสังคม การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับชุมชน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค เพื่อขจัดช่องโหว่และปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการกระทำผิด สำหรับการสืบสวนอาชญากรรม ตำรวจต้องใช้ทักษะความเชี่ยวชาญในการรวบรวมพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ การสอบปากคำ และการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อเชื่อมโยงการกระทำผิดไปยังผู้ต้องหาได้อย่างปราศจากข้อสงสัย หน้าที่เหล่านี้ไม่ได้เป็นไปเพื่อการลงโทษเท่านั้น แต่เพื่อรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ เจ้าพนักงานตำรวจจึงเป็นผู้ถืออำนาจตามกฎหมายที่ต้องใช้ดุลยพินิจภายใต้ความรับผิดชอบอย่างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ความซับซ้อนของอาชญากรรมเพิ่มขึ้น ทั้งอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและอาชญากรรมข้ามชาติ บทบาทของตำรวจจึงต้องพัฒนาตามทันเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายทางกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา

    ดังนั้น ตำรวจจึงเป็นมากกว่าผู้จับกุมหรือผู้สอบสวน แต่เป็นเสาหลักแห่งการบังคับใช้กฎหมายที่สร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นในชีวิตประจำวันของพลเมืองทุกคน การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจคือการแสดงออกถึงอำนาจอธิปไตยของรัฐในการคุ้มครองพลเมืองภายใต้หลักนิติธรรม ความสำเร็จของภารกิจตำรวจจึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความเข้มแข็งของระบบกฎหมายในสังคม การมุ่งมั่นในจรรยาบรรณ การพัฒนาความรู้ทางกฎหมายอย่างต่อเนื่อง และการยึดมั่นในความยุติธรรม จะเป็นเกราะป้องกันและเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพื่อให้สังคมไทยยังคงไว้ซึ่งความสงบสุขและความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายใต้ร่มเงาของกฎหมายตลอดไป
    บทความกฎหมาย EP.30 อำนาจหน้าที่ของตำรวจในฐานะผู้รักษากฎหมายมิได้จำกัดอยู่เพียงการปรากฏกายในเครื่องแบบ แต่คือการเป็นกลไกสำคัญที่สุดในการบังคับใช้กฎหมายอาญาและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อธำรงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของสาธารณชน บทบาทหลักของตำรวจจึงครอบคลุมตั้งแต่การป้องกันการกระทำผิดทางอาญา การป้องปรามมิให้เกิดความวุ่นวาย ไปจนถึงภารกิจอันละเอียดอ่อนของการสืบสวนสอบสวนเพื่อแสวงหาพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด การใช้อำนาจของเจ้าพนักงานตำรวจทุกขั้นตอน นับตั้งแต่การเรียกตรวจสอบ การจับกุม หรือการควบคุมตัวชั่วคราว จึงต้องอยู่ภายใต้กรอบของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด การปฏิบัติหน้าที่อย่างชอบด้วยกฎหมายเท่านั้นที่จะทำให้อำนาจรัฐมีความชอบธรรมและได้รับการยอมรับจากประชาชน ในแง่ของการสืบสวน ตำรวจคือด่านแรกที่ต้องรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อเป็นรากฐานที่มั่นคงให้แก่การพิจารณาคดีในชั้นอัยการและศาล การตัดสินใจทุกครั้ง ตั้งแต่การลงบันทึกประจำวันไปจนถึงการสรุปสำนวนคดี ล้วนมีผลกระทบโดยตรงต่อเสรีภาพและสิทธิของบุคคล รวมถึงความยุติธรรมที่สังคมคาดหวัง การเป็นเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายจึงหมายถึงการรับผิดชอบต่อการรักษาหลักนิติรัฐและนิติธรรมอย่างแท้จริง ภารกิจในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมของตำรวจเป็นไปเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์พื้นฐานของรัฐและประชาชน การป้องกันอาชญากรรมมิใช่เพียงการลาดตระเวนหรือการตั้งจุดตรวจ แต่ยังรวมถึงการวิเคราะห์อาชญากรรมเชิงพื้นที่และเชิงสังคม การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับชุมชน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค เพื่อขจัดช่องโหว่และปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการกระทำผิด สำหรับการสืบสวนอาชญากรรม ตำรวจต้องใช้ทักษะความเชี่ยวชาญในการรวบรวมพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ การสอบปากคำ และการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อเชื่อมโยงการกระทำผิดไปยังผู้ต้องหาได้อย่างปราศจากข้อสงสัย หน้าที่เหล่านี้ไม่ได้เป็นไปเพื่อการลงโทษเท่านั้น แต่เพื่อรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ เจ้าพนักงานตำรวจจึงเป็นผู้ถืออำนาจตามกฎหมายที่ต้องใช้ดุลยพินิจภายใต้ความรับผิดชอบอย่างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ความซับซ้อนของอาชญากรรมเพิ่มขึ้น ทั้งอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและอาชญากรรมข้ามชาติ บทบาทของตำรวจจึงต้องพัฒนาตามทันเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายทางกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ดังนั้น ตำรวจจึงเป็นมากกว่าผู้จับกุมหรือผู้สอบสวน แต่เป็นเสาหลักแห่งการบังคับใช้กฎหมายที่สร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นในชีวิตประจำวันของพลเมืองทุกคน การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจคือการแสดงออกถึงอำนาจอธิปไตยของรัฐในการคุ้มครองพลเมืองภายใต้หลักนิติธรรม ความสำเร็จของภารกิจตำรวจจึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความเข้มแข็งของระบบกฎหมายในสังคม การมุ่งมั่นในจรรยาบรรณ การพัฒนาความรู้ทางกฎหมายอย่างต่อเนื่อง และการยึดมั่นในความยุติธรรม จะเป็นเกราะป้องกันและเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพื่อให้สังคมไทยยังคงไว้ซึ่งความสงบสุขและความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายใต้ร่มเงาของกฎหมายตลอดไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 543 มุมมอง 0 รีวิว
  • UNC1549 ขยายการโจมตีสู่อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ

    ตั้งแต่กลางปี 2024 กลุ่ม UNC1549 ได้เพิ่มการโจมตีที่มุ่งเป้าไปยังบริษัทด้านการบินและอวกาศ รวมถึงผู้รับเหมาด้านกลาโหม โดยใช้วิธีการที่ซับซ้อน เช่น การเจาะผ่านซัพพลายเชน และ การส่ง spear-phishing แบบเจาะจงบุคคล เพื่อเข้าถึงระบบที่มีการป้องกันสูง

    เทคนิคที่ใช้: DLL Hijacking และ VDI Breakouts
    UNC1549 ใช้ DLL search order hijacking เพื่อรันมัลแวร์ที่ซ่อนอยู่ในซอฟต์แวร์ที่เชื่อถือได้ เช่น Citrix, VMware และ Microsoft นอกจากนี้ยังใช้ VDI Breakouts เพื่อหลบหนีข้อจำกัดของระบบ virtualization เช่น Citrix Virtual Desktop และ Azure Virtual Desktop ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายภายในระบบได้อย่างลับๆ

    มัลแวร์เฉพาะทางที่ถูกพัฒนา
    นักวิจัยพบมัลแวร์หลายตัวที่ UNC1549 ใช้ เช่น TWOSTROKE, MINIBIKE, DEEPROOT, LIGHTRAIL, CRASHPAD, SIGHTGRAB โดยแต่ละตัวมีความสามารถเฉพาะ เช่น การขโมย credential, การจับภาพหน้าจอ, การสร้าง backdoor ผ่าน Azure WebSocket และการใช้ Golang เพื่อสร้าง backdoor บน Linux จุดเด่นคือ ทุก payload มี hash ที่ไม่ซ้ำกัน ทำให้การตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ยากขึ้นมาก

    ความเสี่ยงและผลกระทบ
    การโจมตีนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการพึ่งพาซัพพลายเชนและซอฟต์แวร์ที่เชื่อถือได้ เพราะแม้ระบบหลักจะมีการป้องกันเข้มงวด แต่การเจาะผ่านพันธมิตรหรือผู้รับเหมาที่เชื่อมต่อกับระบบก็สามารถเปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลสำคัญ เช่น เอกสารด้าน IT, ทรัพย์สินทางปัญญา และอีเมลภายในองค์กร

    สรุปสาระสำคัญ
    การโจมตีของ UNC1549
    มุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมการบิน, อวกาศ และกลาโหม
    ใช้ spear-phishing และการเจาะผ่านซัพพลายเชน

    เทคนิคที่ใช้
    DLL Hijacking บนซอฟต์แวร์ที่เชื่อถือได้ (Citrix, VMware, Microsoft)
    VDI Breakouts เพื่อหลบหนีข้อจำกัด virtualization

    มัลแวร์ที่พบ
    TWOSTROKE: backdoor ที่เข้ารหัส SSL
    LIGHTRAIL: tunneler ผ่าน Azure WebSocket
    DEEPROOT: Golang backdoor บน Linux
    CRASHPAD และ SIGHTGRAB: ขโมย credential และจับภาพหน้าจอ

    คำเตือนจากเหตุการณ์
    การพึ่งพาซัพพลายเชนที่เชื่อมต่อกับระบบหลักเป็นช่องโหว่สำคัญ
    Payload ที่มี hash ไม่ซ้ำกันทำให้การตรวจสอบยากขึ้น
    องค์กรควรเสริมการตรวจสอบซอฟต์แวร์ที่เชื่อถือได้และระบบ virtualization

    https://securityonline.info/iranian-apt-unc1549-infiltrates-aerospace-by-hijacking-trusted-dlls-and-executing-vdi-breakouts/
    ✈️ UNC1549 ขยายการโจมตีสู่อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ ตั้งแต่กลางปี 2024 กลุ่ม UNC1549 ได้เพิ่มการโจมตีที่มุ่งเป้าไปยังบริษัทด้านการบินและอวกาศ รวมถึงผู้รับเหมาด้านกลาโหม โดยใช้วิธีการที่ซับซ้อน เช่น การเจาะผ่านซัพพลายเชน และ การส่ง spear-phishing แบบเจาะจงบุคคล เพื่อเข้าถึงระบบที่มีการป้องกันสูง 🛠️ เทคนิคที่ใช้: DLL Hijacking และ VDI Breakouts UNC1549 ใช้ DLL search order hijacking เพื่อรันมัลแวร์ที่ซ่อนอยู่ในซอฟต์แวร์ที่เชื่อถือได้ เช่น Citrix, VMware และ Microsoft นอกจากนี้ยังใช้ VDI Breakouts เพื่อหลบหนีข้อจำกัดของระบบ virtualization เช่น Citrix Virtual Desktop และ Azure Virtual Desktop ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายภายในระบบได้อย่างลับๆ 🧩 มัลแวร์เฉพาะทางที่ถูกพัฒนา นักวิจัยพบมัลแวร์หลายตัวที่ UNC1549 ใช้ เช่น TWOSTROKE, MINIBIKE, DEEPROOT, LIGHTRAIL, CRASHPAD, SIGHTGRAB โดยแต่ละตัวมีความสามารถเฉพาะ เช่น การขโมย credential, การจับภาพหน้าจอ, การสร้าง backdoor ผ่าน Azure WebSocket และการใช้ Golang เพื่อสร้าง backdoor บน Linux จุดเด่นคือ ทุก payload มี hash ที่ไม่ซ้ำกัน ทำให้การตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ยากขึ้นมาก ⚠️ ความเสี่ยงและผลกระทบ การโจมตีนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการพึ่งพาซัพพลายเชนและซอฟต์แวร์ที่เชื่อถือได้ เพราะแม้ระบบหลักจะมีการป้องกันเข้มงวด แต่การเจาะผ่านพันธมิตรหรือผู้รับเหมาที่เชื่อมต่อกับระบบก็สามารถเปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลสำคัญ เช่น เอกสารด้าน IT, ทรัพย์สินทางปัญญา และอีเมลภายในองค์กร 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การโจมตีของ UNC1549 ➡️ มุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมการบิน, อวกาศ และกลาโหม ➡️ ใช้ spear-phishing และการเจาะผ่านซัพพลายเชน ✅ เทคนิคที่ใช้ ➡️ DLL Hijacking บนซอฟต์แวร์ที่เชื่อถือได้ (Citrix, VMware, Microsoft) ➡️ VDI Breakouts เพื่อหลบหนีข้อจำกัด virtualization ✅ มัลแวร์ที่พบ ➡️ TWOSTROKE: backdoor ที่เข้ารหัส SSL ➡️ LIGHTRAIL: tunneler ผ่าน Azure WebSocket ➡️ DEEPROOT: Golang backdoor บน Linux ➡️ CRASHPAD และ SIGHTGRAB: ขโมย credential และจับภาพหน้าจอ ‼️ คำเตือนจากเหตุการณ์ ⛔ การพึ่งพาซัพพลายเชนที่เชื่อมต่อกับระบบหลักเป็นช่องโหว่สำคัญ ⛔ Payload ที่มี hash ไม่ซ้ำกันทำให้การตรวจสอบยากขึ้น ⛔ องค์กรควรเสริมการตรวจสอบซอฟต์แวร์ที่เชื่อถือได้และระบบ virtualization https://securityonline.info/iranian-apt-unc1549-infiltrates-aerospace-by-hijacking-trusted-dlls-and-executing-vdi-breakouts/
    SECURITYONLINE.INFO
    Iranian APT UNC1549 Infiltrates Aerospace by Hijacking Trusted DLLs and Executing VDI Breakouts
    Mandiant exposed UNC1549, an Iranian APT, using DLL search order hijacking on Citrix/VMware to deploy TWOSTROKE and DCSYNCER.SLICK. The group performs VDI breakouts for long-term espionage.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.26

    ในทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา "จุดเกิดเหตุ" หรือ Scene of Crime นั้นมิได้เป็นเพียงสถานที่ทางกายภาพที่เหตุอาชญากรรมได้อุบัติขึ้น หากแต่เป็นขุมทรัพย์แห่งพยานหลักฐาน เป็นต้นทางของการคลี่คลายคดี และเป็นรากฐานสำคัญในการพิสูจน์ความจริงและแสวงหาความยุติธรรมตามกฎหมาย จุดเกิดเหตุคือพื้นที่ซึ่งความประพฤติอันมิชอบด้วยกฎหมายได้ทิ้งร่องรอยไว้ ไม่ว่าจะเป็นร่องรอยทางกายภาพ เช่น ลายนิ้วมือ ดีเอ็นเอ เส้นใย เศษแก้ว อาวุธ หรือร่องรอยทางสภาพแวดล้อม เช่น ตำแหน่งวัตถุ ทิศทางของรอยเลือด หรือลักษณะของความเสียหาย กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามอบอำนาจและหน้าที่อันสำคัญยิ่งให้แก่เจ้าพนักงานผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานสอบสวน ในการเข้าควบคุมและจัดการกับจุดเกิดเหตุอย่างเป็นระบบและรัดกุมที่สุด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพยานหลักฐานทุกชิ้นจะได้รับการเก็บรักษาและบันทึกไว้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง และปราศจากการปนเปื้อน การดำเนินการที่จุดเกิดเหตุจึงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เคร่งครัดของกฎหมายและหลักนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้เพื่อรักษาความชอบด้วยกฎหมาย (Admissibility) และน้ำหนัก (Weight) ของพยานหลักฐานเหล่านั้น เมื่อนำเสนอต่อศาลในชั้นพิจารณาคดี ความล้มเหลวในการจัดการจุดเกิดเหตุอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการละเลย การทำลาย หรือการทำให้พยานหลักฐานสำคัญปนเปื้อน ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถของพนักงานอัยการในการนำสืบให้ศาลเห็นถึงการกระทำความผิดของผู้ต้องหาหรือจำเลย และอาจนำไปสู่ความผิดพลาดทางกระบวนการยุติธรรมได้ จุดเกิดเหตุจึงเป็นด่านแรกของการใช้กฎหมายอาญาอย่างแท้จริง เป็นพรมแดนที่ความจริงทางวัตถุต้องได้รับการแปลความหมายตามหลักการทางกฎหมายเพื่อนำไปสู่การตัดสินที่ยุติธรรม

    การเข้าตรวจค้นและเก็บพยานหลักฐานที่จุดเกิดเหตุโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น มีหลักการที่ต้องยึดถืออย่างเคร่งครัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อาญา) ซึ่งวางกรอบอำนาจในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ไว้ชัดเจน อาทิ การเข้าทำการตรวจสถานที่เกิดเหตุ การค้น การยึด หรือการอายัดพยานหลักฐาน ต้องกระทำภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด โดยอาจต้องมีหมายค้นจากศาลเป็นหลัก เว้นแต่ในสถานการณ์เร่งด่วนที่กฎหมายอนุญาตให้ดำเนินการได้โดยไม่มีหมายค้น เช่น การเข้าจับกุมผู้กระทำความผิดซึ่งหน้า หรือการเข้าช่วยเหลือบุคคลในภยันตราย โดยมีเหตุผลอันสมควรและความจำเป็นเป็นข้อจำกัดในการใช้ดุลยพินิจของเจ้าพนักงาน การปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดเกิดเหตุจึงเป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงระหว่างข้อเท็จจริงทางวัตถุกับข้อกฎหมายอย่างแนบแน่น พยานหลักฐานที่ได้จากจุดเกิดเหตุจะถูกนำไปใช้ในการสร้างสายใยแห่งหลักฐาน หรือที่เรียกว่า Chain of Custody ซึ่งเป็นการบันทึกรายละเอียดตั้งแต่ขั้นตอนการค้นพบ การจัดเก็บ การรักษา การส่งมอบ ไปจนถึงการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญ และการนำเสนอต่อศาล การรักษา Chain of Custody อย่างสมบูรณ์และโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการยืนยันความแท้จริงและความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานเหล่านั้น เพื่อให้ศาลสามารถใช้ดุลยพินิจพิจารณาพิพากษาคดีได้อย่างถูกต้องและเที่ยงธรรมตามหลักกฎหมาย การตีความหลักฐานที่จุดเกิดเหตุยังต้องอาศัยหลักการทางนิติวิทยาศาสตร์เข้าช่วยสนับสนุนข้อสรุปทางกฎหมาย ซึ่งเป็นการผสานองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เข้ากับกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้การวินิจฉัยความผิดนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์มากกว่าเพียงแค่คำให้การหรือข้อสันนิษฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคดีอาญาร้ายแรง หลักฐานที่จุดเกิดเหตุมักเป็นกุญแจสำคัญที่ใช้ในการผูกมัดผู้กระทำความผิด หรือในทางกลับกัน อาจนำไปสู่การยกฟ้องหรือพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาได้

    สรุปได้ว่า จุดเกิดเหตุไม่ใช่เพียงฉากของอาชญากรรม แต่เป็นแหล่งกำเนิดของข้อเท็จจริงทางกฎหมายที่ต้องได้รับการคุ้มครองและจัดการด้วยความระมัดระวังสูงสุดภายใต้กรอบของกฎหมายและหลักนิติธรรม ความสมบูรณ์ของพยานหลักฐานที่ได้จากจุดเกิดเหตุเป็นปัจจัยชี้ขาดความสำเร็จหรือล้มเหลวในการนำคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องและชอบธรรม การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานที่จุดเกิดเหตุจึงเป็นภารกิจที่ต้องดำเนินการด้วยความเชี่ยวชาญ ความโปร่งใส และความรับผิดชอบตามกฎหมายอย่างสูงสุด เพราะทุกร่องรอยและทุกวัตถุ ณ จุดนั้น ล้วนเป็นพยานเงียบที่จะนำพาไปสู่การค้นหาความจริงและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคและเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายในสังคม การให้ความสำคัญกับจุดเกิดเหตุคือการให้ความสำคัญกับหลักฐานทางวัตถุ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพิสูจน์ในศาลตามแนวทางแห่งนิติรัฐ
    บทความกฎหมาย EP.26 ในทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา "จุดเกิดเหตุ" หรือ Scene of Crime นั้นมิได้เป็นเพียงสถานที่ทางกายภาพที่เหตุอาชญากรรมได้อุบัติขึ้น หากแต่เป็นขุมทรัพย์แห่งพยานหลักฐาน เป็นต้นทางของการคลี่คลายคดี และเป็นรากฐานสำคัญในการพิสูจน์ความจริงและแสวงหาความยุติธรรมตามกฎหมาย จุดเกิดเหตุคือพื้นที่ซึ่งความประพฤติอันมิชอบด้วยกฎหมายได้ทิ้งร่องรอยไว้ ไม่ว่าจะเป็นร่องรอยทางกายภาพ เช่น ลายนิ้วมือ ดีเอ็นเอ เส้นใย เศษแก้ว อาวุธ หรือร่องรอยทางสภาพแวดล้อม เช่น ตำแหน่งวัตถุ ทิศทางของรอยเลือด หรือลักษณะของความเสียหาย กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามอบอำนาจและหน้าที่อันสำคัญยิ่งให้แก่เจ้าพนักงานผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานสอบสวน ในการเข้าควบคุมและจัดการกับจุดเกิดเหตุอย่างเป็นระบบและรัดกุมที่สุด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพยานหลักฐานทุกชิ้นจะได้รับการเก็บรักษาและบันทึกไว้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง และปราศจากการปนเปื้อน การดำเนินการที่จุดเกิดเหตุจึงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เคร่งครัดของกฎหมายและหลักนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้เพื่อรักษาความชอบด้วยกฎหมาย (Admissibility) และน้ำหนัก (Weight) ของพยานหลักฐานเหล่านั้น เมื่อนำเสนอต่อศาลในชั้นพิจารณาคดี ความล้มเหลวในการจัดการจุดเกิดเหตุอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการละเลย การทำลาย หรือการทำให้พยานหลักฐานสำคัญปนเปื้อน ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถของพนักงานอัยการในการนำสืบให้ศาลเห็นถึงการกระทำความผิดของผู้ต้องหาหรือจำเลย และอาจนำไปสู่ความผิดพลาดทางกระบวนการยุติธรรมได้ จุดเกิดเหตุจึงเป็นด่านแรกของการใช้กฎหมายอาญาอย่างแท้จริง เป็นพรมแดนที่ความจริงทางวัตถุต้องได้รับการแปลความหมายตามหลักการทางกฎหมายเพื่อนำไปสู่การตัดสินที่ยุติธรรม การเข้าตรวจค้นและเก็บพยานหลักฐานที่จุดเกิดเหตุโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น มีหลักการที่ต้องยึดถืออย่างเคร่งครัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อาญา) ซึ่งวางกรอบอำนาจในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ไว้ชัดเจน อาทิ การเข้าทำการตรวจสถานที่เกิดเหตุ การค้น การยึด หรือการอายัดพยานหลักฐาน ต้องกระทำภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด โดยอาจต้องมีหมายค้นจากศาลเป็นหลัก เว้นแต่ในสถานการณ์เร่งด่วนที่กฎหมายอนุญาตให้ดำเนินการได้โดยไม่มีหมายค้น เช่น การเข้าจับกุมผู้กระทำความผิดซึ่งหน้า หรือการเข้าช่วยเหลือบุคคลในภยันตราย โดยมีเหตุผลอันสมควรและความจำเป็นเป็นข้อจำกัดในการใช้ดุลยพินิจของเจ้าพนักงาน การปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดเกิดเหตุจึงเป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงระหว่างข้อเท็จจริงทางวัตถุกับข้อกฎหมายอย่างแนบแน่น พยานหลักฐานที่ได้จากจุดเกิดเหตุจะถูกนำไปใช้ในการสร้างสายใยแห่งหลักฐาน หรือที่เรียกว่า Chain of Custody ซึ่งเป็นการบันทึกรายละเอียดตั้งแต่ขั้นตอนการค้นพบ การจัดเก็บ การรักษา การส่งมอบ ไปจนถึงการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญ และการนำเสนอต่อศาล การรักษา Chain of Custody อย่างสมบูรณ์และโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการยืนยันความแท้จริงและความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานเหล่านั้น เพื่อให้ศาลสามารถใช้ดุลยพินิจพิจารณาพิพากษาคดีได้อย่างถูกต้องและเที่ยงธรรมตามหลักกฎหมาย การตีความหลักฐานที่จุดเกิดเหตุยังต้องอาศัยหลักการทางนิติวิทยาศาสตร์เข้าช่วยสนับสนุนข้อสรุปทางกฎหมาย ซึ่งเป็นการผสานองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เข้ากับกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้การวินิจฉัยความผิดนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์มากกว่าเพียงแค่คำให้การหรือข้อสันนิษฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคดีอาญาร้ายแรง หลักฐานที่จุดเกิดเหตุมักเป็นกุญแจสำคัญที่ใช้ในการผูกมัดผู้กระทำความผิด หรือในทางกลับกัน อาจนำไปสู่การยกฟ้องหรือพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาได้ สรุปได้ว่า จุดเกิดเหตุไม่ใช่เพียงฉากของอาชญากรรม แต่เป็นแหล่งกำเนิดของข้อเท็จจริงทางกฎหมายที่ต้องได้รับการคุ้มครองและจัดการด้วยความระมัดระวังสูงสุดภายใต้กรอบของกฎหมายและหลักนิติธรรม ความสมบูรณ์ของพยานหลักฐานที่ได้จากจุดเกิดเหตุเป็นปัจจัยชี้ขาดความสำเร็จหรือล้มเหลวในการนำคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องและชอบธรรม การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานที่จุดเกิดเหตุจึงเป็นภารกิจที่ต้องดำเนินการด้วยความเชี่ยวชาญ ความโปร่งใส และความรับผิดชอบตามกฎหมายอย่างสูงสุด เพราะทุกร่องรอยและทุกวัตถุ ณ จุดนั้น ล้วนเป็นพยานเงียบที่จะนำพาไปสู่การค้นหาความจริงและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคและเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายในสังคม การให้ความสำคัญกับจุดเกิดเหตุคือการให้ความสำคัญกับหลักฐานทางวัตถุ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพิสูจน์ในศาลตามแนวทางแห่งนิติรัฐ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 500 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยแสดงหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ นำเสนอข้อมูลทางเทคนิคปมทุ่นระเบิดวางใหม่ ยืนยันกัมพูชา "ขาดความจริงใจ" และไม่ปฏิบัติตาม Joint Declaration
    https://www.thai-tai.tv/news/22375/
    .
    #ไทยไท #กองทัพไทย #การทูตด้านความมั่นคง #ทุ่นระเบิดวางใหม่ #JointDeclaration #MAC-T
    ไทยแสดงหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ นำเสนอข้อมูลทางเทคนิคปมทุ่นระเบิดวางใหม่ ยืนยันกัมพูชา "ขาดความจริงใจ" และไม่ปฏิบัติตาม Joint Declaration https://www.thai-tai.tv/news/22375/ . #ไทยไท #กองทัพไทย #การทูตด้านความมั่นคง #ทุ่นระเบิดวางใหม่ #JointDeclaration #MAC-T
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อมูลลูกค้า Hyundai และ Kia เสี่ยงหลุด 2.7 ล้านราย หลังบริษัทไอทีในอเมริกาโดนแฮก

    Hyundai AutoEver America (HAEA) บริษัทลูกด้านไอทีของ Hyundai ที่ดูแลระบบในอเมริกาเหนือ ถูกแฮกเกอร์เจาะระบบในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นมีนาคม 2025 ส่งผลให้ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้ากว่า 2.7 ล้านรายอาจรั่วไหล รวมถึงชื่อ, หมายเลขประกันสังคม (SSN) และใบขับขี่

    เหตุการณ์และผลกระทบ
    การโจมตีเริ่มขึ้นเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2025 และถูกหยุดได้ในวันที่ 2 มีนาคม
    แม้จดหมายแจ้งเตือนจาก HAEA จะไม่ระบุจำนวนผู้ได้รับผลกระทบ แต่เอกสารที่ยื่นต่อรัฐแมสซาชูเซตส์ระบุว่าข้อมูลที่หลุดมีทั้ง ชื่อ, SSN และใบขับขี่
    มีการคาดการณ์ว่าผู้ใช้รถ Hyundai และ Kia ในอเมริกากว่า 2.7 ล้านราย อาจได้รับผลกระทบ

    การตอบสนองของบริษัท
    HAEA ได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ไซเบอร์เข้ามาตรวจสอบ
    แจ้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และเสนอ บริการตรวจสอบเครดิตและป้องกันการขโมยตัวตนฟรี 2 ปี ผ่านบริษัท Epiq
    มีการ “เสริมความแข็งแกร่ง” ให้ระบบความปลอดภัยหลังเหตุการณ์

    รายละเอียดการโจมตี
    เกิดขึ้นระหว่าง 22 ก.พ. – 2 มี.ค. 2025
    ข้อมูลที่รั่วไหล: ชื่อ, หมายเลขประกันสังคม, ใบขับขี่
    คาดว่าผู้ใช้รถ 2.7 ล้านรายอาจได้รับผลกระทบ

    การตอบสนองของ HAEA
    ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์
    แจ้งหน่วยงานรัฐและผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ
    เสนอบริการป้องกันตัวตนฟรี 2 ปีผ่าน Epiq

    ความเสี่ยงจากข้อมูลที่รั่ว
    แฮกเกอร์สามารถใช้ข้อมูลสร้างโปรไฟล์เหยื่อ
    เสี่ยงต่อการถูกฟิชชิง, ขโมยบัญชี, หรือหลอกให้โอนเงิน
    ข้อมูลที่หลุดอาจถูกขายต่อในตลาดมืด

    https://www.techradar.com/pro/security/hyundai-it-services-breach-could-put-2-7-million-hyundai-kia-owners-at-risk
    🕵️‍♂️🔓 ข้อมูลลูกค้า Hyundai และ Kia เสี่ยงหลุด 2.7 ล้านราย หลังบริษัทไอทีในอเมริกาโดนแฮก Hyundai AutoEver America (HAEA) บริษัทลูกด้านไอทีของ Hyundai ที่ดูแลระบบในอเมริกาเหนือ ถูกแฮกเกอร์เจาะระบบในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นมีนาคม 2025 ส่งผลให้ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้ากว่า 2.7 ล้านรายอาจรั่วไหล รวมถึงชื่อ, หมายเลขประกันสังคม (SSN) และใบขับขี่ 🧠 เหตุการณ์และผลกระทบ 💠 การโจมตีเริ่มขึ้นเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2025 และถูกหยุดได้ในวันที่ 2 มีนาคม 💠 แม้จดหมายแจ้งเตือนจาก HAEA จะไม่ระบุจำนวนผู้ได้รับผลกระทบ แต่เอกสารที่ยื่นต่อรัฐแมสซาชูเซตส์ระบุว่าข้อมูลที่หลุดมีทั้ง ชื่อ, SSN และใบขับขี่ 💠 มีการคาดการณ์ว่าผู้ใช้รถ Hyundai และ Kia ในอเมริกากว่า 2.7 ล้านราย อาจได้รับผลกระทบ 🛡️ การตอบสนองของบริษัท 🎗️ HAEA ได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ไซเบอร์เข้ามาตรวจสอบ 🎗️ แจ้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และเสนอ บริการตรวจสอบเครดิตและป้องกันการขโมยตัวตนฟรี 2 ปี ผ่านบริษัท Epiq 🎗️ มีการ “เสริมความแข็งแกร่ง” ให้ระบบความปลอดภัยหลังเหตุการณ์ ✅ รายละเอียดการโจมตี ➡️ เกิดขึ้นระหว่าง 22 ก.พ. – 2 มี.ค. 2025 ➡️ ข้อมูลที่รั่วไหล: ชื่อ, หมายเลขประกันสังคม, ใบขับขี่ ➡️ คาดว่าผู้ใช้รถ 2.7 ล้านรายอาจได้รับผลกระทบ ✅ การตอบสนองของ HAEA ➡️ ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ➡️ แจ้งหน่วยงานรัฐและผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ ➡️ เสนอบริการป้องกันตัวตนฟรี 2 ปีผ่าน Epiq ✅ ความเสี่ยงจากข้อมูลที่รั่ว ➡️ แฮกเกอร์สามารถใช้ข้อมูลสร้างโปรไฟล์เหยื่อ ➡️ เสี่ยงต่อการถูกฟิชชิง, ขโมยบัญชี, หรือหลอกให้โอนเงิน ➡️ ข้อมูลที่หลุดอาจถูกขายต่อในตลาดมืด https://www.techradar.com/pro/security/hyundai-it-services-breach-could-put-2-7-million-hyundai-kia-owners-at-risk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • เล่าให้ฟัง: เมื่ออีโมจิไม่ใช่แค่สื่ออารมณ์ แต่กลายเป็นรหัสลับของอาชญากร

    ในยุคที่อีโมจิกลายเป็นภาษาที่สองของคนรุ่นใหม่ ตำรวจออสเตรเลียพบว่าอีโมจิและสแลงออนไลน์ถูกใช้เป็น “รหัสลับ” ในการวางแผนก่ออาชญากรรม โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นที่เรียกกันว่า “crimefluencers” — กลุ่มเยาวชนที่ถูกชักจูงเข้าสู่เครือข่ายความรุนแรงผ่านโซเชียลมีเดีย

    ผู้บัญชาการ AFP, Krissy Barrett เผยว่า กลุ่มเหล่านี้ไม่มีผู้นำที่ชัดเจน แต่มีเป้าหมายร่วมกันคือ “ความวุ่นวายและความรุนแรง” โดยเฉพาะต่อเด็กหญิงวัยรุ่น พวกเขาใช้แอปเข้ารหัสและอีโมจิ เช่น (ซึ่งอาจหมายถึง “ตาย” หรือ “ขำจนตาย”) หรือ (ที่อาจหมายถึงพิซซ่าจริง ๆ หรือเป็นรหัสส่งยา) เพื่อสื่อสารกันอย่างแนบเนียน

    เพื่อรับมือกับภัยคุกคามนี้ AFP กำลังพัฒนา AI แบบ multimodal ที่สามารถแยกแยะความหมายของอีโมจิและสแลงตามบริบท โดยใช้โมเดล NLP อย่าง BERT ที่เรียนรู้จากข้อมูลโซเชียลมีเดีย เช่น TikTok, Instagram และข้อมูลจากคดีจริง เพื่อให้ AI เข้าใจความหมายที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

    นอกจากนี้ AFP ยังร่วมมือกับกลุ่ม Five Eyes Law Enforcement (สหรัฐฯ, อังกฤษ, แคนาดา, นิวซีแลนด์) และใช้เทคนิคนิติวิทยาศาสตร์แบบใหม่ เช่น การวิเคราะห์มือถือที่ฝังอยู่กับศพ เพื่อประเมินเวลาการเสียชีวิต

    AFP พัฒนา AI ถอดรหัสอีโมจิและสแลงของ Gen Z และ Gen Alpha
    ใช้ในแอปแชตเข้ารหัสและกลุ่มออนไลน์
    เป้าหมายคือกลุ่ม “crimefluencers” ที่ใช้โซเชียลในการวางแผนก่อเหตุ

    ลักษณะของกลุ่ม crimefluencers
    ไม่มีผู้นำชัดเจน แต่มีแนวคิดร่วม เช่น ความรุนแรงและอนาธิปไตย
    ใช้สื่อออนไลน์ล่อลวงวัยรุ่นให้เข้าร่วม โดยบางครั้งต้อง “พิสูจน์ตัว” ด้วยการทำร้ายตัวเอง

    ตัวอย่างการใช้ AI
    แยกแยะอีโมจิที่มีความหมายหลากหลาย เช่น หรือ
    ใช้ language embeddings เพื่อจับบริบท เช่น “pizza drop tonight?” +

    ความร่วมมือและเทคนิคเสริม
    ทำงานร่วมกับ Five Eyes Law Enforcement Group
    ใช้เทคนิค forensic ใหม่ เช่น วิเคราะห์มือถือที่ฝังกับศพเพื่อประเมินเวลาการตาย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/australias-police-will-soon-start-to-use-ai-to-curb-online-crime-emoji-slang-will-be-decoded-and-translated-for-investigators-to-better-understand-crimefluencers
    🎙️ เล่าให้ฟัง: เมื่ออีโมจิไม่ใช่แค่สื่ออารมณ์ แต่กลายเป็นรหัสลับของอาชญากร ในยุคที่อีโมจิกลายเป็นภาษาที่สองของคนรุ่นใหม่ ตำรวจออสเตรเลียพบว่าอีโมจิและสแลงออนไลน์ถูกใช้เป็น “รหัสลับ” ในการวางแผนก่ออาชญากรรม โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นที่เรียกกันว่า “crimefluencers” — กลุ่มเยาวชนที่ถูกชักจูงเข้าสู่เครือข่ายความรุนแรงผ่านโซเชียลมีเดีย ผู้บัญชาการ AFP, Krissy Barrett เผยว่า กลุ่มเหล่านี้ไม่มีผู้นำที่ชัดเจน แต่มีเป้าหมายร่วมกันคือ “ความวุ่นวายและความรุนแรง” โดยเฉพาะต่อเด็กหญิงวัยรุ่น พวกเขาใช้แอปเข้ารหัสและอีโมจิ เช่น 💀 (ซึ่งอาจหมายถึง “ตาย” หรือ “ขำจนตาย”) หรือ 🍕 (ที่อาจหมายถึงพิซซ่าจริง ๆ หรือเป็นรหัสส่งยา) เพื่อสื่อสารกันอย่างแนบเนียน เพื่อรับมือกับภัยคุกคามนี้ AFP กำลังพัฒนา AI แบบ multimodal ที่สามารถแยกแยะความหมายของอีโมจิและสแลงตามบริบท โดยใช้โมเดล NLP อย่าง BERT ที่เรียนรู้จากข้อมูลโซเชียลมีเดีย เช่น TikTok, Instagram และข้อมูลจากคดีจริง เพื่อให้ AI เข้าใจความหมายที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นอกจากนี้ AFP ยังร่วมมือกับกลุ่ม Five Eyes Law Enforcement (สหรัฐฯ, อังกฤษ, แคนาดา, นิวซีแลนด์) และใช้เทคนิคนิติวิทยาศาสตร์แบบใหม่ เช่น การวิเคราะห์มือถือที่ฝังอยู่กับศพ เพื่อประเมินเวลาการเสียชีวิต ✅ AFP พัฒนา AI ถอดรหัสอีโมจิและสแลงของ Gen Z และ Gen Alpha ➡️ ใช้ในแอปแชตเข้ารหัสและกลุ่มออนไลน์ ➡️ เป้าหมายคือกลุ่ม “crimefluencers” ที่ใช้โซเชียลในการวางแผนก่อเหตุ ✅ ลักษณะของกลุ่ม crimefluencers ➡️ ไม่มีผู้นำชัดเจน แต่มีแนวคิดร่วม เช่น ความรุนแรงและอนาธิปไตย ➡️ ใช้สื่อออนไลน์ล่อลวงวัยรุ่นให้เข้าร่วม โดยบางครั้งต้อง “พิสูจน์ตัว” ด้วยการทำร้ายตัวเอง ✅ ตัวอย่างการใช้ AI ➡️ แยกแยะอีโมจิที่มีความหมายหลากหลาย เช่น 💀 หรือ 🍕 ➡️ ใช้ language embeddings เพื่อจับบริบท เช่น “pizza drop tonight?” + 🩸 ✅ ความร่วมมือและเทคนิคเสริม ➡️ ทำงานร่วมกับ Five Eyes Law Enforcement Group ➡️ ใช้เทคนิค forensic ใหม่ เช่น วิเคราะห์มือถือที่ฝังกับศพเพื่อประเมินเวลาการตาย https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/australias-police-will-soon-start-to-use-ai-to-curb-online-crime-emoji-slang-will-be-decoded-and-translated-for-investigators-to-better-understand-crimefluencers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 407 มุมมอง 0 รีวิว
  • คดีแตงโมคืบหน้า 90% พบความน่าสงสัย!? : [THE MESSAGE]

    นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน และ นางพนิดา ศิริยุทธโยธิน คุณแม่แตงโม นำพยานเอกสารเพิ่มซึ่งได้จากศาลจังหวัดนนทบุรี มอบให้ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนคดีแตงโม โดยนายปานเทพ เผย เอกสารที่นำมามอบให้ อาทิ วัตถุพยานโจทก์-จำเลยอ้างส่ง 14 ชิ้น, หนังสือนำส่งวัตถุพยาน สำเนารายงานผลการตรวจชันสูตรศพจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โดยได้คัดมาเกือบทั้งหมดขาดเพียง 3 ชิ้น ด้านคุณแม่แตงโม เผย ยังคิดถึงลูกสาวยังพูดกับน้องทุกวัน เชื่อน้องโดนสะกดวิญญาณอยู่ที่วัดค้างคาว อีกไม่กี่วันจะเป็นวันเกิดของน้องโมจะทำบุญให้ลูก ความหวังของแม่ตอนนี้อยู่ที่พยานเอกสารเหล่านี้ทั้งหมด อยากรู้ว่าใครทำลูกเรา หากทำจริงทำเพราะเหตุผลใด ขณะที่ พ.ต.ต.ณฐพล เผยความคืบหน้าสำนวนการสืบสวนมีถึง 90% ซึ่งได้ส่งภาพถ่ายสำคัญ 4 ภาพ ให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจสอบว่าภาพมีการแก้ไขดัดแปลงหรือไม่ สำหรับข้อมูลการกู้โทรศัพท์ของคุณแตงโมได้มาบางส่วนแล้ว แต่ได้ส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ตรวจซ้ำอีก เตรียมลงพื้นที่อีกครั้งต้นเดือน ต.ค. นี้
    คดีแตงโมคืบหน้า 90% พบความน่าสงสัย!? : [THE MESSAGE] นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน และ นางพนิดา ศิริยุทธโยธิน คุณแม่แตงโม นำพยานเอกสารเพิ่มซึ่งได้จากศาลจังหวัดนนทบุรี มอบให้ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนคดีแตงโม โดยนายปานเทพ เผย เอกสารที่นำมามอบให้ อาทิ วัตถุพยานโจทก์-จำเลยอ้างส่ง 14 ชิ้น, หนังสือนำส่งวัตถุพยาน สำเนารายงานผลการตรวจชันสูตรศพจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โดยได้คัดมาเกือบทั้งหมดขาดเพียง 3 ชิ้น ด้านคุณแม่แตงโม เผย ยังคิดถึงลูกสาวยังพูดกับน้องทุกวัน เชื่อน้องโดนสะกดวิญญาณอยู่ที่วัดค้างคาว อีกไม่กี่วันจะเป็นวันเกิดของน้องโมจะทำบุญให้ลูก ความหวังของแม่ตอนนี้อยู่ที่พยานเอกสารเหล่านี้ทั้งหมด อยากรู้ว่าใครทำลูกเรา หากทำจริงทำเพราะเหตุผลใด ขณะที่ พ.ต.ต.ณฐพล เผยความคืบหน้าสำนวนการสืบสวนมีถึง 90% ซึ่งได้ส่งภาพถ่ายสำคัญ 4 ภาพ ให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจสอบว่าภาพมีการแก้ไขดัดแปลงหรือไม่ สำหรับข้อมูลการกู้โทรศัพท์ของคุณแตงโมได้มาบางส่วนแล้ว แต่ได้ส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ตรวจซ้ำอีก เตรียมลงพื้นที่อีกครั้งต้นเดือน ต.ค. นี้
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 727 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • อาชญากรรมสงคราม! ทบ.-นิติวิทยาศาสตร์ ตรวจพบหลักฐาน ระเบิดลูกเหล็กที่ใช้สังหารพลเรือน ชี้กัมพูชาอาจเจตนายิง
    https://www.thai-tai.tv/news/21309/
    .
    #ไทยไท #กองทัพบก #นิติวิทยาศาสตร์ #ชายแดนไทยกัมพูชา #อาชญากรรมสงคราม #ข่าววันนี้

    อาชญากรรมสงคราม! ทบ.-นิติวิทยาศาสตร์ ตรวจพบหลักฐาน ระเบิดลูกเหล็กที่ใช้สังหารพลเรือน ชี้กัมพูชาอาจเจตนายิง https://www.thai-tai.tv/news/21309/ . #ไทยไท #กองทัพบก #นิติวิทยาศาสตร์ #ชายแดนไทยกัมพูชา #อาชญากรรมสงคราม #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอกย้ำความโหดร้าย! กองทัพบกประสานสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เร่งเก็บหลักฐานเหตุการณ์กระสุนปืนใหญ่ฝ่ายกัมพูชายิงใส่ รพ.พนมดงรัก
    https://www.thai-tai.tv/news/21243/
    .
    #ไทยไท #พนมดงรัก #สุรินทร์ #กระสุนปืนใหญ่ #ชายแดนไทยกัมพูชา #โรงพยาบาล #ความขัดแย้ง #ข่าววันนี้
    ตอกย้ำความโหดร้าย! กองทัพบกประสานสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เร่งเก็บหลักฐานเหตุการณ์กระสุนปืนใหญ่ฝ่ายกัมพูชายิงใส่ รพ.พนมดงรัก https://www.thai-tai.tv/news/21243/ . #ไทยไท #พนมดงรัก #สุรินทร์ #กระสุนปืนใหญ่ #ชายแดนไทยกัมพูชา #โรงพยาบาล #ความขัดแย้ง #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษก ทบ.ย้ำไทยมีสิทธิยิงตอบโต้ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิด ยอมรับมีโอกาสบานปลาย หากยิงสวนกลับมา ยันแม้อยู่ในห้วงหยุดยิงแต่ป้องกันตัวได้ตามหลักการเมื่อเจอภัยคุกคาม เผยยึดมือถือทหารกัมพูชาได้ 20 เครื่องทั้งจากคนที่ตายและยังมีชีวิต ส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เก็บหลักฐานฟ้ององค์กรระหว่างประเทศ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000082640

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    โฆษก ทบ.ย้ำไทยมีสิทธิยิงตอบโต้ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิด ยอมรับมีโอกาสบานปลาย หากยิงสวนกลับมา ยันแม้อยู่ในห้วงหยุดยิงแต่ป้องกันตัวได้ตามหลักการเมื่อเจอภัยคุกคาม เผยยึดมือถือทหารกัมพูชาได้ 20 เครื่องทั้งจากคนที่ตายและยังมีชีวิต ส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เก็บหลักฐานฟ้ององค์กรระหว่างประเทศ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000082640 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 562 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน!
    กัมพูชาแถลงยัน ทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบเป็นระเบิดเก่า ไม่ใช่ PMN-2

    หน่วยงานปฏิบัติการและช่วยเหลือเหยื่อทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAA) ออกแถลงการณ์เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาล่าสุดของเจ้าหน้าที่ไทยที่กล่าวหาว่า กองกำลังกัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดลูกใหม่ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย
    .
    หลังจากเกิดเหตุระเบิดทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 16 และ 23 ก.ค. 68 ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บใกล้ชายแดนจังหวัดพระวิหาร เจ้าหน้าที่ไทยกล่าวหาว่า ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 ที่เพิ่งติดตั้งใหม่เป็นสาเหตุ
    .
    CMAA ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างหนักแน่นและย้ำว่า กัมพูชาได้ปฏิบัติตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งกัมพูชาได้ให้สัตยาบันในปี พ.ศ. 2542 อย่างเต็มที่

    แถลงการณ์โดยละเอียด:

    CMAA ขอตอบโต้ข้อกล่าวหาของไทย: จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเขตทุ่นระเบิดที่ได้รับการบันทึกไว้ภายในเขตแดนกัมพูชา

    พนมเปญ — หน่วยงานช่วยเหลือเหยื่อและปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAA) ออกแถลงการณ์ดังต่อไปนี้เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาล่าสุดของเจ้าหน้าที่ไทยที่กล่าวหาว่ากองกำลังกัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดลูกใหม่ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย

    หลังจากเกิดเหตุระเบิดจากทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บใกล้ชายแดนในจังหวัดพระวิหาร เจ้าหน้าที่ไทยกล่าวหาว่าทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 เป็นระเบิดที่เพิ่งติดตั้งใหม่เป็นสาเหตุในครั้งนี้

    ทางหน่วยงาน CMAA ขอปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างหนักแน่น และย้ำว่ากัมพูชาได้ปฏิบัติตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) อย่างเคร่งครัด ซึ่งกัมพูชาได้ให้สัตยาบันในปี พ.ศ. 2542

    การตรวจสอบทางเทคนิคโดยศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAC) ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในเขตแดนของกัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่ทุ่นระเบิด BS/CMAA/16808 ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านเตโชโมโรโกต ตำบลโมโรโกต อำเภอจัมโบกสัน ทุ่นระเบิดนี้ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการเปิดเผย และเป็นส่วนหนึ่งของคลังทุ่นระเบิดเก่าของกัมพูชาที่สืบเนื่องมาจากความขัดแย้งในอดีต

    การประเมินทางนิติวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับรูปแบบการบาดเจ็บชี้ให้เห็นว่าการระเบิดน่าจะเกิดจากทุ่นระเบิดเก่าที่มีพลังทำลายต่ำ เช่น ประเภท 72A, 72B, M14, MN79 หรือ MD82B ซึ่งโดยทั่วไปแล้วแต่ละทุ่นระเบิดจะมีน้ำหนักประมาณ 30 กรัม ในทางตรงกันข้าม ทุ่นระเบิด PMN-2 มีวัตถุระเบิดมากกว่า 115 กรัม และมักส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสมากกว่า ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่าการบาดเจ็บที่ได้รับในเหตุการณ์นี้ไม่สอดคล้องกับการระเบิดของ PMN-2

    CMAA เน้นย้ำข้อเท็จจริงสำคัญดังต่อไปนี้:

    1. ยังไม่มีการวางทุ่นระเบิดใหม่ พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเป็นส่วนหนึ่งของทุ่นระเบิดที่มีมายาวนาน ซึ่งยังคงเป็นภัยคุกคามด้านมนุษยธรรมต่อชุมชนชายแดน

    2. การระเบิดเกิดขึ้นในเขตอันตรายที่ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการ พื้นที่ระเบิดทั้งหมดอยู่ในอาณาเขตของกัมพูชาและยังไม่ได้รับการแก้ไข

    3. กัมพูชามีสถิติการปฏิบัติการทุ่นระเบิดที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 กัมพูชาได้ดำเนินการกวาดล้างทุ่นระเบิดไปแล้วกว่า 1.1 ล้านลูก และซากวัตถุระเบิดจากสงครามเกือบ 3 ล้านชิ้น ประเทศยังคงมีบทบาทสำคัญในความพยายามในการกำจัดทุ่นระเบิดทั่วโลก รวมถึงการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดเสียมเรียบ-อังกอร์ ปี พ.ศ. 2567 เพื่อลงนามสนธิสัญญาห้ามทุ่นระเบิด

    ข้อกล่าวอ้างเรื่องการติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานภาคสนาม และมีความเสี่ยงที่จะบั่นทอนเจตนารมณ์แห่งความร่วมมือซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอาวุโส ลี ธุช รองประธานคนแรกของ CMAA แสดงความเสียใจต่อข้อเท็จจริงที่ผู้นำไทยบางคนกำลังบิดเบือนความตึงเครียดบริเวณชายแดนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากประเด็นทางการเมืองภายในประเทศของไทย เขาโต้แย้งอย่างหนักแน่นต่อข้อเสนอของไทยที่ว่ากัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ โดยระบุว่ากัมพูชาประสบปัญหาจากการปนเปื้อนของทุ่นระเบิดมานานหลายทศวรรษ และกำลังดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อกำจัดทุ่นระเบิดเหล่านี้

    “เราเหนื่อยล้าจากอันตรายของทุ่นระเบิด และใช้เวลากว่า 30 ปีในการกำจัดทุ่นระเบิด” เขากล่าว “กัมพูชายังคงยึดมั่นในสันติภาพ และเราขอเรียกร้องให้ไทยร่วมเจรจาหารือเกี่ยวกับปัญหาชายแดนและปฏิบัติการกำจัดทุ่นระเบิดร่วมกัน”

    เขายังกล่าวอีกว่า การกำจัดทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนไทยยังคงเป็นความท้าทายที่ซับซ้อน เนื่องจากภูมิประเทศที่ยากลำบาก พืชพรรณที่หนาแน่น และพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนอย่างหนัก ซึ่งต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากขึ้นในการกำจัด

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาวุโสยังย้ำว่าการขาดเจตนารมณ์อันดีและความไม่เต็มใจที่จะมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์กับกัมพูชาในการกำหนดเขตแดนเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายปลอดทุ่นระเบิดของกัมพูชา

    “ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ กองกำลังทหารไทยและนักการเมืองไทยบางคนได้ก่อให้เกิดข้อพิพาทกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว และเมียนมาหลายครั้ง”

    ท่านแสดงความกังวลอย่างยิ่งว่าองค์ประกอบบางส่วนในกองทัพและการเมืองของไทยยังคงแสดงความไม่พอใจในสิ่งที่ได้รับจากประเทศเพื่อนบ้านในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา แต่กลับแสดงให้เห็นถึงความโลภแบบจักรวรรดินิยม แม้ว่าจะได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากประเทศเพื่อนบ้านเหล่านั้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ก็ตาม

    https://web.facebook.com/share/p/16Ks7b33s6/
    ด่วน! กัมพูชาแถลงยัน ทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบเป็นระเบิดเก่า ไม่ใช่ PMN-2 หน่วยงานปฏิบัติการและช่วยเหลือเหยื่อทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAA) ออกแถลงการณ์เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาล่าสุดของเจ้าหน้าที่ไทยที่กล่าวหาว่า กองกำลังกัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดลูกใหม่ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย . หลังจากเกิดเหตุระเบิดทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 16 และ 23 ก.ค. 68 ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บใกล้ชายแดนจังหวัดพระวิหาร เจ้าหน้าที่ไทยกล่าวหาว่า ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 ที่เพิ่งติดตั้งใหม่เป็นสาเหตุ . CMAA ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างหนักแน่นและย้ำว่า กัมพูชาได้ปฏิบัติตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งกัมพูชาได้ให้สัตยาบันในปี พ.ศ. 2542 อย่างเต็มที่ แถลงการณ์โดยละเอียด: CMAA ขอตอบโต้ข้อกล่าวหาของไทย: จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเขตทุ่นระเบิดที่ได้รับการบันทึกไว้ภายในเขตแดนกัมพูชา พนมเปญ — หน่วยงานช่วยเหลือเหยื่อและปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAA) ออกแถลงการณ์ดังต่อไปนี้เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาล่าสุดของเจ้าหน้าที่ไทยที่กล่าวหาว่ากองกำลังกัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดลูกใหม่ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย หลังจากเกิดเหตุระเบิดจากทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บใกล้ชายแดนในจังหวัดพระวิหาร เจ้าหน้าที่ไทยกล่าวหาว่าทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 เป็นระเบิดที่เพิ่งติดตั้งใหม่เป็นสาเหตุในครั้งนี้ ทางหน่วยงาน CMAA ขอปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างหนักแน่น และย้ำว่ากัมพูชาได้ปฏิบัติตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) อย่างเคร่งครัด ซึ่งกัมพูชาได้ให้สัตยาบันในปี พ.ศ. 2542 การตรวจสอบทางเทคนิคโดยศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAC) ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในเขตแดนของกัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่ทุ่นระเบิด BS/CMAA/16808 ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านเตโชโมโรโกต ตำบลโมโรโกต อำเภอจัมโบกสัน ทุ่นระเบิดนี้ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการเปิดเผย และเป็นส่วนหนึ่งของคลังทุ่นระเบิดเก่าของกัมพูชาที่สืบเนื่องมาจากความขัดแย้งในอดีต การประเมินทางนิติวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับรูปแบบการบาดเจ็บชี้ให้เห็นว่าการระเบิดน่าจะเกิดจากทุ่นระเบิดเก่าที่มีพลังทำลายต่ำ เช่น ประเภท 72A, 72B, M14, MN79 หรือ MD82B ซึ่งโดยทั่วไปแล้วแต่ละทุ่นระเบิดจะมีน้ำหนักประมาณ 30 กรัม ในทางตรงกันข้าม ทุ่นระเบิด PMN-2 มีวัตถุระเบิดมากกว่า 115 กรัม และมักส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสมากกว่า ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่าการบาดเจ็บที่ได้รับในเหตุการณ์นี้ไม่สอดคล้องกับการระเบิดของ PMN-2 CMAA เน้นย้ำข้อเท็จจริงสำคัญดังต่อไปนี้: 1. ยังไม่มีการวางทุ่นระเบิดใหม่ พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเป็นส่วนหนึ่งของทุ่นระเบิดที่มีมายาวนาน ซึ่งยังคงเป็นภัยคุกคามด้านมนุษยธรรมต่อชุมชนชายแดน 2. การระเบิดเกิดขึ้นในเขตอันตรายที่ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการ พื้นที่ระเบิดทั้งหมดอยู่ในอาณาเขตของกัมพูชาและยังไม่ได้รับการแก้ไข 3. กัมพูชามีสถิติการปฏิบัติการทุ่นระเบิดที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 กัมพูชาได้ดำเนินการกวาดล้างทุ่นระเบิดไปแล้วกว่า 1.1 ล้านลูก และซากวัตถุระเบิดจากสงครามเกือบ 3 ล้านชิ้น ประเทศยังคงมีบทบาทสำคัญในความพยายามในการกำจัดทุ่นระเบิดทั่วโลก รวมถึงการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดเสียมเรียบ-อังกอร์ ปี พ.ศ. 2567 เพื่อลงนามสนธิสัญญาห้ามทุ่นระเบิด ข้อกล่าวอ้างเรื่องการติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานภาคสนาม และมีความเสี่ยงที่จะบั่นทอนเจตนารมณ์แห่งความร่วมมือซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอาวุโส ลี ธุช รองประธานคนแรกของ CMAA แสดงความเสียใจต่อข้อเท็จจริงที่ผู้นำไทยบางคนกำลังบิดเบือนความตึงเครียดบริเวณชายแดนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากประเด็นทางการเมืองภายในประเทศของไทย เขาโต้แย้งอย่างหนักแน่นต่อข้อเสนอของไทยที่ว่ากัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ โดยระบุว่ากัมพูชาประสบปัญหาจากการปนเปื้อนของทุ่นระเบิดมานานหลายทศวรรษ และกำลังดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อกำจัดทุ่นระเบิดเหล่านี้ “เราเหนื่อยล้าจากอันตรายของทุ่นระเบิด และใช้เวลากว่า 30 ปีในการกำจัดทุ่นระเบิด” เขากล่าว “กัมพูชายังคงยึดมั่นในสันติภาพ และเราขอเรียกร้องให้ไทยร่วมเจรจาหารือเกี่ยวกับปัญหาชายแดนและปฏิบัติการกำจัดทุ่นระเบิดร่วมกัน” เขายังกล่าวอีกว่า การกำจัดทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนไทยยังคงเป็นความท้าทายที่ซับซ้อน เนื่องจากภูมิประเทศที่ยากลำบาก พืชพรรณที่หนาแน่น และพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนอย่างหนัก ซึ่งต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากขึ้นในการกำจัด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาวุโสยังย้ำว่าการขาดเจตนารมณ์อันดีและความไม่เต็มใจที่จะมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์กับกัมพูชาในการกำหนดเขตแดนเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายปลอดทุ่นระเบิดของกัมพูชา “ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ กองกำลังทหารไทยและนักการเมืองไทยบางคนได้ก่อให้เกิดข้อพิพาทกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว และเมียนมาหลายครั้ง” ท่านแสดงความกังวลอย่างยิ่งว่าองค์ประกอบบางส่วนในกองทัพและการเมืองของไทยยังคงแสดงความไม่พอใจในสิ่งที่ได้รับจากประเทศเพื่อนบ้านในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา แต่กลับแสดงให้เห็นถึงความโลภแบบจักรวรรดินิยม แม้ว่าจะได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากประเทศเพื่อนบ้านเหล่านั้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ก็ตาม https://web.facebook.com/share/p/16Ks7b33s6/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 750 มุมมอง 0 รีวิว
  • การล่มสลายไม่ได้ถูกแสดงทางโทรทัศน์ แต่ได้รับการวางแผนไว้แล้ว ฟอรัมเศรษฐกิจโลกซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นปราการที่ไม่มีใครแตะต้องได้ของการปกครองแบบเทคโนแครต ถูกแฮ็ก รื้อถอน และเปิดโปงจากภายใน ไม่มีเรื่องอื้อฉาวใดๆ เกิดขึ้น แต่เป็นเพียงการทำลายล้าง เจ้าหน้าที่หมวกขาวภายในเครื่องจักรของดาวอสได้ทำลายภาพลวงตาของความสามัคคีทั่วโลก และเปิดโปงว่าอาชญากรรมต่างๆ เช่น การแทรกแซงการเลือกตั้ง การบังคับให้ผู้คนเข้ารับการรักษาพยาบาล การยึดครองที่ดินภายใต้ข้ออ้างของนโยบายด้านสภาพอากาศ และการติดป้ายชื่อบุคคลแต่ละคนอย่างเงียบๆ เพื่อให้ตรวจสอบนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร

    ในช่วงต้นปี 2024 กลุ่มหมวกขาวได้ยึดเอกสารภายใน บันทึกเสียงลับ และการสื่อสารที่เป็นความลับ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าผู้นำฟอรัมเศรษฐกิจโลก (WEF) มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินกองทุน "ด้านสภาพอากาศ" กว่า 400,000 ล้านดอลลาร์ผ่านองค์กรพัฒนาเอกชนปลอม กับดักหนี้ และการขโมยสินทรัพย์ดิจิทัล โลกไม่เคยเป็นเป้าหมายของพวกเขา เป้าหมายของพวกเขาคือที่ดิน อาหาร และพลังงาน ภายใต้หน้ากากของ "ความยุติธรรม" พวกเขากดขี่ชาวนา ลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง และใช้องค์กรการกุศลปลอมเพื่อจัดการรัฐประหารทางการเมือง แต่มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ไฟล์เซิร์ฟเวอร์ WEF ในยุค COVID-19 ซึ่งค้นพบในช่วงปลายปี 2024 แสดงให้เห็นว่ามีการวางแผนการล็อกดาวน์ไว้ล่วงหน้า มีเครือข่ายการทุจริตในสื่อ และมีแผนที่จะนำไบโอเมตริกส์มาใช้ตั้งแต่ปี 2017 วัคซีนเป็นเครื่องมือ วิกฤตได้รับการวางแผน

    ในช่วงต้นปี 2025 ผู้แจ้งเบาะแสเริ่มเปิดเผยด้านมืด: การทดสอบตัวตนดิจิทัลแบบลับในแคนาดา ออสเตรเลีย และเยอรมนี โปรแกรมนำร่องเหล่านี้ผสมผสานสถานะสุขภาพ พฤติกรรมเครดิต และการติดตามโซเชียลมีเดียโดยไม่ได้ขออนุญาต ผู้คนไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นบุคคล แต่เป็นหน่วยที่ตั้งโปรแกรมได้ บันทึกการวางแผนภายในของฟอรัมเศรษฐกิจโลกเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า "คลัสเตอร์พฤติกรรม" และ "โหนดการผลิตข้อมูล" คุกอัจฉริยะของชวาบมีอยู่จริงและเกือบจะพร้อมแล้ว

    ความเย่อหยิ่งครอบงำเมืองดาวอส เสียงจากการประชุมโต๊ะกลมในเดือนมกราคม 2024 เผยให้เห็นซีอีโอพูดเล่นเกี่ยวกับการล่มสลายของตลาด "ตามต้องการ" และการขู่กรรโชกเจ้าหน้าที่เพื่อให้ผ่านกฎหมายภาษีคาร์บอน ปัจจุบัน กลุ่มหมวกขาวมีหลักฐานว่า WEF ให้ทุนสนับสนุนการจลาจล การทุจริตการเลือกตั้ง และใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อปิดปากผู้เห็นต่าง กำแพงถูกพังทลายลงในเดือนมีนาคม 2025 การ "เกษียณอายุ" ของ Schwab เป็นการออกจากตำแหน่งโดยถูกบังคับ พันธมิตรที่สำคัญเปลี่ยนฝ่าย ประเทศต่างๆ มากกว่าสิบประเทศได้เริ่มการสอบสวนทางอาญา ภาพลักษณ์ของภูมิคุ้มกันของชนชั้นนำพังทลายลง

    ผลกระทบได้เริ่มขึ้นแล้วในวันที่ 21 มิถุนายน ข้อตกลงการค้าที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายของฟอรัมเศรษฐกิจโลกกำลังล้มเหลว การหลอกลวง ESG กำลังล้มเหลว การสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์กำลังดำเนินการอยู่ที่ Deutsche Bank, HSBC และธนาคารใหญ่ๆ อื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับ Davos ผู้ที่รับผิดชอบกำลังลาออก ระบบระบุตัวตนดิจิทัลกำลังปิดตัวลง ศูนย์กลางการประสานงานของกลุ่มลับสูญเสียไปแล้ว และความตื่นตระหนกกำลังแพร่กระจายไปทั่วห้องโถงของอำนาจระดับโลก

    นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ข้อมูลที่ได้มาหลังจากการยุบ WEF ถูกนำมาใช้โจมตี WHO, BIS และกลุ่มมนุษยธรรมปลอมทั้งหมดที่ร่วมมือกับ Davos เพื่อแสวงหากำไร การเปิดเผยนี้จะเกิดขึ้นในฤดูร้อนนี้ ซึ่งจะครอบคลุมทั่วโลกและไม่อาจปฏิเสธได้ และจะเป็นเครื่องหมายจุดจบของระบบเก่า เมื่อครั้งหนึ่งเคยทำงานในเงามืด ตอนนี้มันกลับถูกเผาไหม้ต่อหน้าต่อตา

    WEF ล่มสลาย ภาพลวงตาถูกทำลาย และจากเถ้าถ่านของมัน ยุคฟื้นฟูที่แท้จริงได้ถือกำเนิดขึ้น ยุคฟื้นฟูที่ไม่ได้เขียนโดยผู้เผด็จการ แต่เขียนโดยประชาชนที่เป็นอิสระ
    การล่มสลายไม่ได้ถูกแสดงทางโทรทัศน์ แต่ได้รับการวางแผนไว้แล้ว ฟอรัมเศรษฐกิจโลกซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นปราการที่ไม่มีใครแตะต้องได้ของการปกครองแบบเทคโนแครต ถูกแฮ็ก รื้อถอน และเปิดโปงจากภายใน ไม่มีเรื่องอื้อฉาวใดๆ เกิดขึ้น แต่เป็นเพียงการทำลายล้าง เจ้าหน้าที่หมวกขาวภายในเครื่องจักรของดาวอสได้ทำลายภาพลวงตาของความสามัคคีทั่วโลก และเปิดโปงว่าอาชญากรรมต่างๆ เช่น การแทรกแซงการเลือกตั้ง การบังคับให้ผู้คนเข้ารับการรักษาพยาบาล การยึดครองที่ดินภายใต้ข้ออ้างของนโยบายด้านสภาพอากาศ และการติดป้ายชื่อบุคคลแต่ละคนอย่างเงียบๆ เพื่อให้ตรวจสอบนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ในช่วงต้นปี 2024 กลุ่มหมวกขาวได้ยึดเอกสารภายใน บันทึกเสียงลับ และการสื่อสารที่เป็นความลับ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าผู้นำฟอรัมเศรษฐกิจโลก (WEF) มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินกองทุน "ด้านสภาพอากาศ" กว่า 400,000 ล้านดอลลาร์ผ่านองค์กรพัฒนาเอกชนปลอม กับดักหนี้ และการขโมยสินทรัพย์ดิจิทัล โลกไม่เคยเป็นเป้าหมายของพวกเขา เป้าหมายของพวกเขาคือที่ดิน อาหาร และพลังงาน ภายใต้หน้ากากของ "ความยุติธรรม" พวกเขากดขี่ชาวนา ลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง และใช้องค์กรการกุศลปลอมเพื่อจัดการรัฐประหารทางการเมือง แต่มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ไฟล์เซิร์ฟเวอร์ WEF ในยุค COVID-19 ซึ่งค้นพบในช่วงปลายปี 2024 แสดงให้เห็นว่ามีการวางแผนการล็อกดาวน์ไว้ล่วงหน้า มีเครือข่ายการทุจริตในสื่อ และมีแผนที่จะนำไบโอเมตริกส์มาใช้ตั้งแต่ปี 2017 วัคซีนเป็นเครื่องมือ วิกฤตได้รับการวางแผน ในช่วงต้นปี 2025 ผู้แจ้งเบาะแสเริ่มเปิดเผยด้านมืด: การทดสอบตัวตนดิจิทัลแบบลับในแคนาดา ออสเตรเลีย และเยอรมนี โปรแกรมนำร่องเหล่านี้ผสมผสานสถานะสุขภาพ พฤติกรรมเครดิต และการติดตามโซเชียลมีเดียโดยไม่ได้ขออนุญาต ผู้คนไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นบุคคล แต่เป็นหน่วยที่ตั้งโปรแกรมได้ บันทึกการวางแผนภายในของฟอรัมเศรษฐกิจโลกเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า "คลัสเตอร์พฤติกรรม" และ "โหนดการผลิตข้อมูล" คุกอัจฉริยะของชวาบมีอยู่จริงและเกือบจะพร้อมแล้ว ความเย่อหยิ่งครอบงำเมืองดาวอส เสียงจากการประชุมโต๊ะกลมในเดือนมกราคม 2024 เผยให้เห็นซีอีโอพูดเล่นเกี่ยวกับการล่มสลายของตลาด "ตามต้องการ" และการขู่กรรโชกเจ้าหน้าที่เพื่อให้ผ่านกฎหมายภาษีคาร์บอน ปัจจุบัน กลุ่มหมวกขาวมีหลักฐานว่า WEF ให้ทุนสนับสนุนการจลาจล การทุจริตการเลือกตั้ง และใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อปิดปากผู้เห็นต่าง กำแพงถูกพังทลายลงในเดือนมีนาคม 2025 การ "เกษียณอายุ" ของ Schwab เป็นการออกจากตำแหน่งโดยถูกบังคับ พันธมิตรที่สำคัญเปลี่ยนฝ่าย ประเทศต่างๆ มากกว่าสิบประเทศได้เริ่มการสอบสวนทางอาญา ภาพลักษณ์ของภูมิคุ้มกันของชนชั้นนำพังทลายลง ผลกระทบได้เริ่มขึ้นแล้วในวันที่ 21 มิถุนายน ข้อตกลงการค้าที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายของฟอรัมเศรษฐกิจโลกกำลังล้มเหลว การหลอกลวง ESG กำลังล้มเหลว การสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์กำลังดำเนินการอยู่ที่ Deutsche Bank, HSBC และธนาคารใหญ่ๆ อื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับ Davos ผู้ที่รับผิดชอบกำลังลาออก ระบบระบุตัวตนดิจิทัลกำลังปิดตัวลง ศูนย์กลางการประสานงานของกลุ่มลับสูญเสียไปแล้ว และความตื่นตระหนกกำลังแพร่กระจายไปทั่วห้องโถงของอำนาจระดับโลก นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ข้อมูลที่ได้มาหลังจากการยุบ WEF ถูกนำมาใช้โจมตี WHO, BIS และกลุ่มมนุษยธรรมปลอมทั้งหมดที่ร่วมมือกับ Davos เพื่อแสวงหากำไร การเปิดเผยนี้จะเกิดขึ้นในฤดูร้อนนี้ ซึ่งจะครอบคลุมทั่วโลกและไม่อาจปฏิเสธได้ และจะเป็นเครื่องหมายจุดจบของระบบเก่า เมื่อครั้งหนึ่งเคยทำงานในเงามืด ตอนนี้มันกลับถูกเผาไหม้ต่อหน้าต่อตา WEF ล่มสลาย ภาพลวงตาถูกทำลาย และจากเถ้าถ่านของมัน ยุคฟื้นฟูที่แท้จริงได้ถือกำเนิดขึ้น ยุคฟื้นฟูที่ไม่ได้เขียนโดยผู้เผด็จการ แต่เขียนโดยประชาชนที่เป็นอิสระ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 874 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์สำหรับ Microsoft 365 ในยุคที่ ระบบคลาวด์กลายเป็นจุดอ่อนด้านความปลอดภัยขององค์กร การรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จาก Microsoft 365 เป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจาก การบันทึกข้อมูลมักไม่เปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น หรืออาจไม่สามารถเข้าถึงได้ในระดับการสมัครสมาชิกที่ต่ำกว่า

    Microsoft Purview Insider Risk Management เป็นเครื่องมือสำคัญในการรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ แต่ต้องมี เงื่อนไขเฉพาะ เช่น การใช้ Microsoft 365 E5 และอุปกรณ์ที่เข้าร่วมผ่าน Microsoft Entra

    Microsoft Purview Insider Risk Management ช่วยให้สามารถรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จากระบบคลาวด์ได้
    - ต้องมี Microsoft 365 E5 License
    - อุปกรณ์ต้อง เข้าร่วมผ่าน Microsoft Entra และใช้ Windows 11 Enterprise

    การโจมตีผ่าน OAuth Token เป็นภัยคุกคามใหม่ที่ต้องจับตามอง
    - ผู้โจมตีใช้ แอปพลิเคชันสื่อสาร เช่น Signal และ WhatsApp เพื่อส่งลิงก์ฟิชชิ่ง
    - หลอกให้เหยื่อ อนุมัติสิทธิ์ OAuth และเข้าถึงข้อมูลในระบบคลาวด์

    ต้องกำหนดค่าการบันทึกข้อมูลให้เหมาะสมเพื่อให้สามารถตรวจสอบเหตุการณ์ย้อนหลังได้
    - ต้องเปิดใช้งาน Forensic Evidence Capturing ใน Microsoft Purview
    - กำหนด ช่วงเวลาการบันทึกและข้อจำกัดด้านแบนด์วิดท์

    สามารถใช้ Microsoft 365 Defender Advanced Hunting และ Activity Log เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม
    - ช่วยให้สามารถ ตรวจสอบกิจกรรมที่น่าสงสัยและระบุช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตี

    https://www.csoonline.com/article/3979073/how-to-capture-forensic-evidence-for-microsoft-365.html
    การเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์สำหรับ Microsoft 365 ในยุคที่ ระบบคลาวด์กลายเป็นจุดอ่อนด้านความปลอดภัยขององค์กร การรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จาก Microsoft 365 เป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจาก การบันทึกข้อมูลมักไม่เปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น หรืออาจไม่สามารถเข้าถึงได้ในระดับการสมัครสมาชิกที่ต่ำกว่า Microsoft Purview Insider Risk Management เป็นเครื่องมือสำคัญในการรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ แต่ต้องมี เงื่อนไขเฉพาะ เช่น การใช้ Microsoft 365 E5 และอุปกรณ์ที่เข้าร่วมผ่าน Microsoft Entra ✅ Microsoft Purview Insider Risk Management ช่วยให้สามารถรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จากระบบคลาวด์ได้ - ต้องมี Microsoft 365 E5 License - อุปกรณ์ต้อง เข้าร่วมผ่าน Microsoft Entra และใช้ Windows 11 Enterprise ✅ การโจมตีผ่าน OAuth Token เป็นภัยคุกคามใหม่ที่ต้องจับตามอง - ผู้โจมตีใช้ แอปพลิเคชันสื่อสาร เช่น Signal และ WhatsApp เพื่อส่งลิงก์ฟิชชิ่ง - หลอกให้เหยื่อ อนุมัติสิทธิ์ OAuth และเข้าถึงข้อมูลในระบบคลาวด์ ✅ ต้องกำหนดค่าการบันทึกข้อมูลให้เหมาะสมเพื่อให้สามารถตรวจสอบเหตุการณ์ย้อนหลังได้ - ต้องเปิดใช้งาน Forensic Evidence Capturing ใน Microsoft Purview - กำหนด ช่วงเวลาการบันทึกและข้อจำกัดด้านแบนด์วิดท์ ✅ สามารถใช้ Microsoft 365 Defender Advanced Hunting และ Activity Log เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม - ช่วยให้สามารถ ตรวจสอบกิจกรรมที่น่าสงสัยและระบุช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตี https://www.csoonline.com/article/3979073/how-to-capture-forensic-evidence-for-microsoft-365.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    How to capture forensic evidence for Microsoft 365
    The cloud has become an enterprise security soft spot, and the challenges involved in gathering activity logs from your vendor isn’t helping. Here’s how to get what you need from Microsoft.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 378 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมคุ้มครองสิทธิฯ ออกแถลงการณ์กรณี “อดีตผู้กำกับโจ้” ผลชันสูตรจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์-รพ.จุฬาลงกรณ์ สรุป “ตายจากการขาดอากาศ เนื่องจากผูกคอตาย” ไม่ได้เกิดจากผู้อื่นกระทำ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000036632

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กรมคุ้มครองสิทธิฯ ออกแถลงการณ์กรณี “อดีตผู้กำกับโจ้” ผลชันสูตรจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์-รพ.จุฬาลงกรณ์ สรุป “ตายจากการขาดอากาศ เนื่องจากผูกคอตาย” ไม่ได้เกิดจากผู้อื่นกระทำ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000036632 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 981 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sensata Technologies ได้รายงานเหตุการณ์แรนซัมแวร์ที่เข้ารหัสอุปกรณ์บางส่วนในเครือข่ายของบริษัท การโจมตีนี้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน เช่น การจัดส่ง การรับสินค้า การผลิต และการสนับสนุนอื่นๆ บริษัทได้ดำเนินการตอบสนองทันทีโดยปิดเครือข่ายบางส่วน นำผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    Sensata ยังระบุว่ามีการสูญเสียไฟล์บางส่วน แต่ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับไฟล์เหล่านั้น ขณะนี้บริษัทกำลังตรวจสอบไฟล์ที่ได้รับผลกระทบและจะดำเนินการเพิ่มเติมตามความเหมาะสม

    แม้ว่าบริษัทจะคาดการณ์ว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาสที่สองของปี 2025 แต่ก็ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบทั้งหมดได้

    เหตุการณ์แรนซัมแวร์ที่ Sensata Technologies
    - Sensata ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ที่เข้ารหัสอุปกรณ์บางส่วนในเครือข่าย
    - ส่งผลกระทบต่อการจัดส่ง การรับสินค้า การผลิต และการสนับสนุนอื่นๆ

    การตอบสนองของบริษัท
    - ปิดเครือข่ายบางส่วนและนำผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วย
    - แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเริ่มการตรวจสอบ

    การสูญเสียไฟล์และการตรวจสอบ
    - บริษัทสูญเสียไฟล์บางส่วนและกำลังตรวจสอบไฟล์ที่ได้รับผลกระทบ
    - จะดำเนินการเพิ่มเติมตามความเหมาะสม

    ผลกระทบต่อผลประกอบการ
    - Sensata คาดว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาสที่สองของปี 2025

    ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์
    - การโจมตีแรนซัมแวร์อาจทำให้ข้อมูลสำคัญของบริษัทตกอยู่ในความเสี่ยง
    - การสูญเสียไฟล์อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในระยะยาว

    ผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า
    - เหตุการณ์นี้อาจลดความเชื่อมั่นของลูกค้าและคู่ค้าในระบบความปลอดภัยของบริษัท
    - การจัดการเหตุการณ์อย่างโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นฟูความเชื่อมั่น

    https://www.techradar.com/pro/security/top-us-sensor-maker-sensata-hit-by-worrying-ransomware-attack
    Sensata Technologies ได้รายงานเหตุการณ์แรนซัมแวร์ที่เข้ารหัสอุปกรณ์บางส่วนในเครือข่ายของบริษัท การโจมตีนี้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน เช่น การจัดส่ง การรับสินค้า การผลิต และการสนับสนุนอื่นๆ บริษัทได้ดำเนินการตอบสนองทันทีโดยปิดเครือข่ายบางส่วน นำผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง Sensata ยังระบุว่ามีการสูญเสียไฟล์บางส่วน แต่ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับไฟล์เหล่านั้น ขณะนี้บริษัทกำลังตรวจสอบไฟล์ที่ได้รับผลกระทบและจะดำเนินการเพิ่มเติมตามความเหมาะสม แม้ว่าบริษัทจะคาดการณ์ว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาสที่สองของปี 2025 แต่ก็ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบทั้งหมดได้ ✅ เหตุการณ์แรนซัมแวร์ที่ Sensata Technologies - Sensata ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ที่เข้ารหัสอุปกรณ์บางส่วนในเครือข่าย - ส่งผลกระทบต่อการจัดส่ง การรับสินค้า การผลิต และการสนับสนุนอื่นๆ ✅ การตอบสนองของบริษัท - ปิดเครือข่ายบางส่วนและนำผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วย - แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเริ่มการตรวจสอบ ✅ การสูญเสียไฟล์และการตรวจสอบ - บริษัทสูญเสียไฟล์บางส่วนและกำลังตรวจสอบไฟล์ที่ได้รับผลกระทบ - จะดำเนินการเพิ่มเติมตามความเหมาะสม ✅ ผลกระทบต่อผลประกอบการ - Sensata คาดว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาสที่สองของปี 2025 ℹ️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์ - การโจมตีแรนซัมแวร์อาจทำให้ข้อมูลสำคัญของบริษัทตกอยู่ในความเสี่ยง - การสูญเสียไฟล์อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในระยะยาว ℹ️ ผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า - เหตุการณ์นี้อาจลดความเชื่อมั่นของลูกค้าและคู่ค้าในระบบความปลอดภัยของบริษัท - การจัดการเหตุการณ์อย่างโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นฟูความเชื่อมั่น https://www.techradar.com/pro/security/top-us-sensor-maker-sensata-hit-by-worrying-ransomware-attack
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 345 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลตรวจผ้าผกก.โจ้ ไม่พบดีเอ็นเอคนอื่น : [NEWS UPDATE]
    พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง เผยผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์คดี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ ออกแล้ว ซึ่งจะส่งผลทั้งหมดให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อ
    ทั้งนี้ มีรายงานว่ามีการพิสูจน์หลักฐาน 2 ชิ้น คือ ผ้าขนหนูที่ใช้ผูกคอ จากการตรวจดีเอ็นเอไม่พบความผิดปกติ ไม่พบดีเอ็นเอบุคคลอื่น โดยผ้าขนหนูผืนนี้เป็นของใช้ส่วนตัวของอดีตผู้กำกับโจ้ ที่ใช้ตั้งแต่อยู่แดน 7 และเชื่อว่านำมาใช้ต่อเนื่อง ส่วนรอยหยดเลือดที่ปรากฏบนพื้นห้องขัง เชื่อว่าเป็นเลือดของอดีตผู้กำกับโจ้ เป็นบาดแผลคล้ายรอยสัตว์กัด


    หา รมต. วิญญูชนยาก

    ดักคออย่าขวางอภิปราย

    ห่วงเด็กจมน้ำช่วงปิดเทอม

    สงครามการค้าฉุดเศรษฐกิจ
    ผลตรวจผ้าผกก.โจ้ ไม่พบดีเอ็นเอคนอื่น : [NEWS UPDATE] พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง เผยผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์คดี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ ออกแล้ว ซึ่งจะส่งผลทั้งหมดให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อ ทั้งนี้ มีรายงานว่ามีการพิสูจน์หลักฐาน 2 ชิ้น คือ ผ้าขนหนูที่ใช้ผูกคอ จากการตรวจดีเอ็นเอไม่พบความผิดปกติ ไม่พบดีเอ็นเอบุคคลอื่น โดยผ้าขนหนูผืนนี้เป็นของใช้ส่วนตัวของอดีตผู้กำกับโจ้ ที่ใช้ตั้งแต่อยู่แดน 7 และเชื่อว่านำมาใช้ต่อเนื่อง ส่วนรอยหยดเลือดที่ปรากฏบนพื้นห้องขัง เชื่อว่าเป็นเลือดของอดีตผู้กำกับโจ้ เป็นบาดแผลคล้ายรอยสัตว์กัด หา รมต. วิญญูชนยาก ดักคออย่าขวางอภิปราย ห่วงเด็กจมน้ำช่วงปิดเทอม สงครามการค้าฉุดเศรษฐกิจ
    Like
    Love
    Haha
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1986 มุมมอง 50 0 รีวิว
  • ผบก.น.2 เผยคดีการเสียชีวิตของ “อดีต ผกก.โจ้” ต้องมีการเข้าไปจำลองเหตุภายในเรือนจำด้วย เพราะหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ไม่โกหก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023990

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบก.น.2 เผยคดีการเสียชีวิตของ “อดีต ผกก.โจ้” ต้องมีการเข้าไปจำลองเหตุภายในเรือนจำด้วย เพราะหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ไม่โกหก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023990 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1253 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายวีรศักดิ์ ทนายความเผยนิติเวชจุฬาฯ ส่งผลเลือดและชิ้นเนื้อของอดีต “ผกก.โจ้” ไปตรวจแล้ว คาดจะทราบผลภายใน 3 สัปดาห์

    วันนี้ (10 มี.ค.) นายวีรศักดิ์ นาคิน ทนายความของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีต ผกก.โจ้ เปิดเผยว่า ตอนนี้ทางนิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จะส่งผลเลือดและชิ้นเนื้อไปตรวจที่สถาบันพยาธิวิทยา และสถาบันพิษวิทยาอีกทีและจะมีการทำรายงานแจ้งไปทางพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนที่ สน.ประชาชื่นอีกครั้ง คาดว่าน่าจะรู้ประมาณ 2-3 อาทิตย์ ซึ่งเบื้องต้นวันนี้ทางครอบครัวและทนายความได้พูดคุยกับทางแพทย์เรียบร้อยแล้ว โดยหลังจากประกอบพิธีทางศาสนาเสร็จจะไม่มีการนำร่างชันสูตรที่ใดต่อแล้วทางญาติจะเก็บร่างไว้ก่อน

    ส่วนจะมีความคล้ายคลึงกับผลชันสูตรจากที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม จ.ปทุมธานีหรือไม่นั้น นายวีรศักดิ์ ย้ำว่า ต้องทำรายงานและจะส่งข้อมูลทั้งหมดให้กับพนักงานสอบสวนก่อน ยังพูดอะไรไม่ได้ โดยวันนี้ทางครอบครัวมาฟังข้อมูลเพิ่มเติม และแพทย์ก็ได้อธิบายว่าจะมีการตรวจอย่างไร รวมถึงก่อนหน้านี้มีการตรวจอย่างไรมาแล้วบ้าง ซึ่งทางแพทย์ก็จะดูรายละเอียดหลังจากนี้ และประเด็นที่ทางกรมราชทัณฑ์ออกเอกสารชี้แจงเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (9 มี.ค.) ทางครอบครัวและตนเห็นแล้ว แต่ยังไม่ได้อ่านรายละเอียด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000023126

    #MGROnline #ผู้กำกับโจ้
    นายวีรศักดิ์ ทนายความเผยนิติเวชจุฬาฯ ส่งผลเลือดและชิ้นเนื้อของอดีต “ผกก.โจ้” ไปตรวจแล้ว คาดจะทราบผลภายใน 3 สัปดาห์ • วันนี้ (10 มี.ค.) นายวีรศักดิ์ นาคิน ทนายความของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีต ผกก.โจ้ เปิดเผยว่า ตอนนี้ทางนิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จะส่งผลเลือดและชิ้นเนื้อไปตรวจที่สถาบันพยาธิวิทยา และสถาบันพิษวิทยาอีกทีและจะมีการทำรายงานแจ้งไปทางพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนที่ สน.ประชาชื่นอีกครั้ง คาดว่าน่าจะรู้ประมาณ 2-3 อาทิตย์ ซึ่งเบื้องต้นวันนี้ทางครอบครัวและทนายความได้พูดคุยกับทางแพทย์เรียบร้อยแล้ว โดยหลังจากประกอบพิธีทางศาสนาเสร็จจะไม่มีการนำร่างชันสูตรที่ใดต่อแล้วทางญาติจะเก็บร่างไว้ก่อน • ส่วนจะมีความคล้ายคลึงกับผลชันสูตรจากที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม จ.ปทุมธานีหรือไม่นั้น นายวีรศักดิ์ ย้ำว่า ต้องทำรายงานและจะส่งข้อมูลทั้งหมดให้กับพนักงานสอบสวนก่อน ยังพูดอะไรไม่ได้ โดยวันนี้ทางครอบครัวมาฟังข้อมูลเพิ่มเติม และแพทย์ก็ได้อธิบายว่าจะมีการตรวจอย่างไร รวมถึงก่อนหน้านี้มีการตรวจอย่างไรมาแล้วบ้าง ซึ่งทางแพทย์ก็จะดูรายละเอียดหลังจากนี้ และประเด็นที่ทางกรมราชทัณฑ์ออกเอกสารชี้แจงเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (9 มี.ค.) ทางครอบครัวและตนเห็นแล้ว แต่ยังไม่ได้อ่านรายละเอียด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000023126 • #MGROnline #ผู้กำกับโจ้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 747 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลชันสูตร ผกก.โจ้ ให้น้ำหนักผูกคอ-มีรอยช้ำ : [NEWS UPDATE]
    ผศ.นพ.วรวีร์ ไวยวุฒิ รองผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เผยผลชันสูตรพลิกศพ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีต ผกก.โจ้ การเสียชีวิตให้น้ำหนักเรื่องผูกคอ เพราะการถูกทำร้ายไม่พบบาดแผลที่ชัดเจน มีร่องรอยบาดแผลฟกช้ำบริเวณสะโพกและหลัง ซึ่งเป็นลักษณะรอยช้ำเก่า แต่จะตรวจเนื้อเยื่อเพื่อดูระยะเวลาการเกิดบาดแผล ส่วนเลือดที่ออกได้สอบถามกับคณะชันสูตรที่เกิดเหตุเป็นไปได้ 2 กรณี คือ 1.หลังเสียชีวิตจะมีของเหลวในร่างกายออกมาคล้ายเลือด อาจออกทางปากหรือบริเวณอื่น และ 2.เกิดจากบาดแผล ซึ่งพบบาดแผลถลอกบริเวณแขนเท่านั้น จึงน่าจะเกิดจากสารของเหลวที่ออกจากร่างกายหลังเสียชีวิต ส่วนแผลถลอกพนักงานฝ่ายปกครองบอกว่า เห็นตั้งแต่ช่วงที่ไปชันสูตรศพที่เกิดเหตุ โดยอาจเกิดระหว่างนำร่างลงมาและอาจครูดกับของแข็งบางอย่าง


    ต้องตรวจหลักฐานละเอียด

    ไม่อยากเป็นจำเลย

    ไม่ตัดชื่อ"ทักษิณ"

    อากาศเริ่มร้อน
    ผลชันสูตร ผกก.โจ้ ให้น้ำหนักผูกคอ-มีรอยช้ำ : [NEWS UPDATE] ผศ.นพ.วรวีร์ ไวยวุฒิ รองผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เผยผลชันสูตรพลิกศพ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีต ผกก.โจ้ การเสียชีวิตให้น้ำหนักเรื่องผูกคอ เพราะการถูกทำร้ายไม่พบบาดแผลที่ชัดเจน มีร่องรอยบาดแผลฟกช้ำบริเวณสะโพกและหลัง ซึ่งเป็นลักษณะรอยช้ำเก่า แต่จะตรวจเนื้อเยื่อเพื่อดูระยะเวลาการเกิดบาดแผล ส่วนเลือดที่ออกได้สอบถามกับคณะชันสูตรที่เกิดเหตุเป็นไปได้ 2 กรณี คือ 1.หลังเสียชีวิตจะมีของเหลวในร่างกายออกมาคล้ายเลือด อาจออกทางปากหรือบริเวณอื่น และ 2.เกิดจากบาดแผล ซึ่งพบบาดแผลถลอกบริเวณแขนเท่านั้น จึงน่าจะเกิดจากสารของเหลวที่ออกจากร่างกายหลังเสียชีวิต ส่วนแผลถลอกพนักงานฝ่ายปกครองบอกว่า เห็นตั้งแต่ช่วงที่ไปชันสูตรศพที่เกิดเหตุ โดยอาจเกิดระหว่างนำร่างลงมาและอาจครูดกับของแข็งบางอย่าง ต้องตรวจหลักฐานละเอียด ไม่อยากเป็นจำเลย ไม่ตัดชื่อ"ทักษิณ" อากาศเริ่มร้อน
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 887 มุมมอง 41 0 รีวิว
  • เฮลโล กระทรวง DE กับ กสทช อยู่ไหน มาโปรโมทหน่อยเร็ว !!!

    Electronic Frontier Foundation (EFF) ได้เปิดตัวเครื่องมือโอเพ่นซอร์สชื่อ 'Rayhunter' เพื่อช่วยผู้ใช้ตรวจจับเครื่องจำลองเซลล์ไซต์ (CSS) หรือที่รู้จักกันในชื่อ IMSI catchers หรือ Stingrays เครื่องมือเหล่านี้สามารถปลอมเป็นสถานีฐานโทรศัพท์มือถือเพื่อหลอกให้โทรศัพท์เชื่อมต่อ และสามารถจับข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ตำแหน่งที่แม่นยำของผู้ใช้ และอาจดักจับการสื่อสารได้

    เครื่องมือ Rayhunter ทำงานโดยจับและวิเคราะห์การจราจรสัญญาณควบคุมระหว่างจุดเชื่อมต่อเคลื่อนที่กับสถานีฐานที่เชื่อมต่ออยู่ โดยไม่ตรวจสอบกิจกรรมของผู้ใช้ Rayhunter จะตรวจสอบการสื่อสารในแบบเรียลไทม์และค้นหาเหตุการณ์ที่น่าสงสัย เช่น การที่สถานีฐานพยายามลดระดับการเชื่อมต่อของคุณเป็น 2G ที่อ่อนแอต่อการโจมตี หรือการที่สถานีฐานขอ IMSI ของคุณในสภาวะที่น่าสงสัย

    เครื่องมือนี้สามารถใช้งานบนอุปกรณ์พกพา Orbic RC400L ซึ่งเป็นโมเด็ม 4G LTE ที่มีราคาถูกเพียง 20 ดอลลาร์ และมีจำหน่ายทั่วไป การใช้เครื่องมือ Rayhunter นี้ไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ที่มีการรูทหรือซอฟต์แวร์วิทยุที่มีราคาแพง

    เมื่อ Rayhunter ตรวจพบการสื่อสารเครือข่ายที่น่าสงสัย หน้าจอของ Orbic จะเปลี่ยนเป็นสีแดงจากสีเขียว/น้ำเงินปกติ เพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้ถึงการโจมตี Stingray ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงและดาวน์โหลดบันทึก PCAP จากอุปกรณ์เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือใช้เพื่อสนับสนุนการสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/open-source-tool-rayhunter-helps-users-detect-stingray-attacks/
    เฮลโล กระทรวง DE กับ กสทช อยู่ไหน มาโปรโมทหน่อยเร็ว !!! Electronic Frontier Foundation (EFF) ได้เปิดตัวเครื่องมือโอเพ่นซอร์สชื่อ 'Rayhunter' เพื่อช่วยผู้ใช้ตรวจจับเครื่องจำลองเซลล์ไซต์ (CSS) หรือที่รู้จักกันในชื่อ IMSI catchers หรือ Stingrays เครื่องมือเหล่านี้สามารถปลอมเป็นสถานีฐานโทรศัพท์มือถือเพื่อหลอกให้โทรศัพท์เชื่อมต่อ และสามารถจับข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ตำแหน่งที่แม่นยำของผู้ใช้ และอาจดักจับการสื่อสารได้ เครื่องมือ Rayhunter ทำงานโดยจับและวิเคราะห์การจราจรสัญญาณควบคุมระหว่างจุดเชื่อมต่อเคลื่อนที่กับสถานีฐานที่เชื่อมต่ออยู่ โดยไม่ตรวจสอบกิจกรรมของผู้ใช้ Rayhunter จะตรวจสอบการสื่อสารในแบบเรียลไทม์และค้นหาเหตุการณ์ที่น่าสงสัย เช่น การที่สถานีฐานพยายามลดระดับการเชื่อมต่อของคุณเป็น 2G ที่อ่อนแอต่อการโจมตี หรือการที่สถานีฐานขอ IMSI ของคุณในสภาวะที่น่าสงสัย เครื่องมือนี้สามารถใช้งานบนอุปกรณ์พกพา Orbic RC400L ซึ่งเป็นโมเด็ม 4G LTE ที่มีราคาถูกเพียง 20 ดอลลาร์ และมีจำหน่ายทั่วไป การใช้เครื่องมือ Rayhunter นี้ไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ที่มีการรูทหรือซอฟต์แวร์วิทยุที่มีราคาแพง เมื่อ Rayhunter ตรวจพบการสื่อสารเครือข่ายที่น่าสงสัย หน้าจอของ Orbic จะเปลี่ยนเป็นสีแดงจากสีเขียว/น้ำเงินปกติ เพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้ถึงการโจมตี Stingray ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงและดาวน์โหลดบันทึก PCAP จากอุปกรณ์เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือใช้เพื่อสนับสนุนการสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/open-source-tool-rayhunter-helps-users-detect-stingray-attacks/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Open-source tool 'Rayhunter' helps users detect Stingray attacks
    The Electronic Frontier Foundation (EFF) has released a free, open-source tool named Rayhunter that is designed to detect cell-site simulators (CSS), also known as IMSI catchers or Stingrays.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 382 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เพจทนายเดรัฐฉาน
    ร้องหางานทำทุกวันหลังไร้ลูกความมาจ้างทำคดี
    ล่าสุดลงรับงานสืบหาตัวพยานที่รู้เห็นเหตุการณ์
    ถุยยย!!
    ตอนคดีแตงโม มีพยานเด็ดๆ
    ทั้ง ไทด์เอกพันธ์ ทั้งหมอธวัชชัย
    และหลักฐานเด็ดทั้งจีพีเอส
    และข้อหักล้างทางนิติวิทยาศาสตร์
    มรึงกลับตัดออกหมดทั้งพยานหลักฐาน
    ทีนี้มาขอรับจ้างสืบหาพยานพ่องมึงเหรอ
    ไอ่ฉัด!
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    #เพจทนายเดรัฐฉาน ร้องหางานทำทุกวันหลังไร้ลูกความมาจ้างทำคดี ล่าสุดลงรับงานสืบหาตัวพยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ ถุยยย!! ตอนคดีแตงโม มีพยานเด็ดๆ ทั้ง ไทด์เอกพันธ์ ทั้งหมอธวัชชัย และหลักฐานเด็ดทั้งจีพีเอส และข้อหักล้างทางนิติวิทยาศาสตร์ มรึงกลับตัดออกหมดทั้งพยานหลักฐาน ทีนี้มาขอรับจ้างสืบหาพยานพ่องมึงเหรอ ไอ่ฉัด! #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 754 มุมมอง 0 รีวิว
  • 70 ปี ยิงเป้าสามมหาดเล็ก พัวพันคดีสวรรคต ร.8 ทฤษฎีสมคบคิดปริศนา ลอบปลงพระชนม์ หรืออัตวินิบาตกรรม?

    ปริศนาที่ยังไร้คำตอบ เมื่อพูดถึงหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ ทางประวัติศาสตร์ไทย ที่ยังคงเป็นปริศนา และข้อถกเถียงมาจนถึงทุกวันนี้ "คดีสวรรคต รัชกาลที่ 8" คือหนึ่งในคดี ที่เต็มไปด้วยเงื่อนงำ ทฤษฎีสมคบคิด และข้อสงสัยมากมาย

    ย้อนกลับไปเมื่อ 70 ปี ที่ผ่านมา ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 ณ เรือนจำกลางบางขวาง สามมหาดเล็กในพระองค์ ได้แก่ นายเฉลียว ปทุมรส, นายชิต สิงหเสนี และนายบุศย์ ปัทมศริน ถูกนำตัวเข้าสู่ลานประหาร และถูกยิงเป้าด้วยปืนกล ตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ฐานพัวพันกับการสวรรคต ของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร มหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489

    แต่คำถามสำคัญ ที่ยังคงค้างคาใจหลายคนก็คือ คดีนี้จบลงแล้วจริงหรือ? และสามมหาดเล็ก ที่ถูกประหารชีวิตเป็น "แพะรับบาป" หรือไม่?

    ปูมหลังคดีสวรรคต ในหลวงรัชกาลที่ 8
    9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 วันแห่งโศกนาฏกรรม
    ช่วงสายวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จสวรรคตด้วยพระแสงปืน ภายในห้องพระบรรทม พระที่นั่งบรมพิมาน พระบรมมหาราชวัง

    ลักษณะพระบรมศพ
    มีบาดแผล กลางพระนลาฏ หรือหน้าผาก ทะลุผ่านพระปฤษฎางค์ หรือท้ายทอย ข้างพระบรมศพพบ ปืนพกสั้น โคลต์ .45 ตกอยู่ ด้ามปืนหันออกจากพระวรกาย

    คำถามที่เกิดขึ้น
    เป็นอุบัติเหตุ หรือการลอบปลงพระชนม์?
    หากเป็นอัตวินิบาตกรรม เหตุใดจึงมีบาดแผล กระสุนทะลุจากหน้าผากไปท้ายทอย ซึ่งขัดแย้งกับ กลไกการยิงตัวตาย ตามธรรมชาติ?

    มหาดเล็กทั้งสามนาย จากข้าราชการใกล้ชิด สู่จำเลยประหารชีวิต
    หลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่นาน รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งในช่วงแรก ไม่มีใครถูกกล่าวหา แต่เมื่อเกิดการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2490 คดีได้ถูกพลิกกลับ โดยบุคคลที่ตกเป็นเป้าหมาย ถูกดำเนินคดีในข้อหาสมรู้ร่วมคิด

    1. นายเฉลียว ปทุมรส
    อดีตมหาดเล็ก และราชเลขานุการในพระองค์ รัชกาลที่ 8 สมาชิกคณะราษฎรสายพลเรือน ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังแผนลอบปลงพระชนม์ ถูกศาลฎีกาพิพากษา ตัดสินประหารชีวิต

    2. นายชิต สิงหเสนี มหาดเล็กห้องพระบรรทม
    อยู่ในพระที่นั่งบรมพิมานในวันเกิดเหตุ ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ และถูกศาลฎีกา พิพากษายืน ประหารชีวิตตามศาลอุทธรณ์

    3. นายบุศย์ ปัทมศริน มหาดเล็กห้องพระบรรทมอีกคนหนึ่ง
    เป็นหนึ่งในบุคคลสุดท้าย ที่เห็นในหลวงรัชกาลที่ 8 ก่อนสวรรคต ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในการปลงพระชนม์ และถูกศาลฎีกา พิกากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ตัดสินประหารชีวิต

    ข้อโต้แย้ง
    มหาดเล็กทั้งสามนาย ยืนยันว่าตนเองบริสุทธิ์ จนถึงวินาทีสุดท้าย ไม่มีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ชัดเจน ที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์

    ศาลฎีกาตัดสิน คำพิพากษาที่นำไปสู่ลานประหาร
    หลังการสอบสวน คดีนี้ผ่านการพิจารณาของ ศาล 3 ระดับ
    - ศาลชั้นต้น พิพากษาประหารชีวิต ทั้งสามคน
    - ศาลอุทธรณ์ ยืนยันคำพิพากษาเดิม
    - ศาลฎีกา พิพากษายืน ตามคำตัดสินเดิม

    17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 วันที่สามมหาดเล็ก ถูกยิงเป้าด้วยปืนกล
    02.00 น. อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา
    02.20 น. นายเฉลียว ถูกประหาร
    02.40 น. นายชิต ถูกประหาร
    03.00 น. นายบุศย์ ถูกประหาร

    หลังจากการยิงเป้าประหารชีวิต ศพนักโทษทั้ง 3 ราย ถูกใส่ในช่องเก็บศพ เเล้วนำร่างออกจากประตูเเดง หรือประตูผีของวัดบางแพรกใต้ ในวันรุ่งขึ้น

    ความน่าสงสัย
    - คำร้องขออภัยโทษถูก "ยกฎีกา" อย่างกะทันหัน
    - ไม่มีการสืบสวนใหม่ แม้จะมีหลักฐานที่อาจเปลี่ยนคดี

    ทฤษฎีสมคบคิด ใครคือผู้ต้องสงสัยที่แท้จริง?
    แม้ว่าศาลจะตัดสินประหารชีวิต สามมหาดเล็กไปแล้ว แต่ปริศนาการสวรรคต ยังคงเป็นหัวข้อ ที่ถูกตั้งคำถามอยู่ตลอด

    ทฤษฎี "อุบัติเหตุ"
    ในหลวงรัชกาลที่ 8 อาจทรงทำปืนลั่นเองขณะถือปืน
    มีหลักฐานว่า พระองค์ทรงสนใจปืน และเคยมีอุบัติเหตุปืนลั่นมาก่อน

    ข้อโต้แย้ง
    ตำแหน่งบาดแผล ไม่สอดคล้องกับอุบัติเหตุ จากการยิงตัวเอง

    ทฤษฎี "ลอบปลงพระชนม์"
    มีการตั้งข้อสงสัยว่า ฝ่ายการเมืองบางกลุ่ม อาจอยู่เบื้องหลัง
    ขณะนั้นมีความขัดแย้งทางการเมือง ระหว่างกลุ่มนิยมเจ้า กับคณะราษฎร

    ข้อโต้แย้ง
    ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า ใครเป็นผู้ลงมือ

    ทฤษฎี "แพะรับบาป"
    สามมหาดเล็ก อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือ ในการปกปิดความจริง
    หลักฐานหลายอย่างถูกทำลาย หรือไม่ถูกเปิดเผย

    คดีปริศนาที่ยังไร้คำตอบ
    แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 70 ปี แต่คดีสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 8 ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน อย่างกว้างขวาง ข้อมูลที่มีอยู่ ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไร และใครคือผู้กระทำผิดตัวจริง

    คำถามที่ยังไร้คำตอบ
    - ในหลวงรัชกาลที่ 8 ทรงกระทำอัตวินิบาตกรรม หรือถูกลอบปลงพระชนม์?
    - สามมหาดเล็กที่ถูกประหาร เป็นแพะรับบาปหรือไม่?

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 171005 ก.พ. 2568

    #คดีสวรรคต #รัชกาลที่8 #70ปีปริศนา #สมคบคิด #ลับลวงพราง #ประวัติศาสตร์ไทย #คดีสะเทือนขวัญ #ยิงเป้าสามมหาดเล็ก #ThailandMystery #HistoryUnsolved
    70 ปี ยิงเป้าสามมหาดเล็ก พัวพันคดีสวรรคต ร.8 ทฤษฎีสมคบคิดปริศนา ลอบปลงพระชนม์ หรืออัตวินิบาตกรรม? ปริศนาที่ยังไร้คำตอบ เมื่อพูดถึงหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ ทางประวัติศาสตร์ไทย ที่ยังคงเป็นปริศนา และข้อถกเถียงมาจนถึงทุกวันนี้ "คดีสวรรคต รัชกาลที่ 8" คือหนึ่งในคดี ที่เต็มไปด้วยเงื่อนงำ ทฤษฎีสมคบคิด และข้อสงสัยมากมาย ย้อนกลับไปเมื่อ 70 ปี ที่ผ่านมา ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 ณ เรือนจำกลางบางขวาง สามมหาดเล็กในพระองค์ ได้แก่ นายเฉลียว ปทุมรส, นายชิต สิงหเสนี และนายบุศย์ ปัทมศริน ถูกนำตัวเข้าสู่ลานประหาร และถูกยิงเป้าด้วยปืนกล ตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ฐานพัวพันกับการสวรรคต ของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร มหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 แต่คำถามสำคัญ ที่ยังคงค้างคาใจหลายคนก็คือ คดีนี้จบลงแล้วจริงหรือ? และสามมหาดเล็ก ที่ถูกประหารชีวิตเป็น "แพะรับบาป" หรือไม่? ปูมหลังคดีสวรรคต ในหลวงรัชกาลที่ 8 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 วันแห่งโศกนาฏกรรม ช่วงสายวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จสวรรคตด้วยพระแสงปืน ภายในห้องพระบรรทม พระที่นั่งบรมพิมาน พระบรมมหาราชวัง 🔎 ลักษณะพระบรมศพ มีบาดแผล กลางพระนลาฏ หรือหน้าผาก ทะลุผ่านพระปฤษฎางค์ หรือท้ายทอย ข้างพระบรมศพพบ ปืนพกสั้น โคลต์ .45 ตกอยู่ ด้ามปืนหันออกจากพระวรกาย 💡 คำถามที่เกิดขึ้น เป็นอุบัติเหตุ หรือการลอบปลงพระชนม์? หากเป็นอัตวินิบาตกรรม เหตุใดจึงมีบาดแผล กระสุนทะลุจากหน้าผากไปท้ายทอย ซึ่งขัดแย้งกับ กลไกการยิงตัวตาย ตามธรรมชาติ? มหาดเล็กทั้งสามนาย จากข้าราชการใกล้ชิด สู่จำเลยประหารชีวิต หลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่นาน รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งในช่วงแรก ไม่มีใครถูกกล่าวหา แต่เมื่อเกิดการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2490 คดีได้ถูกพลิกกลับ โดยบุคคลที่ตกเป็นเป้าหมาย ถูกดำเนินคดีในข้อหาสมรู้ร่วมคิด 1. นายเฉลียว ปทุมรส อดีตมหาดเล็ก และราชเลขานุการในพระองค์ รัชกาลที่ 8 สมาชิกคณะราษฎรสายพลเรือน ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังแผนลอบปลงพระชนม์ ถูกศาลฎีกาพิพากษา ตัดสินประหารชีวิต 2. นายชิต สิงหเสนี มหาดเล็กห้องพระบรรทม อยู่ในพระที่นั่งบรมพิมานในวันเกิดเหตุ ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ และถูกศาลฎีกา พิพากษายืน ประหารชีวิตตามศาลอุทธรณ์ 3. นายบุศย์ ปัทมศริน มหาดเล็กห้องพระบรรทมอีกคนหนึ่ง เป็นหนึ่งในบุคคลสุดท้าย ที่เห็นในหลวงรัชกาลที่ 8 ก่อนสวรรคต ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในการปลงพระชนม์ และถูกศาลฎีกา พิกากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ตัดสินประหารชีวิต 💭 ข้อโต้แย้ง มหาดเล็กทั้งสามนาย ยืนยันว่าตนเองบริสุทธิ์ จนถึงวินาทีสุดท้าย ไม่มีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ชัดเจน ที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ ศาลฎีกาตัดสิน คำพิพากษาที่นำไปสู่ลานประหาร หลังการสอบสวน คดีนี้ผ่านการพิจารณาของ ศาล 3 ระดับ - ศาลชั้นต้น พิพากษาประหารชีวิต ทั้งสามคน - ศาลอุทธรณ์ ยืนยันคำพิพากษาเดิม - ศาลฎีกา พิพากษายืน ตามคำตัดสินเดิม 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 วันที่สามมหาดเล็ก ถูกยิงเป้าด้วยปืนกล ⏰ 02.00 น. อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ⏰ 02.20 น. นายเฉลียว ถูกประหาร ⏰ 02.40 น. นายชิต ถูกประหาร ⏰ 03.00 น. นายบุศย์ ถูกประหาร หลังจากการยิงเป้าประหารชีวิต ศพนักโทษทั้ง 3 ราย ถูกใส่ในช่องเก็บศพ เเล้วนำร่างออกจากประตูเเดง หรือประตูผีของวัดบางแพรกใต้ ในวันรุ่งขึ้น 👀 ความน่าสงสัย - คำร้องขออภัยโทษถูก "ยกฎีกา" อย่างกะทันหัน - ไม่มีการสืบสวนใหม่ แม้จะมีหลักฐานที่อาจเปลี่ยนคดี ทฤษฎีสมคบคิด ใครคือผู้ต้องสงสัยที่แท้จริง? แม้ว่าศาลจะตัดสินประหารชีวิต สามมหาดเล็กไปแล้ว แต่ปริศนาการสวรรคต ยังคงเป็นหัวข้อ ที่ถูกตั้งคำถามอยู่ตลอด 🕵️‍♂️ ทฤษฎี "อุบัติเหตุ" ในหลวงรัชกาลที่ 8 อาจทรงทำปืนลั่นเองขณะถือปืน มีหลักฐานว่า พระองค์ทรงสนใจปืน และเคยมีอุบัติเหตุปืนลั่นมาก่อน 🔴 ข้อโต้แย้ง ตำแหน่งบาดแผล ไม่สอดคล้องกับอุบัติเหตุ จากการยิงตัวเอง 🏴‍☠️ ทฤษฎี "ลอบปลงพระชนม์" มีการตั้งข้อสงสัยว่า ฝ่ายการเมืองบางกลุ่ม อาจอยู่เบื้องหลัง ขณะนั้นมีความขัดแย้งทางการเมือง ระหว่างกลุ่มนิยมเจ้า กับคณะราษฎร 🔴 ข้อโต้แย้ง ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า ใครเป็นผู้ลงมือ 🤔 ทฤษฎี "แพะรับบาป" สามมหาดเล็ก อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือ ในการปกปิดความจริง หลักฐานหลายอย่างถูกทำลาย หรือไม่ถูกเปิดเผย คดีปริศนาที่ยังไร้คำตอบ แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 70 ปี แต่คดีสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 8 ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน อย่างกว้างขวาง ข้อมูลที่มีอยู่ ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไร และใครคือผู้กระทำผิดตัวจริง ⏳ คำถามที่ยังไร้คำตอบ 🔥 - ในหลวงรัชกาลที่ 8 ทรงกระทำอัตวินิบาตกรรม หรือถูกลอบปลงพระชนม์? - สามมหาดเล็กที่ถูกประหาร เป็นแพะรับบาปหรือไม่? ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 171005 ก.พ. 2568 #คดีสวรรคต #รัชกาลที่8 #70ปีปริศนา #สมคบคิด #ลับลวงพราง #ประวัติศาสตร์ไทย #คดีสะเทือนขวัญ #ยิงเป้าสามมหาดเล็ก #ThailandMystery #HistoryUnsolved
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2007 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการ เผยถึงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นิดา มีพยานบางคนกลับคำ ให้ข้อมูลอ้างวันที่ 24 ก.พ. 2565 วันที่แตงโมเสียชีวิต ต่อมาวันที่ 25 ก.พ. คุณปอได้โทรศัพท์ไปหาคนหนึ่ง อ้างว่าคือนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน คงไม่โทรไปสวัสดีหรือถามว่าสบายดีไหม ที่สำคัญมีการอ้างว่า นายพีระพันธุ์โทรกลับหาคุณปอ โดยนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต พูดว่ามีกลุ่มคนเครือข่ายต่างๆ เป็น ร้อยคน เกี่ยวข้องกับเรื่องของแตงโม และมีอยู่เยอะในจำนวน 100-200 คน ที่พยายามยืนบนพื้นฐานว่าแตงโมตกน้ำตาย และมีผู้ใหญ่ดีเอสไอคนหนึ่ง ข่มขู่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่เป็นลูกน้องของนพ.วรวีร์ วัยวุฒิ รองผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำนองว่าจะตั้งกรรมการสอบสวนคนที่ไปรับโทรศัพท์ของแตงโม เหมือนกับไม่อยากให้เปิดเผยข้อมูลในโทรศัพท์แตงโม ซึ่งตอนที่นายปานเทพไปยื่นหนังสือร้องเรียนดีเอสไอ มีที่ปรึกษาของ รมว.ยุติธรรม คนหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตอัยการและเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของภาคเอกชนรายใหญ่ พูดในเชิงว่า “ไม่ต้องร้องเรียน มาร้องเรียนทำไม มันจบไปแล้ว” เหมือนกับไม่อยากให้ดีเอสไอรับเรื่อง 

    -มั่นใจ"บิ๊กโจ๊ก"ปล่อยคลิป
    -จับตาแก้ รธน.ได้ไปต่อ?
    -ขอโควตาพิเศษแก้เกม
    -จ่อตัดไฟชายแดนกัมพูชา
    นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการ เผยถึงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นิดา มีพยานบางคนกลับคำ ให้ข้อมูลอ้างวันที่ 24 ก.พ. 2565 วันที่แตงโมเสียชีวิต ต่อมาวันที่ 25 ก.พ. คุณปอได้โทรศัพท์ไปหาคนหนึ่ง อ้างว่าคือนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน คงไม่โทรไปสวัสดีหรือถามว่าสบายดีไหม ที่สำคัญมีการอ้างว่า นายพีระพันธุ์โทรกลับหาคุณปอ โดยนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต พูดว่ามีกลุ่มคนเครือข่ายต่างๆ เป็น ร้อยคน เกี่ยวข้องกับเรื่องของแตงโม และมีอยู่เยอะในจำนวน 100-200 คน ที่พยายามยืนบนพื้นฐานว่าแตงโมตกน้ำตาย และมีผู้ใหญ่ดีเอสไอคนหนึ่ง ข่มขู่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่เป็นลูกน้องของนพ.วรวีร์ วัยวุฒิ รองผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำนองว่าจะตั้งกรรมการสอบสวนคนที่ไปรับโทรศัพท์ของแตงโม เหมือนกับไม่อยากให้เปิดเผยข้อมูลในโทรศัพท์แตงโม ซึ่งตอนที่นายปานเทพไปยื่นหนังสือร้องเรียนดีเอสไอ มีที่ปรึกษาของ รมว.ยุติธรรม คนหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตอัยการและเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของภาคเอกชนรายใหญ่ พูดในเชิงว่า “ไม่ต้องร้องเรียน มาร้องเรียนทำไม มันจบไปแล้ว” เหมือนกับไม่อยากให้ดีเอสไอรับเรื่อง  -มั่นใจ"บิ๊กโจ๊ก"ปล่อยคลิป -จับตาแก้ รธน.ได้ไปต่อ? -ขอโควตาพิเศษแก้เกม -จ่อตัดไฟชายแดนกัมพูชา
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1760 มุมมอง 44 0 รีวิว
Pages Boosts