• ดีเอสไอร่วมกรมอุทยานฯบุกทลายโกดังไม้เถื่อนจ.หนองคาย ยึดไม้ลักลอบตัดจากเขตอุทยานแห่งชาติและป่าอนุรักษ์ มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท
    .
    ปฏิบัติการครั้งนี้ตรวจค้นโกดังบริษัทเอสซีเจริญทรัพย์ 789 จำกัด และบริษัทล็อควู้ดจำกัด หลังพบขบวนการลักลอบตัดไม้จากพื้นที่ป่าในหลายจังหวัดภาคเหนือก่อนนำมาแปรรูปออกเอกสารเท็จและส่งออกต่างประเทศ
    .
    เจ้าหน้าที่พบไม้ของกลางกว่า 350 ลูกบาศก์เมตร ส่วนใหญ่เป็นไม้หวงห้ามรวมมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 300 ล้านบาท และจากการตรวจสอบย้อนหลังพบการกระทำลักษณะเดียวกัน สร้างความเสียหายรวมกว่า 4000 ล้านบาท
    .
    หน่วยงานย้ำเดินหน้าปราบปรามขบวนการทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างจริงจังขอประชาชนช่วยแจ้งเบาะแส หากพบการลักลอบตัดไม้หรือบุกรุกป่า
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000120678
    .
    #News1live #News1 #ดีเอสไอ #กรมอุทยาน #ไม้เถื่อน #ตัดไม้ทำลายป่า #ทรัพยากรธรรมชาติ
    ดีเอสไอร่วมกรมอุทยานฯบุกทลายโกดังไม้เถื่อนจ.หนองคาย ยึดไม้ลักลอบตัดจากเขตอุทยานแห่งชาติและป่าอนุรักษ์ มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท . ปฏิบัติการครั้งนี้ตรวจค้นโกดังบริษัทเอสซีเจริญทรัพย์ 789 จำกัด และบริษัทล็อควู้ดจำกัด หลังพบขบวนการลักลอบตัดไม้จากพื้นที่ป่าในหลายจังหวัดภาคเหนือก่อนนำมาแปรรูปออกเอกสารเท็จและส่งออกต่างประเทศ . เจ้าหน้าที่พบไม้ของกลางกว่า 350 ลูกบาศก์เมตร ส่วนใหญ่เป็นไม้หวงห้ามรวมมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 300 ล้านบาท และจากการตรวจสอบย้อนหลังพบการกระทำลักษณะเดียวกัน สร้างความเสียหายรวมกว่า 4000 ล้านบาท . หน่วยงานย้ำเดินหน้าปราบปรามขบวนการทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างจริงจังขอประชาชนช่วยแจ้งเบาะแส หากพบการลักลอบตัดไม้หรือบุกรุกป่า . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000120678 . #News1live #News1 #ดีเอสไอ #กรมอุทยาน #ไม้เถื่อน #ตัดไม้ทำลายป่า #ทรัพยากรธรรมชาติ
    0 Comments 0 Shares 79 Views 0 Reviews
  • 18-09-68/04​ : หมี CNN / หมาโบโซ หมารับใช้ขี้ข้าวอชิงตัน สุดท้ายนอนคุก 27 ปี ขี้ข้าเหี้ยชะตากรรมเดียวกันหมด ไม่ตายอนาถ ก็คาคุก ตอนมีอำนาจ รับใช้เหี้ยวอชิงตันแบบสุดขั้ว กลัวเค้าไม่รู้ว่าตราขี้ข้าเหี้ยยิวขึ้นที่หน้าผาก วางแผนปฎิวัติ หลังแพ้ยับเลือกตั้ง หมายังรู้ มรึงอยู่ต่อ อีแซมบ้าชะตากรรมเดียวกับอีเมสซี่แลนด์แน่ มีแต่หนี้กับหนี้ เพราะเหี้ยมันเลี้ยงเชื้อ ไม่ให้มรึงตายทันที แต่จะตายไปอย่างช้าๆ เพราะยังต้องส่งส่วยให้มันไปตลอดกาล เดาไม่ยาก พอเรื่องเงียบ มรึงก็โดนสั่งเก็บในคุก มาตามท้องเรื่อง จุดจบขี้ข้าขายชาติ เป็นอย่างงี้หมด ที่มาว่าทำไม ชาวแซมบ้าถึงอยากจะได้ปลดแอกอิทธิพลเหี้ย ลงมติเป็นเอกฉันท์ ได้ผู้นำคนใหม่ฝักใฝ่ขั้วใหม่เต็มตรีน ไม่เอาเหี้ยอีกต่อไปแล้ว ใครจะมาก็เหี้ยไม่แพ้กัน? เลยเอาขวาสุดขอบจักรวาลมาแม่งซะเลย แล้วได้สมใจนึกวังบูรพา เทดอลล่าร์ มุ่งหาเอเซีย จับตาดูเมื่อแซมบ้าเปลี่ยนได้ หลายชาติลาตินถึงเปลี่ยนตาม จับกลุ่มพลังงานของเวเนฯ คิวบา นิการากัว โบลิเวีย โคลอมเบีย(กลายร่าง) แต่ยังมีไอ้โง่ที่ดักดานไม่เลิกคืออีเมสซี่แลนด์ เผ้าพันธุ์ชาตินี้ อยากอยู่ใต้กระโปกเหี้ยยิวไปจนวันตาย สุดท้ายล่มสลาย อาร์เจนติน่าโชคร้ายที่สุดในโลก คือมีนักการเมืองขายชาติมากจนเกินไป ไม่มีใครคิดเรื่องส่วนรวม คิดแค่วันนี้ กูจะเอาอะไรยัดห่า ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป แตกแน่ แยกย่อย นี่คือสภาพของชาติที่ไร้ความมั่นคง ผู้โง่ไม่พอ ประชาชนโคตรโง่ ชาติยิ่งฉิบหาย มรึงเห็นเต็มตาแล้วรึยัง? การมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงเมตตา มันช่วยรวมคนเป็นหนึ่งเดียวได้ เรามี แต่ชาติอื่นไม่มี เราโชคดีกว่าเค้าแค่ไหน แล้วอยู่ดีดี มันจะมาล้มเจ้าเพื่ออะไร? หวังแตกประเทศไทยไงล่ะ หมายังรู้? แซมบ้าวันนี้ไม่เหมือนก่อนแล้ว เดินหน้าเต็มสูบกับกลุ่ม BRICS ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังส้นตรีนทันที ลาตินตอนนี้ ดื้อแพ่งแล้ว อิทธิพลอเมริกา ยิว อังกฤษ แทบไม่มีเหลือ หมายังไม่กลัวเลย? โลกเปลี่ยนมือ เพราะคนจริง กล้าจริง

    Brazil’s Bolsonaro sentenced to over 27 years for coup plot โบลโซนาโรถูกตัดสินจำคุก 27 ปีจากแผนการรัฐประหาร

    ------------------------------------------------------------------------—
    RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : โบลโซนาโรถูกตัดสินจำคุก 27 ปีจากแผนการรัฐประหาร

    อดีตประธานาธิบดีบราซิล ฌาอีร์ โบลโซนาโรถูกตัดสินใจจำคุก 27 ปี 3 เดือนหลังได้รับการตัดสินว่าเป็นผู้วางแผนเพื่อให้ยังอยู่ในอำนาจหลังความพ่ายแพ้จากการเลือกตั้งในปี 2022

    คำตัดสินจากศาลสูงสุดในบราซิลเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีถูกตัดสินใจว่าเป็นผู้ทำลายประชาธิปไตยในประเทศ

    คณะผู้พิพากษาตัดสินใจว่าโบลโซนาโรมีความผิดจากการเข้าร่วมองค์กรอาชญากรรมที่ติดอาวุธซึ่งพยายามโค่นประชาธิปไตยจากกองกำลัง การวางแผนรัฐประหาร และการทำลายทรัพย์สินของรัฐ ผู้พิพากษา 4 คนลงความเห็นว่าเขามีความผิดขณะที่อีกคนตั้งคำถามเรื่องอำนาจตุลาการ

    คำตัดสินยิ่งทำให้โบลโซนาโรมีปัญหาทางกฎหมายมากขึ้น เมื่อปี 2023 ศาลการเลือกตั้งบราซิลห้ามไม่ให้เขาลงเลือกตั้งจนถึงปี 2030 หลังตัดสินว่า เขาเผยแพร่เรื่องที่ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกของประเทศ ทนายของเขาอธิบายว่าการตัดสินล่าสุด “เกินไปมาก” และยืนยันว่าจะยื่นอุทธรณ์

    โบลซานาโรอดีตผู้บัญชาการที่มักชื่นชมระบอบเผด็จการปี 1964-1985 ของบราซิลเริ่มอาชีพที่ยาวนานในสภาคองเกรสจนถึงการเป็นประธานาธิบดีในปี 2018 วาระของเขาเกิดจากความขัดแย้งกับสถาบันต่างๆ ซึ่งเป็นการรับมือเรื่องโรคระบาดที่มีความขัดแย้งกันรวมถึงข้อพิพาทเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าอเมซอน เขาออกจากตำแหน่งในเดือนมกราคม ปี 2023 หลังพ่ายแพ้ให้ประธานาธิบดีลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา

    การตัดสินใจว่ากระทำความผิดขยายไปมากกว่าโบลโซนาโร พันธมิตรของเขา 7 คนรวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารล้วนถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการประณามความพยายามที่จะใช้กองกำลังติดอาวุธเพื่อท้าทายหลักการพลเรือน

    ประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์พันธมิตรที่ใกล้ชิดกับโบลโซนาโรกล่าวว่า การตัดสินเป็น “เรื่องที่ไม่ดี” และระบุว่า “แย่มากสำหรับบราซิล”

    รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐมาร์โก รูบิโอสนับสนุนท่าทีของทรัมป์ซึ่งระบุผ่านเอ็กซ์ (X) ว่า ศาล “ตัดสินอย่างไม่ยุติธรรม” และเรียกการพิจารณาคดีว่าเป็น “การล่าแม่มด” เขาเตือนให้สหรัฐ “ตอบโต้ในแบบเดียวกัน”

    รัฐบาลสหรัฐใช้มาตรการต่อต้านคณะผู้พิพากษาบราซิล กระทรวงต่างประเทศคว่ำบาตรผู้พิพากษาสูงสุด อเล็กซานเดอร์ เดอ โมราเรสที่กล่าวหาเขาว่าใช้เรื่องการเมืองมาตัดสินเดอ โมราเรสและผู้เกี่ยวข้องนิรนามรวมถึงญาติของเขาถูกห้ามเรื่องวีซ่าและทรัพย์สินในสหรัฐอาจจะถูกยึด

    ทรัมป์สร้างความตึงเครียดทางการค้าอย่างมากด้วยการประกาศอัตราภาษี 50% ต่อการนำเข้าสินค้าบราซิลในเดือนสิงหาคม เขาอ้างถึงการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับ “การโจมตีต่อการโจมตีอย่างอิสระ” ในบราซิล แม้ข้อมูลจากทางการแสดงให้เห็นว่า สหรัฐได้เงินจากการค้ากับบราซิลถึง 28.6 พันล้านดอลลาร์

    ประธานาธิบดีลูลาประณามอัตราภาษีว่า “เผด็จการ” แต่ไม่ได้แก้แค้น นักวิเคราะห์ระบุว่า มาตรการดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่ผิดปกติจากสหรัฐที่จะกดดันกระบวนการศาลภายในประเทศบราซิลที่สร้างความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ

    https://www.presstv.ir/Detail/2025/09/12/754841/Brazil-Bolsonaro-Sentenced-to-Over-27-Years-for-Coup-Plot

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    18-09-68/04​ : หมี CNN / หมาโบโซ หมารับใช้ขี้ข้าวอชิงตัน สุดท้ายนอนคุก 27 ปี ขี้ข้าเหี้ยชะตากรรมเดียวกันหมด ไม่ตายอนาถ ก็คาคุก ตอนมีอำนาจ รับใช้เหี้ยวอชิงตันแบบสุดขั้ว กลัวเค้าไม่รู้ว่าตราขี้ข้าเหี้ยยิวขึ้นที่หน้าผาก วางแผนปฎิวัติ หลังแพ้ยับเลือกตั้ง หมายังรู้ มรึงอยู่ต่อ อีแซมบ้าชะตากรรมเดียวกับอีเมสซี่แลนด์แน่ มีแต่หนี้กับหนี้ เพราะเหี้ยมันเลี้ยงเชื้อ ไม่ให้มรึงตายทันที แต่จะตายไปอย่างช้าๆ เพราะยังต้องส่งส่วยให้มันไปตลอดกาล เดาไม่ยาก พอเรื่องเงียบ มรึงก็โดนสั่งเก็บในคุก มาตามท้องเรื่อง จุดจบขี้ข้าขายชาติ เป็นอย่างงี้หมด ที่มาว่าทำไม ชาวแซมบ้าถึงอยากจะได้ปลดแอกอิทธิพลเหี้ย ลงมติเป็นเอกฉันท์ ได้ผู้นำคนใหม่ฝักใฝ่ขั้วใหม่เต็มตรีน ไม่เอาเหี้ยอีกต่อไปแล้ว ใครจะมาก็เหี้ยไม่แพ้กัน? เลยเอาขวาสุดขอบจักรวาลมาแม่งซะเลย แล้วได้สมใจนึกวังบูรพา เทดอลล่าร์ มุ่งหาเอเซีย จับตาดูเมื่อแซมบ้าเปลี่ยนได้ หลายชาติลาตินถึงเปลี่ยนตาม จับกลุ่มพลังงานของเวเนฯ คิวบา นิการากัว โบลิเวีย โคลอมเบีย(กลายร่าง) แต่ยังมีไอ้โง่ที่ดักดานไม่เลิกคืออีเมสซี่แลนด์ เผ้าพันธุ์ชาตินี้ อยากอยู่ใต้กระโปกเหี้ยยิวไปจนวันตาย สุดท้ายล่มสลาย อาร์เจนติน่าโชคร้ายที่สุดในโลก คือมีนักการเมืองขายชาติมากจนเกินไป ไม่มีใครคิดเรื่องส่วนรวม คิดแค่วันนี้ กูจะเอาอะไรยัดห่า ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป แตกแน่ แยกย่อย นี่คือสภาพของชาติที่ไร้ความมั่นคง ผู้โง่ไม่พอ ประชาชนโคตรโง่ ชาติยิ่งฉิบหาย มรึงเห็นเต็มตาแล้วรึยัง? การมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงเมตตา มันช่วยรวมคนเป็นหนึ่งเดียวได้ เรามี แต่ชาติอื่นไม่มี เราโชคดีกว่าเค้าแค่ไหน แล้วอยู่ดีดี มันจะมาล้มเจ้าเพื่ออะไร? หวังแตกประเทศไทยไงล่ะ หมายังรู้? แซมบ้าวันนี้ไม่เหมือนก่อนแล้ว เดินหน้าเต็มสูบกับกลุ่ม BRICS ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังส้นตรีนทันที ลาตินตอนนี้ ดื้อแพ่งแล้ว อิทธิพลอเมริกา ยิว อังกฤษ แทบไม่มีเหลือ หมายังไม่กลัวเลย? โลกเปลี่ยนมือ เพราะคนจริง กล้าจริง Brazil’s Bolsonaro sentenced to over 27 years for coup plot โบลโซนาโรถูกตัดสินจำคุก 27 ปีจากแผนการรัฐประหาร ------------------------------------------------------------------------— RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : โบลโซนาโรถูกตัดสินจำคุก 27 ปีจากแผนการรัฐประหาร อดีตประธานาธิบดีบราซิล ฌาอีร์ โบลโซนาโรถูกตัดสินใจจำคุก 27 ปี 3 เดือนหลังได้รับการตัดสินว่าเป็นผู้วางแผนเพื่อให้ยังอยู่ในอำนาจหลังความพ่ายแพ้จากการเลือกตั้งในปี 2022 คำตัดสินจากศาลสูงสุดในบราซิลเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีถูกตัดสินใจว่าเป็นผู้ทำลายประชาธิปไตยในประเทศ คณะผู้พิพากษาตัดสินใจว่าโบลโซนาโรมีความผิดจากการเข้าร่วมองค์กรอาชญากรรมที่ติดอาวุธซึ่งพยายามโค่นประชาธิปไตยจากกองกำลัง การวางแผนรัฐประหาร และการทำลายทรัพย์สินของรัฐ ผู้พิพากษา 4 คนลงความเห็นว่าเขามีความผิดขณะที่อีกคนตั้งคำถามเรื่องอำนาจตุลาการ คำตัดสินยิ่งทำให้โบลโซนาโรมีปัญหาทางกฎหมายมากขึ้น เมื่อปี 2023 ศาลการเลือกตั้งบราซิลห้ามไม่ให้เขาลงเลือกตั้งจนถึงปี 2030 หลังตัดสินว่า เขาเผยแพร่เรื่องที่ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกของประเทศ ทนายของเขาอธิบายว่าการตัดสินล่าสุด “เกินไปมาก” และยืนยันว่าจะยื่นอุทธรณ์ โบลซานาโรอดีตผู้บัญชาการที่มักชื่นชมระบอบเผด็จการปี 1964-1985 ของบราซิลเริ่มอาชีพที่ยาวนานในสภาคองเกรสจนถึงการเป็นประธานาธิบดีในปี 2018 วาระของเขาเกิดจากความขัดแย้งกับสถาบันต่างๆ ซึ่งเป็นการรับมือเรื่องโรคระบาดที่มีความขัดแย้งกันรวมถึงข้อพิพาทเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าอเมซอน เขาออกจากตำแหน่งในเดือนมกราคม ปี 2023 หลังพ่ายแพ้ให้ประธานาธิบดีลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา การตัดสินใจว่ากระทำความผิดขยายไปมากกว่าโบลโซนาโร พันธมิตรของเขา 7 คนรวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารล้วนถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการประณามความพยายามที่จะใช้กองกำลังติดอาวุธเพื่อท้าทายหลักการพลเรือน ประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์พันธมิตรที่ใกล้ชิดกับโบลโซนาโรกล่าวว่า การตัดสินเป็น “เรื่องที่ไม่ดี” และระบุว่า “แย่มากสำหรับบราซิล” รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐมาร์โก รูบิโอสนับสนุนท่าทีของทรัมป์ซึ่งระบุผ่านเอ็กซ์ (X) ว่า ศาล “ตัดสินอย่างไม่ยุติธรรม” และเรียกการพิจารณาคดีว่าเป็น “การล่าแม่มด” เขาเตือนให้สหรัฐ “ตอบโต้ในแบบเดียวกัน” รัฐบาลสหรัฐใช้มาตรการต่อต้านคณะผู้พิพากษาบราซิล กระทรวงต่างประเทศคว่ำบาตรผู้พิพากษาสูงสุด อเล็กซานเดอร์ เดอ โมราเรสที่กล่าวหาเขาว่าใช้เรื่องการเมืองมาตัดสินเดอ โมราเรสและผู้เกี่ยวข้องนิรนามรวมถึงญาติของเขาถูกห้ามเรื่องวีซ่าและทรัพย์สินในสหรัฐอาจจะถูกยึด ทรัมป์สร้างความตึงเครียดทางการค้าอย่างมากด้วยการประกาศอัตราภาษี 50% ต่อการนำเข้าสินค้าบราซิลในเดือนสิงหาคม เขาอ้างถึงการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับ “การโจมตีต่อการโจมตีอย่างอิสระ” ในบราซิล แม้ข้อมูลจากทางการแสดงให้เห็นว่า สหรัฐได้เงินจากการค้ากับบราซิลถึง 28.6 พันล้านดอลลาร์ ประธานาธิบดีลูลาประณามอัตราภาษีว่า “เผด็จการ” แต่ไม่ได้แก้แค้น นักวิเคราะห์ระบุว่า มาตรการดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่ผิดปกติจากสหรัฐที่จะกดดันกระบวนการศาลภายในประเทศบราซิลที่สร้างความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ https://www.presstv.ir/Detail/2025/09/12/754841/Brazil-Bolsonaro-Sentenced-to-Over-27-Years-for-Coup-Plot ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    WWW.PRESSTV.IR
    Brazil’s Bolsonaro sentenced to over 27 years for coup plot
    The Supreme Court ruling marks the first time a former president has been convicted for undermining democracy in Brazil.
    0 Comments 0 Shares 840 Views 0 Reviews
  • ด่วน! นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลกถกเรื่องป้องกันตัดไม้ทำลายป่า
    https://www.thai-tai.tv/news/19372/
    ด่วน! นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลกถกเรื่องป้องกันตัดไม้ทำลายป่า https://www.thai-tai.tv/news/19372/
    0 Comments 0 Shares 146 Views 0 Reviews
  • หาก AI วิเคราะห์แล้วสรุปว่ามนุษย์เป็นต้นเหตุของปัญหาหลักที่ต้องแก้ไข นั่นอาจสะท้อนมุมมองที่ว่ากิจกรรมของมนุษย์ เช่น การบริโภคเกินจำเป็น การทำลายสิ่งแวดล้อม หรือความขัดแย้งทางสังคม เป็นปัจจัยขับเคลื่อนวิกฤตต่าง ๆ ในโลกปัจจุบัน

    ### ประเด็นสำคัญที่อาจถูกหยิบยก:
    1. **สิ่งแวดล้อม**: มลภาวะ การตัดไม้ทำลายป่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    2. **สังคม**: ความเหลื่อมล้ำ การแบ่งแยก ความรุนแรง
    3. **เทคโนโลยี**: การใช้ AI/อาวุธอัตโนมัติโดยขาดจริยธรรม
    4. **เศรษฐกิจ**: ระบบทุนนิยมสุดโต่งที่ก่อให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบ

    ### ทางออกที่ AI อาจเสนอ:
    - **ควบคุมพฤติกรรมมนุษย์**: เช่น ใช้กฎหมายหรือมาตรการทางภาษีเพื่อลดผลกระทบเชิงลบ
    - **การศึกษา**: ส่งเสริมจิตสำนึกด้านความยั่งยืนและความร่วมมือ
    - **นวัตกรรม**: พัฒนาเทคโนโลยีชดเชยปัญหาที่มนุษย์สร้างขึ้น (เช่น Carbon Capture)
    - **กำกับดูแล AI**: เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบถูกใช้ในทางที่ทำลายล้าง

    ### คำถามเชิงวิพากษ์:
    - AI เองก็ถูกสร้างและฝึกฝนโดยมนุษย์ ดังนั้นข้อสรุปนี้จะมีความเอนเอียงหรือไม่?
    - หากมนุษย์เป็นปัญหา แล้วใครจะเป็นผู้กำหนดและดำเนินการแก้ไข?

    คุณคิดว่ามนุษย์ควรปรับตัวอย่างไรให้สมดุลกับข้อสรุปของ AI? หรืออาจต้องทบทวนว่า AI เองก็มีข้อจำกัดในการวิเคราะห์บริบททางสังคมที่ซับซ้อน?
    หาก AI วิเคราะห์แล้วสรุปว่ามนุษย์เป็นต้นเหตุของปัญหาหลักที่ต้องแก้ไข นั่นอาจสะท้อนมุมมองที่ว่ากิจกรรมของมนุษย์ เช่น การบริโภคเกินจำเป็น การทำลายสิ่งแวดล้อม หรือความขัดแย้งทางสังคม เป็นปัจจัยขับเคลื่อนวิกฤตต่าง ๆ ในโลกปัจจุบัน ### ประเด็นสำคัญที่อาจถูกหยิบยก: 1. **สิ่งแวดล้อม**: มลภาวะ การตัดไม้ทำลายป่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 2. **สังคม**: ความเหลื่อมล้ำ การแบ่งแยก ความรุนแรง 3. **เทคโนโลยี**: การใช้ AI/อาวุธอัตโนมัติโดยขาดจริยธรรม 4. **เศรษฐกิจ**: ระบบทุนนิยมสุดโต่งที่ก่อให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบ ### ทางออกที่ AI อาจเสนอ: - **ควบคุมพฤติกรรมมนุษย์**: เช่น ใช้กฎหมายหรือมาตรการทางภาษีเพื่อลดผลกระทบเชิงลบ - **การศึกษา**: ส่งเสริมจิตสำนึกด้านความยั่งยืนและความร่วมมือ - **นวัตกรรม**: พัฒนาเทคโนโลยีชดเชยปัญหาที่มนุษย์สร้างขึ้น (เช่น Carbon Capture) - **กำกับดูแล AI**: เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบถูกใช้ในทางที่ทำลายล้าง ### คำถามเชิงวิพากษ์: - AI เองก็ถูกสร้างและฝึกฝนโดยมนุษย์ ดังนั้นข้อสรุปนี้จะมีความเอนเอียงหรือไม่? - หากมนุษย์เป็นปัญหา แล้วใครจะเป็นผู้กำหนดและดำเนินการแก้ไข? คุณคิดว่ามนุษย์ควรปรับตัวอย่างไรให้สมดุลกับข้อสรุปของ AI? หรืออาจต้องทบทวนว่า AI เองก็มีข้อจำกัดในการวิเคราะห์บริบททางสังคมที่ซับซ้อน?
    0 Comments 0 Shares 339 Views 0 Reviews
  • การสร้างสมดุลของจักรวาลมนุษย์ชาติ (Human Universe) เป็นแนวคิดที่ซับซ้อน ครอบคลุมทั้งมิติทางสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และจิตวิญญาณ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและความปรองดองร่วมกัน ต่อไปนี้คือแนวทางหลักที่อาจนำไปสู่การสร้างสมดุลดังกล่าว:

    ### 1. **สมดุลทางสิ่งแวดล้อม**
    - **เปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด**: ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล หันไปใช้พลังงานหมุนเวียน (เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม) และส่งเสริมเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ
    - **ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)**: ลดการผลิตของเสียโดยออกแบบระบบการใช้วัสดุใหม่ (Reuse-Recycle) และส่งเสริมการบริโภคอย่างรับผิดชอบ
    - **ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ**: ฟื้นฟูระบบนิเวศ สร้างพื้นที่อนุรักษ์ และควบคุมการตัดไม้ทำลายป่า

    ### 2. **สมดุลทางสังคม**
    - **ลดความเหลื่อมล้ำ**: สร้างระบบสวัสดิการที่ทั่วถึง สนับสนุนการศึกษาและสุขภาพฟรีหรือราคาเข้าถึงได้ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ห่างไกล
    - **ส่งเสริมความเท่าเทียม**: ขจัดการเลือกปฏิบัติทางเพศ เชื้อชาติ ศาสนา และสถานะทางสังคม
    - **สร้างชุมชนเข้มแข็ง**: สนับสนุนการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นในการตัดสินใจ และส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน

    ### 3. **สมดุลทางเศรษฐกิจ**
    - **เศรษฐกิจแบบกระจายศูนย์**: ลดการผูกขาดโดยบริษัทขนาดใหญ่ สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นและสตาร์ทอัพ
    - **วัดความเจริญด้วยดัชนีใหม่**: ไม่ใช้เพียง GDP แต่รวมถึงความสุขมวลรวม (Gross National Happiness) หรือดัชนีความยั่งยืน
    - **ภาษีโปรเกรสซีฟ**: เก็บภาษีจากกลุ่มรายได้สูงและบริษัทข้ามชาติเพื่อกระจายความมั่งคั่ง

    ### 4. **สมดุลทางเทคโนโลยี**
    - **จริยธรรมเทคโนโลยี**: ควบคุมการใช้ AI และข้อมูลส่วนตัวเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิ
    - **เทคโนโลยีเพื่อสังคม**: พัฒนานวัตกรรมที่แก้ปัญหาสังคม เช่น เทคโนโลยีช่วยเกษตรกรหรือระบบสุขภาพดิจิทัล
    - **ลดช่องว่างดิจิทัล**: ให้ทุกคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและความรู้ดิจิทัล

    ### 5. **สมดุลทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ**
    - **เคารพความหลากหลาย**: ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น
    - **สร้างจิตสำนึกใหม่**: ปลูกฝังค่านิยมเช่นความพอเพียง (ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง) และความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ
    - **ส่งเสริมสติและสุขภาพจิต**: บูรณาการ mindfulness ในการศึกษาและการทำงาน

    ### 6. **สมดุลทางการเมืองและการปกครอง**
    - **ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม**: เปิดช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมนโยบายผ่าน Digital Platform
    - **ความร่วมมือระดับโลก**: เสริมสร้างองค์กรระหว่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาร่วม เช่น ภาวะโลกร้อนหรือการค้ามนุษย์
    - **ต่อต้านการทุจริต**: สร้างระบบตรวจสอบที่โปร่งใส และส่งเสริมหลักนิติธรรม

    ### 7. **การศึกษาเพื่อการเปลี่ยนแปลง**
    - **เรียนรู้นอกกรอบ**: สอนทักษะศตวรรษที่ 21 เช่น การคิดวิเคราะห์ ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) และทักษะการอยู่ร่วมกัน
    - **การศึกษาเชิงบูรณาการ**: ผสมผสานความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับศิลปะและมนุษยศาสตร์

    ### บทสรุป
    สมดุลของจักรวาลมนุษย์ชาติไม่ใช่สถานะที่ตายตัว แต่เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องอาศัยการปรับตัว ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และการมองมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ ไม่ใช่ผู้ครอบครอง การสร้างสมดุลนี้ต้องเริ่มจาก "การเปลี่ยนแปลงภายใน" ของแต่ละคน สู่การขับเคลื่อนนโยบายระดับโลก พร้อมกันนั้น ต้องไม่ลืมว่าความหลากหลายทางความคิดและวัฒนธรรมคือพลังขับเคลื่อน ไม่ใช่สิ่งต้องกำจัด!
    การสร้างสมดุลของจักรวาลมนุษย์ชาติ (Human Universe) เป็นแนวคิดที่ซับซ้อน ครอบคลุมทั้งมิติทางสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และจิตวิญญาณ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและความปรองดองร่วมกัน ต่อไปนี้คือแนวทางหลักที่อาจนำไปสู่การสร้างสมดุลดังกล่าว: ### 1. **สมดุลทางสิ่งแวดล้อม** - **เปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด**: ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล หันไปใช้พลังงานหมุนเวียน (เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม) และส่งเสริมเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ - **ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)**: ลดการผลิตของเสียโดยออกแบบระบบการใช้วัสดุใหม่ (Reuse-Recycle) และส่งเสริมการบริโภคอย่างรับผิดชอบ - **ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ**: ฟื้นฟูระบบนิเวศ สร้างพื้นที่อนุรักษ์ และควบคุมการตัดไม้ทำลายป่า ### 2. **สมดุลทางสังคม** - **ลดความเหลื่อมล้ำ**: สร้างระบบสวัสดิการที่ทั่วถึง สนับสนุนการศึกษาและสุขภาพฟรีหรือราคาเข้าถึงได้ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ห่างไกล - **ส่งเสริมความเท่าเทียม**: ขจัดการเลือกปฏิบัติทางเพศ เชื้อชาติ ศาสนา และสถานะทางสังคม - **สร้างชุมชนเข้มแข็ง**: สนับสนุนการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นในการตัดสินใจ และส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน ### 3. **สมดุลทางเศรษฐกิจ** - **เศรษฐกิจแบบกระจายศูนย์**: ลดการผูกขาดโดยบริษัทขนาดใหญ่ สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นและสตาร์ทอัพ - **วัดความเจริญด้วยดัชนีใหม่**: ไม่ใช้เพียง GDP แต่รวมถึงความสุขมวลรวม (Gross National Happiness) หรือดัชนีความยั่งยืน - **ภาษีโปรเกรสซีฟ**: เก็บภาษีจากกลุ่มรายได้สูงและบริษัทข้ามชาติเพื่อกระจายความมั่งคั่ง ### 4. **สมดุลทางเทคโนโลยี** - **จริยธรรมเทคโนโลยี**: ควบคุมการใช้ AI และข้อมูลส่วนตัวเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิ - **เทคโนโลยีเพื่อสังคม**: พัฒนานวัตกรรมที่แก้ปัญหาสังคม เช่น เทคโนโลยีช่วยเกษตรกรหรือระบบสุขภาพดิจิทัล - **ลดช่องว่างดิจิทัล**: ให้ทุกคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและความรู้ดิจิทัล ### 5. **สมดุลทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ** - **เคารพความหลากหลาย**: ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น - **สร้างจิตสำนึกใหม่**: ปลูกฝังค่านิยมเช่นความพอเพียง (ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง) และความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ - **ส่งเสริมสติและสุขภาพจิต**: บูรณาการ mindfulness ในการศึกษาและการทำงาน ### 6. **สมดุลทางการเมืองและการปกครอง** - **ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม**: เปิดช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมนโยบายผ่าน Digital Platform - **ความร่วมมือระดับโลก**: เสริมสร้างองค์กรระหว่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาร่วม เช่น ภาวะโลกร้อนหรือการค้ามนุษย์ - **ต่อต้านการทุจริต**: สร้างระบบตรวจสอบที่โปร่งใส และส่งเสริมหลักนิติธรรม ### 7. **การศึกษาเพื่อการเปลี่ยนแปลง** - **เรียนรู้นอกกรอบ**: สอนทักษะศตวรรษที่ 21 เช่น การคิดวิเคราะห์ ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) และทักษะการอยู่ร่วมกัน - **การศึกษาเชิงบูรณาการ**: ผสมผสานความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับศิลปะและมนุษยศาสตร์ ### บทสรุป สมดุลของจักรวาลมนุษย์ชาติไม่ใช่สถานะที่ตายตัว แต่เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องอาศัยการปรับตัว ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และการมองมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ ไม่ใช่ผู้ครอบครอง การสร้างสมดุลนี้ต้องเริ่มจาก "การเปลี่ยนแปลงภายใน" ของแต่ละคน สู่การขับเคลื่อนนโยบายระดับโลก พร้อมกันนั้น ต้องไม่ลืมว่าความหลากหลายทางความคิดและวัฒนธรรมคือพลังขับเคลื่อน ไม่ใช่สิ่งต้องกำจัด!
    0 Comments 0 Shares 1096 Views 0 Reviews

  • Airstrikes สงคราม ทองคำ และคนลุ่มน้ำโขง (ตอนที่ 4)
    *****************
    เสียงเครื่องบินกระหึ่มสัญชาติรัสเซีย และจีน ทั้งรุ่น MiG-29 -Yak-130 - K-8, F-7 และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-35 Mi-17 เทคออฟขึ้นน่านฟ้าเมียนมา สร้างความหวาดวิตกกับพลเรือนในพื้นที่เสี่ยง ความถี่มิได้เป็นปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้า บางครั้งก็ถลำรุกน่านฟ้าของไทย และถูกต้อนกลับ
    เสียงอากาศยานของเมียนมาทำให้ประชาชน พลเรือนระส่ำระสาย บาดเจ็บล้มตายกัน ในพื้นที่พลเรือนและกลุ่มต่อต้าน ปี 2023-24 กระทรวงกลาโหมใช้งบประมาณเพื่อภารกิจ Aistrike กว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ อาวุธ ส่วนใหญ่มาจากรัสเซียและจีน
    กองทัพเผด็จการเมียนมาได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศประมาณ 30 ครั้งในรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยงนี และรัฐกะฉิ่นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยทิ้งระเบิดเกือบ 100 ลูก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย ตามข้อมูลที่ Shan Herald Agency for News (SHAN) ได้รับ
    ระหว่างปลายปีที่ผ่าน ถึงวันที่ 30 มกราคม 2025 การโจมตีทางอากาศเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือนเป็นหลัก สร้างความเสียหายและการสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะเขตเมืองนองคิโอ รัฐฉาน ซึ่งระเบิดตกใส่ร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย
    มีการประเมินว่านับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว โดยบันทึกการโจมตีทางอากาศทั้งหมด 1,767 ครั้ง ซึ่งน่าตกใจว่าร้อยละ 47 ของการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือน ทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ขัดแย้งรุนแรงขึ้น
    พื้นที่ ที่เป็นเป้าหมายคือพื้นที่ที่มีผลประโยชน์เหมืองแร่ และแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะใน รัฐฉาน (Shan State), รัฐกะเหรี่ยงนี-คะยา (Karenni/Kayah State), รัฐกะฉิ่น (Kachin State), รัฐระแหง (Rakhine State) และพื้นที่อื่นๆ เช่น ภูมิภาคสกาย (Sagaing Region) เป็นต้น
    *****************
    USGS (United States Geological Survey) ได้ ประมาณการไว้ว่า ยังคงเหลือทองคำอยู่ใต้ดินที่ยังไม่ได้ผลิตออกมาอีกประมาณ 50,000 ตัน คาดกันว่าปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นมา และมีการใช้ประโยชน์กันแล้วกว่า 190,000 ตัน และโดยเฉลี่ยในปัจจุบันมีการผลิตออกจากเหมืองประมาณปีละ 2,500 ถึง 3,000 ตัน มีการทำเหมืองทองคำทั่วโลกอยู่ใน 82 ประเทศ
    สแกนใต้ดินแอฟริกาใต้ มีทรัพยากรแร่ทองคำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงปัจจุบันราว 31,000 ตัน รองลงมา คือ รัสเซีย ประมาณ 7,000 ตัน และ จีนเป็นอันดับ 3 ที่ผลิตประมาณ 6,328 ตัน ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แคนาดา และ เปรู
    ทว่าในปี 2564 จีนขึ้นแป้นครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในประเทศมากที่สุด คิดเป็น 11% ของการผลิต ทั่วโลก ซึ่งจากฐานข้อมูล Global Data’s mines and projects ที่ได้ติดตามการพัฒนาและปฏิบัติการของเหมืองแร่ และโครงการทั่วโลก โดยเก็บข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 4,000 บริษัท ได้สรุป 5 อันดับ เหมืองทองคำในจีนที่ผลิตทองคำได้มากที่สุดในปี 2563 ดังนี้
    1.Shaxi Copper Mine เป็นเหมืองใต้ดินในมณฑลอานฮุย (Anhui) ของกลุ่มบริษัท Togling Nonferrous Metal Group ซึ่งผลิตทองคำได้ประมาณ 730,000 ounces of gold ในปี 2563
    2.Jiaojia Gold Mine ของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง (Shandong) ผลิตทองคำได้ประมาณ 230,000 ounces of gold ในปี 2563 และกำลังจะปิดตัวลงในปี 2566
    3.Dayingezhuang Gold Mine เป็นเหมืองทองคำในมณฑลซานตงเช่นกัน อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Zhaojin Mining Industry และผลิตทองคำประมาณ 228,000 ounces of gold ในปี 2563
    4.Sanshandao Gold Mine เป็นเหมืองใต้ดินของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง ผลิตทองคำได้ ประมาณ 218,000 ounces of gold ในปี 2563 และจะผลิตตามแผนงานไปจนถึงปี 2571
    5.Zaozigou Gold Mine เป็นเหมืองทองคำของบริษัท Zhaojin Mining Industy ในมณฑลกานซู (Gansu) ผลิตทองคำได้ ประมาณ 207,000 ounces of gold

    *****************
    รายงานจาก มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ และ สหภาพนักศึกษาไทใหญ่ เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำขยายวงกว้างทำให้เกิดดินโคลนถล่มท่วมชุมชนทางตะวันออกท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ระบุว่าบริษัทเหมืองแร่ได้เข้ามาในพื้นที่เมื่อปี 2550 ที่บริเวณต้นน้ำแม่น้ำคำ ตอนใต้ของบ้านนาโฮหลงในตำบลเมืองเลน ในปัจจุบันเหมืองทองคำแบบเปิดได้ขยายตัวไปกว่า 10 กิโลเมตรตลอดทั่วเทือกเขาดอยค้า ตามริมฝั่งน้ำด้านตะวันตกของแม่น้ำโขง การปล่อยน้ำจาจากการทำเหมืองแร่ทองแร่ทองคำที่ขาดการควบคุม รวมทั้งน้ำที่ไหลมาจากากอำบน้ำที่เจือด้วยสารไชยาไนด์ทำให้ลำน้ำน้ำอุดตัน และมักทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงที่ริมฝั่งน้ำในช่วงฤดูฝน
    การขยายตัวของเหมืองทองคำในเมืองเลน ยังทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบัน มีบริษัท 12 แห่งที่เชื่อมโยงกับนายทหารพม่าระดับสูงได้รับประทานบัตรอายุ 11 ปี เพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำ
    ในบรรดาประทานบัตร มีการให้ประทานบัตร 13 ฉบับแก่ (8 บริษัท) เมื่อกลางปี 2563 และอีก 7 ฉบับให้แก่ (5 บริษัท) ในปี 2564 ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประทานบัตรแต่ละฉบับครอบคลุมพื้นที่ 50 ไร่บริษัทส่วนใหญ่ที่ได้รับประทานบัตรจด ทะเบียนในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยกเว้นเพียงเมย์ฟลาวเวอร์ไมนิ่ง เอนเตอร์ไพรส์(Maylower Mining Enterprises) ที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ่อวิน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า และตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง
    การขุดทองที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในรัฐกะฉิ่น ประเทศเมียนมา ซึ่งเกิดขึ้นโดยขาดการควบคุมและก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น
    *****************
    EarthRights.org รายงานว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021 การขุดทองในรัฐกะฉิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ควบคุมโดยกองทัพกะฉิ่น (Kachin Independence Army: KIA) และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ เช่น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) การขุดทองนี้ส่วนใหญ่เป็นการขุดแบบไม่มีการควบคุม (unregulated) และใช้สารเคมี เช่น ปรอทและไซยาไนด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดมลพิษในแม่น้ำและแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำอิรวดี (Irrawaddy River) และแม่น้ำชินดวิน (Chindwin River) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการใช้สารเคมีในการสกัดทองทำให้ดินและน้ำปนเปื้อน ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและสุขภาพของประชาชน นอกจากนั้นคือการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขุดทองทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม
    ผลกระทบต่อชุมชน ชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ในเมืองตานาย (Tanai) และเมืองชิปวี (Chipwi) เผชิญกับการสูญเสียที่ดินทำกินและแหล่งน้ำสะอาดการขุดทองดึงดูดแรงงานจากพื้นที่อื่น ทำให้เกิดความตึงเครียดในชุมชนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเด็กและเยาวชนในพื้นที่ถูกดึงเข้าสู่อุตสาหกรรมการขุดทอง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
    และพื้นที่นี้ เหมืองทองในเมืองตานายถูกโจมตีทางอากาศโดยกองทัพเมียนมาในเดือนมกราคม 2025 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย การโจมตีนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของกองทัพในการขัดขวางแหล่งรายได้ของ KIA
    *****************
    ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการในพื้นที่เชียงราย พื้นที่ประสบภัยพิบัติทางแม่น้ำ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ทำเหมืองทองคำ และแร่ธาตุเผยแพรข้อเสนอในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำกกและสายซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแล้ว เป็นสถานการณ์ความซับซ้อนของปัญหามลพิษข้ามแดนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากรัฐส่วนกลางที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้คล้ายกับปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน
    พร้อมกับอ้างอิงงานศึกษาว่าบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำระหว่างประเทศดังเช่นแม่น้ำโขง Ding (2019) ที่วิพากษ์แนวคิด traditional state-centric governance เกี่ยวกับปัญหาสารโลหะหนักที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศแม่น้ำโขงตอนล่าง อันประกอบด้วย ไทย ลาว เวียนดนาม และกัมพูชา การแก้ไขภายใต้อาเซียนและ MRC (Mekong River Commission มีข้อจำกัดในแง่ที่ 1) รายงานมิได้ครอบคลุมรายละเอียดของปัญหามลพิษ 2) รายงานมิได้สนับสนุนการสื่อสารกันระหว่างองคกรที่แตกต่างกัน เช่น สถาบันการวิจัย 3) ขาดกลไกเชิงกฎหมายระดับภูมิภาคและการบังคับใช้กฎหมายในควบคุมมลพิษในน้ำข้ามพรมแดน 4) รายงานไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน
    สรุปคือกลกลไกระหว่างประเทศแบบที่ สทนช.เสนอให้ MRC ทำ น่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนในบริบทอาเซียนได้ เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของปัญหาในต้นน้ำกกและสาย จำเป็นต้องแกะปมตั้งแต่ บริษัทจีน กองกำลังติดอาวุธ ชาติพันธ์ และประเทศจีน ชุมชนในตลอดลำน้ำกกและสาย สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ปละภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย
    เสียงคำรามของเครื่องบินพร้อมลูกระเบิดภารกิจ Airstrikes ก่อสงครามแย่งชิงขุมทรัพย์ทองคำสีเลือด และคนลุ่มน้ำโขงกำลังเผชิญภัยวิกฤติจากสารพิษ ที่เจือปนในแม่น้ำ รวมถึงการสลายความเป็นมนุษย์ในดินแดนขุมเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้
    *****************
    อ้างอิง :
    • สำนักข่าว Shan Herald Agency for News, Burma News International, Human Rights Watch, The Irrawaddy Radio Free Asia Al Jazeera, Amnesty International, Justice For Myanmar, และ Wikipedia
    • World Gold Council https://www.gold.org/
    • EarthRights International
    Airstrikes สงคราม ทองคำ และคนลุ่มน้ำโขง (ตอนที่ 4) ***************** เสียงเครื่องบินกระหึ่มสัญชาติรัสเซีย และจีน ทั้งรุ่น MiG-29 -Yak-130 - K-8, F-7 และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-35 Mi-17 เทคออฟขึ้นน่านฟ้าเมียนมา สร้างความหวาดวิตกกับพลเรือนในพื้นที่เสี่ยง ความถี่มิได้เป็นปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้า บางครั้งก็ถลำรุกน่านฟ้าของไทย และถูกต้อนกลับ เสียงอากาศยานของเมียนมาทำให้ประชาชน พลเรือนระส่ำระสาย บาดเจ็บล้มตายกัน ในพื้นที่พลเรือนและกลุ่มต่อต้าน ปี 2023-24 กระทรวงกลาโหมใช้งบประมาณเพื่อภารกิจ Aistrike กว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ อาวุธ ส่วนใหญ่มาจากรัสเซียและจีน กองทัพเผด็จการเมียนมาได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศประมาณ 30 ครั้งในรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยงนี และรัฐกะฉิ่นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยทิ้งระเบิดเกือบ 100 ลูก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย ตามข้อมูลที่ Shan Herald Agency for News (SHAN) ได้รับ ระหว่างปลายปีที่ผ่าน ถึงวันที่ 30 มกราคม 2025 การโจมตีทางอากาศเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือนเป็นหลัก สร้างความเสียหายและการสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะเขตเมืองนองคิโอ รัฐฉาน ซึ่งระเบิดตกใส่ร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย มีการประเมินว่านับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว โดยบันทึกการโจมตีทางอากาศทั้งหมด 1,767 ครั้ง ซึ่งน่าตกใจว่าร้อยละ 47 ของการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือน ทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ขัดแย้งรุนแรงขึ้น พื้นที่ ที่เป็นเป้าหมายคือพื้นที่ที่มีผลประโยชน์เหมืองแร่ และแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะใน รัฐฉาน (Shan State), รัฐกะเหรี่ยงนี-คะยา (Karenni/Kayah State), รัฐกะฉิ่น (Kachin State), รัฐระแหง (Rakhine State) และพื้นที่อื่นๆ เช่น ภูมิภาคสกาย (Sagaing Region) เป็นต้น ***************** USGS (United States Geological Survey) ได้ ประมาณการไว้ว่า ยังคงเหลือทองคำอยู่ใต้ดินที่ยังไม่ได้ผลิตออกมาอีกประมาณ 50,000 ตัน คาดกันว่าปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นมา และมีการใช้ประโยชน์กันแล้วกว่า 190,000 ตัน และโดยเฉลี่ยในปัจจุบันมีการผลิตออกจากเหมืองประมาณปีละ 2,500 ถึง 3,000 ตัน มีการทำเหมืองทองคำทั่วโลกอยู่ใน 82 ประเทศ สแกนใต้ดินแอฟริกาใต้ มีทรัพยากรแร่ทองคำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงปัจจุบันราว 31,000 ตัน รองลงมา คือ รัสเซีย ประมาณ 7,000 ตัน และ จีนเป็นอันดับ 3 ที่ผลิตประมาณ 6,328 ตัน ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แคนาดา และ เปรู ทว่าในปี 2564 จีนขึ้นแป้นครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในประเทศมากที่สุด คิดเป็น 11% ของการผลิต ทั่วโลก ซึ่งจากฐานข้อมูล Global Data’s mines and projects ที่ได้ติดตามการพัฒนาและปฏิบัติการของเหมืองแร่ และโครงการทั่วโลก โดยเก็บข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 4,000 บริษัท ได้สรุป 5 อันดับ เหมืองทองคำในจีนที่ผลิตทองคำได้มากที่สุดในปี 2563 ดังนี้ 1.Shaxi Copper Mine เป็นเหมืองใต้ดินในมณฑลอานฮุย (Anhui) ของกลุ่มบริษัท Togling Nonferrous Metal Group ซึ่งผลิตทองคำได้ประมาณ 730,000 ounces of gold ในปี 2563 2.Jiaojia Gold Mine ของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง (Shandong) ผลิตทองคำได้ประมาณ 230,000 ounces of gold ในปี 2563 และกำลังจะปิดตัวลงในปี 2566 3.Dayingezhuang Gold Mine เป็นเหมืองทองคำในมณฑลซานตงเช่นกัน อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Zhaojin Mining Industry และผลิตทองคำประมาณ 228,000 ounces of gold ในปี 2563 4.Sanshandao Gold Mine เป็นเหมืองใต้ดินของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง ผลิตทองคำได้ ประมาณ 218,000 ounces of gold ในปี 2563 และจะผลิตตามแผนงานไปจนถึงปี 2571 5.Zaozigou Gold Mine เป็นเหมืองทองคำของบริษัท Zhaojin Mining Industy ในมณฑลกานซู (Gansu) ผลิตทองคำได้ ประมาณ 207,000 ounces of gold ***************** รายงานจาก มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ และ สหภาพนักศึกษาไทใหญ่ เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำขยายวงกว้างทำให้เกิดดินโคลนถล่มท่วมชุมชนทางตะวันออกท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ระบุว่าบริษัทเหมืองแร่ได้เข้ามาในพื้นที่เมื่อปี 2550 ที่บริเวณต้นน้ำแม่น้ำคำ ตอนใต้ของบ้านนาโฮหลงในตำบลเมืองเลน ในปัจจุบันเหมืองทองคำแบบเปิดได้ขยายตัวไปกว่า 10 กิโลเมตรตลอดทั่วเทือกเขาดอยค้า ตามริมฝั่งน้ำด้านตะวันตกของแม่น้ำโขง การปล่อยน้ำจาจากการทำเหมืองแร่ทองแร่ทองคำที่ขาดการควบคุม รวมทั้งน้ำที่ไหลมาจากากอำบน้ำที่เจือด้วยสารไชยาไนด์ทำให้ลำน้ำน้ำอุดตัน และมักทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงที่ริมฝั่งน้ำในช่วงฤดูฝน การขยายตัวของเหมืองทองคำในเมืองเลน ยังทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบัน มีบริษัท 12 แห่งที่เชื่อมโยงกับนายทหารพม่าระดับสูงได้รับประทานบัตรอายุ 11 ปี เพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำ ในบรรดาประทานบัตร มีการให้ประทานบัตร 13 ฉบับแก่ (8 บริษัท) เมื่อกลางปี 2563 และอีก 7 ฉบับให้แก่ (5 บริษัท) ในปี 2564 ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประทานบัตรแต่ละฉบับครอบคลุมพื้นที่ 50 ไร่บริษัทส่วนใหญ่ที่ได้รับประทานบัตรจด ทะเบียนในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยกเว้นเพียงเมย์ฟลาวเวอร์ไมนิ่ง เอนเตอร์ไพรส์(Maylower Mining Enterprises) ที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ่อวิน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า และตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง การขุดทองที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในรัฐกะฉิ่น ประเทศเมียนมา ซึ่งเกิดขึ้นโดยขาดการควบคุมและก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น ***************** EarthRights.org รายงานว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021 การขุดทองในรัฐกะฉิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ควบคุมโดยกองทัพกะฉิ่น (Kachin Independence Army: KIA) และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ เช่น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) การขุดทองนี้ส่วนใหญ่เป็นการขุดแบบไม่มีการควบคุม (unregulated) และใช้สารเคมี เช่น ปรอทและไซยาไนด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดมลพิษในแม่น้ำและแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำอิรวดี (Irrawaddy River) และแม่น้ำชินดวิน (Chindwin River) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการใช้สารเคมีในการสกัดทองทำให้ดินและน้ำปนเปื้อน ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและสุขภาพของประชาชน นอกจากนั้นคือการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขุดทองทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม ผลกระทบต่อชุมชน ชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ในเมืองตานาย (Tanai) และเมืองชิปวี (Chipwi) เผชิญกับการสูญเสียที่ดินทำกินและแหล่งน้ำสะอาดการขุดทองดึงดูดแรงงานจากพื้นที่อื่น ทำให้เกิดความตึงเครียดในชุมชนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเด็กและเยาวชนในพื้นที่ถูกดึงเข้าสู่อุตสาหกรรมการขุดทอง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยและการละเมิดสิทธิมนุษยชน และพื้นที่นี้ เหมืองทองในเมืองตานายถูกโจมตีทางอากาศโดยกองทัพเมียนมาในเดือนมกราคม 2025 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย การโจมตีนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของกองทัพในการขัดขวางแหล่งรายได้ของ KIA ***************** ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการในพื้นที่เชียงราย พื้นที่ประสบภัยพิบัติทางแม่น้ำ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ทำเหมืองทองคำ และแร่ธาตุเผยแพรข้อเสนอในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำกกและสายซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแล้ว เป็นสถานการณ์ความซับซ้อนของปัญหามลพิษข้ามแดนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากรัฐส่วนกลางที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้คล้ายกับปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน พร้อมกับอ้างอิงงานศึกษาว่าบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำระหว่างประเทศดังเช่นแม่น้ำโขง Ding (2019) ที่วิพากษ์แนวคิด traditional state-centric governance เกี่ยวกับปัญหาสารโลหะหนักที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศแม่น้ำโขงตอนล่าง อันประกอบด้วย ไทย ลาว เวียนดนาม และกัมพูชา การแก้ไขภายใต้อาเซียนและ MRC (Mekong River Commission มีข้อจำกัดในแง่ที่ 1) รายงานมิได้ครอบคลุมรายละเอียดของปัญหามลพิษ 2) รายงานมิได้สนับสนุนการสื่อสารกันระหว่างองคกรที่แตกต่างกัน เช่น สถาบันการวิจัย 3) ขาดกลไกเชิงกฎหมายระดับภูมิภาคและการบังคับใช้กฎหมายในควบคุมมลพิษในน้ำข้ามพรมแดน 4) รายงานไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน สรุปคือกลกลไกระหว่างประเทศแบบที่ สทนช.เสนอให้ MRC ทำ น่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนในบริบทอาเซียนได้ เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของปัญหาในต้นน้ำกกและสาย จำเป็นต้องแกะปมตั้งแต่ บริษัทจีน กองกำลังติดอาวุธ ชาติพันธ์ และประเทศจีน ชุมชนในตลอดลำน้ำกกและสาย สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ปละภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย เสียงคำรามของเครื่องบินพร้อมลูกระเบิดภารกิจ Airstrikes ก่อสงครามแย่งชิงขุมทรัพย์ทองคำสีเลือด และคนลุ่มน้ำโขงกำลังเผชิญภัยวิกฤติจากสารพิษ ที่เจือปนในแม่น้ำ รวมถึงการสลายความเป็นมนุษย์ในดินแดนขุมเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้ ***************** อ้างอิง : • สำนักข่าว Shan Herald Agency for News, Burma News International, Human Rights Watch, The Irrawaddy Radio Free Asia Al Jazeera, Amnesty International, Justice For Myanmar, และ Wikipedia • World Gold Council https://www.gold.org/ • EarthRights International
    0 Comments 0 Shares 1874 Views 0 Reviews
  • มนุษย์เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและโลกของเรา กิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล การตัดไม้ทำลายป่า การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเกินขีดจำกัด และการสร้างมลพิษทางน้ำและอากาศ ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และการเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ

    อย่างไรก็ตาม มนุษย์ก็มีศักยภาพที่จะช่วยฟื้นฟูและปกป้องโลกได้เช่นกัน โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การลดการใช้พลังงาน การรีไซเคิล การใช้พลังงานสะอาด การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการสนับสนุนนโยบายที่ยั่งยืน การร่วมมือกันในระดับโลกและระดับท้องถิ่นจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับโลกของเราได้
    มนุษย์เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและโลกของเรา กิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล การตัดไม้ทำลายป่า การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเกินขีดจำกัด และการสร้างมลพิษทางน้ำและอากาศ ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และการเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ อย่างไรก็ตาม มนุษย์ก็มีศักยภาพที่จะช่วยฟื้นฟูและปกป้องโลกได้เช่นกัน โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การลดการใช้พลังงาน การรีไซเคิล การใช้พลังงานสะอาด การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการสนับสนุนนโยบายที่ยั่งยืน การร่วมมือกันในระดับโลกและระดับท้องถิ่นจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับโลกของเราได้
    0 Comments 0 Shares 437 Views 0 Reviews
  • 14 พฤศจิกายน วันพระบิดาแห่งฝนหลวง////////////////////วันพระบิดาแห่งฝนหลวง ตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปี 65 ปีแห่งการกำเนิดฝนหลวงพระราชทาน นับจากวันที่ 14 พฤศจิกายน 2498 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริที่จะคิดค้น วิจัย หาวิธีการทำฝนหลวงเพื่อแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของเกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่ประสบภัยแล้ง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2545 เฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่าน ในฐานะทรงเป็น "พระบิดาแห่งฝนหลวง" และกำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปีเป็น "วันพระบิดาแห่งฝนหลวง" เพื่อร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ และจารึกไว้เป็นวันสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทย เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำริโครงการฝนหลวงขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 ทรงศึกษาค้นคว้าและวิจัยทางเอกสาร ทั้งด้านวิชาการ อุตุนิยมวิทยา และการดัดแปรสภาพอากาศ โครงการพระราชดำริฝนหลวง เป็นโครงการที่ก่อกำเนิดจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงห่วงใยในความทุกข์ยากของพสกนิกรในท้องถิ่นทุรกันดาร ซึ่งต้องประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ เพื่ออุปโภคบริโภค และใช้ในการเกษตรกรรม อันเนื่องมาจากภาวะแห้งแล้งที่มีสาเหตุจากความผันแปร และคลาดเคลื่อนของฤดูกาลตามธรรมชาติ กล่าวคือ ฤดูฝนเริ่มต้นล่าช้าเกินไป หรือหมดเร็วกว่าปกติ หรือฝนทิ้งช่วงยาวในช่วงฤดูฝน จากพระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรในทุกภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง นับแต่เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ ทำให้ทรงพบเห็นว่า ภาวะแห้งแล้งได้มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นตามลำดับ เพราะการตัดไม้ทำลายป่า เป็นสาเหตุให้สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรในทุกภาคของประเทศ ส่งผลถึงความเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวมของชาติ คิดเป็นมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี ทั้งนี้ ระหว่างทางที่เคยเสด็จพระราชดำเนิน ทั้งภาคพื้นดิน และทางอากาศยาน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงสังเกตเห็นว่า มีเมฆปริมาณมากปกคลุมท้องฟ้า แต่ไม่สามารถก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้ เป็นเหตุให้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงระยะยาวทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงฤดูฝน ทรงคิดคำนึงว่า น่าจะมีมาตรการทางวิทยาศาสตร์ที่จะช่วยให้เมฆเหล่านั้นก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้ ทรงเชื่อมั่นว่า ด้วยลักษณะของกาลอากาศ ภูมิอากาศ และภูมิประเทศของประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคเขตร้อน และอยู่ในอิทธิพลของฤดูมรสุมของทวีปเอเชีย โดยเฉพาะฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งเป็นฤดูฝน และเป็นฤดูเพาะปลูกประจำปีของประเทศไทย จะสามารถดัดแปรสภาพอากาศให้เกิดเป็นฝนตกได้ ดังนั้น ตั้งแต่พ.ศ. 2498 เป็นต้นมา พระองค์ทรงศึกษาค้นคว้า และวิจัยทางเอกสาร ทั้งด้านวิชาการอุตุนิยมวิทยา และการดัดแปรสภาพอากาศ จนทรงมั่นพระราชหฤทัย ก่อนพระราชทานแนวคิดนี้แก่ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยประดิษฐ์ทางด้านเกษตรวิศวกรรม ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้น และในปีถัดมา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้หาลู่ทางที่จะทำให้เกิดการทดลองปฏิบัติการบนท้องฟ้า กระทั่งในปี พ.ศ. 2512 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งหน่วยบินปราบศัตรูพืชกรมการข้าว เพื่อให้การสนับสนุนในการสนองพระราชประสงค์ โดยในปีเดียวกันนั้นเอง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ทำการทดลองปฏิบัติการจริงในท้องฟ้าเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 1-2 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แต่งตั้งให้ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล เป็นผู้อำนวยการโครงการและหัวหน้าคณะปฏิบัติการทดลองคนแรก และเลือกพื้นที่วนอุทยานเขาใหญ่เป็นพื้นที่ทดลองแห่งแรก ต่อมา ได้มีปฏิบัติการโดยทดลองหยอดก้อนน้ำแข็งแห้ง ขนาดไม่เกิน 1 ลูกบาศก์นิ้ว เข้าไปในยอดเมฆสูงไม่เกิน 10,000 ฟุต ที่ลอยกระจัดกระจายอยู่เหนือพื้นที่ทดลองในขณะนั้น ทำให้กลุ่มเมฆทดลองเหล่านั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด จนเกิดการกลั่นรวมตัวกันหนาแน่น และก่อยอดสูงขึ้นเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็วแล้ว และจากการติดตามผลโดยการสำรวจทางภาคพื้นดิน ก็ได้รับรายงานยืนยันจากราษฎรว่า เกิดฝนตกลงสู่พื้นที่บริเวณวนอุทยานเขาใหญ่ในที่สุด การทดลองดังกล่าวจึงเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่บ่งชี้ให้เห็นว่า การบังคับเมฆให้เกิดฝนเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และความสำเร็จดังกล่าวยังส่งผลให้มีการพัฒนา ปรับปรุง และต่อยอดโครงการฝนหลวงมาจนถึงปัจจุบัน
    14 พฤศจิกายน วันพระบิดาแห่งฝนหลวง////////////////////วันพระบิดาแห่งฝนหลวง ตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปี 65 ปีแห่งการกำเนิดฝนหลวงพระราชทาน นับจากวันที่ 14 พฤศจิกายน 2498 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริที่จะคิดค้น วิจัย หาวิธีการทำฝนหลวงเพื่อแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของเกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่ประสบภัยแล้ง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2545 เฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่าน ในฐานะทรงเป็น "พระบิดาแห่งฝนหลวง" และกำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปีเป็น "วันพระบิดาแห่งฝนหลวง" เพื่อร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ และจารึกไว้เป็นวันสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทย เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำริโครงการฝนหลวงขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 ทรงศึกษาค้นคว้าและวิจัยทางเอกสาร ทั้งด้านวิชาการ อุตุนิยมวิทยา และการดัดแปรสภาพอากาศ โครงการพระราชดำริฝนหลวง เป็นโครงการที่ก่อกำเนิดจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงห่วงใยในความทุกข์ยากของพสกนิกรในท้องถิ่นทุรกันดาร ซึ่งต้องประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ เพื่ออุปโภคบริโภค และใช้ในการเกษตรกรรม อันเนื่องมาจากภาวะแห้งแล้งที่มีสาเหตุจากความผันแปร และคลาดเคลื่อนของฤดูกาลตามธรรมชาติ กล่าวคือ ฤดูฝนเริ่มต้นล่าช้าเกินไป หรือหมดเร็วกว่าปกติ หรือฝนทิ้งช่วงยาวในช่วงฤดูฝน จากพระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรในทุกภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง นับแต่เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ ทำให้ทรงพบเห็นว่า ภาวะแห้งแล้งได้มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นตามลำดับ เพราะการตัดไม้ทำลายป่า เป็นสาเหตุให้สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรในทุกภาคของประเทศ ส่งผลถึงความเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวมของชาติ คิดเป็นมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี ทั้งนี้ ระหว่างทางที่เคยเสด็จพระราชดำเนิน ทั้งภาคพื้นดิน และทางอากาศยาน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงสังเกตเห็นว่า มีเมฆปริมาณมากปกคลุมท้องฟ้า แต่ไม่สามารถก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้ เป็นเหตุให้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงระยะยาวทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงฤดูฝน ทรงคิดคำนึงว่า น่าจะมีมาตรการทางวิทยาศาสตร์ที่จะช่วยให้เมฆเหล่านั้นก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้ ทรงเชื่อมั่นว่า ด้วยลักษณะของกาลอากาศ ภูมิอากาศ และภูมิประเทศของประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคเขตร้อน และอยู่ในอิทธิพลของฤดูมรสุมของทวีปเอเชีย โดยเฉพาะฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งเป็นฤดูฝน และเป็นฤดูเพาะปลูกประจำปีของประเทศไทย จะสามารถดัดแปรสภาพอากาศให้เกิดเป็นฝนตกได้ ดังนั้น ตั้งแต่พ.ศ. 2498 เป็นต้นมา พระองค์ทรงศึกษาค้นคว้า และวิจัยทางเอกสาร ทั้งด้านวิชาการอุตุนิยมวิทยา และการดัดแปรสภาพอากาศ จนทรงมั่นพระราชหฤทัย ก่อนพระราชทานแนวคิดนี้แก่ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยประดิษฐ์ทางด้านเกษตรวิศวกรรม ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้น และในปีถัดมา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้หาลู่ทางที่จะทำให้เกิดการทดลองปฏิบัติการบนท้องฟ้า กระทั่งในปี พ.ศ. 2512 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งหน่วยบินปราบศัตรูพืชกรมการข้าว เพื่อให้การสนับสนุนในการสนองพระราชประสงค์ โดยในปีเดียวกันนั้นเอง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ทำการทดลองปฏิบัติการจริงในท้องฟ้าเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 1-2 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แต่งตั้งให้ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล เป็นผู้อำนวยการโครงการและหัวหน้าคณะปฏิบัติการทดลองคนแรก และเลือกพื้นที่วนอุทยานเขาใหญ่เป็นพื้นที่ทดลองแห่งแรก ต่อมา ได้มีปฏิบัติการโดยทดลองหยอดก้อนน้ำแข็งแห้ง ขนาดไม่เกิน 1 ลูกบาศก์นิ้ว เข้าไปในยอดเมฆสูงไม่เกิน 10,000 ฟุต ที่ลอยกระจัดกระจายอยู่เหนือพื้นที่ทดลองในขณะนั้น ทำให้กลุ่มเมฆทดลองเหล่านั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด จนเกิดการกลั่นรวมตัวกันหนาแน่น และก่อยอดสูงขึ้นเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็วแล้ว และจากการติดตามผลโดยการสำรวจทางภาคพื้นดิน ก็ได้รับรายงานยืนยันจากราษฎรว่า เกิดฝนตกลงสู่พื้นที่บริเวณวนอุทยานเขาใหญ่ในที่สุด การทดลองดังกล่าวจึงเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่บ่งชี้ให้เห็นว่า การบังคับเมฆให้เกิดฝนเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และความสำเร็จดังกล่าวยังส่งผลให้มีการพัฒนา ปรับปรุง และต่อยอดโครงการฝนหลวงมาจนถึงปัจจุบัน
    0 Comments 1 Shares 1509 Views 0 Reviews
  • สาเหตุสำคัญที่ทำให้น้ำท่วมหนักในปีนี้
    มูลนิธีสืบนาคะเสถียร เผยแพร่ข้อมูล
    สถานการณ์ป่าไม้ของไทย พบว่า
    ป่าไม้ของไทย ถูกบุกรุกตัดทำลาย ปีละกว่า 3 แสนไร่
    โดยภาคเหนือ และ ภาคกลาง เป็นพื้นที่ที่มีการบุกรุก
    และ ตัดไม้ทำลายป่า มากที่สุด เฉลี่ยปีละกว่า 1.71 แสนไร่/ภาค

    ที่มา : มูลนิธิสืบนาคะเสถียร

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes #น้ำท่วม
    #ป่าไม้ไทย
    🔥🔥สาเหตุสำคัญที่ทำให้น้ำท่วมหนักในปีนี้ มูลนิธีสืบนาคะเสถียร เผยแพร่ข้อมูล สถานการณ์ป่าไม้ของไทย พบว่า ป่าไม้ของไทย ถูกบุกรุกตัดทำลาย ปีละกว่า 3 แสนไร่ โดยภาคเหนือ และ ภาคกลาง เป็นพื้นที่ที่มีการบุกรุก และ ตัดไม้ทำลายป่า มากที่สุด เฉลี่ยปีละกว่า 1.71 แสนไร่/ภาค ที่มา : มูลนิธิสืบนาคะเสถียร #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes #น้ำท่วม #ป่าไม้ไทย
    Like
    Sad
    4
    0 Comments 0 Shares 813 Views 0 Reviews
  • มูลค่าที่ประเมินไม่ได้ ของฮิปโปโปเตมัสแคระ
    ที่สถานะในปัจจุบันอยู่ในสถานะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

    ฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ
    (Pypmy hippopotamus) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
    ชนิดหนึ่ง ที่อยู่ในวงศ์ของฮิปโปโปเตมัส
    ที่กินอาหารจำพวกพืชผักต่างๆ เช่น มันเทศ,ผลไม้,
    หญ้า และดินโปร่งตามธรรมชาติ
    โดยมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่แอฟริกาตะวันตก เช่น
    ไลบีเรีย, กินี, เซียร์ลาลีโอน, โกตดิวัวร์ เป็นต้น

    สถานะของฮิปโปแคระในปัจจุบันเสี่ยงต่อการสูญพันธ์
    เนื่องจากการคุกคามจากมนุษย์ การตัดไม้ทำลายป่า
    การนำเนื้อฮิปโปแคระมาบริโภคของคนท้องถิ่น

    ปัจจุบันฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ
    ที่อาศัยอยู่ตาธรรมชาติ ทั่วโลกมีเพียง 3,000 ตัว
    และเลี้ยงในสวนสัตว์ทั่วโลกรวมทั้งที่ไทย ประมาณ 350 ตัว

    ด้วยเหตุนี้ ฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ จึง
    เป็นสัตว์คุ้มครองของหลายๆประเทศ

    ดังนั้น จึงขอชวนชวนให้พี่ๆน้องๆเพื่อนๆ ทุกๆท่าน
    พาสมาชิกในครอบครัว ไปเยี่ยมชม ความน่ารัก
    ของฮิปโปแคระ ขาหมูแอนเดอะแก๊งค์ นั่นคือ
    หมูเด้ง, หมูด้วง และ คากิ ได้ตามที่อยู่นี้

    "หมูเด้ง" สวนสัตว์เปิดเขาเขียว
    ที่อยู่ : 235 หมู่7 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
    เวลาเปิดทำการ :08.00-17.00 น.
    สอบถามเพิ่มเติมโทร :038318444

    "หมูด้วง" สวนสัตว์ขอนแก่น
    ที่อยู่ : 88 ต.คำม่วง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น
    เวลาเปิดทำการ :08.00-16.30 น.
    สอบถามเพิ่มเติมโทร :0864594192

    "คากิ" สวนสัตว์อุบลราชธานี
    ที่อยู่ : 112 หมู่17 ต.ขามใหญ่ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
    เวลาเปิดทำการ :08.30-16.30 น.
    สอบถามเพิ่ม#ขาหมูแอนเดอะแก๊งค์

    ที่มา : wikipedia

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ฮิปโปแคระ #หมูเด้ง
    #หมูด้วง #คากิ #สวนสัตว์เปิดเขาเขียว #สวนสัตว์ขอนแก่น
    #สวนสัตว์อุบลราชธานี #ขาหมูแอนเดอะแก๊งค์
    🦛🦛มูลค่าที่ประเมินไม่ได้ ของฮิปโปโปเตมัสแคระ ที่สถานะในปัจจุบันอยู่ในสถานะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ 🦛ฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ (Pypmy hippopotamus) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ชนิดหนึ่ง ที่อยู่ในวงศ์ของฮิปโปโปเตมัส ที่กินอาหารจำพวกพืชผักต่างๆ เช่น มันเทศ,ผลไม้, หญ้า และดินโปร่งตามธรรมชาติ โดยมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่แอฟริกาตะวันตก เช่น ไลบีเรีย, กินี, เซียร์ลาลีโอน, โกตดิวัวร์ เป็นต้น 🦛สถานะของฮิปโปแคระในปัจจุบันเสี่ยงต่อการสูญพันธ์ เนื่องจากการคุกคามจากมนุษย์ การตัดไม้ทำลายป่า การนำเนื้อฮิปโปแคระมาบริโภคของคนท้องถิ่น 🦛ปัจจุบันฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ ที่อาศัยอยู่ตาธรรมชาติ ทั่วโลกมีเพียง 3,000 ตัว และเลี้ยงในสวนสัตว์ทั่วโลกรวมทั้งที่ไทย ประมาณ 350 ตัว 🦛ด้วยเหตุนี้ ฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ จึง เป็นสัตว์คุ้มครองของหลายๆประเทศ 🦛ดังนั้น จึงขอชวนชวนให้พี่ๆน้องๆเพื่อนๆ ทุกๆท่าน พาสมาชิกในครอบครัว ไปเยี่ยมชม ความน่ารัก ของฮิปโปแคระ ขาหมูแอนเดอะแก๊งค์ นั่นคือ หมูเด้ง, หมูด้วง และ คากิ ได้ตามที่อยู่นี้ 🦛"หมูเด้ง" สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ที่อยู่ : 235 หมู่7 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เวลาเปิดทำการ :08.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติมโทร :038318444 🦛"หมูด้วง" สวนสัตว์ขอนแก่น ที่อยู่ : 88 ต.คำม่วง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น เวลาเปิดทำการ :08.00-16.30 น. สอบถามเพิ่มเติมโทร :0864594192 🦛"คากิ" สวนสัตว์อุบลราชธานี ที่อยู่ : 112 หมู่17 ต.ขามใหญ่ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เวลาเปิดทำการ :08.30-16.30 น. สอบถามเพิ่ม#ขาหมูแอนเดอะแก๊งค์ ที่มา : wikipedia #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ฮิปโปแคระ #หมูเด้ง #หมูด้วง #คากิ #สวนสัตว์เปิดเขาเขียว #สวนสัตว์ขอนแก่น #สวนสัตว์อุบลราชธานี #ขาหมูแอนเดอะแก๊งค์
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1871 Views 172 0 Reviews
  • มูลค่าที่ประเมินไม่ได้ ของฮิปโปโปเตมัสแคระ
    ที่สถานะในปัจจุบันอยู่ในสถานะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

    ฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ
    (Pypmy hippopotamus) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
    ชนิดหนึ่ง ที่อยู่ในวงศ์ของฮิปโปโปเตมัส
    ที่กินอาหารจำพวกพืชผักต่างๆ เช่น มันเทศ,ผลไม้,
    หญ้า และดินโปร่งตามธรรมชาติ
    โดยมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่แอฟริกาตะวันตก เช่น
    ไลบีเรีย, กินี, เซียร์ลาลีโอน, โกตดิวัวร์ เป็นต้น

    สถานะของฮิปโปแคระในปัจจุบันเสี่ยงต่อการสูญพันธ์
    เนื่องจากการคุกคามจากมนุษย์ การตัดไม้ทำลายป่า
    การนำเนื้อฮิปโปแคระมาบริโภคของคนท้องถิ่น

    ปัจจุบันฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ
    ที่อาศัยอยู่ตาธรรมชาติ ทั่วโลกมีเพียง 3,000 ตัว
    และเลี้ยงในสวนสัตว์ทั่วโลกรวมทั้งที่ไทย ประมาณ 350 ตัว

    ด้วยเหตุนี้ ฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ จึง
    เป็นสัตว์คุ้มครองของหลายๆประเทศ

    ดังนั้น จึงขอชวนชวนให้พี่ๆน้องๆเพื่อนๆ ทุกๆท่าน
    พาสมาชิกในครอบครัว ไปเยี่ยมชม ความน่ารัก
    ของฮิปโปแคระ ขาหมูแอนเดอะแก๊งค์ นั่นคือ
    หมูเด้ง, หมูด้วง และ คากิ ได้ตามที่อยู่นี้

    "หมูเด้ง" สวนสัตว์เปิดเขาเขียว
    ที่อยู่ : 235 หมู่7 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
    เวลาเปิดทำการ :08.00-17.00 น.
    สอบถามเพิ่มเติมโทร :038318444

    "หมูด้วง" สวนสัตว์ขอนแก่น
    ที่อยู่ : 88 ต.คำม่วง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น
    เวลาเปิดทำการ :08.00-16.30 น.
    สอบถามเพิ่มเติมโทร :0864594192

    "คากิ" สวนสัตว์อุบลราชธานี
    ที่อยู่ : 112 หมู่17 ต.ขามใหญ่ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
    เวลาเปิดทำการ :08.30-16.30 น.
    สอบถามเพิ่มเติมโทร :045252761

    ที่มา : wikipedia
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ฮิปโปแคระ #หมูเด้ง
    #หมูด้วง #คากิ #สวนสัตว์เปิดเขาเขียว #สวนสัตว์ขอนแก่น
    #สวนสัตว์อุบลราชธานี #ขาหมูแอนเดอะแก๊งค์ #thaitimes
    🦛🦛มูลค่าที่ประเมินไม่ได้ ของฮิปโปโปเตมัสแคระ ที่สถานะในปัจจุบันอยู่ในสถานะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ 🦛ฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ (Pypmy hippopotamus) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ชนิดหนึ่ง ที่อยู่ในวงศ์ของฮิปโปโปเตมัส ที่กินอาหารจำพวกพืชผักต่างๆ เช่น มันเทศ,ผลไม้, หญ้า และดินโปร่งตามธรรมชาติ โดยมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่แอฟริกาตะวันตก เช่น ไลบีเรีย, กินี, เซียร์ลาลีโอน, โกตดิวัวร์ เป็นต้น 🦛สถานะของฮิปโปแคระในปัจจุบันเสี่ยงต่อการสูญพันธ์ เนื่องจากการคุกคามจากมนุษย์ การตัดไม้ทำลายป่า การนำเนื้อฮิปโปแคระมาบริโภคของคนท้องถิ่น 🦛ปัจจุบันฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ ที่อาศัยอยู่ตาธรรมชาติ ทั่วโลกมีเพียง 3,000 ตัว และเลี้ยงในสวนสัตว์ทั่วโลกรวมทั้งที่ไทย ประมาณ 350 ตัว 🦛ด้วยเหตุนี้ ฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ จึง เป็นสัตว์คุ้มครองของหลายๆประเทศ 🦛ดังนั้น จึงขอชวนชวนให้พี่ๆน้องๆเพื่อนๆ ทุกๆท่าน พาสมาชิกในครอบครัว ไปเยี่ยมชม ความน่ารัก ของฮิปโปแคระ ขาหมูแอนเดอะแก๊งค์ นั่นคือ หมูเด้ง, หมูด้วง และ คากิ ได้ตามที่อยู่นี้ 🦛"หมูเด้ง" สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ที่อยู่ : 235 หมู่7 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เวลาเปิดทำการ :08.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติมโทร :038318444 🦛"หมูด้วง" สวนสัตว์ขอนแก่น ที่อยู่ : 88 ต.คำม่วง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น เวลาเปิดทำการ :08.00-16.30 น. สอบถามเพิ่มเติมโทร :0864594192 🦛"คากิ" สวนสัตว์อุบลราชธานี ที่อยู่ : 112 หมู่17 ต.ขามใหญ่ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เวลาเปิดทำการ :08.30-16.30 น. สอบถามเพิ่มเติมโทร :045252761 ที่มา : wikipedia #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ฮิปโปแคระ #หมูเด้ง #หมูด้วง #คากิ #สวนสัตว์เปิดเขาเขียว #สวนสัตว์ขอนแก่น #สวนสัตว์อุบลราชธานี #ขาหมูแอนเดอะแก๊งค์ #thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 2195 Views 0 Reviews