• โศกนาฏกรรมเพนกวินแอฟริกา 62,000 ตัวตายเพราะอดอาหาร

    งานวิจัยใหม่เผยให้เห็นการลดลงอย่างรุนแรงของประชากร เพนกวินแอฟริกา (African penguin) บริเวณชายฝั่งแอฟริกาใต้ ระหว่างปี 2004–2011 มีเพนกวินโตเต็มวัยกว่า 62,000 ตัว เสียชีวิตจากการอดอาหาร เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมและการทำประมงที่เข้มข้นเกินไป

    สาเหตุหลักของการอดอาหาร
    ปริมาณ ปลาซาร์ดีน (Sardinops sagax) ซึ่งเป็นอาหารหลักของเพนกวิน ลดลงเหลือเพียง 25% ของระดับสูงสุด
    การเปลี่ยนแปลงของ อุณหภูมิและความเค็มของน้ำทะเล จากภาวะโลกร้อน ทำให้ปลาลดจำนวนลง
    อัตราการจับปลาซาร์ดีนสูงถึง 80% ในปี 2006 ยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ ทำให้เพนกวินไม่สามารถสะสมพลังงานก่อนการผลัดขน (molt) ได้

    ผลกระทบต่อประชากรเพนกวิน
    การอดอาหารครั้งใหญ่ส่งผลให้ประชากรเพนกวินแอฟริกาลดลงถึง 95% ภายใน 8 ปี และในปี 2024 เหลือเพียง ไม่ถึง 10,000 คู่เพาะพันธุ์ ทำให้ถูกจัดอยู่ในสถานะ ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤติ (Critically Endangered) หากแนวโน้มยังดำเนินต่อไป นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าเพนกวินแอฟริกาอาจ สูญพันธุ์ภายในทศวรรษหน้า

    ความหมายต่อระบบนิเวศและมนุษย์
    การสูญเสียเพนกวินไม่ใช่เพียงการหายไปของสัตว์ชนิดหนึ่ง แต่ยังสะท้อนถึงการล่มสลายของระบบนิเวศทางทะเลที่เชื่อมโยงกับมนุษย์โดยตรง ทั้งการประมง การท่องเที่ยว และความสมดุลของสิ่งแวดล้อม นักวิจัยเสนอว่าการจัดการประมงที่ยั่งยืนและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นสิ่งจำเป็น หากไม่ทำเช่นนั้น เราอาจเห็นการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของสัตว์ทะเลต่อเนื่อง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การตายหมู่ของเพนกวินแอฟริกา
    62,000 ตัวตายจากการอดอาหารระหว่างปี 2004–2011

    สาเหตุหลัก
    ปลาซาร์ดีนลดลงเหลือ 25% จากเดิม
    การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการทำประมงเกินขนาด

    ผลกระทบต่อประชากร
    ลดลง 95% ใน 8 ปี เหลือไม่ถึง 10,000 คู่เพาะพันธุ์ในปี 2024

    ความหมายต่อระบบนิเวศ
    สะท้อนถึงวิกฤติสิ่งแวดล้อมและความจำเป็นในการจัดการประมงอย่างยั่งยืน

    คำเตือนจากนักวิจัย
    เพนกวินแอฟริกาอาจสูญพันธุ์ภายใน 10 ปี หากไม่แก้ไขปัญหา

    ความเสี่ยงต่อมนุษย์
    การล่มสลายของระบบนิเวศทางทะเลจะกระทบต่อการประมงและเศรษฐกิจโดยตรง

    https://www.sciencealert.com/62000-penguins-starved-to-death-off-south-africas-coast-last-decade-heres-why
    🐧 โศกนาฏกรรมเพนกวินแอฟริกา 62,000 ตัวตายเพราะอดอาหาร งานวิจัยใหม่เผยให้เห็นการลดลงอย่างรุนแรงของประชากร เพนกวินแอฟริกา (African penguin) บริเวณชายฝั่งแอฟริกาใต้ ระหว่างปี 2004–2011 มีเพนกวินโตเต็มวัยกว่า 62,000 ตัว เสียชีวิตจากการอดอาหาร เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมและการทำประมงที่เข้มข้นเกินไป 🌊 สาเหตุหลักของการอดอาหาร 💠 ปริมาณ ปลาซาร์ดีน (Sardinops sagax) ซึ่งเป็นอาหารหลักของเพนกวิน ลดลงเหลือเพียง 25% ของระดับสูงสุด 💠 การเปลี่ยนแปลงของ อุณหภูมิและความเค็มของน้ำทะเล จากภาวะโลกร้อน ทำให้ปลาลดจำนวนลง 💠 อัตราการจับปลาซาร์ดีนสูงถึง 80% ในปี 2006 ยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ ทำให้เพนกวินไม่สามารถสะสมพลังงานก่อนการผลัดขน (molt) ได้ ⚠️ ผลกระทบต่อประชากรเพนกวิน การอดอาหารครั้งใหญ่ส่งผลให้ประชากรเพนกวินแอฟริกาลดลงถึง 95% ภายใน 8 ปี และในปี 2024 เหลือเพียง ไม่ถึง 10,000 คู่เพาะพันธุ์ ทำให้ถูกจัดอยู่ในสถานะ ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤติ (Critically Endangered) หากแนวโน้มยังดำเนินต่อไป นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าเพนกวินแอฟริกาอาจ สูญพันธุ์ภายในทศวรรษหน้า 🌍 ความหมายต่อระบบนิเวศและมนุษย์ การสูญเสียเพนกวินไม่ใช่เพียงการหายไปของสัตว์ชนิดหนึ่ง แต่ยังสะท้อนถึงการล่มสลายของระบบนิเวศทางทะเลที่เชื่อมโยงกับมนุษย์โดยตรง ทั้งการประมง การท่องเที่ยว และความสมดุลของสิ่งแวดล้อม นักวิจัยเสนอว่าการจัดการประมงที่ยั่งยืนและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นสิ่งจำเป็น หากไม่ทำเช่นนั้น เราอาจเห็นการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของสัตว์ทะเลต่อเนื่อง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การตายหมู่ของเพนกวินแอฟริกา ➡️ 62,000 ตัวตายจากการอดอาหารระหว่างปี 2004–2011 ✅ สาเหตุหลัก ➡️ ปลาซาร์ดีนลดลงเหลือ 25% จากเดิม ➡️ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการทำประมงเกินขนาด ✅ ผลกระทบต่อประชากร ➡️ ลดลง 95% ใน 8 ปี เหลือไม่ถึง 10,000 คู่เพาะพันธุ์ในปี 2024 ✅ ความหมายต่อระบบนิเวศ ➡️ สะท้อนถึงวิกฤติสิ่งแวดล้อมและความจำเป็นในการจัดการประมงอย่างยั่งยืน ‼️ คำเตือนจากนักวิจัย ⛔ เพนกวินแอฟริกาอาจสูญพันธุ์ภายใน 10 ปี หากไม่แก้ไขปัญหา ‼️ ความเสี่ยงต่อมนุษย์ ⛔ การล่มสลายของระบบนิเวศทางทะเลจะกระทบต่อการประมงและเศรษฐกิจโดยตรง https://www.sciencealert.com/62000-penguins-starved-to-death-off-south-africas-coast-last-decade-heres-why
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    62,000 Penguins Starved to Death Off South Africa's Coast Last Decade. Here's Why.
    A brutal confluence of environmental change and human fishing habits left tens of thousands of adult African penguins off South Africa's coast without enough food to survive, reducing their population by around 95 percent in just eight years, a new study reveals.
    0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • GPTZero พบ 50+ Hallucinations ใน ICLR 2026

    การประชุม International Conference on Learning Representations (ICLR) ถือเป็นหนึ่งในเวทีวิชาการด้าน Machine Learning ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก แต่รายงานจาก GPTZero ชี้ว่า ระบบ Peer Review กำลังถูกท้าทายอย่างหนัก เนื่องจากการใช้ AI ในการเขียนบทความทำให้เกิดปัญหา “AI Slop” หรือเนื้อหาที่มีการอ้างอิงผิดพลาดและข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง

    GPTZero ใช้เครื่องมือ Citation Check สแกนบทความกว่า 300 เรื่องที่ส่งเข้าร่วม ICLR 2026 และพบว่า 90 เรื่องมีการอ้างอิงที่น่าสงสัย โดยหลังการตรวจสอบจากมนุษย์ พบว่า 50 เรื่องมีการอ้างอิงที่เป็น Hallucination จริง ซึ่งน่ากังวลเพราะบทความเหล่านี้ผ่านการรีวิวจากผู้ทรงคุณวุฒิ 3–5 คน แต่กลับไม่ถูกตรวจพบ

    ความหมายของ Hallucination ใน AI
    Hallucination (ภาพหลอนของ AI) คือปรากฏการณ์ที่โมเดล AI โดยเฉพาะ Generative AI เช่น ChatGPT หรือโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) สร้างคำตอบที่ดูน่าเชื่อถือ แต่จริงๆ แล้วเป็นข้อมูลที่ผิดพลาดหรือแต่งขึ้นมาเอง
    ตัวอย่างเช่น การอ้างอิงบทความที่ไม่มีอยู่จริง, การให้ข้อมูลตัวเลขที่ไม่ถูกต้อง, หรือการสร้างชื่อบุคคล/งานวิจัยที่ไม่เคยมีจริง

    สิ่งที่น่าตกใจคือ บางบทความที่มีการอ้างอิงผิดพลาดยังได้รับคะแนนรีวิวเฉลี่ยสูงถึง 8/10 ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสสูงที่จะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่มีการตรวจสอบเพิ่มเติม นี่สะท้อนถึงความเสี่ยงที่งานวิชาการคุณภาพต่ำอาจเล็ดลอดเข้าสู่เวทีระดับโลก

    GPTZero ประเมินว่า จากจำนวนบทความที่ส่งเข้าร่วมกว่า 20,000 เรื่อง อาจมีบทความที่มี Hallucination หลายร้อยเรื่อง ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไข อาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือของวงการวิจัย AI และ Machine Learning ในระดับสากล

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบของ GPTZero
    พบ Hallucinations มากกว่า 50 เรื่องในบทความที่ส่งเข้าร่วม ICLR 2026

    การตรวจสอบที่ล้มเหลว
    บทความเหล่านี้ผ่านการรีวิวจากผู้ทรงคุณวุฒิ 3–5 คน แต่ไม่ถูกตรวจพบ

    ความเสี่ยงต่อคุณภาพงานวิจัย
    บางบทความที่มีอ้างอิงผิดพลาดยังได้คะแนนรีวิวเฉลี่ยสูงถึง 8/10

    ขอบเขตของปัญหา
    จาก 20,000 บทความที่ส่งเข้าร่วม อาจมีหลายร้อยเรื่องที่มี Hallucinations

    ผลกระทบต่อวงการวิชาการ
    อาจทำให้ความน่าเชื่อถือของงานวิจัย AI และ Machine Learning ลดลง

    ความท้าทายของ Peer Review
    ผู้ทรงคุณวุฒิอาจไม่สามารถตรวจจับการอ้างอิงผิดพลาดที่เกิดจาก AI ได้ทั้งหมด

    https://gptzero.me/news/iclr-2026/
    📚 GPTZero พบ 50+ Hallucinations ใน ICLR 2026 การประชุม International Conference on Learning Representations (ICLR) ถือเป็นหนึ่งในเวทีวิชาการด้าน Machine Learning ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก แต่รายงานจาก GPTZero ชี้ว่า ระบบ Peer Review กำลังถูกท้าทายอย่างหนัก เนื่องจากการใช้ AI ในการเขียนบทความทำให้เกิดปัญหา “AI Slop” หรือเนื้อหาที่มีการอ้างอิงผิดพลาดและข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง GPTZero ใช้เครื่องมือ Citation Check สแกนบทความกว่า 300 เรื่องที่ส่งเข้าร่วม ICLR 2026 และพบว่า 90 เรื่องมีการอ้างอิงที่น่าสงสัย โดยหลังการตรวจสอบจากมนุษย์ พบว่า 50 เรื่องมีการอ้างอิงที่เป็น Hallucination จริง ซึ่งน่ากังวลเพราะบทความเหล่านี้ผ่านการรีวิวจากผู้ทรงคุณวุฒิ 3–5 คน แต่กลับไม่ถูกตรวจพบ 🤖 ความหมายของ Hallucination ใน AI 💠 Hallucination (ภาพหลอนของ AI) คือปรากฏการณ์ที่โมเดล AI โดยเฉพาะ Generative AI เช่น ChatGPT หรือโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) สร้างคำตอบที่ดูน่าเชื่อถือ แต่จริงๆ แล้วเป็นข้อมูลที่ผิดพลาดหรือแต่งขึ้นมาเอง 💠 ตัวอย่างเช่น การอ้างอิงบทความที่ไม่มีอยู่จริง, การให้ข้อมูลตัวเลขที่ไม่ถูกต้อง, หรือการสร้างชื่อบุคคล/งานวิจัยที่ไม่เคยมีจริง สิ่งที่น่าตกใจคือ บางบทความที่มีการอ้างอิงผิดพลาดยังได้รับคะแนนรีวิวเฉลี่ยสูงถึง 8/10 ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสสูงที่จะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่มีการตรวจสอบเพิ่มเติม นี่สะท้อนถึงความเสี่ยงที่งานวิชาการคุณภาพต่ำอาจเล็ดลอดเข้าสู่เวทีระดับโลก GPTZero ประเมินว่า จากจำนวนบทความที่ส่งเข้าร่วมกว่า 20,000 เรื่อง อาจมีบทความที่มี Hallucination หลายร้อยเรื่อง ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไข อาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือของวงการวิจัย AI และ Machine Learning ในระดับสากล 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบของ GPTZero ➡️ พบ Hallucinations มากกว่า 50 เรื่องในบทความที่ส่งเข้าร่วม ICLR 2026 ✅ การตรวจสอบที่ล้มเหลว ➡️ บทความเหล่านี้ผ่านการรีวิวจากผู้ทรงคุณวุฒิ 3–5 คน แต่ไม่ถูกตรวจพบ ✅ ความเสี่ยงต่อคุณภาพงานวิจัย ➡️ บางบทความที่มีอ้างอิงผิดพลาดยังได้คะแนนรีวิวเฉลี่ยสูงถึง 8/10 ✅ ขอบเขตของปัญหา ➡️ จาก 20,000 บทความที่ส่งเข้าร่วม อาจมีหลายร้อยเรื่องที่มี Hallucinations ‼️ ผลกระทบต่อวงการวิชาการ ⛔ อาจทำให้ความน่าเชื่อถือของงานวิจัย AI และ Machine Learning ลดลง ‼️ ความท้าทายของ Peer Review ⛔ ผู้ทรงคุณวุฒิอาจไม่สามารถตรวจจับการอ้างอิงผิดพลาดที่เกิดจาก AI ได้ทั้งหมด https://gptzero.me/news/iclr-2026/
    GPTZERO.ME
    GPTZero uncovers 50+ Hallucinations in ICLR 2026
    GPTZero used our Hallucination Check tool to find 50+ hallucinations under review at ICLR, each of which were missed by 3-5 peer reviewers.
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • เสียงก้องในหูเชื่อมโยงกับระบบ "สู้หรือหนี"

    งานวิจัยล่าสุดจากทีมของ Daniel Polley ที่ Mass General Brigham พบว่า ผู้ที่มีภาวะหูอื้อเรื้อรัง (chronic tinnitus) แสดงออกทางร่างกายคล้ายกับการเข้าสู่โหมด "fight-or-flight" แม้จะเป็นเสียงธรรมดาในชีวิตประจำวันก็ตาม นักวิจัยใช้การวิเคราะห์ microexpressions บนใบหน้าและการขยายตัวของรูม่านตา เพื่อวัดระดับความเครียดและการรับรู้ภัยคุกคาม ผลลัพธ์ชี้ว่าผู้ที่มี tinnitus มีการตอบสนองเกินปกติและสามารถทำนายความรุนแรงของอาการได้จากตัวชี้วัดเหล่านี้

    ความซับซ้อนของโรคที่ไม่มี "biomarker" ชัดเจน
    Tinnitus เป็นภาวะที่ผู้ป่วยได้ยินเสียงก้อง คลิก หรือเสียงแหลมในหูโดยที่ไม่มีแหล่งกำเนิดจริง ปัญหาคือ ไม่มีตัวชี้วัดทางชีวภาพที่ชัดเจน ทำให้การวินิจฉัยและติดตามผลยากมาก ปัจจุบันแพทย์ใช้เพียงแบบสอบถามความรุนแรงของอาการ ซึ่งอาจไม่สะท้อนความจริงเสมอไป การค้นพบครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะสามารถใช้ การตอบสนองทางร่างกาย เป็นตัวบ่งชี้ความรุนแรงได้

    ผลกระทบต่อชีวิตและสุขภาพจิต
    ภาวะ tinnitus เรื้อรังส่งผลกระทบต่อผู้คนกว่า 120 ล้านคนทั่วโลก และอาจทำให้เกิด ภาวะนอนไม่หลับ ความวิตกกังวล และโรคซึมเศร้า การที่ร่างกายตอบสนองต่อเสียงเหมือนภัยคุกคามตลอดเวลา ทำให้ผู้ป่วยอยู่ในสภาวะเครียดเรื้อรัง ซึ่งอาจกระทบต่อสุขภาพโดยรวมและคุณภาพชีวิตอย่างรุนแรง

    ความหวังใหม่จากการใช้ AI และการแพทย์เชิงพฤติกรรม
    นักวิจัยใช้ AI วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยบนใบหน้า ที่มนุษย์ไม่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า ทำให้สามารถตรวจจับสัญญาณความเครียดที่สัมพันธ์กับ tinnitus ได้อย่างแม่นยำ แนวทางนี้อาจนำไปสู่การพัฒนา การรักษาใหม่ เช่น sound therapy, CBT (cognitive behavioral therapy), และ tinnitus retraining therapy ที่ปรับให้เหมาะสมกับระดับความรุนแรงของผู้ป่วยแต่ละราย

    สรุปสาระสำคัญ
    Tinnitus กระตุ้นระบบ "fight-or-flight"
    ผู้ป่วยตอบสนองต่อเสียงธรรมดาเหมือนภัยคุกคาม

    ใช้ microexpressions และการขยายรูม่านตาเป็นตัวชี้วัด
    สามารถทำนายความรุนแรงของอาการได้

    โรคนี้ไม่มี biomarker ที่ชัดเจน
    ปัจจุบันใช้เพียงแบบสอบถามในการวินิจฉัย

    มีผู้ป่วยกว่า 120 ล้านคนทั่วโลก
    ส่งผลต่อการนอน สุขภาพจิต และคุณภาพชีวิต

    AI ช่วยวิเคราะห์สัญญาณที่มนุษย์ไม่เห็น
    อาจนำไปสู่การรักษาเฉพาะบุคคลในอนาคต

    ความเครียดเรื้อรังจาก tinnitus เชื่อมโยงกับโรคซึมเศร้าและวิตกกังวล
    ผู้ป่วยบางรายอาจรู้สึกถูกละเลยในระบบการแพทย์

    ไม่มีวิธีรักษาที่หายขาด
    การบำบัดที่มีอยู่ให้ผลไม่สม่ำเสมอและขึ้นกับแต่ละบุคคล

    https://www.sciencealert.com/tinnitus-triggers-your-bodys-fight-or-flight-response-study-finds
    🔔 เสียงก้องในหูเชื่อมโยงกับระบบ "สู้หรือหนี" งานวิจัยล่าสุดจากทีมของ Daniel Polley ที่ Mass General Brigham พบว่า ผู้ที่มีภาวะหูอื้อเรื้อรัง (chronic tinnitus) แสดงออกทางร่างกายคล้ายกับการเข้าสู่โหมด "fight-or-flight" แม้จะเป็นเสียงธรรมดาในชีวิตประจำวันก็ตาม นักวิจัยใช้การวิเคราะห์ microexpressions บนใบหน้าและการขยายตัวของรูม่านตา เพื่อวัดระดับความเครียดและการรับรู้ภัยคุกคาม ผลลัพธ์ชี้ว่าผู้ที่มี tinnitus มีการตอบสนองเกินปกติและสามารถทำนายความรุนแรงของอาการได้จากตัวชี้วัดเหล่านี้ 🧠 ความซับซ้อนของโรคที่ไม่มี "biomarker" ชัดเจน Tinnitus เป็นภาวะที่ผู้ป่วยได้ยินเสียงก้อง คลิก หรือเสียงแหลมในหูโดยที่ไม่มีแหล่งกำเนิดจริง ปัญหาคือ ไม่มีตัวชี้วัดทางชีวภาพที่ชัดเจน ทำให้การวินิจฉัยและติดตามผลยากมาก ปัจจุบันแพทย์ใช้เพียงแบบสอบถามความรุนแรงของอาการ ซึ่งอาจไม่สะท้อนความจริงเสมอไป การค้นพบครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะสามารถใช้ การตอบสนองทางร่างกาย เป็นตัวบ่งชี้ความรุนแรงได้ 🌍 ผลกระทบต่อชีวิตและสุขภาพจิต ภาวะ tinnitus เรื้อรังส่งผลกระทบต่อผู้คนกว่า 120 ล้านคนทั่วโลก และอาจทำให้เกิด ภาวะนอนไม่หลับ ความวิตกกังวล และโรคซึมเศร้า การที่ร่างกายตอบสนองต่อเสียงเหมือนภัยคุกคามตลอดเวลา ทำให้ผู้ป่วยอยู่ในสภาวะเครียดเรื้อรัง ซึ่งอาจกระทบต่อสุขภาพโดยรวมและคุณภาพชีวิตอย่างรุนแรง 🔬 ความหวังใหม่จากการใช้ AI และการแพทย์เชิงพฤติกรรม นักวิจัยใช้ AI วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยบนใบหน้า ที่มนุษย์ไม่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า ทำให้สามารถตรวจจับสัญญาณความเครียดที่สัมพันธ์กับ tinnitus ได้อย่างแม่นยำ แนวทางนี้อาจนำไปสู่การพัฒนา การรักษาใหม่ เช่น sound therapy, CBT (cognitive behavioral therapy), และ tinnitus retraining therapy ที่ปรับให้เหมาะสมกับระดับความรุนแรงของผู้ป่วยแต่ละราย 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Tinnitus กระตุ้นระบบ "fight-or-flight" ➡️ ผู้ป่วยตอบสนองต่อเสียงธรรมดาเหมือนภัยคุกคาม ✅ ใช้ microexpressions และการขยายรูม่านตาเป็นตัวชี้วัด ➡️ สามารถทำนายความรุนแรงของอาการได้ ✅ โรคนี้ไม่มี biomarker ที่ชัดเจน ➡️ ปัจจุบันใช้เพียงแบบสอบถามในการวินิจฉัย ✅ มีผู้ป่วยกว่า 120 ล้านคนทั่วโลก ➡️ ส่งผลต่อการนอน สุขภาพจิต และคุณภาพชีวิต ✅ AI ช่วยวิเคราะห์สัญญาณที่มนุษย์ไม่เห็น ➡️ อาจนำไปสู่การรักษาเฉพาะบุคคลในอนาคต ‼️ ความเครียดเรื้อรังจาก tinnitus เชื่อมโยงกับโรคซึมเศร้าและวิตกกังวล ⛔ ผู้ป่วยบางรายอาจรู้สึกถูกละเลยในระบบการแพทย์ ‼️ ไม่มีวิธีรักษาที่หายขาด ⛔ การบำบัดที่มีอยู่ให้ผลไม่สม่ำเสมอและขึ้นกับแต่ละบุคคล https://www.sciencealert.com/tinnitus-triggers-your-bodys-fight-or-flight-response-study-finds
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Tinnitus Triggers Your Body's 'Fight or Flight' Response, Study Finds
    Chronic tinnitus may increase stress levels by keeping the body that much closer to a fight-or-flight response to sound, a new study suggests.
    0 Comments 0 Shares 107 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251207 #TechRadar

    US Security Agency เตือนเลิกใช้ VPN ส่วนตัวบนมือถือ
    หน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐฯ หรือ CISA ออกคำเตือนแรงว่า “อย่าใช้ VPN ส่วนตัว” โดยเฉพาะบน iPhone และ Android เพราะแทนที่จะช่วยป้องกัน กลับเพิ่มความเสี่ยงให้ผู้ใช้มากขึ้น เนื่องจากข้อมูลที่เคยอยู่กับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะถูกย้ายไปอยู่กับผู้ให้บริการ VPN ซึ่งหลายเจ้าไม่มีมาตรการความปลอดภัยที่ดีพอ บางรายถึงขั้นเก็บข้อมูลหรือแฝงมัลแวร์มาในแอปฟรี ๆ อีกด้วย คำเตือนนี้สะท้อนว่าการเลือก VPN ไม่ใช่เรื่องเล็ก ต้องเลือกเจ้าใหญ่ที่มีการตรวจสอบนโยบาย “no-logs” และใช้มาตรฐานเข้ารหัสที่แข็งแรง เช่น OpenVPN หรือ WireGuard รวมถึงฟีเจอร์เสริมอย่าง kill switch และ DNS leak protection เพื่อความปลอดภัยจริง ๆ
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/us-security-agency-urges-android-and-iphone-users-to-stop-using-personal-vpns

    งานวิจัยใหม่เผย คนรุ่นใหญ่ไม่ค่อยเห็นว่า AI มีประโยชน์
    ผลสำรวจจาก Cisco ชี้ให้เห็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นใหญ่ คนอายุต่ำกว่า 35 ปีส่วนใหญ่ใช้ AI อย่างจริงจังและมองว่ามีประโยชน์ต่อการทำงานและชีวิตประจำวัน แต่คนอายุเกิน 45 ปีครึ่งหนึ่งไม่เคยใช้ AI เลย โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไปที่บอกว่าไม่คุ้นเคยมากกว่าปฏิเสธ outright ขณะเดียวกันประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น อินเดีย บราซิล และเม็กซิโก กลับเป็นผู้นำในการใช้ AI อย่างแพร่หลาย ต่างจากยุโรปที่ยังมีความไม่มั่นใจและกฎระเบียบเข้มงวดที่ทำให้การใช้งานช้าลง งานวิจัยนี้สะท้อนว่าการสร้างทักษะดิจิทัลให้ทุกวัยเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้ “Generation AI” ครอบคลุมทุกคนจริง ๆ
    https://www.techradar.com/pro/new-research-reveals-older-users-less-likely-to-find-ai-useful

    EU เปิดการสอบสวน Meta เรื่องนโยบาย AI บน WhatsApp
    คณะกรรมาธิการยุโรปเริ่มการสอบสวนเชิงลึกต่อ Meta ว่านโยบายใหม่ของ WhatsApp อาจกีดกันคู่แข่งด้าน AI chatbot โดยห้ามไม่ให้ผู้ให้บริการ AI รายอื่นเผยแพร่ผ่าน WhatsApp หากบริการหลักคือ AI ซึ่งทำให้ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง OpenAI และ Microsoft ต้องถอน chatbot ออกจากแพลตฟอร์มแล้ว EU กังวลว่า Meta ใช้อำนาจตลาดเพื่อดัน Meta AI ของตัวเองและปิดกั้นนวัตกรรม หากพบผิดจริง Meta อาจโดนปรับสูงถึง 16.5 พันล้านดอลลาร์ การสอบสวนนี้สะท้อนความเข้มงวดของยุโรปในการป้องกันการผูกขาดและรักษาสนามแข่งขันที่เป็นธรรมในยุค AI
    https://www.techradar.com/pro/eu-launches-antitrust-investigation-into-metas-whatsapp-ai-access-policy

    ช่องโหว่ React ระดับวิกฤติ เสี่ยงถูกโจมตีทันที
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบช่องโหว่ร้ายแรงใน React Server Components ที่ถูกจัดระดับความรุนแรงเต็ม 10/10 (CVE-2025-55182) ช่องโหว่นี้เปิดทางให้แฮกเกอร์แม้จะมีทักษะต่ำก็สามารถรันโค้ดอันตรายจากระยะไกลได้ทันที โดยกระทบหลายเฟรมเวิร์กยอดนิยมอย่าง Next.js, React Router และ Vite ทีม React ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 19.0.1, 19.1.2 และ 19.2.1 พร้อมเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตโดยด่วน เพราะนักวิจัยยืนยันว่าการโจมตี “เกิดขึ้นแน่นอน” และมีโอกาสสำเร็จเกือบ 100% เนื่องจาก React ถูกใช้ในเว็บใหญ่ทั่วโลก เช่น Facebook, Netflix และ Airbnb ทำให้พื้นที่เสี่ยงกว้างมาก
    https://www.techradar.com/pro/security/experts-warn-this-worst-case-scenario-react-vulnerability-could-soon-be-exploited-so-patch-now

    Europol ทลายเครือข่ายฟอกเงินคริปโตมูลค่า 700 ล้าน
    Europol ร่วมกับตำรวจหลายประเทศยุโรปเข้าจับกุมเครือข่ายฟอกเงินและหลอกลงทุนคริปโตที่มีมูลค่ากว่า 700 ล้านดอลลาร์ ปฏิบัติการนี้แบ่งเป็นสองเฟส เริ่มจากการบุกค้นในไซปรัส เยอรมนี และสเปน ยึดเงินสด คริปโต และทรัพย์สินหรู รวมกว่า 1.7 ล้านดอลลาร์ พร้อมจับกุมผู้ต้องสงสัย 9 คน เครือข่ายนี้ใช้แพลตฟอร์มลงทุนปลอมและคอลเซ็นเตอร์กดดันเหยื่อให้ลงทุนเพิ่ม อีกทั้งยังใช้โฆษณาหลอกลวงบนโซเชียลมีเดีย โดยบางครั้งถึงขั้นใช้ deepfake คนดังอย่าง Elon Musk หรือ Donald Trump เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ การทลายครั้งนี้ถือเป็นการตัดเส้นเลือดใหญ่ของอุตสาหกรรมหลอกลวงคริปโตที่กำลังระบาดหนักในยุโรป
    https://www.techradar.com/pro/security/europol-takes-down-crypto-and-laundering-network-worth-700-million

    ปี 2025 สมาร์ทโฟนกลับมาน่าตื่นเต้นอีกครั้ง (ไม่ใช่เพราะ AI)
    หลายคนบ่นว่าโทรศัพท์มือถือเริ่มน่าเบื่อ แต่ปี 2025 กลับมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจโดยไม่เกี่ยวกับ AI เลย อย่างแรกคือการมาของ แบตเตอรี่โซลิดสเตต ที่ทำให้มือถือชาร์จเร็วขึ้นและใช้งานได้นานกว่าเดิม ต่อมาคือ การเชื่อมต่อดาวเทียม ที่เริ่มกลายเป็นมาตรฐาน ทำให้ผู้ใช้สามารถติดต่อได้แม้ไม่มีสัญญาณเครือข่าย อีกทั้งยังมี การออกแบบใหม่ที่บางและทนทานกว่า รวมถึง จอพับที่พัฒนาไปอีกขั้น จนใช้งานจริงได้สะดวกขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้ปี 2025 เป็นปีที่มือถือกลับมามีเสน่ห์อีกครั้งโดยไม่ต้องพึ่งกระแส AI
    https://www.techradar.com/phones/think-phones-are-boring-here-are-4-reasons-why-2025-was-a-big-year-for-smartphones-and-none-of-them-are-ai

    OpenAI ชนะ Google, Meta และ Grok ในทัวร์นาเมนต์โป๊กเกอร์ AI
    การแข่งขันโป๊กเกอร์ที่จัดขึ้นโดยใช้แต่ AI เป็นผู้เล่น ปรากฏว่า OpenAI สามารถเอาชนะคู่แข่งรายใหญ่ทั้ง Google, Meta และ Grok ได้สำเร็จ การแข่งขันนี้ไม่ใช่แค่เกม แต่เป็นการทดสอบความสามารถของ AI ในการวางกลยุทธ์ การอ่านสถานการณ์ และการตัดสินใจในสภาพที่ไม่แน่นอน ผลลัพธ์สะท้อนว่า AI ของ OpenAI มีความเหนือชั้นในด้านการปรับตัวและการคิดเชิงกลยุทธ์ ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญต่อการนำไปใช้ในโลกจริง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ การเงิน หรือการวิจัย
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai-beats-google-meta-and-grok-in-all-ai-poker-tournament

    Surfshark เตือน แอปแชร์ไฟล์ฟรีเสี่ยงเปิดข้อมูลให้คนอื่นเห็น
    รายงานใหม่จาก Surfshark ระบุว่าแอปแชร์ไฟล์ฟรีจำนวนมากมีช่องโหว่ที่ทำให้การดาวน์โหลดของผู้ใช้ถูกเปิดเผยต่อบุคคลอื่น ซึ่งอาจนำไปสู่การขโมยข้อมูลหรือมัลแวร์เข้ามาได้ ปัญหานี้เกิดจากการที่หลายแอปไม่ได้เข้ารหัสการเชื่อมต่อหรือไม่มีมาตรการป้องกันที่ดีพอ ผู้ใช้ที่คิดว่า “ฟรีและสะดวก” อาจต้องแลกด้วยความเสี่ยงด้านความปลอดภัย คำแนะนำคือควรเลือกใช้บริการที่มีชื่อเสียง มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end และหลีกเลี่ยงการแชร์ไฟล์สำคัญผ่านแอปที่ไม่น่าเชื่อถือ
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/think-before-you-click-most-free-file-sharing-apps-expose-your-downloads-to-security-risks-warns-surfshark

    ราคาคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์พุ่งสูงเพราะขาดแคลนหน่วยความจำ
    ตอนนี้โลกเทคโนโลยีกำลังเจอปัญหาใหญ่ เพราะหน่วยความจำ DRAM และ HBM ถูกเบี่ยงไปผลิตเพื่อรองรับเซิร์ฟเวอร์ AI ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ทั่วไปขาดตลาด ราคาจึงพุ่งขึ้นอย่างแรง ผู้ผลิตรายใหญ่ทั้ง Dell, Lenovo, HP และ HPE เตรียมขึ้นราคาประมาณ 15% สำหรับเซิร์ฟเวอร์ และ 5% สำหรับ PC ส่วนผู้ใช้ทั่วไปก็อาจต้องเจอราคาที่สูงขึ้นเมื่อซื้อแล็ปท็อปหรืออุปกรณ์ใหม่ๆ สถานการณ์นี้สะท้อนว่า AI กำลังเปลี่ยนทิศทางตลาดฮาร์ดแวร์อย่างชัดเจน
    https://www.techradar.com/pro/the-bad-news-continues-server-prices-set-to-rise-in-latest-blow-to-hardware-budgets

    Spotify Wrapped 2025 เผยวิธีคำนวณจริง
    หลายคนสงสัยว่าทำไมสรุปการฟังเพลงปลายปีของ Spotify ถึงดูแปลกไปบ้าง ล่าสุด Spotify ออกมาอธิบายแล้วว่าแต่ละหมวดใช้วิธีคำนวณต่างกัน เช่น เพลงยอดนิยมวัดจากจำนวนครั้งที่ฟัง แต่สำหรับอัลบั้มจะดูว่าฟังครบหลายเพลงและกระจายการฟังอย่างไร นอกจากนี้ข้อมูลจะเก็บตั้งแต่ 1 มกราคมถึงพฤศจิกายน ไม่ใช่ครบทั้งปี และยังรวมการฟังแบบออฟไลน์ด้วย ฟีเจอร์ใหม่อย่าง “Listening Age” ที่เดาอายุจากแนวเพลงก็ทำให้หลายคนงง แต่จริงๆ มันสะท้อนพฤติกรรมการฟังที่เปลี่ยนไปตลอดปี
    https://www.techradar.com/audio/spotify/your-spotify-wrapped-2025-data-isnt-wrong-the-streaming-giant-just-revealed-all-about-how-its-calculated

    หนี้เทคนิค Windows ที่องค์กรยังไม่แก้
    แม้ Windows 10 จะหมดการสนับสนุนไปแล้ว แต่หลายองค์กรยังคงใช้ต่อ ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “หนี้เทคนิค” ซึ่งเสี่ยงต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ การสำรวจพบว่า 9 ใน 10 บริษัทเจอปัญหานี้ แต่มีเพียง 14% ที่จริงจังกับการแก้ไขในปีหน้า เหตุผลหลักคือค่าใช้จ่ายสูง ความซับซ้อนของระบบ และความกลัวว่าจะทำให้ระบบล่ม หลายองค์กรเลือกที่จะเลื่อนการแก้ไขออกไปจนกว่าจะเกิดปัญหา ทั้งที่จริงๆ การแก้ทีละขั้นตอนและใช้เครื่องมือเฉพาะทางจะช่วยลดความเสี่ยงและเปิดทางให้ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ดีกว่า
    https://www.techradar.com/pro/why-are-companies-not-tackling-their-windows-technical-debt

    Huawei Pura X พลิกนิยามมือถือฝาพับ
    Huawei เปิดตัว Pura X ที่ทำให้คนมองมือถือฝาพับต่างออกไป จากเดิมที่แบรนด์อื่นเน้นทำให้มือถือใหญ่พับเล็กลง แต่ Huawei กลับทำให้มันกลายเป็นเหมือนแท็บเล็ตขนาดพกพา หน้าจอหลักสัดส่วน 16:10 ขนาด 6.3 นิ้ว ใช้งานดูหนังหรือทำงานได้สะดวกขึ้น อีกทั้งยังมีหน้าจอด้านหน้า 3.5 นิ้วพร้อมกล้องสามตัว รวมถึงเลนส์เทเลโฟโต้ที่คู่แข่งยังไม่มี จุดเด่นนี้ทำให้มันเป็นมือถือฝาพับที่มีกล้องดีที่สุดในตลาดตอนนี้ แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องการใช้งาน Google และการวางขายที่จำกัด แต่ก็ถือเป็นการออกแบบที่ท้าทายให้คู่แข่งต้องคิดใหม่
    https://www.techradar.com/phones/huawei-phones/i-tried-huaweis-strange-pura-x-foldable-and-its-made-me-rethink-every-other-flip-phone

    โพลเลือกจอยเกมโปรดที่ผลลัพธ์ชวนงง
    TechRadar เคยทำโพลถามผู้อ่านว่าจอยเกมที่ชอบที่สุดคือรุ่นไหน ผลออกมาน่าตกใจเพราะ “Steam Controller” ของ Valve ที่เคยถูกวิจารณ์เรื่องดีไซน์แปลก กลับได้คะแนนสูงสุด 15% แซงหน้า Xbox 360 Controller ที่ได้ 13% และ DualSense Edge ของ PlayStation ที่ได้ 11% หลายคนเชื่อว่าผลนี้อาจเพราะแฟน Steam เข้ามาโหวตเยอะ หรือบางคนอาจโหวตแบบขำๆ แต่ไม่ว่าอย่างไร มันก็สะท้อนว่าความชอบของผู้เล่นเกมนั้นหลากหลายและไม่จำเป็นต้องตรงกับมาตรฐานตลาดเสมอไป
    https://www.techradar.com/gaming/you-told-me-your-favorite-controller-ever-and-i-dont-believe-you

    ชิป AI จากจีน Cambricon เตรียมผลิตเพิ่มสามเท่า
    Cambricon บริษัทชิปจากจีนประกาศแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตชิป AI ถึงสามเท่าในปีหน้า เพื่อแข่งกับยักษ์ใหญ่อย่าง Nvidia และ Huawei แต่ก็ต้องเจอความท้าทายใหญ่จากการผลิตที่ซับซ้อนและต้นทุนสูง โดยเฉพาะการหาพันธมิตรด้านการผลิตที่สามารถรองรับเทคโนโลยีขั้นสูงได้ ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่าจีนกำลังผลักดันอุตสาหกรรมชิป AI อย่างจริงจังเพื่อไม่ให้พึ่งพาต่างชาติ
    https://www.techradar.com/pro/this-chinese-chip-giant-is-boosting-production-to-try-and-take-on-nvidia-but-how-will-huawei-feel

    Windows 11 ยังไม่สามารถแทนที่ Windows 10 ได้
    แม้ Microsoft จะพยายามผลักดัน Windows 11 แต่สถิติการใช้งานยังชี้ว่าผู้ใช้จำนวนมหาศาลยังคงอยู่กับ Windows 10 โดยเฉพาะในองค์กรและเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่เดิม เหตุผลหลักคือความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดที่สูง ทำให้ Windows 10 ยังคงครองความนิยมอย่างเหนียวแน่นในหลายตลาด และกลายเป็นความท้าทายที่ Microsoft ต้องหาทางแก้
    https://www.techradar.com/pro/windows-11-still-cant-topple-its-older-siblings-usage-stats-show-windows-10-remains-mind-boggingly-popular

    5 สิ่งสำคัญที่นักพัฒนาต้องคำนึงเพื่อให้งานไม่หลุดราง
    ในยุคที่การพัฒนาโปรแกรมเต็มไปด้วยความเร่งรีบและความซับซ้อน การจะทำให้งาน “อยู่บนราง” ไม่ใช่แค่เขียนโค้ดให้เสร็จ แต่ต้องมีการวางเป้าหมายที่ชัดเจน กำหนดว่า “เสร็จ” หมายถึงอะไร เพื่อหลีกเลี่ยงการขยายขอบเขตงานโดยไม่จำเป็น การจัดตารางเวลาที่ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะโลกจริงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน นอกจากนี้ยังต้องมีระบบติดตามงานที่โปร่งใส มีการวัดผลที่เน้นคุณค่า ไม่ใช่แค่ชั่วโมงที่ใช้ไป ทีมต้องรู้จักประเมินกำลังคนและทรัพยากร เพื่อไม่ให้เกิดการทำงานเกินกำลัง และสุดท้ายคือการบริหารความเสี่ยง พร้อมสื่อสารกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างตรงไปตรงมา ทั้งหมดนี้ช่วยให้ทีมพัฒนาไปถึงเป้าหมายได้อย่างมั่นคงและไม่หลุดราง
    https://www.techradar.com/pro/5-essential-considerations-for-developers-to-stay-on-track

    รีวิวจอ InnoCN 27 นิ้ว GA27W1Q 4K
    จอภาพรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการความละเอียดสูงในราคาที่จับต้องได้ ด้วยขนาด 27 นิ้วและความละเอียด 4K ทำให้ภาพคมชัด เหมาะทั้งงานกราฟิกและการดูหนัง จุดเด่นคือการให้สีที่แม่นยำและมุมมองกว้าง แต่ก็มีข้อสังเกตเรื่องความสว่างที่อาจไม่สูงเท่าจอระดับพรีเมียม อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มองหาจอ 4K ในงบประมาณที่ไม่แรง นี่ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก
    https://www.techradar.com/computing/innocn-27-ga27w1q-4k-monitor-review

    แอมป์/DAC ขนาดเล็กที่แทนชุดเครื่องเสียงได้
    นี่คืออุปกรณ์ที่รวมแอมป์และ DAC ไว้ในตัวเดียว ขนาดเล็กจนสามารถวางบนโต๊ะทำงานได้สบาย แต่ให้พลังเสียงที่สามารถแทนชุดเครื่องเสียงขนาดใหญ่ได้เลย เหมาะสำหรับคนที่เริ่มเข้าสู่วงการเครื่องเสียงและอยากได้คุณภาพเสียงที่ดีโดยไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์หลายชิ้น จุดแข็งคือการเชื่อมต่อที่หลากหลายและเสียงที่ใสสะอาด ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและตอบโจทย์คนรักเสียงเพลงที่มีพื้นที่จำกัด
    https://www.techradar.com/audio/dacs/this-super-compact-budget-desktop-amp-dac-can-replace-a-mini-hi-fi-stack-and-its-perfect-for-budding-audiophiles

    ข่าวลือ Samsung Galaxy S26 และชิป Exynos 2600
    มีการหลุดข้อมูลจาก One UI 8.5 ที่อาจเผยให้เห็นดีไซน์ของ Galaxy S26 ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับโฉมใหม่ พร้อมกับข่าวลือเรื่องชิป Exynos 2600 ที่อาจถูกนำมาใช้ จุดสนใจคือการพัฒนาให้เครื่องมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและดีไซน์ที่ทันสมัยกว่าเดิม แม้ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่กระแสข่าวนี้ก็ทำให้แฟน ๆ Samsung ตื่นเต้นและจับตามองว่าจะออกมาในรูปแบบใด
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/samsung-may-have-leaked-the-galaxy-s26-design-through-one-ui-8-5-and-another-exynos-2600-rumor-has-emerged

    รีวิว TerraMaster F2-425 NAS
    อุปกรณ์ NAS รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากในบ้านหรือสำนักงานเล็ก ๆ จุดเด่นคือการรองรับการทำงานที่รวดเร็วและมีฟีเจอร์ที่เหมาะกับการสำรองข้อมูลหรือแชร์ไฟล์ภายในทีม แม้จะไม่หรูหราเท่า NAS ระดับองค์กร แต่ก็ถือว่ามีความคุ้มค่าในด้านราคาและประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ระบบจัดเก็บข้อมูลที่เชื่อถือได้โดยไม่ต้องลงทุนสูง
    https://www.techradar.com/computing/terramaster-f2-425-nas-review

    ต่อ Mac Mini เข้ากับไดรฟ์เทป LTO-10 ขนาด 30TB

    นี่คือการเชื่อมต่อที่น่าสนใจมาก เพราะทำให้ Mac Mini สามารถใช้งานไดรฟ์เทป LTO-10 ที่มีความจุถึง 30TB ได้ โดยความเร็วที่ได้ใกล้เคียงกับ SSD เลยทีเดียว ถือเป็นการผสมผสานเทคโนโลยีเก่ากับใหม่ที่ลงตัว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาลในราคาที่คุ้มค่า และยังได้ความเร็วที่ไม่แพ้การใช้ดิสก์สมัยใหม่
    https://www.techradar.com/pro/you-can-now-buy-a-30tb-tape-drive-and-connect-it-to-your-apple-mac-mini-and-its-almost-as-fast-as-an-ssd

    Samsung Galaxy Z Trifold กำลังมา – iPhone Fold ต้องรีบแล้ว
    ข่าวลือบอกว่า Samsung เตรียมเปิดตัว Galaxy Z Trifold ซึ่งเป็นมือถือพับสามทบ ทำให้ Apple ที่มีข่าวลือเรื่อง iPhone Fold ต้องเร่งเครื่องออกสู่ตลาด หากช้าเกินไปอาจเสียโอกาสในการแข่งขัน จุดเด่นของ Trifold คือการขยายหน้าจอได้ใหญ่ขึ้นเหมือนแท็บเล็ต แต่ยังพับเก็บได้เหมือนมือถือธรรมดา ทำให้เป็นที่จับตามองในวงการสมาร์ทโฟน
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/with-the-samsung-galaxy-z-trifold-on-the-way-apples-rumored-iphone-fold-needs-to-hit-shelves-soon

    Bose Smart Soundbar vs Sony Bravia Theater Bar 6
    การเปรียบเทียบซาวด์บาร์สองรุ่นนี้เน้นไปที่ระบบเสียง Dolby Atmos ที่ทั้งคู่รองรับ Bose Smart Soundbar มีชื่อเสียงเรื่องเสียงที่สมดุลและดีไซน์เรียบหรู ส่วน Sony Bravia Theater Bar 6 โดดเด่นด้วยพลังเสียงที่กระจายรอบทิศทางได้สมจริงกว่า การเลือกขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้ต้องการความเรียบง่ายและคุณภาพเสียงที่มั่นคง หรืออยากได้ประสบการณ์เสียงโอบล้อมเต็มรูปแบบ
    https://www.techradar.com/televisions/soundbars/bose-smart-soundbar-vs-sony-bravia-theater-bar-6-which-dolby-atmos-soundbar-is-right-for-you

    ลืมกล้อง ลืม AI – สิ่งที่คนอยากได้จริงคือแบตมือถือที่อึดกว่า
    บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าผู้ใช้สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจแค่กล้องหรือชิปใหม่ แต่สิ่งที่ต้องการจริง ๆ คือแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานขึ้น ทุกวันนี้มือถือเต็มไปด้วยฟีเจอร์ล้ำ ๆ แต่ถ้าแบตหมดไวก็ไร้ประโยชน์ การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่จึงเป็นสิ่งที่ผู้ใช้คาดหวังมากที่สุดในอนาคต
    https://www.techradar.com/phones/forget-cameras-ai-and-chip-upgrades-you-really-want-better-phone-battery-life

      ดีล Netflix กับ Warner Bros. หมายถึงอะไรสำหรับผู้ชม
    การจับมือกันครั้งนี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการสตรีมมิ่ง ทั้งเรื่องราคาที่อาจปรับขึ้น และการเข้าถึงคอนเทนต์ที่กว้างขึ้น ผู้เชี่ยวชาญมองว่าผู้ใช้จะได้ประโยชน์จากการรวมคอนเทนต์ แต่ก็ต้องเตรียมใจรับกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ดีลนี้สะท้อนการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดสตรีมมิ่งที่ไม่มีใครยอมแพ้
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/streaming/netflix/what-does-the-netflix-and-warner-bros-deal-mean-for-you-heres-what-experts-say-about-price-hikes-and-more
    📌📡🔴 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🔴📡📌 #รวมข่าวIT #20251207 #TechRadar 📱🔒 US Security Agency เตือนเลิกใช้ VPN ส่วนตัวบนมือถือ หน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐฯ หรือ CISA ออกคำเตือนแรงว่า “อย่าใช้ VPN ส่วนตัว” โดยเฉพาะบน iPhone และ Android เพราะแทนที่จะช่วยป้องกัน กลับเพิ่มความเสี่ยงให้ผู้ใช้มากขึ้น เนื่องจากข้อมูลที่เคยอยู่กับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะถูกย้ายไปอยู่กับผู้ให้บริการ VPN ซึ่งหลายเจ้าไม่มีมาตรการความปลอดภัยที่ดีพอ บางรายถึงขั้นเก็บข้อมูลหรือแฝงมัลแวร์มาในแอปฟรี ๆ อีกด้วย คำเตือนนี้สะท้อนว่าการเลือก VPN ไม่ใช่เรื่องเล็ก ต้องเลือกเจ้าใหญ่ที่มีการตรวจสอบนโยบาย “no-logs” และใช้มาตรฐานเข้ารหัสที่แข็งแรง เช่น OpenVPN หรือ WireGuard รวมถึงฟีเจอร์เสริมอย่าง kill switch และ DNS leak protection เพื่อความปลอดภัยจริง ๆ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/us-security-agency-urges-android-and-iphone-users-to-stop-using-personal-vpns 👵👩‍💻 งานวิจัยใหม่เผย คนรุ่นใหญ่ไม่ค่อยเห็นว่า AI มีประโยชน์ ผลสำรวจจาก Cisco ชี้ให้เห็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นใหญ่ คนอายุต่ำกว่า 35 ปีส่วนใหญ่ใช้ AI อย่างจริงจังและมองว่ามีประโยชน์ต่อการทำงานและชีวิตประจำวัน แต่คนอายุเกิน 45 ปีครึ่งหนึ่งไม่เคยใช้ AI เลย โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไปที่บอกว่าไม่คุ้นเคยมากกว่าปฏิเสธ outright ขณะเดียวกันประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น อินเดีย บราซิล และเม็กซิโก กลับเป็นผู้นำในการใช้ AI อย่างแพร่หลาย ต่างจากยุโรปที่ยังมีความไม่มั่นใจและกฎระเบียบเข้มงวดที่ทำให้การใช้งานช้าลง งานวิจัยนี้สะท้อนว่าการสร้างทักษะดิจิทัลให้ทุกวัยเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้ “Generation AI” ครอบคลุมทุกคนจริง ๆ 🔗 https://www.techradar.com/pro/new-research-reveals-older-users-less-likely-to-find-ai-useful ⚖️📲 EU เปิดการสอบสวน Meta เรื่องนโยบาย AI บน WhatsApp คณะกรรมาธิการยุโรปเริ่มการสอบสวนเชิงลึกต่อ Meta ว่านโยบายใหม่ของ WhatsApp อาจกีดกันคู่แข่งด้าน AI chatbot โดยห้ามไม่ให้ผู้ให้บริการ AI รายอื่นเผยแพร่ผ่าน WhatsApp หากบริการหลักคือ AI ซึ่งทำให้ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง OpenAI และ Microsoft ต้องถอน chatbot ออกจากแพลตฟอร์มแล้ว EU กังวลว่า Meta ใช้อำนาจตลาดเพื่อดัน Meta AI ของตัวเองและปิดกั้นนวัตกรรม หากพบผิดจริง Meta อาจโดนปรับสูงถึง 16.5 พันล้านดอลลาร์ การสอบสวนนี้สะท้อนความเข้มงวดของยุโรปในการป้องกันการผูกขาดและรักษาสนามแข่งขันที่เป็นธรรมในยุค AI 🔗 https://www.techradar.com/pro/eu-launches-antitrust-investigation-into-metas-whatsapp-ai-access-policy ⚠️💻 ช่องโหว่ React ระดับวิกฤติ เสี่ยงถูกโจมตีทันที นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบช่องโหว่ร้ายแรงใน React Server Components ที่ถูกจัดระดับความรุนแรงเต็ม 10/10 (CVE-2025-55182) ช่องโหว่นี้เปิดทางให้แฮกเกอร์แม้จะมีทักษะต่ำก็สามารถรันโค้ดอันตรายจากระยะไกลได้ทันที โดยกระทบหลายเฟรมเวิร์กยอดนิยมอย่าง Next.js, React Router และ Vite ทีม React ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 19.0.1, 19.1.2 และ 19.2.1 พร้อมเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตโดยด่วน เพราะนักวิจัยยืนยันว่าการโจมตี “เกิดขึ้นแน่นอน” และมีโอกาสสำเร็จเกือบ 100% เนื่องจาก React ถูกใช้ในเว็บใหญ่ทั่วโลก เช่น Facebook, Netflix และ Airbnb ทำให้พื้นที่เสี่ยงกว้างมาก 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/experts-warn-this-worst-case-scenario-react-vulnerability-could-soon-be-exploited-so-patch-now 💰🕵️ Europol ทลายเครือข่ายฟอกเงินคริปโตมูลค่า 700 ล้าน Europol ร่วมกับตำรวจหลายประเทศยุโรปเข้าจับกุมเครือข่ายฟอกเงินและหลอกลงทุนคริปโตที่มีมูลค่ากว่า 700 ล้านดอลลาร์ ปฏิบัติการนี้แบ่งเป็นสองเฟส เริ่มจากการบุกค้นในไซปรัส เยอรมนี และสเปน ยึดเงินสด คริปโต และทรัพย์สินหรู รวมกว่า 1.7 ล้านดอลลาร์ พร้อมจับกุมผู้ต้องสงสัย 9 คน เครือข่ายนี้ใช้แพลตฟอร์มลงทุนปลอมและคอลเซ็นเตอร์กดดันเหยื่อให้ลงทุนเพิ่ม อีกทั้งยังใช้โฆษณาหลอกลวงบนโซเชียลมีเดีย โดยบางครั้งถึงขั้นใช้ deepfake คนดังอย่าง Elon Musk หรือ Donald Trump เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ การทลายครั้งนี้ถือเป็นการตัดเส้นเลือดใหญ่ของอุตสาหกรรมหลอกลวงคริปโตที่กำลังระบาดหนักในยุโรป 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/europol-takes-down-crypto-and-laundering-network-worth-700-million 📱📡 ปี 2025 สมาร์ทโฟนกลับมาน่าตื่นเต้นอีกครั้ง (ไม่ใช่เพราะ AI) หลายคนบ่นว่าโทรศัพท์มือถือเริ่มน่าเบื่อ แต่ปี 2025 กลับมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจโดยไม่เกี่ยวกับ AI เลย อย่างแรกคือการมาของ แบตเตอรี่โซลิดสเตต ที่ทำให้มือถือชาร์จเร็วขึ้นและใช้งานได้นานกว่าเดิม ต่อมาคือ การเชื่อมต่อดาวเทียม ที่เริ่มกลายเป็นมาตรฐาน ทำให้ผู้ใช้สามารถติดต่อได้แม้ไม่มีสัญญาณเครือข่าย อีกทั้งยังมี การออกแบบใหม่ที่บางและทนทานกว่า รวมถึง จอพับที่พัฒนาไปอีกขั้น จนใช้งานจริงได้สะดวกขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้ปี 2025 เป็นปีที่มือถือกลับมามีเสน่ห์อีกครั้งโดยไม่ต้องพึ่งกระแส AI 🔗 https://www.techradar.com/phones/think-phones-are-boring-here-are-4-reasons-why-2025-was-a-big-year-for-smartphones-and-none-of-them-are-ai 🎲🤖 OpenAI ชนะ Google, Meta และ Grok ในทัวร์นาเมนต์โป๊กเกอร์ AI การแข่งขันโป๊กเกอร์ที่จัดขึ้นโดยใช้แต่ AI เป็นผู้เล่น ปรากฏว่า OpenAI สามารถเอาชนะคู่แข่งรายใหญ่ทั้ง Google, Meta และ Grok ได้สำเร็จ การแข่งขันนี้ไม่ใช่แค่เกม แต่เป็นการทดสอบความสามารถของ AI ในการวางกลยุทธ์ การอ่านสถานการณ์ และการตัดสินใจในสภาพที่ไม่แน่นอน ผลลัพธ์สะท้อนว่า AI ของ OpenAI มีความเหนือชั้นในด้านการปรับตัวและการคิดเชิงกลยุทธ์ ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญต่อการนำไปใช้ในโลกจริง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ การเงิน หรือการวิจัย 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai-beats-google-meta-and-grok-in-all-ai-poker-tournament ⚠️📂 Surfshark เตือน แอปแชร์ไฟล์ฟรีเสี่ยงเปิดข้อมูลให้คนอื่นเห็น รายงานใหม่จาก Surfshark ระบุว่าแอปแชร์ไฟล์ฟรีจำนวนมากมีช่องโหว่ที่ทำให้การดาวน์โหลดของผู้ใช้ถูกเปิดเผยต่อบุคคลอื่น ซึ่งอาจนำไปสู่การขโมยข้อมูลหรือมัลแวร์เข้ามาได้ ปัญหานี้เกิดจากการที่หลายแอปไม่ได้เข้ารหัสการเชื่อมต่อหรือไม่มีมาตรการป้องกันที่ดีพอ ผู้ใช้ที่คิดว่า “ฟรีและสะดวก” อาจต้องแลกด้วยความเสี่ยงด้านความปลอดภัย คำแนะนำคือควรเลือกใช้บริการที่มีชื่อเสียง มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end และหลีกเลี่ยงการแชร์ไฟล์สำคัญผ่านแอปที่ไม่น่าเชื่อถือ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/think-before-you-click-most-free-file-sharing-apps-expose-your-downloads-to-security-risks-warns-surfshark 🖥️ ราคาคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์พุ่งสูงเพราะขาดแคลนหน่วยความจำ ตอนนี้โลกเทคโนโลยีกำลังเจอปัญหาใหญ่ เพราะหน่วยความจำ DRAM และ HBM ถูกเบี่ยงไปผลิตเพื่อรองรับเซิร์ฟเวอร์ AI ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ทั่วไปขาดตลาด ราคาจึงพุ่งขึ้นอย่างแรง ผู้ผลิตรายใหญ่ทั้ง Dell, Lenovo, HP และ HPE เตรียมขึ้นราคาประมาณ 15% สำหรับเซิร์ฟเวอร์ และ 5% สำหรับ PC ส่วนผู้ใช้ทั่วไปก็อาจต้องเจอราคาที่สูงขึ้นเมื่อซื้อแล็ปท็อปหรืออุปกรณ์ใหม่ๆ สถานการณ์นี้สะท้อนว่า AI กำลังเปลี่ยนทิศทางตลาดฮาร์ดแวร์อย่างชัดเจน 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-bad-news-continues-server-prices-set-to-rise-in-latest-blow-to-hardware-budgets 🎵 Spotify Wrapped 2025 เผยวิธีคำนวณจริง หลายคนสงสัยว่าทำไมสรุปการฟังเพลงปลายปีของ Spotify ถึงดูแปลกไปบ้าง ล่าสุด Spotify ออกมาอธิบายแล้วว่าแต่ละหมวดใช้วิธีคำนวณต่างกัน เช่น เพลงยอดนิยมวัดจากจำนวนครั้งที่ฟัง แต่สำหรับอัลบั้มจะดูว่าฟังครบหลายเพลงและกระจายการฟังอย่างไร นอกจากนี้ข้อมูลจะเก็บตั้งแต่ 1 มกราคมถึงพฤศจิกายน ไม่ใช่ครบทั้งปี และยังรวมการฟังแบบออฟไลน์ด้วย ฟีเจอร์ใหม่อย่าง “Listening Age” ที่เดาอายุจากแนวเพลงก็ทำให้หลายคนงง แต่จริงๆ มันสะท้อนพฤติกรรมการฟังที่เปลี่ยนไปตลอดปี 🔗 https://www.techradar.com/audio/spotify/your-spotify-wrapped-2025-data-isnt-wrong-the-streaming-giant-just-revealed-all-about-how-its-calculated 🪟 หนี้เทคนิค Windows ที่องค์กรยังไม่แก้ แม้ Windows 10 จะหมดการสนับสนุนไปแล้ว แต่หลายองค์กรยังคงใช้ต่อ ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “หนี้เทคนิค” ซึ่งเสี่ยงต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ การสำรวจพบว่า 9 ใน 10 บริษัทเจอปัญหานี้ แต่มีเพียง 14% ที่จริงจังกับการแก้ไขในปีหน้า เหตุผลหลักคือค่าใช้จ่ายสูง ความซับซ้อนของระบบ และความกลัวว่าจะทำให้ระบบล่ม หลายองค์กรเลือกที่จะเลื่อนการแก้ไขออกไปจนกว่าจะเกิดปัญหา ทั้งที่จริงๆ การแก้ทีละขั้นตอนและใช้เครื่องมือเฉพาะทางจะช่วยลดความเสี่ยงและเปิดทางให้ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ดีกว่า 🔗 https://www.techradar.com/pro/why-are-companies-not-tackling-their-windows-technical-debt 📱 Huawei Pura X พลิกนิยามมือถือฝาพับ Huawei เปิดตัว Pura X ที่ทำให้คนมองมือถือฝาพับต่างออกไป จากเดิมที่แบรนด์อื่นเน้นทำให้มือถือใหญ่พับเล็กลง แต่ Huawei กลับทำให้มันกลายเป็นเหมือนแท็บเล็ตขนาดพกพา หน้าจอหลักสัดส่วน 16:10 ขนาด 6.3 นิ้ว ใช้งานดูหนังหรือทำงานได้สะดวกขึ้น อีกทั้งยังมีหน้าจอด้านหน้า 3.5 นิ้วพร้อมกล้องสามตัว รวมถึงเลนส์เทเลโฟโต้ที่คู่แข่งยังไม่มี จุดเด่นนี้ทำให้มันเป็นมือถือฝาพับที่มีกล้องดีที่สุดในตลาดตอนนี้ แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องการใช้งาน Google และการวางขายที่จำกัด แต่ก็ถือเป็นการออกแบบที่ท้าทายให้คู่แข่งต้องคิดใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/phones/huawei-phones/i-tried-huaweis-strange-pura-x-foldable-and-its-made-me-rethink-every-other-flip-phone 🎮 โพลเลือกจอยเกมโปรดที่ผลลัพธ์ชวนงง TechRadar เคยทำโพลถามผู้อ่านว่าจอยเกมที่ชอบที่สุดคือรุ่นไหน ผลออกมาน่าตกใจเพราะ “Steam Controller” ของ Valve ที่เคยถูกวิจารณ์เรื่องดีไซน์แปลก กลับได้คะแนนสูงสุด 15% แซงหน้า Xbox 360 Controller ที่ได้ 13% และ DualSense Edge ของ PlayStation ที่ได้ 11% หลายคนเชื่อว่าผลนี้อาจเพราะแฟน Steam เข้ามาโหวตเยอะ หรือบางคนอาจโหวตแบบขำๆ แต่ไม่ว่าอย่างไร มันก็สะท้อนว่าความชอบของผู้เล่นเกมนั้นหลากหลายและไม่จำเป็นต้องตรงกับมาตรฐานตลาดเสมอไป 🔗 https://www.techradar.com/gaming/you-told-me-your-favorite-controller-ever-and-i-dont-believe-you ⚙️ ชิป AI จากจีน Cambricon เตรียมผลิตเพิ่มสามเท่า Cambricon บริษัทชิปจากจีนประกาศแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตชิป AI ถึงสามเท่าในปีหน้า เพื่อแข่งกับยักษ์ใหญ่อย่าง Nvidia และ Huawei แต่ก็ต้องเจอความท้าทายใหญ่จากการผลิตที่ซับซ้อนและต้นทุนสูง โดยเฉพาะการหาพันธมิตรด้านการผลิตที่สามารถรองรับเทคโนโลยีขั้นสูงได้ ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่าจีนกำลังผลักดันอุตสาหกรรมชิป AI อย่างจริงจังเพื่อไม่ให้พึ่งพาต่างชาติ 🔗 https://www.techradar.com/pro/this-chinese-chip-giant-is-boosting-production-to-try-and-take-on-nvidia-but-how-will-huawei-feel 🪟 Windows 11 ยังไม่สามารถแทนที่ Windows 10 ได้ แม้ Microsoft จะพยายามผลักดัน Windows 11 แต่สถิติการใช้งานยังชี้ว่าผู้ใช้จำนวนมหาศาลยังคงอยู่กับ Windows 10 โดยเฉพาะในองค์กรและเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่เดิม เหตุผลหลักคือความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดที่สูง ทำให้ Windows 10 ยังคงครองความนิยมอย่างเหนียวแน่นในหลายตลาด และกลายเป็นความท้าทายที่ Microsoft ต้องหาทางแก้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/windows-11-still-cant-topple-its-older-siblings-usage-stats-show-windows-10-remains-mind-boggingly-popular 🚀 5 สิ่งสำคัญที่นักพัฒนาต้องคำนึงเพื่อให้งานไม่หลุดราง ในยุคที่การพัฒนาโปรแกรมเต็มไปด้วยความเร่งรีบและความซับซ้อน การจะทำให้งาน “อยู่บนราง” ไม่ใช่แค่เขียนโค้ดให้เสร็จ แต่ต้องมีการวางเป้าหมายที่ชัดเจน กำหนดว่า “เสร็จ” หมายถึงอะไร เพื่อหลีกเลี่ยงการขยายขอบเขตงานโดยไม่จำเป็น การจัดตารางเวลาที่ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะโลกจริงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน นอกจากนี้ยังต้องมีระบบติดตามงานที่โปร่งใส มีการวัดผลที่เน้นคุณค่า ไม่ใช่แค่ชั่วโมงที่ใช้ไป ทีมต้องรู้จักประเมินกำลังคนและทรัพยากร เพื่อไม่ให้เกิดการทำงานเกินกำลัง และสุดท้ายคือการบริหารความเสี่ยง พร้อมสื่อสารกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างตรงไปตรงมา ทั้งหมดนี้ช่วยให้ทีมพัฒนาไปถึงเป้าหมายได้อย่างมั่นคงและไม่หลุดราง 🔗 https://www.techradar.com/pro/5-essential-considerations-for-developers-to-stay-on-track 🖥️ รีวิวจอ InnoCN 27 นิ้ว GA27W1Q 4K จอภาพรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการความละเอียดสูงในราคาที่จับต้องได้ ด้วยขนาด 27 นิ้วและความละเอียด 4K ทำให้ภาพคมชัด เหมาะทั้งงานกราฟิกและการดูหนัง จุดเด่นคือการให้สีที่แม่นยำและมุมมองกว้าง แต่ก็มีข้อสังเกตเรื่องความสว่างที่อาจไม่สูงเท่าจอระดับพรีเมียม อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มองหาจอ 4K ในงบประมาณที่ไม่แรง นี่ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก 🔗 https://www.techradar.com/computing/innocn-27-ga27w1q-4k-monitor-review 🎶 แอมป์/DAC ขนาดเล็กที่แทนชุดเครื่องเสียงได้ นี่คืออุปกรณ์ที่รวมแอมป์และ DAC ไว้ในตัวเดียว ขนาดเล็กจนสามารถวางบนโต๊ะทำงานได้สบาย แต่ให้พลังเสียงที่สามารถแทนชุดเครื่องเสียงขนาดใหญ่ได้เลย เหมาะสำหรับคนที่เริ่มเข้าสู่วงการเครื่องเสียงและอยากได้คุณภาพเสียงที่ดีโดยไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์หลายชิ้น จุดแข็งคือการเชื่อมต่อที่หลากหลายและเสียงที่ใสสะอาด ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและตอบโจทย์คนรักเสียงเพลงที่มีพื้นที่จำกัด 🔗 https://www.techradar.com/audio/dacs/this-super-compact-budget-desktop-amp-dac-can-replace-a-mini-hi-fi-stack-and-its-perfect-for-budding-audiophiles 📱 ข่าวลือ Samsung Galaxy S26 และชิป Exynos 2600 มีการหลุดข้อมูลจาก One UI 8.5 ที่อาจเผยให้เห็นดีไซน์ของ Galaxy S26 ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับโฉมใหม่ พร้อมกับข่าวลือเรื่องชิป Exynos 2600 ที่อาจถูกนำมาใช้ จุดสนใจคือการพัฒนาให้เครื่องมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและดีไซน์ที่ทันสมัยกว่าเดิม แม้ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่กระแสข่าวนี้ก็ทำให้แฟน ๆ Samsung ตื่นเต้นและจับตามองว่าจะออกมาในรูปแบบใด 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/samsung-may-have-leaked-the-galaxy-s26-design-through-one-ui-8-5-and-another-exynos-2600-rumor-has-emerged 💾 รีวิว TerraMaster F2-425 NAS อุปกรณ์ NAS รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากในบ้านหรือสำนักงานเล็ก ๆ จุดเด่นคือการรองรับการทำงานที่รวดเร็วและมีฟีเจอร์ที่เหมาะกับการสำรองข้อมูลหรือแชร์ไฟล์ภายในทีม แม้จะไม่หรูหราเท่า NAS ระดับองค์กร แต่ก็ถือว่ามีความคุ้มค่าในด้านราคาและประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ระบบจัดเก็บข้อมูลที่เชื่อถือได้โดยไม่ต้องลงทุนสูง 🔗 https://www.techradar.com/computing/terramaster-f2-425-nas-review 💽 ต่อ Mac Mini เข้ากับไดรฟ์เทป LTO-10 ขนาด 30TB นี่คือการเชื่อมต่อที่น่าสนใจมาก เพราะทำให้ Mac Mini สามารถใช้งานไดรฟ์เทป LTO-10 ที่มีความจุถึง 30TB ได้ โดยความเร็วที่ได้ใกล้เคียงกับ SSD เลยทีเดียว ถือเป็นการผสมผสานเทคโนโลยีเก่ากับใหม่ที่ลงตัว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาลในราคาที่คุ้มค่า และยังได้ความเร็วที่ไม่แพ้การใช้ดิสก์สมัยใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/you-can-now-buy-a-30tb-tape-drive-and-connect-it-to-your-apple-mac-mini-and-its-almost-as-fast-as-an-ssd 📱📖 Samsung Galaxy Z Trifold กำลังมา – iPhone Fold ต้องรีบแล้ว ข่าวลือบอกว่า Samsung เตรียมเปิดตัว Galaxy Z Trifold ซึ่งเป็นมือถือพับสามทบ ทำให้ Apple ที่มีข่าวลือเรื่อง iPhone Fold ต้องเร่งเครื่องออกสู่ตลาด หากช้าเกินไปอาจเสียโอกาสในการแข่งขัน จุดเด่นของ Trifold คือการขยายหน้าจอได้ใหญ่ขึ้นเหมือนแท็บเล็ต แต่ยังพับเก็บได้เหมือนมือถือธรรมดา ทำให้เป็นที่จับตามองในวงการสมาร์ทโฟน 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/with-the-samsung-galaxy-z-trifold-on-the-way-apples-rumored-iphone-fold-needs-to-hit-shelves-soon 🔊 Bose Smart Soundbar vs Sony Bravia Theater Bar 6 การเปรียบเทียบซาวด์บาร์สองรุ่นนี้เน้นไปที่ระบบเสียง Dolby Atmos ที่ทั้งคู่รองรับ Bose Smart Soundbar มีชื่อเสียงเรื่องเสียงที่สมดุลและดีไซน์เรียบหรู ส่วน Sony Bravia Theater Bar 6 โดดเด่นด้วยพลังเสียงที่กระจายรอบทิศทางได้สมจริงกว่า การเลือกขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้ต้องการความเรียบง่ายและคุณภาพเสียงที่มั่นคง หรืออยากได้ประสบการณ์เสียงโอบล้อมเต็มรูปแบบ 🔗 https://www.techradar.com/televisions/soundbars/bose-smart-soundbar-vs-sony-bravia-theater-bar-6-which-dolby-atmos-soundbar-is-right-for-you 🔋 ลืมกล้อง ลืม AI – สิ่งที่คนอยากได้จริงคือแบตมือถือที่อึดกว่า บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าผู้ใช้สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจแค่กล้องหรือชิปใหม่ แต่สิ่งที่ต้องการจริง ๆ คือแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานขึ้น ทุกวันนี้มือถือเต็มไปด้วยฟีเจอร์ล้ำ ๆ แต่ถ้าแบตหมดไวก็ไร้ประโยชน์ การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่จึงเป็นสิ่งที่ผู้ใช้คาดหวังมากที่สุดในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/phones/forget-cameras-ai-and-chip-upgrades-you-really-want-better-phone-battery-life 🎬  ดีล Netflix กับ Warner Bros. หมายถึงอะไรสำหรับผู้ชม การจับมือกันครั้งนี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการสตรีมมิ่ง ทั้งเรื่องราคาที่อาจปรับขึ้น และการเข้าถึงคอนเทนต์ที่กว้างขึ้น ผู้เชี่ยวชาญมองว่าผู้ใช้จะได้ประโยชน์จากการรวมคอนเทนต์ แต่ก็ต้องเตรียมใจรับกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ดีลนี้สะท้อนการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดสตรีมมิ่งที่ไม่มีใครยอมแพ้ ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/streaming/netflix/what-does-the-netflix-and-warner-bros-deal-mean-for-you-heres-what-experts-say-about-price-hikes-and-more
    0 Comments 0 Shares 217 Views 0 Reviews
  • "Gemini 3 Pro – ก้าวกระโดดด้าน Vision AI จาก Google DeepMind"

    Google DeepMind เปิดตัว Gemini 3 Pro ซึ่งถูกยกให้เป็นโมเดลมัลติโหมดที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบัน โดยเน้นความสามารถด้าน การเข้าใจเอกสาร, การวิเคราะห์เชิงพื้นที่, การทำงานกับหน้าจอ และการเข้าใจวิดีโอ ถือเป็นการก้าวข้ามจากการจดจำภาพธรรมดาไปสู่การ ให้เหตุผลเชิงภาพและเชิงพื้นที่อย่างแท้จริง

    ในด้าน Document Understanding Gemini 3 Pro สามารถทำ OCR ที่แม่นยำ พร้อม "derendering" คือการแปลงเอกสารภาพกลับเป็นโค้ดที่สร้างใหม่ได้ เช่น HTML, LaTeX หรือ Markdown ตัวอย่างเช่น การแปลงบันทึกพ่อค้าในศตวรรษที่ 18 ให้เป็นตาราง หรือการสร้างสมการจากภาพที่มีโน้ตคณิตศาสตร์ซับซ้อน รวมถึงการสร้างกราฟแบบ interactive จาก Polar Diagram ของ Florence Nightingale

    ด้าน Spatial และ Screen Understanding โมเดลสามารถระบุพิกัด pixel ได้อย่างแม่นยำ ใช้สำหรับการวิเคราะห์ท่าทางมนุษย์, การจัดการวัตถุในหุ่นยนต์, หรือการเข้าใจ UI บนหน้าจอเพื่อทำงานอัตโนมัติ เช่น QA testing และ UX analytics นอกจากนี้ยังสามารถสร้างแผนการจัดการสิ่งของบนโต๊ะที่รกได้ตามคำสั่ง

    สำหรับ Video Understanding Gemini 3 Pro ถูกปรับให้เข้าใจวิดีโอที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยสามารถวิเคราะห์เหตุและผลของเหตุการณ์ในวิดีโอ ไม่ใช่แค่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยังอธิบายได้ว่า "ทำไม" มันถึงเกิดขึ้น รวมถึงการประมวลผลวิดีโอความเร็วสูง (10 FPS) เพื่อวิเคราะห์รายละเอียด เช่น กลไกการสวิงของนักกอล์ฟ และยังสามารถแปลงวิดีโอขนาดยาวให้เป็นโค้ดหรือแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้ทันที

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ความสามารถหลักของ Gemini 3 Pro
    Document Understanding: OCR + Derendering เป็นโค้ด (HTML, LaTeX, Markdown)
    Spatial Understanding: ระบุพิกัด pixel, วิเคราะห์ท่าทาง, ใช้ในหุ่นยนต์และ AR/XR
    Screen Understanding: เข้าใจ UI เพื่อทำงานอัตโนมัติ เช่น QA และ UX analytics
    Video Understanding: วิเคราะห์เหตุและผล, ประมวลผลวิดีโอความเร็วสูง

    การประยุกต์ใช้งานจริง
    การศึกษา: ช่วยแก้โจทย์คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อน
    การแพทย์: วิเคราะห์ภาพรังสีและงานวิจัยทางชีวภาพ
    กฎหมายและการเงิน: วิเคราะห์สัญญาและรายงานที่ซับซ้อน
    สื่อและการเรียนรู้: สร้างภาพแก้ไขการบ้านแบบ visual feedback

    ข้อควรระวัง
    การใช้พลังประมวลผลสูง อาจมีค่าใช้จ่ายและ latency มากขึ้น
    ความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล หากนำไปใช้กับเอกสารหรือภาพที่มีข้อมูลสำคัญ
    การพึ่งพา AI ในการให้เหตุผล อาจทำให้เกิดการตีความผิดหากไม่มีการตรวจสอบมนุษย์

    https://blog.google/technology/developers/gemini-3-pro-vision/
    👁️ "Gemini 3 Pro – ก้าวกระโดดด้าน Vision AI จาก Google DeepMind" Google DeepMind เปิดตัว Gemini 3 Pro ซึ่งถูกยกให้เป็นโมเดลมัลติโหมดที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบัน โดยเน้นความสามารถด้าน การเข้าใจเอกสาร, การวิเคราะห์เชิงพื้นที่, การทำงานกับหน้าจอ และการเข้าใจวิดีโอ ถือเป็นการก้าวข้ามจากการจดจำภาพธรรมดาไปสู่การ ให้เหตุผลเชิงภาพและเชิงพื้นที่อย่างแท้จริง ในด้าน Document Understanding Gemini 3 Pro สามารถทำ OCR ที่แม่นยำ พร้อม "derendering" คือการแปลงเอกสารภาพกลับเป็นโค้ดที่สร้างใหม่ได้ เช่น HTML, LaTeX หรือ Markdown ตัวอย่างเช่น การแปลงบันทึกพ่อค้าในศตวรรษที่ 18 ให้เป็นตาราง หรือการสร้างสมการจากภาพที่มีโน้ตคณิตศาสตร์ซับซ้อน รวมถึงการสร้างกราฟแบบ interactive จาก Polar Diagram ของ Florence Nightingale ด้าน Spatial และ Screen Understanding โมเดลสามารถระบุพิกัด pixel ได้อย่างแม่นยำ ใช้สำหรับการวิเคราะห์ท่าทางมนุษย์, การจัดการวัตถุในหุ่นยนต์, หรือการเข้าใจ UI บนหน้าจอเพื่อทำงานอัตโนมัติ เช่น QA testing และ UX analytics นอกจากนี้ยังสามารถสร้างแผนการจัดการสิ่งของบนโต๊ะที่รกได้ตามคำสั่ง สำหรับ Video Understanding Gemini 3 Pro ถูกปรับให้เข้าใจวิดีโอที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยสามารถวิเคราะห์เหตุและผลของเหตุการณ์ในวิดีโอ ไม่ใช่แค่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยังอธิบายได้ว่า "ทำไม" มันถึงเกิดขึ้น รวมถึงการประมวลผลวิดีโอความเร็วสูง (10 FPS) เพื่อวิเคราะห์รายละเอียด เช่น กลไกการสวิงของนักกอล์ฟ และยังสามารถแปลงวิดีโอขนาดยาวให้เป็นโค้ดหรือแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้ทันที 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ความสามารถหลักของ Gemini 3 Pro ➡️ Document Understanding: OCR + Derendering เป็นโค้ด (HTML, LaTeX, Markdown) ➡️ Spatial Understanding: ระบุพิกัด pixel, วิเคราะห์ท่าทาง, ใช้ในหุ่นยนต์และ AR/XR ➡️ Screen Understanding: เข้าใจ UI เพื่อทำงานอัตโนมัติ เช่น QA และ UX analytics ➡️ Video Understanding: วิเคราะห์เหตุและผล, ประมวลผลวิดีโอความเร็วสูง ✅ การประยุกต์ใช้งานจริง ➡️ การศึกษา: ช่วยแก้โจทย์คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อน ➡️ การแพทย์: วิเคราะห์ภาพรังสีและงานวิจัยทางชีวภาพ ➡️ กฎหมายและการเงิน: วิเคราะห์สัญญาและรายงานที่ซับซ้อน ➡️ สื่อและการเรียนรู้: สร้างภาพแก้ไขการบ้านแบบ visual feedback ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การใช้พลังประมวลผลสูง อาจมีค่าใช้จ่ายและ latency มากขึ้น ⛔ ความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล หากนำไปใช้กับเอกสารหรือภาพที่มีข้อมูลสำคัญ ⛔ การพึ่งพา AI ในการให้เหตุผล อาจทำให้เกิดการตีความผิดหากไม่มีการตรวจสอบมนุษย์ https://blog.google/technology/developers/gemini-3-pro-vision/
    BLOG.GOOGLE
    Gemini 3 Pro: the frontier of vision AI
    Build with Gemini 3 Pro, the best model in the world for multimodal capabilities.
    0 Comments 0 Shares 108 Views 0 Reviews
  • ซูเปอร์คอมพิวเตอร์สร้างสมองเสมือนจริงที่สมบูรณ์ที่สุด

    ทีมนักวิจัยจาก Allen Institute (สหรัฐฯ) และ University of Electro-Communications (ญี่ปุ่น) ได้ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku สร้างแบบจำลองสมองหนูที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยจำลองทั้ง cortex ของสมองหนู ซึ่งมีความซับซ้อนใกล้เคียงกับสมองมนุษย์

    รายละเอียดของสมองเสมือน
    แบบจำลองนี้มี 9 ล้านเซลล์ประสาท และ 26 พันล้านไซแนปส์ ที่เชื่อมต่อกันใน 86 พื้นที่สมอง สามารถประมวลผลได้ระดับ quadrillions ของการคำนวณต่อวินาที ทำให้นักวิจัยสามารถติดตามการทำงานของเซลล์ประสาทแต่ละตัวได้แบบเรียลไทม์ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในงานวิจัยด้านประสาทวิทยาศาสตร์

    ประโยชน์ต่อการศึกษาโรคสมอง
    สมองเสมือนนี้ช่วยให้นักวิจัยสามารถจำลองการแพร่กระจายของโรค เช่น อัลไซเมอร์ หรือการเกิด อาการชัก โดยไม่ต้องพึ่งการทดลองที่รุกรานในสมองจริง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ศึกษาการทำงานของคลื่นสมองที่เกี่ยวข้องกับการโฟกัสและการรับรู้

    เป้าหมายในอนาคต
    ทีมวิจัยตั้งเป้าว่าจะต่อยอดไปสู่การสร้าง สมองมนุษย์เสมือนจริงเต็มรูปแบบ ในอนาคต โดยใช้ข้อมูลชีววิทยาที่ละเอียดมากขึ้น หากสำเร็จจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำความเข้าใจสมองมนุษย์และการรักษาโรคทางระบบประสาทที่ซับซ้อน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การสร้างสมองเสมือนจริง
    ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku
    จำลอง cortex ของสมองหนูทั้งระบบ

    รายละเอียดเชิงเทคนิค
    9 ล้านเซลล์ประสาท
    26 พันล้านไซแนปส์ และ 86 พื้นที่สมอง

    ประโยชน์ต่อการแพทย์
    ศึกษาโรคอัลไซเมอร์และอาการชัก
    วิเคราะห์การทำงานของคลื่นสมอง

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    ยังเป็นเพียงสมองหนู ไม่ใช่มนุษย์
    ต้องใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์มหาศาลในการจำลอง

    https://www.sciencealert.com/supercomputer-creates-one-of-the-most-realistic-virtual-brains-ever-seen
    🖥️ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์สร้างสมองเสมือนจริงที่สมบูรณ์ที่สุด ทีมนักวิจัยจาก Allen Institute (สหรัฐฯ) และ University of Electro-Communications (ญี่ปุ่น) ได้ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku สร้างแบบจำลองสมองหนูที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยจำลองทั้ง cortex ของสมองหนู ซึ่งมีความซับซ้อนใกล้เคียงกับสมองมนุษย์ 🔬 รายละเอียดของสมองเสมือน แบบจำลองนี้มี 9 ล้านเซลล์ประสาท และ 26 พันล้านไซแนปส์ ที่เชื่อมต่อกันใน 86 พื้นที่สมอง สามารถประมวลผลได้ระดับ quadrillions ของการคำนวณต่อวินาที ทำให้นักวิจัยสามารถติดตามการทำงานของเซลล์ประสาทแต่ละตัวได้แบบเรียลไทม์ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในงานวิจัยด้านประสาทวิทยาศาสตร์ 🧠 ประโยชน์ต่อการศึกษาโรคสมอง สมองเสมือนนี้ช่วยให้นักวิจัยสามารถจำลองการแพร่กระจายของโรค เช่น อัลไซเมอร์ หรือการเกิด อาการชัก โดยไม่ต้องพึ่งการทดลองที่รุกรานในสมองจริง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ศึกษาการทำงานของคลื่นสมองที่เกี่ยวข้องกับการโฟกัสและการรับรู้ 🌍 เป้าหมายในอนาคต ทีมวิจัยตั้งเป้าว่าจะต่อยอดไปสู่การสร้าง สมองมนุษย์เสมือนจริงเต็มรูปแบบ ในอนาคต โดยใช้ข้อมูลชีววิทยาที่ละเอียดมากขึ้น หากสำเร็จจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำความเข้าใจสมองมนุษย์และการรักษาโรคทางระบบประสาทที่ซับซ้อน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การสร้างสมองเสมือนจริง ➡️ ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku ➡️ จำลอง cortex ของสมองหนูทั้งระบบ ✅ รายละเอียดเชิงเทคนิค ➡️ 9 ล้านเซลล์ประสาท ➡️ 26 พันล้านไซแนปส์ และ 86 พื้นที่สมอง ✅ ประโยชน์ต่อการแพทย์ ➡️ ศึกษาโรคอัลไซเมอร์และอาการชัก ➡️ วิเคราะห์การทำงานของคลื่นสมอง ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ ยังเป็นเพียงสมองหนู ไม่ใช่มนุษย์ ⛔ ต้องใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์มหาศาลในการจำลอง https://www.sciencealert.com/supercomputer-creates-one-of-the-most-realistic-virtual-brains-ever-seen
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Supercomputer Creates One of The Most Realistic Virtual Brains Ever Seen
    Getting a better understanding of how the brain works is tricky, as living brains aren't easily prodded and analyzed.
    0 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • มะเร็งหายากในคนหนุ่มสาว: ปริศนาที่นักวิทยาศาสตร์ยังหาคำตอบ

    งานวิจัยล่าสุดพบว่า มะเร็งไส้ติ่ง (Appendiceal cancer) ซึ่งเคยพบได้น้อยและมักเกิดในผู้สูงอายุ กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen X และ Millennials ที่มีความเสี่ยงมากกว่ารุ่นก่อนถึง 3–4 เท่า ปัจจุบันผู้ป่วย 1 ใน 3 ถูกวินิจฉัยก่อนอายุ 50 ปี

    หลักฐานจากการศึกษา
    ข้อมูลจากสหรัฐฯ ระบุว่าอัตราการเกิดมะเร็งไส้ติ่งเพิ่มขึ้นกว่า 232% ระหว่างปี 2000–2016 และแนวโน้มยังคงสูงขึ้นเรื่อย ๆ นักวิจัยชี้ว่าโรคนี้มักถูกตรวจพบโดยบังเอิญระหว่างการรักษาไส้ติ่งอักเสบ และอาการ เช่น ปวดท้อง ท้องอืด หรือปวดเชิงกราน มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโรคทางเดินอาหารหรือมะเร็งลำไส้ใหญ่

    ปัจจัยที่อาจเกี่ยวข้อง
    แม้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่นักวิจัยสงสัยว่า พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น อาหารแปรรูป การนอนหลับไม่เพียงพอ และการออกกำลังกายน้อย รวมถึง สิ่งแวดล้อม เช่น สารเคมีตกค้างในน้ำดื่มและไมโครพลาสติก อาจมีบทบาทในการเพิ่มความเสี่ยง นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสันนิษฐานถึงพันธุกรรมที่สืบทอดได้

    ความท้าทายในการวินิจฉัยและรักษา
    ปัจจุบันยังไม่มีแนวทางการตรวจคัดกรองเฉพาะสำหรับมะเร็งไส้ติ่ง และการรักษาก็มีข้อจำกัด เนื่องจากมะเร็งชนิดนี้ตอบสนองต่อเคมีบำบัดแตกต่างจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยบางรายถูกวินิจฉัยล่าช้าและมีโอกาสแพร่กระจายสูง

    สรุปประเด็นสำคัญ

    การเพิ่มขึ้นของมะเร็งไส้ติ่งในคนหนุ่มสาว
    ความเสี่ยงสูงขึ้น 3–4 เท่าใน Gen X และ Millennials
    1 ใน 3 ผู้ป่วยถูกวินิจฉัยก่อนอายุ 50 ปี

    หลักฐานจากการศึกษา
    อัตราเพิ่มขึ้นกว่า 232% ระหว่างปี 2000–2016
    อาการคล้ายโรคทางเดินอาหาร ทำให้ตรวจพบยาก

    ปัจจัยที่อาจเกี่ยวข้อง
    อาหารแปรรูปและการนอนหลับไม่เพียงพอ
    สารเคมีในน้ำดื่มและไมโครพลาสติก

    ความท้าทายในการวินิจฉัยและรักษา
    ไม่มีแนวทางคัดกรองเฉพาะสำหรับมะเร็งไส้ติ่ง
    การตอบสนองต่อเคมีบำบัดแตกต่างจากมะเร็งลำไส้ใหญ่

    https://www.sciencealert.com/a-rare-cancer-is-surging-in-young-people-and-experts-are-puzzled
    🧩 มะเร็งหายากในคนหนุ่มสาว: ปริศนาที่นักวิทยาศาสตร์ยังหาคำตอบ งานวิจัยล่าสุดพบว่า มะเร็งไส้ติ่ง (Appendiceal cancer) ซึ่งเคยพบได้น้อยและมักเกิดในผู้สูงอายุ กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen X และ Millennials ที่มีความเสี่ยงมากกว่ารุ่นก่อนถึง 3–4 เท่า ปัจจุบันผู้ป่วย 1 ใน 3 ถูกวินิจฉัยก่อนอายุ 50 ปี 🔬 หลักฐานจากการศึกษา ข้อมูลจากสหรัฐฯ ระบุว่าอัตราการเกิดมะเร็งไส้ติ่งเพิ่มขึ้นกว่า 232% ระหว่างปี 2000–2016 และแนวโน้มยังคงสูงขึ้นเรื่อย ๆ นักวิจัยชี้ว่าโรคนี้มักถูกตรวจพบโดยบังเอิญระหว่างการรักษาไส้ติ่งอักเสบ และอาการ เช่น ปวดท้อง ท้องอืด หรือปวดเชิงกราน มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโรคทางเดินอาหารหรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ 🌱 ปัจจัยที่อาจเกี่ยวข้อง แม้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่นักวิจัยสงสัยว่า พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น อาหารแปรรูป การนอนหลับไม่เพียงพอ และการออกกำลังกายน้อย รวมถึง สิ่งแวดล้อม เช่น สารเคมีตกค้างในน้ำดื่มและไมโครพลาสติก อาจมีบทบาทในการเพิ่มความเสี่ยง นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสันนิษฐานถึงพันธุกรรมที่สืบทอดได้ ⚠️ ความท้าทายในการวินิจฉัยและรักษา ปัจจุบันยังไม่มีแนวทางการตรวจคัดกรองเฉพาะสำหรับมะเร็งไส้ติ่ง และการรักษาก็มีข้อจำกัด เนื่องจากมะเร็งชนิดนี้ตอบสนองต่อเคมีบำบัดแตกต่างจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยบางรายถูกวินิจฉัยล่าช้าและมีโอกาสแพร่กระจายสูง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเพิ่มขึ้นของมะเร็งไส้ติ่งในคนหนุ่มสาว ➡️ ความเสี่ยงสูงขึ้น 3–4 เท่าใน Gen X และ Millennials ➡️ 1 ใน 3 ผู้ป่วยถูกวินิจฉัยก่อนอายุ 50 ปี ✅ หลักฐานจากการศึกษา ➡️ อัตราเพิ่มขึ้นกว่า 232% ระหว่างปี 2000–2016 ➡️ อาการคล้ายโรคทางเดินอาหาร ทำให้ตรวจพบยาก ✅ ปัจจัยที่อาจเกี่ยวข้อง ➡️ อาหารแปรรูปและการนอนหลับไม่เพียงพอ ➡️ สารเคมีในน้ำดื่มและไมโครพลาสติก ‼️ ความท้าทายในการวินิจฉัยและรักษา ⛔ ไม่มีแนวทางคัดกรองเฉพาะสำหรับมะเร็งไส้ติ่ง ⛔ การตอบสนองต่อเคมีบำบัดแตกต่างจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ https://www.sciencealert.com/a-rare-cancer-is-surging-in-young-people-and-experts-are-puzzled
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    A Rare Cancer Is Surging in Young People, And Experts Are Puzzled
    A very rare type of cancer is on a sharp upward trajectory in younger generations, and no one knows why.
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 Reviews
  • ชีวิตซับซ้อนอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิดถึงพันล้านปี

    งานวิจัยใหม่ที่ตีพิมพ์ใน Nature ชี้ว่า ชีวิตเซลล์ซับซ้อน (Eukaryotes) อาจเริ่มต้นขึ้นบนโลกเมื่อราว 2.9–3 พันล้านปีก่อน ซึ่งเร็วกว่าที่เคยเชื่อกันถึงพันล้านปี การค้นพบนี้เปลี่ยนมุมมองต่อวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต และบอกเล่าเรื่องราวที่ซับซ้อนกว่าการก้าวกระโดดครั้งเดียว

    หลักฐานจากนาฬิกาโมเลกุล
    ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Bristol และ Bath ใช้เทคนิค molecular clock analysis โดยเปรียบเทียบข้อมูลพันธุกรรมจากสิ่งมีชีวิตหลายร้อยชนิดกับหลักฐานฟอสซิล ผลลัพธ์เผยให้เห็นสัญญาณทางพันธุกรรมของโครงสร้างเซลล์ซับซ้อน เช่น โปรตีน actin และ tubulin ที่เริ่มปรากฏตั้งแต่ 2.9–3 พันล้านปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่โลกยังมีออกซิเจนต่ำมาก

    บทบาทของไมโตคอนเดรียและออกซิเจน
    สิ่งที่น่าสนใจคือ ไมโตคอนเดรีย ซึ่งเป็น “โรงงานพลังงาน” ของเซลล์ ปรากฏขึ้นภายหลังราว 2.2 พันล้านปีก่อน ตรงกับช่วงที่ระดับออกซิเจนในโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (Great Oxidation Event) แสดงให้เห็นว่าแม้ชีวิตซับซ้อนจะเริ่มต้นก่อน แต่สิ่งแวดล้อมก็มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้มันเติบโตและแพร่หลาย

    ความหมายต่อการศึกษาวิวัฒนาการ
    การค้นพบนี้บ่งชี้ว่า วิวัฒนาการของชีวิตซับซ้อนเป็นกระบวนการยาวนานและค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงฉับพลัน การเข้าใจลำดับเวลาที่แท้จริงช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถเชื่อมโยงการเปลี่ยนแปลงทางชีววิทยากับสภาพแวดล้อมของโลกได้ดียิ่งขึ้น และอาจช่วยอธิบายว่าทำไมชีวิตซับซ้อนถึงเกิดขึ้นบนโลก แต่ยังไม่พบในดาวเคราะห์อื่น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบใหม่เกี่ยวกับชีวิตซับซ้อน
    เริ่มต้นราว 2.9–3 พันล้านปีก่อน
    เร็วกว่าที่เคยเชื่อถึงพันล้านปี

    หลักฐานจากนาฬิกาโมเลกุล
    พบสัญญาณโปรตีน actin และ tubulin
    ใช้ข้อมูลพันธุกรรมและฟอสซิลร่วมกัน

    บทบาทของไมโตคอนเดรียและออกซิเจน
    ปรากฏราว 2.2 พันล้านปีก่อน
    สอดคล้องกับ Great Oxidation Event

    ข้อควรระวังในการตีความ
    ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันลำดับเวลา
    ความเข้าใจปัจจุบันอาจเปลี่ยนไปเมื่อมีหลักฐานใหม่

    https://www.sciencealert.com/complex-life-may-be-a-billion-years-older-than-we-thought
    🌌 ชีวิตซับซ้อนอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิดถึงพันล้านปี งานวิจัยใหม่ที่ตีพิมพ์ใน Nature ชี้ว่า ชีวิตเซลล์ซับซ้อน (Eukaryotes) อาจเริ่มต้นขึ้นบนโลกเมื่อราว 2.9–3 พันล้านปีก่อน ซึ่งเร็วกว่าที่เคยเชื่อกันถึงพันล้านปี การค้นพบนี้เปลี่ยนมุมมองต่อวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต และบอกเล่าเรื่องราวที่ซับซ้อนกว่าการก้าวกระโดดครั้งเดียว 🧬 หลักฐานจากนาฬิกาโมเลกุล ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Bristol และ Bath ใช้เทคนิค molecular clock analysis โดยเปรียบเทียบข้อมูลพันธุกรรมจากสิ่งมีชีวิตหลายร้อยชนิดกับหลักฐานฟอสซิล ผลลัพธ์เผยให้เห็นสัญญาณทางพันธุกรรมของโครงสร้างเซลล์ซับซ้อน เช่น โปรตีน actin และ tubulin ที่เริ่มปรากฏตั้งแต่ 2.9–3 พันล้านปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่โลกยังมีออกซิเจนต่ำมาก 🔋 บทบาทของไมโตคอนเดรียและออกซิเจน สิ่งที่น่าสนใจคือ ไมโตคอนเดรีย ซึ่งเป็น “โรงงานพลังงาน” ของเซลล์ ปรากฏขึ้นภายหลังราว 2.2 พันล้านปีก่อน ตรงกับช่วงที่ระดับออกซิเจนในโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (Great Oxidation Event) แสดงให้เห็นว่าแม้ชีวิตซับซ้อนจะเริ่มต้นก่อน แต่สิ่งแวดล้อมก็มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้มันเติบโตและแพร่หลาย 🌍 ความหมายต่อการศึกษาวิวัฒนาการ การค้นพบนี้บ่งชี้ว่า วิวัฒนาการของชีวิตซับซ้อนเป็นกระบวนการยาวนานและค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงฉับพลัน การเข้าใจลำดับเวลาที่แท้จริงช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถเชื่อมโยงการเปลี่ยนแปลงทางชีววิทยากับสภาพแวดล้อมของโลกได้ดียิ่งขึ้น และอาจช่วยอธิบายว่าทำไมชีวิตซับซ้อนถึงเกิดขึ้นบนโลก แต่ยังไม่พบในดาวเคราะห์อื่น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบใหม่เกี่ยวกับชีวิตซับซ้อน ➡️ เริ่มต้นราว 2.9–3 พันล้านปีก่อน ➡️ เร็วกว่าที่เคยเชื่อถึงพันล้านปี ✅ หลักฐานจากนาฬิกาโมเลกุล ➡️ พบสัญญาณโปรตีน actin และ tubulin ➡️ ใช้ข้อมูลพันธุกรรมและฟอสซิลร่วมกัน ✅ บทบาทของไมโตคอนเดรียและออกซิเจน ➡️ ปรากฏราว 2.2 พันล้านปีก่อน ➡️ สอดคล้องกับ Great Oxidation Event ‼️ ข้อควรระวังในการตีความ ⛔ ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันลำดับเวลา ⛔ ความเข้าใจปัจจุบันอาจเปลี่ยนไปเมื่อมีหลักฐานใหม่ https://www.sciencealert.com/complex-life-may-be-a-billion-years-older-than-we-thought
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Complex Life May Be a Billion Years Older Than We Thought
    The origins of complex, nucleated cellular life – everything from amoebas to humans – may date back a lot further in Earth's history than we thought.
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • การค้นพบครั้งสำคัญ: ยีนเดียวที่ก่อโรคทางจิต

    งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัย Leipzig พบว่า การกลายพันธุ์ในยีน GRIN2A สามารถทำให้เกิดโรคทางจิตได้โดยตรง เช่น โรคจิตเภทที่เกิดตั้งแต่วัยเด็กหรือวัยรุ่น ซึ่งต่างจากรูปแบบทั่วไปที่มักแสดงอาการในวัยผู้ใหญ่ การค้นพบนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีหลักฐานชัดเจนว่ายีนเดียวสามารถก่อโรคทางจิตได้

    ผลกระทบต่อการวินิจฉัยและการรักษา
    ทีมวิจัยได้ศึกษาผู้ป่วยกว่า 121 รายที่มีการเปลี่ยนแปลงในยีน GRIN2A พบว่า 25 รายมีอาการทางจิต เช่น โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า หรือโรคบุคลิกภาพผิดปกติ ที่น่าสนใจคือบางรายมีเพียงอาการทางจิต โดยไม่มีโรคทางระบบประสาทอื่น ๆ เช่น ลมชักหรือปัญญาบกพร่อง ซึ่งปกติจะเชื่อมโยงกับยีนนี้

    แนวทางการรักษาใหม่ที่อาจเกิดขึ้น
    ยีน GRIN2A เกี่ยวข้องกับตัวรับกลูตาเมตในสมอง ซึ่งควบคุมการทำงานของเซลล์ประสาท งานวิจัยพบว่าผู้ป่วยบางรายที่ได้รับการรักษาด้วย L-serine (กรดอะมิโนที่กระตุ้นตัวรับกลูตาเมต) มีอาการทางจิตดีขึ้น เช่น ลดอาการหลอนหรือพฤติกรรมผิดปกติ แม้จะเป็นกลุ่มตัวอย่างเล็ก แต่ก็เปิดความเป็นไปได้ใหม่ในการรักษาโรคทางจิตแบบเฉพาะบุคคล

    ความหมายต่อสังคมและอนาคต
    การค้นพบนี้อาจเปลี่ยนแนวทางการวินิจฉัยโรคทางจิตในอนาคต โดยการตรวจพันธุกรรมอาจถูกนำมาใช้เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและเลือกการรักษาที่ตรงจุดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นักวิจัยเตือนว่าจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลและทำความเข้าใจกลไกของยีนนี้อย่างละเอียด

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบยีน GRIN2A
    เป็นยีนแรกที่สามารถทำให้เกิดโรคทางจิตได้โดยตรง
    อาการปรากฏตั้งแต่วัยเด็กหรือวัยรุ่น

    ผลการศึกษาในผู้ป่วย
    25 จาก 121 รายมีโรคทางจิต
    บางรายมีเพียงอาการทางจิตโดยไม่มีโรคประสาทอื่น

    แนวทางการรักษาใหม่
    การใช้ L-serine ช่วยให้อาการดีขึ้นในบางราย
    เปิดโอกาสสู่การรักษาแบบเฉพาะบุคคล

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    ขนาดตัวอย่างยังเล็กและต้องการการศึกษาเพิ่มเติม
    กลไกการทำงานของ GRIN2A ยังไม่ถูกเข้าใจทั้งหมด

    https://www.sciencealert.com/scientists-discover-the-first-single-gene-to-directly-cause-mental-illness
    🧬 การค้นพบครั้งสำคัญ: ยีนเดียวที่ก่อโรคทางจิต งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัย Leipzig พบว่า การกลายพันธุ์ในยีน GRIN2A สามารถทำให้เกิดโรคทางจิตได้โดยตรง เช่น โรคจิตเภทที่เกิดตั้งแต่วัยเด็กหรือวัยรุ่น ซึ่งต่างจากรูปแบบทั่วไปที่มักแสดงอาการในวัยผู้ใหญ่ การค้นพบนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีหลักฐานชัดเจนว่ายีนเดียวสามารถก่อโรคทางจิตได้ 👩‍⚕️ ผลกระทบต่อการวินิจฉัยและการรักษา ทีมวิจัยได้ศึกษาผู้ป่วยกว่า 121 รายที่มีการเปลี่ยนแปลงในยีน GRIN2A พบว่า 25 รายมีอาการทางจิต เช่น โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า หรือโรคบุคลิกภาพผิดปกติ ที่น่าสนใจคือบางรายมีเพียงอาการทางจิต โดยไม่มีโรคทางระบบประสาทอื่น ๆ เช่น ลมชักหรือปัญญาบกพร่อง ซึ่งปกติจะเชื่อมโยงกับยีนนี้ 💊 แนวทางการรักษาใหม่ที่อาจเกิดขึ้น ยีน GRIN2A เกี่ยวข้องกับตัวรับกลูตาเมตในสมอง ซึ่งควบคุมการทำงานของเซลล์ประสาท งานวิจัยพบว่าผู้ป่วยบางรายที่ได้รับการรักษาด้วย L-serine (กรดอะมิโนที่กระตุ้นตัวรับกลูตาเมต) มีอาการทางจิตดีขึ้น เช่น ลดอาการหลอนหรือพฤติกรรมผิดปกติ แม้จะเป็นกลุ่มตัวอย่างเล็ก แต่ก็เปิดความเป็นไปได้ใหม่ในการรักษาโรคทางจิตแบบเฉพาะบุคคล 🌍 ความหมายต่อสังคมและอนาคต การค้นพบนี้อาจเปลี่ยนแนวทางการวินิจฉัยโรคทางจิตในอนาคต โดยการตรวจพันธุกรรมอาจถูกนำมาใช้เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและเลือกการรักษาที่ตรงจุดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นักวิจัยเตือนว่าจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลและทำความเข้าใจกลไกของยีนนี้อย่างละเอียด 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบยีน GRIN2A ➡️ เป็นยีนแรกที่สามารถทำให้เกิดโรคทางจิตได้โดยตรง ➡️ อาการปรากฏตั้งแต่วัยเด็กหรือวัยรุ่น ✅ ผลการศึกษาในผู้ป่วย ➡️ 25 จาก 121 รายมีโรคทางจิต ➡️ บางรายมีเพียงอาการทางจิตโดยไม่มีโรคประสาทอื่น ✅ แนวทางการรักษาใหม่ ➡️ การใช้ L-serine ช่วยให้อาการดีขึ้นในบางราย ➡️ เปิดโอกาสสู่การรักษาแบบเฉพาะบุคคล ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ ขนาดตัวอย่างยังเล็กและต้องการการศึกษาเพิ่มเติม ⛔ กลไกการทำงานของ GRIN2A ยังไม่ถูกเข้าใจทั้งหมด https://www.sciencealert.com/scientists-discover-the-first-single-gene-to-directly-cause-mental-illness
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Scientists Discover The First Single Gene to Directly Cause Mental Illness
    Genetics is rarely as straightforward as a single gene driving a lone health outcome.
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251206 #securityonline

    เก้าอี้ออฟฟิศที่พับครึ่งได้ – Hinomi H2 Pro
    เรื่องราวเริ่มจากการรีวิวเก้าอี้ทำงานรุ่นใหม่ Hinomi H2 Pro ที่ถูกออกแบบมาให้แตกต่างจากเก้าอี้ทั่วไป จุดเด่นคือสามารถพับครึ่งได้ ทำให้จัดเก็บง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีระบบรองรับหลังส่วนล่างที่แข็งแรงและปรับได้หลายระดับ เหมาะกับคนที่ต้องการการนั่งที่ถูกสุขลักษณะ ตัววัสดุทำจากเฟรมอะลูมิเนียมและผ้าตาข่ายที่ระบายอากาศได้ดี ใช้งานต่อเนื่องทั้งวันก็ยังสบาย แม้จะมีข้อสังเกตว่าการรองรับหลังอาจแรงไปสำหรับบางคน แต่โดยรวมถือว่าเป็นเก้าอี้ที่คุ้มค่าและมีลูกเล่นที่ไม่เหมือนใคร
    https://www.techradar.com/pro/hinomi-h2-pro-office-chair-review

    การกลับมาของเครื่องเล่น SACD – Shanling SCD3.3
    ย้อนบรรยากาศยุค 90s กับเครื่องเล่นซีดีรุ่นใหม่ Shanling SCD3.3 ที่มาพร้อมหลอดแอมป์ในตัวและ DAC คุณภาพสูง จุดขายคือการรองรับแผ่น SACD และการออกแบบที่ผสมผสานความคลาสสิกกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตัวเครื่องหนักแน่นด้วยโครงอะลูมิเนียมหนา มีหน้าจอสัมผัสและแอปควบคุมผ่านมือถือได้ เสียงที่ได้ถูกบรรยายว่าอบอุ่นและทรงพลัง เหมาะกับนักฟังเพลงที่ต้องการประสบการณ์เสียงระดับอ้างอิง แม้ราคาจะสูงถึงเกือบ 4,000 ดอลลาร์ แต่ก็เป็นการประกาศว่าแผ่นซีดียังไม่ตาย และยังมีเสน่ห์สำหรับสายเครื่องเสียงจริงจัง
    https://www.techradar.com/audio/sacd-is-back-baby-this-beefy-new-audiophile-cd-player-is-deliciously-90s-and-has-built-in-tube-amplification-as-a-bonus

    เครือข่ายมือถือแบบไม่ต้องเปิดเผยตัว – Phreeli
    นี่คือผู้ให้บริการมือถือรายใหม่ที่ชื่อว่า Phreeli จุดเด่นคือการสมัครใช้งานโดยไม่ต้องใช้ชื่อหรือข้อมูลส่วนตัวใด ๆ นอกจากรหัสไปรษณีย์และวิธีการชำระเงิน ซึ่งสามารถใช้คริปโตได้ ทำให้ไม่สามารถเชื่อมโยงเบอร์โทรกับตัวตนจริงได้ ระบบยังมีการป้องกันสแปมและการโทรกวน เหมาะกับคนที่กังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัวจะถูกขายต่อให้บริษัทโฆษณาหรือหน่วยงานรัฐ แม้บางคนอาจสงสัยว่าใครจะใช้บริการแบบนี้ แต่ผู้ก่อตั้งยืนยันว่ามุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ใช่กลุ่มที่มีเจตนาไม่ดี
    https://www.techradar.com/phones/this-new-anonymous-phone-carrier-doesnt-even-need-your-name-here-are-5-things-you-should-know-about-it

    Intel เปลี่ยนใจไม่ขายธุรกิจ NEX
    เดิมที Intel มีแผนจะขายหรือแยกธุรกิจ Networking and Communications (NEX) ออกไป แต่ล่าสุดบริษัทประกาศว่าจะเก็บไว้ในพอร์ตโฟลิโอ เพราะมองว่าเป็นส่วนสำคัญต่อกลยุทธ์ด้าน AI ศูนย์ข้อมูล และ Edge Computing การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากสถานะทางการเงินของ Intel ดีขึ้นจากการลงทุนและการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงพันธมิตรอย่าง SoftBank และ Nvidia การเก็บ NEX ไว้ในบริษัทจะช่วยให้การพัฒนาซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และระบบทำงานร่วมกันได้แนบแน่นมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/intel-drops-plans-to-sell-networking-and-communication-division

    Windscribe เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้จัดการ IP ได้เอง
    บริการ VPN อย่าง Windscribe เปิดตัวสองฟีเจอร์ใหม่คือ IP Pinning และ IP Rotation เพื่อให้ผู้ใช้ควบคุม IP ได้สะดวกขึ้น โดย IP Pinning ช่วยล็อก IP ที่ใช้งานได้ดีเพื่อความเสถียร เช่น ใช้กับแอปธนาคาร ส่วน IP Rotation ช่วยเปลี่ยน IP ได้ทันทีโดยไม่ต้องตัดการเชื่อมต่อ เหมาะกับการแก้ปัญหา CAPTCHA หรือการบล็อกจากเว็บไซต์ ฟีเจอร์เหล่านี้ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวด้วยระบบ API แบบ zero-knowledge ทำให้แม้แต่ Windscribe เองก็ไม่สามารถบันทึกข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ได้
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/windscribe-rolls-out-new-tools-to-let-you-manage-your-vpn-ip-address-your-way

    AI ถูกส่งขึ้นอวกาศ – Google, Amazon และ xAI
    สามบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีคือ Google, Amazon และ xAI กำลังร่วมมือกันเพื่อผลักดันโครงการนำ AI ขึ้นไปใช้งานในอวกาศ แนวคิดนี้คือการสร้างระบบประมวลผลที่สามารถทำงานได้โดยตรงบนดาวเทียมหรือสถานีอวกาศ เพื่อลดการพึ่งพาการส่งข้อมูลกลับมายังโลก ซึ่งจะช่วยให้การสื่อสารและการวิเคราะห์ข้อมูลจากอวกาศมีความรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น โครงการนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันในตลาด AI ที่ขยายไปไกลเกินกว่าพื้นโลก และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ AI ในการสำรวจจักรวาลอย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/google-amazon-and-xai-want-to-launch-ai-into-space

    หุ่นยนต์ดูดฝุ่นพร้อมระบบถูพื้นขั้นเทพ – Dreame Robovac
    Dreame เปิดตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นใหม่ที่มาพร้อมระบบถูพื้นซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา จุดเด่นคือแท่นเก็บผ้าแบบ jukebox ที่สามารถเปลี่ยนผ้าเช็ดถูได้อัตโนมัติ ทำให้การทำความสะอาดต่อเนื่องโดยไม่ต้องคอยเปลี่ยนผ้าเอง หุ่นยนต์ยังมีระบบตรวจจับคราบและปรับแรงกดในการถูพื้นให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิว นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อกับแอปเพื่อควบคุมและตั้งค่าการทำงานได้อย่างละเอียด ถือเป็นการยกระดับหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านให้ฉลาดและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
    https://www.techradar.com/home/vacuums/dreames-new-robovac-has-the-most-advanced-mop-setup-ive-seen-and-the-jukebox-style-mop-dispenser-is-just-the-start-of-it

    Windows 11 ปรับโฉม Run Prompt
    เรื่องที่ดูเหมือนเล็กแต่จริง ๆ แล้วสำคัญมากสำหรับผู้ใช้ Windows 11 กำลังจะเกิดขึ้น นั่นคือการปรับโฉมหน้าต่าง Run ที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่ยุค Windows 95 ให้เข้ากับดีไซน์ Fluent ของยุคใหม่ หน้าต่างนี้จะดูทันสมัยขึ้น ใหญ่ขึ้น และยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยแสดงคำสั่งที่เคยใช้ไปแล้ว ทำให้เรียกใช้งานซ้ำได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งแสดงไอคอนของแอปที่เราจะเปิดอีกด้วย แม้ยังไม่เปิดให้ใช้งานจริง แต่ก็มีการค้นพบในเวอร์ชันทดสอบแล้ว หลายคนก็แอบกังวลว่าจะทำให้การเปิด Run ช้าลง แต่โดยรวมถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รอคอยกันมานาน
    https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-run-prompt-is-getting-a-makeover-and-a-handy-extra-power-but-already-there-are-worries-microsoft-will-ruin-it

    Microsoft 365 เตรียมขึ้นราคา
    ข่าวนี้อาจทำให้หลายองค์กรต้องขยับงบประมาณ เพราะ Microsoft ประกาศว่าจะปรับขึ้นราคาของแพ็กเกจ Microsoft 365 และ Office 365 สำหรับธุรกิจและหน่วยงานรัฐตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2026 โดยขึ้นระหว่าง 5% ถึง 33% ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ แต่ก็มีการเพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและ AI เข้ามา เช่น Microsoft Defender และ Security Copilot เพื่อช่วยป้องกันภัยไซเบอร์และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แม้ราคาจะสูงขึ้น แต่ Microsoft ยืนยันว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่เพิ่มเข้ามา
    https://www.techradar.com/pro/microsoft-365-is-hiking-prices-for-businesses-heres-how-much-it-will-cost-you

    Samsung Ballie Robot เลื่อนเปิดตัวอีกครั้ง
    หุ่นยนต์กลมสีเหลืองที่ชื่อ Ballie จาก Samsung ซึ่งเคยโชว์ตัวตั้งแต่ปี 2020 และถูกนำกลับมาเปิดตัวใหม่ใน CES 2025 พร้อมสัญญาว่าจะวางขายในช่วงซัมเมอร์ปีนั้น แต่จนถึงปลายปี 2025 ก็ยังไม่พร้อมวางจำหน่าย Samsung บอกว่ากำลังปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่า Ballie ถูกออกแบบให้เป็นผู้ช่วยในบ้าน สามารถฉายภาพยนตร์หรือข้อมูลบนผนัง และตอบคำถามได้ แต่ยังต้องรอการพัฒนาเพิ่มเติม คาดว่าอาจมีความคืบหน้าที่ CES 2026
    https://www.techradar.com/home/smart-home/samsungs-ballie-robot-is-delayed-again-and-now-we-know-why

    การโจมตีไซเบอร์ด้วย Brickworm Malware
    หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ และแคนาดาออกมาเตือนว่าแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีนใช้มัลแวร์ชื่อ Brickworm เจาะเข้าไปในระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ และองค์กรด้านไอทีทั่วโลก มัลแวร์นี้สามารถฝังตัวในระบบ VMware และ Windows เพื่อเข้าถึงไฟล์ ควบคุม Active Directory และคงการเข้าถึงระยะยาวได้ ทำให้เสี่ยงต่อการสอดแนมและการก่อวินาศกรรมในอนาคต แม้จีนจะปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่รายงานนี้สะท้อนถึงภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อความมั่นคงไซเบอร์
    https://www.techradar.com/pro/security/chinese-hackers-used-brickworm-malware-to-breach-critical-us-infrastructure

    Ofcom เตรียมเข้มงวดการตรวจสอบไฟล์ในปี 2026
    หน่วยงานกำกับดูแลด้านการสื่อสารของสหราชอาณาจักร (Ofcom) มีแผนจะเพิ่มมาตรการตรวจสอบไฟล์ดิจิทัลในปี 2026 โดยจะขยายการเฝ้าระวังและการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกแชร์ผ่านบริการออนไลน์ เพื่อป้องกันการละเมิดและการใช้งานที่ผิดกฎหมาย แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าการตรวจสอบนี้อาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แต่ Ofcom ยืนยันว่ามีความจำเป็นเพื่อความปลอดภัยทางดิจิทัลในอนาคต
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/ofcom-wants-to-double-down-on-file-monitoring-in-2026

    DAC ตัวใหม่เล็กแต่ทรงพลัง
    อุปกรณ์ DAC ขนาดเล็กที่เพิ่งเปิดตัวสามารถเปลี่ยนสมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ก หรือเครื่องเล่นเกม ให้มีคุณภาพเสียงระดับเดียวกับเครื่องเล่นเพลง hi-res ชั้นนำของโลก แม้จะมีขนาดกะทัดรัด แต่สามารถมอบประสบการณ์เสียงที่คมชัดและทรงพลัง เหมาะสำหรับคนที่รักการฟังเพลงคุณภาพสูงโดยไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์ราคาแพง
    https://www.techradar.com/audio/dacs/this-tiny-new-dac-gives-your-phone-laptop-or-games-console-the-audio-skills-of-the-worlds-best-hi-res-music-player

    Netflix ซื้อกิจการ Warner Bros. Discovery มูลค่า 82.7 พันล้านดอลลาร์
    Netflix ประกาศดีลครั้งใหญ่ในการเข้าซื้อ Warner Bros. Discovery ด้วยมูลค่า 82.7 พันล้านดอลลาร์ โดยอ้างว่าจะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกและความคุ้มค่ามากขึ้น ดีลนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการสตรีมมิ่ง เพราะจะรวมคอนเทนต์จาก HBO, Discovery และแบรนด์ดังอื่น ๆ เข้ากับ Netflix ซึ่งอาจทำให้การแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Disney+ และ Amazon Prime เข้มข้นยิ่งขึ้น
    https://www.techradar.com/streaming/netflix/its-official-netflix-is-buying-warner-bros-discovery-claiming-the-deal-means-more-choice-and-greater-value-for-consumers

    Logitech CEO วิจารณ์อุปกรณ์ AI
    ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Logitech ออกมาแสดงความเห็นว่าอุปกรณ์ AI หลายอย่างในตลาดตอนนี้เป็น “การหาทางแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง” ซึ่งสะท้อนถึงความสงสัยว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีคุณค่าแท้จริงต่อผู้ใช้หรือไม่ ความเห็นนี้ได้รับการตอบรับจากหลายฝ่ายที่เห็นว่าอุปกรณ์ AI ยังไม่สามารถพิสูจน์ประโยชน์ที่ชัดเจน แต่ก็มีบางคนมองว่าเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่ต้องใช้เวลาเพื่อให้เห็นผลจริง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/a-solution-looking-for-a-problem-that-doesnt-exist-logitech-ceo-blasts-ai-gadgets-and-most-people-think-thats-being-generous

    EU เดินหน้ากฎหมาย Chat Control แบบเจาะจงเป้าหมาย
    เรื่องนี้เป็นการถกเถียงใหญ่ในยุโรปเกี่ยวกับกฎหมาย Child Sexual Abuse Regulation (CSAR) ที่ถูกเรียกติดปากว่า “Chat Control” ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าจะกลายเป็นการสอดส่องประชาชนแบบกว้างขวาง แต่ Magnus Brunner กรรมาธิการสหภาพยุโรปด้านกิจการภายในกลับยืนยันว่า เขาเลือกสนับสนุนแนวทางของรัฐสภายุโรปที่เน้นการสแกนแบบเจาะจงเป้าหมาย มากกว่าการสแกนแบบครอบคลุมโดยสมัครใจตามที่สภายุโรปเสนอ เขาย้ำว่า “นี่ไม่ใช่เรื่อง Chat Control แต่เป็นการปกป้องเด็ก” อย่างไรก็ตาม หลายประเทศและผู้เชี่ยวชาญยังคงคัดค้านเพราะมองว่าอาจเป็นภัยต่อความเป็นส่วนตัว การเจรจารอบสุดท้ายระหว่างสภา คณะกรรมาธิการ และรัฐสภาจะเริ่มขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะเป็นตัวชี้ชะตาว่ากฎหมายนี้จะออกมาในรูปแบบใด
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/chat-control-eu-commissioner-backs-parliament-line-on-targeted-monitoring

    ปัญหาการเชื่อมต่อที่ซ่อนอยู่ใน IoT
    เมื่อพูดถึงอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น ถังขยะที่ส่งสัญญาณเมื่อเต็ม หรือเครื่องตรวจหัวใจในบ้านพักคนชรา หลายคนมักคิดว่าการเชื่อมต่อเครือข่ายเป็นเรื่องที่ “มีอยู่แล้ว” แต่แท้จริงแล้วการออกแบบระบบเชื่อมต่อคือหัวใจสำคัญ หากการเลือกซิมหรือการจัดการสัญญาณไม่ดี อุปกรณ์อาจเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ไม่เสถียร ทำให้ข้อมูลสะดุดหรือเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเทคโนโลยีซิมแบบ Dual IMSI ที่มีการจัดการสัญญาณและ IP แบบคงที่ จะช่วยให้ระบบทำงานได้ราบรื่นและปลอดภัยกว่า การออกแบบโครงสร้างการเชื่อมต่อที่ดีจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ IoT ใช้งานได้จริงในระดับใหญ่ ไม่ใช่แค่การมีอุปกรณ์ที่ฉลาด แต่ต้องมีเครือข่ายที่ฉลาดด้วย
    https://www.techradar.com/pro/the-connectivity-problem-hiding-in-smart-bins-and-heart-monitors

    แฮกเกอร์ปลอมแอปธนาคารเพื่อขโมยข้อมูล
    นักวิจัยจาก Group-IB เปิดเผยว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่ชื่อ GoldFactory กำลังใช้วิธีใหม่ในการโจมตี โดยนำแอปธนาคารจริงมาดัดแปลงใส่โค้ดอันตราย แล้วเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ปลอมและการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง แอปที่ถูกปลอมแปลงยังคงทำงานเหมือนจริง ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกขโมยข้อมูล ขณะเดียวกันมัลแวร์ที่ซ่อนอยู่สามารถเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ ทั้งดึงข้อมูล ล็อกอิน หรือแม้แต่สั่งการจากระยะไกล ปัจจุบันมีผู้ใช้หลายหมื่นรายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ตกเป็นเหยื่อ และแนวโน้มอาจขยายไปยังประเทศอื่น ๆ นี่ถือเป็นการโจมตีที่ซับซ้อนและอันตรายมากในโลกการเงินดิจิทัล
    https://www.techradar.com/pro/security/hackers-observed-injecting-legitimate-banking-apps-with-malicious-code

    Verizon แจก iPhone 17 Pro ฟรีแบบไม่ต้องเทรดเครื่อง
    Verizon สร้างความฮือฮาด้วยโปรโมชันใหม่ที่ให้ iPhone 17 Pro ฟรีถึง 4 เครื่อง โดยไม่ต้องนำเครื่องเก่ามาแลก เพียงสมัครแพ็กเกจ Welcome Unlimited ที่ราคา 100 ดอลลาร์ต่อเดือนสำหรับ 4 ไลน์ เท่ากับจ่ายเพียง 25 ดอลลาร์ต่อเครื่องต่อเดือน ซึ่งถ้าคิดเป็นมูลค่ารวมแล้ว ผู้ใช้สามารถประหยัดได้มากกว่า 4,000 ดอลลาร์ ดีลนี้ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับครอบครัวที่ต้องการหลายเครื่อง และแม้แต่ผู้ใช้รายเดียวก็ยังสามารถรับเครื่องฟรีได้เมื่อเปิดไลน์ใหม่ ถือเป็นหนึ่งในดีลที่ดีที่สุดของ Verizon ในปีนี้
    https://www.techradar.com/phones/iphone/verizon-just-surprised-us-with-one-of-its-best-deals-of-the-entire-year-get-four-iphone-17-pro-for-free-without-a-trade-in

    CEO Logitech มองว่าอุปกรณ์ AI เป็น “คำตอบที่ไม่มีคำถาม”
    Hanneke Faber ซีอีโอของ Logitech ให้สัมภาษณ์ว่า อุปกรณ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ AI โดยเฉพาะ เช่น Humane AI Pin หรือ Rabbit R1 เป็นเพียง “การแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง” เพราะสิ่งที่ทำได้ก็ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่แล้ว เธอเชื่อว่าทางที่ถูกต้องคือการฝัง AI เข้าไปในผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ เช่น กล้องเว็บแคมที่ปรับภาพอัตโนมัติ หรือเมาส์ MX Master 4 ที่มีปุ่มเรียก Copilot หรือ ChatGPT ได้ทันที แนวคิดนี้ต่างจากบางบริษัทที่พยายามสร้างอุปกรณ์ใหม่ขึ้นมาโดยเฉพาะ เช่น แว่นตาอัจฉริยะของ Ray-Ban หรือเครื่องบันทึกเสียง AI ของ Plaud ซึ่งอนาคตจะพิสูจน์ว่าแนวทางใดจะอยู่รอด แต่สิ่งที่แน่นอนคือ AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกอุปกรณ์ในอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/security/logitech-ceo-says-ai-devices-are-just-solutions-looking-for-a-problem

    ทำไมซีอีโอที่เข้าใจการพัฒนาซอฟต์แวร์ถึงนำหน้าในยุค AI
    บทความนี้เล่าถึงข้อได้เปรียบของซีอีโอที่มีพื้นฐานด้านการเขียนโปรแกรมหรือเข้าใจการพัฒนาซอฟต์แวร์ เพราะพวกเขาสามารถมองเห็นศักยภาพของ AI ได้ลึกกว่า และรู้ว่าควรนำไปใช้ตรงไหนเพื่อสร้างคุณค่า ไม่ใช่แค่ตามกระแส ตัวอย่างเช่น การเข้าใจโครงสร้างข้อมูลและการทำงานของโมเดล ทำให้สามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้แม่นยำกว่า และยังช่วยให้ทีมงานเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของผู้นำมากขึ้น ในการแข่งขัน AI ที่รุนแรง การมีผู้นำที่เข้าใจเทคโนโลยีจึงเป็นเหมือนการมี “หัวเรือที่รู้เส้นทาง”
    https://www.techradar.com/pro/why-ceos-who-understand-software-development-have-a-head-start-in-the-ai-race

    ปัญหาการถอดเสียงแก้ได้ด้วย Gemini แต่ไม่ใช่ ChatGPT
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงว่าเจอปัญหาใหญ่ในการถอดเสียงไฟล์เสียงยาว ๆ ที่มีหลายสำเนียงและเสียงรบกวน เมื่อทดลองใช้ ChatGPT ผลลัพธ์ออกมาไม่แม่นยำ แต่เมื่อเปลี่ยนไปใช้ Gemini กลับได้ผลลัพธ์ที่ตรงและจัดการไฟล์ได้ดีกว่า จุดเด่นคือ Gemini สามารถทำงานกับไฟล์เสียงที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังให้ผลลัพธ์ที่พร้อมใช้งานทันที เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ AI หลายเจ้าแข่งกัน แต่แต่ละระบบก็มีจุดแข็งและจุดอ่อนต่างกันไป
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/i-had-a-big-audio-transcription-problem-gemini-solved-it-and-chatgpt-didnt

    ปี 2025 ไม่ได้เป็นปีที่น่าเบื่อของสมาร์ทโฟน
    หลายคนอาจบ่นว่าโทรศัพท์มือถือเริ่มหมดความตื่นเต้น แต่จริง ๆ แล้วปีนี้กลับเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เริ่มจาก Apple ที่กล้าลองสิ่งใหม่ ๆ ทั้ง iPhone 16e ที่มาพร้อมโมเด็ม C1 และ iPhone Air ที่ออกแบบให้บางและทนทานขึ้น แม้ไม่ใช่รุ่นที่ดีที่สุด แต่ก็สะท้อนความกล้าในการทดลอง ส่วน iPhone 17 Pro ก็พลิกโฉมดีไซน์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Apple พร้อมเพิ่มเลนส์ซูมและหน้าจอ 120Hz ให้ทันสมัยขึ้น ขณะเดียวกัน Qualcomm ก็สร้างความฮือฮาด้วย Snapdragon 8 Elite ที่แรงและประหยัดพลังงานกว่า ทำให้มือถือ Android ใช้งานได้ยาวนานกว่าสองวันเต็ม อีกด้านหนึ่ง OnePlus 15 กลายเป็นมือถือที่ถูกยกให้เป็น “ตัวเลือกของคนวงใน” ด้วยความทนทานและแบตเตอรี่ที่เหลือเชื่อ สุดท้าย Google ก็เพิ่มฟีเจอร์แม่เหล็กใน Pixel 10 Pro ทำให้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้นอย่างมาก ทั้งการชาร์จ การติดตั้งอุปกรณ์เสริม และการใช้งานร่วมกับกระเป๋าสตางค์แม่เหล็ก เรื่องทั้งหมดนี้บอกได้เลยว่า โทรศัพท์ปี 2025 ไม่ได้เงียบเหงาเลย
    https://www.techradar.com/phones/think-phones-are-boring-here-are-4-reasons-why-2025-was-a-big-year-for-smartphones-and-none-of-them-are-ai

    หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐเตือน หยุดใช้ VPN ส่วนตัว
    CISA หรือหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐออกคำเตือนแรงว่า “อย่าใช้ VPN ส่วนตัว” เพราะแทนที่จะปลอดภัยขึ้น กลับเพิ่มความเสี่ยงมากกว่าเดิม เหตุผลคือ VPN หลายเจ้า โดยเฉพาะที่ฟรีหรือไม่น่าเชื่อถือ อาจเก็บข้อมูลหรือแฝงมัลแวร์มาเอง ทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยงจากการโจมตีขั้นสูง แม้ VPN จะช่วยซ่อนกิจกรรมจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต แต่ก็เหมือนย้ายความเสี่ยงไปอยู่กับผู้ให้บริการ VPN ที่อาจไม่น่าไว้ใจ ทางออกคือเลือกผู้ให้บริการที่มีการตรวจสอบนโยบายไม่เก็บข้อมูลจริง มีการเข้ารหัสมาตรฐานสูง และมีฟีเจอร์เสริมอย่าง kill switch หรือ multi-hop เพื่อเพิ่มความปลอดภัย คำเตือนนี้สะท้อนว่าการหาทางลัดเพื่อความเป็นส่วนตัว อาจกลายเป็นดาบสองคมได้
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/us-security-agency-urges-android-and-iphone-users-to-stop-using-personal-vpns

    งานวิจัยใหม่เผย คนรุ่นใหญ่ไม่ค่อยเห็นว่า AI มีประโยชน์
    Cisco เปิดเผยผลสำรวจที่ชี้ให้เห็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างวัย คนอายุต่ำกว่า 35 ปีมีการใช้งาน AI สูงถึงครึ่งหนึ่ง และกว่า 75% มองว่า AI มีประโยชน์ต่อชีวิตและงาน แต่เมื่อมองไปที่คนอายุเกิน 45 ครึ่งหนึ่งไม่เคยใช้ AI เลย โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไปที่บอกว่าไม่คุ้นเคยมากกว่าการปฏิเสธโดยตรง นอกจากนี้ยังพบว่าประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น อินเดีย บราซิล และเม็กซิโก มีการนำ AI มาใช้มากที่สุด ขณะที่ยุโรปกลับมีความไม่มั่นใจสูงกว่า ผลวิจัยยังชี้ว่าการใช้ AI มากเกินไปอาจสัมพันธ์กับการใช้หน้าจอมากและความพึงพอใจในชีวิตที่ลดลง ทำให้คำแนะนำคือควรสร้างทักษะดิจิทัลให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม เพื่อให้ “Generation AI” รวมทุกคนจริง ๆ
    https://www.techradar.com/pro/new-research-reveals-older-users-less-likely-to-find-ai-useful

    EU เปิดการสอบสวน Meta เรื่องนโยบาย AI ใน WhatsApp
    คณะกรรมาธิการยุโรปเริ่มการสอบสวนเชิงลึกต่อ Meta หลังจากมีข้อกล่าวหาว่านโยบายใหม่ของ WhatsApp อาจกีดกันคู่แข่ง โดย Meta ได้ปรับเงื่อนไข API ของ WhatsApp Business ห้ามไม่ให้แชทบอทจากผู้ให้บริการอื่นที่เน้น AI เป็นหลักถูกเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์ม ซึ่งทำให้ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง OpenAI และ Microsoft ต้องถอนบอทออกไปแล้ว EU กังวลว่า Meta กำลังใช้ความได้เปรียบทางตลาดเพื่อผลักดัน Meta AI ของตัวเองและปิดกั้นนวัตกรรม หากพบว่ามีความผิด Meta อาจถูกปรับสูงถึง 10% ของรายได้ทั่วโลก หรือประมาณ 16.5 พันล้านดอลลาร์ เรื่องนี้สะท้อนการต่อสู้ระหว่างการเปิดเสรีการแข่งขันกับการควบคุมอำนาจของบริษัทยักษ์ใหญ่ในยุค AI
    https://www.techradar.com/pro/eu-launches-antitrust-investigation-into-metas-whatsapp-ai-access-policy

    ช่องโหว่ React ระดับวิกฤติ เสี่ยงถูกโจมตีทันที
    React ซึ่งเป็นไลบรารี JavaScript ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-55182 ที่ได้คะแนนความรุนแรงเต็ม 10/10 ช่องโหว่นี้อยู่ใน React Server Components และกระทบหลายเฟรมเวิร์ก เช่น Next, React Router, Vite ทำให้แม้แต่แฮกเกอร์ที่มีทักษะต่ำก็สามารถรันโค้ดอันตรายได้ ทีม React ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 19.0.1, 19.1.2 และ 19.2.1 พร้อมเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที เพราะการโจมตีมีโอกาสสำเร็จเกือบ 100% และคาดว่าจะเกิดขึ้นจริงในเวลาอันใกล้ เนื่องจาก React ถูกใช้ในบริการใหญ่ ๆ อย่าง Facebook, Instagram, Netflix และ Shopify ทำให้พื้นที่เสี่ยงมีขนาดมหาศาล เรื่องนี้จึงเป็นสัญญาณเตือนแรงสำหรับนักพัฒนาและองค์กรที่ใช้ React ว่าต้องไม่ชะล่าใจ
    https://www.techradar.com/pro/security/experts-warn-this-worst-case-scenario-react-vulnerability-could-soon-be-exploited-so-patch-now

    Europol ทลายเครือข่ายฟอกเงินและคริปโตมูลค่า 700 ล้านยูโร
    หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายยุโรป (Europol) ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการปิดเครือข่ายอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและคริปโต โดยมีมูลค่าการเคลื่อนไหวสูงถึง 700 ล้านยูโร เครือข่ายนี้ใช้วิธีซับซ้อนในการเคลื่อนย้ายเงินผ่านหลายประเทศและใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อปกปิดเส้นทางการเงิน การปฏิบัติการครั้งนี้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยหลายรายและยึดทรัพย์สินจำนวนมาก ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าองค์กรอาชญากรรมที่พยายามใช้คริปโตเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ กำลังถูกจับตามองอย่างเข้มงวด
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/pro/security/europol-takes-down-crypto-and-laundering-network-worth-700-million
    📌📡🟣 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟣📡📌 #รวมข่าวIT #20251206 #securityonline 🪑 เก้าอี้ออฟฟิศที่พับครึ่งได้ – Hinomi H2 Pro เรื่องราวเริ่มจากการรีวิวเก้าอี้ทำงานรุ่นใหม่ Hinomi H2 Pro ที่ถูกออกแบบมาให้แตกต่างจากเก้าอี้ทั่วไป จุดเด่นคือสามารถพับครึ่งได้ ทำให้จัดเก็บง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีระบบรองรับหลังส่วนล่างที่แข็งแรงและปรับได้หลายระดับ เหมาะกับคนที่ต้องการการนั่งที่ถูกสุขลักษณะ ตัววัสดุทำจากเฟรมอะลูมิเนียมและผ้าตาข่ายที่ระบายอากาศได้ดี ใช้งานต่อเนื่องทั้งวันก็ยังสบาย แม้จะมีข้อสังเกตว่าการรองรับหลังอาจแรงไปสำหรับบางคน แต่โดยรวมถือว่าเป็นเก้าอี้ที่คุ้มค่าและมีลูกเล่นที่ไม่เหมือนใคร 🔗 https://www.techradar.com/pro/hinomi-h2-pro-office-chair-review 💿 การกลับมาของเครื่องเล่น SACD – Shanling SCD3.3 ย้อนบรรยากาศยุค 90s กับเครื่องเล่นซีดีรุ่นใหม่ Shanling SCD3.3 ที่มาพร้อมหลอดแอมป์ในตัวและ DAC คุณภาพสูง จุดขายคือการรองรับแผ่น SACD และการออกแบบที่ผสมผสานความคลาสสิกกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตัวเครื่องหนักแน่นด้วยโครงอะลูมิเนียมหนา มีหน้าจอสัมผัสและแอปควบคุมผ่านมือถือได้ เสียงที่ได้ถูกบรรยายว่าอบอุ่นและทรงพลัง เหมาะกับนักฟังเพลงที่ต้องการประสบการณ์เสียงระดับอ้างอิง แม้ราคาจะสูงถึงเกือบ 4,000 ดอลลาร์ แต่ก็เป็นการประกาศว่าแผ่นซีดียังไม่ตาย และยังมีเสน่ห์สำหรับสายเครื่องเสียงจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/audio/sacd-is-back-baby-this-beefy-new-audiophile-cd-player-is-deliciously-90s-and-has-built-in-tube-amplification-as-a-bonus 📱 เครือข่ายมือถือแบบไม่ต้องเปิดเผยตัว – Phreeli นี่คือผู้ให้บริการมือถือรายใหม่ที่ชื่อว่า Phreeli จุดเด่นคือการสมัครใช้งานโดยไม่ต้องใช้ชื่อหรือข้อมูลส่วนตัวใด ๆ นอกจากรหัสไปรษณีย์และวิธีการชำระเงิน ซึ่งสามารถใช้คริปโตได้ ทำให้ไม่สามารถเชื่อมโยงเบอร์โทรกับตัวตนจริงได้ ระบบยังมีการป้องกันสแปมและการโทรกวน เหมาะกับคนที่กังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัวจะถูกขายต่อให้บริษัทโฆษณาหรือหน่วยงานรัฐ แม้บางคนอาจสงสัยว่าใครจะใช้บริการแบบนี้ แต่ผู้ก่อตั้งยืนยันว่ามุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ใช่กลุ่มที่มีเจตนาไม่ดี 🔗 https://www.techradar.com/phones/this-new-anonymous-phone-carrier-doesnt-even-need-your-name-here-are-5-things-you-should-know-about-it 💻 Intel เปลี่ยนใจไม่ขายธุรกิจ NEX เดิมที Intel มีแผนจะขายหรือแยกธุรกิจ Networking and Communications (NEX) ออกไป แต่ล่าสุดบริษัทประกาศว่าจะเก็บไว้ในพอร์ตโฟลิโอ เพราะมองว่าเป็นส่วนสำคัญต่อกลยุทธ์ด้าน AI ศูนย์ข้อมูล และ Edge Computing การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากสถานะทางการเงินของ Intel ดีขึ้นจากการลงทุนและการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงพันธมิตรอย่าง SoftBank และ Nvidia การเก็บ NEX ไว้ในบริษัทจะช่วยให้การพัฒนาซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และระบบทำงานร่วมกันได้แนบแน่นมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/intel-drops-plans-to-sell-networking-and-communication-division 🌐 Windscribe เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้จัดการ IP ได้เอง บริการ VPN อย่าง Windscribe เปิดตัวสองฟีเจอร์ใหม่คือ IP Pinning และ IP Rotation เพื่อให้ผู้ใช้ควบคุม IP ได้สะดวกขึ้น โดย IP Pinning ช่วยล็อก IP ที่ใช้งานได้ดีเพื่อความเสถียร เช่น ใช้กับแอปธนาคาร ส่วน IP Rotation ช่วยเปลี่ยน IP ได้ทันทีโดยไม่ต้องตัดการเชื่อมต่อ เหมาะกับการแก้ปัญหา CAPTCHA หรือการบล็อกจากเว็บไซต์ ฟีเจอร์เหล่านี้ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวด้วยระบบ API แบบ zero-knowledge ทำให้แม้แต่ Windscribe เองก็ไม่สามารถบันทึกข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ได้ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/windscribe-rolls-out-new-tools-to-let-you-manage-your-vpn-ip-address-your-way 🚀 AI ถูกส่งขึ้นอวกาศ – Google, Amazon และ xAI สามบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีคือ Google, Amazon และ xAI กำลังร่วมมือกันเพื่อผลักดันโครงการนำ AI ขึ้นไปใช้งานในอวกาศ แนวคิดนี้คือการสร้างระบบประมวลผลที่สามารถทำงานได้โดยตรงบนดาวเทียมหรือสถานีอวกาศ เพื่อลดการพึ่งพาการส่งข้อมูลกลับมายังโลก ซึ่งจะช่วยให้การสื่อสารและการวิเคราะห์ข้อมูลจากอวกาศมีความรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น โครงการนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันในตลาด AI ที่ขยายไปไกลเกินกว่าพื้นโลก และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ AI ในการสำรวจจักรวาลอย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/google-amazon-and-xai-want-to-launch-ai-into-space 🤖 หุ่นยนต์ดูดฝุ่นพร้อมระบบถูพื้นขั้นเทพ – Dreame Robovac Dreame เปิดตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นใหม่ที่มาพร้อมระบบถูพื้นซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา จุดเด่นคือแท่นเก็บผ้าแบบ jukebox ที่สามารถเปลี่ยนผ้าเช็ดถูได้อัตโนมัติ ทำให้การทำความสะอาดต่อเนื่องโดยไม่ต้องคอยเปลี่ยนผ้าเอง หุ่นยนต์ยังมีระบบตรวจจับคราบและปรับแรงกดในการถูพื้นให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิว นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อกับแอปเพื่อควบคุมและตั้งค่าการทำงานได้อย่างละเอียด ถือเป็นการยกระดับหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านให้ฉลาดและสะดวกสบายยิ่งขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/home/vacuums/dreames-new-robovac-has-the-most-advanced-mop-setup-ive-seen-and-the-jukebox-style-mop-dispenser-is-just-the-start-of-it 🖥️ Windows 11 ปรับโฉม Run Prompt เรื่องที่ดูเหมือนเล็กแต่จริง ๆ แล้วสำคัญมากสำหรับผู้ใช้ Windows 11 กำลังจะเกิดขึ้น นั่นคือการปรับโฉมหน้าต่าง Run ที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่ยุค Windows 95 ให้เข้ากับดีไซน์ Fluent ของยุคใหม่ หน้าต่างนี้จะดูทันสมัยขึ้น ใหญ่ขึ้น และยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยแสดงคำสั่งที่เคยใช้ไปแล้ว ทำให้เรียกใช้งานซ้ำได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งแสดงไอคอนของแอปที่เราจะเปิดอีกด้วย แม้ยังไม่เปิดให้ใช้งานจริง แต่ก็มีการค้นพบในเวอร์ชันทดสอบแล้ว หลายคนก็แอบกังวลว่าจะทำให้การเปิด Run ช้าลง แต่โดยรวมถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รอคอยกันมานาน 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-run-prompt-is-getting-a-makeover-and-a-handy-extra-power-but-already-there-are-worries-microsoft-will-ruin-it 💼 Microsoft 365 เตรียมขึ้นราคา ข่าวนี้อาจทำให้หลายองค์กรต้องขยับงบประมาณ เพราะ Microsoft ประกาศว่าจะปรับขึ้นราคาของแพ็กเกจ Microsoft 365 และ Office 365 สำหรับธุรกิจและหน่วยงานรัฐตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2026 โดยขึ้นระหว่าง 5% ถึง 33% ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ แต่ก็มีการเพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและ AI เข้ามา เช่น Microsoft Defender และ Security Copilot เพื่อช่วยป้องกันภัยไซเบอร์และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แม้ราคาจะสูงขึ้น แต่ Microsoft ยืนยันว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่เพิ่มเข้ามา 🔗 https://www.techradar.com/pro/microsoft-365-is-hiking-prices-for-businesses-heres-how-much-it-will-cost-you 🤖 Samsung Ballie Robot เลื่อนเปิดตัวอีกครั้ง หุ่นยนต์กลมสีเหลืองที่ชื่อ Ballie จาก Samsung ซึ่งเคยโชว์ตัวตั้งแต่ปี 2020 และถูกนำกลับมาเปิดตัวใหม่ใน CES 2025 พร้อมสัญญาว่าจะวางขายในช่วงซัมเมอร์ปีนั้น แต่จนถึงปลายปี 2025 ก็ยังไม่พร้อมวางจำหน่าย Samsung บอกว่ากำลังปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่า Ballie ถูกออกแบบให้เป็นผู้ช่วยในบ้าน สามารถฉายภาพยนตร์หรือข้อมูลบนผนัง และตอบคำถามได้ แต่ยังต้องรอการพัฒนาเพิ่มเติม คาดว่าอาจมีความคืบหน้าที่ CES 2026 🔗 https://www.techradar.com/home/smart-home/samsungs-ballie-robot-is-delayed-again-and-now-we-know-why ⚠️ การโจมตีไซเบอร์ด้วย Brickworm Malware หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ และแคนาดาออกมาเตือนว่าแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีนใช้มัลแวร์ชื่อ Brickworm เจาะเข้าไปในระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ และองค์กรด้านไอทีทั่วโลก มัลแวร์นี้สามารถฝังตัวในระบบ VMware และ Windows เพื่อเข้าถึงไฟล์ ควบคุม Active Directory และคงการเข้าถึงระยะยาวได้ ทำให้เสี่ยงต่อการสอดแนมและการก่อวินาศกรรมในอนาคต แม้จีนจะปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่รายงานนี้สะท้อนถึงภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อความมั่นคงไซเบอร์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/chinese-hackers-used-brickworm-malware-to-breach-critical-us-infrastructure 📡 Ofcom เตรียมเข้มงวดการตรวจสอบไฟล์ในปี 2026 หน่วยงานกำกับดูแลด้านการสื่อสารของสหราชอาณาจักร (Ofcom) มีแผนจะเพิ่มมาตรการตรวจสอบไฟล์ดิจิทัลในปี 2026 โดยจะขยายการเฝ้าระวังและการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกแชร์ผ่านบริการออนไลน์ เพื่อป้องกันการละเมิดและการใช้งานที่ผิดกฎหมาย แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าการตรวจสอบนี้อาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แต่ Ofcom ยืนยันว่ามีความจำเป็นเพื่อความปลอดภัยทางดิจิทัลในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/ofcom-wants-to-double-down-on-file-monitoring-in-2026 🎶 DAC ตัวใหม่เล็กแต่ทรงพลัง อุปกรณ์ DAC ขนาดเล็กที่เพิ่งเปิดตัวสามารถเปลี่ยนสมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ก หรือเครื่องเล่นเกม ให้มีคุณภาพเสียงระดับเดียวกับเครื่องเล่นเพลง hi-res ชั้นนำของโลก แม้จะมีขนาดกะทัดรัด แต่สามารถมอบประสบการณ์เสียงที่คมชัดและทรงพลัง เหมาะสำหรับคนที่รักการฟังเพลงคุณภาพสูงโดยไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์ราคาแพง 🔗 https://www.techradar.com/audio/dacs/this-tiny-new-dac-gives-your-phone-laptop-or-games-console-the-audio-skills-of-the-worlds-best-hi-res-music-player 📺 Netflix ซื้อกิจการ Warner Bros. Discovery มูลค่า 82.7 พันล้านดอลลาร์ Netflix ประกาศดีลครั้งใหญ่ในการเข้าซื้อ Warner Bros. Discovery ด้วยมูลค่า 82.7 พันล้านดอลลาร์ โดยอ้างว่าจะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกและความคุ้มค่ามากขึ้น ดีลนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการสตรีมมิ่ง เพราะจะรวมคอนเทนต์จาก HBO, Discovery และแบรนด์ดังอื่น ๆ เข้ากับ Netflix ซึ่งอาจทำให้การแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Disney+ และ Amazon Prime เข้มข้นยิ่งขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/streaming/netflix/its-official-netflix-is-buying-warner-bros-discovery-claiming-the-deal-means-more-choice-and-greater-value-for-consumers 🤔 Logitech CEO วิจารณ์อุปกรณ์ AI ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Logitech ออกมาแสดงความเห็นว่าอุปกรณ์ AI หลายอย่างในตลาดตอนนี้เป็น “การหาทางแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง” ซึ่งสะท้อนถึงความสงสัยว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีคุณค่าแท้จริงต่อผู้ใช้หรือไม่ ความเห็นนี้ได้รับการตอบรับจากหลายฝ่ายที่เห็นว่าอุปกรณ์ AI ยังไม่สามารถพิสูจน์ประโยชน์ที่ชัดเจน แต่ก็มีบางคนมองว่าเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่ต้องใช้เวลาเพื่อให้เห็นผลจริง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/a-solution-looking-for-a-problem-that-doesnt-exist-logitech-ceo-blasts-ai-gadgets-and-most-people-think-thats-being-generous 🛡️ EU เดินหน้ากฎหมาย Chat Control แบบเจาะจงเป้าหมาย เรื่องนี้เป็นการถกเถียงใหญ่ในยุโรปเกี่ยวกับกฎหมาย Child Sexual Abuse Regulation (CSAR) ที่ถูกเรียกติดปากว่า “Chat Control” ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าจะกลายเป็นการสอดส่องประชาชนแบบกว้างขวาง แต่ Magnus Brunner กรรมาธิการสหภาพยุโรปด้านกิจการภายในกลับยืนยันว่า เขาเลือกสนับสนุนแนวทางของรัฐสภายุโรปที่เน้นการสแกนแบบเจาะจงเป้าหมาย มากกว่าการสแกนแบบครอบคลุมโดยสมัครใจตามที่สภายุโรปเสนอ เขาย้ำว่า “นี่ไม่ใช่เรื่อง Chat Control แต่เป็นการปกป้องเด็ก” อย่างไรก็ตาม หลายประเทศและผู้เชี่ยวชาญยังคงคัดค้านเพราะมองว่าอาจเป็นภัยต่อความเป็นส่วนตัว การเจรจารอบสุดท้ายระหว่างสภา คณะกรรมาธิการ และรัฐสภาจะเริ่มขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะเป็นตัวชี้ชะตาว่ากฎหมายนี้จะออกมาในรูปแบบใด 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/chat-control-eu-commissioner-backs-parliament-line-on-targeted-monitoring 📡 ปัญหาการเชื่อมต่อที่ซ่อนอยู่ใน IoT เมื่อพูดถึงอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น ถังขยะที่ส่งสัญญาณเมื่อเต็ม หรือเครื่องตรวจหัวใจในบ้านพักคนชรา หลายคนมักคิดว่าการเชื่อมต่อเครือข่ายเป็นเรื่องที่ “มีอยู่แล้ว” แต่แท้จริงแล้วการออกแบบระบบเชื่อมต่อคือหัวใจสำคัญ หากการเลือกซิมหรือการจัดการสัญญาณไม่ดี อุปกรณ์อาจเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ไม่เสถียร ทำให้ข้อมูลสะดุดหรือเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเทคโนโลยีซิมแบบ Dual IMSI ที่มีการจัดการสัญญาณและ IP แบบคงที่ จะช่วยให้ระบบทำงานได้ราบรื่นและปลอดภัยกว่า การออกแบบโครงสร้างการเชื่อมต่อที่ดีจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ IoT ใช้งานได้จริงในระดับใหญ่ ไม่ใช่แค่การมีอุปกรณ์ที่ฉลาด แต่ต้องมีเครือข่ายที่ฉลาดด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-connectivity-problem-hiding-in-smart-bins-and-heart-monitors 💻 แฮกเกอร์ปลอมแอปธนาคารเพื่อขโมยข้อมูล นักวิจัยจาก Group-IB เปิดเผยว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่ชื่อ GoldFactory กำลังใช้วิธีใหม่ในการโจมตี โดยนำแอปธนาคารจริงมาดัดแปลงใส่โค้ดอันตราย แล้วเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ปลอมและการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง แอปที่ถูกปลอมแปลงยังคงทำงานเหมือนจริง ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกขโมยข้อมูล ขณะเดียวกันมัลแวร์ที่ซ่อนอยู่สามารถเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ ทั้งดึงข้อมูล ล็อกอิน หรือแม้แต่สั่งการจากระยะไกล ปัจจุบันมีผู้ใช้หลายหมื่นรายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ตกเป็นเหยื่อ และแนวโน้มอาจขยายไปยังประเทศอื่น ๆ นี่ถือเป็นการโจมตีที่ซับซ้อนและอันตรายมากในโลกการเงินดิจิทัล 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/hackers-observed-injecting-legitimate-banking-apps-with-malicious-code 📱 Verizon แจก iPhone 17 Pro ฟรีแบบไม่ต้องเทรดเครื่อง Verizon สร้างความฮือฮาด้วยโปรโมชันใหม่ที่ให้ iPhone 17 Pro ฟรีถึง 4 เครื่อง โดยไม่ต้องนำเครื่องเก่ามาแลก เพียงสมัครแพ็กเกจ Welcome Unlimited ที่ราคา 100 ดอลลาร์ต่อเดือนสำหรับ 4 ไลน์ เท่ากับจ่ายเพียง 25 ดอลลาร์ต่อเครื่องต่อเดือน ซึ่งถ้าคิดเป็นมูลค่ารวมแล้ว ผู้ใช้สามารถประหยัดได้มากกว่า 4,000 ดอลลาร์ ดีลนี้ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับครอบครัวที่ต้องการหลายเครื่อง และแม้แต่ผู้ใช้รายเดียวก็ยังสามารถรับเครื่องฟรีได้เมื่อเปิดไลน์ใหม่ ถือเป็นหนึ่งในดีลที่ดีที่สุดของ Verizon ในปีนี้ 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/verizon-just-surprised-us-with-one-of-its-best-deals-of-the-entire-year-get-four-iphone-17-pro-for-free-without-a-trade-in 🤖 CEO Logitech มองว่าอุปกรณ์ AI เป็น “คำตอบที่ไม่มีคำถาม” Hanneke Faber ซีอีโอของ Logitech ให้สัมภาษณ์ว่า อุปกรณ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ AI โดยเฉพาะ เช่น Humane AI Pin หรือ Rabbit R1 เป็นเพียง “การแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง” เพราะสิ่งที่ทำได้ก็ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่แล้ว เธอเชื่อว่าทางที่ถูกต้องคือการฝัง AI เข้าไปในผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ เช่น กล้องเว็บแคมที่ปรับภาพอัตโนมัติ หรือเมาส์ MX Master 4 ที่มีปุ่มเรียก Copilot หรือ ChatGPT ได้ทันที แนวคิดนี้ต่างจากบางบริษัทที่พยายามสร้างอุปกรณ์ใหม่ขึ้นมาโดยเฉพาะ เช่น แว่นตาอัจฉริยะของ Ray-Ban หรือเครื่องบันทึกเสียง AI ของ Plaud ซึ่งอนาคตจะพิสูจน์ว่าแนวทางใดจะอยู่รอด แต่สิ่งที่แน่นอนคือ AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกอุปกรณ์ในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/logitech-ceo-says-ai-devices-are-just-solutions-looking-for-a-problem 🚀 ทำไมซีอีโอที่เข้าใจการพัฒนาซอฟต์แวร์ถึงนำหน้าในยุค AI บทความนี้เล่าถึงข้อได้เปรียบของซีอีโอที่มีพื้นฐานด้านการเขียนโปรแกรมหรือเข้าใจการพัฒนาซอฟต์แวร์ เพราะพวกเขาสามารถมองเห็นศักยภาพของ AI ได้ลึกกว่า และรู้ว่าควรนำไปใช้ตรงไหนเพื่อสร้างคุณค่า ไม่ใช่แค่ตามกระแส ตัวอย่างเช่น การเข้าใจโครงสร้างข้อมูลและการทำงานของโมเดล ทำให้สามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้แม่นยำกว่า และยังช่วยให้ทีมงานเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของผู้นำมากขึ้น ในการแข่งขัน AI ที่รุนแรง การมีผู้นำที่เข้าใจเทคโนโลยีจึงเป็นเหมือนการมี “หัวเรือที่รู้เส้นทาง” 🔗 https://www.techradar.com/pro/why-ceos-who-understand-software-development-have-a-head-start-in-the-ai-race 🎙️ ปัญหาการถอดเสียงแก้ได้ด้วย Gemini แต่ไม่ใช่ ChatGPT ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงว่าเจอปัญหาใหญ่ในการถอดเสียงไฟล์เสียงยาว ๆ ที่มีหลายสำเนียงและเสียงรบกวน เมื่อทดลองใช้ ChatGPT ผลลัพธ์ออกมาไม่แม่นยำ แต่เมื่อเปลี่ยนไปใช้ Gemini กลับได้ผลลัพธ์ที่ตรงและจัดการไฟล์ได้ดีกว่า จุดเด่นคือ Gemini สามารถทำงานกับไฟล์เสียงที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังให้ผลลัพธ์ที่พร้อมใช้งานทันที เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ AI หลายเจ้าแข่งกัน แต่แต่ละระบบก็มีจุดแข็งและจุดอ่อนต่างกันไป 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/i-had-a-big-audio-transcription-problem-gemini-solved-it-and-chatgpt-didnt 📱 ปี 2025 ไม่ได้เป็นปีที่น่าเบื่อของสมาร์ทโฟน หลายคนอาจบ่นว่าโทรศัพท์มือถือเริ่มหมดความตื่นเต้น แต่จริง ๆ แล้วปีนี้กลับเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เริ่มจาก Apple ที่กล้าลองสิ่งใหม่ ๆ ทั้ง iPhone 16e ที่มาพร้อมโมเด็ม C1 และ iPhone Air ที่ออกแบบให้บางและทนทานขึ้น แม้ไม่ใช่รุ่นที่ดีที่สุด แต่ก็สะท้อนความกล้าในการทดลอง ส่วน iPhone 17 Pro ก็พลิกโฉมดีไซน์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Apple พร้อมเพิ่มเลนส์ซูมและหน้าจอ 120Hz ให้ทันสมัยขึ้น ขณะเดียวกัน Qualcomm ก็สร้างความฮือฮาด้วย Snapdragon 8 Elite ที่แรงและประหยัดพลังงานกว่า ทำให้มือถือ Android ใช้งานได้ยาวนานกว่าสองวันเต็ม อีกด้านหนึ่ง OnePlus 15 กลายเป็นมือถือที่ถูกยกให้เป็น “ตัวเลือกของคนวงใน” ด้วยความทนทานและแบตเตอรี่ที่เหลือเชื่อ สุดท้าย Google ก็เพิ่มฟีเจอร์แม่เหล็กใน Pixel 10 Pro ทำให้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้นอย่างมาก ทั้งการชาร์จ การติดตั้งอุปกรณ์เสริม และการใช้งานร่วมกับกระเป๋าสตางค์แม่เหล็ก เรื่องทั้งหมดนี้บอกได้เลยว่า โทรศัพท์ปี 2025 ไม่ได้เงียบเหงาเลย 🔗 https://www.techradar.com/phones/think-phones-are-boring-here-are-4-reasons-why-2025-was-a-big-year-for-smartphones-and-none-of-them-are-ai 🛡️ หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐเตือน หยุดใช้ VPN ส่วนตัว CISA หรือหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐออกคำเตือนแรงว่า “อย่าใช้ VPN ส่วนตัว” เพราะแทนที่จะปลอดภัยขึ้น กลับเพิ่มความเสี่ยงมากกว่าเดิม เหตุผลคือ VPN หลายเจ้า โดยเฉพาะที่ฟรีหรือไม่น่าเชื่อถือ อาจเก็บข้อมูลหรือแฝงมัลแวร์มาเอง ทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยงจากการโจมตีขั้นสูง แม้ VPN จะช่วยซ่อนกิจกรรมจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต แต่ก็เหมือนย้ายความเสี่ยงไปอยู่กับผู้ให้บริการ VPN ที่อาจไม่น่าไว้ใจ ทางออกคือเลือกผู้ให้บริการที่มีการตรวจสอบนโยบายไม่เก็บข้อมูลจริง มีการเข้ารหัสมาตรฐานสูง และมีฟีเจอร์เสริมอย่าง kill switch หรือ multi-hop เพื่อเพิ่มความปลอดภัย คำเตือนนี้สะท้อนว่าการหาทางลัดเพื่อความเป็นส่วนตัว อาจกลายเป็นดาบสองคมได้ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/us-security-agency-urges-android-and-iphone-users-to-stop-using-personal-vpns 🤖 งานวิจัยใหม่เผย คนรุ่นใหญ่ไม่ค่อยเห็นว่า AI มีประโยชน์ Cisco เปิดเผยผลสำรวจที่ชี้ให้เห็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างวัย คนอายุต่ำกว่า 35 ปีมีการใช้งาน AI สูงถึงครึ่งหนึ่ง และกว่า 75% มองว่า AI มีประโยชน์ต่อชีวิตและงาน แต่เมื่อมองไปที่คนอายุเกิน 45 ครึ่งหนึ่งไม่เคยใช้ AI เลย โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไปที่บอกว่าไม่คุ้นเคยมากกว่าการปฏิเสธโดยตรง นอกจากนี้ยังพบว่าประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น อินเดีย บราซิล และเม็กซิโก มีการนำ AI มาใช้มากที่สุด ขณะที่ยุโรปกลับมีความไม่มั่นใจสูงกว่า ผลวิจัยยังชี้ว่าการใช้ AI มากเกินไปอาจสัมพันธ์กับการใช้หน้าจอมากและความพึงพอใจในชีวิตที่ลดลง ทำให้คำแนะนำคือควรสร้างทักษะดิจิทัลให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม เพื่อให้ “Generation AI” รวมทุกคนจริง ๆ 🔗 https://www.techradar.com/pro/new-research-reveals-older-users-less-likely-to-find-ai-useful ⚖️ EU เปิดการสอบสวน Meta เรื่องนโยบาย AI ใน WhatsApp คณะกรรมาธิการยุโรปเริ่มการสอบสวนเชิงลึกต่อ Meta หลังจากมีข้อกล่าวหาว่านโยบายใหม่ของ WhatsApp อาจกีดกันคู่แข่ง โดย Meta ได้ปรับเงื่อนไข API ของ WhatsApp Business ห้ามไม่ให้แชทบอทจากผู้ให้บริการอื่นที่เน้น AI เป็นหลักถูกเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์ม ซึ่งทำให้ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง OpenAI และ Microsoft ต้องถอนบอทออกไปแล้ว EU กังวลว่า Meta กำลังใช้ความได้เปรียบทางตลาดเพื่อผลักดัน Meta AI ของตัวเองและปิดกั้นนวัตกรรม หากพบว่ามีความผิด Meta อาจถูกปรับสูงถึง 10% ของรายได้ทั่วโลก หรือประมาณ 16.5 พันล้านดอลลาร์ เรื่องนี้สะท้อนการต่อสู้ระหว่างการเปิดเสรีการแข่งขันกับการควบคุมอำนาจของบริษัทยักษ์ใหญ่ในยุค AI 🔗 https://www.techradar.com/pro/eu-launches-antitrust-investigation-into-metas-whatsapp-ai-access-policy ⚠️ ช่องโหว่ React ระดับวิกฤติ เสี่ยงถูกโจมตีทันที React ซึ่งเป็นไลบรารี JavaScript ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-55182 ที่ได้คะแนนความรุนแรงเต็ม 10/10 ช่องโหว่นี้อยู่ใน React Server Components และกระทบหลายเฟรมเวิร์ก เช่น Next, React Router, Vite ทำให้แม้แต่แฮกเกอร์ที่มีทักษะต่ำก็สามารถรันโค้ดอันตรายได้ ทีม React ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 19.0.1, 19.1.2 และ 19.2.1 พร้อมเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที เพราะการโจมตีมีโอกาสสำเร็จเกือบ 100% และคาดว่าจะเกิดขึ้นจริงในเวลาอันใกล้ เนื่องจาก React ถูกใช้ในบริการใหญ่ ๆ อย่าง Facebook, Instagram, Netflix และ Shopify ทำให้พื้นที่เสี่ยงมีขนาดมหาศาล เรื่องนี้จึงเป็นสัญญาณเตือนแรงสำหรับนักพัฒนาและองค์กรที่ใช้ React ว่าต้องไม่ชะล่าใจ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/experts-warn-this-worst-case-scenario-react-vulnerability-could-soon-be-exploited-so-patch-now 💰 Europol ทลายเครือข่ายฟอกเงินและคริปโตมูลค่า 700 ล้านยูโร หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายยุโรป (Europol) ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการปิดเครือข่ายอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและคริปโต โดยมีมูลค่าการเคลื่อนไหวสูงถึง 700 ล้านยูโร เครือข่ายนี้ใช้วิธีซับซ้อนในการเคลื่อนย้ายเงินผ่านหลายประเทศและใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อปกปิดเส้นทางการเงิน การปฏิบัติการครั้งนี้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยหลายรายและยึดทรัพย์สินจำนวนมาก ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าองค์กรอาชญากรรมที่พยายามใช้คริปโตเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ กำลังถูกจับตามองอย่างเข้มงวด ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/pro/security/europol-takes-down-crypto-and-laundering-network-worth-700-million
    0 Comments 0 Shares 369 Views 0 Reviews
  • แอปโอเพ่นซอร์ส "Mental Math" ตัวช่วยหนี Brainrot (สมองเสื่อม)

    แอป Mental Math ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการเสพคอนเทนต์สั้น ๆ ที่ทำให้สมาธิและความสามารถในการจดจ่อลดลง ตัวแอปมีโจทย์คณิตศาสตร์พื้นฐาน เช่น บวก ลบ คูณ หาร พร้อมระดับความยาก 9 ระดับ และโหมดการเล่นทั้งแบบจับเวลาและแบบทำโจทย์จำนวนที่กำหนด จุดเด่นคือทำงานแบบออฟไลน์ ไม่เก็บข้อมูล และไม่มีโฆษณา

    ผลกระทบของคอนเทนต์สั้นต่อสมาธิ
    งานวิจัยล่าสุดพบว่าการเสพ short-form content เช่น TikTok หรือ Instagram Reels มีผลโดยตรงต่อสมาธิและการเรียนรู้ นักศึกษาที่ใช้เวลามากกับคอนเทนต์สั้นมีแนวโน้มที่จะมีสมาธิสั้นลงและผลการเรียนลดลง การเสพคอนเทนต์เร็ว ๆ ทำให้สมองชินกับการรับข้อมูลแบบทันใจ จนไม่สามารถโฟกัสกับงานที่ต้องใช้เวลานานได้

    ประโยชน์ของการฝึกสมองด้วยคณิตศาสตร์
    การฝึกคณิตศาสตร์ผ่านแอปประเภทนี้ช่วยกระตุ้นสมองในหลายด้าน ทั้งการคิดเชิงตรรกะ ความจำ และการแก้ปัญหา งานวิจัยด้านประสาทวิทยายืนยันว่าการทำโจทย์คณิตศาสตร์ช่วยสร้างการเชื่อมต่อของสมองที่แข็งแรงขึ้น และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมในอนาคต

    การผสมผสานเกมสมองกับคณิตศาสตร์
    นักวิจัยเสนอว่าการผสมผสานเกมฝึกสมองกับโจทย์คณิตศาสตร์เป็นแนวทางที่ดี เพราะช่วยให้ผู้ใช้สนุกไปกับการเรียนรู้และยังได้ประโยชน์จริงต่อสมอง การฝึกแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำในการคิดเลข แต่ยังช่วยให้สมาธิกลับคืนมาในยุคที่คอนเทนต์สั้นครองโลก

    Download ได้ที่นี่ครับ
    https://play.google.com/store/apps/details?id=com.helddertierwelt.mentalmath

    สรุปสาระสำคัญ
    แอป Mental Math
    ฟรี, ไม่มีโฆษณา, ทำงานออฟไลน์, เคารพความเป็นส่วนตัว
    มีโหมดจับเวลาและโหมดทำโจทย์ตามจำนวน

    ผลกระทบของคอนเทนต์สั้น
    ทำให้สมาธิสั้นลง
    ส่งผลต่อผลการเรียนและการทำงาน

    ประโยชน์ของการฝึกคณิตศาสตร์
    ช่วยสร้างการเชื่อมต่อสมองที่แข็งแรง
    ลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม

    การผสมผสานเกมกับคณิตศาสตร์
    ทำให้การเรียนรู้สนุกและมีแรงจูงใจ
    เพิ่มความเร็วและความแม่นยำในการคิดเลข

    คำเตือนเกี่ยวกับคอนเทนต์สั้น
    การเสพมากเกินไปอาจทำให้สมาธิและความสามารถในการเรียนรู้ลดลง
    อาจส่งผลต่อสุขภาพจิต เช่น ความหงุดหงิดและความเครียด

    https://itsfoss.com/mental-math/
    📰 แอปโอเพ่นซอร์ส "Mental Math" ตัวช่วยหนี Brainrot (สมองเสื่อม) แอป Mental Math ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการเสพคอนเทนต์สั้น ๆ ที่ทำให้สมาธิและความสามารถในการจดจ่อลดลง ตัวแอปมีโจทย์คณิตศาสตร์พื้นฐาน เช่น บวก ลบ คูณ หาร พร้อมระดับความยาก 9 ระดับ และโหมดการเล่นทั้งแบบจับเวลาและแบบทำโจทย์จำนวนที่กำหนด จุดเด่นคือทำงานแบบออฟไลน์ ไม่เก็บข้อมูล และไม่มีโฆษณา 🧠 ผลกระทบของคอนเทนต์สั้นต่อสมาธิ งานวิจัยล่าสุดพบว่าการเสพ short-form content เช่น TikTok หรือ Instagram Reels มีผลโดยตรงต่อสมาธิและการเรียนรู้ นักศึกษาที่ใช้เวลามากกับคอนเทนต์สั้นมีแนวโน้มที่จะมีสมาธิสั้นลงและผลการเรียนลดลง การเสพคอนเทนต์เร็ว ๆ ทำให้สมองชินกับการรับข้อมูลแบบทันใจ จนไม่สามารถโฟกัสกับงานที่ต้องใช้เวลานานได้ 🎮 ประโยชน์ของการฝึกสมองด้วยคณิตศาสตร์ การฝึกคณิตศาสตร์ผ่านแอปประเภทนี้ช่วยกระตุ้นสมองในหลายด้าน ทั้งการคิดเชิงตรรกะ ความจำ และการแก้ปัญหา งานวิจัยด้านประสาทวิทยายืนยันว่าการทำโจทย์คณิตศาสตร์ช่วยสร้างการเชื่อมต่อของสมองที่แข็งแรงขึ้น และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมในอนาคต 🌐 การผสมผสานเกมสมองกับคณิตศาสตร์ นักวิจัยเสนอว่าการผสมผสานเกมฝึกสมองกับโจทย์คณิตศาสตร์เป็นแนวทางที่ดี เพราะช่วยให้ผู้ใช้สนุกไปกับการเรียนรู้และยังได้ประโยชน์จริงต่อสมอง การฝึกแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำในการคิดเลข แต่ยังช่วยให้สมาธิกลับคืนมาในยุคที่คอนเทนต์สั้นครองโลก ⬇️ Download ได้ที่นี่ครับ https://play.google.com/store/apps/details?id=com.helddertierwelt.mentalmath 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ แอป Mental Math ➡️ ฟรี, ไม่มีโฆษณา, ทำงานออฟไลน์, เคารพความเป็นส่วนตัว ➡️ มีโหมดจับเวลาและโหมดทำโจทย์ตามจำนวน ✅ ผลกระทบของคอนเทนต์สั้น ➡️ ทำให้สมาธิสั้นลง ➡️ ส่งผลต่อผลการเรียนและการทำงาน ✅ ประโยชน์ของการฝึกคณิตศาสตร์ ➡️ ช่วยสร้างการเชื่อมต่อสมองที่แข็งแรง ➡️ ลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม ✅ การผสมผสานเกมกับคณิตศาสตร์ ➡️ ทำให้การเรียนรู้สนุกและมีแรงจูงใจ ➡️ เพิ่มความเร็วและความแม่นยำในการคิดเลข ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับคอนเทนต์สั้น ⛔ การเสพมากเกินไปอาจทำให้สมาธิและความสามารถในการเรียนรู้ลดลง ⛔ อาจส่งผลต่อสุขภาพจิต เช่น ความหงุดหงิดและความเครียด https://itsfoss.com/mental-math/
    ITSFOSS.COM
    This Open Source Android App Fights Brainrot With Basic Math Problems
    Mental Math tests your arithmetic skills without tracking your every move.
    0 Comments 0 Shares 90 Views 0 Reviews
  • วัคซีนงูสวัดอาจช่วยชะลอภาวะสมองเสื่อม และลดความเสี่ยงเสียชีวิตได้ถึง 30%

    งานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Cell พบว่า โปรแกรมการฉีดวัคซีนงูสวัดในประเทศเวลส์ตั้งแต่ปี 2013 ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันโรคงูสวัด แต่ยังมีผลเชื่อมโยงกับการลดความเสี่ยงของ ภาวะสมองเสื่อม (dementia) และการเสียชีวิตจากโรคนี้ได้ถึง 30%

    ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ป่วยกว่า 14,350 คน ที่ได้รับการวินิจฉัยภาวะสมองเสื่อมก่อนเริ่มโครงการ พบว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนมีโอกาสเสียชีวิตจากโรคนี้น้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนมีแนวโน้มที่จะพัฒนา ภาวะบกพร่องทางสติปัญญาเล็กน้อย (MCI) ช้าลง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนก่อนเข้าสู่ภาวะสมองเสื่อมเต็มรูปแบบ

    นักวิจัยเชื่อว่า กลไกการป้องกันอาจเกี่ยวข้องกับการหยุดยั้งไวรัสที่โจมตีระบบประสาท เช่น Varicella zoster virus ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคงูสวัด ไวรัสเหล่านี้อาจมีบทบาทในการกระตุ้นการสะสมโปรตีนผิดปกติที่พบในโรคอัลไซเมอร์ การป้องกันไวรัสจึงอาจช่วยลดความเสี่ยงหรือชะลอการดำเนินโรคสมองเสื่อมได้

    แม้ผลการศึกษาจะยังไม่สามารถยืนยันความสัมพันธ์เชิงสาเหตุโดยตรง แต่นักวิทยาศาสตร์ย้ำว่า วัคซีนงูสวัดมีความ ปลอดภัย ราคาถูก และเข้าถึงได้ง่าย จึงอาจเป็นเครื่องมือสำคัญในการสาธารณสุข หากมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลลัพธ์และทำความเข้าใจกลไกที่แท้จริง

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    โปรแกรมวัคซีนงูสวัดในเวลส์
    เริ่มตั้งแต่ปี 2013 โดย NHS
    ใช้โครงสร้างการแจกจ่ายที่ทำให้เกิดการเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มอายุ 79 และ 80 ปี

    ผลการศึกษา
    ลดความเสี่ยงเสียชีวิตจากสมองเสื่อมได้เกือบ 30%
    ลดความเสี่ยงการพัฒนา MCI ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สมองเสื่อม

    กลไกที่เป็นไปได้
    ป้องกันไวรัส Varicella zoster ที่โจมตีระบบประสาท
    อาจลดการสะสมโปรตีนผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับอัลไซเมอร์

    ข้อจำกัดของงานวิจัย
    ยังไม่สามารถยืนยันความสัมพันธ์เชิงสาเหตุโดยตรง
    ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมในกลุ่มประชากรที่กว้างขึ้นและวัคซีนรุ่นใหม่

    ผลกระทบต่อสาธารณสุข
    หากผลลัพธ์ได้รับการยืนยัน อาจเปลี่ยนแนวทางการป้องกันสมองเสื่อม
    จำเป็นต้องลงทุนวิจัยต่อเนื่องเพื่อหากลไกที่แท้จริง

    https://www.sciencealert.com/an-existing-vaccine-could-slow-dementia-and-cut-death-risk-by-30
    💉 วัคซีนงูสวัดอาจช่วยชะลอภาวะสมองเสื่อม และลดความเสี่ยงเสียชีวิตได้ถึง 30% งานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Cell พบว่า โปรแกรมการฉีดวัคซีนงูสวัดในประเทศเวลส์ตั้งแต่ปี 2013 ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันโรคงูสวัด แต่ยังมีผลเชื่อมโยงกับการลดความเสี่ยงของ ภาวะสมองเสื่อม (dementia) และการเสียชีวิตจากโรคนี้ได้ถึง 30% ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ป่วยกว่า 14,350 คน ที่ได้รับการวินิจฉัยภาวะสมองเสื่อมก่อนเริ่มโครงการ พบว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนมีโอกาสเสียชีวิตจากโรคนี้น้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนมีแนวโน้มที่จะพัฒนา ภาวะบกพร่องทางสติปัญญาเล็กน้อย (MCI) ช้าลง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนก่อนเข้าสู่ภาวะสมองเสื่อมเต็มรูปแบบ นักวิจัยเชื่อว่า กลไกการป้องกันอาจเกี่ยวข้องกับการหยุดยั้งไวรัสที่โจมตีระบบประสาท เช่น Varicella zoster virus ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคงูสวัด ไวรัสเหล่านี้อาจมีบทบาทในการกระตุ้นการสะสมโปรตีนผิดปกติที่พบในโรคอัลไซเมอร์ การป้องกันไวรัสจึงอาจช่วยลดความเสี่ยงหรือชะลอการดำเนินโรคสมองเสื่อมได้ แม้ผลการศึกษาจะยังไม่สามารถยืนยันความสัมพันธ์เชิงสาเหตุโดยตรง แต่นักวิทยาศาสตร์ย้ำว่า วัคซีนงูสวัดมีความ ปลอดภัย ราคาถูก และเข้าถึงได้ง่าย จึงอาจเป็นเครื่องมือสำคัญในการสาธารณสุข หากมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลลัพธ์และทำความเข้าใจกลไกที่แท้จริง 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ โปรแกรมวัคซีนงูสวัดในเวลส์ ➡️ เริ่มตั้งแต่ปี 2013 โดย NHS ➡️ ใช้โครงสร้างการแจกจ่ายที่ทำให้เกิดการเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มอายุ 79 และ 80 ปี ✅ ผลการศึกษา ➡️ ลดความเสี่ยงเสียชีวิตจากสมองเสื่อมได้เกือบ 30% ➡️ ลดความเสี่ยงการพัฒนา MCI ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สมองเสื่อม ✅ กลไกที่เป็นไปได้ ➡️ ป้องกันไวรัส Varicella zoster ที่โจมตีระบบประสาท ➡️ อาจลดการสะสมโปรตีนผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับอัลไซเมอร์ ‼️ ข้อจำกัดของงานวิจัย ⛔ ยังไม่สามารถยืนยันความสัมพันธ์เชิงสาเหตุโดยตรง ⛔ ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมในกลุ่มประชากรที่กว้างขึ้นและวัคซีนรุ่นใหม่ ‼️ ผลกระทบต่อสาธารณสุข ⛔ หากผลลัพธ์ได้รับการยืนยัน อาจเปลี่ยนแนวทางการป้องกันสมองเสื่อม ⛔ จำเป็นต้องลงทุนวิจัยต่อเนื่องเพื่อหากลไกที่แท้จริง https://www.sciencealert.com/an-existing-vaccine-could-slow-dementia-and-cut-death-risk-by-30
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    An Existing Vaccine Could Slow Dementia And Cut Death Risk by 30%
    A shingles vaccination program that began in Wales in 2013 has led to two discoveries that give fresh hope to efforts to treat dementia: The vaccine appears to reduce the risk of mild cognitive impairment, as well as slowing progression of dementia in those already diagnosed.
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • นักวิทยาศาสตร์สร้างผ้าดำที่สุดในโลก ดูดซับแสงได้ถึง 99.87%

    ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ สหรัฐฯ ได้พัฒนาผ้าขนสัตว์เมอริโนที่ผ่านการเคลือบด้วยโพลีโดปามีนและการบำบัดด้วยพลาสมา จนเกิดโครงสร้างระดับนาโนที่สามารถดักจับและสะท้อนแสงภายใน ทำให้ผ้าชนิดนี้ดูดซับแสงได้มากถึง 99.87% ซึ่งถือเป็นผ้าที่ดำที่สุดที่เคยถูกสร้างขึ้นมา

    แรงบันดาลใจของงานวิจัยนี้มาจากนก Magnificent Riflebird ที่มีขนดำพิเศษซึ่งสามารถดูดซับแสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักวิจัยเลียนแบบโครงสร้างเส้นใยเล็กๆ (nanofibrils) ของขนดังกล่าว เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ “ultrablack” ที่ไม่สะท้อนแสงแม้มองจากมุมต่างๆ ถึง 60 องศา ซึ่งเหนือกว่าความสามารถของขนนกจริง

    แม้จะไม่ดำที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับวัสดุอย่าง Vantablack (ดูดซับแสง 99.96%) หรือวัสดุคาร์บอนนาโนทิวบ์จาก MIT (99.995%) แต่ผ้าดำใหม่นี้มีข้อได้เปรียบคือ ผลิตง่ายและราคาถูกกว่า จึงมีศักยภาพในการนำไปใช้จริงในหลายด้าน เช่น แฟชั่น การถ่ายภาพ และงานวิทยาศาสตร์ที่ต้องการวัสดุควบคุมแสง

    นอกจากนี้ นักศึกษาด้านแฟชั่นของคอร์เนลล์ยังได้นำผ้าดำพิเศษนี้ไปสร้างชุดเดรสที่มีการไล่เฉดสีจากเทาเข้มไปจนถึงดำสนิท พร้อมจุดสีฟ้า-เขียวตรงกลางเพื่อเลียนแบบอกของนก riflebird ถือเป็นการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์และศิลปะที่น่าทึ่ง

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    ผ้าดำที่สุดที่เคยสร้าง
    ดูดซับแสงได้ 99.87%
    ใช้โพลีโดปามีนและการบำบัดพลาสมา

    แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ
    เลียนแบบโครงสร้างขนนก Magnificent Riflebird
    สร้างเอฟเฟกต์ ultrablack ที่คงทนแม้มองจากหลายมุม

    เปรียบเทียบกับวัสดุอื่น
    ดำไม่เท่า Vantablack หรือคาร์บอนนาโนทิวบ์
    แต่ผลิตง่ายและราคาถูกกว่า เหมาะต่อการใช้งานจริง

    การประยุกต์ใช้งาน
    แฟชั่นและการออกแบบเสื้อผ้า
    งานวิทยาศาสตร์และการถ่ายภาพที่ต้องการควบคุมแสง

    ข้อควรระวัง
    แม้จะผลิตง่าย แต่ยังต้องตรวจสอบความทนทานระยะยาว
    การใช้งานในอุตสาหกรรมต้องผ่านมาตรฐานความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม

    https://www.sciencealert.com/blackest-fabric-ever-made-absorbs-99-87-of-all-light-that-hits-it
    ✨ นักวิทยาศาสตร์สร้างผ้าดำที่สุดในโลก ดูดซับแสงได้ถึง 99.87% ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ สหรัฐฯ ได้พัฒนาผ้าขนสัตว์เมอริโนที่ผ่านการเคลือบด้วยโพลีโดปามีนและการบำบัดด้วยพลาสมา จนเกิดโครงสร้างระดับนาโนที่สามารถดักจับและสะท้อนแสงภายใน ทำให้ผ้าชนิดนี้ดูดซับแสงได้มากถึง 99.87% ซึ่งถือเป็นผ้าที่ดำที่สุดที่เคยถูกสร้างขึ้นมา แรงบันดาลใจของงานวิจัยนี้มาจากนก Magnificent Riflebird ที่มีขนดำพิเศษซึ่งสามารถดูดซับแสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักวิจัยเลียนแบบโครงสร้างเส้นใยเล็กๆ (nanofibrils) ของขนดังกล่าว เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ “ultrablack” ที่ไม่สะท้อนแสงแม้มองจากมุมต่างๆ ถึง 60 องศา ซึ่งเหนือกว่าความสามารถของขนนกจริง แม้จะไม่ดำที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับวัสดุอย่าง Vantablack (ดูดซับแสง 99.96%) หรือวัสดุคาร์บอนนาโนทิวบ์จาก MIT (99.995%) แต่ผ้าดำใหม่นี้มีข้อได้เปรียบคือ ผลิตง่ายและราคาถูกกว่า จึงมีศักยภาพในการนำไปใช้จริงในหลายด้าน เช่น แฟชั่น การถ่ายภาพ และงานวิทยาศาสตร์ที่ต้องการวัสดุควบคุมแสง นอกจากนี้ นักศึกษาด้านแฟชั่นของคอร์เนลล์ยังได้นำผ้าดำพิเศษนี้ไปสร้างชุดเดรสที่มีการไล่เฉดสีจากเทาเข้มไปจนถึงดำสนิท พร้อมจุดสีฟ้า-เขียวตรงกลางเพื่อเลียนแบบอกของนก riflebird ถือเป็นการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์และศิลปะที่น่าทึ่ง 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ ผ้าดำที่สุดที่เคยสร้าง ➡️ ดูดซับแสงได้ 99.87% ➡️ ใช้โพลีโดปามีนและการบำบัดพลาสมา ✅ แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ➡️ เลียนแบบโครงสร้างขนนก Magnificent Riflebird ➡️ สร้างเอฟเฟกต์ ultrablack ที่คงทนแม้มองจากหลายมุม ✅ เปรียบเทียบกับวัสดุอื่น ➡️ ดำไม่เท่า Vantablack หรือคาร์บอนนาโนทิวบ์ ➡️ แต่ผลิตง่ายและราคาถูกกว่า เหมาะต่อการใช้งานจริง ✅ การประยุกต์ใช้งาน ➡️ แฟชั่นและการออกแบบเสื้อผ้า ➡️ งานวิทยาศาสตร์และการถ่ายภาพที่ต้องการควบคุมแสง ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ แม้จะผลิตง่าย แต่ยังต้องตรวจสอบความทนทานระยะยาว ⛔ การใช้งานในอุตสาหกรรมต้องผ่านมาตรฐานความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม https://www.sciencealert.com/blackest-fabric-ever-made-absorbs-99-87-of-all-light-that-hits-it
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Blackest Fabric Ever Made Absorbs 99.87% of All Light That Hits It
    If you want to stand out at your next metal gig, don't settle for a spot of color in a sea of black – go ultrablack instead.
    0 Comments 0 Shares 146 Views 0 Reviews
  • "งานวิจัยเผย AI Chatbots มีอิทธิพลต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง"

    ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งในสหรัฐฯ พบว่า AI Chatbots สามารถเปลี่ยนทัศนคติทางการเมืองของผู้ใช้ได้ โดยเฉพาะเมื่อมีการสนทนาเชิงโต้ตอบที่ต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนกำลังพูดคุยกับบุคคลจริง ๆ มากกว่าการรับข้อมูลจากโฆษณาออนไลน์หรือโพสต์ในโซเชียลมีเดีย.

    นักวิจัยระบุว่า Chatbots มีศักยภาพในการ ปรับแต่งข้อความให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน เช่น การใช้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียหรือพฤติกรรมออนไลน์ เพื่อสร้างข้อความที่ตรงกับความสนใจและความเชื่อเดิมของผู้ใช้ ซึ่งเพิ่มโอกาสในการโน้มน้าวใจได้มากขึ้น.

    แม้จะมีข้อดีในด้านการสื่อสารและการเข้าถึงข้อมูล แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การใช้ AI ในการรณรงค์ทางการเมืองอาจสร้างความเสี่ยงต่อความโปร่งใสและความเป็นธรรม เพราะผู้ใช้บางคนอาจไม่รู้ว่ากำลังถูกโน้มน้าวโดยระบบอัตโนมัติ ไม่ใช่บุคคลจริง.

    งานวิจัยนี้จึงจุดประกายการถกเถียงว่า ควรมีการกำกับดูแลการใช้ AI ในการเมือง เพื่อป้องกันการบิดเบือนความคิดเห็นสาธารณะ และรักษาความเชื่อมั่นในกระบวนการประชาธิปไตย โดยหลายฝ่ายเสนอให้มีการออกกฎหมายหรือมาตรฐานใหม่ในการใช้เทคโนโลยีนี้.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    AI Chatbots สามารถเปลี่ยนทัศนคติทางการเมืองของผู้ใช้ได้
    การสนทนาเชิงโต้ตอบมีอิทธิพลมากกว่าการโฆษณาออนไลน์ทั่วไป
    Chatbots สามารถปรับแต่งข้อความให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    หลายประเทศเริ่มถกเถียงเรื่องการกำกับดูแลการใช้ AI ในการเลือกตั้ง
    สหภาพยุโรปมีข้อเสนอให้จำกัดการใช้ AI เพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อมูล
    นักวิชาการเตือนว่า AI อาจสร้าง “echo chamber” ที่ทำให้ผู้ใช้เห็นแต่ข้อมูลที่สอดคล้องกับความเชื่อเดิม

    คำเตือนจากข่าว
    ผู้ใช้บางคนอาจไม่รู้ว่ากำลังถูกโน้มน้าวโดยระบบอัตโนมัติ
    การใช้ AI ในการรณรงค์อาจกระทบต่อความโปร่งใสและความเป็นธรรม
    หากไม่มีการกำกับดูแล อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นในประชาธิปไตย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/05/studies-ai-chatbots-can-influence-voters
    🗳️ "งานวิจัยเผย AI Chatbots มีอิทธิพลต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง" ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งในสหรัฐฯ พบว่า AI Chatbots สามารถเปลี่ยนทัศนคติทางการเมืองของผู้ใช้ได้ โดยเฉพาะเมื่อมีการสนทนาเชิงโต้ตอบที่ต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนกำลังพูดคุยกับบุคคลจริง ๆ มากกว่าการรับข้อมูลจากโฆษณาออนไลน์หรือโพสต์ในโซเชียลมีเดีย. นักวิจัยระบุว่า Chatbots มีศักยภาพในการ ปรับแต่งข้อความให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน เช่น การใช้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียหรือพฤติกรรมออนไลน์ เพื่อสร้างข้อความที่ตรงกับความสนใจและความเชื่อเดิมของผู้ใช้ ซึ่งเพิ่มโอกาสในการโน้มน้าวใจได้มากขึ้น. แม้จะมีข้อดีในด้านการสื่อสารและการเข้าถึงข้อมูล แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การใช้ AI ในการรณรงค์ทางการเมืองอาจสร้างความเสี่ยงต่อความโปร่งใสและความเป็นธรรม เพราะผู้ใช้บางคนอาจไม่รู้ว่ากำลังถูกโน้มน้าวโดยระบบอัตโนมัติ ไม่ใช่บุคคลจริง. งานวิจัยนี้จึงจุดประกายการถกเถียงว่า ควรมีการกำกับดูแลการใช้ AI ในการเมือง เพื่อป้องกันการบิดเบือนความคิดเห็นสาธารณะ และรักษาความเชื่อมั่นในกระบวนการประชาธิปไตย โดยหลายฝ่ายเสนอให้มีการออกกฎหมายหรือมาตรฐานใหม่ในการใช้เทคโนโลยีนี้. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ AI Chatbots สามารถเปลี่ยนทัศนคติทางการเมืองของผู้ใช้ได้ ➡️ การสนทนาเชิงโต้ตอบมีอิทธิพลมากกว่าการโฆษณาออนไลน์ทั่วไป ➡️ Chatbots สามารถปรับแต่งข้อความให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ หลายประเทศเริ่มถกเถียงเรื่องการกำกับดูแลการใช้ AI ในการเลือกตั้ง ➡️ สหภาพยุโรปมีข้อเสนอให้จำกัดการใช้ AI เพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อมูล ➡️ นักวิชาการเตือนว่า AI อาจสร้าง “echo chamber” ที่ทำให้ผู้ใช้เห็นแต่ข้อมูลที่สอดคล้องกับความเชื่อเดิม ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ ผู้ใช้บางคนอาจไม่รู้ว่ากำลังถูกโน้มน้าวโดยระบบอัตโนมัติ ⛔ การใช้ AI ในการรณรงค์อาจกระทบต่อความโปร่งใสและความเป็นธรรม ⛔ หากไม่มีการกำกับดูแล อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นในประชาธิปไตย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/05/studies-ai-chatbots-can-influence-voters
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Studies: AI chatbots can influence voters
    A brief conversation with a partisan AI chatbot can influence voters' political views, studies published Dec 4 found, with evidence-backed arguments – true or not – proving particularly persuasive.
    0 Comments 0 Shares 119 Views 0 Reviews
  • "AI ลดต้นทุนการโน้มน้าวใจ – เปิดทางชนชั้นนำออกแบบการแบ่งขั้วสังคม"

    ในระบอบประชาธิปไตย การตัดสินใจเชิงนโยบายใหญ่ ๆ ต้องอาศัยเสียงส่วนใหญ่หรือฉันทามติ แต่ชนชั้นนำจำเป็นต้องหาวิธีสร้างการสนับสนุนจากประชาชน งานวิจัยนี้เสนอว่า AI ที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการโน้มน้าวใจ กำลังทำให้การจัดการความคิดเห็นของสังคมกลายเป็นสิ่งที่สามารถ “ออกแบบ” ได้ ไม่ใช่เพียงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

    โมเดลเชิงพลวัตที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น แสดงให้เห็นว่า หากมีชนชั้นนำเพียงกลุ่มเดียว การแทรกแซงที่เหมาะสมจะผลักดันสังคมไปสู่ ความเห็นที่แตกต่างสุดขั้วมากขึ้น (polarization pull) และเมื่อเทคโนโลยี persuasion ดีขึ้น กระบวนการนี้ก็จะยิ่งเร็วขึ้น ทำให้ความแตกแยกในสังคมทวีความรุนแรง

    แต่หากมีชนชั้นนำสองฝ่ายที่ผลัดกันมีอำนาจ เทคโนโลยี persuasion เดียวกันนี้อาจสร้างแรงจูงใจให้ “ล็อก” ความเห็นของสังคมให้อยู่ในพื้นที่กึ่งกลางที่เหนียวแน่น (semi-lock) เพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งเข้ามาเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ผลลัพธ์คือ AI สามารถทั้ง เพิ่มหรือบรรเทาความแตกแยก ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางการเมือง

    โดยรวมแล้ว งานวิจัยนี้เตือนว่า การแบ่งขั้วไม่ใช่เพียงผลพลอยได้ของสังคมยุคดิจิทัล แต่เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ของการปกครอง เมื่อเทคโนโลยี persuasion ถูกทำให้เข้าถึงง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลกระทบต่อเสถียรภาพประชาธิปไตยจึงอาจรุนแรงกว่าที่เคยคิด

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากงานวิจัย
    AI ลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการโน้มน้าวใจ
    ชนชั้นนำสามารถออกแบบการกระจายความคิดเห็นของประชาชนได้
    โมเดลแสดงให้เห็นว่า “polarization pull” เกิดขึ้นเมื่อมีชนชั้นนำเพียงฝ่ายเดียว
    เมื่อมีสองฝ่าย เทคโนโลยีอาจสร้าง “semi-lock” ทำให้ความเห็นเหนียวแน่น

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    นักวิชาการหลายคนเตือนว่า AI อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อสร้าง echo chamber
    การใช้ AI ในการโฆษณาและการรณรงค์ทางการเมืองเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในสหรัฐฯ และยุโรป
    มีการถกเถียงว่าควรมีการกำกับดูแลการใช้ AI เพื่อป้องกันการบิดเบือนประชาธิปไตย

    คำเตือนจากงานวิจัย
    การแบ่งขั้วอาจไม่ใช่ผลลัพธ์ธรรมชาติ แต่เป็นกลยุทธ์ที่ถูกออกแบบโดยชนชั้นนำ
    การใช้ AI persuasion โดยไม่มีการกำกับดูแล อาจทำให้ประชาธิปไตยเสื่อมเสถียร
    ความเห็นของประชาชนอาจถูก “ล็อก” จนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย

    https://arxiv.org/abs/2512.04047
    🧠 "AI ลดต้นทุนการโน้มน้าวใจ – เปิดทางชนชั้นนำออกแบบการแบ่งขั้วสังคม" ในระบอบประชาธิปไตย การตัดสินใจเชิงนโยบายใหญ่ ๆ ต้องอาศัยเสียงส่วนใหญ่หรือฉันทามติ แต่ชนชั้นนำจำเป็นต้องหาวิธีสร้างการสนับสนุนจากประชาชน งานวิจัยนี้เสนอว่า AI ที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการโน้มน้าวใจ กำลังทำให้การจัดการความคิดเห็นของสังคมกลายเป็นสิ่งที่สามารถ “ออกแบบ” ได้ ไม่ใช่เพียงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โมเดลเชิงพลวัตที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น แสดงให้เห็นว่า หากมีชนชั้นนำเพียงกลุ่มเดียว การแทรกแซงที่เหมาะสมจะผลักดันสังคมไปสู่ ความเห็นที่แตกต่างสุดขั้วมากขึ้น (polarization pull) และเมื่อเทคโนโลยี persuasion ดีขึ้น กระบวนการนี้ก็จะยิ่งเร็วขึ้น ทำให้ความแตกแยกในสังคมทวีความรุนแรง แต่หากมีชนชั้นนำสองฝ่ายที่ผลัดกันมีอำนาจ เทคโนโลยี persuasion เดียวกันนี้อาจสร้างแรงจูงใจให้ “ล็อก” ความเห็นของสังคมให้อยู่ในพื้นที่กึ่งกลางที่เหนียวแน่น (semi-lock) เพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งเข้ามาเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ผลลัพธ์คือ AI สามารถทั้ง เพิ่มหรือบรรเทาความแตกแยก ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางการเมือง โดยรวมแล้ว งานวิจัยนี้เตือนว่า การแบ่งขั้วไม่ใช่เพียงผลพลอยได้ของสังคมยุคดิจิทัล แต่เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ของการปกครอง เมื่อเทคโนโลยี persuasion ถูกทำให้เข้าถึงง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลกระทบต่อเสถียรภาพประชาธิปไตยจึงอาจรุนแรงกว่าที่เคยคิด 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากงานวิจัย ➡️ AI ลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการโน้มน้าวใจ ➡️ ชนชั้นนำสามารถออกแบบการกระจายความคิดเห็นของประชาชนได้ ➡️ โมเดลแสดงให้เห็นว่า “polarization pull” เกิดขึ้นเมื่อมีชนชั้นนำเพียงฝ่ายเดียว ➡️ เมื่อมีสองฝ่าย เทคโนโลยีอาจสร้าง “semi-lock” ทำให้ความเห็นเหนียวแน่น ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ นักวิชาการหลายคนเตือนว่า AI อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อสร้าง echo chamber ➡️ การใช้ AI ในการโฆษณาและการรณรงค์ทางการเมืองเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในสหรัฐฯ และยุโรป ➡️ มีการถกเถียงว่าควรมีการกำกับดูแลการใช้ AI เพื่อป้องกันการบิดเบือนประชาธิปไตย ‼️ คำเตือนจากงานวิจัย ⛔ การแบ่งขั้วอาจไม่ใช่ผลลัพธ์ธรรมชาติ แต่เป็นกลยุทธ์ที่ถูกออกแบบโดยชนชั้นนำ ⛔ การใช้ AI persuasion โดยไม่มีการกำกับดูแล อาจทำให้ประชาธิปไตยเสื่อมเสถียร ⛔ ความเห็นของประชาชนอาจถูก “ล็อก” จนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย https://arxiv.org/abs/2512.04047
    ARXIV.ORG
    Polarization by Design: How Elites Could Shape Mass Preferences as AI Reduces Persuasion Costs
    In democracies, major policy decisions typically require some form of majority or consensus, so elites must secure mass support to govern. Historically, elites could shape support only through limited instruments like schooling and mass media; advances in AI-driven persuasion sharply reduce the cost and increase the precision of shaping public opinion, making the distribution of preferences itself an object of deliberate design. We develop a dynamic model in which elites choose how much to reshape the distribution of policy preferences, subject to persuasion costs and a majority rule constraint. With a single elite, any optimal intervention tends to push society toward more polarized opinion profiles - a ``polarization pull'' - and improvements in persuasion technology accelerate this drift. When two opposed elites alternate in power, the same technology also creates incentives to park society in ``semi-lock'' regions where opinions are more cohesive and harder for a rival to overturn, so advances in persuasion can either heighten or dampen polarization depending on the environment. Taken together, cheaper persuasion technologies recast polarization as a strategic instrument of governance rather than a purely emergent social byproduct, with important implications for democratic stability as AI capabilities advance.
    0 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • "นักศึกษา Stanford 38% อ้างสิทธิ์ความพิการ – สัญญาณสะท้อนสังคมการศึกษาและโลกออนไลน์"

    ที่มหาวิทยาลัย Stanford มีนักศึกษากว่า 38% ระบุว่าตนเองเป็นผู้พิการ โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับภาวะทางจิตใจ เช่น ความวิตกกังวล, ภาวะซึมเศร้า และสมาธิสั้น (ADHD) ตัวเลขนี้สูงกว่ามหาวิทยาลัยอื่น ๆ เช่น Brown และ Harvard ที่อยู่ราว 20% และ Amherst ที่ 34% สร้างคำถามว่าเหตุใดสถาบันการศึกษาชั้นนำจึงมีอัตราสูงเช่นนี้

    นักวิชาการบางส่วนมองว่า การขอสิทธิ์ปรับตัวทางการศึกษา เช่น เวลาเพิ่มในการสอบ หรือเลี่ยงการนำเสนอหน้าชั้นเรียน กลายเป็นช่องทางที่นักศึกษาบางคนใช้เพื่อหลีกเลี่ยงความล้มเหลว มากกว่าจะเป็นการช่วยเหลือผู้ที่มีความพิการจริง ๆ ขณะเดียวกัน กฎหมาย ADA ของสหรัฐฯ เปิดโอกาสให้การขอสิทธิ์ทำได้ง่ายเพียงมีใบรับรองแพทย์

    สิ่งที่ผลักดันกระแสนี้คือ โลกออนไลน์และโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ TikTok ที่มีคอนเทนต์ตีความพฤติกรรมทั่วไป เช่น ชอบใส่หูฟัง หรือชอบวาดเล่นในชั้นเรียน ว่าอาจเป็นสัญญาณของโรค ADHD หรือภาวะอื่น ๆ ทำให้เส้นแบ่งระหว่าง “ปกติ” และ “ผิดปกติ” ถูกเบลอ จนนักศึกษาหลายคนเชื่อว่าตนเองต้องการการวินิจฉัย

    งานวิจัยล่าสุดยังพบว่า อัตราการวินิจฉัย ADHD และความวิตกกังวลในนักศึกษาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีทั้งผลดีและผลเสีย ด้านหนึ่งคือการตระหนักรู้และการเข้าถึงการสนับสนุนที่มากขึ้น แต่อีกด้านคือความเสี่ยงที่นักศึกษาจะพึ่งพาสิทธิ์พิเศษจนขาดการพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อชีวิตจริง เช่น การบริหารเวลาและการรับมือกับความกดดัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    นักศึกษา Stanford 38% ระบุว่าตนเองมีความพิการ
    ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับภาวะจิตใจ เช่น ADHD, ซึมเศร้า, วิตกกังวล
    มหาวิทยาลัยอื่น ๆ เช่น Brown และ Harvard มีตัวเลขราว 20%
    กฎหมาย ADA ทำให้การขอสิทธิ์ปรับตัวทำได้ง่าย

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    งานวิจัยพบว่าอัตราการวินิจฉัย ADHD ในวัยมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
    นักศึกษาที่มี ADHD มักมี GPA ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และมีอัตราการลาออกสูงกว่า
    การใช้โซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญในการสร้างการรับรู้และการตีความภาวะต่าง ๆ

    คำเตือนจากข่าว
    การใช้สิทธิ์ปรับตัวโดยไม่จำเป็นอาจเป็นการ “โกง” ทั้งเพื่อนและตัวเอง
    การพึ่งพาสิทธิ์พิเศษมากเกินไปอาจทำให้นักศึกษาขาดทักษะชีวิตจริง
    การตีความภาวะผิดปกติอย่างกว้างเกินไปอาจทำให้ “ความปกติ” ถูกมองว่าไม่มีอยู่จริง

    https://reason.com/2025/12/04/why-are-38-percent-of-stanford-students-saying-theyre-disabled/
    📰 "นักศึกษา Stanford 38% อ้างสิทธิ์ความพิการ – สัญญาณสะท้อนสังคมการศึกษาและโลกออนไลน์" ที่มหาวิทยาลัย Stanford มีนักศึกษากว่า 38% ระบุว่าตนเองเป็นผู้พิการ โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับภาวะทางจิตใจ เช่น ความวิตกกังวล, ภาวะซึมเศร้า และสมาธิสั้น (ADHD) ตัวเลขนี้สูงกว่ามหาวิทยาลัยอื่น ๆ เช่น Brown และ Harvard ที่อยู่ราว 20% และ Amherst ที่ 34% สร้างคำถามว่าเหตุใดสถาบันการศึกษาชั้นนำจึงมีอัตราสูงเช่นนี้ นักวิชาการบางส่วนมองว่า การขอสิทธิ์ปรับตัวทางการศึกษา เช่น เวลาเพิ่มในการสอบ หรือเลี่ยงการนำเสนอหน้าชั้นเรียน กลายเป็นช่องทางที่นักศึกษาบางคนใช้เพื่อหลีกเลี่ยงความล้มเหลว มากกว่าจะเป็นการช่วยเหลือผู้ที่มีความพิการจริง ๆ ขณะเดียวกัน กฎหมาย ADA ของสหรัฐฯ เปิดโอกาสให้การขอสิทธิ์ทำได้ง่ายเพียงมีใบรับรองแพทย์ สิ่งที่ผลักดันกระแสนี้คือ โลกออนไลน์และโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ TikTok ที่มีคอนเทนต์ตีความพฤติกรรมทั่วไป เช่น ชอบใส่หูฟัง หรือชอบวาดเล่นในชั้นเรียน ว่าอาจเป็นสัญญาณของโรค ADHD หรือภาวะอื่น ๆ ทำให้เส้นแบ่งระหว่าง “ปกติ” และ “ผิดปกติ” ถูกเบลอ จนนักศึกษาหลายคนเชื่อว่าตนเองต้องการการวินิจฉัย งานวิจัยล่าสุดยังพบว่า อัตราการวินิจฉัย ADHD และความวิตกกังวลในนักศึกษาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีทั้งผลดีและผลเสีย ด้านหนึ่งคือการตระหนักรู้และการเข้าถึงการสนับสนุนที่มากขึ้น แต่อีกด้านคือความเสี่ยงที่นักศึกษาจะพึ่งพาสิทธิ์พิเศษจนขาดการพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อชีวิตจริง เช่น การบริหารเวลาและการรับมือกับความกดดัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ นักศึกษา Stanford 38% ระบุว่าตนเองมีความพิการ ➡️ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับภาวะจิตใจ เช่น ADHD, ซึมเศร้า, วิตกกังวล ➡️ มหาวิทยาลัยอื่น ๆ เช่น Brown และ Harvard มีตัวเลขราว 20% ➡️ กฎหมาย ADA ทำให้การขอสิทธิ์ปรับตัวทำได้ง่าย ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ งานวิจัยพบว่าอัตราการวินิจฉัย ADHD ในวัยมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ➡️ นักศึกษาที่มี ADHD มักมี GPA ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และมีอัตราการลาออกสูงกว่า ➡️ การใช้โซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญในการสร้างการรับรู้และการตีความภาวะต่าง ๆ ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ การใช้สิทธิ์ปรับตัวโดยไม่จำเป็นอาจเป็นการ “โกง” ทั้งเพื่อนและตัวเอง ⛔ การพึ่งพาสิทธิ์พิเศษมากเกินไปอาจทำให้นักศึกษาขาดทักษะชีวิตจริง ⛔ การตีความภาวะผิดปกติอย่างกว้างเกินไปอาจทำให้ “ความปกติ” ถูกมองว่าไม่มีอยู่จริง https://reason.com/2025/12/04/why-are-38-percent-of-stanford-students-saying-theyre-disabled/
    REASON.COM
    Why are 38 percent of Stanford students saying they're disabled?
    If you get into an elite college, you probably don't have a learning disability.
    0 Comments 0 Shares 99 Views 0 Reviews
  • อุปกรณ์พกพาเพื่อสาย Embedded

    กลุ่มวิศวกรที่พบกันใน Reddit ได้ร่วมกันสร้าง Linux Platform Kit ซึ่งเป็นอุปกรณ์พกพาแบบโมดูลาร์สำหรับงานพัฒนาและการเรียนรู้ โดยใช้ชิป STM32MP157 และรัน Debian Linux ได้ทันที

    Linux Platform Kit ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องมือพกพาสำหรับนักพัฒนา Embedded และผู้ที่สนใจทดลองระบบ Linux บนอุปกรณ์จริง จุดเด่นคือสามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ที่มีอยู่แล้ว หรือพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ได้โดยตรงบนเครื่อง โดยไม่ต้องพึ่งการคอมไพล์ซ้ำจาก Yocto ตลอดเวลา

    การเชื่อมต่อและการขยายโมดูล
    อุปกรณ์นี้รองรับการเชื่อมต่อหลากหลาย เช่น Ethernet PHY (RGMII), CAN Bus, UART RS485, I2C, I2S, SPI และ GPIO รวมถึงสามารถต่อโมดูลเสริมได้ เช่น LoRa Radio สำหรับ Meshtastic, มัลติมิเตอร์ หรือ Logic Analyzer ทำให้เหมาะทั้งสำหรับงานวิจัยและการเรียนรู้เชิงลึก

    สเปกหลักของ Linux Platform Kit
    MPU: STM32MP157 (Dual-core ARM Cortex-A7 + Cortex-M4)
    หน้าจอ: ทัชสกรีน 4.1 นิ้ว ความละเอียด 480x1080
    RAM: 4GB DDR3
    การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth
    Storage: รองรับ SD Card
    ระบบปฏิบัติการ: Debian Linux (รองรับ Yocto)
    เคส: ออกแบบให้ 3D-print ได้และปรับแต่งเองได้

    โครงการโอเพ่นซอร์สเต็มรูปแบบ
    ทีมผู้สร้างได้เปิดซอร์สโค้ดทั้งหมดบน GitHub ทั้ง ไฟล์ KiCad สำหรับฮาร์ดแวร์, โมเดล 3D ของเคส และซอฟต์แวร์ พร้อมเชิญชวนผู้สนใจเข้ามามีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนา Kernel, PCB Designer, UI Designer หรือ Embedded Engineer

    สรุปประเด็นสำคัญ

    ข้อมูลจากข่าว
    Linux Platform Kit ถูกสร้างโดยกลุ่มวิศวกรที่พบกันใน Reddit
    ใช้ชิป STM32MP157 และรัน Debian Linux ได้ทันที
    รองรับการเชื่อมต่อหลากหลาย เช่น Ethernet, CAN Bus, UART, I2C, SPI
    มีโมดูลเสริม เช่น LoRa Radio, มัลติมิเตอร์, Logic Analyzer
    เปิดซอร์สโค้ดทั้งหมดบน GitHub

    คำเตือนจากข่าว
    หากไม่อัปเดตหรือปรับแต่งระบบอย่างถูกต้อง อาจเกิดปัญหาความเข้ากันได้กับโมดูลเสริม
    การใช้งานโดยไม่มีการตรวจสอบความปลอดภัยของโมดูลเสริม อาจเสี่ยงต่อการทำงานผิดพลาด
    ผู้ใช้ที่ไม่คุ้นเคยกับ Embedded Linux อาจเจอความซับซ้อนในการตั้งค่าเริ่มต้น

    https://itsfoss.com/news/linux-platform-kit/
    🛠️ อุปกรณ์พกพาเพื่อสาย Embedded กลุ่มวิศวกรที่พบกันใน Reddit ได้ร่วมกันสร้าง Linux Platform Kit ซึ่งเป็นอุปกรณ์พกพาแบบโมดูลาร์สำหรับงานพัฒนาและการเรียนรู้ โดยใช้ชิป STM32MP157 และรัน Debian Linux ได้ทันที Linux Platform Kit ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องมือพกพาสำหรับนักพัฒนา Embedded และผู้ที่สนใจทดลองระบบ Linux บนอุปกรณ์จริง จุดเด่นคือสามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ที่มีอยู่แล้ว หรือพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ได้โดยตรงบนเครื่อง โดยไม่ต้องพึ่งการคอมไพล์ซ้ำจาก Yocto ตลอดเวลา 🔌 การเชื่อมต่อและการขยายโมดูล อุปกรณ์นี้รองรับการเชื่อมต่อหลากหลาย เช่น Ethernet PHY (RGMII), CAN Bus, UART RS485, I2C, I2S, SPI และ GPIO รวมถึงสามารถต่อโมดูลเสริมได้ เช่น LoRa Radio สำหรับ Meshtastic, มัลติมิเตอร์ หรือ Logic Analyzer ทำให้เหมาะทั้งสำหรับงานวิจัยและการเรียนรู้เชิงลึก 📱 สเปกหลักของ Linux Platform Kit 💠 MPU: STM32MP157 (Dual-core ARM Cortex-A7 + Cortex-M4) 💠 หน้าจอ: ทัชสกรีน 4.1 นิ้ว ความละเอียด 480x1080 💠 RAM: 4GB DDR3 💠 การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth 💠 Storage: รองรับ SD Card 💠 ระบบปฏิบัติการ: Debian Linux (รองรับ Yocto) 💠 เคส: ออกแบบให้ 3D-print ได้และปรับแต่งเองได้ 🌍 โครงการโอเพ่นซอร์สเต็มรูปแบบ ทีมผู้สร้างได้เปิดซอร์สโค้ดทั้งหมดบน GitHub ทั้ง ไฟล์ KiCad สำหรับฮาร์ดแวร์, โมเดล 3D ของเคส และซอฟต์แวร์ พร้อมเชิญชวนผู้สนใจเข้ามามีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนา Kernel, PCB Designer, UI Designer หรือ Embedded Engineer 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Linux Platform Kit ถูกสร้างโดยกลุ่มวิศวกรที่พบกันใน Reddit ➡️ ใช้ชิป STM32MP157 และรัน Debian Linux ได้ทันที ➡️ รองรับการเชื่อมต่อหลากหลาย เช่น Ethernet, CAN Bus, UART, I2C, SPI ➡️ มีโมดูลเสริม เช่น LoRa Radio, มัลติมิเตอร์, Logic Analyzer ➡️ เปิดซอร์สโค้ดทั้งหมดบน GitHub ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ หากไม่อัปเดตหรือปรับแต่งระบบอย่างถูกต้อง อาจเกิดปัญหาความเข้ากันได้กับโมดูลเสริม ⛔ การใช้งานโดยไม่มีการตรวจสอบความปลอดภัยของโมดูลเสริม อาจเสี่ยงต่อการทำงานผิดพลาด ⛔ ผู้ใช้ที่ไม่คุ้นเคยกับ Embedded Linux อาจเจอความซับซ้อนในการตั้งค่าเริ่มต้น https://itsfoss.com/news/linux-platform-kit/
    ITSFOSS.COM
    Reddit Strangers Built an Open Source Linux Handheld, And They Want Your Help
    A fully modular development tool that you can build, modify, and extend yourself.
    0 Comments 0 Shares 80 Views 0 Reviews
  • สมองเชื่อมโยงกันเมื่อทำงานร่วมกัน

    นักวิจัยจาก Western Sydney University ทดลองให้ผู้เข้าร่วม 24 คู่ทำงานร่วมกันในการจัดหมวดหมู่รูปทรงที่ปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ผลการตรวจ EEG พบว่า สมองของคู่ที่ทำงานร่วมกันมีการปรับคลื่นสมองให้สอดคล้องกัน โดยเฉพาะหลังจาก 200 มิลลิวินาทีที่สิ่งเร้าปรากฏขึ้น ซึ่งต่างจากคู่ที่ไม่ได้ร่วมมือจริง ๆ

    ความแตกต่างระหว่าง “คู่จริง” และ “คู่จำลอง”
    นักวิจัยเปรียบเทียบข้อมูล EEG ของคู่ที่ทำงานร่วมกันจริงกับคู่จำลองที่ถูกจับคู่แบบสุ่ม พบว่า การซิงค์ของสมองในคู่จริงมีความเข้มข้นและต่อเนื่องมากกว่า แม้จะใช้กติกาการจัดหมวดหมู่คล้ายกันก็ตาม แสดงให้เห็นว่าปัจจัยสำคัญคือการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ไม่ใช่เพียงการทำงานตามกติกา

    ผลต่อการทำงานเป็นทีมและการสื่อสาร
    การค้นพบนี้ชี้ว่า การทำงานร่วมกันช่วยสร้างการเชื่อมโยงทางประสาท ซึ่งอาจอธิบายว่าทำไมทีมที่มีความสามัคคีจึงทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น งานวิจัยยังเสนอว่าแนวทางนี้สามารถนำไปใช้ศึกษาการสื่อสาร การตัดสินใจ และการทำงานกลุ่มในระดับองค์กรหรือการเรียนรู้ร่วมกันได้

    ก้าวต่อไปของการวิจัย
    นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการทำความเข้าใจการซิงค์ของสมองจะช่วยพัฒนา วิธีการเสริมสร้างการทำงานเป็นทีม และอาจนำไปสู่การประยุกต์ใช้ในด้านการศึกษา การแพทย์ และการพัฒนาทักษะการสื่อสารในอนาคต

    สรุปเป็นหัวข้อ
    สมองซิงค์กันเมื่อทำงานร่วมกัน
    EEG แสดงการปรับคลื่นสมองภายใน 200 มิลลิวินาที

    คู่จริงมีการซิงค์มากกว่าคู่จำลอง
    ปัจจัยสำคัญคือการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม

    การซิงค์สมองช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทีม
    อธิบายว่าทำไมทีมที่สามัคคีจึงทำงานได้ดี

    การประยุกต์ใช้ในอนาคต
    ศึกษาการสื่อสาร การตัดสินใจ และการเรียนรู้ร่วมกัน

    การตีความผลวิจัยต้องระวัง
    ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการซิงค์สมองทำให้ผลลัพธ์ดีกว่าเสมอ

    ข้อจำกัดของการทดลอง
    ขนาดกลุ่มตัวอย่างยังเล็ก และต้องการการศึกษาเพิ่มเติม

    https://www.sciencealert.com/our-brains-really-do-sync-up-when-we-collaborate-study-reveals
    🧠 สมองเชื่อมโยงกันเมื่อทำงานร่วมกัน นักวิจัยจาก Western Sydney University ทดลองให้ผู้เข้าร่วม 24 คู่ทำงานร่วมกันในการจัดหมวดหมู่รูปทรงที่ปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ผลการตรวจ EEG พบว่า สมองของคู่ที่ทำงานร่วมกันมีการปรับคลื่นสมองให้สอดคล้องกัน โดยเฉพาะหลังจาก 200 มิลลิวินาทีที่สิ่งเร้าปรากฏขึ้น ซึ่งต่างจากคู่ที่ไม่ได้ร่วมมือจริง ๆ 🔬 ความแตกต่างระหว่าง “คู่จริง” และ “คู่จำลอง” นักวิจัยเปรียบเทียบข้อมูล EEG ของคู่ที่ทำงานร่วมกันจริงกับคู่จำลองที่ถูกจับคู่แบบสุ่ม พบว่า การซิงค์ของสมองในคู่จริงมีความเข้มข้นและต่อเนื่องมากกว่า แม้จะใช้กติกาการจัดหมวดหมู่คล้ายกันก็ตาม แสดงให้เห็นว่าปัจจัยสำคัญคือการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ไม่ใช่เพียงการทำงานตามกติกา 🌍 ผลต่อการทำงานเป็นทีมและการสื่อสาร การค้นพบนี้ชี้ว่า การทำงานร่วมกันช่วยสร้างการเชื่อมโยงทางประสาท ซึ่งอาจอธิบายว่าทำไมทีมที่มีความสามัคคีจึงทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น งานวิจัยยังเสนอว่าแนวทางนี้สามารถนำไปใช้ศึกษาการสื่อสาร การตัดสินใจ และการทำงานกลุ่มในระดับองค์กรหรือการเรียนรู้ร่วมกันได้ 🚀 ก้าวต่อไปของการวิจัย นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการทำความเข้าใจการซิงค์ของสมองจะช่วยพัฒนา วิธีการเสริมสร้างการทำงานเป็นทีม และอาจนำไปสู่การประยุกต์ใช้ในด้านการศึกษา การแพทย์ และการพัฒนาทักษะการสื่อสารในอนาคต 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ สมองซิงค์กันเมื่อทำงานร่วมกัน ➡️ EEG แสดงการปรับคลื่นสมองภายใน 200 มิลลิวินาที ✅ คู่จริงมีการซิงค์มากกว่าคู่จำลอง ➡️ ปัจจัยสำคัญคือการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ✅ การซิงค์สมองช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทีม ➡️ อธิบายว่าทำไมทีมที่สามัคคีจึงทำงานได้ดี ✅ การประยุกต์ใช้ในอนาคต ➡️ ศึกษาการสื่อสาร การตัดสินใจ และการเรียนรู้ร่วมกัน ‼️ การตีความผลวิจัยต้องระวัง ⛔ ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการซิงค์สมองทำให้ผลลัพธ์ดีกว่าเสมอ ‼️ ข้อจำกัดของการทดลอง ⛔ ขนาดกลุ่มตัวอย่างยังเล็ก และต้องการการศึกษาเพิ่มเติม https://www.sciencealert.com/our-brains-really-do-sync-up-when-we-collaborate-study-reveals
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Our Brains Really Do 'Sync Up' When We Collaborate, Study Reveals
    Ever experienced a moment of flow when working with another human to achieve a common goal, almost as if you and your collaborator are tuned in to each other's brains? You may have literally been 'in sync' on a neurological level, new research shows.
    0 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • เวลาที่อุจจาระอยู่ในร่างกายบอกสุขภาพได้
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนพบว่า คนที่มีการเคลื่อนผ่านของอุจจาระเร็ว (fast transit) และ ช้า (slow transit) มีความแตกต่างของจุลินทรีย์ในลำไส้อย่างชัดเจน ซึ่งส่งผลต่อการสร้างสารเมตาโบไลต์และสมดุลกรดในลำไส้ การเคลื่อนที่เร็วเกินไปอาจทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารไม่เต็มที่ ขณะที่การเคลื่อนที่ช้าเกินไปอาจก่อให้เกิดการหมักและสารพิษสะสม

    ข้อมูลจากงานวิจัยสากล
    การศึกษาในวารสาร BMJ Gut ระบุว่า เวลาการเดินทางของอาหารทั้งระบบ (Whole Gut Transit Time) โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 28 ชั่วโมง แต่สามารถแตกต่างได้ตั้งแต่ 10–73 ชั่วโมง ขึ้นกับอาหาร อายุ และกิจกรรม คนที่มีเวลานานเกินไปมักเสี่ยงต่อโรคอ้วน ภาวะอักเสบ และ IBS ส่วนคนที่เร็วเกินไปเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารและท้องเสียเรื้อรัง

    ความเชื่อมโยงกับโรคพาร์กินสัน
    งานวิจัยล่าสุดยังพบว่า ผู้ป่วยพาร์กินสันมักเริ่มมีอาการท้องผูกนานหลายสิบปีก่อนโรคแสดงออกทางสมอง การเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ในลำไส้ส่งผลต่อการผลิตวิตามินบีและกรดไขมันสายสั้น ซึ่งมีผลต่อระบบประสาทและการอักเสบ การดูแลสุขภาพลำไส้จึงอาจช่วยชะลอหรือบรรเทาอาการของโรคได้

    ปัจจัยที่ปรับได้ในชีวิตประจำวัน
    นักโภชนาการแนะนำว่า การกินไฟเบอร์ 25–50 กรัมต่อวัน ดื่มน้ำ 2–3 ลิตร และออกกำลังกายสม่ำเสมอ สามารถช่วยปรับเวลาเคลื่อนผ่านของอุจจาระให้อยู่ในระดับเหมาะสม นอกจากนี้การใช้โปรไบโอติกและการลดอาหารแปรรูปก็มีส่วนช่วยให้จุลินทรีย์ในลำไส้สมดุลมากขึ้น

    สรุปเป็นหัวข้อ
    Gut Transit Time มีผลต่อสุขภาพโดยตรง
    ค่าเฉลี่ยในคนปกติ ~28 ชั่วโมง แต่มีความแปรผันสูง

    การเคลื่อนที่เร็วเกินไป
    เสี่ยงต่อการขาดสารอาหารและท้องเสียเรื้อรัง

    การเคลื่อนที่ช้าเกินไป
    เพิ่มความเสี่ยงโรคอ้วน ภาวะอักเสบ และ IBS

    ความเชื่อมโยงกับโรคพาร์กินสัน
    การเปลี่ยนแปลงจุลินทรีย์ในลำไส้ส่งผลต่อระบบประสาท

    การปรับพฤติกรรมช่วยได้
    เพิ่มไฟเบอร์ ดื่มน้ำ ออกกำลังกาย และใช้โปรไบโอติก

    สัญญาณเตือนจากระบบขับถ่าย
    ถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรืออุจจาระแข็ง/เหลวผิดปกติ

    ความเสี่ยงจากการละเลยสุขภาพลำไส้
    อาจนำไปสู่โรคเรื้อรัง เช่น เมตาบอลิกซินโดรม และโรคทางสมอง

    https://www.sciencealert.com/how-long-poop-stays-in-your-body-could-impact-your-health-study-finds
    🧬 เวลาที่อุจจาระอยู่ในร่างกายบอกสุขภาพได้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนพบว่า คนที่มีการเคลื่อนผ่านของอุจจาระเร็ว (fast transit) และ ช้า (slow transit) มีความแตกต่างของจุลินทรีย์ในลำไส้อย่างชัดเจน ซึ่งส่งผลต่อการสร้างสารเมตาโบไลต์และสมดุลกรดในลำไส้ การเคลื่อนที่เร็วเกินไปอาจทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารไม่เต็มที่ ขณะที่การเคลื่อนที่ช้าเกินไปอาจก่อให้เกิดการหมักและสารพิษสะสม 🩺 ข้อมูลจากงานวิจัยสากล การศึกษาในวารสาร BMJ Gut ระบุว่า เวลาการเดินทางของอาหารทั้งระบบ (Whole Gut Transit Time) โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 28 ชั่วโมง แต่สามารถแตกต่างได้ตั้งแต่ 10–73 ชั่วโมง ขึ้นกับอาหาร อายุ และกิจกรรม คนที่มีเวลานานเกินไปมักเสี่ยงต่อโรคอ้วน ภาวะอักเสบ และ IBS ส่วนคนที่เร็วเกินไปเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารและท้องเสียเรื้อรัง 🧠 ความเชื่อมโยงกับโรคพาร์กินสัน งานวิจัยล่าสุดยังพบว่า ผู้ป่วยพาร์กินสันมักเริ่มมีอาการท้องผูกนานหลายสิบปีก่อนโรคแสดงออกทางสมอง การเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ในลำไส้ส่งผลต่อการผลิตวิตามินบีและกรดไขมันสายสั้น ซึ่งมีผลต่อระบบประสาทและการอักเสบ การดูแลสุขภาพลำไส้จึงอาจช่วยชะลอหรือบรรเทาอาการของโรคได้ 🍎 ปัจจัยที่ปรับได้ในชีวิตประจำวัน นักโภชนาการแนะนำว่า การกินไฟเบอร์ 25–50 กรัมต่อวัน ดื่มน้ำ 2–3 ลิตร และออกกำลังกายสม่ำเสมอ สามารถช่วยปรับเวลาเคลื่อนผ่านของอุจจาระให้อยู่ในระดับเหมาะสม นอกจากนี้การใช้โปรไบโอติกและการลดอาหารแปรรูปก็มีส่วนช่วยให้จุลินทรีย์ในลำไส้สมดุลมากขึ้น 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ Gut Transit Time มีผลต่อสุขภาพโดยตรง ➡️ ค่าเฉลี่ยในคนปกติ ~28 ชั่วโมง แต่มีความแปรผันสูง ✅ การเคลื่อนที่เร็วเกินไป ➡️ เสี่ยงต่อการขาดสารอาหารและท้องเสียเรื้อรัง ✅ การเคลื่อนที่ช้าเกินไป ➡️ เพิ่มความเสี่ยงโรคอ้วน ภาวะอักเสบ และ IBS ✅ ความเชื่อมโยงกับโรคพาร์กินสัน ➡️ การเปลี่ยนแปลงจุลินทรีย์ในลำไส้ส่งผลต่อระบบประสาท ✅ การปรับพฤติกรรมช่วยได้ ➡️ เพิ่มไฟเบอร์ ดื่มน้ำ ออกกำลังกาย และใช้โปรไบโอติก ‼️ สัญญาณเตือนจากระบบขับถ่าย ⛔ ถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรืออุจจาระแข็ง/เหลวผิดปกติ ‼️ ความเสี่ยงจากการละเลยสุขภาพลำไส้ ⛔ อาจนำไปสู่โรคเรื้อรัง เช่น เมตาบอลิกซินโดรม และโรคทางสมอง https://www.sciencealert.com/how-long-poop-stays-in-your-body-could-impact-your-health-study-finds
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    How Long Poop Stays in Your Body Could Impact Your Health, Study Finds
    Whether poop speeds through your gut like a bullet train or takes a more smell-the-roses approach could have more profound implications for your overall health than a first glance would suggest.
    0 Comments 0 Shares 143 Views 0 Reviews
  • สมาร์ทโฟนกับสุขภาพเด็ก

    การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Pediatrics เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2025 วิเคราะห์ข้อมูลจากเด็กกว่า 10,500 คน ในโครงการ Adolescent Brain Cognitive Development Study ซึ่งเป็นการติดตามพัฒนาการสมองระยะยาวที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ พบว่า เด็กที่ได้รับสมาร์ทโฟนก่อนอายุ 12 ปี มีแนวโน้มเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า, โรคอ้วน และการนอนหลับไม่เพียงพอ มากกว่าเด็กที่ยังไม่มีโทรศัพท์

    ผลกระทบต่อพัฒนาการวัยรุ่น
    นักวิจัยชี้ว่า วัยรุ่นเป็นช่วงอ่อนไหว แม้การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในด้านการนอนหรือสุขภาพจิตก็อาจส่งผลลึกและยาวนาน เด็กที่ใช้สมาร์ทโฟนมากเกินไปมักใช้เวลาน้อยลงในการออกกำลังกาย, พบปะเพื่อนแบบตัวต่อตัว และพักผ่อน ซึ่งทั้งหมดเป็นกิจกรรมสำคัญต่อสุขภาพและพัฒนาการ

    ความสำคัญของการนอนหลับ
    การศึกษายังพบว่า 63% ของเด็กอายุ 11–12 ปีมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในห้องนอน และเกือบ 17% ถูกปลุกด้วยการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา การมีสมาร์ทโฟนในห้องนอนจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เด็กนอนหลับไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลต่อทั้งสุขภาพกายและจิตใจ

    ข้อควรระวังสำหรับผู้ปกครอง
    แม้งานวิจัยจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสมาร์ทโฟนเป็น “สาเหตุโดยตรง” ของปัญหาสุขภาพ แต่ผลลัพธ์ชี้ชัดว่า การให้เด็กเข้าถึงสมาร์ทโฟนเร็วเกินไปมีความเสี่ยงสูง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าผู้ปกครองควร เลื่อนการให้สมาร์ทโฟนออกไป และหากจำเป็นต้องให้ ควรมีการกำหนดกฎเกณฑ์ เช่น ไม่อนุญาตให้นำโทรศัพท์เข้าห้องนอนตอนกลางคืน

    สรุปสาระสำคัญ
    ผลการศึกษาใหม่
    เด็กที่มีสมาร์ทโฟนก่อนอายุ 12 ปี เสี่ยงซึมเศร้า, โรคอ้วน, นอนหลับไม่เพียงพอ

    ข้อมูลจากโครงการใหญ่
    วิเคราะห์เด็กกว่า 10,500 คนในสหรัฐฯ

    ผลกระทบต่อการนอนหลับ
    63% มีอุปกรณ์ในห้องนอน, 17% ถูกปลุกด้วยการแจ้งเตือน

    ความเสี่ยงหากให้เร็วเกินไป
    อาจกระทบพัฒนาการด้านสุขภาพจิตและร่างกาย

    ข้อแนะนำสำหรับผู้ปกครอง
    เลื่อนการให้สมาร์ทโฟนออกไป และควบคุมการใช้งานโดยเฉพาะช่วงกลางคืน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/04/a-smartphone-before-age-12-could-carry-health-risks-study-says
    📱 สมาร์ทโฟนกับสุขภาพเด็ก การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Pediatrics เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2025 วิเคราะห์ข้อมูลจากเด็กกว่า 10,500 คน ในโครงการ Adolescent Brain Cognitive Development Study ซึ่งเป็นการติดตามพัฒนาการสมองระยะยาวที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ พบว่า เด็กที่ได้รับสมาร์ทโฟนก่อนอายุ 12 ปี มีแนวโน้มเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า, โรคอ้วน และการนอนหลับไม่เพียงพอ มากกว่าเด็กที่ยังไม่มีโทรศัพท์ 🧠 ผลกระทบต่อพัฒนาการวัยรุ่น นักวิจัยชี้ว่า วัยรุ่นเป็นช่วงอ่อนไหว แม้การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในด้านการนอนหรือสุขภาพจิตก็อาจส่งผลลึกและยาวนาน เด็กที่ใช้สมาร์ทโฟนมากเกินไปมักใช้เวลาน้อยลงในการออกกำลังกาย, พบปะเพื่อนแบบตัวต่อตัว และพักผ่อน ซึ่งทั้งหมดเป็นกิจกรรมสำคัญต่อสุขภาพและพัฒนาการ 🛌 ความสำคัญของการนอนหลับ การศึกษายังพบว่า 63% ของเด็กอายุ 11–12 ปีมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในห้องนอน และเกือบ 17% ถูกปลุกด้วยการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา การมีสมาร์ทโฟนในห้องนอนจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เด็กนอนหลับไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลต่อทั้งสุขภาพกายและจิตใจ ⚠️ ข้อควรระวังสำหรับผู้ปกครอง แม้งานวิจัยจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสมาร์ทโฟนเป็น “สาเหตุโดยตรง” ของปัญหาสุขภาพ แต่ผลลัพธ์ชี้ชัดว่า การให้เด็กเข้าถึงสมาร์ทโฟนเร็วเกินไปมีความเสี่ยงสูง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าผู้ปกครองควร เลื่อนการให้สมาร์ทโฟนออกไป และหากจำเป็นต้องให้ ควรมีการกำหนดกฎเกณฑ์ เช่น ไม่อนุญาตให้นำโทรศัพท์เข้าห้องนอนตอนกลางคืน 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ผลการศึกษาใหม่ ➡️ เด็กที่มีสมาร์ทโฟนก่อนอายุ 12 ปี เสี่ยงซึมเศร้า, โรคอ้วน, นอนหลับไม่เพียงพอ ✅ ข้อมูลจากโครงการใหญ่ ➡️ วิเคราะห์เด็กกว่า 10,500 คนในสหรัฐฯ ✅ ผลกระทบต่อการนอนหลับ ➡️ 63% มีอุปกรณ์ในห้องนอน, 17% ถูกปลุกด้วยการแจ้งเตือน ‼️ ความเสี่ยงหากให้เร็วเกินไป ⛔ อาจกระทบพัฒนาการด้านสุขภาพจิตและร่างกาย ‼️ ข้อแนะนำสำหรับผู้ปกครอง ⛔ เลื่อนการให้สมาร์ทโฟนออกไป และควบคุมการใช้งานโดยเฉพาะช่วงกลางคืน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/04/a-smartphone-before-age-12-could-carry-health-risks-study-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    A smartphone before age 12 could carry health risks, study says
    Researchers found higher rates of depression, poor sleep and obesity among tweens who had early access to a cellphone.
    0 Comments 0 Shares 153 Views 0 Reviews
  • สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำ มักมีผลตอบแทนจากการลงทุนเหนือคู่แข่ง

    งานวิจัย “Captain Gains on Capitol Hill” โดย Shang-Jin Wei และ Yifan Zhou พบว่า สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำ มีผลตอบแทนจากการซื้อขายหุ้นสูงกว่าคู่เปรียบเทียบถึง 47% ต่อปี หลังได้รับตำแหน่ง โดยเกิดจากทั้งอิทธิพลทางการเมืองและการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของบริษัท

    งานวิจัยใช้ข้อมูลการซื้อขายหุ้นระดับธุรกรรมของสมาชิกสภาคองเกรส พบว่า ก่อนขึ้นตำแหน่งผู้นำ ผลตอบแทนของพวกเขาใกล้เคียงกับสมาชิกทั่วไป แต่หลังจากได้รับตำแหน่ง ผลตอบแทนกลับ สูงกว่าถึง 47% ต่อปี ซึ่งสะท้อนถึงความได้เปรียบเชิงโครงสร้างที่ตำแหน่งนำมามอบให้

    ช่องทางอิทธิพลทางการเมือง
    หนึ่งในกลไกสำคัญคือ Political Influence Channel เช่น
    การขายหุ้นก่อนมีการออกกฎระเบียบใหม่
    การซื้อหุ้นของบริษัทที่ได้รับสัญญาจากรัฐบาล
    การลงทุนในบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองในร่างกฎหมาย

    สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้นำสภามีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาดทั่วไป

    การเข้าถึงข้อมูลภาคธุรกิจ
    อีกกลไกคือ Corporate Access Channel ซึ่งสะท้อนผ่านการซื้อขายหุ้นที่สามารถทำนายข่าวสารของบริษัทในอนาคต เช่น การลงทุนในบริษัทที่เป็นเจ้าของโดยผู้บริจาค หรือบริษัทในรัฐบ้านเกิดของสมาชิกสภา ผลลัพธ์คือการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่ประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้

    ผลกระทบต่อความโปร่งใส
    การค้นพบนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญต่อ ความโปร่งใสและความเป็นธรรมในตลาดการเงิน เพราะหากผู้นำสภามีผลตอบแทนที่สูงผิดปกติจากข้อมูลที่ไม่สมมาตร อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อทั้งระบบการเมืองและตลาดทุน

    สรุปสาระสำคัญ
    ผลตอบแทนสูงผิดปกติของผู้นำสภาคองเกรส
    สูงกว่าคู่เปรียบเทียบถึง 47% ต่อปีหลังได้รับตำแหน่ง

    Political Influence Channel
    การขายหุ้นก่อนกฎระเบียบใหม่, การซื้อหุ้นบริษัทที่ได้สัญญาจากรัฐบาล

    Corporate Access Channel
    การลงทุนในบริษัทผู้บริจาคและบริษัทในรัฐบ้านเกิด

    ความเสี่ยงต่อความโปร่งใสของตลาดทุน
    อาจทำให้ประชาชนสูญเสียความเชื่อมั่นต่อระบบการเมืองและการเงิน

    https://www.nber.org/papers/w34524
    📈 สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำ มักมีผลตอบแทนจากการลงทุนเหนือคู่แข่ง งานวิจัย “Captain Gains on Capitol Hill” โดย Shang-Jin Wei และ Yifan Zhou พบว่า สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำ มีผลตอบแทนจากการซื้อขายหุ้นสูงกว่าคู่เปรียบเทียบถึง 47% ต่อปี หลังได้รับตำแหน่ง โดยเกิดจากทั้งอิทธิพลทางการเมืองและการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของบริษัท งานวิจัยใช้ข้อมูลการซื้อขายหุ้นระดับธุรกรรมของสมาชิกสภาคองเกรส พบว่า ก่อนขึ้นตำแหน่งผู้นำ ผลตอบแทนของพวกเขาใกล้เคียงกับสมาชิกทั่วไป แต่หลังจากได้รับตำแหน่ง ผลตอบแทนกลับ สูงกว่าถึง 47% ต่อปี ซึ่งสะท้อนถึงความได้เปรียบเชิงโครงสร้างที่ตำแหน่งนำมามอบให้ 🏛️ ช่องทางอิทธิพลทางการเมือง หนึ่งในกลไกสำคัญคือ Political Influence Channel เช่น 💴 การขายหุ้นก่อนมีการออกกฎระเบียบใหม่ 💴 การซื้อหุ้นของบริษัทที่ได้รับสัญญาจากรัฐบาล 💴 การลงทุนในบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองในร่างกฎหมาย สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้นำสภามีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาดทั่วไป 🏢 การเข้าถึงข้อมูลภาคธุรกิจ อีกกลไกคือ Corporate Access Channel ซึ่งสะท้อนผ่านการซื้อขายหุ้นที่สามารถทำนายข่าวสารของบริษัทในอนาคต เช่น การลงทุนในบริษัทที่เป็นเจ้าของโดยผู้บริจาค หรือบริษัทในรัฐบ้านเกิดของสมาชิกสภา ผลลัพธ์คือการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่ประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ ⚠️ ผลกระทบต่อความโปร่งใส การค้นพบนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญต่อ ความโปร่งใสและความเป็นธรรมในตลาดการเงิน เพราะหากผู้นำสภามีผลตอบแทนที่สูงผิดปกติจากข้อมูลที่ไม่สมมาตร อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อทั้งระบบการเมืองและตลาดทุน 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ผลตอบแทนสูงผิดปกติของผู้นำสภาคองเกรส ➡️ สูงกว่าคู่เปรียบเทียบถึง 47% ต่อปีหลังได้รับตำแหน่ง ✅ Political Influence Channel ➡️ การขายหุ้นก่อนกฎระเบียบใหม่, การซื้อหุ้นบริษัทที่ได้สัญญาจากรัฐบาล ✅ Corporate Access Channel ➡️ การลงทุนในบริษัทผู้บริจาคและบริษัทในรัฐบ้านเกิด ‼️ ความเสี่ยงต่อความโปร่งใสของตลาดทุน ⛔ อาจทำให้ประชาชนสูญเสียความเชื่อมั่นต่อระบบการเมืองและการเงิน https://www.nber.org/papers/w34524
    WWW.NBER.ORG
    "Captain Gains" on Capitol Hill
    Founded in 1920, the NBER is a private, non-profit, non-partisan organization dedicated to conducting economic research and to disseminating research findings among academics, public policy makers, and business professionals.
    0 Comments 0 Shares 142 Views 0 Reviews
  • Wireshark 4.6.2: อัปเดตโปรโตคอลและไฟล์ Capture

    Wireshark 4.6.2 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดของเครื่องมือวิเคราะห์โปรโตคอลเครือข่าย ได้เพิ่มการรองรับโปรโตคอลใหม่หลายตัว เช่น ATM PW, COSEM, DECT NR+, DMP, GTP, HTTP3, IEEE 802.15.4, ISOBUS, MAUSB, MEGACO และ OsmoTRXD รวมถึงการปรับปรุงการทำงานกับไฟล์ Capture เช่น Peektagged capture file เพื่อให้การวิเคราะห์ข้อมูลเครือข่ายมีความแม่นยำและครอบคลุมมากขึ้น

    การแก้ไขบั๊กและปัญหาความปลอดภัย
    การอัปเดตครั้งนี้ยังแก้ไขบั๊กที่สำคัญ เช่น:
    แก้ปัญหา Crash ใน HTTP3 dissector
    แก้ Infinite loop ใน MEGACO dissector
    แก้ Regression จากเวอร์ชัน 4.6.1 ที่ทำให้ไฟล์ Omnipeek ใช้งานไม่ได้
    แก้ Stack buffer overflow ใน wiretap/ber.c (ber_open)
    แก้ปัญหา API/ABI compatibility ที่กระทบปลั๊กอินจากเวอร์ชันก่อนหน้า

    ฟีเจอร์ใหม่ในซีรีส์ Wireshark 4.6
    นอกจากการแก้ไขบั๊กแล้ว Wireshark 4.6 ยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่น เช่น:
    Plots dialog สำหรับสร้าง scatter plots ที่รองรับหลายกราฟพร้อมกัน
    การบีบอัด live captures ระหว่างการบันทึก
    การเขียน absolute time fields ในรูปแบบ ISO 8601 (UTC)
    การถอดรหัส NTP packets ด้วย NTS (Network Time Security)
    การขยายการถอดรหัส MACsec packets ด้วย SAK หรือ PSK
    การใช้หน่วย SI prefixes ใน TCP Stream Graph axes

    มุมมองเพิ่มเติมจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส
    การอัปเดตนี้สะท้อนถึงความต่อเนื่องของ Wireshark ในการเป็นเครื่องมือวิเคราะห์โปรโตคอลที่สำคัญที่สุดในโลกโอเพ่นซอร์ส โดยการเพิ่มการรองรับโปรโตคอลใหม่และการแก้ไขบั๊กช่วยให้ผู้ใช้ทั้งในงานวิจัย, การพัฒนา, และการดูแลระบบเครือข่ายมั่นใจได้ว่ามีเครื่องมือที่ทันสมัยและปลอดภัย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การอัปเดตโปรโตคอลใหม่ใน Wireshark 4.6.2
    รองรับ ATM PW, COSEM, DECT NR+, DMP, GTP, HTTP3, IEEE 802.15.4, ISOBUS, MAUSB, MEGACO, OsmoTRXD

    การแก้ไขบั๊กสำคัญ
    Crash ใน HTTP3 dissector
    Infinite loop ใน MEGACO dissector
    Regression ที่ทำให้ Omnipeek files ใช้งานไม่ได้
    Stack buffer overflow ใน wiretap/ber.c

    ฟีเจอร์ใหม่ในซีรีส์ 4.6
    Plots dialog สำหรับ scatter plots
    การบีบอัด live captures
    การเขียนเวลาแบบ ISO 8601
    การถอดรหัส NTP และ MACsec packets

    คำเตือนต่อผู้ใช้
    หากยังใช้เวอร์ชันเก่า อาจเสี่ยงต่อบั๊กและช่องโหว่ความปลอดภัย
    ปลั๊กอินที่สร้างจากเวอร์ชันก่อนหน้าอาจไม่เข้ากันกับ API/ABI เดิม
    ผู้ใช้ควรอัปเดตทันทีเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

    https://9to5linux.com/wireshark-4-6-2-is-out-to-update-protocol-capture-file-support-and-fix-more-bugs
    🛡️ Wireshark 4.6.2: อัปเดตโปรโตคอลและไฟล์ Capture Wireshark 4.6.2 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดของเครื่องมือวิเคราะห์โปรโตคอลเครือข่าย ได้เพิ่มการรองรับโปรโตคอลใหม่หลายตัว เช่น ATM PW, COSEM, DECT NR+, DMP, GTP, HTTP3, IEEE 802.15.4, ISOBUS, MAUSB, MEGACO และ OsmoTRXD รวมถึงการปรับปรุงการทำงานกับไฟล์ Capture เช่น Peektagged capture file เพื่อให้การวิเคราะห์ข้อมูลเครือข่ายมีความแม่นยำและครอบคลุมมากขึ้น ⚙️ การแก้ไขบั๊กและปัญหาความปลอดภัย การอัปเดตครั้งนี้ยังแก้ไขบั๊กที่สำคัญ เช่น: 💠 แก้ปัญหา Crash ใน HTTP3 dissector 💠 แก้ Infinite loop ใน MEGACO dissector 💠 แก้ Regression จากเวอร์ชัน 4.6.1 ที่ทำให้ไฟล์ Omnipeek ใช้งานไม่ได้ 💠 แก้ Stack buffer overflow ใน wiretap/ber.c (ber_open) 💠 แก้ปัญหา API/ABI compatibility ที่กระทบปลั๊กอินจากเวอร์ชันก่อนหน้า 🔒 ฟีเจอร์ใหม่ในซีรีส์ Wireshark 4.6 นอกจากการแก้ไขบั๊กแล้ว Wireshark 4.6 ยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่น เช่น: 💠 Plots dialog สำหรับสร้าง scatter plots ที่รองรับหลายกราฟพร้อมกัน 💠 การบีบอัด live captures ระหว่างการบันทึก 💠 การเขียน absolute time fields ในรูปแบบ ISO 8601 (UTC) 💠 การถอดรหัส NTP packets ด้วย NTS (Network Time Security) 💠 การขยายการถอดรหัส MACsec packets ด้วย SAK หรือ PSK 💠 การใช้หน่วย SI prefixes ใน TCP Stream Graph axes 🌐 มุมมองเพิ่มเติมจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส การอัปเดตนี้สะท้อนถึงความต่อเนื่องของ Wireshark ในการเป็นเครื่องมือวิเคราะห์โปรโตคอลที่สำคัญที่สุดในโลกโอเพ่นซอร์ส โดยการเพิ่มการรองรับโปรโตคอลใหม่และการแก้ไขบั๊กช่วยให้ผู้ใช้ทั้งในงานวิจัย, การพัฒนา, และการดูแลระบบเครือข่ายมั่นใจได้ว่ามีเครื่องมือที่ทันสมัยและปลอดภัย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การอัปเดตโปรโตคอลใหม่ใน Wireshark 4.6.2 ➡️ รองรับ ATM PW, COSEM, DECT NR+, DMP, GTP, HTTP3, IEEE 802.15.4, ISOBUS, MAUSB, MEGACO, OsmoTRXD ✅ การแก้ไขบั๊กสำคัญ ➡️ Crash ใน HTTP3 dissector ➡️ Infinite loop ใน MEGACO dissector ➡️ Regression ที่ทำให้ Omnipeek files ใช้งานไม่ได้ ➡️ Stack buffer overflow ใน wiretap/ber.c ✅ ฟีเจอร์ใหม่ในซีรีส์ 4.6 ➡️ Plots dialog สำหรับ scatter plots ➡️ การบีบอัด live captures ➡️ การเขียนเวลาแบบ ISO 8601 ➡️ การถอดรหัส NTP และ MACsec packets ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ ⛔ หากยังใช้เวอร์ชันเก่า อาจเสี่ยงต่อบั๊กและช่องโหว่ความปลอดภัย ⛔ ปลั๊กอินที่สร้างจากเวอร์ชันก่อนหน้าอาจไม่เข้ากันกับ API/ABI เดิม ⛔ ผู้ใช้ควรอัปเดตทันทีเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ https://9to5linux.com/wireshark-4-6-2-is-out-to-update-protocol-capture-file-support-and-fix-more-bugs
    9TO5LINUX.COM
    Wireshark 4.6.2 Is Out to Update Protocol/Capture File Support and Fix More Bugs - 9to5Linux
    Wireshark 4.6.2 open-source network protocol analyzer is now available to download with various bug fixes and updated protocols.
    0 Comments 0 Shares 106 Views 0 Reviews
  • Apple ลดรางวัล Security Bounty บน macOS

    Apple ได้ปรับลดเงินรางวัลสำหรับการค้นพบช่องโหว่บน macOS อย่างรุนแรง โดยเฉพาะในหมวด Transparency, Consent, and Control (TCC) bypasses ที่ลดลงจาก 30,500 ดอลลาร์เหลือเพียง 5,000 ดอลลาร์ ขณะที่ sandbox escapes ลดลงครึ่งหนึ่งจาก 10,000 ดอลลาร์เหลือ 5,000 ดอลลาร์ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจาก Apple เพิ่งเพิ่มรางวัลสูงสุดในโปรแกรม ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงความจริงใจในการสนับสนุนงานวิจัยด้านความปลอดภัย

    รายละเอียดการปรับลด
    TCC bypasses: ลดลง 83%
    Sandbox escapes: ลดลง 50%
    การเข้าถึงข้อมูลที่ป้องกันโดย TCC โดยไม่ใช้ Target Flag: ลดเหลือ 1,000 ดอลลาร์

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยอย่าง Csaba Fitzl ได้โพสต์บน LinkedIn วิจารณ์ว่า Apple กำลัง “ประหยัดผิดที่” และอาจทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยหมดแรงจูงใจในการรายงานช่องโหว่

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักวิจัย
    แม้ Apple จะมีมาตรการเสริม เช่น Lockdown Mode, สถาปัตยกรรม Safari ที่อัปเกรดใหม่ และ Memory Integrity Enforcement ในชิป A19 แต่การลดรางวัลอาจทำให้จำนวนรายงานช่องโหว่ลดลง ส่งผลให้ Mac มีความเสี่ยงมากขึ้นในระยะยาว

    มุมมองในอนาคต
    การตัดสินใจครั้งนี้ถูกมองว่าเป็น “ก้าวถอยหลัง” ของ Apple ในการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย หากบริษัทไม่ปรับปรุงแนวทาง อาจทำให้ผู้ใช้และนักวิจัยหันไปสนใจแพลตฟอร์มอื่นที่ให้การสนับสนุนมากกว่า

    สรุปสาระสำคัญ
    Apple ลดเงินรางวัลใน macOS Security Bounty อย่างมาก
    TCC bypasses ลดจาก $30,500 เหลือ $5,000

    Sandbox escapes ลดลงครึ่งหนึ่ง
    จาก $10,000 เหลือ $5,000

    ยังมีมาตรการเสริม เช่น Lockdown Mode และ Memory Integrity Enforcement
    ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในระดับระบบ

    การลดรางวัลอาจทำให้ผู้เชี่ยวชาญหมดแรงจูงใจ
    ส่งผลให้จำนวนรายงานช่องโหว่ลดลง

    Mac อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีมากขึ้น
    ผู้ใช้ควรระวังและอัปเดตระบบอย่างสม่ำเสมอ

    https://wccftech.com/does-apple-hate-macs-macos-security-bounties-drastically-slashed/
    🍏 Apple ลดรางวัล Security Bounty บน macOS Apple ได้ปรับลดเงินรางวัลสำหรับการค้นพบช่องโหว่บน macOS อย่างรุนแรง โดยเฉพาะในหมวด Transparency, Consent, and Control (TCC) bypasses ที่ลดลงจาก 30,500 ดอลลาร์เหลือเพียง 5,000 ดอลลาร์ ขณะที่ sandbox escapes ลดลงครึ่งหนึ่งจาก 10,000 ดอลลาร์เหลือ 5,000 ดอลลาร์ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจาก Apple เพิ่งเพิ่มรางวัลสูงสุดในโปรแกรม ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงความจริงใจในการสนับสนุนงานวิจัยด้านความปลอดภัย 🔧 รายละเอียดการปรับลด 💠 TCC bypasses: ลดลง 83% 💠 Sandbox escapes: ลดลง 50% 💠 การเข้าถึงข้อมูลที่ป้องกันโดย TCC โดยไม่ใช้ Target Flag: ลดเหลือ 1,000 ดอลลาร์ นักวิจัยด้านความปลอดภัยอย่าง Csaba Fitzl ได้โพสต์บน LinkedIn วิจารณ์ว่า Apple กำลัง “ประหยัดผิดที่” และอาจทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยหมดแรงจูงใจในการรายงานช่องโหว่ 🌍 ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักวิจัย แม้ Apple จะมีมาตรการเสริม เช่น Lockdown Mode, สถาปัตยกรรม Safari ที่อัปเกรดใหม่ และ Memory Integrity Enforcement ในชิป A19 แต่การลดรางวัลอาจทำให้จำนวนรายงานช่องโหว่ลดลง ส่งผลให้ Mac มีความเสี่ยงมากขึ้นในระยะยาว 📊 มุมมองในอนาคต การตัดสินใจครั้งนี้ถูกมองว่าเป็น “ก้าวถอยหลัง” ของ Apple ในการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย หากบริษัทไม่ปรับปรุงแนวทาง อาจทำให้ผู้ใช้และนักวิจัยหันไปสนใจแพลตฟอร์มอื่นที่ให้การสนับสนุนมากกว่า 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Apple ลดเงินรางวัลใน macOS Security Bounty อย่างมาก ➡️ TCC bypasses ลดจาก $30,500 เหลือ $5,000 ✅ Sandbox escapes ลดลงครึ่งหนึ่ง ➡️ จาก $10,000 เหลือ $5,000 ✅ ยังมีมาตรการเสริม เช่น Lockdown Mode และ Memory Integrity Enforcement ➡️ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในระดับระบบ ‼️ การลดรางวัลอาจทำให้ผู้เชี่ยวชาญหมดแรงจูงใจ ⛔ ส่งผลให้จำนวนรายงานช่องโหว่ลดลง ‼️ Mac อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีมากขึ้น ⛔ ผู้ใช้ควรระวังและอัปเดตระบบอย่างสม่ำเสมอ https://wccftech.com/does-apple-hate-macs-macos-security-bounties-drastically-slashed/
    WCCFTECH.COM
    Does Apple Hate Macs? macOS Security Bounties Drastically Slashed
    By arbitrarily curtailing the security bounty for finding vulnerabilities in the macOS, Apple has taken an apparent regressive step.
    0 Comments 0 Shares 142 Views 0 Reviews
  • นักวิจัยค้นพบกลไกใหม่ที่อาจพลิกการรักษาโรคกระดูกพรุน

    ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Leipzig ประเทศเยอรมนี และมหาวิทยาลัย Shandong ประเทศจีน ได้ค้นพบว่า ตัวรับเซลล์ GPR133 (หรือ ADGRD1) มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างและความหนาแน่นของกระดูก โดยทำงานผ่านเซลล์สร้างกระดูก (osteoblasts) การทดลองในหนูพบว่า หากยีนนี้หายไป หนูจะมีอาการคล้ายโรคกระดูกพรุน แต่เมื่อกระตุ้นด้วยสารเคมี AP503 กระดูกกลับแข็งแรงขึ้นอย่างชัดเจน

    สิ่งที่น่าสนใจคือ AP503 ทำหน้าที่เหมือน “ปุ่มชีวภาพ” ที่กระตุ้นให้ osteoblasts ทำงานหนักขึ้น และเมื่อใช้ร่วมกับการออกกำลังกาย ผลลัพธ์ยิ่งดีขึ้นไปอีก การค้นพบนี้ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ เพราะปัจจุบันการรักษาโรคกระดูกพรุนทำได้เพียงชะลอ ไม่สามารถย้อนกลับหรือรักษาให้หายขาดได้ อีกทั้งยาที่มีอยู่ยังมีผลข้างเคียงและประสิทธิภาพลดลงเมื่อใช้ระยะยาว

    นอกจากการค้นพบ GPR133 แล้ว งานวิจัยอื่น ๆ ยังเสริมแนวทางใหม่ เช่น วัสดุชีวภาพจากเลือด ที่สามารถซ่อมแซมกระดูกหักได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ฮอร์โมน MBH ที่พบในสมองของหนูเพศเมียซึ่งช่วยสร้างกระดูกที่แข็งแรงและหนาแน่นกว่าปกติ ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าการแพทย์กำลังเข้าใกล้การพัฒนายาที่สามารถเสริมสร้างและฟื้นฟูกระดูกได้จริงในมนุษย์

    แม้ผลการทดลองยังอยู่ในสัตว์ แต่ศักยภาพของ GPR133 และ AP503 ทำให้เกิดความหวังใหม่ว่าในอนาคตอาจมีการรักษาที่สามารถ “ย้อนกลับ” โรคกระดูกพรุนได้ โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคนี้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบใหม่
    ตัวรับเซลล์ GPR133 มีบทบาทสำคัญต่อความหนาแน่นของกระดูก
    สาร AP503 กระตุ้น osteoblasts ให้สร้างกระดูกแข็งแรงขึ้น

    ผลการทดลองในสัตว์
    หนูที่ขาด GPR133 มีอาการคล้ายโรคกระดูกพรุน
    เมื่อกระตุ้นด้วย AP503 กระดูกกลับแข็งแรงขึ้น

    แนวทางเสริมจากงานวิจัยอื่น
    วัสดุชีวภาพจากเลือดช่วยซ่อมแซมกระดูกหัก
    ฮอร์โมน MBH ในสมองหนูเพศเมียช่วยสร้างกระดูกหนาแน่น

    ข้อควรระวัง
    ผลการทดลองยังจำกัดอยู่ในสัตว์ ไม่สามารถยืนยันผลในมนุษย์ได้
    ยารักษาโรคกระดูกพรุนที่มีอยู่ยังมีผลข้างเคียงและประสิทธิภาพลดลงเมื่อใช้ระยะยาว
    ต้องมีการทดลองทางคลินิกเพิ่มเติมก่อนนำมาใช้จริง

    https://www.sciencealert.com/new-breakthrough-to-strengthen-bone-could-reverse-osteoporosis
    🦴 นักวิจัยค้นพบกลไกใหม่ที่อาจพลิกการรักษาโรคกระดูกพรุน ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Leipzig ประเทศเยอรมนี และมหาวิทยาลัย Shandong ประเทศจีน ได้ค้นพบว่า ตัวรับเซลล์ GPR133 (หรือ ADGRD1) มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างและความหนาแน่นของกระดูก โดยทำงานผ่านเซลล์สร้างกระดูก (osteoblasts) การทดลองในหนูพบว่า หากยีนนี้หายไป หนูจะมีอาการคล้ายโรคกระดูกพรุน แต่เมื่อกระตุ้นด้วยสารเคมี AP503 กระดูกกลับแข็งแรงขึ้นอย่างชัดเจน สิ่งที่น่าสนใจคือ AP503 ทำหน้าที่เหมือน “ปุ่มชีวภาพ” ที่กระตุ้นให้ osteoblasts ทำงานหนักขึ้น และเมื่อใช้ร่วมกับการออกกำลังกาย ผลลัพธ์ยิ่งดีขึ้นไปอีก การค้นพบนี้ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ เพราะปัจจุบันการรักษาโรคกระดูกพรุนทำได้เพียงชะลอ ไม่สามารถย้อนกลับหรือรักษาให้หายขาดได้ อีกทั้งยาที่มีอยู่ยังมีผลข้างเคียงและประสิทธิภาพลดลงเมื่อใช้ระยะยาว นอกจากการค้นพบ GPR133 แล้ว งานวิจัยอื่น ๆ ยังเสริมแนวทางใหม่ เช่น วัสดุชีวภาพจากเลือด ที่สามารถซ่อมแซมกระดูกหักได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ฮอร์โมน MBH ที่พบในสมองของหนูเพศเมียซึ่งช่วยสร้างกระดูกที่แข็งแรงและหนาแน่นกว่าปกติ ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าการแพทย์กำลังเข้าใกล้การพัฒนายาที่สามารถเสริมสร้างและฟื้นฟูกระดูกได้จริงในมนุษย์ แม้ผลการทดลองยังอยู่ในสัตว์ แต่ศักยภาพของ GPR133 และ AP503 ทำให้เกิดความหวังใหม่ว่าในอนาคตอาจมีการรักษาที่สามารถ “ย้อนกลับ” โรคกระดูกพรุนได้ โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคนี้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบใหม่ ➡️ ตัวรับเซลล์ GPR133 มีบทบาทสำคัญต่อความหนาแน่นของกระดูก ➡️ สาร AP503 กระตุ้น osteoblasts ให้สร้างกระดูกแข็งแรงขึ้น ✅ ผลการทดลองในสัตว์ ➡️ หนูที่ขาด GPR133 มีอาการคล้ายโรคกระดูกพรุน ➡️ เมื่อกระตุ้นด้วย AP503 กระดูกกลับแข็งแรงขึ้น ✅ แนวทางเสริมจากงานวิจัยอื่น ➡️ วัสดุชีวภาพจากเลือดช่วยซ่อมแซมกระดูกหัก ➡️ ฮอร์โมน MBH ในสมองหนูเพศเมียช่วยสร้างกระดูกหนาแน่น ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ผลการทดลองยังจำกัดอยู่ในสัตว์ ไม่สามารถยืนยันผลในมนุษย์ได้ ⛔ ยารักษาโรคกระดูกพรุนที่มีอยู่ยังมีผลข้างเคียงและประสิทธิภาพลดลงเมื่อใช้ระยะยาว ⛔ ต้องมีการทดลองทางคลินิกเพิ่มเติมก่อนนำมาใช้จริง https://www.sciencealert.com/new-breakthrough-to-strengthen-bone-could-reverse-osteoporosis
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    New Breakthrough to Strengthen Bone Could Reverse Osteoporosis
    A recent study points to a key bone-strengthening mechanism at work in the body, which could be targeted to treat the bone-weakening disease, osteoporosis.
    0 Comments 0 Shares 144 Views 0 Reviews
  • ผู้ป่วยรายที่ 7 เข้าสู่ภาวะทุเลา HIV ยาวนาน จุดประกายความหวังใหม่ในการรักษา

    นักวิจัยรายงานกรณีผู้ป่วยชายชาวเยอรมันที่ได้รับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์เพื่อรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว และเข้าสู่ภาวะทุเลา HIV ต่อเนื่องยาวนานกว่า 6 ปีโดยไม่ต้องใช้ยาต้านไวรัส (ART) นับเป็นผู้ป่วยรายที่ 7 ของโลกที่สามารถควบคุมเชื้อ HIV ได้ในระยะยาวหลังการรักษาด้วยวิธีนี้ กรณีนี้ถูกเรียกว่า Berlin Patient 2 (B2) และสร้างความตื่นเต้นในวงการแพทย์ เพราะผู้บริจาคสเต็มเซลล์มีเพียงหนึ่งชุดของยีนกลายพันธุ์ CCR5 Δ32 ซึ่งแตกต่างจากผู้ป่วยรายก่อน ๆ ที่ได้รับสองชุดเต็ม

    สิ่งที่น่าสนใจคือแม้จะมีเพียงหนึ่งชุดของยีน CCR5 Δ32 แต่ระบบภูมิคุ้มกันใหม่ที่สร้างขึ้นหลังการปลูกถ่ายสามารถกำจัดแหล่งซ่อนเชื้อ HIV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลนี้ชี้ให้เห็นว่า “การทุเลา” อาจเกิดขึ้นได้แม้ไม่ต้องพึ่งพาผู้บริจาคที่มีการกลายพันธุ์หายากแบบสองชุดเต็ม ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่แนวทางการรักษาที่กว้างขึ้นและไม่จำกัดเฉพาะผู้บริจาคที่หายากมาก

    อย่างไรก็ตาม การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์เป็นกระบวนการที่รุนแรงและมีความเสี่ยงสูง ทั้งต่อสุขภาพระยะยาวและอัตราการเสียชีวิต จึงไม่สามารถใช้เป็นวิธีรักษามาตรฐานสำหรับผู้ติดเชื้อ HIV ทั่วไปได้ แต่ความสำเร็จนี้ช่วยให้แพทย์และนักวิจัยเข้าใจกลไกใหม่ ๆ เช่น graft-versus-reservoir response ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนายาและวิธีการรักษาที่ปลอดภัยกว่าในอนาคต

    กรณี B2 และผู้ป่วยจากเจนีวาที่เข้าสู่ภาวะทุเลาโดยไม่มีการกลายพันธุ์ CCR5 Δ32 เลย ยิ่งตอกย้ำว่าการกำจัดแหล่งซ่อนเชื้อ HIV อาจทำได้หลายวิธี ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการกลายพันธุ์หายากเพียงอย่างเดียว งานวิจัยนี้จึงเป็นก้าวสำคัญที่อาจนำไปสู่การรักษา HIV แบบหายขาดในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    กรณีผู้ป่วยรายที่ 7 (Berlin Patient 2)
    อยู่ในภาวะทุเลา HIV ต่อเนื่องกว่า 6 ปีโดยไม่ใช้ ART
    ได้รับสเต็มเซลล์จากผู้บริจาคที่มีเพียงหนึ่งชุดของยีน CCR5 Δ32

    กลไกที่ค้นพบ
    ระบบภูมิคุ้มกันใหม่ช่วยกำจัดแหล่งซ่อนเชื้อ HIV
    ชี้ว่าการทุเลาไม่จำเป็นต้องใช้ผู้บริจาคที่มีสองชุดของ CCR5 Δ32

    ความหมายต่อการแพทย์
    เปิดแนวทางใหม่ในการรักษา HIV โดยไม่จำกัดผู้บริจาคหายาก
    ช่วยให้เข้าใจกลไก graft-versus-reservoir response ที่อาจนำไปสู่การพัฒนายาใหม่

    ข้อควรระวัง
    การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์มีความเสี่ยงสูงและไม่เหมาะเป็นการรักษามาตรฐาน
    ต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อหาวิธีที่ปลอดภัยและใช้ได้กับผู้ติดเชื้อทั่วไป
    ผู้ป่วยบางรายที่ได้รับสเต็มเซลล์จากผู้บริจาค CCR5 ปกติยังมีการกลับมาของเชื้อ HIV

    https://www.sciencealert.com/7th-hiv-remission-raises-hope-of-long-lasting-treatment-for-more-people
    🌟 ผู้ป่วยรายที่ 7 เข้าสู่ภาวะทุเลา HIV ยาวนาน จุดประกายความหวังใหม่ในการรักษา นักวิจัยรายงานกรณีผู้ป่วยชายชาวเยอรมันที่ได้รับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์เพื่อรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว และเข้าสู่ภาวะทุเลา HIV ต่อเนื่องยาวนานกว่า 6 ปีโดยไม่ต้องใช้ยาต้านไวรัส (ART) นับเป็นผู้ป่วยรายที่ 7 ของโลกที่สามารถควบคุมเชื้อ HIV ได้ในระยะยาวหลังการรักษาด้วยวิธีนี้ กรณีนี้ถูกเรียกว่า Berlin Patient 2 (B2) และสร้างความตื่นเต้นในวงการแพทย์ เพราะผู้บริจาคสเต็มเซลล์มีเพียงหนึ่งชุดของยีนกลายพันธุ์ CCR5 Δ32 ซึ่งแตกต่างจากผู้ป่วยรายก่อน ๆ ที่ได้รับสองชุดเต็ม สิ่งที่น่าสนใจคือแม้จะมีเพียงหนึ่งชุดของยีน CCR5 Δ32 แต่ระบบภูมิคุ้มกันใหม่ที่สร้างขึ้นหลังการปลูกถ่ายสามารถกำจัดแหล่งซ่อนเชื้อ HIV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลนี้ชี้ให้เห็นว่า “การทุเลา” อาจเกิดขึ้นได้แม้ไม่ต้องพึ่งพาผู้บริจาคที่มีการกลายพันธุ์หายากแบบสองชุดเต็ม ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่แนวทางการรักษาที่กว้างขึ้นและไม่จำกัดเฉพาะผู้บริจาคที่หายากมาก อย่างไรก็ตาม การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์เป็นกระบวนการที่รุนแรงและมีความเสี่ยงสูง ทั้งต่อสุขภาพระยะยาวและอัตราการเสียชีวิต จึงไม่สามารถใช้เป็นวิธีรักษามาตรฐานสำหรับผู้ติดเชื้อ HIV ทั่วไปได้ แต่ความสำเร็จนี้ช่วยให้แพทย์และนักวิจัยเข้าใจกลไกใหม่ ๆ เช่น graft-versus-reservoir response ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนายาและวิธีการรักษาที่ปลอดภัยกว่าในอนาคต กรณี B2 และผู้ป่วยจากเจนีวาที่เข้าสู่ภาวะทุเลาโดยไม่มีการกลายพันธุ์ CCR5 Δ32 เลย ยิ่งตอกย้ำว่าการกำจัดแหล่งซ่อนเชื้อ HIV อาจทำได้หลายวิธี ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการกลายพันธุ์หายากเพียงอย่างเดียว งานวิจัยนี้จึงเป็นก้าวสำคัญที่อาจนำไปสู่การรักษา HIV แบบหายขาดในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ กรณีผู้ป่วยรายที่ 7 (Berlin Patient 2) ➡️ อยู่ในภาวะทุเลา HIV ต่อเนื่องกว่า 6 ปีโดยไม่ใช้ ART ➡️ ได้รับสเต็มเซลล์จากผู้บริจาคที่มีเพียงหนึ่งชุดของยีน CCR5 Δ32 ✅ กลไกที่ค้นพบ ➡️ ระบบภูมิคุ้มกันใหม่ช่วยกำจัดแหล่งซ่อนเชื้อ HIV ➡️ ชี้ว่าการทุเลาไม่จำเป็นต้องใช้ผู้บริจาคที่มีสองชุดของ CCR5 Δ32 ✅ ความหมายต่อการแพทย์ ➡️ เปิดแนวทางใหม่ในการรักษา HIV โดยไม่จำกัดผู้บริจาคหายาก ➡️ ช่วยให้เข้าใจกลไก graft-versus-reservoir response ที่อาจนำไปสู่การพัฒนายาใหม่ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์มีความเสี่ยงสูงและไม่เหมาะเป็นการรักษามาตรฐาน ⛔ ต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อหาวิธีที่ปลอดภัยและใช้ได้กับผู้ติดเชื้อทั่วไป ⛔ ผู้ป่วยบางรายที่ได้รับสเต็มเซลล์จากผู้บริจาค CCR5 ปกติยังมีการกลับมาของเชื้อ HIV https://www.sciencealert.com/7th-hiv-remission-raises-hope-of-long-lasting-treatment-for-more-people
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    7th HIV Remission Raises Hope of Long-Lasting Treatment For More People
    A German man remains in remission from HIV an incredible six years after he received a stem cell transplant to treat an aggressive form of leukemia.
    0 Comments 0 Shares 162 Views 0 Reviews
More Results