• "ศรีสุวรรณ" จี้ ป.ป.ช. เชือด 484 ส.ส.-ส.ว. และ ครม! ลั่นคำวินิจฉัยศาล รธน. เป็นบรรทัดฐาน ฝ่าฝืน "ม.144" ก่อนหมดอายุความ9ส.ค.
    https://www.thai-tai.tv/news/20739/
    .
    #ศรีสุวรรณจรรยา #ปปช #ดิจิทัลวอลเล็ต #คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ #มาตรา144 #การเมือง #ไทยไท
    "ศรีสุวรรณ" จี้ ป.ป.ช. เชือด 484 ส.ส.-ส.ว. และ ครม! ลั่นคำวินิจฉัยศาล รธน. เป็นบรรทัดฐาน ฝ่าฝืน "ม.144" ก่อนหมดอายุความ9ส.ค. https://www.thai-tai.tv/news/20739/ . #ศรีสุวรรณจรรยา #ปปช #ดิจิทัลวอลเล็ต #คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ #มาตรา144 #การเมือง #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาล รธน.มติมติ 8 ต่อ 1 ตีตกคำร้องของ ครม.ที่ขอให้วินิจฉัยคุณสมบัติรัฐมนตรี "ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์" ชี้เป็นการขอหารือ แปลความหมาย จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ให้รับวินิจฉัย

    วันนี้(12มี.ค.)ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับวินิจฉัยในคดีที่คณะรัฐมนตรี (ผู้ร้อง) มอบหมายให้นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) กรณีปัญหาเกี่ยวกับ หน้าที่และอำนาจของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีในการเสนอชื่อบุคคลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น รัฐมนตรีจะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 23/2567 ซึ่งการพิจารณาว่าบุคคลต้อง “มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” และ “ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง” และ “ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะ ยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิด ฐานหมิ่นประมาท” ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160(4) (5) และ (3) รวมทั้งพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการ การเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 9 (5) กำหนดว่า ผู้ซึ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมืองตำแหน่งอื่นนอกจาก ตำแหน่งรัฐมนตรีต้อง “ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดี” ว่ามีขอบเขตหรือแนวทางการพิจารณาอย่างไร

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000023862

    #MGROnline #ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
    ศาล รธน.มติมติ 8 ต่อ 1 ตีตกคำร้องของ ครม.ที่ขอให้วินิจฉัยคุณสมบัติรัฐมนตรี "ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์" ชี้เป็นการขอหารือ แปลความหมาย จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ให้รับวินิจฉัย • วันนี้(12มี.ค.)ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับวินิจฉัยในคดีที่คณะรัฐมนตรี (ผู้ร้อง) มอบหมายให้นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) กรณีปัญหาเกี่ยวกับ หน้าที่และอำนาจของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีในการเสนอชื่อบุคคลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น รัฐมนตรีจะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 23/2567 ซึ่งการพิจารณาว่าบุคคลต้อง “มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” และ “ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง” และ “ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะ ยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิด ฐานหมิ่นประมาท” ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160(4) (5) และ (3) รวมทั้งพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการ การเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 9 (5) กำหนดว่า ผู้ซึ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมืองตำแหน่งอื่นนอกจาก ตำแหน่งรัฐมนตรีต้อง “ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดี” ว่ามีขอบเขตหรือแนวทางการพิจารณาอย่างไร • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000023862 • #MGROnline #ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 575 มุมมอง 0 รีวิว
  • อนุทิน นำ ส.ว.น้ำเงิน ส่งสัญญาณแตกหัก อ้างหลักการแก้ รธน. ทำประชามติ 3 ครั้ง
    .
    การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่เปิดโอกาสในการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยากภายหลังฝ่ายที่่ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะกลุ่มส.ว.เริ่มมีความเคลื่อนไหว โดยล่าสุดสำนักกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้ทำความเห็นเรื่องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พุทธศักราช…. (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 หลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญและเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่) ของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กับคณะเป็นผู้เสนอ โดยสำนักกฎหมายฯ พิจารณาแล้วมีความเห็นต้องมีการออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง ประกอบด้วย ครั้งที่ 1 ถามประชาชนก่อนว่าต้องให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหมหรือไม่ ครั้งที่ 2 (ถ้าผ่านครั้งที่ 1) นำร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่เสนอแก้มาตรา 256+เพิ่มหมวด 15/1 เสนอที่ประชุมร่วมรัฐสภา ถ้าสภาเห็นชอบแล้ว จึงไปทำประชามติอีกที
    ครั้งที่ 3 (ถ้าผ่านครั้งที่ 2) ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาร่วมรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เสนอต่อรัฐสภาพิจารณาแล้วจึงทำประชามติ
    .
    ประกอบกับรัฐธรรมนูญมาตรา 221 วรรคสี่ บัญญัติว่า “คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา ครม. ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานรัฐ” ซึ่งความเห็นหลักฝ่ายนี้มีการอ้างอิงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 18- 22/2555 เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2555 และคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2564 ซึ่งเป็นคำวินิจฉัยกลางของศาล (มิใช่คำวินิจฉัยส่วนตน) ตามที่วินิจฉัยว่า”…รัฐสภามีหน้าที่ และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ได้ลงประชามติเสียก่อนว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง” มาเป็นหลักในการพิจารณา
    .
    ทั้งนี้ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวได้วินิจฉัยไว้อย่างชัดเจนว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยวิธีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมให้มีหมวด 15/1 มีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ต้องจัดให้ประชาชนออกเสียงประชามติก่อนว่า สมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ (การออกเสียงประชามติ ครั้งที่ 1 ) และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้วต้องให้ประชาชนลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้ง (การออกเสียงประชามติ ครั้งที่ 3) ส่วนการออกเสียงประชามติ ครั้งที่ 2 เป็นไปโดยบทบัญญัติเฉพาะของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 256 (8)
    .
    ความเห็นของสำนักกฎหมายฯ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ได้ทำหนังสือแจ้งต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ให้ทราบแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และเชื่อว่าความเห็นดังกล่าวจะเป็นท่าทีของ ส.ว.ส่วนใหญ่ในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะมีการพิจารณาในการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 13-14 ก.พ.นี้
    .
    ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า พรรคภูมิใจไทย มีเป็นมติเอกฉันท์ ไม่ร่วมพิจารณาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์นี้ เพราะเห็นว่า การบรรจุวาระเข้ามายังมีความขัดแย้งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญปี 2564 ที่ระบุว่า ต้องมีการถามประชามติจากพี่น้องประชาชนก่อน เมื่อการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้น ขั้นตอนการทำประชามติยังไม่ได้รับการปฏิบัติพรรค จึงเห็นว่า มีความสุ่มเสี่ยงไม่สามารถที่จะไปรับฟังความคิดเห็นนั้นได้ เพราะเรามี ส.ส. ซึ่งพี่น้องประชาชนได้เลือกให้เราเข้ามาทำงาน ถึง 71 คน เราก็ต้องทำงาน จะไปรับความเสี่ยง โดยมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญออกมาเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างชัดเจนแล้วไม่ได้
    ..............
    Sondhi X
    อนุทิน นำ ส.ว.น้ำเงิน ส่งสัญญาณแตกหัก อ้างหลักการแก้ รธน. ทำประชามติ 3 ครั้ง . การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่เปิดโอกาสในการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยากภายหลังฝ่ายที่่ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะกลุ่มส.ว.เริ่มมีความเคลื่อนไหว โดยล่าสุดสำนักกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้ทำความเห็นเรื่องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พุทธศักราช…. (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 หลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญและเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่) ของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กับคณะเป็นผู้เสนอ โดยสำนักกฎหมายฯ พิจารณาแล้วมีความเห็นต้องมีการออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง ประกอบด้วย ครั้งที่ 1 ถามประชาชนก่อนว่าต้องให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหมหรือไม่ ครั้งที่ 2 (ถ้าผ่านครั้งที่ 1) นำร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่เสนอแก้มาตรา 256+เพิ่มหมวด 15/1 เสนอที่ประชุมร่วมรัฐสภา ถ้าสภาเห็นชอบแล้ว จึงไปทำประชามติอีกที ครั้งที่ 3 (ถ้าผ่านครั้งที่ 2) ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาร่วมรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เสนอต่อรัฐสภาพิจารณาแล้วจึงทำประชามติ . ประกอบกับรัฐธรรมนูญมาตรา 221 วรรคสี่ บัญญัติว่า “คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา ครม. ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานรัฐ” ซึ่งความเห็นหลักฝ่ายนี้มีการอ้างอิงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 18- 22/2555 เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2555 และคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2564 ซึ่งเป็นคำวินิจฉัยกลางของศาล (มิใช่คำวินิจฉัยส่วนตน) ตามที่วินิจฉัยว่า”…รัฐสภามีหน้าที่ และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ได้ลงประชามติเสียก่อนว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง” มาเป็นหลักในการพิจารณา . ทั้งนี้ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวได้วินิจฉัยไว้อย่างชัดเจนว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยวิธีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมให้มีหมวด 15/1 มีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ต้องจัดให้ประชาชนออกเสียงประชามติก่อนว่า สมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ (การออกเสียงประชามติ ครั้งที่ 1 ) และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้วต้องให้ประชาชนลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้ง (การออกเสียงประชามติ ครั้งที่ 3) ส่วนการออกเสียงประชามติ ครั้งที่ 2 เป็นไปโดยบทบัญญัติเฉพาะของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 256 (8) . ความเห็นของสำนักกฎหมายฯ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ได้ทำหนังสือแจ้งต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ให้ทราบแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และเชื่อว่าความเห็นดังกล่าวจะเป็นท่าทีของ ส.ว.ส่วนใหญ่ในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะมีการพิจารณาในการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 13-14 ก.พ.นี้ . ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า พรรคภูมิใจไทย มีเป็นมติเอกฉันท์ ไม่ร่วมพิจารณาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์นี้ เพราะเห็นว่า การบรรจุวาระเข้ามายังมีความขัดแย้งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญปี 2564 ที่ระบุว่า ต้องมีการถามประชามติจากพี่น้องประชาชนก่อน เมื่อการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้น ขั้นตอนการทำประชามติยังไม่ได้รับการปฏิบัติพรรค จึงเห็นว่า มีความสุ่มเสี่ยงไม่สามารถที่จะไปรับฟังความคิดเห็นนั้นได้ เพราะเรามี ส.ส. ซึ่งพี่น้องประชาชนได้เลือกให้เราเข้ามาทำงาน ถึง 71 คน เราก็ต้องทำงาน จะไปรับความเสี่ยง โดยมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญออกมาเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างชัดเจนแล้วไม่ได้ .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2716 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ปานเทพ” ยกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ โต้ “นพดล” ชี้ชัดแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ปี 51 ให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียว ผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เพราะส่งผลกระทบต่อดินแดนแต่กลับไม่เอาเข้าสภา ถามกลับ ใส่ร้ายตรงไหน ระหว่าง “สนธิ” และคณะ กับกระทรวงการต่างประเทศที่เคยมีบทเรียนทำให้ไทยเสียปราสาทพระวิหาร ควรเชื่อใครมากกว่า

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000125179

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ปานเทพ” ยกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ โต้ “นพดล” ชี้ชัดแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ปี 51 ให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียว ผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เพราะส่งผลกระทบต่อดินแดนแต่กลับไม่เอาเข้าสภา ถามกลับ ใส่ร้ายตรงไหน ระหว่าง “สนธิ” และคณะ กับกระทรวงการต่างประเทศที่เคยมีบทเรียนทำให้ไทยเสียปราสาทพระวิหาร ควรเชื่อใครมากกว่า อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000125179 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Wow
    Love
    39
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1759 มุมมอง 2 รีวิว
  • ศาลไม่รับคดีล้มล้าง ขาดหลักฐานชัดเจน จับตาคดีในมือ กกต.-ปปช.
    .
    ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีมติยกคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า นายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคเพื่อไทย (ผู้ถูกร้องที่ 2) ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องนี้ไว้วินิจฉัย
    .
    สำหรับคำร้องที่นายธีรยุทธยื่นมี 6 ประเด็น ประกอบด้วย ประเด็นที่ 1 นายทักษิณสั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ให้เอื้อประโยชน์แก่นายทักษิณ ให้พักอาศัยอยู่ห้องพัก ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในระหว่างรับโทษจำคุก เพื่อให้ไม่ต้องรับโทษในเรือนจำทั้งที่ไม่พบว่ามีอาการป่วยขั้นวิกฤต
    .
    ประเด็นที่ 2 นายทักษิณสั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์แก่อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา ให้มีการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของประเทศไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา
    .
    ประเด็นที่ 3 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยร่วมมือเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่มการเมืองของพรรคก้าวไกลเดิม ที่ต้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่ามีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    .
    ประเด็นที่ 4 นายทักษิณสั่งการแทนพรรคเพื่อไทย โดยเจรจากับแกนนำของพรรคการเมืองอื่นที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมตรี เพื่อหารือการเสนอชื่อบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่บ้านพักส่วนตัวของนายทักษิณ
    .
    ประเด็นที่ 5 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยมีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
    .
    ประเด็นที่ 6 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยนำนโยบายของนายทักษิณที่แสดงวิสัยทัศน์ไว้ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา
    .
    ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้แม้ผู้ร้องจะใช้สิทธิยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดแล้วและอัยการสูงสุดไม่ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ อันทำให้ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ก็ตาม แต่การพิจารณาว่า บุคคลใดจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงชัดเจนเพียงพอที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งหมาย และความประสงค์ระดับที่วิญญูชนคาดเห็นได้ว่าน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยการกระทำนั้นจะต้องกำลังดำเนินอยู่และไม่ห่างไกลเกินกว่าเหตุ
    .
    ข้อกล่าวอ้างในประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 3 ถึงประเด็นที่ 6 ยังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ดังนั้น กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัยในประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 3 ถึงประเด็นที่ 6
    .
    สำหรับประเด็นที่ 2 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (7 ต่อ 2) มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย
    .
    ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก จำนวน 7 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ เห็นว่า ยังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง
    .
    ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 2 คน คือ นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายนภดล เทพพิทักษ์ เห็นว่า มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผล เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้
    .
    ด้านดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย อดีตส.ว. แสดงความคิดเห็นว่าแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ์ สุวรรณเกษรที่ขอให้สั่งหยุดการกระทำของคุณทักษิณและ พท.ทั้ง 6 ประเด็น เพราะข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอที่จะชี้ว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯแต่ข้อเท็จจริงทั้ง 6 ประเด็นก็ยังมีผู้ยื่นคำร้องต่อ ปปช.และ กกต.กล่าวหานายทักษิณ พรรคเพื่อไทยและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องร่วมทำผิดตามกฎหมายอื่นที่มีโทษรุนแรงทั้งต่อบุคคลและพรรคการเมือง ที่อยู่ระหว่างการเสนอเรื่องไปสิ้นสุดการพิจารณาที่ศาลยุติธรรมหรือ ศาลรัฐธรรมนูญได้อีกเป็นหลายกรณี ประชาชนพลเมืองดีของไทยจึงยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องติดตามกันต่อไป
    ..............
    Sondhi X
    ศาลไม่รับคดีล้มล้าง ขาดหลักฐานชัดเจน จับตาคดีในมือ กกต.-ปปช. . ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีมติยกคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า นายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคเพื่อไทย (ผู้ถูกร้องที่ 2) ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องนี้ไว้วินิจฉัย . สำหรับคำร้องที่นายธีรยุทธยื่นมี 6 ประเด็น ประกอบด้วย ประเด็นที่ 1 นายทักษิณสั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ให้เอื้อประโยชน์แก่นายทักษิณ ให้พักอาศัยอยู่ห้องพัก ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในระหว่างรับโทษจำคุก เพื่อให้ไม่ต้องรับโทษในเรือนจำทั้งที่ไม่พบว่ามีอาการป่วยขั้นวิกฤต . ประเด็นที่ 2 นายทักษิณสั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์แก่อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา ให้มีการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของประเทศไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา . ประเด็นที่ 3 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยร่วมมือเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่มการเมืองของพรรคก้าวไกลเดิม ที่ต้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่ามีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข . ประเด็นที่ 4 นายทักษิณสั่งการแทนพรรคเพื่อไทย โดยเจรจากับแกนนำของพรรคการเมืองอื่นที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมตรี เพื่อหารือการเสนอชื่อบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่บ้านพักส่วนตัวของนายทักษิณ . ประเด็นที่ 5 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยมีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล . ประเด็นที่ 6 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยนำนโยบายของนายทักษิณที่แสดงวิสัยทัศน์ไว้ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา . ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้แม้ผู้ร้องจะใช้สิทธิยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดแล้วและอัยการสูงสุดไม่ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ อันทำให้ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ก็ตาม แต่การพิจารณาว่า บุคคลใดจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงชัดเจนเพียงพอที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งหมาย และความประสงค์ระดับที่วิญญูชนคาดเห็นได้ว่าน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยการกระทำนั้นจะต้องกำลังดำเนินอยู่และไม่ห่างไกลเกินกว่าเหตุ . ข้อกล่าวอ้างในประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 3 ถึงประเด็นที่ 6 ยังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ดังนั้น กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัยในประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 3 ถึงประเด็นที่ 6 . สำหรับประเด็นที่ 2 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (7 ต่อ 2) มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย . ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก จำนวน 7 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ เห็นว่า ยังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง . ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 2 คน คือ นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายนภดล เทพพิทักษ์ เห็นว่า มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผล เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้ . ด้านดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย อดีตส.ว. แสดงความคิดเห็นว่าแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ์ สุวรรณเกษรที่ขอให้สั่งหยุดการกระทำของคุณทักษิณและ พท.ทั้ง 6 ประเด็น เพราะข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอที่จะชี้ว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯแต่ข้อเท็จจริงทั้ง 6 ประเด็นก็ยังมีผู้ยื่นคำร้องต่อ ปปช.และ กกต.กล่าวหานายทักษิณ พรรคเพื่อไทยและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องร่วมทำผิดตามกฎหมายอื่นที่มีโทษรุนแรงทั้งต่อบุคคลและพรรคการเมือง ที่อยู่ระหว่างการเสนอเรื่องไปสิ้นสุดการพิจารณาที่ศาลยุติธรรมหรือ ศาลรัฐธรรมนูญได้อีกเป็นหลายกรณี ประชาชนพลเมืองดีของไทยจึงยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องติดตามกันต่อไป .............. Sondhi X
    Sad
    Like
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2963 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทักษิณ พท.มีเสียว คดีล้มล้าง ยุบพรรค ศาล รธน.ขอเคลียร์ อสส. ก่อน 15 วัน
    .
    วันนี้ (22ต.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการอภิปรายในคำร้องที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดยกล่าวอ้างว่า นายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคเพื่อไทย (ผู้ถูกร้องที่ 2) ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข 6 ประเด็น ประกอบด้วย ประเด็นที่ 1 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาล ตำรวจ ให้เอื้อประโยชน์แก่ผู้ถูกร้องที่ 1 ให้พักอาศัยอยู่ห้องพัก ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในระหว่างรับโทษ จำคุก เพื่อให้ไม่ต้องรับโทษในเรือนจำ ทั้งที่ไม่พบว่ามีอาการป่วยขั้นวิกฤต
    .
    ประเด็นที่ 2 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์แก่อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา ให้มีการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตย ทางทะเลของประเทศไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา
    .
    ประเด็นที่ 3 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 2 ร่วมมือเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่มการเมืองของพรรคก้าวไกลเดิมที่ต้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่ามีพฤติการณ์ล้มล้าง การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    .
    ประเด็นที่ 4 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการแทนผู้ถูกร้องที่ 2 โดยเจรจากับแกนนำของพรรคการเมืองอื่น ที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือการเสนอชื่อบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่บ้านพักส่วนตัวของผู้ถูกร้องที่ 1
    .
    ประเด็นที่ 5 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 2 มีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
    .
    ประเด็นที่ 6 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 2 นำนโยบายของผู้ถูกร้องที่ 1 ที่แสดงวิสัยทัศน์ไว้ ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา
    .
    โดยนายธีรยุทธได้ยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 67 ขอให้อัยการสูงสุดร้องขอให้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการกระทำ แต่อัยการสูงสุดมิได้ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสาม นายธีรยุทธจึงยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 1 เลิกกระทำการดังกล่าว และให้ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกยินยอมให้ผู้ถูกร้องที่ 1 ใช้เป็นเครื่องมือกระทำการดังกล่าว
    .
    ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า เพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาของ ศาลรัฐธรรมนูญว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ ในชั้นนี้ ให้มีหนังสือแจ้งอัยการสูงสุดเพื่อขอทราบว่า ได้ดำเนินการตามคำร้องของนายธีรยุทธไปแล้วอย่างไร และรวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงใด โดยให้จัดส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ
    ..............
    Sondhi X
    ทักษิณ พท.มีเสียว คดีล้มล้าง ยุบพรรค ศาล รธน.ขอเคลียร์ อสส. ก่อน 15 วัน . วันนี้ (22ต.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการอภิปรายในคำร้องที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดยกล่าวอ้างว่า นายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคเพื่อไทย (ผู้ถูกร้องที่ 2) ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข 6 ประเด็น ประกอบด้วย ประเด็นที่ 1 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาล ตำรวจ ให้เอื้อประโยชน์แก่ผู้ถูกร้องที่ 1 ให้พักอาศัยอยู่ห้องพัก ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในระหว่างรับโทษ จำคุก เพื่อให้ไม่ต้องรับโทษในเรือนจำ ทั้งที่ไม่พบว่ามีอาการป่วยขั้นวิกฤต . ประเด็นที่ 2 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์แก่อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา ให้มีการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตย ทางทะเลของประเทศไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา . ประเด็นที่ 3 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 2 ร่วมมือเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่มการเมืองของพรรคก้าวไกลเดิมที่ต้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่ามีพฤติการณ์ล้มล้าง การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข . ประเด็นที่ 4 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการแทนผู้ถูกร้องที่ 2 โดยเจรจากับแกนนำของพรรคการเมืองอื่น ที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือการเสนอชื่อบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่บ้านพักส่วนตัวของผู้ถูกร้องที่ 1 . ประเด็นที่ 5 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 2 มีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล . ประเด็นที่ 6 ผู้ถูกร้องที่ 1 สั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 2 นำนโยบายของผู้ถูกร้องที่ 1 ที่แสดงวิสัยทัศน์ไว้ ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา . โดยนายธีรยุทธได้ยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 67 ขอให้อัยการสูงสุดร้องขอให้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการกระทำ แต่อัยการสูงสุดมิได้ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสาม นายธีรยุทธจึงยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 1 เลิกกระทำการดังกล่าว และให้ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกยินยอมให้ผู้ถูกร้องที่ 1 ใช้เป็นเครื่องมือกระทำการดังกล่าว . ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า เพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาของ ศาลรัฐธรรมนูญว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ ในชั้นนี้ ให้มีหนังสือแจ้งอัยการสูงสุดเพื่อขอทราบว่า ได้ดำเนินการตามคำร้องของนายธีรยุทธไปแล้วอย่างไร และรวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงใด โดยให้จัดส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ .............. Sondhi X
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1769 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'แก้วสรร อติโพธิ' เผยแพร่บทความ 'ก้าวใหม่ของก้าวไกล' เสนอแก้มาตรา 112 อย่างไร จึงจะไม่ถูกยุบพรรคอีก

    10 สิงหาคม 2567-นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง "ก้าวใหม่...ของก้าวไกล? ในรูปแบบถาม-ตอบ มีเนื้อหาดังนี้

    “ ที่ผ่านมาเราไม่เคยสื่อสารลดเพดานเรื่องอะไร....เราเองก็ไม่ประมาททำทุกอย่างรอบคอบ คำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาจนนำมาสู่การยุบพรรคก้าวไกล เราต้องกลับมาศึกษาอย่างดี พวกเรายังคงต้องผลักดันเดินหน้าปรับปรุงแก้กฎหมายในส่วนนี้ ที่ปัจจุบันก็ยังมีปัญหาอยู่ ”ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน

    ถาม พรรคประชาชนต้องเสนอร่างกฎหมายแก้ ม.๑๑๒ อย่างไร..จึงจะไม่ถูกศาลสั่งยุบอีก ครับ ?

    ตอบ เสนอร่างเดิมไม่ปรับปรุงอะไรเลยก็ยังได้ครับ ขอแต่ให้เสนอด้วยกระบวนการนิติบัญญัติที่ชอบเท่านั้น คุณต้องอ่านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญให้ดีๆว่า ความผิดที่ผ่านมา มันอยู่ที่ ความเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่มุ่งเอาการเสนอกฎหมายมาบังหน้า บังความเคลื่อนไหวใหญ่อย่างเป็นขบวนการที่มุ่งกร่อนเซาะสถาบันกษัตริย์ ความข้อนี้ศาลพูดไว้ชัดแล้วในคำวินิจฉัยแรก เมื่อ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๗
    “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองมีพฤติการณ์ในการใช้สิทธิหรือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเพื่อทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดย ซ่อนเร้นหรือผ่านการนำเสนอร่างกฎหมาย ...มีลักษณะดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นขบวนการ ใช้หลายพฤติการณ์ประกอบกัน ทั้งการชุมนุม การจัดกิจการ การรณรงค์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ การเสนอร่างแก้ไขกฎหมายเข้าสู่สภา และการใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ”

    “ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเอกฉันท์ วินิจฉัยว่า สั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่นเพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกทั้ง ไม่ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย”

    ถาม อะไรคือการแก้ไขกฎหมาย “ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ”

    ตอบ คือการใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่สุจริต ผิดวิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญ มุ่งวี้ดบึ้มให้การมีอยู่ของสถาบันกษัตริย์กลายเป็นปัญหาของชาติ ชูเป็นนโยบายหลัก จัดกิจกรรม จัดชุมนุม รณรงค์ผ่านสื่อ และสอดประสานกับกลุ่มต่างๆ ใช้โซเชียลใส่ร้าย ทำลาย ปล่อยแฟลชม๊อบออกมาอาละวาด ด่าทอ เกิดคดี ๑๑๒ ถูกจับกุมเสียอนาคตเป็นร้อยคดี
    พฤติการณ์ทั้งหมดนี้ในคำวินิจฉัยยุบพรรค ศาลระบุไว้เป็นเอกฉันท์ว่าเป็นขบวนการกว้างกว่ากิจกรรมเสนอร่างกฎหมายในสภา มีผลเป็นการล้มล้างการปกครอง ส่วนตัวตนของคนที่เคลื่อนไหวถึงขั้นเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่นั้น ตรงนี้เสียง ๘ : ๑ ยืนยันว่าเป็นปฏิปักษ์

    ถาม อ้าว...ถ้าชี้ว่าเป็นปฏิปักษ์อย่างนี้ สส.ก้าวไกล ๔๔ คน ที่ร่วมลงชื่อเสนอร่างกฎหมาย ก็โดนตัดสิทธิสมัครเลือกตั้งไปตลอดชีวิตเลยสิครับ

    ตอบ ปปช.เขากำลังเริ่มตรวจสอบอยู่ ถ้าพบว่ามีมูล ก็จะกล่าวหาว่าใครมีพฤติการณ์ประพฤติผิดจรรยาบรรณอย่างไรบ้าง จากนั้นก็ให้ชี้แจงเข้าสู่กระบวนการไต่สวนแล้วเสนอ คณะกรรมการ ปปช. มีมติในที่สุดว่า ควรส่งให้ศาลฏีกาพิพากษาตัดสิทธิ ฐานประพฤติผิดมาตรฐานจริยธรรมผู้แทนราษฎร ข้อนี้หรือไม่?

    “ ข้อ ๖ สมาชิกและกรรมาธิการต้องจงรักภักดีและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ”

    ถาม ผมเป็น สส.ก้าวไกล เห็นว่า การใช้ ม.๑๑๒ โดยไม่ถูกต้องมันมีอยู่จริง ก็ร่วมลงชื่อเสนอร่างกฎหมายไปโดยสุจริต ผมก็โดนฆ่าโดนตัดสิทธิทางการเมืองเลยหรือ

    ตอบ ถ้าเราเข้าใจชัดแล้วว่า ความผิดที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้บ่งนั้น มันอยู่ที่การกร่อนเซาะสถาบันโดยจัดตั้งและเคลื่อนไหวจนเป็นขบวนการใหญ่ ซ่อนเร้นอยู่หลังการนำเสนอร่างกฎหมาย อีกทีหนึ่ง ถ้าเข้าใจตรงกันเช่นนี้คุณก็ไม่ผิด เพราะใช้อำนาจหน้าที่ไปโดยสุจริต ไม่ได้รู้เห็นสุมหัวร่วมอยู่ในขบวนการกร่อนเซาะนั้น

    ถาม ถ้าถือตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ร่างกฎหมายที่ผมลงชื่อไปนั้น มันระบุให้ความผิดหมิ่นกษัตริย์เป็นความผิดอันยอมความได้เช่นหมิ่นชาวบ้านทั่วไปนะครับ แก้กฎหมายอย่างนี้ตำรวจไปจับคนด่าในหลวงเลยไม่ได้ ต้องให้ในวังแจ้งความเอาเรื่องก่อน อย่างนี้มันหมายความว่าเราเลิกไม่คุ้มครองกษัตริย์ในฐานะสถาบันของชาติอีกต่อไป แล้วมันไม่ขัดรัฐธรรมนูญหรือครับ ผมจะรอด หลุดคดีจริยธรรมแน่หรือเมื่อเสนอกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญ

    ตอบ ถ้าร่างนี้ผ่านเป็นกฎหมาย ผมว่าศาลรัฐธรรมนูญต้องตีตก ว่าขัดรัฐธรรมนูญแน่ แต่ปัญหาว่าคนเสนอร่างกฎหมาย เคลื่อนไหวเป็นปฏิปักษ์หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

    ถาม หมายความว่า ใน สส. ๔๔ คนนี้ อาจเป็นผิดเพียงบางคนเท่านั้น อย่างนั้นหรือ

    ตอบ ครับเป็นเช่นนั้น...คดีนี้ลงโทษที่คน เอาเฉพาะที่เป็น สส. และเฉพาะคนที่เป็นภัยต่อรัฐธรรมนูญออกไปจากการเมือง แต่ละคนต้องมีพฤติการณ์ส่วนตนประกอบชัดเจนด้วยว่าร่วมอยู่ในขบวนการกร่อนเซาะด้วยจริงๆ
    เยอรมันหลังสงครามเขาก็ออกกฎหมายตัดสิทธิทางการเมืองของแกนนำนาซีเหมือนกัน

    ถาม อาจารย์เห็นใครบ้างไหม

    ตอบ มีหลายคนหลายพฤติการณ์ คำวินิจฉัยศาลระบุไว้เหมือนกันว่ามีอยู่ในพรรคนี้แน่ ทั้งขึ้นปราศัย ทั้งต้องคดี ๑๑๒ ทั้งช่วยประกันตัว ฯลฯ

    ก็แล้วแต่ ปปช.จะไต่สวนเจอใครไหม หลักฐานไปได้แค่ไหนก็แค่นั้น ไม่เพียงพอก็ไม่เป็นไร เราอย่าไปแทรกแซง

    ถาม ปปช.น่าจะขอหมายศาล ค้นโพสต์ในโซเชียลของ สส.พวกนี้ได้ไหมครับ น่าจะเจออะไรมากมายทีเดียว

    ตอบ ป่านนี้ไม่เหลืออะไรแล้วล่ะครับ

    ถาม สรุปแล้ว มาวันนี้ที่ หัวหน้าเท้งพรรคประชาชนบอกว่ายังจะเสนอร่างกฎหมาย ๑๑๒ อยู่อีก ก็ทำได้โดยชอบ อย่างนั้นใช่ไหมครับ

    ตอบ ถ้าทำโดยสุจริต ไม่มุ่งวี้ดบึ้มสร้างความขัดแย้ง เกลียดชังสถาบัน ก็เชิญเลยครับ

    ถาม เขาก็จะข่มใจไหวหรือครับ ผมเห็นชูสโลแกนปฏิวัติฝรั่งเศสครั้งปฏิวัติล้มล้างกษัตริย์ว่า “ เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ ” แล้วยังโบกธง “ ชาติ ศาสนา ประชาชน ” ชี้นำสังคมไทยเสียด้วย แล้วอย่างนี้ดูจะลดเพดานยากอยู่นะครับ

    ตอบ เรื่องของเขา เราดูให้ออกก็พอแล้วครับ ว่าเขารักความสามัคคีมีภราดรภาพในหมู่คนไทยจริงไหม รักชาติไม่รับเงินไม่รับอาณัติไม่ชักศึกเข้าบ้าน จนบ้านเมืองชิบหายเหมือน เซเลนสกี้หรือไม่ ดูไม่ยากหรอกครับ

    ถาม เขามีเสียงศรัทธาถึง ๑๔ ล้านเสียง อาจารย์อยากให้เขาใช้พลังนี้ทำอะไร

    ตอบ เลิกบ้าการเมืองเลิกหมกมุ่นแก้รัฐธรรมนูญ เดินเข้ามาเป็นรัฐบาลทำเรื่องนี้ให้เป็นจริงเถิดครับ ผมพร้อมจะเดินหาเสียงให้ทั้งซอยบ้านผมเลย

    - ปฏิรูปเกษตรกรรม ให้เกษตรกรคนเล็กคนน้อยมีอนาคตสร้างผลิตภาพในการผลิตต่างๆ ได้พอๆกับธุรกิจอาหารของซีพี อย่างที่อินเดียเขากำลังทำ

    - ปฏิรูปการจัดการความเจริญ ทำเชียงใหม่ ขอนแก่น พิษณุโลก หาดใหญ่ เป็นเมืองรองให้เป็นฐานความเจริญของภูมิภาค ตามที่ธนาคารโลกเขาแนะนำ

    - ปฏิรูปการศึกษา ให้คนหลายสิบล้าน ยืนขึ้นมาสร้างตนเอง เลิกแบมือรอเงินดิจิตอล อย่างทุกวันนี้

    ตัวอย่างปฏิรูประดับโครงสร้างอย่างนี้ต่างหากครับ คือ “ก้าวไกล” ที่แท้จริง ที่พวกคุณคนรุ่นใหม่ต้องทุ่มเทเพื่ออนาคตของคุณเองให้จงได้

    ที่มา: ไทยโพสต์

    #Thaitimes
    'แก้วสรร อติโพธิ' เผยแพร่บทความ 'ก้าวใหม่ของก้าวไกล' เสนอแก้มาตรา 112 อย่างไร จึงจะไม่ถูกยุบพรรคอีก 10 สิงหาคม 2567-นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง "ก้าวใหม่...ของก้าวไกล? ในรูปแบบถาม-ตอบ มีเนื้อหาดังนี้ “ ที่ผ่านมาเราไม่เคยสื่อสารลดเพดานเรื่องอะไร....เราเองก็ไม่ประมาททำทุกอย่างรอบคอบ คำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาจนนำมาสู่การยุบพรรคก้าวไกล เราต้องกลับมาศึกษาอย่างดี พวกเรายังคงต้องผลักดันเดินหน้าปรับปรุงแก้กฎหมายในส่วนนี้ ที่ปัจจุบันก็ยังมีปัญหาอยู่ ”ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถาม พรรคประชาชนต้องเสนอร่างกฎหมายแก้ ม.๑๑๒ อย่างไร..จึงจะไม่ถูกศาลสั่งยุบอีก ครับ ? ตอบ เสนอร่างเดิมไม่ปรับปรุงอะไรเลยก็ยังได้ครับ ขอแต่ให้เสนอด้วยกระบวนการนิติบัญญัติที่ชอบเท่านั้น คุณต้องอ่านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญให้ดีๆว่า ความผิดที่ผ่านมา มันอยู่ที่ ความเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่มุ่งเอาการเสนอกฎหมายมาบังหน้า บังความเคลื่อนไหวใหญ่อย่างเป็นขบวนการที่มุ่งกร่อนเซาะสถาบันกษัตริย์ ความข้อนี้ศาลพูดไว้ชัดแล้วในคำวินิจฉัยแรก เมื่อ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๗ “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองมีพฤติการณ์ในการใช้สิทธิหรือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเพื่อทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดย ซ่อนเร้นหรือผ่านการนำเสนอร่างกฎหมาย ...มีลักษณะดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นขบวนการ ใช้หลายพฤติการณ์ประกอบกัน ทั้งการชุมนุม การจัดกิจการ การรณรงค์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ การเสนอร่างแก้ไขกฎหมายเข้าสู่สภา และการใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ” “ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเอกฉันท์ วินิจฉัยว่า สั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่นเพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกทั้ง ไม่ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย” ถาม อะไรคือการแก้ไขกฎหมาย “ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ” ตอบ คือการใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่สุจริต ผิดวิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญ มุ่งวี้ดบึ้มให้การมีอยู่ของสถาบันกษัตริย์กลายเป็นปัญหาของชาติ ชูเป็นนโยบายหลัก จัดกิจกรรม จัดชุมนุม รณรงค์ผ่านสื่อ และสอดประสานกับกลุ่มต่างๆ ใช้โซเชียลใส่ร้าย ทำลาย ปล่อยแฟลชม๊อบออกมาอาละวาด ด่าทอ เกิดคดี ๑๑๒ ถูกจับกุมเสียอนาคตเป็นร้อยคดี พฤติการณ์ทั้งหมดนี้ในคำวินิจฉัยยุบพรรค ศาลระบุไว้เป็นเอกฉันท์ว่าเป็นขบวนการกว้างกว่ากิจกรรมเสนอร่างกฎหมายในสภา มีผลเป็นการล้มล้างการปกครอง ส่วนตัวตนของคนที่เคลื่อนไหวถึงขั้นเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่นั้น ตรงนี้เสียง ๘ : ๑ ยืนยันว่าเป็นปฏิปักษ์ ถาม อ้าว...ถ้าชี้ว่าเป็นปฏิปักษ์อย่างนี้ สส.ก้าวไกล ๔๔ คน ที่ร่วมลงชื่อเสนอร่างกฎหมาย ก็โดนตัดสิทธิสมัครเลือกตั้งไปตลอดชีวิตเลยสิครับ ตอบ ปปช.เขากำลังเริ่มตรวจสอบอยู่ ถ้าพบว่ามีมูล ก็จะกล่าวหาว่าใครมีพฤติการณ์ประพฤติผิดจรรยาบรรณอย่างไรบ้าง จากนั้นก็ให้ชี้แจงเข้าสู่กระบวนการไต่สวนแล้วเสนอ คณะกรรมการ ปปช. มีมติในที่สุดว่า ควรส่งให้ศาลฏีกาพิพากษาตัดสิทธิ ฐานประพฤติผิดมาตรฐานจริยธรรมผู้แทนราษฎร ข้อนี้หรือไม่? “ ข้อ ๖ สมาชิกและกรรมาธิการต้องจงรักภักดีและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ” ถาม ผมเป็น สส.ก้าวไกล เห็นว่า การใช้ ม.๑๑๒ โดยไม่ถูกต้องมันมีอยู่จริง ก็ร่วมลงชื่อเสนอร่างกฎหมายไปโดยสุจริต ผมก็โดนฆ่าโดนตัดสิทธิทางการเมืองเลยหรือ ตอบ ถ้าเราเข้าใจชัดแล้วว่า ความผิดที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้บ่งนั้น มันอยู่ที่การกร่อนเซาะสถาบันโดยจัดตั้งและเคลื่อนไหวจนเป็นขบวนการใหญ่ ซ่อนเร้นอยู่หลังการนำเสนอร่างกฎหมาย อีกทีหนึ่ง ถ้าเข้าใจตรงกันเช่นนี้คุณก็ไม่ผิด เพราะใช้อำนาจหน้าที่ไปโดยสุจริต ไม่ได้รู้เห็นสุมหัวร่วมอยู่ในขบวนการกร่อนเซาะนั้น ถาม ถ้าถือตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ร่างกฎหมายที่ผมลงชื่อไปนั้น มันระบุให้ความผิดหมิ่นกษัตริย์เป็นความผิดอันยอมความได้เช่นหมิ่นชาวบ้านทั่วไปนะครับ แก้กฎหมายอย่างนี้ตำรวจไปจับคนด่าในหลวงเลยไม่ได้ ต้องให้ในวังแจ้งความเอาเรื่องก่อน อย่างนี้มันหมายความว่าเราเลิกไม่คุ้มครองกษัตริย์ในฐานะสถาบันของชาติอีกต่อไป แล้วมันไม่ขัดรัฐธรรมนูญหรือครับ ผมจะรอด หลุดคดีจริยธรรมแน่หรือเมื่อเสนอกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญ ตอบ ถ้าร่างนี้ผ่านเป็นกฎหมาย ผมว่าศาลรัฐธรรมนูญต้องตีตก ว่าขัดรัฐธรรมนูญแน่ แต่ปัญหาว่าคนเสนอร่างกฎหมาย เคลื่อนไหวเป็นปฏิปักษ์หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถาม หมายความว่า ใน สส. ๔๔ คนนี้ อาจเป็นผิดเพียงบางคนเท่านั้น อย่างนั้นหรือ ตอบ ครับเป็นเช่นนั้น...คดีนี้ลงโทษที่คน เอาเฉพาะที่เป็น สส. และเฉพาะคนที่เป็นภัยต่อรัฐธรรมนูญออกไปจากการเมือง แต่ละคนต้องมีพฤติการณ์ส่วนตนประกอบชัดเจนด้วยว่าร่วมอยู่ในขบวนการกร่อนเซาะด้วยจริงๆ เยอรมันหลังสงครามเขาก็ออกกฎหมายตัดสิทธิทางการเมืองของแกนนำนาซีเหมือนกัน ถาม อาจารย์เห็นใครบ้างไหม ตอบ มีหลายคนหลายพฤติการณ์ คำวินิจฉัยศาลระบุไว้เหมือนกันว่ามีอยู่ในพรรคนี้แน่ ทั้งขึ้นปราศัย ทั้งต้องคดี ๑๑๒ ทั้งช่วยประกันตัว ฯลฯ ก็แล้วแต่ ปปช.จะไต่สวนเจอใครไหม หลักฐานไปได้แค่ไหนก็แค่นั้น ไม่เพียงพอก็ไม่เป็นไร เราอย่าไปแทรกแซง ถาม ปปช.น่าจะขอหมายศาล ค้นโพสต์ในโซเชียลของ สส.พวกนี้ได้ไหมครับ น่าจะเจออะไรมากมายทีเดียว ตอบ ป่านนี้ไม่เหลืออะไรแล้วล่ะครับ ถาม สรุปแล้ว มาวันนี้ที่ หัวหน้าเท้งพรรคประชาชนบอกว่ายังจะเสนอร่างกฎหมาย ๑๑๒ อยู่อีก ก็ทำได้โดยชอบ อย่างนั้นใช่ไหมครับ ตอบ ถ้าทำโดยสุจริต ไม่มุ่งวี้ดบึ้มสร้างความขัดแย้ง เกลียดชังสถาบัน ก็เชิญเลยครับ ถาม เขาก็จะข่มใจไหวหรือครับ ผมเห็นชูสโลแกนปฏิวัติฝรั่งเศสครั้งปฏิวัติล้มล้างกษัตริย์ว่า “ เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ ” แล้วยังโบกธง “ ชาติ ศาสนา ประชาชน ” ชี้นำสังคมไทยเสียด้วย แล้วอย่างนี้ดูจะลดเพดานยากอยู่นะครับ ตอบ เรื่องของเขา เราดูให้ออกก็พอแล้วครับ ว่าเขารักความสามัคคีมีภราดรภาพในหมู่คนไทยจริงไหม รักชาติไม่รับเงินไม่รับอาณัติไม่ชักศึกเข้าบ้าน จนบ้านเมืองชิบหายเหมือน เซเลนสกี้หรือไม่ ดูไม่ยากหรอกครับ ถาม เขามีเสียงศรัทธาถึง ๑๔ ล้านเสียง อาจารย์อยากให้เขาใช้พลังนี้ทำอะไร ตอบ เลิกบ้าการเมืองเลิกหมกมุ่นแก้รัฐธรรมนูญ เดินเข้ามาเป็นรัฐบาลทำเรื่องนี้ให้เป็นจริงเถิดครับ ผมพร้อมจะเดินหาเสียงให้ทั้งซอยบ้านผมเลย - ปฏิรูปเกษตรกรรม ให้เกษตรกรคนเล็กคนน้อยมีอนาคตสร้างผลิตภาพในการผลิตต่างๆ ได้พอๆกับธุรกิจอาหารของซีพี อย่างที่อินเดียเขากำลังทำ - ปฏิรูปการจัดการความเจริญ ทำเชียงใหม่ ขอนแก่น พิษณุโลก หาดใหญ่ เป็นเมืองรองให้เป็นฐานความเจริญของภูมิภาค ตามที่ธนาคารโลกเขาแนะนำ - ปฏิรูปการศึกษา ให้คนหลายสิบล้าน ยืนขึ้นมาสร้างตนเอง เลิกแบมือรอเงินดิจิตอล อย่างทุกวันนี้ ตัวอย่างปฏิรูประดับโครงสร้างอย่างนี้ต่างหากครับ คือ “ก้าวไกล” ที่แท้จริง ที่พวกคุณคนรุ่นใหม่ต้องทุ่มเทเพื่ออนาคตของคุณเองให้จงได้ ที่มา: ไทยโพสต์ #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1349 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านชัดๆ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญฉบับเต็มสั่งยุบพรรคก้าวไกล ตัดสิทธิ ระบุนโยบายแก้มาตรา 112 ลดทอนคุณค่า-แยกสถาบันฯออกจากชาติ เป็นอันตรายต่อประเทศ ทำร้ายจิตใจประชาชน สอนนักวิชาการ-นักการทูต ต้องมีมารยาท ชี้ทุกประเทศมีการเมืองของตัวเอง
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000072379

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อ่านชัดๆ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญฉบับเต็มสั่งยุบพรรคก้าวไกล ตัดสิทธิ ระบุนโยบายแก้มาตรา 112 ลดทอนคุณค่า-แยกสถาบันฯออกจากชาติ เป็นอันตรายต่อประเทศ ทำร้ายจิตใจประชาชน สอนนักวิชาการ-นักการทูต ต้องมีมารยาท ชี้ทุกประเทศมีการเมืองของตัวเอง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000072379 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    18
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1796 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลรัฐธรรมนูญลงมติเอกฉันท์ 9:0 ตัดสิน "ยุบพรรคก้าวไกล"และเพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรคฯ10ปี

    7 สิงหาคม 2567- เวลา 15.45 น. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9:0 วินิจฉัยยุบ “พรรคก้าวไกล” ในคดีล้มล้างการปกครอง เข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯ ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 โดยและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค และห้ามมิให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรค และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง

    ทั้งนี้ที่มาคดีนี้มาจากนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่าการกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและการกระทำของพรรคก้าวไกลที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่...) พ.ศ. ... เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่

    #Thaitimes
    ศาลรัฐธรรมนูญลงมติเอกฉันท์ 9:0 ตัดสิน "ยุบพรรคก้าวไกล"และเพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรคฯ10ปี 7 สิงหาคม 2567- เวลา 15.45 น. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9:0 วินิจฉัยยุบ “พรรคก้าวไกล” ในคดีล้มล้างการปกครอง เข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯ ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 โดยและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค และห้ามมิให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรค และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง ทั้งนี้ที่มาคดีนี้มาจากนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่าการกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและการกระทำของพรรคก้าวไกลที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่...) พ.ศ. ... เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่ #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 701 มุมมอง 0 รีวิว